#12 (100%)
“อื้อ” เสียงหอบหายใจพร่าแผ่วเบาดังออกมาจากสองร่างที่กำลังยืนบดเบียดกันอยู่ ผมถูกดันจนแผ่นหลังแนบชิดติดกำแพง เป็นเวลาเดียวกันที่ริมฝีปากถูกครอบครอง คนตัวสูงเปรียบเสมือนศัตรู ฮิมกำลังใช้ลิ้นแทนอาวุธในการรุกล้ำ ใช้แขนแกร่งสร้างเป็นกำแพงกังขัง ส่วนกายหนาเปรียบดังไฟร้อน เมื่อบดเบียดเข้ามา เขาสามารถทำให้ร่างกายของผม ‘ร้อน’ ขึ้นตาม ทุกสิ่งทุกอย่างราวกำลังจะพรากชีวิตผมไป ดึงดูดเอาทั้งลมหายใจและเรี่ยวแรง
พรึบ!
ผมล้มลงทันทีที่ฮิมถอนริมฝีปากออก โชคดีที่มีแขนแกร่งรองรับเอวผมเอาไว้ ผมถึงไม่ได้ล้มฟุบลงไปนอนกับพื้นอย่างที่ควรจะเป็น “วันนี้ฮิมใจร้าย”
“ตรงไหนหืม ?”
“ไม่ให้เลพักเลย” วันนี้เขาไม่ยอมถอนออก ร่างสูงทำติดต่อกันไปเรื่อยๆ จนผมที่ไม่ชำนาญการจูบนักหายใจไม่ทัน เพราะทุกทีเขาจะละออกมาให้ผมได้หายใจบ้างแต่วันนี้ไม่ มีละบ้างพอให้สูดเอาลมหายใจเข้าปอด คล้ายคนจมน้ำได้โผล่หน้าขึ้นมาเหนือน้ำก่อนจะจมลงไปใหม่ ฮิมหัวเราะเขาจับผมยืนขึ้นดีๆ ก่อนจะเชยคางขึ้น นัยน์ตาคมสบประสานขณะถามเสียงกระเส่า
“แล้วไม่ชอบเหรอ ?”
“เปล่า…”
“…”
“เลชอบ” ผมยิ้มก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายอีกครั้งแต่โดนฮิมเอามือมากันเอาไว้
“ไปนอนได้แล้ว”
“อือ”
“…”
“แต่ขออีกรอบนึงก่อน”
“เล!!”
อุ๊ย… ฮิมดุแล้ว
ใกล้เทศกาลจะสอบ พี่รหัสของผมเริ่มนำชีทเก่าๆ มาให้ แม้จริงๆ แล้วผมจะได้จากฮิมมาเยอะแยะแล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตอนเขามีน้องรหัส พี่ฮิมได้ให้ชีทกับน้องรหัสหรือเปล่าแต่เขาให้ผมมาเยอะพอสมควร ในมหา’ลัยผมชีทของรุ่นพี่ถือเป็นสิ่งของมีค่าเพราะบางทีอาจารย์ก็เอาข้อสอบจากรุ่นเก่าๆ มาออกด้วย
ผมเริ่มอ่านหนังสือหนักขึ้นกว่าเดิมเพราะเป็นคนหัวช้าอยู่แล้ว (ที่สอบเขาวิศวะมาได้เพราะฮิมติวให้ล้วนๆ) แต่ช่วงนี้ฮิมดูเหมือนจะไม่ว่าง ผมเลยไม่อยากขอให้ฮิมติวให้นัก เขายุ่งกับโปรเจคอยู่จนปัญญาจริงๆ ผมถึงจะเดินลงไปถาม แต่พ่อก็ตอบนะ เขาไม่ได้แสดงท่าทีหงุดหงิด บางทีผมงงหนักมากๆ ฮิมก็ถึงกับเลิกทำโปรเจคแล้วมาติวให้ผมเลย จนในที่สุดเมื่อฮิมเห็นว่าผมจะไม่รอด เขาเลยตกลงกับผมว่าจะติวให้อาทิตย์ละสี่วัน วันละสองชั่วโมง นี่ถือว่าน้อยนะเพราะถ้าเป็นช่วงปกติ อย่างเช่นช่วงที่ผมจะสอบตอนมัธยมฮิมติวคณิตให้ผมทุกวัน เขาทำทุกวิธีทางให้ผมสอบผ่านด้วยตัวเองให้ได้ แตพ่อเป็นคนที่ติวเก่งมาก นอกจากจะติวเก่งแล้วยังเก็งข้อสอบเก่งอีก เหมือนรู้ล่วงหน้าว่ามันจะออกอะไรบ้าง มาคิดดูดีๆ แล้วพ่อตั้งใจเรียนจริงๆ ถ้าเทียบความตั้งใจของผมกับเขาแล้วบอกเลยว่าผมเทียบไม่ติด มีแต่คนบอกว่าฮิมเก่งๆ (แน่ละก็เขาเก่งจริงๆ) แต่รู้ไหมว่าสมัยมัธยมฮิมตื่นมาอ่านหนังสือทุกวัน ส่วนผมเหรอ ? เหอะๆ… นอน
วันนี้ไม่มีซ้อมหลีด เลิกเรียนเร็วด้วย จริงๆ ไม่ได้เรียนด้วยซ้ำเพราะอาจารย์ไม่เข้า วันนี้เลยเลิกเรียนตอนสิบโมงเช้า เพราะเลิกเร็ว ผมจึงขอให้เกี๊ยกมาติวหนังสือให้ที่ห้องสมุดของมหา’ลัย มีดินติดมาด้วย แต่รายนี้ไม่ได้มาติว เหมือนมาด้วยเฉยๆ เพราะทันทีที่ถึงโต๊ะเขาก็ถอนแว่นแล้วฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะเลย เหมือนเพื่อนผมจะดูง่วงๆ ตั้งแต่เช้าแล้วนะ อ้อ! นี่ผมพูดถึงวิวัฒนาการของดินหรือยัง เขายังไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยแล้วนะ แต่ยังใส่แว่นเหมือนเดิมแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พอถอนหายกากออกปุ๊บ… หล่อมาก ยิ่งถ้าเขาถอนแว่นออกด้วยแล้วล่ะก็หล่อแบบดับเบิลไปเลย ตาของดินน่ะสวยมาก มันเป็นสีน้ำตาลเข้มแต่น่าเสียดายที่คนอื่นไม่ค่อยได้สังเกตเพราะแว่นเลนส์หน้าตึบของเขามันกลบเอาความสวยของตาไป
“ง่วงก็กลับบ้านไปนอนสิดิน” ผมบอกเพื่อนที่กำลังฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ทีแรกนึกว่าเขาหลับไปแล้วทว่าอีกฝ่ายกลับตอบกลับมา
“ขี้เกียจกลับบ้าน”
“เกี๊ยกหยุดติวก่อนได้ไหม เลหิวน้ำ” พวกเราติวมาสองชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เที่ยงพอดี “เที่ยงแล้วนะไปหาอะไรกินกันดีไหม”
“เออ”
“แล้วแต่เล” ดินเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ นัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นสบตากับผมโดยตรง ปราศจากแว่นทีนึงก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมาใส่ตามเดิม มือหนาเสยผมขึ้นแล้วขยี้แรงๆ เหมือนพยายามปลุกตัวเอง “เวร โคตรง่วง”
ให้ตายสิ ใครว่าดินเฉิ่มกันมาดูใหม่ได้ จริงๆ แล้วเขาโคตรแบดเลย
ในเมื่อทุกคนแล้วแต่ผม ผมจึงตัดสินใจมากินอาหารเที่ยงที่โรงอาหารของมหา’ลัยนี่แหละ เกี๊ยกสั่งผัดกะเพรามาให้ จะว่าไปแล้วเกี๊ยกก็ตามใจผมเหมือนกันนะ ไปรับไปส่ง ติวหนังสือให้ เหมือนเป็นพ่ออีกคนเลยอ่ะ
เรากินไปเงียบๆ ตอนกินอาหารปกติพวกผมไม่ค่อยคุยกัน มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรู้สึกว่ามันออกจากเงียบกันเกินไป
ไม่… ไม่ใช่แค่พวกเราแล้ว แต่เป็นทั้งโรงเลยต่างหาก
ผมบอกซ้ายมองขวาเพื่อหาต้นเหตุของความเงียบงัน แต่ก็ยังไม่เจอจนกระทั่งมองขึ้นไปด้านบน
ชัดเจน… “ทำไมเลิกแล้วไม่โทรบอกพี่”
ฮิมมา
“มาได้ยังไง” ผมตกใจนิดหน่อยเพราะปกติไม่ค่อยเห็นพ่อที่โรงอาหารเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากินไปข้าวที่ไหน ฮิมนั่งลงข้างๆ ผม พอฮิมนั่งผมถึงได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่พ่อที่มา พี่เกียร์กับพี่ไทด์ก็มาด้วย พี่ไทด์นั่งลงอีกข้างหนึ่งของผมที่ว่างอยู่ ส่วนพี่เกียร์เดินไปนั่งข้างๆ ดิน ผมมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนที่ยังคงทำหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม เพื่อนๆ หลายคนในคณะของผมกลัวพ่อ แต่รู้สึกเหมือนดินกับเกี๊ยกจะไม่ ก็ดี เพราะผมไม่อยากให้เพื่อนสนิททั้งสองคนของผมเห็นฮิมเป็นเหมือนยักษ์เหมือนมารเหมือนกับคนอื่น เขาใจดีจะตาย “พ่อมาได้ยังไง”
“ขับรถมา” พี่ไทด์ตอบแทน
“พี่ไทด์อ่า!!”
เขาหันมามองหน้าผมด้วยสายตาเรียบนิ่ง แล้วตอบเสียงเอื่อยตามนิสัย “มึงจะให้พวกกูเหาะมาเหรอ”
“เลเปล่านะ” ผมปฏิเสธก่อนจะหันไปมองคนข้างกายอีกคน “พี่ฮิมมากินข้าวเหรอ”
“เปล่า”
“?” ผมเอียงคอสงสัย
“พี่มาหาเล” ผมยังงงแต่ฮิมเบี่ยงความสนใจไปที่จานข้าวที่ผมกินไม่หมดแทน “กินให้หมดสิ”
มือหนาหยิบช้อนขึ้นมาตักแล้วจ่อที่ปากของผม “เลอิ่มแล้ว”
“อีกสองคำครับ อ้ำ”
“…”
“เร็วสิ”
“ฮือ” ถึงจะขัดใจแต่สุดท้ายผมก็ยอมกิน ฮิมป้อนผมสองคำอย่างที่บอกหลังจากนั้นก็ถามคำถามที่ผมยังไม่ตอบซ้ำอีกรอบ
“เลิกแล้วทำไมไม่โทรหาพี่”
“เลเลิกตั้งแต่สิบโมงเช้า มันยังเช้าอยู่เลยขอให้เกี๊ยกติวให้”
“ไม่โทรหาพี่ พี่จะได้ติวให้”
“ฮิมว่างเหรอ” ที่ผมให้เกี๊ยกติวให้นี่ก็เพื่อฮิมเลยนะ ผมไม่อยากรบกวนพ่อมากก็รู้ว่าช่วงนี้ฮิมยุ่งๆ
“พี่ไม่ว่าง”
“อ้าว”
“แต่พี่ว่าง… สำหรับเล”
“…”
“…”
“ฮือ เลเขิน” ผมเอียงหน้าไปฟุบที่ไหล่พี่ไทด์ แต่อีกฝ่ายไม่ใจดีเหมือนเวลาซบไหล่พี่ฮิม ไม่มีโอบเข้ามากอด ลูบศีรษะหรืออะไรทั้งนั้น ตรงกันข้าม พี่ไทด์ให้ผมค้างศีรษะบนไหล่แกร่งแค่พักเดียวก่อนมือหนาจะผลักหัวผมออกอย่างไม่ปราณีไปหาทางฮิมเหมือนเดิม ผมเลยถือโอกาสซบตรงไหล่ฮิมไปเลย พ่อไม่ได้ผลักออกด้วยกลับกันเขาแทบจะกอดผมด้วยซ้ำ
ครืด
โทรศัพท์ผมดังขึ้นในตอนนั้น ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบมันออกมาดู พี่นนท์นี่เป็นคนโทรมาแต่ตอนนี้ผมกำลังจะกดรับ มือหนาก็แย่งมันไปคุยแทน
ติ๊ด!
(ลูกขา พี่มีเรื่องมาบอก วันมีเลี้ยงสายรหัสนะน้องเล จัดที่คลับ X น้องเลไปได้หรือเปล่า)
“พี่นนท์นี่ว่าอะไรอะ” ผมพูดกับฮิมเพราะได้ยินสิ่งที่พี่นนท์นี่พูดไม่ชัด เนื่องจากฮิมเป็นคนฟังตรงๆ นัยน์ตาคมหันมามองผม ฮิมบีบจมูกผมทีนึงก่อนจะกรอกเสียงตอบกลับไป
“ฮัลโหล”
(…)
“มีอะไร”
(พะ…พี่ฮิมเหรอคะ)
“…”
(ขะ ขอโทษค่ะ!)
ติ๊ด!
ฮิมยกโทรศัพท์ออก ส่วนผมมองหน้าเขางงๆ “เสร็จแล้วเหรอ”
มือหนาหันหน้าโทรศัพท์ที่แสดงว่าจบการสนทนาแล้วให้ดู “เร็วจัง พี่นนท์นี่ว่าอะไรบ้างครับ”
“…” เขาหันหน้ามามองผมเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“ฮิม?”
“เปล่า”
“หือ”
“ไม่ได้พูดอะไร”
“แต่เลได้นิดเสียง—”
“วันนี้พวกรุ่นน้องบอกว่ามีเลี้ยงสายรหัส มึงจะไปหรือเปล่า” ผมยังพูดไม่จบพี่เกียร์ก็พูดตัดขึ้นมาก่อน ทว่าบรรยากาศที่เงียบลงทำให้คนที่กำลังก้มหน้าอ่านข้อความในโทรศัพท์เงยหน้าขึ้น เกียร์หันไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาเหมือนระลึกได้ว่ากำลังทำผิดแต่ไม่รู้ว่าผิดอะไร “กูพูดผิดเหรอ”
“ไปไหนกันเลไปด้วย!” ผมรีบเสนอตัว “ฮิมไปไหน เลไปด้วยนะ”
ฮิมส่ายหน้า “พี่ไม่ไป”
“แต่เลอยากไป นะฮิมนะ ไปนะ เลไปด้วย”
“คนดีไม่ดื้อสิ”
“ไปนะ”
“…”
“นะพี่ฮิมนะ”
“…”
“เลอยากไปอ่า” ผมอยากไปจริงๆ นะ ตั้งแต่ขึ้นมหา’ลัยมาก็ไม่ได้ไปเที่ยวเลย “ฮิม”
ฮิมถอนหายใจ เขาหันมามองผมแล้วบอกเสียงทุ้ม “ถ้าพี่ให้ไปเลต้องไม่ดื้อนะ”
“ไม่!! ไม่ดื้อ! เลไม่ดื้อ”
“โอเค” ฮิมพยักหน้าร่างสูงหันไปหาพี่เกียร์ “กูไป”
“ฮือ ฮิมใจดีจัง”
“กลับบ้านกับพี่นะ”
“ตอนนี้เหรอ”
“อืม”
“กลับก็กลับ” ผมรีบดื่มน้ำให้เสร็จ บอกลาเกี๊ยกกับดินก่อนจะเดินตามพี่ฮิมไปที่รถ แต่พอใกล้จะถึงรถ พ่อกลับให้กุญแจผมแล้วบอกให้ขึ้นไปนั่งรอก่อน ส่วนเขาเดินหายไปไหนไม่รู้…
ฮิมเดินหลีกออกมาจากรถ ร่างสูงเดินไปหาเพื่อนสนิทที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ใต้ต้นไม้ มันยักคิ้วให้เขาทีนึงก่อนจะถามเสียงเข้ม
“มีไร”
“มันเลี้ยงกันที่ไหน”
“คลับ X” ฮิมถอนหายใจ “ทำไม”
“บอกพวกมันว่าเปลี่ยนสถานที่”
“ไปไหน” เกียร์ขมวดคิ้ว แต่ทันทีที่ได้ฟังคำตอบยิ่งทำให้ต้องขมวดคิ้วกว่าเดิม “ไหนมึงบอกไม่อยากให้เลรู้”
“ปลอดภัยกว่า”
“พวกมันจะมีตังค์จ่ายเหรอวะ”
“กูเลี้ยง”
“สัส โคตรทุ่ม” มือหนาคีบบุหรี่ที่ริมฝีปากออกก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหารุ่นน้องให้อีกคนยิน ฮิมยืนฟังจนแน่ใจว่าได้ตามที่เขาต้องการหลังจากนั้นร่างสูงจึงหันหลังกลับไปที่รถ
บ้าน
ไม่รู้ว่าฮิมพาผมรีบกลับบ้านทำไม ตอนแรกผมนึกว่าเขาจะไปเลี้ยงสายกันประมาณบ่ายๆ แต่เปล่าเลย พ่อมาบอกทีหลังหลังจากถึงบ้านว่าเลี้ยงตอนทุ่มกว่าๆ นู้น ซึ่งผมมีเวลาเหลืออีกประมาณแปดชั่วโมงกว่าๆ เลยใช้เวลาที่เหลือตอนเฉาอยู่บนเตียง ส่วนพ่อนั่งพิมพ์โปรเจคอยู่ข้างๆ
“เลเบื่ออ่า” ผมบอกเสียงเอื่อย ถ้ารู้ว่าเลี้ยงสายตอนหนึ่งทุ่มผมคงจะแวะที่ห้างก่อน อย่างน้อยมันก็เดินเล่นได้ แต่อยู่บ้านผมเบื่อเพราะมันไม่มีอะไรให้ทำเลยสักอย่าง ตอนแรกว่าจะอาบน้ำให้เปอร์เซียแต่ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน สงสัยไปอ่อยแมวตัวผู้อยู่ตลาดนู้นแล้ว
ผมยันหัวขึ้นจากเตียงเปลี่ยนจากหมอนไปเป็นไหล่แกร่งที่ไม่มีความนุ่มแทน ฮิมหันมาจูบหน้าผากผมอย่างเคยชินแต่สายตายังจ้องหน้าจอ macbook อยู่
“เล่นเกมสิ” เขาเสนอแต่ผมส่ายหน้า
“ไม่มีเกมให้เลเล่นแล้ว” เกมที่พี่ผาให้ผมเล่นจนจบไปสี่รอบ เกมอื่นๆ เล่นซ้ำๆ มันก็น่าเบื่ออะ
ความเงียบเขาปกคลุมเมื่อไม่มีบทสนทนาต่อจากนี้ จนกระทั่งความคิดหนึ่งวูบขึ้นมาในสมอง
“พี่ฮิม”
“หืม?” เสียงทุ้มขานรับแต่สายตายังคงจับจ้องที่หน้าจอดังเดิม
“อีกสามอาทิตย์ จะถึงวันเกิดเลแล้วนะ”
กึก!
นิ้วเรียวที่กำลังพิมพ์ข้อความหยาวเหยียดเป็นภาษาอังกฤษหยุดชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองผม ฮิมเลิกคิ้วขึ้น
“จะขออะไร”
แหม… รู้ทัน
“ต้องถามว่าพ่อจะให้อะไรเลมากกว่า” ปีก่อนพ่อให้คอนโด เรื่องจริงนะ ฮิมบอกว่ายังไงผมก็ต้องย้ายไปอยู่หลังจากพี่ๆ ทุกคนจบมหา’ลัยซึ่งก็คือปีหน้า เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาต้องออกไปทำงานกันแล้ว คงไม่ได้อยู่รวมกันเหมือนเคย แต่ผมจะอยู่บ้านหลังนี้ต่อก็ได้ พี่วินที่เป็นเจ้าของบ้านอนุญาตแล้ว แต่ดูท่าแล้วคงจะเหงาเพราะต้องอยู่คนเดียว ถ้าพี่ๆ ทุกจบมหา’ลัยผมเลยเลือกที่จะเชื่อฮิมมากกกว่านั่นคือการไปอยู่คอนโด
“หวังอะไรไว้”
“ฮิมก็รู้อยู่แล้วนี่”
“รถ?”
“ได้ไหม!!” ผมอยากได้จริงๆ นะ ขอทีไรฮิมก็ไม่เคยให้เลย อันที่จริงความตั้งใจแรกนั้นผมตั้งใจจะขอของวันเกิดปีนี้เป็นอาบน้ำกับฮิม เพราะตอนนั้นรถที่อยากได้ก็ดูท่าว่าจะขอยังไงก็คงไม่ได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันพลิกผัน หนึ่งคือผมได้อาบน้ำกับฮิมไปแล้ว สองวี่แววรถที่ดูเหมือนจะขอไม่ได้เริ่มมีความหวังขึ้นมานิดๆ
พ่อเงียบไปจนผมเริ่มใจไม่ดี เสียงทุ้มตอบกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ผมยื่นหน้าเขาไปซบลงตรงอกแกร่ง
“ไปทำใบขับขี่ให้ผ่านแล้วพี่จะให้”
ผมเบิกตากว้าง รีบละออกมามองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อในหูของตัวเอง “จริงเหรอ!! ฮิมจะให้รถกับเลจริงๆ เหรอ”
“อืม”
“ฮิมไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”
“พี่เคยโกหกเหรอ”
“ฮืออออออ เลรักพ่ออ่ะ” ผมจับหน้าจอ macbook ปิดลงแล้วหยิบมันโยนออกจากตักฮิมแทนที่ด้วยตัวเอง แล้วนั่งลงบนตักแกร่ง ฮิมไม่ได้ว่าที่ผมทำกริยาเสียมารยาทด้วยการขัดขวางการทำโปรเจคของเขา มือหนายื่นมาโอบเอวผมเอาไว้หลวมๆ เหมือนเดิม ขณะเดียวกันก็ดันศีรษะของผมเข้ามาซบตรงบ่า
“เป็นเด็กดีให้พี่”
“ทุกวันนี้เลดื้อเหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตัวสูงก่อนฮิมจะหัวเราะหึออกมาเบาๆ
“เปล่า คนดีทำตัวดีขึ้นจนน่าตกใจ”
“แต่ก่อนเลก็ไม่ดื้อนะ”
“อย่าให้พูด”
“ง่ะ!” ผมมองค้อนอีกฝ่ายก่อนจะเหยียดขาออกแล้วเอนตัวนอนทับฮิม ใช้แขนโอบลำคอแกร่งเอาไว้ ซบบ่าแกร่งแล้วหลับตาลง กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของฮิม จำได้ไหมว่าผมเคยบอกว่ามันหอมแบบเย็น ๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายแต่แฝงอะไรเอาไว้บางอย่าง บางอย่างที่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แต่ตอนนี้เหมือนผมเริ่มที่จะเข้าใจ ‘อะไรบางอย่าง’ ที่ว่านั่นแล้ว…
หลับไปตอนไหนไม่รู้แต่ตื่นมาอีกทีก็หกโมงเย็นพอดี ฮิมเรียกผมให้ลงไปกินข้าวเย็น พอกินเสร็จผมจึงขึ้นมาอาบน้ำ ใส่ชุดและให้พ่อถักเปียให้ก่อนจะเดินลงไปเล่นรอที่ด้านล่าง
“น้องเล”
“อ้าว พี่ผา” ผมหันไปมองร่างสูงที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่ผาเดินมากอดผมแรงๆ แล้วปล่อย “พี่ผามาได้ยังไง”
“มาหาพวกนั้น จะไปเลี้ยงสายรหัสพร้อมกัน แล้วน้องเล ?” นัยน์ตาคมมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าท่าทางเหมือนสงสัย
“เลจะไปด้วย” ผมคลายความสงสัยให้แต่ทันทีที่ผมพูดจบพี่ผากลับทำหน้าเครียด
“พ่ออนุญาตเหรอ”
“อื้อ!”
“ผา” บทสนทนาของเราหยุดชะงักเอาไว้แค่นั้นเมื่อพี่วินเดินที่พึ่งเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นพร้อมกับพี่ๆ คนอื่นเอ่ยทัก แต่ทันทีที่พี่วินเห็นผมเขาก็ขมวดคิ้ว นัยน์ตาคมมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนพี่ผาเป๊ะพร้อมกับถามเสียงดุ “มึงจะไปไหน”
“เลจะไปด้วย”
“กูไม่ให้ไป”
“แต่พ่ออนุญาตแล้ว”
“มึงจะไปชุดนี้เหรอ” ประโยคนี้พี่ไทด์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเป็นคนถาม
“ทำไมอ่ะ มันไม่ดีเหรอ” ผมก้มลงมองชุดตัวเอง วันนี้ผมใส่เสื้อยืดสีเหลืองกับเอี๊ยมขาสามส่วน ไม่เห็นแปลกตรงไหน ตอนพ่อถักเปียให้เขาก็ยังชมผมว่าน่ารักอยู่เลย อ้อ! ยางที่ใช้มัดก็เป็นสีเหลืองด้วยนะ ผมเอาให้เข้ากับเสื้อ แต่จะว่าไปพอเปรียบเทียบกับพี่ๆ ทุกคนแล้ว…
“ทำไมหล่อกันจังเลย” ผมขมวดคิ้ว พึ่งสังเกตว่าพวกเขาหล่อกันแบบผิดปกติ คือปกติพี่เขาก็หล่ออยู่แล้ว ผมไม่ได้อวยนะแต่ต้องยอมรับว่าพวกพี่เขาหล่อ แต่วันนี้มันหล่อผิดจากเดิมคือหล่อมากกว่าเดิม ชุดที่ทุกคนใส่วันนี้ก็เหมือนจะส่งเสริมให้ออร่าความหล่อมันออกยังไงก็ไม่รู้ แม้กระทั่งพี่วินที่ปกติไม่ค่อยแต่งตัวมากวันนี้ยังดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ยิ่งไปกว่านั้นคือทุกคนมีความโดดเด่นที่ไม่เหมือนกัน แต่พอพวกเขามาอยู่รวมกันแล้วเหมือนเป็นความแตกต่างที่ลงตัวยังไงยังงั้น
ผมกำลังสงสัยว่าฮิมจะแต่งตัวแบบไหน แต่พอหันหลังไปก็ได้คำตอบ
ร่างสูงกำลังเดินลงมาจากบันไดพอดี และภาพตรงหน้ากำลังทำให้ผมตาค้าง
Oh my goshhhhhhhhhh!
