ด้วยรัก และโหงพราย
ตอนที่ ๑๙
“ไอ้หนู กินข้าว ”
“ไอ้หนู”
“ไอ้หนู”
“ฮะ ฮะ ครับยาย”
“เป็นอะไรนั่งเหม่อมาหลายวันแล้วนะ”
ผมออกจากโรงพยาบาลมาหลายวันแล้วครับ ตอนนี้ก็กลับมาพักอยู่ที่บ้านได้เกือบๆสองอาทิตย์ ช่วงที่กลับมาใหม่ๆยายน้อยก็บังคับขู่เข็ญให้ผมไปอยู่ด้วย ผมก็ปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่าผมจะต้องมากินข้าวกับแกทุกวัน
“นั่งเหม่อมาหลายวันแล้วนะ คิดอะไรอยู่” ยายน้อยถามหน้ายู่เมื่อเห็นผมนั่งเหม่อเป็นรอบที่สามร้อยของวัน
“ตั่งแต่กลับบ้านมา ต๊ะก็ไปโรงพยาบาลเป็นร้อยรอบแล้วนะยาย แต่ไอ้หมอบ้านั่นไม่ยอมให้เจอเลย”
“ห่วงแต่เรื่องผู้ชายว่างั้น ไอ้หลานคนนี้”
“ห่วงสิครับยาย เพื่อนคนเดียวเลยนะ”
“เพื่อนแน่นะ”
“แน่สิยาย ถ้าแซวอีกจะกลับไปนอนแล้วนะ”
“เออๆ ข้าไม่พูดแล้ว”
ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละครับทุกอย่างในชีวิตผมเริ่มกลับมาปกติดีก็เพราะหลายๆคนเข้ามาช่วยเติมเต็ม แม้ผมจะเหงาบ้าง คิดมากบ้างเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว แต่ตอนที่อยู่กลับยายน้อยแกก็มักจะทำให้ผมคิดได้เสมอว่าชีวิตคนเรามันก็ต่อสู้ดินรนกันทั้งนั้น และตอนนี้ผมก็มีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ เพราะฉะนั้นตอนนี้ไม่มีเหตุผลให้ผมต้องทรมานตัวเองอีกแล้ว
“ว่าแต่เรื่องเรียนจะเอายังไง เองนั่งๆนอนมาหลายวันแล้วนะ”
“ไม่รู้สิครับยาย ผมไม่มีเงิน ไม่มีเอกสาร หลายๆอย่างก็วุ่นไปหมด”
“ไอ้เด็กบ้า ทำไมไม่บอกยาย เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่หลอกนะ ยายช่วยได้”
“แต่ผมไม่อยากรบกวนนี่ครับ”
“แต่เอกสาร เราจะทำไงดีวะ”
“ยาย ต๊ะไม่อยากรบกวนนะครับ”
“เอาอย่างนี้ เองไปหาเอกสารดีๆว่าเจอไหม เรื่องเรียนเดี๋ยวยายขอคิดก่อน”
“ยายฟังต๊ะหรือเปล่าครับ ต๊ะไม่อยากรบกวนไง”
“เอ๊ะไอ้เด็กคนนี้พูดไม่ฟัง เองเป็นหลานยายมันจะกวนอะไรวะ ถ้าเกรงใจมากก็เรียนให้จบไวๆแล้วมาเลี้ยงดูปูเสื่อข้า”
“คือว่า คือ”
“อะ พูดมามีอะไรจะเถียยงก็พูดมา”
“แต่ถ้าไปเรียน แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปหาไอ้หมอหละครับ”
ป้าน้อยดูอึ้งๆเหมือนกันตอนที่ผมพูดประโยคนี้ออกไป แต่สักครู่ก็เผยรอยยิ้มที่มีความเอ็นดูแฝงอยู่ออกมา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แปลกๆแฮะ
“เออ ที่เองพูดมามันก็มีเหตุผล แต่เองไปเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นหมอก็ยังไม่ให้เจอ ”
“ก็ใช่สิยายพูดแล้วโมโหชะมัด”
“แต่ที่เองไปสร้างเรื่องไว้มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ พูดถึงแล้วข้าก็อายแทน”
เรื่องนี้แหละครับเล่นเอาผมต้องนั่งกุมขมับอยู่ตลอดเวลาสองวันก่อนออกจากโรงพยาบาล ทุกคนคงจำเรื่องที่ผมไปโวยวายใส่ไอ้หมอเก้าได้ พูดถึงแล้วยังอายไม่หาย ตอนนั้นพอเปิดประตูพรวดเข้าไปผมก็หลับหูหลับตาพูดประโยคประหลาดๆเหมือนสารภาพรักออกไปไม่ยั้ง โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนั้นในห้องมีอะไรอยู่บ้าง พอลืมตาเท่านั้นแหละครับทั้งหมอ ทั้งพยาบาลกำลังนั่งคุยงานกันอยู่เป็นสิบคน ผมนี่ยืนข้างตาเหลือก ส่วนไอ้หมอเก้าก็ทั้งโกรธทั้งอายมั้ง หน้ามันนี่แดงควันออกหูเลยครับ
“ยายขอระคมพลก่อน”
ยายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะโทรเรียกใครสักคนให้มาหา สักพักผมได้ยินเสียงแว๊นมอเตอร์ไซต์มาตั่งแต่ปากซอยเลยครับจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้าพรปากสุดแซ่บ และสามีของเธอ มาถึงหน้าบ้านยาย น้าเสน่ห์ยังไม่ทันจอดรถดี น้าพรก็กระโดดพุ่งตรงมาที่โต๊ะที่ผมกับยายนั่งคุยกันอยู่
“มีอะไรจ๊ะยายโทรเรียกฉันมา”
“ข้ามีแผนจะช่วยไอ้หนูมัน แต่ข้าต้องการให้เองกับไอ้เสน่ห์ช่วย”
“ไม่มีปัญหายายสั่งมาได้เลยเรื่องสนุกแบบนี้ฉันพร้อม”
จากนั้นทั้งสองคนก็กระซิบกระซาบกันอย่างออกรสออกชาติ แต่ผมนี่สิรู้สึกเสียวสันหลังวาบยังไงไม่รู้ จนน้าเสน่ห์เดินเอามือมาตบไหล่เบาๆพร้อมหน้ากังวลแปลกๆ
“เตรียมตัวได้เลยไอ้หนู ถ้ายายน้อยเป็นคนวางแผนนะยังไงก็สำเร็จ แต่ก็ลำบากด้วย”
นี่สินะที่เขาเรียกกันว่ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ผมได้ฟังแต่ละอย่างที่ยายกับน้าพรพูดออกมานี่อึ้งเลย คนพวกนี้ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่หรอ ไอ้เอกสารตรงหน้าที่น้าพรเอามากองบนโต๊ะนี่สิ เล่นเอาผมอึ้งไปเลย หลังจากวันที่ยายสั่งการน้าพรก็หายไปสองวันแล้วกลับมาพร้อมเอกสารข้อมูลครอบครัว ที่อยู่ รายได้ ตารางเวร เพื่อนร่วมงานของหมอเก้าอย่างละเอียดยิบ แล้วที่น่ากลัวที่สุดคือไดอารี่ไอ้หมอเก้าที่โดนถ่ายเอกสารพร้อมเข้าเล่มเข้ามาอย่างเรียบร้อย
“ยายครับ นี่มันไม่เกินไปหรอ”
“เอ้าไอ้นี่ จะเข้าไปหาเขาก็ต้องรู้เรื่องเขาสิวะ”
“แล้วน้าพรไปเอามายังไงเนี่ย เดี๋ยวก็โดนจับหรอก”
“ไอ้นี่ปากเสีย อย่ามาดูถูกหัวหน้าสมาคมขาเม้าประจำตำตลแบบข้านะโว้ย ของแค่นี้จิบๆเพื่อหลานเขยของข้านะ”
“หลานเขย?”
“นังพร ข้าบอกแล้วใช่ไหมอย่าพูดมาก”
ผมพึ่งรู้สึกถึงความหน้ากลัวของชาวบ้านแถวนี้ก็ตอนนี้แหละครับ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่ายายที่อยู่ข้างบ้านน่ากลัวขนาดนี้
“เอาหละวันนี้แค่นี้ก่อนพร เสน่ห์ ทำเรื่องที่ข้าขอเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ใช่จะยาย ตอนนี้ไอ้หนูเป็นลูกบุญธรรมของฉันเรียบร้อยแล้ว”
“ฮะ”
“โอเค พรุ่งนี้เองพาไอ้หนูไปสมัครเรียน กสน. ด้วย”
“ทำไมไม่ให้มันเรียนโรงเรียนปกติหละยาย”
“เอ๊ะนังพรนี่ ไอ้หนูมันไม่สะดวกถ้าไปเรียนโรงเรียนปกติเอกสารมันยุ่งยากกว่า แถมมันยังไม่มีเวลาไปหลานเขยข้าสิวะ”
“ยาย!!!!!!”
ผมเรียกยายเสียงดังกลบอาการเขิน ก็ไอ้การโดนล้อแบบนี้มันไม่ชินนะสิ แถมไอ้การที่เรียกไอ้เก้าว่าหลานเขยมันก็น่าอายสุดๆ ทั้งสามคนหัวเราะกันร่วนไม่สนใจหน้าแดงๆของผมเลย
“แล้วไอ้หนูหลังจากสมัครเรียนเสร็จพรุ่งนี้เตรียมตัวให้ดีหละ ข้าจะเริ่มแผนขั้นที่สองแล้ว”
“ขั้นสอง?”
“แผนอยากได้เสือต้องบุกเข้าถ้ำเสือ”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!
เสียงหัวเราะของทั้งสามคนยังดังติดหูผมเลย ผมว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้ไม่ใช่การที่ผมมองเห็นวิญญาณแล้วหละ แต่เป็นแก๊งยายน้อยกับน้าพรมากกว่า การทำให้ผมที่ไม่มีตัวตนกลายเป็นบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมายได้นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว
แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามที่ยายจัดการ ช่วงเช้าของวันนี้ผม น้าพร และน้าเสน่ห์ไปจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ และก็เรื่องสมัครเรียนตอนนี้ผมกลับมาเป็นเด็กมอปลายอย่างปกติแล้วครับ แม้ว่าจะต้องกลับมาเริ่มเรียนมอสี่ใหม่ก็เถอะ หลังจากนั้นน้าทั้งสองคนก็กลับมทส่งผมที่บ้าน และน้าเสน่ห์ก็ยังไม่ลืมเตือนผมเรื่องเย็นนี้ที่ต้องเริ่มแผนอยากได้เสือต้องบุกเข้าถ้ำเสือ และช่วงเย็นวันนี้ผมก็ได้รู้เหมือนกันว่าน้าเสน่ห์นี่ก็ร้ายไม่เบาไม่กว่าน้าพร หรือแม้แต่ยายน้อย
“เอาอย่างนี้จริงๆหรอน้า”
“เอาจริงสิวะ น้าอุตส่าห์ไปสมัครกับเองเลยนะ”
“เราจะไม่ไปสร้างปัญหาให้งานเขาหรอน้า”
“น้าเลือกแผนนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องช่วยเองอย่างเดียวนะ แต่น้าอยากทำงานช่วยคนอื่นแบบนี้มานานแล้ว”
“ตกลงจะเอาแบบนี้จริงๆใช่ไหมน้า”
“เออสิวะ ว่าแต่เองเถอะ ไม่กลัวเลือดกลัวผีใช่ไหม”
“เรื่องผีนี่ไม่ต้องห่วงหรอกน้า ผมถนัดเรื่องนี้สุดๆไปเลยหละ”
“ดี งั้นลุยกันเลย”
หว๋อ หว๋อ หว๋อ!!!!!!!!
เสียงไซเลนดังสนั่นขณะที่ผมนั่งอยู่ด้านหน้ารถที่กำลังขนผู้ป่วยจากอุบัติเหตุรถชนไปส่งที่โรงพยาบาล ใช่แล้วครับ แผนของยายกับเดอะแก๊งคือให้ผมมาช่วยงานอาสาสมัคร และที่แยบยลไปกว่านั้นคือการที่ให้ผมมาเข้าเวรเฉพาะวันที่หมอเก้าอยู่เวรห้องฉุกเฉิน แต่เรื่องแบบนี้ก็อย่างที่น้าเสน่ห์พูดไว้นั่นแหละครับเราไม่ได้มากันเล่นๆ แต่เราช่วยงานอย่างเต็มที่ถึงแม้ว่าจะมีผลประโยชน์แอบแฝงก็เถอะ และดูเหมือนพลังของผมก็จะสร้างประโยชน์ได้เต็มที่ด้วย
“หัวหน้า น้ำหน่อยไหมครับ”
“เออ ขอบใจ”
“คืนนี้ขอบใจมากนะเว้ยไอ้ต๊ะ ถ้าไม่ได้มึงคงได้หาศพกันทั้งคืน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ค่อยได้ออกแรงช่วย ก็ขอช่วยเรื่องอื่นแล้วกันนะครับ”
“ก็จริงของมึง จะให้ยกนั่นยกนี่ก็คงทำไม่ไหวจริงๆแหละวะ ตัวเล็กหน่อมแน้มยังกับผู้หญิง ตอนไอ้เสน่ห์พามาช่วยงานครั้งแรกกูกะจะไม่รับ ดีนะมึงสู้งานดีกูเลยรับไว้”
“หัวหน้าก็ชมเกินไป ผมตัวลอยแล้วเนี่ย”
“แต่กูถามจริงๆเหอะหวะ วันนี้มึงรู้ได้ไงวะ ว่าศพลอยข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วตกไปในคูน้ำ”
“เขาเรียกนะครับ ขอให้ผมช่วย”
“เรียกหรอวะ แต่ศพเละขนาดนั้น น่าจะตายคาที่ไม่น่าร้องให้คนช่วยได้มั้ง”
“เออใช่ครับ ผมน่าจะหูแว่ว หรือลางสังหรณ์มั้งครับก็เลยเจอ”
ผมยังคงปิดทุกคนครับเรื่องพลังของผม ผมไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่า ไม่อยากให้ตนรอบตัวต้องมาเจอเรื่องร้ายๆแบบที่ผมเจอ แต่ผมก็ยังใช้พลังในการช่วยคน ถ้าผมใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ชีวิตผมอาจจะมีความสุขมากกว่าแต่ก่อนก็ได้ ผมคิดปลอบใจตัวเองแบบนั้น
“กู้ภัยข้างนอก ขอคนช่วยห้องฉุกเฉินหน่อยครับ คนไม่พอ”
ส่วนเรื่องไอ้หมอเก้าหรอครับ จะว่าคืบหน้าก็คืบหน้า จะว่าไม่ได้เรื่องก็งยังไงๆอยู่ ถึงผมจะได้เจอมัน แต่ก็ดูเหมือนมันพยายามจะเลี่ยงๆที่จะคุยกับผม ตอนมันเห็นผมครั้งแรกในชุดกู้ภัยผมดูหน้ามันก็รู้ว่าแทบอยากจะวิ่งมาขย้ำคอผม แต่ทำไงได้หละครับสถานการณ์บังคับให้ผมกับมันต้องทำงานด้วยกัน มันจะบ่นอะไรได้ และดูเหมือนผมก็ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในโรงพยาบาลนี้ด้วย จะด้วยข่าวเรื่องในห้องคราวนั้น หรือเรื่องที่ผมมานั่งเฝ้าขอเจอมัน ทำให้เวลาผมเดินเข้าโรงพยาบาลทีไรพยาบาลต้องกระซิบกระซาบนินทาผมอยู่เป็นระยะ
“พยาบาลช่วยย้ายคนป่วยที่รักษาเสร็จแล้วไปห้องพักฟื้นด้วยนะครับ”
“คะ หมอเก้า”
“กูภัยเอาผู้ป่วยที่รออยู่เข้ามาเลยครับ”
“ครับหมอ”
ทั้งที่แต่ก่อนมันเคยเป็นไอ้นักเลงหลังห้องแท้ๆ ตอนนี้กลับเป็นหมอหนุ่มอนาคตไกล ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยครับที่ตอนนั้นผมยอมให้ตัวเองเจ็บ มันคุ้มจริงๆครับที่ได้กลับมาเห็นภาพแบบนี้ ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้นะครับเรื่องที่มันเป็นนักเลงหลังห้องเพราะตอนที่เรียนด้วยกันเวลาประกาศผลการเรียนมันก็ดูไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ หรือจริงๆมันเรียนเก่งมาต้องแต่แรกวะ รู้แบบนี้ตอนนั้นผมน่าจะใส่ใจมันมากกว่านี้นะครับ
กูจะเอาชีวิตพวกมันทุกคน ใครที่ช่วยพวกมันกูก็จะไม่เว้น!!!!
“เหี้ย เสียงใครวะ ชิบหายแล้วสิ”
“พยาบาลพลอยโทรตามหมอท่านอื่นด่วนเลย ตอนนี้หมอเก้าสลบไปแล้วคะ”
หลังจากที่ผมได้ยินเสียงแปลกๆ จู่ๆในห้องฉุกเฉินก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ผมได้ยินพยาบาลคุยกันว่าไอ้เก้าสลบไป หรือจะเกี่ยวกับเสียงที่ผมได้ยิน ผมควรจะเข้าไปช่วยมันหรือเปล่า
“พยาบาลครับเกิดอะไรขึ้นหรอครับ”
“หมอในห้องฉุกเฉินสลบคะ เจอคนไข้คลุ้มคลั่งเหวี่ยงหัวเลยไปกระแทกขอบเตียงสลบไปเลยคะ”
“คนไข้คลั่งหรอครับ”
“ใช่คะเป็นเด็กวัยรุ่นผู้ชาย ขนาดกู้ภัยสี่คนช่วยกันจับก็ยังสู้แรงไม่ไหว หมอจะเข้าไปช่วยก็เลยโดนด้วยคะ”
เชี่ย เป็นอย่างที่ผมคิดเลยครับ เป็นเพราะไอ้เสียงที่ผมได้ยินจริงๆด้วย ทำไงดีวะ
“อ้าวต๊ะ มายืนทำไรอยู่นี้ไม่กลับหรอหวะ หัวหน้าตามหาอยู่”
“เกิดเรื่องแล้วสิน้า มีคนคลุ้มคลั่งทำร้ายหมอเก้า”
“ใครบังอาจมาทำร้ายหลานเขยวะ น้าจะเข้าไปจัดการมัน” ใช่เวลามาพูดแบบนี้ไหมหละเนี่ย
“โอ้ยเดี๋ยวก่อนน้า เข้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
“ทำไมวะ เรื่องใช้แรงนี้น้าไม่แพ้ใครนะเว้ย”
“เรื่องนั้นรู้แล้วครับ แต่ต๊ะมีอะไรให้น้าช่วยก่อน”
“ว่ามาสิ ”
“น้าช่วยไปหาใบทับทิม กับไปหยิบสายสิญจน์หน้ารถกูภัยมาให้หน่อยนะครับ”
“โอเค แค่นี้ไม่มีปัญหา รอก่อนนะไอ้หลานเขยน้าจะรีบกลับมาช่วย”
ผมหละเหนื่อยใจจริงครับ ทั้งที่ปกติเวลาอยู่กับน้าพรน้าเสน่ห์ดูเป็นคนเรียบร้อยสุขุมแท้ๆ แต่พอมารวมกับกลุ่มเพื่อนหน่วยกู้ภัย กับกลายเป็นไอ้พวกบ้าดีเดือดเอาซะดื้อๆ แต่เรื่องที่ผมควรห่วงตอนนี้ไม่ใช่เรื่องบ้าๆของน้าเสน่ห์หรอกครับ แต่เป็นเรื่องไอ้ผีบ้าที่อยู่ในห้องนั้นต่างหาก ไอ้ผีเลวเอ้ย ทำให้ผมต้องกลับมาใช้พลังของตัวเองอีกแล้ว ถ้าคนเห็นได้กลายเป็นเรื่องแน่ แต่เอาไงเอากันวะ ขอช่วยคนให้ได้ก่อนแล้วกัน
“ได้แล้ว ดีนะหัวหน้าเชื่อเรื่องผีเลยเด็ดใบทับทิมติดรถไว้”
“เข้าไปกันเหอะน้า”
ผมเข้ามาในห้องฉุกเฉินแล้วก็เห็นจุดที่หน่วยกู้ภัยกำลังยืนงกๆเงิ่นๆล้อมใครสักคนไว้ ดูสถานนักการแล้วไม่สู้ดีเท่าไหร่ แถมไอ้หมอเก้าตัวดียังมานอนสลบเหมือดอยู่ตรงนั้นอีก ไอ้ผีชั่วเอ้ยคนมันก็สลบไปแล้วนะเว้ยยังยืนค่อมไว้ไม่ยอมให้ใครเข้าไปช่วยอีก ชักจะหยุดหงิดเข้าแล้วสิกู ไม่รู้จะทำได้เท่าพ่อแต่ก่อนหรือเปล่า ปกติก็ได้แต่มองเห็นวันนี้ต้องมาจัดการเองขอใส่แบบเต็มชุดใหญ่เลยแล้วกัน
“หลีกหน่อยครับ ขอทางให้หลานผมหน่อย”
“หลานมึงจะทำอะไรวะเสน่ห์ ถือแก้วน้ำเข้ามาจะให้ไอ้บ้านั่นกินหรือไง”
“ไม่รู้เหมือนกันพี่หลาม แต่มันบอกว่าช่วยได้ ผมก็เลยให้มันมาเนี่ย”
“ไอ้บ่าเอ้ย รีบไปเอามันออกมา ขนาดพวกข้าสี่ห้าคนยังโดนถีบกระจายแล้วไอ้เด็กน้อยๆนั่นจะทำอะไรได้”
“รอดูก่อนพี่หลาม ผมว่าถ้ามันไม่มั่นใจมันไม่ขอผมเข้ามาหรอกพี่”
ตอนนี้ผมยืนประจันหน้าอยู่กับไอ้ผีชั่วตัวซวย แถมยังมีหน่วยกูภัยหลายคนยืนล้อมดูสถานการณ์อยู่ ถ้าผมเป็นอะไรไปก็ช่วยผมด้วยแล้วกันนะครับพี่ๆทั้งหลาย
“พี่ผีครับช่วยปล่อยหมอออกมาเถอะนะครับ ขอร้องหละ”
“กูไม่ปล่อย กูจะฆ่าพวกมันให้หมด” เอ้าไอ้ผีนี่ปากดีนะมึง
“ออกมาเถอะไอ้หนูมันอันตราย พวกข้าลองคุยกับมันแล้ว แต่มันคงเมายาคุยกับใครไม่รู้เรื่องหรอก”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับลุงหลาม แค่นี้สบายมาก”
พ่อจ๋า แม่จ๋า ท่านเทพช่วยเป็นพลังให้ผมขจัดสิ่งชั่วร้ายนี้ด้วยนะครับ
มะโทรัง อะตะระโร เวสะวะโน นะหากปิ ปิสาคะตาวาโหมิ มหายักขะ เทพะอนุตะรัง เทพะดา เทพะเอรักขัง ยังยังอิติ เวสะวะนันภูตัง มหาลักชามะนง มะภูอารักขะ นะพุททิมะมัตตะนัง กาลปะติทิศา สัพเพยักขา ปะลายัตตะนิ
คาถาขับไล่สิ่งชั่วร้าย
ผมร่ายคาถาใส่น้ำในแก้วที่ถือติดมือมา แล้วใช้ใบทับทิมในมือกวนในน้ำ พ่อเคยสอนคนโบราณเวลาไปงานศพจะพกใบทับทิมไปด้วย และยังต้องเตรียมน้ำใบทับทิมไว้ล้างหน้าหลังจากกลับจากงานศพ เพราะเชื่อกันว่าช่วยป้องกันและขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ ไอ้บ้าเอ้ยดูสายตาคนที่มองผมอยู่ตรงนี้คงคิดว่าผมเป็นไอ้บ้าแน่ๆ
“น้าเสน่ห์ ช่วยจับมันให้หน่อยดิ ต้องเอาน้ำกรอกปากมันอะมันจะได้สงบ”
“เรื่องแรงไว้ใจน้าเลยไอ้หลานชาย”
“ไม่ไหวมั้งคนเดียว ลุงหลามขอช่วยอีกแรงแล้วกัน”
ผมสาดน้ำมนใส่ให้มันลดเรี่ยวแรงของไอ้ผีห่าซาตานจนน้าเสน่ห์กับลุงหลามล็อคตัวมันได้ ผมก็รีบเอาน้ำมนต์ไปกรอกปาก จนไอ้ผีตัวนั้นกรีดร้องลั่นห้องฉุกเฉิน และวิญญาณของมันก็สลายไปในที่สุด ผมรีบบอกให้น้าเสน่ห์เอาสายสิญจ์คล้องคอวัยรุ่นคนนั้นไว้ แล้วรีบเข้าไปดูไอ้หมอเก้า
“ตื่นดิวะ อย่าเป็นไรนะเว้ย”
ผมนั่งตบหน้าเบาๆเรียกสติมันอยู่อย่างนั้นแต่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะฟื้น จนหมอและพยาบาลรีบเข้ามาช่วยกันรักษาทั้งวัยรุ่นต้นเรื่อง และไอ้หมอที่สลบอยู่ ผมรีบปลีกตัวออกมาจากเหตุการณ์ตรงนั้นก่อนจะเกิดเรื่องวุ่นๆ แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูห้องฉุกเฉินเลยครับ ก็เจอ
“ไม่ต้องหนีเลยไอ้หนู อธิบายให้พวกน้าฟังเดี๋ยวนี้”
“อยู่กันครบเลยนะครับทั้ง หัวหน้า ลุงหลาม น้าเสน่ห์ แต่ยายโทรตามแล้วอะครับ ต๊ะขอกลับบ้านก่อนนนนนนนน อยู่ด้วยไม่ได้แล้วววววววว”
.....................................................................................
เราอยากกลับมาหวาน เราอยากกลับมาซึ้งเราอยากกลับมาตลก แต่ท้ายก็ตามมาด้วยดร่ามา และเรื่องผี ความเศร้าใจของคนเขียน