มนุษย์แฟนเด็ก
10
มีความขอบคุณแบบเฉพาะตัว
“เจเจรู้ไหมว่าพูดถึงทิวาบ่อยมากแค่ไหน?” ลูกหมูชะงักมือที่กำลังหยิบขนมเข้าปาก กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนเคี้ยวขนมช้า ๆ
“ก็…”
“หนูพูดอะไรออกมาก็มีชื่อของทิวาออกมาด้วยตลอดเลย สนิทกับทิวามากเหรอครับ?”
“พี่ฟ้าบอกให้หนูเล่าเรื่องทิวาให้ฟังไม่ใช่หรอฮะ?”
“มันก็ใช่ แต่พี่ฟ้าว่ามันควรจบตั้งแต่เราทานมื้อเย็นเสร็จได้แล้วนะครับ” เพลิงฟ้าบอกพร้อมกับลูบศีรษะของเด็กน้อยที่นอนหนุนตักตนอยู่ ใจจริงแล้วก็ไม่อยากจะขัดอะไรเจเจนัก ถ้าหากไม่ใช่ว่าเด็กน้อยเอาแต่พูดชื่อของทิวากาลออกมาแทบจะทุกประโยค เขาค่อนข้างหงุดหงิดใจ ชื่อเพื่อนอย่างเบสท์และฟินน์ยังหลุดออกมาน้อยกว่าทิวากาลเลยด้วยซ้ำ เพลิงฟ้าไม่อยากจะคิดอะไรที่เป็นลบ แต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี
“หนูไม่พูดแล้วก็ได้” ถอนหายใจเมื่อเด็กน้อยบนตักพูดเสียงอ่อย ผิดกับอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกันที่หัวเราะออกมา เจ้าชีวันได้ยินสิ่งที่หลานและคนรักคุยกันทุกคำทุกประโยค แม้สายตาของเขาจะจดจ้องอยู่ที่จอคอมพิวเตอร์แบบพกพาบนตัก แต่หูของเขายังทำงานได้ดี
“หัวเราะอะไรไอ้แก่!” เมื่อทำอะไรจันทร์เจ้าไม่ได้ก็หันไปพาลเจ้าชีวันแทน ร่างสูงสั่นศีรษะช้า ๆ เขากดบันทึกงานก่อนจะปิดเครื่อง ยกแลปท็อปไปวางไว้ที่โต๊ะไม่ไกลแล้วจึงกลับมาที่เตียงพร้อมกับสอดตัวไปใต้ผ้าห่มเตรียมนอน
“นี่ก็ดึกแล้ว ลูกหมูไปนอนเถอะ พรุ่งนี้มีเรียนใช่ไหม?”
“ใช่ครับ! งั้นหนูไปนอนก็ได้ ราตรีสวัสดิ์นะครับ” ลูกหมูลุกขึ้นนั่ง ยืดตัวไปจุ๊บที่ปากของพี่ฟ้าและน้าเจ้าคนละทีแล้วจึงวิ่งออกจากห้องนอนของน้าไปพร้อมกับห่อขนม
“เจ้า!”
“อะไร ปิดไฟนอนได้แล้ว” เพลิงฟ้าจิปากขัดใจ แต่ก็ยอมปิดไฟโดยดี เขานอนลืมตาในความมืด มันมีเรื่องกวนใจจนไม่สามารถข่มตาหลับได้
“คิดอะไร?” เจ้าชีวันเอ่ยออกไปเมื่อคนที่นอนข้าง ๆ พลิกตัวไปมา
“คิดเรื่องเจเจกับเด็กทิวาอะไรนั่น”
“ไปคิดทำไม?”
“ไม่ชอบนี่!”
“มึงไม่ชอบ แต่ถ้าลูกหมูชอบมึงจะทำอะไรได้”
“ไม่ให้ชอบ ไม่ให้มีแฟน ไม่ให้เจเจมีแฟน ทั้งสามเจเจเลย”
“แก่แล้วจะไปยุ่งเรื่องของเด็กทำไม มึงไม่มีทางห้ามใจพวกเขาได้หรอก นอนได้แล้ว!” เจ้าชีวันกดหัวเพลิงฟ้าลงกับหมอน ได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงขัดใจ เมื่อเพลิงฟ้าเริ่มจะเพ้ออีกครั้งเขาจึงจัดการทำให้คนหวงหลานเงียบโดยการประกบริมฝีปากตนเองไปบนริมฝีปากบางของคนรัก หยุดบ่นแล้วครางแทน หึหึ
“ทำอะไรน่ะ!”
“เฮือก!” สองพี่น้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงตวาดดังมาจากประตู เมื่อเห็นว่าคนเข้ามาใหม่คือจริงใจ จันทร์เจ้าและจ๋าจ้าก็พ่นลมออกจากปาก จริงใจหัวเราะขำกับท่าทางของพี่ชายและน้องสาว เขาเดินเข้าไปหาและเท้ามือกับขอบโต๊ะอาหาร
“แอบมากินเค้กอะไรกันตอนห้าทุ่มแบบนี้?!”
“พี่ลงมาเอาน้ำแต่ว่าเห็นจ๋าจ้านั่งกินอยู่คนเดียว กลัวน้องจะเหงาเลยมากินเป็นเพื่อน” ลูกหมูอันดับหนึ่งตอบน้องชายพร้อมยิ้มกว้างจนแก้มยุ้ยทั้งสองข้างยกขึ้นปิดตา
“ได้ ๆ เค้าผิดก็ได้… แล้วพี่จริงใจลงมาทำไม หรือว่าหิว!?” จ๋าจ้ารับคำจันทร์เจ้าเสียงเนือยก่อนจะถามพี่ชายคนรองและตักเค้กที่กำลังกินกันอยู่ป้อนพี่ชายด้วย
“มาเอาน้ำน่ะ” จริงใจตอบน้องสาวหลังจากที่กลืนขนมหวานลงคอ เด็กหนุ่มหมุนตัวหันหลังให้พี่น้องทั้งสองก่อนจะกลับมาพร้อมกับช้อนในมือ จันทร์เจ้ากับจ๋าจ้าหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นว่าจริงใจถืออาวุธมาด้วย ทีแรกก็นึกว่าจะมาห้ามเสียอีก ที่ไหนได้ดันมารวมวงด้วยเสียอย่างนั้น คึคึ
จากนั้นทั้งสามพี่น้องก็ร่วมกันก่อสงครามยามดึกกันอย่างสามัคคี
เมื่อเช้ามาก็เตรียมตอบคำถามให้ได้แล้วกันว่าขนมเค้กขนาดสองปอนด์นั้นหายไปไหน… “น้องจันทร์เจ้าใช่ไหมคะ?” คนถูกถามเงยหน้ามองผู้พูดก่อนจะยิ้มและพยักหน้าเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เข้ามาทัก
“ใช่ครับ นั่งด้วยกันก่อนไหมฮะ?” สาวสวยนั่งลงตามคำชวนของรุ่นน้องตัวขาวก่อนจะเอ่ยทักทายและแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ นึกว่าจะทักคนผิดซะอีก พี่ชื่อซันนี่นะคะ”
“สวัสดีฮะพี่ซันนี่”
หญิงสาวยิ้มอ่อนโยนกับเด็กน้อยตรงหน้าก่อนจะพูดต่อ
“พี่ขอโทษนะที่เพิ่งจะมาเอาวันนี้ พอดีต้องไปทำธุระกับครอบครัวที่ต่างประเทศน่ะค่ะ หวังว่าจะไม่โกรธพี่นะ”
“เราไม่โกรธครับ แค่งงนิดหน่อยทำไมไม่มีพี่รหัสนะ แต่พี่โก๋บอกว่าพี่ซันนี่ติดธุระมาไม่ได้เราก็อ๋อ~~~” ซันนี่ฟังเสียงใสพูดจ้อด้วยรอยยิ้ม นึกเอ็นดูขึ้นมาทั้งที่เพิ่งเจอได้ไม่นาน รู้สึกพลาดเสียแล้วที่ไม่ได้อยู่ช่วยกิจกรรมรับน้องจนต้องมารู้จักกับน้องรหัสช้าแบบนี้
“นึกว่าจะโดนโกรธซะอีก แล้วนี่ทำไมถึงมานั่งคนเดียวล่ะคะ?”
“บ้านเราอยู่ไกลน่ะฮะ เลยกะเวลามาผิด อีกอย่างก็ลืมว่าไม่ต้องมารับน้องแต่เช้าแล้วด้วย แฮะ ๆ” ตอนนี้จันทร์เจ้านั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินในสวนข้างตึกคณะที่ชอบมานั่งเล่นประจำ เพราะออกมาพร้อมกับจริงใจจึงต้องเผื่อเวลาด้วยและอีกอย่างก็ดันลืมไปว่ากิจกรรมรับน้องได้จบไปแล้ว ไม่ต้องมาแต่เช้าเมื่อช่วงก่อนหน้านั้น เสียเวลานอนไปหลายชั่วโมงเลยแหนะ
“อย่างนี้นี่เอง ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนไหมจ๊ะ?”
“ไม่เป็นไรครับ เราอยู่คนเดียวได้” ลูกหมูยิ้มตาหยีให้พี่รหัสคนสวย
“โอเค ถ้าอย่างนั้นพี่ไปหาเพื่อนนะ อ๋อ เกือบลืมไปเลย นี่ของฝากจ้ะ แต่พี่ไม่รู้ว่าจันทร์เจ้าจะชอบหรือเปล่านะ”
“ขอบคุณครับ” จันทร์เจ้าพุ่มมือไหว้ขอบคุณซันนี่ก่อนจะรับถุงกระดาษเนื้อดีมาถือแล้วเปิดดูของที่อยู่ข้างใน ดวงตาใสแจ๋วเบิกกว้างพราวระยับเมื่อเห็นว่าของฝากที่พี่รหัสคนสวยให้มาคืออะไร มีทั้งช็อกโกแลตแบบต่าง ๆ ขนมขบเคี้ยว เยลลี่ที่มีทั้งรสหวาน รสเปรี้ยว และรสผลไม้ มาร์ชเมลโลว์ที่ลูกหมูชอบกิน แคนดี้ คาราเมล และยังมีโลลี่ป๊อปอีกด้วย!!
พี่ซันนี่รู้ใจเราจังเลย งื้อ
“อู้หูย มีแต่ของที่เราชอบทั้งนั้นเลย ขอบคุณพี่ซันนี่มาก ๆ เลยน้า” ลูกหมูฉีกยิ้มจริงใจ รู้สึกปลื้มใจมากจริง ๆ พี่ซันนี่น่ารักจังเลยเนอะ ซื้อขนมมาให้เราเยอะแยะเลย นอกจากสวยแล้วยังใจดีอีก แถมรสนิยมยังดีอีกต่างหาก!! เยี่ยม ๆ
“เฮ้อ โล่ง นึกว่าจะไม่ชอบซะแล้ว พอดีพี่ชอบกินขนมน่ะ ก็เลยซื้อแต่ขนมมา ถ้าอยากได้อะไรก็บอกนะ ถ้าเรื่องขนมน่ะ พี่หาให้ได้แน่นอน!”
“ครับผม!”
“ฮึย! น่ารักจริง ๆ” ซันนี่ว่าพร้อมกับยื่นมือไปบีบแก้มยุ้ยของจันทร์เจ้า หญิงสาวชะงักไปสักพักก่อนจะยิ้มถูกใจเมื่อได้พบกับสัมผัสนุ่มนิ่มลื่นมือ คงต้องหาเวลามาเล่นกับน้องรหัสบ่อย ๆ เสียแล้ว แก้มนุ่มแบบนี้เธออย่างจะบีบเล่นทั้งวันเลยล่ะ!
“พี่ขอเบอร์มือถือไว้ได้ไหมคะ? มีอะไรจะได้ติดต่อกัน”
“ได้ครับ!” จันทร์เจ้าตอบรับเสียงใสก่อนจะบอกหมายเลขโทรศัพท์มือถือสิบหลักให้พี่รหัสไป เมื่อทั้งสองแลกเบอร์รวมทั้งช่องทางติดต่ออื่น ๆ กันเรียบร้อยแล้วพี่ซันนี่ก็ขอตัวไปหาเพื่อน ซึ่งจันทร์เจ้าไม่ได้ทักท้วงอะไร
คุณขนมจ๋า จันทร์เจ้าจะจัดการให้หมดเลยยยยยย คึคึ
เมื่อไม่มีพี่ซันนี่อยู่ด้วยแล้ว ลูกหมูจึงได้คุณขนมเป็นเพื่อน อู้หูย จะกินอันไหนก่อนดีนะ เยอะแยะไปหมดเลย คาราเมลก่อนก็แล้วกัน คึคึ จันทร์เจ้าหยิบคาราเมลมาหนึ่งเม็ดก่อนจะแกะเปลือกออกแล้วโยนเข้าปาก คนตัวเล็กยิ้มกว้างเสียจนดวงตากลมโตนั้นหายไป เพราะรสชาติหอมหวานที่ออกเค็มนิด ๆ ทำให้ลูกหมูมีความสุข ต่อให้วันนี้จะโดนใครแกล้งเราก็ไม่โกรธแล้วล่ะ!
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับขนมหวาน จันทร์เจ้าก็มองไปเห็นร่างสูงคุ้นตาอยู่ไกลออกไป คิ้วขมวดเข้าหากันน้อย ๆ มือเล็กกวาดคาราเมลใส่ถุงเหมือนเดิม จากนั้นก็คว้ากระเป๋าประจำตัวขึ้นสะพายและถือถุงกระดาษที่มันบรรจุขนมหวานอยู่ข้างไปในทิศทางที่ร่างสูงยืนอยู่ จันทร์เจ้าค่อย ๆ ย่องเข้าไปทางด้านหลังช้า ๆ มือเล็กแตะบนบ่ากว้างก่อนจะตะโกนเสียงดังส่งผลให้อีกคนสะดุ้งโหยง
“จ๊ะเอ๋!!!”
“เหี้ย!!”
“ไหน ไหน คุณเหี้ยอยู่ไหน?” ลูกหมูหันซ้ายหันขวามองหาคุณเหี้ยอย่างสนใจ ผิดกับอีกคนที่อยากจะยื่นมือไปตบกะโหลกเด็กตรงหน้าสักทีสองที
“มึงไง ไม่ต้องมองหา”
“เราคือจันทร์เจ้า นี่จันทร์เจ้าเองจำไม่ได้หรอ เราจะเป็นคุณเหี้ยได้ยังไง?”
“นิสัยล่ะมั้ง”
“อู้หูย ทิวาเคยเป็นคุณเหี้ยหรอ ทำไมรู้ว่าคุณเหี้ยนิสัยเป็นยังไง?” เอียงคอเล็กน้อยขณะเอ่ยถามออกไป ทิวากาลเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาอึดอัดเพราะพูดอะไรไม่ออก มือหนาจึงยื่นไปจับแก้มยุ้ยเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงจะแก้มขาวยืดติดมือ
“กวนตีนใหญ่แล้วไอ้เตี้ย”
“โง้ย เราแค่สงสัยเอง อ๊า! ทิวาเราเจ็บบบบบบ” เมื่อเสียงใสร้องออกมาแบบนั้นทิวากาลจึงปล่อยมือออก เขายกมืออีกข้างขึ้นมา จรดบุหรี่ที่ริมฝีปากก่อนจะอัดเอานิโคตินเข้าปอดแล้วปล่อยควันสีเทาให้ลอยไปในอากาศ
“กระแดะเหรอมึง?” เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กแก้มกลมยกมือขึ้นปิดจมูกพร้อมกับก้าวถอยหลังไปห้าก้าวถ้วน
“เราเปล่ากระแดะ เราแค่ไม่ชอบกลิ่นมัน”
“ทำไม ที่บ้านห้ามสูบบุหรี่หรือไง?”
“เปล่าครับ ไม่ได้ห้าม ป่าป่ะกับน้าเจ้าของเรายังเคยสูบเลย แต่ว่าก็เลิกไปแล้วเพราะมีเรา” จันทร์เจ้าเล่าออกมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ ที่ริมฝีปาก ซึ่งระหว่างนั้นทิวากาลก็ยืนฟังโดยไม่ได้เอ่ยอะไรขัดออกไป จะมีขัดใจก็ตรงที่ไอ้เด็กแก้มกลมมันยืนห่างเขาราวกับเขาเป็นแบคทีเรียในขยะเปียก
“ป่าป่ะของเราเลิกเพราะหม่ามะท้อง เพราะกลัวว่าจะเป็นอันตราย และน้าเจ้าก็เลิกตอน... ตอนเราสามขวบ เราก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลิก”
“อืม”
“ครอบครัวเราก็ไม่ได้ห้ามอะไรนะ แต่ลึก ๆ ก็คงจะไม่อยากให้ยุ่งหรอกมั้ง
และเราก็สามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีใครมาบอกว่าไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับของไร้ประโยชน์ที่ให้โทษต่อร่างกายและทำให้คนรอบข้างเดือดร้อนเพราะพิษของมัน”
เมื่อพูดประโยคยาว ๆ นั้นจบจันทร์เจ้าก็เงยหน้าขึ้นไปส่งยิ้มหวานหยดให้กับร่างสูงที่ยืนห่างออกไป รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าทิวากำลังขมวดคิ้วยุ่ง แถมดวงตาคมก็ยังมองตรงมาที่เราแบบนั้น ดูน่ากลัวแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมาก
“มึงจะสื่ออะไร?”
“หือ? อ๋อ เราก็แค่คิดว่ามันไม่ดีและเราจะไม่ทำ แค่นั้นเองแหละ” ทิวากาลถอนหายใจออกมา เขาโยนบุหรี่ที่ยังไม่หมดลงบนพื้นก่อนจะใช้เท้าขยี้มันจนไฟดับลง รู้สึกหมดอารมณ์อยากดูดต่อเลยแม่ง ทำไมแทบทุกครั้งที่เขาสูบบุหรี่เขาต้องมาเจอกับเด็กแก้มกลมนี่ด้วยนะ แล้วไม่รู้หรือไงว่าบุหรี่ของเขาน่ะ มันไม่มีขายในประเทศไทย และเขาต้องทิ้งมันทุกครั้งเมื่อเจอกับเด็กนี่เขามาป้วนเปี้ยนใกล้ ๆ
มันแพงนะโว้ย!!!
และก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อประโยคยาว ๆ ที่เด็กแก้มกลมพูดไปลอยวนอยู่ในหัว เขารู้สึกคล้ายจะเข้าใจกับสิ่งที่เด็กนั่นกำลังจะสื่อ แต่แล้วเมื่อเขากำลังจะรู้ความหมายก็มีบางอย่างเข้ามาพุ่งชนจนต้องมึนเบลอ และต้องมานึกซ้ำ ๆ ว่าเด็กนั่นพูดอะไรไปบ้าง ปวดประสาทชะมัด ไม่คิดมันแล้ว สัดเอ๊ย!
“ทำไมทิวามาเช้าจังเลย?” ลูกหมูเอ่ยถามพร้อมกับก้าวเข้าไปหาทิวา พอใจอยู่ไม่น้อยที่ทิวายอมทิ้งบุหรี่นั้นไป แต่ก็ไม่พอใจอยู่เหมือนกันที่คนตัวสูงทิ้งมันลงพื้นแทนที่จะเป็นถังขยะหรือที่สำหรับทิ้งบุหรี่
“เสือก” ใช่ เขาไม่ควรจะมาเช้าแบบนี้ ควรจะนอนหลับสบายให้หายเหนื่อยจากกิจกรรมรับน้องอยู่ห้องพัก ไม่ใช่ตื่นแต่เช้าเพื่อมามหาวิทยาลัย แต่... เหตุผลก็คงจะเป็นเด็กตรงหน้านี่ล่ะมั้ง งี่เง่าฉิบหาย ฝืนตัวเองมาแต่เช้าเพราะอยากเจอมันนี่เหรอ ปัญญาอ่อน!
“ทิวาอ่ะ!”
“ง้องแง้งอะไรมึง แล้วนั่นถุงอะไร?” เขามองต่ำไปที่ถึงกระดาษในมือเล็ก จันทร์เจ้ายิ้มแฉ่งขณะที่ยกถุงนั้นขึ้น
“ถุงขนม พี่ซันนี่เอามาฝากแหละ!”
“ซันนี่?”
“ใช่ใช่! พี่ซันนี่ที่สวย ๆ และเป็นพี่รหัสของเรา”
“กลับมาแล้วหรอ?”
“อือ! ทิวารู้จักพี่ซันนี่ด้วยเหรอ?”
“ก็นิดหน่อย หิวว่ะ มึงกินข้าวยัง ไปกินเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ เดี๋ยวเลี้ยงหนม”
“เอาขนมจีบมากินบ้างดิ” ทิวากาลพูดกับเด็กแก้มกลมที่นั่งอยู่ตรงข้าม เจ้าเด็กนั่นกำลังกินขนมจีบกับซาลาเปาอยู่ ซึ่งก็เงินเขานั่นแหละซื้อ ลูกหมูใช้ลิ้นดันขนมจีบที่ยังกลืนไม่หมดไปไว้ข้างแก้ม ทำไมปากยู่ใส่ทิวาแต่ก็ยอมจิ้มขนมจีบมาหนึ่งชิ้นแล้วยื่นไปให้ แทนที่ทิวาจะรับไปกินเองกลับยื่นหน้าเข้าไปงับจากมือเล็กเสียอย่างนั้น เมื่อทิวากาลกินขนมจีบไปแล้วลูกหมูก็ชักมือกลับ และเพลิดเพลินกับของกินของตัวเอง
ทิวากาลยกยิ้มมุมปากขณะเคี้ยวขนมจีบอยู่ในปาก จากทีแรกก็แค่ลองพูดเล่น ๆ กะจะลองใจว่าเด็กเห็นของกินมาที่หนึ่งจะชอบแบ่งอาหารให้เขาหรือเปล่า ผลออกมาก็ไม่ต่างจากที่คิด เด็กแบบนั้นน่ะ... ต้องมีความมีน้ำใจและแบ่งปันคนอื่นอยู่แล้ว ถูกเลี้ยงดูมาดีขนาดไหนนะ...
“ทิวา”
“หือ อะไร?”
“เราขอลูกชิ้นบ้าง” ลูกหมูฉีกยิ้มกว้าง เออ เล่นมาทำแบบนี้กูคงปฏิเสธได้หรอก ทิวากาลถอนหายใจไม่ใช่ว่าเหนื่อยกับเด็กแก้มกลม แต่เหนื่อยกับตัวเองมากกว่า ทิวากาลคนเดียวจะสามารถทนความจันทร์เจ้าได้มากแค่ไหน...
ร่างสูงใช้ช้อนตักลูกชิ้นหมูในถ้วยก๋วยเตี๋ยวของตัวเองขึ้นมาแล้วยื่นไปให้เด็กแก้มกลมฝั่งตรงข้าม ลูกหมูยิ้มกว้างจนแก้มแทบจะปริแตกก่อนจะอ้าปากรับลูกชิ้นจากช้อนของทิวา มองคนที่เคี้ยวด้วยความอร่อยแล้วก็เผลอยิ้มออกมา แก้มขาวกำลังบวมตุ่ยเพราะจุลูกชิ้นเอาไว้ ปากเล็ก ๆ นั่นกลายเป็นสีแดงสดเพราะความเผ็ดของอาหาร แม้จะมีเหงื่อผุดออกตามไรผมแต่ลูกหมูก็ยังยิ้มกว้าง ลูกชิ้นอร่อยมากเลย! เราชอบ แล้วทิวาก็ปรุงก๋วยเตี๋ยวอร่อยด้วย!
“เป็นไง?”
“อร่อย!” บอกพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้อีกสองนิ้วเลย!
“ไม่เผ็ดหรอวะ?” ทิวากาลถามต่อเพราะที่เขาปรุงไปก็ใส่พริกไปเยอะพอสมควร โดยปกติแล้วเขาค่อนข้างทานอาหารรสจัด
“เผ็ดนิดหน่อย แต่เรากินเผ็ดได้ จริง ๆ เรากินได้หมด”
เออ นั่นแหละ
“ทิวาจ๋า” คนที่กำลังตักอาหารเข้าปากชะงักกึกกับเสียงหวานที่เอ่ยเรียก เมื่อมองไปยังสิ่งมีชีวิตตรงข้ามเขาก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ จันทร์เจ้ายื่นตัวเข้ามาเล็กน้อย ใบหน้าน่ารักประดับด้วยรอยยิ้มประจำตัว ดวงตาหวานกำลังเป็นประกายระยิบระยับน่ามอง ร่างสูงรู้สึกว่าเขาหายใจไม่ทั่วท้องและรู้สึกวูบไหวแปลก ๆ ในอก...
“มี มีอะไร?”
“คือว่า...เราเพิ่งนึกได้ ขนมที่พี่ซันนี่ให้เรามามันมีช็อกโกแลตด้วยง่ะ อากาศประเทศไทยก็ร๊อนร้อนมาก ๆ เลย กว่าจะเลิกเรียนแล้วก็กลับบ้านเรากลัวว่าคุณช็อกโกแลตของเราจะละลายง่า...”
“มีอะไรก็พูดมา”
“เราอยากให้คุณช็อกโกแลตอยู่ในที่เย็น ๆ”
“เอาไปฝากที่ร้านที่มีตู้แช่ดิ” เขาบอกไปแล้วกินต่อ เซ็งนิดหน่อย นึกว่าจะมีอะไรมากกว่าการเป็นห่วงช็อกโกแลตโง่ ๆ นั่น และสิ่งที่เขารู้สึกปวดประสาทอีกอย่างคือการที่เจ้าเด็กนี่เรียกแทบจะทุกสิ่งอย่างว่า ‘คุณ’ แม้จะแมลงสาบยังได้รับสรรพนามสุภาพแบบนั้นเลย
“เราไม่ได้สนิทกับคุณแม่ค้านี่นา... ทิวาจ๋า” ไม่ต้องมาเรียนชื่อกูด้วยเสียงสอง โว้ย หลอนหูไปหมดแล้ว!
“จะให้กูเป็นคนเอาไปฝากให้ใช่ไหม?”
“ใช่ใช่!” ถอนหายใจอย่างเพลีย ๆ ปกติแล้วทิวากาลไม่ใช่คนที่จะทำอะไรตามคำสั่งหรือคำขอร้องของใคร และเมื่อมองหน้าขาวใสและได้สบกับดวงตากลมโตหวานฉ่ำที่ฉายแววแห่งความหวังไว้อย่างเต็มเปลี่ยมเขาก็ใจอ่อนยวบไปแล้วมากกว่าครึ่ง
ไอ้เด็กนี่ ชักจะมากเกินไปแล้วนะ!
จันทร์เจ้ายิ้มกว้างเมื่อมองตามหลังทิวากาลไป ทิวาน่ารักจังเลยน้า ทีแรกนึกว่าจะไม่ยอมเสียอีก และไม่นานร่างสูงก็เดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำปั่นหนึ่งแก้วในมือ จันทร์เจ้ายิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อทิวาวางมันลงตรงหน้า มือเล็กประกบเข้าหากันก่อนจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย
“ขอบคุณครับ”
“กูทำให้ตั้งหลายอย่าง แค่นี้หรอวะ?”
ลูกหมูเอียงคอเล็กน้อยพร้อมขมวดคิ้ว ไม่นานก็คายปมคิ้วออกแล้วยื่นมือไปข้างหน้า
“ส่งมือทิวามาสิ” แม้จะงงแต่ก็ยอมส่งมือไปวางบนมือเล็ก เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเด็กแก้มกลมนี่จะทำอะไรกับมือของเขา
จุ๊บ
ร่างสูงเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อริมฝีปากอิ่มแนบลงที่หลังมือของเขา ความอ่อนนุ่มยังติดอยู่ที่หลังมือแม้เจ้าของริมฝีปากสีสดจะถอนออกไปแล้ว เขามองคนทำอย่างอึ้ง ๆ ทิวากาลไม่คิดว่าจันทร์เจ้าจะจูบมือเขาแบบนี้ อีกทั้งที่นี่คือโรงอาหาร กลางโรงอาหารด้วยซ้ำ! แม้จะยังเช้าแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนเลย เสียงซุบซิบดังขึ้นมาไม่ขาด แต่แล้วเสียงพวกนั้นก็หายไปเพียงจากการได้ยินของทิวากาลเพราะรอยยิ้มจากใจของเด็กแก้มกลม
“มึง… ทำอะไรวะ!”
“ขอบคุณไง ปกติเราก็ขอบคุณแบบนี้ถ้าไม่หอมแก้ม จุ๊บที่ปาก ก็จูบที่หลังมือนี่แหละ อ๋อ มีหน้าผากด้วย”
“กับทุกคน?”
“เปล่านะ! เราไม่ได้ทำกับทุกคน แค่กับคนที่รู้สึกดีด้วยและพิเศษมาก ๆ”
ทิวากาลรู้สึกคล้ายกับหายใจไม่ออก ร่างกายเบาหวิวเหมือนไม่มีมวลน้ำหนัก หูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ศีรษะเหมือนถูกทุบด้วยของแข็ง และยังหัวใจเต้นแรงจนน่ากลัวว่าจะช็อก มือหนาที่ค้างอยู่กลางอากาศหล่นตุบบนโต๊ะอาหาร เขามองไปข้างหน้าโดยไม่กะพริบตา มองคนที่กำลังมีความสุขกับชานมไข่มุกโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่พูดออกมาจะทำให้คนฟังเสียความเป็นตัวเองมากแค่ไหน
มากเกินไป มากเกินไปแล้วจริง ๆTBC
ลูกหมูหนูไม่ควรทำแบบนั้นนะลูก หัวใจจะวายแทนพี่พระเอก 5555555555555555555555
วันนี้เพิ่งตื่นละดีดตัวมาเปิดคอมเลย ยังเบลอ ๆ ไม่รู้จะเพ้ออะไร ; __ ;
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ไว้เจอกันตอนหน้าคับ .โป้งชี้ก้อย