[เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]  (อ่าน 43178 ครั้ง)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :o8:
ทำตัวไม่ถูกเลย จูบแรก ไม่นะ ยังไม่รู้สึกเลย
ขอซ้ำอีกครั้งได้ป่ะ เมื่อกี้ตกใจไม่ทันตั้งตัว

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เสียจูบแรกไปแล้ววว

ออฟไลน์ Sweettemp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ชอบค่ะ หลงเข้ามาอ่าน หาทางออกไม่เจอเลยทีเดียว

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
โอ๊ยย~~. น้องธีร์น่ารักอะ. อึนๆดีเน๊อะ :hao7:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
Jesus.The more I read your story, the more I 'm happy.
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 11
| compensate


          ในเวลาบ่ายเเก่ๆของวันเสาร์ อากาศของไทยเเลนด์เเดนออฟสไมล์ยังคงร้อนเเรงเช่นเคย เเต่ความร้อนไม่สามารถทำอะไรเราได้เมื่อเราย้ายตัวเราเข้ามาในห้องแอร์เย็นๆ หากเเต่ถ้าเปิดเเอร์เเต่หัววันก็จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานเเละทำให้โลกร้อนสรุปง่ายๆคือเปลืองค่าไฟฉะนั้นหนทางดับร้อนของเรานอกจากไปเล่นน้ำเเล้วก็คือมาตากเเอร์ฟรีในสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่าห้างสรรพสินค้า


          เเต่การมาครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อตากเเอร์ฟรีอย่างทุกที เเต่เป็นการมาเพื่อซื้อของอะไรบางอย่าง..กับคนข้างกาย


          ไอฝรั่งที่เดินอยู่ข้างๆกันไม่ได้มีสีหน้าทุกข์ร้อน หากเเต่หัวใจของผมกลับเต้นไม่เป็นจังหวะยามที่คิดถึงเงินในกระเป๋า


          ทุกคนคงจะงง ฉะนั้นขอย้อนเวลากลับไปเมื่อวันเกิดเหตุ



     .

     .


     .


          "เอ่อ..ปล่อยได้เเล้ว.."ผมที่เพิ่งหาเสียงตัวเองเจอก็ทำการผลักอีกฝ่ายที่ซุกหน้าเข้าที่ไหล่ ที่พอนานๆเข้าเริ่มเอนเอียงไปทางซอกคอจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ชวนขนลุก


          พอมันยังไม่ปล่อย ผมเลยตีเเขนมันไปดังป้าบ มันถึงยอมละหน้าออกมา ไอหน้าบึ้งๆตึงๆนี่หายวับเหลือเพียงเเค่รอยยิ้มอารมณ์ดีเหมือนเคย ไม่สิ..มากกว่าปกติด้วยซ้ำ


          เมื่อมันปล่อยร่างผมได้รับอิสระ ผมก็รีบกระโจนลงจากโซฟาทันทีอย่างที่กลัวว่ามันจะนึกครึ้มลากผมไปทำมิดีมิร้ายซะก่อน


          เเกร็บ


          เเต่ยังไม่ทันที่ได้พุ่งเข้าห้องตามที่หมายมาดไว้ เท้าที่ควรจะสัมผัสพื้นไปสัมผัสอะไรบางอย่างก่อให้เกิดเสียงดัง'แกร็บ'ตามมาทันที


          ผมก้มลงมองทันทีตามสัญชาตญาณมนุษย์ ก่อนที่เหงื่อเม็ดเป้งจะเริ่มฝุดขึ้นตามขมับ ก่อนจะค่อยๆถอนเท้าที่เหยียบมันไปเต็มๆออกมา เเล้วหันไปหาอีกหนึ่งชีวิตที่ยังอยู่บนโซฟา


          ใบหน้ายิ้มปริ่มเปรมเมื่อครู่หายไปเป็นอันที่เรียบร้อย ก่อนจะถูกเเทนที่ด้วยใบหน้าอึ้งเเดกเหมือนช็อคไปราย


          ผมยิ้มเเห้งๆให้อีกฝ่ายที่ยังคงมองซากศพของสิ่งนั้น ก่อนที่ผมจะก้มลงเก็บมันขึ้นมาพยายามกดปุ่มหวังว่ามันจะมีโอกาศรอดชีวิตบ้าง


          นิ่งสนิท


          "โฮ่ง!" ขนาดไอเตอร์ที่หายหัวไปไหนมาตั้งนมนานยังวิ่งดุ้กดิ้กมาหาพ่อมันเเล้วร่วมเห่าไว้อาลัย ราวกับต้องการเรียกสติพ่อมันที่ค้างไปแล้ว


          "Oh my god..my phone"



          R.I.P ครับ



          .


          .



          .



          ตัดมาเหตุการณ์ปัจจุบัน ตามที่เล่าว่าเนื่องจากผมไปทำโทรศัพท์สุดที่รักของมันพัง คือผมก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่ผมดึงโทรศัพท์ออกจากมือมันเเล้วมันหลุดมือผมไปนอนเเอ้งเเม้งอยู่ที่พื้นตั้งเเตีเมื่อไหร่ ผมว่าผมไม่ผิดนะ โทรศัพท์มันบอบบางเกินไปต่างหาก ผมเเค่โดดลงจากโซฟาเเล้วเหยียบลงบนมันเต็มเเรงก็เท่านั้นเอง..


          ฮืออ! สองหมื่นกว่า สองหมื่นกว่าเลยนะ


          ผมได้เเต่เดินตัวลีบ ด้วยสีหน้าย่ำเเย่เต็มที่ สองหมื่นนี่มันเงินเก็บผมทั้งหมดเลยนะ เผลอๆไม่พออีกต่างหาก


          จริงๆเเล้วหลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อวาน ไอฝรั่งมันก็ช็อคเเค่ตอนนั้นเเหละครับ พอสติมันกลับมาครบเเล้วหันมาเจอผมที่เเทบจะร้องไห้อยู่ตรงนั้นมันก็ส่ายหน้าบอกไม่ถือสา เเต่ด้วยความเป็นคนดีศรีสยามผมก็เลยบอกว่าจะรับผิดชอบเพราะผมทำของมันพัง


          เเต่เอาจริงๆต้นเหตุก็มาจากมันนั่นเเหละ!


          ฮือออออ


          "เดี๋ยวผมออกเองก็ได้นะ.."เหมือนมันสัมผัสรังสีความจนจากผมได้มันเลยหันมาบอกอีกครั้ง ด้วยสีหน้าจริงใจสุดๆ


          ผมส่ายหน้าปฏิเสธ โรคคนดีนี่มันเเก้ไม่หายจริงๆครับ ก็มันเเบบ..นะ ผมเชื่อว่าใครหลายก็เป็นเเบบผมนั่นเเหละ



          พวกเราเลี้ยวเข้าร้านไอทีเเห่งหนึ่ง ผมบอกให้มันเดินไปเลือกเลือกได้เเล้วเดี๋ยวผมออกให้ นี่บอกเลยว่าเเวะไปเบิกเงินมาเเล้ว ถึงผมจะมีบัตรเครดิตเเต่มันก็เป็นของพ่อ ไม่อยากจะรบกวนเท่าไหร่ตอนนี้เลยมีเงินติดตัวอยู่เป็นปึกเลย


          "ได้เเล้วใช่ป่ะ เอามาเดี๋ยวไปจ่ายตัง"ผมรัวภาษาไทยใส่มันอย่างเคย ทั้งเเบมือขอโทรศัพท์ในมือมันที่มันกดยิกๆอยู่ ซึ่งหน้าตาสีเดิมรุ่นเดิมเเบบเดิมเป๊ะ เเต่ก็นะครับคือมันใช้รุ่นใหม่สุดอยู่เเล้วตั้งเเต่เเรกไง


          "I've already paid"มันตอบกลับมา


          "I say i will pay อ่ะ i break it นะ how much ว่ามาเลย เดี๋ยวจ่ายคืน"คราวนี้สกิลภาษาอังกฤษที่ผมอุส่าห์ไปอัพมาได้ออกโรงเสียที ผมขมวดคิ้วน้อยๆอย่างไม่พอใจ ก็คนบอกจะออกให้ๆไม่เข้าใจหรือยังไง



          "You broke it because of me. If you want to compensate for it, I think it's better if you do something else instead.(นายทำมันพังก็เพราะผม ถ้านายอยากจะชดใช้จริงๆ ผมว่ามันจะดีกว่าถ้านายทำอย่างอื่น)"มันว่าอย่างนั้นพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม



          เเต่ขอโทษครับ กูฟังไม่รู้เรื่อง



          "เออๆ งั้นก็เเล้วเเต่มึงอ่ะ งั้นขอเลี้ยงข้าวละกัน เอ่อ..dinnerอ่ะ i will pay for you โอเค๊?"ผมเลยช่างเเม่ง เอาเถอะอย่างน้อยผมก็ไม่เสียเงิน เเต่ความรู้สึกที่เหมือนติดค้างคนอื่นผมก็ไม่ชอบซะด้วย เลี้ยงข้าวเอาละกันง่ายดี



          "Okay"มันก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย



          "เเล้วเอ่อ..what you eat เอ่อ want to eat อ่ะ choose เลย"ผมถามต่อยามที่ชี้ไปรอบตัว เพื่อสื่อว่าให้มันเป็นฝ่ายเลือกร้าน


          "Thee"

     
          ห้ะ?


          "Uh..I mean I want to eat same as you(อ่า..ผมหมายถึงผมอยากกินเหมือนที่นายอยาก)"


          โอเค เซมเเอสกูสินะ


          "อาร์ยูชัวร์นะ?"ผมถามมันเลิกคิ้วขึ้นหน่อยพร้อมกับร้อยยิ้มมีนัย


          หวังว่ามันคงยังไม่ลืมที่ผมพาไปกินครั้งที่เเล้ว


          ไอหมีควายมันนิ่งไปพักนึงเหมือนกำลังครุ่นคิดก่อนจะเผยยิ้มเเหยเมื่อมันนึกถึงรอบที่เเล้วที่ทำเอานอนซมไปหลายวัน


          เเต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงคิดไม่ตกกับการเลือกร้านอาหาร


          "เอ็มเคไหมล่ะ"จนสุดท้ายผมก็เสนอชื่อร้านอาหารสุดฮิตขึ้นมา


          "Oh,that's nice"ไอหมีควายว่าพร้อมชูนิ้วโป้งให้อย่างเห็นด้วย พอได้ข้อสรุปผมก็นำทางไปอย่างชำนาญเนื่องจากมาบ่อยจนหลับตาเดินยังไงได้


          ผมสงสัยมาพักนึงเเล้วครับว่าไอหมีควายนี่มันเป็นคนดังมาจากไหนรึเปล่า เพราะตลอดทางเดินถึงจะไม่มีคนมาขอถ่ายรูปอย่างคราวก่อน เเต่ผมก็เห็นอยู่นะว่ามีคนเหลียวมองไม่ก็ซุบซิบกันตลอด



          "Corgi."


          มันเป็นหมอไม่ใช่หรอวะ หมอนี่มันดังขนาดนั้นเลย?


          "Corgi"


          หมับ
     

          "หือ? ว่าไง"ผมหันไปหามันงงๆเมื่อเเขนเเน่นๆเอื้อมมาคว้าเเขนผมไว้  ไอฝรั่งไม่ได้ว่าอะไรเพียงใช้มือข้างที่เหลือชี้ไปยังร้านอาหารสีเขียวที่เป็นจุดมุ่งหมายในวันนี้


          โอเค กูเดินเลยเอง กูขอโทษ





------------------------------------


          ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านโปรดร้านหนึ่งของผมเลยล่ะครับ เเต่ว่าไม่ได้มากินบ่อยนักนานๆทีจะมากับเพื่อนกับฝูงที่ซึ่งนานๆทีจะรวมตัวกันได้ครบ เพราะจะให้มานั่งกินคนเดียวก็เเลดูโดดเดี่ยวแปลกๆ เเละที่สำคัญ..คือมันค่อนข้างเเพงครับ


          เห้ย! ผมเปล่างกนะ เเค่ใช้เงินเป็นเฉยๆ


          เเละวันนี้เนื่องในโอกาสโคตรพิเศษ ผมเลยได้เอาเงินที่อุตส่าห์ไปกดมาผลาญเล่น จริงๆเเล้วถ้าเรียกให้ถูกคงเป็นการ'ไถ่โทษ'ไม่ก็'ชดใช้'มากกว่า


          ผมเหลือบมองอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเล็กน้อยในระหว่างที่รออาหาร ไอฝรั่งกำลังนั่งจิ้มโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เพิ่งไปถอยมาอย่างไม่สนใจโลกภายนอก


          หลังจากที่อยู่กับมันมาซักพัก ผมก็ได้รู้ว่ามันค่อนข้างที่จะติดโทรศัพท์ครับ เรียกได้ว่าเมื่อไหร่ไม่มีอะไรทำเมื่อนั้นคว้าขึ้นมาเล่น จนอดสงสัยไม่ได้ว่ามันมีอะไรน่าสนใจนักหนา ทุกวันนี้ผมก็ใช้เเค่โทรเข้าโทรออก ไอเเชทเชิทอะไรก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่


          "ว้อทอาร์ยูดูอิ้งอ่ะ"ผมถามออกไปอย่างที่ใจคิด คืออยากถามมานานเเล้วครับเเต่ไม่มีจังหวะเสียที ไอฝรั่งพอได้ยินก็ละสายตาออกจากหน้าจอมามองผมที่ชะโงกหน้าเข้าไปเสือกอย่างเปิดเผย


          "Download apps(โหลดเเอพ)"มันชะงักไปนิด ก่อนจะตอบตามปกติจากนั้นก็กลับไปก้มหน้าตามเดิม


          สนใจกูหน่อย นี่กูอุตส่าห์ชวนคุยนะ


          "ว้อทแอพอ่ะ"ผมก็ยังคงไม่เลิกเสือก ทั้งยังชะโงกหน้าเข้าไปใกล้อีกจนพุงเเทบจะจุ่มลงไปในหม้อกลางโต๊ะอยู่เเล้ว


          "Facebook,Instagram,twitter,WhatApp something like that."คราวนี้มันไม่เงยหน้าขึ้นมาเเต่ขยับปากตอบ ผมเบ้ปากน้อยๆจากนั้นก็ยอมถอยกลับมานั่งที่ตัวเองให้เรียบร้อย


          ทำไมหยิ่งวะ พอจะคุยด้วยก็ไม่คุย พอไม่อยากคุยก็พ่นอังกฤษใส่กูจัง บักสีดานี่!


          ยังไม่ทันทีจะได้บ่นมันในใจต่อ พวกของสดก็ทยอยกันมาเสิร์ฟ ผมจัดการเททุกอย่างลงหม้อทันที เเล้วจากนั้นก็โซ้ยทันทีไม่มีรีรอ


          เเชะ!


          หือ?


          ผมเงยหน้าช้าๆเเบบที่เส้นอูด้งยังคาปาก ก่อนที่สายตาจะไปสบกับคนที่ถือยกโทรศัพท์ขึ้นในองศาที่พอดีเหมาะเจาะกับผมเป๊ะ


          เเชะ!


          เเถมมันยังหน้าด้านกดถ่ายต่ออีกต่างหาก


          "เฮ้! ยู! ฮู..ฮู..อนุญาต..ทู..เอ่อ..ถ่ายรูปวะ!"ผมอ้าปากปล่อยเส้นอูด้งออกจากปากทันทีพร้อมทั้งวางอาวุธในมือลง ก่อนจะพุ่งตัวหมายจะคว้าโทรศัพท์จากมือมัน เเต่ความทรงจำบางอย่างทำให้ผมชะงัก


          มีโอกาสเป็นไปได้สูง ถ้าผมเเย่งมาจากไอหมีควายเเล้วมันจะเกิดเหตุการณ์ซวยๆเเบบเดิม อย่างเช่นร่วงลงไปในหม้อเป็นต้น


          ผมจึงดึงตัวเองกลับมานั่งที่อย่างสงบเสงี่ยม



          "หึ"


          เสียงหัวเราะนั้นท่านได้มาเเต่ที่ใดหรือบักหมีควาย? 


          ผมเหลือบตาขึ้นมองมันอย่างขวางๆเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึๆในลำคอจากอีกฝ่าย เเต่ยิ่งพอมันเห็นสายตาคาดโทษของผมมันก็เเค่เผยยิ้มกว้างออกมา  เเล้วทำท่าไม่รู้ไม่ชี้จกผักจากหม้อไปกิน


          จะว่าไปมันกินเเต่ผักเเหะ เนื้อมันก็กินเเหละ เเต่ผักเกือบทั้งหมดนี่มันเหมาหมดเลยนะเนี่ย


          หรือว่า! ที่มันตัวสูงใหญ่กล้ามโตซิกเเพคเเน่นเพราะกินผักเยอะป่ะวะ เเม่งต้องใช่เเน่ๆ มิน่าล่ะ ทำไมผมถึงโตได้เเค่นี้


          พอได้ข้อสรุปในใจ ผมก็เล็งหาไอผักสีเขียวที่จริงๆเเล้วก็กินได้เเต่ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยง เพียงเเค่ผมคีบผักชิ้นเล็กขึ้นมาจากหม้อไอหมีควายก็เลิกคิ้วสูง


          "You don't like it, Do you?(นายไม่ชอบมันไม่ใช่หรอ?)"


          "Yes,but you eat it(ใช่ เเต่นายกินมัน)"น้อวว คนพูดนี่ใครทำไมฉลาดจังเลย


          "Then?(เเล้ว?)"


          "You very big and tall อ่ะ I want to tall "ผมตอบไปอย่างงูๆปลาๆเช่นเดิม เเกรมมงเเกรมม่าอะไรผมไม่รู้จัก


          "Oops! haha"พอจบคำตอบผมเท่านั้นเเหละครับ มันก็ปล่อยก๊ากทันที มีองมีอุ๊บด้วยนะเเหม่ ผมมองมันเเบบตาขวางๆอีกครั้งซึ่งเเน่นอนว่ามันไม่เคยที่จะรู้สึกรู้สาอะไร


          ไม่กินเเม่งเเล้วอีผักเนี่ย!


          "You're so cute(นายนี่น่ารักจัง)"มันพูดไปเเต่ก็ยังคงไม่หยุดขำ คืออะไรมึงจะเส้นตื้นขนาดนี้วะ ก็เเค่คนอยากสูงป่ะ


          เดี๋ยวนะ..คิ้วท์..คิ้วท์นี่มันแปลว่า...


          "But a Corgi still a Corgi.(เเต่คอร์กี้ยังไงก็คือคอร์กี้นั่นเเหละ)"ไอฝรั่งหมีควายพูดด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดีเหมือนได้เเกล้งเด็ก ส่วนเด็กที่ถูกเเกล้งก็นิ่งไปนิดอย่างที่กำลังประมวลผลคำพูดเมื่อครู่..


          ฟัคคคค!! เมื่อไหร่มึงจะเลิกเอากูไปเปรียบกับไอหมาเเคระนั่นซักที!


 





 




ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
โอ้ยยยยยยย

ชอบธีร์มาก น่ารักที่สุด ><

ออสตินพาลูกคอร์กี้กลับบ้านเลยอ้ะป่าววววว มีแผนมาไทยทำไรบ้างเนี่ย  :ruready

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
โอ๊ยยย. ฮา. ค็อกกี้น้อย. น่ารักกกกก~~ :hao7:

ออฟไลน์ Sweettemp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Corgi still a corgi  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่ารัก มุ้งมิ้งมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 12
| Reason




          "Corgi,Wake up"


          "Hey"


          เสียงทุ้มๆดังคลอเคลียอยู่ไม่ห่างหู ตอนเเรกก็ขยับตัวหนีเเต่พอเสียงนั้นยังคงไม่เลิกตามราวีทั้งสัมผัสที่ตอนเเรกราวกับว่าเเผ่นดินไหว เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกลายเป็นสัมผัสเเผ่วๆที่เลื้อยไปมาใต้สาบเสื้อ..

     
          ฟรึ่บ
     

          "ทำบ้าอะไรวะเนี่ย!"ผมเด้งตัวขึ้นนั่งฉับพลันเมื่อเริ่มตั้งสติได้ จากนั้นก็หันไปแหวใส่คนที่นอนตะเเคงหันหน้ามาด้านผมเเล้วใช้เเขนท้าวเตียงเอาไว้

     
          คนตัวโตไม่ตอบ เพียงเเค่ส่งยิ้มเดิมๆมาให้ พอผมจะลุกขึ้นก็โดนคนบนเตียงเกี่ยวเอวลงมาก่อนจนคนที่กำลังจะลุกไปทั้งๆที่ลืมตาไม่ขึ้นอย่างผมก็โอนเอนล้มทับอกมันไปดังอั้ก


          จุกไหมล่ะมึง


          ผมขมวดคิ้วลงนิดอย่างขัดใจ เมื่อพยายามจะเเกะเเขนเเน่นๆที่รัดเอวผมไว้ ในท่าที่ผมนอนหงายทับมันที่นอนหงายอยู่อีกที


          เพี๊ยะ!


          "ปล่อย"ผมตีเเขนเเน่นๆนั่นไปทีเเบบไม่จริงจัง พยายามจะกดเสียงต่ำให้ฟังดูน่ากลัวเเต่เสียงที่ออกมามันงัวเงียซะมากกว่า


          อย่าว่าเเต่สติ เอาจริงๆคือผมยังไม่ได้ลืมตาเลยครับ


          "No"ไอมันก็ยังจะฟังออกตอบมาชัดถ้อยชัดคำ


          เออ งั้นเเล้วเเต่มึงเลยละกัน


          ผมคิดเเค่นั้น จากนั้นก็..หลับต่อ


          เเบบที่ทับมันอยู่เนี่ยเเหละครับ ไม่รู้เเหละความง่วงชนะทุกอย่าง พอๆกับความขี้เกียจเลย


           มันก็คงจะตกใจอยู่เหมือนกันไม่คิดว่าผมจะหลับทั้งๆเเบบนี้ เพราะปกติไม่ถีบผมก็หยิกมันเข้าให้ตลอด ผมได้ยินเสียงถอนหายใจมาเเว่วๆจากนั้นตัวผมก็ลอยขึ้น


          เฮ้ย! อย่างนี้มันนอนต่อไม่ได้เเล้วครับ!


          ผมลืมตาโผลงมองเสี้ยวหน้าคนที่ช้อนตัวผมขึ้นอย่างสบายๆ


          "ปล่อยๆ ไอเดินเองได้"ผมรีบบอกทั้งยังดิ้นเล็กน้อย มันก้มลงมองหน้าผมเเวบนึงก่อนจะยอมปล่อยผมลงเเต่โดยดี จากนั้นก็ชี้ไปทางนาฬิกาดิจิตอลที่วางไว้ที่หัวเตียงเเบบที่รู้ดียิ่งกว่าเจ้าตัวอย่างผมเสียอีกว่าวันไหนผมต้องตื่นกี่โมง


          ผมพยักหน้ารับไปอย่างเคย ก่อนจะเดินหาวหวอดเข้าห้องน้ำไป


          น้ำเย็นๆช่วยให้ผมสามารถตื่นได้เต็มตา ผมก้าวออกมาก็พบอาหารเช้าสไตล์ฝรั่ง เเบบที่มีไข่ดาวหนึ่ง ไส้กรอกสอง ขนมปังปิ้งอีกสอง เเถมด้วยสลัดถ้วยเล็กๆที่ปกติมีถ้วยเดียว เเต่วันนี้เพิ่งเป็นสองถ้วย


          ผมเหลือบมองไอฝรั่งที่ยังคงหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มไม่เลิกตั้งเเต่วันนั้นหลังจากกลับมาจากห้าง ทั้งยังชอบมองผมแปลกๆไม่ก็นั่งจ้องจนตัวผมเเทบพรุน

          อย่างเช่นตอนนี้


          ผมก้มหน้าก้มตากินไปเงียบๆ พยายามจะเมินไอสายตาที่คอยมองมาตลอดการกิน เเต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว


          "Don't look at me(อย่ามองดิ)"ผมพูดออกไปอย่างคนมีความรู้พร้อมทั้งวางช้อนส้อมเเล้วเงยหน้าขึ้นมามองหน้ามันเเทน


          "Okay"มันตอบกลับ หากเเต่สายตายังคงจับจ้องมาที่ผม


          "ก็บอกว่า don't lookไง"ผมขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อไอหมีควายมันเริ่มกวนตีน

กึก
     

          ความไม่เข้าใจปนหงุดหงิดที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาดับลงทันใด เมื่อเเขนยาวๆที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อยื่นผ่านมาจากอีกฝากโต๊ะ..เพื่อปัดเศษขนมปัง ที่ผมคิดว่าผมไม่น่าจะเป็นคนมูมมามขนาดกินไปติดเเก้ม


     ตึกตักตึกตัก
     

          เเม้จะเป็นเสี้ยววิที่มือที่เเทบจะปิดหน้าผมมิดเเตะที่เเก้ม เเต่ก็ส่งผลกับก้อนเนื้อในอกเต้นระรัวขึ้นอีกครั้ง


          โรคหัวใจ..โรคหัวใจถามหาเเล้วไอธีร์เอ้ย


          "It's time to go now(ได้เวลาเเล้ว)"มันลุกขึ้นยืนเก็บจานชามรวบไว้ด้วยกัน ผมมองมันงงๆเเต่ก็ลุกขึ้นไปหยิบอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการเรียนขึ้นมาเเล้วออกจาห้องไปเหมือนอย่างเคย


          เเต่ที่ไม่ปกติคือมีหมีควายตัวใหญ่เดินตามหลังมาด้วย


          "ตามมาทำไม?"ผมหยุดฝีเท้าเเล้วหันไปถามมัน ก็ว่าอยู่ว่าทำไมเมื่อเช้าตอนตื่นมันถึงเเต่งตัวเหมือนจะไปข้างนอก

     
          "I'll give you a ride(เดี๋ยวผมไปส่ง)"


          ผมพยักหน้ารับมันไป ทั้งๆที่ไม่เข้าใจไอประโยคที่ว่า ถ้าแปลทีละคำก็พอได้เเต่พอมาติดกันเเบบนี้นี่หาใจความสำคัญไม่เจอเลยซักนิด


          ผมเดินออกมาถึงหน้าคอนโดตามปกติเเต่พอจะโบกเเท็กซี่ ไอฝรั่งกลับดึงมือผมกลับมาก่อน


          "Wait here(รอตรงนี้)"มันทิ้งท้ายไว้ให้ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่มันจะวิ่งเหยาะๆไปอีกทาง


          อะไรของมันวะ


          ผมได้เเต่มองแผ่นหลังกว้างอย่างงงๆ ตั้งเเต่วันนั้นที่กลับมาจากการไถ่โทษ ไอฝรั่งก็ไม่ยอมให้ผมออกไปนอนโซฟา ลากให้ผมมานอนเบียดกับมันบนเตียง ซึ่งจริงๆเเล้วมันก็ไม่ได้เบียดอย่างที่ผมคิดไว้หรอกครับ เเต่ผมไม่ค่อยชอบนอนกับคนอื่นเท่าไหร่เนื่องด้วยนิสัยการนอนของตัวเอง


          ผมก้มหยิบมือถืออกมาดูเวลาก็พบว่ามีเวลาอีกเหลือเเหล่ ตั้งเเต่มีไอหมีควายมานี่เหมือนมีนาฬิกาปลุกส่วนตัว
     

          ปื้น!


          เสียงเเตรรถที่ดังอยู่ตรงหน้าทำเอาผมสะดุ้งเงยมองตามเสียง กระจกสีชาเลื่อนลงช้าๆก่อนจะเผยหน้าคนขับ ไอฝรั่งยิ้มมาให้ทั้งยังชี้ประมาณว่าให้ผมขึ้นไป ผมเลิกคิ้วสงสัยเเต่ยังไม่ได้ถามยอมพาตัวเองขึ้นไปรถคันหรู


          "รถใครวะเนี่ย"


          "โคลด์"มันตอบ


          อ่อ...ของเฮียนี่เอง


          ทุกความคับข้องใจถูกไขออกทันทีเมื่อชื่อของเจ้านายถูกเอ่ยออกมา รถคันเดียวมันเป็นเรื่องเล็กมากสำหรับคนอย่างเฮียเขาล่ะนะ


          "Corgi"


          "หืม?"ผมครางรับในลำคอเเล้วหันหน้าไปหาคนเรียก ตอนนี้ชินกับชื่อนี้เเล้วครับ อีคอร์กี้เนี่ย


          "Ah..why you have to go with him everyday?(อ่า..ทำไมนายต้องไปกับเขาทุกวันด้วยล่ะ)"ไอฝรั่งดูลังเลเล็กน้อยในการถาม ถึงเเม้ว่าตามันจะจับจ้องไปที่ถนนไม่ได้หันมามองผมก็ตาม เเต่คิ้วที่คอยจะเคลื่อนเข้าหากันก็ไม่พ้นสายตาผมอยู่ดี


          "He?"ผมทวนคำ


          เขาไหนวะ


          "Darren"พอได้ยินชื่อผมถึงกับร้องอ้อในใจยาวๆ


          จะให้ผมตอบไปว่าเพื่อเรียนภาษาอังกฤษเพราะอยากคุยกับมันรู้เรื่องก็กระไรอยู่ มันออกจะเขินๆ


          "อ่า..That..I go to clean his room อ่ะ"ผมยิ้มเเห้งๆ ข้ออ้างโคตรไม่สมเหตุสมผลเลยไอธีร์เอ้ย


          "Okay."มันตอบกลับมาสั้นๆ เเต่คิ้วมันยังไม่หายเคลื่อนเข้าหากัน ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนข้างกายอย่างสงสัย
     

          พักหลังนี่มันดูแปลกๆไป ดูเหมือนเครียดกับอะไรบางอย่างอยู่เเต่พอหันมาเจอหรือคุยกับผมก็จะกลับมายิ้มเหมือนเดิม ซึ่งผมก็โง่เกินที่จะเอ่ยถามมันด้วย เพราะถึงถามได้ผมเชื่อว่าคำตอบที่มันตอบมาผมต้องฟังไม่รู้เรื่องชัวร์


          ผมนั่งนิ่งๆเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้มัน ไม่มีประโยคใดๆออกมาอีก มีเเค่เสียงเเอร์เย็นๆที่เป่าหน้าจนหน้าชากับวิวสองข้างทางที่ไม่มีอะไรนอกจากเสาไฟฟ้า ผ่านไปแวบเดียวก็มาโผล่ที่มหาลัยของผมเสียเเล้ว


          "ตรงนี้เเหละๆ ขอบคุณมาก"ผมบอกมันเมื่อถึงตรงทางเข้ามหาลัย
     

          หมับ


          "Wait a moment (รอแปป)"มันเอื้อมมาจับเเขนผมที่กำลังจะเปิดประตูรถออดไปเอาไว้ก่อนผมหันไปมองหน้ามันงงๆ มันไม่ได้พูดอะไรเเค่วนรถเข้าไปในตัวมหาลัยเเล้วจอดรถ


          จากนั้นก็ลงตามผมมาด้วย


          เดี๋ยวๆ ทำไมมึงต้องตามมาด้วยล่ะเฮ้ย!


          "ไอธีร์!"เสียงใสจากอีกฟากฝั่งทำให้ผมต้องชะงักปากที่กำลังจะหันไปถามว่าตามมาทำไม


          ไอกลองเเต็กยืนโยกไม้โบกมืออยู่หน้าตึกพร้อมกับเพื่อนอีกสองหน่อที่วันนี้อยู่กันถ้วนหน้าซึ้งเป็นปรากฏการณ์ที่น่าแปลกใจมาก


          ผมยิ้มกว้างเดินไปหาพวกมัน บอกเลยครับว่าวันนี้ไม่ง่วง


          "เมื่อวันนั้นมึงหายไปไหนวะไอเเต็กโทรไปไม่รับ"ผมทักมันทันที ซึ่งไอกลองเเต็กมันก็ยิ้มเเห้งๆมาให้ผมก่อนที่จะตอบด้วยความรู้สึกผิด


          "โทษ'ทีว่ะพอดีที่บ้านมีธุระ โทรศัพท์กูก็เเบตหมด"


          "เเล้วนั่นใครวะ"ไอน้ำพุชี้เลยหัวผมไป ผมหันตามก็พบร่างของไอหมีควายที่เดินตามผมมาเเต่ก็เว้นระยะห่างไว้เล็กน้อย มันหยุดยืนมองซ้ายมองขวาเหมือนเพิ่งได้เห็นตึกคณะครั้งเเรก พอมันเลื่อนสายตามาสบกับพวกผมที่หันไปมองมันอย่างพร้อมเพรียงก็เผยยิ้มออกมา


          ชิบหาย มึงไม่ต้องเดินมานะสัส

          ท่าทางความคิดของผมจะเเม่นเกินไป เพราะพอมันฉีกยิ้มปุ๊ปมันก็เดินมาเลยครับ พุ่งตรงมาทางนี้เเบบไม่มีเลี้ยว ทำเอาผมต้องหุบปากที่กำลังจะบอกว่าไม่รู้จักฉับทันที


          "อ่า..เพื่อนเจ้านายกูเอง พอดีเจ้านายกูไหว้วานมาให้กูดูเเลน่ะ"ผมยิ้มเจื่อนเเล้วผายมือไปทางมันที่ยิ้มให้เพื่อนผมอีกสามตัวเเล้วโบกมือทักทายเล็กน้อย


          "Hi"


          "ฮาย/เออ หวัดดี"ไอเเต็กนี่ยิ้มรับ ส่วนไอจีนนี่ทักทายเเบบไทยๆ อีกตัวนี่ยืนหลับในมองไอฝรั่งร่างยักษ์จากหัวจรดเท้า


          "สรุปคือผัวมึง?"เเละยังจะปล่อยหมาในปากออกมาอีกต่างหาก

     
          "เหี้ยอะไรไอพุ มึงกลับไปนอนไป"ผมด่ามันทันที เเต่มันกลับเผยยิ้มมุมปากเมินคำพูดผมเเล้วหันไปหาไอฝรั่งเเทน


          "Do you like my friend?(ชอบเพื่อนผมหรอ)"

     
          "Hmm..Why do you ask that?(หืม ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ)"


          "I can see everything in your eyes(ตาของคุณมันฟ้อง)"


          "Then,What are you gonna do next?(ถ้ามันเป็นอย่างนั้นนายจะทำอะไรต่อ)"


          "Stop เลย It's time for our class . We have to go now.(ถึงเวลาเรียนของพวกเราเเล้ว ขอตัวก่อนนะครับ)"ยังไม่ทันที่ไอพุจะได้ตอบ เพื่อนตัวเล็กก็พูดขึ้นขัดเสียก่อน ทั้งยังดึงเเขนเพื่อนๆที่เหลือให้ตามมันไปโดยที่โค้งเล็กๆให้กับไอฝรั่งตอนลา โดยทีเหล่าผองเพื่อนยังคงมีรอยยิ้มกริ่มประดับอยู่บนหน้า


          เฮ้ย! ทำไมกูโง่อยู่คนเดียววะเนี่ย!



          ------------------------------------------------------------


          "มันไม่มีอะไรหรอกไอธีร์"เป็นอีกครั้งที่หนุ่มร่างบางนามกลองเเต็กบอกด้วยเสียงหน่ายๆยามที่หันไปเจอหน้าเพื่อนสนิท


          ไม่ใช่ใครที่ไหน..ผมไงล่ะครับ


          หลังจากที่ถูกลากมาเรียนอย่างมึนๆเเต่ความคาใจที่อยากรู้ว่ามันคุยอะไรกันทำเอาคนลืมง่ายอย่างผมไม่ลืม เเล้วนำมารบเร้าเพื่อนทั้งสามชีวิตให้เล่าให้ฟังเเต่กลับมีเเต่คนเมิน


          "พวกมึงเเม่งมีลับลมคมใน"ผมพูดหน้าบูด ปกติผมไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นหรอกครับ ถ้าไม่บอกก็ไม่เซ้าซี้ เเต่เรื่องนี้ท่าทางมันจะเกี่ยวกับตัวผมด้วยน่ะสิไม่ยุ่งคงไม่ได้


          "เลิกทำหน้าหมาปั๊กได้เเล้วมึงอ่ะ"ไอคนที่ฟุบหน้าหลับเพื่อตัดปัญหาไปกลับพูดขึ้นมาจนผมหันไปมองไอน้ำพุตาขวาง


          "เออ หมาปั๊กเเล้วทำไม"ผมหันไปตอบโต้เเบบไม่สะทกสะท้าน คอร์กี้กูก็เป็นมาเเล้วจะเพิ่มหมาปั๊กให้อีกตัวจะเป็นไรไป


          "ก็...เข้ากับมึงตอนนี้ดี เตี้ยๆเเล้วทำหน้ายับๆ"มันว่าเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร จนผมเริ่มไม่มั่นใจตัวเองหันไปถามความเห็นเพื่อนอีกคน


          "ไอเเต็ก หน้ากูยับขนาดนั้นเลยหรอวะ"

          "มึงก็ไปบ้าจี้ตามมัน ดูนั่น นอนไหล่สั่นอยู่นั่นน่ะ"คนถูกถามได้เเต่ตอบอย่างเหนื่อยใจกับความซื่อของเพื่อน เเล้งพยักเพยิดหน้าไปทางไอคนที่กลับไปฟุบหน้าเเต่ไหล่ยังสั่น


          ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย มันกำลังขำ


          "เออมึง ฝรั่งนั่นมันทำงานอะไรวะ ทำไมกูคุ้นหน้าชิบหาย"เสียงจากเพื่อนอีกตัวที่เพิ่งได้เงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพทย์ทำให้ผมเบนความสนใจจากไอคนที่ขำอยู่ไปหามันเเทน


          "สัตวเเพทย์อ่ะ"


          "สัตวเเพทย์...เออๆ ช่างมันเถอะ เขาคงหน้าโหล"ไอจีนทำท่าเหมือนพยายามนึกสุดท้ายมันก็ยอมเเพ้บอกปัดๆมา


          "เเล้วไอ'ดูเเล'ของมึงเนี่ยคือยังไงวะ"ไอจีนถามต่อ โดยมีสายตาจากเพื่อนอีกสองคนที่สื่อประมาณว่า'กูก็อยากรู้เหมือนกัน'มาอย่างชัดเจน


          "ก็เหมือนเป็นโฮสละมั้ง"ผมตอบอย่างไม่มั่นใจเพราะจริงๆเเล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมดูเเลมันหรือมันดูเเลผมกันเเน่


          "เออๆ พวกมึงไปดูหนังกันป่ะ"จู่ๆไอเเต็กมันก็เอ่ยปากออกมา


          "วันไหนวะ"ผมถาม


          "วันนี้เนี่ย อีกห้านาทีก็หมดคาบละ"ไอเเต็กตอบหัลงจากก้มลงมองนาฬิกา


          "กูไม่ว่างว่ะ"เพื่อนจีนเป็นคนเเรกที่ตอบอย่างรวดเร็ว


          "กูก็เหมือนกัน"ทั้งไอพุก็ด้วย


          ฉะนั้นเป้าหมายสุดท้ายก็ตกมาอยู่ที่ผม ผมยิ้มแหยเมื่อเห็นสายตามีประกายความหวังของมัน ก่อนจะส่ายหน้า


          "ไว้วันหลังนะมึง มันกระทันหันไปหน่อยว่ะกูมีนัดกับพี่เรนเเล้ว"


          "ไว้วันหลังละกัน กูชวนกระทันหันไปหน่อยจริงๆนั่นเเหละ"กลองเเต็กส่ายหน้าไม่ถือสา พอดีกับอาจารย์ด้านหน้าที่พูดทิ้งท้ายจากนั้นก็เดินออกจากห้องไป



------------------------------------------------------


          "พวกกูไปก่อนนะ ไว้เจอกัน"เพื่อนตัวโย่งบอกเเล้วโบกมือลากันตรงด้านหน้าคณะ


          ผมมองแผ่นหลังของเพื่อนทั้งสองที่เดินคู่กันออกไปได้ซักพัก รถมอเตอร์ไซค์คุ้นตาก็เคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับหมวกกันน็อคสีเข้มที่ถูกถอดออกเผยให้เห็นใบหน้าของรุ่นพี่คนสนิทที่คุ้นหน้าคุ้นตาดี


          "กูก็ไปก่อนนะ บ๊ายบาย"ผมบอกลามันก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์อย่างคล่องเเคล่ว ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายพร้อมฉีกยิ้มให้มัน


          "เออ บายๆ"มันตอบรับสั้นๆ ไม่ได้โบกมือกลับเเค่พยักหน้ารับรู้ พอเห็นว่าผมล่ำลากับเพื่อนเสร็จเรียบร้อยคนขับรถจำเป็นก็ออกรถทันที



---------------------------



          "เฮ้ย!"


          "ก็อย่างที่บอก พอดีมีธุระกระทันหัน ฉะนั้นมึงกลับเองได้ใช่ไหม"คนที่ขับรถออกมาได้ถึงเเค่หน้ามหาลัย จากนั้นโทรศัพท์เครื่องหรูก็เเผดเสียงร้องจนต้องหยุดหาที่คุย สุดท้ายพี่เรนก็ถีบผมลงมาเหมือนเอาหมามาปล่อยจากนั้นก็ว่าง่ายๆ


          นี่มึงเอากูมาทิ้งนะครับ!


          ถึงจะเเค่หน้ามหาลัยก็เถอะ รู้งี้ไปดูหนังกับไอเเต็กก็ดี


          "ไอกลับอ่ะกลับได้..."


          "โอเคดี งั้นดูเเลตัวเองด้วย เเต่...คงไม่ต้องเเล้วมั้ง มีคนอื่นรอดูเเลอยู่เเล้วหนิ"ยังไม่ทันให้ผมพูดจบไอรุ่นพี่ก็พูดเเทรกขึ้นมา จากนั้นก็หยิบหมวกกันน็อคขึ้นสวมปล่อยให้ผมยืนงงกับประโยคที่พี่เขาเพิ่งพ่นออกมา


          จากนั้นก็ยืนเอ๋อเเดกมองตามบิ๊กไบค์คันวามที่เเล่นฉิวออกไปด้วยความรวดเร็ว


          "อะไรของเขาวะเนี่ย"ผมบ่นงึมงำกับตัวเอง เเล้วถอนหายใจหนักๆ เเล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหาเเท็กซี่


          กึก


          มารับ?


          ผมหรี่ตามองรถสปอร์ตคันหรูที่มีร่างของไอฝรั่งหมีควายยืนพิงอยู่ ในมือมันก็ยังคงเป็นโทรศัพท์เครื่องเดิม มีบ้างที่เงยหน้ามามองซ้ายขวาเเต่มันก็มองไม่เห็นผมซักที


          ผมเลยตัดสินใจข้ามไปอีกฝั่งเพื่อไปหามัน พอเข้าไปใกล้มันก็ละสายตาจากโทรศัพท์เเล้วหันมาสบตาผมเเทนจากนั้นก็...คลี่ยิ้มดีใจ


          กึก


          ผมชะงักเล็กน้อยที่เห็นรอยยิ้มกว้างเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ของอีกฝ่าย ผมจึงเป็นฝ่ายหลบตามันก่อน จากนั้นก็เฉไฉกลบเกลื่อนอาการแปลกๆที่ก่อขึ้นมาในอกด้วยการพยักเพยิดหน้าให้มันเปิดประตูรถ ซึ่งมันก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรยอมเปิดให้ผมได้เเทรกตัวเข้าไปนั่งได้เเต่โดยดี


          ขากลับก็เหมือนขามา


          เงียบสนิท มีเพียงเสียงเเอร์เย็นๆเท่านั้น


          ต้องหาอะไรคุย


          เเล้วอะไรดีล่ะ ไอธีร์คิดสิคิด


          บรรยากาศหน้าอึดอัดส่งผลให้ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวผม การไปเรียนเสริมกับพี่เรนซึ่งอาจจะดูไม่ได้เรื่องมากมายเเต่ก็ดีกว่าเเต่โข เเต่คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรออกไปดี


          ความคิดของคนพูดเก่งที่คิ้วทั้งสองเริ่มเคลื่อนเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว ถ้าพูดหรือถามออกไปเเล้วมันไม่ชอบขึ้นมาจะทำไงวะเนี่ย ถ้ามันด่ากูกูจะรู้เรื่องรึเปล่า


          เอาวะ


          "เอ่อ.."


          เเละเเน่นอนว่าต้องเกริ่นก่อนเสมอ อย่างน้อยก็เพื่อมีเวลาให้เราเตรียมใจกับคำศัพท์ไว้ให้มั่นล่ะนะ


          "Why you come here อ่ะ?(คุณมาที่นี่(เมืองไทย)ทำไม)"ผมถามอย่างไม่มั่นใจ ยามที่มองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายอย่างจดจ่อว่ามันจะทำสีหน้ายังไงหรือจะหันมาด่ากูเสือกไหม


          "Why do you ask that?(ทำไมถามอย่างนั้น)"มันเพียงเลิกคิ้ว จวบเหมาะกับที่รถติดไฟเเดงพอดิบพอดี มันจึงละสายตาจากท้องถนนมาสบตาผมเเทน


          "I want to ask มานานเเล้ว but I don't know howอ่ะ"ผมตอบมันตามตรง กระพริบตาปริบๆอย่างรอคำตอบ


          ดวงตาน้ำข้าวฉายเเววลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มันจะตัดสินใจตอบมาตามตรงเเบบชัดๆช้าๆ


          "Actually,I come here to see my first love.(ที่จริงเเล้ว ฉันมาที่นี่เพื่อมาหารักแรกของฉัน)"


          พอไอหมีควายพูดจบไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี ทิ้งให้ผมนั่งประมวลผลคำพูดของมันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะรู้สึกหายใจไม่ออกมาเสียดื้อๆ


          ให้ตายสิ ผมไม่อยากฟังประโยคนี้ออกเลย


ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ไอ้หยา


รักแรกของออสตินคือใคร
ขอให้เป็นคอร์กี้น้อยยยยยยย

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ฮูคะออสติน :ling1:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ตามหารักแรก

สุดยอด

first love

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ป้าว่าอิหมีเป็นญาติกับหนูเรน

ออฟไลน์ Sweettemp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
รักแรกของให้เป็นบักธีร์เถอะ มันแปลกเกินไปมั้ยที่เพื่อนของหัวหน้ากลับให้มาพักกับลูกจ้างธรรมดาๆคนหนึ่ง บังเอิญไป๊  :hao3:

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

Chapter13

| Follow your heart



          รักเเรก...

          รักเเรกหรอวะ

          เเสดงว่ามันก็มีคนรักอยู่เเล้วดิ

          ไม่ๆ มันอาจจะมาตามหารักเเรกงี้ป่ะ

          บ้าหรอ ถ้าจะตามหารักเเรกรักเเท้ทำไมต้องถ่อมาถึงเมืองไทยล่ะไอธีร์

          "มึงเลิกทำหน้าเหมือนกำลังทะเลาะกับตัวเองซักทีได้ไหมวะ"เสียงไอกลองเเต็กดังขึ้นขัดความคิดที่กำลังตีกันอยู่ในหัวของผม ผมสะดุ้งหันไปหามันที่มองผมอยู่ก่อนด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

          "นี่กู..เเสดงออกชัดขนาดนั้นเลยหรอ"

          "ขนาดที่ว่าเด็กอนุบาลยังดูออกอ่ะ คิ้วมึงเเทบจะฟิวชั่นกันเป็นขีดเดียวอยู่ละ"ไอเเต็กพูดอย่างเอือมระอาเเล้วเอื้อมมือมาจิ้มๆตรงหว่างคิ้วผม จนผมผมสะดุ้งเเล้วค่อยๆคลายหว่างคิ้วตัวเองออกเเล้วส่งยิ้มเหงือกเเห้งไปให้

          "ไม่ต้องมายิ้มเลย มึงมีอะไรไม่สบายใจก็บอกกูได้นะ กูเพื่อนมึงนะธีร์"มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเเล้วเลื่อนมือมากุมมือผมไว้เพื่อบอกว่ามันยังอยู่ข้างผมตลอดเวลา ดวงตากลมสบผมตรงๆเเบบที่มีเเต่ความจริงใจ ผมเลยได้เเต่ถอนหายใจออกมา

          ทำมันห่วงในเรื่องไม่เป็นเรื่องจนได้

          "เรื่องไร้สาระว่ะ"ผมเลยบอกปัด ไอเเต็กมันก็ไม่ได้ถือสาหรือทำท่าอยากรู้อะไรเเค่พยักหน้าเข้าใจ

          "เสาร์นี้ว่างป่ะ ดูหนังกัน"มันชวน ไม่ต้องสงสัยครับว่าวันนี้อีสองเกลอหายไปไหน มันน่าจะโดดเเบบเเพ็คคู่อย่างปกติ

          "ว่างๆ มึงนัดมาเลย"

          "งั้นเดี๋ยวกูเช็ครอบหนังเเล้วไลน์ไปบอกนะ"ผมพยักหน้าหงัก เเล้วพอไอเเต็กมันกลับไปให้ความสนใจกับอาจารย์ข้างหน้าต่อ...ผมก็กลับมาทะเลาะกับตัวเองอีกครั้ง

          "เฮ้อออ..."

          "รอบที่ห้า"

          "ห้ะ?"

          "มึงถอนหายใจเป็นคนเเก่มาห้ารอบเเล้วไอธีร์"ไอแต็กว่าอย่างที่ผมยังตกใจตัวเอง นี่..ผมเหม่อลอยขนาดไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรเลยหรอวะ

          "ไอแต็ก...ถ้าหัวใจมันเต้นเเรงโคตรๆมันหมายถึงกูจะเป็นโรคหัวใจป่ะวะ"ผมเอ่ยถามมันอย่างไม่มันใจ พลางเหลือบมองเพื่อนที่ทำหน้าเครียดรออยู่ก่อนเมื่อผมเริ่มเอ่ยปาก เเต่พอเอ่ยจบเท่านั้นเเหละมันก็หลุดขำพรืดออกมาเลย

          "โอ้ย ไอธีร์กูไม่คิดว่ามึงจะเครียดเรื่องอะไรเเบบนี้ คือมันก็เเล้วเเต่สถานการณ์อ่ะ เเล้วมึงใจเต้นเเรงตอนไหน"

          "ก็...เเบบเวลาอยู่ใกล้ๆใครซักคนประมาณนั้นล่ะมั้ง"ผมตอบอย่างไม่มั่นใจนัก

          คำตอบที่คนถามเลิกคิ้วสูง ยามมองเพื่อนตัวเตี้ยที่มองหน้าเหมือนไม่มั่นใจ คิ้วขมวดมุ่นเหมือนมันยากเกินไปที่จะหาคำตอบให้ตัวเอง

          ส่งผลให้เพื่อนสนิทเผยยิ้มขำปนเอ็นดูกับท่าทีเหมือนหญิงสาววัยเเรกเเย้มที่ไม่รู้จักความรักอย่างไงอย่างงั้น

          "ชอบเขา?"

          "เฮ้ย!บ้าหรอ!"ผมถึงกับหลุดออกมาเสียงดังอย่างที่ลืมไปว่ายังอยู่ในคาบเรียน คนทั้งห้องจึงพร้อมใจกันเงียบเเล้วหันมามองผมเป็นทางเดียว

          เหตุการณ์มันคุ้นๆว่าไหมครับ

          ผมได้เเต่ค้อมหัวเเล้วส่งยิ้มเเห้งๆให้เเก่คนรอบห้อง ก่อนจะหลับมานั่งหดคอห่อไหล่เเล้วปรับเสียงให้เป็นเเค่กระซิบพอ

          "ทำไมมึงคิดอย่างนั้นวะ"

          "งั้นมึงก็ลองเดตกับเขาดูสิ"

          "ห้ะ!"ผมถึงกับหันขวับคอเเทบเคล็ดไปมองหน้ามันตรงๆว่าที่พูดมานี่จริงจังเเค่ไหน พอมันเห็นสีหน้าเหวอเเดกของผมมันก็ถอนหายใจเเล้วขยายความ

          "หมายถึงเเบบลองอยู่กับเขาสองต่อสอง ไปเที่ยวไปอะไรก็ได้ ถ้ามึงหัวใจเต้นเร็วๆหรือหน้าร้อนๆตอนเขายิ้มให้ เขาทำนู้นให้นี่ให้ หรือเวลาเอาหน้ามาใกล้ๆไรงี้ กูฟันธงเลยว่ามึงชอบเขาไปเเล้ว"

          คำอธิบายของมันยิ่งทำเอาผมขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า

          "ทฤษฎีอะไรของมึงเนี่ย มันจะใช้ได้จริงหรอ"

          "มันไม่ใช่ทฤษฎี นี่จากประสบการณ์ล้วนๆ"ไอกลองเเต็กว่าพลางยืดอกเอามือตบปุๆอย่างภาคภูมิ

          "แปลว่ามึงมีคนที่ชอบเเล้วสิ?"ทำเอาผมกระพริบตาปริบๆมองอีกฝ่ายเเล้วเอ่ยถามตรงๆ

          เพื่อนสนิทร่างเล็กชะงักทันทีเมื่อเจอคำถาม ก่อนที่คนที่อวดว่าเป็นกูรูด้านความรักต้องเบือนหน้าไปทางอื่น พวงเเก้มขาวขึ้นสีเรื่อ

          "กะ..ก็เออสิ ของเเบบนี้ถึงไม่มีก็ต้องเคยมีกันบ้างละวะ มึงเกิดมาจะยี่สิบปีไม่เคยมีบ้างรึไงไอความรักเนี่ย"ทั้งนังพูดเสียงตะกุกตะกักเเลดูมีพิรุธ หากเเต่ผมก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเเล้วตอบคำถามมันเเทน

          "ก็...เคยมั้ง เเต่มันไม่ได้รู้สึกใจเต้นตุบตับเเบบนี้นะ"

          คือผมก็ไม่มั่นใจว่ามันสามารถเรียกว่าความรักได้หรือไม่ ก็เเค่รู้สึกดีนิดๆหน่อยๆก็เเค่นั้นเเถมมันยังตั้งเเต่สมัยประถมนู้น

          "ระยะเเบบนี้เขาเรียกหวั่นไหวเว้ยมึง เเบบเห็นเเล้วใจสั่น คือยังไม่เเน่ใจในความรู้สึกตัวเองประมาณนั้น นี่มึงจะให้กูอธิบายทุกอย่างเลยไหม?"คราวนี้มันกลับมาทำหน้าหมาเบื่อใส่ผมอีกเเล้ว ทั้งยังเหลือบตาขึ้นบนเหมือนเอือมกับผมเต็มที

          "อ่า...ได้ก็ดี"ผมตอบไปอย่างที่คิด เเต่กลับได้นิ้วกลางงามๆตอบกลับมาเเทน

          เอ้า! ไรของมึงเนี่ย!

          "กูประชดไอสัด"

          "ของเเบบนี้มันต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเว้ย ตรงนี้มันจะบอกมึงเองไม่ต้องไปซีเรียสให้ปวดหัวหรอก"

          เเล้วมันเอานิ้วมาจิ้มๆตรงอกด้านซ้ายของผม

          "นม?"ผมหันไปถามมันงงๆ

          นมจะบอกอะไรกูได้วะ

          พอถามไปปุ๊ปมันถึงกับกลอกตาเป็นเลขเเปดจากนั้นก็ด่าพ่อผมเลย

          "พ่อมึงอ่ะ! หัวใจเว้ยหัวใจ!"




--------------------

     

          หลังจากที่ไอแต็กเทศนาผมเรื่องความรักจนมันพอใจ พวกเราก็เเยกกันเนื่องด้วยที่ว่ามันมีธุระกับทางบ้าน ตอนเเรกก็ว่าจะไปหาข้าวกินด้วยกันอยู่หรอก เเต่พอเห็นงั้นก็ไม่อยากจะรั้งมันไว้ซักเท่าไหร่ พ่อกับเเม่มันนี่โหดอย่างกับอะไรดี ขนาดผมที่ไม่ใช่ลูกยังกลัวอ่ะ เเต่ไอกลองเเต็กมันบอกว่ามันชินเเล้วเพราะพ่อเเม่มันเป็นครูเลยติดนิสัยชอบสอนชอบติมาพวกท่านไม่ได้มีเจตนาที่จะด่าตลอดเวลา

          เเละเเน่นอนวันนี้ก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ผมต้องรอพี่เรนมารับ ถ้ายังไม่ลืมคงจะจำได้ว่ายังมีข้อเเลกเปลี่ยนอย่างไม่มีกำหนดระหว่างผมกับพี่เเกอยู่

          แฟนงั้นหรอ..

          แล้วสรุปแฟนกันนี่มันต้องทำอะไรบ้างวะเนี่ย

          ผมค่อยๆฟุบลงบนโต๊ะหินอ่อนเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก คิดดูเเล้วไอแฟนปลอมๆระหว่างผมกับพี่เรนเนี่ยดูจะไม่คืบหน้าไปเท่าไหร่เลย มีก็เเต่พี่เขาเนี่ยเเหละที่สอนภาษาอังกฤษผมถึงเเม้ว่าอาจจะดูไม่ได้อะไรมากเเต่กอปรกับที่ผมเยู่กับเจ้าของภาษาตัวเป็นๆทุกวันมันก็เลยเริ่มชินไปเองด้วยตามธรรมชาติ

          เลิกดีไหมวะ

          "แฮ่!!"

          "เหวอ!"ผมสะดุ้งสุดตัวจนเกือบตกเก้าอี้ถ้าไม่มีเเขนยาวๆมาดึงเเขนผมไว้ก่อนผมคงได้ไปนั่งเล่นที่พื้นจริงๆ

          ผมหันมองตัวการอย่างคาดโทษ

          "ฮ่าๆๆ! ดูทำหน้าเข้า โอ๋ๆไม่ร้องนะน้องธีร์"พี่เรนหัวเราะออกมาทันทีหลังจากที่เห็นว่าผมตั้งหลักนั่งได้เเล้ว ทั้งยังขยี้หัวผมเล่นเเถมยังทำหน้าล้อเลียนเหมือนเวลาโอ๋เด็ก

          ชอบจัง ไอมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นเนี่ย

          "พี่เเม่ง.."ผมเลยเผลอเอ่ยปากออกไปไม่ได้

          "เเม่งอะไร พูดดีๆนะเฮ้ย"

          "เลวไง เมือวานก็ทิ้งผมไว้หน้ามหาลัยซะงั้น อะไรวะคิดว่าหน้าตาดีทำอะไรก็ได้หรอ"ผมพูดอย่างไม่กลัวคำขู่กลายๆของพี่เรน ทั้งยังเบ้ปากว่าอย่างหมันไส้

          นี่เคืองนะบอกเลย ตั้งเเต่เมื่อวานละ คราวหน้าถ้าจู่ๆพี่เเกมีธุระจะไม่ทิ้งผมไว้กลางทางอีกหรือไง

          ผมเหลือบตามองคนที่ยืนค้ำหัวผมอยู่เพื่อที่จะดูว่าพี่เเกจะทำยังไงต่อไป ปรากฏว่าพี่เรนมองผมอยู่ก่อนพอสบตากันพี่เเกก็เผยยิ้มโชว์เขี้ยวเล็กๆเเล้วทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับผมจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงน่าถีบ..

          "โถ่ ไม่งอนดิตัวเอง ตอนนั้นเค้าติดธุระด่วนนี่หน่า"รุ่นพี่ที่บัดนี้ผันตัวมาเป็นสาวน้อยกระพริบตาปริบๆว่าด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดกวนอวัยวะเบื้องล่าง มือนึงใช้เท้าคางกับโต๊ะส่วนอีกมือก็ยื่นมาตรงหน้าผมเเล้วชู...นิ้วก้อยแกว่งไปมา

          โอ้ยย หมันไส้โว้ยยย

          "งอนบ้างอนบออะไรล่ะ"ผมตอบกลับนิ่งๆ ไม่สนเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆจากสาวน้อยสาวใหญ่สาวเทียมที่เเอบมองอยู่ห่างๆจากในตึก

          "ดูดิ้ ปากไม่ตรงกับใจอีกละ ป้ะๆวันนี้ยกเลิกคลาสเดี๋ยวพาไปเลี้ยงติม"ตอนเเรกก็ว่าจะแกล้งโกรธไปอีกซักพักไม่ก็ขอยันพี่เเกซักทีเเต่พอได้ยินชื่อของหวานเย็นอันเป็นที่โปรดปรานของเหล่าฝูงชนคนเมืองร้อน หูก็ผึ่งทันที

          "ไอติมอะไร"

          ยังไม่หายเคืองนะ เเค่ลองเเย็บถามไว้ก่อน

          "อะไรดีน๊า..อยากกินอาฟเตอร์ยูจังเลย"

          อึ้ก

          "เฮ้อ..เเต่เด็กหน้าบูดเเถวนี้คงไม่อยากไปสินะ น่าเสียดายจริง..."

          "ไปๆๆ"ผมเเทรกขึ้นก่อนที่รุ่นพี่คนสนิทจะพูดจบ ส่งผลให้พี่แกเลิกคิ้วสูง

          "ว่าอะไรนะน้องธีร์ พี่ไม่ได้ยินเลยอ่ะ"เเถมยังเเสร้งพูด ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนไม่ได้ยินจริงๆ

          "ไปไงพี่ไป เร็วๆลุกๆ เดี๋ยวร้านปิด"ผมเลยพูดย้ำก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนก่อนโดยไม่ลืมเร่งพี่เรนให้ลุกขึ้นเร็ว เเค่คิดถึงของหวานร้านที่คนมักเเน่นอยู่เสมอก็ทำเอาน้ำลายสอเเล้ว ยิ่งของฟรียิ่งต้องไปกินให้คุ้ม

          ความคิดที่เเสดงออกมาทางสีหน้าทั้งหมด จนคนเป็นพี่ต้องส่ายหน้าทั้งยังยกยิ้มอย่างเอ็นดู


----------------------------


          "เฮ้ยพี่! กินดีๆดิอย่าให้ภูเขามันถล่ม!"ผมรีบเอ็ดคนตรงข้ามที่ใช้ช้อนตักไอน้ำเเข็งไสเเบบที่ควักมันจากตรงส่วนกลางส่งผลให้ยอดมันถล่มลงมาเเหมะอยู่บนถาดที่ใช้รองถ้วยน้ำเเข็งไส

          ฮือ เสียดาย

          "มึงก็กินสตรอว์เบอร์รี่ข้างบนให้หมดไวๆดิวะ"สรรพนามหวานเลี่ยนของพี่เรนได้หมดไปจากโลกนี้เเล้วครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากเเละจะดีกว่านี้ถ้าพี่เขาไม่กลับไปใช้มันอีก

          เมนูสุดโปรดของผมที่ร้านเเห่งนี้นอกจากฮันนี่โทสต์ ก็คืออีกน้ำเเข็งไสราดสตรอว์เบอรรี่สีสดซึ่งอร่อยอย่าบอกใคร มันเป็นน้ำเเข็งไสที่หน้าตาไม่เหมือนน้ำเเข็งไสบ้านเราซักเท่าไหร่ เพราะตรงเกร็ดน้ำเเข็งเป็นสีขาวล้วนเเถวเนื้อยังละเอียดสุดๆเหมือนเเป้งเด็กรสนมก็ไม่ปาน ทั้งซอสสตรอว์เบอร์รี่สีสดรสออกเปรี้ยวนิดๆทำให้ไม่เลี่ยนจนเกินไป เเละเนื่องด้วยที่ว่าเขาจะโปะมาให้เเบบพูนๆจานอย่างกับภูเขาไฟฟูจิบนส่วนยอดก็มีสตรอว์เบอร์รี่สองลูกซึ่งลูกหนึ่งจะถูกตัดเเบ่งเป็นสองเเล้วเเปะให้ครบสี่ทิศ

          "แปปสิพี่ ผมยังกินเค้กไม่หมดเลย"จริงๆเเล้วร้านนี้เรียกให้ถูกคงเป็นร้านขนมหวานมากกว่าร้านไอติม เอาจริงๆคือมันเเทบไม่มีไอติมด้วยซ้ำถ้าไม่นับที่มันโปะโทสต์มาลูกสองลูกอ่ะนะ

          ผมที่ยังง่วนอยู่กับเค้กรสคุ้กกี้แอนด์ครีมซึ่งมีกล้วยสอดเเทรกอยู่ภายในเพื่อดับเลี่ยนรีบเงยหน้ามาบอกคนที่ไม่ค่อยชอบของหวานเเต่กลับชอบกินอีน้ำเเข็งไสนั่นเหลือเกินจนขี้เกียจรอผม ผมที่กลัวว่าพี่เเกจะสวาปามมันหมดไปก่อนจึงจำใจละมือจากเค้กมาสนใจภูเขาไฟตรงหน้าเเล้วตัดสตรอ์เบอร์รี่ทั้งสี่ทิศเข้าปาก

          นี่มันสวรรค์ชัดๆ!

          ตลอดการกินเเทบไม่มีประโยคใดๆหลุดออกมาจากปากผมเเละพี่เรนเลยซักนิด เรียกได้ว่าต่างคนต่างกิน กินเเล้วกินอีก หมดเเล้วสั่งใหม่

          คนสั่งใหม่ก็มีเเค่ผมเนี่ยเเหละครับ พี่เรนน่ะกินไปถ้วยเดียวก็บ่นเลี่ยนเเล้วถึงเเม้ว่ามันจะอร่อยก็ตาม

          "ธีร์"

          "หือ อ้าอะไออี้"ผมที่ยังมีเค้กอยู่เต็มปากเหลือบตาขึ้นมองตามเสียงเรียก

          "ยืมโทรศัพท์หน่อยดิ"ผมมองพี่เรนอย่างสงสัย จะเอาโทรศัพท์ผมไปทำไมกัน เเต่พี่เขาไม่ได้มีเเววล้อเล่นหรือจะเเกล้งผมเเต่อย่างใด ผมเลยวางใจล้วงกระเป๋าหยิบว่าจะหยิบให้

          เอ้ะ?

          "สงสัยผมลืมไว้ที่ห้องอ่ะพี่"ผมยิ้มให้แกนๆ เพราะทั้งวันผมไม่ได้หยิบมันขึ้นมาเล่นเลยไงเลยไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้หยิบติดตัวมาตั้งเเต่เช้า จะว่าหายก็คงไม่ใช่ไม่งั้นคงต้องรู้ตัวบ้างถ้าหากมันหล่น

          "งั้นไม่เป็นไรกล้องพี่ก็ได้ เขยิบมาหน่อยดิ้"พี่เรนพูดเองเออเองก่อนจะโน้มตัวมาข้างหน้าส่งผลให้หน้าพี่เรนอยู่ประมาณครึ่งโต๊ะได้ ผมกระพริบตาปริบๆอย่างงงๆกับคำสั่ง พี่เรนเหลือบมองผมที่นั่งโง่ไม่เข้าใจ

          เห้ย! ผมเห็นนะว่าพี่เเกเเอบกลอกตาอ่ะ!

          รุ่นพี่ร่างสูงเลยเอื้อมเเขนมากอดคอผม(เรียกว่าล็อคเลยจะถูกกว่า)จากนั้นก็ดึงเข้าหาจนผมนี่ถลาเลยจำเป็นต้องลุกขึ้นยืนอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่ผมจะได้อ้าปากถามว่าจะทำอะไร มือยาวก็ยื่นไปข้างหน้าพร้อมกับผมที่หันไปมองสิ่งนั้นอย่างพอดิบพอดี

          เเชะ

          "เฮ้ย!"

           เเชะ เเชะ เเชะ

          "ไม่เอาไม่ถ่าย พี่ปล่อยผม ปล่อยยย"พอผมเริ่มดิ้นพี่เรนก็ยิ่งสนุก กดปุ่มถ่ายอย่างเมามันส์ ผมเชื่อว่ารูปที่ออกมาหน้าผมต้องทุเรศทุกรูปเเน่นอน ผมไม่โอเคเลย ตอนนี้ไม่พร้อมถ่ายรูปอ่ะ ปากนี่มอมเต็มไปด้วยเค้กไปหมด

          ดีนะที่โต๊ะผมเป็นโต๊ะมุมด้านใน เเต่เสียงก็คงรบกวนโต๊ะอื่นพอสมควรเลยได้สายตาหลายคู่มาเป็นสิ่งตอบเเทน

          อาย..อายกว่านี้ไม่มีอีกเเล้ว

          "ไม่ปล่อยเเล้วจะทำไม"ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงต่อเลยพยายามมุดหัวออกจากการกักกันให้ได้เเต่ก็ไม่เป็นผล

          จนผมดิ้นจนหน้าดำหน้าแดง เริ่มหอบหน่อยๆเหมือนหมาขาดน้ำนั่นเเหละพี่เเกถึงเริ่มปล่อยให้ผมกลับไปนั่งดีๆ ซึ่งเมื่อกี้เป็นการดิ้นที่โคตรลำบาก เพราะต้องดิ้นเเบบไม่ให้เเรงเกินไปไม่งั้นเสื้อผมเนี่ยเเหละจะจุ่มลงไปในเค้กบนโต๊ะที่เหลือ

          "เลอะหมดเเล้ว กินยังไงวะ"นิ้วสากๆของคนเป็นพี่เเตะลงตรงขอบริมฝีปากก่อนจะปาดครีมเค้กออกอย่างช้าๆ

          "ก็กินอย่างนี้เเหละ พี่ยังไม่ชินอีก"ผมบอกอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับคำทักที่เหมือนด่าว่ามูมมามกลายๆ

          ยัง ยังอีก ยังไม่เอามืออกไปอีก

          พอรุ่นพี่ตัวสูงค้างมือไว้นานเกินกว่าเหตุ ความคิดพิเรนท์ๆบางอย่างก็ลอยเข้ามา

          "เห้ย!"หนุ่มลูกครึ่งร้องเสียงหลงเมื่อผมเอาหน้าถูเข้ากับมือพี่เขา

          เปล่า..ไม่ได้เล็งมือ เล็งปลายเเขนเสื้อนักศึกษาที่ร่นลงมาต่างหาก

          เหมือนตอนเเรกพี่เเกก็เหวอๆ เเต่พอเริ่มตั้งสติได้เเล้วเพิ่งเล็งเห็นสิ่งที่ผมมั่นหมายเอาไว้ก็สายเกินไปเเล้ว

          "เสื้อกู!"

          "โอ้ย ฮ่าๆๆๆ นานๆที่จะได้เเกล้งพี่คืนสะใจ๊สะใจ"ผมถึงกับปล่อยก๊ากเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของคนมีมาด พี่เรนรีบเอาทิชชู่จุ่มน้ำกะจะเอาคราบครีมออกเเต่ยังไม่ทันจุ่มก็ต้องชะงัก

          ร้านนี้มันมีเเต่น้ำชาครับที่ให้กดฟรี ถ้าจะจุ่มก็จุ่มได้เเต่ชา

          "เดี๋ยวๆเดี๋ยวก่อนเถอะ เล่นเเบบนี้มาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ"มีการมาชี้หน้าคาดโทษไว้ก่อน ก่อนที่พี่เรนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเเล้วพูดพึมพำ

          "ป่านนี้เเล้วหรอวะเนี่ย"

          "กี่โมงเเล้วอ่ะพี่"

          "ทุ่มเเล้ว นี่นั่งมาจะสามชั่วโมงเเล้วเนี่ย"พอว่าอย่างนั้นผมก็ลุกสิครับรออะไร โดยไม่ลืมหยิบถุงคุกกี้สุดเเสนจะเเพงของร้านนี้ที่ไปสอยมาโดยมีพี่เรนเป็นป๋าออกเงินให้ ซึ่งบอกเลยว่ามื้อนี้เเตะหลักพันเเน่นอน


---------------------


          "พรุ่งนี้เลิกกี่โมง"ชายหนุ่มลูกครึ่งเอ่ยถามยามที่ใช้สายตามองไปยังรุ่นน้องที่ยืนเเกะหมวกกันน็อคอยู่

          "พี่หัดจดบ้างสิ ถามผมทุกวัน"ผมตอบอย่างเหนื่อยๆ ทุกครั้งที่ติวอิ้งค์กับพี่เเกเสร็จเป็นอันถามตลอดว่ามีเรียนไหมพรุ่งนี้ไม่ก็พรุ่งนี้เลิกกี่โมง ดีหน่อยที่ช่วงหลังๆมายังจำได้ว่าผมมีเรียนวันไหนบ้าง ซึ่งวันที่ผมมีเรียนผมจะเป็นคนบึ่งไปหาพี่แกเอง

          ไม่เหมือนไอหมีควายที่ไม่เคยเอ่ยปากถามเเต่มันกลับจำได้เป๊ะยิ่งกว่าผมเสียอีก

          "เอาหน่า ก็พยายามจดจำอยู่นี่ไง สรุปเลิกกี่โมง"ผมรู้ว่าพี่เรนก็พูดไปงั้นๆเเหละครับ เรื่องความจำนี่เเย่พอๆกับผมเลยด้วยซ้ำ

          "พรุ่งนี้จารย์เขายกคลาสอ่ะพี่ เดี๋ยวผมไปเองเหมือนเดิมเเหละ"ผมตอบ

          "เนี่ย ถ้าพี่ไม่ถามก็คงไม่รู้หรอก"พี่เรนเริ่มทำปากยื่นปากยาว

          "ผมก็โทรบอกได้ไหมล่ะ"ผมตอบกลับพลางส่งหมวกกันน็อคคืน ซึ่งพี่เรนก็รับเอาไว้ก่อนจะสวมเข้าหัวตัวเอง

          "เดี๋ยวมึงก็ลืม เเล้วก็จะมานึกออกตอนถึงเวลาหรือไม่ก็เลยไปเเล้ว"สมกับเป็นรุ่นพี่คนสนิทรู้จักผมดีจนน่าหมันไส้

          ซึ่งผมหมดข้อโต้เเย้งเพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆนะสิ เเถมยังเป็นตลอดอีกต่างหาก แหะๆ

          "ว่าเเต่..เมื่อกี้พี่ถ่ายรูปไปทำไรอ่ะ"ผมเลยเนียนๆเปลี่ยนเรื่องไปบวกกับที่นึกขึ้นได้พอดี

          ซึ่งพี่เรนก็ยักคิ้วมาให้สองทีก่อนจะกลับมาใช้โทนเสียงน่าถีบ

          "เก็บไว้ดูเล่นไง น้องธีร์ของพี่น่ารักจะตาย"

          "เอาความจริง"

          "เอาไว้ส่งให้อีน้องเตยดูไง คนที่พี่เคยเล่าให้ฟัง"คราวนี้พี่เเกว่าด้วยสีหน้าหน่ายโลกสุดๆ ที่เเท้ก็ชื่อเตยนี่เอง..บุคคลผู้ที่ทำให้ผมต้องมาเป็นเเฟนหลอกๆของไอพี่เวรนี่

          "คนที่มาตื๊อพี่อ่ะนะ"

          "เออ"พี่เรนตอบสั้นๆเป็นการจบบทสนทนา

          "งั้นผมไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้เว้ยพี่"ผมที่เริ่มโดนยุงตอมเลยถือโอกาสบอกลา ทั้งยังโบกมือหย็อยๆให้อย่างเคย

          พี่เรนฉีกยิ้มมุมปากเหมือนคิดว่าตัวเองเท่มาก เเถมด้วยยักคิ้วให้อีกสองทีซึ่งมองเเทบไม่เห็นเพราะหมวกกันน็อคบัง ปิดด้วยดึงกระจกกันลมลงมาเเล้วเคลื่อนตัวรถออกไป

               

         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2016 15:52:44 โดย Kiitos »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
หน่องธีร์รู้ใจตัวเองแล้วเหรอออออ บอกเถอะชอบบักฝรั่งนี่

ว่าแต่ รักแรกเนี่ย มาตามหารักแรก หรือมาค้นหารักแรกกันหว่า??

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ธีร์~~ หนูใช้นมตัดสินใจหรอครับ~~. ฮาาา :hao7:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ฝรั่งหึง จับปล้ำ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter14
| be worry about


           ตึกๆๆๆ

          ทันทีที่เท้าของผมเเตะพื้นห้อง สิ่งเเรกที่ได้ยินคือเสียงฝีเท้าของคนดังมาเเต่ไกลเเละไม่นานเจ้าของฝีเท้านั้นก็ปรากฏสู่สายตา สีหน้าของไอฝรั่งดูตกใจปนโล่งใจยามที่ใช้ดวงต่น้ำข้าวมองมาที่ผม 

          "Oh! Thank god(โอ้ ขอบคุณพระเจ้า)"มันพูดทั้งยังเอามือทาบอกออกมาเหมือนโล่งอก ก่อนจะพุ่งมาหาผมอย่างไม่รอช้าเเละทำในผมที่ยังมึนๆอยู่ถึงกับตัวเเข็งทื่อ

          หมับ

          มันดึงผมเข้าไปกอดจนหน้าผมจมลงไปในอกเเข็งๆของมัน ผมที่ยังงงปนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยตั้งใจจะผลักออกเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น เเต่ยังไม่ทันได้ทำอีกฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนจนผมชะงัก

          "I worried about you like crazy.(ฉันเป็นห่วงนายแทบบ้า)"เสียงทุ้มเบาราวกับกระซิบฟังดูสั่นอย่างที่สัมผัสได้ ผมได้ถึงน้ำหนักของหัวมันที่ซบลงมาบนหัวผมอีกทีจากนั้นมันก็รัดวงเเขนจนเเทบไม่เหลือที่ว่างระหว่างเราสองคน

          ผมได้เเต่ทำอะไรไม่ถูกจะยกเเขนกอดตอบมันก็เงอะงะๆจะกอดไม่กอดก็ตัดสินใจไม่ได้อย่างที่หาสติตัวเองไม่เจอ ทั้งยังไม่เข้าใจว่ามันเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น

          ความอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูที่ร่างกายผมสัมผัสกับมัน กลิ่นหอมอ่อนๆจากสบู่ผสมกับกลิ่นตัวผู้ชายตัวผู้ชายตัวโตที่ไม่ได้เเย่กลับกัน มันก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกๆที่ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจด้วยซ้ำ สุดท้ายก็เลยยกมือขึ้นกอดตอบอย่างที่เป็นไปเองตามธรรมชาติ

          ตึกตัก ตึกตัก

          ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเเค่ไหน ผมรู้เเค่ว่าหัวใจผมเต้นเเรงมากจนกลัวว่ามันจะได้ยิน เลยตั้งใจจะผละออก หากเเต่เสียงหัวใจที่ถี่รัวไม่เเพ้กันของอีกฝ่ายก็ทำให้ผมชะงักอีกครั้ง



-----------------



Austin's part

          ผมกอดคนที่สูงถึงเพียงอกผมเเน่นขึ้นทิ้งหัวลงซบบนหัวทุยของใครอีกคน ยิ่งธีร์ไม่ขัดขืนมันยิ่งทำให้ผมได้ใจ ตอนนี้หัวผมมันขาวโพลนไปหมดรู้เเค่ว่ามันโล่งมากหลังจากนั่งกังวลเป็นชั่วโมง

          โล่งใจที่เห็นว่าอีกคนยังอยู่ดี

          "มะ..มึงเป็นอะไรรึเปล่า"พอผ่านมาซักพักคอร์กี้น้อยของผมก็เริ่มส่งเสียงอู้อี้ๆเพราะหน้าเขายังฝังอยู่บนอกผม ผมเลยยอมคลายอ้อมกอดออกหน่อยให้เขาได้เงยหน้าขึ้นเเบบที่คางยังคงอิงไว้ที่อกผม ดวงตากลมเหมือนชิวาว่าช้อนขึ้นมองผมอย่างสงสัย นั่นทำให้สติที่กระเจิดกระเจิงของผมกลับคืนมา

          เเต่ผมไม่ปล่อยเขาหรอกนะ

          "Are you alright?What's happen to you? Where did you go? Why i can't contact you?(นายไม่เป็นไรใช่ไหม?เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?นายไปไหนมา?ทำไมฉันถึงติดต่อไม่ได้เลย?)"ผมถามเขารัวๆอย่างที่เเทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองซะตรงนั้นเพราะลนลานจนตัวเองยังสัมผัสได้ ในขณะที่ใช้ดวงตามองลึกเข้าไปในตาอีกคนสื่อชัดเจนว่าผมเป็นห่วงเขามากเเค่ไหนที่ขับรถไปรอเขาหน้ามหาลัยตามเวลาปกติที่เขาเลิกเรียนเเต่ผ่านไปหลายชั่วโมงกลับไม่เห็นเเม้เเต่เงา ตอนเเรกก็คิดว่าคงไปไหนกับเพื่อนเลยลองส่งข้อความไปถามเเต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ พอลองโทรหาก็ไม่มีสัญญาณ

               จะบอกว่าผมโอเวอร์เกินไปหรือจะว่าเป็นคนมองโลกในเเง่ร้ายก็ได้ เพราะเเต่ไหนเเต่ไรผมก็มักจะมองโลกในเชิงลบอยู่ตลอดเวลาอยู่เเล้ว

          ผมห่วงเขามาก ยิ่งตอนที่เพื่อนเขาเดินออกมาก่อนพอถามก็บอกว่าเเยกกันไปเเล้ว พอรอจนท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำมืดก็ยังไม่มีวี่เเวว

          โอเค เขาโตพอที่จะดูเเลตัวเองได้เเล้ว เเต่ผมก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดียิ่งเวลาผ่านพ้นไปเรื่อยๆ นาทีหนึ่งที่ผมนั่งรอมันกลับยาวนานเหมือนผ่านมานับชั่วโมง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจกลับมารอที่คอนโดอย่างกระวนกระวายใจ

          ยิ่งคิดว่าเขาอาจจะประสบอุบัติเหตุหรือโดนใครฉุดไปหรือโดนจี้โดนปล้นหรืออะไรก็เเล้วเเต่ที่เป็นเรื่องร้ายๆก็เเทบบ้า

          ผมไม่อยากสูญเสียอะไรอีกเเล้ว

          "อ่ะ...เอ่อ..ปล่อยก่อนไหม?"เหมือนธีร์จะยังตั้งตัวไม่ถูก เขาบอกผมด้วยท่าทีเงอะๆงะๆเหมือนจะดันผมออกเเต่ก็ไม่กล้า เเละดูเหมือนว่าเขาจะฟังคำถามของผมไม่ออกเลยซักนิด

          ซึ่งท่าทีน่าเอ็นดูเเบบนี้ก็ทำให้ผมอมยิ้มน้อยๆ ผมไม่ได้โกรธอะไรเขาหรอกนะที่จู่ๆก็หายไปเเบบที่ติดต่อไม่ได้ เเต่ดูนิสัยท่าทางซื่อๆของเขาสิจะไม่ให้ห่วงได้ยังไง

          "เหวอ!"คนที่ยังมึนๆงงๆร้องเสียงหลง เมื่อผมใช้สองมือจับเข้าที่เอวเขาก่อนจะยกขึ้นสูงเหมือนเวลาเล่นกับหมา

          คอร์กี้น้อยตัวเบามาก เบาจนผมยกเขาได้สบายๆ ทั้งขนาดตัวที่เรียกได้ว่าเล็กกระทัดรัดอย่างชาวเอเชีย เขาอาจจะไม่ได้เอวคอดสะโพกผายเหมือนผู้หญิง หากเเต่ตัวก็เบาเเละบางกว่าผมมากโข จนกลัวว่าถ้าจับบ่อยๆคงเฉามือเเน่ๆ 

          หลังจากที่ผมชูเขาขึ้น เขาก็ตัวเเข็งทื่อทันที ไม่ดิ้นไม่โวยวายจนผมเลิกคิ้วสงสัย เเต่ก็ไม่พูดอะไรออกไป เดินอุ้มเขามาทั้งอย่างนั้นจากนั้นก็วางลงบนโซฟาตัวยาวเเล้วก็ไม่รอให้คนตัวเล็กกว่าได้ตั้งสติตามไปทาบทับทันที

          ร่างเล็กยังคงทำหน้าเหลอหลาไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวต่อไป เขาถดหนีผมตามสัญชาตญาณ เเต่บอกเลยว่ามันไม่ทัน

          ขอค่าตอบเเทนที่ให้ผมรอเก้อหน่อยเถอะ



--------------------------------------


Thee's part


          นะ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น

          ประโยคนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวตั้งเเต่อยู่หน้าประตูยันตอนนี้ย้ายร่างมานอนเเหมะอยู่ที่โซฟาโดยฝีมือคนตัวโตความคิดนี้ก็ยังคงไม่หายไป ท่าทีเเปลกๆของมันยังทำเอาผมจับต้นชนปลายไม่ถูก ยิ่งมันรัวภาษาอังกฤษใส่ก็ทำเอาเงิบกว่าเก่า รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่สัมผัสได้ถึงความนุ่มตรงแผ่นหลัง เเต่พอจะหันไปถามมันอย่างจริงจังก็ต้องชะงักเพราะจมูกโด่งๆดั่งสันกำเเพงเมืองจีนเกือบจะจิ้มตาผมอยู่เเล้ว

          เเล้วมึงจะตามขึ้นมาทำไมวะเนี่ย!

          เมื่อรู้สึกได้ถึงอันตรายผมก็ถดตัวหนีตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เเต่เหมือนมันจะไม่ทันการณ์เพราะมันจัดการกักตัวผมไว้ด้วยเเขนของมัน ผมมองมันหน้าตาตื่น หัวใจเต้นถี่อย่างลุ้นระทึก

          จุ๊บ

          ริมฝีปากหนาทาบทับลงมาเบาๆอย่างที่คนได้รับก็สะดุ้งเล็กน้อยเเต่ไม่รู้ทำไมร่างกายถึงไม่ยอมขยับหนี จู่ๆร่างกายก็พาลอ่อนเเรงไปเสียดื้อๆ ยิ่งลิ้นหยุ่นๆของไอฝรั่งไล้เลียไปตามริมฝีปากผมเบาๆก่อนจะค่อยๆสอดเข้ามาด้านในอย่างเชื่องช้า ผมเผลอหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัวทั้งยังยอมให้อีกฝ่ายเเทรกลิ้นเข้ามาง่ายๆ หากเเต่คนที่ถึงเเม้จะไม่ใช่จูบเเรกเเต่ก็ไม่ชำนาญก็ได้เเต่...ถดลิ้นหนี

          เเต่เหมือนอีกคนก็พอรู้ ลิ้นหนาเลยตวัดเกี่ยวกับลิ้นเล็กเหมือนหยอกล้อ ไม่รีบร้อน..ไม่รุนเเรง..ที่สัมผัสได้มีเเต่ความอ่อนโยนเท่านั้น

          อ่อนจนกูอ่อนตามเลย

          รู้สึกตัวอีกทีก็ส่งลิ้นไปเกี่ยวกับอีกฝ่ายเสียเเล้ว

          "อะ..อื้อ..อื้ม"ผมส่งเสียงอืออึงในลำคอเพราะหนึ่งคือเริ่มขาดอากาศหายใจ

          เเละสองคือมือที่เริ่มเลื้อยเข้ามาในเสื้อ

          "อื้อ!"คราวนี้ผมเบิกตากว้างทันทีเมื่อมือหยาบลากผ่านจุดอ่อนไหวที่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะก่อให้เกิดความเสียวซ่านได้มากเท่านี้จนเผลอแอ่นอกเข้าหา

          ชิบหาย ชิบหายเเน่ๆ

          ผมที่หน้ามืดตามัวตั้งเเต่โดนมันจูบจนตอนนี้มันถอนริมฝีปากเพื่อให้ผมได้กอบโกยอากาศหายใจ

          "แฮ่ก..ยะ..อย่า"

          เสียงห้ามแผ่วๆของผมนอกจากมันจะไม่หยุด ยังไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวมันอีก คราวนี้มันประกบปากลงมาอีกรอบเเต่ไม่ได้รุกเข้ามาอย่างตอนเเรกเป็นเพียงเเค่ปากเเตะปาก ส่วนมือก็ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละหน่อยเเบบที่ผมไม่รู้ตัว

          มันพรมจูบไปทั่วหน้าผม ตั้วเเต่ปาก คาง โหนกเเก้มทั้งสองข้าง เเล้วจบด้วยหน้าผาก ก่อนที่มันจะผละออกไปทำให้ผมสามารถมองเห็นหน้ามันได้อย่างชัดเจน ใบหน้าคมคาย จมูกโด่งที่มองเมื่อไหร่ก็อดอิจฉาไม่ได้ ผมสีน้ำตาลทองที่บัดนี้ดูไม่เป็นทรงเเต่ก็ยอมรับไม่ได้เลยว่าดูดี..ไม่สิ โคตรดี บัดนี้รอยยิ้มเเสนดีของมันได้หายไปเเล้วเเทนด้วยริมฝีปากที่เผยอออกหน่อย หน้าคอมันเเดงไปหมดเพราะผิวมันขาว เเต่ที่ทำให้ผมละสายตาไม่ได้เลยคือดวงตาน้ำข้าวที่สั่นอย่างชัดเจนยามที่มองลึกเข้ามาในดวงตาของผม

          เซ็กซี่..โคตรของโคตรเซ็กซี่เลยครับ

          มันเสยผมขึ้นลวกๆเเล้วหายใจเข้าลึกๆเหมือนพยายามระงับอะไรบางอย่าง เเต่มันยังคงไม่ลุกออกจากตัวผมเพียงเเค่ผละตัวออกไป จะว่ายังไงดีล่ะ คือตอนนี้มันยังนั่งคร่อมทับขาผมอยู่ โซฟาขนาดกลางถึงกับดูเเคบลงอย่างถนัดตา

          "Thee"มันเรียก

          "หะ?"ผมก็ตอบไปตามความเคยชินพลางรีบเสฟน้าไปทางอื่น เพราะท่าทางตอนนี้เรียกได้ว่าอันตรายเอามาก

          "..."เเล้วมันก็เงียบ จนผมอดไม่ได้ที่จะหันไปมองมันที่ไม่เเม้เเต่จะปริปากอะไรออกมา เพียงเเค่ก้มมองอะไรบางอย่างผมจึงเลื่อนสายตามองตามมันเเละก็ได้พบกับ...ภูเขาฟูจิ ไม่สิ ไซส์นี้มันโอลิมปัส

          ผมรีบหันหน้าหนีสิ่งที่อิลุงตุงนังอยู่ในกางเกงสามส่วนของอีกคน จู่ๆหน้าก็ร้อนขึ้นอย่างไร้สาเหตุ บอกเลยมึงไม่อายเเต่กูอายมาก

          ฟรึ่บ

          ผมผลักอกมันออกด้วยเเรงอันน้อยนิดเพราะถ้ายังอยู่เเบบนี้ต่อไปผมต้องเสียเอกราชให้มันเเน่ๆ ซึ่งคงเป็นการเสียที่เรียกว่าเเพ้ย่อยยับเเละหมดสภาพเเน่ๆ เเค่เห็นปืนใหญ่มันก็ขนลุกเเล้ว

          เเต่คิดหรอครับว่ามันจะยอมผละออกไปง่ายๆ ไอหมีควายส่ายหน้าเเทนคำตอบที่ผมไม่เข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร

          "เฮ้ยๆๆ กูไม่เล่นนะเว้ย"ผมเอ่ยปากห้ามทันที อาการครึ่งๆกลางๆก่อนหน้านี้ที่จะขัดขืนก็ไม่ขัดขืนของผมได้หายไปทันทีเมื่อเห็นอาวุธ(?)ของมัน

          "Thee"มันเรียก ทั้งยังจับใบหน้าผมด้วยมือสองข้างให้หันไปสบตากับมันที่ทำหน้าจริงจังอยู่ ซึ่งผมก็หลบตามันอยู่ดีทั้งๆที่มันไม่ใช่นิสัยของผมเลย

          "Thee"

          "..."

          "Thee"

          "..."
     
          "Thee"

          "โว้ย!!! มีอะไรก็รีบๆพูดสิวะ!!"จนสุดท้ายผมเองนั่นเเหละที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวยอมหันไปมองหน้ามันตรงๆ ตอนเเรกก็มองมันกลับด้วยความรำคาญปนหงุดหงิด เเต่พอความรู้สึกกรุ่นๆเริ่มหายไปก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

          "Thee..I..(ธีร์..คือฉัน..)"มันเริ่มเกริ่นขึ้นมา เเววตามั่นใจจริงจังตอนเเรกของมันเริ่มสั่นไหวเเล้วมันก็เป็นฝ่ายเบี่ยงสายตาออกเเทนซะงั้น

          "I..?(ฉัน..?)"ผมทวนคำที่มันพูดค้างไว้ ไอฝรั่งมันสูดหายใจเข้าลึกๆเหมือนทำสมาธิจากนั้นก็หันมาสบตาผมอีกรอบคราวนี้มาเเบบมั่นใจเต็มเปี่ยม พลางเลื่อนมือมาบีบไหล่ทั้งสองข้างของผมเเทน

          "I like yo..(ฉันชอบนา..)"

          โฮ่ง!!!!!!!!!!

          เฮือก!

          พลั่ก!

          ตุบ!

          ขอบคุณมึงมากเลยไอเตอร์ลูกรัก


----------------------------------


              หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อครู่ มันก็ได้ผละออกไปไกลเเสนไกลด้วยฝ่าเท้าของผมที่กระตุกยันมันทันทีเพราะตกใจ เเละเเน่นอนว่าจุดหมายปลายทางลงจอดของมันก็คือบนพื้นพรมโดยมีไอเตอร์เดินวนไปวนมารอบๆเเล้วเอียงคอมองอย่างสงสัย

               ไอผมที่ตกใจก็ทำอะไรไม่ถูกก็ได้เเต่มองมันเเล้วกระพริบตาปริบๆ พอเริ่มตั้งสติได้ก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งลืมเรื่องที่เกิดไปซะสนิท จนไอคนที่ล้มเอาหน้าจิ้มพื้นยันตัวขึ้นมานั่งกุมจมูกตัวเองไว้เเล้วค้อนมองผมอย่างเคืองๆเเต่ได้ไม่นานมันก็เผยยิ้มฝืดก่อนจะพาร่างใหญ่โตของมันเข้าห้องน้ำไป

               หลังจากต่างคนต่างไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย สำหรับผมคงเป็นการตั้งสติดีๆทบทวนเหตุการณ์เมื่อครู่อีกทีว่าทำไมมันถึงมาลงเอยอย่างนี้ได้เเต่ก็ไม่ได้อะไร จนสุดท้ายก็ต้องมานั่งจับเข่าคุยกับมันให้รู้เรื่อง ซึ่งครั้งนี้มันบอกกึ่งบังคับให้เข้าไปคุยกันในห้องทั้งยังล็อกอย่างเเน่นหนาเพื่อให้เเน่ใจว่าไอหมาเตอร์มันจะไม่เข้าไปกวน

          "Where have you been?(นายไปไหนมา)"มันถามเเน่นอนว่าคราวนี้ไม่มีการดึงเข้าไปกอดหรือเเตะเนื้อต้องตัวกันเเน่นอนเพราะเป็นการจับเข่าคุยกันที่นั่งได้ห่างไกลกันมาก

          จริงๆมันก็เเค่คนละฝั่งของเตียงนั่นเเหละ

          "อ่า..เอ่อ..อาฟเตอร์ยูอ่ะ"ผมซึ่งเดาๆได้ว่าคำถามมันน่าจะเป็นเเนวไหนเลยตอบกลับไปโดยลืมไปเลยว่ามันไม่เหตุจำเป็นอะไรเลยที่ต้องรายงานมัน

          "???"มันทำหน้างงทันที ผมเลยถอนหายใจเเล้วขยายความ

          "Ice-cream shopอ่ะ"

          มันทำหน้าอ๋อ ก่อนจะทำท่ามือเป็นสัญลักษณ์คาราบาวเเดงเเล้วเขย่าๆ

          อะไรของมันวะนั่น

          "How about your phone?(เเล้วโทรศัพท์นายล่ะ)"คราวนี้ผมถึงกับอ๋อเพราะประโยคอธิบายของมันเเละไอมือที่ผมคิดว่าเป็นคาราบาวไปทาบหู เเทนสัญลักษณ์ของโทรศัพท์

          "จะว่าไป..."ผมหันซ้ายขวา ผมคิดว่าน่าจะลืมไว้ที่ห้องเนี่ยเเหละ พอมองไปยังหัวเตียงที่ควรจะมีมันวางอยู่กลับพบเหลือเพียงเเค่สายชาร์ตที่ยั่งเสียบค้างไว้

          อ้ะ! นั่นไง!

          ผมเขยิบไปใกล้หัวเตียงก่อนจะโน้มตัวลงไปหยิบโทรศัพท์ที่ท่าทางว่าจะร่วงลงไปอยู่ตรงซอกเล็กๆระหว่างตู้ข้างเตียงกับเตียงเเต่ดูท่าทางว่าเเขนผมจะสั้นเกินไปทั้งยังประมาทโดยการนั่งขัดสมาธิเอาไว้เลยไม่มีจุดสูญถ่วงเลยเกิดอาการหน้าทิ่มกระทันหัน

          ชิบหายเเล้ว..

          หมับ

          "Be careful (ระวังหน่อย)"ดีที่ว่าใครอีกคนเเขนยาวพอที่จะเอื้อมมาดึงเอวผมเอาไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะร่วงไปคอหักตายดับอนาถคาห้องตัวเอง

          "นี่ไง I forgot ไว้ in roomอ่ะ"ผมก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อครู่ พอตั้งหลักได้ก็หันมายิ้มเเฉ่งให้อีกคนเเล้วชูสมาร์ตโฟนที่เเบตหมดไปเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว

          "Ah...i got it (อ่า...ฉันเข้าใจเเล้ว)"

          "เเล้วเอ่อ..why you do that to meอ่ะ?"ผมเอ่ยถามหลังจากที่ดูท่าว่ามันจะหมดคำถามเเล้ว เป็นคำถามเดียวที่ผมอยากรู้เลยนั่งท่องคำถามไว้ในใจเรียบร้อยตั้งเเต่เเยกกันไปจัดการตัวเอง

          "เอ่อ..."มันอึกอักอย่างชัดเจน ผมเลยพยายามที่จ้องตามันเเต่มันก็เบนสายตาหนีตลอด เเต่ไม่สามารถปกปิดใบหูที่เเดงก่ำให้ลอดพ้นสายตาผมไปได้หรอกนะ

          ตัวก็ใหญ่ทำไมถึงเเลดูเป็นคนขี้อายได้ขนาดนี้นะ เเถมกลัวผีอีกต่างหาก เอ้ะ นี่มันโตเเต่ตัวนี่หว่า

          "???"ผมส่งสายตาสงสัยกดดันมัน เเต่เหมือนมันยังอึกอักไม่เลิกเหมือพอจะเอ่ยปากพูดก็เปลี่ยนใจจนสุดท้ายผมก็ยอมเเพ้

          "เฮ้อ..กูไม่เอาคำตอบก็ได้ เเต่..but tonight i sleep at sofa นะ"

          "No!(ไม่!)"มันรีบโผล่งออกมาเสียงดังทั้งยังเงยหน้าขึ้นมามองผมอัตโนมัติ

          "ถ้า you don't have answer i..i...จะไปไว้ใจยูได้ยังไง"ผมบอกเเล้วส่ายหัว จะให้นอนเเนบชิดอิงกายกันอย่างปกติน่ะหรอ ตอนนี้คงนอนไม่หลับชัวร์ๆได้ระเเวงมันทั้งคืนเเน่ๆ ถึงผมจะไม่ใช่พวกคิดมากเเต่บางทีมันก็ต้องคิดบ้างนะเฮ้ย

          คิ้วเข้ารูปของมันเครื่องเข้าหากันอีกครั้ง มองเเล้วดูเหมือนยังทะเลาะกับตัวเองไม่เลิก ผมเลยก้าวลงจากเตียงเพื่อไปยังโซฟา จะว่าไปก็เริ่มง่วงเเล้วด้วยพรุ่งนี้มีเรียนเช้าอีก

          "Thee!"

          "หือ?"ผมหันไปหาต้นเสียงในขณะที่มือผมค้างอยู่ที่ลูกบิดประตูพอดี

          "You don't have a boyfriend,Right?(นายยังไม่มีเเฟนใช่ไหม?)"

          เอ๊ะ คำถามคุ้นๆ

          "อ่า..No"

          "How about him..ah..Darren(เเล้วเขาล่ะ..อ่า..ดาร์เรนน่ะ)"

          ผมเริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ เหมือนเขาคงคิดว่าผมกับพี่เรนเป็นเเฟนกันจริงๆสินะ โธ่ เเล้วก็ไม่ถาม

          ผมส่ายหน้า

          "Just brother(แค่พี่ชายน่ะ)"

          เพียงเเค่นั้นใบหน้าเครียดๆก่อนหน้านี่ของมันก็หายเป็นปลิดทิ้ง รอยยิ้มเเบบเดิมของมันกลับมาเเล้วเเถมยังกว้างขึ้นเรื่อยๆจนผมอดอมยิ้มน้อยๆตามไม่ได้ ถึงยังไงมันก็เหมาะกับรอยยิ้มเจ้าชายเเบบนี้มากกว่าล่ะนะ

          "That's mean I have a chance,Right? (นั่นหมายถึงฉันมาโอกาสใช่ไหม?)"

          หือ..อะไรเช้นๆเเช้นๆนะ

          "อ่า..มั้งนะ"พอเห็นมันยิ้มเหมือนเด็กได้ของเล่นก็ไม่อยากขัดเลยตอบยิ้มๆเเละพยักหน้าให้

          ซึ่งเป็นการกระทำที่ผมไม่รู้เลยว่าจะพาความฉิบหายเข้าหาตัวเองขนาดไหน






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2016 18:28:26 โดย Kiitos »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
มโนเอาว่าออสตินเจอรักแรกละ

บักธีร์นั่นเอง~

จีบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 15
| hang out!



          แปลก..

          ไม่แปลกธรรมดา แปลกมากๆเลยด้วย

          พฤติกรรมของฝรั่งร่างหมีควายผู้มีศักดิ์เป็นถึงสัตวเเพทย์เริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย เพียงเเค่ผ่านวันนั้นมาทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ ช่วงเเรกๆผมก็ระเเวงมันมากขึ้น เเต่ระเเวงไม่ได้นานเท่าไหร่ก็โดนอย่างอื่นดึงความสนใจไปตลอด

          เฉกเช่นตอนนี้

          "เหวอ!" ผมร้องเสียงหลงยามที่จู่ๆตัวเองก็ลอยขึ้น เสียงหัวเราะเบาๆจากตัวการนั้นทำให้ผมหันไปมองตาขวาง

          ฟอด~!

          ...!!

          ในขณะที่มันใช้มือสองข้างสอดเข้าที่ใต้รักเเร้ผมก่อนที่จะยกขึ้นให้หน้าผมอยู่ระดับเดียวกับมันเเบบที่มันซ้อนอยู่ด้านหลัง คนตัวใหญ่ใช้จังหวะที่ผมจะหันไปมองนั่นเเหละฉวยกดจมูกโด่งลงมาบนเเก้มจนผมสะดุ้ง หันไปมองมันก็เอาเเต่ยิ้มจากนั้นก็ยอมปล่อยผมลงเเต่โดยดี เเล้วก็เดินอมยิ้มเข้าครัวไปเเถมฮัมเพลิงอย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก

          ไหนจะการลวนลามอย่างเปิดเผยอย่างนี้ จะด่าจะบอกจะคุยก็ไม่ได้ ได้เเต่มองมันตาขวางๆซึ่งทุกครั้งมันก็เพียงยิ้มรับไม่ก็หัวเราะกลับมา

          เเต่ที่แปลกยิ่งกว่าคือตัวผม..ถ้าเป็นอย่างที่ไอกลองเเต็กบอกมา อาการใจเต้นตุบตับที่เกิดขึ้นเเทบทุกครั้ง...

          ไม่ๆๆๆๆ มันอาจจะเป็นเพราะมันหน้าตาดีมันก็คงไม่แปลกที่ใครมองก็ต้องใจสั่น

          เเต่คนหล่อๆคนอื่นก็ไม่เป็นไม่ใช่หรือไง?

          คำถามนี้ผุดเข้ามาในหัวทันที ราวกับในหัวกำลังมีความคิดสองฝ่ายกำลังตีกันอยู่ ถ้านี่เป็นการ์ตูนคงจะเห็นเทพเเละมารตัวน้อยๆมี่พยายามโน้มน้าวผมให้เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง

          "ว๊ากก!!!!!"ผมแหกปากออกมาดังๆอย่างสุดจะทนทึ่งหัวตัวเองเเรงๆก่อนจะกระโดดทิ้งตัวลงบนโซฟาเอาหัวไปมุดๆอยู่ตรงซอก  คว้าหมอนเเถวนั้นมากอดไว้เเน่น

          ปกติผมเป็นคนไม่คิดมาก ไม่คิดอะไรจุกจิก ไม่ก็ไม่คิดเลย(?)  เเต่ตอนนี้มันกลับตรงข้าม อีกับเเค่ความรู้สึกตัวเองกลับหาคำตอบไม่ได้ซักที ขนาดไปถามเพื่อนก็ยังไม่เข้าใจ

          ตอนนี้มันเลย...อึดอัดไปหมด

          ผมไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไง ไม่รู้ว่าจะมีใครเข้าใจคนโง่ๆอย่างผมรึเปล่า มันรู้สึกค้างคา ไม่เข้าใจ เเละไม่เข้าใจ เเอบอิจฉาไอเเต็กเล็กๆที่มันดูมั่นใจเสียเหลือเกินกับคำว่าชอบว่ารักของมัน

          "Hey! What's happen!?(เฮ้! เกิดอะไรขึ้น!?)"

          เอ้ะ..ชอบ..?

          ผมชะงักกับความคิดตัวเอง ใช่..ถ้าถามว่าตอนนี้ผมกำลังสับสนอะไร มันก็คงเป็นคำถามที่มีช้อยสองข้อคือ 'ชอบ' หรือ 'ไม่ชอบ' นั่นเเหละ

          ฟรึบ!

          "What's..(เกิดอะ..)"ผมถูกมันจับไหล่พลิกตัวให้หันมานอนหงาย มันคงจะตกใจเสียงร้องเหมือนควายออกลูกของผมเมื่อกี้ดูจากสีหน้าร้อนรนของมัน คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอีกครั้งอย่างที่ผมเคยเห็นยามที่มันเป็นห่วง

          หมับ!

          ผมไม่รอให้มันถามจบ เด้งตัวขึ้นนั่งเเล้วจับเป็นคนเอื้อมมือไปจับไหล่มันเเทน มันดูตกใจกับการกระทำประหลาดๆของผมเล็กน้อยเเต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมมองมันตรงๆสูดหายใจเข้าลึกๆ ท่องนโมสามจบอยู่สามสิบแปดรอบ เเล้วเอ่ยปากด้วยเสียงหนักเเน่น

          "Let's hang out together เถอะ! (ไปเที่ยวกันเถอะ!)"





--------------------------------

          "ไปอนุสาวรีย์ครับ"

          "Wow!!"

          ผมหันมองฝรั่งตัวโตที่บัดนี้กลายร่างเป็นเด็กโข่งมองนู่นมองนี่อย่างสนใจ เเละตอนนี้กำลังลูบคลำรถตุ๊กๆทั้งยังส่งเสียงอย่างกับว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างไงอย่างงั้น ดวงตาสีน้ำข้าวทอประกายตื่นเต้นมีการหันมาหาผมเเล้วชี้ให้ดูราวกับจะบอกว่า 'นี่รถตุ๊กๆเชียวนะ!' มาให้จนผมต้องส่ายหัว

          สรุปครับ ตอนเเรกๆเลยที่ผมเคยบอกว่ามันบอกผมว่ามันเที่ยวเองได้ไม่ต้องการไกด์ ท่าว่าผมจะฟังผิดเองนั่นเเหละ พอเมื่อวานผมชวนมันเที่ยวมันก็อึ้งไปพักใหญ่เเล้วถาม เรียลลี่ๆๆๆจนผมนับไม่ถ้วน พอลองถามว่าไปไหนเเล้วมาบ้างในกรุงเทพฯกลับได้คำตอบว่ายังไม่ได้ไปไหนเลยเพราะไม่รู้ทาง

          จะว่าไปก็จริง เพราะถ้าไปจริงผมก็ต้องเห็นมันกลับมาห้องดึกบ้าง เเต่ไม่เลย ส่วนมากมาก่อนผมด้วยซ้ำ

          ผมรีบดันๆให้ไอหมีควายมันขึ้นรถซักที มันก็ยอมขึ้นเเต่โดยดี ผมก็รีบตามขึ้นไปก่อนที่จะโดนพี่คนขับเขม่นมากกว่านี้ 

          ผมเองก็ไม่ใช่คนกรุงเเต่กำเนิด เเถมยังอยู่มาไม่ถึงปีดี ทริปคราวนี้เลยเกิดจากการเสริชอินเตอร์เน็ตล้วนๆ เเต่ถึงกระนั้นผมก็คงไม่พามันหลง เพราะเข้ากรุงครั้งเเรกก็โดนพี่รักพาทัวร์จนจำขึ้นใจ

          ตอนเเรกมันดึงดันที่จะขับรถออกมา เเต่ผมอ้างมันด้วยภาษาอังกฤษง่อยๆปนๆกับภาษามือว่าถ้าเอาไปผมจะไม่พามันเที่ยว เพราะผมไม่รู้เส้นทางดีพอเพียงเเค่รู้ว่าต้องต่อรถเมย์สายไหนก็เท่านั้น นอกจากนั้นเเล้วเมืองกรุงก็ยังคงเป็นเมืองเเห่งความรถติดชิบหายวายวอด เกรงว่าถ้าขับเองวัดพระเเก้วก็คงไม่ถึงมันถึงจะยอม

          "Corgi"

          ผมหันไปตามเสียง ฝรั่งตัวโตที่นี้พยายามยื่นหน้าไปด้านนอกให้ลมตีเหมือนเด็กเล็กๆ เอื้อมมือที่ถือโทรศัพทย์ชูสุดเเขน

          "เห้ย! เอาหัวกลับเข้ามา!"ผมเอ็ดมันพยายามจะดึงมันมันให้กลับเข้ามาก่อนที่จะถูกมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวหัว เเต่มันฟังที่ไหน ยิ้มหน้าบานเเล้วกดถ่ายไปประมาณห้าร้อยช็อตเห็นจะได้

          "cheese!!"

          เเถมมีการส่งเสียงให้ผมหันไปยิ้มให้กล้องอีก ผมเลยฉีกยิ้มบางๆไปให้ก่อนจะรีบดึงเขากลับมานั่งดีๆ  ซึ่งพอเหมือนมันได้สิ่งที่ต้องการเเล้วเลยกลับมานั่งอย่างว่าง่าย ก่อนจะนั่งเลือกรูปของมันไป

          จุดหมายเเรกเลยผมกะจะเริ่มจากอนุสาวรีย์จากนั้นก็ต่อรถเมล์ไปลงสนามหลวงพามันไปไหว้ศาลหลักเมือง เที่ยววัดพระเเก้ว เดินมาท่าพระจันทร์ ไปตลาดวังหลัง ไปวัดระฆังเเล้วนั่งเรือกลับมาท่าช้าง จากนั้นก็นั่งรถเมล์ไปวัดโพธิ์ ข้ามฝั่งไปวัดอรุณ ข้ามกลับมาไปเอเชียทีค เป็นอันจบทริป

          ขอบคุณพันทิปที่ทำให้ผมได้มีวันนี้

          ที่จริงเเล้วก็ไม่ใช่เเค่มันคนเดียวที่ตื่นเต้น ผมเองก็ตื่นเต้นไม่เเพ้กัน เพราะถึงเเม้จะเคยไปบ้างเเล้วเเต่นับจากทั้งหมดที่เเพลนไว้มันนี้ผมเคยไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ





          พอถึงจุดหมายเเรก อันนี้ไม่ได้ทำอะไรมากมายครับ ผมเคยมาเเล้วรอบหนึ่ง ศาลหลักเมืองเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นที่หนึ่งในกทม.เลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่ามาก็ต้องมาสัการะซักหน ตรงส่วนนี้ยังไม่มีอะไรมากมายครับเเค่ซื้อพวกดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้เเล้วก็จบ 

          "For me?(ให้ฉัน?)"ผมยื่นดอกบัวพร้อมธูปเทียนที่เมื่อครู่มียายเเก่ๆเดินมาขายก่อนที่จะได้เข้าไปด้านใน ผมผยักหน้าให้มันเป็นคำตอบมันเลยยอมละมือจากโทรศัพท์เก็บไปเครื่องสี่เหลี่ยมลงไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะเอื้อมมือมารับเอาไปถือไว้

          มันมองดอกไม้ธูปเทียนในมืออย่างสนใจเเต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมา

          "เอ้ะ..มึงไหว้ได้เปล่าเนี่ย เอ่อ..คริสเตียน?"ผมถามเมื่อฉุกคิดขึ้นได้ ปกติฝรั่งมันก็นับถือศาสนาคริสนี่นะ มันจะไหว้พระได้รึเปล่าวะ

          "It's fine,Don't worry. Just show me how to do it.(ไม่เป็นไรหรอกไม่ต้องเป็นห่วง แค่ทำให้ดูหน่อยว่าต้องทำยังไง)"มันฉีกยิ้มบางตามเเบบฉบับ ผมที่เเปลออกบ้างไม่ออกบ้างก็พยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นก็ตรงไปจุดเทียน มันเองก็ตามผมมาติดๆ

          มันมองผมอย่างตั้งใจเเล้วลงมือทำตามอย่างเงอะๆงะๆเหมือนคนไม่เคยจุดเทียน เเต่ก็ทำจนรอดมาตั้งได้อยู่ข้างๆเทียนของผม มันมองเทียนอย่างโล่งอกไม่รู้ว่าโล่งอกเพราะมันไม่คว่ำลงมาโดนมือมันหรือยังไง

          ต่อไปก็ธูป ธูปนี่มันเองก็ทำตามอย่างเงอะงะเหมือนเคย เเต่คราวนี้ไม่ต้องไปใช้สกิลกับการตั้งมากมายเท่าเทียน เเต่มันก็เงิบเมื่อผมทรุดตัวลงนั่งประนมมือเเล้วเริ่มสวดมุบมิบๆตามป้ายที่เขาเเปะไว้ มันยืนงงอยู่ไม่นานก็นั่งลงตามผม พยายามพนมมือให้ได้องศาตามผมเปะๆก่อนจะทำปากขมุบขมิบทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร

          ไม่ต้องตามทุกสเต็ปขนาดนี้ก็ได้ไหมบางที

          ผมเเอบขำอยู่ในใจก่อนจะก้มลงกราบเบฐจางคบดิษสามทีจากนั้นก็เอาไปปักตรงกระถางธูป

          "Ouch!(โอ้ย!)"เสียงร้องจากคนข้างๆทำเอาผมหันขวับ เจอมันที่สะบัดมือด้านที่ใช้ปักธูปเมื่อกี้ไปมาเลยพุ่งเข้าไปหา ประคองมือหนาไว้ด้วยสองมือก่อนจะทำตามความเคยชิน

          "ฟู่ววว!"ผมเป่าไม่เบานักลงบนมือใหญ่ที่มีจุดเเดงๆที่คาดว่ามาจากธูป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปถามมัน

          "หายเจ็บยัง?"

          อ่า...คงไม่เข้าใจสินะ

          "เอ่อ..hurt?"ผมเเก้ใหม่

          "Again..(อีกที)"

          "ห้ะ what?"

          "Do that again(ขอเเบบเมื่อกี้อีก)"ตอนมันพูดผมแอบเห็นประกายไหววูบในเเววตาของมันเล็กน้อย เเต่ไอเมื่อกี้นี่คืออะไร คือที่ผมเป่ามันฟู่ๆอ่ะนะ

          ผมมองมันงงๆเเต่ก็ก้มลงไปเป่าเเผลให้อีกฝ่ายอย่างไม่อิดออดเเถมอวยพรเพี้ยงๆเหมือนเวลาที่ผู้ใหญ่ชอบทำกับเด็ก

          "Thanks (ขอบใจ)"มันพูดเสียงนุ่มทั้งยังฉีกยิ้มกว้างจนเเอบเห็นริ้วตรงหางตา ไม่มีเเววของความเจ็บปวดเลยเเม้เเต่นิด เเล้วมันก็จูงมือผมออกไปจากตรงนั้น

          ตอนเเรกก็กลัวว่ามันจะเบื่อๆเพราะมีเเต่วัดซะอีก เเค่ที่เเรกก็ต้องไปไหว้ก็ตั้งสี่จุดเเล้ว เเต่มันก็ดูเอ็นจอยกับความสวยงามตระการตาของวัด ความร้อนของเเสงเเดดที่แผดเผา ความคนเยอะ เเละอีกหลายๆความซึ่งผมก็เห็นมันทำอยู่หน้าเดียวคือหน้ายิ้มของมันเนี่ย


          สถานีต่อไปคือวัดพระเเก้วครับ คงไม่มีใครไม่รู้จักเเน่นอน เรียกว่ามาไทยมากรุงเทพก็ต้องมาเยี่ยมเยือนซักหน คนไทยสบายครับเข้าฟรีไม่เสียตัง เเต่ชาวต่างชาตินี่ราคาเรียกว่าขูดเลือดขูดเนื้อกันหนักมาก เราก็ทำบุญไหว้พระ มันก็ถ่ายรูปนี่นู่นนั่นของมันไป จนผมสงสัยว่าเเบตโทรศัพท์มันไม่มีวันหมดหรือยังไง

          "โอ้ะ!"เเต่ในระหว่างที่กำลังจะก้าวออกจากโบสถ์สายตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งเล็กๆที่ทำให้ตาลุกวาว ถ้าเป็นการ์ตูนคงเห็นเเสงปิ้งๆออกมาจากตาของผมเเล้ว

          ผมพุ่งเข้าไปหาสิ่งนั้นทันที...เซียมซี

          จากนั้นก็หยิบกระบอกไม้ไผ่กลมๆที่มีไม้เเบนๆเสียบอยู่หลายสิบอันขึ้นมาเเบบที่พนมมือเอาไว้เเล้วหลับตาอธิฐาน จากนั้นก็ลงมือเขย่าเเบบจริงจังสุดๆจนในที่สุดก็มีไม้อันนึงตกลงมา ผมรีบเดินไปหยิบใบทำนายตามหมายเลขอย่างกระตือรือร้น ตั้งเเต่เด็กๆเเล้วเซียมซีนี่ผมพลาดไม่ได้เลยยิ่งเเบบที่มันยังเป็นออริจินอลไม่ใช่ตู้หยอดเหรียญสมัยนี้หายากขึ้นเยอะเลย

          ผมยืนขมวดคิ้วกับไอกระดาษแผ่นบางที่อุส่าห์มีมาให้ถึงสามภาษาคือไทย จีน เเละอังกฤษ ผมว่าถ้าผมอ่านภาษาอังกฤษหรือจีนออกคงจะเข้าใจมากกว่าภาษาไทย ผมไม่เข้าใจทำไมเขาถึงต้องเขียนเป็นกลอนที่ต้องมายืนแปลไทยเป็นไทยอีกที

           ฮืออ กูถอดกลอนไม่ออกกก

          เเต่ถึงอย่างนั้นผมก็พอจะจับใจความได้คร่าวๆอยู่ว่าถ้าถามถึงลาภก็จะได้ลาภ เรื่องงานไม่ค่อยราบรื่นมีบาดหมางกับเพื่อนร่วมงาน  เรื่องเงินก็กลางๆไม่ได้ดีมากเเต่ก็ไม่ได้เเย่ ส่วนเรื่องความรัก..ถามหาคู่ชูใจจะได้เลิศ ก็น่าจะเเปลว่าได้เมียที่เพรียบพร้อมสุดๆ

          โดยรวมเเล้วเกินครึ่งถือว่าดีฉะนั้นเก็บกลับบ้าน

          ฟรึบ

          ผมหันไปมองตามเสียงกร็อบเเกร็บของกระดาษ ก่อนจะพบร่างคุ้นตาที่ยัดใบเซียมซีใส่กระเป๋ากางเกงบ้าง

          "Good?(ดีหรอ)"ผมชะโงกหน้าไปถามมัน

          "Quite terrible(ค่อนข้างเเย่เลยล่ะ)"เขาหันมาตอบ ถ้าผมจำไม่ผิดอีเทอรีเบิ้ลมันเเปลว่าเเย่ไม่ใช่หรอ ทำไมมันถึงตอบทั้งหน้ายิ้มเเบบนั้นล่ะ

          "If it so bad you อย่าเก็บไว้สิ"ผมเลยบอกเขาเผื่อเขาไม่รู้วัฒนธรรมบ้านเราว่าถ้าไม่ดีให้ทิ้ไว้ที่วัดเเต่ถ้าดีให้เก็บไว้มันจะได้เป็นจริง เเต่มันกลับ..ส่ายหน้า

          "I know,but I'll keep it.(ฉันรู้ เเต่ฉันก็จะเก็บมันไว้)"

          "Why?"ผมขมวดคิ้วถามมัน อะไรของมัน

          "If  i keep it . It will happen right?(ถ้าฉันเก็บมันไว้ มันจะเป็นจริงใช่ไหม)"มันถามผมกลับ

          "อ่า...เยส"

          "Then I will keep it(งั้นฉันก็จะเก็บมันไว้)"มันตอบด้วยรอยยิ้มมั่นใจ เเต่กลับไม่ได้ช่วยอะไรให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นเลยเเม้เเต่นิด

          "งั้นไอขอsee it หน่อย"ผมเเบมือไปตรงหน้ามัน มันยังคงรอยยิ้มไว้เเล้วล้วงใบเซียมซีมาวางบนมือผม

          ผมกางมันออกก่อนจะเริ่มถอดกลอน

          ตกอับจวนเจียนเเย่..

          ประโยคเเรกก็บอกเลยว่าดวงดีสุดๆ

          เห็นเเต่จะไม่สบอารมณ์หมาย

          มิตรที่รักชักจางไปห่างกาย

          ทั้งคนร้ายจะปองเงินทองตน

          ทำไมชีวิตถึงได้ดูน่าอเนจอนาถจนาดนี้วะ

          เรื่องคู่เเท้มิต้องขวยขวายหา

          ข้างกายาคือคู่เเท้มิสงสัย

           จะอยู่กินจนแก่เฒ่าตลอดไป

          ผมชะงักก่อนที่บรรทัดต่อไปจะเกี่ยวกับเรื่องการงานที่อ่านผ่านๆตาก็พบว่าย่ำเเย่ไม่เเพ้กับเรื่องเพื่อนเงินทองเลยเเม้เเต่นิดเดียว เเต่สิ่งที่สะดุดตาผมที่สุดคือดวงเรื่องคู่

          "อะ..อะไรกันวะเนี่ย"ผมเผลอพึมพำออกมา ก่อนจะรีบยัดไอใบเซียมซีตัวปัญหาลงกระเป๋าตัวเอง จากนั้นก็...ยกมือปิดหน้า

     เพื่อปกปิดใบหน้าที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆราวกับจะระเบิด กับรอยยิ้มที่หุบไม่ลง





ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
หื้มมมม ของบักฝรั่งดีเฉพาะเนื้อคู่ แต่ที่เหลือนี่ไม่ดีเลยสินะ :impress3:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
โถ่~~. พี่หมีออสติน :hao7:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ฝรั่งรุกแรง ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
รอมาต่ออออออออ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
 :pig4: เรื่องนี้น่ารักกก

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
แอบสงสัยว่าจริง ๆ ออสตินฟังออกแต่แกล้งทำไก๋เปล่า 555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด