-ดื่มครั้งที่ 12 -
อากาศยามเที่ยงวันที่ร้อนระอุ แสงแดดสายส่องลงกลางศีรษะแบบพอดิบพอดีจนต้องหาอะไรมาบังหลบร้อน ผมและเพื่อนๆรีบวิ่งเข้าใต้ตัวอาคารหลังกลับจากตึกเรียนรวม ช่วงบ่ายเด็กปีสองคณะศิลปกรรมศาสตร์จะมีประชุมเรื่องงานดนตรีของมหา'ลัย หน้าที่ในการจัดงานทั้งหมดตกอยู่ที่พวกผม เป็นงานประจำปีที่สำคัญพอตัวเลยก็ว่าได้ มีการแสดงของวงดนตรีชื่อดัง และมีการประกวดวงดนตรีจากบุคคลภายนอก สโมสรนักศึกษาจะเป็นคนกระจายงานและจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด
พวกเราทั้งสามคนกำลังจะเดินเข้าหอประชุมของทางคณะแต่แล้วก็ได้ยินเสียงคนจำนวนหนึ่งกำลังโวยวายอยู่ใกล้ๆจนต้องแอบเดินเข้าไปดูก็พบว่าเป็นพี่จีบกับพี่แบทที่เป็นสโมสรนักศึกษากำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่โดยมีพี่คินกับพี่แก๊ปมองอย่างขำๆ
"มึง..พี่จีบกับพี่แบททำไรกันวะนั่น เหมือนกำลังจะฆ่ากันเลยอ่ะ"
ไอ้ออยขยับไปอยู่ด้านหน้าของพวกผมที่ยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ ผมกับไอ้ภีมส่ายหน้าพรืดพร้อมกัน จะไปรู้เรื่องได้ยังไงก็เดินมาพร้อมกันวะ ไอ้ออยก็ถามแปลกๆ
"ขยับไปอีกดิ เผื่อจะได้ยินเสียง"
ไอ้ภีมเสนอ พวกเราเลยขยับเข้าไปใกล้อีกระดับโดยหลังยองๆลงที่หลังพุ่มไม้เตี้ยๆ แล้วก็จริงอย่างที่ไอ้ภีมว่าได้ยินเสียงทะเลาะกันชัดเจนมาก
"ไอ้จีบ มึงต้องไปกับกู"
พี่แบทล็อกคอพี่จีบแน่นแล้วพยายามลากให้เดินไปด้วยกัน ถ้าจะให้เดาคงจะลากพี่จีบเข้าหอประชุมคณะแน่ๆ
"กูไม่ไป!"
พี่จีบตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับสะบัดตัวไปมา สองคนนี้รูปร่างใกล้เคียงกันมากจนไม่สามารถเดาได้ว่าใครแรงเยอะกว่าใคร
"มึงต้องไปร้องเพลงเรียกคนดู!"
พี่แบทตะโกนแข่งบ้างก่อนจะพยายามออกแรงลากพี่จีบอีกครั้ง พวกผมไม่มีใครพูดอะไรเพราะมัวแต่ลุ้นเหตุการณ์ตรงหน้า ดูสิว่าใครจะชนะ
"กูไม่ร้อง ไม่เอา ไม่ไป ไอ้แบทปล่อยกู!"
"มึงต้องไปไอ้เชี่ย ช่วยงานพวกกูหน่อย"
"ไม่ช่วย ไอ้สัด! #@$×#$$^"##-"#()฿฿"
"ไอ้จีบ! มึงอย่ารัวภาษาเกาหลีใส่กู กูฟังไม่รู้เรื่อง!!!"
ผมเบิกตากว้างกับสิ่งที่พี่แบทพูด.. พี่จีบรัวภาษาเกาหลีใส่พี่แบทเหรอวะ แล้วทำไมพี่จีบพูดเกาหลีได้ ผมงงนะเนี่ย
"ปล่อยกูสิ ปล่อย ไอ้แก๊ปช่วยกูด้วย!!"
"มึงก็ไปร้องเพลงให้มันเหอะ ไม่งั้นมันก็ตามรังควานมึงอยู่แบบเนี่ยไม่หยุดหย่อน"
พี่คินพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปช่วยพี่แก๊ปลากตัวพี่จีบออกจากแขนไอ้พี่แบท
"โว้ย ห่าไรเนี่ย กูร้องเพลงเป็นซะที่ไหน"
พี่จีบทำหน้ายุ่งก่อนจะถูรอบคอตัวเองไปมาเบาๆ สงสัยโดนไอ้พี่แบทรัดแน่นจนเจ็บ
"มึงร้องผิดคีย์สาวๆก็กรี๊ด เชื่อกู"
ไอ้พี่แบทยังไม่ยอมแพ้ ผมกำลังลุ้นว่าพี่จีบจะตอบกลับว่าอะไรแต่ไอ้ออยกรี๊ดลั่นซะก่อนจนพวกผมสะดุ้งตามๆกัน
"กรี๊ดดด เหี้ยๆๆๆๆๆๆๆ"
ไอ้ออยกรี๊ดก่อนจะชี้นิ้วไปที่ตัวเงินตัวทองที่กำลังเดินตรงมาที่พวกผม มันออกวิ่งตรงไปทางกลุ่มพี่จีบเป็นคนแรกส่วนพวกผมเมื่อตั้งสติได้ก็รีบออกวิ่งไปเหมือนกัน
"อ๊ากกกกก เหี้ย"
ผมแหกปากร้องไปด้วยตอนวิ่ง ไอ้พี่แบททำหน้าตาตกใจก่อนจะคว้าหมับที่ไหล่ผม กำลังจะวิ่งผ่านแล้วนะแม่งจะมาเบรกกันทำไมวะ แถมเอาแขนล็อกคอกันอีก
"แค่กๆๆ ไอ้พี่แบท ปล่อย!"
ผมดิ้นขลุกขลักหอบหายใจแรงๆเพราะวิ่งด้วยความเร็วมา พี่แบทตั้งสติได้เลยคลายแรงรัดรอบคอผมลงแต่ยังไม่ยอมปล่อยกัน
"มึงหนีอะไรมาเนี่ย"
"หนีตัวเหี้ยมาพี่"
"ไอ้แบท ปล่อย"
เสียงที่สามแทรกบทสนทนาของเราทั้งสองคนขึ้นมา ผมหันไปก็พบกับพี่จีบที่ยืนทำหน้าตาบูดบึ้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ส่วนไอ้พี่แบทมองด้วยความสงสัยว่าไอ้พี่จีบสั่งให้ปล่อยอะไร
"ปล่อยอะไรของมึง?"
"ปล่อยไอ้คิส"
สายตาดุๆถูกส่งมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาใกล้แล้วแกะแขนไอ้พี่แบทออกจากคอผมก่อนที่พี่จีบจะดึงตัวผมเขาไปกอดไว้แนบอก
"พี่จีบ ทำไรเนี่ย หายใจไม่ออก"
ผมดิ้นขลุกขลักแต่ไอ้พี่จีบไม่ยอมปล่อยกันแถมยังลากผมให้อยู่ห่างจากพี่แบทด้วย
"ไม่ให้คนอื่นกอด"
ประโยคสั้นๆที่ฟังยังไงก็ไม่ได้ช่วยไขความกระจ่าง ผมดันหน้าอกคนตัวสูงแล้วพยายามมุดออกมาจากอ้อมกอดของเขาได้สำเร็จ ดวงตาคมจ้องมองผมอย่างเอาเรื่อง คือแบบ...คิสทำอะไรผิด ฮือ
"ทำไมต้องดุด้วย"
ผมว่าเสียงอ่อยก่อนจะก้มหน้ามองพื้น มือหนายกขึ้นวางแปะลงบนหัวผมเบาๆแล้วออกแรงขยี้
"กูหวงมึง ไม่อยากให้ใครใกล้ เข้าใจไหม?"
ผมสะดุดลมหายใจก่อนจะช้อนตามองคนตรงหน้า รู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายโดนเฉพาะตรงแก้มจะร้อนวูบวาบเป็นพิเศษ แล้วไอ้ที่พูดหวานๆใส่กันเนี่ยไม่เกรงใจเพื่อนพี่บ้างหรือยังไงวะ!
"เดี๋ยวๆๆๆ ไอ้จีบ อย่าบอกนะว่ามึงจีบน้องรหัสกู?"
พี่แบทย่างสามขุมมาเกี่ยวคอผมไปกอดไว้อีก เลยได้สายตาดุๆจากไอ้พี่จีบมาอีกครั้ง ผมยิ้มแหยส่งไปให้ทั้งคู่เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี ทางหนึ่งก็พี่จีบทางหนึ่งก็พี่รหัสตัวเอง
"เออ แล้วหนักส่วนไหนของมึง?"
พี่จีบกดเสียงต่ำลงจนน่ากลัว พี่คินกับพี่แก๊ปไม่รู้หายตัวไปไหนซะแล้ว ไม่อยู่ช่วยกันเลยวะ ขอแช่งให้มันสองคนไม่มีแรงทำการบ้าน!!!
"ไม่หนักๆ กูขอคุยกับคิสแป็ปนึง"
พี่แบทยิ้มหน้าระรื่นจนผมแอบเสียวสันหลังวาบ พี่จีบขมวดคิ้วแน่นเหมือนจะไม่ยอม แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาแรงๆแล้วพยักหน้าเบาๆ พี่แบทลากผมออกมาไม่ไกลนักก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างของผมเอาไว้ก่อนจะใช้สายตาคาดหวังมองตรงมา... มันต้องมีเรื่องเชี่ยๆให้ผมทำแน่ๆ ฮือ พี่รหัสผมไม่ไม่ครบบาท!
"มึงอ้อนไอ้จีบให้ไปร้องเพลงในงานดนตรีหน่อย..นะ"
ไม่นะได้ไหม.. ผมมองหน้าพี่แบทก่อนจะส่ายหัวรัวๆ คนอย่างไอ้พี่จีบถ้าไม่ทำมันก็ไม่ทำ ผมอ้อนให้ตายก็เปลืองตัวโดยใช่เหตุสิ
"พี่จีบไม่ยอมหรอก"
"มึงไม่ลองก่อนอ่ะ"
พี่แบทใช้น้ำเสียงอ้อนๆพูดกับผม ดวงตาคมเป็นประกาบวาววับด้วยความคาดหวัง.. อยากจะบอกแสกกลางหน้ามากว่าอย่ามาคาดหวังอะไรกับคนอย่างผม ถ้าผิดหวังขึ้นมาผมยังไม่อยากโดนกระทืบนะเว้ย
"ไม่เอา พี่จีบไม่ยอมหรอก"
ผมยืนยันเสียงดังฟังชัดจนไอ้พี่แบทชักสีหน้าหงุดหงิดใส่
"มึงต้องไปลองอ้อนมันเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง!"
ผมเบ้ปากใส่คนที่ออกเสียงสั่งลอดไรฟัน พอไม่ได้ดั่งใจก็ออกคำสั่งตลอด อยากขัดก็ขัดไม่ได้เพราะคำว่าน้องรหัสมันค้ำคอต้องพึ่งบุญบารมีของไอ้พี่แบทไปอีกนาน
"ชอบบังคับจริงๆ วู้"
ผมว่าก่อนจะหันหลังให้มันแล้วรีบวิ่งหนีเพราะรู้ตัวดีว่าพี่แบทมันง้างเท้าจะแต่ผมตั้งแต่เบ้ปากใส่ พี่จีบที่มองมาหัวเราะขำๆกับการวิ่งของผม.. ก็วิ่งแบบขี้เกียจอ่ะ เหมือนจะไถลไปตามพื้นอยู่แล้ว นี่ถ้าพื้นสากคงสะดุดลงไปนอนกองเรียบร้อย
"ทำอะไรของมึง?"
คำถามแรกที่ถามกันหลังจากผมเบรกตรงหน้าพี่จีบด้วยท่วงท่าที่สวยงาม ผมยิ้มกว้างก่อนจะรวบเข้าแขนขวาของเขามากอดไว้แล้วใช้แก้มถูไถเบาๆบนไหล่
"พี่จีบ ~"
ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงหวานจนตัวเองแอบขนลุกหน่อยๆ ทั้งชีวิตไม่เคยคิดจะอ้อนใครขนาดนี้เลยนะเว้ย อายตัวเองฉิบหาย แต่ตอนนี้ต้องหน้าด้านเพื่อนงานคณะและงานของชั้นปีตัวเอง
"อะ อะไรของมึง"
เสียงพี่จีบตอบกลับมาตะกุกตะกักจนผมแปลกใส่เลยเงยหน้าขึ้นไปมอง บนใบหน้าหล่อเหลามีสีแดงระเรื่อ ดวงตาคมเสมองไปทางอื่นเมื่อเห็นผมกำลังจ้องอยู่.. ผมอมยิ้มนิดๆกับท่าทีน่ารักของพี่จีบที่นานๆครั้งจะได้เห็น ตอนแรกก็คิดว่าอากาศคงร้อนพี่มันเลยหน้าแดงแต่พอสังเกตรายละเอียดเล็กน้อยก็พบว่าพี่จีบกำลังเขิน
"ไปร้องเพลงงานดนตรีให้หน่อยสิครับ ~"
ผมอ้อนเสียงหวานพร้อมกับกระชับกอดรอบแขนแน่ขึ้น กระพริบตาปริบๆให้ดูน่ารักขึ้นไปอีก... ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่จีบจะคิดว่าน่ารักหรือน่าสยอง
"มะ ไม่เว้ย ร้องเพลงไม่เป็น"
พี่จีบเอามือผลักหัวผมออกไกลโดยไม่ยอมมองหน้ากัน ผมจิ๊ปากเบาๆก่อนจะปล่อยแขนเขาออกแต่เปลี่ยนมาเป็นดึงมือหนามาจับไว้แทน พี่จีบหันขวับมามองด้วยดวงตาเบิกกว้างก่อนจะขมวดคิ้วยุ่งขึ้น
"แต่ผมอยากฟังพี่จีบร้องเพลงนี่นา นะครับ น้า ~"
มีมารยาเท่าไหร่ผมดึงออกมาใช้หมดเปลือกแล้วครับ ถ้าไม่ตกลงครั้งนี้ผมแม่งกัดหัวไอ้พี่จีบแน่ ไอ้พี่แบทก็หัวเราะบ้าบออะไรของมันไม่รู้ คนเขาช่วยแล้วยังจะมาหัวเราะกันอีก ไม่สำนึกบุญคุณ! พี่จีบเหล่มองผมที่กำลังเอาแก้มถูลงบนมือหนาอย่างอ้อนๆ แก้มกร้านแดงขึ้นอีกครั้งก่อนจะสะบัดมือตัวเองออกเบาๆ
"เออๆ ร้องก็ร้องแม่ง"
ตอบรับด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงแต่มุมปากกลับมีรอยยิ้มเล็กๆประดับอยู่ ผมยิ้มกว้างก่อนจะกระโดดร้องอย่างดีใจ
"เย้ๆ พี่จีบยอมแล้ว"
ผมวิ่งวนไปรอบตัวพี่จีบก่อนจะโดนจับมารวบกอดเอาไว้จากด้านหลัง ผมตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับไปไหน
"ปะ ปล่อยผมเถอะ"
ผมพูดเสียงตะกุกตะกักด้วยความอายเมื่อเจอสายตาล้อเลียนของไอ้พี่แบทมองมา ทั้งๆที่ไอ้พี่จีบตกลงร้องเพลงให้แล้วไอ้พี่แบทก็ยังยืนเงียบดูปฏิกิริยาของพวกเราอยู่เฉยๆ มันต้องการอะไรวะเนี่ย ตอบ!
"มึงซนเป็นลิง กูจะปล่อยได้ไงหืม?"
พี่จีบก้มลงมากระซิบข้างหูกันจนต้องหดคอหนี คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มมองมา บางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปจนผมต้องหันหน้าหลบ
"พี่จีบครับ คนมองใหญ่แล้ว ปล่อยเถอะ"
ผมใช้เสียงจริงจังพูด ใบหน้าหล่อยอมผละออกแล้วคลายอ้อมแขนปล่อยให้ผมเป็นอิสระ เสื้อผ้ายับยู่ยี่จนผมต้องจัดมันใหม่ให้เข้าที่ พี่จีบอมยิ้มน้อยๆกับสิ่งที่ผมทำโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองยังไง
"ทำหน้าบึ้งทำไม กลัวเป็นข่าวกับกูอีกเหรอ?"
พี่จีบเอื้อมมือมาดึงแก้มกันจนผมตกใจเลยถอยหนี ยอมรับว่าหน้าร้อนมากเพราะทั้งอายและทั้งเขิน
"นิดหน่อยครับ เข้าหอประชุมกันเหอะนะ"
ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่แบทที่กวักมือเรียกอยู่บริเวณหน้าหอประชุม พี่จีบสาวเท้าเดินตามมาแต่ก็ใช้มือรั้งไหล่ผมเอาไว้จนต้องหันไปมองแล้วก็เจอกับเขาที่กำลังเลิกคิ้วมองอยู่ด้วยความสงสัย
"กูต้องเข้าประชุมด้วยเหรอวะ?"
ผมหน้าเหวอขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่จีบถาม ลืมไปว่าเขาไม่ได้อยู่ในส่วนจัดงานแต่อยู่ในส่วนแสดง ไอ้ผมก็ปล่อยไก่ตัวใหญ่อีกตามเคย ผมเกาหัวแกรกๆแล้วยิ้มเผล่ออกไป
"แหะๆ ไม่ต้องครับ งั้นผมเข้าประชุมก่อนนะ"
"เออๆ เดี๋ยวรอที่ลานคณะ"
"หา รอทำไมครับ?"
ผมร้องเสียงหลงเพราะเมื่อเช้าต่างคนต่างมาแท้ๆ แล้วจะรอผมทำไม ไม่ได้มีนัดอะไรกันด้วย
"อยากรอ ไม่ได้หรือไง?"
คำตอบกวนๆมาพร้อมกับการยักคิ้วข้างเดียวให้กัน ผมเบ้ปากเล็กน้อยแต่ก็แอบดีใจอยู่ลึกๆที่พี่จีบมานั่งรอ มันจะเป็นการทรมานพี่จีบหรือเปล่า ผมเกรงใจว่ะ
"คือรอได้ แต่ผมไม่รู้จะประชุมเสร็จเมื่อไหร่ กลัวพี่รอนานครับ แล้วอีกอย่างหนึ่งวันนี้ผมเอามอ'ไซต์มา"
"ไม่เป็นไร กูรอได้ วันนี้กูไม่ได้เอารถมา เมื่อเช้ามาพร้อมไอ้ซารัง"
ผมพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ พี่จีบยิ้มให้ก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวผมอีกแล้ว.. ผมยู่ปากด้วยความขัดใจ ทรงผมไม่เคยจะดูดีกับเขาเลยสักครั้ง
"พี่เป็นอะไรกับหัวผมมากไหมเนี่ย ยุ่งเหยิงหมดแล้ว"
ผมว่าก่อนจะปัดมือพี่จีบทิ้งแล้วใช้มือจัดทรงผมตัวเองลวกๆ เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นจากคนตรงหน้าทำให้ผมต้องค้อนขวับใส่
"หัวยุ่งๆดีแล้ว จะได้ไม่มีใครมอง"
"ใครที่ไหนจะมามองวะ ไม่ได้หล่อเหมือนพี่นะเว้ย"
"แต่มึงน่ารักมากนะ"
"อะ ไอ้พี่จีบ ผมไปประชุมแล้ว!!"
ไม่รู้จะเถียงมันยังไงว่าตัวเองไม่น่ารัก ไม่ใช่เพราะว่ายอมรับแต่มันเขินกับคำชมตรงๆของเขาซะอย่างนั้น ผมพูดจบก็หันหลังรีบก้าวยาวๆเข้าหอประชุมไปด้วยใจที่เต้นตึกตักทันที กว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้ก็เมื่อเจอไอ้ออยกับไอ้ภีมกวักมือเรียก
"ช้าว่ะมึง มัวทำไรอยู่"
ผมทิ้งตัวลงนั่งตรงกลางระหว่างไอ้ออยกับไอ้ภีมที่มันเว้นว่างไว้ให้ ตอนนี้เรานั่งกันเป็นวงกลมครับ วงละสิบคน คงจะแบ่งสัดส่วนแล้วว่าทำอะไรกันบ้าง
"พี่แบทดิ.. ให้กูไปยืนอ้อนพี่จีบอยู่ได้"
ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มให้ได้ยินแค่ไอ้ภีมกับไอ้ออย ถ้าเกิดคนอื่นที่นั่งอยู่ได้ยินมีหวังผมต้องกลายเป็นขอมดำดินตอนนี้แน่ๆ
"ว้าย อ้อนอะไรกันยะ?"
ไอ้ออยเอาไหล่บางๆมากระแซะไหล่ผมก่อนจะมองมาด้วยแววตาเป็นประกายวิบวับ ส่วนไอ้ภีมแค่โน้มตัวเข้ามารอฟังใกล้ๆอย่างเงียบๆ เพื่อนผมไม่ค่อยเผือกกันเลยเนอะ
"เสือกจริงๆ"
ผมว่าก่อนจะผลักหัวมันทั้งสองคนเบาๆ แต่ไม่มีใครยอมแพ้ในการเผือกสักคนเดียว ยอมใจจริงๆครับเพราะพวกมันก็โน้มตัวเข้ามาเสือกใหม่อยู่ดี
"เล่ามาเลย ให้ไว อย่าอิดออดอ๊อดอ๊อด"
ผมกับไอ้ภีมถึงกับหลุดขำในความติ๊งต๊องของไอ้ออย สติไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวมันสักเท่าไหร่
"เออ ก็อย่างที่พวกมึงได้ยินกันว่าพี่แบทบังคับให้พี่จีบไปร้องเพลงในงานดนตรี แต่พี่มันไม่ยอมใช่ป่ะ พี่แบทเลยให้กูไปอ้อนพี่จีบเว้ย"
"แล้วไงต่อวะ กูเห็นพี่แบทจะฆ่าพี่มันอยู่แล้ว พี่มันยังไม่ยอม"
ไอ้ภีมพูดขึ้นบ้างหลังจากที่ฟังอยู่นาน
"ก็... พอกูไปอ้อนนิดอ้อนหน่อยพี่จีบก็ยอมว่ะ"
พูดแล้วก็เผลอยกมือขึ้นเกาแก้ม เขินว่ะ อย่าให้เล่านะว่าอ้อนยังไง คราวนี้ผมมุดดินหนีแน่นอน
"อุ้ยตาย เพื่อนกูค่ะ เพื่อนกู เอาผัวอยู่หมัดแน่ๆ"
ไอ้ออยพูดด้วยเสียงดี๊ด๊าจนน่าหมั่นไส้ ผมเลยต้องเอื้อมมือไปดึงแก้มมัน ใบหน้าสวยบึ้งตึงมันยกมือเรียวขึ้นฟาดลงบนมือผมทันทีทันใด ผมเบ้ปากก่อนจะยอมปล่อยแก้มมันให้เป็นอิสระ
"ทำร้ายกู"
มันแยกเขี้ยวใส่ผมก่อนจะสะบัดหน้าจนปลายผมมันโดนหน้าผม เจ็บสัดๆเลยครับพี่น้องครับ ผมเอนตัวไปพิงไอ้ภีมเพราะหลบผมไอ้ออย
"มึงนั่นล่ะ พูดเชี่ยไร ใครผัวใคร บ้าบอ"
"พี่จีบไงผัวมะ...อื้ออ"
ไอ้ออยพูดเสียงดังเกินไปจนผมต้องเอื้อมมือไปปิดปากมันไว้เพราะคนที่นั่งล้อมวงทั้งหมดหันมามองพวกผมเป็นตาเดียว ไอ้ออยที่ดิ้นในตอนแรกกลับหยุดนิ่งเมื่อเจอสายตาของคนอื่นๆมองมา
"เออๆ กลุ่มเราได้หน้าที่อะไรวะ?"
ผมปล่อยไอ้ออยให้เป็นอิสระก่อนจะดึงความสนใจของเพื่อนในวง ดีหน่อยที่ทุกคนตรงนี้เป็นเพื่อนในสาขากันหมดเลยไม่มีใครติดใจอะไรมาก
"ดูแลพวกวงดนตรีกับจัดคิวการประกวดน่ะ"
แพทตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่เครียดอย่างเห็นได้ชัด ก็แค่ดูแลป่ะวะทำไมต้องเครียดอ่ะ คนหล่องงจัง
"อ๋อ แล้วทำไมต้องทำหน้าเครียดวะแพท?"
ผมถามกลับไปแล้วมองหน้าเพื่อนมันที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผม ไอ้ทอยแยกเขี้ยวใส่ผมก่อนจะทำท่าให้ผมหุบปากซะ... ผมเลิกคิ้วมองเพราะไม่เข้าใจที่ในกำลังจะสื่อ แต่ก็สังเกตได้ว่าแพทมีสีหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
"คือ.. วงมหา'ลัยมีแฟนเก่าเราด้วย"
เสียงหวานสั่นเครือตอบกลับมา.. ผมถึงบางอ้อตอนนั้นเดี๋ยวนั้นและทำอะไรไม่ถูกก่อนจะยิ้มแหยๆส่งให้ไอ้ทอยที่นั่งส่ายหัวเบาๆราวกับเหนื่อยใจ แพทกับทอยเป็นฝาแฝดชายหญิงครับ หน้ามันสองคนคล้ายกันมาก จะบอกว่าไอ้ทอยสวยเหมือนแพทคงจะไม่ผิดมากนัก แต่นิสัยมันแมนมาก แมนๆเตะบอลเหมือนผมนี่ล่ะ.. คิดว่าผมยังแมนนะเว้ย!
"งั้นเอางี้ดิ พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่มย่อย กลุ่มหนึ่งดูแลวงมหา'ลัยกับวงดนตรีที่จะเชิญมา ส่วนอีกกลุ่มดูแลเรื่องจัดคิวประกวดดีป่ะ?"
ไอเดียดีๆมาจากตัวท็อปของชั้นปีอย่างไอ้เกมเด็กแว่นที่ไม่ได้เนิร์ดอะไรเลย แต่เพราะมันสายตาสั้นดูอะนิเมะมากก็แค่นั้น
"เออดีๆ"
ทุกคนพูดออกมาแทบจะพร้อมกัน ซึ่งมันเป็นความคิดที่ดี ให้แพทไปอยู่กลุ่มจัดคิวการแสดงก็หมดเรื่อง ไม่ต้องพบเจอแฟนเก่าให้ลำบากหัวใจ
"งั้น คิส ออย ภีม ภพ กู จะดูและวงมหา'ลัยกับวงดนตรีที่จ้างมาเอง ส่วนที่เหลือก็ดูแลเรื่องการจัดคิวประกวด โอเคป่ะ?"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยยกเว้นไอ้ออยที่นั่งเงียบมาตลอดแถมยังแผ่รังสีดำมืดออกมาอีกด้วย.. ผมสะกิดมันเบาๆก่อนจะได้รับสายตาดุดันกลับมา
"เป็นไร?"
ผมถามมันกลับไปด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ไอ้ภีมก็ยื่นหน้าเข้ามามองด้วย ร่วมด้วยช่วยกันเป็นห่วงเพื่อนคืองานของเรา
"กูไม่อยากอยู่กับภพ"
ไอ้ออยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆจนผมอ้าปากหวอ ไอ้ภีมเองก็เผลอขมวดคิ้วเหมือนกัน ผมไม่ค่อยรู้เรื่องระหว่างออยกับภพสักเท่าไหร่ รู้แค่ว่าสองคนนี้เคยเรียนที่เดียวกันตอนมัธยม
"เดี๋ยวนะ พวกมึงทะเลาะอะไรกัน?"
ผมถามด้วยความงง ไอ้ออยไม่ตอบอะไรแต่เดินออกไปจากตรงนี้ซะเฉยๆเดือดร้อนให้ไอ้ภีมต้องเดิมตามไปติดๆแล้วฝากให้ผมเคลียร์เรื่องงานที่เหลือ
"เอ่อ.. ขอโทษแทนออยด้วยนะภพ มันคงเมนส์มามั้ง แหะๆ"
ผมก้มหัวขอโทษพร้อมกับส่งยิ้มแหยๆไปให้ ภพส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะยกยิ้มบาง
"ไม่เป็นไร กูย้ายไปอยู่กลุ่มนู้นแล้วกัน ทอยมึงมาอยู่แทนกูได้ป่ะ?"
ประโยคหลังภพหันไปขอร้องไอ้ทอย แต่..ทอยมันจะยอมมาดูแลแฟนเก่าของพี่สาวตัวเองเหรอวะ? ผมได้แต่นั่งลุ้นคำตอบจากไอ้ทอยไม่ต่างจากคนอื่นๆ มันทำท่าทางคิดหนักก่อนจะพยักหน้าตกลงเมื่อแพทยิ้มเป็นเชิงอนุญาต
"เออ ได้ๆ"
ทอยสลับที่กับภพแล้วมานั่งรวมกลุ่มสรุปงานส่วนของเรากัน เสร็จจากตรงนั้นผมก็เดินหาออยกับภีมไม่เจอ แต่ได้รับสายจากพวกมันว่าแยกย้ายกันกลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว ผมเลยเดินไปที่ลานคณะเพื่อจะไปหาพี่จีบ แต่พอไปถึงเท่านั้นล่ะอยากจะเดินกลับทันที ก็จะอะไรซะอีก.. ผู้หญิงเข้าไปนั่งคุยด้วยเยอะแยะ เห็นแล้วน่าหงุดหงิด ผมยืนพิงเสาใต้ตึกคณะแล้วมองพี่จีบนิ่งๆ ท่าทางดูมีความสุขดี ก็เพราะเป็นคนอัธยาศัยดีล่ะมั้งถึงคุยได้กับทุกคนแบบนั้น เป็นผมเข้าหน่อยเถอะแทบไม่อ้าปากพูดกับคนแปลกหน้าเลย
"ไอ้คิส!"
พี่จีบหันมาเจอผมที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่แล้วเรียกกันเสียงดังจนผมสะดุ้งแล้วยอมเดินผละออกจากต้นเสาอันเป็นที่รัก ผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าพี่จีบก็มองมายังผมเช่นกัน สายตาของพวกเธอดูไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด
"นั่งก่อนดิ"
พี่จีบชวน ส่วนผมพยักหน้ารับแล้วเดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้อีกตัว แต่โดนพี่จีบดึงแขนให้นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดียวกันจนแทบจะนั่งตัก เพราะที่มันแคบเกินไปสำหรับผู้ชายตัวใหญ่ๆสองคน
"พี่ มันนั่งลำบาก"
ผมกระซิบบอกเบาๆก่อนจะแกะมือปลาหมึกของอีกคนออก สายตาเหลือบมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้วยความหวาดหวั่น ไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบเชอร์อีกแล้ว
"นั่งนี่ล่ะ อย่างอแง"
พี่จีบมองดุๆก่อนจะหันไปยิ้มสดใสให้เธอทั้งสองคน ส่วนผมก็ทำได้แค่แอบถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วพยายามขยับไม่ให้หัวไหล่ชิดกับตัวอีกคน เอาง่ายๆคือผมนั่งครึ่งก้น
"นี่... เรื่องในเพจคนดังมหา'ลัยเป็นเรื่องจริงเหรอคะ?"
ผู้หญิงผมสั้นแต่งหน้าจัดถามขึ้นก่อนจะใช้สายตาไม่เป็นมิตรมองตรงมาที่ผม พี่จีบเหลือบมองกันก่อนจะยกแขนขึ้นพาดไหล่ผมอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ผมไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะทำไปอาจจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอีก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปซะทุกอย่าง
"จริงครับ ผมบอกนุ่นไปหลายครั้งแล้วนะ"
พี่จีบย้ำเสียงคำว่าหลายครั้งจนคนชื่อนุ่นทำหน้าบึ้ง.. ทำไมผู้หญิงที่เข้ามาชอบพี่จีบมีแต่พวกเอาแต่ใจ ฟังคำปฏิเสธของคนอื่นไม่รู้เรื่องวะ หรือเพราะไอ้พี่จีบอัธยาศัยดีจนดูเหมือนให้ความหวังคนอื่นไปทั่ว
"แต่คนอย่างจีบ.. ไม่น่าจะชอบผู้ชายนี่คะ"
"ความชอบมันจำกัดได้ด้วยหรือครับ?"
พี่จีบถามกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แววตาคมฉายแววจริงจังจนคนชื่อนุ่นเผลอเม้มปากเข้าหากันแน่น
"แต่.. น้องเขาเป็นผู้ชาย จีบเป็นเกย์เหรอ?"
เธอมองผมอีกครั้งก่อนจะเบะปากลงไม่เกรงใจว่าจะเสียมารยาทแค่ไหน ส่วนผู้หญิงผมยาวหน้าหวานอีกคนหนึ่งเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมพูดจา เอาแต่จ้องหน้าพี่จีบด้วยแววตาเศร้า
"เปล่าครับ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนในโลก ผมชอบแค่คิส"
"แต่ยัยฟีมชอบจีบมากนะคะ"
เธอหันไปมองหน้าเพื่อนสาวที่มาด้วยกันก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมเธอเบาๆคล้ายกำลังปลอบโยน
"ฟีมชอบผมมากแล้วนุ่นล่ะครับ ชอบฟีมมากหรือเปล่า?"
นุ่นชะงักไปก่อนจะเบิกตาโพลงแล้วทำท่าอึกอักกับคำถามของพี่จีบ.. ถ้าผมเดาไม่ผิดคือ พี่นุ่นชอบพี่ฟีม แต่พี่ฟีมชอบพี่จีบ พี่นุ่นเลยอยากจะช่วยคนที่ตัวเองชอบให้มีความสุข.. ถึงแม้ตัวเองจะต้องเจ็บอ่ะนะ? ผมโคตรนับถือเลยว่ะ
"จะ จีบพูดเรื่องอะไรคะ?"
เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ มือเรียวที่เคยลูบหัวฟีมกลับตกลงข้างตัวราวดับไร้เรี่ยวแรง
"ผมถามครับว่านุ่นชอบฟีมมากหรือเปล่า ไม่สิ ต้องถามว่านุ่นรักฟีมมากหรือเปล่าต่างหาก"
พี่จีบยกยิ้มมุมปากนิดๆราวกับเขารู้เรื่องของนุ่นอย่างละเอียด รู้แม้กระทั่งความรู้สึกลึกๆที่นุ่นมีให้กับฟีม
"บะ บ้าน่า จีบถามอะไรแปลกๆ นุ่นเป็นเพื่อนกับฟีมนะ นุ่นก็ต้องรักฟีมเป็นธรรมดาอยู่แล้ว"
"นุ่นครับ นุ่นควรบอกฟีมนะว่าจริงๆแล้วนุ่นรู้สึกยังไงกับฟีม อย่าเสียเวลากับผมเลยครับ ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่มีวันชอบฟีมหรอก ขอโทษนะ"
พี่จีบพูดจบแล้วจับมือผมให้ลุกขึ้นตามก่อนจะพาผมออกมาจากตรงนั้น
"พี่จีบ..ปล่อยไว้แบบนั้นมันจะดีเหรอ?"
ผมถามขณะที่เราเดินตรงไปลานจอดรถมอ'ไซต์ทั้งๆที่มือของเรายังจับกันอยู่
"ดีแล้วน่า หรือมึงชอบให้กูเข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นวะ?"
พี่จีบหยุดเดินเมื่อมาถึงรถของผม เขาหันมาก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้าเพื่อขอกุญแจรถ ผมส่งให้โดยไม่อิดออด เพราะหลังๆมานี้พี่เขาไม่แกล้งผมแล้ว แค่เรื่องขี่รถเร็วอ่ะนะ
"ก็เปล่า พี่จีบนี่ฮอตเนอะ ใครๆก็รุมชอบ"
ผมว่าก่อนจะหยิบหมวกกันน็อกมาใส่อย่างรู้หน้าที่ พี่จีบหัวเราะเบาๆก่อนจะจับหมวกแล้วบังคับให้ผมสบตากับเขา
"แต่มีคนนึงว่ะที่ไม่ชอบกูสักที"
"ใครที่ไหนวะ?"
"มึงไง"
"รู้ได้ไงว่าไม่ชอบ?"
ผมถลึงตามองกลับไป มากล่าวหากันแบบนี้ได้ไงทั้งๆที่ผมก็ชอบเขาอยู่ ชอบมาหลายเดือนแช้วด้วย
"พูดแบบนี้แสดงว่ามึงชอบกูแล้วเหรอ?"
ในแววตาคมเหมือนมีความหวังซ่อนอยู่ แต่สิ่งที่ผมจะตอบออกไปคงทำให้พี่จีบผิดหวัง
"ชอบนะ พี่จีบเป็นไอดอลของผม"
"เฮ้อ เปลี่ยนสถานะให้กูสักทีเหอะคิส กูไม่อยากได้แฟนคลับเพิ่ม"
พี่จีบปล่อยมือจากหมวกกันน็อกก่อนจะคร่อมตัวขึ้นรถทำให้ผมรีบถามขึ้นไปซ้อนท้ายทันที
"อ้าว แล้วพี่อยากได้อะไรเล่า?"
ผมถามออกไปเสียงดังเพราะกลัวคนที่กำลังออกรถไม่ได้ยิน
"กอดเอวกูดิแล้วกูจะบอก"
เสียงทะเล้นดังขึ้นพร้อมกับความเร็วรถที่เพิ่มขึ้น แต่ผมก็ยังพยายามนั่งโดนไม่ยอมกอดเอวพี่จีบเหมือนเดิมถึงแม้ความกลัวกำลังแทรกซึมเข้ามา
"ไม่กอดเว้ย อย่ามาหลอกกันให้ยาก อ๊ากกก"
ไม่ทันจบประโยคดีไอ้พี่จีบก็เร่งความเร็วจนผมตกใจแล้วเผลอตะครุบกอดมันก่อนจะเอาหน้าซุกลงไปบนแผ่นหลังกว้างด้วยความกลัวสุดใจ เสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากสะใจดังมาจากคนขี้แกล้ง จนผมต้องกำหมัดแล้วทุบเข้าที่หน้าท้องมันเบาๆ ฮึ่ย หมั่นไส้
"กูอยากได้แฟนครับ รีบชอบกูแล้วมาเป็นแฟนกันเถอะ!"
โวยยย ไม่อยากรู้แล้ว ไม่อยากฟังแล้ว ฮือ ใครก็ได้มาชิงตัวผมลงจากรถตัวเองที ไอ้ประโยคเมื่อกี้ทำใจเต้นกว่ากลัวความเร็วอีก เกลียดมัน เกลียดๆๆๆๆ เกลียดไอ้พี่จีบที่ขยันหยอด ขยันจีบ ขยันทำให้ใจเต้น ขยันทำให้หน้าร้อน ฮือ เกลียดที่สุด เขาบอกว่าเกลียดอะไรจะได้อย่างนั่นใช่ไหมล่ะ! ขอเกลียดพี่จีบไปจนตายเลยแล้วกัน
------------------------------------------
Q & A กับพี่จีบ
Q : ร้องเพลงไม่เป็นจริงๆเหรอ?
A : เปล่าหรอกครับ แต่ความจริงคือขี้เกียจ
Q : อ้าว นิสัยไม่ดีเลยอ่ะ แต่ก็ยอมร้องเพราะคิสขอนี่
A : ถ้าลำพังไอ้แบทขอผมไม่ยอมหรอก แต่นี่คิสขอไงครับผมเลยยอม ^^
Q : อ่อยย อิจฉา อยากเกิดเป็นคิสอ่ะ!!
A : เกิดสิครับ แต่ผมชอบได้แค่ คิส อินธิพัฒน์ คนเดียวนะ ♡
Q : ..... หึ!!
น้องคิสกับพี่จีบมาแล้ว งานดนตรีคงจะวุ่นวายน่าดูล่ะ.. แบทเอาจีบมาล่อคนดูขนาดนี้
อาจจะเกิดการหึงหวงขึ้นได้ 555555555 ยังไงก็รอติดตามตอนต่อๆไปเนอะ
อ่านให้สนุกน้า ♥