[เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]  (อ่าน 46059 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สารบัญ

In progress...


(ที่จริงเเล้ว...ทำไม่เป็น ๕ ๕ ๕)


﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

 ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥

" Just ' U แค่คุณ ❥ "


✿Warning✿


-เรื่องนี้เป็นนิยายชายรักชาย
-คนเขียนไม่ได้เก่งอังกฤษมาก มีผิดพลาดประการใดโปรดบอกข้าพเจ้าด้วย
-เรื่องราวทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจาการมโนของผู้เเต่ง ไม่ได้อ้างอิงพาดพิงถึงบุคคลใด





✿Talk✿

สวัสดีนักอ่านทุกคนที่หลงเข้ามาด้วยค่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเเรกเเต่เราก็ยังไม่ช่ำมาก เพราะฉะนั้นติได้ไม่ว่าไม่กัดไม่เหวี่ยงจ้า

ปล.เรื่องนี้ปกติลงในเด็กดีค่ะ เพิ่งลองมาใช้เล้าครั้งเเรกเลย จะทยอยลงให้ทันในเว็บนะคะ รักส์ ♥



CHAPTER 0
| Dicktionary?


 

"เอ่อ..นี่ครับ"ชายผิวเข้มในเสื้อเชิ้ตสีขาวเเขนยาวที่ถูกพับขึ้นมาเกือบถึงศอกเดินเข้าไปหาผู้ชายร่างสูงใหญ่ด้วยความกล้าๆกลัว เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นมาตามขมับ พร้อมยื่นกระดาษเเผ่นเล็กๆที่มีคนฝากฝังมาให้

 

โอย..คุณโคลด์ก็รู้ว่าผมไม่ถูกโรคกับฝรั่ง อย่างนี้มันเเกล้งกันชัดๆ

 

"Thanks.(ขอบใจ)"ไอฝรั่งหัวน้ำตาลทองมันรับกระดาษนั่นไปก่อนจะคลี่อ่าน พอเห็นว่าเสร็จธุระผมก็หมุนตัวเตรียมเดินกลับไปทำงาน

 

"Wait! (เดี๋ยว!)"เสียงทุ้มพร้อมกับมือใหญ่ๆที่เอื้อมมาจับไหล่ผมไว้ ผมสะดุ้งเฮือกหันไปคนที่สูงกว่า

 

"ครับ?"



"Colt said you're my host.I'm Austin Jones you can call me Austin,And you are thee right?(โคลด์บอกว่านายจะเป็นโฮสต์ให้ฉัน ฉันออสติน โจนส์นะ เรียกออสตินก็ได้ นายคือธีร์ใช่ไหม?)"ผมมองเขาหน้าเหลอหลากระพริบตาปริบๆ ไอสิ่งที่ผมได้ยินเมื่อกี้มันคือภาษาเอเลี่ยนดีๆนั่นเองในความคิดของผม

 

ภาษาอังกฤษนี่อย่าให้คุย ตกมาตลอดตั้งเเต่จำความได้

 

"เอ่อ..อืม..อ่อ..ไอ..ไอ..ไม่เข้าใจยูเลยอ่ะ"สาบานว่านี่เป็นประโยคที่ถูกกรั่นกรองออกมาจากสมองน้อยๆของผมเเล้ว ไอฝรั่งมันก็ทำหน้างง ไอผมก็งง

 

"อ่อ!" จู่ๆมันก็อ๋อขึ้นมาทำเอาผมสะดุ้งตามก่อนจะพูดต่อ

 

"It's okay.I just looking for.."

 

"หยุด! หยุดเลยนะ"ผมรีบยกมือห้าม ก่อนที่เขาจะพูดประโยคยาวๆที่ผมไม่เข้าใจ ออสตินหยุดพูดอย่างงงๆ ก้มมองคนเตี้ยกว่าที่มีใบหน้ายุ่งเหยิงอย่างสงสัย


"เอ่อ..ดูยูเเฮฟอะดิ้ก"


"Dick?"เขาทวนคำผมอย่างสงสัย ใบหน้าคมอย่างชาวจะวันตกดูตกใจเล็กน้อยกับคำถามของผม


จะตกใจอะไรก็เเค่พจนานุกรม


"เยสๆ ดิ้กอ่ะ ที่มันหนาๆ"ผมเริ่มโชว์สกิลไทยคำอังกฤษคำพลางทำมือประกบกันเเล้วเเยกออกให้เขามองเป็นหนังสือเล่มหนาๆ คือจริงๆผมก็มีแอพแปลภาษาในโทรศัพท์นั่นเเหละเเต่เเบตมันหมดไปเเล้ว
 

"Sure"เขาตอบสั้นแต่คิ้วยังคงขมวดติดเป็นปม
 

ชัวร์ = เเน่นอน = มี

 

"ไอขอซียัวร์ดิ้กหน่อยได้ไหม?"คราวนี้ไอฝรั่งมันทำหน้าตกใจกว่าเดิมทั้งยังถอยหลังไปหนึ่งก้าว คิ้วเฉียงๆขมวดมุ่นเหมือนคิดหนัก
 

ผมพูดอะไรผิดไปหรอ?


"I think it would not be appropriate(ผมเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสม)"ออสตินยิ้มเเห้งพลางมองหน้าคู่สนทนา(ที่ไม่น่าไปรอด)คนนี้อย่างพินิจ ผมเองก็มองตอบเขากลับด้วยความซื่อๆตรงๆของตัวเอง


"จัสอะดิ้กอ่ะยูอิททูบิ๊กมากเลยหรอ"หรือมันใหญ่เเละหนักเกินไปเขาเลยขี้เกียจยกมันออกมารึเปล่า นี่ผมเริ่มหงุดหงิดเเล้วนะเเค่พจนานุกรมเเค่นี้ก็เอาออกมาไม่ได้รึไง



ไอฝรั่งมีสีหน้าลำบากใจชัดเจน คาดว่าชาตินี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องเเน่ๆ

 

"พี่เต้ๆ! ช่วยผมหน่อยดิ"เเละในจังหวะที่หันซ้ายหันขวาก็เหลือบไปเห็นพี่ที่ทำงานที่น่าจะช่วยผมได้พอดี คนถูกเรียกหันมามองอย่างสงสัยเเล้วก็เผยยิ้มขำออกมาเมื่อเห็นว่าผมเรียกทำไม

 

"มีอะไร เเล้วทำไมถึงมายืนคุยกับเพื่อนคุณโคลด์ได้ล่ะ มึงไม่ถูกโรคกับฝรั่ง..ไม่สิ..ไม่ถูกโรคกับภาษาอังกฤษนี่"ผมเบ้ปากน้อยๆ เหลือบมองไอฝรั่งที่ยืนจ้องพวกผมสองคน คิ้วเฉียงๆของมันก็ยังไม่คลายปม

 

"ก็เฮียอ่ะ ใช้ให้ผมเอากระดาษมาให้เขา พอเขาอ่านปุ๊ปก็รัวภาษาอังกฤษใส่ผมเลย เเถมพอลองถามว่ามีดิ้กรึเปล่าก็มัวเเต่อ้ำๆอึ้งๆอยู่เนี่ย"ผมเล่าราวกับว่ามันเป็นปัญหาระดับชาติ เเต่เหมือนหน้าซีเรียสของผมจะไม่ได้ทำให้คนฟังอย่างพี่เต้เครียดตามไปด้วย มีเพียงเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา

 
"โอ๊ยยย มึงเเม่ง..ฮ่าๆๆ..ไอเหี้ยกูปวดท้องไปหมดเเล้ว"พี่เต้หัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล ผมมองพี่เขาตาขวางเล็กน้อย


"หัวเราะอะไรพี่ ถ้าเข้าใจเเล้วก็ไปเคลียร์กับมันทีดิ ยืนทำหน้างงเเดกอยู่นั่นเเหละ"ผมพยักเพยิดหน้าไปหาร่างสูงใหญ่ พี่เต้พยักหน้ารับทั้งๆที่ยังไม่หยุดหัวเราะ ผมยืนกอดอกมองทั้งคู่ที่สนทนากันอยู่ประมาณสองสามประโยคก่อนที่พี่เต้จะเดินกลับมาหาผม


"กูว่ามึงโดนคุณโคลด์เล่นเเล้วว่ะไอธีร์เอ้ย"

 
"อะไรวะพี่ สรุปมันเกิดอะไรขึ้น"


"เขาบอกว่ามึงอ่ะยินดีเป็นโฮสต์ให้เขาจนกว่าเขาจะกลับ เห็นบอกว่าชื่อออสตินอันนี้คงฟังรู้เรื่องอยู่ใช่ไหม"ผมพยักหน้า เเต่เดี๋ยวนะพี่..


"ผมไปเป็นโฮสต์ตั้งเเต่เมื่อไหร่วะ ผมจะไปคุยกับเฮีย"ผมตั้งท่าจะหมุนตัวขึ้นไปห้องทำงานของเจ้านายที่เพิ่งลงมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เเต่ก็ถูกพี่เต้รั้งไว้ซะก่อน


"อย่าเลย มึงก็รู้ว่าวันนี้คุณโคลด์เขาอารมณ์ไม่ดี"

 
"เอ้าหรอ?"ผมถามหน้าเหลอหลา จนคนคุยด้วยต้องถอนหายใจพร้อมกับส่งสายตาเอือมระอามาให้ ทำหน้าทำตาเเบบนั้นหมายความว่าไงวะ ผมก็เเค่มองคนไม่ค่อยออกก็เท่านั้น
 

"มึงนี่โง่ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายจริงว่ะไอธีร์เอ้ย"ผมเบ้ปากเเรงกับคำด่าไม่จริงจังที่ผมมักได้ยินอยู่บ่อยครั้ง
 

"เเล้วตอนนี้พี่จะให้ผมทำไง ให้รับไอหมีควายนั่นไปอยู่ด้วยเหรอ มีหวังไม่ผมก็มันได้มีประสาทเเดกตายเพราะคุยกันไม่รู้เรื่องเเน่ๆ"ผมบอกตามความจริง มองหน้าที่ถูกทับด้วยกรอบเเว่นอันโตของพี่คนสนิทอย่างมีความหมาย


"ไม่ต้องมองกูงี้เลย บ้านกูมีที่ที่ไหน ไหนจะเมียกูอีก"
 

"โหยย ก็พี่พูดได้ฟังได้นี่หน่า"


"มึงก็ใช้ดิ้กมึงไปสิ ฮ่าๆๆ"พี่เต้หัวเราะอีกครั้ง ผมหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด


"เอาจริงๆนะพี่ พี่ขำอะไรวะ"ผมถามเสียงเครียด มันไม่ตลกเลยนะเว้ยที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดแปลกไป
 

"เอาหูมานี่ๆ"
 

ผมเลื่อนหน้าไปใกล้อย่างว่าง่ายก่อนที่พี่เขาจะกระซิบให้ได้กันอยู่สองคน อีกฝ่ายตบไหล่ผมปุๆเมื่อพูดจบเเล้วก็เดินกุมท้องกลั้นขำไปอีกทาง ทิ้งผมให้อ้าปากค้างกับคำตอบที่ได้รับ


'ดิ้กอ่ะมันแปลว่าไอนั่น พจนานุกรมอ่ะมันอ่านว่าดิกเว้ยมึง'

.

..

...

....

ไอเหี้ยยยยยยย!! ชิบหายเเล้วไง!!
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-04-2017 23:18:39 โดย Kiitos »

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 1

| Morning kiss


 

เเละจนเเล้วจนรอดสุดท้ายผมก็ต้องพาไอฝรั่งหมีควายนี่กลับบ้านมาด้วย จะเรียกบ้านก็คงไม่ถูกนักเพราะผมอยู่คอนโดที่ไม่ถึงกับหรูหราเเต่ก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ บ้านผมก็มีฐานะพอสมควรเพราะพ่อเป็นถึงนายอำเภอ เเต่คนเมืองส่วนใหญ่ก็จะมองว่าเป็นพวกบ้านนอกอยู่ดีนั่นเเหละ


ตั้งเเต่ออกจากร้านเฮียมาก็ประมาณตีหนึ่งได้ ผมกับมันก็ไม่ได้พูดอะไรกันซักประโยค เนื่องจากผมไม่มีรถมีเเต่มินิไบค์ซึ่งตอนนี้ไปนอนตายอยู่ในอู่ซ่อม เลยต้องอาศัยเเท็กซี่ไปกลับ
 

ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งคันรถมีเพียงเสียงวิทยุที่เปิดเพลงลูกทุ่งคลอเบาๆ เเอร์เย็นๆที่เป่าจนหน้าชาไม่ได้ช่วยให้ใจผมสงบขึ้นเลยซักนิด ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าคนข้างกายที่หันออกไปมองนอกหน้าต่าง


ยิ่งมันหันข้างเเบบนี้ยิ่งทำให้เห็นจมูกมันโด่งขนาดไหน ยิ่งพินิจไปตามโครงหน้าที่เห็นสันกรามชัดเจนมีเคราบางๆสีเดียวกับผม ดวงตาสีน้ำข้าวเเบบชาวตะวันตกดูมีเสน่ห์แปลกๆ ตาเขาดูมิติมากกว่าคนเอเชีย คิ้วก็เข้ารูปชี้ขึ้นหน่อย ท่าทางจะมีเชื้อเเขกขาวอยู่หนอยๆด้วยเเหะ

 

ฟรึ่บ

 

ผมหันหน้าหนีเเทบไม่มันพอเขาหันหน้ากลับมา ตั้งเเต่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปก็อดหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้ ได้เเต่ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย


"Are you okay?(คุณไม่เป็นไรนะ)"


"ผมโอเคๆ"ผมตอบเขาโดยยังไม่เงยหน้า ได้เเต่ส่งเสียงหัวเราะเเหะๆออกไป ก็ไม่รู้ว่าเขาจะฟังไทยรู้เรื่องรึเปล่า เเต่ก็นะ...


"But..(เเต่..)"

 

"พี่ครับตรงนี้เเหละๆ"ผมตัดบทด้วยการหันไปบอกพี่โชเฟอร์ ก่อนจะควักเเบงค์ร้อยให้พี่เขาไปเเบบไม่รอเงินทอน ไอฝรั่งมันก็รู้หน้าที่เดินลงจากรถตามๆผมมา


ถึงจะเป็นคอนโด เเต่พอเกินเที่ยงคืนตรงส่วนของล็อบบี้ก็จะปิดไฟหมดมีเพียงไฟสีส้มไม่กี่ดวงตาทางกับเซเว่นด้านหน้าเท่านั้นที่เป็นเเสงให้พอมองเห็น บรรยากาศมันค่อนข้างวังเวงเล็กน้อยเเต่ผู้ชายอกสามศอกเเบบผมค่อนข้างชินกับมันเสียเเล้ว ผมเดินตรงไปที่ลิฟท์ตาก็คอยเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่เดินตามมาติดๆ


เเต่มันชักจะติดเกินไปละ..


มันชิดจนหลังผมชนกับอกเเข็งๆของมัน พอผมก้าวเร็วขึ้นหน่อยมันก็ก้าวตาม ผมขมวดคิ้วฉับหยุดเดินหันไปมองหน้าเขา พอเห็นผมหันไปมองหน้าเขา ปากหนาก็คลี่ยิ้มฝืดๆ


"กลัวหรอ?"ผมเอ่ยถามเเล้วยิ้มขำ ก็ไม่ได้หวังให้เขาเข้าใจหรอก ส่วนคำตอบที่ได้รับก็คือรอยยิ้มฝืดๆเเบบเดิม


หมับ


ร่างสูงใหญ่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผมคว้าเข้าที่เเขนเขา ก่อนจะเริ่มออกเดินโดยที่ครั้งนี้ผมถอยตัวมาให้เดินอยู่ข้างกันเเทนที่จะเดินนำหน้า


เเขนเเน่นจังเลยวะ



ติ๊ง

 
ใช้เวลาไม่นานก็ขึ้นมาถึงชั้นที่ผมอยู่ ผมเดินตรงไปที่ห้องของตัวเอง ปล่อยมือออกจากเเขนของอีกคน ล้วงหากุญเเจก่อนจะไขมันเข้าไป


ห้องผมเป็นห้องที่ไม่ได้ใหญ่มาก มีหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องน้ำหนึ่งห้องนั่งเล่นหนึ่งห้องครัวเเถมห้องออกกำลังกายขนาดกระทัดรัดอีกหนึ่ง

เอ่ะ..


เเล้วผมจะนอนไหนวะ

 
จะให้ไอฝรั่งนี้นอนโซฟามีหวังขามันเลยโซฟาไปแปดโยดชัวร์ๆ เเต่ผมก็ไม่อยากยกห้องนอนตัวเองให้มันเช่นกัน เนื่องจากข้างนอกมันไม่มีเเอร์เเละผมก็เป็นคนที่ขี้ร้อนมากถึงมากที่สุด


"shower?(อาบน้ำได้ไหม?)"เหมือนมันก็พอรู้ว่าผมพูดภาษาอังกฤษได้เเบบงูๆปลาๆมันเลยย่อซะเหลือคำเดียวซึ่งไอคำง่ายๆผมก็พอเข้าใจ เลยพยักหน้าให้เขา เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้อย่างรู้หน้าที่ ในหัวก็ยังคงคิดไม่ตกเรื่องที่นอน
 

ที่เเน่ๆผมไม่ไปนอนเตียงเดียวกับมันเเน่นอน ไม่ใช่อะไรหรอกครับ คิดภาพผู้ชายตัวใหญ่ๆสองคนนอนเบียดกันบนเตียงคงเป็นอะไรที่ไม่น่าอภิรมย์ใจซักเท่าไหร่
 

ผมหยิบสมาร์ทโฟนที่พ่อซื้อให้ในวันเกิดออกมา เเต่ก็ลืมว่าไม่ได้ชาร์จมันไว้ตั้งเเต่เมื่อวาน ผมเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเองเพื่อจะเอาโทรศัพท์ไปชาร์จ
 

เปิดแอร์ไว้ดีกว่าเเฮะ


ห้องผมก็จัดเป็นห้องผู้ชายปกติ เเต่ค่อนข้างที่จะสะอาดเรียบร้อยเพราะผมใช้เวลาส่วนมากอยู่ข้างนอกมากกว่า ผมเดินไปค้นหยิบผ้าห่มผืนบางที่มีสำรองเอาไว้ เพราะถึงเเม้ผมจะไม่ได้เต็มใจให้เขามาอยู่ซักเท่าไหร่ เเต่ก็พามาถึงนี่เเล้วไอฝรั่งนี่ก็เเลดูไม่มีพิษภัยเเล้วก็ดูเหมือนจะเข้าใจด้วยภาษาอังกฤษของผมมันอ่อนด๋อยขนาดไหน


อีกอย่างมันคงอยู่แปปๆ เดี๋ยวก็ไปเเหละ


ผมเดินออกมาข้างนอกพร้อมหมอน ผ้าห่มเเละหมอนข้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องน้ำเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของไอฝรั่งที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพันรอบเอวเท่านั้น ไหล่กว้างอย่างคนที่มีโคร่งร่างใหญ่ กล้ามเนื้อเเขนก็ไม่ดูกล้ามปูเกินไปเเต่ก็ใหญ่เสียจนกลัวว่าถ้าถูกเเขนนั่นฟาดมีสิทธิ์ตายคาที่ กล้ามหน้าอกเป็นมัดไล่ลงมาก็เจอกล้ามเนื้อหกก้อนที่ผมเคยพยายามเเทบตายกว่าจะได้มันมา ไล่ลงมาอีกก็เจอกับเเนวกล้ามเนื้อรูปตัววีที่กระดูกเชิงกราน...


"เอ่อ.."เสียงทุ้มเรียกสติผมอีกครั้ง ผมรีบละสายตาออกจากเขาเมื่อรู้ตัวว่าเผลอจ้องหุ่นของอีกฝ่ายไปเสียนาน

 
หุ่นดีชิบหาย

 
เเละความอิจฉาเล็กๆก็เกิดขึ้นในใจจนอดเบ้ปากออกมาไม่ได้ อันที่จริงผมก็เคยมีนะไอก้อนเนื้อหกก้อน เเต่พอเข้ามาเรียนในกรุงเทพเเละหลงมัวเมาไปกับของกิน(?)เเล้วพอได้งานทำก็อยู่เเค่ที่ร้านเเละคอนโดถึงเเม้จะมีเครื่องออกกำลังกายเเต่เเทบไม่ได้เเตะเลยนี่สิ



"May i borrow your cloths?(ขอยืมเสื้อผ้าหน่อยได้ไหมครับ?)"ไอฝรั่งก็ยังคงพ่นภาษาอังกฤษใส่ ไอผมก็ฟังออกบางคำรู้เเค่ว่าอะไรเสื้อๆเนี่ยเเหละ เลยพยักหน้าเเล้วชี้ไปยังประตูห้องนอน มันเลยค้อมหัวขอบคุณเล็กน้อยเเล้วเดินไป ผมหันมองตามแผ่นหลัง คิดดูหลังยังมองเห็นเป็นมัดๆ ส่วนความกว้างนี่อย่าได้พูดถึงถ้าผมเป็นผู้ชายอกสามศอกผมว่ามันคงเกือบๆสิบศอกได้


แกร็ก

               
ไอฝรั่งมันเดินออกมาโดยที่สวมเสื้อผ้าของผมอยู่ ดีหน่อยที่ผมเป็นคนที่ค่อนข้างชอบใส่เสื้อตัวโคร่งๆมันเลยไม่ได้รัดติ้วจนน่าอึดอัด เขาทำท่าจะเดินไปนอนที่โซฟา ด้วยความเป็นคนดีผมเลยยกมือขึ้นห้าม


"โนๆ มึงอ่ะไปนอนในนู้น"ผมชี้ๆไปยังห้องนอน มันเลิกคิ้วสงสัยก่อนจะส่ายหน้าเเล้วยืนยันที่จะนอนตรงนี้เอง


"ถ้านอน เท้าจะเลยไปอย่างงี้"ผมพยายามใช้ภาษามือในการสื่อสารอีกฝ่าย โดยการนอนลงให้เท้าเลยโซฟาไปเเล้วชี้ๆ ซึ่งเหมือนมันก็เข้าใจเเต่เสือกไม่ยอม


"(ให้ผมนอนนี่เถอะ เเค่นี้ก็รบกวนจะเเย่เเล้ว)"
 

ถึงจะไม่เข้าใจที่เเม่งพูดก็เหอะ เเต่ดูจากท่าทางเเล้วมันคงไม่ยอมไปนอนข้างในเเน่ๆ


ฟรุ่บ
 

ผมเลยทิ้งตัวนอนเอาผ้าห่มคลุมก่ายหมอนข้างหันหัวซุกโซฟาเเม่งเลย


เอาสิ กูยอมนอนเน่าไม่อาบน้ำเลย
 

พอเห็นว่ามันเงียบไปซักพัก ผมก็ผงกหัวขึ้นไปมอง ก็พบว่ามันยืนขมวดคิ้วนิดๆอยู่เหมือนกำลังคิดหนัก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเลื่อนสายตามาสบผม ยกมือขึ้นสองข้างประมาณว่ายอมเเพ้เเล้วจากนั้นก็หมุนตัวเข้าห้องไป ผมเห็นอย่างนั้นเลยค่อยๆชันตัวขึ้นนั่งมองทางประตูห้องอีกทีให้เเน่ใจว่ามันเข้าๆปเเล้ว คว้าผ้าเช็ดตัวเเล้วเดินเข้าห้องน้ำไป


ผมใช้เวลาไม่นานกับการจัดการตัวเองเพราะอยากนอนเต็มเเก่ เเต่ตอนที่จะเดินออกมาจากห้องน้ำก็นึกขึ้นได้

 

"ฉิบหาย ชุดกูอยู่ในห้องนี่หว่า"ผมยืนเกาหัวเเกรกๆ เลยใช้ผ้าเช็ดตัวผันช่วงล่างไว้ก่อนเเล้วค่อยๆเปิดประตูห้องนอนตัวเองอย่างช้าๆ


คนบนเตียงหลับไปเเล้ว หลับโดยที่เปิดโคมไฟข้างหัวเตียงไว้ ซึ่งดีมากๆเพราะมันช่วยให้ผมเห็นสิ่งต่างๆได้ชัดขึ้น ผมหยิบเสื้อผ้าออกจากตู้อย่างเบามือเเล้วก็ใส่เเม่งหน้าตู้เนี่ยเเหละ เเวะหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จค้างไว้หัวเตียง เเล้วหันหลังเดินออกจากห้อง


ฟรึ่บ
 

เหี้ยละ..
 

ผมหันไปตามเสียงที่ดังมาจากฝั่งเตียง  เเล้วก็ต้องรีบเบือนหน้าหนี เอาเเล้วไง เสือกถอดเสื้อนอนอีก


เอ้ะ..เเล้วกูจะเบือนหน้าหนีเหมือนสาวเเรกเเย้มที่เพิ่งเคยเห็นหุ่นผู้ชายทำไมวะ
 

ผมโคลงหัวกับตัวเองเล็กน้อยไล่ความคิดบ้าๆออกไปจากหัว ก่อนจะตรงไปหาโซฟาสุดที่รัก เดินไปเปิดพัดลมเบอร์เเรงที่สุดก่อนจะทิ้งตัวนอน เเละด้วยความล้าไม่นานก็หลับไป


"ฉิบหายยยย!!!!"
 

เสียงกรีดร้องอันโหยหวนปานควายถูกเชือดนี้ไม่ใช่ใครไหนเป็นเสียงผมเอง ผมขยี้หัวตัวเองเเรงๆกับความสะเพร่าที่ลืมไปว่านาฬิกาปลุกเเม่งอยู่ในห้อง เเล้วประเด็นคือวันนี้ผมมีงานไง โอ้ย โดนด่าเเน่ๆกู


เเต่ที่เซอร์ไพรส์กว่าคือการที่ตื่นมาก็พบกับกลิ่นหอมๆของอาหารเช้า เเละเเน่นอนว่าคนที่ทำนั้นคือไอฝรั่งนั้น


"Good...”


"เออ มอนิ่งๆ"ผมขัดขึ้นก่อนที่มันจะพูดจบประโยคโดยไม่ได้หันไปมองมันที่เดินตรงมาเพื่อที่จะมาทักทายเลย มันชะงักไปเล็กน้อย ตอนนี้อารมณ์บ่จอยเว้ย! นอนก็น้อยยังเสือกตื่นสายให้โดนด่าเล่นอีก ไหนจะ...


ฟอด
 

"...!!"

 
ผมหันควับเเบบทันทีทันใดทันควัน ถอยหลังเเบบรัวๆถ้าวาร์ปได้นี่วาร์ปไปเเล้ว ใครใช้ให้จู่ๆมันก้มลงมาหอมเเก้มผมเเบบนี้ล่ะวะ! เป็นใครใครก็ตกใจป้ะ ผมหันมองมันตื่นๆเเต่ก็เเค่รอยยิ้มบางๆกลับมา


"Good morning.(อรุณสวัสดิ์ครับ)"


มอนงมอนิ่งพ่อง!!!!
 

 เท้าผมเเทบกระตุกเสยคางมันไปตามสัญชาตญาณชายเเท้ คิ้วขมวดจนเเทบผูกกันเป็นปม พร้อมกับอารมณ์ที่เริ่มเดือดปุดๆขึ้นมา


ใครจะไปแฮปปี้วะ มีผู้ชายตัวหมีควายมาหอมเเก้มเนี่ย คันมือคันปากยิบๆ


"ฮ่วย! กูไปละ"ถ้าไม่ติดว่ามันฟังผมไม่รู้เรื่องนะผมจัดการด่ายับไปเเล้ว เเต่นี้คือรู้ไงบ่นไปมันก็ไม่เข้าใจ เลยได้เเต่พ่นลมออกทางจมูกเเรงๆหนึ่งทีอย่างสงบสติอารมณ์เเล้วบอกลามัน

 
หมับ


"Breakfast?(อาหารเช้าล่ะ?)"ผมส่ายหัวเเทนคำตอบเเบบไม่หันไปมองอีกฝ่ายเลยซักนิด ปัดมือใหญ่ที่จับเเขนผมไว้ออกเเล้วเดินตรงออกจากห้อง


"Wait!(เดี๋ยว!)"ไอฝรั่งมันเรียกอีกครั้งจับหมับเข้าที่ข้อมือผม เเบบที่ไม่ได้ออกเเรงมาก ผมหันไปมองมันอย่างหาเรื่องเล็กน้อยเเต่ใบหน้าเข้มๆก็ยังคงมีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่


"อะไรอีกล่ะ"


มันไม่ตอบเเละก็ไม่ปล่อยมือออกจากข้อมือผมด้วย ใช้อีกมือเเกะผ้ากันเปื้อนลายหมีน้อยสุดหวานเเหว๋วที่น้องสาวผมมันซื้อมาให้ เเล้วหันมายิ้มให้ผม

 
"Let's go (ไปกันเถอะ)"ผมมองมันงงๆ แต่เเน่นอนว่าอารมณ์คุกกรุ่นในอกยังไม่เลือนหาย


ยังไงก็ต้องไปคุยกับเฮียให้รู้เรื่องเเหละวันนี้!


---------------------------------------


"เฮียยยยยยย!!!!"ผมเปิดประตูห้องทำงานของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าสุดเเรงโดยไม่สนถึงเสียงพี่ๆที่ทำงานว่าอย่าเข้าไป

 
"มีอะไร"คนที่นั่งทำงานทั้งคืนถามเสียงนิ่ง วางปากกาในมือเสียงดังเงยหน้าขึ้นพร้อมทั้งเสยผมยุ่งๆขึ้นไปอย่างลวกๆ

 
โอโห นี่เฮียคิดว่าตัวเองเป็นนายเเบบหรือวะ


"เฮีย!เอาไอหมีนี่กลับไปเลย!"ผมรีบกลับเข้าเรื่อง หันไปลากเเขนไอฝรั่งขี้นกที่ยืนอยู่หน้าประตูข้างหลังผม ผมละคำว่าควายไว้ในใจเพื่อความสุภาพแก่ผู้เป็นนาย
 

"หมี?"
 

"ก็ไอฝรั่งนี้ไง!"เเล้วดันหลังมันเบาๆให้เห็นกันไปชัดๆ

 
"Yo"มันยิ้มบางๆตามเเบบฉบับเเล้วยกมือทักคนเป็นเพื่อน
 

"อยู่กับมันไม่ได้รึไงธีร์? นี่ก็ถือเป็นงานนะฉันมีค่าเหนื่อยให้นายเพิ่มด้วย"โคลด์ไม่ได้ทักกลับ เขาหันมาพูดกับผมเเทนด้วยสีหน้าเเละน้ำเสียงที่จริงจัง
 

"ก็มัน..!"ผมทำท่าจะเเย้ง ตอนเเรกก็ว่าโอเคเพราะมันก็ไม่ได้เรื่องมาก ถึงคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องก็เถอะเเต่ถ้าต่างคนต่างอยู่ก็โอเค เเต่เพราะเมื่อเช้ามันทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไป

เเม่งโคตรไม่ปลอดภัยเลย!


"มัน?"
 

"ฮ่วย! เอาเป็นว่าผมไม่โอคะ..เค..เอ่อ.."ผมที่ต่อต้านเต็มที่เริ่มเสียงเเผ่วลงมองหน้าคนข้างตัวที่พูดขัดขึ้นมา

 
"I'm sorry.(ผมขอโทษ)"
 

อย่ามาทำหน้าสำนึกผิดเหมือนหมาหงอยอย่างนี้ได้ไหม หางลู่หูตกซะกูไปไม่เป็น
 

"โว้ย บักง่าวนี่"สุดท้ายก็ได้เเต่บ่นงึมงำกับตัวเอง เเล้วเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดออกจากห้อง


"ธีร์"

 
"ครับ"ผมหันไปขานรับด้วยน้ำเสียงสุภาพ ถึงผมจะเป็นคนโผงผางตรงไปตรงมาเเต่บอกเลยว่าผมมีมารยาทนะเห้ย งานเป็นงาน ถึงเมื่อกี้จะใจร้อนลืมเคาะประตูก่อนเข้ามาก็เถอะ


"เอาทอยลงไปด้วย"

 
"ครับผม"ผมรับคำ หันไปยิ้มบางๆให้กับน้องทอยสุดน่ารักของผม(?)ซึ่งน้องเขาก็ยิ้มตอบก่อนที่จะลุกเดินตามผมมา

หลังจากที่ทำเมนูง่ายๆให้น้องเขา เพียงไม่นานเฮียก็เดินลงมาทั้งยังมีไอหมีควายเดินมาไม่ห่าง เเละทันทีที่ลงมาถึงเฮียก็จัดการลากสุดที่รักผมไป เเต่น้องเขายังไม่วายหันมาค้อมหัวเเล้วยิ้มให้


ผมมองข้าวผัดที่พร่องไปเกือบครึ่งชาม  ก่อนจะลงมือกินต่อ อ๊ะๆ ผมไม่ถือเรื่องกินของเหลือจากคนอื่นหรอกนะ ตราบใดที่มันยังกินได้ไม่ได้ลงไปอยู่กับพื้นผมก็ไม่ถือหรอก อีกอย่างครอบครัวผมก็สอนมาอย่างนี้ ไร่นาเราก็ทำเองปลูกเอง พอจะทิ้งก็ทำไม่ลงจริงๆถือว่าเป็นข้าวเช้าละกัน

 
โครกกก

 
แน่นอนว่านี้เป็นเสียงท้องร้อง เเต่ประเด็นคือมันไม่ใช่ของผม ผมหันไปหาคนที่ยืนค้ำหัวผมอยู่ มันยิ้มเเห้งๆเกาหัวเเกร็กๆ
 

"หิวหรอ"


คำถามโง่มากเลยกู ท้องเขาร้องดังปานฟ้าถล่มขนาดนั้นไม่หิวมั้ง


มันทำหน้างงๆใส่ ก็เเน่เเหละมันฟังภาษาไทยรู้เรื่องที่ไหน ผมเลยยิ้มน้อยๆ เเต่อย่าคิดว่าผมลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า จริงๆคือหายเคืองไปเเล้วน่ะเเหละตอนนั้นมันเเค่ตกใจเฉยๆ ยังไงผมก็เป็นพวกไม่คิดมากอยู่เเล้วด้วย


"ซิทเลยซิท เดี๋ยวไอไปทำให้กิน"ผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะกดไหล่มันให้นั่งลงบนเก้าอี้ตรงเคาท์เตอร์ มันก็ยอมนั่งลงเงยขึ้นมามองผมเหลอหลาซึ่งผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เดินไปหลังร้านโดยไม่ลืมหยิบจานเปล่าที่ผมจัดการกินข้าวผัดไปเมื่อกี้ด้วย


ผมเดินออกมาพร้อมกับจานข้าวพัดหน้าตาเดิมสูตรเดิมออกมาอีกครั้ง กลิ่นหอมๆคงเรียกความสนใจจากคนตัวใหญ่ที่นั่งก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์อยู่ให้เงยขึ้นมามอง

 
 เเล้วยิ้ม


ยิ้มที่ไม่ได้กว้างมาก เเต่ก็ทำให้ดูดึงดูดสายตาได้อย่างน่าประหลาด


"Thanks.(ขอบใจ)"มันมองจานข้าวที่ถูกวางตรงหน้า ก่อนจะเงยขึ้นมายิ้มให้อีกทีพร้อมกล่าวขอบคุณ


ผมว่านะ มันต้องบ้าเเน่ๆคนอะไรยิ้มได้ยิ้มดี ยิ้มทั้งวัน ยิ้มเเบบไม่เมื่อยปาก ยิ้มไม่กลัวกรามค้าง เเต่ที่เเย่สุดคือ
 

ผมดันยิ้มตามเนี่ยสิ

 
ยิ่งมันกินเอาๆราวกับว่าข้าวผัดธรรมดาๆมันอร่อยมากนัก ยิ่งทำให้หุบยิ้มไม่ลง

 
"เอ้าเห้ย! ร้านจะเปิดเเล้วเว้ย! มายืนยิ้นน้อยยิ้มใหญ่อะไรไปทำงานๆ"ผมถึงกับสะดุ้งหุบยิ้มปรับสีหน้าเเทบไม่ทัน เมื่อพี่เต้เจ้าเก่าเจ้าเดิมยื่นหน้าออกมาจากหลังร้านเเล้วเรียกเสียงดัง เเต่ดีที่ว่าเสามันบังหัวไอฝรั่งนี้มันพอดีพี่เเกเลยมองไม่เห็นไอคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
 

"โทษทีพี่ๆ"


"เเล้วเมื่อกี้ทำไร ยิ้มหน้าบานเชียวนะมึง" พี่เต้หันมาถาม ตาเรียวเล็กเสียจนมองเเทบไม่เห็นหรี่ลงอย่างจับผิดทั้งยังยิ้มล้อๆ

 
"ไม่มีไรมากหรอกพี่ พอดีเกรดตัวนึงเพิ่งออกมาน่ะ" ผมก็เเถไปเรื่อย ถึงจะรู้ว่าเป็นคนโกหกไม่เก่งก็เถอะ เเต่ครั้งนี้พี่เต้นักจับผิด(เสือก)กลับเชื่อซะงั้น


"เห้ย! เกรดดีหรอวะ!"


"ไม่ดีพี่"


"เอ้า! เเล้วเสือกดีใจ"พี่เเกถึงกับกลอกตาเป็นเลขเเปด ผมหัวเราะน้อยๆก่อนจะยิ้มเเล้วพูดด้วยความฉะฉาน


"ได้เอต่างหาก"ว่าแล้วก็ยักคิ้วให้ซักสองที
 

"โห ไอห่าธีร์กูลืมไปว่ามึงเเม่งโง่ทุกอย่างยกเว้นเรื่องเรียน หมันไส้ว่ะ!ถ้าไม่ติดว่าช่วงนั้นกูติดหญิงนะป่านนี้กูจบไปละ"ว่าเเล้วก็วกเข้าปัญหาชีวิตของพี่เขาเองโดยที่ผมไม่ได้ถาม ร่างโปร่งถอนหายใจเเรงๆเเล้วก็เริ่มบ่นเรื่องเดิมๆที่ผมเคยฟังมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งเเล้ว


"เออไอธีร์วันนี้คุณโคลด์เขาบอกว่าวันนี้แกไม่ต้องทำงานที่ร้านเเล้วนะ"เหมือนสวรรค์มาโปรดเมื่อพี่ฟาง พี่คนนึงในร้านเดินเข้ามาขัดคนที่กำลังยืนอู้งานพล่ามยาวๆ

 
เเต่เดี๋ยวนะเดี๋ยว


"ห้ะ!? อะไรนะพี่ เห้ย!ไม่จริงอ่ะ นี่..นี่..นี่ผมถูกไล่ออกเเล้วหรอ ไม่นะไม่ เเล้วผมจะไปหางานไหนทำอ่ะค่าเทอมผมก็..."


"หยุดเลยไอธีร์ หยุด"พี่ฟางยกมือขึ้นมาขัดผมที่กำลังสติเเตก
 

เห้ย! นี่จริงจังนะ ดูจากรูปประโยคนี่มันไล่ออกชัดๆนี่หว่า


"เขาบอกว่าให้ไปช่วยดูเเลเพื่อนเขา"
 

"ทำไมต้องเป็นผมอีกเเล้วอ่ะ มันก็มีมือมีตีนนะพี่ ตัวก็โตควรดูเเลตัวเองได้เเล้วป้ะ"ผมเเย้งด้วยเหตุผล เหลือบไปมองคนที่น่าจะก้มหน้าก้มตาทำอะไรอยู่ซักอย่างเพราะผมไม่เห็นหัวน้ำตาลๆทองๆของมันโผล่พ้นเคาท์เตอร์บาร์มาเลยซักนิด


"ไม่รู้ว่ะ เเต่แกก็ทำๆไปเถอะ สบายกว่าทำที่ร้านอีกเงินดีกว่าด้วยนะ "


"แต่ผมชอบงานที่ร้านมากกว่า อีกอย่างผมคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง เเล้วมันก็ไม่มีเวลาที่เเน่นอนเลยซักนิดว่าผมต้องดูเเลมันนานเท่าไหร่"ผมว่าเสียงจริงจัง


"เอางี้ไหม?"จู่ๆคนที่ไม่มีบทพูดอย่างพี่เต้ก็เเทรกขึ้นมา เเล้วยื่นหัวมากระซิบใกล้ๆผม ผมพยักหน้ารับหงึกหงักเเล้วคิดตามไปเรื่อยๆ ก่อนจะเผยยิ้มออกมาเเล้วชูนิ้วโป้งให้พี่เขา



วิธีนี้ก็ไม่เลวเเหะ...








ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :-[

วิธีอะไร เต้จงบอก!!!!!!
********

เปิดมาอย่างฮา กั่กๆ

แปดโยด > โยชน์  :jul3:
มีเพียงไฟสีส้มไม่กี่ดวงตา > ต้องตัด ตา ออกไหมคะนี่??
ใช้ผ้าเช็ดตัวผันช่วงล่างไว้ > พัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2016 23:29:02 โดย BlueCherries »

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 

Chapter 2


| Me too




ผมเดินออกมาจากหลังร้าน ออกมาหาคนที่นั่งชะเง้อชะเเง้เหม่อนมองหาบางอย่างอยู่ที่เดิม เเต่เเตกต่างจากเดิมตรงที่ว่าจานที่เคยพูนไปด้วยข้าวกลับว่างเปล่า

พอผมเดินเข้ามาใกล้ไอฝรั่งมันหันมาเจอก็เผยยิ้มออกมา

 
ผมก็ยิ้มตอบ ใจก็คิดถึงเเผนการที่ได้ฟังมาเมื่อครู่ซึ่งก็ไม่ได้เเย่อะไร พี่เต้นี่ฉลาดจริงอะไรจริงวุ้ย

 
ผมเดินไปหามันด้วยความมั่นใจฉีกยิ้มกว้างให้ พร้อมเอ่ยประโยคที่ท่องไว้ในใจหลายสิบรอบด้วยความมั่นใจอย่างสุดซึ้ง

 
.

 
.


.
               

"เมื่อกี้มึงบอกอะไรมันวะเต้"ฟาง หนุ่มไม่น้อยวัยครึ่งห้าสิบ เจ้าของใบหน้าดุดิบเถื่อนต่างจากชื่อเล่นราวฟ้ากับเหวเอ่ยถาม


"ไม่มีไรหรอกพี่ ฮ่าๆ"ไอคนเด็กกว่าหน่อยก็ตอบปัด หัวเราะร่าอย่างที่คนฟังต้องหรี่ตามอง


"โคตรไม่น่าเชื่อถือ มึงนี่ก็หาเรื่องไปแกล้งน้องมันได้ทุกวี่ทุกวัน"ฟางส่ายหัวกับนิสัยขี้เเกล้งที่รักษาไม่หาย


"โอ้ยพี่! ดูมันดิน่าเเกล้งจะตาย พูดอะไรก็เชื่อไปหมด ฮ่าๆๆ"
 

"เออๆอันนั้นไม่เถียง สรุปว่าเมื่อกี้ให้มันทำอะไรวะ"
 

"เเค่บอกให้มันไปบอกฝรั่งนั้นว่าตัวเองเป็นเกย์เอง ฮ่าๆๆๆ"

 

 
-------------------------------------



"เป็นไรวะธีร์มานั่งทำหน้าเหมือนอยากตายขนาดนี้"


"พี่ฟาง.."ผมเรียกเอ้ยชื่ออีกฝ่ายมาอย่างเเผ่วเบา หันมองหน้าพี่เขาด้วยสีหน้าที่ตัวเองก็ยังบอกไม่ถูก นี่หน้ากูดูอมทุกข์ขนาดนั้นเลยหรอวะ


"เกิดไรขึ้น เเล้วเพื่อนคุณโคลด์ล่ะ"

 
"ไล่ไปแล้ว"
 

"อ้าว! ทำไมล่ะ วันนี้ต้องไปเป็นไกด์ให้เขาไม่ใช่หรอ"ผมได้เเต่ถอนหายใจหนักๆเเทนคำตอบ เเล้วฟุบลงไปกับโต๊ะใช้คางท้าวโต๊ะไว้เเล้วตอบเสียงอ่อย


"เพราะแผนของพี่เต้นั่นเเหละ"


"หืม..เเล้วเป็นไงเขาว่าไง"พี่เขาคงจะรู้เเล้วสินะว่าเเผนที่ว่าคืออะไร ผมมองหน้าที่รกรุงรังไปด้วยหนวด ถึงจะเป็นคนหน้าตาเถื่อนๆก็เถอะ เเต่จริงๆพี่เขาโคตรคนดีเลยตั้งเเต่ผมมาทำงานพี่เขาก็คอยช่วยตลอด


"มีทู"


"ห้ะ?"


"เขาตอบว่า 'มีทู' "

 
สิ้นคำตอบผมเท่านั้นเเหละ พี่เขาก็เงียบไปพักนึงด้วยสีหน้าเงิบๆ เเน่นอนว่าศัพท์นี้ วลีนี้เด็กอนุบาลยังเข้าใจ ตอนเเรกที่ได้ยินผมก็เงิบไม่ต่างกันจากยิ้มๆด้วยความมั่นใจว่ามันต้องรับไม่ได้เเล้ววิ่งเเจ้นไปบอกเฮียว่าอยู่กับผมไม่ได้เเต่มันกลับตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเหมือนโล่งใจ

 
มีทู...


นอกจากแผนที่วางไว้จะล้มไม่เป็นท่า ยังกลับกลายเป็นว่ามันดันเป็นแทนนี่สิ

 
พลาดแล้ว ไม่พรากธรรมดา โคตรพลาดอ่ะบอกเลย


"เเล้วเราเอาไงต่อ"

 
"ไม่รู้อ่ะพี่ ตอนนี้เเบบหัวมันโล่งมาก"ผมขยี้หัวตัวเองเเรงๆ นี่มันหาเรื่องให้ตัวเองชัดๆเลย ก็ไม่ได้รังเกียจหรอกถ้าไอหมีควายนั่นจะเป็น เเต่พอคิดว่าต้องอยู่ด้วยกันมันก็อดขนลุกซู่ซ่าไม่ได้อยู่ดี


ผมยังห่วงตูดผมอยู่นะเห้ย!


"เอ้าๆ เหาขึ้นไงมึงอ่ะ อย่าเอามาเเพร่เเถวนี้นะเห้ย"เสียงเหาหอนนี่ก็ยังไม่พ้นพี่เต้เจ้าเก่าเจ้าเดิมเพิ่มเติมคือหมาในปาก ผมมองเขาด้วยหน้านิ่งๆเเต่ก็อดจะมุ่ยหน้าออกมาหน่อยๆไม่ได้


"เพราะพี่นั่นเเหละ แผนบ้าแผนบออะไรไม่รู้"


"อะไรๆ เกิดไรขึ้นวะ"พี่เต้เเทบจะเปลี่ยนทิศทางไม่ทัน จากตอนเเรกที่จะไปเปิดร้านเเต่พอเห็นหน้าไม่สบอารมณ์ของรุ่นน้องก็อดที่จะอยากรู้(เสือก)ไม่ได้
 

"เฮ้ออออ ผมไปละ"


ผมซึ่งขี้เกียจตอบคำถามจึงลุกขึ้นไม่สนใจเสียงรอบข้างที่ยิงคำถามใส่รัวๆเเล้วเดินออกจากร้าน มือก็เกี่ยวป้ายหน้าร้านให้กลับด้านบ่งบอกว่าถึงเวลาเปิดร้านเเล้วอย่างรู้หน้าที่
 

ตอนนี้ที่คิดได้อย่างเเรกเลยคือผมต้องไปแก้ข่าวเรื่องเมื่อกี้ซะก่อน ตอนเเรกที่พูดไปเพราะไม่ทันคิดว่าถ้ามันเกิดรับได้จะเป็นยังไงต่อ

 
ผมเดินออกมานอกร้านมองซ้ายขวา นี่ผมไม่ได้โดดงานนะ ก็ตอนเเรกเฮียก็กะให้ผมไปดูเเลไอหมีควายนั่นอยู่เเล้วนี่..
 

เอี๊ยดดด!!!

 

"อยากตายรึไงวะ!!"

 

ผมหันไปตามเสียงเเละก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อไอคนที่ผมตามหากำลังยืนยิ้มให้กับคู่กรณีคนไทยที่พูดออกมาเสียงดังลั่น
 

เขาด่ามึงอยู่นะ ยังจะไปยิ้มให้อีกให้ตายเถอะ


เเละเหมือนคนต่างถิ่นต่างเเดนจะไม่เข้าใจอะไรซักอย่างยืนยิ้มค้างอยู่เเบบเดิม จนคนที่ยืนด่าเเทบจะกระชากเข้าไปต่อยเพราะคิดว่ามันกวนตีน

 
"เห้ยๆพี่ใจเย็นๆ"ผมเข้าไปห้ามทัพได้ทันยกมือปรามทั้งสองฝ่าย พี่เขายอมละหมัดที่เตรียมเหวี่ยงใส่หน้าหล่อๆเเต่ใบหน้ายังคงบูดเบี้ยวไปด้วยอารมณ์โกรธ


"น้องรู้จักมันใช่ไหม บอกมันด้วยว่าถ้าอยากตายให้กลับไปตายประเทศตัวเอง เดี๋ยวแผ่นดินเรามันจะเปื้อน!"คนพูดกระเเทกเสียงเน้นๆ ก่อนจะหมุนตัวขึ้นรถที่จอดค้างไว้ ปิดประตูเสียงดังเเล้วคงจะเหยียบคันเร่งสุดเเรงเกิด
 

"มึงนี่นะ.."ผมหันมามองไอตัวปัญหา
 

อ่าว หายไปไหนเเล้ววะ

 
"There..there.. It's gonna be okay boy.( โอ๋ๆ ไม่เป็นไรเเล้วนะ)"เสียงทุ้มคุ้นหูดังออกมาจากอีกฟาก ผมขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อมองไปยังสิ่งที่อยู่ในอ้อมเเขนเเกร่งของอีกฝ่าย


หมา?


ไปเอาหมาใครมาวะ เเถมยังอุ้มขึ้นมาเเนบอกเหมือนต้องการปลอบ เเต่เดี๋ยวนะ..
 

"เห้ย! เลือดมันออกไม่ใช่รึไง!"


ผมปรี่ไปหาอีกฝ่ายทันทีด้วยความตื่นตระหนก เลือดสีข้นไหลไม่หยุดออกมาจากขาหลังของมันจนเลอะเสื้อเชิร์ตสีสว่างของไอฝรั่งไปหมด


เเต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ตกใจอะไรเลย กลับลูบหัวหมาไทยหลังอานตัวนั้นเบาๆเเล้วคอยพูดกับมันตลอดเหมือนปลอบ


"หงิง.."เเถมมันยังครางหงิงๆซุกหน้ากับอกเเกร่ง
 

ทำไมกูเห็นออร่าเเบบส้มๆชมพูๆมาจากสองตัวนั้นวะ ผมสะบัดหัวน้อยๆไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว ตอนนี้ต้องทำไงดีล่ะ คิดสิไอธีร์

 
"Clinic?(คลินิก?)"


"เออใช่! เเถวนี้..เอ่อ..อ้อ! ตามมาๆ"พอนึกออกผมก็กวักมือให้มันตามมา เเถวนี้ถ้าจำไม่ผิดซอยข้างๆจะมีอยู่ ผมเดินตรงเข้าไปในซอยข้างร้านเฮียเเล้วเดินผ่านตรอกเล็กๆเพื่อทะลุไปอีกซอยเเละก็ต้องโล่งใจที่มันมีอยู่จริงๆ
 

.

 

.
 

.


.


"ห้ะ! หมอไม่อยู่!!!"

 
"ค่ะ..คือว่าวันนี้คุณหมอมีนัดไปตรวจข้างนอกน่ะค่ะ อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงจะกลับ"พนักงานสาวผู้รับหน้าอยู่ด้านหน้าตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดี


"เเล้วถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเเบบนี้ขึ้นมาคุณจะทำยังไง จะปล่อยให้มันตายรึไง"ผมกระชากเสียงเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ


หมอไม่อยู่? หมอไม่อยู่เนี่ยนะ! ทั้งคลีนิกหมอมันมีคนเดียวรึไงวะ ถึงจะมีคนเดียวก็เถอะเเต่คนอื่นๆมันก็ควรจะทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่มายืนบอกหมอไม่อยู่ๆเเบบนี้
 

ผมหันไปมองอีกคนที่มีสีหน้าไม่ต่างจากผม คิ้วพาดเฉียงถูกกดลงหนักกว่าเก่ายามที่หันมามองหน้าผมเหมือนไม่เข้าใจ


ไม่เข้าใจที่กูพูดล่ะสิ



"มีใครพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง" ผมพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกเเรงๆเหมือนที่ชอบทำเวลาจะสงบสติอารมณ์


"กะ..ก็พอได้ค่ะ"



"งั้นไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ไอนั่นที"ผมชี้ไปทางไอฝรั่งที่ในอ้อมอกยังมีหมาน้อยหายใจรวยรินอยู่ ถึงผมจะไม่ค่อยชอบหมาเเต่ก็ไม่ได้เกลียดจะปล่อยให้มันตายๆก็ใช่เรื่อง


พนักงานสาวก็พยักหน้ารับรีบปลีกตัวไปคุยเเละชี้เเจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเต่ไอฝรั่งหมีควายเพียงเเค่พยักหน้ารับหน้าเครียดไม่มีการโวยวายหรือเเสดงความไม่พอใจ เพียงเเค่ไม่มีรอยยิ้มอ่อนประดับเหมือนอย่างเคย


"ขอยืมอุปกรณ์หน่อยได้ไหมครับ?"


"คะ?"
 

"เดี๋ยวผมจะจัดการเอง"


"เเต่คุณ.."

 

"นี่ครับ เท่านี้ก็โอเคเเล้วใช่ไหม"ผมพยายามเงี่ยหูฟัง เเต่เเน่นอนว่าถึงได้ยินก็ฟังไม่ออกเลยเลือกมองท่าทางของทั้งสองคนเเทน จนกระทั่งไอหมีมันควักบัตรบางอย่างขึ้นมาจากนั้นพนักงานก็เบิกตากว้างเล็กน้อย เเล้วรีบนำทางเขาไปข้างใน


"อะไรของมันวะ"ผมบ่นพึมพำเดินตามเข้าไป เเต่ก็ถูกพนักงานที่เหลือเข้ามาขวางซะก่อน


"ทำไมผมจะเข้าไม่ได้ ทีไอฝรั่งนั่นยังเข้าไปได้เลย"ผมขมวดคิ้วไม่พอใจเข้าไปใหญ่ เหลือบมองหลังกว้างๆที่เพิ่งเลี้ยวเข้าห้องๆนึงที่เขียนว่าห้องผ่าตัด



เห้ยๆ หมอไม่อยู่ไม่ใช่รึไง



"เหมือนว่าเขาจะเป็นสัตวเเพทย์นะคะ"พนักงานสาวอีกคนตอบ

 

"อ่อหรอ.."ผมตอบกลับด้วยความเร็วเเสงก่อนที่สมองน้อยๆจะได้ประมวลผล.. เดี๋ยวนะเดี๋ยว

 

"เห้ย!!"

 

เยดโด้! หมอ! มันเป็นหมอ! ถึงเเม้จะเป็นหมอหมาก็เถอะ เเต่ดูจากบุคลิกท่าทางก็ให้อยู่นะ เเล้วพอมาคิดๆย้อนดูเเล้วที่มันไปยืนยิ้มจนเกือบโดนต่อยหน้าเพราะช่วยไอหมานี่มันก็คงจะรักสัตว์โคตรๆ



"แปลว่าน้องก็เพิ่งรู้หรอคะ อยู่ด้วยกันมานานรึยัง"พี่พนักงานคนเดิมถาม ผมเลยได้เเต่ถอยมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่้ขาจัดไว้สำหรับให้คนนั่งรอ
 

"ไม่นานมานี้เองครับ"


"เเล้วปกติเขาเป็นคนยังไงหรือ"พี่คนเดิมค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างตัวผม พร้อมส่งรอยยิ้มหวานให้ ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไรก็ตอบๆไป
 

"ไม่รู้สิครับ เเต่คนดีพอตัวเลยเเหละ"



"เเล้วเขามีเเฟนรึยัง"



"อันนี้ผมก็ไม่รู้เเหะ..คงต้องไปถามเขาเอง"ผมเกาหัวเเกรกๆเพราะไม่รู้จะตอบอะไรดี



ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ พี่พนักงานสาวที่ใบหน้าเเต้มไปด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะก็ชวนคุยไปเรื่อย ซึ่งส่วนมากจะถามเรื่องของไอฝรั่งหมีควายนั่น ผมก็ได้เเต่ยิ้มเเห้งเพราะไม่รู้จะตอบอะไรดี


ตึก

 

เสียงฝีเท้าหยุดกึกทำให้ผมต้องหันไปมอง


ไอฝรั่งหมีควายมันเดินออกมา ตาก็มองมาทางผมกับพี่พนักงานเเล้วจากนั้นก็เสหน้าไปอีกด้าน ใบหน้าคมเข้มเเบบชาวตะวันตกไม่ได้มีรอยยิ้มบางประดับเเบบเดิมมันทำให้ใจผมกระตุกวูบ

 
เเล้วไอหมาตัวนั้นล่ะเห้ย


"ตอนนี้น้องปลอดภัยเเล้วนะคะ เเต่คงต้องให้อยู่ที่นี่รักษาอาการก่อนประมาณสองถึงสามวัน"จากนั้นเสียงผู้หญิงก็ดังออกมาจากร่างของไอฝรั่ง ไม่สิ..คนที่อยู่ข้างหลังมากกว่า

 

"เเล้วค่ารักษา.."

 

"ทางเราจะไม่คิดค่ารักษาใดๆค่ะ อย่างที่น้องบอกพวกเราทำงานผิดพลาดกันเอง"ผมยิ้มเเห้งๆให้พี่พนักงาน ตอนนั้นเผลอไปว่าเขาด้วยอารมณ์ล้วนๆ

 
ผมที่ยังมีมารยาทอยู่เลยค้อมหัวกล่าวขอบคุณพี่เขาก่อนจะพาร่างสูงเดินออกมาข้างนอก เราไม่พูดไม่จากันเหมือนปกติ เพราะถึงพูดกูก็ไม่เข้าใจ



"เอ่อ.."มันเป็นฝ่ายส่งเสียงออกมาก่อน ผมหันไปมองคนที่เดินตามหลัง เห็นมันจับเสื้อสีเข้มที่เปื้อนเลือดเเล้วสะบัดๆเล็กน้อย

 

ก็ว่าทำไมตอนเดินมาคนมองกันจัง สงสัยคิดว่าพวกเราไปฆ่าใครตายล่ะมั้ง


"ถอดๆ เดี๋ยวไปซื้อให้ใหม่"ผมก็พูดไปงั้นๆ เพราะสุดท้ายก็เป็นผมเองที่เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตให้มัน มันผงะเล็กน้อยเเต่ก็ไม่ได้ปัดมือผมออกปล่อยให้ผมปลดลงมาเรื่อยจนถึงเม็ดสุดท้าย ผมก็กระชากเสื้อมันออกเเล้วโยนไปในกองขยะเเถวๆนั้นโดยลืมคิดไปว่าเสื้อที่มันใส่อยู่คือเสื้อผม..
 


อ่าวเห้ย!! เสื้อกูนี่หว่า!!

[/size]

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
สั้นจุงงงงงง

แล้วใครจะรับเลี้ยงน้องหมาล่ะนี่ เลี้ยงที่ร้านได้ไหม?

 :กอด1:

ธีร์นี่มีแต่คนเอ็นดูนะ  :-[

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เเล้วจะคุยกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย555555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น่าน....ธีร์ไปปลดกระดุมเสื้อหมีควายซะด้วย :katai1:

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 


Chapter 3

| Those charming eyes



"I'll buy a new ones for you (เดี๋ยวฉันซื้อคืนให้นะ)" เหมือนเขาจะอ่านใจผมออก ผมเลยได้เเต่ตวัดสายตาไปมองคนที่ยืนเปลือยท่อนบนอยู่ คือเเบบอย่างกับหลุดออกมาจากนิตยสารถึงเเม้ว่าฉากหลังตะเป็นกองขยะเหม็นเน่าก็ตาม


เเละก็เช่นเคย..กูฟังไม่รู้เรื่อง..


เลยได้เเต่พยักหน้าส่งๆ เดาได้ว่าคงไม่พ้นเรื่องเสื้อเมื่อกี้ เเต่จริงๆเเล้วผมก็ไม่ได้อะไรหรอกปกติผมใส่ตัวละร้อยสองร้อยอยู่เเล้วเเค่ตอนนั้นมันเพิ่งนึกขึ้นได้เลยตกใจไปนิด


 เเถวนี้ก็เป็นตึกเเถวยาวเหยียดซึ่งส่วนมากชั้นล่างเขาก็จะเปิดเป็นร้านขายนู่นนี่กัน เเละก็โชคดีที่ตอนนี้เวลาก็ล่วงลับมาพอสมควร เลยทำให้สองข้างทางเริ่มมีร้านออกมาตั้งแผงลอยกันประปราย เเละอีกไม่นานก็คงกลายเป็นตลาดนัดยามเย็นซึ่งมันจะทำให้ผมสามารถหาเสื้อให้มันได้ง่ายขึ้น


เเต่...ความโชคดีมักมีความโชคร้ายแฝงอยู่เสมอ พอตลาดนัดเปิดปุ๊บผู้คนมากมายก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาอย่างกับเขื่อนเเตกจนไม่น่าเชื่อว่าคนเยอะๆเเบบนั้นสามารถยัดมาอยู่ในซอยที่ไม่ใหญ่มากเเบบนี้ได้ไง


เเล้วคิดว่าไงล่ะครับ พอคนเยอะปุ๊ป ไอคนตัวสูงใหญ่หน้าคมเข้มผิวขาวขนดกตาสีน้ำข้าวยืนเปลือยท่อนบนโชว์ซิกเเพคให้ประชาชีคนไทยเห็นกันทั่วทั้งบาง ทำเอาคนที่เดินจับจ่ายซื้อของกันอยู่หันมามองอย่างสนใจบ้าง ชี้บ้าง ซุบซิบบ้างอย่างกับเห็นของเเปลก


บางคนนี่อาการหนักหน่อยถึงกับควักโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป


"รออยู่นี้นะ เอ่อ..เวดอะมินิทเดี๋ยวไอมา"ผมบอกอีกคนเมื่อเริ่มรู้สึกว่าผู้คนรอบกายเริ่มหนาเเน่นขึ้นเรื่อยๆ เเล้วเดินออกมาอย่างไม่รอคำตอบ


ผมพยายามเบียดเสียดเเทรกๆผู้คนออกไป ตาก็คอยสอดส่องร้านขายเสื้อ


นั่นไง!


สองขาก้าวเร็วๆเท่าที่ทำได้เมื่อพบเป้าหมาย มันเป็นร้านที่ตั้งเหล็กขึ้นมาคล้ายๆซุ้มเเล้วใช้ผ้าใบคลุม รอบๆก็มีเสื้อผ้าเเขวนอยู่


"แฮ่ก..พี่ครับมีเสื้อที่ผมพอจะใส่ได้บ้างไหม"


"ก็มีเเถวๆตรงนั้นอ่ะน้อง ลองดูๆละกัน"พี่เจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นมามองพินิจรูปร่างผมปราดเดียวก็ชี้ไปที่เสื้อเเถวล่างสุดด้านขวาที่ถูกเเขวนไว้

ทั้งร้านเป็นเสื้อยืดฉะนั้นเอาหลวมไว้ดีกว่าคับเพราะอีกฝ่ายก็ตัวหนากว่าผมนิดหน่อย ผมหาเสื้อยืดสีเข้มๆเพราะคงต้องมีเลือดติดอยู่บ้างตามตัวเขานั่นเเหละ


"เท่าไหร่ครับพี่"ผมเลือกหยิบเสื้อยืดคอวีสีเข้มตัวใหญ่มาตัวหนึ่ง


"ร้อยเก้าเก้าครับน้อง"


"แปปนะครับ"ผมบอกพี่เขา ล้วงมือควานหาสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ากระเป๋าตัง คิ้วหนาทั้งสองข้างเริ่มเคลื่อนเข้ามาใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อเม็ดเป้งเริ่มผุดมาตามไรผมเมื่อรู้สึกถึงลางสังหรไม่ค่อยดี


เเละมันก็เป็นอย่างที่คิด ผมลืมหยิบกระเป๋าตังมา


ซึ่งเท่ากับว่าผมต้องลืมมันไว้ตั้งเเต่เช้าโดยที่ไม่ได้เอามาจากห้องด้วยซ้ำตอนขามาผมนั่งเเท็กซี่มาพร้อมกับไอหมีควายนั่นซึ่งตอนจ่ายตังมันดันเเย่งผมจ่ายทั้งหมดซึ่งมันคงคิดว่าขาไปเมื่อคืนผมจ่าย มันเลยจ่ายบ้างตามมารยาทล่ะมั้ง


"พี่ครับเดี๋ยวผมมาจ่ายทีหลังได้ไหมอ่ะ"


"ได้ไงล่ะน้อง ถ้าเงินไม่มาของก็ไม่ไปเกิดน้องเบี้ยวขึ้นมาพี่ไม่เเย่หรอ"หน้าหนวดๆเงยขึ้นมาว่าเสียงเข้ม เเต่ผมก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ


"นะพี่นะ ผมไม่เบี้ยวเเน่นอน"


"ไม่ก็คือไม่น้อง ถ้าไม่มีตังก็ออกไปเถอะ"พี่เขาโบกมือไล่ ผมได้เเต่ยิ้มเจื่อนเตรียมอ้าปากตื๊ออีกรอบ


"นี่ครับพี่"


หือ?


"เอ้า! พี่เรน!" ผมหันไปขานชื่อคนที่ยื่นเงินออกมาจ่ายเเทน รุ่นพี่ตัวสูงดีกรีเดือนคณะที่เป็นทั้งรุ่นพี่คนสนิทที่พ่วงต่ำเเหน่งพี่ชายข้างบ้านเมื่อสมัยเด็กยืนยิ้มน้อยๆพร้อมกับยกมือขึ้นทักทาย


"เออพี่เอง เเล้วมาซื้อของอีท่าไหนไม่เอาเงินมาด้วยวะ"ผมได้เเต่ยิ้มเเห้งเกาหัวเเกรกๆ ซึ่งคนมองก็หัวเราะออกมาเบาๆ


"เดี๋ยวผมคืนพี่ที่มอนะ พรุ่งนี้พี่มีเรียนรึเปล่า"


"ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยได้เข้ามอน่ะ ปีสามเเล้วมีเเต่ฝึกงาน"พี่เรนตอบ


"งั้นวันไหนพี่ว่างพี่นัดผมมาละกัน"


"เอางั้นก็ได้"พี่แกพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เเล้วไม่วายเอ่ยถามต่อ"เเล้วนี่รีบซื้อเสื้อไปทำอะไร"


เออว่ะ ผมมาซื้อเสื้อนี้หว่า..


"ชิบหายเเล้วพี่! ผมไปก่อนนะถ้ายังไงโทรมานัดก็ได้"พอรู้ตัวว่าตัวเองคุยเพลินไปหน่อยก็ต้องรีบบอกลาเเล้วขอตัวออกมาทันทีพร้อมกับเสื้อยืดสีเข้มตัวใหญ่ที่ตอนนี้กลายเป็นก้อนกลมๆอยู่ในมือผมเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว


"ทำไมคนถึงเยอะอย่างงี้วะ!"ผมบ่นกับตัวเอง พยายามเขย่งมองว่าไอหมีควายนั่นอยู่ส่วนไหน เเต่ด้วยส่วนสูงที่มีมากซะเหลือเกินทำให้ถึงจะเขย่งเเทบตายผมก็มองไม่เห็นอยู่ดี


"เห้ยเเก! เมื่อกี้ตอนถ่ายรูปเเบบใกล้มากเลยเว้ยย กูนี่สูดเต็มปอด ฮ่า! ตัวจริงนี่เเซ่บกว่าในรูปอีก"


"เออ กล้ามเป็นมัดๆเลยมึง กูเเอบเนียนๆเอาเเขนไปเบียดๆ โอ้ยยย! โคตรเเข็ง"ผมขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อได้ยินประโยคเเปลกๆจากเด็กสาวทั้งสอง


กล้ามเเน่นๆ อือหือ..ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร


ผมมองไปตามทางที่น้องสองคนนั้นเดินผ่านมา เห็นหัวน้ำตาลๆทองๆเเวบๆก็เเทรกผู้คนตรงดิ่งไปหาทันที


"เห้ย!" ผมร้องออกมาเสียงหลงกับภาพเบื้องหน้า นี่อะไรไอฝรั่งยืนอยู่ที่เดิมมันไม่เเปลก เเต่ไอหมู่มวลพี่น้องมหาประชาชนคนไทยที่มีทั้งยืนล้อมเเล้วต่อเเถวเข้าคิวอย่างเป็นระเบียบอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่


เเละที่น่าตกใจ ยืนขอถ่ายรูป!!!


โอ้มายก็อด


คือบางทีก็มากเกินไปไหม ก็เเค่ฝรั่งไม่ใช่ดาราเสียหน่อย


"ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อย"ผมเเหวกฝูงชนเข้าไปหลังจากหายอึ้ง พอถึงตัวมันปุ๊ปมันก็หันมายิ้มให้เเต่ยังไม่ทันที่มันจะได้อ้าปากพูดอะไร ผมก็จัดการดึงมันออกมาจากตรงนั้นก่อน เเละยัดเสื้อยืดสีเข้มใส่มือมัน


ผมลากมันออกมาเเบบไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าผมหงุดหงิดอะไร จู่ๆก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาซะเฉยๆ


 คือเเบบมึงก็ยืนให้เขาลูบๆคลำๆเนอะ


"ใส่ซะ"พอพ้นเขตคนชุมผมก็หันไปบอกไอคนที่ยืนหน้ามึนทั้งยังกำเสื้อไว้ในท่าเดิมกับตอนที่ผมยัดใส่เด๊ะเสียงห้วน


ไอฝรั่งก้มลงมามองหน้าผมนิด ก่อนจะคลี่เสื้อในมือที่ยับยู่ยี่ออกมาก่อนจะสวมเข้าไป เเล้วผมก็ต้องโล่งอกเมื่อเห็นว่ากะไซส์เขาได้พอดี


"Thanks."มันบอกซึ่งผมก็พยักหน้ารับ


"งั้นไปเหอะ ยังไม่ทันพาเที่ยวไหนเลยจะมืดเเล้วหรอวะเนี่ย"ผมเริ่มบ่นกับตัวเอง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เคยเป็นสีส้มก็เริ่มมืดเสียเเล้ว


ขาสองข้างก้าวไปเรื่อยๆตามทางจนรู้อีกทีก็ทะลุไปอีกซอย ผมมองร้านของเฮียที่เริ่มคึกคักเต็มไปด้วยผู้คน



18:56



ผมก้มมองเวลาในโทรศัพท์เเล้วหันไปมองหน้าคนข้างกายเล็กน้อย ลังเลว่าจะพามันกลับเลยดีรึเปล่าเพราะมันน่าจะอยากอาบน้ำอยากนอน เเต่เอาเถอะเดี๋ยวไว้ค่อยอีกสองสามชั่วโมงก็คงไม่เสียหาย


"Hey! Where are you going? (เฮ้! นั่นจะไปไหนน่ะ)"มันร้องทักเมื่อจู่ๆผมก็เปลี่ยนทิศทางการเดินกระทันหัน ซึ่งมันไม่ใช่ทางกลับคอนโดเเน่ๆ


ผมไม่ตอบเพียงเเค่ก้าวท้าวฉับๆโดยไม่เเม้เเต่จะหันไปมองคนด้านหลัง


"Hey!"


หมับ!


ไอฝรั่งมันคว้าเข้าที่ข้อมือกระชากเบาๆจนผมต้องหันไปมอง ก้มลงกดอะไรยิกๆในมือถือพอพิมพ์เสร็จก็ยื่นให้อีกฝ่ายดู


'Trip'


แปลโดย google translate


พอดูปุ๊ปไอฝรั่งก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย


เออก็รู้เเหละว่าอีเเอพเนี่ยมันเชื่อถือไม่ค่อยได้ เเต่มันก็ง่ายเเล้วก็สะดวกสุดเเล้วสำหรับคนกากอังกฤษอย่างผม จะเข้าใจไม่เข้าใจก็เรื่องของมันเเล้วทีนี้


"I see.(เข้าใจเเล้ว)"พอมันทำหน้าเหมือนเข้าใจ ทีนี้ผมเลยเดินตรงดิ่งเพื่อไปถึงจุดหมายที่คิดไว้


บรรยากาศยามค่ำคืน ท้องฟ้าเเปรเปลี่ยนเป็นสีดำจนสามารถมองเห็นดวงดาวดวงน้อยประดับอยู่ประปราย จริงๆเเล้วมันก็น่าจะเยอะกว่านี้ถ้าไม่โดนพวกเเสงสีในเมืองมันกลบเอาน่ะนะ


"โทษทีนะ จะพาเที่ยวทั้งทีเเถวนี้ก็มีเเต่ที่นี่เเหละ"ผมยิ้มให้เขา สถานที่ๆผมพามาก็ไม่ใช่ไหนไกล เป็นสวนสาธารณะไม่ไกล บรรยากาศรอบๆเงียบสงบไร้ผู้คนมีเพียงเเสงไฟดวงเล็กๆตามสองข้างทาง


"เดินเล่นไหม? เอ่อ..วอร์ค?"ผมหันไปหาคนที่เดินมาหยุดข้างผม เเต่พอหันไปก็พบว่าเขามองผมอยู่ก่อนเเล้ว


จะจ้องกูทำไมครับ


"Sound good.(ก็ดีนะ)"อะไรคือการที่พูดเสียงนุ่มเเล้วจ้องกูวะ ผมรู้สึกประหม่าน้อยๆกับสายตาประกายวับๆที่ผมไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่ามันดู..เอ่อ..ดึงดูดสายตามากเลยอ่ะ


หมับ


เฮือก!


ผมสะดุ้งเมื่อเขาเดินเล่นตามที่ผมบอกจริงๆ เเต่เดินธรรมดาไม่ได้ต้องคว้ากูไปด้วย ตอนเเรกก็ขัดขืนหน่อยๆเเต่พอผ่านไปซักพักก็เริ่มชินเเล้วก็มัวเเต่มองวิวจนลืมไปเลยว่ามีผู้ชายตัวอย่างควายจับข้อมืออยู่


ผมเคยมาที่นี้ไม่กี่ครั้ง ส่วนมากก็ออกมาตอนกลางคืนเนี่ยเเหละเวลาเครียดๆ เพราะมันเงียบเเล้วก็ลมเเผ่วๆเเบบนี้ทำให้รู้สึกสบายกายเเละใจจริงๆ


เราเดินไปเรื่อยๆ มองวิวรอบข้างที่มันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีเเม้เเต่บทสนทนาต่างคนต่างก้าวไปข้างหน้าเเต่มันกลับไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความอึดอัด


ฟึ่บ


หืม..


จู่ๆผมที่เหม่อคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก็ต้องหันไปด้านข้างเมื่อรู้สึกถึงเงาบางอยู่ที่ทาบทับ


 ผมเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างตกใจที่ใบหน้าคมที่ปกคลุมด้วยเคราอ่อนๆอยู่ห่างไม่ถึงคืบ เเต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้หันหน้าหนี
ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดอยู่ตรงผิวเเก้ม จมูกโด่งๆนั่นเเทบจะทิ่มตาผมอยู่เเล้ว นัยน์ตาสีน้ำข้าวจ้องลึกเข้ามาในตาผม  ซึ่งมันเป็นเเววตาที่ผมกลัวจริงๆ


เเววตาที่ฉาบไปด้วยอารมณ์ ดูเยิ้มน้อยๆ ลึกลับหน่อยๆ ซึ่งรวมๆเเล้วมันยาก..ยากมากที่จะละสายตาออกไป


ใบหน้าหล่อคมอย่างชาวตะวันตกเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมไม่ได้กลับตาปี๋รอรับสัมผัสอย่างนางเอกนิยายวัยใส เพียงเเค่มองตาเขากลับอย่างไม่วางตา


เเถมเผยอปากให้หน่อยๆด้วยเอ้า!










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2016 21:56:01 โดย Kiitos »

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
คงวุ่นวายน่าดูเลยนะครับ

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 4

| Little Corgi.





เพล้ง!!!


ไม่ต้องหาเลยว่าเมื่อกี้เสียงอะไร ไม่มีใครทำของหล่น ไม่มีหน้าต่างบานไหนเเตก จะมีเเตกก็เเต่หน้าผมเนี่ยเเหละครับ


ผมอ้าปากหวออย่างเหวอๆ เมื่อมันเเค่ก้มมาเเล้วอ้อมมือมาเอาใบไม้ที่ติดอยู่บนหัวผมออกเเละผละออกไป

 
หน้ากูนี่เเตกออกเป็นเสี่ยงๆ เเตกเเบบต่อไม่ติด หมอไม่รับเย็บเเน่ๆ

 
ฮืออ กูพลาด..กูพลาดมาก..



"Lets get back (กลับกันเถอะ)"



"ห้ะ..อ่อ..เออ..เอิ่ม..เอ่อ..อืมๆ"ผมหันไปมองคนที่ยิ้มบางๆมาให้ ก่อนจะตอบไปเเบบที่ยังหาสติไม่เจอ

 

สติเว้ยสติ!

 

ขากลับก็เหมือนขามา เเต่คราวนี้เเทนที่ผมจะเดินนำ ผมกลับถูกดึง(อย่างยินยอม)มาเดินข้างเขาเเทน

 
เงียบเหมือนเดิม เเต่ความรู้สึก..ไม่เหมือนเดิม

 
ไม่รู้สิ..มันชวนอึดอัดเเละขัดเขินแปลกๆ ทั้งหมดเพราะไอดวงตาคู่นั้นที่จ้องผมไม่วางตาไม่เว้นเเม้เเต่ตอนเดินนี่สิ

 
"เอ่อ ยูสูงเท่าไหร่วะ เอ่อ ทอล เออ!ทอลๆ"สุดท้ายพอทนความอึดอัดไม่ไหวผมก็เป็นฝ่ายชวนคุย

 

"Hmm..about one ninety(หืม..ประมาณ190ล่ะมั้ง)"
 

One คือหนึ่ง


Ninety คือเก้า..เก้าสิบ

 


"ห้ะ!? นี่คนหรือเปรตวะ!!"ผมถึงหยุดเดินหันไปเบิกตากว้าง คือไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผมถึงตัวเเค่อกมันทั้งๆที่ผมก็เกือบมาตรฐานชายไทย


"What about you?(นายล่ะ)"


"เอ่อ..เท่านี้อ่ะ"


ผมไม่เเน่ใจว่าต้องพูดไงเลยใช้ภาษามือในการสื่อสารเเทน

 
"Really!? Haha!  you really look like a welsh corgi (นี่พูดจริง? ฮ่าๆ นายดูเหมือนเวลช์คอร์กี้ชะมัด)" ผมขมวดคิ้วเบ้ปากน้อยๆเพื่อจะบอกเขาว่าผมไม่เเฮปปี้เลยที่เขามาหัวเราะกับความสูงผม


หนึ่ง หก เจ็ด


นั่นคือเลขที่ผมเพิ่งชูให้เขาดู ก็ไม่รู้ว่าทำไมพ่อเเม่ถึงให้มาเเค่นี้ เเต่เวลาผมอยู่สกล(บ้านเกิด) ผมก็ไม่ได้เตี้ยเท่าไหร่ถือว่าสูงปกติของคนเเถวนั้นเลยด้วย  หรือว่ากรรมพันธุ์คนอีสานมันเตี้ยวะ..ไม่นะ คนสูงๆผมก็เห็นอยู่

 

"I'm just kidding--don't be serious about your short oh! height .(ผมล้อเล่นหน่า อย่าคิดมากเรื่องความเตี้ย เอ้ย! ความสูงของตัวเองเลย)"พูดไปมันก็หัวเราะไป ราวกับว่ามีความสุขเสียเต็มประดา ผมทำปากยื่นปากยาวที่มันน่าจะหน้าเละมากกว่าน่ารัก

 

"There..there..do not cry little corgi(โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ คอร์กี้น้อย)"ถึงจะฟังไม่รู้เรื่องเเต่น้ำเสียงนุ่มๆที่ฟังดูล้อเลียนหน่อยๆก็ทำให้ผมรู้ว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีๆเเน่นอน เเถมยังทำหน้าตากวนบาทายื่นมือมาตบไหล่ผมเเปะๆ

         

นี่เพื่อนเล่นหรอ ดูหน้าด้วย

 

"พูดมากว่ะ ไปๆกลับสิรออะไร"ผมซึ่งขี้เกียจยืนต่อล้อต่อเถียง(?)ให้ยุงกัดเล่นนาน ก็รีบสะบัดตูดสะบัดมือตัวเองเดินกลับทัน


-----------------------



"Hey.."


"Wake up--it's morning now(ตื่น นี่เช้าเเล้วนะ)"


ใครเเม่งมากระซิบกระซาบอะไรเเถวหูกูวะ

 
"Thee(ธีร์)"


หือ เเล้วนี้ใครเรียก


หนุ่มอีสานเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆทั้งๆที่อยากจะนอนยาวอีกซักชั่วโมงสองชั่วโมง เเต่ด้วยความที่อีกฝ่ายยังคงปลุกไม่เลิก ผมก็ไม่หน้าด้านนอนต่อหรอกนะ
 

ฟอดด!
 

"Good morning.(อรุณสวัสดิ์ครับ)"

 
"อื้อ..มอนิ่ง"ผมตอบเขากลับพลางยันตัวเองขึ้นจากโซฟาช้าๆไม่ได้ตกใจกับการหอมเเก้มของเขาอีกเเล้ว(คือชิน)  ก่อนจะบิดขี้เกียจอ้าปากหาววอดอย่างไม่อายฟ้าอายดิน ใช้มือเเตะๆไปตามมุมปากเพื่อเช็ดคราบน้ำลาย ต่อด้วยเอามือมาเเคะขี้ตา

 
ซกมกจริงกู

 
ผ่านไปสามวันเเล้วตั้งเเต่มันมาอยู่กับผม ซึ่งตอนนี้มันก็ไม่ได้อยู่ด้วยทรัพย์สินผมเพราะพวกข้าวของเครื่องใช้ของมันก็ถูกทะยอยเอามาให้จนผมตกใจ เพราะดูจากของมันเเล้วไม่น่าใช่เเค่มาอยู่อาทิตย์สองอาทิตย์ เเต่ดูเหมือนคนจะย้ายมาอยู่ถาวรเลยมากกว่า


เเล้ววันธรรมดาที่ผ่านมาเราก็ต่างคนต่างอยู่ ไอกงไอไกด์ไม่ได้เป็นหรอกครับ ก็ลองเปิดดิกกับคุยกับมันด้วยภาษามือเเล้วก็เป็นอันตกลงว่ามันไปเองได้ไม่ต้องมีคนนำ ซึ่งผมก็ยินดีมากจะได้เอาเวลาไปเรียนไปทำงาน

 

"ไอเตอร์มาๆ มาแดกเร็ว"หลังจากจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย  ผมก็เดินออกมาหาไอตัวป่วนที่เพิ่งไปรับมา

 
"โฮ่ง!"สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานเห่ารับหางเเหลมๆของมันส่ายไปมา ลิ้นห้อยออกจากปากจนน้ำลายหยดติ๋งๆ เดินดุ้กดิ้กเข้ามาหาชามข้าวทั้งๆที่ขามันยังใส่เฝือกไว้ข้างหนึ่ง ซึ่งเเน่นอนว่ามันก็เป็นไอตัวที่ฝรั่งนั่นไปช่วยมาในวันนั้น
 

"ทีเรื่องกินนี่ไวเชียว"ผมเทอาหารให้มันไปก็บ่นมันไป ดีนะที่คอนโดผมไม่ได้มีกฏห้ามเลี้ยงสัตว์ไม่งั้นไอคนที่ไปช่วยมาได้เฉาตายเเน่ๆ วันที่ไปรับมานะผมยืนยันว่าจะเอาไปให้คนอื่นเลี้ยง(เเน่นอนว่าให้พี่พนักงานเป็นล่ามเเปลให้) เเต่มันก็มองผมด้วยสายตาขอร้องเเละเเปลกมากที่ผมรู้สึกว่า..มันอ้อน

 
ผู้ชายตัวอย่างควายมองมาที่ผมด้วยความขอร้องพร้อมพูดเสียงนุ่มๆจนคนฟังยอมใจอ่อนจนได้

 
'Please.(ขอร้อง)'


"Breakfast's ready!(อาหารเช้าได้เเล้วนะ)"เสียงที่ดังมาจากทางห้องครัวทำให้ผมต้องละสายตาออกจากหมาตรงหน้าเเล้วลุกขึ้นเดินตรงไปที่โต๊ะกินข้าว
 

ผู้ชายคนเดิม ผ้ากันเปื้อนเเต๋วๆตัวเดิม ยืนอยู่ตำเเหน่งเดิม พร้อมรอยยิ้มเดิมๆ
 

เป็นภาพในยามเช้าที่ผมเริ่มจะชินเสียเเล้ว


"ขอบใจ"ถึงศัพท์ง่ายๆผมจะพูดได้เเต่ทำไงได้มันติดนี่หว่า ตอนนี้ทุกอย่างผมก็พูดภาษาไทยไปหมดเเต่เขาก็คงพอรู้เรื่องเเล้วบ้างเเหละเลยยิ้มกลับมา มือก็ปลดเสื้อกันเปื้อนออก

 

คือตอนเเรกผมบอกเขาเเล้วว่าไม่ต้องทำ เดี๋ยวผมทำเองเเล้วเดี๋ยวทำให้ด้วยเเต่เขาไม่ยอม สุดท้ายผมเลยก็ต้องยอมเเต่มีข้อตกลงคือผมกับเขาต้องผลัดเวรกันทำ กับการให้อาหารไอเตอร์ด้วยเหมือนกัน


ผมเคยถามเขาด้วยว่าทำไมตั้งชื่อให้มันว่าเตอร์ เเต่เหมือนการสื่อสารครั้งนั้นจะไม่สำเร็จผลเลยได้เเต่ช่างเเม่งไป



"Are you free today?(วันนี้ว่างไหม)"

 

ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายช้าๆ พร้อมกับเครื่องหมายคำถามเต็มหน้า
 

คือ..แปลไม่ได้อ่ะ..


"Have you got any plans for today?(มีเเผนการอะไรสำหรับวันนี้รึเปล่า)"มันเปลี่ยนคำ

 
เเม่งยาวกว่าเดิมอีก

 
Rrrrrrrrrr

 
ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากบอกเขาว่ากูไม่เข้าใจนะ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน ผมหยิบขึ้นมาพอเห็นชื่อคนโทรมาก็กดรับทันที


"ครับพี่เรน"

 
[วันนี้ว่างไหมธีร์]เสียงทุ้มคุ้นหูของรุ่นพี่ดังกลับมา


"ว่างครับพี่ มีอะไรรึเปล่า"


[นี่อย่าบอกนะว่าลืมไปเเล้ว]

 
"ลืมอะไรพี่ นี่เรามีนัดอะไรกันหรอ"ผมขมวดคิ้วมุ่นยามที่คิดว่ามีอะไรติดคางกับรุ่นพี่คนนี้บ้าง


[เฮ้อ! มึงนี่นะ ไหนบอกว่าพี่ว่างวันไหนให้โทรมาหาไง]


"หืม? ผมเนี่ยนะพี่"


[เรื่องเสื้อนั่นไง ความจำสั้นจริงน้องกู]พี่เเกตอบกลับมาทำเอาผมร้องอ่อ ก่อนจะยิ้มเเห้งออกมาเเม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นก็ตาม


"อ่ออออ ผมนึกออกเเล้วพี่เเล้วจะเจอกันกี่โมงตรงไหนดี"


[ตอนเที่ยง ตรงร้านป้าอ้วนละกัน]


"โอเคเลย งั้นเจอกันนะพี่"


หลังจากวางสายจากพี่เเก ก็พบว่าสายตาคู่คมคู่เดิมกำลังมองมาทางผมนิ่ง ซึ่งผมว่าผมเริ่มชินกับมันเเล้วนะ ไม่ได้รู้สึกร้อนๆหนาวๆเสียวๆในมวลท้องอย่างตอนเเรกๆ


พอกินเสร็จผมก็เก็บจานไปล้าง คือผลัดเวรกัน ผมทำมันเก็บมันเก็บผมทำเพื่อเป็นการยุติธรรม ส่วนค่าน้ำค่าไฟก็เเบ่งกันจ่าย เเต่ดูท่าทางผมจะกำไรโขเพราะในส่วนของค่าน้ำค่าไฟค่าเช่านั้นเฮียซึ่งบอกว่าจะมีเงินพิเศษให้นั้นเป็นผู้ออกให้ทั้งหมดตลอดเวลาการอยู่ของไอฝรั่งหมีควายนี่


เเบบนี้ผมยินดีให้มันอยู่ทั้งปีทั้งชาติก็ได้เลยเอ้า!  โคตรคุ้มค่าอ่ะบอกเลย

 
ผมเหลือบมองไอฝรั่งที่ห้องนั่งเล่นเล็กน้อย วันนี้ท่าทางจะไม่ได้ออกไปไหนดูจากเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นที่ใส่ จริงๆถึงมันจะออกไปชุดนี้เเม่งก็ดูดีอยู่ดีเถอะ เเล้วพอหันมาดูสภาพตัวเอง...


เสื้อยืดคอย้วยๆกับกางเกงบอล
               

ทำไมกูไม่ดูดีเหมือนเเม่งบ้างวะ


มือก็ขัดๆถูๆไปตาก็มองไอคนตัวใหญ่ที่นั่งเล่นนอนเล่นกับไอหมานั่นอย่างกับลูกในไส้ นี่ผมไม่ได้เวอร์นะ จากปกติมันก็เป็นคนที่เอะอะอะไรก็ยิ้มอยู่เเล้วเเต่พอมาอยู่กับสัตว์สี่ขาเท่านั้นเเหละ เเม่คุณเอ้ย! ออร่าฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งนี่เพิ่มขึ้นเเบบฉุดไม่อยู่ ไหนจะรอยยิ้มกว้างๆจนเห็นรอยบุ๋มเล็กๆตรงเเก้มของมันที่ดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ...


เดี๋ยวๆ เเล้วกูจะมานั่งบรรยายมันทำหอกอะไร


"Hey--little corgi come here.(เฮ้..คอร์กี้น้อยมานี่สิ)"ไอฝรั่งพูดเมื่อหันมาเจอผมที่มองมันอยู่ก่อน มันยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยเรียก


ถามว่าทำไมฟังรู้เรื่อง
 

ก็ทั้งตั้งเเต่วันนั้นที่สวนสาธารณะนั่น มันก็เรียกผมว่าลิตเติ้ลคอร์กี้ๆตลอดๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

 

 

ผมสะบัดมือไล่หยดน้ำที่เกาะอยู่บนมือ เเล้วเดินไปหามันโดยทำหน้านิ่งปนเอือมๆใส่เพราะเมื่อกี้มันไม่เรียกเปล่ามีการทำเสียงจุ๊ๆเหมือนเรียกหมาด้วย เเต่กลับได้รอยยิ้มอารมณ์ดีกลับมาซะงั้น


"Good boy.(เด็กดี)"มันยื่นมือมายีหัวผมเบาๆ  อย่าถามเลยครับว่าเราสนิทกันจนถึงขนาดเล่นหัวกันได้ตั้งเเต่เมื่อไหร่ ก็บอกเลยว่าตั้งเเต่มันเห็นผมเป็นหมาเนี่ยเเหละ


"กูไม่ใช่หมานะเว้ย!"ผมปัดมือมันออกเเล้วเเยกเขี้ยวใส่  เเต่นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมากเพราะมันยิ่งทำให้ผมเหมือนหมายิ่งกว่าเดิมนี่สิ

พอได้อยู่กับมันซักพักความคิดที่ว่ามันเป็นคนดี ขรึมหน่อยๆ ยืนยิ้มหลอกลวงประชาชนไปวันๆก็ต้องถูกโยนทิ้งไป เพราะเเค่อยู่กับมันไม่กี่วันมันก็เริ่มเผยธาตุเเท้ที่โคตรจะกวนตีนออกมาเเล้วน่ะสิ

ฟรึ่บ


"เฮ้ย!"ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ มันก็เอื้อมมือมาดึงผมให้นั่งลง เเต่มันจะไม่เป็นไรเลยถ้ามันไม่ลงบนโซฟาเเบบที่ก้ำกึ่งบนขาเเข็งๆนั่น


ผมจะเขยิบตัวนั่งดีๆ เเต่เเขนที่เต็มไปด้วนมัดกล้ามก็เอามือโอบเอวผมไว้ไม่ให้ขยับได้สะดวกๆ ผมเงยหน้าไปสบตากับอีกฝ่าย
 

อีกเเล้ว..ตำเเหน่งนี้ สบตาเเบบนี้ สถานการณ์คุ้นๆว่าไหมครับ
 

เเล้วก็วนเข้าลูปเดิมกับคืนนั้น ใบหน้าคมเลื่อนใกล้เข้ามา
 

ตึกตัก ตึกตัก

เสียงก้อนเนื้อในอกเยื่องข้างซ้ายที่จู่ๆมันก็ดันดังขึ้นมาซะเฉยๆ เเถมไม่ดังธรรมดาดังถี่ๆซะกลัวว่ามันจะทะลุออกมานอกอก


"โฮ่ง!"


เฮือก!


พลั่ก!

 
ตุบ!

 
เเละทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาพตอนนี้คือไอคนร่างใหญ่ร่วงลงไปกองกับพื้นหน้าโซฟา กับผมที่ตกใจทำอะไรไม่ถูกได้เเต่มองหน้าคนที่กุมสีข้างตัวเองอยู่ที่พื้นเเล้วยิ้วเเหยให้ ใบหน้าคมเหยเกปากก็ร้องซี๊ดๆ

 

"เอ่อ..ซอรี่นะยู พอดีเท้ามันไปเองอ่ะ เเหะๆ"



--------------------------------

"มึงเป็นอะไรวะทำหน้าอย่างกับขี้ไม่ออก"คนที่นั่งมองรุ่นน้องผิวเข้มอยู่ซักพักตัดสินใจเอ่ยปากถาม ส่วนคนถูกถามก็ได้เเต่สั่นหัวไปมา


"ไม่มีไรหรอกพี่"

"หน้ามึงนี่โคตรไม่มีอะไรเลยเนอะ"คนเป็นพี่ได้เเต่พูดอย่างปลงๆเพราะรู้นิสัยของเจ้ารุ่นน้องคนนี้


"เออๆช่างมันเถอะ เเล้วเรื่องไอป้องเป็นไงบ้าง"เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะตอบ คนถามเลยเปลี่ยนเรื่อง

 
"ก็ยังติดต่อมันไม่ได้เหมือนเดิมเเหละพี่ เเต่ผมไม่ได้คิดมากนะ เดี๋ยวมันจะคืนก็เอามาคืนเองเเหละ"ผมยิ้มเมื่อพูดถึงเพื่อนเก่าที่คบกันมาตั้งเเต่มอต้น เเต่พอตอนมอปลายมันย้ายมาเรียนกรุงเทพเลยห่างๆกันไป พอมหาลัยก็ดันเป็นว่าผมกับมันอยู่มหาลัยเดียวกันเฉย

 
"มึงก็ยังคงมองโลกในเเง่ดีเกินไปนะไอธีร์ มึงก็รู้สันดารมัน"พี่เรนซึ่งรู้เรื่องของพวกผมพูดไปก็ถอนหายใจไป ผมรู้ว่าพี่เขาห่วงผมในฐานะพี่ชายที่เห็นกันมาตั้งเเต่ไอนั่นเท่านิ้วก้อย


อ่อ ผมลืมบอกไปพี่เรนนี่ก็เด็กสกลเหมือนกันบ้านนี่ติดกันเลย โดดน้ำคลองด้วยกันมาเกือบทุกวัน เเต่พี่เขาย้ายมากรุงเทพตั้งเเต่มอปลายพร้อมๆกับไอป้อง ส่วนเรื่องที่หน้าตาผมกับพี่เขาต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างที่คนเรียกผมว่าบ้านนอก เเต่พี่แกเสือกเป็นเดือนคณะ! ทั้งๆที่มีถิ่นกำเนิดเดียวกันเเท้ๆ
 

โครงหน้าคม ตาเเละผมสีน้ำตาลธรรมชาติ จมูกโด่ง ปากเป็นกระจับ ส่วนสูงมาตรฐานนายเเบบ ทั้งหมดทั้งมวลนี้บอกได้เลยว่าเป็นบุญของพี่เเกเเท้ๆที่มีพ่อเป็นชาวอเมริกาเเท้

ซึ่งไม่แปลกครับ เเถวบ้านผมคนหล่อๆถมไป อีสานนี่ฝรั่งไม่ใช่น้อยๆนะขอบอก


"เเค่ไม่กี่หมื่นเองพี่ อีกอย่างมันก็เงินเก็บผมเองไม่ได้ไปยืมพ่อเเม่มานะ"ผมยิ้มเพื่อบอกพี่เขาว่าผมไม่ถือสากับเพื่อนที่ยืมตังผมไปเเล้วชิ่งหนี

 
"นั่นเเหละที่น่าห่วง เงินที่มึงเก็บมาทั้งชีวิตต้องมาหมดเพราะมันเนี่ยนะ! พี่รู้ว่าธีร์ใจดีเเต่บางครั้งมันก็ต้องมีขอบเขตบ้าง"พี่เรนมองผมทั้งยังพูดเสียงจริงจัง ผมถอนหายใจเล็กน้อยเเล้วส่ายหน้ายืนยัน

 
"เเต่มันเป็นเพื่อนผม"


"มึงเป็นเพื่อนมัน ทั้งๆที่มันไม่ได้เป็นเพื่อนมึงเนี่ยนะ ให้ตายเถอะถ้าเป็นพี่นะได้ฆ่ามันตั้งเเต่มันทำตัวหมาๆเเล้ว"คิ้วได้รูปขมวดมุ่นเมื่อคิดถึงอีกคนที่มาทำน้องตน ผมอมยิ้มขำเมื่อเห็นว่าพี่เขาท่าทางจะโกรธเเทนผมมากๆ

"กินเถอะพี่ เย็นหมดเเล้วเนี่ยมัวเเต่ชวนคุย วู้ว!"ผมทำปากยื่น โทษอีกฝ่ายเมื่อก้มลงมองจานข้างตรงหน้าที่เย็นชืดไปเเล้ว

 

 

"ไม่ต้องมาทำปากยื่น มึงก็รู้อีกกี่จานพี่ก็เลี้ยงได้"พูดเฉยๆไม่พอมีการตบกระเป๋ากางเกงพร้อมยักคิ้วโชว์เป็นการบอกว่าวันนี้ป๋าพร้อมจ่าย
 
"เอาสิ เลี้ยงผมให้ไหวนะพี่"



-------------------------------


"ฮ้า!โคตรอิ่มเลยนี่หมดไปเท่าไหร่เนี่ย"ผมว่าพลางตีพุงตัวเองที่เเข็งปั่กเพราะอาหารที่เพิ่งกินไปเมื่อครู่

 
"140 ไม่รวมของพี่นี่เเน่ใจนะว่ากินไม่ได้ยัด" อาจจะดูว่าไม่ได้เเพงมากมายเเต่สำหรับการกินอาหารตามสั่งจานละสามสิบสี่สิบนี่ถือว่ามากโขสำหรับคนๆเดียว

 

"นานๆทีเลี้ยงน้องนะพี่ เอ้อ!อ่ะพี่ค่าเสื้อวันนั้น"หลังจากนั่งคุยนั่งกินกันมานาน ก็เพิ่งนึกได้ของจุดประสงค์ของนัดในวันนี้ ผมยื่นเเบงค์ร้อยสองใบไปให้

 

"มึงคงไม่คิดใช่ไหมว่าพี่จะเรียกออกมาเพราะเเค่เรื่องเงินสองร้อย" พี่เเกถามขึ้นมา ผมมองหน้าพี่เขางงๆเเล้วตอบตามที่คิด


 

"คิด"

 

"พี่ล่ะเหนื่อยกับมึงจริงๆ คือพี่มีเรื่องจะวานหน่อยจะได้ไหม"พี่เรนยื่นมือมาเเตะไหล่ผมไว้เเล้วขยับเข้ามาใกล้ขึ้นมองซ้ายขวาเหมือนกังวลว่าจะมีคนมาได้ยิน

 

 

"ว่ามาเลยพี่ ผมช่วยสุดกำลังเลย"ผมฉีกยิ้มโชว์ฟันจนตาปิด ตบไหล่พี่เขากลับเป็นเชิงบอกว่าวางใจผมได้เลย

 



"ช่วยเป็นเเฟนพี่หน่อยสิ"




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 5

| Spurious boyfriend




          "เฮ้ย! จริงจังป่ะพี่! นี่พี่..พี่.."ผมอ้าปากพะงาบๆ ผงะถอยหลัง นิ้วก็ชี้ไปที่พี่เขาอย่างที่ไม่เชื่อหูตัวเอง


          นี่หนุ่มหล่อพ่อรวยอย่างพี่เรนเป็นเกย์หรอวะ!


          ป้าบ!


          คนเป็นพี่ถอนหายใจหนักๆเเล้วตบหัวรุ่นน้องดังป้าบจนคนโดนหันมาทำหน้าเหลอหลาเหมือนยังไม่รู้ตัวว่าทำไมถูกตบ


          "อย่าเเม้เเต่จะคิด พอดีมีคนมาตื๊อน่ะ ขนาดปฏิเสธไปเเล้วยังกัดไม่ปล่อย คิดเเล้วก็ปวดหัวขึ้นมาเลย"พี่เเกถึงกับกุมขมับเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น


          "เเต่ผมเป็นผู้ชายนะพี่ ตัวก็อย่างควายหน้าตาก็งั้นๆเขาจะเชื่อหรอ"ผมพูดตามความจริง ขมวดคิ้วหน่อยๆคือทั้งใจมันอยากช่วยไปเเล้วล่ะ เเต่พอใช้สมองน้อยๆกลั่นกลองดูมันไม่น่าจะไปรอดเท่าไหร่



          "เชื่อดิถ้าเล่นเนียนๆอ่ะนะ ส่วนที่ว่าเป็นผู้ชายน่ะดีเเล้วเขาจะได้เข้าใจว่าพี่เป็นเกย์จะได้เลิกตามซักที"


          "ผู้หญิงหรอพี่?"


          "ใช่"


          "สวยป่ะพี่"


          "ก็สวยนะ..เเต่นิสัยนี่พี่รับไม่ได้จริงๆว่ะ"พี่เเกถึงกับส่ายหัว ผมเลยได้เเต่ยิ้มเเห้งๆกลับไปยามจินตนาการถึงผู้หญิงคนที่ว่า ขนาดพี่เรนยังรับไม่ได้นี่ท่าจะเป็นหนัก


          "เเล้วเริ่มวันไหนวะพี่"


          "ตั้งเเต่วันนี้เป็นต้นไปละกัน"ร่างสูงว่าอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับ
     

          "เเล้วนานไหมพี่ เเล้วเขาจะรู้ได้ยังไง"


          "ไม่ต้องห่วงหรอก ยัยนั่นมันเห็นทุกอย่างนั่นเเหละ"ร่างสูงก้มลงมากระซิบผม ตาคมเหลือบซ้ายขวาอย่างหวาดระเเวงมีการลูบเเขนตัวเองอย่างกับว่าสยองกับมันเเค่ไหน


          "งั้นตกลง ผมช่วยอยู่เเล้วเเหละ เเต่..ผมมีข้อเเลกเปลี่ยน"ผมพูดอย่างลังเลเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างคิดหนัก


          "คนอย่างมึงเนี่ยนะ? ว่ามาเลยนานๆทีจะต่อรองกับเขาบ้าง"คนฟังเเทบไม่เชื่อหู เลิกคิ้วขึ้นนิดอย่างสงสัย


          "สอนภาษาอังกฤษให้ผมหน่อยดิพี่"


          "หืม? คนอย่างมึงอ่ะนะ เห็นปกติเกลียดจะตายหลังจากที่ไปโชว์ควายใส่ฝรั่งที่นู่น"พี่เรนเลิกคิ้วสูงอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู เเถมยังยกเรื่องเก่าๆขึ้นมาพูดทำเอาผมตีเเขนพี่เขาไปป้าบนึง


          คิดเเล้วก็อายเว้ย!


          "นี่มึงยังฝังใจอยู่อีกหรอวะ นั่นมันตั้งเเต่ป.1 จะซีเรียสอะไรนักหนา"ร่างสูงผลักหัวรุ่นน้องที่ทำหน้าบูดเล่น หัวเราะออกมาเเบบไม่คิดจะกลั้น


           ซึ่งเสียงหัวเราะมันทำเอาผมหันมามองพี่เขาตาขวาง


          "พี่ก็พูดได้ดิ คิดภาพนะพี่โคตรมั่นเเล้วเดินเข้าไปพูดจากนั้นเขากลับทำหน้างง ไอเพื่อนที่ยืนดูอยู่ก็ขำก๊ากเเถมยังเอามาล้อยันป่านนี้"



          "ไอเเฮปปี้ไทยเเลนด์อ่ะนะ ฮ่าๆๆๆ"ว่าเเล้วก็ไม่ทันขาดคำหนึ่งในผู้ร่วมเหตุการณ์ก็พูดขึ้นมาก่อนจะขำน้ำหูน้ำตาไหลจนหมดเค้าเดือนคณะ


          นี้ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่นี้ตบหัวทิ่มเเล้วนะ


          "โอเคๆ พี่ไม่เเกล้งเเล้ว เเล้วนี้ทำไมอยากให้พี่สอนให้วะ มึงเรียนเป็นกรรมกรไม่ใช่หรอ"


          "วิศวะกรไหมล่ะพี่"ผมเเกล้งทำหน้าเอือมใส่ พี่เเกก็ท่าทางดูอารมณ์ดีเหลือเกินที่ได้เเกล้งผม


          "เออๆนั่นเเหละ อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้เก่งมากนะเว้ย"


          "ก็..อยากได้เเค่พูดได้ฟังได้อ่ะ เเกรมม่าไม่ต้อง ขอเเบบหลักสูตรเร่งรัดด้วย"


          "อืม..ถ้าเเค่ฟังพูดก็ได้อยู่...งั้นจัดไปเลยน้องรัก เเต่ช่วงนี้พี่มีฝึกงานทุกวันจะว่างก็ช่วงเย็นๆ จะเอาไงให้พี่ไปห้องเราหรือเราจะมาห้องพี่"


          "ห้องพี่! ห้องพี่ละกัน"ผมตอบอย่างไม่ต้องคิดจนเผลอโผลงออกไปด้วยความลืมตัว ถ้าพี่เเกรู้ว่าผมกก(?)ฝรั่งไว้ในห้องนี่ล้อยันหลานบวชเเหง พี่เรนหรี่ตาลงเล็กน้อยเหมือนจับผิดเเต่ก็ไม่ถามอะไรเพราะคงรู้มาว่าถามผมก็คงเลี่ยงตอบอยู่ดี


          "ห้องพี่ก็ห้องพี่ อ่ะ! นี่คีย์การ์ดสำรองถ้าทำหายสองร้อยนะมึง"ร่างสูงว่าก่อนจะควักคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าตังเเล้วยื่นให้ผม


          เเต่พอผมจะรับพี่เขาก็ชักกลับ


          "เล่นไรวะพี่"ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่เขางงๆ เเต่อีกฝ่ายก็เพียงเเค่ฉีกยิ้มเเบบฉบับคนขี้เเกล้ง


          ไม่หรอก ไม่ใช่ว่าพี่เเกขี้เเกล้ง เเม่งก็เเกล้งผมกันทุกคนอ่ะ ไม่รู้เป็นอะไรกัน พี่เต้ก็คนนึงละ


          "ทำไงก่อน"


          "ทำอะไรล่ะพี่ เล่นไรเนี่ย"ผมเริ่มหน้าบูดอีกครั้ง เมื่อพี่เรนชูคีย์การ์ดนั่นขึ้นสุดเเขนเเล้วเเกว่งไปมา เเถมหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้มกว้างอารมณ์ดีสุดๆอีกต่างหาก


          "ขอมือ"


          ผมกระพริบตาปริบๆ ก่อนที่สมองจะค่อยๆประมวลผลไอวลีข้างบนนั่น


          "ผมไม่ใช่หมานะเว้ย!!"ผมบอกเลยว่าผมพูดด้วยเสียงเเละสีหน้าที่จริงจังมาก  เเต่กลับได้เสียงหัวเราะกลับมา ให้ตายเถอะ..ช่วงนี้ทำไมมีเเต่คนทำเหมือนกับว่าผมเป็นหมา


          เอ่อ..จริงๆเเล้วมันก็ไม่ใช่เเค่ช่วงนี้หรอกครับ


          เเม่ง! เป็นมาตั้งนานเเล้ว!


          "ไม่เป็นไรนะธีร์ มึงกลับเข้าฝูงได้เเล้วนะพวกเขาให้อภัยมึงเเล้ว ทีนี่มึงจะได้ไม่ต้องเเสร้งทำเป็นคนอีก"พี่เรนก็ยังไม่หยุด ผมทำหน้าบูดออกไปเหมือนเคยเเต่พี่เขารู้อยู่เเล้วล่ะครับว่าผมโกรธใครเป็นที่ไหน อย่างมากก็เเค่เคืองๆ เเต่เเปปเดียวก็ลืมเเล้ว ร่างสูงยีหัวผมอย่างเอ็นดูเเล้วยื่นคีย์การ์ดนั่นให้ ก่อนจะใช้เเขนหนักพาดมาที่บ่าผม


          "งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ"


          "อืม..ตามนั้น เจอกันพรุ่งนี้นะพี่"ผมครางรับในลำคอเเล้วบอกลาพี่ชายคนสนิท
     

          "ไม่ให้ไปส่งเเน่นะ?"ร่างสูงถาม ผมส่ายหัวเเทนคำตอบ


          "ไม่เอาว่ะพี่ ผมเข็ดเเล้ว"คำตอบที่ได้รับทำเอาคนฟังหัวเราะร่า ผมก็ยิ้มให้เมื่อคิดถึงเหตุการณ์สมัยเด็กๆ


          "ตอนนั้นพี่เพิ่งฝึกขับนี่หว่า"พี่เรนพูดพลางที่ก้าวขาคร่อมบิ๊กไบค์คันดำคู่ใจ  ส่วนเรื่องที่พี่เขาพูดถึงนี่ผมจำฝังใจเลยล่ะครับ เรื่องมีอยู่ว่าในช่วงที่พี่เขาอยู่ม.2 พี่เเกดั๊นอยากขี่มอเตอร์ไซด์ซึ่งในต่างจังหวัดมันไม่แปลกหรอกครับที่เด็กอายุเท่านั้นจะขี่ พอขี่ได้ก็เอามาอวดผมพร้อมกับชวนผมซ้อนเเล้วบอกผมว่าตัวเองนั้นโคตรพ่อโคตรเเม่เก่งจะพาทัวร์


          เเล้วหลังจากนั้นน่ะหรอครับ..เหอะๆ ได้ไปนอนหยอดข้าวต้มอยู่โรงพยาบาลเเบบเเพคคู่ ไม่สิ..ผมน่ะนอนอยู่คนเดียว ทั้งกระดูกหัก ช้ำหนองช้ำในมากมาย เพราะเป็นคนซ้อนทำให้ตอนช่วงที่เสียหลักไหลลงคูคลองกระเด็นออกมาจากตัวรถ ส่วนไอคนขับน่ะหรอ..กระโดดออกจากรถก่อนเลยได้เเค่เเผลถลอกมาสามสี่เเผล


          "เหอะๆ พอดีผมเป็นพวกเจ็บเเล้วจำน่ะพี่"


          "งั้นก็ตามใจ เจอกันเว้ย!"พี่เรนยักไหล่เเล้วลาทิ้งท้าย ก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคสีเดียวกับรถขึ้นมาสวม ไม่วายหันมาโบกมือบ๊ายบายอีกรอบก่อนจะขับออกไป


          ท่าทางจะมีเรื่องวุ่นวายเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องเเล้วสิเนี่ย








------------------------------



          "เห้ย!ไอหมาธีร์ไม่ได้เจอกันนานเลย!"เสียงทักดังมาเเต่ไกล ผมเดินเนือยๆตามประสาคนนอนดึกเเต่ต้องเเหกขี้ตาตื่นเเต่เช้าเพื่อมาเรียน


          "อย่าเวอร์หน่าไอเเต็กเมื่อวานรืนก็เจอกันอยู่"ผมบอกมันเเบบง่วงๆเเถมหาวใส่หน้ามันด้วยหนึ่งที


          ไอกลองเเต็กทำหน้าเเบบรังเกียจทันทีเเล้วดันหน้าผมไปอีกด้านเเบบไม่ได้ออมเเรงเท่าไหร่ เรียกง่ายๆคือตบหน้าเเต่ตบเเบบสปีดต่ำลงมาหน่อย


          "อี๋ เอาปากเน่าๆของมึงไปไกลๆเลย  เเล้วศัพท์เหี้ยอะไรของมึง เมื่อวานรืน"คิ้วมันกดลงหน่อยๆ


          "ก็เมื่อวานรืนไงมึงไม่รู้จักหรอ"ผมบอกมันตามที่คิด ก็เมื่อวานของเมื่อวานก็เรียกเมื่อวานรืนถูกเเล้วไม่ใช่หรอวะ มันงงอะไรของมัน


          "ไม่รู้จักเว้ย! มึงช่วยใช้ภาษาไทยให้ถูกๆหน่อยได้ไหมวะ คุยทีไรมึงก็มีศัพท์ใหม่มาให้กูตลอด"มันบ่นๆตามสไตล์ของมันไป คือเเม่มันเป็นอาจารย์ภาษาไทยครับ ส่วนพ่อเป็นอาจารย์ภาษาอังกฤษ มันซึ่งเป็นลูกก็เลยถูกพร่ำสอนมาตั้งเเต่สมัยยังเป็นวุ้น ทำให้มันติดนิสัยที่ชอบสอนชอบเเก้คนอื่น


          หรือก็คือมันชอบทำหน้าที่เป็นเเม่คนที่สองของกลุ่มนั่นเอง


          "ภาษาไทยกูไม่ค่อยเเข็งเเรงมึงก็รู้"ผมว่าง่ายๆ นี่ถือว่าดีกว่าเเต่ก่อนเยอะเเล้วนะครับ ตอนเเรกที่เข้ากรุงมานี่พูดเเบบอีสานมาเต็มกว่าจะฝึกให้พูดกลางได้ชัดๆก็เเทบเเย่เหมือนกัน


          "เเล้วภาษาอังกฤษ?"


          "อันนั่นเรียกได้ว่าง่อยเเดกไปเเล้ว"


          "สรุปมึงโอเคกับอะไรบ้างไหมวะเนี่ยไอหมาธีร์"ไอเเต็กมันบ่นอีก ผมก็ทำหูทวนลมเหมือนไม่ได้สนใจมัน เเล้วล้วงโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าอีกไม่ถึงสิบนาทีคลาสจะเริ่มเเล้ว



          "ไอพุกับไอจีนยังไม่มาอีกหรอวะ"ผมเอ่ยถามถึงเพื่อนในกลุ่มอีกสองคนซึ่งตอนนี้ยังไม่โผล่มาเเม้เเต่เงา


          "ไอพุนี่ท่าจะตื่นสายตามเคย ส่วนไอจีนนี่กูว่าคงโดดอีกตามเคย พวกมันนี่ก็ไม่รู้จักปรับตัวเอาซะเล๊ย นี่ก็จะขึ้นปีสองอยู่เเล้วเดี๋ยวถ้าได้เอฟคนละสองสามตัวจะหัวเราะไม่ออก กูละเหนื่อยใจ๊เหนื่อยใจกับพวกมันสองตัวจริงๆ"ไอเเต็กพูดไปก็ถอนหายใจเฮือกๆ ทำท่าซะเหมือนว่ามันเป็นเเม่พวกมันสองตัวซะงั้น ผมยิ้มขำกับนิสัยห่วงคนอื่นของมัน


          "เเล้วปกติมึงก็ต้องนอนกินบ้านกินเมืองเหมือนกันนี่ ทำไมวันนี้มีเวลามายืนฟังกูบ่นเเบบนี้วะ"ซักพักมันก็วกกลับมาที่เรื่องผม อ่า..จริงด้วยสิปกติผมจะเข้าตรงเวลาเป๊ะไม่ก็เลทนิดหน่อย เเต่ถ้าเรียนเช้ามากๆก็จะโดดไปเลยเพราะตื่นไม่ไหว


           จะบอกมันไม่ได้ว่าช่วงนี้มีคนปลุกทุกเช้า


          "เมื่อวานกูเลิกงานไวเลยได้นอนไวกว่าปกติหน่อยว่ะ"ผมพูดไปก็เหลือบมองหน้ามันไป ดูว่ามันจะสงสัยผมรึเปล่า


          เเต่อย่าลืมไปว่าผมเเม่งโคตรจะโกหกคนไม่เก่งเลยว่ะ


          "มึงอย่ามา ตามึงล่อกเเล่กซะขนาดนั้นกูไม่ได้ควายเหมือนมึงนะ"มันทำท่าจับผิด ผมถอนหายใจเล็กน้อย ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ว่าคบกับมันมานานจนมันมองผมได้ทะลุปรุโปร่งซะขนาดนี้


          "เออกูยอมเเพ้ เเต่นี้อีกสองนาทีคลาสจะเริ่มเเล้วไม่รีบขึ้นเดี๋ยวเจ๊เเกก็เช็คขาดซะหรอก"พอทำอะไรไม่ได้ผมเลยเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ไอเเม่คนที่สองก็ทำหน้าตกใจนิดก่อนจะยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู


          "ฉิบเเล้ว! กูขึ้นก่อนนะมึงงานกูยังปั่นไม่เสร็จเลย!"มันพูดทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งเเจ้นขึ้นตึกไปทันที ผมส่ายหัวน้อยๆกับนิสัยที่เรียกได้ว่าระเบียบจัดเเต่เสือกขี้เกียจของไอเพื่อนตัวเล็กที่ถึงเเม้มันจะตัวเล็กเเต่ก็เสือกสูงกว่าผม


          ผมเดินขึ้นตึกตามอีกคนไป ระหว่างทางก็มีพวกพี่ๆเพื่อนๆทักบ้างประปรายผมก็ทักกลับอย่างคนที่มีปฏิสัมพันธ์ดี จนสุดท้ายก็มาถึงที่หมายเเบบทันเวลาเป๊ะ


          ผมเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งในเเถวกลางๆไม่หน้ามากหลังมาก ตาก็เหลือบไปมองไอกลองเเต็กที่ก้มหน้าก้มตาเขียนงานยิกๆ วันนี้มันเลือกนั่งหลังห้องจากปกติที่มันจะไม่พลาดที่ข้างหน้าอย่างเด็ดขาดยกเว้นว่างานมันไม่เสร็จอย่างเช่นวันนี้


          ติ้ง!


          หืม?


          ผมเงยหน้าขึ้นจากสมุดเลกเชอร์ ก่อนจะล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมา หันไปก้มหัวขอโทษคนข้างๆเล็กน้อยเพราะเกรงว่าเสียงติ้งเมื่อกี้จะไปรบกวนเธอ


          ผมกดเข้าโปรเเกรมข้อความสีเขียวขาวที่มีตัวเลขเเดงๆเด้งอยู่ที่มุมขวาบ่งบอกว่ามีข้อความใหม่


          ...What are u doing?...



          เดี๋ยวนะเดี๋ยว


          ผมกดคิ้วลงเล็กน้อย ก่อนจะดูเบอร์ที่ส่งเข้ามาก็พบว่าผมไม่ได้เมมเอาไว้


          หรือว่าส่งมาผิดวะ


          พอคิดได้อย่างนั้นผมเลยเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงอีกครั้ง เเต่ยังไม่ทันได้จับปากกาก็มีเสียงขัดขึ้นอีก


          ติ้ง!


          คราวนี้อะไรอีกล่ะ


          ผมกันไปค้อมหัวให้คนข้างๆอีกครั้งเเล้วควักโทรศัพท์ออกมาอีกรอบ คราวนี้ผมกดปิดเสียงไว้ก่อนเลย


          ...Are you free this evening?...



          เอ..ประโยคนี้มันคุ้นๆ คราวนี้ผมไม่รอช้าตอบกลับไปด้วยคำสั้นๆง่ายๆ


          ...Who?...


          ขอถามให้เเน่ใจก่อนเถอะว่ามึงเป็นใครเเล้วเอาเบอร์กูมาจากไหน คือเกินครึ่งนี่คิดว่าเพื่อนเเกล้งชัวร์ๆเเต่อีกส่วนคือน่าจะเป็นไอฝรั่งหมีควายที่วันนี้มันน่าจะนอนขึ้นอืดอยู่ที่คอนโดผม


          ครืด


          ...Austin...


          ผมอ่านชื่อนั้นก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย


          ใครวะนั่น


          พอคิดทบทวนดูเเล้วก็ไม่รู้จักนะไออุสตินอะไรนี่ รู้จักเเต่ไอฝรั่ง..เอ่อ..ว่าเเต่ไอฝรั่งมันชื่ออะไรอ่ะ เรียกมันไม่ฝรั่งก็หมีควายตลอด ไม่เคยเรียกชื่อมันซักทีรู้สึกว่ามันจะบอกผมตั้งเเต่ครั้งเเรกที่เจอกัน เเต่ช่างมันก่อน ผมจัดการเข้ากู้เกิ้ลทรานสเลตเเล้วตอบกับมันทันที
 

          ...I do not know you...



          เเละอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาทันที


          ...you are so mean little corgi????..



          ถึงจะอ่านไม่รู้เรื่องเเต่อีโมติค่อนร้องไห้ทำเอาผมตะหงิดใจเเปลกๆ ยิ่งไอสองคำสุดท้ายที่รู้สึกคุ้นเหลือเกินจนอดใจไม่ไหวที่จะหยิบมันไปเสริชกูเกิ้ล



          "เหี้ย!!"


          "นักศึกษาคะ ที่นี่ไม่ใช่สวนสัตว์ช่วยอย่ามาปล่อยสัตว์เลื้อยคลานออกมาด้วยค่ะ ถ้าไม่เรียนก็เชิญข้างนอกมันรบกวนคนอื่นเขานะคะ"อาจารย์ป้าหน้าห้องพูดอัดไมค์ประกาศกร้าวทำเอาผมที่เผลออุทานขึ้นมาเสียงดังจนคนทั้งห้องหันมาให้ความสนใจยิ้มเเห้งๆ


          "ขอโทษครับ"ผมพูดเสียงหงอ ฉีกยิ้มเเบบเหงือกเเห้งไปให้อาจารย์เผื่อเเผ่ไปถึงเพื่อนรอบห้องที่มีสะดุ้งเพราะเหี้ยเมื่อกี้ของผม เเต่ไม่มีใครว่าอะไรเเถมแอบเห็นหลายคนกลั้นขำเต็มที่อีกต่างหาก


          ถ้าจะโทษก็ต้องโทษไอหมาเวรที่ว่าพอผมดูรูปปุ๊ปนี่รู้เลยว่าไออุสตินนี่มันคือใคร


          เเม่งเอ้ย! ตอนเเรกก็พอเดาได้อยู่หรอกว่ามันเอาผมไปเปรียบเหมือนหมา ดูจากพฤติกรรมที่มันชอบเล่นกับผมไม่ต่างกับตอนเล่นกับไอเตอร์เลยซักนิด เเต่ก็ไม่รู้ว่าที่มันเรียกคือไอตัวนี้นี่หว่า!


          ไอตัวที่เเม่งขาสั้นกุดเหมือนหมาเเคระเเบบเนี่ย!

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
บักธีร์น่ารัก

ตอนแรกนึกว่าพี่เรนชอบน้อง


ไม่ชอบก็ดีแล้ววววว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :katai2-1: บักธีร์ (little corgi) and Austin (black bear)
ชอบบบ   :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter6

| To ask for trouble




          ผมเดินหน้ามุ่ยออกมาจากคณะ มีเพื่อนหรือรุ่นพี่หลายคนเหมือนกันที่เดินเข้ามาถามว่าผมเป็นอะไรเเต่ผมก็เพียงเเค่ยิ้มๆเเล้วเดินลิ่วๆออกมาก็เท่านั้นหลังจากที่เอาประโยคคำถามที่มันส่งมาให้ไปถามไอเเต็กว่ามันแปลว่าอะไร


          'อะไรของมึงเนี่ย วันนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างกะคนเมนส์มา ไปโดนใครเเกล้งมาอีกล่ะ'


     คำพูดของไอเเต็กที่มันพูดเอือมๆใส่ผมเมื่อผมนั่งหน้าตึงตลอดการกินข้าว ซึ่งไอการที่ผมเกิดอาการอารมณ์บ่จอยขึ้นมามันมีอยู่ไม่กี่เหตุผลหรอกครับ ส่วนมากก็คือโดนเเกล้งโดนล้อนั่นเเหละ เเต่ถึงกระนั้นมันก็รู้ว่าผมไม่เคยโกรธใครจริงจังไม่นานก็ลืมไปเอง


     ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนทุกครั้งเเหละครับ ผมถอนหายใจหนักๆ ก็ไม่เข้าใจทำไมเวลาถูกเเกล้งต้องเต้นตามไปกับเขาให้คนเเกล้งนึกสนุกทำไมก็ไม่รู้



     "Hi."


     ผมเงยหน้าไปมองตามเสียงทัก คิดในใจว่าขอให้อย่าเป็นอย่างมี่คิดไว้เเต่ดูท่าทางจะไม่ทันเสียเเล้ว ไอฝรั่งที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ยืนยิ้มเเล้วโบกมือมาทางผม คนเเถวนั้นที่เห็นก็เริ่มหันมามอง



     "มาได้ไงวะเนี่ย"ผมพูดเสียงเบาเเบบรำพึงรำพันกับตัวเอง กะจะเนียนๆเดินก้มหน้าก้มตาเลี่ยงๆมันไป


          หมับ


          "เออๆ ฮายๆ"เเต่ยังไม่ทันจะได้ผ่านมัน  มันก็เอื้อมมือมาจับเเขนผมไว้ก่อน ผมเลยหันไปทักมันเหมือนปัดๆไปก่อน


          "Are you free? (ว่างรึเปล่า)" ประโยคเเบบเดิมที่ตอนเเรกผมไม่เข้าใจ เเต่เนื่องจากผมเอาไปถามเพื่อนมาเเล้วเรียบร้อย ทำให้ผมเตรียมจะอ้าปากตอบ



          "มะ.."


          Rrrrrrr


          เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นขัด ผมควักมันออกมาก่อนจะเลื่อนรับเมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของรุ่นพี่คนสนิท


          "ว่าไงพี่เรน"


          [นัดเย็นนี้พี่ขอยกเลิกก่อนนะ]



          "อ่าว มีอะไรรึเปล่าพี่"ผมถาม เหลือบตามองไอฝรั่งนิดหน่อยในขณะที่มันจ้องผมตาเเทบหลุดออกจาเบ้าอยู่เเล้วมั้งนั่น


          [พอดีพี่เจอลูกหมามันนอนเกือบตายอยู่ข้างทาง ตอนนี้เลยพามันไปหาหมออยู่น่ะสิ]ถ้าผมฟังไม่ผิด รู้สึกเหมือนน้ำเสียงทุ้มจะไม่ได้ดูตรึงเครียดเลยเเม้เเต่น้อย เเต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร


          "งั้นก็ได้พี่ ไว้พรุ่งนี้ละกัน"ผมบอกอย่างไม่ถือสา จากนั้นพี่เขาก็บอกลาเเล้วก็วางสายไป


          "เออๆ รู้เเล้วอยากไปไหนล่ะ" พอหันมาก็พบกับสายตาคู่เดิมที่มองอยู่ก่อน ผมเลยได้เเต่ถอนหายใจเเล้วถามมัน


          ไอหมีควายเเม้จะฟังไม่รู้เรื่อง เเต่น่าจะพอเข้าใจเลยเผยยิ้ม


          "just be my personal guide then it's up to you.(เเค่มาเป็นไกด์ส่วนตัวให้หน่อย ที่เหลือก็เเล้วเเต่นายเลย)"


          อืม..อะไรไม่รู้เเหละเเต่ไออัพทูยู อัพทูกูนี่พอฟังรู้เรื่อง


          "หึ..พลาดเเล้วไอน้อง มานี่เลยๆมีร้านอาหารเด็ดๆมาเเนะนำ"ผมว่าทั้งยิ้มกริ่มอยู่ในใจ ขยับไปกอดคอมันเเล้วยืดอกประมาณว่า เชื่อใจพี่ได้เลยไอน้อง เเล้วก็จัดการลากมันไปทั้งอย่างนั้น


          จนคนที่ผ่านไปมาได้เเต่แอบกลั้นยิ้มขำกับภาพที่ผู้ชายที่สูงเพียงอกอีกฝ่ายดันทุรังเขย่งไปกอดคออีกคน ทั้งยังเดินไปด้วยจนกลายเป็นท่าเดินที่ดูลำบากเสียเหลือเกิน



------------------------------


          "ป้าคร้าบบบ สั่งอาหารหน่อยคร้าบบบบ"ทันทีที่ลากมันมาร้านอาหารไม่ไกลจากเเถมนั้น พอได้จับจองที่นั่งกันเรียบร้อยผมก็เเหกปากทันที


          ร้านนี้เป็นร้านอาหารข้างทางธรรมดาๆครับ เเต่ถึงอย่างนั้นคนก็เเน่นอยู่ตลอดทั้งอาทิตย์เรื่องจากเจ้าของร้านฝีมือเเบบต้นตำหรับมาเอง อร่อยจนใครมากินก็ติดใจทั้งนั้น


          "เเหม่ ฟ่าวอีหลีเน่าะ(เเหม รีบจริงเว้ย)"คนที่มารับออเดอร์ไม่ใช่ป้าเจ้าของร้านที่ง่วนกับครกอยู่กับสาก เเต่เป็นสาวผิวคล้ำ พี่ดาวลูกสาวเเท้ๆของป้าเเกซึ่งผมมากินจนสนิทเหมือนญาติไปเเล้ว ยิ่งพอรู้ว่าผมก็มีถิ่นกำเนิดจากที่เดียวกันนี่ยิ่งสนิทเข้าไปใหญ่ เลยไม่แปลกที่พี่เเกจะรัวภาษาอีสานใส่ทันทีที่เจอหน้า


          "บ่ฟ่าวบ่ได่ดอก(ไม่รีบไม่ได้หรอกพี่)"ผมตอบกลับพร้อมยิ้มกว้าง


          "เอ่อ.."


          เสียงจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเรียกความสนใจผมได้จนต้องหันไปมองก่อนจะยิ้มเพล่


          "โอ้ย เมนงเมนูไม่ต้องๆเดี๋ยวบักธีร์สิสั่งให้เอง รับรองเด็ดงี้"ผมหันไปคว้าเมนูในมือมันออกเเล้วเสียบไว้ที่เดิม ชูนิ้วโป้งให้เเบบที่ว่ามันก็พยักหน้าให้เเล้วนั่งดูอยู่เงียบๆ



           "บัดสีดานิไผวะบักธีร์ ผุจ๊บหล๊ายหลาย(ฝรั่งคนนี้ใครวะธีร์ หน้าตาดีจัง)"คราวนี้พี่เเกก้มลงมาพูดกระซิบผม พลางพยักเพยิดหน้าไปทางไอฝรั่งที่นั่งหน้ามึนอยู่ 


            "บ่ต้องหัวซาดอก(ไม่ต้องสนใจหรอก)"ผมบอก พี่ดาวทำหน้าเซ็งหน่อยๆ เเต่ยอมผละออกไปยืนรอจดรายการอาหาร


          "เอาตำปูปลาร้าเผ็ดเหมือนเดิม ตำไทยไม่ใส่พริก ไก่ย่างสี่ น้ำตกหนึ่ง  ปลาดุกหนึ่ง ข้าวเหนียวสอง ต้มเเซ่บด้วยนะพี่"ผมสั่งพี่เขาโดยใช้ภาษากลางเหมือนเดิม พี่เเกก็จดยิกๆเเล้วก็เดินจากไปเเต่เดินไปไม่ไกลก็วนกลับมา


          ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เเละพี่ดาวที่ไม่ปล่อยให้ผมสงสัยนานก็เอ่ยปาก



          "ผัวมึงเเม่นบ่"


          พรูด!!


          ทำเอาน้ำที่กำลังกระดกอยู่ถึงกับพุ่ง


          "เเค่กๆ..ผัวที่ไหนล่ะพี่..แค่ก" ผมรีบส่ายหน้าโบกไม้โบกมือทั้งยังไอค่อกเเค่กชนิดที่ว่าหน้าดำหน้าเเดง


          "Are you okay?"เสียงทุ้มๆเอ่ยถาม พร้อมทั้งสัมผัสตรงแผ่นหลัง มือใหญ่ลูบหลังผมเบาๆ ผมหันไปมองมันที่ยืนอยู่เเล้วเอื้อมมือมาทางผม ผมกำลังจะอ้าปากตอบเเต่จู่ๆก็รู้สึกมีก้อนอะไรจุกอยู่ที่ลำคอ


          "เอ่อ..โอเคเเล้วๆ"ผมบอกมันยามที่เสหน้าหลบสายตาอีกฝ่ายอย่างไม่มีสาเหตุ พอเห็นผมหยุดไอมันก็เลยกลับไปนั่งที่เดิม 


          ถ้าผมมองไม่ผิด สายตาเเบบเมื่อกี้มัน..


          เป็นห่วงสินะ..


---------------------------------------


          "ซี๊ดด! อ่า!!"


          เสียงซี๊ดซ๊าดซู่ซ่านี้เกิดตลอดการกินอาหารมื้อนี้ตั้งเเต่คำเเรกยันตอนนี้ ไอหมีควายตรงหน้าก็ไม่หยุดส่งเสียงจนโต๊ะข้างๆเริ่มหันมามอง


          "จะซี๊ดจะซ๊าดก็เบาๆนิดนึงได้ป่ะวะ"ผมก็บ่นมันไปอย่างนั้น เพราะเมื่อมองหน้าอีกฝ่ายก็อดขำออกมาไม่ได้อยู่ดี


          ใบหน้าที่เคยคิดว่าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเพราะความเผ็ด เหงื่อนี้เเต่พลั่กๆ หน้านี้เเดงยันคอ ทั้งยังเห็นน้ำตาคลอเพราะไม่ว่าจะจานไหนก็เผ็ดทั้งนั้น


          จะว่าสงสารก็สงสาร จะว่าสะใจก็สะใจ จะว่าขำก็ขำ


          มันเลยได้เเต่จกข้าวเหนียวเข้าปากทั้งยังยัดไก่ย่างที่มันไม่เผ็ดตาม เเต่ถึงอยากนั้นก็เถอะ


          "อ่า!!"


          มันร้อนไง ก็โง่ยัดเข้าไปอีก
 

          ผมส่ายหน้าน้อยๆเเบบที่หุบยิ้มขำไม่ได้ซักที เเล้วเริ่มลงมือกับอาหารตรงหน้าบ้าง ผมจิ้มตำไทยที่ไม่ได้ใส่พริกซักเม็ดเข้าปากเเล้วเคี้ยวกรุบๆ


          อื้อหือ หวานชิบหาย


          ไอคนที่ลิ้นด้านกับความเผ็ดร้อนของอาหารอีสานไปเเล้วอย่างผมถึงกับวางช้อน หันไปจิ้นน้ำตกเข้าปาก จริงๆเเล้วไอของผมคือจานที่อยู่หน้าไอฝรั่งนั่นต่างหาก ไอตำไทยหวานๆนี้จริงๆผมก็สั่งมาให้มันนั่นเเหละ เเต่ขอเเกล้งมันหน่อยโดยการยื่นปูปลาร้าที่มันเบ้ให้ตั้งเเต่ได้กลิ่น


          ซึ่งนั่นมันเผ็ดอย่างต้นตำหรับเลยเเหละ


          ฟืดด


          ผมมองน้ำที่หมดไปเเก้วที่เท่าไหร่เเล้วก็ไม่รู้ของมัน ดีนะที่น้ำฟรีไม่งั้นเปลืองค่าน้ำหนักกว่าค่าข้าวเเน่นอน


          "อ่ะ อันนี้ของมึง"จนสุดท้ายผมก็อดใจไม่ไหวยื่นจานตำไทยไปให้เเล้วดึงจานปูปลาร้ากลับมาอยู่ในที่ๆมันควรจะอยู่



          มันเหลือบตาขึ้นมองผมหน่อยเหมือนไม่ไว้ใจ จากนั้นก็ลองตักเข้าปาก ถึงจะไม่ได้ยิ้มออกมาเเต่ก็ไม่ได้มีปฏิกริยาต่อต้านเท่าไหร่ ถึงเเม้จะไม่ได้ใส่พริกก็เถอะเเต่ครกที่ตำก็มีอยู่ไม่กี่ครกเพราะฉะนั้นมันก็คงมีเผ็ดหน่อยๆอยู่เหมือนกัน











          "ฮ้า! อิ่มชะมัด"ผมเดินบิดขี้เกียจออกมาจากร้านพร้อมๆกับไอฝรั่งที่ยังไม่หายหน้าเเดงปากเเดงจมูกเเดงตาเเดงซูดน้ำมูกฟืดๆ  ที่ไม่ว่ามองทีไรก็ขำ


          "มองอะไร"ผมว่าเเล้วยักคิ้วให้น้อยๆเพราะอารมณ์ดีที่ได้เห็นฝรั่งกล้ามเเน่นตัวอย่างหมีควายทำท่าจะเป็นจะตายเมื่อได้กินอาหารไทย



          เมื่อมันไม่ตอบอะไร ผมก็เลยยักไหล่เเล้วเดินไปโบกเเท็กซี่ไม่นานทั้งผมเเละมันก็ย้ายตัวกลับมาอยู่ในห้องเป็นอันเรียบร้อย


          "โฮ่ง! แฮ่กๆ"ไอหมาเตอร์ก็เห่าต้อนรับทันที มันวิ่งกระเพลกๆอย่างที่หมาขาเดี้ยงเเบบมันจะทำได้ ไอฝรั่งก้มลงนั่งยองๆลูบหัวมันเล็กน้อย จนภาพเเบบนี้กลายเป็นที่คุ้นตาไปแล้วสำหรับผม


          "โฮ่งๆๆ"


          พอไอฝรั่งมันลุกขึ้นเเล้วเดินหายเข้าไปในห้อง ไอเตอร์มันก็เบนความสนใจมาทางผมที่เพิ่งถอดรองเท้า วางกระเป๋าเสร็จ


          "ชู่ววว อย่าเสียงดังดิ๊ เดี๋ยวข้างห้องก็มาด่าให้หรอก"ผมเอ็ดมัน ซึ่งไอเตอร์มันก็เอียงคอเหมือนงง


          "โฮ่ง!" เเล้วก็เห่ารับ


          เออดี ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ


          "ช่างมันเถอะ มาๆแดกข้าวเร็ว วันนี้พ่อเเกเจอศึกหนักคงสลบไปเเล้วเเหง"ผมว่างั้นก่อนจะหัวเราะออกมาหน่อย ยามคิดถึงคนที่ปกติเเล้วพอถึงห้องต้องมานั่งเล่นนอนเล่นกับไอเตอร์พักใหญ่ เเต่วันนี้กลับตรงดิ่งเข้าห้องไปซะอย่างนั้น




----------------------------




          มันจะเข้าๆออกๆอีกนานไหมวะ


          ผมที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงคนเข้าๆออก จริงๆเเล้วผมเป็นคนที่หลับสนิทมากถึงมากที่สุด เเต่พอหลายรอบเข้าสุดท้ายก็ข่มตาลงไม่ไหว ลืมตาโพลงขึ้นขึ้นมานั่งจุ้มปุกมองไอคนที่เดินเข้าออกระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำไม่ต่ำกว่าห้ารอบได้ตั้งเเต่ผมเเอบดูมัน



          จะเรียกว่าเเอบคงไม่ได้ เพราะผมนั้งหัวโด่ขนาดนี้เเต่ท่าว่ามันจะไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้นเลยมองไม่เห็นผมที่นั่งหัวฟูขมวดคิ้วมองมันอยู่


          หรือว่าจะเเกล้งมันเเรงไปวะ


          ความรู้สึกผิดเริ่มเข้ามากอบกุมจิตใจ เพราะตลอดมาเป็นผู้ถูกกระทำ(?)ตลอดพอมาเป็นผู้กระทำคนอื่นเเบบนี้มัน..



          รู้สึกผิดว่ะ


          ฮืออ ก็คนมันเข้าใจอารมณ์คนถูกเเกล้ง ยิ่งมันเข้าห้องน้ำบ่อยขนาดนี้คงไม่พ้นท้องเสียนั้นเเหละ ไม่รู้ป่านนี้ขี้จนตูดไหม้ไปเเล้วยัง



          ผมลุกขึ้นก่อนที่ตัวเองจะได้รู้สึกผิดไปมากกว่านี้



          ก็อกๆ


          "กูเข้าไปนะ"


          ผมเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาตจากผู้พักอาศัย มันชะโงกหัวขึ้นมานิดส่งผลให้ผมเห็นหน้าของมันได้ชัดขึ้น เพราะมันเปิดไฟตรงหัวนอนไว้อย่างเคย


          มันไม่ได้พูดอะไรเเค่ทำหน้างงๆ ใบหน้าคมอย่างชาวตะวันตกผิวขาวออกเกรียมเเดดหน่อยๆซีดลงอย่างชัดเจน ทั้งยังดูซูบลงเเบบไม่ต้องถามเลยว่าเพราะอะไร


          "เห้ย โอเคป่ะเนี่ย"ผมเดินเข้าไปประชิดเตียง ไอฝรั่งมันก็ยันตัวขึ้นนั่งทั้งๆที่ตายังปรือๆเหมือนคนง่วงนอน


          "I'm okay." มันว่าเเล้วส่งยิ้มเเหยๆมาให้


          หน้ามึงไม่โอเคเเล้วมั้งนั้น


          "โอเคก็เเย่เเล้ว รอนี่เเปปนะ"ผมทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกมาข้างนอก ไปค้นๆยาในตู้


          ท้องเสียนี่ต้องกินคาร์บอนใช่ป่ะวะ ถ้าจำไม่ผิด


          ผมค้นหาไอยาเม็ดสีดำดูไม่น่ากินพักใหญ่ก่อนจะพบว่ามันอยู่ในหลืบ ผมหยิบมันออกมาก่อนจะไปรองน้ำใส่เเก้วเเล้วตั้งใจจะเอาไปให้คนป่วย(เพราะผม)กิน


          เเกร็ก


          เเต่ยังไม่ทันจะได้หยิบไปให้ ไอฝรั่งก็เดินออกมาจากห้องก่อนเเละเหมือนเดิมมันตรงไปห้องน้ำ ผมขมวดคิ้วมองมันเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีโงนเงนไม่มั่นคงของมัน



          "เห้ย!"


          โคร่ม!


          นั่นไง ว่าเเล้วมันก็ล้มดังโคร่มเล่นเอาผมวางน้ำวางยาไม่ทันก่อนจะปรี่ไปดูมันที่ค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งใช้มือนวดขมับตัวเองหน่อยๆ คิ้วได้รูปขมวดเข้าเป็นปม อีกมือก็กุมท้องเอาไว้



          "เอ่อมึง..โอเคไหม?"ผมลงไปทรุดนั่งข้างมันเเล้วยื่นหน้าไปถามอย่างเป็นห่วง ไอฝรั่งละมือออกจากหัวตัวเองเเล้วหันมาหาผม


          "No."คราวนี้มันไม่ดื้อด้านตอบตามตรง ผมเลยช่วยพยุงมันเข้าไปนั่งที่โซฟาก่อน จากนั้นก็เดินวนกลับมาเอายาเอาน้ำส่งให้มัน


          มันรับน้ำกับยาไปด้วยมือสั่นๆเหมือนคนไม่มีเเรง ก่อนจะกระดกมันเข้าปาก เเล้วก็ส่งคืนผม ผมมองมันด้วยความชั่งใจอยู่พักใหญ่ว่าจะเอายังไงต่อดี


          ผมทำก็ต้องรับผิดชอบถูกไหม


          ผมเหลือบมองมือใหญ่ที่กุมท้องตัวเองไว้ทั้งยังนั่งงอหน่อยๆ


          ปวดท้องด้วยสินะ


          ผมสรุปเองในใจ ก็ไม่เเปลกกินของเผ็ดขนาดนั้น เผลอๆอาจจะท้องอืดด้วยเพราะเล่นกินน้ำเข้าไปเยอะขนาดนั้น


          พอคิดได้ดังนั้นผมก็ไปหยิบทั้งยาธาตุยาพารามาประเคนให้มันรวมถึงยานอนหลับเเบบที่ฤทธิ์ไม่เเรงมากมาให้ เพราะหากว่าเป็นเเบบนี้ต่อไปมันคงได้เดินเข้าห้องน้ำทั้งคืนคงไม่ได้นอนเเน่นอน



          "แอมซอรี่นะ"ผมบอกมันเสียงอ่อนเสียงอ่อยหลังจากที่เเบกมันกลับไปนอนในห้องเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว มันใช้ตาปรือๆมองผมก่อนจะยิ้มๆให้เเบบไม่พูดอะไร



          หาเหาใส่หัวอีกเเล้วไอธีร์เอ้ย!




 
 
 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
วุ้ย น้องธีร์

ชดเชยความผิดด้วยนะคะ

(พี่เรนที่พาหมาไปหาหมอเนี่ย หมาเดินสองเท้าใช่บ่?)


ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 7

| power of patient



          "วันนี้กูโดดนะ"


          [ทำไมวะ นี่ใจคอพวกมึงจะให้กูมาเรียนคนเดียวทุกวันเลยใช่ไหม ทั้งมึงทั้งไอจีนทั้งไอพุ นัดไปไหนกันรึเปล่า ไม่เข้าบ่อยๆเดี๋ยวก็ได้ปรับตกหรอก]เสียงบ่นดังมาตามสาย จนผมได้เเต่ยิ้มเเห้งๆใส่โทรศัพท์


          "โทษ'ทีว่ะ"


          [เออ จำไว้เลยนะมึง มีอะไรก็ไม่เคยบอกเพื่อนบอกฝูง.. เห้ย! มึงจะทำอะไรวะ!...ตรู๊ดดด]


          อ่าว


           ผมขมวดคิ้วงงๆ เมื่อจู่ๆมันก็ตัดสายไป เเต่ดูเหมือนว่าประโยคสุดท้ายมันคงไม่ได้พูดกับผม



           แอ๊ดด


          ผมมองไปตามเสียงเปิดประตูห้องนอนก็พบคนป่วยเดินหาวหวอดออกมาทั้งๆที่เพิ่งได้นอนไม่ถึงห้าชั่วโมงดี เห็นดังนั้นผมจึงถลาเข้าไปหาเเล้วดันหลังมันกลับเข้าห้อง ไอฝรั่งที่ถึงเเม้สีหน้าจะดีกว่าเมื่อคืนโข หากเเต่ใบหน้าก็ซ่อนความง่วงงุนไว้ไม่มิด มันขืนตัวหน่อยๆหันหน้ามาหาผมเหมือนถามว่าทำไมเเต่ก็ยอมเดินเข้าไปเเต่โดยดี


          "เดี๋ยวกูทำเอง เอ่อ..เบรคฟัสอ่ะ มึงนอนต่อไปเถอะ"ผมบอกมันในขณะที่มันค่อยๆล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง



          ผมมองคนป่วยที่มองหน้าผมนิ่งไม่หือไม่อือ จนผมต้องโบกมือไปมาตรงหน้ามัน เเต่มันก็ยังนิ่งไม่ไหวติ่ง

     
          แปะ


          "ไข้ก็ไม่ขึ้นนี่หว่า"ผมพึมพำออกมาเมื่อใช้หลังมือทาบไปกับหน้าผากมันเเละอีกมือก็ทาบกับหน้าผากตัวเองเพื่อวัดอุณหภูมิโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าอีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยทั้งยังเผลอเสหน้าออกอย่างที่ไม่เคยทำ


          "ปวดหัว? ปวดท้อง?" ผมยังถามต่อหลังจากที่ละมือออกมาจากหัวมันเเล้ว


          "เตอร์.."


          "หืม? ไอเตอร์อ่ะนะไม่ต้องห่วงๆเดี๋ยวกูดูเเลให้"ผมว่าอย่างนั้นเมื่อมันเอ่ยชื่อไอหมาขาเดี้ยงที่ตอนนี้ยังนอนหลับอุตุไม่รู้เรื่องว่าพ่อมันป่วย



          "อืม" คราวนี้มันครางรับในลำคอก่อนจะทิ้งตัวนอนอย่างไม่อิดออดอีกต่อไป


          พอเห็นอย่างนั้นผมก็ลุกขึ้นจากขอบเตียงหวังจะปล่อยให้คนป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เเต่เหมือนคนป่วยจะไม่คิดเเบบผมนี่สิ..


          "เห้ย!"


          ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆโลกก็หมุนพลิกกลับด้าน ไม่สิ ผมหงายหลังลงไปบนเตียงเพราะเเรงกระชากของไอฝรั่ง


          "เล่นไรเนี่ย! ปล่อยนะเว้ย!"ผมดิ้นพล่านเมื่ออีกฝ่ายใช้เเขนที่มีกล้ามเป็นลูกๆเเบบที่ว่าฟาดเด็กคงได้ตายคาที่มาพาดทับเอวผมไว้ พอหันไปมองหน้าก็เห็นว่ามันหลับตาลงเหมือนไม่รู้ไม่ชี้


          คนหลับบ้าอะไรอมยิ้มซะเเก้มปูดขนาดนั้นฟร่ะ!


          ผมทั้งเเกะทั้งดันเเขนมันออก เเต่มันกลับไม่เขยื้อนเลยซักนิด


          ฮืออ นอกจากเเกล้งหลับมึงยังเเกล้งป่วยอีกใช่ไหมตอบ ไปเอาเรี่ยวเเรงมาจากไหนนี่ดิ้นจนหน้าดำเเล้วนะเฮ้ย


          "ชู่ววว"ไอคนเเกล้งหลับทำเสียงบอกให้เงียบ


          ไอผมก็บ้าจี้เงียบตามที่มันบอกอีก เออดี


          "Good boy" เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ไม่ไกลจากหัวผมมาก ผมได้เเต่นอนตัวเเข็งทื่อเป็นไม้กระดานจะขยับไปไหนก็ไม่ได้


          "ปล่อยกูไปเถอะนะ พลีส"พอขยับร่างกายไม่ได้ก็ได้เวลาแหกปาก ถ้ามันไม่ปล่อยจะไม่หยุดพูดเลยคอยดู


          รอบเเรก..เงียบ


          "ไอหมีควาย อย่าเเกล้งหลับดิ้"


          รอบที่สอง...เงียบ


          "เห้ย! จะมานอนเเบบนี้ไม่ได้นะเว้ย!"


          ยังคงเงียบ..พร้อมกับอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจที่บ่งบอกว่า...


          มันหลับจริง


          ชิบหายเเล้วไงกู


          ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ พอหยุดดิ้นผมก็เพิ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในท่าที่อันตรายขนาดไหน ท่าทีมันรวบตัวผมเข้าไปกอดอย่างกับเป็นหมอนข้างส่วนตัว ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมได้เเต่นอนนิ่งๆจ้องเพดานสีขาวอย่างไม่วางตาเหมือนมันมีอะไรน่าสนใจหนักหนา เหงื่อเเตกพลั่กๆทั้งๆที่แอร์ก็เปิดอยู่ เตียงมันไม่ได้ใหญ่มากอย่างที่ผมเคยบอก มันอึดอัดก็จริงเเต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น..



          ตึกตัก.. ตึกตัก..


          ไอหัวใจทรพี! มึงจะเต้นดังขึ้นมาหาอะไรวะเห้ย!
 

          ผมได้เเต่กรีดร้องอยู่ในใจ อยากจะขยับหนีให้รู้เเล้วรู้รอดเเต่ยิ่งขยับขยับมากเท่าไหร่ผิวเนื้อก็ยิ่งสัมผัสตัวของอีกคนยิ่งขึ้น


          กูผู้ชาย กูผู้ชาย มึงเป็นผู้ชายนะไอธีร์


          ฟรึ่บ


          ..!!!


          ร่างสูงใหญ่ของไอหมีควายพลิกหันตะเเคงมาด้านผม เเต่นั้นไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะนอกจากหันมาเเล้วมันยังกระชับเเขนยาวๆที่โอบทับเอวผมไว้เข้าไปประชิดตัวมากขึ้น


          ผมหดคอตัวเองเต็มที่ เพราะหน้าคมมันอยู่ใกล้มากเเบบที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ลอยเข้ามากระทบใบหน้า


          มาถึงขนาดนี้คงทำอะไรไม่ได้เเล้วล่ะ



          ผมคิดในใจอย่างปลงๆ มันคงอาจจะเหงาที่นอนคนเดียวเลยดึงผมมานอนด้วย เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทำมันป่วย จะยอมนอนนิ่งๆเป็นหมอนข้างให้วันนึงก็เเล้วกัน


          พอคิดข้ออ้างให้ตัวเองได้เรียบร้อย ผมก็หลับตาลงเเละพาตัวเองจมดิ่งสู่ห้วงนิทราด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อคืนก็นอนดึกพอๆกับมันเนี่ยเเหละ



----------




          ในยามที่คนร่างเล็กหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ คนที่หลับไปเเล้วกลับลืมตาขึ้นมา เคลื่อนใบหน้าที่ห่างไม่ถึงคืบให้ใกล้เข้าไปอีก ดวงตาสีน้ำข้าวมองไล่ตามโครงหน้าคนตัวเล็กในอ้อมกอดเเบบที่บอกไม่ได้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่



          อาจจะเป็นดวงตาสีดำสนิทอย่างคนเอเชียที่ไม่ว่ามองอะไรก็จะสะท้อนเงานั้นออกมาชัดเจน


          หรือจมูกที่ไม่ได้โด่งมากขนาดชาวตะวันตกเเต่ก็ไม่ได้ถึงกับแหมบอย่างที่คนอื่นชอบเเซว


          ผิวสีเเทนเข้มที่พอมองเเล้วชวนนึกถึงเค้กชอคโกเเลต


          ร่างกายเล็กที่ถึงจะไม่ได้เอวบางร่างน้อยเเต่มองเเล้วก็ชวนให้เข้าไปขย้ำ


          หรืออาจจะเป็นปากสีชมพูซีดที่อยู่ตรงหน้านี้...



          จุ๊บ



          อืม...นุ่มกว่าที่คิดไว้ซะอีก




----------





          อุ่น..


          ความรู้สึกเเรกที่สัมผัสยามที่เริ่มรู้สึกตัว



          อุ่นจนอดที่จะซุกเข้าหาไม่ได้


          "พ่อ.."


          ร่างใหญ่ๆพร้อมไออุ่นมันชวนให้คิดถึงบุพการีเสียจนอดเอ่ยเรียกออกมาไม่ได้ อาจจะเพราะสติยังมาไม่ครบท้วนเลยยังไม่ได้ไตร่ตรองอะไรได้ดีนักเลยลืมคิดไปว่าไม่ได้อยู่บ้านตัวเองซักหน่อย


          สัมผัสตรงหัวมันชวนเอาเคลิ้มไม่น้อย หากเเต่สติที่ค่อยๆมาทีละเล็กทีละน้อยทำให้เริ่มระลึกความจริงที่ว่า..


          พ่อไม่เคยลูบหัว


          คิดได้เเค่นั้นผมก็เบิกตาโผลงสิ่งเเรกที่เห็นเลยคือสีดำ


          เห้ย!"


          มันไม่ใช่เเค่สีดำอย่างที่คิด เเต่มันคือ'เสื้อ'สีดำของไอฝรั่ง ซึ่งหน้าผมอยู่พอดีกับอกมันเป๊ะอย่างกับถูกจับวาง ผมดิ้นคลุกคลักอยู่ในอ้อมกอดมันเเต่ดิ้นได้ไม่นานเพราะมันรัดตัวผมเข้าไปชิดกับมันมากขึ้น


          ผมเงยหน้าไปมองมันเเบบหาเรื่องปนสงสัย มันใช้รอยยิ้มเป็นคำตอบก่อนจะกดริมฝีปากของมันลงมาลงบนหน้าผากผมเบาๆเเวบเดียว เเบบที่ผมหน้าร้อนวูบเพราะไม่ได้เตรียมใจเจออะไรเเบบนี้มาก่อน


          "มะ..มึงทำอะไรวะเนี่ย"ผมผลักมันออกพูดตะกุกตะกัก ซึ่งครั้งนี้มันคลายเเขนออกให้ง่ายๆ ผมเลยรีบพาตัวเองลงมาจากเตียงอันตรายนั่น



          "Morning kiss"



            มอนิ่งคิสพ่องงง นี่มันเลยจะบ่ายเเล้วเถอะ!


          ผมล่ะขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับมันต่อ คือจริงๆก็ไม่มีอะไรจะเถียงเเถมอุณภูมิบนใบหน้ายังไม่มีท่าทีว่าจะลดง่ายๆ จึงรีบหมุนตัวพาตัวเองออกมาจากห้องนอนทันที


          เเต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล เเค่ทรุดนั่งอยู่หน้าห้องใช้หลังพิงประตูไว้จากนั้นก็...


          ยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้า


          "อันนี้มันเรียกเขินใช่ไหม จะยี่สิบเเล้วนะไอธีร์เดินในเส้นทางปกติมาตั้งนานมึงอย่ามาเบนง่ายๆเเบนี้สิ"จากนั้นก็เริ่มบ่นอู้อี้กับตัวเอง



          "ที่มันทำก็เเค่อยากเเกล้งเท่านั้นเเหละก็เหมือนพี่เร..."



          ตึง!


          "โอ้ย!"


          ยังไม่ทันที่จะได้หาข้ออ้างให้ตัวเองได้เสร็จ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก เเละด้วยความที่ว่าผมใช้ประตูเป็นที่พักพิงอยู่นั้นส่งผลให้..ผมหงาย..


          หงายเเบบที่เอาหลังหัวกระเเทกเข้าที่พื้นเต็มๆจนเกิดเสัยงดัง'ตึง' โดยมีไอตัวต้นเหตุยืมก้มมองผมอยู่


          ผมกับมันสบตากันเเบบงงๆเหมือนสมองกำลังประมวลผลอยู่ประมาณสามวินาที จากนั้นใบหน้างงๆของมันก็เปลี่ยนเป็นอมยิ้ม


          จากอมยิ้มเป็นยิ้มกว้างเหมือนกลั้นขำ


          สุดท้ายก็หัวเราะออกมาเสียงดัง..


          "ฮ่าๆๆๆๆๆ"


          หัวเราะได้อย่างนี้คงหายเเล้วมั้ง ไอปงไอป่วยเนี่ย





---------

          ตอนนี้เวลา16นาฬิกา หรือที่เราคุ้นเคยกับคำว่าสี่โมงเย็น ผมได้ทำการย้ายร่างของตัวเองมาอยู่หน้าห้องๆหนึ่งในคอนโดเเห่งหนึ่งตามนัดที่เคยให้ไว้


          ก็อกๆ


          "คร้าบๆมาเเล้วคร้าบ"เสียงขานรับจากในห้อง ก่อนจะตามมาด้วยบานประตูที่ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของเจ้าของห้องที่ยืนหัวฟูในชุดเสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์เน่าๆ


          ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนเเล้วมาชี้ว่าไอนี่ในสถาพเเบบนี้เป็นเดือนคณะ ผมก็ไม่เชื่อหรอกครับ ผมเชื่อว่าทุกคนก็คงไม่เชื่อ งั้นลองย้อนกลับไปอ่านตอนที่ผมเจอพี่เเกที่ตลาดสิครับ นั่นเเหละคุณจะได้พบความเเตกต่างระหว่างอยู่'ในสถานที่'กับอยู่'นอกสถานที่'ของผู้ชายคนนี้


          "มีคีย์การ์ดเเล้วทำไมไม่ใช้"รุ่นพี่ตัวสูงทำหน้าเอือมใส่เบาๆเมื่อเห็นว่าคนที่มาเป็นผม


          "ลืมว่ะพี่"ผมตอบง่ายๆเเล้วยิ้มเเห้ง


          "ลืมไว้ห้อง?"


          "ลืมว่าเคยมี"


          ป้าบ


          "โอ้ย! เอะอะก็ตบหัวตลอด ถ้าผมโง่ขึ้นมาโทษพี่คนเดียวเลยนะ"ผมทำปากยื่นปากยาวลูบหัวตัวเองปอยๆ ไอคนทำน่ะหรอเคยสำนึกที่ไหน


          "เเค่นี้ก็โง่จนไม่รู้จะโง่ยังไงเเล้วว่ะไอธีร์ มาๆเข้ามา"พี่เรนเอ่ยชวน ผมก็ไม่ปฏิเสธเดินตามเข้าไปเเต่โดยดี


          พี่เรนก็อยู่คอนโดเหมือนกันครับ ไม่ได้หรูมากเเต่ก็ไม่ถึงขนาดซอมซ่อ รวมๆเเล้วก็คล้ายคอนโดผมนี่เเหละครับ เเต่มีสิ่งที่ไม่เหมือนเเน่ๆ..คือที่นี่มันรกยิ่งกว่ารังหนูน่ะสิ..


          ..เอ้ะ?


          "เห้ย! ทำไมห้องสะอาดวะพี่"ผมถึงกับอึ้งเมื่อทำใจไว้เเล้วว่ามาที่นี่คงได้พบกองขยะมากมายกระจายอยู่เต็มทั่วทุกอนูของพื้นที่ เเต่ทำไม!? ทำไมห้องมันถึงกับสะอาดทั้งข้าวของเครื่องใช้ก็เก็บซะเรียบร้อยเสียจนไม่เชื่อสายตา


          กูเข้าผิดห้องเเน่ๆ



          เเค่คิดได้เเค่นั้นผมก็หันหลังกลับทันที เเต่ยังไม่ทันออกเดินพี่เรนก็คว้าคอเสื้อไว้ซะก่อน


          "พี่รู้นะว่าเเกคิดอะไรอยู่ นี่ห้องพี่จริง เเต่พี่ไม่ได้เป็นคนทำ"


          "เเล้วใครทำ"


          "นั่นสิ..ใครน้า"หนุ่มลูกครึ่งทำหน้าคิดหนัก มีการหันมายักคิ้วให้ผมด้วยสองทีเหมือนยั่วโมโห


          "โหยพี่อ่าาา อย่ามายั่วงี้ดิ"ผมเริ่มหน้าบูด


          "อะไรใครยั่วที่ไหนไม่มี มีเเต่เรานั่นเเหละยั่วพี่"คนตัวสูงหว่ายักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ก่อนเดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟาตัวยาว



          "ยั่วอะไรวะ เพ้อเจ้อละพี่อ่ะ เเล้วสรุปนี่ใครทำนี่ขนาดพี่เคยจะจ้างผมผมยังคิดหนักเลย"นี่ไม่ได้เวอร์นะครับ เพราะงานบ้านงานเรือนผมก็พอทำได้เพราะต้องอยู่คนเดียว เเต่พี่เรนไม่ ไม่ใช่ว่าทำไม่เป็นหรือทำไม่ได้เเต่คุณชายท่านให้เหตุผลง่ายๆว่า'ขี้เกียจ'


          "แมวทำ"


          "ห้ะ?"


          "ก็ตามนั้นเเหละ มาๆจะให้สอนอะไรว่ามา"พี่เรนพูดตัดบทเเล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาใหม่


          "ก็....."



          .


          .



          .     
         


          .



          .


          "ขอบคุณมากนะพี่"ผมว่าพลางเก็บสมุดโน๊ตเล็กๆที่ผมใช้พกไว้ประจำเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง

          รุ่นพี่ตัวสูงลูกครึ่งอเมริกันที่ถดตัวลงมานั่งพื้นเเล้วใช้โซฟาเป็นที่พิงโคลงหัวน้อยๆเเล้วโบกไม่โบกมือเหมือนเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

          "ขอบคงขอบคุณอะไรกัน อย่าลืมสิเรามีข้อเเลกเปลี่ยนระหว่างกันนะ" ว่าเเล้วก็เเถมขยิบตาให้ทีนึงจนคนมองอดที่จะเบ้ปากอย่างหมันไส้ออกมาไม่ได้


          "งั้นผมไปเเล้วนะ"


          "อย่าเพิ่งๆ รีบไปไหนเนี่ย มานั่งนี่ก่อนมามะ"พอผมกล่าวลาพี่เรนก็ยกมือขึ้นห้ามทันทีเเบบที่ยังไม่ทันได้หมุนตัวไปทางหน้าห้องด้วยซ้ำ พี่แกใช้มือนึงตบพื้นข้างๆตัวส่วนอีกมือก็ใช้กวักเรียกผม


          เเละเเน่นอน ก็เดินตามไปอย่างว่าง่ายสิครับ


          พอทรุดตัวนั่งเรียบร้อย เเขนยาวของคนข้างกายก็ตวัดรอบโอบไหล่ผมทันที ผมหันกึ่งเงยไปมองคนที่ตัวสูงกว่า พี่เรนฉีกยิ้มจนเห็นหันเรียงสวยเเทบจะครบทุก32ซี่ ก่อนที่จะกดริมฝีปากลงมาตรงหน้าผากผมไวๆ


          ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะพี่เขามักจะหยอกล้อผมเเบบถึงเนื้อถึงตัวมาตั้งเเต่ไหนเเต่ไรจูบปากกันยังเคยมาเเล้ว(ตอนนั้นมันอยากลองนี่) เเต่ในวินาทีนั้นผมกลับเห็นหน้าของใครอีกคนลอยเข้ามาในหัวพร้อมกับความคิดที่ตัวเองยังตกใจ


          ไม่อยากให้ทับรอย..


          นี่กูเป็นหมาไปจริงๆเเล้วใช่ไหมเนี่ย!


          จุ๊บ


          เสียง'จุ๊บ'ดังขึ้นในวินาทีต่อมา หากเเต่เป้าหมายที่ริมฝีปากกระจับนั้นสัมผัสไม่ใช่หน้าผากมน หากเเต่เป็นมือ..มือที่ผมยกขึ้นมากุมหน้าผากตัวเองไว้ได้อย่างทันท่วงที

          "โถ่ เอามือมาปิดเหม่งทำไมวะ ไม่ได้จุ๊บเหม่งมานานเเล้ว"ร่างสูงทำหน้างอเหมือนเด็กถูกขัดใจที่มองยังไงก็เด็กโข่งชัดๆ


          ผมถอนหายใจหนักๆที่อีกฝ่ายยังติดนิสัยเเบบนี้ไม่หาย ตั้งเเต่อนุบาลยันมหาลัย พี่แกไม่ได้คิดอะไรหรอกครับอยากทำก็ทำ ไอกลองเเต็กเคยเจอรอบนึงยังกลัวถึง ณ ตอนนี้เพราะจู่ๆเเกก็ดันพุ่งเข้าไปฟัดอย่างไร้เหตุผล เเถมพอลองถามก็ได้คำตอบง่ายๆมาเสมอ อย่างเช่น'มันน่าหมันเขี้ยว'บ้างล่ะ
'จู่ๆก็อยาก'บ้างล่ะ เพราะฉะนั้นความจำกัดความง่ายๆของไอเดือนคณะเก๊นี่คงจะเป็นคำว่าติสท์เเตกก็คงได้



          "พอเลยพี่ ถ้าไม่มีอะไรผมกลับเเล้วนะ"ผมเเกะมือใหญ่ออกจากไหล่ตัวเองซี่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือยอมคลายมือออกมาง่ายๆ


          "พรุ่งนี้เย็นว่างไหม"จู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้นส่งผลให้ผมเลิกคิ้วสงสัยเล็กน้อย


          "แปปนะพี่"ผมพูดพลางล้วงเอาสมุดโน๊ตเล่มเดิมขึ้นมาเปิดดูกำหนดการณ์



          "จริงๆเเล้วมีกะเย็นที่ร้านเฮีย เเต่ว่าตอนนี้ถูกไล่ออกมาเเล้ว สรุปว่าว่างครับผม"ผมตอบ


          พี่เรนพยักหน้าหงึกหงักเเบบเข้าใจ จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็คอะไรบางอย่างก่อนที่จะเงยหน้ามาบอกผม


          "งั้นไปดูหนังกันที่ห้างxxxตอนบ่ายนะ"


          "หืม? นึกไงชวนดูหนังวะพี่"ผมเลิกคิ้วสงสัย ร้อยวันพันปีไม่เคยชวน จริงๆก็บ่อยอยู่เหม่อนกันนะสมัยก่อนเพราะผมกับพี่เขาคอหนังเเนวเดียวกัน เวลานัดไปกับกลุ่มคนใหญ่ๆนี่พวกผมจะเป็นสองคนเเรกเลยที่หมดสิทธิ์การเลือกหนังที่อยากดู


          "จะได้เริ่มทำหน้าที่'แฟน'พี่ซักทีไง"


          เออว่ะ..ลืมไปซะสนิทเลย









ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter8
| Tiger and bear


          นี่มันอะไรกัน!


          ผมกรีดร้องประโยคนี้เป็นรอบที่ร้อยของวัน ใจนึกอยากจะมุดดินหนีหรือไม่ก็หายตัวไปจากตรงนี้


          ยามที่คนผ่านไปมาก็มองมาทางนี้ด้วยความสนใจซึ่งเป้าหมายที่ดึงดูดความสนใจไม่ใช่ใครอื่น


          ทั้งไอฝรั่งเเละพี่เรน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไร เเต่ทำไม...


          ทำไม! ทำไมกูต้องมายืนเป็นหลุมตรงกลางด้วยวะเนี่ย!!!


          "เป็นอะไรไปทำไมทำหน้าเเบบนั้น"รุ่นพี่ร่างสูงข้างกายก้มลงมากระซิบถาม เเต่นั่นไม่ใช่คำถามหรอกครับ เพราะรอยยิ้มกว้างๆนั่นบ่งบอกได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังเเกล้ง


          เพราะพี่เขาก็คงรู้คำตอบอยู่ในใจ


          เมื่อคนหน้าตาบ้านๆอย่างบักธีร์ถูกขนาบด้วยชายหนุ่มรูปงาม ร่างสูง หุ่นดีทั้งซ้ายเเละขวา นอกจากส่วนสูงที่มองยังไงก็กลายเป็นหลุม เเถมยังถูกออร่ากลบจนมิดจนจากหลุมธรรมดากลายเป็นหลุมดำ


          "ดูเรื่องอะไรดี"พี่เรนเปรยขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับคว้าเเขนผมลากไปยังจอฉายตารางหนัง


          หมับ!


          ไอฝรั่งก็ไม่น้อยหน้ารีบขว้าเเขนอีกข้างของผมก่อนจะเดินตามมาจนมองดูคล้ายเด็กอนุบาลเล่นต่อกันเป็นรถไฟ



          ผมถอนหายใจหนักๆมองคนสองคนที่ยืนพ่นภาษาอังกฤษใส่กันยามที่ถามความเห็นเรื่องหนัง จะว่าไงดีล่ะครับ วันนี้ผมก็มาตามนัดของพี่เรนนั่นเเหละเเต่ไอฝรั่งหมีควายมันดันตื่นมาเห็นตอนที่ผมกำลังจะออกมา พอมันถามว่าจะไปไหนผมก็ตอบมูฟวี่ๆไป จากนั้นมันก็เผยยิ้มกว้างทั้งยังบอกให้ผมรอเพราะมันจะมาด้วย เเละเเน่นอนว่าผมทั้งห้ามทั้งส่ายหน้าส่ายหัวเเบบที่ปากก็บอกเเต่'โนวๆๆๆ' เเต่ดูเหมือนยิ่งนับวันมันยิ่งหน้าด้านขึ้นทุกที มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จากนั้นก็เป็นฝ่ายลากผมออกมาเเทน


          "เอาเรื่องนั้นอ่ะพี่ น่าดูนะพี่ผมไปดูตัวอย่างมาละ"พอเห็นทั้งสองฝ่ายยังถกกันไม่จบไม่สิ้น ผมก็เอ่ยขึ้นเเทรกจากนั้นก็จิ้มไปยังหนังเรื่องนึงบนจอฉายตารางเวลา



          "เออ คิดเหมือนพี่เลย เเต่ไอนี่มันบอกไม่เอา"ว่าเเล้วก็พยักเพยิดหน้าไปทางไอคนตัวใหญ่ไซส์ชาวตะวันตกที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก



          "อ่าว..งั้นอยากดูเรื่องไหน"ผมว่าอย่างเสียดายหน่อยๆ เเต่ก็นะพอย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์วันเเรกที่เจอกันตอนที่พามันขึ้นห้องครั้งเเรก(?)มันคงจะกลัวมากอยู่



          ใช่ครับ..หนังที่ผมกับพี่เรนชอบน่ะ ไม่ผีก็พวกฆ่าหั่นศพ โรคจิตๆ อะไรเทือกๆนั้น เลยบอกไงครับว่าถ้าไปกับเพื่อนเยอะๆพวกผมนี่จะไม่เคยได้รับสิทธิ์การเลือกหนังเลยซักครั้ง


          "Ah..that's okay"ไอหมีควายพูดเเล้วยิ้มเเห้ง


          "โอเคเเน่นะ?"


          มันพยักหน้าหงึกหงักมาเเทนคำตอบ ผมเผยยิ้มกว้างอย่างดีใจเพราะดูหนังผีในโรงนี่มันฟินยิ่งกว่าฟินอีกนะครับ! ทั้งบรรยากาศมืดๆแอร์เย็นๆไหนจะเสียงที่ดังมาจากรอบด้านทั้งเสียงกรี๊ดจากคนดูคนอื่น ไม่ว่ายังไงก็ดีจริงๆเนี่ยเเหละ


          ผมไม่รอช้าตรงไปซื้อตั๋วหนังทันทีโดยที่มีไอบักษ์สองตัวพ่วงตามหลังมา


          "ทั้งหมด480ค่ะ"


          ฟรึ่บ


          "It's on me (ผมจ่ายเอง)"ไอหมีควายครับ


          "No, it's on me(ไม่ ผมต่างหาก)"พี่เรนครับ


          "It's-on-me"คราวนี้ไอหมีควายมันเน้นทีละคำครับ


          "So just pay for your own.(ถ้าอย่างนั้นก็จ่ายเเค่ส่วนของคุณ)"พี่เรนยังไม่ยอมเเพ้ครับ


          ภาพผู้ชายสองคนที่ในมือของทั้งคู่ถือธนบัตรสีม่วงไว้คนละใบ โดยทั้งสองมือกำลังถูกยื่นไปให้พนักงานผู้โชคร้ายคนนั้นพร้อมกันทันทีหลังจากที่เจ้าหล่อนขานยอดรวมออกมา


          ถึงจะฟังไม่รู้เรื่องเเต่ดูจากท่าทางที่เหมือนถกเถียงกันเเบบไม่มีใครยอมใครนั้น ก็ทำเอาคนที่ยืนหน้ามึนอย่างผมพอเข้าใจสถานการณ์ได้อยู่


          เเย่งกันจ่ายชัวร์ครับ..



          "No. I'll pay for Thee's part.(ไม่ ผมจะจ่ายในส่วนของธีร์ด้วย)"ยังไม่หยุดครับ


          "That's what i need to do.(นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องทำต่างหาก)"


          "Why?(ทำไม)"


          "Because i'm his boy...(เพราะว่าผมเป็นเเฟ..)"



          "จะยืนเถียงกันเป็นเด็กอีกนานไหมครับคุณๆทั้งสอง ดูข้างหลังหน่อยพี่จะเเดกหัวผมอยู่เเล้วเนี่ย"ผมพูดขึ้นขัดส่งผลให้ทั้งคู่ชะงักเเล้วหันมามองทางผมที่ยืนชูตัวหนังสามใบให้เห็น จากนั้นก็พยักเพยิดหน้าไปยังเเถวที่ยาวเหยียดเบื้องหลัง


          ไอฝรั่งเลยได้เเต่ส่งยิ้มเเห้งหน้าดูเจื่อนลงไปถนัดตา ส่วนพี่เรนก็ยกมือขึ้นเกาหัวเเกรก ทั้งคู่เก็บเงินที่ถืออยู่ลงไป ก่อนที่พี่เรนจะเป็นฝ่ายพูดทั้งยังเกี่ยวคอผมเข้าไปหาเเล้วพาเดินออกมา


          "โทษทีๆ นี่หนังเข้ากี่โมง"


          "อีกชั่วโมงอ่ะพี่ พี่หิวเปล่า หาไรกินก่อนไหม"ผมก้มมองนาฬิกาก่อนจะเงยหน้าไปถามรุ่นพี่ที่รู้สึกว่าจะไม่ได้กินอะไรมาตอนเช้า


          "ก็นิดหน่อย เเต่ไม่เอาหรอกเก็บท้องไว้กินป็อปคอร์นดีกว่า"พี่เรนฉีกยิ้มโชว์ฟัน มือนึงก็ลูบท้องตัวเองยามพูดถึงขนมที่ขาดไม่ได้เมื่อดูหนัง


          เมื่อคำตอบไม่ได้ต่างจากที่คาดไว้ ผมเลยหันไปจะถามความเห็นของอีกคนที่เดินตามหลังมาเเบบโคตรเงียบ จนเเวบนึงผมลืมไปเเล้วว่าไอหมีควายนี่อยู่ด้วย


          "โอเคป่ะวะ?"ผมถามมันเมื่อเเกะเเขนตุกเเกที่รัดคอไว้ออกได้


          ไอฝรั่งสะดุ้งน้อยๆเเล้วก้มลงมาสบตาผมเเวบเดียวเท่านั้นก่อนที่มันจะเสหน้าหนีจากนั้นก็พยักหน้า ผมไม่ได้ติดใจอะไรกับท่าทางเเปลกๆของอีกฝ่ายก็เลยพยักหน้าให้มันเป็นเชิงรับรู้


          ผมหันกลับมากะจะถามรุ่นพี่คนสนิทว่าจะทำอะไรกันดีระหว่างรอ ใบหน้าหล่อเเบบที่มีเชื้อชาวตะวันตกไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่งยกยิ้มเล็กๆ ดวงตาสีน้ำตาลยามต้องเเดดจับจ้องไปที่ไอฝรั่งจากนั้นก็ขยับปากเเบบไม่มีเสียงที่ผมก็ไม่รู้เรื่อง ตบด้วยยักคิ้วให้อีกสองที


          ไอสองคนนี้นี่มันยังไง





-----------------------------------

          "เยส!"


          "ชิ! ไหนบอกเป็นหมอไงวะ!"


          เสียงโหวกเหวกของหนุ่มลูกครึ่งที่ถึงเเม้ร่างกายจะปากไปยี่สิบกว่าหากเเต่สมองยังเป็นเด็ก ร่างสูงเริ่มเผยสีหน้าง้ำงอเเบบที่หลุดมาดมาได้ซักพักหลังจากที่พวกเราเลี้ยวเข้ามาสิงสถิตอยู่ ณ สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า


          เกมเซ็นเตอร์..


          พวกผู้ชายนี่สนิทกันง่ายจริงๆด้วย


          ภาพตรงหน้าเป็นสิ่งที่สามารถยืนยันประโยคข้างบนได้ดีสุดๆ ไอฝรั่งที่มีรอยยิ้มล้อเมื่อไอคนคุยโวว่าเก่งงั้นงี้เเล้วท้าเเข่งเเต่ดันเเพ้มาสามตาติด


          "หมอบ้าอะไร ชู๊ตลงเเม่งทุกลูก"คราวนี้พี่เเกบ่นออกมาเป็นภาษาไทย ไอผมที่ยืนยิ้มๆมองการทะเลาะเด็กๆ ทั้งคู่คุยกันจนน่าจะรู้จักกันดีพอสมควรเพราะเห็นพี่เรนบ่นๆตลอดว่าไอฝรั่งเนี่ยนะหมอ ซึ่งผมคิดว่าที่พี่เเกบ่นก็เพราะอิจฉาเนี่ยเเหละ



          "พี่กากเองรึเปล่า"


          "ไอธีร์! พูดงี้เจอไหม? ซักตาๆ"


          "ขอผ่านว่ะพี่ หนังจะเข้าละเผื่อเวลาไปซื้อของกินด้วย..อีกอย่าง..กลัวทำคนเเถวนี้หน้าเเตกว่ะ ฮ่าๆ"ผมหัวเราะออกมาเสียงดัง พี่เรนง้างมือขึ้นเเต่ครั้งนี้ผมรู้ทันครับ โยกตัวหลบฝ่ามือที่เล็งมาตรงหัวผมได้อย่างเฉียดฉิว


          วืดไปสิครับ ฮ่าๆๆ


          "ป่ะๆ ไปกันเถอะเนอะไอหมีควาย" พอพี่เรนกำลังเริ่มตั้งท่าจะเข้ามาตะปบ ผมก็รีบคว้าเเขนอีกคนเเล้วพาตัวเองไปหลบข้างหลังเพื่อใช้มันเป็นที่กำบัง เเล้วจัดการลากมันออกมาเเล้วตรงไปโรงหนังโดยมีพี่เรนเดินตามมาหวังจะตบหัวผมให้ได้


          กว่าจะถึงโรงหนังก็โยกตัวหลบไปมากันอยู่หลายตลบ เเบบที่ไม่เเคร์สายตาคนรอบข้างว่ามองมาด้วยสายตาเเบบไหน ซึ่งส่วนมากคงมองว่าไอพวกนี้เป็นอะไรกันเล่นกันอย่างกับเด็กอนุบาล



          "เพราะพี่เลย มัวเเต่เล่นอะไรไม่รู้หนังเล่นเเล้วเนี่ย"ผมหน้ามุ่ยในระหว่างที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ในขณะที่รอรุ่นพี่ตัวสูงยืนสั่งป็อปคอร์นที่ดูท่าว่าพนักงานจะอ้อยอิเอียงกับการรับออเดอร์หนุ่มคนนี้ซะเหลือเกิน


          "สรุปเอาเป็นรสชีสกับบาบีคิวนะคะ"


          "ครับ"


          "สนใจเป็นเซ็ตไหมคะ"


          "ไม่ครับ"


          "เซ็ตจะคุ้มกว่านะคะ พวกคุณมาตั้งหลายคน"


          "เอาเเบบเดิมครับ"


          "งั้นสนใจรับเป็นเเบบ..."


          "เอาเเบบเดิมครับ"


          "น้ำ.."


          "โค้กครับ"


          "ลอง..."


          "เอาโค้กครับ"พี่เรนพูดเสียงเข้มขึ้นนิด พนักงานเห็นว่าอารมณ์เริ่มไม่ดีก็รีบพยักหน้าปรกๆหันไปตักป็อปคอร์นกดน้ำเเล้วคิดตังให้อย่างรวดเร็ว


          จะดูหนังโว้ยยยย!



          "น่ารำคาญ"เเละตามเสต็ปพอได้รับทั้งน้ำเเล้วขนมมาอยู่ในมือพี่เรนก็พูดออกมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย อย่างที่ยังเดินไม่พ้นเคาท์เตอร์ขายด้วยซ้ำจนพนักงานที่ได้ยินนี่หน้าถอดสี


          "ให้ผมไปซื้อก็จบเเล้ว"


          "เอาหน่า พอดีเข้าโรงโฆษณาก็จบพอดีเนี่ย"พี่เรนว่าพร้อมระบายยิ้มกว้างเเบบที่คนมองปรับอารมณ์เเทบไม่ทัน


          ผมไม่ได้ตอบอะไรพยักหน้ารับนิดหน่อยเเล้วเดินนำไป




-----------------------------------




          "สนุกมากกก อดใจรอภาคสองไม่ไหวเเล้ว"หนุ่มผิวเข้มพูดไปเดินไปใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเเย้มเมื่อคิดถึงหนังที่เพิ่งได้ดูไปเมื่อสักครู่


          ถึงตอนเข้าไปผู้ชายร่างยักษ์สองคนจะตีกันเรื่องที่นั่งนิดหน่อย ไปๆมาๆผมเลยจัดการนั่งคั่นทั้งคู่เอาซะเลย ซึ่งสองฝากฝั่งนี่มาอารมณ์คนละขั้วเลยก็ว่าได้


          "เออ คิดเหมือนกัน ซาวนี่ได้ใจสุดๆซีจีก็ดี"คนคอเดียวกันก็ว่าด้วยรอยยิ้ม ทั้งผมเเละพี่เรนต่างคุยกันเรื่องหนังไม่หยุดปากจนลืมคนที่เดินตามหลังมาด้วยใบหน้าซีดเซียวเสียเเล้ว ฝรั่งร่างใหญ่ที่เดินรั้งท้ายทั้งคู่มาหน่อยมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่อธิบายไม่ได้


          "เดี๋ยวผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ พี่ไปป่ะ"



          "ไม่ล่ะ"



          "เเล้วมึงอ่ะ"ผมพยักเพยิดหน้ามาหาคนด้านหลังที่ท่าทางเหม่อๆ สงสัยจะกลัวไม่หายหวังว่าวันนี้คงไม่เก็บเอาไฝันหรอกนะ


          ไอหมีควายส่ายหน้า ด้วยความที่ท่อใกล้เเตกเต็มทนผมเลยรีบรุดเดินออกไป โดยที่ลืมคิดไปเลยว่า..


          เเม่งฟังออกได้ไงวะ..


-------------



          "มีอะไรรึเปล่า"พอคนตัวเล็กเดินออกไป คนที่ถูกเรียกว่าฝรั่งก็ถามเสียงทุ้มเเต่ยังคงความสุภาพไว้ในน้ำเสียง ทั้งยังระบายยิ้มบางอย่างเคยชิน


          เมื่อกี้เขาฟังไม่ออกหรอกว่าธีร์พูดว่าอะไร เเค่คนที่ได้ชื่อว่าเป็น'รุ่นพี่คนสนิท' ขยับปากบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย


          "ถามตรงๆเลยนะ ชอบมันหรอ"พี่เรนถามตามตรงไม่อ้อมค้อมจนคนถูกถามขมวดคิ้วฉับ พลันรอยยิ้มค่อยๆเลือนหาย


          "เเค่นี้ฉันดูออกหน่า ไม่ได้โง่เหมือนเด็กนั่นหรอก"พออีกคนเงียบไปทั้งมีสีหน้าเคร่งขึ้น เรนก็ว่าด้วยท่าทางสบายๆเหมือนคำถามที่ถามไปเป็นคำถามธรรมดาทั่วไป เเต่ตาคมก็ยังไม่ละออกจากคนตรงหน้าซักนิดที่เขาถามก็เพื่อดูปฏิกริยา


          "ถ้าชอบเเล้วยังไง?"ออสตินพูดเสียงนิ่งก่อนที่รอยยิ้มเเบบเดิมกลับมาปรากฏบนใบหน้าอีกครั้ง ราวกับว่ารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะเล่นสงครามประสาท


          คำตอบที่ได้รับทำเอาหนุ่มลูกครึ่งเลิกคิ้วสูงอย่างเเปลกใจ  ยอมรับว่าตอนเเรกก็ตกใจหน่อยๆที่น้องคนสนิทพกไอฝรั่งขี้นกคนนี้มาด้วยเเถมยังบอกว่าอยู่ด้วยกันมาเป็นเดือนๆอีกต่างหาก ไอน้องโง่ๆบอกว่ามันเป็นรูมเมท หากเเต่สิ่งที่เขาเห็นมาตลอดทั้งวันมันไม่ใช่สายตาที่เพื่อนหรือพี่น้องเขามองกันหรอกนะ


          เเต่ดูจากท่าทางคงยังไม่ได้รุกหนัก จะว่าไงดีล่ะ..ดูยังอยู่ในภาวะสับสนล่ะมั้ง


          ถ้าถามว่ารู้ได้ยังไง บอกเลยว่าฟีลลิ่งล้วนๆ เเล้วทุกคนคงเคยได้ยินวลีที่ว่า'ผีย่อมเห็นผี'



          "ก็ไม่ยังไง..เเต่ไอธีร์มันมีเจ้าของเเล้ว"เรนยักไหล่เหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มกว้างโชว์ฟัน หากเเต่เป็นรอยยิ้มร้ายเหมือนกำลังได้เล่นสนุก


          รอยยิ้มบางของสัตวเเพทย์หนุ่มกระตุกเล็กน้อยเเต่ก็พยายามคงสีหน้าเอาไว้


          "มาบอกผมทำไม"


          "คงเพราะไม่ชอบใจ ไม่ชอบใจที่คนอื่นมาอยู่ใกล้คนของผม สำหรับคุณน่ะมันอาจจะเป็นเเค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้ เเต่สำหรับผมน่ะ..."



          "It's not only like but it's a love (มันไม่ใช่เเค่ชอบ เเต่มันคือรัก)"



          จบประโยคดวงตาสองคู่ก็ประสานกัน เเต่ด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน เเต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือความมุ่งมัน


          ไม่รู้ผ่านไปกี่วิ รอยยิ้มบางๆของหมอหมาก็เเปลเปลี่ยนเป็นการเหยียดยิ้ม จากนั้นก็ว่าเสียงหนักเเบบที่ทำให้ตาอีกคู่วาววับขึ้นมา


          "So what?(เเล้วยังไง?)"




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
หื้มมมมม จบตอนแล้วเหรอคะ ออสตินยังหง่าวเหมือนเดิมเลย  :ling1:

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ชอบพี่ออสตินเชียร์พี่ออสติน so what? ของพี่ได้ใจหนูมากค่ะ55555555

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ NUBTANG

  • Nothing is impossible. "[+++++]"
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ต่อออออออ มาต่อด้วยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 9
| heart attack


          ในยามที่คนสองคนเเผ่รังศีอัมหิตใส่กันอย่างชัดเจนขนาดที่คนเดินผ่านไปมายังสัมผัสได้ บางคนมีเเอบลุ้นอยู่ในใจว่าทั้งคู่จะต่อยกันหรือไม่ จนกระทั่งมีผู้ชายร่างเตี้ยผิวเข้มคนนึงเดินเข้ามาด้วยสีหน้างงงวย


          "นี่เล่นจ้องตากันหรอ"ผมถามเสียงเเป๋ว กระพริบตาปริบๆมองสัตว์ป่าสองตัวยืนจ้องหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ


          เเละเหมือนคำถามโง่ๆก็พัดพาบรรยากาศมาคุเมื่อกี้ไปได้อย่างหมดสิ้น เหลือเพียงเเค่เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของรุ่นพี่ เเละสีหน้างงๆของไอฝรั่งที่หันซ้ายทีขวาทีเหมือนต้องการคำแปล


          "โอ้ย! กูไม่ไหวเเล้ว ฮ่าๆๆๆ ไอธีร์มึงนี่มัน..ฮ่าๆๆ"เรนว่าไปหัวเราะไปพลางขำจนน้ำตาเล็ด ซึ่งเหตุการ์ณเเบบนี้โคตรคุ้นเลยครับ


          นี่พี่เรนเป็นญาติกับพี่เต้ป่ะวะ มาเเบบเดียวกันเด๊ะ



          "เอ้า! ขำเข้าไป เเล้วนี่จะกลับเลยป่ะ"ผมเบ้ปากน้อยๆใส่รุ่นพี่ก่อนจะพาเปลี่ยนเรื่อง พี่เรนกลับมายืนตรงๆจากนั้นก็กระเเอมกระไอเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเเต่ยังคงไม่หยุดอมยิ้ม


          "งั้นเดี๋ยวเเยกกันตรงนี้เลยนะ"ผมว่าเมื่อก้มมองนาฬิกา


          "เออๆ ไว้เจอกันพรุ่งนี้"


          ฟอด


          ในจังหวะที่คิดว่าพี่เรนได้หมุนตัวจะไปเเล้ว พี่เเกดันพิเรนท์สมชื่อหันกับมาใช้เเขนโอบรอบคอผมก่อนจะก้มลงมาหอมเเก้มไวๆ ด้วยความตกใจผมเลยรีบผลักออก


          "หน้าเเดงนะเรา เขินพี่หรอ กิ้วๆ"ร่างสูงยิ้มหยอก


          "เขิน.."คำตอบที่ได้รับทำเอาคนถามเล่นๆใจกระตุกวูบ เเต่วูบได้ไม่นานผมก็พูดต่อให้จบ


          "เขินก็เหี้ยละไอพี่เวร!!"นานๆทีผมจะพูดคำหยาบหับคนอายุมากกว่านะเนี่ย พี่เรนนี่เป็นข้อยกเว้นเลย


          ที่หน้าดำหน้าเเดงคงไม่ใช่เพราะพี่เรน หากเเต่เป็นสายตาของคนรอบข้างต่างหาก


          หมับ


          เเขนยาวๆวางพาดเข้าที่ไหล่ผม มือก็จับเข้าที่หัวไหล่เเล้วออกเเรงดึงเบาๆเเต่ไอเบาๆของไอฝรั่งก็มาพอที่จะทำให้ผมเซเเล้วตรงเข้าไปประทะอกเเข็งๆของมัน


          "Let's go our home(กลับบ้านเรากันเถอะ)"


          ไอฝรั่งพูดเสียงนุ่มอย่างเคยหากเเต่ใบหน้ากลับไม่ประดับรอยยิ้มอย่างปกติยามที่สายตาก็จ้องไปทางรุ่นพี่คนสนิท พอมันรู้ตัวว่าผมเงยหน้ามองมันอยู่ มันก็ก้มลงมาสบตาก่อนจะเผยยิ้มบางๆ ก่อนที่ผมจะเริ่มเข้าใจได้ถึงอะไรบางอย่าง...


          อ้อ..อยากกลับบ้านสินะ




----------------



          หมับ


          "มีอะ..เฮ้ย!!"ผมร้องเสียงหลงทั้งๆที่ยังพูดไม่จบประโยค ผมเเละมันกลับมาได้ซักพักใหญ่ๆจนต่างคนต่างอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยเเล้ว เเต่ในจังหวะที่ผมจะเดินไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาที่รัก คนร่างยักษ์ก็เดินมาประชิดจากด้านหลัง


          จากนั้น..ก็เเบกผมขึ้นบ่า


          "ปล่อยเว้ย! เล่นบ้าอะไรวะเนี่ย!"ผมเเหกปากลั่น พยายามดิ้นเเต่ก็ไม่กล้าดิ้นเเรงกลัวมันทำผมหลุดมือหัวจิ้มพื้นคอหักตายคาที่


          ไอฝรั่งวางผมบนเตียงอย่างเบามือ พอผมทำท่าจะลุกมันก็ใช้เเขนกดไหล่ผมให้กลับไปนอนท่าเดิม สมองที่ซึ่งรอยหยักน้อยเล่นเร็วจี๋ เมื่อประมวลผลเสร็จพลันทั้งขนเเขนขนขารวมถึงขนตูดก็พลันลุกชัน



          มันเป็นเกย์


          ความจริงข้อนี้ลอยเข้ามาในหัวตัวโตๆทั้งยังขีดเส้นใต้ย้ำๆจนมันอดไม่ได้ที่จะคิดไปไกล..     


          เเบกเข้ามาในห้องมืดๆ > โยนลงเตียง > มันตามขึ้นมา> เสียเอกราช


          หรือว่าที่มันเข้ามาจูบๆลูบๆคลำๆเพราะว่าหวังจะทะลวงผมวะ!



          ในยามที่หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเป็นเพราะตัวเองคิดน้อยไปหรือยังไงหรือวันนี้ดันคิดมากเกินไป ตอนเเรกคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติของฝรั่งเสียอีก


          ความคิดเวิ้นเว้อทั้งหมดถูกหยุดลงด้วยไออุ่นจากคนข้างกายที่ทิ้งตัวลงมานอนข้างกันตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ราวกับกระเเสไฟฟ้าเเล่นผ่านแปรบยามที่เเขนเเน่นๆของอีกฝ่ายถูกเข้ากับเเขนของผม


          วินาทีนั้นผมรู้ได้ทันทีเลยว่า


          ฉิบหาย


          หากเเต่ความฉิบหายไม่ได้เกิดจากคนข้างๆ เพราะหลังจากที่ไอหมีควายทิ้งตัวลงนอน อีกฝ่ายก็ทำเพียงเอื้อมมือไปปิดไฟจากนั้นก็หลับตาลง


          ต่างจากผมที่หัวใจยังไม่หยุดเต้นระรัว


          จนอดที่จะยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกตัวเองไม่ได้

     
          นี่มันฉิบหาย ฉิบหายสุดๆ


          ยัง..ยังไม่หยุดเต้นเเรง


          คิ้วทั้งสองเคลื่อนเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ สีหน้าเริ่มย่ำเเย่ลงเหมือนคนจะร้องไห้ ความคิดเดียวที่มีอยู่ในหัวทำเอาผมกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ


          ผมเป็นโรคหัวใจหรอวะเนี่ย!



          "เอ่อ.."เสียงเรียกจากคนข้างกายทำผมสะดุ้ง ทั้งมันยังตะเเคงข้างหันมาป๊ะหน้ากับผมขนาดที่หน้าห่างกันไม่เท่าไหร่


          "Can i hug ?(กอดหน่อยได้ไหม?)"


          ไม่รู้หรอกว่าเเปลว่าอะไรเเต่ด้วยความที่ยังมึนๆเบลอผมก็เผลอพยักหน้าไปเสียเเล้ว


          ผมเห็นมันยิ้มอย่างดีใจในความมืดก่อนที่เเขนหนาจะพาดเข้าที่เอวผม มันไม่ได้ดึงเข้าไปให้เเนบชิด เพียงเเค่กอดไว้อย่างนั้น จะว่าไงดี เป็นกอดที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย..ล่ะมั้ง


          "Do you have a boyfriend?(มีเเฟนเเล้วหรอ)"จู่ๆมันก็เอ่ยถาม


          ลองเดาสิครับว่าฟังออกไหม ถ้าคิดว่าไม่..


          คุณคิดผิดว่ะครับ


          "โนวๆ ถามทำไมอ่ะ เอ่อ..วายยูอาร์ค"ผมตอบอย่างคนเก่งอังกฤษสุดๆ


          "Um..nothing (อืม ไม่มีอะไรหรอก)" มันว่าเเบบนั้น ทั้งยังฝังหน้าไปกับหมอใบโต ด้วยความที่สายตาผมปรับได้กับความมืดพอสมควร มันก็ไม่ยากเลยที่ผมจะเห็นรอยยิ้มที่ปิดไม่มิดของอีกฝ่าย


          รอยยิ้มกว้างที่ผมเคยเห็นครั้งสองครั้งเเล้วฟันธงกับตัวเองเลยว่าเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์สุดๆ



----------------------------


Darren's part



          [พี่เรน! อย่ามาหลอกเตยเเบบนี้!]เสียงเเหลมสูงจากปลายสายทำเอาร่างสูงขมวดคิ้วรำคาญหากเเต่ก็ทำอะไรไม่ได้หลังจากปิดเครื่องมาตลอดทั้งวัน พอเปิดขึ้นมาปุ๊ปก็พบว่ามีมิสคอลนับร้อยสายของสาวเจ้าทั้งยังมีข้อความที่ส่งรัวๆเสียจนโทรศัพท์ค้าง หากเเต่คนโผงผางตรงไปตรงมาอย่างเขากลับทำอะไรไม่ได้


          'ถ้าพี่เรนยังทำเเบบนี้เตยจะฟ้องพ่อ!'


          คำขู่อย่างกับเด็กอนุบาลที่บอกเขานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ใช่ว่ากลัว เเต่ขี้เกียจเเก้ปัญหาน่ารำคาญที่จะตามทีหลังต่างหาก


          จริงๆทั้งหมดก็น่าจะเป็นเพราะเขาทำตัวเองเนี่ยเเหละ ที่ตอบรับพวกผู้ใหญ่ไปส่งๆโดยที่ไม่ได้ฟังรายละเอียดจนกลายเป็นว่าต้องรับน้องคนนี้มาดูเเลตลอดสามเดือนเพราะพ่อของหล่อนต้องไปดูงานต่างประเทศ


          "พี่หลอกอะไร"เรนพูดไปถอนหายใจไปเหมือนเหนื่อยเต็มทน


          [ก็หลอกว่าไอดำนั่นเป็นเเฟนพี่ไง! พี่เป็นผู้ชายจะมีเเฟนเป็นผู้ชายได้ยังไงเล่า!]


          "อย่าพูดถึงธีร์เเบบนั้น"เสียงทุ้มถูกกดต่ำจนหน้ากลัวจนคนฟังถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะเเต่ไม่นานโทนเสียงจะกลับมาเป็นปกติ"อีกอย่างพี่บอกเเล้วไงว่าพี่ชอบผู้ชาย"


          [ไม่จริง! พี่ก็เเค่หลอกเตยเพราะกลัวว่าจะถูกผู้ใหญ่จับคู่ใช่ไหมล่ะ!]


          ฉลาด


          เเต่ยังไม่สุด


          "นั่นก็ส่วนหนึ่ง เเต่จริงๆเเล้วพี่รำ..เเค่นี้ก่อนนะ"ใจจริงก็อยากจะพูดให้จบๆเคลียร์ๆกันไปเลยหากเเต่สายตาก็ไปกระทบเข้ากับอะไรบางอย่างจนเขาต้องเปลี่ยนใจ


          [พี่เรน! พี่..! ตู๊ดดดด]เสียงเเหลมบาดเเก้วหูเรียกชื่อเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ชายหนุ่มจะกดตัดสายโดยไม่ลืมจะปิดเครื่อง


          ดาร์เรนเดินปรี่เข้าไปยังผู้ชายร่างสูงหากเเต่ไม่เท่าเขา ผมสีดำสนิทเรียบกริบด้วยเจลเเต่งผม หากเเต่ที่สะดุดตาที่สุดคงเป็นชุดสูทที่เนี้ยบตั้งเเต่หัวจรดเท้า


          "มารอใครครับ"


          เขาย่องเข้าไปด้านหลังของชายชุดสูทคนนั้นก่อนจะก้มลงกระซิบถามที่หูอีกฝ่ายเบาๆจนอีกฝ่ายสะดุ้งหันขวับมาด้วยความรวดเร็วส่งผลให้หัวนั่นฟาดเข้าเต็มๆกับคางเขา

          "โอ้ะ!"


          อื้อหือ คุ้มค่าจริงๆ


          "อ่า..ขอโทษครับตกใจไปหน่อย ก็มาหาคุณนี่เเหละครับ รู้สึกว่าเมื่อคราวก่อนที่มารบกวนจะลืมของไว้"อีกฝ่ายพูดด้วยรอยยิ้มบางๆชวนให้คิดถึงไอฝรั่งนั่นจริงๆหากเเต่มันมีข้อเเตกต่างคืออย่างน้อยไอฝรั่งมันก็ยิ้มเพราะหน้ามันยิ้ม(?) เเต่คนตรงหน้าเขามันต่างออกไปเล็กน้อยก็ตรงที่รอยยิ้มที่เห็นมันถูกปั้นขึ้นมาล้วนๆเลยนี่สิ


          "อ้อ..งั้นขึ้นมาก่อนสิครับ"หนุ่มลูกครึ่งพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ ในเมื่ออีกฝ่ายเล่นมาซะเป็นทางการขนาดนั้นจะไปปีนเกลียวใส่ก็กระไรอยู่ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่

          ถึงเเม้ว่าจะปีนไปเเล้วรอบนึงก็เถอะนะ


          เรนพาร่างขอตัวเองพ่วงรุ่นพี่ที่พบกันด้วยความบังเอิญในไม่กี่วันที่ผ่านมา ร่างในชุดสูทเดินตามเข้ามาในห้องอย่างเว้นระยะห่าง ท่าทางที่สุภาพนุ่มนวลราวกับถูกสอนมาอย่างดี ทั้งการพูดการจาก็ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยจนหมดความน่ารัก หากเเต่ในสายตาเขาอีกฝ่ายก็เป็นเพียงเเค่'ลูกเเมว'ขี้ระเเวงตัวน้อยๆก็เท่านั้น


          "เเล้วลืมอะไรไว้หรอครับ"เขาถามทั้งๆที่ก็รู้อยู่เเก่ใจ


          "อ่า..สร้อยคอน่ะครับ ที่มีเเหวนคล้องอยู่"อีกฝ่ายยังคงท่าทางสงบนิ่ง ตาที่ไม่ได้กลมโตดูน่ารักหากเเต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจไม่น้อยกวาดมองรอบห้อง ก่อนที่คิ้วทั้งสองจะขมวบฉับ



          "เอ..ผมไม่เห็นเลยนะครับ จะลองหาดูก่อนไหมเดี๋ยวผมช่วย"



          "หาตอนนี้ก็ไม่เจอหรอกครับ ว่าเเต่ทำไมห้องถึงกลับมารกได้ไวขนาดนี้"คิ้วของคนพูดกระตุกเล็กน้อยเมื่อจำได้ว่าไม่กี่วันก่อนเขาทนสภาพห้องนี่ไม่ไหว สัญชาตญาณพ่อบ้านมันเเรงจนสุดท้ายก็ห้ามตัวเองไม่ให้ทำความสะอาดให้ไม่ได้ เเต่นี่...เพียงเเค่หายไปไม่กี่วัน ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม.. ซึ่งคนทำรกก็ไม่ได้ตอบอะไรเเค่ฉีกยิ้มมาให้ก็เท่านั้น


          "เเผลเป็นไงบ้างครับ หน้ายังช้ำอยู่เลยนิ"ในช่วงที่เหมือนว่าอีกคนกำลังคิดหนัก เรนใช้จังหวะนี้เข้าประชิดตัวถามเสียงนุ่มเเล้วใช้มือเชยคางคนที่เตี้ยงกว่าขึ้น


          อีกฝ่ายมีสีหน้าตะหนกอยู่เเวบนึง ดวงตาสีนิลอย่างชาวเอเชียเเท้ฉายเเววไม่พอใจหากเเต่ใบหน้าก็ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม เเล้วปัดมือเขาออกอย่างที่ดูไม่น่าเกลียด


          "ก็ดีขึ้นเเล้วล่ะครับ"


          "ผมว่ายังนะ สรุปได้ไปหาหมอรึเปล่า"คนเป็นรุ่นน้องเเย้งเมื่อมองไล่ไปตามโครงหน้าคมผิวขาวใสที่ประดับไปด้วยรอยสีม่วงอมเขียวเป็นจ้ำ ทั้งดวงตาทั้งโหนกเเก้มทั้งมุมปาก เเต่ที่หนักสุดคงเป็นที่จมูกรั้นๆที่มีผ้าแปะอยู่


          "เรียบร้อยเเล้วล่ะครับ"อีกฝ่ายว่าปัดเเล้วเบือนหน้าไปทางอื่นเป็นกลายว่าไม่ต้องยุ่ง เเต่มีหรือที่คนอย่างดาร์เรนจะทำตาม


          "ถอดก่อนเถอะครับ ท่าทางจะอยู่อีกยาว"ด้วยความที่เขายืนซ้อนอีกคนอยู่ด้านหลัง เรนก้มตัวลงนิดใช้เเขนยาวๆสองข้างสอดเข้าไปที่ข้างลำตัวของอีกฝ่าย มองเเล้วจะเรียกว่ากอดจากด้านหลังก็ไม่ผิดนัก นิ้วเรียวไล่ปลดกระดุมของสูทตัวนอกออกแบบที่เจ้าของสูทก็สะดุ้งปัดมือเขาออกทั้งยังผละหนีเว้นระยะไปหนึ่งช่วงตัว


          "คงไม่รบกวนดีกว่าครับ"คนโตกว่าพูดเสียงนุ่มรอยยิ้มบางๆยังคงไม่เลือนหาย เเต่ดวงตากลับเเข็งกร้าวจนน่ากลัว


          หมับ


          "อยู่ต่ออีกหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวผมทายาให้"เรนจับเเขนอีกฝ่ายไว้ก่อนที่จะเดินผ่านร่างเขาไปเพื่อไปยังประตูห้อง ส่งผลคิ้วเรียวของรุ่นพี่เริ่มขยับเข้าหากันเเบบที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว



          ไม่รอให้ได้คำตอบ เรนจัดการลากอีกฝ่ายที่ขืนตัวหน่อยๆมาที่โซฟาตัวยาวที่เต็มไปด้วยซองขนม เขากวาดมันลงไปที่พื้นอย่างไม่ใยดีก่อนจะกดไหล่ของรุ่นพี่เพื่อให้นั่งลง


          เขาทรุดตัวนั่งยองๆเพื่อปลดเสื้อตัวนอกของอีกคนให้เเต่คราวนี้อีกคนกลับเร็วกว่าฉวยไปปลดเองจนทำให้เขาเผยยิ้มกว้างเมื่ออีกคนเริ่มส่งสายตาไม่พอใจให้อย่างชัดเจน


          "ผมมีธุระต้องไปทำต่อ.."


          "ผมไม่ทำอะไรหรอกครับเเค่จะทายาให้ เดี๋ยวทาเสร็จให้กลับเลย สัญญาเลย"เรนพูดเสียงอ่อนเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังหลอกล่อเด็ก ทั้งยังยื่นนิ้วก้อยเเกว่งไปมา ซึ่งนั่นทำเอาคนโตกว่าคิ้วกระตุกเเต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา


          พอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป เรนก็เผยยิ้มดีใจเดินไปหยิบหลอดยาใหม่เอี่ยมที่ถูกใช้ไปเพียงครั้งเดียว เรนจับหน้าอีกฝ่ายให้เงยขึ้น บีบเจลใส่มือจากนั่นก็เเตะไปตามรอยเเผลช้ำเบาๆ เขาโน้มหน้าลงมาหน่อยเนื่องจากเขายืนค้ำหัวอีกคนอยู่เพื่อให้เห็นได้ชัดๆ เเต่เหมือนมันจะใกล้ไปหน่อย คนที่โตกว่าเลยหลับตาลงหนีปล่อยให้อีกฝ่ายทาไปเงียบๆ


          "เอสเปอร์"การเรียกชื่อห้วนๆทำเอาคนที่เเก่กว่าปีเดียวลืมตาขึ้นหันมองตัวการที่ส่งยิ้มมาให้ทั้งยังชูหลอดในมือส่ายไปมา


          "ผมทาเสร็จตั้งนานเเล้วนะ เห็นยังไม่ลืมตาซักที นี่ยังไม่หลับไปใช่ไหมครับ เอ..เพราะผมมือเบามากสินะถึงเคลิ้มขนาดนี้"เรนพูดอย่างภาคภูมิเเต่ยังคงความกวนประสาทไว้


          "งั้นผมกลับเเล้วนะครับ"เอสเปอร์เลือกไม่ตอบคำถาม เขาบอกเเล้วรีบรุดเดินออกจากห้องเเต่ไปไม่ถึงไหนก็เจอมารตัวเดิมมาผจญอีกครั้ง


          "วันนี้ไม่มีขอบคุณหรอครับ"เรนที่เดินเข้าไปขวางเลิกคิ้วถาม


          เอสเปอร์เหลือบมองหน้าคนถามเล็กน้อยเเล้วพูดออกมา


          "ขอบคุณครับ เเล้วก็ช่วยถอยออกไปให้ผมด้วย"เอสตอบรับด้วยเสียงโทนเดิมเเละใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้มที่ชักเริ่มยิ้มไม่ออก


          "เปล่า ผมอยากได้เเบบคราวที่เเล้วต่างหาก"เรนพูด ยกยิ้มร้ายเเบบที่ทำเอารอยยิ้มของคนตรงหน้าหุบฉับเหลือเพียงสีหน้าที่มีเเต่ความไม่พอใจ


          "ถอย"เอสเปอร์พูดห้วน ภาพลักษณ์ที่คงไว้ตลอดเป็นอันพังทลาย ใบหน้าเปลี่ยนมานิ่งเสียจนน่ากลัว เเต่มีหรือที่คนตรงหน้าเขาจะกลัว


          "ไม่ถอย"


          "ต้องการอะไร"พอเห็นอีกฝ่ายหลุดมาด เรนก็ยิ้มออก


          นี่เเหละ ลูกเเมวขี้พยศของเขาล่ะ


          "จูบ"


          คำตอบสั้นๆที่ถูกส่งออกมาทำเอาเลือดขึ้นหน้า เอสเปอร์ไม่รอให้คนเด็กกว่าพูดมากไปกว่านี้ เขาเดินกระเเทกไหล่อีกฝ่ายอย่างเเรงจนคนที่โดนชนเซเล็กน้อย


          คราวนี้ดาร์เรนไม่ได้ตามไปเซ้าซี้ต่อ เขาปล่อยให้คนเดินกระเเทกเท้าออกไป


          เขาเผยยิ้มขำทันทีกับท่าทีของอีกฝ่าย ดาร์เรนส่ายหัวน้อยๆก่อนจะล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง


          สร้อยเงินเส้นเล็กที่มีเเหวนสีเงินเช่นเดียวกับตัวสร้อยคล้องอยู่


          ตราบใดที่มีเจ้านี่ยังไงอีกฝ่ายก็ต้องกลับมาอีกอยู่ดี


          นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่คิดรั้งอีกฝ่ายไว้ให้วุ่นวาย...






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อุ้ย คู่รองน่ารักกกกกกกก

เชียร์ออสติน ลักพาตัวธีร์กลับบ้านเลย  :hao7:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เพิ่งเข้ามาอ่านนะ ชอบจัง
มาต่อด้วยนะครับ รอ รอ
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
น้องธีร์น่ารัก~~. ออสตินสู้ๆน้าาา :hao7:

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 10
| Sulk


Thee's part


          "Study?"


          "อ่าหะ ไอไปก่อนนะ"ผมหันไปตอบอีกฝ่ายที่นั่งหัวฟูอยู่บนโซฟา วันนี้ผมไปเรียนด้วยจิตใจเบิกบานอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน เเน่นอนว่าเหตุก็มาจากการได้นอนเต็มอิ่มเพราะมีเรียนบ่ายนี่เเหละครับ


          ไอฝรั่งไม่ได้พูดอะไรต่อเเล้วหันกลับไปดูสารคดีสะตว์โลกที่โลดเเล่นอยู่บนจอสี่เหลี่ยม ผมเห็นดังนั้นก็เลยไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดยัดๆรองเท้าจากนั้นก็ดิ่งตรงไปมหาลัยทันที



-----------------------------


          "ไอจีน!ไอพุ!"ทันทีที่สายตาสบเข้ากับร่างของเพื่อนสนิททั้งสองผมก็ยิ้มร่าเดินเข้าไปหา


          "ไม่ต้องมายิ้ม หมันไส้"ไอพุว่าด้วยหน้านิ่งๆ ตาคล้ำๆเหมือนคนอดหลับอดนอนของมันเหลือบมองผมนิด


          "เอ้า!กูยิ้มก็ผิด ไอจีนดูมันดิ"ผมเรียกหาตัวช่วยทันทีเเล้วตัวช่วยที่ว่าก็คงไม่พ้นเพื่อนตัวสูงที่ชื่อจีนเเต่หน้านี่โคตรไทย มันปรายตามองนิดก่อนจะหาวใส่


          ดูมันดิดูมัน!



          "เตี้ยเเล้วยังไม่เจียมอีก"ไอจีนครับ มันเป็นเพื่อนที่ผมไม่ค่อยอยากจะเป็นคู่เถียงกับมันเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมเริ่มเถียงมันจะสามารถเชื่อมโยงเรื่องความสูงกับเรื่องใดๆในโลกนี้ได้โดยไม่มีอาการสะดุด



          "เอ้อออ! กูยอม เเล้วนี่ไอแต็กไปไหนวะ ทิ้งกูให้อยู่กับพวกมึงนี่นรกชัดๆ"ผมบ่นกระปอดกระแปดเมื่อไม่เห็นร่างของเพื่อนตัวเล็กที่ยังไม่เห็นหัวทั้งๆที่ปกติจะมาก่อนคนเเรกด้วยซ้ำ


          "เตี้ยร้องหาเเม่ว่ะ"


          "ไอพุ!"ผมหันไปเรียกชื่อคนพูด ซึ่งมันก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนถามว่าเรียกกูทำไมหรอ ซึ่งผมก็ได้เเต่ท่องนโมในใจเเล้วพ่นลมออกมาทางจมูกเเรงๆอย่างที่ชอบทำ


           "อย่าหายใจเเรงเดี๋ยวขี้มูกมึงกระเด็นเปื้อนมหาลัย"



            "ไอสัดจีน!"


          เเละนี่คือเหตุผลว่าทำไมอยู่กับไอสองตัวนี่เหมือนอยู่ในนรก การกวนบาทาของทั้งคู่อาจจะยังไม่น่ากลัวมาก เเต่สิ่งที่น่ากลัวคือการเป็นบูกรับลูกส่ง ความเข้ากันยิ่งกว่าปี่กับขลุ่ยนี่สิ


          "กูไม่อยากจะเสวนากับพวกมึงจริงๆว่ะ กูโทรหาไอเเต็กดีกว่า"ผมตัดบทเเล้วควักโทรศัพท์ออกมากดเบอร์เพื่อนรักเเต่ก็ไม่มีใครรับซักทีเลยเก็บลงไป


          "ไม่รับ?"


          ผมพยักหน้าให้เเทนคำตอบ


          "เดี๋ยวมันก็โทรกลับคงมีธุระนั่นเเหละ ไปเรียนเหอะจะถึงเวลาละ"ไอพุว่าอย่างนั้น มันคงเห็นคิ้วที่เริ่มขมวดเข้าหากันของผม เห็นมันนิ่งๆเเต่จริงๆเเล้วเป็นคนที่เก็บรายละเอียดเเละใส่ใจทุกคนนะครับ เรียกว่าไงดีล่ะ เเสดงออกไม่เก่งประมาณนั้นมั้ง


          "นั่นสินะ"



-----------------------------


          "ไอเเต็กล่ะ"พอถึงจุดหมาย จับจองที่นั่งกันเรียบร้อยเเล้ว อาจารย์หน้าคลาสก็เริ่มสวดมนตร์เเล้ว ไอจีนก็หันมาถามผมที่นั่งคั่นกลางระหว่างพวกมันสองตัว


          "เมื่อกี้มึงได้ฟังอะไรบ้างไหมไอเหี้ยนี่"ผมนี่หันไปด่ามันอย่างเต็มปากเต็มคำ โดยไม่ลืมที่จะทำเสียงให้เบาที่สุดเพราะเดี๋ยวเหตุการณ์มันจะซ้ำรอย


          ไอจีนไม่ตอบมันเพียงส่งหน้ามึนๆของมันมาให้


          "เฮ้อ! น่าจะมีธุระมั้ง โทรไปไม่รับ"ผมถอนหายใยเเล้วตอบมัน ไอจีนก็พยักหน้ารับเป็นคำตอบว่าเข้าใจเเล้ว จากนั้นมันก็ฟุบลง..หลับ


          ส่วนอีกฝั่งก็นั่งคอหักสัปหงกไปเรียบร้อย


          สิ่งที่เหมือนสำหรับไอจีนกับไอน้ำพุคงไม่พ้นความกวนตีน เเต่อีกเรื่องหนึ่งคือนิสัยการนอนเนี่ยเเหละครับ นอนได้ทุกที่ทุกเวลา เเต่จริงๆเเล้วคาบนี้มันมันก็น่านอนจริงๆเเหละดูดได้จากนักศึกษาหลายชีวิตได้ยอมเเพ้เเละเข้าสู่ห้วงนิทราอันเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว


          .


          .



          .



          "กำหนดส่งวันที่หนึ่งเดือนหน้า ถ้าใครจดไม่ทันก็ดูได้ที่เดิมไม่ก็ถามเพื่อนเอานะ"อาจารย์ร่างท้วมพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปด้วยสีหน้ายิ้มเเย้มไม่สะทกสะเทือนกับเสียงโอดครวญของเหล่านักศึกษาเลยซักนิด


          ไม่เว้นเเม้เเต่ผม


          "จาร์ยเเกบ้าป่ะว๊าาา วันที่หนึ่งเดือนหน้า? ก็อาทิตย์หน้านะเว้ยยยยยย"ผมว่าออกมาเหมือนหมดอาลัยตายอยาก


          "มึงหยุดแหกปากซักทีไอเตี้ย"ไอเพื่อนข้างกายนามไอจีนก็ให้กำลังใจทันที


          "ไอพุ~"ผมค้อนใส่ไอจีนทีหนึ่งเเล้วหันไปหาเพื่อนอีกคนที่หาวหวอดไม่อายฟ้าอายดิน ผมสบตามันปิ๊งๆมือก็เลื้อนไปคล้องเเขนมันเอาไว้เเล้วซบเเขนมันอย่างออดอ้อนโดยที่คนรอบข้างก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะคงเห็นจนชินตา


          "เออ เดี๋ยวกูช่วย"พอมันเอ่ยปากอย่างนั้นผมก็ฉีกยิ้มกว้างเลื่นมือออกจากเเขนมันเอาไปตบไหล่มันเเทน


          "ขอบใจมากเพื่อน"


          ไอพุไม่ได้ว่าอะไรพยักหน้าให้เป็นเชิงว่ารับรู้ ก่อนที่มันกับไอจีนจะพากันออกไป อ้อ ผมลืมบอกไปว่ามันสองคนอยู่หอเดียวกันห้องเดียวกัน มันสองคนเลยตัวติดกันไปโดยปริยาย


----------------------


          ผมเดินออกมาทางหน้ามหาลัยตามปกติ เเละที่ไม่ปกติคือบุคคลตัวสูงกล้ามเเน่นที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ทั้งยังเงยหน้าขึ้นมามองเป็นระยะๆ


          ผมถอนหายใจหน่อยๆเเต่ก็เดินตรงไปทางมัน เเต่ยังไม่ถึงตัวก็มีคนเดินมาขวางซะก่อน


          "อ้าว พี่เรน"


          "เออ พี่เอง พอดีวันนี้เอารายงานมาส่งเลยถือโอกาศมารับมึงไปพร้อมกันเลย"เหมือนพี่เรนจะอ่านใจผมออกเลยตอบมารวดเดียวทั้งยังชี้ไปที่มอเตอร์ไซด์คู่ใจที่จอดไว้ไม่ไกล


          "อ๋อ..ก็ดีพี่เเต่ว่า..."ผมว่าค้างเเล้วชะโงกหน้าไปมองไอฝรั่งในจังหวะที่มันก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นผมพอดีเป๊ะ


          "เเต่?"รุ่นพี่ร่างสูงเลิกคิ้วสงสัย ก่อนที่ความสงสัยจะถูกคลายออกเมื่อมองตามสายตาของผมเเล้วไปเจอใครอีกคนที่จ้องมาทางผมเขม็งเเต่ก็ไม่เดินมาหา



          "เดี๋ยวพี่เคลียร์ให้"คนเป็นพี่ว่าอย่างนั้นเเต่ผมกลับส่ายหน้าให้เเทนคำตอบ



          "เดี๋ยวผมบอกเขาเอง พี่ไปรอที่รถก่อนก็ได้"


          "เอางั้นก็ได้ รีบตามมาล่ะ"พี่เรนว่าทิ้งท้ายยักไหล่ให้สองทีก่อนจะหมุนตัวไปที่รถ หากเเต่ยังไม่วายหันมายักคิ้วให้อีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังอีกที



          ท่าทางเหมือนเด็กๆที่ทำเอาผมถอนหายใจหนักๆ



          "เอ่อ..คือไอ..ไอเเค้นกลับวิดยูอ่ะ"ผมเกาหัวเเกรกเมื่อพูดจบ คือมันมารอผม มันมารับผม ฉะนั้นผมก็ควรเป็นคนไปบอกมันเองไง เเค่ประเด็นหลักคือวันนี้จะคุยกันรู้เรื่องไหม


          "เอ่อ..เเบคอ่ะ"


          มันทำท่าเหมือนจะเข้าใจเเต่ผมเชื่อว่าลึกๆเเล้วมันไม่เข้าใจหรอก


          "Why?" มันถามผมด้วยสีหน้าผิดหวังเหมือนหมาที่ถูกเจ้าของทิ้ง


          โอ้ยย มึงอย่ามาทำให้กูรู้สึกผิดได้ไหมไอฝรั่งนี่


          เเต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่ใช่คนผิดนะ ผมไม่ได้บอกให้มันมารอรับผมซักหน่อย


          "ไอวิวโกวิดฮีอ่ะ นู้นๆ"ผมชี้ไปทางพี่เรนที่นั่งคร่อมบิ๊กไบค์คันงามรอ เเต่พอหันกลับมามองหน้ามัน..


          ผมพูดอะไรผิดรึเปล่าวะ


          ไอฝรั่งหน้าตึงทันที เหมือนไปเเดกรังเเตนที่ไหนมา พอเห็นหน้าเวลามันอารมณ์ไม่ดีเเล้วไม่ชินเลยเเหะ ปกติเห็นยิ้มตลอดเวลา


          "เอ่อ..งั้นไอไปก่อนนะ บาย"ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยบอกลาโบกมือบ๊ายบายมันเเทน ก่อนจะหมุนตัวไปหารุ่นพี่ที่รออยู่ก่อน จากนั้นก็ขึ้นคร่อมซ้อนท้ายอีกคนอย่างรู้งาน รับหมวกกันน็อคสีเข้มมาจากอีกคน จากนั้นก็ออกรถ..


         โดยที่ไม่รู้เลยว่ายังมีสายตาคู่เดิมที่มองทั้งคู่ออกไปด้วยสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก..




-----------------------



          แกร็ก


          ผมกลับมาถึงห้องประมาณเกือบสามทุ่มได้ จริงๆมันก็ไม่ควรที่จะกินเวลาไปมากขนาดนี้เพราะผมเลิกคลาสตั้งเเต่สี่โมงครึ่ง นั่งมอเตอร์ไซค์ไปคอนโดพี่เรนก็ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีดี เวลาติวอังกฤษก็สองชั่วโมงเเท็กซี่กลับอีกครึ่งชั้วโมง บวกลบเเล้วก็ควรจะถึงห้องประมาณทุ่มกว่าๆ ไม่ใช่ดึกขนาดนี้ ถ้าจะโทษใครก็ต้องไอรุ่นพี่ที่จู่ๆก็เกิดอยากกินหมูกระทะขึ้นมาเเล้วพาเเวะเเบบไม่บอกกล่าว


          พูดถึงเเล้วกลิ่นยังติดหัวอยู่เลยเนี่ย



          ในห้องเงียบกริบอย่างกับไม่มีสิ่งมีชีวิต พอเดินเข้ามามองซ้ายขวาอย่างสำรวจก็ไม่พบใคร


          ไม่พบก็บ้าละครับ!


          "มึงจะมานั่งมืดๆทำไมเนี่ย ถึงกูจะไม่กลัวผีกูก็ตกใจเป็นนะเฮ้ย!"ผมเดินไปกดเปิดสวิทช์ไฟทันที เพื่อจะได้เห็นไอเงาตะคุ่มๆตรงโซฟาได้อย่างถนัดตา ก็เห็นไอฝรั่งร่างควาย นั่งหันหน้าไปทางทีวีที่ไม่ได้เปิดไว้ ทั้งยังกอดหมอนใบใหญ่ไว้ในอ้อมอกอีกด้วย


          เงียบ


          ไม่เเม้เเต่จะหันมามองด้วยซ้ำ


          "มึง..โอเคเปล่าเนี่ย"พอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบแปลกๆผมเลยรีบเดินอ้อมมามองหน้าชัดๆ


          มันเหลือบมองผมด้วยหางตา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของมันขึ้นมาสไลด์เปิดหน้าจอ


          นี่มันจงใจเมินกันชัดๆเลยนี่หว่า


          เมื่อเริ่มสัมผัสอาการแปลกๆที่ไม่เคยพบเจอของไอหมีควายนี่ ผมก็เกิดอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดเเล้วเกิดคำถามขึ้น


          มันเป็นอะไรของมันวะ?


          เเละ


          ผมทำอะไรผิดรึเปล่า?


          "เฮ้ยู วอดเเฮปเพ่น?"ผมถามขึ้น เเต่มันยังคงสนใจเเต่ไอจอสี่เหลี่ยมๆอยู่ดี จนผมที่ยืนค้ำหัวมันอยู่ทนไม่ไหวเลยดึงมันออกจากมือมัน


          มันอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร เเต่ผมก็เอามือปิดปากมันไว้ก่อน


          "เป็นอะไร เอ่อ..อายูโอเค๊? อีฟเเฮฟซัมติงเเด๊ดไอเเคนเฮลฟ์...อื้อ!"ผมเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆมันก็ดึงมือข้างที่ผมปิดปากมันไว้ก่อนจะฉุดผมลงไปบนโซฟาจากนั้นมาก็ตามขึ้นมาคร่อมเอาไว้กดข้อมือสองข้างของผมไว้กับโซฟาด้วยมือข้างเดียวก่อนจะประกบปากลงมาอย่างรวดเร็ว


          ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมากจนผมตั้งตัวไม่ทัน ผมเม้มปากตัวเองเเน่น เเต่ไอฝรั่งมันไม่ยอมหยุดเเค่นั้น ลิ้นชื้นลิ้มเลียตามริมฝีปากนุ่มทั้งยังใช้ฟันขบเบาๆ พอผ่านไปซักพักผมที่เริ่มขาดอากาศหายใจก็เผลอเพยอริมฝีปากออก เปิดโอกาศให้อีกฝ่ายได้รุกล้ำเข้ามาภายใน



          "อื้อ.."ผมได้เเต่ครางอื้ออึงในลำคอ ตอนเเรกก็ขัดขืนอยู่หน่อยๆ เเต่เพราะด้วยเเรงเเรกเริ่มที่สู้ไม่ได้อยู่เเล้วบวกกับตอนนี้ที่คนเพิ่งเคยจูบเเบบลึกซึ้งครั้งเเรกอย่างผม รู้สึกเหมือนโดนสูบพลังออกไปยิ่งกว่าก็อกเเตก ลิ้นชื้นตวัดพัวพันกันอยู่ภายในโพงปาก ทั้งจังหวะที่ทั้งดุดันเเละโอนโยนสลับไปมาทำเอาผมรู้สึก..ระทวย


          เเต่เคลิ้มได้ไม่นานก็ต้องดิ้น เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจ เหมือนมันเพิ่งได้สติเลยยอมผละออกไป


          "แฮ่ก.."ผมรีบลุกขึ้นนั่งกุมหน้าอกข้างซ้ายที่มีก้อนเนื้อที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายในเสมือเพิ่งผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนักหน่วงก็ไม่ปาน ใบหน้าก็ร้อนเสียจนคิดว่าจะระเบิด


          ทั้งผมทั้งมันต่างเงียบ ผมยังคงมึนๆงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนสมองมันโล่งไปหมด เเละผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ไอฝรั่งมันทำหน้ายังไงเพราะตอนนี้ทั้งผมเเละมันต่างนั่งหันหลังให้กันอยู่บนโซฟา



          "เอ่อ../เอ่อ.."


          เเล้วพอจะพูดก็ดันหันมาพร้อมกันเสียจน หน้าเเทบชนกัน ผมผงะเล็กน้อยทั้งยังเผลอเบี่ยงสายตาหลบอีกฝ่าย


          นี่กูเป็นอะไรเนี่ย!


          ไม่สิ ใครที่เจอเเบบผมมันก็คงต้องทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันเเหละหน่า!



          "Sorry.."เเละมันก็เป็นคนเปิดปากพูดขึ้นมาก่อน ผมไม่ได้มองหน้ามันตรงๆ บอกตรงนี้เลยครับว่าไม่กล้าสบตา เลยใช้วิธีมองปลายคางมันเเทน



          "..."ผมไม่ได้ตอบอะไร เพราะผมไม่รู้เลยว่าตัวเองควรรู้สึกยังไงตอนนี้ เพราะเสียงหัวใจที่ยังคงดังอื้ ออึงไปทั่วหัวจนคิดอะไรไม่ออก



          "Thee."มันเรียกผมเสียงค่อย มันคงเห็นว่าผมยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นไปสบตามัน


          "Thee..Are you mad at me?(ธีร์ โกรธผมหรอ)"


          "Thee."


          "Thee..I'm sorry"



          "เออ!! รู้เเล้ว!"จนสุดท้ายก็ทนเสียงเรียกของมันไม่ไหวยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา



          "Thee! D-Do i make you cry? I'm sorry I'm so sorry"มันพูดอย่างตกใจทันที ทั้งยังเลิกลั่นทำอะไรไม่ถูกได้เเต่ขอโทษผมซ้ำไปมา ผมเลยส่ายหน้ารัวๆ เเล้วปาดน้ำตาที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าไหลออกมาตอนไหนทิ้งเเล้วส่งยิ้มเเห้งให้มัน



          "แอมโอเค..จัส..เอ่อ..ช็อคอ่ะ บีคอส..เอ่อ..คือว่า..อิทอิสมาย อ่า..เฟิสคิส"ผมพูดไปก็อายไป โอย มันต้องหัวเราะเยาะผมเเน่เลยที่ตั้งเเต่เคยเกิดมาถ้าไม่นะบการเอาปากเเตะปาก ไอเเลกลิ้นเเบบนี้ก็ครั้งเเรกเลย


          เเต่มันไม่ได้หัวเราะอย่างที่คิด มันกลับรวบตัวผมเข้าไปกอดเเบบที่ผมยังไม่ทันตั้งตัวเช่นเคย ด้วยความที่ผมนั่งท่าเทพธิดาอยู่บนโซฟาเเละมันนั่งชันเข่าอยู่ พอมันดึงปุ๊ปผมก็ถลาเขาอกเเข็งๆมันทันที



          "Jesus.The more I'm with you, the more I fall.(ให้ตายเถอะ ยิ่งอยู่กับนายเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งถลำลึกไปเท่านั้น)


          ฝรั่งทิ้งหัวลงมาตรงไหล่ผมก่อนจะพึมพำเเถวๆหูผมเบาๆด้วยประโยคที่ผมไม่เข้าใจ จากนั้นก็กอดผมไว้เเน่น เเต่ผมอยากถามมันมาก



          มึงไม่ปวดคอหรอ?




ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :z3:

โอ้ยยยยยยยยย ขรรมออสติน ต้องรับมือกับธีร์ไปอีกนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนเลยล่ะ ใสกิ๊งซะขนาดนี้

(พี่เรนก็ขี้แกล้งโน๊ะะะะะะะ)

 :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด