7
เหยื่อล่อ
สิ่งที่อันตราย เราต้องเตรียมใจที่จะเสี่ยง ข้อนี้ นิทานเข้าใจดี เขาเองก็กำลังเตรียมใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะ
หวาดระแวง เขาเหลือบตามองรามิลเป็นระยะ
“ท่านประธานมีอะไรหรือเปล่าครับ”
ความสงสัยผ่านทางการกระทำนั้นชัดเจน นิทานลุกจากเก้าอี้ เดินตรงมาหาคนตัวสูง
“ไอศูรย์ได้โทรไปคุยกับนายแล้วใช่ไหม”
“ท่านประธานหมายถึง เรื่องที่จะให้ผมช่วยจับคนร้ายเหรอครับ”
ไม่มีคนร้ายที่ไหน จะยื่นหน้ายอมรับผิดได้อย่างง่ายดาย รามิลเองก็เช่นกัน เขาสวมหน้ากากของผู้ชายที่แสนดี และรอยยิ้ม
ที่แสนหวานที่ใช้หลอกล่อเหยื่อให้ติดกับดัก
“ครับ ไอศูรย์บอกกับผมแล้ว”
“แล้วนายก็ตกลง”
“ครับ”
“เอ่อ เขาบอกกับนายว่ายังไงบ้าง”
นิทานเริ่มคิดมากขึ้นมาอีกครั้งว่ารามิลจะคิดยังไง เขาไม่กล้าสบตารามิลตรงๆ
“ก็บอกว่าท่านประธานกำลังมีปัญหา ให้ผมช่วยตามจับคนร้าย ที่ดูเป็นคนโรคจิตครับ”
“แล้วไอศูรย์บอกนายหรือเปล่า ว่าคนร้ายพวกนั้นทำกับอะไรกับฉันบ้าง”
“ไม่นะครับ แต่ผมว่า ถ้าแค่รู้สึกระแวงนิดๆหน่อยๆ ก็ควรจะจัดการ ดีกว่าปล่อยให้มันทำเลวร้ายลงไปกว่าเดิม”
รอยยิ้มงดงามส่งมาให้กำลังใจประธานตัวน้อย ท่าทางอารมณ์ดีและมองโลกในแง่ดีนั้น ทำให้นิทานยิ้มตาม
“ขอบใจนายมากจริงๆ เอาไว้ เดี๋ยวเย็นนี้หลังเลิกงาน นายอย่าเพิ่งกลับนะ ฉันขอรบกวนเวลานายสักหน่อย”
“ยินดีครับ”
พอได้ยินรามิลตอบรับแบบนั้น นิทานก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา ในช่วงเวลาพักกลางวัน เขาอารมณ์ดีมาก จนตัดสินใจโทรสั่ง
อาหารให้นำมาส่งที่ห้องเผื่อทั้งรามิลและไอศูรย์
“เข้ามานั่งทานข้าวด้วยกันสิ”
คำเชิญชวนเกิดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มน่ารัก ไอศูรย์และรามิลมองหน้ากันในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะออกจากห้องทำงานเพื่อไป
ทานมื้อเที่ยง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านประธาน”
ไอศูรย์เป็นคนเอ่ยก่อนอย่างเกรงใจ รามิลเองก็ลอบมองสีหน้าของประธานตัวน้อยว่ามีเจตนาอะไรแบบแฝงหรือเปล่า
“มาเถอะน่า ฉันสั่งมาตั้งเยอะ กินคนเดียวไม่หมดหรอก”
เขาพูดไปตามความจริง อาหารที่สั่งมาไม่ใช่น้อยเลย หากทานคนเดียวยังไงก็ไม่หมด เนื่องจากปริมาณอาหาร นิทานได้
คำนวณเอาไว้แล้วว่าเผื่ออีกคนสองคนเอาไว้ด้วย ทั้งรามิลและไอศูรย์มองหน้ากันอีกครั้ง
“งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับท่านประธาน”
คนที่พูดก่อนคือรามิล เขาฉีกยิ้มอย่างยินดี แล้วเข้าไปช่วยนิทานถือถุงอาหาร นิทานหันไปยิ้มให้กับไอศูรย์
“นายก็เข้ามาในห้องด้วยกันสิ”
“ครับ”
ชายหนุ่มตอบรับอย่างง่ายดาย แล้วเดินตามทั้งคู่ไปจนถึงในห้องของประธานบริษัท
“เดี๋ยวผมไปหยิบจานนะครับ”
เนื่องจากรามิลนั่งทำงานในห้องทำงานร่วมกับนิทานมาหลายวัน เขาจดจำทุกอย่างได้เกือบหมด ชายหนุ่มเดินไปหยิบ
อุปกรณ์ในการทานอาหาร แล้วเดินกลับมาหานิทาน
“ผมช่วยแกะ”
ไอศูรย์อาสาอีกคน นิทานมองชายตัวสูงทั้งสองที่ดูตั้งใจแกะกับข้าวที่เขาโทรไปสั่งใส่ถ้วยและจาน
“เดี๋ยวฉันทำเอง”
รามิลยื่นมือจะมาช่วยนิทานรินน้ำใส่แก้ว แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเด็กน้อยจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงาน
เขาอยากให้บรรยากาศเป็นเหมือนเพื่อนนั่งทานอาหารร่วมกันมากกว่า
“ทานเต็มที่เลยนะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มอีก ฉันจะโทรสั่งมาให้”
“ท่านประธานนี่ใจดีจังเลยนะครับ”
รามิลเอ่ยชมพร้อมกับรอยยิ้ม นิทานยิ้มเก้อเขิน เขาก็ไม่ค่อยได้มีคนชมสักเท่าไหร่ พอมาโดนคนแปลกหน้าชมแบบนี้ ก็อด
ไม่ได้ที่จะเขินขึ้นมา
“ที่จริง ท่านประธานไม่ต้องเลี้ยงข้าวผมก็ได้นะครับ”
“เอาน่า เรื่องแค่นี้เอง อีกอย่าง ฉันนั่งกินข้าวในห้องคนเดียวแล้วมันรู้สึกเบื่อขึ้นมาน่ะ”
“งั้นผมจะถือว่ามันเป็นหน้าที่อีกอย่าง ที่ทำให้เจ้านายมีความสุขก็แล้วกันนะครับ”
รอยยิ้มสดใสมาพร้อมกับมือทั้งสองที่จับทั้งช้อนและส้อมพร้อมเข้าสู่สนามรบของรามิล นิทานหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนจะ
พยักหน้าเบาๆ
“ลงมือทานเถอะ”
“ขอบคุณนะครับ”
คนที่ดูจะเกรงใจจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่จะได้เริ่มทานก็คือไอศูรย์ ท่าทางจริงจังและคิดมากนั่นดูเหมือนเป็นบุคลิกของ
ชายหนุ่มไปเสียแล้ว
--------+++++-------
เวลาทำงานได้สิ้นสุดลงในช่วงเย็น ประตูห้องทำงานจึงเปิดขึ้น ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของรามิลที่เดินออกมาจากห้องทำงาน ไอศูรย์เก็บของส่วนตัวใส่กระเป๋าของตัวเอง เขารับรู้ถึงการเดินเข้ามาใกล้ของรามิล
“ได้เวลาเล่นเกมแล้วนะ”
เขาเอ่ยบอก พร้อมกับยกนาฬิกาขึ้นดู ตอนเย็นหลังเลิกงานวันนี้ นิทานได้นัดพวกเขาทั้งสอง เพื่อพูดคุยถึงแผนการที่จะใช้
จับคนร้าย
ไอศูรย์เก็บของเสร็จแล้วจึงหยิบกระเป๋าสีดำสนิทของตนขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“งั้นก็ไปเล่นกันเลย”
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องทำงานของประธานบริษัท นิทานคลี่ยิ้ม ผายมือเล็กน้อยเป็นเชิงให้ทั้งสองนั่งลงในฝั่งตรงข้ามกับ
เขา
“จะให้สั่งอะไรมากินกันก่อนไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าคุยเรื่องนั้นเลยก็ได้”
ไอศูรย์ไม่คิดจะอ้อมค้อม นิทานเองก็รู้สึกพอใจที่ได้ยินอย่างนั้น เพราะเขาเองก็อยากคุยเรื่องนี้ให้มันชัดเจนไปเลย
“เรื่องแผนที่นายเสนอเอาไว้คราวก่อน ฉันลองมาคิดดูแล้วนะ”
“ครับ”
เลขานุการทั้งสอง มองหน้าคนตัวเล็ก รอฟังคำกล่าว
“ฉันว่ามันเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า”
แม้จะเตรียมใจแล้วก็ตามแต่นิทานก็ยังหวาดกลัว เขาไม่อยากจะประสบพบเจอกับเรื่องราวแบบนั้นซ้ำๆอีกแล้ว
“เหมือนเราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะครับ”ไอศูรย์ตำหนิ
“แล้วนายจะให้ฉันไปเป็นเหยื่อล่อพวกนั้นยังไง”
“ผมคิดว่าน่าจะต้องเป็นสถานที่ และเวลาเดิมที่มันเคยลงมือ”
รามิลแนะนำ นิทานนิ่งไปเพียงครู่อย่างครุ่นคิด มีความเป็นไปได้ ที่เจ้าคนโรคจิตนั่นอาจจะทำซ้ำแบบเดิม
“แต่ฉันก็ยังไม่เจอมันอีกเลย ตั้งแต่นั้นนะ”
“มีความเป็นไปได้ ว่าพวกมันจะไม่ลงมือ เพราะเห็นว่ามีคนอยู่เยอะ”
ข้อสันนิษฐานของไอศูรย์ ทำให้ทั้งหมดต่างนิ่ง แล้วพิจารณาถึงความจริงข้อนั้น รามิลกระตุกที่มุมปาก โดยที่นิทานไม่ทัน
สังเกต
“งั้นแบบนี้ ก็ต้องให้ไม่ค่อยมีคนอยู่ใกล้ๆท่านประธาน ใช่หรือเปล่าครับ”
“ที่จริงชั้นที่ท่านประธานอยู่ ก็มีอีกหลายคนที่ทำงานในส่วนอื่นๆ ถ้าผมจำไม่ผิด ในวันนั้นที่เกิดเหตุ เหมือนเป็นช่วงพัก
กลางวัน”
“งั้นตอนนั้น ก็ไม่มีใครอยู่ ทางก็สะดวกน่ะสิ”
รามิลหันไปมองไอศูรย์ ดวงตาหรี่ลง เขาเห็นว่าดวงตาคมนั้นกำลังยิ้มอย่างพอใจ
…ร้ายกาจนักนะ…
ชายผู้อารมณ์ดี ได้แต่ชื่นชมกึ่งประชดประชันไอศูรย์อยู่ในใจ เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ทำหน้าเครียด เพราะหาทางแก้ไม่
ได้เสียที
“งั้นพรุ่งนี้ ท่านประธานก็ลองไปที่ห้องน้ำเหมือนเดิมดีไหมครับ เราอาจจะเจอตัวพวกมันก็ได้”
“แล้ว…แล้วถ้ามันทำกับฉันแบบนั้นอีกล่ะ”
ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในจิตใจ ไอศูรย์เป็นคนที่รับรู้ทุกอย่าง นิทานจึงได้ให้ความสำคัญกับไอศูรย์เป็นพิเศษ
“พวกผมจะเข้ามาช่วยท่านประธานเองครับ”
รามิลเอ่ยอย่างหนักแน่น ราวกับต้องการให้นิทานเชื่อใจในตัวพวกเขา นิทานมองไอศูรย์และรามิลสลับกัน เขาควรจะเชื่อ
ใจทั้งคู่ เพราะมีแค่สองคนนี้เท่านั้นที่เขาไว้ใจได้
“ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้ ก็ตามนั้น ฉันจะคอยมันอยู่ในห้องน้ำ”
“ครับ”
“แล้วถ้ามันเข้ามา ฉันควรจะทำยังไงดี”
“ผมว่าให้ท่านประธานเตรียมโทรหาพวกเราดีไหมครับ ถ้าท่านประธานรู้สึกว่าพวกมันมา ก็รีบโทรเลย พวกเราสองคนจะรีบ
ขึ้นมาหาคุณ”
“พวกนายจะไม่อยู่ชั้นเดียวกับฉันเหรอ”
ความกังวลเกิดขึ้นทันที เมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกปล่อยทิ้งไว้คนเดียว ไอศูรย์และรามิลมองหน้ากัน
“ถ้าพวกเราอยู่ พวกมันอาจจะไม่ยอมโผล่มาก็ได้นะครับ”
“งั้นพวกนายควรจะอยู่แค่ชั้นถัดไป ไม่ควรไปไหนไกล”
“พวกผมก็ตั้งใจไว้แบบนั้นเหมือนกันครับ”ไอศูรย์กล่าว
“โอเค ตกลงตามนั้น”
นิทานยอมตกลงในที่สุด ชายหนุ่มทั้งสองได้แต่ระบายยิ้มอย่างพึงพอใจ
--------+++++-------
ในที่สุด วันที่ใช้นิทานเป็นเหยื่อล่อคนร้ายก็มาถึง เขาเองก็รู้สึกระแวง แต่เขาก็ต้องเชื่อใจทั้งสองคน เพราะมีแค่สองคนนี้เท่านั้น ที่เป็นที่รู้เรื่องทุกอย่าง
เขาเดินมาเข้าห้องน้ำ ด้วยจิตใจที่หวาดหวั่น มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะทำตัวมีพิรุธมากจน
เกินไป แล้วทำให้คนร้ายไม่ยอมออกมา
การยืนรอในห้องน้ำ ไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกดี ในห้องน้ำมีเขาแค่คนเดียว เขาไม่ได้ยืนหันหลังให้ประตู ดวงตาคู่สวย
เอาแต่จับจ้องที่ประตูห้องน้ำ รอดูว่าเมื่อไหร่จะมีคนเข้ามา แต่ทุกอย่างก็เหมือนอยู่ในความเงียบ
กลุ่มควันเกิดขึ้นในห้องน้ำ เพราะมันถูกทิ้งไว้ในห้องห้องในสุด โดยที่นิทานไม่ทันได้รับรู้ตั้งแต่แรก เขารู้สึกมึนงง จนทรุดกายอยู่กับพื้น ยาสลบฟุ้งไปทั่วห้องน้ำ ถึงแม้มันไม่รุนแรงมาก แต่ก็ทำให้นิทานสลึมสลือ
“คะ ใคร”
ร่างกายสูงโปร่งอยู่ตรงหน้าเขา เขามองเห็นไม่ชัด เพียงแค่ชั่วพริบตา ก็มีผ้าปิดตาอันหนึ่งมาปิดตาของนิทาน คนตัวเล็กพยายามจะลุกขึ้นสู้ แต่เขาก็ไร้เรี่ยวแรง
…โทรศัพท์…
เขาต้องกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาใครสักคนไม่ว่าจะเป็นรามิล หรือว่าไอศูรย์…
ตุบ!
คนร้ายนั้นเหมือนรู้ทัน มือหนาคว้าโทรศัพท์ที่นิทานกำลังจะกดโทรหา
‘รามิล’
พอได้อ่านชื่อแล้ว คนร้ายตัวสูงก็ต้องเหยียดยิ้มอย่างพอใจ ก็ไม่คิดว่ารายชื่อแรกที่จะกดโทรจะเป็นชื่อเขาเสียเอง
ที่จริงเขาก็ไม่ค่อยชอบการเข้ามาลวนลามในห้องสักเท่าไหร่ แต่เพราะยังไม่เคยทำ ก็เลยอยากจะลองประสบการณ์ดูสัก
ครั้ง
“ไม่ต้องกลัว”
รามิลกระซิบบอกเสียงพร่า นิทานกลัวจนเผลอกายถอยหนี สติเขางงงวยไปเพราะฤทธิ์ยา ริมฝีปากสวยเผยอออกเพียงนิด
ใบหน้าน่ารักถูกมือใหญ่จับกุมลูบไล้ไปตามโครงหน้า ก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก
“พักกวางวัน แต่ไม่ยอมไปทานข้าว เดี๋ยวก็หิวหรอก”
รอยยิ้มเผยให้เห็น ลิ้นร้อนแลบเลียที่ริมฝีปากอ่อนนุ่ม ร่างกายของนิทานอ่อนแรง เขารู้สึกสะลืมสะลือ เหมือนทุกอย่างเป็น
ความฝัน รามิลก้มลงไปกดจูบกับปากนิ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจาบจ้วง ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในโพรงปากพยายาม
ตักตวงความหอมหวานให้ได้มากที่สุด
ความอึดอัดเกิดขึ้น จนนิทานรู้สึกหายใจไม่ออก เขายกมือดันร่างสูงให้ออกห่าง แต่รามิลไม่ชอบง่ายๆ เขาพรมจูบไปตาม
ใบหน้างดงาม ใบหน้าที่แสนน่ารักนี้ ดูเหมือนขาดการเติมแต่งบางอย่างไป
…เขาจะเป็นคนเติมเต็มให้กับมันเอง…
สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงตัวใหญ่ ถูกนำออกมา จนมันสัมผัสไปกับแก้มนิ่ม ส่วนปลายของความนั้นเฉียดไปตรงริมฝีปาก
สวย นิทานไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะโดนทำอะไรกันแน่ จนกระทั่งความอุ่นร้อนนั้นแทรกเข้ามาในโพรงปาก คนตัวเล็กถึงได้สะดุ้ง
ตัวเกร็ง ถดกายถอยหนี
ทั้งขนาดและความยาวกับแน่นในปากสวย นิทานพยายามดิ้น แต่รามิลก็รั้งศีรษะเล็กเอาไว้ แล้วจับมันขยับเข้าออก ราวกับ
เป็นเครื่องจักรสูบ สิ่งที่อยู่ภายในปากนั้นตื่นตัวจนเต็มที่ สะโพกสอบเริ่มขยับเข้าออกอย่างรวดเร็วและรุนแรง
“อ่า…”
เสียงทุ้มครางต่ำในลำคออย่างพึงพอใจ นิทานตะเกียดตะกาย ทุบตีต้นขาอย่างสะเปะสะปะ เพราะว่ามองไม่เห็นเลยว่า
เบื้องหน้าคืออะไรบ้าง เขาแค่รู้สึกว่ากำลังหายใจไม่ออก
“อึก”
ปากสวยได้รับอิสระ แต่ก็เพียงแค่ชั่วพริบตา สายธารอุ่นใสก็พ่นฉีดใส่ใบหน้าของเขาจนเปรอะเปื้อนโดยที่นิทานสัมผัสได้
รามิลระบายยิ้มอย่างพอใจ เขาลากลิ้นเลียที่แก้มนิ่มซึ่งเปื้อนน้ำสีขาวอย่างแผ่วเบา
“สวย…”
มีเพียงที่กระซิบกระเส่าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์เท่านั้น นิทานนั่งหอบหายใจ การถูกวางยา ทำให้ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรง รามิลหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดบันทึกภาพที่แสนเร้าอารมณ์ ป้ายนิ้วโป้งปัดเช็ดที่มุมปากของตัวเอง
ชายหนุ่มจัดการตัวเองจนเรียบร้อย แล้วจึงหมุนกายเดินออกจากห้องน้ำไป ปล่อยให้ประธานตัวน้อยนอนหมดสติอยู่อย่าง
ไม่รับรู้เรื่องราวอะไรทั้งนั้น
ปัง ปัง ปัง!!!!
เสียงทุบประตูห้องน้ำอย่างรุนแรง เหมือนปลุกนิทานให้ตื่นจากนิทรา เขาเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว แค่จะเปิดเปลือกตาขึ้นยัง
ยากลำบาก
“ท่านประธาน!!! ยังอยู่ข้างในหรือเปล่าครับ”
เสียงที่เขาได้ยินของไอศูรย์ นิทานไม่มีแรงจะตอบ แต่เสียงประตูก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง
ปัง!!!
ประตูห้องน้ำถูกพังเข้ามา ไอศูรย์รีบวิ่งเข้าดูอาการของนิทาน คนตัวเล็กสะลืมสะลือ นิทานปรือตามอง
“ไอศูรย์”
นิทานรับรู้ได้ว่าคนที่เข้ามาประคองเขาอยู่คือไอศูรย์ ในขณะที่รามิลเข้ามาประคองอีกฝั่งของร่างกาย
“ผมว่าท่านประธานล้างหน้าก่อนเถอะครับ”
คนที่กล่าวขึ้นคือไอศูรย์ รามิลหันไปชายหนุ่มที่ใส่แว่นตา เขาจ้องมองใบหน้าน่ารักที่ปรากฏในกระจกเขา เขาไม่ต้องการ
ให้รีบลบศิลปะอันงดงามบนใบหน้านี้
…ทั้งที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำขาวขุ่นช่างน่ามอง…
“นายก็มาช่วยฉันล้างหน้าให้ท่านประธานสิ”
ไอศูรย์ออกคำสั่ง รามิลระบายยิ้ม ปั้นหน้าเป็นคนใจดี เขาเปิดน้ำ แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบที่เปื้อนบนใบหน้าให้กับ
นิทานอย่างอ่อนโยน
“ขอบใจนะ”
นิทานเอ่ยอย่างหมดแรงกับรามิล ไอศูรย์ตัดสินใจช้อนร่างนิทานอุ้มขึ้น แล้วเอ่ยกระซิบข้างใบหูของรามิลก่อนจะเดินออก
จากห้องน้ำ
“เล่นสมบทบาทเหลือเกิน”
“นายมากกว่ามั้ง…พ่อสุภาพบุรุษ”
รามิลเอ่ยกลับ ไอศูรย์ได้แต่หัวเราะหึในลำคอ แล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของประธานตัวน้อย เขาวางร่างของนิทานลง
บนโซฟา ปล่อยให้คนตัวเล็กได้พักผ่อนร่างกาย
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง นิทานจึงลืมตาตื่นขึ้น ฤทธิ์ยาที่เขาโดนเหมือนหมดลงแล้ว แต่ถึงแม้จะโดนวางยา แต่เขาก็
พอจะจำรายละเอียดเรื่องพวกนั้นได้
“ฉัน…ฉันเจอกับมัน”
น้ำเสียงนั้นลนลาน ภาพเหตุการณ์และสัมผัสที่เลวร้ายไหลเข้ามาในความทรงจำ นิทานรับรู้ได้ว่า สิ่งที่ในโพรงปากของเขา
ในตอนนั้นคืออวัยวะเพศชายอย่างแน่นอน เพียงแต่ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งก่อนตรงที่เขาไม่สามารถเห็นหน้าของคนร้ายได้เลย
“ทำไมถึงไม่โทรมาล่ะครับ”
น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถาม นิทานหันไปมองไอศูรย์ที่คาดหวังคำตอบ นิทานส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆ
“ฉันโดนมันวางสลบแน่เลย แถมตอนที่ฉันจะโทรหาพวกนาย มันก็แย่งโทรศัพท์ไป”
รามิลกระตุกยิ้ม ไอศูรย์เห็นรอยยิ้มนั้นพอดี แต่เขาก็ยังหน้าทำหน้านิ่ง แล้วเอ่ยต่อ
“ท่านประธานโดนพวกมันทำร้ายร่างกายหรือเปล่าครับ”
“ไม่หรอก แต่มันก็ทำเรื่องชั่วๆกับฉันเหมือนเดิม ฉันเจ็บใจที่หลงกลมัน”
…ถ้าได้รู้ความจริง…คงจะเจ็บใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย…
นั่นคือสิ่งที่ไอศูรย์คิด รามิลเลื่อนมือไปจับมือเล็ก ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความจริง
“ไม่เป็นไรนะครับ พวกเราต้องจับมันได้แน่ๆ พวกเราผิดเองที่คุ้มกันท่านประธานได้ไม่ดี”
“ไม่หรอก นายอย่าโทษตัวเองเลย ฉันมันประมาทเอง”
“แล้วครั้งนี้มันมากันกี่คนครับ”รามิลถามต่อ
“คนเดียวน่ะ ไม่รู้ทำไม ฉันถึงได้รู้สึกว่าเป็นคนละคนกับครั้งก่อนที่ฉันเคยเจอในห้องน้ำ บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเอง”
รามิลเหลือบตามองไอศูรย์ ชายหนุ่มขยับกรอบแว่นตาเพียงเล็กน้อย รอดูว่ารามิลและนิทานจะพูดคุยอะไรกันต่อ
“แบบนี้ ถ้าให้ท่านประธานไปเป็นเหยื่อล่อพวกมันก็ถือว่าเสี่ยงเกินไปจริงๆ ดูเหมือนว่าเป้าหมายของมันจะเป็นท่าน
ประธาน”
“อืม ก็คงจะเป็นอย่างนั้น แต่ถ้ามันคิดจะลงมือครั้งที่สาม แสดงว่าครั้งต่อไปมันก็ต้องกล้าลงมืออีกแน่ๆ รอบนี้พวกเราพลาด
เอง ที่ให้ท่านประธานติดต่อพวกเราด้วยการโทรศัพท์ มันคงจะจับได้”
“งั้นหมายความว่า นายจะให้ท่านประธานเป็นเหยื่อล่ออีกน่ะเหรอ!”
รามิลเริ่มแสดงความไม่พอใจ ท่าทางห่วงใยนิทานจนเห็นได้ชัด นิทานเม้มปากแน่น เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาที่มีคนเป็นห่วง
ความปลอดภัยของเขา
“ขนาดตอนกลางวัน มันยังกล้าโผล่มา ถ้ามันรู้ว่าตอนกลางคืน ท่านประธานไม่กลับบ้าน แล้วไม่มีคนอยู่ มันต้องมาแน่ๆ
แล้วคราวนี้เราจะมีโอกาสจับตัวมันได้ เพราะเราแน่ใจแล้วว่า เป้าหมายของมัน คือเข้ามาหาท่านประธานตอนที่ได้โอกาส”
“แต่มันเสี่ยงเกินไป ท่านประธานอาจจะโดนทำอะไรรุนแรงอีกก็ได้ ฉันไม่อยากให้ท่านประธานไปเสี่ยงมากขนาดนี้”
รามิลโต้แย้งกลับด้วยท่าทางที่จริงจัง นิทานยกมือแตะแขนของรามิล เป็นเชิงบอกให้ชายหนุ่มหยุดสักพัก
“ฉันจะทำ”
เขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เพราะครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่เขาโดนลวนลามทางเพศ แสดงว่าเขาเองกำลังไม่ปลอดภัย ถ้าเขา
แจ้งตำรวจ บางทีเจ้าคนร้ายโรคจิตมันอาจจะหายตัวไปและไม่โผล่ การที่ล่อให้มันออกมา แล้วจับตัวให้ได้ในทันที น่าจะแก้
ปัญหาเรื่องนี้ได้เร็วที่สุด
“แต่ว่าท่านประธาน”
“ฉันรู้ว่ามันเสี่ยง แล้วก็อันตรายกว่าครั้งก่อน เพราะว่ามันเป็นเวลาที่เข้าทางของมัน แต่ฉันไม่มีทางเลือก”
“ผมเป็นก็เป็นห่วงท่านประธาน แต่วิธีการนี้คือจะเร็วที่สุด ถ้าเรารอตำรวจ แน่นอนว่ามันน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งท่านประธาน
เองก็น่าจะไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้น”
“ฉันเข้าใจที่นายบอกไอศูรย์ แล้วฉันก็เห็นด้วย แต่ครั้งนี้พวกนายต้องจับคนร้ายให้ได้ เพราะฉันทุ่มสุดตัวเหมือนกัน นาย
เข้าใจใช่ไหม”
นิทานหันไปจ้องหน้าไอศูรย์ ครั้งนี้เขามีความคาดหวัง ว่าเลขาทั้งสองจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง ในเมื่อเขายอมเสี่ยงที่จะโดน
ทำเรื่องเลวร้ายจากพวกโรคจิต เลขาทั้งสองก็ไม่ควรจะปล่อยให้เขาเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง
“ผมจะไม่มีวันยอมให้มันรอดไปแน่นอน”รามิลกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ไม่ต้องห่วงครับท่านประธาน การเสี่ยงของคุณครั้งนี้ ผมจะจับคนร้ายให้คุณได้ลงโทษมันอย่างสาสม”
ไอศูรย์เอ่ยปิดท้าย ใบหน้าที่ดูจริงจังของทั้งรามิลและไอศูรย์ ทำให้นิทานรู้สึกสบายใจขึ้น ถึงความทรงจำที่ผ่านมามันจะ
ทำให้เขาหวาดกลัว แต่อย่างน้อยเขาก็มีผู้ช่วยที่ไว้ใจได้และช่วยเหลือเขา เขาไม่จำเป็นจะต้องกลัวอีกต่อไป อีกไม่นานคนร้ายที่
มันกล้ามาทำเรื่องเลวร้ายกับเขา มันจะต้องถูกจับกุมและถูกลงโทษตามกฎหมายของบ้านเมือง
100%
เมะเรื่องนี้ ค่อนข้างนิสัยไม่ดีนะคะ ชอบแกล้งท่านประธาน โปรดทำใจไว้ล่วงหน้า
ฝากเพจด้วยนะจ๊ะ
https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/