<@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59  (อ่าน 26243 ครั้ง)

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ปี๊น ปี๊น เสียงแตรรถดังมาสองครั้งเรียกความสนใจของเราสองคนน้าหลานให้ส่งสายตาไปที่หน้าบ้าน ตุลย์รีบวิ่งออกไปที่หน้าประตูบ้านโดยที่ไม่ได้รอผมเลย  ผมเลยได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินออกจากบ้าน จัดการล็อคประตูให้เรียบร้อยก่อนจะเดินตามหลานชายออกไป




แทนที่จะเห็นรถคันที่คุณภูใช้เป็นประจำวันนี้กลับเห็นรถเอสยูวีคันใหญ่จอดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน เดินไปเปิดประตูหลังเพื่อจะขึ้นไปกลับกลายเป็นว่ามีร่างน้อย ๆ ของน้องฟ้านั่งยิ้มแฉ่งรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นเท่านั้นแหล่ะไอ้อ้วนก็กระโดดขึ้นไปนั่งข้าง  ๆ กัน ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับนอกจากปิดประตูหลังแล้วเปิดประตูหน้าขึ้นไปนั่งแทน



“น้ากันต์จะซื้อต้นอะไรครับ ฟ้าถามคุณพ่อแล้วแต่คุณพ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน” น้องฟ้ายื่นหน้ามาถามระหว่างช่องว่างของเบาะคนขับกับคนนั่งข้าง ๆ คือผม



“ก็คงจะซื้อต้นมะลิแหล่ะ เพราะตุลย์อยากได้เวลาออกดอกแล้วหอมดี อย่างอื่นก็ไม่รู้เดี๋ยวค่อยไปดูเอาว่าที่ร้านมีอะไรมั่ง”



“ฟ้าเลือกด้วยได้ไหม ฟ้าจะเอาไปปลูกที่บ้าน”



“อ้าว แล้วที่บ้านไม่มีดอกไม้หรอ บ้านออกจะกว้างนี่ครับ” ผมหันไปถามเด็กน้อยช่างพูด



“มีแต่ต้นไม้ครับ ดอกไม้ไม่เห็นจะมีเลย คุณพ่อให้คุณลุงที่ทำสวนปลูกดอกไม้ที่ฟ้าจะซื้อด้วยนะครับ” หันหน้ามาตอบผม แล้วก็หันไปหาคุณภูที่กำลังขับรถอยู่



“ครับ เดี๋ยวน้องฟ้าอยากได้ต้นอะไรก็ชี้เอาเลย เดี๋ยวพ่อให้ลุงสมมาช่วยหนูปลูกดีไหม” ตามองถนนแต่ก็ยังส่งเสียงตอบลูกชาย



“นี่ ๆ น้องฟ้า เดี๋ยวตุลย์บอกให้ว่าต้นไหนหอม ต้นไหนสวย แล้วตุลย์จะไปช่วยปลูกให้ก็ยังได้เลย ตอนอยู่บ้านหลังเก่า ตุลย์ช่วยแม่ประจำ เนอะน้ากันต์เนอะ” ไอ้อ้วนของผมออกตัวล้อฟรีเลยงานนี้



“ครับ ๆ ตุลย์เก่ง” ผมตอบรับคำถามแล้วหันไปยิ้มให้ทั้งสองคน



เสียงเด็กทั้งสองคนคุยกันดังอยู่ด้านหลังซึ่งตอนนี้ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง  นานแล้วตั้งแต่เรียนจบก็ไม่ได้เข้ากรุงเทพมาอีกเลย ตอนแรกก็คิดไว้ว่าจะมาเดินหาต้นไม้กันสองคนกับตุลย์ แต่ตอนนี้มีสมาชิกมาเพิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องขับรถให้เมื่อย




ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ คุณภูขับรถไปจอดที่ลานจอดรถของตลาดจากนั้นเราจึงเดินมาดูร้านขายต้นไม้ที่มีอยู่ตลอดแนวถนน มีดอกไม้ ต้นไม้หลากหลายสายพันธ์รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการปลูก บำรุงรักษาต้นไม้ขายด้วย



คุณภูจูงมือน้องฟ้าเพราะน้องฟ้าไม่ยอมให้อุ้มซึ่งตอนแรกมันก็ทำให้คุณภูต้องคิ้วขมวดแต่เมื่อน้องฟ้ายืนยันว่าจะเดินเองก็ทำได้แค่จูงมือเล็ก ๆ นั้น ส่วนตุลย์นะเหรอ รายนั้นไม่ต้องห่วงเดินอยู่ข้าง ๆ น้องฟ้าเรียบร้อย แม้ว่ามือของน้องฟ้าจะมีมือใหญ่อีกมือจับจูงอยู่ก็ตาม



“นายจะซื้อต้นอะไรบ้าง คิดไว้หรือยัง” ร่างสูงของคุณภูหันมาถามผมที่เดินตามมาข้างหลัง



“ก็ต้นมะลิ อันดับแรก ส่วนอย่างอื่นก็เดี๋ยวเดินดูไปเรื่อย ๆ ครับ”



“งั้นเข้าไปหลาย ๆ ร้านแล้วกันเผื่อว่ามีต้นไม้ที่อยากได้”



“คุณภูกับน้องฟ้าทานข้าวเที่ยงหรือยังครับ นี่ก็เที่ยงแล้วนะถ้ายังก็ไปทานกันก่อนดีกว่าเดี๋ยวเด็ก ๆ จะหิว” ผมเอ่ยปากชวนร่างสูงไปทานข้าว



“ยัง น้องฟ้าหิวหรือยังครับ พ่อก็ลืมดูเวลาไปเลยว่านี่มันเลยเที่ยงแล้ว” พลางก้มลงไปถามลูกชาย



“เริ่มหิวเหมือนกันครับ แต่ได้ทานขนมไปที่บ้านน้ากันต์หน่อยนึงแล้ว”



“งั้นเราไปทานข้าวกันก่อนเนอะ” นิสัยผมอย่างนึงคือถ้าถึงเวลาอาหารต้องทานก่อนเพราะไม่อยากให้โรคกระเพาะถามหาเหมือนสมัยเรียนที่ไม่ค่อยได้ทานข้าวเป็นเวลา ยิ่งเดี๋ยวนี้อยู่กับตุลย์ยิ่งต้องเป็นเวลามากขึ้นเพื่อหลานได้ติดเป็นนิสัย



เราทานอาหารในร้านที่อยู่แถว ๆ นั้นเพื่อความสะดวก เด็ก ๆ ท่าทางตื่นเต้นที่ได้มาเดินตลาดนัดแบบนี้ ตุลย์นะไม่เคยมาแน่นอน แต่น้องฟ้านั่นพ่อคงหวงอีกตามเคยคงไม่ยอมให้ลูกชายมาเดินตากแดดแบบนี้หรอก แล้วนี่คิดยังไงถึงตามมาซื้อต้นไม้ท่ามกลางอากาศร้อนมหาโหดแบบนี้



“น้องฟ้าเคยมาที่นี่ไหมครับ” ลองถามสักหน่อยแต่คงไม่ผิดไปจากที่คาดไว้หรอก



“ไม่เคยหรอกครับน้ากันต์ คุณพ่อไม่ว่างพามาเที่ยวเท่าไรหรอกครับ นาน ๆจะได้ไปเดินห้างด้วยกัน เท่านั้นฟ้าก็ดีใจมากแล้วล่ะ”



“คุณพ่อเขากลัวน้องฟ้าจะไม่สบายไงครับ เพราะอากาศที่นี่มันร้อนมาก น้องฟ้าเป็นเด็กก็กลัวว่าจะไม่สบายง่ายกว่าผู้ใหญ่ไงครับ”




“คงอย่างนั้นแหล่ะ แต่ฟ้าก็อยากไปที่อื่นที่ไม่ใช่ห้างด้วยนี่นา” ทำแก้มป่องออกมาซะน่ารักเชียว



ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงในการทานอาหารกลางวันซึ่งทุกเมนูก็หมดเกลี้ยงไปด้วยเด็กน้อยสองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทานกัน ส่วนร่างสูงของคุณภูแค่นั่งทานไปเงียบ ๆ คอยดูน้องฟ้าเป็นระยะเท่านั้นเอง



ผมเดินเข้าออกร้านขายต้นไม้เพื่อถามราคาและดูว่ามีพอจะให้เราปลูกหรือเปล่า โดยมีร่างสูงของคุณภูเดินข้าง ๆ แต่เด็กทั้งสองคนเดินไปดูดอกไม้อื่น ๆ ใกล้ ๆ กันแต่ก็ยังอยู่ในสายตาเราทั้งสองคนเสมอ




“มะลิพวกนี้มีเยอะไหมครับ ผมอยากได้สัก 50 ต้น” ผมหันไปถามจำนวนของต้นมะลิจากเจ้าของร่าง ซึ่งเป็นชายร่างท้วมดูท่าทางใจดี



“มีเยอะเลยละคุณ พอที่ต้องการอยู่ครับ แล้วอยากได้มะลิอย่างเดียวหรือครับ สนใจดูต้นอื่นด้วยไหม ร้านเรามีต้นไม้หลายพันธ์มากเลยนะ”  เจ้าของร้านตอบกลับคำถามของผม แล้วแนะนำต้นไม้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในร้านไปด้วย



“ผมอยากได้พวกไม้ดอกกลิ่นหอมน่ะครับ พอจะมีอะไรบ้าง”



“ทางนี้มีพวก โมก ดอกแก้ว จำปี จำปา กุหลาบ  ดอกปีบ ประมาณนี้แหล่ะครับแล้วแต่ชอบ”



“นายอยากได้พวกต้นเตี้ย ต้นสูงหรือไม้เลื้อยล่ะ” เสียงทุ้มของคุณภูหันมาถามผม ทำให้ผมคิดว่าผมจะปลูกแบบไหนดี เพราะมะลิก็เป็นพุ่มเตี้ย


“อืม เอาไหนดีล่ะครับ ช่วยคิดหน่อยสิ ผมนึกไม่ออกว่าจะทำแบบไหนดี”



“นายเนี่ยนะ นี่ไม่ได้คิดอะไรมาก่อนเลยรึไง แล้วถ้าออกมากันแค่สองคนน้าหลานจะทำยังไง ซื้อไปก่อนแล้วค่อยคิดเหรอ” เสียงบ่นดังออกมาจากปากของคุณภู



“ก็คนมันไม่มีความรู้ด้านนี้นี่นา ก็คิดว่ามาถามเอากับคนขายก็คงได้นี่ครับ”



“เฮ้อ ... เอาเหอะ ๆ  งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เอาต้นปีบไปสัก 3 ต้น ต้นมันก็ไม่ได้สูงมากหรอกแต่ดอกมันหอม ส่วนพวกต้นเตี้ย ๆ ก็เอาดอกแก้ว  ต้นหอมเจ็ดชั้น ไปสักอย่างละ 10 ต้นก็น่าจะพอแล้ว บ้านยิ่งแคบ ๆ อยู่ด้วย”



“ดอกแก้วผมรู้จักแต่ หอมเจ็ดชั้นเนี่ยเป็นยังไงแล้วร้านเขาจะมีไหมล่ะ” ต้นไม้ที่ร่างสูงเอ่ยมาผมรู้จักหมดนะครับยกเว้นไอ้ต้นหอมเจ็ดชั้นเนี่ยแหล่ะ มันจะหอมไปไหนตั้งเจ็ดชั้น



“มันก็เป็นพวกไม้พุ่มนี่แหล่ะ แต่ดอกมันหอมอ่อน ๆ ดอกคล้าย ๆ ดอกเข็มสีขาว ตอนแรกดอกสีขาวแต่บานสัก 2 -3 วันจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง แล้วก็สีส้มจากนั้นก็โรย” คุณภูอธิบายเสียจนผมอยากเห็นแล้วล่ะครับ



“ที่นี่มีต้นหอมเจ็ดชั้นไหมครับ” พูดกับผมไม่ทันจบดีก็หันไปหาเจ้าของร้านทันทีเลย



“อ้อ มีครับแต่ไม่แน่ใจว่ามีอยู่เท่าไรเดี๋ยวผมให้ลูกน้องไปนับมาให้สักครู่นะครับ เดินดูรอบ ๆ ร้านก่อนก็ได้” ว่าแล้วก็หายลับไปอีกด้าน ปล่อยให้พวกเรายืนอยู่กับที่



ผมก็เดินดูต้นไม้รอบ ๆ จนกระทั้งได้ยินเสียงของเด็ก ๆ ดังขึ้นข้าง ๆ




“น้ากันต์ ๆ ปลูกคุณนายตื่นสายได้ไหม ดอกมันสวยมากกกกก”




“หือ ..คุณตุลย์ตื่นสายยังไม่พอหรอ ต้องให้คุณนายตื่นสายตามไปด้วยหรือตุลย์”




“ง่ะ น้ากันต์อ่า....นะ นะ นะ มันสวย แม่เคยปลูกตุลย์จำได้ น้องฟ้าก็บอกว่าสวยจะปลูกเหมือนกัน “ ตุลย์ยื่นถุงคุณนายตื่นสายมาตรงหน้า ผมมองสีสันในมือป้อม ๆ




“ก็ได้ แต่ตุลย์ปลูกเองนะ น้าไม่ช่วยหรอก ใครอยากปลูกต้องดูแล รักษา ให้ปุ๋ยให้น้ำกันเอาเองล่ะ เข้าใจไหม”



“ครับ งั้นเอาไปเยอะ ๆ ได้ไหมคุณนายจะได้มีเพื่อนอยู่ด้วยกัน”



“ได้แค่ 10 ถุงพอนะตุลย์เดี๋ยวไม่มีที่ปลูกอย่างอื่น บ้านเราที่น้อย”



“ 10 ก็ 10 ไปกันเถอะน้องฟ้าไปเลือกคุณนายตื่นสายกัน” แล้วก็จูงมือน้องฟ้าไปทางที่ต้นคุณนายตื่นสายเรียงรายกันเป็นแถว คุณภูเดินตามน้องฟ้าไปด้วยคงไปดูเด็ก ๆ ผมเลยเดินดูอย่างอื่นไปพลาง ๆ



“คุณพ่อ ฟ้าเอาไปได้กี่ต้นครับ”




“น้องฟ้าอยากได้เยอะไหมล่ะ แต่เดี๋ยวคุณนายก็ขยายออกมาเอง เอาไปแค่พอประมาณก็พอ ปลูกแปลงไม่ต้องใหญ่หรอก” คุณภูตอบคำถามน้องฟ้า พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ ลูกชายตัวน้อยเพื่อช่วยเลือกต้นคุณนายตื่นสาย



หลังจากที่เจ้าของร้านกลับออกมาเพื่อบอกจำนวนต้นไม้ที่เราต้องการว่ามีเพียงพอ ผมก็จัดการซื้อแล้วจ่ายเงินแต่ปัญหาคือจะขนกลับไปยังไงนี่สิ ลืมไปเลย



“ทางร้านมีบริการส่งใช่ไหมครับ” ร่างสูงถามออกมาอย่างกับจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่



“ครับ ถ้าไม่ไกลเราส่งให้ฟรี แต่ไกลกว่านั้นก็ขอค่าน้ำมันนิดหน่อยพอครับ ว่าแต่จะให้ส่งที่ไหนครับ”



“แถวเกษตรตัดใหม่ครับ” ผมหันไปตอบแทนคุณภู



“อ้อ ถ้าแถวนั้นไม่ไกลเท่าไร ผมส่งให้ฟรีได้ครับ” โอ๊ะ....ไม่ต้องเสียเงินค่าส่งด้วยดีจัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า เปล่างกนะแต่ว่าอะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัดผมไม่ได้รวยนี่ครับ พนักงานกินเงินเดือนไม่กี่หมื่นเอง



                เจ้าของร้านถามที่อยู่เพื่อที่จะไปส่งต้นไม้ ซึ่งคุณภูก็เป็นคนจัดการให้หมด ผมเลยไม่ต้องทำอะไรได้แต่ยืนเฉย ๆ ข้าง ๆ ร่างสูงนั่นเอง

                “น้ากันต์ เสร็จแล้วกลับบ้านเลยหรอ ยังไม่ค่ำเลยอ่ะ” เสียงตุลย์ถามเหมือนจะอยากเดินเล่นต่อนะอ้วน



      “แล้วตุลย์จะไปไหน ไปเดินเล่นในตลาดนัดไหมล่ะ แต่ร้อนนะทนไหวหรอ ดูน้องฟ้าสิ ตอนนี้หน้าแดงเหงื่อเต็มหน้าแล้ว” ผมหันไปมองหน้าเด็กชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของเจ้าตัว



“ฟ้าอยากไปเดินเล่นต่อ เราไปได้ไหมครับคุณพ่อ” ใบหน้าเล็ก ๆ แดงระเรื่อหันไปอ้อนพ่อขอให้พาไปเดินเล่นก่อนเพราะไม่อยากกลับแล้วก็ไม่เคยมาที่นี่



“งั้นก็ได้ครับ ไปก็ไป” เสียงทุ้มตอบตกลงจะที่จะพาลูกชายไปตะลุยตลาดนัดแล้ว ผมได้แต่นึกในใจจะไปรอดไหมเนี่ย เคยมาสมัยเรียนแต่ตอนนี้มันไม่ได้เหมือนสมัยยังวัยรุ่นนะครับคุณ



“เย้ๆ ได้ไปเที่ยวตลาดแล้ว” ยิ้มแก้มปริเชียวน้องฟ้า



“งั้นไปกันเลย” เสียงจากตุลย์ดังตามมาเป็นลูกคู่ด้วยคน จากนั้นขบวนหนุ่ม ๆ ก็เริ่มเดินออกไปทางตลาดที่มีผู้คนเดินอยู่อย่างคับคั่งสมกับที่เป็นวันหยุด



ร้านแรกที่เราเจออยู่ในโซนด้านหลังสวน ซึ่งมีบรรดาร้านขายของตกแต่งบ้าน ร้านหนังสือเก่า รวมถึงเสื้อผ้าแฟชั่นต่าง ๆ ผู้คนที่มาเดินส่วนมากจะเป็นวัยรุ่น รวมถึงวัยทำงาน แต่ผมสังเกตว่าชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจกับสินค้าที่นี่เหมือนกัน อาจเพราะว่าราคาถูกและงานฝีมือต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ



“น้ากันต์ ๆ ร้านนี้มีเสื้อนกโกรธด้วย ซื้อให้ตุลย์หน่อยได้ไหมอ่า” เสียงที่สะกิดให้ผมสนใจคือเสียงของตุลย์ที่หยุดที่ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก ซึ่งภายในร้านมีเสื้อกางเกง ลายการ์ตูนลิขสิทธิ์อยู่หลากหลาย



“อยากได้เหรอ ที่บ้านมีหลายตัวแล้วนะ”




“ครับ ก็พวกนั้นไม่มีลายนี้นี่นา นะ นะ นะ ซื้อให้ตุลย์หน่อยนะ อยากได้จริง ๆ”




“โอเค ๆ อยากได้ก็จะซื้อให้ ไหนมาดูสิว่าอยากได้ตัวไหน  น้องฟ้าอยากได้ไหมครับ น้ากันต์ซื้อให้ไปเลือกกัน” ผมหันไปถามน้องฟ้าอีกคนเผื่อว่าน้องอยากได้



“อืม ฟ้าขอดูก่อนนะครับ ไม่รู้ว่ามีแบบที่อยากได้หรือเปล่า” น้องฟ้าทำท่าคิดแล้วเดินวนดูเสื้อ



“น้ากันต์ ตุลย์เอาตัวนี้นะ เสื้อกับกางเกง พอล่ะ เดี๋ยวเจอร้านอื่นอีก อิอิ”




“อ้าว ๆ จะซื้ออีกเหรอ มากไปไหมตุลย์ ให้ชุดเดียวพอแล้วมั้ง เนี่ยน้องฟ้ายังไม่ได้ของเลย ตัวเองคิดจะซื้อร้านอื่นซะล่ะ”




“โห ก็ถ้าเจอไง น้ากันต์ถ้าเจอไม่เจอก็แล้วไปสิ” แล้วดูพูดเข้าแต่ดีนะซื้อที่ตลาดนัดถ้าไปเจอในห้างแพงกว่านี้แน่นอน ซวยได้อีกไอ้กันต์



“คุณพ่อฟ้าซื้อตัวนี้ได้ไหมครับ” เสียงน้องฟ้าเรียกให้ผมมองมือเล็ก ๆ ที่ชี้ไปที่เสื้อยืดสีฟ้าตัวหนึ่งซึ่งเป็นลายหมีพูห์กับเสือทิกเกอร์



“ไหนครับขอพ่อดูเนื้อผ้าหน่อยนะ ว่าใส่สบายหรือเปล่า” หือ.....ละเอียดกว่าที่คิดนะเนี่ย




“อืม ได้ครับ เนื้อผ้าน่าจะใส่สบายงั้นน้องฟ้าเอาสีนี้นะ  คิดเงินทั้งหมดรวมกันเลย” ใบหน้าเข้มที่พลิกเสื้อดูเนื้อผ้าอย่างตั้งใจ  คิ้วที่ขมวดเวลาทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ถ้าเรื่องของลูกชายแล้วคุณภูตั้งใจใส่ใจทุกรายละเอียด



“เดี๋ยวผมจ่ายให้เองคุณภู คุณอุตส่าห์พาผมมาซื้อต้นไม้” ผมแย้งขึ้นทันทีที่คุณภูให้คนขายคิดเงินรวมกันแล้วมือใหญ่ก็กำลังหยิบกระเป๋าเงินออกมา



“ไม่ต้องฉันจ่ายให้น้องฟ้ากับตุลย์ได้ นายเก็บเงินของนายไว้เถอะ” เสียงเข้มเอ่ยออกมาเรียบ ๆ แล้วส่งเงินให้เจ้าของร้านซึ่งยินดีรับไปพร้อมกับส่งถุงใส่เสื้อผ้าให้สองใบ มือใหญ่ของคุณภูก็ยื่นไปรับมาถือไว้



“งั้นส่งมาให้ผม ผมถือให้” ผมพยายามยื่นมือไปเอาถุงทั้งสองมาถือไว้ แต่ไม่ทันมือใหญ่ที่วาดมือไปไว้ด้านหลังของตัวเอง



“ฉันถือได้ นายเดินไปได้แล้ว เดี๋ยวเด็กจะไปก่อน เดินดูเด็ก ๆ ด้วยล่ะ”



“ตามใจ อยากถือก็เชิญครับ” ผมยกหน้าที่เด็กถือของให้ร่างสูงไปเลยละกันดีล่ะ พ่อจะช็อปให้หนักเลย ถือแล้วอย่าบ่นนะ



“เด็ก ๆ อยากซื้ออะไรอีกบอกน้ากันต์เลยนะ น้ากันต์จะซื้อให้ เดินนำไปเลย”  จากนั้นผมก็พาเด็ก ๆ เดินเข้าเดินออกร้านต่าง ๆ เป็นว่าเล่น ได้ของมาคนละถุงสองถุงเป็นทีสนุกสนาน แต่หันไปมองร่างสูงที่คงจะเริ่มไม่สนุกเท่าไรแล้วเพราะถุงในแต่ละมือมีไม่ต่ำกว่า 5 ใบ



“หนักไหมครับ ผมช่วยถือเอาเปล่า”




“ไม่ต้อง นายอยากซื้ออะไรก็ซื้อมาเถอะ ฉันถือได้เก็บแรงนายไว้เดินก็พอ” พูดดี ๆ งั้นจัดเต็มไปเลยละกัน



เราเดินกันประมาณเกือบสองชั่วโมงผมสังเกตว่าเด็ก ๆ เริ่มจะเมื่อยกันแล้ว และตอนนี้เวลาก็เกือบสี่โมงเย็นแล้วกำลังจะชวนหาที่นั่งพักเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ดื่มน้ำทานขนมรองท้องกันสักหน่อย



“ตุลย์ น้องฟ้า ไปนั่งร้านไอศกรีมกันก่อนนะครับ พักเหนื่อยกันก่อน” ผมมองเห็นร้านไอศกรีมข้างอยู่ข้างหน้าจึงได้ชวนเด็ก ๆ ให้เข้าไปในร้าน



ร่างสูงของคุณภูเดินตามมานั่งโต๊ะที่พวกผมนั่งจับจองกันไว้ มือใหญ่วางถุงทั้งหมดเลงบนโต๊ะ สายตาคมเข้มคู่นั้นมองหน้าพวกผมเป็นรายคนเลย เริ่มจากผม ตุลย์ แล้วไปจบที่น้องฟ้า จากนั้นถอนใจยาวออกมาเฮือกใหญ่



“หนักเหรอครับคุณ บอกว่าจะช่วยถือก็ไม่ยอมเป็นไงล่ะ” ผมยื่นขวดน้ำเปล่าที่เปิดฝาแล้วส่งไปให้คนตรงหน้า มือใหญ่ยื่นออกมารับแล้วยกขึ้นดูดเกือบครึ่งขวด



“ช็อปอย่างกับไม่เคยได้ซื้อของ อะไรมั่งก็ไม่รู้ซื้อไม่คิดหรือเปล่า”




“ก็เพิ่งได้มีโอกาสซื้อนี่แหล่ะ ตั้งแต่มากรุงเทพยังไม่ได้ซื้อของแบบนี้เลยนะครับ” ผมตอบกลับอย่างไม่รู้สึกอะไรกับการซื้อของอย่างบ้าดีเดือดของตัวเอง แค่ไม่กี่สิบถุงเองบ่นไปได้ ชิส์...



เราได้ไอศกรีมมะพร้าวอ่อนกันคนละถ้วย กลิ่นกะทิหอมมากมาพร้อมกับเนื้อมะพร้าวอ่อน กำลังดีทำให้ผมชักจะติดใจเสียแล้ว กำลังจะสั่งเพิ่มแต่กลับมีมือใหญ่ที่ยื่นถ้วยไอศกรีมอีกหนึ่งถ้วยมาตรงหน้าผม มองดูจึงเห็นว่าเป็นของคุณภูที่ไอศกรีมมันเริ่มจะละลายแล้ว



“ถ้านายจะสั่งเพิ่ม เอาถ้วยนี้ไปทานฉันไม่ค่อยทานของหวาน”




“ไม่ลองสักหน่อยเหรอครับอร่อยนะไม่หวานมากหรอก ลองดูคำเดียวก็ได้อ่ะ” ผมใช้ช้อนตักไอศกรีมขึ้นมาคำนึงแล้วยื่นช้อนไปตรงปากของร่างสูง คุณภูชะงักนิดนึงแล้วมองหน้าผมนิ่ง



“อ้าว เร็วสิครับอ้าปากสิ คำเดียวเอง รับรองไม่หวานจริง ๆ แล้วอย่าติดใจขอถ้วยนี้คืนล่ะ” ผมเร่งให้ร่างสูงอ้าปากเพื่อรับไอศกรีมที่ผมยื่นส่งไปให้  คุณภูถอนใจเฮือกใหญ่แบบจำใจแล้วจึงได้ยื่นใบหน้าเข้มนั้นเข้ามาใกล้กับช้อนที่ผมส่งไปให้



“ดีมาก ๆ อร่อยป่ะล่ะ ผมบอกแล้วเห็นไหม เด็ก ๆ มีใครอยากสั่งเพิ่มไหมให้คนละลูกเท่านั้นนะ”



“โอย.....ลูกเดียวไม่พออ่ะน้ากันต์ ขอสองลูกได้ป่ะ เนอะน้องฟ้าเนอะ สองลูก” เสียงตุลย์ร้องโอดครวญออกมา



“ไม่ได้ทานเยอะมันเปลืองน้ากันต์หมดตัวแล้ว ลูกเดียวเท่านั้น” เสียงตุลย์ยังร้องโวยวายออกมา  แต่ผมหัวเราะอย่างสะใจที่แกล้งหลาน ๆ ได้สำเร็จ หันไปสั่งมาให้อีกคนละสองลูกเล็ก ๆ




“อย่าทานเยอะเดี๋ยวปวดท้องกันหมด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่นั่นแหล่ะ” แล้วก็มีเสียงเข้มส่งเข้ามาในวงสนทนาของพวกเราสามคน



“ลูกนิดเดียวเองไม่เป็นไรหรอกครับ คุณภูไม่ทานก็อยู่เฉย ๆ ไปเลย นั่งดื่มแต่น้ำเปล่าก็พอ ส่วนพวกผมขอทานของอร่อยก่อนแล้วกันนะ” จากนั้นเราสามคนก็ลงมือจัดการกับของที่สั่งมา หมดแล้วนั่งพักกันต่ออีกสิบนาทีเราก็เริ่มเดินดูของอย่างอื่นอีก



“ไปดูโซนของแต่งบ้านหน่อยได้ไหมครับ เผื่อมีของอยากได้” เสียงของผมเรียกให้อีกคนหันขวับมาเลยทีเดียว




“ยังจะซื้ออีกเหรอ เยอะไปแล้วมั้งวันหลังค่อยมากันใหม่ นี่ใกล้เย็นแล้วฝนก็ทำท่าจะตกแล้วด้วยกลับกันเลยดีกว่า ค่ำกว่านี้จะรถติด” 



ผมมองดูของในมืออีกฝ่าย กลับก็ได้วันหลังมากับตุลย์ดีกว่าจะได้ไม่ต้องมีคนคอยเบรคให้หัวทิ่มเวลาจะซื้ออะไร มารขวางคอชะมัดเลย



“กลับก็ได้ครับ งั้นเรากลับกันดีกว่านะเด็ก ๆ วันหลังค่อยมาใหม่เนอะ”




เริ่มเดินมาได้ไม่ไกลเท่าไร เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างแล่ปไปทั่วบริเวณ ท่าทางฝนจะตกหนักแน่เลย เราได้แต่เร่งเดินให้ถึงที่ลานจอดรถให้ไวที่สุดแต่ดูเหมือนว่าฟ้าฝนจะไม่เข้าข้างเราเท่าไรนัก  เพราะฝนเริ่มลงเม็ดอย่างหนักจนเราต้องพยายามมองหาที่หลบฝนแต่คนก็เยอะ แถมที่หลบฝนก็มีน้อยถึงตอนนี้เราจะอยู่ในโครงการที่มีหลังคาก็เถอะ มันไม่ได้ช่วยอะไรมากเพราะว่ามันรั่ว




ร่างสูงของคุณภูรวมของไว้ที่มือเดียวแล้วอีกมือก็คว้าเอาร่างของน้องฟ้าเข้ามาอุ้มไว้แล้วสั่งให้ผมเดินตามไปให้ไว ผมได้แต่จูงมือตุลย์แล้วเดินตามให้ไวที่สุด อุ้มไม่ได้หรอกครับเพราะน้ำหนักตุลย์เยอะเกินกว่าที่ผมจะอุ้มได้แล้ว



ลัดเลาะตามร้านค้ามาได้เราก็มาเจอชายคาเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาบังสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาได้ที่สำคัญคือตรงนี้ยังไม่คนจับจองเพื่อที่จะหลบฝนอีกด้วย ร่างสูงของคุณภูจึงเดินมาหยุดตรงนี้ ผมดันตุลย์เข้าไปติดผนังด้านในแล้วเอาตัวเองบังสายฝนให้หลาน




“นายเข้าไปยืนข้างในติดผนังกับตุลย์” เสียงทุ้มสั่งให้ผมทำตาม ที่ก็มีอยู่นิดเดียวแค่นี้เองแล้วจะหลบกันหมดเหรอเนี่ย ยังไม่ทันสิ้นความคิด  ร่างสูงของคุณภูที่ตอนนี้มีน้องฟ้าอยู่ในอ้อมแขน ดันให้ผมเข้าไปยืนชิดผนังให้มากที่สุดส่วนตัวของคุณภูก็ยืนหันหลังให้ภายนอกเหมือนจะยืนบังฝนให้พวกเรา




ผมจึงได้แต่เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่ขยับเข้ามาใกล้ซึ่งมีเพียงน้องฟ้าที่อยู่ในอ้อมแขนร่างสูงที่กั้นระหว่างเราสองคน ระยะห่างแค่นี้ทำให้ผมเกิดอาการชะงักนิ่งไปชั่วครู่ สายตาคมเข้มที่มองส่งมาสบตากับผมทำให้ไม่อาจจะละสายตาไปจากดวงตาคู่คมดวงนั้นได้เลย



“เอ่อ...ขะ ขยับมาใกล้มากเกินไปแล้วคุณภู เดี๋ยวน้องฟ้าอึดอัดนะครับ”เสียงที่ออกจากปากผมทำไมมันตะกุกตะกักไม่เป็นคำอย่างนี้ล่ะ



“ไม่ขยับเข้าไปใกล้ได้ยังไง ไม่งั้นฉันก็เปียกฝนนะสิ หรือนายจะปล่อยให้ฉันเปียกคนเดียว แล้วน้องฟ้าก็จะได้อุ่นด้วย ฝนตกอากาศเย็น” ทำไมเวลาพูดต้องอมยิ้มด้วยพูดเฉย ๆ เรียบ ๆ เหมือนทุกทีไม่ได้หรือไงเล่า



“น้องฟ้าอึดอัดไหมให้คุณพ่อขยับออกไปหน่อยดีไหมครับ” ในเมื่อบอกให้ขยับออกไปไม่ได้ผมก็มองหาตัวช่วยนั่นคือน้องฟ้านั่นเอง



“ไม่หรอกครับอย่างนี้ดีแล้วอุ่นดี แล้วเดี๋ยวถ้าถอยออกไปคุณพ่อจะเปียกแล้วไม่สบาย ขยับเข้ามาใกล้กว่านี้ก็ได้น้องฟ้าชอบ เร็วสิครับคุณพ่อขยับมาอีกหน่อยเดี๋ยวเปียกนะ” เสียงเล็ก ๆ เร่งให้คุณภูขยับเข้ามาอีกซึ่งร่างสูงก็ทำตามที่ลูกชายสั่งอย่างไม่บิดพริ้ว พร้อมมุมปากที่กระตุกยิ้มนิด ๆ ให้เป็นที่หมั่นไส้น้อย ๆ




“เห็นไหมน้องฟ้ายังให้ขยับอีกเลย นายก็อย่าบ่นนักเลย ไม่กลัวฉันโดนฝนแล้วไม่สบายรึไง”




“อย่างคุณภูโดนฝนแค่นี้ไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอกครับ หนาอย่างกับอะไรดี” บ่นออกไปเพราะว่าสั่งให้ร่างสูงทำตามคำสั่งไม่ได้แถมน้องฟ้ายังไม่ยอมเป็นพวกเสียอีกด้วย



“เอาน่าอยู่อย่างนี้รอให้ฝนซาก่อนแล้วกัน  ทำไมนายไม่ชอบเหรอ”



“ไม่ชอบอัดอัด” ผมตอบกลับไวกว่าที่คิดไว้แถมเสียงยังหงุดหงิดเสียอีกด้วยแต่ทำอะไรไม่ได้



“นายไม่ชอบแต่ว่าฉันว่าฉันชักจะชอบแล้วสิ” ใบหน้าหล่อก้มลงมากระซิบข้างหูพร้อมลมหายใจร้อนที่ออกมาจากร่างสูงทำให้ผมยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง



                แต่ถ้าจะมีใครสักคนฉุกคิดขึ้นมาได้และมองลงไปข้าง ๆ ก็จะเห็นเด็กชายตัวอวบอ้วนคนนึงเงยหน้ามองผู้ใหญ่สองคนคุยกันโดยที่มีเด็กน้อยร่างเล็ก ๆ คนหนึ่งอยู่ในอ้อมระหว่างทั้งสองคน ใบหน้านั้นทำสีหน้าเบื่อหน่ายพร้อมทั้งสายตาระอาส่งไปให้ นี่ลืมกันใช่ไหมว่ายังมีตุลย์ยืนอยู่ข้าง ๆ อีกคน



**************************************************************************



หายไปหลายวันเลยอย่าทิ้งกันนะคะ  วันนี้มาลงเพิ่มความหวานลงไปนิดหน่อย



หวังว่าคงพอทดแทนกันได้  แล้วพบกันตอนหน้านะคะ ^_^



ฝากไลค์เพจ มารน้อย เจ้าสำนัก ด้วยนะคะ ติดตามทวงงานกันได้ หรือพูดคุยได้ทุกเรื่อง

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
หมูอ้วนโดนลืมซะแล้ว อิอิ

แต่ผู้ใหญ่คืบหน้าไปติ้ดนึงเองงงงง

ปลูกต้นไม้กันเถอะ~

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ devilpoo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ johari317

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มันบังเอิญหรือตั้งใจคะคุณภู.......
 :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
วันนี้ไม่มีอะไรจะให้นอกจาก ภาพสเก็ตลายเส้นน่ารัก กับบรรยากาศฝนตก

เห็นรูปนี้เมื่อกี้เลย น้องจอมใจดีทำเซอร์ไพรส์

น้องบอกว่าเส้นยังยุ่งเหยิง อาย แต่แบบนี้พี่ยอม

รักเลย

ฝากกดถูกใจเพจให้น้องด้วยนะคะ เป็นกำลังใจสำคัญเลย

Iarladiel

https://www.facebook.com/Iarladiel/

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
คุณภูเหลี่ยนจัดอยากกอดน้ากันต์ก็บอกมาสิไม่ต้องเอาน้องฟ้ามาอ้างเลย  ถ้าคุณภู น้ากันต์ รักกันแล้ว เป็นแฟนกันแล้ว ขอ NC 18 +++ แบบ จะจะ เลยนะ อยากเห็นเขาได้กัน ชอบๆๆๆ :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
“เฮ้อ ... เอาเหอะ ๆ  งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เอาต้นปีบไปสัก 3 ต้น ต้นมันก็ไม่ได้สูงมากหรอกแต่ดอกมันหอม ส่วนพวกต้นเตี้ย ๆ ก็เอาดอกแก้ว  ต้นหอมเจ็ดชั้น ไปสักอย่างละ 10 ต้นก็น่าจะพอแล้ว บ้านยิ่งแคบ ๆ อยู่ด้วย”

คุณภูทำเนียนนะ  :man1:
ว่าแต่คนเขียนจ๊ะ  ต้นปีบเป็นต้นไม้ยืนต้นที่สูงใหญ่นะจ๊ะ
สูงเท่าๆ กับชมพูพันธ์ทิพ ที่บ้านคุณยายต่างจังหวัด
ปลูกข้างบ้านสูงท่วมหลังคา ชอบตอนเช้าดอกร่วงลงมา
กลิ่นหอมมาก ๆ

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
“เฮ้อ ... เอาเหอะ ๆ  งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เอาต้นปีบไปสัก 3 ต้น ต้นมันก็ไม่ได้สูงมากหรอกแต่ดอกมันหอม ส่วนพวกต้นเตี้ย ๆ ก็เอาดอกแก้ว  ต้นหอมเจ็ดชั้น ไปสักอย่างละ 10 ต้นก็น่าจะพอแล้ว บ้านยิ่งแคบ ๆ อยู่ด้วย”

คุณภูทำเนียนนะ  :man1:
ว่าแต่คนเขียนจ๊ะ  ต้นปีบเป็นต้นไม้ยืนต้นที่สูงใหญ่นะจ๊ะ
สูงเท่าๆ กับชมพูพันธ์ทิพ ที่บ้านคุณยายต่างจังหวัด
ปลูกข้างบ้านสูงท่วมหลังคา ชอบตอนเช้าดอกร่วงลงมา
กลิ่นหอมมาก ๆ

 :mew1: :mew1:
ขอบคุณมากค่ะที่ให้ข้อมูลเดี๋ยวเราไปแก้ไขให้ถูกต้องนะคะเผอิญเรานึกถึงต้นที่มันเพิ่งปลูก ลืมไปว่าถ้าปลูกนานก็โตมากเหมือนกัน

ขอบคุณที่อ่านทุกรายละเอียดค่ะ น้อมรับคำแนะนำด้วยความยินดียิ่งค่ะ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอน 20 เยี่ยมชมการเรียนการสอน


   วันเสาร์ผมกับน้องฟ้าไปขี่จักรยานออกกำลังในตอนเช้าเรียบร้อยแล้วจึงได้แวะไปหาคนข้างบ้านเพราะน้องฟ้าอยากไป ซึ่งพอไปก็พบสองคนน้าหลานช่วยกันถอนต้นไม้กันใหญ่  ร่างสูงโปร่งของกันตพิชย์ดูจะแปลกใจกับการที่ผมมายืนอยู่หน้าบ้านของตัวเอง แต่ก็เปิดประตูให้ผมกับลูกเข้าไปข้างใน  ตุลย์หลานตัวอวบอ้วนวิ่งเข้ามาหาน้องฟ้าอย่างระริกระรี้เลยทีเดียว ผมได้แต่มองเพราะน้องฟ้าดูจะชอบเพื่อนตัวอ้วน ๆ คนนี้ไม่น้อย น้องฟ้ามีความสุขคนเป็นพ่อแบบผมก็มีความสุขไปด้วย

มองดูสภาพต้นไม้ริมรั้วแล้วเหลืออีกเยอะพอควรผมจึงสั่งให้กันตพิชย์ขยับหนีไปแล้วนั่งลงแทนที่ เพื่อจัดการต้นไม้เหล่านั้น  พลางสั่งให้อีกคนลากต้นไม้ที่ผมถอนไปกองไว้บนสนามหญ้า

ส่วนน้องฟ้ากับเด็กตุลย์ โดนไล่ให้ไปอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว  เพราะว่าสาย ๆ อากาศเริ่มร้อนขึ้นมาโดยที่กันตพิชย์เป็นคนเดินไปหาขนมให้เด็กทานกันพร้อมดูทีวี

ผมไล่สายตาไปยังต้นไม้ที่เหลืออยู่เกือบครึ่งของแปลง มือก็คว้าเอาเสียมที่อีกฝ่ายวางทิ้งไว้ตั้งหน้าตั้งตาขุดดินดีนะที่ดินไม่แน่นมาก ทำให้ผมใช้เวลาไม่นานในการรื้อแปลงต้นไม้ 

อยู่ ๆ ก็มีมือขาวยื่นผ้าขนหนูมาเพื่อที่จะเช้ดเหงื่อให้ผม ผมเลยหันไปจ้องสบตากับอีกคน

“ร้อนมากเลยล่ะสิ เหงื่อเต็มหน้าเลย อยู่นิ่ง ๆ นะผมจะเช็ดให้ ” เสียงสั่งให้ผมทำตามที่เจ้าตัวต้องการ ผมจึงได้แต่หลับตาเพื่อให้กันตพิชย์เช็ดหน้าให้  รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายถอนมือออกไป ผมจึงลืมตามาจ้องมองร่างตรงหน้า พร้อมรอยยิ้มมุมปากเล็ก ๆ เวลาที่สายตาของผมมองเข้าไปในดวงตาของอีกคน

 “นายก็มีเหงื่อเหมือนกัน แถมยังมีรอยเปื้อนดินด้วย” มองเห็นว่าใบหน้าเรียวก็มีรอยเปื้อนของดินอยู่เหมือนกันจึงได้คว้าเอาผ้าผืนเดียวกันมาเช็ดตามแก้มให้กันตพิชย์ ท่าทางเหมือนจะเบลอ ๆ บางครั้งก็ทำให้ผมอดที่จะแกล้งไม่ได้

 “เสร็จแล้ว นายไปเรียกตุลย์ให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วเดี๋ยวฉันมารับไปซื้อต้นไม้ด้วยกัน” ผมบอกให้กันตพิชย์ไปตามคำสั่งที่ผมคิดไว้แล้วว่าจะพาไปซื้อต้นไม้

เราซื้อต้นไม้และสั่งให้ที่ร้านไปส่งไว้ที่บ้าน แต่เด็ก ๆ รบเร้าว่าจะขอเดินตลาดนัดทำให้ผมต้องตามใจลูกชายปกติผมไม่ค่อยได้พาลูกไปเดินซื้อของเท่าไร ถ้าจะไปก็ไปตามห้างสรรพสินค้ามากกว่าเพราะมีทุกอย่างและไม่ร้อนอีกด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่น้องฟ้ามาตลาดนัด ลูกชายจึงดูจะดีใจเป็นพิเศษ

   ของที่ซื้อเต็มทั้งสองมือของผมซึ่งผมก็อาสาถือเอง มันไม่ได้หนักมากมายอะไรปล่อยให้ทั้งสามคนเดินตัวปลิวอยู่ข้างหน้า

สักพักก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างแล่ปไปทั่วบริเวณ ฝนเริ่มลงเม็ดอย่างหนักจนผมมองหาที่หลบฝนแต่ตามร่มหน้าร้านต่าง ๆ ก็มีคนยืนจับจองเพื่อจะหลบฝนเช่นเดียวกับพวกเรา ผมเลยต้องอุ้มน้องฟ้าไว้ในมือเดียวแล้วอีกมือก็รวมสารพัดถุงเอาไว้ พยายามเดินให้ไวที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่เปียกไปมากกว่านี้

หันไปมองก็พบกันตพิชย์จูงมือตุลย์เดินแกมวิ่งตามผมมาติด ๆ จนถึงที่ที่พอจะอาศัยหลบฝนได้ ผมก็ดันร่างโปร่งของกันตพิชย์ให้เข้าไปพิงกับผนังด้านใน  ใบหน้าเรียวของชายหนุ่มได้แต่แหงนขึ้นมาจ้องหน้าผม 

 “นายเข้าไปยืนข้างในติดผนังกับตุลย์” แกล้งเล่นสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

 “เอ่อ...ขะ ขยับมาใกล้มากเกินไปแล้วคุณภู เดี๋ยวน้องฟ้าอึดอัดนะครับ”

“ไม่ขยับเข้าไปใกล้ได้ยังไง ไม่งั้นฉันก็เปียกฝนนะสิ หรือนายจะปล่อยให้ฉันเปียกคนเดียว แล้วน้องฟ้าก็จะได้อุ่นด้วย ฝนตกอากาศเย็น”  จบประโยคที่ผมพูดออกไปตาโต ๆ ก็จ้องกลับมาแต่ทำอะไรผมไม่ได้หรอก มันจริงนี่ครับขยับออกไปก็เปียกสิใครจะไปถอยออกล่ะ

เมื่อไล่ผมไม่ได้ก็หันไปหาตัวช่วยแต่น้องฟ้ากลับบอกให้ชายหนุ่มขยับเข้ามาอีกซึ่งเข้าทางผมพอดีเลยเดินเข้าไปใกล้อีกนิด

 “เห็นไหมน้องฟ้ายังให้ขยับอีกเลย นายก็อย่าบ่นนักเลย ไม่กลัวฉันโดนฝนแล้วไม่สบายรึไง”

“อย่างคุณภูโดนฝนแค่นี้ไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอกครับ หนาอย่างกับอะไรดี”

“เอาน่าอยู่อย่างนี้รอให้ฝนซาก่อนแล้วกัน  ทำไมนายไม่ชอบเหรอ”

“ไม่ชอบอัดอัด” เสียงที่ตอบกลับมามีแววหงุดหงิดเล็กน้อย

“นายไม่ชอบแต่ว่าฉันว่าฉันชักจะชอบแล้วสิ” ผมก้มลงไปใกล้ ๆ ใบหน้าของร่างตรงหน้าแล้วกระซิบที่หูพร้อมเป่าลมอุ่น ๆ เบา ๆ อืม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่สัมผัสได้ทำให้ผมยิ้มค้างอยู่ท่านั้นนานทีเดียวกว่าจะผละออกมา ดูผลงานที่ตัวเองได้แกล้งให้อีกคนตกใจเล่น ๆ ใบหน้าของอีกคนดูซับสีเลือดจาง ๆ ซึ่งก็ทำให้ผมยกยิ้มอย่างอารมณ์ดีผิดกับสภาพอากาศในตอนนี้

เย็นวันพุธกลางสัปดาห์อย่างนี้เป็นวันที่ผมเลิกงานเร็ว ช่วงนี้งานเยอะจนไม่ค่อยได้กลับมาทานข้าวเย็นกับน้องฟ้าเท่าไร วันนี้จึงเป็นวันแรกในสัปดาห์ที่ตั้งใจว่าจะกลับมาให้ทันมื้อเย็นกับลูกชาย

เสร็จจากมื้อเย็นแล้วผมกับน้องฟ้าจึงย้ายมานั่งดูทีวีพร้อมผลไม้จานโต โดยน้องฟ้าเอาการบ้านมานั่งทำที๋โต๊ะเล็กตรงหน้าทีวีด้วย
“คุณพ่อครับ วันศุกร์คุณพ่อว่างไหม ที่โรงเรียนมีกิจกรรมเยื่ยมชมการเรียนการสอน” น้องฟ้าเงยหน้าจากสมุดการบ้านแล้วถามออกมา

“อ้าว ถึงวันไปเยี่ยมโรงเรียนอีกแล้วเหรอ เหมือนว่าพ่อเพิ่งจะไปมาเองนะ”

“นั่นมันปีที่แล้วครับ ผ่านมาปีนึงแล้วด้วย”

“อืม เดี๋ยวพ่อเช็คกับเลขาก่อนนะว่าว่างหรือเปล่าแต่คิดว่าไปได้ ถึงมีงานพ่อก็ต้องไปอยู่แล้วนี่ครับ ก็น้องฟ้าเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อนี่เนอะ” ผมเลื่อนตัวลงจากโซฟามานั่งข้าง ๆ น้องฟ้า

“ประมาณ 10 โมงเช้านะครับ เสร็จแล้วทางโรงเรียนมีข้าวกลางวันให้ทานพร้อมกันแล้วกลับบ้านได้เลยไม่ต้องรอตอนเย็น”

“ได้ครับ รับทราบสุดหล่อ แล้วนี่ทำการบ้านใกล้เสร็จหรือยัง”

“ใกล้แล้วครับ เหลืออีกไม่กี่ข้อเอง” แล้วก็หันไปทำการบ้านของตัวเองต่อ

************************************************************************************

เช้าวันศุกร์ซึ่งเป็นวันที่ต้องไปเยี่ยมชมการเรียนการสอนของน้องฟ้า  ผมขับรถมาส่งน้องฟ้าเหมือนทุกวันขับรถผ่านหน้าบ้านหลังเล็กข้าง ๆ กัน เห็นสองคนน้าหลานกำลังจะขึ้นรถ ผมจึงหยุดรถแล้วเปิดประตูเดินไปที่หน้าบ้านเพื่อเรียกให้กันตพิชย์หันมา มือที่กำลังเปิดประตูรถชะงักแล้วใบหน้าเรียวก็มองมาทางผม

“วันนี้นายไม่ต้องขับรถไปเอง ไปกับฉันเพราะเดี๋ยวต้องออกมาพร้อมกันตอนมาเยี่ยมโรงเรียนอีก”

“อ้าว แล้วทำไมไม่โทรมาบอกตั้งแต่เมื่อวาน นี่เกือบจะออกไปแล้วนะครับ”

“เพิ่งนึกได้ เอ้า ปิดประตูรถล็อคบ้านแล้วมาขึ้นรถได้แล้วเดี๋ยวสาย” ผมเร่งให้อีกฝ่ายทำตามที่บอกให้ไว

“ครับ ๆ รอสักครู่นะครับคุณภู” เสียงกันตพิชย์ตอบกลับมา

ร่างโปร่งเดินมาพร้อมกับร่างอวบอ้วนของตุลย์ ผมว่าเด็กนี่ต้องลดน้ำหนักได้แล้ว ถ้าขืนมากกว่านี้แย่แน่ จะกลายเป็นเด็กอ้วนสุขภาพไม่ได้ไปซะเปล่า

น้องฟ้ายิ้มพร้อมกับปีนไปนั่งด้านหลังกับตุลย์ส่วนชายหนุ่มก็ต้องนั่งหน้าตามระเบียบ เมื่อเข้ามานั่งกันเรียบร้อยแล้วผมก็ออกรถเพื่อไปส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียน แต่ดูท่าทางตุลย์จะตื่นเต้นมากกว่าทุกวัน

เมื่อถึงโรงเรียน ผมกับกันตพิชย์เดินมาส่งเด็ก ๆ ที่ห้องเรียน วันนี้ดูโรงเรียนจะคึกคักเป็นพิเศษคงจะมีเพราะกิจกรรมประจำปี ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผมต้องมาทุกปี และทุกครั้งผมจะพยายามมาให้ได้ให้เลื่อนการประชุมหรือเลื่อนนัดก็ต้องมา

“พ่อไปทำงานก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวพ่อกลับมานะ” ผมนั่งลงพร้อมยกมือลูบศรีษะน้องฟ้าและพูดกับลูกชาย

“ครับ คุณพ่ออย่ามาสายนะ น้องฟ้าจะรอ น้ากันต์ด้วยนะครับรีบมาไว ๆ ด้วย”

“ครับผม น้ากันต์จะรีบมาให้ไวที่สุดที่เคลียร์งานช่วงเช้าได้” ร่างโปร่งรับคำน้องฟ้า จากนั้นทั้งผมทั้งกันตพิชย์ก็เดินออกมาจากห้องเรียน เพื่อที่จะไปทำงานในช่วงเช้าก่อน

เมื่อมาถึงตึกออฟฟิศ ลิฟท์พาเราสองคนขึ้นไปยังชั้นบนสุด ผมก้าวออกจากลิฟท์และเดินเข้าไปในห้องทำงาน แฟ้มเอกสารมากมายวางอยู่รอผมพิจารณา  นั่งลงที่เก้าอี้จึงเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มที่เรียงตามความด่วนออกมาดูคร่าว ๆ ก่อนว่าเรื่องไหนควรอนุมัตก่อน

เสียงเคาะประตูตามมาด้วยร่างของกันตพิชย์ที่ในมือมีแก้วกาแฟ พร้อมขนมชิ้นเล็ก ๆ มาวางไว้ที่โต๊ะทำงาน

“นายมีงานเยอะหรือเปล่า มาช่วยฉันอ่านก่อนว่าเรื่องไหนต้องอนุมัติก่อนหลัง เอาเฉพาะที่รีบ ๆ ก่อนนะ เดี๋ยวไม่ทันไปงานโรงเรียน” ผมสั่งให้ร่างโปร่งมาช่วยคัดแยกเอกสารเพื่อให้ผมได้อนุมัติได้ไวขึ้น เพราะช่วงหลัง ๆ มานี้ชายหนุ่มช่วยงานผมได้เยอะทีเดียว ซึ่งมันทำให้ผมทำงานได้ไวขึ้นแล้วก็ไม่เหนื่อยเหมือนช่วงที่ก่อนจะรับคนตรงหน้าเข้ามาทำงาน

“ไม่เยอะครับ แค่พิมพ์เอกสาร 2-3 ฉบับเอง”
 
“นั่งตรงนี้แหล่ะ แล้วเอากองนี้ก่อน ไปอ่านมาก่อน อ่านคร่าว ๆ พอนะ”

“สองชั่วโมงเอง คุณภูจะเสร็จกองนี้หรอกครับ” เสียงจากคนตรงหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองนิดนึงแล้วก้มลงไปอ่านเอกสารต่อ

“ก็รีบ ๆ อ่านแล้วยื่นมาสิจะได้เซ็นต์จะได้เสร็จ”  เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า กันตพิชย์เลื่อนแฟ้มเล่มสุดท้ายมาให้ผม

“หมดนี้พอนะครับใกล้เวลาที่จะไปโรงเรียนแล้ว ผมจะไปรอข้างนอกนะคุณภูตามออกมาเร็ว ๆละกัน” พูดจบไม่รอให้ผมเอ่ยปากร่างโปร่งก็เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วทิ้งให้ผมมองตามหลัง จะทำยังไงได้นอกจากอ่านเอกสารเล่มสุดท้ายแล้วรีบเซ็นต์
ผมปิดแฟ้มลงพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาหยิบสูทที่แขวนอยู่มาใส่ เดินออกมาเปิดประตูก็พบว่ากันตพิชย์ยืนรออยู่ทีโต๊ะทำงานพร้อมที่จะเดินทางไปกันแล้ว  มาถึงโรงเรียนเมื่อเวลาเลยสิบโมงเช้าไปกว่าสิบนาที เพราะรถที่ติดเนื่องจากมีอุบัติเหตุก่อนถึงโรงเรียนเล็กน้อย ทำให้ผมต้องรีบก้าวเท้าเร็ว ๆ เพื่อไปห้องเรียนของลูกชาย ไม่อยากให้น้องฟ้าชะเง้อรอ ผมมาหยุดหน้าห้องเรียนน้องฟ้าซึ่งทำให้คนด้านหลังชนเข้ากับแผ่นหลังผมเต็ม ๆ ผมที่ได้รับแรงกระแทกหันไปมองกันตพิขย์

“โอ้ย!!! จะหยุดทำไมไม่บอกกันล่ะครับ อยู่ ๆ ก็หยุดแบบนี้ใครจะไปเบรคทันกันเล่า ดั้งหักแล้วมั้งเนี่ย”เสียงบ่นหลุดออกมาจากปากบางพร้อมมือเรียวยกขึ้นกุมจมูกตัวเอง

“เจ็บหรอ ทีหลังเวลาเดินก็อย่าใจลอยสิ ดูข้างหน้าบ้างเผื่อคนอื่นเขาหยุดตัวเองจะได้หยุดทันไม่ชนแบบนี้อีก”

สิ้นเสียงของผมมือเรียวก็ทุบลงมากลางหลังผมดังอัก ทำเอาผมสะดุ้งไปเลยทีเดียว เห็นมือเล็กแค่นั้นมือหนักใช่เล่นเหมือนกัน แล้วนี่กล้าตีผมเลยเหรอ

“แล้วนายมาตีฉันทำไม ตัวเองเดินไม่ดูเองแล้วพาล เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวจะโดน” ผมขู่ออกไปพร้อมทั้งก้มลงไปจ้องตากับร่างโปร่งอีกด้วย

“เข้าไปได้แล้วครับเด็ก ๆ รอกันแล้ว มาสายไปตั้งหลายนาที”

เสียงเร่งให้ผมเปิดประตูเข้าไปข้างใน ผมจึ่งต้องยื่นมือไปเปิดประตู ข้างในกำลังมีกิจกรรมบางอย่างคงเริ่มกันไปแล้ว ผมมองไปทางโต๊ะที่น้องฟ้านั่งอยู่ ข้างกันคือตุลย์ ด้านหลังห้องมีเก้าอี้เพื่อให้ผู้ปกครองที่มาเยี่ยมกิจกรรมโรงเรียนในวันนี้ได้นั่งดูบุตรหลายของตัวเอง  ผมจึงเดินไปหาที่นั่งพร้อมกับอีกคนเดินตามหลังมาเงียบ ๆ

น้องฟ้าหันมาเจอผมก็ยิ้มกว้างออกมา แล้วหันไปสะกิดให้ตุลย์หันมามองด้วย หน้าชั้นเรียนครูที่รับผิดชอบกำลังบอกรายละเอียดของงานวันนี้ว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นจึงเริ่มจากกิจกรรมวาดรูปที่ให้ผู้ปกครองมานั่งรวมกลุ่มกับเด็ก ๆ ได้ ผมเดินมาจัดโต๊ะให้หันมาชนกัน ซึ่งจัดกลุ่มละ 4 คน รวมผู้ปกครองเข้าไปด้วย ทำให้กลายเป็นกลุ่มใหญ่เลยทีเดียว

รูปวาดที่กำหนดหัวข้อคือ บ้านของหนู ดูเหมือนเป็นหัวข้อง่าย ๆ แต่ผมว่าเด็ก ๆ ชอบที่จะวาดรูปครอบครัวของตัวเองนะ น้องฟ้าหยิบกล่องสีออกมาจากกระเป๋า กระดาษวาดเขียนใบใหญ่ซึ่งถูกแจกจ่ายมาให้ครบทุกคนวางอยู่ตรงหน้า

ข้างน้องฟ้าคือตุลย์ ส่วนด้านตรงข้ามมีเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามตุลย์ ทุกคนลงมือวาดภาพพร้อมกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของผู้ปกครอง

ผมนั่งมองลูกน้องฟ้าใช้ดินสอร่างแบบ ส่วนกันตพิชย์ที่นั่งอยู่อีกด้านก็ก้มลงไปมองหลานของตัวเองวาดรูปไปเรื่อย ๆ  เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ามีผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าเรียวของอีกคนอยู่ สายตาที่จ้องทำให้ผมหรี่ตามอง

“คุณกันต์ทำงานที่ไหนครับ” เสียงทุ้มเบา ๆ ดังออกมาจากปากของชายหนุ่มที่นั่งมองหน้ากันตพิชย์ ใบหน้าคนถูกถามจึงได้เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมรอยยิ้มที่ส่งให้คู่สนทนาที่ไม่แน่ใจว่าไปทำความรู้จักกันตอนไหนถึงได้รู้จักชื่อกันไวขนาดนี้

“ทำอยู่โภคิน เรียลเอสเตรท ครับ” กันจพิชย์ตอบกลับคำถามที่อีกฝ่ายอยากรู้

“หือ...บริษัทใหญ่มากเลยนี่ครับ รับคนยากมากด้วย ได้ข่าวว่าประธานบริษัทนั้นยังหนุ่มอยู่เลยแต่ว่าเก่งมาก” ได้ยินคำชมแต่ไม่ได้ดีใจหรอกนะครับ เพราะตอนนี้กำลังแอบฟังว่าทังสองคนคุยอะไรกันอยู่

“อย่างนั้นเหรอครับ คงเป็นโชคดีมากกว่าที่ได้เข้าไปทำที่นั่น” รอยยิ้มถูกส่งไปให้อีกครั้ง

“ผมมาแทนพี่สาวครับ วันนี้เขาติดธุระมาไม่ได้ เลยต้องมาดูหลานสาวแทน”

ผมมองดูทั้งสองคนคุยกันไปเรื่อย ๆ คิ้วก็เริ่มขมวดขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องคิดหาวิธีว่าจะเข้าไปในวงสนทนาของทั้งสองคนยังไงดี พอดีกับน้องฟ้ามองหาอะไรบางอย่าง

“น้องฟ้ามองหาอะไรครับ”

“สีฟ้าครับคุณพ่อ นั่นไงอยู่ที่ตุลย์” น้องฟ้าหันไปทางตุลย์จึงพบว่าแท่งสีฟ้ากลิ้งไปอยู่ข้าง ๆ ตุลย์

“นายหยิบสีฟ้าให้น้องหน่อย” ผมได้ทีเรียกให้ร่างโปร่งหันมาสนใจทางนี้เพื่อหยุดการสนทนากับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้น ซึ่งก็ได้ผลเพราะกันตพิชย์หันมาหยิบสีส่งให้น้องฟ้าทันที

“นายมานั่งข้าง ๆ น้องฟ้าตรงนี้เผื่อจะได้ช่วยดูน้องฟ้าด้วย”

“ตรงนี้ก็ดูได้นี่ ทำไมต้องขยับไปนั่งตรงนั้นด้วยมันแคบ”

“บอกให้มาก็มาสิ อย่าดื้อ” ทำไมผมบอกอะไรต้องเถียงออกมาก่อนทุกครั้งด้วยนะ

“ก็ได้  ๆ อย่าบ่นขี้เกียจฟัง” จากนั้นร่างโปร่งจึงขยับเก้าอี้เพื่อมานั่งข้างน้องฟ้า ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ากันตพิชย์นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างน้องฟ้ากับตุลย์

ผมสังเกตว่าตอนที่ผมเรียกให้กันตพิชย์มานั่งตรงนี้สายตาของชายหนุ่มอีกคนดูจะจับจ้องมาที่ผมด้วยความไม่เป็นมิตรสักเท่าไร แล้วคิดว่าผมสนหรือครับ จ้องมาก็จ้องกลับสิ

“น้องฟ้าวาดเสร็จแล้ว ตุลย์เสร็จหรือยัง” เสียงของน้องฟ้าเรียกให้ผมกลับในสนใจลูกชายอีกครั้ง

“เสร็จแล้วเหมือนกัน นี่ไงของตุลย์ สวยไหม ไหนของน้องฟ้าตุลย์ดูหน่อย” ตุลย์โชว์รูปที่ตัวเองวาดให้ดู ในนั้นมีบ้านหลังเล็กสีขาวพร้อมแปลงต้นไม้ที่เราเพิ่งจะปลูกมันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

“นี่ของน้องฟ้า นี่บ้านของเรา คุณพ่อกับน้องฟ้า” น้องฟ้าโชว์ผลงานตัวเองมั่ง

เสียงครูประจำชั้นดังขึ้นเพื่อถามนักเรียนว่าวาดรูปเสร็จกันหมดทุกคนหรือยัง จากนั้นจึงให้เด็กๆนำรูปที่วาดไปพรีเซ็นต์หน้าห้องสร้างรอยยิ้มให้กับทั้งนักเรียนและผู้ปกครองกัน ถึงคิวน้องฟ้า น้องเดินออกไปพร้อมกับกระดาษที่ตั้งใจวาดขึ้นมา

“นี่บ้านของน้องฟ้าครับ บ้านนี้มีคุณพ่อ มีน้องฟ้า มีป้านิ่ม มีพี่พลอย เราอยู่กันหลายคน ขาดแค่คุณแม่เพราะคุณพ่อบอกน้องฟ้าว่าคุณแม่อยู่บนสวรรค์ มองน้องฟ้าอยู่แต่ลงมาอยู่กับน้องฟ้าไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรน้องฟ้าไม่เหงาเลยเพราะคุณพ่อเป็นทั้งพ่อและแม่ให้น้องฟ้า” เสียงเล็ก ๆ ของน้องฟ้าทำเอาผมยิ้มบาง ๆส่งไปให้ลูกชายที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียน จากนั้นผมจึงเห็นตุลย์วิ่งไปหาน้องฟ้าพร้อมกับกระดาษวาดเขียนของตัวเอง

ตุลย์ยื่นมือไปดึงเอากระดาษของน้องฟ้ามาวางไว้บนโต๊ะข้างหน้า ส่วนของตัวเองก็เอาต่อกันแล้วกันไปหยิบเทปใสที่วางอยู่ใกล้ ๆ กันมาติด

“นี่บ้านตุลย์ครับ บ้านเราสองคนอยู่ติดกัน ตุลย์อยู่กับน้ากันต์สองคน คุณพ่อกับคุณแม่ก็อยู่บนสวรรค์เหมือนกับคุณแม่น้องฟ้า ไม่แน่นะว่าทั้งสามคนอาจจะเจอกันแล้วมองพวกเราจากบนนั้นก็ได้ เหมือนกันที่ตุลย์ได้เจอน้องฟ้าและเป็นเพื่อนของน้องฟ้า” เสียงดังฟังชัดออกจากปากตุลย์ ซึ่งมันทำให้ผมเห็นน้องฟ้าหันไปยิ้มกว้างส่งให้ตุลย์ และที่ตุลย์ทำแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าการดูแลหลานชายของกันตพิชย์ทำให้เด็กคนนึงที่ขาดพ่อกับแม่โตมาอย่างดีที่สุดได้ด้วยการดูแลเอาใจใส่
มองไปรอบ ๆ เห็นผู้ปกครองของนักเรียนหลายคนยิ้มออกมาอย่างยินดี


ต่อข้างล่างนะคะ.......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2016 20:32:47 โดย มารน้อย เจ้าสำนัก »

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เมื่อหมดกิจกรรมในห้องเรียนแล้ว ครูประจำชั้นพาเดินออกไปที่สนามหญ้าข้าง ๆ อาคารเรียนซึ่งตรงนี้มีเต๊นท์กางอยู่เพื่อบังแดดอยู่หลายหลัง แต่สนามนี้รอบ ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ทำให้มีร่มเงาทอดผ่านและลมเย็นสบาย

กิจกรรมต่อไปเป็นการวิ่งวิบากของเด็กซึ่งรายการนี้ผู้ปกครองต้องร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งด่านมีทั้งหมด 4 ด่าน แต่ผู้ปกครองที่เล่นต้องผูกขาติดกันแล้วอุ้มลูกของตนเองไว้พร้อมกับวิ่งไปเคลียร์ด่าน โดยด่านแรกจะเป็นด่านป้อนสปาเก็ตตี้แต่ใช้ตะเกียบในการคีบเส้นสปาเก็ตตี้และต้องสลับกันป้อนระหว่างเด็กกับผู้ปกครอง ด่านที่สองเป็นด่านตักกระดาษใส่กล่อง ซึ่งต้องใช้ช้อนกาแฟในการตักกระดาษทิชชู่ใส่กล่องที่เตรียมไว้ ด่านที่สามเป่าแป้งหาเหรียญ ด่านที่สี่ง่ายที่สุดกินขนมแต่ว่าเป็นการกินที่ต่างฝ่ายต่างต้องป้อนกันโดยที่ให้เด็ก ๆ เป็นฝ่ายกัดอีกฝั่งแล้วให้ส่งให้ผู้ปกครองกัดอีกฝั่งจากนั้นก็กินขนมนั้นจนหมด

สิ้นเสียงอธิบายจากครูประจำชั้นแล้ว กลุ่มผู้ปกครองก็จับคู่กันเพื่อทำกิจกรรม โดยที่พี่เลี้ยงเดินมาส่งผ้าเพื่อจะผูกขาของผู้ปกครองไว้ด้วยกัน

ผมยืนมองหน้าเหวอๆ ของกันตพิชย์ก็สงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงทำหน้า แบบนั้น

“ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นเป็นอะไร”

“เฮ้อ...ก็จะอะไรละครับเกมส์นี่ไงที่ทำให้ผมทำหน้าเซ็งอยู่เนี่ย” เสียงตอบกลับมาพร้อมเสียงถอนหายใจเฮีอกใหญ่แล้วสายตาก็มองไปที่หลานชายตัวเอง

“แล้วมันยังไงก็ไม่เห็นมีอะไร แค่เกมส์ให้เด็ก ๆ สนุกกันเท่านั้น” ผมก็ไม่เห็นปัญหาอะไรสักหน่อย

“คุณภูดูตัวตุลย์ก่อนสิ จะให้ผมอุ้มไปด้วยวิ่งไปด้วยนะไม่ไหวหรอกนะ ต่างกับน้องฟ้าลิบลับเห็นไหมเนี่ย น้องฟ้าตัวออกจะบอบบางขนาดนั้นคุณภูก็สบายสิ แต่ผมเนี่ยตายแน่” เสียงบ่นให้หลานตัวเอง

“บอกให้ลดน้ำหนัก ๆ แล้วไงล่ะทีนี้น้าอุ้มตุลย์ไม่ไหวชัวร์”

“โอ้ย..น้ากันต์อ่ะ ตุลย์ไม่หนักมากหรอกน่าลองดูก่อนนะ”

“ไหนมาลองหน่อยสิว่าพอไหวไหม”สองแขนเรียวเอื้อมไปอุ้มเอาหลานชายตัวอ้วนกลม ซึ่งผมก็ดูแล้วว่าท่าทางคงไม่รอด

“อึบ ๆ โอ้ย!!! ไม่ไหวตุลย์หนักไปแล้วนะ อย่าว่าแต่วิ่งเลยเอาแค่อุ้มแล้วเดินแค่ 10 ก้าวก็ไม่รอดแล้ว” เสียงนุ่ม ๆ ยังบ่นออกมาไม่เลิกทำให้ร่างอ้วน ๆ นั้นทำปากยื่นใส่น้าชายตัวเอง ผมหันไปมองน้องฟ้าที่ยืนให้กำลังใจชายหนุ่มอีกคนเพื่อให้อุ้มตุลย์ได้สำเร็จแต่ดูท่าว่าอุ้มไม่ได้หรอก

“น้ากันต์นั่นแหล่ะ แรงน้อยเองทีหลังหัดกินอะไรให้มันเยอะ ๆ ออกกำลังกายมาก ๆ จะได้มีแข็งแรงรู้ไหมแล้วทีงี้ทำยังไงกัน ถ้าน้ากันต์อุ้มไม่ไหวแล้วใครจะอุ้มตุลย์ล่ะ” ผมยืนมองสองคนน้าหลานเถียงกัน  แล้วส่ายหัวให้เบา ๆ

“นายมาอุ้มน้องฟ้าเดี๋ยวฉันอุ้มตุลย์แทน” ผมสั่งให้อีกคนมาอุ้มน้องฟ้าส่วนผมคงต้องรับผิดชอบเด็กอ้วนนี่แทน

“คุณภูแน่ใจนะว่าอุ้มตุลย์ไหว หนักนะครับ”

“ฉันแข็งแรงกว่านายแล้วกัน มาผูกขาได้แล้วจะได้เริ่ม” น้องฟ้าเดินไปหากันตพิชย์ส่วนตุลย์ก็เดินมาทางผม จากนั้นผมจึงจัดการใช้ผ้าที่ให้ผมมาผูกขาของเราไว้ด้วยกัน

ตอนนี้ทั้งเด็กและผู้ปกครองพร้อมกันหมดแล้ว เรามาเรียงแถวกันอยู่ที่จุดเริ่มต้น ข้าง ๆ กลุ่มผมอีกด้านที่ติดกับกันตพิชย์ผมมองเห็นชายหนุ่มอีกคนที่เป็นผู้ปกครองของเด็กหญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามร่างโปร่งข้างในห้องยืนอยู่ข้าง ๆ พร้อมส่งยิ้มมาให้กันด้วย

“เอาละค่ะ ตอนนี้เราจะเริ่มกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้กันแล้วนะคะ พร้อมนะคะ 1 2 3 เริ่มได้ค่ะ” สิ้นเสียงครูประจำชั้น ผู้ปกครองที่ถูกผูกขาด้วยผ้าก็ก้มตัวลงอุ้มบุตรหลานตัวเองพร้อมเดินไปทางด่านแรกเพื่อจะทำภารกิจ กันตพิชย์ที่ก้มลงไปอุ้มน้องฟ้าด้วยรอยยิ้ม ชอบใจกับน้องฟ้าที่ใช้แขนเรียวเล็กเกี่ยวรอบลำคอนั้นไว้

ผมก็ต้องอุ้มตุลย์เหมือนกัน เมื่อเรียบร้อยแล้วเราก็ออกเดินพร้อมกัน มีเสียงเชียร์ของครูและของเด็ก ๆ ที่ยังไม่ได้เล่นเกมส์ในครั้งนี้อยู่ข้าง ๆ สนาม

มาถึงโต๊ะที่มีจานสปาเก็ตตี้วางอยู่พร้อมตะเกียบ 4 คู่ เราหยิบตะเกียบออกมาจากซอง ผมเริ่มคีบเส้นสปาเก็ตตี้เพื่อที่จะป้อนร่างโปร่งแต่เส้นสปาเก็ตตี้นี้ดูเหมือนจะคลุกไว้ด้วยน้ำมันมะกอกทำให้มันลื่นคีบไปลื่นไปทำเอาผมถึงกับหงุดหงิดทีเดียว

“คุณภูคีบเร็ว ๆ สิ อย่าทำหลุดสิครับ มันจะยากอะไรนักหนากะแค่คีบเส้นสปาเก็ตตี้แค่นี้น่ะ” เสียงเร่งให้ผมคีบให้ไว

“มันลื่นนายเห็นไหมนี่ ฉันก็พยายามแล้วนะ ไหนนายลองทำสิ”

“นี่ไง ก็แค่นี้เอง อ้าปากเร็ว ๆ สิคนอื่นเขากินกันจนจะหมดจานแล้วนะ” ทำไมร่างโปร่งคีบดูง่ายจังแล้วทำไมเวลาผมคีบมันลื่นได้ลื่นดี

“งั้นนายก็ป้อนฉันกับลูกให้หมดเลยแล้วกัน” ผมจึงได้แต่อ้าปากให้ร่างโปร่งจับตะเกียบคีบเส้นสปาเก็ตตี้มาป้อนให้ แต่ว่าป้อนหรือยัดครับแรงและเร็วไปไหน

“ช้า ๆ หน่อย นี่นายป้อนหรือจับยัดเนี่ย”

“อย่าบ่นเร็ว ๆ” มือบางคีบใส่ปากด้วยสปีดเร็วแรงกว่านรกเลยทีเดียว จากนั้นจึงคีบเข้าปากตัวเองไปด้วยเพื่อช่วยให้หมดไวมากขึ้น  หมดจานแล้วพวกเราก็เดินไปด่านต่อไปทันที ด่านนี้เป็นให้เด็ก ๆ ใช้ช้อนกาแฟตักกระดาษทิชชูซึ่งมีน้ำหนักเบาโหวงไปใส่ในกล่องพลาสติกให้ได้ 10 แผ่น

หันไปมองทีมข้าง ๆ ก็มาถึงด่านนี้กันหมดแล้วต่างคนก็กำลังลุ้นให้ลูกของตัวเองทำสำเร็จ น้องฟ้ากับตุลย์ก็ตั้งใจตักกันน่าดู ลมพัดมาทีก็ปลิวกันที แต่ไม่ช้าก็ทำเสร็จกันด้วยดี

ด่านที่สามด่านนี้เป่าแป้งหาเหรียญ ซึ่งบนโต๊ะข้างหน้าเรามีจานแป้งอยู่ 4 จานครบคน ผมให้เด็ก ๆ เป่าก่อน เริ่มจากน้องฟ้า น้องฟ้าก็เป่าแป้งในจานเสียแก้มป่อง แป้งที่โดนเป่าพัดกระจายฟุ้งไปทั่ว ปลิวมาติดใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเต็มไปหมดสร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง เพราะดูแล้วเด็ก ๆ จะแกล้งกันมากกว่าโดยที่เป่าให้อีกทางให้โดนเพื่อนในทีม ตุลย์ก็ไม่น้อยหน้าเป่ามาโดนน้องฟ้าเต็ม ๆ แต่หน้าตัวเองก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน

เมื่อเด็ก ๆ เป่ากันไปหมดแล้ว ร่างโปร่งของกันตพิชย์ก็ก้มลงไปเป่าด้วย เสียงลมที่เป่าออกมาจากปากพร้อมกับแป้งปลิวกระจายไปทั่ว ไม่นานก็เจอเหรียญที่ซ่อนไว้ ใบหน้าเรียวของชายหนุ่มหันมาโดยมีแป้งติดไปทั่วหน้าทำให้หน้าขาววอก ผมอดที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่ได้

“หัวเราะอะไรครับคุณภู ต่อไปตาคุณแล้วนะครับ ยังไงก็ต้องเปื้อนเหมือนกันนั่นแหล่ะ”

ผมมองจานแป้งอย่างหวาด ๆ เพราะขืนเป่าไปเนี่ยเต็มหน้าแน่นอน เลยยังรีรออยู่

“เป่าได้แล้วครับอย่าลีลา เห็นไหมว่าคนอื่นเขาก็เป่ากัน แค่นี้ไม่เสียลุคผู้บริหารใหญ่หรอก เพื่อน้องฟ้านะครับ หึหึ” เสียงเร่งออกมาจากปากบางที่มีคราบแป้งติดเต็มหน้า

ผมหันไปมองกลุ่มอื่น ๆ ก็พบว่าทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ตอนนี้ต่างมีแป้งติดเต็มหน้ากันหมดทุกคนแล้ว เห็นอย่างนั้นเลยต้องจำใจก้มลงไปเป่าแป้งเสียไม่ได้

ระหว่างที่เป่ายังได้ยินเสียงหัวเราะจากร่างโปร่งดังมาเป็นระยะ ๆ ด้วยนะ ได้แต่เก็บแต้มไว้ในใจเดี๋ยวเอาคืนทีหลังคอยดูเหอะ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็แค่นี้เองไม่เห็นจะยากอะไรเลย ทุกคนก็โดนเหมือนกันนั่นแหล่ะ” กันตพิชย์ยังไม่หยุดหัวเราะเพียงแต่กลั้นเสียงเอาไว้บ้าง

จากนั้นเราจึงเดินไปที่ด่านสุดท้าย บนโต๊ะมีกล่องขนมอยู่หนึ่งกล่อง ตามกติกาคือให้กินขนมวางอยู่โดยที่ให้เด็กเป็นคนส่งขนมแต่ไอ้กล่องขนมที่วางอยู่ดูยังไงมันก็คือป๊อกกี้ มือเรียวของกันตพิชย์ยื่นไปแกะกล่องป๊อกกี้แล้วฉีกซองออกมา ยื่นให้น้องฟ้า น้องฟ้าก็กัดอีกด้านพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ให้กับร่างโปร่งกัดอีกด้านพร้อม ๆ กัน

รอบต่อไปขนมก็ถูกยื่นมาตรงหน้าผม ผมจัดการหยิบแท่งป๊อกกี้ออกแล้วส่งให้ตุลย์ จากนั้นก็ทำเหมือนกับที่อีกฝ่ายป้อนกัน มันเหลืออีกเยอะมั้ยเนี่ยกว่าจะหมดกล่อง ผมหันไปสังเกตกลุ่มใกล้ ๆ กัน ก็พบว่าเล่นป้อนกันอย่างสนุกสนาน ขนมหักบ้างหล่นบ้าง
มือป้อม ๆ ของตุลย์จับขนมใส่ปากตัวเองแต่คราวนี้ไม่ยื่นมาส่งให้ผมแล้วครับ ใบหน้าอ้วนกลมกลับหันไปหาน้องฟ้า แล้วใช้มือของตัวเองจับใบหน้าน้องฟ้าให้หันมาเพื่อรับขนมจากตัวเอง น้องฟ้าที่ไม่รู้อะไรเลยก็ยิ้มพร้อมกับอ้าปากรับขนมพร้อมกับกัดไปจนหมดแท่งทำเอาผมถึงกับตาโตมุมปากกระตุกขึ้นมาทันที แต่จะห้ามยังไงได้ล่ะครับ มันเร็วมากไม่คิดว่าเด็กตัวเท่านี้จะร้ายเอาเรื่อง

แต่เมื่อกันมามองกันตพิชย์ก็พบว่าร่างโปร่งยืนหัวเราะชอบใจกับสิ่งที่หลานชายตัวเองทำอยู่กับลูกชายผม เห็นอย่างนั้นผมก็คิดอะไรดี ๆ ได้เหมือนกันจึงเอื้อมมือไปดึงขนมออกมาจากซองแล้วคาบไว้ส่วนอีกด้านหรือครับ ตอนนี้มือของผมเอื้อมไปจับให้หน้าเรียวที่กำลังหัวเราะหันกลับมาแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับใช้มือบีบปากให้อ้าออกเพื่อรับป๊อกกี้อีกด้านไปเรียบร้อยท่ามกลางดวงตาเบิกกว้างของร่างโปร่ง

   เห็นว่าอีกฝ่ายตกใจตาโตก็บังคับให้งับขนมไว้แล้วผมก็ค่อย ๆ กัดปลายขนมทางด้านของผมให้สั้นไปเรื่อยๆ  จนตอนนี้มันเหลืออยู่นิดเดียวจะถึงริมฝีปากของอีกฝ่ายแล้ว แต่ชายหนุ่มคงยังไม่หายตกใจร่างนั้นยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นไปแล้ว ผมได้แต่ยิ้มทั้ง ๆ ที่ปากมีขนมอยู่

   หูได้ยินเสียงกรี๊ด เบา ๆ ไปทั่วบริเวณแต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องทำให้เสร็จไป ผมก้มลงเข้าใกล้กันขนาดเห็นขนตาของอีกฝ่ายงอนยาวออกมา ผมเอียงใบหน้าเพื่อที่จะได้ก้มลงไปให้ถนัดกว่านี้ แล้วตอนนี้ดูเหมือนอีกฝ่ายจะได้สติมาแล้วจึงพยายามจะถอยใบหน้าออกไป แต่มีหรือครับที่ผมจะยอม จึงเอื้อมฝ่ามือไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายจับกดไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ แล้วจึงก้มลงกัดขนมคำสุดท้ายให้หมดไป

   ริมฝีปากเราเฉียดกันนิดเดียว ซึ่งพอผมผละออกมาพร้อมกับใช้ลิ้นเลียไปรอบ ๆ ริมฝีปากตัวเองพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้ากับจ้องปากบาง ๆ ของคนตรงหน้าไปด้วย แต่ใบหน้าของร่างโปร่งตอนนี้กลับเต็มไปด้วยสีแดงระเรื่อ หน้าจะระเบิดไหมเนี่ย

   ดวงตาโตจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ซึ่งผมไม่สนใจอยู่แล้วตัวแค่นี้จะทำอะไรผมได้ ผมละสายตากจากร่างโปร่งไปมองน้องฟ้าก็เห็นน้องฟ้าเอามือปิดปากไว้แต่ผมรู้ว่าภายใต้มือเล็ก ๆ นั้นคงต้องยิ้มแก้มแทบแตกแน่นอนเพราะดวงตาน้องฟ้าเป็นประกายขนาดนี้

   “ทีใครทีมันนะตุลย์ ตุลย์ทำแบบนั้นกับน้องฟ้าได้ ลุงก็ทำแบบนั้นกับน้ากันต์ของตุลย์ได้เหมือนกัน” ผมหันไปพูดกับตุลย์พร้อมส่งยิ้มกับยักคิ้วให้ด้วยท่าทางเป็นต่อ ซึ่งดูเหมือนตุลย์จะอึ้งไปไม่น้อยกับการกระทำของผมซึ่งตอนนี้เจ้าตัวยังคงตาโตอ้าปากค้าไม่หุบ


*************************************************

ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ เรารีบไปหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาตรวจให้เน้อ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :o8:    น่ารักมากๆค่ะ. ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :hao7:

อาไรอ้าาาาาาา เห็นตุลย์ทำแล้วมาล้างแค้นเหรอคะ แหม่ๆ ช่างเด็กอะไรเช่นนี้  :mew4:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ yamapong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
กรี้ดดดดดด เขินแรงงง ชอบจังเลยยย เรื่อยๆนี่สนุกมาก รอค่าาา

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
พอกันเลย ทั้งคุณภูทั้งตุลย์ เจ้าเล่ห์พอกัน

ออฟไลน์ โอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
น่ารัก

ออฟไลน์ devilpoo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
ฮร้า

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :really2: :really2:
แหม.. คุณภูนี่ร้ายใช่เล่น มีหวงคนมาคุยกับกันต์ด้วย
กันต์เอง เริ่มจะละลายโดยไม่รู้ตัวไปทุกวันแล้ว
มุ้งมิ้งจังตอนนี้ น่ารักมากๆ เลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด