“เฮ้อ!” มีนถอนหายใจออกมาหลังจากที่รามินทร์วิ่งออกไป ไม่รู้จะตามน้องจิ๋วทันหรือเปล่า โทรหาก็คงไม่รับสายแน่ น้องจิ๋วนะ ถ้าได้งอนต่อให้โทรเป็นร้อยสาย ส่องข้อความเป็นร้อยฉบับก็ไม่มีทางรับหรือเปิดอ่านแน่นอน ไอ้เวฟโดนมาแล้ว หึหึ
“สรุป... มีเรื่องอะไรวะ?”
“ไม่รู้สิ รามินทร์ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง” มีนบอกพร้อมกับไหวไหล่ เล่นเอาทุกคนถอนหายใจเหนื่อย “แต่น้องจิ๋วทะเลาะกับจริงใจจนไปนอนบ้านคุณย่าก็น่าจะกระทบกระเทือนจิตใจพอตัวถึงได้งอนหนักขนาดนั้น แต่เมื่อวานจันทร์เจ้าก็มาหาเราที่ห้องแต่ไม่เล่าอะไรให้ฟังอยู่ดี หน้าเศร้าเอาเรื่อง”
“โธ่... ชับบี้ของเจ้ ถึงว่าไม่ค่อยร่าเริง” ชมพู่พูดพร้อมกับส่ายหน้าไปมา “เอ่อ... โทษนะจ๊ะ น้องชื่ออะไรนะ?”
“มีนครับ”
“โอเค! น้องมีนเป็นเพื่อนกับน้องชับบี้มานานหรือยังคะ?” คำถามของชมพู่ก็ทำให้คนอื่น ๆ หันมาสนใจด้วยเช่นกัน
“อ่า... ตั้งแต่อนุบาลหนึ่งเลยครับ อยู่โรงเรียนด้วยกันและห้องเดียวกันตลอด เพิ่งมาแยกตอนมหา’ลัยนี่แหละฮะ”
“แบบนี้ก็ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับน้องชับบี้น่ะสิ” ชมพู่ถามเพื่อหาทางเข้าประเด็นของวันนี้ให้ได้ มีนนท์มองแวงตาของสาวรุ่นพี่แล้วก็ยิ้มแห้ง
“ก็รู้ครับ แต่ไม่ทุกเรื่องหรอก ถ้าเรื่องไหนที่เขาไม่อยากเล่าก็จะไม่เล่า ต่อให้จะเค้นยังไงก็ไม่มีทางเปิดปาก อย่างเช่นเรื่องเมื่อสักครู่ ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” จบท้ายด้วยการยิ้มรู้ทัน
“ว้า...”
“แต่... คนที่รู้ตอนนี้คิดว่ามีอยู่สามคนครับ 1 ตัวจันทร์เจ้าเอง 2 จริงใจ และ 3 รามินทร์”
“มีนไม่รู้จริง ๆ หรอ แบบ... พวกเราก็ห่วงมันนะ เห็นมันซึม ๆ แบบนี้ด้วย”
“ขอโทษน้า เราไม่รู้จริง ๆ อ่ะเบสท์ ประเด็นพี่น้องทะเลาะกันมันค่อนข้างที่จะ... นั่นแหละ”
“ประเด็นใหญ่ ๆ ล่ะครับ พอจะเดาได้ไหม?” มีนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามจากรถถัง
“อ่า... ถ้าทะเลาะบ้านแตกก็น่าจะเป็น... เชี่ย!!!” มีนเบิกตาโตหลังจากที่สบถเสียงดัง ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันก่อนจะค้นเอาโทรศัพท์มือถือกดโทรออกหารามินทร์โดยไม่ได้สนใจว่าจะมีใครตกใจที่จู่ ๆ ก็สบถออกไป รวมทั้งสายตาสงสัยของใคร
(“คิดถึงนี่เหรอ?”) รามินทร์ถามเสียงเนือย หลังจากที่รับสายจากแมวน้อยของเขา
“น้องจิ๋วกับจริงใจทะเลาะกันเพราะมีคนมาจีบน้องจิ๋วใช่ไหม!!?”
(“อ้าว รู้ได้ไงครับ?”)
“เดา! บ้าเอ๊ย มินทร์อยู่ไหนรีบไปหาน้องจิ๋วเลยนะ ไม่งั้นก็เล่าให้นี่ฟังเดี๋ยวนี้เลย!”
(“ไม่รอให้ลูกหมูมันเล่าอ่ะ”)
“รอไม่ไหวแล้ว! ถ้าไม่เล่านี่จะไม่คุยกับมินทร์”
(“มีนา... โอเคครับ เดินออกไปอยู่คนเดียวก่อนสิ”) มีนเหลือบตามองทุกคนที่มองมาที่เขาด้วยแววตาอยากรู้เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะมิลค์บอยของน้องจิ๋วที่จ้องเขาเขม็งทั้งยังขมวดคิ้วแน่น จะเกี่ยวกับรุ่นพี่คนนี้หรือเปล่านะ...
“ออกมาแล้ว เล่าแบบละเอียดนะครับ ห้ามตัดแม้แต่คำพูดเดียว” มีนกดเสียงต่ำ ได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสายดังมา จากนั้นรามินทร์ก็เล่าเรื่องที่ได้ยินจากจริงใจให้แมวน้อยฟังทั้งหมด และระหว่างนั้นเองที่เขาเห็นลูกหมูขี้งอนอยู่ในระยะสายตาจึงเดินเข้าไปหา ให้มีนช่วยพูดจนหนูจันทร์เจ้าสงบและให้จันทร์เจ้าเป็นคนเล่าให้มีนฟังเอง
เรื่องบ้าอะไรทำไมน่าปวดหัวขนาดนี้วะ!
“มีน!” เบสท์ ฟินน์และชมพู่ประสานเสียงกันเรียกชื่อของมีนพร้อมกันเมื่อมีนวางสายและเดินกลับไปที่ม้านั่ง เจ้าของชื่อผงะถอยหลังด้วยความตกใจก่อนจะยิ้มแหย
“ม ไม่เห็นต้องเสียงดังเลย”
“ความอยากรู้จะจุกอกตายแล้วค่ะ! เล่าเถอะ กราบ” ฟินน์พูดพร้อมกับพุ่มมือยกขึ้นเหนือศีรษะ
“จัดว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย” มีนยักคิ้วยั่วคนอยากรู้ทั้งหลาย
“เรื่องอะไรลูก รีบบอกเถอะ เจ้จะประสาทจะกินแล้ว”
“มีคนมาจีบน้องจิ๋วครับ จริงใจเลยหัวร้อนเพราะหวงพี่”
“ใคร!?” พี่ไงครับ... มีนคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป เจ้าแมวน้อยของรามินทร์ยิ้มกว้างใส่ตาทิวากาลแล้วสั่นหัว
“ผมบอกไม่ได้ว่าใคร แต่เบสท์รู้” เบสท์ตาโตสะดุ้งเฮือก มองรอยยิ้มน่ารักของมีนแล้วกลับมีความรู้สึกว่ามันน่ากลัวแปลก ๆ และคราวนี้เป้าสายตาดันย้ายมาที่เบสท์แทน
“เรา...?” เบสท์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง มีนพยักหน้าบอกว่าใช่แล้วผิวปาก โยนภาระไปให้เบสท์แล้วอารมณ์ดีเชียว
“มึงบอกมาเลยนะ!” ฟินน์ยื่นมือไปเขย่าคอเบสท์ เบสท์ที่ยังไม่เข้าใจก็ยังไม่ได้ตอบโต้ ตากะพริบปริบ ๆ สมองเริ่มประมวลผล...
“เมื่อวันเสาร์?”
“ครับ” เบสท์เบิกตาโตขึ้นไปอีกเมื่อมีนตอบรับ ก่อนที่จะกลืนน้ำลายลงคอแล้วหันไปมองหน้าทิวากาล พอทิวากาลจ้องอยู่ก่อนแล้วก็รีบหันกลับไปทางอื่น ตาย ตายแน่กู
“วันเสาร์ที่พวกมึงไปดูหนังกันน่ะเหรอ เฮ้ย! นอกจากกูจะนกวินเซนต์แล้วยังนกเรื่องที่พวกมึงคุยกันอีกหรอ เล่ามาเดี๋ยวนะนี้โว้ย!”
“ไม่ไม่ไม่ ยังไงก็ไม่ มีนช่วยหน่อยสิวะ!”
“เราไม่ช่วยหรอก ฮ่า ๆ ๆ”
“เบสท์”
“โอ๊ย อย่าเรียกเสียงเข้มแบบนั้นพี่กาล ถึงกลัวก็ไม่บอกหรอก” เบสท์รีบพูดพร้อมกับลุกออกไปยื่นห่างจากโต๊ะที่ทุกคนนั่งอยู่พอประมาณ
“พี่มีนนนนนนนนนนนนน!!!~~” และก่อนที่เบสท์จะถูกรุมประชาทัณฑ์ก็มีเสียงของคนที่ทำไมทุกคนแตกตื่นของลูกหมูมาก่อน จันทร์เจ้าเรียกชื่อพี่มีนสุดที่รักพร้อมกับวิ่งสี่คูณร้อยเข้าไปหาแล้วกอดหมับ หอมแก้มพี่มีนฟอดใหญ่ ๆ ด้วย พี่มีนตัวหอม เราชอบ มีนกอดลูกหมูน้อยตอบ มองเลยไปด้านหลังเห็นรามินทร์เดินหน้าบึ้งตามมา หึหึ
“ไปไหนมาน้องจิ๋ว รู้ไหมว่าเป็นห่วง?”
“ห่วงแต่ก็ไม่ตามเรา”
“โห่วววว กล้าพูดนะ มึงบอกว่าถ้าใครตามจะโป้งให้หมด แล้วใครเขาจะตามมึงไปหา!” จันทร์เจ้าเผล่ มุดอกพี่มีนหลบมือของเบสท์ที่จะยื่นมาตีและหลบสายตาทิวากาลด้วย งื่อ... ทำไมตาดุแบบนั้น เรากลัวนะ
“แฮ่ ๆ ก็เราไม่อยากคุยกับใครนี่นา...”
“แล้วนี่ไปไหนมา”
“ไป...”
“ไปนั่งร้องไห้ใส่หมาอยู่ข้างโรงอาหาร”
“ฮะ!!?”
“จิ๊! รามินทร์อย่าเล่าสิ เราอายนะ!”
“เพิ่งจะมาอายอะไรตอนนี้ ที่นั่นคนเยอะจะตาย” รามินทร์ผลักหัวจันทร์เจ้าด้วยความหมั่นไส้ แล้วเดินเลยทั้งมีนและจันทร์เจ้าไปที่ม้านั่ง โยนกระเป๋าของจันทร์เจ้าลงกลางโต๊ะพร้อมกับวางถุงของกินที่ลูกหมูขอให้ซื้อให้ไว้ด้วย ทีแรกก็คิดว่าจะง้อยากเพราะท่าทางหนูจันทร์งอนหนักมากจริง ๆ แต่ได้คุยกับมีนสักพักก็หันมาจ้อใส่เขาว่าหิว จนต้องไปหาซื้อของกินมาสังเวยองค์ท่าน
“มึงเป็นอะไร?” ลูกหมูชะงักยิ้มค้างเมื่อทิวากาลเอ่ยถาม พอได้สบตาคม ๆ นั่นก็ทำเอาประหม่าแอบเหลือบมองพี่มีนกับรามินทร์นิดหน่อย พี่มีนยิ้มหวานให้แต่รามินทร์แสยะยิ้มน่ากลัว เราอยากคุยกับทิวาให้รู้เรื่อง แต่ว่ารามินทร์ต้องขัดขวางแน่นอนเลย หรือจะเอาไว้ค่อยคุยทีหลังดี แต่ทิวาจะคิดมากหรือเปล่า โอ๊ย! คุยกันผ่านข้อความได้ไหมอ่ะ รามินทร์จะได้ไม่ก่อกวน
“เราสับสนนิดหน่อย ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วคับ” จันทร์เจ้าบอกแล้วยิ้มหวาน แต่ทิวากาลยังขมวดคิ้วอยู่ เขาอยากรู้ลึกมากกว่านั้น อยากรู้ว่าเด็กแก้มกลมนี่สับสนเรื่องอะไร ใครกันที่เป็นคนมาจีบเจ้าเด็กนี่ และเครียดมากจนต้องร้องไห้แบบนั้นเลยเหรอ?
เขาก็แค่...
เป็นห่วง “แน่ใจหรอ?”
“แน่ใจมาก ๆ ทิวาไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นหรอก เรื่องไร้สาระน่ะ”
“อะแฮ่ม!”
“ตีนติดคอเหรอ?” มีนพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญและมองแฟนหนุ่มด้วยหางตา จันทร์เจ้าถึงกับหัวเราะคิก ทิวากาลก็ปิดยิ้มมุมปากไม่มิด มันน่าโบกสักทีจริง ๆ กวนเขาไปเรื่อย คนหรือสก๊อตไบรท์ทำไมชอบขัดขนาดนี้ พี่มีนรำคาญแล้วนะเว้ย!
“แตะไม่ได้เลยใช่มะ?”
“อย่างี่เง่า”
“มึง... ทะเลาะกับน้องเพราะกูเหรอวะ?” เบสท์เอ่ยถาม หลังจากที่นั่งเงียบอยู่นาน ไม่รู้จะไปแทรกตอนไหนดี
“ไม่ได้เป็นเพราะเบสท์หรอก เราแค่เอาเรื่องที่คุยกับเบสท์ไปคุยกับจริงใจอีกที แต่ความคิดเรากับน้องไม่ตรงกัน แล้วน้องก็ไม่เห็นด้วยเราก็เลยเถียงกันนิดหน่อย เบสท์อย่าคิดมาก”
“หึ”
“มินทร์เป็นบ้าใช่มะ?”
“ทำไมมีนชอบขัดนี่จังเลยครับ?”
“แล้วทำไมมีนชอบขัดคนอื่นเขาจัง เป็นผู้ฟังที่ดี อยู่เงียบ ๆ ไปได้ไหม”
รามินทร์เบ้ปากและกลอกตาขึ้นฟ้า ถ้าคนพูดไม่ใช่มีนนนท์ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่ามันผู้นั้นไม่มีโอกาสมานั่งลอยหน้าลอยตาแบบนี้แน่นอน
“นี่จะบอก น้องจิ๋วของมีนฮอตมาก เมื่อกี้ตอนอยู่โรงอาหารก็มีผู้ชายมาทักด้วยล่ะ” รามินทร์พูดแล้วยักคิ้วให้จันทร์เจ้าที่อ้าปากค้าง ลูกหมูหันไปมองหน้าทิวากาลอย่างไม่รู้ตัวแล้วสะบัดหน้าปฏิเสธ
“ใคร?”
“ชื่ออะไรนะ? อ่า... ตะวัน ใช่ป่ะ?”
“โง้ยยยย รามินทร์เหงาหรอ ต้องการอะไรอ่า”
“ตะวันคือใครน้องจิ๋ว! ทำไมเนื้อหอมจังเลย มีคนนั้นคนนี้มายุ่งอยู่เรื่อย โว้ย! พี่จะปวดหัว” ลูกหมูได้แต่หัวเราะแหะ ๆ เมื่อพี่มีนโวยวายขึ้นมา แถมยังทำหน้ายุ่งคิ้วขมวดด้วยอีก รามินทร์เลยได้โอกาสส่งนิ้วไปจิ้มหัวคิ้วแมวน้อยซะเลย... ไม่ใช่แค่มีนนนท์หรอกที่จะปวดหัว ทิวากาลก็ปวดหัวไม่ต่างกัน
“เพื่อน แล้วตะวันไม่ได้ชอบเราด้วย รามินทร์มั่ว ชอบยุยงส่งเสริมให้คนเข้าใจผิด นิสัยไม่ดีชอบเสี้ยมด้วย”
“อ้าว มาเป็นชุดเลย เรื่องจริงนี่หว่า ตัวโง่เองนี่หนูจันทร์ ใครเข้ามาจีบมาเป็นเพื่อนก็แยกไม่ออกหรอก เหมารวมไปหมด ไอ้โง่!”
“เราไม่โง่ เราไม่ได้โง่ เรารู้ว่าเราน่ารัก จนใคร ๆ ก็อยากเข้าใกล้ แต่ทุกคนก็ปกตินี่นา จะไปคิดไปเองว่าเขามาชอบได้ยังไง อีกอย่างเราเป็นผู้ชายนะ!”
“แล้วแหงะ? ผู้ชายแล้วชอบผู้ชายไม่ได้หรอ ไหนบอกตัวเองไม่โง่ไงหนูจันทร์”
“งื่ออออ ไม่ใช่ ไม่ชอบ ไม่เอา”
“อ๋อ... ไม่เอาคนชื่อตะวันใช่มะ? อ่า... ก็ใจมีมิลค์บะ---”
“เงียบน่ารามินทร์ ทำไมวันนี้พูดมากจังเลยฮะ นี่จะคุยกับน้องจิ๋วนะ เสร่อ!” รามินทร์บีบจมูกมีนนนท์อย่างมันเขี้ยวก่อนจะโน้มไปจุ๊บที่ริมฝีปากสีสดที่ขยับว่าเขาแล้วเดินออกไปนั่งโต๊ะม้าหินที่อยู่ไกลออกไป หนูจันทร์ของเรามินทร์ร้องฮิ้วก่อนปิดปากเขิน มีนกะพริบตาปริบ ๆ แล้วสบถออกมาไม่เป็นคำ ยกมือปิดหน้าซ่อนแก้มนวลที่กำลังแดงซ่านเพราะเขินอาย อีกเจ็ดคนที่เหลือก็นิ่งค้างเพราะตกใจ
หลังจากหายตกใจทิวากาลก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาคิดว่าเจ้าเด็กรามินทร์นั่นจะเป็นหนึ่งในคนที่คิดไม่ซื่อกับเด็กแก้มกลมของเขาเสียแล้ว เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ โอกาสของเขาก็คงหายไปเลยเพราะจันทร์เจ้าเองก็สนิทสนมกับรามินทร์มาก เฮ้อ... เกิดมาจะยี่สิบสองปียังไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ทำไมคนกวนตีนแบบนั่นถึงได้มีคนมาชอบเยอะนักวะ!
“รามินทร์กับมีนเป็นแฟนกันหรอวะ?” เบสท์คว้าไหล่จันทร์เจ้าให้เอนไปหาแล้วกระซิบถามเสียงเบา ลูกหมูจึงถือโอกาสเอนตัวพิงเบสท์เสียเลย สบายจัง คิคิ
“ใช่แล้วคับ”
“น้องจิ๋วครับ”
“ครับผม?”
“ตะวันคือใครครับ แล้วมีความสัมพันธ์ยังไง พี่ชักจะปวดหัวขึ้นมาจริง ๆ แล้วนะ”
“ตะวันคือเพื่อนเราเอง คนที่เล่าให้ฟัง ตอนที่รับน้องง่า แล้วก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรทั้งนั้นครับ เพื่อน just friend and not otherwise!”
“sure?”
“ยิ่งกว่าชัวร์อีก เราไม่ได้ชอบตะวันนี่นา ถามอะไรก็ไม่รู้ขี้เกียจตอบแล้ว” ลูกหมูบ่นเซ็ง ๆ ถามกันอยู่ได้ว่าตะวันเป็นใคร พอบอกเป็นเพื่อนก็ถามซ้ำอีก ฮือ! เราเบื่อแล้ว เราไม่ได้ชอบตะวันแบบอื่นนอกจากเพื่อน ถึงตะวันจะหล่อและนิสัยดี แต่แน่นอนว่าเราอยู่กับคนหล่อเยอะแล้วเราเบื่อ เพราะฉะนั้นหน้าหล่อก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะ คนที่เราชอบน่ะ!! ไม่บอกหรอก! เราจะไม่พูดถึงทุกคนจะรู้อยู่แล้ว พี่มีนจะต้อนให้เราจนมุมแล้วบอกใช่ไหมล่ะว่าเราชอบใคร รู้ทันหรอกน่า แบร่!
อ๊า ว่าแต่เค้กโรลรสส้มนี่อร่อยจังเลยน้า...
และระหว่างที่ลูกหมูกำลังเพลิดเพลินกับเค้กโรลอยู่นั้นก็ยื่นมือไปรับนมกล่องรสกล้วยจากทิวากาลมาด้วยพร้อมกับพูดขอบคุณ มีนนท์แอบกลอกตาเล็กน้อย ก็คงจะช่วยไม่ได้ รุ่นพี่ทิวากาลก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ซ้ำยังค่อนข้างจะดูแลลูกหมูได้ดี ...หรือเปล่านะ อืม และก็ดูจะเป็นห่วงน้องจิ๋วของพี่มีนด้วย ถึงแม้จะไม่ค่อยพูดแต่การกระทำก็แสดงออกได้ดี อย่างตอนที่จะไปตามน้องจิ๋วแม้จะโดนบอกว่าใครตามไปจะโป้งให้หมด รวมถึงสายตาที่ใช้มองลูกหมูแห่งอัศวโยธินทร์ด้วย เฮ้อ...
โอเค มีนทีมจันทร์เจ้าครับ ใครจะว่ายังไงพี่จะซัพพอร์ตหนูเอง
TBCแฮ่ มาแย้ววววว
ความยืดเยื้อไม่เข้าใจกันสักทีของตัวละครอาจจะทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิด น่าเบื่อ และคิดว่ามันไม่สนุกแล้ว
อยากแก้นิสัยที่ชอบเขียนไม่กระชับของตัวเองเหมือนกันนะคะ แต่มันก็วนมาเป็นเหมือนเดิมทุกที TwT
ขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ
ลูกหมูมีมีนกับรามินทร์สนใจอยู่ตลอด แล้วคนอื่น ๆ ก็เลยกลายเป็นไม่มีบทไปโดยปริยาย ทิวาก็ไม่รู้ว่าจะเข้าไปแทรกยังไง เลยก็กลายเป็นว่าไม่ได้คุยกันสักที
ตอนที่ 14 กับตอนที่ 15 เหมือนเป็นตอนเดียวกันก็ว่าได้ เพราะมันยาวมากเลยต้องแบ่งแยกเป็นสองตอน ประมาณนี้
ขอโทษด้วยนะค้า...

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ ไว้เจอกันตอนหน้าครับ
♥
ปล. คร่าเวลา กับ ฆ่าเวลา แบบไหนถูกคะ?