Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ  (อ่าน 51672 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อย่าแกล้งท่านประธานสิ
#สงสารนิทาน #ชอบไอศูรย์55% #รามิล45%
5555 :hao5:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
หึๆๆๆ
สองคนนี้น้าาาา
แกล้งนิทานเข้าไป เดี่ยวจะโดนไม่ใช่น้อย

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
 :katai2-1: มาต่อๆๆๆนะๆๆๆ :z6:

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
6
ผู้ช่วย



   ในความโชคดี มักมีความโชคร้ายซ่อนอยู่เสมอ นิทานไม่แม้แต่คาดคิดว่าคนร้ายที่เขากำลังตามจับ กลับเป็นผู้ร่วมเล่นเกม
ตามจับคนร้ายเสียเอง เขามีความสุข และประมาทมากจนเกินไป

   “ขอบใจที่ช่วยทำงานนะ”

   ทัศนคติที่นิทานมองไอศูรย์เริ่มดีขึ้น เพียงแค่ได้ไอศูรย์มาร่วมการค้นหาคนร้าย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้หัวเดียวกระเทียบลีบ
เขามีคนช่วย มีพรรคพวกก็ย่อมดีกว่าตัวคนเดียวอยู่แล้ว

   “เย็นนี้นายว่างหรือเปล่า?”

   คนที่ร้อนใจก็คือนิทาน เขาเอ่ยความต้องการออกไปทันที ไอศูรย์ทำหน้าคิดเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น

   “ว่างครับ”

   “ดีเลย งั้นนายไปกับฉัน”

   ทุกการกระทำระหว่างทั้งสอง อยู่ในสายตาของรามิล เขาเดินตามออกมาทีหลัง เพียงแค่ไอศูรย์หันไปมองทางด้านหลัง
เพียงครู่ เขาก็เข้าใจถึงสายตาและท่าทางที่ส่งมาให้ในทันที

   …นายต้องทำให้ฉันเข้าไปร่วมในเกมนี้ให้ได้…

   ข้อความที่ส่งมาทางสายตาบอกอย่างชัดเจน  ไอศูรย์ไม่ได้โต้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียง แต่รามิลก็เห็นรอยยิ้มเพียงนิดที่มุม
ปากของชายหนุ่มอยู่ดี เขาก็แค่นั่งรอเวลาจะเข้าไปอยู่ในเกมที่รู้ผลลับอยู่แล้ว มันก็ไม่ได้แย่นัก ที่ได้เล่นสนุกกับเกมที่คนร้ายมา
เดินเกมเองแบบนี้

   ทางด้านไอศูรย์และนิทาน ทั้งคู่ต่างมีรถยนต์เป็นของตัวเอง ตอนแรกไอศูรย์จะขับรถไปเอง แต่นิทานก็เริ่มกลัวว่าอาจจะ

คลาดกันเพราะรถติด หรือเพราะสิ่งใดก็แล้วแต่ ทำให้เขาตัดสินว่าจะเป็นคนขับเอง แล้วให้ไอศูรย์นั่งไปด้วย

   “ที่จริง ท่านประธานให้ผมเป็นคนขับก็ได้นะครับ”

   ด้วยความที่ฐานะต่ำกว่าและในความเป็นจริงควรจะเป็นเช่นนั้น แต่นิทานกลับยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น

   “ทำไม? นายไม่ไว้ใจการขับรถของฉันเหรอ”

   รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าน่ารัก ท่าทางของนิทานไม่ต่างกับเด็กมัธยมต้นที่กำลังมีความสุขเพราะขโมยรถมาขับ มันชวนให้
มองจนเพลินตา นิทานไม่ทันได้สังเกตหรือรู้ตัวเลยว่า ตอนนี้เขากำลังอยู่ในสายตาของไอศูรย์ เพราะเจ้าตัวเองเอาแต่จ้องมองไป
ยังถนนเบื้องหน้า ด้วยความตั้งใจกับการขับรถ

   …อุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย แม้เพียงประมาทนิดเดียว นั่นคือสิ่งที่ควรระวังให้มากที่สุด…

   “ไม่ใช่หรอกครับ ผมเกรงใจต่างหากที่ท่านประธานต้องมาขับรถให้ผมนั่งแบบนี้”

   “ทำไมล่ะ เป็นประธานบริษัทแล้วขับรถให้เลขานั่งไม่ได้หรือไง”

   รถยนต์หยุดจอดที่ไฟแดงเมื่อสิ้นสุดการสนทนา นิทานละสายตาจากท้องถนน หันมามองไอศูรย์ที่มีสีหน้าค่อนข้างลำบาก
ใจ


   “นายกลัวคนจะมองไม่ดีเหรอ”

   “ก็ประมาณนั้นครับ”

   “นายนี่…เป็นคนที่จริงจังมากเลยนะ”

   ไม่ใช่แค่บุคลิกภายนอก แต่พฤติกรรมของไอศูรย์ก็ดูเป็นผู้ชายจริงจัง เขาใช้นิ้วกลางขยับกรอบแว่นตาตรงสันจมูกเพียง
เล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้น

   “ความจริงจังก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่เหรอครับ”
   “นั่นสินะ  คนจริงจังแบบนาย ก็จะทำทุกอย่างด้วยความจริงจังใช่ไหม”

   “ก็ไม่เสมอไปหรอกครับ”


   สายตาคมทอดมองไปยังเบื้องหน้า ผ่านกระจกรถขนาดใหญ่ รถยนต์มากมายกำลังติดอยู่กลางท้องถนนในเมืองหลวงของ
ประเทศไทยอย่างกรุงเทพมหานคร 

   “ฉันเป็นคนตั้งใจจะพานายไปเลี้ยงข้าวเย็น ดังนั้น แค่ขับรถพานายไปแค่นี้ นายคงไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่หรอกนะ”

   “ถ้าท่านประธานไม่อยากให้ผมคิด  ผมก็จะไม่คิดครับ”

   มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของนิทาน ไม่คิดว่าเขาจะมีเลขานุการที่เชื่อฟังเขามากขนาดนี้ มีเพียงไอศูรย์
เท่านั้นที่นิทานวางใจ นั่นเป็นเพราะไอศูรย์กุมความลับเขาไว้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะก่อปัญหาให้กับเขา

   เมื่อถึงไฟเขียว นิทานก็ขับรถต่อ เขาขับมาจนถึงร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งที่มีคุณภาพทั้งรสชาติและความสะอาด


   “อ่า โทษที ฉันลืมถามนายไปเลย ว่าชอบกินอาหารญี่ปุ่นหรือเปล่า”

   เพราะมัวแต่คิดว่าจะรีบพามาร้านอาหารในตอนเย็น นิทานก็ไม่ทันได้ถามไอศูรย์ว่าชอบทานอาหารประเภทไหน

   “ผมทานได้หมดครับ ไม่มีชอบอะไรเป็นพิเศษ”

   “อย่างนั้นเหรอ”

   พอได้ยินแบบนั้น นิทานก็ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมา ถึงใบหน้าของคนที่ตอบจะนิ่งสงบเหมือนไม่พอใจ แต่นิทานก็รู้ว่า ไอศูรย์
แสดงสีหน้าแบบนั้นเป็นปกติ

   “เชิญครับ”

   พนักงานเข้ามาต้อนรับ และพาทั้งสองไปยังโต๊ะอาหารที่เหมาะสำหรับการนั่งเพียงสองคน ไม่นานนักเมนูอาหารก็ถูกนำมาวางที่โต๊ะ
   “สั่งได้เลยนะ เดี๋ยวมือนี้ฉันเลี้ยงเอง”

   ไอศูรย์ละสายตาจากเมนูอาหาร มองคนตัวเล็กที่ดูท่าทางตั้งใจเลือกอาหารในหนังสือเล่มใหญ่ราวกับไล่ตรวจคะแนนลำดับคณะที่จะเข้าศึกษาต่อ  เขาลอบยิ้มอย่างเอ็นดูกับท่าทางนั่น

   “ท่านประธานไม่ต้องเลี้ยงผมก็ได้นะครับ”

   เสียงของไอศูรย์ขัดจังหวะการเลือกเมนูของนิทาน คนตัวเล็กเงยหน้ามองร่างสูงทันที ราวกับตำหนิ ท่าทางเอาแต่ใจทาง
สายตานั้นทำให้ไอศูรย์รู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที

   “ฉันจะเลี้ยง”

   ไม่แม้แต่จะยอมให้ไอศูรย์ได้ทำตามคำแนะนำ  ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นทันที

   “ทำไมล่ะครับ”

   “ฉันเป็นเจ้านาย แค่เลี้ยงข้าวลูกน้องแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีกอย่างนายก็ทำงานได้อย่างดีในฐานะเลขาของฉัน”

   “แต่รามิล ท่านประธานก็ไม่ได้พามาเลี้ยงด้วยนี่ครับ”
   ประโยคนั้นกระแทกเข้าที่ใจของนิทาน เขาเองก็รู้ดีว่าที่ตัวเองกำลังทำอยู่ นั้นมีจุดประสงค์แอบแฝง เขาผูกมิตรกับไอศูรย์
เพื่อต้องการให้ชายหนุ่มช่วยเหลือเขาในเรื่องของคนร้ายที่เขายังตามจับตัวไม่ได้

   “ไว้ฉันจะพาเขามาเลี้ยงทีหลังแล้วกัน”

   “ครับ”

   “นายสั่งอาหารเถอะ”
   ไอศูรย์พยักหน้ารับคำกล่าว ทั้งคู่สั่งอาหาร เหลือเพียงรอให้อาหารมาเสิร์ฟ

   “ฉันไม่อยากรอ”
   คนเปิดเรื่องคือเจ้าของปัญหา นิทานไม่อาจจะทนรอได้อีกต่อไปอย่างที่ปากพูด เขาอยากจะจับคนร้ายให้เร็วที่สุด

   “ท่านประธานหมายถึงเรื่องคนร้ายเหรอครับ”
   ชายหนุ่มถามเพื่อหยั่งเชิง ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือการบอกว่าใช่ โดยใช้ท่าทางสื่อสารอย่างการพยักหน้า

   “นายคิดวิธีออกหรือเปล่า”

   ความคาดหวังเกิดขึ้น ไอศูรย์นิ่งคิดเพียงครู่ ในขณะที่นิทานกำลังใจจดจ่อกับคำตอบที่จะได้รับกลับมา เขาอยากรู้ว่า

ไอศูรย์มีแผนอะไรจะรับมือบ้าง
   “อันดับแรก ผมต้องถามท่านประธานก่อนว่า ช่วงหลังนี้ ตอนไปเข้าห้องน้ำ ได้เจออะไรแปลกๆอีกหรือเปล่าครับ”

   “ไม่…ฉันไม่รู้สึกแปลกเลย”

   นิทานพยายามครุ่นคิดแล้ว แต่ทุกครั้งที่เขาไปเข้าห้องน้ำ เขามักจะหวาดระแวง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้พบเจอ
ความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย จนเขาเริ่มคิดว่าบางทีเจ้าคนร้ายอาจจะหายไปแล้วก็เป็นได้
   “ผมคิดว่าเป็นไปได้ ที่มันอาจจะระแวง แล้วไม่กล้ามาตอนกลางวัน”

   “มันก็จริงของนาย ตอนกลางวันคนเยอะ ความเสี่ยงที่มันจะถูกจับ น่าจะมีมากกว่า”

   “มันก็เป็นไปได้ครับ”

   หากมองจากคนภายนอก คงคิดว่าสองหนุ่มในชุดทำงาน คงกำลังสนทนาเรื่องงานที่เคร่งเครียด หากแต่ความจริงแล้ว
พวกเขากำลังทำตัวเป็นตำรวจที่ลอบจับผู้ร้าย

   “แล้วแบบนั้น จะถือว่าฉันปลอดภัยหรือเปล่า”

   “ท่านประธานอาจจะปลอดภัย แต่มันก็ไม่มีอะไรที่มาทำให้พวกเราแน่ใจว่ามันจะไม่กลับมาอีก”

   “นั่นสินะ”


   “อีกอย่าง มันอาจจะไปทำร้ายคนอื่นในบริษัทก็ได้นี่ครับ”

   “นั่นล่ะ ที่น่ากลัว ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่นอน”

   “อาหารได้แล้วค่ะ”

   อาหารถูกนำมาเสิร์ฟขัดการสนทนาของทั้งสองคน ไอศูรย์มองอาหาร แล้วมองนิทานที่มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก คงเป็นเพราะ
กังวลเรื่องที่คุยกัน

   “ผมว่าท่านประธานทานอาหารก่อนดีกว่านะครับ แล้วเราค่อยคุยกันต่อ”

   “ฉันค่อนข้างร้อนใจน่ะ นายเข้าใจฉันใช่ไหม”
   “ครับ เพราะท่านประธานเองคงไม่อยากให้ใครเจอแบบนั้น รวมทั้งตัวคุณเองก็คงไม่อยากจะเจอแบบนั้นอีก”

   “เมื่อเราทานกันเสร็จ ฉันอยากคุยเรื่องนี้ทันที”

   “ได้ครับ”

   อาหารมื้อเย็นระหว่างทั้งคู่ใช้เวลาไม่นานมากนัก นั่นอาจเป็นเพราะนิทานเองก็รีบทานเพราะร้อนใจอยากคุยให้รู้เรื่อง

   “ท่านประธานคิดว่า คนร้ายเป็นคนในบริษัทหรือเปล่าครับ”

   ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย รอดูคำตอบที่จะออกจากปากของนิทาน ท่านประธานตัวน้อยครุ่นคิด

   “ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ เพราะเจ้าพวกนั้นไปลบคลิปจากกล้องวงจรปิด”

   “ผมคิดว่าหลังจากนี้ พวกมันคงจะระวังตัวมากขึ้น การใช้กล้องวงจรปิดเพื่อจับอาจจะไม่ได้ผล เราน่าจะจับมันให้ได้เลย
เพราะบางทีมันอาจจะใส่สิ่งที่ปกปิดใบหน้าของมันก็ได้”

   “แล้วนายมีแผนยังไงบ้าง”

   คนตัวสูงลูบคางตัวเอง ดวงตาคมดูครุ่นคิดบางอย่าง นิทานนั่งมองราวกับใจเย็น ทั้งที่ในความเป็นจริง เขากำลังคิดไม่ตก

   “เราไม่รู้เป้าหมายที่ชัดเจนของมัน มันเป็นแค่พวกโรคจิตทั่วไป หรือว่ามันเจาะจงท่านประธาน”

   “อ่า…แล้วเราจะรู้ได้ยังไง”

   “แผนที่ผมคิด มันค่อนข้างเสี่ยง มันอยู่ที่ว่า ท่านประธานจะยอมเสี่ยงด้วยหรือเปล่า”
   “ยังไง?”

   ความสงสัยเกิดขึ้นไม่จบสิ้น นิทานอยากรู้ความคิดของไอศูรย์ในตอนนี้

   “เราอาจจะต้องใช้คุณเป็นเหยื่อล่อพวกมัน”

   “ห๊ะ…”

   คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที เขาค่อนข้างคิดมาก  ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของไอศูรย์

   “นายถึงจะให้ฉันไปเป็นเหยื่อ ให้พวกออกมา แล้วให้ลวนลามฉัน”

   ประธานตัวน้อยเริ่มโวย นี่ไม่ใช่ความเสี่ยงธรรมดา  แต่เป็นความเสี่ยงมาก เพราะเขาเคยโดนไอ้พวกโรคจิตนั้นลวนลามมา
ก่อน แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีความทรงจำที่ดีกับมันเลยแม้แต่น้อย นี่ถึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นิทานรู้สึกแย่เป็นอย่างมากที่ตัวเองจะ
ต้องเป็นเหยื่อล่อคนร้ายโรคจิต

   “ใจเย็นก่อนสิครับ เรื่องอะไรที่เราจะต้องยอมให้คุณต้องตกอยู่ในอันตราย”

   “งั้นก็พูดต่อ”

   ท่าทางของนิทานเริ่มจะเข้าขั้นโมโหเข้าเสียแล้ว ไอศูรย์จึงเอ่ยต่อตามที่คนตัวเล็กต้องการ

   “เพราะผมเองก็ไม่เคยโดนทำแบบนั้น ผมไม่รู้ว่ามันจ้องเล่นงานแต่คุณหรือเปล่า แน่นอนว่าเรื่องนี้มันอันตรายและเสี่ยงมาก
แต่ทุกอย่าง ผมอยากให้ท่านประธานเลือกเอง”

   การตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่เจ้าตัว เพราะคนที่พบเจอเหตุการณ์เลวร้ายคือนิทานไม่ใช่ไอศูรย์ นิทานครุ่นคิด นัยน์ตาสั่นไหว
อย่างสับสน

   “ถ้าคุณไม่เห็นด้วย ผมว่ายกเลิกเรื่องพวกนี้ไปก็ได้นะครับ”

   หนทางที่ไอศูรย์ยื่นมาให้เลือกค่อนข้างจะอันตราย แต่ถึงอย่างนั้น มันก็อาจจะคุ้มค่าที่จะเสี่ยง นิทานเงยหน้ามองชายที่อยู่
ตรงหน้า

   “ตกลง ฉันยอมเสี่ยง”

   การยอมเสี่ยงสักครั้ง ก็อาจจะดีกว่าหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ไอศูรย์ระบายยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น

   “ผมว่าการที่เรามีแค่สองคน อาจจะน้อยไป”

   “นายหมายความว่ายังไง”

   “ท่านประธานน่าจะหาผู้ช่วยเพิ่มอีกสักคนนะครับ”

   การหว่านล้อมเริ่มต้นขึ้น นิทานไม่รู้เลยว่าเขากำลังจะเข้าสู่เกมที่ไอศูรย์ได้วางเอาไว้เสียแล้ว

   “ทำไมล่ะ”

   “บางทีแค่ผมคนเดียว อาจจะไปช่วยคุณได้ไม่ทัน”

   “แล้วนายจะให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นเหรอ!”

   “ใครสักคนที่คุณไว้ใจ”

   “ฉันไม่รู้”

   เขาไม่รู้จริงๆว่าเขาควรจะไว้ใจใคร นิทานไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น ยกเว้นกับไอศูรย์ที่เขาไม่ได้บอก แต่ชายหนุ่ม
เข้ามาเห็นเหตุการณ์โดยตรง
   “ใครก็ได้ที่อยู่ใกล้คุณ หรือว่าคุณติดต่อเขาได้ตลอดเวลา”

   เพียงได้ยิน ใบหน้าของรามิลก็แว๊บขึ้นมาในสมองของนิทาน เขาสบตากับไอศูรย์

   “รามิลเหรอ…”

   “นั่นมันอยู่ที่ท่านประธานจะเลือก”

   “ไม่ได้หรอก รามิลไม่รู้เรื่องนี้ ฉันจะไปบอกเขาได้ยังไง”

   “ผมไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนที่แย่ จนไม่สนใจความทุกข์ของท่านประธานหรอกนะครับ”

   “อ่า…แต่ว่าฉัน ฉัน”
   แน่นอนว่าเรื่องน่าอับอายแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดคุยกับใครก็ได้ นิทานเปลี่ยนเรื่องโดยการลุกจากโต๊ะเพื่อเดินไปจ่ายเงิน
ที่เค้าเตอร์
   “ผมแค่เสนอครับ ท่านประธานจะเก็บไปคิดก็ได้ แล้วเรื่องแผนการเราค่อยมาคุยกันอีกที”

   ท่าทางของนิทานดูสับสนและกังวลใจ ดูท่าแล้ววันนี้ ท่านประธานตัวน้อยคงเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องที่จะบอกเรื่องน่าอับอายนี้
กับรามิล

   “หรือถ้าคุณไม่สบายใจ ก็ไม่ให้เขาช่วยก็ได้”

   “แล้ว…แล้วถ้าไม่มีคนช่วย”


   นิทานยังคงกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ปกติเวลาจับคนร้ายที่โรคจิตขนาดนี้ คงไม่ใช่ตำรวจแค่คนเดียว ไอศูรย์ก็
ไม่ใช่ตำรวจ เรื่องความปลอดภัยในการทำภารกิจนี้ไม่ต้องพูดถึง นิทานค่อนข้างที่จะกลัว



   “ความเสี่ยงก็มากอยู่แล้วครับ อย่างน้อยมีคนมาช่วยอีกสักคน อาจจะดีขึ้น”
   “แต่ฉันไม่รู้จะพูดกับเขายังไง”

   “ถ้าคุณไว้ใจผม จะให้ผมติดต่อเขาก็ได้ เพราะผมกับเขา เราก็เคยรู้จักกันมาก่อน”
   “เอ๊ะ…”
   “หมายถึง เคยเรียนที่เดียวกัน เคยคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนิท ตอนนี้ผมกับเขาทำงานด้วยกัน อาจจะคุยง่ายขึ้น”

   “ลำบากนายหรือเปล่า”
   นิทานรู้สึกเกรงใจขึ้นมา เรื่องพวกนี้ มันก็เป็นปัญหาส่วนตัวของเขาอยู่แล้ว เขาไม่ให้ใครรู้มากนัก

   “ผมยินดี ถ้าจะทำให้ท่านประธานสามารถอยู่ในบริษัทโดยไม่ต้องระแวงอันตรายแบบนี้”
   “นายเป็นคนดีจริงๆ ฉันมันแย่ ที่มีอคติต่อนายในตอนแรก กลัวว่านายจะเอาเรื่องของฉันไปแฉ”

   ความรู้สึกผิดกอบกุมจิตใจของนิทาน ในขณะที่ไอศูรย์รู้ดีว่า เขาไม่ใช่คนดีเลยแม้แต่น้อย ถ้าให้พูด เขาคงเลวกว่าพวกซาตานเป็นไหนๆ

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นปกติของมนุษย์ที่มักจะหวาดกลัวพวกความลับ แต่ถึงยังไง ผมก็ดีใจที่คุณไว้ใจผม”

   รอยยิ้มจริงใจถูกส่งไปให้ นิทานยิ้มรับอย่างยินดี เขาไม่รู้เลยว่ามันคือขนมหวานที่อาบไปด้วยยาพิษ แค่เห็นก็ไม่รู้หรอกว่า
มันอันตรายมากแค่ไหน
   “งั้น…ฉันก็ฝากเรื่องรามิลด้วย”

   “ได้ครับ”

   “เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง นายรอฉันแถวนี้แล้วกัน”

   “ครับ”

   ไอศูรย์มองตามนิทานที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำจนลับตา ใบหน้าหล่อเรียบเฉย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครบางคน ที่ไม่ค่อยอยากจะกดโทรถึงซักเท่าไหร่นัก

   “ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว”

   [โอ้โห ฝีมือนายนี่ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ]

   “หึ…ท่านประธานอยากรู้ว่านายจะเป็นผู้ช่วยตามจับคนร้ายด้วยหรือเปล่า”

   เขาถามราวกับว่า ไม่รู้คำตอบ รามิลที่รับโทรศัพท์ทางปลายสายได้แต่หัวเราะขบขันในลำคอ
   [ยินดีครับ ผมยินดีจะช่วยท่านประธานทุกเรื่อง]

   “หึ”

   [แล้ว มีแผนอะไรหรือยัง]

   “ที่เสนอไป ก็คิดว่าเป็นใช้เขาเป็นเหยื่อล่อพวกคนร้ายน่ะ”

   [งั้นเจ้าพวกโรคจิตนั่น…ก็คงได้ออกโรงมาเล่นกับท่านประธานตัวน้อยอีกล่ะสินะ หึหึ]

   ไอศูรย์เหยียดยิ้ม ดวงตาคมมองตรงไปยังห้องน้ำ
   “เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”

   

100%

ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/notifications/

ออฟไลน์ sakurako12

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
รู้สึกเกลียดไอศูนย์กับรามิลตะงิดๆ
เหมือนทั้งสองกำลังเล่นสนุกกับความรู้สึกของนิทาน
โดนไม่สนใจว่านิทานจะรู้สึกหวาดกลัว หวาดระแวงคนรอบตัวตนเองมากแค่ไหน
โดนลวนลามในสถานการณ์ที่จิตสุดๆ แถมยังเป็นในสถานที่ที่ตัวเองครอบครอง
แล้วไม่ใช่เกิดแค่ครั้งเดียวแต่เกิดขึ้นสองครั้งติดๆ กัน
ต่อให้ใจเย็นแค่ไหน มีสติมากเพียงใดก็ไม่อาจระงับความหวาดกลัว ความระแวงได้หรอก
อ่านยังไงก็ไม่รู้สึกชอบสองคนนี้จริงๆ ค่ะ
 

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สนุกค่า ถ้านิทานรู้ว่าสองคนนั้นเป็นคนวางแผนจะรู้สึกยังไงนะ อิอิ
#ติดตามตอนต่อไปจ้า :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
รอฉันรอเธอต่อ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
สองคนนี้เนี่ย...เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
7
เหยื่อล่อ




   สิ่งที่อันตราย เราต้องเตรียมใจที่จะเสี่ยง ข้อนี้ นิทานเข้าใจดี เขาเองก็กำลังเตรียมใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะ
หวาดระแวง เขาเหลือบตามองรามิลเป็นระยะ

   “ท่านประธานมีอะไรหรือเปล่าครับ”

   ความสงสัยผ่านทางการกระทำนั้นชัดเจน นิทานลุกจากเก้าอี้ เดินตรงมาหาคนตัวสูง

   “ไอศูรย์ได้โทรไปคุยกับนายแล้วใช่ไหม”

   “ท่านประธานหมายถึง เรื่องที่จะให้ผมช่วยจับคนร้ายเหรอครับ”

   ไม่มีคนร้ายที่ไหน จะยื่นหน้ายอมรับผิดได้อย่างง่ายดาย รามิลเองก็เช่นกัน เขาสวมหน้ากากของผู้ชายที่แสนดี และรอยยิ้ม
ที่แสนหวานที่ใช้หลอกล่อเหยื่อให้ติดกับดัก

   “ครับ ไอศูรย์บอกกับผมแล้ว”

   “แล้วนายก็ตกลง”

   “ครับ”

   “เอ่อ เขาบอกกับนายว่ายังไงบ้าง”

   นิทานเริ่มคิดมากขึ้นมาอีกครั้งว่ารามิลจะคิดยังไง เขาไม่กล้าสบตารามิลตรงๆ 

   “ก็บอกว่าท่านประธานกำลังมีปัญหา ให้ผมช่วยตามจับคนร้าย ที่ดูเป็นคนโรคจิตครับ”

   “แล้วไอศูรย์บอกนายหรือเปล่า ว่าคนร้ายพวกนั้นทำกับอะไรกับฉันบ้าง”

   “ไม่นะครับ แต่ผมว่า ถ้าแค่รู้สึกระแวงนิดๆหน่อยๆ ก็ควรจะจัดการ ดีกว่าปล่อยให้มันทำเลวร้ายลงไปกว่าเดิม”

   รอยยิ้มงดงามส่งมาให้กำลังใจประธานตัวน้อย ท่าทางอารมณ์ดีและมองโลกในแง่ดีนั้น ทำให้นิทานยิ้มตาม

   “ขอบใจนายมากจริงๆ เอาไว้ เดี๋ยวเย็นนี้หลังเลิกงาน นายอย่าเพิ่งกลับนะ ฉันขอรบกวนเวลานายสักหน่อย”

   “ยินดีครับ”

   พอได้ยินรามิลตอบรับแบบนั้น นิทานก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา ในช่วงเวลาพักกลางวัน เขาอารมณ์ดีมาก จนตัดสินใจโทรสั่ง
อาหารให้นำมาส่งที่ห้องเผื่อทั้งรามิลและไอศูรย์

   “เข้ามานั่งทานข้าวด้วยกันสิ”

   คำเชิญชวนเกิดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มน่ารัก ไอศูรย์และรามิลมองหน้ากันในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะออกจากห้องทำงานเพื่อไป
ทานมื้อเที่ยง

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านประธาน”

   ไอศูรย์เป็นคนเอ่ยก่อนอย่างเกรงใจ รามิลเองก็ลอบมองสีหน้าของประธานตัวน้อยว่ามีเจตนาอะไรแบบแฝงหรือเปล่า

   “มาเถอะน่า ฉันสั่งมาตั้งเยอะ กินคนเดียวไม่หมดหรอก”

   เขาพูดไปตามความจริง อาหารที่สั่งมาไม่ใช่น้อยเลย หากทานคนเดียวยังไงก็ไม่หมด เนื่องจากปริมาณอาหาร นิทานได้
คำนวณเอาไว้แล้วว่าเผื่ออีกคนสองคนเอาไว้ด้วย ทั้งรามิลและไอศูรย์มองหน้ากันอีกครั้ง

   “งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับท่านประธาน”

   คนที่พูดก่อนคือรามิล เขาฉีกยิ้มอย่างยินดี แล้วเข้าไปช่วยนิทานถือถุงอาหาร นิทานหันไปยิ้มให้กับไอศูรย์

   “นายก็เข้ามาในห้องด้วยกันสิ”

   “ครับ”

   ชายหนุ่มตอบรับอย่างง่ายดาย แล้วเดินตามทั้งคู่ไปจนถึงในห้องของประธานบริษัท

   “เดี๋ยวผมไปหยิบจานนะครับ”

   เนื่องจากรามิลนั่งทำงานในห้องทำงานร่วมกับนิทานมาหลายวัน เขาจดจำทุกอย่างได้เกือบหมด ชายหนุ่มเดินไปหยิบ
อุปกรณ์ในการทานอาหาร แล้วเดินกลับมาหานิทาน

   “ผมช่วยแกะ”

   ไอศูรย์อาสาอีกคน นิทานมองชายตัวสูงทั้งสองที่ดูตั้งใจแกะกับข้าวที่เขาโทรไปสั่งใส่ถ้วยและจาน

   “เดี๋ยวฉันทำเอง”

   รามิลยื่นมือจะมาช่วยนิทานรินน้ำใส่แก้ว แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเด็กน้อยจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงาน
เขาอยากให้บรรยากาศเป็นเหมือนเพื่อนนั่งทานอาหารร่วมกันมากกว่า

   “ทานเต็มที่เลยนะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มอีก ฉันจะโทรสั่งมาให้”

   “ท่านประธานนี่ใจดีจังเลยนะครับ”

   รามิลเอ่ยชมพร้อมกับรอยยิ้ม นิทานยิ้มเก้อเขิน เขาก็ไม่ค่อยได้มีคนชมสักเท่าไหร่ พอมาโดนคนแปลกหน้าชมแบบนี้ ก็อด
ไม่ได้ที่จะเขินขึ้นมา

   “ที่จริง ท่านประธานไม่ต้องเลี้ยงข้าวผมก็ได้นะครับ”

   “เอาน่า เรื่องแค่นี้เอง อีกอย่าง ฉันนั่งกินข้าวในห้องคนเดียวแล้วมันรู้สึกเบื่อขึ้นมาน่ะ”

   “งั้นผมจะถือว่ามันเป็นหน้าที่อีกอย่าง ที่ทำให้เจ้านายมีความสุขก็แล้วกันนะครับ”

   รอยยิ้มสดใสมาพร้อมกับมือทั้งสองที่จับทั้งช้อนและส้อมพร้อมเข้าสู่สนามรบของรามิล นิทานหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะ
พยักหน้าเบาๆ

   “ลงมือทานเถอะ”

   “ขอบคุณนะครับ”

   คนที่ดูจะเกรงใจจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่จะได้เริ่มทานก็คือไอศูรย์ ท่าทางจริงจังและคิดมากนั่นดูเหมือนเป็นบุคลิกของ
ชายหนุ่มไปเสียแล้ว

   

--------+++++-------



   เวลาทำงานได้สิ้นสุดลงในช่วงเย็น ประตูห้องทำงานจึงเปิดขึ้น ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของรามิลที่เดินออกมาจากห้องทำงาน ไอศูรย์เก็บของส่วนตัวใส่กระเป๋าของตัวเอง เขารับรู้ถึงการเดินเข้ามาใกล้ของรามิล

   “ได้เวลาเล่นเกมแล้วนะ”

   เขาเอ่ยบอก พร้อมกับยกนาฬิกาขึ้นดู ตอนเย็นหลังเลิกงานวันนี้ นิทานได้นัดพวกเขาทั้งสอง เพื่อพูดคุยถึงแผนการที่จะใช้
จับคนร้าย

   ไอศูรย์เก็บของเสร็จแล้วจึงหยิบกระเป๋าสีดำสนิทของตนขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

   “งั้นก็ไปเล่นกันเลย”

   ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องทำงานของประธานบริษัท นิทานคลี่ยิ้ม ผายมือเล็กน้อยเป็นเชิงให้ทั้งสองนั่งลงในฝั่งตรงข้ามกับ
เขา

   “จะให้สั่งอะไรมากินกันก่อนไหม?”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมว่าคุยเรื่องนั้นเลยก็ได้”

   ไอศูรย์ไม่คิดจะอ้อมค้อม นิทานเองก็รู้สึกพอใจที่ได้ยินอย่างนั้น เพราะเขาเองก็อยากคุยเรื่องนี้ให้มันชัดเจนไปเลย

   “เรื่องแผนที่นายเสนอเอาไว้คราวก่อน ฉันลองมาคิดดูแล้วนะ”

   “ครับ”

   เลขานุการทั้งสอง มองหน้าคนตัวเล็ก รอฟังคำกล่าว

   “ฉันว่ามันเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า”

   แม้จะเตรียมใจแล้วก็ตามแต่นิทานก็ยังหวาดกลัว เขาไม่อยากจะประสบพบเจอกับเรื่องราวแบบนั้นซ้ำๆอีกแล้ว

   “เหมือนเราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะครับ”ไอศูรย์ตำหนิ

   “แล้วนายจะให้ฉันไปเป็นเหยื่อล่อพวกนั้นยังไง”

   “ผมคิดว่าน่าจะต้องเป็นสถานที่ และเวลาเดิมที่มันเคยลงมือ”

   รามิลแนะนำ นิทานนิ่งไปเพียงครู่อย่างครุ่นคิด มีความเป็นไปได้ ที่เจ้าคนโรคจิตนั่นอาจจะทำซ้ำแบบเดิม

   “แต่ฉันก็ยังไม่เจอมันอีกเลย ตั้งแต่นั้นนะ”

   “มีความเป็นไปได้ ว่าพวกมันจะไม่ลงมือ เพราะเห็นว่ามีคนอยู่เยอะ”

   ข้อสันนิษฐานของไอศูรย์ ทำให้ทั้งหมดต่างนิ่ง แล้วพิจารณาถึงความจริงข้อนั้น รามิลกระตุกที่มุมปาก โดยที่นิทานไม่ทัน
สังเกต

   “งั้นแบบนี้ ก็ต้องให้ไม่ค่อยมีคนอยู่ใกล้ๆท่านประธาน ใช่หรือเปล่าครับ”

   “ที่จริงชั้นที่ท่านประธานอยู่ ก็มีอีกหลายคนที่ทำงานในส่วนอื่นๆ ถ้าผมจำไม่ผิด ในวันนั้นที่เกิดเหตุ เหมือนเป็นช่วงพัก
กลางวัน”

   “งั้นตอนนั้น ก็ไม่มีใครอยู่ ทางก็สะดวกน่ะสิ”

   รามิลหันไปมองไอศูรย์ ดวงตาหรี่ลง เขาเห็นว่าดวงตาคมนั้นกำลังยิ้มอย่างพอใจ

   …ร้ายกาจนักนะ…

   ชายผู้อารมณ์ดี ได้แต่ชื่นชมกึ่งประชดประชันไอศูรย์อยู่ในใจ เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ทำหน้าเครียด เพราะหาทางแก้ไม่
ได้เสียที

   “งั้นพรุ่งนี้ ท่านประธานก็ลองไปที่ห้องน้ำเหมือนเดิมดีไหมครับ เราอาจจะเจอตัวพวกมันก็ได้”

   “แล้ว…แล้วถ้ามันทำกับฉันแบบนั้นอีกล่ะ”

   ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในจิตใจ ไอศูรย์เป็นคนที่รับรู้ทุกอย่าง นิทานจึงได้ให้ความสำคัญกับไอศูรย์เป็นพิเศษ

   “พวกผมจะเข้ามาช่วยท่านประธานเองครับ”

   รามิลเอ่ยอย่างหนักแน่น ราวกับต้องการให้นิทานเชื่อใจในตัวพวกเขา นิทานมองไอศูรย์และรามิลสลับกัน เขาควรจะเชื่อ
ใจทั้งคู่ เพราะมีแค่สองคนนี้เท่านั้นที่เขาไว้ใจได้

   “ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้ ก็ตามนั้น ฉันจะคอยมันอยู่ในห้องน้ำ”
   “ครับ”

   “แล้วถ้ามันเข้ามา ฉันควรจะทำยังไงดี”

   “ผมว่าให้ท่านประธานเตรียมโทรหาพวกเราดีไหมครับ ถ้าท่านประธานรู้สึกว่าพวกมันมา ก็รีบโทรเลย พวกเราสองคนจะรีบ
ขึ้นมาหาคุณ”

   “พวกนายจะไม่อยู่ชั้นเดียวกับฉันเหรอ”

   ความกังวลเกิดขึ้นทันที เมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกปล่อยทิ้งไว้คนเดียว ไอศูรย์และรามิลมองหน้ากัน

   “ถ้าพวกเราอยู่ พวกมันอาจจะไม่ยอมโผล่มาก็ได้นะครับ”

   “งั้นพวกนายควรจะอยู่แค่ชั้นถัดไป ไม่ควรไปไหนไกล”

   “พวกผมก็ตั้งใจไว้แบบนั้นเหมือนกันครับ”ไอศูรย์กล่าว

   “โอเค ตกลงตามนั้น”

   นิทานยอมตกลงในที่สุด ชายหนุ่มทั้งสองได้แต่ระบายยิ้มอย่างพึงพอใจ

   
--------+++++-------



   ในที่สุด วันที่ใช้นิทานเป็นเหยื่อล่อคนร้ายก็มาถึง เขาเองก็รู้สึกระแวง แต่เขาก็ต้องเชื่อใจทั้งสองคน เพราะมีแค่สองคนนี้เท่านั้น ที่เป็นที่รู้เรื่องทุกอย่าง

   เขาเดินมาเข้าห้องน้ำ ด้วยจิตใจที่หวาดหวั่น มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะทำตัวมีพิรุธมากจน
เกินไป แล้วทำให้คนร้ายไม่ยอมออกมา
   การยืนรอในห้องน้ำ ไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกดี ในห้องน้ำมีเขาแค่คนเดียว เขาไม่ได้ยืนหันหลังให้ประตู ดวงตาคู่สวย
เอาแต่จับจ้องที่ประตูห้องน้ำ รอดูว่าเมื่อไหร่จะมีคนเข้ามา แต่ทุกอย่างก็เหมือนอยู่ในความเงียบ


   กลุ่มควันเกิดขึ้นในห้องน้ำ เพราะมันถูกทิ้งไว้ในห้องห้องในสุด โดยที่นิทานไม่ทันได้รับรู้ตั้งแต่แรก เขารู้สึกมึนงง จนทรุดกายอยู่กับพื้น ยาสลบฟุ้งไปทั่วห้องน้ำ ถึงแม้มันไม่รุนแรงมาก แต่ก็ทำให้นิทานสลึมสลือ

   “คะ ใคร”

   ร่างกายสูงโปร่งอยู่ตรงหน้าเขา เขามองเห็นไม่ชัด เพียงแค่ชั่วพริบตา ก็มีผ้าปิดตาอันหนึ่งมาปิดตาของนิทาน คนตัวเล็กพยายามจะลุกขึ้นสู้ แต่เขาก็ไร้เรี่ยวแรง

   …โทรศัพท์…
   เขาต้องกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาใครสักคนไม่ว่าจะเป็นรามิล หรือว่าไอศูรย์…

   ตุบ!

   คนร้ายนั้นเหมือนรู้ทัน มือหนาคว้าโทรศัพท์ที่นิทานกำลังจะกดโทรหา

   ‘รามิล’
   พอได้อ่านชื่อแล้ว คนร้ายตัวสูงก็ต้องเหยียดยิ้มอย่างพอใจ ก็ไม่คิดว่ารายชื่อแรกที่จะกดโทรจะเป็นชื่อเขาเสียเอง

   ที่จริงเขาก็ไม่ค่อยชอบการเข้ามาลวนลามในห้องสักเท่าไหร่ แต่เพราะยังไม่เคยทำ ก็เลยอยากจะลองประสบการณ์ดูสัก
ครั้ง
   “ไม่ต้องกลัว”

   รามิลกระซิบบอกเสียงพร่า นิทานกลัวจนเผลอกายถอยหนี สติเขางงงวยไปเพราะฤทธิ์ยา ริมฝีปากสวยเผยอออกเพียงนิด
ใบหน้าน่ารักถูกมือใหญ่จับกุมลูบไล้ไปตามโครงหน้า ก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก

   “พักกวางวัน แต่ไม่ยอมไปทานข้าว เดี๋ยวก็หิวหรอก”

   รอยยิ้มเผยให้เห็น ลิ้นร้อนแลบเลียที่ริมฝีปากอ่อนนุ่ม ร่างกายของนิทานอ่อนแรง เขารู้สึกสะลืมสะลือ เหมือนทุกอย่างเป็น
ความฝัน รามิลก้มลงไปกดจูบกับปากนิ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจาบจ้วง ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในโพรงปากพยายาม
ตักตวงความหอมหวานให้ได้มากที่สุด

   ความอึดอัดเกิดขึ้น จนนิทานรู้สึกหายใจไม่ออก เขายกมือดันร่างสูงให้ออกห่าง แต่รามิลไม่ชอบง่ายๆ เขาพรมจูบไปตาม
ใบหน้างดงาม ใบหน้าที่แสนน่ารักนี้ ดูเหมือนขาดการเติมแต่งบางอย่างไป

   …เขาจะเป็นคนเติมเต็มให้กับมันเอง…

   สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงตัวใหญ่ ถูกนำออกมา จนมันสัมผัสไปกับแก้มนิ่ม ส่วนปลายของความนั้นเฉียดไปตรงริมฝีปาก
สวย นิทานไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะโดนทำอะไรกันแน่ จนกระทั่งความอุ่นร้อนนั้นแทรกเข้ามาในโพรงปาก คนตัวเล็กถึงได้สะดุ้ง
ตัวเกร็ง ถดกายถอยหนี
   ทั้งขนาดและความยาวกับแน่นในปากสวย นิทานพยายามดิ้น แต่รามิลก็รั้งศีรษะเล็กเอาไว้ แล้วจับมันขยับเข้าออก ราวกับ
เป็นเครื่องจักรสูบ สิ่งที่อยู่ภายในปากนั้นตื่นตัวจนเต็มที่ สะโพกสอบเริ่มขยับเข้าออกอย่างรวดเร็วและรุนแรง

   “อ่า…”
   เสียงทุ้มครางต่ำในลำคออย่างพึงพอใจ นิทานตะเกียดตะกาย ทุบตีต้นขาอย่างสะเปะสะปะ เพราะว่ามองไม่เห็นเลยว่า
เบื้องหน้าคืออะไรบ้าง เขาแค่รู้สึกว่ากำลังหายใจไม่ออก

   “อึก”
   ปากสวยได้รับอิสระ แต่ก็เพียงแค่ชั่วพริบตา สายธารอุ่นใสก็พ่นฉีดใส่ใบหน้าของเขาจนเปรอะเปื้อนโดยที่นิทานสัมผัสได้
รามิลระบายยิ้มอย่างพอใจ เขาลากลิ้นเลียที่แก้มนิ่มซึ่งเปื้อนน้ำสีขาวอย่างแผ่วเบา

   “สวย…”

   มีเพียงที่กระซิบกระเส่าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์เท่านั้น นิทานนั่งหอบหายใจ  การถูกวางยา ทำให้ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรง  รามิลหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดบันทึกภาพที่แสนเร้าอารมณ์ ป้ายนิ้วโป้งปัดเช็ดที่มุมปากของตัวเอง

   ชายหนุ่มจัดการตัวเองจนเรียบร้อย แล้วจึงหมุนกายเดินออกจากห้องน้ำไป ปล่อยให้ประธานตัวน้อยนอนหมดสติอยู่อย่าง
ไม่รับรู้เรื่องราวอะไรทั้งนั้น

   ปัง ปัง ปัง!!!!
   เสียงทุบประตูห้องน้ำอย่างรุนแรง เหมือนปลุกนิทานให้ตื่นจากนิทรา เขาเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว แค่จะเปิดเปลือกตาขึ้นยัง
ยากลำบาก

   “ท่านประธาน!!! ยังอยู่ข้างในหรือเปล่าครับ”

   เสียงที่เขาได้ยินของไอศูรย์ นิทานไม่มีแรงจะตอบ แต่เสียงประตูก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง

   ปัง!!!

   ประตูห้องน้ำถูกพังเข้ามา ไอศูรย์รีบวิ่งเข้าดูอาการของนิทาน คนตัวเล็กสะลืมสะลือ นิทานปรือตามอง

   “ไอศูรย์”

   นิทานรับรู้ได้ว่าคนที่เข้ามาประคองเขาอยู่คือไอศูรย์ ในขณะที่รามิลเข้ามาประคองอีกฝั่งของร่างกาย

   “ผมว่าท่านประธานล้างหน้าก่อนเถอะครับ”

   คนที่กล่าวขึ้นคือไอศูรย์ รามิลหันไปชายหนุ่มที่ใส่แว่นตา เขาจ้องมองใบหน้าน่ารักที่ปรากฏในกระจกเขา เขาไม่ต้องการ
ให้รีบลบศิลปะอันงดงามบนใบหน้านี้

   …ทั้งที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำขาวขุ่นช่างน่ามอง…

   “นายก็มาช่วยฉันล้างหน้าให้ท่านประธานสิ”

   ไอศูรย์ออกคำสั่ง รามิลระบายยิ้ม ปั้นหน้าเป็นคนใจดี เขาเปิดน้ำ แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบที่เปื้อนบนใบหน้าให้กับ
นิทานอย่างอ่อนโยน

   “ขอบใจนะ”

   นิทานเอ่ยอย่างหมดแรงกับรามิล ไอศูรย์ตัดสินใจช้อนร่างนิทานอุ้มขึ้น แล้วเอ่ยกระซิบข้างใบหูของรามิลก่อนจะเดินออก
จากห้องน้ำ

   “เล่นสมบทบาทเหลือเกิน”

   “นายมากกว่ามั้ง…พ่อสุภาพบุรุษ”

   รามิลเอ่ยกลับ ไอศูรย์ได้แต่หัวเราะหึในลำคอ แล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของประธานตัวน้อย เขาวางร่างของนิทานลง
บนโซฟา ปล่อยให้คนตัวเล็กได้พักผ่อนร่างกาย

   เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง นิทานจึงลืมตาตื่นขึ้น ฤทธิ์ยาที่เขาโดนเหมือนหมดลงแล้ว แต่ถึงแม้จะโดนวางยา แต่เขาก็
พอจะจำรายละเอียดเรื่องพวกนั้นได้

   “ฉัน…ฉันเจอกับมัน”

   น้ำเสียงนั้นลนลาน ภาพเหตุการณ์และสัมผัสที่เลวร้ายไหลเข้ามาในความทรงจำ นิทานรับรู้ได้ว่า สิ่งที่ในโพรงปากของเขา
ในตอนนั้นคืออวัยวะเพศชายอย่างแน่นอน เพียงแต่ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งก่อนตรงที่เขาไม่สามารถเห็นหน้าของคนร้ายได้เลย

   “ทำไมถึงไม่โทรมาล่ะครับ”

   น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถาม นิทานหันไปมองไอศูรย์ที่คาดหวังคำตอบ นิทานส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆ

   “ฉันโดนมันวางสลบแน่เลย แถมตอนที่ฉันจะโทรหาพวกนาย มันก็แย่งโทรศัพท์ไป”

   รามิลกระตุกยิ้ม ไอศูรย์เห็นรอยยิ้มนั้นพอดี แต่เขาก็ยังหน้าทำหน้านิ่ง แล้วเอ่ยต่อ

   “ท่านประธานโดนพวกมันทำร้ายร่างกายหรือเปล่าครับ”

   “ไม่หรอก แต่มันก็ทำเรื่องชั่วๆกับฉันเหมือนเดิม ฉันเจ็บใจที่หลงกลมัน”

   …ถ้าได้รู้ความจริง…คงจะเจ็บใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย…

   นั่นคือสิ่งที่ไอศูรย์คิด รามิลเลื่อนมือไปจับมือเล็ก ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความจริง

   “ไม่เป็นไรนะครับ พวกเราต้องจับมันได้แน่ๆ พวกเราผิดเองที่คุ้มกันท่านประธานได้ไม่ดี”

   “ไม่หรอก นายอย่าโทษตัวเองเลย ฉันมันประมาทเอง”

   “แล้วครั้งนี้มันมากันกี่คนครับ”รามิลถามต่อ

   “คนเดียวน่ะ ไม่รู้ทำไม ฉันถึงได้รู้สึกว่าเป็นคนละคนกับครั้งก่อนที่ฉันเคยเจอในห้องน้ำ บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเอง”

   รามิลเหลือบตามองไอศูรย์ ชายหนุ่มขยับกรอบแว่นตาเพียงเล็กน้อย รอดูว่ารามิลและนิทานจะพูดคุยอะไรกันต่อ

   “แบบนี้ ถ้าให้ท่านประธานไปเป็นเหยื่อล่อพวกมันก็ถือว่าเสี่ยงเกินไปจริงๆ ดูเหมือนว่าเป้าหมายของมันจะเป็นท่าน
ประธาน”

   “อืม ก็คงจะเป็นอย่างนั้น แต่ถ้ามันคิดจะลงมือครั้งที่สาม แสดงว่าครั้งต่อไปมันก็ต้องกล้าลงมืออีกแน่ๆ รอบนี้พวกเราพลาด
เอง ที่ให้ท่านประธานติดต่อพวกเราด้วยการโทรศัพท์ มันคงจะจับได้”

   “งั้นหมายความว่า นายจะให้ท่านประธานเป็นเหยื่อล่ออีกน่ะเหรอ!”

   รามิลเริ่มแสดงความไม่พอใจ ท่าทางห่วงใยนิทานจนเห็นได้ชัด นิทานเม้มปากแน่น เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาที่มีคนเป็นห่วง
ความปลอดภัยของเขา

   “ขนาดตอนกลางวัน มันยังกล้าโผล่มา ถ้ามันรู้ว่าตอนกลางคืน ท่านประธานไม่กลับบ้าน แล้วไม่มีคนอยู่ มันต้องมาแน่ๆ
แล้วคราวนี้เราจะมีโอกาสจับตัวมันได้ เพราะเราแน่ใจแล้วว่า เป้าหมายของมัน คือเข้ามาหาท่านประธานตอนที่ได้โอกาส”

   “แต่มันเสี่ยงเกินไป ท่านประธานอาจจะโดนทำอะไรรุนแรงอีกก็ได้ ฉันไม่อยากให้ท่านประธานไปเสี่ยงมากขนาดนี้”

   รามิลโต้แย้งกลับด้วยท่าทางที่จริงจัง นิทานยกมือแตะแขนของรามิล เป็นเชิงบอกให้ชายหนุ่มหยุดสักพัก

   “ฉันจะทำ”

   เขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เพราะครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่เขาโดนลวนลามทางเพศ แสดงว่าเขาเองกำลังไม่ปลอดภัย ถ้าเขา
แจ้งตำรวจ บางทีเจ้าคนร้ายโรคจิตมันอาจจะหายตัวไปและไม่โผล่ การที่ล่อให้มันออกมา แล้วจับตัวให้ได้ในทันที น่าจะแก้
ปัญหาเรื่องนี้ได้เร็วที่สุด
   “แต่ว่าท่านประธาน”

   “ฉันรู้ว่ามันเสี่ยง แล้วก็อันตรายกว่าครั้งก่อน เพราะว่ามันเป็นเวลาที่เข้าทางของมัน แต่ฉันไม่มีทางเลือก”

   “ผมเป็นก็เป็นห่วงท่านประธาน แต่วิธีการนี้คือจะเร็วที่สุด ถ้าเรารอตำรวจ แน่นอนว่ามันน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งท่านประธาน
เองก็น่าจะไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้น”
   “ฉันเข้าใจที่นายบอกไอศูรย์ แล้วฉันก็เห็นด้วย แต่ครั้งนี้พวกนายต้องจับคนร้ายให้ได้ เพราะฉันทุ่มสุดตัวเหมือนกัน นาย
เข้าใจใช่ไหม”

   นิทานหันไปจ้องหน้าไอศูรย์ ครั้งนี้เขามีความคาดหวัง ว่าเลขาทั้งสองจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง ในเมื่อเขายอมเสี่ยงที่จะโดน
ทำเรื่องเลวร้ายจากพวกโรคจิต เลขาทั้งสองก็ไม่ควรจะปล่อยให้เขาเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง

   “ผมจะไม่มีวันยอมให้มันรอดไปแน่นอน”รามิลกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง

   “ไม่ต้องห่วงครับท่านประธาน การเสี่ยงของคุณครั้งนี้ ผมจะจับคนร้ายให้คุณได้ลงโทษมันอย่างสาสม”

   ไอศูรย์เอ่ยปิดท้าย ใบหน้าที่ดูจริงจังของทั้งรามิลและไอศูรย์ ทำให้นิทานรู้สึกสบายใจขึ้น ถึงความทรงจำที่ผ่านมามันจะ
ทำให้เขาหวาดกลัว แต่อย่างน้อยเขาก็มีผู้ช่วยที่ไว้ใจได้และช่วยเหลือเขา เขาไม่จำเป็นจะต้องกลัวอีกต่อไป อีกไม่นานคนร้ายที่
มันกล้ามาทำเรื่องเลวร้ายกับเขา มันจะต้องถูกจับกุมและถูกลงโทษตามกฎหมายของบ้านเมือง

   

   

100%

เมะเรื่องนี้ ค่อนข้างนิสัยไม่ดีนะคะ ชอบแกล้งท่านประธาน โปรดทำใจไว้ล่วงหน้า :)
ฝากเพจด้วยนะจ๊ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
บอกได้คำเดียวว่าโดน!! โดนเต็มๆเปา  :hao6:
คือแบบความเสแสร้งนี่มาเต็มค่ะ จะว่าตอแหลเก่งก็ดูจะแรงเกินไป  :laugh:
พระเอกแบบหน้าหมั่นไส้ แต่ก็อยากให้ทำไปนานๆ  :haun4:
สู้ๆนะท่านประธาน  o8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ลุ้นนนนนนน (หลอกๆ อิอิ)

ออฟไลน์ Aueizii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมถึงอยากให้นิทานโดนอีก โรคจิตละเรา 555

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
 :ling1:นิทานช่างน่าสงสารโดนหลอกซ้ำๆซากๆ555
#เมะแอบจิตนิดๆ #ชอบไอศูรย์มากๆ

ออฟไลน์ chouxcream59

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ก็ท่านประธานตัวน้อยมันน่าแกล้งงงง 
สองเมะ(จิต)ไอศูรย์กับรามิลเลยต้องเล่นด้วยซักหน่อย  o3
รออออ :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
รอออวววว์

ออฟไลน์ noozzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
2 เมะนี้ เป็นใครมาจากไหน ทำไมธนัตถึงไว้ใจให้มาเป็นเลขา สงสารเด็กน้อย ตามไม่ทันพวกโรคจิตหรอก ฮึ่ยๆๆๆ ครั้งต่อไปไม่โดนจับทำเมียเลยหรอ  :katai1:

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
8
คนร้าย

   การตัดสินใจในครั้งนี้ของนิทาน เหมือนเขากำลังพาตัวเองไปเล่นกับไฟหรือสิ่งที่อันตราย แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องเสี่ยง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่อันตราย
   ...คนร้ายโรคจิต...
   เขาโดนพวกมันล้อเล่นกับร่างกายถึงสามครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่สาม เขาเจ็บใจอย่างถึงที่สุด เพราะเขาถูกบังคับให้ทำออรัล แถมมันยังปลอดปล่อยความชั่วช้าบนใบหน้าของเขา ราวกับตอกย้ำมลทิน
   คืนนี้จะเป็นวันปิดศึกสู้รบระหว่างเขากับมัน เขาจะต้องชนะ นิทานคาดหวังไว้อย่างนั้นตั้งแต่แรก ตอนนี้เขามีผู้ที่คอยช่วยเหลือ ซึ่งได้แก่เลขานุการทั้งสองของเขา เขามีความเชื่อใจและคาดหวังว่าทั้งสองจะต้องช่วยเขาจับคนร้ายได้จนสำเร็จ
   “วันนี้ทำงานเหนื่อยหน่อยนะ”
   นอกจากจะฝากความหวังเอาไว้ที่ทั้งสองคนแล้ว นิทานยังคิดว่าการผูกมิตรเอาไว้ให้ได้มากที่สุดก็จะทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี   
   ทั้งไอศูรย์และรามิล ทั้งคู่เป็นคนทำงานเก่ง เขาเคยเผลอคิดไปว่าบางทีทั้งสองอาจจะเหมาะกับการเป็นผู้บริหารมากกว่าเขาเสียอีก
   ยิ่งเข้าสู่การทำงานที่ต้องอยู่ในจุดสูงสุดมากเท่าไหร่ หัวใจของเขามันก็ยิ่งหนักอึ้ง จนเขาไม่รู้แล้วว่าจะสามารถฝ่าฟันมันไปได้มากแค่ไหน
   …อะไรที่เหมาะกับเขากันแน่…
   “ท่านประธานครับ”
   เสียงเรียกของรามิลไม่ได้ทำให้นิทานหลุดออกมาจากความคิดที่สับสน เขาทำยอดขายของบริษัทตกไปจากเดิมอยู่ตลอดเวลา
   “ท่านประธาน”
   พอโดนเรียกซ้ำๆ เขาก็หลุดออกมากจากความคิด สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าที่ดูห่วงใยของรามิลที่มีให้กับเขา
   “มีอะไรเหรอ”
   เพราะมัวแต่เหม่อลอยไปชั่วขณะ ทำให้เขาไม่ได้ทันได้รับฟังสิ่งที่รามิลพูดเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ชายตัวสูงก็ไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด
   “ผมเอาชงกาแฟมาให้น่ะครับ”
   “อ่า งั้นเหรอ”
   นิทานก้มมองที่โต๊ะ มีแก้วกาแฟวางอยู่ กลิ่นหอมกรุ่นจนเตะจมูก คนตัวเล็กเงยหน้าจากแก้วกาแฟ แล้วมองหน้ารามิล
   “ขอบใจนะ”
   “ครับ”
   แต่ถึงจะตอบรับแล้ว แต่รามิลก็ยังไม่เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง นิทานได้แต่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
   “มีอะไรอีกหรือเปล่า”
   “ท่านประธานไม่สบายหรือเปล่าครับ”
   “เอ๊ะ”
   ประธานตัวน้อยร้องออกมาด้วยความสงสัยทันที ไม่คิดว่ารามิลจะถามเขาแบบนี้ เขาได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
   “ทำไมล่ะ ฉันมีอะไรแปลกๆงั้นเหรอ”
   “ครับ ผมรู้สึกว่าท่านประธานดูเหนื่อยๆ”
   คำกล่าวนั้นเหมือนจี้จุดของนิทาน เขากำลังรู้สึกเหนื่อยล้าในหลายๆเรื่อง แค่เรื่องงานก็พาให้เหนื่อยจนไม่อยากจะคิดเรื่องใดอีกแล้ว แต่นี่ยังมีเรื่องของเจ้าคนโรคจิตเข้ามาอีก
   “ฉันไม่เป็นไรหรอก”      
   “จริงเหรอครับ ผมว่าน่าจะไปลองหาหมอดูไหมครับ”
   “ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันคงแค่เครียดมากไป เพราะเรื่องเจ้าโรคจิตนั่น”
   รามิลลอบยิ้มเพียงนิดที่มุมปาก ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นต่อด้วยน้ำเสียงที่แนวแน่จนคนฟังต้องระบายยิ้มตาม
   “ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ยังไงคืนนี้ เราก็ต้องจับมันได้แน่ๆ”
   “ฉันก็ขอให้มันเป็นอย่างนั้น”
   ทั้งคู่สบตากัน รามิลจึงขอตัวกลับไปทำงานที่โต๊ะของตัวเองต่อ นิทานเหลือบตามองรามิลเพียงครู่ แล้วจึงหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ

-------+++++-------

   เวลาผ่านไปไวราวกับเป็นเรื่องโกหก แม้นิทานอยากจะจับคนร้ายให้ได้เร็วแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากจะเจอคนร้ายอยู่ดี
   …มันเหมือนความคิดและการความต้องการที่ขัดแย้งต่อกัน…
   เขาไม่โทษใครเลย นอกจากตัวเองที่ขี้ขลาด แต่ถ้าผู้ชายปกติที่ไม่เคยโดนกระทำการลวนลามจากเพศเดียวกันและแข็งแกร่งกว่าก็น่าจะหวาดกลัวกันทุกคน ดังนั้นสิ่งที่เขาเป็นอยู่ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกตรงไหนเลย เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากจะเจอเรื่องราวแย่ๆ และไม่ได้ยอมรับว่าการโดนล่วงละเมิดทางเพศมันเป็นสิ่งที่น่าภิรมย์หรือน่ายินดี ในทางตรงกันข้าม เขากลับขยะแขยงและไม่ชอบมันเลยสักนิด ถึงแม้ร่างกายของเขาเหมือนจะไปตอบสนองต่อสัมผัสที่แสนบ้านั่นก็ตามที แต่ในทางจิตใจ นิทานไม่เคยจะต้องการ
   “ผมว่าเราออกไปหาอะไรทานกันก่อน แล้วค่อยกลับมาตอนเย็นดีไหมครับ”
   รามิลเสนอ นิทานเม้มปากคิดเพียงครู่ เขาอยากให้แผนครั้งนี้สำเร็จ และไม่อยากคาดกับเป้าหมาย
   “แล้วถ้าคนร้ายมันคิดว่าฉันออกไปแล้ว ไม่กลับมา ฉันจะทำยังไงล่ะ”
   “งั้นนายก็ออกไปโทรสั่งอาหารให้มาส่งแล้วกัน”
   ไอศูรย์หันไปกล่าวกับรามิล ทั้งคู่มองหน้ากัน แม้ภายนอกรามิลจะยิ้มแย้ม แต่ไอศูรย์ก็รู้ดีว่าชายหนุ่มกำลังไม่พอใจ
   …อย่ามาสั่งฉัน…
   ไอศูรย์เลือกจะเมินกับเจตนาและความคิดที่รามิลส่งมา เขาหันมาใส่ใจนิทานแทน คนตัวเล็กกำลังคิดมาก แค่ดูก็รู้ว่านิทานกำลังกลัวเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้
   “ไม่เป็นไรนะครับ ท่านประธานต้องปลอดภัย”
   น้ำเสียงนั้นมาพร้อมกับใบหน้าที่จริงจัง นิทานเหลือบตามอง เขาทำได้แต่พยักหน้า และเชื่อในสิ่งที่ไอศูรย์กำลังบอกเขา
   มื้อเย็นของทั้งสามคืออาหารที่สั่งให้มาส่ง แทนที่จะออกไปทานข้างนอก นิทานทานอาหารได้น้อยกว่าปกติ เพียงแค่นิดเดียว เขาก็รู้สึกอิ่มแล้ว
   “ครับ วันนี้ผมไม่กลับนะครับ”
   แม้จะไม่อยากโทรบอกมารดาแบบนั้น แต่นิทานก็ต้องทำ เพราะเขาได้ตัดสินใจไปแล้วสำหรับสิ่งที่จะทำในคืนนี้
   “แล้วแบบนี้พวกเราก็ต้องออกไปจากบริษัทด้วยหรือเปล่า”
   รามิลหันไปถามไอศูรย์เมื่อมองผ่านกระจกไป เริ่มเห็นว่าดวงอาทิตย์เริ่มจะลาลับขอบฟ้า ชายตัวสูงขยับกรอบแว่นตาเพียงเล็กน้อย
   “ก็ควรจะออกไป แต่ก็ไม่ควรจะอยู่ไกลมาก”
   “จะให้ท่านประธานโทรหาแบบครั้งก่อน มันก็จะอันตรายเกินไปหรือเปล่า”
   การใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อแบบครั้งก่อน เหมือนจะอันตรายเกินไป และกว่าจะโทรติดต่อได้ก็กินเวลานานจนต้องตกอยู่ในอันตราย
   “ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนั้น ผมไปเตรียมหาอุปกรณ์มาแล้ว”
   สิ่งที่ไอศูรย์ยื่นให้กับนิทาน ดูคล้ายกับนาฬิกาข้อมือทั่วไป นิทานมองไอศูรย์อย่างไม่เข้าใจ
   “มันมีตัวส่งสัญญาณอยู่ครับ ถ้าท่านประธานคิดว่าเจอมันแล้ว ก็แค่รีบกดปุ่มตรงนาฬิกา แล้วมันก็จะส่งสัญญาณให้พวกเราทราบเอง ยิ่งกดย้ำๆ มันก็จะยิ่งส่งสัญญาณมากขึ้น”
   พอได้ยินแบบนั้น นิทานก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เพราะเขาคิดว่าครั้งนี้ เจ้าโรคจิตนั่นต้องเดาทางไม่ออกแน่ว่า การติดต่อสื่อสารให้คนอื่นมาช่วยอยู่ที่นาฬิกาข้อมือนี้
   “ขอบใจนะ”
   จะบอกว่านิทานสุดแสนจะซาบซึ้งกับความดีที่ชายทั้งสองทำให้กับเขาก็คงได้ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีเลขานุการที่แสนดีถึงเพียงนี้ แต่ใครจะรู้ ว่าเบื้องหลังของความแสนดีนั้น ซ่อนเอาอะไรเอาไว้บ้าง
   กายแกร่งลุกขึ้น ก้มมองนาฬิกาของตัวเอง เขาหันมากล่าวกับเจ้านายตัวเล็กที่เอาแต่มองนาฬิกาที่มีตัวส่งสัญญาณ แล้วจึงถอดนาฬิกาที่ตัวเองเคยใส่วางไว้บนโต๊ะแทน
   “พวกเราต้องไปแล้วนะครับ”
   ไอศูรย์เอ่ยลา นิทานพยักหน้ารับรู้ เขามองรามิลและไอศูรย์ที่เดินออกจากห้องของเขาไป เขาต้องเชื่อใจว่าทั้งคู่จะปกป้องเขาได้ ครั้งนี้ เขาต้องจับคนร้ายได้อย่างแน่นอน
   นาฬิกาเดินบอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม นิทานนั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเอง บรรยากาศรอบๆกายเริ่มเข้าสู่ความมืด เขาไม่กล้าจะเดินออกจากห้องทำงาน แต่สมองเขากลับสั่งให้เขารีบลุกจากโซฟา แล้วออกไปทำภารกิจสุดแสนอันตรายได้แล้ว
   …จะสู้หรือจะหนี…   
   ทางเลือกของเขามีแค่นี้เท่านั้น ถ้าเขาหนี นั่นหมายถึงเขาก็ต้องทนทุกข์เพราะโดนล้อเล่นจนเป็นเรื่องสนุก และไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าเจ้าคนร้ายโรคจิตนั่นคิดจะทำอะไรที่ชั่วช้ามากกว่าเดิมอีกแค่ไหน เขาไม่อยากเจอกับเหตุการณ์แย่ๆ ซ้ำๆซากๆ อีกแล้ว
   “สู้!”
   บอกกับตัวเองราวกับจะไปแข่งขันกีฬาสักอย่าง แต่นี่ไม่ใช่การแข่งขัน แต่คือการรบ และเขาก็คือเหยื่อล่อ ที่ถูกส่งมาเพื่อให้คนร้ายปรากฏตัว
   นิทานเดินไปมาอยู่ตรงทางเดิน เขาเดินไปเรื่อยๆ ทุกอย่างรายรอบกายเขาเริ่มเข้าสู่ความมืด แต่ถึงกระนั้น ทุกอย่างก็ยังคงเงียบสงบ เหมือนว่าไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
   …หรือว่ามันจะรู้ตัว แล้วไหวตัวทัน…
   สิ่งที่คิด มีความเป็นไปได้สูงเลยว่าจะเป็นจริง เจ้าคนร้ายที่แสนฉลาดนั่น อาจจะรู้แผนการ แล้วเผ่นหนีไปในวันนี้แล้วก็ได้ พวกมันอาจจะเห็นรามิลและไอศูรย์ที่ยังไม่กลับเพื่อมาช่วยเขาและจับคนร้าย
   “บ้าชะมัด”
   กายเล็กหมุนตัวจะเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง เขาคงจะต้องโทรหาผู้ช่วยทั้งสองเสียแล้วว่า เขาเดินรอเจ้าคนร้ายมาเกือบครึ่งชั่วโมงแต่มันก็ยังไม่โผล่มาเสียที
   “ฮัลโหล นี่ฉันเองนะ”
   นิทานกรอกเสียงไปตามสาย เขาโทรไปหาไอศูรย์ และเล่าเรื่องราวให้กับชายหนุ่มฟัง ทั้งไอศูรย์และรามิลยังอยู่ด้านล่าง
   [ครับ ท่านประธาน]
   “ฉันเดินออกมารอมันตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว พวกมันยังไม่มากันเลย”
   [หรือว่ามันอาจจะมาดึกๆครับ]
   ไอศูรย์เปิดลำโพงโทรศัพท์ ทำให้รามิลสามารถพูดคุยกับนิทานได้ด้วย นิทานเม้มปากแน่น คิดไม่ตก
   “แล้วจะให้ฉันไปรอมันที่ทางเดินทั้งคืนเลยเหรอ”
   [ถ้าท่านประธานไหว ก็ต้องลองดูนะครับ]
   “เข้าใจ แล้วฉันจะติดต่อไปอีกที”
   ถ้าจะบอกว่าเขาไม่ถูกกับความมืด ก็คงจะใช่ นิทานไม่อยากไปยืนอยู่ตรงทางเดินมืดๆแค่คนเดียว
   “เป็นผู้ชายจะกลัวอะไร”
   เขาเองก็เป็นผู้ชาย เรื่องแค่นี้ไม่ควรจะปอดแหกหวาดกลัว ก็แค่ไปเดินท่ามกลางความมืด นิทานตัดสินใจกลับไปเดินที่ทางเดินอีกครั้ง บรรยากาศรอบกายเงียบสงัด ใจของเขาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ความหวาดระแวงเพราะกลัวจะเจอเจ้าโรคจิตนั้นก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็คงกลัวสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นตัวตน
   …ทำไมเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย…
   การดำเนินแผนการผ่านไปได้สักพักใหญ่ นิทานก็เริ่มคิดขึ้นมา มันมีความจำเป็นที่เขาต้องมาเสี่ยงขนาดนี้เชียวหรือ  จิตใจของมนุษย์นี่ช่างโลเลเหลือเกิน นิทานรู้ดีว่าเขาอยากจะหยุดทำเรื่องพวกนี้ แต่สมองของเขาก็สั่งให้เขาเดินต่อไป
   การขับถ่ายของเสียจากร่างกายเป็นเรื่องปกติ นิทานปวดปัสสาวะในขณะที่เดินไปมา เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ เริ่มคิดว่าถ้าหากเจ้าโรคจิตมันโผล่มาในห้องอีกครั้งในยามที่เขากำลังธุระส่วนตัว เขาจะทำอย่างไรดี แต่คิดไปก็เท่านั้น ถ้ามัวแต่คิดมาก เขาคงไม่ได้เป็นอันทำอะไร
   การปัสสาวะในครั้งนี้เต็มไปด้วยความหวาดระแวง นิทานเปิดไฟในห้องน้ำจนสว่าง เขาไม่ใจกล้าพอที่จะปล่อยให้ทุกอย่างตกอยู่ในความมืด
   ความหวาดระแวงจบสิ้นลง เมื่อเขาทำธุระส่วนตัวเสร็จ ทุกอย่างยังคงปกติดี นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาว่าเกือบสี่ทุ่มแล้ว ถ้าสี่ทุ่มครึ่งแล้วเจ้าคนร้ายโรคจิตยังไม่ยอมโผล่มา เขาคิดว่าจะยกเลิกภารกิจในครั้งนี้ แล้วกลับบ้าน เพราะดึกขนาดนี้ เขาค่อนข้างที่จะเกรงใจไอศูรย์และรามิลที่ต้องรับอาสามาช่วยเขา
   ไม่รู้ว่าป่านนี้…รามิลกับไอศูรย์จะรอจนหลับไปแล้วหรือเปล่า…
   นิทานเดินออกจากห้องน้ำ เขาเดินไปที่ทางเดินอีกครั้ง เขาเดินวนไปมาจนเบื่อและรู้สึกเมื่อย จึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้อง อย่างน้อยก็กลับไปดื่มน้ำดับกระหายความหิวและความร้อนที่เกิดขึ้นจากการออกกำลัง
   กึก
   ทันทีที่มือเล็กจับประตูบานใหญ่ ดวงตาของเขาก็ตกเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อมีมือปริศนามาปิดเข้าที่ปาก นิทานเอื้อมมือข้างขวาจะไปกดปุ่มที่นาฬิกาซึ่งอยู่ที่มือข้างซ้าย แต่ทุกอย่างเหมือนตกอยู่ในความโชคร้ายที่นิทานคิดไม่ถึง
   “อื้อ”
   เขาพยายามดิ้น มือข้างขวาถูกจับไพล่หลังเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปกดปุ่มได้ นิทานพยายามตั้งสติ คืนนี้ทุกอย่างรอบๆเขามืดสนิท เขามองไม่เห็นผู้ชายที่กำลังจับกุมเขา
   นิทานพยายามเลื่อนมือข้างซ้ายไปใกล้กับมือขวาที่ด้านหลัง แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรือว่าฟ้ากลั่นแกล้ง ที่จู่ๆ ทันทีที่กดปุ่มตรงนาฬิกา นาฬิกาที่สวมเอาไว้ก็หลุดจากข้อมือ แล้วแบบนี้เขาจะกดย้ำเรียกเลขานุการทั้งสองได้อีกอย่างไร
   “หึ”
   เขาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ ประตูห้องทำงานถูกเท้าใหญ่นั้นถีบไม่แรงมากนัก นิทานตกใจเมื่อเข้าไปในห้องแล้วมืดสนิท
   …เขาจำได้ว่าตอนออกจากห้อง เขาเปิดไฟเอาไว้…
   หรือว่าทุกอย่างมันตกอยู่ในสายตาของเจ้าคนร้ายหมดเลย นิทานรู้สึกเสียรู้ ครั้งนี้เขาต้องโดนเจ้าโรคจิตทำเรื่องลามกกับเขาอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ
   ทำได้แต่เพียงภาวนา ขอให้ไอศูรย์หรือไม่ก็รามิลรับรู้ถึงสัญญาณที่เขาส่งไป ขอให้ทั้งสองคนขึ้นมาที่ห้องของเขา
   …ความหวังอาจจะเลือนรางและริบหรี่ แต่นิทานก็ยังมีหวัง เพราะในครั้งนี้ เขาได้ติดต่อไอศูรย์และรามิล แม้จะแค่ครั้งเดียวก็ตาม…
   ตุบ!
   นิทานถูกกระชากเข้ามาในห้องทำงาน ประตูห้องปิดลงอย่างรวดเร็ว เขาถูกเหวี่ยงลงไปอยู่บนโซฟา สิ่งแรกที่คิดออก คือต้องวิ่งไปเปิดไฟ
   “แกเป็นใคร!!”
   คนร้ายในความมืดยังคงเงียบ นิทานวิ่งจะไปเปิดไฟ แต่เขาก็เตะเก้าอี้จนล้มลง ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาใกล้ แล้วใช้ผ้าบางอย่างมัดเข้าที่ข้อมือทั้งสองของนิทาน หลังจากที่จับแขนคนตัวเล็กไพล่หลังเอาไว้แล้ว
   “แก!!!”
   เสียงร้องของนิทานต้องหยุดลง เมื่อรับรู้ถึงฝ่ามือร้อนผ่าวที่กุมรัดที่ลำคอขาวเนียน เขาหายใจไม่ออก เสียงกระซิบอย่างดุดันเกิดขึ้นไม่ดังมากนัก แต่มันก็ดังมากพอทำให้คนฟังใจสั่นหวาดผวา
   “เงียบ…ถ้าไม่อยากตาย”
   คำขู่นั้น ดูท่าจะเป็นความจริง เพราะนิทานเริ่มหายใจไม่ออก สติเขาแทบจะแตกกระเจิง รู้แค่ว่าร่างกายเหมือนหมดแรงและไม่ปฏิกิริยาใดๆตอบโต้
   เขาถูกจับมัด คอก็โดนบีบ ไม่อาจจะขัดขืน แต่ถึงกระนั้น เจ้าคนร้ายโรคจิตก็ดูเหมือนไม่ได้มีเจตนาจะทำเรื่องเลวร้ายจนถึงขั้นให้เขาเสียชีวิต
   กายแกร่งเอนนั่งลงบนโซฟา โดยที่มีร่างของนิทานนั่งทับบนตัก นิทานยังคงตกอยู่ในความหวาดกลัว สัมผัสร้อนผ่าวเกิดขึ้นที่บริเวณลำคอ เขาตัวสั่นน้อยๆ ทั้งๆที่ควรจะรังเกียจสัมผัสจากผู้ชายโรคจิตนี้ แต่หัวใจเขากลับเต้นแรง ขนบนร่างลุกชัน
   “อึก นี่แกจะทำอะไร”
   กายเล็กสะดุ้งแทบจะสุดตัว เมื่อฝ่ามือร้อนผ่าวเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อของเขา แล้วสอดมือเข้าไปสัมผัสกับแผ่นอกเล็ก ใบหน้าน่ารักพยายามจะหันไปหาคนร้ายแต่เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเสียก่อน พร้อมกับมือร้อนที่กอบกุมลำคอเล็ก
   “อยู่นิ่งๆ”
   “อึก”
   นิทานไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวว่าจะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต เขารู้สึกคุ้นกับเสียงที่ได้ยิน แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นคนใกล้ตัว
   …ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย…
   เขาได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ คิดถึงเลขานุการทั้งสองที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะได้รับสัญญาณจากเขาหรือยัง
   “อะ อื้อ”
   ร่างกายสั่นระริก เมื่อเป้าหมายที่เจ้าคนร้ายพุ่งตรงต่อไปคือใจกลางลำตัว แก่นกายเล็กถูกจับกุมและรูดชักอย่างไม่ถนอม
   นิทานรับรู้ได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ดูเหมือนเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง ปลายเล็บคมจิกลงบนแท่งเนื้อจนเขาเผลอร้องครางด้วยความเจ็บ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างน่าอาย
   “ไอศูรย์ รามิล”
   จู่ๆเขาก็เผลอเรียกชื่อทั้งสองคนออกมาจากจิตใต้สำนึก นิทานกลัวจนเผลอร้องไห้ เขาจะทำยังไง ถ้าไอศูรย์กับรามิลไม่มาช่วยเขา ไม่ใช่ว่าครั้งนี้ คนร้ายมันตัดสินใจลงมือฆ่าเขาให้ตาย
   …เขาจะทำยังไงดี…
   กึก กึก
   ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างมีความหวัง แม้ร่างกายจะโอนอ่อนต่อความต้องการของร่างกาย แต่ความดีใจก็ปิดไม่มิด
   …ทั้งสองต้องมาช่วยเขาแน่ๆ…
   กึก
   ประตูห้องเปิดขึ้น นิทานเห็นร่างสูงใหญ่ที่เลือนรางในความมืด ในขณะที่ร่างกายของเขากำลังบิดเร่าเพราะความร้อนรุ่ม ลิ้นร้อนนั้นลากเลียไปตามลำคอขาว ก่อนที่ฟันคมจะขบเม้มจนเจ็บที่ผิวเนื้อ
   “ไอศูรย์ รามิล ใคร…พวกนายใช่ไหม ช่วยฉันด้วย”
   พรึบ
   ไฟในห้องถูกเปิด นิทานเจ็บที่ลำคอเพราะโดนมือใหญ่บีบคางเอาไว้จนเขาไม่สามารถขยับหน้าได้ แต่ถึงกระนั้นดวงตาของคนตัวเล็กก็กำลังฉายให้เห็นถึงความยินดี
   “รามิล”
   ใช่แล้ว ผู้ชายที่ยืนอยู่ที่ตรงประตูห้องนั้นคือรามิล ความกลัวทั้งหมดของนิทานเหมือนเลือนหายไป ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกแล้ว วันนี้เขาจะจับคนร้ายจนหนีไม่หลุด ในเมื่อเขามีพวกมากกว่า ดูสิ…ว่าเจ้าพวกโรคจิตมันจะหนีไปไหนได้
   “ปล่อยฉันได้แล้ว แกหนีไม่รอดแน่ ฉันจะจับพวกแกส่งเข้าคุก พวกโรคจิตอย่างพวกแก ต้องไปรับกรรม”
   แทนที่คนร้ายจะมีท่าทางหวาดกลัว มันกลับนิ่งสงบจนนิทานแปลกใจ เขามองรามิล
   “รามิล นายทำอะไรสักอย่างสิ!นายรีบมาจับมันสิ!!!”
   นิทานตะโกนเรียกเสียงดัง เขารู้แล้วว่าตัวเองชนะ ตอนนี้เขาชนะแน่นอน แต่สิ่งที่นิทานเห็นต่อมาคือรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา
   “จับ…จับอะไรเหรอครับท่านประธาน”
   “ก็จับคนร้ายไง!!!”
   แทนที่รามิลจะเข้ามาช่วย เขากลับยืนยิ้มอย่างสบายใจ ราวกับกำลังดูละครที่แสนสนุก
   “ไม่มีคนร้ายที่ไหน…เขามาจับตัวเองเข้าคุกหรอกนะครับ…ท่านประธาน”
   ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เมื่อได้ยินเสียงทุ้มกระซิบบอกข้างใบหู ฝ่ามือที่เคยจับล็อกใบหน้าเล็กคลายแรงลง นิทานหันขวับไปมองคนข้างหลังทันที กายค้างแข็งทื่อ หัวใจเหมือนหยุดเต้น เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เขาคุ้นเคย
   “อะ..ไอศูรย์!!!”
   
   
   
100%
ฝากเพจด้วยจ้า https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แอบสงสารนิทานอ่า อย่าข่มขืนกันเลยนะ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
อร๊ายยยย โรคจิตทั้งคู่เยยอ่ะ อีไอศูรย์กะรามิลเนี่ย  :mew5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 8 คนร้าย
« ตอบ #49 เมื่อ: 24-06-2016 15:33:27 »





ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ความจริงเฉลยแล้วว นิทานจะทำยังไงต่อไป

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
รู้ความจริงซะแล้วคงจะช็อคน่าดูเลยนิทาน

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
คนร้ายเผยตัวออกมาแล้ว... (ตอนก่อนหน้ายังนึกอยู่เลย ว่าสองคนนี้คิดจะบอกนิธานเมื่อไหร่)
ทีนี้นิธานจะทำยังไงล่ะ คนที่เคยไว้ใจกันแท้ ๆ แถมตอนถูกทำยังรู้สึกรังเกียจอีก
หรือว่าสองคนนั้นคิดจะแบล็กเมล์ให้นิธานยอมมีอะไรด้วยกันนะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ mouymai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะรอตอนต่อไปนะคะ :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ตอนหน้าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!!!! รออออ

ออฟไลน์ noozzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ไอศูรย์กับรามิลคงขี้เกียจเล่นแล้ว จับทำเมียเลย ...

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
9

ปรนเปรอ

 

            “นี่มันอะไรกัน!”

                ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ติดลบ  นิทานไม่สนุกด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเขาไม่เข้าใจเลขาทั้งสองของเขากำลังทำอะไรกันแน่

                “พวกนายแกล้งทำตัวเป็นคนร้ายโรคจิต เพื่อแกล้งฉันเหรอ!”

                ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมองโลกในแง่ดี หรือเพราะว่าเขาไว้ใจทั้งสองมากเกินไป ถึงได้พูดแบบนั้น

                “ท่านประธานคิดว่าพวกเรา แกล้งปลอมตัวเป็นคนร้ายเพื่อแกล้งท่านประธานอย่างนั้นเหรอครับ”

                ความคิดของนิทานเกินคาดการณ์จากรามิล เขาไม่คิดว่าเจ้านายตัวเล็กจะคิดแบบนั้น ตอนแรกก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องโดนด่าเสียหายว่าเป็นเจ้าพวกโรคจิต

                “ฉันไม่สนุกด้วยนะ! นายก็รู้ว่าฉันกำลังจะตามจับคนร้าย แล้วนี่มันอะไร!”

                “น่าผิดหวังจริงๆ”

                ไอศูรย์พูดขึ้น เขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกับรามิล ตอนแรกคิดว่านิทานจะเกรี้ยวกราดโวยวาย แค้นเคืองจนแทบบ้า แต่ไหงถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้

                “ปล่อยฉันได้แล้ว! แล้วก็หยุดเล่นอะไรบ้าๆ แบบนี้ด้วย”

                “ให้ตายเถอะ ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้นะ”

รามิลเดินไปมา เอียงคอซ้ายขวา

“ก็นั่นน่ะสิ เอาซะอึ้งไปเลย”

เจ้าของร่างใหญ่ขยับกรอบแว่นของตัวเอง ทั้งที่คิดว่าการเปิดเผยตัวตนในครั้งนี้จะทำให้นิทานหวาดกลัวมากๆแล้วก็ตาม

…ใครจะไปคิดว่า เจ้านายตัวเล็กของเขาจะคิดว่าพวกเขาแกล้งทำตัวเป็นโรคจิต…

…เกินคาด…

“แก้มัดให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

นิทานเริ่มโมโห เขาไม่เชื่อว่าทั้งสองจะเป็นคนร้าย คนร้ายบ้าที่ไหนจะมาเปิดเผยตัวเอง แถมยังเป็นคนช่วยเขาตามจับอีก

“ทำไมเราจะต้องแก้มัดคุณด้วย”ไอศูรย์ถาม

“เพราะฉันสั่งไงล่ะ ฉันเป็นเจ้านายของพวกนายทั้งสองคน! แต่สิ่งที่นายทำมันไม่ให้เกียรติฉัน”

“แต่ผมรู้สึกผิดหวังสุดๆมากกว่า”

รามิลแทบจะถอนหายใจ เขาตั้งใจว่าถ้าเฉลยว่าตัวเองเป็นใครแล้วจะทำให้นิทานโกรธ ด่าทอ เพราะเขาเป็นคนร้ายโรคจิต แต่กลับกลายเป็นว่านิทานคิดว่าพวกเขาทั้งสองคนแกล้งเป็นร้ายเสียอย่างนั้น

“เพราะว่าพวกนายขี้เกียจหาคนร้ายกับฉัน ก็เลยคิดจะยุติเรื่องทั้งหมดแบบนี้ใช่ไหม! พวกนายคิดอะไรอยู่กันแน่”

ไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งสองคือคนร้าย นิทานไม่อยากผิดหวัง ทั้งไอศูรย์และรามิล ต่างเป็นลูกน้องที่ทำงานเก่งและดูไว้ใจได้ เขาไม่อยากจะปรักปรำและใส่ร้าย แต่ทำไมทั้งคู่ถึงได้พูดอะไรแบบนั้น

“ผมล่ะเหลือเชื่อจริงๆ ที่ท่านประธานคิดแบบนั้น”

รามิลเหยียดยิ้ม เขาเข้ามาจับคางสวย ไม่ให้ใบหน้าหวานขยับไปไหน

“ทั้งๆที่ผมบอกความจริงทุกอย่าง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ที่จะต้องมายอมรับความผิดแบบนี้น่ะ”

พูดไปก็ยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี นิทานเริ่มใจไม่ดี เขาไม่อยากให้ที่รามิลพูดเป็นความจริง อย่างน้อยเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น เพื่อแกล้งเขาก็ยังได้

“ผมทำแบบนี้แล้ว คุณยังคิดว่าเป็นเรื่องโกหกอีกอย่างนั้นเหรอ”

ไม่เพียงแต่พูด มือหนาก็เลื่อนมาจับแท่งเนื้อที่อยู่ใจกลางลำตัว นิทานเม้มปากแน่น ตัวสั่น เขาดิ้นไปมา

“อะ ไอศูรย์ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

“น่าเสียใจจริงๆนะครับ ที่ท่านประธานไม่เชื่อความจริง”รามิลยิ้ม

“พวกนาย…โกหก”

“งั้นดูนี่กันดีกว่านะครับ”

ของบางอย่างถูกหยิบขึ้นมาจากในกระเป๋ากางเกงของรามิล นิทานมองตามก็พบว่ามันคือนาฬิกาที่ไอศูรย์เคยมอบให้กับเขา มันตกไว้ก่อนที่เขาจะถูกจับมัด

“อะไร”

“รู้ไหมครับ ว่าทำไม เวลาร้องเรียกขอความช่วยเหลือ ต้องกดปุ่มตรงนี้ ก็เพราะว่าพอกดปุ่มแล้ว มันจะส่งสัญญาณไปหาพวกเรา”

“เรื่องนั้น ฉันรู้อยู่แล้ว ก็พวกนายเป็นคนบอกฉันเอง”

“แล้วพวกผมได้บอกว่าให้กดซ้ำๆย้ำๆหรือเปล่าน้า”

“บอก! ไอศูรย์เป็นคนบอก”

นิทานหันขวับไปหาไอศูรย์ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆในลำคอ มองประธานตัวน้อยอย่างเอ็นดูเสียเหลือเกิน

“แต่รู้อะไรไหม”

นาฬิกาถูกใส่ที่ข้อมือของรามิล เขาระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ถ้าต้องการความช่วยเหลือ แล้วกดแบบนี้”

ตุบ!

เพียงกด นาฬิกาก็ร่วงตกลงไปกองกับพื้น

“มันก็จะหลุดออกจากข้อมือทันที แล้วจะเอาโอกาสที่ไหนไปกดซ้ำๆ กันล่ะครับ ท่านประธานคนเก่งของผม”

ปีศาจร้ายที่ซ่อนกายอยู่ในตัวของรามิลกำลังเผยให้เห็น นิทานใจเต้นแรง ความคิดที่เขาคิดเข้าข้างตัวเอง เริ่มจะหายไปทุกที เขาหันขวับไปมองเลขานุการอีกคนที่เขาไว้ใจ แถมยังเห็นเหตุการณ์ที่น่าอดสูของเขาอีกต่างหาก

“ไม่จริงใช่ไหมไอศูรย์ นายไม่ได้ทำ”

“แล้วทำไมท่านประธานถึงคิดว่าไม่ใช่ผม”

เขาไม่เอ่ยเท่านั้น แต่ยังงับเข้าที่ลำคอขาว พร้อมกับมือที่บีบเค้นคลึงแท่งเนื้อที่อยู่ในกำมือไปมา นิทานตัวสั่นน้อยๆ

“เพราะนาย…นายช่วยฉันไว้ พวกนายช่วยฉันไว้จากพวกโรคจิต”

คนที่ไว้ใจได้ ตอนนี้มีแค่รามิลและไอศูรย์ นิทานจะไว้ใจไอศูรย์มาเป็นพิเศษ เพราะชายหนุ่มคอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด

“ผมต้องขอโทษจริงๆ เพราะวันนั้น คือฝีมือของผมเอง”

สิ้นประโยค ดวงตาของนิทานก็เบิกกว้าง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยยิ้มร้ายที่แสยะอยู่ที่มุมปากของไอศูรย์

“คุยอะไรกันอยู่สองคนล่ะครับ อย่าลืมสิ ว่าผมเองก็อยู่ด้วย”

กายสูงใหญ่ค่อยๆ แทรกเข้ามานั่งบนโซฟา ใกล้กับประธานตัวน้อย เขาวางมือบนต้นขาเล็ก แล้วลากไล้ไปมา เหลือบตามองชายหนุ่มตัวเล็กที่นั่งสั่นระริกราวกับหวาดกลัว

…ใช่…นิทานกำลังกลัว…

“พวกนายล้อฉันเล่นใช่ไหม”

“เอ๋…ล้อเล่น…อย่างนั้นเหรอครับ”

รามิลระบายยิ้ม พลางก้มลงไปใกล้กับใจกลางลำตัว นิทานตัวเกร็งเมื่อรับรู้ถึงบางสิ่ง

“นี่นายจะทำอะไร! อย่านะ อื้อ”

ห้ามไปก็เหมือนไม่ได้ผล เมื่อความเป็นชายของเขากำลังถูกครอบครองไปด้วยริมฝีปากที่ร้อนผ่าว นิทานเบือนหน้าหนี ความอุ่นจากลิ้นนิ่มกำลังละเลงไปตามส่วนปลายยอดตวัดชิมความหอมหวานที่รอเอ่ออยู่ที่ปลายทางออก

“ยะ อย่า รามิล”

พยายามจะห้าม แต่ก็ต้านทานความต้องการของร่างกายไม่ได้ เพราะส่วนล่างโดนปลุกเร้า ส่วนบนก็ไม่ต่างกัน เพราะไอศูรย์เริ่มลากลิ้นเลียไปตามกกหู แล้วขบเม้มมันราวกับเป็นขนมสักอย่าง

มือร้อนไม่ได้หยุดนิ่ง ขยับสัมผัสร่างกายส่วนบนเพื่อปลุกเร้าความต้องการ และปรนเปรอความสุขสมให้กับชายหนุ่มให้ถึงใจ

“มะ ไม่ เอา ไม่เอา”

ใบหน้าน่ารักส่ายสะบัดไปมาอย่างทรมาน เขาไม่ต้องการพบพานสิ่งแบบนี้ มันดูเป็นเรื่องน่ารังเกียจ และไม่น่าจะเกิดกับเขา แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว เขาไม่อยากจะคิดต่อว่า ต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง

“อะ อึก อ๊า”

เมื่อมาสู่ปลายทางฝัน สายธารอุ่นร้อนทั้งหลายก็ทลายทะลักเข้าสู่โพรงปากที่ร้อนผ่าวของรามิล หยาดน้ำหวานทุกหยดถูกลิ้มชิมรสอย่างหิวกระหาย กลืนลงลำคอแข็งแรงไปอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับดวงตาคมที่ช้อนมองใบหน้าน่ารัก ตามมาด้วยลิ้นที่เลียริมฝีปากอย่างพอใจ

“ทีนี้เชื่อหรือยังครับ ท่านประธาน”

“พะ พวกนาย พวกนายทำแบบนี้ทำไม! พวกนายหลอกฉัน”

                แม้นิทานจะไม่รู้ว่าเรื่องพวกนั้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง และทั้งสองวางแผนเอาไว้อย่างไรบ้าง แต่ถ้าทุกอย่างมันคือความจริง เขาก็คงต้องยอมรับ คงไม่มีผู้ชายปกติที่ไหนเข้ามาลวนลามผู้ชายด้วยกันแบบนี้

                “มันจะเป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นพวกนายไปได้”

                “ดูเหมือนท่านประธานจะสงสัย ว่าพวกเราทำได้ยังไงสินะครับ”

                ชายผู้สวมแว่นตา วางมือลูบไล้ไปตามร่างกาย รามิลก็ไม่ได้หยุดนิ่ง

                “ยะ หยุดนะ อย่ามาจับฉัน”

                “อย่าดื้อไปหน่อยเลยนะครับ ดูเหมือนคุณเองก็ชอบนี่นา หึหึ”

                เสียงหัวเราะดังในลำคอรามิล เขาและไอศูรย์ ทั้งลูบ ทั้งบีบเค้นไปตามร่างกายที่แสนยั่วยวน

                “ฉันต้องการรู้ความจริงทั้งหมด! มันยังไงกันแน่! หยุดเดี๋ยวนี้”

“เอาเป็นว่า…ให้พวกเราปรนเปรอท่านประธานไปด้วย แล้วคุยกันไปด้วย น่าจะดีกว่านะครับ”รามิลเสนอ

“ไม่!”

“แต่ตรงนี้ก็ดูเหมือนจะแข็งอีกครั้งแล้วนะครับ”

ไอศูรย์เหยียดยิ้ม เขาวางมือลงบนปลายยอดแก่นกายเล็กที่สั่นระริกด้วยความต้องการอย่างมากล้น นิทานหลับตาแน่น การปรนเปรอเริ่มต้นอีกครั้ง ไอศูรย์สอดมือเข้ามาปลดเปลื้องชุดด้านบนที่นิทานสวมใส่อยู่ ปลายนิ้วบดขยี้เข้าที่จุกเนื้อที่อ่อนนุ่ม เพียงไม่นานมันก็เริ่มแข็งชูชันขึ้นมาตามแรงอารมณ์

“ฉันบอกให้หยุด”

คนตัวเล็กได้แต่สั่งเสียงสะท้าน ร่างกายปั่นป่วนไปหมด เขาพยายามจะกระชากมือตัวเองให้หลุดจากการจับกุม แต่มันก็ไม่เป็นผล เขากำลังกลายเป็นของเล่นให้ชายทั้งสองเล่นสนุก

…นี่สองคนนี้เป็นโรคจิตที่เขากำลังตามจับอย่างนั้นจริงหรือ…

เพราะไม่อยากเชื่อ แต่เขาหนีความจริงไปไม่ได้ ทั้งการกระทำ ทั้งการสัมผัสของทั้งคู่ มันทำให้เขานึกถึงเจ้าพวกโรคจิตทั้งสองคนที่เคยกระทำเรื่องเลวทรามกับเขา นิทานกัดปากตัวเองแน่น เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายที่เขาพยายามจะหยุดมัน

“ยะ หยุดนะ ฉันบอกให้หยุด”

มันช่างยากเย็น เพื่อจะส่งเสียงร้องห้าม เมื่อส่วนแข็งขืนนั้นถูกรามิลจับกุม ใบหน้าหล่อคมก้มลงมาจูบปิดปากไม่ให้นิทานได้เอ่ยห้ามได้ ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาค้นหาความหอมหวาน ในขณะที่ยอดอกสวยก็ถูกครอบครองด้วยปากของไอศูรย์

“อื้อ”

มีเพียงเสียงครางอื้ออึงในลำคอ สติของเขาเหมือนโดนพรากไปอย่างง่ายดาย ร่างกายที่ไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพศเดียวกันกำลังอ่อนโอนไปตามการปลุกเร้า นิทานบิดเร่าไปมา สุดท้ายเขาก็ปลดปล่อยอีกครั้งจนเปรอะเลอะมือหนา

“อ่า…ดูท่าแล้วท่านประธานจะไม่ค่อยได้ปลดปล่อยนะครับเนี่ย ยังขุ่นอยู่เลย หึหึ”

“พวกนาย…ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”

เขาถามเสียงสั่น ร่างกายมันร้อนรุ่มไปหมด ไอศูรย์เหยียดยิ้ม เขางับกัดที่หัวไหล่มน

“ก็เพราะอยากจะทำ”

“เพราะว่าน่ากินสุดๆเลยต่างหาก”

รามิลแก้มัดให้กับนิทานที่อ่อนแรงจนไม่สามารถต่อต้านได้ เขางับกัดปลายนิ้วเล็ก เหมือนมีกระแสไฟไหลไปตามนิ้วจนนิทานสะดุ้งเฮือก เขาพยายามดิ้น แต่ไอศูรย์ก็ล็อกตัวเขาไว้ข้างหลัง ข้างหน้าก็ถูกจู่โจมด้วยรามิล

“จะรีบไปไหนล่ะครับ อยากรู้ไม่ใช่เหรอ ว่าพวกผมทำอะไรกันบ้าง”

“ฉัน ฉัน”

สติเขาแทบไม่เหลือประคับประคองความคิดตัวเองได้อีกแล้ว นิทานหันซ้ายหันขวา เขาอยากออกไปจากตรงนี้ เขาไม่อยากอยู่ใกล้กับสองคนนี้

“คืนแรก เป็นผมเองที่เข้าไปหาคุณ…รู้ไหมว่ามันเร้าอารมณ์ผมสุดๆเลยล่ะครับ ท่านประธานน่ารักมาก”

รามิลเอ่ยบอก พร้อมกับค่อยๆ ดึงรั้งกางเกงของนิทานออกอย่างเบามือ เขาวางมือลูบไล้ตามเรือนร่างขาวเนียน ร่างกายของนิทานไม่ต่างกับเด็กมัธยม แต่ก็ไม่ได้ผอมแห้งจนติดกระดูก ยังมีเนื้อนวลให้น่ามอง รามิลวางมือลงบนต้นขาขาว ลูบไล้ขาเล็กไปมาอย่างหลงใหล

“ส่วนในห้องน้ำวันนั้น เป็นฝีมือของผมเอง”

เสียงทุ้มดังข้างหู นิทานใจเต้นรัว เขาไม่อยากจะเชื่อว่าไอศูรย์เป็นคนทำ ในเมื่อวันนั้นเขาได้รับความช่วยเหลือจากชายหนุ่ม

“ไม่จริง”

“จริงครับ ผมเห็นกับตาเลย”

นิทานหันขวับไปมองรามิลทันที รามิลเห็นทุกอย่างเพราะเขาเป็นคนจัดการกับคลิปจากกล้องวงจรปิด

“มะ หมายความว่ายังไง”

“นั่นสินะ…”

ไอศูรย์กระตุกยิ้มร้าย เขาพลิกกายเล็กให้หันมา แล้วเริ่มพรมจูบไปตามแผ่นอกเนียน นิทานยกมือจะดันศีรษะของไอศูรย์ให้ออกห่าง แต่เขาก็จับมือเล็กข้างนั้นเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็โดนรามิลจับกุม

“เลขาคนโปรดของท่านประธานฉลาดสุดๆเลยนะครับ ทำเรื่องหื่นๆ แล้วก็เนียนออกจากห้องน้ำ แล้วเข้าไปช่วยคุณเนี่ย…พระเอกสุดๆ”

คนที่รับรู้ความจริงได้แต่เบิกตากว้าง นิทานน้ำตาคลอขึ้นมา ความผิดหวังและความเสียใจจู่โจมเล่นงานเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะโวยวายดิ้นรนเพราะโกรธแค้น

“ปล่อย! ปล่อยฉัน!”

“ขอมากไปครับ”ไอศูรย์เหยียดยิ้ม

“มาสนุกกันดีกว่านะครับท่านประธาน”

คนเอ่ยชวนคือรามิล แต่นิทานดิ้นไม่หยุด เขายกเท้าพยายามจะถีบทั้งไอศูรย์และรามิล เขาต้องหนีออกจากที่นี่ ความพยายามของนิทานเหมือนเห็นผล เมื่อเขาอาศัยจังหวะที่รามิลเผลอยกเท้าถีบเข้าที่อกแกร่งจนชายหนุ่มล้มไปกับพื้น แล้วคนตัวเล็กจึงหันมาผลักไอศูรย์อย่างแรง

…ความกลัวทำให้นิทานต้องหนี…

แต่ยังไม่ทันทีนิทานจะวิ่งไปถึงประตูห้อง เขาก็ต้องล้มลงกับพื้น เพราะฝีมือของรามิล ชายหนุ่มดึงข้อเท้าเล็กที่กำลังจะก้าวเดินโดยไม่ระวัง

“คิดว่าจะหนีไปไหนพ้น”

เสียงทุ้มเย็นชาดังขึ้นจนนิทานเสียวสันหลัง รามิลยันกายลุกขึ้น เขาลูบอกตัวเองเบาๆ แล้วเหยียดยิ้มน่ากลัว

“ใช้ความรุนแรง มันไม่ดีเลยนะครับ”

“ยะ อย่า อย่าเข้ามานะ”

นิทานพลิกตัว ขยับกายถอนหลังหนีรามิลที่เข้ามาใกล้ แต่แผ่นหลังเขาก็ปะทะกับขาแข็งแรงทั้งสองของไอศูรย์ ชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังเขา

ราวกับการหนีเสือปะจระเข้ นิทานไม่รู้ว่าเขาควรจะหันซ้ายขวาไปทางไหน ร่างกายเขาเปล่าเปลือยอย่างน่าอาย แต่ตอนนี้นิทานไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้น เขารู้แค่ว่าเขาต้องรีบหนี

“ถ้าพวกนายอยากได้เงิน ก็เอาไปสิ อยากได้เท่าไหร่ล่ะ”

“ผมไม่ใช่พวกโจรปล้นทรัพย์นะครับ”ไอศูรย์เอ่ยเสียงเรียบ

“แต่ถ้าปล้นสวาทก็ไม่แน่”

รามิลกล่าวบ้างพร้อมกับเลียริมฝีปากของตัวเอง แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะขาเรียวสวยถูกจับแยกออกกว้างจนเผยให้เห็นช่องทางที่ปิดแน่นเพราะไม่เคยมีใครรุกล้ำมาก่อน เขาได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความกลัว

“อย่านะ อย่าทำบ้าๆกับฉันนะ!”

นิทานตวาดลั่น ยกเท้าจะถีบรามิลอีกครั้ง แต่รามิลไวกว่า เขาจับข้อทั้งสองของนิทานเอาไว้

                “มาสนุกกันดีกว่านะครับท่านประธาน”

                การโน้มน้าวของรามิลไม่เป็นผล นิทานยกมือจะไปต่อยรามิล แต่เขาก็ลืมไปว่าไอศูรย์มีไอศูรย์อยู่ด้านหลัง ทันทีที่เอื้อมมือจะไปทำร้ายรามิลไอศูรย์ก็จับมือเล็กทั้งสองเอาไว้

                “ปล่อยฉันนะ ปล่อย!”

                ยิ่งเห็นท่าทางต่อต้านอย่างหวาดกลัว รามิลก็ยิ่งสนุก เขาก้มลงไปปลุกเร้าความเป็นชายของนิทานอีกครั้ง แต่คราวนี้นิ้วร้อนเลื่อนต่ำไปสัมผัสกับช่องทางด้านหลัง ไอศูรย์เลื่อนมือมาจับแก่นกายเล็กที่เริ่มกระตุกเพราะการปลุกเร้า รามิลลากลิ้นไปตามขาอ่อน ดูดเม้มทำรอย

“ยะ หยุดสักที”

“ร่างกายลามกขนาดนี้ยังกล้าพูดแบบนั้นอีก…น่าสมเพชจริงๆ”

เสียงทุ้มของไอศูรย์กระซิบบอกข้างหู เพราะเพียงแค่เขาใช้นิ้วขยี้ยอดอกเล็ก นิทานก็ครางพร่าพ่ายแพ้อย่างหมดรูปเสียแล้ว

“ช่องทางเล็กๆนี่ก็หื่นกระหายไม่ต่างกับข้างหน้าเลยนะ”

ความอับอายแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย เมื่อรามิลเอ่ยบอก หลังจากที่ได้สอดนิ้วเข้าไปในร่างงดงาม การตอดรัดข้างในทำให้เขาพูดเช่นนั้น

“ฉัน…ฉันจะไล่พวกนายออกให้หมด”

เมื่อหมดหนทางสู้ทางด้านกำลัง นิทานก็เลือกจะใช้อำนาจทางหน้าที่การงานเข้ามาขู่ แต่แทนที่ทั้งสองจะกลัว เขากลับได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจจากทั้งคู่แทน

“ช่างเป็นท่านประธานที่บ้าอำนาจเหลือเกิน”รามิลกล่าว

“ถ้าคิดว่าหลังจากคืนนี้แล้วยังกล้าไล่ออกก็ลองดู”

สิ้นประโยคนั้น เขาก็เห็นบางสิ่งที่ทั้งไอศูรย์และรามิลหันไปมอง มันเป็นกล้องวิดีโอราคาแพง

ปกติในห้องของเขาไม่มีกล้องวิดีโอ รามิลผละออกจากเขาอย่างง่ายดาย เขาเดินไปหยิบกล้องวิดีโอ แล้วเดินมาหานิทาน

“พวกเราจะไม่อ้อมค้อม…”

“หมายความยังไง”

“ท่านประธานก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าหนียังไงก็ไม่รอด”

คนดับฝันทุกอย่างคือไอศูรย์ คนตัวเล็กเม้มปากแน่น รามิลมองกล้องในมือ แล้วยิ้มหวาน

“กล้องนี่มันถ่ายชัดมากเลยนะครับ”

“พวกนายมันเลว!”นิทานกร่นด่า แต่รามิลก็ยังยิ้ม

“ถ้าท่านประธานไม่ดื้อ ยอมตามใจพวกเรา ผมจะไม่ใช้กล้องนี่ถ่ายคุณ”

“ทำไมฉันต้องทำตามที่พวกนายบอกด้วย!”

“คุณไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว

ไอศูรย์ยอมปล่อยมือ นิทานหลุบตาต่ำลง คิดไม่ตก รามิลขยับเข้ามาใกล้ แล้วพูดอยู่ไม่ห่าง

“จะสมยอมดีๆหรืออยากถูกทำให้ยอม…ก็เลือกเอาแล้วกันนะครับ แต่แค่ถ้าเลือกอย่างหลัง กล้องในมือผมมันก็จะถูกใช้งานทันที”

               

 100%

ฝากเพจด้วยจ้า https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

               


ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
 :katai1: :katai1:
โถนิทานนนน    โดนทำขนาดนี้แล้วยังใสซื่อได้อีก

ออฟไลน์ chouxcream59

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แหมนิทานของเรา. มาถึงขั้นนี้แล้วก้อสนุกๆไปเถอะ คิดซะว่ามีของเล่นใหม่สองชิ้น
จะได้ไม่ต้องเป็นคนในคลิปด้วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด