เรื่อง : Feel คนเจ้าอารมณ์
คู่ที่ 1 : #พี่ชายกวินทร์ [คู่โหด : คนเจ้าอารมณ์ x ผู้รองรับอารมณ์]
เขียนโดย : +Memew+
จำนวนตอน : 8 ตอนจบ
+CHAPTER 01 : พายุอารมณ์
*คำเตือน 1: พระเอกคนนี้โหดมาก คู่นี้เอ็นซีเยอะ เนื้อหารุนแรง พระเอกเอาแต่ใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ^^*
.
.
.
.
.
Feel คนเจ้าอารมณ์
[พี่ชายกวินทร์] : 01 :
พายุอารมณ์
“ไปลงนรกซะเถอะไป!!” ผมก้มหลบอะไรบางอย่างที่กำลังปลิวหวือมาใส่หัวทันทีที่เปิดประตูเข้าไปภายใน สิ่งนั้นวิ่งผ่านใบหูผมไปเพียงคืบเท่านั้น ก่อนก้มหลบอีกชิ้น
“ฉันไม่เคยบอกสักคำว่าจะจริงจังกับเธอ เข้าใจแล้วก็รีบ ๆ ไสหัวออกไป แล้วไม่ต้องกลับมาอีกนะ”
พอสิ้นเสียงทุ้ม ๆ เสียงหวีดแหลมอย่างหมดความอดทนของหญิงสาวก็แผดลั่นจนผมต้องรีบเอามืออุดหู
ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขยับไปหยิบของสองสิ่งบนพื้นมาถือไว้ เดินกลับเข้าไปในห้องใหม่ ปิดประตูลงกันเสียงผรุสวาทของหญิงสาวดังออกไปรบกวนห้องอื่น ๆ ผมเลือกยืนอยู่ไม่ห่างจากประตูเท่าไหร่เพื่อสังเกตการณ์ หญิงสาวเจ้าของเสียงกำลังก้มเก็บเสื้อผ้าที่หล่นระเกะระกะขึ้นมาสวมใส่ลวก ๆ สีหน้าท่าทางยังคงเกรี้ยวกราดรุนแรง
พอเห็นเรือนร่างของเจ้าหล่อนชัด ๆ แล้วแทบทำน้ำลายหกพื้น อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกกลมกลึง เนื้อนมไข่อะไร ๆ น่าฟัดไปหมด โครงหน้าสวย หุ่นดี ผิวขาวราวกับหยวก ผมเจ้าหล่อนยาวสลวยย้อมสีทองอ่อน ๆ ให้ดูร้อนแรง
พอชุดครบ ไม่รอปรับให้เรียบร้อย เจ้าหล่อนก็เดินไปคว้ากระเป๋าหันกลับมาฟาดไหล่เจ้าของห้องแรงไม่ยั้ง ซึ่งรายนั้นก็ไม่ได้สะทกสะท้านหรือปัดป้องอะไร ยืนนิ่งเป็นเสาอิฐเสาปูนเฉย
แล้วเธอก็เดินปั้นปึ่งผ่านผมไปราวกับผมเป็นอากาศธาตุ กระชากเปิดประตูออกแล้วกระแทกปิดแรงจนบานประตูสั่นริก เสียงปิดนั้นคงดังไปทั่วทั้งคอนโดแน่ ๆ
แล้วพายุที่กำลังโหมรุนแรงอยู่ก็สิ้นสุดลง
ผมหันกลับมามองเจ้าของห้องที่เดินเปลือยเปล่าไปหยิบบุหรี่ในซองขึ้นมาเสียบปาก หยิบไฟแช็ก ใช้นิ้วโป้งดีดเปิดฝา กดปุ่มสีดำเบา ๆ แล้วเปลวไฟที่ร้อนระอุก็ลุกพรึ่บขึ้นมาเผาไหม้ปลายบุหรี่ให้แดงวาบ ส่งไอควันที่พร้อมจะทำร้ายร่างกายของใครก็ตามที่อยู่ภายในห้องให้ตับไตไส้ปอดพัง
แต่เจ้าตัวคงไม่สะทกสะท้านหรอก เพราะทำจนเคยชินแล้ว
“มีไร”
เขาถามเสียงเรียบ ไม่หันมามองหรืออนาทรร้อนใจอะไรกับสภาพที่เกิดขึ้น ยืนพ่นไอควันขาวให้ลอยคลุ้งขึ้นไปกลางอากาศ สภาพที่ผมเข้ามาเจอตอนแรกเป็นไง ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น
ร่างกายสีแทนอย่างคนชอบออกกำลังกลางแจ้งตึงเปรี้ยะไปด้วยมัดกล้าม ลอนหกห่อนั้นเรียงกันจากใหญ่ลงมาสู่เล็กได้ระดับไม่ต่างกับนายแบบมืออาชีพ อกผาย ไหล่ผึ่ง ช่วงไหล่กว้าง เอวสอบ เส้นผมสีดำสนิทรับกับเรียวคิ้วเข้ม ๆ และดวงตาดุดันสีเดียวกัน กลีบปากเสมอกันทั้งบนและล่าง มันถูกรังสรรค์ให้ออกมาดูดีแม้กระทั่งตอนที่มันกำลังห่ออมมวนบุหรี่อยู่
บางสิ่งยังคงสะท้อนเด่นชัดว่าก่อนพายุอารมณ์ของผู้หญิงคนนั้นจะปะทุ สองคนนี้กำลังมีความสุขด้วยกันขนาดไหน ลำท่อนแข็งแรงชี้เด่พุ่งขึ้น 45 องศา และดูเหมือนมันจะยังคงสภาพนั้น ราวกับนั่นคือหุ่นยนต์มากกว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ผมโบกมือไล่ไอควันที่กำลังลอยคลุ้งมาปะทะจมูกออก
“เลิกสูบก่อน บอกแล้วไงว่าผมแพ้”
“แล้วมามีไร”
เจ้าตัวขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด แต่ก็ยอมขยี้ปลายบุหรี่ลงบนถาดแก้ววงกลมสีใส หันมามองผมเต็ม ๆ บางส่วนยังคงชี้โด่
“ทำอะไรกับมันสักอย่างสิ อุจาด”
“อย่ามาลีลากวินทร์ มีไรก็รีบพูดมา ฉันกำลังหัวเสีย”
“กับแม่สาวคนนั้น?”
ผมเลิกคิ้วถาม
“จะใครซะอีก มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา!!”
คราวนี้เขาขู่ตะคอกเสียงดัง ถ้าเป็นคนอื่นคงกลัวหัวหด แต่ผมที่เคยอยู่ร่วมกันมานานชาชินซะแล้ว ก็แค่เสียงหนึ่งที่ดังเกินระดับปกติเท่านั้น
“คุณลุงให้มาตามกลับบ้าน”
“ไม่กลับ”
เขาตอบกลับทันควัน หยิบบุหรี่อันเดิมพร้อมไฟแช็กเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ผมเดินเข้าไปใกล้ คว้าออกจากปาก ขยำแล้วทิ้งลงถังขยะ คว้าที่เหลือในกล่องมาขยำๆ แล้วโยนลงถังขยะไปด้วย
“อย่ามาหาเรื่องน่ากวินทร์ ฉันกำลังหงุดหงิด”
“บุหรี่มันไม่ช่วยหรอก ยิ่งสูบยิ่งหงุดหงิด อารมณ์ตัวเองยังไม่ลง ไปทำให้มันลงซะก่อนสิ”
“ขี้เกียจ” เขาตอบกลับราบเรียบ “มือมันไม่ได้อารมณ์เท่ากับของจริงหรอก ยัยนั่นก็ดันมาเรื่องมาก เรียกร้องนู่นนี่ ตะเพิดกลับซะเลย”
“ใจร้อน” ผมต่อว่า “ให้โทรหาใครสักคนไหมล่ะ”
ผมเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีมือถือเขาวางไว้อยู่
“ไม่ต้อง รำคาญ กำลังหงุดหงิด ไม่มีอารมณ์จะเอาใครตอนนี้”
“แล้วไอ้นั่นคืออะไร”
ผมพยักหน้าไปยังลำท่อนที่ยังคงเย้ยฟ้าท้าดิน เฮียแกยักไหล่
“เทคยา พอดีไม่มีอารมณ์”
ผมถอนหายใจแรง
“ไม่มีแล้วจะเรียกเขามานอนด้วยทำไม”
“ไม่ได้เรียก เสือกร่านมาหาเอง ขี้เกียจปฏิเสธ เทคยากะทำให้มันเสร็จ ๆ ไป เจ้าหล่อนก็ดันมางี่เง่าหาเหาใส่หัวให้หงุดหงิด”
“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้สักที พี่สามสิบแล้วนะ หาผู้หญิงสักคน แต่งงาน มีฝั่งมีฝาได้แล้ว เพื่อนพี่เขามีลูกทันใช้กันหมดแล้ว”
“ฉันเกลียดเด็ก”
“ไม่ต้องเลี้ยงเอง ให้เมียเลี้ยงสิ ขี้เกียจเลี้ยงก็เอามา เดี๋ยวเลี้ยงให้เอง” ผมอาสา “ตอนนี้พี่ยังไม่คิด แต่อีกหน่อยก็ต้องคิด รีบไว้ดีกว่า”
“อย่ามาบ่นเป็นแม่น่า ไปบอกตาแก่นั่นว่าฉันไม่กลับ แล้วก็ถ้าจะมาด้วยเรื่องแค่นี้ ครั้งหน้าไม่ต้องเสนอหน้ามาอีก”
ผมส่ายหัวไปมา
เขาเดินไปเปิดลิ้นชักคุ้ยหาอะไรบางอย่าง ให้เดาน่าจะเป็นบุหรี่ แต่คงไม่มีเลยเดินกลับมานั่งที่เดิม ไอ้ที่ลงถังไปแล้วคงหยิบมาสูบอีกไม่ได้ เขานั่งหน้ามุ่ย ไอ้นั่นก็ยังไม่ยอมลง ผมเลิกสนใจ เดินไปก้มเก็บเสื้อผ้ามาโยนให้ หันไปเก็บข้าวของที่วางระเกะระกะให้เข้าที่เข้าทางด้วย
“ไม่ต้องเก็บหรอก ไว้ให้แม่บ้านจัดการ”
ผมไม่สนใจกับคำปรามนั้น ก้มเก็บไปเรื่อย ๆ
“มาไง”
“มอ’ไซค์”
เขาขมวดคิ้ว
“ไหนว่าตาแก่นั่นซื้อรถให้ ไปไหนแล้ว”
“ผมไม่ชอบขับรถใหญ่ในเมือง รถติด พี่ก็รู้”
“ร้อนจะตายห่า อากาศก็เสีย”
“ผมทนได้”
ผมตอบไม่ใส่ใจ จัดของอื่น ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง ผมหันกลับไปมองคนตัวสูงอีกที
“ไม่ทรมานรึไง ปล่อยไว้แบบนั้น”
“ไม่ทรมานจะนั่งหงุดหงิดแบบนี้รึไง”
“อ้าว คิดว่าหงุดหงิดให้ผู้หญิงคนนั้นซะอีก”
“ทั้งสองอย่าง”
ผมพยักหน้าเข้าใจ
“หิวไหม จะทำอะไรให้กิน”
ผมอาสา
“ไม่ต้อง ไม่มีอารมณ์จะกิน”
“แทนที่จะมานั่งหงุดหงิด ไปว่าวให้มันลงสักรอบสองรอบสิ”
“ขี้เกียจ”
ผมส่ายหัวไปมา ยกนาฬิกามอง
“กะจะมานั่งเล่นด้วยนาน ๆ สักหน่อย เห็นอารมณ์แล้วคงนั่งไม่ไหว งั้นนั่งหงุดหงิดไปละกัน วันหลังจะมาหาใหม่”
ผมบอก ก้าวตรงไปทางหน้าประตู
“เดี๋ยว”
เขาเบรกผมไว้ด้วยเสียง ผมหันไปมอง
“ไหน ๆ ก็มาแล้ว อย่าเพิ่งกลับ อยากคุยด้วย แต่ไอ้นี่มันจะไม่ยอมลงจนกว่าจะปล่อยไปสักสองสามน้ำ”
“ก็บอกให้ไปว่าว”
“นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบทำเอง”
“แล้วให้ทำไง หญิงก็ไม่เอา ว่าวก็ไม่เลือก นั่งมองแบบนั้นมันจะเสร็จเองไหม”
ผมกอดอกมอง คนตัวสูงขมวดคิ้วคิด
“ทำให้หน่อย”
ผมขมวดคิ้วบ้าง
“ตลก?”
“เห็นฉันเป็นคนยังไง ถ้าอยากอยู่ต่อก็ทำให้มันลง ๆ ไป”
พี่ชายย่นคิ้ว วางสองแขนราบไปกับพนักพิง แยกขาออกกว้างโชว์ความแข็งแรงอย่างชายชาตรีให้ตั้งตระหง่านเด่นชัดขึ้น
“พี่ชาย ผมว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะ อีกอย่างมันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะมาดูแล”
“ไหนว่ามีหน้าที่คอยดูแลฉันไง แค่นี้ก็ทำไม่ได้”
“นั่นมันนอกเหนือหน้าที่”
“แค่ชัก ๆ ให้มันจบ อย่าลีลาน่า ฉันหงุดหงิด”
ผมมองคนที่นั่งคิ้วขมวดชนกัน ทำไมพระเจ้าไม่ประทานจิตใจที่ดีงามลงมาบนตัวของชายผู้นี้บ้างนะ นิสัยสวนทางกับหน้าตาจริง ๆ ผมถอนหายใจแรง ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปหา
เอาวะ แค่มาสเตอร์เบทให้
ผมย่อตัวลงไปคุกเข่าตรงหน้า จับลำท่อนแข็งแรงไว้ในมือ กระอักกระอ่วนเหมือนกัน แต่คิดซะว่ามันคือหน้าที่ เหมือนกับการเช็ดตัวนั่นแหละ ผมขยับมันขึ้นลงเหมือนกำลังทำมาสเตอร์เบทให้ตัวเอง พี่ชายครางทุ้มในลำคออย่างพอใจ ฤทธิ์ยาคงทำให้รู้สึกดีไม่น้อย
“อย่างนั้นแหละ อื้ม ดีมาก”
เขาส่งเสียงนุ่มมากขึ้น หลับตาลงพริ้มเข้าสู่ภวังค์
“ประมาณกี่รอบเนี่ย”
ผมถามหยั่งจำนวน
“น่าจะสาม ยัยนั่นอึด”
“กล้ามขึ้นแน่”
ผมบ่น ขยับมือเร็วขึ้น ทุลักทุเลไม่เบาเพราะทำให้คนอื่นกับทำให้ตัวเองมันค่อนข้างใช้แรงและน้ำหนักต่างกัน
ผมพยายามใช้เทคนิคที่มีขยับรูดรั้งให้มันเร็วขึ้น พี่ชายเกร็งหน้าท้อง หายใจหอบเร็ว เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคงใกล้ถึงปลายทางแล้ว ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้น เสียงครางในลำคอของเขาดังขึ้นเป็นลำดับ แหงนหน้าขึ้นฟ้า มือจิกพนักพิงแน่น ก่อนส่งเสียงอ๊ายาว ๆ แล้วหยาดน้ำขาวขุ่นก็พวยพุ่งออกมาจากกระบอกน้ำทางธรรมชาติของร่างกาย ไหลรินลงมาเป็นทาง สภาพไม่ต่างกับน้ำพุ แรงดันใต้พื้นพิภพค่อนข้างแรง น้ำสีขาวขุ่นพุ่งดิ่งฉีดใส่หน้าผมแบบไม่ให้ตั้งตัว ผมรีบหลับตาเพราะบางส่วนกระเด็นมาถูก รีบละมือมาเช็ดทันที
พี่ชายหอบแฮก น้ำพุสีขาวใต้บาดาลยังคงไหลไม่หยุด แต่ระดับความแรงเหลือไว้เพียงแค่สายน้ำอ่อน ๆ ไหลรินลงมาเท่านั้น ลำท่อนยังคงตั้งตรงคงสภาพไว้เท่าเดิม ผมรีบลุกไปหยิบทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดทั้งหน้าทั้งมือ แล้วยื่นบางส่วนไปให้เขาเช็ดของตัวเองบ้าง
แต่รายนั้นไม่สนใจ นั่งหอบจนหน้าท้องขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ผมยืนมองนิ่ง ๆ คอยเวลาให้อีกคนพร้อมสำหรับรอบถัดไป
“เอาล่ะ เริ่มได้”
พี่ชายพยักหน้าสั่ง ผมลงไปนั่งคุกเข่าท่าเดิม กำลังจะหยิบทิชชู่มาเช็ดไอ้ที่เปื้อน ๆ รอบลำท่อนแข็งแรงออก แต่เขาสั่งห้ามไว้
“ปล่อยไว้งั้นแหละ จะได้ลื่น ๆ”
“เหนียวเหนอะหนะขยะแขยงน่า”
“มันก็ไอ้น้ำแบบเดียวกันกับของนายนั่นแหละ ต่างกันตรงไหน”
ผมยอมจำนนต่อเหตุผล จริง ๆ ถ้าจะตอบก็ตอบได้ ต่างกันตรงไหน ก็ตรงที่มันไม่ใช่ของผมเองไงล่ะ
ผมจำต้องจับมันไว้ในมืออีกรอบ กลิ่นคาวขื่น ๆ ลอยมาปะทะจมูก กลิ่นมันก็ไม่ต่างกับกลิ่นของผมเองหรอก ลื่นมือกว่าจริง ๆ (ลื่นเกินไปด้วยซ้ำ) อุณหภูมิในร่างกายของพี่ชายต้องสูงมากแน่ ๆ เพราะน้ำที่เคลือบอยู่ยังอุ่น ๆ อยู่
ผมใช้เทคนิคเดิมขยับอีกรอบ แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่ยอมออกสักที ผมสลับไปใช้มือซ้ายทำ มันก็ยังไม่เสร็จอีก ไม่ถนัดด้วย ผมกลับมาใช้มือขวาอีกรอบ
“แรงตกรึไง”
เขาขมวดคิ้วต่อว่า
“มันไม่ยอมออก”
ผมขมวดคิ้ว เร่งจังหวะเร็วขึ้น
เมื่อยจริง ๆ
“งั้นลองนี่”
พี่ชายปัดมือผมออกแรง คว้าจับท้ายทอยแล้วกดหัวผมต่ำลงไปหาลำท่อนแข็งแรงนั้น
ผมตาโต เพราะไม่ได้เตรียมใจไว้สำหรับเรื่องแบบนี้ ส่วนปลายของลำท่อนแข็งแรงผลุบหายเข้ามาในปาก เขาจับหัวผมไว้ด้วยมือสองข้าง กดต่ำลงไปอีกจนผมหายใจไม่ออก ผมพยายามจะดึงหัวออก แต่เขากดแน่นกว่าเดิม ผมรัวทุบคนตรงหน้าแรงทั้งต้นขาหน้าท้องและสีข้าง ผมว่าผมเป็นคนแรงเยอะแล้วนะ แต่ดูเขาไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย
“อย่าดื้อน่า ฉันใกล้แล้ว อื้อ อุ่นจัง อ๊า ดีขยับลิ้นหน่อยกวินทร์”
พี่แกบอกอย่างรื่นเริงในอารมณ์ ไม่สนสักนิดว่าผมจะขัดขืนขนาดไหน บังคับให้หัวผมเคลื่อนที่ขึ้นลงเป็นจังหวะ
“ขยับลิ้นด้วยกวินทร์ เกลี่ยไปมา เร็ว!”
เขาสั่งเสียงพร่า ผมขมวดคิ้ว จำต้องทำตาม กวาดลิ้นไปซ้ายและขวา พี่ชายแหงนหน้าครางทุ้ม “ดี อย่างนั้นแหละ ดีมาก อ๊า ดูดเร็ว ๆ แรง ๆ”
ผมส่ายหัว
“ทำตาม ถ้าไม่อยากเจ็บตัว!”
พี่แกขู่เสียงดัง ผมจำต้องทำตาม ดูดเม้มที่ปลายยอด
“นั่นแหละ แรง ๆ อ๊า ปากร้อนใช้ได้เลย”
คนตัวสูงพูดอย่างวาบหวิว มือที่ตรึงท้ายทอยอยู่เริ่มนวดคลึง ปล่อยให้ผมใช้ลิ้นสร้างความสุขสมให้กับตัวเอง สลับกับบังคับผมด้วยมือให้ขยับบ้าง
พี่ชายเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อใกล้ถึงปลายทาง ผมพยายามจะดึงหน้าออก เพราะขืนอยู่ต่อจนถึงวาระสุดท้าย มีหวังน้ำพุที่เห็นเมื่อตะกี้ได้ล้นทะลักเต็มปากผมแน่ ๆ และดูเหมือนพี่ชายจะรู้ดีรีบกดหัวผมค้างไว้ ผมครางอื้อ
ไม่ทันแล้ว พี่ชายคำรามเสียงดัง กดหัวผมลงไปกับน้องตัวเองที่กำลังพุ่งลาวาร้อนออกมารุนแรง ผมรีบผลักตัวเองออกมาด้วยแรงเฮือกสุดท้ายสำลักจนตัวโยน ขยับลงไปนั่งไอโขลกที่พื้น น้ำหูน้ำตาไหล หยาดน้ำบางส่วนไหลเลอะไปทั่วทั้งปากล้นลงมาถึงลำคอและเสื้อ แต่ผมไม่สน นั่งสำลักอยู่อย่างนั้น
“ไม่รู้จังหวะปิดหลอดลมไว้รึไง”
พี่แกต่อว่าไม่สนสักนิดว่าเมื่อกี้เกือบทำผมตายเพราะหายใจไม่ออก
ผมรีบลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังไออยู่ เช็ดปากที่เปื้อนเปรอะด้วยหลังมือลวก ๆ ไออีกรอบ ไล่ไอ้สิ่งที่ติดอยู่กับหลอดลมหยดสุดท้ายออก ใช้หัวไหล่ป้ายเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลเพราะแรงสำลักเมื่อกี้
“รอบสุดท้ายทำเอาเอง ผมไม่ยุ่งด้วยแล้ว”
ผมบอกฉุน ๆ เดินละไปที่หน้าประตู แต่ก้าวยังไม่ทันถึงก็ถูกคว้าข้อมือไว้ พี่ชายลากผมมาทิ้งตัวลงนอนหงายบนโซฟา ยังไม่ทันได้ขัดขืนพี่แกก็คร่อมทับลงมา ขนาบคอผมด้วยสองเข่า มือหนึ่งบีบปากผมไว้ให้อ้ากว้าง อีกมือจับน้องที่ยังคงร้อนแรงและมีกลิ่นคาวรวมถึงน้ำขาวขุ่นเข้ามาใหม่
“อื้อ!!”
ผมดิ้นรนหวังลุก แต่ถูกรั้งตรึงหัวไว้จนเจ็บหนังหัวไปหมด แรงดิ้นนั้นทำเอาฟันผมครูดท่อนเนื้อไปมาแรง
“อื้อ ดี”
แทนที่จะเจ็บอีกคนกลับครางออกมาอย่างรู้สึกดี ผมพยายามดิ้นท่อนล่าง แต่ไม่ว่าจะดิ้นขึ้นหรือดิ้นลง มันก็ไม่ยอมหลุดไปจากคีมล็อกด้านบนได้ จะพลิกหน้าก็พลิกไม่ได้เพราะถูกจับคางไว้อยู่
ผมดิ้นจนหยุดดิ้นไปในที่สุด หอบหายใจแรงเพราะความเหน็ดเหนื่อย
เอาเถอะ อดทนหน่อยละกัน อีกรอบเดียวเท่านั้น
พอผมหยุดดิ้นเขาก็หยุดบังคับ ปล่อยมือทั้งสองมาค้ำไว้กับพื้นโซฟาในท่ากึ่งวิดพื้น ให้ผมกลืนกินดี ๆ
ผมดูดเม้มด้วยเทคนิคเดิมเพื่อให้มันออกเร็ว ๆ ผมรู้ว่าพี่ชายเป็นพวกอารมณ์รุนแรง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดนี้ ผ่านไปสักพักเขาก็ขยับถอนลำท่อนแข็งแรงออกจากปากผม ดึงผมลุกนั่ง ตอนแรกคิดว่าจะพอแล้ว พี่แกนั่งหันข้างให้กับพนักพิง ขาหนึ่งทับไว้ อีกขาหย่อนลงพื้น แล้วกดหัวผมลงไปกลืนกินน้องตัวเองอีกรอบ
ผมรีบปรับสภาพประคองตัวไว้เพราะท่าคุกเข่ากะทันหันนั้นเกือบทำผมพลาดท่าตกโซฟา สองมือรีบหาที่ค้ำยันเพราะหน้ากำลังทิ่ม ปากยังไม่เป็นอิสระ หัวถูกสองมือแข็งแรงตรึงแน่นขยับตามจังหวะที่เจ้าตัวต้องการ ผมก่ายได้เป็นต้นขาแกร่ง พยายามปรับลมหายใจเพราะความคับใหญ่ไซส์ฝรั่งนั้น
อยากร้องห้ามให้เบาแรงลง แต่ก็รู้ว่าอีกคนกำลังจะเร่งให้เสร็จ ผมรอเวลาอย่างอดทน
“อื้อ”
แต่มันนานไปแล้วนะ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ
to be con...
คนอ่านจะงงกันไหมคะ ลงคู่ที่ 4 จบแล้วย้อนกลับมาคู่ที่ 1 ใหม่
...
พี่ชายกับกวินทร์เป็นคู่แรกที่แต่ง แต่งวันเดียวจบในร้านกาแฟแถวคอนโด นั่งส่องหนุ่มไปแต่งไป ฟินได้อีก เอ็นซีอาจดุเดือดไปนิดตามนิสัยของพี่ชาย คู่นี้มี 8 ตอนจบ
อ่านกันให้สนุกนะคะ : )
.
.
.
.
.
.
.
Other Story : Book & ebook :
https://goo.gl/aJFpH5