[เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]  (อ่าน 43162 ครั้ง)

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ครั้งแรก โดนจัดหนักจัดเต็มเลยนะ,,,

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.31
«ตอบ #121 เมื่อ28-09-2016 21:37:26 »

Chapter 31
| lull before the strom


**ภาษาอังกฤษยังไม่ได้พรูฟนะคะ เดี๋ยวตามอีดิทให้ค่า**


-----------------------------------------


          แชะ

          "เฮ้! ไอบอกว่าอย่าถ่ายไง! Don't อ่ะ เข้าใจไหมห้ะ!"ผมสาบานว่าผมพูดประโยคทำนองนี้เป็นร้อยๆรอบเเล้วเรื่องเเอบถ่ายรูปเนี่ย ไอมันก็เลิกแอบถ่ายจริงๆนั่นแหละ เลิกแอบเเล้วหันมาถ่ายเเบบโจ่งเเจ้งนี้ไง

          แต่คิดว่ามันจะฟังผมไหมล่ะ ทำลอยหน้าลอยตาเหมือนฟังไม่รู้เรืองเเล้วก้มหน้าเปิดดูรูปอีก ผมได้แต่พ่นลมหายใจทางจมูกเเรงๆอย่างขี้เกียจจะพูดแล้วเปลี่ยนเป็นชะโงกหน้าไปดูรูปในโทรศัพท์มันแทน

          "เห้ย! ลบเลยๆ อุบาทว์อ่ะ!!"ผมโวยทันทีเมื่อเห็นหน้าตัวเองอยู่เต็มหน้าจอ และหน้านี่เเบบไม่โอเคเลยสักนิด ผมไม่โวยเปล่าพยายามจะคว้าโทรศัพท์ในมือมันมาด้วยแต่คิดหรือว่าไอหมีควายนี่จะยอมง่ายๆ ส่งยิ้มบางๆก่อนจะ...โยกมือหนี

          อย่าไปหลงในรอยยิ้มแสนดีของมันเลยนะ! ไอธีร์ขอนั่งยันยืนยันว่ามันเป็นรอยยิ้มจอมปลอม! ตัวจริงของมันน่ะขี้เเกล้งเป็นที่สุด!

          คนที่อาทิตย์ที่แล้วคอยดูแลทะนุทนอมผมอย่างกับผมท้องลูกในอาทิตย์ที่แล้วหายไปแล้วครับ หลังจากที่ผมหายป่วยจาก...เอ่อ ไข้ที่เกิดจากมัน ไอหมีควายก็เริ่มออกลายมากขึ้น ที่จริงมันเริ่มจากที่ผมเอ่ยปากบอกมันว่าอย่าเเอบถ่ายเเละอย่าเอารูปผมไปลงไอจีอะไรนั่นอีก

          ฟอลโล่วเวอร์อะไรนั่นมันก็ไม่ใช่น้อยๆ บอกตรงๆคือผมอายโว้ย!

          "That's cute (น่ารักดีออก)"

          คิ้วท์พ่อม

          ผมพยายามจะคว้าโทรศัพท์มันอยู่นานสุดท้ายก็ยอมเเพ้แต่พอหยุดจะเกียกตะกายก็พบว่าตัวเองเอาตัวมาพาดตักมันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมชะงักแล้วพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ติดวงแขนแกร่งที่จัดการล็อกเอวผมไว้ทันทีแถมยังตีตูดผมเบาๆอย่างหยอกไปหนึ่งที

          "เฮ้!"

          ผมที่นอนคว่ำพาดทับตักมันอยู่รีบพลิกตัวมาเพชิญหน้ากับคนมือไว แต่นั่นเป็นการตัดสินใจที่พลาดมหันต์...

          ไอหมีควายจ้องหน้าผมนิ่งก็จะเผยยิ้ม มันค่อยๆก้มหน้าลงมาใกล้ซึ่งผมก็มองดวงตาคู่สวยอย่างไม่วางตากลับ หากแต่มันไม่ได้ก้มลงมาจูบอย่างที่คาดไว้เพียงเเค่หยุดเอาหน้าผากเเตะกับหน้าผากผมแล้วหลับตาลง

          "I'm happy(มีความสุขจัง)"

          "Very very happy.(มีความสุขมากๆ)"

          เสียงทุ้มนุ่มดังราวกับกระซิบเบาๆหากแต่แฝงไปด้วยหนักแน่นจนผมนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งอย่างคิดไม่ถึงว่ามันจะพูดอะไรแบบนี้ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็ยิ้มเผล่ยกมือสัมผัสใบหน้าของมัน

          "Me too"

          คำตอบง่ายๆถูกส่งกลับแต่เราสองคนกลับยิ้มไม่หุบ ไอหมีควายหัวเราะออกมาเบาๆถูหน้าที่เต็มไปตอหนวดเเข็งกับมือผมจนผมต้องถดมือหนีอย่างจั๊กจี้ ก่อนที่มันทิ้งตัวลงนอน แต่เนื่องด้วยโซฟาผมไม่ใช่โซฟาตัวใหญ่เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่เราสองคนจะนอนเบียดกันได้ ซึ่งไอหมีควายก็แก้ปัญหาได้ดี ยกตัวผมขึ้นมานอนทับมันอีกที ผมก็อยากจะดิ้นหนีนะแต่มือมันก็ไวเกินรวบเอวผมไว้จนผมเเทบจะฝังลงไปบนตัวเเข็งๆของมัน

          มุขเสี่ยวๆหวานจนมดขึ้นของมันผมเริ่มชินเเล้วล่ะครับ แถมยังอัพสกิลจนสามารถตอบกลับได้แล้วด้วย ฉะนั้นแค่ถูกนอนกอดผมไม่มีทางมาบิดม้วนเขินอย่างแน่นอน พอดิ้นไม่ได้ผมก็ไม่ดื้อดึงจะออกจากอ้มอกอดของมัน ถ้าผมดิ้นผมอาจจะเจ็บ แต่แค่นอนเฉยๆคนหนักก็มัน คนเเขนชาก็มัน แถมอกแข็งๆนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

          กล้ามเเน่นชะมัด

          "Naughty Corgi.(คอร์กี้จอมซน)"

          "ยูแกล้งไอก่อนนะ"ผมย่นจมูกใส่เมื่อมันเอ็ดผมอย่างไม่จริงจังเมื่อผมลูบหน้าอกมันเบาๆ

          ไอหมีควายไม่ตอบอะไร ใช่ มันอาจจะไม่ได้ตอบด้วยคำพูดหากแต่ตอบด้วยการกระทำ

          "เฮ้ย! เอามือมึงออกไปเลยนะ"

          ผมที่คิดไว้ว่าจะไม่ดิ้นก็อดดิ้นไม่ได้เมื่อมันเลื่อนมือทีรัดเอวผมไว้ไปวางลงบนแก้มก้นผมเเทน แถมไม่วางเปล่ามือใหญ่ๆสากๆนั่นก็ขย้ำจนผมดิ้นพล่าน

          "Hey! Stay still. You will...(เฮ้! อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็..)"

          โคร่ม! โป๊ก!

          ไม่ทันที่มันจะได้พูดจบ ร่างของผมก็หลุดออกจากการรัดกุมของมัน หลุดจริงๆ หลุดเเบบที่ร่างผมกลิ้งไปทางอีกด้านของโซฟาที่...มีโต๊ะกระจกตัวเตี้ยรอให้เอาหัวโขกอยู่

          และก็เป็นไปตามคาด หัวผมฟาดเข้าเต็มๆ เจ็บจี๊ดจนต้องเบ้หน้า เสียงโขกนี่ดังจนไอเตอร์ต้องเงยหน้ามามองก่อนจะก้มลงไปหลับเหมือนเดิมแถมยังพ่นลมหายใจออกมาราวกับจะบอกผมว่าโง่ตกมาทำไม

          "A-Are you okay? Did you get hurt? I'm so sorry.(นะ นี่ โอเคไหม เจ็บมากไหม ฉันขอโทษ)"

          "โอเคๆ not hurt too much"ผมลูบๆหัวตรงจุดที่กระเเทกเบาๆ คงจะไม่ถึงกับเเตกอาจจะเเค่ช้ำๆไม่ก็โน

          ผมที่มัวเเต่สนใจความเจ็บที่หัวเลยไม่ได้สังเกตสีหน้าของอีกคน ยังไม่มันจะได้อ้าปากพูดอะไรไปมากกว่านี้ผมก็โดนคนตัวโตช้อนตัวขึ้นจนตกใจคว้าลำคอมันตามสัญชาตญาณทันที

          "ยูจะไปไหนน่ะ!"

          "Hospital.(โรงพยาบาล)"

          "เห้ย! ไม่ต้อง!"

          "Go to check for make sure.(ไปเช็คเพื่อความเเน่ใจ)"

          "แต่ไอ เอ่อ not that pain อ่ะ just กระเเทกเอง เบาด้วย"ผมพูดไม่ค่อยถูกแต่พยายามใช้ภาษามือเข้าช่วยเพือบอกว่าผมไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้น แต่มันไม่ฟังผมหรอกเกินลิ่วจนถึงหน้าประตูห้องเเล้ว
     
          "Don't worry I'm not bleeding นะยู"ผมสะกิดบอกมันอีก

          หน้าไอหมีควายตอนนี้ยุ่งไปหมดจนผมไม่รู้ว่าควรจะขำหรือจริงจังก่อน คิ้วนี้กดลงจนไม่รู้จะว่ายังไงเเล้ว

          "And I can walk by myself ด้วย ปล่อยไอลงได้ละ"

          "Then let me see your wound.(ถ้างั้นขอดูแผลหน่อย)"

          "นี่ๆ ซีๆ nothing เลย"ผมยื่นหัวไปให้มันดูใช้มืแหวกผมแล้วชี้ๆไปยังจุดที่กระเเทกเมื่อครู่

          "เฮ้อ"มันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นเลือดทั้งลูบๆจับๆแล้วผมก็ไม่ได้ร้องเจ็บอะไรมาก

          "แค่นี้เองทำไมต้องเป็นห่วงขนาดนั้นด้วย"

          "If I'm not worried about you , who will ?(ไม่ให้ห่วงแฟนแล้วจะให้ห่วงใครล่ะ)"

          สมองอันน้อยนิดประมวลผลอยู่ไม่ถึงสามวินาที พลันไอร้อนก็พุ่งสู่ใบหน้าจนเหมือนมีเสียงดังปุ้งอยู่ในหัว

          ผมว่าสกิลหน้าหนาของผมคงยังไม่พอสำหรับความเสี่ยวของมัน..

          "By the way that was my mistake.(อีกอย่างเมื่อกี้มัน...ความผิดฉันด้วย)"

     มันว่าด้วยน้ำเสียงที่ซึมลงนิด มือใหญ่ยังคงลูบหัวตรงที่โขกเมื่อกี้เบาๆเหมือนกลัวว่าถ้าเเตะเเรงกว่านี้ผมหัวผมจะบุบได้ พอได้ยินเหตุผลชัดๆผมถึงกับอมยิ้มเล็กน้อย

          บางทีผมก็รู้สึกว่าไอหมีควายมันเหมือนหมาตัวใหญ่ๆ

          "ใช่ your mistake นั่นแหละ"

          พอพูดออกไปมันถึงกับชะงักมือที่ลูบหัวผมอยู่เเล้วมองผมด้วยเเววตารู้สึกผิดทันที ผมพยายามที่จะกลั้นยิ้มก่อนจะพูดต่อ

          "เพราะอย่างนั้น เลี้ยงข้าวไอสักมื้อสิ"

           ถึงจะแปลกๆที่ให้คนต่างชาติพาผมเที่ยวก็เถอะ แต่ผมกับมันก็อุดอู้กันอยู่ในห้องนานแล้ว แต่หาข้ออ้างไปเปิดหูเปิดตาหน่อยก็ดีไม่น้อย

          มันนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าคมแล้วพยักหน้ายืนยัน

          "I welcome to treat you your whole life. (ยินดีเลี้ยงทั้งชีวิตเลย)"


-----------------------------------


          "ฮ่า...อิ่มแปล้เลย"ผมนั่งลูบพุงอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่ปกติเเล้วผมเเทบไม่เฉียดเข้ามาเลยเพราะเเม่งเเพงจริงๆ นอกจากอาหารแพงเเล้วค่าvatยังเยอะขนาดเรียกได้ว่าขูดเลือดขูดเนื้อกันเลยไม่ปาน

          พอออกปากให้มันเลี้ยง มันก็ไม่รอช้าพาออกมายังห้างใกล้ๆแทบจะทันทีทั้งที่จริงๆผมบอกไปแล้วว่าแปะโป้งไว้ก่อนก็ได้

          แชะ

          "เฮ้ ก็บอกแล้วไงว่าอย่าถ่าย อยากถ่ายก็ถ่ายตัวเองสิ"ผมพูดออกไปด้วยความเหนื่อยหน่าย ตอนหลังมานี่เสียงกล้องมันก็ไม่ปิดคนรอบๆนี่หันควับเลย

          "Corgi,Do you know why I'm love taking photo?(นี่คอร์กี้ รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงชอบถ่ายรูป)"

          จู่ๆมันก็เกริ่นขึ้นมาจนผมต้องหันไปมองหน้าอีกฝ่าย ที่สายตายังคงจับจ้องไปที่โทรศัพท์ เลื่อนๆอยู่ไม่กี่ทีก็หยุดมือเเล้วละสายตามาสบผม รอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้า

          "It's told that camera is the only thing that can freeze time. It's the only thing that can keep our memories or everything that came in our live.(เขาว่ากันว่ากล้องเป็นสิ่งเดียวที่ใช้หยุดเวลาได้ มันเป็นสิ่งเดียวที่สามารถเก็บความทรงจำหรือสิ่งต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตเราได้)"

          "..."

          "I want to keep every moment in my live both  of good or bad, keep it for remind myself that what was my mistake or how extremely happy I was.  (ฉันอยากจะเก็บทุกช่วงเวลาในชีวิตไว้ ทั้งดีเเละไม่ดี เก็บไว้เตือนตัวเองว่าตอนนั้นเราผลาดอะไรไปหรือไม่ก็ตอนนั้นเรามีความสุขขนาดไหน)"

          มันยังคงว่าด้วยเสียงทุ้มนุ่มๆที่ฟังเเล้วสบายหู ถึงแม้จะฟังออกบ้างไม่ออกบ้างแต่ด้วยน้ำเสียงท่าทางรอยยิ้มนั่นทำให้ผมไม่สามารถละสายตาจากมันไปได้เลย นานๆทีมันจะพูดอะไรยาวๆอย่างจริงจังผมเลยไม่กล้าขัดอะไรเเละรอฟังมันอย่างตั้งใจ

          ทั้งๆที่เเค่พูดเเละยิ้ม มันกลับมีเสน่ห์มากขนาดนี้..

          "And every shot of you is my happiness.(และทุกช็อตของนาย มันก็เป็นความสุขของฉัน)"

          และมันก็ฉีกยิ้มกว้างให้ผมชะงักไปชั่วอึดใจ

          บึ้ม!

          มันเอาอีกแล้ว!! ตอนเเรกก็ว่าจะไม่มีอะไรเเล้วเชียวแต่เจอประโยคปิดเข้าไปนี่น้ำลายเเทบติดคอ ใบหน้าพาลร้อนขึ้นมาทันที

          หยอดกูอีกเเล้ว!

          ผมว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งผมต้องตัวแตกตายเพราะเขินมันบ่อยเกินไปเเน่ๆ ผมไม่รู้ว่าคำหวานพวกนี้มันตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแต่ทุกครั้งที่พูดมันมักจะมีอะไรแบบนี้ให้ผมต้องยกมือขึ้นปิดหน้าเสมอๆ

          "แต่ก็ไม่เห็นต้องเอาไปลงอินสตราแกรมไรนั่นเลยนี่.."ถึงจะเขินเเต่ผมก็ไม่วายบ่นอุบอิบ บอกเลยว่าพอมันบอกเหตุผลใจผมก็อ่อนยวบต่อจากนี้ต่อให้มันถ่ายผมสักร้อยรูปผมก็คงไม่ห้ามมันเเล้ว แต่เรื่องเอาไปลงในโซเชี่ยวมันก็อีกเรื่องไง ถ้าเก็บไว้ดูคนเดียวผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรหรอก...

          "You really don't know it?(ไม่รู้จริงๆน่ะหรือ)"มันเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

          "I จะไป know ได้ยังไงเล่า"

          "For tell everyone that this corgi have its owner plus the owner is very possessive.  (ก็เพื่อบอกทุกคนว่าคอร์กี้ตัวนี้มีเจ้าของเเล้วไง แถมเจ้าของยังหวงมากๆด้วย)"

          "มึงแม่ง..."
 
          โคตรไม่ยุติธรรมเลย ทำไมมันรุกได้รุกดีแล้วผมทำได้แค่นั่งทำตัวลีบพร้อมกับหน้าที่เหมือนจะไหม้เเล้วเเบบนี้วะ

          ผมตัดสินใจไม่พูดไม่ถามอะไรต่อ แค่นี้ผมก็อายจัตายเเล้วเเถมถึงมันจะพูดไม่ดังเเต่ก็ไม่เบา ทั้งไอโต๊ะเด็กวัยรุ่นข้างๆก็ดังเงียบกริบอย่างผิดวิสัยจนเสียงมันเด่นขึ้นมาอีก ถ้าให้เดาไอโต๊ะข้างๆนี่ได้ยินหมดแล้ว

          "กรี๊ด!"

          นั่นไง

          ทันทีที่ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดที่ไม่เบานักราวกับกลั้นมานานของเด็กผู้หญิงโต๊ะข้างๆผมก็ไม่รอช้าเรียกเช็คบิลละพามันออกมาทันที

          "ยูนี่ปากหวานเกินไปแล้วนะ พูดงี้กับทุกคนป่ะเนี่ย"

          "หือ?"

          "You เอ่อ sweet mouth มากเลยอ่ะ Did you speak like this for everyone?"พอมันทำหน้าไม่เจ้าใจผมก็จัดการทรานสเลตให้มันฟัง มันเงียบราวกับกำลังประมวลผลภาษาอังกฤษง่อยๆของผมเมื่อครู่ก่อนจะยิ้มหวาน

          "I think it's a 'sweet tongue' and after I taste I think you are more sweet.(ถ้าจะให้ถูกน่าจะเป็นลิ้นหวานนะ และหลังจากที่ชิมฉันว่าของนายหวานกว่าอีก)"

          กูขอโทษ กูไม่น่าถามเลยจริงๆ

          เหมือนสีหน้าผมจะไปตามความคิด คนตัวโตเลยหัวเราะออกมาทั้งยังเอามือยีหัวผมอย่างหมันเขี้ยว

          "Haha your face when you shy is really funny. There there, don't mad at me I'll take it seriously.(ฮ่าๆ หน้านายตอนเขินนี่ตลกดีนะคอร์กี้ โอ๋ๆ ไม่งอนๆ จริงจังก็ได้)"มันเปลี่ยนจากยีเป็นลูบเบาๆเเทนเมื่อเห็นว่าผมเริ่มหน้างอลงอย่างไม่จริงจัง ก่อนที่มันจะยอมตอบคำถามก่อนหน้านี้

          " I'm sweet talk  with you only. Don't be jealous.(ฉันปากหวานกับแค่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ ไม่ต้องหึงหรอก)"

          "เอาให้จริงเถอะ"

          ผมพูดพึมพำแต่ก็หุบยิ้มไม่ลง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกสงสัยขึ้นมาว่ามันจะพูดแบบนี้กับทุกคนรึเปล่า และพอคิดว่ามันพูดแบบนี้กับทุกคนใจมันก็แป้วขึ้นมาทันที พอได้ยินคำตอบเเบบนั้นก็เลยยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว

          เราเดินเล่นกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคนตัวโตหยุดเดินจนคนที่ถูกกุมมืออยู่อย่างผมต้องหยุดตาม ผมเลื่อนสายตาตามมันไปก็เจอร้านขายตุ๊กตาอยู่

          ผมเลิกคิ้วสงสัยเเต่ก็ไม่ได้ถาม จนมันพาลากเข้ามาในร้าน ผมแอบกระดากใจนิดๆเมื่อก้าวเข้าไปในร้านตุ๊กตาหวานเเหววที่เต็มไปด้วยพนักงานผู้หญิง
ผู้ชายสองคนเลือกตุ๊กตาคงเป็นออะไรที่พิลึกไม่น้อย

          จึกๆ

          ผมที่กำลังกวาดตามองไปรอบร้านหันไปตามเเรงสะกิดที่หัวไหล่ ก่อนจะเจอไอฝรั่งที่กำลังถืออะไรบางอย่างมาเทียบกับหน้าผมอยู่

          "It's look like you. (เหมือนนายเลย)"

          ผมหันไปดูสิ่งที่อยู่ในมือมัน...ตุ๊กตาหมาที่มองปราดเดียวก็รู้เเล้วว่าพันธุ์นี้มันชื่อว่า'คอร์กี้'

          ใครมันสร้างไอหมาเเคระนี่เป็นตุ๊กตากันวะ!

          มันเป็นคอร์กี้ที่ขนาดหนึ่งไม้บรรทัดด้วยท่าที่กำลังนอนราบด้วยท่าประจำตัวของสายพันธุ์นี้ คือการนอนคว่ำเเล้วปล่อยเเขนปล่อยขาไว้ด้านหลัง เเถมหูตั้งหน้าเคลิ้มมากๆ

          ผมไม่ตอบอะไรมัน แต่รีบหันซ้ายหันขวาเดินไปทั่วร้านก่อนจะตัดสินใจหยิบตุ๊กตาหมีตัวที่ใหญ่กว่าคอร์กี้นั่นเป็นสองเท่า ขนสีน้ำตาลๆเหมือนสีผมมัน แถมหน้ายิ้มๆ ซึ่งตอนเดินผ่านผมเลือกตัวนี้อย่างไม่ต้องคิดเลย! นี่มันไอหมีควายชัดๆ!

          "นี่ก็เหมือนยูเลย"

          มันชะงัก มองตุ๊กตาหมีในมือผมนิ่งก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น

          "That me?(นั่นฉันเหรอ?)"

          "อือฮึ นี่ไงตัวเป็นขนๆ เเถมตัวก็ใหญ่ หน้ายิ้มใจดีอีก นี่มันยูชัดๆ!"

          "อืม.."มันครางรับก่อนจะลูบคางตัวเองเหมือนกำลังใช้ความคิด มองหมีในมือผมนิ่งอย่างกับกำลังพิจรณาก่อนที่เอื้อมมือมาดึงหมีในมือผมออกไป

          "เห้ย!"

          "Then let get both of it.(เอามันทั้งสองตัวเลยละกัน)"

          พูดจบก็เดินไปยังเเคชเชียร์ ไม่ถามอะไรผมสักคำเเถมไม่มีเวลาให้ผมท้วงอะไรด้วยมันก็จัดการควักเงินจ่ายไปเรียบร้อยเเล้ว

          ไอบ้า!!! มันเป็นพันเลยนะ!!

          ผมอยากจะกระโดดงับหัวมันจริงๆ เงินเกือบสองพันหายไปในพริบตา ตุ๊กตาในห้างมันแพงจะตายไปไม่รู้ว่าตาบอดมองราคาผิดหรืออย่างไรถึงได้ตัดสินใจซื้อ

          แต่ท่าทางอิ่มเอิบใจหลังได้รับทั้งสองตัวนั้นมาเเล้วคงไม่ได้ดูผิดหรอก

          "ทำไมยูไม่เซฟมันนี่เลยวะ! มันเปลือง!"ผมพูดแกมตำหนิ ปกติผมไม่เคยตำหนิมันเลยนะ แต่ผมค่อนข้างเซนซิทีฟเรื่องการใช้เงินของตัวเอง คือไม่ได้ขี้เหนียวถ้าอยากยืมก็ยืมได้ ปกติเวลาเพื่อนใช้ซื้อของอะไรที่ฟุ้มเฟือยถึงผมจะขัดใจบ้างแต่ก็ไม่เคยว่ามันเพราะถือว่าตังก็ตังมัน แต่พอเห็นไอหมีควายใช้จ่ายอะไรง่ายๆผมก็ดันห่วงมันขึ้นมา ถ้ามันเป็นคนใช้เเบบไม่คิดถึงแม้มันจะรวยเเค่ไหนแต่ก็หมดได้ไง!

          "This your.(อ่ะ นี่ของนาย)"

          "เอ๊ะ"

          "Hug it when you miss me, It's look like me right?(เผื่อเวลาคิดถึงฉันจะได้เอาไว้กอดไง เหมือนฉันไม่ใช่เหรอ)"

          ผมรับถุงใบหนึ่งซึ่งพอเเง้มดูก็พบไอหมียิ้มตัวนั้น ก่อนจะเงยหน้ามามองมัน ขมวดคิ้วนิดๆ

          "แต่.."

          "conversely I'll keep the corgi. When I miss you I'll hug it instead.(กลับกันฉันจะเก็บคอร์กี้ไว้ เวลาฉันคิดถึงนายจะได้กอดมันเเทน)"มันว่าก่อนจะชูไอหมีเเคระเมื่อครู่ขึ้นมา

          ผมยังไม่ตอบอะไร ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้เลนเอ่ยปากบอก นิ้วก็ชีเไปยังหมานั่น

          "ถ้าอย่างนั้นเอ่อ...คอร์กี้ตัวนั้น I'll pay for it นะ"
     

          "You don't need to do that.(ไม่ต้องหรอก)"

          คำตอบที่ได้รับไม่ได้ต่างจากที่คาดคิดเสียเท่าไหร่ ปกติผมคงขี้เกียจจะดื้อดึงเเล้วยอมมันไป แต่ครั้งนี้ผมไม่ ถ้ามันบอกว่าเห็นไอหมาเเคระนั่นแล้วคิดถีงผม ผมก็อยากจะเป็นคนซื้อให้มัน อย่างน้อยก็เป็นของขวัญชิ้นเเรกตั้งเเต่ที่อยู่ด้วยกันมา

          "ไม่ได้! ถ้ายูอยากให้ไอเก็บไอหมีนี่ไว้ต้องให้ไอออกค่าหมาตัวนั้น ถือว่าซื้อให้ไง ยูให้ไอ ไอก็ให้ยู"

          "Okay okay I'm give up.(โอเคๆ ฉันยอมเเพ้เเล้ว)"พอเห็นผมดื้อดึงมันก็ยกมือขึ้นอย่างยอมเเพ้ ก่อนจะจัดการคืนเงินกันเสียตรงนั้น มะนก็ยอมรับไปอย่างไม่อิดออดคงจะสัมผัสได้ว่าครั้งนี้ผมไม่ยอม

          ผมกับไอหมีควายเดินเล่นมันมาซักพักใหญ่ในมือมือถุงตุ๊กตาคนละตัว จนกระทั่งเดินลงมาถึงชั้นล่างซึ่งมีงานสัตว์เลี้ยงที่พอเห็นปุ๊ปไอคนข้างๆก็ตาลุกวาวลากผมไปทันที ไม่รู้ว่าเลือดสัตวเเพทย์ในกายมันพลุ่งพล่านหรืออย่างไร

          คนตัวโตเดินไปดูนู่นนี่เรื่อยๆ ปากก็ขยับบอกตลอดว่าตัวนี้พันธุ์อะไร ทั้งปากก็ยิ้มตลอดเวลาอย่างมีความสุข ผมเองถึงไม่ได้มีความรู้เรื่องสัตว์อะไรพวกนี้แต่พอเห็นมันมีความสุขก็อดอมยิ้มตามไม่ได้

          อะไรทำให้มันชอบสัตว์ ไม่สิ รักสัตว์ได้มากขนาดนี้นะ

          ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้จริงๆ

          "อ่าว ออสติน"

          แต่เเล้วความสุขก็แทบจะจบลงทันทีเมื่อเสียงเรียกชื่อไอหมีควายดังมาจากทางด้านข้าง

          "Tee.."ไอหมีควายหันไปมองบุคคลมาใหม่ มันชะงักอย่างเห็นได้ชัดทั้งรอยยิ้มมีความสุขเมื่อครู่ค่อยๆเลือนหายกลายเป็นใบหน้าที่ฉายเเววตระหนกก่อนจะครางเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาเบาๆ ซึ่งผมก็สามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน

          ผมขมวดคิ้วสงสัยทันทีเมื่อชื่อที่ได้ยินนั่นเป็นชื่อผมไม่ผิดแน่แต่ตาของไอฝรั่งกลับไม่ได้โฟกัสมาที่ผมแต่กลับมองไปยังคนด้านหน้า

          ทำไมมันถึงเรียกพี่ตองว่าที?



-------------------
แต่งยังไม่จบ แต่ปกเสร็จแล้ว เย้  :hao5:
 










ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ห๊ะ

อย่าเพิ่งงงงงงงงง พี่ตองคะ พี่โผล่มาทำไม  :ling1: แล้วทำไมชื่อ Tee ??????????????????

 :katai1:

มันคาใจ นึกว่าจะได้นอนหลับฝันดี ฮ่วย

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
อะไรยังไง

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คืออะไร???

อย่าบอกว่าแฟนเก่านะ

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.32
«ตอบ #125 เมื่อ03-10-2016 01:08:44 »

Chapter 32
| Ex


**ภาษาอังกฤษยังไม่ได้พรูฟนะคะ เดี๋ยวตามอีดิทให้ค่า**

และก็เนื่องจากเราแพลนที่จะรวมเล่มนิยายเรื่องนี้เลยอยากจะขอความร่วมมือจากเหล่านักอ่านที่สนใจหน่อยนะคะ รบกวนช่วยเข้าไปกรอกแบบสำรวจหน่อยค่ะ ข้าพเจ้าอยากรู้จำนวนคร่าวๆ;w;

จิ้มลิ้งนี้โลย >> https://docs.google.com/forms/d/1PsOp5y8id5Ywsao-ZRxwmyJfNHGJ_VfatvVRRHkZNXQ/viewform?edit_requested=true

------------------------------------


          "อ่าว น้องธีร์ก็อยู่ด้วย จำพี่ได้ไหมครับ"พี่ตองที่หันสบตากับผมพอดีเอ่ยทัก และแน่นอนว่าผมจำได้ ผมเคยเจอพี่เขาครั้งหนึ่ง เป็นวันที่ไอหมีควายมันเมาเเละพี่เขานี่เเหละที่อยู่กับมันวันนั้นเเละช่วยผมแบกมันออกมา ดังนั้นผมจึงเผยยิ้มเเล้วตอบกลับ

          "อ่า...พี่ตองใช่ไหมครับ"

          "ใช่เเล้ว ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญมาเจอกัน"

          "อ่าครับ"ผมตอบรับเกาคอเเกรกๆอย่างไม่รู้จะเอามือตัวเองไปไว้ที่ไหน อยู่ก็รู้สึกมือมันเกะกะแปลกๆ ไม่สิ...

          ผมกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังเกะกะ ยิ่งพวกเขาเริ่มคุยกันด้วยเสียงหัวเราะคลอๆนั้นทำให้ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆแล้วยืนฟังแบบที่แปลไม่ค่อยออก

          "Tee, Did you know Tee before?(ที นายรู้จักทีด้วยเหรอ?)"

          "Don't call me Tee. It pronounces same as his name.(นี่อย่าเรียกฉันว่าทีสิ มันออกเสียงเหมือนกันไม่ใช่รึไง ชื่อฉันกับเขาน่ะ)"
         
          "อ่า คือ เอ่อ ทำไมเขาถึงเรียกพี่ตองว่าทีล่ะครับ"ผมอยากจะตบปากตัวเองซักครั้งที่จู่ๆก็พูดขัดกลางวงสนทานาจนทั้งพี่ตองเเละไอหมีควายหันมามอง

          พี่ตองยิ้มบางๆให้ พลันเกิดความคิดที่ว่าเป็นรอยยิ้มที่เหมือนกันจริงๆ...เหมือนกับไอหมีควาย

          "เรื่องนั้นเพราะชื่อพี่ฝรั่งมันออกเสียงยากน่ะ ตอนไปเรียนพี่เลยตัดปัญหาโดยการใช้ตัวอักษรเเรกของชื่อเเทนเลยกลายเป็นทีมาตั้งแต่นั้น"พี่เขาอธิบาย ซึ่งผมก็พยายามจะคิดตาม ก็อย่างที่พี่เขาพูดนั่นแหละไม่งั้นตองจะกลางเป็นทงไม่ก็ทองเเทนล่ะนะ

          "อ่อ"ผมพยักหน้าเข้าใจ

          "แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกัน ยังรัๆฟกสัตว์ไม่เปลี่ยนเลยนะเขาน่ะ"ครางนี้พี่แกหันมาคุยกับผมพยักเพยิดหน้าไปทาง'เขา'ที่ว่า ให้ไอหมีควายที่ยืนอยู่ด้วยทำหน้างงๆราวกับจะบอกว่าแปลให้กูฟังด้วย

          "เอ่อ...คือว่าพี่ตองเป็นเอ่อ..เพื่อนกับไอมะ..เขาหรอครับ"ผมเอ่ยถามสิ่งที่คาใจ ไม่รู้ทำไมพี่ตองก็เคยบอกไปแล้วหนหนึ่งแต่ปฏิกริยาตอนเเรกของไอหมีควายทำเอาผมใจหายวูบไปนิด ใจก็พาลอยากได้คำยืนยันขึ้นมา

          "เรียนด้วยกันสมัยไฮสกูลน่ะ รู้จักโคลด์ใช่ไหมเราน่ะ นั่นก็อีกคนในกลุ่ม"ร่างโปร่งก็ยังคงตอบคำถามได้อย่างไหลลื่นเป็นธรรมชาติ

          พี่ตองน่ะ ปกติ ธรรมชาติมากๆ แต่ผมนี่เกร็งจนไม่รู้จะเกร็งยังไงแล้ว ทั้งๆที่พี่ตองก็เป็นคนอัธยาศัยดี ผมเองก็มั่นใจว่าตัวเองเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ตอนนี้เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบอย่างเคอะๆเขินๆไป

          "Why do you come here?(แล้วมาทำไมที่นี่)"คนข้างกายถามขึ้นมาบ้าง สีหน้าผ่อนคลายลงจากตอนเเรกที่ทำเหมือนราวกับเห็นผี

          "Just go for a walk. So when I saw that it have pet festival then I miss the past . I don't think to see you here before.(มาเดินเล่นน่ะ พอเห็นมีงานสัตว์เลี้ยงเลยคิดถึงสมัยก่อน ไม่คิดว่าจะมาเจอจริงๆ)"

          "What a coincidence.(บังเอิญจังเลยเนอะ)"
         
          ทั้งสองคนยืนคุยด้วยกันอีกสองสามประโยคก่อนที่พี่ตองจะหันมาพูดกับผม

          "พี่ว่าพี่คงต้องไปก่อน เที่ยวต่อกันให้สนุกนะ น้องธีร์พี่เตือนไว้ก่อนเลยอย่าไปหลงเชื่อยิ้มใจดีมันเด็ดขาดเลย ไอนี่มันหมาป่าห่มหนังแกะยิ่งหน้าซื่อๆอย่างเราด้วย"

          "อ่า...ผมพอจะเข้าใจอยู่ครับ"

          ผมยิ้มรับคำเตือนนั่น ใจก็อยากพี่เขาเหลือเกินว่าไม่ทันเเล้ว พี่ตองกันไปกล่าวลาไอหมีควายอีกรอบแต่คราวนี้ทำเอาผมเบอกตากว้างอย่างตกใจ

          "โอ๊ะ!"

          เสียงอุทานจากหนุ่มไทยร่างโปร่งที่ศูนย์เสียการทรงตัวจนเกือบหน้าทิ่มดังออกมาเบาๆ ผมฉีกยิ้มแห้งมองมือตัวเองที่บัดนี้คว้าเเขนของไอหมีควายมากอดเเน่น แต่เมื่อกี้ไม่ใช่เเค่กอด แต่เป็นการกระชากแขนอีกคนมามากกว่า

          ก็ใครใช้ให้พี่ตองขยับไปจะหอมแก้มมันกันเล่า!

          "อ่า...พี่ขอโทษนะ พอดีพี่ชินน่ะ"พี่ตองยิ้มเเห้งๆเกาท้ายทอยแกรกๆ

          "เอ่อ..อ่า..คือผม...เอ่อ..."

          "ไม่เป็นไรๆ พี่เข้าใจๆ พี่ผิดเองเเหละ ฝากดูแลมันด้วยล่ะ ถึงตัวจะโตแต่บางมุมก็เด็กเกินคาดเลยนะ"

          พี่ตองทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะโบกมือหยอยๆแล้วเเยกตัวออกไปให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเเล้วหันมามองคนข้างกาย ก่อนจะพบคิ้วหนาที่กดลงนิดมองตามแผ่นหลังของคนที่เดินจากไปไม่กระพริบก่อนที่มันจะหันมาสบตากับผม
         
          หัวคิ้วทั้งสองค่อยๆคลายออก ยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยประกายวิบวับก่อนจะเอ่ยปากพูด
         
          "Did you jealous?(หึงฉันเหรอคอร์กี้)"

          "หะ หึง? บ้าเหรอ! ใครจะไปหึงกันเล่า noway อ่ะ!"

          "Hmm...but you are still holding my arm.(หืม แต่เเขนนี่เกาะไม่ปล่อยเลยนะ)"

          เวรกรรม!

          ผมรีบปล่อยมือออกจากเเขนมัน แต่มันไวกว่ารีบหนีบแขนผมไว้เเน่น เรียกได้ว่าล็อกเลยทีเดียว ผมเงยหน้าทำท่าจะร้องไห้ นี่ก็ยืนเป็นเป้าสายตาคนมานานเเล้วแต่คิดว่ามันเเคร์ไหม? ไม่ไงครับ ฉีกยิ้มอารมณ์ดีฮัมเพลงแล้วก็เดินเล่นต่อโดยการหนีบแขนผมไปด้วย

          พอมีใครมองมาแบบเปิดเผย มันก็จะหันไปบอกว่า

          "He is mine(คนนี้ของผมครับ)"

          ฟัคคคคค


---------------------------------


          "โอ้ย!! ฮ่าๆๆ! ผัวมึงเเม่งคนจริง!"ไอจีนที่บัดนี้นั่งหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลจนไหล่สั่น ตบโต๊ะปึงปังเหมือนคนบ้าจนคนที่ผ่านไปมาเเทบจะทุกคนต้องเหลียวมองมัน

          "ถ้ามึงจะพูดขนาดนี้มึงไปประกาศให้เขารู้กันทั้งมหาลัยเลยไหมล่ะสัส!"

          "ก็ดีนะ ผัวมึงคงดีใจ กูล่ะนับถือจริงๆ ฮ่าๆ"

          ไอจีนยังคงหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจหลังจากที่ผมเล่าเรื่องราวของอาทิตย์ที่ผ่านมาจากการที่มันพาไปเลี้ยงข้าวไถ่โทษกลายเป็นเหมือนผมถูกทำโทษเเทนซะอย่างนั้น ไม่รู้ว่าการกระทำเเบบไอหมีควายมันน่านับถือตรงไหน ดูถูกอกถูกใจไอจีนมันจริงๆ

          "ท่าทางจะหวงมึงสุดๆเลยนะ เล่นป่าวประกาศเท่าที่ทำได้ ถ้าทำป้ายเเปะไว้บนตัวมึงได้มันคงทไปเเล้วมั้ง"ไอจีนว่าให้ผมถอนหายใจหนักๆก่อนจะพูดขึ้น

          "ก็นั่นสิ กูว่าบางทีก็เยอะเกินไป"

          "ยังไงวะ?"ไอจีนถาม

          "ก็แบบบางทีกูก็ไม่ได้หน้าหนาขนาดนั้นไง อาจจะเป็นเพราะกูไม่ใช่คนที่ชอบแสดงความเป็นเจ้าของคนอื่นล่ะมั้ง เลยรู้สึกว่าคบกันเงียบๆก็ได้"ผมว่าไปตามที่คิด อันที่จริงผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับอาการหวงเกินหน้าเกินตาของมันหรอก แต่พอเยอะๆเข้าผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ คือบางคนที่มึงเเค่เดอนผ่านก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกเขาก็ได้มั้ง

          ถึงผมจะเขินทุกครั้งกับการกระทำของมันก็เถอะ

          "แล้วมึงรู้สึกแย่รึเปล่าล่ะ"คราวนี้ไอแต็กถามขึ้นมา ให้ผมขมวดคิ้วนิดคิดตาม

          "ก็ไม่นะ จะว่าไงดี คือก็ไม่ได้รู้สึกแย่ ออกจะรู้สึกเขินๆแปลกๆมากกว่า"ผมตอบเเบบมั่นใจ ไอความรู้สึกแย่นี่ไม่ใช่เลย แต่บอกไม่ถูกว่ะ ก็ดี แต่บางทีก็เยอะไปอย่างที่ผมพูดไป

          "ก็นั่นไง ถ้ามึงโอเคก็ไม่เห็นเป็นไร ยิ่งเขาหวงมึงมากเท่าไหร่ก็แปลว่าเขารักมึงมากนะนั่น"ไอจีนว่า ผมจึงถอนหายใจออกมานิดก่อนจะไหลตัวลงบนโต๊ะใช้เเขนตัวเองเเทนหมอน หยิบโทรศัพท์เครื่องเก่งที่เดี๋ยวนี้ชักจะติดมันขึ้นมาดูหน้าจอมืดๆที่ไร้การเเจ้งเตือนจากใคร

          "ไม่รู้ว่ะ"ผมตอบอย่างจนปัญญา

          "แต่ถ้ามึงไม่ชอบ มึงก็ควรบอกเขาไปตรงๆนะ"ไอแต็กพูดขึ้น ซึ่งอันนี้ผมก็เห็นด้วย แต่เอาเข้าจริงเวลาผมจะคุยเรื่องจริงจังกับมันทีไรไอหมีควายเเม่งชอบพาออกนอกทะเลทุกที! และพอพาเข้าเรื่องได้ทีไรแม่งก็จะจบโดยที่มันเป็นฝ่ายชนะ! หากจำไม่ได้จงย้อนไปดูตอนที่ผมขอให้มันเลิกเอารูปผมลงไอจีซะ!

          "ก็อย่างที่บอกว่าไม่เชิงว่าไม่ชอบ แต่บางทีมันก็เยอะไป...โอ้ย! บอกไม่ถูกว่ะ"ผมจนปัญญาที่จะอธิบาย ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกผมตอนนี้หรอก เอาเข้าจริงตัวผมเองยังไม่เข้าใจเลยนับภาษาอะไรกับคนอื่น ถ้าถามว่าจอนนี้มีความสุขไหม ผมตอบเต็มปากเลยว่ามี ค่อนข้างมากด้วยแต่ในความสุขนั้นผมยังรู้สึกว่ามันไม่สุดว่ะ..

          เหมือนมันชัดเจนแต่ก็ไม่ชัดเจน...

          "เปลี่ยนเรื่องๆ"

          แต่ยังไม่ทันที่ผมหรือไอจีนจะได้อ้าปากขึ้นหัวข้อสนทนาใหม่ ไอคนที่ฟุบหลับมาตลอดก็ฟื้นคืนชีพมันเงยหน้าขึ้นมาหาวหวอนใหญ่เเล้วเรียกชื่อรูมเมทด้วยเสียงง่วงๆเนือยๆของมัน

          "จีน"

          ไอจีนชะงักปากที่กำลังจะโม้ต่อ ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ

          "ป่านนี้เเล้วหรือวะ"

          มันพึมพำก่อนจะเริ่มเก็บของอันน้อยนิด ที่จริงตอนเเรกก็กะจะติวกันเสียเล็กน้อยเเต่พอเปิดวงสนทนามันก็ไปไกลจนบรรดาชีทเรียนเเละเลคเชอร์ที่นำมากองเรียงกันไว้เป็นม่ายไปโดยปริยาย ทั้งมันยังเผื่อแผ่ไปเก็บของไอพุให้อีกด้วย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าไอพุจะเอาออกมาทำไมเพราะพอมันหยิบออกมาวางปุ๊ปมันก็ฟุบนอนปั๊ป

          "เออมึง พวกกูไปก่อนนะ"ไอจีนบอกในขณะที่คว้าประเป๋ามาสะพาย ส่วนไอพุก็นั่งบิดขี้เกียจ ก่อนจะพากันไปอีกทาง

          "เออๆ อย่ากัดกันตายก่อนถึงหอล่ะ"ไอแต็กพูดไล่หลังพวกมันไป ซึ่งคราวนี้ได้รับนิ้วกลางงามๆเป็นสิ่งตอบแทนจากเพื่อนพุ ผมกับไอแต็กหัวเราะเล็กน้อยกับท่าทีของพวกมัน บางวันก็ดีกันบางวันก็ตีกันจริงๆ

          พอสองเกลอนั่นจากไป ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง ปรายตามองท้องฟ้าที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีแสด ในขณะที่โทรศัพท์ก็ยังคงนิ่งเงียบหลังจากที่คนที่บอกว่าจะมารับไลน์มาบอกว่าวันนี้จะมาเลทนิดหน่อย...จากตอนนั้นก็เกือบๆสองชั่วโมงได้แล้ว...

          นี่เรียกนิดหน่อยของมันใช่ไหม?
     
          แต่ก็นั้นเเหละมันอาจจะรถติดหรืออะไรก็ได้ ดังนั้นผมไม่โทรจิกหรอก มันบอกจะมาเดี๋ยวมันก็มา

          "มึงจะกลับกี่โมงวะไอแต็ก"ผมหันมาสนใจเพื่อนตัวเล็กที่เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวที่ยังอยู่กับผม เพื่อนเพียงคนเดียวที่เเเม่งมาอ่านหนังสือจริงๆไม่ใช่มาเฮฮาปาร์ตี้แบบผม

          "มึงกลับเมื่อไหร่กูก็กลับเมื่อนั้นแหละ"

          "เห้ย ไม่ต้องๆ มึงกลับไปก่อนก็ได้เดี๋ยวไอหมีควายก็มาเเล้ว"

          "ไม่เอาอ่ะ กูไม่อยากทิ้งมึงไว้คนเดียว"มันว่าง่ายๆในขณะที่มือก็กำลังสรุปเนื้อหาที่เรียนมาอย่างขมักเขม้น คำตอบมันนี่ทำเอาผมน้ำตาเเทบไหล

          "ถ้ามีรางวัลเพื่อนดีเด่นกูจะมอบให้มึงเลยกลองเเต็ก"อันนี้ผมจริงจัง ถ้ามีเงินผมจะไปโล่พร้อมเหรียญให้มันแบบไม่ลังเลเลย ขนาดสรุปที่มันทำอยู่ก็ไม่ใช่เพื่อตัวมันเเต่เพื่อสัมภเวสีผู้ซึ่งเข้าใจอะไรยากๆอย่างพวกผมนี่ไง

          "มึงก็พูดเว่อร์ไป"

          "นี่กูจริงจัง"

          มันหัวเราะเบาๆกับคำพูดผม ผมเองก็ยิ้มหน่อยๆก่อนจะหันมาสนใจโทรศัพท์ในมืออีกรอบไม่รบกวนมันอีก ฝห้มันได้สรุปไปอย่างสงบสุขเพราะถ้าสรุปผิดเมื่อไหร่คนซวยก็คือผม...

          "เอ่อ..ไอธีร์มึงเคยได้ยินเรื่องเเฟนเก่าของไอฝรั่งมาบ้างป่ะ"

          กึก

          ผมชะงักมือที่กำลังสไลด์โทรศัพท์ทันที เงยหน้ามองเพื่อนดีเด่นที่ตอนนี้วางปากกาลงเเล้ว ทำท่าลังเลเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะพูดดีหรือไม่

          "มะ...ไม่นะ ไม่เคยได้ยินเลย"ผมส่ายหัว อันที่จริงผมแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยต่างหาก...

          "กูว่ามึงไม่รู้น่ะดีเเล้ว เดี๋ยวเก็บไปคิดมากอีก"

          "เห้ย! ไม่เป็นไรๆ กูฟังได้ๆ กูไม่คิดมากหรอก กูเข้าใจหน่า"ผมรีบโพล่งออกมา ฉีกยิ้มกว้างยืนยันหากแต่เเท้จริงเเล้วรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว หัวใจเต้นเเรงขึ้นลุ้นกับสิ่งที่เพื่อนกำลังจะพูดออกมา

          "ถ้างั้นมึงอย่าเอาไปพูดกับแฟนมึงนะ เดี๋ยวผิดใจกัน"

          "โอเคๆ กูเข้าใจ"

          "คือ...กูได้ยินมาว่าแฟนเก่าของเขาเป็นคนไทย แต่เรียนด้วยกันตั้งแต่ไฮสคูลก่อนจะเเยกกันไปตอนมหาลับเพราะคนๆนั้นกลับมาเรียนมหาลัยที่ไทย"กลองเเต็กมองมาที่เขานิ่งด้วยความจริงจังไร้สีหน้าล้อเล้นหรือมีพิรุธแต่อย่างใด ซึ่งนั่นทำให้ผมกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ ลางสังหรณ์บางอย่างก่อเกิดขึ้นทันทีที่ได้ยินเพราะเรื่องราวมันค่อนข้างคุ้นหูเหมือนเพิ่งได้ยินมาไม่นานมานี้

          "มึงลองไปดูในไอจีไอฝรั่งก็ได้ รูปเก่าๆน่ะ"

           ในไอจี?

          "แล้วก็กูได้ยินมาว่าแฟนเก่าเขาชื่อทีเหมือนมึง"


 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
หวังว่านุ้งธีร์จะไม่มาม่าเรื่องตองอ่ะนะ ><

แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าออสตินเมาเหล้าเพราะเรื่องอะไร??

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.33
«ตอบ #127 เมื่อ03-10-2016 15:15:21 »

Chapter 33
| Reason


          เหมือนมีระเบิดขนาดย่อมระเบิดอยู่ในหัวผม สมองผมตื้อไปชั่วขณะ ยามที่ได้ยินเรื่องราวที่ไอกลองเเต็กพูดออกมาพลันคำพูดของไอหมีควายหวนหลับเข้าในหัว
 
          'Actually,I come here to see my first love.(ที่จริงเเล้ว ฉันมาที่นี่เพื่อมาหารักแรกของฉัน)'
 
          รักแรก...พี่ตองหรือวะ
 
          ผมพยายามคิดในแง่ดีว่าอาจจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง แต่เหตุการณ์มันลงล็อกเกินไปจนผมไม่อาจหาข้ออ้างอะไรมาบอกให้ตัวเองสบายใจได้อีก เมื่อก่อนหน้านี้ก็เริ่มสงสัยอยู่ก่อนพอไอแต็กพูดขึ้นมายิ่งกลายเป็นการจุดประเด็นขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
 
          "ไอธีร์...ไอธีร์ มึงโอเคป่ะเนี่ย"
 
          "ห้ะๆ อ่อ เออ กูโอเคดี เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ พอดีนึกได้ว่ามีธุระอ่ะ แหะๆ"ผมสะดุ้งหลุดจากภวังค์หันหน้าเหวอๆไปขานรับเพื่อนรักที่โบกมือไปมาอยู่ตรงหน้า ก่อนจะบอกมันด้วยน้ำเสียงที่บอกได้เลยว่าสั่นสุดๆ
 
          "แต่มึงดู.."
 
          "กูโอเคจริงๆเว้ย! มึงไม่ต้องห่วงนะ"ผมฉีกยิ้มโง่ๆให้มันไปทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผมมันคนโกหกไม่เก่ง
 
          แต่ยังไงผมไม่อยากให้มันคิดว่ามันเป็นต้นเหตุให้ผมคิดมาก
 
          ไอกลองเเต็กทำหน้ายุ่งทำท่าเหมือนจะพูดอะไรอีกแต่ผมรีบหยิบกระเป๋าสะพายบ่า ยันตัวขึ้นยืนเเล้วโบกมือลามันนิดก่อนจะก้าวเท้ายาวๆพาตัวเองออกมา
 
          ความคิดในหัวตีกันยุ่งจนบอกออกมาเป็นความรู้สึกไม่ได้เลย เศร้า? โกรธ? ผิดหวัง? สงสัย? ผมบอกไม่ได้จริงๆว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไงหรืออาจจะทั้งหมดนั่นเลยก็ได้
 
          "ไม่ๆ มึงอย่าคิดไปเองสิไอธีร์"
 
          ผมส่ายหัวเเรงๆไล่ความคิดที่เข้ามาในหัว ดึงเอาข้อดีเรื่องการมองโลกในเชิงบวกของตัวเองมาใช้ มึงต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อนสิไอธีร์..มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้...
 
          ติ้ง!
 
          เสียงข้อความดังขึ้นจากโทรศัพท์ที่ถูกกำไว้แน่น ผมยกขึ้นมาดูก่อนจะพบข้อความจากคนที่ผมนั่งรอมาหลายชั่วโมง
 
          'Sorry.There is a traffic jam. Can you wait?(ขอโทษนะ รถติดมากเลย รอไหวรึเปล่า)'
 
          'I can wait.(รอได้ๆ)'
 
          ผมตอบกลับไปก่อนจะถอนหายใจ พอคิดดูอีกทีไม่ว่าอดีตจะเป็นยังไงแต่ปัจจุบันมันยังอยู่กับผมก็ดีแล้ว ตอนนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้วด้วยไม่รู้จะคิดมากไปทำไม
 
          ใช่เเล้วไอธีร์ แค่มีตอนนี้แฮปปี้ก็พอเเล้ว
 
          ซู่...
 
          เหมือนโชคจะไม่ค่อยเข้าข้างเสียเท่าไหร่ ไม่กี่นาทีต่อมาฝนห่าใหญ่ก็ซัดซู่ลงมาจนวิ่งหาที่ร่ม แต่เนื่องจากตอนที่เเยกกับไอกลองเเต็กผมก็เดินมาเรื่อยๆจนตอนนี้เดินมาถึงตึกคณะอะไรก็ไม่รู้ เสื้อเชิร์ตนี่เปียกลู่ลงมาเเนบตัว แต่อย่าคิดเลยว่าจะได้เห็นเรือนร่างอันเซ็กซี่ของผมเพราะผมใส่เสื้อกล้ามมาอีกชั้น ฮ่าๆ
 
          ผมก้มมองเวลาที่ผ่านพ้นไปเรื่อยๆจนตอนนี้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทมีเพียงเเสงไฟดวงเล็กๆตามทางเดินเท่านั้น นักศึกษาก็บางตาลงทุกทีเหลือเพียงกลุ่มเล็กๆประปรายที่นั่งทำงานไม่ก็ติดฝนแบบผม แต่ก็ยังไร้วี่เเววของคนมารับ
 
          หรือว่าควรกลับเองเเล้วไลน์บอกมันดีกว่าวะ ตอนนี้ชักเริ่มหนาวๆเเล้วด้วย
 
          ผมคิดทบทวนอีกทีก่อนจะเลือกกลับเอง ยิ่งฝนตกรถยิ่งติดเลย ไม่รู้ว่ามันไปทำธุระถึงที่ไหนเพราะถ้าเเถวคอนโดโดยปกติอย่างมากก็ชั่วโมงเดียว
 
          คิดเเล้วใจก็พาลก่อเหี่ยว ผมนี่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมันซักอย่าง
 
          ผมมองซ้ายขวา ไม่คิดจะรอไปมากกว่านี้ กอดกระเป๋าไว้มั่นเพื่อความชัวร์ว่าชีทเรียนจะไม่เสียหาย ก่อนจะพุ่งทะยานวิ่งดิ่งไปหาหลังคาทางเดินที่ทำเชื่อมไปถึงหน้ามหาลัยซึ่งหลังคาเล็กๆนั้นก็ไม่ได้ช่วยบังอะไรเท่าไหร่หรอกครับ เพราะพอฝนตกหนักมาก็พัดเข้ามาใส่อยู่ดี
 
          อีกนิดเดียวก็ถึงเเล้วโว้ย
 
          ผมตะโกนลั่นในใจ เห็นป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกล อีกแปปก็จะได้กลับบ้านอาบน้ำแล้ว แม่ง! ตอนนี้โคตรหนาว!
 
          "ธีร์!!!!!!!!!!!"
 
          ขวับ
 
          หมับ!
 
          "Oh my god. You're here. You are here.(โอ้พระเจ้า นายอยู่นี่ นายอยู่นี่นี่เอง)"ร่างสูงใหญ่ที่คว้าผมเข้าไปกอดแน่นจนหายใจแทบไม่ออกพูดเสียงพึมพำเหมือนย้ำกับตัวเองปนความโล่งอก
 
          "ดะ เดี๋ยว ไอหมีควาย?"ผมเหวอเรียกชื่อมันเบาๆอย่างงงงวย เดี๋ยวนะ มันโผล่มาจากไหน ทั้งยังวิ่งฝ่าฝนมาอีกแล้วไหจะรถล่ะ
 
          "Sorry..Sorry for being late but next time promise me to not go out alone like this again. Don't lose connect with me like this, please.(ขอโทษที่มาเลท ขอโทษนะ แต่วันหลังห้ามออกมาคนเดียวเเบบนี้อีกได้ไหม อย่าขาดการติดต่อไปแบบนี้ได้ไหม ขอร้องล่ะ)"
 
          "เอ๊ะ? ขาดการติดต่อ?"
 
          ทันใดนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าเเบตไม่หมดอย่างที่คิดหากแต่ไม่มีสัญญาณ...
 
          "I was find you all university. When I arrive at the building that you studied at but I find nobody.plus,It have a heavy rain and it dark already. I used to told you that I very very worry about you. If somethings happen with you...(ฉันตามหานานไปทั่ว พอไปถึงหน้าคณะนายก็ไม่เจอใคร เเถมฝนยังตกหนัก ท้องฟ้าก็มืดเเล้วด้วย แถมนายบอกว่าจะรอ เคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าเป็นห่วง ถ้า..ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายจะทำยังไง)"
 
          "..."
 
          "If somethings happen...What should I do?(ถ้าเกิดอะไรขึ้น...ฉันจะทำยังไง)"
 
          เดี๋ยวนะ!! มันร้องไห้!!
 
          "เฮ้ยู! เป็นอะไร! โอเครึเปล่า!"
 
          "Please Don't make me worry about you like this . Please I don't want to lose anything again.(ขอร้องล่ะ อย่าทำให้เป็นห่วงเเบบนี้ได้ไหม ขอร้อง ไม่..ไม่อยากจะเสียอะไรอีกแล้ว)"
 
          ณ ตอนนี้ อารมณ์วิตกกังวลใดๆก่อนหน้านี้ของผมมลายหายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน ผมที่อึ้งหรือเรียกได้ว่าช็อคเลยเถอะที่จู่ๆมันก็พุ่งมาจากไหนไม่รู้เเถมยังพูดรัวๆออกมาเเข่งกับเสียงสายฝนแต่อะไรก็ไม่น่าตกใจเท่าที่มั่นพูดไปร้องไห้ไปหรอก! ถึงเเม้ผมจะสัมผัสไม่ได้ถึงน้ำตาเพราะตอนนี้เราอยู่กลางสายฝนแต่เสียงที่สั่นเหมือนกลัวว่าอะไรบางอย่างจะหายไปก็ทำเอาผมใจหายวูบ จนต้องยกมือขึ้นกอดตอบเเล้วลูบหลังมันเบาๆแล้วกระซิบบอก
 
          "I'm fine. I'm here นะ(ผมสบายดี ยังอยู่ตรงนี้)"

ต่อ

               ซึ่งมันก็กระชับกอดผมแน่นขึ้นซบหน้าลงบนหัวผมซักพักใหญ่ๆถึงจะผละออกมาด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นรอยยิ้มของมันกลับมาเเล้วก่อนที่จะลากผมไปอีกทาง ซึ่งพอถึงก็เห็นรถสปอร์ตคันหรูที่จอดค้างไว้หน้าคณะผม

               "Hey. Can I ask umm..why you are so worry like this อ่ะ (นี่ ถามได้ไหมว่าทำไมถึงเป็นห่วงอะไรขนาดนั้น)"

               พอย้ายตัวเข้ามานั่งบนรถผมก็เอ่ยปากถามในขณะที่มนกำลังเลื่อนมือไปเบาเเอร์ มันชะงักเล็กน้อยกับคำถามของผมก่อนจะยิ้มออกมาเศร้าๆ

               ที่จริงผมก็สงสัยมาตั้งแต่รอบที่เเล้วที่ผมกลับดึกกับพี่เรน  แล้วว่ามันจะโอเว่อร์อะไรขนาดนั้น แต่พอเห็นวันนี้ผมว่ามันหนักว่ะ มันไม่น่าใช่นิสัยของคนโอเว่อร์เเอคติ้งเฉยๆเเล้วเพราะกับเรื่องอื่นมันก็ไม่เห็นโอเวอร์

               "Why do you ask that?(ทำไมถึงถามล่ะ)"

               "I want to know your story more. (ก็อยากจะรู้เรื่องราวของมึงให้มากกว่านี้)"ผมตอบเสียงอ้อมเเอ้ม ซึ่งพอมันได้ยินก็หันมาเลิกคิ้วสงสัยนิดๆก่อนจะพูดขึ้น

               "In fact,I never tell you about my story but you are also never tell me,Corgi.(จะว่าไปฉันก็เเทบไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังเลยนี่เนอะ แต่นายก็เเทบไม่ได้เล่าเหมือนกันนะคอร์กี้)"

               "งั้นยูตอบก่อน เเล้วเดี๋ยวไอให้ถามโอเคไหม เเฟร์ๆ"

               มันพยักหน้าคิดตาม มันเงียบไปซักพักก่อนจะเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนปกติ

               "When I was eleven. My mom decided to live separate with my dad. But because they have three kids then my mom choose my brother and sister to go with her and let me live with dad.  (ตอนฉันอายุสิบเอ็ด แม่ฉันตัดสินใจแยกกันอยู่กับพ่อ แต่ด้วยความที่มีลูกสามคนเลยต้องแบ่งกันเลี้ยง แม่ฉันตัดสินใจรับพี่ชายคนโตและน้องสาวคนเล็กไป ทิ้งฉันให้อยู่กับพ่อ)"

               "..."

               "But my dad is a bit extremists and that is reason why mom decided to leave. In that moment I asked myself everyday why only me that mom leave me alone. But I still have a hope because before she leave she told me to wait for her to pick me up. (แต่พ่อฉันค่อนข้างหัวรุนเเรงนั้นแหละที่ทำให้เเม่ตัดสินใจหย่า ตอนนั้นฉันตัดพ้อกับตัวเองทุกวันเลยล่ะว่าทำไมแม่ถึงไม่เลือกฉันเเค่คนเดียว แต่ฉันก็ยังมีความหวังนะ เพราะว่าเเม่เป็นคนที่ใจดีมากๆและก่อนไปเธอก็บอกให้ฉันคอยอีกไม่นานจะมารับไปอยู่ด้วย)"มันเว้นช่วงหันมามองหน้าผมที่จ้องหน้ามันไม่กระพริบอยู่ก่อนนิดก่อนจะเผยยิ้มบางๆที่แฝงความเศร้าสร้อยไม่มากก็น้อย

               "And next a few months she came. But she came for leave my sister because she have to go for aboard and my sister is still very young then it hard to keep take care of her.and that is my first loss.(ก่อนที่ไม่กี่เดือนถัดมาเธอก็มา หากแต่นำน้องสาวคนเล็กมาฝากเลี้ยงเพราะเธอต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ตอนนั้นน้องอายุยังไม่ถึงสิบปีเลยเอาไปด้วยลำบาก และนั่นเเหละการสูญเสียครั้งแรกของฉัน)"

               ..!!

               "Mom who told that after one week she would came to pick my sister back but she is lost for more two week by no any contact. Until one day ,Have someone came to my house and told we that mom has passed away since the first day that she go there.(แม่ที่บอกว่าอีกหนึ่งสัปดาห์จะมารับน้องกลับกลับหายไปนานกว่าสองอาทิตย์โดยไร้ข่าวคราว จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีคนมาหาที่บ้าน เขามาเเจ้งข่าวว่าเเม่ของฉันเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในต่างประเทศตั้งแต่วันเเรกที่ไปที่นั่น)"

               "นั่นมัน.."

               "Then after that about one year my sister have an accident.(และหลังจากนั้นไม่ถึงปีน้องสาวฉันก็ประสบอุบัติเหตุเหมือนกัน)"

               "เอ่อ คือขอโทษที่ถามนะ ไม่คิดว่ามันจะ..เอ่อ...เป็นเรื่องละเอียดอ่อนขนาดนี้"ผมรีบละลักละล่ำบอก ไม่คิดว่าจะไปเเตะโดนจุดที่ไม่ควรเเตะของคนอื่นเข้า

               "It's fine. It happen for a long time. We arrive.(ไม่เป็นไรหรอก มันก็นานมามากแล้ว  อ่ะ ถึงเเล้ว)"เหมือนมันเห็นผมหน้าเสียไปเลยยิ้มไม่ถือสา ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าที่จอดรถของคอนโด

               ผมก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของมันมากหรอกแต่เรื่องเเบบนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างที่ผมพูดไป ถ้าไม่ใช่เขาคนนั้นก็ไม่มีทางเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องพบเจอหรอก ขนาดผมฟังที่มันเล่ายังใจหายเลย และผมว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ ขนาดนี่มันไม่ลงรายละเอียดผมยังหดหู่เเทนเลยถ้าไปเจออะไรเเบบนั้นบ่อยๆไม่แปลกที่มันจะกลายเป็นคนที่มองขี้ห่วงและกลัวการสูญเสียขนาดนี้

               มันคงคิดเสมอว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้

               แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ผมก็คงถามอยู่ดี พอมันเล่าเรื่องเเบบนี้ให้ผมฟังใจเหี่ยวๆก็ฟูขึ้นมาทันที เหมือนเรื่องเเบบนี้มีผมคนเดียวที่มันยอมเล่า เหมือนผมได้เข้าใกล้มันเข้าไปอีกนิด

               "นี่ เอ่อ thank you for telling me นะ"

               "Don't say thanks to me. It's normal for a lover,isn't it?(ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันก็เป็นเรื่องปกติของคนเป็นแฟนกันหนิ ใช่ไหม? )"มันยิ้มหยอกขยี้หัวผมเบาๆ ใบหน้าไม่ได้เศร้าหมองอย่างที่คิด

               ผมเดินตามขึ้นมาจนถึงห้อง ไอเตอร์ผงกหัวมามองนิดก่อนจะก้มหลับต่อ ซึ่งผมก็เริ่มชินกับความหยิ่งนี้ของมันเเล้ว เเหม ทีตอนเเรกๆนะอ้อนได้อ้อนดี

               "Go shower first before you get sick again(ไปอาบน้ำก่อนเลย เดี๋ยวไม่สบายอีก)"

               "ยูก็ด้วย"

               "You first.(นายก่อนเลย)"

               ผมก็ไม่ขัดศรัทธาคว้าข้าวของที่จำเป็นก่อนพุ่งเข้าห้องน้ำ อาบน้ำสระผมไม่ถึงสิบนาทีก็ออกเพราะกลัวใครอีกคนที่นั่งตากแอร์จะปอดบวมซะก่อน ซึ่งพอมันเห็นผมออกมาก็ไม่อิดออดเดินเข้าไปอาบบ้าง

               ผมมานั่งจุ้มปุ้กที่โซฟาตัวเดิม เปิดทีวีหาอะไรมานั่งกินเพลินๆตามปกติ พอมองนาฬิกาก็พบว่านี่จะสามทุ่มเเล้วพรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้าเสียด้วย

               ฟุบ

               "อ่ะ"

               ผมส่งเสียงออกมาเบาๆอย่างตกใจเมื่อมีอะไรบางอย่างมาสัมผัสตรงหัวพร้อมกับเเรงขยี้ไม่เเรงนักสลับกับนวดเบาๆ ซึ่งไม่ต้องคิดอะไรมากเลยก็ไอคนหมีควายนั่นแหละ

               "อืมม" ผมส่งเสียงครางในบำคออย่างพอใจ มือมันมือเดียวนี้วางเต็มหัวผมเลยเเหะ ไม่คิดเลยว่ามือใหญ่ๆหยาบๆมันจะเบาขนาดนี้ นวดเพลินมากอ่ะ

               "You are look like Ter when I do this for it.(เคลิ้มเหมือนไอเตอร์เลย)"

               กึก

               กูจะหยุดเคลิ้มก็เพราะมึงเนี่ยเเหละ

               "Just kidding (ล้อเล่น)"มันว่ากลั้วหัวเราะก่อนจะบรรจงเช็ดผมให้ผมต่อ เช็ดไปๆมาๆผมก็เคลิ้มๆจนเกือบหลับถ้าไม่ติดว่ามันหยุดมือพอดี

               "It's already dry. If you sleepy then go to bed.(แห้งเเล้ว ถ้าง่วงก็ไปนอนเถอะ)"มันว่าเเล้วลูบหัวผมเบาๆ ยิ้มบางๆให้อย่างเคย ให้ผมยิ้มกลับเเล้วกวักมือเรียกมันมาใกล้ๆก่อนจะกดให้มันนั่งลงด้านหน้าโซฟาอยู่ระหว่างขาผม

               "แลกกัน"

               ผมลงมือคว้าผ้าเช็ดผมที่มันคล้องไว้ตรงคอบรรจงซับน้ำออกจากผมสีน้ำตาลของมันอย่างเบามือ ซึ่งมันเองก็เคลิ้มไม่ต่างจากผมเมื่อกี้หรอก พอเช็ดไปเรื่อยๆมันก็หลังตาพริ้มหน้านี่มีความสุขเชียว

               "Corgi. You owe me one question.(คอร์กี้ นายติดฉันไว้คำถามนึงนะ)"จู่ๆมันก็เปิดปากขึ้นให้ผมที่กำลังตั้งใจเช็ดผมให้มันคิดตามก่อนจะนึกออก

               "หือ? อ่อ ถามมาดิ พร้อมตอบเสมอ"

               "Do you love me?(รักฉันไหม)"

               "แค่กๆๆ"

               "What's wrong? Did you say you're ready to answer ?(เป็นไรไป พร้อมตอบไม่ใช่เหรอ)"มันเงยหน้าขึ้นมาเมื่อผมหยุดมือที่กำลังเช็ด

               ไอบ้า!! ใครใช้ให้มึงถามอะไรเเบบนี้เล่า!!

               "กะ ก็ใช้แต่ยูมาถามตรงๆขนาดนี้ มันก็แบบ.."ผมตอบอย่างตะกุกตะกัก หลบสายตาเเพรวพราวที่มองมาทันที

               "And your answer?(แล้วคำตอบล่ะ)"

               "อะ..อืม"

               "I can't hear.(ไม่ได้ยินเลย)"

               "อืม"
     

               "What?(อะไรนะ?)"

               "ก็บอกว่ารักไงเล่า!"

               วะ...เวร

               ผมชะงักเมื่อหลุดปากออกไปเสียงดัง ก้มลงมองคนที่เงยหน้ามองอยู่ก่อนที่ตอนนี้ยิ้มเผล่จนตาเป็นสระอิ แต่ก่อนที่จะได้เสตาหลบเพราะความร้อนบนใบหน้านี่เเทบจะระเบิดเเล้วคนที่นั่งอยู่กลับเอื้อมเเขนมันจับหน้าผมไว้ก่อน

               "Good boy. Let me give you a prize.(เด็กดี ไหนๆมารับรางวัลสิ)"มันว่าก่อนจะเขยิบตัวขึ้นมาในขณะที่มือก็ล็อกคอผมไว้ให้โน้มลงมาเช่นกันซึ่งผมก็ไม่ขัดขืนปล่อยให้มันขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ หลับตารอสัมผัสที่ประทับลงมาอย่าเเผ่วเบา

               จุ๊บ

               "Me too."

               พร้อมกับรอยยิ้มที่ผมชอบที่สุด




ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :ling1:

อืมมมมมมมมมมมม

งี้เรื่องพี่ตองก็รอดพ้นไปเนอะ คิดเอาเองละกัลว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่ :D (คนอ่านช่างมโน  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:)

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
กังวลเรื่อง ex ของพี่ฝรั่งจัง  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ปล. แนะนำให้ใส่วันเดือนปีที่ลงนิยาย ตรงชื่อเรื่องด้วยน้าาาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2016 21:20:56 โดย นางฟ้าเชียงชุน »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
นึกว่าจะดราม่าซะละ,,,

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.34
«ตอบ #131 เมื่อ04-10-2016 19:01:56 »

Chapter 34
| Escalate story



          "โอโห มาครบกลุ่มเลยนะเนี่ย โคตรอิมพอสสิเบิล"

          "เดี๋ยวนี้มีผัวฝรั่งเเล้วอินเตอร์นะมึง"

          กึก

          ผมชะงักปากที่กำลังจะพูดต่อเลย ไอสัสพุก็ขยันขัดผมจริง อุส่าห์อารมณ์ดีเนื่องด้วยไอแต็กเอ่ยปากชวนมาดูหนังที่เคยแห้วกันไปหลายรอบ และในครั้งนี้! พวกเราสี่สหายก็มากันครบ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสี่ปีครั้งเท่านั้น!

          "มึงก็ขยันเเซวมันนะไอพุ ดูแลผัวมึงนู่นมัวเเต่เต๊าะพนักงานขายตั๋ว"

          "สัส"ไอพุด่าพร้อมยกนิ้วกลางงามๆให้ไอแต็ก ผมนี่หัวเราะชอบใจหันไปแท็กมือไอแต็กที่ตอบโต้เเทน แต่มันด่าเเค่นั้นก่อนจะเดินไปหาไอจีนที่ไม่รู้ไปซื้อตั๋วที่ดาวอังคารหรืออย่างไร พอเดินไปถึงก็เห็นไอพุมันตบหัวไอจีนซะหน้ามันเกือบกระเเทกเคาท์เตอร์

          "เชี่ย หึงโหดแท้"ผมว่าเมื่อมองพวกมันสองตัวที่ท่าทางมีปากมีเสียงกันหน้าเคาท์เตอร์ก่อนจะหันไปถามไอแต็กที่ยืนอยู่ข้างๆกันอย่างสงสัย

          "สรุปพวกมันนี่ยังไงกันวะ"

          "นั่นสินะ ยังไงกันแน่กูก็ไม่รู้เหมือนกัน"

          "เอ้า"

          ไอแต็กหยักไหล่เเบบไม่รู้ไม่ชี้ อันที่จริงตอนเเรกผมก็ไม่คิดหรอกว่าพวกมันจะมีอะไรในก่อไผ่ ดูจากท่าทางตบตีของมันทั้งคู่ผมก็ไม่เชื่อเเล้วถ้าจะบอกว่ามันมีซัมติงกัน แต่พอไอแต็กเปิดประเด็นขึ้นมา เเซวพวกมันบ่อยๆ ตั้งข้อสังเกตจนผมได้ลองสังเกตตาม แม่ง...ซัมติงจริงๆ

          และไม่นานมันสองตัวก็กลับมาพร้อมตั๋วหนังสี่ใบ ไอจีนนี่หน้าบูดเป็นตูดหมาบ่นงุบงิบ นี่ดีเท่าไหร่ที่มันยังได้ตั๋วหนังมาคิดว่าจะตายห่ากันไปตรงเคาท์เตอร์เเล้ว ถ้าไม่กัดกันตายพนักงานก็คงยกเก้าอี้ไปฟาดหัวพวกเเม่งเเล้ว

          "ไอพุเเม่งทำร้ายร่างกายกู"มีฟ้องครับ แถมฟ้องเเม่ประจำกลุ่มเข้าไปยืนเบียดไอแต็กใหญ่ ทำท่างอนเป็นเด็กปัญญาอ่อนซึ่งไม่ได้เข้ากับใบหน้าและขนาดตัวมันเลยครับ

          "มึงมันกลัวเมียไอจีน"

          "ไอสัสเเต็ก มึงจะเล่นมุกผัวๆเมียๆอีกนานไหม ถ้าจะเป็นจริงกูต้องผัวสิวะ"ไอพุว่านิ่งๆใช้สายตาขวางโลกของมันกวาดมองไปที่ไอจีนเเละไอเเต็กก่อนจะถอนหายใจเหมือนเอือม

          "กูว่าไม่ใช่นะไอพุ"

          "ไอคนมีผัวเเล้วหุบปากไป"

          กูผิดอะไร!

          ทำไมผมถึงเป็นฝ่ายถูกด่าตลอดเลยวะ นี่เอะอะๆอะไรผมก็เถียงสู้เขาไม่ได้ สกิลปากผมไม่ถึงพวกมันจริงๆ

          "พวกมึงหยุดกัดกันซักวันจะตายไหม เเล้วทำเป็นพูดไปเถ๊อะ เชื่อไหมซักวันมึงก็หันมาแดกกันเอง"ไอแต็กกลอกตาเป็นเลขเเปดเเกะเเขนไอจีนที่เมื่อกี้ทำท่าฟ้องได้อ้อนตีนมากออก ผมนี่เเทบปรบมือให้มันดังๆอย่างถูกใจกับคำพูด

          "สัส"

          เนี่ย ดูดิครับ พอไอแต็กพูดคนอื่นกลับไม่ตอบโต้ ไหนคือความยุติธรรมครับ! ผมไม่ยอมอ่ะทำไมผมต้องโดนด่าตลอด!

          โวยวายไปงั้นแหละครับ ผมชินตั้งนานเเละทั้งไอแต็กยังเคยบอกผมเลยว่าผมควรจะชินเพราะผมมันน่าแกล้ง บอกว่าผมมันซื่อและบื้อเกินไปคนด่าก็ไม่โกรธ บางทีเลยโดนพูดจาแย่ๆใส่จนไอแต็กยังเคืองแทนเพราะบางคยก็ไม่ได้สนิทขนาดนั้น

          "แล้วมึงคิดไงชวนมาถึงสยามวะไอแต็ก ห้างแถวมหาลัยก็มี"ผมว่าพลางก้มดูเวลาพร้อมเช็คกับเวลาหนังฉายก็พบว่าอีกชั่วโมงกว่าๆบวกไปอีกสิบห้านาทีพวกโฆษณากว่าหนังจะเริ่ม

          "เออนั่นดิ มึงถ่อมาไกลขนาดนี้ทำไมวะ"

          "แต่มึงก็มากับเขาไม่ใช่เหรอไอจีน"ไอพุเเซะ ซึ่งไอจีนก็หันไปแยกเขี้ยวใส่มันแต่ไม่ทันที่สองเกลอมันจะกัดกันอีกรอบไอแต็กก็พูดขัดขึ้นมาก่อน

          "ก็...กูอยากเปลี่ยนบรรยากาศไง อยากแดกคริสปี้ครีมด้วย"

          "อื้อหือ อันที่สองนี่เป้าหมายหลักใช่ไหมตอบ"ผมเอ่ยปากเเซวมันทันที ซึ่งไอแต็กก็ยิ้มเผล่จนเห็นลักยิ้ม ไอแต็กเป็นคนยิ้มสวยครับ แบบโลกนี้สดใสมากเมื่อมันยิ้มแต่มันกลับไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไหร่ นานๆทีจะเห็นทีเพราะส่วนมากมันก็ยิ้มเเบบยิ้มน้อยๆมากกว่า

          "รู้ทันกูตลอด"

          "อีกตั้งชั่งโมงไปหาไรแดกก่อนไหม"ไอจีนถามขึ้นให้ผมพยักหน้าก่อนที่ทุกคนจะเห็นด้วย ส่วนร้านอาหารนั้น...เอาเป็นว่าร้านไหนคนว่างก็ร้านนั้นเเหละครับ ถ้าไม่ว่างก็คงจบด้วยฟูดส์คอร์ดเนี่ยแหละ

          และสรุปก็จบลงที่ฟูดส์คอร์ดจริงๆครับ คนเเม่งเเน่นทุกร้านเลย ก็อย่างว่านี่ใจกลางเมือง

          อันที่จริงที่จู่ๆมันนึกครึ้มชวนกันมาดูหนังหลังเรียนเสร็จไม่ใช่เพราะเเค่อยากมาหรือแก้มือนัดครั้งที่แล้วที่ล่มไปอย่างที่ไอแต็กมันอ้างหรอกครับ คงเพราะมันเห็นผมซึมๆที่ไอหมีมันโทรมาบอกว่ามารับไม่ได้ติดธุระกระทันหันนี่แหละเลยชวนออกมาเพราะอยากให้ผมอารมณ์ดี ซึ่งก็ดีจริงๆแหละครับ ไม่ได้ออกมาเที่ยวกันครบแก๊งนานเเล้ว

          พอกินกันเสร็จก็พากันไปซื้อป็อปคอร์นเข้าโรงหนัง ครั้งนี้ไม่ใช่หนังผีอย่างที่ผมชอบแต่เป็นหนังสยองขวัญที่ผมก็โปรดปรานไม่ต่างกัน คิดดูดีๆไอหมีควายมันกลัวผีแต่หนังไล่ฆ่ากันเเบบนี้มันจะกลัวป่ะวะ สงสัยกลับไปต้องชวนมันดูซักหน่อยละ

          การจัดที่นั่งก็ง่ายๆใครเข้าก่อนก็นั่งก่อนเเหละครั้งซึ่งเรียงจากในไปนอกก็ผม ไอกลองเเต็ก ไอจีน ไอพุ

          หนังที่ฉายบนหน้าจอนับว่าไม่เลวทีเดียวผมนี่ลุ้นทุกช็อต ใจนี่เต้นตุบๆ ไอแต็กนี่ก็สะดุ้งเเล้วสะดุ้งอีก เเม่งสะดุ้งเเล้วเสือกเอากระป๋องป็อปคอร์นฟาดหน้าผมด้วย ไม่ฟาดเปล่าป็อปคอร์นเเม่งกระจายเต็มตัวกูเลยครับเพื่อน

          "เห้ยไอธีร์ กูขอโทษ"มันกระซิบบอกในขณะที่หันมากุลีกุจอเก็บป็อปคอร์นตามตัวผมให้ใหญ่ ซึ่งผมก็ส่ายหัวไปถือสา

          "เดี๋ยวกูเก็บเเดกเอง"

          จนเริ่มเข้าสู่จุดพีค คนในโรงนี่มีกรี๊ดตาม เดี๋ยวผมว่านี่มันชักหนักกว่าหนังผี ผมเห็นไอเเต็กสะดุ้งไปซุกไอจีนปต่ยังไม่ถึงสองวิก็โดนผลักหันกลับมาจนมันเด้งมาซุกผมเเทน

          "ไอเหี้ยจีน! เห้ยไอธีร์ กูขอโทษอีกรอบ"

          "เออๆกูเข้าใจ มึงซุกไปเถอะ อย่าตกใจเอาถังป็อปคอร์นครอบหัวกูก็พอ"ผมตอบกลั้วขำแต่ตาก็ยังจ้องไปที่จอ

          ไอแต็กก็ไม่ได้รับคำแต่ใช้เเขนผมเป็นที่หลบภัย ซึ่ง...หลบยังไงแม่งก็เอาถังป็อปคอร์นกระเเทกหน้าผมอยู่ดี

          หนังจบแล้วด้วยดี ผมนี่เหมือนเพิ่งไปสอบมาเเล้วเเบบโล่งมากตอนดูนี่กดดันแทนตัวเอกชิบหาย พอจบนี่โล่งจริงๆ ไอกลองเเต็กนี่ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก

          "กูคิดว่ากูจะตายแล้วซะอีก"

          "กูนี่แหละจะตายเพราะถังป็อปคอร์นมึงอ่ะ"ผมเอ่ยปากเเซวมัน คือเเบบมันฟาดจนผมต้องยึดถึงป็อปคอร์นอันว่างเปล่าเเล้วบอกให้มันใช้มือปิดตาเเทนถึงจะหยุด

          "โทษทีว่ะ กูตกใจ"มันยิ้มแห้ง

          "แล้วเป็นไงบ้างพวกมึงสองตัวได้สวีทกัน...เฮ้ย! ไอจีน หน้ามึงทำไม..."ผมเลยหันไปสนใจอีกคู่ที่เดินนำออกไปก่อน และพอไอจีนหันมาปุ๊ปผมนี่อึ้ง

          "ถามเหี้ยนี่สิ"มันบุ้ยหน้าไปทางไอพุที่ยืนหน้ามึนอยู่ข้างๆ

          "ก็มึงเสือกเอาหน้ามาใกล้กู กูก็ตกใจ"

          "ไอเชี่ยย กูจะไม่มาดูหนังสยองขวัญกับไอพุกูสาบาน"ผมถึงกับสบาถออกมา สบานว่ามันตกใจ โหนกแก้มไอจีนนี่ช้ำเลยเหอะ อะไรจะรุนเเรงเบอร์นั้น

          "มึงต่อยเลยเหรอวะไอพุ"ไอแต็กถาม

          "เออ ก็กูตกใจ"

          คำว่าตกใจใช้ได้กับทุกสถานการณ์จริงๆ...

          และไม่นานพวกเราก็ตัดสินใจเเยกกันตรงนั้นเลยเพราะนี่ก็เย็นแล้ว ไอสองเกลอก็ไปด้วยกันตามปกติ ไม่ปกติก็ที่ไอจีนหน้าบูดบึ้งกุมหน้าที่เริ่มช้ำๆมันกลับไป ส่วนผมกับไอแต็กก็คงกลับด้วยกัน

          แต่ยังไม่กลับหรอกครับ ไอแต็กชวนผมเดินเล่นทั้งมันยังมีเป้าหมายอันสำคัญที่ยังไม่ลุล่วงคือโดนัทที่รักมันนั่นแหละ ผมก็ไม่ได้รีบกลับอยู่เเล้วทั้งไอหมีควายยังไลน์มาบอกช่วงที่ดูหนังอยู่ว่าไม่ต้องรอกินข้าวด้วย

          "ไอธีร์ ช่วงนี้โอเคเเล้วหรือวะ"

          "หืม? เรื่องไรวะ"

          "ก็เรื่องเเฟนมึง เรื่องหวงกับแฟนเก่า เห็นตอนนั้นมึงรีบไปกูคิดว่ามึงจะไม่โอเค กูคิดว่ากูจะกลายเป็นต้นเหตุให้มึงคิดมากเเล้ว"ไอกลองแต็กถามด้วยสีหน้าไม่ดีนัก พอเห็นอย่างนั้นผมเลยรีบส่ายหัวเเล้วยิ้มตอบ

          "เฮ้ย กูโอเคจริงๆมึง เรื่องหวงกูก็ลองคุยเเล้วแต่ดูไม่ส่งผลอะไรเท่าไหร่"

          ผมเอ่ยปากคุยไปแล้วรอบนึงว่าเพลาๆลงบ้างมันก็โอเครับฟังนะแต่ผมว่ามันคงไม่ได้เรื่องอะไรเท่าไหร่หรอก...

          "แล้วเรื่องแฟนเก่าล่ะ กูไม่ได้ทำให้พวกมึงผิดใจกันใช่ไหม"

          "ไม่ๆ ไม่ได้ผิดใจอะไรหรอก มึงอย่าคิดมากมึงไม่ได้ผิดอะไร"ผมรีบปฏิเสธ เดี๋ยวมันคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุเอาไปคิดมากอีก พอเห็นผมยืนยันไอกลองเเต็กเลยถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วพูดต่อ

          "งั้นก็ดีไป ยังไงแฟนเก่าก็คือแฟนเก่า มันก็คืออดีตตอนนี้ปัจจุบันเขามีมึง ยังไงมึงก็คือมึงไปเทียบกับแฟนเก่าไม่ได้หรอกเนอะ"

          ผมชะงักเล็กน้อย คำพูดของไอแต็กก็ดูมีน้ำหนักอยู่ใจผมตลอดมาก็พยายามจะคิดแบบนั้น แต่ใจลึกๆมันก็ยังเกิดคำถามอยู่บ่อยๆว่ามันไม่ได้เห็นผมเป็นเเค่ตัวเเทนหรือตัวสำรองใช่ไหม? เพราะยังไงแค่ชื่อเหมือนกันมันก็คงไม่มีผลอะไร...

          "ไอแต็ก...คือกู.."ผมหยุดเดิน เอ่ยปากออกไปอย่างไม่แน่ใจว่าจะเล่าดีไหม อย่างที่ผมบอกผมไม่ค่อยได้เล่าปัญหาส่วนตัวของตัวเองให้ใครฟังหรอกผมไม่อยากทำให้คนอื่นคิดมากไปด้วย แต่บางทีถ้าเป็นไอกลองเเต็กมันอาจจะช่วยแนะนำอะไรผมได้บ้าง

          ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจปรึกษาเพื่อนคนนี้ที่มั่นใจว่าไว้ใจได้

          "กู...คือว่าเคยคิดว่ามันอาจจะเห็นกูเป็นตัวเเทน.."

          "อะไรทำให้มึงคิดอย่างนั้นไอธีร์"มันหยุดเดินแล้วหันมาคุยกับผม สีหน้าจริงจังมันทำให้ผมตัดสินใจเล่า เพราะยิ่งไม่เล่ามันคงจะเป็นห่วงผมมากกว่าเก่า

          "ไอแต็ก มึงเคยบอกกูใช่ไหมว่ารูปพี่ตอง...แฟนเก่าเขาอยู่ในไอจีกูก็ไปตามดูแล้วก็เจอจริงๆว่ะ แล้วตอนเเรกๆที่มันมาอยู่ด้วยกูเคยถามว่าทำไมถึงมาเมืองไทยมันบอกว่ามาหารักแรก และจากเรื่องราวที่พอจะประติประต่อได้มึงคิดว่ามันจะเเปลว่ายังไงวะไอแต็ก?"ผมสบตากับเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียว มันนิ่งไปสักพักเมื่อได้ฟังเหมือนกำลังใช้ความคิด ซึ่งผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ

          "แต่กูก็ไม่รู้ว่ากูจะคิดมากไปทำไมว่ะ กูบอกกับตัวเองด้วยประโยคนี้ตลอดทั้งๆที่แต่ก่อนกูเป็นคนปลงจะตาย เรื่องเล็กๆน้อยๆเเบบนี้กูไม่เก็บมาคิดหรอก"

          "ใช่แล้ว ไอธีร์เพื่อนกูมันเป็นคนง่ายๆสบายๆไม่คิดมาก ฉะนั้นมึงอย่ามองโลกในเเง่ร้ายไปไอธีร์ อดีตมันก็คืออดีตใช่ว่าแฟนมึงจะเปลี่ยนใจไม่ได้หนิ"ไอแต็กยิ้มเป็นรอบที่สองของวัน มันตบบ่าผมเบาๆเหมือนให้กำลังใจ

          "ปลอบกูตลอดอ่ะ แต่ไม่รู้ทำไมทุกคำพูดของมึงมันฟังดูน่าเชื่อถือทุกทีเลยวะกลองเเต็ก เวลามึงพูดอะไรมันทำให้กูคิดจริงๆว่ามันต้องเป็นอย่างที่มึงพูด"ผมพูดไปตามที่คิด ไอกลองเเต็กนี่ทำอะไรก็น่าเชื่อถือไปหมดจริงๆนะครับ

          "ก็กูน่าเชื่อถือไง ไม่เหมือนคนหน้าบื้อๆเเบบมึงหรอก"

          "หลอกด่ากูไปอีก"ผมถึงกลับกลอกตา

          "แต่หน้าบื้อๆนี่แหละเสน่ห์ของมึงเลย"มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจไร้การล้อเล่นก่อนจะยิ้มออกมาซึ่งนั้นทำให้ผมไปไม่เป็น เเม่ง เพื่อนชมนี่มันทำตัวลำบากนะเฮ้ย

          "อย่าชมกูงี้ดิ กูเขินเป็นนะเว้ย"ผมเลยได้แต่ยิ้มเขินเกาหัวเเกรกๆ

          "ไอธีร์ กลับเถอะ"จู่ๆ ไอแต็กก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

          "ห้ะ? อะไรของมึงวะ แล้วโดนัทมึงอ่ะ"ผมถึงกับเหวอถามมันงงๆ

          "ไม่แดกแล้ว"

          "เอ้าไอแต็ก แล้วมึงมองอะไร.."เมื่อเห็นสายตาไอแต็กที่มองตรงไปข้างหลังผมซักพักเลยเอ่ยถามอย่างสงสัยพร้อมทั้งหันไปมอง

          "หยุด!!! อย่าหันไปมองนะ!!!"เสียงไอเเต็กที่แว่วเข้ามาในโสตประสาทในขณะที่ผมหันไปอีกทาง

          ซึ่งภาพด้านหน้าคือร้านอาหารเเห่งหนึ่งซึ่งล้อมรอบไปด้วยกระจกใส และภายในร้านนั้นก็มีร่างของคนคุ้นตาที่นั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนที่ได้ชื่อว่าแฟนเก่า...



--------------------
100%

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่า แต่สงสัยเล็กน้อยว่าวันที่ลงนิยายนี่คือวันล่าสุดที่อัพใช่ไหมคะ และเพื่ออะไรหรือคะ เเบบว่าไม่เคยลงในเล้ามาก่อน แฮ่

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มันยังไงกัน บักตอง หมีควาย
จะกลับมาคืนดีกัน ก็พูดกับธีร์ให้รู้เรื่อง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
น้องธีร์ โทรเข้ามือถือหมีควายดิ๊

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เราว่าเค้าคงนัดเจอกันเเบบเพื่อนเก่าแก่มั้งงงงงงงงงงงงงงงงงง ...จริงหรอ

แต่กลองแต๊กนี่เหมือนมีพิรุธแฮะ

น้องธีร์ ลูกแม่ จัดการเลยค่ะ :z6: :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ไปทำอะไรกับแฟนเก่าอ่ะ

วันที่ที่อัพหัวกระทู้คือวันที่ที่ลงนิยายของตอนล่าสุดอ่ะค่ะ ลงเพื่อคนอ่านจะได้รู้ว่าเรื่องนั้น ๆ อัพแล้วนะ เพราะลงแค่ตอนบางทีจำไม่ได้ว่าเรื่องนี่ตอนล่าสุดคือตอนอะไรเพราะอ่านหลาย ๆ เรื่องค่ะ

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.35]
«ตอบ #136 เมื่อ05-10-2016 18:35:52 »

Chapter 35
| Why?

          "ไอธีร์.."

          "..."

          "กลับไหม?"

          "ไอแต็ก กูควร...ทำยังไงดี"ผมหันกลับไปหาเพื่อนที่ขยับเข้ามาใกล้ทั้งยังถามเสียงอ่อย แต่ตอนนี้ผมมีไอแต็กคนเดียวที่พอจะช่วยได้ ซึ่งมันก็มองหน้สผมด้วยสายตาที่บอกไม่ถูกก่อนจะเอ่ยปาก

          "มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ไอธีร์ ลองโทรถามก่อนไหม"ไอแต็กว่าอย่างนั้นแต่สีหน้าก็ไม่ได้ดีไปมากกว่าผมนัก

          "ไม่ล่ะ กู...กูต้องเชื่อใจมันสิ เขา เขาก็แค่เพื่อนกัน"ผมยกมือทาบอกตัวเองไว้ สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามนั้งสติและสะกดจิตตัวเองว่ามันไม่มีอะไร มันไม่มีอะไร

          แต่มันทำไม่ได้ว่ะ...ถามว่าเชื่อใจไหม ก็เชื่อ แต่ภาพตรงหน้ามันเป็นอะไรที่ยังไงผมก็หาอะไรมาอ้างให้ตัวเองรู้สึกดีไม่ได้

          ถึงแม้บางทีมันอาจจะเเค่มากินข้าวกับ...เพื่อนเก่า แต่ว่ามันไม่ใช่แค่วันนี้ พาลสมองก็นึกย้อนถึงอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังจากที่เจอพี่ตองวันนั้น มันก็มักจะมารับผมเลทไม่ก็ไม่รับไม่ได้ กลับมาค่ำๆมืดๆตลอด แต่ผมเกรงใจเห็นบอกว่าเป็นธุระมันไม่บอกผมก็เลยไม่เคยเอ่ยปากถาม

          "แต่ท่าทางมึงไม่โอเคเลยนะไอธีร์ เข้าไปถามตรงๆเลยไหมจะได้เคลียร์ๆ"

          "มะ ไม่ดีกว่าว่ะ มันดูไม่มีมารยาท ตะ..แต่กูก็ไม่รู้ว่ากูจะทำยังไงต่อ ใจนึงก็อยากเคลียร์แต่กูก็ไม่อาจจะไปเจอหน้าตรงๆตอนนี้ว่ะ"ผมบอกมันในขณะที่พยายามบังคับตัวเองไม่ให้หันไปมอง ผมไม่พร้อมเลยถ้าจะให้เดินดุ่มๆเข้าไปเคลียร์กันตรงนั้น มารยาทและความขี้เกรงใจของผมก็ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนคือผมกลัวความจริง... กลัวคำตอบที่ได้รับจะไม่ใช่เรื่องดี

          นี่ผมชอบมันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมมันถึงเจ็บขนาดนี้

          "งั้น...ตามดูไหมล่ะ ถ้าแค่มากินข้าวกันเฉยๆเดี๋ยวก็คงแยกกันกลับเเล้ว"ไอกลองเเต็กเสนอซึ่งผมก็พยักหน้าตามอย่างว่าง่าย นี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดเเล้วในตอนนี้

          "งั้นเดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน"

          "ขอบคุณมึงมากเลยไอแต็ก"

          ผมบอกมันก่อนที่เราสองคนจะพากันเข้ามาในร้านขนมตรงข้ามกับร้านอาหารนั้น ผมพยายามบังคับสายตาตัวเองไม่ให้ไปมองโดยที่ไอแต็กอาสาไปนั่งอีกฝั่งที่หันไปทางนั้นให้ผมหันหลังไปซะ ปากผมก็คอยถามไอแต็กเป็นระยะๆ

          "เป็นยังไงบ้างไอแต็ก"

          "ก็...ดูคุยกันสนุกสนานดีนะ แต่มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ไอธีร์ อย่าคิดมากนะเว้ย"ยิ่งพอไอแต็กละลักละล่ำบอกเริ่มทำให้ผมใจเสีย

          เพื่อนกันคุยไปยิ้มไปก็ปกตินะเว้ยไอธีร์ มึงอย่ามางี่เง่าตอนนี้

          ผมยังคงนั่งสะกดจิตตัวเองเค้กในจานที่หมดไปไม่ถึงครึ่งนี่เเทบไร้รสชาติ สมองผมตื๊อไปหมดจริงๆ เหตุการณ์ตอนนี้มันเหนือความคาดหมายของผมเกินไป

          "เขาไปแล้ว"

          ฟึ่บ

          พอไอแต็กบอกอย่างนั้นผมก็รีบลุกยืนขึ้นมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินเคียงไหล่กับผู้ชายร่างโปร่ง ในขณะที่ไอแต็กเองก็ลุกขึ้นอย่างรู้งานเเละเป็นฝ่ายเดินนำเมื่อผมไม่ขยับ

          ก็ตอนลุกมันฮึดอยากตามให้เห็นเเต่พอเห็นภาพบาดใจแล้วมันดันขาเเข็งก้าวไม่ออกจนไอเพื่อนซี้ต้องจูงมือกันออกไป

          แต่พอเห็นทั้งคู่เดินไปทางลานจอดรถก็ทำให้ผมชะงัก หันไปสบตากับเพื่อนว่าจะเอายังไง เพราะถ้าตามไปแล้วเขาแยกกันคือจบ แต่ถ้าเขาไปด้วยกันนี่จะตามยังไงเพราะพวกผมไม่ได้เอารถมา 

          "เอาไงดีอ่ะมึง"

          "เดี๋ยวกูโทรถามเพื่อนก่อน เมื่อกี้เห็นมันเช็คอินในเฟสเเวบๆเผื่อยืมได้ ไอธีร์มึงขับรถเป็นใช่ไหม"มันว่าพลางควักมือถือออกมาเลื่อนๆ ซึ่งผมก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธ

          "กูขับเป็นเเต่มึงไม่ต้องรบกวนเพื่อนมึงขนาดนั้นก็ได้.."แต่ไม่ทันจะได้พูกจบมันก็ยกโทรศัพท์ขึ้นเเนบหูให้ผมได้แต่ยอมเเพ้ เพื่อนไหนก็ไม่รู้จะให้ไปรบกวนเขาก็กระไรอยู่

          ไอแต็กคุยโทรศัพท์ไปมือก็ดันๆให้ผมเดินตามสองคนนั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผมเห็นรถไอหมีควายที่ยืมคุณโคลด์มา ใจผมภาวนาให้เขาแยกกันไผซะตั้งแต่ตอนนี้จะได้จบๆ

          แต่เรื่องกลับยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เมื่อเห็นว่าเขามาด้วยกันและกำลังจะไปด้วยกันอีกต่างหาก ขณะที่ทั้งคู่กำลังก้าวขึ้นรถไอแต็กก็สะกิดผมยิกๆ

          "รถอยู่ชั้นนี้พอดีมึงตามกูมาเร็ว! มึงจำรพแฟนมึงได้ใช่ไหม"

          "ได้ๆ"

          ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำภารกิจสำคัญอะไรบางอย่าง ถ้าไม่ใช่ในสถานการณ์แบบนี้ผมคงหัวเราะออกมาเเล้วบอกว่าจะจริงจังอะไรเบอร์นี้ แต่ในเมื่อเรื่องตอนนี้ดันเป็นเรื่องของผมไง ได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้ไม่มีอะไร ผมแค่งี่เง่าคิดมากไปเองก็เท่านั้น

          โชคดีที่รถเพื่อนไอแต็กมันอยู่ไม่ไกลนัก ผมรีบประจำที่นั่งคนขับ ผมไม่ค่อยได้ขับรถซักเท่าไหร่แต่ก็มีใบขับขี่นะ แต่คือผมไม่มีรถไง มีอยู่ที่บ้านของพ่อนู้น ดังนั้นตั้งแต่เข้าเมืองมาผมก็ใช้แต่มอเตอร์ไซค์อย่างเดียว

          ผมขับออกมาตามรถไอหมีควายได้ทัน ดีที่รถมันติดมันเลยยังติดแหงกอยู่ตรงที่จอด มือสองข้างผมชื้นเหงื่อเต็มที สายตาจดจ้องไปยังรถคันข้างหน้าที่เห็นหัวลางๆของคนสองคน คนหนึ่งอยู่ในที่คนขับ ส่วนอีกคนอยู่ในที่ๆเคยเป็นที่ของผม...


--------------


          "ไอแต็ก..."ผมได้แต่ครางเรียกชื่อเพื่อนข้างกายอย่างแผ่วเบา เมื่อพาตัวเองลงมาจากรถยืนอยู่ในมุมอับของตึก เหมือนสติผมหลุดลอยไปแล้วตอนนี้ ตอนเเรกผมหวังว่ามันอาจจะเเวะส่งพี่ตองที่ไหนซักที อาจจะเป็นป้ายรถเมล์ รถไฟฟ้าอะไรทำนองนี้แต่ก็ไม่ใช่ เลยคิดว่าอาจจะไปส่งบ้านซึ่งก็พอเข้าใจ แต่ผมไม่คิดเลยว่ามันจะเลี้ยวเข้าที่นี่...

          ที่ๆเรียกว่าโรงเเรม...

          "ไอธีร์มึงอย่าคิดมากมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ลองโทรถามไหม?"

          ผมส่ายหน้าทันที ภาพของคนทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงเเรมด้วยกันยังติดตาไม่หาย แม่งเป็นอะไรที่เจ็บชิบหาย ผมไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อน เป็นการเจ็บข้างในที่ทรมาณมาก

       แม่งเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่อก ทำเอาผมพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง

          "ไม่ไหว กูไม่ไหวไอแต็ก ที่เห็นมันก็ชัดเจนแล้วป่ะวะ"ผมบอกมันอย่างเหนื่อยอ่อน สัมผัสได้ถึงน่ำตาที่คลอหน่วงของตัวเอง ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนถึงเเม้ผใพยายามจะกลั้นมันไว้แค่ไหนก็ตาม

          "ธีร์ กูว่า..."

          "มึงเลิกปลอบกูซักทีไอแต็ก!! ที่กูเห็นอยู่!! ที่กูเห็นอยู่...มันก็ชัดเจน ชัดเจนพอแล้ว.."ผมตวาดไอเเต็กเสียงดัง มันไม่จำเป็นจะต้องปลอบให้ผมสบายใจแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะพยายามหาเหตุผลมาให้ตัวเองสบายใจแค่ไหน แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันฟ้อง มันชัดเจนหมดแล้ว

          ทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว

          "ไอธีร์..มึงไหวไหม"

          "อึก...ทำไมวะ ไอแต็ก ทำไมวะ"

          ทำไมมันถึงไม่พูดกันตรงๆ ถ้ายังรักเขาอยู่ทำไมไม่กลับไปหาเลยตั้งแต่เเรก

          ไอแต็ก ขยับเข้ามาใกล้ ดึงหัวผมเข้าไปซบอกมัน ไม่ได้พูดปลอบอะๆรอีกเพียงเเค่ลูบหัวผมเบาๆ ซึ่งนั่นทำให้น้ำตาผมไหล่ออกมาอย่างกับเขื่อนทะลัก

          "ฮึก ฮืออ ไอแต็ก กูเป็น..เป็นแค่..ชั่วคราวหรือวะ ฮึก"

          "กูตอบไม่ได้ว่ะ กูขอโทษ"

          "กูผิดอะไร ฮึก กูทำอะไรผิดวะ"

          "..."

          "กูก็อยู่ของกูดีๆ แล้วมันก็เข้ามาในชีวิต ฮึก ทำให้กูรักแล้วก็ทำอย่างนี้..ฮืออ ไอแต็กกูไม่เข้าใจ กูไม่เข้าใจเลย รักมันคืออะไรกันแน่ ทำไมกูถึงเจ็บขนาดนี้ ทำไมกูถึงผิดหวัง ทั้งๆที่กูร้องไห้แต่ในใจลึกๆกูก็ยังหวังว่ามันจะเดินออกมาจากโรงแรมนั่นในไม่นาน แล้วออกมาบอกกูว่าแค่ไปทำธุระเหมือนเดิม ทำไมวะไอแต็ก ฮึก"

          ผมพรั่งพรูความคิดออกไปทั้งหมดราวกับเก็บมันไม่อยู่อีกต่อไป ในหัวผมมีแต่คำถามว่าทำไม และทำไม ผมไม่เข้าใจเลยซักนิดว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ นี่มันนอกใจผมใช่ไหม

           ไม่สิ...บางทีมันอาจจะไม่ได้มีใจให้ผมอยู่แล้วก็ได้ มันอาจจะเป็นของพี่ตองมาตั้งแต่ต้น

               "กูเจ็บ กูเจ็บตรงนี้"ผมผละออกมาจากอกเพื่อนก่อนที่จะทุบที่อกตัวเองเเรงๆราวกับจะทำให้ความเจ็บในใจทันชาลง

          "ไอธีร์! มึงอย่าทุบ!"

          ไอกลองเเต็กเข้ามารวบตัวผมไว้ไม่ให้ผมทำร้ายตัวเอง ซึ่งเเรงของผมตอนนี้มันเเทบไม่มีเเล้ว เลยปล่อยให้มันรวบตัวผมเข้าไปกอดแล้วพูดด้วยเสียงสั่นๆ
     

          "กูเหนื่อย กูไม่ไหวแล้ว กูเคยโอเคอย่างที่กูบอกเลยซักนิดไอแต็ก"ผมกอดมันกลับ

          "กูรู้ ไอธีร์ กูรู้อยู่แล้ว"

          "ฮึก"

          "ถ้ามึงไม่มีใคร อย่าลืมว่ามึงยังมีกูนะไอธีร์"ไอแต็กพูดไม่ดังนักแต่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ ทั้งยังลูบหัวเบาๆให้ผมยืนยันกับตัวเองอีกครั้งว่าถ้ามีรางวัลเพื่อนดีเด่นผมจะยกให้มันจริงๆ

          "ขอบคุณนะไอแต็ก"



----------------------


          หลังจากที่ไอแต็กปลอบจนผมหยุดร้องไห้ก็ผ่านมาซักพักใหญ่ มันถามว่าจะรอพวกเขาออกมาก่อนไหม ซึ่งผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด ถึงแม้ไอแต็กจะบอกว่าเผื่อเขามาทำธุระกันจริงๆก็ตาม

          ธุระบ้าอะไรตอนสองสามทุ่มวะ แล้วนี่จะห้าทุ่มเเล้วเถอะ

          ผมก้มมองโทรศัพท์ที่นิ่งเงียบไร้สัญญาณเตือนอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจกลับจริงๆจังๆ

          "ถ้ามึงยังไม่โอเค มึงไปอยู่บ้านกูก่อนก็ได้นะ"

          "งั้นกูขอรบกวนซักพักนะ"

          ผมสั่นหัวตัวเองเล็กน้อยเพื่อเรียกสติ ตอนนี้ผมปวดหัวมากเมื่อร้องไห้เสร็จ นึกแล้วก็นึกถึงคราวก่อนที่มันไปเห็นผมจูบกับพี่เรน คราวนั้นผมก็ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้ คิดแล้วก็เจ็บเปล่าๆ เลิกคิดๆ

          ถึงแม้ไอแต็กจะรบเร้าให้ขึ้นเเท็กซี่กลับเพราะกลัวผมไม่ไหว แต่ผมก็ยืนยันว่าขับได้เพราะผมไม่อยากทิ้งรถเพื่อนมันไว้ตรงนี้ เดี๋ยวขะกลายเป็นรบกวนหนักกว่าเก่าอีก

          โชคดีที่รถไม่ติดเลยใช้เวลาไม่นารก็ถือบ้านกลองแต็ก บ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ดีไซน์ดูแล้วน่าจะแพงใช้ได้ บ้านมันอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนักประมาณหอผมได้เลยเพียงเเต่อยู่คนละทิศ

          มันพาผมเข้าห้องนอนของมันเอง ผมเคยมาค้างอยู่หนสองหนตอนมาทำงานกลุ่มแล้วมันติดพัน บ้านมันยังคงเงียบสนิทเหมือนเคย ท่าทางพ่อแม่มันก็คงไม่อยู่ตามปกติ

          ผมบอกมันว่าจะขอไปนอนโซฟาด้านล่างแต่มันก็ไม่ยอมบอกว่าครั้งนี้ยังไงก็ยอมจะให้ผมในสภาพนี้ไปนอนอย่างนั้นได้ยังไง ซึ่งผมก็ไม่อยากจะเถียงสู้มันซักเท่าไหร่เพราะยังไงก็แพ้เลยถอนหายใจเเล้วยกมือยอมเเพ้ เพราะแรงก็ไม่ค่อยจะมี หนังตาก็หนักขึ้นทุกทีๆแล้ว

          "มึงนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ฝันดี"

          "อือ"

          ผมได้แต่ครางรับในลำคอ อยากจะบอกมะนเหลือเกินว่าจะให้ฝันดีมันคงยากเกินไปสำหรับผมในตอนนี้ แต่ก็ได้แค่ยิ้มให้มันเพื่อไม่ให้มันห่วง ก่อนที่มันจะปิดไฟห้องจนมืดสนิทและนั่นก็ทำให้ผมจมดิ่งสู่ห้วงนิทราด้วยใจที่พังเต็มที

          เรื่องในวันนี้มันหนักหนาเกินที่ผมจะรับไหวจริงๆ




ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
มันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ไม่น้าาาาา น้องธีร์อย่าคิดเองไปก่อนสิ คุยกัน นะ  :impress3:

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
กลัวเป็นคนละเรื่องน่ะดิ แต่ถึงยังไงแบบนี้ก็ไม่ได้อยู่ดีนะ พี่ฝรั่ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
มันไม่สุดกับสุขที่ได้รับจริงๆนะคะ

คงจะเป็นเพราะกำแพงทางภาษาอย่างหนึ่ง และการไม่ถามเมื่อสงสัยอีกอย่าง

ซึ่งอาจจะเป็นผลพวงมาจากความต่างภาษาที่สื่อสารได้ไม่ชัดเจนพอ และความไม่กล้าเผชิญหน้ากับคำตอบ รึเปล่า????

อ่านแบบรู้เลยค่ะว่าอีกไม่กี่บรรทัดต้องเห็นเขา2คนอยู่ด้วยกัน

ใจนึงอยากให้เข้าโรงแรมไปทำกันจริงๆ อีกใจก็คิดว่าคงไม่ใจร้ายขนาดนั้น

แต่2ทุ่มจน5ทุ่มไม่โทรหา ไม่ข้อความถามไถ่กันเลย ทำให้แอบแช่งให้เลิกๆกันไปซะเลย

ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ ไม่ใครก็ใครซักคนต้องไปเรียนภาษาเถอะเนาะ จะได้มีอะไรก็คุยกันเข้าใจง่ายๆไวๆ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.36
«ตอบ #141 เมื่อ06-10-2016 19:59:16 »

Chapter 36
| Unexpected


          "มึงโอเคขึ้นรึยังไอธีร์ ตัวมึงเริ่มรุมๆแล้วนะ"

          ผมส่ายหัวตอบไปตามตรง ผมไม่จำเป็นที่จะต้องแสร้งทำเป็นโอเคอีกต่อไปแล้ว ไอแต็กที่คอยดูแลผมอยู่ตลอดไปก็นิ่งไปนิด

          หลังจากคืนนั้นนี่ก็ผ่านมาหนึ่งวันเต็มเเละกำลังจะเข้าคืนที่สอง สภาพร่างกายผมค่อนข้างย่ำแย่เพราะนอนไม่ค่อยหลับแต่นั้นมันไม่เท่ากับสภาพจิตใจผมตอนนี้ถึงแม้ว่าจะตั้งสติได้มากกว่าเก่า แต่พอตั้งสติได้ก็นั่นแหละครับ ความคิดก็ตีมั่วกันในหัวไปหมด และผมยังไม่ได้ติดต่อไปบอกไอหมีควายเลยแม้แต่นิด

          ผมยังไม่พร้อมจริงๆที่จะเพชิญหน้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมรู้ว่าวิธีที่ผมทำอยู่มันขี้ขลาด ผมรู้ว่าผมควรที่จะไปคุยกับมันให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไงต่อไป ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เเค่คนๆเดียวที่สามารถผ่านเข้ามาในชีวิตผมได้

          แต่มันจะจบแค่นี่จริงๆหรือวะ?

          "มันมีรักก็ต้องมีเลิกหน่าไอธีร์ บางคนมีแฟนมาเป็นสิบๆ"ไอกลองเเต็กที่กำลังรื้อตู้เสื้อผ้าหาเสื้อมาให้ผมเปลี่ยนพูดขึ้น มันก็กลับมาพยายามปลอบผมเหมือนเดิมหลังจากที่วันก่อนหน้านั้นเงียบไปเหมือนรู้ว่าผมต้องการเวลาทำใจ

          "กูรู้"

          มันเป็นแฟนคนเเรกของผม และเขาว่ากันว่ารักแรกมักไม่สมหวัง

          แต่กูก็สมหวังเเล้วนี่ จะทำให้มันนานกว่านี้ไม่ได้รึไงวะ

          "แต่กูทำใจไม่ได้"ผมบอกมันเสียงเบาเหมือนไม่มีเเรงจะพูดแล้ว จากสภาพผมตอนนี้ผมยังไม่หายสงสัยตัวเองเลยว่าผมตกหลุมรักมันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

          ตั้งแต่ที่มันคอยปลุกทุกเช้า คอยแหย่ผมทุกวัน วันที่ผมพามันเที่ยว วันที่ผมจูบกับมัน วันที่มันสารภาพรักกับผม วันที่มันรวบตัวผมเข้าไปกอดแน่นๆ วันที่มันพร่ำบอกว่ารักผม วันที่มันแอบถ่ายรูปผมไปลงเเคปชั่นเสี่ยวๆในไอจี หรือวันที่มันขอผมเป็นแฟนกันแน่

          ให้ตายเถอะ ทำไมสมองที่ปกติจะจำอะไรไม่ค่อยได้ถึงจำได้แต่เรื่องของมัน

          "มึงพักไปก่อนเถอะ แล้ว...มึงจะไม่ติดต่อมันไปจริงๆหรือ"มันว่าในขณะที่ทำหน้าที่เพื่อนดีเด่นของมันโดยการพับเสื้อผ้าที่เลือกเอามาให้ผมไว้เปลี่ยนไว้ข้างเตียง

          "ไม่ล่ะ กูยังไม่พร้อม มึงจะว่ากูหนีปัญหาก็ได้ แต่มันต้องไม่ใช่ตอนนี้"

          "เออๆ งั้นเดี๋ยวกูลงไปตักข้าวต้มมาให้"

          ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ตอนนี้ใจผมมันเต็มไปด้วยความเศร้าและผิดหวัง ผมไม่ได้โกรธมันเลย ผมแค่สงสัยว่ามันจะมาทำกับผมอย่างนี้ทำไมถ้ามันมีพี่ตองอยู่ในใจตั้งแต่ต้น

          แต่คนขี้ขลาดแบบผมจะไปกล้าถามมันได้ยังไง

          ผมไม่ได้ขี้เกรงใจหรอก ผมก็แค่กลัว กลัวคำตอบมันเหลือเกิน...

          ผมมองไปยังโทรศัพท์ที่นิ่งสนิท ไม่ต้องไปหยิบมาดูก็รู้ว่าแบตหมดเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว จนอดที่จะเกิดคำถามขึ้นมาในใจไม่ได้

          มันจะเป็นห่วงผมบ้างรึเปล่า?

          "ไอธีร์มึงเลิกคิดได้แล้วโว้ย!"ผมขยุ้มหัวตัวเองแรงๆ ฝังหน้าไปกับหมอนหวังว่าจะให้ตัวเองเลิกฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ แต่ดิ้นๆไปไม่นานก็หยุด

          แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะบอกว่ามันไม่จริงเลยก็เกินไปรึเปล่านะ... การเป็นห่วงเกินกว่าเหตุนั่นนั่นจะใช่ของปลอมจริงหรือ คำพูดหวานๆของมันก็เป็รของปลอมหรือ?

          คำตอบในใจของผมคือไม่...แต่มันก็เป็นสิ่งที่มันทำให้กับทุกคน...

          "เฮ้อ"

          ผมถอนหายใจหนักๆยิ่งคิดมากก็ยิ่งปวดหัว ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันไหนที่ตัวเองจะมานอนคิดมากเรื่องคนอื่น

          พอปัญหาเริ่มถาโถมผมก็เริ่มคิดถึงคนที่บ้านขึ้นมา ถ้าโทรไปปรึกษาจะดีไหมนะ ไม่ๆ ถ้าทำอย่างนั้นก็จะพาลให้ทางนั้นเป็นห่วงเอา

          แกร็ก

          เสียงเปิดประตูห้องพร้อมกับกลิ่นข้าวต้มลอยมา กระตุ้นให้ท้องผมส่งเสียงประท้วงกันยกใหญ่ ถึงแม้จะไม่มีความอยากอาหารแต่ท้องมันว่างก็ต้องกินสิจริงไหม ผมไม่อดข้าวทรมาณตัวเองหรอกนะ

          ที่จริงผมบอกไอแต็กไปแล้วว่าให้ผมลงไปกินข้างล่าง แต่ไอแต็กก็คือไอแต็ก มันสวมวิญญาณแม่ก่อนจะบังคับขู่เข็ญที่ใช้การยกเหตุผลต่างๆนานามาอ้างจนผมต้องยอมนอนเป็นผักเปื่อยอยู่บนห้องอย่างเดียว

          ผมลุกขึ้นมาตักข้าวต้มทรงเครื่องฝีมือไอเพื่อนดีเด่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงจะบอกว่าไม่อยากอดข้าวแต่กินได้เเค่ครึ่งถ้วยก็เริ่มพะอืดพะอมแล้วผมจึงหยุดมือแค่นั้น

          "อ่ะ ยามึง กินดักไว้ก่อน"ไอกลองแต็กส่งพารากับแก้มน้ำแดงมาต่อ

          "มึงจำได้หรือวะ"ผมรับพารากับแก้มน้ำแดงมาอย่างว่าง่าย แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย

          "หือ อ่อ เรื่องมึงไม่ชอบกินยากับน้ำเปล่าอ่ะนะ จำได้ดิ"

          "นั่นสิเนอะ ใครจะความจำสั้นแบบกูกัน"ผมพูดกลั้วขำแห้งๆ พลางกระดกน้ำตามด้วยยา

          "ฮ่า น้ำแดงมึงรสชาติแปลกๆป่ะวะไอแต็ก"ผมว่าหลังจากดื่มตามเข้าไปอีกหลายอึก รสชาติบอกไม่ถูกมันประเเล่มๆ

          "ไหนวะ กูลองหน่อย"

          ผมยื่นแก้วที่เหลือน้ำอยู่ครึ่งหนึ่ง มันจัดการกระดกไปจนหมด นี่เรียกชิมของมันหรือวะครับ

          "แปลกๆจริงด้วยว่ะ สงสัยเเม่งเก่าละ"มันว่าแล้วหัวเราะ พลางเอาแก้วเปล่าที่เหลืออยู่วางไว้ตรงโต๊ะข้างเตียงจากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอนข้างๆผม ให้ผมทำหน้ายี้มส่มันนิดหลังจากประโยคที่บอกว่าน้ำแดงมันเก่าเเล้ว

          "กูกับมึงรู้จักกันมาจะปีแล้วหรือวะ"มันเปิดประเด็นชวนผมคุย ผมคิดว่ามันคงไม่อยากให้ผมคิดมากเรื่องนั้นอีก

          "เร็วเนอะ วันแรกที่กูเจอกับมึงนี่รับน้องป่ะ"ผมทิ้งตัวพิงหัวเตียง หยิงหมอนขึ้นมากอดไว้ในหัวก็คิดถึงเรื่องเก่า

          "ผิด"

          "อ้าว"

          "กูเจอกับมึงก่อนหน้านั้นอีก ตอนนั้นมึงเข้ามาช่วยกูไง ตอนที่กูเกือบจะโดนพวกนั้นกระทืบเอา"มันว่าให้ผมคิดตาม

          "อ๋อ กูนึกออกละ ก็มึงดูสู้เขาไม่ได้นี่หว่า เเต่กลายเป็นว่ากูเข้าไปดันหนักกว่าอีก"

          "ก็เสือกไม่เคยต่อยคนอื่นเเต่เข้ามากลางวงไง โง่กว่ามึงไม่มีอีกแล้วล่ะไอธีร์"ไอเเต็กว่าอย่างประชดประชันให้ผมหัวเราะออกมาเบาๆ

          วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมเข้ากรุงเทพมาเลยครับ ผมเข้ามาเพื่อที่จะมารายงานตัวที่มหาลัย แต่ตอนไปดันเจอไอแต็กถูกรุมล้อมด้วยผู้ชายร่างโตหลายคน จริงๆก็อาจจะไม่ได้ตัวใหญ่มากแต่ไอแต็กมันตัวเล็กไง ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักมันเลย แต่จะให้เดินผ่านไปอย่างคนอื่นเขาผมก็ทำใจไม่ได้ เลยเดินโง่ๆเข้าไปหวังว่าจะเกลี้ยกล่อมพวกนั้นได้แต่ผมคงคิดตื้นไปพอเข้าไปไม่ทันได้อ้าปากพูดก็โดนซัดมาเต็มๆ หน้านี่เขียวเลยครับ ร้อนไอแต็กต้องลากผมหนีพวกนั้นมาอีก

          ตอนนั้นมันด่าผมยกใหญ่เลยว่าโง่รึเปล่าจะเข้ามาทำไมรู้จักกันก็ไม่ใช่ แต่ผมก็แค่ยิ้มๆตอบกลับมันไป วันนั้นพวกเรายังไม่ได้รู้ชื่อกันหรอกครับ เพราะลืมถามเเละพอไอแต็กมันลากผมเข้าห้องพยาบาลเสร็จมันก็หายไปเลย


          "พอคิดๆดูแล้วก็ขำ..."

          แปะ

          ผมกะจะหันไปคุยกับมัน แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไอกลองเเต็กมันเข้ามาใกล้ผมขนาดนี้ พอผมหันไปมันก็เอื้อมมือมากุมหน้าผมไว้ด้วยมือข้างนึง

          "มึงเป็นอะไรรึเปล่าไอแต็ก"

          "กูร้อน ไอธีร์ กูร้อน"มันว่าด้วยน้ำเสียงกระเส่าแปลกๆ ในขณะที่เบียดตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นจนผมตั้งตัวไม่ทัน

          "เฮ้ย ไอแต็ก มึงจะทำอะไร..."

          ผมถามมันอย่างตกใจเมื่อไอแต็กพาดตัวมันลงมาบนตัว ผมพยายามจะผลักมันออกแต่จู่ๆแขนทั้งสองข้างก็ไม่มีแรง ก่อนที่จะมีความร้อนที่เพิ่มขึ้นจากด้านในจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ความรู้ราวกับมีน้ำเดือดอยู่ในร่างกายทั้งความรู้สึกปั่นป่วนที่ยากจะต้านทาน

          "แฮ่ก แฮ่ก" เสียงเพื่อนที่คร่อมผมอยู่ด้านบนหอบหายใจ ผมเงยหน้ามองมันที่ขบฟันแน่น ตากลมของมันคลอไปด้วยน้ำตา

          "นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น แฮ่ก ทำไมกูถึงร้อน...อย่างนี้ ไอแต็ก มึงลุก..มึงลุกออกไปเร็ว"ผมรีบบอกมัน นอกจากความร้อนที่เหมือนร่างจะละลายเเล้ว ความรู้สึกที่ชัดเจนอีกอย่างคืออาการคั่นเนื้อคั่นตัวเเละ...เริ่มมีอารมณ์

          ยา...ยาปลุกหรือวะ

          ผมอยากจะเอ่ยปากถามไอแต็กนะว่ามันทำหรือว่าเป็นอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า แต่สติตอนนี้ผมเริ่มไปขึ้นทุกทีๆ จนได้แต่บอกให้เพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังเบียดกายเข้าหาผมออกไป เพราะการคลอเคลียของมันยิ่งทำให้อะไรๆมันแย่เข้าไปใหญ่

          แต่เหมือนไอกลองแต็กจะไม่หังอะไรผมทั้งนั้น มันถอดเสื่อตัวเองออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้จนตอนนี้มันเหลือแต่บ็อกเซอร์ และยังเผื่อแผ่มาถึงผมอีกด้วย

          "ไอแต็ก อย่า...อย่าทำอย่างนี้"ผมพยายาจับมือที่ซุกซนของมันเอาไว้ แต่มันสะเปะสะปะไปทั่วพอพอผมจะดันมันออกมันก็เบียดตัวเองลงให้โดนธีร์น้อยจนผมได้แต่กัดปากตัวเองเเน่นเพื่อสะกดกั้นอารมณ์

          "กู...กูขอโทษ กูไม่ไหว" มันว่าในขณะที่ปลดเสื้อผมออกได้แล้ว มันไม่ได้ถอดยากเลยครับเพราะเสื้อที่มันเตรียมมาให้ทีแต่เสื้อเชิร์ตทั้งนั้น

          จากนั้นมือมันก็เริ่มลูบไล้ไปทั่วร่างกายผม ผมพยายามดันมันออก แต่พอดันออกได้แล้วเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมร่างมันไว้เเทนมันดันมือไวคล้องคอผมเอาไว้แล้วดึงลงไปจนหน้าเราเกือบจะชิดกัน

          ผมมองมันด้วยแววตาไม่เข้าใจแต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ มันเองก็เช่นกัน จนในที่สุดปากเราทั้งคู่ก็เเตะกัน..

          "อื้อ!"ผมร้องออกมา ใจอยากจะดันออกแต่ร่างกายกลับไปไม่ยอมทำตาม น้ำตาผมเริ่มปริ่มด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ พอผละออกมาได้ก็กลายเป็นผมที่ถูดมันผลิกตัวกลับขึ้นมาอีกแล้ว

          "มึงทำ...แฮ่ก แบบนี้ทำไม...ทำ ทำไม.."ผมเอ่ยปากถามอย่างยากลำบาก แค่ควบคุมร่างกายไม่ให้เผลอไผลก็ยากพอแล้ว น้ำตาผมไหลลงมาช้าๆยามมองหน้าเพื่อนสนิทที่เคยเอ่ยปากบอกว่ามันคือเพื่อนดีเด่น

          ทำไมมันถึงทำแบบนี้กับผม..

          ไอแต็กทำหน้าจะร้องไห้ มันกัดปากแน่นก่อนจะระบายยิ้มที่ผมบอกได้ว่ามันประหลาดสุดๆทั้งดูฝืนและเหนื่อยในเวลาเดียวกัน มันทิ้งตัวลงมาทับผมโอบกอดผมไว้แน่น ในยามที่มันเคลื่อนหน้าจะมาจูบอีกครั้งและผมก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้หนีได้

          "กูชอบมึงนะ ไม่สิ กูรักมึง"

          และมันก็บดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ผมได้แต่ครางอื้ออึงในลำคอเมื่อมันพยายามจะลุกล้ำเข้ามาจนในที่สุดผมก็โอนอ่อนเพราะฤทธิ์ยา

          ผมมองมันด้วยความผิดหวังยามที่มันผละออกไป มันเบื่อนหน้าหนีในขณะที่ดึงปราการชิ้นสุดท้ายออกไป

          "อย่า..." ผมเปร่งเสียงออกไปได้แค่นั้นเมื่อมันมาทำท่าจะกระชากบ็อกเซอร์ผมออกตามไปด้วย วินาทีผมรู้ตัวเลยว่าถ้ามันทำคงไม่มีอะไรฉุดรั้งพวกเราไว้ได้อีกแล้ว

          โคร่ม!!

          "ธีร์!!!!!!!"




----------------------------

          ความควายไม่ทันหายความวัวก็เข้ามาแทรก เรื่องราวชักเริ่มบานปลาย มีคนเดาถูกค่ะ ใช่ค่ะ กลองแต็กเป็นหนึ่งในตัวละครที่เรามักแอบแซมๆให้เห็นถึงความรู้สึกที่เขามีต่อธีร์ แต่อย่างที่บอกว่าถ้าอ่านผ่านๆก็คงไม่รู้ เรื่องราวจากตรงนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของคนๆนี้ค่ะ คนเราเมื่อตักสินใจทำอะไรไปแล้วถึงแม้จะเสียใจแต่ก็กลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว ก็ตามนั้นแหละค่ะ

          อย่างที่พี่อ้อยพี่ฉอดบอก ความรักไม่ผิดค่ะ ในกรณีนี้คือผิดที่ไม่รู้จักพอค่ะ ในฐานะคนเเอบรักจะมีสองกรณีคือยิ้มรับเเล้วปล่อยให้เขามีความสุขไปถึงแม้ตัวเองจะเจ็บ หรืออีกอย่างคือพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะได้อีกคนไว้ในครอบครอง ซึ่งในครั้งนี้กลองแต็กเลือกข้อสองค่ะ 

          ปล.ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมันทั้งนั้น จะค่อยๆเผยออกมาเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่กั๊กแล้วค่ะ ปล่อยหมดก็อกแน่นอน

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
ปล่อยเลยยยย

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ปล่อยยยยยยยยยย

อยากอ่านความลับทุกคนแล้ว ทำไมมันขยักๆเยี่ยงนี้ ใจคนอ่านจะขาดรอนๆ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ heroves

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ว่าแล้วไง

กลองแต๊กเอ้ยยยยยยยยย

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
 :katai1: ทำไมวันนี้อ่านเรื่องไหนๆก็มีแต่มาม่า
 :katai5:

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ตงิดๆใจกับแตกมานานแล้วววว มันออกแนวจัดฉากนิดๆอ่ะ ใครมาช่วยน้อง พี่ฝรั่งอ้ะป่าว

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เรื่องพลิคตลอด

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.37
«ตอบ #148 เมื่อ08-10-2016 17:14:28 »

Chapter 37
| Express


          ผมหันหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วยน้ำตาเเห่งความผิดหวังและตกใจไปทางประตูที่ถูกเปิดออก ก่อนจะพบกับคนที่ผมคิดว่าไม่อยากเจอหน้ามากที่สุดในไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้ทำไมตอนที่เห็นว่าเป็นมันหัวใจผมกลับพองโตขึ้นมา

          ไอหมีควายแทบจะพุ่งเข้ามากระชากตัวไอกลองเเต็กออกจากผม ไม่สิ ไม่กระชากเลยเเหละ มันผลักจนร่างของไอกลองเเต็กปลิวร่วงตกจากเตียง มันรีบหยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไว้ของผมมาใส่ให้ผมอย่างลวกๆ ผมที่ตอนนี้ไม่มีแรงขัดขีนเเล้วได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอย่างเงียบๆ

          "I'm here. I'm sorry. (ฉันมาเเล้ว ฉันขอโทษ ฉันอยู่นี่แล้ว)"มันว่าแล้วเกลี่ยน้ำตาผมออก

          พอจัดการอะไรเสร็จไอหมีควายก็ช้อนตัวผมขึ้น ผมพยายามจะดิ้นลงเพราะตอนที่ตัวผมเเตะโดนตัวอุ้นไของมันอารมณ์ที่มีอยู่แล้วก็พาลจะถูกปลุกปั่นขึ้นไปอีก แต่มันไม่ยอมกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นแล้วพาผมออกไป ผมจึงทำได้แค่ขบฟันตัวเองแน่นเเล้วซุกอกแข็งๆที่คุ้นเคย

          "Thank you.(ขอบคุณนะ)"มันหันไปพูดกับใครซักคนซักคน ซึ่งผมไม่มีสมาธิจะไปมองด้วยว่าใครก่อนที่มันจะพาผมขึ้นรถมา

          มันเปิดประตูให้ผมนั่งที่นั่งข้างคนขับที่ๆเดิมที่ผมเคยนั่งก่อนที่ตัวเองจะอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ผมก็พยายามรวบรวมแรงที่มีเปิดประตูจะลงแต่ก็ไม่ทันมันที่เอื้อมมาล็อกมือผมไว้ก่อน

          "Where are you going?(จะไปไหนน่ะ)"

          "ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่กับมึง!"

          "Hey, Are you okay? Thee Thee!(เฮ้ เป็นอะไรรึเปล่า นี่ธีร์ ธีร์!)"

          มันเรียกผมซ้ำๆก่อนจะบังคับให้ผมหันหน้าไปสบตากับมัน ทันทีที่ใบหน้าอันคุ้นเคยเข้าสู่สายตา รูปตรงหน้าผมก็พร่าเลือนไปทันทีด้วยม่านน้ำตา

          น้ำตาแห่งความผิดหวังเเละไม่เข้าใจที่พยายามเก็บมาตลอดเวลาที่หายหน้าไปพรั่งพรูออกมาทันทีเมื่อเจอหน้ามัน ยิ่งตอนนี้เกิดเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดไว้ก่อนอีกมันทำให้ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นผม

          "Thee, What's wrong? Can you tell me?(ธีร์ เป็นอะไร บอกฉันได้ไหม)"มันว่าเสียงอ่อนลงดวงตาคู่สวยมองมาที่ผมอย่างเป็นห่วง

          "ฮึก"

          ผมส่ายหน้า จะให้พูดตอนนี้มันพูดไม่ออก มือก็ได้แต่ผลักมันออกเพราะอารมณ์ที่กำลังพวยพุ่ง ไม่รู้ยาอะไรแต่ฤทธิ์แม่งแรงมาก

          "Shh...Don't cry. Let me help you.(ชู่ว ไม่ร้องนะ ให้ฉันช่วยนะ)"

          "มะไม่...อย่า.."

          "I promise I won't do that. Just make you relax(ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แค่จะช่วยให้สบายตัวเฉยๆ)"

   ผมไม่สามารถปฏิเสธอะไรมันได้อีกทั้งๆที่ในใจไม่ต้องการแต่ร่างกายกับตอบรับทันทีเมื่อมันเอื้อมมือมาแตะธีร์น้อยที่ตื่นอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นก็ไม่รอช้าลอกคราบผมออกทันที

         ผมพยายามจะเบี่ยงตัวหนีเพราะถึงแม้จะอยากเล่นตัวแต่ในสภาพนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้มาก และด้วยสติอันน้อยนิดรู้ตัวอีกทีตัวผมก็ไปเกยอยู่บนตักมันเสียแล้ว


        ไอหมีควายกึ่งลากกึ่งอุ้มให้ผมไปนั่งอยู่ตรงหว่างขามัน ก่อนจะกุมมือเข้าที่ธีร์จัดการรูดขึ้นลงทันทีโดยไม่ต้องปริปากพูดอะไร

         "อ่าส์.."

        ผมครางออกไปอย่างลืมตัว และไม่เพียงมันจะปรนเปรอธีร์น้อยเพียงอน่างเดียว อีกมือก็สอดเข้ามาใต้สายเสื้อลูบขึ้นลงอย่างเบามือ สะกิดยอดอกสลับกับขยี้จนผมครางเสียงหลงแอ่นอกเข้าหาด้วยความต้องการ

        "อะ อื้อ เร็ว เร็วอีก"

        มันสาวมือไวขึ้นตามการเรียกร้องของผมอย่างไม่อิดออด ผมเเหงนหน้าขึ้นเมื่อเมื่อใกล้ถึงฟากฝั่ง ในจังหวะที่ผมเงยขึ้นไปสบตากับใครอีกคน ผลันความเคยชินส่งให้ผมเอื้อมมือไปคล้องคอมันก่อนจะกดจูบลงมา

      "อื้อ!"

       ผมครางในลำคอเมื่อในจังหวะที่ธีร์น้อยได้ปลดปล่อยออกมา ผมกะจะผละออกจากมันแต่คนตัวโตกลับไม่ยอมผลิกตัวผมให้ไปเผชิญหน้าจากนั้นก็กดจูบลงมาอีกรอบ

        ลิ้นหนาตวัดเกี่ยวกับลิ้นผมอย่างเร้าร้อนเหมือนไปตายอดตายอยากที่ไหนมา มันจูบผมนาน...นานมาก จนผมเเทบจะขาดอาหาศหายใจตาย ดีที่พอผมทุบอกมันแรงๆมันก็ยอดปล่อยผมแต่โดยดี

   พอได้ปล่อยออกไปรอบนึง ตัวผมนี่เบาขึ้นเยอะ ความรู้สึกอึดอัดและรุ่มร้อนได้จางหายไปมากแต่หากโดนปลุกปั่นอีกก็คงขึ้นอีกง่ายๆ แต่นั้นก็พอให้ผมตั้งสติได้แล้วพยายามจะปีนเบาะรถไปอีกฝั่ง และตอนจะพยายามปีนเนี่ยแหละเพิ่งสำนึกได้ว่าผมกำลังอะไรอยู่บนรถ

          ชิบหาย!

          หมับ

          แต่ไม่ทันที่จะปีนถึงอีกฝั่งไอหมีควายก็รวบตัวผมเข้าไปกอดเสียก่อน กอดแน่นมากๆ แต่นั่นไม่ได้เรียกความสนใจของผมได้เท่ากับการมองหาว่ามีคนอยู่แถวนี้รึเปล่า เเละเคราะห์ดีที่ทำให้ผมหายใจได้โล่งขึ้นเพราะฟิลม์รถค่อนข้างมืด

          "What's wrong with you? Can you tell me? Why you disappear like this? I'm really worried about you.(นายเป็นอะไร บอกฉันได้ไหม? ทำไมถึงหายไปแบบนี้ ฉันเป็นห่วงแทบเเย่เลยรู้ไหม)"

          ไม่รู้ กูจะไปรู้มึงได้ยังไงล่ะ

          ผมเงียบไม่ตอบมัน แต่ก็ยอมให้มันกอดผมไว้อย่างนั้น

          "Can't you tell me ? Hmm?(เป็นอะไรบอกกันไม่ได้เลยหรือ? หืม?)"มันพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆเหมือนกำลังหลอกล่อเด็ก แต่คำพูดมันทำให้ผมนิ่ง

          นั่นสินะ...

          "So can't you tell me what you did?(แล้วไปทำอะไรบอกกันไม่ได้เลยหรือ?)"ผมย้อนถามกลับ ผลิกตัวที่ตอนแรกโดนกอดจากด้านหลังไปสบตากับมันด้วยดวงตาสั่นๆ

          ผมยังไม่พร้อมจะคุย แต่เรื่องถึงขนาดนี้คงต้องคุยกันให้เคลียร์ได้แล้ว มันไม่ใช่เวลาจะมีกลัวอะไรแล้ว

          "What do you mean? Did I do something wrong?(นายหมายความว่ายังไง? ฉันไปทำอะไรให้นายโกรธรึเปล่าคอร์กี้?)"

          ผมรู้ว่าตัวเองใกล้ร้องไห้เต็มที ยิ่งมันตอบเหมือนสงสัยว่าตัวเองทำอะไรมันทำให้ผมผิดหวังยิ่งกว่าเก่า ผมพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอก่อนจะฝืนยิ้มแล้วถามมันไปตามตรง

          "If you already have a lover why you ask me to be your boyfriend. (มีคนที่รักอยู่แล้วจะมาคบกับผมทำไม)"

          คำถามที่ค้างคาอยู่ในใจแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ถามออกไป

          "What!? What do you mean by that? (อะไรนะ! นายหมายความว่ายังไง?)"

          ผมหลุบตาลงต่ำไม่อยากจะมองหน้ามันอีก มันเอื้อมมือทั้งสองข้างมาจับปมไว้เหมือนต้องการจะคาดคั้นว่าผมหมายถึงอะไรและนั่นทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่างบนแขนมัน

          รอยเล็บและรอยฟัน

          จริงๆใช่ไหม สรุปมันไปทำอะไรอย่างนั้นจริงๆใช่ไหม

          ผมยอมรับว่าแม้วันที่ผ่านมายังมีเศษเสี้ยวหนึ่งในใจที่ยังคงบอกผมว่าให้เชื่อใจมัน มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เห็นและรอมันมาอธิบาย ผมยังหวังอยู่ลึกๆ...แม้จะไม่อยากยอมรับ

          "อย่ามาแตะนะ!!"

          เพี๊ยะ!

          ผมปัดมือมันพร้อมบอกมันออกเสียงดังจนเหมือนตะคอก สภาพตอนนี้ผมมันน่าสมเพชเกินไปทั้งๆที่บอกว่าอย่ามาแตะ แต่เพราะฤทธิ์ยาที่ผมว่าเริ่มหายไปแล้วกลับวกกลับมาใหม่ทำให้ผมได้แต่กัดปากตัวเองแน่น

          "ธีร์.."มันเรียกชื่อผมเสียงอ่อน แต่ผมไม่มีทางใจอ่อนกับเสียงแบบนั้นแล้ว ผมรวบรวมสติเฮือกสุดท้ายเพื่อปีนไปอีกเบาะแต่ผู้ชายร่างยักษ์ก็ไม่ยอมปล่อยผมไปเสียที

          "ปล่อย!"

          "Thee, we have to talk. (ธีร์ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!)"

          "ไม่มีอะไรต้องคุยอีกแล้ว! ปล่อยกูไว้ที่นี่แล้วกลับไปหาตัวจริงของมึงนู่น!"ในที่สุดผมก็พลั้งปากออกไปจนได้ นี่ผมกำลังงี่เง่าใช่ไหม ผมกำลังประชดประชันมันใช่ไหม ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดีแต่ผมก็ห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว ผมก้มหน้ากัดปากตัวเองแน่น เพราะยิ่งพูดเท่าไหร่ผมก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น

          "What? What do you mean?(เดี๋ยว! มันหมายความว่ายังไง)"มันทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ

          "ถ้าไม่ได้รักกันก็บอกกันตรงๆได้ไหม ถ้าเห็นกูเป็นตัวสำรองก็ปล่อยกูไปเถอะ"ผมพูดด้วยความเหนื่อยเต็มที ความรู้สึกที่เก็บไว้ในก้นบึ้งหัวใจถูกปลดปล่อยออกมาเหมือนน็อตหลุด

          "..."

          มันเงียบ ไม่รู้ว่าเพราะพูดไม่ออกหรือฟังไม่รู้เรื่องกันแน่ ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปสบตากับมันตรงๆด้วยสีหน้าที่ผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

          "I'm hurting.(ผมเจ็บเป็น)"

          เพียงแค่นั้นมันก็น่าจะเข้าใจทุกอย่างเเล้ว ผมกัดฟันแน่นข่มอารมณ์ที่กำลังพวยพุ่งเพราะไออุ่นจากคนตัวโต มือพยายามผลักมันออกแต่มันกลับรวบไว้ด้วยมือเดียว

          "I'm don't understand!(ฉันไม่เข้าใจ!)"มันขมวดคิ้วแน่นราวกับไม่เข้าใจจริงๆ นี่มันไม่รู้ตัวหรือแกล้งไม่รู้กันแน่ และด้วยความดื้อดึงของมันก็ทำให้ผมทนไม่ไหว

          "โอ้ย!!!! ก็มึงเจอเฟิสเลิฟมึงเเล้วหนิ! มึงก็เจอแล้ว มึงก็ไปหาเขาแล้ว มึงก็ปล่อยกูไป ปล่อยกูไปเถอะ ฮึก"ผมตะคอกใส่มันเสียงดัง แต่ท้ายประโยคนี่แผ่วมาก ผมเหนื่อยที่จะพูด คนเราทำอะไรลงไปก็ต้องรู้ตัวไม่ใช่หรอวะ ทำไมถึงต้องมาคาดคั้นถามอะไรผมอีก

          "You mean Tee no no Tong?(นี่นายหมายถึงที ไม่สิ ตองหรอ?)"

          พอได้ยินชื่อผมก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที นี่แสดงว่ามันยอมรับแล้วสินะว่ารักแรกมันคือพี่ตอง

          พอผมไม่ตอบมันก็เงียบไปนิด นั่นเป็นจังหวะให้ผมผละตัวออกมาจากมันรีบหยิบกางเกงที่กองร่วงไปกับพื้นขึ้นมาสวม แต่ยังไม่กล้าลงจากรถเพราะสภาพตอนนี้ผมไม่โอเคมากๆ แค่ควบตัวเองไม่ให้หอบหนักๆยังทำไม่ได้เลย

          ทำไมทุกอย่างถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ

          "It's not like that. You're misunderstanding.(นายกำลังเข้าใจผิดมหันต์เลยธีร์)"แต่จู่ๆมันก็พูดขึ้นมาเสียงเครียด มันใช้มือสองข้างกุมแก้มผมไว้ บังคับให้มองหน้าผมตรงๆ สีหน้ามันจริงจังราวกับจะยืนยันว่าตัวเองพูดจริง

          "เข้าใจผิดอะไร ก็เขาเป็นแฟนเก่ามึงไม่ใช่เหรอ"ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บ

          "No, he isn't.(ไม่ เขาไม่ใช่)"

          กึก

          จริงหรือวะ มันพูดจริงหรือ

          "โกหก.."แม้ในใจจะมีหวังแต่ความรู้สึกผมบอกว่าอย่าไปเชื่อ เราต้องเชื่อในสิ่งที่เห็น อย่าหลอกตัวเองอีกต่อไปเลยธีร์

          "Then I will show you. But now let me help you first. (งั้นฉันจะพิสูจน์ แต่ตอนนี้นายคงไม่ไหวแล้ว ให้ฉันช่วยก่อนเถอะ)"

          "ไม่!"ผมปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด แค่ให้มันช่วยไปรอบหนึ่งก็อายจะตายชักแล้ว แถมตอนนี้ผมยังเคืองๆกับมันอยู่อีก

          "Thee...don't be stubborn.(ธีร์...อย่าดื้อสิ)"

          "มะ...ไม่ใช่บนรถ"

          ให้ตายเถอะ ไอปากเวร! ไอหัวใจทรยศ! แค่เขาบอกว่าไม่ใช่หน่อยก็ดันพองโตขึ้นมาอย่างมีความหวังทั้งๆที่มันอาจจะเป็นเพียงแค่ลมปาก

          "So put up with it.(งั้นทนหน่อยนะ)"

          ให้ตายเถอะ...ทำไมผมถึงใจอ่อนง่ายขนาดนี่วะเนี่ย


------------------------------

          "ไม่...ไม่เอาที่นี่"

          ผมเปล่งเสียงออกได้เพียงเท่านั้น ดวงตาสั่นๆทั้งยังส่ายหน้ารัวๆเมื่อเห็นสถานที่ๆมันพามา...โรงแรมที่ไม่กี่วันก่อนผมเจอมันกับพี่ตอง

          "I think this is the nearest place.I think you can't bear until we reach your room.(ที่นี่เป็นที่ๆฉันว่ามันใกล้สุดแล้ว ถ้าจะกลับคอนโดนายคงทนไม่ไหว)"มันว่าด้วยสีหน้าจริงจัง

          "แต่ที่นี่มัน.."

          เป็นที่ๆมันกับแฟนเก่าเข้ามาด้วยกันไม่ใช่หรือ?

          ผมได้แต่ต่อในใจ สาบานว่าผมต่อต้านมันแล้วจริงๆแต่ร่างกายผมมันทรยศ ไอหมีควายก็ไม่พาผมเข้าไปแบบธรรมดามันอุ้มผมเข้าไปโดยเอาเสื้อนอกที่พาดไว้บนรถมาคลุมๆตรงส่วนกลางลำตัวของผมซึ่งกำลังเคารพธงชาติไว้ และเพียงแค่มันก้าวเข้าไปแทบจะทุกคนก็หันมามองมันทันที ผมเลยได้แต่ยอมรับชะตากรรมแล้วซุกอกหนีความอายแทน

          มันพาผมขึ้นลิฟท์เห็นหยิบบัตรอะไรซักอย่างไปแตะก่อนจะกดดลขชั้นที่ผมรู้สึกได้ว่ามันสูงมากๆ ผ่านไปไม่นานนแต่สำหรับผมหนึ่งวินาทีเหมือนเป็นหนึ่งนาทีไม่รู้ว่ามันตั้งใจจะทรมาณผมรึเปล่าถึงได้เลือกท่าอุ้มที่แตะโดนตัวมากที่สุดแถมยังมีกลิ่นกายหอมอ่อนๆมาจากตัวอีก

          มันพาผมไปที่ๆห้องๆหนึ่ง เสียบคีย์การ์ดและเปิดเข้าไป มันเป็นห้องที่ผมบอกได้เลยว่ากว้างมาก จากทางเดินมาประตูห้องผมเห็นว่าทั้งชั้นมีแค่ฟากละสองห้องเท่านั้น

          มันพาผมเดินผ่านตรงส่วนห้องนั่งเล่นเพื่อจะไปที่ห้องๆหนึ่งแต่ยังไม่ทันจะได้เปิดประตูห้อง ก็มีเสียงที่คุ้นหูทักขึ้นก่อน

          "อ่าว กลับมาแล้วหรอ"

          บุคคลที่ไม่กี่วันก่อนเพิ่งจะเดินเข้าโรงแรมแห่งนี้มาพร้อมๆกับไอหมีควายเปิดประตูออกมาจากห้องๆหนึ่งจากอีกฝั่ง..

 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ตอนหน้าต้องเคลียร์เลยนะออสติน ห้ามหมกเม็ด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด