Just you and I : 15
ตอนนี้หัวเข่าผมเริ่มดีขึ้นแล้วครับ เลยออกมาเรียนได้ตามปกติ แถมยังมีคนขับรถมาส่งอีกด้วย แต่นั่นไม่ได้น่าสนใจเท่ากับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผม ไอ้ทูมันนั่งยัดข้าวผัดจนเกือบจะหมดจาน ที่ผมสนใจก็เพราะอยากรู้ว่า ตอนกลับบ้านกับพี่เบเป็นยังไงบ้าง
“มึงกับพี่เบตกลงยังไงวะ เล่าให้กูฟังบ้างดิ่ อย่าเงียบ” ผมตบโต๊ะเบาๆ เพื่อให้มันเงยหน้าขึ้นมาสนใจ มันก็เงยแต่แปบเดียวก็ก้มลงไปกินต่อ “ไอ้ทู กูเพื่อนมึงนะ”
“ก็ไม่มีอะไร” ไอ้ทูตอบเรียบๆ แต่ผมไม่อยากจะเชื่อ มันต้องมีอะไรบ้างละวะ
“ไอ้ทู” ผมเรียกชื่อมันแบบลากเสียงยาวจนมันรำคาญเอามือยื่นมาปิดปาก
“พอเลยๆ เรื่องของกูไม่มีอะไรจริงๆ”
“ไม่มีอะไรก็เล่าสิวะ กูเป็นห่วงนะเว้ย”
ไอ้ทูมันถอนหายใจเบาๆ แล้วก็เริ่มเขี่ยข้าวในจาน
“พี่เขาก็แค่บอกยังไม่พร้อมมีใคร” ผมจ้องเพื่อนตัวเองอย่างจับผิดจนมันจ้องกลับ “กูพูดจริงๆ พี่เขายังลืมรักเก่าไม่ได้ บอกให้กูไปหาคนใหม่ที่ดีกว่า”
“คนดีสัด แล้วมึงตอบว่าไง”
“กูก็ไม่ได้ตอบอะไร”
สรุปนี่คือผมไม่ต้องมานั่งลุ้นไอ้ทูกับพี่เบแล้วเหรอ เฮ้ย ทำไมเป็นแบบนั้นไปได้
“แล้วมึงตัดใจจากพี่เขาได้เหรอวะ” ผมถามปุ๊บ ไอ้ทูก็ส่ายหน้าช้าๆ เป็นคำตอบ “เอาน่ามึง เนื้อคู่มึงอาจยังไม่มาก็ได้ ปล่อยพี่เขาไปที่ชอบๆ เถอะ” ผมตบบ่าเพื่อนเพื่อปลอบใจ แต่ก็แอบเสียดายที่ลุ้นมาหลายวัน นึกว่าจะได้กันแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งซะอีก
“กูจะพยายาม”
“ดีมาก เพื่อนกูต้องอย่างนี้สิวะ เดี๋ยวกูช่วยหาเอง มึงชอบแบบไหน ขาวสวยหมวยอึ๋ม หรือมาดแมนแอนด์แฮนซั่มซิกแพกแน่นๆวะ”
“พอเลยมึง เอาตัวมึงให้รอดก่อนจะมาช่วยกูเป็นพอ”
ผมถลึงตาใส่ไอ้เพื่อนตัวดีก่อนจะเดินไปสั่งขนมมากิน วันนี้ร้อนจังน้า อยากกินอะไรเย็นๆ ผมเดินไปสั่งน้ำแข็งไส พอสั่งเสร็จก็หันมองนั่นนี่จนไปสะดุดตาใครบางคนที่เหมือนจะจ้องผมอยู่ แต่พอเห็นว่าผมมองก็รีบหลบตาแล้วก้มอ่านหนังสือ คงจะมองเพราะผมเสียงดังเมื่อกี้แน่ผมเลยไม่สนใจ
พอกินอิ่มมันก็เริ่มง่วง ผมก็เลยแอบงีบหลับในห้องจนเลิกคลาสผมก็ยืดเส้นยืดสายก่อนพวกเพื่อนๆ มันจะเริ่มชวนไปนั่นมานี่ แต่ผมปฏิเสธเพราะอยากกินลูกชิ้นทอด คำนวณเวลาไปซื้อกับเวลาที่พี่โชจะมารับก็คงจะพอดี
ผมส่งข้อความไปบอกว่าเลิกเรียนแล้ว พี่โชก็ตอบตกลงและบอกให้รอ ไอ้ทูแวะขับรถมาส่งผมที่ร้านลูกชิ้นหลังมหาลัยก่อนมันจะขับกลับหอพัก ผมยืนคุยกับเจ้าของร้านที่สนิทสนมจนจะเป็นลูกของป้าแกอยู่แล้ว แต่อยู่ๆ ป้าแกก็แอบเรียกผมเบาๆ จนผมต้องชะโชกหน้าเข้าไปหาเพราะกลัวจะไม่ได้ยินที่ป้าแกพูด
“เหมือนมีคนตามเลยนะ” ป้าแกกระซิบครับ ผมแทบอยากจะหันไปมองแต่ก็กลัวไก่ตื่นเลยได้แค่แกล้งบิดตัวไปมาแต่ตากำลังมองหาคนที่ป้าบอก
มันคือคนเดียวกันกับที่จ้องผมที่ใต้ตึก
เริ่มจะไม่ได้การซะแล้ว ผมรีบรับลูกชิ้นจากป้ามาถือ ก่อนกดส่งข้อความยิกๆ เร่งให้พี่โชมา แต่รถดันมาติดซะอีก ผมเลยจะเดินกลับเข้าไปในมหาลัย แต่กลับถูกรถกระบะคันหนึ่งที่วิ่งมาซะชิดจนต้องหลบ มันตั้งใจจะชนผมหรือเปล่าวะ
พอจะเดินเข้าไปอีก ไอ้กระบะคันเดิมที่มันจอดอยู่ตรงหน้าก็เริ่มถอยหลังมาที่ผม ขนาดว่าผมเดินบนฟุตบาทมันยังไต่ขึ้นมา มันจะชนผมจริงๆ ด้วย วิ่งสิครับรออะไร แม้หัวเข่าจะยังหายไม่เต็มร้อยแต่เจอแบบนี้มันก็ต้องหายแล้วล่ะ ผมวิ่งตามฟุตบาทเรียบรั้วมหาลัยมาเรื่อยๆ ไอ้รถกระบะนั่นก็ยังขับตามมา คนกับรถมันโคตรจะต่างกันเลย
วิ่งๆ ไปผมก็เพิ่งนึกอะไรออก ผมรีบเบรกตัวเองให้หยุดแล้วหันหลังกลับทางเดิม พอย้อนกลับมาประมาณห้าเมตร ผมก็รีบวิ่งข้ามถนนเข้าไปในซอยข้างๆ ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เหมือนจะโชคดีแต่กลับโชคร้ายเพราะไอ้รถที่มันขับไล่ผมมันเลี้ยวมาตัดหน้าผมอยู่นี่ไง ไอ้กลอยไม่ชอบความรุนแรงทุกประเภทไงไม่เข้าใจเหรอ
ผมจะเดินถอยหลังกลับชนเข้ากับอะไรนิ่มๆ พอหันหลังไปมอง โอ้ ชนหน้าอกผู้หญิงนี่เอง ผมยิ้มแห้งๆ ให้คนที่มายืนขวาง แต่เธอดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ใบหน้าสวยบึ้งตึงเหมือนกินผึ้งมาเป็นรัง
“เอ่อ มีอะไรกับผมหรือเปล่าฮะ”
“แกชื่อกลอยสินะ” เสียงแหลมดังขึ้น ดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์กราดมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “หน้าตาก็ธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษสักนิด” นี่เธอดูถูกผมอยู่ใช่มั้ย
“แล้วมีอะไรกับผมครับ” ถามออกไปเหมือนไม่กลัว แต่ขานี้สั่นพับๆ เลยไอ้กลอยเอ้ย
“แกกล้าดียังไงทำให้โชมาบอกเลิกฉัน ฉันคบกับเขามากี่ปีแกรู้มั้ย ฉันยอมทนให้เขากินผู้หญิงข้างทางเพราะคิดว่าเป็นนิสัยผู้ชาย แต่ที่ไม่เข้าใจคือ...” ผู้หญิงที่บอกเป็นแฟนพี่โชเดินอ้อมมาด้านหลังผม มือขาวๆ นั่นลูบหน้าอกผมจนขนลุกชัน “โชกล้านอนกับผู้ชายอย่างแกได้ยังไง!” ตะโกนข้างหูจนผมตกใจขยับหนีแต่ก็ถูกดึงให้มายืนที่เดิม
ตอนนี้คนในรถเดินลงมาหมดเลยครับ ผู้ชายสองคน ผู้หญิงอีกสามคน รวมคนที่ด่าผมก็สี่ แต่ผมยังแอบเห็นอีกคนที่ไม่ยอมลงมาจากรถ
“ผมยังไม่ได้มีอะไรกับพี่โช” ผมโพล่งออกไป แต่ดูสาวสวยตรงหน้าจะไม่เชื่อ มือเรียวยืนมาตบหน้าผมเบาๆ
“แกคิดว่าฉันโง่เหรอ ไม่มีใครหน้าไหนที่จะปฏิเสธโช ชายที่ทั้งหล่อและรวย น้ำหน้าอย่างแกก็คงเอาตัวเข้าแลกสินะ แล้วทำยังไงเขาถึงได้หลงจนกล้ามาบอกเลิกฉัน”
“ผมไม่ได้ทำอะไร” พูดจบแก้มก็ชาเลยครับ ตบมาไม่ยั้ง ครั้งสองกับการถูกตบ ผมหันขวับจ้องหน้าอย่างโมโห
“จ้องหน้าฉันทำไม หรืออยากโดนอีก” หน้าที่ชาถูกบีบคางจนปากห่อ รู้สึกเจ็บร้าวกรามไปหมด แล้วทำไมผมไม่สู้ ก็มือสองข้างผมถูกไอ้ยักษ์จับไว้ “แกใช้ลีลาแบบไหนถึงมัดใจโชของฉันได้ ลองกับลูกน้องฉันให้ดูหน่อยสิ ทำแบบที่ทำให้โชติดใจน่ะ”
เชี่ย ไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ซอยที่ผมวิ่งเข้ามาก็ดูจะไม่ค่อยมีคนสัญจรผ่านซะด้วย แถมไอ้บ้าสองคนนี้ยังแรงเยอะอีก ผมสะบัดทั้งดิ้นทั้งถีบมันไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ไม่ๆ ไอ้กลอยไม่มีทางยอมแน่นอน พอมองไปทางคนที่สั่ง ยัยพวกนั้นรีบยกมือถือของตัวเองเตรียมถ่ายวีดีโอ
สมองอันน้อยนิดกำลังคิดหาวิธีเอาตัวรอด ผมปล่อยให้เสื้อตัวเองถูกดึงจนกระดุมขาดหมดแถว ไอ้คนที่จับแขนขวาเห็นผมไม่ดิ้นเลยปล่อยแขนและเปลี่ยนมาจูบไล้ตามซอกคอผมแทน ขยะแขยงโคตรๆ
ผมสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ๆ ก่อนทุ่มแรงยกเข่าใส่กลางเป้ามันเต็มๆ จนคนโดนลงไปนั่งกอง มือมันกุมของสงวนมันแน่น ปากก็โอดโอยร้องลั่น ไอ้คนที่จับแขนอีกข้างก็ดูตกใจจนเผลอคลายแรงจับ ผมใช้แรงที่มีอยู่จับเข็ดขัดมันแล้วยกทุ่มข้ามตัว คงต้องขอบคุณไอ้อัธที่มันชอบไปเล่นเทควันโดทำให้ผมได้ลองไปเล่นยูโดที่ฝึกอีกฝั่ง แม้จะได้แบบงูๆ ปลาๆ แต่มันก็สามารถทุ่มไอ้ยักษ์นี้ลงได้
พอไอ้ยักษ์สองตัวลงไปอยู่ที่พื้น พวกผู้หญิงก็รีบกรีดร้องแล้ววิ่งตรงเข้ามาหา ผมรีบวิ่งหนีเข้าไปในซอยอีก แต่คนที่ยังนั่งในรถกลับเปิดประตูออกมาขวางพร้อมชะโงกหน้าออกมาดูผมที่ชนเข้าเต็มๆ จนแอบจุก
“บลู” ผมเรียกชื่อเธออย่างมึนงง บลูที่ตกใจที่ทำให้ผมเห็นก็รีบมุดเข้าไปซ่อนข้างล่างเบาะรถ นี่เธอทำกับผมขนาดนี้เลยเหรอ
“คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอฮะ” เพราะผมจุกแถมประตูรถยังขวางทำให้พวกผู้หญิงที่วิ่งตามมาเริ่มฟ้อนเล็บใส่หน้า ผมยกแขนเข้าบังจนรู้สึกเจ็บแสบ อาจเพราะโดนเล็บยาวๆ นั่น
ไอ้กลอยเริ่มโมโหแล้วนะเว้ย
“เจ็บโว้ย” ผมตะโกนจนพวกที่รุมผงะ ผมเผลอต่อยหน้าเพื่อนคนที่ตบหน้าผมจนเธอล้มลงแล้วร้องกรี๊ดๆ
“มึงทำเพื่อนกู” ความสวยของผู้หญิงก็หมดไปเมื่อกลายร่างเป็นนางมาร ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ
ผมรีบดึงประตูรถปิดแล้วออกวิ่งทันที ต้องวิ่งเท่านั้น
“หยุดนะโว้ย” ไอ้ยักษ์สองตัวมันเริ่มกลับมาวิ่งตามผมอีกรอบ ทำให้ผมต้องเร่งซอยเท้ายิกๆ
หัวเข่าจ๋า อย่าเพิ่งเจ็บตอนนี้ได้มั้ย
ผมที่วิ่งไปเขย่งขาไปบางทีเพราะรู้สึกปวด สายตาเริ่มมองเห็นทางสว่าง สาธุ ขอให้อยู่ทีเถิด ผมรีบเร่งก่อนจะเบรกความเร็วลงหน้าพื้นที่กว้างที่มีพืชผักอยู่เต็มไปหมด
“ไอ้ต้อม ช่วยกูด้วย!!” ผมตะโกนสุดเสียง ตาก็คอยมองว่าไอ้ยักษ์จะวิ่งมาถึงหรือยัง “ไอ้เชี่ยต้อม!”
“เรียกกูหาพ่องมึงเหรอไอ้เชี่ยกลอย” เสียงที่ดังแหวกอากาศทำให้ผมเริ่มยิ้มออก โชคดีแล้วไอ้กลอย
ไอ้ต้อมเป็นเพื่อนที่เคยเจอตอนปีหนึ่งครับ ผมกับมันอยู่กลุ่มสีเดียวกันตอนเข้าค่าย แม้มันจะเรียนเกษตรก็เถอะ และที่ผมวิ่งเข้ามาในนี้เพราะผมรู้ดีว่าในซอยลึกแห่งนี้มีแปลงของคณะเกษตรอยู่ ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่าไอ้ต้อมมันจะอยู่ และมันก็อยู่จริงๆ ไอ้กลอยรอดแล้วโว้ย
ผมรีบเดินข้ามแผ่นไม้เพื่อจะไปที่แปลงเกษตร ไอ้ต้อมเดินหน้าบึ้งออกมาคงเพราะเหนื่อยแถมร้อน แต่พอมันเห็นสภพผมมันก็ทำตาโตแล้วพุ่งพรวดมาจับตัวผมหมุนไปมาทันที
“มึงไปโดนอะไรมาวะ ทำไมสภาพเป็นแบบนี้”
“กุโดนรุม มึงช่วยกูช่วย”
ผมรีบหลบหลังไอ้ต้อมทันทีที่ไอ้ยักษ์กับนางมารวิ่งตามมาถึง ไอ้ต้อมจ้องหน้าคนที่ทำร้ายผมนิ่งๆ
“พวกนี้เหรอวะ”
“เออ มึงช่วยกูช่วย”
“มันทำอะไรมึงบ้าง”
“ตบ แล้วก็จะข่มขืนกู”
“เลว”
ไอ้ต้อมกราดด่าไอ้พวกคนชั่ว หน้าตามันตอนนี้เลยจุดเยือกแข็งไปแล้ว ผมรีบซุกหน้ากับหลังที่เต็มไปด้วยเหงื่อเพราะความกลัว ส่วนไอ้พวกที่จะทำร้ายผมพอเห็นไอ้ต้อมมันก็หัวเราะเยาะ
“มึงอย่ายุ่งดีกว่าไอ้หนู ส่งไอ้เด็กนั่นมาซะดีๆ มึงจะได้ไม่เดือดร้อน” ไอ้ยักษ์ที่โดนผมเตะเป้าพูดเสียงเหี้ยม
“เร็วๆ ก่อนที่พวกกูจะโมโห” ไอ้โดนทุ่มเสริมเพื่อนมัน
ไอ้ต้อมมันยังยืนนิ่งจนผมแอบกลัวว่าจะทำให้มันเดือดร้อนไปด้วย
“หนีเหอะมึง” ผมพูดอู้อี้อยู่ข้างๆ แต่ไอ้ต้อมไม่มองมา
“จะหนีทำไม แบบนี้สนุกออก” ไอ้ต้อมมันแสยะยิ้มจนพวกที่รอจะทำร้ายผมโมโหจะตามข้ามมา ผมรีบดึงเสื้อไอ้ต้อมเพื่อจะหนี แต่มันกลับตะโกนเรียกคนของมันแทน
“ไอ้พวกเพื่อนกูทั้งหลาย แมลงบุกโว้ย!!”
ผมไม่เข้าใจที่ไอ้ต้อมมันตะโกน แต่ไอ้คนที่จะข้ามมากลับชะงักขาซะงั้น แถมพวกมันยังมองไปด้านหลังผมอีก
“แมลงหวี่เหรอวะ แบบนี้ก็ต้องตบให้ตายหรือเปล่าวะ” เสียงที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ผมหันไปมอง
คนนับสิบออกมาจากไหนไม่รู้ มือแต่ละคนยังถือพวกจอบและเสียมอีก อาวุธครบมือไหมล่ะ
พอเห็นฝ่ายผมมีคนมากกว่าแถมมีอาวุธ พวกคนชั่วก็ได้แค่ชี้หน้าฝากไว้ก่อน แล้วพวกมันก็รีบเดินหนีไปจนลับตา ผมทรุดลงไปนั่งกับพื้นดินทันที
“รอดแล้ว ฮึก รอดแล้ว” น้ำตาผมไหลมาจากไหนไม่รู้จนเพื่อนไอ้ต้อมตกใจ
“อ่าวเชี่ยต้อม มึงทำมันร้องไห้หรือเปล่าวะ”
“ไอ้สัด กูยืนเฉยๆ พวกมึงก็เห็น”
“เออๆ ปลอบใจกันตามสบาย แปลงกูงานยังเหลืออีกเยอะ”
พอเพื่อนมันสลายตัวไป มันก็รีบคว้าผมเข้าไปกอดปลอบ ผมก็ร้องไห้เช็ดขี้มูกกับอกไอ้ต้อม แม้มันจะทำหน้าขยะแขยงแต่ผมก็ปาดขี้มูกไปแล้วมันเลยได้แต่ถอนหายใจ
“ทำไมพวกนั้นถึงทำแบบนี้กับมึงวะ”
“กู ฮึก กูไม่รู้”
“โอ๋ๆ ไอ้กลอยใจ มึงหยุดร้องไห้ได้แล้ว หน้าตาแม่งโคตรตลก”
“ไอ้เชี่ย”
ผมต่อยอกมันเบาๆ มันก็เอาแต่หัวเราะ ก่อนเสียงริงโทนมือถือผมจะดัง หน้าจอโชว์ชื่อของต้นเหตุที่ทำให้ผมโดนแบบนี้ แม่งไม่อยากรับเลย
“ไม่รับละวะ” ไอ้ต้อมมันมองอย่างสงสัย
ผมมองหน้าไอ้ต้อมนิดๆ ก่อนกดรับ
“ฮัลโหล”
“ทำไมเสียงเหมือนร้องไห้ เป็นอะไร แล้วอยู่ที่ไหน พี่รออยู่หน้าคณะเนี่ย” น้ำเสียงมันร้อนรนจนผมสะอื้นออกมาอีกรอบ “เป็นอะไรวะ ร้องไห้ทำไม อยู่ที่ไหนเดี๋ยวพี่ไปหา” ผมได้ยินเสียงปิดประตูรถโครมใหญ่
“อยู่ในซอยแปลงผักคณะเกษตรหลังม.อ่ะ” แล้วผมก็บอกเส้นทางอย่างละเอียด ไม่นานรถหรูก็จอดเทียบหน้าแปลกผัก
พี่โชรีบออกมาจากรถแล้วพุ่งเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้เตี้ยๆ ที่ไอ้ต้อมมันเอามาให้นั่งรอ ส่วนมันไปลงแปลงของตัวเองต่อ พอพี่โชเห็นสภาพของผมก็กัดกรามจนนูนข่มอารมณ์โกรธ
“ใครทำ” เสียงนิ่งแถมยังมีรังสีไอเย็นอยู่รอบๆ ตัว มือก็จับหน้าผมหันซ้ายขวาเบาๆ ดูรอยแดง
ผมเป็นคนดีหรือเปล่า...
“แฟนเก่าพี่” ผมตอบ พอดีไอ้กลอยเป็นคนสีเทาๆ เลยต้องบอกความจริง
“จำหน้าได้มั้ย”
“อืม” ผมพยักหน้ารัวๆ แล้วพี่โชก็เอามือถือตัวเองออกมา เลื่อนไปที่ไอคอนของเฟสบุ๊ค ไม่นานหน้าจอโทรศัพท์แสนแพงก็มีรายชื่อเพื่อนๆ อยู่เต็มไปหมด เพื่อนเป็นพันๆ จะเห็นได้ยังไงวะ
“คนนี้?” พี่โชเลื่อนภาพผู้หญิงน่ารักๆ สไตล์แบ๊วๆ มาให้ดู ผมก็ส่ายหน้า นี่ก็แฟนเก่าเหรอวะ “คนนี้?” มาอีกคนแล้วครับ แต่มาเป็นแบบเรียบร้อยแต่หน้าสวย ผมก็ยังส่ายหน้า แล้วดูเหมือนพี่โชจะนึกอะไรออก นิ้วยาวกดหน้าจอรัวๆ ก่อนจะยื่นมาให้ผมดู “คนนี้ใช่มั้ย”
“ใช่เลย คนนี้” ผมจิ้มย้ำๆ ไปที่หน้าจอเมื่อมีรูปคนที่ตบหน้าผม จ๊ะจ๋า เหอะ ชื่อก็ดี หน้าตาก็สวยแต่นิสัยแย่มาก
“มันทำอะไรบ้าง” หน้าพี่โชที่กำลังสำรวจร่างกายผมด้วยสายตานิ่งจนหน้ากลัว สายตาเหมือนจะฆ่าคนได้
“ผู้หญิงคนนี้ตบหน้าผม” ผมชี้หน้าตัวเองที่น่าจะยังหลงเหลือรอยแดงๆ “เอาเล็บข่วนแขน” ชูแขนให้ดูสองข้างที่มีรอยข่วนจนเลือดซิบ “แถมจะให้ไอ้พวกยักษ์ที่พามาข่มขืนผมด้วย” บอกให้หมดแม็ก
แกร๊บ เสียงดังแปลกๆ ดังจากมือพี่โช ทำให้ผมหลุบตามองก่อนจะเบิกตาโต มือถือเครื่องแสนแพงถูกบีบจนหัก ราวกับมันเป็นแค่ใบไม้ที่บีบได้ง่ายๆ นี่ผมทำถูกแล้วใช่มั้ยที่บอกทุกอย่างไป แต่สิ่งที่ผมโดนกระทำมันเกินกว่าจะให้อภัยได้
“อ่อ มีบลูด้วยผมเห็น” พอได้ยินชื่ออีกคน พี่โชก็คิ้วกระตุก
“พี่ยืมมือถือหน่อย” ผมวางมือถือของตัวเองบนมือพี่โช ส่วนเครื่องของพี่โชได้ลงไปนอนกองกับพื้นเรียบร้อย หมดสภาพเลย ซ่อมไม่ได้ด้วยเพราะมันหักครึ่งแนวยาว
ผมมองพี่โชที่กดเบอร์ของใครสักคน รอครู่หนึ่งปลายสายก็รับ
“ไอ้ซัน จัดการเด็กของมึงด้วย”
(อะไรวะ เกิดอะไรขึ้น)
“เด็กมึงพาคนมาทำร้ายคนของกู”
(ทำกลอย? เกิดเรื่องอะไรวะ)
“ไว้กูจะเล่าให้ฟัง แค่นี้นะ”
พี่โชคืนมือถือให้ผมแล้วประคองให้ผมยืนขึ้น ไอ้ต้อมที่โผล่หน้ามาพอดีถึงกับมองผมสลับกับพี่โช สงสัยมันจะกลัวว่าพี่โชจะทำร้ายผม
“มีอะไรหรือเปล่าวะ” ไอ้ต้อมมันเดินมาพร้อมจอบ พี่โชก็จ้องหน้ามันกลับไม่กลัวของในมือมันสักนิด
“เปล่า นี่พี่โช แล้วนี่...” ผมกำลังจะแนะนำเพื่อนแต่พี่โชกลับถามกลับเสียงนิ่ง
“มึงเป็นใคร”
“พี่โช” ผมกระตุกแขนคนที่พยุงผม “นี่ต้อมเพื่อนผมเอง มันช่วยผมไว้” พอได้ยิน ทั้งสายตาและน้ำเสียงพี่โชก็อ่อนลงแต่ก็ยังดูน่ากลัวอยู่ดี
พอไอ้ต้อมมันรู้ว่าพี่โชเป็นคนที่จะมารับมันก็ยอมกลับไปทำงานของมันต่อ ผมไม่ลืมขอบคุณและจะเลี้ยงตอบแทนมันในวันหลัง (ซึ่งพี่โชจะเป็นเจ้ามือ)
แอร์รถว่าเย็นแล้ว ยังสู้พี่โชไม่ได้ ตอนนี้พี่โชดูนิ่งจนผมกลัว ผมกลัวว่าพี่เขาจะทำอะไรรุนแรงจนตัวเองต้องเดือดร้อน
“พี่โชจะทำอะไรพวกเขาเหรอ” ผมถามขึ้นมาเพื่อไม่ให้รถดูเงียบเกินไป พี่โชไม่หันหน้ามามองผม แต่ก็ตอบออกมานิ่งๆ
“ไม่ถึงตายหรอก”
เชี่ย คำตอบแบบนี้มันยิ่งกว่าตายอีก
“แล้วพี่จะให้พี่ซันทำอะไรบลูอ่ะ”
“นั่นมันเป็นเรื่องของไอ้ซัน”
“แต่ผมไม่อยากให้ทำร้ายถึงขั้นเจ็บตัวนะ”
“มันทำถึงขนาดนี้ยังจะห่วงอีกเหรอ” ผมสะดุ้งเฮือกหลังจากพี่โชตวาด
“ผมไม่ได้ห่วงบลู ผมห่วงพี่กับพี่ซันต่างหาก” ความจริงครับ “ถ้าทำรุนแรง พวกพี่จะเดือดร้อนนะ จะเรียนจบแล้วด้วย”
“แต่พี่ยอมไม่ได้ที่มันมาทำแบบนี้กับคนที่พี่รัก” เขินจนไปไม่เป็นเลยไอ้กลอย
เสียงโทรศัพท์ดังขัด ผมเหล่มองพี่โชนิดๆ พี่เขาหยิบมือถือเครื่องใหม่ขึ้นมารับ มือถือสำรองเครื่องนี้มีติดรถไว้เผื่อจำเป็นครับ พี่โชบอกแบบนี้ และมันก็ได้ใช้จริงๆ พี่โชที่รับแต่ไม่ยอมพูดอะไร บางครั้งสายตาดุก็หันมามองผมสลับกับมองถนน จนวางไปผมก็ยังไม่ได้ยินพี่โชพูดอะไรจนสงสัย
“ใครโทรมาเหรอพี่”
“ไอ้ติน”
“พี่ตินโทรมาทำไม”
“มันเก็บไอ้คนที่จะข่มขืนกลอยได้แล้ว”
“จริงดิ่”
ตกใจกับคำบอกเล่ามาก พี่ตินเนี่ยนะ ดูพี่เขาไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย ดูเป็นคนเฮฮาไม่น่าเชื่อว่าจะฆ่าคนได้
“พี่เขาฆ่าคนเหรอ”
พี่โชหันขวับมามองผมอย่างแปลกใจก่อนยิ้มออกมา
“มันไม่โหดขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าเป็นพี่ก็ไม่แน่” พูดซะเอาผมกลัว
“พี่จะทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามทำตัวเองกับเพื่อนเดือดร้อน ไม่งั้นผมจะ...” จะอะไรดีวะ
“จะอะไรครับ” พูดซะเพราะเชียว
“จะงอนไปสามวัน”
พอได้ยินคำตอบ พี่โชก็หัวเราะออกมาทำลายบรรยากาศตึงเครียดไปจนหมด ที่จริงผมก็ยังเครียดอยู่นะ กลัวว่าจะถูกแก้แค้น แต่ก็ต้องดูว่า ที่พี่โชบอกให้เพื่อนจัดการ คืออะไร
“แต่ตอนมันจะข่มขืนผม ผมโคตรกลัว” หลังพูดจบผมก็อยากตบปากตัวเองที่พลั้งปากออกมา
“มันทำอะไรไปบ้าง”
“มะ มันดึงเสื้อขาดนี่ไง” ผมเปิดเสื้อแขนสาวลายสก๊อตของไอ้ต้อมที่ให้ยืมให้พี่โชดู กระดุมทุกเม็ดขาดลุ่ยจนสาบเสื้อเปิดออกโชว์พุงหลาม พี่โชเห็นปุ๊บ คิ้วเข้มก็ขมวดจนแทบจะชนกัน
“แล้วมันทำอะไรอีก”
“มะ มันจูบคอ เฮ้ย” ตะโกนลั่นรถสิครับ ก็อยู่ดีๆ พี่โชเบรกรถจนคันข้างหลังเบรกตาม เกือบโดนชนตูดด้วย พี่โชหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาแล้วกดโทรออก ก่อนผมจะรีบตะครุบมือถือแล้วรีบกดวาง พี่กำลังสร้างเรื่องเดือดร้อนนะเว้ย
“ไอ้เชี่ยติน ฆ่าพวกมันสองคนซะ”
.........TBCตอนนี้อาจจะมึนๆ อึนๆ หน่อยนะคะ แต่แต่งไปนี่อยากตบนังนีพวกนี้มาก ฮ่าๆๆๆ
พบกันตอนต่อไปค่าา ^^~