หล่อ-มาก!
ฮิมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุม 2 เม็ด พับตรงแขนเสื้อขึ้นนิดหน่อยและมันบางพอที่จะเห็นรอยสักรูปมังกรตรงช่วงต้นแขนซ้ายลามไปถึงบ่า ฮิมไม่ได้เซ็ตผมแต่เขาแค่เสยผมขึ้นนั่นมันก็หล่อแล้ว ยิ่งตอนที่ได้กลิ่นน้ำหอมอีก… แต่เอ๊ะ!
ผมดึงสติกลับมาเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่แรงกว่าปกติ (ปกติที่ว่าคือใส่แบบอ่อนๆ แต่ที่ได้กลิ่นตอนนี้คือใส่แบบที่คนทั่วไปฉีดกัน)
“ทำไมฉีดน้ำหอมเยอะจัง” มันก็ไม่ได้เยอะมากมายอะไรขนาดนั้นหรอก แค่ผมไม่ชิน กลิ่นมันแรงไป
ฮิมเดินเข้ามากอดผมแรงๆ จุ๊บที่หน้าผากทีนึงก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อน “ไปกันได้แล้ว”
“มึงจะเอามันไปด้วย” คำถามจากพี่วินทำให้ผมต้องชักสีหน้า
“เลไปด้วยแล้วทำไม!!”
“คนดีไม่ตะคอกนะ” พ่อว่า ผมขัดใจแต่ก็ต้องเงียบลง หลังจากนั้นฮิมจึงตอบพี่วิน “เออ”
พี่วินเงียบไป เขามองหน้าผมนิ่งก่อนจะเดินออกจากบ้านไปคนแรก ตามด้วยพี่ผา พี่รพ พี่เกียร์ สุดท้ายคือพี่ไทด์แต่ก่อนออกไปเขากันมาถามผมอีกรอบหนึ่ง
“มึงจะไปชุดนี้จริงเหรอ”
“อย่ามายุ่งกับชุดเล” คำตอบจากผมทำให้พี่ไทด์ยักไหล่ ทุกคนเดินออกไปจากบ้านหมดแล้วเหลือแต่ผมกับฮิม ผมหันหน้าไปมองร่างสูงที่วันนี้หล่อโคตรจะเกินปกติแล้วเปรียบเทียบกับตัวเอง “ฮิมว่าเลต้องไปเปลี่ยนชุดไหม”
ฮิมหัวเราะ มือหนาบีบจมูกผมทีนึงก่อนจะยื่นเข้ามาโอบเอวผมแล้วเดินออกจากบ้าน
“เราจะไปที่ไหน” ผมถามขณะที่นั่งอยู่บนรถที่กำลังเคลื่อนอยู่บนถนนใหญ่
“ไปถึงเดี๋ยวเลก็รู้”
ฮิมไม่ได้ให้คำตอบ เขาให้ผมรอเพื่อหาคำตอบด้วยตัวเอง
(100%)
ฮิมใจดีขึ้นใช่ไหมละ นี่แหละเขากำลังทำคะแนนอยู่คะซิส
#วิศวะแดนแฟนมีเกียร์
twitter @_mdreds