- ดื่มครั้งที่ 8.5 -
ความอบอุ่นจากร่างกายคนข้างตัวทำให้ผมไม่อยากตื่นสักเท่าไหร่ถึงแม้ว่าแสงอาทิตย์จะทำลายบรรยากาศการนอนลงแล้วก็ตาม ใบหน้าคมคายรูปไข่ จมูกโด่งเป็นสัน ปากรูปกระจับ ดวงตารีเล็กแต่คมกริบ ล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลอ่อนทรงอันเดอร์คัต ทั้งหมดทั้งมวลนี้รวมกันเป็นผู้ชายตรงหน้าผม 'ดีพ' เขาหล่อและเจิดจ้ามากให้ความรู้สึก เดือนมหา'ลัยที่ใครๆต่างหมายปองแทนที่เขาจะมีแฟนเป็นสาวสวยแต่กลับมีแฟนเป็นผู้ชายที่มีดีกรีเป็นเดือนคณะอย่างผม จะว่าแปลกก็แปลกแต่ตลกมากกว่า ยัยอิงออยจะบ่นเสมอว่า 'สมัยนี้คนหล่อไม่ตกถึงท้องชะนีแล้วค่ะ กินกันเองทั้งนั้น' มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ก็แค่คนสองคนไม่ได้มองเรื่องเพศและใจตรงกันเท่านั้นเอง
มือเรียวไล้ไปตามกรอบหน้าอย่างหลงใหล มุมปากของผมมีรอยยิ้มเล็กๆประดับเมื่อคิดได้ว่าผู้ชายตรงหน้าผมปากร้ายแต่ใจดีเสมอกับคนอื่นๆ แต่สำหรับผมแล้วนั้นดีพจะชอบแสดงนิสัยเด็กๆออกมาให้เห็นไม่สมกับหน้าตาหล่อเหลาเลยสักนิด ติดจะเป็นคนขี้อ้อนซะด้วยซ้ำ
"อือ"
ดีพร้องครางด้วยความรำคาญใจเมื่อผมเริ่มบีบแก้มกร้านเล่นอย่างสนุกมือ มันเขี้ยวคนเมาที่หลับได้หลับดีแถมยังกอดผมไว้ทั้งคืนไม่ยอมปล่อยอีก ตาคมปรือปรอยค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มทักทายผมในเช้าวันใหม่
"คอนนิจิวะ"
เสียงทุ้มแทบทักทายกันอย่างมั่นใจ ผมขำออกมาน้อยๆก่อนจะขยับตัวหนีจากอกแกร่ง แต่ดีพไม่ปล่อยผมไปง่ายๆหรอก เจ้าตัวกระชับวงแขนแน่นแล้วกดจูบลงบนหน้าผากของผม
"มั่นใจจังนะ ทักทายกูคอนนิจิวะเนี่ย"
ผมเอ่ยแซวพร้อมยักคิ้วกวนๆให้มัน ดีพยิ้มเผล่ก่อนจะกดจมูกลงที่แก้มของผม ขโมยหอมไปอีกหนึ่งฟอดจนผมต้องผลักหน้ามันไปไกลๆ นับวันยิ่งแสดงท่าทางว่าอยากกดผมให้จมเตียง แต่ใครจะยอมง่ายๆกันวะ ผู้ชายแมนๆกันทั้งคู่ แต่ถ้าดีพมันทำให้ผมยอมได้นั่นก็ว่าไปอีกอย่างล่ะนะ ไม่ค่อยซีเรียสกับการเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายรับเท่าไหร่ แต่ผมขอเวลาทำใจหน่อยสิ.. ทั้งชีวิตเคยรุกแต่กับผู้หญิง อยู่ๆจะให้มารับผู้ชายมันก็ตะขิดตะขวงในใจแปลกๆ
"กูเมาทีไรตื่นเที่ยงทุกทีนี่หว่า"
มันส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้กันพร้อมกับมือที่อยู่ไม่สุขไล้ไปตามสะโพกของผมทั้งบีบทั้งคลึงสนุกเขาล่ะครับ
"เชี่ยดีพ หยุดเลย"
ผมว่ามันเสียงดุก่อนจะตะปบเข้าที่มือซุกซนของมัน เผลอเป็นไม่ได้เลยครับเลื้อยใส่ตลอด ไม่ค่อยมั่นใจว่ามาเรียนที่ญี่ปุ่นเขาสอนหลักสูตรเป็นปลาไหลให้ด้วยหรือยังไง เหมือนมันจะอัพสกิลความเชี่ยวขึ้นเยอะ ดีพหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างถูกใจแล้วกดจูบลงมาบนปากผมอย่างรวดเร็ว
"ไอ้นี่! ลามปามแล้วนะมึง"
ผมแยกเขี้ยวใส่มันทันทีเมื่อโดนรุกแบบนี้ กำหมัดต่อยลงไปบนไหล่มันอย่างหมั่นไส้ ดีพร้องโอดโอยจนผมเบ้ปาก สำออยไม่มีใครเกิน
"จูบแฟนผิดตรงไหนวะ ไม่เจอกันตั้งหลายเดือน คิดถึง"
ดวงตาคมเข้มที่มองตรงมามีแววออดอ้อนอย่างปิดไม่มิด อ้อมแขนกระชับกอดแน่นขึ้นจนปลายจมูกของเราชนกัน นี่ลืมไปแล้วหรือยังไงว่ายังไม่ได้แปรงฟัน บอกกี่ครั้งก็ไม่เคยจำ โว้ะ
"ไม่ผิด แต่กูบอกมึงเป็นร้อยรอบแล้วป่ะว่าไม่ชอบจูบตอนตื่นนอน ปากเน่า"
ผมย่นจมูกใส่ ทำหน้าเหม็นซะเต็มประดา ไอ้คนดื้อหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงก่อนจะกดจูบลงมาบนปากผมอีกรอบ ดูมันทำ.. เคยฟังกันที่ไหน รั้นเหมือนไอ้คิสไม่มีผิด ดีพนี่รั้นแบบฉลาด ส่วนไอ้คิสรั้นแบบโง่ๆ
"ไม่เห็นเน่า ปากมึงหอมจะตายภีม"
พูดจบมันก็จูบลงมาซ้ำๆจนผมต้องใช้ฝ่ามือดันหน้าผากมันไว้ เสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจดังขึ้นในลำคอของมันอย่างห้ามไม่ได้ แต่ไม่นานมันก็กลีบมายิ้มกริ่มอีกครั้ง.. โคตรเกลียดแววตาเป็นประกายของมันจริงๆ
"ลุกไปอาบน้ำเลยนะมึง ถ้าวันนี้ยังไม่พากูไปเที่ยวอีกกูจะหนีกลับไทย"
ผมผละออกจากอ้อมกอดของดีพอย่างง่ายดายแล้วลุกขึ้นนั่งก่อนจะขยี้หัวตัวเองเบาๆ เหลือบเห็นคนด้านข้างก็ทำแบบเดียวกับผมก่อนจะหันมามองหน้ากันนิ่งๆ ผมเลิกคิ้วกลับไปเป็นเชิงถาม ฝ่ายนั้นถอนหายใจก่อนจะทำหน้าบึ้งใส่กัน
"กูซื้อตั๋วให้มึงมาหากูนะ ไม่ใช่มาเที่ยว"
"มึงจะนอนกกกูทั้งวันว่างั้น?"
"ถ้าได้ก็ดี"
"อย่ามางอแงนะดีพ มึงแก่แล้วนะ"
"ไม่แก่ กูไม่ยอมแก่"
มันเบะปากใส่ผมก่อนจะเอาหัวยุ่งๆมาซบไหล่กันแล้วถูไปมาอย่างเด็กเอาแต่ใจ เห็นนิสัยแบบนี้มันคิดจะเป็นผัวผมเถอะ แบบนี้มันสมควรยอมให้หรือยังไงกัน ผมผลักหัวมันเบาๆก่อนจะขำออกมา
"อะไรของมึงเนี่ยดีพ อ้อนจะเอาอะไรจากกูหื้ม?"
ผมก้มหน้าลงไปกดจมูกลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่แสนจะยุ่งเหยิง ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมาซบตาผมก่อนดีพจะใช้มือหนาโน้มคอผมลงไปจูบ ไม่ได้เร่าร้อนแต่มันกลับอ่อนโยนละมุนละไม กลีบปากหยักได้รูปบดคลึงลงมาเบาๆอย่างอ้อยอิงเพื่อถ่ายถอดความรู้สึกคิดถึงที่มีให้ต่อกัน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนที่ริมฝีปากเราสัมผัสกัน รู้แค่ว่าอยากจูบกันไปเรื่อยๆก็แค่นั้น
"อีกแล้วนะดีพ กูบอกให้แปรงฟันก่อนจูบไง"
ผมพูดเสียงไม่จริงจังมากนักก่อนจะยกมือขึ้นดีดหน้าผากมันเบาๆ รอยยิ้มบางๆปรากฏอยู่บนหน้ามัน.. รอยยิ้มที่สามารถทำให้ผมตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า จะไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าผมรักมันมาก และมันจะเป็นผู้ชายคนแรกและคนสุดท้ายในชีวิตของผม
"ก็กูไม่ได้รังเกียจนี่หว่า มึงเป็นแบบไหนกูก็รับได้ทั้งนั้น"
มันผละออกไปนั่งตรงๆแล้วมองหน้าผมด้วยแววตาจริงจังจนรู้สึกว่าหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เกลียดตอนมันพูดอะไรแบบนี้จริงๆทำให้ใจผมเต้นแรงเหลือเกิน
"พอเลยมึง ไปอาบน้ำไป"
ผมผลักหน้าอกดีพจนมันเกือบหงายหลังตกจากเตียง แต่ดีหน่อยที่ผมคว้าข้อมือมันไว้ทัน นี่ผมไม่ได้เขินนะ.. จริงๆ
"เชี่ย นึกว่าจะลงไปนอนกลิ้งข้างล่างซะแล้วกู"
มันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆราวกับโล่งใจก่อนจะใช้มือข้างที่เหลือมาผลักหัวผมเบาๆ
"กูไม่ได้ตั้งใจเถอะ"
ผมว่าก่อนจะปล่อยข้อมือมันออกแล้วเดินลงจากเตียงไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วขว้างไปคลุมหัวมันพอดิบพอดี ดีพร้องโวยวายอย่างกับเด็กห้าขวบแล้วกระโดดลงจากเตียงมารวบตัวผมไปกอดจากด้านหลัง ผมดิ้นเบาๆพอเป็นพิธีแล้วหันไปค้อนมันวงใหญ่ เล่นอยู่ได้เมื่อไหร่จะถึงห้องน้ำ
"ดีพ เมื่อไหร่มึงจะไปอาบน้ำ"
ผมกดเสียงต่ำแล้วหยิกลงบนแขนแกร่งของมัน หมั่นไส้ว่ะ อุตส่าห์ทำหน้าดุใส่ก็แล้วไม่คิดจะกลัวกันหน่อยหรือยังไง
"โอ้ย ไปอาบน้ำด้วยกันดิ"
มันก้มหน้าลงมากระซิบก่อนจะแกล้งขบติ่งหูผมจนต้องย่นคอหนี เชี่ยเอ้ย ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย ผมฟาดมือลงบนแขนมันเต็มแรง มันซี้ดปากก่อนจะยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ ผมหนีห่างออกมาจากมันหลายก้าวก่อนจะหันไปทำหน้ายักษ์ใส่
"เล่นเชี่ยอะไรเนี่ย! แล้วเป็นบ้าอะไรอาบน้ำคนเดียวไม่ได้ขึ้นมา"
"กู 'อยาก' อาบน้ำกับมึง"
ทำหน้าเป็นหมาหงอย ทำเสียงอ่อย แต่สายตาหื่นกามไม่มีปิดบัง ใช่ว่าผมอาบที่จะอาบน้ำกับมัน แต่...ผมกลัวว่ามันจะไม่จบแค่การอาบน้ำนี่สิ
"จำเป็นมากไหมที่ต้องเน้นคำว่าอยากด้วยสายตาหื่นกามแบบนั้น"
ผมเหล่ตามองมันแล้วส่ายหน้าเบาๆ ในหัวมีแต่เรื่องหื่นกามทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันหรือยังไง ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกอะไรกับมันหรอกนะ ผู้ชายเหมือนกัน แต่มันชอบทำตัวหื่นกามได้ทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่จำกัดเวลาและสถานที่
"โห พูดซะกูดูแย่เลยอ่ะ"
ยังจะแสร้งทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จใส่กันอีก เห็นแล้วรำคาญลูกตาจนต้องยกเท้าแตะต้นขาด้านข้างมันไป มันเอี้ยวตัวหลบได้อย่างหวุดหวิดจนน่าหมั่นไส้ ผมจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดเมื่อมันวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที
"ปวดหัวแม่ง"
ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ผมกลับยกยิ้มมุมปากกับความทะลึ่งทะเล้นของมัน อยู่ด้วยกันไม่เคยมีเรื่องเครียดให้ปวดหัวหรอกเพราะชอบกวนตีนกันมากกว่า ไอ้เรื่องนอกใจนี่ตัดไปได้เลยไม่เคยมีอยู่ในหัวของมันและหัวของผม
ตอนนี้พวกเราพากันมาที่สวนสาธารณะอูเอโนะ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นดอกซากุระที่กำลังผลิบาน ดอกสีชมพูล้อมรอบไปทั่วบริเวณจนต้องยกกล้องโปรขึ้นมาถ่ายเก็บภาพ
"ดีพ"
ผมลดกล้องลงแล้วหันไปเรียกคนที่กินไอติมอยู่ข้างๆกัน มันหันหน้ามาหาผมแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
"มีอะไร หรือว่าอยากกินไอติมแล้ว?"
มันยื่นไอติมมาให้ ผมส่ายหน้าปฏิเสธแล้วหลุดขำออกมาเมื่อมุมปากมันมีคราบสีน้ำตาลของไอติมช็อคโกแลตติดอยู่ กินอะไรเลอะเป็นเด็กๆไปได้ นี่ถ้าแฟนคลับของมันมาเห็นคงกรี๊ดกร้าดกันน่าดู ทั้งๆที่ผมมองว่ามันตลกแต่แฟนคลับกลับมองว่ามันน่ารัก
"แดกเลอะเป็นเด็กๆไปได้นะมึง"
ผมล้วงทิชชู่ที่หยิบติดมาจากร้านอาหารส่งให้ดีพ มันส่ายหน้าก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วมองผมด้วยสายตาออดอ้อนจนน่าหมั่นไส้
"เช็ดให้หน่อย"
ผมเบ้ปากใส่ ทำไมต้องอ้อนกันขนาดนี้ด้วยวะ ก่อนมาเรียนที่นี่ยังไม่อาการหนักขนาดนี้เลย แอบไปทำอะไรผิดแล้วทำตัวน่ารักกลบเกลื่อนกันหรือเปล่า โคตรน่าสงสัย
"อายคนอื่นเขา เอาไปเช็ดเองไป"
ผมยัดกระดาษทิชชู่ใส่มือเด็กโข่งแล้วไม่สนใจมันอีกก่อนจะผละตัวออกไปถ่ายรูป ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ ก็อยู่ใกล้ๆกันนี่ล่ะ
"ทำไมใจร้ายจังวะแฟน"
เสียงง้องแง้งดังขึ้นข้างๆมาพร้อมกับร่างเขื่องๆของมันที่เบียดไหล่เขามาแนบชิดกัน ผมขยับหนีเล็กน้อยเมื่อสังเกตได้ถึงสายตาจากคนรอบข้าง
"อะไร กูใจร้ายตรงไหน?"
ผมหันไปมองคนด้านข้างที่ตอนนี้ไม่มีไอติมอยู่ในมือแล้ว ใบหน้าคมมองตรงไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย อารมณ์ติสต์แตกของมันมาอีกแล้วสิ เด็กวิศวะเชี่ยอะไรเนี่ย
"ทำไมมึงทำท่าเหมือนรังเกียจกู"
น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยออกมาทำให้ผมสะดุดลมหายใจตัวเอง ผมไม่ได้รังเกียจ ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับมันเลยสักครั้ง แล้วทำไมมันถึงพูดแบบนี้ออกมากันนะ หรือผมเผลอทำอะไรให้มันคิดมาก
"ดีพ.. มึงเป็นอะไร?"
ผมแตะมือลงบนต้นแขนของมันเบาๆ แอบใจเสียอยู่เหมือนกันที่มันรู้สึกแบบนั้น
"ไม่รู้ กูคงงี่เง่าเองมั้ง ปกติมึงก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ขอโทษนะ"
มันหันมายิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่พยายามปั้นแต่งจนดูเหมือนหุ่นยนต์ไร้ชีวิตอย่างไรอย่างนั้น ผมไม่ใช่คนปากหวาน ไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรหวานๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ถ้าเมื่อไหร่คึกขึ้นมาความหวานก็แผ่กระจายได้เหมือนกัน
"ดีพ...มึงกำลังคิดอะไรอยู่"
"ช่างมันเหอะ กูชิวๆ"
"กูเกลียดคำว่าช่างมัน ทั้งๆที่มึงไม่ได้ช่างอย่างที่พูด"
ผมพูดจบมันเงียบ ผมก็เงียบ เกิดเดตแอร์ระหว่างผมกับมันนานพอตัว ต่างคนต่างมองสบตากันพยายามค้นหาคำตอบของคำถามเหล่านั้น จนผมทนไม่ไหวต้องทำลายความเงียบนี้ลง
"ดีพ กูขอร้องล่ะ มึงคิดอะไรมึงช่วยพูดออกมาได้ไหม บางครั้งกูก็ไม่ได้เก่งถึงขนาดเดาใจมึงได้ทุกครั้งนะ"
มันมองหน้าผมก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพยักหน้าเบาๆ มันเอื้อมมือมาจับแขนผมก่อนจะพาไปนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวใต้ต้นซากุระ
"มึงอายเหรอที่เราคบกัน"
คำถามที่หลุดออกจากปากดีพทำให้ผมนิ่งอึ้ง มือที่เคยจับข้อมือกันคลายออก การที่ผมหลีกเลี่ยงทำตามที่มันอ้อนคือการที่ผมอายอย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่แบบนั้นนะ ดีพกำลังเข้าใจผิด
"ไม่ใช่ กูไม่ได้อาย"
"แล้วทำไม..มึงต้องเมินกูด้วย"
"กูไม่ได้เมิน ไอ้เชี่ย"
ทนไม่ไหวจนต้องแอบด่าไปด้วย คือผมไม่เคยเมินมันเลยเว้ย สายตาผมไม่เคยละจากมันเลยสักครั้ง มีแต่มันเองนั่นล่ะที่ชอบคิดเล็กคิดน้อยกับการกระทำที่แข็งกระด้างบางทีของผม
"แล้วทำไมมึงต้องพูดว่าอายคนอื่นเขา"
ส่งสายตาเศร้ามาให้กันอย่างไม่บิดบัง จนผมได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวจนยุ่งไปหมด โอย ทำไมเป็นผู้ชายที่ขี้น้อยใจขนาดนี้วะ
"กูเขิน ชัดยัง ไอ้เหี้ย คนมองขนาดนั้นไม่คิดว่ากูจะเขินหรือยังไง ผู้ชายตัวควายๆสองคนมายืนเช็ดปากให้กันเนี่ย"
ยอมครับ ทนปากแข็งมาได้ตั้งนานสองนาน ไม่คิดว่าดีพจะคิดมากขนาดหาว่าผมรังเกียจมัน คนที่ได้รับคำตอบดูจะอึ้งๆไปก่อนจะยิ้มกว้างแล้วคว้ามือของผมไปกุมไว้ด้วยสีหน้าดีใจแบบสุดๆ
"คนอย่างมึงเขินเป็นด้วยเหรอ น่ารักวะ"
มันยิ้มกว้างจนผมต้องเบนหน้าหลบสายตานั่น บ้าจริงๆทำไมต้องรู้สึกเขินกับคำชมสาวแตกแบบนั้นของมันด้วยวะ
"พ่อง น่ารักเชี่ยไรล่ะ กูก็คนนะทำไมจะเขินไม่ได้วะ"
"ปกติมึงเขินยากจะตายไป"
ดีพพูดจบก็พุ่งเข้ามารวบตัวผมไปกอด ผมสะดุ้งตกใจเลยพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนมัน คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มมองกันแล้ว น่าอายชะมัด แก้มก็ร้อนวูบวาบ
"ไอ้ดีพ ปล่อยกู"
ผมกดเสียงต่ำแต่แทนที่มันจะกลัวและสำนึก เปล่าเลยครับ มันยิ่งออกแรงกอดรัดเอวผมมากยิ่งขึ้นจนตอนนี้หน้าผมซุกอยู่ที่ไหล่ของมันยังห้ามไม่ได้ ดีพหัวเราะเอิ้กอ้ากไม่รู้ว่าสนุกอะไรนักหนา
"ไม่ปล่อย จะอายทำไมวะ ไม่มีใครรู้จักเราสักหน่อย"
ผมนิ่งไปแล้วคิดตามมัน ก็จริงนะที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา แต่บอกไปแล้วไงว่าเขิน ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือยังไง! ผมอ้าปากงับลงบนไหล่มันด้วยความหมั่นไส้ ดีพร้องเสียงดังก่อนจะรีบปล่อยผมออกจากอ้อมกอดทันที ผมขยับหนีมันแล้วยักคิ้วใส่
"สมน้ำหน้า!"
ผมพูดจบก็วิ่งหนีมันทันที ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากด้านหลังไม่หยุดหย่อน แต่คิดว่าผมจะยอมหยุดตามที่มันสั่งง่ายๆเหรอ ฝันไปเถอะครับ วิ่งให้เหนื่อยตายกันไปข้างนี่ล่ะเว้ย
ผมกับดีพวิ่งไล่กันจนเหนื่อยหอบเลยพากันมายืนพักตรงลานน้ำพุกลางสวนสาธารณะอุเอโนะ กล้องถ่ายรูปถูกยกขึ้นมาเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบอีกครั้ง โดยที่มีนายแบบจำเป็นอย่างดีพร่วมเฟรมโดยเจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ผมยกยิ้มขึ้นเมื่อได้รูปดีพตอนเผลอมาครอบครอง เขาเป็นคนที่ดูดีทุกมุมมอง ดีจนน่าอิจฉา แต่ที่มากกว่านั้นคือ... ผมหวง
"ทำไรภีม?"
เหมือนดีพจะรู้ตัวว่าโดนแอบถ่ายเลยเดินตรงมาหาผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาดูหน้าจอกล้องด้วยกัน มุมปากหยักได้รูปยกยิ้มก่อนจะมองสบตากับผม
"หล่อนะเนี่ย"
ว่าแล้วก็เสยผมตัวเองก่อนจะยักคิ้วให้ผม น่าหมั่นไส้จนต้องผลักหัวมันไปเบาๆ
"หลงตัวเองฉิบหาย"
ผมบ่นเสียงไม่จริงจังมากนักก่อนจะย่นจมูกใส่มันที่ยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี
"มึงก็หลงกูด้วยเถอะ"
"หุบปากได้แล้ว"
ผมหมุนตัวหนีมันไปถ่ายรูปทางด้านอื่น ดีพเดินตามมาติดๆแล้วเอื้อมมือมาสะกิดไหล่กัน ผมหยุดแล้วเลิกคิ้วหันไปมองก่อนจะลดกล้องลง
"ไปปั่นเรือเป็ดกันไหม?"
ผมเหลือกตาใส่มันอย่างเหลือเชื่อ ตกลงว่านิสัยไอ้เดือนมหา'ลัยเนี่ยเป็นคนน่ารักๆมุ้งมิ้งจริงๆใช่ไหม ไม่ใช่พยายามทำตัวหวานๆใส่แฟนแบบผมเพื่อเอาใจ
"เป็นไรของมึงเนี่ย เหลือกตาทำไมวะ"
"มึงอยากปั่นเรือเป็ดจริงดิ?"
ผมถามมันก่อนจะเลิกคิ้วจนรู้สึกว่าหน้าผากตัวเองย่นยับ มันพยักหน้าพร้อมกับยิ้มแฉ่งส่งมาให้เหมือนเด็กๆกำลังตื่นเต้นกับของเล่นชิ้นใหม่ ผมหลุดหัวเราะพรืดเพราะไม่เคยคิดว่าคนหล่อหน้าเข้มอย่างมันจะมีมุมน่ารักๆแบบนี้
"ดีพ... มึงโคตรมุ้งมิ้งเลยว่ะ มาเป็นเมียกูเถอะ"
ผมทำหน้ากรุ้มกริ่มก่อนจะรั้งเอวมันมากอดไว้ ตอนนี้ไม่อายแล้วครับความอยากแกล้งไอ้ดีพมีมากกว่า มันตกใจทำตาโตก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์จนผมเสียวสันหลังวาบ
"กูกำลังทำให้มึงตายใจอยู่ไงที่รัก"
มันมองผมด้วยดวงตาที่เป็นประกาย เสียงแหบพร่ากระซิบเข้าข้างหูก่อนที่มันจะกดปลายจมูกลงบนซอกคอผมอย่างหน้าตาเฉย ไอ้เชี่ยนี่ลามปามไปเรื่อยแล้วนะ คนแม่งก็หันมามองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้ บางคนถึงกับดีดดิ้นออกอาการฟินจนผมหน้าร้อนวูบวาบแล้วผลักมันออกไปไกลๆ
"เกลียดมึง! จะไปปั่นเป็ดก็รีบๆเข้า"
ผมรีบสาวเท้าเดินเร็วๆหนีมันทันที บอกได้เลยว่าตอนนี้โคตรอาย โคตรเขิน ทำอะไรประเจิดประเจ้อเกินไปแล้วครับ
"รอกูด้วยภีมมมมม ~"
แล้วมันก็แหกปากวิ่งตามมาก่อนจะกอดคอผมแล้วเดินไปด้วยกัน
ตกเย็นพวกเราก็พากันมาย่านการค้าที่มีอาหารขายเต็มสองข้างทางถนน ไฟประดับประดาสีสันสวยงามไม่ต่างจากกรุงเทพฯยามค่ำคืนสักเท่าไหร่นัก
"กินอะไรกันดี?"
ผมถามคนที่เดินเคียงข้างกัน ดีพยกแขนขึ้นมาพาดไหล่แล้วดึงผมเข้าไปใกล้ ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้กรอกครับว่าดีพทำแบบนี้แล้วผมรู้สึกดีเพราะอากาศกำลังเย็นลง
"มึงอยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวกูพาไป"
ดีพหันมายิ้มให้ มันเป็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่เขาชอบมอบให้ผมเสมอมา
"คิดไม่ออก มึงอยากกินอะไร"
ผมถามมันกลับไปบ้างก่อนจะหยุดเดินแล้วหมุนตัวกลับทางที่เพิ่งเดินผ่านมา ผมมึนงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ท้วงอะไรออกไป
"กูอยากกินมึง ได้ป่ะ?"
มันกระซิบข้างหูก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่มใส่กัน ผมแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะตบหัวมันไปเต็มๆ แล้วผลักมันออกไปไกลๆ ดีพหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างพอใจ นี่ก็แม่งหื่นได้ตลอดเวลาจริงๆ -_-
"ฝันอยู่เหรอไง"
ผมเบ้ปากใส่ก่อนจะเดินหนีกลับไปทางเดิม คือหิวครับไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย
"ภีมอ่า มึงอย่างอนดิ กูล้อเล่น"
มันเดินตามผมมาก่อนจะดึงแขนผมไปกอด ดวงตาคมฉายแววออดอ้อนจนผมที่เผลอมองแอบใจสั่น จริงๆก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าทุกครั้งที่มันพูดเรื่องอย่างว่าแล้วผมแอบเคลิ้มตามไปกับมัน แต่พอคิดขึ้นมาได้ว่าคนอย่างมันไม่มีทางรับ ผมก็กลัวขึ้นมา... กลัวเจ็บ ก็คนมันไม่เคยนะเว้ย แล้วคิดถึงสภาพตัวเองร้องครางใต้ร่างมันสิ อัปยศอดสูฉิบหาย โอยย แล้วทำไมต้องหน้าร้อนวูบวาบด้วยวะเนี่ย เกลียดตัวเอง
"พอ เลิกหื่นสักวันมันไม่ตายหรอกดีพ"
ผมเหล่ตามองมันแล้วส่ายหัวปลงๆ ดีพแสร้งทำหน้าหงอยแล้วพยักหน้าเบาๆ
"ก็ได้ๆ ไปกินราเมนกัน"
"อือ"
แล้วเราก็จบลงที่ร้านราเมนชื่อดังในย่านการค้าแห่งนี้ กว่าจะกลับถึงห้องพักเวลาก็ล่วงเลยเข้าช่วงสี่ทุ่มไปแล้ว ผมจัดการอาบน้ำเรียบร้อยแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างหมดแรง วันนี้ชีพจรลงเท้าทั้งวันจนปวดเมื่อยไปหมด
"เป็นไรวะภีม"
ดีพออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่ยอมรับว่าโคตรเซ็กซี่ ส่วนบนเปลือยเปล่าโชว์ซิกแพคลอนสวย มีเพียงกางเกงวอร์มขายาวที่ปกปิดร่างกาย หยดน้ำเกาะพราวอยู่บนเส้นผม ผ้าผืนเล็กสีขาวกำลังขยับไปตามเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ดูดีจนต้องเบือนหน้าหนี ที่มันถามออกมาแบบนั้นคงเพราะเห็นว่าผมบิดตัวไปมาบนเตียงพร้อมกับทำใบหน้ายุ่งแน่ๆ
"ปวดขา ปวดเท้า"
ผมนอนกางแขนกางขาอยู่นิ่งๆก่อนจะรู้สึกว่ามีเงาดำๆขึ้นมาทาบทับตัวเอง ดีพเดินเข้ามาหยุดตรงตำแหน่งปลายเตียงที่ผมนอนอยู่ มันลากเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งลงก่อนจะดึงขาผมแล้ววางลงบนตักตัวเอง ยอมรับว่าตกใจกับการกระทำของมันจนต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
"จะทำอะไร?"
ผมถามมันด้วยน้ำเสียงตกใจ ไม่เคยพบเคยเจอดีพในโหมดนี้มาก่อนถึงจะคบกันมาเกือบปีก็เถอะ
"เดี๋ยวนวดเท้ากับขาให้"
มันยิ้มก่อนจะวางมือลงบนเท้า ผมรีบดึงเท้ากลับแต่มันก็คว้าข้อเท้าไว้เต็มมือก่อนจะส่งสายตาดุๆมาให้กัน
"เห้ย ไม่เอา กูนวดเองได้ นั่นเท้านะเว้ย"
ผมกระตุกเท้าเบาๆเพื่อจะให้มันปล่อย แต่ดีพยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นแล้วออกแรงบีบข้อเท้าผม
"แล้วยังไง กูไม่ได้รังเกียจสักหน่อย"
สายตาจริงจังส่งมาให้กันจนผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว
"แต่มึงเป็นพี่กูนะ แล้วนั่นมันของต่ำ"
ผมหลุบตามองมือมันที่จีบข้อเท้าผมอยู่ ดีพแก่กว่าผมหนึ่งปี แต่ที่ผมไม่ยอมเรียกว่าพี่เพราะ..ผมไม่เคยเรียกแฟนว่าพี่นี่หว่า
"กูเป็นพี่มึงก็จริง แต่กูก็เป็นแฟนมึงด้วย ดูแลแฟนแค่นี้กูเต็มใจว่ะ มึงนั่งเงียบๆไปเลย"
คำพูดของมันทำให้ผมนิ่งอึ้งจนไม่กล้าพูดอะไรต่อ ได้แต่ปล่อยให้มันจัดการเป็นหมอนวดจำเป็นไปก่อนที่รอยยิ้มบางจะประดับขึ้นทั้งบนใบหน้าของผมและของมัน ไม่ต้องทำอะไรมากแค่อยู่ด้วยกันก็มีความสุขแล้ว ผมนั่งมองมันอย่างเงียบเชียบ เวลาดีพตั้งใจทำอะไรสักอย่างแววตาจะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น สีหน้าจริงจังดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด มีหลายครั้งที่ดีพเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม เราต่างคนต่างยิ้มให้กัน
"ดีขึ้นบ้างหรือยัง?"
ดีพหยุดมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตา ผมพยักหน้าก่อนจะโน้มคอมันเข้ามาใกล้แล้วกดจูบลงบนริมฝีปากหยักเบาๆเพื่อเป็นการขอบคุณ
"ขอบคุณนะดีพ"
ผมผละออกแล้วเอ่ยคำขอบคุณอีกครั้ง ดีพขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยประโยคที่ฟังแล้วน่าถีบให้กระเด็นตกจากเก้าอี้จริงๆ
"ไม่พอ อยากได้อีก"
มันส่งสายตากรุ้มกริ่มก่อนจะดันให้ผมนอนราบลงกับเตียง ส่วนตัวมันขยับขึ้นมาคร่อมไว้ ผมยกมือดันหน้าอกแกร่งของมันให้ระยะห่างของเราอยู่ในช่วงปลอดภัย
"โลภมาก"
ผมเบ้ปากใส่มันก่อนจะแอบหยิกเนื้อบริเวณหน้าอกของดีพ มันยู่ปากเล็กน้อยก่อนจะกลับมายิ้มกริ่มเหมือนเดิม ยอมรับว่าตอนนี้ผมโคตรใจสั่นเลยครับ
"ตั้งแต่ได้รักมึงกูก็กลายเป็นคนโลภมาก"
"อย่ามาโทษกู"
ผมถลึงตาใส่แต่มือที่ดันอกมันเปลี่ยนไปโอบรอบคอหนาแทน ปากสวนทางกับการกระทำนี่ก็มีผมคนหนึ่งล่ะครับที่เป็น
"เวลาอยู่กับมึงอะไรๆมันก็ไม่เคยพอนี่หว่า ไม่เห็นกูจะมีอาการแบบนี้กับคนอื่น"
มันโน้มตัวลงมาจนปลายจมูกของเราแตะกัน ลมหายใจอุ่นๆเบารดลงบนแก้มของผมจนร้อนวูบวาบ ไม่รู้ว่าร้อนเพราะลมหายใจหรือเพราะเขิน
"ปากหวานนะมึง"
ผมว่าก่อนจะเกร็งตัวงับปลายจมูกของมัน ดีพย่นจมูกก่อนจะยิ้มแล้วเลื่อนมือมาลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา สายตาของเรามองประสานกันไม่มีท่าทีว่าใครจะยอมแพ้
"หวานให้มึงชิม"
"งั้นเอามาชิม"
ผมโน้มคอมันลงมาจนริมฝีปากของเราแตะกัน ริมฝีปากหยักค่อยๆบดคลึงลงมาอ่อนโยน เรียวลิ้นร้อนถูกส่งออกมาละเลียดไปตามริมฝีปากของผมมันช่างอ้อยอิ่งจนรู้สึกวาบหวาม ปากล่างถูกดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบวมเจ่อ ผมเผยอปากกอบโกยอากาศเข้าปอดเป็นจังหวะดีที่ดีพสอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวตวัดหยอกล้อเคล้าคลึงกับลิ้นของผม จูบช่างหอมหวานจนไม่อยากผละออกจากกัน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างอ่อนโยน ไม่มีการล้วงล้ำกันมากกว่านั้นจนสุดท้ายเราก็ผละออกจากกัน
"หวานป่ะ?"
คำถามกวนๆมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ โคตรขัดกันแต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมา
"เออ หวาน"
ผมตอบไปก่อนจะโน้มคอมันลงมาจูบอีกครั้ง ผมคึกแล้วล่ะ...ความหวานเลยแผ่กระจายขนาดนี้
"อยากชิมตัวมึงบ้าง.. แต่กูไม่บังคับมึงนะ"
"อือ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่กูจะบอก"
"ครับผม กูจะรอนะ.. รอจนกว่าจะทนไม่ไหว"
ผมถลึงตามองมันทันทีเมื่อรู้สึกว่าคำพูดของมันแปลกเกินไป ดีพเลิกคิ้วขึ้นทำหน้าใสซื่อแล้วทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆกัน
"มึงคิดจะปล้ำกูใช่ไหม?"
ผมพลิกตัวนอนตะแคงแล้วมองมันอย่างคาดคั้น เจ้าตัวหันมามองกันแล้วยิ้มเผล่ออกมาก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
"ก็มึงน่าฟัด ไม่รู้กูจะทนได้แค่ไหน"
พูดจบก็ตรงเข้ามางับแก้มกันกน้าตาเฉยจนผมต้องใช้มือดันหน้าผากให้ดีพออกไปห่างๆ
"คืนนี้มึงออกไปนอนนอกห้อง นี่คือคำสั่ง!!"
ผมแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะยกเท้าถีบมันจนตกเตียง เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นทันทีเมื่อก้นมันสัมผัสกับพื้นแบบเต็มๆ ผมนอนหัวเราะเอิ้กอ้ากด้วยความสะใจเมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งที่มองตรงมา
"ใจร้าย! อย่าเผลอนะภีม มึงต้องเสร็จกูสักวัน"
มันชี้หน้าคาดโทษกัน แต่ผมแลบลิ้นใส่ ไม่แคร์หรอกครับ กล้าปล้ำก็เอาสิ แต่หลังจากปล้ำแล้วมันคงตายคาตีนผมอย่างไม่ต้องสงสัย
"กูจะรอวันนั้นนะดีพ โอ้ยๆ ตื่นเต้นจัง"
ผมแกล้งทำสะดีดสะดิ้งทั้งๆที่ไม่ชอบ แต่การได้แกล้งแหย่มันเป็นอะไรที่ผมมีความสุข ดีพพุ่งตัวขึ้นมานอนทับกันก่อนจะจับผมฟัดด้วยความมันเขี้ยว
"ไอ้เชี่ย! หยุดเลย"
แล้วผมก็ถีบมันตกเตียงไปอีกรอบ คราวนี้มันนั่งหน้างอง้ำอยู่ตรงนั้นไม่พูดไม่จา สงสัยจะโกรธจริง ผมคลานลงจากเตียงแล้วไปนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้า ใช้สองมือประคองแก้มมันบังคับให้สบตา
"กูขอโทษ เจ็บมากไหม?"
มันมองหน้าผมนิ่ง ไม่ยอมตอบอะไรออกมาจนผมต้องโน้มตัวเข้าไปจุ๊บปากมันเบาๆ
"ขอโทษนะครับ"
ยังคงเงียบไร้สัญญาณตอบรับจนผมต้องกดจูบลงบนปากนั่นอีกครั้ง
"พี่ดีพครับ ภีมขอโทษ ไม่โกรธภีมนะครับคนดี"
พอพูดจบเท่านั้นล่ะ ดีพก็ดึงผมเข้าไปกอดแนบอกทันที ผมเผลอยิ้มแล้วซุกหน้าลงบนไหล่หนา อ้อนเข้าหน่อยดีพก็แพ้ผมแล้ว
"กูรักมึงนะภีม"
คำบอกรักที่ไม่ได้หวานหูแต่มันกลับอุ่นไปทั้งหัวใจ ชอบนะชอบมากกับคำบอกรักที่ออกมาจากใจจริงๆ ไม่มีการปรุงแต่งแบบนี้
"รักมึงเหมือนกัน"
----------------------------------------------------------
เห็นจีบกับคิสเขางุ้งงิ้งกันมามากแล้ว คราวนี้มาจับตามองคู่ดีพภีมกันบ้างเนอะ คึคึ
ปล.อ่านให้สนุกน้า