CHAPTER No.17
ผมตื่นนอนตอนเช้า หลังจากคิดหาวิธีหนีอีกรอบ งานนี้ยุ่งยากกว่าเดิมเพราะเรื่องร้าน ธันวาเป็นเด็กตื่นเช้า พอผมออกมาทำอาหาร ธันวาก็ตื่นขึ้นมาตาม พี่ทัศน์เองก็ตื่นแต่เช้าเหมือนกันออกมาเล่นกับเด็กน้อย ผมไม่ได้ห้ามปรามอะไร ทำหน้าที่ของตัวเองไปเงียบ ๆ
ผมป้อนอาหารธันวา ทำอาหารไว้ให้พี่ทัศน์กินด้วย พอสาย ๆ ก็เปิดร้านตามปกติ ผมเรียกเฟ้ยมาลองคุย ๆ ดูเรื่องร้าน
ถ้าพี่ทัศน์ไม่จบ ผมนี่แหละ จะเป็นคนจบมันเอง
“ให้ผมดูแลคนเดียวไหวเหรอพี่ ผมยังไม่เก่งเท่าพี่เลยนะ”
ผมตบบ่าเฟ้ยเบา ๆ
“เก่งสิ ไม่เก่งพี่จะไว้ใจยกร้านให้ได้ไง”
“จะไปกับเขาเหรอพี่” เฟ้ยพยักหน้าไปทางคนด้านหลัง “เอ่อ...แฟนเก่าพี่หรือเปล่า เมื่อวานเขาสอบถามข้อมูลพี่กับผมใหญ่เลย”
“ไม่ใช่หรอก”
เพราะผมจะหนีไปให้ไกลจากเขาต่างหาก ผมไม่พูดอะไรอีก เดินไปทำอย่างอื่นต่อ
ในขณะที่ผมกำลังซ่อมรถก็ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอด ผมละตัวจากรถขึ้นดู ยืนนิ่งเป็นหินตอนเห็นบุคคลทั้งสอง
ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงอยากให้พวกท่านทั้งสองกอดมาก
แต่มาตอนนี้ ผมรู้แล้วว่าไม่ควร
ผมไม่เคยคู่ควรกับพวกท่านเลย
ผมเป็นแค่ลูกของผู้หญิงสำส่อนมากผู้ชายอย่างที่ท่านดูถูก ผมกลืนน้ำลาย กะพริบตาหวังหยุดน้ำตาที่กำลังจะไหล ก้มหน้าสวัสดี
“สวัสดีครับ คุณพ่..เอ่อ คุณลุงคุณป้า”
ผมกลืนก้อนน้ำลงคอ ไงท่านก็เป็นผู้มีพระคุณกับผม ตาแม่ดูแดง ๆ
“ไทม์”
แล้วเรียกผมเสียงแหบ
“เชิญข้างในครับ ข้างนอกแดดร้อน เดี๋ยวผิวจะเสียเปล่า ๆ”
ผมถอดถุงมือออก ยังไม่ทันได้ขยับทำอะไรพี่ทัศน์ก็อุ้มธันวาออกมา พวกท่านยืนอึ้ง ถึงธันวาจะไม่ใช่ลูกของพี่ทัศน์ แต่หน้าตาถอดแบบกันมาราวกับแกะ
“ดูสิคุณ หน้าตาเหมือนตาทัศน์อย่างกับแกะเลย”
“ธันวาใช่ไหมลูก นี่ปู่นะ”
คุณพ่อ ไม่สิ คุณลุงขยับไปลูบหัวธันวาเบา ๆ
ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในใจผมนิด ๆ ผมกลัวว่าความเอ็นดูที่พวกท่านมีต่อธันวาจะมาพรากธันวาไปจากผม
“พี่ทัศน์ ผมขอลูกคืน”
ผมขยับเข้าไปขอเสียงสั่น
“ใจเย็นไทม์ พวกเราไม่ได้คิดจะแย่งธันวาไปจากไทม์นะ”
เหมือนพี่ทัศน์จะอ่านความคิดผมออก แต่ผมไม่เชื่อ ผมกลัว กลัวเหลือเกิน ตอนนี้ผมเหลือแค่ธันวาคนเดียวเท่านั้น
“เอาลูกผมมา”
ผมร้องขออีกรอบ
“ใจเย็นไทม์ เข้าไปคุยกันในบ้านก่อนไป”
แม่สั่ง
ผมจำต้องกลืนน้ำลาย เดินเข้าไปภายใน
“แม่ขอโทษ สำหรับเรื่องที่ผ่านมา” แม่ออกปาก ผมนั่งฟังเงียบ ๆ “อย่างที่ตาทัศน์บอกนั่นแหละ ไทม์ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเรา แต่เป็นลูกที่เกิดจากน้องสาวคนละแม่มาคลอดทิ้งไว้ ลูกที่เกิดจากผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ แม่เลยรับเป็นลูกบุญธรรม เพราะออยเขาทำเสียหลายอย่าง เราไม่อยากให้เธอเป็นแบบนั้น เลยสั่งสอนเธอมาแบบนั้น แต่ไม่คิดว่าจะเป็นการทำร้ายเธอมากมายขนาดนี้”
ผมนั่งน้ำตาไหลริน
ผมไม่ได้ใจแข็งเป็นหิน แต่มันก็เจ็บปวดเกินไป
“ยกโทษให้พ่อกับแม่ด้วย กลับบ้านกันเถอะนะ กลับบ้านเรา ตาทัศน์มาสารภาพว่ารักไทม์มาก ไทม์รู้ไหม ว่าตาทัศน์แทบบ้าหลังไทม์หนีไป แม่ไม่เคยเห็นทัศน์เป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ”
“ขอโทษที่ทำให้ลูกชายคุณลุงคุณป้าต้องเสียใจนะครับ” ผมพูดอย่างรักษาระยะห่าง “แต่ผมคงกลับไม่ได้ ผมไม่เหมาะกับครอบครัวท่านหรอกครับ ถึงไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่”
“เรารับเรื่องนี้ได้นะไทม์”
“แต่ผมรับไม่ได้ครับ ขอโทษด้วยจริง ๆ”
“คุณ ใจเย็นก่อน ให้เวลาไทม์เขาหน่อย”
คุณพ่อปลอบใจ
คุณพ่อคุณแม่จะอยู่ค้างด้วย คงติดใจธันวา ในขณะที่พี่ทัศน์กลัวผมหนีมากจนแทบจะตามประกบทุกฝีก้าว
“พ่อทัศน์ฮะ ธันวาอยากได้ไอ้นู้น”
“เรียกลุงทัศน์ลูก”
ผมสอนลูกใหม่ เพราะทันทีที่พี่ทัศน์รู้ว่าธันวาเป็นแค่ลูกบุญธรรมผมก็ให้ธันวาเรียกตัวเองแบบนี้มาตลอด
“เรียกพ่อทัศน์นั่นแหละดีแล้ว มีพ่อหลายคนย่อมดีกว่าคนเดียวเนอะ”
ธันวาพยักหน้ารับคำพี่ทัศน์หงึก ผมก็ขี้เกียจจะค้านแล้ว เพราะดูท่าธันวาจะชอบเรียกพ่อทัศน์มากกว่าลุงทัศน์จริง ๆ
“ธันวาอยากได้”
ธันวาชี้ไปยังของเล่นอีกรอบ พี่ทัศน์หยิบให้ทันที แต่ผมหยิบคืน
“ธันวาอยากได้นะ”
“ถ้าอยากได้อะไรเขาต้องทำงานก่อน ผมไม่อยากให้ธันวาเสียนิสัย โดยเฉพาะนิสัยเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้”
“แต่ไทม์ นี่เด็กนะ”
“ครับ เพราะเป็นเด็กนี่แหละ ถึงต้องฝึกให้มาก โตมาก็สอนอะไรลำบาก คราวนี้อยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้ แบมือขอเงินพ่อแม่ไปวัน ๆ เอาแต่ใจตัวเอง และไม่เห็นหัวคนอื่น”
“เหมือนพี่…”
พี่ทัศน์บอกเสียงเบา ผมไม่สนใจ หยิบของเล่นมาถือตรงหน้าลูก
“อยากได้ใช่ไหมครับ”
ธันวาพยักหน้าหงึก ธันวาไม่งอแงหรอก เพราะรู้เส้นผมดี
“พ่อจะซื้อให้ แต่ยังไม่ให้เล่นจนกว่าจะล้างรถช่วยพ่อสองคัน โอเคไหม”
ธันวาพยักหน้าอีกที พี่ทัศน์ยิ้ม
“ไทม์สอนลูกดีจัง”
ผมไม่ฟังคำชม ล้วงหยิบเงินมาจ่ายแม่ค้า วันนี้เรามาเที่ยวตลาดนัดของหมู่บ้านกัน คนพากันมองใหญ่ คงงงว่าทำไมลูกผม แต่หน้าตาดันเหมือนพี่ทัศน์ราวกับพิมพ์เดียวกันขนาดนั้น
พ่อกับแม่แทบจะพากันถลาเข้าหาธันวาทันทีที่ผมกับพี่ทัศน์พากันกลับบ้าน
“ให้โอกาสพวกเราได้แก้ตัวนะไทม์ แม่กับพ่อและตาทัศน์ทำผิดมามาก และพวกเราก็ได้บทเรียนแล้ว ให้พวกเราได้แก้ตัวบ้าง พวกเราจะได้ช่วยไทม์ดูแลตาธันวาด้วย”
คุณพ่อพูดอีกรอบจนผมชักใจอ่อน สุดท้ายผมก็ยอมยกร้านให้เฟ้ยดูแล แต่ผมก็ยังเป็นเจ้าของอยู่ อย่างน้อยเกิดอะไรขึ้น ที่นี่จะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำผม
ผมเดินทางกลับกรุงเทพพร้อมทุกคน มาอยู่บ้านที่ผมกับพี่ทัศน์เคยอยู่ด้วยกัน ตอนแรกพ่อกับแม่จะให้ไปอยู่บ้านใหญ่ แต่พี่ทัศน์บอกขออยู่ที่นี่เพราะชอบมากกว่า พวกท่านเลยจะแวะมาหาบ่อย ๆ
กลับมา พ่อก็หาที่ให้ผมเปิดร้าน ทำร้านซ่อมรถอย่างที่ชอบ แต่ผมไม่ได้ใช้เงินคุณพ่อหรอก เช่าพื้นที่ใกล้บ้านและทำเอาเอง จริง ๆ แม่ไม่ให้ทำ แต่ผมไม่อยากอาศัยเงินท่าน อีกอย่าง ยืนด้วยลำแข้งตัวเองจะดีกว่า เกิดอะไรขึ้นจะได้ไม่มีปัญหา
พอมาถึง ธันวาก็ได้เข้าโรงเรียนอนุบาล ส่วนพี่ทัศน์ก็ไม่มาบังคับขืนใจอะไรผมอีก เรียกได้ว่า ไม่ทำอะไรที่เสี่ยงจะทำให้ผมหนีอีกแน่ ๆ
และผมเองก็ไม่ได้กลับมาที่นี่ในฐานะอะไรที่มากไปกว่าลูกบุญธรรมของพ่อกับแม่อีกครั้ง อยู่ที่นี่เพื่อดูแลพี่ทัศน์ตอบแทนพระคุณพ่อแม่เคยที่เลี้ยงดูผมมา
...50%....
ผมตื่นขึ้นมาทำมื้อเช้าไว้ให้พี่ทัศน์ทาน เขาเดินหล่อลงมา ตอนนี้พี่ทัศน์ต่อเอกอยู่ ทำงานที่บริษัทกับคุณพ่อควบคู่ไปด้วย แต่งหล่อเต็มยศมาแบบนี้สงสัยจะเข้าบริษัท
“หอมจัง ทำอะไรกิน”
พี่ทัศน์ถาม เดินมาโอบเอวผมไว้หลวม ๆ ผมเบี่ยงตัวหนี มองเห็นดวงตาคู่นั้นวูบลงนิดหนึ่ง
“ของโปรดพี่ทั้งนั้นแหละ”
ผมบอกอย่างรักษาระยะห่าง
ทำไมผมทำแบบนี้ ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน คงเป็นอาการของคนที่เจ็บมาเยอะล่ะมั้ง ผมรักพี่ทัศน์ อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ผมไม่คิดจะเปลี่ยนสถานะอะไรกับพี่ทัศน์นอกจากน้องชายบุญธรรมธรรมดาเท่านั้น
ธันวาวิ่งตุบ ๆ ลงมาจากห้องวิ่งไปหาพี่ทัศน์
“ว่าไงคนเก่ง”
“นี่ฮะ การบ้าน”
ธันวาโชว์การบ้านให้พี่ทัศน์ดู พี่ทัศน์ทำหน้าชื่นชม ผมพยายามไม่สนใจท่าทางแบบนั้น
“วันเสาร์นี้พี่จะพาไทม์กับธันวาไปเที่ยวสวนสัตว์นะ ตั้งแต่มายังไม่เคยไปเลย”
“สวนสัตว์ ๆ เย้ ๆ ธันวาอยากไปฮะ”
หนูน้อยร้องดีใจ พี่ทัศน์ก้มลงไปหาลูก
“งั้นคนเก่งของพ่อทัศน์ต้องตั้งใจเรียนนะครับ”
“ครับผม”
แล้วพี่ทัศน์ก็ขับรถไปส่งธันวาที่โรงเรียนด้วยตัวเอง ส่วนผมหลังจากเสร็จจากงานบ้านก็ไปทำงานที่อู่ จริง ๆ พ่อกับแม่ไม่อยากให้ผมทำต่อ แต่ผมยืนยันจะทำ
ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงถือคำพูดของแม่เป็นประกาศิต แต่มาตอนนี้ไม่ใช่ อดีตที่ผ่านมาสอนให้ผมเป็นคนเข้มแข็งและต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเอง เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ทัน
ผมยังอาศัยอยู่ในห้องเล็กเหมือนเดิม ในขณะที่ธันวาใช้ห้องคุณพ่อคุณแม่เป็นห้องส่วนตัว พี่ทัศน์จะให้ผมไปพักอยู่ในห้องรับแขก แต่ผมยืนยันจะใช้ห้องเดิม
ผมกลับไปหาพี่โจอี้กับแนน พี่โจอี้มีน้องคนที่สองแล้ว ร้านก็ขยายใหญ่ขึ้น มีลูกน้องใหม่ร่วมสิบกว่าชีวิต พี่แกโมโหใหญ่ที่ผมไม่ยอมส่งข่าว ผมเล่าความจริงทุกอย่างให้พี่โจอี้ฟัง พี่แกถึงได้ให้อภัย แถมจะมาต่อยพี่ทัศน์อีกต่างหาก ข้อหาทำน้องชายตัวเองหนีไป
ส่วนแนน ยอมรับว่ากลัวกับการเจอแนนมาก เพราะผมไม่ได้ติดต่อเพื่อนเลย
“แนน”
ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“ไทม์ นั่นไทม์ใช่ไหม! ไทม์จริง ๆ ด้วย ไทม์หายไปไหนมา รู้ไหมว่าแนนเป็นห่วงขนาดไหน”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร แนนก็ร้องไห้ใหญ่ ผมยิ้มทั้งน้ำตา คิดว่าเพื่อนจะโกรธจนไม่ยอมพูดด้วยซะอีก
ผมนัดแนนออกมาเจอกัน แนนมาในชุดนักศึกษาสไตล์เรียบร้อย เรากอดกันแน่น
“เล่ามาเลย ทำไมไม่ติดต่อ แล้วนี่ไทม์หายไปไหนมา”
แนนรัวถามสิ่งที่อยากรู้
ผมตั้งต้นเล่าเรื่องทุกอย่างให้แนนฟัง ตั้งแต่เรื่องในอดีตที่ถูกพี่ทัศน์ข่มเหง เรื่องที่หนีไป และเรื่องที่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพ่อแม่กระทั่งปัจจุบัน
“เหมือนนิยายเลยเนอะ ว่าแต่อย่าหายไปอีกนะ แนนเป็นห่วงไทม์มากนะรู้ไหม พี่ทัศน์นี่แทบบ้า มาตามหาไทม์ที่บ้าน บอกว่าไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่เชื่อ จำได้ว่าปีที่ไทม์หายไป พี่ทัศน์นี่โทรมไปเยอะเลย”
ผมนึกภาพตามไม่ออกเลยจริง ๆ
“พี่ทัศน์บอกว่ารักเรา”
แนนนิ่งฟัง
“แต่เราจะเชื่อได้แค่ไหนกับคนที่ทำกับเราไว้แบบนั้น”
“แนนเข้าใจนะ แต่ก็เข้าใจว่าพี่ทัศน์น่าจะรักไทม์จริง ๆ ถึงจะผิดที่พี่ทัศน์ไม่บอกความจริง แต่แนนก็เชื่อว่าเขารักจริง”
ผมยิ้ม
“แต่เราคงตอบรับพี่ทัศน์ไม่ได้หรอก เราไม่อยากเจ็บอีก”
“ไม่ลองให้โอกาสพี่เขาหน่อยเหรอ เพราะตั้งแต่ไทม์หนีไป พี่ทัศน์เองก็เปลี่ยนไปเยอะนะ”
ผมยิ้มอีกที ส่ายหน้าไปมา
“เราไม่อยากเจ็บจริง ๆ”
“ทำหน้าอย่างนี้ จะหนีอีกใช่ไหม”
แนนทำหน้างอนใส่ นิสัยไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ
“ถ้ามีโอกาส”
“อย่านะ ไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่ธันวา อย่าพาเขาเร่ร่อนเลย”
ผมมองเพื่อนอึ้ง ๆ
จริงสินะ
แต่…
“ให้โอกาสพี่ทัศน์สักครั้ง ถ้าเขายังทำตัวไม่ดีอีก แนนนี่แหละจะเป็นคนพาไทม์หนีเอง ไปให้ไกล ๆ เลย ซาอุดิก็ได้ จะได้ตามหากันไม่เจอ”
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง”
“ช่วยไม่ได้ อยากมาทำไทม์ก่อนทำไมล่ะ”
แนนอมลม ผมอมยิ้ม เราคุยกันเรื่องผมต่ออีกเป็นชั่วโมง ก่อนผมจะถามชีวิตเพื่อนบ้าง
“ว่าแต่แนนเถอะ กับพี่อิฐไปถึงไหนแล้ว”
แนนหน้าแดงก่ำ
“กะ ก็หลังจากไทม์หนีไป พี่อิฐก็เศร้ามากเลย หลังจากนั้นเราก็เจอกันบ่อยขึ้น ตอนนี้เป็นแฟนกันแล้ว”
ผมยิ้ม รู้สึกผิดกับทุกคนจริง ๆ โดยเฉพาะกับพี่ต๊ะ
ผมโทรหาพี่อิฐ รายนั้นเป็นห่วงใหญ่ ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเหมือนเล่าให้แนนฟัง พี่อิฐเข้าใจผมได้ดีไม่แพ้แนน ก่อนโทรหาคนสุดท้าย
คนที่ผมรู้สึกผิดด้วยมากที่สุด
“พี่ต๊ะ”
...80%...
ปลายสายดูจะอึ้งไปหลังจากได้ยินเสียงผม
“ไทม์”
“ว่างไหมครับ ออกมาเจอกันหน่อยได้ไหม ไทม์มีเรื่องจะคุยด้วย”
พี่ต๊ะแทบจะเหาะมาหาทันที พี่ต๊ะเปลี่ยนไปเยอะเลย แต่ก่อนว่าหล่อแล้ว มาตอนนี้หล่อกว่าเดิมอีก
“ไปไหนมา ทำไมไม่ส่งข่าวกันบ้าง”
“นั่งคุยกันดี ๆ ดีกว่าครับ เรื่องมันยาว”
ผมตั้งต้นเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่ต๊ะฟังทั้งหมด แบบไม่มีปิดบังเลย พี่ต๊ะรั้งผมไปกอดแน่น
“โทษนะ พี่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าไทม์เจอเรื่องหนักขนาดนั้น อยากกระทืบมันให้จมดิน”
ผมยิ้ม
“ขอโทษนะครับ ผมเลยไม่ได้ทำตามสัญญาว่าจะดูแลพี่ไปจนแก่เฒ่าเลย”
“ไม่เป็นไร” พี่ต๊ะลูบหัวผมเบา ๆ ส่งรอยยิ้มเข้าใจมาให้ “แค่ไทม์กลับมา แค่รู้ว่าไทม์ยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดีพี่ก็ดีใจแล้ว”
ผมยิ้มให้คนตัวสูงอีกรอบ พี่ต๊ะจ้องหน้าผม ถอนหายใจแรง ทำท่าเหมือนจะพูดแต่ไม่อยากพูด
“รู้ใช่ไหมว่าพี่ไม่ถูกกับทัศน์มาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แล้ว สาเหตุหลักก็เพราะเขาชอบรังแกไทม์นั่นแหละ”
ครับ ผมรู้
“แต่ถึงพี่จะไม่ชอบขนาดไหน พี่ก็เข้าใจว่าทัศน์รักไทม์มากจริง ๆ”
ผมมองตาคนพูด พี่ต๊ะถอนหายใจแรงอีกรอบ
“ตอนที่ไทม์หายไป มันแทบไม่หลับไม่นอน มานั่งเฝ้าพี่ที่หน้าบ้านทุกวัน เพราะคิดว่าคนที่เอาไทม์ไปคือพี่เอง”
ผมมองพี่ต๊ะนิ่งค้าง
“มาคอยอยู่เป็นเดือน หน้านี่โทรมได้ใจ มันเองก็แทบบ้าเหมือนกัน แต่ตอนนั้นพี่ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง คิดว่าที่คลั่งเพราะน้องหายไปธรรมดา ตลอดสี่ปีที่ผ่านมามันก็เทียวมาสอดส่องถามหาไทม์กับพี่ตลอด”
พี่ต๊ะมองตาผม นัยน์ตาอ่อนโยนขึ้น
“พี่ว่ามันเป็นบทลงโทษที่ดีนะ แต่พอแค่นี้เถอะ พี่เองก็สงสารมันเหมือนกัน”
“ผมรู้ครับ ผมพยายามอยู่ แต่ผมทำใจยอมรับพี่ทัศน์ไม่ได้จริง ๆ ผมเจ็บมาเยอะนะพี่ต๊ะ เยอะจนไม่รู้ว่าจะให้อภัยเขายังไงดี”
พี่ต๊ะลูบหัว
“พี่เข้าใจ ค่อย ๆ ปรับตัวกันไปละกัน ให้เวลาทั้งตัวไทม์เองและทัศน์มันด้วย”
พี่ต๊ะถอนหายใจแรงเป็นรอบที่สาม
“จริง ๆ ถ้าไทม์ไม่ได้รักมัน เรื่องมันจะง่ายขึ้น แต่นี่หัวใจไทม์เป็นของมันไปหมดแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขนาดคบกับพี่ ไทม์ยังหยุดรักมันไม่ได้เลย เพราะงั้นก็ค่อย ๆ ศึกษาเรียนรู้กันไปละกัน ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”
ผมยิ้มให้คนตัวสูง พี่ต๊ะลูบหัวผมอีกที
“แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ พี่พร้อมจะเป็นที่พึ่ง เป็นคนรักษาเยียวยาจิตใจไทม์เองนะ”
ผมมองตาคนตัวสูง พี่ต๊ะยิ้ม
“พี่ต๊ะยังโสดครับ เฝ้ารอคอยใครบางคนกลับมานี่แหละ”
“พี่ต๊ะ...”
ผมครางเรียกอึ้ง ๆ ไม่คิดจริง ๆ ว่าพี่ต๊ะจะยังคอยผมอยู่
สี่ปีแล้วนะ
แต่จะว่าไปแล้ว ขนาดรอจนเรียนจบแล้วกลับมาหาผมได้ก็เกือบสิบปี แค่สี่ปีคงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเท่าไหร่
ผมมองตาคนตรงหน้าอย่างรู้สึกผิดผสมชื่นชมอยู่ในที
“ทำไมนะ ผมถึงไม่รักพี่สักที”
“คำตอบมันอยู่ตรงนี้ของไทม์ไม่ใช่เหรอ” พี่ต๊ะจิ้มนิ้วลงบนอกซ้ายผม “ถามมันสิ ว่าทำไม”
นั่นน่ะสิ ทำไม…
“พี่ให้ทางเลือกไทม์สองอย่างนะ ระหว่างให้อภัยทัศน์มัน กับเลิกรักมันแล้วมารักพี่แทน”
พี่ต๊ะพูดออกมาหน้าตาเฉย ผมหัวเราะ
อยู่กับผู้ชายคนนี้ทีไรผมอารมณ์ดีได้ตลอดจริง ๆ พี่ต๊ะหัวเราะตามบ้าง ดึงผมเข้าไปกอดปลอบใจ กอดอย่างพี่ชายคนหนึ่งจะพึงมีต่อน้องชาย กอดให้หายคิดถึง
ผมอยู่คุยกับพี่ต๊ะเกือบครึ่งวันพี่ต๊ะถึงขับรถพาผมมาส่งที่บ้าน พี่ทัศน์กลับมาแล้ว อึ้งเหมือนกันที่พี่ต๊ะมาส่ง
พี่ต๊ะเดินเข้าไปในบ้านนิ่ง ๆ ง้างหมัดต่อยหน้าพี่ทัศน์เต็มแรง
“พี่ต๊ะ!”
ผมอุทานลั่นด้วยความตกใจ
“อันนี้สำหรับที่นายทำมาทั้งหมด” ก่อนซัดอีกหมัด “อันนี้สำหรับเตือนไม่ให้ทำอีก”
พี่ทัศน์พ่นเลือดออกจากปาก ผมรีบวิ่งเข้าไปดู พี่ต๊ะตั้งท่ารอ พร้อมเสมอถ้าพี่ทัศน์จะเอาคืน แต่พี่ทัศน์ยืนนิ่ง พูดออกมาคำเดียว
“ขอโทษ”
พี่ต๊ะทำเสียงขึ้นจมูก หันไปมองธันวาที่นั่งมองมางง ๆ
“ซ้อมมวยกันเหรอฮะ ต้องเปลี่ยนเป็นกางเกงมวยก่อนสิ”
เด็กน้อยถามอย่างไร้เดียงสา
พี่ต๊ะยิ้ม เดินเข้าไปหา ย่อตัวลงไปตรงหน้าธันวา
“น้องธันวาใช่ไหมครับ นี่ลุงต๊ะนะ จะเรียกพ่อต๊ะก็ได้นะลูก”
“ต๊ะ!!”
พี่ต๊ะทำเป็นไม่ได้ยินเสียงพี่ทัศน์
“ธันวา ถ้าหมอนี่เขารังแกหนูเมื่อไหร่ ให้รีบพาพ่อไทม์หนีมาหาพ่อต๊ะนะ เข้าใจไหมครับ”
เด็กน้อยพยักหน้ารับ
“ต๊ะ!!”
พี่ทัศน์ท้วง อุ้มธันวาแนบอก
“ไทม์ พี่หิวจัง ฝากท้องไว้สักวันนะ”
“ครับ”
ผมแอบหัวเราะหึ ๆ พี่ต๊ะคงอยากแกล้งพี่ทัศน์กลับ หลังจากนั้นพี่ต๊ะก็อยู่สอนการบ้านธันวา โดยมีพี่ทัศน์ประกบ ผมอมยิ้ม
หลังจากนั้นพวกเราก็พากันกินข้าว พี่ทัศน์ออกอาการหึงผมอย่างออกนอกหน้า ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงรู้สึกดี แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ความรู้สึกพวกนั้นมันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้
มันคงหมดไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ผมตัดสินใจหนีพี่ทัศน์ออกจากบ้าน พี่ต๊ะอยู่จนถึงทุ่มกว่า ๆ ก็กลับ สัญญาว่าจะมาหาใหม่บ่อย ๆ
“จะกลับไปคบกับต๊ะเหรอ ไหนไทม์บอกว่ารักพี่”
พี่ทัศน์จับมือผมแน่น ผมดึงกลับเบา ๆ พี่ทัศน์ไม่ยื้อหรือบังคับจับอีก
“นั่นมันแต่ก่อนครับ ผมรักพี่ทัศน์มาก รักที่สุด รักมาตลอด”
พี่ทัศน์มองตาผมนิ่ง ๆ
“แต่นั่นเป็นแค่อดีต มันถูกทำลายลงจนหมดแล้ว เพราะพี่เห็นผมเป็นแค่เครื่องระบายอารมณ์ เป็นตัวตลก เป็นแค่เครื่องบำบัดความใคร่ให้ตัวเอง”
“ไม่ใช่!”
“ใช่ไม่ใช่ผมก็เข้าใจว่าเป็นแบบนั้น เพราะการกระทำ เพราะทุกสิ่งที่พี่ทำ พี่จะมาเรียกร้องให้ผมไม่รู้สึกแบบนั้นไม่ได้ เหมือนคนโดนมีดบาดพี่ทัศน์ ถึงแผลจะหาย รอยแผลเป็นและความรู้สึกเจ็บนั้นยังอยู่ มันรักษากันไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะ”
ผมบอกไปแค่นั้น อุ้มธันวาไปอาบน้ำ
_____B.T._____
เอาล่ะสิ เริ่มมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก พวกหนึ่งให้อภัย อีกพวกไม่ มาเร็วเคลมเร็วนะ ไอเดียกำลังพุ่ง >////<
.
.
ปล. ฝากนิยายใหม่ค่าา Try love รักครับ ขอจีบได้ไหมครับอาจารย์ (ในเด็กดี)
.
.
#เจอกันงานตลาดฟิคครั้งที่ 8 บูท A8 นะคะ
หนังสือ&ebook
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162