TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄[-จบแล้ว-] Special {เสือตาคลอส}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄[-จบแล้ว-] Special {เสือตาคลอส}  (อ่าน 87193 ครั้ง)

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0







║█║▌║█║▌│║▌║▌█║



'บางครั้งเจ้ากรรมนายเวรก็มาหาเราในรูปแบบของ...เพื่อนเก่า'



เสือ :: ผมชื่อ 'เสือ' ส่วนเจ้านั่นชื่อ 'เอิ้น' เราเคยเป็นเพื่อนกัน
ขอย้ำว่า 'เคยเป็น' แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ไม่ต้องให้ทวนซ้ำเนอะ เปลืองพลังงาน

เอิ้น :: ใช่ครับ ผมชื่อเอิ้น คุณแม่เสือเรียก 'หนูเอิ้น'
แต่เสือชอบเรียกหมูอ้วน อาจจะจริงที่ว่าเราเคยเป็นเพื่อนกัน
แต่ตอนนี้เราเป็นมากกว่านั้น บางครั้งก็เป็นหัวหน้ากับลูกน้อง แต่เมื่อคืนเพิ่งเป็นของกันและกัน
ผมชอบสถานะหลังมากกว่านะ ฟินสุโค่ย

เสือ :: ฟินพ่องดิ ของกันและกันห่าไร

เอิ้น :: ทำเป็นจำไม่ได้ อยากให้เอิ้นชวนทวนความจำใช่ป่ะ
มามะ มาให้ป๋ากอดซะดีๆ


▲▼▲▼▲▼▲▼▲▼

►สารบัญ◄

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2018 20:39:54 โดย แจซอล »

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄
«ตอบ #1 เมื่อ10-07-2016 16:12:17 »

 :mc4:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0


บทนำ
{เจ้ากรรมนายเวร}





ความทรงจำสุดท้ายของผมในค่ำคืนนี้คือแก้วเหล้าบนโต๊ะยาวในห้องคาราโอเกะซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับผู้จัดการแผนกคนใหม่ควบคู่กับเลี้ยงส่ง คนเก่า

เห็นหัวล้านๆ ของคุณสุริยะที่กำลังโยกย้ายไปตามจังหวะเพลงแล้วก็อดเศร้าไม่ได้ ผมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ท่านมาหลายปี ท่านให้โอกาสผมหลายอย่าง ก็รู้ว่างานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราแต่มันก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี

ผมนั่งถือแก้วเหล้าอยู่บนโซฟา เยื้องจากผมไปราวๆ 2 ที่นั่งคือชายหนุ่มหน้าตาดีที่มารับตำแหน่งผู้จัดการแผนกคนใหม่ ประเมินจากลักษณะและรูปร่างหน้าตาแล้วอายุไม่น่าจะห่างจากผมมากนัก แต่ดูภูมิฐานดี ถ้าเรียกภาษาชาวบ้านก็ขี้เก๊กน่ะแหละ

ไม่รู้เพราะความหล่อเหลาหรือความขี้เก๊กของเขาที่ทำให้ผมละสายตาไม่ได้ซักที หลายครั้งที่มองไปยังพวกที่เต้นเป็นไส้เดือนถูกน้ำร้อนลวกอยู่ตรงนั้น รู้ตัวอีกทีก็กลับมาวางสายตาไว้ที่เขาแล้ว

เหล้าในแก้วพร่องลง เสียงเพื่อนร่วมงานแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะบอกว่า – มึงอย่าดื่มเยอะนะไอ้เสือเดี๋ยวแม่งก็เมาหรอก

เมาอะไรครับเหล้าผสมโค้กแก้วเดียวทำอะไรผมไม่ได้หรอก คนอะไรจะคออ่อนขนาดนั้น

เหล้าแก้วที่ 2 ถูกส่งจากน้องนางคนสวยในชุดที่เผยเนื้อนมไข่ อยากได้กับแกล้มเป็นเนื้อขาวๆ สักชิ้น

ผมค่อยๆ ดื่มมันอีกครั้งเมื่อละสายตาจากก้นงามงอนของน้องนาง น่าแปลกที่ทั้งคืนนี้สายตาผมชอบจะเผลอไปวางไว้บนใบหน้าหล่อเหลาของผู้จัดการแผนกคนใหม่เสมอ

ไม่รู้สิ ผมรู้สึกคุ้นหน้าเขาแต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

คิดไม่ออกเหรอดื่มแม่ง เอ้าชน!!

แกร๊ง!

เสียงแก้วดังประสานกันครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งที่ผมกระดกแอลกอฮอล์เข้าปากก็จะมีมือใครสักคนมารั้งข้อมือผมเอาไว้ แล้วกรอกหูด้วยคำเดิมๆ ว่า – เดี๋ยวก็เมาหรอกไอ้เสือ คอแม่งอ่อนยิ่งกว่าดอกหญ้าอีก

โอ้โห ลมพัดมาทีคอกูนี่ลู่ไหวไปตามแรงเลยว่ะ ถุย!

“คออ่อนเหี้ยไร เขาเรียกว่าภูมิคุ้มกันแอลกอฮอล์บกพร่องเว้ย”

ผมจำไม่ได้ว่าพูดคำนี้ซ้ำไปกี่รอบ แต่น่าจะมากกว่าจำนวนครั้งที่แอลกอฮอล์ถูกน้องนางคนงามเติมใส่แก้ว

อีกครั้งที่ผมกระดกเหล้าเข้าปาก และพอดื่มหมดคนรอบตัวผมก็กลายเป็นทศกัณฑ์ แปลงร่างก็ได้ด้วยว่ะ สุโค่ย หลังจากนั้นเจ้ายักษ์ 10 หน้าก็ล้างเอาความทรงจำของผมไปจนหมด




▼▲▼▲▼




“จันทร์ เอาน้ำแข็งมาถูหลังให้ฉันซิ”

เมื่อคืนก่อนเพิ่งได้ดูหนังอีโรติกชื่อดังเรื่องนี้และประโยคนี้ก็บังเอิญติดหูมา

อะไรวะ แม่ไม่ได้จ่ายค่าไฟเหรอ หรือว่าแอร์เสีย ร้อนฉิบหาย

ผมลุกขึ้นพร้อมกับอาการมึนหัวบนเตียงนอนนุ่มที่มีกลิ่นหอมสะอาด พยายามดึงรั้งเสื้อผ้าชุดทำงานออกจากกายในยามที่ทนกับความร้อนไม่ไหว เสื้อเชิ้ตถูกโยนไปทางซ้าย เข็มขัดที่ยังติดอยู่ที่หูกางเกงถูกโยนไปทางขวา ถุงเท้า... ผมคลำไปตามท่อนขาเปลือยเปล่าลงไปจนถึงจุดต่ำสุดของร่างกายแต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อถุงเท้าไม่มี

แม่ใจดีจังเลย ทั้งเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ใหม่แล้วยังถอดถุงเท้าให้ลูกชายที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันแอลกอฮอล์บกพร่องอีก น่ารักที่สุด

“ขอบคุณครับแม่” ผมตะโกนดังๆ แล้วฉีกยิ้มกว้างก่อนจะทิ้งร่างกายที่เหลือเพียงกางเกงชั้นในลงนอนแผ่หลาบนเตียงอีกครั้ง

แปลกจัง ทำไมวันนี้เตียงมันดูกว้างใหญ่กว่าทุกๆ วัน...

แม่สั่งเตียงนอนมาใหม่ด้วยเหรอ

ฮึ้ยหนาว

ขนอ่อนทั้งกายผมตั้งชันเมื่ออยู่ๆ จันทร์ก็เอาน้ำแข็งมาถูที่หน้าท้อง

จันทร์ไหน ที่นี่ไม่มีจันทร์

ผมลืมตาโพลงด้วยความตกใจ อาการมึนหัวแล่นจี้ดไปทั่วทั้งขมับจนต้องยกมือขึ้นทุบหัวแรงๆ แต่แม่งไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักเท่าไหร่หรอก

ในความเลือนลางขณะที่สายตาพร่ามัวผมเห็นเงาของใครสักคนที่รูปร่างไม่คุ้นตา เขาไม่ใช่คนในครอบครัวของผมแน่ๆ

โจรเหรอวะ สัญชาติญาณการเอาตัวรอดผลักผมให้ถอยห่างจากเขา แต่เพียงขยับตัวก็ถูกคว้าข้อเท้าเอาไว้แล้วมือหนาข้างนั้นก็ลูบขึ้นมาถึงขาอ่อน คราวนี้แหละอาการร้อนวูบวาบที่กำลังแล่นริ้วทำผมตื่นเต็มตา มองคนตรงหน้าชัดเจนยิ่งกว่าระบบ HD ซะอีก

“ตื่นแล้วเหรอ”

คนที่ผมไม่รู้ว่าเป็นใครถามด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง แต่สายตาแพรวพราวที่กำลังกวาดมองเรือนร่างเกือบเปลือยเปล่าทำให้ผมไม่อยากจะอยู่ฟัง

เมื่อผมขยับหนี เขาก็เพิ่มน้ำหนักมือที่วางไว้เฉยๆ บนต้นขาเป็นกดเอาไว้บังคับไม่ให้ขยับ สัญชาติญาณกระซิบบอกให้ผมรีบออกไปจากที่นี่แต่สภาพคนที่ยังไม่สร่างเมาดี แม้คิดจะหนีแต่ร่างกายกลับเป็นใจเอาซะเลย

“ตัวสั่นเชียว กลัวเหรอ”

น่ากลัวตายห่า – ผมด่าได้แค่ในใจเมื่อซุ่มเสียงไม่สามารถลอดผ่านลำคออันแห้งผากออกมาได้

น้ำแข็งที่ยังวางอยู่บนหน้าท้องกำลังละลาย น้ำใสๆ ไหลลงมาที่เอวก่อนจะหยดลงบนที่นอนนุ่ม ตอนนี้เองที่ผมตระหนักได้ว่าแม่ไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนหรือซื้อเตียงให้ใหม่ เพราะที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของผม

ที่นี่ที่ไหนวะ

“คุณเสือยังอยากได้น้ำแข็งอยู่มั้ย” รู้จักชื่อผมด้วย

ผมลองมองคนตรงหน้าชัดๆ เมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ เออ ชัดเลย หล่อๆ แบบนี้ ใครวะ คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหน แต่ไม่ว่าจะเค้นความทรงจำจากสมองซีกไหนก็ไม่เห็นจะจำได้เลย

“เฮ้ย!!”

ผมอุทานแล้วคว้าแขนเขาไว้ เมื่อมือหนาหยิบเอาน้ำแข็งก้อนใหม่วางลงบนแผ่นท้องเปลือยเปล่าของผมแทนอันเก่าที่ละลายไปหมดแล้ว

“ทำไมล่ะ คุณบอกให้ผมเอาน้ำแข็งมาถูหลังให้ไม่ใช่เหรอ”

ไม่รู้ว่าเขาแรงเยอะหรือผมไม่มีแรง เมื่อมือผมที่รั้งแขนเขาไว้ไม่สามารถหยุดการกระทำอันอุกอาจนี้ได้เลย

น้ำแข็งที่ค่อยๆ ละลายนั้นถูกลูบไล้ขึ้นมาที่อก

ซี้ดเลยว่ะ ความรู้สึกของนักแสดงหญิงคนนั้นคงเหมือนผมตอนนี้

ไม่สิ มึงต้องไม่เคลิ้มสิวะเสือ

ร่างของผมถูกผ่อนลงบนเตียงนอนกว้างอย่างง่ายดาย มันง่ายเกินไปจนผมเริ่มกลัวใจตัวเอง ครั้นจะปัดป้องก็เหมือนกับว่าถูกสายตาแพรวพราวคู่นั้นดูดพลังงานไปจนหมด

ร่างกายผมอ่อนปวกเปียกเหมือนผักที่กำลังจะถูกเก็บทิ้งจากแผงในตลาด เขาจับผมคว่ำลง ก่อนที่น้ำแข็งอีกก้อนจะถูกลากไปตามแนวกระดูกสันหลัง ความวูบวาบแล่นริ้วตั้งแต่ปลายเท้ายันก้านสมอง มือเย็นๆ วางลงบนก้นเมื่อน้ำแข็งละลายไปจนหมด เขาค่อยๆ คลำแล้วขย้ำ

ส่วนล่างของผมมี 2 ความรู้สึก ข้างหน้าร้อนวูบวาบและกำลังตื่น ส่วนข้างหลังมันวูบโหวงและวาบหวิวเกินกว่าจะบรรยายได้

“ยะ หยุ...” แอลกอฮอล์ทำให้สติสัมปชัญญะลดลง ผมไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืน ไม่มีแม้แต่แรงจะเปล่งเสียงด้วยซ้ำ

แม่ง ไม่น่าดื่มเลยว่ะ รู้ตัวตอนนี้ก็เหมือนจะสายไปเสียแล้ว

“ผิวคุณสวยกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก” เสียงแหบพร่าดังชิดที่ข้างหู ขบเม้มอย่างหมั่นเขี้ยว ขณะที่มือข้างที่เคยวางอยู่บนก้นกำลังลากขึ้นมีที่แผ่นหลัง

เขาลูบไล้ ฟ้อนเฟ้น ก่อนจะประทับจูบที่ท้ายทอยซ้ำๆ

มันก็รู้สึกดีนะ แต่มึงจะเคลิ้มไปกับคนแปลกหน้าไม่ได้นะเสือ – ถ้าผมหยุดเขาได้ก็คงดี

ผมกำผ้าปูที่นอนแน่น รู้สึกเป็นรองและหมดหนทางสู้ ไม่บ่อยครั้งหรอกที่เสือผู้ชาญฉลาดอย่างผมจะรู้สึกจนตรอก เสือนะไม่ใช่หมา แต่เขาคนนี้กลับทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นหมา หมาตัวน้อยๆ ที่ถ้าเขาจะบีบก็คงตาย และเขาก็บีบ

บีบนมกูเต็มมือเลย

ผมพยายามเปล่งเสียงร้อง แต่ลำคอที่เหือดแห้งไม่มีทางส่งเสียงอะไรออกมาได้

“ดื่มน้ำซักหน่อยมั้ย”

ร่างของผมถูกพลิกให้นอนหงาย เขาลูบไล้ต้นขาก่อนจะค่อยๆ แยกมันออกกว้างเพื่อให้ร่างกายแข็งแกร่งในชุดคลุมอาบน้ำแทรกเข้ามาง่ายๆ

ฝ่ามือแกร่งข้างหนึ่งสร้างความรัญจวนด้วยการฟอนเฟ้นที่ต้นขา นิ้วมืออีกข้างหนึ่งบดคลึงที่ริมฝีปากแล้วสอดเข้ามาลูบไล้ด้านในให้ผมอ้าเผยอเรียวปากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้าถูกประดับด้วยรอยยิ้มพึงใจ เขาแลบลิ้นเลียที่ริมฝีปากของผมให้ความรู้สึกเหมือนถูกราดน้ำมันลงบนกองไฟ

ตัวผมเปรียบเสมือนกองไฟที่ในยามนี้เปลวเพลิงกำลังลุกโชน

ไม่ใช่-- สิ่งที่ถูกราดลงมาบนตัวผมนั้นไม่ใช่น้ำมัน แต่มันเป็นน้ำผึ้งต่างหาก ผมสัมผัสได้ถึงความหวานของน้ำเชื่อมเมื่อความฉ่ำชื้นถูกส่งเข้ามาภายในโพรงปาก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันให้ความรู้สึกดีมากจนอดที่จะส่งลิ้นไปสัมผัสมันไม่ได้เลย

ความซ่านสุขโอบล้อมตัวของผม มันฉุดรั้งให้จมลึกลงไป ทั้งฝ่ามือที่กำลังฟอนเฟ้นเรือนกาย เรียวปากที่กำลังป้อนความหวานรสเลิศ ความแข็งขืนที่บดเบียดกันที่ส่วนกลางกายเมื่อร่างกายแนบชิด ทั้งหมดนั้นมันดีมากอย่างที่คงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธมัน

อื้อ...

เมื่อลำคอที่แห้งผากถูกหล่อเลี้ยงด้วยความฉ่ำชื้นเสียงที่บ่งบอกว่าผมกำลังรู้สึกดีเพียงใดก็ดังลอดจากเรียวปากที่กำลังบดเบียดกันอย่างร้อนแรง

เขาผละออกและเป็นผมเองที่โน้มลำคอแกร่งให้ลงมามอบความหวานให้กันอีกหากแต่เขาทำให้ผมผิดหวัง

“ใจเย็นเด็กดี”

เสียงกระซิบดังชิดเรียวปากชุ่มฉ่ำ แล้วใบหน้าของผมก็ถูกบังคับให้แหงนเงยขึ้นเมื่อเรียวลิ้นร้อนลากจากปลายคางลงไปที่ลำคอ

“ผมขอกินคุณทั้งตัวเลยได้ไหม” เขาว่าก่อนจะฝังเขี้ยวลงบนผิวอ่อนตรงลำคอ มันเจ็บแต่ก็แฝงไปด้วยความซ่านสยิวแบบที่ไม่เคยพบพาน

ความร้อนลามไปทั่วร่างกายเหมือนไฟลามทุ่งเมื่อปลายจมูก ริมฝีปาก เรียวลิ้นและมือทำงานประสานกันเป็นอย่างดี

เขาพรมจูบแผ่นอกผมไปทุกซอกมุม มือหนาก็บีบเคล้นฟ้อนเฟ้นราวกับต้องการประทับลายนิ้วมือเอาไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

ผมรู้ว่าหน้าอกเป็นจุดที่ไวต่อความรู้สึกแต่ไม่เคยรู้ว่ามันให้ความรู้สึกดีถึงเพียงนี้กระทั่งเขาบีบเค้นมัน ใช้ปลายนิ้วสะกิดบริเวณปลายยอดจนมันแข็งคัด เขาฉาบมันด้วยน้ำหวานจากปลายลิ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนผมแทบขาดใจ  ผมดึงทึ้งผ้าปูที่นอนใหม่เอี่ยมจนยับย่น บิดร่างไปมาด้วยความซ่านเสียวที่แล่นพล่านไปทั่วทุกรูขุมขน

เสียงน่าอายถูกเปล่งออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าและความดังของมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อปลายลิ้นร้อนลากลงมาที่แผ่นท้อง หยอกล้อกับหลุมสะดือแล้วจึงค่อยไปหยุดที่ขอบกางเกงตัวสุดท้ายบนร่างของผม

เขาเงยหน้าขึ้นมาเพื่อสบตากับดวงตาหรี่ปรือของผม ไม่นานหลังจากนั้นส่วนล่างที่กำลังร้อนรุ่มก็ถูกเปิดเผย

ผมอายมากจนต้องหลับตาลง หากยิ่งหลับตาความรู้สึกที่ได้รับจากปลายลิ้นซึ่งกำลังเล็มเลียที่ซอกขาด้านในกลับยิ่งชัดเจน

ร้อนไปหมด ซ่านเสียวจนอยากจะดึงทึ้งทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ให้ขาดวิ่น

สะโพกของผมลอยสูงขึ้นเมื่อน้ำหวานจากปลายลิ้นของเขาถูกเคลือบลงบนเสือใหญ่ที่กำลังขยับขยาย ส่วนปลายของมันปวดร้าวและสั่นระริกรับความนุ่มนิ่มที่ตวัดคล้ายกับกำลังสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ

ช่างเป็นผลงานศิลปะที่ซ่านสยิวเสียเหลือเกิน

การถูกปรนเปรอด้วยเรียวลิ้นทำให้สติที่ไม่ค่อยมีล่องลอยไปไกลแสนไกล ผมแหงนเงยใบหน้าขึ้น เสียงครวญครางที่ไม่คิดว่าจะใช่ของตนดังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อตัวตนถูกครอบครองด้วยโพรงปากฉ่ำชื้น เขาตวัดลิ้นเหมือนกำลังวาดพู่กันลงบนผืนผ้าใบ ดูดอมเหมือนกับของที่อยู่ในปากคือไอศกรีมรสเลิศ การปรนเปรอที่ไม่ผ่อนปรนทำให้ความแข็งขืนนั้นค่อยๆ พองตัว ผมกำลังจะปริแตก

อารมณ์กำลังพุ่งทะยานถ้าเขาผละออกในตอนนี้ผมต้องตายแน่ๆ ผมเลื่อนมือที่เคยวางอยู่บนไหล่ไปยังศีรษะที่ถูกปกคลุมด้วยเส้นผมสีเข้มของเขา กดเอาไว้ขณะยกสะโพกขึ้นรับความวาบหวามที่เดินมาจนถึงปลายทาง

พลุไฟนับพันดังขึ้นในหัว มันสว่างวาบชั่วครู่หนึ่งแล้วจึงดับลง

ร่างกายปวกเปียกจากความสุขสมของผมถูกคร่อมทับอีกครั้ง เมื่อหรี่ดวงตาปรือปรอยมองก็เห็นว่าเขากำลังคลายปมเสื้อคลุมแล้วรั้งมันออกเผยเรือนร่างงดงามสมชาย

ผมยกมือขึ้นดันกล้ามท้องของเขา บอกด้วยการกระทำว่า – พอแล้ว แต่เหมือนเขาจะเข้าใจเจตนาของผมผิดไปเมื่อเขาจับมือผมแล้วพาลากต่ำลงไปยังร่างกายส่วนล่างที่เปลือยเปล่า ผมชักมือออกเหมือนเจอของร้อนแต่เขาก็ส่ายหน้าแล้วอ้อนผมด้วยแววตา

เชื้อไฟที่ยังไม่มอดดับทำให้ผมกลายเป็นคนว่าง่าย ผมลองแตะมันอีกครั้งสร้างความคุ้นชินแล้วจึงจับมันไว้เต็มมือ

“อย่างนั้น เด็กดี มือคุณ...” เขาสูดหายใจเขาแล้วผ่อนออก ทุกจังหวะการรูดรั้งเรียกเสียงฮึมฮัมให้ดังลอดออกมาจากลำคอแกร่ง

ใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ซ่านสยิวของเขาทำให้ใบหน้าผมร้อนผ่าว เสือใหญ่ที่อ่อนปวกเปียกก็ปึ๋งปั๋งขึ้นมาอีกครั้ง

เขาโน้มใบหน้าลงมามอบจุมพิตให้กับผม ดูดดึงเรียวลิ้นพร้อมๆ กับมือใหญ่ที่กอบกุมและรูดรั้งให้ผมเช่นกัน

พลุไฟกำลังจะถูกจุดอีกครั้ง ขณะที่มือของผมทำหน้าที่หนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ และไฟก็ถูกดับลงทั้งที่มันกำลังจะทะยานขึ้นฟ้าเมื่อเขาหยุดทุกการสัมผัส ทั้งยังรั้งมือของผมไว้

“พอก่อน ผมอยากสัมผัสคุณมากกว่านี้”

มากกว่านี้? ยังใกล้ได้มากกว่านี้อีกอย่างนั้นหรือ

ผมมุ่นคิ้วมองเมื่อเขาส่งนิ้วชี้และนิ้วกลางมาลูบไล้บดคลึงที่ริมฝีปากก่อนจะสอดเข้ามาให้ผมใช้เรียวลิ้นตวัดเลียมันจนชุ่มฉ่ำ เขายิ้มพอใจก่อนจะมอบจุมพิตให้กับผมอีกครั้ง

ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตนก็ไม่ต่างจากแมงเม่าที่ถูกล่อด้วยดวงไฟสวยๆ กระทั่งข้างหลังที่ไม่เคยถูกแตะต้องถูกลูบวนด้วยนิ้วที่เคลือบด้วยน้ำลายของผมเอง

กลัว-- แต่อารมณ์รักที่ถูกปลุกเร้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ทำให้ผมค่อยๆ ขยับเรียวขาให้กว้างออก เพียงนิ้วเดียวที่รุกล้ำเข้ามา ร่างกายผมก็แทบจะปริแตกแล้ว มันคับแน่นจนแทบหายใจไม่ออก และเมื่อนิ้วที่สองถูกแทรกเข้าไปผมก็รู้สึกราวกับว่ารอบกายผมไร้ซึ้งอากาศหายใจ หากเขาไม่ช่วยต่อลมหายใจให้ผมคงได้ตายไปแล้วจริงๆ

แต่ใครเลยจะรู้ว่าความเจ็บปวดเมื่อตอนเริ่มต้นนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความหฤหรรษ์ได้เมื่อร่างกายยอมเปิดรับ นิ้วเรียวยาวขยับเข้าออกเนิบช้าในคราแรกและเขาก็ค่อยๆ เพิ่มความรัวเร็วขึ้นทีละระดับ

ไม่เคยรู้เลยว่าตรงนั้นก็ให้ความรู้สึกดีได้เหมือนกัน

ท่อนขาของผมบิดเกร็ง พลุไฟในหัวถูกจุดอีกครั้ง ในยามที่มันกำลังจะระเบิดเขากลับดับมันด้วยการถอนนิ้วออกแล้วขยับลุกนั่ง ขาทั้งสองข้างของผมถูกวางไว้บนหน้าขาของเขา มือหนาลูบไล้ตัวตนที่กำลังแข็งขืน เขาฉีกซองพลาสติกด้วยฟันคมแล้วจึงครอบมันลงบนส่วนที่กำลังขยับขยาย รูดรั้งไม่กี่ทีแล้วจึงขยับมาจดจ่อที่ช่องทางของผมซึ่งกำลังร้อนผ่าว

เพียงเขาดุนดันเพื่อพยายามจะเข้ามาความเจ็บปวดก็มาเยือนพร้อมกับความซ่านเสียวที่แยกไม่ออกเลยว่าความรู้สึกใดมีมากกว่า

เขาปลอบโยนผมด้วยการก้มลงวาดปลายลิ้นลงบนยอดอก รูดรั้งตัวตนของผมถี่ๆ เมื่อร่างกายกำลังจะปริแตกเขาก็สอดแทรกเข้ามาในร่างกายของผม

มันคับแน่น จุกเสียด และเจ็บราวกับจะขาดใจ

ผมกอดรัดร่างเขาแน่น ขณะที่เขาเองก็พยายามดันสะโพกเข้ามาจนสุด ริมฝีปากของผมถูกปรนเปรอด้วยลิ้นร้อนชื้น หลอกล่อให้จดจ่อกับความเร่าร้อนแสนหวาน เขายกสะโพกขึ้นถอดถอนตัวตนออกมาเพียงครึ่งแล้วกดลงมาแผ่วเบา ทำแบบนั้นซ้ำๆ จนความเจ็บร้าวถูกแทนที่ด้วยความซ่านเสียว

มือที่บีบรัดแผ่นหลังของเขาค่อยๆ คลายออกพร้อมกับจุมพิตที่หยุดลง

เขาแนบหน้าผากกับหน้าผากของผม เราสบตากัน ดวงไฟเล็กๆ ในดวงตาบอกความนัยน์ได้เป็นอย่างดีว่าเราพรักพร้อมสักแค่ไหน

เขาถอนตัวตนออกไปอีกครั้งให้ร่างของผมผวาตาม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏที่มุมปาก

เขาส่ายหน้า “ฉันอยู่ตรงนี้เด็กดี”

จบคำตัวตนอันใหญ่โตก็จมลึกลงมาอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งจนร่างกายของผมโยกไหวไปตามจังหวะอันเร่งเร้า หยาดเหงื่อของเราผสมกันเป็นหนึ่งเดียว เครื่องปรับอากาศไม่สามารถต้านท้านความร้อนรุ่มของร่างกายนี้ได้ ผมกอดรัดเขาแน่น ขีดข่วนระบายความซ่านเสียวลงบนแผ่นหลังแกร่ง ขณะที่เขาเองก็ตอกย้ำตัวตนลงมาในร่างผมด้วยจังหวะอันหนักหน่วงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เสียงร่างกายเสียดสี เสียงครวญครางที่บ่งบอกถึงความซ่านสุขดังก้องอยู่ในห้องกว้างที่เปิดไฟสว่างโร่

ยิ่งใกล้เส้นขัยมากเท่าไหร่ จังหวะการโยกไหวก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้นมากเท่านั้น

พลุไฟในหัวผมถูกจุดอีกครั้ง

“นายจำฉันไม่ได้เหรอทิกเกอร์” ไฟในกายเกือบจะมอดดับเมื่อชื่อในอดีตที่มีเพียงคนในครอบครัวและเพื่อนสมัยเด็กท่านั้นที่รู้ดังปนเสียงหอบให้ได้ยินที่ข้างหู

ใบหน้าหล่อเหลาดูดุดันเมื่อเส้นชัยอยู่ใกล้แค่เอื้อม

ผมพยายามคิดขณะที่ร่างกายกำลังจะปริแตก

เขาคือใคร คนที่กำลังโยกไหวอยู่บนร่างของผมคือใครกันแน่

“ฉัน เอิ้นไง หนูเอิ้น จำไม่ได้เหรอ”

“เอิ้น...” ผมทวนคำพร้อมกับจังหวะหนักหน่วงครั้งสุดท้ายที่เขาฝากฝังลงมา

เสียงพลุไฟดังก้องในหัว ร่างกายของผมเบาหวิวเหมือนกำลังล่องลอยแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ เขาที่เพิ่งปลดปล่อยเช่นกันทิ้งตัวซบหน้าลงกลางอกผม เสียงหัวใจอันถี่รัวของเราดังเป็นจังหวะเดียวกัน

ผ่านไปครู่ใหญ่จนหายใจได้ในจังหวะปกติผมจึงผลักเขาออกเมื่อความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว

เอิ้นอย่างนั้นเหรอ เอิ้น...

“ไอ้หมูอ้วน นายคือไอ้หมูอ้วนเหรอ” ผมตะโกนลั่นพลางภาวนาให้คำตอบคือไม่ แต่สุดท้ายคำภาวนาของผมก็ไม่เป็นผล เมื่อเขาพยักหน้าเบาๆ

“ใช่ ฉันไง ไอ้หมูอ้วนของนาย”

ถึงแม้รูปร่างจะเปลี่ยนไป แต่ผมไม่เคยลืมรอยยิ้มมันเลย

เชรดดดด~ ใครก็ได้ปลุกผมให้ตื่นจากฝันร้ายนี้ที






T B C


ชื่อเสือนะรู้ป่าว ทิกเกอร์อะไร ชื่อหน่อมแน้มแบบนั้นเราทิ้งไปตั้งแต่จบม.ต้นแล้วเว้ย
ความอยากเป็นเสือของคุณเสือเขาแหละค่ะ
แต่ไหงเสือถึงได้สิ้นท่าให้เจ้าหมูอ้วนซะล่ะคะ สิ้นลายตั้งแต่บทนำเลยเหรอ
ม่ายนะ
ครั้งแรกเลยค่ะที่เปิดเรื่องด้วยความ 18+ เริ่มกับแบบซอฟท์นะ นี่คือซอฟท์แล้ว
เพราะหลังจากนี้คุณเอิ้นจะรุกหนักขึ้น หนักขึ้น และหนักขึ้นอีก
ฝากด้วยนะคะ จะคอมเม้นท์ก็ได้ หรือถ้าสะดวกทวิตก็ติดแฮชแท็ก #เสือของเอิ้น นะ
แล้วเจอกันตอนหน้าจ้า
 :mew3:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เห็นชื่อแล้วนึกว่าเสือจะเป็นเมะ แล้วเอิ้นจะเป็นเคะเสียอีก

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เฮ้ยยยย สลับกันหรือเปล่าค่ะ ไม่ใช่เอิ้นเคะเหรอค่ะชื่อให้มากกกกกก แต่เสือนี่สิ้นลายตั้งแต่บทนำเลยเหรอค่ะเนี่ย

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ฮ่าๆๆๆๆ พออ่านแล้วสลับกับความคิดแว๊ปแรกที่เห็นชื่อเรื่องเลย ชอบๆๆๆ ลุ้นต่อๆๆๆๆ

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ทิกเกอร์ก็ทิกเกอร์สิ สงเสืออะไร นายตั้งเองทั้งนั้น 55555555555

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0



ตอนที่ 1 {คุณอัคคี}





ใครสักคนกล่าวว่า – คนที่ง่วงนอนตลอดเวลาคือคนที่กำลังอยู่สภาวะเครียด

ก็จริงว่ะ แต่ผมนี่อาการหนัก นอกจากเครียดแล้วยังเสือกมีโรคแทรกซ้อนเป็นความขี้เกียจอีก วันจันทร์ก็แบบนี้  กว่าจะงัดตัวเองออกจากเตียงได้นี่ สมาร์ทโฟนที่แปลงร่างเป็นนาฬิกาปลุกก็ปลุกซ้ำไม่ต่ำกว่า 5 รอบแล้ว คาดว่าอีกไม่นานเจ๊เจ้ามือหวยคงถือตะหลิวขึ้นมาฟาดกบาลผมแน่ๆ

ผมรีบอาบน้ำ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เจ๊ศรีสมรคุณแม่สุดสวยเจ้ามือหวยที่โด่งดังที่สุดในซอยจัดไว้ให้ เป็นเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงสแล็คที่รีดเนี้ยบจนน่ากลัวว่าอาจจะบาดขาใครสักคนที่เดินสวนกันไปมา

เวอร์ไปเนอะ

“บ้านซอยโน้นหายไปทั้งแถบแล้ว” พอเห็นหน้าลูกชายที่หล่อเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าเจ๊ก็แซะทันที เป็นแม่ที่บันเทิงเหลือกิน

ผมจับเส้นผมที่จัดทรงด้วยเจลแล้วขยิบตา ยกยิ้มมุมปาก อย่างที่คนถูกหว่านเสน่ห์ถึงกับยกตะหลิวขึ้นขู่แก้เขินเลยทีเดียว

อยู่กันมาตั้ง 20 กว่าปียังไม่คุ้นชินกับความหล่อของลูกชายอีกเหรอครับ

“ก็ว่าจะกินบ้านฝั่งนี้ด้วยเหมือนกันแต่กลัวเจ๊ไม่มีทำเลเปิดโต๊ะแทงหวย”

“กวนประสาทแต่เช้า เดี๋ยวฉันก็เทข้าวส่วนของเธอให้เจ้าแต้มซะนี่”

“เจ้าแต้มมันเลือกกินจะตาย มันคงกินอาหารฝีมือแม่หรอก”

“งั้นก็ไม่ต้องกินทั้งคนทั้งหมามั้ยล่ะ”

“โหยยย ใจร้าย T^T” ผมทำเป็นเบ้หน้าเหมือนจะร้องแล้วยื่นมือไปรับจานข้าวต้มหอมๆ มา

แม่นั่งลงตรงข้ามแล้วเริ่มบ่น ผมเองก็ชอบอธิบายไง ดังนั้นสงครามประสาทเล็กๆ ระหว่างผมกับแม่จึงเริ่มขึ้นและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่ายๆ กระทั่งลดหนังสือพิมพ์ลงระดับสายตาเมื่อมองหน้าเราทั้งคู่สลับกัน

“หยุดเลยทั้งคู่ พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ ทุกเช้าไม่เบื่อรึไง”

เรื่องผมไม่ยอมมีแฟนอย่างไรล่ะ บ่นเช้าบ่นเย็นว่าอยากอุ้มหลาน เดี๋ยวๆ บ่นมากๆ เข้าเสือคนนี้อาจจะไปทำสาวท้องให้สมใจแม่สักวัน

บ่นเจ๊ศรีจบ ดวงตาภายใต้กรอบแว่นก็มาหยุดที่ผม

“แล้วนี่เราไม่รีบเข้าออฟฟิศเรอะ สายแล้วนะ” ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็พบกับหายนะ

ฉิบหาย สายแล้วโว้ย วิ่งไม่ได้ด้วย เจ็บตูด



▼▲▼▲▼



“คุณสรัลมาสายนะคะ ลงเวลาด้วยค่ะ”

เหี้ยมั้ยล่ะชีวิต อุตส่าห์ทนเจ็บตูดซ้อนวินมายังไม่ทัน 9 โมงเลย แล้ววัฒนธรรมลงเวลาเข้างานระบบเขียนมือนี่ควรจะยกเลิกได้แล้วนะ นี่มันศตวรรษที่เท่าไหร่แล้วครับ ผมอยากสแกนนิ้ว สแกนม่านตาบ้างก็ไม่มีโอกาสเลย

บ่นได้แค่ในใจเท่านั้นแหละ เมื่อในความเป็นจริงผมทำได้เพียงก้มหน้าตวัดปากกาเขียนชื่อตัวเองก่อนจะเดินผ่านคุณพี่ประชาสัมพันธ์ที่คิดว่าคงจะลงหลักปักฐานที่นี่ไปจนเกษียณ พูดตรงๆ จากใจนะ ตอนมาสมัครงานที่นี่ผมเกือบจะไม่กรอกใบสมัครแล้ว ประชาสัมพันธ์ไม่แจ่มเลย

“พี่เสือ” พอทิ้งตูดลงบนเก้าอี้แผ่วเบา ไอ้กวินก็ไถลเก้าอี้เข้ามากระซิบกระซาบ “ขี้กั๊กนะเรา”

“กั๊กเหี้ยไร” ถามมันพร้อมกับกดเปิดคอมพิวเตอร์พีซีที่ขอให้เปลี่ยนมาแล้ว 2 ชาติแต่ก็ไม่เคยได้รับการอนุมัติ

“รู้จักกับผู้จัดการคนใหม่ไม่เคยบอกกันเลยนะ”

“ผู้จัดการคนใหม่อะนะ กูไปรู้จักเค้าเมื่อไหร่วะ”

“ไม่ต้องมาทำหน้าตาใสซื่อเลย หน้าพี่แม่งร้าย โกหกยังไงผมก็ไม่เชื่อหรอก”

“เอาอะไรมาพูด กูหล่อ กูไม่ได้ร้าย” ลองไปถามสาวๆ ชั้น 5 ได้เลย ตอนกลางวันนี่เดินสวนกันไม่ได้นะ ขอเลี้ยงกาแฟนผมตลอด ไอ้ผมก็ขี้เกรงใจไง เขาให้แล้วจะไม่รับไว้ก็กะไรอยู่

อิ่มท้องสบายกระเป๋าสุดๆ เลยล่ะ

“คุณสรัล” เสียงที่ดังมาจากชั้นบนซึ่งรู้ๆ กันอยู่ว่าเป็นห้องผู้จัดการทำให้ผมตัดจบบทสนทนาแล้วเงยหน้ามอง ผมช็อคตาตั้งทำอะไรไม่ถูกในทันทีที่สบตา คำด่ามากมายก็ผุดขึ้นมาในหัว

ไอ้เหี้ย ที่สุดของความเหี้ย โคตรพ่อโคตรแม่เหี้ย เหี้ยทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว

ไอ้หมูอ้วน ไอ้เหี้ยที่เอาหนอนมาไชตูดผม ทำให้ผมนั่งวินมาทำงานด้วยความทรมาน ไอ้เหี้ย!!

“เชิญที่ห้องผมครับ” ทำมาเป็นเสียงเข้ม เมื่อคืนนั้นยังครางเสียงพร่าอยู่ข้างหูกูอยู่เลย

พอนึกถึงเรื่องนั้น เสียงพร่าที่ว่าก็ดังแผ่วๆ ขึ้นในหู

“โชคดีนะพี่” ได้สติเมื่อไอ้กวินไหล่ให้กำลังใจ ตบจนร่างทะลุถึงชั้นใต้ดินก็ไม่ได้ช่วยให้มีกำลังใจขึ้นมาหรอก

ผมถอยหายใจด้วยหวังว่าจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง แต่ไม่เลย ถอนจนหมดลมก็ไม่ดีขึ้นหรอก

อยู่ๆ ลำคอก็แห้งผาก ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รสชาติหวานๆ ที่ได้รับในคืนนั้นยังติดที่ปลายลิ้นอยู่เลยว่ะ

ชีวิตผมแม่งบัดซบฉิบหาย นอกจากเสียตัวให้เพื่อนเก่าที่ผมโคตรจะไม่ชอบมันแล้ว ยังพบว่ามันเป็นหัวหน้าตัวเองอีก

ก๊อกๆๆ

“ขออนุญาตครับ” ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาถึงจะเกลียดขี้หน้ามันสักเท่าไหร่ผมก็มีวุฒิภาวะพอที่จะแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว

ไอ้หมูอ้วนแม่งยกยิ้มเมื่อหมุนเก้าอี้กลับมา เท่ห์ตายล่ะมึง

“นั่งสิ”

“คุณอัคคีมีอะไรก็พูดได้เลยครับ”

“นั่งก่อนสิ” ไอ้เหี้ย กูเจ็บตูดเนี่ย เข้าใจบ้างสิวะ

โกรธแหละ ไม่อยากนั่งหรอก แต่เพราะเป็นผู้น้อยไงเมื่อเขาบอกให้นั่งก็ต้องนั่ง ผมกัดฟันจนน่ากลัวว่ามันจะสึกเมื่อลากเก้าอี้ออกมาแล้วทิ้งตัวนั่งลงอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่เคยทำมา

“ยังเจ็บอยู่เหรอ”

“เรียกผม มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมวางแขนไว้บนโต๊ะ พยายามไม่ทิ้งน้ำหนักตัวลงที่ก้น มันเจ็บอ่ะ นี่ขนาดอาการทุเลาลงบ้างแล้วนะยังเจ็บอยู่เลย

“คุณสุริยะฝากให้ผมดูแลทีมคุณเป็นพิเศษ ท่านบอกว่าช่วงนี้ลูกค้าคอมเพลนเรื่องการเติมเต็มพนักงาน มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

“ก็ปกติดีนะครับ”

“มันจะปกติได้ยังไง การเติมพนักงานขายไม่เต็มไม่ใช่เรื่องปกตินะ”

“เงินเดือนมันน้อย งานก็หนัก มันก็เป็นเรื่องปกติที่น้องหน้าตาสวยๆ เค้าจะไม่สู้”

“ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมมองแบบนี้จากคนเป็น  AE (Account Executive) นะสรัล ถ้าน้องผู้หญิงหน้าตาสวยๆ เค้าไม่สู้งาน เรามีทางอื่นมั้ยล่ะ”

“ไม่ใช่ผมไม่เคยคุยกับลูกค้านะครับ เราพยายามจะลดสเป็คพนักงานขายที่ลูกค้าต้องการแต่มันก็ไม่เคยเป็นผล ในเมื่อเค้าไม่ยอมก็ต้องยอมรับกับผลที่ตามมา”

“เราต่างหากที่ได้รับผล ถ้าลูกค้าไม่ต่อสัญญาใครจะเดือดร้อน ไม่ใช่ทีมคุณเหรอ”

ก็ต้องยอมรับว่าถ้าลูกค้าไม่ต่อสัญญา ทีมผมนี่แหละที่จะเดือดร้อน แล้วจะให้ทำยังไงวะในเมื่อที่ผ่านมาเราพยายามกันมาทุกวิธีแล้วแต่ก็เหมือนเดิม งานมันหนัก คนสวยๆ ที่ไหนเขาอยากจะทำ ไปเป็นพริตตี้เงินดีกว่าอีก

“เราเป็น Outsource นะคุณสรัล เราทำงานบริการ ทั้งบริการลูกค้า รวมถึงบริการน้องพนักงานของเราด้วย คุณเคยคิดไหมว่าเราจะทำยังไงให้คน 2 กลุ่มนี้คลิกกันแล้วอยู่ด้วยกันไปนานๆ”

ทำงานที่นี่มา 5 ปี ไม่มีสักวันที่ผมไม่คิดเรื่องนนี้

“ผมให้เวลาคุณคิด ถ้าคิดได้แล้วเคาะห้องผมได้ตลอด”

พูดเหมือนจะง่ายหรอก แต่ทำจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้น

บริษัทของเราเป็น Outsource การทำงานไม่เหมือนกับจัดหางานซะทีเดียว แต่คนส่วนมากมักคิดว่าเป็นงานเดียวกัน หลักๆ เลยที่พวกเราทำคือ การสรรหาว่าจ้างพนักงานขายสินค้าให้กับแบรนด์สินค้าต่างๆ ถ้าหากพวกคุณเคยเดินห้างแล้วมีน้องๆ หน้าตาสวยใสแต่งกายดูดีสะอาดสะอ้านเข้ามาเสนอขายสินค้า นั่นแหละพนักงานในสังกัดเราเอง แต่นั่นก็เป็นเพียงงานหน้าม่านที่ดูเหมือนจะสวยหรู คนนอกมองว่าง่ายแต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย ไม่มีงานไหนง่ายหรอก อยากได้เงินก็ต้องพยายาม

เมื่อเป็นพนักงานขายก็ต้องมียอดขายที่ต้องทำ ถ้าทำได้ตามเป้าที่วางไว้ก็ได้ค่าคอมมิสชั่นที่ทางบริษัทเจ้าของแบรนด์เป็นฝ่ายเสนอให้ แล้วถ้าทำยอดไม่ได้ล่ะ ก็กินเงินเดือนเพียวๆ นั่นแหละ ถ้าจะพูดกันซื่อๆ คือ คนขยันและทำยอดได้เท่านั้นแหละที่จะอยู่ได้ หรือถ้าทำไม่ได้พนักงานคนนั้นก็ต้องเป็นคนประหยัดสุดๆ ก็อย่างที่บอก เงินเดือนมันน้อย

แล้วหน้าที่ของพวกผมล่ะ การสรรหาพนักงานที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานเท่านั้น ที่จริงแล้วเราต้องวิเคราะห์ยอดขาย คิดโปรโมชั่น สำรวจตลาด ทำเงินเดือน ทำรายงานยอดขาย ประชุม เอาเป็นว่าทำแม่งทุกอย่างที่ลูกค้าให้ทำอะครับ

เราเป็นเหมือนคนกลางระหว่างพนักงานขายกับบริษัทเจ้าของแบรนด์ ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าการเป็นคนกลางแม่งโคตรเหนื่อยอ่ะ ไม่รู้ว่าควรเอาใจฝั่งไหน

ฝั่งลูกค้าก็อยากได้พนักงานขายที่ทั้งสวยและเก่งแต่เงินเดือนแม่งแค่หยิบมือ จ่ายค่าเช้าห้อง ค่าผ่อนมือถือซื้อเครื่องสำอางค์ก็หมดแล้ว ส่วนน้องที่สวยๆ ตรงตามสเป็คหน่อยก็อยากทำงานสบาย บางทีผมแม่งก็อยากลาออกไปเป็นพนักงานขายเองซะ รำคาญฉิบหาย



▼▲▼▲▼



การประชุมเริ่มขึ้นในตอน 5 โมงเย็น หลังจากส่งรายงานฉบับสุดท้ายของวันให้ลูกค้า

ปัญหาเดิมๆ ถูกนำเข้าที่ประชุมอีกครั้ง น่าเบื่อฉิบหาย แต่ในเมื่อมันยังแก้ไม่ได้ก็ต้องหาวิธีกันต่อไป

กว่าจะประชุมเสร็จก็ตอนที่เลยเวลาเลิกงานมาเกือบ 1 ชั่วโมงแล้ว ที่จริงผมไม่อยากดึงเวลาคนในทีมหรอก แต่ก็ช่วยไม่ได้ เรื่องมันเร่งด่วนจริงๆ ก็ผู้จัดการคนใหม่เขากำชับมานี่หว่า ไอ้ผมก็ไม่อยากจะมีปัญหา

“หาอะไรกินกันมั้ยลูกพี่”

“ไม่ล่ะ” กวินทำท่าตะเบะเหมือนทหารเมื่อผมปฏิเสธ มองมันแล้วก็ให้นึกถึงตัวเองตอนเข้ามาทำงานที่นี่แรกๆ

ตอนนั้นผมเป็นนักศึกษาจบใหม่ อ่อนด้อยในทุกประสบการณ์ กระทั่งผ่านมา 5 ปี ที่นี่สอนให้ผมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจนตัวผมเองก็แทบจะไม่เชื่อเหมือนกัน

ผมเงยหน้ามองห้องผู้บริหาร แม้กระทั่งคนสั่งงานก็ยังชิ่งกลับไปก่อน ถ้าเป็นคุณสุริยะล่ะก็ เขาจะอยู่กับพวกผมจนการประชุมจบ เผลอๆ อาจจะเข้าร่วมประชุมและให้แนวทางที่บางครั้งพวกเราที่ประสบการณ์น้อยกว่าก็ไม่อาจรู้

หมอนั่น – ผมหมายถึงไอ้หมูอ้วน เขาไม่มีสักอย่างที่เหมือนผู้จัดการคนเดิม

เพราะอาการเจ็บที่ก้น ผมเลือกเดินกลับบ้าน ระยะทางราว 1 กิโลเมตรในเมืองหลวงไม่ได้ไกลจนเหนือบ่ากว่าแรง

รถยนต์ไม่คุ้นตาจอดอยู่หน้ามินิมาร์ทของเจ๊ศรีสมร ไม่แน่ใจหรอกว่าใช่รถไอ้หมูอ้วนไหม แต่เซนส์ผมโคตรแรงนะ ผมพยายามเดินเลี่ยงห้องรับแขก แต่เสียงเจ๊ศรีก็ดังแว้ดขึ้นมาให้หยุดฝีเท้าแล้วหันไปยิ้มแหย

ไอ้หมูอ้วนนั่งอยู่ในห้องนั้นจริงๆ มันยิ้มพลางยักคิ้วกวนตีนให้ผม สงสัยจะอยากได้ตีน

“เรานี่น่าตีจริงๆ มานี่ มาให้แม่ตีซะดีๆ”

อะไรวะ ผมทำหน้าแบบหมางงแล้วเดินเกาหัวเข้าไปในห้องรับแขกอย่างเลี่ยงไม่ได้ พอนั่งลงข้างๆ เจ๊ศรีก็หยิกแขนผมเสียจนต้องร้องออกมา หยิกแรงมากอะ เนื้อเขียวแล้วแน่ๆ เลย

“อะไรแม่ เสือทำไรผิดอีกอะ”

“ไม่เห็นบอกเลยว่าหนูเอิ้นทำงานที่เดียวกับเรา”

“เสือก็เพิ่งรู้วันนี้”

“โกหก” ตะคอกกันอีก ต่อหน้าคนอื่นไว้หน้าลูกชายมั่งเถอะเจ๊ศรี นี่อายุ 26 ย่าง 27 แล้วนะ ยังจะมาดุกันเป็นเด็กอยู่ได้

“เสือโกหกอะไรอะ เสือก็เพิ่งรู้วันนี้”

“หนูเอิ้นบอกว่าคืนวันศุกร์เราเมาหนัก” เออใช่ ผมเมาหนัก แต่อย่าบอกนะว่า... “ไปนอนห้องเค้ามาขนาดนั้นยังจะมาโกหกว่าเพิ่งรู้อีกเหรอ ทำไมเธอเป็นเด็กแบบนี้ฮะ”

โอ้ย!!

หยิกกันเข้าไป หยิกให้เนื้อขาดเลยมั้ยเจ๊จะได้สบายใจ

ขณะที่ผมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ไอ้คนปากสว่างกลับกำลังยิ้ม คงจะมีความสุขมากสินะที่เห็นผมโดนแม่ลงโทษอะ เสียเซลฟ์ว่ะ โกรธมาก เจ็บตูดด้วย



▼▲▼▲▼



ก๊อกๆๆ

เจ๊ศรีสมรไม่ได้มีมารยาทถึงขนาดที่ต้องเคาะห้องลูกชายก่อนเข้ามาหรอก

จำได้เลยว่าครั้งหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังดูหนังอย่างว่าและกำลังรูดๆ อยู่ๆ เจ๊ก็เปิดประตูเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ผมนี่ทั้งหดทั้งอาย นี่ยังจำหนังเรื่องนั้นได้อยู่เลย คิดแล้วก็...หน้าร้อน

“เข้าไปได้มั้ย”

เสียงไอ้หมูอ้วนว่ะ

“ไม่!”

ฮ่วย! กูบอกว่าไม่ไงแล้วเปิดประตูเข้ามาหาพระแสงอะไร ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอวะ

“กูบอกว่าไม่ให้เข้าไง”

“ก็เข้ามาแล้ว ห้องน่าอยู่เนอะ” กวาดสายตามองห้องผมกรายๆ แล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอย่างเสียมารยาท

“ห้องกูเคยน่าอยู่ กระทั่งมึงเข้ามา”

“เหรอ” นี่คนเขาด่ามั้ยล่ะ ทำหน้าสะทกสะท้านรู้สึกผิดนิดนึงมั้ยมึง หน้าด้านระดับไหนถึงกล้านั่งหน้าสลอนทั้งยังหยิบหนังสือการ์ตูนผมขึ้นมาอ่าน “แม่ให้เอายาขึ้นมาให้”

“ให้แล้วก็ลงไปสิ”

“เมื่อกี้แม่หยิกแขนข้างไหน” อย่าถามเลยถ้าจะจับแขนทั้งสองข้างของผมไว้แล้วใช้สายตาคมคายสำรวจ พอเห็นว่าเป็นแขนขวาก็ปล่อยแขนซ้ายก่อนจะดึงผมให้ขยับเข้าไปใกล้ แต่อย่าคิดว่าจะได้กินเสือง่ายๆ วันนี้สติดีเว้ย ไม่เมา

เราจ้องหน้ากัน ยื้อกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

กระทั่ง...

“โอ้ย! เชี่ยแม่ง” คำหยาบมาทั้งยวงเมื่อไอ้หมูอ้วนจิ้มที่รอยช้ำตรงท่อนแขนผมแรงๆ พอผมเผลอมันก็ดึงผมลงไปนั่งข้าง

แม่ง ขี้โกงว่ะ

“อยู่นิ่งๆ ไม่เป็นเหรอ เดี๋ยวก็ปล้ำอีกซะหรอก” ปล้ำหาพ่อมึงเหรอ ในหัวมึงตอนเจอหน้ากูนี่คิดแต่เรื่องบนเตียงเหรอวะ

ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบผู้ชายคนไหนเลย กระทั่งเจอมัน

ก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าผู้ชายก็สะดิ้งได้ ผมพยายามสะบัดแขน ถ้าเป็นสาวๆ คงมีคำพูดประมาณว่า ‘ปล่อยฉันนะตาบ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้’ แต่นี่เสือครับ แมนๆ ใช้กำลังอย่างเดียว

“ถ้าไม่อยู่นิ่งๆ เอิ้นปล้ำเสือจริงๆ นะ”

พูดเฉยๆ มันคงกลัวผมไม่เชื่อถึงได้ปล่อยแขนแล้วเปลี่ยนมาวางมือไว้ที่ก้น ห่า บีบก้นกูอีกแล้ว ชอบมากมั้ยแต่กูไม่ชอบโว้ย

“จะทาก็รีบทา จับก้นกูทำห่าไร”

“ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ”

“มึงลองให้กูจับก้นมึงดูบ้างมั้ยล่ะ”

“อยากจับเหรอ ได้นะ” ดูความกวนประสาทของมัน พอละมือจากก้นผมแล้วเชี่ยอ้วนก็คลานเข่าขึ้นไปบนเตียงแล้วส่ายก้นดุ๊กดิ๊กเชิญชวน

“มึงจะกลับมาแก้แค้นกูใช่ป่ะ”ผมตีก้นมันแรงๆ ทีหนึ่งแล้วจึงนั่งลงข้างๆ

ไอ้หมูอ้วน ไม่สิ ตอนนี้มันไม่อ้วนแล้ว เปลี่ยนมาเรียกไอ้เอิ้นก็ได้

เอิ้นพลิกตัวนั่งขัดสมาธิ ดวงตาเรียวรีจับจ้องผมคล้ายกำลังสงสัย “แก้แค้นอะไร”

“ก็เรื่องตอน ม.ต้นไง มึงโกรธกูมากใช่ป่ะ”

“เสือคิดว่าเรื่องคืนนั้น เอิ้นทำเพราะเอิ้นอยากแก้แค้นเสือเหรอ”

“เออ กูคิด และกูก็มั่นใจว่ากูคิดไม่ผิดหรอก”

“งั้นเหรอ ชักอยากจะแก้แค้นอีกแล้วสิ อยากจะแก้แค้นตลอดไปเลย” ไอ้เอิ้นยื่นหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้แล้วกระซิบเสียงแผ่วตบท้ายด้วยยิ้มยียวนที่ทำให้หน้าผมกระตุก

พ่อมึงมันไปทำอะไรมาทำไมหล่อ

“ถอยไปไกลๆ เลยห่า” ถ้าใกล้นานกว่านี้หัวใจกูอาจจะกระตุกและอีกสักพักอาจจะเป็นส้นเท้าที่จะกระตุกไปยันยอดหน้า

“พูดกันดีๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เลยรึไง เปลี่ยนไปเยอะนะเราอะ”

“มึงไม่เปลี่ยนเลยเนอะ”

“เปลี่ยนเยอะเลยแหละแต่มีอย่างนึงนะที่ไม่เคยเปลี่ยน อยากรู้ป่าว”

ยันมือสองข้างไว้ที่ฟูก โน้มใบหน้าที่ปรากฏยิ้มยียวนเข้ามาใกล้ ผมก็เอนตัวหนีสิครับจะนั่งนิ่งเป็นสากกระเบืออยู่ทำไมแต่พอผมเอนแม่งก็โน้มตัวตามลงมา นี่คือจะสิงกูใช่ป่ะ

“ถอยไปเลยห่า” ผมชกอกมันรัวๆ ประหนึ่งอกแข็งๆ นั่นเป็นกระท้อนยิ่งช้ำยิ่งหวานอะไรประมาณนั้น

“เอิ้นเจ็บนะเสือ”

ก็ทุบให้เจ็บป่ะไม่ได้ทุบให้ฟิน บรรลุวัตุถึประสงค์ผมแล้ว ไปให้ไกลส้นตีนเลยครับ“มึงจะถอยดีๆ ป่ะ”

“หอมจัง”

โว้ย! ทุบก็แล้ว ด่าก็แล้วยังไม่ขยับออกไปอีก มิหนำซ้ำยังโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกเกือบจะฝังแก้มผมแล้ว

เสือมึงจะอ่อนปวกเปียกงี้ไม่ได้นะ ตีมันดิ ถีบมันสิวะ

อย่าว่าแต่ถีบเลยตอนนี้แรงจะยกขายังไม่มีเมื่อไอ้เอิ้นแม่งวางมือลงบนหน้าขาแล้วลากสูงขึ้นมาพร้อมกับจมูกที่ลากต่ำลงไปที่สันกราม ไอ้เสือคนไม่รักดีก็เสือกแหงนเงยใบหน้าอำนวยความสะดวกให้มันอีก

“ขอแก้แค้นตอนนี้เลยได้มั้ย”

เสียงมันดึงผมขึ้นจากภวังค์ ส่วนที่เคยอ่อนแรงแม่งก็ปึ๋งปั๋งขึ้นมา อ่อนไหวอะไรขนาดนั้นวะเสือ

ผมดันใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้ ยันออกไปจนสุดแขนแบบที่ไอ้เอิ้นก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร มันยอมผละห่างออกไปแต่โดยดี เสียงหัวเราะคล้ายสะใจดังขึ้นให้ได้ยินหลังจากที่ผมยันตัวลุกขึ้นแล้วจัดเสื้อผ้า

หมดกันภาพเสือที่กูสั่งสมมา เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้เชี่ยเอิ้น เพราะมึงคนเดียว !!!

“หล่อแล้ว” ชมเฉยๆ คงคิดว่าผมจะไม่ปลื้มถึงได้ยื่นมือเรียวมาลูบเส้นผมสีเข้มที่ยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง

ผมตีมือมันดังเพี้ยะให้เจ้าตัวชักมือออกแล้วลูบป้อยๆ ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกแค่ชั่วครู่แล้วจึงยกยิ้มหวาน

ไม่ต้องมาหว่านเสน่ห์ ยังไงซะกูก็ไม่มีทางหลงมึงครับ

“เสือมีแฟนยัง”

“ถามทำไม”

“อยากรู้ ตอบหน่อยสิ”

“อยากรู้ไปทำไม หรือว่ามึงมีแผนจะแย่งแฟนกู”

“คิดว่าเอิ้นเป็นคนแบบนั้นเหรอ”

“กูไม่รู้”

“แล้วอยากรู้เรื่องของเอิ้นบ้างป่ะ”

“ไม่! กูไม่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านเหมือนมึง”

“เอิ้นเสือกเฉพาะเรื่องของคนที่เอิ้นสนใจเท่านั้นแหละ” เชรด เย็นไว้นะหัวใจ มึงจะเต้นผิดจังหวะแบบนี่ไม่ได้ ผมหายใจไม่ทันครับ

ผมกระพริบตาปริบๆ เรียกสติตัวเองแล้วค่อยเบะปากกวนตีนมัน

“ที่สนใจกูเพราะแค้นกูมากใช่มั้ย เจ้าคิดเจ้าแค้นนะมึง เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วลืมๆ ไปบ้างเหอะ”

“เอิ้นจะลืมเสือได้ยังไงกัน ลืมไม่ได้หรอกครับ”

ทำไมน้ำเสียงตอนพูดว่า ‘ครับ’ ต้องหวานหยาดเยิ้มหยดย้อยขนาดนั้น สายตามันอีกหวานจนใช้ชงกาแฟแทนน้ำตาลได้แล้ว

และที่หนักกว่าก็หน้าผมนี่แหละ จะร้อนแค่ไหน ร้อนจนชงกาแฟได้เลยมั้ยครับมึง




T B C


คนอะไรไม่กลัวเสือ คนกินเสืออย่างเอิ้นไงล่ะ
คุยกันได้ในแท้ก #เสือของเอิ้น
รออ่านคอมเม้นท์อยู่เหมือนกันนะ แลกกัน :)

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ชอบบบบบบบบบบ -.,-

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
จากเสือ กลายเป็นน้องเหมียวแล้ว

 :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เอิ้นมันลื่นอ่ะ กินเสือ อิอิ
ลุ้นต่อๆๆ

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄ || {สรัล 100%} UP.240716
«ตอบ #13 เมื่อ20-07-2016 22:45:46 »


ตอนที่ 2 {สรัล}





มีบางอย่างไม่ปกติ

“พี่เสือ น้องแม่งลาออกอีกแล้วว่ะ” อยากจะพ่นกาแฟที่สาวชั้น 5 ให้มาทิ้งจริงๆ เมื่อใบลาออกปึกใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะทำงาน

ลองเปิดดูผ่านๆ ก็พบว่าสาเหตุการลาออกส่วนใหญ่คือไปทำธุรกิจส่วนตัว

ขายครีมเหรอมึง อย่าให้กูเห็นไปยืนขายสินค้าแบรนด์อื่นจะขึ้นบัญชีดำรายตัวเลย

“แจ้งรีครูทให้หาเด็กเลย”

“แจ้งแล้วพี่ โดนด่ารัวอย่างกับปืนกล แม่งใครจะอยากให้น้องออกวะ จริงป่ะ แล้วด่าเรามันจะเกิดประโยชน์อะไร  สู้เอาเวลาไปหาน้องดีกว่าป่ะ”

“สู้เอาเวลาบ่นไปหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ดีกว่าป่ะ”

คุณอัคคีไงจะใครล่ะ พอกวินแม่งเห็นว่าใครยืนอยู่ข้างหลังก็เผ่นแนบทิ้งกูเลยนะมึง รักพี่เหลือเกินแต่รักตัวเองมากกว่างี้ป่ะ

“ถึงเวลาเอาจริงรึยัง” น้ำเสียงที่เล่นทีจริงเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นจริงจัง

“นี่ก็ไม่ได้ทำงานเล่นๆ นะ” ผมว่าแล้วยกแก้วกาแฟจรดริมฝีปาก

“คุยกันหน่อย” และก็ต้องวางลงที่เดิมเมื่อเจ้านายออกคำสั่ง

พ่อมึง กาแฟก็ยังไม่ได้กินเลยเว้ย งานเข้าแต่เช้าไปอีก

ผมเดินตามเขาขึ้นบันไดไปบนชั้นลอย เปิดประตูด้วยความรู้สึกเหมือนวัวกำลังถูกพาเข้าโรงฆ่าสัตว์ พอทิ้งตัวลงนั่งแล้วสบตากันบรรยากาศเคร่งเครียดที่ชวนอึดอัดก็ถาโถมเข้าใส่ราวกับคลื่นสึนามิ

“ประชุมเมื่อวานได้ข้อสรุปว่ายังไงบ้าง”

“กำลังจะร่างเมล์ส่งให้คุณพอดี”

“เล่าให้ฟังก่อนแล้วค่อยไปส่งเมล์ก็ได้ ว่ามาสิ”

“เบื้องต้น เราก็คงจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ระหว่างนี้ทางทีมจะลงตลาดครับ มีน้องรายงานมาว่าเอเจนซี่รายใหม่ให้ค่าแรงสูงมาก ขายว่างานสบาย อาจจะเพราะเหตุผลนั้น ผมคิดว่านะ แต่อันนี้เรายังสรุปไม่ได้ ก็เลยคิดว่าจะลงตลาดครับ”

“ไม่เลวนะ แล้วจะลงกันเมื่อไหร่”

“วันนี้ตอนบ่ายครับ คิดว่ายิ่งลงเร็วเท่าน่าจะลดผลกระทบด้านลบได้มากเท่านั้น”

“พร้อมแล้วเหรอ การออกตลาดไม่ใช่สักแต่ว่าลงไปเดินเรื่อยๆ นะ มันต้องวัตถุประสงค์ พอกลับเข้าบริษัทฯ คุณต้องมีรายงานส่งผมนะสรัล”

“ผมทำงานนี้มา 5 ปีนะครับคุณอัคคี ผมรู้ว่าต้องทำยังไง”

“ก็ดี งั้นผมไปด้วย จะได้เรียนรู้งานจากคุณ”

“คิดว่าคงจะไม่สะดวกนะครับ”

“สะดวกสิ บ่ายนี้ไปรถผม โอเค เชิญครับ” มัดมือชกกูเห็นๆ  ว่าจบก็ผายมือไล่ผมอย่างสุภาพแต่ความหมายจริงๆ ก็คือบอกว่ารีบไสหัวไปเถอะนั่นแหละ

บอกตรงๆ เลยว่าผมไม่สบอารมณ์กับทั้งคำพูดและการกระทำของเขา มัดมือชกเรื่องออกตรวจตลาดนั่นก็เรื่องนึง ส่วนอีกเรื่องคือ...ผมไม่อยากทำงานกับมัน ไม่ชอบขี้หน้าเป็นการส่วนตัว จบนะ ไม่ต้องพูดซ้ำ







ถึงจะไม่อยากให้คุณอัคคีไปด้วยแต่มีหรือที่ผู้น้อยอย่างผมจะกล้าขัดใจ ถึงกล้าเขาก็ไม่ฟังผมหรอก พอนาฬิกาดิจิตอลบอกเวลาบ่ายโมงตรงปุ๊บ ประตูห้องผู้จัดการก็ถูกเปิดออกทันที ตามมาด้วยร่างสูงในชุดสูททันสมัยที่ปรากฏตัว

เขาสะกิดไหล่ผมซึ่งกำลังจิบกาแฟร้อนที่สาวๆ ชั้น 5 คะยั้นคะยอให้รับมา กลอกตามองบนแล้วจึงมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขา พอลุกเพื่อเดินตามคุณเขาออกไปไอ้กวินแม่งก็หันมายิ้นกวนตีนให้ยกตีนให้มันทีนึง
กฎของห้างคือห้ามถ่ายรูปดังนั้นเรื่องการเก็บภาพน่ะลืมไปได้เลย และเมื่อเราออกตรวจกะทันหัน เรื่องการขออนุญาตอย่างเป็นทางการนั้นก็ลืมไปซะ

เราออกตรวจตลาดด้วยกันในฐานะอะไรก็ตามที่ไม่ใช่คนจากบริษัทที่ปรึกษาและให้คำแนะนำด้านทรัพยากรบุคคล

“น้องไม่ค่อยเชียร์ขายเลยนะ”

ปัญหาแรกที่ทั้งผมและคุณอัคคีเห็นคือเรื่องการไม่ค่อยเข้าหาลูกค้า แน่นอนว่าเมื่อไม่เชียร์ขาย ยอดขายก็ไม่เกิด ถือว่าเป็นสาเหตุต้นๆ ของการเปลี่ยนงานเลยทีเดียว

“มีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไงบ้างสรัล”

“เบื้องต้นคงต้องกลับไปดูยอดขายครับ ถึงแม้พนักงานจะไม่เชียร์ขายแต่ถ้ายอดขายยังดีอยู่ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ายอดขายไม่ดีก็คงต้องเรียกเข้าบริษัท”

“อย่างนี้ ถ้าใครได้ยืนในพื้นที่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเยอะกว่า มีลูกค้าที่มีกำลังซื้อมากกว่าก็ถือว่าได้เปรียบน่ะสิ”

ใช่ครับพี่...

“มันจะดีกว่ามั้ยถ้าเราเอาเปอร์เซ็นการเติบโตของยอดขายมาเป็นตัวตัดสินว่าใครควรจะได้รับการอบรมใหม่”

ดีครับผม...

“ผมไม่ได้บอกให้คุณทำตามนะ แค่อยากให้ลองเอาไปคิด ให้น้องในทีมช่วยคิดก็ได้ มันคงไม่แฟร์ถ้าเอายอดขายที่เป็นจำนวนมาตัดสินว่าใครทำดีหรือไม่ดี คุณคงไม่ชอบถ้าผมทำกับคุณแบบนั้น ถูกมั้ย”

เหมาะสมครับท่าน...

“แล้วนี่เหลือห้างที่ต้องไปตรวจอีกกี่ที่” ผมเหลือบมองคนข้างๆ ก่อนมองนาฬิกาที่ข้อมือ

“น่าจะได้อีกซักที่ แต่ถ้าคุณอยากกลับก่อนก็กลับได้เลยนะ”

“แพลนไว้กี่ที่”

“3”

“งั้นก็ไปที่สุดท้ายกัน” ไอ้คุณอัคคีเดินยกไหล่นำไปก่อน มองท่าทางวางมาดเป็นหนุ่มสมาร์ทของมันแล้วก็อดเบะปากหมั่นไส้ไม่ได้ ไม่ได้อิจฉาที่สาวๆ เอาแต่มองมันหรอกนะ

ว่าแต่แม่สาวน้อยนักศึกษาที่นั่งละเลียดไอศกรีมอยู่นั่นจะมองมันทำไมนักหนา มองพี่เสือนี่ครับ หล่อ เถื่อน และจน สนใจรับเลี้ยงสักตัวมั้ย

“สรัล”

“อะไร เอ่อ ครับ ว่าไงครับคุณอัคคี” ผมปรับเสียงห้าวเป็นอ่อนน้อมเมื่อนั่งลงข้างๆ เขาบนรถประจำตำแหน่งสุดหรู แอร์เย็นจนไข่สั่นทีเดียว

“ในแพลนคุณต้องไปตรวจ 3 ที่ถูกมั้ย”

ผมพยักหน้ารับ ก็บอกไปแล้วเมื่อกี้ไง ความจำสั้นเหรอวะ

“แล้วตอนที่วางแผนได้คำนวณเวลารึเปล่า ออกจากออฟฟิศบ่ายโมง ตรวจห้างที่ 2 เสร็จตอน 5 โมงเย็น การบริหารเวลาของคุณถ้าผมประเมินติดลบเลยนะสรัล”

“ปกติก็ตรวจทัน เผลอๆ ตรวจได้ 4-5 ห้างด้วยซ้ำ”

“ตรวจแบบไหนกันล่ะ แค่คุยผ่านๆ ไม่ได้สังเกตการทำงานของน้องรึเปล่า”

“ถ้าการบริหารเวลาของผมทำให้คุณเสียเวลา คุณจะกลับก่อนก็ได้นะ”

“มันไม่เกี่ยวกับว่ากลับบ้านตอนไหนสรัล คุณไม่เข้าจุดประสงค์การพูดเรื่องนี้ของผม ช่างเถอะ เอาไว้คราวหน้าผมจะสอนเรื่องนี้คุณเอง

“ถ้าไม่สะดวกใจที่จะทำงานด้วยกันก็เชิญคุณอัคคีกลับไปก่อนได้เลยครับ” ผมปลดเข็มขัดนิรภัย เอื้อมมือข้างหนึ่งไปเปิดประตูแต่ก็ถูกอีกฝ่ายคว้าไหล่ไว้ พอเหลือบมองก็พบว่าใบหน้าเคร่งขรึมเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยนแล้ว

”อย่าใจร้อนสิเสือ ถ้าผมกลับก่อนคุณจะกลับยังไง”

ผมไม่ใช่สาวน้อย ไม่ได้เป็นง่อย ไม่ต้องมาห่วงออกนอกหน้า ไม่ซึ้งครับ ไม่เลยสักนิด

“กลับได้น่า”

“กลับด้วยกันดีกว่า”

ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานแม้อยากจะขัดแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ทำ ในยามนี้ผมทำได้เพียงนั่งเฉยๆ  มองไฟท้ายรถคันข้างหน้า ท่ามกลางการจราจรอันคับคั่งในช่วงเวลาเร่งด่วน

พ่อมึง เมื่อไหร่จะถึงห้างสุดท้าย

“เสือหิวมั้ย”

“ไม่” ผมละสายตาจากสมุดโน้ตเพื่อมองหน้าเขา “หิวเหรอ”

“อือ หิวมาก” มองหน้าผมแล้วเลียปาก อยากแดกกูเหรอไง คนครับ แม้จะเป็นเสือที่ผิวขาวมากแต่เนื้อกูไม่หวานหรอก เคยเอาลิ้นแตะๆ แขนตัวเองแล้ว เค็มฉิบ

“อดทนดิ รถติดอยู่คิดไม่ได้เหรอ”

เอิ้นเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงว่า “6 โมงกว่าแล้วนี่เอง เลิกงานแล้วยังต้องไปตรวจห้างสุดท้ายอยู่มั้ย”

พอถึงเวลาเลิกงานปุ๊บ น้ำเสียง คำแทนตัว บรรยากาศ ทุกๆ อย่างระหว่างเราทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปราวหลังมือกับฝ่าเท้า

“ไปสิ เลี้ยวขวาแยกหน้าก็ถึงแล้ว”

“ขยันแบบนี้ เงินเดือนขึ้นปีละเท่าไหร่”

“เสือก”

“ก็บอกแล้วไงว่าเอิ้นเสือกเฉพาะเรื่องของคนที่เอิ้นสนใจ และตอนนี้เอิ้นก็...”

“หุบปากไปเลยมึง” ผมยกมือห้าม พลางชะเง้อคอมองหาช่องว่างเพื่อจอดรถ “ตรงนั้นมึง ข้างโตโยต้าอ่ะ แม่ง!!”

ฉิบหายเอ้ย! อีมาสด้าแดง มึงขับเลยไปแล้วป่ะ แล้วจะเสนอตูดกลับมาทำซากอ้อยอะไรครับ ลงไปด่าแม่งดีมั้ย ยึกยักอยู่ได้

ด่าในใจไม่สะใจว่ะต้องลงไปด่าให้แม่งหน้าชา ผมตั้งท่าจะเปิดประตูแต่ก็ถูกเอิ้นคว้าไหล่เอาไว้

“จะไปไหน”

“ไปด่ามันไง”

“ไม่เอาน่า เรามาทำงานนะเสือ”

“กูไม่เบิกโอทีก็ได้”

“มันไม่เกี่ยวกับโอที เอิ้นไม่อยากให้เสือมีเรื่อง”

“แต่กูอยากมี” ผมสะบัดมือมันออกจากไหล่ เปิดประตูออกมา ปลดกระดุมที่ปลายแขนเสื้อ ถลกขึ้นแล้วเดินอาดๆ ไปยังรถมาสด้าสีแดงที่ยังขับยึกยักยึกยือเหมือนกิ้งกือหารูไม่เจอ

เสือจะผงาดแล้ว โปรดจงตั้งใจดู

ผมก้มตัวลงให้ใบหน้าอยู่ระดับกระจก ยิ้มเย็นๆ อย่างที่ไอ้กวินบอกว่าน่ากลัวสาดดดด~ ยกมือขึ้นกำลังจะเคาะ ถ้าเจอหน้าอยากถามมากเลยว่ามึงซื้อใบขับขี่มาเหรอ หรือถ้าไม่ซื้อแล้วสอบผ่านมาได้จริงๆ กูก็อยากรู้ว่าไปสอบที่ไหน จะตามไปเผาแม่งให้วอด และจังหวะนั้นเองกระจกสีทึบก็ค่อยๆ เลื่อนลงจนสายตาของผมกับเจ้าของรถสบประสานกัน

เท่านั้นแหละ….



[-50%-]





ผมก้มตัวลงให้ใบหน้าอยู่ระดับกระจก ยิ้มเย็นๆ อย่างที่ไอ้กวินบอกว่าน่ากลัวสาดดดด~ ยกมือขึ้นกำลังจะเคาะ ถ้าเจอหน้าอยากถามมากเลยว่ามึงซื้อใบขับขี่มาเหรอ หรือถ้าไม่ซื้อแล้วสอบผ่านมาได้จริงๆ กูก็อยากรู้ว่าไปสอบที่ไหน จะตามไปเผาแม่งให้วอด และจังหวะนั้นเองกระจกสีทึบก็ค่อยๆ เลื่อนลงจนสายตาของผมกับเจ้าของรถสบประสานกัน

เท่านั้นแหละ คำด่าทั้งหมดทั้งปวงก็พลันแหลกสลายหายไปราวกับฝุ่นธุลี

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ” เจ้าของรถเป็นคุณตาแก่ๆ มีคุณยายที่แก่พอๆ กันนั่งเคียงข้าง

ด่าคนแก่อยู่ตั้งนานสองนาน นรกกินกบาลไอ้เสือแล้ว

“หนุ่มช่วยจอดรถให้ตาหน่อยได้ไหม”

“ได้สิครับ” ผมเดินอ้อมไปอีกฝั่ง เข้าไปนั่งแทนที่คุณตา แล้วถอยรถเข้าซองอย่างสวยงาม จังหวะที่เอี้ยวตัวมองข้างหลังนั้นเอง สายตาก็ดันปะทะเข้ากับดอกลิลลี่ช่อโตหอมฟุ้ง “โอกาสพิเศษเหรอครับ”

คุณยายพยักหน้ายิ้มๆ “ครบรอบแต่งงานจ้ะ ปีที่ 40 แล้ว”

ครองรักกันมา 40 ปี เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ อะ ถ้าสักวันผมได้มีโอกาสฉลองอะไรแบบนี้ วันนั้นผมจะรู้สึกอย่างไรบ้างนะ ต้องมีความสุขมากแน่ๆ เลยว่ะ

“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม”

ลิลลี่ดอกหนึ่งถูกดึงออกจากช่อ คุณยายยื่นมันให้ผม ผมพยักหน้าขอบคุณ ทอดสายตามองตามคู่รักวัยชราที่เดินควงแขนกันเข้าไปในห้าง อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองยิ้มแบบไหน แต่ไอ้คนข้างๆ นี่ยิ้มโคตรกวนตีน

เอิ้นก้าวเข้ามายืนข้างๆ กอดคอแล้วชะโงกหน้าเข้ามามองหน้าผมใกล้ๆ “เป็นเสือที่อ่อนโยนไม่เบานะเรา หอมอีกต่างหาก”
สายตาเจ้าเล่ห์เลื่อนลงมาจับจ้องที่ริมฝีปากผม ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้กระทั่งริมฝีปากจรดลงบนลิลลี่ในมือ ทั้งที่ไม่มีส่วนใดของร่างกายสัมผัสกันแต่ผมกลับรู้สึกร้อนวูบวาบคล้ายๆ กับคืนนั้น

พอนึกถึงคืนนั้นภาพมันก็วิ่งวนซ้ำเหมือนฉายหนังเรื่องเดิมพลันในหัวใจเต้นแรง ร่างกายไม่รักดีก็ร้อนวูบวาบขึ้นมา

สาบานว่าผมไม่ได้อยากที่จะ...

ไม่ได้ต้องการอะไรจากไอ้เอิ้นจริงๆ เชื่อเสือสิครับ





กว่าจะตรวจห้างสุดท้ายเสร็จก็ปาเข้าไป 2 ทุ่มแล้ว รวมเวลาที่ไอ้ขี้ประจบเลือกขนมไปฝากแม่แล้วถ้าอยู่ต่ออีกหน่อยคงได้ช่วยพี่รปภ.ปิดห้าง

“ซื้ออะไรอีกมั้ย”

“มึงถามตัวเองดีกว่ามั้ย” มองมันแล้วก็มองรถเข็นที่เต็มไปด้วยข้าวของมากมาย ก็ไม่รู้ว่านี่มันใช่เรื่องที่ผมต้องทำเหรอวะ

“นั่นสิ ต้องซื้ออีกอย่าง”

“อะไรอี๊ก” ผมอยากจะทิ้งรถเข็นแล้วชิ่งกลับบ้านเดี๋ยวนี้ แต่แค่คิดว่าต้องเสียเวลาไปโบกแท็กซี่ที่เปิดไฟแต่ไม่รับผู้โดยสารก็เบื่อจะเสียเวลาแล้วว่ะ รอไอ้หน้าหล่อนั่นอีก 5 นาที 10 นาทีคงไม่เป็นไร ไหนๆ มันก็ต้องแวะบ้านผมอยู่แล้ว

แวะไปประจบแม่ไง ชอบให้ผู้ใหญ่เรียกน้องเอิ้นอย่างนั้น น้องเอิ้นอย่างนี้ล่ะสิ แหวะ!

ว่าแต่ว่ามันไปยืนง่วนทำอะไรอยู่ตรงนั้น หน้าตาจริงจังมากซะด้วย

“เสือ มานี่หน่อย” ผมทิ้งรถเข็นไว้แล้วเดินอย่างเชื่องช้าประหนึ่งหอยทากเข้าไปใกล้ ตอนนี้แหละที่ได้รู้ว่าที่แม่งทำหน้าเครียดเนี่ยเพราะกำลังเลือก ‘ถุงยางอนามัย’

“มึงจะจริงจังอะไรเบอร์นั้นวะ”

“ต้องจริงจังสิ ว่าแต่เสือชอบแบบไหนอ่ะ หนา บาง แบบผิวเรียบ ไม่เรียบ กลิ่นอะไรดี หรือชอบไม่มีกลิ่น”

“แล้วมึงจะถามกูทำไม”

“เสือเคยได้ยินคำนี้ป่ะ...”

“อะไร”

“ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน”

“กูเคยได้ยินแต่รถเสียเรียกช่างมาลากเข้าอู่ อะไรของมึงเนี่ย มีอะไรก็ว่าตรงๆ จะอ้อมค้อมเพื่อ??”

“เอิ้นหมายถึง...” สายตาที่มองผมเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์เมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามากระซิบใกล้ๆ หู “ซื้ออะไรก็ต้องตามใจผู้ใช้สิ”

“อะไร”

“ก็เอิ้นจะซื้อไว้ใช้กับเสื้อ”

“พ่อมึง” ร่างสมส่วนเสียหลักเซไปข้างหลังทันทีที่ผมผลักอกมันแรงๆ เหี้ยเอิ้น! นี่มึงยังหวังจะแอ้มกูอีกเหรอ ครั้งเดียวเกินพอเว้ย ไม่มีครั้งที่สองแน่นอน ถ้ากูไม่เคลิ้มอะนะ

“ถามหาพ่ออีกแล้ว อยากเจอพ่อเอิ้นขนาดนั้นเชียว”

“กูด่ามึง”

“ไม่เอาดิ ไม่หน้างอครับ  ดีกันๆ” ขอกรรไกรหน่อย ผมจะตัดนิ้วก้อยมันทิ้ง

“มึงจะซื้อก็รีบซื้อเถอะ กูอยากกลับบ้านแล้วเนี่ย”

“ติดบ้านนะเรา เสือก็มาช่วยเอิ้นเลือกสิ จะได้รีบกลับกันไง” ถ้าไม่ช่วยเลือกก็จะไม่จบว่างั้น เพราะงั้นผมจึงหยิบกล่องที่อยู่ใกล้มือที่สุดโยนให้มัน

ไอ้เอิ้นรับแล้วยกขึ้นมาอ่าน

“One Touch Maxx Dot  ผิวไม่เรียบ แบบปุ่ม แน่ะ ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก นี่แอบจำขนาดเอิ้นได้ด้วยเหรอ XL เท่านั้นครับ”

กูแค่หยิบไปส่งๆ มั้ยล่ะ

พอถูกมันล้อผมก็รีบดึงกล่องเล็กๆ ในมือมันกลับมายัดลงที่ที่เคยอยู่แล้วหยิบกล่องที่อยู่ข้างๆ กันมาแทน คราวนี้ไม่รอให้มันพูดอะไรหรอก ชิ่งไปเข็นรถเพื่อไปจ่ายตังค์ทันทีเลย





อย่ามายุ่งกับกู

ผมมองไอ้คนตรงข้ามที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ด้วยใบหน้าอิ่มสุขแล้วท่องคำนั้นในใจซ้ำแล้วซ้ำอีก

จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้อยากเบียดกูเลย

“เสือมองหน้าเอิ้นตั้งนานแล้ว อยากกินเหรอ”

“ใครอยากกินมึง” ผมสวนทันควันและไอ้เอินก็ยิ้มขำทันที

“เอิ้นหมายถึงหมูทอดครับ แต่ถ้าอยากกินเอิ้น ก็ได้นะ ยอมให้กินทั้งตัวเลย”

“พ่อมึง”

“ถามหาพ่ออีกแล้ว อยากเจอขนาดนั้นเชียว”

“งั้นแม่มึง”

“ก็เดี๋ยวให้เจอทั้งบ้านเลย ในวันแต่งงานของเราอะ”

“ใครจะแต่งกับมึง สำหรับกูต้องสาวน้อยเท่านั้นเว้ย”

“เสือคิดว่าเอิ้นไร้ความรับผิดชอบขนาดนั้นเลยเหรอ”

“รับผิดชอบอะไร”

“ยังเจ็บก้นอยู่ป่ะ” มันถามเสียงพร่า หน้าตาโคตรโรคจิต

ก้นน่ะไม่เจ็บแล้ว แต่ใจเนี่ยโคตรเจ็บ และตอนนี้มือที่กำช้อนด้วยความโมโหจนควันแทบจะพุ่งออกหูก็เจ็บมากๆ เลยโว้ย
ไอ้เอิ้นแม่ง!!

ผมลุกขึ้น ทุบโต๊ะดังปังแล้วเขวี้ยงช้อนใส่มันก่อนจะก้าวเข้าไปหาแล้วกระชากมันจากเก้าอี้ กระหน่ำสาดหมั่นใส่หน้าหล่อๆ
ของมัน เน้นที่มุมปากให้มันพูดไม่ได้ ยิ้มไม่ได้

สะใจโว้ย!!

“เสือเป็นอะไร หัวเราะคนเดียวก็ได้เหรอ”

แม้แต่ในฝันยังโดนมันขัดอะคิดดู ผมสามารถทำอะไรมันได้บ้าง จับมันปล้ำอย่างที่มันทำกับผมเมื่อคืนนั้นดีมั้ยจะได้เจ๊ากัน

“เด็กเรียกร้องความสนใจก็แบบนี้แหละ” แม่เดินเข้ามาแล้วใส่ความกัน ปกติก็ไม่ค่อยเข้าข้างผมอยู่แล้วไง ยิ่งพอหนูเอิ้นอดีตลูกรักปรากฏตัวแบบนี้ผมนี่ได้กลิ่นหัวตัวเองตุๆ เลย

เสือหัวเน่าแล้วครับ

“เสือเปล่าซะหน่อย ไม่เคยเรียกร้องความสนใจซักครั้งเลยเหอะ”

“แม่ให้โอกาสแกพูดใหม่ นี่จำตอน ป.5 ไม่ได้ใช่มั้ย”

เชรดดดด~ ตอน ป.5 นี่เพิ่ง 11 ขวบป่ะวะ 16 ปีผ่านไปแม่ยังกล้าที่จะรื้อฟื้นอีกเหรอ

“ตอนนั้นน่ะที่หนูเอิ้นปั่นจักรยานหนีเรา แล้วเราก็ทำเป็นล้มน่ะ ไม่ได้เรียกร้องความสนใจเลยเนอะ”

“มันก็นานมาแล้วป่ะครับ เสือลืมไปหมดแล้ว จำไม่เห็นได้เลยว่ามันทิ้งจักรยานแล้ววิ่งกลับมาดูเสือ”

“จำไม่ได้เลย”

ว่าด้วยน้ำเสียงประชดประชันแล้วก็หันไปพยักหน้างุบงิบกับไอ้เอิ้น ถามจริงครับเจ๊ศรีนี่ใครเป็นลูกแท้ๆ และใครเป็นอดีตเด็กข้างบ้าน เห็นหนุ่มหล่อไม่ได้ หลงรักเขาง่ายๆ แบบนี้เลย

“อิ่มแล้ว เสือขึ้นห้องเลยนะ ไม่ลงมาแล้วด้วย”

“หนูเอิ้นขับรถกลับไหวใช่มั้ย” ไม่สนใจลูกชายแท้ๆ สักนิดเลยอะ เสือจะงอนจริงๆ แล้วนะเว้ยเฮ้ย

ผมหยุดฝีเท้าที่บันไดขั้นแรก เอี้ยวตัวมองเห็นเจ๊ศรีสมรทำหน้าเป็นห่วงเป็นใยไอ้อดีตเด็กข้างบ้านเอามากๆ แต่ก็ไม่โทษเจ๊หรอกนะ เพราะอีกคนนั่นก็อ้อนเข้าไปสิ นั่นแม่กูโว้ย

“นอนที่นี่มั้ย นอนกับเสือก็ได้”

“แม่!!!” ผมตะโกนลั่นบ้าน ค้านหัวชนฝาเลยเอ้า ยังไงซะผมก็ไม่ยอมนอนร่วมเตียงกับมันแน่ๆ ไม่มีทาง “ถามเสือซักคำมั้ย”

“ทำไมต้องถามเธอ นี่บ้านเธอเหรอ”

พูดกับลูกเสียงแข็งอย่างกับไม้หน้าสาม ฟาดทีได้ดั้งใหม่แน่นอน

“ไม่เป็นไรครับแม่ เอิ้นไหวน่า เอาไว้ถึงคอนโดเอิ้นโทรบอกแม่ดีมั้ยครับ”

“ต้องโทรนะ” เสียงหวานเชียว ได้ยินแล้วก็อดเบ้ปากมองบนกลอกตาร้อยเป็นสิบองศาไม่ได้เลยว่ะ

พอล่ำลากันเสร็จก็ไม่พ้นผมที่ต้องเดินออกมาส่งมันที่รถ อยากขัดใจเจ๊อยู่หรอก แต่กลัวว่าพรุ่งนี้จะไม่มีข้าวเช้ากินน่ะสิ นี่ถ้าตัดสินใจขึ้นห้องไปตั้งแต่แรกก็จบแล้วเนอะ

“เสือ”

“อะไร มึงนี่ก็เรียกกูจังเนอะ”

“เก็บนี่ไว้ที่ห้องด้วยดิ” มันยื่นกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มองปราดเดียวรู้เลยว่าเป็นสิ่งที่เลือกซื้อเป็นอย่างสุดท้ายในห้างสรรพสินค้า

ถุงยางอนามัยอย่างไรล่ะ

“มึงซื้อมามึงก็เก็บดิ จะมาแบ่งก็ทำไม”

“ก็เผื่อฉุกเฉิน บางทีเอิ้นอาจจะมาค้างที่ห้องเสือซักคืน”

“ใครจะให้มึงค้าง ฝันป่ะ ตื่นได้แล้ว”

“เก็บไว้น่า ถ้าไม่เก็บเราไม่ใส่นะแล้วจะหาไม่เตือน”

ไอ้เชี่ย พ่อมึง

ยัดเยียดกล่องนั่นใส่มือผมแล้วผิวปากอย่างอารมณ์ดี๊ดีขึ้นรถไปเฉย

‘ดูเร็กซ์ เฟอร์ฟอร์มา ลดการไวต่อความรู้สึกสัมผัส’

พ่อมึงสิไอ้เอิ้น!!!

อยากจะปาทิ้งหรอก แต่ก็เสียดาย เก็บเอาไว้เผื่อฉุกเฉินก็ได้

เฮ้ยๆ อย่าเข้าใจผิด ผมไม่คิดจะฉุกเฉินกับมันหรอกนะ หมายถึงสาวน้อยในสเป็กโว้ย สักวันต้องได้ใช้กับน้องนางแน่นอน





[- T B C -]



ร้ายกว่าเสือไม่ใช่ยุงหรอกค่ะ แต่เป็นหมูเอิ้นนี่แหละ
เตรียมการเผื่อฉุกเฉินซะด้วย ยอมใจเขาจริงๆ
เจอกันตอนหน้านะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์นะคะ อ่านแล้วรู้สึกมีพลังจังเลย
 :mew3:


------------------------------------------------------





เห็นพี่เสือเขาห้าวๆ แบบนี้เขาก็เป็นคนทำงานเป็นนะคะ
รู้ว่าเวลาไหนควรผงาด เวลาไหนควรเชื่อง
ก่อน 9 โมงกับหลัง 6 โมงเย็นนี่ ถ้าไม่เบิกโอทีมีฟาดฟันเอิ้นทั้งคำพูดและสายตาเชียวล่ะ
ไม่รู้ว่าน้องเอิ้นเขาจะทนพี่เสือได้สักแค่ไหน
แต่ตราบใดที่ยังชอบเสือกเรื่องของเสืออยู่ ก็หมายความว่ายังสนใจเสือนะ
ไว้เจอกันครึ่งหลัง น่าจะสัปดาห์หน้าเลยค่ะ
ทิ้งคอมเมนต์ไว้ให้เค้าอ่านบ้างน้า
คุยกันได้ในแท้ก #เสือของเอิ้น
 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2016 20:56:37 โดย PillowMellow »

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄ || {สรัล} UP.200716
«ตอบ #14 เมื่อ21-07-2016 05:50:27 »

 :mew1:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄ || {สรัล} UP.200716
«ตอบ #15 เมื่อ21-07-2016 06:27:07 »

ชอบพี่เสือมากค่ะ น่ารักมาก แต่แพ้ทางเอิ้นตลอด ติดเรื่องนี้แล้วค่ะ  พี่เสือรับผิดชอบด้วยการมาบ่อยๆ นะค๊ะ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄ || {สรัล} UP.200716
«ตอบ #16 เมื่อ21-07-2016 10:48:45 »



ติดตามค่ะ พี่เสือมาบ่อย ๆ น้า... คิดถึง ^^


ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄ || {สรัล} UP.200716
«ตอบ #17 เมื่อ21-07-2016 11:50:55 »

รอพี่เสืออยู่นะคะ


 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄ || {สรัล} UP.240716
«ตอบ #18 เมื่อ27-07-2016 07:46:30 »

โธ่ เสือแพ้ทางเอิ้นตลอดเลย

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
Re: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄ || {สรัล} UP.240716
«ตอบ #19 เมื่อ27-07-2016 08:42:33 »

 :o8: พี่เสือตามไม่ทันหมูอ้วนตลอด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄ || {สรัล} UP.240716
« ตอบ #19 เมื่อ: 27-07-2016 08:42:33 »





ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄ || {สรัล} UP.240716
«ตอบ #20 เมื่อ27-07-2016 13:04:40 »

คือ เอิ้นชอบเสือมานานแล้วใช่ไหม ไม่น่าใช่การแก้แค้นอ่ะ

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0


ตอนที่ 3 {เวลาเปลี่ยน}







“เจ้าเสือแกจะไปไหน”

“นัดพวกไอ้แชมป์ไว้ เจ๊มีไรป่าว จะฝากขายหวยเหรอ”

“ฉันไม่รบกวนแกหรอก แค่อย่าไปก่อเรื่องก็พอ”

“เสือโตแล้วนะแม่ มีการมีงานทำแล้ว ก่อเรื่องอะไร ไม่ทำหรอก”

“ตอนนี้ก็ไม่ทำหรอก แต่พอเจอหน้าพวกไอ้แชมป์แล้วรวมแก็งค์กันน่ะไม่แน่ใช่มั้ยล่ะ”

“แค่ไปเดินหล่อๆ อ่อยสาวที่ห้างเอง”

“ให้มันจริง อย่าให้รู้ว่าไปซิ่งจะโดนไม่ใช่น้อย”

“ไม่ให้รู้หรอก ไปนะครับ สวัสดี” ยกมือไหว้แม่ประหนึ่งท่านสส.เดินหาเสียง ท่าทางการไหว้ที่แม่บอกว่ายกระดับความกวนตีนของผมขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

ไม่ว่ากันครับ น้อมรับ ทั้งหล่อทั้งกวนตีน นี่แหละเสน่ห์เสือตัวนี้

แชมป์เป็นเพื่อนสมัยมัธยมครับ รู้จักกันตั้งแต่ ม.1 แต่สนิทสนมกันจริงจังตอนเข้าแก็งค์มัจจุราชหน้าหยกตอน ม.3 แก็งค์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้หมูอ้วนขาดสะบั้นลง

“เสือมากับใครคะเนี่ย”

“คุณปราง บังเอิญจัง” ขณะที่หล่อกำลังเดินเอ้อระเหยอยู่นั้นโลกก็ดันเหวี่ยงคนเคยรู้จักให้มาเจอกัน

‘ปรางทิพย์’ เคยเป็นรีครูทมือใหม่ไฟแรงที่ ‘The Agent’ บริษัทฯ เดียวกับผม เราเริ่มงานวันเดียวกัน อายุเท่ากันจึงค่อนข้างที่จะมีเรื่องให้คุยกันมากกว่าคนอื่น แต่เมื่อปี 3 ปีที่แล้วเธอก็ลาออก หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ข่าวว่าเธอไปทำงานกับบริษัทคู่แข่ง

“เรียกคุณอะไรกัน เราเคยสนิทกันมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ หาที่คุยกันหน่อยมั้ย”

“แต่ผมนัดเพื่อนไว้”

“แป๊บเดียวเอง ปรางมีเรื่องจะคุยกับเสือจริงๆ นะ”

“งั้น ร้านกาแฟตรงนั้นมั้ย” ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากนั่งร้านกาแฟในห้างหรอก แพงเกินเงินเดือนพนักงานบริษัทอย่างผมมากเหลือเกิน แต่นี่ต่อหน้าสาวไงจะแสดงความจนให้เขาเห็นได้อย่างไร

เราเลือกนั่งโต๊ะกลมแบบคู่ติดกระจกหน้าร้าน วัตถุประสงค์เพื่อจะได้มองหาไอ้ชมป์ได้ถนัด ปรางทิพย์เริ่มคุยเรื่องของเธอในระหว่างรอกาแฟ เธอเริ่มต้นบทสนทนาด้วยชีวิตการทำงานของเธอเอง ฟังๆ ดูแล้วเหมือนกำลังโม้มากกว่า

“เสือไม่คิดจะเปลี่ยนงานบ้างเหรอ”

“ไม่เคยคิด”

“พูดตรงๆ เลยนะเสือ เจ้านายปรางท่านชอบเสือมากเลยนะ บอกปรางเสมอเลยว่าอยากให้เสือมาทำงานด้วย”

“เจ้านายปรางรู้จักผมได้ไง” ผมไม่ใช่คนดังในแวดวงธุรกิจสายนี้สักหน่อย ก็แค่พนักงานเงินเดือนตัวเล็กๆ เท่านั้นเอง

“ปรางเล่าให้ฟังเองแหละ ปรางถามอะไรเสือหน่อยได้มั้ย” เธอโน้มลำตัวลงมาใช้ฝ่ามือป้องปาก ดูก็รู้ว่าคงเป็นคำถามที่น่าจะตอบยากพอสมควร แต่ผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธหรอก

“ถามได้ดิ แต่ไม่แน่ใจนะว่าจะตอบได้รึเปล่า”

“ที่นี่เค้าให้เงินเดือนเท่าไหร่ เจ้านายปรางให้ 2 เท่าเลยนะ”

“ไม่เป็นไรดีกว่า ขอบคุณปรางมาก ไว้เจอกันคราวหน้าคุยกันเรื่องอื่นดีกว่าเนอะ” ผมบอกลาเธอด้วยประโยคนั้นแล้วจึงเดินถือแก้วกาแฟออกมาสมทบกับไอ้แชมป์ที่มาถึงพอดี

“แฟนมึงเหรอไอ้เสือ แจ่มนี่หว่า ดูขาคู่นั้นดิ ขาวฉิบหาย” ไอ้แชมป์ที่หนึ่งเรื่องเสือผู้หญิงว่าด้วยน้ำเสียงหื่นกามขณะใช้สายตาโลมเลียท่อนขาปรางทิพย์

ไม่ต้องเชื่อเรื่องความแจ่มของสาวๆ ที่ได้ยินจากปากมันมากหรอก ไอ้นี่น่ะแค่เป็นผู้หญิงนมใหญ่แม่งก็บอกว่าแจ่มหมดแหละ

“เลิกสนใจเพื่อนกูเถอะ แล้วไหนของที่กูบอกให้มึงเอามา”

“ที่จริงกูเอาไปให้มึงที่บ้านก็ได้นะ ไม่เห็นต้องให้ถือมาถึงนี่เลย”

“ถ้ามึงเอาไปให้กูตั้งแต่แรก กูก็คงไม่ต้องทวงยิกๆ หรอก เอามา ลีลาเยอะนะมึง”

“ใจร้อนจังวะเสือ เออมึง กูได้ข่าวไอ้หมูอ้วนแม่งกลับมาแล้วเหรอ”

“เออ กูกลับมาแล้ว” ขณะที่ผมกำลังกลอกตาทำหน้าเซ็งที่ได้ยินชื่อที่ไม่เสนาะหู เจ้าตัวกลับปรากฏตัวขึ้นข้างกาย เซ็งหนักกว่าเดิมอีก

แม่ง! วันหยุดแท้ๆ ยังตามมาหลอกหลอนอยู่ได้

“นี่ใช่มึงเหรอ ล้อกูเล่นป่ะเนี่ย ทำไมแม่งหล่อวะ” ไอ้แชมป์ปรี่เข้าไปจับใบหน้าไอ้เอิ้นแล้วหันซ้ายทีขวาทีเพ่งอยู่นานแล้วจึงปล่อย สายตาที่มันแสดงออกบอกได้คำเดียวเลยว่า ‘อึ้งอย่างแรง’

“ถ้าไม่มีการพัฒนาก็ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์สิ แต่ว่าแชมป์นี่ไม่เปลี่ยนเลยเนอะ”

“มึง !?” ไอ้แชมป์มุ่นคิ้วหนักมาก คงต้องให้เวลามันสักพักกว่าจะคิดได้ว่าถูกไอ้เอิ้นด่า

“มึงมานี่ได้ไง แอบตามกูมาเหรอ”

“เอิ้นแวะไปบ้าน แม่บอกว่าเสือมาห้าง เอิ้นก็เลยตามมา”

“ห้างมีตั้งเยอะแยะ รู้ได้ไงว่ากูมานี่”

“นี่เอิ้นนะ” ขี้โม้

“มึงแล้วไง”

“เรื่องของคนที่เอิ้นสนใจ เอิ้นรู้หมดแหละ”

“เชี่ยเอิ้นมึงด่ากูเหรอ ร้ายขึ้นนะมึงอ่ะ แม่งเอ้ย!” ถ้าเป็นเมื่อก่อนไอ้แชมป์คงตบกะโหลกคนที่ด่ามันจนหน้าคว่ำ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนครับ

เมื่อก่อนเราอาจจะเคยเป็นแก็งค์หัวโจก เป็นกลุ่มนักเรียนที่เอาแต่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่ตอนนี้เราโตพอที่จะแยกแยะดีชั่วได้แล้ว ถ้าตอนนั้นคิดได้แบบนี้เราคงไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนจนเรื่องของเรากลายเป็นวีรกรรมที่เมื่อพูดถึงคนทั้งโรงเรียนต่างก็พากันร้องยี้

“ว่าก็ว่าเถอะ มึงไปทำอะไรมาวะ จมูกแม่งโคตรสวย หมอไหนวะแนะนำกูมั่งดิ”

“เงินที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ยังยืมกู มึงยังคิดจะอยากมีจมูกใหม่อีกเหรอ หาเงินมาคืนกูก่อนมั้ยห่าแชมป์”

“ล้อเล่นไม่ได้เหรอ – ไหนๆ ก็เจอกันเลี้ยงข้าวพวกกูซักมือสิมึง นะ กูโคตรหิว” ว่าเสียงอ้อนๆ เหมือนตอนอ่อยสาวตอนท้ายประโยคแล้วก็มัดมือชกด้วยการกอดคอแล้วลากเหยื่อรายใหม่เข้าร้านอาหารทันที

ไม่รอให้เขาตอบตกลงหรอก มันจัดการสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว เลือกกินของแพงซะด้วย

“เอิ้น มึงจำไอ้แบ็งค์ได้ป่ะ”

“หัวหน้าห้องที่แว่นหนาๆ ตัวผอมๆ ป่ะ”

“นั่นแหละ เดี๋ยวเจอมันแล้วมึงจะอึ้ง”

“ทำไมต้องอึ้ง”

“เหอะน่า เดี๋ยวมึงก็รู้” ทิ้งปริศนาไว้แล้วก็ก้มหน้าดูเมนูอาหารต่อ

“อะไรอะ” พอไอ้แชมป์ไม่ยอมบอกก็หันมาซักเอากับผม มีเหรอที่ผมจะยอมบอกปล่อยให้งงไปนั่นแหละดี

เดี๋ยวก็รู้

“เชี่ยแบ็งค์ทางนี้” เรียกกันทีคนหันมามองทั้งร้าน ก็นะ ที่นี่มันร้านผู้ดีพอมีใครมาปล่อยเหี้ยเรี่ยราดก็ต้องกลายเป็นเป้าสายตาเป็นธรรมดาแหละ

“นาฬิกาดีตลอดนะมึง นั่งๆๆ” ไอ้แชมป์ตบที่ว่างข้างมันประกอบคำพูดของผมให้ไอ้กล้ามปูนั่งลงข้างๆ

อ่านไม่ผิดหรอกครับ ไอ้แบ็งค์ที่เอิ้นเคยบอกว่าแว่นหนาตัวผอม ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นพี่กล้ามปูแล้ว นี่เขาเป็นถึงเจ้าของฟิสเนตเชียวนะ ทำเป็นเล่นไป

“เอิ้นป่ะ หน้าตาจิ้มลิ้มนะเรา”

“น้อยๆ หน่อยมึง นี่เพื่อน” ผมปัดมือใหญ่ที่ยื่นมาหวังจะสัมผัสใบหน้าคนที่ทำปากพะงาบๆ เหมือนปลาขาดน้ำ

ไงล่ะไอ้เอิ้นพูดไม่ออกเลยสิมึง

“มึงก็รู้ป่ะเสือว่ากูชอบผู้ชายผิวขาว แล้วมึงดูผิวเอิ้นดิ อย่างกับสำลี ขอกูจับหน่อย”

ได้ยินชัดใช่มั้ยว่ามันชอบผู้ชาย

หนึ่งในบรรดาเพื่อนเรา คนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดเห็นทีต้องยกให้ไอ้แบ็งค์นี่แหละ นอกจากรูปร่างแล้ว รสนิยมมันก็เปลี่ยนไปแบบที่รู้ตอนแรกก็เกือบจะรับไม่ได้เหมือนกัน แต่เพื่อนไง ถึงเพื่อนจะกล้ามปู ชอบแต่งหน้า ทาปากแดง และชอบกินเด็กผู้ชายผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้มเราก็ต้องรับให้ได้ เหตุผลเดียวเพราะมันเป็นเพื่อนเราไง

“แบ็งค์เหรอ” เหมือนจะเพิ่งตั้งสติได้ถึงได้เพิ่งถาม

“แบ็งค์เอง เปลี่ยนไปเยอะนะเรา”

“คงสู้แบ็งค์ไม่ได้”

“ใช่มั้ยล่ะ ตอนเปิดตัวแรกๆ นะ ไม่มีใครเชื่อเลย บอกว่าแบ็งค์เล่นละคร จะบ้าเหรอ ถ้าฉันเล่นละครเก่งขนาดนี้ ฉันได้ออสก้าแล้วย่ะ”

“นึกแล้วก็ขำ ไอ้เชี่ยแบ็งค์เป็นตุ๊ดยักษ์ไม่เคยบอกพวกกู และมึงคิดดูมันเลือกเปิดตัวในงานเลี้ยงรุ่น”

“กูจำได้เลย แม่งใส่ชุดเสือดาว ห่า กูนึกว่าช้างโดนเสือดาวแดก ภาพแม่งโคตรติดตา”

เรื่องราวของไอ้แบ็งค์ถูกเล่าออกมาเป็นฉากๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่เบาบ้างดังบ้างแล้วแต่จะมีใครมาสะกิดให้รู้ตัว พอเล่าเรื่องมันจบคนต่อไปที่ถูกเผาก็ไม่ใช่ใคร ไอ้แชมป์ไงคนที่ถูกเมียทิ้งให้เลี้ยงลูกเพียงลำพัง ถ้าบอกว่ามันตกอับที่สุดในกลุ่มก็ใช่แหละว่ะ แต่โชคดีที่บ้านมันอยู่ใกล้บ้านผม เจ๊ศรีก็เลยกลายเป็นคุณย่าจำเป็นไปซะอย่างนั้น

“ลูกกูน่ารักนะเอิ้น” ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโชว์รูป ‘น้องชิปปี้’ เด็กชายวัย 5 ขวบในชุดนักเรียนอนุบาล

“หน้าไม่ค่อยเหมือนมึง”

“เหมือนแม่มันไง อย่าให้กูเจอนะ จะตบให้ดั้งใหม่แม่งพังไปเลย”

“ไอ้แชมป์มันเคยขายมอเตอร์ไซค์คันโปรดเพื่อเอาเงินมาให้เมียโมดั้ง ไงล่ะ สุดท้ายก็ถูกทิ้ง” ผมหันไปกระซิบเอิ้นที่เบิกตากว้างเมื่อได้ยินว่าไอ้แชมป์จะตบเมียเก่า

มันโกรธเรื่องนี้มากเลยล่ะ เพราะพอเมียมันได้ดั้งใหม่ปุ๊บก็ทิ้งมันกับลูกไปปั๊บ ทุกวันนี้แค่ได้ยินชื่อมันก็ปรี้ดแตกแล้ว อย่าพูดถึงเรื่องนี้ให้มันได้ยินเชียว ระวังจะฟันร่วงไม่รู้ตัว

“อิ่มแล้วว่ะ เอิ้นมึงเลี้ยงหนังพวกกูหน่อยสิ”

“ไอ้แชมป์นิสัยมึง!!”

“ขอโทษว่ะ เคยตัว นี่กำลังปรับปรุงตัวอยู่ ให้เวลากูนิดนึง”

“เรื่องหนังกูขอบายนะเว้ย เพราะกูมีหนังที่จะดูแล้ว” ผมออกตัวก่อนเลย ไม่ค่อยชอบบรรยากาศในโรงหนังเท่าไหร่ คนเยอะ น่ารำคาญ

“หนังโป๊อีกแล้วล่ะสิ”

“มึง ขอโทษอย่าเรียกว่าหนังโป๊เว้ย โปรดเรียกว่าหนังอีโรติกขั้นแอดว๊านซ์”

“แอดว๊านซ์พ่อมึง” แสดงความคิดถึงพ่อผมเสร็จมือใหญ่ๆ เหมือนไม้พายเรือก็หยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา “กูต้องไปแล้ว นัดเด็กไว้ – เอิ้น ถ้าอยากออกกำลังกายมายิมเราได้นะ โทรมาคุยได้ รอนะจ้ะ”

“กูบอกมึงแล้วไงว่าอย่าริจะกินเพื่อน มึงจะไปไหนก็รีบไปเลย” เป็นผมที่ดึงเอานามบัตรมาเหน็บใส่กระเป๋าตัวเอง

“ทำอย่างกับหึงแน่ะคุณสรัล”

“หึงพ่อมึง”

“แม่หึงพ่อคนเดียวก็พอแล้ว มึงไม่ต้องช่วยแม่กูหึงหรอก พูดถึงพ่อแล้วไม่อยากจะเม้าท์”

“ไหนมึงบอกมึงจะไป เดี๋ยวเด็กแม่งก็ชิ่งหรอก” อย่าปล่อยให้ไอ้แบ็งค์เม้าท์ พอเริ่มเล่าแล้วชอบติดลม ไม่ต้องไปไหนกันพอดี

“อยากเม้าท์อ่ะมึง แต่ผู้ชายสำคัญกว่า กูไปนะคะ บายยยย~”

“แบ็งค์เป็นตุ๊ดตั้งแต่เมื่อไหร่”

ลับหลังตุ๊ดร่างยักษ์ไอ้เอิ้นก็ถามขึ้นมาแผ่วเบาคล้ายลังเล ถึงไม่ค่อยอยากจะชมแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นคนที่มีมารยาทมากทีเดียว

“กูว่าน่าจะรู้ใจตัวเองตอนเริ่มเข้ายิมว่ะ แต่ก็ความสุขของมัน ปล่อยแม่งเหอะ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่หว่า – อ่อ นี่หนังมึง ฝากบอกเจ๊ศรีด้วยว่ากูไปรับน้องชิปเย็นๆ”

ยื่นถุงพลาสติกสีดำให้ผมแล้วลุกขึ้นตั้งท่าจะชิ่ง ทิ้งกูแบบนี้ก็ได้เหรอวะ

“เสือชอบดูหนังพวกนี้เหรอ” คำถามของไอ้เอิ้นรั้งไอ้แชมป์เอาไว้ มันหันมาแสยะยิ้มแล้วจึงตอบ

“ชอบมากเลยล่ะ มึงก็ลองไปดูกับมันสิ ถ้าชอบสั่งกูได้นะ เดี๋ยวขายให้ในราคากันเอง กูไปล่ะ” โบกมือให้แล้วตั้งท่าจะก้าวออกไปอีก และครั้งนี้เป็นผมที่รั้งมันไว้ด้วยมือที่ยื่นไปคว้าชายเสื้อ

“มึงจะไปไหน”

“กูรู้ที่อยู่ใหม่อีกุ๊กแล้วนะ”

“แล้วมึงจะไปทำอะไรเค้า มึงควรปล่อยวางนะแชมป์ ทำอะไรคิดถึงลูกไว้เยอะๆ สิวะ”

“กูไม่ทำอะไรหรอก กูแค่อยากไปเห็นกับตาว่ามันมีความสุขมากมั้ยที่ทิ้งกูกับลูกไป กูจะได้เลิกหวังว่ามันจะกลับมา”
“2 ปีแล้วนะแชมป์ ถ้าเค้าจะกลับมา เค้ากลับมาตั้งนานแล้ว”

“เออน่า ยังไงกูก็จะไป มึงไม่เชื่อใจกูเหรอเสือ กูบอกว่าจะไม่ทำกูก็ไม่ทำ และถ้ากูทำกูยอมให้มึงต่อยกูเท่าที่มึงพอใจเลย”

“จำคำมึงไว้ กูต่อยมึงจริงนะ”

“เออ!”

อย่างนี้ทุกที ทั้งที่รู้ว่าเมื่อเห็นเขามีความสุขแล้วตัวเองต้องกลับมานั่งกอดลูกร้องไห้ แต่มันก็ยังพาสมองขี้เลื่อยไปจดจำภาพเหล่านั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ทุกวันนี้เห็นใครทำเรื่องโง่ๆ ผมไม่ด่าว่าควายแล้วนะ ด่าว่าไอ้แชมป์เหมาะกว่าเยอะ

พอเคลียร์บิลค่าอาหารเสร็จก็คิดจะชิ่งไอ้เจ้ามือ แต่ถามจริงเถอะนี่คนหรือปลิงเกาะติดกูจัง

“แล้วมึงไม่กลับบ้านกลับช่องเหรอ จะตามกูไปถึงไหน”

“เอิ้นบอกไปแล้วไงว่าเอิ้นมาหาเสือ ว่าแต่เสือจะไปไหนอะ”

“เสือก”

“ต้องย้ำอีกมั้ยว่าทำไมเอิ้นถึงชอบเสือกเรื่องเสือ” ไม่ต้องมาทำเป็นถามด้วยสีหน้าระรื่นเลย เดินหนีแม่ง ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นแหละ

บันไดเลื่อนพาเราลงมาที่ชั้นใต้ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของซุปเปอร์มาเก็ต ผมหยิบตะกร้าใบหนึ่งแล้วโยนหนังแผ่นในถุงพลาสติกสีดำลงไป ทำเป็นเดินเลือกของเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ

“วันนี้คนเยอะนะ ปกติวันหยุดยอดขายเป็นไงบ้าง”

“ก็ดีนะ ช่วงต้นเดือนกับปลายเดือนจะดีมาก เพราะแบบนี้ไงเราถึงไม่อนุญาตให้พนักงานหยุดงานวันสุดสัปดาห์”

“เพราะเป็นช่วงที่มีโอกาสปิดการขายได้มากที่สุดใช่มั้ย”

“อื้อ ช่วงเย็นวันธรรมดาด้วย พีคมากๆ เลยล่ะ”

“เวลาเสือเป็นคุณสรัลนี่ดูจริงจังเนอะ”

“กูก็จริงจังตลอดอะ เวลาด่ามึงกูก็จริงจังนะ”

“เอิ้นก็จริงจังกับเสือนะ” หยอดกูเข้าไป หยอดจนกูอยากเปลี่ยนชื่อจากเสือเป็นเตาขนมครกแล้วเนี่ย “แล้วของที่ให้ไปวันนั้นน่ะ ถูกใจป่ะ”

“หมายถึงถุงยางอะนะ”

“อื้อ”

“พ่อมึงสิไอ้เอิ้น ในหัวมึงนี่คิดแต่เรื่องพวกนี้รึไง”

“เสือ” อยู่ๆ น้ำเสียงขี้เล่นเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม สีหน้ามันเองก็เช่นกัน เอิ้นกำลังมองบางอย่าง ผมจึงมองตามสายตามันไป

ที่หน้าเชลฟ์ผลิตภัณฑ์ที่เราดูแล พนักงานขายของเรากำลังพูดคุยกับคนๆ หนึ่ง คนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตามันดีเชียวล่ะ

“รู้จักเหรอ” เอิ้นถาม

รู้จักดีเชียวล่ะ

‘นพชัย’ หรือที่ผมเรียกติดปากว่า ‘ไอ้เหี้ยนพ’ คำว่าเหี้ยไม่ใช่ได้มาเพราะความเกลียดชังแต่มันเหี้ยจริงๆ เหี้ยมาจากสันดาน ไอ้นี่เริ่มงานทีหลังผมประมาณ 15 วัน เราอยู่ทีมเดียวกัน แต่ด้วยความที่มันจบเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ผมไม่ได้แอนตี้คนเก่งเหล่านี้ เพื่อนผมหลายคนจบที่เดียวกับมัน เรียนเก่งกว่ามันแต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะอีโก้สูงเหมือนมัน

เพราะอีโก้และค่านิยมผิดๆ ที่มันยืดติดว่ามันอยู่เหนือคนอื่นนี่แหละ เวลาทำงานพลาดแล้วถูกตำหนิ ไอ้ห่านี่ชอบยกเรื่องความสูงส่ง.นห้วงมโนขึ้นมาข่มจนความอดทนของหัวหน้าทีมขาดสะบั้นลง ผลที่ออกมาตอนเซ็นสัญญาเป็นพนักงานประจำคือมันไม่ได้รับการบรรจุ

ความโกรธที่ร้อนรุ่มประหนึ่งกองไฟถูกสุมขึ้นในใจมันด้วยเรื่องนั้น แน่นอนว่าคนเก่งๆ ย่อมหางานได้ไม่ยาก และยิ่งมีประสบการณ์การทำงานกับบริษัทคู่แข่งด้วยแล้ว เปอร์เซ็นที่จะหาได้ทันทีมีมากเกือบ 100 หลังจากเก็บข้าวของออกจาก The Agent ได้เพียง  1 วัน ไอ้นพชัยก็ไปโผล่หน้าเลียแข้งเลียขาเจ้านายคนใหม่ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งกับเราในทันที

ดังนั้นการที่มันมาคุยกับพนักงานในสังกัดของผมย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

ผมยืนรอกระทั่งมันคุยเสร็จจึงเดินตามมันไปห่างๆ ก็แหม นานๆ เจอกันสักทีก็ต้องทักทายกันซักหน่อย

“บังเอิญเนอะ ไม่ยักรู้ว่าห้างนี้ใจดีขนาดอนุญาตให้เหี้ยเข้ามาเดินเล่นด้วย” ผมพูดขึ้นด้านหลังให้มันหมุนตัวกลับมายืนเผชิญหน้ากัน

“เหรอ ผมก็ไม่เคยรู้ว่าห้างอนุญาตให้ควายเข้ามาเดินเล็มหญ้าตากแอร์ข้างในนี้ด้วย”

“มึงจะมาดึงน้องกูไปอีกแล้วใช่มั้ย”

“อย่าใส่ร้ายผมอย่างนั้นสิครับสรัล ผมก็แค่เสนออะไรที่มันดีๆ กว่าสิ่งที่ได้รับอยู่ตอนนี้ให้น้องเท่านั้นเอง หรือว่าคุณสรัลไม่อยากเห็นน้องได้ดีครับ” คำพูดสุภาพๆ ไม่ได้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าคนพูดจะเป็นคนดีเสมอไป ไอ้นพชัยพิสูจน์ให้เห็นแล้ว

ไม่มีใครไม่อยากเห็นคนรู้จักของตนได้ดีมีความสุขหรอก นอกจากพวกขี้อิจฉา แต่ในฐานะหัวหน้างานผมก็ไม่อยากให้พนักงานในการดูแลลาออกไปเจอกับความเสี่ยงของความฝันลมๆ แล้งๆ ที่คนหน้าไหว้หลังหลอกอย่างไอ้นพชัยขายไว้ด้วยลมปาก

เพราะปัจจัยเรื่องเงินเดือนสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของการทุ่มกายและใจทำงาน ผมจึงพยายามผลักดันเรื่องการเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ ให้พนักงานในการดูแลอยู่เสมอ ขายได้บ้างไม่ได้บ้างแต่อย่างน้อยผมก็มั่นใจว่าน้องๆ ไม่ได้ลำบากถึงขั้นปากกัดตีนถีบแน่นอน

“คนอย่างมึงทำดีเป็นด้วยเหรอ นี่กูอยู่ในฝันรึไง”

“ยังหยาบคายไม่เปลี่ยนเลยนะครับ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าคุณเส้นใครกันแน่ คนห่วยๆ เรียนแย่ๆ เกรดต่ำๆ อย่างคุณถึงได้รับเลือก”

“อิจฉาเรื้อรังนะมึงอะ”

“คนอย่างผมน่ะเหรออิจฉาคุณ” มันพ่นลมออกจมูกแรงๆ แล้วทำหน้าเซ็งก่อนจะกวาดสายตาเหยียดๆ มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “คนอย่างคุณมีอะไรให้อิจฉา การศึกษาเหรอ ก็ไม่ ฐานะเหรอ แน่นอนว่าบ้านคุณไม่ได้รวยถึงขนาดที่ผมต้องรู้สึกอย่างนั้น คุณไม่มีค่าพอให้ผมอิจฉาหรอก”

“โอเค ไม่อิจฉาก็ไม่อิจฉา แต่มึงรู้ตัวมั้ยว่าเจอหน้ากันทีไรมึงพูดเรื่องที่กูใช้เส้นตลอดเลย และกูจะบอกซ้ำอีกครั้งนะ ว่าคนอย่างกูไม่ได้กว้างขวางพอที่จะมีเส้นเป็นคนใหญ่คนโต และถ้ามีจริงกูคงไม่ต้องพยายามอย่างที่มึงก็เห็นๆ หรอก และถ้ากูจะใช้เส้น กูไปเป็นครูไม่ดีกว่าเหรอ มึงก็รู้ว่าพ่อกูเป็น ผอ. ไม่ใช่ผัวอีอ้อย ผู้อำนวยการโรงเรียนน่ะ มึงรู้จักใช่ป่ะ หิวน้ำฉิบหาย ไปเอิ้น”

ผมหันไปคว้าต้นแขนคนข้างกายแล้วลากให้ออกมาจากตรงนั้น ก่อนที่ไอ้นพชัยจะทันได้พ่นคำใดออกมา

ไอ้เหี้ยนั่นจะไม่ยอมหยุดหรอกจนกว่ามันจะชนะ และผมเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้ด้วย






“เล่าได้นะ” พอเก็บของใส่ท้ายรถเสร็จแล้วเข้ามานั่งประจำตำแหน่งคนขับก็บอกคำนี้กับผม

ต้องการจะสื่ออะไร

“หมายถึงเรื่องคนเมื่อกี้ ถ้าเสืออยากเล่า”

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ก็แค่ตัวเหี้ย”

“แต่รู้สึกว่าเหี้ยตัวนี้กำลังกวนใจเสือนะ มีอะไรให้เอิ้นช่วยรึเปล่า”

“ก็บอกว่าไม่มีก็ไม่มีดิ มึงนี่ชอบซักไซ้จังวะ”

“ไม่ซักแล้วก็ได้แต่ขอไซ้ได้มั้ย”

“พ่อมึง!!!” พูดเฉยๆ ไม่ได้สิมึงต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วทำจมูกฟุตฟิตเหมือนหมากำลังดมกลิ่นอาหาร ผมดันใบหน้ามันไว้ด้วยฝ่ามือ ถ้าสถานที่เอื้ออำนวยกว่านี้ก็อยากจะยกเท้าขึ้นยันหน้ามากกว่า

และพอผมทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจมันก็หัวเราะชอบใจ

เป็นไรมากป่ะ

แม่ผมก็ด้วย...เป็นไรมากป่ะ

พอรถคันหรูของไอ้เอิ้นจอดที่หน้าบ้าน เจ๊ศรีก็เดินสะบัดสะโพกออกมายิ้มแฉ่งพลางยื่นมือมาตรงหน้าช่วยหนูเอิ้นของเธอถือของ จนผมต้องเบะปากใส่แล้วมองยังน้องชิปที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขก

ที่พื้นห้องเกลื่อนกลาดไปด้วยของเล่น

“ก๊อซซิล่าจะถล่มเมืองแล้ว” ผมนั่งลง ตั้งชุดเมืองที่ผมซื้อให้เมื่อเงินเดือนออก 2 เดือนที่แล้วขึ้น แล้วหยิบก๊อซซิล่าก๊อปเกาหลีเกรด A ที่ซื้อมาในตอนที่หนังเข้าฉายเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมา

น้องชิปยิ้มจนตาเป็นสระอิ ใครบอกว่าน้องไม่เหมือนไอ้แชมป์ ขอให้มาดูตอนยิ้ม เหมือนกว่านี้ก็แฝดแล้วครับ

“ตายซะเถอะไอ้ก๊อซซิล่าน่าเกลียด” ฝ่าเท้าเล็กๆ ของอุลตร้าแมนยันเข้าที่ลำตัวก๊อซซิล่า

เสียงคำรามจากปากผม เสียงปล่อยพลังจากริมฝีปากเล็กๆ ของน้องชิปดังผสมปนเปกันพร้อมกับเจ้าของเล่นในมือที่กำลังต่อสู้กันอย่างเมามัน

กระทั่ง...

“ขออาเอิ้นเล่นด้วยได้มั้ยครับ”

เรื่องเล่นๆ ที่จริงจังของเราหยุดลงเมื่อถูกขัดจังหวะ เด็กน้อยวางสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยไว้บนใบหน้าเปื้อนยิ้มอ่อนโยนของคนที่เพิ่งนั่งข้างกายผม

“เพื่อนอาเสือเหรอฮะ”

“เพื่อนพ่อแชมป์ฮะ” ผมยิ้มอ่อนโยนอย่างผู้ใหญ่ใจดี “ชื่อลุงเอิ้น”

“ลุงเอิ้น” น้องชิปว่าตามอย่างว่าง่าย

“เดี๋ยวนะ เรียกเสือว่าอาแล้วทำไมเรียกเอิ้นว่าลุง”

“ถ้ามีปัญหามากนักก็ไปไกลๆ เลย”

“โหดตลอดอะ แต่ก็ชอบ”

“ลุงเอิ้นชอบอาเสือเหรอฮะ” น้ำเสียงสดใสเจือความไร้เดียงสาดึงให้สายตาเราทั้งคู่หันมาสบประสานกัน

เกิดความรู้สึกแปลกบางอย่างขึ้นในอก

“ชอบมากๆ เลยฮะ” ไอ้เอิ้นก้มลงตอบใกล้ๆ แล้วยิ้มอ่อนโยนแบบที่น้องชิปเองก็ยิ้มตาม

“น้องชิปก็ชอบอาเสือฮะ อาเสือชอบซื้อของเล่นให้น้องชิปแล้วก็ชอบเล่นกับน้องชิปตอนพ่อไม่อยู่ ชิปชอบอาเสือมากๆ เลย”

“ลุงเอิ้นก็ชอบอาเสือมากๆ เลยครับ” บทสนทนาระหว่างทั้งคู่ดำเนินไปแต่สายตาหวานเชื่อมกลับกำลังจับจ้องที่ใบหน้าผม

คิดว่าเสืออย่างผมจะหวั่นไหวกับอะไรแบบนี้เหรอ บอกเลยว่า...นิดหน่อย

ก็แอบเขินนิดหน่อยเหมือนตอนถูกสาวๆ อ่อยจนต้องทำทีเสมองไปทางอื่น

ผมปลีกตัวออกมาในตอนที่ก๊อซซิล่าพ่ายแพ้ให้กับอุลตร้าแมน 2 ตัวที่รวมพลังกันได้อย่างน่าเกรงขาม

เรื่องไอ้นพชัยยังคงติดค้างอยู่ในหัวจนต้องหาอะไรที่มันบันเทิงๆ ดู

ความบันเทิงในแบบของเสือถูกล้วงออกมาจากถุงสีดำเมื่อผมทิ้งตัวลงบนพื้นปลายเตียงในห้องตนเอง มันเป็นหนังที่ไอ้แชมป์ก๊อปขายออนไลน์ กำไรดีทีเดียว มันบอกว่าอย่างนั้นแต่ผมไม่เชื่อหรอก ถ้ากำไรดีจริงมันต้องใช้หนี้ผมแล้วสิ

จอทีวีสว่างขึ้น น้องเมอิออกมายิ้มทักทายด้วยใบหน้าสวยหวานที่เห็นแล้วแทบละลาย กล้องแพลนลงไปที่เสื้อผ้าของเธอ ให้ตายไม่อยากละลายแล้วอยากหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกับเธอมากกว่า

เธอหันมามองผม หมายถึงมองกล้อง กระดิกนิ้วเรียวเรียกอย่างเย้ายวน ผมนี่แทบจะคลานเข้าไปเลียจอ

ภาพบนหน้าจอฉายไปเรื่อยๆ จังหวะการเต้นของหัวใจผมเริ่มเปลี่ยนแปลง

ผ่าง!!!

อยู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออกอย่างไร้มารยาท และไอ้คนไร้มารยาทก็ไม่ใช่ใคร ไอ้เอิ้นไง จะใครล่ะ

มันปรี่เข้ามานั่งลงข้างผม

“เสือขี้โกง”

อะไรของมัน แต่ก็ช่างสิ ผมไม่คิดจะต่อบทสนทนาจึงหันไปจ้องหน้าจอทำราวกับมันไม่มีตัวตน

“แชมป์บอกให้เราดูด้วยกัน”

“มึงเป็นคนว่าง่ายขนาดนั้นเชียว กูไม่ให้ดู มึงออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้เลย”

“ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่อยากให้เอิ้นดูด้วย”

มึงอย่ามาทำเป็นโลกสวย คิดดูนะ ใครจะอยากดูหนังโป๊กับคนที่จ้องจะฟาดตัวเองอยู่ตลอดเวลาวะ

“กลัวเอิ้นใช่มั้ย” กระเถิบเข้ามากระซิบเสียงกระเส่าที่ข้างหูอีก คิดว่าผมรูสึกยังไง แอบสยิวสิครับ

ในจอกำลังจะแก้ผ้า ส่วนไอ้คนข้างๆ ก็กำลังคิดจะเปลื้องผ้าผม สังเกตจากมือที่วางแหมะลงบนหน้าขาผม

มือไม้ไอ้เอิ้นโคตรจะซุกซน ในห้องผมควรมีมีด จะตัดมือแม่งให้ขาด





[- T B C -]




คุณเสือด่าคุณเอิ้นว่าเสือกไปกี่ครั้งแล้ว
ต้องให้ย้ำมั้ยว่าทำไมเอิ้นถึงชอบเสือกเรื่องของเสือ
เจอแบบนี้เข้าไป เสือก็เสือเถอะ แอบอ่อนเหมือนกัน
5555
สุดท้ายของตอนนี้ ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเมนต์นะคะ
เราอ่านทุกคอมเมนต์เลยล่ะ อ่านแล้วมีกำลังใจ ว่างๆ แวะไปทักทายกันที่ #เสือของเอิ้น ได้นะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ
แจ๊ส
 :bye2:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ปูเสื่อรอค่าาาาา

ออฟไลน์ Fahkram

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :-[

ชอบแบบนี้ครับ ซึนๆใส่กันไปมาฮ่าๆ

ออฟไลน์ iAlexiajang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ลื่นกว่าลุงเอิ้นนี่ก็ปลาไหลแล้วครัชชชชชช
;D  :pig4:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เอิ้นอ่อยไปเสือด่ากลับ
ดี๋ยวก็ได้กันอีกนะอาเสือ

 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เอิ้นแม่งรุกเสือซะไปแทบไม่เป็นแล้วนะนั้น

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
รุกแบบบุกทีเดียวถึงหลังบ้านเลย

เสือจะไปไหนรอด ฮ่าฮ่าฮ่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด