-->✖<คุ ณ คื อ ค ว า ม รั ก>✖<-- ตอนพิเศษ หลังแต่งงาน [03/07/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -->✖<คุ ณ คื อ ค ว า ม รั ก>✖<-- ตอนพิเศษ หลังแต่งงาน [03/07/2562]  (อ่าน 203171 ครั้ง)

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ 

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



*****************************************************************



คุณคือความรัก






สารบัญ



บทนำ
บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทที่ 5
บทที่ 6
บทที่ 7
บทที่ 8
บทที่ 9
บทที่ 10
บทที่ 11
บทที่ 12
บทที่ 13
บทพิเศษ วันเกิด
บทที่ 14
บทที่ 15
บทที่ 16
บทที่ 17
บทที่ 18
บทที่ 19
บทที่ 20
บทที่ 21
บทที่ 22 ครึ่งแรก
บทที่ 22 ครึ่งหลัง
บทที่ 23
บทที่ 24
ตอนพิเศษ วันลอยกระทง
บทที่ 25
บทที่ 26
บทที่ 27
บทที่ 28
บทที่ 29
บทที่ 30
ตอนพิเศษ ปีใหม่
บทที่ 31
บทที่ 32
บทที่ 33
บทที่ 34
บทที่ 35
บทที่ 36
บทที่ 37
บทที่ 38
บทที่ 39
คุณคือความรัก ตอนพิเศษ ย้อนหลังวันสงกรานต์
บทที่ 40
บทที่ 41





*****************************************************************


นิยายเรื่องอื่นๆ ของฝนค่ะ  :-[


โปรดจงรัก  (จบ)

คีตมาลา  (จบ)

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2019 15:18:42 โดย ละอองฝน »

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2
คุ ณ คื อ ค ว า ม รั ก









บทนำ








ผมเชื่อมาโดยตลอดว่า การแต่งงานคือการยินยอมด้วยหัวใจ ยินยอมด้วยจิตวิญญาณ ว่าคนสองคนจะมีส่วนร่วมดูแลเอาใจใส่กัน ซื่อสัตย์ต่อกัน และที่สำคัญคือเดินเคียงข้างกันไปจนตลอดชั่วชีวิต เพราะฉะนั้น การแต่งงานย่อมเกิดขึ้นจากความรัก ความรักที่แปรเปลี่ยนเป็นคำมั่นสัญญาด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์
 

 
 
 
ชายหนุ่มรูปร่างเพรียวเล็กในชุดกางเกงแสลกสีน้ำตาลอ่อนกับเสื้อแขนยาวสีขาวทรงสวย มุ่งไปยังห้องรับรองแขกพิเศษของ I promise Tower อย่างเร่งรีบ เสียงลงส้นรองเท้าหนังสั่งตัดกระทบพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังกังวานก้องไปทั้งโถงทางเดินเหมือนกำลังเต้นรำ ทว่าแม้จะเร่งรีบเพียงใด หากแต่ดวงหน้าหวานละมุนราวกับดรุณีแรกแย้ม ก็ยังผลิยิ้มสดใสให้กับพนักงานทุกคนที่เดินผ่านเป็นโบนัสในการทำงานระหว่างวัน เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูกระจกสีลายดอกพิทูเนีย ชายหนุ่มก็พบกับน้องสาวคนรอง คือ หทัย หรือ อ้าย ยืนรอรับอยู่ก่อนแล้ว เขาหยุดยืนข้างๆเธอ จากนั้นจึงเอ่ยถามถึงความเรียบร้อยภายในห้องรับรอง
 
 
"แขกของเราเป็นยังไงบ้าง ข้างในเรียบร้อยดีไหม"
 
"ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะพี่ไอ ข้างในเรียบร้อยดี" หทัยบอกด้วยน้ำเสียงปรกติ ทำให้รู้สึกคลายกังวลได้มาก
 
 
แม้ I promise Tower จะเคยต้อนรับลูกค้าระดับวีไอพีมานักต่อนักแล้วก็ตาม หากแต่ประธานของ I promise Tower รุ่นที่สอง ซึ่งก็คือ คุณกมล เปรมอนันต์ หรือที่ใครต่อใครเรียกว่า คุณไอ ก็ยังอดรู้สึกกระตือรือร้นที่จะมอบบริการสุดแสนประทับใจให้กับลูกค้าไม่ได้ เนื่องจากคู่แต่งงานคู่นี้ ถือเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อสื่อและแวดวงสังคมมากพอสมควร เจ้าสาวคือ คุณเกษสุดา นาฏหิรัญ ลูกสาวคนเดียวของรัฐมนตรีชื่อดังของประเทศ ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวก็ไม่น้อยหน้า เขาคือ คุณณธิป โชติตระกูล ทายาทคนเล็กของเอ็นพีกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจสายการบินชื่อดัง
 
 
"พี่ดูโอเคหรือยังอ้าย ไม่รู้ว่าคุณเกษสุดาเขาจะมาวันนี้ ไม่อย่างนั้นคงแต่งตัวเรียบร้อยกว่านี้แล้ว" กมลถามพลางกระชับคอเสื้อให้แน่ใจว่าเรียบร้อยดีแล้ว
 
"ใน I promise ของเรา อ้ายเชื่อว่าไม่มีใครเนี้ยบได้เท่าพี่ไอแล้วล่ะค่ะ" เมื่อได้ยินคำชมจากปากน้อง กมลก็ยิ้มหวานส่งกลับไปให้แทนคำขอบคุณ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปยังห้องรับรองแขก
 
 
ภาพที่เห็นออกจะทำให้กมลเกิดความรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เมื่อคู่แต่งงานที่เป็นลูกค้าวีไอพีของเขาต่างก็เบือนหน้าไปคนละทางทั้งที่นั่งบนโซฟาเดียวกัน คนหนึ่งก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือไม่สนใจอะไร ส่วนอีกคนกลับพลิกหน้าแคตตาล็อกรูปแบบงานแต่งงานที่หทัยนำเข้ามาให้ดูก่อนหน้านี้อย่างขะมักเขม้น ไม่รู้ว่าคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่ทว่าบรรยากาศรอบตัวของทั้งสองคนมันดูเย็นชาและอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
 
 
กมลรีบปัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปทันทีที่ว่าที่เจ้าสาวเงยหน้าขึ้นมอง ชายหนุ่มคลี่ยิ้มหวานอันเป็นภาพจำของทุกคนส่งไปให้ ก่อนจะเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพเป็นมิตร
 
 
“สวัสดีครับคุณเกษสุดา ต้องขอโทษด้วยที่ให้รอนะครับ”
 
“เรียกเกษเฉยๆก็ได้ค่ะ คุณไอ” หญิงสาววางแคตตาล็อกลงแล้วลุกขึ้นยืนรับชายหนุ่มตามมารยาท
 
 
เกษสุดารู้จักกับกมลเพราะเพื่อนๆในวงสังคมของเธอเป็นคนแนะนำ ใครๆต่างก็ให้เครดิตว่าบริษัทจัดการงานวิวาห์ภายใต้การดูแลของผู้ชายหน้าสวยคนนี้นั้นอยู่ในระดับดีเยี่ยมแค่ไหน เรียกได้ว่าเป็นแถวหน้าของวงการเลยก็ว่าได้ นอกจากการบริการที่ทำให้รู้สึกประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ต่อสายมาสอบถาม รอยยิ้มและความเป็นกันเองของผู้บริหารที่ลงมาควบคุมงานด้วยตัวเอง ยิ่งทำให้ว่าที่เจ้าสาวไฮโซไว้วางใจมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
 
 
“ด้วยความยินดีครับ” กมลยิ้มอีกครั้ง ก่อนเข้าไปที่โซฟาตัวเล็ก แล้วผายมือให้เธอนั่งลงตามเดิม “นั่งเถอะครับ”
 
“เกษต้องขอโทษด้วยนะคะที่โทรนัดกะทันหัน พอดีว่าวันนี้คุณณธิปเขาว่าง คุณพ่อคุณแม่ก็เลยให้รีบมาคุยกันก่อน”
 
 
เมื่อถูกเอ่ยถึง คนที่นั่งก้มหน้าจมอยู่กับเครื่องมือสื่อสารตลอดเวลาตั้งแต่แรกจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับกมล ดวงตารีเรียวของณธิปเบิกขึ้นนิดๆคล้ายประหลาดใจ ก่อนหน่วยตาทรงเสน่ห์คู่นั้นจะเปลี่ยนเป็นพราวระยับขณะทอดมองกมลถ้วนทั่วทั้งใบหน้า แล้วใบหน้าหล่อเหลาก็มีรอยยิ้มจุดขึ้นบางๆราวกับพบสิ่งต้องใจ
 
 
ส่วนกมลนั้น เมื่อเห็นรอยยิ้มกับแววตาของลูกค้าหนุ่มก็ยังคงควบคุมสีหน้าเป็นมิตร ไม่แสดงอาการอะไรมากเกินไปกว่ายามที่ยิ้มให้กับเกษสุดาหรือลูกค้าคนอื่นๆ ทั้งที่ข้างในรู้สึกไม่ชอบใจที่ถูกมองด้วยสายตาเจ้าชู้แบบนั้น หนุ่มหน้าสวยแสร้งทำทีเบือนหน้ากลับมาหาเกษสุดา จากนั้นจึงเริ่มต้นคุยคอนเซ็ปต์ของงานที่ลูกค้าต้องการ
 
 
การพูดคุยดำเนินไปกว่าชั่วโมง ในที่สุดว่าที่เจ้าสาวไฮโซก็บอกและเลือกสิ่งที่ต้องการในงานแต่งงานของตนเองเป็นภาพรวมทั้งหมดคร่าวๆให้กับทาง I promise ได้ทราบทั้งหมด โดยที่ผู้เป็นเจ้าบ่าวกลับนั่งฟังเฉย ไม่ออกความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้นหากว่าไม่ถูกถาม ราวกับไม่ใส่ใจในงานซึ่งเป็นงานแต่งของตัวเองเลยสักนิด
 
 
“สรุปก็คือ คุณเกษไว้วางใจให้ทาง I Promise ของเราวางแผนและติดต่องานทั้งหมด ยกเว้นแค่ในส่วนของชุดเจ้าสาว ที่ทางคุณเกษจะเป็นคนจัดการเอง ถูกต้องไหมครับ”
 
“ถูกต้องตามนั้นค่ะ” หญิงสาวตอบรับด้วยรอยยิ้ม
 
“ถ้าอย่างนั้น คุณเกษกับคุณณธิปสะดวกจะเซ็นสัญญากับเราได้วันนี้เลยหรือเปล่าครับ หรือว่าต้องการนำสัญญากลับไปอ่านทบทวนดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้ง”
 
“เซ็นเลยดีไหมคะคุณเล็ก” หญิงสาวหันไปถามความเห็นหนุ่มหล่อที่นั่งกอดอกทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ด้านข้าง
 
“แล้วแต่คุณเลย ผมยังไงก็ได้” ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ณธิปตอบอย่างขอไปทีเช่นนี้ เกษสุดามีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างมาก เธอก้มหน้าบีบมือตัวเองด้วยความกังวลใจอย่างไม่อาจปิดบัง กมลซึ่งนั่งดูอยู่ใกล้ๆ เห็นว่าคงปล่อยสถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปไม่ได้ เขาจึงเป็นฝ่ายหันไปพูดกับว่าที่เจ้าบ่าวเพื่อช่วยลดความตึงเครียดแทนว่าที่เจ้าสาว
 
“คุณณธิปมีส่วนไหนจะเสนอหรือต้องการเพิ่มเป็นพิเศษไหมครับ”
 
“ไม่ล่ะ เอาตามที่คุณเกษเขาว่านั่นแหละ” เว้นไปนิดเหมือนคิดอะไรได้บางอย่าง ชายหนุ่มจึงหันไปเอ่ยกับเกษสุดา “แต่เซ็นเสียเลยวันนี้ก็ได้ เพราะจากนี้ผมต้องไปดูโรงแรมที่เชียงใหม่ คงไม่มีเวลาว่างมากับคุณบ่อยๆหรอก”
 
“อย่างนั้นเหรอคะ” สาวเจ้ามีสีหน้าสลดวูบ ก่อนจะหันมาบอกกับกมลด้วยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนเต็มทน “เราเซ็นวันนี้เลยก็ได้ค่ะ ทางคุณไอสะดวกจะทำสัญญาวันนี้เลยไหมคะ”
 
“สะดวกครับ เชิญคุณเกษกับคุณณธิปรอสักครู่“ กมลหันไปสั่งงานกับเลขาส่วนตัว ซึ่งก็คือน้องสาวของเขา เสร็จแล้วหทัยจึงเดินออกจากห้องรับรองไปจัดการเรื่องสัญญา
 
 
ผ่านไปครู่หนึ่งหทัยก็กลับมาพร้อมกับหนังสือสัญญาสองฉบับ ทางลูกค้าอ่านและตรวจสอบตัวสัญญากันเงียบๆ ก่อนตกลงใจเซ็นร่วมงานกับทาง I promise Tower เมื่อลูกค้าเซ็นแล้วกมลจึงหยิบสัญญามาเซ็นบ้าง เรียบร้อยหมดสิ้นทุกกระบวนการ ลูกค้ากับผู้ถูกว่าจ้างก็เก็บสัญญาไว้ฝ่ายละชุด
 
 
ทันทีที่การทำสัญญาเสร็จสิ้นเรียบร้อยเป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่าย ลูกค้าวีไอพีทั้งสองคนจึงลากลับ กมลเดินออกไปส่งเกษสุดากับณธิปถึงหน้าบริษัทก่อนบอกลาด้วยรอยยิ้มละมุน มองคนสองคนเดินไปยังลานจอดรถจนลับตา ชายหนุ่มหน้าหวานจึงหันหลังกลับ เตรียมตัวเรียกประชุมฝ่ายต่างๆเพื่อวางแผนงาน แต่แล้ว ขณะที่ยังไม่ทันได้ไปไหนไกล เสียงเรียกจากด้านหลังก็ทำให้กมลต้องหยุดเดิน
 
 
“คุณไอ”
 
“ครับ” กมลขานรับ พร้อมกับหันมาหา
 
“ผมลืมคืนให้น่ะ” ณธิปยื่นปากกาเรียบหรูสีบรอนซ์ตลอดทั้งด้ามให้กับหนุ่มหน้าหวาน
 
“ขอบคุณครับ” กมลยิ้มบางก่อนยื่นมือออกไปรับคืน ทว่าแทนที่จะได้ปากกาคืนมาอย่างที่หวัง อีกฝ่ายกลับออกแรงรั้งปากกาด้ามนั้นไว้ ไม่ยอมปล่อยให้อย่างปากว่า คนหน้าสวยจึงเงยหน้าขึ้นมองฝ่ายตรงข้ามด้วยความไม่เข้าใจ
 
 
แล้วกมลก็สบเข้ากับดวงตาคู่รีเรียวทรงเสน่ห์ซึ่งมองมาที่ตนอยู่ก่อนแล้ว สายตาวามวับถูกใจกับรอยยิ้มบางๆที่ได้รับ ทำให้กมลรู้สึกถึงความไม่พอใจเล็กๆในอก เขาไม่ใช่เด็ก ทำไมถึงจะดูไม่ออกว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการจะสื่ออะไร แม้เลือกที่จะมองข้ามไม่สนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รับ แต่นี่ณธิปยังกลับมากระลิ้มกระเหลี่ยไม่เลิก มันออกจะเกินไปสักหน่อยกระมัง
 
 
“มีอะไรจะพูดกับผมอีกหรือเปล่าครับ คุณณธิป?” แต่ด้วยความที่กมลเป็นคนใจเย็น เขาจึงแก้ปัญหาด้วยวิธีที่มักใช้อยู่ประจำ นั่นคือแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจไปเสีย
 
“เปล่าหรอกครับ” เมื่อเห็นว่าหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าไม่เล่นด้วย ณธิปจึงต้องรามือไปก่อน เวลานี้ไม่เหมาะที่เขาจะเซ้าซี้อีกฝ่าย แม้จะรู้สึกถูกใจในรูปร่างหน้าตาของกมลมากก็ตาม มือหนาปล่อยปากกาให้อีกฝ่าย จากนั้นจึงหันหลังกลับไปโดยไม่พูดอะไรอีก
 
 
คราวนี้กมลยืนรอจนกระทั่งรถหรูคันนั้นแล่นออกไปแล้วจริงๆ จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หากก็ยังอดรู้สึกหนักใจแทนว่าที่เจ้าสาวอย่างคุณเกษสุดาอยู่ลึกๆไม่ได้ ต้องแต่งงานกับคนเจ้าชู้แบบนั้นถือเป็นโชคไม่ดีเอาเสียเลย แต่เรื่องของความรักและชีวิตคู่ของลูกค้าไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเข้าไปยุ่มย่ามหรือคิดแทนได้ กมลปัดความคิดซึ่งนอกเหนือจากหน้าที่ของตนเองออกไป จากนั้นจึงตั้งใจกลับไปสั่งงานตามที่คิดไว้ก่อนหน้า ทว่าเขาก็ต้องชะงักอีกรอบ เมื่อเห็นว่าน้องสาวยืนกอดแท็บเล็ตมองอยู่
 
 
“ดูไม่น่าไว้ใจเลยนะคะ คุณณธิปคนนั้น”
 
“ไม่มีอะไรหรอก ช่างเขาเถอะ เราไปทำงานของเราดีกว่า พี่วานอ้ายเรียกทุกฝ่ายให้ไปคุยกันที่ห้องประชุมตอนบ่ายสามด้วยนะ” คนหน้าหวานสั่งด้วยน้ำเสียงรื่นหู
 
“ค่ะ พี่ไอ” เมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอไม่ได้คิดติดใจอะไร หทัยจึงเลิกคิดแล้วหันมาสนใจงานที่รออยู่ข้างหน้าแทน







++++++++++++++++++++++++++++++++++++






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2016 06:39:54 โดย ละอองฝน »

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2




บทที่ 1
 
 
 
 
 
 
      เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังบอกเวลาตีสี่ครึ่ง คนที่หลับตาพริ้มอยู่ใต้ผ้าห่มก็ลืมตาตื่นขึ้น กมลเสียเวลางัวเงียอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอื้อมมือออกไปกดปิดเสียง จากนั้นจึงลุกขึ้นพับผ้าห่มเรียบร้อยแล้วค่อยเดินไปล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง
 
 
   ตอนที่ลงมายังชั้นล่าง บ้านยังคงปิดไฟเงียบไร้สุ่มเสียง เนื่องจากน้องสาวและหลานๆของเขายังไม่ตื่นนอน กมลหยิบธนบัตรในกระปุกหลังตู้เย็นมาหนึ่งใบพร้อมกุญแจบ้าน ก่อนใส่รองเท้าผ้าใบแล้วไขประตูออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะประจำหมู่บ้าน เขาชอบออกมาวิ่งในเวลาเช่นนี้เพราะตอนเช้าๆผู้คนจะยังบางตาอยู่ ไม่วุ่นวายเหมือนช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
 
 
ขณะที่วิ่งผ่านหมู่แมกไม้ตามรายทาง ผิวเนื้อรู้สึกได้ถึงไอเย็นเบาบางชวนให้ตื่นตัวกว่าทุกที ถึงแม้ใครๆก็มักจะบอกว่ากรุงเทพมหานครนั้นไม่มีฤดูหนาว ทว่ายามเช้าตรู่ของเดือนธันวาคมเป็นต้นไปก็ให้ความรู้สึกเย็นสบายกว่าเวลานี้ในฤดูอื่นๆอยู่บ้างล่ะ ยิ่งถ้าเป็นคนขี้หนาวเหมือนกมลแล้วล่ะก็ ยิ่งจะรู้สึกถึงฤดูที่แตกต่างมากกว่าใคร
 
 
ชายหนุ่มร่างบางวิ่งรอบสระบัวใหญ่ในสวนได้สองรอบก็ถึงเวลาที่ต้องกลับพอดี ขากลับนั้นค่อนข้างจะแตกต่างจากขามาอยู่มากเหมือนกัน เนื่องจากระหว่างทางเริ่มมีสมาชิกในหมู่บ้านยกโต๊ะและอุปกรณ์ต่างๆออกมาเปิดร้านรวงและทำกิจวัตรยามเช้า
 
 
กมลเดินตามฟุตบาทไปเรื่อยๆไม่เร่งร้อน มีบ้างที่ระหว่างทางจะหยุดทักทายคนคุ้นหน้า อย่างเช่นคุณน้าประไพที่ออกมารอตักบาตรพร้อมกับส่งลูกสาวไปทำงานทุกวัน หรือถัดออกไปหน่อยก็เป็นคุณป้าสุรีที่ขายน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋แสนอร่อย และร้านนี้เองที่เป็นสาเหตุให้กมลเตรียมเงินใส่กระเป๋ามา เนื่องจากเด็กๆที่บ้านรวมถึงตัวเขาติดใจน้ำเต้าหู้งาดำของคุณป้ากันทุกคน
 
 
“น้ำเต้าหู้งาดำสี่ถุง ขอน้ำตาลน้อยสองถุงนะครับ” ชายหนุ่มสั่งอย่างสุภาพพร้อมแนบรอยยิ้มจริงใจส่งไปให้ด้วย
 
“ตื่นเช้าทุกวันเลยนะคะคุณไอ” เจ้าของร้านน้ำเต้าหู้ว่า
 
“ครับ”
 
“เอ แต่ช่วงนี้ป้าว่าคุณไอดูเซียวๆไปนิดนะคะ” คนช่างสังเกตเอ่ยทัก
 
“ช่วงนี้งานเยอะหน่อย ธันวาก็แบบนี้ล่ะครับ คนแต่งงานกันเยอะ”
 
“ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะคุณไอ ป้าเป็นห่วงค่ะ” ป้าสุรีว่าพลางส่งถุงน้ำเต้าหู้ให้
 
“ขอบคุณครับป้า” กมลยิ้มให้กับความอารีของหญิงชรา ก่อนจะรับถุงมาพร้อมกับจ่ายเงิน “ผมไปก่อน ขายดีๆนะครับ”
 
 
เมื่อซื้อของเรียบร้อยหนุ่มร่างบางก็เดินกลับเข้าบ้านที่อยู่ในซอยถัดมา พอมาถึงเขาจัดแจงเอาน้ำเต้าหู้ไปเก็บ จากนั้นจึงขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ตอนเช้ากมลจะอาบน้ำไม่นานมากเท่าไหร่ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็มักจะเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาไม่นานในการจัดการธุระส่วนตัว
 
 
ตอนที่ลงมาจากห้อง หยินและหยางหลานรักทั้งสองคนต่างก็ตื่นนอนและอาบน้ำกันหมดแล้ว เหลือแค่สวมชุดนักเรียนเท่านั้น กมลจึงเข้าไปช่วยหลานแต่งตัว ส่วนน้องสาวซึ่งเป็นแม่ของเด็กแฝดทั้งสองก็ได้ผละไปจัดเตรียมอาหารเช้า
 
 
ครอบครัวของกมลเหลือกันเพียง 4 คนเท่านี้ แต่เดิมทีบ้านหลังนี้เคยมีแค่เขา พ่อ แม่ และน้องสาว พอกมลอายุได้ยี่สิบย่างเข้ายี่สิบเอ็ด พ่อกับแม่ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต กมลจึงใช้ชีวิตอยู่กับน้องสาวที่ตอนนั้นอายุเพียงสิบแปดมาลำพังสองคน เมื่อเติบโตและทำงานสืบต่อกิจการของพ่อแม่ได้ไม่นาน น้องสาวของเขาก็แต่งงานมีครอบครัว กมลจึงยกบ้านหลังนี้ให้น้องอยู่กับสามี ส่วนตัวเองย้ายไปอยู่คอนโดที่ซื้อใหม่ด้วยหวังว่าน้องจะได้สร้างครอบครัวใหม่อย่างเป็นสัดเป็นส่วน แต่ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะน้องสาวของเขาเลิกรากับสามีตอนที่คลอดลูกแฝดออกมาได้ไม่นาน ดังนั้นกมลจึงต้องย้ายกลับมาอยู่บ้านเพื่อช่วยเลี้ยงหลาน ตั้งแต่วันที่เจ้าแฝดแบเบาะจนถึงตอนนี้ก็เกือบห้าปีมาแล้ว ส่วนคอนโดที่ซื้อไว้ก็กลับไปนอนบ้างเป็นครั้งคราวยามที่ต้องการความสงบเพื่อคิดโครงการใหม่ๆ
 
 
“วันนี้ลุงไอไปส่งหยางที่โรงเรียนได้ไหมครับ” หลานชายคนเล็กเข้ามาเกาะขาออดอ้อนขณะที่กมลกำลังแต่งตัวให้แฝดคนพี่
 
“ได้สิครับ แต่มีข้อแม้ว่าเด็กๆต้องทานอาหารเช้าให้หมดนะครับ”
 
“โอเคครับ! คุณลุงไอใจดีที่สุดในโลกเลยครับ” น้องหยางรับคำเสียงใสก่อนวิ่งตื๋อเข้าไปนั่งประจำที่ในครัว
 
“เราก็ด้วยนะพี่หยิน ทานให้หมดเข้าใจไหม”
 
“ดื่มแต่น้ำเต้าหู้ที่ลุงไอซื้อมาได้ไหมครับ” หยินต่อรอง
 
“ไม่ได้ครับ หนูต้องทานแซนวิชด้วย ไม่อย่างนั้นแม่อ้ายจะเสียใจเอานะ” ได้ยินลุงว่า หยินก็ช่างใจครู่หนึ่ง ก่อนตอบตกลงเพราะกลัวคุณแม่เสียใจ
 
“ก็ได้ครับ แต่แค่ชิ้นเดียวนะ”
 
“ตกลงครับ” ตกลงกันเรียบร้อยก็พอดีกับที่แต่งตัวเสร็จ คุณลุงกับคุณหลานจึงเดินจูงมือเข้าไปนั่งทานอาหารเช้าในครัวพร้อมหน้ากัน
 
“ได้ยินน้องหยางบอกว่าวันนี้พี่ไอจะไปส่งเด็กๆเหรอคะ” อ้ายถอดผ้ากันเปื้อนแขวนเก็บก่อนถือจานแซนวิชเดินมานั่งที่โต๊ะด้วย
 
“อืม ก็เจ้าตัวดีเขาอ้อนน่ะสิ”
 
“แต่พี่ไอมีนัดคุยกับลูกค้าตอนเก้าโมงที่สุขุมวิทนะคะ ถ้าไปส่งเด็กๆที่โรงเรียน อ้ายกลัวพี่ไอไปตามนัดไม่ทัน”
 
“น่าจะทันอยู่หรอกไม่ต้องเป็นห่วง เพราะน้องหยางกับพี่หยินเขาสัญญากับพี่แล้ว ว่าวันนี้จะจัดการมื้อเช้าไม่อิดออดชักช้า ใช่ไหมครับ” ประโยคหลังกมลหันไปถามเจ้าสองแสบยิ้มๆ
 
“ครับ/ครับ” สองเสียงประสานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็รีบจัดการอาหารเช้าตรงหน้าเพราะกลัวคุณลุงเปลี่ยนใจ
 
“งั้นก็ตามใจค่ะ” แม่อ้ายของเด็กๆยอมรับอย่างจำใจ ก็ลุงไอมักจะทำตามคำขอของเด็กๆไปเสียทุกอย่างจนคนเป็นแม่อย่างเธออดอ่อนใจไม่ได้ในบางครั้ง
 
“ว่าแต่อ้ายเถอะ เข้าไปที่ I Promise ใช่ไหมเช้านี้”
 
“ค่ะ อ้ายก็ว่าจะเข้าออฟฟิศก่อน”
 
“อย่าลืมแจ้งให้ฝ่ายบัญชีสรุปงบที่จะใช้ปรับภูมิทัศน์สวนด้านหลังบริษัทมาด้วยนะ” ผู้บริหารอายุน้อยว่าไปพลางจิบน้ำเต้าหู้ของตัวเองไปพลาง อีกทั้งตาก็ยังคอยสังเกตไม่ให้หลานๆทานอาหารเลอะเทอะ
 
“ตกลงว่าจะสรุปงบกันวันนี้ด้วยเหรอคะ อ้ายคิดว่าจะประชุมแต่เรื่องออกบูธที่ปักกิ่ง”
 
“เรื่องนั้นคราวที่แล้วเราประชุมความคืบหน้าไปแล้วนี่ วันนี้แค่สรุปความพร้อมก่อนพี่กับอ้ายเดินทางไป คิดว่าคงใช้เวลาไม่มากหรอก เอาเรื่องงบปรับปรุงภูมิทัศน์เข้าไปแจกแจงด้วยเลยจะได้ไม่เสียเวลา อีกอย่างถ้าผ่าน พี่จะได้สั่งให้เขาเรียกช่างมาเซ็นสัญญาเริ่มงานเลย อย่างลืมนะว่าปลายมกรามีลูกค้าจองจัดงานในส่วนของสวนด้านหลังริมสระ ไม่รีบทำพี่กลัวจะไม่ทันการ”
 
“โอเคค่ะ เดี๋ยวอ้ายจะเข้าไปบอกที่แผนกบัญชีไว้ แต่คิดว่าคงจะวุ่นกันน่าดูล่ะ เห็นวันก่อนยังสรุปปิดงบเตรียมยื่นภาษีกันไม่เสร็จเลย”
 
“อย่างนั้นเหรอ” หนุ่มหน้าหวานครุ่นคิด ก่อนบอก “ก็ให้ลองทำคร่าวๆจากที่คุยกันไว้คราวก่อนก็แล้วกัน ยังไงก็ต้องรอทางช่างเสนอราคามาอีกทีอยู่ดี”
 
“โอเคค่ะ” ผู้เป็นน้องสาวรับคำ
 
 
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จกมลก็พาหลานๆขับรถออกจากบ้านก่อน ส่วนหทัยเอารถอีกคันไปบริษัทเลย ดังนั้นเช้านี้เมื่อไม่ได้ไปส่งเจ้าสองแสบ เธอจึงมีเวลาเก็บล้างทำความสะอาดครัวก่อนนิดหน่อย
 
 
พอมาถึงโรงเรียนกมลก็ให้น้องหยินกับน้องหยางสะพายกระเป๋าเองก่อนจูงมือหลานเข้าไปส่งในโรงเรียน หยินกับหยางมักจะชอบให้กมลมาส่งบ่อยๆ นั่นก็เพราะว่ายามที่คุณลุงของเขามา เพื่อนๆมักจะเดินตามล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อที่จะได้ทักทายลุงไอ ก็ลุงไอของเด็กๆน่ะยิ้มหวานท่าทางใจดีที่สุด บางครั้งก็มักจะเอาช็อกโกแลตเม็ดเล็กๆมาแจกด้วย เมื่อมาถึงหน้าห้องเรียนเขาปล่อยให้เด็กๆสวัสดีคุณครูเรียบร้อย คุณลุงยิ้มหวานของเด็กๆก็สั่ง
 
 
“ตั้งใจเรียนนะครับ เดี๋ยวเย็นๆลุงให้แม่อ้ายมารับนะ” กมลก็ส่งมือเด็กๆต่อให้คุณครูประจำชั้น
 
“ครับ/ครับ” หยินกับหยางรับคำก่อนยกมือไหว้ กมลลูบหัวหลานคนละที จากนั้นจึงเงยหน้าพูดกับคุณครูประจำชั้น
 
“ผมฝากเด็กๆด้วยนะครับ”
 
“ค่ะคุณไอ”
 
 
ส่งหยินกับหยางเรียบร้อยก็ได้เวลาขับรถไปพบลูกค้า กระทั่งบ่ายโมงกมลจึงกลับเข้า I Promise Tower เพื่อเข้าประชุม การประชุมแผนงานและสรุปงบประมาณเป็นไปอย่างราบรื่น แต่กว่าจะเลิกประชุมได้ก็เกือบๆห้าโมงเย็น น้องสาวของกมลออกไปรับเด็กๆตั้งแต่บ่ายสาม เขาจึงให้พนักงานที่เป็นผู้ช่วยอีกคนจดสรุปวาระการประชุมมาให้ หลังจากที่ทุกคนทยอยกลับกันไปแล้ว ผู้บริหารหน้าหวานก็นั่งอ่านสรุปทั้งหมดในห้องทำงานส่วนตัว จนเวลาล่วงเลยไปเกือบทุ่มจึงมีสายโทรเข้ามาขัดจังหวะ
 
 
“สวัสดีครับ กมลพูดสายครับ”
 
‘คุณไอ  นี่เกษเองค่ะ’ เสียงหวานของเจ้าสาวไฮโซลอดมาตามสาย
 
“อ๋อครับ คุณเกษมีอะไรให้ผมช่วยครับ”
 
‘คือเกษอยากเปลี่ยนสถานที่จัดงานน่ะค่ะ พอดีตอนแรกทางเกษแจ้งว่าจะจัดที่โรงแรมในเครือของคุณเล็กที่เชียงใหม่ใช่ไหมคะ’
 
“อ้อครับ ปางณภัทร เชียงใหม่”
 
‘ค่ะ แต่ตอนนี้เกษจะเปลี่ยนมาเป็นสาขาที่กรุงเทพแทนน่ะค่ะ คุณไอพอจะสะดวกมาดูสถานที่วันไหนก็โทรบอกเกษได้เลยนะคะ เพราะเกษอยากให้คุณไอมาช่วยเกษดูเมนูอาหารด้วยน่ะค่ะ’
 
“เอาเป็นอย่างนี้ดีกว่าครับ คุณเกษสะดวกวันไหนผมจะได้นัดพาทีมงานไปดูสถานที่”
 
‘สักวันพุธแล้วกันค่ะ คุณไอว่างนะคะ’
 
“อืม…สักครู่นะครับ” กมลพลิกดูตารางงานของตัวเองในวันพุธที่จะถึงก่อนตอบหญิงสาว “ผมว่างครับวันนั้น เอาเป็นช่วงเช้าเลยไหมครับ”
 
‘บ่ายๆก็ได้ค่ะ เกษไม่รีบ’
 
“ตกลงครับ” ชายหนุ่มเติมชื่อเกษสุดา สถานที่และช่วงเวลานัดเข้าไปในช่องว่างของวันพุธ
 
‘โทษด้วยจริงๆค่ะ เกษผิดเองที่ไม่ได้ปรึกษาผู้ใหญ่ให้ดีก่อน ดีนะคะเนี่ยที่ยังไม่เริ่มทำการ์ดแต่งงาน ไม่อย่างนั้นคงต้องเปลี่ยนทั้งหมดเลย’
 
“ไม่เป็นไรครับ ในช่วงแรกนี้หากคุณเกษมีไอเดีย หรือต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรก็โทรมาหาผมโดยตรงได้เลยครับ เราเตรียมงานแต่เนิ่นๆช่วงใกล้ๆจะได้ไม่ฉุกละหุกมาก อ้อ! แล้วก็จะให้ผมนัดวัดตัวกันวันนั้นเลยไหมครับ คุณณธิปจะว่าอะไรหรือเปล่า”
 
‘เอ่อ…เกษไม่ทราบค่ะ คงต้องถามเขาดูก่อน แล้วยังไงเกษจะแจ้งนะคะ’
 
“ได้ครับ” กมลจับได้ถึงน้ำเสียงไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ของเกษสุดา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ซักไซ้อะไรเพิ่มเติม
 
‘ขอบคุณคุณไอมากๆนะคะ ไม่ได้คุณไอเกษคงแย่แน่ๆ’
 
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี”
 
‘แล้วพบกันวันพุธค่ะ’
 
“แล้วพบกันครับ” บอกลากันเรียบร้อยเกษสุดาก็วางสายไป พอวางจากสายของเกษสุดาชายหนุ่มก็เริ่มโทรประสานงานกับพนักงานที่ดูแลเรื่องสถานที่ หนึ่งในนั้นรวมถึงจงรัก ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของเขาที่ตอนนี้เจ้าตัวไปเยี่ยมพ่ออยู่ที่เชียงใหม่
 
 
เมื่อประสานงานกับทุกคนเรียบร้อยกมลจึงเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน แต่ทว่าระหว่างเดินไปที่รถ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก
 
 
“สวัสดีครับ กมลพูดสายครับ” ชายหนุ่มกรอกเสียงรื่นหูไปตามสาย ฝ่ายตรงข้ามเงียบอยู่อึดใจก่อนพูดโต้ตอบด้วยเสียงทุ้มห้าวอย่างที่ไม่คุ้นหู
 
‘วันพุธผมไม่ว่าง ถ้าคุณจะวัดตัว มาเจอผมที่โรงแรมปางณภัทร สาทร ในวันศุกร์’
 
“ขอโทษนะครับ นั่นคุณ…” อยู่ๆอีกฝ่ายก็พูดออกมาห้วนๆ กมลจึงไม่อาจเดาได้ว่าคนปลายสายเป็นใคร
 
‘ผมณธิปไง อะไรกัน ไม่กี่วันก็ลืมกันเสียแล้วเหรอ’ ณธิปเย้าเสียงคล้ายผิดหวัง แต่ฟังดูก็รู้ว่าแกล้งทำ
 
“อ๋อ คุณณธิป ขอโทษครับ ผมไม่ได้เมมเบอร์ของคุณไว้ ก็เลยไม่ทราบว่าเป็นใคร” ก็ช่วงตลอดหลายวันที่ผ่านมา ณธิปมาพบเขาพร้อมกับเกษสุดาเพียงสองครั้ง ครั้งแรกวันเซ็นสัญญา ส่วนอีกวันก็ตอนนัดคุยรายละเอียดธีมงานพร้อมฝ่ายจัดสถานที่ นอกจากนั้นเขาก็ไม่เคยโทรมาประสานงานอะไรกับกมลเลยสักครั้ง จะมีก็แต่เกษสุดาที่วิ่งเต้นเรื่องงานแต่งอยู่คนดียว “วันศุกร์กี่โมงดีครับ ผมจะได้บอกช่างถูก”
 
‘ประมาณบ่ายโมงก็แล้วกัน เห็นคุณเกษบอกว่าคุณทำหน้าที่ดูแลงานแต่งของเธอได้ดี ผมก็หวังว่าจะได้เจอคุณด้วยในวันศุกร์นะ’
 
“ครับ แล้วผมจะไปพบคุณด้วย เพราะบางทีคุณอาจมีอะไรเกี่ยวกับงานแต่งงานของคุณกับคุณเกษที่อยากเสนอผมบ้าง”
 
 
ความจริงกมลตั้งใจว่าจะส่งไปเพียงช่างจากห้องเสื้อ แต่เมื่อถูกพูดดักทางราวกับรู้ทางหนีทีไล่ขนาดนี้ ผู้บริหารหน้าหวานจึงไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่าลูกค้าพิเศษก็คงจะต้องการบริการที่แสนพิเศษเท่ากับเม็ดเงินที่จ่ายออกไปเช่นกัน แม้ในใจยังไม่ลืมแววตาที่อีกฝ่ายจ้องมองตนเมื่อไม่กี่วันก่อนก็เถอะ
 
 
‘ตกลง แล้วผมจะรอพบคุณ’ ทว่าก่อนกมลจะกดวางสาย ณธิปก็สั่งบางอย่างออกมาอีกประโยค ‘อ้อ! วางสายแล้วก็อย่าลืมเมมเบอร์ผมเอาไว้ด้วยล่ะ คุณไอ’
 
“ครับ”
 
 
หลังจากวางสายแล้วจริงๆดวงตาคู่งามก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองเบอร์โทรศัพท์ที่หน้าจอของตัวเองเขม็ง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขามีลางสังหรณ์ว่าผู้ชายที่เพิ่งวางสายไปคนนี้ กำลังจะสร้างเรื่องให้เขาปวดหัวในอนาคต แต่คิดได้แค่นั้นกมลก็เลื่อนนิ้วไปกดบันทึกชื่อของณธิปเอาไว้ในโทรศัพท์ และบอกตัวเองว่าบางทีเขาอาจคิดมากเกินไป เมื่อเรียบร้อยชายหนุ่มก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วไปขึ้นรถเพื่อนขับกลับบ้าน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
   “คุณเล็ก”
 
   “หืม?”
 
   “ยิ้มอะไรอยู่คนเดียวครับ หนึ่งเรียกคุณตั้งนานแล้วนะ ไม่เห็นคุณจะตอบ” เสียงชายหนุ่มร่างบางที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าว่าอย่างกระเง้ากระงอด
 
   “หนึ่งเรียกผมเหรอ ขอโทษที พอดีคิดอะไรเพลินๆน่ะ” ณธิปบอกพลางเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกง
 
   “แหน่ะ! ดูมีพิรุธนะครับ คิดถึงใครอยู่หรือไง” ไม่ว่าเปล่า คนจ้องจับผิดยังเขม่นมองด้วยแววตาสงสัย เมื่อถูกมองเช่นนั้น คนที่ถูกจ้องก็ทำคิ้วขมวดแล้วว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
 
   “คิดถึงใครกันล่ะ เรื่องงานทั้งนั้น นี่พรุ่งนี้มีประชุมโครงการบ้านพักตากอากาศที่หัวหินอีก อย่าจับผิดน่ารำคาญน่าหนึ่ง ผมไม่ชอบ”
 
   “ผมก็แค่สงสัย ทำไมต้องหงุดหงิดใส่ผมด้วยล่ะ”
 
   “ก็มันน่ารำคาญ อย่าจุกจิกกวนใจให้มากนัก บอกให้มาหาก็มาแล้วนี่ไง ถ้ามาจ้องจับผิดกันแบบนี้ไม่เลิกผมจะกลับไปนอนที่บ้านแล้วนะ” พอได้ยินอย่างนั้นหนึ่งนทีก็เปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที มือเรียวรีบวางแก้วไวน์ในมือลงที่โต๊ะกลางโซฟาก่อนขยับเดินไปนั่งตักแล้วซบลงตรงบ่ากว้างของณธิป
 
   “อย่าเพิ่งกลับซิครับ คุณไม่ได้มาหาผมหลายวันแล้วนะ ก็คุณเอาแต่ทำงานจนลืมผมไปเลยนี่ ผมคิดถึงคุณจะแย่ มันก็ต้องหงุดหงิดเป็นธรรมดา”
 
   “ก็อย่าให้มันมากนัก ผมเหนื่อยกับงานมาแล้วไม่อยากทะเลาะกับคุณในเรื่องไร้สาระอีก”
 
   “ขอโทษครับ” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาก่อนเอามือคล้องคออีกฝ่ายแล้วจูบเบาๆที่ปลายคาง “ยกโทษให้ผมเถอะนะ นะคุณเล็ก”
 
 
   พอได้เห็นสายตาสำนึกผิดแกมออดอ้อนกับอาการขยับบดเบียดสะโพกบางที่หน้าตัก ณธิปก็ยอมอ่อนลงให้อีกฝ่าย ก่อนจะใช้มือหนาประคองลูบไล้เอวบางเล่น
 
 
   “อย่างนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย” ใบหน้าหล่อเหลาว่าพลางกระตุกยิ้ม ก่อนเริ่มประกบจูบริมฝีปากของหนึ่งนทีจนอีกฝ่ายแทบหายใจไม่ทัน
 
   “ด…เดี๋ยวสิคุณเล็ก” หนึ่งนทีหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองไม่ตกเป็นเหยื่อง่ายนัก มือเรียวดันแผ่นอกกว้างของร่างสูงไว้จากนั้นจึงเริ่มพูดสิ่งที่ตั้งใจเตรียมมาบอกอีกฝ่ายแต่แรก “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณก่อน”
 
   “เอาไว้พูดทีหลังสิ” ไม่ปฏิเสธเปล่า มือหนายังรุกไล่เข้าไปใต้ชายเสื้อของร่างบางที่หลุดลุ่ยออกมา
 
   “แต่เรื่องนี้สำคัญนะครับ” ทว่าหนึ่งนทีก็ไม่ยอมแพ้ ณธิปจึงยอมรามือชั่วคราวแล้วฟัง
 
   “เรื่องอะไรล่ะ”
 
   “เรื่องร้านของผมน่ะสิ”
 
   “ทำไม”
 
   “คุณก็รู้ว่าร้านจะเปิดตอนต้นปีหน้า ผมว่าจะลงข่าวในนิตยสาร---น่ะ นิตยสารหัวนั้นค่อนข้างคัดกรองแบรนด์สินค้า คุณพอจะมีเส้นสายบ้างไหม”
 
   “อืม…ก็พอรู้จักอยู่คนสองคน เดี๋ยวจัดการให้แล้วกัน”
 
   “จริงเหรอคุณเล็ก ขอบคุณนะครับ” พอได้ดั่งใจหนึ่งนทีก็ยิ้มกว้าง จนเกือบลืมว่าก่อนหน้านี้กำลังจะทำอะไรกันอยู่
 
   “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นดีกว่า” ณธิปว่าพลางยิ้มร้าย ก่อนจะเริ่มสานต่อกิจกรรมที่กำลังทำอยู่เมื่อครู่ให้ดำเนินต่อไปบนโซฟาใหญ่ในห้องรับแขกนั้น โดยที่หนึ่งนทีก็ไม่ได้ขัดขืนอีกทั้งยังให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ
 
 
   เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาวาบหวามไปแล้ว ณธิปก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วเตรียมกลับคอนโดของตัวเอง เขาเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แม้ว่าจะคั่วใครสักกี่คน เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปชายหนุ่มจะไม่ยอมค้างกับใครหน้าไหนทั้งนั้น แม้แต่หนึ่งนที ดีไซเนอร์หนุ่มที่ควงกันมายาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ จนหลายๆคนแม้แต่เพื่อนสนิทยังคิดว่าคนนี้ตัวจริง แต่สำหรับณธิปแล้ว ไม่ว่าจะหนึ่งนทีหรือว่าใครก่อนหน้า ก็ไม่เคยมีคนไหนที่ยกย่องได้ว่าเป็นตัวจริงสักคนเดียว เพราะเขาเป็นคนรักสนุก ชอบอิสระ ไม่อยากผูกมัดกับใคร เนื่องจากมันทำให้รู้สึกวุ่นวายและยุ่งยากกันการที่ต้องเอาตัวไปผูกไว้กับคนๆหนึ่ง
 
 
ถึงแม้เขาจะไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาในความรู้สึกรักๆใคร่ๆอะไรทำนองนั้น แต่เขาก็ยุติธรรมกับคู่นอนทุกคนที่เข้ามาในชีวิต เพราะการที่เข้ามาเป็นคู่นอนให้เขา ทุกคนก็จะได้รับค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกัน ยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิงบางคนอาจจะอยากได้เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าราคาแพง มันก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไร หรือแม้แต่อยากให้เปิดกิจการให้อย่างคนโปรดเช่นหนึ่งนที มันก็ไม่ได้สะเทือนทรัพย์ในกระเป๋าของณธิปเท่าไหร่ ขอเพียงคนคนนั้นมอบความสุขในแบบที่เขาพอใจได้เท่านี้ก็ถือว่าหายกัน
 
 
   ดังนั้นที่ผ่านมา ไม่ว่าณธิปอยากครอบครองใคร คนที่หมายปองก็มักจะไม่ปฏิเสธสักราย และเขาก็มั่นใจว่ารายล่าสุดที่เขาหมายตาอยู่ตอนนี้ ก็คงไม่ปฏิเสธเขาเช่นกัน
 
 
 
 
 
แต่บางทีณธิปอาจไม่รู้ว่า บางสิ่งบางอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเสมอไป
 
 
 
 
 

 
++++++++++++++++++++++++++++





สวัสดีอีกครั้งค่ะ

เรื่อง 'คุณคือความรัก' เป็นสปินออฟอีกเรื่องของโปรดจงรัก
ตัวละครที่เราคุ้นเคยจะได้มีเรื่องราวเป็นของตัวเองเป็นอีกพาร์ทหนึ่ง

ถ้าใครไม่เคยอ่านโปรดจงรัก ก็สามารถอ่านเรื่องนี้ได้นะคะ
แต่หากอ่านโปรดจงรักไปด้วยก็จะดีมากๆ ค่ะ  >///<

เรื่องนี้เคยลงแล้วครั้งนึง แต่ฝนไม่ได้มาต่อนานเกินไป
ก็เลยถูกลบไป ต้องขอโ?ษด้วยจริงๆที่ปล่อยให้รอนานค่ะ
ตอนนี้จะกลับมาต่อเรื่อยๆ แล้วนะคะ
ยังไงก็ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยเน้อ  :o8:
ชอบไม่ชอบติชมได้ค่ะ น้อมรับคำแนะนำเสมอค่ะ


ละอองฝน.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2016 06:47:02 โดย ละอองฝน »

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พี่ไอ จะกลับมาอีกครั้งแล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

แอบชอบคุณไอมาตั้งแต่ตอนที่อ่านโปรดจงรักแล้วค่ะ
ดีใจที่มีพาร์ทของคุณไอมาลงให้อ่าน
แต่ที่เหนือความคาดหมายคือบทบาทของคุณเล็ก
จากเรื่องที่แล้วเหมือนจะถูกจัดหมวดไว้เป็นตัวประกอบฝั่งดาวร้าย
แต่พอมาเรื่องนี้บทก็ดูจะเด่นขึ้นมาอีกโข....

จะรอตอนต่อๆไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
ปักเรื่องพี่ไอค่ะ  :mc4:

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2





บทที่ 2







วันนี้เป็นวันที่เกษสุดานัดให้กมลและทีมงานไปพบกันที่โรงแรมซึ่งใช้ในการจัดงานแต่งงานของเธอกับณธิป ช่วงเช้ากมลจึงเร่งเคลียร์งานให้เสร็จโดยเร็วเพราะมีนัดว่าที่บ่าวสาวอีกคู่เพื่อเข้ามาเซ็นสัญญาจัดงานวิวาห์ตอนสิบเอ็ดโมงตรง แต่กว่าจะเจรจาตกลงกันเรียบร้อยเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบเที่ยงครึ่ง โชคดีที่กมลให้ทีมงานเดินทางไปที่โรงแรมก่อนแล้ว ส่วนตัวเขาขับรถตามไปทีหลังจึงไม่ฉุกละหุกนัก


เมื่อมาถึงโรงแรมปางณภัทร พนักงานต้อนรับก็พากมลเข้าไปที่ห้องรับรองซึ่งทุกคนกำลังรอเขาอยู่ ผู้บริหารหน้าหวานกล่าวขอโทษลูกค้าอย่างสุภาพ แม้ว่าเขาจะมาทันเวลาก็ตาม เมื่อขอโทษขอโพยเสร็จดวงตาคู่งามก็สังเกตเห็นที่นั่งข้างๆของเกษสุดา เขาพบชายหนุ่มในชุดสูทเรียบหรูท่าทางสุขุมกำลังมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว พอประสานสายตากัน กมลก็คลี่ยิ้มการค้าส่งไปให้พร้อมกับแนะนำตัวเอง ฝ่ายนั้นจึงลุกขึ้นจับมือแล้วแนะนำตัวเองเช่นกัน


“ผมณภัทร เป็นพี่ชายของณธิป ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณณภัทร”

“เรียกภัทรเฉยๆก็ได้ครับคุณกมล ไม่ต้องมากพิธีขนาดนั้นหรอก” เจ้าตัวว่าอย่างเป็นกันเอง กมลรู้สึกว่าพอเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมเช่นนั้น มันทำให้ผู้ชายคนนี้ช่างน่าคบกว่าคนน้องเป็นไหนๆ


ณภัทร โชติตระกูล แทบจะไม่มีใครในวงการธุรกิจที่ไม่รู้จัก เขาเป็นลูกชายคนโตของคุณอนันต์ โชติตระกูล และเป็นทายาทอันดับหนึ่งที่จะรับช่วงต่อในการบริหารงานของกลุ่มธุรกิจในเครือเอ็นพีกรุ๊ปเกือบทั้งหมด แต่ไม่ใช่ว่าเขาเกิดมาบนกองเงินกองทองจึงทำให้คนจดจำ หากแต่ที่ผ่านมาเมื่อเอ่ยถึงชื่อของเขาก็จะปรากฏผลงานที่โดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ จนทำให้ผู้ใหญ่ในวงการธุรกิจต้องจับตามอง และยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจคนรุ่นใหม่มากความสามารถ


“ถ้าอย่างนั้นคุณภัทรก็ต้องเรียกผมว่าไอเหมือนคุณเกษด้วยนะครับ”

“ตกลงครับคุณไอ” เมื่ออีกฝ่ายยอมทำตาม กมลก็ยิ้มตาหยี ทำเอาคนมองเผลอยิ้มตามไปด้วยอีกคน


   หลังจากทักทายกันเรียบร้อยเกษสุดาก็ชวนให้กมลนั่งคุยกันเรื่องอาหารที่จะใช้ในการจัดเลี้ยง แต่เหมือนจะลืมที่คุยตกลงกับณธิปเอาไว้เมื่อวันก่อน กมลจึงเผลอถามถึงว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งยังไม่เห็นแม้แต่เงา


“คุณณธิปล่ะครับ”

“คุณเล็กติดงานน่ะค่ะ” เกษสุดาว่าไม่เต็มเสียงนัก ก่อนเหลือบมองหน้าณภัทร ครั้นจะทำนิ่งไม่แก้ต่างอะไรแทนน้องสักคำก็คงกระไรอยู่ เขาจึงหันมาเอ่ยกับกมลว่า

“ในส่วนของงานก็จัดการตามที่คุณเกษต้องการ แต่ถ้าหากตรงไหนที่มีปัญหา ต้องการจะปรับเปลี่ยนก็ติดต่อกับคุณเกษหรือไม่ก็ผมได้เลยครับ เจ้าเล็กมันยุ่งๆช่วงนี้”

“ครับ” ไอพยักหน้ารับ

“จัดการตามนั้นได้เลยค่ะ อันที่จริงแล้วคุณเล็กเขาคงไม่มีปัญหาอะไร” เกษสุดากล่าวสำทับอีกคำก่อนจะเริ่มเลือกเมนูอาหาร


พอได้อย่างที่พอใจเธอก็คุยรายละเอียดการตกแต่งสถานที่ และพากันออกไปดูห้องแกรนด์บอลรูมที่จะใช้จัดพิธีในวันจริง เมื่อตกลงกันเข้าใจเรียบร้อยทุกอย่างหญิงสาวจึงขอตัวกลับไปก่อนโดยณภัทรเป็นคนเดินไปส่งว่าที่น้องสะใภ้ แต่ทางกมลและทีมงานยังอยู่ดูสถานที่ต่ออีกหน่อย


   กมลมองตามหลังเกษสุดากับณภัทรไปจนลับตา ก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ ดวงหน้าหวานเปลี่ยนไปจากตอนที่อยู่กับลูกค้าราวคนละคน เนื่องจากรู้สึกไม่สบายใจเท่าที่ควร ขณะที่ทีมงานต่างก็แยกตัวไปสำรวจดูส่วนที่ต้องการวางแท่นยกพื้นเพื่อทำเวที จงรักผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องซึ่งกมลขอให้ช่วยงานนี้ด้วยก็เข้ามาแตะแขนเบาๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงแสดงความเป็นห่วง


“พี่ไอมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”

“ก็นิดหน่อยน่ะรัก” คนไม่สบายใจทำหน้าม้านลงกว่าเดิม จงรักจึงยิ่งเป็นห่วงมากขึ้น

“เรื่องงานของคุณเกษเหรอครับ”

“อืม… เรื่องของคุณเกษนั่นแหละ แต่ไม่ใช่เรื่องงานหรอก” ไอถอนหายใจอีกรอบ นัยน์ตาใสเหมือนลูกแก้วหม่นลงเล็กน้อยแล้วว่าต่อ “เรื่องงานพี่ไม่ได้หนักใจมากนัก ทาง I promies ของเราใช่ว่าจะไม่เคยจัดงานใหญ่ๆทำนองนี้ คุณเกษเธอลงรายละเอียดที่ต้องการมาครบถ้วน ดูๆแล้วไม่มีจุดไหนที่ไม่โอเค ถึงมีเราก็คุยได้ เธอมีเหตุผลพอ ทำงานด้วยง่ายไม่ได้เรื่องมากอะไรหรอกถ้าเทียบกับคนระดับเดียวกัน”

“แล้วพี่ไอเครียดเรื่องอะไรล่ะครับ”


ถึงตรงนี้เป็นเรื่องที่กมลชักไม่อยากปริปาก เนื่องจากเขาไม่อยากเอาใครก็ตามโดยเฉพาะลูกค้ามาวิจารณ์ในแง่ลบ แต่เพราะรู้สึกว่าจงรักมีท่าทีเป็นห่วงเป็นใยตนเองอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งน้องก็ถือเป็นคนในครอบครัว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจพูด โดยลอบมองซ้ายขวาให้ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ตัวแล้วก้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคน


“เรื่องเจ้าบ่าวของคุณเกษน่ะสิ”

“หา? เรื่องคุณณธิปน่ะเหรอครับ” จงรักทำหน้างงงวยเล็กๆ กมลจึงอธิบายต่อ

“ใช่ พี่รู้ว่าอาจดูจุ้นจ้านเกินไป แต่รักทำงานกับพี่มาสักพัก รักก็น่าจะรู้นิสัยพี่ดี พี่ไม่ชอบแบบนี้เลย รู้สึกว่าคุณณธิปเขาไม่ใส่ใจกับงานแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แทบทุกอย่างคุณเกษจัดการเองหมด ทุกครั้งที่นัดคุยงานเขามาสายตลอด ทำหน้าหงุดหงิด ไม่ช่วยออกความเห็น แถมบางครั้งยังพูดขัดคุณเกษหรือไม่ก็ตอบรับแบบส่งๆ ขนาดงานจัดที่โรงแรมของคุณณธิปเอง วันนี้เขายังไม่มา มีอย่างที่ไหนให้พี่ชายตัวเองมาแทน” ฟังจากที่ไอพูด จงรักก็เข้าใจทันที


   นอกจากกมลจะเป็นคนที่ลงมือทำงานภาคสนามเองแทบทุกงานแล้ว ผู้บริหารหน้าหวานจาก I promise Tower ยังเป็นคนที่เชื่อและศรัทธาในเรื่องของความรักมากๆ จนมักจะได้ยินคำพูดติดปากบ่อยๆว่า


การแต่งงานที่ดีย่อมเกิดขึ้นจากความรักของคนสองคน


   ทุกครั้งที่กมลเห็นคู่บ่าวสาวยิ้มอย่างมีความสุขในวันสำคัญ กมลก็จะยิ้มอย่างมีความสุขมากๆเช่นกัน เพราะเขารู้ว่างานเหล่านั้นตัวเองมีส่วนร่วมในการลงแรงสร้างสรรค์ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมกมลถึงขัดใจในตัวณธิปนัก ก็เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ณธิปแสดงให้เห็นว่าไม่ยินยอมพร้อมใจจะแต่งงานกับเจ้าสาวไฮโซอย่างเกษสุดาเลยสักนิด


“พี่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงหรอกนะ แต่เห็นแบบนี้ก็อดสงสารคุณเกษไม่ได้ เธอดูมีความสุขขนาดนั้น แต่เจ้าบ่าวท่าทางไม่เต็มใจเลย แต่เอาเถอะ พวกเรามีหน้าที่จัดงาน ก็ดูแลในส่วนของเราให้ดี” ว่าจบกมลก็ถอนหายใจอีกครั้งปิดท้าย

“ครับ แต่พี่ไอก็อย่าคิดมากนะ ผมเป็นห่วง” พอได้ยินจงรักพูด กมลก็ยิ้มหวานตามแบบที่ใครเห็นเป็นต้องหลงรักพร้อมขอบใจน้อง

“อืม ขอบใจนะรัก ว่าแต่เราไปทางโน้นกันเถอะ ไปดูว่ากลองถ่ายรูปได้เยอะไหม เดี๋ยวต้องไปคุยงานต่ออีกที่ ส่วนเรื่องอาหารที่โรงแรมเขาจะจัดการเอง เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องจัดซุ้มอีกที”

“ครับ”


เมื่อปัดเรื่องส่วนตัวของลูกค้าเจ้าปัญหาให้พ้นสมองได้ กมลก็กลับมาเป็นคนที่เอางานเอาการเหมือนเดิม จงรักเดินตามลูกพี่ลูกน้องของตัวเองไปหาทีมงานที่เหลือ พอตรวจเช็ครูปที่ถ่ายมาเรียบร้อย ทั้งหมดก็ออกจากโรงแรมไปที่รถ ข้างนอกท้องฟ้ามืดครึ้มแล้ว โชคดีที่ลูกค้าอีกรายนัดพวกเขาไว้ที่ร้านกาแฟใกล้กับโรงแรมพอดี ดังนั้นทุกคนจึงไม่ต้องกังวลปัญหาการจราจรติดขัดช่วงเลิกงาน ทว่าอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงรถ กมลก็ได้ยินเสียงจงรักเรียกชื่อเมฆาระรัวเสียจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์


“เดี๋ยวครับ! พี่เมฆ พี่เมฆ!”

“มีอะไรหรือเปล่ารัก” กมลรีบเดินมาถามน้องด้วยความเป็นห่วงทันที

“พี่เมฆเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาลครับพี่ไอ”

“เป็นอะไรมากไหมรัก!” กมลถามด้วยความตระหนกเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“ไม่รู้เหมือนกันครับ คุยกันยังไม่ทันรู้เรื่องเลย เห็นว่าหมอเข้ามาพี่เมฆเลยวางไปก่อน” จงรักกำโทรศัพท์ในมือแน่น กระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูก กมลจึงเสนอ

“อยู่โรงพยาบาลไหน รักไปดูเขาเถอะ ไม่ต้องห่วงนะ ที่จะไปคุยงานเดี๋ยวพี่จัดการเอง”

“ขอบคุณครับ” จงรักยกมือไหว้ ก่อนเปิดประตูรถเข้าไปหยิบกระเป๋าของตัวเองเพื่อเอาสมุดบันทึกงานเก็บแล้วรีบเร่งออกไปทันที


เมื่อจงรักผละไปแล้วนายกลองหัวหน้าทีมช่างภาพก็ขอตัวกลับไปทำรูปของลูกค้าที่ค้างเอาไว้ต่อ กมลจึงเดินทางไปตามนัดกับพนักงานที่เหลืออีกสองคน


ลูกค้าที่มาพบคุยตกลงกันไม่นานก็สรุปภาพรวมของงานทั้งหมดได้ ที่ดูเหมือนไม่ยืดเยื้อเพราะบ่าวสาวทั้งสองต้องการแบบเรียบๆแต่อบอุ่น จะมียุ่งยากนิดหน่อยก็ตรงไปจัดกันที่ต่างจังหวัด เนื่องจากพวกเขาต้องการจัดงานฉลองที่ทะเล และเพราะยังไม่มีที่ที่พิเศษในใจ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของกมลและทีมงานที่จะทำรายการมาให้พวกเขาเลือกอีกครั้ง


สรุปว่ากว่าจะจบภารกิจทั้งหมดวันนั้นกมลก็ถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม เขาทานกีวี่ที่น้องสาวซื้อมาแช่ตู้เย็นไว้สองสามลูกแก้หิว ก่อนขึ้นไปอาบน้ำแล้วหลับอย่างรวดเร็วเพราะเหนื่อยอ่อน


วงจรชีวิตของกมลเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมหาวิยาลัย เพราะตอนที่พ่อกับแม่เสีย ท่านมีธุรกิจการจัดการงานวิวาห์อยู่ก่อนแล้ว แม้ตอนนั้น I promise จะเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ แต่สำหรับนักศึกษาอย่างกมลก็ค่อนข้างยากที่จะดูแลไปพร้อมๆกับเรียนหนังสือ ทว่ามันก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยความพยายาม อดทนและความช่วยเหลือของคุณอาจรัญพ่อของจงรัก ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่


ทุกวันนี้แม้ไม่ได้เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยหลายปีแล้ว แต่เขาก็ยังเหนื่อยเพราะทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นการทำงานที่มีความสุขมากๆ และการบริหารงานที่อุทิศตนและทุ่มหัวใจของกมลส่งผลให้ I promise เติบโตขยายพื้นที่เป็น I promise Tower บริษัทจัดการงานแต่งงานครบวงจรที่มีลูกค้าอยู่แทบทุกระดับ ตั้งแต่บุคคลธรรมดาไปจนถึงคนในวงสังคมชั้นสูง และกมลก็คาดหวังว่าต่อไปในอนาคต I promise Tower คงจะเติมโตอย่างมั่นคงแข็งแรงขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน









สามวันมาแล้วที่ณธิปต้องเดินทางไปดูพื้นที่และเจรจาซื้อที่ดินเพื่อทำโครงการบ้านพักตากที่หัวหิน แม้มันจะยืดเยื้อเอามากๆในความคิดของชายหนุ่ม แต่ในที่สุดงานที่ได้รับมอบหมายก็ผ่านไปด้วยดี เขาเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพในช่วงสายของวันศุกร์ แต่แทนที่จะได้พักผ่อนชายหนุ่มกลับมีงานเอกสารกองโตที่โรงแรมให้กลับไปสะสาง ดังนั้นเขาจึงเดินทางเข้าไปทำงานทันทีโดยไม่แวะพักที่คอนโดก่อน


ด้วยความที่ไม่ค่อยได้พักผ่อนณธิปจึงอารมณ์แปรปรวนมากกว่าทุกวัน ซึ่งผิดกับปรกติที่หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ดังนั้นวันนี้จึงไม่ค่อยมีใครกล้าเล่นหูเล่นตาส่งยิ้มยั่วเย้าให้เช่นทุกที


แต่เดิมชายหนุ่มจะเป็นผู้บริหารที่ได้รับความนิยมในหมู่พนักงานมากพอสมควร เรียกได้ว่ามากกว่าพี่ชายผู้เคร่งขรึมจริงจังเป็นไหนๆ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลือร้าย บุคลิกดีมีความมั่นใจ แถมด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์แพรวพราวพาให้หัวใจระทดระทวย ไม่ต้องพูดถึงฐานะหรือการศึกษา เท่านี้พนักงานสาวๆก็มองข้ามนิสัยโมโหร้ายและเปลี่ยนคู่นอนเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาไปจนหมดสิ้น


ขณะที่กำลังเซ็นเอกสารจนหัวหมุน อยู่ๆก็มีสายโทรศัพท์ต่อตรงมาจากมารดาของชายหนุ่ม ทันทีที่กดรับเขาก็พบว่าตัดสินใจพลาดไป เนื่องจากธุระที่คุณหญิงประภัสสรโทรมาเป็นเรื่องที่ทำให้ณธิปอารมณ์เสียเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว


‘ตาเล็ก’

“ครับแม่”

‘ลูกอยู่ที่ไหน’

“อยู่โรงแรมที่สาทรครับ แม่มีอะไรหรือเปล่า ผมกำลังยุ่งๆอยู่เลย” คราวนี้เขาไม่ได้โกหกคุณหญิงเหมือนทุกทีที่หนีเที่ยว แต่เสียงแหลมๆของแม่ก็ทำให้รู้ว่า ไม่ว่าเขาทำอย่างไร คงไม่อาจทำให้คุณหญิงประภัสสรคลายความเกรี้ยวกราดได้
‘ทำงานอะไร ยุ่งมากแค่ไหน ถึงไม่มีแม้แต่เวลาพาหนูเกษไปลองชุด เมื่อวันพุธก็ทีนึงแล้วนะ มีอย่างที่ไหนเราเป็นเจ้าบ่าวแต่ให้พี่ภัทรเขาไปแทน ทางนั้นเขาก็งานยุ่งเหมือนกัน ทำไมเขายังสละเวลามาทำธุระให้เราได้เลยนะตาเล็ก เรามันเหลวไหลจริงๆ แม่ไม่รู้จะบ่นลูกยังไงแล้ว’

“ก็ผมต้องทำงานจริงๆนี่ครับ”

‘อ้างทำงานเพราะไม่อยากไปใช่ไหม อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้ ดูอย่างพี่ภัทร—‘ พอพูดถึงตรงนี้ณธิปก็พูดแทรกด้วยแรงอารมณ์ที่คุกรุ่นไม่แพ้กัน

“ก็ถ้าพี่ภัทรเขาได้ดั่งใจคุณแม่มากนัก ทำไมคุณแม่ถึงไม่ให้พี่ภัทรเขาแต่งกับเกษสุดาเสียเลยล่ะครับ” หลังจากอึ้งอยู่ครู่หนึ่งเพราะโดนเหวี่ยงชุดใหญ่ ณธิปก็เริ่มปฏิบัติการตอบกลับอย่างเอาแต่ใจ จนคุณหญิงประภัสสรแทบกระอักเลือด

‘ตาเล็ก! อย่ามาย้อนแม่นะ’

“ก็ผมพูดความจริง แม่ครับ ผมไม่ได้อยากแต่ง—“

‘หยุด! ไม่ต้องพูดเลย เรื่องนี้เราคุยกันแล้ว ตกลงกันแล้ว ดังนั้นไม่ต้องมาพูดโยกไปโยกมาทั้งนั้น แม่ไม่ใจอ่อนให้เราอีกแล้ว’ ณธิปกรอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย ถึงเขาจะดื้อแพ่งอย่างไรครั้งนี้แม่ก็ไม่ยอมอ่อนให้จริงๆ


ทั้งที่เหตุผลของคุณแม่เรียกได้ว่างี่เง่าและหัวโบราณสุดๆ คิดจะจับเขาแต่งงานตามคำสั่งของคุณพ่อ ด้วยหวังว่าจะหยุดไม่ให้เขามีข่าวฉาวเพราะควงคู่นอนไม่ซ้ำหน้า ณธิปอยากบอกแม่จะแย่ว่ามันไม่ได้ผล เพราะถึงแม้ว่าเขาต้องแต่งงานกับเกษสุดาจริงๆ เขาก็จะยังทำทุกอย่างเหมือนเดิม ทุกคนจะว่าเขาเป็นคนเลวทรามก็ได้ แต่การแต่งงานครั้งนี้มันเกิดขึ้นเพราะผู้ใหญ่บังคับ คนที่ต้องแต่งไม่ได้เต็มใจสักนิด อีกอย่างณธิปก็ไม่เคยคิดว่าจะหยุดอยู่ที่เกษสุดาหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น


“ตกลงครับ วันนี้ผมจะยอมคุณแม่ก็ได้ แต่คุณแม่จะให้ผมทำยังไง จะให้ทิ้งงานไปหาเขาตอนนี้เลยดีไหมถึงจะพอใจกัน”

‘หยุดประชดประชันนะตาเล็ก’ คุณหญิงประภัสสรว่าก่อนจะเงียบปรับอารมณ์เพื่อหันมาคุยกับลูกด้วยเหตุผลอีกครั้ง ‘ครั้งนี้แม่จะไม่ว่าเราแล้วก็ได้ แต่ครั้งหน้าต้องไม่มีแบบนี้อีก ถึงยังไงนี่ก็เป็นงานแต่งงานของเรา ดังนั้นเราก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองด้วย ให้ทางผู้หญิงเขาจัดการคนเดียวมันใช้ไม่ได้ เข้าใจที่แม่พูดหรือเปล่า’

“เข้าใจครับ” ณธิปรับคำอย่างแกนๆ

‘นี่ดีที่เรื่องยังไม่ถึงหูคุณพ่อ ไม่อย่างนั้นเราโดนหนักแน่ๆ’ พอนึกถึงพ่อผู้แสนเข้มงวดของตัวเอง ณธิปก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ขอบคุณนะครับที่ไม่บอกคุณพ่อ”

‘เราก็อย่าทำให้แม่ปวดหัวบ่อยแล้วกัน’

“ครับ ผมเข้าใจแล้ว”

‘ถ้าอย่างนั้นก็ทำงานเถอะ แม่ไม่กวนแล้ว’

“ครับ”


เมื่อณธิปรับคำ ผู้เป็นแม่ก็วางสายไป ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเพราะในที่สุดการปะทะคารมที่แสนยาวนานก็จบลงเสียที ขณะที่เขากำลังก้มหน้าทำงานต่อ โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ส่งเสียงดังขึ้น ชายหนุ่มมองตาขวางราวกับอยากจะจับมันขว้างทิ้งเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็ตัดใจยกหูรับสายเพราะรำคาญเสียง


“มีอะไรแนท”

‘มีคนมาขอพบค่ะคุณเล็ก ไม่ทราบว่าจะให้เข้าพบไหมคะ’ เลขานุการสาวตอบตัวน้ำเสียงหวาดๆ ถึงแม้เธอจะแอบปลื้มเขามากแค่ไหน แต่อารมณ์ไม่ดีเช่นนี้ เธอก็ไม่อยากเสนอหน้าเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวด้วยหรอก

“ใคร” เสียงทุ้มถามห้วนๆ

‘คนจากห้องเสื้อของ I promise ค่ะ’

“อ้อ~ เกือบลืมแหน่ะ ให้เข้ามาได้”

‘ค่ะคุณเล็ก’

เขาทำงานยุ่งจนลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้มีนัดกับคุณไอคนนั้น บางทีการได้พบกับกันยามนี้อาจจะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของเขาคลายลงก็เป็นได้ รอไม่นานเลขาของเขาก็พากมลเข้ามาในห้อง ทันทีที่เห็นดวงหน้าหวานเต็มๆตา อารมณ์เสียที่สะสมมาทั้งวันมาก็ค่อยๆคลายลงอย่างที่คิดจริงๆ


“สวัสดีครับคุณณธิป” บทสนทนาเริ่มต้นที่รอยยิ้มสุภาพของกมล ณธิปจึงทักทายกลับอย่างสุภาพเช่นกัน

“สวัสดีครับคุณไอ”

“ขอโทษที่ทำให้คอยนะครับ นี่ทีมงานของผม พวกเขาจะมาช่วยดูแลคุณในวันนี้ครับ” มือเรียวผายไปยังพนักงานสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับกระเป๋าอุปกรณ์และราวเสื้อสูทย่อมๆหนึ่งราว


ณธิปมองหน้าปัดนาฬิกาข้อมือแล้วพบว่ามันเลยเวลานัดมาเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น และเขาก็ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาคอยอะไรขนาดนั้นตั้งแต่แรก ชายหนุ่มจึงยิ้มบางแล้วบอกด้วยท่าทางสบายๆ


“ไม่เป็นไรหรอกครับ สำหรับคุณนานกว่านี้ผมก็รอได้” แม้จะโดนหมัดแรกซัดเข้าไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แต่กมลก็ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉยได้ไม่ต่างจากเดิม

“ขอบคุณครับ ว่าแต่เรามาเริ่มกันเลยไหมครับ จะได้ไม่เสียเวลาทำงานของคุณมากนัก” คนช่างสังเกตว่าแล้วเหลือบตาไปที่กองเอกสารกองพะเนินบนโต๊ะ

“เอาสิครับ” ร่างสูงเดินนำทุกคนไปที่โซฟารับรอง ก่อนจะเริ่มคุยกันเรื่องแบบเสื้อ

“อันที่จริงทางเรามีแบบจริงให้เลือกให้ลองมากกว่านี้ครับ และจะสะดวกมากกว่าด้วยถ้าคุณณธิปว่างไปลองที่ร้าน”

“ขอโทษที พอดีงานผมมันยุ่งจริงๆ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะแบบที่คุณเลือกมามันก็คล้ายๆแบบที่ผมชอบใส่ เก่งนะครับ เลือกได้ถูกใจผมทั้งนั้นเลย”

“ผมสังเกตจากรูปร่างและบุคลิกของคุณ รวมถึงแบรนด์ที่คุณใส่มาคราวก่อนๆน่ะครับ ไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก แต่จะว่าไปถ้าหากคุณณธิปอยากสั่งตัดกับทาง Valentino หรือ Tom Ford ทางเราก็สามารถติดต่อให้ได้นะครับ”

“ไม่ดีกว่า ถึงผมจะสั่งกับทางนั้นอยู่ประจำก็เถอะ แต่คราวนี้ผมอยากสั่งกับแบรนด์ไทยดูบ้าง” กมลเห็นแล้วว่าถูกมองด้วยสายตาวิบวับ แต่เขาก็ไม่ได้เล่นหูเล่นตากลับ มิหนำซ้ำยังอยากเอาดินสอแท่งให้ตาหลุดไปเลยด้วยซ้ำ


พอเลือกลองเสื้อตามแบบเรียบร้อยก็ถึงเวลาวัดตัว อันที่จริงถ้าตัดพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ออกไป ณธิปก็มีข้อดีที่กมลแอบชื่นชมอยู่เงียบๆเหมือนกัน อย่างเช่น เจ้าตัวเป็นคนรูปร่างดีไม่มีที่ติ ทั้งสูงโปร่งและมีกล้ามเนื้อเป็นสัดส่วนชัดเจน จนสาวๆช่างเสื้อของกมลแอบอมยิ้มตอนที่ได้วัดตัวให้ชายหนุ่ม แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ เจ้าชู้ประตูดินขนาดนี้ก็คงต้องดูแลตัวเองอย่างดีเอาไว้บริหารเสน่ห์กระมัง


ขณะที่กมลคอยจดสัดส่วนตามที่ช่างเสื้อทั้งสองบอก ณธิปเองก็ลอบสังเกตผู้บริหารของ I promise อยู่เช่นกัน ในสายตาของณธิปนั้นมองว่ากมลหน้าหวาน ผิวก็สวย ยิ่งมองนานๆก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอย่างไรอย่างนั้น แต่ใต้ใบหน้าที่สวยหวานเกินกว่าผู้ชายทั่วไป ณธิปกลับรู้สึกว่ากมลไม่เหมือนกับพวกผู้ชายหน้าหวานที่เขาเคยเจอ เพราะเจ้าตัวดูไม่ใช่คนที่จะมีจริตจะก้านอย่างนั้น แม้จะยิ้มหวานเอามากๆ แถมลักยิ้มสองข้างก็ขับให้ดูน่ารักขึ้นอีกเป็นกอง แต่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ผู้ชายที่จะชอบผู้ชายด้วยกันทำนองนั้นแน่ๆ


“มีอะไรจะเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ” กำลังมองหน้าเพลินๆ อยู่ๆกมลก็ช้อนตาขึ้นราวกับรู้ว่าถูกแอบมองอยู่ ณธิปส่ายหัวแล้วยิ้มมุมปาก นึกขำตัวเองที่เผลอจ้องอีกฝ่ายนานขนาดนั้น

“เสร็จแล้วค่ะ” เมื่อช่างวัดตัวเสร็จก็ช่วยกันเก็บของ


ณธิปเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆกับกมลซึ่งต่างจากตอนแรกที่นั่งตรงข้ามกัน เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย จงใจเบียดเข้าไปใกล้ทำทีว่าดูแบบที่อีกฝ่ายเขียนสรุปไว้ คนตัวบางกว่ารู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดต้นคอจึงค่อยๆขยับออกห่างอย่างแนบเนียน แล้วยัดแบบใส่มือให้คนรุ่มร่ามช่วยดูอีกครั้ง


“สรุปว่าแบบนี้เป็นแบบที่ต้องการนะครับ”

“อืม…แบบนี้แหละที่ต้องการ” ไม่ว่าเปล่า มือปลาหมึกก็ยังแสร้งฉวยเอามือเรียวของกมลเอาไว้ด้วย

“ขอโทษครับ” ความจริงกมลก็อยากจะดึงมือออกมาเงียบๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับรั้งไว้แน่นเกินไป เจ้าตัวจึงต้องเอ่ยขอด้วยเสียงเยียบเย็น เพราะชักไม่สบอารมณ์มากขึ้นทุกที

“อ้อ!~ ขอโทษครับ” คนหน้ามึนแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนปล่อยมือนิ่มอย่างแสนเสียดาย เมื่อได้รับอิสระกมลก็ลุกขึ้นยืน แล้วว่า

“เสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน อย่างไรถ้าชุดเสร็จแล้ว เราจะโทรมานัดให้คุณณธิปลองอีกทีนะครับ”

“ครับ แล้วผมจะรอ” ณธิปยืนส่งกมลจนกระทั่งอีกฝ่ายออกจากห้องไป เขาจึงยกยิ้มร้ายออกมาแล้วคิดในใจว่านานๆทีเจอคนแบบที่ได้มายากๆอย่างนี้ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน






++++++++++++++++++++++++++++


บทที่ 2 มาแล้วค่ะ
บทต่อไปจะทยอยเอามาลงนะคะ
ฝนอ่านคอมเม้นแล้วชอบคำๆนึงมากๆ ของคุณ ZYSQ_
ที่เรียกคุณเล็กว่า #ตัวประกอบฝั่งดาวร้าย
ชอบมากจนอยากจะใช้เป็นแท็กฝั่งทวิตเตอร์เลยค่ะ
แต่ตัวประกอบฝั่งดาวร้ายจากเรื่องโปรดจงรักนี่อัพเกรดแรงนะคะ
โผล่มาอีกทีก็มีบทเด่นเป็นของตัวเองเลยทีเดียว 555555555

คนที่เคยตามอ่านโปรดจงรักมาก่อนก็จะเห็นความอิทธิฤทธิ์ร้ายกาจของคุณเล็กดีเนอะ ว่าไม่เป็นรองน้องหนึ่งนทีเลย
เรื่องนี้มีหลายคนมากระซิบถามว่าตาคนนี้จะคู่กับพี่ไอจริงเหรอ อยากให้เปลี่ยนพระเอก
เห็นพี่ไอคนดีต้องมาเจอกันคนแบบนี้แล้วสงสาร ฝนอยากให้ลองดูก่อนค่ะ เพราะคุณเล็กเค้าก็ไม่ได้แย่ขนาเนั้นนะคะ(หราาา)

ยังไงก็ฝาก "คุณคือความรัก" ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วย
แม้เรื่องจะหวือหวาขึ้นมาจากโปรดจงรักสักหน่อย แต่รับรองว่าจะไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ  :mew1:


ละอองฝน.

 

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อยากให้ พี่ไอมีฝีมือ ด้านการต่อสู้ ที่เป็นงานอดิเรก



เอา  จรเข้ฟาดหาง  ฟาดปาก อิคุณเล็ก แรงๆซักที



หื่นไร้มารยาท  ไร้จิตสำนึก

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2





บทที่ 3








   ผ่านเทศกาลปีใหม่มากว่าสองเดือน แต่ทว่ามันเป็นสองเดือนสุดแสนหฤโหดของกมลเลยก็ว่าได้ เพราะตารางงานในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์นั้นแน่นเอียด อย่างที่ใครๆก็รู้กันดีว่าเดือนมกราคมมักเป็นเดือนที่มีฤกษ์มงคลเยอะที่สุด ถือเป็นเดือนเปิดปีเปิดฟ้าใหม่ ดังนั้นคนจึงนิยมจูงมือเข้าพิธีวิวาห์อย่างล้นหลาม ส่วนเดือนแห่งความรักอย่างเดือนกุมภาพันธ์ก็คงไม่ต้องพูดถึง เพียงเดือนนี้เดือนเดียว I promise Tower ต้องจัดงานให้ลูกค้ามากกว่าค่าเฉลี่ยของทุกเดือนตลอดทั้งปีถึงสองเท่า ผู้บริหารหน้าหวานจึงแทบไม่มีวันได้หยุดพัก


   มือเรียวถือปากกาจดรายละเอียดกำหนดการทำงานของเดือนมีนาคมอย่างขะมักเขม้น กมลคิดคำนวณบริหารจัดการเวลาเงียบๆในใจ แล้วพบว่ากว่าเขาจะได้พักผ่อนจริงๆจังๆก็คงจะเป็นช่วงสงกรานต์ เพราะก่อนสงกรานต์เขามีงานใหญ่งานยักษ์อีกงานที่ต้องจัดการให้ผ่านพ้นไปด้วยความราบรื่นเรียบร้อย ซึ่งงานที่ว่าก็คือ งานแต่งงานระหว่างคุณเกษสุดาและคุณณธิป


   แม้การจัดเตรียมทุกอย่างจะลุล่วงไปกว่า 70% แต่ทว่าก็ยังมีรายละเอียดปีกย่อยเล็กๆน้อยๆที่ต้องคอยสะสางอยู่ ซ้ำยังเหลืองานตกแต่งสถานที่ซึ่งจะเริ่มทำได้ตอนสามวันก่อนวันจริง และก่อนหน้าที่จะถึงวันงาน กมลยังมีแผนการเดินทางไปออกบูธเวดดิ้งแฟร์ที่ปักกิ่ง ซึ่งแผนงานนี้ได้เตรียมการเอาไว้ราวๆครึ่งปีก่อนหน้านี้ ดังนั้นกมลจึงมีความพร้อมกับงานนี้มากๆ งานที่เหลือทาง I promise ก็จัดสรรและแบ่งงานให้ตามหน้าที่เรียบร้อย เสียก็แต่ตรงที่เวลาของการเตรียมงานให้ลูกค้ามาเบียดให้กระชั้นจนมีเวลาจัดกระเป๋าแค่คืนเดียวก่อนไป


   การเดินทางไปประเทศจีนครั้งนี้ กมลตัดสินใจพาหทัยไปด้วยกันอีกคน เพราะเขาคงไม่มีใครรู้ใจและเหมาะสมต้องเรียนรู้งานอย่างใกล้ชิดเท่าน้องสาวเพียงคนเดียวอีกแล้ว จะติดก็ตรงที่หลานแฝดหยินหยางต้องถูกนำไปฝากเลี้ยงที่บ้านลูกพี่ลูกน้องอย่างจงรัก ตรงนี้เขาก็รู้สึกเป็นห่วงและเกรงใจน้องมากเอาการอยู่เหมือนกัน แต่นอกเหนือจากจงรักแล้ว กมลก็ไม่มีญาติมิตรชิดใกล้ที่สามารถพึ่งพาได้อีก


   “พี่ไอคะ” ขณะที่กำลังทบทวนแผนงานของตัวเองในห้องทำงาน หทัยก็เปิดประตูเข้ามาเรียกหา

   “ว่าไงอ้าย”

   “ไปรับหลานกันเถอะค่ะ เด็กๆน่าจะใกล้เลิกเรียนว่ายน้ำกันแล้ว”

   “จริงเหรอ” เขาลืมดูเวลาไปเสียสนิท ดังนั้นมือเรียวจึงรีบเก็บข้าวของลงกระเป๋าลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินไปหาน้อง “ไปกันเถอะ”


   ระหว่างทางเดินพนักงานหลายคนในบริษัทก็พากันออกมาส่งกมลกับหทัย อีกทั้งอวยพรให้เดินทางปลอดภัยและประสบความสำเร็จในการทำงานที่โน้น กมลจึงถือโอกาสกำชับให้ทุกคนทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดี หากมีปัญหาก็สามารถแจ้งเรื่องกับหัวหน้าฝ่ายได้เลย เพราะเขามอบอำนาจให้หัวหน้าทุกฝ่ายจัดการทุกอย่างตามที่เห็นสมควรตอนเขาไม่อยู่ เมื่อพูดคุยกันเรียบร้อยแล้วผู้บริหารหนุ่มหน้าหวานกับน้องสาวก็เดินมาขึ้นรถก่อนขับออกไปรับหลานชายที่โรงเรียน


   รับหลานชายที่โรงเรียนเสร็จกมลก็พาทุกคนในครอบครัวไปทานอาหารเย็นในห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เนื่องจากเขามีบางอย่างที่ยังขาดจะต้องซื้อติดกระเป๋าไปปักกิ่งด้วย ส่วนเด็กๆพอทานอาหารเสร็จก็ถูกผู้เป็นแม่พาไปทานไอศกรีมเป็นการฆ่าเวลารอคุณลุงซื้อของ


   หลังจากได้ของครบกมลจึงพาหลานๆไปส่งที่บ้านของจงรัก ตอนนี้เจ้าตัวย้ายไปอยู่กับเมฆาซึ่งเป็นคนรักไม่ได้อยู่คอนโดคนเดียวเหมือนแต่ก่อน บ้านของเมฆาอยู่ห่างจากตัวเมืองมากสักหน่อยเพราะเป็นเขตกรุงเทพรอบนอก กว่าจะเดินทางมาถึงก็ค่ำแล้ว กมลบีบแตรครั้งหนึ่ง รอไม่นานร่างเล็กๆของลูกพี่ลูกน้องก็วิ่งออกมาเปิดประตูให้ เมื่อขับรถเข้าไปจอดสนิทด้านในเรียบร้อย หลานคนเล็กของเขาก็วิ่งตื๋อออกจากรถเพื่อไปหาคุณน้าคนโปรดทันที จนหทัยต้องรีบปรามเสียงเขียวเพราะกลัวเจ้าแสบจะล้ม










“น้ารัก!~”

“น้องหยางอย่าวิ่งลูก!!”


ลูกพี่ลูกน้องของเขาถูกหลานชายวิ่งเข้าชาร์จจนเซถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อตั้งตัวได้จงรักจึงย่อตัวลงนั่งในระดับเดียวกับหลาน ก่อนจะปรามเด็กซ่าด้วยท่าทางใจดี


“โดนคุณแม่ดุแล้วเห็นไหมครับน้องหยาง”

“ก็หยางคิดถึงน้ารักนี่ครับ” เด็กน้อยบอกซื่อๆจงรักจึงหอมแก้มใสทั้งสองข้างเป็นรางวัลให้คนปากหวาน

“น้ารักสวัสดีครับ” มัวแต่สนใจหลานชายคนเล็กจนลืมหลานอีกคนที่กมลจูงมือตามหลังมา

“สวัสดีครับน้องหยิน ตัวโตขึ้นหรือเปล่าครับ ไหนมาให้น้าหอมแก้มหน่อยเร็ว” ได้ยินผู้เป็นน้าบอกแบบนั้นเด็กชายหยินจึงปล่อยมือคุณลุงแล้วเดินเข้ามายื่นแก้มให้หอมอย่างว่าง่าย


   แม้หยินกับหยางจะเป็นฝาแฝดกันแต่นิสัยนั้นค่อนข้างต่างกันอย่างเห็นได้ชัด อาจด้วยความเป็นพี่ทำให้หยินมีนิสัยสงบเรียบร้อยและเชื่อฟังคำสั่งมากกว่า ส่วนหยางเป็นเด็กร่าเริง ยิ้มง่าย ค่อนข้างเอาแต่ใจนิดๆตามสไตล์น้องชายคนเล็ก ไม่เพียงแต่นิสัย แม้กระทั่งหน้าตาของทั้งสองก็ยังต่างกันจนสามารถแยกออกได้ง่ายว่าคนไหนหยิน คนไหนหยาง


“น้องหยางสวัสดีน้ารักกับน้าเมฆหรือยังครับ”

“สวัสดีครับน้ารัก” เมื่อได้ยินเสียงเตือนของกมล หยางจึงผละจากอ้อมกอดของจงรักแล้วก้มหัวสวัสดีจนเกือบทิ่มพื้น ก่อนจะหันไปมองผู้ชายตัวใหญ่ที่ยืนทำหน้าทะมึนดุดันอยู่ข้างๆจงรัก

“สวัสดีครับน้าเมฆ” หยินเป็นคนเริ่มต้นทักทายก่อน จากนั้นจึงสะกิดน้องชายที่ดูเหมือนจะช็อคอยู่กับหน้าตาดุดันของเจ้าบ้าน

“สะ…สวัสดีครับ น้าเมฆ” หยางเอ่ยออกมาเบาๆ แล้วค่อยๆกระเถิบเข้าไปชิดจงรักจนแทบจะเกยตัก

“สวัสดีเด็กๆ”


เสียงทุ้มต่ำของเมฆาผนวกกับรอยยิ้มเกร็งๆที่มุมปากจนคล้ายเจ้าตัวกำลังแสยะยิ้ม ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวขึ้นไปอีกเท่าตัวในสายตาเด็กๆ ทำเอาหยินที่ไม่ได้คิดอะไรในตอนแรก ผงะตัวถอยหลังไปคว้ามือของกมลจับไว้แน่น หทัยมองเห็นท่าทางของลูกชายทั้งสองเป็นคนแรกจึงรีบบอกกับเมฆา


“สงสัยเด็กๆคงยังไม่ชินน่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า มืดแล้วยุงเยอะ”


คนรักของจงรักว่าอย่างไม่ถือสาเอาความอะไรกับเด็ก  ก่อนให้จงรักพาหลานเข้าบ้านพร้อมกับคุณแม่ ส่วนตัวเองก็หันมาช่วยกมลยกสัมภาระของเด็กน้อยทั้งสองที่ขนมาราวกับจะย้ายสำมะโนครัว


“ของเยอะนิดนึงนะครับ พอดีมีชุดนักเรียนกับเครื่องเรียนของเด็กๆด้วย” คนหน้าสวยว่าขณะส่งกระเป๋าเสื้อผ้าสองแฝดให้กับเมฆา

“คุณไอกับคุณอ้ายไปกันกี่วันครับ”

“สามวันครับ บินวันนี้ตอนตีหนึ่ง เพราะพรุ่งนี้มีงานแต่เช้าเลย” เมื่อเอาของออกจากรถหมดแล้วเมฆาก็เดินนำกมลเข้ามาในบ้าน

“เหนื่อยแย่เลยนะครับ”

“ก็แบบนี้แหละครับ ใครว่าเป็นผู้บริหารแล้วสบาย ผมเถียงขาดใจเลยนะ” กมลบอกพร้อมกับทำหน้าขึงขังจริงจังทำให้เมฆาอดรู้สึกขำขึ้นมาไม่ได้


   เมื่อถึงห้องนั่งเล่นเมฆาก็อาสาเป็นคนขนของทั้งหมดขึ้นไปเก็บบนห้องแทน เพราะคิดว่ากมลอาจต้องการเวลาในการคุยกับจงรักและเด็กๆก่อนเดินทาง ระหว่างนั้นกมลกับหทัยจึงนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ของบ้านแล้วจับเด็กๆสองคนมานั่งด้วยกัน ก่อนกำชับให้เด็กสองคนเชื่อฟังคุณน้าจงรักระหว่างที่เขาและน้องสาวไม่อยู่


   “พี่หยินกับน้องหยางครับ ลุงไอกับแม่อ้ายต้องไปทำงานเหมือนที่เราคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้น เมื่อหนูๆมาอยู่กับน้ารัก หนูสองคนต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังน้ารักกับน้าเมฆ ไม่ดื้อไม่ซน เข้าใจไหมครับ”

   “เข้าใจครับ” หยินว่า

   “ดีมากครับพี่หยิน” กมลดึงหลานชายคนโตมากอดและหอมแก้มยุ้ย ก่อนหันไปหาเจ้าคนเล็กที่เอาแต่ซุกอยู่กับผู้เป็นแม่ พาลทำให้หทัยทำหน้าเหยเกร่ำๆจะร้องไห้ไปด้วย “แล้วน้องหยางล่ะครับ เข้าใจที่ลุงบอกหรือเปล่า”

   “เข้าใจแล้วครับ” หยางว่าหงอยๆ ก่อนหันไปอ้อนแม่ “แต่คุณแม่กับลุงไอต้องกลับมาเร็วๆนะครับ”

   “ตกลงจ้ะลูก” หทัยกอดลูกด้วยความอาลัย ก่อนกางแขนเรียกน้องหยินให้เข้าไปหาเพื่อกกกอดเช่นกัน


   แต่อารมณ์แสนเศร้าเคล้าน้ำตานั้นอยู่ไม่นาน พอผ่านไปสักพักเด็กๆก็หันไปสนใจคุณน้าจงรักซึ่งเป็นคนโปรด จนลืมแม่อ้ายกับลุงไอไปเสียสิ้น กมลมองหลานยิ้มๆ รู้สึกเบาใจไปมากเมื่อเห็นว่าสองแสบเศร้าได้ไม่นาน นั่งคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง เมฆาที่หายขึ้นไปบนชั้นสองสักพักก็ลงมาข้างล่าง เป็นเวลาประจวบเหมาะกับที่กมลกับหทัยต้องเตรียมตัวกลับไปเอากระเป๋าเพื่อเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ


เมฆาสังเกตเห็นว่าแววตาของหทัยมีแววกังวลอยู่ไม่น้อย ระหว่างที่เดินไปส่งขึ้นรถชายหนุ่มจึงพูดบางอย่างเพื่อบอกกับเธอให้คลายกังวล


“คุณอ้ายไม่ต้องห่วงนะครับ ผมกับจงรักจะดูแลพวกเด็กๆให้ดีที่สุด”

“ขอบคุณนะคะ อ้ายรู้ว่าคุณเมฆกับรักต้องดูแลเด็กๆดีอยู่แล้ว แต่ที่อ้ายกังวลเพราะไม่ค่อยห่างกับเด็กๆนานๆ อีกอย่างก็กลัวว่าพวกแกจะสร้างปัญหาให้คุณเมฆน่ะค่ะ”

“ผมรับปากจะดูแลพวกแก เรื่องอื่นๆไม่ต้องกังวลนะครับ”

“ขอบคุณจริงๆค่ะ ยังไงอ้ายฝากน้องหยินกับน้องหยางด้วยนะคะ ถ้าพวกแกดื้อมากๆก็ดุได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ครับ” เมฆาคลี่ยิ้มรับ

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปก่อน ถ้ามีปัญหาอะไรคุณเมฆให้จงรักโทรติดต่อพวกเราได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” กมลหันมาบอกเมฆาเมื่อสั่งเสียเรื่องหลานๆกับจงรักเรียบร้อยแล้ว

“ครับ” หนุ่มหน้าดุตอบรับ

“พี่ไปก่อนนะรัก ฝากดูหลานด้วย” กมลว่า

“เดินทางปลอดภัยนะครับพี่ไอ พี่อ้าย”

“เดินทางปลอดภัยนะครับ” กมลกับหทัยยิ้มรับคำอวยพรของน้องชายกับคนรักก่อนขึ้นรถแล้วขับออกไป


กระเป๋าเดินทางถูกจัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนถูกนำขึ้นรถ สองคนพี่น้องช่วยกันดูแลปิดบ้านเรียบร้อยก่อนเดินทางไปยังสนามบิน เมื่อไปถึงก็ใกล้เวลาเดินทางแล้ว กมลตรวจเช็คสัมภาระและเอกสารต่างๆเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนส่งข้อความไปหาเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปจัดบูธที่ปักกิ่งก่อนหน้าถึงกำหนดเวลาที่จะเดินทางไป พร้อมสอบถามการทำงานทางโน้นว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่างที่วางแผนเอาไว้ ตอนขึ้นเครื่องกมลจึงได้หลับโดยที่ไม่มีความกังวล อย่างน้อยได้พักสายตาสักสี่ห้าชั่วโมงก็ถือว่าดีมากแล้ว








สามวันหลังจากเดินทางไปปักกิ่งกมลก็กลับมากรุงเทพโดยสวัสดิ์ภาพ การทำงานเป็นไปได้ด้วยดี แม้จะมีปัญหาเล็กๆน้อยๆให้แก้กันอยู่บ้าง ทว่าโดยรวมก็ถือว่าไม่เลว เนื่องจากเขาสามารถเจรจากับคู่ค้ารายใหม่ของทางโน้นได้เจ้าหนึ่ง ซึ่งถ้าหลังจากนี้ตกลงรายละเอียดส่วนแบ่งและสัญญากันเรียบร้อย บริษัทนั้นก็จะส่งลูกค้ากระเป๋าหนักจากทางจีนเข้ามาทำกิจกรรมต่างๆกับ I promise ในไทย ทั้งถ่ายพรีเวดดิ้ง หรือจัดงานแต่งที่ไทยเลยด้วยซ้ำ


ส่วนลูกค้ารายย่อยหรือเรียกง่ายๆว่าบุคคลทั่วไป ก็เข้ามาขอข้อมูลและเซ็นสัญญาที่จะบินมาจัดงานที่ไทยหลายคู่ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ถือว่าประสบความสำเร็จกว่าที่กมลคาดไว้มาก


จบจากการเดินทางครั้งนี้กมลก็เหนื่อยล้าเสียจนอยากหลับไปเสียตอนนั้น ติดแต่ว่าเขายังต้องไปรับหลานๆจากบ้านของจงรัก เมื่อรับหลานๆกลับมาบ้านพร้อมกับน้องสาว กมลก็อาบน้ำอาบท่าก่อนกระโจนลงเตียงแล้วหลับไปราวกับปิดสวิตช์



   เป็นเวลากว่าเดือนที่กมลวุ่นวายอยู่กับงานหลายๆอย่าง ทั้งงานนอกและงานในประเทศ จนเผอเรอลืมสนใจเรื่องเล็กน้อยแต่จะว่าไปก็ไม่เล็กสำหรับคนบางคน กระทั่งพนักงานที่เป็นฝ่ายดูแลเรื่องเครื่องแต่งกายของ I promise ขอเข้ามาพบและแจ้งว่า ชุดของณธิปเจ้าบ่าวไฮโซตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ทางเจ้าบ่าวกลับไม่มีเวลามาลองชุดด้วยตัวเอง มิหนำซ้ำยังไม่มีแม้แต่เวลาจะให้ทางช่างตัดเสื้อเข้าพบ


   ไม่ต้องมองวันที่ในสมุดบันทึก กมลก็รู้ได้ทันทีว่างานแต่งของณธิปกับเกษสุดาจะมีขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า ผู้บริหารหนุ่มหน้าสวยขมวดคิ้วเป็นปมชั่วแวบหนึ่ง ก่อนจะตีสีหน้าเหมือนเก่าแล้วสั่งช่างเสื้อเสียงเรียบ


   “เดี๋ยวผมต้องออกไปพบลูกค้าข้างนอกตอนสี่โมง เจี๊ยบช่วยเอาชุดของคุณณธิปตามไปให้ผมที่รถทีนะครับ ผมจะแวะเอาไปให้เขาลองเอง”

   “แต่คุณไอคะ…เอ่อ…เมื่อเช้าเจี๊ยบโทรไป ทางเลขาเขาบอกว่าวันนี้คุณณธิปมีประชุมค่ะ” ช่างตัดเสื้อสาวว่าอย่างเกรงๆ เธอรู้สึกว่า แม้คุณไอของพวกเธอจะยิ้มน้อยๆที่มุมปาก แต่ก็มีรังสีบางอย่างแผ่ออกมาบางๆชวนให้ขนลุก

   “ไม่เป็นไรครับ ผมจะโทรเข้าไปก่อน ลองเสื้อแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ทำธุระเสร็จผมก็ไปรอให้เขาเลิกประชุมได้ ขืนปล่อยให้นานกว่านี้ ถ้าเกิดว่าชุดต้องแก้ เราจะทำทันได้ยังไง นี่เหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้นนะครับ ผมจะไปรอที่รถ ยังไงเจี๊ยบตามไปแล้วกันนะครับ”

   “ค่ะ” หญิงสาวรับคำแกนๆก่อนเดินตัวลีบออกจากห้องทำงานของกมลไป


   กมลเองพอเห็นว่าพนักงานออกไปแล้วก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกได้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวเล็กๆในใจ ได้แต่ปลอบตัวเองว่าอีกไม่กี่วันก็จะผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับงานของคู่วิวาห์ที่ชวนให้หัวหมุนคู่นี้








   หลายสิ่งหลายอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่นหลังจากที่กมลต่อสายตรงไปหาณธิปด้วยตัวเอง พอฝ่ายนั้นรู้ว่าเป็นใครโทรมา ไม่ว่าด้วยธุระอะไรก็พร้อมจะให้เข้าพบทันทีหลังทานอาหารกลางวันเสร็จ แต่กมลก็เอ่ยย้ำด้วยความเกรงใจว่าจะขอใช้เวลาไม่นานเท่านั้น เนื่องจากไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายที่ต้องเตรียมตัวเข้าประชุมบอร์ดบริหารในช่วงบ่าย


     กมลขับรถมาถึงก่อนเวลาที่นัดหมายไว้จึงตั้งใจว่าจะขึ้นไปรอด้านบน ทว่าขณะที่ก้าวเข้าไปในลิฟต์ เขาก็พบบุคคลซึ่งได้นัดเอาไว้ยืนอยู่ในนั้นโดยบังเอิญ ทันทีที่ดวงตาเรียวมองเห็นกมลยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ยกยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะเดินเลี่ยงไปกดลิฟต์รอให้กมลขึ้นไปพร้อมกัน


   คนหน้าหวานเอ่ยขอบคุณเรียบๆขณะเดินหอบถุงใส่ชุดสูทเข้าไปยืนเคียงข้างคนตัวสูงกว่า หลังจากประตูลิฟต์ปิดลงกั้นสรรพเสียงของผู้คนภายนอกเอาไว้ความเงียบก็มาเยือน ดวงตาคู่สวยเพ่งมองไปที่จุดเดียวนั่นคือหน้าปัดบอกตัวเลขระดับชั้นที่กำลังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ส่วนดวงตาคู่เรียวฉายแววเจ้าเล่ห์กลับจ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของกมลนิ่ง ราวกับพยัคฆ์จ้องเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น


   ก่อนจะถึงชั้นที่ต้องการ เสียงทุ้มมีเสน่ห์ของผู้บริหารโรงแรมก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบอันชวนอึดอัด ทำให้ผู้บริหาร I promise Tower อย่างกมลต้องส่งเสียงตอบอย่างเสียไม่ได้


   “คุณไอนี่เป็นผู้บริหารที่ทุ่มเทนะครับ แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ ถึงกับต้องมาด้วยตัวเอง”

   “ขอบคุณที่ชมครับ ตัวผมคิดว่าทุกเรื่องที่เกี่ยวกับลูกค้าไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เห็นคุณณธิปยุ่งจนไม่มีเวลา พนักงานที่ I promise ก็ไม่กล้ากวน ผมก็เลยต้องมาเอง เพราะถ้ามีตรงไหนต้องแก้ เราจะได้แก้ทันท่วงทีก่อนวันงานน่ะครับ” กมลว่าด้วยสีหน้าที่ถูกฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มการค้า แต่คนฉลาดอย่างณธิปก็พอจะรู้ตัวว่าตนเองกำลังถูกตำหนิอ้อมๆ ที่เป็นสาเหตุให้ทางผู้จัดงานวุ่นวาย เนื่องจากบอกปัดไม่ไปตามนัดหลายต่อหลายครั้ง


   “ผมล่ะซึ้งใจจริงๆ ทั้งที่เป็นงานแต่งของผมแท้ๆ แต่คุณดูจะทุ่มเทกว่าผมเยอะเลย ไม่รู้เสร็จงานจะต้องตกรางวัลด้วยอะไรดีถึงจะชดเชยให้กับความเหนื่อยยากครั้งนี้ได้” ประโยคหลังณธิปจงใจหยอกเอิ้นอีกฝ่ายเป็นนัยๆ แต่สีหน้าเรียบนิ่งที่เขาเห็นก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปสักนิด ทั้งอีกฝ่ายยังยิ้มบางๆให้ราวกับไม่รู้ความหมาย ทว่าคำตอบของกมลกลับทำให้ณธิปรู้สึกว่าเขาโดนหลอกด่าไปอีกคำ


   “อย่ากังวลไปถึงเรื่องนั้นเลยครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ”

   “อืม…นั่นสินะ ผมควรจะต้องกังวลในส่วนของผมมากกว่า”

   “…” ถึงตรงนี้เป็นจุดที่กมลชักไม่อยากตอบโต้ โชคดีว่าประตูลิฟต์เปิดพอดี พวกเขาจึงต้องเดินออกมาสู่โถงด้านนอก และเป็นณธิปที่เดินนำกมลเข้าไปยังห้องทำงานส่วนตัว ตอนที่เดินผ่านหน้าเลขาสาวสวยยังไม่วายกำชับว่าไม่ให้ใครเข้ามากวนจนกว่าแขกของตนเองจะกลับ


   กมลเดินตามเข้าไปในห้องแล้วเริ่มทำงานของตนเองในทันทีเพราะไม่ต้องการจะรั้งรอให้เสียเวลา อีกทั้งยังรู้สึกไม่อยากอยู่กับณธิปตามลำพังด้วย มือเรียวรูดซิปเอาชุดสูทสีขาวงาช้างออกมาก่อนนำไปยื่นให้กับคนที่ยืนกอดอกรออยู่ก่อนแล้ว


   “ลองสวมดูนะครับ เสร็จแล้วช่วยออกมาให้ผมดูสักนิด เผื่อถ้าตรงไหนคับไปหรือหลวมไปผมจะได้วัดและนำไปแก้ไขได้ถูก”

   “ถ้างั้นก็นั่งรอผมตรงนี้สักประเดี๋ยวแล้วกัน” ณธิปว่าก่อนเดินเข้าไปในห้องพักผ่อนที่มีแยกออกไปทางด้านข้าง แต่กมลไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายหยิบไปแต่กางเกง ทว่าวางเสื้อเชิ้ตและเสื้อสูททิ้งไว้ข้างนอก


   รอไม่นานอย่างที่เจ้าตัวว่า ณธิปก็ออกมาจากห้องพักส่วนตัวพร้อมกับกางเกงแสลกสีขาวที่ตัดเย็บอย่างประณีต กมลมองดูแวบเดียวก็รู้ว่ามันพอดีตัวเหมาะเจาะ ตัวกางเกงคงไม่ต้องแก้อะไร แต่ส่วนที่ทำให้หนุ่มหน้าหวานเริ่มรู้สึกหนักใจคือร่างกายช่วงบนต่างหาก มีอย่างที่ไหน เป็นผู้บริหารออกใหญ่โตกลับเดินโทงๆไม่ใส่เสื้อออกมาโชว์คนอื่นเสียอย่างนั้น ในทีแรกกมลก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจทำอะไร แต่พอคนเจ้าเล่ห์หยิบเสื้อแล้วเดินตรงมาหาเขา ก่อนยื่นให้แล้วสั่ง


   “คุณใส่ให้ผมหน่อยสิ ผมผูกหูกระต่ายไม่ค่อยเก่ง”


กมลรู้สึกว่ามันไม่เกี่ยวกันตรงไหนกับไอ้การผูกหูกระต่ายไม่ได้ แล้วเดินโชว์กล้ามท้องออกมาให้เขาใส่เสื้อติดกระดุมให้ อยากจะปฏิเสธเสียเหลือเกิน แต่ก็คิดว่ารีบๆทำให้จบไป เขาจะได้รีบหนีออกจากที่นี่เร็วๆ พอคิดได้แบบนั้นหนุ่มหน้าหวานก็พยายามตีสีหน้าเรียบเฉยไว้อย่างสุดกำลัง ก่อนเอื้อมมือไปใส่เสื้อให้ณธิปราวกับกำลังช่วยหลานชายสวมเสื้อผ้า


แต่ไอ้คนคิดไม่ซื่อก็ยังดำเนินแผนร้ายที่คิดไว้อยู่ในใจไม่เลิกรา เพราะขณะที่กมลติดกระดุมให้อีกฝ่ายก็ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้จนกมลต้องขยับถอยหนี หนีไปสุดทางจนสัมผัสได้ว่าด้านหลังมันสิ่งของวางอยู่ คนโดนรังแกจึงเงยหน้าจากกระดุมเม็ดสุดท้าย แล้วเอ่ยเสียงเรียบ


“ใกล้ไปหรือเปล่าครับ”

“คุณรู้สึกอย่างนั้นเหรอ” ณธิปทำหน้าเหรอหราอย่างตั้งใจ ก่อนก้มลงไปกระซิบเสียชิดริมติ่งหูกลมกลึงน่าขบเล่นของคนตัวเล็กกว่า “แต่ผมว่าเราน่าจะใกล้ได้อีกนะ”


แทนที่กมลจะเคลิบเคลิ้มอย่างที่ณธิปตั้งใจให้เป็น เหมือนกับคนอื่นๆที่เขาใช้วิธีนี้ด้วย แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับยกข้อศอกขึ้นมาขนานกับลำตัวแล้วดันให้ณธิปออกห่าง


“คงไม่ได้หรอกครับ เพราะใกล้ขนาดนั้นผมผูกหูกระต่ายไม่ถนัด”


นอกจากจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้ว ดวงตาที่ช้อนขึ้นมองด้วยแววโกรธกรุ่นบางๆ ก็ทำให้ณธิปเป็นฝ่ายที่ต้องยอมถอยมาตั้งหลักใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นณธิปก็ยังรู้สึกว่า ยามที่กมลทิ้งหน้ากากยิ้มแย้มหลอกลวงนั่นไป แล้วเผยให้เห็นแววตาที่บอกความรู้สึกแบบอื่น มันก็ให้ความรู้สึกเร้าอารมณ์เขาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว


ส่วนฝ่ายกมล เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระและมีพื้นที่ให้หายใจ เจ้าตัวก็ฝืนกดอารมณ์โกรธกรุ่นและหงุดหงิดเอาไว้ ก่อนขยับเข้าไปผูกหูกระต่ายให้เสร็จ โดยทำเป็นไม่สนใจสายตาที่คอยจ้องจะฮุบเหยื่ออยู่ตลอดของอีกฝ่าย พอเสร็จเรียบร้อยดีแล้วคนหน้าหวานจึงทำการสำรวจตรวจดูว่ามีจุดไหนต้องแก้บ้าง


ชุดที่ตัดออกมาพอดีตัวอย่างเหลือเชื่อ ณธิปใส่ได้เหมาะเจาะเข้ากับรูปร่างโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนตรงไหนเพิ่มอีก อีกทั้งคนตาเจ้าเล่ห์ยังยืนยันเองว่าใส่สบาย เดินได้สะดวกดีด้วย ดังนั้นกมลจึงตกลงใจกันว่าจะไม่แก้ไขตรงไหนแล้ว ทุกอย่างดูจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่เรื่องก็มาเกิดอีกจนได้ เพราะเมื่อตอนใส่กมลเป็นคนใส่ให้ ดังนั้นตอนถอดณธิปจึงไม่ยอมถอดเองเสียดื้อๆ ทั้งยังจ้องมองราวกับว่า ถ้าคุณไม่ทำ คุณก็กลับไปไม่ได้


กมลจึงกลั้นใจปลดกระดุมเสื้อให้อย่างรวดเร็ว ไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว แต่หลังจากถอดเสื้อเสร็จ อะไรๆก็ไม่เสร็จตามอย่างใจปรารถนา เพราะหูของกมลได้ยินเสียงโวยวายดังอยู่ด้านนอกครู่หนึ่ง ก่อนจะมีใครบางคนเปิดกระชากประตูห้องทำงานของณธิปเข้ามาอย่างอุกอาจ


   คนที่เข้ามาใหม่เป็นผู้ชายดวงหน้าติดจะเซ็กซี่เล็กๆ ซึ่งกมลได้ยินณธิปเรียกอีกฝ่ายว่า หนึ่งนที ทันทีที่หนึ่งนทีพบคนรักของตัวเองกำลังยืนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่มีหน้าตาสวยหวานราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ เขาโกรธจนแทบจะลุกเป็นไฟ เพราะคิดไปว่าณธิปกล้านัดคนอื่นมาคั่วถึงห้องทำงานทั้งที่เวลาเขาโทรมากลับบอกว่ายุ่งนักยุ่งหนา


“หนึ่ง เข้ามาได้ยังไง! ผมบอกให้รอก่อนไม่ใช่หรือไง” ณธิปพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“ถ้ารอหนึ่งก็ไม่เห็นสิว่าคุณเล็กทำอะไรอยู่”

“ทำอะไร” แทนที่อีกฝ่ายจะร้อนใจหรือมีท่าทีลนลาน แต่เปล่าเลย ณธิปกลับค่อยๆ หยิบเสื้อเชิ้ตทำงานขึ้นมาสวมอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

“ยังจะมาถามอีกว่าทำอะไร ก็เห็นกันอยู่ตำตาขนาดนี้นะคุณเล็ก ตกลงว่าคุณมีคนอื่นซ่อนอยู่กี่คนกันแน่ ทั้งนายคนนี้หรือแม้กระทั่งลูกสาวรัฐมนตรีนั่น!”

“ขอโทษนะครับ”


แล้วในที่สุด หนุ่มหน้าสวยที่ถูกพาดพิงถึงก็เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วทำให้รู้สึกรื่นหูแต่ก็แฝงไปด้วยความเย็นชา หนึ่งนทีตวัดตากลับไปมองด้วยความไม่พอใจ ดวงตารีเหลือบมองคนที่ยืนถือสูทสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพิจารณา สวยทั้งรูป น้ำเสียงหรือก็เพราะ ทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ๆ มิน่าเล่าณธิปจึงพามาคั่วถึงนี่โดยไม่อายว่าจะเป็นขี้ปากพนักงาน


“มีอะไร”

“ผมไม่รู้ว่าคุณเข้าใจเรื่องอื่นๆยังไง แต่อยากจะแก้ไขความเข้าใจผิดในส่วนของผมนิดหน่อย” เมื่อเห็นว่าหนึ่งนทีหยุดฟัง กมลจึงพูดต่อ “ผมกับคุณณธิปไม่ได้เป็นอะไรกัน ที่ผมมาที่นี่ก็แค่เอาชุดแต่งงานมาให้ลูกค้าซึ่งก็คือ คุณณธิป ลองตามที่ตกลงกันไว้เท่านั้น”

“ลองชุด?”

“ครับ แค่ลองชุดเท่านั้น ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเข้าใจผิด” หนุ่มหน้าสวยว่าแค่นั้น ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าที่นำมาให้ว่าที่เจ้าบ่าวลองใส่กลับลงในถุงที่เตรียมมาเงียบๆ เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว เจ้าตัวก็หันไปพูดกับเจ้าของห้องด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่สุด “ชุดที่ผมนำมาวันนี้พอดีตัว ไม่มีตรงไหนที่ต้องการจะแก้นะครับ”

“ไม่มีครับ” ณธิปว่า

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน ขอบคุณที่สละเวลาครับ” รอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากช่วยส่งให้คนพูดดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกหลายเท่าตัว ติดอยู่เพียงแต่ว่าตาคู่หวานนั้นฉายแววเย็นชาออกมาอย่างชัดเจน


กมลหอบชุดเจ้าบ่าวออกมาด้วยความรู้สึกหลากหลายยากที่จะบรรยาย แต่หนึ่งในความรู้สึกนั้น มีอยู่ความรู้สึกหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ โกรธ


เขาโกรธเพราะณธิป โกรธที่ต้องมาเจอกับพฤติกรรมของคนร้ายกาจใจโลเลอย่างนั้น กมลเคยคะเนมาตลอดว่าณธิปเจ้าชู้ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นถึงขนาดนี้ ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังจะแต่งงานอยู่รอมร่อแล้ว ยังมีหน้ามาทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่เขา ซ้ำยังมีใครคนอื่นตามมาอาละวาดหึงหวงถึงที่ทำงาน


กมลกดลิฟต์ด้วยมือที่สั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาอดไม่ได้จริงๆที่จะสงสารคุณเกษสุดาอย่างสุดหัวใจ แม้เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไร ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของคนสองคนเป็นแบบไหนมาก่อน หากเมื่อคิดว่าคุณเกษสุดาจะต้องทนอยู่กับคนที่ไม่พร้อมจะลงหลักปักฐานเช่นนี้ไปชั่วชีวิต ผู้หญิงดีๆอย่างนั้นจะต้องทุกข์ทนแค่ไหนกัน


กมลทำงานนี้ งานที่ต้องคอยดูแลคู่บ่าวสาวมานับไม่ถ้วน ทุกครั้งที่ทำหน้าที่เขาจะมีความสุขมากๆ เพราะเห็นว่าผลงานที่เขาคอยดูแลจัดการให้เป็นส่วนที่ทำให้คู่รักมีความสุขแค่ไหน


การแต่งงานที่เกิดจากความรัก แม้บางครั้งคู่บ่าวสาวอาจทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่ทั้งคู่ก็มีเป้าหมายเดียวกันคืออยากใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่งานแต่งงานที่เขากำลังจัดให้ของเกษสุดา กลับไม่เป็นอย่างที่เคยทำเช่นที่ผ่านมาเลย เพราะว่าที่เจ้าบ่าวเป็นคนไม่ได้ความแบบนั้น


คำว่างานประสบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีในแบบของกมล ไม่ใช่เงินทองหรือชื่อเสียงเป็นตัวชี้วัดอย่างเดียวเท่านั้น แต่คุณค่าที่เขาใช้ประเมินคือ งานที่เขาทำจะช่วยสนับสนุนความสัมพันธ์และทำให้คู่รักมีความสุขแค่ไหน ตอนนี้ยังไม่ถึงวันงานของคุณเกษสุดา แต่กมลก็พอจะประเมินได้ว่า การทำงานของเขาครั้งนี้คงไม่ประสบความสำเร็จไปในทิศทางที่ตั้งใจแต่แรกอีกแล้ว เรื่องที่ต้องพบเจอในครั้งนี้มันจึงบั่นทอนความรู้สึกของกมลเหลือเกิน






++++++++++++++++++++++++++++



บทที่ 3 ค่าาาาา
ฝากติดตามด้วยนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ  :katai4:


ละอองฝน.

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ดีใจที่คุณฝนชอบนะคะ
ตอนเราพิมพ์ไปเราก็แอบขำเหมือนกัน555
ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้เกลียดชังอะไรคุณเล็กหรอกนะคะ
ถึงจะดูอารมณ์แรง ปากร้าย เจ้าชู้ประตูดิน แถมยังดูเลือดเย็นนิดๆ
และแม้จะแอบหมั่นไส้ทุกทีเวลาที่นึกถึงฉากที่นางไปแย่งหนึ่งนทีมาจากพี่เมฆก็ตาม
แต่คุณเล็กก็เป็นคนที่เอาใจใส่ในหน้าที่การงานดี
คิดว่าข้อดีอื่นๆก็คงจะค่อยๆโผล่มาให้ได้รู้ได้เห็นมากกว่านี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูท่าพี่ไอคงเป็นคนจริงจังและทุ่มเทกับงานนะคะ คนจัดงานแต่งพอมาเจอสัญญาณของงานแต่งที่(ชีวิตคู่ในอนาคต)ส่อแววมีปัญหา ก็คงไม่สบายใจเท่าไหร่
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
อื้อหือออ ชื่อเรื่องกับเนื้อหานี่แนวเดียวกันมั้ยอ่าาาส พระเอกสุดตีนเลย เจ้าชู้

ออฟไลน์ ✥Gryffindor✥

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
คุณไอของน้อง ในที่สุดเคะนางพญาของน้องก็มีสตอรี่เป็นของตัวเองแล้ว กรี๊ดดด
ส่วนคุณเล็ก...เราอยากเห็นนางคว่ำครวญจะเป็นจะตายขอความรักจากคุณไอที่สุด
แบบว่าแค้นแทนพี่เมฆ เยาะเย้ยพี่เมฆาของเราเอาไว้ใช่ไหม แกต้องโดน!! 55555555
#ปล.คิดถึง 'จงรักง มากๆนะ ชุ้ฟๆ ทูนหัวของบ่าว

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ไอจ๋าาา

 :mew1:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
คิดถึงพี่ไอแล้ว



คิดถึง หยิน หยางด้วย



รออออออออออออออ



นานนนนนนนนนนนนน :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2




คุณคือความรัก  บทที่ 4








   หลังจากหนุ่มหน้าสวยออกไปแล้ว ภายในห้องจึงเหลือหนึ่งนทีกับณธิปเพียงสองคน ทั้งสองคนมองสบตากันท่ามกลางบรรยากาศชวนให้อึดอัด แต่ในที่สุดหนึ่งนทีก็เป็นคนปริปากพูดขึ้นมาก่อน



“เรื่องที่คุณเล็กจะแต่งงาน เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ”

“จริง” ไม่รอให้ตั้งตัว ณธิปก็เฉลยว่าข่าวที่ได้รับรู้มาเป็นความจริง หนึ่งนทีหน้าชา รู้สึกเหมือนตัวเองแทบจะล้มทั้งยืน

“คุณเล็กทำแบบนี้ได้ยังไง” น้ำเสียงที่ครางออกมาจากลำคอฟังดูแหบแห้งราวกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะตาย “ถ้าจะเลิกก็บอกสิ ทำไมถึงหลอกหนึ่งแบบนี้ คุณเล็กจะปล่อยให้หนึ่งโง่ไปอีกนานแค่ไหน ถ้าไม่เห็นข่าวเองหนึ่งก็ไม่มีวันได้รู้ใช่ไหม”

“ที่ไม่บอก เพราะผมไม่ได้อยากจะเลิก” ณธิปว่า และสิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง เขาไม่ได้อยากเลิกกับหนึ่งนทีแล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนที่พ่อกับแม่จัดการหาให้ทั้งนั้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขารักปักใจที่คนคนนี้ เพียงแต่เขาชอบที่จะมีอิสระไม่ต้องผูกมัดมากกว่า

“ไม่เลิกแล้วจะทำยังไงครับ ให้หนึ่งคบกับคุณทั้งๆ ที่คุณจะแต่งงานกับผู้หญิงนั่น คุณวางหนึ่งไว้ในฐานะไหนไม่ทราบ ชู้ของคุณเหรอ!” ทั้งรู้สึกโกรธและหมดแรงไปพร้อมๆ กัน ไม่เคยมีใครทำให้หนึ่งนทีตกอยู่ในสภาพเหมือนคนไม่มีทางเลือกแบบนี้มาก่อน

“ทำไมถึงพูดแบบนั้น ทั้งที่คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมต้องเจอกับอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมคิดจะแก้ปัญหายังไง แบบนี้ไงผมถึงไม่อยากบอกอะไรคุณ เพราะผมรู้ว่าคุณต้องโวยวาย” ณธิปเสียงดังกลับ โดยที่ลืมคิดไปว่าอันที่จริงแล้ว แม้เขาจะมีโอกาสบอกหรือหนึ่งนทีเป็นคนที่เข้าใจง่ายและพร้อมรับฟัง แต่ณธิปก็คงจะเลือกทำแบบเดิม นั่นคือไม่บอกเหตุผลให้หนึ่งนทีรับรู้

“แล้วคุณมีปัญหาอะไร ไหนบอกซิ ต่อจากนี้ไปคุณคิดจะทำอะไร”

“ผมแต่งกับเขาก็เพราะคุณแม่บังคับ คุณก็รู้ว่าผมขัดไม่ได้”

“คุณเป็นลูกแหง่หรือไง ไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่งสิ จะกลัวอะไรกับแค่พ่อแม่บังคับ ที่ผ่านมาคุณเคยกลัวอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ” หนึ่งนทีรู้ดี เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาณธิปมักจะทำตามใจตัวเอง ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งสิ้น ทว่าทำไมคราวนี้จึงเป็นเดือดเป็นร้อนนัก

“ผมก็ไม่ได้กลัว แต่คุณรู้ไหมว่าถ้าไม่แต่งจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่ผ่านมาไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร คุณแม่ก็อยู่ข้างผมตลอด แต่ครั้งนี้ผมขัดใจคุณแม่ไม่ได้ เพราะท่านไม่ได้อยู่ข้างผมเหมือนทุกที” ณธิปบอกอย่างหมดท่า เขาค่อยๆ เข้าหาหนึ่งนทีก่อนจะรวบกอดเอาไว้แล้วพูดเบาลงเพื่อตะล่อมให้อีกฝ่ายใจอ่อน “พอแต่งเสร็จไม่นานผมก็หย่า ผมทนอยู่กับผู้หญิงจืดชืดแบบนั้นไม่ได้หรอก คุณก็รู้ว่าผมไม่มีทางจริงจังกับเธอ คุณอดทนหน่อยได้ไหมหนึ่ง”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณจะให้หนึ่งอดทนไปถึงเมื่อไหร่ ใครๆ เขาก็รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน หนึ่งมีสังคมของหนึ่งนะคุณเล็ก แล้วคุณจะให้หนึ่งเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“แล้วคุณจะเอายังไง” ณธิปว่าเสียงแข็ง เขาเองก็เริ่มจะหมดความอดทนกับหนึ่งนทีเต็มทนแล้วเหมือนกัน คนอย่างเขาใช่ว่าจะมานั่งง้องอนใครนานๆ

“หนึ่งไม่ยอมหรอก ถ้าคุณแต่ง ผมจะถือว่าเราจบกัน”



ทันทีที่หนึ่งนทีประกาศกร้าวออกมาห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ผ่านไปสักพัก อ้อมกอดที่เคยประคองร่างบางเอาไว้ก็ค่อยๆ ถอยห่างแล้วผละออกไป หนึ่งนทีหันไปมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยความไม่เข้าใจ



“คุณเป็นคนที่ถือว่าอยู่กับผมได้นานที่สุด ผมยอมรับว่าถูกใจคุณกว่าใคร แต่รู้ไหมหนึ่ง ผมมีกฎของผม และกฎที่ว่าก็คือผมเป็นคนสั่ง ไม่ใช่คนทำตามคำสั่ง คุณรู้ดีอยู่แล้วตั้งแต่ที่เราเริ่มคบกัน คุณรู้ว่าไม่มีสิทธิ์มาบีบบังคับหรือบอกให้ผมทำอะไร สิ่งที่ผมพูดไปแล้วถือว่าตามนั้น ถ้าคุณรับไม่ได้ รอไม่ได้ อยากเลิกนักก็ตามใจคุณ ต่อไปนี้ถือว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอีก”

“คุณเล็ก! คุณไม่มีสิทธิ์บอกเลิกผม ไม่มีสิทธิ์ทำกับผมแบบนี้!”



ในสมองของหนึ่งนทีกรีดร้องออกมาว่า ยอมรับไม่ได้ มันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนคนที่ความรักหลุดลอยไป แต่หนึ่งนทีกลับรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ และสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดบนโลกใบนี้คือคำว่า พ่ายแพ้



“หนึ่ง ผมอยากรู้นัก ที่คุณโวยวายอยู่นี่เพราะอะไร เพราะคุณรักผมหรือว่าคุณไม่พอใจที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คุณคิดกันแน่”

“คุณ!” คำพูดของณธิปตรงเสียจนหนึ่งนทีสะอึก

“ผมรู้จักคุณดีพอๆ กับที่คุณรู้จักตัวเองดีนั่นแหละหนึ่ง ที่ผ่านมาเราสองคนก็ win-win นะ คุณให้ความสุขผม ผมก็ให้หน้าตา ฐานะทางสังคมแบบที่คุณใฝ่ฝัน และทุกวันนี้ผมเองก็คิดว่าคุณพอจะยืนด้วยตัวเองได้แล้ว ถ้าเราจะเลิกกันมันก็ไม่ส่งผลกับคุณเท่าไหร่หรอก แค่ยอมเสียหน้าบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ทุกอย่างที่ผมให้คุณไปนั่นน่ะ ผมจะไม่เรียกร้องคืนสักอย่างเดียว” ในเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สามารถพูดดีๆ ด้วยได้ ณธิปก็เห็นว่าไม่จำเป็นที่ต้องถนอมน้ำใจกันอีก

“คุณมันเลว เลวร้ายที่สุด” เมื่อได้ฟังคำพูดไม่ถนอมน้ำใจของคนที่ตัวเองเลือกมาเป็นคนรัก หนึ่งนทีก็สบถออกมาอย่างเหลืออด

“ผมก็ไม่เคยบอกนะว่าเป็นคนดีมีคุณธรรมอย่างไอ้เมฆแฟนเก่าคุณ” ณธิปว่าอย่างไม่ใส่ใจ อีกทั้งยังเหน็บแนมถึงคนรักเก่าให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่นด้วย

“อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเขา เพราะมันเทียบกันไม่ได้” ไม่มีทางเปรียบเทียบกันได้ เพราะพี่เมฆที่หนึ่งนทีเคยคบก่อนปันใจมาหาณธิป เขาเป็นคนดีกว่าผู้ชายคนนี้หลายเท่านัก

“แต่ถึงมันจะดียังไงคุณก็ทิ้งมันมาหาผม ถ้าผมเลว คุณมันก็ร้ายพอๆ กันนั่นแหละหนึ่ง ลองถามใจตัวเองดูว่าที่ผมพูดมาทั้งหมดมันถูกหรือเปล่า” พอพูดจบณธิปก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตัวเอง ก่อนจะกอดอกแล้วมองหนึ่งนทีด้วยสายตาเหนือกว่า

“นับจากนี้ไม่ว่าคุณจะกลับมาง้อยังไง จำเอาไว้ว่าผมไม่มีวันกลับมาคบกับคุณอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ลาก่อน”

“ไม่มีวันนั้นหรอก แต่ยังไงก็ขอให้โชคดีแล้วกัน”

“เก็บไว้บอกตัวเองเถอะ” หลังจากโต้กลับเป็นคำสุดท้ายหนึ่งนทีก็หุนหันออกมาจากห้องทันที



   ทีแรกก่อนเข้าไปหนึ่งนทีรู้สึกผิดหวัง ไม่เข้าใจและไม่ยอมรับอะไรๆ หลายอย่าง ทว่ายามออกมาจากห้องผู้บริหารหนุ่ม หนึ่งนทีกลับมีแต่อารมณ์โมโหและเดือดดาลเป็นที่สุด ระยะเวลาเกือบปีที่คบกันมาแม้จะพูดไม่ได้เต็มปากว่ารักลึกซึ้ง ทว่าความผูกพันมันย่อมมีเป็นธรรมดา



ณธิปไม่ใช่คนรักที่ซื่อสัตย์นัก แต่ก็ช่างเอาใจ ตามใจทุกอย่างขอแค่เขาทำตัวว่าง่าย ฝ่ายนั้นมีพร้อมทั้งรูป ทรัพย์และหน้าตาทางสังคม คนที่พร้อมขนาดนี้จะหาที่ไหนได้ง่ายๆ หากมองในแง่ดีมันก็ดีที่เขาได้อะไรติดมือมามากมายหลังจากคบกับณธิป แต่สิ่งที่หวังไว้ในตอนแรกมันไม่ใช่แบบนี้ เขาไม่ได้ต้องการคบแล้วเลิก เขาต้องการคบให้ยืนยาวต่อไปอีก เพราะธุรกิจที่เริ่มก็กำลังไปได้ดี หากมันก็ยังไม่มั่นคงพอ หนึ่งนทียังต้องอาศัยชื่อเสียงและเม็ดเงินสนับสนุนจากทายาทคนรองของเอ็นพีกรุ๊ปอีกมาก



สำคัญที่สุดคือ เขาได้วาดฝันชีวิตแสนสมบูรณ์ของตัวเองไว้ อีกเพียงนิดเดียวก็ใกล้จะถึงความจริงแล้ว ทว่าทุกอย่างกลับพังทลายลงไม่เป็นท่าเพราะเรื่องไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น ตอนนี้จึงถือได้ว่าหนึ่งนทีกำลังตกอยู่ในสภาวะเสียศูนย์อย่างที่สุด



   ฝ่ายณธิปนั้น หลังจากที่หนึ่งนทีออกไปจากห้องทำงานของเขาเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ยังคงมองประตูบานที่เพิ่งปิดลงไปไม่เลิก แต่ที่มองไม่ใช่เพราะอาลัยอาวรณ์ ที่มองเพราะกำลังไตร่ตรองถึงคำพูดซึ่งหนึ่งนทีเอ่ยเอาไว้เมื่อกี้



“คุณเป็นลูกแหง่หรือไง ไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่งสิ จะกลัวอะไรกับแค่พ่อแม่บังคับ ที่ผ่านมาคุณเคยกลัวอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ”



   ถูกอย่างที่อีกฝ่ายบอก ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเกรงกลัวในคำสั่งที่บงการให้ทำอะไร เพราะณธิปทำตามใจตัวเองมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ที่ต้องทำก็เพราะคำพูดหนึ่งของผู้เป็นพ่อ ซึ่งเอ่ยกับเขาในคืนที่ตัดสินใจบอกเรื่องงานแต่งงาน



“คนอย่างแกมันต้องมีคนคอยควบคุมให้อยู่กับร่องกับรอย ไม่อย่างนั้นก็จะเอาแต่สร้างชื่อเสียๆ ทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยไปวันๆ ฉันเบื่อจะต้องมาคอยฟังข่าวฉาวโฉ่ของแกเต็มทนแล้วตาเล็ก”

“แต่ผมไม่อยากแต่ง ผมไม่ได้รัก ไม่ได้อยากอยู่กับคุณหนูเกษสุดาที่พ่อหามาให้เสียหน่อย”

“เจ้าชู้อย่างแกมันรักใครเป็นด้วยหรือไง รักเป็นแต่ตัวเอง หัดทำตัวให้พ่อแม่ชื่นใจเหมือนพี่ภัทรเขาบ้างมันจะตายไหม”





คนอย่างณธิปจะไปรักใครให้เสียเวลาทำไม ในเมื่อทุกคนที่เข้ามาก็ไม่ได้มาเพราะรักเขาอยู่แล้ว อย่างเกษสุดาก็ต้องแต่งเพราะถูกบังคับ ไม่ได้รักเขาสักนิด เธอแค่ยอมทำตามใจพ่อนักการเมืองที่อยากดองกับครอบครัวนักธุรกิจเพื่อเพิ่มฐานเงินทุนในการหาเสียงให้ตัวเองก็เท่านั้น แล้วอย่างนี้มันสมควรแล้วหรือที่เขาต้องยอมอยู่กับเธอไปทั้งชีวิต ด้วยเพียงแค่หน้าตาทางสังคมและฐานะเหมาะสมกัน นี่คือสิ่งที่ชายหนุ่มนึกแย้งในใจมาโดยตลอด



แต่ทั้งหมดทั้งมวล เรื่องที่ทำให้ณธิปตัดสินใจยอมแต่ง ก็เพราะคำกล่าวประโยคหลังของผู้เป็นพ่อมากกว่า คำว่าอยากชื่นใจที่มีเขาเป็นลูก ให้เหมือนมีพี่ชายของเขาเป็นลูก ถ้าการแต่งงานครั้งนี้จะทำให้พ่อมองเขาดีได้สักเสี้ยวหนึ่งของพี่ชาย ณธิปก็จะยอมทำให้














   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ณธิปกำลังรอคนเปิดประตูรั้วสูงใหญ่ให้ เขาคว้าโทรศัพท์มากดรับโดยไม่มองชื่อคนโทร ก่อนกรอกเสียงเข้าไปตามสาย



   “ถึงหน้าบ้านแล้ว โทรจิกอะไรนักหนาวะเชษฐ์”

“ฉันกลัวแกเบี้ยวนี่ ทั้งงานเขารอแกคนเดียวเลยนะเล็ก รีบเข้ามา’

   “รู้แล้วๆ” ณธิปกดวางสายขณะที่มือหมุนพวงมากลับรถให้เลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์หลังโตของพ่อดาราใหญ่ พิเชษฐ์ เพื่อนสนิทของเขาเอง



   เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันวิวาห์ของณธิป ดังนั้นพิเชษฐ์จึงอาสาจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับสถานะภาพใหม่ที่ไร้ซึ่งความโสดของเพื่อนรักซึ่งได้ชื่อว่าสนิทที่สุด เพราะคบกันมาตั้งแต่สมัยประถม



   ในทีแรกณธิปก็คิดลังเลใจว่าจะมาดีหรือไม่ เพราะวันรุ่งขึ้นเขาต้องเข้าพิธีแต่เช้า ทว่าลองมาคิดดูอีกที ไหนๆ เพื่อนก็สู้อุตส่าห์จัดงานให้เสียใหญ่โต ถ้าเขาไม่มาก็จะเสียน้ำใจกันเปล่าๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจมาตามคำขอ หากตั้งใจว่าจะอยู่ไม่ดึกนักเพราะกลัวขับรถกลับบ้านไม่ไหว



   เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านชายหนุ่มก็ลงจากรถพร้อมกับโยนกุญแจให้คนเอารถไปเก็บอย่างเคย ก่อนเดินเข้าไปข้างใน งานเลี้ยงของพิเชษฐ์เป็นงานสูตรสำเร็จริมสระที่ณธิปเคยเห็นจนชินตา มีดนตรี มีแสงไฟ มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ที่ออกจะพิเศษขึ้นมาหน่อยก็ตรงที่งานของพิเชษฐ์จะมีดาราสาวๆ สวยๆ เดินกันหยุบหยับ



ทันทีที่ณธิปปรากฎตัว พิเชษฐ์ก็รีบเดินยิ้มกว้างออกมารับพร้อมกับ ดังตฤณ เพื่อนสนิทอีกคนของเขา ที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ หากให้เดาณธิปคิดว่าเป็นเพราะดังตฤณไม่เห็นด้วยกับงานเลี้ยงในคืนนี้นัก แต่ที่ยอมมาก็เพราะขัดใจเจ้าจอมแผนการอย่างพิเชษฐ์ไม่ได้



   “ทำไมแกมาช้า อย่าบอกนะว่าหนีแม่มา” พิเชษฐ์เอ่ยทัก

   “เปล่า ฉันเพิ่งเสร็จงาน ช่วงนี้งานยุ่งๆ” ณธิปต้องดูแลเรื่องโครงการบ้านและคลับเฮาส์แห่งใหม่ซึ่งกำลังสร้างขึ้นที่หัวหิน ทั้งเขายังต้องหัวหมุนกับการดูแลบริหารงานโรงแรมในเครือ เพราะปีนี้ธุรกิจในประเทศกำลังซบเซา แม้คนจะเที่ยวกันมากกว่าแต่ก่อน หากก็มีโรงแรมที่พักใหม่ๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด งานวางแผนรับมือของเขากับบอร์ดบริหารคนอื่นๆ จึงวุ่นวายน่าดูชม

   “แล้วนี่คุณหญิงแม่ท่านรู้ไหมว่าแกแวะมานี่ก่อน” พ่อดาราดังถามต่อ

   “ไม่รู้หรอก รู้ก็ตายน่ะสิ แค่นี้ก็บ่นจะแย่อยู่แล้วว่าไม่ช่วยเกษสุดาดูแลเรื่องจัดงาน” ณธิปว่าอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผู้เป็นแม่โทรมาวีนใส่เมื่อสามวันก่อน

   “ก็น่าสงสารคุณเกษเขาเหมือนกันนะเล็ก แกจะขัดใจที่พ่อแม่สั่ง แต่ผู้หญิงเขาไม่ได้ผิดอะไรด้วยนี่หว่า” คนที่เงียบมาตลอดอย่างดังตฤณเอ่ยขึ้น เพราะรู้สึกเห็นใจฝ่ายหญิงไม่น้อย ต้องถูกบังคับแต่งงานอย่างไม่เต็มใจ ซ้ำผู้ชายที่เป็นว่าที่สามียังมีประวัติเจ้าชู้แบบสุดๆ ไม่ว่ามองอย่างไร ดังตฤณก็อดสงสารเธอไม่ได้จริงๆ

   “นี่แกเป็นเพื่อนไอ้เล็กหรือเปล่าเนี่ย” พิเชษฐ์ตัดพ้อแทน

   “ก็เพราะเป็นเพื่อนน่ะสิถึงได้บอกว่าสงสารผู้หญิง” ดังตฤณตอกกลับ “เพื่อนพวกเรามันเจ้าชู้น้อยเสียที่ไหน ประวัติโชกโชนขนาดนั้น ผู้หญิงที่ไหนได้แต่งงานด้วยก็น่าสงสารด้วยกันทั้งนั้นแหละ”

   “แกนี่มัน…” พิเชษฐ์แทบกระอักแทนคนที่โดนพาดพิง ส่วนณธิปได้แต่ขมวดคิ้วนึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น เขาไม่อยากเก็บมาใส่ใจแล้วทำให้ต้องทะเลาะกับเพื่อน เพราะตอนนี้เขามีปัญหามากพออยู่แล้ว

   “เอาน่า แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอกตฤณ ฉันไม่ปล่อยให้คุณเกษเขาทนทุกข์นานนักหรอก คิดว่าถ้าตกลงกันได้ไม่นานน่าจะหย่า” ประโยคอย่างไม่อนาทรร้อนใจของณธิปทำเอาสองคนที่เถียงกันเมื่อครู่ถึงกับชะงัก

   “แกนี่มันใจร้ายจริงๆ ระวังเถอะ ถ้าได้เจอของจริงวันไหนแล้วมานั่งร้องไห้ ฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่ปลอบ”

   “พอเลยไอ้ตฤณ แกนี่มันชักใบให้เรือเสีย นี่งานเลี้ยงเพื่อนนะเว้ย เดี๋ยวเล็กมันหงุดหงิดแล้วหนีกลับ งานกร่อยกันพอดี” พิเชษฐ์หันไปแหวใส่ดังตฤณ ก่อนพาว่าที่เจ้าบ่าวไปดื่มกับสาวๆ ที่อยู่ในงาน



   เนื่องจากรู้ว่าเพื่อนหวังดี ณธิปจึงเก็บคำพูดของดังตฤณมาคิด แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่วินาที เสียงของสาวๆ ที่คอยออดอ้อนออเซาะ บวกกับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้เขาเลิกสนใจประโยคพวกนั้นไป เหลือเพียงความหฤหรรษ์ที่วนเวียนอยู่ตรงหน้า แสงสี เสียงเพลง  ความสุขฉาบฉวยที่ทำให้สติเลอะเลือน จนหลงลืมความรับผิดชอบที่คอยท่าเอาไว้เบื้องหลังไปหมดสิ้น











   กมลคิดว่าตัวเองคงไม่ได้นอนในคืนนี้แน่ๆ เนื่องจากงานในความรับผิดชอบรอเขาอยู่ตรงหน้า งานที่ว่าคืองานวิวาห์ยิ่งใหญ่ของคุณเกษสุดากับคุณณธิป ทั้งที่ทุกอย่างถูกจัดเตรียมให้พร้อมพรักเริ่มมาตั้งแต่หลายเดือนก่อน ทว่าเมื่อถึงวันจริงปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ต่างก็ดาหน้าเข้ามาจนกมลรวมถึงพนักงานใน I promise Tower ต่างก็หัวหมุนกันไปหมด ไหนจะพิธีในตอนเช้า งานเลี้ยงในตอนเย็น รวมถึงช่วงพบปะสื่อมวลชนที่เพิ่งถูกขอให้เพิ่มเข้ามาแทรกก่อนงานเลี้ยง กมลจึงต้องแก้ปัญหา จัดลำดับบริหารเวลาใหม่ และดูแลสถานที่ให้เรียบร้อยที่สุด



   พิธีสงฆ์จะเกิดขึ้นในตอนเช้าตรงส่วนของห้องบอลรูม โดยแขกในงานจะมีแต่ครอบครัว เพื่อนฝูง และผู้หลักผู้ใหญ่บางท่านเท่านั้น ในส่วนงานเลี้ยงฉลองจะจัดขึ้นตอนค่ำบนโดมหลังคากระจกชั้นบนสุดจะมีแขกเรื่อมาร่วมเป็นสักขีพยานนับพันคน เป็นงานจัดเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่สมฐานะ แต่กมลคาดว่ามันจะต้องวุ่นวายมากเช่นกัน แต่เขาได้พูดคุยซักซ้อมกับบ่าวสาวถึงขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้วก่อนงานจริงหนึ่งวัน



   กมลต้องเพิ่มทีมช่างภาพที่มาเก็บภาพบรรยากาศในงานมากเป็นพิเศษ เพราะคุณเกษสุดาต้องการภาพในหลายๆ มุมมอง ก่อนงานนี้เขาจึงต้องพาทีมตากล้องทั้งภาพนิ่งและวีดีโอเข้าไปพบและพูดคุยกับเกษสุดา เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้ามากที่สุด



   ส่วนสุดท้ายคือส่วนที่เกษสุดาเพิ่งบอกให้กมลจัดการเพิ่ม คือพื้นที่สำหรับแถลงข่าว เดิมทีในตอนแรกทางเกษสุดาไม่ได้ต้องการพื้นที่ในส่วนนี้ ฝ่ายครอบรัวของณธิปเองก็ไม่ต้องการเช่นกัน แต่ด้วยความที่ว่าที่บ่าวสาวเป็นที่ถูกจับตามองของวงสังคม จึงทำให้คุณพ่อของเกษสุดาบอกเพิ่มตรงนี้ลงมา ด้วยหวังให้ตนเองถูกพูกถึงในหน้าข่าว กมลจึงต้องลำดับเวลาใหม่ ให้มีการสัมภาษณ์สั้นๆ ช่วงบ่าย เพื่อให้เจ้าสาวมีเวลาในการแต่งตัว แต่งหน้าทำผมใหม่



เมื่อเดินตรวจดูสถานที่ในงานเป็นครั้งสุดท้ายจนพอใจ กมลจึงตัดสินใจกลับไปอาบน้ำและพักผ่อนในห้องพักบนโรงแรม แม้ช่วงเวลาสองสามชั่วโมงก่อนงานเริ่มจะถือว่าน้อยนิด แต่มันก็พอทำให้รู้สึกสดชื่นได้บ้าง ส่วนพนักงานคนอื่นๆ นั้นได้มีการผลัดเวรกันไปพักผ่อนในห้องที่จัดไว้ให้เหมือนกัน จะมีก็แต่หทัยที่ไม่ได้พักที่โรงแรมเพราะต้องกลับไปดูแลลูกชายฝาแฝดที่บ้าน



ก่อนนอนกมลรู้สึกกระวนกระวายนิดหน่อย เพราะงานในครั้งนี้มีสื่อสนใจมากพอสมควร ถือเป็นงานใหญ่อีกงานที่ทาง I promise ได้รับเกียรติให้จัดขึ้น ดังนั้นกมลจึงไม่อยากให้เกิดอะไรผิดพลาดแม้แต่ข้อเดียว ผู้บริหารหน้าสวยนึกภาวนาอยู่ในใจก่อนหลับตาลงว่า ขอให้ทุกอย่างในวันพรุ่งนี้ผ่านไปด้วยความราบรื่นด้วยเถอะ








++++++++++++++++++++++++++++++++++++





มาแล้วค่า~~~~~
สวัสดีสำหรับคนที่ตามมานานแล้ว แล้วก็สวัสดีนักอ่านหน้าใหม่ด้วย
อ่านถึงตรงนี้ จะด่าคุณเล็กก็ได้ แต่อย่าด่าแรงมาก ช่วยเผื่อใจให้พี่แกนิดนึง
เผื่อคุณเล็กเขาจะกลับตัวกลับใจ ว่าต้องใช้เวลาสักหน่อย /ปาดเหงื่อ
เห็นกระแสคนเกลียดคุณเล็กเยอะ คนเขียนก็รู้สึกประสบความสำเร็จไปครึ่งนึง 555555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ยังไงก็ช่วยติดตามกันต่อไปด้วยเน้อ

เจอกันตอนหน้าค่ะ


ละอองฝน.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2016 10:01:12 โดย ละอองฝน »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตอนใหม่มาแล้ว ได้เห็นถึงความคืบหน้าของงานแต่งสักที

ออฟไลน์ Coaramach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สู้ๆ ค่ะคุณไอ
เจ้าบ่าวคงไม่หนีงานแต่งหรอกนะ

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2



คุณคือความรัก บทที่ 5





   กมลลุกขึ้นมาทั้งๆ ที่เพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมง สาเหตุที่ทำให้เขาต้องตื่นก่อนเวลาไม่ใช่เพราะนาฬิกาปลุกรวน หรือมีพนักงานคนไหนมาเรียกเนื่องจากงานมีปัญหา แต่มันมาจากว่าที่เจ้าสาวเป็นผู้โทรมาด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความกังวล เขานั่งพิงหลังกับหัวเตียงถือโทรศัพท์แนบหู ฟังคำบอกเล่าของคนปลายสายไปพร้อมๆ กับสะบัดหัวไล่ความง่วงงุน



   “คุณไอพักผ่อนอยู่ใช่ไหมคะ เกษขอโทษที่โทรมารบกวนนะคะ” เธอว่าอย่างรู้สึกผิด

   “ไม่เป็นไรครับ คุณเกษมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เลยครับ” กมลพูดด้วยประโยคสุภาพเป็นมิตรเช่นทุกครั้ง และน้ำเสียงของเขาก็ทำให้เกษสุดายอมเอ่ยเรื่องหนักใจออกมาง่ายๆ ทั้งที่จริงแล้วเธอควรปรึกษาเรื่องนี้กับคนใกล้ชิดมากกว่า

   “เกษกลัวค่ะคุณไอ” กมลจับได้ว่าน้ำเสียงของเธอไม่มั่นคงเอาเสียเลย มันจึงเป็นตัวกระตุ้นให้กมลตื่นเต็มตา

   “เกิดอะไรขึ้นครับคุณเกษ”

   “ก็เรื่องคุณเล็กน่ะค่ะ” เธอเว้นวรรคไปไม่ยอมพูดต่อ

   “คุณณธิปทำไมครับ คุณเกษพูดออกมาเถอะ ผมใจไม่ดีเลย” กมลไม่อยากคาดเดา เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เกษสุดาต้องการจะบอกคืออะไร เพราะมันสามารถตีออกมาได้หลายแง่ ดังนั้นเขาจึงอยากให้เธอพูดออกมาเลยมากกว่า

   “คือตอนนี้เกษแต่งตัวใกล้เสร็จแล้ว แต่คุณเล็กยังไม่มาเลย เกษได้ยินพี่ภัทรคุยกับคุณหญิงป้าว่าเมื่อคืนคุณเล็กไม่กลับบ้าน เกษจะทำยังไงดีคะคุณไอ”



   สิ่งที่กมลได้ยินมันค่อนข้างเลวร้ายอย่างที่กลัวจริงๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับเรื่องที่ณธิปหายไปในตอนนี้ เพราะเขาไม่ใช่คนในครอบครัว ที่ทำได้ก็เพียงแค่ปลอบว่าที่เจ้าสาวให้สงบลงก่อนเท่านั้น



   “บางทีคุณณธิปคงจะกำลังเดินทางมา เมื่อคืนเขาอาจไปค้างที่ไหน หรือทำงานอยู่ก็ได้ เมื่อวันก่อนที่เราซ้อมคิวกัน ผมเห็นคุณณธิปบ่นว่าเขายุ่งใช่ไหมครับ”

   “แต่ยุ่งยังไงก็ควรจะเว้นไว้สักวันนี่คะ วันนี้เป็นวันแต่งงานของเขานะ” เธอว่าอย่างตัดพ้อ

   “คุณเกษใจเย็นๆ นะครับ ตอนนี้แต่งตัวให้เสร็จก่อน เดี๋ยวผมลงไปหาที่ห้องแต่งตัวดีไหม” พอกมลเอาน้ำเย็นเข้าลูบ หญิงสาวก็ยอมสงบลง

   “ดีค่ะ ขอบคุณนะคะคุณไอ” เธอกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ ก่อนกดวางสายไป กมลจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปล้างหน้าล้างตา ก่อนออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า โชคดีที่เมื่อวานเขาเพิ่งไปตัดผมมาจึงทำให้ผมเซ็ตง่าย ใช้เวลาไม่นานก็แต่งตัวเสร็จ



   กมลออกจากห้องพักไปที่ลิฟต์ เมื่อลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง ชายหนุ่มก็บังเอิญพบกับณภัทรเข้าพอดี ใบหน้าที่คล้ายกับน้องชายของเขาทำให้กมลตกใจไปแวบหนึ่ง เพราะนึกว่าว่าที่เจ้าบ่าวตัวดีมาที่งานแล้ว



   ชายหนุ่มหน้าสวยเดินออกมาจากลิฟต์ แล้วหลีกทางให้อีกฝ่ายเข้าไป แต่ณภัทรกลับไม่ทำเหมือนที่กมลคาดไว้ คนตัวสูงกว่าขยับมาขวางหน้าเขา ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าแบ่งรับแบ่งสู้



   “คุณไอทราบเรื่องเจ้าเล็กหรือยังครับ” ณภัทรพูดขึ้นก่อน

   “คุณเกษบอกแล้วครับ ไม่ทราบตอนนี้ติดต่อคุณณธิปได้หรือยังครับ”

   “ยังเลยครับ ตอนนี้วุ่นกันไปหมด ผมสั่งคนออกไปตามหาแล้ว แต่ยังไม่ได้เรื่อง ยังไงคุณไอคอยช่วยประสานเรื่องเวลาที่ต้องเลื่อนออกไปให้ผมทีนะครับ” ณภัทรว่า เขารู้สึกไม่สบายใจเลย ไม่คิดว่าน้องชายตัวดีจะเหลวไหลเช่นนี้ ในทีแรกก็พอจะดูออกว่าณธิปไม่อยากแต่งงานตามที่คุณพ่อสั่ง หากเมื่อเวลาผ่านไป แม้ณธิปจะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือคัดค้านอะไรอีก เขาจึงคิดว่าน้องชายยอมตกลงปลงใจแล้ว ทว่าดูเหมือนสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้สักนิดเดียว



   เสี้ยวหนึ่งในใจณภัทรยังหวังว่าเจ้าน้องชายตัวดีจะไม่หนีหายไปดื้อๆ เหมือนที่ชอบทำเวลาถูกพ่อสั่งเมื่อครั้งเป็นเด็ก แต่ถึงอย่างนั้น หากณธิปไม่โผล่มาที่งานแต่งของตัวเองด้วยเหตุผลอื่น เช่น เกิดเรื่องอันตราย หรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น



   “แล้วเรื่องฤกษ์จะทำยังไงครับ” เสียงของหนุ่มหน้าสวยเรียกให้ณภัทรได้สติ

   “ตอนนี้ผู้ใหญ่คุยกันคร่าวๆ ว่าให้ใช้ฤกษ์สะดวกแทนครับ งานมันจะเลื่อนเป็นวันอื่นคงไม่ทันแล้ว” ไม่ใช่เพียงเขาที่ร้อนใจ ยามนี้แม้แต่คุณพ่อที่มักวางเฉยอยู่เป็นนิจทุกครั้งที่เกิดปัญหาก็ถึงกับนั่งไม่ติดที่

   “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ยังไงผมจะประวิงเวลาแล้วก็ประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ให้  แต่คุณภัทรคงต้องช่วยผมชี้แจงกับทางแขกผู้ใหญ่ที่มาในงานเช้าด้วย เพราะถ้าจะให้ผมประกาศแทนคงไม่เหมาะ” กมลเห็นด้วยกับวิธีของณภัทร ตอนนี้คงต้องช่วยกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน

   “อื้ม…จริงสินะครับ” เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนว่า ”ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราไปด้วยกันเลยดีไหมครับ” ณภัทรเสนอ

   “ก็ได้ครับ แต่ผมต้องไปหาคุณเกษที่ห้องแต่งตัวก่อน เธอไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่กับเรื่องนี้”

   “…ครับ” ณภัทรถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนตอบรับ แล้วเดินไปห้องของเกษสุดาพร้อมกับกมล








   เมื่อมาถึงห้องแต่งตัวของเจ้าสาว กมลพบว่าหญิงสาวแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้ว มีคนเอาอาหารเช้าให้เธอทานรองท้องก่อน แต่เธอทานไม่ลง เพราะทั้งตื่นเต้นและคิดมาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรในเช้าวันสำคัญที่ฉุกละหุกเช่นนี้



   เมื่อเห็นกมลมาพร้อมณภัทร เกษสุดาก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องราวต่างๆ คงไม่บรรเทาลงอย่างที่เธออยากให้เป็น แม้ว่าผู้จัดการหน้าหวานจะทั้งปลอบ ทั้งให้กำลังใจ และขอให้เธอทานอะไรบ้างเพื่อตัวเธอเองก็ตาม



   “ระหว่างที่คุณไอกับพี่ภัทรออกไปจัดการเรื่องต่างๆ ให้ เกษต้องรออยู่ในนี้ก่อนใช่ไหมคะ”

   “ครับ คุณเกษอยู่ที่นี่ก่อน ถ้าถึงเวลาที่คุณณธิปมา ผมจะมาพบคุณเกษอีกครั้งเพื่อแจ้งกำหนดการที่อาจจะมีบางอย่างปรับเปลี่ยนไปตามเวลาที่เหลือครับ” กมลอธิบาย ก่อนเดินมาถึงห้องแต่งตัว เขาได้ปรึกษากับณภัทรว่าไม่ควรให้เกษสุดาออกไปพบผู้คน ไม่เช่นนั้นคำถามต่างๆ คงพุ่งมาที่เธอ เพราะเจ้าบ่าวเจ้าสาวย่อมเป็นที่สนใจของแขกเรื่อในงานมากกว่าญาติๆ หรือคนที่คอยดูแลความเรียบร้อยอย่างกมล

   “แต่ถ้ามีอะไรที่เกษพอจะช่วยได้…”

   “เกษไม่ต้องกังวลนะ ปัญหาข้างนอกนั่นพี่จะเป็นคนจัดการให้เอง เกษรออยู่ในนี้อย่างที่คุณไอบอกเถอะ ถ้าออกไปข้างนอกแล้วคนรู้ว่าเจ้าเล็กยังไม่อยู่ในงาน เกษจะตกเป็นเป้าเสียเปล่าๆ” ณภัทรว่า

   “จริงอย่างที่คุณภัทรว่านะครับ คุณเกษอยู่ในนี้กับเพื่อนๆ ดีกว่า เดี๋ยวข้างนอกผมจะค่อยช่วยคุณภัทรจัดการทุกอย่างให้เองครับ” กมลกล่าวเสริม สุดท้ายเกษสุดาจึงยอมทำตาม

   “ขอบคุณนะคะ”



   เมื่อคุยกับว่าที่เจ้าสาวเรียบร้อยแล้ว กมลกับณภัทรก็ออกมาจัดการงานด้านนอก เวลาแต่ละชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอนิดเดียวก็ได้ฤกษ์ที่ต้องเริ่มทำพิธี แต่คนของณภัทรก็ยังไม่พบณธิป แม้ว่าจะได้เพื่อนสนิทของณธิปที่ชื่อดังตฤณมาช่วยหาอีกแรงก็ตาม



   แต่ทุกคนก็พอจะรู้สาเหตุที่ณธิปหายไปแล้ว เนื่องจากเพื่อนของเขาเล่าว่าเมื่อคืนณธิปดื่มหนักในงานปาร์ตี้สละโสด แม้จะถูกทัดทานอย่างไรก็ไม่ฟัง ซ้ำเจ้าตัวยังออกไปกับดาราสาวมีชื่อในวงการคนหนึ่งอีกด้วย ถึงจะสามารถบอกได้ว่าว่าที่เจ้าบ่าวไปเหลวไหลอะไรมา แต่ก็ไม่อาจระบุได้อยู่ดีว่าเขาไปอยู่ที่ไหนในตอนนี้



   ขณะที่คนของบ้านโชติตระกูลเร่งหาที่อยู่ของดาราสาวคนนั้น ณภัทรก็ขึ้นเวทีมาประกาศต่อแขกในงานว่าจำเป็นต้องเลื่อนเวลาออกไปสักหน่อย เนื่องจากเจ้าบ่าวป่วยกะทันหัน ส่วนกมลก็วิ่งวุ่นระงับทั้งเรื่องพระสงฆ์ที่นิมนต์มาทำพิธีและขบวนขันหมากที่ต้องแห่



   ครั้นเวลาผ่านไปเกือบบ่ายโมงก็ยังไม่มีใครหาณธิปกับดาราสาวคนนั้นพบ งานแต่งงานในช่วงเช้าจึงมีอันต้องยกเลิกไป กระทั่งบ่ายแก่กองทัพสื่อมวลชนก็แห่แหนกันมาที่งาน ทั้งที่กมลได้ยกเลิกคำเชิญไปเมื่อช่วงสายแล้วก็ตาม ทว่าข่าวงานวิวาห์ล่มของไฮโซคนดังกลับดึงดูดให้เหยี่ยวข่าวเหล่านี้มาออกันเต็มหน้าล็อบบี้โรงแรมไปหมด



   ที่สุดแล้วเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนเย็นย่ำ ทุกคนในครอบครัวจึงเข้ามารวมตัวกันที่ห้องของเจ้าสาว รวมถึงกมลที่ถูกเกษสุดารั้งเอาไว้หลังจากเข้ามาแจ้งเรื่องนักข่าว



   บรรยากาศภายในห้องแต่งตัวของเจ้าสาวเต็มไปด้วยเมฆหมอกอึมครึม ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายนั่งประจันหน้ากัน โดยมีเกษสุดาอยู่ตรงกลาง



   “ตกลงจะเอายังไงคุณอนันต์ นี่เจ้าบ่าวคงมาไม่ทันงานกลางคืนแล้วใช่ไหม” รัฐมนตรีทรงศักดิ์พ่อของเกษสุดาเป็นคนพูดขึ้นก่อน

   “จะมาได้ทันได้ยังไงคะคุณ ยังหาเขาไม่เจอแม้แต่เงาเลย” คุณหญิงจินดาเอ่ยขึ้นขณะเอื้อมมือมากุมมือของลูกสาวเอาไว้ “ประวิงเวลามาทั้งวันแล้วก็ยังไม่มา ปล่อยให้ลูกสาวของฉันใส่ชุดเจ้าสาวรอเป็นม่ายขันหมาก นี่พวกคุณคิดว่ากำลังเล่นขายของอะไรกันอยู่” เธอว่าคอแข็ง ทั้งโกรธและสงสารลูกสาวคนเดียวที่ต้องมาเจออะไรเช่นนี้

   “ผมขอโทษครับ ผมมันไม่ดีเองที่เลี้ยงลูกออกมาแบบนี้” คุณอนันต์ผู้บริหารใหญ่แห่งเอ็นพีกรุ๊ปถึงกับยอมก้มหัวให้ครอบครัวของเกษสุดา เขารู้ว่าลูกชายของเขาผิดเต็มประตู และเขาซึ่งเป็นพ่อ เป็นผู้จัดแจงให้เกิดงานนี้ขึ้น ย่อมมีความผิดเช่นเดียวกันกับลูกชายคนเล็ก เผลอๆ จะมากกว่าด้วยซ้ำ



เกษสุดามองเหตุการณ์ตรงหน้า แล้วก็ต้องยอมรับว่างานแต่งงานที่เพียรสร้างมาล่มไม่เป็นท่า หญิงสาวจึงปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น เธอรับรู้มาตั้งแต่แรกว่าณธิปไม่รักเธอ ไม่เต็มใจแต่งงานกับเธอ แต่เกษสุดาไม่คิดว่าเขาจะหักหาญน้ำใจและหักหน้าเธอเช่นนี้ เธอรู้ว่าความรักมันห้ามกันไม่ได้ เพราะเธอเองก็ไม่ได้รักณธิปเหมือนกัน แต่เพราะทุกอย่างถูกผู้ใหญ่กำหนดเอาไว้หมดแล้ว เธอจึงทำใจและเชื่อว่าต่อไปมันอาจดีขึ้น



   เกษสุดาเชื่อที่แม่ของเธอบอกว่า อยู่ๆ กันไปก็รักกันเอง เชื่อที่พ่อบอกว่า พ่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสุดท้าย ชีวิตคู่กับคนแปลกหน้าที่เธอเคยกังวลและยอมทำใจยอมรับ กลับไม่มีโอกาสแม้แต่จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ



   เธอจะไม่ร้องไห้เลย ถ้าณธิปบอกเธอสักคำว่าจะไม่แต่ง บอกเธอว่าให้ยกเลิกตั้งแต่ก่อนวันงาน ไม่ใช่หนีหายไปทิ้งทุกอย่างให้เธอต้องแบกรับคนเดียวเช่นนี้



   “แค่ขอโทษคงไม่พอหรอกหรอกมั้งคุณอนันต์” รัฐมนตรีทรงศักดิ์ว่า

“เราจะชดใช้ให้ทุกอย่างเท่าที่เราทำได้ ค่าเสียหายทั้งหมด สินสอดทองหมั้นที่ตกลงกันไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะตกเป็นของหนูเกษ แม้ว่างานวันนี้จะไม่เกิดขึ้น หากคุณมีข้อเรียกร้องอะไรอีกก็ขอให้บอกผมมาอย่าได้เกรงใจ และขอให้คุณรู้เถอะครับว่าทางครอบครัวของเราก็เสียใจไม่ต่างกันที่เจ้าเล็กมันเหลวไหลอย่างนี้” นายอนันต์ว่า “ลุงเสียใจจริงๆ ขอโทษด้วยนะหนูเกษที่ทำให้หนูต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง”


“ในเมื่อคุณอนันต์พูดว่าจะรับผิดชอบอย่างนี้ก็ดีครับ เพราะในเมื่อคุณเล็กไม่รับผิดชอบ ไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวของผม ทำให้ลูกเกษเสียชื่อเสียง ดังนั้นผมคิดว่าคุณอนันต์น่าจะให้คุณภัทรแต่งงานกับลูกเกษแทน หรือคุณอนันต์กับคุณหญิงจะปล่อยให้ลูกสาวของผมต้องอับอายขายหน้าไปมากกว่านี้” ท่านรัฐมนตรีว่า หากแต่ข้อเสนอของท่านกลับทำให้เกษสุดาต้องร้องไห้หนักกว่าเก่า เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วผู้เป็นพ่อทำเพื่อเธอจริงๆ หรือท่านกำลังทำเพื่ออะไรกันแน่


   “แต่คุณทรงศักดิ์คะ ตาภัทรเขาไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย” คุณหญิงประภัสสรเองก็รู้สึกว่านี่ไม่เป็นธรรมกับทั้งลูกชายคนโตของเธอที่ต้องมารับผิดชอบแทนน้อง อีกทั้งยังไม่เป็นธรรมกับเกษสุดาที่ต้องเปลี่ยนว่าที่เจ้าบ่าวไปมาเหมือนเล่นขายของ หากให้จบลงอย่างที่รัฐมนตรีทรงศักดิ์ว่า เห็นทีลูกสาวของท่านคงได้ขายหน้ามากกว่าเดิมเป็นแน่

   “แล้วคุณจะทำยังไง! ลูกเกษของผมจะม่ายขันหมากไม่ได้”

   “คุณพ่อคะ…” เกษสุดากลืนก้อนสะอื้นเข้าไปในอก พยายามปรามพ่อ แต่ท่านไม่สนใจเธอเลย

   “เงินทองพวกนั้นน่ะ ผมไม่สนใจหรอก แต่ลูกสาวผมจะไม่มีเจ้าบ่าวในงานแต่งของตัวเองไม่ได้” เงินทองที่เป็นค่าสินสอดแม้จะมากก็จริง แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับผลประโยชน์มหาศาลที่จะตามมาหากลูกสาวของเขาได้เป็นสะใภ้บ้านโชติตระกูล ยิ่งถ้าได้เป็นสะใภ้ใหญ่ก็ยิ่งดี เพราะเท่าที่ดูณภัทรก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่ดีกว่าน้องของเขามากนัก



   คำขอของรัฐมนตรีทรงศักดิ์ทำให้ทั้งคุณอนันต์หรือแม้แต่คุณหญิงประภัสสรเห็นว่าจริงๆ แล้วอีกฝ่ายต้องการแต่งงานเพราะอะไร แม้ทั้งคู่จะรู้สึกผิดที่ลูกชายคนเล็กของตนเองไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่ก็ชักจะโล่งใจที่ทั้งสองบ้านยังไม่ทันได้เกี่ยวดองกัน



   “ว่ายังไงครับ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาของงานเลี้ยงตอนค่ำแล้วด้วย” ทรงศักดิ์เร่ง


   “ขอประทานโทษนะครับ แต่ว่าเมื่อครู่ท่านได้บอกยกเลิกงานไปแล้วนี่ครับ แขกที่จะมาก็ทราบแล้วด้วย” กมลรู้ว่าไม่สมควรที่ตัวเองจะพูดออกมา มันไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิด นี่เป็นปัญหาในครอบครัวของคนอื่น แต่กระนั้นเขาก็ทนเห็นเรื่องแบบนี้ไม่ได้จริงๆ ใครจะคิดว่าคนระดับรัฐมนตรีทำเพื่อตัวเองถึงขนาดเอาชีวิตของลูกสาวคนเดียวมาเป็นเครื่องมือในการสร้างฐานอำนาจ


   “ไหนลูกสาวผมบอกว่าคุณเก่ง คุณก็จัดการให้ได้สิ จะเรียกเท่าไหร่คุณอนันต์เขาก็จัดการให้ได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” คำที่ตอบกลับมาเล่นเอากมลนึกอยากเถียงใจแทบขาด เพียงแต่เขาต้องควบคุมตัวเองและคิดว่านี่เกินกว่าขอบเขตรับผิดชอบของเขาแล้ว


“ถ้าท่านต้องการแบบนั้น ผมก็จะรับผิดชอบแทนน้องให้เองครับ” จู่ๆ ณภัทรที่ฟังเงียบๆ อยู่นานก็เอ่ยขึ้น

   “ตาภัทร!” คุณหญิงประภัสสรถึงกับร้องเสียงหลง เธอไม่อยากให้ณภัทรต้องทำถึงขนาดนั้น

   “ดี คนที่จะแต่งงานกับลูกสาวของผมต้องแบบนี้สิ ผมถึงจะวางใจฝากชีวิตลูกเกษไว้กับเขาได้” คนเห็นแก่ตัวยิ้มออกมาในที่สุด แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของณภัทรเขาก็ต้องหุบยิ้มลง

   “ผมจะยอมแต่งงานตามที่ท่านต้องการครับ แต่มีข้อแม้ข้อเดียวเท่านั้น”

   “อะไร”

   “มันต้องมาจากความสมัครใจของคุณเกษ ไม่ใช่พวกเราคิดแทนเธอแบบนี้ ถ้าเกิดคุณเกษยอมตกลง ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรอีก” ณภัทรพูดกับท่านทรงศักดิ์ด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ก่อนจะหันไปยิ้มให้หญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่ไม่ไกล

   “เกษว่ายังไงลูก บอกพี่เขาไปสิ” ผู้เป็นพ่อเองก็หันไปเร่งลูกสาวของตนเองเหมือนกัน

   “…” หญิงสาวมองหน้าณภัทรน้ำตานอง ก่อนเอ่ยออกมา “ขอโทษด้วยนะคะ เกษแต่งงานกับพี่ภัทรไม่ได้หรอกค่ะ”

   “ยายเกษ! ทำไมถึงพูดแบบนั้น” ทรงศักดิ์ตะคอกลูกสาวอย่างลืมตัว เพราะสิ่งที่ท่านรัฐมนตรีได้ยินขัดแย้งกับสิ่งที่ต้องการให้เป็นอย่างสิ้นเชิง

   “ขอโทษค่ะคุณพ่อ เกษไม่อยากฝืนใจใครอีกแล้ว แม้แต่ตัวเกษเองด้วย ขอตัวนะคะ” พูดจบเธอก็ลุกขึ้นเดินหนีออกไปทันที ปล่อยให้ทุกคนในห้องนิ่งอึ้งกับสถานการณ์นั้น กว่าที่รัฐมนตรีทรงศักดิ์จะได้สติ ก็เป็นตอนที่คุณจินดาวิ่งตามลูกสาวออกไป

   “พวกคุณต้องชดใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้” ว่าแล้วทรงศักดิ์ก็หุนหันออกจากห้องไปอีกคน

   “ตาเล็กนะตาเล็ก แล้วทีนี้จะทำยังดีคะคุณ” คุณหญิงประภัสสรพูดกับสามีด้วยเสียงสั่นเครือ

   “จะทำยังได้ล่ะ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็คงต้องชดใช้ให้เขาตามสมควรนั่นแหละ” เขาบอกกับภรรยาเช่นนั้น ก่อนหันไปหาลูกชายคนโต “แล้วนี่รู้หรือยังว่าเจ้าเล็กมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน”

   “ผมส่งคนให้ออกไปตามแล้วครับคุณพ่อ แต่ไม่เจอเลย ไม่รู้เจ้าเล็กไปนอนค้างบ้านใคร เพื่อนสนิทก็มาที่งานหมด ที่บ้านของผู้หญิงก็ไม่มี”

   “แล้วเช็คกับทางโรงพยาบาลดูหรือยังตาภัทร ไม่ใช่ว่าน้องจะเป็นอะไรไปนะลูก” แม้จะเสียใจ แต่ผู้เป็นแม่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะห่วงลูก

   “ผมเช็คเรียบร้อยแล้วครับ ไม่มีเลย สถานีตำรวจก็ด้วย”

   “สร้างปัญหาไม่ได้หยุดหย่อน ทำไมมันถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้นะ พ่อไม่รู้จะจัดการยังไงกับมันแล้ว” อนันต์ว่าด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน

   “ผมว่าคุณพ่อกับคุณแม่กลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนดีไหมครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจะจัดการเอง ได้ข่าวยังไงผมจะรีบติดต่อไป”

   “ก็ดีเหมือนกันนะคะคุณ ฉันปวดหัวไปหมดแล้ว” ประภัสสรเห็นดีด้วย ก่อนจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ “นี่ก็เลยเวลาอาหารค่ำแล้วด้วย คุณเองก็ต้องทานยานะคะ”

   “อืม งั้นเรากลับกันเลยดีกว่า” พอลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาก็หันมาถามลูกชายอีกคำ “ว่าแต่คุณย่าล่ะ ภัทรให้คนพาท่านกลับไปรอที่บ้านแล้วหรือเปล่าลูก”

   “พอรู้ว่าเจ้าเล็กมันไม่มา ท่านก็บินกลับเชียงใหม่ทันทีเลยครับ คงจะโกรธเอาการอยู่”

   “อย่างคุณย่าเราน่ะเหรอจะโกรธ กลับไปรอที่บ้านเตรียมต้อนรับเจ้าหลานชายตัวดีตอนมันลี้ภัยไปหาน่ะสิ ตามใจกันจนเคยตัว” อนันต์ว่าอย่างรู้ทัน เพราะลูกชายคนเล็กของเขาเป็นถึงหลานคนโปรดของท่านนี่นา “ยังไงพ่อฝากภัทรจัดการที่เหลือด้วยนะ”

   “ครับคุณพ่อ”

คล้อยหลังคุณอนันต์และภรรยา ณภัทรก็หันมาหาหนุ่มหน้าสวยที่ยืนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

“ขอโทษด้วยนะครับคุณไอที่พวกเราดึงคุณเข้ามา เมื่อกี้คุณคงอึดอัดมากเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเสียอีกที่ต้องขอโทษ เมื่อกี้ผมเสียมารยาทไปหน่อย”

“ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจ”

“เอาเป็นว่าเราอย่ามัวมายืนขอโทษกันแบบนี้เลยนะครับ ผมว่าคุณภัทรออกไปจัดการกับกองทัพนักข่าวข้างนอกดีกว่า ส่วนผมจะได้แยกตัวไปดูให้เด็กๆ เก็บของ”

“ก็ดีเหมือนกันครับ ขอบคุณคุณไออีกครั้งนะครับ ถ้าไม่ได้คุณผมก็ไม่รู้จะทำยังไง งานนี้ผมจัดการคนเดียวไม่ได้จริงๆ” ณภัทรขอบคุณด้วยความรู้สึกจากใจจริงๆ

“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ คุณภัทรเองก็พยายามเข้านะ” กมลยิ้มให้กำลังใจ “ยังไงผมขอตัวออกไปจัดการข้างนอกก่อน” จากนั้นต่างคนต่างก็แยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง








++++++++++++++++++++++++++++++++++++




มาต่อแล้วค่าาาา :hao7:
เขียนตอนนี้จบไม่รู้จะสงสารใครดีกว่ากันเลย
ทั้งพ่อแม่ พี่ภัทร คุณไอ และที่สำคัญ คุณเกษ
ไปค่ะ ไปช่วยกันล่าตัวไอ้คุณเล็ก  :fire: :fire: :fire:

มีคนอินกับเราบ้าง ทางเราก็ดีใจค่ะ
ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

เจอกันตอนหน้าค่ะ


ละอองฝน.


ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เรื่องนี้ ยังมีความต้องการพระเอกชื่อ คุณเล็กอยู่ใหม



ได้ยินเสียงพี่ไอ แว่วๆ ว่า ใสหัวมันไป 



ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่มีใครต้องการ คนไร้ความรับผิดชอบแล้วล่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ติดลบเข้าไปอีก

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
คุณเล็กกกกก ไปมุดหัวอยู่ไหนคะเนี่ย!
ไร้ความรับผิดชอบแบบสุดๆอ่ะ มาเปลี่ยนใจไม่แต่งเอาวินาทีสุดท้ายขนาดนี้ได้ยังไงกัน
คือถ้าจะไม่แต่งก็ไม่ว่า แต่ก็ควรจะรู้ตัวเร็วซักหน่อยไหม ไม่ใช่แบบพอถึงวันงานไม่โผล่หน้ามา แบบนี้สงสารคุณเกษตายเลย
ไหนจะหน้าตา ชื่อเสียง แวดวงสังคมอีก จะต้องถูกนินทาขนาดไหนที่อยู่ๆงานแต่งยกเลิกกระทันหัน
แถมยังได้เห็นธาตุแท้ของพ่อตัวเองไปอีก งานนี้สงสารคุณเกษสุดเลยค่ะ ผู้หญิงดีๆแบบนี้ไม่น่าต้องมาเจอผู้ชายเลวๆเลย
ไม่น่าต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือด้วย ใจจริงก็อยากให้เธอลงเอยกับพี่ภัทร(ผู้แสนดี TT)นะคะ แต่ก็ไม่อยากให้พ่อชั่วได้ผลประโยชน์ไปอยู่ดี

ส่วนของคุณไองานนี้คงติดลบไปเป็นล้าน ยังจินตนาการไม่ออกเลยค่ะว่าจะกลับมารักกันได้ยังไง
เป็นเรานะ เกลียดคนแบบนี้มากกกกกกกกกก ยิ่งทำให้เจ้าสาวดีๆแบบคุณเกษต้องเศร้านี่เรายังเคืองอ่ะ 5555555555
รอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เอาจริง ๆ เราก็แอบคิดอยู่ก่อนหน้านี้ละ ว่าถ้าให้คุณเกษแต่งงานกับคุณภัทรน่าจะพอเข้ากันได้
ประมาณว่าชีวิตหลังแต่งงานน่าจะมีความสุขและราบรื่นกว่าแต่งงานกับคุณเล็ก
แต่ในเมื่อพ่อคุณเกษแสดงจุดยืนเสียขนาดนั้นว่าที่ให้ลูกสาวแต่งเข้าตระกูลนี้เพราะหวังผลประโยชน์ คุณเกษคงรู้สึกแย่น่าดู เพราะนอกจากพ่อแม่จะบอกให้แต่งกับคุณเล็กที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน (อ้างว่าอยู่ไปก็รักกันเอง หรือเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้) แต่พอมีเรื่องยังจะให้เปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวแบบไม่คิดถึงจิตใจลูกอีก ก็เหลือรับจริงน่ะล่ะ (แต่สงสัยอยู่นิดหน่อยว่าคุณเกษไม่คิดชอบคุณภัทรเลยเหรอ ในสายตาเราคุณภัทรดูน่าอยู่ด้วยมากกว่าคุณเล็กนะ) จริง ๆ ถ้าคุณเกษมั่นใจในตัวเองและคิดถึงอนาคตของตัวเองล่ะก็ น่าจะยกเลิกงานแต่งตั้งแต่ตอนเตรียมงานแล้วล่ะ ขนาดยังไม่ได้แต่ง ว่าที่เจ้าบ่าวยังไม่ใยดี แต่งไปแล้วจะเหลือเหรอ แล้วอนาคตชีวิตคู่จะเป็นยังไง จะว่าไปงานแต่งงานล่มเสียก็ดีนะ ไม่งั้นคุณเกษจะน่าสงสารมากกว่านี้แน่
ทีนี้มาฝั่งบ้านคุณเล็ก ที่พ่อคุณเล็กบอกว่าตัวเองก็ผิดเหมือนกันที่มีส่วนให้เกิดงานนี้ขึ้นมาอ่านแล้วรู้สึกว่า อืม พ่อคุณเล็กก็เป็นคนมีเหตุผลนี่ แต่เรื่องการเลี้ยงดูอบรมหรือใช้เหตุผลกับลูกไหมนี่ต้องดูอีกที เรื่องพ่อแม่ผิดนี่เห็นด้วยเต็มประตู เพราะเห็นละว่าบังคับกันเสียจริง ๆ ไม่คิดถึงจิตใจคุณเกษ (ผู้ต้องรับกรรมกับสามีนิสัยอย่างคุณเล็ก) เลย เอาแต่คิดว่าจะหาภรรยามาผูกคุณเล็กให้อยู่ติดบ้าน... คิดว่าจะทำได้หรือ ถ้าไอ้คุณเล็กมันไม่ยอมหยุด นิสัยลูกตัวเองก็รู้อยู่ แถมตอนเตรียมงานก็เห็นอยู่ว่าไม่สนใจ ก็ยังดึงดัน (นี่ไม่ได้เข้าข้างคุณเล็กนะ คนนั้นน่ะก็กำลังรอจังหวะจะด่าอยู่ ฮา)
จริง ๆ เรื่องนี้จะโทษใครก็พูดได้ไม่เต็มปากนักหรอก (เพราะมันน่าจะต้องเท้าความกันไปตั้งแต่... เลี้ยงลูกมายังไงให้เป็นคนแบบนี้) ทุกคนมีส่วนผลักดันให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทั้งนั้น
ส่วนคุณเล็ก... คนนี้ถ้าพูดอาจจะยาว เรื่องลงลึกเอาไว้คราวหลัง (ถ้ามีฟีลลิ่ง) คงต้องรอตอนต่อไปว่าทำไมไม่ไปงานแต่ง จงใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เราคิดว่าไม่น่าจะจงใจไม่ไปนะ อาจจะลุกไม่ขึ้น หรืออะไร (ที่จริงตามหน้าที่ความรับผิดชอบต้องไม่ออกไปดื่มแล้ว เพราะควรรู้ตัวว่าวันรุ่งขึ้นมีงานสำคัญ แถมคบเพื่อนแต่ละคนนี่ก็ดี ๆ ทั้งน้าน~ ) ต้องดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณเล็ก แล้วค่อยด่า ฮา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2016 16:25:21 โดย sirin_chadada »

ออฟไลน์ kyungploy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ไอ้คุณเล็กนี่มันตัววุ่นวายจริงๆ  :fire:

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
อิคุณเล็กกกกกกก ไปอยู่หนายยยย

ออฟไลน์ dear77

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :m31:  คุณเล็กหาย ภาษาสวยเหมือนเดิม ตามมาจากเรื่องโปรดจงรักค่ะ

เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนเสมอ

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2



คุณคือความรัก บทที่ 6






   ณธิปนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงหลังกว้าง เขาหลับเป็นตายจนกระทั่งรู้สึกหนาวจากความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่ปะทะเข้ากับแผ่นหลังเปลือยเปล่าซึ่งโผล่พ้นผ้าห่มผืนโตออกมา และได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัว ชายหนุ่มจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ



   เขารู้สึกวิงเวียนและปวดหัวจนแทบระเบิด มิหนำซ้ำยังอยากอาเจียนมากหากแต่ยังลุกขึ้นไม่ไหว แค่ผงกหัวขึ้นมามองบรรยากาศรอบๆ ตัวได้ครู่เดียวก็ต้องฟุบลงไปบนหมอนใหม่ มองจากผ้าม่านที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้เขาเห็นว่าท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม ชายหนุ่มคะเนว่ามันคงเป็นยามรุ่งสางจึงไม่นึกเร่งรีบมากนัก เขารอจนกระทั่งคู่นอนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย จากนั้นค่อยลุกเดินโซเซผ่านเธอเพื่อเข้าห้องน้ำไป



   กับขาประจำที่มักเจอกันและมาจบลงบนเตียงบ่อยๆ ชายหนุ่มจะไม่ค่อยเสียเวลาพูดอะไรมากนัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าต่างฝ่ายต่างก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งคู่ อย่างดาราสาวสวยที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จนั่นชื่อวิเวียน เธอมักเจอกับณธิปเสมอเวลาที่เขาไปปาร์ตี้ของพิเชษฐ์ ณธิปไม่ได้คบกับเธออย่างจริงจัง เธอเองก็ไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์ที่เป็นเครื่องผูกมัดใดๆ สิ่งที่เธอต้องการมีแค่พื้นที่บนหน้าสื่อสำหรับข่าวซุบซิบเล็กๆ น้อยๆ ถึงความสัมพันธ์ลับๆ กับไฮโซคนดัง รวมถึงตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในบัญชีหลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไป ซึ่งถือเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ณธิปสามารถตอบแทนเธอได้ ซ้ำยังมากกว่าหลายคนที่เธอเคยเจอด้วยซ้ำ บางทีเบื้องหลังวงการบันเทิงก็เป็นเช่นนี้ ดาราหลายคนพร้อมทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง



   เมื่ออาบน้ำไล่ความรู้สึกไม่สบายตัวออกไปจนหมด ณธิปก็กลับออกมาควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เขาคิดว่าตอนนี้อาจมีคนโทรเข้าจนแบตเตอรี่ใกล้หมดแล้วก็ได้ ทว่าเดินหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ



   “วิเวียน”

   “คะคุณเล็ก” หญิงสาวตอบรับขณะปัดแก้มให้ตัวเองอยู่หน้ากระจก

   “คุณเห็นมือถือผมไหม”

   “นี่คุณจำไม่ได้เหรอคะคุณเล็ก” วิเวียนเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ

“ก็จำไม่ได้น่ะสิ ตกลงว่าเห็นไหม” ชายหนุ่มถามเสียงหงุดหงิด เขาอยากโทรบอกพี่ชายว่าอาจไปช้าสักหน่อย

“เห็นสิคะ” เธอว่าพลางกลั้วหัวเราะ

“อยู่ไหน”

“อยู่ในสระว่ายน้ำที่บ้านคุณเชษฐ์ค่ะ” เธอตอบ

“อะไรนะ! สระว่ายน้ำบ้านไอ้เชษฐ์” ชายหนุ่มถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู

“ค่ะ อยู่ในสระว่ายน้ำ ก็เมื่อคืนคุณเล็กเป็นคนโยนทิ้งลงไปเองนี่คะ ตอนที่มีคนโทรตาม แถมยังบอกอีกว่าไม่แต่งแล้ว เมื่อเช้าวิเลยไม่ได้ปลุกคุณ เพราะคิดว่าคุณพูดจริง แต่เอาจริงๆ วิเองก็เพิ่งตื่นเมื่อก่อนหัวค่ำนิดเดียวเองค่ะ หิวจะแย่แล้วเนี่ย แต่ค่ำนี้วิคงไม่ไปทานข้าวกับคุณนะคะ ไม่อยากเป็นข่าวนี้เท่าไหร่ กลัวคุณหนูเกษอะไรนั่นจะให้พ่อนักการเมืองมาเฉ่งวิ” ดาราสาวเล่าอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน ราวกับเคยชินกับพฤติกรรมเหลวแหลกของณธิปมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตอนนี้นิ่งงันจนผิดปรกติ พอหันมามองอีกทีก็เห็นใบหน้าเขียวคล้ำของไฮโซหนุ่มเสียแล้ว


   “เดี๋ยวๆ นี่คุณพูดอะไรน่ะ หมายความว่าไงกัน” ชายหนุ่มถามอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก

   “คุณเล็กจะให้วิเริ่มเล่าใหม่หรือเปล่าคะ”

   “อย่ามาเล่นลิ้นนะ!” พอถูกตะคอกเสียงดังและเห็นว่าณธิปไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะล้อเล่นด้วยได้อีกแล้ว วิเวียนจึงพอจะเดาอะไรได้ลางๆ

   “นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณเล็กไม่ได้ตั้งใจจะไม่ไปงานแต่งอย่างที่ประกาศไว้เมื่อคืน” เธอวางอุปกรณ์แต่งหน้าในมือแล้วหันมามองเขาให้เต็มตา

   “ก็ใช่น่ะสิ”

   “แล้วจะทำไงล่ะคะ นี่จะสามทุ่มแล้วนะ ที่งานคงยกเลิกกันไปหมดแล้วด้วย เพื่อนวิส่งข่าวมาให้ดูกันเต็มไปหมดตั้งแต่บ่ายๆ แล้ว”




เมื่อได้ฟังความที่วิเวียนบอก ณธิปก็ตกอยู่ในภาวะไม่รู้ต้องทำอย่างไรไปชั่วครู่ ก่อนจะเห็นภาพคนในครอบครัวกำลังวุ่นวายและเดือดดาลเพราะเขาไม่ไปที่งานแต่งผุดขึ้นมาในสมอง เขาเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง คิ้วขมวดมุ่นอย่างเครียดขึง พยายามคิดหาข้อแก้ตัวไม่ออกว่าเพราะอะไรจึงไม่ไปร่วมงานแต่งของตนเอง



   “ตายล่ะ” ชายหนุ่มคราง “คุณพ่อต้องโมโหสุดๆ แน่”

   “งั้นรีบแต่งตัวดีไหมคะคุณเล็ก เผื่อจะทัน” วิเวียนพูดในสิ่งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ออกมาเพราะเธอไม่เคยเห็นณธิปร้อนรนขนาดนี้จึงนึกกลัวขึ้นมาด้วย เธอไม่ได้กลัวที่จะเป็นข่าว แต่เนื่องจากเรื่องนี้มีบุคคลที่มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหลายคน และดูท่าว่าณธิปเองก็อาจช่วยอะไรเธอไม่ได้ เธอจึงต้องรีบช่วยหาวิธีก่อนดีดตัวออกห่างปัญหาให้มากที่สุด

   “เมื่อกี้วิเพิ่งบอกไม่ใช่เหรอว่าจะสามทุ่มแล้ว มันจะไปทันได้ยังไงล่ะ แต่รีบแต่งตัวก็ดี ยังไงคืนนี้ก็ต้องกลับไปรับหน้าคุณพ่อคุณแม่อีก” เอ่ยออกมาถึงตรงนี้ณธิปก็นึกถึงอดีตว่าที่เจ้าสาวของตัวเองที่คงโกรธเขาไม่แพ้ใคร ไม่แน่อาจกลายเป็นเกลียดไปแล้วก็ได้ แม้เขาจะไม่ได้รักเธอ แต่จิตสำนึกในทางดีส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่ารู้สึกผิดกับเธออยู่เหมือนกัน

   “วิจะเสร็จแล้ว คุณเล็กนั่นแหละค่ะรีบแต่งตัวเข้า”

   “อืม” เมื่อตอบรับแล้วชายหนุ่มก็เดินไปห้องแต่งตัวที่อยู่ติดกัน



   คอนโดแห่งนี้สร้างขึ้นมาได้สองสามปีแล้ว แต่สภาพห้องยังใหม่เพราะไม่เคยผ่านการใช้งาน ข้าวของภายในห้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทั้งหมด เพราะเพื่อนที่เป็นเจ้าของเดิมซื้อที่นี่ไว้และตกแต่งใหม่เพื่อขายเก็งกำไร ณธิปเพิ่งตกลงซื้อคอนโดแห่งนี้มาได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ และทำเรื่องโอนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เนื่องจากคอนโดที่เขาเคยอยู่แห่งเดิมได้ยกให้หนึ่งนทีไปแล้ว อีกทั้งณธิปก็ไม่สะดวกจะกลับไปอยู่บ้านในช่วงนี้ เพราะอยากหลบเลี่ยงคุณแม่ที่คอยจ้องแต่จะให้พาเกษสุดาไปโน้นมานี่ ถึงแม้ก่อนหน้าที่จะมีเรื่องแต่งงานเข้ามาเขาจะมีคอนโดอยู่แล้วก็ตาม หากตอนนั้นก็ยังกลับไปนอนบ้านตลอด



   ที่สำคัญคือยังไม่มีใครรู้ว่าณธิปใช้เงินส่วนตัวซื้อคอนโดแห่งนี้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ไม่มีใครตามหาตัวเขาเจอ ถ้าเขายังอยู่ที่เดิมล่ะก็ ป่านนี้เขาคงกำลังทำพิธีอยู่ในงานแต่งของตัวเองแล้ว เพราะคนของพ่อและพี่ชายจะรู้เสมอว่าเขาไปพักที่ไหน



   ใช้เวลาไม่นานณธิปก็แต่งตัวเสร็จ เขามองความเรียบร้อยของตัวเองอยู่หน้ากระจกครู่หนึ่ง มองสีหน้าไม่สู้ดีของตนเองซึ่งไม่ค่อยแสดงออกมาบ่อยนักแล้วถอนหายใจ เขาไม่นึกเลยว่าทุกอย่างจะจบลงแบบนี้ แม้จะโล่งใจที่สุดท้ายก็ไม่ต้องแต่งงาน หากก็ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าเขาต้องเจอกับบทลงโทษอะไรบ้าง













   กมลยืนมองเวทีกลางที่คนงานค่อยๆ เก็บของลง มองโต๊ะ เก้าอี้ ไฟประดับและดอกไม้สวยงามที่เจ้าสาวร่วมมือกับทีมงานออกแบบถูกทยอยขนย้ายออกไปโดยที่ยังไม่ทันได้อวดโฉมแล้วรู้สึกปวดหน่วงในใจ นี่เป็นงานแต่งครั้งแรกภายใต้การจัดการของเขาที่ไม่ประสบความสำเร็จราบรื่นเหมือนทุกครา และเหตุผลที่มันล่มไม่เป็นท่าก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่เข้าไปใหญ่



   หลายครั้งที่จัดงานแต่งให้คู่บ่าวสาว ไม่ว่าจะด้วยกรณีใด พระเอก-นางเอกของงานจะรักกัน หรือถูกบังคับให้แต่งงานกัน สุดท้ายมันก็จะจบลงด้วยความชื่นมื่นเสมอ ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาต้องทำงานด้วยความลำบากใจและรู้สึกเห็นใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านี้มาก่อน ยิ่งครั้งนี้กมลถูกดึงเข้าไปเกี่ยวและรับรู้เรื่องราวหลายอย่างด้วยตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจในว่าที่เจ้าสาวที่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้เพียงลำพังก็ยิ่งมีมาก เขาไม่เคยรู้สึกสงสารเจ้าสาวคนไหนมาก่อนเลย แต่ครั้งนี้เขารู้สึกสงสารเกษสุดาจับใจ ทั้งยังสงสารพ่อแม่ของณธิปด้วยที่ลูกชายเหลวไหลและทำให้ต้องเสียใจขนาดนี้ แม้จะรู้ว่าพวกท่านเป็นผู้บังคับ แต่ทั้งหมดคงเต็มไปด้วยความหวังดี ไม่เหมือนกับฝ่ายเจ้าสาวที่ดูท่าว่าจะต้องเสียใจซ้ำซ้อนหลายเรื่อง



   “คุณไอคะ” พนักงานสูงวัยจาก I promise เรียกให้กมลหลุดจากภวังค์ความคิดของตนเอง

   “ว่าไงครับพี่รวี”

   “ทางนี้ไม่น่ามีอะไรแล้วนะคะ พี่ว่าคุณไอกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ” เธอเอ่ยด้วยความปรารถนาดี เนื่องจากเห็นสีหน้าของผู้เป็นนายไม่ดีตั้งแต่เมื่อบ่าย



   รวีเป็นพนักงานที่ทำงานที่ I promise Tower มาตั้งแต่สมัยที่พ่อกับแม่ของกมลยังอยู่ เธอจึงเป็นเหมือนกับมือซ้าย เป็นคนสำคัญมากๆ สำหรับกมลอีกคน



   “ไม่เป็นไรครับ ผมว่าจะอยู่ดูความเรียบร้อยอีกสักหน่อย” เขายิ้มบางก่อนก้มมองนาฬิกาแล้วพบว่าตอนนี้เพิ่งสองทุ่มตรง คิดว่าแม้กลับบ้านตอนนี้เขาก็คงยังนอนไม่หลับ

   “แต่สีหน้าคุณไอดูเหนื่อยๆ นะคะ คุณไอแทบไม่ได้พักตั้งแต่เมื่อวาน แถมยังมีเรื่องวุ่นๆ อีก พวกเราทุกคนเป็นห่วงค่ะ กลัวว่าคุณไอจะไม่สบาย” ไม่ใช่แค่เธอคนเดียว แต่พนักงานทุกคนก็รับรู้ได้ว่าเจ้านายผู้แสนดีของตนเองนั้นต้องรับมือกับอะไร พนักงานตัวเล็กๆ มีกันหลายคน เวลาเหนื่อยก็ยังผลัดกันไปพักได้ แต่ผู้บริหารอย่างคุณไอมีแค่คนเดียว ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะต้องรับบทหนักที่สุด ยิ่งเป็นคนทุ่มเทกับงานมากๆ ด้วยแล้ว ไม่ต้องรอดูผลลัพธ์ก็สามารถมารู้ล่วงหน้าได้เลยด้วยซ้ำ

   “แต่ว่าผม…”

   “นะคะ เชื่อพี่สักครั้ง ทุกคนจะได้สบายใจด้วยค่ะ” เธอว่าด้วยน้ำเสียงเอ็นดูแกมของร้อง สุดท้ายกมลจึงใจอ่อนและยอมกลับไปพักอย่างที่เธอขอ

   “ก็ได้ครับ แต่พวกเราก็กลับกันไม่เกินสามทุ่มนะ ที่เหลือค่อยมาจัดการต่อวันพรุ่งนี้ ส่วนพนักงานของทางโรงแรมที่คุณภัทรให้มาช่วย เขาจะเป็นคนขนย้ายของหนักให้เองครับ เรื่องทำความสะอาดสถานที่ก็ด้วย พรุ่งนี้เก็บของกันเรียบร้อยก็ไปแจ้งเขาทีนะครับ เพราะผมคงไม่ได้เข้ามาที่นี่แล้ว” จบจากงานที่นี่กมลยังมีคิวไปดูแลงานที่สุพรรณบุรีอีกในวันมะรืน ดังนั้นวันพรุ่งนี้เขาจึงต้องประชุมความพร้อมกับอีกทีมที่ออฟฟิศ

   “ได้ค่ะ คุณไอไม่ต้องห่วง พี่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่ให้เสียชื่อบริษัทเราแน่ๆ ค่ะ” เธอยืนยันหนักแน่น

   “ผมรู้ครับ ขอบคุณนะครับพี่รพี” เขายิ้มให้เธออีกครั้ง ก่อนขึ้นไปเก็บกระเป๋าบนห้องที่นอนเมื่อคืน จากนั้นจึงไปที่รถแล้วขับกลับที่พัก





V
V
V
V
V
(อ่านต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2








   ตอนแรกกมลตั้งใจว่าจะขับไปนอนที่บ้าน แต่เมื่อคิดดูอีกที ชายหนุ่มก็ตัดสินใจเลี้ยวไปทางคอนโดส่วนตัวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่ ด้วยเพราะตอนนี้เขารู้สึกแย่จึงไม่อยากเอาความเครียดไปฝากคนที่บ้าน เพราะกมลรู้ว่าน้องสาวของเขาคงจะพลอยคิดมากไปด้วย



   จะว่าไปมันก็เป็นความผิดของเขาเองที่เอาความรู้สึกของตัวเองไปผูกกับงานของลูกค้ามากเกินไป หลายครั้งเคยมีผู้หวังดีเตือนเขาว่าไม่ควรคิดเรื่องพวกนี้ให้มากความ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา หน้าที่ของเราแค่ช่วยเขาจัดงานเท่านั้น แต่กมลก็ทำไม่ค่อยได้สักที



   กมลระลึกอยู่เสมอว่าทำงานนี้เพราะเขารัก เขาชอบมองความรักและความสุขสมหวังของคนอื่น ชอบที่จะเป็นคนช่วยเพิ่มความสุขให้คู่บ่าวสาวที่จะเริ่มใช้ชีวิตด้วยกัน



   แม่ของเขาเคยบอกว่า การแต่งงานคือจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ ดังนั้นแม่กับพ่อจึงเริ่มทำงานนี้เพราะอยากเป็นคนช่วยสร้างความทรงจำแรกเริ่มของชีวิตคู่ให้กับคนอื่นๆ ถ้าเราทำได้ดี ก็เหมือนเป็นการอวยพรที่ดี และกมลเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่แม่บอก ดังนั้นเขาจึงใส่ความรู้สึกของตัวเองไปกับงานอย่างเต็มที่ เมื่อมันจบดีเขาก็รู้สึกดี แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ กมลจึงพลอยรู้สึกแย่มากๆ ไปด้วย



   ขับรถออกมาสักพักชายหนุ่มหน้าสวยก็พบว่าการจราจรบนถนนติดขัดเล็กน้อยเพราะเป็นพื้นที่ใจกลางเมือง ดังนั้นกมลจึงใช้ช่วงเวลานี้โทรไปหาน้องสาวเพื่อบอกกับเธอว่าคืนนี้ไม่กลับบ้าน



   ‘พี่ไอโอเคไหมคะ’ เมื่อได้ยินเสียงเขา น้องสาวผู้น่ารักก็ส่งเสียงถามด้วยความเป็นห่วงทันที

   “โอเคสิ ทำไมจะไม่โอเคล่ะ” แม้จะบอกอย่างนั้น แต่ชายหนุ่มก็ปั้นน้ำเสียงสดใสไม่ได้อีกแล้ว

   ‘อย่าคิดมากเรื่องงานวันนี้นะคะ พี่ไอทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดแล้ว แม้ว่างานมันจะไม่เกิดขึ้น แต่ทางคุณเกษต้องรับรู้ถึงความตั้งใจของเรานะคะ’

“พี่รู้ ก็เพราะเธอขอบคุณพี่เสมอเลยนี่นา” เธอขอบคุณและขอโทษเขาบ่อยครั้ง จนบางทีกมลยังคิดว่ามันมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ

‘ถ้างั้นพี่ไอก็อย่าคิดมากนะ เรื่องที่เกิดเราควบคุมไม่ได้สักหน่อย อ้ายเป็นห่วงพี่ไอนะคะ’

“นอนพักเต็มอิ่มคืนนึง วันพรุ่งนี้พี่ก็ตื่นมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม อ้ายไม่ต้องห่วง เราเองก็ปิดบ้านดีๆ ฝากฝันดีเจ้าตัวเล็กสองคนแทนพี่ด้วย”

‘ไม่ต้องฝากหรอกค่ะ พี่ไอพูดเองเลยดีกว่า นี่นั่งตาแป๋วรอคุยกับคุณลุงตั้งแต่เมื่อกี้แล้วค่ะ’ พูดจบปลายสายก็เปิดลำโพงให้เจ้าสองแสบได้คุยด้วย

“ไหนมีใครคิดถึงลุงไอบ้างไหมนะ” กมลกรอกเสียงไปตามสาย เพียงครู่เดียวเท่านั้นหลานฝาแฝดก็รีบแย่งกันตอบจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์

‘หยางคิดถึง~~~’ หลานคนเล็กของกมลรีบส่งเสียงตอบทันที ก่อนตามด้วยเจ้าคนโตที่มักยอมให้น้องออกตัวก่อนเสมอ

‘หยินด้วยครับ คิดถึงลุงไอมากๆ เลย’

“ฮ้า~~ ชื่นใจจังเลย” คำว่าคิดถึงของสองแสบทำให้กมลรู้สึกดีขึ้นมามากทีเดียว

‘ลุงไอคิดถึงหยางกับพี่หยินไหม’ หยางรีบอ้อนตามสไตล์

“คิดถึงสิครับ”

‘แล้วเมื่อไหร่ลุงไอจะกลับครับ’ เจ้าหยินจึงถามบ้าง เพราะไม่ได้เจอคุณลุงแค่วันสองวันก็รู้สึกคิดถึงแล้ว เนื่องจากทุกวันจะเจอกันตลอด

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุงก็กลับแล้ว ไปรับที่โรงเรียนด้วยดีไหม”

‘ดีครับๆ พาไปกินไอศกรีมด้วยนะครับ’ เป็นแฝดน้องคนเดิมที่รีบยื่นขึ้นเสนอจนคนเป็นลุงนึกขำ

“ได้สิครับ แต่คืนนี้ต้องรีบนอนนะครับ ลุงจะให้แม่อ้ายดูเด็กๆ ถ้าใครดื้อแล้วแม่อ้ายมาฟ้อง ลุงจะไม่พาไปกินไอศกรีมนะ”

‘หยางไม่ดื้อ พี่หยินก็ไม่ดื้อด้วย จริงไหมพี่หยิน’

‘ใช่ๆ พวกเราจะไม่ดื้อครับ’ เมื่อเห็นว่าจะได้ทานของอร่อย ไม่ว่าอะไรหยินก็เห็นด้วยกับหยางทั้งนั้น

“ดีมาก งั้นเดี๋ยวลุงขับรถก่อน พวกหนูเตรียมเข้านอนกันได้แล้วนะครับ” กมลสังเกตว่ารถเริ่มเคลื่อนตัวแล้ว ดังนั้นจึงบอกวางสายก่อน

‘คร้าบ/ครับ’







ไม่นานหลังจากนั้นกมลก็มาถึงคอนโดของตัวเอง เขาจอดรถเอาไว้ในที่ประจำก่อนหิ้วกระเป๋าลงมาเจอฝนหลงฤดู ฝนหนักเม็ดขึ้นตอนที่เขาวิ่งมาถึงทางเข้าพอดี



กมลเดินผ่านส่วนรักษาความปลอดภัยเข้ามาด้านใน ก่อนกดลิฟต์แล้วยืนรอ เขาเพิ่งรู้สึกเหนื่อยจริงๆ ก็ตอนที่เห็นใบหน้าอันอ่อนล้าของตัวเองตรงเงาสะท้อนของประตูลิฟต์ เขาจึงคิดว่าถ้าถึงห้องแล้วจะกระโดดขึ้นเตียงเลยหรือว่าแช่น้ำในอ่างก่อนกันดีนะ



ทว่าขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับตัวเองอยู่นั้น เสียงสัญญาณว่าลิฟต์ลงมาถึงแล้วก็ดังขึ้น พร้อมกับประตูที่ค่อยๆ แยกออกจากกัน และเมื่อกมลเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็พบกับคนบางคนที่ใครๆ ต่างก็ตามหากันมาทั้งวัน



“คุณณธิป”

“คุณไอ” ณธิปเองก็มีสีหน้าตื่นเล็กน้อยตอนเห็นว่าใครรออยู่ตรงหน้า ก่อนเขาจะเดินออกมาด้านนอกพร้อมกับสาวสวยคนหนึ่ง “ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่”

“ผมก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่เหมือนกัน” กมลเอ่ยขึ้นเมื่อณธิปออกมายืนประจันหน้าใกล้ๆ

“ก็แหงสิ เพราะตลอดทั้งวันมานี้ผมเพิ่งเจอคุณคนแรก นี่บอกหน่อยว่าคุณทำได้ยังไง หาตัวผมเจอได้ยังไงกัน” คนรูปหล่อถามด้วยความรู้สึกประหลาดใจจริงๆ แต่กมลกลับมองว่ามันดูกวนประสาทเสียเหลือเกิน

“ผมไม่ได้มาหาคุณ มันแค่บังเอิญ” กมลตอบตามจริง

“งั้นแปลว่าคุณอยู่ที่คอนโดนี้เหรอ” กมลไม่ยอมตอบแต่ก็ไม่ปฏิเสธ ณธิปจึงสรุปเอาเองว่าใช่ “งั้นต่อไปเราก็เป็นเพื่อนบ้านกันแล้วสิ”

“…”

“ว่าแต่คุณเพิ่งมาจากงานแต่งหรือเปล่า ที่นั่นเป็นไงบ้าง คุณพ่อกับคุณแม่ของผมยังอยู่ที่งานไหม” ณธิปถามขึ้น เพราะคิดว่าถ้าท่านไม่อยู่ที่นั่นแล้วจะได้ขับรถกลับบ้านทีเดียว

“ท่านกลับบ้านไปแล้วครับ” กมลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง บรรยากาศรอบกายดูคล้ายจะเยียบเย็นขึ้น

“อืม ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน” แต่ขณะที่ณธิปกำลังจะเดินจากไป หนุ่มหน้าสวยกลับพลั้งปากถามบางอย่างขึ้นมา ทั้งที่รู้ว่าไม่ควร แต่คำพูดกลับไวกว่าความคิด และคำถามนั้นก็ทำให้ณธิปต้องหันกลับมามองกมลอย่างพิจารณาใหม่อีกรอบ

“คุณไม่คิดจะถามถึงคุณเกษบ้างเหรอ”

“ทำไมผมต้องถามถึงด้วยล่ะ ป่านนี้เธอเองคงกลับบ้านไปแล้วเหมือนกัน ก็ที่งานไม่มีเจ้าบ่าวให้เธอนี่นา” แม้คำพูดที่ณธิปเอ่ยออกมาจะเป็นความจริง แต่มันกลับทำให้กมลรู้สึกถึงความโกรธกรุ่นที่ปะทุอยู่ในใจ

“คุณมีหัวใจบ้างหรือเปล่า ทำไมพูดแบบนั้นออกมาได้หน้าตาเฉย”

“ก็ผมพูดเรื่องจริง ที่นั่นไม่มีเจ้าบ่าวให้เกษสุดา แต่คุณไม่ต้องโกรธแทนเธอหรอกนะ เพราะอีกไม่นานพ่อของเธอคงแก้หน้าด้วยการหาเจ้าบ่าวคนใหม่ให้เองนั่นแหละ”

คุณนี่มัน!...



สิ้นคำนั้นหมัดขวาของหนุ่มหน้าสวยก็พุ่งเข้าปะทะปลายคางของหนุ่มหล่อไฮโซอย่างจัง จนร่างของเขาเซไปตามแรง โชคยังดีที่วิเวียนคล้องแขนของเขาไว้ตั้งแต่แรก เธอจึงช่วยพยุงไม่ให้ณธิปล้มลงไปกองกับพื้น



“กรี๊ด!!!”

“ไอ! คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายผม…” ณธิปหันกลับมาด้วยใบหน้าบอบช้ำ ภายในช่องปากรู้สึกได้ถึงรสชาติเค็มปร่าของเลือด

“คนอย่างคุณเองก็ไม่มีสิทธิ์พูดถึงคุณเกษหรือคุณพ่อของเธอแบบนั้นเหมือนกัน จำเอาไว้ว่าอย่าได้ไปทำพฤติกรรมไร้ความรับผิดชอบอย่างนี้กับใครอีก”



แม้ว่าณธิปจะรู้สึกโมโห แต่ก็อึ้งกับการกระทำของคนตรงหน้าเหมือนกัน เขาไม่เคยคิดว่าคนที่ดูท่าทางยิ้มๆ ใจดี ไร้พิษภัยอย่างกมลจะกล้าลงมือกับคนอื่นเช่นนี้ ทั้งที่เรื่องทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเองสักนิด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกมลต้องมาแค้นเคืองแทนคนอื่นด้วย



“แกทำอะไรลงไป รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร” วิเวียนถลึงตาใส่หนุ่มหน้าสวย ก่อนหันมาช่วยซับเลือดให้ณธิป “วิจะเรียกรปภ.ให้นะคะคุณเล็ก”

“ไม่ต้อง” ตอนณธิปปฏิเสธเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้รักษาความปลอดภัยของคอนโดเข้ามาพอดี

“เกิดเรื่องอะไรกันขึ้นครับคุณ” ผู้รักษาความปลอดภัยถาม

“ไม่มีอะไร เราแค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” ณธิปบอก ก่อนเงยหน้าขึ้นถามความเห็นกมล “จริงไหมคุณไอ”

“…” และกมลก็ได้แต่มองกลับไปด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นจึงกดลิฟต์ก่อนเข้าไปข้างในทันที ทิ้งให้คนที่เพิ่งมางงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

“ตกลงว่าไม่มีอะไรนะครับ” ผู้รักษาความปลอดภัยถามณธิปอีกครั้ง

“ไม่ครับ” ชายหนุ่มยังยืนยันคำเดิม คนในเครื่องแบบจึงกลับไปนั่งประจำที่ของตนเหมือนเก่า

“แต่คุณเล็กคะ วิว่า…”

“ผมบอกว่าไม่มีอะไรไงวิ” แม้จะถูกวิเวียนแย้ง แต่ยังณธิปก็ไม่ยอมเอาเรื่องตามที่เธอเห็นควร ทั้งที่ถ้าเป็นปรกติ ป่านนี้เขาคงจัดการสวนกลับไปเองแล้วด้วยซ้ำ หากตอนนี้เขากลับทำได้เพียงยืนจ้องตัวเลขที่หยุดบนแผงควบคุมของลิฟต์ ก่อนจะเดินนำวิเวียนออกไปที่รถเท่านั้น







   
   กมลปิดประตูห้องแล้วยืนเงียบท่ามกลางความมืดอยู่หลายนาที แม้ภายในใจของเขาจะเริ่มสงบลง แต่มือข้างที่ต่อยหน้าคนคนนั้นยังคงสั่นไม่หาย



กมลไม่เคยหลุดจากการควบคุมตัวเองอย่างนี้มานานมากแล้ว เพราะเท่าที่จำได้ ครั้งสุดท้ายที่เขาทำร้ายคนอื่นก็เป็นตอนจับได้ว่าสามีของน้องสาวแอบมีบ้านเล็ก วันนั้นเขาก็ต่อยผู้ชายคนนั้นแบบนี้ เพราะนั่นก็พอจะสมเหตุสมผลกับความเดือดดาล แต่วันนี้ที่เขาลงมือกับณธิปซึ่งเป็นคนอื่น เขาใช้อารมณ์ของตัวเองตัดสินมากเกินไป



แม้ใจหนึ่งจะรู้สึกว่าสาสมกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำแล้ว แต่อีกใจก็รู้ว่าตัวเองไม่ควรทำการอุกอาจเช่นนั้น เมื่อไตร่ตรองแล้วก็พบว่าคราวนี้เขาผิดเต็มประตู หากแต่ถ้าจะให้ขอโทษเขาก็คงไม่อยากทำเช่นกัน เพราะคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติกมลไม่อยากพบหน้าคนอย่างนายณธิปอีกแล้ว






++++++++++++++++++++++++++++++++++++





สวัสดีค่าาาาา
มาต่อตอนใหม่แล้วน้า  :katai4:

ตอนนี้มีความรุนแรงแฝงอยู่ 555555 /หัวเราะด้วยความสะใจ
คือนั่งคิดนอนคิดหลายตลบมากว่าควรเป็นแบบนี้ไหม
คือทั้งที่เราคิดฉากนี้เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่พอถึงจุดนึงเริ่มหันกลับมามอง
คุณไอควรอารมณ์รุนแรงแบบนี้ดีไหมนะ :really2:
แต่สุดท้ายพอลงมือเขียนจริงๆ อารมณ์กับบทพูดของคุณเล็กที่ใส่ไปก็ดึงให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจนได้
อ่านแล้วเราก็พอใจนะคะ หวังว่าคนอ่านจะชอบเหมือนกัน
ดีใจที่เริ่มมีคนอ่านแวะเวียนกันเข้ามามากขึ้น  :mew1:

ส่วนท้ายนี้เป็นบทพูดที่คิด แต่ใส่จริงไม่ได้

คุณไอ : "ผมจะต่อยคุณให้ปากระบม จนคุณคุณไม่สามารถเอาปากไปให้ใครต่อยได้อีก"
คุณเล็ก : ...........

(เอ่อ... คุณไอของบ่าวต้องใจเย็นๆนะคะ ) :hao7: :hao7:



แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ



ละอองฝน.

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ตกใจที่คุณไอใช้กำลังเหมือนกัน  แต่คุณเล็กก็พูดไม่เข้าหูคนอ่านเหมือนกัน สมควรๆ

แต่ก็สงสัยนะว่าทำไมคุณเล็กเหมือนไม่แคร์ใครอย่างนี้ พี่ชายก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย

รอตอนต่อไปค่ะ อยากรู้ว่าอ่านๆไปจะชอบคุณเล็กขึ้นมาได้ไหม เพราะในโปรดจงรักนี่คือไม่ชอบคุณเล็กแต่ก็ไม่ได้เกลียดอะไรนะคะ

เพราะคุณเล็กในตอนนั้นก็แฟร์ๆดี เว้นแต่ไปซ้อมพี่เมฆนี่แหละที่เคือง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด