- ดื่มครั้งที่ 17 -
"อินธิพัฒน์ครับ Would you love me?"
คำถามเพียงประโยคเดียวทำให้ผมตกอยู่ในภวังค์ หัวสมองตื้อไปหมด อาจจะเพราะทั้งตกใจ ดีใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ หัวใจเต้นดังโครมครามจนเหมือนมีแผ่นดินไหวรุนแรงเกิดขึ้นทั้งๆที่ผมยังทรงตัวได้ดีบนพื้นตัวหนอน ดวงตาคมจับจ้องมาที่ผมด้วยความจริงจัง ผมควรจะตอบพี่จีบว่ายังไงดี ไม่เคยโดนขอความรักแบบตรงๆมาก่อนเลย ครั้งนี้ครั้งแรกกับคนแรกที่ดันตกหลุมชอบเขา
"เอ่อ คือ..."
ผมเอ่ยตะกุกตะกักก้มลงมองมือตัวเองที่โดนมือใหญ่ประสานเอาไว้ ขอให้รักเหรอ..ผมยังไม่มั่นใจเลยว่ารักพี่จีบหรือเปล่า แต่ถ้าถามว่าชอบไหม ตอบได้แบบไม่ต้องอ้อมค้อมเลยว่าชอบไปแล้ว
"ถ้าไม่พร้อมตอบก็ไม่เป็นไร กูรอได้"
พี่จีบยกยิ้มบางส่งให้กัน แววตามีแววความผิดหวังแต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวก่อนจะกลับมาคาดเดาไม่ได้ มีที่เคยประสานเอาไว้คลายออก แต่ผมกลัวว่าถ้าพี่จีบปล่อยมือไปแล้วเราจะไม่มีโอกาสได้จับมือกันแบบนี้อีก ผมเลยตัดสินใจจับมือเขาเอาไว้แน่นก่อนจะทำใจแข็งมองตาคู่สวยนั่นไปแบบตรงๆ
"ผมชอบพี่แล้วนะ รอผมได้ไหมครับ รอคำว่ารักจากผม"
ผมมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนแบบปิดไม่มิด ผมยอมรับว่าผมเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่อยากให้เขาเลิกรอ ไม่อยากให้เขามองคนอื่นนอกจากผม เพราะผมชอบเขาไปแล้ว แค่รอเวลาให้ผมมั่นใจว่าผมรักคนๆนี้จริงๆ.. ผมไม่อยากคบกับใครเพราะเพียงแค่คำว่าชอบเท่านั้น อยากให้คบกันด้วยความรัก
"แค่ชอบก็ดีแล้วว่ะ จะให้รอเป็นปีก็รอได้ กูเก่ง"
พี่จีบพูดจบก็คลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิมให้กัน ผมคลายมือที่จับมือที่จีบไว้ก่อนจะโถมตัวเข้าไปกอด ใบหน้าที่ร้อนวูบวาบซุกลงบนไหล่กว้าง อยู่ๆก็รู้สึกเขินกับสิ่งที่พี่จีบพูดออกมาซะอย่างนั้น คนบ้าอะไรวะทำตัวน่ารักขนาดนี้ เพียงแค่นี้หัวใจก็ทำงานหนักจะแย่แล้ว
"ตกใจหมดเลยมึง"
พี่จีบว่าก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆแล้วโอบกอดผมเอาไว้เงียบๆ เราไม่ได้พูดอะไรกันอีกหลังจากนั้น บทสนทนาของเราเริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อมาถึงลานจอดรถของคณะผม.. ดึกมากแล้ว ไอ้ออยกับไอ้ภีมก็กลับไปแล้วด้วย
"กลับกับกูเถอะ ไม่อยากให้มึงขี่รถดึกๆดื่นๆแบบนี้ มันอันตราย"
"แล้วจะให้ผมทิ้งรถไว้ตรงนี้เหรอ"
ผมถามแล้วเลิกคิ้วขึ้นสูง.. ตอนนี้มันเหลือแค่รถผมคันเดียวที่จอดอยู่ ดูสถานการณ์แล้วไม่ว่ายังไงก็ไม่สมควรทิ้งมันไว้ตรงนี้จริงๆนะ พี่จีบเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วล้วงของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มันคือกุญแจรถ BMW ลูกรักของเขานั่นเอง
"มึงขับรถเป็นป่ะ"
"เป็นครับ ทำไมเหรอ"
ผมเอียงคอมองด้วยความสงสัยก่อนที่กุญแจรถหรูจะโดนยัดใส่มือกันง่ายๆ ผมอ้าปากหวองงกับการกระทำของร่างสูงตรงหน้า หมายความว่ายังไงกันล่ะนี่
"เอากุญแจมึงมา"
มือใหญ่แบมาตรงหน้าแถมกระดิกนิ้วเร่งยิกๆ ไอ้ผมก็ยังเอ๋อแดกอยู่ไง ไม่เข้าใจว่าพี่เขาต้องการอะไรกันแน่
"ไม่ๆ เดี๋ยวดิ คืออะไรเนี่ย ผมงงไปหมดแล้ว"
ผมกำกุญแจรถพี่จีบแน่นก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูงเพราะความสงสัยมันล้นออกมา พี่จีบพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะจิ๊ปากเหมือนกำลังถูกขัดใจอะไรเทือกนั่น
"มึงขับรถกู เดี๋ยวกูขี่รถมึงกลับเอง"
ดวงตาคมจ้องมองมาไม่มีแววล้อเล่น ผมที่ยังเอ๋ออยู่โดนประโยคนี้เข้าไปยิ่งเอ๋อหนักเป็นสองเท่า ให้ผมขับลูกรักของพี่เนี่ยนะ ถ้าเกิดไปชนเข้าล่ะ ผมไม่เป็นหนี้พี่ไปจนตายเลยหรือยังไง
"ไม่เอา ผมขี่กลับเองได้ ไม่มีอะไรหรอกน่า ผมก็เป็นผู้ชายนะเว้ย"
ผมว่าก่อนจะยืดอกแสดงความแมนออกมา ถึงจะผอมไม่ค่อยมีกล้ามเนื้ออย่างพี่เขาก็เถอะ แต่ผมก็เป็นผู้ชายที่สูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรเลยนะ ไม่ได้ตัวเล็กผอมบางสักหน่อย
"จะเป็นอะไรกูก็ไม่สน รู้แค่ว่ากูเป็นห่วงมึง เข้าใจ๊?"
พี่จีบว่าก่อนจะยกมือขึ้นมาดีดหน้าผากกัน ผมหลับตาปี๋ก่อนจะร้องโอ้ยออกมาเบาๆ ทำไมต้องลงไม้ลงมือด้วยว่ะเนี่ย แต่คำพูดของพี่จีบชวนให้ใจเต้นอีกแล้ว จะหยอดให้เปลี่ยนจากชอบกลายเป็นรักภายในเที่ยงคืนวันนี้เลยหรืออย่างไรกัน ผมไม่ใช่ซินเดอเรลล่านะเว้ย ถึงพี่จะเป็นเจ้าชายก็เถอะนะ
"แต่.. ผมก็เป็นห่วงพี่เหมือนกันนะ!"
ผมตะโกนออกไปไม่ดังนักแล้วหลบสายตาที่จ้องมาแบบตื่นๆ พี่จีบคงตกใจที่ผมแสดงอาการเป็นห่วงเขาออกมาไม่แพ้กัน ใครจะอยากให้คนที่ตัวเองชอบไปเสี่ยงอันตรายแทนกันเล่า เป็นตายยังไงผมก็ไม่ยอมให้พี่จีบขี่รถกลับแน่ๆ แต่..ถ้าคิดในมุมมองพี่จีบ เขาก็คงคิดเหมือนผมเช่นกัน
"เป็นห่วงกูจริงๆเหรอ"
น้ำเสียงทุ้มถามขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มอย่างที่เขาชอบทำบ่อยๆและผมก็ยอมรับทุกครั้งว่ามันดูเท่ปนเจ้าเล่ห์ชอบกล ผมเบนสายตามองไปทางอื่น กุญแจรถหรูในมือคงกำลังชื้นไปด้วยเหงื่อแน่ๆ ลมออกจะพัดเย็นสบายแต่ร่างกายของผมกลับร้อนวูบวาบราวกับคนจะเป็นไข้
"ไม่พูดแล้ว ทิ้งรถไว้นี่ก็ได้ครับแล้วเรากลับด้วยกันนะ เดี๋ยวผมเดินไปบอกพี่ยามที่ตึกไว้ก็ได้"
สุดท้ายผมก็ยอมจำนนต่อตัวเอง ทั้งๆที่รู้ว่าฝากรถไว้กับพี่ยามได้แต่ผมเลือกอยากจะเอามันกลับเอง เพราะคิดว่ามันคงไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรงเกิดขึ้นหรอก ก็แค่ขี่รถกลับหอเอง แต่ก็ไม่อยากให้พี่จีบเขาเป็นห่วงนี่
"ไม่ห่วงรถแล้วหรือไง"
ทั้งๆที่ผมไม่ได้พูดออกไปว่าเป็นห่วงรถสักคำ แต่พี่จีบเขาก็จีบสังเกตได้ ผมส่งยิ้มแหยๆให้ไป ก็คนมันเป็นห่วงพี่จีบมากกว่านี่นา ถ้ารถหายก็ถือว่าฟาดเคราะห์แล้วกันวะ โดนพ่อกับแม่สวดสักอาทิตย์นึงคงพอไหวอยู่
"เอาน่าๆ ผมไปคุยกับพี่ยามแป็ปนึงนะครับ"
ผมว่าก่อนจะรีบเดินไปหาพี่ยามที่ยืนยิ้มแฉ่งให้ผมอยู่ พวกเราคุยกันอยู่สักพักก่อนจะจะกล่าวขอบคุณพี่ยามผู้ใจดีที่สัญญาว่าจะดูแลรถผมเยี่ยงไข่ทองคำ.. บางทีพี่ยามก็โอเวอร์ไปว่ะ
ผมกลับมาหาคนที่ยืนรออยู่ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ พี่จีบสาวเท้าเข้ามาหากันก่อนจะถือวิสาสะจับมือผมเอาไว้
"ดึกแล้ว เดี๋ยวหลง"
พี่เขาว่าก่อนจะออกแรงกระตุกมือให้ออกเดินไปพร้อมๆกัน ในใจอยากตะโกนกรีดร้องออกไปว่านี่มันมหา'ลัยนะไม่ใช่ป่าดงดิบที่จะเดินหลงน่ะ.. แล้วไอ้การไปเอารถที่ตึกกลางก็ไม่ได้เดินไกลสักเท่าไหร่ด้วย แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธมืออุ่นๆนั่นหรอกนะ และผมคงเริ่มชินกับความเนียนของพี่จีบไปแล้วล่ะมั้ง ไอ้ที่ว่าหลงเนี่ย.. กลัวผมจะหลงพี่จีบจนถอนตัวไม่ขึ้นมากกว่า
ผมมาถึงหอพักในเวลาเกือบๆจะเที่ยงคืนและไอ้ความที่ผมเป็นห่วงพี่จีบไม่อยากให้ขับรถกลับบ้านเท่าไหร่ก็ผุดขึ้นมาจนทำให้ผมลากพี่จีบขึ้นมาบนห้องด้วย ไม่ได้ใจง่ายชวนผู้ชายขึ้นห้องนะเว้ย อย่าเข้าใจผิด แค่เป็นห่วงไม่อยากให้ขับรถ โอเคนะ!
"ห้องหรือรังหนูวะ"
พี่จีบนั่งลงบนเตียงก่อนจะมองไปรอบๆห้องด้วยใบหน้าขำๆ ผมถลึงตาใส่ก่อนจะรีบเก็บเศษกระดาษที่หล่นเกลื่อนกลาดตามพื้นลงถังขยะใบน้อยที่ดูยังไงก็ไม่สามารถยัดความซกมกของผมลงไปได้หมด คือ..ก่อนหน้านี้อาจารย์สั่งงาน CG Painting แล้วผมร่างรูปออกมาไม่ถูกใจสักที เลยขยำกระดาษทิ้งใบแล้วใบเล่าจนรกอย่างปัจจุบันนี่ล่ะ.. ให้วาดอะไรไม่วาด ให้วาดการ์ตูนแนวแฟนตาซี ตอนลงสีคงตายอย่างเขียดกับเอฟเฟ็คตะการตาเป็นแน่ ก่อนจะสั่งงานแบบนี้ควรทดสอบการลงสีของนักศึกษาก่อนนะครับนะ
"โหย ก็ทำงานอ่ะ ไม่ว่างเก็บ"
ผมบอกก่อนจะมุ่ยหน้าใส่คนที่นั่งกระดิกเท้าสบายใจเฉิบ ก้มเก็บขยะของตัวเองไปเรื่อยๆ ปากก็บ่นงุ้งงิ้งๆไม่เป็นภาษา จนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆมาจากพี่จีบ
"บ่นๆ ทำรกเองแล้วมาบ่นนะมึง"
พี่จีบยกมือขึ้นผลักหัวกันเล็กน้อยขณะที่ผมเดินไปเก็บขยะใกล้ๆ ผมถลึงตาใส่ก่อนจะปาก้อนกระดาษในมือใส่ แต่มันรับได้อ่ะ ท่าเท่ซะด้วยสิ หมั่นไส้โว้ย อุตส่าห์ให้มานอนด้วยทั้งๆที่ไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง พี่ก็ควรจะทำตัวดีๆดิวะ
"พาลนะมึง"
พี่จีบพูดก่อนจะรวบตัวผมกอดไว้แล้วดึงลงผมลงนั่งตัก นี่ก็ขยันแต๊ะอั๋งกันจังเนอะคนเรา กว่าจะได้เป็นแฟนกันตัวคงพรุนหมดแล้วมั้ง ฮึ่ย ผมดิ้นขลุกขลักไปมาเพราะรู้สึกตัวร้อนจะระเบิด แต่ไอ้พี่จีบก็เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แล้วกดปลายคางลงกับไหล่ผม
"ปล่อยดิพี่ ทำไมชอบแต๊ะอั๋งแบบนี้วะ"
ผมหยุดดิ้นเพราะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย อะไรๆของพี่จีบจะแข็งแกร่งขึ้นมาซะก่อน.. เสียงหัวเราะเบาๆนั่นทำให้ผมรู้เลยว่าเจ้าตัวกำลังสนุกและมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้แกล้งกันแบบนี้
"หากำไรกับคนที่ตัวเองชอบ มันจะแปลกอะไรวะ"
"กำไรของพี่คนเดียวอ่ะดิ"
ผมว่าก่อนจะเบะปากลง ผมไม่เห็นจะได้กำไรอะไรเลยวะ.. ขาดทุนเห็นๆ ขาดทุนจนจะล้มละลายอยู่แล้วเนี่ย
"มึงอยากได้กำไรจากกูบ้างหรือไง?"
เสียงทะเล้นถามกลับมาทำให้ผมหน้าร้อนวูบ หากำไรจากร่างกายพี่จีบเนี่ยนะ ให้ตายเถอะครับพี่น้อง ไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น
"ไม่เว้ย ปล่อยเลย จะไปอาบน้ำแล้ว"
ผมฟาดแขนไอ้พี่จีบเพื่อให้มันคลายแขนที่กอดเอวผมไว้แน่น มีเสียงหัวเราะเบาๆก่อนที่ความอึดอัดตรงช่วงเอวจะหายไป ผมรีบกระเด้งตัวออกจากตักพี่จีบเหมือนมันเป็นของร้อนแล้วรีบเดิมไปคุ้ยเสื้อผ้าในตู้แบบลวกๆก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป
กระจกสะท้อนภาพผู้ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าแดงก่ำ มุมปากยกยิ้มจนน่าหมั่นไส้ ความแมนที่เคยภูมิใจกับต้องพังทลายเมื่อโดนผู้ชายคนหนึ่งสั่นคลอนมัน นิ้วเรียวพยายามกดมุมปากตัวเองลงแต่ไม่สามารถทำได้เมื่อคิดไปถึงคนที่นั่งๆนอนๆอยู่บนเตียงของเขา ตอนนี้อยากไล่พี่จีบกลับบ้านแล้วว่ะ...ไม่ใช่ว่ากลัวเสียตัว แต่กลัวหัวใจจะวายตายซะก่อน
ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะเปลื้องเสื้อผ้าแล้วจัดการชำระร่างกายตัวเองให้สะอาด แต่งตัวเรียบร้อยแล้วผลักประตูห้องน้ำให้เปิดออก ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกขยี้ไปบนเส้นผมที่เปียกน้ำ พี่จีบมองตรงมาทางนี้ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายจนผมต้องหลบไปรื้อตู้เสื้อผ้าหาชุดให้เขาใส่แทน ทำตัวไม่ถูกเลยว่ะ ควรทำยังไงดี
"พี่ครับ ใส่ได้หรือเปล่า"
ผมกางเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งของไอ้พี่ดีพต่อหน้าพี่จีบที่นั่งอยู่ปลายเตียง ร่างสูงพยักหน้าหงึกหงักก้อนจะรวบมันไปไว้ในอ้อมแขน
"ใส่ได้ เสื้อมึงเหรอ"
สายตาอยากรู้อยากเห็นถูกส่งมาให้กันจนผมรู้สึกแปลกๆ ผมหลบสายตาก่อนจะโยนกางเกงบ็อกเซอร์ให้พี่เขาอีก
"เปล่า เสื้อพี่ดีพ ไปอาบน้ำได้แล้ว ผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องน้ำนะ"
ผมดันไหล่ให้พี่จีบลุกขึ้นจากเตียง พี่เขายิ้มให้ก่อนจะยอมลุกไปอาบน้ำดีๆ แต่ทำไมต้องทิ้งเสื้อผ้าไว้ตรงนี้ด้วยวะ ทำไม่เอาไปเปลี่ยนในห้องน้ำ อ๊าก แกล้งหนีไปมาร์ทก่อนได้ไหม จะแกล้งกันไปถึงไหนวะ ถ้าแม่งมีพุงนะจะอยู่ล้อมันจนแก่เลยคอยดู!
ผมนอนกลิ้งไปมาเล่นโทรศัพท์บ้างเล่นเกมบ้างจนเกือบเผลอหลับไปเสียงลูกบิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่นุ้งแค่ผ้าเช็ดตัวไว้ที่ช่วงล่าง ผมกลืนน้ำลายลงคออยากยากลำบากเมื่อตัวเองกำลังนอนตะแคงหันหน้าไปทางนั้นแบบพอดิบพอดี ซิกแพคเป็นลูกเข้ากระแทกตากันอย่างจังไหนจะหยดน้ำที่เกาะพราวไปตามกล้ามเนื้อลอนสวยนั่นอีก.. เซ็กซี่เป็นบ้า โอย แล้วทำไมใจต้องสั่นกับหุ่นผู้ชายด้วยกันเองล่ะวะ สติเว้ยสติไอ้คิส
"มองอะไร อยากลูบซิกแพคกูเหรอ?"
คนโดนมองยกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับสาวเท้าเข้ามาใกล้จนผมต้องรีบพลิกตัวตะแคงไปอีกข้างอย่างรวดเร็วแล้วแสร้งกดโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้าที่ร้อนวูบวาบตอนนี้อาจจะเป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมว่าผมกำลังรู้สึกยังไง แต่ถ้าแสดงอาการมากไปจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
"อะไรเล่า คนเขาเล่นเกมอยู่ไม่เห็นเหรอ"
ผมว่าเสียงติดรำคาญไป นิ้วยังคงจิ้มหน้าจอสี่เหลี่ยมจึกๆ ไม่ได้มีสมาธิอะไรกับเกมตรงหน้าเลยซะด้วยซ้ำ
"ไหนเกมมึง โปเกม่อนไม่เห็นจะโผล่มาสักตัว"
พี่จีบยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆข้างแก้ม หางตาเหลือบเห็นหน้าอกแกร่งอาจจะใหญ่กว่านมผู้หญิงด้วยซ้ำ ยอดอกสีน้ำตาลนั่นอีกจะทิ่มตากันอยู่แล้ว หัวใจก็เต้นรัวเหลือเกิน ไอ้เกม Pokemon GO นี่ก็ไม่ได้ช่วยชีวิตผมเลย จะโผล่มาให้ขว้างบอลใส่สักตัวก็ไม่ได้ โคตรพลาดที่นิ้วกดโดนเกมนี่ เชี่ยเอ้ย
"กะ ก็รออยู่นี่ไง ไปแต่งตัวเลยไป"
ผมว่าก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอนมากขึ้น.. แทบจะเปลี่ยนเป็นนอนคว่ำเลยด้วยซ้ำ พี่จีบหัวเราะเบาๆก่อนจะยอมถอยทัพหยิบเสื้อผ้าตรงปลายเตียงไปใส่จนเรียบร้อย ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่หัวเตียง ร่างสูงขยับเข้ามานั่งลงข้างๆก่อนจะเอ่ยถามคำถามที่ผมแทบหัวทิ่ม
"ให้กูนอนที่ไหน"
พี่จีบกวาดตามองไปรอบห้องที่ไม่มีโซฟา เนื่องด้วยผมอยู่คนเดียว ส่วนมากกลับห้องมาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงไปเลย เฟอร์นิเจอร์ในห้องเลยมีแค่ที่จำเป็นเท่านั้น แต่เตียงมันก็นอนได้สองคนแบบสบายๆนะเว้ย แต่...อาจจะไม่ปลอดภัย
"นะ นอนบนเตียงด้วยกันก็ได้"
ผมว่าเสียงตะกุกตะกักจนต้องเบนหน้าไปสนใจทีวีที่กำลังฉายการ์ตูนอยู่ มันเป็นหายนะอย่างหนึ่งที่เผลอคิดเรื่องอกุศลตอนกำลังจะตอบคำถามใครคนหนึ่ง พี่จีบเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกรุ่มกริ่มให้พร้อมกับขยับเข้ามาใกล้จนพื้นที่ข้างตัวผมยวบลง
"ไม่ได้ยั่วใช่ไหม ที่จริงกูนอนพื้นก็ได้นะ ถ้ามึง...กลัว"
คำว่า 'กลัว' มันเบาราวกับกระซิบเพราะพี่จีบดันพูดข้างหูผมจนต้องผละตัวหนีอย่างรวดเร็ว ดีนะทรงตัวทันไม่อย่างนั้นคงได้ล้มลงบนเตียงทั้งๆที่นั่งอยู่นี่ล่ะ แต่ไอ้ที่พูดว่ายั่วนั่นพี่มันจะมโนมากไปแล้วเว้ย ชวนนอนไม่ได้ชวนเอา!
"ยั่วบ้าอะไรล่ะ ไม่ได้กลัวด้วย แต่ห้ามทำอะไรผมนะเว้ย รู้จำคำว่านอนเฉยๆป่ะ"
ผมเหวเสียงดังโดยไม่มองหน้าพี่จีบ แล้วขยับตัวจนชิดขอบเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงหน้าอก แต่ความผิดพลาดมันโผล่มาอีกแล้วเมื่อผมลืมว่าผ้าห่มมีแค่ผืนเดียว ฮือ ชวนเขามานอนด้วย ไม่มีอะไรที่กูพร้อมสักอย่าง สถานการณ์แม่งพร้อมให้กูถูกขย้ำเหลือเกินชีวิต
"รู้จัก แต่ไม่รับปาก"
มุมปากหยักกระตุกรอยยิ้มชั่วร้ายจนผมหัวใจกระตุกตาม มือไม้เริ่มชื้นเหงื่อขึ้นมา จากที่เคยหนาวจนสั่นกลายเป็นร้อนวูบวาบขึ้นมาซะเฉยๆ อะไรคือการที่พี่จีบไม่รับปากว่าจะนอนเฉยๆวะ
"พี่แม่ง คิดอกุศลกับผมเหรอ ถ้างั้นกลับบ้านไปเลย ไม่ก็กลับไปนอนร้าน"
ผมไล่เสียงไม่จริงจังนักก่อนจะกระชับผ้าห่มแน่นขึ้น พี่จีบหัวเราะเอิ้กอ้ากออกมาก่อนจะผลักหัวผมเบาๆแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างๆกัน ผมเบ้ปากใส่เขาก่อนจะจ้องเขม็ง มีอะไรให้หัวเราะนักหนานะคนเรา
"ถึงกูจะคิดอกุศลกับมึงแค่ไหน กูก็ไม่ทำหรอก ไม่ชอบฝืนใจใคร ชอบแบบสมยอมเองมากกว่า"
เขาหันมายิ้มก่อนจะยักคิ้วให้กัน ผมเผลอหลบสายตาหวานเยิ้มนั้นเพราะรู้สึกว่าตัวเองแก้มร้อน ทำมาเป็นคนดีเนอะคนเรา จะรอดูว่าทนได้แค่ไหนกัน..
"ทำให้ได้จริงๆแล้วกัน"
ผมย่นจมูกใส่ก่อนจะยอมคลายผ้าห่มออกให้พี่จีบครึ่งหนึ่ง เขามองก่อนจะสอดตัวเข้ามาอยู่ใต้ผ้าผืนเดียวกัน เรานอนมองเพดานเหมือนๆกัน ไม่มีคำพูดใดๆเล็ดลอดออกมาอีกเหมือนต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเองชั่วขณะ แต่เพียงไม่นานพี่จีบก็ทำลายความเงียบลง
"ง่วงหรือยัง"
เขาหันมาถามกันด้วยน้ำเสียงที่ฟังก็รู้ว่าง่วงแค่ไหน ผมแอบอมยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่ไฟหัวเตียงจะถูกปิดลงด้วยฝ่ามือใหญ่ของคนข้างๆ
"ฝันดีนะคิส"
เสียงทุ้มเอ่ยฝันดีเบาๆก่อนจะได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอตามมา ผมลอบยิ้มกับการหลับง่ายของพี่จีบ ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำราตรีสวัสดิ์ออกไปถึงแม้คนฟังจะไม่รับรู้แล้วก็ตาม
"ฝันดีครับพี่จีบ"
ผมพูดจบแต่ก็ไม่ได้หลับไปกับเขาด้วย สมองยังคงคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักที่ผมยังนอนเบิกตาโพลงอยู่แบบนี้ สาเหตุที่แท้จริงคือคนที่นอนข้างๆกันต่างหาก ก่อนนอนเจอหน้าเขาเป็นคนสุดท้าย พรุ่งนี้ตื่นก็เจอหน้าเขาเป็นคนแรก.. มันเหมือนคู่รักดีๆนี่เอง แต่น่าเศร้าตรงที่มันจะเป็นแบบนี้แค่ครั้งนี้เท่านั้น ถ้าในอนาคตจะเวียนมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ผมก็อยากให้มันเกิดทุกวันตลอดไป คงจะดีไม่น้อย
ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน แต่รู้ตัวอีกทีก็ตอนแสงอาทิตย์ลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านเข้ามา ความรู้สึกแรกที่รับรู้ตอนตื่นคือความอบอุ่นและความหนักตรงบริเวณเอว สายตาปรับโฟกัสได้อย่างชัดเจนถึงกับตกใจอ้าปากค้างเพราะพี่จีบกำลังนอนกอดผมอยู่ หัวใจเริ่มทำงานหนักแทบบ้า หน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
"พะ พี่จีบ"
ผมออกเสียงเรียกคนที่ยังหลับสบาย มุมปากสวยกำลังยกยิ้มอย่างกับคนฝันดี ผมไล่มองเค้าโครงหน้าเรียวได้รูปนั่นอย่างหลงใหล ดวงตาคมที่กำลังปิดสนิททำให้คนเจ้าเล่ห์อย่างเขาดูไร้พิษภัย จมูกโด่งเป็นสันรับกับทุกส่วนของใบหน้าอย่างลงตัว ผิวขาวที่ไม่ได้ขาวจนเว่อร์ทำให้ดูหล่อขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
"พี่จีบครับ ตื่นเถอะ"
ผมเรียกเขาเสียงดังขึ้นกว่าเดิมและเพิ่มสกิลการปลุกโดนการตีแก้มกร้านเบาๆ ร่างสูงขยับตัวเล็กน้อย
"อือ"
เสียงครางอื้ออึงในลำคอดังขึ้นพร้อมกับตาคมที่ค่อยๆปรือเปิดออก ขนาดตอนตื่นนอนยังหล่อได้ขนาดนี้ คนบ้าอะไรวะน่าอิจฉาเป็นที่สุด
"อรุณสวัสดิ์"
พี่จีบเอ่ยทักทายกันก่อนจะกระชับอ้อมกอดจนหน้าของผมซุกลงบนอกเขาอย่างพอดิบพอดี แทนที่จะปล่อยกันกลับกอดแน่นขึ้นคืออะไรวะ
"ปล่อยผมดิ"
ผมพยายามใช้มือดันตัวพี่จีบออกแต่ก็เปล่าประโยค เพราะแขนขาของเขาล็อกตัวผมไว้แบบมั่นคง ดิ้นหนีไม่หลุดกันเลยทีเดียว
"ขอกอดหน่อยน่า กูติดหมอนข้าง"
คำขอที่โคตรกวนตีนถูกเปล่งออกมาแบบหน้าตาเฉย ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พี่จีบทำหน้ายังไง แต่รู้เพียงแค่จมูกโด่งๆนั่นกดลงมากลางกระหม่อมของผมอย่างรักใคร่ ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจตอนนี้มันก็ดีนะ ดีจนน้ำตาจะไหลเลยว่ะ บางครั้งก็อยากเอ่ยปากขอบคุณพี่จีบที่เผลอมารักคนอย่างผม และเอาใจใส่กันขนาดนี้ แต่เขินไง ไม่กล้าพูดหรอก ขืนพูดไปผมคงโดนกดลงเตียงทันทีแน่ๆ
"ไม่เอาดิ หมอนกอดก็มีอยู่ข้างตัวเองทำไมไม่กอดเล่า"
ผมพูดพร้อมกับดิ้นขลุกขลักเล็กน้อย จะให้นอนกอดเฉยๆก็ดูใจง่ายไปไง
"หมอนมันไม่อุ่นเหมือนมึงนี่หว่า"
คำพูดของพี่จีบกระแทกหัวใจผมเต็มๆจนมันสั่นคลอนไปหมด เชี่ยมากที่ผมเขินจนขยับหัวซุกลงบนอกพี่จีบมากขึ้น ก็ไม่มีอะไรให้มุดแก้เขินแล้วนี่หว่า
"แต่ผมไม่ให้หมอนข้างเหอะ ติดหมอนข้างไม่ใช่เหรอไง"
ผมพยายามพูดหาทางออกให้ตัวเองด้วยประโยคงี่เง่าและแสนเด็กน้อย พี่จีบหัวเราะเบาๆก่อนจะผละตัวออกแล้วใช้นิ้วเรียวเชยคางผมขึ้นให้ดวงตาเราสบกัน อยากจะเบนหน้าหนีแต่ก็อยากรู้ว่าไอ้คนเจ้าแผนการจะทำอะไรกับผมอีก
"ว่าจะเลิกแล้วว่ะ"
"หา เลิกอะไรครับ"
ผมถามไปด้วยความงง อะไรกันอยู่ๆมาบอกว่าจะเลิก เลิกจีบผมเหรอ ไม่ยอมนะเว้ย
"เลิกติดหมอนข้าง เปลี่ยนมาติดมึงแทน"
พี่จีบส่งยิ้มละมุนมาให้ ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้ามาจรดริมฝีปากลงบนหน้าผาก ผมตะลึงงันเมื่อโดนทั้งคำพูดและการกระทำของพี่จีบแอทแทคเข้าเต็มๆ พี่เขาจะรู้ไหมว่าผมแทบจะละลายคาอกเขาอยู่แล้ว พี่เขาจะรู้ไหมว่าผมแทบควักหัวใจที่เต้นแรงเหมือนกับใครจับมันเขย่าออกมาให้พี่ทั้งดวง
"รักนะ"
คำบอกรักเบาๆเรียกสติให้กลับมาเผชิญกับคนตรงหน้า ผมเม้มปากเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง รับรู้ได้เลยว่าทั้งหน้าทั้งตัวจะต้องแดงมากแน่ๆ อยู่ๆมาบอกรักกันบนเตียงเนี่ยนะ ขอละเหยเป็นไอน้ำหนีได้ไหมเนี่ย ไอ้คิสตัวจะแตกแล้ว ผู้ชายมาบอกรักเว้ย!
"อื้อ ระ รู้แล้วเว้ย ปล่อยผมได้หรือยัง"
ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มแล้วก้มหน้าลงจนเกือบชิดอก พี่จีบไม่ขยับแถมยังรวบผมเข้าไปกอดเหมือนเดิมอีก ใบหน้าของผมแนบไปกับอกแกร่งจนได้ยินเสียงหัวใจของพี่จีบเต้นรัวไม่แพ้กับของผม แต่แค่นี้มันก็ทำให้ผมยิ้มกว้างจนหุบไม่ได้อยู่แล้ว
"ไม่อยากปล่อยเลยว่ะ ตอนนี้โคตรมีความสุข"
คิดว่าพูดแบบนี้ผมจะใจร้ายต่อได้ยังไงวะ ยอมเขาสิครับ แค่กอดไม่ได้เสียหายอะไรมากสักหน่อย เอาเถอะ.. ยังไงๆผมก็รู้สึกดีเหมือนกันอยู่แล้ว
"ให้กอดก็ได้ แค่กอดนะ"
"อืม"
หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเกือบเที่ยง พอจัดการตัวเองอะไรเรียบร้อยก็กะว่าจะออกไปหาอะไรกินที่ห้างใกล้ๆ แต่ไม่คิดว่าจะมีมารผจญมาหาผมถึงหอ.. จะเป็นใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ไอ้ภีมที่เดินตรงเข้ามาหากัน ผมแทบจะวิ่งกลับขึ้นห้องเพราะสายตาล้อเลียนที่มันส่งมาให้กัน จะรอดได้ยังไงในเมื่อพี่จีบแม่งลงมาจากห้องพร้อมกับผม
"สวัสดีครับพี่จีบ"
ไอ้ภีมยิ้มก่อนจะเอ่ยทักทายคนข้างตัวผม มีมารยาทขึ้นมาเลยนะมึง.. ผมเบ้ปากใส่ตอนที่มันยักคิ้วใส่ผม
"เออ หวัดดีๆ"
พี่จีบทักทายกลับไปก่อนจะส่งยิ้มให้มัน
"มึงมาทำไม"
ผมถามออกไปเพราะไอ้ภีมไม่ได้โทรมาบอกกันก่อนว่าจะมา
"ดีพบอกให้กูมาเอาของกะทันหันว่ะ เลยไม่ได้โทรมาบอกก่อน แล้วนี่เมื่อคืนพี่จีบค้างกับไอ้คิสเหรอ"
ประโยคแรกมันพูดกับผมส่วนประโยคหลังมันหันไปพูดกับพี่จีบซะอย่างนั้น
"ตามนั้น แล้วนี่กินอะไรหรือยัง พวกกูกำลังจะไปหาอะไรกิน"
พี่จีบถามรวบกับการเอ่ยชวนกันแบบอ้อมๆ เอาจริงๆก็ไม่ได้ขัดอะไรถ้าไอ้ภีมตะไปด้วย แต่ปากมันนี่สิจะคอยแซวผมตลอดแน่ๆ
"เรียบร้อยครับ พี่กับไอ้คิสไปกันเถอะผมไม่อยากเป็นก้าง"
มันยิ้มกว้างอย่างที่ไม่ค่อยทำในเวลาปกติ รู้ได้เลยว่าตอนนี้มันกำลังกวนตีนผมแบบจังๆ ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่มันแต่กลับได้รับมาเพียงความเฉยเมย เจ็บใจนัก
"โอเค มึงไม่ไปด้วยก็ดีแล้ว กูชวนเป็นมารยาทไปงั้นล่ะ"
พี่จีบหันมายักคิ้วให้กันจนผมเผลอแสยะยิ้มใส่ไอ้ภีมด้วยความสะใจ โอย พี่จีบน่ารักอ่ะ ผมอยากจะกระโดดหอมแก้มพี่เขาสักที แต่ไม่ได้ครับเดี๋ยวได้ใจไปกันใหญ่
"เอ้อ ใช่สิ ผมมันแค่น้องนี่หว่า นั่นว่าที่เมีย เหอะ! ไปล่ะ"
มันว่าก่อนจะก้าวฉับๆขึ้นห้องผมไป.. ไม่ต้องแปลกใจครับ พี่ดีพมันอยู่หอกับผมไม่ผิดอะไรที่ไอ้ภีมจะมีกุญแจห้องผม
"ไอ้เพื่อนเชี่ย"
ผมตะโกนไล่หลังมันไป เรื่องอะไรมาพูดว่าผมเป็นว่าที่เมียพี่จีบวะ เพ้อเจ้อสุดๆ แค่แฟนให้มันได้เป็นก่อนเถอะเว้ย แต่ทำไมต้องใจเต้นแรงแล้วแอบดีใจลึกๆวะ ความแมนจงกลับมาเถอะครับ ฮือ เป็นเมียเขามันดีแล้วจริงๆเหรอ... ได้แต่คิดแล้วก็เสียวแปลกๆ
"ไปกันเหอะ หิวแล้ว"
พี่จีบว่าก่อนจะใช้มือกอดคอผมเดินออกจากหอ ผมสงสัยแบบจริงๆจังๆเลยว่ะว่าทำไมพี่เขาชอบเดินกับผมด้วยท่าทางแบบนี้จัง วันนี้ผมต้องรู้ให้ได้ถึงเหตุผลที่แท้จริงไม่ใช่แค่การอยากอยู่ใกล้แน่ๆ พอเรานั่งประจำที่ในรถเรียบร้อยผมก็เอ่ยปากถามทันที
"พี่จีบ ผมถามจริงๆนะว่าทำไมถึงชอบกอดคอผมนัก"
พี่จีบชะงักมือที่กำลังจะเข้าเกียร์ไว้แล้วหันมาสบตากัน
"แสดงความเป็นเจ้าของสไตล์กูเอง สงสัยอะไรอีกไหม"
พี่จีบยกยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วให้กันก่อนจะเข้าเกียร์และออกรถ ผมได้แต่ส่ายหน้ารัวๆแล้วซุกหน้าลงกับผ่ามือตัวเองด้วยความเขิน โอ้ย พอเถอะครับ เลิกจีบกันสักวันไม่ได้เลยหรือยังไง ต้องให้ผมบอกรักพี่ก่อนเหรอวะถึงจะหยุดจีบกันแบบนี้ ได้แต่คิดแล้วก็ยิ้มเหมือนคนบ้า มีความสุขจัง
“ขากลับอย่าลืมไปส่งผมที่มหา’ลัยนะ เป็นห่วงรถแล้ว”
“ครับผมคุณชายคิส ตามบัญชาเลย”
-----------------------------------------------
Q & A กับภีม
Q : เห็นจีบเดินลงมาจากหอพักพร้อมคิสแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
A : ตกใจนิดหน่อยครับ ไม่คิดว่าพี่จีบจะนอนค้างกับมัน
Q : แล้วคิดว่าใครกันแน่ที่เป็นคนขอให้นอนค้าง?
A : ให้ผมเดานะ เป็นไอ้คิสแน่ๆ เห็นแบบนั้นมันก็ขี้อ่อยเถอะครับ แต่มันไม่รู้ตัว หึหึ
หูย... เขานอนด้วยกันล่ะ 555555555 อิจฉาคิสเว้ย
พี่จีบก็หยอดเอาๆไม่เกรงใจคนโดนหยอดเลยนะนั่น
ปล. อ่านให้สนุกน้า อย่าลืมคอมเม้นท์กันด้วยเนอะ ♥