(อลันXปาล์ม)┏ Mask Boyฝรั่งจ๋ากับลิงน้อยข้างบ้าน┓{CH 20จากลาและให้อภัย}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (อลันXปาล์ม)┏ Mask Boyฝรั่งจ๋ากับลิงน้อยข้างบ้าน┓{CH 20จากลาและให้อภัย}  (อ่าน 30257 ครั้ง)

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

CH 16ต้องจากลากันอีกสักกี่ครั้ง



   ผมจัดการให้ไอ้ปาล์มอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนจะปล่อยให้มันซุกตัวนอนอย่างที่มันต้องการ ก่อนจะผลัดเข้ามาอาบน้ำบ้างเพราะพรุ่งนี้เช้ามืดผมต้องกลับออซซี่แล้วเนื่องจากงานด่วนที่รออยู่หลังจากพักร้อนจบลง โดยไม่ต้องเตรียมอะไรมากเนื่องจากมีไอ้เมอร์คอยจัดการหลังจากที่ผมกลับไป ส่วนบ้านหลังนี้ก็มีลิงเจ้าที่คอยดูแลเฮี้ยนหนักไม่ต้องกลัวขโมยขึ้นแแต่อย่างใด เฮ้อ ... รอบนี้ดูเหมือนจะเป็นผมเองละมั่งที่อาลัยอาวร เอาจริงๆกลับมารอบนี้ผมตั้งใจที่จะพาไอ้ปาล์มไปอยู่ด้วยกันจริงๆ เพราะ หนึ่งปีที่ห่างกันมันทำให้รู้ว่าผมเองที่จะเป็นฝ่ายขาดมันไม่ได้ซะเอง แต่่พอโดนตอกกลับปฎิเสธทั้งน้ำตาแบบนั้น ผมจะไปทำอะไรได้อีก ความสัมผัสของผมและไอ้ปาล์มเดินไปไวมาก พอๆกับเวลาของความสุขผ่อนคลายและเป็นตัวเองที่สุดของผมด้วยเช่นกัน ... หลงฉิบหายเลยจากใจ


   "ทำไมมึงยังไม่นอนอีกไอ้ปาล์ม" ผมขมวดคิ้วถามไอ้ปาล์มที่นั่งคุดคู้จ้องนิ่งอยู่ตรงที่่นอนไอ้โรมิโอที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรตามภาษาแมวเด็ก


   "เมื่อกี้โรมิโอ ละเมออะ ผมเลยลุกมาดู" ผมรู้สึกเอ็นดูทั้งลิงทั้งแมวที่พากันมีนิสัยเอ๋อๆ เฮ้อ นี้ขอวนกลับไปเมื่อสองอาทิตย์ใหม่ได้ไหม ดูเหมือนว่ารอบนี้ผมเองที่จะแย่ซะเอง


   "มานี้ดิ" ไอ้ปาล์มไม่อิดออด เดินมายืนตรงหน้าผมที่นั่งอยู่ปลายเตียง แววตาที่ขี้เล่นของมันดูง่วงซึม และสะท้อนความรู้สึกออกมาได้มากมาย เวลาเป็นสิ่งเดียวที่ย้อนไม่ได้ ไม่ว่าผมจะมีเงินแค่ไหน


   "เปิดเทอม กูจะส่งตั๋วไปออสซี่มาให้" แต่ถ้ามีปัญญาก็ใช้เงินแก้ปัญหาไป ให้มันจบๆไป หึ


   "บ้านเฮียผลิตเงินหรือไง อีกอย่างผมขึ้นเครื่องไม่เป็น กลัวความสูงด้วย"


   "ข้ออ้างเยอะเหลือเกิมึงน่ะ ไม่ต้องห่วงกูหาวิธีแก้ปัญหาไว้หมดแล้ว เหลือแต่มึงนั้นแหละ อย่าดื้อ" มันย่นหน้าหลบมือผมที่ยื่นไปบีบจมูกมันปั๊ดใหญ่ๆ ก่อนจะยิ้มกว้างและเอาหน้ามาถูๆ กับแขนผมเหมือนในหลังฉากเด็กเสี่ย


   "งื้ออออออ ป๋าขาปาล์มจะไม่ดื้อแล้วค่ะ ป๋าขา งื้อๆๆๆๆๆ"

ผลั๊ว!!!


   ไอ้ปาล์มร้องเจี๊ยกหัวลั่นเมื่อผมจัดการเขกมะเหงกไปหนึ่งที โทษฐานออเซาะเกินไปก่อนจะดึงตัวเข้ามากอดเอาไว้ บางทีสักครึ่งปีกลับมาที ก็เป็นความคิดที่ดีไม่น้อย


   "โทรมาบ่อยๆนะฮะเฮีย โรมิโอคิดถึง"


   "หึ โรมิโอหรือลิงอย่างมึงกันแน่ครับ"


   "ไม่บอก ฮิฮิ อย่าลืมช็อกโกแลตกับขนมเยอะๆนะครับ"


   "เออ"


   "อย่าลืมดูแลสุขภาพนะครับ"


   "ครับ"


   "อย่าลืมผมนะเฮีย"


   "หึ กูไม่ลืมลิงโง่ๆอย่างมึงหรอก" ผมเหยียดยิ้มก่อนจะคว้าไอ้เด็กน้อยเอามาแนบอกก่อนจะเชิดคางมนของไอ้ลิงที่บส่นเจ็บดั้งเพราะผมดึงเข้ามาแรงไปหน่อยขึ้นมาให้สบกัน ตาคู่สวยสีดำขลับเงาทำให้มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ กับรอยยิ้มที่ประดับด้วยไฝเม็ดเล็กๆน่าเอ็นดูเหนือริมฝีปากขยับขึ้นลงตามภาษาลิงขี้บ่นนั้นทำให้ผมหลงไหล


   "กูจูบได้ไหม" ผมกระซิบถามเบาๆ ไม่ให้ลิงน้อยของผมแตกตื่นเกมไป


   "จะบ้าหรือไง ฮะ อื้อ..."


ไม่รอให้มันด่าให้เสียผู้ใหญ่ผมก้มลงไปจูบเบาๆที่ริมฝีปากอิ่มสีอ่อนตรงหน้า ก่อนจะกระชับตัวบางๆ ของมันเข้ามากอดไว้เบาๆ นานเท่าไหร่ไม่รู้ครับที่ไอ้แก่ตัญหากลับอย่างผมโฉบฉวยความหวานจากไอ้คนพิเศษของผมที่ตัวอ่อนระทวยแล้วระทวยอีก สิ้นลายหนุมานพญาลิงแดนวานร บอกกี่ครั้งแล้วว่าผมเองก็ไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่นัก แถมยังเป็นนักธุรกิจ อะไรที่ได้คุ้มมากกว่าเสีย ผมก็ต้องคว้าเอาไว้เป็นธรรมดา


"แฮ่กๆๆๆ เกือบตายแล้วนี้กะจะสูบไปเป็นแหล่งพลังงานตลอกทั้งปีเลยหรือไง!!!!"


   "ไม่ต้องตื่นเต้น กูแค่มัดจำ" ผมตอกกลับด้วยท่าทางชิวๆ จนไอ้เด็กที่แก้มแดงแดงลูกตำลึงอยู่ก่อนแล้ว เหมือน
จะคลั่งเข้าไปใหญ่ ยกมือขึ้นปิดหน้าแลซะบ่นอะไรออกมางุบงิบๆ หึหึ น่ารักจังวะ กูไม่เคยเห็นเด็กคไหนน่ารักเท่านี้ นอกจากน้องปังกูอีกคนนึงนะ


   "เขินจะตายแล้ว"


   "หึ รีบนอน พรุ่งนี้กูต้องเดินทางแต่เช้า"


   "บอกผมรีบนอนแลซ้วเฮียจะไปไหนอะ"มันรีบโวยวายเมื่อเห็นผมเดินหยิบลซองบุหรี่และตรงมาที่ระเบียง


   "สูบบุหรี่"


   "ดีสูบให้ตายไปเล้ยยยยยยย" เอ๊า อวยพรกูเฉยยยยยยย ผมส่ายหน้าไปมอย่างขำๆ เมื่อเห็นว่าไอ้เด็กน้อยมุดเข้าไปในผ้าห่มแล้ก่อนจะเปิดประตูกระจกออกมาเพื่อสูบบุหรี่ ตะโกนดีนักเดี๋ยวใครก็ขว้างหม้อไหใส่หลังคาบ้านอาหรอกเว้ย 


   ขณะที่ผมกำลังจุดบุหรี่เพื่อสูบนั้น ตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งผิดปกติเมื่อบ้านข้างๆที่เคยเงียบสงบแลซะปิดไฟตลอดเวลา เพราะเด็กเจ้าของบ้านมาสิงสถิตป่วนอยู่บ้านผมนั้น เกิดเปิดไฟซะโล่งโจ้งให้ครั้นจะเป็นขโมยก็คงฯไม่มีขโมยประเทศไหนที่เปิดไฟเรียกแขกขนาดนี้ ผมจ้องมองภาพนันสักครู่ก่อนจะพ่นควันออกมาจากทางจมูกและปาก ไม่วายสงสัยแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรออกมาให้ไก่ตื่น


   "ไอ้ปาล์มก็ไม่เคยบอกว่ามีญาติที่ไหนนอกจากพ่อมันนี้หว่า ...."


-ปาล์ม-


   ผมมองตามหลังเฮียออกไปเอามะเร็งเข้าปอดก่อนจะลงจากเตียงไปอุ้มโรมิโอที่ตัวอ่อนปวกเปียกเป็นวุ้นอยู่ขึ้นมาแนบอก หวังว่าจะนอนกอดลูกชายแทนฝรั่งจ๋าให้รู้รอด และคิดปลงในใจว่าพรุ่งนี้เเช้ามืดจะต้องเสียน้ำตาอีกกี่ลิตรร เฮอะ! ที่รเห็นนี้ไม่ได้ร้องไห้นะแค่อาลัยอาวรแบบแมนๆ เท่านั้นแหละ อีกอย่าวไทยกับอิตาลีก็ใกล้กันนิดเดียวเอง ดีๆ ห่างจากเฮียผมจะได้ทุ่มเทกับโขนให้มากขึ้น จะได้เก่งๆ สวมโขน หนุมานไวๆ จริงมะโรมิโอลูกพ่อ จะว่าไปแกไปอยู่กับลุงอินทร์ดีไหมวะ ลุงเค้าจะได้มีเพื่อนส่วนเอ็งฯก็ไม่ต้องเหงาด้วย วินๆทั่งคู่ ผมก็อยากเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้เองหรอกนะ แต่มันติดที่ผมต้องเทียวไปเทียวมาหลายที่นีสิ วงวารน้องชะมัด


"อยู่กับลุงแกนี้กินดีอยู่ดีเลยนะเฟ้ย"


พรืดดดดดดด


   "ไอ้ลิงมานี้ดิ"


   "อะไรล่ะ ผมจะนอนแล้ว"งอนเว้ย สูบบุหรี่แม่งทุกชั่วโมง


   "บ้านมึงไปเปิด" ผมหูตาลุกวาวอุ้มกะเตงลูกแมวแนบอกและรีบพุ่งออกไปหาเฮียที่ยืนอยู่หน้าประตูระเบียง พ่อรู้พ่อต้องฆ่าผมตายแน่ๆ ทำไงดีอะ เผาบ้านทิ้งก็ไม่ได้แพงกว่าค่าไฟอีก ซื่อบื้อชะมัดลืมปิดไฟได้ยังไงเนี้ย ไอ้ปาล์มมมมมมมมม


   "ฉิบหายล่ะเฮีย ผมลืมปิดไฟตั้งหลสบวันพ่อด่าแน่ๆ" ผมรีบแทรกตัวเพื่อออกไปมอง เฮียก็หลบทางให้ จริงด้วยแหละสว่างโล่งทั้งบ้านเลย... แต่ปกติที่ผมอยู่ก็จะเปิดแค่บางจุดนะ ไม่ได้เปิดไฟหมดแบบนี้ แถมส่วนมากก็อยู่บ้านเฮียด้วยซ้ำไป ... หรือว่า ....


   "ไม่หรอก ... กูว่าพ่อมึงกลับบ้าน"


   "ฉิบหายหนักกว่าเดิมอีก งื้ออออออ" ผมรีบวิ่งเข้ามาในห้อง เอาโรมิโอไปวางทีที่นอนแมวเด็กก่อนจะพุ่งไปหาโทรศัพท์ที่ชาตแบตอยู่หัวเตียงนอน กลั้นใจกดเบอร์ที่นานทีปีหนจะโทรไป ... ป๊าไฟ


   "..."


   "ป๊า" ผมกลืนน้ำลายเอือกใหญ่เมื่อต่อติดแต่ไม่มีคนพูด จนต้องเรียกเขาเบาๆ


ผมบอกไปหรือยังว่านอกจากพ่อผมจะเป็นตำรวจที่เคร่งเรื่องกฎหมายแล้ว ยังเป็นพ่อที่ดุและเครียดไปทุกเรื่อง ตั้งแต่ที่แม่ผมหนีไป พ่อก็ไม่เคยใจดีกับผมอีกเลย ไม่เคยซื้อของเล่นหรือพาไปเที่ยวไหนอีกเลย แถมยังปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวไปวันๆ บ่อยๆ จนถึงตอนนี้เค้าก็ยังเกลียดผมอยู่ดี ... ซึ่งผมก็โง่เกินกว่าจะรู้ว่าทำไมพ่อถึงเกลียดผม ... อาจจะเป็นเพราะว่า เค้ารักแม่มาก พอแม่จากไป เค้าก็เลยไม่รักผมก็ได้มั่ง


   "มึงจะสิงอยู่บ้านไอ้หมอนั้นอีกนานไหม อย่าให้กูต้องเหลาก้านมะยมรอมึงนะไอ้ปาล์ม" เสียงดุๆ ทำให้ผมสะดุ้ง ขอบตาร้อนผ่าว นี้คือคำพูดแรกในรอบ 2 เดือนที่พ่อคุยกับผม ... มีอะไรที่เศร้ากว่าการถูกขู่เหมือนเด็กๆ และเสือกกลัวจริงๆอีกไหมครับ


   "ก็ได้ครับ... อ่ะ!" โทรศัพท์ที่ผมถือออยู่ถูกแย่งไปโดยฝรั่งขี้จุ้น โอ้ยยยยยย อย่าเพิ่งเซ่ เฮียจะทำให้ปาล์มโดนพ่อกระทืบจริงๆนะ


   "สวัสดีครับคุณไฟ ... ครับ ครับ ได้ครับ...วางไปแล้ว" มือถือผมถูกวางอยู่บนหัวตัวเอง ก่อนที่เฮียจะเดินไปใส่เสื้อและเดินมาเอามือวางบนหัวผมและขยี้เบาๆ โอ้ยยยย หมดหล่อแล้วเนี้ย งื้ออออ ไม่ต้องมาลูบหัวหรอก กอดเลยก็ได้ ... ผมว่าผมติดสัมผัสเฮียแบบจริงจังแล้ล่ะ จริงๆนะ ผมอาจจะชอบเฮียแล้วก็ได้ แบบที่คนสองคนชอบกันน่ะ ... แต่ความสัมผัสนี้มันจะดีแน่หรอ ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน เพราะทุกอย่างมันไวไปหมด เกินจะตั้งรับทัน และไอ้ผมก็ค่อนข้างจะโง่ด้วยละ


   "จะไปส่งกูที่สนามบินใช่ไหม" ผมที่มุดอยู่กับซอกคออุ่นๆของฝรั่งจ๋า หยัพหน้า ก่อนจะปีนขึ้นไปทั้งตัวโดยที่เสียงหัวเราะของฝรั่งจ๋าดังอยู่ในลำคอ และช้อนสะโพกผมเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างเหมือนเด็กๆ อบอุ่นชะมัด ให้ผมลืมเรื่องหวาดกลัวพ่อผมได้


   "เด็กโข่งหรือไงมึงน่ะ รู้จักโตได้แล้ว กูไปไม่นานหรอก"


   "ผมอยากนอนนี้ฮะคืนนี้"


   "หึ อดทนไอ้ปาล์ม พรุ่งนี้กูจะมารับมึงหน้าบ้านตอนตี 3 และกูจะให้ไอ้เมอร์พามึงกลับมาบ้าน ตกลงไหม"


   "ผมไม่อยากให้เฮียไป" ผมต้องพูดคำนี้อีกกี่ครั้ง ถึงจะรั้งให้เฮียไม่ไป... ถ้าผมร้องไห้ตามใจตัวเองตอนนี้ เฮียจะใจอ่อนไหม ....


   "ตกลงกันแล้วนี้หว่า แล้วก็อย่าดื้อกับพ่อมึงมาก เข้าใจไหมว่ะ"


   "เฮียพูดเหมือนกำลังจะขึ้นเครื่อง ทั้งๆที่อีกตั้ง หลายชั่วโมง"


   "กับเด็กแบบมึง ต้องพูดย้ำๆ ถึงจะเข้าใจว่าสำคัญกับกูขนาดไหน"

   "จ้า เข้าใจแล้วจ้า"นี้แหนะขยุ้มหัวเลย คนบ้าอะไร ตาสีฟ้าสวยผมก็ออกสีเหลืองๆฟางข้าวเเหมือนเจ้าชายในเทพนิยาย แถมยังดูแล้วหิวอยากกินข้าวโพดเหลืองๆอีก ชาติก่อนทำบุญด้วยอะไร ผมจะได้ทำบ้าง เกิดมาบุญน้อยเลยได้แค่น่ารัก และหล่อมากแค่นี้เอง ฮิฮิ


   "เข้าใจอะไร"   


   "เข้าใจว่าตัวเองสำคัญ อื้อออออ" ไอ้เฮียยยยยยยย กัดปากผมแบบไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว ...


   "หึ เช็ดน้ำลายซะ ยืดเชียว ไปกลับบ้าน" แหมะ ทำมาเป็นรังเกียจก็ดูดอยู่จ๊วบๆ คิกๆ ผมทำหน้าล้อเลียนก่อนจะโดนเฮียตบป๊าบนึงและพาผมและโรมิโอกลับมาส่งบ้าน ให้ตายสิสภาพผมที่ถือทั้งที่นอนแมวเด็ก กับขวดนมแมวนี้มันพ่อลูกอ่อนชัดๆ


   "เฮีย แค่นี้แหละ มึงเข้าไปเอง" พอถึงหน้าประตูบ้านผมก็เริ่มระแวงกลัวว่าพ่อจะออกมาเห็น ฉากบอกลาอันเร้าร้อนของผมและฝรั่งจ๋า โอ้ยยย จั๊กกะจี้ว้อย เป็นเกย์และมันฟินแบบนี้ได้เหรอ


   "เดี๋ยวกูเข้าไปส่งถึงห้อง"


   "อย่าเลย ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องอะ เอาไว้คราวหน้าพ่ออารมณ์ดีๆ ค่อยเจอเหอะ" เข้าไปเฮียเจอก้านมะยมพร้อมแน่ๆ


   "... ก็ได้ มึงเหนื่อยมาทั้งวันละ เข้าไปนอนพรุ่งนี้เจอกัน"


   "ฮะ ฝันดีนะ" เข้าลูบแก้มผมเบาๆ ปล่อยให้ผมเคลิ้มๆ  แปปๆ ก็ดันหลังผมให้เดินเข้าไปในบ้าน จนอดไม่ได้ที่กลับมามองฝรั่งจ๋าที่หันหลังเดินกลับเข้าบ้านไปแล้ว ไปเหอะโรมิโอ ที่ของเราอยู่ที่นี้ไม่ใช่บ้านของเฮียอลันหรอก


   "กว่าจะกลับบ้านได้" เสียงเข้มทำให้ผมที่กำลังจะวิ่งขึ้นห้องชะงัก หันไปมองเห็นป๊ายืนหน้าเข้มมองมาที่ผมนิ่ง คนที่น่ากลัวกว่าเฮียอลันก็พ่อผมนี้แหละ ต่างกันที่ผมปลอดภัยที่อยู่ข้างๆเฮียแต่อึดอัดเวลาอยู่กับพ่อ ... เหมือนมีแค่สัพนามไว้นำหน้าเฉยๆ แต่เราสองคนไม่ได้ทำหน้าพ่อลูกซึ่งกันและกันเลย วงวารชะมัด


   "ผมไปนอนก่อนนะป๊า"


   "ออย่าทำให้ฉันต้องผิดหวังในตัวแกไปมากกว่านี้ไอ้ปาล์ม"


   "แค่นี้ ป๊าก็ไม่เคยหวังอะไรกับตัวปาล์มอยู่แล้วนี้"


   มันก็ประมานนี้แหละครับ ความสัมพันธ์ระหว่างผมและป๊า พ่อของผมเอง ...
.
.
.


   เฮ้อ ... จนแล้วจนรอด ผมก็หอบสังขารพร้อมสัมภาระกระเป๋าที่เตรียมไว้ก่อนที่จะไปทะเลมานั่งตาค้างอยู่ที่สนามบินตอนตี 2 กว่าๆ เออ ... กูโกหกไอ้ปาล์มว่าไฟต์เครื่องไปออสซี่มันตี 5 เพราะไม่อยากให้มันมาส่งเองแหละครับ อยากไปแบบเงียบๆ ถึงแล้วค่อยโทรมาสารภาพบาปกับมัน เพราะภาพของพี่ก่อนที่มันร้องไห้เหมือนผมกำลังจะตาย แม่งยังติดตาผมอยู่เลย ก็ต้องว่าผมขี้ขลาดในเรื่องที่เกี่ยวกับมันทุกเรื่องนั้นแหละ ตอนแรกที่มันนอนบ้านผม ก็กะว่าจะกล่อมให้หลับและย่องออกมาเพราะรู้ดีถ้าบ้านไม่ไฟไหม้ไอ้ปาล์มก็ไม่ตื่น พอดีกับป๊าไฟของมันกลับมาพอดีเลยทางสะดวกไปอีกเปล๊าะ นี้ผมลงทุนถือกระเป๋าออกมาเรียกแท๊กซี่หน้าหมู่บ้านเพราะไม่อยากให้ไอ้ปาล์มผิดสังเกตุเลยนะเนี้ย รู้แหละว่ายังไงไอ้ปาล์มก็ต้องร้องไห้ แต่ทำไงได้ ก็ยังดีกว่าให้มันมาร้องตรงหน้าและผมใจอ่อนคว้ามันขึ้นเครื่องไปด้วยนั้นแหละ ... ผมก็ไม่ใช่พระเอกแสนดีหรอก ก็แค่ไอ้ฝรั่งหน้าโง่ที่แก่จะตายแต่ไม่มีปัญญาจัดการกับเด็กโง่ๆคนนึงและความรู้สึกตัวเองนั้นแหละ


   "มึงเป็นเหี้ยอะไรวะ" ผมเหลือบมองไอ้เมอร์สันที่เดินมาหน้ายู่บอกบุญไม่รับ พพร้อมกับด่าผมเป็นภาษาอังกฤษที่ถ้าจะแปลไทยก็ประมานนั้นแหละครับ ผมโทรไปบอกมันเมื่อ ชั่วโมงกว่าๆนี้เองว่าจะเดินทางตอนตี 3 เพราะมันก็เป็นคนๆนึงที่โดนผมหลอกงงเป็นไก่ตาแตกเหมือนกัน


   "กูหนีไอ้ปาล์ม" ผมเงยหน้าบอกเพื่อสนิทที่ยืนเท้าเอวอย่างเซ็งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันง่วงหรือหงุดหงิดอะไรนักหนา


   "เออ กูก็พอรู้ นี้ไอ้เด็กลิงน้อย มันทำให้มึงเป็นคนไร้สติได้ขนาดนี้เลยเหรอไง ต้องขนาดนี้เลยเหรอว่ะ อีกตั้งปีกว่ามึงจะกลับมาได้อีก ไม่เห็นใจน้องมันหรือไงที่ไม่ได้ลาคนที่มันชอบน่ะ"


มันนั่งลงข้างๆผมพร้อมกับบ่นอุบ ไอ้เมอร์ค่อนข้างที่เอ็นดูไอ้ปาล์มในฐานะน้องเป็นที่สุดครับ ถึงจะเห็นว่ามันขี้แกล้งแต่ถ้าเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลมันก็พร้อมที่จะปกป้องไอ้ปาล์มไม่แพ้ผมเหมือนกัน และผมเองก็พอจะไว้ใจมันได้พอดูเพราะถึงจะเขี้ยวลากดินแค่ไหน มันก็รู้อยู่ว่าถ้าเสือกยุ่งกับไอ้ปาล์มแม้แต่ปลายก้อย มันจะต้องเจอผมตามฆ่าไปสักกี่ชาติ


   "เอาน่ะ เรื่องของกูเหอะ แล้วนี้มึงไปนอนไหนบ้านช่องไม่กลับ"


   "วัด" มันตอบหน้านิ่ง ก่อนที่ผมจะเห็นว่ามุมปากมันยกยิ้มแบบแปลกๆ ... อย่าบอกนะว่ามันจะบวชเป็นพระ ... แต่คนกิเลสหนาเท่าบาทาช้างอย่างมันผมก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าจะเดินเข้าทางธรรมลักษณะไหนได้ ไอ้นมออกลูกเป็นตัวกูยังจะเชื่อได้มากกว่านี้อีก


   "วัด ที่มีพระอ่ะนะ?"


   "หึ เออ ไม่ต้องสนใจเรื่องกู มึงนั้นแหละ โดนกูงาบลิงน้อยไปและจะมางอแงที่หลังไม่ได้นะ ทำร้ายจิตใจลิงน้อยกูเหลือเกิน"


   "ถ้ามึงอยากไปเป็นผีเน่าเฝ้าป่าช้าก็ลองดู" ผมพูดช้าๆ เน้นๆ จนมันต้องยกมือขึ้นยอมแพ้ สักพักใหญ่ๆที่ผมนั่งจิบกาแฟรอเวลา สนามบินก็ประกาศให้ผู้โดยสารเที่ยวบินไปออสซี่เตรียมตัว นั้นแหละครับผมถึงจะขยับตัวลุกขึ้น พลางเตะขาไอ้เพื่อสนิทที่ผล่อยหลับไปง่ายๆ


   "มึงไม่บอกลาน้องมันหน่อยเหรอว่ะ" ไอ้เมอร์ยื่นโทรศัพท์มันให้ผม


   "ไม่ล่ะ กูบอกมันไปเยอะแล้ว"


   "เออๆ ตามใจ ถึงแล้วก็รีบโทรมาง้อเด็กมึงแล้วกัน สัดเอ้ยไม่อยากนึกถึงพรุ่งนี้เช้าว่าบ้านมึงจะเละเทะแค่ไหน"


   "กูฝากอย่าให้มันทำข้าวของพังก็พอ ... ไปและมึง" ผมโบกมือลาสหายก่อนจะเดินหันหลังเพื่อเตรียมกลับไปทำหน้าที่เพื่อความมั่นคงในชีวิตก่อนที่จะมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเองในแบบที่ไม่ต้องเกรงใจใครทั้งสิน


   ... โทษทีนะไอ้ปาล์ม แต่ครั้งนี้กูขอทำเพื่อตัวเองที่จะไม่ต้องเห็นภาพมึงร้องไห้เหมือนจะขาดใจอีกวะ ... เห็นแก่ตัวสัดๆ กูก็แค่ฝรั่งโง่ๆคนนึง ... และถ้ามึงจะเลิกศรัทธาในตัวกู กูก็คงห้ามอะไรไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ กูผิด ... ผิดที่กลัวคำบอกลากับน้ำตาของมึง ... ผิดที่กูแม่งรู้สึกดีกับมึงสุดๆไปเลยวะ


   ... ตอนนี้ใจกูจะแตกอยู่ไอ้ปาล์ม อึดอัดฉิบหาย ...


.
.
.


   ร่างเพียววิ่งหน้าตาตื่นลงมาจากบ้านในเวลา 6 กว่า ทั้งๆที่ยังสวมเสื้อผ้าสุดนอนลายกล้วยที่อลันซื้อให้ ก่อนจะรีบวิ่งกะหทดกะหอบไปหน้าบ้านชะเง้อมองบ้านข้างๆ และเปิดประตูรั้ววิ่งสวนกับร่างสูงหน้าตาคมเข้มตามภาษาคนดุของป๊าไฟที่เพิ่งกลับมาจากวิ่งออกกำลังกายรอบหมู่บ้านในวันหยุด


   "เฮียๆ เฮียยยยย ไฟต์เลื่อนหรอครับ เฮีย 6 โมงแล้วนะ ตกแล้วกลับออสซี่ไม่ได้แล้วเน้อ เฮียยยยยยย" น้ำเสียงแหบแห้งสั่นระริกตะโกนเข้าไปในบ้านที่คุ้มเคยมากกว่าบ้านตัวเองมือทั้งสองข้างจับราวเหล็กเย็นเจี๊ยบ ขอบตาร้อนจะร้องไห้อย่างน่าสงสาร ในใจลึกๆ รู้ดีว่าเฮียอลันของตัวเองไม่ใช่คนที่ขี้ลืม เป็นคนที่เถรตรง และจริงจังในทุกเรื่อง ไม่ว่าอะไร ... แต่จะเป็นไปได้เหรอที่คนๆนี้จะหนีกลับไปดื้อๆ ไม่มีคำบอกลาตรงๆ ซึ่งๆหน้าเหมือนอย่างเคย ...


   "เฮีย ฮึก เฮียยยยย ผมจะปีนเข้าไปแล้วนะ หลับไม่ยอมตื่นแบบนี้อะ"


   "มึงกำลังบุกรุกบ้านเค้านะไอ้ปาล์ม" เจ้าปาล์มที่กลังกระโดดขึ้นรั้วบ้านฝรั่งถูกลากคอเสื้อลงมายืนกับพื้นอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของป๊าไฟที่ยืนมองปฎิกิริยาลูกชายอยู่พักนึง ... นานแค่ไหนที่ไม่เคยเห็นลูกชายงอแงร้อนไห้แบบนี้ ... นี้เค้าได้ทำหน้าที่พ่อจริงๆหรือยัง เพียงแวบเดียวเท่านั้นที่คำถามเหล่านี้มาสะกิดใจ ... แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น


   "ป๊าปล่อยผม นี้บ้านเฮียก็เหมือนบ้านผมนั้นแหละ ตอนป๊าไม่อยู่ผมก็อยู่บ้านนี้ ตอนป๊าไม่สนใจผมก็อยู่ที่นี้ ตอนป๊ารำคาณผมจนผมไม่มีที่ไป ผมก็มาอยู่ที่นี้ เพราะงั้นป๊าก็ไม่ต้องมายุ่งกับผมว่าผมจะทำอะไร" เจ้าลิงตัวแสบพูดด้วยน้ำเสียงลั่นเครือ น้ำตาเต็มสองแก้ว ก่อนจะรีบผลุบปีนเข้าไปในรั่วบ้านอย่างคล่องแคล่วตามภาษาลิงซนๆ ที่ปีนป่ายเป็นเรื่องปกติ


   "เฮีย!... เฮีย!" เจ้าปาล์มโผล่หน้าเข้ามาในห้องเหมือนกำลังเล่นจ๊ะเอ๋กับอลันตามปกติ ก่อนจะเม้มริมฝีปากเมื่อเห็นห้องว่างเปล่าไม่เหมือนเมื่อคืนที่ยังมีของใช้ส่วนตัวบางอย่างของอลันวางอยู่ ก่อนจะทำหน้าตาเจ้าเล่ห์เหยียดยิ้มและเดินย่องไปที่ห้องน้ำ ก่อนจะเปิดประตูเตรียมแลบลิ้มปริ้นตาใส่หวังหลอกผีฝรั่งจ๋าแบบคุ้นเคย ... แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย


   ร่างเพรียวเดินจ๊ะเอ๋ไปรอบบ้าน ก่อนจะเดินคอตกกลับมานั่งที่โซฟาขั้นล่าง กอดเข่าเหม่อมองไปที่ประตูบ้านแและอยู่ๆน้ำตาที่หายไปก็ค่อยๆไหลออกมาเงียบๆ ... มันเป็นการฟูมฟายที่เจ็บปวดยิ่งกว่าโดนอลันด่าในทุกครั้ง ... เพราะนี้คือทิ้งที่ปาล์มคุ้นเคยจากคนรอบข้าง และไม่ได้เตรียมใจจะมีเจอกับอลันของเขาแม้แต่น้อย ...


แก๊ก !


   "เฮีย!... ปะ ป๊า ... พี่เมอร์" ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกเมื่อคนที่เดินเข้ามาในบ้าน กลับเป็นป๊าไฟและเมอร์สันที่ทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นเด็กน้อยที่ร้องไห้อยู่เงียบๆคนเดียวในบ้านที่เคยมีแต่เสียงหัวเราะและโวยวายของลิงน้อย


   "พี่เมอร์ เฮียหนีกลับไปแล้วเหรอ" น้ำเสียงตัดพ้อนั้นดังเป็นประโยคช้าๆ ทำให้ฝรั่งเพื่อสนิทกับคนใจร้ายที่พอรู้ภาษาบ้างเข้าใจได้ ก่อนจะถอนหายใจและพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆและโอบไหล่บางเอาไว้


   "ไอ้เพื่อเวรมันบอกว่าถึงแล้วจะโทรหาเราเอง ที่แอบไป เพราะไม่อยากเห็นเราร้องไห้"


   "ผมฟังไม่ออก ฮึก โง่ชะมัด" ปาล์มสะอื้นฮัก เมื่อเจอเมอร์สันร่ายภาษาอังกฤษยาวและยกมือขยุ้มหัวตัวเองอย่างแรง จนมือหนาต้องจับรวบเอาไว้ไม่ให้ปาล์มต้องทำร้ายตัวเอง


   "ไอ้หมอนี้มันบอกว่า ไอ้ฝรั่งที่เอ็งรำพึงหาจะโทรมา และที่ไปเพราะไม่อยากเห็นเอ็งร้องไห้" ป๊าไฟพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง หยิบบุหรี่ในเสื้อขึ้นมาสูบอย่างเฉยชา


   "เลวชะมัด ถ้าโทรมา จะด่าให้บ้านไฟไหม้เลย ไอ้บ้า!" เจ้าลิงน้อยประกาศลั่น ก่อนจะผลิกตัวมาอีกด้านซุกตัวลงกับโซฟาและร้องไห้ฟูมฟายอยู่อย่างงั้นพักใหญ่ จนเมอร์สันอ่อนใจและนึกขึ้นได้ว่ามีช๊อกโกแล๊ตอยู่ในตู้เย็นเลยเดินไปหยิบมาส่งให้เจ้าปาล์มเผื่ออะไรจะดีขึ้นบ้าง ขณะที่ป๊าไฟก็เดินกลับบ้านไปได้พักใหญ่และไม่มีท่าทีจะสนใจอะไรปาล์มเหมือนเคย


   เจ้าปาล์มกินไปก็น้ำตาไหลไป สักพักก็ร้องหาโรมิโอ จนเมอร์สันที่ไม่รู้เรื่องอะไรต้องรีบวิ่งไปถามหาแมวเด็กให้วุ่น จนได้รับคำตอบจากป๊าไฟว่าโรมิโอนอนหลับอยู่บนห้องของปาล์ม ถึงแม้จะงอแงแต่ปาล์มก็ไม่เคยลืมที่จะ
ป้อนนมให้ลูกชายแสนรัก


   เวลาผ่านไปเกือบพลบค่ำ เจ้าปาล์มที่นอนกอดลูกแมวอยู่ในห้องของอลันถูกปลุกขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ไม่ยอมกินอะไรนอกจากขนมที่เมอร์สันหาซื้อมาให้อย่างเอาใจ


   "ไอ้ปาล์ม เป็นอะไรวะ"เสียงของเพื่อนสนิทตัวเล็ก ดังขึ้นพร้อมมืออุ่นๆที่ทาบลงมาที่หน้าผาก ทำให้เจ้าปาล์มสะดุ้งลุกขึ้นกอดรวบเจ้าน้ำที่รีบมาหลังจากที่เมอร์สันโทรไปส่งข่าวเข้ามากอดไว้แน่น ไม่พูดอะไร และไม่ได้ร้องไห้ออกมาอีกแต่อย่างใด


   "อดทนดิวะมึง ไอ้ปาล์มที่แท้จริงไม่ได้ซึมเศร้าขนาดนี้นะเว้ย"


   "มึงจะไปบังคับคนเศร้าให้หัวเราะทำไมวะไอ้น้ำ" เสียงเข้มของไข่หลงดังขึ้นพร้อมกับกะละมังและผ้าเช็ดตัว ก่อนจะนั่งลงข้างๆเพื่อนตัวเอง และดันเจ้าน้ำออก ก่อนจะสั่งเสียงเข้มให้ปาล์มถอดเสื้อ ด้วยความที่มึนและงง จึงเผลอทำถามเพราะไม่อยากให้ไข่หลงโกรธเท่าไหร่นัก


   "น้ำ ไม่อาบ ข้าวไม่แดก แดกแต่ขนม มึงเป็นเด็กหรือไงที่น้อยใจอะไรก็เอาแต่ประชด" ไข่หลงพูดออกมาอย่างหงุดหงิดใจ มือก็เช็ดไปตามผิวเนียนของสหายเอารุนแรงด้วยความหมั่นไส้


   "กูเจ็บ ผิดก็ไม่ใช่กำแพงบ้านนะว้อย" ร่างเพียวบิดตัวหนีเพราะความเจ็บ


   "เหรอ งั้นมึงไปส่องกระจกว่าตอนนี้มึงต่างอะไรกับต้นไม้หรือก้อนหินไหม แล้วใจคอมึงจะไม่บอกอะไรพวกกูหน่อยเหรอไงว่าเป็นอะไรยังไง อยู่ที่ไหน ต้องให้คนอื่นเค้าโทรมาบอกว่ามึงเหมือนคนจะตายน่ะห๊ะ!!!!"


   "ยะ อย่าดุกูสิ ฮึก" ปาล์มกระโดดมาหลบหลังน้ำเพราะเห็นว่าไข่หลงเตรียมจะทุบตัวเองอยู่รอมร่อ


   "เออ เอาน่ะมึง เพื่อเสียใจ มึงก็อย่าเพิ่งไปดุมัน แดกข้าวสักหน่อย" น้ำเอื้อมมือไปหยิบข้าวไไข่เจียวที่ตั่งอยู่โต๊ะหัวเตียงมาส่งให้เพื่อนสนิท ปาล์มเม้มปากแน่นมองไข่หลงทีน้ำที ก่อนจะรับมาถือเอาไว้ และตัดเข้าปากอย่างฝืนๆ


   "กู ... ขอโทษ ฮึก แต่กูช๊อก เหมือนโดนหักหลัง"


   "ถ้ากูเป็นมึงปกติตอนนี้ ไม่มานั่งช๊อกหรอก ... แต่กูจะเอาคืน ให้แม่งบ้าไปเลย"น้ำพูดเสียงเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความเย็นชาจนปาล์มต้องหันไปมอง และก็เงยหน้ามองเพดานไล่น้ำตาเข้าไปไม่ให้ไหลออกมาให้เสียงฟอร์มอีก


   "ยังไงวะ"


   "ไอ้น้ำ มึงไม่ต้องไปสอนมันหรอก เรื่องแกล้งคน ให้ปาล์มมันเก่งกว่ามึงเยอะ" ไข่หลงพูดด้วยน้ำเสียงกระแหนะกระแหน ก่อนจะหยิบชามข้าวมาตักป้อนเพื่อนตัวเองเหมือนเอาช้อนกระทุ้งปากเด็กดื้อที่ิคิดว่าตัวคนเดียวบนโลกนี้


   "ตั้งสติ และเอาไอ้ปาล์มคนเดิมที่พวกกูรู้จักกลับมา" เสียงเข้มของไข่หลงเหมือนสะกดจิตให้จิตใจของเจ้าลิงน้อยเข้มแข็งอีกครั้ง ... กระบวนการของมนุษย์คือใจร้ายมา ต้องใจร้ายกลับ ... นั้นคือสิ่งที่ปาล์มเป็น ถึงจะเป็นคนใจร้ายที่ปาล์มชอบแค่ไหนก็ตาม ...



   เฮียจ๋า ทำปาล์มก่อนเองนะ...




===================

ไฮ ฉันกลับมาแล้วจ๊ะนายจ๋าาาาา

คิดถึงน้องปาล์มกันไหม จุบุ๊ๆ

เรื่องนี้ปาล์มขอเอาคืนฝรั่งบ้าง ถึงอยู่ไกลกันความแสบเฟี้ยวของปาล์มก็ยังคงจะดังลั่นไปถึงออสซี่นะจ้ะ

โชคดีจ๊ะฝรั่งจ๋า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2017 18:50:06 โดย pa_pa »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Tipin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • https://twitter.com/Tipin_pin
กลับมาแล้วววววววววววว เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หายไปนานเลย  :mew2:

ที่ไฟไม่ยอมกลับบ้านเพราะคิดถึงแม่ปาล์มสินะ
แล้วปาล์มคงหน้าเหมือนแม่ใช่มั้ย

รอวันปาล์มเอาคืนอลัน คงแสบสัน แทบบินกลับมาไทยแน่เลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4


Mask boy : {CH17 ตลกแต่ไม่ตลอด}


ผมไม่รู้ว่าเฮียอลันกลับไปกี่วันแล้วอะ ไม่ได้นับเลย  ผมใช้ชีวิตปกติดี ไปเรียน ซ้อมโขน แต่ที่มากกว่านั้นคือทุกอย่างหนักขึ้น หลายเท่าจนบางครั้งก็รู้ตัวนะครับว่าเกิน ไหว แต่ก็ดีกว่าให้ผมมานั่งฟุ้งซ่านเหมือนไอ้หนุ่มแรงม้าที่ถูกเมียทิ้งไปมีผัวใหม่นั้นแหละ นอกจากกลับหอดึกนอนน้อยแล้ว ผมยังห้าวตื่นตี 5 ไป แสตนบายรอหลวงพ่อบิณฑบาตเช้าด้วย อกหักไม่ยักตายและก็ทำให้เราเป็นคนดีด้วยนะครับ ถึงไอ้ไข่หลงจะไม่ชอบที่ผมเปลี่ยนนิสัยจากไอ้ลิงขี้เกียจเป็นไอ้ลิงที่กินยาม้าเข้าไปก็เถอะ … ทำไมผมภูมิใจกับการเป็นลิงจัง หรือเพราะว่าฉายานี้มาจากไอ้ลุงจอมเจ้าเล่ห์กันนะ

                “โรมิโอ กินข้าวยัง” ผมทักทายไอ้ลูกแมวน้อยที่กลิ้งไปมาอยู่ที่พื้นห้อง พอเห็นผมก็เลิกสนใจหนังสติ๊กมัดถุงแกงวิ่งมาออเซาะผมทันที … คือเปย์ของเล่นมาให้เสียมากมายมึงเลือกหนังสติ๊กเนี้ยนะ สมแล้วที่เป็นแมว ทูนหัวของบ่าว

                “แมวมึงแดกจนกลายเป็นอุ๋งๆ (แมวน้ำ) แล้ว เหลือแต่มึงนี้แหละ ผอมจนกูนึกว่าผี” ไอ้น้ำที่นอนแผ่คิ้วขมวดกับโจทย์เลขเด็กประถมในมือหันมาพูดประชด ขณะที่ผมก้มลงเอาลูกชายแมวส้มตัวอ้วนกลมมาไว้บนบ่า อีกหน่อยกูคงเอามันไว้บนหิ้งและบูชาแล้ว แมวรุ่นหนังสติ๊ก หลวงพ่อปาล์มเป็นผู้ปลุกเสก ตายห่าแล้วมึงไอ้ปาล์มแต้มบาปขึ้นมาอีกบานเลย ฮึฮึ

                “โอ้ยยยยยยยยยย แดกข้าวโว้ยกูซื้อไว้ให้เดี๋ยวกูอุ่นให้ มึงเบาทีวีหน่อยไอ้สาดดดดดดดดดดดดด” ไอ้น้ำโวยวายก่อนจะยื่นชามข้าวที่มันอุ่นเป็นรอบที่สองให้ผม ขณะที่ผมกำลังให้ความสนใจกับการดูสารคดีแมวพร้อมกับลูบหัวลูกชายเล่นเพลินๆ อีกนิดก็จะหลับแล้วแท้ๆ มารผจญกูจริงๆ ไม่ว่าเปล่ายังตบหัวผมดังโผล๊ะ และฉุดกระชากลากถูให้ลุกขึ้นนั่ง วางชามข้ามแหมะลงบนตักผม จนต้องร้องจ๊ากออกมาเพราะไม่รู้จะเจ็บหัวหรือร้อนจนนึกว่าไฟลวกที่ไข่ก่อนดี ไอ้เพื่อนเวรเดี๋ยวก็สุกกันพอดี

                “ไอ้ปาล์มเมื่อวานเฮียอลันโทรหาไอ้ไข่นะ” ผมที่ชะงักก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง

                “มึงไม่อยากรู้เหรอว่าคุยอะไรกัน”

                “ไม่อะ รำคาญ” ผมพูดก่อนจะปล่อยโรมิโอให้เดินเต๊าะแตะไปเล่นของเล่นที่ผมซื้อมาประเคน … แม่งเล่นดีกว่าผมตอนเด็กๆ อีก

                “วาเว้ย อัพสกิลนะ น้องปาล์ม ก็แล้วแต่นี้หว่า ตอนแรกกูนึกว่ามึงจะโทรไปแกล้งเฮียมึงว่ามึงป่วยหรือตายให้เขาประสาทตาย แต่มึงเล่นแกล้งตัวเองแบบนี้มัน มุขใหม่เหรอวะ”

                “เสือก”

                ผมดันหน้าไอ้น้ำออกห่างก่อนจะ ผลักชามข้าวออกไปจากตัว และล้มตัวนอนคลุมโปรงแบบไม่อาบน้ำ ให้มันนอนดมกลิ่นเต่าผมให้ตายไปเลย สมน้ำหน้า ไอ้น้ำบ่นอะไรไม่รู้สักพักก็เงียบไป รู้สึกว่ามีอะไรเย็นๆมาลูบตามแขนผม มันเบาสบายดีนะครับ แต่ก็รู้สึกร้อนวูบๆไปทั้งตัว ร้อนไม่ทันไร ก็หนาวอีกแล้ว ก่อนจะวูบดับไป ตอนนั้นผมจำได้ว่าไม่ได้ฝันอะไรเลย มันว่างเปล่าเหมือนไม่รู้จะคิดอะไร คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น … พักก่อนนะปาล์ม พรุ่งนี้ค่อยห้าวใหม่

-น้ำ-

                “ไอ้ปาล์มมึงไปอาบน้ำ … เชี้ยทำไมมึงตัวร้อนงี้วะ!!!!” ผมโวยวายเมื่อเดินไปจับตัวไอ้เพื่อนตัวแสบที่นอนคุดคู้อยู่ในผ้าห่มไม่หือไม่อือ มันเป็นแบบนี้มาเกือบเดือนแล้วครับ ซึมๆ เศร้าๆ เรียนและฝึกซ้อมแบบเป็นบ้าเป็นหลัง โมโหหงุดหงิดง่ายไม่ใช่ไอ้ลิงปาล์มจอมทะเล้นที่ผมรู้จักมันมาทั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย และดูเหมือนว่าร่างกายมันจะรับไม่ไหวไข้ขึ้นสูงปี๊ดขนาดนี้

                ผมเม้มปากคิดอยู่สักพักก่อนจะตักน้ำใส่กะละมังและเอาผ้าขนหนูสะอาดชุบน้ำมาลูบตาแขนขาและลำคอมัน ปลุกมันมากินข้าวกินยาแต่มันก็ไม่ลุก จนผมอ่อนใจต้องนั่งเฝ้ามันแบบนั้น และลูกชายแมวน้อยของไอ้ปาล์มมันดื้อน้อยซะเมื่อไหร่วิ่งคึกไปทั้งห้อง โดยที่ไม่รู้ว่าแม่มันกำลังนอนพะงาบๆ อยู่ จนต้องไปอุ้มกล่อมเหมือนเด็กๆ จนมันหลับไป ผ่านไปค่อนคืนอาการมันไม่ดีขึ้นน่าเป็นห่วงขึ้นเรื่อยๆ จนไอ้โรมิโอที่นอนซุกอยู่ข้างๆมัน ร้องเรียกผมเบาๆ เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าพ่อมันป่วยและเหมือนว่ามันจะฉลาดเกินแมวไปหน่อย สมแล้วที่ไอ้ปาล์มไม่ตัดหางปล่อยวัดให้ไปอยู่กับลุงอินทร์ อย่างน้อยเจ้าโรมิโอก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ไอ้ปาล์มมีกำลังใจในแต่ละวันละมั่ง

                “เออๆ รู้แล้ว” ผมลูบหัวไอ้โรมิโอเบาๆ ก่อนจะหยิบกดหมายโรงพยาบาลที่หาจากในอินเตอร์เน็ตเตรียมไว้แล้วเพราะดูท่าคลินิกตอนนี้คงไม่มีใครเปิด ก่อนจะโทรลงไปบอกหอพักให้ส่งคนมาช่วงพยุงไอ้ปาล์มหน่อย … ถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่ก็เสือกตัวบางกว่ามันนะ ไม่สงสารผมก็สงสารไอ้ลิงปาล์มเหอะถ้ามันจะต้องหกคะเมนตีลังกาหัวฟาดพื้นไป

                “ไอ้ไข่ ไอ้ปาล์มไข้ขึ้นสูงกูกำลังพามันไปโรงพยาบาลนะ” ระหว่างรอรถมารับผมก็เปิดห้องทิ้งเอาไว้เพราะจะได้ทำอะไรได้อย่างทันท้วงทีและไม่ลืมโทรบอกไอ้ไข่ที่ตอนนี้กำลังทำงานที่มินิมาร์ทอยู่

                “เออกูก็ว่าวันนี้ที่บ้านโขนมันอาการไม่ค่อยดี ให้กูไปหาไหม”

                “ไม่ต้องหรอก แค่นี้มึงก็ไม่มีเวลานอนแล้ว กูดูมันเอง และพรุ่งนี้เช้ามึงค่อยมาก็ได้เพราะเป็นวันหยุด” ผมออกความคิดเห็นก่อนจะหันไปมองไอ้ปาล์มที่ไอคอกๆแคกๆออกมาอย่างอดห่วงไม่ได้ ไอ้ห่า ร้อยวันพันปีไม่เคยป่วยกับเขา เจอฤทธิ์แผลใจเข้าไปหน่อยอ่อนแอเลยนะมึง … อย่างว่าแหละของแบบนี้แม่งไม่เจอกับตัวเองมันไม่มีทางรู้เลยจริงๆ …

                “เอาไงไอ้ปาล์มให้กูโทรหาเฮียมึงไหม” ผมหันไปหามันและถามขึ้นอย่างไม่ได้ต้องการคำตอบอะไร เพราะตอนนี้ถึงมันคงไม่มีสติอะไรหรอก

                ผมรอเพียง 20 นาที พยาบาลและหมอก 5-6 คนก็พากันมาช่วยกันแบกสังขารเพื่อนผมที่ห่อเหี่ยวเต็มตนลงไปที่รถพยาบาลที่จอดรออยู่หน้าตึก และดูเหมือนจะสร้างความแตกตื่นให้กับคนบนหอได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่มีใครตาย แค่บังเอิญเพื่อนผมมันตรอมใจจนเป็นไข้เฉยๆ

                พอฝากแมวไว้กับหอพักเสร็จผมก็กระโดดขึ้นรถพยาบาลทันทีและไม่นานก็ส่งไอ้ปาล์มเข้าห้องฉุกเฉินได้สำเร็จ แต่เล่นเอาหมดแรงตอนกรอกเอกสารอะไรนักหนานี้แหละเคยแต่มาเป็นเพื่อนแม่พาป๊ามาหาหมอ พอมาเองก็จะเอ๋อๆหน่อย เอ่อ ลืมไปเลยว่าต้องโทรบอกป๊าไอ้ปาล์มด้วย แต่พอคิดถึงเสียงโหดๆของป๊าไฟแล้วก็ต้องขอทำใจพักนึงก่อนแล้วกัน อย่างน้อยก็เบาใจแล้วว่าไอ้ปาล์มปลอดภัยหายห่วงอยู่ในมือหมอแล้วนั้นแหละ

                “หมวย…มึงมาทำอะไรที่นี้”ผมที่กึ่งหลับกึ่งตื่นสะดุ้งทันทีที่เสียงพร้อมกับแรงเขย่าเบาๆที่บ่า … เดี๋ยวนี้กูเผลอหลับไปเหรอ กี่โมงแล้ววะ

                “สภาพมึงแย่ฉิบหาย” เสียงเย็นชาที่คุ้นเคยทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง … ไอ้อังเปานิหว่า … มันมาทำอะไรที่นี้วะ แล้ว … ตายห่า ลืมไปเลยว่าทุกวันหยุดไอ้อังเปาจะมาทำงานพิเศษที่โรงพยาบาลแต่เช้าตรู่!!!

                “กี่โมงแล้ว” ผมตาตื่นเมื่อมองออกไปเห็นฟ้าเริ่มสาง

                “ใจเย็น ยังไม่ 6 โมงดี แล้วสรุปมึงมาทำอะไรที่นี้หมวย ใครเป็นอะไร”

                “อ่อ เพื่อนกูไม่สบาย ไข้ขึ้นสูง เดี๋ยวกูไปดูเพื่อนกูก่อนนะ” ผมว่าแล้วรีบเดินไปหาพี่พยาบาลที่นั่งเช็คเอกสารอยู่ให้วุ่นก่อนจะรู้ว่าไอ้ปาล์มถูกย้ายไปอยู่ในห้องคนไข้รวมแล้ว นี้กูเผลอหลับจนไม่รู้เหนือรู้ใต้เลยหรอวะ แถมเจอคนที่ชอบตอนหน้าเป็นศพอีก ถึงจะพยายามจะเลิกชอบแล้วก็เหอะ

                “หงุดหงิดฉิบหาย” ผมแทบจะพ่นไฟรีบวิ่งไปหาไอ้ปาล์มตามคำพยาบาล ขณะที่ไอ้อังเปาเองก็เดินตามผมมาด้วย จะเอายังไงวะ อยากให้หายไปก็หายไปแล้วยังจะเอาอะไรอีก ….

                “มึง” ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยรวม ผมหันไปประจันหน้ากับไอ้อังเปาจนหน้าเกือบจะชนอกหนาจนเป็นผมเองที่ต้องก้าวห่างออกมาเอง

                “อะไร” ไอ้เปาก้มหน้ามามองผมและยิ้มเล็กๆที่มุมปาก … เลิกใช้รอยยิ้มนี้แกล้งกันสักทีเถอะ

                “ว่างใช่ไหม” ผมถามก่อนจะผลักอกมันเบาๆให้ถอยห่างไปหน่อย หมอนี่ยืดตัวตรงก่อนจะยักไหล่เบาๆอย่างไม่สนใจเท่าไหร่ ผมถอนหายใจก่อนจะจิ๋กเอาปากกาที่เสียบอยู่ที่กระเป๋าเสื้อของไอ้เปามาก่อนจะเม้มปากและคว้าเอามือหนามาถือไว้ก่อนจะจดเบอร์ที่จำได้ดีบนมือของหมอนี้

                “งั้นเอาเบอร์นี้ไป เป็นเบอร์พ่อไอ้ปาล์มบอกว่าลูกเขาป่วย” ผมว่าและวางปากกาลงบนมือของหมอนี่ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะเลยให้ตายสิ … ผมต้องปลงบ้างนะ อย่าให้ความรักที่ไม่สมหวังมาทำให้ต้องทรมานเพราะการที่เราเอาใจตัวเองไปผูกไว้กับเท้าของใครอีกเลย

.

.

.

-ปาล์ม-

                ปวดหัว ปวดตัวฉิบ … ให้ตายสินี้ช้างโขลงไหนมากระทืบผมหรือไงทำไมมันร้าวไปหมดอย่างนี้ …

                “ไอ้เด๋อ” ผมสะดุ้งเพราะอยู่ๆเสียงเข้มก็ดังขึ้นใกล้ๆจนต้องหันไปมองตามเสียงก่อนจะปรับสายตาให้เห็นชัด ชุดสีกากีเครื่องแบบตำรวจเด่นชัดท่ามกลางแสงสว่างจากหน้าต่าง … เดี๋ยวนะห้องไอ้น้ำไม่มีหน้าต่างนี้หว่า

                “ตื่นมาก็เด๋อด๋าอยู่นั้น … รบกวนมาดูอาการคนไข้หน่อยครับ” ผมยังมึนๆงงๆ แต่ก็พอจะรู้ว่าคนที่อยู่ใกล้ๆคือป๊าไฟ และพอด่าผมเสร็จก็หันไปกดเครื่องอะไรสักอย่างบนหัวเตียงพูดไปแบบไม่สนใจอะไรเท่าไหร่ … ที่นี้โรงพยาบาลสินะ นี้อย่าบอกนะว่าผมเมาประชดแดกยาล้างห้องน้ำจนมาเสร่ออยู่ที่นี้  ไม่ดิ … ผมเป็นเด็กอนามัยไม่กินเหล้าสักหน่อย แถมเป็นพวกสุขนิยมไม่คิดฆ่าตัวตายด้วย

                “หิวน้ำ” เสียงผมแหบพล่านจนตัวเองตกใจ ป๊าไฟที่ยืนหน้าตึงอยู่ถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นใส่แก้วและมายื่นให้ผม

                “หลับไป 2 วันพอจะคิดอะไรได้บ้างหรือยัง”

                “2 วัน … 2 วัน!!! แค่กๆๆๆๆ จะ เจ็บคอ” ผมที่เผลอตะโกนจนสำลักน้ำ นี้ผมหลับตายโหงตายห่าไปยามขนาดนี้เลยเหรอ … ฉิบหายไอ้ปาล์ม มึงมันบ้า!!!!

                “ขอโทษนะคะ ขอเช็คอาการคนไข้หน่อยนะคะ” ก่อนที่ป๊าจะด่าอะไรผมจนเสียผู้เสียคน พยาบาลสาวพร้อมลุงหมอก็เดินเข้ามาพร้อมกัน และก็ถลกเสื้อโชว์ซิกแพคก้อนกลมๆ เอาแผ่นเหล็กเย็นๆทาบตรงหัวนมหัว ฮูย สยิว … ไม่พอแค่นั้นยังตรวจเช็คนั้นนี้ กันใหญ่โต นี้ผม… เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี้ย อย่าบอกนะเป็นมะเร็ง… ไม่ดิ คงไม่โชคร้ายขนาดนั้นมั้ง

                “ทุกอย่างดูปกติแล้วนะครับ จากนี้ขอให้คนไข้ห่มผ้าหนาๆ และนอนโรงพยาบาลอีกสัก 2 คืนจากนั้นก็กลับบ้านได้แล้วนะครับ”

                “สรุปผมเป็นอะไร ป๊าบอกผมหลับไป 2 วัน” ผมถามลุงหมอขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ค่อยจะมี ลุงหมอหัวเราะนิดๆ ก่อนจะเปิดแฟ้มที่ถือมาด้วยและรายงานผลให้ผมทราบ

                “คนไข้เป็นปอดบวม และพักผ่อนไม่เพียงพอครับเนื่องจากใช้ร่างกายเกิดขีดจำกัด และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง แต่โชคดีที่เป็นคนร่างกายแข็งแรง เลยไม่เป็นอะไรมาก หมอขอตัวนะครับ” อะไรอะ แค่ไม่ได้นอน เป็นขนาดนี้เลยเหรอ มนุษย์อ่อนแอขนาดนี้เลยเหรอ … งั้นเป็นลิงดีกว่า อย่างน้อยลิงเวลามันเจ็บป่วยมันก็ร้องเจี๊ยกๆ ไม่ร้องโอ้ยๆ แบบคน ไม่ต้องเสียค่ายารักษาด้วย สบายจะตายไป เนอะ!

                “หึ ช็อกหมดสติ … พอกูไม่อยู่มึงก็เหลวไหลใหญ่เลยนะ” ป๊าพูดขึ้นก่อนจะเอามือมาเขกหัวผมดังโป๊ก ผมหน้ามุ่ยและลูบหัวตัวเองเบาๆ นี้ผมเพิ่งหายป่วยนะ!!!!!

                “ป๊าเคยอยู่ด้วยเหรอ” ผมเหยียดยิ้มและพูดขึ้นเบาๆ กะจะแก้เผ็ดคนที่คิดว่าคนอื่นเขาจะรอตลอดไป …

                “ไอ้ปาล์ม กูพ่อมึงนะ”

                ดูเหมือนคำพูดของผมก็กรีดแทงหัวใจของเขาไม่น้อย … สมน้ำหน้า… คนแบบป๊าต้องโดนเอาคืนบ้าง … คนแบบป๊าที่นิสัยเหมือนเฮียฝรั่ง ที่คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา แบบไม่บอกกันสักคำไม่เคยคิดว่าคนที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้าและต้องเจอกับความว่างเปล่าจะรู้สึกยังไง ไม่เคยสนใจกันว่า คนที่เฝ้ารอต้องเข้มแข็งแค่ไหนโดยไม่ต้องร้องไห้ … ผมก็คนนะ ถึงจะตลก แต่ก็ไม่ตลอด ….

                “พ่อที่เห็นหน้าปีละครั้งน่ะนะ … ถ้าไม่ใช่ไอ้น้ำ และผมกลับไปนอนบ้าน ป่านนี้ผมคงตายไปแล้ว”

                “… เอาแต่ใจแบบมึง กูไม่คุยด้วยแล้ว เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อนมึงจะมา อยากจะนอนอีกสัก 3 วันกูก็ไม่ว่าอะไร” พ่อผมมองหน้าผมแวบนึงก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเอกสาร และเดินออกจากห้องไป

                “ก็ถ้าผมหลับไปตลอด ไม่ต้องตื่นขึ้นมา ป๊าคงดีใจกว่าแค่ 3 วัน” ป๊าชะงัก ก่อนจะหันมามองผม และเดินกลับมานั่งข้างๆเตียง โดยที่ไม่ละสายตา

                “กูจะลาออกจากตำรวจ”ผมที่งอนๆอยู่หันขวับมามองป๊า … เดี๋ยวนะผมไม่ได้ต้องการแบบนี้ อาชีพนี้พ่อผมรักมากกว่าอะไรดี ผมไม่ได้ต้องการที่จะทำให้เขาต้องลาออกจากสิ่งที่เขาชอบ

                “ไม่ดิป๊า ผมไม่ได้อยากให้ป๊าออกจากตำรวจ”

                “กูล้อเล่น”

                “อะ … เฮ้อ เป็นคนยังไง” ผมบ่นพึมพำเพราะถึงแม้ว่าหน้าตาของป๊าจะดูไม่ออกว่าอันไหนพูดเล่นพูดจริง แต่ก็ดูออกว่าป๊ากำลังกวนโอ้ยผมอยู่

                “เอาเป็นว่ามึงหลับไปรอบนี้ทำให้กูคิดอะไรได้พอสมควร กูขอโทษที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากูมันแย่ เอามึงไปผูกติดกับอดีต ทั้งๆ ที่มึงไม่ผิด เอาเป็นว่ากูจะทำงานน้อยลงและผลัดให้ไอ้เด็กรุ่นหลังมันได้โชว์ฝีมือบ้างก็แล้วกัน” ป๊าไฟเอามืออังหน้าผากผมเหมือนจะวัดไข้ ผมเหมือนจะร้องไห้เพราะตั้งแต่ที่แม่จากไป นี้คงเป็นครั้งแรกที่พ่อแตะเนื้อต้องตัวลูกชายอย่างผม …

                “แต่ตอนนี้กูต้องไปทำงานก่อน ออกเวรและค่อยว่ากัน” ผมพยักหน้า เราทั้งคู่เงียบ และป๊าไฟก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป แม่ง … ถ้าป่วยและพ่อรักรู้งี้ป่วยไปนานแล้วไม่ทนทานยากอยู่หรอก

แก๊ก…

                ผมรีบเช็ดน้ำตาทันทีที่ประตูเปิดออกอีกรอบ และหลับตาลงเนียนๆหลับไป ไม่อยากให้คนที่เข้ามารู้ว่า มีคนแอบร้องไห้อยู่ตรงนี้ ก่อนที่เสียงเดินของน้ำหนักเท้าที่สม่ำเสมอจะเดินตรงเข้ามาหาผม ก่อนที่มือเย็นๆจะวางบนหน้าผากและเช็ดน้ำตาที่ยังไม่แห้งดีด้วยมือที่หยาบกร้านแต่อบอุ่น ... ผมคุ้นสัมผัสนี้ชะมัดเลย

                “ไหนหมอบอกว่าไอ้ลิงตื่นแล้วไง”

                ฮะ เฮีย ….

                “กูขอโทษ…” มืออุ่นๆ ลูบไปมาที่หน้าผมอย่างเบามือ ไม่วายบีบแก้มผมเบาๆอย่างหยอกเย้า ฮะ เฮียอลันจริงๆ ด้วย มาได้ยังไง ละ แล้ว

                “โอ้ยยยยยยยยยยยยยย! ผมป่วยอยู่นะ แค่กๆ” ผมร้องออกมาทันทีที่มือที่เหมือนคีมเหล็กหนีบเข้าที่แก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว ฮึ !!! ทำไมชอบแกล้งผมนัก!

                “ก็ใครใช้ให้มึงแกล้งหลับล่ะ” ผมหน้ามุ่ย ยอมลืมตามองคนตรงหน้าตรงๆ … ยังเหมือนเดิมเลย ดวงตาสีฟ้าที่แสนคิดถึงทำให้ผมร้องไห้ออกมาอย่างง่ายดาย

                “อย่าร้อง กูขอโทษ” เขานั่งลงบนเตียงผม ก่อนจะรวบผมเข้าไปกอดแน่น ผมสะอื้นอยู่ตรงนาน แต่ไม่ได้ไขว้คว้าเขาเข้ามากอดอย่างเคย ผมโกรธ … ผมเกลียดการลาจากที่ไม่มีคำบอกลา … ผมโกรธช่วงเวลาที่โดดเดี่ยว ทั้งๆที่เคยสัญญาว่าจะไปแบบไม่มีอะไรติดค้างกัน

                “ออกไปเหอะเฮีย ผมอยากนอน”

                “อยากนอนก็นอนสิ กูเฝ้ามึงได้ กูจะไม่กลับออสซี่อีกพักใหญ่ๆ” เขาผละออกจากผมก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ผม

                “ผมอยากนอนโดยที่ไม่มีเฮีย”

                “… ปาล์มคือกู…” เขาสำลัก ทำท่าจะดึงผมเข้าไปกอดอีกรอบแต่ผมยันอกไว้และนอนลงคลุมโปรงหันหลังให้

                “ปาล์มอยากนอน”  ผมพูดเบาๆ ก่อนที่เฮียจะลุกออกไป ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ และเสียงประตูห้องที่ค่อยๆเปิดออกและปิดลง … เรื่องนี้โทษผมไม่ได้นะ คนที่ผิดคือตัวเฮียอลันเอง …

.

.

.

                “สมจัง” พอออกจากห้องมาได้ ก็สวนทางกับไอ้น้ำเพื่อตัวเล็กของไอ้ปาล์ม ไอ้พวกห่านี้ กูอายุมากกว่าพวกมึงเยอะ ทำไมทำอวดดีกันเบอร์นี้วะ เออ ก็ได้กูผิด และที่กูรีบแจ้นกลับมาไทยเสียพักร้อนของปีหน้าไปนี้ยังไม่โอเคอีกเหรอวะ

                ผมหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะไอ้ลิงมันทำเฉยเมยกับผม แต่ก็สภาพจิตใจยังดีกว่าตอนอยู่ออสเตเรียที่แม่งเหมือนคนเป็นไบโพร่า ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เพราะโทรหาใครทางนี้ไม่ติดสักคน ไม่ว่างจะช่องทางไหน จิตตกที่สุดก็ตอนที่คนบ้าโซเชี่ยวอย่างไอ้ปาล์มไม่อัพเดตและไม่ตอบกลับผมเลยนี้แหละ และมาเหมือนจะบ้าตอนไอ้น้ำกับไอ้ไข่หลงแม่งโทรทางไกลบอกข่าวว่าไอ้ปาล์มช็อกเข้าโรงพยาบาลไปอีก … จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ก็กลายเป็นขี้มด ผมทิ้งผมเท งานการเหมือนเด็กไม่รู้จักคิด มาไทยโดทันที และผมก็มาถึงได้แค่วันเดียวโดยที่ยังไม่คิดจะพักผ่อน เพียงแค่เป็นไอ้บ้าที่สิงอยู่โรงพยาบาลเท่านั้น … ตอนเห็นไอ้ปาล์มที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยสายน้ำเกลือสภาพไม่สู้ดีนัก ใจมันก็สั่น … ไม่คิดว่าแค่เดือนกว่าๆมันจะซูบลงไปขนาดนี้

                “สมน้ำหน้าตัวเองฉิบหาย” ผมบ่นก่อนจะนั่งที่ลงตรงเก้าอี้ใกล้ๆ โดยที่ตาก็ยังไม่ละจากประตูหน้าห้องคนไข้ เอาเข้าไปไอ้อลัน นี้มึงอายุเท่าไหร่แล้วเนี้ย

                “ช่างแม่งแล้วกัน” ผมพึมพำก่อนจะเดินออกมา ไม่ได้กลับบ้านหรอกครับกลับไปนอนที่โรงแรมใกล้ๆแถวนี้แหละ … กูจะนอนให้เต็มอิ่มและตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้ค่อยซื้อกล้วยมาง้อลิงแล้วกัน

                มึงนี้นะไอ้ปาล์ม … พากูเสียผู้เสียคน ลืมจุดประสงค์ที่มาไทยในตอนแรกแทบจะหมด มึงเป็นใครวะ

.

.

.

                “ไอ้น้ำ เฮียมาได้ไงอะ” ผมที่นอนตาค้างอยู่ถามไอ้น้ำที่นั่งกินช็อกโกแลตอยู่ที่โซฟา มันหันมามองผม ก่อนจะทำท่ายกมือขึ้นเอาแนบหูให้รู้ว่ามันเป็นคนโทรไปเอง

                “มึงอะ ทำไมไม่ให้กูตื่นก่อนค่อยโทรวะ! ใครจะไปเตรียมตัวทัน”

                “ไหนมึงบอกง่วงไงไอ้ปาล์ม”

                “สาระแน” ผมยกนิ้วกลางให้มันก่อนจะนอนหันหลังและไม่วายพึมพำด่า

                “กลับมาแล้วก็จัดหนักแบบที่มึงถนัดสิ”

                “แน่อยู่แล้ว” ผมร้องขึ้นก่อนที่พยาบาลจะเข้ามาเช็คอาการผม และให้ยาจนผมหลับไปจริงๆในเวลาไม่นาน … พักยกก่อน มาให้เห็นหน้าเมื่อไหร่ได้เรื่องแน่นอน …







Pa_Pa ฟื้นคืนชีพจ้าาาาาาา จำรหัสไม่ได้ แต่พอใส่มั่วๆมันก็เข้าได้เฉยเลย ขอบคุณพระเจ้าที่ยังเห็นคุณค่าของ Pa_Pa

lyสัญญาจะไม่หายไปนานอีกค่ะ

รักนะ

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

{CH 18เพราะสำคัญ}



-ปาล์ม-

   คืนแรกที่นอนอยู่โรงพยาบาลโดยรู้สึกตัวมันทำให้ผมระแวงไปทุกอย่าง ก็แหม ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลความน่ากลัวก็มีดีกรีไม่แพ้บ้านผีสิงอยู่แล้ว อีกอย่างผมก็เป็นพวกกลัวผีเข้าเส้นเลือด ฮืออออออ ปาล์มกลัวอย่ามาหลอกกันเลยนะ ถ้าจะหลอกไปหลอกไอ้น้ำที่นอนไม่รู้เรื่องที่โซฟาโน้นนนนนนนน
 
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

   ผมนอนมองเพดานจิตนาการไปเรื่อง ขณะที่เสียงเครื่องอะไรสักอย่างบนหัวเตียงก็ดังเป็นจังหวะ ให้ตายสิโรบิ้น กลัวแล้วจ้า อย่าทำน้องเลย พอคิดอะไรไม่ออกผมก็ยกผ้าห่มคลุมโปรงและพลิกตัวไปทางไอ้น้ำที่นอนกรน คร่อกๆ อยู่ สบายจังนะมึง
   “น้ำ … สุ่ยจิ่งว้อย …ไอ้ควายน้ำ! แค่กๆๆๆ”
   “งืมๆ อะไร” ไอ้น้ำงึมงำขึ้นลืมตามามองผมอย่างหงุดหงิด
   “กูกลัวผี”
   “ผีบ้านมึงสิ” มันด่าผมเสร็จก็พลิกตัวหันหน้าเข้าโซฟาไปเลย ฮืออออ ก็นี้ไม่ใช่บ้านกูสักหน่อยจะผีบ้านกูได้ยังไง ผมเม้มปากก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่ลืมที่จะคลุมผ้าห่มไว้ที่ตัวด้วย มันหนาวอ่ะ ก่อนจะเดินไปยืนมองไอ้น้ำที่นอนหันหลังให้และล้มตัวเบียดขึ้นไปนอนกับมันบนโซฟา
   “อะไรของมึงเนี้ยไอ้ปาล์ม!”
   “งื้อ กูนอนด้วยก็เหงา” ผมพูดและกอดก่ายมันเอาไว้ ไอ้น้ำดุ๊กดิ๊กๆ พอผลิกตัวมาได้ก็ตะคอกผมใหญ่โต ฮืออออ ปากเหม็นชะมัด พ่นน้ำลายใส่หน้ากูทำไม
   “โว้ย เดี๋ยวกูถีบตกเตียง ลงไปกูนอนไม่ได้!”
   “ก็กูรู้สึกว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในห้องนี้เลยนี้หว่า” ผมว่าและกอดไอ้น้ำแน่น ตัวโคตรเล็กกอดไม่เห็นเต็มไม้เต็มมือเลยสู้เฮียอลันก็ไม่ได้ …ว้อยยย โกรธอยู่ยังจะไปนึกถึงอีก เกลียดความไอ้ปาล์มจริงๆ โว้ย
   “มึงเลิกอ้อนเป็นหมาถูกเจ้านายทิ้งได้แล้ว แม่งถ้าไม่ติดว่าป่วยกูจะเคาะกบาลมึงให้ลั่น” ไอ้น้ำยังคงด่าผมแว๊ดๆ แต่ผมไม่ยอมก่ายมันอยู่อย่างงั้น อย่าไล่กูกูป่วย
   “ลุกไป ไม่งั้นมึงก็นอนนี้กูไปนอนบนเตียงเอง” ผมเงยหน้ามองไอ้น้ำก่อนจะหน้ามุ่ยและยอมลุกขึ้นไม่วายเตะโซฟาที่มันนอนอย่างหงุดหงิด นิสัยไม่ดีเลยมึงอะไม่เคยตามใจกูสักครั้งเดียว
   “งอแงเหลือเกินนะมึงน่ะ”กล่องกระดาษทิชชู่ใกล้ๆมือไอ้น้ำถูกโยนมาโดนหัวผมพร้อมคำด่า ใครจะไปยอมให้ทำอยู่ฝ่ายเดียวละ ผมก้มลงไปเก็บได้ก็รื้อเอากระดาษทิชชู่ออกมาหมดกล่องและตรงเข้าไปจับยัดใส่ปากไอ้น้ำทันที มันขัดขืนผมจนหน้าแดงขณะที่ผมหัวเราะร่าเพราะได้ออกกำลังกายหลังนั่งๆนอนๆมาตั้งนาน
   “กรุณาเบาเสียงด้วยค่ะ เสียงพวกคุณดังออกไป… ว๊าย!!!ตามหมอไหมค่ะ” คุณพยาบาลร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าไอ้น้ำกำลังสำลักเอาเป็นเอาตายหลังจากที่ถูกผมแกล้ง หึ รู้สึกดีที่ได้ออกกำลังกาย
   “ไม่ต้องหรอกครับแค่หยอกกัน” ผมว่า ก่อนจะเดินไปหยิบไม้กวาดที่วางแอบชิดอยู่มากวาดซากกระดาษที่ตกอยู่เต็มพื้น ก่อนจะเงยหน้าหัวเราะมองไอ้น้ำที่หยุดสำลักจนจมูกแดงและจ้องมาที่ผมตาเขียวพร้อมยกมือชี้คาดโทษ พอพยาบาลเอ็ดเราสองคนเสร็จก็ให้ผมกินยาก่อนจะเดินออกจากห้องไป
   “ไอ้ลิงผีคงไม่มีใครเอามึงอยู่นอกจากเฮียมึงหรอก ก็จะยัดเหยียดให้มึงมีผัว” มันพูดก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา สร่างเลยสิมึง ดีๆจะได้อยู่เป็นเพื่อนกัน ผมลุกขึ้นมาเปิดทีวีนั่งพิงหัวเตียงจ้องซีรีย์ฝรั่งตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี พรุ่งนี้ผมคงกลับบ้านได้แล้วมั้งอาการดีขึ้นขนาดนี้
   “นอนได้แล้วมึง นี้มึงป่วยนะ” ไอ้น้ำเดินออกมาจากห้องน้ำได้ก็เท้าสะเอวชี้หน้าด่าผม
   “ตอนนี้จบกูก็นอนแล้ว” ผมบุยปากและกระชับกอดหมอนในมือแน่น
   “ว่าแต่มึงเห็นโทรศัพท์กูบ้างไหม” ไอ้น้ำถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปหยิบมือถือผมออกมาจากกระเป๋า ผมรับมาก่อนจะเครื่องและเช็คเฟชบุ๊กที่ปิดไปรวมทั้งปลดบล็อกไลน์ของเฮียอลันด้วย … ก็แค่ตรวจสอบความเคลื่อนไหวเท่านั้นแหละ
   “โอโห้” ผมอุทานเบาๆ เมื่อเห็นแจ้งเตือนกว่า100บนหน้าวอล์ แล้วในอินบล็อกอีกเป็นกระบุงล้วนมาจากคนรู้จักและที่หน้าตกใจคืนส่วนมากมักจะเป็นข้อความของเฮียอลัน … ถ้าแคร์กันขนาดนั้น ทำไมถึงไปไม่ลากันเลย หรือว่าผมงี่เง่าเกาะแกะเกินไปเลยกลัวว่าจะเสียหน้าที่สนามบิน … งั้นเฮียอลันก็คงไม่ผิด คนที่ผิดคงเป็นผมเอง …
   “นอยสุดอะไรสุด” ผมที่ซุกหน้าอยู่กับหมอนเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้น้ำก่อนจะล้มตัวนอนและบอกให้ไอ้น้ำปิดไฟด้วย ถ้าพรุ่งนี้เฮียมาหาก็คงดี … ไม่ดิ ไม่ต้องมาหรอก กลับไปเลยได้ยิ่งดี


   อีกด้าน หลังจากที่ทำใจกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมที่บ้านหลังเดิมที่อยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลมากนัก ร่างสูงผมสีทองตาสีฟ้า ก็ออกมาเตร่ๆ ไม่คิดที่จะพักผ่อน ยังคงเงยหน้ามองตึกโรงพยาบาลอยู่ด้านล่าง ในมือข้างหนึ่งถือถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งข้าวมื้อแรกของวันค้างไว้ และเหมือนว่าการที่ทำให้เขาได้รู้จักกับปาล์มทำให้นิสัยบางอย่างของเขาเปลี่ยนไป จากที่เคยเป็นคนทำอะไรไม่คิดและคิดถึงแต่ตัวเองมากกว่าใครนั้น ทำให้เขาได้รับบทเรียนสูงค่าจากการที่ถูกโกรธ เกลียดจนไม่อยากจะมองหน้าจากคนที่ถึงจะเพิ่งเข้ามาในชีวิตแต่ทำให้โลกที่มีแต่รอยร้าวสมบูรณ์ ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะย้อนเวลากลับไป ลากเจ้าปาล์มมายืนร้องไห้ที่สนามบินเสียดีกว่าต้องให้เจ้าปาล์มเสียน้ำตาจนทำร้ายตัวเองแบบนี้ … ยิ่งคิดยิ่งละอายจนไม่กล้าที่จะสู้หน้า …




   
   เช้าวันรุ่งขึ้นคุณหมอเข้ามาตรวจเช็คอาการของปาล์มตามปกติ  โดยให้อยู่ดูอาการอีกคืนนึงเพราะยังมีไข้นิดหน่อย และถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลากก็สามารถกลับบ้านได้ในวันพรุ่งนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่คนร่างกายแข็งแรงอย่างปาล์มเจ็บไข้ได้ป่วยจนต้องถึงมือหมอ อาจจะเป็นเพราะกรรมตามทันที่ไปแกล้งคนอื่นไว้ หรือเพราะตรอมใจเพราะโดนทิ้ง เจ้าตัวแสบยิ้มหวานให้หมอและพยาบาลที่เดินออกจากห้องไปก่อนจะคว้าเอารีโมตมาเปิดซีรีย์ที่ค้างไว้นั่งดูตาแป๋ว ไอคอกแคกเป็นระยะๆ ตากลมเหม่อมองหนังเพลินๆ ในใจก็คิดทุกเรื่องราวไปต่างๆนานา อดน้อยใจไม่ได้ที่วันนี้ต้องยู่คนเดียว เพราะไข่หลงและน้ำมีเรียน ป๊าไฟก็ไม่มาไม่รู้อยู่ไหน แถมฝรั่งจ๋าที่คิดว่าจะมาง้อตั้งแต่เช้าก็ไม่เห็นหัว … เกิดเป็นปาล์มนี้นอกจากจะไร้สาระแล้วยังมีดวงโดนทิ้งอีกหรือไงนะ …


แก๊ก …

   “ปาล์ม” เสียงคุ้นเคยทำให้เจ้าตัวที่เหม่อลอยอยู่สะดุ้งผวามองไปหน้าประตู และรีบมุดเข้าผ้าห่มทันทีเมื่อตาสีฟ้าจ้องมาที่ตัวเอง
   “มึงหนีกูที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ในผ้าห่มนะ” เสียงเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่มือเย็นๆ จะวางลงบนหน้าผากของเจ้าแสบผ่านผ้าห่มโรงพยาบาลที่อบอุ่น
   “เป็นไงบ้างวะ” เสียงห้าวยังถามต่อ แต่เจ้าปาล์มที่ลืมตาโผล่งอยู่ใต้ผ้าห่มหายใจติดขัดหน้าร้อนผ่าวไปหมด
   “ปาล์ม กูขอโทษ” มือหนาค่อยๆ ล้วงเข้ามาลูบแก้มเนียนในผ้าห่ม เสียงนั้นเหมือนสะกดร่างเพียวที่แอบอิงกายในผ้าห่ม ก่อนที่มือหนาจะสัมผัสถึงน้ำอุ่นๆ ตาสีฟ้าไหวเอนไปมา กรามชัดกันแน่น มันเจ็บปวดซะยิ่งกว่าโดนสิบล้อเหยียบ ให้เจ้าแสบลุกขึ้นมาโวยวายซะยังดีกว่าให้เงียบไปแบบนี้
   “เฮียทิ้งผมทำไม ผมไม่ชอบเลย มันรู้สึกผมไม่มีค่า แบบที่เฮียจะไปก็ไปจะมาก็มาแบบนั้นน่ะเหรอ”
   “….” เสียงของอลันเงียบหายไป มือหนาค่อยๆ ออกไปจากผ้าห่มมันทำให้ใจดวงน้อยของปาล์มกระตุกเบาๆ … ยังไงก็ยังคงชอบสัมผัสของร่างสูงอยู่ดี เสียงสะอื้นน้อยๆ ดังออกมาจากผ้าห่มไม่ขาดสาย
   “เฮียขอโทษแต่ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าก่อนหน้านี้ผมจะเสียใจแค่ไหน จะร้องไห้แค่ไหน เฮียก็รู้ว่าผมติดเฮียแค่ไหน ทำไมแค่ให้ผมไปส่งเอง ทำไมถึงไม่รอ ฮึก ทำไมต้องหนีไปด้วย” 


พรึบ!


   “ไม่เอา อย่าเอาผ้าห่มปาล์มไป” เจ้าตัวแสบคว้าผ้าห่มที่จะถูกกระชากออกเอาไว้แน่นแต่ก็แพ้แรงของอลันอยู่ดี คนป่วยพลิกหันหลังให้ตาสีฟ้าที่คุ้นเคย เอามือปิดหน้าร้องไห้ออกมาเบาๆ อลันยืนมองนิ่งขาแข็งทำอะไรไม่ถูก เขาไม่มีน้องชายและแฟนที่ผ่านมาก็ไม่เคยกระจองงอแงเป็นเรื่องเป็นราวทำหัวใจเขาสั่นไหวได้ขนาดนี้ความรู้สึกผิดถาโถมและยากจะคาดเดา

พรึบ! แอ๊ดดดดดดด!


   “ถ้าเตียงหัก ผมไม่ช่วยหารนะ” เสียงงองแงงของเจ้าปาล์มดังขึ้นเมื่อร่างสูงของฝรั่งจ๋าขึ้นมานอนซ้อนหลังของตัวเองพร้อมโอบกอดเอวบางเอาไว้แนบกาย กลิ่นไอความร้อนจากพิษไข้ที่เบาบางลงบ้างแล้วทำให้ร่างสูงเบาใจลง อย่างน้อยเจ้าลิงแสบก็ไม่นอนเป็นผักเหมือนหลายวันที่ผ่านมา
   “ปาล์มกูสัญญาจะไม่ทำอีก” จมูกคนฉวยโอกาสหอมเบาๆที่ซอกคอคนป่วย จนเจ้าตัวย่นคอหนี ถึงจะยังหัวเราะไม่ออกเหมือนอย่างเคยก็ตาม
   “ให้โอกาสกูไม่ได้เหรอ” ร่างของปาล์มยังคงสะอื้นเบาๆ และไม่แม้จะเหลียวหลังไปมอง แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนที่จะอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย … ดูเหมือนทั้งคู่จะปล่อยให้ความสัมพันธ์ก้าวผ่านทุกสิ่งโดนไม่นิยามอะไรแล้วทั้งสิ้น
   “ปาล์ม”
   “ถ้าจะอยู่ด้วยก็ช่วยเงียบๆได้ไหม ผมง่วง” ความจริงเจ้าตัวแสบไม่ได้ง่วงแต่อยากอยู่เงียบๆ เพื่อที่จะได้คิดอะไรบางอย่าง แขนแกร่งกระชับกอดร่างเพรียวเข้ามาแนบอก จนกระหม่อมบางเอนไปพิงอกด้านหลัง ก่อนที่ผ้าห่มที่ถูกสะบัดไว้ปลายเตียงจะถูกตวัดขึ้นมาห่มทั้งคู่เอาไว้
   “งั้นกูจะอยู่ตรงนี้แหละ … มึงก็รู้ใช่ไหมว่าเวลามีไม่มาก อย่าเป็นแบบนี้เลย กูทรมาน” ปาล์มเลือกที่จะเงียบ และหลับตาที่แสบเพราะร้องไห้เยอะไปหน่อยลง ความโกรธเริ่มเจือจางเมื่อเจอลูกอ้อนแดนไกลส่งตรงจากออสซี่ แต่ถ้าไม่ทำให้เห็นว่าเขาเสียใจแค่ไหนที่ทิ้งกัน ก็คงต้องโดนทิ้งอยู่เรื่อยๆ …


   กลางวันเจ้าปาล์มถูกปลุกขึ้นมากินข้าวตามเวลาแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวไม่ชอบอาหารโรงพยาบาลสักเท่าไหร่นัก เพราะความจืดและไม่มีรสชาติ ยิ่งลิ้นคนป่วยด้วยแล้วยิ่งลิ้มรสอะไรไม่ได้มากนัก และถึงจะงอนอยู่ แต่ก็งอแงอยากกินขนม จนอลันที่กอดอกมองคนป่วยที่นั่งขัดสมาธิหัวฟูมองถาดอาหารตรงหน้าอย่างอ่อนใจ

   “อาการมันเป็นยังไง”
   “…ผมเบื่อข้าว” เจ้าปาล์มพูดน้ำเสียงสั่นๆ และมองมือตัวเอง
   “แต่มึงป่วยอยู่นะปาล์ม จะกินอะไรนอกจากอาหารคนป่วยได้ยังไง”
   “ก็รู้” อลันคิ้วกระตุกเมื่อน้ำตาเม็ดโป้งหยดลงมือที่บีบกันแน่นของเจ้าตัวแสบ ดูเหมือนว่าความงอแงจะเพิ่มเป็นสองเท่าเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นต่อเขาอยู่น้อยๆ
   “พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว อีกสักวันสองวันจะพาไปกินขนม”
   “แต่ผมอยากกินตอนนี้”
   “ปาล์ม” อลันพูดเสียงอ่อน วางมือลงบนหัวทุยของคนขี้นอยส์ ถึงจะนึกเอ็นดูแต่จะใจอ่อนลงไปซื้อขนมให้ไม่ได้ มีแต่จะทำให้ป่วยเพราะร่างกายอ่อนแอ สู้กินของที่หมอจัดให้และหายดีก่อนเสียดีกว่า มือหนาเอื้อมไปหยิบส้มจากในกระเช้ามาและแกะวางตรงหน้าให้เจ้าลิงแสบที่หยิบมากินอย่างจำใจ
   “อดทนหน่อยสิวะ รอให้หายก่อนไม่ได้หรือไง”
   “หึ” ปาล์มครางในลำคออย่างดื้อรั้นแต่ก็ยอมหยิบส้มกินจนหมด ตากลมมองไปที่กระเช้าเหมือนส่งสัญญาณว่าอยากจะกินอีก
   “กินข้าวก่อนเดี๋ยวกูปลอกให้”
   “มันไม่อร่อย”
   “ดื้อจังวะ”
   ยังไม่ทันที่เจ้าปาล์มจะเถียงอะไรอีก ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่สูงพอๆกับเจ้าปาล์มแต่ล่ำสันกว่า ผิวเข้มกับใบหน้าคมสันกับทรงผมรองทรงสูงทำให้ดูเด่นเป็นสง่ากว่านักศึกษาคนอื่นๆ แค่อลันมองก็พอที่จะเดาได้ว่าหมอนี้คงป๊อบไม่น้อย
   “สวัสดีครับ เป็นไงไอ้ปาล์มหายซ่าเลยดิ” อลันยกมือรับไหว้ แต่ก็ต้องคิ้วกระตุกอีกครั้งเมื่อแขกผู้มาเยื่อนเดินเข้ามาลูบหัวลิงน้อยของเขาที่ตาแดงจากการร้องไห้และดูน่ารักเป็นพิเศษ 
   “มึงมาได้ยังไงไอ้ฟ้า” ปาล์มระริกระรี้จนร่างสูงของอลันนึกหมั่นไส้ เมื่อกี้ยังน้ำตานองหน้าเพราะไม่อยากกินข้าวอยู่แหมบๆ  และพยายามนึกว่าเคยได้ยินชื่อฟ้าจากที่ไหน
   “กูโทรหามึงไม่ติดเลยโทรหาไอ้ไข่ เลยรู้ข่าวว่ามึงป่วยอยู่ที่นี้ แล้วเป็นไงวะ”
   “กูหายแล้ว” เจ้าปาล์มยกแขนโชว์กล้ามใหญ่โต
   “หึ เออ มึงคงหิวขนม กูซื้อเจลลี่มาฝาก” เจ้าปาล์มตาโต มองฟ้าที่เอาถุงเซเว่นวางบนตักของตัวเอง มือเรียวค้นและยิ้มกว้างเมื่อเจอเจลลี่ที่เขาชอบสองถ้วย ก่อนจะยิ้มกว้างไปมากกว่านี้ อลันก็ฉวยเอาถุงเซเว่นนั้นไปก่อนมันไวจนเจ้าลิงคว้าเอาไว้ไม่ทัน
   “เฮีย นั้นของผมนะ!”
   “แดกข้าวไป มึงคิดอะไรอยู่เอาของแบบนี้มาให้คนป่วยกิน” อลันหันไปดุปาล์มที่สะดุ้งนิดๆ เพราะโดนตะคอกใส่ ก่อนจะหันไปชูถุงขนมถลึงตามองไปที่ฟ้าที่ยืนทำหน้างง
   “นิดหน่อยเองนะครับพี่ ผมว่าจะทำให้ไอ้ปาล์มอารมณ์ดีขึ้น” ฟ้าพยายามอธิบายโดยมีปาล์มส่งซิกให้หยุด เพราะความซวยจะมาเยือน แต่พอเห็นไม่ทันก็ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังแป๊ะ แต่ก็ไม่มีใครสนใจอยู่ดี
   “มึงอยากกินหรือ” อลันก้มหน้ามามองปาล์ม เจ้าตัวเม้มปาก และก้มหน้าลง … ความโกรธที่ถูกทิ้งกลายเป็นทิฐิบางๆ ที่ไม่อยากจะยอมแพ้
   “งั้นแดกไปนะ กูจะลงไปซื้อมาให้มึงอีกโหล่นึง ถ้าแดกไม่หมด ก็ไม่ต้องแดกข้าว” อลันโยนถุงเยลลี่ลงบนตักของเจ้าลิงก่อนจะเดินออกมาจากห้องโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองอีก ทิ้งให้คนที่โดนโกรธ มองตามด้วยสายตาอาลัยอาวอน
   “หึ คนนี้เหรอวะ เฮียอลัน”
   “อือ” ปาล์มพยักหน้า ก่อนจะหยิบเจลลี่ขึ้นมาดู สีมันสวยแต่เขากลับไม่ได้อยากกินแล้ว
   “ดุฉิบหาย เอาไงอะจะกินไหม”
   “ไม่อะ กูหิวข้าว” ปาล์มบอกก่อนจะวางถุงเจลลี่ลงข้างตัวและหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวกิน ฟ้ามองภาพนั้นก็นึกเอ็นดู แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินเอาเจลลี่ไปแช่ตู้เย็น
   เวลาผ่านไปนานสองนานจนเจ้าปาล์มกินข้าวกินยาเรียบร้อยโดยมีฟ้าอยู่คุยเป็นเพื่อน อลันก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกลิ่นบุหรี่ที่ฟุ้งไปหมด ในมือถือของพะรุงพะรังที่ล้วนแล้วแต่เป็นขนมที่ปาล์มชอบจนฟ้าที่นั่งมองอยู่ที่โซฟาเลิกคิ้วขึ้นสูงมองทั้งคู่สลับกัน
   “ผมไม่กิน” เจ้าปาล์มออกตัวทันที อลันไม่พูดอะไร เดินเข้ามาเอามือวางบนหน้าผากของเจ้าปาล์มเพื่อวัดไข้ก่อนจะเดินออกไปอีกรอบ ทำเอาทั้งคู่มองหน้ากันอย่าง งงๆ แต่ผ่านไปสักพักขอบตาของเจ้าปาล์มก็ร้อนวาบและน้ำใสๆก็ไหลออกมาอย่างสั่งได้ ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจและงุงงง
   “สรุปคือยังไง”
   “กูไม่รู้อ่ะ แต่กูไม่ชอบแบบนี้” ปาล์มเอามือปิดหน้าพึมพำออกมา ฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะถามขึ้น
   “กูช่วยอะไรได้บ้าง”
   “กูอยากอยู่คนเดียว”
   “โอเค งั้นกูไปก่อนนะ เดี๋ยววันหลังกูไปเยี่ยมมือที่บ้าน อ้อ อย่างอแงมากนักสิวะ” ฟ้าหัวเราะก่อนจะเดินเอามือมาวางบนหัวของเพื่อนสมัย ม.ปลาย ด้วยความเคยชินและเดินออกนอกประตูไป เมื่อร้องไห้จนพอใจแล้วเจ้าปาล์มก็ล้มตัวนอนและหลับไปด้วยฤทธิ์ยาและความเหนื่อยอ่อน …



-อลัน-


   นี้กูหึงหรือไง … ก็คงงั้นมั้ง กูไม่ชอบใครก็ตามที่กูไม่รู้จักเข้าใกล้ไอ้ลิง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้ ความจริงเรื่องแม่งเกิดแค่เจลลี่ จนทำให้สถานการณ์ทุกอย่างแย่ลง จนกูต้องหลบออกมาสงบสติอารมณ์ ก่อนจะประเคนตีนใส่ไอ้ห่าฟ้า แค่ได้ยินชื่อกูก็หงุดหงิดจะตายแล้วโว้ยยยยยยยยยยย! เบาไอ้อลันเบา … มึงเป็นใครเนี้ยไอ้ลิงทำกูเป็นแบบนี้ได้ มึงกำลังเปลี่ยนกูไปเป็นคนที่กูไม่รู้จัก! มึงกำลังทำให้กูคลั่งกับแค่มีผู้ชายคนอื่นมาออเซาะมึงเนี้ยนะ … บัดซบฉิบหาย
   “ไอ้ปาล์มมันคิดมากนะครับ”
   “เสือกอะไรด้วย” ผมที่ยืนนั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่ตรงที่สูบบุหรี่ของโรงพยาบาลด่าทั้งๆที่ยังไม่หันไปมองหน้า
   “เฮ้อ … เอาเถอะๆ รีบหน่อยนะครับ ผมเองก็เล็งมันมาตั้งแต่ ม.ปลายแล้วเหมือนกัน” …ไอ้เด็กเปรตนี้มึงสั่งใคร!!!!! ผมกัดกรามแน่นหันไปหามันแต่มันก็ไวพอตัวก้าวถอยหลังและเหยียดยิ้มเดินห่างออกไป … หงุดหงิดฉิบหายเลยให้ตายสิ
   หลังจากที่สูบบุหรี่ดับหัวร้อนเสร็จ ผมก็แวะซื้อน้ำกินให้ใจเย็นลงที่คาเฟ่ด้านล่างโรงพยาบาลที่ผมเพิ่งไปเหมาขนมเขามา … รู้หรอกว่าไอ้ปาล์มคงกินไม่หมดในสภาพแบบนั้น แต่ผมเองก็อยากที่จะเอาชนะไอ้ฟ้าเท่านั้นเอง กูมีปัญญาเลี้ยงมึงนะไอ้ปาล์ม ให้มึงได้หมดทุกอย่าง แต่แม่ง ไม่ชอบเลยที่มึงไปรับของจากคนอื่นที่ไม่ใช่กู … แย่วะ แล้วอย่างนี้พอกลับไป กูเองหรือเปล่าที่จะติดมึงจนไม่เป็นอันทำอะไร


แก๊ก …

   ผมค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าไอ้ปาล์มมันหลับไปอีกรอบแล้ว ก่อนจะเดินเอาของที่ซื้อมาซะมากมายที่ยังกองอยู่ที่เดิมไปเก็บให้เป็นที่เป็นทาง โดยเฉพาะเค้กที่ต้องแช่ตู้เย็น หึ สุดท้ายมึงก็เลือกที่จะไม่กินเจลลี่สินะไอ้ลิง ขอบใจมาก ที่อย่างน้อยความตะกละของมึงก็ยังปราณีความรู้สึกกูบ้าง ผมเดินไปยืนมองไอ้ปาล์มที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงก่อนจะนั่งลงข้างเตียง จับมือของมันมาลูบเล่นอย่างเอ็นดู …
   “กูขอโทษ กูรู้ว่ากูเห็นแก่ตัว แต่มันจะดีขึ้น กูสัญญา” ผมไม่รู้ว่ามันได้ยินไหม … แต่ผมแค่สัญญาอย่างลูกผู้ชาย 



ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

-น้ำ-


   พอถึงเวลาเลิกเรียน ผมกับไอ้ไข่หลงและพี่เปรม ที่มายืนรออยู่หน้ามหาลัยผมก็พากันมาหาไอ้ปาล์มที่โรงพยาบาลเหมือนเช่นเคย เพราะว่ามันป่วยหรอกนะไม่งั้นผมจะเอาขี้เถ้ายัดปากมันให้ตาย ทำเอาคนอื่นเดือนร้อนเพราะความรั้นระดับ10ของมัน ดีเท่าไหร่ที่ไม่ตรอมใจตายน่ะ แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยก็ผลอนาคตสามีฝรั่งมันวิ่งหัวซุกหัวซุนกลับมา ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ตีกันตายอีกล่ะนะ
   “ไอ้น้ำมึงใส่แมสทำไม” ไอ้ไข่หลงถามเมื่อผมก้าวลงจากแท็กซี่พร้อมกับหมวก แมสและแว่นตากันแดด … ก็แดดเมืองไทยมันร้อน …
   “เอาน่า กูไม่ได้มาปล้นโรงพยาบาลและกัน” ผมแว๊ดไปทีไอ้ไข่ย่นหน้าก่อนจะหันไปมองไอ้พี่เปรมที่ลงมาจากรถหลังจากจ่ายเงินเสร็จ … หลายสัปดาห์มานี้สองคนที่ไม่กินเส้นกันกลับสนิทกันประหลาดๆ นี้ผมตกข่าวอะไรไปรึเปล่า เห็นทีเราสามคนต้องจับเข่าคุยกันหน่อยแล้วมั้ง
   “หมวย” ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่เสียงไอ้อังเปาที่จำได้ขึ้นใจเรียกผมจากด้านหลัง  นี้ผมเป็นคนจำง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมต้องมาเจอไอ้อังเปาที่นี้ด้วยวะ โรงพยาบาลทั่วทั้งกรุงเทพทำไมต้องทำงานพิเศษที่นี้ด้วยละว้อย ทั้งๆที่บ้านตัวเองออกจะรวยแท้ๆ
   “ไปเหอะ” ผมดันไอ้ไข่หลงและไอ้พี่เปรมที่เอียงคอมองผมที่เหงื่อแตกซิกอย่างสงสัย นี้ไงเหตุผลที่ต้องปิดหน้าอะ กูไม่อยากเจอคนที่ไล่กูหรอกนะ! หลบมาไดตั้งหลายวันอีกแปปเดียวไอ้ปาล์มก็จะออกจากโรงพยาบาลและทำไมต้องมาเจอวะ
   “คุยกันก่อนดิหมวย”
   “หมวย?” ไอ้ไข่พูดย้ำมองผมกับไอ้อังเปาที่เดินมาจับแขนผมไว้ก่อนจะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ พอเลยไอ้พระรามเดี๋ยวก็ชกซะนี้ เกลียดนักรอยยิ้มของมึงเนี้ย
   “ล่อกฉิบหาย”
   “หยุดเลยนะ!”ผมชี้หน้าสองคนสลับกันก่อนที่ไอ้ไข่จะโดนไอ้พี่เปรมลากไป ฮือออออออออ ไม่อยู่เป็นเพื่อนกันหน่อยเหรอ
   พอเห็นว่าหนีไม่พ้น ผมก็เลือกที่จะเผชิญหน้า หันไปมองไอ้อังเปาอย่างเต็มตา … แม่งก็ยังหล่อเหมือนเดิมถึงจะมองผ่านแว่นดำ ออร่าความคุณชายก็ไม่เปลี่ยน ถ้าไม่ติดว่ามันอยู่ในชุดบุรุษพยาบาลละนะ ผมถอดแว่นออก ตามด้วยแมสและหมวกเพราะมันไม่จำเป็นแล้ว ยังไงก็หลบไม่พ้นงั้นคุยให้รู้เรื่องไปเลยแล้วกัน
   “โกรธอะไร”
   “มึงจะยืนคุยตรงนี้เหรอ” ผมถามเสียงกระด้าง แค่ความผิดของตัวเองยังไม่สนใจ ผมคงไม่ได้อยู่ในสายตาของมันเท่าไหร่ … ออกมาให้แล้วจะเรียกร้องอะไรอีก …

   ผมเป็นจำพวกคนที่ยอมทุกอย่างขอแค่ให้ได้อยู่ข้างๆ คนที่ชอบ ใครๆ ก็คงเป็นกันทั้งนั้น การได้ทำสิ่งที่ให้คนที่พอใจมีความสุขไม่ทุกข์ร้อน และภูมิใจ เพราะหวังว่าเขาจะหันมามองเราบ้างเท่านั้นเอง เฮ้อ … ความนอยส์จนทำให้ผมถอนตัวเกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นปกติ ในทุกวันที่ผมจะไปรับทองมาจากโรงเรียนเพื่อไปรออังเปาที่หน้ามหาลัยช่างกล มันดูพยายามเกินไปไหมผมไม่รู้เพราะทองเองโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ก่อนหน้าที่ผมจะยัดเหยียดตัวเองในชีวิต 2 พี่น้อง เขาก็ดูแลกันได้เป็นอย่างดี
   “พี่น้ำ กินไอติมได้ไหมครับ” เจ้าทองที่นั่งรออยู่ข้างๆ ผมเหงื่อแตกซิกเพราะอากาศร้อนทำให้ผมสงสารต้องพาเดินไปซื้อไอติมในร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ หลังจากที่ซื้อเสร็จผมก็นั่งยองๆ เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อที่ไหลของเจ้าทอง นี้บ่ายสามกว่าแล้วแดดยังไม่หุบเลยให้ตายสิ ผมละกลัวว่าเด็กคนนี้จะเป็นลมแดดเอาเพราะยังยังร่างกายเด็กก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนผู้ใหญ่
   “เข้าไปรอในมหาลัยไหม”
   “พี่เคยบอกว่าไม่ให้ผมเข้าไป เพราะมีแต่คนตัวโตๆ” อืมจะว่าไป ผมเองก็ไม่เคยเข้าไปในวิทยาลัยช่างกลเลยนี้นะ แต่ก็คงไม่มีอะไรมั้งก็แค่ไปนั่งรอเอง
   “มีฉันอยู่นายกลัวอะไร” ผมลูบหัวที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของเจ้าหัวโต ก่อนจะพาเดินเข้าไปในมหาลัยโดยพาไปหลบร้อนที่ใต้ร่มไม้ม้าหินใกล้ๆ กับทางออก ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรออกหาอังเปาเพื่อให้เขารู้ว่าผมและทองรออยู่ตรงนี้
   แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมรับสายผม ซึ่งเป็นเรื่องปกติ … เย็นชาชะมัดเลยตาบ้านี้ ผมเลยส่งไลน์ไปบอกเขาแทน แน่นอนว่าอ่านและไม่ตอบ โอ้ยยยยยยยยยยยยยย กวนโอ้ยหรือไง
   “ให้ทองลองโทรไหมครับ”
   “เอาสิ” ผมพยักหน้าอย่างเสียมิได้ … แม่งน่าน้อยใจชะมัดนี้ผมจับมาหลายเดือนแล้วไม่ใช่อ่อนบ้างหรือไงละ เจ้าทองลองใช้โทรศัพท์ตัวเองโทรซึ่งแน่นอนไม่นานพี่ชายหมอนี้ก็รับสาย
   “พี่อังเปาฮะ ผมกับพี่น้ำมารอตรงม้าหินนะครับ เอ่อ … คือว่า” ทองเหลือบมามองผม …หึ โดนดุหรือไง
   “ทองเอามาฉันคุยเอง” เจ้าทองส่งโทรศัพท์มาให้ผม อย่างกล้าๆกลัวๆ คงสังเกตเห็นได้ว่าผมเองก็เริ่มพอใจเล็กน้อย
   “ฉันไม่เคยบอกหรือไงว่าอย่าพาทองเข้ามาน่ะ” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรไอ้อังเปาก็ชิงสวดผมก่อนทันที ฮึ้ย! เส้นเลือดในสมองมันปี๊ดเลยว้อย
   “แล้วมันต่างอะไรกับให้น้องยืนรอหน้ามหาลัย ทั้งๆที่แดดแรงขนาดนี้” ผมถามและพยายามระงับสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
   “ทองเป็นผู้ชาย ควรดูแลตัวเองได้แล้ว ความจริงนายไม่ต้องมาดูแลพวกเราก็ได้”
   “นี้ไล่เหรอ” ผมถาม อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจ …
   “ก็แล้วแต่นายจะคิด”
   “ฉันไม่รู้นะว่านายโมโหอะไรมาอังเปา แต่ก็ขอโทษที่วุ่นวาย ฉันจะไปหลังจากที่นานมาแล้วกัน ยังไงก็ปล่อยทองไว้คนเดียวไม่ได้ถูกไหมละ”
   “เอ่อ พี่น้ำครับใจเย็นๆนะ” มือเล็กแตะที่แขนผมเบาๆ ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้และพยายามไม่หัวร้อน … แม่งเอ้ย ด่าว่าเสือกยังเจ็บน้อยกว่าคำพูดเมื่อกี้เลย น่าน้อยใจชะมัด ผมคงไม่มีหวังจริงๆ นั้นแหละ ผมเงียบไปพักใหญ่โดยมีทองนั่งกินไอติมอยู่ข้างๆ
ดูเหมือนว่าร่มไม้จะทำให้เจ้าทองคลายร้อนได้บ้าง

ติ๊ง!

   ผมก้มมองโทรศัพท์ตัวเอง ที่เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น … หึ ฟ้าจะผ่า ไอ้อังเปาไลน์มา

Pao : อีกครึ่งชั่วโมง

   ผมไม่ได้ตอบ แต่หันมาบอกเจ้าทองว่าอีกครึ่งชั่วโมงพี่ชายหมอนี้จะมา แล้วก็คงเป็นครึ่งชั่วโมงสุดท้ายที่ผมคงวุ่นวายกับครอบครัวนี้ … แม่งเหมือนตัวเองไม่มีค่าเลย ทั้งๆที่มันเป็นคนแรกที่ผมชอบ …

   “พี่น้ำอย่าโกรธเลยนะครับ พี่อังเปาไม่ได้ตั้งใจ”
   “ฉันไม่ได้โกรธ” ผมบอกก่อนจะลูบหัวโตของเจ้าทองอย่างนึกสนุก  นิ่มชะมัดเลย จะว่าไป เจ้าทองก็หน้าเหมือนไอ้บ้าอังเปาเหมือนกันเนี้ยก็แน่ละสิพี่น้องกันนี้เนอะ แล้วทำไมผมหน้าไม่เหมือนเฮียหยางเฮียตงเลยละ น่าน้อยใจชะมัด

Pao: อีก 5 นาที

   ผมก้มลงอ่านไลน์ก่อนจะเหยียดยิ้มและหันไปมองอังเปาที่นั่งดูวิดีโอโขนอย่างชอบใจ ก่อนจะยื่นน้ำแดงที่เพิ่งเดินไปซื้อที่ซุ้มโค้กใกล้ๆ ให้เด็กน้อย แก้มสีเลือดฝาดยิ้มรับผมก่อนจะหันไปตั้งใจดูต่อพร้อมกับดูดน้ำในมืออย่างเอร็ดอร่อยแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
   “ทองอีก 5 นาที พี่ชายเราจะลงมาแล้ว พี่ไปก่อนนะ พอดีมีธุระน่ะ”
   “งื้อ ทำไมไม่อยู่รอก่อนละครับ” เจ้าทองงอแงขึ้นมาทันที
   “เอาน่า พี่รีบ แล้วจะโทรหานะครับ” ผมหอมเหม่งชื่นเหงื่อของเจ้าทองหัวโตไปหนึ่งทีอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินผละออกมาจากที่ที่ไม่ใช่ของตัวเอง … จะไม่เอาใจของตัวเองไม่ผูกกับเท้าของใครอีกแล้ว
.
.
.


   กลับสู่ปัจจุบัน ผมเป่าควันจากบุหรี่ให้ลอยขึ้นไปในอากาศบนดาดฟ้าโรงพยาบาลยามเย็นที่ไม่มีใครใช้งาน โดยมีไอ้เจ้าตัวการที่ทำให้ผมนอยส์และคิดว่าตัวเองไม่มีค่าไปพักใหญ่ โชคดีที่เป็นช่วงที่ไอ้ปาล์มมีปัญหากับเฮียอลันพอดีผมเลยใช้เวลาดูแลมันได้อย่างเต็มที่ …  บางทีก็เกลียดตัวเองนะที่ภายนอกดูเข้มแข็งจนไม่มีใครถามว่าไหวไหมหรือเป็นอะไรรึเปล่า …อาจจะผิดที่ผมไม่เคยร้องไห้ให้กับอะไรทั้งสิ้นก็ได้ หึ ใครจะไปเปิดเผยแบบไอ้ปาล์มละ
   “สูบบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงห้าวถามขึ้น ผมเหลือบไปมองก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกเฮือกใหญ่
   “สูบตลอดนั้นแหละ แต่แค่เวลาเครียด”
   “ไม่เคยรู้ว่าซ่าขนาดนี้” ผมเหยียดยิ้มก่อนจะพ่นบุหรี่ใส่หน้าไอ้อังเปาไปที มันยืนนิ่งและคว้าเอาบุหรี่ในมือผมไปสูบแทน และไม่วายพ่นควันใส่หน้าผมคืน
   “บุหรี่ไม่เหมาะกับนายเลยนะหมวย”
   “หึ คนที่ไม่เคยสนใจกันจะมาสนใจอะไรเอาป่านนี้” ผมถามก่อนจะควักเอาบุหรี่อีกมวลในกระเป๋าออกมา … อย่าไปบอกไอ้ปาล์มหรือไอ้ไข่นะครับว่าผมสูบไม่งั้นผมได้ตายคาตีนพวกมันแน่ๆ
   “ทำไมโกรธ ทั้งๆ ที่ปกติไม่เคยโกรธ ติดใจคำพูดฉันขนาดนั้นเลยหรือไง” โธ่เว้ย ยังจะถามอีก!
   “ขอโทษ วันนั้นฉันหงุดหงิดเลยพูดไม่คิด”
   “แล้วไง นี้ฉันต้องเป็นที่รองรับอารมณ์นายหรือไง”
   “แล้วเราเป็นอะไรกันละหมวย นายถึงต้องงอนกันขนาดนั้น”
   “…หยุดพูดไปเลยนะไอ้บ้า” ผมกัดฟันแน่น พอเจอคำถามตรงๆ เข้าไป เออไม่ได้เป็นอะไรกัน แม่งไม่มีสิทธิอะไรทั้งนั้นแหละ ก็นี้ไงถอยออกมาแล้วและจะมายุ่งอะไรอีก
   “หึ เออนี้หมวย ถ้าสมมุติจะเป็นแฟนกันต้องจีบก่อนป่ะ” ผมชะงักก่อนจะค่อยๆ หันไปมองหน้าไอ้อังเปาที่ยังสูบบุหรี่ไม่วาง … มึงเป็นคนยังไงเนี้ย!!!!!!
   “ว่าไงอะ” ผมก้าวผงะถอยหลังเมื่อไอ้อังเปาก้มหน้ามาชิดแทบจะจูบกัน โอ้ยยยยยยยยย ปรับอารมณ์ไม่ทัน ไอ้หมอนี้ปล่อยให้ผมจมอยู่กับความผิดหวังมาสองสัปดาห์เต็มๆ วันดีคืนดีโผล่มาขอเป็นแฟนเนี้ยนะ! ผีเข้าหรือไง!!!!!
   “หึ อายอะไร”
   “ไม่ได้อาย เอาหน้าออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมโวยวายก่อนจะฟาดผลั๊วลงที่ไหล่หนา มือเย็นที่ใช้คีบบุหรี่เมื่อกี้คว้ามือผมไปจับ
   “ถ้าสมมุติฉันเป็นคนไล่ตามบ้าง นายจะว่ายังไง”
   “… ไม่รู้โว้ย” ผมสะบัดมือออก ก่อนจะเดินหนีออกมา โอ้ยยยยยยยย แก้มกูร้อนจนจะแตกแล้ว มึงเป็นใครเนี้ย!!!!!! 
   “หึหึ ไม่เห็นเก่งเหมือนเดิม” ผมหันไปชูนิ้วกลางใส่ไอ้บ้าที่ตะโกนตามหลังมา แม่งเอ้ย โลกจะแตกหรือไงถึงเปลี่ยนไอ้ประสาทจากหน้ามือเป็นหลังมือเนี้ย ผมไม่เห็นเข้าใจอะไรเลย!!!!!
   ผมวิ่งหนีเหมือนผีบ้าลงมาที่ห้องพักคนป่วยของไอ้ปาล์ม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นไอ้ไข่หลงและไอ้พี่เปรมยืนรออยู่หน้าห้องไม่เข้าไปด้านใน พอไอ้ไข่เห็นผมก็รีบส่งสัญญาณแปลกๆมาให้ ประมานว่าในห้องมีเสืออยู่ … เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลมันจะมีเสือได้ยังไง ทำไมแม่งมีแต่คนประหลาดๆวะ
   “อะไรมึง”
   “เฮียอลันมาสิวะ บรรยากาศกำลังดี กูเลยไม่อยากรบกวน” ไอ้ไข่พูดยิ้มๆ ก่อนไอ้พี่เปรมจะเดินมากอดคอมันและพยักหน้าถามผม … นี้พวกมึงไปญาติดีกันตอนไหนถามจริงๆเหอะ
   “ไอ้ปาล์มจะมีผัวเหรอ”
   “แล้วเราจะเอายังไงกันดีอะ” ผมถามขึ้น พลางชะเง้อมองเข้าไปในห้อง จนสุดท้ายผมกับพวกก็ต้องพากันกลับ ไอ้ปาล์มมึงนี้นะ ชนะทุกอย่างแต่แพ้ฝรั่ง เฮ้อ คงคล้ายๆ กับกูที่เสือกไปตกหลุมไอ้คนประลาดเข้าให้เหมือนๆ กัน   
   


==============================

มาช้าดีกว่าไม่มา รัก<3'


ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
Mask boy : {CH19 ให้อภัย}


            วันรุ่งขึ้นเฮียอลันเดินเรื่องพาผมออกจากโรงพยาบาล โดยที่ผมนั่งกินส้มมองเขาที่เดินเข้าเดินออกห้องหลายสิบรอบ เพราะอะไรผมก็ไม่รู้ นอกจากห้ามผมกินอาหารลดจัดแล้วช่วง สองถึงสามวันนี้ เขาก็ห้ามผมกินขนมด้วย บอกว่ากลัวน้ำตาลในเลือดสูง … เป็นหมอเองเลยไหมอะวิเคราะห์ขนาดนั้น เฮียไม่รู้หรอกว่าผมน่ะขาดของหวานแล้วมันจะขาดใจ ฮืออออออออออ

            “เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที” ผมหันหน้าหนีไปอีกทาง ก่อนจะกินส้มจนหมด และก้มลงไปจะหยิบรองเท้ามาใส่ แต่ก็ต้องชะงักเพราะเฮียมานั่งชันเข่าตรงหน้าคว้าเท้าผมไปบนหน้าขาเขา เดี๋ยวๆๆๆๆ

            “ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ” ผมชักเท้าออก หน้าร้อนผ่าว โอ้ยยยยยยยยย ถ้าจะทำขนาดนั้นแล้วกล้าทิ้งผมไปได้ยังไง!!!!

            “มึงงอนก็เหมือนอยู่ เร็วเข้าจะได้ไปกัน” ผมหลับตาปล่อยให้เขาบริการใส่รองเท้าผ้าใบให้บน ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะจากคนเจ้าเล่ห์อีก

            “เสร็จแล้ว กลับบ้านกัน” มืออุ่นๆ มาบีบจมูกผมเป็นการเตือนว่าเขาสวมรองเท้าให้ผมเสร็จแล้ว พอลืมตาขึ้นก็เหมือนจะแสบตาเพราะคนที่ดุเหมือนหมีป่าขนสีทองกำลังจ้องตาสีฟ้ายิ้มยิงฟันขาวมาให้ผมในระดับเดียวกัน … ว้อยยยยยยยยยยย!

            “บ้านไหนอะ …”ผมถามอ้อมแอ้ม เกือบจะยกมือกอดเขาแล้วแต่นึกขึ้นได้ว่าหักกันอยู่

            “บ้านมึงไง”เฮียอลันตีจมูกผมเบาๆ งื้มๆ

            “ป๊าไม่อยู่”

            “หึหึ มึงอยากจะให้กูพูดว่าอะไรปาล์ม”

            “เปล๊า! ผมยังโกรธเฮียอยู่นะ”

            “โอ๋ๆ ก็บ้านมึงที่กูยกให้ดูแลไงครับ”

            “ค่อยดีขึ้นมาหน่อย” ผมงึมงำ แต่ก็ต้องย่นคอหนีเพราะเฮียอลันจะเข้ามาหอมแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว ว้อยยยยยยยย เกินไปแล้วนะ!

            “พอแล้ว ผมอยากกินขนม พาไปกินหน่อยสิครับ”

            “ไม่ได้ มึงควรงดบ้าง ของมีประโยชน์มึงไม่คิดจะชอบเลยหรอไง”

            “หน่อยนึงเอง”

            “หึหึ เอาไว้ก่อน ไปกลับบ้านกัน”

แก๊ก!

            “ปะ ป๊าไฟ” ผมเกือบช๊อคเพราะร่างใหญ่ของป๊าไฟในชุดตำรวจเดินเข้ามาในห้อง ตาคมมองมาที่ผมทันทีที่ได้ยินเสียงผมก่อนจะเหลือบมองไปที่เฮียอลัน … เค้าเคยเจอกันแล้วแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยถูกโฉลกกันเท่าไหร่ละมั้ง

            “สวัสดีครับ” เฮียยกมือขึ้นไหว้อย่างน้อบน้อม … ขัดกับบุคลิกและสีผมนิดหน่อย

            “ข้ามารับเอ็งกลับ” ป๊าเดินเอามือมาอังหน้าผากผม … อ่า เสียวสันหลังเล็กน้อย

            “เอ่อ …”

            “ผมทำเรื่องแล้วเรียบร้อย พ่อกลับพร้อมผมกับปาล์มเลยก็ได้ครับ”

            “ใครใช้ให้มึงพูด” ทันทีที่ป๊าผมพูดจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ … มาคุ สุดๆ

            “แฮะๆ อย่าทะเลาะกันเลย เรื่องแค่นี้เอง ใจเย็นๆนะหนุ่ม ๆ ” ผมเอาหัวถูแขนป๊าไฟทันที ป๊าไฟเหลือบมองผมนิดหน่อย และยอมเดินไปนั่งกอดอกมองมาที่เราสองคนอย่างไม่ยอม รู้สึกตัวเองเป็นลูกสาวที่พ่อถือปืนเฝ้าหน้าบ้านฉิบหาย …

            ผมหลุดหัวเราะเมื่อมองทั้งคู่สลับกัน เฮียอลันเหมือนจะทำตัวไม่ถูก ไปยืนอยู่มุมห้อง ส่วนพ่อผมก็ไม่ขยับ เหมือนเด็กเกเรพอ ๆ กัน ทะเลาะกันอะ ปาล์มไม่เข้าใจทางเดียวกันทำไมไปด้วยกันไม่ได้ละ

            “เอางี้ไหมครับ” ผมเหยียดยิ้มกว้างก่อนจะเดินไปหาเอีลอลันและจูงมือเดินมาหาป๊าไฟที่นั่งมองอยู่ไม่วางตา ฝรั่งตาน้ำข้าวยิ้มแห้งๆ แต่ก็ยอมเดินตามผมมา ดูท่าเขาจะไม่ถนัดเข้าหาผู้ใหญ่เท่าไหร่ โดยเฉพาะพ่อผม นี้ง่ะ ดุกันได้ดุกันดี พอเจอตัวพ่อหน่อยทำเป็นหง่อยเลยจ้า คิก น่ารัก

            “คุยกันดี ๆ เถอะนะ”

            “นี้มึงหายโกรธมันแล้วเหรอไง”

             ป๊าไฟถามขึ้นเสียงเขียว อ่า … ก็หายแล้วมั้งแต่ก็ยังตงิด ๆ อยู่นิดหน่อย ยังไงดีละครับ เขาเองก็ยอมรับผิดแล้ว ผมก็ไม่ใช่คนขี้งอนขนาดนั้น (เหรอ?) ระยะเวลาในแต่ละปีของเรามันเร็วมาก และไม่ได้เยอะขนาดนั้น แค่เขากลับมาดูแลผมทันทีที่รู้ข่าว ผมก็ไม่รู้จะโกรธไปทำไม … เป็นได้แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

            “อื้อ ก็หายแล้ว แต่จะหายสนิท ต้องพาผมไปกินขนมด้วย”

            “พอกูสนใจก็ไม่สนใจกู พอกูไม่สนใจก็ทำเป็นเด็กมีปัญหา ตามใจแล้วกัน อยากจะมีผัวหรือจะทำอะไรก็แล้วแต่เลย”

            “โอ้ยยยยยยยยยยยยยย บาวจ้าป๊าบาววววววววววว ทำไมต้องเกรี้ยวกราดขนาดนั้น เอาเป็นว่าผมกลับกับป๊าก็ได้ แต่ผมขอนอนบ้านเฮียนะ”

            “ทำไม ?”

            “ก็บ้านเราไม่มีแอร์นี้ครับ ปาล์มร้อน”

            “หึ เออ … กูนอนด้วย”

            “… ได้ครับ”

            “กูไม่ได้ขออนุญาตมึง”

            “แต่เขาเป็นเจ้าของบ้าน”

            “… งั้นมึงก็กลับไปนอนบ้านเดี๋ยวกูปิดแอร์ให้”

            “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ โอเค เลิกทะเลาะกันเถอะปาล์มหิวข้าวแล้ว” พอได้ยินประโยคเอาแต่ใจนั้นผมก็หัวเราะก๊ากออกมาทันทีไม่รู้ว่าพ่อผมมีนิสัยแบบนี้เหมือนใคร   

            ป๊าไฟยอมพยักหน้าตกลงก่อนจะเดินนำออกไป โดยที่เฮียและผมช่วยกันถือของเดินตามเขาไป ผมส่งสายตาขอโทษไปให้เฮียอลันเขายกยิ้มก่อนยกมือมาวางบนหัวผมอย่างเข้าใจ งื้อ น่ารักขึ้นนะเนี้ย ข้าวของของผมถูกยกขึ้นรถป๊าไฟ โดยที่ผมยืนคุยโทรศัพท์กับไอ้น้ำว่ากำลังจะกลับบ้านแล้ว มันก็บอกว่าเดี๋ยวเลิกซ้อมโขนจะไปหาผมที่บ้านเหมือนกัน

            “ไอ้ปาล์ม” ผมที่กำลังก้าวขึ้นรถหันไปตามเสียงเรียก ไอ้ฟ้านี้หว่า มันไม่เห็นบอกว่าจะมารับผมออกจากโรงพยาบาลเลย

ปั๊ง!

            เสียงปิดท้ายรถทำให้ผมสะดุ้งหันไปมองเห็นเฮีลอลันยืนกอดอกมองอยู่ … แหงะ อย่าเพิ่งขบสมองผมเลย ถ้าหวงผมขนาดนั้นทำไมถึงรังแกกันลงล่ะ

            “นี้กิ๊กมึงอีกคนเหรอ”

            “ผมไม่กิ๊กใครทั้งนั้นแหละป๊า! มึงมายังไงอะไอ้ฟ้า ไม่เห็นบอกก่อน”

            “ก็ไม่คิดว่าจะมาทันเหมือนกัน อ้อ ป๊าไฟสวัสดีครับ จำผมได้ไหม ฟ้าที่เคยไปเที่ยวบ้านปาล์มครับ” ไอ้ฟ้าพูดกับผมอย่างเบาใจก่อนจะหันไปยกมือไหว้ป๊าไฟที่นั่งรออยู่บนรถสักพักใหญ่ละ ผมเหล่มองไปที่เฮียอลันและรู้สึกถึงรังสีออร่าความอาฆาตได้เป็นอย่างดี เบาก่อนเฮีย ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ ฮึบๆๆๆๆ ไม่รู้ไอ้ฟ้าไปกระตุกหนวดแมวดุอีท่าไหนโดนเขม็งยันเตเลยว้อย

            “จำได้ … จะไปกันได้หรือยัง” ผมก้าวขึ้นรถอย่างเสียไม่ได้เพราะไม่อยากให้บรรยากาศแย่ไปกว่านี้ … หนุ่มสามคนที่เกาะรถผมอยู่ตอนนี้เหมือนความคิดแยกย้ายไปคนละทิศละทางเลยอะ… เอาใจใครไม่ถูกส๊ากคน เกิดเป็นปาล์มนี้แย่นะครับมีแต่คนแย่งไปกอด  คิกๆ

            “มึงจะไปบ้านกูไหมฟ้า”

            “ไปสิ” แอ๊ะ เราชวนตามมารยาทเฉย ๆ อะ ผมชักลังเลมองคนโน้นทีคนนี้ที มีแต่คนทำหน้าตาขึงขังน่ากลัวทั้งนั้น … จะร้องไห้แล้วโว้ย!

            “เอ่อ ไปแน่นะ”

            “เออ”

            โอเคในเมื่อยืนยันถึงขนาดนั้น ไอ้ฟาเลยได้ขึ้นมาประดับรถป๊าไฟเบาะหลังทันที ก่อนรถจะออกผมหันไปโบกมือบ๊ายบายเฮียอลันที่ยืนหน้านิ่งมองผมอยู่ ตาสีฟ้าไหลวูบอย่างน่าสงสาร … แต่ในใจอาจจะสาปแช่งอะไรอยู่แน่ๆ น้องขอโทษ น้องไม่รู้ว่าตัวเองจะมีคนแย่งขนาดนี้ … คิกๆ

            “มึงอยากกินอะไรไหม” หลังจากที่รถขับออกมาได้สักพัก และก็มาติดไฟแดงอยู่แยกนรกก่อนถึงบ้าน ป๊าไฟก็ถามขึ้นหลังจากที่ผมคุยกับไอ้ฟ้าเรื่องสับเพเหระ … ทำไมเฮียไม่เห็นไลท์มาเลยละ

            “ไอ้ปาล์ม”

            “ผมอิ่มจากข้าวที่โรงพยาบาลอยู่เลย แต่ก็อยากกินขนม”

            “ปอบลงเหรอ” ป๊าไฟถาม ไอ้ฟ้าหัวเราะอยู่ด้านหลัง ทำไมล่ะ กระเพราคนเรามันมีสองที่ไม่ใช่เหรอ สำหรับใส่มื้อหลักและใส่ขนม ผมเชื่อแบบนั้นมาตลอดเลยนะ!!!

            “ตรงทางเข้าบ้านมีเบเกอรี่อยู่แวะหน่อยได้ไหมครับ” ผมไม่สนใจหันไปอ้อน เอาหัวถูกับแขนป๊าไฟ คิกๆ เลี้ยงลูกหน่อย ลูกหิว

            “ใครจะเลี้ยงมึง แดกอย่างกับห่าลง” ผมย่นหน้า ใช่สิ! ไม่มีใครตามใจสักคน

            “กูเห็นมีขนมหลังงรถเต็มไปหมด มึงไม่กินอันนี้ล่ะ”

            “อันนั้นของเฮียอลัน ซื้อมาเมื่อวาน แต่ห้ามกินจนกว่าจะหายดี ขื่นกินไปได้โดนด่าตายคาที่น่ะสิ ตรวจเข้มยิ่งกว่าสุนัขตำรวจอีก” ผมบ่นอย่างเสียมิได้ ทั้งรถเงียบกริบ

            “ทีกับไอ้อลันไม่ดื้อเลยนะมึงอะ”

            “ใครว่าไม่ดื้อ ผมน่ะตัวดื้อเลย” อดภูมิใจไม่ได้จริงๆครับ พ่อผมเงียบไป ทำให้ทั้งรถมีแต่เสียงเพลงในวิทยุ ผมนั่งคิดอะไรเพลินๆ แล้วก็เคลิ้มหลับไป

.

.

.

กรอดดดดดด กรอดดดด

            ผมนั่งกัดฟันขณะขับรถตามหลังไอ้ลิงไป โทรไปกี่สายไลน์ไปกี่ข้อความก็ไม่มีสัญญาณตอบกลับ นี้อย่าบอกนะว่ามันยังไม่ปลดล็อกผมน่ะ … ฉิบ หงุดหงิดจังว้อย รู้งี้กระโดดขึ้นไปนั่งยิ้มแป้นอยู่บนรถก็ดี … แต่ออร่าป๊าไฟของไอ้ปาล์มแม่งโหดยิงกว่าลูกค้าเหี้ยมๆ เนียบๆ ซะอีกวะ พอรู้ตัวอีกทีก็เป็นไอ้ฟ้าที่ขึ้นไปนั่งแทนที่ผมซะแล้ว … นี้กูปล่อยมันแค่เดือนกว่าๆ ทำไมแมงหวี่แมลงวันแม่งเยอะนักวะ …

 

ครืดดดดดด ครืดดดดดดดด

 

            เสียงโทรศัพท์ที่เปิดระบบสั่นอยู่ดังขึ้นทำให้ผมที่กำลังดูทางหัวความหงุดหงิดหัวร้อนหันไปมอง ปรากฏเบอร์ว่าเป็นไอ้เมอร์สัน … ฮัลโหลไอ้เวร กูมาได้เกือบจะสัปดาห์และมึงเพิ่งรู้หรือไงวะ

            “ว่า” ผมรับสายยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเสียงร่าเริงแจ่มใสสำเนียงอังกฤษชัดเป๊ะก็ดังรอดออกมาจากปลายสาย

            “อลันยูมาไทยหรอ”

            “ยูเพิ่งรู้เหรอ”

            “เออ ก็แบบ พักนี้ไอวุ่นๆ เอ้อ แล้วง้อลิงน้อยเป็นไงบ้าง ไม่เห็นมาที่บ้านไอก็เริ่มเป็นห่วง พอรู้ว่าป่วยไอก็ไม่กล้าไปเยี่ยมเพราะเพื่อนไอทำชั่วไว้” ผมเหยียดยิ้ม แซะเก่งนักนะมึง

            “มันกำลังกลับไปบ้านไอ”

            “อ้าวหมายความว่าเขาไม่ได้กลับกับยูเหรอ”

            “ก็กลับกับพ่อมัน แต่นอนบ้านไอ” กูควรดีใจสินะ ที่อย่างน้อยคืนนี้มันจะนอนกับกูโดยมีพ่อมันนอนอยู่ด้วยข้างๆ … เอ้อ ดีก็ดี อย่างน้อยมันก็อยู่ในสายตากู …

            “OMG สรุปยังไงหายไป 1 เดือน ยูคิดได้หรือยังว่าสถานะอะไรระหว่างยูกับลิงน้อย”

            “ไอมองข้ามสถานะไปนานแล้ววะ ปล่อยแม่งไปตามนั้นแหละ” ผมว่าก่อนที่เสียงผิวปากหวือจะดังออกมาจากไอ้เมอร์ มันหัวเราะในลำคอ ก่อนจะบอกลาและวางสายไป

            ผมขับตามหลังรถป๊าไอ้ปาล์ม จนเกือบจะเข้าซอยบ้านอยู่แล้วแต่ก็ต้องแปลกใจเพราะรถเปลี่ยนทิศทางเลี้ยวเข้าร้านเบเกอร์รี่เปิดใหม่ … ไอ้ลิงมึงอ้อนกูไม่ได้ ก็ไปอ้อนคนอื่น … ดูท่ามึงจะเป็นเบาหวานตายซะแล้วมั้ง อึดใจเดียวผมก็เห็นไอ้ลิงเดินขยี้ตายิ้มแป้นลงมา ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าผมนั่งมองอยู่ ขืนรู้สิได้กลัวขี้หดตดหายไม่ได้กินอะไรทั้งสิ้นนั้นแหละ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก   

            ผมเหลือบไปมองกระจกข้างๆ ก่อนจะกรอกตาบน น่ารำคาญไอ้ห่าเด็กเวรตะไลนี้ฉิบหาย  พอเลื่อนกระจกลงได้น้ำเสียงกวนบาทาก็ดังขึ้นจนผมรู้สึกคันเท้าตงิดๆ

            “ไม่เข้าไปเหรอครับ”

            “ถามจริง นี้มึงจะปีเกรียวกูให้ได้ใช่ไหม มารยาทบ้านมึงไม่เคยสอนหรอว่าใครเด็กใครผู้ใหญ่”

            “โอ๊ะโอ่ อารมณ์ไม่ดี งั้นไปก่อนดีกว่า”

            ไอ้ฟ้าเลิกคิ้วสูงล้อเลียนผมก่อนจะเดินห่างออกไป แม่งหงุดหงิดชะมัด เย็นไว้ไอ้อลัน ปกติมึงไม่ใช่คนโมโหร้ายและมีความผิดติดตัว มันอยากกินมันไม่เชื่อฟังก็ปล่อยมันไปก่อนแล้วกัน ได้แต่หวังว่าปอบมันจะไม่ลงกินจนน้ำตาลขึ้นหรอกนะ

            ผมนั่งรอ จนไอ้ปาล์มยิ้มหน้าบานพร้อมกับถุงขนมที่ไม่ใหญ่นัก และโกโก้ เมนูโปรดใส่วีปครีมมากเท่าที่ร้านจะปราณีมันออกมา และมันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรไปมากกว่าของกินในมืออีกเช่นเดิม ก็ยังดีที่มันยังนึกได้ว่าควรกินน้อย ๆ หน่อย ขบวนเริ่มเดินทางกลับบ้านอีกครั้ง ปรากฏว่าไอ้ปาล์มมันแวะอีกครับ แต่คราวนี้เป็นบ้านตาอินทร์ เอากับมันสิ แวะเป็นผู้ว่าหาเสียงเลยวะ แต่รอบนี้ผมเดินลงมาจากรถด้วยเพราะต้องการเยี่ยมตาอินทร์ด้วยเหมือนกัน ไอ้ปาล์มเหมือนตกใจพอเห็นผม และยิ้มแห้งๆ … มึงรู้แล้วสินะ ว่าตัวเองทำผิดและถูกผมจับได้ มีหลักฐานมัดตัวเป็นคราบน้ำตาลไอซิ่งที่ปากมึงน่ะ

            “แหะๆ คือกินไปชิ้นเดียวเอง” มันทำหน้าเจียมเจี้ยมเดินเลียบ ๆ เคียง ๆ เข้ามา

            “หึ รู้ตัวนี้” ผมตีจมูกมันไปหนึ่งที จนมันย่นคอหนี ก่อนจะวิ่งไปหลบหลังป๊ามัน มีแหล่งหลบภัยใหม่แล้วดิ น่าหมั่นไส้จังโว้ย

            “มึงจะทำไมให้มันกินหน่อยไม่ได้หรือไง”

            “ครับตามใจเถอะ”

            ผมตอบป๊ามันอย่างไม่อะไร เหนื่อยจะห้าม แต่ที่ผมห้ามก็เพราะอยากให้มันพอดีๆ บ้างไม่ใช่ตะกละ หายป่วยแล้วซ่าก่อนที่ร่างกายมันจะฟื้น เอาจริงๆ ก็ไม่มีหมอไหนหรอกที่ คนป่วยห้ามกินของหวาน แต่ผมแค่กลัวว่าน้ำตาลมันจะขึ้นแล้วกลับมาป่วยอีก ทั้งหมดก็เพราะตัวมันนั้นแหละ ถึงจะดูไร้สาระไปหน่อยก็เหอะ ก็นะ ขนาดพ่อมันยังไม่ห้ามแล้วใครจะไปห้ามมันได้ 

            “เฮียงอนเหรอ”

            “ไม่ได้งอน เข้าไปเหอะข้างนอกมันร้อน” ผมว่าก่อนจะเดินนำขบวนเข้าไปด้านในโดยมีไอ้ลิงเดินตามหลังเข้ามาด้วย

            เราอยู่คุยกับตาอินทร์ให้เขารับขวัญไอ้ปาล์มอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพากันกลับมาถึงบ้านในเวลาช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวัน บรรยากาศเป็นไปอย่างมาคุ เพราะผมเองก็ไม่พูด ป๊าไอ้ปาล์มเองก็พูดเฉย มีแต่ไอ้ปาล์มกับไอ้ฟ้าที่คุยกันหงุงหงิงๆ จนผมเคยชิน ข้าวของถูกยกเข้ามาวางในบ้านผม และมีบางส่วนที่ไอ้ฟ้าอาสาเอาไปไว้ที่บ้านไอ้ปาล์ม ก่อนที่ผมจะขอตัวขึ้นมาจัดห้องให้ป๊าไฟ โดยทิ้งให้ไอ้ปาล์มมองตามตาละห้อยไปไหนไม่ได้ เพราะป๊ามันจับตามองอยู่ ก็ดีแล้วนี้พ่อสนใจมึงสักที เวลากูกลับไปบ้านมึงจะได้ไม่เหงาไง

แก๊ก

            “เฮียงอนผมเหรอ” ผมที่กำลังยกผ้าปูที่นอนอยู่ในห้องเล็ก สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงไอ้ปาล์มดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่ผมจะตอบอะไรก็โดนกอดรอบเอวซะก่อน โอ้ยยยยย มึงนี้อารมณ์ไหนเนี้ย! ดีเท่าไหร่ที่กูแข็งแรงไม่ทำที่นอนหนักๆ หล่นใส่หัวมึงเนี้ย ว้อยยยยยยย อยากจะเกาะก็เกาะเห็นกูเป็นต้นมะพร้าวหรือไง

            “อย่าโกรธผมสิ สาบานกินไปแค่ชิ้นเดียวเอง”

            “ไอ้ปาล์มลงไปก่อนเดี๋ยวมันหล่นใส่หัวมึง”

            “งื้ออออออ อย่าโกรธผมได้ไหมอะ”

            “เออๆๆ ลงไปได้แล้วก็หนัก”

            “ไม่เอาโชว์ความแข็งแกร่งไปสิ”

            “ไอ้ปาล์มมมมมมมมม”

            “ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อ๊ากกกกกก อุ๊บ…” ไอ้ปาล์มร้องลั่นเมื่อผมเสียหลักล้มลงบนที่นอน โชคดีที่ผมตั้งตัวทันโยนผ้าผืนหนาๆ ทิ้งไปข้างๆ ก่อนจะเอาแขนท้าวที่นอนเพื่อไม่ให้ล้มโดนมันเต็มๆ พอมองชัดๆ ตอนนี้ผมเห็นหน้าไอ้ปาล์มใกล้จนหายใจแทบจะรดกัน กลายเป็นว่า ผมนอนคล่อมมันอย่างกับจัดวาง หึ ไอ้ลิงผี ไม่เก่งเหมือนเมื่อกี้ หลับตานิ่งเลยนะมึง

            ผมอดยิ้มกับแก้มป่องๆ ผิวสีน้ำผึ้งกับขนตางอนๆ ปากที่คอยจะแดกแต่ของหวานของมันเม้มเป็นเส้นตรง … หึ ใจกูจะวาย แต่ก่อนวายขอกูจุ๊บไอ้ปากสีส้มตรงหน้าหน่อยเถอะ ยั่วเย้ากูเหลือเกิน

            “ป๊ามึงล่ะ” ผมยกมือจับเส้นผมที่ปรกหน้าไปทัดหูกางๆของมัน ไอ้ปาล์มลืมตาดูขลับดำมองผม ก่อนที่หน้าจะแดงขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด และลุกลี้ลุกลนหลับตาต่อไปอีก ไม่มีการผลักออกใด ๆ ทั้งนั้น หึหึ สายอ่อยในตำนาน ทำไมมึงน่ารักจังวะ

            “ป๊าไปดูบ้านเดี๋ยวมา”

            “มึงไม่ต้องกลัว กูไม่โกรธมึง กูแค่เป็นห่วง”

            “ปาล์มขอโทษ มันหิว ร่างกายขาดของหวานแล้วเหมือนจะเป็นลม”

            “หึหึ กูรู้ กูถึงให้มึงกินผลไม้ไง ว่าแต่มึงเถอะ ยังโกรธกูอยู่ไหม”

            “…” มันส่ายหน้า ก่อนจะพยักหน้า และส่ายหน้าอีกรอบ ทำให้ผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ คืออะไร โกรธแหละ แต่ก็ไม่โกรธก็ได้งี้เหรอ

            “กูมันคนขี้ขลาดปาล์ม กูไม่ชอบเห็นมึงร้องไห้ กูถึงทำแบบนั้นซึ่งมันเลวมาก ๆ ไม่ได้คิดว่ามึงจะร้องไห้หนักขนาดนี้ คิดว่าแค่โทรมาขอโทษก็จบ ซึ่งกูคิดผิด และก็สัญญาจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ต่อให้มึงไปยืนร้องไห้จนน้ำท่วมสนามบิน กูก็จะพามึงไป นะ ให้อภัยกูเถอะ เดือนที่ผ่านมากูก็จะบ้าเหมือนกัน”

            “ทำไมจะบ้าล่ะ เป็นคนไปเองแท้ๆ”

            “กูคิดถึงมึง” ไม่รอฟังคำตอบ ผมจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากตรงหน้าอย่างคิดถึง ไอ้ปาล์มหัวเราะแก้เขินก่อนจะ จูบตอบเบาๆ จากนั้นผมจำไม่ได้ นอกจากความหวานและความคิดถึง ความรู้สึกผิดที่หายไปเหมือนกับได้ยาดี … ดีแล้วที่สำนึกได้กลับมา ไม่งั้นผมคงเป็นบ้าตายอยู่แถวๆ ออซซี่นั้นแหละ

            “อื้อออออออ อย่ามือปลาไหลสิเฮีย เดี๋ยวพ่อกับไอ้ฟ้าก็มาแล้ว ลงไปด้านล่างกันเถอะ”

            “หึหึ มึงลงไปก่อน กูปูที่นอนให้ป๊ามึงก่อน” ผมว่าและชักมือตัวเองออกจากหน้าอกด้านในเสื้อบางของมัน แม้มโว้ย เมื่อไหร่จะได้มันเป็นเมียวะ!

            ไอ้ปาล์มหัวเราะคิก ก่อนจะดันตัวผมลุกขึ้นและหอมอย่างแรงที่แก้มผม และรีบวิ่งออกจากห้องไป ไอ้ปามมมมมมมมมมมมมมมมมม ม มมม มมม ม ม ถ้าพ่อมึงไม่อยู่ด้วยนะ มึงโดนแน่ๆ!!!!

.

.

.

            ปาล์มวิ่งลงบันไดมาพร้อมรอยยิ้มและหน้าที่แดงกล่ำจากความเขินอายเมื่อครู่ใหญ่ ความโกรธหายไปแต่ได้ความเข้าใจแลกกลับมา ทุกคนมีความกลัวด้วยกันทั้งนั้นไม่เลือกอายุหรือเชื้อชาติ แต่ที่เหมือนกันและพาให้ชื่นใจได้คือทั้งคู่ไม่อยากที่จะจากกันไปไหนไกล ไม่ว่าจะกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปีก็ตาม แต่ด้วยภาระหน้าที่ มันบีบบังคับจึงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงข้อเท็จจริงของหัวใจ …

            “วิ่งระวังลื่นอะมึง” เจ้าปาล์มชะงักเมื่อเห็นว่าฟ้าเดินเข้ามาในบ้าน ก่อนจะยิ้มร่าเดินไปนั่งแผ่บนโซฟา หยิบรีโมตมาเปิดทีวีดู

            “ฟ้า พักนี้มึงแปลก ๆ วนไปวนมาอยู่รอบตัวกู มึงมีอะไรหรือเปล่า” ปาล์มถามขึ้นและยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนโซฟาตาจ้องที่เกมโชว์อย่างไม่สนใจเพื่อนตัวเองเท่าไหร่ แต่หูก็ยังกระดิกรับฟังทุกบทสนทนา

            “กูก็อยากรู้ว่ามึงกำลังจะทำอะไร”

            “อะไรของมึง”

            “มึงกับเฮียอลันมึงไง”

            “เดี๋ยวไอ้ฟ้า แล้วมันเรื่องอะไรของมึง” ปาล์มพูดเหลือบมามองเพื่อนตัวเองนิดๆ ก่อนจะหันมาดูโทรทัศน์ต่อ ฟ้ามองหน้าเพื่อนตัวเองนิ่ง แววตาแสดงความเจ็บปวดวูบนึง ก่อนจะจางหายไปไม่ให้ใครก็ตามสังเกตเห็นได้

            “กูบอกตรงๆ ก็สังเกตมาตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว ที่กูอยู่ที่ทะเล มึงคอยโทรหากูทั้งๆที่ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้ มันเป็นทุกครั้งที่กูอยู่กับเฮียกู แล้วแน่นอน ตอนโรงพยาบาลด้วย กูรู้ว่ามึงไปก่อกวนเขา”

            “ความจริงกูก็เป็นอย่างงี้มาตั้งแต่เรียนแล้ว แต่มึงไม่ได้สนใจกูเท่านั้นเอง” ฟ้าพูดเบาๆ ปาล์มหันไปจ้องหน้าก่อนจะเหยียดยิ้มกว้าง รู้สิใครจะไม่รู้ แต่แค่คำว่าไม่ใช่และไม่อยากเสียเพื่อน ปาล์มจึงไม่ได้ต่อเรื่องต่อราวให้ยุ่งยากเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้

            “อกหักไม่ถึงตาย แต่ถ้ามีเมียอกเล็กมึงอาจจะตายก็ได้นะ”

            เจ้าลิงพูดเล่นก่อนจะเรียกเสียงหัวเราะดังลั่นบ้านจากเพื่อสนิทของตัวเอง ฟ้าเองรู้คำตอบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสารภาพกี่ครั้งก็ไม่สมหวัง ไม่เหมือนไอ้ฝรั่งด้านบนที่ไม่มีแม้แต่สถานะแต่ได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ โคตรน่าเจ็บใจ แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ปาล์มเลือกที่จะเป็นและมีความสุข ถึงมันจะไม่มั่นคง แต่มันก็ชัดเจนโดยไม่ต้องเอ่ยปากใดๆ

            “งั้นกูกลับและนะ เอาไว้กูมาหาใหม่” ฟ้ายืนขึ้นบิดขี้เกียจไปมาอย่างเมื่อยขบ ปาล์มครางในลำคอก่อนจะหันมามองอย่างเสียดาย

            “อ้าวไม่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ กูกำลังคิดเมนู”

            “ไม่อะ กูต้องไปซื้อของให้แม่อีก”

            “โอเคๆ โชคดีนะ … ไอ้ฟ้า” ก่อนที่ฟ้าจะก้าวออกจากบ้านไป ปาล์มก็เรียกเอาไว้ก่อน

            “อกหักไม่ถึงตาย แต่ถ้ามึงไม่คบกูเป็นเพื่อนก็ไม่มีใครคบมึงแล้วนะ”

            “หึหึ เออ ไอ้ห่า กูชอบมึงไปได้ยังไงวะตั้งหลายปี” ฟ้าหัวเราะก่อนจะเดินออกจากบ้านไป สวนทางกับป๊าไฟที่เดินเข้ามา ทั้งคู่พูดจากันนิดหน่อย ก่อนที่ฟ้าจะยกมือไหว้และเดินคล้อยหลังออกจากรั้วบ้านไป

            “พรุ่งนี้ช่างจะมาติดแอร์ที่บ้าน”

            “ง่ะ ทำไมสิ้นเปลืองแบบนั้น โอ้ยยยยยยยยยย อย่าตบหัวลูก” ปาล์มเอามือยกป้องหัวตัวเองเมื่อป๊าไฟจะตีตัวเองอีกที ด้วยความหมั่นไส้ แล้วก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีกเพราะพ่อตัวเองโหดเกินคน ด้วยความที่เป็นตำรวจจะทำอะไรต้องเฉียบขาดและเที่ยงตรงเสมอ

            “เย็นนี้ทานอะไรกันดีครับ”อลันเดินลงมาพร้อมกับคำถาม เจ้าปาล์มหูกระดิกยิ้มหวานในหัวมีเมนูอยู่ 108

            “ปาล์มอยากกินแกงจืดเต้าหู้ เป็นคนป่วยต้องกินจืดๆ” เจ้าปาล์มออกความคิดเห็นทำให้คนฟังอดอมยิ้มออกมาไม่ได้

            มื้อเย็นผ่านไปอย่างไม่เกิดเหตุทะเลาะวิวาท เพราะอลันเป็นคนอาสาไปซื้อของโดยมีสองพ่อลูกเฝ้าบ้านจากนั้นปาล์มก็มาเป็นลูกมือให้ โดยมีป๊าไฟนั่งเป็นประธานหัวโต๊ะ ซึ่งป๊าไฟเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้ค่อยจ้องจับหาเรื่องอย่างที่อลันเกรงๆ จนถึงเวลา2 ทุ่ม ยาหลังอาหารที่ปาล์มกินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ ปาล์มที่นั่งกินผลไม้คั่นกลางระหว่างสองหนุ่ม ตาปรือจ้องไปที่รายการเกมโชว์ชื่อดัง จึงขอตัวไปนอนตากแอร์ก่อน บรรยากาศจึงมาคุเมื่อร่างสูงใหญ่ของชายเอเชียและฝรั่งตาน้ำข้าวนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกตัวเดียวกัน

            “คือ … ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายกับปาล์มนะครับ” นั้นคือคำแรกที่อลันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ

            “กูเองก็ไม่ใช่พ่อที่ดี … แต่อย่าให้มันเกินไปนัก เอาสมองส่วนไหนคิดว่ามันจะเข้มแข็ง”

            “ผมขอโทษครับ”อลันหันไปยกมือไหว้ท้วมหัวอย่างเกรงๆ ป๊าไฟถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกมือขึ้นรับนิดหน่อย ก่อนที่ตาคมจะเหลือบมาจ้องหน้าขาวตาสีฟ้าคู่นั้น

            “กูไม่รู้ว่าทำไมมึงถึงสำคัญกับไอ้ปาล์มนัก แต่ถ้ามีอีกรอบ ก็อย่าหวังว่ากูจะมานั่งคุยกับมึงดี ๆ แบบนี้”

            “ครับป๊า”

            “ใครป๊ามึง กูมีลูกคนเดียว” อลันย่นคอนิดๆ แต่ก็หัวเราะออกมาได้ เพราะรู้แล้วว่าปาล์มนิสัยเหมือนใคร

            “หึ ไอ้ฝรั่งขี้นก” ป๊าไฟสบถออกมาเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากบ้านไป … ทำให้อลันที่คิดจะท้วงว่าได้เตรียมห้องไว้ให้แล้วหยุด ชะงัก เพราะนึกได้ว่าก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้กอดลิงให้หนำใจอยาก ถือว่าสวรรค์เปิดทางให้อย่างเต็มรูปแบบ

            อลันดี๊ด้าวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองก่อนจะเปิดประตูห้องนอนตัวเองเข้าไปแรงแอร์เย็นประทะหน้าทำให้เขาเหยียดยิ้มเมื่อเดาไม่ผิดว่าลิงสายอ่อยต้องมานอนห้องเขา เสียงลมหายใจเป็นจังหวะนั้นทำให้เขาเบาใจ ร่างสูงเดินเข้าไปยืนมองลิงปาล์มที่ซุกตัวกลมอยู่ในผ้าห่ม ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปตะกรองกอดร่างเล็กเอาไว้อย่างห่วงอาทร … เขาแทบจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ ขอให้เขาได้อยู่อย่างเป็นสุขอย่างนี้ตลอดไป …

            “เฮียจ๋า” เสียงกระซิบนั้นดังแผ่วต่ำ เขาที่ยังตาสว่างก้มมองเด็กในอกที่ซุกแก้มเย็นถูไถไปกับกล้ามเนื้อ

            “ปาล์มรักเฮียนะ” เขาหัวเราะออกมานิดๆ เพราะเสียงกรนน้อยๆนั้นเป็นเครื่องหมายว่าลิงตัวนี้หลับไม่ได้สติ และกำลังดื่มด่ำกับความฝันอันยาวนาน …

            “กูก็รักมึงนะปาล์ม” เขากระซิบตอบและหอมลงกลุ่มไรผมสีเข้ม …

            “แต่อย่างน้อยมึงควรจะสระผมนะครับ”   



==============

น้องปาล์มคนแมน สระผมบ้างนะลูก <3'
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2018 21:03:56 โดย pa_pa »

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
Mask boy : {CH20 จากลาและให้อภัย}



           “งื้อ เพิ่งมาเอง”

           ผมก้มลงมองไอ้ปาล์มที่เกาะผมเป็นลูกลิง บนเก้าอี้สนามบินพร้อมสัมภาระเล็กน้อยขณะที่รอเวลาขึ้นเครื่องหลังจากทำธุระทางเอกสารเสร็จสิ้น ผมตบลงที่ขาข้างที่ยกพาดตักของมันอย่างปลอบใจ หลังจากที่ป๊าไฟของไอ้ปาล์มเปิดใจ ผมก็มีกำหนดกลับออสซี่ทันทีอย่างไม่ได้นัดหมายเนื่องจากที่งานด่วนที่ซีอีโออย่างผมจะเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งผมมีเวลาอยู่กับไอ้ปาล์มเพียงสามวัน โดยที่ผมเองก็ทดแทนสิ่งที่มันขาดอย่างเต็มที่ ทั้งดูแลเอาใจสารพัดตัวแทบจะไม่ห่างกันเพราะหมอให้มันหยุดพักสัปดาห์เต็ม สามวันของไอ้ปาล์มหมดกับการจัดตารางทัวร์ร้านของกินทั้งกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งผมเองก็เต็มใจที่จะพามันไปให้เต็มคราบ ไม่น่าเชื่อนะครับพอร่างกายมันได้รับสารอาหารที่มันต้องการ ก็ดีวันดีคืน จนตอนนี้วิ่งได้ปร๋อ ป่วนผมตลอดทั้งวันอย่างไม่มีพัก

            นึกภาพเด็กหน้าลิงพร้อมลูกสมุนลูกแมวตัวน้อยอย่างไอ้โรมิโอที่ร่ำร้องแย่งความรักกันออกไหมครับ … ต่างกันตรงที่ แมวผมปล้ำไม่ได้แต่ลิงผมลวนลามได้ … หึหึ

            “อดทนหน่อยสิวะ” ผมลูบแก้มที่ซบกับซอกคอผมเบาๆ เราสองคนหลุดไปอีกโลก โลกที่ไม่สนใจใคร แม้สถานะที่ไม่มีใครคิดจะถามถึง

            “นานแค่ไหนกว่าเฮียจะกลับมาอีก”

            “ต้องให้กูบอกอีกกี่ครั้ง ฮื่ม!” ผมแกล้งกดเสียงต่ำ ใช้มือบีบจมูกมันอย่างแรงจนมันร้องเจี๊ยก กุมจมูกหน้างอแต่ก็ไม่ยอมลงจากตักผม

            “ก็บอกอีกไม่ได้หรือไง” มันหน้ายู่

            “ก็คงอีกสักครึ่งปี กูไม่ใช่คนรวยที่จะบินกลับมาบ่อยๆนะ” ผมแกล้งเย้ามันเล่น ความจริงผมคิดที่จะกลับมาเรื่อยๆนั้นแหละ เพราะนอกจากไอ้ปาล์มแล้วผมยังมีเจ้าปังที่คิดถึงและอยากมาหา

            “ชิ ทีตอนผมจะตายยังบินกลับมาด่วนจี๋เลย แกล้งตายได้ไหม”

            “แกล้งตายมันยาก ไปอยู่กับพี่ดีไหมครับ” ผมก้มลงไปกระซิบข้างหูและดึงมือที่กุมจมูกมันออกก่อนจะจุ๊บเล็กๆที่จมูกมันเป็นการปลอบใจ หึหึ หน้าแดงเชียวมึง

            “ฮึ่ม! พูดอยู่ได้” ไอ้ปาล์มงอแง ก่อนจะเอาขาลงไปนั่งดีๆ แต่ไม่นานก็หันหลังยกขานั่งขัดสมาธิและพิงมาทางผม หึหึ อยู่ห่างจากกูได้ไม่กี่นาทีเองนะมึง

            “กูจะโทรหามึงทุกวัน”

            “หึ ก็อย่าให้รู้ว่ามีแหม่ม”

            “ทำไมหึง?”

            “ไม่ได้หึงแค่ไม่ชอบ ไม่ได้เป็นผัวเมียจะหึงได้ไง”

            “ปากดี!เดี๋ยวปั๊ด ได้เป็นเมียตรงนี้”

            “ลุง หน้าไม่อาย!!!”

            “เฮ้ย เพิ่งจะดีกับแหมบ ๆ จะทะเลาะกันอีกแล้ว สวัสดีครับเฮียอลัน” ผมกับไอ้ปาล์มหันไปมองไอ้น้ำและไอ้ไข่หลงที่เดินเข้ามาทักพอดี แหมกำลังต่อปากต่อคำกันสนุกไม่น่ามาขัดเลยพวกมึงนิ ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรเสียงเตือนว่าถึงเวลาขึ้นเครื่องก็ดังขึ้น ไอ้ปาล์มมองหน้าผมตาไหววูบเล็กน้อย จนผมใจอ่อนต้องยกมือขึ้นลูบหัวมันเบาๆ

            “เอาไว้กูกลับมาบ่อยๆ” มันพยักหน้า ย่นจมูกใส่ผม

            ผมเอ่ยชมมันอีกหน่อยให้รางวัลที่มันไม่ปี่แตกออกมากลางสนามบิน ก่อนจะก้มลงไปหอมหัวเหม็นๆ เหนียวๆ ของไอ้ตูดหมึกอีกที และกลั้นใจหันหลังเดินออกมาเพื่อจะไปขึ้นเครื่อง ผมไม่ได้หันหลังกลับไปมองไอ้ปาล์มอีก เพราะกลัวว่าจะเห็นว่ามันร้องไห้หรือแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรออกมา เอาน๊า เดี๋ยวก็กลับมาอีกอยู่ดีนั้นแหละ อย่าเศร้าให้มันเยอะนักเลยวะ

 

-ปาล์ม-

            “เก่งว่ะไม่ร้องด้วย” ผมที่เดินออกมาจากร้านโดนัทในสนามบินหน้าตึงเล็กน้อย ไม่ได้สนใจไอ้ไข่หลงกับไอ้น้ำที่เอาแต่สะเออะล้อเลียนอยู่ได้  … จะร้องทำหอกอะไร ก็ในเมื่อเฮียให้เงินค่าโดนัทมาแล้วนี้หน่า อีกแปปเดียวก็เจอกันแล้ว สัก 3-4เดือน ละมั้ง ผมก็ไม่ได้ติดเขาขนาดนั้นสักหน่อย …

            “แล้วไงอะ ว่าแต่มึงหายดีแล้วแต่เหรอวะ ไวเกินไปไหม”

            “ทำไมเสือกจังอ่ะ!” ผมมองค้อนไอ้น้ำ มันชะงักนิดหน่อยก่อนจะทำท่าหมั่นไส้ผมและง้างมือประสงค์ร้ายกับไอ้ปาล์ม มีหรอที่ผมจะอยู่ให้มันกระทืบ วิ่งก่อนสิ! อย่าคิดว่าผมจะสู้กับไอ้สุ่ยจิ่งโรคจิตนี้นะ ฮิฮิ

            “ก็จะรอดูว่ามึงจะเก่งได้สักกี่น้ำ!!!” ไอ้น้ำตะโกนไล่หลังมา … เก่งสิ ปาล์มเก่งจะตายไม่เหงาสักหน่อย

            ผมกลับมาบ้านเก็บกวาดทำความสะอาดทั้งบ้านตัวเอง แล้วก็บ้านเฮียด้วย ป๊าไฟให้คนมาติดแอร์ที่บ้านผมแล้วทุกห้องเลย นี้ถ้าไม่ห้ามคงติดห้องน้ำด้วยมั้ง พอผมจัดการล็อกประตูบ้านเฮียอลันเสร็จก็โบกมือให้เจ้าโรมิโอแมวอ้วนสีส้มที่เริ่มตัวขยายกลายเป็นไอ้ปุ๊กลุกตามวัย ที่สำคัญมันเอาแต่วิ่งไปวิ่งมา ว่างก็กิน พอกินอิ่มก็นอนเหมือนถ่านหมด พอชาตแบตเต็มก็วิ่งพล่านใหม่ ไอ้น้ำชอบบอกว่ามันติดนิสัยผม … จะบ้าหรือไง แมวกับคนจะไปติดนิสัยกันได้ไง

            “โรมิโอ ถ้าไม่เชื่อฟังจะไม่ให้กินขนมนะเว้ย” ผมร้องเรียกมันอีกครั้งเมื่อไอ้แมวเด็กที่เล่นกับต้นหญ้าอยู่ไม่มีวี่แววจะสนใจผม แต่พอได้ยินคำว่าขนมเท่านั้นแหละต้นหญ้าแสนรักก็หมดความหมายวิ่งปรู๊ดมาหาผมในทันที

            “คืนนี้นอนบ้านโน้น” ผมชี้ไปที่บ้านตัวเอง ก่อนจะเดินนำมันเดินอ้อมรั้วเพื่อที่จะเข้าบ้านของตัวเอง เช่นเคยครับ วันนี้ป๊าไฟไม่กลับ ผมก็อยู่คนเดียวตามระเบียบ เฮ้อ …

            ช่วงเย็นผ่านไปอย่างว่างเปล่า ผมใช้เวลากับการดูยูทูปและเล่นเกม รวมไปถึงเล่นกับแมว ก่อนจะเตรียมตัวเพื่อไปเรียนวันแรกหลังจากหยุดมาร่วมอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ … เฮียเองก็ไม่มีท่าทีจะโทรมา อาจจะเพราะว่ายังไม่ถึงออสเตรเลียก็ได้ จะหนาวไหมนะที่โน้นในช่วงนี้

            “ไปอยู่ด้วยกันไหม …” ผมสะบัดหัวเมื่อเสียงแหบพล่านที่ขยันชวนมันยังดังก้องอยู่ในสมอง

            “กินข้าวกันหรือยัง”

            “อ่ะป๊า!” ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ป๊าไฟเดินเข้ามาในบ้านเงียบๆ แน่นอนว่าเขามาในชุดเครื่องแบบ แต่ที่แตกต่างคือรอบนี้ป๊าไฟซื้อกับข้าวมาพะรุงพะรังไม่แค่ข้าวคน ข้าวแมวก็มีด้วยเช่นกัน

            “อย่ามัวแต่เด๋อ รีบมารับจะกินไหม” ผมกับโรมิโอหูกระดิกรีบวิ่งไปรับก่อนจะพากันไปที่ห้องครัวระริกระรี้เพราะไม่ต้องกินบะหมี่กึงสำเร็จรูปกับอาหารแมวรสชาติเดิม!

             มืออาหารค่ำผ่านไปอย่างประหลาดไม่บ่อยนักที่ป๊าจะอยู่บ้าน คืนนั้นผมนอนหลับในห้องตัวเองด้วยความอ่อนเพลียที่หน้าดำหน้าทำงานบ้าน และไม่ได้รับสายจากคนไกลแม้แต่สายเดียว …. จำไว้!!!!!

.

.

.

            “ปาล์มมึงยังไม่ตายเหรอ!!!” ผมตวัดมือหลบมือไอ้วัตรเพื่อนในเอกเดียวกัน พอทุกคนเห็นผมเดินหัวฟูเข้ามาในห้องก็พากันกรูเข้ามาแกล้งเหมือนปลาฉลามได้เหยื่อ! เดี๋ยวสิพวกมึง!!!เป็นคนยังไง คนหายป่วยกลับมาแทนที่จะต้อนรับด้วยไมตรีจิตร!!!

            “มึงอย่าไปแกล้งมันเดี๋ยวไข้มันกลับ” ผมยู่หน้ามองครูนาย … คำพูดเหมือนเป็นห่วงท่าทียียวนเช่นนั้นหมายความว่าไง!

            “เด็กกะหม่อมบางก็งี้แหละครับ” ไอ้น้ำพูดขึ้นอีก ปี๊ดสิครับปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ด๊ายยยยยยยยยย

            “ใครบอกผมป่วย ที่ผมหายไปน่ะ ผมไปฝึกโขนมาต่างหาก นี้ไงๆๆๆๆ” ผมรีบโชว์สกิลตั้งวงอันเป็นพรสวรรค์อย่างกระตือรือร้น ส่งเสียงเชียร์ลั่นห้อง หึ ปาล์มน่ะเก่งอยู่แล้วในหลายๆความหมายนั้นแหละ อย่ามาจับไต๋กันให้ยากเลย

            พอผมซ่าได้สักพักครูนายก็เอาไม้มาเคาะหัวให้ไปนั่งประจำที่ คาบเรียนนั้นผ่านไปอย่างไม่มีอะไรที่จะทะลุผ่านหัวสมองผมเข้าไปได้เท่าไหร่ เพราะผมเอาแต่ใจจดใจจ่อกับโทรศัพท์ ยอมรับเลยครับว่าเกเรและรอนานมาก นี้ถ้าไม่โทรมาภายในพักกลางวันนี้ ไอ้ปาล์มจะร้องไห้แล้วนะเว้ย! หายไปไหนวะ!!!

            “ถ้ามึงคิดมากขนาดนั้นก็โทรไปสิวะ”

            “ไม่เอา” ผมบุ่ยปากใส่ไอ้น้ำก่อนจะตักข้าวกินอย่างไม่ใส่ใจ

            “ซื่อบื้อ!”

            “มึงด่ากูทำไมเนี้ย!”

            “ก็มึงโง่!” 

            “มึงก็ด่ามันจัง ทำอย่างกับเรื่องตัวเองฉลาดนัก” ไอ้ไข่เดินมาพร้อมกับข้าวขาหมูเจ้าเด็ดประจำมหาลัย … ผมพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะชะงักและมองไอ้น้ำที่ทำท่าจะง้างช้อนเตีหัวไอ้ไข่หลง น่าตาตลกๆของมันตอนนี้ทำให้ผมพึ่งนึกอะไรดีๆออก ฮิฮิ

            “ผัวมึงอะนะ”

            “ไอ้ปาล์ม!!!!!” ไอ้น้ำตวาดดังลั่น อารายยยยยยยยยยยยย ไม่ได้เอ่ยชื่อสักหน่อย

            “คนสูง ที่เจอกันร้านข้าวต้ม จากนั้นผมก็สะกดรอยตามเขา หวังเข้าทางน้องเขาอะนะ”

            “มึงพูดเรื่องไรเนี้ยยยยยยยยย”

            “โธ่สุ่ยจิ่งเพื่อนรัก … ว่าแต่ถึงไหนแล้ววะ”

            “ถึงห่าอะไร โว๊ะ แดกเข้าไปสิไก่มึงน่ะ ถ้าไม่แดกก็เอามานี้!” ผมคว้าเอาไก่ในจานเข้าปาก ก่อนที่ไอ้น้ำที่หน้าแดงไปทั้งหน้าตอนนี้จะสวาปามด้วยความเขินหมด ฮิฮิ กูเจอจุดอ่อนมึงแล้ว

            “ไอ้ไข่หลง”

ผมที่กำลังจะโดนข้าวยีหัวชะงักเอามือยันหน้าไอ้น้ำ หันไปมองด้านหลังไอ้ไข่ที่กินข้าวไม่สนใจใครอยู่ อ่า … พี่เปรมนี้หว่า ตาคมกริบของทศกัณฐ์บ้านโขนไล่มองผมทีละคน อย่างไม่สะทกสะท้านอะไร ผมกับไอ้น้ำยกมือไหวนิดๆ เพราะไม่ได้สนิทถึงกับเล่นหัวกัน แน่นอนละ เจอผมกับไอ้น้ำทีไรพี่เปรมแม่งไม่เคยญาติดีด้วยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เอาจริงผมก็ไม่ได้เกลียดแกนะ ในฐานะ FC บ้านโขนครูทศด้วยกันอะนะ

            “เย็นนี้กูไปรับมึงมาบ้านกูนะ”

            “ไปทำไมวะ” ไอ้ไข่หลงพูดทั้งๆที่ไม่หันไปมองหน้า เอ่อ … บรรยากาศห่าเหวนี้คืออะไรวะ

            “ย่ากูอยากเจอ”

            “ถ้าย่ามึงอยากเจอกูก็จะไป” พูดแค่นั้นไอ้พี่เปรมก็พยักหน้าและยอมเดินออกไปแต่โดยดี … เฮ้อ โล่งอก

            “แล้วมึงจะถอนหายใจโล่งอกทำไม”

            ไอ้ไข่หลงถามผมขึ้น เอ๊า สถานการณ์แบบเมื่อกี้ผ่านพ้นไปกูไม่สมควรที่จะโล่งอกที่ไม่มีตีกันระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์เหรอวะ ก็พอรู้มาบ้างว่าเด็กๆ ไอ้พี่เปรมกับไอ้ไข่หลงสนิทกัน แต่ก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวกันมาหลายสิบปีแล้ว ไม่คิดว่าจะมีวันที่เดินมาคุยกันแบบนี้เท่าไหร่ เพราะอย่างน้อยคณะที่ไอ้พี่เปรมเรียนก็อยู่ห่างจากผมมากโข ลำพังจะผ่านมาเพื่อกินข้าวก็คงยาก นอกจากจะติดใจข้าวขาหมูเจ้าเด็ดของมหาลัยอะนะ

            “มึงว่ากลุ่มเราจะกลายเป็นสมาคมแม่บ้านไหมวะ”

            “พ่องงงงงสิ” ผมย่นคอหนีไอ้พวกไร้อารยธรรม  แค่ถามไม่เห็นต้องผสานเสียงโอเปร่าด่ากันอย่างงั้นเลย ชิ !

            “เย็นนี้พวกมึงว่างกันไหม”

            “ทำไม”ไอ้น้ำเลิกคิ้วถาม ผมเม้มปากก่อนจะตอบเสียงอ่อย

            “กูจะโดดซ้อมโขน”

            “ไอ้ปาล์มเป็นห่าอะไรร้อยวันพันปีไม่เคยโดด กินยาผิดมาหรือไง”

            “ก็กูอยากไปโรงเรียนมัธยม”

            “โรงเรียนเก่าอะนะ”ไอ้ไข่ถามขึ้นแต่เหมือนจะไม่ได้สนใจผมไปมากกว่าข้าวขาหมูในจาน

            “ไม่ๆ … ว่าแต่พวกมึงว่างไหม”

.

.

.

            จนแล้วจนรอดผมก็พาเกรอทั้งสองมา ด่อมๆมองๆ อยู่ที่หน้าโรงเรียนมัธยมที่เฮียเคยพาผมมาแอบดูเจ้าปังเมื่อก่อน ให้ตายสิ เห็นบรรยากาศแบบนี้แล้วนึกถึงสมัยหัวเกรียนกับวิ่งหนูลุงชูอาจารย์ฝ่ายปกครองชะมัด เรื่องของเรื่องวันนี้คืออยากมาตามดูชีวิตของน้องรักเฮียอลันสักหน่อย จะเป็นการทำหน้าที่แทนก็น่าจะถูก เฮียนะขอให้มีโอกาสเถอะเผลอเป็นไม่ได้ชอบมาเป็นตาแก่แอบดูเด็กสาวที่นี้ประจำ คิกๆ

            “มาทำอะไรที่นี้วะ”

            “มาแอบดูน้องเฮียที่มันเคยเล่าให้ฟังไง” ไอ้ไข่ไขความลับให้ไอ้น้ำที่ท่าทางจะหงุดหงิดกับอากาศร้อนพอควร

            “ฉลาด เก่งมาก กู๊ดบอย” ผมลูบหัวไอ้ไข่และก็โดนมันปัดออกในทันที โอ้ยอย่าต่อยกูน่า กูกัดนะจะบอกให้

            “นั้นไง!” ผมที่แอบอยู่ข้างกำแพงโรงเรียนโดยไม่เป็นที่สังเกตเห็นของคนมากนักเพราะยังไม่ใช่เวลาเลิกเรียนร้องขึ้นเมื่อเห็นเด็กตัวอ้วนตุต๊ะหน้าตาน่ารักผิวคล้ำหน่อยๆ คงเกิดจากการกล่ำแดด กำลังเดินผ่านอาคารเรียนเพื่อจะตรงไปด้านหลังตึกซึ่งคาดว่าตรงนั้นจะเป็นห้องน้ำ

            “เพิ่งเคยเห็นตัวจริง ทำไมไม่เห็นเหมือนเฮียเลยวะ” ไอ้ไข่สงสัยบ้าง ตอนแรกผมก็งงเพราะเฮียออกจะฝรั่งตาน้ำข้าว แต่เด็กอ้วนคนนี้มองยังไงมุมไหนก็ไทยแท้ ถ้าตัดผมทรงนักรบบางกระจันหน่อยก็หมดข้อสงสัยกับเชื้อชาติแล้ว แต่พอเฮียอธิบายให้ฟังว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง คนละพ่อแม่กัน ก็พอจะเดาได้ว่าเฮียอลันได้พ่อมาเยอะ

            “แล้ว … เอาไงต่อ”ไอ้น้ำถามขึ้น

            “รอก่อน” พวกมันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่เสียงกริ๊งๆ ของไอติมรถเข็นจะดึงความสนใจพวกผมจากเจ้าปัง …แล้วมีหรอที่ปาล์มจะพลาด  วิ่งปรู๊ดมาเกาะรถเลย ฮิฮิ

            “อย่าแดกจนไข้กลับนะ” ไอ้น้ำพูดล้อเลียนผมขึ้น สนใจหรอ ก็ไม่นี้!!!

            “ลุงครับ ขอไอติมสองถ้วย”

            ผมนั่งกินไอติมกันจนลุงคนขายกลับบ้านได้อย่างสบายใจแล้วก็ถึงเวลาเลิกเรียนพอดีจนต้องพากันมาหลบกันซอกเดิม ความจริงผมก็ไม่รู้หรอกมาดักแบบนี้ทุกวันได้อะไรแต่เฮียอลันก็ทำ ฉะนั้นผมก็ทำได้เหมือนกัน

            “ไอ้หนุ่มเอ็งมาดักตีเด็กหรือไง”

            “จ๊าก ! ” ผมร้อนลั่นเมื่ออยู่ๆ เสียงเข้มๆ ก็ดังขึ้นด้านหลัง พอหันไปก็โล่งใจที่เป็นคุณลุงภารโรงของโรงเรียน นึกว่าตำรวจซะแล้ว

            “ไอ้เสาร์ หรือ ไม่นกละ ถึงพวกมันจะตัวแสบแต่มันก็เป็นคนดีนะ อย่าไปทำอะไรมันเลย”

            “ไม่ใช่นะครับ พอดีผม … ผ่านมาเฉย ๆ ไปเหอะพวกมึง” ผมปฏิเสธคุณลุงเขาก่อนจะรีบลากเพื่อนสองคนออกมา … ถ้าจำไม่ผิด เขาน่าจะชื่อผดุงพ่อของเจ้าปังหรือลุงของเฮียอลันนั้นแหละ นับญาติยากจังวุ้ย! ดีนะที่เคล้นลำดับญาติจากเฮียมาแล้วน่ะไม่งั้นคงงง เป็นไก่ตาหลุด

            “พะ พอ! มึงจะวิ่งให้ถึงเชียงรายเลยไหม!” ไอ้น้ำตะโกนลั่นก่อนนั่งลงหอบกับพื้นอย่างหมดแรง กะ กูก็เหนื่อย โอ้ย ยิ่งกว่าวิ่งหนีครูทศตอนขัดเครื่องเงินไม่สะอาดอีก ผมสามคนไม่รู้ว่าวิ่งมาไกลแค่ไหนแต่รู้ว่าป้ายรถเมล์อยู่ด้านหน้าเรานี้เอง  ตอนขาเข้าไปนั่งมอเตอร์ไซค์ไปตั้งคนละ 20 ระยะทางก็ไกลพอควรเลยเด้อ

            “แฮ่ก ๆ ๆ มึงวิ่งซะอย่างกับลุงแกเป็นตำรวจ” ไอ้ไข่หลงพูดไปก็หอบไป ตบอกตัวเองเบาๆ เหมือนพยายามหายใจ

            “ไม่ ๆ ไม่ใช่ตำรวจแต่เป็นพ่อของเจ้าปัง ถ้าเฮียรู้ว่ากูโดนจับได้กูโดนฆ่าแน่ ” ผมว่า พวกมันสบถด่าผมกันใหญ่ จนผมสัญญาจะเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีมันถึงได้หยุด

.

.

.

            “คืนนี้ให้พวกกูไปนอนด้วยไหม” ไอ้น้ำถามขึ้น ขณะที่กำลังเลือกซื้อของกินที่ซุปเปอร์มาเก็ตหน้าหมู่บ้าน กินอะไรดีวะวันนี้ ป๊าบอกไม่กลับด้วย อืมมมมม …

            “มึงอย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นะไอ้ปาล์ม!”

ผลั๊ว!

            ผมร้องจากเพราะไอ้เด็กโรคจิตน้ำเอาตะกร้ากระแทกหัวผม งื้อ นี้มึงปองร้ายกูมาทั้งวันเพิ่งได้ลงมือนี้เอาซะไม่ยั้งมือเลยนะ เห็นเฮียไม่อยู่ให้กูฟ้องหน่อยเอาใหญ่เลยนะมึงน่ะ!

            “ไม่เอาไม่ต้องนอน กูไม่ให้นอน กูงอน”

            “อ้าวได้ยินเหรอ กูนึกว่าไม่ได้ยินเลยช่วยเคาะให้” ไอ้น้ำหัวเราะอย่างสะใจ ขอสาปแช่งให้มึงมีผัวเป็นตัวเป็นตน

            “เย็นนี้กินสุกี้กันไหม” ไอ้ไข่ถามพรางชูฟองเต้าหู้สำเร็จรูปขึ้น เป็นการเชิญชวน  เหล่าผู้หิวโหย งุ้ย ฟองเต้าหู้นุ๊มนุ่ม

            “กินๆๆๆๆ” ผมโห่ร้องอย่างดีใจ จนไอ้ไข่ต้องร้องเอ็ดขึ้นแทบจะเอาฟองเต้าหู้ฟาดหน้า

            “เดี๋ยว ! เย็นนี้มึงไปกับพี่เปรมไม่ใช่หรือไง” ไอ้น้ำถามขึ้น ผมที่พึ่งนึกได้หน้าหมองทันที … อดแดกแน่เลยจะให้กินกับไอ้น้ำสองคนก็คงไม่ได้กินกันดี ต้องมีครัวพังบ้านไฟไหม้กันไปข้างนึง

            “ไม่ไปอะ ให้กูโทรชวนพวกไอ้โก๋มาด้วยไหมละจะได้กินกันเยอะ ๆ” ไอ้ไข่หมายถึงพวกที่มหาลัยน่ะครับ ผมพยักหน้ายิ้มรับทันที

            “ลงขันน่ะโว้ย ใครไม่โอนไม่ต้องแดก”ผมออกความคิดเห็น แล้วก็น่าเหลือเชื่อครับ แค่ไลน์ไปในกลุ่มห้องแปปเดียวมีพวกกเฬวรากหลงกลโอนตังค์มา 5-6 คน และก็เป็นพวกที่สนิท ๆ กันทั้งสิ้น เรื่องกินนี้ไวกันฉิบหาย จัดไปเพื่อนคนละ 200 ก็ได้กินหรูแล้ว ฮิฮิ

            “ไอ้ไข่แล้วมึงมีเงิน ? ” ไอ้น้ำถามขึ้น ก่อนที่ผมจะยื่นข้อเสนออะไรให้ด้วยความเป็นห่วงไอ้พระรามใจเหี้ยมก็หัวเราะและยกมือวางบนหัวเพื่อนมันอย่างเคยชิน …

            “กูก็ไม่ได้จนขนาดไม่มีเงินกินข้าวกับพวกมึงไหม”

            “เปล่านะเว้ย กูแค่เป็นห่วง” ผมว่าเพราะกลัวมันคิดมาก

            ความจริงไอ้ไข่เป็นพวกเก็บเงินเก่งมาก มากจนพวกผมที่มีบ้านเป็นของตัวเองอายเลยละ แต่ผมรู้มาว่ามันยังเป็นห่วงไอ้มลกับหลวงตาที่วัดอยู่เพราะถ้าวัดขาดมันไปสักคน หัวเรี่ยวหัวแรงของวัดก็จะหายไปโข นั้นเป็นเหตุผลที่มันไม่ย้ายออกมาจากวัดสักที

            ของกินถูกยัดใส่ตะกร้าตามงบที่ตั้งไว้ และคาดว่าจะรองรับท้องช้างของไอ้พวกกเฬวรากได้อย่างเพียงพอ ก่อนที่จะพากันมานั่งเป็นแม่ศรีเรียนแกะกุ้งหั่นพักกันอยู่ม้าหินหน้าบ้านของผม โดยมีโรมิโอคอยป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่าง

บรื้นนนนนนนนนนนน นน น น ปรี๊ดๆๆๆๆๆ

            “โว้ย!บีบแตร่หาญาติมึงหรือไง!!!!!” ผมตะโกนด่าออกไปอย่างรำคาญก่อนจะถือมีดที่หั่นหมูอยู่เดินออกไปเปิดประตูต้อนรับไอ้พวกเวรที่มาบุกบ้านผมเป็นเด็กแว๊นยกล้อในบ้านผม

            “โอ้ยยยยย ถือมีดมาทำไม!!!!” ไอ้เตี้ยโก๋ ที่หน้าตาร้ายพอ ๆ กับส่วนสูงมัน ถามขึ้นพลางถอดหมวก ผมทำท่าจะจิ้มมันจนมันเบี่ยงตัวหลบและโวยวายกลัวผีผลัก 

            “พอ ๆ อย่าทะเลาะกันกูหิวแล้ว” ไอ้ริวเกาหลีลูกครึ่งไทยที่มีชื่อเป็นชาวจีน มันก็นิสัย งง พอ ๆ กับส่วนผสมเลือดในตัวมันนั้นแหละ หยุดเลยผมจะไม่ชมว่าใครหน้าตาดีทั้งนั้น เพราะผมหล่อที่สุด ฮิฮิ

            “เออ ๆ พวกมึงเอารถมาจอดด้านในตรงนี้ได้ อย่าทับแมวกูนะ”

ผมว่าก่อนจะชี้ไปที่ลานกว้างหน้าบ้าน มอเตอร์ไซค์ 5 คันก็จอดราวกับบ้านผมเป็นโชว์รูมรถ … ที่มีแต่แมงกาไซ อะนะ ปวดหัวโว้ยยยยย คิดผิดหรือคิดถูกที่ไอ้พวกนี้มาบ้านเนี้ย นอกจากไอ้เตี้ยโก๋ ไอ้ริวแล้ว ยังมีไอ้ดิว ไอ้วัตร แล้วก็ไอ้ชาอีก ที่ไม่ต้องพูดถึงวีรกรรม ถ้าไม่ติดว่าภาคผมคนเรียนน้อยตัวเลือกน้องเลือกได้ถ้ามีทางแยกเป็นดงงู กับพวกมัน 5 ตัวยืนอยู่ ผมเลือกไปดงงูดีกว่า

            “มึง ๆ ต้นไรวะ” ผมที่เดินนำพวกมันเข้ามาในบ้าน หันกลับไป ก่อนจะรู้สึกคอแห้งผาก เมื่อไอ้ห่าชา เสือกนึกซนไปจับต้นว่านเสน่ห์จันทร์ต้นโปรดของพ่อที่กระถ่างหน้าบ้าน!

            “เชี้ยอย่าแตะ ต้นไม้พ่อกู!”

แก๊ก!

 

            “เชี้ยยยยย!หักเลย” ก้านอ่อนของต้นว่านหักคามือไอ้ชาโดยมีเสียงไอ้ดิวร้องอย่างทึ้ง ๆ

            “อะ เอ่อ …. กูขอโทษ”

            “มึงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!” ความอดทนผมถึงขีดสุดวิ่งไล่เตะไอ้ชารอบบ้าน จนไอ้น้ำและไอ้ไข่ต้องวิ่งออกมาดูเมื่อรู้สาเหตุก็เลิกสนใจและชวนพรรคพวกที่เหลือเข้าไปตั้งวงหมูกระทะปล่อยให้ผมลอบสังหารให้ชาอย่างเลือดเย็น!!!!!

            “เฮ้ยมึง ใจเย็น กูมีนี้! รับรองอารมณ์ดี” ไอ้โก๋ชูถุงสุรากับขนมกับแกล้มถุงใหญ่ขึ้นเหนือหัว เผลอแปปเดียวผมก็ฉีกยิ้มเกือบถึงหู … ไม่ได้กินมานานแล้ว ป๊า กับ เฮียอลันก็ไม่อยู่ด้วย เสร็จโจรนะจ้ะ



ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
-ไข่หลง-

            มือถือของผมในกระเป๋ายังคงสั่นไม่เลิกมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วมั้งครับแล้วคงจะไม่พ้นไอ้ทศกัณฐ์ใจทรามที่คอยตบหัวและลูบหลังผมมาแต่ไหนแต่ไร ผมตักสุกี้พร้อมฟองเต้าหู้ของโปรดไอ้ปาล์มใส่ชามไอ้ลิงขี้เมาที่กินไปได้สองแก้วก็เริ่มที่จะเรื้อน ทั้งหิวตลอดเวลาและทำท่าจะร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ ความจริงผมก็พอเข้าใจมันนะครับ เพราะเฮียอลันยังไม่โทรมาหามันเลยสักแอะ อาจจะเป็นเพราะติดงานหรือเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ พวกผมสามคนมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน คือความยึดติด … ยึดติดเอง แล้วก็เจ็บเองแบบไม่ค่อยมีเหตุผล

            “มึงตักให้กูบ้าง” ไอ้ชายื่นชามมาตรงหน้า ผมหันไปเลิกคิ้วและชูนิ้วกลางยื่นทัพพีในมือไปให้มัน

            “สองมาตรฐาน ทำอย่างกับเลี้ยงลูก” มันบ่นกะปอกกะแปก  แต่ก็ยอมรับไปตักเองแต่โดยดี

            “ไอ้ไข่มึงพูดบ้างก็ได้ เงียบจนกูกลัวแล้วเนี้ย” ไอ้ริวพูดแซว

            “กลัวห่าอะไรก็เห็นมึงกวนตีนกูอยู่เนี้ย” พวกมันหัวเราะก่อนจะก๊งเหล้ากันอย่างสนุกสนานตามอัตภาพ ไอ้พวกขี้เมา

            “ไข่กูปวดหัว”ผมหันมามองไอ้น้ำที่ตาปรือมองมาที่ผมเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

            “ไปนอนสิวะ” ไอ้น้ำย่นหน้าและทำปากยู่มาที่กระเป๋ากางเกงผมที่ยังคงสั่นไม่เลิก

            “มันสั่นจนกูปวดหัวแล้ว สรุปใครโทรมาวะ” 0

            “ไอ้พี่เปรม”ผมบอกอย่างไม่ปิดบัง เพราะน้ำซี๊ดปากก่อนจะเอียงตัวมาผลักไอ้ปาล์มที่งอแงอยู่ข้างผมจนมันหงายหลังไป ก่อนจะกระซิบเบา ๆ อย่างเจ้าเล่ห์

            “หวังว่ามันจะไม่ตามมาหรอกนะ”

            “ไม่หรอก” มันจะมาได้ไงวะ ในเมื่อมันไม่รู้จักที่นี้สักหน่อย

แก๊ก!

            “มาช่วยถือหน่อยโว้ย!” ไอ้โก๋ที่ออกไปซื้อน้ำแข็งเพิ่มที่ร้านขายของชำหน้าปากซอยเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับของพะรุงพะรัง จนผมอดไม่ได้ที่จะปรี่เข้าไปช่วย แต่ก็แทบช็อกเมื่อสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบมองไปเห็นไอ้ร่างยักษ์ปักหลั่นที่ยืนมองผมอยู่ก่อนแล้วด้านหลังประตูมุ้งลวด … ฉิบหายแล้ว

             “อ้อ กูเจอพี่เปรมหน้าปากซอย เลยชวนมาด้วย พวกมึงคงไม่ว่าอะไรนะ” ผมไม่ได้หันไปมองปฎิกิริยาของเพื่อนผมได้ยินแต่เสียงกร่นด่าของไอ้น้ำและเสียงโวยวายของไอ้ปาล์มที่บ่นว่าอยากได้ไส้กรอกเพิ่มอีก(?)

            “ออกมาคุยกับกู”

            “ไม่ มึงจะมาทำไมวะ”

            “ไอ้ไข่” มันกดเสียงลงต่ำ ผมไม่สนใจเดินถือของที่รับมาจากไอ้โก๋และเดินเอาไปไว้ในตู้เย็นหลังบ้าน

            “ย่ากูถามหามึง ทำไมมึงทำตัวแบบนี้วะ”

            “…” ผมไม่ตอบมัน

            “มึงโกรธอะไรกูวะ กูคิดว่าทุกอย่างมันดีขึ้นแล้วแท้ ๆ ” มันตัดพ้อน้ำเสียงนิ่งงัด

ผมที่กำลังก้มเก็บโซดาในตู้อยู่ชะงัก ก็จริงของมันที่ทุกวันนี้สถานการณ์ ผมและมันดีขึ้นเยอะ ผมยอมคุยกับมันมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คาใจผมอยู่จะหายไป ยิ่งทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเท่าไหร่ ผมยิ่งคาใจ … ว่าก่อนหน้านี้มันหายไปไหนมา … ช่วงเวลาที่ผมต้องการมันก็ไม่อยู่ หึ นี้ผมกำลังเรียกร้อยอะไร

            “ความจริง มึงไม่ต้องสนใจกูก็ได้นะ”

            “ไอ้ไข่”

            “เหมือนเมื่อก่อนไง กูก็พอรู้แหละว่าไม่ควรจะเข้าใกล้มึง กูมันแค่เด็กวัดจน ๆ แล้วไงวะ เพิ่งคิดได้หรอว่ากูก็เป็นคนน่ะ”

            “ไข่หลง”

            “อย่ามาเรียกชื่อกู!”

พรึบ!!! โครม!

            มันผลักผมเข้าไปติดตู้เย็นอย่างโมโห แต่ผมไหวตัวทันยันโครมถีบเข้าที่ชายโครงจนมันผงะถอยออกไป เอาสิวะ คิดว่ากูจะยอมให้ใครรังแกหรือไง ไม่ทั้งนั้น และไม่เว้นแม้แต่มึงด้วยไอ้เปรม!

            “เฮ้ยๆๆๆๆ เกิดอะไรกันขึ้นวะ”

            “ถามแม่งเองแล้วกัน!” ผมตวาดขึ้นลั่นจนพวกที่เดินเข้ามาดูหลังจากเกิดเหตุโครมคราม ไม่วายเดินชนไหล่หนาของไอ้ทศกัณฐ์ใจยักษ์ที่ยืนมองผมอยู่ด้วย ไอ้ปาล์มที่หายเมาเพราะความตกใจรีบกุริวกุจอวิ่งตามผมออกมาหน้าบ้าน

            “มึง ๆ ทะเลาะไรกันวะ”

            “เปล่า” ผมว่า

            “กูไม่ชอบเลย มึงอย่าทะเลาะกันดิ ค่อย ๆ คุยกันถึงไอ้พี่เปรมจะขี้แกล้งแต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ”

            “กูรู้ … กูขออยู่คนเดียวได้ไหมวะ”

            “แต่ …”

            “ไอ้ปาล์ม” เสียงไอ้น้ำเรียกจากหน้าบ้าน เป็นสัญญาณให้ไอ้ลิงที่ไม่ชอบความรุนแรงเดินเข้าไปในบ้าน เมื่อผมเห็นว่าอยู่คนเดียวแล้วก็ควักเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบในทันที ผมปล่อยอารมณ์ไปกับควันสีขาวจนพอใจ โดยไม่มีใครมาขัดจังหวะ เพราะพวกมันรู้นิสัยผมดี หากไม่พูดก็อย่าหวังเลยที่ใครจะเข้าใกล้ในตอนที่ผมอารมณ์ไม่ดี

            “ขอตัวดิ” ผมสะดุ้งหันไปมองไอ้เปรมที่ยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่าง พอเห็นผมตกใจมันก็กระตุกยิ้มและเดินอ้อมออกมาทางหน้าบ้าน กอดอกมองผมไม่มาท่าทีว่าจะโกรธเคืองอะไร ที่ผมเผลอไปทีบมันเข้าเต็มแรง … ไม่คิดจะขอโทษหรอกนะ มึงกวนตีนกูก่อน

            “มึงนี้จะหน้าด้านไปไหน!”

            “กูไม่รู้ว่ามึงหงุดหงิดอะไร แต่กูพยายามทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น”

            “เพื่อ ?” ผมเลิกคิ้วมองหน้าไอ้เปรมที่เดินมายืนตรงหน้าผม พอยืนเทียบกันเต็มสัดส่วนแล้ว ก็ทำให้รู้ว่า ตัวมันหนากว่าผมมากพอดูเลยละครับ

            “ไอ้ไข่ … กูยืนยันคำเดิมนะ ว่ากูไม่เคยเกลียดมึง”

            “งั้นมึงตอบคำถามกูได้ไหม”

            “…” มันพยักหน้า ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะจ้องไปที่ตาคมตรงหน้าที่อยู่ห่างกันไม่เท่าไหร่

            “มึงหายไปไหนมา”

            “กูก็อยู่ข้างมึงมาตลอด” มันเหยียดยิ้มมุมปาก และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่มือมันวางทาบลงมาทำท่าบนกำแพงที่ผมพิงอยู่             “อย่ากวนตีน กูถาม”

            “กูหนีไปมีแฟน…” ผมรู้สึกใจกระตุก แทบจะยกมือขึ้นชกมันให้ปากแตก เลือดในกายผมแทบจะทะลุถึงขีดสุด …

            “เพราะกูคิดว่าจะทำให้ลืมมึงได้ แต่ไม่เลยวะ กูยังรักและโหยหาแต่มึงตลอดมา”

            “มึงพะ…”

            เสียงของผมขาดหายเมื่อริมฝีปากหนาของไอ้ยักษ์ปักหลั่นก้มลงมาปิดจนมิดชิด … แม่งเอ้ย ๆๆๆๆ นี้มันความรู้สึกอะไรวะ ทำไมกูไม่ผลักมันออก ไอ้ไข่ ๆ สติมึง สติ … เวลาผ่านไปนานแค่ไหนผมไม่ทราบแต่เมื่อมันฉาบโฉยริมฝีปากผมจนพอใจมันก็ผละออกไปอย่างอ่อนโยน ไม่วายคลอเคลียอยู่ตรงหน้าไม่วาง มือหนาจับต้นคอผมล็อกเอาไว้ไม่ให้หนีกายไปไหน คล้ายจะพยุงตัวผมที่ไม่มีแรงยืนไปในตัว

            “กูรักมึงนะ … ขอโทษที่หายไป” ผมเม้มริมฝีปาก ไม่กล้าแม้แต่สบตาคมตรงหน้า … สถานการณ์แบบนี้ผมควรทำยังไงต่อไป 

            “กลับบ้านกับกูนะไข่”

            “เพื่อนกู …”

            “ให้กูไปบอกให้ไหม” มันเลิกคิ้วถามก่อนจะจับผมของผมทัดหู … สัมผัสแบบนี้มันหัดทำเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

            “เสือก จะไปก็ไป” ผมว่าและเดินนำมันไปที่รถบิ๊กไบร์ทคันเก่งของมันที่จอดแน่นิ่งอยู่หน้าบ้าน 

ณ. ขณะนั้นเหมือนผมจะเมายังไงไม่รู้ มันมึนๆงงๆ โลกหมุนไปหมด คิดอะไรไม่ออก คิดออกเพียงแต่ว่าเมื่อกี้มันโคตรวิเศษ เหมือนไขปลดล็อกสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจมานาน แล้วจากนี้ละ ผมจะทำยังไงต่อไป … ไม่รู้แล้วปล่อยไปก่อนแล้วกัน…

.

.

.

            ภายกลังที่บิ๊กไบร์ทคันสวยขับออกไปจากริมรั้วบ้านแล้วเจ้าปาล์มและน้ำรวมถึงทุกคนที่แอบซุ่มดูอยู่หน้าประตู ก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงจะท็อปออฟเดอะทาวตรงที่ไข่หลงโดนจูบอย่างไม่มีปรี่มีขลุ่ยโดยทศกัญฐ์คู่บุญที่แทบจะทีกันตายในหลายครั้งต่อหลายครั้งก็เถอะ

            “มึงเห็นเหมือนกูไหมอะน้ำ”

            “เออ”

            “มึง หรือเราจะกลายเป็นสมาคมแม่บ้านจริง ๆ วะ”ปาล์มยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูนิ่มของเพื่อนหน้าหมวยก่อนจะโดดโหย่งหลบศอกอย่างทันท่วงที

            “พวกมึงอ้าวเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะ” หมวยน้ำหันไปบอกเพื่อนโก๋ที่ยังยืนนิ่งกับภาพตรงหน้าไม่สาง

            “เออ ไม่บอกหรอก แต่แม่งเซอร์ไพร์ทวะ ไม่คิดว่า …”

            “รังเกียจ?” เจ้าปาล์มชะเง้อออกมาจากหลังของน้ำด้วยใบหน้าคิ้วขมวด เหมือนเด็กเอาแต่ใจ

            “ไอ้ห่าเห็นพวกกูเป็นคนยังไง! กูไม่รังเกียจเพื่อนกูหรอกนะ” พอได้ยินชาพูดแบบนั้นเจ้าลิงน้อยก็เข้าไปกอดคอและพากันเดินเข้าไปกินสุกี้ต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยที่น้ำจ้องมองภาพนั้นจากเบื้องหลังก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างยิ้มๆ ควักโทรศัพท์ออกมาส่งไลน์หาใครบางคนที่รออยู่ที่ปลายสาย

            Nam >>> พรุ่งนี้น้ำไปหานะ

            Amg Bao >>> มาไว ๆ นะหมวย

            “น้ามมมมมมมมมมมมมมม” คนที่ยืนยิ้มเขิน โลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพูอยู่ถึงกับสะดุ้งเมื่อเสียงเรียกของเจ้าปาล์มดังขึ้นไปสามบ้านแปดบ้าน ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าในทันที 

            “เออ ๆ ไปแล้วแหกปากทำไมวะ!”





============================



ขอโทษที่หายไปชาติกว่าจ้า น้องติดงาน 55555555

จะมาต่อให้สม่ำเสมอเรื่อยๆนะคะ เนื้อหาตอนนี้ค่อนข้างเรื่อยเปื่อย ตอนหน้าทุกอย่างจะเติบโตขึ้นนะคะ

<3;

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด