☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๙.๐๖.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๒๐
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☪... ด้วยรัก และโหงพราย ...☪ { ๐๙.๐๖.๒๕๖๐ } ตอนที่ ๒๐  (อ่าน 14835 ครั้ง)

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เรื่องจริงที่มีเหตุและผล ขอยอมรับไม่ได้อ่านทุกบรรทัด เรื่องติเรื่องชมนั้นเท่าๆ กัน  อ่านอย่างเดียว เขียนไม่เป็น จะติจะชมก็บอกไม่ได้ จะบอกว่าดีก็เกินจริง จะบอกว่าไม่ดี ก็เสียกำลังใจ เรื่องราวแหวกแนว เคยอ่านแนวนี้แบบวาย วัยมัธยม นายเอกเห็นวิญญาณ แต่คนเขียนหยุดเล่าเรื่องราว ซะแล้ว เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ Undee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๖
ห้วงนิทราหลับใหลกลืนกินกาล  แสนเนิ่นนานผ่านห้วงมหรรณพ
วิญญาณเจ้าใช้กรรมให้มันจบ   ตื่นพานพบความสุขนิจนิรันดร์

“วิจิตรมาวรรณ เจ้าจะทำเรื่องแบบนี้ไปถึงเมื่อไร เจ้าก็รู้ว่ามันเกินกำลังของเจ้า”
“ท่านท้าวกุเวร ขอให้ข้าได้ช่วยเด็กคนนี้เถิดเจ้าคะ”
“ทำไมเจ้าถึงต้องฝืนกฎแห่งฟ้า นำผู้คนที่ควรจะถึงแก่ความตาย ให้รอดพ้นจากกรรมของตน”
“หม่อมฉันเพียงต้องการช่วยเหลือเด็กคนนี้”
“แม้เด็กคนนี้จะต้องรับเวรกรรมทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียวงั้นหรือ”
“นั้นถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เขายอมรับ หากเขาไม่มีความกล้าที่จะทำข้อแลกเปลี่ยนข้าก็คงมิอาจฝืน แต่ด้วยใจของเด็กคนนี้ช่างกล้าหาญนัก ข้าจึงเลือกใช้พลังที่มีเพื่อช่วยเขา”
“เจ้าก็รู้การฝืนความเป็นความตายมันจะมีผลอย่างไร เด็กคนนี้ไม่มีตัวตัวแม้ในโลกของวิญญาณด้วยซ้ำ”
“ข้าจะนำเขากลับสู่โลกมนุษย์เมื่อเขาได้ชดใช้ทุกสิ่งจนหมดสิ้น”
“ข้าไม่ห้ามเจ้าหรอกนะ แต่เจ้าควรจะรู้ว่าการที่เด็กคนนี้ต้องกลับไปยังที่แต่เขาจากมา แต่กลับไม่มีมนุษย์ผู้ใดรอคอย หรือแม้แต่จดจำเขาได้เขาจะต้องเจ็บปวดถึงเพียงไหน และตัวเจ้าเองผู้ฝืนลิขิตเจ้าก็จะต้องใช้กรรมของเจ้าเช่นกัน ไม่ว่าจะมนุษย์ ยักษา เทวา ล้วนมีกรรมกันทั้งสิ้น ข้าเวทนาเจ้านัก วิจิตรมาวรรณ”

ท่านเท้ากุเวรผู้เป็นใหญ่ในโลกบาล จ้าวผู้ควบคุมความเป็นความตาย และการชดใช้กรรมของดวงวิญญาณทั้งปวง ได้เสด็จมายังดินแดนแห่ง นางวิจิตรมาวรรณ ยักษีผู้ทำหน้าที่ดูแลขวัญของเหล่าทารกที่กำเนิดในวันอาทิตย์ทุกผู้ทุกคน ท่านมิได้มาเพื่อพรากเอาดวงวิญญาณของเด็กน้อยที่วิจิตรมาวรรณได้ฝืนอามาจากความตาย ท่านเพียงมาเพื่อเตือนถึงกรรมที่จะส่งผลนับต่อแต่นี้ แม้ตัววิจิตรมาวรรณนั้นจะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ยังเลือกที่จะทำตามความตั้งใจแรกของนางที่จะช่วยเหลือเด็กหนุ่มผู้นี้ ด้วยใจที่นางรักและเอ็นดูเด็กผู้นี้มาแต่แรกกำเนิด

โอมศรีสิทธิเตโช นโมนมัสการ ข้าขออ่านโองการอัญเชิญเทพยดาผู้เจริญทั้งหลาย ครบสิบสององค์ทรงมเหศวร ขอยอกรประนมบังคมเหนือศิโรเพศ ขออัญเชิญประเวศมาสถิต ประดิษฐานเหนือเศียร สรรพธูปเทียนชวาลาปวารณาตามถวาย ข้าวตอกปลายปุบผาช่อคันธาอรชร ขอจงประสาทพรประสิทธิ์ ด้วยมนต์ฤทธิไสยเวท จงประสิทธิเพทแก่ข้าจะอาราธนารูปต่างตนแม่ซื้อเมืองบนเมืองล่าง แม่ซื้อแรงประจำวัน สมมตินามนั้นสืบกันมา คือแม่ซื้อกุมาราวันอาทิตย์ชื่อวิจิตรมาวรรณ…………………
บทบวงสรวงแม่ซื้อ
“ชื่อวิจิตรมาวรรณหรือ ข้าฝากดูแลลูกข้าด้วยนะ”
“มองเห็นข้าด้วยหรือเจ้ามนุษย์นี่”
“ข้าชื่อสุชาติ ลูกข้านั้นไม่มีแม่ ข้าบวงสรวงขอแม่ซื้อมาดูแลมัน ข้ามิใช่ผู้แก่กล้าอาคมขอเพียงวิงวอนท่านให้ดูแลลูกข้าหากข้าดูแลมันคนเดียวมันคงตายแน่”
“เจ้าจะให้ลูกเจ้าเป็นลูกผีลูกสางอย่างข้างั้นหรือ”
“ให้มันเป็นลูกผีลูกสางเสียยังจะดีกว่าต้องมาตายตั่งแต่ยังเล็ก”
“เจ้ากับเมียที่ตายไปที่ช่างเหมือนกันนัก ขออะไรไม่รู้จักคิดขอผีขอสาง ให้มาเลี้ยงลูกคน เด็กมันจะไม่เหมือนคนอื่นเขา”
“โปรดอย่าเรียกตนเองว่าผีสางเลย แม้ท่านจะเป็นยักษีอยู่ในโลกบาลแต่ก็เป็นผู้คุ้มครองวิญญาณให้เด็กได้มาเกิด นับเป็นเทพที่ดีมิใช่หรือ”
“ยกยอปอปั้นข้าเสียจริงเจ้ามนุษย์ ถูกใจข้านัก เด็กนี่ก็ใช่เด็กธรรมดาพ่อแม่มันคงมีบุญนักเด็กมันถึงมีพลังมากขนาดนี้ ข้าจะดูแลมันเอง”
“ขอบพระคุณ  ท่านเทพ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้ามนุษย์ผู้นี้ข้ามิใช่คนบ้ายอดอกนะ”
“ครับ ครับ ท่านเทพ”
“ข้อแลกเปลี่ยนในการให้ข้ามาดูแลเด็กผู้นี้ เจ้าจะต้องให้คำสัตย์กับข้า  เจ้าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่ข้าเป็นผู้คุ้มครองดวงวิญญาณดวงนี้ให้มาเกิดแก่ผู้ใด และเด็กคนนี้จะไม่ถือว่าเป็นลูกของเจ้าอีกต่อไป เขาจะมีสถานะเป็นผู้ที่ให้กำเนิดโดยข้า และได้รับพรศักสิทธิ์จากข้าที่จะเป็นผู้คุ้มครองเขาตลอดไป”
“ขอรับ ท่านเทพ”

นับแต่นั้นวิจิตรมาวรรณก็มักจะมายังโลกมนุษย์เพื่อเฝ้าดูเด็กน้อยค่อยเติบโต แต่แม้ว่าเด็กน้อยมีพลังในการมองเห็นวิญญาณ แต่กลับสัมผัสถึงตัวตนของนางไม่ได้ นางจึงมักจะเข้าสิงร่างของผู้เป็นพ่อ และคอยเลี้ยงดูเด็กน้อยจนเติบใหญ่ นางรู้ถึงชะตากรรมของเด็กน้อยผู้นี้มาเนินนาน แต่ก็มิอยากจะฝืนชะตาซึ่งฟ้าเป็นผู้ลิขิต แต่สุดท้ายด้วยรักที่นางมีแก่เด็กน้อยนางจึงยอมสละแม้พลังของตน

“บุตรแห่งข้าเจ้าจงลุกขึ้นเถิด ตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราอันยาวนาน บัดนี้กรรมของเจ้าได้เบาบางลงแล้ว เจ้าจะกลับไปยังมนุษย์ภูมิเพื่อใช้ชีวิตไปตามที่กรรมได้ลิขิต เจ้าจงจำไว้ข้างจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ”

นี่เป็นถ้อยคำที่ผมมักจะได้ยินยามที่หลับฝัน ทุกครั้งถ้อยคำเหล่านี้จะดังกึกก้องอยู่ในหัวแต่ผมกลับจำไม่ได้ว่าเป็นเสียงของใคร ผมรู้เพียงว่าผมได้หายตัวไปหลังจากเกิดเหตุการณ์แล้วร้ายในวันนั้น หายไปที่ไหนสักแห่งที่ห่างไกล จนวันหนึ่งผมได้ยินเสียงแบบที่ผมมักจะฝันทุกคืน จนสะดุ้งตื่น และพบว่าตัวเองนั้นนอนสลบอยู่ในตึกช่างที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายนั้นขึ้น  ผมค่อยลุกออกมาด้านนอกพบว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากความทรงจำของผม ภายในโรงเรียนดูพลุกพล่านกว่าที่มันเคยเป็น ผมค่อยก้าวเดินที่ละก้าวด้วยตอนนี้แทบจะไม่มีแรงจะประคับประคองตัวเอง แม้ทางที่ผมเดินอยู่ตอนนี้จะไม่ไกลนักแต่ผมกลับเหนื่อยล้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวผมเป็นอะไรกันนะทำไมถึงได้ไม่มีแรงขนาดนี้

“ขอน้ำหน่อย ใครก็ได้ขอน้ำกินหน่อย”

ผมตะโกนจนสุดเสียงขอความช่วยเหลือจากกลุ่มนักเรียนหญิงที่เดินผ่านา แต่เสียงที่ออกมากลับแหบแห้ง และเบาเหมือนกับเสียงกระซิบ ก่อนที่ผมจะฮึดเอาแรงก้อนสุดท้ายเปร่งออกไปสุดเสียง

“ช่วยด้วย”

กลุ่มนักเรียนหญิงหันมามองผมด้วยท่าทีตกใจ ตอนที่ร่างผมจะค่อยๆล้มลง เสียงฝีเท้าของกลุ่มเด็กผู้หญิงพวกนั้นที่วิ่งตรงเข้ามาที่ร่างผม ก่อนจะส่งเสียงจอแจให้ใครสักคนไปตามครูที่ห้องพยาบาล สติของผมตอนนี้เหลือน้อยเต็มทีก่อนที่มันจะดับลงไป

“บุตรแห่งข้าเจ้าจงลุกขึ้นเถิด ตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราอันยาวนาน บัดนี้กรรมของเจ้าได้เบาบางลงแล้ว เจ้าจะกลับไปยังมนุษย์ภูมิเพื่อใช้ชีวิตไปตามที่กรรมได้ลิขิต เจ้าจงจำไว้ข้างจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ”

“ใคร เสียงใครนะ เสียงใคร”
“นักเรียน นักเรียนคะ ตื่นคะ ตื่น นี่ครูนะ ตื่นคะนักเรียน”

ผมได้สติฟื้นขึ้นมาและพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

“รู้สึกยังไงบ้าง เธอรู้สึกปวดหัว หรือเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า ครูให้น้ำเกลือเธอไปแล้วนะ รู้สึกมีแรงขึ้นบ้างไหม”
“น้ำ ขอน้ำหน่อยครับ”
“ได้จ๊ะ เดี๋ยวครูไปหยิบให้นะ”

ผมฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงที่ห้องพยาบาล ฟื้นขึ้นมาก็มีครูห้องพยาบาลเข้ามาคุยเรื่องอาการของผม ผมจำครูพยาบาลคนนี้ได้ถึงเธอจะดูมีอายุขึ้นก็ตามแต่ผมก็จำหน้าตาเธอได้อย่างแม่นยำ แต่เหมือนตัวตนของผมนั้นจะไม่ได้มีในเศษเสี้ยวความทรงจำของเธอ ผมพยายามจะลุกขึ้นเพื่อจะมองดูบริเวณรอบรอบ แต่ด้วยเรียวแรงในตอนนี้ผมทำได้เพียงหันหน้าไปมาเท่านั้น ถึงจะเป็นห้องพยาบาลที่มีครูคนเดิมดูแลอยู่แต่ตัวสถานที่กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ดูสะอาด แถมยังเหมือนจะมีอุปกรณ์อะไรเยอะแยะกว่าแต่ก่อน

“นี่จ๊ะน้ำ ค่อยๆลุกนะจ๊ะ”

ครูพยาบาลเข้ามาปรับเตียงด้านหัวผมให้สูงขึ้นพอที่จะทำให้ผมพยุงตัวเองขึ้นมานั่งได้ และส่งแก้วน้ำที่มีหลอดอันเล็กมาให้ผมดื่ม

“ค่อยๆดูดนะเดี๋ยวจะสำลักน้ำ”
“ครับ”
“รู้สึกดีขึ้นหรือยัง”
“ครับ รู้สึกมีแรงขึ้นแล้วครับ”
“แล้วเธอเป็นใครจ๊ะถึงได้มาสลบอยู่ในโรงเรียน จะว่าเป็นเด็กโรงเรียนอื่นก็ไม่น่าใช่เพราะเหมือนเธอจะใส่เครื่องแบบโรงเรียนนี้ ถึงจะเป็นแบบเก่าก็เถอะ”
“แบบเก่าหรอครับ”
“ใช่จ๊ะ ก็เมื่อ๕ปีที่แล้ว อยู่ดีผอ.ก็สั่งเปลี่ยนแปลงโรงเรียนครั้งใหญ่ ทำอาคารใหม่ ปรับปรุงสื่อการสอนทุกอย่าง เปลี่ยนแม้กระทั่งเครื่องแบบนักเรียน”
“ห้าปีที่แล้วหรอครับ งั้นปีนี้ปีอะไรหรอครับ”

คำตอบที่ผมได้ยิน ทำเอาผมสมองตื้อไปหมด ทำไมเวลาตั่งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นถึงได้ผ่านไปนานขนาดนี้  แล้วตัวผมหายไปอยู่ที่ไหนต้อง๕ปี แล้วทำไม่ตัวผมถึงได้กลับมาในตอนนี้

“ครูครับ ช่วยพาผมไปส่งที่บ้านได้ไหมครับ”
“บ้านเธอหรอได้สิ อยู่แถวไหนหรอจ๊ะ”
“ไม่ไกลหรอกครับ”
“งั้นเธอพักก่อนนะ รอน้ำเกลือหมดก่อนครูจะไปส่ง”

ผมหลับและตื่นขึ้นอีกที่ในช่วงเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว ครูพยาบาลเข้ามาถอดสายน้ำเกลือออก และพาผมไปที่รถยนต์ของเธอ รถยนต์คันเล็กแล่นออกจากประตูโรงเรียนผ่านเส้นทางที่ผมเดินกลับพร้อมไอ้กรแทบทุกวัน ผ่านร้านที่ไอ้กรมักโดนผมอ้อนให้เลี้ยงขนม ผ่านซอยเข้าบ้านไอ้กร ยิ่งทางที่รถกำลังแล่นอยู่เข้าใกล้บ้านเท่าไร ความทรงจำมันก็ค่อยๆย้อนกลับมา แม้จะรู้สึกเศร้าแต่ตัวผมก็คงทำอะไรไม่ได้

“บ้านเธอมาทางนี้แน่นะ”
“ครับ ตรงไปอีก๒ซอย เลี้ยวซ้ายเข้าไปสุดซอยก็ถึงแล้วครับ”
“บ้านเธออยู่แถวนั้นจริงๆหรอ แต่แถวนั้นมันเป็นบ้านที่เคยเป็นสำนักทรงที่ไม่มีคนอยู่แล้วนิ”
“ครับ ผมเคยอยู่ที่นั่น และกำลังจะกลับไปอยู่ที่นั่นอีกครั้ง”

ผมนั่งมองข้างทาง และนึกย้อนถึงเรื่องเก่าก่อนหน้านี้ ผมจำเรื่องราวทุกอย่างทั้งหมดได้ ผมจำเรื่องราวของพ่อ  ไอ้กร ครอบครัวมัน จำไอ้สัน ขวัญ ครูเพ็ญศรี และไอ้เก้า ผมจำเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่ผมจำไม่ได้ คือใครที่มาช่วยผมไว้ในวันนั้น และก่อนหน้านั้นเหมือนผมจะเคยได้รู้จักกับเขามาก่อน แต่สิ่งที่ผมจำได้แม่นยำ คือ คำสัญญาที่ผมทำไว้กับเขาเพื่อแลกกับการช่วยเหลือทุกคน

“ถึงแล้วจ๊ะ ให้ครูลงไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เธอโอเคนะ หน้าตาเธอดูไม่ค่อยดีเลย”
“ไม่เป็นไรจริงครับ ขอบคุณครูมากนะครับที่มาส่ง”

ผมลงมาจากรถยืนรอจนครูพยาบาลขับรถออกไป ผมยืนมองบ้านตัวเองอยู่สักพักก่อนจะเดินไปที่ประตูคุณยายที่อยู่ละแวกนี้ก็เดินเข้ามาทักเสียก่อน

“มาหาใครหรอ บ้านนั้นไม่มีใครอยู่หรอกนะ”
“ผมจะมาอยู่ที่นี่นะครับ”
“พ่อหนุ่มจะอยู่ที่นี่จริงๆหรอ ไม่กลัวหรือไงเขาว่าที่นี่เป็นสำนักทรงเก่าเขาว่าเฮี้ยนนะ ถึงยายจะจำไม่ได้ก็เถอะว่าใครเคยอยู่ที่นี่”
“ผมอยู่ได้ครับ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
“จ๊ะ มีอะไรก็ขอความช่วยเหลือคนแถวนี้ได้นะ”
“ครับ”

ผมก้าวเขามาในตัวบ้าน ทุกอย่างยังดูเหมือนเดิมข้าวของทุกอย่างดูสะอาดเอี่ยมเหมือนมีคนมาทำความสะอาดไว้ ข้าวของทุกอย่างที่ผมจำเป็นต้องใช้ถูกเตรียมพร้อมอยู่อย่างเสร็จสรรพ แต่ของที่เป็นของพ่อกลับไม่เหลืออยู่สักอย่าง รูปถ่ายของผมกับพ่อที่เคยมีอยู่ในบ้านกลับไม่เหลือเลย ทุกอย่างที่เป็นความทรงจำของผม กับความจริงที่อยู่ตรงหน้ามันขัดแย้งกันไปหมด ผมค่อยเดินสำรวจไปในทุกห้อง ความทรงจำทุกอย่างมันจุกแน่นไปหมด ผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่พ่อมักจะนั่งอยู่เสมอ ก่อนที่น้ำตาของผมจะค่อยไหลออกมาอย่างควบคมไม่ได้ ในสมองมันว่างเปล่าไปหมด มีแต่คำถามที่ไม่รู้จะไปถามใคร

“ผมจะทำยังไงดีครับพ่อ”

........
:hao4:
หายไปนานเหมือนเลิกเขียน แต่ยังไม่เลิกนะ แต่ก็จะหายนานแบบนี้เรื่อยๆ เพราะติดเรียน เนื้อเรื่องอาจจะดูโดดไหมไม่แน่ใจในรายละเอียด เพราะไม่ได้เขียนนานแล้ว ตอนนี้จะกลับมาเขียนเพราะเคลียงานได้จนเริ่มว่างบ้างแล้ว ขอให้อ่านให้สนุกนะ ติ ชม ด่ า สาปแช่งคนเขียนได้เลยครับ ที่หายไปนาน แต่คนเขียนก็ยังคงเหมือนเดิมครับ คือแต่ละตอนสั้นเหลือเกิน ๕๕๕

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 ดีใจที่ได้อ่านต่อ เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะคับ  สละเวลามาอัพบ่อยๆนะคับ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบบบบ

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Undee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ด้วยรัก และโหงพลาย
ตอนที่ ๑๗
ร่างกายมักตอบสนองต่อความคิด และภาวะจิตใจของมัน ร่างกายของผมก็เช่นกันที่มันตอบสนองต่อความคิด และจิตใจอันว่างเปล่าได้อย่างดีเยี่ยม ผมนอนซมอยู่บนเตียงอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน ร่างกายมันไร้เรี่ยวแรงไปหมด มีแต่เพียงสมองเท่านั้นที่ทำหน้าที่ มันเอาแต่คิดทบทวน วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ขุดเรื่องเก่ามากรีดแทงหัวใจของตัวมันเอง เรื่องที่เด่นชัด และตอกย้ำผมในตอนนี้คือเรื่องราวในวัยเด็ก เป็นเวลาหลังจากกลับจากโรงเรียนผมมักจะงีบหลับอยู่บนโซฟา และมักจะตื่นมาในช่วงพลบค่ำ ช่วงที่แสงของวันนั้นกำลังจะลาลับไป พร้อมเรื่องในหัวที่ชอบคิดว่าพ่ออยู่ไหน ถ้าวันนี้พ่อหายไปผมจะทำยังไงดี ด้วยความเป็นเด็กในตอนนั้นทำได้เพียงร้องไห้ให้ดังที่สุดให้พ่อได้ยินเสียง และเกือบทุกครั้งที่เป็นแบบนั้นพ่อก็วิ่งเขามากอดปลอบผมไว้ในอกของท่าน แต่จะด้วยวัย เวลา หรือการเตรียมใจที่ตัวผมมี ตอนนี้ร่างกายของผมมันไม่มีน้ำตาออกมาสักหยด แต่ในใจกลับทรมานจนแทบจะฉีกออกมาเป็นชิ้นๆ ทุกคืนที่ผ่านมา ผมได้แต่พยายามข่มตาให้หลับ เมื่อทนกับความรู้สึกตัวเองไม่ไหวก็ใช้เล็บจิกที่กลางอกตัวเองหวังให้ความเจ็บปวดที่ร่างกายบรรเทาใจที่ทรมาน แต่ความจริงก็คอยฉุดรั้งผมไว้เสมอว่าไม่ให้ทำร้ายร่างกายตัวเอง แต่จงเยี่ยวยาหัวใจของตัวผมด้วย “เวลา”

“ป้าน้อย ป้าน้อย อยู่ไหม”
“อยู่ๆ มีอะไร นังพร”
“โอ้ย ป้าฉันทนไม่ไหวแล้วนะ นี่มันก็สามสี่คืนแล้วนะป้าที่บ้านหลังนั้นกลางคืนมีแต่เสียงร้องโหยหวน”
“อะไรของเอง บ้านข้าอยู่ชิดใช้รั้วเดียวกันไม่เห็นจะได้ยินเสียงอะไร”
“จริงหรอป้า แต่นี่เขาได้ยินกันทั้งซอยเลยนะ พอตกกลางคืนก็มีเสียงร้องไห้ สักพักก็กรีดร้องยังกับหมูโดนเชือด”
“บ้ากันไปใหญ่ ถ้ามีจริงข้าก็ต้องได้ยินสิ”
“จริงนะป้า”
“ไร้สาระกันไปใหญ่ วันก่อนข้ายังเห็นเด็กมายืนอยู่หน้าบ้าน มันยังบอกข้าว่าอยู่บ้านหลังนี้”
“จริงหรอป้า แต่บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่มาห้าหกปีแล้วนะ”
“ข้าก็แปลกใจอยู่เหมือนกันแต่มันก็คลับคล้ายคลับคลาว่าข้าจะเคยเจอเด็กนั่นมาก่อน”
“ผีหรือเปล่าป้า”
“เองนี่ ปากไม่เป็นมงคล”
“ใครจะไปรู้ อาจจะเป็นอย่างที่ฉันว่าก็ได้นะป้า ถ้าเป็นคนแล้วมันเคยออกมาทักป้าไหมหละ”
“นังนี่ ข้าบอกว่าคนก็คนสิวะ แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นมันออกมาจากบ้านเลยหลังจากวันนั้น”
“เห็นไหมหละป้า อุ้ย แค่ฟังป้าเล่าฉันนี่ขนลุกไปหมด ฉันต้องไปแล้วนะป้า”
“เองจะรีบไปไหนวะ”
“ฉันก็ต้องรีบไปกระจายข่าวให้นังอี๊ด ป้าต้อย ยายเหมือน นังช้อย ต่อสิจ๊ะ เรื่องแบบนี้ใครเขาจะเก็บเอาไว้คนเดียว”
“เอาเขาไปเล่าเดี๋ยวเขาก็ตามไปหลอกเองหรอก”
“กลัวก็กลัวนะจ๊ะป้า แต่มันคันปากมากกว่า ฉันไปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวตอนเย็นจะเอาแกงส้มมาฝาก”
“นังนี่ ปากไปเรื่อย”

หญิงชรามองสาวรุ่นลูกที่วิ่งแจ้นออกจากบ้าน ก่อนจะกลับมานั่งครุ่นคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นในวันนั้นมันผีหรือคนกันแน่ แล้วเสียงที่เขาเล่าลือกันไปทั้งซอยทำไมตัวแกเองที่อยู่บ้านข้างๆถึงไม่ได้ยิน

“เข้าไปดูสิ ไปที่บ้านนั้นสิ”

เสียงแผ่วเบากระซิบเข้าที่ข้างหู เล่นเอาหญิงชราขนคอลุกตั้งชัน แต่ใจกลับคิดแปลกเชื่อคำลมที่แล่นผ่านหูไป ป้าน้อย ค่อยลุกเดินออกจากบ้านตัวเองออกมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านข้างๆ ก่อนชั่งใจคิดอยู่สักพักจึงยื่นมือไปกดกริ่ง  แต่ไอ้กริ่งเก่าเก็บเจ้ากำดันเก่าแก่เกินจะใช้ได้ หญิงชราจึงตัดสินใจตะโกนถาม

“ไอ้หนู เองอยู่ไหมลูก มาเปิดประตูให้ป้าหน่อย”

ร้องเรียกอยู่หลายครั้งกลับไม่มีใครตอบกลับมา จนป้าน้อยตัดใจว่าคงไม่มีใครอยู่จึงหันหลังเตรียมจะเดินกลับบ้าน แต่หญิงชรากลับต้องสะดุ้งเสียงประตูรั้วที่ค่อยแง้มออกเบาๆ

“โอ้ยอกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกแขก เจ้าที่เจ้าทางเจ้าขาเอ็นดูยายแก่ๆเถอะเจ้าค่ะจะทำอะไรก็อย่าให้พิสดารนักเลย หัวใจจะวายเอา ถ้าท่านอยากให้เข้าอีฉันก็จะเข้าเจ้าค่ะ”

แม้จะกล้าๆกลัวๆแต่เธอก็ยังเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเอง ว่าเทวดาดลทางให้ต้องเข้าไปในบ้านหลังนี้ ถึงจะหวั่นใจแค่ไหนแต่ขาก็ขยับก้าวไปเรื่อยๆผ่านประตูรั้ว ผ่านลานโล่ง ผ่านซุ้มต้นไม้ จนมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้บานเขื่อง ยืนกระวนกระวายอยู่หลายนาทีกว่าจะตัดสินใจร้องเรียกว่ามีใครอยู่ในบ้านหลังนี้หรือเปล่า แต่ทุกอย่างก็เป็นเหมือนที่หญิงชราคิด คือไม่มีเสียงตอบรับใดๆออกมาแม้แต่น้อย และก็เป็นอีกครั้งที่เล่นเอาหัวใจของเธอแทบวาย เพราะประตูที่ขวางกั้นอยู่ตรงหน้านั้นค่อยเปิดออก หญิงชายได้แค่ยกมือไหว้ปลกๆพร่ำพูดอ้อนวอนลูกช้างลูกม้าไปทั่ว แต่ขากลับเดินตรงไปสำรวจจนทุกพื้นที่เหมือนกลับว่าตอนนี้มีเพียงมือและปากเท่านั้นที่เป็นของตัวเอง แต่ขากลับเดินไปของมันเองโดยไม่ต้องสั่งการ จนตอนนี้ขาที่เหมือนจะควบคุมไม่ได้ในตอนแรกกลับมายืนค้างหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง และมันก็ยังเหมือนเดิมทุกครั้งที่บานประตูตรงหน้าหญิงชราค่อยๆเปิดออกช้า ป้าน้อยได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากจะมองภาพตรงหน้าเพราะมันอาจจะเป็นร่างเงาดำทะมึน ร่างที่โชกไปด้วยเลือด หรือร่างที่เหวอะหวะไปด้วยแผลฉกรรจ์พุ่งเข้าใส่ ในความคิดตอนนี้มันฟุ้งซ่านไปหมด หญิงชราตระหนกอยู่ครู่ใหญ่แต่กลับไม่มีอะไรพุ่งตรงเข้ามาหาอย่างที่ได้จินตนาการไว้ จึงค่อยเบือนหน้ากลับไปมองว่ามีอะไรอยู่ภายในห้องนั้น

“ไอ้หนู เองเป็นไรลูก”

ภาพที่เห็นตรงหน้าเล่นทำเอาใจหาย หญิงชรารีบเข้าไปตระกองร่างของเด็กหนุ่มเข้ามาแนบออก พอได้มองสำรวจร่างใกล้ก็เกิดหวั่นใจอยู่สักพัก ด้วยรอยแผล รอยเลือดที่หน้าอก และอุณหภูมิของเจ้าของร่างตอนนี้ช่างร้อนรุ่มราวกับตัวคนที่ประคองร่างคิดว่าอุ้มถุงที่ใส่น้ำอุ่นจัดๆอยู่

“ทำไงดี ทำไงดี  โทร โทร ต้องโทรเรียกคนมาช่วย”

หญิงชราควานหาโทรศัพท์มือถืออย่างรีบร้อนก่อนจะคว้าจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมากดโทรหาคนมาช่วย

“พร พร”
“ป้าน้อย เป็นอะไรเสียงสั่นเชียว”
“ข้าอยู่ในบ้านข้างบ้านข้า เองตามคนมาช่วยข้าที ข้าเจอ”
“เจอ ผี หรอป้า”
“นังบ้า คนโว้ย คนป่วย เองรีบไปตามคนมาช่วยข้าพาเด็กไปหาหมอเร็ว”
“จะป้า เดี๋ยวฉันให้พี่เสน่ห์รีบเอารถไปรับเลย”

ระหว่างรอคนมาช่วย เธอวางร่างเด็กหนุ่มที่ประคองอยู่ให้นอนลงบนพื้นในท่าที่สบายขึ้น ก่อนจะวิ่งไปหาผ้า และน้ำขึ้นมาเช็ดตัวเผื่อลดอุณหภูมิของร่างเด็กหนุ่ม  ในใจก็คิดกังวลถึงอาการของเด็กตรงหน้าว่าทำไมตัวเองถึงเป็นห่วงเด็กคนนี้มากทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเวลาผ่านไปไม่นานนักป้าน้อย ก็ได้ยินเสียงตึงตังลั่นบ้าน ก่อนที่เธอจะตะโกนบอกให้สองผัวเมียรู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องนี้

“นั่นคนจริงๆหรอป้า แล้วไอ้เลือดนั่นนะอะไร”
“เอ๊ะ นังนี่ ข้าบอกว่าคนก็คนสิวะ เสน่ห์มาอุ้มเด็กนี่เร็ว เดี๋ยวก็ได้ตายเสียก่อนจะถึงมือหรอ”
“ครับป้า”

เสน่ห์ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางสุขุม แต่กลับมาแต่งงานกับ พรแม่ค้านักกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน ทำเอาหลายคนแตกตื่นโดยเฉพาะครอบครัวของเสน่ห์ที่ดูจะไม่ชอบพรเสียเท่าไหร่ แต่ก็ได้ป้าน้อยช่วยเหลือจนได้อยู่กินด้วยกัน ทั้งสองจึงเคารพ และมักจะมาหาพูดคุยกับป้าน้อยอยู่เสมอ

“เด็กตัวร้อนมากเลยนะครับป้า”
“ก็ใช่นะสิ อย่าช้ารีบไปโรงพยาบาลเร็ว”

ทั้งสามลุกลี้ลนวิ่งกันไปที่รถก่อนจะรีบออกรถตรงไปที่โรงพยาบาลที่อยู่ค่อนข้างห่างจากหมู่บ้าน ตลอดทางเด็กที่อยู่ในอ้อมอกของป้าน้อยละเมอด้วยพิษไข่ยืนมือป่ายปีนไปทั่วหาไออุ่นไว้เกาะกุม ป้าน้อยจึงคว้ามือเล็กๆนั่นมากุมไว้ด้วยใจเป็นห่วง ทำไมถึงเป็นห่วงเด็กคนนี้ได้ขนาดนี้ ป้าน้อยได้แต่สงสัยในความรู้สึกของตัวเอง ผ่านมาครู่ใหญ่รถของเสน่ห์ก็แล่นมาจอดหน้าปากประตูห้องฉุกเฉิน พยาบาลกรูกันเข้ามาดูคนป่วยที่เข้ามารักษา

“เป็นอะไรมาครับ”
“เด็กคนนี้ตัวร้อนมากเลยคะ  แล้วก็เลือดออกเต็มไปหมด”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวทางเราจะรีบรักษา คุณป้าช่วยตามพยาบาลไปกรอกประวัติด้านโน้นด้วยนะครับ”

แม้ใจจะเป็นห่วงแต่ก็คิดว่าอยู่ไปคงช่วยอะไรไม่ได้ ป้าน้อยจึงรีบตามพยาบาลไปทำในสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้

“ฮะโหล หมอครับๆ คนไข้ฉุกเฉินครับ”
“อาการเป็นไง”
“มีไข้สูงครับ  แล้วก็มีบาดแผล น่าจะเกิดจากการทำร้ายตัวเองครับ”
“เด็กสมัยนี้นี่นะ  คิดอะไรกันตื้นๆ”
“ทำยังไงดีครับหมอ”
“ผมติดผ่าตัดอยู่ คุณโทรติดต่อ  หมอเก้า  มาให้เร็วที่สุด ลองไปเช็คที่ห้องพักหมอดูด้วย  เขาน่าจะพักอยู่”
“ครับหมอ”

.......................................................................
มาแบบสั้นๆเหมือนเคยครับ ทั้งสองคนกำลังจะกลับมาเจอกันแล้ว(แม้จะในทางแปลกๆ)  คนที่อ่านคนเริ่มหงุดหงิดที่ทั้งเรื่องมีแต่อะไรเครียดๆ  ตอนนี้จะกลับมาน่ารักสดใสแล้วนะ  ขอให้อ่านให้สนุกนะครับ
 :hao4:

ออฟไลน์ Mai.IcySakura

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อ่านเพลินๆลุ้นดีค่ะ แต่งงว่าต๊ะจะใช้ชีวิตต่อไปได้ยังไง ครอบครัวก็ไม่มีแล้ว
จะเข้าเรียนมัธยมต่อได้มั้ย หรือทำงานร่างทรงไม่ต้องใช้วุฒิ? หรือรอหมอเก้าพาไปเลี้ยง อิอิ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  สั้นจริงๆคับผู้แต่ง แต่ก็อ่านเพลินดี อ่านไปก็คิดไปว่าไปทำร้ายตัวเองใช่มั้ย
  รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ calmkung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ยาวบ้าง สั้นบ้าง แต่ก็ขอให้คนเขียนมาอัพเดตบ่อยๆนะคะ ถึงไม่บ่อยแต่ก็ขออย่าเทเรื่องนี้เลย เราติดตามอยู่ค่ะ สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ Undee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๘

“ไอ้หนู เองไปโดนอะไรมานะถึงได้เจ็บมาขนาดนี้”

หญิงชรานั่งกุมมือของเด็กหนุ่มที่นอนหลับอย่างเงียบๆอยู่บนเตียงจนน่าใจหาย  หลังจากได้แต่คอยห่วงอยู่ห่างๆตอนที่หมอ และพยาบาลวิ่งวุ่นรักษาเด็กหนุ่ม หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงก็ได้มานอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงผู้ป่วย

“คุณยายเป็นคนที่พาเด็กคนนี้มาใช่หรือเปล่าคะ”
“ใช่จ๊ะ มีอะไรหรอคุณพยาบาล”
“พอดีคุณหมอเจ้าของไข้อยากพบญาติผู้ป่วย รบกวนคุณยายช่วยตามหนูไปพบคุณหมอได้ไหมคะ”
“ได้จ๊ะ งั้นยายขอห่มผ้าให้ไอ้หนูมันก่อนนะ”

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยหญิงชราก็เดินตามพยาบาลออกมาจากห้องพักผู้ป่วยรวม เดินมาจนถึงเขตห้องพักของพวกหมอ พยาบาลที่เดินนำมาหยุดอยู่หน้าห้องด้านในสุดก่อนจะเปิดประตู ผายมือเชิญเธอเข้าไปด้านใน  หญิงชรามองสำรวจภายในห้องเห็นเอกสารวางกองระเกะระกะ ก่อนจะมองเห็นหมอหนุ่มนั่งง่วนทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

“คุณหมอคะ ญาติคนข้ามาแล้วคะ”
“อะ ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล เชิญนั่งเลยครับคุณยาย ขอโทษนะครับห้องหมอรกไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เห็นหมอหนุ่มๆขยันอย่างนี้ยายก็สบายใจ หวังฝากผีฝากไข้”
“ไม่ขนาดนั้นหรอครับคุณยาย”

แม้จะยังงงอยู่ว่าหมอเชิญเธอมาคุยเรื่องอะไรกันแน่ แต่ได้เห็นคนหนุ่มที่ขยันขันแข็งแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม

“คุณพยาบาลครับ เชิญข้างนอกก่อนนะครับหมอขอคุยกับญาติคนไข้ตามลำพัง”
“ได้คะ”

หลังจากสั่งให้พยาบาลออกไปด้านนอกหมอหนุ่มก็ทำหน้าตาเคร่งเครียดครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จนหญิงชราอดไม่ไหวต้องเอ่ยปากพูดก่อน

“หมอ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำหน้าเครียดไม่ยอมพูดอะไร”
“คือผม คือว่าผม อยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องคนไข้นะครับ”
“อั่มๆอึ้งๆอยู่นั่นหละหมอถามมาเถอะ คนแก่อย่างยายใจไม่ดี  หรือว่าไอ้หนูของยายมันจะเป็นโรคร้ายแรง”
“ไม่ใช่หรอกครับยายพอดีหมออยากจะถามเรื่องรอยแผลที่ตัวคนไข้นะครับ เพราะตอนแรกที่หมอเห็นคิดว่าคนไข้ทำร้ายตัวเองเพราะมีแต่รอยเล็บ แต่แผลมันลึกเกินไปคงไม่มีใครทนทำร้ายตัวเองได้ขนาดนั้น”
“ยายก็ไม่รู้หรอกหมอ ยายเจอได้หนูนั่นเมื่อหลายวันก่อน ที่บ้านข้างๆบ้านยาย เห็นหายเงียบไปหลายวันยายเลยเข้าไปดู”
“คนในครอบครัวทำร้ายเขาหรอครับ”
“ไม่ใช่หรอกหมอ บ้านนั้นมันไม่มีคนอยู่มาสี่ห้าปี วันที่ไอ้หนูบอกยายว่าอยู่บ้านนี้ยายก็ยังสงสัย”
“หรือว่าโดนใครทำร้ายครับ ยายพอจะสงสัยใครไหม”
“ยายไม่รู้หรอกหมอ ก็มีแต่ข่าวลือกันว่าบ้านหลังนั้นกลางคืนมีเสียงร้องโหยหวนอยู่หลายคืน ก่อนยายจะเข้าไปเจอไอ้หนูนี่”
“เสียงร้องโหยหวนหรอครับ”
“ก็บ้านหลังนั้นมันเป็นบ้านร่างทรงมาก่อนอยู่ดีอยู่ดายก็ร้างเอาเสียดื้อๆ”
“ยายจะบอกว่ามันเกี่ยวกับผีหรอครับ”
“ใครจะไปรู้หละคุณหมอ ยายก็แค่เล่าสิ่งที่ยายรู้”
“เอาหละครับ ยังไงมันก็เป็นเรื่องเด็กโดนทำร้ายร่างกาย ยายควรไปแจ้งตำรวจนะครับ”
“รอไอ้หนูมันฟื้นยายจะถามให้นะจ๊ะว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง”
“ครับ ขอบคุณนะครับคุณยายที่มาพบหมอ”

หญิงชราเดินออกมาอย่างเงียบๆ เธอสังเกตแววตาหมอดูก็รู้ว่าเขามองสิ่งที่เธอเล่าให้ฟังเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ แต่เธอก็คงทำอะไรไม่ได้รอแต่เพียงให้เด็กหนุ่มฟื้นขึ้นมาเล่าความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเดินกลับเข้ามาที่ห้องผู้ป่วยรวม ก่อนจะมานั่งเฝ้าเด็กหนุ่มเหมือนเดิม นั่งคิดไปมาจนถึงเวลาเที่ยงพอดีที่พร กับเสน่ห์เข้ามาเยี่ยม

“สวัสดีจ๊ะป้าน้อย  ไอ้หนูน้อยนี่มันเป็นยังไงบ้าง”
“ดีแล้วหละ หมอเขารักษาให้แล้ว รอแต่ว่ามันจะฟื้นเมื่อไหร่”
“สงสารมันนะป้าน้อย เป็นเด็กแต่กลับต้องมามีสภาพแบบนี้”
“มันคงมีเวรมีกรรมมาก ข้าก็ได้แต่สงสารแบบเองหละวะ ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
“ห่วงแต่คนอื่นนะป้าน้อย แล้วนี่ป้าน้อยกินข้างหรือยัง”
“ยังเลย ข้าห่วงแต่นั่งเฝ้าลืมดูเวลา”
“ฉันคิดไว้แล้วเชียวดีนะบอกให้พี่เสน่ห์แวะซื้อข้าวก่อนเข้ามา”
“เออๆ ขอบใจเองมาก”

ทั้งสามคนออกมานั่งกินข้าวด้านนอกตึกผู้ป่วย แม้พรจะพยายามชวนป้าน้อยคุยไปกินไปเพื่อยื้อเวลาให้ป้าน้อยได้กินให้มากที่สุด แต่ด้วยใจของป้าน้อยตอนนี้เป็นห่วงแต่เด็กหนุ่มที่ไม่รู้เป็นใครมาจากไหน จึงรีบกินเพราะอยากจะรีบกลับไปนั่งเฝ้ารอการตื่นของเด็กหนุ่ม

“ป้ากินอีกหน่อยสิ  เดี๋ยวป้าจะแย่ไปอีกคนนะ”
“ข้าอิ่มแล้ว ฝืนกินอีกข้าก็กินไม่ลงหรอก”
“พร อย่าไปเซ้าซี้ป้าน้อยเลย”
“โอ้ยพี่ ก็ฉันเป็นห่วงป้าแกนี่นา ดูสิป้าแกห่วงไอ้หนูนั่นจนไม่ห่วงตัวเองแล้ว”
“นังพร ข้ารู้หรอกนะว่าเองห่วงข้า แต่ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ”

แม้พรจะยังคลางแคลงใจว่าทำไมป้าน้อยถึงได้ห่วงเด็กหนุ่มนัก แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรต่อ ทั้งสามคนก็รีบกินข้าวกันจนเสร็จแล้วรีบกลับมาที่ห้องพักคนป่วย แต่กลับไม่พบเด็กหนุ่มนอนอยู่ที่เตียง ป้าน้อยมีท่าทีกังวลในขึ้นมาทันที

“ทำยังไงดี พร”
“ป้าใจเย็นๆก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปลองถามพยาบาลให้ หมอเขาอาจจะเอาไอ้หนูไปตรวจก็ได้”
“จริงครับป้า ใจเย็นๆก่อนนะ”
“พี่เสน่ห์อยู่กับป้าน้อยก่อนนะ ฉันจะไปถามพยาบาล”

พรรีบวิ่งไปหาพยาบาลเพื่อที่จะได้รู้ว่าเด็กหนุ่มอยู่ที่ไหน  แต่ยังไม่ทันวิ่งพ้นปากประตูก็เห็นพยาบาลวิ่งหน้าตาตื่นเขามาหาเธอ

“พยาบาลหยุดก่อนคะ พอดีมีอะไรจะถามหน่อย”
“ขอโทษนะคะ พอดีมีเหตุฉุกเฉินต้องรีบไปตามญาติคนไข้ ขอตัวก่อนนะคะ”
“ฉันก็มีเรื่องจะถามด่วนเหมือนกันนะ คนป่วยหายคะ”
“คนป่วยหาย”
“เด็กที่เข้ามารักษาวันก่อน หายไปจากเตียง”
“เป็นญาติเด็กคนนั้นหรอคะ งั้นรีบตามพยาบาลมาเลย เกิดเรื่องด่วนแล้วคะ”
“ไอ้หนูเป็นอะไรหรอคะ”
“รีบตามมาเถอะคะอย่าพึ่งถาม”
“สักครู่นะคะ ขอไปตามยายของเด็กก่อน”

พรรีบวิ่งเข้าไปหาป้าน้อย กับเสน่ห์ให้รีบตามพยาบาลไป แต่พยาบาลไม่ได้พาทั้งสามคนวิ่งไปในส่วนของห้องตรวจ หรือห้องฉุกเฉิน แต่กลับพามาห้องพักของหมอ ทำเอาทั้งสามคนที่ตอนแรกวิ่งมาด้วยความกังวล กับมีความสงสัยเพิ่มเข้าไปอีก ก่อนประตูบานเดิมจะเปิดออก ประตูห้องที่ป้าน้อยเคยเข้ามาคุยกับคุณหมอ ป้าน้อยรีบพุ่งเข้าห้องและมองหาคนที่ตนเป็นห่วงอยู่ แต่ภาพที่เห็นนอกจากจะหายกังวลเป็นปลิดทิ้ง กลับต้องรีบเข้าไปห้ามศึกการโต้เถียงระหว่างผู้ป่วยตัวน้อยกับหมอหนุ่มผู้เกี้ยวกราด

“เด็กนี่คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้เข้าไปยุ่งกับการรักษาคนไข้ฮะ”
“ก็บอกไปแล้วนี่ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ป่วยแต่ว่าโดนวิญญาณตามต่างหาก แล้วผมก็ไม่ได้เป็นเด็กด้วย กรุณาให้เกียรติกันด้วย”
“ให้เกียรติหรอ ดูยังไงก็เป็นไอ้เด็กไม่รู้ความ ที่มาวุ่นวายทำให้คนเกือบตาย”
“แล้วไปดูหรือยังว่าตายหรือเปล่า”
“ยังไม่สำนึกอีกนะ ทำคนป่วยสลบแบบนั้นยังจะปลอดภัยได้อีกหรอ”
“ก็แค่สลบเพราะหมดแรง ตอนผมไล่วิญญาณนั่นออกไปต่างหาก”
“ไอ้เด็กนี่”
“คุณหมอใจเย็นๆก่อนนะคะ หลานยายมันไปทำอะไรหรอคะ ถึงได้ทำคุณหมอโกรธ”
“คุณยายมาก็ดีแล้วครับ ช่วยอบรมหลานหน่อยนะครับ เข้ามามาก่อความวุ่นวายในการรักษาจนทำคนอื่นเดือดร้อนไปหมด”
“จริงหรอไอ้หนู”
“ไม่จริงครับ ก็ผู้หญิงคนนั้นเขาไม่ได้ป่วยแต่โดนวิญญาณตามต่างห่าง ผมก็แค่เข้าไปช่วย แถมหมอนี่ก็ไม่เชื่อผมอีก”
“แล้วใครเขาจะเชื่อเรื่องแบบนั้นกันเล่า”
“มันมีจริงโว้ย”
“ไม่มี”
“มี”
“ฉันเย็นกันก่อนนะคะ คุณหมอยายขอโทษแทนหลานด้วยนะคะ  เดี๋ยวยายจะจัดการให้เอง”
“ครับๆ ช่วยจัดการให้ด้วยนะครับ ขอโทษคุณยายด้วยนะครับที่ต้องมาฟังไร้สาระแบบนี้”
“คะๆ ไม่เป็นไรคะ  ไปเร็วไอ้หนูตามยายมาข้างนอกเร็ว”
“ครับ”

ป้าน้อยจูงมือเด็กหนุ่มออกมานอกห้องอย่างเงียบๆ บรรยากาศตอนนี้ดูแปลกหน่อยเพราะเธอถูกจ้องโดยเด็กหนุ่มที่เธอจูงมืออยู่ด้วยแววตาที่ดูเศร้า ไม่เหมือนกับเด็กจอมโวยวายที่เถียงกับหมอหนุ่มอยู่เมื่อครู่ ตอนที่เถียงกันอยู่นั้นแม้ปากจะเถียงอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่แววตาของเด็กหนุ่มที่เธอเห็นกลับเต็มไปด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูก แต่ตอนนี้กลับดูเศร้าห่อเหี่ยวเหมือนแววตาของคนที่ต้องจากคนรักไป

“ขอโทษนะครับ ยายน้อย ช่วยปล่อยมือผมก่อนได้ไหมครับ”
“โทษทีจ๊ะ เอ๊ะหนูรู้จักชื่อยายด้วยหรอ”
“รู้สิครับ ก็ยายอยู่ข้างบ้านผมมาต้องนานแล้วนี่ครับ  ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“ว่ามาสิจ๊ะ”
“ทำไมผมมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้หละครับ”
“ยายเป็นคนพามาเองแหละ ยายเข้าไปในบ้าน แล้วเจอเองนอนสลบ ตัวร้อนจี๋เลยรีบพามาหาหมอ”
“ขอบคุณนะครับ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าทำหน้าตาเศร้าๆตั่งแต่ออกมาจากห้องหมอ ทั้งที่ตอนเถียงกันหน้าเองดูมีความสุขดีแท้”
“หน้าผมดูมีความสุขหรอครับ”
“สุดๆเลยแหละไอ้หนู แต่พอตอนออกมาทำหน้าเศร้ายังกับลาแฟนไปรบชายแดนแล้วจะไม่ได้เจอกันอีก”
“งั้นหรอครับ ก็นั่นสิครับผมก็คิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแต่พอกลับมาเจอก็ทะเลาะกันเลย”
“รู้จักกับหมอคนนั้นหรอ”
“นานแล้วหละครับ เขาคงจำไม่ได้”
“ใจร้ายจังนะ ถึงขนาดจำหน้ากันไม่ได้ ถึงจะไม่ได้เจอกันนานก็เถอะ”
“นั่นสินะครับ ใจร้ายจริงๆ”
“โอ๋ๆ ไม่เศร้านะไอ้หนู น้ำตาคลอแล้วเนี่ย ถ้าเขาลืมก็ไปทำให้เขาจำได้สิง่ายจะตาย”
“นั่นนะสิครับ คนใจร้ายแบบนั้น ต้องชกสักหมัดหรือเปล่าครับถึงจะจำได้”
“อย่าไปร้ายนักสิ เอาแบบนุ่มนวลๆหน่อยสิ”
“ครับๆ งั้นผมขอไปชกไอ้คนใจร้ายสักหมัด”
“จ้าๆ อย่ารุนแรงนักหละ”

แม้จะยังสงสัยในตัวเด็กหนุ่มในหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องที่รู้ชื่อของเธอ เรื่องที่บอกว่าอยู่ข้างบ้านกันมานาน และอะไรอีหลายๆอย่าง  แต่เมื่อได้เห็นแววตาเศร้าๆนั้นเปลี่ยนเป็นแววตาที่ดูมีความหวังขึ้นมา เธอก็ทำได้แต่สนับสนุน แม้เรื่องนี้มันจะดูทะแม่งๆไปหน่อย แต่ด้วยความรู้สึกว่าอยากเห็นเด็กคนนี้มีความสุข ก็ยังทำให้มั่นใจได้ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องแล้ว

“ป้า ปล่อยไปยังงั้นจะดีหรอ ไอ้หนูมันพึ่งฟื้นนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกพรเอ๋ย ดูหน้ามันสิ วิ่งไปยิ้มไปขนาดนั้น คงไม่เป็นไรแล้ว”

ผมวิ่งออกมาด้วยความรู้สึกที่ว่าอยากจะให้ใครสักคนจำผมได้ ถ้าทำได้หละก็ผมคงมีเหตุผลที่จะก้าวเดินต่อไป แม้แค่คนเดียว ขอแค่คนเดียว คนเดียวก็ได้ที่จะจำผมคนนี้ได้  คนที่ผมกำลังจะก้าวเข้าไปในชีวิตของมันอีกครั้ง และครั้งนี้ผมจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นอีกแน่

ปัง!!ปัง!!

“เชิญครับ ประตูไม่ได้ล็อก”
“ไอ้ อธิพงศ์ เกียรติเจริญธรรม จำชื่อของกูให้ดีกูชื่อ อภิรักษ์ กูจะกลับมาในชีวิตมึงอีกครั้ง”
“ไอ้เด็กบ้า  ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ยยยยยยยยยยย แกจะมาตะโกนชี้หน้ากันทำไม ไอ้บ้า”

.............................................................
ตอนใหม่มาแล้ว ขอให้สนุกนะ
:hao4:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
สนุกมากๆ รอนานเลย มาบ่อยๆนะผู้แต่ง

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกค่ะชอบนิยายแนวนี้  :katai2-1:

ออฟไลน์ Undee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๙
“ไอ้หนู กินข้าว ”
“ไอ้หนู”
“ไอ้หนู”
“ฮะ ฮะ ครับยาย”
“เป็นอะไรนั่งเหม่อมาหลายวันแล้วนะ”

ผมออกจากโรงพยาบาลมาหลายวันแล้วครับ ตอนนี้ก็กลับมาพักอยู่ที่บ้านได้เกือบๆสองอาทิตย์ ช่วงที่กลับมาใหม่ๆยายน้อยก็บังคับขู่เข็ญให้ผมไปอยู่ด้วย ผมก็ปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่าผมจะต้องมากินข้าวกับแกทุกวัน

“นั่งเหม่อมาหลายวันแล้วนะ คิดอะไรอยู่”   ยายน้อยถามหน้ายู่เมื่อเห็นผมนั่งเหม่อเป็นรอบที่สามร้อยของวัน
“ตั่งแต่กลับบ้านมา ต๊ะก็ไปโรงพยาบาลเป็นร้อยรอบแล้วนะยาย แต่ไอ้หมอบ้านั่นไม่ยอมให้เจอเลย”
“ห่วงแต่เรื่องผู้ชายว่างั้น ไอ้หลานคนนี้”
“ห่วงสิครับยาย เพื่อนคนเดียวเลยนะ”
“เพื่อนแน่นะ”
“แน่สิยาย ถ้าแซวอีกจะกลับไปนอนแล้วนะ”
“เออๆ ข้าไม่พูดแล้ว”

ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละครับทุกอย่างในชีวิตผมเริ่มกลับมาปกติดีก็เพราะหลายๆคนเข้ามาช่วยเติมเต็ม แม้ผมจะเหงาบ้าง คิดมากบ้างเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว แต่ตอนที่อยู่กลับยายน้อยแกก็มักจะทำให้ผมคิดได้เสมอว่าชีวิตคนเรามันก็ต่อสู้ดินรนกันทั้งนั้น และตอนนี้ผมก็มีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ เพราะฉะนั้นตอนนี้ไม่มีเหตุผลให้ผมต้องทรมานตัวเองอีกแล้ว

“ว่าแต่เรื่องเรียนจะเอายังไง เองนั่งๆนอนมาหลายวันแล้วนะ”
“ไม่รู้สิครับยาย ผมไม่มีเงิน ไม่มีเอกสาร หลายๆอย่างก็วุ่นไปหมด”
“ไอ้เด็กบ้า ทำไมไม่บอกยาย เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่หลอกนะ ยายช่วยได้”
“แต่ผมไม่อยากรบกวนนี่ครับ”
“แต่เอกสาร เราจะทำไงดีวะ”
“ยาย ต๊ะไม่อยากรบกวนนะครับ”
“เอาอย่างนี้ เองไปหาเอกสารดีๆว่าเจอไหม เรื่องเรียนเดี๋ยวยายขอคิดก่อน”
“ยายฟังต๊ะหรือเปล่าครับ ต๊ะไม่อยากรบกวนไง”
“เอ๊ะไอ้เด็กคนนี้พูดไม่ฟัง เองเป็นหลานยายมันจะกวนอะไรวะ ถ้าเกรงใจมากก็เรียนให้จบไวๆแล้วมาเลี้ยงดูปูเสื่อข้า”
“คือว่า คือ”
“อะ พูดมามีอะไรจะเถียยงก็พูดมา”
“แต่ถ้าไปเรียน แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปหาไอ้หมอหละครับ”

ป้าน้อยดูอึ้งๆเหมือนกันตอนที่ผมพูดประโยคนี้ออกไป แต่สักครู่ก็เผยรอยยิ้มที่มีความเอ็นดูแฝงอยู่ออกมา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แปลกๆแฮะ

“เออ ที่เองพูดมามันก็มีเหตุผล แต่เองไปเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นหมอก็ยังไม่ให้เจอ ”
“ก็ใช่สิยายพูดแล้วโมโหชะมัด”
“แต่ที่เองไปสร้างเรื่องไว้มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ พูดถึงแล้วข้าก็อายแทน”

เรื่องนี้แหละครับเล่นเอาผมต้องนั่งกุมขมับอยู่ตลอดเวลาสองวันก่อนออกจากโรงพยาบาล ทุกคนคงจำเรื่องที่ผมไปโวยวายใส่ไอ้หมอเก้าได้ พูดถึงแล้วยังอายไม่หาย ตอนนั้นพอเปิดประตูพรวดเข้าไปผมก็หลับหูหลับตาพูดประโยคประหลาดๆเหมือนสารภาพรักออกไปไม่ยั้ง โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนั้นในห้องมีอะไรอยู่บ้าง พอลืมตาเท่านั้นแหละครับทั้งหมอ ทั้งพยาบาลกำลังนั่งคุยงานกันอยู่เป็นสิบคน ผมนี่ยืนข้างตาเหลือก ส่วนไอ้หมอเก้าก็ทั้งโกรธทั้งอายมั้ง หน้ามันนี่แดงควันออกหูเลยครับ

“ยายขอระคมพลก่อน”

ยายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะโทรเรียกใครสักคนให้มาหา สักพักผมได้ยินเสียงแว๊นมอเตอร์ไซต์มาตั่งแต่ปากซอยเลยครับจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้าพรปากสุดแซ่บ และสามีของเธอ มาถึงหน้าบ้านยาย น้าเสน่ห์ยังไม่ทันจอดรถดี น้าพรก็กระโดดพุ่งตรงมาที่โต๊ะที่ผมกับยายนั่งคุยกันอยู่

“มีอะไรจ๊ะยายโทรเรียกฉันมา”
“ข้ามีแผนจะช่วยไอ้หนูมัน แต่ข้าต้องการให้เองกับไอ้เสน่ห์ช่วย”
“ไม่มีปัญหายายสั่งมาได้เลยเรื่องสนุกแบบนี้ฉันพร้อม”

จากนั้นทั้งสองคนก็กระซิบกระซาบกันอย่างออกรสออกชาติ แต่ผมนี่สิรู้สึกเสียวสันหลังวาบยังไงไม่รู้ จนน้าเสน่ห์เดินเอามือมาตบไหล่เบาๆพร้อมหน้ากังวลแปลกๆ

“เตรียมตัวได้เลยไอ้หนู ถ้ายายน้อยเป็นคนวางแผนนะยังไงก็สำเร็จ แต่ก็ลำบากด้วย”

นี่สินะที่เขาเรียกกันว่ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ผมได้ฟังแต่ละอย่างที่ยายกับน้าพรพูดออกมานี่อึ้งเลย คนพวกนี้ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่หรอ ไอ้เอกสารตรงหน้าที่น้าพรเอามากองบนโต๊ะนี่สิ เล่นเอาผมอึ้งไปเลย หลังจากวันที่ยายสั่งการน้าพรก็หายไปสองวันแล้วกลับมาพร้อมเอกสารข้อมูลครอบครัว ที่อยู่ รายได้ ตารางเวร เพื่อนร่วมงานของหมอเก้าอย่างละเอียดยิบ แล้วที่น่ากลัวที่สุดคือไดอารี่ไอ้หมอเก้าที่โดนถ่ายเอกสารพร้อมเข้าเล่มเข้ามาอย่างเรียบร้อย

“ยายครับ นี่มันไม่เกินไปหรอ”
“เอ้าไอ้นี่ จะเข้าไปหาเขาก็ต้องรู้เรื่องเขาสิวะ”
“แล้วน้าพรไปเอามายังไงเนี่ย เดี๋ยวก็โดนจับหรอก”
“ไอ้นี่ปากเสีย อย่ามาดูถูกหัวหน้าสมาคมขาเม้าประจำตำตลแบบข้านะโว้ย ของแค่นี้จิบๆเพื่อหลานเขยของข้านะ”
“หลานเขย?”
“นังพร ข้าบอกแล้วใช่ไหมอย่าพูดมาก”

ผมพึ่งรู้สึกถึงความหน้ากลัวของชาวบ้านแถวนี้ก็ตอนนี้แหละครับ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่ายายที่อยู่ข้างบ้านน่ากลัวขนาดนี้

“เอาหละวันนี้แค่นี้ก่อนพร เสน่ห์ ทำเรื่องที่ข้าขอเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ใช่จะยาย ตอนนี้ไอ้หนูเป็นลูกบุญธรรมของฉันเรียบร้อยแล้ว”
“ฮะ”
“โอเค พรุ่งนี้เองพาไอ้หนูไปสมัครเรียน กสน. ด้วย”
“ทำไมไม่ให้มันเรียนโรงเรียนปกติหละยาย”
“เอ๊ะนังพรนี่ ไอ้หนูมันไม่สะดวกถ้าไปเรียนโรงเรียนปกติเอกสารมันยุ่งยากกว่า แถมมันยังไม่มีเวลาไปหลานเขยข้าสิวะ”
“ยาย!!!!!!”

ผมเรียกยายเสียงดังกลบอาการเขิน ก็ไอ้การโดนล้อแบบนี้มันไม่ชินนะสิ แถมไอ้การที่เรียกไอ้เก้าว่าหลานเขยมันก็น่าอายสุดๆ ทั้งสามคนหัวเราะกันร่วนไม่สนใจหน้าแดงๆของผมเลย

“แล้วไอ้หนูหลังจากสมัครเรียนเสร็จพรุ่งนี้เตรียมตัวให้ดีหละ ข้าจะเริ่มแผนขั้นที่สองแล้ว”
“ขั้นสอง?”
“แผนอยากได้เสือต้องบุกเข้าถ้ำเสือ”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!

เสียงหัวเราะของทั้งสามคนยังดังติดหูผมเลย ผมว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้ไม่ใช่การที่ผมมองเห็นวิญญาณแล้วหละ แต่เป็นแก๊งยายน้อยกับน้าพรมากกว่า การทำให้ผมที่ไม่มีตัวตนกลายเป็นบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมายได้นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว

แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามที่ยายจัดการ ช่วงเช้าของวันนี้ผม น้าพร และน้าเสน่ห์ไปจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ และก็เรื่องสมัครเรียนตอนนี้ผมกลับมาเป็นเด็กมอปลายอย่างปกติแล้วครับ แม้ว่าจะต้องกลับมาเริ่มเรียนมอสี่ใหม่ก็เถอะ หลังจากนั้นน้าทั้งสองคนก็กลับมทส่งผมที่บ้าน และน้าเสน่ห์ก็ยังไม่ลืมเตือนผมเรื่องเย็นนี้ที่ต้องเริ่มแผนอยากได้เสือต้องบุกเข้าถ้ำเสือ และช่วงเย็นวันนี้ผมก็ได้รู้เหมือนกันว่าน้าเสน่ห์นี่ก็ร้ายไม่เบาไม่กว่าน้าพร หรือแม้แต่ยายน้อย

“เอาอย่างนี้จริงๆหรอน้า”
“เอาจริงสิวะ น้าอุตส่าห์ไปสมัครกับเองเลยนะ”
“เราจะไม่ไปสร้างปัญหาให้งานเขาหรอน้า”
“น้าเลือกแผนนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องช่วยเองอย่างเดียวนะ แต่น้าอยากทำงานช่วยคนอื่นแบบนี้มานานแล้ว”
“ตกลงจะเอาแบบนี้จริงๆใช่ไหมน้า”
“เออสิวะ ว่าแต่เองเถอะ ไม่กลัวเลือดกลัวผีใช่ไหม”
“เรื่องผีนี่ไม่ต้องห่วงหรอกน้า ผมถนัดเรื่องนี้สุดๆไปเลยหละ”
“ดี งั้นลุยกันเลย”

หว๋อ หว๋อ หว๋อ!!!!!!!!

เสียงไซเลนดังสนั่นขณะที่ผมนั่งอยู่ด้านหน้ารถที่กำลังขนผู้ป่วยจากอุบัติเหตุรถชนไปส่งที่โรงพยาบาล ใช่แล้วครับ แผนของยายกับเดอะแก๊งคือให้ผมมาช่วยงานอาสาสมัคร และที่แยบยลไปกว่านั้นคือการที่ให้ผมมาเข้าเวรเฉพาะวันที่หมอเก้าอยู่เวรห้องฉุกเฉิน แต่เรื่องแบบนี้ก็อย่างที่น้าเสน่ห์พูดไว้นั่นแหละครับเราไม่ได้มากันเล่นๆ แต่เราช่วยงานอย่างเต็มที่ถึงแม้ว่าจะมีผลประโยชน์แอบแฝงก็เถอะ และดูเหมือนพลังของผมก็จะสร้างประโยชน์ได้เต็มที่ด้วย
“หัวหน้า น้ำหน่อยไหมครับ”
“เออ ขอบใจ”
“คืนนี้ขอบใจมากนะเว้ยไอ้ต๊ะ ถ้าไม่ได้มึงคงได้หาศพกันทั้งคืน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ค่อยได้ออกแรงช่วย ก็ขอช่วยเรื่องอื่นแล้วกันนะครับ”
“ก็จริงของมึง จะให้ยกนั่นยกนี่ก็คงทำไม่ไหวจริงๆแหละวะ ตัวเล็กหน่อมแน้มยังกับผู้หญิง ตอนไอ้เสน่ห์พามาช่วยงานครั้งแรกกูกะจะไม่รับ ดีนะมึงสู้งานดีกูเลยรับไว้”
“หัวหน้าก็ชมเกินไป ผมตัวลอยแล้วเนี่ย”
“แต่กูถามจริงๆเหอะหวะ วันนี้มึงรู้ได้ไงวะ ว่าศพลอยข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วตกไปในคูน้ำ”
“เขาเรียกนะครับ ขอให้ผมช่วย”
“เรียกหรอวะ แต่ศพเละขนาดนั้น น่าจะตายคาที่ไม่น่าร้องให้คนช่วยได้มั้ง”
“เออใช่ครับ ผมน่าจะหูแว่ว หรือลางสังหรณ์มั้งครับก็เลยเจอ”

ผมยังคงปิดทุกคนครับเรื่องพลังของผม ผมไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่า ไม่อยากให้ตนรอบตัวต้องมาเจอเรื่องร้ายๆแบบที่ผมเจอ แต่ผมก็ยังใช้พลังในการช่วยคน ถ้าผมใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ชีวิตผมอาจจะมีความสุขมากกว่าแต่ก่อนก็ได้ ผมคิดปลอบใจตัวเองแบบนั้น

“กู้ภัยข้างนอก ขอคนช่วยห้องฉุกเฉินหน่อยครับ คนไม่พอ”

ส่วนเรื่องไอ้หมอเก้าหรอครับ จะว่าคืบหน้าก็คืบหน้า จะว่าไม่ได้เรื่องก็งยังไงๆอยู่ ถึงผมจะได้เจอมัน แต่ก็ดูเหมือนมันพยายามจะเลี่ยงๆที่จะคุยกับผม ตอนมันเห็นผมครั้งแรกในชุดกู้ภัยผมดูหน้ามันก็รู้ว่าแทบอยากจะวิ่งมาขย้ำคอผม แต่ทำไงได้หละครับสถานการณ์บังคับให้ผมกับมันต้องทำงานด้วยกัน มันจะบ่นอะไรได้ และดูเหมือนผมก็ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในโรงพยาบาลนี้ด้วย จะด้วยข่าวเรื่องในห้องคราวนั้น หรือเรื่องที่ผมมานั่งเฝ้าขอเจอมัน ทำให้เวลาผมเดินเข้าโรงพยาบาลทีไรพยาบาลต้องกระซิบกระซาบนินทาผมอยู่เป็นระยะ

“พยาบาลช่วยย้ายคนป่วยที่รักษาเสร็จแล้วไปห้องพักฟื้นด้วยนะครับ”
“คะ หมอเก้า”
“กูภัยเอาผู้ป่วยที่รออยู่เข้ามาเลยครับ”
“ครับหมอ”

ทั้งที่แต่ก่อนมันเคยเป็นไอ้นักเลงหลังห้องแท้ๆ ตอนนี้กลับเป็นหมอหนุ่มอนาคตไกล ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยครับที่ตอนนั้นผมยอมให้ตัวเองเจ็บ มันคุ้มจริงๆครับที่ได้กลับมาเห็นภาพแบบนี้ ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้นะครับเรื่องที่มันเป็นนักเลงหลังห้องเพราะตอนที่เรียนด้วยกันเวลาประกาศผลการเรียนมันก็ดูไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ หรือจริงๆมันเรียนเก่งมาต้องแต่แรกวะ รู้แบบนี้ตอนนั้นผมน่าจะใส่ใจมันมากกว่านี้นะครับ

กูจะเอาชีวิตพวกมันทุกคน ใครที่ช่วยพวกมันกูก็จะไม่เว้น!!!!

“เหี้ย เสียงใครวะ ชิบหายแล้วสิ”
“พยาบาลพลอยโทรตามหมอท่านอื่นด่วนเลย ตอนนี้หมอเก้าสลบไปแล้วคะ”

หลังจากที่ผมได้ยินเสียงแปลกๆ จู่ๆในห้องฉุกเฉินก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ผมได้ยินพยาบาลคุยกันว่าไอ้เก้าสลบไป หรือจะเกี่ยวกับเสียงที่ผมได้ยิน ผมควรจะเข้าไปช่วยมันหรือเปล่า

“พยาบาลครับเกิดอะไรขึ้นหรอครับ”
“หมอในห้องฉุกเฉินสลบคะ เจอคนไข้คลุ้มคลั่งเหวี่ยงหัวเลยไปกระแทกขอบเตียงสลบไปเลยคะ”
“คนไข้คลั่งหรอครับ”
“ใช่คะเป็นเด็กวัยรุ่นผู้ชาย ขนาดกู้ภัยสี่คนช่วยกันจับก็ยังสู้แรงไม่ไหว หมอจะเข้าไปช่วยก็เลยโดนด้วยคะ”

เชี่ย เป็นอย่างที่ผมคิดเลยครับ เป็นเพราะไอ้เสียงที่ผมได้ยินจริงๆด้วย ทำไงดีวะ

“อ้าวต๊ะ มายืนทำไรอยู่นี้ไม่กลับหรอหวะ หัวหน้าตามหาอยู่”
“เกิดเรื่องแล้วสิน้า มีคนคลุ้มคลั่งทำร้ายหมอเก้า”
“ใครบังอาจมาทำร้ายหลานเขยวะ น้าจะเข้าไปจัดการมัน” ใช่เวลามาพูดแบบนี้ไหมหละเนี่ย
“โอ้ยเดี๋ยวก่อนน้า เข้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
“ทำไมวะ เรื่องใช้แรงนี้น้าไม่แพ้ใครนะเว้ย”
“เรื่องนั้นรู้แล้วครับ แต่ต๊ะมีอะไรให้น้าช่วยก่อน”
“ว่ามาสิ ”
“น้าช่วยไปหาใบทับทิม กับไปหยิบสายสิญจน์หน้ารถกูภัยมาให้หน่อยนะครับ”
“โอเค แค่นี้ไม่มีปัญหา รอก่อนนะไอ้หลานเขยน้าจะรีบกลับมาช่วย”

ผมหละเหนื่อยใจจริงครับ ทั้งที่ปกติเวลาอยู่กับน้าพรน้าเสน่ห์ดูเป็นคนเรียบร้อยสุขุมแท้ๆ แต่พอมารวมกับกลุ่มเพื่อนหน่วยกู้ภัย กับกลายเป็นไอ้พวกบ้าดีเดือดเอาซะดื้อๆ แต่เรื่องที่ผมควรห่วงตอนนี้ไม่ใช่เรื่องบ้าๆของน้าเสน่ห์หรอกครับ แต่เป็นเรื่องไอ้ผีบ้าที่อยู่ในห้องนั้นต่างหาก ไอ้ผีเลวเอ้ย ทำให้ผมต้องกลับมาใช้พลังของตัวเองอีกแล้ว ถ้าคนเห็นได้กลายเป็นเรื่องแน่ แต่เอาไงเอากันวะ ขอช่วยคนให้ได้ก่อนแล้วกัน

“ได้แล้ว ดีนะหัวหน้าเชื่อเรื่องผีเลยเด็ดใบทับทิมติดรถไว้”
“เข้าไปกันเหอะน้า”

ผมเข้ามาในห้องฉุกเฉินแล้วก็เห็นจุดที่หน่วยกู้ภัยกำลังยืนงกๆเงิ่นๆล้อมใครสักคนไว้ ดูสถานนักการแล้วไม่สู้ดีเท่าไหร่ แถมไอ้หมอเก้าตัวดียังมานอนสลบเหมือดอยู่ตรงนั้นอีก ไอ้ผีชั่วเอ้ยคนมันก็สลบไปแล้วนะเว้ยยังยืนค่อมไว้ไม่ยอมให้ใครเข้าไปช่วยอีก ชักจะหยุดหงิดเข้าแล้วสิกู ไม่รู้จะทำได้เท่าพ่อแต่ก่อนหรือเปล่า ปกติก็ได้แต่มองเห็นวันนี้ต้องมาจัดการเองขอใส่แบบเต็มชุดใหญ่เลยแล้วกัน

“หลีกหน่อยครับ ขอทางให้หลานผมหน่อย”
“หลานมึงจะทำอะไรวะเสน่ห์ ถือแก้วน้ำเข้ามาจะให้ไอ้บ้านั่นกินหรือไง”
“ไม่รู้เหมือนกันพี่หลาม แต่มันบอกว่าช่วยได้ ผมก็เลยให้มันมาเนี่ย”
“ไอ้บ่าเอ้ย รีบไปเอามันออกมา ขนาดพวกข้าสี่ห้าคนยังโดนถีบกระจายแล้วไอ้เด็กน้อยๆนั่นจะทำอะไรได้”
“รอดูก่อนพี่หลาม ผมว่าถ้ามันไม่มั่นใจมันไม่ขอผมเข้ามาหรอกพี่”

ตอนนี้ผมยืนประจันหน้าอยู่กับไอ้ผีชั่วตัวซวย แถมยังมีหน่วยกูภัยหลายคนยืนล้อมดูสถานการณ์อยู่ ถ้าผมเป็นอะไรไปก็ช่วยผมด้วยแล้วกันนะครับพี่ๆทั้งหลาย

“พี่ผีครับช่วยปล่อยหมอออกมาเถอะนะครับ ขอร้องหละ”
“กูไม่ปล่อย กูจะฆ่าพวกมันให้หมด” เอ้าไอ้ผีนี่ปากดีนะมึง
“ออกมาเถอะไอ้หนูมันอันตราย พวกข้าลองคุยกับมันแล้ว แต่มันคงเมายาคุยกับใครไม่รู้เรื่องหรอก”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับลุงหลาม แค่นี้สบายมาก”

พ่อจ๋า แม่จ๋า ท่านเทพช่วยเป็นพลังให้ผมขจัดสิ่งชั่วร้ายนี้ด้วยนะครับ

มะโทรัง อะตะระโร เวสะวะโน นะหากปิ ปิสาคะตาวาโหมิ มหายักขะ เทพะอนุตะรัง เทพะดา เทพะเอรักขัง ยังยังอิติ เวสะวะนันภูตัง มหาลักชามะนง มะภูอารักขะ นะพุททิมะมัตตะนัง กาลปะติทิศา สัพเพยักขา ปะลายัตตะนิ
คาถาขับไล่สิ่งชั่วร้าย

ผมร่ายคาถาใส่น้ำในแก้วที่ถือติดมือมา แล้วใช้ใบทับทิมในมือกวนในน้ำ พ่อเคยสอนคนโบราณเวลาไปงานศพจะพกใบทับทิมไปด้วย และยังต้องเตรียมน้ำใบทับทิมไว้ล้างหน้าหลังจากกลับจากงานศพ เพราะเชื่อกันว่าช่วยป้องกันและขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ ไอ้บ้าเอ้ยดูสายตาคนที่มองผมอยู่ตรงนี้คงคิดว่าผมเป็นไอ้บ้าแน่ๆ

“น้าเสน่ห์ ช่วยจับมันให้หน่อยดิ ต้องเอาน้ำกรอกปากมันอะมันจะได้สงบ”
“เรื่องแรงไว้ใจน้าเลยไอ้หลานชาย”
“ไม่ไหวมั้งคนเดียว ลุงหลามขอช่วยอีกแรงแล้วกัน”

ผมสาดน้ำมนใส่ให้มันลดเรี่ยวแรงของไอ้ผีห่าซาตานจนน้าเสน่ห์กับลุงหลามล็อคตัวมันได้ ผมก็รีบเอาน้ำมนต์ไปกรอกปาก จนไอ้ผีตัวนั้นกรีดร้องลั่นห้องฉุกเฉิน และวิญญาณของมันก็สลายไปในที่สุด ผมรีบบอกให้น้าเสน่ห์เอาสายสิญจ์คล้องคอวัยรุ่นคนนั้นไว้ แล้วรีบเข้าไปดูไอ้หมอเก้า

“ตื่นดิวะ อย่าเป็นไรนะเว้ย”
  ผมนั่งตบหน้าเบาๆเรียกสติมันอยู่อย่างนั้นแต่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะฟื้น จนหมอและพยาบาลรีบเข้ามาช่วยกันรักษาทั้งวัยรุ่นต้นเรื่อง และไอ้หมอที่สลบอยู่ ผมรีบปลีกตัวออกมาจากเหตุการณ์ตรงนั้นก่อนจะเกิดเรื่องวุ่นๆ แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูห้องฉุกเฉินเลยครับ ก็เจอ

“ไม่ต้องหนีเลยไอ้หนู อธิบายให้พวกน้าฟังเดี๋ยวนี้”
“อยู่กันครบเลยนะครับทั้ง หัวหน้า ลุงหลาม น้าเสน่ห์ แต่ยายโทรตามแล้วอะครับ ต๊ะขอกลับบ้านก่อนนนนนนนน อยู่ด้วยไม่ได้แล้วววววววว”


.....................................................................................
เราอยากกลับมาหวาน เราอยากกลับมาซึ้งเราอยากกลับมาตลก แต่ท้ายก็ตามมาด้วยดร่ามา และเรื่องผี ความเศร้าใจของคนเขียน
:hao4:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
สนุกมากๆ และขำหมอเก้า 555 โดนจนสลบ อดเห็นต๊ะกำหลาบผีเลย คนอื่นๆอึ้งเลยสิ
  รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Undee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๒๐
- หมอเก้า –

“หมอเก้าสวัสดีคะ”
“อ้าว เก้า มาทำงานได้แล้วหรอ”
“หมอเก้า ยังหล่อเหมือนเดิมนะคะ”
“แฟนหมอเก้าน่ารัก ยังเด็กอยู่เลยนิ”

เสียงพยาบาลหมอทักทาย (ทั้งต่อหน้า และหลับหลัง) ระหว่างที่เดินเตรียมตัวไปตรวจคนไข้ หลังจากที่ได้หยุดมาสามวันเพราะเหตุวุ่นวายในห้องฉุกเฉินคราวที่แล้ว ตอนแรกก็ไม่ได้กะว่าจะพักยาวขนาดนี้ แต่เพราะคุณดวงดาว หัวหน้าพยาบาลเจ้าระเบียบสั่งให้ผมหยุดด้วยประโยคเจ็บๆ “คนเป็นหมอถ้าดูแลตัวเองไม่ได้ก็ไม่ต้องมาดูแลผู้ป่วย” ผมเลยต้องหยุดถึงสามวัน แต่เรื่องที่ผมหยุดงานยังไม่ทำให้หงุดหงิดเท่าเรื่องข่าวลือบ้าบอในตอนนี้ แต่ผมไม่ได้หงุดหงิดเรื่องที่โดนพยาบาลทั้งโรงพยาบาล ย้ำ ทั้งโรงพยาบาลนินทาเรื่องที่คบกับไอ้เด็กเปรตนั้นหรอกนะครับ แต่สิ่งที่หงุดหงิดที่สุดคือ ข่าวเหตุการณ์ในห้องฉุกเฉินวันนั้น แต่ช่างมันเถอะครับยังไงผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมันอยู่แล้ว

“คุณหมอเก้ากลับมาทำงานได้แล้วหรอคะ”
“ครับผมหายดีเป็นปลิดทิ้ง ไม่สร้างภาระให้ใครแน่นอนครับคุณพยาบาลดวงดาว”
“ดีแล้วคะ” เธอพูดเสียงเรียบ แต่ผมเห็นนะครับว่าแอบยิ้มอยู่

ผมอยู่ที่นี่มาได้เกือบปีแล้วครับ ตั่งแต่ได้คำแนะนำจากพี่หมอว่าที่นี่น่าอยู่เลยตามมาสิงอยู่ด้วยกัน แต่ใครจะเชื่อละครับว่าอยู่ที่นี่แล้วจะเหนื่อยอย่างกับอยู่โรงงานนรก ทั้งที่เป็นโรงพยาบาลขนาดกลางแต่คนป่วยกลับเยอะเป็นอันดับต้นๆของเขตนี้ บุคลากรก็มีน้อยจนบางครั้งต้องควงกะแล้วควงกะอีก เฮ้อ แต่บ่นไปก็ไม่ได้อะไรครับ ไปทำงานกันดีกว่า

“เบส เป็นไงครับพี่หมอไม่อยู่ดื้อหรือเปล่า” ผมทักเด็กน้อยแสนซนประจำห้องผู้ป่วยใน
“ไม่ครับ ทานยาตรงเวลา ไม่กวนพี่พยาบาลพลอยด้วยครับ”เด็กน้อยทำท่าเหมือน รด รายงานครูฝึก
“เก่ง มาก ครับ” ผมทำเลียนแบบจนเด็กน้อยหัวเราะไม่หยุด
“พี่หมอขอเจาะเลือดหน่อยนะครับ”
“เจาะอีกแย้วหรอครับ เบสไม่อยากเจาะเลยพี่หมอ” เด็กน้อยทำหน้าเศร้าๆอ้อน
“เจาะแล้วเดี๋ยวพี่หมอให้อมยิ้มนะ”
“เบสไม่กินอมยิ้มก็ได้ครับ”
“เจาะนะ ไหนจะไม่ดื้อกับพี่หมอไงครับ เป็นลูกผู้ชายต้องแข็งแกร่ง”
“ได้ครับเบสเป็นลูกผู้ชาย เบสจะไม่ดื้อ ไม่กลัวเจ็บด้วย”
“เก่งที่สุดเลย เบสของพี่หมอ”

เบสเข้ามารักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบสามเดือน เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น พอเข้าโรงพยาบาลตรวจก็ไม่พบว่าเป็นโรคอะไร พอกลับบ้านบางครั้งก็มีรอยช้ำขึ้นเต็มตัว หายใจไม่ออกบ้าง ชักบ้าง หนักเข้าถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นไปหลายนาทีก็มี พี่หมอเลยแนะนำให้แม่น้องพามาอยู่ประจำที่โรงพยาบาลให้มีคนดูแลตลอด๒๔ชั่วโมงเพราะไม่รู้อาการจะกำเริบตอนไหน

“คุณหมอเข้ากับเด็กเก่งจังเลยนะคะ” พยาบาลพลอยพูดระหว่างเดินกลับจากตรวจอาการเบส และคนไข้อื่นๆเสร็จ
“ไม่ต้องมาแซวเลยพลอย เดี๋ยวจะฟ้องคุณดวงดาวว่าวันนี้ไม่ตั้งใจทำงาน”
“อย่านะคะ คราวที่แล้วมาพลอยมาสายยังโดนดุเกือบครึ่งชั่วโมงถ้าคุณหมอไม่มาตามพลอยได้ตายคามือคุณดวงดาวแน่คะ”
“หมอเข้าใจดี หมอก็เจอดุบ่อย” ผมคุยเล่นกับพยาบาลจนเดินมาถึงห้องพัก
“พลอยไปทานข้าวก่อน ถ้าคุณหมอจะไปทานข้าวพลอยแนะนำอย่าไปประตูหน้านะคะ”
“ทำไม?”
“นักข่าวนะสิคะ สงสัยมาตามหาเด็กคนนั้น แล้วหน้าคุณหมอก็ชัดแจ๋วอยู่ในคลิปถ้าคุณหมอออกไปต้องโดนรุมแน่คะ”
“ครับ ขอบคุณนะ”

หลังจากพลอยออกไปผมก็ได้แต่นั่งกุมขมับเพราะไอ้เด็กบ้านั่นแท้ๆทำให้ผมต้องมาวุ่นวายกับเรื่องบ้าๆแบบนี้ จะอะไรซะอีกหละก็ความวุ่นวายในห้องฉุกเฉินวันนั้นไม่ได้จบแค่ในห้องฉุกเฉิน เพราะมีคนถ่ายคลิปแล้วเอาไปลงในโลกออนไลน์ แล้วเดี๋ยวนี้เป็นยังไงก็รู้นะครับ เรื่องความเชื่อผีสางแบบนี้แพร่เร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง คนเข้ามาสาธุๆกันเป็นหมื่นเป็นแสน แถมสื่อหลักทางทีวียังประโคมข่าวหาตัวเด็กหนุ่มกู้ภัยกันให้จ้าละหวั่น คนอื่นๆที่อยู่ในคลิปก็โดนสัมภาษณ์ออกทีวีกันเป็นว่าเล่น แต่ไอ้เด็กต้นตอของปัญหากลับหายตัวเงียบ ผมเบื่อที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องบ้าๆแบบนี้จริงๆ

ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!

“เชิญเลยครับ ประตูไม่ได้ล็อก” ผมพูดกับคนที่มาเคาะประตู แต่ยังไม่ได้หันไปมองว่าเป็นใครที่มา
“มึง โอเคแล้วใช่ไหมวะ”
“ไอ้เด็กบ้า มาทำไรวะ ออกไปเลยไม่ต้องมาก่อกวน”
“กูไม่ได้มากวนนะเว้ย แค่อยากมาดูว่ามึงสบายดีหรือเปล่า”
“สบายดีไม่ได้เป็นอะไร ออกไปได้แล้ว”
“ทำไมต้องพูดกระแทกเสียงใส่กู ทำไมต้องไล่กูตลอดเวลาด้วยวะ เกลียดกูมากหรอ”
“เออ เด็กไม่มีมารยาทไม่อยากคุยด้วย”
“งั้นถ้ากูเรียกมึงว่า คุณหมอ มึงจะคุยกับกูดีๆได้ใช่ไหม”
“เลิกยุ่ง เลิกก่อกวนสักที เราไม่ได้รู้จักกัน เรียกว่าอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอก”
“แต่มึงสำคัญกับกูนะเว้ย” มันทำหน้าเหมือนจะร้องให้ตอนพูดประโยคนี้

ผมไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมคนนี้กันแน่ ตั่งแต่ครั้งแรกที่เจอตอนมันเข้ามารักษา เจอครั้งที่สองตอนมันมาวุ่นวายกับการรักษาคนไข้ ครั้งที่สามตอนที่ทะเลาะกัน ครั้งที่สี่ที่มันเปิดประตูเข้ามาพูดเรื่องบ้าๆต่อหน้าคนอื่น ครั้งที่ห้าที่มันมาทำงานกู้ภัย ทุกครั้งที่เจอหน้ามันให้ความรู้สึกเหงาๆ เหมือนมีอะไรวนๆอยู่ในหัว หน้ามันทำให้ผมหงุดหงิด ทำให้เศร้า และทำให้คิดถึง ความรู้สึกพวกนี้ผมไม่รู้จะจัดการมันยังไง ทางที่ผมเลือกคือไล่มันไปให้พ้น จะได้ไม่ต้องหงุดหงิดอีก แต่มันก็ยังมาวนเวียนรอบๆตัวผม น่ารำคาญชะมัด

“พูดมาให้จบๆ ว่าต้องการอะไร แล้วก็ไปได้แล้ว” ผมพูดตัดรำคาญ
“แค่อยากมาเจอ ขอมาเจอมึ.. ขอมาเจอคุณหมอได้ไหม”
“คิดว่าผมว่างขนาดนั้นหรอ หรือคิดจะมาก่อกวนอะไรที่โรงพยาบาลอีก”
“เปล่า ก็แค่อยากเจอ”
“งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด เชิญกลับได้แล้..”
“คุณหมอคะ น้องเบส น้องเบส หายใจไม่ออกคะ”

ผมพูดยังไม่ทันจบประโยคก็มีพยาบาลวิ่งเข้ามาแจ้งถึงอาการน่าเป็นห่วงของคนไข้ตัวน้อย ผมรีบวิ่งตามเธอไปโดยมีไอ้เด็กบ้าวิ่งตามมาติด

“ตามมาทำไม”
“ผมรู้จักกับเด็กคนนั้นครับ ขอผมไปด้วยนะ”
“ไม่ต้องมามันเกะกะ”
“ผมสัญญาจะไม่เข้าไปยุ่ง ผมแค่ห่วงน้องเขา ขอผมไปด้วยนะครับ”

ผมวิ่งไปเถียงกับไอ้เด็กบ้าไป มันเป็นเด็กบ้าจริงๆ ขนาดชื่อมันยังไม่เคยบอกผมเลยซักครั้ง แต่ก็ไม่ใช่เวลาจะมาเถียงกัน ผมต้องรีบไปดูเบสก่อน ผมปล่อยให้มันวิ่งตามมาจนถึงในห้องเบส ผมชี้ให้มันไปยืนอยู่มุมห้อง มันก็ดูเชื่อดีไม่เถียงอะไร อาการของเบสตอนนี้เหมือนคนที่กำลังขาดอากาศมือคว้าไปในอากาศเหมือนพยายามผลัก หรือดึงอะไรสักอย่าง

“เบสๆ มองหน้าพี่หมอนะ เบสค่อยๆหายใจนะ หายใจลึกๆตามพี่หมอนะ ฮีบ”
“พี พี่ เหอ พี่หมอ ฮือ ช่ว ช่วย เบสด้วย”  เสียงเบสเบาจนผมแทบจะไม่ได้ยิน
“ได้ครับพี่หมอจะช่วยนะ พี่หมอขอตรวจก่อนนะ”

ผมฟังเสียงปอดน้องมันไม่ปกติเลย ผมจะทำยังไงดี ผมคลำไปรอบตัวมองหาอาการที่จะบ่งชี้ว่าน้องเป็นอะไรกันแน่ ผมมองหาคิดถึงทุกย่างที่ผมเรียนมาแต่ก็ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่าน้องเป็นอะไร จนผมเห็นรอยแดงที่คอของเบส

“นี่รอยอะไรครับ มีต้องแต่ตอนไหน” ผมเงยหน้าถามพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“ไม่ทราบคะคุณหมอ ตอนที่วิ่งไปตามคุณหมอก็ยังไม่มีมีรอยแบบนี้เลยนะคะ”
“ไปตามหมอพัฒหรือยัง”
“คุณหมอพัฒกำลังมาคะ”

เมื่อเหตุการณ์มันเกินความเข้าใจของผมแล้ว ผมเลยเลือกที่จะรอพี่หมอมาช่วย โดยผมพยายามจัดท่านอนของเบสให้หายใจได้คล่อง และคอยประคองอาการไว้ให้ดีที่สุด แต่เบสก็ยังดูทรมาน ผมรู้สึกเหมือนใจจะขาดทั้งที่เรียนมาต้องหลายปีแต่ไอ้หมอบ้าๆอย่างผมกับช่วยอะไรไม่ได้ โคตรเจ็บใจ เจ็บใจโว้ยที่ทำอะไรไม่ได้

“ขอผมดูหน่อยครับพยาบาล”

อยู่ดีๆไอ้เด็กบ้านั่นก็เข้ามา มันผลักพยาบาลออกแล้วแทรกตัวมาจับตัวเบสก่อนจะทำท่าทีปัดไปในอากาศ มันทำเหมือนกับว่ากำลังผลักอะไรสักอย่างออกไป อารมณ์ผมในตอนนั้นโกรธจนแทบคลั่งทั้งที่ผมช่วยอะไรเบสไม่ได้ ทั้งที่ไอ้คนตรงหน้าเข้ามาวุ่นวายกับการรักษา และที่มันไม่รักษาสัญญา

“ออกไป” ผมตะโกนเสียงดังจนมันสะดุ้ง
“ขอเถอะหมอ ขอเวลาผมแปปเดียว”
“มึงออกไป” ผมกั้นอารมณ์โกรธไม่ไหวจนเผลอเรียกมันหยาบคาย
“ขอผมช่วยน้องก่อนแล้วจะออกไป”
“บอกให้ออกไป”

มันไม่เชื่อคำพูดผม มันแตะตัวเบส และพยายามทำเหมือนทุกครั้ง ทำเรื่องบ้าๆเหมือนทุกครั้งที่มันเคยทำ มันทำสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด มันคิดว่าการทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นจะช่วยให้คนอื่นรอดได้

“หยุด กูบอกให้หยุด มึงคิดว่าไอ้การท่องบ้าๆนั่นจะช่วยคนป่วยได้หรือไง” ผมแผดเสียงจนมันหน้าซีด
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องแต่ มึงออกไป กูบอกให้ออกไป” ผมรวบข้อมือมันที่กำลังแตะตัวเบสอยู่
“ปล่อยก่อน กูเจ็บ”

มันสะบัดมือออก และทำแบบเดิม ทำเรื่องบ้าๆแบบเดิมซ้ำๆอยู่อย่างนั้น เบสตอนนี้ดินแรงขึ้น มันพูดให้เด็กที่หายใจไม่ออกดินแรงขึ้น มันบอกให้เบสผลักออกไป มันบอกให้เบสสู้กับอะไรในอากาศ  พอดีกับพี่หมอเดินเข้ามา  อารมณ์ผมที่พยายามกดไว้ก็ระเบิดออกมา ผมฝากให้พี่หมอช่วยดูแลเบส แล้วกระชากไอ้เด็กมานั้น ลากมันออกมาจากตรงนั้น ผมออกแรงกระชากจนมันตัวปลิวตามออกมา

“ปล่อยนะเว้ย กูเจ็บ”
“ตามมาไม่ต้องพูดมาก”
“มันเจ็บ เดินเองได้ไม่ต้องลาก”

ถึงมันจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ยังไม่ปล่อยมือผมยังลากมันอยู่แบบนั้น จนถึงหน้าห้องทำงานผมเปิดประตูแล้วเหวี่ยงมันเข้ามาข้างใน แล้วปิดประตูอย่างแรง ถ้าใครอยู่แถวนั้นคงได้ยินกันหมด

“มึงจะหยุดทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ได้ยัง เมื่อไหร่มึงจะหยุด” ผมตะโกนใส่หน้าแบบที่ตอนนี้ผมโคตรอารมณ์เสีย
“หยุดอะไร กูก็แค่ช่วยน้อง”
“ช่วย ช่วยหรอ ช่วยให้มันตายหรอวะ คิดว่าไอ้เรื่องเวทมนต์หมอผีแบบนั้นมันจะช่วยใครได้วะ มึงเชื่อจริงๆหรอว่าทำแบบนั้นแล้วจะช่วยใครได้ มึงเห็นตอนจะออกมาไหมว่าเด็กมันอาการแย่แค่ไหน”
“กูผิดหรอวะ กูก็แค่อยากช่วยแบบที่กูทำได้”
“สิ่งที่มึงทำได้ก็คือออกไป แล้วอย่ามาที่นี่อีก สิ่งที่มึงทำได้มันมีแค่นี้แหละ”
“กู...”
“ไป กูขอร้อง ออกไป”

พูดเสร็จผมดูมองมันที่ทำหน้าเศร้าเดินคอตกออกไป ก่อนที่จะมานั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะทำงาน ทำไมต้องเป็นแบบนี้ทั้งที่ผมไม่ได้เกลียดมันแท้ๆ ทั้งที่ผมมีความรู้สึกมากมายให้กับมัน ทำไมมันต้องทำสิ่งที่ผมไม่ชอบด้วย ทุกคนอาจจะมองว่าการที่ผมไม่ชอบ หรือเกลียดเรื่องไสยศาสตร์มันดูไร้เหตุผลเกินไป เรื่องความเชื่ออาจจะเป็นเรื่องที่คอยหล่อหลอมจิตใจ เป็นสิ่งที่ทำให้คนทั่วไปเชื่อมั่น และแข็งแกร่ง  แต่สำหรับผมมันคือจุดอ่อน มันคือความอ่อนไหวในส่วนลึกของจิตใจ ผมยังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้ดี วันที่ท้องฟ้าเป็นสีส้มผมทะเลาะกับที่บ้านเรื่องย้ายโรงเรียนผมขังตัวเองอยู่ในห้องแล้วหลับไป แต่เหมือนเวลามันไหลผ่านไปเนิ่นนาน ผมได้เจอกับเหตุการณ์ต่างๆมากมายทั้งร้าย และดีระหว่างที่หลับฝัน แต่สุดท้ายตอนที่ผมตื่นขึ้นมามันยังเป็นเวลาเดิมเวลาที่ท้องฟ้ายังเป็นสีส้มเหมือนเดิม เหมือนทุกอย่างถูกย้อนกลับมา แต่มันมีบางอย่างที่ย้อนกลับมาพร้อมกับเวลา มันคือความเศร้าที่ตกค้างอยู่ในใจ เศร้าเหมือนผมเสียอะไรบางอย่างไปแบบไม่มีทางที่จะได้มันคืนกลับมา อีกอย่างที่ติดค้างกลับมาด้วยคือความเกลียดชัง เกลียดชังต่อความเชื่อ เกลียดชังต่อสิ่งที่อธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้ ผมเกลียดชังมันเพราะมันทำให้ผมเสียอะไรบางสิ่งไป

“เก้า น้องเบสโอเคแล้วนะ น้องอยากเจอเก้า รีบไปหาน้องสิ”
“ครับพี่พัฒ” ผมใช้มือปาดน้ำตาที่เปื้อนอยู่บนแก้ม
“เป็นไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ แค่ปวดหัวนิดหน่อยครับ”
“รีบไปหาน้อง แล้วกลับมาพักนะ ถ้ายังรู้สึกไม่สบายก็กลับก่อนได้เลยนะเดี๋ยวพี่จัดการที่เหลือให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค”

ผมพูดกับพี่หมอแค่นั้น แล้วรีบตรงไปดูอาการเบส ผมเห็นเบสกำลังนอนอยู่ แม้แววตาจะไม่สดใสเหมือนที่ผมเข้าไปคุยด้วยเมื่อเช้า แต่ก็ดูสบายขึ้น และไม่ทรมานเหมือนเมื่อครู่ ผมพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุดก่อนจะเข้าไปคุยกับน้องเบส

“เป็นไงบ้างครับ คนเก่งของพี่หมอ” ผมนั่งข้างๆเตียง แล้วจับมือเล็กขึ้นมากุมไว้
“เบสไม่เป็นไรแล้วครับ”
“เก่งมากครับ ถ้าไม่เป็นไรแล้วยิ้มให้พี่หมอหน่อยสิครับ”
“เบสจะยิ้มให้พี่หมอดูก็ได้ครับ แต่พี่หมออย่าดุเบสแบบที่ดุพี่คนนั้นนะครับ เบสกลัว”
“เบสไม่ใช่เด็กดื้อ พี่หมอไปดุเบสหรอกครับ”
“พี่ชายเขาก็ไม่ใช่เด็กดื้อนะครับ เขามาช่วยเบสจากปีศาจสีดำ แล้วทำไมพี่หมอยังดุเขาหละครับ”
“ปีศาจสีดำ?”
“ใช่ครับ ปีศาจสีดำชอบมาแกล้งเบส วันนี้ก็มาบีบคอเบสจนเบสหายใจไม่ออก เบสบอกให้พี่หมอช่วย แต่พี่หมอมองไม่เห็นปีศาจสีดำเลยช่วยเบสไม่ได้”
“เบสโกรธไหมครับที่พี่หมอช่วยเบสไม่ได้”
“ไม่หรอกครับพี่หมอ พี่ชายเพื่อนพี่หมอช่วยเบสไล่ปีศาจสีดำ พี่หมอพาพี่ชายมาช่วยเบส เบสไม่โกรธพี่หมอ”
“ครับ”

 ผมตอบเบสแค่นั่นแล้วนั่งกุมมือเบสอยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไร

“พี่หมอครับ แล้วเบสจะได้เจอพี่ชายอีกไหมครับ พี่หมอช่วยไปตามพี่ชายมาได้ไหม”
“พี่ชายกลับบ้านแล้วครับ เบสเบื่อพี่หมอแล้วหรอ คิดถึงแต่พี่ชายคนใหม่”
“เปล่านะๆ เบสรักพี่หมอที่สุด แต่เบสอยากให้พี่ชายมาช่วยเบสอีกเวลาปีศาจสีดำมา”
“พี่ชายโกรธพี่หมอแล้วครับ ไม่รู้พี่ชายจะมาอีกหรือเปล่า”
“พี่หมอก็ไปขอโทษพี่ชายสิครับ พี่ชายต้องยกโทษให้แน่ๆ แล้วพี่หมอก็จะได้พาพี่ชายมาหาเบสอีก”
“ครับ พี่หมอจะพยายามนะครับ”
“ครับเบสรักพี่หมอที่สุดเลย”

ผมอยู่กล่อมเบสจนหลับ แล้วกลับมาทำงานต่อที่ห้องจนดึก ตลอดเวลาผมนั่งทบทวนสิ่งที่ทำในวันนี้ ทบทวนกับคำพูดของเบส ทบทวนกับสิ่งที่ผมทำ “ทำเกินไปหรือเปล่าวะ” นี่คือสิ่งที่วนอยู่ในหัวผมตอนนี้ และมันก็วนอยู่อย่างนั้น เหมือนกับความรู้สึกของผมที่มีอยู่ตอนนี้กำลังสั่นไหวแบบที่ไม่ได้รู้สึกมานาน

.....................................................................
จะไม่แตะพี่หมอเก้าอีกแล้ว เรื่องอาการ และการรักษาคนเขียนมั่วขึ้นเองผิดพลาดขออภัยแค่อยากให้มันเป็นจุดเชื่อมสุูดราม่า น้องเบสมาแล้วกามเทพน้อยๆจะช่วยแผลงศรรักหรือมาป่วน รอติดตามนะครับ ขอให้อ่านให้สนุก ขอบคุณนะครับที่มาอ่าน
 :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด