<@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59  (อ่าน 30347 ครั้ง)

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ส่วนที่เอาไปแปะไว้ที่กระทู้ก่อนลงนิยาย อยู่ในระหว่างเส้น *** นะคะ (ข้อ 1-18 ก๊อปเฉพาะหัวข้อที่ทำตัวทึบไว้ก็ได้
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
[url=http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0]http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0][/url]
ส่วนที่เอาไปแปะไว้ที่กระทู้ก่อนลงนิยาย อยู่ในระหว่างเส้น *** นะคะ (ข้อ 1-18 ก๊อปเฉพาะหัวข้อที่ทำตัวทึบไว้ก็ได้
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
[url=http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0]http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0[/url]

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
[url=http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0]http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0[/url]

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป [url=http://www.thaiboyslove.com]http://www.thaiboyslove.com[/url]  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************

เรียน   ท่านสมาชิกทุกท่านทราบและโปรดดำเนินการอย่างเคร่งครัด

เรื่อง  กฎกติกาและมารยาท

          กรุณาอ่านข้อความข้างล่างที่แนบมาด้วยข้าล่างนี้   ด้วยความระมัดระวังยิ่ง

เพราะเป็นบรรทัดฐานที่พึงยึดและปฏิบัติตามอย่างไม่สามารถพิจารณาเป็นอื่นได้

หากผู้ใดฝ่าฝืน  ทางเราจะดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อไป


      จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน

                                                                                 นับถือ

                                                                            อิเจ้  โมดุเรเตอร์


..................................................................................................




บทนำ
[/size][/b]


        เมื่อกันตพิชย์ต้องย้ายบ้านใหม่เพราะงาน  จึงมีเหตุให้ต้องดูแลหลานชายคนเดียวที่กำพร้าบิดา มารดาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์  แต่หลานชายตัวดีเดินมาสารภาพว่าแอบชอบลูกของคนข้างบ้าน ชายหนุ่มอยากจะเอาหัวโหม่งกำแพง ถ้าหลานชายเขาไม่ได้อายุ 5 ขวบ นะ แล้วก็ถ้าเด็กข้างบ้านที่แอบชอบไม่ได้เป็นเด็กผู้ชายเหมือนกันกับเจ้าตัวเขาก็คงยิ้มอย่างขำขันในใจไปแล้ว
 


        แต่เมื่อหลานชายบอกว่าเอาจริง แล้วต้องให้เขาช่วยคิดแผนการอะไรก็ได้ทำให้เด็กข้างบ้านมาตกหลุมรักเจ้าตัวให้ได้  แล้วเขาจะทำยังไงแผนการมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมองอันน้อยนิด เพื่อช่วยให้เจ้าตัวดีสมหวัง เหตุการณ์วุ่น ๆ คงตามมาอีกเยอะ ชายหนุ่มต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ว่าอนาคตที่อยากอยู่อย่างสงบต้องเปลี่ยนไปแน่นอน


************************************************
[/color]

 :pig2: :pig2:

สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เป็นนิยายที่อยากแต่งให้ออกมาสบาย ๆ เรื่องคงดำเนินไปเรื่อย ๆ อาจจะไม่วูบวาบนะคะ แต่อยากแต่งออกมาให้ดีที่สุด

ขอฝากเรื่องแผนการรัก ดักข้างบ้านไว้สักเรื่องนะคะ

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ


เข้ามาทวงงานกันได้นะคะ ถ้าเห็นว่าเราหายไปนาน ^_^


"[url]https://www.facebook.com/YAOI.999/[/url]"




[attachment deleted by admin]
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2016 18:42:48 โดย มารน้อย เจ้าสำนัก »

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่1 ย้ายบ้าน

           เสียงดังตึงตังมาจากบ้านสองชั้นสีขาวสไตล์โมเดิร์นหลังเล็ก ๆ ในพื้นที่ขนาด 100 ตารางวา  พร้อมกับเสียงที่สั่งให้พนักงานของบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง ยกกล่องของและเฟอร์นิเจอร์เข้ามาภายในตัวบ้าน  บ้านหลังนี้กันตพิชย์เจ้าของบ้านหนุ่มตัดสินใจซื้อเพื่อที่ว่าเขาจะได้มีเวลาดูแลหลานชายและใกล้ที่ทำงานที่ใหม่ที่เขาได้สมัครเอาไว้

                ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มเดินมาหน้าบ้าน ใบหน้าเรียวซึ่งตอนนี้สีแดงเรื่อ มีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ปรากฏอยู่บนหน้าผากเนียน  เนื่องจากอากาศร้อนและด้วยการที่ต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ที่ขนมาจากต่างจังหวัด  สายตาสอดส่องหาหลานชายที่วิ่งวุ่นรอบบ้าน

                “น้องตุลย์ อยู่ไหนออกมาหาน้ากันต์ก่อนครับ” เมื่อมองหาไม่เจอจึงตะโกนเรียกหลานชาย

                “คร้าบบบบบบบบบ ตุลย์อยู่ข้างบ้าน” เสียงใสของเด็กชายดังมาจากทางข้างบ้าน พร้อมกับเสียงฝีเท้าวิ่งออกมา

                ไม่กี่อึดใจก็ปรากฏร่างของเด็กชายคนหนึ่ง วิ่งมาถึงตัวผมที่เรียกหาตัวเอง  พร้อมกับเสียงหอบหายใจดังเพราะเหนื่อยกับการวิ่งสำรวจบ้านใหม่ที่จะต้องอยู่กันสองคนน้าหลานตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

                “น้ากันต์ บ้านใหม่กว้างกว่าแล้วก็สวยกว่าบ้านเก่าเราอีกนะครับ” เสียงตุลยากร หรือน้องตุลย์เด็กชายวัย 5 ขวบ บอกอย่างตื่นเต้น  พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ทำให้ตากลมโตแทบหายมิดไปกับแก้มยุ้ยสองข้างของเจ้าตัว

                เมื่อได้ยินเสียงหลานชายผมก็ยิ้มรับ แล้วก้มลงเอาผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวไว้มาเช็ดเหงื่อให้เด็กชาย จากนั้นจึงถามออกไป

           “น้องตุลย์ชอบไหม ต่อจากนี้บ้านหลังนี้เราจะอยู่กันสองคนน้าหลานนะ บ้านใหม่ โรงเรียนใหม่  งานใหม่ของน้ากันต์ด้วย” ผมถามหลานชายด้วยรอยยิ้ม

                “ชอบสิครับน้ากันต์ ตุลย์จะไปโรงเรียนใหม่ มีเพื่อนใหม่ บ้านหลังใหม่ก็ใหญ่มาก แต่ตุลย์คิดถึงพ่อกับแม่ ถ้าพ่อกับแม่ได้มาอยู่กับเราก็ดีนะครับ” เสียงที่ตอบกลับมาครั้งแรกมีแววดีใจ แต่ต่อมาน้ำเสียงที่ผมได้ยินคือน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเศร้าหมอง ตาแดง ๆ ของหลานชายทำให้ผมอดปวดใจลึก ๆ ไม่ได้

                “พ่อกับแม่ของตุลย์ก็อยู่กับเราตลอดเวลานี่แหล่ะ อยู่ในใจเราสองคนเสมอนะตุลย์ พ่อกับแม่มองตุลย์จากบนฟ้า คอยยิ้มให้ตุลย์ที่เป็นเด็กดีของน้ากันต์ไงครับ” ยื่นมือไปลูบศรีษะหลานชาย แล้วเอื้อมมือไปโอบรอบไหล่น้อย ๆ ให้ซบลงกับอกของตัวเอง

                ตุลยากรร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดชายหนุ่มไว้แน่น  มือบางลูบหลังเด็กน้อยเป็นการปลอบใจ พร้อมกันนั้นก็ปลอบใจตัวเองไปด้วยว่าต่อไปนี้เราเหลือกันแค่สองคนแล้ว เขาตั้งปฏิธานในใจว่าจะเลี้ยงตุลยากรให้เติบโตอย่างดีที่สุด อะไรที่เขาจะทำให้หลานชายได้เขาจะพยายามทำ เพื่อไม่ให้ตุลยากรรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่

                ผ่านไปไม่นานเสียงร้องไห้ก็หยุดลง กันตพิชย์จึงยื่นผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดน้ำตา ให้ร่างน้อย ๆ พร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นให้หลานตัวน้อย แล้วลุกขึ้นจูงมือน้อย ๆ ของเจ้าตัวเล็กเข้าไปในบ้าน

                “หิวหรือยัง เดี๋ยวน้ากันต์พาไปทานข้าวเที่ยงดีไหม แต่น้ากันต์ก็ยังไม่รู้ว่าแถวบ้านใหม่ของเรามีร้านอาหารหรือเปล่า บางทีถ้าไม่มีอาจจะต้องไปห้างแถวนี้นะ” ผมบอกกับเจ้าเด็กอ้วนกลมข้างกาย

                “ครับ ตุลย์เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวเราออกไปทานข้าวข้างนอกกันก็ได้ครับน้ากันต์” เสียงออกมาจากปากเด็กชาย

                “ป่ะ งั้นเราไปกันดีกว่า เดี๋ยวน้ากันต์จะไปดูพนักงานขนย้ายก่อนนะว่าเขาเสร็จงานกันหรือยังถ้าเสร็จแล้วเราก็ไปทานข้าวกันได้” ผมเอ่ยปากแล้วเดินไปสอบถามพนักงานของบริษัทขนส่ง ว่าของที่อยู่บนรถคันใหญ่ที่จอดไว้หน้าบ้านขนลงเข้ามาในบ้านหมดแล้วหรือยัง เมื่อได้คำตอบว่าขนของทั้งหมดเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้วจึงขอบคุณพนักงานแล้วหันมามองบ้านใหม่ของตนเองกับหลานชาย

                บ้านหลังนี้จะเป็นบ้านที่เขาสองคนน้าหลานจะใช้ชีวิตหลังจากนี้ไปด้วยกัน  บ้านหลังเล็กแต่บริเวณกว้างขวางพอที่จะมีสนามหญ้าให้หลานชายได้วิ่งเล่น ออกกำลังกาย บ้านสีขาวไตล์โมเดิร์น ตกแต่งสวยงามปรากฏในสายตา 
หลังจากที่ผมได้ตัดสินใจสมัครงานในเมืองหลวงแทนที่จังหวัดที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิด ก็เพราะว่าผมได้สูญเสียพี่สาวกับพี่เขยไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 3 เดือนก่อน

                เมื่อจัดการงานทุกอย่างและขายบ้านที่ต่างจังหวัด  ผมได้สมัครงานไว้ทางอินเตอร์เน็ตในบริษัทแห่งหนึ่ง ทางนั้นได้ตอบรับผมเข้าทำงาน  ผมจึงต้องย้ายบ้านเข้ามายังกรุงเทพฯ  เมืองที่คิดว่าจะไม่ได้มาใช้ชีวิตอยู่หลังจากเรียนจบไปหลายปีเพราะเมื่อเรียนจบผมก็กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับพี่สาวที่เป็นญาติที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว เนื่องจากพ่อกับแม่เราเสียชีวิตไปนานแล้ว จากนั้นพี่สาวก็ทำงานเลี้ยงดูผมมาคนเดียว จนส่งเสียผมจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ผมก็ตัดสินใจกลับไปดูแลพี่สาวที่ต่างจังหวัด หลังจากผมรับปริญญาแล้วพี่สาวจึงตัดสินใจแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่รักกันมากว่า 5 ปี

                หนึ่งปีต่อมาผมก็ได้เป็นน้าของเด็กชายตัวอ้วนกลม  ใบหน้าน่ารักน่าชัง ผมช่วยพี่สาวกับพี่เขยทำร้านอาหารเล็ก ๆ ที่เป็นกิจการของครอบครัว แล้วดูแลหลานไปด้วย แต่แล้วเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของครอบครัวเราต้องเปลี่ยนแปลงไปก็คืออุบัติเหตุทางรถยนต์ พี่สาวกับพี่เขยได้จากของเราสองคนไปตลอดกาล

            ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเหมือนเป็นการตั้งสติและให้กำลังใจตัวเอง จากนี้ต้องเข้มแข็ง อ่อนแอไม่ได้เพราะต้องเป็นหลักให้ตุลย์ เงยหน้ามองฟ้ายิ้มให้คนสองคนที่รักยิ่งทำเหมือนกับว่าทั้งสองคนมองลงมายังข้างล่างเพื่อให้กำลังใจ  แล้วก็ออกก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านที่มีหลานชายนั่งรออยู่

                “เสร็จแล้วครับตุลย์ เราไปหาอะไรทานดีกว่าเนอะ” ว่าพลางเดินไปหยิบกุญแจรถที่วางไว้บนโต๊ะตัวหนึ่ง สายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ที่เต็มไปด้วยกล่องของมากมายที่ยังไม่ได้จัดเก็บก็ได้แต่ถอนหายใจสงสัยต้องใช้เวลาหลายวันในการจัดของเข้าบ้านแน่เลย

                เมื่อตุลยากรได้ยินเสียงชวนก็โดดลงจากโซฟาตัวใหญ่แล้ววิ่งไปขึ้นรถที่จอดไว้หน้าบ้าน ผมได้แต่หัวเราะแล้วเดินตามหลังไป   เรื่องกินเนี่ยเรื่องใหญ่ของหลายเขาเลยทีเดียว ก็ดูสิถ้าไม่ห่วงกินตัวคงไม่อ้วนกลมขนาดนี้หรอก สงสัยมาอยู่นี่ต้องให้ออกกำลังกายบ้างเสียแล้ว ไม่งั้นโรคอ้วนถามหาหลานชายเขาแน่

                ผมเดินไปเปิดประตูรถแล้วจัดการสตาร์ทรถพร้อมกับขับรถออกจากบ้านเพื่อไปหาอาหารเที่ยงที่เลยเวลามาค่อนข้างมากสำหรับสองน้าหลาน

               เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก ผมก็พาหลานชายเดินสำรวจร้านอาหารว่าเจ้าตัวอยากกินอะไร

                “ตุลย์อยากทานอะไรครับ  จะทานอาหารไทย หรือญี่ปุ่น” ผมถามความต้องการของเจ้าตัวอ้วน เพราะอย่างที่บอกไว้เรื่องกินเรื่องใหญ่ครับ

                “ตุลย์อยากทานไก่ผู้พัน กับไอศกรีมนะน้ากันต์” เสียงเด็กอ้วนตอบกลับ ซึ่งก็ทำให้ผมต้องมองหาร้านอาหารที่หลานชาย เมื่อเห็นร้านแล้วก็เดินจูงมือพาไปสั่งอาหารที่เจ้าตัวอยากทาน เจ้าตัวอ้วนไปถึงก็เกาะขอบเคาน์เตอร์สั่งไก่ทอดที่ชอบมาชุดนึง แต่อย่าคิดว่าจะสั่งชุดเล็กนะครับ เจ้าตัวชี้ไปสั่งชุดใหญ่เลยทีเดียว

                เมื่อสั่งของที่ต้องการแล้วพนักงานจัดอาหารที่สั่งเสร็จแล้วจึงพากันเดินมาหาโต๊ะที่ว่างเพื่อนั่งทานอาหาร ระหว่างนั้นผมก็คิดในใจว่าจะต้องซื้อของที่จำเป็นเข้าบ้านก่อน  แต่ยังไม่ต้องซื้อของสดเพราะว่าคงไม่มีแรงมาทำอาหารแน่นอน เนื่องจากบ้านยังจัดการไม่เรียบร้อยคงต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์แน่กว่าอะไรจะเข้าที่เข้าทาง  โรงเรียนก็ยังไม่เปิดคงมีตัวป่วนจอมจุ้นช่วยแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยให้ง่ายหรือช่วยให้ยุ่งกันแน่ผมก็ยังไม่แน่ใจ

      อิ่มจากไก่ทอดผู้พันกันแล้ว ผมก็จัดการจูงมือหลานชายลงมาที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่าง เพื่อซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันก่อน  มาถึงก็คว้ารถเข็น ไปตามทางเลือกของที่ต้องการใส่รถเข็น หันมามองอีกทีรถเข็นเต็มไปด้วยถุงขนมที่เจ้าอ้วนหยิบใส่ ผมมองหน้าอย่างเอือม ๆ เฮ้อถึงคราวต้องจับหลานชายลดน้ำหนักจริงจังเสียแล้ว

          ออกจากห้างสรรพสินค้าก็เย็นมากแล้ว ผมขับรถมาจอดหน้าบ้านแล้วเดินไปเปิดกระโปรงหลังหยิบถุงที่ใส่ของออกมาเพื่อเดินเข้าบ้านแต่ของเบาๆ อย่างขนมนั้น ให้ตุลย์รับผิดชอบหิ้วเองเพราะเจ้าตัวขันอาสาหิ้วถุงของโปรดไปเอง เข้าบ้านไปวางของไว้ที่โต๊ะทานอาหาร แล้วไล่หลานชายไปอาบน้ำเตรียมพักผ่อน แล้วค่อยมาเริ่มจัดของกันพรุ่งนี้แล้วกันวันนี้ต่างคนต่างเหนื่อยมากแล้ว




.......................TBC......................

สองน้าหลานเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว สู้ ๆ นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2016 16:17:44 โดย มารน้อย เจ้าสำนัก »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ง่า โล่งอกที่ไม่ใช่โชตะน้ากับหลานค่ะ เราชอบแนวพ่อสื่อค่ะ
น้ากับหลานน่ารักดีนะ
รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 2 เพื่อนบ้านใหม่

   เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นแต่เช้าเพื่อหาอะไรง่าย ๆ ไว้ทานกับหลานชาย ก่อนที่จะเริ่มลุยจัดเก็บข้าวของที่กองอยู่เต็มห้องไปหมด แค่เห็นก็เหมือนจะหมดแรงแล้ว  เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้าและเริ่มส่องแสงแรงกล้าตามแบบฉบับของดวงอาทิตย์ในเมืองไทย ผมจึงเดินขึ้นไปบนห้องนอนของเจ้าเด็กอ้วน เปิดประตูเข้าไปก็เจอกับก้อนผ้าห่มกอง ๆ อยู่บนที่นอน ด้วยความนึกอยากแกล้งหลานชาย จึงยื่นมือไปกระตุกปลายผ้าห่มเบา ๆ 

   แน่ะ มีม้วนตัวทับไว้ไม่ยอมปล่อยอีก ผมไม่ยอมแพ้ทีนี้กระตุกอย่างแรงจนก้อนกลม ๆ กลิ้งมาเกือบสุดเตียง เจ้าตัวลืมตามองเบลอ ๆ ทำหน้ายู่ใส่ มีการพองลมในปากด้วย

   “ไงตุลย์ยังไม่ตื่นอีกหรอครับ สายแล้วนะ” เมื่อเห็นว่าเด็กอ้วนเริ่มตื่นผมก็นั่งลงที่เตียงแล้วยื่นมือไปขยี้พุงน้อย ๆ ที่ตอนนี้เสื้อนอนที่ใส่อยู่เลิกขึ้นมาเห็นพุงกะทิแล้ว

   “อื้อออออออออ น้ากันต์ให้ตุลย์นอนอีกนิดไม่ได้หรอ ยังง่วงอยู่เลยอ่า” ตุลย์พูดทั้ง ๆ ที่ยังสลึมสลือไม่ตื่นเต็มตา หน้าขาว ๆ กลม ๆ ทำหน้าย่นใส่ผม

   “อ้าว จะนอนต่อเหรอ งั้นก็ตามใจนะเดี๋ยวน้ากันต์จะไปหาอะไรทานข้างล่างดีกว่า ชักจะหิวแล้วงั้นหมูน้อยของน้ากันต์ก็นอนให้สบายเลยนะครับ” ฮ่าๆๆๆ คิดหรอครับว่าถ้าพูดถึงของกินแล้วหลานชายผมจะเมิน นั่นไงตาใสขึ้นมาทันทีเลย

   “ตื่นแล้ว ๆๆ ตุลย์ไม่นอนต่อแล้วเดี๋ยวเราลงไปจัดของกันดีกว่าเนอะ วันนี้ต้องช่วยน้ากันต์นี่  ของมันเยอะเดี๋ยวน้ากันต์เหนื่อยแย่เลย” เจ้าเด็กอ้วนประจบออกมาทันที ถ้ามีหูคงได้เห็นว่าหูที่ลูบตกอยู่ตั้งขึ้นมาอย่างรวดเร็วทันทีที่ได้ยินว่ามีของกินล่ะ

   “งั้นก็ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดี๋ยวน้ากันต์ลงไปรอข้างล่างนะครับ” ผมลุกขึ้นเพื่อจะลงไปข้างล่างก่อนให้เจ้าตัวเขาทำธุระส่วนตัว ผมหัดให้น้องกันต์จัดการตัวเองทุกเช้าเกี่ยวกับเรื่องล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปโรงเรียนเองตั้งแต่น้องเริ่มโตแล้วครับ  อยากให้เขาหัดช่วยตัวเองให้เป็นตั้งแต่เล็ก ๆ อย่างน้อยเรื่องส่วนตัวก็ต้องจัดการเอง ตุลย์ก็หัดจนเดี๋ยวจนนี้ไม่ต้องคอยสอนอีกแล้ว ทำทุกอย่างเองเลย

   ตุลย์วิ่งเข้าห้องน้ำทันที ผมเลยช่วยพับผ้าห่มคลุมเตียงให้เรียบร้อย แล้วเดินลงไปที่โต๊ะทานอาหารข้างล่าง เช้านี้มีแค่ขนมปังที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเมื่อวานกับนม พร้อมซีเรียล เป็นอาหารเช้าที่ง่าย ๆ เพราะบ้านเรายังไม่พร้อมจะทำอาหารที่ยากกว่านี้

   นั่งรอไม่นานเสียงวิ่งก็ดังลงมาทางบันไดพร้อมร่างอันอ้วนกลมวิ่งดุ๊กดิ๊ก ๆมาที่โต๊ะอาหาร นั่งลงเรียบร้อย จัดการเทนมใส่ซีเรียลให้ตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มการทานอาหารโดยที่ไม่พูดกับผมสักคำเอากับเขาสิเห็นของกินดีกว่าน้าไปซะได้  ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับนอกจากก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่เหมือนกันกับของคนตรงหน้า

   ใช้เวลาไม่นานอาหารเช้าของเราสองน้าหลานก็หมดลง ผมจึงเดินเอาจานไปล้าง เสร็จแล้วจึงเดินมาที่บรรดากล่องหลายใบที่วางซ้อนกันอยู่ จากนั้นจึงจัดการยกเอากล่องข้างบนสุดลงมาเพื่อเริ่มต้นจัดการเก็บของให้เข้าที่โดยมีหลานชายช่วยด้วย

   นั่งเก็บของกันเกือบสามชั่วโมง ตุลย์ก็เริ่มจะเหนื่อยแล้ว เห็นนอนหงายหลังลงไปที่พรมหน้าทีวีเรียบร้อยคงเหนื่อยน่าดู ตอนแรกก็ไม่คิดนะครับว่าแรงงานจากเจ้าหลานตัวเล็กจะช่วยได้นึกว่าจะเอาแต่ป่วนเสียอีก

   “ตุลย์เหนื่อยแล้วเหรอ อะไรข้าวก็กินเยอะแรงงานที่ทำยังไม่พอค่าข้าวเลย” ผมแกล้งว่า เจ้าตัวเลยหันมาทำหน้าบูดใส่ผม ผมได้แต่หัวเราะแล้วพุ่งไปงับพุงน้อย ๆ เล่น มันนิ่มดีนะครับผิวลื่น ๆ พุงนิ่มๆ ฮ่าๆๆเจ้าตัวคงจั๊กจี้หัวเราะลั่นเลย หน้าตาแดงหมดแล้ว

   “ตุลย์ไม่เหนื่อยหรอกแค่พักแป๊บนึงเอง แค่นี้จิ๊บ ๆ เดี๋ยวช่วยเก็บหมดนี่เลยก็ยังไหว” นั่นมีท้ากลับมาอีก

   “แต่ว่าน้ากันต์เหนื่อยแล้วเราออกไปนั่งเล่นข้างนอกดีไหม อากาศวันนี้ไม่ร้อนมากด้วย” ผมเอ่ยชวนหลานชาย พร้อมกับยื่นมือไปฉุดร่างกลม ๆ ขึ้นมาจากท่านอน เจ้าตัวทำอิดออดแต่ก็ยอมลุกมาพร้อมกับผม

   ผมออกมาหน้าบ้านมองดูสวนบ้านตัวเองแล้วได้แต่คิดไว้ว่าคงต้องหาเวลาว่างไปซื้อต้นไม้มาปลูกเพิ่มอีกหน่อยเพื่อให้บ้านร่มรื่นขึ้นเพราะตอนนี้มองดูแล้วมีแต่สนามหญ้ากับต้นไม้ต้นเล็ก ๆ เท่านั้นที่ทางโครงการปลูกไว้ให้ ผมอยากให้บ้านมีต้นไม้ใหญ่เยอะๆ อ้อ ต้องทำบ่อปลาด้วยอีกสักบ่อ เลี้ยงปลาคราฟ ไว้ดูเล่นอีกด้วย

   ตุลย์เดินตามผมออกมานั่งที่เก้าอี้หน้าบ้าน ลมพัดเอื่อยๆ ทำให้เย็นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย มองสำรวจบ้านตัวเองแล้วสายตาเลยเผลอไปมองข้างบ้านอย่างอดไม่ได้ สงสัยจริง ๆ นะว่าบ้านหลังใหญ่ที่มีรั้วติดกันกับบ้านของเขาเนี่ย ใครเป็นเจ้าของ แล้วจะสร้างให้ใหญ่โตขนาดนี้ทำไม แต่นี่แหล่ะนะคนรวย สร้างบ้านใหญ่โตเพื่ออวดว่าตัวเองมั่งมี เป็นธรรมดาของคนเมืองหลวง

   บริเวณบ้านข้างเคียงก็กว้างเสียจนผมนึกไม่ออกว่ามีขนาดเท่าไรกันแน่ แต่ช่างสิไม่ใช่บ้านเรา บ้านเราหลังแค่นี้อยู่กันสองคนก็มีความสุขมากแล้วล่ะ

   “น้ากันต์บ้านหลังนั้นใหญ่จังเลยอ่ะ ตุลย์สงสัยว่ามีคนอยู่เยอะหรือเปล่า” ตุลย์นั่งมองบ้านหลังนั้นแล้วถามผมออกมา

   “จะอยากรู้ไปทำไม หลังใหญ่อย่างนั้นคนคงเยอะจนน่าปวดหัวละมั้ง แต่ดีจังเลยนะที่มีแต่ต้นไม้ต้นใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลย”

   “น้ากันต์ ๆ ดูสิมีใครนั่งอยู่ที่ซุ้มไม้ตรงนั้นด้วย” เสียงเรียกดังขึ้นข้างตัวค่อนข้างดังทำให้ผมหันไปมองตามที่มือป้อม ๆ ชี้ไปทางข้างบ้าน พร้อมกับร่างอ้วนรีบวิ่งไปตรงตำแหน่งที่เจ้าตัวเห็นว่ามีคนนั่งอยู่

   “เฮ้ย!!!!!!!!!! ตุลย์จะวิ่งไปไหน” ผมตกใจรีบวิ่งตามเจ้าตัวน้อยไปทันทีกลัวว่าจะไปสร้างความวุ่นวายให้คนข้างบ้าน แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าหลานชายยืนเกาะรั้วที่มีช่องว่างของลูกกรงเหล็กพลางเขย่ง เพื่อให้ตัวเองสูงขึ้นแล้วร้องเรียกร่างที่นั่งอยู่ในซุ้มใต้ต้นไม้ใหญ่

   “สวัสดีเราชื่อตุลย์ เพิ่งย้ายมาใหม่ นายชื่ออะไร” เสียงดังร้องเรียกพร้อมกับแนะนำตัวเองไปด้วยให้กับร่างที่นั่งอยู่นั่นฟัง

   ร่างที่ถูกทักหันกลับมาเป็นร่างของเด็กน้อยผิวขาว ตัวเล็ก ๆ ดูบอบบางกว่าเจ้าอ้วนของเขาเยอะ ตาโต ๆ จ้องมาที่หลานชายของเขาแล้วยิ้มน้อย ๆ ให้

   “เราชื่อฟ้า ยินดีที่ได้รู้จักตุลย์” ปากบางเอ่ยชื่อของเจ้าตัวออกมา แล้วหันมายกมือไหว้ผม ผมได้แต่รีบรับไหว้แล้วแนะนำตัวเองไปเช่นกัน

   “น้าชื่อน้ากันต์นะครับ เราเพิ่งย้ายมาได้สองวัน แล้วน้องฟ้ากำลังทำอะไรหรอกครับ ทำไมนั่งอยู่คนเดียวล่ะ คนอื่น ๆ ไปไหนกันหมด” ผมทักทายร่างเล็กนั้นไป แล้วถามในสิ่งที่สงสัยทันที เพราะเด็กยังเล็กอยู่เลยทำไมคนบ้านนี้ถึงปล่อยให้อยู่ตามลำพัง

   “ฟ้าออกมานั่งอ่านหนังสือครับ น้ากันต์ ส่วนพี่พลอย พี่เลี้ยงไปเอาของว่างครับเดี๋ยวก็มา”เสียงเล็ก ๆ ตอบกลับมาตอบข้อสงสัยของผม

   “แล้วน้องฟ้าอ่านอะไรครับ เรียนอยู่ชั้นไหนเหรอ”

   “อยู่อนุบาล  1 โรงเรียนนานาชาติฟรังซัวร์ครับ” อ่ะ เรียนโรงเรียนเดียวกับหลานชายของเขาเสียด้วย

   “ดีจังเลย นี่ตุลย์ก็เพิ่งย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเดียวกับน้องฟ้าเหมือนกัน ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ห้องเดียวกันก็ได้นะ เพราะน้องตุลย์ก็อนุบาล 1 เหมือนกัน” แต่ว่าการเกาะรั้วแล้วยืนคุยกันแบบนี้ก็ทำให้เมื่อยเหมือนกันนะเนี่ย

   ว่าแต่ว่าทำไมเจ้าอ้วนของเขาถึงได้เงียบอย่างนี้ล่ะ เห็นมาทักก่อนนึกว่าจะคุยจ้อเหมือนทุกทีเสียอีกนึกแล้วเลยหันไปมองหลานตัวเองที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อ้าว ๆ ทำไมจ้องน้องฟ้าตาไม่กระพริบอย่างนั้นล่ะตุลย์แถมยังอ้าปากทำตาโต แล้วทำท่าทางแบบนี้นานหรือยังเนี่ย

   “ตุลย์ครับ เป็นอะไรไปไม่คุยกับน้องฟ้าแล้วเหรอ เงียบทำไมล่ะ ทีตอนนั้นวิ่งหน้าเริ่ดมาเชียว เรียกไว้ก็ไม่หยุด” ผมหันไปถามเจ้าอ้วนกลมข้าง ๆ ตัว พอร่างอ้วนได้ยินก็หันมาทำหน้าแดงใส่ผม อ้าวแล้วจะหน้าแดงไปทำไมล่ะ พิลึกคน จะว่าร้อนก็ไม่ร้อนเท่าไรนะแล้วทำไมหลานชายเขาทำท่าทางประหลาด ๆ ปากจะพูดอะไรก็ไม่พูด อ้า ๆ หุบ ๆ อยู่นั่นแหล่ะ

   “เอ่อ ๆ น้ากันต์ ตุลย์ อ่า ตุลย์อยากเห็นหน้าฟ้าชัด ๆ ครับ” เสียงที่ดังออกมาจากปากหลานชายพร้อมกับนิ้วป้อม ๆ จิ้มกันไปมายืนบิดตัวเหมือนปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำยังไงยังงั้นเลย เกิดอะไรขึ้นกับเด็กชายที่ร้อยวันพันปีไม่เคยมีอาการอึกอักแบบนี้มาก่อนเลย

   “ห๊า!! อะไรนะ อยากเห็นชัด ๆ” ผมตกใจหันไปดูหน้าหลานตัวเองอีกรอบ ตอนนี้จ้องเลยครับ อย่าบอกนะว่าหลานชายผมอายกับแค่การทำความรู้จักเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อายุเท่าตัวเอง แต่จะว่าไปน้องฟ้าก็หน้าตาน่ารักนะครับ ปากนิดจมูกหน่อย ผิวขาว ๆ แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อจากความร้อนทำให้น่ามองเข้าไปใหญ่ แถมรอยยิ้มน่ารักน่าหยิกนั่นอีก อาจจะทำให้หลานผมมีอาการแปลก ๆ ได้เหมือนกันล่ะมั้ง

   อยากจะหัวเราะแต่ก็กลัวว่าตุลย์จะงอนเอาได้เลยย่อตัวลงไปอุ้มเอาร่างอ้วน ๆ ให้มาใกล้ ๆ ตำแหน่งที่น้องฟ้านั่งอยู่  น้องฟ้าเห็นว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ตัวเองก็ยิ้มหวานให้หนึ่งที ทำเอาเจ้าอ้วนของผมหน้าแดง หูแดงไปเลยทีเดียว แต่ว่าเขินขนาดนี้เด็กอ้วนของผมจะรู้มั้ยว่าน้องฟ้าเป็นเด็กผู้ชายนะไม่ใช่เด็กผู้หญิง

   เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับร่างของหญิงสาวอายุราว 17-18 ปีคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมถาดขนมกับเครื่องดื่ม
   “น้ากันต์ครับนี่พี่พลอย พี่เลี้ยงฟ้าเอง พี่พลอย นี่น้ากันต์ เพิ่งย้ายมาอยู่บ้านข้าง ๆ เรา”เสียงเล็ก ๆ แนะนำให้รู้จักกับพี่เลี้ยงขอตนเอง  เด็กพลอยยกมือไหว้ผม ผมจึงต้องรับมือไหว้พร้อมส่งรอยยิ้มไปให้ด้วย

   “งั้นน้ากันต์ไม่กวนน้องฟ้าแล้วนะครับ เพราะเราต้องไปจัดบ้านกันต่อเนี่ยยังไม่เสร็จเลย แต่แอบมาอู้สักหน่อย เดี๋ยววันหลังน้ากันต์จัดบ้านเสร็จจะมาชวนไปเที่ยวที่บ้านนะครับ” ผมบอกแล้วโบกมือลาน้องฟ้ากับพลอย หันไปเรียกตุลย์ให้เดินตามกลับเข้าบ้านไปทำงานต่อ หลานชายผมก็ได้แต่ยกมือโบกลาเพื่อนบ้านตัวน้อยน่ารัก พร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้

   เออ เนอะ หลานผมท่าจะเป็นเอามาก เดี๋ยวค่อยถามดีกว่าว่ารู้หรือเปล่าว่าน้องฟ้าเป็นเด็กผู้ชาย...


***********************************************************

มาลงให้อีกตอนค่ะ นิยายเรื่องนี้เราตั้งใจว่าจะไม่หวือหวาอ่ะ รู้สึกเหมือนว่าความรักมันต้องค่อยเป็นค่อยไป

ใครอ่านแล้วยังไงบอกกเราได้นะคะ เราอยากรู้ฟีดแบคเหมือนกัน ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ง่า โล่งอกที่ไม่ใช่โชตะน้ากับหลานค่ะ เราชอบแนวพ่อสื่อค่ะ
น้ากับหลานน่ารักดีนะ
รอติดตามนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ  คือเราก็ไม่ถนัดเขียนเท่าไร เรื่องนี้จึงอยากจะเขียนให้จบ ให้เป็นเรื่องราวที่น่ารัก อมยิ้มตามไปด้วย

แต่ไม่รู้ว่าจะถูกใจคนอ่านหรือเปล่านะ แต่ขอฝากไว้ด้วยนะคะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :impress2:   :man1:  น้องฟ้า  น่าร้ากกก

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 3 งานใหม่

   วันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรกของงานใหม่ ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งไม่รู้ว่าดวงเขาดีหรืออย่างไร เพราะก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับการตอบรับให้ทำงานในตำแหน่งนี้ แถมยังเป็นบริษัทที่ไม่ได้หวังเอาไว้ด้วย แต่ก็ถือว่าต้องยินดีในงานนี้ ผมต้องตื่นแต่เช้าในวันนี้เพราะต้องเตรียมตัวแล้วยังเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของตุลย์อีกด้วย จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อแต่งตัวเสร็จจึงเดินไปปลุกหลานชายให้ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว ส่วนตัวผมก็ลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้าสำหรับเราสองคน

   เมื่อได้ยินเสียงเดินลงบันไดมาจากข้างบนแล้วตามมาด้วยร่างอ้วนกลม สะพายกระเป๋าใบโตสำหรับใส่อุปกรณ์การเรียนมาวางไว้ที่เก้าอี้ข้าง ๆ แล้วพาร่างเกินความอวบนิด ๆ นั่งลงใช้ช้อนตักข้าวต้มที่ผมทำไว้ให้เข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ผมก็มองดูหลานชายทานข้าวเช้าไปพลางตักข้าวต้มใส่ปากตัวเองไปพลาง นี่ผมเลี้ยงหลานให้เห็นความสำคัญของอาหารขนาดนี้เลยเหรอ ไม่คิดจะทักทายอรุณสวัสดิ์ยามเช้ากันสักคำ เห็นของกินทำเมินผมได้อีก

   เมื่อข้าวต้มหมดถ้วย ตุลย์ยกแก้วนมขึ้นดื่มพลางลูบพุงน้อย ๆ ของตนเองแล้วหันมามองหน้าผมพลางยิ้มตาหยีแล้วยกมือไหว้ผม เพิ่งนึกออกรึไอ้อ้วน    

   “อรุณสวัสดิ์ครับน้ากันต์” คำทักทายยามเช้าหลุดออกมาจากปากเล็ก ๆ นั่น

   “เพิ่งนึกออกเหรอตุลย์ ว่าต้องทักกันก่อน น้ากันต์นึกว่าตุลย์จะลืมน้ากันต์เสียแล้ว เห็นถ้วยข้าวต้มดีกว่าแน่เลย มาถึงก็ก้มหน้าก้มตาทานใหญ่เลยนะ”

   “แหมใครจะไปลืมน้ากันต์ได้ละครับ ตุลย์แค่อยากทานให้เสร็จแล้วค่อยคุยกันทีเดียวเท่านั้นเอง ไม่อยากทานไปคุยไปมันไม่ดีนี่นา” โห หลานชายมารยาทดีมากขอบอกเลย ใครสอนวะเนี่ย

   “วันนี้เปิดเรียนวันแรก ตุลย์ตั้งใจเรียนนะ แล้วเลิกเรียนรอน้ากันต์อยู่ที่โรงเรียนอย่าไปเล่นไหนไกล กว่าน้ากันต์จะเลิกงานตั้ง 5 โมงเย็น แล้วถ้าหิวก็ทานขนมรองท้องรอน้ากันต์ไปก่อนเพราะกว่าจะได้ทานข้าวเย็นคงค่ำแล้วเดี๋ยวตุลย์จะหิว รู้ไหมครับ” ผมบอกหลานชายอย่างค่อนข้างกังวลนิดนึงเพราะงานที่ทำงานใหม่นี้เลิกงานเวลา 5 โมงเย็น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เวลาหลานเลิกเรียนผมก็ไปรับได้ทันที แต่ต่างจากตอนนี้ซึ่งตุลย์ต้องใช้เวลารอนานกว่าที่ผมจะไปรับกลับ

   “ครับ น้ากันต์ไม่ต้องห่วงตุลย์อยู่ได้ ตุลย์โตแล้วน่า” จ๊ะ พ่อคนโตแล้ว โตมาก โตจนตัวจะระเบิดอยู่แล้วมั้งเนี่ย

   “งั้นไปกันเลย ขึ้นรถได้ เดี๋ยวสายตั้งแต่วันแรกทั้งน้าทั้งหลาน”

   “Let’s go น้ากันต์ ลา ลา ลา ลัน ลา ลา ลา” โฮ๊ะ ไอ้อ้วนอารมณ์ดีฮัมเพลงด้วย

   ผมขับรถออกจากบ้านและใช้เวลาไม่นานนักเพราะโรงเรียนอยู่ใกล้หมู่บ้าน  มาถึงหน้าโรงเรียนก็วนหาที่จอดรถ มองไปทางไหนก็มีแต่รถหรูทั้งนั้น ผิดกับรถญี่ปุ่นคันเล็กของตัวเองแต่ช่างสิใครสนล่ะ ได้ที่จอดรถแล้วจึงเปิดประตูลงมา อีกด้านไอ้อ้วนของผมก็ตะโดดตุ๊บลงมาพร้อมปิดประตู  ผมเดินอ้อมไปหาจูงมือแล้วเดินไปทางห้องเรียนของเด็กอนุบาล1
 
   เด็กนักเรียนตัวเล็ก ๆ มากมาย ทั้งชาวไทยและมีเด็กต่างชาติอยู่เยอะพอ ๆ กัน ผมเดินตามผู้ปกครองที่มาส่งลูกหลานหลายคนไปตามทาง เมื่อมาถึงตึกที่เป็นห้องเรียนของเด็กอนุบาล มีครูพี่เลี้ยงยืนอยู่หน้าห้องรอรับนักเรียน  ให้เด็กที่มาข้างหน้าเข้าไปก่อน พอถึงคิวเราผมก็หันไปทักทายครูพี่เลี้ยงของหลานชาย ดูเป็นครูที่ใจดีอยู่เหมือนกัน

   “สวัสดีครับ ผมชื่อกันต์ ตั้งแต่นี้ขอฝากตุลย์ด้วยนะครับ ซนมาก็ดุได้เลยตามสบาย แต่ตอนเย็นผมคงมารับได้ประมาณ  6 โมงเย็นเพราะกว่าจะเลิกงานก็เย็นมากแล้ว” ผมยิ้มให้แล้วบอกว่าจะมารับตุลย์เลยเวลาเลิกเรียนของนักเรียนไปนานโขทีเดียว

   “สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อครูนัทค่ะ เป็นครูพี่เลี้ยงของน้องตุลย์ เรื่องเวลาเลิกเรียนไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เพราะว่ามีผู้ปกครองหลายท่านเป็นแบบนี้เหมือนกัน ทางโรงเรียนเรามีห้องรับรอง ไว้เพื่อให้เด็กที่ผู้ปกครองมารับช้ารออยู่แล้วค่ะ มีของว่างไว้ให้ทานรองท้องด้วย สบายใจได้เลยค่ะ” ครูพี่เลี้ยงยิ้มให้อย่างยินดี

   นี่แหล่ะข้อดีของโรงเรียนราคาแพง บริการทุกระดับประทับใจจริง ๆ  น้ำตาแทบร่วงตอนจ่ายเงินค่าเทอม แต่เพื่อแลกกับคุณภาพในหลาย ๆ เรื่อง ผมยอม

   “น้ากันต์ไปนะตุลย์ อย่าดื้อ อย่าซน ตั้งใจเรียนอย่าแกล้งเพื่อน เข้าใจไหม” ผมสั่งไอ้อ้วนของผม ร่างกลมป้อม โบกมืออันอวบอูมให้ผม พร้อมยิ้มตาหยีให้

   “ครับน้ากันต์ไม่ต้องห่วงน่า ตุลย์ไม่ดื้อไม่ซนหรอก วางใจได้” ตบอกตัวเองแปะ ๆ อย่างให้คำสัญญา เอ่อ เชื่อได้ไหมนะไอ้อ้วนว่าจะไม่ซน แต่คิดในทางดี เด็กซนคือเด็กฉลาด ใช่ไหมนะ?

   ผมเดินกลับไปยังที่ที่จอดรถเพื่อที่จะไปทำงาน แต่แล้วก็เดินสวนกับเด็กน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง นั่นคือน้องฟ้า น้องฟ้าเดินมาโดยการจูงของผู้ชายร่างสูงคนหนึ่ง เมื่อเดินเข้ามาใกล้ ๆ ผมก็ยิ้มให้น้องฟ้า

   “สวัสดีครับน้องฟ้า จำน้ากันต์ได้ไหมครับ”

   “สวัสดีครับน้ากันต์ ฟ้าจำได้” น้องฟ้ายิ้มให้ผมพร้อมกับสวัสดี แต่ผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ หันมามองผมด้วยสายตาเขม็ง อ้าวพ่อคุณ!!!! จะจ้องทำไมมิทราบ ตาดุขนาดนี้กลัวแล้วครับ ตัวก็โต ตาก็ดุ หน้าก็คมเข้ม อย่าบอกนะว่าเป็นพ่อน้องฟ้า ผมไม่เชื่อไม่เห็นเหมือนกันตรงไหน เป็นความผิดพลาดทางดีเอ็นเอย่างแรง

   “คุณพ่อครับ นี่น้ากันต์ ที่อยู่ข้างบ้านเรา น้ากันต์นี่พ่อฟ้าครับ” เสียงเล็ก ๆ แนะนำผมกับร่างสูงแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยินดีที่ได้รู้จักผมเท่าไรนะ

   “สวัสดีครับ แต่ผมขอตัวก่อนนะพอดีมีธุระต้องรีบไป” เสียงเข้มตอบกลับมาอย่างห้วนๆ

   “เอ่อ... ครับ เชิญตามสบาย” ง่ะ ไอ้ผมจะไปยื้อไว้เพื่ออะไรล่ะครับคนเขาไม่อยากรู้จักเราสักหน่อย เหอะ ดูท่าแล้วไม่มีคนคบหรือยังไง หน้าตาบอกบุญไม่รับแบบนี้ 

   ผมเดินมาที่รถปลดล็อคแล้วขับออกไปยังบริษัทที่ผมต้องฝากชีวิตไว้ต่อจากนี้  เฮ้อสภาพท้องถนนเมืองกรุง รถติดอย่างนี้ไงเล่าผมถึงไม่อยากมาอยู่ น่าเบื่อ อากาศก็ไม่ดี รถก็มาก ระยะทางไม่ไกลแต่เสียเวลาเกือบชั่วโมงแบบ

   โภคิน เรียลเอสเตรท กรุ๊ป เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินกิจการก่อสร้าง ทั้งคอนโดมิเนียม หมู่บ้านจัดสรร โรงแรม และยังมีบริษัทในเครืออีกมากมาย ซึ่งหมายความว่าครอบคลุมเกือบทุกสินค้าและบริการด้านการก่อสร้างเลยทีเดียว

   ผมมาถึงตึกที่สูงกว่า 50 ชั้น ซึ่งเป็นอาคารที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ โภคิน เรียลเอสเตรท กรุ๊ป ทั้งตึกคืออาคารที่รวมทุกบริษัทในเครือให้อยู่ที่เดียวกันทั้งหมด เพื่อการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ แทบไม่น่าเชื่อว่าผมสามารถผ่านเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการของประธานบริหารได้

   เมื่อได้ที่จอดรถแล้วผมเดินเข้าตึกมาโดยกดลิฟท์มาที่ชั้นล่างสุดเพื่อถามประชาสัมพันธ์ว่าแผนกบุคคลอยู่ชั้นไหน

   “สวัสดีครับ ผมเป็นพนักงานใหม่มาทำงานวันแรก ไม่ทราบว่าแผนกบุคคลอยู่ชั้นไหนครับ” ด่านแรกคือการยิ้มให้สาวสวยทั้งสองคนที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์นี่แหล่ะครับหนึ่งในสองสาวเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมรอยยิ้มหวานแสนสุภาพ

   “อยู่ชั้น 20 ค่ะ ใช้ลิฟท์ตัวกลางทางซ้ายมือได้เลยนะคะ ลิฟท์ตัวนี้ไปถึงชั้น 30 ค่ะ”

   “ขอบคุณมากครับ” ผมตอบรับแล้วยิ้มให้อีกครั้ง แหมบริษัทนี้เขาคัดหน้าตาดีจัง แค่ก้าวเท้าเข้ามาด่านแรกที่เจอก็สาวสวยทั้งนั้นครับ ดูแล้วช่างน่าทำงานที่นี่จริง ๆ ผมเดินมาตามทางที่สาวสวยประชาสัมพันธ์บอก สังเกตเห็นว่าลิฟท์ที่นี่มีสามโซนครับ โซนแรกตั้งแต่ชั้น 1-30 โซนที่สองเป็นของชั้น 31-45 ส่วนชั้น 46 -50 คงเป็นลิฟท์ของผู้บริหารระดับสูงครับ เพราะดูจากการที่พนักงานส่วนมากมารอลิฟท์โซนแรกกันเยอะ

   ผมก็เดินมาต่อแถวเพื่อรอจะเข้าลิฟท์ไปเหมือนพนักงานคนอื่น พอถึงคิวผมก็แทรกตัวเข้าไปท่ามกลางเหล่าพนักงานมากมาย จะหันไปมองรอบ ๆ มาก็ไม่ได้เพราะช่วงเช้าลิฟท์ค่อนข้างแน่น เกรงใจผู้โดยสารคนอื่นเลยได้แต่ยืนนิ่ง

   ลิฟท์จอดที่ชั้น 20 ประตูเปิดผมเดินออกมาตามทางด้านหน้าเป็นป้ายบ่งบอกแผนก มีประตูกระจกบานใหญ่อยู่ด้านหน้า ผมผลักประตูเข้าไปเจอพนักงานนั่งอยู่เคาน์เตอร์เล็ก ๆ แจ้งความจำนงค์ไปว่าเป็นพนักงานใหม่เพิ่งมาทำงาน 

   “เดี๋ยวนั่งรอสักครู่นะคะ ผู้จัดการเพิ่งมาถึงจะเข้าไปแจ้งให้ทราบก่อน” เธอบอกพร้อมรอยยิ้ม พนักงานที่นี่ขยันยิ้มกัน  สงสัยนโยบายการบริหารของที่นี่คงดีมาก น่าชมเชยผู้บริหารจริง ๆ ที่สามารถทำให้พนักงานทุกคนมีจิตเข้าถึงการบริการ

   ผมนั่งรอโดยการหยิบนิตยสารทางการก่อสร้างมาพลิก ๆ ดู หนังสือที่วางไว้ให้อ่านก็มีแต่หนังสือเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ การลงทุน การบริหาร ทั้งนั้น ทำไมที่นี่เขาไม่มีหนังสือที่มันเบาสมองไว้อ่านเล่นเลยหรือไงนะ นั่งอยู่15 นาทีพนักงานคนเดิมก็เดินมาบอกให้ผมเข้าไปพบกับผู้จัดการแผนกบุคคลได้แล้ว ผมเดินตามเข้าไปยังด้านในสุดที่มีห้องส่วนตัวตั้งอยู่ ผลักประตูกระจกเข้าไปเจอกับผู้หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่พร้อมแฟ้มต่าง ๆ มากมาย

   “สวัสดีครับ ผมชื่อกันตพิชย์ เชาวกรกุล พนังงานใหม่ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการครับ” ผมเอ่ยแนะนำตัวพร้อมยกมือไหว้หญิงสาวตรงหน้า

   “สวัสดีค่ะ พี่ชื่อ จิราวรรณ เรียกว่าพี่จิ๊บได้ค่ะ คุณกันตพิชย์ ไม่เคยทำงานตำแหน่งนี้มาก่อนใช่ไหมคะ จริง ๆ มันไม่ยากหรอกนะเป็นผู้ช่วนเลขาอีกที ก็ทำตาที่เลขาของท่านประธานสั่งมาแหล่ะ เดี๋ยวพี่จะให้คนพาไปพบพับเลขาท่านประธานนะ ค่อยคุยรายละเอียดงานกันเองแล้วกัน” ผู้จัดการแผนกบุคคลที่ชื่อพี่จิ๊บบอกคร่าว ๆ

   “พี่จิ๊บเรียกผมว่ากันต์ก็ได้ครับ ตั้งแต่เรียนจบผมยังไม่เคยทำงานมาก่อนเพราะช่วยกิจการทางบ้านแต่มีปัญหาทางครอบครัวนิดหน่อยเลยต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯจึงต้องหางานทำครับ”ผมบอกเรื่องที่ตัวเองไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อนเลย

   “กฏของเราที่นี่ไม่มีอะไรมาก ก็เหมือน ๆ กับบริษัทอื่น ๆ นั่นแหล่ะเพียงแต่ที่นี่ท่านประธานออกจะเคร่งเรื่องความมีระเบียบ มารยาท เท่านั้นเองเดี๋ยวอยู่ไปก็รู้เอง” พี่จิ๊บหันไปกดอินเตอร์โฟนเรียกผู้ช่วยคนหนึ่งให้เข้ามาใสห้องเพื่อพาผมไปยังชั้นที่ต้องทำงาน

   “เดี๋ยวกันต์ตามน้องเขาไปเลยนะ ไปพบคุณนริศรา เลขาท่านประธานแล้วทุกอย่างเธอจะเป็นคนเทรนงานให้น้องกันต์เอง โชคดีนะคะ ทำงานอย่างมีความสุขนะ” เสียงสุดท้ายคือคำอวยพรให้เขาพร้อมรอยยิ้ม

   ผมเดินตามน้องพนักงานมาอย่างเงียบ ๆ เธอพามาที่ลิฟท์อีกตัวเพื่อขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของตึกนี้ที่ซึ่งผมต้องทำงานที่นั่น ลิฟท์เปิดออกที่ชั้น 50 เดินออกมาเลี้ยวขวาพบกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่วางเป็นตัวแอล ด้านข้าง ๆ กัน มีโต๊ะอีกตัวตั้งอยู่ มีผู้หญิงผิวขาวรูปร่างอวบ นั่งทำงานอยู่

   เธอเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเดินเข้าไปหา พร้อมขมวดคิ้วมองมาทางผม น้องพนักงานยกมือไหว้แล้วแนะนำผมให้เธอรู้จัก

   “สวัสดีค่ะพี่นริศ นี่ผู้ช่วยคนใหม่ของพี่นริศค่ะ พี่จิ๊บให้พามาค่ะ งั้นหนูไปก่อนนะคะ มานานไม่ได้เดี๋ยวพี่จิ๊บองค์ลง” พูดรวดเดียวแล้วหันหลังทิ้งผมไปเลย คงรีบเนอะ

   “สวัสดีครับ กันตพิชย์ครับ เรียกผมว่ากันต์ก็ได้ครับ ผมเพิ่งทำงานที่แรกฝากตัวด้วยนะครับมีอะไรบอกสอนผมได้” ผมเอ่ยแนะนำตัวเองเป็นรอบที่สองของวันให้กับหญิงสาวผู้ซึ่งจะมาเป็นหัวหน้างานผม

   “สวัสดีค่ะ พี่ชื่อนริศรา เรียกพี่นริศ กันต์มาพอดีเลยเพราะผู้ช่วยคนเก่าของพี่ลาออกไปแต่งงานแล้วย้ายตามสามีไปต่างประเทศ พี่หาคนช่วยงานไม่ได้เลยส่งใครมาก็อยู่ไม่นาน ไม่รู้กลัวอะไรกันหนักนา” เสียงเล็ก ๆ บ่นกลับมาทำให้ผมรู้สึกข้องใจอยู่บ้างแต่ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร

   “กันต์จบอะไรมาแต่ไม่เป็นไรหรอก งานที่กันต์ต้องรับผิดชอบส่วนมาก็คือการช่วยงานเอกสารพี่ พวกงานพิมพ์ งานแปล ไม่ยาก แต่เพิ่มมาอีกอย่างหนึ่งคือบางครั้งถ้าท่านประธานไปข้างนอก บางที่อาจจะต้องมีคนตามไปกับท่านด้วย ซึ่งนั่นก็คือกันต์นะจ๊ะ”

   “เอ่อ ...ครับ” ผมเริ่มคิดหนักล่ะ ตอนมาสมัครไม่เห็นบอกว่าต้องออกไปข้างนอกนี่หว่า ถ้ากลับมาไม่ทันไปรับไอ้อ้วนที่โรงเรียนทำไงดีอ่ะ

   “พี่นริศครับ ถ้าต้องออกไปข้างนอกแล้วกลับดึกมากไหมครับ” ผมลองถามออกไปอย่างเกรงใจ

   “อืม ก็ไม่บ่อยนะที่ต้องออกไปเพราะท่านประธานก็ไม่ชอบให้ใครเดินตามท่านเหมือนกัน ท่านเป็นคนที่ค่อนข้างมีระเบียบ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ท่านก็ต้องพาผู้ช่วยไปด้วยซึ่งก็ไม่น่าจะดึกแต่ถ้าดึกท่านจะบอกล่วงหน้า อย่างการไปต่างจังหวัดทำนองนี้”
เอาล่ะสิ มีงานต่างจังหวัดด้วย เอาไงดีหว่า เริ่มคิดหนักล่ะแต่เงินดีนี่นา ลองทำไปก่อนละกันเมื่อคิดได้ยิ้มรับคำตอบของพี่นริศ

“เดี๋ยวกันต์นั่งโต๊ะนี้ได้เลยนะ วันนี้ท่านประธานยังไม่เข้ามา เริ่มงานง่าย ๆ ก่อนแล้วกัน กันต์ช่วยเอาเอกสารแฟ้มนี้ไปเรียงตามหมวดหมู่และวันที่หน่อยนะ พี่ค้างไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วล่ะ ไม่มีเวลาทำเลย กันต์มาได้จังหวะพอดีจ๊ะ”

“ครับ แล้วพี่นริศรีบไหม”

“ไม่รีบหรอก ทำไปเรื่อย ๆ ถ้ามีงานรีบเดี๋ยวพี่แทรกงานให้กันต์เอง” หญิงสาวตอบก่อนแล้วหันไปจัดการงานของตัวเองบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ต่อ ส่วนผมก็เดินไปรับเอกสารมาทำงานตามที่ได้รับมอบหมายงานแรกในบริษัทเริ่มขึ้นแล้ว


ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ท่านประธานพ่อน้องฟ้าแน่ๆๆๆ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ไม่น่าจะใช่คนอื่นคนไกลนะ

อยากไปนั่งเล่นบ้านน้องฟ้า ช่วยงานบ้านได้ทุกอย่างค่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 4 ท่านประธาน

   นั่งทำงานไปจนไม่ได้ดูเวลาผ่านไปได้สองชั่วโมงก็มีเสียงประตูลิฟท์เปิดออกมาพร้อมเสียงรองเท้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะหนักแน่นเดินมาทางนี้ ผมจึงได้แต่เงยหน้ามองผู้มาใหม่พร้อมกับร่างตัวเองสะดุ้งนิดหน่อย ก็ผมได้เห็นมาแล้วเมื่อเช้านี่นาว่าผู้ชายคนนี้คือพ่อของน้องฟ้า เพื่อนบ้านเขานั่นเอง  ร่างสูงในชุดสูทสีดำ ใบหน้าคมเข้ม เคร่งเครียด พอเดินมาถึงโต๊ะผมก็ชำเลืองมองลงมานิดนึงแล้วเดินผ่านไปเข้าห้องทำงานส่วนตัว

   พี่นริศยกหูโทรศัพท์ภายในไปสั่งกาแฟกับแม่บ้านในแคนทีนเล็ก ๆ สักครู่ก็มีป้าแม่บ้านเดินออกมาพร้อมถาดใส่กาแฟกับแก้วน้ำเปล่า เดินไปทางห้องท่านประธาน

   ผมที่ได้แต่มองร่างสูงนั้นหายไปในห้องทำงานได้แต่คิดว่าทำไมโลกมันกลมนักวะ ถึงได้ต้องมาให้ทำงานกับคนหน้าตึงแบบนี้ได้ ใครเป็นคนออกนโยบายให้เป็นบริษัทน่าอยู่กันเน้อ พนักงานบริษัทนี้ก็ดูยิ้มแย้มกันดีแต่ทำไมท่านประธานหน้าตาถึงได้หาความเป็นมิตรสักเสี้ยวนึงก็ไม่มี แต่เมื่อกี้ร่างสูงคงจำเขาไม่ได้หรอกมั้ง คิดเข้าข้างตัวเองก่อนล่ะกันก็เมื่อเช้าไม่ได้เจอกันนานสักหน่อย

   “เดี๋ยวกันต์เข้าไปพบท่านประธานกับพี่หน่อยนะ ไปแนะนำให้ท่านรู้จักก่อนแล้วค่อยออกมาทำงานใหม่” นริศราว่าพลางลุกขึ้นก่อนเดินนำผมตรงไปยังประตูไม้สักบานใหญ่ พร้อมกับเคาะเบา ๆ สองสามครั้งเพื่อเป็นการขออนุญาตเมื่อได้ยินเสียงจากเจ้าของห้องก็ผลักประตูเข้าไปเดินไปหยุดที่หน้าโต๊ะตัวใหญ่ที่มีร่างของท่านประธานนั่งอยู่ข้างหลัง

   “ท่านประธานคะ นี่กันตพิชย์ ผู้ช่วยคนใหม่ของนริศ” เสียงหญิงสาวแนะนำ

   “สวัสดีครับ กันตพิชย์ครับ” ผมเลือกที่จะแนะนำตัวเองสั้น ๆ เดี๋ยวพูดอะไรไม่ถูกหูจะไม่ดี

   ตาคมเข้ม มองสบตาผมแล้วแค่พยักหน้ารับเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ผมจึงได้แต่ลอบมองท่านประธาน เขาเป็นผู้ชายร่างสูงน่าจะสูง 190 กว่าเซ็นติเมตร ไหล่กว้าง ใบหน้าคมเรียว คิ้วเข้ม ตาดุเหมือนเหยี่ยว ทรงผมซอยสั้นธรรมดาแต่เปิดหน้าขึ้นไปทำให้เห็นหน้าผากกว้างดูเป็นผู้ชายที่หล่อมากทีเดียว เฮ้ยแล้วผมจะไปแอบมองท่านประธานทำไมเนี่ย นริศราหันหลังกลับเพื่อไปทำงานต่อเพราะไม่มีคำสั่งอื่นใดอีก ผมเลยต้องเดินตามไปด้วย

   มองดูนาฬิกาเที่ยงแล้วได้เวลาอาหารกลางวันล่ะ พี่นริศชวนผมไปทานข้าวที่แคนทีนพนักงาน  ผมหยิบกระเป๋าสตางค์โทรศัพท์มือถือแล้วลุกขึ้นเดินตามหญิงสาวเพื่อลงไปทานข้าว พี่นริศเล่าว่าที่นี่มีแคนทีนสำหรับพนักงานอยู่ 3 ชั้น เพื่อไม่ให้แออัดมากเกินไป แต่ถ้าใครจะไปทานข้างนอกก็ได้ แต่ข้างในนี่สะดวก สะอาด อร่อย แถมราคาถูกดีด้วย พนักงานส่วนมากเลยทานกันที่นี่

   เสร็จจากมื้อเที่ยงก็ถึงเวลาเริ่มงานตอนบ่ายแล้ว ช่วงบ่ายพี่นริศให้ผมถือแฟ้มเอกสารจากแผนกต่าง ๆไปให้ท่านประธานเซ็นต์อนุมัติ ผมมองแล้วก็อึ้งกับจำนวนของมันจะเยอะไปไหน ผมจัดการเรียงแฟ้มใส่อ้อมแขนตัวเอง เดินไปทางประตูบานใหญ่ที่เมื่อเช้าได้เข้าไปแล้วครั้งนึง เอื้อมมืออีกข้างไปเคาะอย่างทะลุกทุเล เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตของคนข้างใน ผมก็ผลักประตูบานใหญ่ซึ่งหนักมากเข้าไป

   เดินไปก้มศรีษะให้ร่างสูงแล้วบรรจงวางแฟ้มในอ้อมแขนตนลงไปบนโต๊ะตัวใหญ่ทีละแฟ้มอย่างระมัดระวัง แต่อนิจจา คุณก็รู้กันใช่ไหมว่าแฟ้มบางเล่มมันลื่น ด้วยการเรียงมาด้วยอัตราเต็มอ้อมแขนมันก็มีแฟ้มเล่มหนึ่ง ค่อย ๆ เลื่อนหลุดจากการดูแลของผม ทำให้เกิดเสียงดังของวัตถุตกกระทบพื้นอย่างสวยงามแต่ที่จะไม่สวยงามคือหัวที่อยู่บนบ่าผมนี่แหล่ะ

   ใบหน้าดูดุนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง ตาเข้มยิ่งเข้มขึ้นไปอีก ทำให้ผมลนลานเก็บแฟ้มที่ตกมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมส่งสายตาขอโทษไปให้ท่านประธาน

   “ขอโทษครับ ท่านประธาน” เสียงอ่อย ๆ กล่าวออกไปจากลำคอ

   “ซุ่มซ่าม ทีหลังระวังหน่อย ถ้าถือมาไม่หมดก็ถือมาสองรอบ ไม่ต้องโลภมาก” เสียงเข้มพร้อมดุออกมาจากร่างสูงที่นั่งทำงานอยู่

   “ครับ ต่อไปจะระวังกว่านี้ครับ” ผมขอโทษอีกครั้งแล้วเดินหันหลังออกจากห้องจะกลับไปทำงานอีกครั้งแต่ได้ยินเสียงสั่งอีกอย่างของท่านประธาน

   “เดี๋ยว  ขอกาแฟแก้วนึง”

   “ครับ รอสักครู่ครับ” ผมหันกลับไปรับคำสั่งอีกครั้ง แล้วเดินออกมาจากห้อง

   “ทำไมหน้าอย่างนั้นออกมาล่ะกันต์”

   “ผมทำแฟ้มตกแล้วท่านประธานดุนิดหน่อยครับ”

   “อ้อ เรื่องเล็กน้อย อย่าไปใส่ใจเลย ท่านประธานก็เป็นแบบนี้แหล่ะ ปากร้ายต้องได้ดั่งใจ แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรหรอก”

   “ครับ เดี๋ยวผมไปชงกาแฟให้ท่านประธานก่อนนะครับ ท่านสั่งว่าอยากได้”ว่าแล้วก็เดินไปทางแคนทีนเพื่อชงกาแฟ เมื่อได้กาแฟแล้วผมจึงเดินกลับมาอีกครั้ง พร้อมถาดที่มีแก้วกาแฟอยู่ตรงไปยังห้องท่านประธาน

   งานวันนี้มีไม่เยอะอาจจะเพราะเริ่มทำงานวันแรกก็ได้ นริศราถึงยังไม่ได้มอบหมายงานให้เขามากนักเลยได้แต่นั่งเรียงเอกสารไปเรื่อย ๆ เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้นทำเอาสะดุ้งกันเลยทีเดียว

   “เข้ามาเอาเอกสารที่เซ็นต์เสร็จแล้วออกไปได้” เสียงเข้มสั่งมาตามสาย ไอ้ผมก็ได้แต่รับคำสิครับทำอย่างอื่นได้หรือไงล่ะ

   เดินเข้าห้องไปหยิบเอาแฟ้มต่าง ๆ มากมายออกมาคราวนี้ไม่พลาดแล้ว เดินเข้าไปขนถึงสองรอบด้วยกัน เดี๋ยวโดนดุไม่คุ้ม แค่ทำงานวันแรกก็โดนซะแล้วไอ้กันต์ จะรอดมั้ยเนี่ย

   หันไปมองคุณท่านประธานที่นั่งทำงานเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในบรรยากาศเคร่งขรึมแล้วก็อดเสียวสันหลังไม่ได้ ต่อไปผมคงต้องระวังเรื่องต่าง ๆ ให้มากกว่านี้แล้วสิ

   ผมว่าผมก็ไม่ใช่คนขวัญอ่อนนะ ออกจะเป็นผู้ชายทั่วๆไปด้วยซ้ำที่เอะอะโวยวายบ้าง  แต่ว่าเนื่องจากต้องเลี้ยงไอ้อ้วนจึงต้องทำตัวให้สุภาพมีมารยาทหน่อยเดี๋ยวหลานติดนิสัยไม่ดีไปด้วย เชื่อเหอะครับว่าตอนเด็กต่อให้เราสอนให้พูดเพราะขนาดไหน ในโรงเรียน หรือในมหาวิทยาลัย คำพูดของผู้ชายสายแข็งจะมาเอง ไม่ว่าจะภาษาพ่อขุนทั้งหลายขุดมาพูดได้หมดแหล่ะ ผมก็เป็น  เชื่อผม  ผมเรียนมา

   เหมือนว่าร่างสูงจะรู้ว่าผมนินทาในใจ ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นมามองผมเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นแล้ววางปากกาลง

   “มีอะไรหรือเปล่า” เสียงดุถามออกมา

   “ไม่มีครับ เอ่อ ว่าแต่ท่านประธานอยากได้ของว่างอะไรไหมครับ กาแฟแก้วเดียวจะไม่ดีนะครับ”

   “ไม่ต้อง แล้วก็ไม่ต้องเรียกว่าท่านประธาน เรียกแค่ชื่อพอ ผมชื่อภูดิส จำไว้ด้วยล่ะ เข้าใจไหม”เสียงจะเข้มไปไหนครับคุณ  ครับเรียกชื่อก็เรียกชื่อตามนั้นเลยครับขัดใจไม่ได้ไม่ปลอดภัย

   “ครับคุณภูดิส  ถ้างั้นผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ” รีบออกไปดีกว่าก่อนที่เจ้าของห้องร่างสูงจะอารมณ์ไม่ดี แต่เอ...หรือว่าอารมณ์แบบนี้อยู่แล้ววะ

   “คุณภูพอ ไม่ต้องภูดิส ยาวไปน่ารำคาญ” อีกรอบที่เสียงเหมือนจะรำคาญออกมาจากปากบางเข้มของท่านประธานที่มีชื่อว่าภูดิส

   “ครับ” รับคำอีกรอบแล้วรีบออกไปดีหว่า

   หอบแฟ้มรอบสุดท้ายออกมาวางบนโต๊ะตัวเองพร้อมเสียงถอนหายใจดังออกมาเฮือกใหญ่จนนริศราหันมามองอย่างสงสัย

   “โดนอีกแล้วเหรอ คราวนี้อะไรล่ะ” เสียงหวานถามอย่างอยากรู้อยากเห็นแต่เหมือนจะสนุกนะ ไม่ได้ห่วงผมหรอก ฟังจากน้ำเสียงเอาได้

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ไม่ให้เรียกว่าท่านประธาน ให้เรียกว่าคุณภู” ผมตอบพลางเอามือเท้าคางตัวเองหันไปทางหญิงสาว

   “อ้อ ก็ไม่มีอะไรจริง ๆ นี่เนอะ พี่ก็นึกว่าโดนมากกว่านี้อีก จะโชคดีเกินไปแล้วโดนสองรอบในวันเดียวกัน ฮ่าๆๆๆ” พี่ครับการโดนดุนี่คือโชคดีตรงไหนครับ วานตอบหน่อยเหอะ

   “โธ่ พี่นริศ ผมโดนดุแล้วมันน่าดีใจหรือโชคดีตรงไหนกันอ่ะ”

   “ก็คุณภูไม่ค่อยดุใครหรอกนะ เพราะแค่ใครทำผิดมาก ๆ ปลายตามองเท่านั้นแหล่ะ คนนั้นตายแน่ เพราะงั้นกันต์ไม่ต้องห่วงแค่ดุออกมา ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ถ้าโกรธคือระเบิดลงเลย ไม่มาพูดเล็กน้อยแบบนี้หรอกน่า วางใจได้” อ้อ เหรอครับ แสดงว่าผมทำบุญมาดีงั้นสิ แค่โดนดุนิดหน่อยเอง

   “แล้วทีเมื่อเช้าพี่นริศเรียกว่าท่านประธาน ยังไม่เห็นว่าอะไรเลยสักคำ ทีผมเรียกกลับไม่ให้ผมเรียกบอกว่าน่ารำคาญอีกด้วย” ผมบ่นอย่างไม่จริงจังนัก สองมาตรฐานชัด ๆ

   “อ้าว เมื่อเช้าพี่เรียกแบบนั้นเหรอ จำไม่ยักได้แฮะ” หญิงสาวบอกออกมาด้วยเสียงสดใส พร้อมยักไหล่ขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ครับพี่ครับ เอาที่สบายใจเลยครับ ผมนี่สิวันแรกก็โดนแล้ว วันต่อไปมีหรือจะพลาดจากปากเหยี่ยวปากกาอย่างท่านประธานที่เคารพได้   

   ได้เวลาเลิกงาน ผมก็รีบเก็บข้าวของปิดคอมพิวเตอร์ แล้วลานริศรากลับก่อนเพราะต้องรีบไปรับไอ้อ้วนที่โรงเรียน ไม่อยากไปค่ำมากนักเพราะนี่ก็เลยเวลามามากกลัวว่าตุลย์จะรอนาน แล้ววันนี้ก็เริ่มเรียนวันแรกด้วย ไม่อยากให้ตุลย์รู้สึกว่าผมทิ้งแกไว้คนเดียว

   ผมรีบขับรถออกจากบริษัทด้วยความเร่งรีบพอสมควร ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงโรงเรียนนานาชาติที่หลานชายเรียน จอดรถได้ก็ตรงไปที่ตึกรับรองที่มีไว้สำรับให้นักเรียนที่ผู้ปกครองมารับช้าได้มารออยู่ด้วยกัน เพราะห้องรับรองมีครูพี่เลี้ยงคอยดูแล มีโต๊ะสำหรับทำการบ้านหรืออ่านหนังสือรองรับไว้ด้วย

   ผมไปถึงก็เห็นไอ้อ้วนของผมนั่งขีดเขียนอะไรอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งกับเพื่อนอีกสองคน มีห่อขนมวางอยู่บนโต๊ะด้วย ผมจึงเดินไปใกล้ ๆ

   “ตุลย์ครับ น้ากันต์มารับแล้ว รอน้ากันต์นานไหมครับ” ผมถามตุลย์ด้วยความกังวล

   “สวัสดีครับน้ากันต์ รอนานแต่ไม่เป็นไรตุลย์มีเพื่อนรอเยอะแยะ ไม่เหงาหรอก มีขนมทานด้วยอิ่ม อร่อย” พร้อมตบพุงเล็ก ๆ เป็นการยืนยันซึ่งก็ทำให้ผมโล่งอก ว่าต่อไปคงไม่ต้องเป็นห่วงตุลย์ว่าจะมารับเลยเวลาเลิกเรียน เพราะดูท่าเจ้าตัวก็ไม่เดือดร้อนอะไร ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้อยู่เล่นกับเพื่อนพร้อมขนมจากครู

   “ไปงั้นเราเก็บของกลับบ้านกันได้แล้วไอ้อ้วน ไปลาครู ลาเพื่อนด้วย”

   “ครับ สวัสดีครับครู ตุลย์ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” หันไปสวัสดีลาครูพี่เลี้ยง แล้วโบกมือลาเพื่อน ๆ คนที่ยังต้องอยู่รอผู้ปกครองอีก

   ผมเดินจูงมือหลานมายังรถที่จอดอยู่ ตุลย์แกว่งมือที่จับจูงกันของผมกับของเจ้าตัวแถมยังกระโดดดึ๋ง ๆ ด้วยนะ หลานผมมันโดดขึ้นด้วยเหรอวะ ตัวอ้วนกลมขนาดนี้แล้วไปดีใจอะไรขนาดนั้นเนี่ย แต่เห็นหลานตัวน้อยยิ้มได้อีกครั้งผมก็ดีใจ ไม่อยากให้ตุลย์เศร้าเรื่องที่พ่อ แม่จากไป อยากให้เขาเป็นเด็กร่าเริงแบบนี้ตลอดไป


********************************************

มาลงเพิ่มให้นะคะ รักเหมือนเดิมค่ะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ดุจริงดุจังพ่อพระเอก พอหลงเสน่ห์กันต์เมื่อไรจะยุให้เล่นตัวซะเลย ฮ่าๆๆๆๆ กันต์เขาว่าคนขี้ดุจะขี้หวงน่ะ อิอิ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดุมากๆเข้า ระวังเถอะพอรักแล้วจะมีแต่จ๊ะจ๋า

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 5 คำสารภาพ

   เมื่อมาถึงบ้านเจ้าอ้วนของผมก็รีบวิ่งเข้าบ้าน เอากระเป๋าไปเก็บแล้วรีบลงมาล้างมือล้างหน้า นั่งอยู่หน้าทีวีเรียบร้อยจนผมอดแปลกใจไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่กลับจากโรงเรียนเจ้าตัวก็จะอ้อยอิ่งไม่ยอมทำอะไรนอกจากนั่งรอข้าวเย็นเท่านั้น

   “ตุลย์โรงเรียนใหม่เป็นยังไงบ้าง สนุกไหม มีเพื่อนหรือยัง” ผมถามหลานชายแล้วเดินมานั่งใกล้ ๆ

   “สนุกดี มีเพื่อนใหม่ด้วย ข้าวเที่ยงอร่อย” ไอ้อ้วนตอบมาด้วยเสียงลั่นล้ามาก คงดีใจที่มีของกินอร่อยนั่นแหล่ะ

   “น้ากันต์ ๆ ฟ้าอยู่ห้องเดียวกับตุลย์ด้วยนะ” ตุลย์หันมาจับแขนผมแล้วเขย่า จะเขย่าทำไมแขนน้ากันต์ไม่ใช่กระบอกเซียมซีนะครับ

   “อืม แล้วไงน้องฟ้าเป็นไงบ้างล่ะ”

   “ฟ้าน่ารัก ยิ้มสวย แก้มนิ๊มนิ่มอ่ะน้ากันต์” เสียงเจ้าตัวเล็กเพ้อออกมาจากปากเล็ก ๆ นั่น หืออออ..อะไรนะแก้มนิ่มด้วย ไปทำอีท่าไหนถึงได้รู้ว่าแก้มน้องฟ้านิ่มได้ฟร๊ะ

   “แล้วตุลย์รู้ได้ไงว่าแก้มน้องฟ้านิ่ม”

   “อ้าว ก็ตุลย์จับแก้มฟ้าแล้ว หอมแก้มแล้วด้วยล่ะ” เสียงตอบอยากภูมิใจในความสามารถของตน

   “เฮ้ย!!!! หอมแก้ม ตุลย์ไปทำแบบนั้นก้บน้องฟ้าได้ไงครับ แล้วน้องฟ้าเป็นยังไงบ้าง” ผมตกใจสิครับ ไปเรียนวันแรก ไปหอมแก้มลูกชาวบ้านเขาซะงั้น ดูว่าอนาคตหลานผมเนี่ยจะไปไกลแน่ด้านความเจ้าชู้

   “ฟ้าแก้มแดงไปหมดด้วย น่ารักมากอ่ะน้ากันต์” อ้าวๆ บิดตัวทำไมไอ้อ้วน ทำมาเป็นเขินทีตอนทำคงไม่ได้คิดมั้งเนี่ย เอาไงดีวะเนี่ย น้องฟ้าจะโกรธเจ้าอ้วนของเขาหรือเปล่า เล่นไปทำรุ่มร่ามขนาดนั้น

   “ตุลย์ตัดสินใจแล้วน้ากันต์ ฟ้าต้องเป็นแฟนตุลย์ อิอิ”  เสียงหลานชายผมหัวเราะพร้อมรอยยิ้มแป้นส่งผลให้ตาเล็ก ๆ กลม ๆนั้นหยีตามไปด้วย

   เอาแล้วไงไอ้อ้วนหาเรื่องยุ่งมาแล้วไง แล้วเนี่ยรู้หรือยังว่าน้องฟ้าเป็นผู้ชาย แต่เอ๊ะ ก็ไปโรงเรียนน้องฟ้าก็ใส่ชุดนักเรียนชายนี่นา

   “ตุลย์ รู้หรือเปล่าว่าน้องฟ้าเป็นเด็กผู้ชายเหมือนกับตุลย์นะครับ” ถามสักหน่อยเผื่อยังไม่รู้

   “รู้สิน้ากันต์ ตุลย์ฉลาด ดูออกหรอกเห็นใส่กางเกงไปเรียนนี่” อ้าวก็รู้นี่หว่าแล้วทำไมยังอยากได้เป็นแฟน

   “แล้วรู้หรือเปล่าว่าเด็กผู้ชายเป็นแฟนกันไม่ได้”อีกสักหนึ่งคำถามให้แน่ใจ

   “หืออ...ทำไมไม่ได้ ฟ้าน่ารักกว่าเด็กผู้หญิงในห้องอีก ไม่รู้ล่ะ ตุลย์จะจีบฟ้า แล้วฟ้าต้องเป็นแฟนตุลย์คนเดียวด้วย” โอ...ตั้งใจมากหลานผม เพิ่งเคยเห็นสนใจอย่างอื่นนอกจากของกินก็คราวนี้แหล่ะ

   ผมนั่งมองไอ้อ้วนของผมอย่างพิจารณา หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ ตัวก็ออกจะโตกว่าเด็กวัยเดียวกันเพราะทานเก่ง จนตอนนี้เจ้าตัวอวบระยะสุดท้ายแล้วมั้ง ตาโต แก้มป่อง ผิวเนียน เออว่ะ หลานเขาก็เข้าขั้นดูดีเหมือนกันนี่เนอะ แล้วถ้ามายืนข้าง ๆ น้องฟ้าผู้น่ารัก ยิ้มหวาน น่าหยิกน่าหยอกคงจะดูน่ารักไม่น้อย

   “เพราะงั้นน้ากันต์ต้องช่วยตุลย์จีบฟ้า” นั่นไงประโยคที่ทำให้ผมแทบสำลักน้ำลายตัวเอง

   “มันจะดีเหรอ ตุลย์คบกับน้องฟ้าเป็นเพื่อนสนิทก็ได้นิ ไม่เห็นต้องเป็นแฟนกันเลยเนอะ”

   “ไม่ได้ ไม่ดีหรอกน้ากันต์เพื่อนตุลย์อ่ะมีเยอะแล้ว วันนี้มีเพิ่มมาตั้งหลายคน แต่ว่าตุลย์ยังไม่มีแฟนเลยนะ เพราะงั้นตุลย์ตัดสินใจแล้ว ฟ้าต้องเป็นแฟนตุลย์” เสียงหนักแน่นมากไอ้หลานชาย

   “แต่ว่าจะทำยังไง ฟ้าคงมีคนชอบเยอะ ตุลย์จะสู้คนอื่นได้เหรอ”ผมลองพูดไอ้อ้วนของผมคิดตามว่าจะไหวเหรอ

   “สู้ได้สิ ตุลย์ออกจะหล่อ ยังไงฟ้าต้องรักตุลย์แน่นอน คอนเฟิร์ม ตุลย์ปักธงฟ้านี่แหล่ะ ไม่เอาคนอื่นแล้ว” ง่ะ ใจเต็มร้อยเสียด้วยไอ้อ้วนเอ้ย

   “นะครับ น้ากันต์ ช่วยตุลย์หน่อยสิ น้ากันต์จะได้มีหลานสะใภ้สวย ๆ น่ารัก ๆ อย่างฟ้านะ”

        ห๊ะ!!! หลานสะใภ้ ไอ้อ้วนไปรู้จักคำนี้ตั้งแต่เมื่อไร อายุแค่นี้อ่ะนะ ทำไงดีไอ้กันต์คิดสิคิด จะช่วยให้หลานชายสมหวังดีหรือเปล่า แต่ว่าไปแล้วน้องฟ้าก็น่ารักกว่าเด็กผู้หญิงคนอื่นอยู่หรอกแต่จะสำเร็จเหรออ้วนเอ้ย

       “เอาเป็นว่าเดี๋ยวขอน้ากันต์คิดก่อนแล้วกันนะ แต่ตอนนี้น้ากันต์ว่าเราไปทำข้าวเย็นกันดีกว่า จะได้ทานข้าว แล้วตุลย์มีการบ้านหรือเปล่าถ้ามีก็เอาออกมาทำ แล้วรีบนอนพรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนกันแต่เช้า” ผมเริ่มคิดหาทางออกก่อน  ตอนนี้เอาตัวรอดสักวันแล้วกัน จากนั้นค่อยเค้นมันสมองที่มีอยู่น้อยนิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป

       เมื่อได้ยินเรื่องอาหารเย็นตุลย์ก็ลุกจากโซฟาเดินไปห้องครัว เปิดตู้เย็นหยิบของที่อยากกินออกมาทันที เป็นนัยว่าต้องทำอะไรให้เจ้าตัวทานเป็นมื้อเย็นนั่นแหล่ะ เรื่องของกินเนี่ยไม่พลาดตามเคย อดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้ระหว่างของกินกับน้องฟ้า อย่างไหนจะมาอันดับหนึ่งในใจของหลานชายผม

*****************************************************

          เช้าวันใหม่ผมตื่นมาทำกิจวัตรเหมือนทุกวัน เพิ่มเติมมาคือเรื่องน้องฟ้า อยากจะร้องไห้ หลานชายเขาช่างหาเรื่องยุ่งจริง ๆ เนี่ยละมั้งชีวิตเด็กสมัยนี้มีแฟนกันตั้งแต่อนุบาล สมัยเขานะยังไม่รู้เรื่องอะไรหรอกวิ่งเล่นไปวัน ๆ กว่าจะรู้ตัวว่ามีเด็กผู้หญิงน่ารัก ๆ ก็โน่นม.ต้นได้มั้ง

          เอาน่ายังไงเรื่องมันก็ยังไม่เกิดอะไรสักหน่อย ปัญหามาค่อยแก้กันไปตอนนี้ไปทำอาหารเช้าไว้ให้เจ้าตัวดีก่อนดีกว่า  เสร็จจากอาหารเช้าแล้วจึงขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินไปเคาะประตูห้องนอนหลานชาย เปิดเข้าไปพบว่าเจ้าตัวกำลังแต่งตัว ทาแป้งซะขาวเชียวนะ
 
         “ไหนมาหอมสิ ฟอดดดดดดด อืม หอมใช้ได้ล่ะ” ผมก้มลงไปสูดกลิ่นแป้งกับแก้มยุ้ย ๆ ของตุลย์

          “หื้มมมม น้ากันต์อย่าหอมแรง เดี๋ยวแป้งหายไม่หอม ฟ้าจะไม่ชอบ” โอ๊ะ โอ กลัวตัวไม่หอมด้วยวุ้ย ท่าจะเอาจริงนะเนี่ย

         “สรุป เอาจริงเหรอเรื่องจีบน้องฟ้าอ่ะ” ถามเพื่อความแน่ใจ

         “อ้าว ก็จริงสิครับ น้ากันต์นิพูดไม่รู้เรื่อง คนนี้เลยของจริงแฟนตัวจริงหนึ่งเดียวด้วยเพราะงั้นทำยังไงก็ได้ให้ฟ้ามาเป็นแฟนตุลย์ให้เร็วที่สุด โอเคนะน้ากันต์” โห คุณหลานมัดมือชกน้ากันต์ซะแล้ว

        “โอเค จริงก็จริง แต่ตอนนี้ไปทานข้าวเช้าก่อนแล้วไปโรงเรียนจะได้ไปเจอน้องฟ้า”

         “งั้นไปกันได้ล่ะ ตุลย์เสร็จแล้ว” บอกเสร็จก็หันไปคว้ากระเป๋าเป้ใหญ่มาสะพายหลังแล้วเดินออกจากห้องลงไปข้างล่างเพื่อทานข้าวเช้า

         จัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมกับเจ้าหลานตัวกลมก็ขึ้นรถเพื่อไปโรงเรียน ระหว่างทางดูเหมือนว่าตุลย์จะอารมณ์ดีมาก ร้องเพลงตามซีดีที่ผมเปิดตลอดทางด้วย  เออเนอะความรักนี่มันคงดีจริง ๆ แหล่ะ เพราะตอนนี้มันทำให้หลานชายของเขาดูมีความสุขมาก ซึ่งผมคิดนะว่าอะไรที่หลานผมทำแล้วมีความสุขผมก็พร้อมที่จะให้เขาทำ หรือพร้อมจะทำให้เขาเสมอ

          ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงโรงเรียนเด็กนักเรียนมากมายต่างเดินเข้าไปทางตึกเรียนของตัวเองไม่เว้นกระทั่งผมกับตุลย์เราสองคนน้าหลานจูงมือกันเดินเข้าตึก แต่สายตาของผมดันเหลือบไปเห็นสองพ่อลูกข้าง ๆ บ้านเดินจูงกันมาทางนี้

            ตุลย์หันไปเห็นน้องฟ้าก็ยิ้มโบกไม้โบกมือเรียกน้องฟ้าใหญ่เลย ดีใจเกินไปแล้วไอ้อ้วนไม่ดูหน้าพ่อของน้องฟ้าเลยว่าจะกินหัวเขากับหลานชายอยู่แล้วเนี่ยเห็นมั่งป่ะ

             เมื่อตุลย์หยุดเดินเพื่อรอน้องฟ้า ผมจึงหยุดตามไปด้วย พอสองพ่อลูกคู่ต่างเดินมาถึงผมก็ยกมือไหว้ร่างสูงที่วันนี้ใส่สูทสีน้ำเงินเข้ม จะเข้มไปไหนครับคุณ ร่างสูงหล่อเหลาพยักหน้าเล็กน้อยแค่ทักทายเท่านั้น แต่ร่างกลมป้อมข้าง ๆ ผมยกมือไหว้ร่างสูงเสียสวยงาม แน่ะรู้จักประจบด้วยวุ้ย

          น้องฟ้าที่ยืนข้าง ๆ ก็ยกมือไหว้ผมพร้อมรอยยิ้มหวานเช่นเคย คุณภูพอเห็นรอยยิ้มที่น้องฟ้าส่งมาให้เราสองน้าหลานก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จ้องลงมาที่ผมเขม็งแล้วก็คว้าเอาตัวน้องฟ้ามาอุ้มไว้เอง เจ้าอ้วนของผมเลยมองตาน้องฟ้าที่อยู่ในอ้อมกอดร่างสูงอย่างงง ๆ

          อ่า ผมว่าผมเห็นลางร้ายล่ะ ดูเหมือนว่าเราจะเจอคุณพ่อจอมหวงลูกชายซะแล้ว เอาล่ะสิ เมื่อร่างสูงอุ้มน้องฟ้าแล้วก็เริ่มเดินออกไปทันทีโดยไม่รอช้า ผมจึงได้แต่หันมายิ้มให้ไอ้อ้วนของผมที่กระพริบตาปริบ ๆ มองตามน้องฟ้าไป แต่น้องฟ้าที่อยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงหันกลับมาแล้วยิ้มให้ เท่านั้นแหล่ะ ไอ้อ้วนของผมได้สติวิ่งตามเข้าไปในตึกทันที ตุลย์ครับ น้ากันต์ว่าเราเจอขวากหนามแล้วล่ะ เอาไงต่อดีวะเนี่ย

   ผมเดินตามตุลย์เข้าไปยังห้องเรียน เจอสองพ่อลูกยืนคุยกันกระหนุงกระหนิง ตัวคนพ่อคุกเข่าลงข้าง ๆ ลูก มือสองข้างจับไหล่เล็กแล้วก้มลงจูบหน้าผากน้อย ๆ นั่น พลางยิ้มมุมปากเล็กๆ แต่พอหันกลับมาทางผม สายตาที่ดูอ่อนโยนทำไม๊ ทำไมมันถึงกลับกลายสายตาที่จ้องมองเขม็งขนาดนั้น

   แต่ผมทำเมินไม่เห็นแล้วเดินตามไอ้อ้วนไปจนถึงตำแหน่งที่สองพ่อลูกนั่งอยู่  จับมือตลุย์ไว้แล้วย่อตัวลงให้เท่ากันกับเด็ก ๆ
   “น้ากันตย์ไปก่อนนะตุลย์ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นเจอกัน  น้องฟ้าครับน้ากันย์ฝากตุลย์ด้วยนะครับ ถ้าดื้อฟ้องครูได้เลยน้ากันต์อนุญาตครับ” ผมบอกตุลย์จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้น้องฟ้า พร้อมฝากให้ฝังไอ้อ้วนถ้าดื้อมากโดยการให้ฟ้องครูได้ด้วย

   น้องฟ้าหันมายิ้มรับคำผมแต่คนพ่อนี่สิ จะแยกเขี้ยวใส่ผมอยู่แล้ว มือใหญ่หันไปดันหลังน้องฟ้าให้ไปนั่งโต๊ะตัวเอง อ้าว ๆๆ ท่านประธานครับนี่ใจคอจะไม่ให้ลูกชายมีเพื่อนบ้างหรืออย่างไร เล่นหวงแบบนี้ก็สวยสิครับ

   “น้องฟ้าไปนั่งโต๊ะดีๆ  ได้แล้วครับเดี๋ยวพ่อไปทำงานก่อนนะ เป็นเด็กดีอย่าไปเล่นซนกับเพื่อน ๆ ล่ะ เลิกเรียนวันนี้พ่อจะมารับเองแล้วพาไปทานไอศกรีมนะครับ” เสียงทุ้มออกจากปากร่างสูงตรงหน้า นั่นสั่งลูกไม่ให้เล่นกับเพื่อนอีก

   “น้องฟ้าเล่นกับตุลย์ได้ครับจะได้มีเพื่อน ตุลย์คงดีใจที่น้องฟ้าเล่นด้วยเนอะ” เอาสิหวงหนักใช่ไหม ผมหมั่นไส้ยุให้น้องฟ้าเล่นกับไอ้อ้วนเลย เป็นไงล่ะ พอได้ยินผมพูด ใบหน้านั้นหันมามองขวับเลย พร้อมส่งสายตาอาฆาตมาที่ผมด้วย เฮ้ยทำไมอ่ะ เด็ก ๆ ก็ต้องมีเพื่อนสิ อยู่คนเดียวจะไปสนุกอะไรหรือว่าท่านประธานแกจะไม่คนคบเลยไม่ให้ลูกคบเพื่อนไปด้วย หน้าตาก็ดีกลับทำตัวไม่น่าคบซะได้

   จะหวงไปทำไมเนี่ยเด็ก ๆ เป็นเพื่อนกันดีจะตาย การมีเพื่อนเยอะไม่ได้ไม่ดีสักหน่อย คอยดูเหอะผมตั้งใจไว้แล้วล่ะว่าจะหาทางช่วยไอ้อ้วนของผมจีบน้องฟ้าให้ได้หมั่นไส้อีตาพ่อท่านประธานคนนี้เหลือเกิน เก็กหนัก หวงนักใช่ไหม ได้เลยไอ้กันต์คนนี้จะทำให้ท่านประธานกะอักเลือดที่มีว่าที่ลูกเขยเป็นลูกชายให้ได้ คอนเฟิร์ม!!!!!!!!!!!!!!!

   แต่ว่าเร็วไปไหมอ่า เด็ก ๆ เพิ่งจะ 5 ขวบเองนะไอ้กันต์......


....................................................................

มาลงเพิ่มให้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อ้วนน้อยน่ารักดีมากลูก  :katai3:  เอาใจช่วยคู่คุณอาด้วยนะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ลูกหมูสู้ ๆ จีบน้องฟ้าให้ติดนะ

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
คุณพ่ออย่าหวงลูกฟ้ามากเดี๋ยวยุว่าที่ลูกเขยให้หวงว่าที่คุณแม่น้องฟ้าเยอะๆเลยนี่

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เจ้าอ้วนอยากมีแฟนตั้งแต่ 5 ขวบเลย ไวมากลูก ฮ่าๆๆๆ
พ่อเขาหวงน่ะ ดุด้วย อิอิ

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 6 คุณพ่อจอมหวง VS ไอ้อ้วนจอมหวง

   ได้เวลาเลิกงานผมเก็บของลงโต๊ะอย่างรวดเร็วเพื่อจะไปรับตุลย์ แต่ผมไม่ทันคนในห้องหรอกครับรายนั้นออกไปก่อนผมครึ่งชม.แล้ว เหอะถือว่าตัวเองเป็นประธานบริษัทรึไง ก็แน่ละครับเขาเป็นประธานจะไปจะมาตอนไหนจะมีใครกล้าว่าอะไรได้ ส่วนผมนะเหรอพนักงานระดับล่าง ต้องรอเวลาเลิกงานจริง ๆ เท่านั้นแหล่ะครับถึงจะออกได้

   มือคว้าสายกระเป๋าพาดไหล่แล้วเดินไปที่ลิฟท์เพื่อรอลิฟท์ไปชั้นจอดรถ มีพนักงานหลายคนรออยู่ด้วยหลายคนหันมามองผม ซึ่งผมก็ยิ้มให้ตามมารยาท ผมเพิ่งมาแค่ 2 วันนี่ครับแล้วพนักงานที่นี่ก็เยอะมาก เดี๋ยวค่อยทำความรู้จักกันไปก็ได้แหล่ะ

   ออกจากลิฟท์ได้ก็เดินมาขึ้นรถเพื่อขับออกไปโรงเรียนของตุลย์ วันนี้คงต้องพาตุลย์ไปทานข้าวนอกบ้านเพราะว่าวันนี้ของสดในตู้เย็นหมดแล้วคงไม่ได้ทำอาหารเย็นทานเองเหมือนทุกวัน  ผมชอบทำอาหารเองไม่อยากซื้อข้างนอกเพราะของทุกอย่างเราเลือกได้เอง ทั้งความสดใหม่ ความสะอาดซึ่งดีกับสุขภาพของตุลย์กว่ามาก แถมตุลย์ยังชอบอาหารทำเองมากกว่าซื้อมาจากข้างนอก ซึ่งนาน ๆ ครั้งผมถึงจะพาหลานชายไปทานตามร้านอาหาร

   รถเลี้ยวเข้ามายังลานจอดรถโรงเรียนนานาชาติของผมมองหาที่ว่างเมื่อได้ที่จอดเรียบร้อยก็ลงจากรถล็อครถเดินไปทางตึกเรียนของตุลย์ พอไปถึงผมกับชะงักขาที่กำลังก้าวเข้าไปหาหลานชาย ก็จะอะไรล่ะครับที่ตรงนั้นมีเด็กผู้ชายอยู่สองคนกับอีกหนึ่งชายหนุ่มผู้หล่อเข้มนั่งอยู่ แต่เมื่อคิดได้ว่าอาจจะนั่งรอเป็นเพื่อนของตุลย์ผมก็เลือกที่จะเดินต่อไป เข้าไปในระยะสายตาพอให้รู้ว่าผมเดินมาถึงแล้วนะ คนทั้งสามก็หันมายังกับนัดกันไว้ มีเพียงสองหนุ่มน้อยเท่านั้นที่ยิ้มให้ผม ส่วนอีกหนึ่งคนตัวโต ๆ หันมามองหน้าผมนิ่ง ๆ แล้วหันไปสนใจกับลูกชายของเขาต่อ

   “น้ากันต์ มาแล้วๆ” เสียงใส ๆ ของตุลย์ดังขึ้นมาก่อนจะวิ่งมากอดขาผม

   “ครับมารับแล้วรอนานมั้ย”

   “ไม่นานเลยน้ากันต์ แล้ววันนี้เราจะไปกินไอติมกับน้องฟ้ากันครับ” น้ำเสียงหลานผมระรื่นมาก

   “หือ ใครจะไปไหนนะครับ” ผมทวนคำถามนั้น ไม่แน่ใจว่าเจ้าอ้วนบอกออกมานั้นจริงหรือเปล่า

   “ก็ ตุลย์ น้ากันต์ น้องฟ้า กับพ่อน้องฟ้าไงล่ะ”

   “ไม่กวนคุณพ่อน้องฟ้ากับน้องฟ้าดีกว่า เดี๋ยวน้ากันต์พาไปทานข้าวเย็นนอกบ้านดีกว่าเนอะ” หันไปบอกหลานชายตัวกลม
   “อ้าว ก็น้องฟ้าชวนตุลย์นี่ครับ” หน้ากลม ๆ หันมาทางผมแล้วทำหน้ายู่น้อย ๆ

   “ไม่เป็นไร ไปด้วยกันนี่แหล่ะ น้องฟ้าชวนไว้แล้ว เดี๋ยวแวะทานข้าวก่อนค่อยไปทานไอติมร้านโปรดน้องฟ้า” เสียงเข้มที่ออกจากปากของร่างสูงใหญ่ของคุณภู เป็นการตัดสินใจให้เสร็จสรรพ

   ผมได้แต่หันไปมองหน้าคนตัวโตแล้วก็หันกลับมามองหน้างลูกชายของเขาที่มาพร้อมรอยยิ้มกับใบหน้าน่ารักพยักขึ้นลงน้อย ๆ เหมือนกับว่าให้ผมทำตามที่พ่อของน้องฟ้าบอกนั่นแหล่ะดีที่สุดแล้ว

   “ครับ งั้นเก็บของแล้วไปกันเลยแล้วกันครับ เดี๋ยวรถจะติดเด็ก ๆ จะหิวก่อน” ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับทุกคนตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้วนี่

   “เดี๋ยวไปเจอกันที่ห้างหน้าหมู่บ้านแล้วกัน ใกล้ดี มีร้านอาหารเยอะให้เลือกทาน” คุณภูสั่งอีกครั้งก่อนที่จะลุกขึ้นอุ้มน้องฟ้าแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมเลยต้องหันไปหาไอ้อ้วนของผมแล้วพยักหน้าชัดชวนกันเดินตามหลังร่างสูงนั้นไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

   “ตุลย์ไม่ได้ขอตามน้องฟ้าไปใช่ไหม” ผมถามตุลย์อย่างสงสัย

   “ตุลย์เปล่าขอตามนะน้ากันต์ น้องฟ้าชวนต่างหากเล่า”

   “แล้วตุลย์เรียกน้องฟ้าว่าน้องฟ้าด้วยหรอ ไม่ใช่ว่าอายุเท่ากันรึไง”

   “เรียกน้องฟ้าแหล่ะน่ารักแล้ว ก็น้องฟ้าตัวเล็กกว่าตุลย์นี่ ตุลย์โตกว่าจะต้องปกป้องน้องฟ้าไง” ตุลย์ตอบอย่างภูมิใจที่ได้เป็นพี่ หึหึ เจ้าตัวจะรู้ไหมนะว่าเวลาทำหน้าอย่างนี้มันน่าหมั่นไส้ชะมัด ทำอย่างกับตัวเองโตกว่าน้องฟ้ามากนักนี่

   “โอเค ๆ งั้นเดินไว ๆ ดีกว่าเดี๋ยวพ่อน้องฟ้าจะหันมาดุเราอีกว่าชักช้า” ผมเร่งไอ้อ้วนให้เดินไว ๆ

   ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงห้างหน้าหมู่บ้าน  เวลาเย็น  ๆ แบบนี้คนจะเยอะเป็นพิเศษ เพราะต่างก็มาหาร้านอาหารทานก่อนกลับเข้าบ้าน ผมได้ที่จอดรถไม่ไกลจากรถคุณภูมากนัก  ผมเดินลงจากรถแล้วจูงมือตุลย์เดินเข้าไปหาสองพ่อลูกที่ยืนรอหน้าประตูทางเข้าห้าง

   “น้องฟ้าอยากทานอะไรครับ” ผมถามร่างเล็ก ๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนของคนตัวโตหน้าเข้ม

   “ฟ้าอยากทานชาบูครับ เราไปทานชาบูกันนะ” เสียงเล็ก ๆ บอกออกมาเบาๆ  พร้อมรอยยิ้ม ทำไมผมถึงหลงรอยยิ้มน้องฟ้านะเนี่ย

   “คุณพ่อให้ฟ้าเดินเองก็ได้นะครับเดี๋ยวคุณพ่อหนัก ฟ้าโตแล้ว” เสียงเล็กประท้วงร่างสูงให้ปล่อยตัวเองลงเดินกับพื้นด้วยตัวเอง เพราะคงเกรงว่าคุณพ่อร่างยักษ์จะเมื่อยที่อุ้มมานาน

   “น้องฟ้าอยากเดินเองเหรอครับ ไม่ให้พ่ออุ้มเหรอ” เสียงทุ้มกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของน้องฟ้า แต่ทำหน้าเหมือนไม่อยากปล่อยร่างน้อย นั้นลงเอง  ผมได้แต่หันหน้าหนีทำหน้าเอือมกับคุณภู 

   “ครับฟ้าเดินได้ นะ นะ” ว่าเสร็จพร้อมกับที่ร่างสูงก็ปล่อยให้น้องฟ้าได้ลงมาเดินด้วยตัวเอง พอถึงพื้นเท่านั้นแหล่ะน้องฟ้าหันมาทางตุลย์แล้วเดินไปจูงมือของไอ้อ้วนทันทีจากนั้นเดินนำหน้าเราสองคนไปที่ร้านชาบูที่เล็งไว้แต่แรก ไอ้ผมเลยได้แต่หันหน้าไปมองคุณภูที่ตอนนี้กำลังอึ้งกับการที่โดนลูกชายทิ้งไว้ข้างหลัง ผมจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ได้ ได้แต่อมยิ้มแก้มตุ่ย แล้วหัน
หน้าหนีไปอีกทาง แต่ผมกลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้นี่สิ เผลอหลุดออกมาทำให้ใบหน้าเคร่งของคุณภูหันมาจ้องผมตาเขม็งเลย

   “นายหัวเราะอะไร หุบยิ้มไปเลยนะ” เสียงเขียวมาเชียว  คิดว่าผมกลัวรึไง หันไปมองจึงได้เห็นว่าตาเขียวปัดมาเลยทีเดียว เลยได้แต่กระแอมสองสามครั้งในลำคอ แล้วกลับมาทำสีหน้าปกติ เพราะกลัวว่าจะโดดขย้ำเสียก่อนที่จะได้ทานข้าวเย็น

   “รีบเดินสิ เด็ก ๆ ไปโน่นแล้วเดี๋ยวก็คลาดสายตากันพอดีชักช้าอะไรอยู่ได้”

   “ครับ ๆ รีบแล้วครับ คุณภูก็เดินไว ๆ สิครับเดี๋ยวน้องฟ้าหายไปนะ” ผมได้ทีแกล้งเย้าร่างสูงไปด้วย

   สองหนุ่มน้อยเดินมาหยุดที่หน้าร้านชาบูเพื่อรอผมกับคุณภู พอเราเดินไปถึงหน้าร้าน คุณภูจึงเดินนำเข้าไป พร้อมกับพนักงานเข้ามาต้อนรับ  พลางเดินนำเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านในติดกระจกที่ว่างอยู่

   คุณภูขยับให้น้องฟ้านั่งด้านในติดกระจกแล้วเจ้าตัวก็ตามเข้าไปนั่งประกบ ส่วนผมก็ดันให้ตุลย์เข้าไปด้านในเหมือนกัน ตอนนี้ผมเลยนั่งตรงข้ามกับคุณภู

       “น้องฟ้าสั่งเลยครับอยากทานอะไร ตุลย์ด้วยนะ” ร่างสูงก้มหน้าไปบอกน้องฟ้า แล้วหันมาทางหลานชายของผมบอกให้สั่งได้เลย น้องฟ้าสั่งอาหารไปหลายอย่าง ส่วนไอ้อ้วนของผมนะเหรอครับ ร่ายยาวเป็นหางว่าวเลยล่ะ น้องฟ้าได้แต่มองมาอย่างอึ้ง ๆ กับการสั่งอาหารแบบรัว ๆ ของตุลย์ ซึ่งพนักงานก็จิ้ม แท็ปเล็ตเพื่อสั่งหาอารมือระวิง

       “ตุยล์จะทานหมดเหรอ มันเยอะมากเลยนะ” เสียงใส ๆ ทนไม่ไหวเลยเอ่ยถามออกมา

        “หมดสิน้องฟ้า แค่นี้เองสบายมาก พี่ตุลย์ตัวโตต้องทานเยอะ ๆ จะได้แข็งแรงและปกป้องน้องฟ้าได้ไงครับ” โอว หยอดได้หยอดอีก เอากะเขาสิครับพ่อหลานชายของผม

        แต่ด้านคุณภูที่เมื่อได้ยินตุลย์เรียกตนเองว่าพี่แล้วเรียกน้องฟ้าว่าน้อง ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาให้ตุลย์เห็น อาจจะแค่ขัดใจนิดหน่อยก็ได้ที่มีคนอยากปกป้องน้องฟ้า

         อาหารมาแล้วตอนนี้หลานผมเนี่ยไม่สนใจอะไรแล้วครับ ผมเลยต้องจัดการใส่เนื้อ ใส่ผัก ลงไปในหม้อ ก่อนจะปิดฝา ทิ้งไว้ไม่เกิน 5 นาที พอเปิดฝาออกมาควันก็พวยพุ่ง กลิ่นหอมของชาบูหม้อนี้ก็ทำเอาน้ำลายสอ กระเพาะเนี่ยส่งเสียงร้องออกมาเลยทีเดียว

   ร่างสูงหันไปตักบรรดาเนื้อหมู กุ้งที่สุกแล้วใส่ถ้วยให้น้องฟ้า น้องหันมายิ้มรับพร้อมคำขอบคุณ แล้วลงมือทานอาหารในถ้วยที่คุณพ่อรูปหล่อส่งให้ทันที ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรกับผมที่ตักทุกสิ่งอย่างในหม้อให้กับตุลย์ด้วยเหมือนกัน ซึ่งรายนั้นแค่ได้เห็นอาหารตรงหน้าก็ยิ้มรับหน้าบานแล้วครับ

   ส่วนผมก็ทานเงียบ ๆ ปล่อยให้หลานชายจัดการอาหารเอง โดยถ้วยที่สองเนี่ยตักเองครับ ไม่รอให้ผมตักให้หรอกแต่คุณภูที่ทานไปด้วย ก้มหน้าไปเช็ดปากให้น้องฟ้าไปด้วยนี่สิ ดูแลดีมาก ได้แต่สงสัยนะว่าคุณภูเนี่ยสอนให้น้องฟ้าทำอะไรเองมั่งเปล่า เพราะที่เห็นทำให้น้องเกือบทุกอย่างเลย แต่ดีนะที่น้องไม่เอาแต่ใจเหมือนลูกคนรวยทั่วไปที่เลี้ยงลูกแบบตามใจทุกอย่าง

   ทานกันไปสักพักผมก็สังเกตว่ามีสายตาจับจ้องมาที่โต๊ะที่พวกเรานั่งกันอยู่ จึงหันไปมองรอบ ๆ เห็นผู้หญิงโต๊ะข้าง ๆ มองร่างสูงอย่างไม่วางตา โต๊ะนั้นมีผู้หญิงมากันสองคน แล้วทั้งสองคนก็มองมาทางนี้บ่อยมาก พอคุณภูรับรู้ได้ถึงการจับจ้อง เลยเงยหน้าจากการดูแลน้องฟ้าหันมามองบ้างก็เห็นว่าผู้หญิงสองคนนั้นส่งสายตาหวานเชื่อมพร้อมรอยยิ้มหวานมาให้อย่างเปิดเผย ร่างสูงเห็นแล้วก็ไม่ได้ยิ้มตอบ กลับเมินรอยยิ้มเชิญชวนนั้น แล้วหันไปดูน้องฟ้าทานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ผู้หญิงสองคนนั้นยิ้มเก้อไปเลยทีเดียว เมื่อเห็นว่าผู้ชายที่ตนส่งยิ้มให้ไม่เพียงไม่ยิ้มตอบเท่านั้นกลับมองเมินเธอทั้งสองคนไปด้วย ผมแอบมองทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ พวกเธอสวยนะครับ ผมยาว ตาโต ผิวขาวแถมมีรูปร่างสะดุดตาไม่น้อยแต่ทำไมคุณภูถึงได้เมินสาวสวยแบบนี้ไปได้ หรือว่าเป็นเพราะมากับน้องฟ้าจึงไม่ได้สนใจ

   “อิ่มแล้วน้องฟ้าจะไปทานไอศกรีมอีกไหมครับลูก” ทีพูดกับลูกชายละเสียงอ่อนเสียงหวาน ดวงตาดูอ่อนโยนขึ้นมาเชียว

   “ครับ ฟ้าจะไปทานไอติมที่ร้านเดิมของเรา” ไอ้ร้านเดิมนะร้านไหนครับน้องฟ้า บอกน้ากันต์หน่อยสิ น้ากันต์จะได้ดูเงินในกระเป๋าด้วยว่าพอเลี้ยงเด็ก ๆ หรือเปล่า

   คุณภูเรียกพนักงานมาเช็คบิลอาหาร บอกว่ามื้อนี้เขาเลี้ยงเองเพราะน้องฟ้าเป็นคนชวนตุลย์มาทานด้วย ผมไม่ขัดศรัทธาหรอกครับ ฟรีนี่แต่ไอศกรีมผมคงต้องขอออกตัวเลี้ยงมั่ง เราเดินออกมาเดินตามเด็กน้อยสองคนไปยังร้านไอศกรีมชื่อดังในห้างซึ่งราคาเนี่ยไม่ต้องพูดถึง สกู๊ปเป็นร้อย น้ำตาจะไหล

   “น้องฟ้าสั่งเลยครับ น้ากันต์เลี้ยงไอศกรีมเองเนอะ”

   “ทำไมน้ากันต์ต้องเลี้ยงด้วยครับก็ให้คุณพ่อจ่ายเงินเหมือนเดิมก็ดีแล้วนี่ครับ” ใบหน้าน้อย ๆ หันมาทางผมพร้อมกับคำถามที่ทำให้ผมต้องแอบกลืนน้ำลายนิดนึง   

   “ก็เมื่อกี้คุณพ่อน้องฟ้าเลี้ยงชาบูแล้วนี่ต่อไปก็ถึงคิวน้ากันต์เลี้ยงน้องฟ้ากับคุณพ่อสิครับถึงจะถูก”

   “ไม่ต้อง !!! เดี๋ยวฉันออกเอง ก็บอกแล้วว่าน้องฟ้าเป็นคนชวนแล้วจะให้นายมาออกเงินได้ยังไง” เสียงเข้มดุออกมาจนผมต้องทำหน้าแหย ๆ

   “ครับ งั้นขอบคุณมากครับ” ผมยกมือไหว้ ตุลย์ก็ไหว้ด้วย เราสั่งไอศกรีมมาคนละถ้วยยกเว้นคุณภูทีไม่ได้ทานแต่สั่งกาแฟมาแทน

   เรานั่งไปได้สักพัก ก็มีครอบครัวอีกครอบครัวนึงเดินมานั่งข้าง ๆ โต๊ะของเรา ทางนั้นมากันสามคน พ่อ แม่ลูกชาย ผมได้ยินพวกเขาสั่งไอศกรีมมาให้ลูกชายแล้วก็นั่งคุยกันเบา ๆ แต่ว่าตัวลูกชายของทางนั้นมองมาทางโต๊ะของเราบ่อยมากผมเลยมองตามสายตาของเด็กชาย สายตานั้นไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าน้องฟ้าผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่ามีคนแอบมองอยู่

   สักพักเด็กคนที่ว่าก็ลุกมาจากโต๊ะของตัวเอง เดินมาหาน้องฟ้าแล้วยื่นดอกไม้ให้น้องฟ้า เฮ้ย ดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะของทางร้านด้วย ผมได้แต่ยิ้ม น้องฟ้ามองมือเล็ก ๆ ที่ยื่นดอกไม้ให้พลางทำหน้างงนิด ๆ แต่ก็ยื่นมือออกไปรับพร้อมรอยยิ้ม แต่ว่าร่างสูงข้างกายน้องฟ้าพอเห็นว่ามีเด็กผู้ชายที่ไหนไม่รู้มายื่นดอกไม้ให้ลูกของตัวเอง ก็ทำหน้าเคร่งมองเด็กคนนั้นตาดุ แต่เด็กนั่นหาได้สนใจไม่ เอาแต่จ้องน้องฟ้า พร้อมกับยิ้มให้ ไม่ใช่แค่คุณพ่อรูปหล่อนะที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ไอ้อ้วนของผมก็เช่นกัน ลุกจากที่นั่งข้างผม เดินมาบังน้องฟ้าแล้วยื่นมืออวบอูมของตัวเองไปดึงดอกไม้ออกมาจากมือน้องฟ้าเรียบร้อยแล้ว

   ร่างสูงเห็นดังนั้นเลยวางตัวนิ่ง ๆ แต่ผมเนี่ยลอบมองอยู่ว่าคุณภูจะจัดการยังไงแต่ยังไม่ได้ออกโรงเลยหลานชายผมแสดงตัวออกไปเป็นองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงซะแล้ว เห็นนะว่าแอบยิ้มนิด ๆ ด้วยตอนที่ไอ้อ้วนของผมที่เดินมาบังน้องฟ้า แล้วยังส่งสายตาดุดันไปให้เด็กชายที่ตัวไม่ได้โตไปกว่าตัวเองเท่าไร

   พ่อกับแม่ของเด็กชายหันมาเห็นก็ตกใจเดินมาที่โต๊ะเราพร้อมกับขอโทษกันใหญ่ พลางดึงมือลูกชายกลับไปที่โต๊ะตัวเอง  แต่เด็กนั้นก็ยังไม่ยอมเดินตามไป

   “เราชื่อนาย เธอชื่ออะไร เธอน่ารักเราชอบเธอ” เสียงออกมาจากปากเด็กที่แนะนำตัวเองว่าชื่อน้องนาย

   “เราชื่อ อื้ออออ” อ้าวโดนมือป้อม ๆ ของตุลย์ปิดปากไปเรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าอ้วนเนี่ยหันไปมองหน้าอีกฝ่าย

   “ไม่ต้องรู้จักหรอก นายกลับไปกับพ่อแม่ของนายเลย น้องฟ้าไม่อยากรู้จัก แล้วเราก็ไม่ให้ใครมาเข้าใกล้น้องฟ้าด้วย เข้าใจไหม” เสียงตุลย์บอกออกมาพร้อมกับไล่ให้เด็กชายไปที่โต๊ะตัวเอง

   “เราถามน้องฟ้าไม่ได้ถามนายสักหน่อย ถอยไปเลยนะ” อีกคนก็ไม่ยอมเช่นกันพยายามผลักตุลย์ให้พ้นจากสายตาที่ยืนบังคนน่ารักอย่างน้องฟ้าออกไปให้พ้นทาง

   “เอ๊ะ นี่นายพูดไม่รู้เรื่องหรือไงว่าน้องฟ้าไม่อยากรู้จักนาย น้องฟ้าเป็นแฟนเรา นายรู้แล้วก็ไปได้แล้วอย่ามายุ่ง เกะกะจริงเชียว” โอ แรงจริงอะไรจริงครับหลานผม  ตุลย์น้อยหน้าที่ไหน ยืนปักหลักไม่ยอมถอยแถมยังโม้อีกนะว่าน้องฟ้าเป็นแฟนของเจ้าตัว ทำเอาเด็กชายนาย ตาโตมองอย่างไม่เชื่อ

   แต่คนที่ได้ยินคำอ้างของตุลย์ทั้งผม ทั้งคุณภูหันขวับไปมองไอ้อ้วนพร้อมสลับมองหน้าน้องฟ้าไปมา ภาพที่เห็นในสายตาผมคือใบหน้าน้องฟ้านั้นเริ่มเป็นสีแดงระเรื่ออย่างน่ามอง จนคุณภูส่งเสียงฮึดฮัดขึ้นมาเลยทีเดียว พร้อมกับเอื้อมมือไปกอดเอาน้องฟ้ามาไว้กับอกแกร่งของตัวเอง คงไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าน่ารักของน้องฟ้าแน่เลย

   การกระทำเช่นนั้นหาได้รอดพ้นสายตาของผมไม่ แต่อีกด้านศึกระหว่างสองเด็กชายก็ยังไม่จบทั้งสองส่งสายตาฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมละสายตาเลย ส่งผลให้พ่อกับแม่น้องนายมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจยิ่ง เมื่อเห็นว่าลูกชายของตนเองไม่ยอมไปนั่งที่โต๊ะตัวเองสักทีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วก็มีเสียงประกาศิตดังขึ้น

   “ไม่ต้องกินแล้วกลับบ้านกันดีกว่านะครับน้องฟ้า” คุณภูตัดสินใจเด็ดขาดมาก คงกลัวเหตุการณ์จะเลยเถิดหรือไม่ก็กลัวว่าจะเกิดศึกชิงนายน้อย ซึ่งก็คือน้องฟ้านั่นเอง พลางเรียกพนักงานมาคิดเงิน แล้ววางเงินอุ้มน้องฟ้าเดินตัวปลิวออกไปจากร้าน ทำให้ทั้งผมแล้วก็ตุลย์ต้องรีบตามไปอย่างไว

   แต่ยังพอทันที่จะหันไปมองหน้าเหวอ ๆ ของเด็กชายนายที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ พร้อมการหายตัวไปอย่างไวของน้องฟ้าที่เจ้าตัวเข้ามาจีบและเหตุการณ์ที่มีเด็กมาจีบน้องฟ้าก็จบลงด้วยการแอบอ้างเป็นแฟนน้องฟ้าของเด็กชายตุลย์กับการอุ้มน้องฟ้าหนีศึกชิงนายของคุณภูดิส

   ผมก็ได้แต่หวังว่าน้องนายจะคิดได้นะว่าเด็กที่น้องนายเข้ามาจีบพร้อมยื่นดอกไม้ให้นั้นก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน...

**********************************************

ขอโทษที่หายไปวันนี้มาลงน้องตุลย์ให้แล้วค่ะ สัญญาว่าไม่หายแน่นอน แต่ช่วงนี้ห่างไปนิดอย่าโกรธกันนะ เพราะว่าต้องพาพ่อไปหาหมอด้วย ต้องเตรียมย้ายห้องด้วยค่ะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก
ลูกหมูสู้ๆ นะจ๊ะ


 :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :laugh:    น้องฟ้ามีแฟนแล้วนะรู้ตัวยัง?
พี่ตุลย์ของน้องฟ้า สู้ๆแล้วกันนะ
คุณพ่อขี้หวง ยากหน่อยล่ะม้าง

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
                  ตอนที่ 7 ทานข้าวกันไหม

             เช้านี้ผมจัดการทุกอย่างเหมือนทุก ๆ วัน  เสร็จจากส่งตุลย์แล้ว ก็ขับรถมาทำงาน เมื่อถึงที่ทำงานผมเก็บกระเป๋าไว้ในลิ้นชัก หยิบแฟ้มงานขึ้นมางานส่วนมากเป็นการจัดเอกสารเพื่อเสนอเซ็นต์ซะส่วนมาก แล้วก็มีงานจัดตารางการนัดหมายของคุณภูดิส ซึ่งตารางงานทุกอย่างตอนนี้นริศรายกให้ผมเป็นผู้รับผิดชอบคนเดียว เธอบอกว่าการที่มีผมมาช่วยงานตรงนี้ทำให้เธอมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น  เพราะก่อนที่จะรับสมัครผู้ช่วยคนใหม่ เธอทำงานคนเดียวเป็นเวลา 3 เดือน เนื่องจากพนักงานที่รับเข้ามาใหม่นั้น ไม่มีใครอยู่ในตำแหน่งนี้ได้เกินหนึ่งเดือนสักคน

             9 โมงเช้าร่างสูงของคุณภูดิสก็เดินออกมาจากลิฟท์  ผมรอให้คุณภูเข้าไปในห้องทำงานได้ประมาณ 10 นาทีก็ตามเข้าไปพร้อมแฟ้มเสนอเซ็นต์และสมุดบันทึกตารางงานวันนี้ 

             ผมเดินมาที่ประตูบานใหญ่พร้อมยกมือขึ้นเกาะสัญญาณให้คนข้างในรู้ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เห็นร่างสูงนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ผมเดินเข้าไปวางแฟ้มของแผนกต่าง ๆ ที่ส่งมาเพื่อให้ประธานบริษัทอนุมัติตามแผนการณ์ที่เสนอไว้
   
             “คุณภูครับ เช้านี้มีแฟ้มรอเซ็นต์ของแผนกการเงินกับจัดซื้อครับ แล้วบ่ายสองโมงมีนัดกับประชุมกับผู้จัดการโครงการ sky view ที่ไซท์ก่อสร้างโครงการ เมื่อวานผู้จัดการโครงการนั้นโทรเข้ามาคอนเฟิร์มแล้วครับ” ผมเปิดสมุดตารางงานแล้วรายงานร่างสูงตรงหน้าที่เงยหน้าขึ้นมามองผมตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง

             “แล้วตอนบ่ายนายมีงานเร่งหรือเปล่า” คุณภูถามออกมาทันทีที่ผมรายงานเสร็จ

             “ไม่น่าจะมีงานเร่งนะครับ คุณภูมีอะไรจะใช้ผมหรือครับ” ผมนึกถึงงานบนโต๊ะว่ามีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า แต่ก็มีเพียงงานเล็กน้อยที่นริศราให้ไว้ เป็นงานพวกตรวจเอกสารที่ทางแผนกต่าง ๆ ส่งมาให้เท่านั้น ก็ไม่นับว่างานเร่งอะไรมากมาย

             “งั้นนายออกไปประชุมที่ไซท์งานพร้อมกับฉันด้วยแล้วกัน จะได้เรียนรู้ว่าการประชุมข้างนอกทำยังไง เอกสารก็เตรียมไปแค่รายละเอียดของโครงการคร่าว ๆ ช่วงเช้านายก็ออกไปค้นแฟ้มของโครงการออกมาอ่านดูก่อนแล้วกัน นายรู้ใช่ไหมว่าบางครั้งต้องตามฉันไปข้างนอกด้วย”  ร่างสูงบอกรายละเอียดที่ผมต้องเตรียมตัว เพื่อที่จะออกไปทำงานข้างนอก

             “ครับ เอ่อ ..แต่ว่าเราจะกลับมากี่โมงครับผม ถ้าเย็นมากผมกลัวว่าจะไปรับหลานไม่ทัน กลัวแกจะรอนาน  ถ้ามืดมากผมก็เกรงใจครูที่อยู่เป็นเพื่อนตุลย์” ผมเอ่ยถามออกไป รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเวลาเลิกงานนิดหน่อย ถ้าออกไปข้างนอกแล้วกลับมาค่ำเกินไปแล้วปล่อยให้ตุลย์รอนานผมก็สงสารหลาน

             “ไม่แน่ใจเพราะการประชุมข้างนอกบางทีถ้างานไม่มีปัญหาอะไรก็เสร็จไว แต่ถ้าปัญหาในที่ประชุมเยอะเกินไปก็อาจจะต้องใช้เวลาในการพูดคุยกันนานกว่าปกติ”
 
             “เดี๋ยวให้คนขับรถไปรับเด็ก ๆ แล้วให้หลานนายไปรอที่บ้านฉันแล้วกัน ให้เล่นกับน้องฟ้าไปก่อน เผื่อว่าเรากลับมาค่ำเกินไป” ร่างสูงของคุณภูเสนอให้คนขับรถที่บ้านของเขาไปรับหลานกับลูกชาย ซึ่งผมก็ต้องตอบรับแหล่ะครับ เพราะไม่เช่นนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะไปรับตุลย์ได้กี่โมง แล้วมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรด้วย เพราะว่าบ้านก็อยู่ติดกัน แถมเจ้าหลานชายเขาจะได้มีโอกาสอยู่กับน้องฟ้าอีกต่างหาก ถือว่าวินวินแล้วกันนะ   

             “ขอบคุณครับ คุณภูมีอะไรสั่งอีกไหมครับเดี๋ยวผมจะได้ออกไปเตรียมข้อมูลโครงการคอนโด Sky View ให้พร้อม”

             “ไม่มีแล้ว นายออกไปทำงานเถอะ แล้วให้นริศราเข้ามาหาฉันด้วย”

             “ครับ” ผมรับคำแล้วเดินออกจากห้องทำงานออกมา

             “พี่นริศ คุณภูให้พี่เข้าไปพบครับ” ผมแจ้งกับนริศราว่าท่านประธานต้องการพบ

             “โอเค ขอบใจจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยจบแล้วก็ลุกจากเก้าอี้ตัวเองเดินตรงไปยังห้องทำงานของประธานบริษัททันที

             ผมเดินเข้าไปที่ประตูบานเล็ก ๆ ข้างหลังโต๊ะ ในห้องนั้นเป็นห้องที่เก็บเอกสารต่าง ๆ มีตู้มากมายตั้งอยู่ภายในห้องนั้น  ตู้เอกสารก็แยกกันไปตามบริษัทต่าง  ๆในเครือ เพราะแต่ละบริษัทก็ทำธุรกิจแตกต่างกันออกไป ผมเดินเข้าไปที่ตู้เอกสารที่ติดป้ายบริษัท โภคิน เรียลเอสเตรท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทในเครือทั้งหมดของ โภคิน เรียลเอสเตรท กรุ๊ป ไล่สายตาไปตามสันแฟ้มต่าง ๆ ที่เก็บแยกรายละเอียดของแต่ละโครงการเอาไว้ แฟ้มมากมาย  เมื่อเห็นชื่อโครงการที่ต้องการก็หยิบออกมาจากชั้นที่ใส่แฟ้มนั้น  แฟ้มสรุปโครงการมีประมาณ  3 แฟ้ม ซึ่งนี่แค่รายงานคร่าว ๆ เท่านั้นเพราะรายละเอียดต่าง ๆ ที่มีมากมายจะส่วนมากจะอยู่ที่โครงการก่อสร้างซะมากกว่า

             เมื่อได้เอกสารแล้วผมก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ซึ่งออกมาก็พบว่านริศราออกมาจากห้องท่านประธานแล้ว หญิงสาวหันมายิ้มให้นิดนึง

             “คุณภูบอกว่าวันนี้จะให้กันต์ไประชุมที่ไซท์ด้วย” เธอเอ่ยถามคงทราบมาจากคนในห้องนั่นแหล่ะ

             “ครับ คุณภูให้ไปเพื่อศึกษาโครงการก่อสร้าง นี่ผมก็เข้าไปเอาแฟ้มมาอ่านรายละเอียดโครงการคร่าว ๆ เพราะต้องรู้ข้อมูลไว้บ้าง เดี๋ยวไปประชุมจะไม่รู้เรื่อง จดอะไรไม่เข้าใจจะโดนดูเอาได้ ผมยังไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อนก็คงต้องศึกษาให้มาก ๆ ครับพี่นริศ” ผมวางแฟ้มลงบนโต๊ะทำงานตัวเอง พลางหันไปตอบคำถามที่นริศราถามมา

              “อืม ดีแล้วล่ะ เมื่อก่อนตอนที่ยังหาใครมาทำตำแหน่งนี้ไม่ได้นะ คุณภูยุ่งน่าดู เพราะออกไปประชุมโครงการคนเดียว ไม่มีผู้ช่วย พี่จะไปด้วยก็ไม่ให้ไปบอกว่า ไซท์ก่อสร้างมันอันตราย ผู้หญิงไม่ควรไปถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ“

             ที่นริศรากล่าวออกมาก็จริงนะ ไซท์ก่อสร้างไม่ว่าที่ไหนก็มีเป็นสถานที่ค่อนข้างอันตรายอยู่แล้ว ยิ่งถ้าผู้หญิงที่ไม่คุ้นชินกับสถานที่นั้นแล้วเข้าไปทำงานอาจจะมีบาดเจ็บกันได้ ที่ต้องการผู้ช่วยผู้ชายสาเหตุนี้ก็เป็นสาเหตุหลักที่รับสมัครก็ได้ เพราะความคล่องตัวในหลาย ๆ เรื่อง 

             ผมนั่งอ่านแฟ้มโครงการ พบว่าโครงการนี้เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับสูงที่หนึ่งเลยทีเดียว เนื่องด้วยสถานที่ก่อสร้างอยู่ใจกลางเมือง ติดรถไฟฟ้า ใกล้ริมน้ำเจ้าพระยา มีจำนวน 50 ชั้น  ห้องแต่ละห้องมีลิฟท์ส่วนตัวที่มีเฉพาะเจ้าของห้องที่มีคีย์การ์ดเท่านั้นที่สามารถใช้ได้  นับว่าเป็นคอนโดที่ค่อนข้างจะหรูหราเลยทีเดียว ห้องพักที่นี่มีขนาดแตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่ 1 ห้องนอน  2 ห้องนอน หรือเป็นแบบดูเพล็กซ์ซึ่งมี 2 ชั้น รวมถึงห้องแบบเพนท์เฮาส์ ซึ่งราคาก็แตกต่างกันไป ผมนึกสงสัยว่า ลูกค้าที่มาซื้อจะเป็นคนแบบไหนหันนะ ที่มาซื้อคอนโดราคาหลัก สิบล้านอยู่อาศัย

             โครงการนี้เริ่มมาได้ปีกว่าแล้ว รายละเอียดต่าง ๆ ก็เยอะตามไปด้วย แต่ผมก็แค่อ่านให้ผ่านตาพอ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเจาะรายละเอียด เดี๋ยวไปประชุมค่อยไปฟังรายละเอียดต่าง ๆ

             เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งเลยทีเดียว คนกำลังมีสมาธิอยู่ เฮ้อ...ยื่นมือไปรับโทรศัพท์พร้อมกรอกเสียงไปตามสาย

             “สวัสดีครับ”
 
             “อ่านแฟ้มโครงการหรือยัง” เสียงเข้มดังมาจากอีกฟากของสายพร้อมคำถาม

             “อ่านแล้วครับ แต่ยังไม่ครบเท่าไร” ผมตอบออกไป ก็มันเยอะอ่ะแค่  3 แฟ้มแต่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจนะครับ ก็คนมันไม่เคยทำงานสายก่อสร้างนี่นา เรียนก็ไม่ได้เรียนมาสายนี้

             “งั้นพอแค่นั้นแหล่ะ เก็บของแล้วออกไปเลย ข้าวกลางวันไปหาทานข้างนอกอีก  10 นาที รออยู่นั่นแหล่ะ” คุณภูสั่งออกมาซึ่งก็ทำให้ผมต้องหันไปมองนาฬิกา เห็นเวลาแล้วก็ตกใจนิดหน่อย นี่เขานั่งอ่านเอกสารตั้ง 3 ชั่วโมงโดยไม่ลุกไปไหนเลยได้ยังไง

             “ครับ แล้วต้องเอาเอกสารอะไรไปหรือเปล่าครับคุณภู” ถามเพื่อความมั่นใจเดี๋ยวลืมเอาอะไรไปจะโดนอีกรอบ

             “ไม่ต้อง ที่โน่นเขามีเตรียมไว้ให้หมดแล้ว แต่ถ้านายอาจจะจดอะไรก็เตรียมสมุดของนายไปด้วยละกัน”

            “ครับ งั้นผมขอเตรียมตัวเลยนะครับ” ผมวางสายจากเจ้านายแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  แต่ก็ต้องรีบเก็บเอกสารไปไว้ในตู้ที่เดิม

            อีกสิบนาทีไม่ขาดไม่เกิน ร่างสูงของคุณภูดิสก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกระเป๋าหนึ่งใบ ผมรีบเดินไปรับกระเป๋าจากร่างสูงมาถือ แต่ร่างสูงกลับชยับหนีมือผม

             “ไม่ต้อง ฉันถือเองได้นายก็มีของนายใบนึงแล้ว ตัวแค่นี้จะมีแรงถือกระเป๋าฉันได้ยังไง มันหนัก” ครับ ไม่ให้ถือก็ได้ครับแต่ไม่เห็นต้องว่าประชดกันเลย ถึงผมจะตัวเล็กแต่ก็ผู้ชายทั่วไปนะครับ มีเรี่ยวแรงพอจะถือไอ้กระเป๋านี่ได้หรอกน่า แต่ก็ดีครับจะได้ไม่หนัก ให้ร่างสูงถือไปเองเลย ผมเสนอตัวแล้วนะมาว่าทีหลังไม่ได้ด้วยล่ะ

             เราลงลิฟท์มาที่ชั้นจอดรถ  ผมเดินตามหลังร่างสูงมาที่รถยนต์ของเจ้าตัว เสียงปลดล็อคดังขึ้นพร้อมสัญญาณไฟปลดล็อค คุณภูเดินไปเปิดประตูหลังวางกระเป๋าไว้ที่เบาะหลังซึ่งผมก็ทำเช่นเดียวกัน แล้วเอื้อมมือมาเปิดประตูหน้าเพื่อจะเข้าไปนั่ง คุณภูดิสสตาร์ทรถแล้วขับออกจากลานจอดรถทันที

             ผ่านมาครึ่งชั่วโมงยังไม่มีเสียงหรือบทสนทนาออกมาจากเราทั้งสองคนเลยครับ บรรยากาศวังเวงมากมาย คุณภูเงียบมาก ตั้งใจขับรถอย่างเดียว สักพักได้ยินเสียงเปิดไฟเลี้ยวซ้าย มองไปจึงได้เห็นว่าเป็นร้านอาหารแห่งหนึ่ง คงแวะทานอาหารกลางวัน

             เมื่อจอดรถเรียบร้อยผมเดินตามร่างสูงเข้าไปในร้านอาหาร พนักงานต้อนรับออกมาเชิญไปที่โต๊ะ ร้านนี้เป็นร้านอาหารไทย บรรยากาศร่มรื่น  พนักงานเดินนำหน้าไปยังโต๊ะข้างในซึ่งเป็นที่ส่วนตัวพอสมควร รอจนร่างของเจ้านายนั่งลงแล้ว ผมจึงนั่งลงตรงข้าม ด้านซ้ายเป็นผนันงกระจก ด้านนอกมีโต๊ะสำหรับลูกค้าที่ต้องการบรรยากาศธรรมชาติ แต่เวลานี้ของกรุงเทพ ฯ ไม่ไหวล่ะครับ แดดขนาดนี้ ขอหลบเข้าห้องที่มีเครื่องปรับอากาศด้านในดีที่สุด

              พนักงานยื่นเมนูอาหารให้  คุณภูยื่นมือไปรับแต่ไม่ได้เปิดอ่านกลับสั่งอาหารออกมาอย่างรวดเร็ว  3 รายการ ซึ่งเป็นอาหารที่คุ้นเคยดีอยู่แล้ว

             “นายจะทานอะไรก็สั่งเลยแล้วกัน  ทานให้อิ่มเดี๋ยวประชุมนาน ๆ จะหิวเอาอีกได้ เพราะคาดว่าวันนี้น่าจะยืดเยื้อ เพราะอีก 5 เดือนจะถึงกำหนดที่อาคารจะต้องแล้วเสร็จ จึงต้องมีรายละเอียดให้ตรวจเช็คมาก” คุณภูมองมาที่ผมแล้วเอ่ยบอกรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งยังกำชับให้ผมกักตุนอาหารให้มากเข้าไว้ คงกลัวว่าผมจะทนไม่ไหวล่ะซิ 

             ผมสั่งอาหารออกไปอีกสองอย่างซึ่งเป็นอาหารที่ผมอยากทาน ไอ้รายการที่คุณภูสั่งก็น่าทานนะครับ แต่ผมอยากทานของโปรดผมนี่นา ก็ให้สั่งเองนิ ช่วยไม่ได้เลยต้องสนองตอบความต้องการของร่างสูงสักหน่อย

             “นายเคยเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯใช่ไหม แล้วทำไมถึงกลับไปทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด ไม่หางานทำในกรุงเทพฯล่ะ ในเมื่อสาขาที่นายเรียนมาที่ต่างจังหวัดไม่น่าจะมีงานรองรับมากนี่” คุณภูถามออกมาหลังจากเรานั่งเงียบกันได้สักครู่ใหญ่หลังจากการสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว

             “ผมกลับไปช่วยงานพี่สาวครับ เพราะเราเหลือกันอยู่แค่สี่คนในครอบครัว รวมพี่เขยกับหลานชายผม  พี่ไม่อยากให้ผมอยู่ตัวคนเดียวอีกเลยขอร้องให้กลับไปทำงานมี่ต่างจังหวัด แล้วผมก็อยากกลับอยู่แล้วเลยตอบตกลงพี่สาวไป เลยช่วยงานที่บ้านด้วยแล้วก็งานที่ทำถึงแม้จะได้รายได้ไม่เยอะ แต่เราก็มีความสุขกันตามอัตถภาพ” ผมนึกถึงพี่สาวในวันที่พี่ขอร้องให้ผมกลับไปหางานที่บ้านเกิด ตอนที่ผมเรียนจบ พี่บอกว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน ถึงไม่รวยก็มีความสุขกับครอบครัวเราได้ เพราะเราก็ไม่ได้เดือดร้อนกันเท่าไร
 
             “อืม แล้วคิดยังไงถึงได้พาหลานชายกลับมาหางานทำที่กรุงเทพฯ ไหนว่าชอบต่างจังหวัดไง” เสียงทุ้มถามต่ออย่างสนใจในชีวิตของผม

             “เพราะว่าพี่สาวและพี่เขยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุนะครับ เลยคิดว่าต่อไปเราก็เหลือกันแค่สองคนน้าหลาน อนาคดของตุลย์จะเอายังไงดี เพราะว่าร้านอาหารที่บ้านพอพี่เสียก็ทำต่อไปไม่ได้ ตอนนั้นคิดหนักมากเหมือนกันแต่ก็ตัดสินใจว่าขายร้านอาหาร ขายบ้าน มาหางานทำที่กรุงเทพฯ คงพออยู่ได้ ที่สำคัญคือการศึกษาของตุลย์ ผมอยากให้เขาได้เรียนที่ดี ๆ เพราะผมคงทำให้หลานได้แค่เรื่องการศึกษา การเลี้ยงดูเอาใจใส่เท่านั้นเอง” ผมย้อนนึกถึงวันที่ต้องตัดสินใจว่าจะจัดการกับชีวิตหลังจากสูญเสียคนสำคัญไปอย่างไรดี  คิดแต่ว่าทำอย่างไรที่จะให้ตุลย์มีชีวิตอยู่อย่างดีที่สุด เลยตัดสินใจที่จะมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯอีกครั้ง

              พนักงานนำอาหารมาเสริฟพร้อมกับการสนทนาหยุดลงอีกครั้ง เราสองคนจึงเริ่มจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะยังต้องใช้เวลาในการขับรถไปให้ถึงไซท์งานที่นัดประชุม  อาหารมื้อนี้จึงเป็นอาหารมื้อแรกที่ผมได้นั่งทานกับคุณภูถึงแม้ว่าเราจะพูดคุยกันน้อย แต่ผมก็เริ่มจะเข้าใจอย่างหนึ่งแล้วว่า คุณภูไม่ได้เย็นชาเหมือนภายนอกที่เขาแสดงออกมา  แต่ยังมีความเอาใจใส่ลูกจ้างอย่างผมด้วยการถามไถ่พูดคุยถึงเรื่องราวและสาเหตุบางอย่างที่ผมต้องมาหางานทำและเลี้ยงดูหลานชายเพียงคนเดียว  ไม่แน่นะผมอาจจะทำงานที่นี่อย่างมีความสุขมากกว่าที่คิดก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะ




*********************************************************



ขอโทษที่มาสั้น ๆ แล้วหายไปนานค่ะ ยุ่งเรื่องงาน อบรม แล้วก็เก็บของเตรียมย้ายห้อง หลังต้นเดือนคงมาแบบติด ๆ ไม่ห่างแน่นอนค่ะ ^_^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2016 09:10:36 โดย มารน้อย เจ้าสำนัก »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ขอความช่วยเหลือหน่อยค่ะ ใครใส่ปลั๊กอินเพจเป็น รบกวนบอกเราหน่อย  ทำยังไงก้อไม่ได้สักที ท้อใจแล้วเนี่ย T_T

 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :sad4: :sad4: :sad4: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด