14
คนรัก
“อึก”
กายเล็กสะดุ้งเฮือก เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวเริ่มงับเข้าที่ซิบกางเกง เขาดึงลากลงมาอย่างเชื่องช้า แต่ก็ทำให้ขนกายของนิทานลุกชันด้วยความระทึก
“น่าสนใจดีนะ”
เสียงของพนักงานที่ร่วมประชุมเอ่ยชมถึงสินค้าที่นำเสนอตัวต่อไป นิทานพยายามตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า เขาเลื่อนมือไปดันศีรษะของรามิลให้ออกห่าง แต่ก็โดนรามิลจับมือมางับเลีย
ไอศูรย์ขยับกายเข้ามาใกล้ เขากระซิบลงข้างใบหูเล็ก
“ทำตัวน่าสงสัยแบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอกครับ”
เพราะแบบนั้น นิทานถึงได้รู้ตัวว่าเขามัวแต่ก้มลงไปต่อต้านรามิล เขารีบเงยหน้าขึ้นมามองการนำเสนองานจนเปิดโอกาสให้รามิลได้รุกล้ำเข้ามาสัมผัสกับสิ่งสงวนที่อยู่ภายใต้เนื้อผ้า
“อึก”
นิทานสะดุ้งเฮือก เมื่อแก่นกายโดนมือใหญ่สัมผัส เขากำมือแน่น เหมือนกับว่าตอนนี้กำลังฝึกความอดทน เขาไม่ยอมให้ทุกอย่างต้องพังทลายเพียงเพราะว่าเขายอมแพ้ นิทานนั่งตัวเกร็ง ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว แต่เขาก็รู้ตัวว่ากำลังจะแสดงอาการที่ผิดปกติ
“หยุด”
คนตัวเล็กกระซิบบอกกับรามิลที่กำลังลากลิ้นเลียไปตามความยาวของอวัยวะเพศ แต่เหมือนยิ่งห้ามกลายเป็นยิ่งยุ เพราะนอกจากรามิลจะไม่หยุดแล้ว เขายังขยับตัวมาอ้าปากอมส่วนปลายของแก่นกายเล็ก ในขณะที่ไอศูรย์ยืนมองอย่างพอใจ
“อื้อ”
ใบหน้าน่ารักก้มต่ำลง เสียงครางดังขึ้นในลำคออย่างแผ่วเบาจนไม่มีใครได้ทันสังเกต ยกเว้นไอศูรย์ ในขณะที่รามิลยังเอร็ดอร่อยกับการทานไอศกรีมแท่งร้อนผ่าวขนาดเล็กในปากของเขา นิทานหลับตาลง พยายามไม่ให้ตัวเองสติแตก แต่ทว่าร่างกายเขาก็ร้อนรุ่มเกินกว่าจะถอยกายหนี เขายังต้องการสัมผัสที่เร่าร้อนจากรามิล
เพียงปลายนิ้วเรียวสวยแตะลงไปที่ต้นแขน ขนกายของนิทานก็ลุกชันด้วยความเสียวซ่าน เขาเหลือบตาไปมองไอศูรย์ที่ก้มลงมากระซิบพูดคุย
“มีสมาธิหน่อยสิครับ ท่านประธาน”
ทุกอย่างเหมือนย้ำเตือน นิทานหลับตาลง มันก็จริงอย่างที่ไอศูรย์บอก เขาควรจะตั้งใจในการทำงานมากกว่านี้ มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าหากรามิลไม่ได้เล่นสนุกกับร่างกายเขา กายเล็กสั่นระริก ความเป็นชายชูชัน รับสัมผัสอย่างน่าอาย สะโพกเล็กแอ่นรับความร้อนที่ถ่ายทอด ริมฝีปากสวยขยับขึ้นลงอย่างรัวเร็วและหนักหน่วง ราวกับต้องการรีดน้ำหวานให้หมดจากกายเล็ก
“อื้อ อึก”
นิทานได้แต่กัดฟันแน่น เขาจะปล่อยเสียงครางไม่ได้ แม้ร่างกายจะพยายามอดทนอย่างไร แต่เขาก็ไม่อาจจะต้านความทรมานที่ช่วงล่างได้เลย ร่างเล็กบิดเร่าไปมาอย่างทรมาน ฝ่ามือใหญ่ไล่ขึ้นจากต้นแขนไปหยุดที่ไหล่เล็กแล้วบีบคลึงเบาๆ ก่อนจะกระซิบบอก
“จะอดกลั้นไว้ทำไมล่ะครับ”
“อึก”
เหงื่อเริ่มผุดเต็มใบหน้าน่ารัก นิทานตัวสั่น เขาจับปากกาเอาไว้แน่น เหมือนว่าต้องการหาที่ยึดตัวเองเอาไว้
“ท่านประธานไม่สบายหรือเปล่าครับ”
การนำเสนอสินค้าตัวใหม่สิ้นสุดลง พนักงานระดับสูงหันมาถามประธานบริษัทที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก คนตัวเล็กส่ายหน้ารัวเร็ว
“ไม่ครับ ผะ ผมสบายดี”
“อย่างนั้นเหรอครับ แต่สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ”
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมจะดูแลท่านประธานเองครับ”
ไอศูรย์เดินเข้ามาบอก เขาหันไปยิ้มเพียงเล็กน้อยให้กับนิทาน คนตัวเล็กได้แต่กัดฟัน เพราะไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดออกไป เขาจะเสร็จในตอนนี้ไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้น ทุกคนต้องรู้เรื่องที่เขาทำเรื่องน่าอายกับรามิลอยู่แน่ๆ
“งั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ”
สติของนิทานแทบไม่หลงเหลือ เขาได้แต่มองพนักงานที่เดินออกจากห้องไปจนหมด ไอศูรย์จึงเดินไปปิดประตูแล้วกดล็อกอย่างแน่นหนา
“อะ อ๊ะ อ๊า!”
เมื่อไม่จำเป็นต้องอดกลั้น สายธารร้อนอุ่นก็พวยพุ่งเข้าไปในโพรงปากของ รามิล จนหมดสิ้น คนตัวเล็กฟุบหน้าลงกับโต๊ะ หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ในขณะที่รามิลดูดกินน้ำหวานลงคออย่างพอใจ ก่อนจะผละริมฝีปากออกห่าง
“อดทนได้เก่งจังเลยนะครับ ท่านประธาน”
ไอศูรย์ก้มหน้าต่ำลงมาคุยด้วย จมูกโด่งคลอเคลียที่แก้มนิ่ม นิทานตกใจ ขยับกายถอยหนี รามิลออกมาจากใต้โต๊ะ
“อร่อยจังเลยนะครับ”
ว่าพลางเลียริมฝีปากที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำหวานสีขาวขุ่น นิทานตัวสั่นเทาด้วยความโกรธและอาย เขารีบเลื่อนมือไปกุมใจกลางลำตัว
“นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!”
“แต่ท่านประธานก็ดูมีความสุขไม่ใช่เหรอครับ”
รามิลจี้จุด นิทานชะงักไป เขาทั้งตื่นเต้น เสียวซ่านและหวาดกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่ ไอศูรย์เดินเข้าไปหาคนตัวเล็ก แล้วจับมือบางที่กุมใจกลางลำตัวให้ขยับออก
“พวกเราเป็นคนรักกันแล้ว ไม่ต้องอายหรอกนะครับ”
“ปะ ปล่อยนะ”
“เดี๋ยวผมจะแต่งตัวให้เอง”
ไอศูรย์จัดการเสื้อผ้าในช่วงล่างของนิทานให้เรียบร้อย นิทานได้แต่เบือนหน้าหนีด้วยความอาย ทั้งที่เขาควรจะเกลียดทั้งคู่ แต่ร่างกายกลับโอนอ่อนไปกับสัมผัส และรู้สึกตื่นเต้นจนไม่เข้าใจตัวเอง
“ออกไปห่างๆได้ไหม ฉันจะทำงานต่อ”
“ขยันจังเลยนะครับ”รามิลกล่าวยิ้มๆ
“ใช่สิ ฉันไม่ได้เอาแต่ทำเรื่องบ้าๆแบบพวกนาย”
อดไม่ได้ที่แขวะทั้งคู่ เพราะหมั่นไส้และขุ่นเคือง ไอศูรย์และรามิลหัวเราะในลำคอกับท่าทางประชดประชันที่แสนน่ารัก นิทานผลักไอศูรย์ให้ออกห่าง แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ
“แยกย้ายไปทำงานสิ!”
แม้จะหวาดกลัวว่าทั้งคู่จะพุ่งเข้ามาทำเรื่องเลวร้ายกับเขา แต่นิทานก็ต้องแข็งใจสู้ เขาจะไม่ยอมให้ทั้งสองรุมทำร้ายเขาไปมากกว่านี้
ท่าทางที่เหมือนลูกแมวขู่สิงโต ทำให้ไอศูรย์และรามิลต่างระบายยิ้ม ยอมผละออกแต่โดยดี เพราะว่าวันนี้ พวกเขาแกล้งท่านประธานตัวน้อยจนเหนื่อยอ่อนไปเสียแล้ว
“เฮ้อ”
พอเห็นไอศูรย์ยอมออกไปแต่โดยดี นิทานจึงลอบถอนหายใจออกมา เขาหันไปมองรามิลอย่างหวาดระแวง
“นายก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเองสิ”
“รับทราบครับ”
รามิลตอบรับด้วยรอยยิ้ม หากไม่ได้เกิดเหตุการณ์น่าอายมาก่อน นิทานคงไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ต่างกับโรคจิต เขาอายก็จริง จนไม่อยากจะพบหน้าทั้งคู่ แต่เขาก็ไม่อาจจะละทิ้งหน้าที่ของตัวเองได้
…ยังไง เขาก็ต้องหาหนทาง เพื่อที่จะหลุดพ้นไปจากทั้งคู่ให้ได้…
การทำงานในวันนี้ราบรื่นไม่ต่างจากทุกวัน เว้นแต่ว่านิทานรู้สึกอึดอัด ที่เวลาทำงานก็หวาดระแวงว่ารามิลและไอศูรย์อาจจะเข้ามาหาเขา แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งคู่ไม่ได้เข้ามารบกวนแต่อย่างใด กลับกัน ทั้งคู่ต่างตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายเหมือนเป็นพนักงานที่ขยันทำงานอย่างเต็มที่
“ฉันกลับล่ะ”
พอหมดเวลาทำงาน นิทานก็เตรียมที่จะพุ่งตัวออกจากห้องทำงานทันที แต่เสียงทุ้มของรามิลที่ดังขึ้นก็ทำให้คนตัวเล็กที่กำลังรีบเดินต้องหยุดชะงัก
“ผมว่าจะชวนท่านประธานไปทานมื้อเย็นน่ะครับ”
“อะไรนะ”
นิทานหันขวับไปมองรามิลทันที เป็นจังหวะเดียวที่ไอศูรย์เปิดประตูห้องเข้ามา
“ดูเหมือนว่ารามิลจะชวนท่านประธานแล้ว”
“เฮ้อ”
ในที่สุด เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง นิทานพูดออกมาดังที่ใจคิด เพราะไม่อยากจะเก็บซ่อนมันไว้อีกแล้ว
“ที่พวกนายทำกับฉันวันนี้มันยังไม่พออีกเหรอ!”
“พวกเราก็แค่อยากจะชวนท่านประธานไปทานมื้อเย็นด้วยกัน ตามประสาคนรักก็เท่านั้นเอง”
รามิลตอบหน้าตาย เหมือนไม่ได้สะทกสะท้านหรือรู้สึกผิดแต่อย่างใด นิทานหัวเราะออกมาเบาๆในลำคอ
“ตลกไปมั้ง พวกนายทำกับฉันขนาดนั้น แต่ก็ยังจะมาชวนฉันให้ไปทานข้าวเนี่ยนะ บ้าไปแล้วหรือไง”
เขาไม่คิดจะเป็นตัวตลกให้ทั้งรามิลและไอศูรย์ทำอะไรได้ตามใจ นิทานทำท่าจะเดินเลี่ยงเพื่อออกจากห้อง แต่ทว่าร่างกายใหญ่โตของไอศูรย์กลับยืนขวางทางเอาไว้ ดวงตากลมวาวโรจน์อย่างไม่พอใจ
เพราะเติบโตเป็นลูกคนเล็ก เขาได้รับการเอาใจใส่ ทั้งพี่ชายและพี่สาวต่างก็เอาใจและดูแลอย่างดี นิทานไม่คิดจะยอมให้ใครมากดขี่ข่มเหงได้ตลอดเวลา เขายอมได้ แต่ไม่อยากจะยอมจนไม่เหลือความเป็นตัวเอง
“ถอยไป”
“ไม่ครับ คุณต้องไปทานมื้อเย็นกับพวกเรา”
“ฉันไม่ไป ฉันจะกลับบ้าน พวกนายอยากไป ก็ไปกันเองสิ พวกนายไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน”
“แน่ใจเหรอครับว่าไม่มี”
รามิลเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลัง ใบหน้าคลอเคลีย นิทานอยากจะขยับกายหนี แต่ทว่าก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้
“รู้ไหมว่าวิธีที่พวกนายทำกับฉันมันขี้ขลาดและต่ำทราม”
“ผมไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นวิธีไหน แค่มันช่วยให้ผมได้เข้าใกล้ท่านประธานได้มากที่สุด ก็เพียงพอแล้ว”
รามิลสอดมือเข้ามาจับสะโพกเล็ก นิทานสะดุ้งเฮือก หันไปมองรามิลด้วยสายตาหวาดระแวง
“ไม่ต้องทำท่ารังเกียจพวกเราขนาดนั้นหรอกครับ”
ไอศูรย์กล่าวเสียงเรียบ แล้วเปิดประตูห้อง
“เชิญครับ”
นิทานพรูลมหายใจ เขาไม่อยากจะไปทานมื้อเย็นกับทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่าถ้าเขายิ่งต่อต้าน ทุกอย่างก็จะแย่ลงไปอีก เพราะทั้งคู่กุมความลับของเขาเอาไว้
ไอศูรย์เป็นคนขับรถ รามิลนั่งที่เบาะหน้า ทั้งคู่ทำเหมือนว่านิทานเป็นคนสำคัญ เขาเองค่อนข้างแปลกใจและสงสัยไม่หยุด ว่าทำไมเลขานุการทั้งสองของเขาถึงได้ทำแบบนี้
…ถ้าคิดจะทำเรื่องเลวร้าย ทำไมถึงได้ไม่บอกจุดประสงค์ ถ้าคิดจะทำลายกัน ก็น่าจะมีเหตุผลอื่นที่ดีกว่าการทำตัวมาเป็นคนรัก…
“ท่านประธานควรจะจำให้ขึ้นใจนะครับ ว่าตอนนี้พวกเราเป็นคนรักกัน”
คำเตือนจากไอศูรย์ส่งมา เมื่อรถยนต์หยุดจอดที่สัญญาณไฟแดง เขาเหลือบตามองนิทานจากกระจก ทำให้เห็นว่าคนตัวเล็กมีสีหน้าเคร่งเครียดขนาดไหน
“ทำไมต้องเป็นคนรัก พวกนายทำกับฉันขนาดนี้ ทำไมไม่บอกให้ฉันเป็นทาสไปเลยล่ะ คนรักกัน เขาทำกันแบบนี้เหรอ”
“แล้วทำไมท่านประธานถึงไม่คิดว่ามันคือการแสดงความรักของพวกเราบ้างล่ะครับ”
รามิลหันมาคุยด้วย แววตาระยิบระยับ เมื่อมองใบหน้าน่ารัก นิทานรู้สึกร้อนวูบ เพราะสายตานั่นแฝงไปด้วยความปรารถนาที่ร้อนแรงเอาไว้ ราวกับจะมองผ่านทะลุเสื้อผ้าของเขาจนหมดสิ้น
“พวกนายจะบอกว่ารักฉันงั้นเหรอ”
“แล้วท่านประธานคิดว่ายังไงล่ะครับ เชื่อแบบนั้นหรือเปล่า”ไอศูรย์ถามกลับ
รถยนต์เคลื่อนที่ต่อไปเมื่อถึงสัญญาณไฟเขียว นิทานเม้มปากแน่น
“ไม่มีวัน ก็บอกแล้วไง ว่าไม่มีคนรักที่ไหนเขาทำกันแบบนี้”
“แต่ตอนนี้คุณก็เป็นคนรักของพวกเราแล้ว ดังนั้นก็อย่าคิดมากแล้วเครียดไปเลยนะครับ”รามิลบอกเหมือนเป็นห่วง
“บ้าหรือไง ใครเขามีคนรักพร้อมกันสองคนบ้างล่ะ!”
“นั่นสินะครับ ผมเองก็ไม่ได้ชอบให้คนรักไปมีคนอื่นเหมือนกัน”
ไอศูรย์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย นิทานสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วกล่าวออกมา
“แล้วอีกอย่างพวกเราเป็นผู้ชาย”
“แต่คุณก็ทำกับผู้ชายแล้วรู้สึกดีนี่นา”
รามิลเหมือนย้ำเตือนความทรงจำ นิทานสีหน้าขึ้นสี เขาหลุบสายตาของ รามิลที่มองมา ไม่อาจจะโต้ตอบได้
“มีคนรักสองคน แล้วไม่ดีตรงไหนเหรอครับ”รามิลถามต่อ
“มันผิด”
“เรื่องถูกหรือผิด มันก็แค่กฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นของคนบางกลุ่ม แต่สำหรับผมแล้วไม่ใช่เรื่องผิดสักนิด ท่านประธานเองก็น่าจะยินดี ที่มีคนดูแลถึงสองคน”
“จะให้ฉันยอมรับคนโรคจิตแบบพวกนายเป็นคนรักงั้นเหรอ”
นิทานสุดจะทนที่ต้องฟังความคิดแปลกๆของเลขานุการทั้งสองของเขา
“ผมว่าเราคุยเรื่องนี้กันไปแล้วนะครับ แล้วท่านประธานเองก็น่าจะเข้าใจอยู่แล้ว”
ไอศูรย์ตัดบท นิทานรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้ สิ่งที่เขาตั้งใจจะทำ คือต้องทำให้ทั้งคู่ยอมมอบสร้อยทั้งสองเส้น และอีเมลล์และรหัสผ่านที่ซ่อนคลิปเหล่านั้นไว้
“ช่างเถอะ ฉันเข้าใจแล้ว”
เมื่อไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร นิทานจึงตัดบท แล้วกรอกตาไปมา ในขณะที่รามิลถูกใจกับท่าทางนั้น
“ท่านประธานน่ารักจนผมอยากจะเข้าไปจูบปากสวยๆนั่นจริงๆครับ”
ทั้งที่เป็นคำลวนลามที่ดูหยาบโลนและน่าอาย แต่นิทานก็ได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่กล้ามองรามิลและสายตาที่ส่งมา ไหนจะสายตาคมกริบของไอศูรย์ที่มองผ่านกระจก ทั้งที่ควรจะขยะแขยงสายตาเหล่านั้นให้มากกว่านี้ แต่นิทานกลับใจเต้นแรงเหมือนอกจะระเบิด หรือว่าเขากลายเป็นพวกโรคจิตตามคนเหล่านี้ไปแล้วจริงๆ
“ท่านประธานอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”
“ไม่”
นิทานทำท่าไม่อยากจะสนทนากับทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าชายหนุ่มทั้งสองก็ไม่ได้แสดงท่าทางไม่พอใจ
“งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า ท่านประธานอยากกินอาหารไทย หรือว่าอาหารต่างชาติครับ”
รามิลถามต่อ นิทานยังคงเงียบ
“หรือว่าจะให้พวกเรากินท่านประธานแทนดี”
เพียงประโยคเดียว จากคนที่ทำท่าไม่สนใจอะไรก็หันขวับมาหาทั้งคู่ ใบหน้าน่ารักขุ่นเคืองอย่างไม่พอใจ
“อาหารไทย!”
“ดีจังเลยครับ ผมก็ชอบเหมือนกัน เอาเป็นอะไรดีครับ ผัดไทยดีไหม เอ หรือท่านประธานอยากจะทานเป็นข้าว”
“ผัดไทยก็ได้”
นิทานเหนื่อยจะพูดคุยกับรามิล เขารู้สึกไม่ชอบใจ เพราะเหมือนโดนบังคับ แต่ทว่าเจ้าตัวก็ไม่อยากให้รามิลใช้คำพูดแทะโลมเขามากไปกว่านี้
ทั้งที่ตอนทำงาน ทั้งคู่ดูเหมือนคนทำงานปกติทั่วไป แต่ทว่าในเวลานี้ กลับแตกต่างออกไปจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกัน
เมื่อขับรถมาถึงร้านอาหาร ทั้งสามจึงลงจากรถ แล้วเปิดประตูเข้าไปในร้านที่ตกแต่งไว้อย่างสะอาดพร้อมกับเครื่องปรับอากาศที่ทำงานจนเย็นสบายทั้งร้าน นิทานโทรหาทางบ้านแล้วว่า วันนี้เขาจะไม่กลับไปทานมื้อเย็น แต่เขาไม่ได้บอกเหตุผลไปว่าโดนบังคับมา
“ผัดไทยกุ้งสด สามที่ครับ”
รามิลหันไปสั่งกับพนักงานที่มารับออเดอร์
“ท่านประธานจะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหมครับ”
นิทานมองดูเมนูอาหาร ตอนนี้กระเพาะของเขากำลังทำงานอย่างเต็มที่ ที่นี่ไม่ได้มีแต่ผัดไทยเท่านั้น แต่ยังมีอาหารไทยอื่นๆอีกด้วย คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมา เขาไม่อยากจะแสดงความสนิทสนมหรือสนใจทั้งสองไปมากกว่านี้
“ไม่ล่ะ”
“แล้วจะดื่มน้ำอะไรครับ”
คราวนี้เป็นไอศูรย์ที่ถามบ้าง นิทานมองเมนูน้ำ แล้วหันไปสั่งกับคนรับออเดอร์
“เอาชาเย็นหนึ่งแก้วครับ”
“พวกผมสองคนขอน้ำเปล่าแล้วกันครับ”ไอศูรย์สั่งต่อ
เมื่อสั่งอาหารเสร็จแล้ว นิทานก็ทำทีเป็นหยิบโทรศัพท์มากดเล่น เขารู้สึกอึดอัด ที่ต้องมานั่งเผชิญหน้ากับทั้งคู่แบบนี้
“ผ่อนคลายเถอะครับ พวกเราพาคุณมาทานข้าว ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี”
คำกล่าวของไอศูรย์ไม่ได้ทำให้นิทานรู้สึกหายหวาดระแวง เพราะถึงอย่างไรเสีย ทั้งสองก็คือคนที่เคยบุกเข้ามาลวนลามเขาถึงในห้องทำงาน แถมยังทำเรื่องใจร้ายจนไม่อาจจะให้อภัยได้
“ฉันไม่ได้เป็นโรคความจำเสื่อมนะ จะได้ลืมว่าพวกนายเคยทำอะไรกับฉันเอาไว้”
เขาตอบโดยเหลือบตามองเพียงครู่ แล้วก้มลงไปมองหน้าจอโทรศัพท์ของตนเอง ไอศูรย์และรามิลระบายยิ้มอย่างเอ็นดู
“ดีจังเลยครับ ที่ท่านประธานจำได้ไม่ลืม พวกผมสองคนจะได้ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของคุณไปนานๆ”
“ความทรงจำแย่ๆน่ะสิ”
เจ้าตัวพึมพำ เพียงไม่นานอาหารน่าทานก็ถูกยกมาเสิร์ฟหลังจากน้ำที่ทั้งสามสั่งได้มาเสิร์ฟก่อนหน้านี้
คนตัวเล็กตักทานพร่องไปเพียงครึ่ง แต่ทั้งไอศูรย์และรามิลก็ทานจนหมดแล้ว แถมทั้งคู่ยังมองเขาไม่วางตา
“มะ มองอะไร”
เขารู้สึกขัดเขิน รามิลระบายยิ้มแล้วตอบคำถาม
“เวลาท่านประธานทานอาหาร แล้วเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ผมว่าน่ารักน่ะครับ”
“จะ…จะบ้าเหรอ!”
การจู่โจมด้วยคำพูดและรอยยิ้มชวนฝันของรามิล ทำให้นิทานถึงกลับไปไม่เป็น คนตัวเล็กเม้มปากแน่น รีบวางช้อนและส้อม
“ฉันอิ่มแล้ว”
“โกหกกันแบบนี้ ไม่ดีนะครับ”
เหมือนว่าไอศูรย์จะดูออก ว่านิทานไม่ได้อิ่มจริงๆ เพียงแต่คงไม่มีอารมณ์จะทานต่อมากกว่า
นิทานไม่คิดจะสนทนาต่อ เขายกน้ำขึ้นดื่ม เปิดกระเป๋าเงิน แล้ววางธนบัตรวางไว้บนโต๊ะ
“ฉันอิ่มแล้ว ฉันกลับล่ะ”
เขาลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกจากร้าน ไอศูรย์และรามิลไม่ได้เรียกไว้ แต่รีบวางเงินไว้บนโต๊ะ แล้วรีบเดินตามนิทานไปนอกร้าน
“จะไปไหนครับ”
ไอศูรย์รีบเดินไปดักหน้า นิทานหมุนกายหนี แต่ก็เจอรามิลมาดักเอาไว้
“ถอยไป ฉันจะกลับแท็กซี่”
“กลับคนเดียวตอนค่ำๆแบบนี้ มันอันตรายนะครับ”รามิลตอบอย่างเป็นห่วง
“คงไม่มีอะไรอันตรายกว่าพวกนายแล้วล่ะ”
“ท่านประธานเป็นคนรักของพวกเรา พวกเราจะไปส่งคุณเอง”
ไอศูรย์จับเข้าที่ข้อมือเล็ก แล้วเปิดประตูรถ ดันกายเล็กให้เขาไปนั่ง นิทานดันตัวจะลงจากรถ แต่ทว่าไอศูรย์ก็พลิกกายเข้ามาหา แล้วชะโงกหน้าเข้าไปพูด
“อย่าให้ผมต้องโมโห”
สิ้นประโยคนั้น นิทานก็หยุดขัดขืน เขาไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากอันเรียบเฉยของไอศูรย์ และหน้ากากแสนใจดีของรามิล ทั้งคู่ซ่อนเรื่องน่ากลัวไว้มากแค่ไหน สุดท้ายเขาจึงได้แต่ยอมนั่งเงียบๆ ให้ทั้งคู่ขับรถพากลับมาส่งที่บ้าน
ทันทีที่มาถึงบ้าน นิทานไม่ยอมให้ทั้งคู่ขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ให้จอดที่ด้านนอกประตูรั้ว ก่อนจะถึงประตูรั้วหน้าบ้าน เพราะเขาไม่อยากให้มีคนอื่นมาเห็น รามิลเป็นคนที่ลงจากรถมาเปิดประตูรถให้ นิทานไม่คิดจะกล่าวขอบคุณ เพราะเขาไม่พอใจและคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องหาทางขโมยสร้อยที่อยู่ใต้เสื้อของทั้งคู่ให้ได้
“เดี๋ยวครับ”
ขาเล็กหยุดชะงัก เมื่อจะเดินไปยังประตูรั้ว เขาหันมาตามเสียงของไอศูรย์ ทันทีที่หันกลับมามองทั้งคู่ แก้มนิ่มสวยทั้งสองข้างก็โดนช่วงชิงไปด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวของทั้งสองคน
“ฝันดีครับ”ไอศูรย์เอ่ย
“ผมหวังว่าท่านประธานจะฝันถึงผมด้วย”
รามิลส่งยิ้มให้ นิทานอึ้งไป ยกมือทั้งสองกุมแก้มตัวเอง อยากจะชี้หน้าด่าทั้งสอง แต่ก็เปลี่ยนใจ เมื่อเห็นสายตาที่มองมา เขารีบเดินเข้าไปในบ้านแทนด้วยความเขินระคนโกรธจนแยกไม่ออก
100%
แจ้งข่าวการเปิดพรีออเดอร์นะคะ
นิยายเรื่องนี้จะ เปิดพรีออเดอร์วันที่ 10 สิงหาคม ราคาหนังสือ 390 บาท (ไม่รวมส่ง)
รายละเอียดต่างๆจะอัพ เมื่อถึงวันใกล้เปิดพรีค่ะ
ติดตามได้ที่เพจนะคะ
ฝากเพจด้วยค่ะ
https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/