มนุษย์แฟนเด็ก
39
มีความชอบเท่ากุ้งเผาตัวใหญ่ชุบน้ำจิ้มซีฟูด
เมื่อกลับมาถึงบ้านพักแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำเพื่อที่จะลงมาทานอาหารเย็นกัน วันนี้จัดเป็นปาร์ตี้บาร์บีคิวเล็ก ๆ ที่ลานกว้างหน้าบ้าน โดยที่จะปิ้งย่างอาหารทะเลทาน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนกระทั่งเด็กแก้มกลมก้าวออกจากห้องน้ำพร้อมกับชุดที่สวมใส่
ทิวากาลกอดอก คิ้วขมวดมุ่นจ้องเขม็งไปที่แฟนเด็กซึ่งสวมชุดกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีดำโชว์ผิวขาวตัดกับเนื้อผ้าและเสื้อฮู้ดแขนกุดสีขาว สายตาคมไล่กวาดลงตั้งแต่หัวจรดเท้าจนคนถูกมองแปลกใจ แต่ก็ยังไม่ได้ถามอะไรออกไป มีแต่ทิวากาลที่จะอึดอัดตายอยู่คนเดียว
“ไปเปลี่ยนชุด”
“ไม่!” จันทร์เจ้าตะโกนใส่ หลังจากพาดผ้าเช็ดตัวไว้บนราวแล้วจึงวิ่งหนีทิวากาลออกจากห้องไป
ไอ้เด็กเหี้ย!
รู้ว่าเขาหวงยังจะดื้อยู่นั่น
“วี้ดวิ้ว~ น่ารักจัง ขอจีบได้ไหมครับ” รถถังผิวปากแซวโดยไม่ได้สนใจหน้าของเพื่อนเลยสักนิด แทบจะเข้าไปบีบคอให้รู้แล้วรู้รอด
“ไม่ได้ครับ มีแฟนแล้ว”
“แฟนไม่รู้เป็นชู้ก็ได้ครับ”
“ชู้กับตีนกูไหม ฮะ!!”
“ไรวะ แค่ล้อเล่นต้องจริงจังไป คนหล่อเซ็ง”
“จะไม่เปลี่ยนชุดใช่ไหม?” เขาคว้าเด็กแก้มกลมเข้ามาใกล้และถามเสียงเข้ม เด็กน้อยสั่นหัวช้า ๆ เป็นคำตอบ
“เราไม่มีชุดใหม่แล้วนะ”
“เปลี่ยนไม่ได้เหรอ?” คราวนี้ทิวากาลเปลี่ยนน้ำเสียงที่ใช้ สบตากับแฟนเด็ก มองอย่างเว้าวอน “พี่หวง จะไม่เปลี่ยนจริง ๆ เหรอครับ?”
จันทร์เจ้าส่ายหน้าอีกครั้งพร้อมกับยิ้มเล็ก ๆ ที่ริมฝีปาก
“หนูชอบให้พี่หวง” “ตาย!”
“ดับอนาถ!”
“Tiwakan is out!”
เขากลอกตาใส่เพื่อนและน้องที่ต่างก็พากันเยาะเย้ย อย่าให้โดนกับตัวบ้างก็แล้วกัน พวกมึงจะซึ้ง ไม่มีแฟนน่ารักแล้วยังขี้อ้อนแบบนี้จะไปเข้าใจอะไร สุดท้ายฝ่ายชนะก็คือจันทร์เจ้า เจ้าเด็กแก้มกลมยิ้มกว้างพอใจที่ไม่ต้องเปลี่ยนชุด
“หิวยัง?” ถามเด็กข้าง ๆ จันทร์เจ้าหยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบ ทิวากาลจึงจูงมือเล็กพาออกไปที่ลานน้าบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ทานอาหารวันนี้
“ตะหูววววววว~~” จันทร์เจ้าตาวาว ไล่สายตากวาดเหล่าสารพัดอาหารทะเลที่ถูกวางเรียงอยู่บนโต๊ะ ลูกหมูกลืนน้ำลายอึก เมื่อกลิ่นหอมโชยมาแตะจมูก สองขาก้าวออกไปข้างหน้า นัยน์ตาเลื่อนลอยคล้ายไม่ได้สติ
โคตรตลก
น่าเอ็นดูและน่าอ่อนใจไปในเวลาเดียวกัน
“เด็ก ๆ มาพอดี อาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ” แม่งานอย่างคุณรัตติกาลเอ่ยบอกอย่างใจดี “นั่งกันเลยลูก”
ทิวากาลดึงเด็กแก้มกลมให้นั่งข้าง ๆ ตาโตช้อนมอง แววตาสั่นระริก เด็กน้อยยืดคอขึ้นนิดหน่อย ทิวากาลก้มหน้าลงไปอย่างรู้งาน
“เราหิว” พูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน เขาหัวเราะ หยิบกุ้งเผาตัวโตมาแกะเปลือกแล้วส่งให้เด็กแก้มกลม ลูกหมูเม้มปาก มองกุ้งตัวโตด้วยความลำบากใจ เพราะคนอื่น ๆ ยังไม่ทานกันเลย จะทานก่อนก็ไม่กล้า ทิวาก็ใจบาปจัง เอามาตีปากเราทำไม ฮือ อยากกินนนนนนนนนน
“แดกดิครับ รออะไร” เขาบีบแก้มกลมให้ปากอ้า ก่อนยัดกุ้งที่แกะไว้จนแมลงวันแทบมาวางไข่เข้าปากไอ้เด็กมารยาทงาม จันทร์เจ้าพยายามขืน แต่เพราะคนนิสัยไม่ดีเปลี่ยนจากบีบแก้มมาบีบจมูกจึงต้องอ้าปากเพื่อหายใจ คนนิสัยไม่ดีจึงฉวยโอกาสยัดกุ้งเข้ามาทั้งตัว เมื่อสมใจก็ยกยิ้ม
ก็ไม่อยากบีบแก้มมันแรง เดี๋ยวมันเจ็บ
“ไปแกล้งน้องทำไมวะ”
“เสือกนะเราอ่ะ” ชมพู่ถลึงตาใส่ อยากหาอะไรขว้างใส่หัวมันสักที “เด็กมันไม่ยอมกินนี่หว่า”
“อ้าว ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอคะ?”
“ชอบดิ ดูตา วาวขนาดนั้น มันรอให้ผู้ใหญ่กินก่อนไง”
“พี่ถามน้องจันทร์เจ้านะกาล”
“เสือกนะเราอ่ะ” ชมพู่ได้ทีเอาคืน แต่ทิวากาลก็ไม่ได้สะทกสะเทือนอะไร
“น้องจันทร์เจ้านิสัยดีจังเลย เลิกกับพี่กาลเถอะค่ะ พี่พินทร์จะดูแลอย่างดี”
“พี่พินทร์เป็นเลสเหรอครับ?”
“เบสท์น่ะ!” มุ่ยหน้าใส่เพื่อน ทำไมอ่ะ อย่างจันทร์เจ้าจะมีแฟนเป็นผู้หญิงไม่ได้เหรอ นี่ก็ผู้ชายป่ะ!
“เออว่ะ ลืม เท ๆ ไม่เอาแล้วค่ะ!” รพินทน์รีบพูดแก้ตัวทันที คนอื่น ๆ หัวเราะ ผิดกับจันทร์เจ้าที่งอแงหนักกว่าเดิม แต่ได้กุ้งเผาตัวโตเนื้อหวานละมุนลิ้นชุ่มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านที่โคตรดีต่อใจซึ่งถูกป้อนโดยทิวากาลปลอบใจ ลูกหมูจึงลืมเรื่องที่ถูกแกล้งไป
“อร่อยไหม?”
“มาก ๆ” พยักหน้าหงึกหงักประกอบคำพูด แก้มกลมบวมตุ้ยเต็มไปด้วยอาหาร มือเล็กแกะเปลือกกุ้งอย่างชำนาญก่อนจิ้มน้ำจิ้มแล้วส่งไปให้คนตัวโต ทิวากาลชะงักเล็กน้อย ยกยิ้มมุมปาก อ้าปากรับกุ้งที่แฟนเด็กป้อนให้เข้าปาก
“เราทานเยอะ ๆ ได้ไหม?”
“ได้ แต่อย่ามากเกินไป เดี๋ยวปวดท้อง ดีล?”
“ดีลครับ! พี่ทิวา เราอยากทานต้มยำ” รับปากก่อนจะเอ่ยอ้อน ไม่ได้จะใช้แต่เพราะทิวากาลอยู่ใกล้กับหม้อต้มยำมากกว่า หากจะเอื้อมไปตักเองก็จะทุลักทุเลเกินไป
“นี่”
“ขอบคุณครับ” ยิ้มแฉ่ง ตักน้ำซุปต้มยำทะเลขึ้นซด รสชาติเข้มข้นอร่อยถูกใจทำให้ลูกหมูโยกตัวไปมา กุ้งก็ตัวโต๊โต ไม่รู้ว่าคุณป้ากับพี่มาศไปหาซื้อจากไหน หมึกก็ไม่คาวเลยด้วย และปลาที่ตกมาเองยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก
สุดยอด!!!!
“ทริปนี้ใครน้ำหนักไม่ขึ้นนี่กูกราบเลย”
“ใครจะไม่ขึ้นวะ แดกแหลกขนาดนี้”
แอบพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของรุ่นพี่ ทริปนี้ไม่รู้ว่าจุดประสงค์จริง ๆ คือมาเที่ยวพักผ่อน หรือตะลอนทานกันแน่ เพราะแต่ละมื้อจัดเต็มเหลือเกิน พี่กรกับพี่แดนไทเจ๋งมาก รู้จักร้านอร่อยเยอะไปหมด แค่สองวันจันทร์เจ้าก็รู้สึกตัวแน่น ๆ ไม้กล้าชั่งน้ำหนักเลย...
เอ๊ะ! แต่การทานอาหานอร่อย ๆ ก็ถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง เนอะ!?
“น่าเสียดายจัง พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว”
“จริงด้วย ยังอยากเที่ยวต่ออยู่เลย”
“ขอเบิกวันหยุดเพิ่มได้ไหมครับท่านประธาน?” ทินกรหันไปถามผู้เป็นบิดาไม่จริงจัง หากได้ก็ดี เผื่อฟลุ้ก
คุณสุริยะแสยะยิ้ม “ลาออกสิ”
“ไงล่ะมึง”
“เดี๋ยวมึงเจอไอ้กาล มาทำงานกับกูเมื่อไหร่มึงตายแน่”
ร่างสูงไหวไหล่ ไม่ได้รู้สึกอะไร งานที่บ้านเขาก็ศึกษาอยู่ตลอด นี่ก็ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาของเขาแล้ว อีกไม่นานก็จะเรียนจบ และแน่นอนว่าต้องเข้าไปรับตำแหน่งสักตำแหน่งที่บริษัท แต่ฉิบหายเถอะ ลืมอะไรไปหรือเปล่า แฟนเด็กของเขามันเพิ่งอยู่ปีหนึ่ง ถ้าเขาจบไปแล้วใครจะคอยดูวะ พวกแมลงยิ่งเยอะ
“งี้กูเรียนจบแล้วคนอื่นก็มาจีบไอ้เตี้ยนี่ดิ”
ไอ้เตี้ยนี่ที่ว่ากะพริบตาปริบ ๆ รูดช้อนออกจากปากช้า ๆ และสบตากับเจ้าของนัยน์ตาคม
“เรารู้ว่าเราน่ารัก”
“มั่นหน้าจริง ๆ”
“ก็เราน่ารักจริง ๆ นี่...”
“กินเข้าไป จะได้ไม่ต้องพูดมาก” ปากยื่นใส่คนนิสัยไม่ดี แต่เรื่องอะไรจะประท้วงด้วยการไม่ยอมทานเล่า!
“เจะ” หลุบตามองวัตถุขาว ๆ ที่มาเกาะขา น้องไลลาเปลี่ยนชื่อให้จันทร์เจ้าอีกแล้ว ลูกหมูย่นจมูกก่อนฉีกยิ้มให้เด็กน้อย เช็ดมือกับกระดาษแล้วอุ้มน้องขึ้นนั่งตัก
“กวนพี่จันทร์เจ้าอีกแล้วนะคะไลลา” เหมือนเข้าใจว่าโดนคุณแม่แซว หนูน้อยมุดหน้ากับอกจันทร์เจ้า
“ทานปูไหมครับ?” ถาม และหยิบเนื้อปูสีขาวชิ้นใหญ่ รสหวานอร่อยไปแตะริมฝีปากเล็ก ๆ ของน้องไลลา ไม่ต้องลุ้นอะไรมาก เมื่อเห็นอาหารก็อ้างับทันที
เป็นอันว่า... จันทร์เจ้าป้อนน้องไลลาเรื่อย ๆ และอ้าปากงับอาหารที่ทิวากาลป้อนให้ด้วย
เพราะมีน้องอยู่บนตัก จึงทานเองไม่ถนัด
“น้องไลลาจ๋า~~~ มาหาพี้เบสท์มา เร้วววว~”
“ฮื่อ! เบสท์อย่ามาแย่งน้องเรานะ”
“น้องมึงก็เหี้ยละ ไลลาคะ มาหาพี่เบสท์นะครับ” เมื่อเห็นกุ้งตัวโตที่เบสท์ใช้ล่อ น้องไลลาคนดีของจันทร์เจ้าก็ยืดตัวจะไปหา ลูกหมูรั้งเอาไว้ก็ร้องอื้อขัดใจ
“น้องไลลาอ่า!”
“โดนทิ้งละ”
“เศร้าจังเลย พี่ทิวาตักยำให้เราหน่อย”
“อยากกินก็บอกดี ๆ ไม่เห็นต้องอ้าง”
“มันไม่เท่ คิคิ”
“หึหึ”
“คนบางคนมีแฟนแล้วก็เป็นง่อย”
คนบางคนชะงัก หรี่ตามองคนพูด ปากเคี้ยวหมึกย่างหอม ๆ ชุบด้วยน้ำจิ้มรสเด็ดหนุบหนับ หลักฐานคาปากเพราะคนป้อนเพิ่งละมือออกไปเมื่อสักครู่ สาวสวยลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อิจฉามันเหรอ?” เบสท์ว่า ถามคล้ายแขวะมากกว่าอยากได้คำตอบจริง ๆ
“เออ!” ตอบรับแต่โดนดี ทั้งหมั่นไส้ ทั้งอิจฉา ผู้นางงานดีเหลือเกิน เป็นชะนีทำไมเศร้าแบบนี้วะ
“ฟินน์ก็อย่าเล่นตัวสิ จะได้เป็นง่อยบ้าง”
“ฝักใฝ่จะมีผัวแต่เสร่อรักนวลสงวนตัว”
“ใครมันจะไปแรดเหมือนพวกมึง กระเหี้ยนกระหือรือ!” ฟินน์ถลึงตาใส่ ดีที่ผู้ใหญ่ไม่อยู่แล้ว ไม่งั้นไม่กล้าพูดแบบนี้ ที่เหลือนั่งกันอยู่ก็แค่รุ่นเดียวกัน คนอายุมากที่สุดก็ทินกรที่ยังนั่งดื่มนั่งทานเล่นกับเด็ก ๆ
“เอื้อ! เป็นไงล่ะ ชะงักเลย”
“ยุ่งว่ะพี่รถถัง” เบสท์จิกเบา ๆ จันทร์เจ้าพยักหน้าหงึกหงักเสริมพลางแทะข้าวโพดปิ้งไปด้วย
“น้องว่ามึงเสือกอ่ะ”
“มึงก็เสือกไอ้เหี้ยต้น!!”
“แค่ฟินน์เปิดใจให้คนมาจีบก็มีไปแล้ว”
“ใครมาจีบกูวะ”
“จะให้เราพูดจริง ๆ เหรอ?” ลูกหมูยิ้มสนุกเหมือนเห็นว่าเพื่อนเริ่มอึกอัก เบสท์ยิ่งสุมไฟเข้าไปใหญ่ จนฟินน์โวยวายหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าโกรธหรืออาย เอ๊ะ หรือจะเขินด้วย
คิคิ สนุกจังเลยน้า
“ใครจีบลูกสาวเจ้คะ!” ชมพู่โพล่งขึ้น มองหน้าเด็กรุ่นน้องปีหนึ่งทั้งสามคนสลับกันอย่างต้องการคำตอบ
“ให้เจ้าตัวบอกเองดีกว่าฮะ”
“ไม่บอกกกกกก ไม่มีว้อยยย กิน ๆ ใครเขาพูดมากตอนกินข้าวกัน”
“บอกไปพี่ชมพู่รู้จักแน่นอนอ่ะ”
“เอ้า ก็บอกมาสิคะ เร็ว พี่อยากรู้”
“หน้ามึงออกมากว่าอยากเสือก”
“มึงนี่พูดโง่ ๆ ไอ้มิค ก็กูอยากเสือกจริง ๆ นี่หว่า ... น้องชับบี้ขา ถ้าบอกพี่นะคะ เดี๋ยวชมพู่สุดสวยคนนี้จะพาไปเลี้ยงปังเย็นค่ะลูก”
“บอกดีไหมน้า...”
“ไอศกรีมด้วยดีไหมคะ ช่วงนี้กำลังมีเมนูใหม่ออกมา”
“อ่า... เอาไงดีอ่ะ”
“โอ๊ย! อยากกินอะไรบอกมาค่ะ เดี๋ยวพาไปกิน!”
“คิคิ เราบอกไม่ได้หรอกครับ เรื่องส่วนตัวของฟินน์ง่ะ”
“เยี่ยม ๆ ต้องงี้ดิเพื่อนกู”
“แต่เดี๋ยวเราใบ้ให้” พูดจบก็ยกยิ้ม และชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า ไปเดาเอาเองก็แล้วหัน ฮ่าฮ่า
“โว้ยยยย อะไรคือการชี้ขึ้นฟ้าวะ! ไม่อยากรู้แล้วก็ได้”
โธ่ มันง่าย ๆ เองนะ บนท้องฟ้าตอนกลางคืนแบบนี้มีดาวมีเดือนเยอะแยะเลยน้า~
“เตี้ยครับ ง่วงยัง?” เดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ คนที่เกยคางกับเข่าตัวเองขณะนั่งอยู่ที่ระเบียงห้องนอน
“ยังครับ พี่ง่วงแล้วเหรอ?” ตอบพร้อมขยับให้คนตัวโตนั่งด้วย ทิวากาลรวบเอวเด็กแก้มกลมมากอดและวางคางไว้บนศีรษะกลม กลิ่นหอมแชมพูทำให้ทิวากาลรู้สึกสดชื่นขึ้นมาแปลก ๆ
ทั้ง ๆ ที่ใช้แชมพูแบบเดียวกัน แต่ทำไมพออยู่บนตัวของเจ้าเด็กนี่มันกลับหอมกว่าปกติก็ไม่รู้ ครีมอาบน้ำก็เหมือนกัน
“ไปนั่งรถเล่นกันไหม?”
“เอ๋...”
“น่า ใช้เวลาด้วยกันหน่อย”
“ค้าบ~ แต่เราขี้เกียจเปลี่ยนชุดอ่ะ” ก้มมองตัวเอง ใส่ชุดนอนเต็มยศ พี่ฟ้าซื้อให้ด้วยแหละ อวด คิคิ
“เปลี่ยนเถอะ เผื่อไปเดินเล่น”
“โอเค~” รับคำ ลุกจากที่นั่งเข้าไปในห้อง เลือกหาชุดที่พอจะใส่ได้บ้าง และก็ได้กางเกงขาสั้นระดับเข่ากับเสื้อยืดที่ไปเสื้อด้วยกันกับคนตัวโต
“อากาศน่าจะเย็นใส่เสื้อคลุมไปด้วย” ทิวากาลบอก ร่างสูงเองก็เปลี่ยนชุดในสไตล์คล้าย ๆ กันกับแฟนเด็ก และทั้งคู่ยังสวมหมวกที่ไปซื้อด้วยกันก่อนมาทะเลอีกด้วย
“เราไม่มีเสื้อคลุมเลยอ่ะ... ขอยืมของพี่ได้ไหมครับ?” เพราะเห็นด้วยกับคนตัวสูง จึงไม่งอแงที่ต้องสวมเสื้อคลุม ดีเสียอีก จันทร์เจ้าไม่ชอบอากาศเย็น มันสาหัส รุนแรงกันใจมั่ก ๆ
“ครับ”
เจ้าของอนุญาตแล้ว จันทร์เจ้ากรีดนิ้วไปตามเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ในตู้ ก่อนเลือกหยิบเสื้อเชิ้ตของคนนิสัยไม่ดีมาสวม ด้วยขนาดที่ต่างกัน ทำให้ชายเสื้อมันยาวเลยสะโพกลงไปจนถึงช่วงต้นขา แขนเสื้อก็ยาวจนคลุมนิ้ว ถ้าหากเป็นคนอื่นนะ... ถ้าเป็นคนอื่นมันคงพิลึกที่ใส่เสื้อต่างไซส์แบบนี้ แต่พออยู่บนตัวจันทร์เจ้าแล้วแม่งน่ารัก น่ารักมาก น่ารักฉิบหายจนทิวากาลไม่อยากออกไปข้างนอกแล้ว ไม่อยากให้ใครเห็น
หวง!!!
คนห่าอะไรจะขยันน่ารักตลอดเวลาแบบนี้
ใจกูพังหมด
“ไปไหนวะ?” พวกหน้าบ้านที่ยังนั่งดื่มกันอยู่ร้องถาม เขาตอบไปสั้น ๆ ว่าข้างนอก แล้วกอดคอเด็กแก้มกลมไปที่รถ
“หูย~ เปิดหลังคาได้ด้วย”
“ที่บ้านตัวเองก็มีแบบนี้ ทำเป็นตื่นเต้น” เด็กโอเวอร์แอคติ้งหัวเราะคิก หลับตาพริ้ม แหงนหน้ารับลมที่ตีปะทะใบหน้า สูดกลิ่มเค็มของทะเลเข้าปอด
ทิวากาลขับช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ มือข้างหนึ่งกุมมือเล็กวางไว้บนตัก และสิ่งที่ทำให้เขาขับรถสะบัดไปชั่ววินาทีคือการที่เด็กข้าง ๆ ดึงมือออกจากการถูกกุม ยกแขนเขาพาดไหล่ตัวเองและเอนศีรษะมาพิงบ่า ฉิบหายเถอะ ทำอะไรไม่สงสารหัวใจกูเลย
“อ่อยว่ะคนเรา”
“ก็แย่ละ” ขโมยคำพูดติดปากของน้องมาใช้ กลับไปนั่งปกติ หัวเราะเสียงใสเมื่อแกล้งคนนิสัยไม่ดีได้
ทั้งคู่แวะเดินเที่ยวกันช่วงเวลาใกล้สี่ทุ่ม บรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างชาติ มีร้านค้า ร้านอาหารมากมายเปิดเรียงรายชวนแวะเข้าไปสัมผัส ทิวากาลวางแขนพาดเป็นไหล่เล็กเป็นการกันไม่ให้พลัดหลงและแสดงความเป็นเจ้าของไปในตัว เพราะมีหลายคนเหมือนกันที่มองแฟนเด็กของเขา ไม่ว่าจะมองด้วยสายตายังไงเขาก็ไม่ชอบ
แต่ที่ชอบสุดก็คือปลายนิ้วเล็กที่กำลังคลึงนิ้วมือข้างที่ใช้โอบไหล่เจ้าตัวเล่นนี่แหละ
ยั่วได้ทุกที่จริง ๆ
ไม่รู้ว่าคนทำจะรู้หรือไม่ แต่คนโดนกระทำจะตายเอา
และไม่รู้ว่าวันไหนเขาจะหน้ามืดตามัว ปล้ำแฟนเด็กคนนี้เข้า
เด็กน้อยมองร้านอาหารที่เดินผ่านแต่ละร้านตาละห้อย สงสารก็สงสาร เอ็นดูก็เอ็นดู แต่จะทานกันอีกก็ไม่ไหวแล้ว เพราะที่ทานกันไปก็ยังไม่ย่อย แต่สุดท้ายก็แพ้ต่อตากลม ๆ วาวน้ำตานั้น ซื้อหอยทอดมาหนึ่งห่อเพราะเจ้าตัวบอกว่าอยากกินมาก ไม่ได้กินนานแล้ว และพวกเราก็ทานหอยทอดห่อนั้นด้วยกัน...
(มีต่อค่ะ)