NOTE : ขออภัยสำหรับคำผิดค่ะ
Chapter 26
“ทุกคนๆๆๆ...วันนี้มีเรื่องจะมาเมาท์” เอมมาลินที่ส่งเสียงเรียกทำให้ทั้งสี่คนต้องเงยหน้ามองขึ้นมาทันที หญิงสาวที่นั่งลงข้างใบไม้พร้อมกับตักข้าวเข้าปากเคี้ยวหมุบหมับอย่างเอร็ดอร่อยจนแม๊กซ์ต้องเบ้ปากใส่
“กินดีๆไม่เป็นหรือไง...พอเหมาะพองามน่ะเป็นไหม” เสียงแม๊กซ์ที่พูดขึ้นทำให้เอมต้องเบ้ปากใส่กลับ
“แหม...พอมีแฟนก็นึกอยากจะเป็นกุลสตรีขึ้นมาเหรอจ๊ะ น้องตากวางงง” เอมมาลินยกยิ้มอย่างล้อเลียนใส่ แม๊กซ์เบิกตาใส่อย่างกินเลือดกินเนื้อทันที
“เขาเรียกว่ารู้จักมีมารยาท..รู้จักรึเปล่าล่ะ” เอมมาลินได้ยินก็คิ้วกระตุกฉับพร้อมลุกขึ้นมาอย่างหาเรื่องทันที
“จะมากเกินไปแล้วนะโว้ยยย!!”
ทั้งสองที่ตั้งท่าจ้องตาที่เตรียมตัวกระโจนเข้าหากัน และก่อนที่จะมีเศษอาหารกระจายเต็มพื้นโรงอาหารแต่เช้า เตวินต้องรีบล็อกแขนแฟนตัวเองไว้พร้อมกับลูบแขนเล็กไปมา ส่วนใบไม้ก็ได้แต่กุมขมับ หันไปมองจอมทัพที่นั่งอยู่ข้างๆที่ยิ้มบางๆให้เล็กน้อยก่อนจะต้องถอนหายใจแล้วลุกขึ้นแยกเพื่อนทั้งสองคนออกทันที
“พอได้แล้วน่า...กินข้าวกันเถอะ ส่วนเอมมีอะไรก็พูดเร็วๆเลย” เอมมาลินถอนหายใจเล็กน้อยพลางสะบัดผมใส่เพื่อน ก่อนจะมาตั้งท่าพูดทันที
“คืองี้ๆ ก็แบบไปได้ยินเขาพูดกันมา” แล้วทุกคนก็เลิกคิ้วมองแบบสงสัยทันที เขาไหน?? “ช่างเหอะ จำได้ไหมที่เคยเล่าว่าครอบครัวของนุชทำธุรกิจรีสอร์ท” ทุกคนพยักหน้า “ได้ยินมาว่ารีสอร์ทของครอบครัวกำลังโดนสั่งปิดทีละที่สองที่ เพราะบุกรุกป่าสงวน จ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ เอี่ยวคดีช่อโกงเรื่องที่ดิน เลยเสี่ยงโดนฟ้องล้มละลายสุดๆ แล้วไงรู้ไหม แฟนเก่าที่เลิกกันไปน่ะ...” ว่าแล้วทุกคนก็หันมองจอมทัพทันที ร่างสูงได้แต่เลิกคิ้วมองอย่างไม่รู้เรื่อง
“ไม่ใช่ๆๆๆ คนที่ถัดจากพี่จอมทัพไง...ที่เป็นทายาทนักการเมืองคบกันอยู่ดีๆเขาว่าหมั้นกันแล้วด้วยนะ จนเกือบจะแต่งแล้ว แต่เพล้ง! อยู่ดีๆถอนหมั้นฟ้าแลบเฉยเลย” เอมดูดน้ำหนึ่งอึกก่อนจะพูดต่อ “แต่ที่เขาว่าถอนหมั้นเหมือนจะเป็นฝ่ายหญิงถอนนะเพราะเรื่องคดีช่อโกงที่ดินน่ะเป็นของฝ่ายชายต่างหาก แถมครอบครัวฝ่ายชายยังโดนสอบคอร์รับชั่นด้วย อย่างซวยเลยนางอะ”
“ยังไม่ทันเรียนจบจะรีบแต่งงานไปทำไม” แม๊กซ์ถามขึ้นมา
“คืองี้นะ...ลองคิดดู เรียนยังไม่ทันจะจบก็รีบแต่งงานสายฟ้าแลบไปทำไม?? ก็เพราะท้องไง! แล้วอยู่ดีๆถอนหมั้นจนต้องวิ่งมาหาพี่จอมทัพก็เพราะว่าต้องหาพ่อให้ลูก” เอมมาิลนพูดเสร็จก็หันไปตักข้าวใส่ปากหนึ่งคำ
“ก็ถอนหมั้นสายฟ้าแลบขนาดนั้น เธอเป็นลูกผู้ดีมีตัง คงจะหาพ่อของลูกมาไว้กันขายหน้าน่ะสิ แล้วไอ้นี่ดันเป็นตัวเลือกที่เข้าท่ามากซะด้วย นอกจากจะเป็นแฟนเก่าแล้ว ยังเป็นลูกเจ้าของโรงบาลฯใหญ่อีก ได้มันก็ควงเชิดหน้าชูตาได้ทั่วละ” เตวินว่าก่อนเอมมาลินจะตบเข่าฉาดใหญ่อย่างเห็นด้วย
ได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวหนึ่งเดียวจึงชะโงกหน้าไปพูดกับจอมทัพ “พี่จอมทัพรู้ไหม ในงานเลี้ยงเขาพูดว่า ตอนแรกก็คบกับลูกเจ้าของโรงบาลฯก็ดีอยู่แล้ว จะเลิกกันไปทำไมรู้ ฮิๆๆ เลิกนั่นแหละดีแล้ว พี่จอมทัพจะได้เป็นของใบไม้ไง ฮ่าๆๆๆๆ”
“ใบไม้ก็จะได้ควงพี่จอมทัพแทน ฮ่าาๆๆ” คู่กัดอย่างแม๊กซ์กล่าวเสริม เรียกรอยยิ้มขำจากหนุ่มวิศวะสองคนได้เป็นอย่างดี
คนที่อยู่ดีๆพูดเปลี่ยนเรื่องหัวเราะเสียงดังเพราะหันไปแท๊กทีมตีมือกับแม๊กซ์ทั้งที่เมื่อกี้ยังจะกินหัวกัน ส่วนคนโดนแซวเพียงแค่เม้มปากแน่น กับแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อก็ทำให้จอมทัพหัวเราะแผ่วออกมาเรียกค้อนวงโตจากคนแก้มแดง แต่จอมทัพก็เพียงทำเป็นยิ้มอย่างไม่สนใจอะไรพร้อมตักข้าวในจานตัวเองกินต่อ ส่วนใบไม้ก็หันไปหาเรื่องเอมมาลินที่ยังคงส่งรอยยิ้มกวนๆมาให้
“ไม่ต้องยิ้มเลย กินข้าวไป จะได้รีบเข้าเรียนสักที” หญิงสาวเพียงพยักหน้าแกนๆให้เท่านั้นก่อนจะยื่นหน้าไปถามจอมทัพอีกครั้ง
“แล้ววันนี้พี่จอมทัพมีเรียนเหรอคะ ตารางพี่เตวินว่างวันนี้นี่คะ” แอดมินเพจเตวินแฟนคลับที่จำตารางเรียนของคนที่ชื่นชอบได้ขึ้นใจถามขึ้นมา จอมทัพเพียงแค่ส่ายหัวไปมาเท่านั้น “อ๋อออ ที่อยู่นี่ก็คือตามมาดูแลใช่ไหมคะ ดีจังเลยค่ะ ถึงเช้าถึงเย็นแบบนี้ต้องมีลูกไวแน่ๆ โอ๊ยๆๆๆ อย่าหยิกๆ”
เอมมาลินรีบปัดมือเพื่อนพร้อมเอนตัวหลบทันทีที่มีแรงหยิกเบาๆลงที่ต้นแขนตัวเอง คนที่แกล้งทำเป็นเจ็บร้องโอยโอยทันที ก่อนจะส่งสายตาหาแม๊กซ์เพื่อขอความช่วยเหลือ เพื่อนตัวโย่งที่เห็นสายตาที่ส่งสายตาอย่างรู้กันมาให้ก็ยิ้มรับก่อนจะลูบหัวกลมของเพื่อนสาวเบาๆ
“อย่าทำเพื่อนดิ โมโหรุนแรงแบบนี้ต้องให้พี่จอมทัพจัดการ ทีนี้มีลูกเร็วกว่าเดิมสมใจแน่”
“แม๊กซ์!!! แก!!!”
คนที่ตะโกนหาเรื่องไม่ใช่คู่กัดเจ้าเดิมอย่างเอมมาลิน แต่กลับเป็นใบไม้ที่จ้องตาโตพร้อมกับปากที่เม้มแน่น แก้มแดงจัดคือผลลัพธ์ที่ดูเป็นพี่พออกพอใจของคู่กัดสองคนที่่หันไปหัวเราะกันอย่างสะใจ พูดออกมาได้!! ไม่คิดว่าผมจะเขินตายกันหรือไง!! แล้วถามนี่ก็คงรู้อยู่แล้วแหละว่าพี่จอมทัพไม่มีเรียน ผมก็เคยเล่าให้ฟัง แต่อยากจะแกล้งผมมากกว่า บ้าที่สุดเลย ลูกเลิกอะไร ถ้ามีได้วัวก็ออกลูกเป็นไข่ได้แล้ว แต่เสียงหัวเราะเบาๆที่ดังขึ้นข้างๆก็ทำให้ใบไม้ต้องสะบัดหน้าไปมองก่อนจะตีแรงๆลงบนต้นขาแข็งแรงของจอมทัพทันที
“พี่ไม่ต้องหัวเราะเลยนะ!!” จอมทัพหยุดหัวเราะ แต่ถึงยังไงก็ยังส่งยิ้มที่ใบไม้ไม่เข้าใจพร้อมกับสายตาวิบวับที่ทำให้ต้องเบือนหน้าขึ้นทันที ใบไม้ได้แต่บ่นมุบมิบกับตัวเองเบาๆ ยิ้มแบบนี้คิดอะไรร้ายๆอยู่แหงๆ
“แค่คิดว่าเรามีลูกพี่ก็อารมณ์ดีขึ้นมาเฉยๆ” คนที่เขินจัดได้แต่เบะปากทำหน้าบึ้งแล้วปฏิเสธเสียงดัง
“ผมมีลูกไม่ได้นะครับ!!” จอมทัพก็ได้เพียงแต่ยิ้มเฉย ก่อนจะนึกแกล้งคนขี้เขินให้ได้เขินขึ้นไปอีก
“ไม่ลองไม่รู้...คืนนี้เราก็ลองเลยไหมล่ะ” พูดเสร็จก็ยกยิ้มมุมปาก พร้อมกับขยิบตาให้คนตัวเล็กหนึ่งที ส่วนคนที่โดนแอทแทคเข้าอย่างจังก็ได้แต่นั่งหน้าแดง อ้าปากค้างไว้อย่างนั้นจอมทัพก็ได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางเอ๋อของๆใบไม้ จนเอมมาลินต้องเข้ามาสะกิดใบไม้เบาๆนั่นแหละถึงได้สติขึ้นมา
“ถามจริงไอ้ที่แกเขินค้างแบบนี้เพราะพี่เขาแซวเรื่องลูกหรือว่าอะไร” เสียงเพื่อนสาวกระซิบเบาๆ ก่อนใบไม้จะหันหน้าแดงจัดไปกระซิบตอบ
“เอม...เมื่อกี้แบบ...พี่โคตรหล่อเลยว่ะ” พี่ตอนหน้านิ่งๆก็ว่าหล่อแล้วนะ แต่พี่ตอนยิ้มแล้วทำตาประกายๆแถมขยิบตาให้เป็นอะไรที่แบบ….หัวใจจะวายตาย ว่าแล้วก็ยกมือลูบหน้าแรงๆ หญิงสาวหัวเราะเบาๆพร้อมกับตบไหล่เพื่อนราวกับจะปลอบใจ
“ทำใจเถอะ..” มีแฟนหล่อแบบนี้ก็ทำใจซะเถอะ….
-----------------------------------------------------
“พี่น่าจะบอกผมก่อนว่าจะพาผมไปที่บ้าน” จอมทัพกำลังขับรถอยู่ก็หันไปมองคนที่บ่นงำงัมไม่หยุดตั้งแต่เขาบอกว่าวันนี้จะพาไปกินข้าวที่บ้าน
“ก็แม่พึ่งโทรมาบอกตอนเราเรียนเสร็จพอดี”
“นั่นแหละ ผมไม่ได้เตรียมอะไรไปฝากคุณป้าท่านเลย” คนที่นอนซุกตัวอยู่กับผ้าห่มสีหวานผืนบางก็ยังบ่นไม่หยุด จอมทัพก็ยิ้มขำพร้อมส่ายหัวเบาๆ
“ไม่ต้องหรอก... แม่ไม่ว่าอะไรเชื่อสิ เราไปหาก็ดีใจแล้ว นานๆท่านจะอยู่บ้านสักที” นั่นทำให้ใบไม้ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างสงสัย
“คุณแม่พี่ไม่ค่อยอยู่บ้านเหรอครับ” จอมทัพหันมามองเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ท่านก็ติดตามพ่อไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศบ่อยๆ แต่หลังจากนี้คงอยู่นี่ยาวแล้วล่ะ ถ้าอะไรที่นู่นเข้าที่เข้าทาง” ใบไม้พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“คุณพ่อพี่...ไม่ได้เป็นทหารเหรอครับ ผมนึกว่าท่านเป็นทหารเสียอีก” จอมทัพได้ยินก็หัวเราะออกมาเรียกความสงสัยของใบไม้เข้าไปอีก
“อะไรทำให้เราคิดแบบนั้น”
“ก็...ชื่อพี่ไง” จอมทัพเลิกคิ้วเล็กน้อย “คือพี่ชื่อจอมทัพ ส่วนพี่ชายของพี่ก็ชื่อ จอมพล กับ จอมยุทธ บางทีผมก็คิดว่าคุณพ่อของพี่น่าจะเป็นทหาร”
“เปล่าหรอก...ท่านเป็นนักธุรกิจ ส่วนคนที่เป็นทหาร แม่ต่างหาก” และนั่นก็ทำให้ใบไม้ตาโต ลุกขึ้นมามองจอมทัพอย่างตื่นเต้น
“คุณป้าเป็นทหารเหรอครับ?”
“อืม เป็นหมอทหาร แต่ก็ลาออกก่อนเกษียณอายุราชการนานแล้วล่ะ” จอมทัพยิ้มขำเล็กน้อยกับคนที่ดูท่าทางตื่นเต้น
“เก่งจังเลยนะครับ ผู้หญิงแล้วยังเป็นหมอทหารอีกด้วย”
“หึ อยากจะชม...ก็ชมกับตัวท่านเลยสิ ถึงแล้ว” รถที่เลี้ยวเข้ารั้วบ้าน ก็ทำให้ใบไม้หยุดสนใจจอมทัพแล้วหันไปมองรอบๆอย่างตื่นเต้นแทน บ้านพี่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร เอาง่ายๆก็ใหญ่กว่าบ้านขนาดพอดีของครอบครัวเขาละกัน มีโรงรถ มีสวนหน้าบ้านไม่ใหญ่ไม่เล็กมากนัก มีต้นไหม้ใหญ่แถมดอกไม้ก็เยอะด้วย
“บ้านหลังใหญ่จังเลยครับ อย่างนี้พี่จอมทัพก็รวยมากเลยน่ะสิ”
“พี่ไม่ได้รวยหรอก ของพ่อของแม่ทั้งนั้น ของพี่ที่ไหน” จอมทัพว่าพลางหัวเราะเบาๆ ใบไม้ยู่ปากใส่ร่างสูงเล็กน้อยก่อนจะเอียงหัวเล็กน้อยแล้วยิ้มกว้างทันทีที่เห็นสัตว์สี่เท้าขนปุกปุยกำลังวิ่งออกมาจากตัวบ้าน
“พี่เลี้ยงหมาด้วยเหรอครับ??”
ไซบีเรียน! ตัวใหญ่ยักษ์ แถมขนปุยด้วย พี่ไม่เคยบอกเลยว่าเลี้ยงสุนัขไว้ สองตัวอีกต่างหาก คนตัวเล็กรีบรุดออกไปทันที และเมื่อใบไม้เดินออกไป เจ้าสัตว์ขนปุยก่อนเปลี่ยนเป้าหมายจากเจ้านายตัวเองกระโจนเข้าใบไม้แทน คนตัวเล็กที่ไม่ทันตั้งตัวก็ทำท่าจะหงายหลังล้มลงไป จอมทัพที่เห็นแบบนั้นก็รีบยื่นมือไปฉุดรั้งแขนเล็กไว้ แล้วส่งเสียงดุทันที
“หยุด! นั่งลง...ห้ามทำแบบนี้อีก” พี่ทำเสียงดุ ตาดุ ผมก็อดจะสงสารเจ้าสองตัวนั้นไม่ได้ที่นั่งทำหน้าหงอยๆมีบางตัวที่ส่งเสียงบ่นออกมาเบาๆ พอผมทำท่าจะยื่นมือไปจับเจ้าสองตัวก็ลุกขึ้นเบียดแย่งจะให้ผมจับ
“ฮิฮิ...พี่ไม่น่าดุมันเลย ดูสิทำหน้าหงอยเชียว” จอมทัพส่ายหัวเบาให้คนที่นั่งลงไปเล่นกับสุนัขตัวเอง ตัวก็เล็ก...เจ้าพวกนี้สองตัวก็จะทับหายไปแล้ว ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี กินก็น้อยบางทีก็อยากจะให้กินเก่งแบบเพื่อนทั้งสองคนบ้าง
“มันจะตัวเท่าเราอยู่แล้ว ระวังด้วย..ถ้าล้มไปจะทำไง” คนตัวเล็กไม่สนใจเสียงบ่นของจอมทัพ เงยหน้าขึ้นมาถามตาใส
“ชื่ออะไรเหรอครับ?”
“ตัวนั้น ตัวผู้ชื่อชาร์ลี ส่วนนี่ตัวเมียชื่อรูบี้” คนตัวเล็กได้ยินก็ส่งเสียงเรียกทันที แล้วต้องหัวเราะเสียงดังเมื่อมีตัวนึงปีนขึ้นมาเลียหน้า จอมทัพที่เห็นว่าใบไม้แทบจะหงายหลังลงไปนอนกับพื้นก็ต้องรีบอุ้มเจ้าสี่ขาสองตัวออกจากใบไม้ทันที
“หนูเล็ก...มากันแล้วทำไมไม่พากันเข้าบ้านล่ะ เห็นเด็กเดินเข้าไปบอกพักนึงแล้ว” เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้ทั้งสองคนหันไปสนใจทันที ใบไม้ลุกขึ้นยืนพร้อมยกมือสวัสดีพร้อมจอมทัพ นลฤดีเข้าไปสวมกอดลูกชายหนึ่งที ก่อนจะละความสนใจไปกอดคนข้างๆแทนพร้อมดึงรั้งให้เดินเข้าบ้านไปด้วยกัน โดยมีสุนัขสองตัวเดินตามเข้ามาด้วย
“เป็นไงบ้างล่ะลูก แขนเมื่อไหร่จะหายล่ะ แม่ก็นึกว่าหนูเล็กพาหนูไปถอดเฝือกแล้ว”
“สบายดีครับ...เฝือกเดี๋ยวได้ถอดอาทิตย์หน้าแล้วครับ แล้วคุณป้าสบายดีรึเปล่าครับ” ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่ดีๆก็หุบยิ้มจนใบไม้หน้าเสีย กังวลว่าจะทำอะไรให้มารดาของร่างสูงโกรธ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีแรงตีที่แขนตัวเองเบาๆ
“คุณป้าอะไร เรียกคุณแม่สิ...แม่อุตส่าห์แทนตัวเองว่าแม่ยังจะเรียกคุณป้าอีก เรียกคุณแม่สิจ๊ะ” ใบไม้ได้แต่มองตาโตอย่างทำอะไรไม่ถูก แล้วเงยหน้าไปปรึกษากับจอมทัพ ร่างสูงยิ้มบางๆให้เท่านั้น ส่วนนลฤดีที่เห็นสีหน้าอ้ำอึ้งก็ต้องเร่งเร้าใบไม้ขึ้นไปอีก
“เอ่อ...ครับ...คุณ..แม่” นลฤดีก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงใสเรียกตัวเองเช่นนั้น ก่อนจะยกมือลูบหัวกลมๆอย่างเอ็นดู
“ดีมากลูก..แล้วกินอะไรมารึยังล่ะ อีกนานเลยกว่าจะถึงมื้อเย็น อยากกินอะไรรึเปล่าลูก”
“ขอบคุณครับ...แต่พี่จอมทัพพาผมไปกินมื้อเที่ยงแล้ว”
“ดีแล้ว…เดี๋ยวแม่ขอไปคุยธุระก่อนนะลูก หนูเล็กก็พาน้องไปดูทีวีในห้องนั่งหรือไปนอนในห้องเราก็ได้นะ ตามสบายนะจ๊ะใบไม้” นลฤดีว่าพลางดันคนตัวเล็กให้จอมทัพ ก่อนจะปลีกตัวออกไปอีกทางทิ้งให้ใบไม้ได้แต่กระพริบตาปริบๆ
“เราอยากดูหนังหรืออยากนอนดีล่ะ” เสียงที่ดังข้างๆก็ทำให้ใบไม้ต้องเงยหน้ามอง ก่อนจะเอียงคอทำหน้าคิดเล็กน้อย ในใจจอมทัพก็รู้คำตอบอยู่แล้วก็ได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางคิดหนัก ก็ไม่รู้จะคิดอะไรอยู่ ทั้งที่อย่างใบไม้คำตอบก็มีอยู่เพียงหนึ่งอยู่แล้ว
“อยากนอนครับ...แต่ต้องขึ้นไปนอนห้องพี่ใช่ไหมอะ” จอมทัพเลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย นี่อย่าบอกนะว่าคิดหนักเรื่องนี้อยู่
“หมอนนุ่มๆ ผ้าห่มอุ่นๆ กับแอร์เย็นๆ ไม่สนเหรอ?” ใบไม้ได้ยินก็ช้อนตามองอย่างไม่ไว้ใจ จอมทัพได้แต่ยิ้มขำก่อนจะยกแขนขึ้นวาดเข้ากับไหล่แคบพร้อมรั้งให้เดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน “ทำไมทำหน้าแบบนั้น พี่ดูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเชียว??”
ใบไม้ไม่ตอบเพียงแค่ย่นจมูกใส่เท่านั้น ก็อยากจะไว้ใจหรอกนะ แต่เมื่อกี้ดันไปเห็นดวงตาที่ส่องประกายความเจ้าเล่ห์ที่ฉายขึ้นมาแว๊บเดียวเข้าให้อย่างจังน่ะสิ เดี๋ยวนี้พี่เจ้าเล่ห์ มันเลยกลายเป็นว่าพี่ขี้เล่นขึ้นเยอะ จนบางทีผมก็ชักจะตามพี่ไม่ทันแล้ว เอ๊ะหรือว่าตามไม่ทันตั้งนานแล้ว?? ผมก็แอบระบายลมหายใจเบาๆเมื่อพี่หยุดตรงประตูบานใหญ่บานหนึ่งก่อนจะเปิดเข้าไป ผมมองรอบๆอย่างสำรวจทันที
“ไม่ต้องถอนหายใจก็ได้ พี่ไม่ได้พามาฆ่า”
“ชิ...ไม่ต้องพูดหรอก อย่างพี่ไม่ต้องอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว” ใบไม้ว่าพลางย่นจมูกใส่อีกทีแล้วจะเบือนหน้าไปสำรวจตู้สะสมของจอมทัพ ก่อนจะต้องหน้าแดงวาบทันทีเมื่อได้ยินคนด้านหลังพูด
“เคยสำรวจแล้วล่ะสิถึงได้รู้ ว่าแต่ใช้ตาหรือใช้ลิ้นสำรวจ??”
“พี่ครับ!!” ชะ...ชักจะมากเกินไปแล้ว เล่นพูดแบบนี้คิดว่าเขาจะทนได้สักเท่าไหร่กัน “เพราะพี่พูดแบบนี้ไง...พี่เลยไม่น่าไว้ใจ หื่นมาก!!” จอมทัพได้ยินก็ทำเพียงยิ้มเฉยให้ แล้วต้องรีบรวบเอวบางเข้ามากอดทันทีเมื่อคนตัวเล็กทำหน้าบึ้งไม่หาย
“น่า...พี่แค่หยอกเล่นเอง..” พี่ก็แค่ชอบเห็นเราเขิน อย่าว่าอะไรเลยถ้าพี่จะแกล้ง เพราะเราหน้าแดงแล้วมันน่ารัก เหตุผลทางจิตใจล้วนๆ “รักหรอกนะถึงได้หยอกเล่นน่ะ”
“พี่ชอบแกล้งให้ผมเขินอยู่เรื่อย” ใบไม้สวมกอดตอบแล้วซุกหน้าลงบนอกกว้าง เอนกายพิงร่างสูงไว้โดยมีมือใหญ่คอยลูบหลังไปมา จนคนโดนลูบหลังทำท่าจะเคลิ้มก่อนใบไม้จะเงยหน้าช้อนตามองร่างสูงอย่างอ้อนๆ “ผมง่วงแล้ว…”
“เจอแอร์เย็นๆเข้าหน่อยไม่ได้นะเรา” จอมทัพว่าพร้อมชักจูงให้คนตัวเล็กเดินไปที่เตียง ใบไม้เอนตัวนอนลงก็ส่งสายตาอ้อนๆที่ทำให้จอมทัพต้องระบายลมหายใจเบาๆก่อนจะสอดตัวเข้าไปนอนใต้ผ้าห่ม แขนยาวรวบคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมกอด ใบหน้าใสซุกลงบนอกกว้างอย่างรู้งาน
“พี่ต้องนอนกอดเราอยู่แล้ว...ไม่ต้องห่วงหรอก” ว่าพลางกดจูบลงบนขมับเบาๆ
คนตัวเล็กพยักหน้าหลับตาพริ้มแล้วเบียดซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอุ่นทันที ก็รู้ตัวมาพักหนึ่งแล้วว่าติดอ้อมกอดนี้มากแค่ไหน มันทั้งรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย พี่จะกอดผมทุกคืน ถึงตื่นมาแล้วเราสองคนบางทีก็นอนกันคนละทางแต่ก่อนนอนพี่จะกอดผมไว้เสมอ ก็เคยคิดนะว่าถ้าไม่มีพี่มากอดกล่อมก่อนนอนแล้วจะเป็นยังไง แล้วพอกลับไปนอนที่บ้านมันก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าถ้าไม่มีอ้อมกอดนี้ผมก็นอนไม่หลับ ก็อยากให้พี่กอดผมแบบนี้ไปนานๆ
“ผมรักพี่…” เสียงเล็กงึมงัมเบาๆอยู่กับอกก็ทำให้จอมทัพต้องยิ้มออกมา
“พี่ก็รักใบไม้...ฝันดีนะครับ”
______________________________________________
ครอบครัวของตัวเองที่อยู่ในห้องอาหารของบ้านพี่จอมทัพอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาก็ทำให้ผมต้องงงอย่างหนัก ก่อนจะเงยหน้ามองพี่งงๆ ก็แค่สงสัยว่าพี่จอมทัพไม่ได้บอกหรือเปล่าว่าครอบครัวของเขาก็มาด้วย พี่จอมทัพก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน นี่คือมีตติ้งครอบครัวหรือยังไง ทำไมครอบครัวเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ โอ๊ย...แล้วบ้านเขาก็ไม่มีใครโทรมาบอกด้วยสักคน
“อ้าวลูก...มาเร็ว เหลือแต่เราสองคนนี่แหละแม่ว่าจะเรียกคนให้ขึ้นไปตามพอดี” คุณหญิงของบ้านที่หันมาเจอลูกชายคนเล็กกับแฟนก็ร้องเรียกพร้อมกวักมือ จอมทัพจูงมือใบไม้เข้าไปก่อนจะสวัสดีทุกคนในห้องพร้อมกัน
“นั่นพี่น้ำตาลนะ คู่หมั้นของพี่จอมพล” เสียงของจอมทัพเป็นคนแนะนำ หญิงสาวท่าทางสวยเปรี้ยวแต่ดูเป็นการเป็นงานส่งยิ้มใจดีให้ใบไม้ทันที คนตัวเล็กก็ยิ้มตอบพร้อมยกมือไหว้
“เจอกันสักทีนะคะ จอมพลเขาเอามาอวดว่าแฟนน้องชายเขาน่ารักมาก” ใบไม้ได้แต่ยิ้มแล้วเกาแก้มเขินๆ เรียกรอยยิ้มของทุกคนได้ไม่น้อย ก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆพี่สาวของตนพร้อมกับจอมทัพที่นั่งลงข้างๆด้วยกัน
“พี่มาได้ยังไงครับ…” ใบไม้หันไปถามพี่สาวอย่างใบตองที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ก็แม่ของจอมทัพท่านโทรมาชวนพ่อ บอกว่ากินข้าวสองครอบครัวเขยสะใภ้อะไรเนี่ยแหละ” ใบตองว่าขำๆให้น้องชาย แล้วใบไม้ก็ได้แต่หน้าแดงให้พี่สาวได้ยิ้มล้อ
“ผมไม่เคยให้เบอร์พ่อไปนี่ครับ??”
“ไม่รู้สิ เห็นพ่อจอมทัพท่านโทรมาปรึกษาเรื่องเราพักนึงแล้วนะ พี่ก็นึกว่าเราเป็นคนให้ จอมทัพให้เองหรือเปล่า”
ผมก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆก่อนจะลงมือกินข้าวมือผู้ใหญ่เริ่มลงมือ ผมเหลือบตามองพ่อกับแม่ที่ดูเข้ากับครอบครัวพี่จอมทัพได้ดีก็รู้สึกดีใจ แบบ...เข้าใจความรู้สึกที่พาครอบครัวตัวเองมารู้กันครั้งแรกมันก็เป็นแบบนี้นี่เอง ทั้งตื่นเต้น แล้วก็อดจะประหม่าไม่ได้ มือที่วางไว้บนขาก็ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองพี่จอมทัพ ก่อนเราจะส่งยิ้มให้กัน พี่คงจะดีใจเหมือนผมเช่นกัน
บรรยากาศมื้อเย็นก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย จากตอนแรกที่ผมรู้สึกประหม่าตอนนี้มันก็หมดไป จนจบด้วยของหวานที่ทำบรรยากาศดูดีขึ้นไปอีกจากเสียงหัวเราะของคนทั้งหมด ก็ไม่ใช่อะไรหรอก บ้านผมก็เริ่มขายผมแล้วเหมือนกัน...
“จอมทัพแต่ก่อนผอมเหรอคะ ใบไม้แต่ก่อนก็ตัวเล็ก...เขาเกิดตอนดิฉันอายุเยอะแล้วน่ะค่ะ แต่โชคดีที่ไม่มีโรคประจำตัว แล้วโดนเพื่อนแกล้งตั้งแต่เด็ก ร้องไห้จ้ากลับบ้านทุกวัน” และดูเหมือนคุณแม่ทั้งสองคนจะเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวตอนเด็กให้ลูกๆได้เขินกัน
“แต่ก็ไม่ได้โดนแกล้งอย่างเดียวนะคะ มีเด็กทั้งผู้หญิง ผู้ชายมาจีบตั้งแต่ตอนเด็กๆนู่นเลย พอเขามาสารภาพรักก็เขินหน้าแดงมาหลบอยู่หลังพี่ๆ แล้วไม่ใช่แค่คนเดียวนะคะ ตั้งแต่อนุบาลยันประถมมาทุกปีเลยค่ะ” แล้วนั่นทำให้ใบไม้ต้องก้มหน้างุดลงกับมือเมื่อเสียงหัวเราะของทุกคนดังขึ้น แต่เสียงหัวเราะของคนข้างๆที่ทำให้ใบไม้ต้องทุบแรงๆลงบนขาจอมทัพเป็นการแก้เขิน
“จอมทัพเขาไม่ค่อยมีใครมากล้าจีบหรอกค่ะ มนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยดีชอบอยู่คนเดียว เวลาคนมาเล่นด้วยก็ชอบทำหน้าดุๆใส่เขา จนเพื่อนกลัวกันไปหมดเลย” คุณหญิงของบ้านหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ปกติเขาก็จะยิ้มให้กับครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น แต่กับใบไม้นี่แหละที่เขายิ้มให้บ่อยมากๆเลยนะคะ”
“ก็ต้องขอบคุณจอมทัพเหมือนกันนะคะที่คอยดูแลใบไม้ให้ ใบไม้เป็นคนค่อนข้างคิดมากจนเก็บไปเครียด จนต้องปรึกษาจิตแพทย์บ่อยๆก็มีจอมทัพนี่แหละที่คอยดูแล แล้วยังคอยจัดการเรื่องคดีนี่อีก...ขอบคุณมากนะลูก” มารดาของใบไม้ส่งยิ้มให้อย่างขอบคุณ ร่างสูงยิ้มตอบก่อนจะก้มหัวให้เล็กน้อย
“หน้าที่ผมอยู่แล้ว...” จอมทัพว่าก่อนทุกคนต้องเงียบไปเมื่อจอมทัพทำท่าจะพูดต่อ “เอ่อ...ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาและขอนิดหน่อยครับ”
“ผมคิดมานานแล้ว แล้วคิดมันก็น่าจะดีกว่า...ผมคิดว่าให้น้องย้ายมาอยู่ด้วยกันดีไหมครับ...” แล้วนั่นก็ทำให้ทุกคนต้องเงียบไปอีกครั้ง พิชิตผู้เป็นบิดาต้องแอบตวัดตามองว่าที่ลูกเขยเล็กน้อย ส่วนใบไม้ก็ได้แต่อ้าปากค้างหันไปมองจอมทัพตาโต “ทุกวันนี้เราก็ย้ายไปย้ายมา แต่ถ้ามาอยู่ด้วยกันก็คงจะลดค่าใช้จ่าย ผมก็เป็นห่วงน้องถึงอยู่ห้องตรงข้ามกันแต่ก็ถามกันได้แค่ในแชท แถมผมก็จะได้ดูแลน้องได้กว่าเดิมอีกด้วยนะครับ”
ในขณะที่ทุกคนอึกอัก กับใบไม้ที่เขินแทบตายแต่จอมทัพกลับมีแววตานิ่งเงียบ ดูจริงจังไร้แววเจ้าเล่ห์ขี้เล่น พี่ชวนไปอยู่ด้วยกันอะ...แบบชวนไปอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่คืนนี้นอนห้องพี่อีกคืนน้องห้องผม มันคืออยู่ด้วยกันจริงๆ
“ถ้าไม่ไว้ใจจอมทัพ ให้เด็กๆเขาหมั้นกันดีไหมคะ” มารดาของจอมทัพพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างพร้อมสายตาเบิกบาน และนั่นก็เป็นคำพูดที่ทำให้ทุกคนต้องตื่นตะลึงขึ้นมาทันที
อ...อะ...อะไรนะ หมั้น!!! หมั้นน่ะเหรอ??!! ผมกันไปมองพี่จอมทัพทันที แล้วผมต้องเบิกตาโตเข้าไปอีกเมื่อพี่จอมทัพมีแววตาดูเห็นด้วยแถมพยักหน้าเบาๆด้วย แล้วพี่ก็หันมามองผมเหมือนจะถามแบบ...จะหมั้นไหมอะไรแบบนี้ เห็นแบบนั้นผมก็อดจะหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้ ผมนี่รู้เลยว่านิสัยจริงจังของพี่นี่ติดมาจากใคร...คุณแม่ของพี่ไง!!
“ผมว่าเรื่องนี้ให้เด็กๆเขาตัดสินกันในอนาคตเถอะ เอาเรื่องที่จอมทัพขอดีก่อนไหม” แล้วทุกคนก็พยักหน้ารับทันที ส่วนใบไม้ก็แอบระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ ส่วนจอมทัพก็ระบายลมหายใจออกมาเช่นกันแต่เพราะเสียดายต่างหาก
“ดิฉันคิดว่าก็แล้วแต่ใบไม้ตัดสินใจนะคะ...พ่อว่าไง” มารดาของใบไม้ว่าพลางกันไปถามสามีที่นั่งทำหน้าหวงลูกชายอยู่ข้างๆ พิชิตทำหน้าคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ให้ลูกตัดสินใจแล้วกัน”
แล้วทุกคนก็หันมามองใบไม้ทันที คนตัวเล็กยกมือขึ้นมากัดเล็บอย่างคนคิดหนัก จะยังไง...คือจะอยากก็อยากอยู่กับพี่นะ แต่ถ้าตอบอย่างนั้นมันจะดูน่าเกลียดไหมคือ...ไม่รู้สิ มันก็แอบเขินเหมือนกันนะ ผมเงยหน้าพี่อย่างปรึกษา ก็ได้มาแต่สายตาที่ดูคาดหวังกับคำตอบแทน เราอยู่ด้วยกันทุกวันจนกลายเป็นแฝดไปแล้ว ผมรู้ว่าพี่อยากดูแลผมจริงๆ ดูได้จากสายตาจริงจังของพี่ ผมเงยหน้ามองพ่อกับแม่เล็กน้อย ก่อนจะหันไปปรึกษาพี่ๆ ที่ได้แต่พยักหน้าพร้อมยิ้มให้
“จะให้ผมตอบแบบไม่น่าเกลียด หรือให้ผมตอบแบบที่ผมอยากได้จริงๆเหรอครับ”
“เอาแบบที่เราอยากได้สิ เราจะได้สบายใจ” นั่นเป็นคำพูดของพี่ใบฉัตร พี่คงรู้อยู่แล้วว่าคำตอบที่ผมอยากตอบจริงๆคืออะไร ถึงได้รู้ว่าตอบยังไงผมถึงจะได้สบายใจ ผมได้แต่ระบายลมหายใจเบาๆ
“ผม...เห็นด้วยกับพี่จอมทัพครับ” คำตอบของผมก็มาพร้อมกับมืออุ่นที่ประสานเข้ามากับมือของผม ผมส่งยิ้มกว้างให้พี่ ผมก็แค่อยากนอนกอดพี่ทุกคืน แต่ก็ต้องหันหน้าขวับมามองคุณแม่ของพี่อย่างตื่นตะลึงอีกครั้ง ก็ไม่ใช่อะไรหรอก
“อย่างนี้ก็หมั้นกันเลยดีไหมคะ??”
“คุณ...ปล่อยให้เป็นเรื่องอนาคตเถอะน่า”
“แหม...ก็ฉันอยากได้ใบไม้มาลูกสะใภ้เต็มตัวเร็วๆนี่คะ ก็ทำให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยดีจะตาย จะได้รู้ว่าลูกเราจริงจังจริงๆ คนเป็นแม่ดูออกอยู่แล้วค่ะ หมั้นกันไปเลย” แล้วผู้เป็นสามีก็ต้องลูบแขนภรรยาทันทีทั้งเข้าใจและหวังจะให้ใจเย็นกับเรื่องนี้
“ถ้าลูกเราจริงจังเดี๋ยวอนาคตก็ได้เป็นเองนั่นแหละนะ สบายใจเถอะ” แล้วสุดท้ายคุณหญิงของบ้านก็ได้แต่พยักหน้าตามสามีอย่างจำยอม ส่วนใบไม้ก็ได้แต่เขินหน้าแดงก่ำจนพี่ได้แต่ส่งสายตาล้อเลียนมาให้
โอ๊ยยย....เขินจะตายอยู่แล้ว และจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าคนข้างๆไม่พยักหน้าตามไปด้วย แต่นี่แม่ตัวเองพูดไปก็พยักหน้าไปอย่างเห็นด้วยสุดๆนี่สิ พี่นะพี่!!
__________________________________________
Talk : จริงจังแค่ไหน แค่ไหนเรียกจริงจัง
บ้านนี้จริงจังกันสุดขั้วจริงๆนะคะ
เอาจริงๆตอนนี้เราค่อนข้างจะตัน แต่งตอนต่อตอนจริงๆเลยช้า
เนื้อเรื่องเริ่มเนิบๆลงเรื่อยๆแล้วค่ะ เพราะใกล้จบแล้วเนาะ
ตอนนี้เราก็เริ่มคิดตอนจบกับตอนพิเศษแล้ว แถมยเริ่มคิดเรื่องใหม่ด้วย
พยายามไม่ให้ยืดเกิน30ตอน จริงๆไม่คิดว่าจะแต่งมาถึง26ตอนด้วยซ้ำ
ตอนแรกตั้งใจไว้แค่18-20ตอนจบเท่านั้น แต่ก็ลากยาวจนมาถึงตรงนี้
30ตอนจบหรือไม่ ไม่คอนเฟิร์มนะคะ เผื่อคนแต่งจะไหลยาว 5555555
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่เป็นกำลังใจเสมอมา
หลังจากนี้ขออนุญาตเว้นช่วงอัพไว้ประมาณ2อาทิตย์นะคะ เพราะมีสอบ
ต้องขอโทษจริงๆค่ะ รออ่านกันด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคนและทุกคอมเมนต์นะคะ