๖๐%
เหมือนการประลองครั้งนี้จะพิเศากว่าทุกครั้งเมื่อวิรัลและคาลถูกแยกให้เป็นคู่ประลองพิเศษ ไม่ได้ลงคัดเลือกเหมือนทุกคน เธรานั่งดูการประลองไปเรื่อยๆ ธันที่ลงประลองเหมือนๆทุกคน และเป็นดังคาดธันเอาชนะจนเข้ามายังรอบสุดท้าย เธราลุกเดินไปหาธันก่อนฉีกยิ้มอย่างยินดี
“ธันเจ้าเก่งมากๆ เอามือมานี่ข้าจะพันผ้าชุบน้ำว่านให้ ข้าเอามาเผื่อเจ้าแต่ว่าไม่ทันได้ให้เจ้าก็ลงประลองเสียก่อน” เธราพูดก่อนดึงมือธันมาพันผ้า “ข้าจะไม่อวยพรอะไรทั้งนั้นเพราะคนที่เจ้าจะต้องไปต่อสู้ด้วยคือชาวมาลันเคียที่เปรียบดั่งพี่น้องข้า แต่ข้าจะขอให้เจ้ารักษาตัวอย่าบาดเจ็บจนโลหิตต้องหลั่ง เข้าใจข้าใช่ไหม” เธราพันมือให้ธันไปทั้งที่ปากก็ยังบ่นไปเรื่อยๆ
“ทำอะไรน่ะ” คนที่เอ่ยถามขึ้นคือชุนที่เดินเข้ามาหา
“ข้าพันผ้าให้ธัน รอบสุดท้ายแล้วคนที่จะประลองด้วยเก่งมากถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นหัวหน้าทหารของมาลันเคียน่ะ” เธราหันมาบอกชุนทั้งที่มือยังสาละวนกับการพันผ้าให้ธัน
“มา ข้าทำให้” เป็นโชบุที่เดินตามชุนมาเอ่ยขึ้น ร่างบอบบางแทรกระหวางธันกับเธราก่อนดึงเอามือของธันที่พันผ้าค้างไว้ไปทำเอง “ไอ้ตัวเล็กไปดูองค์วิรัลเถอะ พอคู่ของธันประลองรู้ผล ต่อไปองค์วิรัลกับพี่เจ้าก็จะลงสนามแล้ว” เธรามองโชบุอย่างงงๆ พยักหน้าและเดินกลับไปหาวิรัลอย่างไม่คิดอะไร ทันทีที่เธราหันหลังโชบุก็ปล่อยผ้าที่พันมือให้ธันทันที
“พันผ้าที่มือแค่นี้คงทำเองได้นะท่านหัวหน้าทหารม้า” โชบุพูดประชดพลางยักไหล่ไม่สนใจสายตาแข็งกร้าวที่ธันมองมา “อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะโง่เหมือนเธรา สายตาของเจ้าน่ะมันแสดงออกโจ่งแจ้งจนน่าเกลียดเชียวล่ะ” โชบุสาดคำว่าร้ายออกไปอย่างจงใจ “ข้ารู้ว่าเจ้านับถือองค์วิรัลราวพระเจ้า อะไรที่องค์วิรัลชอบก็คงเห็นดีเห็นงามชอบไปด้วย แต่คงใช้ไม่ได้กับเธรา” โชบุบอกอย่างไม่ไว้หน้าและไม่สนใจท่าทีขุ่นเคืองของธัน
“ถ้าห้ามความคิดของตัวเองไม่ได้ก็เก็บมันไว้ให้ดีเถอะ เจ้าเองก็คงไม่อยากให้องค์วิรัลรู้หรอกใช่ไหมว่าเจ้าคิดไม่ซื่อกับเธรา” เป็นชุนที่เอ่ยขึ้นมาเรียบๆก่อนดึงแขนโชบุให้หยุด ก่อนลากให้เดินตามออกมาโดนทิ้งให้ธันยืนนิ่งอยู่คนเดียว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------
สหัสมองรารีที่ร้องไห้ราวจะขาดใจ ร่างบอบบางก้มลงไปแนบกับที่นอนสั่นเทาราวลูกนกเมื่อเขาเอ่ยถามถึงสาเหตุของการหายไปของมีดสั้นเล่มจริง
“เจ้ารู้ใช่ไหมรารี” สหัสถามย้ำมือหนารั้งไหล่บอบบางของรารีให้ตั้งตรง เพื่อมาเผชิยหน้ากันตรงๆ รารีส่ายหน้าจนผมเผ่ายุ่งเหยิงริมฝีปากบางเม้มแน่น
สหัสไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูง ท่าทางดื้อรั้นของรารีเริ่มทำเอาเขาโมโหแรงบีบที่ใหล่จึงมากขึ้นจนรารีเบ้หน้าทั้งที่น้ำตายังอาบแก้ม
“ท่าน ท่านพอก่อนเถอะ” เป็นพารัมที่เข้ามาห้าม ก่อนแกะมือของสหัสให้หลุดจากไหล่ของรารี พารัมเช็ดน้ำตาให้รารีที่ดูจะขวัญเสียไม่น้อย ก่อนหันมาขมวดคิ้วใส่สหัส
“พูดดีๆสิ เห็นไหมรารีเขากลัว”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
“อย่ามาพูดแบบนี้ ถ้าไม่ได้ข้าท่านก็คงได้แต่นั่งหน้าหงิกอยู่ที่ห้องทรงงาน ไม่ขอบคุณไม่ว่าแต่ฟังข้าบ้าง” พารัมพูดอย่างเริ่มโมโห เห็นว่าเธอเป็นเด็กเลยดุได้ดุดีสินะ
สหัสนิ่งไปพารัมพูดมาก็มีส่วนจริง ดวงตาสีเทาสวยตวัดมองรารีก่อนหันมามองพารัม
“กลับก่อนเถอะ เดียวพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ รารีหนีไปไหนไม่ได้หรอก อีกอย่างตอนนี้พี่เธราก็อยู่ในอันตราย ถ้ารารีจะใจจืดใจดำให้พี่เธราต้องตายอยู่กลางป่าโดยที่ไม่ได้กลับมานันทานครพร้อมกับข้อหาฆาตกรทั้งที่ตัวเองไม่ไดทำ ข้าเองก็จนปัญญา” พารัมพูดพลางเหลือบมองรารีที่หันมามองเธอทันทีที่พูดถึงเธรา พารัมพอจำได้ว่าตอนที่พี่เธราไปอยู่หมู่บ้านบันกุนั้น พี่เธราเคยพูดถึงรารีอยู่เสมอพี่เธราบอกว่ารารีเป็นคนที่รักดั่งพี่สาว เพราะฉะนั้นคนที่ผูกพันธุ์ดูแลกันมาคงไม่ยอมให้อีกฝ่ายเป็นอันตรายง่ายๆแน่ และรารีเองก็ดูจะเป็นห่วงพี่เธราไม่น้อย
สหัสมองพารัมนิ่งๆ ก่อนกลายกลับมาเป็นองค์วิรัลแล้วเดินนำออกไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร พารัมลูบไหล่รารีเบาๆ ก่อนเดินตามสหัสออกมา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------
การประลองที่ดูเหมือนจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อธันที่เคยมีฝีมือการต่อสู้ดุเดือดกลับเป็นฝ่ายหลบหลีกจนวิรัลเอ่ยปาก
“ทำไมธันถึงสู้แปลกๆแบบนั้นกัน”
สุดท้ายธันก็เป็นฝ่ายแพ้เมื่อฝ่ายตรงข้ามสามารถจอดาบที่คอของธันสำเร็จ ธันเดินกลับเข้ามาหาองค์วิรัล ก่อนทำความเคารพ
“หม่อมฉันขอประทานอภัยกระหม่อม ที่ทำให้ทหารแห่งนันทานครต้องอับอายกับความพ่ายแพ้นี้”
“เอาเถอะ ธันเจ้าอย่าคิดมากไปเรื่องการประลองข้าจะแก้หน้าให้นันทานครเอง” วิรัลพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนหันไปมองเธราที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ข้าจะไปประลองแล้ว” วิรัลพูดขึ้นมาลอยๆ เหมือนไม่ได้เจาะจงบอกใครแต่เธรากลับยิ้มรับราวรับรู้
“หม่อมฉันจะนั่งดูอยู่ตรงนี้ รักษาพระองค์ด้วย”
“ข้าจะเอาชัยชนะมาให้ รอรับล่ะ” พูดจบก็หันลังเดินจากไปแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเธราดึงผ้าคลุมไหล่เขาไว้จนต้องหันกลับมามอง
“หม่อมฉันหวังแค่พระองค์ทรงปลอดภัยกระหม่อม” เธราบอกช้าๆก่อนปล่อยมือจากชายผ้าคลุมไหล่ของวิรัล วิรัลยิ้มรับคำอวยพรก่อนลูบหัวเธราเบาๆ
“ขอบใจ” วิรัลบอกก่อนถอดเอาผ้าคลุมไหล่ฝากเธราไว้แล้วเดินเข้าสนามประลองไป
การประลองของวิรัลกับคาลดูจะน่าตื่นเต้นเมื่อทั้งคู่ล้วนมีฝีมือการต่อสู้ขั้นสูง เป็นครั้งแรกที่เธราเห็นวิรัลต่อสู้แบบเต็มตัวนอกเหนือจากการซ้อมแบบนี้ ร่างสูงใหญ่ของวิรัลนั้นคล่องแคล่วรวดเร็ว หากแรงดาบที่ฟันลงไปแต่ละครั้งกลับหนักหน่วงจนคาลเสียจังหวะ เธรารู้ดีในมาลันเคียนั้นคนที่มีฝีมือดาบดีที่สุดคือคาล เพราะคาลเป็นลูกชายคนโตและได้รับมอบหมายหน้าที่ของหัวหน้าหมู่บ้านตั้งแต่ยังเล็ก จึงถูกปลูกฝังให้เก่งรอบด้านมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียมาลันเคียก็เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขา การรบที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงการต่อสู่เล็กๆกับโจรป่าหรือผู้บุกรุก เพราะฉะนั้นฝีมือดาบจึงไม่สามารถเทียบกับวิรัลได้ แต่คาลนั้นมีญานบริสุทธิ์ที่เข้มข้นการคาดเดาการเคลื่อนไหวของวิรัลนั้นจึงไม่ยากเกินความสามารถ
“องค์วิรัลแห่งนันทานครจะมาพลาดท่าให้หัวหน้าหมู่บ้านมาลันเคียรึเปล่านะ” เสียงใสๆของแครีชเอ่ยขึ้นอย่างเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าคาลสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของวิรัลได้แม่นยำ จนวิรัลไม่สามารถทำอะไรคาลได้
เธราหันมามองแคริช เป็นครั้งแรกที่เธราอยากจะหยิกปากสวยๆของแคริชให้หยุดพูดเสียจริง เพราะสิ่งที่แคริชพูดนั้นเป็นสิ่งที่เธรากลัวไม่น้อย ดวงตาสีน้ำตาลเฝ้ามองการต่อสู้อย่างกระวนกระวาย
เกร๊งๆ “การประลองครึ่งแรกหมดเวลา” เสียงกรรมการดังขึ้น เธราผวาลุกขึ้นไปหาวิรัลทันที
“พระองค์เป็นยังไงบ้างกระหม่อม” เธราถามมองดูวิรัลที่เต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ใบหน้าโดดเด่นยังคงดูอารมณ์ดี
“พี่ชายเจ้ามีฝีมือจริงๆด้วย” วิรัลพูดติดตลก
“พี่คาลทายการเคลื่อนไหวของท่านได้” เธราบอกอย่างร้อนใจ
“อ่อ...ญานสินะ” วิรัลพยักหน้ารับรู้ เขาเองก็สงสัยว่าทำไมหัวหน้าหมู่บ้านแห่งมาลันเคียถึงรับดาบเขาได้ตลอด “พี่ชายเจ้าคาดเดาความคิดข้าได้สินะ” วิรัลพูดกับเธรา
“เป็นการใช้ญาณคาดเดาความคิดน่ะท่าน” เธราบอก
วิรัลพยักหน้าเบาๆ ก่อนกวาดตามองเธราไปมา ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มเบาๆพลางยกมือขึ้นจับผ้าพันคอของเธราเอาไว้ แล้วดึงผ้าพันคอของเธราออกมาแล้วเอาไปพันคอตัวเองไว้ แล้วเดินกลับเข้าไปยังการประลองโดยที่ปล่อยให้เธรายืนงงกับการกระทำแปลกๆของวิรัล
การประลองครึ่งหลังเริ่มขึ้นเธราที่ตอนนี้กลับมานั่งที่เดิม สายตายังคงจับจ้องไปที่การต่อสู้อย่างไม่ลดละ แต่คราวนี้องค์วิรัลกลับมีอาการแปลกไป ร่างสูงใหญ่ไม่ได้รุกไล่เหมือนครั้งแรก หากเปลี่ยนเป็นตั้งรับการโจมตีของคาลเป็นหลัก ด้านคาลที่เริ่มโจมตีมากขึ้นกลับเริ่มเป็นฝ่ายพลาดเสียเองร่างสูงโปร่งของคาลถลำไปด้านหน้าตามแรงเหวี่ยงดาบก่อนจะเสียหลักเมื่อวิรัลหลบทัน วิรัลเบี่ยงตัวหลบก่อนจะกลับตัวแล้วเหวี่ยงดาบลงไปที่ลำคอของคาลทันที การประลองจบลงเมื่อคมดาบจ่ออยู่ที่ลำคอของคาล
เธราเดินไปรับวิรัลกับคาล พลางส่งผ้าที่เตรียมมาให้ทั้งสองเช็ดเหงื่อ
“ขอบใจมากเธรา” คาลเอ่ยก่อนรับผ้าไปเช็ดหน้า “องค์วิรัลข้าเพิ่งเคยเจอคู่ต่อสู้เช่นท่าน ถือเป็นเกียรติจริงๆ” คาลหันไปพูดกับวิรัลอย่างเป็นมิตร “ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าเองก็หายห่วงเจ้าเธราเสียที”
“ท่านไม่มอะไรต้องห่วงเธราหรอกท่านตาล” วิรัลตอบง่ายๆ
เธรายืนมองวิรัลกับคาลสนทนากันอย่างงงๆ ทั้งที่มีชื่อตัวเองอยู่ในบทสนทนาแท้ๆทำไมเขาถึงไม่ร็อะไรเลยล่ะ
“หมายความว่ายังไงหรือกระหม่อม” เธราเอ่ยถามทันทีที่กลับมายังบ้านของตน
“เรื่องอะไรล่ะ” วิรัลถามออกไปสายตายังคงจับจ้องเธราที่กำลังจัดน้ำชาอาหารว่างให้เขาอย่างขะมักเขม้น
“เรื่องที่พระองค์พูดกับท่านพี่”
“ข้าพูดกับคาลหลายเรื่องเชียวเธราข้าจำไม่ได้หรอก” วิรัลตอบก่อนหัวเราะเบาๆเมื่อเธราเบ้ปากอย่างไม่เชื่อ
“แล้วท่านทำยังไงถึงไม่ให้ท่านพี่คาดเดาการเคลื่อนไหวได้ล่ะ กระหม่อม” เธราถามถึงเรื่องอื่นอย่างง่ายๆ เขาไม่ใช้คนช่างซักไซร้ไม่อยากบอกเขาไม่อยากรู้ก็ได้
“ข้าก็แค่ไม่คิดถึงการต่อสู้น่ะ”
“ไม่คิดถึงการต่อสู้หรือกระหม่อม” เธราย้อนคำตอบก่อนเงยหน้าขึ้นมามองวิรัลอย่างเข้าใจ
“ใช่คิดถึงเรื่องอื่นแทน”
“ท่านคิดถึงอะไรหรือกระหม่อม” เธราถามไปพลางรินชาใส่ถ้วยให้วิรัลเหมือนการชวนคุยไปเรื่อยมากกว่าต้องการคำตอบจริงจัง
“ข้าคิดถึงเจ้ายังไงล่ะ กลิ่นหอมๆจากผ้าพันคอเจ้าช่วยได้เยอะเชียว” วิรัลตอบง่ายๆ ก่อนเหล่มองคนที่หยุดชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขา
“หม่อมฉันลืมเอาขนมมา หม่อมฉันขอไปเอาขนมมากินคู่กับชาก่อนนะกระหม่อม” เธราพูดรัวๆทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองวิรัลแก้มขึ้นริ้วสีอ่อนลามไปยันหู ก่อนลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปเอาขนมตามที่อ้างทันที ปล่อยให้วิรัลนั่งยิ้มอยู่คนเดียว
___________________________
____________________________________________________
เมื่อสหัสอยู่ในร่างวิรัลสิ่งพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดสุดท้ายก็จำเป็นต้องทำ คือการออกว่าราชการที่ท้องพระโรง มีคุชยืนประจำตำแหน่งแม่ทัพฝ่ายซ้าย เหมือนทุกอย่างจะราบรื่นเพราะตอนนี้คาเซเข้าใจว่าวิรัลไม่สบายจึงจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่แล้วก็มีทหารเวรวิ่งเข้ามารายงานบางสิ่งบางอย่าง
“นางกำนัลรารีขอเข้าเฝ้าองค์วิรัลพะยะคะ” ทหารเวรเอ่ยบอกจุดประสงค์ชัดเจน
“เกิดอะไรขึ้น” คาเซถามออกไปด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ตามปรกตอแล้วนางกำนัลไม่มีสิทธิ์จะเข้ามายังท้องพระโรงหากราชาไม่มีคำสั่งหรือไม่มีหน้าที่รับใช้
“นางบอกว่านางรู้ว่าใครเป็นคนฆ่าองค์หญิงโยนาพะยะคะ” ทันทีที่สิ้นเสียงรายงานของทหารเวร ก็เรียกความเงียบให้ครอบคลุมท้องพระโรงได้ทันที

มาต่อแล้วววววววววว
ฝาก #วิรัลลืมเมีย ด้วยค่าา