#27 (70%)
รถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง วินเดินลงมาจากรถ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหงุดหงิดนิดหน่อย ร่างสูงมาที่นี่เพราะถูกโทรเรียก จู่ๆ พี่รหัสของเล สายรหัสของเขาก็โทรมาบอกว่าตัวเองยืมรถของเลไปขับเล่น แต่พอกลับมาที่มหา’ลัยอีกทีน้องก็ไม่อยู่แล้ว ติดต่อก็ไม่ได้ แถมยังมีข่าวแว่วๆ มาว่าเลร้องไห้ ตนร้อนใจจึงโทรมาถามว่ารู้ไหมว่าน้องเลอยู่ที่ไหน วินหงุดหงิดทันทีที่ได้ยิน โชคดีที่หลังจากตัดสายของนนท์นี่ไปได้ไม่นาน รุ่นน้องที่เขารู้จักก็ไลน์มาหาและบอกว่าเห็นเลนั่งดื่มอยู่ที่ร้านนี้
นั่นแหละ สาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่
ร่างสูงเดินเข้าไปในร้าน เจ้าตัวบังเอิญสบตากับคนๆ นึงที่นั่งดื่มอยู่กับกลุ่มเพื่อน ไอ้ซัน อดีตพี่ว้ากที่เคยสั่งให้เลวิ่งรอบสนามสิบรอบจนน้องเป็นลม มันยกมือไหว้เขาเล็กน้อย วินพยักหน้ารับ พร้อมกับปรายตามองพวกเพื่อนที่กำลังนั่งดื่มด้วยกัน พวกนั้นหันมามอง พอเห็นว่าเขาที่เป็นรุ่นพี่ก็ยกมือขึ้นไหว้ เด็กวิศวะทั้งนั้น คณะเขาก็เป็นอย่างนี้ ชอบดื่มตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน
วินเลิกสนใจรุ่นน้อง เขากวาดสายตาหาตัวปัญหาแทน ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็พบ เลเด่นเป็นทุนเดิม ยิ่งอยู่ในชุดนักศึกษาสีขาวก็ยิ่งเด่น วินเดินเข้าไปใกล้ ใช้มือแย่งแก้วเหล้าที่เจ้าตัวกำลังจะกรอกเข้าปากมา วงหน้าขาวเริ่มขึ้นสี เลเมาได้ที่แล้ว
“เอามานะ!”
“เอามานะ” วินเลียนเสียง
“อย่ามายุ่ง!”
“คิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่” เขาพึมพำ พยายามกันมือบางที่กำลังปัดป่ายไปทั่วเพื่อแย่งแก้วที่อยู่ในมือของเขากลับคืนไป “เล มีสติหน่อย”
“เอามา! คืนมา!” วินเม้มปาก เขาหงุดหงิดเป็นทุนเดิม พอเจอฤทธิ์คนเมาอาละวาดแบบนี้เข้าก็เลยเผลอตะวาดกดกลับไป
“พอซะที!”
เพล้ง!
แก้วในมือถูกขว้างลงพื้นจนแตก เสียงเอ๊ะอ๊ะโวยวายทำให้บรรยากาศในร้านเงียบลงไปถนัดตา เช่นเดียวกัน เลเงียบกริบ และเพราะเสียงที่เงียบสนิททำให้วินพึ่งได้ยินเสียงสะอื้นของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เลก้มหน้าลง เขาถือวิสาสะจับใบหน้าสวยขึ้นมอง
ผิวเนียนชื้นเปียกเพราะน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ น้องร้องไห้ไม่มีเสียง หากภายในดวงตากลมโตสะท้อนความเจ็บปวดออกมาได้มากกว่าทุกครั้ง
“เลไม่อยากเป็นแบบนี้” เสียงอู้อี้ว่า “เลเจ็บ”
วินมองคนพูดด้วยความนิ่งงัน เขาเอื้อมไปจับมือของอีกฝ่ายแล้วกำแน่น
“กลับบ้านกัน”
น้องส่ายหน้า “เลไม่อยากไปบ้านหลังนั้น”
“ก็ไม่ใช่บ้านหลังนั้น” คนเมาเงยหน้าขึ้นมอง “ไปบ้านกู”
บ้านวิน
“ฮือออ” เลกอดเอวหนาไว้แน่น รู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังหมุนเคว้งไปมา จนคนที่คอยพยุงอยู่ทนไม่ไหว วินอุ้มร่างเพรียวขึ้นพาดบ่า แล้วเดินขึ้นบันไดพาไปที่ห้อง ร่างสูงวางอีกฝ่ายลงบนเตียง แต่จู่ๆ เจ้าตัวก็สะดุ้งแล้วลุกขึ้นมาโวยวาย
“เหล้าเลล่ะ! เอามาให้เลนะ!”
“มึงนี่นะ” วินส่ายหน้า “รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวกูลงไปเอามาให้”
เสียงทุ้มว่า ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างของบ้าน หยิบขวดแอลกอฮอล์ โซดา ถังน้ำแข็งและแก้วอย่างที่เลต้องการ แล้วเดินกลับขึ้นไปหาคนที่ยังนั่งเฉยๆ อยู่บนเตียง
มือบางแบและยื่นออกมาด้านหน้าเป็นการขอ วินเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจ ร่างสูงจัดการเสิร์ฟ ก่อนจะยื่นมันส่งไปให้คนที่แบมือรอรับ เลรับไปพร้อมทั้งกรอกเหล้าเข้าปากทันที
วินไม่ชอบให้น้องดื่ม แต่เขาก็ไม่ชอบตอนที่เลร้องไห้เหมือนกัน ถ้าให้เลือกระหว่างสองอย่างนี้ วินเลือกที่จะให้น้องดื่มแล้วลืมๆ ความเจ็บปวดไป อย่างน้อยก็ดีกว่าเห็นอีกฝ่ายร้องไห้แน่ๆ
ยิ่งตอนที่น้องร้องในร้าน เขาเห็นแล้วใจกระตุก เลร้องไห้แบบโวยวายยังดีกว่าร้องไห้เงียบๆ แบบนั้น
“ขี้เมา” เขาว่า ซึ่งคนถูกว่าก็ได้แต่ทำหน้างงๆ ร่างสูงปล่อยให้คนอยากดื่ม ดื่มต่อไป วินถอดเสื้อตัวเองออก เผยให้เห็นรอยสักรูปแมงป่องบริเวณเอว ขายาวเดินไปทางตู้เสื้อผ้าเพื่อที่จะเปลี่ยนชุด แต่เสียงร้องไห้แบบงอแงจากคนด้านหลังทำให้วินต้องหันไปมอง “มึงร้องทำไมอีก”
“สักลายทำไม!”
“กูทำอะไรผิด”
“เห็นแล้วนึกถึงพี่ฮิม เจ็บอ่ะ” วินแสยะยิ้ม มือหนาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวมาใส่ ต่อด้วยการเปลี่ยนกางเกงจากนั้นจึงเดินไปหาคนที่ยังคงร้องฮือๆ เขาเดินไปนั่งบนเตียง จ้องหน้าเลแบบเงียบๆ มองคนร้องที่สะอื้นจนจมูกแดงไปหมดแล้ว มือหนายกขึ้นบีบจมูกแดงๆ นั้นอย่างหมั่นเขี้ยว เลปัดออก “ฮือออ”
“จะร้องอะไรหนักหนา”
“ก็มันเศร้า เลเศร้า”
“กอดกูไหม” วินอ้าแขนออก ซึ่งปกติเลต้องปฏิเสธแล้วทำหน้าเบ้ใส่แต่คราวนี้ไม่รู้ว่าเทพเจ้าแอลกอฮอล์สถิตหรืออะไรถึงได้…
หมับ!น้องกอดตอบ วินอึ้งนิดหน่อยเมื่ออีกฝ่ายเบียดตัวเข้าหา มือหนายกขึ้นลูบหัวเป็นเวลาเดียวกันที่เลซบใบหน้าลงบนบ่า สะอื้นเสียงเบา
“เลเจ็บ เลทำอะไรผิดอีกเหรอ” วินเม้มปาก เขาฟังแล้วหดหู่ในอก ชีวิตเลเหมือนจะดีทุกอย่าง มีในสิ่งที่หลายคนอยากจะมี แต่สิ่งที่เลไม่มีมันกลับหาไม่ได้เหมือนคนอื่น
ครอบครัวแม่ของเลเสียไปแล้ว เหลือแค่พ่อ แต่คนที่เลี้ยงเลกลับเป็นฮิม ทั้งๆ ที่พ่อแท้ๆ ของเลก็ยังมีชีวิตอยู่ วินรู้ว่าเลอยู่กับฮิมตั้งแต่อายุสามย่างสี่ขวบ แล้วตอนนั้นน้องจะยังเด็กมาก ไม่รู้เรื่องราวอะไรทั้งนั้น คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมพ่อแท้ๆ ของตัวเองถึงไม่ยอมเลี้ยงลูกของตัวเอง
ลมหายใจวินสะดุดกึก…
รู้สึกเหมือนเดจาวู“...”
“พี่ฮิมทิ้งเลเหมือนตอนที่พ่อทิ้งเลเลย”
มาถึงคราวของไอ้ฮิม น้องก็ไม่รู้เหตุผลอีกว่าทำไมในวันเซ็นสัญญามันถึงไม่ยอมมา อย่าว่าเลเลย เขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
“...”
“ไม่เหลือใครแล้วนะ”
เลไม่ค่อยพูดถึงเรื่องครอบครัว แต่เขาก็รู้สึกว่าน้องเองก็คงจะเจ็บอยู่ลึกๆ พ่อไม่ได้เสียแต่พ่อไม่เลี้ยง แล้วก็เรื่องของฮิมอีก โดนคนที่ตัวเองรักทิ้งถึงสองรอบ แถมยังไม่รู้เหตุผลทั้งสองรอบ โดนซ้ำหนักขนาดนี้มันจะเจ็บขนาดไหนนะ
ที่ว่าเลเจ็บ เจ็บ นั่นคงไม่ได้เป็นการพูดเล่นๆ แน่
วินถอนหายใจ ก่อนจะดันร่างกายของคนที่กอดเขาเอาไว้แน่นล้มตัวลงนอน มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ เขาเลื่อนริมฝีปากไปกระซิบข้างหูของคนที่เริ่มนิ่ง
“มึงไม่ได้ไม่เหลือใคร”
อย่างน้อย… มึงก็เหลือกูคนนึง
ติ๊ง!
ฮิมเดินออกจากลิฟต์ หยิบคีการ์ดออกมาเปิดประตูคอนโดแล้วเดินนำเข้าไปในห้องโดยมีร่างบางเดินตามหลัง เขาหันไปมอง ลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายก็มาด้วย
“คอนโดพี่ฮิมสวยจังนะครับ”
เสียงทุ้มไม่ได้ตอบรับ เขาเดินนำไปนั่งที่โซฟา แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็เดินตามมาด้วย เจ้าตัวหยุดเดินเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกล่องอะไรบางอย่าง มือบางถือวิสาสะเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาแล้วถาม
“พี่ฮิม อันนี้อะไรเหรอครับ”
“เปิดดูสิ”
“นาฬิกา” เสียงหวานว่า “สวยจัง”
“อยากได้ก็เอาไป” ฮิมพูดเสียงเรียบ เขาไม่ใช่คนหวงของ อีกอย่างนาฬิกานั่นก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมาก แค่มีคนให้มา
“แต่นี่มันโรเล็กซ์ คือมันแพง…” เสียงหวานเงียบ หลังจากหันไปประสานสายตากับคนที่กำลังจ้องมาทางนี้แบบบังเอิญ พี่ฮิมอยู่ในชุดเสื้อช็อปสีแดง ร่างสูงกำลังยกแขนเท้ากับขอบโซฟา มือหนายันขมับของตัวเอง นัยน์ตาคมสีดำสนิทคู่นั้นมองมาทางเขา
ใบหน้าขาวรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นทันที
หล่อ หล่อเกินไปจริงๆ
เขา… เคยอิจฉาคนๆ นั้นมาตลอด เลที่ถูกเรียกมาของสูงวิศวะ สวยจนใครก็เทียบไม่ติด ภาพที่ใครหลายๆ คนแอบถ่ายมาแสดงให้เห็นว่าพี่ฮิมที่เข้าถึงได้ยาก ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่อยู่กับคนๆ นั้นตลอด ทุกการกระทำในรูปที่เขาเคยเห็น มันบอกว่าเลเป็นคนพิเศษสำหรับพี่ฮิม แม้จะมีหลายคนพูดว่าเลเป็นน้องชายของพี่ฮิมก็เถอะ แต่เขาก็ยังอิจฉา สองคนนี้ดูเข้ากันมาก มากกว่าที่จะเป็นแค่พี่น้อง
จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ก่อน จู่ๆ คนที่เขาเคยคิดในฝันมาตลอดก็เดินเข้ามาถามชื่อแบบกะทันหัน ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็เถอะ
ชื่อของเขาคือ ‘เดวา’ แปลว่าพระเจ้า เพราะคุณแม่อยากให้เป็นบุตรของพระเจ้า
ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนได้รับพร และถ้าพรนี้มันยั่งยืนตลอดไปก็คงจะดี…
“งั้นขอบคุณนะครับ” สำหรับนาฬิกาเรือนนี้ในมือ “พี่ฮิมอยากกินอะไรไหม เดี๋ยววาทำให้แต่วาทำไม่ค่อยเก่งนะ”
จริงๆ แล้วก่อนจะมาที่คอนโด เขาชวนพี่ฮิมไปเดินเล่นที่ห้าง ได้เสื้อผ้ามาสองสามตัว ซึ่งทุกตัวล้วนมาจากแบรนด์ดัง ส่วนค่าใช้จ่ายร่างสูงเป็นคนออกให้หมด ตอนกลับพี่ฮิมไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าบ้านอยู่ไหน และเดวาเองก็ไม่ได้บอกไปด้วยเช่นกัน เขาพึ่งรู้ว่าอีกฝ่ายจะพามาคอนโดก็ตอนที่มาถึงนี่แหละ
ใจสั่นนิดหน่อย คิดเอาไว้แล้วว่าคงต้องเตรียมใจ เดวารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีชื่อเรื่องการเป็นเสือขนาดไหน
อันที่จริงเขาไม่เคยเรื่องอย่างว่า ถึงจะมีข่าวว่าพี่ฮิมควงเขาแต่ความสัมพันธ์หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไม่มีชื่อเรียก อีกฝ่ายอยากมาก็มาอยากไปก็ไป ไม่ตอบแชทที่ส่งไป ถ้าจะมาหาถึงส่งไลน์มาบอกเอง
“อะไรก็ได้” ร่างสูงตอบเสียงเรียบพร้อมทั้งถอดเสื้อช็อปสีแดงออก เดวาพยักหน้า เขาเดินไปยังส่วนที่เป็นห้องครัว ค้นตู้เย็นดูแล้วไม่ค่อยมีอะไร เลยเปิดตู้ที่อยู่ใกล้ๆ พอเห็นเส้นสปาเกตตีเขาเลยตัดสินใจทำสปาเกตตี เขาต้มเส้นและในระหว่างที่รอเส้นให้สุก ร่างบางจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ตั้งใจว่าจะถ่ายนาฬิกาที่พึ่งได้ แต่ในขณะที่กำลังถ่ายจู่ๆ พี่ฮิมก็เดินเข้ามา ร่างสูงถามเสียงเรียบ “ทำอะไร”
“เอ่อ สปาเกตตีครับ” ใบหน้าหวานชะเง้อไปมองเส้นในหม้อ พอเห็นว่ามันเริ่มสุก เขาจึงตั้งโทรศัพท์พิงเอาไว้กับของบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ตัว จากนั้นจึงหันไปคนเส้นสปาเกตตีในหม้อ “เอ๊ะ!”
กายแกร่งทาบอยู่ด้านหลัง ชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่กำลังไล่อยู่บนต้นคอ มือหนาเอื้อมไปกดปิดเตาแก๊ส เขาเริ่มไล่ปลายจมูกไปบนต้นคอขาวจนอีกฝ่ายสั่นไปทั้งตัว ฮิมจับคนตัวเล็กกว่าหันหน้าเข้าหาตัว ไล่ฝ่ามือข้างหนึ่งไปตามโครงหน้าหวานขณะที่มืออีกข้างวนเวียนอยู่บริเวณเอวคอด นัยน์ตาคมหลุบลงมองใบหน้าเดวา
หน้าคล้ายเล
ผิวคล้ายเล
ส่วนสูงคล้ายเล
มือบางยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง ขณะเดียวกันที่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงต่ำเข้าใกล้ริมฝีปากบาง ห่างกันไม่กี่คืบ แต่ก่อนที่ริมฝีปากจะได้ทาบกันสนิท คนตัวสูงก็หยุดชะงัก ฮิมเจอสิ่งที่ไม่เหมือน
กลิ่นไม่เหมือนเล
และที่สำคัญที่สุดคือคนนี้…
ไม่ใช่เลผลัก!“เสร็จเมื่อไหร่บอก” ร่างสูงผละตัวออก เขาเดินออกมาจากห้องครัวทิ้งให้คนที่มองตามหลังได้แต่ยืนงง
เดวาเกาศีรษะ เมื่อกี้นี้พี่ฮิมเกือบทำให้หัวใจของเขาหลุดออกมาจากอก ร่างเล็กยิ้มกับตัวเองก่อนจะส่ายหน้าให้เลิกฟุ้งซ่าน จังหวะนั้นเองที่สายตาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่อยู่วางอยู่ใกล้ๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือบางยื่นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วพึมพำ
“อ้าว กดถ่ายวิดิโอเอาไว้เหรอเนี่ย”
ฮิมเดินมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง เขาเปิดทีวี ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ร่างสูงนั่งมองโทรทัศน์อยู่ครู่หนึ่งแล้วเม้มปาก พยายามไม่ให้ตัวเองกดเข้าไปในรูปภาพแต่ทำไม่ได้ เพราะในนั้นแต่มีรูปของคนที่เขาคิดถึงเต็มไปหมด
“น้อง…” เสียงทุ้มพึมพำ ดวงตาคมคู่นั้นอ่อนลงเมื่อเห็นรูปของใครบางคนที่กำลังยิ้มร่าในมือถือ “เล”
เขาคิดถึง
คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
วันต่อมา
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
“ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว”
“โอ๊ย! พี่วิน” ผมสะดุ้งขึ้นมาจากเตียง มองหน้าคนที่กำลังถือหม้อกับตะหลิวในมือ “ทำไรเนี่ย!”
“ปลุกมึงไง ไปอาบน้ำ วันนี้กูจะไปส่งมึงที่มหา’ลัย ชุดซักรีดเอาไว้ให้แล้ว ผ้าขนหนูก็อยู่บนเตียง แปรงสีฟันอันใหม่อยู่ตรงตู้ในห้องน้ำ แกะๆ ใช้เลย” พี่วินออกคำสั่ง “อย่ามาทำหน้าบึ้ง รีบไปอาบจะได้ไปกินข้าว”
“เลไม่ไป! เลง่วงอ่า อยากนอน”
“ไม่ไปไม่ได้วันนี้มีประชุม”
“ประชุมอะไร”
“ไปค่าย”
“ไม่รู้เรื่อง!”
“เดี๋ยวมึงก็รู้ รีบไปอาบก่อน ถ้าจะนอนต่อดูด้วยว่านี้บ้านใคร” ประโยคนี้ทำให้ผมต้องหันไปมองรอบตัว แล้วพบว่าที่นี่มันไม่ใช่บ้านที่ผมเคยอยู่ คงเป็นบ้านของพี่วินจริงๆ “รีบๆ ไปอาบน้ำ”
“รู้แล้ว!”
“พี่วินอยู่ไหนอะ!” ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เพราะพี่วินไม่ได้รออยู่ในห้อง ผมก็เลยออกจากห้องเดินตามหาอีกฝ่าย ผมไม่เคยมาบ้านพี่วิน แล้วตอนมาเมื่อวานก็เมา ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ครั้งนี้เลยได้สังเกตบ้านของพี่วินแบบจริงๆ จังๆ บ้านหลังนี้ใหญ่พอสมควร แต่ไม่ได้ใหญ่เว่อร์วังอลังการ เพราะพี่วินเคยบอกว่าพี่วินอยู่กับคุณพ่อแค่สองคน มีแม่บ้านอีกคนหนึ่ง เลยไม่สร้างให้มันใหญ่อะไรมาก ทั้งบ้านเป็นโทนดำ เทา ขาว เน้นสไตล์โมเดิร์น ผมเดินลงบันไดพร้อมกับดูโคมไฟบนเพดานระยิบระยับ แต่พอหันไปมองด้านหน้าเห็นขายาวๆ ของใครบางคนเลยตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ ผมเดินให้เงียบลงสายตาจดจ้องไปยังร่างสูงที่หันหลังให้อยู่ จากนั้นจึงวิ่งไปหาพออีกฝ่ายหันกลับมาก็ “จ๊ะเอ๋!!”
“...”
“...” ผมหน้าเจื่อนลง
เมื่อพบว่าคนตรงหน้า… ไม่ใช่พี่วิน
“เลมึงทำอะไร” คนที่ผมตั้งใจจะเซอร์ไพรส์เดินมาทางด้านหลังของผม พี่วินคงเห็นที่ผมทำเมื่อกี้ ใบหน้าหล่อเหลาจึงขมวดคิ้วแน่น “นั่นพ่อกูนะ”
ฮื่อ ช่วยด้วย!
“ขอโทษครับ นึกว่าเป็นพี่วิน”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น” ผมต้องมานั่งกินข้าวกับคุณพ่อของพี่วินที่ตัวเองพึ่งจะจ๊ะเอ๋ไปหมาดๆ บรรยากาศยามเช้าในวันนี้เลยกระอักกระอวนสุดๆ “ปกติก็ชอบมีคนคิดว่าพ่อกับวินเป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว”
พี่วินเลื่อนจานที่มีไข่ดาวมาให้ผม อาหารเช้าของเราวันนี้เป็นข้าวผัดอเมริกัน เขามองหน้าพ่อตัวอย่างนิ่งๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ก็คุณลุง เอ๊ะ! คุณ…”
“เรียกพ่อก็ได้”
“ก็คุณพ่อหน้ายังเด็กอยู่เลย” ผมไม่ได้ยอนะ แต่คุณพ่อพี่วินก็หน้าเด็กจริงๆ นั่นแหละ ก็หล่อเหมือนพี่วินเลย แต่เสน่ห์คนละแบบ คุณพ่อจะเป็นเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ ให้อารมณ์พี่ชายสายโรแมนติกแสนดี
“อืม พ่อทำแม่วินท้องเร็วไปหน่อย ตอนนั้นประมาณปีสองเองมั้ง” อายุปีสองก็ประมาณ 19-20 เอา 20 บวกอายุปีสี่ของพี่วินที่ 22-23 งั้นก็ “ตอนนี้ลูกโตเป็นหนุ่มแล้วตัวเองยังแค่สี่สิบต้นๆ อยู่เลย”
“คุณพ่อก็ยังดูหนุ่มอยู่ดี” ถ้าพี่วินไม่ได้พูดว่าคนนี้คือพ่อของตัวเอง ผมคงนึกว่าคุณพ่อเป็นพี่ของพี่วิน ถ้าดูจากหน้าแล้วเหมือนคนสามสิบกลางๆ เอง
“ปากหวานนะเราเนี่ย”
“ทีพูดกับกูนะ” พี่วินพึมพำแต่ผมได้ยิน
“อะไรเล่า! อย่ามาปรักปรำเลนะ”
“เล เป็นลูกของซาร่าใช่ไหม”
“โอ๊ะ!” ผมกะพริบตาปริบๆ แล้วรีบหันไปมองคุณพ่อ “รู้จักแม่ของเลด้วยเหรอ?”
คุณพ่อพี่วินยิ้ม “อันที่จริงพ่อเป็นเพื่อนสนิทแม่ของเลนะ”
“จริงเหรอ!”
“รู้ไหม หนูหน้าเหมือนแม่มากเลยล่ะ เหมือนกันมากเห็นทีแรกยังตกใจเลย”
“เลถามได้ไหมว่าตอนแม่อายุเท่าเล คุณแม่เป็นยังไง”
นัยน์ตาคมมองหน้าผมแล้วตอบ “ตอนซาร่าอายุเท่าเลเขาก็สวยแบบนี้ มั่นใจ กล้าได้กล้าเสีย แต่ชอบใจอ่อน ทำเพื่อคนอื่นมากกว่าตัวเอง เป็นคนดีแล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีมากคนนึง”
“ดีจัง”
“แล้วเลล่ะเป็นยังไงบ้าง คุณแม่เสียตั้งแต่เด็กๆ แบบนี้คงลำบากน่าดู”
ผมยิ้มเจื่อน “เลถูกรับไปเลี้ยง แต่คุณพ่อของคนที่เลี้ยงเลเขาก็ไม่ค่อยชอบเลเท่าไหร่”
“ไม่ชอบเหรอ?”
“อื้อๆ”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่รู้สิครับ” คุณพ่อพี่วินขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อไปกว่านั้น ท่านปล่อยให้ผมกินข้าวไป มีเถียงกับพี่วินบ้างบางระยะ หลังจากกินข้าวเสร็จพี่วินก็ถูกใช้ให้ไปเก็บจาน จังหวะนั้นคุณพ่อเลยแอบพูดเบาๆ ให้ผมฟัง
“วินเขาก็เสียแม่ไปตั้งแต่เด็กๆ เหมือนกัน”
“เหรอครับ” ผมเบิกตากว้าง อึ้งกับความรู้ใหม่ พึ่งรู้ว่าแม่ของพี่วินเองก็เสียไปแล้วเหมือนกัน เรื่องนี้ผมไม่รู้มาก่อน พี่วินไม่ค่อยเล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวให้ฟัง “พี่วินชอบว่าเล ชอบตีเล ดุเลด้วย”
ผมฟ้อง
“วินก็เป็นแบบนี้ ชอบไปยุ่งกับคนที่ตัวเองชอบ แต่ถ้าไม่ชอบมันจะไม่ยุ่งกับคนนั้นเลย”
“หมายความว่าพี่วินชอบเลเหรอ” ผมขมวดคิ้วงงๆ แปลคำพูดของคุณพ่อแล้วมันได้คำตอบออกมาแบบนี้อะ
“พ่อ ผมได้ยินนะ” คนถูกนินทาเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าว พี่วินชี้หน้าผม “รีบไปขึ้นรถไป สายแล้ว มึงเรียนเช้าวันนี้กูจำได้”
ผมหรี่ตามองอีกฝ่าย อมยิ้มแล้วลุกขึ้นพูด “ชอบเลล่ะสิ”
“พูดอะไรของมึง” พี่วินขมวดคิ้ว สีหน้างงๆ นิดหน่อย
“ชอบเล! พี่วินชอบเลใช่ไหม”
“มโนอยู่เหรอ”
“ชอบเลแน่ๆ”
“มึงจะตีความการกระทำของกูว่าชอบมึงก็แล้วแต่มึงสิ”
“ฮั่นแน่ๆ ชอบเลแน่เลย”
“ไปขึ้นรถ!”
“ทำมาเปลี่ยนเรื่อง!”
“กู-บอก-ให้-ไป-ขึ้น-รถ”
“อะเคๆ ไปก็ได้” ท่าทางที่เริ่มเหมือนยักษ์เหมือนมารของพี่วินทำให้ผมต้องรีบหันไปบอกลาคุณพ่อ “ไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
“อืม ว่างๆ ก็แวะมาเล่นที่นี่อีกนะ” ผมยกมือไหว้คุณพ่อสุดหล่อของพี่วินก่อนจะรีบเดินไปที่รถ
นัยน์ตาคมมองตามแผ่นหลังเล็กที่กำลังเดินออก ร่างสูงยกยิ้มมุมปาก “ให้ตายเหมือนแม่มากจริงๆ”
มือหนายกแก้วกาแฟขึ้นจิบ จังหวะนั้นเองที่เห็นลูกชายกำลังจ้องมาที่ตัวเองตาเขม็ง
“อะไรกันวิน” เขาถาม น้ำเสียงติดหัวเราะเล็กน้อย
“พ่ออย่าจุ้นดิ”
“พ่อบอกว่าชอบ แต่ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าชอบแบบไหน”
“เลมันแปลคำว่าชอบได้แบบเดียว”
“ก็ปฏิเสธไป”
“...”
“ปฏิเสธไม่ได้ก็แปลว่าชอบ” เขาเห็นลูกชายถอนหายใจ จนอดไม่ได้ที่จะท้วง “ปากแข็งได้ใครกันนะ”
“ไปแล้วนะครับ สวัสดีครับ”
“โชคดี” เขาอวยพรพร้อมกับมองลูกชายเดินออกจากบ้านไปกระทั่งลับสายตา ร่างสูงยืนขึ้น เดินไปที่ห้องทำงานจังหวะนั้นเองที่สายตาบังเอิญไปเห็นกรอบรูปที่ตั้งอยู่ มันเป็นรูปของกลุ่มเพื่อนสนิทของซาร่า เขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มนั้นหรอก เขาสนิทกับแม่ของเลแค่คนเดียว แต่ตอนถ่ายรูปโดนอีกฝ่ายลากเข้าไปถ่ายด้วยเฉยๆ คนในรูปนั้นมีไม่มีกี่คน หนึ่งในนั้นมีเขา ซาร่าแล้วก็พ่อของคนที่เลี้ยงเลมา…
ออกจะแปลกใจนิดหน่อยที่ได้ยินเลบอกว่ามันไม่ชอบเล แต่มาคิดๆ ดูอีกทีมันอาจจะไม่แปลกก็ได้
ถ้าลูกชายของแฟนเก่าจะหน้าตาเหมือนแฟนเก่าขนาดนั้น
ร่างสูงยืนนิ่ง นัยน์ตาคมก้มมองหญิงสาวที่กำลังยิ้มในรูป
“ไหนเธอบอกว่าจบสวยไง”
(70%)
ตอนนี้คือหลากอารมณ์มากเว่อร์ ปรับอารมณ์ไม่ทันกันเลยทีเดียว
เศร้าน้องเล ตะหงิดๆพี่วิน โกรธเดวา งงพี่ฮิม สุดท้ายก็มาตะหงิดคุณพ่อ
ฮืออออ พูดถึงน้องเลหน่อย จริงๆ แล้วเลชีวิตเลเหมือนจะดีแต่จริงๆ แล้วเศร้านะ
ขอบคุณพี่ฮิมเถอะที่อย่างน้อยเขาเลี้ยงเลให้เติบโตขึ้นมาได้อย่างสดใส 55555

ติดแท็ก
#วิศวะแดนแฟนมีเกียร์ (ใช้สระแอกันนะคะที่รักกก)