วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)  (อ่าน 59596 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่เสาร์รักน้องหรือรักตัวเองงงง ทำแบบนี้กับน้องทำไมฮือออ ศุกร์ไม่ต้องไปรักแล้ววว โกรธนานๆเลย

ปล.ตอนแรกนึกว่าตาฝาดค่ะ มาต่อจริงด้วย ขอบคุณนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 20.5



ตุบ! ผลัวะ!

เสียงประหลาดเหมือนมีคนมาต่อยตีกันอยู่ตรงหน้า ดังขึ้นแว่วๆ วันศุกร์ขยี้ตาเพื่อปรับแสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในยามเช้า หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันเมื่อสังเกตถึงลักษณะห้องนอนซึ่งแปลกออกไป

กึก! กึกก!

สัมผัสของโลหะกระทบกันทำเอาเขาสะดุ้ง ข้อมือสองข้างถูกพันธนาการเชื่อมกันไว้ด้วยกุญแจข้อมืออันเดียวกับเมื่อวานซึ่งเคยล็อคเขาติดกับหัวเตียง อา...จริงสิ นี่คือห้องนอนของวันเสาร์ และตอนนี้เขาก็คือนักโทษของพี่ชายตัวเอง

ทั้งที่แอบภาวนาในใจว่า ขอให้มันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้นแท้ๆ...

พลั่ก! ตุบบ!

เสียงเหมือนคนมีเรื่องกันยังคงดังอยู่ และเหมือนจะดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างจงใจ วันศุกร์กระพริบตาถี่อีกสองสามที ก่อนจะหันไปสำรวจรอบห้อง สายตาเลื่อนมาหยุดลงตรงร่างสูงโปร่งบนเก้าอี้ทำงาน ใกล้กับเตียงหลังใหญ่ แลปท็อปเครื่องบางกำลังฉายวิดีโออะไรบางอย่าง มันค่อนข้างมืดจนมองไม่ออกจากมุมนี้

คนตัวเล็กชั่งใจเพียงครู่หนึ่ง สาบานว่าวันเสาร์ที่นั่งอยู่แค่ไม่ไกลคงรู้ตัวแล้วว่าเขาตื่น แต่กลับไม่ยอมหันมามองหรือเอ่ยอะไรเลย ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจลุกออกจากเตียงช้าๆ ขยับเข้าไปยืนเป็นเงาซ้อนหลังพนักเก้าอี้บุหนัง

ดวงตากลมเบิกกว้าง มือทั้งสองข้างยกขึ้นอุดปากตัวเองด้วยความหวาดกลัว ภาพบนจอนั้นคือคนรักของเขาเอง...กันติกรณ์นอนคดตัวเป็นกุ้งอยู่บนพื้นคอนกรีตตรงมุมอับ กำลังถูกชายร่างหนาประมาณสามคนรุมกระทืบอย่างไร้ความปราณี เขาได้ยินเสียงกันต์ร้องด้วยความเจ็บ มองเห็นรอยฟกช้ำรวมทั้งเลือดสีเข้ม

“น...นี่มัน อะไรกัน...”

วันเสาร์กดหยุดวิดีโอนั้นแล้วหมุนเก้าอี้กลับมาเผชิญหน้า สายตาเรียบเฉยจนเกือบตายด้านจ้องเข้ามาในตาเขาจนร่างเล็กสั่นไหว น้ำตาที่ล้นทะลักตั้งแต่เมื่อวานไหลออกมาอีกครั้งอย่างไม่รู้จักหมด

“พี่ส่งคนไปจัดการมันเอง”

“ฮือ...พี่กันต์...” เขาปล่อยโฮพลางทรุดลงนั่งแทบพื้น หัวใจเหมือนถูกบีบรัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพของกันติกรณ์บนจอเมื่อครู่ยังคงติดตา ทำให้เขาทั้งห่วงและก็กลัว “พี่เสาร์ ทำแบบนี้…ทำไม”

“พี่จะสั่งสอนมัน ว่าไม่ควรมายุ่งกับคนของพี่!”

คนตัวสูงลุกออกจากเก้าอี้แล้วย่อตัวลงมาในระดับสายตาใกล้เคียงกัน มือใหญ่คว้าหมับเข้ากับแก้มเนียน คิดว่าวันเสาร์คงโกรธจนอยากจะบีบให้โครงหน้าเขาบิดเบี้ยวไม่ก็แหลกคามือ หากก็ไม่ใช่อย่างนั้น...มันเจ็บนิดหน่อยเหมือนกันเพราะอีกฝ่ายกดน้ำหนักลงบนแนวสันกราม แต่ก็เหมือนว่ากำลังควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่

“ถ้าศุกร์ไม่เชื่อฟังพี่ ก็จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”

เจ้าของร่างไร้เรี่ยวแรงพยายามส่ายหน้าระรัว ริมฝีปากสั่นเทาขณะปล่อยน้ำตาออกมาราวกับน้ำตก เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนนี้กันต์จะเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากแค่ไหน ไหวไหม มีใครมาช่วยไหม ตอนนี้อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ เป็นอะไรมากไหม...ร้อยล้านคำถามลอยคว้างอยู่ในหัว และมันช่างทรมานเมื่อคิดว่าเขาต้องทนถูกกักขังอยู่ที่นี่ ไม่สามารถปกป้องคนที่คอยปกป้องเขาได้เลย

“อย่านะพี่เสาร์...ฮึก…อย่าทำอะไรพี่กันต์เลย...”

“เป็นห่วงมันมากเลยเหรอ?” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังลอดไรฟัน และเขาก็ไม่กลัวที่จะพยักศีรษะยอมรับ จนวันเสาร์เผลอสะบัดมือปล่อยรุนแรงจนหน้าเขาหัน

“พี่จะทำหรือไม่ทำอะไรมัน ก็ขึ้นอยู่กับศุกร์ เข้าใจไหม”

ร่างเล็กกัดปาก พยายามกลั้นเสียงสะอื้นหากก็ยากเย็น ทันทีที่เห็นวันเสาร์ผละตัวกลับไปทางแลปท็อปบนโต๊ะ วันศุกร์ก็ฝืนยันตัวเองลุกขึ้น ตรงเข้าไปเกาะแขนแกร่งไว้หลวมๆ พลางเขย่าไปมา เกิดเสียงก๊องแก๊งน่ารำคาญจากเครื่องพันธนาการรอบข้อมือ

“พ…พี่เสาร์ อย่าทำอะไรพี่กันต์อีกเลยนะ ศุกร์ยอมแล้ว...ศุกร์ยอมพี่เสาร์ทุกอย่างเลย นะ..นะพี่เสาร์...”

วันเสาร์กำหมัดจนเส้นเลือดปรากฏชัดเจน เขาไม่ได้ดีใจเลยสักนิดที่วันศุกร์บอกว่าจะยอมเชื่อฟัง เพราะทุกอย่างที่น้องชายของเขากำลังฝืนทำ ก็เพื่อผู้ชายคนอื่น!

“งั้นตอนนี้ก็กลับไปนอน เดี๋ยวพี่จะให้คนยกอาหารขึ้นมาให้”

“อะ…อืม”

คนเด็กกว่าพยักหน้า ยอมปล่อยมือ แล้วเดินกลับขึ้นเตียงอย่างว่าง่าย เขาจัดการเก็บแลปท็อปลงในลิ้นชัก ซึ่งมีสายโทรศัพท์ และสายเราท์เตอร์อินเตอร์เน็ตถูกถอดเอามาซ่อนไว้ด้วย กุญแจดอกเดียวในมือหมุนล็อคลิ้นชักให้แน่น ก่อนจะสาวเท้าออกไปจากห้อง ทิ้งให้วันศุกร์นั่งนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว

ทันทีที่ความเงียบโปรยตัวเข้าปกคลุมบริเวณห้อง คนบนฟูกก็เริ่มปล่อยน้ำตาออกมาอีกระลอก

ไม่นานนัก ก็มีเสียงเคาะประตูสองสามที พร้อมการปรากฏตัวของผู้ชายตัวโตในชุดสีดำสนิท ไม่คุ้นตา ในมือของเขามีถาดอาหารเช้าอย่างง่ายๆ พร้อมน้ำดื่มหนึ่งแก้วเท่านั้น

“คุณเสาร์บอกให้คุณศุกร์ทานข้าวครับ”

“นาย...เป็นใคร?” วันศุกร์ร่นตัวหนี สายตาไม่ไว้วางใจถูกส่งออกไปให้

เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง ตามด้วยคำตอบของคำถามเมื่อครู่

“เป็นคนของพี่เอง พี่ใช้ให้มาดูแลความเรียบร้อยที่นี่”

“แล้ว…พี่ละเมียดกับพี่ละไมล่ะครับ?”

“กลับไปแล้ว”

“กลับไปไหน?”

“พี่ให้คนอื่นกลับบ้านไปหมดแล้ว” วันเสาร์พูดเสียงเรียบ พลางรับถาดอาหารจากชายชุดดำมาไว้ในมือ ก่อนที่คนแปลกหน้านั่นจะก้มหัวเดินออกจากห้อง กลับลงไปประจำตำแหน่งการ์ดเฝ้าประตูบ้าน

“หมายความว่าไง นี่พี่เสาร์ไล่พวกเขาออกเหรอ!?”

“เปล่า พี่แค่ให้พวกเขาไปพัก...จนกว่าพี่จะแน่ใจว่าศุกร์จะไม่ดื้ออีก”

บ้าไปแล้ว...เขาอยากพูดแบบนั้นอยู่หรอก แต่ก็ทำได้แค่สงบปากสงบคำ แล้วกลับไปนอนเป็นคนป่วยเหมือนเดิม วันเสาร์ลากเก้าอี้ทำงานมาชิดขอบเตียง ข้าวต้มในชามหนึ่งคำจ่ออยู่ตรงหน้า เขามองมันด้วยท่าทีหวาดระแวง

คนป้อนเลิกคิ้วหน่อยนึง ก่อนจะตีหน้าดุๆ จนเขาต้องยอมอ้าปากรับเอาอาหารมื้อแรกของวันลงท้อง ข้าวต้มรสชาติห่วยแตกแบบนี้ไม่ใช่ฝีมือแม่บ้านบ้านวุฒิเวคินทร์แน่นอน และมันแทบจะขมไปเลยด้วยซ้ำในสถานการณ์อย่างนี้

ไลน์!

เสียงข้อความเข้าดังออกจากมือถือเครื่องบางในกระเป๋ากางเกงของวันเสาร์ เขาใช้มือข้างหนึ่งหยิบมันออกมาเปิดดู แล้วจึงวางไว้บนโต๊ะทำงาน กลับมาสนใจการป้อนข้าวต้มให้น้องชายต่อ

“ใครเหรอครับ?” วันศุกร์แกล้งชวนคุยเพื่อคลายบรรยากาศแสนอึดอัด

“ไอ้เจน่ะ”

“พี่เจว่าไงเหรอ?”

“มันก็แค่ถามเรื่องทำธีสิสนั่นแหละ”

“อ่า...จะว่าไป ศุกร์ไม่ได้เจอพี่เจกับพี่วานานแล้วนะ”

“ถ้าศุกร์เป็นเด็กดีอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวก็ได้เจอพวกมันมาป้วนเปี้ยนเองแหละ”

คนตัวเล็กยิ้มรับ แล้วอ้าปากกินอาหารต่อ บทสนทนาอื่นๆ ยังถูกยกขึ้นมาพูดคุยพอให้วันเสาร์คลายใจลงบ้าง ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที ข้าวต้มในชามก็เริ่มหร่อยหรอ รวมทั้งน้ำเปล่าแก้วเดียวก็หมดลงอย่างรวดเร็วด้วย วันศุกร์กลืนเนื้อหมูชิ้นสุดท้ายลงคอ ก่อนจะแสร้งสำลักจนตัวโยน

“แค่ก…พี่เสาร์ ข..ขอน้ำ ค่อก…”

“ด…เดี๋ยวนะ”

เจ้าของร่างสูงรีบวางชามข้าวลงบนโต๊ะ ก่อนจะรีบหุนหันวิ่งลงไปยังห้องครัวด้านล่าง ทันทีที่แผ่นหลังของวันเสาร์ลับสายตา วันศุกร์ก็รีบยืดแขนออกไปหามือถือเมื่อครู่ซึ่งถูกวางทิ้งไว้อย่างสะเพร่า

เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าเห็นเขากำลังสำลักแบบนั้น ยังไงวันเสาร์ก็ต้องรีบลุกออกไปโดยไม่ทันคิดถึงเรื่องอื่นแน่...

นิ้วเรียวกดปุ่มเปิดหน้าจอ ปรากฏแป้นให้พิมพ์รหัสปลดล็อคมือถือจำนวน 6 หลัก เขาไม่ลังเลที่จะลองใส่วันเดือนปีเกิดของเจ้าของเครื่องลงไป แต่กลับไม่ใช่ พอลองเปลี่ยนพ.ศ. เป็น ค.ศ. ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี สายตาหวาดระแวงเริ่มกลอกไปมาระหว่างเจ้าเครื่องสีดำในมือกับรอยแยกของประตูห้องนอน เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนขมับทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ

เขาชั่งใจได้เพียงครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจกดวันเดือนปีเกิดของตัวเองลงไปแทน

คลิก

หน้าจอมือถือสว่างวาบขึ้นครั้งหนึ่ง รหัสถูกต้อง...

ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว แม้ว่ามันจะเจ็บปวด แต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีเวลามาดราม่าน้ำตาตื้น วันศุกร์สะบัดหัวเล็กน้อย แล้วรีบกดเบอร์โทรออกหาแม่ ซึ่งน่าจะกำลังหยุดอยู่ที่ประเทศไหนสักแห่ง และเขาหวังเป็นอย่างมากให้เวลาของพวกเราตรงกัน

รับสิ...

ตู๊ด....ตู๊ด....ตู๊ด.....

รับสายสิ

ตู๊ด....

รับสิ!

พรึ่บบ

ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อจู่ๆ มือถือเครื่องบางก็ถูกบุคคลปริศนาดึงออกไป ร่างสั่นไหวบนเตียงค่อยๆ เงยหน้าสบสายตาเรียบเฉยของวันเสาร์ด้วยใจเต้นรัว

“จะโทรหาแม่งั้นเหรอ?”

“ศุ...”

“จะโทรหาแม่กับพ่อทำไมศุกร์ พวกท่านไม่เคยว่างมาสนใจพวกเราหรอก”

น้ำเสียงตัดพ้อระคนโกรธเคืองทำเอาคนตัวเล็กเลิกคิ้ว ดวงตาสีนิลของวันเสาร์ยามจ้องมองไปยังหน้าจอมือถือดูไร้แวว เพียงวูบหนึ่ง...เขารู้สึกสงสารคนตรงหน้าขึ้นมาจับใจ

อย่างนี้นี่เอง...อาจจะเพราะแบบนี้เอง ถึงทำให้วันเสาร์กลายเป็นคนแบบนี้ และทำเรื่องแบบนั้น

“พี่เสาร์...” วันศุกร์ลืมความกลัวเมื่อครู่ไปเสียสนิท มือเล็กๆ เอื้อมจับมือของคนเป็นพี่มากุมไว้ราวกับจะปลอบ “พี่เสาร์รักพ่อกับแม่มากใช่ไหม?”

เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงถามออกไปแบบนั้น แต่มันกลับทำให้คนฟังถึงกับชะงัก วันเสาร์บีบมือเขาตอบ ก่อนจะทรุดตัวลงมานั่งข้างกันบนเตียง หมดสิ้นสภาพวันเสาร์คนที่เคยเข้มแข็งเลย...

“รักสิ…พี่รักท่าน”

วันศุกร์ตกใจเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นหยดน้ำใสกำลังเคลื่อนตัวอยู่ภายในแววตาเจ็บปวด แรงบีบรัดเพิ่มขึ้น รวมทั้งน้ำเสียงสั่นๆ นั่นด้วย

“แต่ท่านไม่ได้รักพี่ ไม่ได้รักเรา...พ่อกับแม่เอาแต่ทำงานไม่เคยสนใจลูกตัวเอง พี่ถึงได้บอกว่าพี่มีแค่ศุกร์ไง มีแค่ศุกร์คนเดียว...แล้วศุกร์ยังจะทรยศพี่อีก!”

เขาจ้องคนตรงหน้านิ่ง ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือพี่ชายที่อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปี ทั้งที่อยู่ด้วยกัน...แต่เขากลับไม่ได้รู้จักหรือเข้าใจวันเสาร์จริงๆ เลย เพราะแบบนั้น เรื่องราวถึงได้บิดเบี้ยว

น่าสงสาร...

ทำไมวันเสาร์ตอนนี้ถึงได้น่าสงสารเหลือเกิน

“ศุกร์ขอโทษ” วันศุกร์เป็นฝ่ายรั้งตัวพี่ชายเข้ามากอด ไม่ได้จะขอโทษที่ไปรักคนอื่น ไม่ได้จะขอโทษที่มีกันต์ แต่ขอโทษที่เป็นน้องที่ไม่ได้เรื่อง เป็นครอบครัวที่ไม่ได้ความ ถึงได้ไม่เคยสังเกตเห็นบาดแผลในใจของอีกฝ่ายมาก่อน

ขอโทษ ที่ไม่เคยรับรู้ถึงความเหงาของผู้ชายที่ชื่อวันเสาร์เลย...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:13:38 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อย่างนี้ต้องรีบหาคู่มาปลอบใจวันเสาร์

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 21.0



นาฬิกาในห้องบอกเวลา 5 ทุ่มกว่า ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิทยิ่งกว่าทุกคืน ประตูไม้แง้มออกต้อนรับแสงสลัวจากดวงไฟด้านนอก รวมทั้งร่างสูงโปร่งคุ้นเคย

“ยังไม่นอนอีกเหรอ?”

เขาเพียงแต่ส่ายหน้า ตอนนี้วันเสาร์ไม่ได้ใส่กุญแจมือเขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้โล่งใจขึ้นสักเท่าไร ในเมื่อยังมีพวกชายชุดดำแปลกๆ นั่น เดินเฝ้ายั่วเยี้ยเต็มบ้านไปหมด แค่เขากระดิกนิ้วนิดเดียวก็ถูกจับได้

“นอนได้แล้วนะ”

มือใหญ่รั้งตัวเขาเข้าไปใกล้ จุมพิตบางเบาอ่อนโยนจรดลงบนกลุ่มผมนุ่ม คนตัวสูงส่งยิ้มให้ ก่อนจะจับตัวเขาเอนลงนอน ภายในห้องเงียบลงจนน่าอึดอัด และเพราะยิ่งตื่นก็ยิ่งคิดมาก เขาจึงพยายามข่มตาหลับให้ไวที่สุด

วันเสาร์นอนนิ่ง เมื่อมั่นใจว่าคนข้างกายหลับสนิทแล้ว เขาจึงได้ฤกษ์ปล่อยตัวลงสู่นิทรา

.

.

.

เสียงจอแจดังเซ็งแซ่อยู่รอบบริเวณ กลิ่นประหลาดชวนให้เวียนหัวแบบนี้เขาไม่ชอบเอาเสียเลย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่คนเจ็บป่วยเดินกันให้วุ่น

“แม่ฮะ ผมอยากเข้าห้องน้ำ” หน้ากากอนามัยที่สวมอยู่ถูกปลดออกข้างหนึ่ง มือเล็กๆ สะกิดแขนผู้หญิงในชุดสูทภูมิฐาน เธอเพิ่งสละงานบนโต๊ะ เพื่อแวะมารับลูกชายคนเดียวกลับออกจากโรงพยาบาล หลังจากพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่เมื่อ 3-4 วันก่อน

เธอก้มลงมองบัตรคิวในมือ สลับกับตัวเลขคิวบนป้ายแสดงผลแบบดิจิทัล

“ใกล้จะถึงคิวจ่ายเงินแล้วนะ เสาร์รออีกแป๊บนึงได้ไหมครับ?”

เด็กน้อยคว่ำปากลง พลางส่ายหน้า

“งั้นเสาร์ไปเข้าห้องน้ำคนเดียวได้ไหมเอ่ย มันอยู่ตรงนี้เอง” หญิงสาวชี้นิ้วไปทางด้านซ้ายมือของพวกเขา ป้ายสัญลักษณ์ห้องน้ำแขวนอยู่ชัดเจนพอให้เธอไม่ต้องกังวลเท่าไร หนุ่มน้อยชื่อเสาร์พยักหน้า แล้วพาตัวเองลงจากเก้าอี้พลาสติก

ขาเล็กของเด็กอายุ 5 ขวบ ก้าวไวๆ ไปทางป้ายบอกทางนั้น โชคดีที่ตอนนี้ห้องน้ำชายไม่มีคนเลย จึงรีบดันประตูบานใหญ่กว่าตัวมากนักเข้าไปเพื่อจัดการธุระตัวเองให้เสร็จ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าหนักหน่วงจากด้านนอก ก่อนจะเป็นเสียงปิดประตู

วันเสาร์รีบดึงกางเกงขึ้นสวม แล้วกลับออกมาล้างมือบริเวณอ่างเตี้ยสำหรับเด็ก เขาเหลือบมองผ่านช่องกระจกแคบๆ ของประตูห้องน้ำออกไป ก็พบว่ามีผู้ชายวัยกลางคนท่าทางงกเงิ่น กำลังเหล่สายตากลับเข้ามา เหมือนว่าจับจ้องสังเกตอะไรบางอย่าง ก่อนจะรีบสะบัดตัวหายไปในฝูงคน

เด็กน้อยเอียงคอสงสัย เขาเดินสำรวจไปทั่ว ด้วยสังหรณ์ไม่ค่อยจะดี ดวงตากลมใสเบิกกว้าง ไม่รู้ว่าตกใจหรือกลัว เขาเกือบหวีดร้องหากก็ควบคุมตัวเองไว้ทัน

ตะกร้าเก่าๆ วางอยู่ใต้อ่างล้างมือ บรรจุทารกชายวัยไม่น่าเกิน 1 ขวบ ยังคงนอนหลับปุ๋ยไม่สนใจโลกภายนอก และคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเพิ่งถูกนำมาทิ้งไว้ตรงนี้เพียงลำพัง วันเสาร์รี่เข้าไปลากตะกร้านั่นออกมาเพื่อมองให้ชัด แก้มกลมสีขาวน้ำนมเปื้อนไปด้วยรอยแดงเรื่อ น่าเอ็นดู

เขาหันซ้ายหันขวาไม่เจอใคร จึงตัดสินใจช้อนตัวทารกในตะกร้าขึ้นมาอุ้มไหวอย่างทุลักทุเล ร่างเล็กใช้แผ่นหลังดันประตูห้องน้ำเปิดออก ก่อนจะรีบสาวเท้ากลับไปหาคุณแม่ซึ่งเพิ่งจ่ายเงินค่ายาเสร็จ

“ตายจริง วันเสาร์!” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจ ปราดเข้าไปโอบตัวลูกชายวัยสิบขวบไว้ด้วยใบหน้าตื่นๆ พวกเขาปลีกตัวออกมายืนอยู่บริเวณซอกหนึ่งของโรงพยาบาล “หนูไปอุ้มเด็กที่ไหนมา?”

“ในห้องน้ำฮะ”

“แล้วนี่ลูกใครล่ะเนี่ย”

“ไม่รู้ฮะ มีคนเอาน้องมาทิ้งไว้”

“ห้ะ!?”

“งั้นเรารีบแจ้งคุณพยา—“

“คุณแม่ เราเอาน้องกลับบ้านได้ไหมฮะ?”

“วันเสาร์...ไม่ได้นะลูก”

คิ้วบางขมวดมุ่น น้ำตาเอ่อคลอทำเอาคนเป็นแม่ใจหาย รีบตรงเข้าลูบหน้าลูบตาลูกชายใหญ่ หางตาเหลือบลงมองเด็กทารกในอ้อมกอดซึ่งยังคงหลับสนิท เสียงลมหายใจเข้าออกแผ่วๆ เกือบทำให้เธอหวั่นไหวซะแล้ว

“ผมอยากมีน้อง เราเอาน้องไปเลี้ยงนะฮะ”

คำพูดนั้นทำเอาเธอสะอึก

‘ผมอยากมีน้อง’ อย่างนั้นเหรอ... ลูกชายของเธอรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไร และรู้หรือเปล่าว่าเธอได้ทำหมันไปแล้วตั้งแต่คลอดเขาออกมา

“แต่ว่า...”

“น้องน่าสงสาร ผมจะเลี้ยงน้องเอง นะฮะคุณแม่”

“เสาร์...”

มือหยาบกร้านจากการทำงานหนักกำแน่น เธอยืดตัวขึ้นมองซ้ายขวาเหมือนคนกระทำผิด ในหัวสมองกำลังคิดหนักระหว่างเหตุผลและอารมณ์ส่วนตัว เธอยอมรับว่าเธอและสามีไม่ได้มีเวลาให้ลูกคนนี้มากนัก ทำให้หลายครั้ง วันเสาร์อาจเหงาไปบ้าง...และมันคงดีใช่ไหม ถ้าจะให้เขาได้มีเพื่อน ได้มีสิ่งที่สามารถเติมเต็มส่วนที่เขาขาดไปได้

“ส่งมาให้แม่” คำพูดราบเรียบ ตามมาด้วยอ้อมแขนเรียวที่ฉวยเอาเลือดเนื้อในมือเขาไป

เธอสะกิดให้วันเสาร์เดินตามออกจากโรงพยาบาล โดยไม่หันกลับไปมองใครอีก ทุกอย่างดูเป็นปกติมากในสายตาคนอื่นๆ ไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่มีใครรู้.....

แม้ว่าการตัดสินใจของเธออาจดูผิด แต่บางทีมันก็อาจจะถูกก็ได้ ถ้าปล่อยเด็กนี่ไว้ดีไม่ดีก็จะต้องตาย แม้จะผลักภาระไปให้โรงพยาบาล ก็ใช่ว่าจะจบลงอย่างมีความสุข สุดท้ายเขาอาจถูกส่งไปยังบ้านเด็กกำพร้า ซึ่งนับว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก

มันคงเป็นโชคชะตา ที่ลูกชายเธอได้พบกับเด็กนี่... มันคงเป็นโชคชะตา ที่ครอบครัวของเธอจำเป็นต้องมีสมาชิกเพิ่ม...

“อืม…” วันเสาร์รับทารกน้อยมาอุ้มไว้อีกครั้งหลังจากขึ้นรถ ดวงตาอบอุ่นจับจ้องไปยังใบหน้าหวานละมุน ก่อนจะทอดสายตาออกไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้า บรรยากาศปลอดโปร่งก่อนจะถึงวันหยุดสุดสัปดาห์นับว่าเป็นฤกษ์งามยามดีของการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เขาหันมองหน้าแม่ตัวเอง แล้วเอ่ยเสียงสดใส

“แม่ฮะ...ผมคิดชื่อให้น้องได้แล้ว”

“หืม อะไรเหรอ?”

“วันศุกร์ฮะ น้องชื่อวันศุกร์!”

.

.

มันคงเป็นโชคชะตา...

.

.

เฮือก!

ร่างสูงใหญ่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมศีรษะที่กำลังปวดตุบๆ

ความฝันงั้นเหรอ...

วันเสาร์ขยับตัวอยู่ในความมืด ทอดสายตามองคนตัวเล็กข้างกายซึ่งยังคงหลับไม่รู้เรื่อง ดวงตากลมบวมและเปื้อนรอยแดงจากการร้องไห้มาเป็นเวลานาน เขาเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมนุ่ม พลางนึกย้อนไปถึงอดีต ชีวิตของเขาเจอหน้าพ่อกับแม่นับครั้งได้ตั้งแต่เล็ก แม้ว่าท่านจะทำงานหนักเพื่อหาเงินมาปรนเปรอให้เขาได้มีชีวิตสุขสบายแค่ไหน แต่ตลอดเวลา เขาก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างอยู่ดี

จวบจนวันที่มีวันศุกร์เข้ามาในชีวิต ความเหงาในใจเขาค่อยๆ ถูกเติมเต็ม...

เพราะอย่างนั้นถึงรักที่สุด...

ริมฝีปากอุ่นจรดลงบนกลุ่มผมสีดำประกายน้ำตาล ก่อนจะถอนออกอย่างอ้อยอิ่ง เสียงกระซิบดังแทรกความเงียบยามค่ำคืน

“พี่รักศุกร์นะ...ถ้าไม่มีศุกร์แล้ว พี่จะอยู่ยังไง...”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:14:14 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 21.5



“ทำไมยังเหลือเต็มชามแบบนี้?” วันเสาร์หันไปเอาเรื่องลูกน้องชุดดำ ซึ่งเอาแต่ตีหน้าลำบากใจ พลางเหล่ตามองร่างซูบซีดบนเตียง

“พูดยังไง คุณศุกร์ก็ไม่ยอมทานเลยครับ”

“ศุกร์ ทำไมไม่ยอมกินข้าว” คราวนี้หันไปเอาความจากน้องชายตัวดีแทน

“ศุกร์ไม่อยากกิน”

“ไม่อยากกินก็ต้องกิน เราไม่ยอมกินอะไรมาหลายมื้อแล้วนะ” เสาร์ทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียง มือใหญ่เอื้อมแตะแก้มตอบ หัวคิ้วขมวดยุ่งเมื่อสังเกตว่าอีกฝ่ายดูโทรมลงขนาดไหน

“ทำไมพี่เสาร์ไม่ปล่อยศุกร์สักที ศุกร์อยากไปเรียน”

“ไปเรียนหรือจะไปเจอไอ้กันต์กันแน่”

น้ำเสียงอ่อนๆ เมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นขึงขังทันที

“ศุกร์อยากกลับไปเรียน กลับไปเจอเพื่อน พี่เสาร์จะขังศุกร์ไว้แบบนี้ตลอดไปหรือไง”

“ใช่!” คนตัวสูงเผลอขึ้นเสียง เพราะเขารู้ดีว่าวันศุกร์ไม่ได้คิดถึงเรื่องการเรียน หรือเพื่อนมากมายขนาดนั้น กันติกรณ์ต่างหากคือเหตุผลที่ทำให้เด็กตรงหน้ากลายเป็นคนก้าวร้าวกับเขาได้

ร่างบางสั่นไหว ก่อนที่น้ำตาจะเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง เป็นรอบที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้ วันศุกร์ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาออกลวกๆ แล้วทำท่าจะลงจากเตียง แต่ไม่วายถูกรั้งข้อมือไว้ก่อน

“จะไปไหน?”

“ศุกร์จะไปเข้าห้องน้ำ”

ตอบคำถามโดยไม่หันไปมองหน้า วันศุกร์ขยับตัวลงจากเตียงแล้วเดินโซซัดโซเซไปทางประตูห้องน้ำ เขารู้สึกเวียนหัวเหมือนอยากอาเจียนทั้งที่ไม่มีอะไรอยู่ในท้อง ฝ่ามือนวดลงบนขมับเมื่อทัศนะตรงหน้าเริ่มบิดเบี้ยวไปทีละน้อย จู่ๆ ก็มองเห็นพื้นกลายเป็นคลื่น ก่อนที่ห้องทั้งห้องจะหมุนคว้าง

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ร่างของเขาก็ทนยืนอยู่ไม่ไหวอีกต่อไป

ตุ้บบ!

“ศุกร์!!” วันเสาร์พุ่งตัวเข้ามารับ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

เขาพยายามเขย่าร่างบอบบางในอ้อมแขน ซึ่งบัดนี้หมดสติไปแล้ว ลูกน้องในชุดสีดำสนิทต่างพากันกรูเข้ามาหลังจากได้ยินเสียงประหลาดเมื่อครู่ ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“ไปเตรียมรถเดี๋ยวนี้!” คนเป็นนายออกปากสั่ง พร้อมกับช้อนร่างของน้องชายขึ้น ทุกย่างก้าวไปจนถึงหน้าประตูรถเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตกใจ กลัว เป็นห่วง และรู้สึกผิด ปะปนกันไปหมด

ทันทีที่รถแวนประจำบ้านวุฒิเวคินทร์เคลื่อนตัวออกไปจากซอย เงาทะมึนของใครบางคนซึ่งคอยแอบสังเกตการณ์จากด้านหลังเสาไฟฟ้าก็ค่อยๆ เปิดเผยตัวออกมา ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม

“ศุกร์...”

เจ้าของผิวสีขาวอมเหลืองรีบหยิบมือถือออกมากดส่งข้อความหาเหล่าพรรคพวกในกลุ่มแชท ซึ่งคงกำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยฟังผลกันแบบไม่ติดเก้าอี้แน่ๆ

[ กล้าไหม?: พี่เสาร์เพิ่งพาศุกร์ขึ้นรถออกไป แต่ศุกร์เหมือนหมดสติ ]

[ Nutdanai: เฮ้ย ศุกร์เป็นไรวะ?? ]

[ กล้าไหม?: ไม่แน่ใจ แต่แบบนี้น่าจะไปโรงพยาบาล ]

[ Nutdanai: ตามมม ]

[ Bundit: ตามไป! ]

[ กล้าไหม?: ตามอยู่ ]

รถมอเตอร์ไซค์สีดำขัดเงา พยายามรักษาระยะห่างจากรถตู้ซึ่งอยู่ถัดไปด้านหน้าไม่ไกลเท่าไรนัก หาญกล้าในชุดแจ็คเก็ตยีนส์ สวมหมวกกันน็อคปิดบังหน้าตาถูกส่งมาจับตาดูบ้านของวันศุกร์ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน พวกเขาเดาไม่ผิดว่าวันเสาร์คือคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การหายตัวไปของไอ้เพื่อนตัวเล็ก รวมทั้งเรื่องที่กันต์โดนรุมซ้อมนั่นด้วย

มือข้างหนึ่งยึดแฮนด์ไว้แน่น อีกข้างถือมือถืออย่างคนช่ำชองการขี่รถเครื่อง แม้ว่าจะอันตรายอยู่สักหน่อย แต่วินาทีนี้ ข้อมูลที่รวดเร็วพอคือสิ่งสำคัญในการช่วยเหลือวันศุกร์ และหากเขาตอบช้าไปเพียงนิดเดียว อาจมีใครบางคนกัดลิ้นตัวเองตายก็ได้

[ 3WIT: กำลังไปที่โรงพยาบาลไหนเหรอ? ]

[ กล้าไหม?: น่าจะเป็นโรงพยาบาล ooo ครับ ]

[ K.Wisarut: งั้นทุกคนไปเจอกันที่โรงพยาบาลนะครับ ]

[ Bundit: โอเค ]

กล้าจอดรถตรงจุดจอดมอเตอร์ไซค์ ค่อยๆ แอบย่องตามกลุ่มคนชุดดำไม่น่าไว้ใจไปจนถึงหน้าประตูโรงพยาบาล ที่นี่คือโรงพยาบาลแห่งเดียวซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับละแวกบ้านของทั้งเขาและศุกร์ โชคดีอย่างหนึ่งคือการที่วันเสาร์จ้างลูกน้องใหม่ยกชุด เพราะคนพวกนั้นไม่เคยเห็นหน้าเขา ไม่รู้ว่าเขาคือเพื่อนของวันศุกร์จึงไม่เป็นจุดสังเกตมากนัก

เขายืนรอเพื่อนและรุ่นพี่คนอื่นๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนที่รถยี่ห้อ BMW สีดำวาวจะแล่นเข้ามายังลานจอดเป็นลำดับแรก ล้อสีเงินหมุนเข้าซองอย่างชำนาญ เสียงประตูรถเปิดออก พร้อมการปรากฏตัวของชายหนุ่มเจ้าของอารมณ์คุกรุ่น ใบหน้าคร่ำเครียดของกันติกรณ์เต็มไปด้วยร่องรอยการถูกรุมทำร้าย รอยฉกช้ำตรงมุมปาก กับผ้าก็อซบนขมับซ้ายยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน

“ศุกร์เข้าไปนานรึยัง?”

“พักนึงแล้วครับ”

“แล้วพวกพี่เสาร์ล่ะ?”

“ยังไม่ออกมาเลย...เฮ้ย!” กล้าสะดุ้ง รีบดึงตัวกันติกรณ์เข้ามาหลบหลังตัวเอง แล้วค่อยๆ เขยื้อนตัวหนีออกจากประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ เมื่อเขาหันไปเห็นพวกกลุ่มลูกน้องชุดดำของวันเสาร์กำลังเดินออกมา พวกนั้นตรงกลับไปที่รถแวนสีเงิน โดยปราศจากเงาของเจ้านาย

“นี่เป็นโอกาสของเราแล้ว”

คนเด็กกว่าแสยะยิ้ม มีแผนการดีๆ เตรียมอยู่ในหัวของเขา

 

 

“ฮัลโหล”

“ฮัลโหลครับ พี่เสาร์ นี่กล้าเองนะครับ”

“อืม ว่ายังไง” วันเสาร์ขยับตัวห่างจากเตียงโรงพยาบาล ซึ่งมีร่างของน้องชายตัวเองนอนหลับสนิทอยู่ หลังจากที่สลบไป หมอบอกว่าวันศุกร์เพียงแค่พักผ่อนน้อยและขาดสารอาหารเท่านั้น

“พี่เสาร์อยู่บ้านรึเปล่าครับ?”

“เปล่าน่ะ มีอะไรเหรอ”

“คือผมมาซื้อยาที่โรงพยาบาล แต่ผมลืมหยิบกระเป๋าตังค์มาอะ ทีนี้ผมโทรไปที่บ้านไม่มีคนรับอะครับ โทรหาศุกร์ก็ติดต่อไม่ได้ด้วย คิดว่าถ้าพี่เสาร์อยู่บ้าน จะวานให้เอาเงินมาให้หน่อย แฮะๆ”

กล้าปั้นน้ำเป็นเรื่องราวยาวเหยียด น้ำเสียงเกรงอกเกรงใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ คงพอตบตาพี่ชายเพื่อนจอมโหดคนนี้ได้บ้าง ทางด้านวันเสาร์เองก็ดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไร เพราะตอนนี้เขามัวแต่กังวลเรื่องสุขภาพของวันศุกร์มากกว่า คนตัวใหญ่ชั่งใจเพียงครู่หนึ่ง ระหว่างจะผลักไสเพื่อนน้อง พ่วงด้วยตำแน่งเพื่อนบ้านไป หรือจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ดี

“กล้าอยู่โรงพยาบาลไหนล่ะ”

“โรงพยาบาล ooo ครับ”

อืม...ความจริงก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ เห็นว่าเป็นคนคุ้นหน้ามานมนานหรอกนะ จะไม่ช่วยก็คงดูใจร้ายไปหน่อย

“ความจริงพี่ก็อยู่โรงพยาบาลเหมือนกัน กล้าอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ไปหา”

“จ...จริงหรอครับ! ผมอยู่ชั้น 2 ครับ ตรงเคาน์เตอร์รับยา แผนกอายุรกรรมอะครับ”

“อืม โอเค”

“ขอบคุณพี่เสาร์มากครับ”

วันเสาร์ไม่ตอบอะไรแล้วกดวางสาย หันไปกำชับลูกน้องหนึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ ส่วนคนอื่นๆ เขาให้กลับไปก่อนเพื่อไม่ให้รบกวนทางโรงพยาบาลและดูน่าสงสัยมากเกินไป

“ดูแลวันศุกร์ให้ดีล่ะ เดี๋ยวฉันจะลงไปข้างล่างหน่อย”

“ครับ คุณเสาร์”

ชายผิวเข้มก้มหัวน้อยๆ ก่อนที่วันเสาร์จะเดินออกจากห้อง เขาหมุนล็อคประตูแล้วกลับมายืนตัวตรงนิ่ง ทอดสายตามองร่างอ่อนแรงบนเตียง พยายามคิดว่าไอ้ที่หนังตาตัวเองกระตุกยิบๆ เมื่อครู่มันคืออะไร

เวลาผ่านไปราวห้านาที ทุกอย่างภายในห้องยังคงสงบเรียบร้อย และวันเสาร์ยังไม่กลับมา

กุก กัก

เสียงแปลกประหลาดดังลอดออกมาจากทางเดินหน้าห้องแต่เขาก็ไม่ทันได้สนใจ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขารีบรุดออกไปส่องช่องกระจกบนบานประตูหากก็ไม่พบใคร ถึงอย่างนั้นก็ยังเสี่ยงปลดล็อค

“คุณเสาร์?”

ยังไม่ทันได้ยินเสียงคนเป็นนาย ก็รู้สึกว่าประตูหนักๆ กำลังถูกกระชากออกจากด้านนอก พร้อมกับการเผยตัวของกลุ่มวัยรุ่นชายถึงสามคน

“เฮ้ย อะไรวะ!?”

กลุ่มเด็กแปลกหน้ารุดเข้ามาในห้องแบบไม่บอกกล่าว หนึ่งในนั้นไวกว่าใครเพื่อน รีบตรงเข้ามาล็อคคอเขาไว้พลางใช้มือปิดปากไม่ยอมให้ส่งเสียงในช่วงที่ยังตกใจ

ทันทีที่ประตูห้องปิดตัวลง ชายวัยกลางคนก็ดึงสติกลับมาได้ทันถ่วงที ปล่อยศอกหลุนๆ ไปด้านหลัง ทำให้หลุดออกจากการเกาะกุมในที่สุด เขาก้าวขาถอยออกห่างเล็กน้อย พลางตั้งท่าเตรียมต่อสู้ เมื่อจ้องพิจารณาดีๆ แล้วจึงนึกออกว่าหนึ่งในเด็กตรงหน้าคือใคร

กันติกรณ์ คนที่วันเสาร์สั่งให้พวกเขาไปจัดการสั่งสอนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง...แต่พูดก็พูดเถอะ ถึงเขาจะได้รับการฝึกการต่อสู้มาบ้าง เจอสามรุมหนึ่งแบบนี้มันก็ยากเหมือนกันนะ

ผู้รับหน้าที่บอดี้การ์ดตัดสินใจควักปืนออกมาหวังจะขู่ แต่พอแตะไปกับชายกางเกงด้านหลังแล้วกลับพบเพียงความว่างเปล่าผิดวิสัย ใบหน้าเลิ่กลั่กทำเอาเด็กหนุ่มตัวสูง คนที่เข้าชาร์จเขาเมื่อครู่หลุดขำ ก่อนจะยกปืนสีดำเล่มหนึ่งขึ้นมาแกว่งไปมา

“หานี่อยู่รึเปล่าพี่ชาย?”

“เฮ้ย! เอาไปตั้งแต่เมื่อไรวะ”

ไม่ทันได้ทำอะไรต่อ กันติกรณ์ก็คว้าเอาปืนในมือเพื่อนมาตั้งท่าไว้มั่น เสียงเหนี่ยวไกทำเอาอีกฝ่ายตาโต

“ใจเย็นก่อน นี่มันในโรงพยาบาลนะเว้...”

“หุบปาก!” กันต์คำราม ยิ่งจ่อปืนตรงไปยังหัวของคนชุดดำ เขาส่งเสียงเป็นสัญญาณให้อีกสองคนด้านหลังตรงไปยังเตียงคนไข้

“พวกมึงจะทำอะไร”

“กูบอกให้หุบปากไง!”

คนตัวใหญ่กว่ากลับโดนเด็กบ้าต้อนติดกำแพงห้องด้านหนึ่ง ในหัวนึกหนทางต่อกร ไม่ก็ขอให้วันเสาร์รีบกลับมาอย่างไวที่สุด

“ศุกร์” หลังมือชื้นเหงื่อจากความตื่นเต้นตบเบาๆ ไปยังแก้มเนียนของคนเป็นเพื่อน หากก็ไร้ผล จนอีกคนข้างๆ ส่งเสียงขึ้นแผ่วเบา

“ขอโทษนะศุกร์”

ฟึ่บ!

“เฮ้ย พี่ฑิต!” ณัฐดนัยเบิกตากว้างมองบัณฑิตที่เพิ่งกระชากสายน้ำเกลือออกจากแขนเล็กๆ หน้าตาเฉย และนั่นทำให้คนบนเตียงย่นคิ้ว ก่อนจะค่อยๆ ปรือตาตื่นขึ้นหลังจากหลับเป็นตายมานาน

“อือ...น...นี่มันที่ไหน”

วันศุกร์กระพริบตาถี่ ความรู้สึกเจ็บแปล็บเหมือนโดนมดตัวใหญ่กัดเมื่อครู่ยังคงอยู่ หัวคิ้วสองข้างยิ่งขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้าคืออะไร

“นัท...พี่ฑิต?”

“ค่อยๆ ลุกมึง” นัทเข้าไปประคองร่างบางให้ลุกขึ้นนั่ง วันศุกร์กวาดตาไปรอบห้องจึงร้องอ๋อ ว่าตัวเองสลบไป และคงถูกพาตัวมาโรงพยาบาล แต่ที่นี่กลับไม่มีวันเสาร์...

แววตาคร่ำเครียดคุ้นเคยของใครบางคนเหลือบมองเขาอยู่เพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปจี้ปืนขู่ลูกน้องชุดดำจนเหงื่อผุดเต็มขมับไปหมดแล้วนั่น

“พี่กันต์...” เขาพึมพำเสียงค่อย ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้น เมื่อบัณฑิตตรงเข้ามาช้อนตัวเขาออกจากเตียง

“รีบออกไปกันเหอะ”

“ด...เดี๋ยวสิครับ นี่มันอะไร”

“ยังไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นอะ”

บัณฑิตดุเขาน้อยๆ แล้วรีบสาวเท้าออกไปจากห้องพักผู้ป่วย บริเวณหน้าทางเดินโล่งเปล่า มีเพียงรถเข็นคันหนึ่งถูกวางทิ้งไว้ วันศุกร์ถูกจับนั่งบนรถเข็นนั้น ก่อนที่กันต์จะตามออกมาทั้งที่ยังคงถือปืนไว้อยู่ จนกระทั่งพ้นประตูสีเทา ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็รีบเลื่อนล้อออกตัว หากยังคงแสร้งตีหน้าปกติเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยมากนัก

ด้านคนในห้องผู้ป่วย ทันทีที่ผู้บุกรุกกลับออกไปก็รีบต่อสายหาเจ้านายอย่างร้อนรน ไม่รู้ว่าพวกกันต์จะถูกจับได้ก่อน หรือว่าตัวเขาเองที่จะถูกวันเสาร์ฆ่าตายก่อนกันแน่

“ว่ายังไง?”

“คุณเสาร์ รีบมาเร็วครับ” น้ำเสียงลนๆ ติดจะสั่นไหวทำเอาคนปลายสายเลิกคิ้ว

“ฉันใกล้จะถึงแล้ว มีอะไร”

“คุณศุกร์...โดนพาตัวไปแล้วครับ!”

ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความโกรธระคนตกใจ สองเท้าเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งด้วยความเร็วทั้งหมด ตรงกลับไปยังหน้าห้องพักของน้องชายตัวดี แต่สิ่งที่เขาพบกลับเป็นความว่างเปล่า ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายแว่วมาจากที่ไกลๆ เท่านั้น

กันติกรณ์......

ไอ้เด็กเวร!!!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:14:47 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 22.0



“ฮ ฮือ...” คนในชุดผู้ป่วยยังเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่ถูกขโมยตัวออกมาจากโรงพยาบาล ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของตรีวิทย์ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากซักไซ้อะไรมากนัก

“ไม่ร้องแล้วนะ” ฝ่ามืออบอุ่นของกันต์ตบปุๆ ลงกับศีรษะทุย แต่กลับยิ่งทำให้คนตัวเล็กบ่อน้ำตาแตกกว่าเดิม วันศุกร์โผเข้ากอดกันต์อีกครั้งท่ามกลางสายตาหลายคู่

มันคิดถึงเหลือเกิน...

“ฉันว่าเราปล่อยให้ศุกร์พักก่อนดีกว่านะ ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรเลย” เจ้าของบ้านเสนอความคิด ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทีละคนจนเหลือแค่กันต์กับศุกร์เพียงลำพัง มือใหญ่ยังคงลูบหัวปลอบคนรัก ขณะที่วันศุกร์เอาแต่ซุกใบหน้าลงกับอกกว้าง จนเสื้อชื้นน้ำตาไปหมด

“พี่กันต์...ศุกร์...ศุกร์ขอโทษนะ”

“ขอโทษอะไรศุกร์ พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ”

“ศุกร์...ฮึก ทำให้พี่กันต์ โดนซ้อม” แววตาสั่นไหวเงยมองรอยแผลบนใบหน้าของเขา จมูกโด่งรั้นแดงเรื่อน่าหยิก

“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรเลย”

ริมฝีปากสีธรรมชาติกดจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากมน หัวคิ้วขมวดยุ่งเมื่อนึกว่าเด็กน้อยในอ้อมกอดเขาต้องผ่านเรื่องเจ็บปวดอะไรมาบ้าง และมันคงย่ำแย่กว่าทุกครั้งมากนัก เมื่อคนที่กล้าทำร้ายวันศุกร์คือพี่ชายที่ตัวเองรักนักรักหนาเพียงคนเดียว

“เดี๋ยวเรากลับบ้านกันนะ”

“บ้าน?”

“อืม...บ้านพี่”

 

 

“ว...วันศุกร์!?” นั่นคือน้ำเสียงตกใจจากเกศราตามที่เขาคาดการณ์ไว้ หญิงสาวตีหน้าไม่ถูกเมื่อจู่ๆ ก็ได้มาเจอกัน แถมสภาพอีกฝ่ายยังดูไม่ดีนัก อะไรคือท่าทางอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หน้าตาซูบซีด ใต้ตาบวมแดง แถมยังใส่ชุดของโรงพยาบาลอีก

“คืนนี้ให้ศุกร์พักที่บ้านเราก่อนนะพี่เกศ”

“กันต์ นี่มันอะไร?”

“เรื่องมันยาวน่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

“ขอโทษครับ...รบกวนด้วยครับ” วันศุกร์ก้มหัวถึงสองครั้ง ขณะก้าวขาเข้ามาในบ้าน

กันต์จัดแจงพาคนรักขึ้นไปนอนพักบนห้องนอนของเขา ก่อนจะเดินลงมาเตรียมอธิบายให้พี่สาวฟัง มันคงถึงเวลาแล้วที่เกศจะได้รู้จักตัวตนของวันศุกร์ คนที่เธอนึกเกลียดมาตลอด...

“มันเกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้หมดเลย”

“อืม”

บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยรังสีกดดัน กันต์ขอให้เกศนั่งฟังนิ่งๆ อย่าเพิ่งแทรกอะไร แล้วเริ่มต้นเล่าตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาพบกัน บอกว่าวันศุกร์เป็นคนยังไง และวันเสาร์ทำเรื่องบ้าอะไรไว้บ้าง คนเป็นพี่ขมวดคิ้วเป็นพักๆ เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง

“ไม่อยากจะเชื่อ เสาร์ขังศุกร์ไว้ที่บ้านอย่างนั้นเหรอ?”

“ก็ใช่อะสิ พี่เสาร์น่ะบ้าไปแล้ว”

“ฉันไม่คิดเลยว่าวันเสาร์จะทำอะไรแบบนี้”

“ผมขอร้องล่ะนะ แค่พี่เสาร์คนเดียวก็ทำร้ายศุกร์มากพอแล้ว พี่เกศอย่าเพิ่งไปหาเรื่องอะไรศุกร์อีกเลย”

“ฉ...ฉันก็ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” เธอรีบตอบกลับเสียงแหลม แม้ในใจจะยังขุ่นมัวอยู่หน่อยๆ แต่ขืนให้ทำอะไรกับคนป่วยสภาพเหมือนทิชชู่เปียกเดินได้แบบนั้นก็คงโหดเหี้ยมเกินไป

“ทุกอย่างมันเป็นเพราะพี่เสาร์คนเดียว ศุกร์ไม่เคยเกี่ยวอะไรเลย ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้พี่ลองใช้เวลาทบทวนความรู้สึกตัวเองให้ดี แล้วเลิกทิฐิกับแฟนผมได้แล้ว”

“...”

เกศเงียบไม่กล้าต่อล้อต่อเถียง วันนี้กันต์ดูผิดแปลกไปจากทุกครั้ง นอกจากจะกล้าสั่งสอนคนเป็นพี่อย่างเธอแล้ว ยังแอบน่ากลัวยังไงไม่รู้ หรือเพราะว่าเป็นห่วงวันศุกร์ หรือเพราะว่าเบื่อกับเธอเต็มที...จะยังไงก็ช่างเถอะ เมื่อกี้รู้สึกหมั่นไส้ชะมัดที่ไอ้น้องตัวดี เอ่ยปากเรียกเด็กแปลกหน้านั่นว่า แฟน ซะเต็มปากเต็มคำ

ทั้งที่เธอย้ำไปแล้วไม่รู้กี่รอบ ว่าอย่าไปสนิทสนมกับเด็กนั่นแท้ๆ...แต่ดูเหมือน หัวใจของกันต์ จะบังคับไม่ได้เลยสินะ

“ตอนนี้ผมขอร้องพี่อีกอย่างได้ไหม”

“อะไร?”

“อย่าให้พี่เสาร์รู้ที่อยู่บ้านเราเด็ดขาด”

“เสาร์ก็ไม่รู้อยู่แล้วนี่ ฉันไม่ได้สนิทกับหมอนั่นขนาดนั้นสักหน่อย”

“แต่เขาก็ถามจากเพื่อนคนอื่นได้ใช่ไหมล่ะ”

เกศคิดตามและเริ่มเข้าใจว่ากันต์ต้องการอะไร เธอชั่งใจครู่หนึ่งก็ยอมพยักหน้าแล้วกดโทรศัพท์หาเพื่อนในกลุ่มสามสี่คนที่รู้ที่อยู่ของเธอ กำชับพวกนั้นว่าถ้าวันเสาร์ถามอะไรก็อย่าตอบเป็นอันขาด อย่างน้อยก็ในตอนนี้...คงพอช่วยยื้อความปลอดภัยของวันศุกร์ไว้ได้สักพัก

ยอมรับว่าเธอก็ยังไม่ชอบขี้หน้าเด็กวันศุกร์อยู่ดี แต่พอรู้เรื่องที่วันเสาร์ทำ บวกกับสภาพของวันศุกร์ที่เธอเห็นเมื่อกี้ มันดันอดสงสารไม่ได้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าวันศุกร์กำลังตกอยู่ในขุมความทรมานจากน้ำมือพี่ชายตัวเองอย่างไม่เต็มใจมากขนาดไหน

และมาคิดๆ ดู เธอเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าวันเสาร์ คนที่เธอเคยมีใจให้ ความจริงแล้วน่ากลัวเหลือเกิน

“แล้วแกจะให้วันศุกร์อยู่ที่นี่ไปถึงเมื่อไร”

“ยังไม่รู้ แต่คงไม่นาน อย่างร้ายที่สุด...ผมอาจจะพาศุกร์ออกต่างจังหวัด”

“นี่พวกแกหนีแก๊งมาเฟียทวงหนี้อะไรอยู่รึเปล่า”

“พี่เสาร์ตอนนี้ ยิ่งกว่าแก๊งมาเฟียอีกมั้ง”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ...” เกศขมวดคิ้ว พลางหยุดนึกภาพตาม

“ก็แผลบนหน้าผมเนี่ย เป็นฝีมือพี่เสาร์ไง”

กันต์ชี้หน้าตัวเองแล้วยอมเปิดปากเฉลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเคยเค้นถามแต่ก็ไม่ยอมตอบ และนั่นก็ทำเอาเธออ้าปากค้าง...นี่มันบ้าไปใหญ่แล้ว ขังน้องตัวเอง เกือบขืนใจน้องตัวเอง แล้วยังพาลมารุมกระทืบแฟนน้อง ซึ่งเป็นน้องชายของเธออีกด้วยเนี่ยนะ! ชักจะไม่โอเคแล้ว!

“พี่ไม่คิดเลยว่าเสาร์จะเป็นไปได้ขนาดนี้”

“ก็คงไม่มีใครคิดหรอก”

เกศรานั่งนิ่ง รู้สึกปวดหัวตามไปด้วย เพราะจู่ๆ ก็มารับรู้เรื่องราวมากมายซึ่งเธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน กันติกรณ์ฝากเธอกำชับเรื่องปกปิดที่อยู่ ก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปนั่งเฝ้าผู้ลี้ภัยบนห้องนอนชั้นบน

เวลาผ่านไปจนถึงเวลามื้อค่ำ กันต์กับวันศุกร์ถึงได้ลากสังขารกลับลงมา

“พี่เกศ...ผม ขอโทษนะครับ ที่มารบกวน” เสียงที่ควรจะใสแจ๋ว กลับเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ใบหน้าซีดเซียวไม่เหมือนวันศุกร์ที่เธอเคยเห็น ยิ่งขอบตาแดงช้ำก็ยิ่งทำเอาเธอใจหาย

“ช่างเถอะ มากินข้าวกันได้แล้ว”

คนตัวเล็กก้มหัวแล้วนั่งลงข้างๆ ผู้ชายอีกคน มีเกศนั่งอยู่ตรงข้ามเยื้องออกไปเล็กน้อย เขาไม่ค่อยกล้าสบตากับพี่สาวคนนี้มากนัก ไม่รู้ทำไม เกศดูน่ากลัว…เธอไม่ค่อยยิ้ม และน้ำเสียงของเธอมักฟังดูขุ่นเคืองตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อต้องเอ่ยปากพูดกับเขา

“แค่ไม่กี่วัน ศุกร์ก็ผอมลงไปตั้งเยอะ” กันต์บ่นออดแอด พลางตักกับข้าวใส่จานเขาไม่หยุด

“พอแล้ว”

“ไม่ได้ ต้องกินเข้าไปเยอะๆ เดี๋ยวไม่มีแรงต่อกรกับพี่เสาร์”

คนฟังชะงักไปเล็กน้อย ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งยามได้ยินชื่อพี่ชายที่ตอนนี้กลายเป็นปิศาจร้าย และนั่นก็ทำให้กันต์อยากจะย้อนเวลาไปตบปากตัวเอง ขนาดเกศยังดูออกจนอดจะดุไม่ได้

“กันต์ ไม่ต้องพูดอะไรเลยก็ไม่มีใครว่านะ”

“ข...ขอโทษ พี่ขอโทษนะศุกร์ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรเลยนะ”

“อือ…” พยักหน้าช้าๆ แล้วเริ่มตักข้าวเข้าปากอย่างอ้อยอิ่ง แต่กินไปได้เพียงไม่กี่คำก็หยุดเคี้ยวซะอย่างนั้น

“อะไร พอแล้วเหรอ?”

“ศุกร์ไม่ค่อยหิว…”

กันติกรณ์ขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง เขาเห็นวันศุกร์เป็นแบบนี้ แม้แต่ตัวเองก็พาลจะกินข้าวไม่ลงไปด้วย ได้ยินเสียงเกศรวบช้อน ก่อนที่เธอจะเรียกแม่บ้านเข้ามาเก็บกวาดโต๊ะอาหาร

“ถ้าไม่กินข้าวก็กินผลไม้สักหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปปอกมาให้” คุณหนูบ้านเดชะภักดีลงทุนเอ่ยปากอาสาเองในรอบสิบปีเห็นจะได้ ทำเอาคนเป็นน้องชายถึงกับอึ้งอ้าปากค้าง ไม่รู้จะซาบซึ้งหรือควรห้าม ก่อนที่ผลไม้ในตู้เย็นจะถูกปู้ยี่ปู้ยำจนเละดี

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับพี่เกศ”

“ไม่เป็นไรไม่ได้ นายกินข้าวไปแค่นั้น เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาฉันจะลำบากเอา”

“กะ ก็ได้ครับ งั้น…ให้ผมไปช่วยด้วยนะครับ” วันศุกร์ลุกออกจากเก้าอี้ ทำท่าจะตามเกศไปทางห้องครัวแต่ก็โดนถึงสองเสียงห้ามไว้

“ไม่ต้อง”

“ไม่ต้องหรอกศุกร์”

สองพี่น้องที่ดูเหมือนจะใจตรงกันเหลือเกิน ทำเอาเขาสะดุ้ง

“เอ่อ…ไม่เป็นไรครับ ศุกร์อยากช่วย ศุกร์ไม่อยากอยู่เฉยๆ ด้วย” เขาหันไปบอกคนรัก พยายามส่งสายตาเพื่อให้วางใจ จนกันต์ยอมพยักหน้าและทำมือทำไม้เป็นสัญญาณว่าตัวเองจะนั่งรออยู่ตรงห้องนั่งเล่น อดห่วงไม่ได้เพราะเขารู้แก่ใจดีอยู่ ว่าเกศราน่ะไม่ชอบขี้หน้าวันศุกร์มากแค่ไหน

เด็กผู้ชายหน้าหวานซึ่งตอนนี้ดูโทรมลงไปถนัดตา เดินเตาะแตะตามพี่สาวคนสวยเข้าไปในส่วนของห้องครัวขนาดกว้างขวางและค่อนข้างโปร่งสบาย แม่บ้านสองคนตั้งท่าจะเข้ามาช่วยแต่ก็ถูกเกศไล่ให้กลับไปพักผ่อน ก่อนที่เธอจะเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบชมพู่กับฝรั่งลูกโตออกมาพิจารณา

“ชอบกินอะไรล่ะ มีแอปเปิ้ลด้วยจะเอาไหม?”

“ผมกินอะไรก็ได้ครับ”

เกศส่งเสียงฮึดฮัดเล็กน้อยด้วยความรำคาญ เพราะวันศุกร์เอาแต่ตีหน้าซึม ทำท่าเกรงๆ เหมือนเธอเป็นยักษ์ไม่ก็ผีห่าซาตานที่ไหน ทั้งที่เธอพยายามปั้นหน้าทำตัวดีด้วยขนาดนี้แล้ว สาบานเถอะว่าถ้าวันศุกร์ไม่ได้เจอเรื่องแย่ๆ มา เธอคงไม่มีทางเสวนาด้วยแน่

ทั้งที่แวบหนึ่งในหัว…เกือบคิดว่าจะลองเปิดใจยอมรับเด็กตรงหน้าสักหน่อยแท้ๆ

“เอาที่พี่เกศชอบก็ได้ครับ”

“ฉันไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ”

“เอ่อ…” คนเด็กกว่าเริ่มไปต่อไม่ถูก เขาอยากจะคุยด้วยอยู่หรอกนะ แต่ทำไมมันถึงได้อึดอัดจัง “งั้น…พี่กันต์ชอบกินอะไรเหรอครับ?”

คำถามเมื่อครู่หลุดออกจากปากตามสัญชาตญาณบางอย่าง นั่นสิ กันติกรณ์ชอบกินอะไร พวกเขาคบกันนี่น่า แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้เรื่องของอีกฝ่ายดีสักเท่าไรเลย

“ถ้าผลไม้ หมอนั่นชอบมะม่วง”

“มะม่วง” เขาเผลอพูดตาม ดวงตาเหลือบขึ้นสูงเหมือนว่ากำลังจดบันทึกข้อมูลลงเส้นสมอง เล่นเอาคนมองเกือบจะหลุดขำกับท่าทีเอ๋อๆ นั้น

“มะม่วงน้ำดอกไม้”

เธอขยายความ ก่อนจะตัดสินใจหยิบทั้งชมพู่ ฝรั่ง และแอปเปิ้ลออกมาวางเรียงบนเคาน์เตอร์ เสียใจด้วยที่คืนนี้ไม่มีมะม่วงอยู่ในตู้เย็น

“ล…แล้ว อย่างอื่นล่ะครับ พี่กันต์ชอบอะไรอีก?”

“อะไรล่ะ คำถามกว้างขนาดนั้นฉันจะตอบถูกไหม” เด็กขี้สงสัยรีบหลุบตาต่ำ ส่วนหนึ่งในใจยังแอบกลัวผู้หญิงตรงหน้า แต่อีกเสียงในใจกลับดังว่า ‘รีบๆ ถามเข้าสิ นี่เป็นโอกาสในการศึกษาเรื่องแฟนตัวเองแล้วนะ’

“เอ่อ…ก็ อย่างอาหารที่ชอบ สัตว์ที่ชอบ กีฬา เพลง…”

“เลือกสักอย่างสิ”

วันศุกร์หยุดชะงัก แอบบุ้ยปากเหมือนเด็กเวลาโดนแม่ดุ จนคนโตกว่าต้องยอมพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ

“กันติกรณ์มันกระแดะ ชอบกินอาหารอิตาเลียน แต่ก็เรื่องมาก ไม่ชอบซอสครีม อย่างพวกพาสต้าสปาเกตตี้ก็ต้องผัดน้ำมันมะกอก สัตว์ที่ชอบไม่มีมั้ง บ้านเราไม่ได้เลี้ยงสัตว์ แต่เหมือนช่วงนี้มันจะติดหมูอยู่หนิ”

“อ้อ ครับ ชื่อเจ้าดื้อ เป็นเหมือนลูกพวกเราเอง”

“ห้ะ?”

“หมูที่พี่กันต์กับผมเลี้ยงอยู่อะครับ ชื่อเจ้าดื้อ”

เกศราพักมีดในมือลงแล้วเงยหน้ามองวันศุกร์นิ่งๆ เธอกำลังอยากปรี๊ดแตกเพราะหมั่นไส้กับคำว่า ‘ลูกพวกเรา’ เมื่อครู่ซะเหลือเกิน บ้าบอ! คนอะไรมีลูกเป็นหมู ก็แค่ถูกลุงณพลงโทษเท่านั้นแหละ

“ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าพวกนายไปรักกันได้ยังไง”

คำถามชวนเขินทำเอารุ่นน้องชายยืนหน้าแดงหูแดง แล้วเลียบๆ เคียงๆ เข้ามาหยิบฝรั่งลูกหนึ่งขึ้นมาเด็ดใบเล่น ทำตัวเป็นนางเอกนิยายรักหวานแหววไปได้ จะว่าไงดี…วันศุกร์ตัวจริง ค่อนข้างแตกต่างจากที่เธอเคยจินตนาการไว้หลายขุม นอกจากจะดูซื่อๆ บื้อๆ แล้วยังดูไร้พิษสงจนน่าใจหายอีกต่างหาก

“พ…พี่กันต์ ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลยเหรอครับ”

“ไม่อะ” รู้อยู่ว่าเธอชิงชังวันศุกร์มากแค่ไหน คงกล้าเล่าหรอกนะ

“เอ่อ ความจริงแล้ว เรื่องของเรามันเริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก” ในที่สุดก็ยอมเปิดปากเล่า แววตาเหม่อลอยเหมือนกำลังย้อนนึกถึงอดีต “ช่วงแรกๆ ที่เรารู้จักกัน พี่กันต์เอาแต่หาเรื่องแกล้งผมตลอด เพิ่งมารู้ทีหลังว่าที่ทำแบบนั้นเพราะพี่กันต์โกรธผมเรื่องพี่เกศ…”

หญิงสาวหันไปสบตาวันศุกร์อีกครั้ง แววตาที่เกือบจะสดใสแล้วเมื่อครู่ กลับมาเศร้าหมองอีกครั้ง

“พี่กันต์เล่าว่า พี่เสาร์ปฏิเสธพี่เกศ ทำให้พี่เกศเสียใจมาก…พี่กันต์เลยพาลเกลียดทั้งพี่เสาร์และผมไปด้วย”

“…”

“ผม…ขอโทษด้วยนะครับ พี่เสาร์เขาเป็นคนปิดกั้นตัวเองไปหน่อย บางทีอาจจะดูใจร้าย แต่ความจริงแล้วพี่เสาร์ใจดี…” น้ำเสียงแหบแห้งเริ่มสั่นเครือจนคนฟังชักใจไม่ดี หัวคิ้วนั่นขมวดมุ่น ปลายจมูกแดงเรื่อคล้ายคนเป็นหวัด

“ไม่สิ…ความจริงแล้ว พี่เสาร์น่าสงสารมากครับ ผมคิดว่าพี่เสาร์ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ เลยยึดติดกับผมที่อยู่ด้วยกันมากเกินไปหน่อย มากจนไม่เปิดรับคนอื่นเลย เพราะงั้น…ผมก็อาจจะมีส่วนผิด ที่ทำให้พี่เกศต้องเสียใจเหมือนกัน ผมขอโทษนะครับ…พี่เกศ เกลียดผมหรือเปล่า?”

มีดกับผลไม้ในมือถูกวางทิ้งไว้ เธอได้แต่จับจ้องใบหน้าซูบผอมด้วยความสับสน ใช่…เธอเกลียด เธอชิงชังวันศุกร์ คนที่ได้หัวใจทั้งหมดของวันเสาร์ไป เธออยากกรีดร้อง เพราะเด็กตรงหน้ายังมาแย่งความรักของน้องชายเธอไปอีก

ทำไม…ทำไมนะ…..ทำไมแค่เด็กผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลยคนเดียว ถึงได้ทุกอย่างไป

แล้วทำไม…คนที่เธอสมควรจะเกลียด ถึงได้ดูอ่อนแอจนแทบอยากเข้าไปดึงมากอดไว้ มากขนาดนี้…วันศุกร์ ทำไมตัวจริงของนายถึงได้ใสสะอาด จนเธอรู้สึกว่าจิตใจตัวเองมันน่าขยะแขยงเหลือเกิน ตลอดมาเธอก็แค่เอาแต่กล่าวโทษใครสักคน เพราะไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองได้ เอาแต่คิดว่าอีกฝ่ายน่ะคือมารร้ายที่จงใจมาแย่งของของเธอไป ทั้งที่ยังไม่เคยรู้จักตัวตนของเขาจริงๆ เลย

“ไม่ใช่เลยพี่เกศ! ผมรักเขาเอง วันศุกร์ไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ทำไม! ทำไมใครๆ ก็พากันไปหลงมันหมด”

“เพราะเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พี่คิดไง”


ภาพเหตุการณ์วันที่กันต์มาสารภาพกับเธอเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับวันศุกร์ ย้อนกลับเข้ามาในหัว ชัดเจนทุกคำ นั่นสินะ…

เบ้าตาบวมแดง ตัดกับผิวหน้าขาวๆ ร่องรอยบางอย่างรอบข้อมือ กับน้ำเสียงหวั่นผวายามพูดถึงพี่ชายตัวเอง ภาพตรงหน้าของเธอตอนนี้ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่า อีเด็กเลว ที่เธอเคยเรียกตรงไหนเลย…ไม่ใช่เลย…

เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่แค่ได้พูดคุยและใช้เวลาอยู่กับวันศุกร์เพียงไม่เท่าไร กลับทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความน่ารักของเด็กคนนี้อย่างมากมาย บางที…เธออาจจะเหนื่อยแล้ว เหนื่อยที่พยายามหลอกตัวเอง เกศรา…วันศุกร์น่ะไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นตัวเธอเองที่ไม่สามารถเข้าไปในหัวใจของวันเสาร์ได้

เป็นเธอเอง ที่ผิด…ที่เลวคือเธอเอง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:15:38 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
มีเกศมาอยู่ในทีมอีกคนแระ อิอิ

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 22.5



“พี่เกศ…เป็นอะไรครับ?” ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยฉายชัดอยู่ต่อหน้า เมื่อเกศทำท่าเหมือนคนอยากร้องไห้ และสุดท้ายน้ำตามันก็ไหลออกมาจริงๆ ยิ่งทำเอาวันศุกร์ตกใจ ปรี่เข้ามาแตะบ่าเธออย่างเก้ๆ กังๆ สีหน้าลนลานทำอะไรไม่ถูก

“ฉัน…ฉันขอโทษ…”

“ขอโทษเรื่องอะไรครับ?”

“ฉันเคยเกลียดนาย”

ชายหนุ่มหน้าชาไปแวบหนึ่ง หากก็ยังพยายามปลอบเจ้าของไหล่สั่นไหว เขาเลือกที่จะยืนฟังนิ่งๆ โดยไม่แทรกอะไร

“ฉันเคยคิดว่านายเป็นเหตุผลที่วันเสาร์ปฏิเสธฉัน เคยคิดว่านายจะมาแย่งความรักจากน้องชายฉัน แต่ความจริงแล้วนายไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลย…ฉันมันบ้าจริงๆ ที่คิดว่านายเลวร้าย ทั้งที่นายเป็นเด็กดีขนาดนี้ วันศุกร์…ฉันขอโทษ”

“ผ...ผม ผมก็ขอโทษเหมือนกันครับ”

เกศราส่ายหน้าช้าๆ เหมือนต้องการจะบอกว่า ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เธอจับแขนทั้งสองข้างของเด็กตรงหน้าไว้แน่น เพราะรู้สึกเหมือนจะยืนไม่ไหว ยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

“ก่อนหน้านี้ ฉันช็อกและผิดหวังเรื่องวันเสาร์มาก จนสมองมันมืดบอดไปหมด ฉันไม่อยากยอมรับว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธ ก็เลยพยายามหาเหตุผลอื่นขึ้นมาทดแทน ความจริงฉันรู้แก่ใจดีอยู่แล้ว ว่าฉันยังไม่ดีพอเอง…เรื่องกันต์ก็ด้วย ฉันแค่ไม่อยากยอมรับนาย แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแล้ว ว่าทำไมทั้งวันเสาร์และกันติกรณ์ถึงได้รักนายมากนัก”

เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกลวกๆ แล้วพยายามส่งยิ้มให้ ตั้งแต่วันนั้นที่เธอรู้เรื่องกันต์กับศุกร์จนสลบไป พอตื่นขึ้นมาเธอก็ได้มีเวลาคิดทบทวนในห้องของโรงพยาบาล เธอรู้สึกเหนื่อย และไม่อยากจะสนใจทุกสิ่งบนโลกอีกต่อไปแล้ว จนมาวันนี้ที่ได้มารู้เรื่องน่ากลัวของวันเสาร์ ได้มารับรู้ถึงความเจ็บช้ำที่วันศุกร์ได้รับ และได้มาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของวันศุกร์ คนที่เธอไม่เคยรู้จัก…

ก็เลยเข้าใจ ว่าทำไมใครต่อใครถึงได้ตกหลุมรักเด็กคนนี้

“นายเป็นคนดี จนฉันรู้สึกต่ำต้อยไปเลย”

“มะ ไม่จริงเลยครับ! พี่เกศอย่าพูดอย่างนั้นสิ ผมคิดว่าพี่เกศแค่เข้าใจผิดเท่านั้นเอง อย่ารู้สึกไม่ดีไปเลยครับ อะไรที่เป็นอดีตก็ปล่อยมันไปเถอะ ตอนนี้ผมอยากให้พี่เกศได้รู้จักผมใหม่อีกครั้ง…”

วันศุกร์ประคองร่างของเกศให้กลับขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตากลมส่อแววจริงจัง พวงแก้มที่ดูจะตอบลงจากปกติเล็กน้อยเริ่มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ คำพูดสะดุดหูทำเอาเธอชะงัก

“ช่วยยอมรับผมในฐานะคนรักของน้องชายพี่ได้ไหมครับ”

จะบอกว่าบ้าหรือบ้าดี…แค่เวลาไม่กี่ชั่วโมง กับบทสนทนาไม่กี่คำ ก็ทำให้ไฟในจิตใจของเธอดับมอดลงไปง่ายดายอย่างกับเรื่องอัศจรรย์

วันศุกร์…นายคือเรื่องอัศจรรย์จริงๆ

“งั้นฉันคงต้องฝากน้องชายไม่ได้เรื่องให้นายดูแลแล้วล่ะ”

รอยยิ้มจากทั้งสองฝ่ายระบายอยู่บนใบหน้าโล่งอก เหมือนภูเขาลาวามันเพิ่งถูกยกออกไป ความร้อนความทรมานที่เคยเผาไหม้ตัวเธอมันหายไปแล้ว หายไปพร้อมกับความรู้สึกรักที่มีต่อวันเสาร์ และความรู้สึกเกลียดที่มีต่อวันศุกร์

เหมือนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เลย…

เงาของใครบางคนขยับเข้ามาใกล้ประตูหน้าห้องครัวมากขึ้น กันติกรณ์ลอบยืนยิ้มอิ่มอกอิ่มใจอยู่ลำพัง สายตาทอดมองไปยังดวงหน้าสดใสของคนที่เขารักมากที่สุดทั้งสองคน เรื่องที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้อย่างการให้เกศยอมรับวันศุกร์ ดูเหมือนตอนนี้จะกลายเป็นจริงแล้ว

 

“วันศุกร์มานี่” เจ้าของผมสีดำขลับยาวถึงกลางหลัง กวักมือเรียกเขาหยอยๆ หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ พอเดินเข้าไปใกล้ก็ถูกมือเรียวฉุดให้นั่งลงข้างกันบนโซฟาตัวยาว

“อะไรเหรอครับ”

“จะให้ดูอัลบั้มรูปของกันต์ อยากดูไหม”

หนังสือปกแข็งเล่มหนายกขึ้น ดวงตากลมของเขาเปล่งประกายทันที

“ยะ อยากดูครับ!”

เกศยิ้มกว้างแล้วเปิดอัลบั้มรูปนั้นทีละหน้าๆ พลางเล่าไปเรื่อยถึงวีรกรรมสมัยเด็กของน้องชายตัวแสบ มีภาพของกันต์ตั้งแต่ช่วงวัยอนุบาล ประถม จนถึงราวๆ มัธยมต้น หน้าตากวนตีนตั้งแต่ไหนแต่ไร เห็นแล้วอดจะขำไม่ได้

“อันนี้ตลกอะ” เขาชี้ไปยังรูปกันต์ สมัยยังเป็นเด็กน้อย ทำหน้าทำตาเหมือนโกรธใครอยู่ แถมถูกจับแต่งตัวในชุดสูทเต็มยศ แต่ฮาสุดคือทรงผมกะลายาวพอดีคิ้วนั่นมันอะไรอะ โคตรยุคมืด

“ฮ่าๆ อันนี้งานเลี้ยงวันเกิดคุณปู่ ตอนนั้นกันต์ร้องโวยวายแทบตาย”

“นึกภาพออกเลย”

เสียงหัวเราะดังขึ้น จนไปกระทบหูคนที่เพิ่งยกน้ำส้มมาประเคนให้พี่สาวและภรรยาถึงที่ กันต์ขมวดคิ้วขณะยื่นแก้วน้ำใส่มือวันศุกร์ซึ่งยังเอาแต่กลั้นขำตัวสั่น

“ทำอะไรกันอยู่”

“ก็ดูอัลบั้มรูปแกตอนเด็กๆ ไง”

“เฮ้ย ไรอะ เอาออกมาทำไมเนี่ย” คนตัวสูงร้องเอะอะเมื่อเห็นสมุดภาพคุ้นตา แต่กลับไม่น่าพิสมัยสำหรับเขาสักเท่าไรนัก พอทำท่าจะเข้าไปแย่งออกจากมือเกศ ก็ถูกวันศุกร์เข้ามาขวางซะงั้น

“พี่กันต์อย่าดิ ศุกร์อยากดูอะ”

“แต่พี่ไม่อยากให้ศุกร์ดู”

“ทำไม น่ารักจะตาย ดูดิ” ไม่พูดเปล่า คว้าเอาอัลบั้มมาเปิดกลับไปที่หน้าแรก ภาพทารกกันติกรณ์วัย 1 ขวบ นอนอ้าขาโชว์ช้างน้อยไม่รู้เรื่อง เด่นหราอยู่ตรงหน้า ให้ตายเหอะ น่าอายชะมัด!

“เออ รูปแกในอัลบั้มนี้ยังน่าดูกว่าหน้าแกตอนนี้อีก”

“พูดงี้หมายความว่าไงพี่เกศ”

“ก็หมายความว่า...ตอนเด็กๆ ก็น่ารักดีออก ไม่น่าโตเลยไงไอ้น้องบ้า”

กันต์ส่งเสียงฮึดฮัด แล้วแย่งอัลบั้มรูปมาจนได้ เขาหันไปยัดเยียดแก้วน้ำส้มใส่ปากคนรักซึ่งดูท่าทางจะสนุกสนานอยู่กับคุณพี่สาวเสียเหลือเกิน ตอนนี้ชักรู้สึกผิดแล้วสิที่ศุกร์กลายมาเป็นพวกเดียวกับนังมารร้ายชื่อเกศรา

ใช่ ตั้งแต่ที่ศุกร์เข้ามาอยู่บ้านเขา ก็ผ่านมาร่วม 3 วันแล้ว ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เกศปรับทัศนคติตัวเองได้ และยอมรับวันศุกร์ในที่สุด ทั้งสองคนสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว กลายมาเป็นคู่หูดูโอ้ตัวติดกัน จนเขาแทบกลายเป็นคนนอกไปซะอย่างนั้น มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่บางทีเขาก็แอบเหงานิดๆ เพราะศุกร์เอาแต่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเกศแทนที่จะเป็นเขา สองคืนเต็มๆ มาแล้วที่พวกเขาไม่ได้ทำแม้แต่จูบกัน!

และตอนนี้เขาก็คิดถึงริมฝีปากของเด็กตรงหน้าจะแย่แล้วด้วย

“พี่เกศ ไหนบอกว่าวันนี้จะทำธีสิสไง”

หญิงสาวหน้าบูดทันทีที่ได้ยินคำต้องห้าม ‘ธีสิส’ โอ้ย แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ชีวิตปี 4 ของเธอใกล้ดำเนินมาถึงจุดจบ แต่ก็เหมือนจะไม่จบสักที ขนาดว่าเทอมนี้ไม่มีเรียนวิชาอื่นแล้วนะ แต่แค่วิทยานิพนธ์ตัวเดียวก็เล่นเอาเกือบตาย

“งั้นฉันขึ้นห้องก่อนละ”

กันต์โบกมือเป็นเชิงไล่ มองตามแผ่นหลังพี่สาวไปจนลับสายตา แล้วจึงหันกลับมาเอาเรื่องเด็กข้างตัวต่อ

“เมื่อกี้หัวเราะพี่เหรอห้ะ?”

“หืออ”

“เด็กไม่ดีต้องโดนลงโทษนะ”

“อ้ะ!?”

ภาชนะสีใสมีน้ำส้มเหลือก้นแก้วถูกมือใหญ่ดึงออกไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะจับใบหน้าเหวอๆ ให้หันมารับจูบหนักหน่วง ไม่รอช้ารีบใช้ลิ้นชอนไชเข้าไปควานหารสหวานจากน้ำผลไม้เมื่อครู่ วันศุกร์นั่งตัวเกร็ง สองมือยกขึ้นบีบต้นแขนของกันต์ไว้ ใบหน้าแดงซ่านกับดวงตาหยาดเยิ้มทำเอาคนเป็นพี่แทบคลั่ง

“อืมม…ฮ้าา” เขาถอนปากออก ก่อนจะกดจูบลงกับซอกคอขาว มือซุกซนทำหน้าที่เลิกชายเสื้อยืดขึ้นเกือบสุด เผยให้เห็นจุกทับทิมทั้งสองกำลังล่อตา

“จับเสื้อไว้หน่อย”

กันต์พูดคล้ายว่าจะสั่ง และวันศุกร์ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย เพราะเขาเองก็นึกคิดถึงสัมผัสจากคนตัวใหญ่อยู่เหมือนกัน

“จุ๊บ…”

ร่างเล็กเผลอแอ่นอกรับความรู้สึกอุ่นๆ กันต์ไล่จูบไปทั่วแผงอกบาง แล้วตามมาสะกิดติ่งไตข้างหนึ่งด้วยปลายลิ้น อีกด้านถูกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งบีบดึงหยอกล้อไม่หยุด

“อ...อ๊ะ”

วันศุกร์กัดริมฝีปากแน่น ยามเหลือบตาลงมองกลุ่มเส้นผมสีดำ สองมือที่กำลังรั้งชายเสื้อไว้สั่นระริก ความต้องการบางอย่างเริ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนอีกฝ่ายเองจะรู้ทัน ถึงยิ่งออกแรงดูดหนักหน่วงกว่าเดิม สักพักก็ผละตัวออก แล้วเปลี่ยนมาจับเขานอนราบลงกับโซฟาแทน

เจ้าของร่างหนายกยิ้มมุมปากท่าทางกระหาย เคลื่อนตัวขึ้นมาคร่อมเขาไว้ พร้อมกดจูบลงมาอีกนับครั้งไม่ถ้วน ดวงตาฉ่ำปรือจ้องมองกันต์อย่างขวยเขิน วันศุกร์ขมวดคิ้วนิดๆ แล้วเอ่ยปากเสียงพร่า

“พี่กันต์…ขึ้นไปบนห้อง…ไม่ได้เหรอ?”

“แต่พี่อยากทำตรงนี้”

“อื๊ออ” คนขี้แกล้งโน้มลงมาขบใบหูแดงเรื่อพอให้ร่างด้านใต้จั๊กจี้

สองกายบดเบียดเข้าหากัน หัวสมองเริ่มมึนตื้อจนเหมือนจะไม่ทันได้ยินเสียงรถยนต์จอดลงแถวหน้ารั้วบ้าน ทั้งคู่ยังคงพลอดรัก โดยไม่ได้สังเกตว่ามีเงาของใครบางคนกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา…

ปังง!!

เสียงปะทุบางอย่างดังขึ้นรุนแรงจนทุกคนในบ้านสะดุ้ง กันต์รีบผละตัวออกจากคนรัก หันกลับไปยังประตูไม้บานใหญ่ ที่มาของเสียงคล้ายกระสุนเมื่อครู่ ดวงตาเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าลูกบิดประตูเพิ่งถูกพังลง พร้อมการปรากฏตัวของร่างสูงโปร่ง ชวนให้เสียวสันหลังวาบ

“พ…พี่เสาร์!”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:15:59 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ติดตามนะคะ เข้มข้นมากเลย แงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 23.0



“ศุกร์ กลับบ้านเดี๋ยวนี้!” วันเสาร์ตะคอก ปลายกระบอกปืนสีดำสนิทจ่อตรงไปทางผู้ชายข้างๆ เขา

“พี่เสาร์มาได้ยังไง ล…แล้วปืน...”

“พี่บอกให้กลับ!”

“ศุกร์มานี่” กันติกรณ์กระซิบแล้วดึงตัวเขาเข้าไปหลบด้านหลัง ยิ่งทำให้เลือดในกายวันเสาร์เดือดพล่าน น้องชายสุดรักสุดหวงของเขากำลังถูกไอ้บ้านี่แย่งไปซึ่งๆ หน้า

“นี่มันเกิดอะไ…กรี๊ดด!”

เกศราที่เพิ่งเดินกลับลงมาจากชั้นสองหวีดร้องยามมองเห็นเพื่อนร่วมคณะตัวเอง พ่วงด้วยอาวุธที่ไม่สมควรจะมีในครอบครองนั่น เธอเผลอก้าวถอยหลังเล็กน้อยด้วยว่าหวาดกลัว แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจสาวเท้าตรงไปขวางหน้าคนเด็กกว่าทั้งสอง อย่างน้อยเธอก็เป็นพี่ เธอควรจะทำได้ดีกว่าหลบอยู่ข้างหลัง และก็เพื่อปกป้องคนที่เธอเคยสาปแช่งมาตลอดเกือบหนึ่งปีเต็มด้วย

“นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ถือปืนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้ รู้ไหมว่าฉันจับนายเข้าคุกได้นะ”

“หลบไป นี่ไม่ใช่เรื่องของเกศ”

“ฉันไม่หลบ นี่จะไม่ใช่เรื่องของฉันได้ยังไง ในเมื่อนายกำลังจ่อปืนมาที่น้องชายฉัน!”

วันเสาร์ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ใบหน้าสวยกลับบิดเบี้ยวด้วยแรงโกรธและกลัวในเวลาเดียวกัน หญิงสาวยืนกางแขนไม่ยอมให้ผู้บุกรุกเข้ามาใกล้ หัวใจของเธอกำลังเต้นแรง และขาสองข้างก็เริ่มสั่นเทา

“ก็บอกให้น้องเกศ คืนน้องฉันมาก่อนสิ”

“ไม่!” เธอกลั้นใจขยับขาไปใกล้วันเสาร์มากขึ้น เมื่อเห็นทีท่าว่าอีกฝ่ายกำลังจะเคลื่อนตัวเข้ามา “ตั้งสติหน่อยเถอะเสาร์ ดูซิ ว่าวันศุกร์กลัวนายแค่ไหน”

คนฟังชะงักไปนิด ปรายตามองร่างเล็กด้านหลัง แววตาสั่นระริกเผลอสบกับเขาชั่วครู่เดียวก็รีบเบือนหน้าหนีทำเอาใจหาย หากวันเสาร์ก็ยังคงถือเอาอารมณ์ร้อนเป็นใหญ่ ภายในใจแข็งกระด้างของเขาอัดแน่นไปด้วยความโกรธที่กันติกรณ์กล้าฉวยน้องรักของเขามาหมกไว้ที่นี่ แต่ยิ่งกว่านั้นคือความกลัว กลัว…ที่จะเสียวันศุกร์ไป…

“ศุกร์ พี่บอกให้กลับบ้าน”

เขากดเสียงต่ำลงอีกครั้ง แต่ก็ยังไร้เสียงขานรับ

“ส่งปืนมา นายกำลังทำให้ทุกคนกลัว”

“ฉันไม่ทำอะไรหรอกถ้าพวกเธอยอมคืนวันศุกร์มาแต่โดยดี”

“นี่นายยังดูไม่ออกอีกเหรอ ว่าวันศุกร์ไม่อยากกลับไปกับนาย!”

“หุบปาก!!” วันเสาร์แผดเสียงอย่างที่ไม่เคยทำกับเพื่อนคนไหนมาก่อน ตลอดมาเขาพยายามทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีและออกจะเกรงใจเกศเสียด้วยซ้ำ แต่คำพูดจี้ใจดำของเธอมันกำลังทำให้ความอดกลั้นของเขาขาดผึ่ง

“หยุดบ้าซะวันเสาร์! นายกำลังทำให้วันศุกร์เกลียดนายนะ!!”

ปั่กก!

“พี่เกศ!!”

กันติกรณ์กับวันศุกร์ส่งเสียงร้องขึ้นมาพร้อมกัน ทันทีที่เห็นวันเสาร์ฟาดกระบอกปืนลงกับศีรษะของผู้หญิงคนเดียวในนี้ เกศราเซถอยหลังเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของน้องชาย ค่อยๆ ยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองซึ่งกำลังปวดแปลบขึ้นแกนสมอง ร่างกายชาไปหมดจนแทบไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ของเหลวสีแดงขุ่นกำลังเปรอะเปื้อนลงมาตามโครงหน้าสวย

วันเสาร์เบิกตากว้าง เพราะไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใคร แต่เมื่อครู่เขากลับควบคุมตัวเองไม่ได้เลย

ท่ามกลางความตกใจ กันติกรณ์ก็รีบประคองตัวเกศไปฝากไว้กับวันศุกร์ เร็วกว่าความคิด เขาสาวเท้าเข้าไปประชิดคนใจร้อนซึ่งอีกไม่ช้าคงได้กลายเป็นฆาตรกรแน่ๆ

“มึง!!"

ผลัวะ!!

หมัดหนักหน่วงถูกปล่อยออกไปปะทะใบหน้าขึงขังจนมันบิดเบี้ยว วันเสาร์เซไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบสวนหมัดกลับมาว่องไวไม่แพ้กัน สองหนุ่มเริ่มเข้าตะลุมบอน ท่าทางหวาดเสียวเพราะไม่รู้ว่าไอ้อาวุธน่ากลัวในมือวันเสาร์จะเผลอลั่นไกออกมาเมื่อไร

“พี่เกศเป็นอะไรมากไหมครับ” วันศุกร์ถามขึ้นเสียงสั่น น้ำตาเอ่อคลอเบ้า แต่คนข้างเขากลับทำได้แค่ส่ายหน้าอย่างฝืนเต็มทน

พี่เสาร์…กลายเป็นใครไปแล้ว ไม่ใช่พี่เสาร์ที่เขารู้จักเลยสักนิด…

พลั่ก!

กันติกรณ์ล้มหลังกระแทกพื้นเสียงดัง หลังจากพลาดท่าให้วันเสาร์ซึ่งดูจะมีเรี่ยวแรงเหนือกว่า หญิงสาวในบ้านกรีดร้องกับภาพตรงหน้า ทำท่าจะเข้าไปช่วยน้องชายแต่กลับถูกมือของอีกคนรั้งไว้ก่อน วันศุกร์เป็นฝ่ายสาวเท้าไวๆ เข้าไปคั่นกลางระหว่างชายร่างใหญ่ทั้งคู่ไว้เอง ใบหน้าที่มักสดใส บัดนี้กลับถมึงทึง จะว่าเขาเป็นน้องที่นิสัยไม่ดีก็ได้ แต่ถ้าไม่หยุดวันเสาร์ไว้ เขาคงกลายเป็นน้องที่แย่กว่านั้นมาก

“พี่เสาร์ หยุดสักที!” คนตัวเล็กกางแขนออกสองข้าง

“ศุกร์”

“ห้ามทำร้ายพี่กันต์กับพี่เกศนะ”

“นี่ศุกร์ปกป้องคนอื่นเหรอ”

“พวกเขาไม่ใช่คนอื่น! ตอนนี้พี่เสาร์เหมือนคนอื่นซะยิ่งกว่าอีก พี่เสาร์ของศุกร์ไม่ใช่คนที่วู่วามไม่มีสติแบบนี้”

“วันศุกร์…” น้ำเสียงแหบพร่าเจือความน้อยใจอยู่เต็มอก นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกวันศุกร์ต่อว่ามากถึงขนาดนี้

“ทำไมพี่เสาร์ต้องทำแบบนี้ด้วย?”

“เพราะพี่รักศุกร์ไง”

“เลิกพูดว่ารักสักที! สิ่งที่พี่เสาร์ทำไม่ได้เรียกว่ารักเลย”

คนตัวสูงหน้าชา มือของเขาเริ่มสั่นไหว ก่อนที่กระบอกปืนสีดำจะร่วงหล่นกระแทกพื้นพอให้คนอื่นๆ คลายใจไปได้หนึ่งเปลาะ วันเสาร์ดูสงบลงตามลำดับ และวันศุกร์ก็ยังคงพูดแทงใจดำต่อไป ทั้งที่ตัวเองก็ห้ามน้ำตาไม่อยู่

“พี่เสาร์ที่รักศุกร์จะไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด”

“แต่พี่ไม่อยากให้ศุกร์ทิ้งพี่ไป” คำพูดนั้นฟังดูอ่อนแรง และคนพูดก็ดูอิดโรยเต็มทีแล้วเหมือนกัน

“ศุกร์ไม่มีวันทิ้งพี่เสาร์หรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ”

“แต่…”

“แต่ว่าศุกร์คงคิดกับพี่เสาร์มากเกินกว่าพี่น้องไม่ได้”

เจ้าของร่างกำยำ ขณะนี้กลับห่อเหี่ยว วันเสาร์ขมวดคิ้วตีหน้าเจ็บปวด เขาอยากจะเถียงอะไรต่อสักอย่าง แต่ก็ไม่อาจเปล่งเสียงออกไปได้อีก มันเหมือนมาถึงทางตัน และเมื่อหันหลังกลับไป ก็พบว่ามีกำแพงสูงใหญ่กั้นขวางเขาไว้ไม่ให้เดินย้อนเช่นกัน

เวลาภายในบ้านยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ กินเวลาหลายนาทีที่ไม่มีใครกล้าพูดหรือขยับตัวอีก วันเสาร์เอาแต่ก้มมองพื้นจนไม่เห็นว่ากำลังทำหน้าแบบไหน วันศุกร์ถูกกันติกรณ์เข้ามาดึงตัวไปหลบด้านหลัง รักษาระยะห่างออกจากคนเป็นพี่ชายมากพอสมควร เพื่อให้แน่ใจว่าพ้นจากรัศมีอาวุธใต้เท้ารองเท้าหนังขัดมันแน่ๆ แล้ว

ถ้าย้อนเวลาได้ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากย้อนกลับไปตอนไหน… ตอนที่ยังไม่รักวันศุกร์มากขนาดนี้ หรือตอนที่ยังไม่มีวันศุกร์ในชีวิตเลย…

“หึ” วันเสาร์ส่งเสียงราวกับจะสมน้ำหน้าตัวเอง

ทุกอย่างเหมือนจะดีแล้วถ้าไม่ใช่ว่าจู่ๆ มือหนาก็เอื้อมคว้ากระบอกปืนเบื้องล่างกลับขึ้นมาอีกครั้ง และไม่ทันให้ใครตั้งตัว วันเสาร์ก็ตัดสินใจลั่นไกไปทางลูกชายบ้านเดชะภักดีด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าไปในหัวใจของวันศุกร์ แต่มันก็ยอมไม่ได้หากจะให้ใครคนอื่นมีสิทธิ์ได้เข้าไป!

ปัง!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:16:38 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ StarPasO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่เสาร์นี่ลาสบอสสินะ  :katai1:

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 23.5



ปัง!

เสียงอาวุธสังหารดังกึกก้องจนรูปภาพบนผนังบ้านถึงกับสั่นคลอน เกศราหัวใจแทบหยุดเต้น ผิดกับผู้ชายอีกคนใกล้ๆ เธอ ที่คงเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว ดวงตาวาวโรจน์ของเจ้าของปืนเมื่อครู่กลายเป็นตื่นตระหนก เรี่ยวแรงในกายหล่นฮวบไปกองแทบตาตุ่มเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่อย่างที่คิดไว้

“ศุกร์!!”

แค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น ที่วันศุกร์พาตัวเองเข้ามาขวางระหว่างกันติกรณ์และกระสุน ยังโชคดีที่คนไม่เคยใช้ปืนอย่างวันเสาร์ทำได้มากสุดแค่รอยแผลถากๆ ข้างหัวไหล่ แต่นั่นก็มากพอให้เจ้าของร่างบางทรุดลงกับพื้น เลือดสีข้นพาลไหลออกมาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าเนื้อดีจนสกปรกไปหมด

“…พี่..กันต์…”

“ศุกร์! ไม่เป็นไรนะ”

คนเด็กกว่าฝืนส่ายหน้าทั้งที่ยังกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เกศราปรี่เข้ามาช่วยประคองคนเจ็บอีกแรง สายตาดุดันคาดโทษถูกส่งไปให้ต้นต่อเรื่องเลวร้าย ก่อนจะรีบหันกลับมาจัดการเรื่องที่สำคัญกว่า เธอกดโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด และพยายามหาผ้ามาคอยซับหยดเหงื่อตามขมับไปจนถึงลำคอเรียวเล็ก รวมทั้งของเหลวสีแดงน่าหวาดกลัวตามต้นแขนนั่นด้วย

“ทนหน่อยนะศุกร์ เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว” กันติกรณ์เอาแต่ลูบหน้าลูบตาคนรักหวังช่วยปลอบประโลม เขาเองอยากจะลุกไปกระชากปืนมายิงตัดขั้วหัวใจของวันเสาร์เลยเสียด้วยซ้ำ หากก็ยอมสงบนิ่งเพราะรู้ดีว่าวันศุกร์คงต้องเสียใจมากหากเขาทำอย่างนั้น

อีกอย่าง…วันเสาร์ตอนนี้สภาพดูไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับรูปสลักไร้จิตวิญญาณที่เอาแต่นั่งนิ่ง แววตาไร้แววดูเหม่อลอยออกไปไกลจนเดาไม่ถูก ปืนสีดำสนิทยังคงคามือ ทำเอาเขาชักหวั่น กลัวเหลือเกินว่าวันเสาร์คนที่รักน้องชายสุดหัวใจ จะคิดอะไรบ้าๆ อย่างเช่นการทำร้ายตัวเองตามหรือไม่

และก็เหมือนว่าสิ่งที่เขากลัวกำลังจะเป็นจริง เมื่อวันเสาร์เริ่มขยับตัวอีกครั้ง มือใหญ่กระชับกระบอกปืน ค่อยๆ ยกขึ้นจรดขมับ

“พี่เสาร์จะทำอะไร หยุดนะพี่เสาร์!” วันศุกร์แผดเสียงร้องสุดชีวิตทั้งที่ตัวเองก็ยังเจ็บจนแทบไม่มีแรงเคลื่อนไหว

“พี่เสาร์วางปืนลง!!”

ดวงตาเรียวเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำใส วันเสาร์ที่เคยเข้มแข็งไม่มีอีกแล้ว… เขามองน้องชายตัวเองราวกับจะขอโทษ แต่เมื่อกันติกรณ์หรือเกศราพยายามจะลุกขึ้นห้าม แววตานั้นกลับเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว และนั่นก็ทำให้คู่พี่น้องไม่กล้าแม้แต่กระดิกนิ้ว เพราะมันเสี่ยงเกินไป พวกเขาไม่อาจเดาได้ว่าถ้าพลีพลามเข้าไปประชิดตอนนี้แล้ววันเสาร์จะตกใจจนลั่นไกออกไปหรือเปล่า

“ศุกร์บอกให้พี่เสาร์วางปืนลงไง!” เจ้าของดวงหน้าเหยเกจากความเจ็บบริเวณไหล่ยังคงตะโกนไม่หยุด แต่ก็เหมือนว่าเสียงของเขาจะส่งไปไม่ถึง

“พี่…”

สุ้มเสียงแหบพร่าดังแว่วๆ ออกมาจากริมฝีปากสีซีด

“พี่ขอโทษนะ…ศุกร์”

“พี่เสาร์ อย่า!!”

ปึงง!

เสียงต่อมาดังขึ้น พร้อมกับที่ทุกชีวิตตรงนั้นเผลอหลับตาสนิทแทบจะพร้อมกัน วันศุกร์ปล่อยให้น้ำตาไหลท่วมแก้มไร้เลือดฝาด ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตากลับขึ้นมารู้ความจริงอันเกินจะรับไหว จนกระทั่งได้ยินอีกเสียงที่แปลกออกไป

“เสาร์!”

แม่…

“คุณแม่ คุณพ่อ” วันศุกร์เสี่ยงหรี่ตาขึ้นช้าๆ ใบหน้าตื่นๆ ของเขากำลังจับจ้องไปยังผู้มาใหม่รายคน เขาอยากจะลองหยิกตัวเองให้แรงที่สุดเพื่อให้รู้ว่าไม่ได้ฝันไป ทำไมอยู่ดีๆ พ่อกับแม่ที่น่าจะตะลอนทัวร์อยู่ต่างแดนถึงมาปรากฏตัวต่อหน้า พ่วงด้วยผู้ชายร่างสูงโปร่ง เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาถึงสองนาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นเหมือนพี่ชายบุญธรรมของเขา หรือก็คือเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของวันเสาร์นั่นเอง

“พี่เจ พี่นาวา…นี่มันอะไรกันครับ”

“มึงเป็นบ้าไปแล้วหรือไงวะ!” นายเจนภพ หรือ เจ เป็นคนแรกที่พรวดพราดเข้าไปกระชากปืนในมือวันเสาร์ออกมาเขวี้ยงไปไกลด้วยอารมณ์หงุดหงิด ต้องเรียกว่าใจเด็ดหรือว่าเพราะบ้าพอกันก็ไม่ทราบ

“ไอ้เสาร์ ไอ้ควาย”

“เจ” นาวาเดินเข้าไปตบบ่าคนเลือดร้อนเพื่อเตือนว่าบุพพการีของคนที่เขากำลังยืนด่าปาวๆ ยังอยู่ตรงนี้

“เสาร์ ทำไมทำแบบนี้” คนเป็นแม่ทรุดตัวลงต่อหน้าลูกชายคนโตของบ้าน น้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินจนวันเสาร์อดรู้สึกผิดไม่ได้ ใบหน้าเรียวอ่อนแรงค่อยๆ ไล่สายตามองแม่กับพ่อ รวมทั้งเพื่อนทั้งสองของตัวเองช้าๆ ทุกคนคงอยากจะต่อว่าเขาที่ทำร้ายน้องชายตัวเองจนเจ็บทั้งกายและใจมามาก...

“ทำไมถึงคิดจะทำร้ายตัวเอง”

ดวงตาคู่เดียวกันนั้นเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจในคำต่อว่า

“พ่อกับแม่คงผิดเอง ที่ไม่อยู่ดูแลเสาร์ให้ดีกว่านี้ พ่อขอโทษนะ”

“พ่อ…แม่…” คนตัวสูงเอ่ยเสียงสั่น หยดน้ำใสพรั่งพรูออกมาอย่างหมดมาด เขาคงเป็นลูกที่แย่มาก พอๆ กับที่เป็นพี่ชายที่แย่มาก “ผมขอโทษ…”

สมาชิกทั้งสามของครอบครัววุฒิเวคินทร์ โผเข้ากอดกันแนบแน่น ภาวนาให้อ้อมกอดนี้ส่งผ่านทุกคำพูดที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ย และคำขอโทษที่คงไม่เพียงพอ

ไม่ถึงนาทีหลังจากที่อะไรๆ ดูจะสงบลง เสียงรถพยาบาลก็ดังขัดบรรยากาศเศร้าโศกในบ้าน วันศุกร์ถูกย้ายตัวขึ้นไปบนเปล โดยมีกันติกรณ์และเกศราคอยประกบไม่ห่าง ตามมาด้วยรถแวนอีกคันที่บรรทุกผู้โดยสารอีก 5 ชีวิตที่เหลือตามไปด้วย

ค่ำคืนอันแสนเจ็บปวดกำลังจะจบลงแล้ว และดวงตะวันก็กำลังจะขึ้นใหม่อีกครั้ง...

 

วันศุกร์ได้รับการรักษาจากแพทย์ในทันที และแผลถากๆ นั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงเพียงแค่นอนพักสักคืนก็กลับบ้านได้ ภายใต้เรื่องราวแสนโกลาหล ก็ต้องนับว่ายังมีเรื่องดีอยู่บ้าง เพราะเรื่องคราวนี้ ทำให้เขาได้มีเวลาอยู่กับพ่อแม่มากกว่าทุกปี เมื่อซักถามแล้วจึงรู้ว่าแม่บ้านที่ถูกพักงาน พี่ละเมียด พี่ละไม แอบกลับมาหวังจะเยี่ยมคุณหนูทั้งสอง แต่ก็มาพบกับความจริงที่ว่าวันเสาร์บังคับกักขังวันศุกร์ไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเธอที่ยังไม่แน่ใจนักจึงลองติดต่อไปปรึกษาทางนาวากับเจนภพ ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันสืบจนรู้ความทั้งหมด และนั่นก็ทำให้เพื่อนสนิททั้งสองอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อยเลยที่วันเสาร์ไม่เคยเปิดเผยอะไรให้รู้มาก่อน

แม้ว่าพวกเขาจะเดาออกอยู่นานแล้วว่าวันเสาร์หลงรักน้องชายตัวเองตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่เคยรู้และไม่เคยคิด ว่าความรู้สึกนั้นจะขับเคลื่อนวันเสาร์ให้ลงมือกระทำเรื่องสุดงี่เง่าและแสนโง่เขลาได้ถึงเพียงนี้

“นาวากับเจก็โทรมาเล่าให้แม่กับพ่อฟัง พวกเราเลยรีบตีตั๋วกลับไทย”

“แล้วคืนนั้นพวกคุณแม่ตามไปบ้านพี่กันต์ถูกได้ยังไงครับ”

“ก็นายเจไปเค้นเอาจากลูกน้องที่เสาร์จ้างมาน่ะสิ”

คนตัวเล็กขำพลางนึกภาพตามไปด้วย เจนภพกับเขาก็รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม บอกเลยว่าคนนี้น่ะไฟของจริง เลือดร้อนน่ะที่หนึ่งแหละ แต่ก็เป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้มากที่สุดพอๆ กับนาวาเช่นกัน

“ศุกร์...แม่กับพ่อขอโทษนะ ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้” ฝ่ามือสากจากการทำงานแตะลงบนแก้มใส วันศุกร์หลับตารับสัมผัสอ่อนโยน ก่อนส่ายหน้าช้าๆ

“ศุกร์น่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แต่คุณแม่กับคุณพ่อต้องขอโทษพี่เสาร์มากกว่า ภายนอกพี่เขาอาจจะดูแข็งกระด้างมาก แต่ข้างในจริงๆ พี่เสาร์เปราะบางยิ่งกว่าใครครับ”

คนเป็นแม่พยักหน้า ขอบตาร้อนผ่าวเหมือนจะร้องไห้อีกครั้งแต่ก็ห้ามมันไว้ หลังจากนี้ เธอมีเรื่องต้องชดใช้ให้ลูกชายในไส้อีกมากมายทีเดียว มือบางยกขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองเพื่อไล่อารมณ์เศร้าหมอง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีอีกเรื่องสำคัญที่เธอต้องคุยกับเด็กตรงหน้า

“แล้วเรื่องของเราน่ะ จะเล่าให้แม่ฟังได้หรือยัง”

“เล่า? เรื่องอะไรครับ”

“ก็เรื่องนายกันติกรณ์นั่นไง”

“พ…พี่กันต์ ทำไมเหรอครับ”

“อย่ามาทำไขสือ กล้าบอกแม่หมดแล้ว”

“แม่ได้คุยกับกล้าด้วยเหรอครับ” วันศุกร์พยายามถามเบี่ยงประเด็น รู้สึกหัวใจเต้นถี่ขึ้นมาเสียดื้อๆ ไม่รู้ว่าที่อยากจะคุยน่ะมันไปทางด้านดีหรือไม่ดีกันแน่

“อืม กล้าเขาโทรมาเพราะเป็นห่วงศุกร์น่ะ ก็เลยได้คุยกันเยอะเลย”

“แล้วทำไมมันไม่เห็นโทรหาศุกร์ล่ะ”

“อ้าว ก็ตอนนั้นศุกร์นอนอยู่โรงพยาบาล โทรศัพท์ก็อยู่กับแม่ไง ไม่ต้องห่วง เพื่อนๆ ศุกร์น่ะทั้งโทรทั้งส่งข้อความมาถามไถ่ได้ทั้งวัน นอกจากกล้าแล้วก็มีนัทกับกั้ง แล้วก็พวกรุ่นพี่ด้วยนะ”

“อ๋อครับ เพื่อนที่มหาลัย ที่ศุกร์เคยเล่าให้ฟังไง แม่กับพ่อคงยังไม่เคยเจอ ส่วนพวกรุ่นพี่ก็น่าจะเป็นเพื่อนพี่กันต์”

“อะ แล้วยังไง เรากับกันต์น่ะ”

“ยังไงอะไรล่ะครับ”

เจ้าของใบหน้าหวานซึ่งบัดนี้แดงเรื่อ แสร้งก้มมองผ้าพันแผลรอบต้นแขนตัวเองทั้งที่มันไม่ได้เจ็บมากแล้ว แต่คำพูดต่อมาของคนเป็นแม่ก็ทำเอาเขาสะอึกไปไม่เป็น

“กล้าบอกว่าศุกร์กับกันต์เป็นแฟนกัน”

สาบานได้ว่าถ้าเขากำลังดื่มน้ำอยู่ล่ะก็ มันต้องพ่นใส่หน้าบุพการีไปแล้วแน่ๆ

“คือ…ไม่...”

“ไม่เป็นไรหรอก บอกความจริงมาเถอะ แม่กับพ่อไม่คิดจะว่าอะไร”

“เอ่อ…” วันศุกร์ชั่งใจ อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่สักพัก ก็ตัดสินใจกัดฟันเฉลย “ครับ ศุกร์คบกับพี่กันต์”

“แม่…ผิดหวังไหม?”

“ทำไมถึงจะผิดหวังล่ะ”

“ก็ศุกร์เป็นลูกชาย แต่ดันชอบผู้ชาย…”

“งั้นแม่คงใจร้ายมากเลย ถ้าจะมาต่อว่าลูกแค่เพราะรักใครสักคน” มือเรียวหยาบกร้านเริ่มแสดงรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลา เอื้อมเข้ามากุมมือเขาไว้อย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นถูกส่งผ่านมาพร้อมกับสายตาจริงจังที่ทำให้เขากล้ายิ้มกว้าง สองแม่ลูกตรงเข้ากอดกันแน่น ก่อนจะผละออกหลังจากได้ยินเสียงประตูห้องดังขึ้น

ผู้มาเยี่ยมเยือนไม่ใช่ใครอื่น คือพ่อ กับ…พี่ชายที่หายหน้าหายตาไปสามวันสองคืนเต็มๆ

“พี่เสาร์”

คนเป็นพ่อเข้ามาสะกิดภรรยาให้ลุกออกจากห้องไปเงียบๆ วันเสาร์ขยับมานั่งแทนที่ ทำให้ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาชัดเจน เด็กบนเตียงผวาลุกนั่งเมื่อเห็นร่องรอยม่วงอมเขียวบริเวณมุมปาก ท่าทางซูบเซียวดูเหน็ดเหนื่อยเหมือนคนอดหลับอดนอน ห้ามไม่ให้เขานึกเห็นใจไม่ได้

“ใครทำพี่เสาร์” มือเล็กเอื้อมแตะบนรอยแผล แต่ก็ถูกวันเสาร์จับออก

“กันติกรณ์”

“ห้ะ พี่กันต์ต่อยพี่เสาร์เหรอ” น้ำเสียงแฝงความโมโหทำให้วันเสาร์หลุดหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะรีบพูดขัด

“พี่ก็สมควรโดนแล้วล่ะ อย่าไปว่าเขาเลย”

“เดี๋ยวศุกร์ไปต่อยคืนให้นะ”

ฝั่งน้องชายแกล้งพูดติดตลกเพื่อหวังว่าบรรยากาศจะผ่อนคลายขึ้นบ้าง และก็ใช้ได้ผลเมื่อวันเสาร์เริ่มยิ้มออก แต่เพียงไม่นานก็กลับมาปั้นหน้าอึดอัดเหมือนเดิมจนได้

“ศุกร์...พี่ขอโทษ”

“ไม่เป็นไร…ไม่เป็นไรเลยพี่เสาร์” วันศุกร์ตรงเข้าเกาะกุมมือทั้งสองของอีกฝ่ายไว้ แม้วันเสาร์ทำท่าจะชักกลับ เขาก็ไม่ยอม “ศุกร์ก็ต้องขอโทษพี่เสาร์เหมือนกันที่ศุกร์ดื้อ ศุกร์ปิดบังเรื่องพี่กันต์ แล้วยังโกหกอีก”

ไหล่บางสั่นไหวน้อยๆ คำสารภาพผิดเจือเสียงสะอื้นคงไม่อาจทำให้วันเสาร์นึกโกรธลง ความจริงวันศุกร์ไม่ต้องขอโทษเลยด้วยซ้ำ หากเทียบกับสิ่งที่เขากระทำลงไป ความผิดของวันศุกร์มันช่างน้อยนิดเท่านั้น

มือใหญ่กระชับตอบรับความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมา “ไม่เป็นไร…พี่รักศุกร์นะ”

“ศุกร์ก็รักพี่เสาร์” คนตัวเล็กเผยรอยยิ้มจริงใจ เป็นรอยยิ้มที่เขาคอยมอบให้พี่ชายคนนี้มาโดยตลอด คำพูดมากมายที่อัดอั้นอยู่ในอกค่อยๆ ไหลทะลักออกมาทีละนิดทีละหน่อย

“แต่ศุกร์ว่าพี่เสาร์กำลังเข้าใจผิดนะครับ…พี่เสาร์ก็แค่รักศุกร์เหมือนน้อง ไม่ได้คิดเกินเลยกว่านั้นหรอก พี่เสาร์แค่กลัวเฉยๆ ว่าศุกร์จะทิ้งพี่เสาร์ไป ใช่ไหม แต่ศุกร์ก็ไม่ได้จะทิ้งพี่เสาร์สักหน่อย เรายังเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ แล้วก็ตลอดไปเลย”

“งั้นเหรอ…” เสียงทุ้มฟังดูปลงกับชีวิต แววตาหม่นหมองไม่ได้แสดงออกว่าเขาเข้าใจสิ่งที่น้องชายกำลังพยายามอธิบายสักนิด แต่เขาก็ไม่อาจหาญจะเถียงอะไรกลับไปอยู่ดี จึงลงท้ายด้วยการฝืนพยักหน้าและยิ้มรับอย่างยากลำบาก

“ศุกร์อยากให้พี่เสาร์เข้มแข็งนะ แล้วพี่เสาร์ก็ต้องเดินหน้าต่อไปด้วย อย่ามายึดติดอะไรกับศุกร์เลย ศุกร์เชื่อว่าจะต้องมีใครสักคนรอคอยพี่เสาร์อยู่ที่ไหนสักแห่งแน่ๆ”

“อืม…”

“แล้วศุกร์ก็อยากให้พี่เสาร์ยอมรับพี่กันต์ เหมือนที่พี่เกศยอมรับศุกร์ด้วย”

วันเสาร์เบือนหน้าหนี มันคงเป็นเรื่องยากอันดับต้นๆ ของชีวิตเขาเลย ในการยินยอมให้ผู้ชายคนอื่นก้าวเข้ามาช่วงชิงพื้นที่ในหัวใจของน้องชายสุดรักสุดหวงไป เหมือนกำลังโดนขอร้องให้เป็นมิตรกับศัตรูตัวฉกาจอย่างนั้นแหละ

“นะครับพี่เสาร์”

“อืม…” จะพยายามแล้วกัน

เขาเลือกที่จะซ่อนวลีสุดท้ายเอาไว้ให้เพียงตัวเองได้ยิน วันศุกร์คลี่ยิ้มสดใสเหมือนเคย พลางเขย่ามือเขาเหมือนเด็กได้ของขวัญ หากว่าการยอมรับกันติกรณ์ จะช่วยไถ่โทษให้กับตัวเขา และทำให้วันศุกร์มีความสุขได้ เขาก็จะทำ

ถ้าเด็กคนนี้ยืนยันว่าให้เขาเป็นแค่ พี่ชายเท่านั้น เขาก็จะยอม…


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:16:56 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: โล่งอก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ช่วยหาคนมาปลอบใจวันเสาร์ด้วยนะจ๊ะ คนเขียน

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สงสารพี่เสาร์ แต่พี่เสาร์ก็ทำกับศุกร์แรงไปนะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 574
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
พี่เจพูดได้ถูกใจมากเลยค่ะ  o13

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ต้องหาคู่ให้พี่เสาร์แล้วนะคะ ฮือออ

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 24 (จบ)



เสียงใบไม้แห้งดังกรอบแกรบทุกครั้งที่เขาเหยียบย่ำผ่านมันไปยังบริเวณสวนหลังบ้าน สายลมเย็นๆ ช่วงบ่ายพัดกระทบผิวกายพอให้รู้สึกสดชื่น ท้องฟ้าดูปลอดโปร่งยิ่งกว่าทุกวัน นานแค่ไหนแล้วที่วันศุกร์ไม่ได้มีเวลาพักผ่อน ออกมาชมนกชมไม้แบบนี้ แผลทางกาย รวมทั้งทางใจ จวนเจียนจะหาย และเขาก็คงพร้อมกลับไปเรียนอีกครั้ง

นับตั้งแต่เช้าที่เขาตื่นขึ้นมาบนเตียงของโรงพยาบาล ก็ปาไป 5 วันเต็มแล้ว ที่กันติกรณ์ไม่ได้ติดต่อมาหาเลย แม้ว่าเขาจะพยายามส่งข้อความหรือโทรไป แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ สิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้คือการไม่คิดอะไรฟุ้งซ่าน และกอบโกยช่วงเวลาครอบครัวให้มากที่สุด

แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ก็ต้องบินกลับไปทำงานแล้ว และเขาก็เริ่มคิดถึงอ้อมกอดของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักมากขึ้นทุกที

อยากเจอจัง...

กร็อบ

เสียงเศษใบไม้ดังขึ้นทั้งที่เขายังไม่ทันได้ขยับตัว ร่างเล็กหันหลังกลับไปเพื่อพบว่าผู้ชายในห้วงความคิด กลับมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าราวกับความฝันดั่งใจนึก กันติกรณ์คลี่ยิ้มอบอุ่นที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น อากาศหนาวทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว และตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่น้ำตาเริ่มเอ่อคลอเบ้าอย่างไม่รู้สาเหตุ

"มาได้ไง?"

"ขับรถมาสิ จะให้พี่เดินมาหรือไง"

"กวนเหรอ"

"คิดถึงจัง" วงแขนกว้างตรงเข้าโอบรั้งตัวเขาไว้ในทันที ดวงหน้าหวานขึ้นสีซบลงบนอกแกร่งอย่างเช่นทุกครั้ง กลิ่นกายคุ้นเคยพาลให้น้ำตาสุดจะกลั้นไหลลงช้าๆ

"ร้องไห้เหรอ? ร้องไห้ทำไม?" ฝ่ามืออุ่นตบปุๆ บนแผ่นหลังสั่นเทา

"นึกว่าพี่กันต์จะหายไปแล้ว"

คนตัวใหญ่หลุดขำ แล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น "จะหายไปไหนได้ล่ะ"

"ก็ไม่มาหาเลย โทรไปก็ไม่รับ"

"ขอโทษ"

นั่นไม่ใช่คำตอบของคำถาม แต่อย่างน้อยก็พอจะทำให้เขาคลายใจลงได้บ้าง อย่างน้อยความกลัวที่จะถูกทอดทิ้งก็ไม่เป็นจริง กันต์ไม่ได้ไปไหนและกำลังกอดเขาอยู่ตอนนี้

"ความจริงแล้ว พี่กลัวมากเลย..."

"กลัว?"

"อือ" มือใหญ่ลูบศีรษะทุยป้อย "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น ทำให้พี่คิดว่าตัวเองดูแลศุกร์ได้ไม่ดีพอหรือเปล่า พี่โกรธตัวเองที่ปกป้องอะไรศุกร์ไม่ได้"

"ทำไมคิดงั้น"

เขาไม่ตอบอะไรและปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปอย่างนั้น ตั้งแต่เกิดเรื่องที่วันเสาร์จับวันศุกร์ขังไว้ในบ้าน จนกระทั่งมาถึงจุดที่วันศุกร์ต้องมาเจ็บตัวเพราะปกป้องเขา มันทำให้เขาสับสนมาก เขารู้สึกไม่มีค่าพอที่จะอยู่เคียงข้างเด็กคนนี้ มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตเลย

เขาเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องและเฝ้าทบทวนทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แทบไม่ได้ออกไปพบหน้าใครหรือเสวนากับใครเลยด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับว่าตัวเองน่ะขี้ขลาดมากเกินว่าที่จะปล่อยมือจากวันศุกร์ และก็ต้องยอมรับว่าเขาช่างเห็นแก่ตัวมากกว่าใคร ถึงแม้จะปกป้องไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะดีไม่พอ แต่ก็ไม่อยากจากไปอยู่ดี

ยังไงก็อยากอยู่กับนาย... เขาคิดได้แค่นี้เอง

"พี่ขอโทษนะ...พี่เป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องเลยใช่ไหม"

"พี่กันต์" คนเด็กกว่าผละตัวออกเล็กน้อย เอาแต่ส่ายหน้าและจ้องสบเข้าไปยังนัยตาคู่สวย "อย่าพูดอย่างนั้น"

"พี่กันต์ดูแลศุกร์ดีจะตาย ศุกร์มีความสุขที่ได้อยู่กับพี่กันต์นะ"

ดวงตากลมกระพริบถี่ยามที่รอยแผลจางๆ บริเวณต้นแขนถูกปลายนิ้วอีกฝ่ายสัมผัส

"เจ็บอยู่ไหม?"

"ไม่แล้ว"

"วันนี้พี่ยังดูแลศุกร์ได้ไม่ดี แต่พี่ก็อยากเห็นแก่ตัวด้วยการขออยู่ข้างๆ ศุกร์แบบนี้ ได้ไหม?"

"ไม่เห็นต้องถามเลย ต้องได้อยู่แล้ว" เขาย่นคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้าจะอ่อนแอถึงเพียงนี้ กันติกรณ์คนปากหมา หัวใจสีขุ่นคนนั้น อย่างกับว่าไม่เคยมีอยู่จริง ตอนนี้เขาเห็นแค่กันติกรณ์คนที่หวาดกลัวและคิดมาก ทั้งๆ ที่คอยปกป้องเขาอยู่ตลอด แต่ก็ยังกลัวเนี่ยนะ...บ้าชะมัด

"ศุกร์อยากให้พี่กันต์อยู่ข้างศุกร์แบบนี้ไปเรื่อยๆ แค่พี่กันต์คนเดียว" ปลายเท้ายกสูง ยืดตัวขึ้นฝากรอยจูบบางเบาไว้กับปลายคางของอีกฝ่าย รอยยิ้มที่ดูเขินอายกับใบหน้าแดงระเรื่อทำให้หัวใจที่เต้นเนิบนาบกลับสูบฉีดอย่างบ้าระห่ำ

ถ้าให้นิยามคำว่า น่ารัก ก็ต้องบอกว่ามันคือ วันศุกร์ นี่แหละถึงจะถูก

"ทำไมน่ารักขนาดนี้ฮึ?" พวกเขาสวมกอดกันอีกครั้ง ปลายจมูกโด่งฝังลงกับกลุ่มผมนุ่มส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ "พี่เหมือนคนบ้าเลยที่เอาแต่คิดอะไรเยอะแยะ"

"ใช่ บ้ามากด้วย"

"ขอโทษนะ...ทั้งๆ ที่ศุกร์รักพี่ แล้วพี่ก็รักศุกร์มากขนาดนี้"

"อือ อย่าคิดจะหายไปไหนเชียวนะ"

เขาหัวเราะน้อยๆ แล้วชิงหอมแก้มใสไปฟอดใหญ่ รู้สึกเหมือนเพิ่งยกภูเขาออกจากอกหมาดๆ ตลอดหลายวันหลายคืนที่ผ่านมา เขาเอาแต่โทษตัวเองและคิดวิตกไปต่างๆ นาๆ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง คำตอบสุดท้ายก็ยังเหมือนเดิม คือเขาทิ้งวันศุกร์ไปไม่ได้ ถ้าวันนี้รู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องได้ ก็ยิ่งต้องอยู่เคียงข้าง เพื่อที่จะทำให้ดีกว่าเดิมในวันข้างหน้า

และเพราะคิดได้แบบนั้นแล้ว ก็เลย.....

"ศุกร์..." กันต์ทรุดตัวลงนั่งชันเข่าข้างหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบในสวน มีเพียงเสียงของต้นไม้กระทบสายลมเท่านั้น

"ท…ทำอะไรเนี่ย"

"ให้พี่อยู่ข้างๆ เราตลอดไปได้ไหม?"

อะไรบางอย่างถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง กันต์ใช้ชายเสื้อตัวเองเช็ดถูมันเล็กน้อย ก่อนจะยื่นออกมาให้ วันศุกร์ยืนนิ่งคล้ายว่ากลายเป็นหินเมื่อเห็นชัดๆ ว่าของสิ่งนั้นมันคืออะไร

แหวนทองคำขาวสลักตัวอักษร FRI เรียบง่ายหากก็ดูมีราคา กำลังล้อแสงแดดอ่อนๆ ของวัน รอยยิ้มกว้างชวนให้ยิ้มตามเผยเด่นอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา น้ำตาที่เหือดแห้งไปไม่ทันไรกลับเอ่อล้นออกมาอีกระลอก จนคนมองขมวดคิ้ว รีบลุกขึ้นมาเกลี่ยนิ้วปาดหยาดน้ำใสออกให้อย่างเบามือ

"ร้องไห้อีกแล้ว ไม่ดีใจเหรอ"

"ดี...ใจ อะไรเล่า"

"พี่กำลังจะจองตัวเรานะ"

"ฮึก...พี่กันต์...บ้าหรือไง"

"อ่าว โดนด่าซะงั้น" คนตัวสูงกลั้นยิ้ม ค่อยๆ ประคองใบหน้าใสที่เอาแต่เบะเป็นเด็ก "ไว้เรียนจบแล้ว แต่งงานกับพี่นะครับ?"

นั่นไม่ใช่การปลอบประโลมสักหน่อย กลับยิ่งทำให้เขาร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีก แหวนอะไรกัน แต่งงานอะไรกัน ทำไมผู้ชายคนนี้ต้องมาทำให้เขาดีใจจนห้ามน้ำตาไม่ได้ด้วย บ้าไปแล้วแน่เลย

"จะไม่ตอบเหรอ" น้ำเสียงอ่อยๆ ทำให้เขารีบพยักหน้าแล้วดึงชายเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้อย่างลืมอาย

กันติกรณ์ยิ้มรับกับคำตอบนั้น ถือวิสาสะสวมแหวนที่เขาบรรจงสั่งทำมาเข้ากับนิ้วนางด้านซ้ายของคนรัก แล้วโอบกอดเด็กขี้แยไว้เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่อาจนับ ความอบอุ่นอ่อนโยนถูกส่งผ่านไปให้เป็นเวลานาน สัมผัสเย็นวาบรอบข้อนิ้วมันยิ่งทำให้หัวใจพองโตจนแทบจะปะทุ

เขาเป็นแค่เด็กที่ยังไม่รู้จักโลกนี้ดีพอ แต่กลับรู้สึกว่าได้ผ่านเรื่องราวมามากมาย ทั้งสุขทั้งเศร้า ก็อยากให้มีคนคนนี้อยู่ น่าตลกจริงๆ...ผู้ชายที่นึกเกลียดขี้หน้าในวันนั้น กลับกลายมาเป็นคนที่ได้หัวใจเขาไปครอบครองทั้งหมด

จะบอกว่าโชคชะตาคอยเล่นตลกหรือยังไงก็ตาม เขาคงต้องขอบคุณที่มาปั่นป่วนชีวิตเขาจนได้พบกับกันติกรณ์ และได้มารักกันอย่างในวันนี้

จุมพิตหวานละมุนถูกมอบให้แก่กันซ้ำแล้วซ้ำเล่า วงแขนเรียวโอบรอบคอหนา ดึงรั้งอีกฝ่ายลงมารับสัมผัสนุ่มนวลหากวาบหวามในอก แววตาที่เต็มไปด้วยความสุขไม่อาจละออกไปจากกันได้เลยแม้ชั่ววินาทีเดียว

แปะๆๆ

วันศุกร์สะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นจากที่ใกล้ๆ ทั้งสองหันกลับไปมองกลุ่มคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่พากันมาบุกบ้านเขาแบบไม่บอกกล่าว และทั้งที่เขากำลังตีหน้าเหวอ คนข้างกายกลับยิ้มกว้างระรื่น

“ทุกคน...มาได้ยังไงเนี่ย”

“ยินดีด้วยนะ”

“ในที่สุดเรื่องวุ่นๆ ก็จบสักที”

นั่นคือเพื่อนสนิทประจำคณะของเขาเอง กั้งกับนัท ตามด้วยหาญกล้าที่เหมือนจะกล้าสมชื่อ เพราะเล่นกระโจนเข้ามากอดคอเขาต่อหน้าต่อตากันติกรณ์ที่เริ่มทำท่าไม่พอใจ แน่นอนว่ารุ่นพี่อย่างบัณฑิตและตรีวิทย์ก็อยู่ที่นี่ด้วย

“รู้ไหมหลังจากพาศุกร์เข้าโรงพยาบาลคืนนั้น ไอ้กันต์โทรมาร้องไห้กับพวกพี่ใหญ่เลย”

“จริงเหรอ?” รีบตวัดสายตามองคนรักตัวเองซึ่งบัดนี้หน้าขึ้นสี

“ร้องอะไรเล่า”

“มันอะฟูมฟายใหญ่ เอาแต่โทษตัวเองบ้าบอ” บัณฑิตยังคงไม่ลดละ พลางชี้นิ้วแซวเพื่อนสนิท มีตรีวิทย์คอยส่งเสียงหัวเราะสนับสนุนอยู่ด้านหลัง ก่อนที่สาวสวยเจ้าของเส้นผมสีดำขลับจะแหวกกลุ่มคนเข้ามาตบหน้าผากน้องชายไปทีอย่างนึกหมั่นไส้

“บอกแล้วใช่ไหมว่าแกมันปัญญาอ่อน”

“โอ้ย ผมเจ็บนะ” กันต์ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อย

“ศุกร์ว่ามันบ้าไหม เอาแต่คิดมากไม่เข้าเรื่อง ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน แถมโยนมือถือทิ้งไว้นอกห้องไม่ยอมออกไปไหน อีกนิดพี่จะคิดว่ามันตายไปแล้วนะ”

คนได้ยินหลุดหัวเราะ แววตาหยอกล้อส่งไปให้คนรักที่ยังเอาแต่ขมวดคิ้วยุ่ง ป่านนี้คงนึกรู้สึกผิดที่พาเหล่าเพื่อนๆ พี่ๆ ผู้หวังดีมากันพร้อมหน้า แทนที่จะช่วยกันเซอร์ไพรส์วันศุกร์ ดูเหมือนจะตั้งใจมาทับถมเขาเองซะมากกว่า

“แล้วนี่ทุกคนมาหาผมเหรอครับ?”

“อือ มาฉลองที่มึงหายดี แล้วก็ฉลองที่มึงจะได้เป็นเมียพี่กันต์อย่างเป็นทางการด้วยไง” นัทพูดติดตลก ก่อนจะโดนเพื่อนตัวเล็กวิ่งไล่เตะไปรอบต้นปีบต้นใหญ่ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆ

พวกเขาพูดคุยอะไรต่ออีกเพียงเล็กน้อย ก็พากันยกโขยงเข้าไปในบ้าน พ่อกับแม่ดูจะตื่นเต้นมากยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก รีบจัดแจงขนมเครื่องดื่มมาบริการให้จนเต็มโต๊ะไปหมด แน่นอนว่าวันเสาร์ยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเคย แต่อย่างน้อยก็ยังเห็นแก่น้องชายมากพอที่จะยอมลงมาร่วมวงรับประทานอาหารด้วย

เสียงช้อนส้อมกระทบจานดังแข่งกับเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ วันเวลาแสนเหงาหงอยดูจะผ่านไปไวเหลือเกินเมื่อมีทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันตรงนี้ เขามีความสุขที่มีทั้งครอบครัวที่ฟ้าประทานให้ รวมทั้งเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ดีที่สุดอยู่รายล้อม มากกว่านั้นคือคนรักหนึ่งเดียวซึ่งอยู่เคียงข้างกันมาตลอด

ท้องฟ้าด้านนอกมืดลงแล้ว แขกแต่ละรายค่อยๆ ทยอยกลับบ้าน จนเคหะสถานหลังใหญ่กลับมาเงียบสงบเหมือนเดิม

“คุณพ่อ คุณแม่ วันนี้ผมขออนุญาตค้างที่นี่ได้ไหมครับ” กันติกรณ์ขยับตัวเข้าไปหาผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยกริยาสุภาพผิดวิสัย ทั้งที่เกศราชิงขับรถกลับไปแล้ว แต่ตัวเองก็ยังจะหน้าด้านอยู่ต่อตามประสาเขาแหละ

“ได้สิ”

“เดี๋ยวแม่ให้ละเมียดจัดห้องให้นะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมนอนกับศุกร์ก็ได้”

เจ้าของห้องยังไม่ทันได้อนุญาต ก็โดนแขกไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามาผลักไล่หลัง แถมมีพ่อกับแม่ของเขาคอยหนุนหน้าชื่นตาบานอีกต่างหาก

“เดี๋ยวนะพี่กันต์”

“อะไรเหรอ?”

“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อเลย อยู่ดีๆ จะมานอนด้วย ไม่บอกก่อน”

“ทำไมอะ ศุกร์จะเตรียมตัวต้อนรับพี่เหรอครับ” รอยยิ้มกวนประสาทกับแววตาเจ้าเล่ห์พาลให้เขานึกโมโห ดวงตากลมโตไม่ได้ดูน่ากลัวเลย แต่กลับยิ่งน่ารักน่าชังในสายตาของอีกคน

“น่าๆ พี่อยากใช้เวลาอยู่กับศุกร์นี่”

ประตูห้องปิดตัวลง เพิ่งทันสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่า กันติกรณ์เตรียมตัวมาดีขนาดไหน ในมือหิ้วกระเป๋าเดินทางขนาดพอเหมาะ โยนมันไว้บนเตียงเขาหน้าตาเฉย นี่ถ้าไม่ใช่แฟนกันก็คงอยากไล่ด่าถึงบรรพบุรุษว่าไร้มารยาทอะไรขนาดนี้หรอก

“ไปๆ อาบน้ำกัน”

“พี่อาบก่อนเลย” เขากวักมือไล่ แต่กลับถูกมือหนาคว้าตัวไว้ก่อน เสียงกระซิบข้างหูทำเอาพวงแก้มแดงเห่อร้อน “อาบด้วยกันสิ”

“บ...บ้าเหรอ พี่ก็อาบไปก่อนสิ”

“ไม่เอาอะ อยากให้ศุกร์อาบให้”

“ทะลึ่ง!”

รอยยิ้มทะเล้นหากสายตาที่จ้องมากลับดูจริงจัง บ่งบอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่น วงแขนแกร่งโอบรอบเอวบางไว้ พลางโน้มลงมาขบใบหูเล็กอย่างหยอกเย้า ถ้าเป็นปกติเขาก็คงนึกอยากจะผลักไสไล่ส่งอีกฝ่ายออกไปนอนนอกห้องซะเลย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธหัวใจตัวเองได้ว่า กำลังคิดถึงเจ้าของอ้อมกอดนี้มากมายขนาดไหน

“นะ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามย้ำ ไม่มีเสียงขานรับใดๆ ยกเว้นฝ่าเท้าที่ยอมขยับตรงไปทางประตูอีกบานในห้อง

หวังว่าคืนนี้จะไม่มีใครบังเอิญเดินผ่านมาทางนี้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีหน้าจะไปอธิบายอะไร โดยเฉพาะกับพ่อและแม่ ว่าไอ้สุ้มเสียงน่าอายที่กำลังดังลอดออกมาจากห้องน้ำก้องๆ นั้นมันคืออะไร

และนี่คงเป็นวันที่เขาใช้เวลาในการอาบน้ำนานที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลย…

 

“ไม่ให้ทำแล้วนะ” นั่นคือคำพูดแรกหลังจากที่พวกเขาเสร็จกิจไปร่วม 3 รอบ อย่างกับไปตายอดตายอยากมาจากไหน

“โห อย่าพูดงี้สิ ไม่ให้ทำพี่ก็ตายพอดี”

คนตัวเล็กสะบัดหน้าหนีทั้งที่ยังเกาะคออีกฝ่ายไว้แน่น กันติกรณ์อุ้มร่างไร้เรี่ยวแรงออกมาวางบนเตียงนุ่มอย่างเบามือ ริมฝีปากนุ่มหยุ่นจรดอยู่บนขมับสวย ผิวกายเนียนละเอียดส่งกลิ่นหอมของสบู่แครนเบอร์รี่น่าหลงใหล เขาย้ายตัวเองขึ้นมานอนพิงหมอนอยู่ข้างๆ กัน มือยาวพาดโอบคนรักไว้ไม่ห่าง

“หอมจัง”

“อือ...”

ปลายจมูกโด่งรั้นฝังอยู่บนกลุ่มผมนุ่ม ก่อนจะเคลื่อนลงมาคลอเคลียไปตามโครงหน้าหวาน กันติกรณ์ชักจะทำตัวเหมือนสุนัขตัวใหญ่ขี้อ้อน แต่เพียงไม่ทันไร บรรยากาศสีชมพูก็ถูกทำลายลงด้วยน้ำเสียงคร่ำเครียด เหมือนกับว่าเพิ่งนึกเรื่องสำคัญบางอย่างออก

“เออศุกร์”

“หืม?”

“แล้วพี่เสาร์…เขาโอเคแล้วจริงๆ เหรอ?”

ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากันทันทีที่ได้ยินชื่อพี่ชายตัวเอง แววตาสั่นไหวดูไม่มั่นใจในคำตอบ น้ำเสียงแผ่วปลายฟังแล้วเจ็บปวดอยู่ข้างในลึกๆ

“ไม่รู้สิ…ศุกร์ว่า พี่เสาร์คงต้องการเวลาอีกสักพักน่ะ”

“อืม พี่เสาร์ก็น่าสงสารเหมือนกันเนอะ”

“อือ…”

“หวังว่าพี่เสาร์จะยอมรับพี่ไวๆ นะ”

“แล้วถ้ามันนานมาก จะรอได้หรือเปล่าล่ะ” เขาแกล้งถาม แน่นอนว่าอีกฝ่ายรีบพยักหน้า พลางรั้งตัวเขาเข้าหา

“รอได้ นานแค่ไหนก็รอได้”

วันศุกร์แอบอมยิ้ม สองสายตาสบประสานราวกับนัดหมายไว้ ความสุขเอ่อล้นเคลื่อนตัวอยู่ภายในดวงตาคู่สวย ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดพวงแก้มใสจนมันเริ่มปล่อยไอร้อน ริมฝีปากหยักขยับแนบชิดกันอีกครั้ง พร้อมสัมผัสที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าทุกที เรียวลิ้นหนาตักตวงความหวานจากโพรงปากเล็กอย่างไม่รู้จักพอ อ้อมกอดคุ้นเคยกลายเป็นสิ่งเสพติดที่เขาชักจะขาดมันไปไม่ได้

เช่นเดียวกันกับคนตรงหน้า…

กันติกรณ์ในตอนนี้ช่างอบอุ่น มากเกินกว่าจะเชื่อว่าเป็นคนเดียวกันกับเมื่อหลายเดือนก่อน เขายังจำภาพวันแรกที่เจอกันได้อยู่เลย รุ่นพี่จอมหาเรื่องคนนี้ดูไร้สมองและไม่น่าคบเอาสักนิด แต่ดูตอนนี้สิ…ปากหนอปาก มันกลับพลิกผันไปหมด

“ศุกร์” เจ้าของน้ำเสียงนุ่มทุ้มดึงเขาไปกอดชิดอก เสียงเต้นของหัวใจดังพอให้ได้ยิน “พี่ขอโทษนะ”

“ขอโทษอะไรอีก”

“ขอโทษทุกอย่าง…ขอโทษที่เคยแกล้ง เคยพูดจาไม่ดีใส่ ขอโทษที่ดูแลไม่ดี ขอโทษที่ให้ศุกร์มาเจ็บตัวแทนแบบนี้”

“บอกว่าให้เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วไง”

กันต์พยักหน้า รู้อยู่แล้วว่าถ้าพูดขึ้นมาจะทำให้ไม่สบายใจ แต่ยังไงก็อยากจะพูด อย่างน้อยก็ครั้งสุดท้าย และต่อไปนี้ เขาสาบานว่าจะไม่ทำให้วันศุกร์ต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายอีกแล้ว

“พี่กันต์คิดมาก”

“ก็เพราะเรา เลยต้องคิด”

“ไม่ต้องคิด อดีตผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปสิ ทุกวันนี้ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่นะ”

ริมฝีปากบางยกยิ้ม ความอบอุ่นแผ่ขยายกลบอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง อวัยวะในอกซ้ายดังเป็นจังหวะสอดคล้องกัน

มีความสุข…

คำนี้ควรเป็นเขาที่พูดมากกว่า เพราะว่ามีความสุขเหลือเกิน แค่ได้เห็นใบหน้าของเด็กในอ้อมแขนนี้ แม้ไม่ต้องทำอะไรเลย ก็คือความสุขของเขาแล้ว และมันไม่ได้เพิ่งเกิด แต่มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่วินาทีแรกที่พวกเขาพบกัน…คนบ้าอะไร ทำไมถึงได้หวานนัก หวานจนนึกว่าจานขนม

และเขาก็คงเป็นคนโชคดีที่ได้ลิ้มลองขนมชิ้นพิเศษนี้

“พี่ก็มีความสุข…” จุมพิตบางเบาประทับลงบนหน้าผากมน “เพราะมีศุกร์ พี่ถึงมีความสุขเหมือนกัน”

“อือ…”

คนตัวเล็กส่งเสียงตอบรับ ก่อนจะพากันจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา ค่ำคืนแสนอบอุ่นเคล้ากลิ่นหอมหวานของความรู้สึกรักซึ่งกำลังเอ่อล้นใจ

 

หากพูดถึง วันศุกร์ ก็คงนึกถึง สีฟ้า แต่เขาก็เคยสงสัยว่ามันคือสีฟ้าแบบไหน? สีฟ้าที่แปลว่าความเศร้าใช่ไหม หรือว่าสีฟ้าของท้องฟ้าที่โอบล้อมโลกนี้ไว้…?

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเป็นทั้งหมดนั้น ชีวิตคนเราทุกคนก็คงเหมือนสีที่มีหลากหลายโทนแตกต่างกันไป มันอาจมีวันที่สีนั้นซีดจาง แต่ก็ต้องมีวันที่สดใสเช่นกัน

และเพราะว่ามีกันติกรณ์อยู่ข้างๆ เขาจึงมั่นใจว่า ต่อจากนี้ไป…สีฟ้าของวันศุกร์ มันคงจะไม่หม่นหมองสักเท่าไรนัก

 

 



THE END

 
------------------------------------------------------------------------

อ่าวเฮ้ย จบ! 555555555
ตัดจบไม่เก่งเลยค่ะ แปลกๆ นิดหน่อย แต่ก็ตั้งใจจะจบตรงนี้จริงๆ นะ ;;
ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านมากๆ เลยนะคะ
เรื่องนี้ใช้เวลาแต่งนานที่สุดในชีวิตคือ 2 ปี เพราะหนีไปทำนู่นทำนี่สารพัดสิ่งมาก
แต่ก็เข็นจนจบจนได้ น้ำตาจะไหล ฮรุก


หลังจากอ่าน "วันศุกร์สีฟ้า" จบแล้ว เราอยากให้ตามไปอ่าน "นับหนึ่งถึงเสาร์" ต่อด้วยนะคะ ไปเป็นกำลังใจให้พี่เสาร์ของเราพบรักแท้สักทีน้าา

#นับหนึ่งถึงเสาร์
RAW: https://www.readawrite.com/a/8ebcecc0e94acc025c7841b52f3c971e
FTL: https://fictionlog.co/b/5bda69a63e11f500283e3408
DD: https://writer.dek-d.com/airairair13/story/view.php?id=1797473
TBL: https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68284.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2018 22:54:30 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
วันเสาร์น่าสงสารจริงๆ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 574
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ชอบน้องวันศุกร์มากๆเลยค่ะ อยากพาน้องกับเจ้าดื้อมาเลี้ยงดูที่บ้าน

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
มีความสุขกันซะที ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด