เมฆ ฤ จะเหนือภูเขา™ ☁☁ ⇋ ♣♣ ยกภูเขาออกจากอก (จบแล้ว) 11-03-2560 P4 ย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เมฆ ฤ จะเหนือภูเขา™ ☁☁ ⇋ ♣♣ ยกภูเขาออกจากอก (จบแล้ว) 11-03-2560 P4 ย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 61738 ครั้ง)

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



-------------------------------------------------------------------------------------------------

เมฆ ฤ จะเหนือภูเขา™ ☁☁ ⇋ ♣♣


สวัสดีค่ะ

ขอนำเสนอเรื่องใหม่ค่ะ ^^ หวังว่าเรื่องนี้จะถูกใจคนอ่านทุกท่านนะคะ ^__________^ 

ฝากผลงานที่เคยแต่งค่ะ  :o8: กว่าจะเข้ากันได้

ฝากทวิตเตอร์เพื่อพูดคุยหรือติดตาม ได้ที่นี่ค่ะ จิ้มตามไปเลย twitter

:mew1: :mew1: :mew1:


สารบัญ บันเทิง

ภูเขาลูกที่หนึ่ง
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2017 22:00:54 โดย akanae »

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: เมฆ ฤ จะเหนือภูเขา™ ☁☁ ⇋ ♣♣
«ตอบ #1 เมื่อ27-07-2016 22:01:25 »

ภูเขาลูกที่หนึ่ง


   "ไอ้คี วันนี้พ่อมึงไม่มารับเหรอวะ" เสียงไอ้ธร หรือ นิติธร ตะโกนถามผม เสียงดังแข่งกับเพลงที่เปิดอยู่ในร้านเหล้าประจำหลังมอ


   "เวรละ กูลืมโทรบอกเฮีย ทำไมมึงไม่ทักกูให้เร็วกว่านี้วะ" ผมรีบล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แต่ยังไม่ทันจะได้หยิบออกมา เสียงไอ้ธรก็ตะโกนมาขัดจังหวะเสียก่อน


   "กูว่าไม่ทันแล้วว่ะ นู่น พ่อมึงยืนรอเตรียมสวดมึงอยู่หน้าร้านแล้ว" ไอ้ธรพยักเพยิดหน้าไปหน้าร้าน ผมเลยมองตามท่าทีของมัน


   "เชี่ยยย งานเข้ากูแล้วมั้ยล่ะ งั้นเดี๋ยวกูกลับก่อน ส่วนค่าเหล้า มึงจ่ายไปก่อน พรุ่งนี้กูมาจ่ายให้ ไปละ" พูดเสร็จผมก็คว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วรีบเดินออกไปหน้าร้าน


   "เออ ขอให้ครบสามสิบสองมาเรียนนะเว้ย" ไอ้เพื่อนตัวดีอวยพรผมอย่างรักใคร่เชียวล่ะ ผมเลยชูนิ้วกลางแถมให้มันไปทีนึง



   พ่อมึงที่ไอ้ธรมันเรียกนั้น ไม่ใช่พ่อของผมจริงๆ หรอกครับ แต่คือเฮียเมฆ ไอ้พี่เมฆ หรือนายเมฆา ตอนนี้เฮียยืนรอผมอยู่หน้าร้าน เมื่อเห็นว่าผมเดินมาหา พี่แกมองหน้าผมนิ่งๆ ไม่พูดอะไรแล้วก็เดินตรงไปที่รถ แล้วขึ้นไปประจำที่นั่งคนขับแล้วติดเครื่องรออยู่เงียบๆ  ผมได้แต่เปิดประตูขึ้นไปนั่งอีกฝั่งอย่างสงบเสงี่ยมโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายออกคำสั่ง



   "เฮียมารอนานแล้วเหรอ" ผมเอ่ยถามกล้าๆ กลัวๆ ออกไป เฮียเมฆนี่จัดอยู่ในประเภทบุคคลอันตรายครับ ในทีนี้ไม่ได้หมายความว่าพร้อมจะลงมือใช้กำลังหรือฆ่าหั่นศพอย่างที่ไอ้ธรมันเอ่ยแซว แต่หมายถึงความเงียบครับ เฮียแกเป็นพวกที่แบบสร้างบรรยากาศรอบๆ ให้ดูกดดันได้อย่างไม่น่าเชื่อ


   "อืม" เสียงตอบเบาๆ ในลำคอ แต่ผมได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนใกล้จะขาดอากาศหายใจ ก็เลยกดปุ่มข้างตัวรถเพื่อลดกระจกรถ หวังว่าลมร้อนๆ นอกตัวรถจะช่วยต่อชีวิตผมให้อยู่รอดต่อไปได้ แต่ยังไม่ทันจะได้สูดอากาศที่เต็มไปด้วยมลพิษจากด้านนอก หน้าต่างฝั่งผมก็ถูกเลื่อนปิดเสียแล้ว ผมนี่เก็บหัวเข้ามาในรถแทบไม่ทัน


   "เหม็นควัน" เฮียเมฆพูดแค่นั้นก็ตั้งใจขับรถต่อไป ส่วนผมเหรอ นั่งนิ่งเงียบเป็นเด็กเรียบร้อย(ชั่วคราว) สิครับ



   รถยนต์คันหรูสีดำเลี้ยวเข้ามาจอดในรั้วบ้านอย่างนุ่มนวล ก่อนที่เจ้าของรถจะดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตูลงไปโดยไม่ได้หันมาสนใจคนในรถเลยสักนิด ผมนี่ต้องรีบลงจากรถแล้ววิ่งตามเฮียเข้าบ้านไป


   "คุณลุงกับคุณป้าเข้านอนแล้วเหรอครับ เฮีย" ผมรีบสาวเท้าก้าวตามติดคนเดินนำหน้า คนอะไรเดินโคตรไว ขนาดผมที่มีความสูงเกือบจะหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร บวกลบไม่เกิน สองหรือสามเซน ยังเกือบก้าวตามไม่ทัน เพราะคนที่เดินนำหน้าดันตัวสูงใหญ่กว่าผม เกือบๆ สิบเซน เลยทีเดียว คน............  บ้าอะไรวะ ตัวอย่างกับยักษ์วัดแจ้ง (ขอละ คำในช่องว่างเอาไว้นะครับ จริงๆ ก็อยากจะใช้คำอื่นแทน แต่เห็นว่าเป็นพี่เป็นเชื้อเลยให้เกียรติสักหน่อย)


   "ใช่"


   "เฮีย โกรธที่ผมไม่โทรบอกเหรอ" ในที่สุดผมก็ถามออกไปจนได้ มันโคตรโล่ง แต่แล้วก็ลุ้นคำตอบในคราวเดียวกัน จังหวะนั้นขายาวๆ ของเฮียก็หยุดลงพอดี ผมดีใจที่เฮียเมฆคงจะยอมพูดด้วยแล้ว แต่ไม่ใช่เลย เพราะตอนนี้ถึงหน้าห้องเฮียแล้วต่างหาก เฮียไม่ตอบอะไร มองหน้าผมนิ่งเหมือนเดิม ถอนใจออกมาเบาๆ แล้วก็เข้าห้องไป ผมอยากจะตามเข้าไปในห้องเฮียด้วยเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าเจ้าของห้องนั้นปิดประตูอย่างรวดเร็ว เพิ่มเติมคือลอคห้องด้วย


   ไว้ขอโทษพรุ่งนี้ก็ได้วะ



   ผมเดินคอตกกลับเข้าห้องนอนของผมเองบ้าง เริ่มลงมือถอดเสื้อผ้าออกแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป เมื่ออาบน้ำสระผมเสร็จ สมองผมก็เริ่มโปร่ง เริ่มคิดอะไรออกมากขึ้น ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ  รื้อตู้เสื้อผ้าเลือกกางเกงขาสั้นมาใส่ลวกๆ โดยไม่ได้สนใจ เสร็จแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอนกว้างสบายหลังนี้ คืนนี้คงหลับสบาย แต่ว่าดวงตากลมโตของผมยังเบิกโพลงค้างอยู่ในความมืด บางทีก็นึกอยากจะเป็นลูกคนจีนเผื่อว่าหน้าตาตี๋ๆ ตาชั้นเดียวเล็กๆ น่าจะนอนหลับได้ง่ายกว่านี้ เอ เกี่ยวกันมั้ยนะ



   ชักไปกันใหญ่ละ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า หลังจากที่ผมได้ลองทบทวนความผิดเล็กน้อย สุดแสนจะขี้ประติ๋วนี้แล้วก็ค้นพบว่า เฮียน่าจะเป็นห่วงผม เพราะไม่รู้ว่าผมอยู่ไหน เฮียคงไปหาผมมาหลายที่ จนในที่สุด คาดว่าคงจะนึกขึ้นได้ว่าผมชอบมาร้านเหล้าหลังมอ ก็เลยตามมาจนเจอว่าผมอยู่ที่นี่จริงๆ แล้วก็คงรอผมอยู่เป็นนาน แต่ทำไมเฮียไม่โทรหาผมวะ โง่หรือเปล่า ผมหยิบโทรศัพท์ที่น่าจะตกอยู่ใกล้ๆ พื้นข้างเตียง ควานๆ หาดูจนพบ แล้วกดปุ่มเพื่อจะเลื่อนหน้าจอ แต่ทว่า อ้าว แบตหมด! นั่นไง แบตหมด อ่า เฮียขอโทษนะที่ตะกี้ด่าว่าโง่น่ะ



   เอาล่ะ เพราะแบตหมด ผมก็เลยไม่ได้โทรบอกเฮียว่าจะกลับบ้านเอง ทำให้เฮียเป็นห่วง มันไม่ใช่ความผิดของผมสักหน่อย เพราะแบตนั่นหากล่ะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ค่อยขอโทษละกัน หวังว่าพรุ่งนี้เฮียคงอารมณ์ดีกว่านี้ แล้วผมก็อาจจะรอดจากสายตาแช่เย็น เย็นเจี๊ยบจนถึงขั้วโลกของเฮียได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก



   แต่ก่อนที่ผมจะหลับตาลง ผมขอแนะนำตัวให้ทุกท่านที่กำลังอ่านอยู่นี้ได้รู้จักตัวผมก่อนนะครับ อันตัวผมมีนามว่า นายคีรินทร์ รินทร์วิธา อายุสิบเก้าปี กำลังเรียนอยู่ในชั้นอุดมศึกษา หรือมหาวิทยาลัย ปีสาม นั่นแหละครับ ผมเรียนเร็วกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่หนึ่งปี เพราะงั้นไอ้ธรที่ผมจิกเรียกมัน จริงๆ แล้วมันแก่กว่าผมนะ แต่ก็ช่างเถอะ วัยวุฒิสำคัญไฉน พอเป็นเพื่อนกันก็เรียกไอ้ได้แล้ว


       คณะที่ผมเลือกเรียนเป็นคณะบริหาร ไม่ใช่ว่าชอบหรืออะไร จำได้ว่าดูทีวีอยู่กับคุณป้า แล้วอยู่ๆ คุณป้าก็เปรยขึ้นมาว่าเสียดายที่เฮียเมฆไม่ยอมเรียนบริหารมาเรียนอะไรก็ไม่รู้ขีดๆ เขียนๆ แต่ไอ้ที่ว่าอะไรที่ไม่รู้ของคุณป้าน่ะมันบริษัทของคุณลุงที่รับออกแบบบ้านให้ใครต่อใครไม่รู้มากมายเลยนะครับคุณป้า จริงๆ แล้วจะว่าไปเฮียเมฆก็เรียนมาได้ถูกทางระดับนึงนะ เพราะภายหลังเจ้าตัวก็มาเรียนต่อโท บริหารอยู่ดี ดังนั้นผมก็เลยทำตัวเป็นหลานที่ดีตอบแทนพระคุณคุณป้าโดยการเรียนคณะบริหารให้คุณป้านั้นภูมิใจ


       แล้วก็เป็นดังคาดครับ คุณป้าภูมิใจในตัวผมมากกว่าเฮียเมฆ หากผมไม่ห้ามคุณป้าเอาไว้ตอนที่สอบติดเข้ามหาวิทยาลัยได้ล่ะก็  ป่านนี้คุณป้าคงจัดงานเลี้ยงฉลองสอบติดของผมไปอีกสามวันเจ็ดวันแน่นอน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนก็ตาม



   แล้วเฮียเมฆล่ะ ปีนี้เฮียก็แก่จวนจะใกล้ลงโลงแล้วล่ะครับ เอ๊ยยยย ไม่ใช่อย่างนั้น ผมล้อเล่น ปีนี้เฮียอายุยี่สิบแปดปี แล้ว วัยกำลังขบเผาะเลย (ว่ามั้ย?) เฮียชื่อเมฆ หรือเมฆา วิวัฒน์จรรยา เป็นบุตรชายคนเดียวของคุณลุงวิกรณ์ และคุณป้าจันทรา วิวัฒน์จรรยา ครับ เฮียเมฆ เป็นผู้ชายที่ตัวสูงใหญ่ครับ วัดได้จากความสูงที่เกินกว่ามาตรฐานชายไทยไปมากโข


       ส่วนใบหน้าของเฮียนี่ ผมโคตรอิจฉาเลย คือเฮียมีใบหน้าแบบคิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง ปากบาง คือพูดกันบ้านๆ คือโคตรหล่อครับ แล้วผมล่ะที่อิจฉาเพราะผมนั้นขี้เหร่ ปากเบี้ยว ตาเหล่ใช่หรือไม่ ผิดครับ ผมต้องขอออกตัว ยอมรับอย่างไม่อายปากเลยว่า หล่อไม่แพ้เฮียครับ แต่ที่ต่างกันคือทำไมคนถึงชอบทักว่าผมเป็นทอมอยู่เรื่อยไป ทอมที่ไหนจะตัวสูงขนาดนี้ ผมนี่โคตรเซ็ง ผู้หญิงหลายคนที่เคยคบ มีหลายคนที่ขอเลิกกับผมเพียงเพราะผมมีใบหน้าที่ดูสวยกว่าผู้หญิง ผมต้องเครียดมั้ย จริงๆ ก็เครียดนะ ผมนี่ผู้ชายทั้งแท่งเลยนะเว้ย



   "คุณป้าครับ แล้วคุณลุงกับพี่เมฆล่ะครับ" ผมเอ่ยถามสมาชิกคนอื่นในบ้าน ระหว่างที่กำลังนั่งทานมื้อเช้าตามลำพังกับคุณป้า อยู่ต่อหน้าท่านต้องเรียกลูกชายท่านเพราะๆ ครับ ท่านจะได้รักและเอ็นดูผมนานๆ


.
.
.
.
.
.

   เมื่อคืนผมเล่าค้างอะไรไปหรือเปล่า ผมเผลอหลับไปน่ะครับ คงไม่ว่ากันใช่มั้ย



   "คุณลุงกับตาเมฆออกไปบริษัทตั้งแต่เช้าจ้ะ เห็นบอกว่าวันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้น"


   "อ้อครับ ช่วงนี้ใกล้สิ้นปีแล้วนี่นา"


   "แล้วเมื่อคืนเราล่ะกลับกี่โมง ตาเมฆไปรับใช่หรือเปล่า"


   "ครับ พี่เมฆไปรับ" ตอบสั้นๆ ดูกำลังดี ผมละ คำตอบที่ว่ากลับกี่โมงเอาไว้ก่อน ภาพพจน์ต้องมาก่อนเสมอครับ


   "ดีแล้วล่ะจ้ะ กลางค่ำกลางคืนให้ตาเมฆไปรับก็ดีแล้ว ถ้าเราเป็นอะไรไป แม่เรามาแหวกอกป้าแน่"


   "คีโตแล้วนะครับ อีกอย่างพี่เมฆก็งานเยอะ ยังต้องไปรับคีอีก เหนื่อยแย่ ยังไงให้คีขับรถไปเรียนเองดีกว่ามั้ยครับ นะครับคุณป้า" ผมรีบลุกขึ้นเข้าไปคลอเคลียคุณป้า ออดอ้อนเผื่อท่านจะใจอ่อน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมขอ ถึงจะโดนบอกปัดหลายครั้งแล้ว แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้


   "อ้อนแม้กระทั่งคนแก่ รอให้อายุยี่สิบก่อนแล้วค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกทีก็แล้วกันนะ ตาคี"


   "จริงๆ นะครับ คุณป้า คีรักคุณป้าที่สุดเลย" ผมรีบหอมแก้มคุณป้าดังฟอดเรื่องเอาอกเอาใจขอให้บอก ผมจัดการได้


   "ปากหวานจริงๆ ลูกคนนี้ รีบไปเรียนได้แล้วตาคี เดี๋ยวป้าให้ลุงแช่มไปส่ง" คุณป้าลูบศีรษะผมอย่างเอ็นดู ผมชอบนะเวลาที่ใครมาลูบหัวผมแบบนี้ เหมือนได้รับความรักอย่างมหาศาล


   "ไงมึงยังไม่ตายเหรอ" ผมเดินเข้ามาในตึกบริหาร ก็ได้รับคำทักทายจากเพื่อน ดีจริงๆ ครับ


   "เออ ตายแล้ว ที่มึงเห็นน่ะ ผี พอใจยัง"


   "โอ๋ๆ พ่อหน้าหวานประจำคณะบริหาร งอนหน้าเป็นตูดแล้วครับ"


   "ไหงทักที่หน้าแล้วจบลงที่ตูดวะ"


   "เหมาะกับมึงมั้ง หึหึ" ไอ้ธรพูดจบก็หัวเราะผมก็เลยเอาสันหนังสือเคาะหัวมันไปทีนึงเป็นค่าตอบแทนความตลกของมัน


   "ไอ้เชี่ย เล่นไรเจ็บๆ วะ แล้วสรุปเมื่อคืนเป็นไง" ไอ้ธรยกมือลูบหัวตรงที่ผมเคาะหัวมัน ปากก็พล่ามถามผมต่อไม่หยุด


   "บรรยากาศหนาวเย็นอย่างกับขั้วโลกว่ะ เฮียแม่งไม่พูดอะไรเลย กูถามไปยาวยืด กลับตอบ 'อืม' สั้นๆ"


   "ช่วยไม่ได้ ใครให้มึงลืมโทรบอกพ่อมึงล่ะ"


   "โทรศัพท์กูแบตหมด หมดตอนไหนก็ไม่รู้ ซวยชิบ"


   "สมควร แล้วมึงจะทำไงต่อ"


   "เดี๋ยวเลิกเรียน กูจะเข้าไปหาเฮียที่บริษัท จะแวะซื้อหมู เห็ด เป็ด ไก่ เอาไปเซ่นไหว้ด้วย หวังว่าเฮียจะพอใจแล้วเลิกโกรธกู"


   "ขอให้สำเร็จนะมึง คิดอะไรแต่ละอย่าง"


   "ขอบใจมึงมากนะ ที่คอยช่วยเหลือกูตลอด ไปเรียนกันเถอะว่ะ อาจารย์ใกล้จะมาแล้ว" ผมแดกดันประชดมันเป็นพิธีแล้วก็ลุกเข้าห้องเรียน


.
.
.
.
.
   หลังเลิกเรียน ผมขอตัวแยกจากไอ้ธรมา มันงอแงโวยวายตามประสานิดหน่อยเพราะวันนี้ผมกับมันมีนัดกินเหล้าแถวผับแห่งหนึ่ง ตั้งใจจะไปหลีหญิง แล้วคว้าเอากลับโรงแรมสักคน แต่ภารกิจเป็นอันยกเลิกเพราะวันนี้ ผมไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากเฮียเลย ทีแรกเกรงว่าโทรศัพท์ผมคงเสีย ลองให้ไอ้ธรโทรเข้ามาก็ติดปกติ เฮียคงจะโกรธผมอยู่แน่ๆ ผู้ชายอะไรวะ งอนได้งอนดี ถ้าไม่เห็นว่าเป็นลูกของคุณป้านะ ปล่อยแม่งทิ้งไว้แบบนั้นแหละ ไม่ดูดำดูดีหรอก




   ทำได้แค่คิดครับ กับเฮียเมฆแล้วผมมันเป็นพวกดีแต่ปาก อะไรก็ไม่กลัวเลยสักอย่าง แต่ยกเว้นเฮียโกรธ ประวัติของผมนี่ใช่ย่อยสารพัดจะทำให้เรื่องให้เฮียปวดหัว แต่เฮียไม่เคยจะเอาเรื่องเละเทะ เลวทราม หยาบคาย ของผมไปบอกคุณลุงกับคุณป้าให้เป็นห่วงเลย ดังนั้นในสายตาของคุณลุงกับคุณป้าแล้ว ผมเป็นหลานที่อยู่ในกรอบคุณงามความดีมาโดยตลอด ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ก็เลยทำให้ผมเกรงใจเฮียเมฆอยู่มาก หลายครั้งที่เฮียต้องไปประกันตัวผมที่โรงพักเพราะข้อหาเมาแล้วทะเลาะวิวาทบ้าง หรืออายุไม่ถึงเกณฑ์แต่ดันอยู่ในผับ หรือแม้กระทั่งเข้าข่ายเรื่องยาเสพย์ติด ทั้งที่จริงแล้วผมเนี่ยไม่สนใจเรื่องพวกยานั้นเลย ยกเว้นบุหรี่ที่มันห้ามยาก คนอื่นสูบ ผมก็เลยสูบตาม รวมหัวกันสูบบ้าง ทีนี้ก็เลยติดล่ะครับ



   ไอ้เรื่องที่บอกว่าเลิกเรียนแล้วจะไปหาเฮียที่บริษัทแล้วซื้อหมู เห็ด เป็ด ไก่ ไปเซ่นไหว้นี่ก็ถูกเพียงครึ่งเดียว เพราะตอนนี้ผมก้าวเท้าเข้าสู่อาคารสูงกว่ายี่สิบชั้น มือถือของพะรุงพะรังเชียว ในที่สุดผมก็หยุดที่หน้าโต๊ะทำงานเลขาของเฮีย ที่ตั้งอยู่หน้าห้องแล้ว



   "สวัสดีค่ะ คุณคี วันนี้ลมอะไรพัดมาถึงที่นี่คะ" คุณเลขาแสนสวยเอ่ยทักผมอย่างคุ้นเคย ผมเคยเจอเธอหลายครั้งแล้ว เธอเป็นคนที่พูดคุยเก่ง เป็นกันเอง ก็ต้องอย่างนั้นแหละครับ ทำงานด้านนี้มนุษยสัมพันธ์ต้องดีเป็นเลิศ


   "อ้อ พี่ยาคิดว่าน่าจะพอรู้แล้วล่ะค่ะ คุณคีเผลอไปทำอะไรให้คุณเมฆ เธอโกรธอีกล่ะคะ แหม  รอบนี้ช่อใหญ่กว่าปกติเลยนะคะ" เธอก็หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นว่าของในมือที่ผมลงทุนถือมาแทนพวกของเซ่นไหว้นั่นคือดอกไม้ช่อใหญ่




   ผู้ชายคนนี้ชอบดอกไม้ครับ ผมก็ไม่รู้ทำไม เฮียเมฆชอบดอกไม้แทบทุกชนิด เคยถามเฮีย เฮียก็บอกแค่ว่ามันสวยดี ดูแล้วสบายตา แถมจรรโลงใจ ผมนี่งงสุดๆ ไปเลย ดูสาวๆ ก็จรรโลงใจแถมสบายตัวด้วยนะ เพราะฉะนั้นเลยเหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติถ้าจะขอโทษเฮีย ก็ซื้อดอกไม้มาให้ เฮียก็จะอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย แล้วพอชวนคุยเล่นด้วยสักพักเฮียก็จะหายโกรธไปเอง ครั้งแรกก็ไม่รู้หรอกครับว่าต้องเป็นดอกไม้ รบเร้าถามจนเฮียรำคาญ เฮียเลยบอกว่าถ้าจะขอโทษให้ไปซื้อดอกไม้มา หลังจากนั้นก็เลยซื้อมาเรื่อยๆ ซึ่งก็ได้ผลดีทุกครั้ง และครั้งนี้ก็หวังว่ามันจะได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม




   "เมื่อวานผมลืมโทรบอกว่าไม่ต้องมารับ  เฮียก็เลยต้องยืนรอผมเสียนาน กว่าจะรู้ตัวก็ดึกมากแล้ว" ผมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้พี่ยา รอยยิ้มไม้ตายคู่กายเพื่อเรียกร้องคะแนนความสงสาร ที่ใช้ได้ผลดีทุกครั้ง


   "อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าวันนี้คุณเมฆดูอารมณ์ไม่ค่อยดีตลอดเลย คุณคีจะเข้าไปเลยมั้ยคะ หรือจะให้พี่เรียนให้คุณเมฆทราบก่อนว่าคุณคีมาหา ตอนนี้คุณเมฆไม่มีแขกค่ะ"


   "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเข้าไปเลย ขอบคุณครับ" น้อมศีรษะแสดงมารยาทงดงามไปอีก 1 รอบแล้วก็รวมรวบความกล้า หน้าเชิด หลังตรง ยกมือเคาะประตูเบาๆ สองหรือสามครั้ง พอได้ยินเสียงอนุญาตจากภายในห้องก็ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป


   "มีอะไรด่วนหรือครับ คุณอารยา" คนในห้องทำงานถามผู้มาใหม่เพราะคิดว่าเป็นเลขาของเฮียโดยไม่เงยหน้าจากกองเอกสาร


   "ผมเองครับพี่เมฆ ไม่ใช่พี่ยาหรอก" เงียบ ไม่มีเสียงตอบจากเฮีย ใจแป้วเลยครับ แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือต่อ ขยับเข้าไปตรงด้านหน้าโต๊ะทำงานให้มากที่สุด


   "พี่เมฆยังไม่หายโกรธอีกเหรอ เมื่อวานโทรศัพท์ผมแบตหมด แล้วผมเองก็ยุ่งๆ เลยไม่ได้โทรบอกเฮีย ผมขอโทษนะครับ" งัดวิชาออกมาใช้ก่อน ปกติแล้วผมจะเรียกเฮียเมฆ ว่าเฮีย เพราะจริงๆ แล้วเฮียก็มีเชื้อสายจีนเป็นลูกเสี้ยวทางฝั่งคุณลุง แรกๆ เฮียก็ไม่ค่อยชอบใจนักที่ผมเรียก แต่หลังๆ เหมือนจะชินชาไปเอง ประมาณว่าพูดไปผมก็คงเรียกเหมือนเดิม เฮียเลยเลิกสนใจจะเรียกอะไรก็ช่าง แต่ถ้าเวลาผมทำผิดเนี่ย ต้องทำตัวดี เรียกเฮียว่าพี่ครับ ก็หวังว่าจะใจอ่อนให้กันบ้าง



   "เมื่อวานพี่เป็นห่วงเราแค่ไหนรู้มั้ย โทรไปก็ไม่ติด ถามใครก็ไม่มีใครรู้สักคน" ได้ผลครับ เฮียถอนหายใจ ยอมเงยหน้ามาสบตาผมแล้วก็พูดเป็นประโยคที่คิดว่าน่าจะยาวที่สุดในชีวิตเฮียแล้ว



   เวอร์ไปใช่มั้ย แต่มันไม่เวอร์ไปหรอกครับ เฮียเมฆไม่ใช่คนที่ชอบอธิบายความรู้สึกยาวๆ แบบนี้อยู่แล้ว



   "ผมขอโทษนะ พี่เมฆ นี่ครับ ผมซื้อมาขอโทษพี่เลยนะ ตั้งใจเลือกดอกสวยๆ ให้เลยนะพี่ ดูสิๆ" ผมยื่นช่อดอกไม้ลิลลี่สีขาวช่อใหญ่ให้กับคนตรงหน้า ตอนนี้เมื่อยมือมากครับ ถือมาก็ไกล แดดก็ร้อน ยังไม่ได้พักแขนเลยเนี่ย ณ จุดๆ นี้จะมีใครเข้าใจผมบ้าง



   แต่เฮียก็ไม่รับ ผมถือค้างไว้แบบนั้น ตอนนี้ตะคริวแทบจะกินไปทั้งแขน นี่เฮียอยากจะวัดความอดทนหรือไง



   "พี่เมฆ อย่าโกรธผมเลยนะ ผมขอโทษ รับดอกไม้ไปเถอะนะครับ" พูดไปครับ พูดเยอะๆ ชีวิตผมจะได้เป็นสุข



   ผมสบตากับเฮียเมฆอยู่นาน ก่อนที่เฮียจะยอมรับช่อดอกไม้ของผมไป เฮียมองดอกไม้ในมือด้วยสายตาอ่อนโยน จับดอกไม้นั่น อย่างเบามือก่อนจะวางลงบนโต๊ะทำงาน โอยแขนล้าไปหมด ทำไมมันยากเย็นอย่างกับขอผู้หญิงแต่งงานเลยวะ แต่มันก็คุ้ม อย่างน้อยเฮียก็จะได้เลิกโกรธผมเสียที



   "วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก" เฮียพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความ ผมพยักหน้าเร็วๆ ให้เฮียรู้ว่าผมจะเป็นนายคีรินทร์เด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน


   "คราวหน้าผมจะดูแบตโทรศัพท์เอาไว้ตลอดเลย ไม่ลืมโทรบอกพี่เมฆแน่นอน ว่าแต่ไม่โกรธแล้วนะ"


   "อืม" ผมบอกแล้ว ว่าประโยคข้างบนน่ะ ยาวที่สุดในชีวิตเฮียแล้ว


   "เฮีย ไปกินข้าวข้างนอกกันมั้ย เดี๋ยวผมโทรบอกป้าจันทราเอง" เฮียเงยหน้ามามองผมด้วยสายตาเอือมระอา


   "ตามใจ"


   "งั้นเลือกร้านเลยนะเฮีย"


   "พี่เหลืองานอีกนิดหน่อย"


   "ครับ รอได้ เฮียไม่รีบ"



   งานอีกนิดหน่อยของเฮีย....



   อีกนิดหน่อย...



   ตอนนี้มันใกล้จะสามทุ่มแล้วเว้ยยยย ตั้งใจจะแกล้งกันหรือเปล่าวะเนี่ย ถึงจะบอกว่าไม่รีบ แต่มันใช่เรื่องมั้ย ผมที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต ต้องมาหิ้วท้องรอ กินข้าวไม่ตรงเวลา โรคกระเพาะถามหาใครจะรับผิดชอบ 



   ฉันต้องรออีกนานมั้ย ต้องรอเธออีกนานมั้ย อยากจะร้องเพลงนี้ให้เฮียได้ฟังเสียจริง ผมก็ยังเหมือนเดิม ทำได้แค่บ่นในใจ ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มพร้อมที่จะรอได้ตลอดเวลา



   ในที่สุด เวลาของผมก็มาถึงแล้ว เฮียปิดหน้าจอโน้ตบุคตรงหน้าลง เก็บปากกาให้เข้าที่ และเสียงสวรรค์ก็บังเกิดขึ้น เมื่อเฮียโทรศัพท์ภายในออกไปหาพี่ยา เลขาส่วนตัว พี่ยาน่าจะได้รับรางวัลพนักงานดีเด่นเสียจริง เจ้านายอยู่ดึกก็ยังต้องรอไม่ได้กลับบ้านกลับช่อง



   "คุณอารยา" เสียงทุ้มกรอกเสียงลงไปยังปลายสาย


   "ค่ะ คุณเมฆ"


   "มีงานเร่งอะไรอีกมั้ยครับ ถ้าไม่มีแล้ว วันนี้ผมขอตัวก่อน"


   "ไม่มีแล้วค่ะ คุณเมฆ ส่วนพรุ่งนี้มีประชุมตอนช่วงเช้าเวลาสิบโมงค่ะ"


   "ครับ ขอบคุณมาก" เฮียวางหูโทรศัพท์ลงอย่างเบามือ สมเป็นผู้ดีจริงๆ ผมก็แทบจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งที่ชีวิตกำลังจะได้ออกสู่โลกกว้างอีกครั้ง


   "หิวหรือยัง" ถามอะไรออกมา! รู้ตัวมั้ยครับ เฮีย นี่มันกี่โมงกี่ยาม มาถามว่าหิวมั้ย มันใช่เรื่องมั้ย เพื่อนเล่นเหรอ


   "ก็เริ่มหิวแล้วครับ เฮียหิวยัง" ผมยิ้มตอบหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า บรรจงตอบเฮียไปด้วยท่าทียิ้มแย้ม


   "งั้นไปกันเถอะ เลือกร้านได้แล้วใช่มั้ย"


   "ครับ"


   "ร้านไหน บอกทางพี่ด้วยล่ะ" เฮียพูดจบก็หยิบเสื้อสูทพาดแขน หยิบช่อดอกไม้ไว้ในอ้อมแขนด้วยความทะนุถนอมเบามือ เสร็จแล้วหันมาพยักหน้าบอกให้รู้ว่าพร้อมที่จะไปแล้ว ผมเดินตามเฮียออกไปจนถึงหน้าตึก ก็เจอรถคันงามของเฮียจอดไว้แล้ว วันนี้เฮียขับรถกลับบ้านเอง คาดว่าทีแรกคงจะกลับบ้านดึกกว่านี้ เลยบอกให้ลุงหมายกลับไปพักผ่อนแล้ว ไม่ต้องรอ




   เฮียพยักหน้าบอกพนักงานหน้าตึกให้เปิดประตูด้านหลังคนขับแล้วบรรจงวางดอกไม้ของเฮียเบาๆ ผมล่ะหมั่นไส้จริง ส่วนผมน่ะเหรอ ก็ก้าวขึ้นไปนั่งที่ประจำด้านข้างคนขับอย่างรู้งาน  บอกเส้นทางกับชื่อร้านให้คนขับได้รับรู้ แล้วรถคันหรูของเฮียก็ออกตัวอย่างนุ่มนวล




   เฮียเมฆขับรถเบนซ์ CLS Coupe เรียบหรู มีราคา เฮียเคยบอกว่าไม่ชอบ จะรถยนต์แบบไหนมันก็เป็นรถยนต์ที่สามารถพาเราไปถึงที่หมายด้วยกันทั้งนั้น แต่ด้วยหน้าที่การงานของเฮียทำให้ รถประจำตำแหน่งจึงต้องเชิดหน้าชูตาเพื่อแสดงถึงความมั่นคงของบริษัทออกมาได้เป็นอย่างดี เฮียจำต้องใช้รถคันนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่าหาว่าผมติดหรู หัวสูงอะไรแบบนั้นเลย รถคันอื่นผมก็นั่งได้ ไม่ได้คันคะเยอ มีผื่นขึ้นอะไรแบบนั้น แต่รถเฮียน่ะนั่งสบาย ผมชอบ แล้วยิ่งเวลาเฮียเป็นคนขับ ผมยิ่งชอบ เฮียเป็นคนที่ขับรถดี นั่งอยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัย แล้วก็เป็นขาเหยียบ สายความเร็วด้วยคราวเดียวกัน เฮียรู้ว่าเมื่อไหร่ถึงควรจะขับให้ดี ปลอดภัย หรือเมื่อไหร่ควรจะใช้ความเร็วตามความแรงของรถที่มี  อย่าหาว่าผมนินทาเฮียเลย ถ้าออกต่างจังหวัดนะ เฮียขับแปปเดียวถึงปลายทาง แปปเดียวจริงๆ




   ในที่สุดผมก็มาถึงที่หมาย  ร้านนี้ไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่ผมเลือก ร้านนั้นเป็นร้านอาหารที่คนส่วนใหญ่เลือกไปกันนี่แหละครับ แต่เพราะเวลานี้มันใกล้จะสามทุ่มแล้ว ถ้าไปครัวก็ใกล้จะปิดแล้วใช่มั้ย ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย จากร้านอาหารธรรมดาก็เลยเป็นร้านกึ่งผับนิดหน่อย มีเหล้าดื่ม มีเพลงฟัง มีสาวเต้นเยอะ มีอาหารอร่อย มันดีจะตายไป เฮียปรายตามามองผมแวบนึง แต่ก็ไม่พูดอะไร ดับเครื่องแล้วเปิดประตูลงจากรถ


---------------
ต่อด้านล่างค่ะ


ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: เมฆ ฤ จะเหนือภูเขา™ ☁☁ ⇋ ♣♣
«ตอบ #2 เมื่อ27-07-2016 22:02:13 »

ต่อค่ะ

-------------------------


   
'Chill Bar & Resturant'



   ร้านนี้เปิดเพลงดี เพลงเพราะ ผมเคยมากับไอ้ธร 2-3 ครั้ง มาแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายดี ที่นี่ไม่ได้เปิดเฉพาะเพลงที่กำลังฮิตอยู่ในปัจจุบัน แต่ยังมีแทรกเพลงเก่าๆ พอให้คนวัยทำงานรู้สึกคุ้นเคยกับเพลงบ้าง ร้านนี้มีไม่กี่โต๊ะที่ไว้สำหรับรับประทานอาหารจริงจัง ส่วนใหญ่จะเป็นโต๊ะเล็กๆ ไม่มีเก้าอี้นั่งมากกว่าไว้สำหรับสายเต้น วันนี้วันธรรมดาคนไม่เยอะเท่าวันศุกร์หรือเสาร์ ผมเลยได้โต๊ะนั่งบริเวณแถวกระจก มองออกไปเจอม่านน้ำตกขนาดกำลังดี มีปลาคาร์ฟตัวใหญ่แหวกว่ายหลายตัว มองแล้วก็เพลินตา พนักงานยื่นเมนูอาหารมาให้ เฮียกับผมต่างคนต่างสั่งอาหารให้ตนเองเสร็จแล้วก็คืนเมนูให้กับพนักงาน




   "เฮีย ผมดื่มเหล้าได้มั้ย" รอคำสั่งอนุมัติครับ มากับผู้ปกครองมันก็ลำบากแบบนี้แหละ


   "พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ" เฮียไม่ได้ปฏิเสธแต่คำพูดก็สื่อออกมาชัดเจน


   "นะ เฮีย พรุ่งนี้เรียนบ่าย แล้วผมก็มากับเฮีย คุณป้าไม่ว่าหรอก"


   "คี" เฮียพูดเสียงต่ำอย่างระอา


   "เอาน่าเฮีย นิดๆ หน่อยๆ เอง"


   "อย่าดื่มเยอะล่ะ" ไชโยโห่ฮิ้ว กรีดร้องเสียดังภายในใจ ผมไม่รอช้า ยกมือเรียกพนักงานในร้านสั่งเครื่องดื่มให้ตนเองพร้อมสรรพ


   "เฮียดื่มด้วยมั้ย"


   "ไม่ล่ะ ต้องขับรถ" ถูกของเฮีย แต่ดื่มคนเดียวมันก็เซ็งๆ เนาะว่ามั้ย



   อาหารที่สั่งไปเริ่มทยอยมา เฮียกับผมนั่งทานกันเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร โดยปกติก็เป็นแบบนี้แหละ เฮียเป็นคนพูดน้อย ผมเคยถามคุณลุงว่าเฮียพูดน้อยแบบนี้จะคุยงานยังไง เพราะต้องอธิบายเรื่องแบบที่เขียน เรื่องข้อตกลงต่างๆ คุณลุงหัวเราะดีดหน้าผากผมเบาๆ แล้วบอกว่า



   "เด็กโง่ เรานี่ไม่รู้อะไร พี่เขาน่ะ ตอนทำงานพูดเยอะเสียจนลูกค้าปฏิเสธไม่ทันเลยเชียวล่ะ" ผมไม่ได้โง่นะ แต่คุณลุงชอบพูดแบบนี้อยู่เรื่อย


   ผมน่ะ นึกภาพไม่ออกเลยว่าในช่วงเวลานั้น เฮียพูดได้จริงอย่างที่คุณลุงบอกหรือไม่ บางทีผมก็คิดนะว่าเฮียพูดภาษาไทยได้จริงหรือเปล่า หรือพูดได้เท่านี้ หรือว่าเฮียอมอะไรไว้ในปาก ผมล่ะ งงจริงๆ


   "คิดอะไรพิเรนทร์อยู่" เฮียทักผมระหว่างที่กำลังคิดเรื่องเฮียอยู่พอดี


   "เปล่าครับ " ใครจะกล้าตอบว่ากำลังนินทาเฮียอยู่ในใจกันล่ะ


   "โกหก"


   "เปล่าจริงๆ เฮีย"



   อิ่มจากมื้ออาหารแล้ว ผมเริ่มดื่มน้ำสีอำพันในมือไปเรื่อยๆ  สักพักก็เริ่มมึน  เพลงกำลังเพราะ บรรยากาศก็ดี ผมโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลงเบาๆ เฮียดื่มน้ำเปล่า มองผมที่ดูจะมีความสุขอยู่ตามลำพัง  แล้วเฮียก็ยิ้มให้ผม เฮียยิ้มไม่บ่อย ผมรู้สึกว่าเฮียไม่ค่อยยิ้มเอาเสียเลย ทั้งที่เป็นคนที่ยิ้มแล้วออกจะน่ามอง ผมเจอเฮียทีไร ใบหน้ามักเรียบเฉยอยู่ตลอด จะเห็นเฮียยิ้มมากหน่อยเวลาคุยกับคุณป้าจันทรา ผมอยากให้เฮียยิ้มบ่อยๆ นะ



   "คุณครับ" พนักงานเดินมาหยุดที่ตรงหน้าผม ยื่นกระดาษสีขาวขนาดเล็กมาให้ ผมมองตามนิ้วของพนักงานที่ชี้ไปยังโต๊ะอีกฝั่งใกล้ประตูทางออก สบตากับคนส่งที่มา ผมยิ้มให้เขาแล้วค่อยรับกระดาษแผ่นนั้นมาอ่าน


   
'ชื่ออะไร ผมขอเบอร์ได้มั้ยครับ คนสวย'


   อารมณ์ที่กำลังดีของผมสะดุดกึก อะไรวะ คนสวย ไอ้นี่ มึงวอนหาเรื่องตายมากใช่มั้ย จะจีบใครทั้งที เสือกมีตาหามีแววไม่ ผมขอยืมปากกาของเฮียที่เหน็บอยู่ตรงกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแล้วมาขีดๆ เขียนๆ อะไรบางอย่างลงไปก่อนจะยื่นกลับไปให้พนักงานคนเดิม


   'คนสวยอะไรวะ กูเป็นผู้ชาย และถ้ายังไม่รู้กูจะบอกให้เอาบุญ กูมากับผัวกู มึงแหกตาดูบ้างมั้ย' เขียนลงไปแบบซอฟท์ๆ นะครับ ไม่อยากหาตีนให้เฮีย ถ้ามา สองคนกับไอ้ธรล่ะก็ ผมไม่ทำแค่เขียนครับ เดินไปกระทืบหน้าแม่ง ข้อหาตาไม่ดี พูดจากวนโมโห



   "เฮียเมฆ กลับกันเถอะ" บรรยากาศกำลังดี แต่เจอแบบนี้อารมณ์เสียครับ


   "คิดเงินเลยละกัน" เฮียไม่ถามให้มากความ พูดจบก็เรียกพนักงานมาเก็บเงิน



   ผมรอจนเฮียจ่ายเงินเรียบร้อย รอจนเฮียลุกขึ้นยืนผมก็รีบปรี่เข้าไปคล้องแขนเฮียเอาไว้ ผมเซไปเล็กน้อย คงเป็นเพราะดื่มไปหลายแก้วทีเดียว ศีรษะพิงไหล่เฮีย ประหนึ่งง่อยเปลี้ยเสียขาไปแล้ว เงยหน้ายิ้มให้เฮีย เฮียมองผมด้วยสายตาประหลาดใจแต่ก็ไม่เอ่ยอะไร เฮียเลยจำต้องประคองผมนิดหน่อยเพราะผมใกล้จะเป็นอัมพาตแล้ว เราสองคนเดินผ่านโต๊ะนั้น ผมเห็นสายตาของมันมองผมอย่างไม่เชื่อในสายตาของมันเอง ชูนิ้วกลางให้มันไปทีนึง ช่วยไม่ได้ ผมหน้าสวยแต่ไม่ได้เป็นผู้หญิง แถมยังปากหมา สันดานเสียด้วย 




   "เป็นอะไร" เฮียเอ่ยถามผมหลังจากขึ้นมาบนรถแล้ว


   "ไอ้เ-ยนั่น มันจะจีบผม ขอเบอร์ผม แต่เสือกลงท้ายว่าคนสวย โคตรโมโหเลย" เฮียฟังแล้วก็หัวเราะเบาๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องที่มีคนคิดว่าผมเป็นผู้หญิง แต่มันก็ยังทำใจไม่ได้สักที ยิ่งเจอบ่อยเข้าจากไม่ชอบเลยกลายเป็นเกลียดไปโดยปริยาย


   "ยังไม่ชินอีกหรือไง"


   "ใครจะไปชิน ถ้าผมหน้าเหมือนเฮียนะ โอ้ย พูดแล้วโมโหว่ะ"


   "หน้าเหมือนพี่? หน้าเหมือนพี่แล้วทำไม"


   "ถ้าผมหน้าเหมือนเฮียนะ ผมจะ... จะ" เออว่ะ ถ้าหน้าเหมือนเฮียเมฆ แล้วผมจะทำอะไรวะ


   "ทำไม"


   "ช่างเถอะ ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี" ผมตัดบทไป เฮียก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีก


   "แล้วคีเขียนอะไรลงไป"


   "ผมเขียนว่า กูเป็นผู้ชาย มีผัวแล้ว" เฮียหัวเราะเสียงดังกับความเวอร์วังของผม เฮียเมฆไม่ได้โกรธเพราะรู้เรื่องความใจร้อนของผม มือใหญ่ของเฮียเอื้อมมายีหัวผมเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ไม่บ่อยนักที่เฮียจะทำ เฮียเคยบอกว่า ผมโตแล้วคงไม่ชอบให้ใครมาเล่นหัวสักเท่าไหร่ แต่ผมไม่เคยรู้สึกนะ ถึงแม้บางทีจะเคยโมโหบ้างเพราะผมที่อุตส่าห์เซทมาเพื่อตั้งใจจะไปจีบสาวแล้วก็ดันเสียทรงเอาซะได้


   "หน้าตาแบบนี้แหละดีแล้ว"


   "มันจะดีได้ยังไง เฮีย"


   "บางทีก็รู้สึกเหมือนมีน้องสาว" อย่าได้ดูถูกเรื่องปากของเฮียนะครับ ทุกท่าน ถ้าอารมณ์ดีๆ ไม่เครียด เฮียเมฆปากหมาไม่แพ้ใครเลย อ้อ ตีนหนักด้วยนะครับ ผมเองไม่เคยโดนหรอก แต่เคยเห็นคนมีเรื่องกับเฮียก็เข้าโรงพยาบาลไปหลายรายอยู่ เฮียเป็นพวกพูดน้อยต่อยหนัก ประมาณนั้นแหละครับ


   "เฮียพูดแบบนี้ คือจะเอาใช่ป่ะ" ผมหรี่ตามองเฮีย เพิ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าไม่ชอบ ยังมากวนอารมณ์อีก


   "ล้อเล่นน่า"


   "เฮียรู้ป่ะ หลายครั้งที่มีเรื่องชกต่อย เพราะไอ้พวกนั้น เรียกผมว่าไอ้หน้าตุ๊ด หลายครั้งที่โดนจับตูดเพราะมันคิดว่าผมเป็นผู้หญิง"


   "รู้สิ คีบอกพี่เป็นร้อยรอบแล้ว" เฮียหัวเราะเบาๆ สงสัยผมคงจะเมาครับ เพราะเมาทีไรจะพูดซ้ำๆ เหมือนเดิม เรื่องเดิมๆ แต่เฮียก็ไม่เคยรำคาญเลย



รถหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน เมฆาเรียกเด็กในบ้านมารับดอกไม้เพื่อไปจัดใส่แจกันตรงห้องทานข้าว พรุ่งนี้กลิ่นดอกไม้คงจะหอมทั่วไปห้อง สายตาคมดุมองคนที่หลับอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าระอากับสิ่งมีชีวิตนี้ ร่างสูงโน้มตัวลงไปอุ้มคีรินทร์ ค่อยๆ สอดแขนข้างหนึ่งไปช้อนใต้คอ ส่วนอีกข้างสอดเข้าไปใต้ขาระหว่างข้อพับบริเวณหัวเข่า คนที่หลับอยู่ถึงจะไม่ใช่คนที่มีรูปร่างใหญ่หนาอะไรนัก แต่ก็สูงไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งหลับสนิทแบบนี้ น้ำหนักที่ทิ้งตัวลงเป็นทวีคูณ เมฆารีบสาวเท้ายาวๆ ตรงขึ้นไปห้องของน้องชาย ที่อยู่ชั้นสอง ติดกับห้องนอนของตน



   "นอนห้องเฮียนะ" คนที่หลับมาตลอดทาง สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาพูด


   "ไม่ได้"


   "ผมไม่อยากนอนคนเดียว นะครับ พี่เมฆ" พี่ชายตัวโตถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินเลยต่อไปห้องติดกัน ชายหนุ่มเปิดประตูอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย ร่างสูงใหญ่ตรงไปที่เตียงก่อนจะวางในอ้อมแขนลงอย่างเบามือ



   เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เมฆาเดินไปเปิดดูก็พบว่าเป็นป้าสายใจ แม่บ้านที่พ่วงตำแหน่งแม่ครัวของที่นี่ ป้าสายใจยกอ่างเล็กๆ ในนั้นบรรจุน้ำอยู่ครึ่งหนึ่ง พร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวแช่อยู่  ส่วนมืออีกข้างก็ถือชุดนอนของคนที่ยังหลับอยู่



   "ป้าเอามาให้ค่ะ เห็นน้อยบอกว่าคุณคีกลับมาทั้งที่ยังหลับอยู่ ป้าเลยคิดว่าคุณเขาอาจจะนอนไม่สบายตัว"


   "เมาน่ะป้า ขอบคุณครับ" เมฆารับอ่างเล็กนั้นมาไว้


   "ให้ป้าเช็ดตัวคุณคีเองมั้ยคะ" ป้าสายใจอาสาด้วยความหวังดี


   "ไม่เป็นไรครับ นี่ก็ดึกแล้ว ป้าไม่พักเถอะ ผมไม่กวนแล้ว"


   "ป้ายินดีค่ะ ว่าแต่คุณคีไม่ยอมกลับไปนอนห้องตัวเองอีกแล้วเหรอคะ"


   "ครับ โตแล้วแต่ก็ยังทำตัวเหมือนเด็ก"


   "คุณเมฆเองก็เอ็นดูเธอไม่ใช่หรือคะ"


   "ก็เพราะแบบนี้แหละครับ เลยไม่ยอมโตสักที" เมฆาหันไปมองคนก่อปัญหาในห้อง แล้วส่ายหน้าเบาๆ


   "คุณคี เธอเป็นคนน่ารัก ใครจะกล้าขัดใจล่ะคะ งั้นถ้าคุณเมฆจะเช็ดตัวให้เอง ป้าขอตัวไปนอนก่อนนะคะ มีอะไรก็เรียกป้าหรือยัยน้อยได้เลยนะคะ"


   "ขอบคุณอีกครั้งครับป้าสายใจ น้อยด้วย" ชายหนุ่มปิดประตูลง หลังจากป้าสายใจกลับไปแล้ว



   เมฆาวางอ่างเล็กพร้อมชุดนอนไว้ที่พื้นข้างเตียง จับคีรินทร์พลิกร่างไปมาจนกระทั่งถอดเสื้อผ้าของคนตรงหน้าได้หมด ก้มลงไปบิดผ้าชุบน้ำให้หมาด แล้วเริ่มเช็ดตัวคนที่หลับอยู่ คีรินทร์ส่งเสียงประท้วงฮึดฮัดเพราะความหนาวเย็นของน้ำ ผนวกกับอากาศที่ถูกเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ คีรินทร์จึงขดตัวเล็กน้อย เพราะรู้สึกหนาวขึ้นมา



   "อยู่เฉยๆ จะเสร็จแล้ว" เมฆาเอ่ยเสียงเรียบเพราะตอนนี้เจ้าตัวเริ่มไม่ให้ความร่วมมือง่ายๆ เสียแล้ว


   "หนาว พี่เมฆ"


   "รู้แล้ว ถึงให้อยู่เฉยๆ ไง ขยับไปมาแบบนี้ เมื่อไหร่จะเช็ดตัวเสร็จ"


   "ผมหนาว" เช็ดตัวไปได้รอบเดียว เมฆาจำต้องล้มเลิกความคิดที่จะเช็ดตัวรอบที่สอง ชายหนุ่มวางผ้าขนหนูผืนเล็กลงในอ่าง แล้วหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้คนประท้วง กว่าจะเสร็จก็ทำเอาเหนื่อยล้า




   เช้าวันนี้เขาต้องตื่นเร็วกว่าปกติเพราะมีงานด่วนที่รอไม่ได้ กว่าจะเลิกก็ค่อนข้างดึก สงสารเด็กดื้อคนนี้ที่อดทนรอเขาตั้งหลายชั่วโมง เลยยอมตามใจเด็กมีปัญหา เมฆาลุกขึ้นเอาอ่างไปเก็บ แล้วชายหนุ่มก็เริ่มอาบน้ำชำระร่างกายของตนเองบ้าง เมฆาอาบน้ำเสร็จก็รู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิม ร่างสูงเดินเข้ามานอนบนเตียงที่ยังพอมีพื้นที่ว่างให้เจ้าของได้นอน ในใจอยากจะดีดหน้าผากคนหลับนี่เสียจริง ห้องก็ไม่ใช่ห้องตนเองแต่มายึดครองไปเสียเกือบหมด




   เมฆาล้มตัวนอนก็หันไปมองร่างข้างๆ ที่กำลังหลับ ชายหนุ่มเอื้อมไปลูบผมสีดำตรง เส้นเล็กที่ค่อนข้างยาวนั้นเบาๆ


   "ฝันดีนะ คี" พูดจบเมฆาก็หลับตาเตรียมเข้าสู่ห้วงนิทรา แต่ยังไม่ทันจะหลับ ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงแรงกอดที่มาจากคนข้างๆ คีรินทร์เขยิบตัวเข้ามากอดเขาไปไว้เต็มตัว ศีรษะได้รูปยกขึ้นมาวางที่หน้าอกแข็งแรง ขายาวของเจ้าตัวก่ายเกยขึ้นมา เมฆาถอนหายใจเบาๆ นี่เขาไม่ใช่หมอนข้าง เจ้าเด็กนี่ขนาดหลับยังก่อความวุ่นวายไม่เลิก



   เมฆาปรายตาลงไปมองศรีษะที่นอนทับบนหน้าอกของเขาแทนต่างหมอนแล้วก็อยากจะเขกกะโหลกเด็กนี่สักที แต่ความคิดก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเห็นว่าคนที่น่าจะยังหลับอยู่ บัดนี้กลับจ้องมองมาที่เขาเช่นกัน


   "ตื่นแล้วเหรอ พี่ไม่ใช่หมอนข้างนะคี ลุกออกไปได้แล้ว"


   "ผมก็ไม่เคยคิดว่าพี่เป็นสักหน่อย แค่อยากกอดพี่เมฆแบบนี้ต่างหาก"


   "โตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ"


   "ก็เพราะว่าโตแล้วไง มันถึงเป็นแบบนี้ พี่เมฆลูบหัวบ่อยๆ สิ ผมชอบ"


   "นี่ยังไม่หายเมาใช่มั้ย" ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่เมฆาก็ตามใจน้อง มือหนาลูบศีรษะคีรินทร์เบาๆ


   "มึนๆ อยู่เลย" มือขาวเอื้อมมือมานวดเบาๆ บริเวณขมับ


   "ดื่มไปซะหลายแก้ว เป็นเด็กเป็นเล็ก นิสัยเสียจริงๆ"


   "พี่เมฆนี่เมาแทนผมใช่ป่ะ ตะกี้เพิ่งบอกว่าผมโตแล้ว ตอนนี้บอกว่าเด็ก จะเอายังไงกันแน่" เสียงทุ้มบ่นอู้อี้อยู่บนหน้าอกของเมฆา


   "มันไม่เหมือนกัน"


   "แล้วอะไรที่เหมือนกันล่ะ"


   "เมาแล้วอย่าเรื้อน อย่าพาลได้มั้ย"


   "ผมเปล่า พี่เมฆนั่นแหละพูดจาไม่รู้เรื่อง"


   "นอนเถอะคี วันนี้พี่เหนื่อย" เมฆาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนเมา ตัดบทเพื่อให้คีรินทร์ได้นอนต่อ


   "พี่เมฆ จูบก่อน"


   "ไม่"


   "ถ้าไม่จูบ ผมไม่นอนจริงๆ ด้วย"


   "คี" เมฆาพูดด้วยความอ่อนใจ


   "เร็วๆ พี่เมฆ"


   "ถ้าพี่จูบแล้ว คีต้องนอนนะ"


   "ตกลง"



   แต่เมฆาก็ไม่ได้จูบคีรีนทร์อย่างที่บอกออกไป กลับเป็นคีรินทร์ที่กระเถิบตัวขึ้นมาแทน ริมฝีปากบางจูบลงเน้นหนักบนปากอิ่มของพี่ชาย คีรินทร์แทะเล็มอีกฝ่ายอยู่นาน แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากคนข้างใต้ คนที่เริ่มก่อนส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอด้วยความขัดใจ ส่งผลให้เมฆาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอกับท่าทางของคนเก่งด้านบน



   "พี่เมฆ" เสียงทุ้มของคีรินทร์เริ่มไม่พอใจกับท่าทางของพี่ชายที่เอาแต่นิ่งเฉย เขาเองรู้ดีว่าตนเองไม่ได้ด้อยประสบการณ์เรื่องบนเตียง แต่การที่ถูกอีกฝ่ายเฉยใส่แบบนี้แสดงว่าเจ้าตัวกำลังโดนแกล้งอยู่แน่นอน


   "อืม" เมฆาตอบรับเท่านั้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกไล้ริมฝีปากของอีกฝ่ายแทน



   ร่างสูงใหญ่กว่าพลิกตัวคนข้างบนให้เป็นฝ่ายนอนอยู่ภายใต้ร่างของเขาแทน เมฆากวาดลิ้นหนาเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่าย รสเหล้ายังอวลอยู่ในปากของคีรีนทร์ แต่มันกลับทำให้รู้สึกแปลกออกไปอีกแบบ อุณหภูมิเย็นฉ่ำภายในห้อง แต่สองร่างกลับมีแต่ความร้อนรุ่มอยู่ภายใน รสจูบนั้นดูทีท่าจะไม่หยุดลงง่ายๆ หากคีรีนทร์ไม่ได้ประท้วงขอหยุดเอาไว้เสียก่อนเพราะตัวเขาเองใกล้จะขาดอากาศหายใจเสียแล้ว เสียงหอบหายใจยังได้ยินชัดในความรู้สึก



   "ทีนี้ก็นอนได้แล้วนะ" เมฆารอจนปรับลมหายใจได้เป็นปกติจึงพูดขึ้น


   "อือ" เมฆากระชับผ้าห่มให้น้องชาย ดูจนแน่ใจแล้วว่าเจ้าตัวจะไม่หนาวกลางดึก จึงหลับตาลงหมายจะนอนเสียที แต่มือหนายังโอบคนข้างๆ ไว้แนบชิดกับตัวเอง ส่วนอีกฝ่ายก็พลิกกอดพี่ชายเสมือนเป็นหมอนข้าง ก่อนที่ทั้งคู่จะหลับไปด้วยกัน




-----------------------------------------------------------
เป็นยังไงกันบ้างคะ ติชมได้เล้ยยยย
เจอคำผิดตรงไหน แจ้งมาได้เลยค่ะ ไม่ต้องเขินนนน แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ

รักคนอ่านทุกคนค่า  :mew1:


ออฟไลน์ monoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เจิมมมม
เรื่องใหม่  ท่าทาง คี จะแสบน่าดู

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เขาคบกันอย่างไรนี่

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 'คนสวยอะไรวะ กูเป็นผู้ชาย และถ้ายังไม่รู้กูจะบอกให้เอาบุญ กูมากับผัวกู มึงแหกตาดูบ้างมั้ย'
คี จองเฮียเมฆ เป็นผัว แล้วใช่มั้ย :katai3:
 "พี่เมฆ จูบก่อน"
"ไม่"
"ถ้าไม่จูบ ผมไม่นอนจริงๆ ด้วย"
 "ถ้าพี่จูบแล้ว คีต้องนอนนะ"
"ตกลง"
มันเป็นแบบนี้มาแต่เมื่อใด  :katai1: :katai1: :katai1:
คี  อ้อน พี่เมฆ น่าร้ากกก  :-[ :-[ :-[
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
+1 ให้ทุกคนแล้วน้า จุ๊บๆ




ภูเขาลูกที่สอง



   "เมื่อคืนเมากลับมาอีกแล้วเหรอ พ่อตัวดี" คุณป้าจันทราเอ่ยถามผม ขณะที่ผมกำลังเดินลงบันไดมาจากชั้น2 ของตัวบ้าน


   "เปล่าสักหน่อยครับ ป้าจัน" ผมรีบพุ่งเข้าหาคุณป้า กอดเอวอวบหนานั้นแน่นๆ


   "ไม่ต้องมาอ้อนป้าเลย"


   "โธ่ เมื่อวานผมไปกับพี่เมฆนะครับ ไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนเลย"


   "จ้ะๆ เรื่องเฉไฉล่ะเป็นที่หนึ่ง แล้วนี่หิวหรือยังล่ะ"


   "ก็หิวนิดหน่อยอยู่เหมือนกันครับคุณป้า แต่เดี๋ยวคีไปทานที่มหาลัยก็ได้ครับ"


   "ทานที่นี่แหละ ข้างนอกน่ะอาหารทำเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ ยังไงอาหารที่บ้านก็สะอาดกว่า" คุณป้าจัดแจงเรียกน้อยมาจัดโต๊ะเตรียมมื้ออาหารให้ผม ไม่นานนักอาหารที่อุ่นร้อนๆ ก็ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้า รสมือป้าสายไม่เคยตก อร่อยเหมือนเดิม ผมทานไม่นานก็จัดการอาหารตรงหน้าจนเรียบ ป้าจันกับป้าสาย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด


   "อิ่มแล้วครับ ขอบคุณครับ"


   "เดี๋ยวป้าให้ลุงหมายขับไปส่งที่มหาลัยนะ"


   "อ้าว ลุงแช่มไปไหนเหรอครับ" คือปกติแล้วเนี่ย ลุงหมายจะรับหน้าที่ขับรถให้คุณลุงกับพี่เมฆ โดยตอนเช้าเนี่ย ทั้ง สองคนจะไปทำงานพร้อมกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพี่เมฆเสียคนเดียวมากกว่า เพราะตอนนี้คุณลุงเริ่มวางมือจากบริษัทมากขึ้นแล้ว ส่วนลุงแช่มจะคอยขับรถไปส่งคุณป้า หรือส่งผมไปเรียนมากกว่า


   "เมื่อเช้าป้าให้ลุงแช่มออกไปทำธุระ ส่วนตาเมฆก็กำลังจะไปทำงานพอดี ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ป้าเลยให้ลุงแช่มไปส่งเสียทีเดียวเลย จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา ไม่เปลืองน้ำมันด้วย เดี๋ยวลุงหมายไปส่งเราที่มหาลัยเสร็จก็รับลุงแช่มกลับมาพร้อมกันเลย วันนี้พี่เราน่ะบอกจะขับรถกลับเอง เลิกเรียนกี่โมงก็อย่าลืมโทรบอกพี่เขาเสียด้วย ป้าล่ะกลัวดอกไม้จะล้นเต็มบ้าน เมื่อวานก็ดูจะง้อเสียช่อใหญ่เลยเชียว" ป้าจันทราพูดพลางหัวเราะในพฤติกรรมลูกชายพร้อมๆ กับการไถ่โทษของผม เข้าใจตรงกันครับ โกรธทีไรดอกไม้เต็มบ้าน


   "ครับ คุณป้า งั้นคีไปเรียนก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเข้าเรียนสาย" ก้มลงหอมแก้มขาวเบาๆ ทั้ง สองข้างของป้าจันทรา


   "จ้ะ ตั้งใจเรียน ไปดีมาดีนะลูก" คุณป้าลูบศรีษะผมเบาๆ เมื่อให้พร


   "สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้ผู้สูงวัยก่อนจะออกจากบ้านไป




   ระหว่างทางที่กำลังนั่งรถไปมหาวิทยาลัย ผมก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเข้าไปนอนในห้องเฮียเมฆ และก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมกับเฮียจูบกัน ผมรู้ปัญหาระหว่างผมกับเฮียเมฆได้ดี เฮียเองก็เช่นกัน เราสองคนพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องความรู้สึกของกันและกัน เพราะผมรู้ตัวดีว่าผมยังไม่พร้อม



   ผมยังไม่พร้อมจริงๆ ที่จะเปิดรับใครตอนนี้



   ผมรู้ ผมเหมือนคนเห็นแก่ตัว แต่ทั้งเฮียและผม เราต่างก็รู้ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาและความอดทน หากเมื่อใดที่ความอดทนของใครถึงขีดจำกัด ไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็คงต้องจากไป ผมอยากให้เราสองคนเป็นน้องคีกับเฮียเมฆแบบนี้ แค่แบบนี้ต่อไปได้หรือเปล่า



   ผมขอมากเกินไปมั้ย



   แต่เดี๋ยวนะ เรื่องที่ผมกับเฮียจูบกันนี่ พวกคุณรู้กันได้อย่างไร เพราะผมไม่ได้เล่าอะไรสักหน่อย เมื่อคืนผมมึนๆ เพราะเหล้าที่ดื่มไปหลายแก้ว นอกจากผมกับเฮียเมฆแล้ว ใครเล่าให้พวกคุณกันล่ะ



   "ไงมึง เมื่อคืนเปรมปรีดีมั้ย" ผมเอ่ยทักไอ้ธรที่กำลังซดน้ำก๋วยเตี๋ยวอยู่ในโรงอาหารใต้ตึกของคณะ


   "ไม่ว่ะ มึงไม่ไป กูเลยเปลี่ยนใจไม่ไป"


   "อ้าว ไมงั้นวะ ถึงกูไม่ไปแต่คนอื่นก็ยังไปอยู่นี่หว่า" ผมทรุดตัวนั่งลงข้างๆ มัน


   "เรื่องของกู" ไอ้ธรมันว่าแบบนั้น


   "ติดกูเหรอ พอกูไม่ไปเลยหงอยเป็นหมาสินะ"


   "พูดมาก ว่าแต่มึงเถอะ ปฏิบัติการณ์ง้อพ่อเป็นไงบ้าง" ไอ้ธรเปลี่ยนเรื่องมาถามเรื่องเฮียเมฆ


   "มือชั้นนี้แล้ว มันต้องสำเร็จดิวะ"


   "พ่อมึงก็โกรธเก่งชิบหาย"


   "ถึงเฮียจะเป็นแบบนี้ แต่ก็รู้แหละว่าจริงๆ แล้วเป็นห่วงกู"


   "เหอะ ไอ้พ่อลูก ท้องชนกัน"


   "ไอ้ธร พูดให้มันดีๆ นะเว้ย เดี๋ยวกูถีบไม่ยั้ง"


   "ล้อเล่นแค่นี้ ทำเป็นโมโหไปได้"


   "กูไม่ชอบ" ผมมองหน้ามันด้วยสีหน้าแสดงออกไม่พอใจกับคำพูดของมัน


   "เฮ้ย กูขอโทษ" ไอ้ธรรู้ตัวว่าเล่นมากเกินไป


   "เออๆ ช่างแม่งเหอะ กูไม่อยากถือคนบ้าอย่างมึง ไปเรียนกันได้แล้วเว้ย" ผมรับคำขอโทษของมันแล้วชวนมันไปเรียน




   ใกล้จะสอบปลายภาคของเทอมสองแล้ว เทอมหน้าผมก็จะกลายเป็นนักศึกษาปีที่สี่ และอีกไม่กี่เดือน ผมก็จะมีอายุครบ ยี่สิบปี ผมเกิดในช่วงเดือนที่ร้อนที่สุดของปี ผมไม่ค่อยชอบวันเกิดของตัวเองสักเท่าไหร่เพราะมันเป็นช่วงปิดเทอม วันเกิดของผมมักเงียบเหงาอยู่เสมอ ปราศจากเพื่อนๆ แต่ก็เต็มพร้อมไปด้วยครอบครัว ถึงอย่างนั้น นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ ของผมหรอกครับ ปัญหาจริงๆ ก็คือเมื่อถึงหน้าร้อนปิดเทอม ผมต้องกลับบ้านไปหาครอบครัวที่แท้จริงของผม ผมไม่อยากอยู่ห่างเฮียเมฆ แล้วผมก็ไม่อยากกลับไปบ้านเพื่อไปเจอใครบางคน ในสภาพแวดล้อมเก่าๆ




   "โคตรยากเลย นี่แค่ควิซนะ ถ้าตอนสอบจะทำได้มั้ยเนี่ย" ไอ้ธรบ่นอุบหลังเดินออกมาจากห้องเรียน


   "แล้วตอนอาจารย์สอน มึงดันหลับทำไมล่ะ" ผมด่ามันพร้อมกับผลักหัวโง่ๆ ของมันไปทีหนึ่ง


   "ก็กูง่วงนี่นา เสียงอาจารย์มันเหมือนเสียงของแม่เวลากล่อมกูเข้านอน"


   "กูจะอ้วกว่ะ ข้ออ้างชัดๆ ถ้าสอบตกมึงก็ไปขอคะแนนจากอาจารย์เอาละกัน ว่าอาจารย์นั้นเหมือนแม่ของมึงอีกคน"


   "แล้วคืนนี้เอาไง"


   "ค้างห้องมึง โอเคมั้ย"   


   "เออ จะได้ทำอะไรสบายๆ หน่อย"


   "งั้นเดี๋ยวกูโทรบอกเฮียก่อน" ตรงนี้คนค่อนข้างพลุกพล่าน ผมเลยเลี่ยงมากดโทรศัพท์อีกทาง ได้มุมพอเหมาะที่ค่อนข้างเงียบแล้วผมจึงต่อสายไปหาพ่อ อย่างที่ไอ้ธรมันชอบเรียก


   "ฮัลโหล เฮีย" ผมรอเสียงสัญญาณปลายสายดังอยู่สักพัก เฮียก็กดรับ


   "ว่า?"


   "วันนี้ไปนอนค้างที่ห้องไอ้ธรนะ เฮียไม่ต้องมารับนะครับ"


   "ไปนอนทำไม?"


   "ผมนัดกับไอ้ธรว่าจะไปเที่ยวกัน น่าจะดึกเลยไม่อยากกวนให้เฮียต้องมารับ"


   "ตามใจ หวังว่าพี่คงจะไม่ได้รับโทรศัพท์กลางดึกเพื่อไปประกันตัวเราที่โรงพักนะ พี่อยากนอนพักยาวๆ" เฮียอนุญาตเชิงจิกกัดผม แต่ผมก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร คำพูดนี้ได้ยินบ่อยจากปากเฮีย มันเลยไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรนัก


   "ครับ ผมจะทำตัวดีๆ เรียบร้อยให้มากที่สุดเลย" และผมก็จะตอบเฮียแบบนี้ทุกครั้ง เฮียรู้ทันเพราะผมได้ยินเสียงหัวเราะของคนปลายสาย


   "อย่าลืมโทรบอกคุณป้าด้วย"


   "ได้ครับ"


   "แล้วพรุ่งนี้ถ้าจะให้พี่ไปรับกี่โมงก็โทรมาบอกละกัน แต่อย่าเช้าเกินไปล่ะ พี่ง่วง" เฮียไม่ใช่คนที่ชอบนอนตื่นสาย แต่ช่วงนี้ใกล้สิ้นปีแล้ว มีการประชุมเยอะแยะไปหมด ไหนจะเรื่องตัวเลขที่ต้องปิดงบอีกมากมาย ทำให้เฮียเมฆต้องทำงานหนักและกลับบ้านดึกอยู่บ่อยๆ แถมยังมีผมที่เป็นภาระให้เฮียมาคอยรับอยู่เนืองๆ อีก วันหยุดทั้งที เฮียคงอยากพักผ่อนให้มากกว่าปกติ


   "ครับ คงสักเที่ยงๆ บ่ายๆ นั่นแหละ เดี๋ยวผมโทรบอกอีกที"


   "โทรหาคุณป้าด้วย อย่าลืม" เฮียสั่งย้ำอีกรอบ เพราะถ้าป้าจันทราถามหาล่ะจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต


   "เดี๋ยวโทรหาคุณป้าเดี๋ยวนี้เลย" ผมกำลังจะกดตัดสาย แต่ได้ยินเสียงจากอีกฝั่งดังออกจากโทรศัพท์ผม


   "คี"


   "ครับ?"


   "อย่าทำให้พี่เป็นห่วง"


   "ครับ"


   "ดูแลตัวเองดีๆ แล้วที่สำคัญ ป้องกันด้วย"


   "ไม่ใช่อย่างที่เฮียคิดหรอกน่า"


   "แน่ใจ?" เฮียพูดแค่นั้นก็วางสายไป เฮียรู้ทันและดูออกเสมอ ผมรีบกดโทรศัพท์บอกป้าจันทราก่อนจะลืม


   "เรียบร้อยมั้ย" ไอ้ธรทักเมื่อเห็นผมเดินกลับเข้ามา


   "ระดับนี้แล้ว"


   "งั้นเดี๋ยวกลับไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ห้องกูก่อน  ดึกๆ ค่อยออกไปหาสาวกัน" ผมพยักหน้ารับคำมันก่อนจะเดินไปรถของไอ้ธร




   ผับที่ผมไปกับไอ้ธรวันนี้ค่อนข้างจะเป็นผับของคนที่มีอายุหน่อย อายุช่วงเฮียเมฆน่ะครับ ไม่ใช่ผับวัยรุ่นมหาวิทยาลัย อะไรเทือกนั้น เพลงที่เปิดในร้านนั้นนอกจากจะไม่ใช่เพลงใหม่ตามสมัยแล้ว ยังค่อนข้างจะย้อนวัยไปหลายปีทีเดียว เพลงบางเพลง ผมกับไอ้ธรก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ฟังไปมันก็เพราะดี ทำนองและดนตรีดูแตกต่างจากปัจจุบัน บทเพลงก็มีเสน่ห์ของมันนั่นแหละครับ เปลี่ยนบรรยากาศก็ทำให้ได้อะไรเพลินๆ ไปอีกแบบ




   ผมชนแก้วกับไอ้ธรไม่ยั้ง สายตาสอดส่ายไปรอบๆ บริเวณไม่มีหยุด ผมกับมันต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อโต๊ะนั้น โต๊ะนี้อย่างออกรส จะเรียกว่านินทาก็ไม่เชิงสักทีเดียว เพราะโต๊ะไหนหน้าตาดี หุ่นดี รูปร่างดี ผมก็ว่าดี โต๊ะไหนไม่ถูกสไตล์ผมก็บอกออกไป ของแบบนี้ต้องคุยกันครับ เกิดจับพลัดจับผลูมาสนใจคนเดียวกัน เดี๋ยวจะเสียเพื่อนได้ แล้วสายตาผมก็พลันไปสะดุดที่โต๊ะหนึ่ง ผมคุ้นๆ ว่าทีแรกผมไม่เห็นคนนี้ที่โต๊ะนี้แน่ๆ คาดว่าเจ้าตัวคงจะเพิ่งมา สายตาของผมสบตากับคนโต๊ะนั้นอย่างจัง ผมยกแก้วเหล้าชูทักทายเขาเป็นพิธี ฝ่ายนั้นชูแก้วขึ้นตอบกลับให้ผมเหมือนกัน  แล้วจุดเริ่มต้นของเราก็คงจะเริ่มกันไม่ยาก  ผมพยักเพยิดกระซิบบอกไอ้ธร สองสามคำพอเป็นพิธี แล้วก็เดินจากโต๊ะไปบันไดหนีไฟ หากเราใจตรงกัน เขาคงจะตามผมมา




   และมันก็เป็นอย่างที่คิด เขาเปิดประตูหนีไฟตามผมเข้ามา




   เราสองคนไม่ยอมเสียเวลามาทักทายกัน ผมดึงผู้มาใหม่เข้ามาใกล้ตัว ประกบปากลงบนปากนุ่มนั้นทันที รสเหล้าที่อบอวลอยู่ในปากของเขากับผมผสมปนเปกัน มันสร้างความร้อนรุ่มให้เราทั้งคู่ มือของผมเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาใส่มา ก่อนจะลูบลงหน้าอกเนียนขาวนั้น ผมไล่ริมฝีปากผ่านลำคอจนถึงกลางอก ก่อนจะก้มลงเลียเบาๆ บนหน้าอกที่กำลังเริ่มแข็งขึ้นเพราะอากาศเย็นที่มากระทบกาย ร่างที่พิงกำแพงอยู่สั่นสะท้าน เสียงครางไม่เบานักแต่ก็ถูกเสียงเพลงจากภายนอกกลบเสียงไม่ให้เล็ดรอดออกไปได้ ผมปลดกระดุมและรูดซิบกางเกงของเขาและรูดชั้นในของเขาลงมากองที่พื้น แล้วใช้มือที่ยังว่างจับแกนกายของเขาเอาไว้ แล้วสาวมือเข้าออกไม่ช้าไม่เร็วเกินไป จนร่างนั้นดูใกล้จะทรงตัวไม่ไหว มือคนที่ยืนอยู่ขยี้หัวผมเพราะกำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์ ผมเร่งมือให้เร็วขึ้น และในที่สุดเมื่ออีกฝ่ายใกล้จะถึงที่หมาย ผมใช้มือจับสิ่งนั้นไว้ไม่ให้ปล่อยให้น้ำสีขาวเลอะเปรอะเปื้อนพื้น แต่ให้มันเลอะเปรอะเปื้อนในมือของผมแทน




   ผมพลิกร่างคนที่ถึงปลายทางไปแล้วหันหลังให้ผม เจ้าตัวแนบหน้าพิงกำแพงนั่นอย่างหมดแรง ขาเรียวคู่นั้นกำลังสั่นแต่ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก แกนกายในตัวผมกำลังบีบอัดแทบจะระเบิดจนทนไม่ไหว น้ำคาวขาวขุ่นของเขาที่อยู่ในอุ้งมือผมถูกนำมาใช้ประโยชน์เมื่อผมใช้ สองนิ้ว ค่อยๆ รุกล้ำเข้าไปในช่องทางของเจ้าตัว ฝ่ายนั้นเอ่ยเสียงออกมาเหมือนจะอึดอัด แต่ผมยังเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกแล้วค่อยๆ หมุนวน จนคิดว่าน่าจะยืนหยุ่นได้ดีแล้ว จึงหยิบถุงยางออกมา ใช้ปากกัดฉีดแล้วค่อยรูดซิบกางเกงลง ก่อนจะสวมถุงยางลงให้กับตัวเอง เหตุการณ์นี้ผมค่อนข้างทุลักทุเลเล็กน้อย เพราะนิ้วมือข้างนึงยังคาอยู่ในช่องทางสีแดงนั้น แต่อีกมือต้องเตรียมความปลอดภัยให้ทั้งผมและเขา ในที่สุดก็สำเร็จ ผมชักนิ้วมือออกมาแล้วแทนที่ด้วยของของผมที่เตรียมพร้อมแล้ว ผมค่อยๆ ขยับเข้าไปในช่องทางนั้น ในใจนั้นอยากจะเร่งรีบ แต่ผมรู้ตัวดีว่าคู่นอนของผมคงจะไม่ประทับใจ ถึงเราจะไม่รู้จักกัน ผมก็ควรจะปฏิบัติต่อเขาให้ดี ผมควรมอบความสุขให้อีกฝ่าย ไม่ใช่ความเจ็บปวด




   ผมคิดว่าผมดูออกนะ ผมไม่ใช่คนแรก และคงไม่ใช่คนแรกๆ ของเขาเสียด้วย ร่างกายคนตรงหน้าไม่ใช่มือใหม่ และดูเหมือนจะผ่านมาอย่างโชกโชน ผมไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงอะไรกลับรู้สึกดีเพราะคิดว่าเขาคงจะไม่ตามตื้อหรือเรียกร้องความยุติธรรมใดๆ จากผม ผมดันกายเข้าไปในร่างกายนั้นอย่างรวดเร็ว ขยับเข้าออกเป็นจังหวะ  จนในที่สุดผมเดินหน้าอย่างรวดเร็วและเราทั้งคู่ต่างก็ถึงฝั่งปลายทางด้วยกัน ผมค่อยๆ ถอนกายออกจากตัวเขา ดึงถุงยางออกมามัดไว้ แล้วจับหน้าของเขาหันมาจูบเป็นการปลอบประโลมหลังเสร็จกิจ ไล่ลงมาที่ซอกคอหอมกรุ่น เจ้าตัวครางเบาๆ ในคอ ผมยิ้มให้เขา จูบเบาๆ ที่มุมปากเขาอีกครั้ง ผมรอจนเราปรับระดับการหายใจ ดึงกางเกงของเขาขึ้นมาใส่ให้เสร็จแล้วก็เตรียมจะผละจากไป




   "ตอนแรกผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงเสียอีก" คนที่ยังยืนหอบอยู่เล็กน้อยเอ่ยทักผม


   "ผิดหวังหรือเปล่า"


   "ดีใจมากกว่า เพราะถ้าเป็นผู้หญิงจริงๆ ผมคงผิดหวัง" เขายิ้มให้ผม ใบหน้าของเขายังเข้มขึ้นจากรสพิศวาสเมื่อสักครู่


   "ขอบคุณครับ" เพราะถ้าเขาตอบผิดหวัง ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปดี


   "แล้วคืนนี้ล่ะครับ" เขาคว้าข้อมือผมเอาไว้ทันก่อนที่จะเปิดประตูออกไป


   "วันนี้คงไม่สะดวก ผมมากับเพื่อน ขอโทษด้วยนะครับ"


   "เพื่อน?" คนถามดูเหมือนจะไม่เชื่อว่าเป็นเพื่อนอย่างที่ผมบอกไป


   "เพื่อนจริงๆ ครับ" ผมยิ้มให้เขาอีกครั้งแล้วก็ออกไป


   "สบายตัวเลยมั้ย" ไอ้ธรเอ่ยทักผมอย่างรู้ทันว่าผมหายไปไหนมา


   "ก็ดี เขาชวนกูไปต่ออีกคืนนี้"


   "มึงจะไป?"


   "ไม่ว่ะ กูบอกเขาว่าไม่สะดวก" ผมพูดพลางหยิบแก้วน้ำสีอำพันยกขึ้นมาดื่มแก้กระหาย


   "เขาก็เชื่อ?"


   "กูมีอะไรให้เขาไม่เชื่อวะ" ผมมองหน้าไอ้ธรด้วยความท้าทาย


   "เออ ไอ้หน้าตัวเมีย พอได้เขาแล้วก็เตรียมจะเผ่นเงียบ" ผมเหล่ตามองมัน ไม่รู้สิถ้าคนอื่นได้ยินคงลมขึ้น แต่ผมดันกลับรู้สึกเฉยๆ ถ้าลองมันบอกผมหน้าสวย หรือหน้าเหมือนผู้หญิงสิ ผมคงด่ามันเปิง


   "ขอบใจ"




   วันนี้ผมตั้งใจมาหาสาวกลับไปค้างที่โรงแรมแต่ดันเจอชายหนุ่มเสียแทน ผมไม่มีปัญหากับเพศไหน แต่ถ้าถามว่าผมชอบแบบไหนมากกว่า ผมเองก็ยังตอบไม่ได้ ไม่ว่าจะเพศไหนก็ย่อมมีข้อดีด้วยกันทั้งนั้น และผมก็โลภพอที่จะเลือกทั้งคู่ในตอนนี้ ผมหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ผมไม่ค่อยสูบมันบ่อยนัก เฮียเมฆไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ และผมก็ไม่อยากให้ป้าจันต้องพลอยไม่สบายใจด้วย ดังนั้นหากต้องกลับไปนอนที่บ้าน ผมก็มักจะหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่เพื่อไม่ให้กลิ่นติดตัว แต่คืนนี้เป็นอิสระผมเลยปล่อยตัวปล่อยใจให้เต็มที่



   "ไอ้คี" ไอ้ธรก้มลงมาพูดใกล้ๆ หูผมครับ เสียงเพลงยิ่งดึกยิ่งดัง


   "อะไรวะ" ผมถามมันกลับไป กำลังเต้นอยู่เพลินมาขัดจังหวะซะได้ ไอ้นี่ เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว


   "มึงค่อยๆ หันไป ที่สองนาฬิกา ช้าๆ นะเว้ย" ไอ้ธรพูดอย่างมีเลศนัย


   "อะไรของมึงวะ ไอ้ธร มีอะไรก็พูดมาเลย กูไม่ชอบ" ผมไม่ชอบเล่นปริศนาครับ มันน่ารำคาญเกินไป


   "เถอะน่า หันกลับไป" ไอ้เพื่อนตัวดีของผม มันไม่ได้สนใจน้ำเสียงหงุดหงิดใดๆ ของผมเลยแม้แต่น้อย มันเอื้อมมือมาผลักให้ผมหันกลับไปจนได้ ผมถอนหายใจก่อนจะเชื่อตามคำพูดมัน



   

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
 


      ที่ 2 นาฬิกา



   แล้วผมก็ได้เจอกับกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะอีกฝั่ง



   'เฮียเมฆ?'



   ผมสะดุดตาเฮียเมฆก่อนใครในโต๊ะตรงนั้น วันนี้เฮียสลัดคราบนักธุรกิจหนุ่มมาเป็นหนุ่มนักท่องราตรี เฮียใส่เสื้อยืดสีขาวเรียบๆ ไร้ลวดลาย สวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำอีกชั้น ไล่ลงมาด้านล่าง เฮียเลือกกางเกงยีนส์สีเข้ม รองเท้าผ้าใบสีขาวแถบดำ เข้ากันกับเสื้อที่เฮียสวมอยู่ มันช่วยให้ผิวของเฮียดูโดดเด่นขึ้นไปอีก



   "พ่อมึง มาที่นี่ได้ไง" เพื่อนตัวแสบของผมขัดจังหวะผมอีกครั้ง ผมอยากจะซัดหน้ามันจริงๆ


   "กูใช่เจ้าตัวมั้ยล่ะ ถึงจะได้รู้"


   "อ้าว กูถามดีๆ ไหงมึงตอบแบบนี้"


   "โทษที กูคงหงุดหงิดไปหน่อย กูเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเฮียมาอยู่ที่นี่ได้ไงว่ะ"


   "คือมึงก็ไม่รู้?"


   "เออ สิวะ ตอนที่กูโทรคุยกับเฮีย แม่งก็บอกกูว่าจะเข้านอนยิงยาวเลย"


   "หึ ไอ้ยิงยาวทีว่า มันนอนหรือจัดกันวะ" เสียงไอ้ธรมันหัวเราะ ผมขยับปากตอบไอ้ธรไร้เสียง ด้วยคำสั้นๆ พยางค์เดียว ที่หมายถึงอวัยวะเพศของฝ่ายชาย


   "แล้วมึงจะเอาไง"


   "ดูท่าทีไปก่อนแล้วกัน เฮียคงมาเที่ยวกับเพื่อนนั่นแหละ โต๊ะนั้นกูรู้จักเกือบหมด มีคนเดียวที่กูไม่คุ้นหน้าที่ยืนข้างๆ เฮีย มึงเห็นมั้ยวะ" ผมหันกลับไปมองโต๊ะของเฮียอีกครั้ง พร้อมกับไอ้ธรที่มองตามผมไป


   "คนไหนวะ" ไอ้ธรชะเง้อมองไปแต่ไม่แน่ใจเลยถามผมต่อ


   "ข้างๆ เฮีย คนที่ใส่แว่น ตัวเล็กๆ คนนั้นไง"


   "อ่อ คนที่กำลังหัวเราะกับพ่อมึงใช่ป่ะ"


   "เออ คนนั้นแหละ กูไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน" ผมตอบเพื่อนไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ มันเหมือนจะอะไรเกิดขึ้นบางอย่าง ทั้งที่ไม่ควรจะเกิด


   "หึงหวงพ่อมึงเหรอไง" ไอ้ธรนี่มันชอบแหย่และกวนประสาทผมอยู่เรื่อย อยากจะตัดความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกับมันจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นคนเดียวที่เข้าใจผม แม้ในยามที่ผมไม่เคยเอ่ยอะไรเลยก็ตาม


   "ไม่เชิงว่ะ จะว่าไปมึงกับกูยังไม่เคยเจอเฮียเวลาที่พวกเรามาเที่ยวกันเลยสักครั้ง มันเลยแปลกๆ ล่ะมั้ง"


   "คงไม่มีอะไรหรอก พ่อมึงก็คงมาเที่ยวเหมือนกูกับมึงนี่แหละ แล้วมึงแหกตาดูดิ มากันตั้งหลายคน คงโดนลากมาด้วย มึงไม่ต้องคิดมาก" ไอ้ธรมันตบบ่าปลอบใจผมเบาๆ


   "กูรู้ แต่ยังไงก็ขอบใจมึงนะ" ดวงตาของผมฉายแววอ่อนโยน มองหน้าไอ้ธรด้วยความรู้สึกขอบคุณจริงๆ


   "ไม่ต้องมองกูแบบนั้น เดี๋ยวกูจะเคลิ้มกับหน้าสวยๆ ของมึงเสียก่อน"




   จากนั้นผมกับไอ้ธรก็ดื่มไป เต้นไป เหล่โต๊ะนั้น โต๊ะนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใกล้เวลาผับปิด ผมกับเพื่อนคนนี้มักจะออกก่อนผับปิดสักครึ่งชั่วโมงเพราะไม่อยากติดขัดปัญหาช่วงเวลาที่ผู้คนกลับพร้อมๆ กัน ไอ้ธรเจอสาวที่จะพากลับไปนอนแล้วครับ ส่วนผมไร้อารมณ์ไปเรียบร้อย ตลอดเวลาผมเหลือบมองโต๊ะตรงนั้นเป็นระยะ แต่ก็ยังไม่เจออะไรแปลกๆ ทำให้ผมพอจะโล่งใจได้บ้าง เฮียถือแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำสีเข้ม เฮียไม่ได้ดื่มเหล้า แสดงว่าเฮียคงขับรถมา เฮียไม่ค่อยได้ดื่มเหล้าบ่อยนัก  แต่อย่าริอ่านไปดวลกับเฮียเชียว สมัยวัยรุ่น เฮียไม่ธรรมดาจริงๆ เชื่อผมเถอะ เฮียมักจะขับรถเองเพราะไม่อยากให้ลุงหมายมาอดหลับอดนอนรอรับ ยิ่งวันธรรมดาไปรับผมกลับบ้าน ยิ่งทำให้เฮียไม่ได้แตะของมึนเมาเลย แทบตลอดทั้งคืนมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาคอยมาวนเวียนกับเฮียไม่ขาด แต่เฮียก็ไม่ได้มีทีท่าให้ความสนใจนัก เฮียเมฆก็ยังเป็นเฮียเมฆคนเดิม




   ผมละสายตาจากโต๊ะนั้น หันไปมองไอ้ธรที่กำลังเกี้ยวสาวข้างๆ ตัวมัน ผมขัดจังหวะโดยการเรียกชื่อมันออกไป สายตามันบ่งบอกว่ามันไม่พอใจที่ผมขัดเวลาจีบสาวของมัน แต่ช่วยไม่ได้มีโอกาสก็ต้องรีบเอาคืน ไม่อยากติดค้างกันไปจนถึงชาติหน้า



   "อะไรวะ"


   "กูจะกลับแล้ว มึงเอาไง" มันไม่ตอบผม แต่มองไปที่สาวข้างๆ ตกลงเป็นอันรู้กันระหว่างผมกับมัน


   "กูจะกลับไปนอนบ้านนะ"


   "อ่าว แล้วมึงจะกลับยังไง"


   "กับพ่อกูไง"


   "เออ กูก็ลืมไป แต่มึงแน่ใจใช่มั้ยว่าอยากกลับไปนอนบ้าน ไม่ใช่ว่าจะไปสร้างเรื่องให้พ่อมึงนะ" ไอ้ธรดักทางอย่างรู้ทันความคิดในหัวของผม


   "เสือก รู้มาก ไปละมึง" ผมด่ามันไปเบาๆ สั้นๆ


   "เออ แล้วเจอกัน" ไอ้ธรมันตอบผมส่งๆ แต่มือไม้ สายตาของมันหันกลับไปสาวข้างตัวเสียแล้ว แล้วมันก็พาสาวคนนั้นออกจากร้านไปก่อนที่ผมจะเดินไปหาเฮียเมฆที่โต๊ะเสียอีก


   "รีบจริงๆ นะมึง" ผมพึมพำด่าเพื่อนตัวดีอีกรอบแล้วหยิบแก้วน้ำที่ยังมีเหล้าเหลืออยู่ครึ่งแก้ว กระดกเข้าปากรวดเดียวหมดแล้วก็เดินตรงไปที่โต๊ะของเฮียทันที



   ขอโทษด้วยนะทุกคน ผมมาทวงพ่อของผมคืนแล้ว



   "เฮีย" ผมเดินไปหยุดข้างเฮีย เอื้อมมือไปจับแขนเฮียก่อนจะส่งเสียทักไป


   "คี" เฮียเอ่ยเสียงเบา ผมมองหน้าเฮีย แววตาของเฮียแสดงออกว่าตกใจไม่น้อยที่เห็นผมเพราะไม่คิดว่าจะอยู่ร้านเดียวกัน แค่แวบเดียวดวงตาคู่นั้นก็ปรับให้เป็นปกติดังเดิม แต่แววตาที่แปลกใจมากกว่าเฮียนั้น ก็คือคนข้างๆ ตัว เขามองหน้าผม ใบหน้าหวานแสดงออกมาให้รับรู้ได้ค่อนข้างชัดเจนว่าเขาสงสัยว่าผมเป็นใคร ริมฝีปากชมพูนั้นเม้มปากแน่นด้วยความไม่พอใจ



   "ครับ ผมเอง สวัสดีครับพี่ๆ" ผมยิ้มให้เพื่อนของเฮียที่เป็นเพื่อนจากมหาวิทยาลัยทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่กำลังไม่พอใจตอนนี้ เขาจำใจต้องฝืนยิ้มตอบให้ผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สายตาของเขาไม่ได้มองผมนานนัก สายตาของเขาหลุบต่ำลง ทำให้ผมต้องมองตามไปจนพบว่าเขามองมือของผมที่วางอยู่บนแขนของเฮีย


   "ว่าไงน้องคี มาได้ไงเนี่ย" เพื่อนเฮียเมฆ ชื่อจิรกฤต หรือพี่กฤต ทักผมเป็นคนแรก


   "พอดีเพื่อนผมชวนมาร้านนี้ครับ"


   "แล้วเพื่อนไปไหนแล้วล่ะ" เสียงมาจากอีกคนที่ชื่อตรีวิทย์


   "มันหนีผมกลับไปตะกี้เองพี่วิทย์"


   "แล้วนี่จะกลับยังไงล่ะ" เสียงที่สาม ส่งมาจากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ พี่นิกม์นั่นเองที่ถามผมด้วยความห่วงใย


   "โชคดีของผมไงพี่นิกม์ ที่เฮียเมฆดันมาร้านนี้ด้วยพอดี"


   "เออ จริงด้วย พี่ก็ลืมว่าน้องคีอยู่บ้านเดียวกับไอ้เมฆ" พี่นิกม์ก็หัวเราะออกมาแก้เขิน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจพี่เขาหรอกครับ


   "แล้วพี่คนนี้คือ.." ผมทิ้งคำถามเอาไว้แบบนั้นก่อนจะมองหน้าคนใส่แว่น ตัวเล็ก ใช่ครับ เขาน่าจะอายุมากกว่าผม แต่หน้าตายังดูอ่อนเยาว์อยู่เลยครับ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ซ้ำหน้าตายังน่ารักด้วยครับ


   "นี่พี่พีช กันตพิชญ์" คนแนะนำไม่ใช่เจ้าของชื่อ แต่เป็นเฮียที่พูดแทน บอกได้เลยว่าตอนนี้ผมแปลกใจ


   "สวัสดีครับ พี่พีช ผมชื่อคีนะครับ เป็นน้องพี่เมฆ" ผมยิ้มให้พี่เขา แต่ไม่ได้ยกมือไหว้ เฮียมองผมดุๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ


   "สวัสดีครับ น้องคี ขอโทษนะ ตอนแรกพี่คิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงเสียอีก พอได้ยินคำลงท้ายว่าครับเลยอดจะแปลกใจไม่ได้" พี่เขาโกหกครับ ผมรู้ว่าพี่เขาไม่ได้สนใจหน้าตาของผมหรอก สีหน้าของพี่พีชดูสดใสขึ้นกว่าเดิมเมื่อรู้ว่า ผมเป็นใคร เกี่ยวข้องยังไงกับเฮียเมฆ


   "ผมไม่เคยเห็นพี่พีชมาก่อนเลย พี่ก็เป็นเพื่อนมหาลัยเฮียเมฆเหมือนกันเหรอครับ"


   "เปล่าหรอกน้องคี คุณพีชน่ะเป็นลูกค้าบริษัทไอ้เมฆมันน่ะ รู้จักกันมาสักพักแล้ว ยังไม่เคยเจอกันเลยเหรอ" พี่กฤตตอบคำถามของผม เอ ทำไมกันนะ ผมถามพี่พีช แต่ทุกคนดูเหมือนจะพร้อมใจช่วยเหลืออยากตอบแทนกันเสียเหลือเกิน


   "พี่เมฆไม่เคยพาพี่พีชมาเลยหรือพามาแล้วผมไม่อยู่บ้านก็ไม่รู้สิครับ" ผมพยายามพูดติดตลกแต่มันไม่ตลกเอาเสียเลย แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ สักพักก็ได้ยินเสียงประกาศในร้านว่าจวนใกล้จะปิดแล้ว พวกเราเลยจำใจต้องพากันเดินออกมานอกร้านเพื่อแยกย้ายกันกลับ



   พี่กฤต พี่วิทย์และพี่นิกม์ ขอตัวกลับไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงผม เฮียเมฆ และพี่พีช ที่ยังตกลงชะตาชีวิตกันไม่ได้ ผมรู้สึกเหมือนทำให้เขาทั้งสองคนผิดแผนยังไงไม่รู้ พี่พีชไม่ได้ขับรถมาเองและที่ผมเพิ่งจะรู้เพิ่มก็คือเฮียเมฆเป็นฝ่ายไปรับพี่พีชมาจากที่บ้านและพามาที่ร้านด้วยกัน ผมว่าไอ้ความรู้สึกแปลกๆ นั่น มันเกิดขึ้นจริงแล้วล่ะ




   ผมเลยเลือกที่จะนั่งข้างหลังแทนพี่พีชเสียเอง เพราะผมเห็นสีหน้าลำบากใจของเฮีย และสีหน้ากระอักกระอ่วนของพี่พีช ที่ไม่รู้ว่าจะต้องนั่งข้างหน้าหรือข้างหลังดี ดังนั้นผมจึงเลือกให้เขาทั้งคู่เอง ที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะไม่ใช่ที่ของผมคนเดียวเสียแล้ว ผมรู้สึกเจ็บอยู่ข้างใน หัวใจของผมดูท่าทางจะอ่อนแรง เตรียมพร้อมที่จะหยุดเต้นอย่างเต็มที่ ผมไม่ชอบใจ ผมเจ็บปวด แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ผมโทษใครไม่ได้ นอกจากตัวผมเอง 




   บรรยากาศภายในรถไม่มีเสียงพูดคุย หรือแม้แต่เสียงเพลง ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ผมหลับตาลงด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อน เลยดูเหมือนว่าผมได้หลับไปจริงๆ ผมเลือกที่นั่งด้านซ้ายของรถ และแทบจะเลื้อยตัวลงไปบนเบาะนุ่มเพราะไม่อยากจะเผชิญกับสายตาเฮียเมฆที่มองผ่านจากกระจกหลัง ถนนโล่งเพราะเป็นเวลาของวันใหม่แล้ว รถทำความเร็วได้ดี แต่ไม่เร็วจนเกินไปนัก ผมลอบมองจากด้านหลัง มือของพี่พีชเอื้อมมาจับมือของเฮียที่ยังวางอยู่ตรงพวงมาลัย พี่พีชบีบมือเฮียเบาๆ แต่สิ่งที่ผมนั้นแทบจะขาดใจเลยก็คือภาพที่เฮียหงายมือแล้วพี่พีชวางมือซ้อนทับลงไป ทั้งสองคนจับมือกัน ผสานมือกันไว้อย่างแนบแน่น ก่อนที่ศีรษะได้รูปสวยของพี่พีช จะเอนลงซบลงที่ไหล่ของเฮีย




   ผมหลับตาลงเพราะไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า




   ถึงตอนนี้ผมคงไม่ต้องเสียเวลามาเดาเรื่องของเฮียกับพี่พีชให้เหนื่อย




   เฮียขับรถมาถึงบ้านของพี่พีช ผมรอจนเฮียลงจากรถไปร่ำลากับพี่พีชเรียบร้อย มองตามสองคนนั้นไป
ผมเห็นเฮียก้มลงหอมแก้มพี่พีช เพียงเท่านั้นผมก็เลือกที่จะหลับตาลงเพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันแย่จนเกินไป มันเร็วเกินไปจนผมตั้งตัวไม่ติด เฮียเปิดประตูรถอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ที่ประจำของเฮีย กลับเป็นประตูรถฝั่งผม เฮียไม่ได้เรียกหรือปลุกผมให้ตื่นแต่อย่างใด หากแต่ก้มลงอุ้มผม ย้ายมาที่นั่งด้านหน้า เฮียปรับเบาะที่นั่งจนเอนราบแล้วลูบศีรษะที่ผมเคยบอกให้เฮียทำอยู่บ่อยๆ ก่อนจะหันกลับไปขับรถเคลื่อนที่ออกไปอย่างนุ่มนวล




   ไม่นานนักเฮียก็ขับรถมาถึงบ้าน เฮียเดินมาเปิดประตูฝั่งผมเหมือนเดิม คงตั้งใจจะอุ้มผมขึ้นไปนอน แต่หมดเวลาแกล้งหลับของผมแล้ว



   "ตื่นแล้วเหรอ ถึงบ้านแล้วล่ะ" เฮียทักผม เมื่อเห็นผมลืมตาขึ้นมาพอดี


   "ครับ" ผมก้าวลงออกจากรถ เบี่ยงตัวหลบจากคนที่ยืนขวางอยู่


   "คี" เฮียคว้าแขนของผมไว้ ตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่าง


   "ครับ?"


   "คืนนี้ไปนอนที่ห้องพี่" ผมไม่รู้ว่าเฮียพูดแบบนี้ทำไม เฮียต้องการอะไรจากผม


   "ไม่ดีกว่า ฝันดีนะเฮีย" ผมตอบปฏิเสธเฮียเมฆออกไป แล้วรีบเดินขึ้นไปห้องนอนของตนเองทันที



   ผมยืนนิ่งอยู่หลังประตูห้องนอน แทบจะกลั้นหายใจรอฟังเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินตามหลังขึ้นมา รอจนได้ยินเสียงประตูห้องข้างๆ ปิดประตูลงแล้ว เรี่ยวแรงและความอดทนของผมมันก็หมดลงทันที ผมรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำจากฝักหัวให้ไหลออกมา คงจะดูเหมือนพระเอกที่แสดงมิวสิควิดีโอใช่มั้ยครับ ผมก็ไม่อยากทำหรอกนะ แต่ผมแค่หวังว่าเสียงน้ำจากฝักบัวมันจะดังพอที่จะช่วยกลบเสียงร้องไห้ของผมที่กำลังไหลรินออกมาตอนนี้ได้เป็นอย่างดี



   ไม่รู้ว่าผมร้องไห้อยู่ในห้องน้ำไปนานเท่าไหร่ เมื่อผมออกมาจากห้องน้ำอีกที มันใกล้เวลาเกือบรุ่งสางแล้ว ผมหยิบกระเป๋าเป้ออกมา ค่อยๆ เปิดตู้เสื้อผ้าอย่างเบามือ ผมเลือกชุดนักศึกษาและชุดอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้ไปอีกสองสามชุด หยิบหนังสือที่จะใช้เรียนในสัปดาห์หน้ามาใส่ลงในเป้ กวาดตามองสิ่งที่จำเป็นต้องใช้อีก เจออะไรก็หยิบใส่จนใกล้เต็ม แล้วยกมันขึ้นมาสะพาย รีบก้าวเดินออกจากห้องและตรงไปยังรั้วใหญ่ของบ้าน ผมเจอคุณลุงยามที่ประจำอยู่หน้ารั้ว ลุงแปลกใจที่เห็นผมในเวลาเช้าขนาดนี้ ผมบอกลุงยามไปว่าผมมีทัศนศึกษาต่างจังหวัดต้องรีบออกแต่เช้าเลยไม่อยากกวนลุงแช่ม เกรงใจคนแก่ ลุงยามทำท่าว่าเข้าใจแล้วรีบเรียกแท็กซี่ให้ ผมขอบคุณลุงยามและก้าวขึ้นรถแท็กซี่นั้นไป




   ผมตั้งใจจะไปห้องของไอ้ธร แต่นึกขึ้นได้ว่ามันคงพาสาวเมื่อคืนไปค้างที่ห้อง การที่ผมไปในช่วงเวลานี้ ถึงแม้ว่ามันจะเข้าใจผม แต่ผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่เข้าใจก็เป็นได้ ผมเลยเลือกไปโรงแรมใกล้ๆ หอพักมัน และเปิดห้องเข้าไปนอนพักเสียก่อน เพราะผมยังไม่ได้นอนมาเกือบทั้งคืน  ผมเลือกที่จะหนี ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ แต่ผมก็แค่อยากทำอย่างที่ผมเคยทำอยู่เสมอ หลบเลี่ยงการเผชิญหน้า เพราะหวังจะหลอกตัวเองไปตลอด หวังว่าสักวันมันจะดีขึ้น ผมเข้าใจว่าคงหนีมันไปไม่ได้ตลอดมันรอดฝั่งหรอก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากจะยืดเวลาออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้




   ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็จวนเที่ยงแล้ว ป้าจันน่าจะยังเข้าใจว่าผมนอนค้างอยู่ที่ห้องเพื่อน แต่อีกคนนี่สิ ไม่รู้เหมือนกันว่าป่านนี้จะรู้หรือยังว่าผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน ผมไม่ได้เปิดโทรศัพท์ไว้เพราะผมยังไม่อยากรับรู้อะไร แต่ผมจะถ่วงเวลาให้นานกว่านี้ไม่ได้เพราะผมต้องเชคเอาท์ออกจากโรงแรม ผมเลยจำเป็นต้องกดเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรไปบอกให้ไอ้ธรมารับผมไปอาศัยอยู่ชั่วคราว แต่ยังไม่ทันที่จะกดโทรออกหาไอ้ธร โทรศัพท์ในมือก็สั่นขึ้นมาเสียก่อน



   'เฮียเมฆ'


       ชื่อสั้นๆ ที่ผมบันทึกไว้ในโทรศัพท์ปรากฎขึ้น ผมชั่งใจอยู่นานว่าจะกดรับดีหรือไม่ แต่คงคิดนานเกินไป สัญญาณเลยตัดไปแล้ว ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ไม่ทันไร คนๆ เดิมก็โทรกลับเข้ามาอีกครั้งแล้ว ผมจึงตัดสินใจกดรับ



   "ครับ"


   "คี ตอนนี้อยู่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้ พี่จะไปรับ"


   "ขอโทษครับ พอดีผมลืมบอกเฮียเมฆไปเลยว่ามีทัศนศึกษา"


   "คี อยู่ที่ไหน บอกพี่" เฮียเมฆไม่เชื่อผมหรอก มันแน่นอนอยู่แล้ว ปกติไม่ว่าจะมีกิจกรรมหรือไปไหนผมบอกเฮียทุกครั้ง ยิ่งกิจกรรมใหญ่ๆ เข้าค่าย ผมยิ่งไม่มีทางลืม มันก็ไม่แปลกหรอกหากเฮียจะไม่เชื่อ


   "ผมไปทัศนศึกษาจริงๆ ครับ เสร็จแล้วจะรีบกลับ"


   "แล้วคีจะไปกี่วัน" ผมได้ยินเฮียถอนหายใจเบาๆ


   "ผมยังไม่รู้"


   "คี ฟังพี่นะ"


   "อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยครับ" ผมห้ามเฮียเมฆก่อน เพราะผมยังไม่พร้อมจริงๆ


   "คี พี่บอกให้ฟังก่อน" เสียงเฮียเมฆดูร้อนรน แต่ผมก็ยังไม่ไหวจริงๆ


   "ขอร้องล่ะครับ พี่เมฆ ขออยู่แบบนี้สักพัก"


   "กลับบ้านเถอะ พี่ขอโทษ"


   "ทำอะไรผิดเหรอครับถึงต้องขอโทษผม เฮียเมฆไม่ต้องขอโทษผมหรอก อ้อ ฝากบอกคุณป้าจันด้วยนะครับ เรื่องทัศนศึกษา แล้วที่ที่ไปมันไม่ค่อยมีสัญญาณคงติดต่อกลับมาลำบาก รบกวนพี่เมฆทีนะ ขอบคุณครับ"


   "คี คี" ผมได้ยินเสียงเฮียเมฆเรียกชื่อผมหลายๆ ครั้งติดกัน แต่ผมก็เลือกกดวางสาย และบล็อคเบอร์ของเฮียเอาไว้ก่อน




   ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มันก็ไม่ต่างกันเลย




   ผมร้องไห้ออกมาอีกครั้ง




-------------------------------

นังคี นังลำไย ตัวละครคี เป็นตัวละครที่คนเขียนแต่งทีไร ก็บ่นนางทุกครั้ง
อย่าเพิ่งลำไยคีเลยน้าเพราะคีก็มีเหตุผลของเค้านะคะ คนเราต้องมีบ้าง อะไรบ้างเนาะ
แต่จะมีอะไร ต้องติดตามกันนะคะ

เรื่องนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะพยายามลงทุกวันจันทร์นะคะ

รักคนอ่าน คนเมนท์ ให้กำลังใจทุกคนค่ะ


ขอบคุณค่ะ
   :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดำเนินเรื่อง ดูใสๆ อ้าว.....ดราม่า ซะแล้วววว
เฮียเมฆ คี  รักกัน เกินกว่าพี่น้อง
แต่คี ยังไม่พร้อมที่จะยอมรับความรู้สืก ที่ชัดเจนระหว่างกัน
คี อิสระที่ไปมีใครๆ ที่ไม่ผูกมัดกัน
แต่คี มารู้ว่า เฮียเมฆ มีใจกับพี่พีชด้วย
เศร้า หน่วง ไปกับคี  :mew6:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
คือ อะไร มันดูงงๆ นะ คีเหมือนยังเที่ยวกับใครก็ได้ เฮียเมฆก็ดูหวงๆ แต่เฮียเมฆก็มีคนที่เหมือนจะคบๆกันอยู่ แต่พอคีมาเจอ แล้วหนี เฮียก็รีบมาตาม ตกลงแล้วเค้าคบกันแบบไหน??

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
คียังเอากับคนอื่นได้เลย

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
รออ่านตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
รีบมานะ รอตอนต่อไปอยู่

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
มันหน่วง คีดูมีปมในใจ
อยากอ่านต่อจัง จะรอนะคะ

ออฟไลน์ lllittled

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แนว incest ?
เราว่าคีไม่ได้ดูน่ารำคาญหรืองี่เง่านะ
เหมือนความสัมพันธ์สองคนนี้เป็นมากกว่าพี่น้องแต่ยังไม่พร้อมเริ่มสถานะคนรักรึเปล่า? เข้าใจถูกไหม
ความจริงการที่คีดูเสียใจเพราะตัวเองก็รู้สึกอยู่แต่แค่ยังไม่พร้อมเราว่าไม่แปลกไม่ได้ดูงี่เง่านะ
การที่ต่างฝ่ายต่างให้อิสระกันและกัน ส่วนตัวเราคิดว่าการที่คียังล่อหญิงอยู่แต่นั่นมันแค่วันไนท์สแตนไหมอ่ะ?
แต่พอมาเจอเมฆทำกับพีชมันดูเป็นพฤติกรรมของแฟนที่ทำกันมากกว่าคู่นอน ซึ่งเราว่ามันไม่แฟร์ ถ้ามีแฟนแล้วก็ควรตัดความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้กับคีดีกว่า จะรั้งไว้ทำไม ดูคีไม่ได้มีความรู้สึกให้ใครเป็นตัวเป็นตนแต่ต่างกับเมฆไง(ในกรณีที่เมฆกับพีชสานสัมพันธ์ในด้านคนรักน่ะนะ ต้องรอดูอีกทีว่าเมฆกับพีชเป็นอะไรกัน)
ถ้ามาอิหรอบแฟนกันคีก็เตรียมตัวหาคนใหม่เถอะลูกอย่ามาจมปลักกับคนที่คิดจะจับปลาสองมือหรือจริงๆแล้วเมฆไม่ได้คิดอะไรกับคีรักแบบน้องไรงี้เหรอคีนางมโนความสัมพันธ์คนเดียวรึเปล่าถ้าเป็นงั้นนี่เจ็บหนักแน่ๆ เป็นงี้จะเชียร์ให้ไปรักคนอื่นขอพระรองแซ่บๆ *ส่วนตัวเกลียดคนไม่ชัดเจน* พอเจอพฤติกรรมแบบนี้ของเมฆเลยไม่โอเคกับพระเอกคนนี้เท่าไหร่
สู้ๆค่ะจะรอดูคำแก้ตัวของเฮียเมฆ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


ภูเขาลูกที่สาม



   ผมกดโทรศัพท์ไปหาไอ้ธรให้มันมารับที่โรงแรม มันตั้งท่าจะด่าผมตอนที่รับสาย แต่พอได้ยินน้ำเสียงของผม มันเลยไม่คิดจะด่าอะไรออกมา ผมยืนรอมันอยู่หน้าโรงแรมได้ไม่นาน ก็เห็นรถของมันแล่นเข้ามา มันดูรีบร้อนมากถึงขนาดเลี้ยวรถเข้ามายังไม่แตะเบรคเลย ทำเอาพนักงานที่ยืนอยู่บริเวณนั้นหลบกันแทบไม่ทัน


   "ไง หน้าเป็นตูดเลยนะมึง" เพื่อนสุดแค้นแสนรักเอ่ยทัก เมื่อผมก้าวขึ้นมานั่งรถคู่กับมัน


   "มาลองเป็นกูมั้ยล่ะ เผื่อว่าสมองโง่ๆ ของมึงจะได้เข้าใจบ้าง"


   "ทักนิดเดียว ด่ามาซะยาวเลยนะ เออๆ ไม่กวนตาตุ่มมึงแล้ว แล้วนี่มึงไหวมั้ย" ถึงจะจิกด่ากันเป็นประจำแต่จริงๆ ไอ้ธรมันห่วงผม พอๆ กับที่ผมก็เป็นห่วงมัน


   "ไม่ว่ะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไปหมด กูตั้งตัวไม่ทัน"


   "มึงกินอะไรหรือยัง"


   "ยัง"


   "งั้นไปกินข้าวกับกูก่อน แล้วมึงช่วยเปิดปากเล่าเรื่องรักเหี้ยๆ ของมึงให้กูฟังด้วย" ไอ้ธรออกรถ มุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับหอพักของมัน



   ผมเดินตามไอ้ธรไปเรื่อยๆ ให้มันเลือกร้านเอง ตัดสินใจเองเลย เพราะตอนนี้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะมาคิดเรื่องพวกนี้ ในท้องของผมมันยังปั่นป่วนไปหมด หัวสมองก็ยังตื้อคิดอะไรไม่ออก และในที่สุดไอ้ธรก็หยุดหน้าร้านแห่งหนึ่ง มันคว้าแขนผมให้ก้าวตามเข้าไปข้างในทันที


   "มึงจะกินอะไร" ไอ้ธรมันถาม ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมไม่อยากกิน ผมเลยส่ายหน้าตอบมัน แต่มันก็ไม่ได้สนใจคำตอบของผม ไอ้ธรเรียกพนักงานมาสั่งรายการอาหารโดยไม่ถามความเห็นของผมอีก



   อาหารหลากหลายเมนูถูกนำมาเสิร์ฟวางตรงหน้าของผมกับไอ้ธร ผมไม่รู้ว่ามันไปตายอดตายอยากมาจากไหนถึงสั่งมาเยอะขนาดนี้  แต่ลึกๆ ผมก็รู้ดี มันสั่งมาให้ผม มันรู้ว่าผมทานไม่ค่อยลงหรอก แต่มันก็ยังหวังว่าผมจะทานได้อย่างละนิดอย่างละหน่อย



   'เพื่อน กูรักมึงว่ะ'



   ถึงผมจะทุกข์ใจอยู่ แต่ก็อยากจะบอกมันด้วยประโยคนั้นจริงๆ แต่กลัวว่ามันจะขนลุกและถีบผมกระเด็นออกมาเสียก่อน



   "เหม่ออะไรอีก รีบกินดิวะ เดี๋ยวเย็นหมด" ไอ้ธรเรียกผมให้เริ่มกินได้แล้ว ผมไม่ค่อยหิวจริงๆ มันยังมึนๆ ตื้อๆ กินอะไรไม่ค่อยลง แต่สายตาของมันยังจับจ้องอยู่ที่ผม ทำให้ผมจำต้องเริ่มลงมือจัดการอาหารตรงหน้าได้ให้มันสบายใจ



   หลังจากอิ่มมื้อเช้าควบเที่ยงไปแล้ว ไอ้ธรก็พาผมกลับไปที่ห้องของมัน เข้าห้องมาได้ ไอ้ธร มันก็ไปหยิบยานอนหลับ ยื่นมาให้ผมที่ตรงหน้า


   "กินซะ จะได้พัก" ผมมองหน้ามันด้วยความไม่เข้าใจ


   "กูไม่อยากกิน"


   "กินซะ ตอนนี้มึงต้องนอนและนอนให้มากที่สุด ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ กูจะพาไปแดกเหล้า โอเค๊?" มันยื่นข้อเสนอให้ผม ไอ้ธรรู้ใจผมดียิ่งกว่าตัวผมเองเสียอีก


   "เออ ก็ได้" ผมอยากเมา ดังนั้นผมจึงไม่ปฏิเสธยาในมือมัน ผมหยิบขึ้นมาใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามทันที



   ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าสีครามก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำมืดสนิท ดวงอาทิตย์ที่เคยเด่นจ้าบนนภา ในเวลานี้ถูกแทนที่ด้วยดวงจันทร์สีเหลืองนวล ผมลืมตาขึ้นมาในความมืด



   'ไอ้ธรอยู่ไหน ทำไมไม่เปิดไฟ'



   นั่นคือคำถามแรกที่ผุดขึ้นในหัวผม แต่เพียงไม่นานผมก็ได้พบกับคำตอบ ไอ้ธรมันเปิดประตูห้องเข้ามา แล้วเดินด้วยความระมัดระวัง คงกลัวว่าผมจะตื่น มันค่อยๆ วางถุงพลาสติกที่มันหิ้วติดมือมาด้วย วางบนหลังตู้เย็น


   "ไอ้ธร มึงไปไหนมา" ผมทักมันก่อน เพื่อบอกเป็นนัยว่าผมตื่นแล้ว


   "อ้าว ตื่นแล้วเหรอมึง นี่กูออกไปซื้อข้าวมากิน หิวว่ะ"


   "งั้นเหรอ"


   "กินเลยละกัน" ไอ้ธรมันตัดสินใจให้


   "กูไม่..." ผมพูดค้างได้เพียงแค่นั้น


   "หยุด กูไม่ได้ถามมึงว่าจะกินหรือไม่กิน"


   "ไอ้ธร" ผมยังไม่อยากกินจริงๆ


   "ลุกขึ้นมาไปล้างหน้าล้างตา ถ้ามึงไม่กินข้าว เหล้าก็ไม่ต้องไปดงไปแดก" คราวนี้ไอ้ธรยื่นคำขาดมาให้ผมตัดสินเอง



   ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าตามที่ไอ้ธรมันสั่ง พอออกมาจากห้องน้ำ ไอ้ธรก็เตรียมข้าวน้ำให้ผมเรียบร้อย ผมกับมันก็ก้มหน้าก้มตากินโดยไม่พูดอะไร ไอ้ธรกินจนหมดแล้วแต่ผมกินไปแค่นิดหน่อยเท่านั้น ไอ้ธรมันเห็นแต่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะอย่างน้อยผมก็กินตามที่มันบอก


   "อิ่มแล้วใช่มั้ย"


   "อืม" ไอ้ธรลุกขึ้น เก็บจานชามไปล้างให้เรียบร้อยแล้ว เดินกลับมานั่งตรงหน้าผมอีกครั้ง


   "กูให้เวลามึงเสียใจเป็นหมาถูกทิ้งแค่วันนี้วันเดียว ถ้าพรุ่งนี้มึงยังเป็นแบบนี้อีก กูจะจับมึงโยนออกไปให้เหมือนหมาจริงๆ" ไอ้ธรคาดโทษผม แต่ผมก็รู้ว่ามันไม่ได้หมายความอย่างที่พูดจริงๆ หรอก มันก็แค่เป็นห่วงผมเท่านั้น


   "กูจะพยายาม" ผมตอบรับไอ้ธรไป


   "มึงต้องทำให้ได้ ไม่ใช่พยายาม เข้าใจมั้ย"


   "กูจะพยายาม" ผมยังบอกมันด้วยคำเดิม


   "ไอ้เชี่ยนี่ เดี๋ยวกูถีบตกเก้าอี้" ไอ้ธรมันกวนประสาทผม หวังให้ผมลืมความเครียดนี่ไปสักพัก แล้วก็ได้ผล ผมยิ้มให้มันก่อนจะเป็นฝ่ายถีบมันเอง


   "ไปแดกเหล้าได้ยัง" ผมถามเจ้าของห้อง


   "เอาดิ อาบน้ำเสร็จก็ไปได้เลย"





   วันนี้ไอ้ธรเลือกร้านแถวแม่น้ำเจ้าพระยา ร้านนี้บรรยากาศดี ลมเย็นๆ หน้าหนาวยามค่ำคืนพัดมาเรื่อยๆ ๆ ทำให้อากาศด้านนอกกำลังสบายเลยทีเดียว ไอ้ธรเลือกมุมที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้ชัดและยังได้ยินเสียงน้ำกระทบฝั่งเบาๆ ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ แต่วันนี้มันกลับดูเศร้า เสียงคลื่นที่กระทบฝั่งมันเหมือนความรู้สึกแห้งแล้งของผมที่กำลังกระทบใจ กัดกร่อนจิตใจให้อ่อนล้ามากกว่าเดิม




   ผมสั่งเบียร์จัดมาก่อนเลย 1 ทาวเวอร์ ไอ้ธรอ้าปากจะยั้งผมไว้ แต่ก็ไม่ทัน ผมบอกแล้วว่าอยากเมา เพราะงั้นผมเลยต้องรีบตัดหน้าชิงสั่งให้เร็วที่สุด ดนตรีสดเพิ่งเริ่ม เพลงที่ร้องช่างประจวบเหมาะเสียจริง รู้ใช่มั้ยว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ เพลงที่ดังเข้ามาในโสตประสาทของผม มันถึงมีแต่เพลงอกหัก



   'กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง  เหมือนมีอะไรที่ดึง ไม่ให้เราเลือกทางใด
   รักคนมีเจ้าของ ต้องทนเก็บมันในใจ  ไม่รู้จะทำอย่างไร   และชีวิตจะเดินต่อไปทางไหนดี'



   คือบับว่า เอ่อ สงสัยลิ้นไก่ผมจะสั้น เอาใหม่ๆ คือแบบว่า ผมมาก่อนหรือเปล่า พี่เมฆไปมีเจ้าของตอนไหน ผมจะไม่ทน ไม่ทนจริงๆ



   'มันผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้  มันผิดที่ฉันมอง
   เห็นเธอด้วยหัวใจ  ผิดตรงที่ไว้ใจ  ฉันมองตัวเธอ ผิดไป'



   และเพลงต่อมา



   'นี่แหละคือความเสียใจ  ความเสียใจมันเป็นอย่างนี้ จำซะใหม่
   ต้องเจ็บจนร้องไห้โดยไม่อาย  ต้องช้ำทุรนทุรายขนาดนี้'




   "ไอ้คี ไอ้คี มึงร้องไห้ทำไม"


   "อะไรวะ ใครร้องไห้" ผม งง ว่าไอ้ธรมันพูดถึงอะไร


   "ก็มึงไง ร้องไห้อยู่เนี่ย เอ้า ทิชชู่ เช็ดซะ" ผมยกมือแตะหน้า จึงเข้าใจว่าตอนนี้ผมร้องไห้อยู่จริงๆ   "ขอบใจ" ผมรับทิชชู่จากไอ้ธรมาเช็ดลวกๆ แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติ


   "เล่าเรื่องของมึงให้กูฟังได้แล้วไอ้คี" ผมนิ่งไปสักพัก



   ในที่สุดผมก็เล่าเรื่องราวของผมกับเฮียเมฆเมื่อคืนนี้ให้ไอ้ธรได้รับรู้



   "แล้วมึงก็เลยทำตัวเป็นนางเอก เก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้านมา?" คำแรกหลังจากที่ไอ้ธรมันฟังผมจนจบ


   "ก็ไม่รู้จะทำยังไง กูไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเฮียตอนนี้"


   "มึงแน่ใจได้ยังไง ว่าพ่อมึงกับคนเมื่อคืนนั้นเขามีซัมติงกัน"


   "กูเห็นเขาจับมือกัน กอดกัน จูบกันเลยนะเว้ย" ผมเสียงดังขึ้นเพื่อแข่งกับเสียงเพลง


   "แค่นี้?" ไอ้ธรมันดันถามผมกลับมาสั้นๆ มันน่ากระโดดถีบขาคู่จริงๆ


   "เออสิ หรือกูต้องเห็นว่าเขาได้กันด้วยมั้ย มึงจะได้ไม่ถามว่า แค่นี้" ผมประชดมันกลับไป


   "แหงสิ ถ้ามึงเห็นเขาเอากันเมื่อไหร่ มึงค่อยมโนให้หนัก แต่นี่มันไม่ใช่สักหน่อย"


   "มึงเป็นเพื่อนกูจริงเปล่าวะ ไอ้ธร" ผมหรี่ตามองมันอย่างไม่ไว้ใจ


   "เอางี้ กูจะสาธยายให้มึงได้ฉลาดขึ้นมาบ้างนะ"


   "พูดมาให้ไว" ผมบอกมันและยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่


   "ไอ้คี ในฐานะที่เป็นเพื่อนกับมึง แล้วพอจะรู้จักนิสัยเหี้ยๆ ของมึงมาบ้าง กูขอพูดตรงๆ เลยละกัน เรื่องมึงกับพ่อมึงที่เคยได้กันเนี่ย พวกมึงทั้งคู่ยังไม่เป็นแฟนกันเลยไม่ใช่เหรอ คอยหวงก้างกันไปมาอยู่นั่นแหละ แล้วมึงนะ ไอ้คี เที่ยวไปทั่ว นอนกับผู้ชายคนนั้นที ผู้หญิงคนนี้ที ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ถามจริงๆ พ่อมึงยังใจกว้างไม่พอเหรอ แล้วกะอีแค่มึงเห็นเขากอดจูบกัน ยังไม่เคยเห็นว่าเขาได้กันเลย มึงยังคิดไปไกล มานั่งฟูมฟายร้องไห้หาสวรรค์วิมานซะเยอะ" ไอ้ธรพูดร่ายมาเสียยืดยาว ซึ่งก็จริงของมันทุกคำ จนผมแก้ตัวอะไรไม่ได้เลย


   "แล้วมึงจะให้กูทำยังไง"


   "กูไม่ได้บอกว่าใครถูกใครผิดนะ และกูก็ไม่ได้เข้าข้างมึงหรือพ่อมึงด้วย กูเองก็พอเข้าใจความรู้สึกของมึงอยู่บ้างว่ามึงคงช็อคตกใจเสียมากกว่าเพราะว่าพ่อในโอวาทของมึง เป็นเด็กดี ทำแต่งาน เหล้าไม่ค่อยแดก นารีก็ไม่ยุ่ง แล้วจู่ๆ ก็กลับมีตัวละครตัวใหม่เสนอหน้าเข้ามา แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นกูว่ามึงควรจะฟังพ่อมึงพูดก่อนดีกว่าว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่ ไม่ใช่ไม่ฟังอะไรเลย"


   "แต่ตอนนี้ กูยังไม่พร้อม" ผมบอกมันเสียงเบา มันไม่ได้ยินหรอกครับ แต่มันดันอ่านปากผมออก


   "ไม่ต้องมาทำเป็นพูดให้กูไม่ได้ยิน กูไม่ได้บอกให้มึงไปฟังพ่อมึงตอนนี้สักหน่อย รอมึงโอเคก่อนแล้วค่อยไปก็ได้"


   "ขอบใจมึงมาก"


   "มึงไม่ต้องมาขอบอกขอบใจกูหรอก กูรู้ตัวดีว่ากูเป็นเพื่อนที่ประเสริฐ เพราะงั้นคืนนี้เลี้ยงเหล้ากูด้วย ค่าปรึกษา" ผมยิ้มให้มันพร้อมจ่ายค่าปรึกษาของมันเป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทหนึ่งโดยไม่ออกเสียง


   "ช่วงนี้กูขอพักอยู่กับมึงสักพักได้มั้ยวะ"


   "ตามสบาย มึงจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ แต่ก็ไม่ควรนานนักเพราะมึงควรเกรงใจกูบ้าง" มันหัวเราะและเหย้าแหย่ผมให้ยิ้มออกมาจนได้ มันเป็นเพื่อนที่ดีอย่างที่มันพูดแหละครับ


   "เดี๋ยวกูช่วยจ่ายค่าไฟ"


   "ค่าน้ำด้วยมึง อย่าลืม"


   "เออ มึงนี่เค็มจริง"


   "กูจะได้มีเงินมากินเหล้ากับมึงไง๊ ว่าแต่มึงเถอะอย่าลืมบอกที่บ้านล่ะ กูไม่อยากให้เขาไปแจ้งความ
ประกาศว่าควายหาย"


   "รู้แล้วน่า" ผมปาน้ำแข็งก้อนไม่ใหญ่นักที่หัวมันพอเป็นพิธีด้วยความเอ็นดูเล็กๆ


   "กูเจ็บนะ ปามาได้ มาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กูด้วย หัวโนแล้วเนี่ย" มันลูบคลำหัวป้อยๆ เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะปาน้ำแข็งไปที่หัวมันอีกรอบ




   คืนนั้นจบลงที่ผมเมาหัวราน้ำ จำหน้าใครไม่ได้ จำทางกลับบ้านก็ไม่ได้ จำไม่ได้แม้กระทั่งว่ากลับมานอนห้องไอ้ธรได้ไง หากใครฉุดลากไปฆ่าหมกป่า ผมคงตายไปอย่างสงบโดยไม่มีใครรู้ แต่โชคดีที่ไอ้ธรมันไม่ได้ดื่มมากเพราะมันรู้ว่าวันนี้ผมคงอาการหนัก มันเลยจิบเบียร์เบาๆ เหล่สาวไปพลางๆ ฟังดนตรีไปเพลินๆ แล้วลากผมกลับห้องอย่างอย่างหมาๆ


   "ไงตื่นแล้วเหรอ ปวดหัวมั้ย" ไอ้ธรเอ่ยทักผมตอนที่เห็นว่าผมลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือกุมศีรษะ


   "เออว่ะ หนักหัวชิบหาย"


   "สมควร ก็เล่นแดกไปซะเยอะ ไม่ปวดหัวก็บ้าแล้ว"


   "แล้วทำไมมึงไม่ห้ามกู" ผมคาดโทษมันกลับไป


   "ใช่เรื่องของกูมั้ย โตเป็นควายแล้วคิดไม่ได้ อยากเมาก็เมาซะให้พอ" เจ็บจนจุกครับ เพื่อนด่า เพื่อนที่กินเหล้าเป็นเพื่อนผม แต่วันนี้มันเอาตัวรอดชิงด่าผมก่อน


   "เอาเลยไอ้ธร ด่ากูซะให้พอ ถึงทีกูเมื่อไหร่กูจะด่าไม่เลี้ยงเลย" ผมด่ามันไปแต่มือก็รับยาแก้ปวดหัวจากไอ้ธรมา ก็แบบนี้แหละครับ ด่ากัน รักกัน ชีวิตจะได้ไม่ได้มีเพียงด้านเดียว




   วันเวลาผ่านไปเกือบสัปดาห์ วันนี้เป็นการเรียนคาบสุดท้ายของสัปดาห์นี้แล้ว กว่าจะเลิกเรียนก็จวนค่ำ ผมนั่งรอไอ้ธรอยู่ใต้คณะ มันไปเข้าห้องน้ำแต่อาการรีบเร่งของมันคาดว่าท่าทางคงจะยาว ผมกังวลใจว่าจะเจอผู้ชายขายาว ตัวสูง ใส่สูท หน้าหล่อ มายืนรอใต้ตึกของคณะแต่ก็ผิดคาด หนทางปลอดโปร่งโล่งเตียนเลยครับ ใจหนึ่งก็โล่ง แต่อีกใจหนึ่งก็กลับรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ มันเหมือนกับว่าจริงๆ แล้วผมไม่ได้มีความหมายกับเฮียสักเท่าไหร่


   "ครับ ป้าจัน" โทรศัพท์ในมือของผมสั่นขึ้นมาก่อนที่ผมจะทันได้สร้างดราม่าต่อ


   "เด็กคนนี้ ยังไงกัน เงียบหายไปเลยนะเรา บ้านช่องก็ไม่กลับ โทรศัพท์ก็ไม่โทร เห็นป้าแก่ๆ คนนี้ไม่มีความหมายต่อลูกแล้วใช่มั้ย ตาคี" เสียงป้าจัน บ่นยาวมาจากปลายสาย ถึงคำพูดจะประชดประชันก็ตามแต่น้ำเสียงของป้าจันก็เป็นห่วงผม



   ตั้งแต่ผมออกจากบ้านมาคืนนั้น ผมฝากเฮียเมฆบอกป้าจันเอาไว้ แต่ไม่ได้โทรกลับไปหาป้าจันเลย ไม่แปลกหรอกครับ ที่ป้าจันจะเป็นห่วงแล้วอดไม่ได้ที่จะค่อนขอดหลานรักอย่างผม


   "คีขอโทษครับ ป้าจันอย่างอนเลยน้า คีคิดถึงป้าจันมากๆ เลย อยากกลับบ้านใจจะขาดแล้ว อยากกอดป้าจันมากๆ อยากหอมแก้มนุ่มๆ ด้วย"


   "ไม่ต้องมาทำเอาใจคนแก่หรอก อยากกลับบ้านบ้างล่ะ คิดถึงป้าบ้างล่ะ แล้วทำไมไม่กลับบ้านล่ะจ้ะ" ผมจับน้ำเสียงของป้าจันได้ว่าตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นแล้ว


   "ก็หลังจากกลับจากค่าย มันก็ใกล้สอบกลางภาคแล้วน่ะครับ คีกลัวเกรดไม่ดี เลยอยู่ติวกับเพื่อนดีกว่า ถ้าสอบเสร็จแล้วคีจะรีบกลับบ้านนะ"


   "แล้วเราจะสอบเสร็จเมื่อไหร่"


   "คียังไม่รู้เลย ถ้าตารางสอบออกแล้ว คีจะรีบบอกให้คุณป้าทราบเป็นคนแรกเลยนะครับ"


   "ย่ะ พ่อคุณ วันไหนว่างก็แวะมาหาป้าบ้างนะลูก ป้าเองก็อยู่บ้านทั้งวัน ไม่ได้ออกไปไหน โทรมาบอกก็ได้เดี๋ยวป้าให้ลุงแช่มขับรถไปรับเราที่มหาลัยนะลูก"


   "ขอบคุณครับป้าจัน"


   "แล้วเป็นยังไงบ้าง เราน่ะ"


   "คีสบายดี ป้าจันไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ"


   "กินข้าวครบทุกมื้อหรือเปล่า"


   "ครบทุกมื้อเลยคร้าบ"


   "คี" เสียงป้าจันถอนหายใจหนักๆ ด้วยความลำบากใจ


   "ครับ?" ผมเองก็รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่าง


   "ทะเลาะกับพี่เขาใช่มั้ยลูก"


   "เปล่าครับ"


   "อย่าหลอกคนแก่อย่างป้าเลย คนเล็กก็ไม่ยอมกลับบ้าน คนโตกลับบ้านดึกทุกวัน นอนก็แทบไม่นอน หน้าตาเหมือนคนอมทุกข์เอาไว้ตลอดเวลา ป้ากลัวจะล้มหมอนนอนเสื่อสักวัน"


   "โธ่ ป้าจันครับ คีบอกแล้วว่าช่วงนี้ติวกับเพื่อนไงครับ ถ้าสอบเสร็จแล้วคีจะรีบกลับไปบ้านนะ ส่วนพี่เมฆคงเครียดเรื่องงานหรือเปล่าครับ" ผมพยายามเบี่ยงประเด็นแก้ตัวไปเรื่อย ลึกๆ พอได้ฟังว่าเฮียเมฆกลับบ้านดึก หน้าตาดูไม่สบาย ผมเองก็อดเป็นห่วงเสียไม่ได้


   "ไม่รู้ล่ะ เรื่องของเด็กๆ ป้าก็ไม่อยากยุ่งด้วยหรอกแต่จะโกรธหรือทะเลาะอะไรกับพี่เขา ป้าก็อยากให้หันหน้ามาคุย รับฟังกันก่อนนะลูก อย่าเพิ่งคิดหรือตัดสินใจอะไรเอง ทุกอย่างมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คีคิดหรืออย่างที่พี่เขาทำก็ได้ ป้าเห็นแบบนี้แล้ว ป้าไม่สบายใจเลย คีเข้าใจป้าใช่มั้ยลูก"


   "ครับ คีเข้าใจ"


   "ลองคิดดูดีๆ นะลูก ป้ารักคีเสมอนะ"


   "คีก็รักป้าจันมากๆ เหมือนกัน คิดถึงนะครับ"


   "จ้ะ ดูแลตัวเองดีๆ นะลูกนะ ป้าเป็นห่วง"


   "ป้าจันก็เหมือนกัน แล้วคีจะรีบกลับไปนะครับ" ผมบอกลาป้าจันผ่านสายโทรศัพท์แล้วก็กดวางไป ประจวบเหมาะไอ้ธรก็เดินผิวปากกลับมาพอดี


   "ไงมึง คุยกับใคร พ่อมึงเหรอ"


   "พ่อมึงสิ ไอ้ธร กูคุยกับป้าจันต่างหาก"


   "อ้อ หลานรัก เงียบหายสินะ"


   "อืม กูลืมโทรบอกป้าจันไปเลย"


   "แล้วป้ามึงว่าไงบ้าง" ไอ้ธรถามพลางนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม


   "ก็เหมือนเดิมแหละ อยากให้กูกลับบ้าน" ผมตอบมันเนือยๆ


   "เป็นอะไร ทำหน้าอย่างกับหมาหงอย พ่อมึงใช่มั้ย"


   "ป้าจันบอกว่าเฮียเมฆดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่"


   "เป็นห่วงก็กลับไปสิ" ไอ้ธรพูดตรงประเด็นตรงใจผมเป๊ะ


   "อยากกลับว่ะ แต่กูยังไม่พร้อม"


   "ไม่พร้อมอะไรนักหนา ไอ้คี ถ้ามัวแต่ปอดแหกแล้วเมื่อไหร่ปัญหามันจะเคลียร์วะ"


   "เรื่องของกูน่า" ผมพูดพลางลุกขึ้นเดินนำมันออกมาจากใต้ตึกแล้วผมก็ต้องชะงักอยู่แบบนั้น



ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


   'เฮียเมฆ'



   เฮียเมฆยืนอยู่ตรงหน้า ผมยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก ไอ้ธรเห็นว่ามีใครอีกคนเข้ามา มันลุกขึ้นและตบบ่าผมเบาๆ ยกมือไหว้เฮียเมฆแล้วขอตัวกลับหอก่อน



   "คี" เสียงเฮียเมฆเรียกผม มันเป็นเสียงที่เบาเหลือเกิน แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน ผมรู้สึกมันนานเหลือเกินที่ผมไม่ได้ยินเสียงของเฮีย


   "ครับ"


   "พี่มารับคีกลับบ้าน"


   "ผมยังไม่อยากกลับ"


   "พี่มาหาคี โกรธอะไร โมโหอะไร พี่อยากให้ฟังก่อน" เฮียเมฆเอื้อมมือมาจับมือผม แต่ผมชักมือกลับ ซ่อนมันไว้ข้างหลัง เฮียเลยได้แต่ยื่นมือค้างเอาไว้แบบนั้น


   "ผมยังไม่อยากฟังตอนนี้"


   "งั้นไปกินข้าวกับพี่นะ"


   "ผมต้องไปกินข้าวกับไอ้ธร"


   "ไปกินข้าวกับพี่นะ" แววตาของเฮียยังเหมือนเดิม มองมาที่ผมเหมือนเดิม ดวงตาคู่เดิมที่เคยเคร่งขรึมดุดันอยู่ในที บัดนี้มันกลับดูเศร้า อ้างว้างเหลือเกิน


   "ก็ได้ เดี๋ยวผมโทรบอกไอ้ธรก่อน" ผมถอนหายใจรับปากเฮียเมฆแล้วกดโทรศัพท์โทรบอกไอ้ธรว่าไม่ต้องรอกินข้าว มันเข้าใจดีโดยไม่ต่อว่าผมสักคำ



   ผมเดินตามเฮียเมฆไปจนถึงรถ เฮียเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้กับผม มันไม่ใช่เรื่องปกติที่เฮียทำ ผมคิดว่าเฮียคงจะกลัวว่าผมจะไม่ยอมขึ้นรถง่ายๆ ละมั้ง ก็เลยเปิดประตูรอไว้เลยดีกว่า ผมก้าวขึ้นไปนั่งแล้วคาดเข็มขัดอย่างเรียบร้อย เฮียเมฆปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะก้าวขึ้นมานั่งที่ฝั่งคนขับบ้างและรถคันสวยก็แล่นออกจากมหาวิทยาลัย


   "อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย"


   "ไม่ครับ ผมไม่ค่อยหิว อะไรก็ได้"



   เฮียเมฆขับรถต่อไปเงียบๆ ไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างเราอีกจนกระทั่งถึงร้านที่เฮียเป็นฝ่ายเลือก ร้านนี้เป็นร้านประจำของเรา ทั้งผมและเฮียเมฆ หลายต่อหลายครั้งที่เรามาทานอาหารที่นี่ ช่วงเวลาดีๆ ความทรงจำต่างๆ เหล่านั้นมันกำลังแล่นเข้ามาในสมอง ภาพที่ผมพูดคุยหัวเราะกับเฮียอย่างมีความสุข ภาพที่ผมคอยเหย้าแหย่ให้เฮียหลุดขำ หรือจังหวะที่ผมจับมือเฮียและเฮียก็จับมือผมกลับ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมเฮียถึงต้องเลือกร้านนี้ด้วย



   "ทำไม" ผมถามเฮียเมื่อรถจอดนิ่งสนิท


   "หืม?"


   "ทำไมต้องเป็นร้านนี้ด้วย"


   "คีไม่ชอบร้านนี้เหมือนกับพี่เหรอ"


   "เพราะว่าชอบไง ผมถึงถามเฮียว่าทำไมต้องพาผมมาร้านนี้ด้วย" ผมเสียงดังขึ้นภายในรถที่เงียบสงัด


   "ใจเย็นๆ ก่อน" เฮียเมฆเอื้อมมือมาจับไหล่ผม


   "ทำไมต้องเป็นร้านนี้ด้วย ทำไม" ผมเริ่มฟูมฟายจนเฮียตกใจ


   "คี อย่าร้องไห้ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ" เฮียเมฆคว้าตัวผมเข้าไปกอด มือหนากดศรีษะของผมให้ซบบนไหล่กว้าง เฮียเมฆยังเหมือนเดิม ความอบอุ่นที่เฮียมีให้ผมก็ยังเหมือนเดิม



   ผมสะอื้นฮักร้องไห้เหมือนเด็กๆ อยู่ในอ้อมกอดเฮีย จนสูทราคาแพงของเฮียเลอะเปรอะเปื้อนไปหมดแต่เฮียก็ไม่ได้สนใจ มือหนายังลูบผมอย่างเบามืออยู่ตลอดเวลา รอจนกระทั่งผมหยุดร้องไห้และนิ่งเงียบในที่สุด เฮียหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ผมอย่างอ่อนโยนเสียจนผมอยากจะปี่แตกอีกรอบ


   "เฮียเคยพาเขามาที่นี่มั้ย" ผมเอ่ยถามเสียงเครือหลังจากหยุดร้องไห้


   "เขา?"


   "พี่พีช" สุดท้ายก็เลี่ยงไม่ได้ต้องเอ่ยชื่อของคนนั้นอยู่ดี


   "ไม่เคยหรอก จะพามาได้ยังไงกัน พี่รู้ว่าคีหวงของจะตายไป"


   "ถ้ารู้ว่าผมหวงของแล้วทำไมพี่ยังทำ..."


   "ทำ? พี่ทำอะไร"


   "ช่างเถอะครับ"


   "ไม่พูดให้หมดล่ะ"


   "ไม่มีอะไรครับ" ผมก้มหน้าตอบ ไม่อยากสบตากับเฮียเมฆ


   "ไหนดูหน้าสิ มอมแมมเลอะไปหมดแล้ว เข้าไปกินข้าวทั้งแบบนี้ สงสัยคนคงมองทั้งร้านแน่เลย"


   "ไม่เป็นไรหรอกครับ"


   "พี่ไม่อยากให้ใครมองคีแบบนั้น"


   "เฮียเมฆ"


   "กลับบ้านกันเถอะ ค้างสักคืนแล้วพรุ่งนี้ถ้ายังไม่อยากอยู่ที่บ้าน พี่จะพาไปส่งที่หอธรให้"


   "ผมอยากกลับไปห้องไอ้ธร"


   "กลับไปที่บ้านกับพี่ก่อนดีกว่า แล้วพรุ่งนี้จะได้กินข้าวกับแม่พี่ด้วย ไม่คิดถึงเหรอ"


   "ผม.." ใจหนึ่งผมก็คิดถึงป้าจัน อีกใจหนึ่งมันก็โหยหาคนตรงหน้า สุดท้ายผมเลยต้องพยักหน้าตอบรับเพราะไม่อยากจะหักห้ามความรู้สึกของตนเองในเวลานี้ ถึงแม้ความรู้สึกเสียใจมันยังไม่จางหายไปเลยก็ตาม


   "กลับบ้านกันนะ เด็กดีของพี่" เฮียเมฆลูบศรีษะผมเบามือแล้วก็เข้าเกียร์ออกรถทันที




   รถยนต์คันหรูจอดเทียบประตูเข้าบ้าน บัดนี้เวลาก็ใกล้สี่ทุ่มเข้าไปทุกที คุณลุงกับคุณป้าคงเข้านอนไปแล้ว ท่านทั้งสอง นอนเร็วและตื่นเช้าเสมอ หากผมเข้าไปหาป้าจันในตอนนี้คงเป็นช่วงเวลาที่ดูไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่นัก



   เฮียเมฆดับเครื่องยนต์และเปิดประตูลงไป ผมก้าวเท้าตามลงไปโดยอัตโนมัติ เฮียเมฆเดินนำเข้าบ้านไปก่อน ได้ยินเสียงเฮียแว่วๆ ให้เตรียมอาหารมื้อค่ำให้ผมและตัวเอง



   "ตะกี้พี่เจอป้าสายใจ พอบอกว่าคีกลับมาด้วย ป้าแกรีบไปทำของอร่อยๆ ให้คีเลยนะ" เฮียพูดติดตลกแล้วก็ไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ผมนั่งลงที่เก้าอี้ประจำของผมเหมือนเช่นทุกครั้ง


   "เกรงใจป้าสายใจ นี่ก็ดึกมากแล้ว"


   "โถ ไม่ต้องเกรงใจป้าหรอกค่ะ คุณคี" ป้าสายใจเดินเข้ามาพร้อมอาหารควันลอยเด่นอยู่ในอากาศ กลิ่นหอมของอาหารอวลอยู่ภายในห้อง ส่งผลให้ท้องของผมเริ่มทำงานทันที


   "ขอบคุณครับป้าสายใจ คิดถึงอาหารฝีมือป้าจังเลย" ผมตอบจากความรู้สึกที่แท้จริง


   "ถ้าคิดถึงทำไมไม่กลับบ้านมาทานที่นี่ล่ะคะ ไปทานข้างนอกไม่รู้จะทานได้หรือเปล่า สะอาดหรือเปล่าก็ไม่รู้"


   "ทานได้สิครับ คีซะอย่าง แต่ฝีมืออาหารของป้าสายใจเยี่ยมยอดที่สุด"


   "ปากหวานเอาใจคนแก่เก่งจริงๆ แล้วได้ทานอาหารจริงแน่หรือเปล่าคะเนี่ย ไม่เจอแปปเดียว คุณคีดูผอมไปนะคะ"


   "ก็ต้องทานสิครับ แต่ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วที่คณะก็มีงานเยอะเลยครับ"


   "แสดงว่าไม่ค่อยได้ทานใช่มั้ยคะ ไม่รู้ล่ะค่ะ ทานให้หมดเลยค่ะ อ้อ คุณเมฆด้วย ต้องทานให้หมดด้วย รายนี้ก็ทานน้อยลงมากเหมือนกัน ป้าล่ะเป็นห่วงเลยทั้งคู่"


   "โธ่ ป้าสายใจ ผมก็ทานของผมเหมือนเดิมนะ" เฮียเมฆปฏิเสธป้าสายใจกลับไป แต่ผมก็รู้ว่าเรื่องที่ป้าสายใจพูดนั้นเป็นความจริง เพราะเฮียเมฆดูผอมลงไปจริงๆ


   "ป้าไม่รบกวนคุณทั้งสองแล้วนะคะ ทานเสร็จก็วางจานชามไว้ตรงนี้ได้เลย เดี๋ยวป้าให้น้อยมายกไปเก็บเองค่ะ"


   "ครับ" ผมกับเฮียเมฆพร้อมใจกันตอบรับสั้นๆ


   "ต้องทานให้หมดนะคะ อย่าลืม ถ้าทานไม่หมด ป้างอนจริงๆ ด้วย" ป้าสายใจขู่ทิ้งท้ายก่อนจะพาร่างอวบท้วมเดินออกจากห้องไป




   ผมกับเฮียเมฆทานอาหารของป้าสายใจไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็หมด โดยไม่ต้องฝืน ไม่ได้กลัวว่าป้าสายใจจะงอนจริงๆ อย่างที่ป้านั้นได้บอกไว้ เพียงแต่รสมือของป้าสายใจนั้นยังกลมกล่อมเหมือนเดิมในความรู้สึกและประกอบกับผมทานอาหารไม่ค่อยลงมาหลายวัน พอมาถึงวันนี้ร่างกายคงอยากจะเรียกร้องเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ผมจึงจัดการเสียเรียบ



   เสร็จจากมื้อค่ำที่จวนจะเกือบเป็นมื้อดึกของเราทั้งสองคน ผมกับเฮียเมฆก็ลุกออกจากโต๊ะอาหาร ทิ้งจานชามเอาไว้แบบนั้นตามคำสั่งของป้าสายใจ เกรงว่าหากดึงดันจะเอาไปเก็บเอง มีหวังพรุ่งนี้ป้าสายใจต้องบ่นและงอนผมกับเฮียเมฆไม่จบแน่ เชื่อป้าและทำตามที่ป้าบอก คือการเรียนรู้อย่างหนึ่งของผมว่าอย่าแย่งหน้าที่ของป้าสายใจเป็นอันขาด เพราะเรื่องนี้ป้าสายใจจะไม่ทน



   ผมเดินนำขึ้นชั้นสองของตัวบ้าน ห้องของผมถึงก่อนห้องของเฮียเมฆ จังหวะที่ผมบิดลูกบิดประตูเพื่อที่จะเข้าห้องตัวเองนั้น แขนของผมก็ถูกคว้าไว้เสียก่อน


   "ไปนอนห้องพี่" เฮียเมฆบอกผมแบบนั้น


   "ผมไม่อยากไป.." และผมก็ตอบกลับไปแบบนั้น   


   "ถ้าคีไม่ไป งั้นคืนนี้พี่จะมานอนห้องคีแทน"


   "เฮีย.." ผมพูดด้วยความอ่อนใจ บทเฮียเมฆจะดื้อดึงนั้นก็มากจนน่าใจหายเลยทีเดียว


   "ว่าไง จะนอนห้องไหนครับ"


   "ห้องเฮียก็ได้" ผมพูดแค่นั้น เฮียเมฆก็หัวเราะเบาๆ แล้วพาผมก้าวเข้าไปในห้องของเฮีย โดยไม่ปล่อยมือที่ยังจับแขนของผมไว้ ไม่รู้ว่ากลัวผมจะหายไปต่อหน้าหรืออย่างไร



   ผมเดินเข้าห้องของเฮียเมฆแล้วก็ตรงไปหยิบเสื้อผ้าที่ตู้ของเฮียทันที ด้วยความที่หลายต่อหลายครั้งเวลาที่ผมเมาแล้วชอบมานอนห้องของเฮีย ทำให้เฮียลำบากที่จะเดินกลับไปที่ห้องผมเพื่อนำเสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยน เฮียเลยบอกให้ผมแบ่งเสื้อผ้ามาไว้ที่ตู้ของเฮียบ้าง เพื่อความสะดวกของเฮียเอง เพราะเฮียต้องลำบากด้วยสาเหตุจากผมมาหลายอย่างแล้ว



   ผมเปิดตู้เสื้อผ้าออก คว้าเสื้อผ้าชุดนอนมาได้อย่างลวกๆ ก็เข้าไปอาบน้ำทันที ผมยืนอยู่ใต้ฝักบัวขนาดใหญ่ เปิดน้ำให้ไหลลงมาอย่างแรง ผมอยากให้จิตใจของผมนั้นได้สงบลงบ้าง ไม่อยากให้คิดฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้ รู้ว่าทำได้ยากลำบากเหลือเกิน แต่ก็อยากขอลองอีกครั้ง หากผมไม่รู้สึกอะไรกับเฮียเลย



   มันคงจะดีกว่านี้ ...



   มันคงจะดีกว่านี้ ...



   ผมหลับตาลงช้าๆ เพราะรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ผมยังคงต้องต่อสู้จิตใจตัวเองต่อไป และอดทนให้มากที่สุดเพื่อตัวของผมเอง เพราะหากเฮียต้องแต่งงานไป ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นหรือไม่ หรือกับใครคนอื่นก็ตาม ผมก็ต้องยอมรับมันให้ได้ และอยู่ต่อไปให้ได้ด้วยเช่นกัน


   ก๊อก ก๊อก



   เสียงเคาะประตูห้องน้ำจากภายนอก ปลุกให้ผมตื่นจากห้วงความคิด ผมรีบอาบน้ำสบู่อย่างรวดเร็ว
และรีบแต่งตัวเพียงไม่นานก็แต่งตัวเสร็จ เมื่อออกมาก็พบว่าเฮียเมฆกำลังนั่งอยู่บนโซฟาขาวตรงอีกมุมหนึ่งของห้อง เฮียเปิดทีวีไว้ แต่กลับมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมไม่เห็นใบหน้าของเฮียในเวลานั้น เพราะเฮียนั่งหันหลังให้ ผมจึงไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้เฮียกำลังคิดอะไรอยู่ เฮียกำลังเสียใจเรื่องของเราหรือเปล่า หรือเฮียกำลังคิดว่าอยากให้เราทั้งสองคนนั้นลงเอยในตอนท้ายอย่างไร



   ผม นายคีรินทร์ รินทร์วิธา คนที่เคยมั่นใจว่าตนเองนั้นรู้จัก นายเมฆา วิวัฒน์จรรยา นั้นดีที่สุดแล้ว แต่ครั้งนี้ผมกลับชักไม่แน่ใจแล้วว่า ผมรู้จักเขาดีจริงหรือไม่



   ผมไม่รู้เลยจริงๆ



   เสียงดังสวบสาบของเสื้อผ้าในจังหวะที่ผมก้าวไปที่เตียงนอนหลังใหญ่ แล้วล้มตัวลงนอนในฝั่งประจำของผม มันทำให้เฮียเมฆรู้สึกตัวว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในห้องตามลำพัง เฮียลุกขึ้นแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ


ผมหลับตาลงหวังว่าคืนนี้คงจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะลึกๆ แล้ว ผมกลัวใจอ่อนกับคำพูดของเฮียเมฆ ผมกลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวว่าผมจะกลายเป็นคนที่อดทนรอเฮียเมฆอยู่ด้านหลังตลอดไป หากวันข้างหน้าเฮียไม่ได้เลือกผมเป็นที่หนึ่ง ผมคงจะต้องกลับไปยังที่ของผมเสียที



   "หลับหรือยัง" เสียงทุ้มของเฮียเมฆเอ่ยดังขึ้นข้างหูของผม เมื่อเฮียตามเข้ามานอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ผมได้กลิ่นหอมของสบู่ที่ผมกับเฮียใช้เหมือนๆ กัน แต่ผมกลับไม่ได้กลิ่นนั้นออกจากร่างกายของผมเลย


   "..." ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะอยากจะให้เข้าใจว่าผมหลับไปแล้ว เฮียเมฆดึงร่างของผมเข้าไปกอดจากด้านหลัง นี่เป็นอีกเรื่องที่ไม่บ่อยนักที่เฮียจะทำเช่นกัน เฮียไม่ชอบกอดจากด้านหลัง และมักจะไม่ค่อยเป็นฝ่ายกอดผมด้วย มีแต่ผมที่พยายามหาทางกอดเฮียแทน


   "เมื่อไหร่จะยอมฟังพี่สักที"


   "..."


   "พี่ไม่ได้..."


   "อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยได้มั้ย" ผมยอมรับว่าผมกลัว ถ้าเฮียจะบอกว่า เฮียไม่รู้สึกอะไรกับผม หรือเฮียไม่ได้รักผม



   ผมยังไม่พร้อม และผมขอยืดเวลาตรงนี้ออกไปอีกหน่อยได้หรือเปล่า ยอมรับเลยว่าถ้าพี่พีชคนนั้นเป็นผู้หญิง ผมคงจะไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้ เพราะพอจะเข้าใจว่าเฮียก็ควรแต่งงานกับคนดีๆ มีลูกให้คุณลุงคุณป้าได้อุ้ม มันคงทำให้ผมยอมรับอะไรได้ง่ายกว่านี้


   "หันมาคุยกับพี่ดีๆ หน่อยได้มั้ย"


   "ผมง่วง"


   "ไม่เอาน่า หันมาคุยกับพี่เถอะ" ผมหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นเพื่อพลิกตัวไปเผชิญหน้ากับเฮีย


   "เฮ้ย!!..." ผมตกใจอุทานออกมา เพราะเฮียเมฆออกแรงพลิกตัวผมขึ้นไปนอนอยู่หน้าอกเฮีย


   "เล่นอะไรของเฮียเนี่ย" ผมบ่นหลังจากจัดที่จัดทางให้ตัวเองได้นอนสบายแล้ว


   "พี่ไม่รู้ว่าคีโกรธอะไร แต่ถ้าเกี่ยวกับคุณพีชล่ะก็ พี่อธิบายได้"


   "พี่เมฆอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย รอหลังสอบเสร็จเทอมนี้ก่อนได้มั้ยครับ" เหมือนเคยครับ เฮียชอบคนพูดเพราะ พูดจาดี ถ้าผมอยากจะได้อะไร หรือขออะไรจากเฮีย คำพูดคำจาต้องดีครับ


   "กลางภาค?" เฮียหมายถึงการสอบที่จะมีขึ้นในไม่ช้านี้


   "ปลายภาคครับ"


   "อีกตั้งหลายเดือน นานไปหรือเปล่า"


   "ขอเวลาหน่อยนะครับ"


   "คี...." เฮียเมฆเรียกชื่อผมเสียงเบา แต่ผมก็รู้ว่าเฮียไม่ได้อยากทำตามคำขอผมหรอก


   "นะครับ"


   "มันไม่ใช่อย่างที่คีคิดนะ พี่อธิบายได้"


   "ถ้าพี่เมฆไม่หยุดพูด ผมจะไปห้องไอ้ธรตอนนี้เลย" จะบอกว่าผมดื้อแพ่งก็ยอม



   คุณเคยเจอหรือรู้สึกในปัญหาอะไรแบบนี้บ้างหรือเปล่า อย่างเช่น เวลาที่เราเคยมั่นใจอะไรสักอย่าง แล้วเราเชื่อว่าสิ่งนั้นจะไม่มีวันทำให้เราต้องสั่นคลอนในความเชื่อมั่นได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันกลับไม่ใช่ มันเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ประมาณนั้น เพราะสิ่งที่เราเคยมั่นใจมาโดยตลอดและเชื่อมั่นว่าเขาคงรักเรา แต่บัดนี้มันอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดเสียแล้ว



   มันก็เลยเหมือนคุณเสียสมดุลหรือขาดความมั่นใจจนไม่กล้าจะปักใจเชื่อหรือรักอะไรใครได้อีก



   ในตอนนี้ ผมเองก็รู้สึกแบบนั้นแหละ



   แล้วเหตุการณ์แบบนี้มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเคยเจอ




================================================
สวัสดีผู้อ่านทุกคนค่ะ ขออนุญาตมาลงเร็วก่อนหนึ่งวันค่ะ เพราะวันจันทร์ติดธุระอาจทำให้มาลงไม่ได้
ไม่ว่ากันเนาะ  :hao6:

มาถึงตอนนี้กันบ้างค่ะ อ่านแล้วอย่าเพิ่งเหนื่อยใจกับนายคีคนนี้นะคะ ทุกคนนนน คีมีเหตุผลของตัวเอง
ส่วนเฮียเมฆก็ยังเหมือนคนที่ไม่รู้เรื่องว่าทำอะไรคีถึงโกรธ
แต่จะเป็นยังไงต้องติดตามกันต่อไปค่ะ คนเขียน เขียนไปอีกสิบตอนได้แล้วค่ะ เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องได้ถูกวางเอาไว้อยู่แล้ว
ไม่ต้องห่วงว่าอาจจะมีพลิกโผหรือเปลี่ยนเนื้อเรื่องกลางทางแน่นอนค่ะ

ตอบคำถามๆๆๆ หายข้อสงสัยกันจ้า

คุณ ทฟเืนสรฟ : เรื่องนี้คนเขียนอยากบอกว่ามันไม่ดราม่านะคะ จริงๆ น้า เพราะทุกครั้งที่จะเข้าหน่วง คีจะมีมุมให้ไม่เครียดของตัวเองแน่นอนค่ะ อีกอย่างคนเขียนแต่งหน่วงไม่เป็นนนนนน ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ ^^ มาม่าไม่อืดแน่น๊อนน *เสียงสูง*

คุณ Yara : อ่านติดตามต่อไปเรื่อยๆ เลยนะคะ เรื่องจะค่อยๆ คลายออกมาเองค่ะ

คุณ mukmaoY : คีเป็นเด็กนิสัยไม่ดีค่ะ จับตีๆๆๆ  :z13:

คุณ warin : มาอ่านกันเลยค่า

คุณ Jibbubu : มาแล้วววววว

คุณ Chise : มาแล้วค่าา เดี๋ยวจะได้รู้ว่าคีมีปมในใจหรือเปล่า แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะคะ ^^

คุณ lllittled : ไม่ใช่แนว incest ค่ะ วางใจได้เลย สองคนนี้ไม่ได้เป็นลูกพี่ลูกน้อง หรือเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลยค่ะ แต่ทำไมคีถึงมาอยู่ที่บ้านเฮียได้ ต้องติดตามนะคะ ส่วนสถานะความรู้สึกคี ใช่ค่ะ ตามที่คีเคยบอกว่าคียังไม่พร้อมเลยนั่นแหละค่ะ
คำแก้ตัวของเฮียเมฆ คีจะฟังหรือเปล่า เนี่ย ต้องลุ้นกันต่อค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะคะ
อัพเดทข่าวสารได้ที่ทวิตเตอร์เลยนะคะ ตรงลายเซนต์เล้ยย
  :mew1:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ฟังแล้วเฮียเมฆอาจไม่ได้มีอะไรกับพี่พีชก็ได้นะ แต่พี่พีชน่าจะชอบเฮียล่ะนะ คีก็ฟังเฮียหน่อยละกัน

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ชักรำคาญคีแล้วจะกลัวทำไมอย่าป๊อดได้มั้ยฟังเฮียก่อนอย่าเพิ่งคิดไปเอง มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้ ธรก็บอกอยู่

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ่านไป ซับน้ำตาไป  :mew6:  (อะไรของฉันเนี่ย บ่อน้ำตาตื้นเกินไปละ)
เฮียเมฆ ก็พยายามจะอธิบาย คี ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับฟัง :katai1:
ทุกข์ ทั้งคู่ กินไม่ค่อยได้ นอนก็ไม่ค่อยได้ จนผอมทั้งคู่
แสดงว่า มันไม่ใช่อย่างที่คีคิดละ
เพราะถ้าเฮียเมฆ ชอบพี่พีชจริง ไม่รักคีแบบนั้น
เฮียเมฆ ก็ต้องสุขสบาย กินได้ นอนหลับ คงไม่โทรมเหมือนกับคี
คี เป็นพวกกลัวไปล่วงหน้า คิดเกินไปเอง
อือ...เรียกว่าปอด หรือเป็นวิธีปกป้องตัวเองของคี
ปัญหาอะไรที่คีเคยมั่นใจอะไรสักอย่าง
แล้วคีเชื่อว่าสิ่งนั้นจะไม่มีวันทำให้คีต้องสั่นคลอนในความเชื่อมั่นได้
แต่ท้ายที่สุดแล้วมันกลับไม่ใช่ มันเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
คี เคยเจอมาแล้วสินะ คงไม่ใช่เรื่องพ่อแม่ของคี ?(เดาว่า เสียไปเพราะอุบัติเหตุ)
รอ อย่างใจจดใจจ่อ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
จะว่าคีดื้อก็ใช่ แต่ถ้าเจอภาพพี่จับมือกับอีกคนแบบนั้น เจ็บกว่าเห็นเขานอนด้วยกันอีก มันดูผูกพันยังไงไม่รู้

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
สงสารป้าตจันทรา



ลูกหลาน อึมครึม คงทุกข์ใจและสงสัยว่ามีเรื่องอะไรกัน



สงสารเฮียเมฆ ถ้าคีมันงี่เง่ามาก ก็ปล่อยมันไปเถอะ



สงสารธร มีเพื่อนเอาแต่ใจ

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ชอบมากกกค่ะ :katai5:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

ภูเขาลูกที่สี่


   ผมอยากนอนหลับแล้วตื่นขึ้นมาวันใหม่ของอีกวันเลย แต่ก็ทำไม่ได้ครับ เพราะร่างกายของผมที่มันผอมบางกว่าเฮียนั้น ถูกอีกฝ่ายกอดแน่นเอาไว้ ราวกับกลัวว่าถ้าหากปล่อยแขนจากผมไปแล้วผมจะหายไปเสียอย่างไรอย่างนั้น  ผมคงจะหายไปไหนไม่ได้ นอกจากขาดอากาศหายใจตายเสียมากกว่า


   "เฮีย" ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ ใบหน้ายังซุกกับหน้าอกของเฮียอยู่


   "หืมม" เฮียกดจมูกลงที่เส้นผมของผมเบาๆ เอ๊ะ วันนี้ผมได้สระผมไปหรือยัง แล้วครั้งสุดท้ายมันเมื่อไหร่หว่า จำไม่ได้แฮะ ว่าแต่เหม็นหรือเปล่าครับเฮียเมฆ


   "เฮียกอดแน่นไป จะหายใจไม่ออกแล้ว" ผมพยายามขยับไปมาให้เฮียได้รู้ว่าผมเริ่มอึดอัด


   "ไม่"


   "ผมยังไม่อยากตายครับ พี่เมฆ"


   "ก็ได้" เฮียคลายอ้อมแขนออกนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ครับ ผมยังขยับเขยื้อนไม่ได้ แต่ก็หายใจได้โล่งสะดวกกว่าก่อนหน้านี้


   "นอนแล้วนะ" ผมพูดเบาๆ พร้อมกับหลับตาลง


   "วันนี้ไม่อ้อนพี่เหรอ" น้ำเสียงของเฮียดูราบเรียบ แต่ผมรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไม่ปกติของเฮีย เพราะเฮียไม่เคยพูดอะไรแบบนี้


   "ผมไม่ได้เมาสักหน่อย"


   "ไม่เมาก็จะไม่อ้อน?"


   "คงงั้นแหละครับ"


   "ถ้าอย่างนั้น..." เฮียพูดทิ้งท้ายไม่ต่อให้จบประโยค


   "ครับ?"



   ผมสงสัยได้เพียงเท่านั้น เฮียก็จับตัวผมออกจากตัวแล้วดันให้ลงนอน ใบหน้าของเฮียก้มต่ำลงมา ผมรู้ว่าเฮียต้องการทำอะไร ผมหลับตาลงแล้วหันหน้าหนี ผมไม่อยากจูบกับเฮียเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ ริมฝีปากของเฮียที่จูบกับพี่พีชมา ผมไม่อยากจะสัมผัสมัน ผมไม่ชอบ ไม่ชอบให้เฮียไปสนิทกับใครเลยด้วยซ้ำ



   "คี" เฮียเรียกผมให้ตื่นจากภวังค์ ผมลืมตาแล้วหันมาประสานสายตากับเฮีย


   "หันหน้าหนีพี่ทำไม" ทั้งน้ำเสียงและแววตาของเฮียเมฆมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จนผมรู้สึกเจ็บตามไปด้วย


   "ผม..." ผมไม่รู้จะแก้ตัวกับเฮียยังไง ครั้นจะให้ผมนั้นบอกเฮียไปตรงๆ ผมก็ยังขลาดเกินกว่าที่จะพูด


   "รังเกียจพี่ใช่มั้ย"


   "ผม..." ผมจะพูดได้ยังไง ใช่ ผมรังเกียจที่เฮียไปจูบคนอื่น ที่ไม่ใช่ผม แต่ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์อะไร แล้วผมจะพูดออกไปได้ยังไง


   "ถ้าคีไม่ชอบ พี่จะไม่ทำก็แล้วกัน ฝันดีนะ เด็กดีของพี่" เฮียลูบศีรษะผมอย่างเบาแล้วผละออกไปนอนตะแคงหันหลังให้ผมในฝั่งของตัวเอง



   'มึงนะ ไอ้คี เที่ยวไปทั่ว นอนกับผู้ชายคนนั้นที ผู้หญิงคนนี้ที ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ถามจริงๆ พ่อมึงยังใจกว้างไม่พอเหรอ'



   คำพูดของไอ้ธรที่อยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวของผม มันทำให้ผมได้คิดอีกครั้ง ไอ้ธรมันพูดถูกทุกอย่าง เฮียไม่เคยโกรธหรือแสดงออกว่าหึงเลยที่ผมไปเที่ยวกลางคืน ควงผู้หญิงหรือผู้ชายไม่ซ้ำหน้าไปนอนตามโรงแรมที่ใกล้ๆ สถานบันเทิงเหล่านั้น เฮียจะพูดทุกครั้งบอกให้ผมป้องกัน บอกให้โทรหาเฮีย ถ้าหากผมตื่นแล้วจะให้เฮียไปรับ


   ผมยังคงเห็นแก่ตัวใช่มั้ย


   สายตาของเฮียเมฆที่แสดงชัดว่าเจ็บปวดนั้นมันทำให้ผมรับรู้และสัมผัสความรู้สึกได้อย่างดีเยี่ยม เฮียเมฆนะ เฮียเมฆ รู้มั้ยว่าสายตาของเฮียน่ะ นอกจากจะดุโดยไม่ต้องพูดแล้ว มันยังทำให้ผมโคตรจะเจ็บเลยเว้ย เจ็บใจตัวเองทั้งที่ความเป็นจริงแล้วผมควรจะต้องเป็นฝ่ายที่โกรธไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องรู้สึกผิดที่เห็นสายตาของเฮียแบบนี้ด้วยวะ


   "พี่เมฆ" ผมอยากจะตะโกนและกระชากเฮียให้หันกลับมา แต่ในความเป็นจริงผมแค่ลองเรียกชื่อเฮียดูเบาๆ เผื่อว่าเฮียจะยังไม่หลับ


   "..." ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก


   "พี่เมฆ" ผมพลิกตัวไปสะกิดแขนของเฮียเบาๆ เผื่อว่าเฮียจะรู้สึกตัวหรือไม่ก็แสดงออกว่ายังไม่หลับไป


   "..." และยังคงไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกอีกเช่นเดิม


   "พี่เมฆ โกรธเหรอครับ" ผมพูดเพราะหวังให้อีกคนตอบรับ เอาจริงๆ แล้วผมรู้ว่าเฮียยังไม่หลับหรอกแต่เฮียไม่พอใจผม เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมปฏิเสธเฮีย ปกติแล้วมีแต่จะขอจูบจากเฮียมากกว่า ในทางกลับกันหากเป็นผมที่โดนปฏิเสธแบบนี้บ้าง ผมคงจะรู้สึกแย่ไม่น้อยและอาจจะไม่ใช่แค่นอนหันหลังให้ ผมอาจจะลุกออกไปจากห้องนี้และออกจากบ้านนี้ไปเลยก็ได้


   "เปล่า" ได้ผล การลงทุนกับคำพูดเพราะๆ ของผม มักจะใช้งานได้ดีเสมอ


   "ถ้าไม่โกรธแล้วทำไมไม่ตอบล่ะครับ" ผมซุกหน้ากับแผ่นหลังของเฮีย วาดแขนไปกอดเอวเฮียเอาไว้อย่างเอาใจ


   "คีบอกพี่ว่าจะนอนแล้ว" ผมอมยิ้มอยู่ลำพังในความมืด เฮียไม่พอใจที่ผมปฏิเสธ แต่เฮียเลือกไม่บอกเหตุผลผมตรงๆ กลับเฉไฉไปเรื่องอื่น บางทีเฮียก็มีมุมที่ไปต่อไม่เป็นเหมือนกันนะ ผมดีใจนะที่เฮียยเป็นแบบนั้นก็เพราะผม


   "หันหน้ามาหาหน่อยสิครับ" ผมกลั้นใจรอเฮียหันกลับมา รอจนเกือบจะหมดหวังแล้ว ในที่สุดเฮียก็หันกลับมาจนได้


   "ผมขอโทษนะครับ" ผมยื่นหน้าไปจูบปลายคางที่บัดนี้หนวดเริ่มจะครึ้มหนาขึ้นมาแล้ว ผมไม่ได้อธิบายว่าขอโทษอะไร และขอโทษทำไม แต่เฮียเมฆก็เข้าใจโดยไม่ต้องถามผม


   "อย่าทำแบบนี้อีกได้มั้ย" น้ำเสียงเศร้าๆ ของเฮีย ทำเอาผมยิ่งรู้สึกผิด


   "ขอโทษครับ แต่ผมรับปากไม่ได้หรอก"


   "คีทำแบบนี้เพราะอยากให้พี่เจ็บใช่มั้ย"


   "ผมไม่ได้อยากให้พี่เมฆต้องเจ็บ แค่ไม่อยากจะซ้ำกับรอยใคร"


   "รอยอะไร ของใคร คี .. มันไม่ใช่นะ"


   "พอเถอะครับ ผมบอกพี่แล้วไงว่ายังไม่พร้อมที่จะฟังตอนนี้"


   "คี..." เฮียเมฆเรียกชื่อผมแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ เฮียรู้นิสัยของผมดี เพราะมันจะไม่มีความหมายถ้าเฮียยังไม่ยอมหยุด


   "กอดผมแน่นๆ แล้วนอนกันเถอะครับ" ผมกอดเอวของเฮียเมฆ ศีรษะก็หนุนแขนเฮียต่างหมอน ส่วนเฮียเมฆก็กอดผมแน่นอย่างที่ผมบอกไป แล้วเราทั้งสองก็ผ่อนคลายลงก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปในเวลาไล่เลี่ยกัน




   เช้าวันต่อมา ผมตื่นขึ้นมาก็พบว่าที่ข้างๆ ตัวผมนั้นว่างเปล่าเสียแล้ว ผมคว้านาฬิกาข้างเตียงมาดูก็พบว่าเกือบจะเก้าโมง เฮียเมฆตื่นเช้าเป็นประจำ ไม่แปลกถ้าจะตื่นมาแล้วไม่พบกับเจ้าของห้อง ผมค่อยๆ ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แปรงฟันล้างหน้า แล้วค่อยๆ เดินลงบันไดมาชั้นล่าง



   "เอ้า พ่อตัวดี ตื่นแล้วเหรอ หิวหรือยังลูก"  เสียงป้าจันทราทักผมทันทีเมื่อเห็นผมเดินมาที่โต๊ะอาหาร



   ตอนนี้ทุกคนนั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ไม่ว่าจะเป็นคุณลุงวิกรณ์ คุณป้าจันทรา และเฮียเมฆ แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะอิ่มมื้อเช้าเสียแล้ว บ้านนี้เขาตื่นกันเร็วและทานมื้อเช้ากันเร็วครับ ถ้าวันหยุดแบบนี้ผมมักจะตื่นสายและทานเป็นคนสุดท้ายเสมอ


   "ยังไม่ค่อยหิวเลยครับป้าจัน" ผมก้าวเข้าไปหอมแก้มป้าจันเสร็จแล้วก็ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ป้าจันนั่นแหละ


   "หิวหรือไม่หิวก็ต้องกิน ข้าวเช้ามันสำคัญ รู้มั้ย" ป้าจันบ่นผมนิดหน่อย ก็หันไปสั่งเด็กน้อยที่ยืนรับใช้อยู่ข้างๆ ให้ไปยกอาหารมาให้ผม


   "หายไปเลยนะไอ้ตัวแสบ งานเยอะหรือเที่ยวเยอะล่ะ" คราวนี้เป็นเสียงลุงกรณ์ครับ ลุงพับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะข้างๆ ตัวแล้วก็เงยหน้ามามองผม


   "ช่วงนี้ใกล้สอบ คีเลยอยู่ติวกับเพื่อนครับ ลุงกรณ์"


   "งั้นรึ นึกว่าหลบหน้าใครบางคนแถวนี้" ยังไม่ทันไรลุงกรณ์เริ่มเปิดเรื่องคนแรกแล้วล่ะครับ


   "โธ่ จะให้คีหนีหน้าใครได้ละครับ แค่นี้ก็คิดถึงลุงกรณ์กับป้าจัน จะแย่อยู่แล้ว" ผมโผกอดป้าจันอีกครั้งด้วยหวังจะออดอ้อน


   "ไอ้นี่ กับคนแก่ก็ยังไม่เว้น เพราะปากมันดีแบบนี้ไงล่ะ เมฆ สาวๆ ถึงไล่ตามมันให้เกรียว ดูเอาเถอะแม่จัน หลานแม่จันนี่ร้ายจริงๆ" ลุงกรณ์หัวเราะเบาๆ  ป้าจันหันมาหยิกแขนผมเบาๆ ลงโทษพอเป็นพิธี


   ส่วนอีกคนน่ะเหรอ มองผมนิ่งๆ ตาดุเหมือนเคย ผิดกับเมื่อคืนลิบลับ


   "เมื่อวานนี้ตาเมฆไปรับกลับมาใช่มั้ย ป้าล่ะเหนื่อยจะพูด บอกให้ไปรับเราตั้งหลายวัน เพิ่งจะไปรับมาเอาป่านนี้ จนป้าทนไม่ไหวต้องโทรหา แล้วจะกลับมานอนบ้านได้หรือยังล่ะ" ป้าจันบ่นลูกชายยืดยาวแถมพ่วงมาถึงผมด้วย


   "ยังหรอกครับ ถ้าสอบเสร็จเมื่อไหร่ จะกลับมานอนแทรกกลางลุงกับป้าทันทีเลย"


   "หลอกคนแก่ให้ดีใจ มันบาปนะ"


   "ป้าจันไม่เชื่อคีแล้วเหรอเนี่ย ร้องไห้ดีกว่า"


   "พอเถอะ ตัวโตขนาดนี้ มันไม่น่ารักเหมือนเด็กทำหรอก เลิกแกล้งร้องได้แล้ว น่าหมั่นไส้จริงๆ พ่อคนนี้ ข้าวต้มมาพอดี กินเถอะจ้ะ"


   "ครับ ป้าจัน" ผมรับคำพร้อมกับยกช้อนค่อยๆ ตักข้าวต้มเข้าปากอย่างไม่เร่งรีบด้วยเพราะความร้อนจัดของมัน




   บ้านนี้เขาก็มีอะไรให้อบอุ่นอยู่เสมอครับ ถึงแม้ว่าผมจะตื่นสายลงมาทานทีหลัง แต่ทุกคนจะนั่งรอพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องงานบ้าง เรื่องทั่วไปบ้าง ถามสารทุกข์สุกดิบของแต่ละคนบ้าง จนกว่าผมจะลงมา แล้วรอจนทานเสร็จนั่นแหละครับ พวกเขาถึงจะย้ายไปนั่งที่อื่นกัน อาจจะไปนั่งดูทีวีกันต่อที่ห้องรับแขก หรือหากใครมีงานอดิเรกอะไรทำก็แยกย้ายไป อย่างคุณลุงชอบอ่านหนังสือ ลุงจะนั่งอยู่ข้างๆ ป้าจัน ในขณะที่ป้าจันนั้นก็เปิดดูรายการทีวีไปเรื่อยๆ เพลินๆ ไม่ก็หาอะไรมาทำฆ่าเวลาบ้าง เช่น ปะชุนเสื้อผ้า ปักชื่อบนผ้าเช็ดหน้าให้เฮียเมฆ หรือถักเสื้อไหมพรมแบบต่างๆ เห็นแบบนี้ป้าจันทำได้ออกมาสวยงามมากเลยนะครับ ส่วนเฮียเมฆชอบปลูกดอกไม้ครับ ถ้าเฮียหายไปนี่ล่ะก็ ไปดูข้างบ้านได้เลย เฮียต้องอยู่จมกองดินแถวนั้นแน่นอน และงานอดิเรกของผม ถ้าแฮงค์จากเหล้าในคืนวันศุกร์มาล่ะก็จะกลับขึ้นไปนอนตายต่อที่ห้องครับ แต่ถ้าไม่ ผมก็จะนั่งเล่นที่ศาลาริมสวนดอกไม้ของเฮียเมฆนั่นแหละ




   วันนี้ผมไม่ได้เมาค้างอะไร ผมเลยหยิบหนังสือติดมือไปนั่งอ่านเล่นตรงศาลาริมสวนดอกไม้ นั่งเล่นไม่นาน น้อยก็ยกผลไม้ ขนม ชา กาแฟ น้ำเปล่ามาให้เลือกทานไม่ถูกกันเลยทีเดียว สายตาผมเหลือบไปเห็นลูกชายของคุณลุงใส่เสื้อกล้ามสีขาว เดินเข้ามาตรงกระถางดอกไม้ที่ยังว่างเปล่า มือหนาที่เคยจับแต่ปากกา บัดนี้หยิบเสียมขึ้นมาตักดินใส่กระถาง ผมแทบจะกลืนน้ำลายไม่ลงคอ จะว่าไปผมไม่เห็นเฮียเมฆที่แต่งตัวเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว




   คุณว่าเฮียตั้งใจแต่งตัวแบบนี้มาให้ผมเห็นหรือเปล่า



   แต่ผมว่าไม่น่าจะใช่ อากาศเมืองไทยร้อนจะตาย แต่งแบบนี้ก็เหมาะแล้ว ว่ามั้ยครับ? นี่ผมพยายามคิดเองเออเองเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายกันเลยทีเดียว



   ผมยังยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มค้างเอาไว้ มองมือเฮียที่ค่อยๆ ปลูกต้นไม้เล็กๆ นั้นลงกระถามด้วยความเบามือ ใส่ปุ๋ยให้เรียบร้อย ไม่นานก็เสร็จไปหลายต้น เฮียลุกขึ้นเดินมาศาลาที่ผมนั่งอยู่ ผมตกใจที่ตอนนี้ผมรู้สึกใจที่เต้นแรงแทบจะกระเด็นออกมาให้โลกรับรู้ ผมเห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดแพรวพรายเกาะเต็มหน้าผากสวยได้รูปของเฮียและเสื้อกล้ามสีขาวที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ ผมลอบกลืนน้ำลายอีกอึกใหญ่



   นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ไอ้คี เฮ้ย ไอ้คีเว้ย สติ ดึงสติกลับมา



   "มีอะไรติดหน้าพี่หรือเปล่า" เฮียเมฆถามผมหลังจากยกน้ำขึ้นมาดื่มแก้กระหาย


   "ปละ เปล่าครับ" ผมติดอ่างตอบเฮียเกือบจะสำลักน้ำลายไปแล้ว


   "เห็นเรามองแต่หน้าพี่ ก็เลยคิดว่ามีอะไรที่หน้าพี่หรือเปล่า"


   "ผมก็แค่คิดว่าเฮียเมฆหล่อดี" ผมพูดชมเฮียด้วยความสัตย์จริงเลยนะครับ


   "แปลกๆ นะเราน่ะ"


   "เฮียร้อนหรือเปล่า ขึ้นไปอาบน้ำก่อนมั้ย"


   "ดีเหมือนกัน เดี๋ยวพี่มา" เฮียเมฆพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป



   เฮียเมฆกลับมาอีกครั้งในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นเช่นเคย คนตรงหน้ายังดูดีเหมือนเดิม อย่างน้อยชุดนี้ก็ช่วยให้ผมหายใจได้คล่องกว่าชุดก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก


   "เฮีย"


   "หืม" เฮียเมฆเงยหน้าจากหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจอยู่


   "ไปส่งผมที่ห้องไอ้ธรกี่โมงอ่ะ"


   "พรุ่งนี้"


   "ก็ไหนเฮียบอกว่าวันนี้ไง" ผมเสียงดังขึ้นเล็กน้อยที่ถูกขัดใจ


   "ก็ตั้งใจอย่างที่บอกคีไปทีแรก แต่ป้าจันของคีคิดถึงหลานคนนี้มากเลยบอกให้นอนค้างที่นี่อีกคืน" เฮียถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะอธิบายมาเสียยาวเหยียด


   "แต่ว่า ผม..."


   "ถ้าไม่อยากค้าง ก็ไปบอกแม่พี่เอง"


   "เฮีย!!"


   "อย่าเสียงดังสิ อยู่ใกล้แค่นี้เอง" เฮียปรายตามามองผมพร้อมคำพูดเชือดเฉือนเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ


   "..." แล้วผมจะทำอะไรได้ หยิบหนังสือเรียนมาขึ้นมาอ่านแก้โมโหน่ะสิ



ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
   เข้าสู่สัปดาห์ใหม่ของการเรียนการทำงาน เฮียมาส่งผมตอนเย็นของวันอาทิตย์ อย่างเสียไม่ได้ ทำท่าทางจะไม่มาส่ง  จนผมต้องบอกว่าเฮียไม่ต้องไปส่งแล้ว แต่จะให้ลุงแช่มไปส่งแทน เท่านั้นแหละเฮียก็รีบมาทำหน้าที่สารถีที่ดีดังเดิม



   "อาจารย์สั่งงานเยอะเป็นบ้า นี่ใกล้สอบแล้วจริงป่าววะ" เสียงไอ้ธรบ่นแว่วตามหลังผม ผมเดินนำมันออกมาจากห้องเรียน วิชานี้เป็นคาบสุดท้ายแล้วแถมอาจารย์ก็ยังปล่อยเกินเวลาไปมากโข ตอนนี้ผมหิวมากๆ เลยล่ะ


   "หยุดพล่ามได้แล้ว กูยิ่งหิวข้าวอยู่"


   "ไอ้นี่ พอหิวแล้วก็หงุดหงิดเป็นหมาบ้า"


   "มึงไม่หิวหรือไงวะ" ผมพูดใส่ไอ้ธรด้วยความหงุดหงิดเพราะความหิว


   "รีบๆ เดินเลยไปร้านเลย กูขี้เกียจฟังมึงบ่น"


   "ตามมาเร็วๆ ถ้าช้า เดี๋ยวกูด่า" ผมพูดเสร็จก็จ้ำอ้าวเข้าไปร้านประจำข้างมหาวิทยาลัย



   ร้านเล็กๆ ข้างทาง แต่ปริมาณล้นเหลือ แถมอร่อย ที่สำคัญราคาไม่แพงมาก ทำให้นักศึกษาส่วนใหญ่ที่อยู่แถวนี้มาสมัครเป็นลูกค้าประจำกันเป็นแถว


   "ว่าไง พ่อหนุ่ม 2 คนนั่น วันนี้กินอะไรดีล่ะ เร็วๆ ป้ากำลังคิวว่าง" ป้าเจ้าของร้านเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นผมกับไอ้ธรเดินเข้าร้านมา


   "ผมขอข้าวผัดหมู ไข่ดาวไม่สุกครับป้า" ผมตะโกนสั่งป้าออกไป


   "ส่วนผมขอไก่ผัดพริกอ่อน ขอข้าวเยอะๆ นะป้า" ไอ้ธรตะโกนสั่งอาหารกับป้าเสียงดังไล่เลี่ยกับผม


   "ได้ๆ เดี๋ยวป้าจัดให้"



   รอสักพักไม่นาน อาหารกลิ่นหอม ก็ถูกนำมาวางตรงหน้า ผมกับไอ้ธรไม่พูดพล่ามอะไรกันต่อ ลงมือจัดการข้าวตรงหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความหิวที่เพิ่มทวีคูณ เพียงไม่นานข้าวตรงหน้าของเราทั้งคู่ก็หมดลง ผมยกน้ำขึ้นมาดื่มเป็นการปิดท้ายของมื้อนี้


   "อิ่มว่ะ ป้าครับ กี่บาท" ไอ้ธรตะโกนเรียกป้าคิดเงิน


   "2 จาน ใช่มั้ย มีไข่ดาว 40 ไม่มี 35 บาทจ้า" ป้าก็ยอมเราเสียที่ไหน ตะโกนตอบกลับมาเช่นกัน ผมยื่นเงินให้ไอ้ธรเป็นอันรู้กันว่ามันจะเป็นคนเดินไปจ่ายเงินให้ถึงมือป้า


   "เออ แล้วงานกลุ่มของอาจารย์รวิวรรณล่ะวะ" ไอ้ธรพูดถึงวิชาวิธีการวิจัยด้านธุรกิจที่ต้องส่งรายงานก่อนปลายภาคเทอม 2


   "วันพุธ เลิกเรียนตอนบ่าย ค่อยนัดประชุมกัน ว่าจะเอาหัวข้ออะไร แบ่งงานยังไง" ผมสรุปให้ไอ้เพื่อนตัวดีฟังระหว่างที่เดินกลับหอของมัน


   "เออ ตามนั้น" ไอ้ธรสะกิดผมเพื่อแวะเข้าร้านสะดวกซื้อหาของทานรองท้องยามดึก ช่วงนี้เราอ่านหนังสือกันค่อนข้างดึกเพราะใกล้สอบเข้าไปทุกที ถ้าหากไม่อ่านกันเองตัวใครตัวมันก็ต้องไปจับกลุ่มติวกับกลุ่มเพื่อนใต้หอครับ


   "กูขออาบน้ำก่อนนะ" ผมบอกเจ้าของห้องพลางถอดเสื้อนักศึกษาออก ไอ้ธรมันพยักหน้าเออ ออก่อนจะเปิดทีวีดูรายการข่าวเพื่อฆ่าเวลา


   "ไอ้คี พ่อมึงโทรมา" ผมเข้าไปอาบน้ำได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงไอ้ธรตะโกนดังเข้ามาในห้องน้ำ


   "เออ ปล่อยให้ดังไป" ผมตะโกนตอบมันแข่งเสียงน้ำที่กำลังไหลผ่านร่างกายของผม


   "เฮ้ย ไอ้นี่ กูรำคาญ ดังไม่หยุดเลยเนี่ย"


   "แต่กูไม่ ถ้ามึงรำคาญนักก็รับเองเลยสิ"


   "กูรับให้ละนะ" เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ไอ้ธรก็หันหน้ามาบอกผมแล้วมันก็หันกลับไปดูทีวีของมันต่อ


   "เฮียเมฆว่ายังไงบ้าง" ผมพูดไปเช็ดผมให้แห้งไปด้วย แล้วก้าวเข้ามานั่งที่โซฟาข้างๆ มัน


   "พ่อมึง เขาถามถึงมึง พอกูบอกว่าอาบน้ำอยู่ ก็วางสายไป"


   "อ้อ"


   "น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยดี"


   "แย่ยังไงวะ" ผมชะงักมือที่เช็ดผมอยู่หันไปมองหน้ามัน


   "ไม่รู้เหมือนกัน บอกไม่ถูก แต่กูสัมผัสได้ว่าพ่อมึงดูไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่" ไม่น่าแปลกใจที่ไอ้ธรจะรู้สึกในอาการของเฮีย เพราะหากช่วงปกติ ขนาดผมผิดสังเกตนิดเดียวมันยังรับรู้ได้เลย ไอ้นี่มันมีประสาทสัมผัสไวเรื่องความรู้สึกครับ


   "ช่างเถอะ"


   "มึงจะไม่ฟังพ่อมึงสักหน่อยเหรอวะ กูนี่ลุ้นจนจะลุ้นไม่ขึ้นอยู่แล้วเนี่ย"


   "เรื่องของกู"


   "ไอ้คี"


   "มึงจะอะไรกับกูนักหนาวะ" ผมมองหน้ามันอย่างหาเรื่อง ไอ้ธรเห็นว่าผมไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ก็เลยเงียบไป มันเดินคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำต่อโดยไม่พูดอะไร


   "ไอ้ธร" ผมทักมันอีกครั้งเมื่อมันอาบน้ำเสร็จแล้ว


   "อะไร" เสียงไอ้ธรเข้มเลยครับ เพื่อนผม เสียงแบบนี้คืองอนครับ มันไม่ค่อยพอใจที่ผมไปว่ามันแบบนั้น ผมรู้ตัวก็เลยต้องหาวิธีให้มันอารมณ์ดีเสียก่อน ไม่อยากจะโกรธกันให้ค้างคาใจ เดี๋ยวมันจะทำให้เสียเพื่อนกันได้


   "ขอบใจที่เป็นห่วงทั้งกูและเฮียเมฆ แต่มึงไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอก กูสัญญาถ้าสอบเทอมนี้เสร็จเมื่อไหร่ กูจะไปฟังคำอธิบายจากปากเฮียเอง"


   "มันนานไปเปล่าวะ" ไอ้ธรเป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วครับ พอผมเริ่มอธิบายอะไรนิดหน่อยมันก็เข้ามานั่งข้างๆ ผม ดวงตาของมันใสแจ๋วรอฟังผมพูดเหมือนลูกหมารอกินขนมอย่างไงอย่างงั้นเลยล่ะครับ ตลกจริงๆ นะไอ้เนี่ย


   "ก็เพราะว่านานน่ะสิ กูกับเฮียจะได้มีเวลาคิดอะไรได้มากขึ้น เข้าใจอะไรได้มากขึ้นด้วยไงเว้ย"


   "แล้วช่วงระหว่างนี้ล่ะ เอาไง"


   "ก็ไม่ไง สอบกลางภาคเสร็จ กูก็คงต้องกลับไปนอนที่บ้าน ทำตัวเหมือนเดิม ถ้าไปเที่ยวก็มานอนค้างห้องมึงเหมือนเดิม"


   "ทั้งมึงกับพ่อมึง จะโอเคเหรอวะ "


   "โอเค หรือไม่ กูไม่รู้หรอก แต่กูบอกเฮียไปแบบนี้เหมือนที่บอกมึงเนี่ยแหละ"


   "โคตรจะไม่เข้าใจความคิดของมึงจริงๆ ว่ะไอ้คี"


   "ที่มึงไม่เข้าใจ เพราะมึงมันโง่ไง" ผมเอาหมอนอิงฟาดหัวเบาๆ มันทีนึง


   "เออ กูมันโง่ ใครล่ะจะเก่งแบบมึง คนเชี่ยไร เที่ยวก็เที่ยวกับกู เหล้าก็กินกับกู พอตอนสอบดันเสือกท็อปของคลาส ไอ้เลวเอ๊ย" ไอ้ธรพูดจบก็เอาหมอนมาฟาดผมคืน


   "อ้าว ไอ้นี่ โง่เองแล้วมาโทษกู"


   "งั้นมึงช่วยติววิชานี้ให้กูหน่อยดิ" ไอ้ธรลุกขึ้นไปหยิบหนังสือที่จะสอบเป็นตัวแรกของเทอมนี้


   "เอาดิ กูจะได้ทวนไปด้วย" แล้วผมกับไอ้ธรก็นั่งติวหนังสือจนกระทั่งง่วงนั่นแหละถึงจะแยกย้ายไปเข้านอน


   "สรุป พวกเราจะเลือกหัวข้อ 'ปัจจัยในการเลือกใช้รถขนส่งสาธารณะ' นะ" ผมเป็นคนสรุปหัวข้อให้กับเพื่อนในกลุ่ม



   สำหรับการทำรายงานของวิชานี้ แบ่งออกเป็นกลุ่มละ 5 คนครับ ซึ่งก็มี ผม ไอ้ธร นุช กานต์ และ ไอ้เต้ ครบองค์ จริงๆ แล้ว พวกเราทั้ง 5 คนค่อนข้างสนิทกัน อยู่กลุ่มเดียวกันตั้งแต่ปี 1 แต่ผมสนิทกับไอ้ธรมากที่สุดเพราะเราไปเที่ยวด้วยกัน กินเหล้าด้วยกัน ไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน แต่อีก 3 คนที่เหลือ พ่อแม่ค่อนข้างหวงและห่วงครับ เลิกเรียนก็มีรถมารอรับกลับบ้านกันตรงเวลามากถึงมากที่สุด ทำให้โอกาสที่พวกเราจะได้ไปเที่ยวกลางคืนด้วยกันนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย



   "ถ้างั้นทุกคนแยกย้ายไปหาข้อมูลเองมาก่อน แล้วหลังจากสอบกลางภาคเสร็จค่อยมารวบรวมรายละเอียดกันอีกทีว่าแต่ละคนได้อะไรกันมาบ้าง ตกลงมั้ย" นุช หรือ นีรนุช หญิงสาวหน้าหวาน กิริยายังเรียบร้อยเป็นคนพูด


   "เราเห็นด้วยเพราะเดี๋ยวก็จะสอบแล้ว เราอยากอ่านหนังสือก่อน" กานต์ หรือ มณีกานต์ หญิงสาวนัยน์ตาคม ลูกครึ่งสเปน - ไทย พูดโอดครวญ เพราะเทอมที่ผ่านมา คะแนนของเธอไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก เทอมนี้กานต์เลยต้องตั้งใจให้มากกว่าเดิม


   "กูโอเค ยังไงก็ได้ พวกมึงว่าไงก็ว่าตามกัน" คนสุดท้ายที่พูดออกมาแบบไม่ยินดียินร้ายคือ ไอ้เต้ หรือ เตชินทร์ มันค่อนข้างจะเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ลักษณะเป็นพวกคุณหนูที่ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ค่อยเป็น แต่งตัวแบรนด์เนมทั้งชุด ดูสำอางค์ที่สุดในกลุ่ม แต่จริงๆ แล้วใครจะรู้ว่าธุรกิจที่ครอบครัวมันทำอยู่นั้น มันลงสมองไปไม่น้อยเลยทีเดียว ไอ้เต้เนี่ยอยากเที่ยวกับผมและไอ้ธรมาก แต่มันแทบจะไม่มีเวลาเลย เลิกเรียน คนขับรถก็รีบมารอ เพื่อจะกลับไปทำงานต่อ แค่มันมีเวลามาเรียนได้ทุกวันนี้ผมก็ซาบซึ้งเสียจนน้ำตาแทบไหล


   "กูไม่มีปัญหา อ่านหนังสือก่อนก็ดี จะได้จบเป็นเรื่องๆ ไป" ไอ้ธรพูดเป็นคนสุดท้าย


   "ตกลงตามนี้ หลังสอบเสร็จพุธต่อมา ก็มาเจอกันตรงนี้เหมือนเดิมแล้วกัน เดี๋ยวให้ไอ้ธรหิ้วโน้ตบุ้คมาด้วยจากที่หอมัน วันนี้แยกย้าย" ผมพูดเสมือนเป็นเจ้าภาพกล่าวปิดงาน เตรียมจะชวนเพื่อนๆ ไปกินอะไรก่อนกลับ แต่เมื่อหันไปหน้าตึกก็พบว่า เพื่อน 3 คนของผมที่ไม่ใช่ไอ้ธรนั้น คงต้องเตรียมตัวกลับบ้าน เพราะคนขับรถมารอเสียแล้ว


   "เราไปก่อนนะ / กูไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้" ทุกคนบอกลาผมกับไอ้ธร ทำให้ผมกับมันต้องไปหาอะไรกินแค่ 2 คนเหมือนเดิม


   "กินไรดีวะ" ไอ้ธรพูดขึ้นมา


   "อยากกินอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้จะกินอะไรดีว่ะ มันเบื่อๆ"


   "งั้นไปนอน คิดออกเมื่อไหร่ค่อยไปกิน" ไอ้ธรพูดพลางลุกขึ้นเดินนำผมไปที่หอมัน




   ช่วงระหว่างที่สอบนั้น ทุกคนตั้งใจอ่านหนังสือกันอย่างมากเลยครับ ผมไม่ค่อยได้เคร่งเครียดอ่านหนังสือสักเท่าไหร่นักหรอก ผมเป็นพวกเรียนในห้องก็ตั้งใจจริง พยายามทำความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ก็ถามอาจารย์ให้เคลียร์ไม่ปล่อยเอาไว้ครับ ส่วนพวกกรณีศึกษาอื่นๆ ก็ถามเอาจากเฮียเมฆบ้าง ลุงกรณ์บ้าง ก็ได้ความรู้แตกต่างกันออกไปจากห้องเรียน แต่ถึงจะบอกว่าผมไม่ค่อยได้เคร่งเครียดอ่านหนังสือ ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะไม่อ่านนะครับ ผมยังต้องรับหน้าที่เป็นติวเตอร์จำเป็นให้กับเพื่อนๆ ในคณะ ก็เลยได้ทวนหลายรอบยังไงล่ะ




   เฮียเมฆโทรหาผมทุกวันครับ แต่ผมก็ทำเหมือนเดิมปล่อยให้เสียงโทรศัพท์มันดังไปเองจนกระทั่งมันเงียบไป เฮียข้อความมาหาผม ถ้าผมว่างก็จะตอบ ถ้าไม่ว่าง แน่นอน ย่อมไม่ตอบ แต่อ่านทุกข้อความนะครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยได้ตอบหรอกครับ เฮียไม่ได้เซ้าซี้อะไร ไม่ตอบคือไม่ตอบ




   "โอ้ย สอบเสร็จสักที" ไอ้ธรก้าวออกมาจากห้องสอบก็ส่งเสียงร้องออกมาเสียงดัง เพราะวันนี้เป็นวันสิ้นสุดของการสอบมหาโหดแล้วล่ะครับ


   "เสียงดังจริงๆ นะมึง" ผมพูดไปมือก็ทำท่าแคะหูไปด้วย


   "ไปเมากันคืนนี้" ไอ้ธรเข้ามาชวนผมไปเที่ยวด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย ผมยกมือจิ้มตามันด้วยความหมั่นไส้


   "โอ้ย ไอ้เชี่ยคี กูเจ็บนะเว้ย จิ้มมาได้ ถ้าตากูบอดนะ มึง !"


   "ถ้าตามึงบอดแล้วจะทำไม ฮะ ไอ้ธร"


   "กูจะควักตามึงมาใส่แทน" ไอ้ธรทำท่าจะควักลูกตาของผมไป ผมเลยเตะขามันไปทีนึง มันร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ เดินนำมันไปที่หอพักของมัน


   "อะไรวะ ไอ้คี หยุดเดินทำไมเนี่ย" ไอ้ธรที่เดินตามหลังผมมา กระแทกหลังผมอย่างจัง เพราะอยู่ๆ ผมก็หยุดเดินกระทันหัน


   "...."


   "อ้าว พ่อมึง" ไอ้ธรไม่เห็นผมตอบอะไร มองตามสายตาของผมไปก็พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนรอที่หน้าห้องไอ้ธรอยู่แล้ว


   "สวัสดีครับ เฮียเมฆ" ไอ้ธรยกมือไหว้เมื่อเห็นว่าเป็นเฮียเมฆของผม


   "สวัสดี ธร สอบเสร็จแล้วใช่มั้ย" 


   "ครับ" เพื่อนตัวดีของผมเองครับที่เป็นคนตอบเฮีย


   "พี่มารับกลับบ้าน" เฮียเมฆหันมามองผม


   "วันนี้ผมนัดไอ้ธรไว้ว่าจะไปฉลองสอบเสร็จ" ในที่สุดผมก็หาเสียงของตัวเองเจอจนได้


   "อย่างนั้นเหรอ ธร"


   "ครับ นัดกันไว้ แต่ไว้วันหลังก็ได้ครับ ใช่มั้ยวะ ไอ้คี"


   "แต่ผมอ่านหนังสือเครียดหลายวันแล้ว อยากไปผ่อนคลายบ้าง" ถึงไอ้ธรจะล้มเลิกแผนการณ์ แต่ผมไม่ครับ


   "ไม่เป็นไรนะมึง กลับไปพักผ่อนที่บ้านก็ได้ เดี๋ยวค่อยไปกันวันหลังก็ได้" ไอ้ธรพูดออกมาด้วยความเกรงใจเฮียเมฆที่ยังยืนหน้านิ่งไม่แสดงสีหน้าทางอารมณ์


   "แต่กูอยากไปเที่ยว" ผมพูดเสียงเบาด้วยความไม่พอใจ


   "ไม่ต้องเถียงกัน ถ้าจะไปเที่ยวก็ไป เดี๋ยวพี่ไปด้วย" เมื่อเห็นว่าปัญหาจะไม่จบลงเฮียเมฆก็ตัดสินใจพูดฝ่าวงสนทนาขึ้นมา


   "หา?" ไม่ใช่เสียงของผมครับ เพราะผมยั้งปากได้ทัน


   "ไอ้คี" ไอ้ธรใช้ศอกกระทุ้งแขนผม หวังให้ผมพูดอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้


   "เฮียจะไปทำไมกันครับ มีแค่ผมกับไอ้ธร 2 คน มันไม่สนุกหรอก"


   "จะสนุกหรือไม่ มันก็เป็นปัญหาแค่ตัวพี่  แล้วพี่ไปด้วยไม่ได้เหรอ"


   "เฮียเมฆกลับบ้านไปเถอะน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมกลับบ้านเอง" ผมพยายามไล่เฮียเมฆกลับบ้าน


   "ผมว่า ไว้ไปวันหลังดีกว่าครับ" ส่วนไอ้ธรก็พยายามล้มเลิกการเที่ยวคืนนี้


   "ไม่ได้หรอก ถ้าพี่กลับบ้านไปแล้วไม่พาคีกลับไปด้วย คุณแม่ต้องโกรธพี่มาก เพราะงั้นหากคีกลับกี่โมง พี่ก็จะรอกลับพร้อมคีตอนนั้น" ส่วนเฮียไม่ต้องพยายามทำอะไรเลย เฮียเล่นหงายการ์ดใบสำคัญมา แล้วผมจะไปไหนได้ครับ ก็ต้องกลับบ้านเพราะคุณป้ารออยู่


   "เข้าใจแล้ว งั้นผมขอไปเก็บของก่อนนะครับ"


   "เดี๋ยวพี่ไปรอที่รถละกัน" เฮียพูดเสร็จก็เดินผ่านเรา 2 คนไป


   "โทษทีนะ ไอ้ธร" ผมเอ่ยออกมาหลังจากที่เราทั้งคู่เข้าห้องมาแล้ว


   "ไม่เป็นไร กูเข้าใจ"


   "ขอบใจมึงมาก"


   "ตะกี้ มึงรู้ป่ะ กูนี่ขนลุกสัดๆ อ่ะ เหมือนกูหลุดเข้าไปในอาณาเขตที่มึงกับพ่อมึงกำลังปล่อยพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าใส่กัน กูนึกว่าจะตายอยู่ตรงนั้นซะแล้ว" ไอ้ธรพูดพลางลูบขนแขนที่ลุกตั้ง


   "มึงก็เวอร์ไป กูก็คุยกับเฮียธรรมดา"


   "ธรรมดากับพ่อมึงน่ะสิ ปกติแทบจะขี่คอกัน วันนี้ทำเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันซะอย่างนั้น"


   "แล้วแต่มึงจะคิด" ผมไหวไหล่ไม่สนใจมัน แล้วก็เดินไปเก็บเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้อีกนิดหน่อยใส่กระเป๋าเป้


   "กูไปก่อนนะ" ผมบอกลาไอ้ธร เจ้าของห้องก่อนจะเปิดประตูออกไป


   "เออ แล้วเจอกัน"



   ผมลงมาข้างล่างหอ ก็เจอรถยนต์ประจำตัวของเฮียเมฆติดเครื่องรออยู่แล้ว ผมไม่รอให้เจ้าของรถออกมาเชื้อเชิญแต่ประการใด เปิดประตูขึ้นไปนั่ง รัดเข็มขัดเรียบร้อย แล้วเฮียเมฆก็เคลื่อนรถออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความนุ่มนวลเหมือนเคย


   "ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่" เฮียพูดขึ้นมาหลังจากที่เราออกมาได้สักพักหนึ่งแล้ว


   "ผมอ่านหนังสือสอบ เฮียก็รู้"


   "ส่งข้อความมาหาก็ไม่ค่อยตอบ"


   "เฮียก็เห็นนี่ครับ ถ้าว่างผมก็ตอบ"


   "อย่างนั้นเหรอ"


   "ครับ"


   "ก็ได้ พี่เชื่อ"



   แล้วเราทั้ง 2 คนก็นั่งเงียบ ผมก็กดอะไรเล่นในมือถือเฮีย ส่วนเฮียก็ขับรถ จนถึงบ้านนั่นแหละ ผมก็รีบลงจากรถ เข้ามาในบ้านเห็นป้าจัน นั่งรออยู่แล้ว ผมก็รีบโผเข้าไปกอดป้าจันและนั่งคุยกับป้าจันทันทีเพราะไม่อยากให้คนที่เดินตามหลังมาพูดคุยอะไรอีก


------------------------------------------------------------------------------

+1 ให้ทุกคนแล้วนะคะ จุ๊บๆ  :mew1:

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
งืออออออ น้องคีพี่เมฆ :hao5:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ติดตามอยู่นะค๊ะ เขียนดีค่ะ

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
น้องคีถึงเวลาเปิดใจรับฟังพี่เมฆแล้ว อย่ายื้ออีกเลย

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
แนว incest ?
เราว่าคีไม่ได้ดูน่ารำคาญหรืองี่เง่านะ
เหมือนความสัมพันธ์สองคนนี้เป็นมากกว่าพี่น้องแต่ยังไม่พร้อมเริ่มสถานะคนรักรึเปล่า? เข้าใจถูกไหม
ความจริงการที่คีดูเสียใจเพราะตัวเองก็รู้สึกอยู่แต่แค่ยังไม่พร้อมเราว่าไม่แปลกไม่ได้ดูงี่เง่านะ
การที่ต่างฝ่ายต่างให้อิสระกันและกัน ส่วนตัวเราคิดว่าการที่คียังล่อหญิงอยู่แต่นั่นมันแค่วันไนท์สแตนไหมอ่ะ?
แต่พอมาเจอเมฆทำกับพีชมันดูเป็นพฤติกรรมของแฟนที่ทำกันมากกว่าคู่นอน ซึ่งเราว่ามันไม่แฟร์ ถ้ามีแฟนแล้วก็ควรตัดความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้กับคีดีกว่า จะรั้งไว้ทำไม ดูคีไม่ได้มีความรู้สึกให้ใครเป็นตัวเป็นตนแต่ต่างกับเมฆไง(ในกรณีที่เมฆกับพีชสานสัมพันธ์ในด้านคนรักน่ะนะ ต้องรอดูอีกทีว่าเมฆกับพีชเป็นอะไรกัน)
ถ้ามาอิหรอบแฟนกันคีก็เตรียมตัวหาคนใหม่เถอะลูกอย่ามาจมปลักกับคนที่คิดจะจับปลาสองมือหรือจริงๆแล้วเมฆไม่ได้คิดอะไรกับคีรักแบบน้องไรงี้เหรอคีนางมโนความสัมพันธ์คนเดียวรึเปล่าถ้าเป็นงั้นนี่เจ็บหนักแน่ๆ เป็นงี้จะเชียร์ให้ไปรักคนอื่นขอพระรองแซ่บๆ *ส่วนตัวเกลียดคนไม่ชัดเจน* พอเจอพฤติกรรมแบบนี้ของเมฆเลยไม่โอเคกับพระเอกคนนี้เท่าไหร่
สู้ๆค่ะจะรอดูคำแก้ตัวของเฮียเมฆ

ชอบเม้นท์นี้ ตรงใจเราเลย คีแบบวันไนท์แสตนท์งัย แต่เฮียเมฆน่าจะเป็นแฟนกับพีทแล้วนะ จับมือ หอมแก้ม ไรงี้

อีกอย่างที่คิดตรงกันคือ เกลียดคนไม่ชัดเจน

ขอพระรองแซ่บ ๆ ให้คีตัดใจเถอะ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เป็นเพราะน้องคี กลัวว่า เฮียเมฆจะไปรักคนอื่น รึว่า ถ่วงเวลาให้เฮียเมฆตัดสินใจว่า จะเลือกใครกันแน่ รึป่าว เราคิดว่า คี คิดดีแล้วและคิดแล้วว่า ไม่ว่าเฮียเมฆให้คำตอบแบบไหนมา คีก็จะปรับตัวปรับใจได้ และที่เฮียเมฆบอกว่า มันไม่ใช่อย่างที่คิด แต่การกระทำที่แสดงออกมันไม่ใช่นะ
ปล.เฮียเมฆคงยิ่งวิตกจริต ตอนที่โทรหาคีแล้วธรรับแทน และบอกว่า คี อาบน้ำ แน่ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด