ตอนที่ 32
ร่างบางถูกวางลงบนโซฟานุ่มยังไม่ทันที่ตนจะลุกขึ้นหนีก็ถูกคร่อมทับด้วยร่างของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ที่จ้องกันราวกับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว ศตคุณหาเสียงของตัวเองไม่เจอ เลยพูดไม่ออก
“พ่ะ...พ่อเลี้ยง จะทำอะไรครับ”
ที่ผ่านมาถึงแม้จะอยู่ในท่านี้หลายครั้ง ศตคุณก็ยังรู้สึกว่ามันปลอดภัยกว่าตอนนี้ เสียงที่พ่อเลี้ยงเคยพูดกับเขาเอาไว้ดังขึ้นมาเมื่อจำได้
‘ถ้านายรักฉันเมื่อไหร่ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปแน่ๆ’
“แสดงความรักไง...”
“เอ่อ...ไม่ต้องหรอกครับ ผมรู้อยู่แล้ว อื้อ...”
ไม่ปล่อยให้ปากสวยๆ เอ่ยห้ามเขาต่อไปแน่ๆ ร่างสูงแนบปากตัวเองลงไปที่ปากบางขบเม้มเบาๆ เป็นการอ้อนให้คนใต้ร่างเปิดปากให้เขาเข้าไปชิมความหอมหวาน ศตคุณเม้มปากแน่น เพราะกลัวว่าตัวเองจะเคลิบเคลิ้มใจอ่อนเสียท่าให้กับพ่อเลี้ยงไป
เขายังเรียนอยู่...ถ้าหากมีอะไรกันแล้วพลาดท่าท้องขึ้นมาจะทำยังไง เขารับปากกับพ่อแม่ไว้แล้วว่าจะเรียนให้จบก่อน...แต่ก็เกรงใจ สงสารพ่อเลี้ยงถ้าต้องขอให้อีกคนรอไปก่อน
“หวาน...” พ่อเลี้ยงผละออกมาแล้วชมเสียงเบา ศตคุณรู้สึกร้อนวูบวาบไปกับสายตาที่ไล่มองตั้งแต่ใบหน้าไปที่ลำคอส่วนตัวจนลงไปถึงข้างล่าง “มีคนเคยบอกไหม...ว่าร่างกายของหมูน่ะ มันเซ็กซี่ เย้ายวนมากจริงๆ คิดว่าฉันต้องอดทนมากขนาดไหนกันหมู” ร่างสูงพูดจบก็ซุกใบหน้าเข้าที่ลำคอขาวเนียน ไล่จูบและดูดให้ห้อเลือดกลายเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของ
ศตคุณรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่คอ
“ย่ะ...อย่าครับ อื้อ...พ่อเลี้ยงครับ เดี๋ยวก็หยุด อื้อ ไม่ได้” ศตคุณห้ามพลางหันหน้าหนีไปข้างซ้ายที ขวาที
“ใครบอกจะหยุด หืม…เราเป็นคนรักกันอย่างเต็มตัวแล้วนะหมู จากนี้ไปเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี...หน้าที่คนรักของพ่อเลี้ยงอาทิตย์น่ะ เหนื่อยแน่ๆ” ร่างสูงผละออกจาซอกคอขาวมาพูดกับคนตัวเล็กที่นอนหอบหายใจอยู่ ใบหน้าแดงซ่าน ดวงตาฉ่ำเยิ้ม
เห็นแล้วใครอดใจได้ก็ถือว่ามีความอดทนสุดๆ
“แต่ว่า...พ่อเลี้ยงสัญญากับพ่อแม่ผมไว้แล้ว” แย้งเบาๆ
“หึหึ...สัญญาว่าจะไม่ทำนายท้องก่อนเรียนจบน่ะเหรอ ฉันจำได้น่า แต่พ่อกับแม่นายไม่ได้ห้ามเรามีอะไรกันสักหน่อย...” พ่อเลี้ยงตอบอย่างอารมณ์ดี ทำเอาคนสวยถึงกับทำหน้างุนงง
“หมายความว่าไงครับ?”
“พ่อนายบอกว่าจะมีอะไรกัน...ให้ป้องกัน หมูครับ บนโลกใบนี้มันมี ‘ถุงยาง’ กับ ‘ยาคุม’ อยู่นะ เผื่อไม่รู้”
ร่างบางหน้าแดง เม้มปากแน่นเมื่อฟังสิ่งที่พ่อเลี้ยงพูดจบ
ให้ตายสิ...ลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน
“ต่ะ...แต่มันก็พลาดได้”
“ก็จริงนะ หึหึ”
“เห็นไหมครับ เพราะงั้นสิ่งที่ป้องกันได้ดีที่สุดคือ...ไม่ต้องมีอะไรกันครับ” ศตคุณพูดบอกอย่างเด็ดขาด หากแต่พ่อเลี้ยงก็ยกยิ้มร้าย ส่ายหน้าน้อยๆ
“ทนไม่ได้หรอกเด็กน้อย...ฉันเป็นผู้ชาย มีคนรักอยู่ใกล้ๆ ไม่มีเลยมันทำไม่ได้หรอก”
“งั้นเราแยกกันอยู่...อื้อ” ศตคุณถูกปิดปากอีกครั้งเมื่อพูดประโยคที่ไม่ควรพูดออกมา พ่อเลี้ยงลงโทษด้วยการบดขยี้ริมฝีปากอย่างรุนแรง สอดปลายลิ้นเข้าไปเกาะเกี่ยวกับลิ้นเล็ก เมื่อพอใจแล้ว เขาก็ถอนจูบแสนร้อนแรงนั่นออกมา ศตคุณนอนหอบเผยอปากอย่างยั่วยวน
ยิ่งกระตุ้นมากเท่าไหร่ ศตคุณก็ยิ่งดูเย้ายวนใจมากเท่านั้น
“ทำโทษ...เราจะไม่แยกกันอยู่ และเรา...จะมีอะไรกัน”
พ่อเลี้ยงสรุปอย่างเด็ดขาด จริงจัง จนศตคุณไม่กล้าที่จะเอ่ยคัดค้าน ปฏิเสธขึ้นมาอีก เพราะพ่อเลี้ยงพร้อมที่จะทำโทษเขาได้ทุกเมื่อ
“บ่ะ...บ้า พูดมาไม่อายปาก”
“ฉันพูดความจริง...สิ่งที่ฉันรู้สึกตอนนี้มันหยาบโลนยิ่งกว่าคำพูดตรงๆ แบบนั้นอีกนะ”
“พ่อเลี้ยง...ผมไม่พร้อม”
พ่อเลี้ยงยิ้มอ่อนโยนให้กับร่างเล็กที่นอนอยู่ใต้ร่างซึ่งกำลังมองเขาด้วยสายตาที่อ้อนวอนขอให้เห็นใจ ซึ่งพ่อเลี้ยงเองก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำขนาดที่จะบังคับฝืนใจหรอกนะ
ถ้าไม่พร้อม...ก็ไม่เป็นไร เขารอได้ แม้ว่าตอนนี้อารมณ์มันจะประทุออกมาจนทรมานไปหมดแล้วก็ตาม
“อืม...ฉันไม่ทำวันนี้ก็ได้ จะรอนายพร้อมก็แล้วกัน” ร่างแกร่งลุกออกจากร่างเล็ก ในจังหวะที่ลุกก็เจ็บที่แผลจนแสดงออกมาทางสีหน้าทำเอาคนตัวเล็กกว่ารีบลุกขึ้นมาถามไถ่อย่างเป็นห่วง พ่อเลี้ยงส่ายหน้าเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร นั่นก็ทำให้ศตคุณเบาใจไปได้
“ขอโทษนะครับ”
“เด็กดี...ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก ฉันเข้าใจ จะรอจนกว่าจะพร้อมนะ”
มือของพ่อเลี้ยงให้ความรู้สึกอบอุ่นเสมอ...พวกเขากุมมือกันนั่งอยู่บนโซฟาเดียวกัน ไม่นานพ่อเลี้ยงก้ทิ้งตัวนอนหนุนบนตักของศตคุณ
“พ่อเลี้ยง อยากนอนเหรอครับ”
“อือ”
“งั้นก็ลุกไปนอนดีๆ สิครับ”
“อยากหนุนตักแฟน”
ศตคุณก็ไม่รู้จะห้ามอะไรเพราะเหตุผลของพ่อเลี้ยงทำให้ใจอ่อน
ถ้าจะน่ารักแบบนี้นะพ่อเลี้ยง...
“งั้นก็นอนเถอะครับ ถ้าถึงเวลาของว่างผมจะปลุก”
“อื้อ...”
ศตคุณปล่อยให้พ่อเลี้ยงนอนหนุนตักพร้อมกับจับมือของเขาไปด้วย...มองใบหน้าของคนที่หลับตาไปแล้วด้วยความรู้สึกผิด
แม้ว่าพ่อเลี้ยงจะทำเป็นว่ามันไม่เป็นอะไร แต่ศตคุณเห็นความทรมานจากแววตาของพ่อเลี้ยง
มันทำให้ร่างบางไม่เข้าใจว่าการที่มีอะไรกันมันจำเป็นด้วยเหรอกับคนที่เป็นแฟนกัน คนที่รักกัน...แค่เรารักกันมันไม่พอเหรอ...
...
...
...
“พ่อ แม่ สวัสดีครับ” อาทิตย์เห็นพ่อกับแม่ตัวเองเดินเข้ามาก็ตรงเข้าไปหาท่านทั้งสอง ยกมือไหว้ ซึ่งทั้งสองท่านก็ยิ้มรับการทักทายของลูกชาย
“สบายดีนะลูก หายดีแล้วใช่ไหม”
“ครับแม่”
“หึหึ ก็หาเรื่องเองนี่นะ”
“พ่อพูดเหมือนรู้?” อาทิตย์เลิกคิ้ว
“มีอะไรเกี่ยวกับแกบ้างที่พ่อไม่รู้ แต่เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
อาทิตย์พาพ่อกับแม่ไปยังห้องรับแขก เด็กๆ รับใช้ในบ้านก็เอาของว่างมาเสิร์ฟ ย่าจันทน์ผาเองก็เดินเข้ามาทำความเคารพด้วยความเคยชินก่อนจะถูกเชิญให้นั่งด้วยกัน
“ไหนหลานของแม่ล่ะลูก”
“เจ้าเขตเหรอครับ ไปทำงานน่ะ พอดีผมต้องพัก ก็เลยให้ลูกไปทำงานแทน แต่เดี๋ยวก็มาครับแม่”
“เด็กคนนั้นล่ะ” สุริเยนทร์ประมุขของศักดินนท์เอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
แต่อาทิตย์รู้ดีว่าพ่อของตนหมายถึงอะไร
“ก็ทำงานอยู่กับเจ้าเขตนั่นแหละครับ”
“ได้ข่าวว่ายกภูถึงดาวให้เด็กคนนั้นดูแล ไม่คิดว่ามันจะเป็นงานหนักเกินไปสำหรับเด็กอายุยี่สิบเหรอ”
“พ่อสืบมาดีเหมือนกันนะครับเนี่ย”
“ใครว่าฉันสืบ พายัพเล่าให้ฟังต่างหากล่ะ”
ไอ้เพื่อนรัก!!!
“ก็ให้ฝึกนั่นแหละครับ อนาคตหมูคือคนที่อยู่ข้างกายผม” พ่อเลี้ยงคนปัจจุบันเอ่ยบอกกับผู้เป็นพ่ออย่างจริงจัง ทำเอาผู้เป็นพ่อแม่รู้สึกอยากจะเจอกับคนที่ทำให้ลูกชายตนเป็นหนักขนาดนี้เหลือเกิน
สุริเยนทร์มองลูกชายที่ถอดแบบจากตนมาก็ยกยิ้มมุมปาก เหมือนกำลังมองตัวเองในกระจกจริงๆ
“เอาเถอะๆ พี่ก็อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลยนะ รอเด็กๆ มาก่อนเถอะ จันทร์...สบายดีนะ ถึงเราจะคุยกันทุกวันอยู่แล้วเถอะ ดูเหมือนจันทร์จะดูมีความสุขมากกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก”
“ใช่ค่ะ จันทร์มีความสุขมากค่ะ ได้ดูแลที่นี่ จะดีกว่านี้ถ้ามีเด็กๆ มาวิ่งไล่กันเหมือนเมื่อก่อนค่ะ คุณบัวก็ดูมีความสุข คงจะเที่ยวสนุกเลย” ย่าจันทน์ผาตอบกลับปัทมาผู้เป็นเจ้านายหรือนายหญิงของศักดินนท์
“ฉันก็คิดถึงเมื่อตอนนั้นจริงๆ ตะวัน อาทิตย์ และพายัพวิ่งเล่นกันสนุกสนาน” ปัทมาเห็นด้วย คิดถึงตอนนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นเศร้าเมื่อนึกถึงลูกชายคนโตที่ด่วนจากไปก่อน
ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่ากับต้องเห็นลูกตายก่อนพ่อกับแม่...
“เดี๋ยวผมจะรีบทำให้นะครับแม่ แต่แม่ก็ต้องไปบอกกับคนอุ้มท้องด้วย” อาทิตย์เอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของมารดา
แม้ทุกคนจะมีความสุข แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลืมความเจ็บปวดแห่งการสูญเสียไปได้
ทุกวันนี้ก็ยังเจ็บปวดกับการจากไปของลูกชายคนโตหรือพี่ชายที่แสนดี
“น้องยังเด็กไม่ใช่เหรอ?”
“หวังว่าคนที่แกเลือกจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังนะ” สุริเยนทร์พูดขึ้น เรียกรอยยิ้มจากจันทน์ผาและคนเป็นลูกได้ดีเลยล่ะ ทั้งคู่หันมองหน้ากันแล้วยิ้ม ไม่พูดอะไรออกมา
เจอเองดีกว่า จะได้รู้ว่าเลือกผิดหรือไม่ผิด...
“ปู่!!! ย่า!!! ผมมาแล้ววว...”
“นั่นไงครับ เสียงมาก่อนตัวอีก” อาทิตย์หัวเราะ ซึ่งคนเป็นปู่ เป็นย่าก็หัวเราะออกมาเหมือนกัน รอคอยการปรากฏตัวของหลานอย่างใจจดใจจ่อ แต่ผ่านไปหลายนาทีก็ไม่ยอมโผล่มาสักที หากแต่เสียงก็ได้ยินชัดเข้ามาทุกทีๆ
“หมู...อย่าลีลาสิวะ”
“ก็...”
“ไม่ต้องมาก็เลย...” สิ้นคำพูดนี้ของคณิน ทั้งคนก็ปรากฏตัวต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสี่คนทันที ศตคุณมองหน้าพ่อเลี้ยงกับย่าจันทร์ผาอย่างขอกำลังใจซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มกลับมาเท่านั้น
“สวัสดีครับคุณปู่ คุณย่า สบายดีนะครับ” คณินยกมือไหว้แล้วก็กระโดไปนั่งคั่นกลางระหว่างปู่กับย่า กอดคุณปู่เสร็จก็หันไปกอดและหอมย่า สุริเยนทร์กับปัทยายิ้มเอ็นดูหลานชายคนโต ก่อนจะหันไปมองร่างบางที่ยืนอยู่แบบทำอะไรไม่ถูก
“ส่ะ...สวัสดีครับ”
“สวัสดี” ประมุขของศักดินนท์ทักทายกลับ
“นั่งสิ” ปัทมาเอ่ยชวน สีหน้านิ่งๆ จนร่างบางคิดในใจแล้วว่าต้องไม่ชอบตนแน่ๆ หากแต่ศตคุณก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพราะมองไปรอบๆ แล้วก็ไม่มีที่ให้นั่ง ร่างบางเลยทำท่าจะนั่งลงที่พื้นแต่พ่อเลี้ยงอาทิตย์ก็ลุกขึ้นจากโซฟาที่ตัวเองนั่ง
“มานั่งนี่หมู”
“ครับ” ร่างบางเดินเข้าไปนั่งโดยที่โน้มตัวต่ำเวลาเดินผ่านผู้ใหญ่ด้วย พ่อกับแม่ของพ่อเลี้ยงมองภาพนั้นแล้วยิ้มให้กันน้อยๆ คนที่คั่นกลางอย่างคณินก็ได้แต่กลั้นยิ้มกับการกระทำของปู่กับย่า
คิดจะแกล้งอะไรไอ้หมูหรือเปล่าเนี่ย
“ถ้าอย่างนั้นพ่อเลี้ยงมานั่งเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าจะไปทำอาหารกลางวันก่อน” อาทิตย์มานั่งโซฟาตัวที่ย่าจันทร์ผาลุกเดินออกจากห้องรับแขกไป
“นี่หมูครับ...เป็นเพื่อนของผมเอง แล้วก็เป็น...”
“คนรักของผม” พ่อเลี้ยงแย่งลูกชายพูด ขณะที่พูดก็หันไปแยกเขี้ยวใส่ลูกชายที่บังอาจคิดจะแนะนำศตคุณแทนเขา...แนะนำแค่เพื่อนก็พอแล้ว ส่วนฐานะอื่นเขาจะเป็นคนพูดเอง
ร่างบางมองหน้าอาทิตย์ทันทีที่ร่างสูงพูดจบ ใบหน้าสวยซีดเผือด อ้าปากค้างนิดๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตามองมือตัวเองที่วางอยู่บนตัก
“ก็อายุเท่าเจ้าเขตสินะ” เสียงทุ้มติดแหบของคนอายุมากถามขึ้นมา ทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้ง เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากปัทมาได้เป็นอย่างดี
ถ้าคนที่ไม่รู้จักกับสุริเยนทร์จริงๆ ก็จะกลัวแบบนี้แหละ ความเป็นแล้ว สามีของเธอแค่หน้าดุ เสียงดุ แต่ใจดีที่หนึ่งเลยล่ะ...ไม่แปลกใจที่เด็กน้อยตรงหน้าจะกลัว
“ครับ”
“เป็นเต้าเหล่าใคร ที่บ้านทำอาชีพอะไร บ้านอยู่ที่ไหน”
“เอ่อ...พ่อผมชื่อชัยครับ แม่ชื่อแมว เป็นชาวไร่ชาวนาครับ บางครั้งพ่อกับรับจ้างคนอื่นครับ เช่นงานก่อสร้าง หว่านข้าว เกี่ยวหญ้า ที่บ้านก็ฐานะยากจนแต่ก็ไม่ได้ขัดสนอะไร อยู่กินกับผลผลิตที่เราทำได้ครับ” ศตคุณตอบอย่างภาคภูมิใจ
ครอบครัวของศตคุณอยู่กินและใช้เงินกันอย่างประหยัด ไม่เดือดร้อน เก็บออม มีเงินออมในธนาคารก็พอตัวเพราะพ่อกับแม่เก็บมาทั้งชีวิตเอาไว้ใช้ยามจำเป็น ของฟุ่มเฟือยที่บ้านไม่ค่อยมี โทรศัพท์ของศตคุณก็ทำงานเก็บเงินซื้อเอง ไม่ได้ขอพ่อกับแม่เลย
ศตคุณภาคภูมิใจในความจนของตัวเอง เพราะมันทำให้เขาได้ทำงานหาเงินซื้อของที่อยากจะได้ด้วยตัวเอง
“เป็นเด็กดีนะ”
“ขอบคุณครับ”
“แล้ววางแผนเอาไว้ยังไงเมื่อเรียนจบแล้ว”
ศตคุณนิ่ง คิดสักพักก่อนจะตอบ
“คงจะนำความรู้ไปพัฒนาที่ดินของตัวเองครับ พ่อกับแม่จะได้สบาย”
“แล้วเงินที่ได้จากการทำงานพาร์ทไทม์แต่ละครั้งล่ะ” สุริเยนทร์ถาม
“เก็บไว้ในบัญชีครับ”
“เริ่มทำงานตั้งแต่อายุเท่าไหร่”
อาทิตย์นั่งมองคนรักกำลังถูกซักถามราวกับเป็นคนร้ายทำความผิดมาแล้วกำลังโดนตำรวจสอบสวน อยากจะช่วยอยู่หรอก แต่ก็ปล่อยให้ร่างบางจัดการไป
ดูจากสถานการณ์แล้ว ศตคุณลดอาการเกร็งลงมาได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ ในการตอบคำถามอยู่นิดหน่อย...
“ถ้าช่วยพ่อกับแม่ทำงานก็ตั้งแต่เริ่มช่วยเหลือตัวเองได้ครับ”
“เงินในบัญชีของตัวเองตอนนี้มีอยู่เท่าไหร่”
ต้องถามถึงขนาดนี้ไหมเนี่ย...ศตคุณได้แต่สงสัยในใจ
“ไม่ต้องตอบคำถามนี้ก็ได้จ้ะ พี่ซันนี่ก็...ถามขนาดนี้ไม่คิดว่าจะเสียมารยาทกับหมูเขาหรือไง ขอโทษเลยนะ” ปัทมาแทรกขึ้นช่วยชีวิตศตคุณ ต่อว่าสามีตัวเองที่เสียมมารยาทถามถึงยอดเงินในบัญชี
สงสัยต้องไม่พอใจที่เราจนแน่ๆ เลย แน่ล่ะ ใครจะอยากให้ลูกชายของตัวเองมาคว้าคนจนๆ ที่ไม่มีอะไรเหมาะสมกับพ่อเลี้ยงเลยมาเป็นสะใภ้กัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณผู้หญิง”
ขวับ!!!
คนที่ถูกเรียกว่าคุณผู้หญิงหันขวับมามองทันที
“เรียกฉันยังไงนะ” ถามอย่างไม่พอใจ ทำเอาศตคุณเกิดอาการสั่น เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด ถึงได้ทำท่าโกรธกันขนาดนั้น...
“ค่ะ...คุณผู้หญิง คุณ...เอ่อ คุณผู้ชาย” เขาก็เรียกตามที่ย่าจันทน์ผาเคยพูดเท่านั้น
ผิดตรงไหนล่ะ!!
สุริเยนทร์กับปัทมาได้แต่ประเมินคนรักที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับหลานในใจ มองร่างบางที่รูปร่างหน้าตาราวกับผู้หญิงไปด้วย...
สวย...ฉลาด...เก่ง...เจียมตัว...อ่อนน้อมถ่อมตน...เรียบร้อย...คำพูดคำจาไพเราะ น่าฟัง...สุภาพ และที่สำคัญ ไม่อายในชาติกำเนิดของตัวเอง
คนแบบนี้ไม่น่าจะหลอกใครได้ และไม่น่าจะทำเรื่องเลวร้ายได้ด้วย ดูๆ ไปแล้วคนแบบหมู ก็เหมาะกับลูกชายของเราดีเหมือนกัน
แต่คนที่อายุห่างกันสิบกว่าปีแบบนี้ จะไปกันรอดได้สักกี่น้ำกันเชียว...
อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ^^
มีอะไรก็สอบถาม พูดคุย ได้ที่แฟนเพจเลยจ้า
https://www.facebook.com/sawachiyuki/