มนุษย์แฟนเด็ก
35
มีความกินอยู่กับปาก อยากอยู่กับเธอ
”เป็นไทแล้วโว้ย!!!!!!” เบสท์ตะโกนเสียงดังหลังออกสอบตัวสุดท้ายเสร็จ แทบจะโยนชีทและทุกสิ่งอย่างทิ้งไปพร้อมกับความรู้ในสมอง
“ตอนนี้หัวกูโล่งมาก!” ฟินน์พูด กางแขนออกทั้งสองข้างและแหงนหน้าขึ้นฟ้า
“เพราะไม่มีสมองใช่ไหม?” ลูกหมูเอ่ยเสียงเนือย ตาลอย มองไปข้างหน้า
“ถูก!”
“ฮืออออ” จากนั้นสามสหายก็กอดคอกันร้องไห้ที่หน้าตึกคณะ
“ดรอปไหมมึง กูว่ากูจะตาย”
“เราก็จะตาย ทำไมมันยาก แต่ตอนนี้เราหิว ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“ดี ๆ หิวเหมือนกัน”
“ไปไกล ๆ จากม. นะ กูเอียน จะอ้วก”
ระหว่างกำลังจะเดินหาร้านอาหารก็เจอกับตะวันและเพื่อนอีกสองคนเข้าพอดี เมื่อตะวันเอ่ยชวนเราก็ตอบตกลง ประหยัดไปอีกมื้อ คิคิ ร้านอาหารประเภทบริการตัวเองคือสิ่งที่พวกเราเลือก จะกินกับให้คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายเลย!!!
“สอบเป็นไงบ้าง?” ตะวันเอ่ยถามพลางตักเนื้อหมูและกุ้งใส่จานให้กับจันทร์เจ้า
ลูกหมูผงกหัวแทนคำขอบคุณก่อนจะกลืนอาหารในปากแล้วจึงตอบ “ก็ดี”
“หน้าไม่ดีเลย”
“อือ พอดีตื่นเต้นไปหน่อย เจอข้อสอบก็ลืมเนื้อหาที่อ่านเลย แต่คิดว่าผ่านแหละ”
“อ๋อ ก็ดีแล้ว...”
“แล้วตะวันเป็นไงบ้าง?”
“สบาย~” ตะวันยักไหล่ประกอบคำตอบ เรียกความหมั่นไส้จากลูกหมูไปเต็มกระบุง
“ใจคอจะถามกันแค่นั้นไง? ไม่ได้มากันสองคนนะคะ ลำไย!”
“ดู ๆ ไปแล้วฟินน์ก็น่ารักนะ” ตะวันพูดพลางระบายยิ้มที่มุมปาก เล่นเอาสาวมั่นอย่างฟินน์อึกอักหน้าแดงเรื่อไปไม่เป็น
“น แน่นอน! เราทั้งสวยทั้งน่ารัก!”
“อืม รู้แล้ว”
หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วก็แยกกันกับกลุ่มของตะวัน ตกลงกันว่าจะเดินเล่นกันก่อนแล้วค่อยกลับ ลูกหมูพยักหน้าตกลง และไม่ลืมส่งข้อความไปบอกคนนิสัยไม่ดีด้วย ตั้งแต่คราวนั้นที่บอกกับทิวากาลว่าหากไปไหนจะบอกก่อน ลูกหมูก็ทำตามคำพูดของตัวเองมาตลอด ไม่มีนอกลู่นอกทาง
TW. : เดี๋ยวไปหา
นี่จันทร์เจ้าเอง : okay!
“พี่กาลจะมารับมึงเหรอ?”
“อือ... เบสท์กับฟินน์กลับยังไง?”
“แท็กซี่มั้ง”
“ให้พี่กาลไปส่ง!” ฟินน์โพล่งขึ้น “ไม่ต้องมาค้อนกูเลยหมู เดี๊ยะ มึงกล้าปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สวย ๆ แบบกูนั่งแท็กซี่กลับคนเดียวเหรอ!! ให้รู้ไว้ว่าคนไทยแล้งน้ำใจแบบนี้”
“เพ้อเจ้อ เรายังไม่พูดอะไรเลย”
“สายตามึงบอกไง แหม เป็นกับพี่เขายังไม่ถึงสองอาทิตย์ หวงพี่เขาแล้วเหรอจ๊ะน้องจันทร์เจ้า”
“เป็นไม่ถึงสองอาทิตย์หรือจะกี่วันก็คือเป็นแฟนกันแล้วไหมอ่ะ? เราจะหวงหรือไม่หวงก็สิทธิ์ของเราหรือเปล่า?”
“พอ! อย่าเพิ่งตีกัน กูอยากกินน้ำแข็งไส!”
เบสท์ห้ามศึกระหว่างทั้งสอง เมื่อพูดถึงของกินแล้วก็คล้ายจะลืมเรื่องที่กำลังเถียงกันอยู่ไป ลูกหมูกระดี๊กระด๊าเกาะแขนเบสท์ พูดเจื้อยแจ้วว่าอยากกินอันนั้นอันนี้จนเพื่อนได้แต่กลอกตารำคาญ เข้ามาในร้านก็สั่งขนมหวานมาหนึ่งเมนู โดยเลือกจากที่ชอบที่สุดจากทั้งสาม และก็โชคดีที่เป็นเมนูเดียวกัน
“นี่เหรอแฟนพี่กาล ไม่เห็นจะเหมาะ” เบสท์และฟินน์ต่างชะงักหลังจากได้ยินเสียงค่อนขอดมาจากโต๊ะข้าง ๆ หากแต่ตัวคนที่โดนนินทากลับไม่ได้ใส่ใจ เอาแต่ตักน้ำแข็งไสเข้าปาก
“ไม่รู้พี่กาลคิดยังไง จะเอาผู้ชายทั้งทีทำไมไม่เลือกให้ดีกว่านี้วะ” เสียงผู้หญิงคนที่สองดังขึ้นมา ไม่พูดเปล่าซ้ำยังส่งสายตาเหยียดหยามมาอีกด้วย ฟินน์กับเบสท์วางช้อน กอดอกหันไปมองโต๊ะคนที่พูดด้วยสายตาบ่งบอกว่าไม่พอใจ พวกนั้นมีสามคนและเป็นผู้หญิงทั้งหมด ดูซิ อีกคนมันจะพูดอะไร
“นั่นดิ ทั้งอ้วนทั้งเตี้ย เดินด้วยกันไม่อายเหรอวะ” เมื่อพูดจบทั้งสามคนก็หัวเราะกันสนุก
“อ้าว ทำไมฟินน์กับเบสท์ไม่กินอ่ะ?” ลูกหมูเงยหน้าขึ้นเมื่อพบว่ามีแค่ตัวเองที่กินอยู่คนเดียว “มองอะไรกันอยู่เหรอ?”
“มึงนี่!” เบสท์ตบหัวจันทร์เจ้าด้วยความหมั่นไส้ ไม่รู้เรื่องรู้ราวห่าอะไรเลยหรือไง “มัวแต่กินอยู่นั่น”
“เอ๋า ก็มากินอ่ะ ไม่ให้กินจะให้เรามองหาคุณแมลงสาบเหรอ”
“พอ ๆ มึงไม่ต้องคุยกับมันละ” ฟินน์ห้ามเบสท์ “มึงมาหาวิธีฆ่าแมลงสาบกับกูดีกว่า”
“ฟินน์กับเบสท์จะฆ่าคุณแมลงสาบทำไมครับ?”
“กูรำคาญ คนจะมากินให้อารมณ์ดีดันมาพังเพราะพวกมันเนี่ย”
“ไม่เห็นต้องสนใจเลย เห็นคนมีความสุขแล้วไม่มีปัญญามีความสุขแบบนี้ ได้แต่กระดิกหนวด เดินเพ่นพ่านทำตัวน่ารำคาญก็ปล่อยไปเหอะ เก่งแต่ปาก อ๊ะ!” ลูกหมูตะครุบปากเมื่อเผลอพูดอะไรออกไป ยิ้มเขิน ๆ ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้น
เบสท์กับฟินน์เองก็ทำหน้าไม่ถูก เพิ่งเข้าว่าแมลงสาบที่มันพูดถึงตั้งแต่แรกนั้นหมายถึงพวกผู้หญิงปากไม่ดีสามคนนั่น เออ ขนาดเจ้าตัวมันยังไม่แยแสเลย ทำไมเขาต้องสนใจแทนมันด้วยวะ ไอ้หมูอ้วนเอ๊ย!!!
“รีบกินซี่~~~ คุณน้ำแข็งไสละลายแล้วน้า~~”
“ปัญญาอ่อนว่ะ กูว่าเดี๋ยวไม่นานโดนทิ้งแน่”
“ก็ว่างั้น พี่กาลขี้เบื่อจะตาย”
“อีแมลงสาบหัวเหลืองนั่นเคยควงกับพี่กาลสองวัน” ฟินน์กระซิบบอก หมายถึงผู้หญิงที่ย้อมผมสีทอง จันทร์เจ้ายกยิ้มริมฝีปากขึ้นขณะที่ฟังและราดซอสบนน้ำแข็งไสไปด้วย
“อย่างนี้นี่เอง”
“กูไม่ได้ยุให้มึงทะเลาะกับพี่กาล แค่บอกเฉย ๆ ที่พวกมันแซะมึงแบบนี้คงอิจฉา”
“รู้ครับ เราไม่สนอดีตหรอก แค่ปัจจุบันก็พอ” พูดจบก็ยักคิ้ว ก่อนยกโทรศัพท์มือถือที่จอส่องสว่างขึ้นโชว์เพื่อนทั้งสอง เบสท์กับฟินน์กลอกตาขึ้นฟ้า รำคาญโว้ย!!
“รีบรับไป๊”
ลูกหมูหัวเราะ กดรับสายเรียกเข้าตากคนนิสัยไม่ดี
“สวัสดีคับ!”
(“รับช้า”)
“เราราดซอสบนน้ำแข็งไสอยู่ ไม่ว่าง”
(“เหอะ! อยู่ไหน พี่มาถึงแล้ว เดี๋ยวไปหา”)
“อยู่ร้านน้ำแข็งไสชื่อว่า... รีบมานะครับ”
(“คิดถึงเหรอ?”)
“ต้องการคนจ่ายตังค์ คิคิ”
(“หึหึ เจอกัน”)
หลังจากวางสายไปนั้นเพียงไม่ถึงห้านาทีร่างสูงสมส่วนของทิวากาลก็เดินเข้ามา เพียงแค่เปิดประตูก็เรียกความสนใจจากคนในร้านได้แล้ว ด้วยความที่หน้าตาดีเป็นทุนยิ่งทำให้สาว ๆ มองตามตาไม่กะพริบ แถมยังเดินยิ้มเข้ามาอีก... ให้ตาย ทำไมทิวาชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่วแบบนี้!
“ทำไมวันนี้พี่กาลหล่อ?” ฟินน์ทักทายด้วยคำถามหลังจากที่รุ่นพี่ผู้เป็นที่หมายปองของสาว ๆ นั่งลงแทนที่ของเบสท์
“พี่หล่อทุกวัน”
“มั่นหน้าจังเลย”
“ไม่จริง?”
“จริงคับ! ฮะฮ่า”
“จากที่หวานอยู่แล้วแม่งยิ่งไปกันใหญ่ รำคาญโว้ย!” เบสท์พูดพลางทิ้งช้อนลงในถาดโครมใหญ่ด้วยความหมั่นไส้และรำคาญ ตอนจีบกันก็เลี่ยนจะตายอยู่แล้ว พอเป็นแฟนแล้วยิ่งเลี่ยนยิ่งกว่าเดิมไปอีก แทบอยากจะแช่งให้เลิกกัน
“พบคนอิจฉาหนึ่งอัตราครับ”
“สัด! เดี๋ยวกูเอาถ้วยน้ำแข็งไสปาหน้า”
“อย่านะ! ยังกินไม่หมดเลย หมดก่อนค่อยปานะครับ”
“ห่วงแต่กิน”
“แน่นอน” ยักคิ้วให้คนนิสัยไม่ดี ทิวากาลสั่นหัว ยื่นมือไปปาดคราบที่เลอะมุมปากเล็กออกแล้วเอาเข้าปากตัวเอง จันทร์เจ้านิ่ง กะพริบตาปริบ ๆ หันหน้าหนีพร้อมกับแก้มใสที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ช่วงโปรโมชั่นป่ะพี่ ไม่ใช่พอเบื่อแล้วก็ทิ้ง อ้วน ๆ อย่างมันไม่มีใครเอาแล้วนะ” เบสท์ถามพลางชำเลืองตามองสามสาวโต๊ะข้าง ๆ ไปด้วย แหม พอพี่กาลมาล่ะหายปากดีเลยนะ
“นั่นสิ ทิ้งไปแล้วใครจะเอา งั้นไม่ทิ้งดีกว่า สงสาร” ทิวากาลพูดพลางเท้าคางหันหน้ามองเด็กแก้มกลมที่กำลังกินขนมหวานแก้มตุ้ย
ลูกหมูเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนแสยะยิ้ม “แล้วแต่ครับ จะทิ้งก็ทิ้ง เราไม่รั้ง”
“โอ้วววววววว เอาไงต่อพี่กาล”
“เดี๋ยวพี่รั้งเอง หึหึ”
“อ่อน ๆ หน้าอย่างพี่หาได้ดีกว่าไอ้หมูตั้งเยอะ ดูมันสิคะ อ้วนก็อ้วน เตี้ยก็เตี้ย เดินกับมันไม่อายคนอื่นแย่เหรอ”
“ช่างคนอื่นสิวะ สนทำไม ไม่เห็นจะเกี่ยวกัน นี่เรื่องของพี่ เสือก” เบสท์กับฟินน์แทบกรี๊ด หัวเราะชอบใจกับคำตอบ ทั้งคู่ก็เหลือบมองพวกโต๊ะข้าง ๆ ที่ตอนนี้มองกลุ่มเขาด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ “มีอะไร ใครมาว่าอะไรหรือไง?”
ลูกหมูไม่ตอบแต่ใช้สายตามองไปที่สามสาวโต๊ะข้าง ๆ แล้วไหวไหล่ ทิวากาลขมวดคิ้ว หันไปมองตามทิศที่ว่า เบสท์ที่อยู่ฟังตรงข้ามยื่นหน้าเข้าไปกระซิบรุ่นพี่สายรหัสตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนที่ทิวากาลจะมา
“หมดแล้ว! ไปกันเถอะ!” จันทร์เจ้าพูดขึ้นก่อนคนนิสัยไม่ดีจะลุกไปหาผู้หญิงกลุ่มนั้น ทิวากำลังโกรธ และอาจจะมีเรื่องกับผู้หญิงเอาได้ มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเสียเวลาด้วยเลยสักนิด
“เตี้ย!”
“ฮื่อ ไม่เอา อย่าเสียงดัง ไปกันเถอะครับ นะนะ”
“อย่างนี้ทุกที” ทิวากาลว่าอย่างหัวเสีย เขาตวัดตามองโต๊ะข้าง ๆ แต่ไม่มีใครสบตาเขาสักคน “มา!”
ลูกหมูเซไปตามแรงฉุดจากคนนิสัยไม่ดี เจ้าตัวกระเปี๊ยกดึงข้อมือตัวเองออก ไม่ทันที่ทิวากาลจะดุก็เปลี่ยนไปจับมือหนาเอาไว้แทน ไม่ชอบให้จับข้อมือ มันเจ็บ จับมือดีกว่า คิคิ
เราแยกกับฟินน์และเบสท์ เพราะสองคนนั้นไม่อยากมาด้วยเพราะรำคาญและเอียน เขาบอกแบบนั้น เราก็งง เอียนอะไรกัน...
“สอบเป็นไงบ้าง?” ทิวากาลเอ่ยถาม ตาคมหลุบมองเด็กข้าง ๆ ที่ใช้มือสองข้างประคองนมปั่นแก้วใหญ่ เด็กแก้มกลมกัดหลอดเล่นสักพักก่อนเงยหน้าขึ้นมาทำแก้มป่องแล้วจึงตอบ
“ยากมากเลย แต่เราทำได้นะ แต่ก็ยากอ่ะ”
“ทำได้ก็ดี ถ้าสอบผ่านจะเลี้ยงอาหารทะเล”
“จริงนะ! เราผ่านแน่ ๆ พี่เตรียมกระเป๋าฉีกเลย” เด็กน้อยยิ้มกว้างดีใจ ทิวากาลยิ้มเอ็นดูและใช้มือข้างที่กอดคอเด็กแก้มกลมยื่นไปลูบแก้มนิ่ม “คะแนนออกเมื่อไหร่?”
“ไม่รู้ครับ แต่เราผ่านแน่ ๆ นะ”
“มั่นใจขนาดนั้น? งั้นไปวันเสาร์นี้เลยป่ะ?”
เด็กแก้มกลมถอนหายใจทำหน้าเศร้า “วันเสาร์นี้ไม่ได้... เรามีนัดกับคุณลุงไปตกปลา”
“ฮะ!? พ่อเหรอ?” ลูกหมูพยักหน้า “ไปนัดกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“วันนี้” เปลี่ยนไปถือแก้วเครื่องดื่มด้วยมือข้างเดียวแล้วล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาส่งให้ทิวากาลอ่านข้อความที่ถูกส่งมาจากคุณสุริยะ
คุณลุงสุริยะที่ดุ ๆ แต่ใจดี สอบเสร็จวันนี้ใช่ไหม วันเสาร์ฉันจะไปตกปลา เธอต้องไปกับฉัน 10h
“เหี้ยเหอะ ทำไมไม่บอกพี่วะ!”
“คุณลุงไม่ให้บอกนี่นา”
“เหอะ! แล้วจะไปที่ไหน?”
“ไปทะเล~ ทะเล้~ ทะเล~” ลูกหมูตอบเสียงสดใสและยิ้มแป้น “คุณป้าก็ไปนะครับ พี่กรด้วย พี่พินทร์อีก คุณป้าบอกว่าพี่มาศจะพาน้องไลลามาด้วยแหละ คิคิ”
ทิวากาลหน้าเหวอ สรุปคือไปกันทั้งบ้านใช่ไหม แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องวะ!!!!
“ฮี่ฮี่ พี่ไปด้วยกันไหมครับ?”
“ยังจะถาม ก็ต้องไปอยู่แล้วสิวะ แล้วนี่อะไร จะไม่เที่ยวกันไม่ชวนสักคำ”
“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับ~”
“กวนตีน ไปไกล ๆ เลย” ลูกหมูหัวเราะ ยกแก้มน้ำปั่นไปแตะแก้มทิวากาล บอกให้ไปไกล ๆ แต่กอดคอเราไว้เสียแน่นเลย ขี้เก๊กเอ๊ย!
“พี่ก็ถือโอกาสเลี้ยงอาหารทะเลเราตอนนี้เลยไง”
“กินอีกละ!”
“โธ่ เรากำลังโตนี่นา”
“เด็กห่าเอ๊ย!” ทิวากาลด่าไม่จริงจัง เขาบีบแก้มนุ่ม ๆ ด้วยความมันเขี้ยว ไอ้เตี้ยหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีไม่มีแววโกรธเลยสักนิด “วันนี้ค้างที่คอนโดไหม?”
ลูกหมูสั่นหัวทันที “ไม่เอา เราจะกลับบ้าน คิดถึงหม่ามะ”
“ไม่คิดถึงพี่เหรอ?”
“ไม่อ่ะ อยู่กับพี่หลายวันแล้ว ปล่อยเรากลับบ้านเถอะ”
ช่วงก่อนสอบที่ต้องอ่านหนังสือหนัก ๆ ลูกหมูก็ย้ายของบางส่วนมาทิ้งไว้ที่คอนโดของทิวากาล เพราะจะให้คนนิสัยไม่ดีช่วยติวให้ และเมื่อถึงวันสอบก็นอนค้างที่คอนโดของทิวาด้วยเพราะต้องสอบแต่เช้า จะได้ไม่ต้องรีบมาก และไม่ต้องกลัวว่าจะไปสอบไม่ทัน น่าแปลกที่ไม่มีใครคัดค้านความเห็นนี้ของทิวากาลเลย พี่ฟ้าที่ว่าตึง ๆ ยังยอมให้มาอยู่กับทิวา งงอ่ะ งง ทำไมไม่หวงเราแล้ว เสียใจจัง ฮือ
“เราไปซื้อของไปเที่ยวดีไหม?”
“หือ? อยากซื้อเหรอ?”
“เปล่าคับ แค่อยากอยู่ด้วยนาน ๆ” พูดพร้อมช้อนตามองคนตัวสูง
ทิวากาลสูดหายใจลึก พยายามห้ามใจไม่ฟัดเจ้าเด็กชอบยั่วไม่รู้ตัวกลางห้าง ให้ตายเถอะ! มาพูดแบบนี้หากเขาสติแตกขึ้นมาจับปล้ำจะทำยังไง ช่วงนี้ยิ่งไม่ได้ปลดปล่อย ฮึ่ม! อยากฟัดเด็กโว้ย!!!!
“ไปซื้อของกันน้า~ ไม่ซื้อก็เดินดูก็ได้ นะนะ”
“อ้อนดิ”
“หนูอยากอยู่กับพี่” ร่างสูงยิ้มกริ่ม ขยี้กลุ่มผมนุ่มแรง ๆ อย่างมันเขี้ยว อยากก้มไปกัดแก้มกลม ๆ นั่นสักที หรือไม่ก็บดจูบที่กลีบปากสีสดเล็ก ๆ ที่เอื้อยเอ่ยคำพูดแสนออดอ้อนนั้นออกมา
“วันนี้เราเจอตะวันด้วยแหละ” ลูกหมูพูดขึ้นขณะอยู่ในร้านเสื้อผ้า ทิวากาลชะงักไปทันทีและจ้องเด็กแก้มกลมเขม็ง
“ไปเจอมันได้ยังไง!?”
“ก็สอบเสร็จเรากะจะมาหาอะไรกินกับเพื่อน เลยบังเอิญเจอ แล้วตะวันก็ชวนไปทานข้าวด้วยกัน”
“แล้วก็ไปกับมันเนี่ยนะ!”
“อือ มีคนเลี้ยงข้าว ดีจะตาย~~”
“ไอ้เตี้ย!”
“ด่าเราอีกละ” ปากก็บ่น ทำหน้ายู่ใส่ด้วย มือก็จับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนตัวสวยทาบกับตัวของคนนิสัยไม่ดี
“ด่าตรงไหน ไม่ได้ด่าเลยเว้ย!”
“ด่า! พี่ชอบว่าเราเตี้ย!” ทิวากาลเลิกคิ้ว ดูซิ จะมามุกไหนอีก กูเตรียมปวดหัวก่อนเลย “เตี้ยมันต้องมาจาก ตัวเหี้ย แน่ ๆ เรามั่นใจ พี่ด่าเราอ่ะ เราเสียใจมากเลยรู้เปล่า ฮือ”
“ปัญญาอ่อน เตี้ยคือมึงเตี้ย ตัวเตี้ย ๆ สั้น ๆ เนี่ย มาจากตัวเหี้ยห่าอะไร!?”
“ขนาดคำว่า เตง ยังมากจาก ตัวเอง เลย เตี้ย ก็ต้องมาจาก ตัวเหี้ย สิ ย้าย ต เต่าไปด้านหลังไง พี่ด่าเรา แถมเมื่อกี้ยังเรียกเราว่ามึงอีก โป้ง! เสื้อซื้อให้เราสองตัวเลย”
“ตรรกะอะไรวะ”
“ไม่รู้แหละ! ไม่งั้นเราจะบอกคุณลุงว่าพี่ด่าเรา” เฮ้ย! นี่พัฒนาถึงขั้นจะฟ้องพ่อเขาเลยเหรอ ไอ้เด็กนี่ชักจะมากไปละ เดี๋ยวกลับห้องเจอดีแน่!
“เออ ๆ ไปเลือกมา เลือกให้ด้วย”
“ได้เยยยยยยยย~~”
อยู่ร้านนั้นเกือบยี่สิบนาทีก็ได้เสื้อมาคนละสองตัว ของ ของทิวากาลเป็นเสื้อเชิ้ต ส่วนของจันทร์เจ้านั้นเป็นเสื้อยืดสกรีนลายน่ารัก แวะซื้อกางเกงขาสั้นอีกคนละสองตัว โดยทิวากาลเป็นคนจ่ายยยยยยย จันทร์เจ้า is happy คิคิคิ
“น่ารักไหม?” หมุนตัวไปถามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังหลังจากวางหมวกสีแพนโทนปักลายน่ารักเล็ก ๆ ตรงกลางลงบนศีรษะ
ทิวากาลพยักหน้าเป็นคำตอบ อยากบอกว่าจะทำอะไรก็น่ารักทั้งนั้นแหละ แต่เดี๋ยวมันจะได้ใจ ลูกหมูยิ้มกว้าง หมุนกลับไปส่องกระจก เมื่อพอใจแล้วก็หมุนปีกหมวกไปไว้ด้านหลัง เลือกอีกใบซึ่งมีลักษณะเดี๋ยวกันแต่เป็นสีดำเพื่อให้ทิวากาล เจ้าตัวเล็กเดินเข้าไปหา สวมหมวกให้คนตัวสูง ปรับสายให้พอดีกับศีรษะ
ถอยออกมามอง กอดอกคิ้วขมวดทำหน้าครุ่นคิด เคาะแก้มตัวเองเบา ๆ ก่อนยื่นปลายนิ้วไปปัดผมบางส่วนที่ปรกหน้าคมออก จัดหมวกใหม่อีกครั้งแล้วถอยกลับไปมองอีก ทิวากาลยืนนิ่งให้เด็กน้อยเล่นสนุกกับการจับเขาลองนู่นลองนี่ หากเป็นคนอื่นได้โดนไล่ตะเพิดไปไกลตั้งแต่คิดจะเข้ามาแตะตัวเขาแล้ว
“ไม่หล่อเหรอ?”
“หล่อ”
“ทำหน้าเครียดทำไม?”
“เครียดเพราะหล่อ คนมองเยอะแยะเลย งื่ออออ” เด็กบ้า... ทิวากาลยกยิ้มขยี้ผมนุ่มเบา ๆ เด็กแก้มกลมยังทำหน้ายุ่ง เขาหันไปมองกระจก หล่อห่าอะไรวะ ก็ปกติ มันน่าเครียดตรงไหนเนี่ย แล้วคนก็มองเขาเป็นปกติอยู่แล้วป่ะ เกิดหวงขึ้นมาหรือไง
น่ารักวะ
“แง่ง ๆ” ถอดหมวกจากหัวทิวากาลออกแล้วจัดผมให้ใหม่ ก่อนเดินผ่านคนตัวสูงไปที่แคชเชียร์แล้วจัดการชำระค่าหมวกด้วยเงินของตัวเอง ลูกหมูส่งถุงหมวกให้ทิวากาลซึ่งข้างในมีหมวกสีดำอยู่ใบเดียว เพราะอีกใบอยู่บนหัวของเจ้าตัวเอง เด็กขี้เห่อ แท็กก็ไม่แกะ
“อุ๊ย พี่กาล ไม่เจอกันนานนะคะ” ทั้งสองหยุดเดินเมื่อมีคนมาดักตรงหน้า ทิวากาลเลิกคิ้ว และจันทร์เข้ามุ่นคิ้ว ใครวะ... “จำแพรไม่ได้เหรอคะ? แหม ไม่เจอกันนานจนลืมแพรเลยเหรอคะ?”
สาวเจ้ายิ้มหวาน ส่งสายตายั่วยวน ทิวากาลและจันทร์เจ้ามองหน้ากัน แพรไหนวะ เขาพยายามนึกแล้วว่ามีคนรู้จักชื่อแพรหรือเปล่า แต่ก็นึกไม่ออก
“พี่กาลจำแพรไม่ได้เหรอคะ? ตอนนั้นเรายังสนุกด้วยกันอยู่เลย แพรคิดถึงพี่กาลนะคะ” หญิงสาวกรีดนิ้วบนลำแขนแกร่ง เพียงไม่นานก็ถูกทิวากาลปัดออกและมองด้วยสายตาไม่พอใจ เธอหน้าเสียแต่ก็ยังปั้นหน้ายิ้ม
“ไม่รู้จัก ไปเถอะเตี้ย” ทิวากาลบอกกับแพร ก่อนจะดันไหล่เล็กให้ออกเดิน
“เดี๋ยวสิคะพี่กาล ถ้าคืนนี้พี่กาลมาหาแพรอาจจะจำแพรได้นะคะ”
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ใจร้ายจังเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่แพรคิดถึงพี่กาลมากแท้ ๆ เราก็เข้ากันดีไม่ใช่หรือคะ?”
ลูกหมูขมวดคิ้วเป็นปม มองผู้หญิงที่กำลังพูดอยู่อย่างพิจารณา ต้องเป็นคนยังไงเหรอ ถึงจะมาพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าผู้ชายในที่สาธารณะแบบนี้ ไม่อายบ้างเลยหรือไง เป็นผู้หญิงแท้ ๆ หน้าตาก็ดีไม่น่าสิ้นคิดแบบนี้เลย แย่จัง
“มองหน้าพี่แบบนั้นมีอะไรหรือเปล่าคะ!?” เธอกระแทกเสียงถามจันทร์เจ้า ลูกหมูกดยิ้มก่อนส่ายหน้า
“เปล่าครับ”
“น้องชายพี่กาลเหรอคะ หน้าไม่เหมือนกันเลย”
ยุ่งจัง เรื่องของตัวเองหรอ ก็ไม่ใช่ จันทร์เจ้ายื่นมือไปกระตุกชายเสื้อทิวากาล ร่างสูงโอบแขนกอดคอแฟนเด็กเอาไว้แล้วพาเดินออกมาตรงนั้นโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักนั่นอีก หากจะไปก็ไม่เลย ไม่ต้องสนใจให้มากความ เสียเวลาแล้วยังเสียอารมณ์อีก
“อยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม?” ถามคนข้าง ๆ เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิดแล้วพยักหน้า ทิวากาลเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อสักครู่ มันไม่มีความจำเป็นอะไร ในเมื่อเด็กแก้มกลมไม่ได้สนใจ เขาเองก็จะไม่สนใจ แต่ถ้าหากเด็กแก้มกลมมีคำถาม เขาก็พร้อมจะอธิบาย
“ไม่รู้อ่า... พี่อยากได้อะไรไหมครับ?”
“ไม่มีว่ะ ที่บ้านน่าจะมีครบหมดแล้ว”
“งั้นจัดกระเป๋าก่อนไหม? ถ้าขาดอะไรค่อยหาซื้อ ยังเหลือเวลาอยู่ น่าจะทันนะครับ”
“อือ เอาแบบนั้นแหละ ไม่ซื้อของแล้วจะไปไหนต่อ?”
“กลับบ้าน~”
“ไหนใครบอกว่าอยากอยู่ด้วยนาน ๆ วะ”
“ตอนนี้ไม่อยากอยู่แล้ว” พูดแล้วทำหน้าบึ้ง
“เป็นอะไร?”
“เปล่าคับ เราเหนื่อยแล้ว อยากกลับบ้าน”
“พูดมา เป็นอะไร”
“กลับบ้าน จะกลับบ้าน” เมื่อแฟนเด็กเริ่มงอแงสิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือตามใจไปก่อน เขาคว้ามือเล็กมือกุมไว้แล้วพาออกจากห้างไปที่ลานจอดรถ
ทิวากาลเลือกที่จะกลับคอนโด ถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องไม่มีทางที่เขาจะปล่อยเด็กแก้มกลมกลับบ้านแน่นอน หันไปมองเด็กที่หน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ ดูก็รู้ว่าไม่พอใจอะไรบางอย่าง ไม่ใช่เหนื่อยอย่างที่เจ้าตัวบอกหรอก เด็กแก้มกลมอารมณ์ดียิ้มแย้มกวนประสาทได้ปกติ จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นเข้ามาทัก เด็กน้อยก็เงียบไป พูดน้อยแล้วยังทำหน้าบึ้งปากคว่ำแทบจะตลอดเวลา
“โกรธเพราะพูดหญิงคนนั้นใช่ไหม?” ทิวากาลถาม มองหน้าเด็กแก้มกลมนิ่งก่อนหลุบสายตาไปมองมือเล็กที่บีบกันอยู่ “พี่ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร”
“มีเยอะจนจำไม่ได้เหรอ...”
“เตี้ย”
“เราขอโทษ เราไม่อยากเป็นแบบนี้นะ แต่มัน...” ลูกหมูกลืนน้ำลายลงคอ ค่อย ๆ หันหน้าไปสบตากับคนนิสัยไม่ดี “ก่อนที่พี่จะมา ฟินน์ก็บอกว่าหนึ่งในสามคนที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ เราที่ร้านน้ำแข็งไสก็เป็นคนที่พี่เคยอะไร ๆ จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็มีคนเข้ามาทักแล้วพูดทำนองนั้นอีก...”
“......”
“เราต้องเจอแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่เหรอ?”
“จะให้กลับไปแก้ยังไง ใครจะไปรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้”
“เราไม่ได้ให้พี่แก้อะไร เรารู้ว่ามันคืออดีตและตอนนั้นพี่กับเราไม่ได้รู้จักกัน แต่เราไม่ชอบ... ไม่ชอบที่ต้องมีใครมาทักมาคุยกับพี่แบบนี้ เราแค่ไม่ชอบ” ทิวากาลรั้งเอวแฟนเด็กให้มานั่งตัก โอบศีรษะกลมให้ซบที่ไหล่ จันทร์เจ้าเองก็โอบแขนกอดคอทิวากาลเอาไว้
“ขอโทษ”
“.......”
“ขอโทษครับ” กดจูบลงที่ข้างแก้มนิ่มแผ่วเบา “พี่กลับไปแก้อดีตไม่ได้แล้ว แต่ในอนาคตมันจะไม่มีอีก”
“พี่อย่ารำคาญเรานะ”
“ใครจะไปรำคาญ”
“เรางี่เง่า เราไม่ได้อยากเป็นนะ มันเป็นแบบนี้เอง”
“หึหึ งี่เง่ามาเลย เดี๋ยวรับมือเอง” เด็กแก้มกลมผละออกจากไหล่ ขยับลงจากตักไปนั่งข้าง ๆ มือเล็กทั้งสองโอบแก้มของทิวากาลเอาไว้ “หึงพี่ใช่ไหม?”
เด็กน้อยพยักหน้า “อือ หวงด้วย ไม่ชอบที่เขามาพูดแบบนั้น พี่เป็นของเรานะ!”
“ชักอยากให้มาทักแบบนี้เยอะ ๆ แล้วแฮะ”
“ฮือ!!! ไม่ได้นะ!!!”
“ชอบว่ะ น่ารักนะเราอ่ะ หวงพี่ด้วย”
“ก็พี่เป็นแฟนเรา”
“โว้ย!!! มาฟัดทีดิ๊! ทำไมทำตัวน่ารักแบบนี้วะ”
“อือ!! หยุดน้า หน้าเราช้ำหมดแล้ว!”
“ไม่หยุด ใครบอกให้ทำตัวน่ารัก ต้องโดนฟัดแบบนี้แหละ มานี่เลย!”
“เราน่ารักเอง เราไม่ได้ทำสักหน่อย ปล่อยเรา ปล่อยเรา~” ลูกหมูพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกรัดและพยายามเอียงหน้าหนีจากริมฝีปากซน ๆ ของทิวากาลด้วย โอ๊ย! หน้าเราเปื้อนน้ำลายหมดแล้วนะ บัสเตอร์ ฮันเตอร์ยังไม่ขนาดนี้เลย บอกให้หยุดก็เชื่อฟังด้วย ทำไมทิวาไม่เชื่องเหมือนทูเตอร์บ้างอ่ะ โกรธ!
“ถ้าไม่หยุดเราถีบพี่จริง ๆ นะ”
จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ
อืม... ถือว่าเตือนแล้ว แต่ทิวาไม่ฟังเอง เพราะฉะนั้นแล้วจะมาว่าเราไม่ได้นะ ทิวากาลเห็นว่าเด็กแก้มกลมไม่ขัดขืนจึงผละออกมาดูบ้าง พอมองไปเห็นเท้าเล็ก ๆ ที่ยกขึ้นมาเท่านั้นแหละ... หึ คิดจะถีบเขาจริง ๆ งั้นเหรอ
“หนัก ออกไปเลย”
“ไล่จริง ๆ เมื่อกี้ใครเกาะเป็นลูกลิง หืออออ”
“ก็พี่นั่นแหละดึงเราไปกอดเอง ยังจะมาว่าอีก”
“หึหึ” แกล้งงับแก้มนิ่มเข้าปาก “มาถ่ายรูปกัน”
เด็กตัวขาวกอดอกทำหน้าบึ้งและมองไปทางอื่น ทิวากาลส่ายหน้าเบา ๆ ขยับเข้าไปใกล้ ยกแขนข้างหนึ่งโอบไล่เล็กเอาไว้ และอีกข้างถือโทรศัพท์ เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกชนกับแก้มนุ่ม จันทร์เจ้าตกใจหันกลับมามอง ทำให้ปลายจมูกของทั้งคู่ชนกัน และในตอนนั้นเสียงชัตเตอร์ก็ดังขึ้นมาพอดี....
tiwathana มีแฟนแล้ว แฟนหวงมากด้วย
@jjindahouseTBCมาแล้ววววววววววววววววว
ขอโทษที่หายไปนานจ้าาาาา ฮือออออออ .ก้มหน้าสำนึกผิด
อาจจะมีคำผิดอยู่นะคะ ถ้าเจอรบกวนบอกด้วยนะคะ ; w ;
กะจะอัพตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อวานไปวัดมาค่ะ กลับมาถึงบ้านคือหลับตั้งแต่บ่ายสองจนหกโมงเย็นก็เลยไม่ได้อัพ
(ประมาณหนึ่งทุ่มถึงห้าทุ่มเวลาไทย)
ความก็แย่ละคือหลังจากกลับจากวัดอีนี่โดนหวัดมาเซย์ไฮ ส่วนวันนี้ก็เป็นไข้เฉยเลย ฮือ ทรมาน TwT
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าเด้อ บั๊บบัย
♥
ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของเจ้าเด็กปีศาจค่ะ
• ค ว า ม จ ริ ง ใ จ •