CHAPTER No.18
พี่ทัศน์ไม่แตะเนื้อต้องตัวหรือทำอะไรที่จะทำให้ผมต้องเจ็บช้ำน้ำใจเลย จริง ๆ เขาไม่อยากให้ผมทำงาน เพราะลำพังเงินที่พี่ทัศน์หามาได้ และจากที่พ่อแม่ให้มาก็เยอะแล้ว แต่ผมก็ยังยืนยันที่จะทำและไม่ยอมรับเงินจากเขาสักบาท ยกเว้นค่าเทอมของธันวา เพราะมันคือโอกาสของเด็ก
“ช้าง ๆ ๆ น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า”
ธันวาร้องเพลงมาตลอดทาง พี่ทัศน์ร้องคลอเบา ๆ บางทีเห็นเขาทำตลกใส่กันผมก็อดหัวเราะไม่ได้
พี่ทัศน์ขับรถ ผมนั่งเคียงข้าง มีลูกน้อยอยู่บนตัก ผมแพ็คของกินใส่ตะกร้ามาเพียบ ทั้งผลไม้และอาหาร ของโปรดของสองคนเขานั่นแหละ
“โอ้ว ๆ ช้าง ๆ”
ธันวาชี้ให้ดูหุ่นตัวโตหน้าสวนสัตว์ พี่ทัศน์ขับรถไปจอดไว้ที่ลานจอด พอเรียบร้อยก็พากันหิ้วตะกร้าเดินตรงเข้าไปภายใน
ผมจะสอนลูกให้ช่วยเหลือตัวเอง เพราะงั้นจึงไม่ชอบให้พี่ทัศน์อุ้มลูกมากนัก ยกเว้นเวลาอยู่บ้าน เพราะต้องการให้ลูกเรียนรู้การเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเอง พี่ทัศน์ทำหน้าที่หิ้วตะกร้าและข้าวของทั้งหมด พากันเดินตรงเข้าไปภายใน ดูนู่นดูนี่ จนหลัง ๆ คนเริ่มเยอะ เบียดกันจนแน่น พี่ทัศน์เลยต้องอุ้มธันวา ผมถือของ
“ให้พี่ถือดีกว่า”
“ไม่เป็นไร อุ้มธันวาเถอะ”
“พี่ไหวน่า คนเบียดเอามานี่”
พี่ทัศน์ยกตะกร้าไปถือเอง คนเบียดกันเยอะจนพี่ทัศน์ต้องโอบตัวผมไว้ ทั้งที่แขนหนึ่งถือตะกร้าอีกมืออุ้มลูก ผมหน้าร้อนผ่าวตอนเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนนั้น
รู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจ
“ไม่เป็นไรนะ”
พี่ทัศน์ถาม ผมส่ายหน้าไปมา มองนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เฮโลกันเข้ามาดู ธันวามองด้วยความตื่นตาตื่นใจกระทั่งเที่ยง พวกเราพากันไปหาที่นั่งพัก ได้ที่ว่างเป็นใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ผมปูเสื่อ มีหลายครอบครัวและคู่รักมานั่งพักกันประปราย
ผมเอากระดาษกับดินสอที่เตรียมมาให้ธันวาวาดรูปเล่น ในขณะที่ผมเตรียมของกินโดยมีพี่ทัศน์คอยช่วยเหลือ
“คนเก่งครับ กินก่อนเร็ว”
พี่ทัศน์อุ้มธันวาไปนั่งตัก ป้อนแซนด์วิช เจ้าตัวน้อยงับกินเอร็ดอร่อย
“ธันวาวาดช้าง ธันวาวาดลิง ธันวาวาดหมี สวยไหมฮะ”
“สวยครับ”
พี่ทัศน์ชม หอมแก้มธันวาไปที
“ข้างนี้ด้วย” ธันวาชี้แก้มตัวเองอีกข้าง พี่ทัศน์ทำตาม “หอมพ่อไทม์ด้วยสิ”
ผมมองอึ้ง ๆ ยังไม่ทันจะปฏิเสธ พี่ทัศน์ก็ก้มลงมาหอมแก้มผมซ้ายขวา ผมหน้าร้อนผ่าว กำลังจะอ้าปากต่อว่า
“เพื่อลูก”
พี่ทัศน์ดักทาง กำลังจะเถียง แต่พอเห็นท่าทางธันวาที่ดีใจจนน่ารัก ผมก็ต้องเงียบเสียงลง หยิบแซนด์วิชกินบ้าง
แก้มร้อนมาก ไม่รู้ร้อนเพราะแดดยามเที่ยง หรือเพราะรอยจูบที่อีกคนแอบฝังเอาไว้เมื่อกี้กันแน่
กินไปได้สักพัก หนังตาเริ่มหย่อนคล้อย ธันวาหาวหวอด
“ง่วงเหรอครับ มานี่มา มานอนบนตักพ่อทัศน์นี่”
พี่ทัศน์ตบตักตัวเองเบา ๆ ธันวาขยับไปนั่ง ก่อนหลับไปในอ้อมแขนใหญ่นั้น ผมหาวบ้าง เห็นว่าลูกนอนกว่าจะตื่นคงอีกพัก ของีบสักหน่อยก็ดี
ผมล้มตัวลงนอน ไม่ได้สนใจอะไรอีก
กระทั่งสะลึมสะลือลืมตาตื่น สิ่งแรกที่เห็นคือแผงอกกว้างของใครบางคน โดยมีธันวาแทรกอยู่ตรงกลาง
ผมค่อย ๆ เงยหน้ามอง จนเห็นใบหน้าคมคายนิ่งสนิทอยู่ด้านบน ผมหน้าร้อนผ่าว ค่อย ๆ ขยับลุก พี่ทัศน์ลืมตาตาม
“ตื่นแล้วเหรอ”
ผมไม่ตอบอะไร ลูบหัวธันวาเบา ๆ ขยับนั่งกอดเข่า มองใบไม้ที่กำลังพัดไหว พี่ทัศน์ชันตัวลุกนั่ง ดึงผมไปนั่งใกล้ ๆ ผมยื้อไว้
“ชู่ว์ เดี๋ยวธันวาตื่น”
ผมมองไปทางเจ้าตัวเล็ก หยุดดิ้นทันที พี่ทัศน์โอบรอบเอวผมไว้ จริง ๆ มันก็เป็นเรื่องปกติถ้าเป็นแฟนกัน
แต่ผมรู้ว่าผมไม่ใช่ และไม่เต็มใจจะใช่ด้วย
“พี่ขอโทษสำหรับทุกเรื่องนะ” ผมนิ่งไม่พูดอะไรตอบกลับ “พี่จะรอ รอคอยเวลาที่ไทม์จะให้อภัยในสิ่งที่พี่ทำผิดมาตลอด”
ผมไม่พูดไม่โต้ตอบอะไร นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
เพราะถ้าผมพูดอะไรออกไป นั่นหมายถึงผมคงให้อภัยแล้ว
และที่ไม่ปฏิเสธ เพราะผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย พี่ทัศน์กระชับกอดผมแน่น วางคางไว้บนหัวไหล่เบา ๆ
ผมยังนั่งนิ่งเหมือนเดิม
ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า กระทั่งธันวาตื่นถึงได้พากันไปเดินเล่นต่อ
มารอบนี้ มีภาพเราเป็นครอบครัวเยอะมาก พี่ทัศน์ส่งบางภาพไปให้แม่กับพ่อดูทางถือมือ สองคนนั้นบ่นคิดถึงใหญ่
“พ่อฮะ ธันวาอยากได้น้องแบบคนนั้นบ้าง”
ธันวาชี้ไปหาอีกครอบครัว
พี่ทัศน์ยิ้ม
“งั้นบอกพ่อไทม์ให้ยอมให้อภัยพ่อทัศน์ก่อน แล้วพ่อจะหาน้องอีกคนให้”
“พ่อไทม์ฮะ ให้อภัยพ่อทัศน์นะ ธันวาอยากได้น้อง”
ธันวาหันมารบเร้าผม ผมยิ้ม ไม่พูดโต้ตอบอะไร
“นะ นะ นะ”
“เอาไว้พ่อพร้อมก่อนนะครับ ตอนนี้พ่อยังไม่พร้อม”
“รีบ ๆ พร้อมสิฮะ นะนะ”
ธันวาอ้อน ผมหน้าร้อนผ่าว เพราะมีอีกสายตาช่วยกันออดอ้อนด้วย
“เราไปดูจระเข้กันดีกว่า”
ผมเลี่ยง พี่ทัศน์หน้าสลด
เราเดินเที่ยวกันจนขาลากถึงได้พากันกลับ ธันวาสลบมาตลอดทาง ผมก็แทบจะไม่ไหว พี่ทัศน์ดูจะเหนื่อยสุด เพราะทั้งอุ้มธันวา ถือของ ไหนจะขับรถอีก
“ไหวไหม ให้ผมขับได้นะ”
พี่ทัศน์หันมายิ้ม
“เหนื่อยแค่ไหนก็ไหว แค่เห็นไทม์กับธันวามีความสุข พี่ก็หายเหนื่อยแล้ว”
พูดซะซึ้งเลย ผมรีบละความสนใจหันไปดูธันวา ได้ยินเสียงคนตัวสูงหัวเราะหึ ๆ
“หิวน้ำจัง”
พี่ทัศน์บ่น ผมหันไปมอง หาน้ำมายื่นให้
“ป้อนหน่อยสิ”
ผมอยากบอกให้พี่ทัศน์กินเองเหมือนกัน
แต่ก็นะ เอาใจหน่อย ดูแลกันถึงขนาดนี้แล้ว ผมจับหลอดใส่ปาก พี่ทัศน์ดูดช้า ๆ ดูดตั้งนานไม่อิ่มสักที พอรถติดไฟแดง พี่ทัศน์หันมามองตาผม ปากคาบหลอดไม่ปล่อย
“ถ้าอิ่มแล้วก็ปล่อย”
“ยังเลย”
เขางับหลอดแน่น ทำสายตากรุ้มกริ่ม ผมรีบละสายตาหนี
“ไฟเขียวมาแล้ว”
ผมดึงขวดน้ำกลับ พี่ทัศน์รีบหันไปขับรถดี ๆ อีกที
พอถึงบ้าน พี่ทัศน์อุ้มธันวา ในขณะที่ผมหอบหิ้วสัมภาระเข้าบ้าน ผมปลุกเจ้าตัวเล็กขึ้นมาอาบน้ำ ธันวางอแงนิดหน่อยจนพี่ทัศน์ต้องหลอกล่อให้อาบด้วยกันถึงยอม ผมออกไปจัดชุดเอามาให้ตัวเล็ก
“จัดชุดให้พี่หน่อยสิ”
พี่ทัศน์ร้องขอ ออกมาในชุดผ้าขนหนูผืนเดียว ผมหน้าร้อนผ่าว เดินไปจัดให้ เอาที่เห็นว่าเป็นชุดเก่งพี่ทัศน์นั่นแหละ พอเรียบร้อยผมจะเดินกลับ แต่พี่ทัศน์รั้งไว้
“นอนด้วยกันกับพี่นะ”
ผมมองตาพี่ทัศน์ไม่ยอม
“พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำอะไรไทม์เด็ดขาด ถ้าไทม์ไม่อนุญาต พี่แค่อยากนอนกอดไทม์กับธันวา นะ”
“นอนด้วยกันนะฮะ ธันวาอยากนอนกอดพ่อทัศน์กับพ่อไทม์บ้าง”
“ธันวาโตแล้วนะครับ” ผมบอกเด็กน้อย
“คืนเดียว นะ” พี่ทัศน์ขอร้อง
“คืนเดียว นะฮะ”
ธันวาเสริม ผมทำหน้าอึดอัด
“พี่สัญญาแล้วนะ”
“พี่สัญญา”
“ก็ได้”
“เย้!!”
ธันวาร้องลั่น กระโดดขึ้นเตียง ผมเดินกลับห้องไปอาบน้ำ ใส่ชุดให้มิดชิดที่สุด เดินกลับเข้ามา พี่ทัศน์กำลังนอนอ่านนิทานให้ลูกฟังอยู่ ผมเดินไปนอนข้าง ๆ ลูก พี่ทัศน์ยิ้ม
“จะฟังเรื่องนี้”
ธันวาชี้ พี่ทัศน์อ่านบ้าง ก่อนหาวหวอดเพราะความเหนื่อย
“เอาไว้พรุ่งนี้ได้ไหมครับ วันนี้พ่อทัศน์เหนื่อยแล้ว” ผมบอกเด็กน้อย “พรุ่งนี้จะอ่านให้ฟังหลาย ๆ เรื่องเลย นะครับ”
“ฮะ”
ธันวารับปาก ผมยิ้ม นอนวางมือไว้บนหน้าอกลูก ไม่นานเจ้าตัวเล็กก็หลับ พี่ทัศน์เลื่อนมือมาจับมือผมบนอกธันวา ผมจะชักมือกลับแต่พี่ทัศน์จับไว้แน่น
“แค่จับมือ นะ”
ผมเม้มปากแน่น ไม่ว่าอะไร พี่ทัศน์ขยับเข้ามาใกล้ แต่ไม่ได้ทำอะไร นอกจากจับมือผมไว้บนอกธันวาอีกที
คืนนั้น ผมฝันว่าถูกพี่ทัศน์โอบกอดด้วยความรัก วันนี้เป็นวันที่ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจจริง ๆ
รุ่งขึ้นคุณพ่อกับคุณแม่ก็พากันมา หอบหิ้วของเล่นมาให้หลานเยอะแยะ แต่ผมยังไม่ให้ธันวาได้เล่น จนกว่าจะทำตามข้อตกลงอะไรสักอย่าง แม่หาว่าผมเคี่ยวมาก แต่ผมไม่อยากให้ธันวานิสัยเสียจริง ๆ ซึ่งท่านก็ไม่ว่าอะไร
ผมว่าพวกท่านกลัวว่าผมจะหนีไปอีกรอบแน่ ๆ
วันนี้เราทำบาร์บีคิวกินกัน ธันวากำลังสนุกกับการย่างบาร์บีคิวกับคุณพ่อคุณแม่ ในขณะที่ผมเตรียมของกินไว้ให้ท่าน
ผมว่าพ่อกับแม่เองก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าเพราะอายุ หรือเพราะกลัวว่าพี่ทัศน์จะเสียใจอีกรอบกันแน่
ธันวาเป็นเด็กช่างคุยช่างเอาใจ นิสัยหารครึ่งกันมาเลยระหว่างผมกับพี่ทัศน์
“คุณย่าฮะ ธันวาจะมีน้องแล้วนะ”
“จริงเหรอ จะหาน้องมาให้ตาธันวาอีกคนเหรอลูก”
คุณแม่หันมาทางพี่ทัศน์
“ยังหรอกครับ” พี่ทัศน์ตอบ “จนกว่าไทม์เขาจะยอมให้อภัยผม”
“นี่ เรายังไม่หายโกรธพี่เขาอีกเหรอ ตาไทม์”
ผมไม่พูดอะไร เดินเอาของกินไปวางไว้ให้ แม่ส่ายหน้าไปมา
“ถ้าไม่ไว้ใจพี่เขา ให้พ่อกับแม่จัดงานแต่งงานให้ไหม หรือจะบินไปจดทะเบียนสมรสที่ต่างประเทศก็ได้”
“อย่าดีกว่าครับ”
ผมรีบปฏิเสธ หันไปทำอย่างอื่นต่อ ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้พูดอะไรอีก
คุณพ่อคุณแม่อยู่กันจนค่ำ ถึงได้พากันเตรียมตัวกลับ
“ไทม์”
“ครับ”
แม่เดินเข้ามากอดผมแน่น ผมมองท่านอึ้ง ๆ
“ขอโทษนะ ที่แต่ก่อนแม่ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน หรือแทนตัวเองว่าแม่ ที่แม่ทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะอยากให้เราหายโกรธตาทัศน์หรอกนะ แต่เพราะแม่อยากทำจริง ๆ”
ผมมองท่านอึ้ง ๆ
“แต่ก่อนแม่มีทิฐิเพราะภาพฝังใจที่มีต่อออย และไทม์ก็หน้าตาเหมือนออยมาก แต่แม่รู้แล้วว่าไม่ใช่ ออยคือออย ไทม์คือไทม์ นิสัยพวกเธอสองคนแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ขอโทษที่ไม่เคยเห็นเธอเป็นลูกมาก่อน ตอนนี้อาจดูช้าและสายไปในสายตาไทม์ แต่แม่อยากให้ไทม์เป็นลูกของแม่จริง ๆ”
ผมก้มหน้า พยายามเก็บน้ำตาเอาไว้ภายใน แม่กอดผมแน่นอีกรอบ ผมกอดตอบ
อ้อมกอดที่ผมโหยหาและต้องการมันมานานแสนนาน
ตอนนี้ผมได้มันมาแล้ว
“ขอโทษนะลูก อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็ขอให้มันผ่านไป พวกเราทุกคนได้รับบทเรียนกันแล้ว ตอนนี้อย่างน้อยก็ให้เห็นแก่ตาธันวานะ เด็กไม่มีใครแล้ว พวกเราจะได้ให้ความรักแกได้เต็มที่”
ผมไม่พูดไม่รับปากอะไร แม่ปาดน้ำตาออกเบา ๆ คุณพ่อขยับเข้ามาโอบแม่กลับไปขึ้นรถ ผมไม่พูดอะไร อุ้มธันวาไว้แนบอก ส่งพวกท่านกลับบ้าน
พี่ทัศน์ลูบหัวผมเบา ๆ พากันก้าวเข้าบ้าน ผมทำหน้าที่เก็บซากข้าวของที่กินกันไว้ โดยมีผู้ช่วยตัวน้อยและพี่ทัศน์ช่วยอยู่ไม่ห่าง
พี่ทัศน์เดินมายกกองจานในมือผมไปวาง ผมเดินไปยืนล้างจาน ล้างไปได้ไม่เท่าไหร่ พี่ทัศน์ก็เดินมาโอบผมไว้จากทางด้านหลัง
“พี่ช่วยล้าง”
พี่ทัศน์ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเอามือมาช่วยล้างของที่อยู่ในอ่าง เสียงหัวใจผมเต้นรัว กลิ่นอายคนตัวสูงลอยคลุ้ง ยิ่งนานหัวใจผมยิ่งเต้นแรง พอล้างเสร็จ ผมรีบดันตัวออกไปทำอย่างอื่นต่อ
นับวัน หัวใจผมยิ่งอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
ผมกลัว กลัวเหลือเกินว่าวันหนึ่ง หากผมยอมใจอ่อน ผมจะต้องเจ็บอีกรอบ
วันนี้พี่ทัศน์เดินเหนื่อยกลับเข้าบ้านมา หน้าตาดูอิดโรยจนน่าเป็นห่วง ผมรีบเดินไปรับกระเป๋าจากมือใหญ่ ให้ไปนั่งพักแล้วหาน้ำเย็น ๆ มาให้ พอพี่ทัศน์ดื่มเสร็จก็รั้งผมลงไปนั่งบนตัก
ผมพยายามจะยื้อตัวออก แต่พี่ทัศน์ซบหัวกับไหล่ผมเบา ๆ
“ขอพี่อยู่แบบนี้แป๊บนะ วันนี้เจอหลายเรื่อง เหนื่อยเหลือเกิน”
ผมนั่งนิ่ง ไม่เคยเจอพี่ทัศน์ในสภาพแย่แบบนี้มาก่อนเหมือนกัน
พี่ทัศน์นั่งอยู่แบบนั้น ผมอยากให้กำลังใจ ค่อย ๆ เลื่อนมือไปโอบคนตัวสูงไว้ ลูบหัวเบา ๆ พี่ทัศน์เอียงแนบหน้ากับหน้าอกผม
ผมพยายามสั่งใจไม่ให้เต้นแรง แต่มันห้ามไม่ไหวจริง ๆ พี่ทัศน์ดันหน้าออกมามองยิ้มนิด ๆ
“หัวใจเต้นแรงจัง”
ผมรีบดันตัวออก แต่พี่ทัศน์รั้งกอดผมไว้แน่น
“ไทม์” เขาจับมือกุมไว้ “พี่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนี้ทั้งไทม์และธันวาคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับพี่แล้วนะ พี่รักไทม์จริง ๆ”
ผมมองคนตรงหน้านิ่งค้าง เขาเกลี่ยแก้มผมแผ่วเบา
“พี่อยากได้สิทธิ์สัมผัสแก้มนี้ พี่อยากได้สิทธิ์สัมผัสริมฝีปากนี้ พี่อยากได้สิทธิ์กอดเรือนร่างนี้เหมือนที่เคยกอดเมื่อสี่ปีที่แล้ว ตกลงคบกับพี่นะ”
ผมมองเจ้าของร่างสูงอึ้ง ๆ
“พี่รู้ว่าไทม์รักพี่ และรู้ว่าไทม์ยังเจ็บและให้อภัยพี่ยังไม่ได้ พี่จะไม่บังคับไทม์ แต่พี่อยากให้ไทม์รู้ไว้ว่าพี่รักไทม์จริง ๆ”
เขากระชับกอดผมแน่นขึ้น
ผมไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ เท่านั้น
_____B.T._____
เอาไปเต็ม ๆ สำหรับตอนนี้ ตอนหน้าก็จบแล้วค่ะ T^T งื้อ #เม้นท์ให้ข้าด้วย
...........................
เจอกันงานฟิค บูทA8
หนังสือ&ebook >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162