พิมพ์หน้านี้ - [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kiitos ที่ 14-05-2016 22:14:31

หัวข้อ: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 14-05-2016 22:14:31
สารบัญ

In progress...


(ที่จริงเเล้ว...ทำไม่เป็น ๕ ๕ ๕)


﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏﹏

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

 ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥ ♡ ♥

" Just ' U แค่คุณ ❥ "


✿Warning✿


-เรื่องนี้เป็นนิยายชายรักชาย
-คนเขียนไม่ได้เก่งอังกฤษมาก มีผิดพลาดประการใดโปรดบอกข้าพเจ้าด้วย
-เรื่องราวทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจาการมโนของผู้เเต่ง ไม่ได้อ้างอิงพาดพิงถึงบุคคลใด





✿Talk✿

สวัสดีนักอ่านทุกคนที่หลงเข้ามาด้วยค่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเเรกเเต่เราก็ยังไม่ช่ำมาก เพราะฉะนั้นติได้ไม่ว่าไม่กัดไม่เหวี่ยงจ้า

ปล.เรื่องนี้ปกติลงในเด็กดีค่ะ เพิ่งลองมาใช้เล้าครั้งเเรกเลย จะทยอยลงให้ทันในเว็บนะคะ รักส์ ♥



CHAPTER 0
| Dicktionary?


 

"เอ่อ..นี่ครับ"ชายผิวเข้มในเสื้อเชิ้ตสีขาวเเขนยาวที่ถูกพับขึ้นมาเกือบถึงศอกเดินเข้าไปหาผู้ชายร่างสูงใหญ่ด้วยความกล้าๆกลัว เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นมาตามขมับ พร้อมยื่นกระดาษเเผ่นเล็กๆที่มีคนฝากฝังมาให้

 

โอย..คุณโคลด์ก็รู้ว่าผมไม่ถูกโรคกับฝรั่ง อย่างนี้มันเเกล้งกันชัดๆ

 

"Thanks.(ขอบใจ)"ไอฝรั่งหัวน้ำตาลทองมันรับกระดาษนั่นไปก่อนจะคลี่อ่าน พอเห็นว่าเสร็จธุระผมก็หมุนตัวเตรียมเดินกลับไปทำงาน

 

"Wait! (เดี๋ยว!)"เสียงทุ้มพร้อมกับมือใหญ่ๆที่เอื้อมมาจับไหล่ผมไว้ ผมสะดุ้งเฮือกหันไปคนที่สูงกว่า

 

"ครับ?"



"Colt said you're my host.I'm Austin Jones you can call me Austin,And you are thee right?(โคลด์บอกว่านายจะเป็นโฮสต์ให้ฉัน ฉันออสติน โจนส์นะ เรียกออสตินก็ได้ นายคือธีร์ใช่ไหม?)"ผมมองเขาหน้าเหลอหลากระพริบตาปริบๆ ไอสิ่งที่ผมได้ยินเมื่อกี้มันคือภาษาเอเลี่ยนดีๆนั่นเองในความคิดของผม

 

ภาษาอังกฤษนี่อย่าให้คุย ตกมาตลอดตั้งเเต่จำความได้

 

"เอ่อ..อืม..อ่อ..ไอ..ไอ..ไม่เข้าใจยูเลยอ่ะ"สาบานว่านี่เป็นประโยคที่ถูกกรั่นกรองออกมาจากสมองน้อยๆของผมเเล้ว ไอฝรั่งมันก็ทำหน้างง ไอผมก็งง

 

"อ่อ!" จู่ๆมันก็อ๋อขึ้นมาทำเอาผมสะดุ้งตามก่อนจะพูดต่อ

 

"It's okay.I just looking for.."

 

"หยุด! หยุดเลยนะ"ผมรีบยกมือห้าม ก่อนที่เขาจะพูดประโยคยาวๆที่ผมไม่เข้าใจ ออสตินหยุดพูดอย่างงงๆ ก้มมองคนเตี้ยกว่าที่มีใบหน้ายุ่งเหยิงอย่างสงสัย


"เอ่อ..ดูยูเเฮฟอะดิ้ก"


"Dick?"เขาทวนคำผมอย่างสงสัย ใบหน้าคมอย่างชาวจะวันตกดูตกใจเล็กน้อยกับคำถามของผม


จะตกใจอะไรก็เเค่พจนานุกรม


"เยสๆ ดิ้กอ่ะ ที่มันหนาๆ"ผมเริ่มโชว์สกิลไทยคำอังกฤษคำพลางทำมือประกบกันเเล้วเเยกออกให้เขามองเป็นหนังสือเล่มหนาๆ คือจริงๆผมก็มีแอพแปลภาษาในโทรศัพท์นั่นเเหละเเต่เเบตมันหมดไปเเล้ว
 

"Sure"เขาตอบสั้นแต่คิ้วยังคงขมวดติดเป็นปม
 

ชัวร์ = เเน่นอน = มี

 

"ไอขอซียัวร์ดิ้กหน่อยได้ไหม?"คราวนี้ไอฝรั่งมันทำหน้าตกใจกว่าเดิมทั้งยังถอยหลังไปหนึ่งก้าว คิ้วเฉียงๆขมวดมุ่นเหมือนคิดหนัก
 

ผมพูดอะไรผิดไปหรอ?


"I think it would not be appropriate(ผมเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสม)"ออสตินยิ้มเเห้งพลางมองหน้าคู่สนทนา(ที่ไม่น่าไปรอด)คนนี้อย่างพินิจ ผมเองก็มองตอบเขากลับด้วยความซื่อๆตรงๆของตัวเอง


"จัสอะดิ้กอ่ะยูอิททูบิ๊กมากเลยหรอ"หรือมันใหญ่เเละหนักเกินไปเขาเลยขี้เกียจยกมันออกมารึเปล่า นี่ผมเริ่มหงุดหงิดเเล้วนะเเค่พจนานุกรมเเค่นี้ก็เอาออกมาไม่ได้รึไง



ไอฝรั่งมีสีหน้าลำบากใจชัดเจน คาดว่าชาตินี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องเเน่ๆ

 

"พี่เต้ๆ! ช่วยผมหน่อยดิ"เเละในจังหวะที่หันซ้ายหันขวาก็เหลือบไปเห็นพี่ที่ทำงานที่น่าจะช่วยผมได้พอดี คนถูกเรียกหันมามองอย่างสงสัยเเล้วก็เผยยิ้มขำออกมาเมื่อเห็นว่าผมเรียกทำไม

 

"มีอะไร เเล้วทำไมถึงมายืนคุยกับเพื่อนคุณโคลด์ได้ล่ะ มึงไม่ถูกโรคกับฝรั่ง..ไม่สิ..ไม่ถูกโรคกับภาษาอังกฤษนี่"ผมเบ้ปากน้อยๆ เหลือบมองไอฝรั่งที่ยืนจ้องพวกผมสองคน คิ้วเฉียงๆของมันก็ยังไม่คลายปม

 

"ก็เฮียอ่ะ ใช้ให้ผมเอากระดาษมาให้เขา พอเขาอ่านปุ๊ปก็รัวภาษาอังกฤษใส่ผมเลย เเถมพอลองถามว่ามีดิ้กรึเปล่าก็มัวเเต่อ้ำๆอึ้งๆอยู่เนี่ย"ผมเล่าราวกับว่ามันเป็นปัญหาระดับชาติ เเต่เหมือนหน้าซีเรียสของผมจะไม่ได้ทำให้คนฟังอย่างพี่เต้เครียดตามไปด้วย มีเพียงเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา

 
"โอ๊ยยย มึงเเม่ง..ฮ่าๆๆ..ไอเหี้ยกูปวดท้องไปหมดเเล้ว"พี่เต้หัวเราะน้ำหูน้ำตาไหล ผมมองพี่เขาตาขวางเล็กน้อย


"หัวเราะอะไรพี่ ถ้าเข้าใจเเล้วก็ไปเคลียร์กับมันทีดิ ยืนทำหน้างงเเดกอยู่นั่นเเหละ"ผมพยักเพยิดหน้าไปหาร่างสูงใหญ่ พี่เต้พยักหน้ารับทั้งๆที่ยังไม่หยุดหัวเราะ ผมยืนกอดอกมองทั้งคู่ที่สนทนากันอยู่ประมาณสองสามประโยคก่อนที่พี่เต้จะเดินกลับมาหาผม


"กูว่ามึงโดนคุณโคลด์เล่นเเล้วว่ะไอธีร์เอ้ย"

 
"อะไรวะพี่ สรุปมันเกิดอะไรขึ้น"


"เขาบอกว่ามึงอ่ะยินดีเป็นโฮสต์ให้เขาจนกว่าเขาจะกลับ เห็นบอกว่าชื่อออสตินอันนี้คงฟังรู้เรื่องอยู่ใช่ไหม"ผมพยักหน้า เเต่เดี๋ยวนะพี่..


"ผมไปเป็นโฮสต์ตั้งเเต่เมื่อไหร่วะ ผมจะไปคุยกับเฮีย"ผมตั้งท่าจะหมุนตัวขึ้นไปห้องทำงานของเจ้านายที่เพิ่งลงมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เเต่ก็ถูกพี่เต้รั้งไว้ซะก่อน


"อย่าเลย มึงก็รู้ว่าวันนี้คุณโคลด์เขาอารมณ์ไม่ดี"

 
"เอ้าหรอ?"ผมถามหน้าเหลอหลา จนคนคุยด้วยต้องถอนหายใจพร้อมกับส่งสายตาเอือมระอามาให้ ทำหน้าทำตาเเบบนั้นหมายความว่าไงวะ ผมก็เเค่มองคนไม่ค่อยออกก็เท่านั้น
 

"มึงนี่โง่ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายจริงว่ะไอธีร์เอ้ย"ผมเบ้ปากเเรงกับคำด่าไม่จริงจังที่ผมมักได้ยินอยู่บ่อยครั้ง
 

"เเล้วตอนนี้พี่จะให้ผมทำไง ให้รับไอหมีควายนั่นไปอยู่ด้วยเหรอ มีหวังไม่ผมก็มันได้มีประสาทเเดกตายเพราะคุยกันไม่รู้เรื่องเเน่ๆ"ผมบอกตามความจริง มองหน้าที่ถูกทับด้วยกรอบเเว่นอันโตของพี่คนสนิทอย่างมีความหมาย


"ไม่ต้องมองกูงี้เลย บ้านกูมีที่ที่ไหน ไหนจะเมียกูอีก"
 

"โหยย ก็พี่พูดได้ฟังได้นี่หน่า"


"มึงก็ใช้ดิ้กมึงไปสิ ฮ่าๆๆ"พี่เต้หัวเราะอีกครั้ง ผมหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด


"เอาจริงๆนะพี่ พี่ขำอะไรวะ"ผมถามเสียงเครียด มันไม่ตลกเลยนะเว้ยที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดแปลกไป
 

"เอาหูมานี่ๆ"
 

ผมเลื่อนหน้าไปใกล้อย่างว่าง่ายก่อนที่พี่เขาจะกระซิบให้ได้กันอยู่สองคน อีกฝ่ายตบไหล่ผมปุๆเมื่อพูดจบเเล้วก็เดินกุมท้องกลั้นขำไปอีกทาง ทิ้งผมให้อ้าปากค้างกับคำตอบที่ได้รับ


'ดิ้กอ่ะมันแปลว่าไอนั่น พจนานุกรมอ่ะมันอ่านว่าดิกเว้ยมึง'

.

..

...

....

ไอเหี้ยยยยยยย!! ชิบหายเเล้วไง!!
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.1] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 14-05-2016 22:32:04
Chapter 1

| Morning kiss


 

เเละจนเเล้วจนรอดสุดท้ายผมก็ต้องพาไอฝรั่งหมีควายนี่กลับบ้านมาด้วย จะเรียกบ้านก็คงไม่ถูกนักเพราะผมอยู่คอนโดที่ไม่ถึงกับหรูหราเเต่ก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ บ้านผมก็มีฐานะพอสมควรเพราะพ่อเป็นถึงนายอำเภอ เเต่คนเมืองส่วนใหญ่ก็จะมองว่าเป็นพวกบ้านนอกอยู่ดีนั่นเเหละ


ตั้งเเต่ออกจากร้านเฮียมาก็ประมาณตีหนึ่งได้ ผมกับมันก็ไม่ได้พูดอะไรกันซักประโยค เนื่องจากผมไม่มีรถมีเเต่มินิไบค์ซึ่งตอนนี้ไปนอนตายอยู่ในอู่ซ่อม เลยต้องอาศัยเเท็กซี่ไปกลับ
 

ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งคันรถมีเพียงเสียงวิทยุที่เปิดเพลงลูกทุ่งคลอเบาๆ เเอร์เย็นๆที่เป่าจนหน้าชาไม่ได้ช่วยให้ใจผมสงบขึ้นเลยซักนิด ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าคนข้างกายที่หันออกไปมองนอกหน้าต่าง


ยิ่งมันหันข้างเเบบนี้ยิ่งทำให้เห็นจมูกมันโด่งขนาดไหน ยิ่งพินิจไปตามโครงหน้าที่เห็นสันกรามชัดเจนมีเคราบางๆสีเดียวกับผม ดวงตาสีน้ำข้าวเเบบชาวตะวันตกดูมีเสน่ห์แปลกๆ ตาเขาดูมิติมากกว่าคนเอเชีย คิ้วก็เข้ารูปชี้ขึ้นหน่อย ท่าทางจะมีเชื้อเเขกขาวอยู่หนอยๆด้วยเเหะ

 

ฟรึ่บ

 

ผมหันหน้าหนีเเทบไม่มันพอเขาหันหน้ากลับมา ตั้งเเต่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปก็อดหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้ ได้เเต่ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย


"Are you okay?(คุณไม่เป็นไรนะ)"


"ผมโอเคๆ"ผมตอบเขาโดยยังไม่เงยหน้า ได้เเต่ส่งเสียงหัวเราะเเหะๆออกไป ก็ไม่รู้ว่าเขาจะฟังไทยรู้เรื่องรึเปล่า เเต่ก็นะ...


"But..(เเต่..)"

 

"พี่ครับตรงนี้เเหละๆ"ผมตัดบทด้วยการหันไปบอกพี่โชเฟอร์ ก่อนจะควักเเบงค์ร้อยให้พี่เขาไปเเบบไม่รอเงินทอน ไอฝรั่งมันก็รู้หน้าที่เดินลงจากรถตามๆผมมา


ถึงจะเป็นคอนโด เเต่พอเกินเที่ยงคืนตรงส่วนของล็อบบี้ก็จะปิดไฟหมดมีเพียงไฟสีส้มไม่กี่ดวงตาทางกับเซเว่นด้านหน้าเท่านั้นที่เป็นเเสงให้พอมองเห็น บรรยากาศมันค่อนข้างวังเวงเล็กน้อยเเต่ผู้ชายอกสามศอกเเบบผมค่อนข้างชินกับมันเสียเเล้ว ผมเดินตรงไปที่ลิฟท์ตาก็คอยเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่เดินตามมาติดๆ


เเต่มันชักจะติดเกินไปละ..


มันชิดจนหลังผมชนกับอกเเข็งๆของมัน พอผมก้าวเร็วขึ้นหน่อยมันก็ก้าวตาม ผมขมวดคิ้วฉับหยุดเดินหันไปมองหน้าเขา พอเห็นผมหันไปมองหน้าเขา ปากหนาก็คลี่ยิ้มฝืดๆ


"กลัวหรอ?"ผมเอ่ยถามเเล้วยิ้มขำ ก็ไม่ได้หวังให้เขาเข้าใจหรอก ส่วนคำตอบที่ได้รับก็คือรอยยิ้มฝืดๆเเบบเดิม


หมับ


ร่างสูงใหญ่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผมคว้าเข้าที่เเขนเขา ก่อนจะเริ่มออกเดินโดยที่ครั้งนี้ผมถอยตัวมาให้เดินอยู่ข้างกันเเทนที่จะเดินนำหน้า


เเขนเเน่นจังเลยวะ



ติ๊ง

 
ใช้เวลาไม่นานก็ขึ้นมาถึงชั้นที่ผมอยู่ ผมเดินตรงไปที่ห้องของตัวเอง ปล่อยมือออกจากเเขนของอีกคน ล้วงหากุญเเจก่อนจะไขมันเข้าไป


ห้องผมเป็นห้องที่ไม่ได้ใหญ่มาก มีหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องน้ำหนึ่งห้องนั่งเล่นหนึ่งห้องครัวเเถมห้องออกกำลังกายขนาดกระทัดรัดอีกหนึ่ง

เอ่ะ..


เเล้วผมจะนอนไหนวะ

 
จะให้ไอฝรั่งนี้นอนโซฟามีหวังขามันเลยโซฟาไปแปดโยดชัวร์ๆ เเต่ผมก็ไม่อยากยกห้องนอนตัวเองให้มันเช่นกัน เนื่องจากข้างนอกมันไม่มีเเอร์เเละผมก็เป็นคนที่ขี้ร้อนมากถึงมากที่สุด


"shower?(อาบน้ำได้ไหม?)"เหมือนมันก็พอรู้ว่าผมพูดภาษาอังกฤษได้เเบบงูๆปลาๆมันเลยย่อซะเหลือคำเดียวซึ่งไอคำง่ายๆผมก็พอเข้าใจ เลยพยักหน้าให้เขา เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้อย่างรู้หน้าที่ ในหัวก็ยังคงคิดไม่ตกเรื่องที่นอน
 

ที่เเน่ๆผมไม่ไปนอนเตียงเดียวกับมันเเน่นอน ไม่ใช่อะไรหรอกครับ คิดภาพผู้ชายตัวใหญ่ๆสองคนนอนเบียดกันบนเตียงคงเป็นอะไรที่ไม่น่าอภิรมย์ใจซักเท่าไหร่
 

ผมหยิบสมาร์ทโฟนที่พ่อซื้อให้ในวันเกิดออกมา เเต่ก็ลืมว่าไม่ได้ชาร์จมันไว้ตั้งเเต่เมื่อวาน ผมเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเองเพื่อจะเอาโทรศัพท์ไปชาร์จ
 

เปิดแอร์ไว้ดีกว่าเเฮะ


ห้องผมก็จัดเป็นห้องผู้ชายปกติ เเต่ค่อนข้างที่จะสะอาดเรียบร้อยเพราะผมใช้เวลาส่วนมากอยู่ข้างนอกมากกว่า ผมเดินไปค้นหยิบผ้าห่มผืนบางที่มีสำรองเอาไว้ เพราะถึงเเม้ผมจะไม่ได้เต็มใจให้เขามาอยู่ซักเท่าไหร่ เเต่ก็พามาถึงนี่เเล้วไอฝรั่งนี่ก็เเลดูไม่มีพิษภัยเเล้วก็ดูเหมือนจะเข้าใจด้วยภาษาอังกฤษของผมมันอ่อนด๋อยขนาดไหน


อีกอย่างมันคงอยู่แปปๆ เดี๋ยวก็ไปเเหละ


ผมเดินออกมาข้างนอกพร้อมหมอน ผ้าห่มเเละหมอนข้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องน้ำเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของไอฝรั่งที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพันรอบเอวเท่านั้น ไหล่กว้างอย่างคนที่มีโคร่งร่างใหญ่ กล้ามเนื้อเเขนก็ไม่ดูกล้ามปูเกินไปเเต่ก็ใหญ่เสียจนกลัวว่าถ้าถูกเเขนนั่นฟาดมีสิทธิ์ตายคาที่ กล้ามหน้าอกเป็นมัดไล่ลงมาก็เจอกล้ามเนื้อหกก้อนที่ผมเคยพยายามเเทบตายกว่าจะได้มันมา ไล่ลงมาอีกก็เจอกับเเนวกล้ามเนื้อรูปตัววีที่กระดูกเชิงกราน...


"เอ่อ.."เสียงทุ้มเรียกสติผมอีกครั้ง ผมรีบละสายตาออกจากเขาเมื่อรู้ตัวว่าเผลอจ้องหุ่นของอีกฝ่ายไปเสียนาน

 
หุ่นดีชิบหาย

 
เเละความอิจฉาเล็กๆก็เกิดขึ้นในใจจนอดเบ้ปากออกมาไม่ได้ อันที่จริงผมก็เคยมีนะไอก้อนเนื้อหกก้อน เเต่พอเข้ามาเรียนในกรุงเทพเเละหลงมัวเมาไปกับของกิน(?)เเล้วพอได้งานทำก็อยู่เเค่ที่ร้านเเละคอนโดถึงเเม้จะมีเครื่องออกกำลังกายเเต่เเทบไม่ได้เเตะเลยนี่สิ



"May i borrow your cloths?(ขอยืมเสื้อผ้าหน่อยได้ไหมครับ?)"ไอฝรั่งก็ยังคงพ่นภาษาอังกฤษใส่ ไอผมก็ฟังออกบางคำรู้เเค่ว่าอะไรเสื้อๆเนี่ยเเหละ เลยพยักหน้าเเล้วชี้ไปยังประตูห้องนอน มันเลยค้อมหัวขอบคุณเล็กน้อยเเล้วเดินไป ผมหันมองตามแผ่นหลัง คิดดูหลังยังมองเห็นเป็นมัดๆ ส่วนความกว้างนี่อย่าได้พูดถึงถ้าผมเป็นผู้ชายอกสามศอกผมว่ามันคงเกือบๆสิบศอกได้


แกร็ก

               
ไอฝรั่งมันเดินออกมาโดยที่สวมเสื้อผ้าของผมอยู่ ดีหน่อยที่ผมเป็นคนที่ค่อนข้างชอบใส่เสื้อตัวโคร่งๆมันเลยไม่ได้รัดติ้วจนน่าอึดอัด เขาทำท่าจะเดินไปนอนที่โซฟา ด้วยความเป็นคนดีผมเลยยกมือขึ้นห้าม


"โนๆ มึงอ่ะไปนอนในนู้น"ผมชี้ๆไปยังห้องนอน มันเลิกคิ้วสงสัยก่อนจะส่ายหน้าเเล้วยืนยันที่จะนอนตรงนี้เอง


"ถ้านอน เท้าจะเลยไปอย่างงี้"ผมพยายามใช้ภาษามือในการสื่อสารอีกฝ่าย โดยการนอนลงให้เท้าเลยโซฟาไปเเล้วชี้ๆ ซึ่งเหมือนมันก็เข้าใจเเต่เสือกไม่ยอม


"(ให้ผมนอนนี่เถอะ เเค่นี้ก็รบกวนจะเเย่เเล้ว)"
 

ถึงจะไม่เข้าใจที่เเม่งพูดก็เหอะ เเต่ดูจากท่าทางเเล้วมันคงไม่ยอมไปนอนข้างในเเน่ๆ


ฟรุ่บ
 

ผมเลยทิ้งตัวนอนเอาผ้าห่มคลุมก่ายหมอนข้างหันหัวซุกโซฟาเเม่งเลย


เอาสิ กูยอมนอนเน่าไม่อาบน้ำเลย
 

พอเห็นว่ามันเงียบไปซักพัก ผมก็ผงกหัวขึ้นไปมอง ก็พบว่ามันยืนขมวดคิ้วนิดๆอยู่เหมือนกำลังคิดหนัก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเลื่อนสายตามาสบผม ยกมือขึ้นสองข้างประมาณว่ายอมเเพ้เเล้วจากนั้นก็หมุนตัวเข้าห้องไป ผมเห็นอย่างนั้นเลยค่อยๆชันตัวขึ้นนั่งมองทางประตูห้องอีกทีให้เเน่ใจว่ามันเข้าๆปเเล้ว คว้าผ้าเช็ดตัวเเล้วเดินเข้าห้องน้ำไป


ผมใช้เวลาไม่นานกับการจัดการตัวเองเพราะอยากนอนเต็มเเก่ เเต่ตอนที่จะเดินออกมาจากห้องน้ำก็นึกขึ้นได้

 

"ฉิบหาย ชุดกูอยู่ในห้องนี่หว่า"ผมยืนเกาหัวเเกรกๆ เลยใช้ผ้าเช็ดตัวผันช่วงล่างไว้ก่อนเเล้วค่อยๆเปิดประตูห้องนอนตัวเองอย่างช้าๆ


คนบนเตียงหลับไปเเล้ว หลับโดยที่เปิดโคมไฟข้างหัวเตียงไว้ ซึ่งดีมากๆเพราะมันช่วยให้ผมเห็นสิ่งต่างๆได้ชัดขึ้น ผมหยิบเสื้อผ้าออกจากตู้อย่างเบามือเเล้วก็ใส่เเม่งหน้าตู้เนี่ยเเหละ เเวะหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จค้างไว้หัวเตียง เเล้วหันหลังเดินออกจากห้อง


ฟรึ่บ
 

เหี้ยละ..
 

ผมหันไปตามเสียงที่ดังมาจากฝั่งเตียง  เเล้วก็ต้องรีบเบือนหน้าหนี เอาเเล้วไง เสือกถอดเสื้อนอนอีก


เอ้ะ..เเล้วกูจะเบือนหน้าหนีเหมือนสาวเเรกเเย้มที่เพิ่งเคยเห็นหุ่นผู้ชายทำไมวะ
 

ผมโคลงหัวกับตัวเองเล็กน้อยไล่ความคิดบ้าๆออกไปจากหัว ก่อนจะตรงไปหาโซฟาสุดที่รัก เดินไปเปิดพัดลมเบอร์เเรงที่สุดก่อนจะทิ้งตัวนอน เเละด้วยความล้าไม่นานก็หลับไป


"ฉิบหายยยย!!!!"
 

เสียงกรีดร้องอันโหยหวนปานควายถูกเชือดนี้ไม่ใช่ใครไหนเป็นเสียงผมเอง ผมขยี้หัวตัวเองเเรงๆกับความสะเพร่าที่ลืมไปว่านาฬิกาปลุกเเม่งอยู่ในห้อง เเล้วประเด็นคือวันนี้ผมมีงานไง โอ้ย โดนด่าเเน่ๆกู


เเต่ที่เซอร์ไพรส์กว่าคือการที่ตื่นมาก็พบกับกลิ่นหอมๆของอาหารเช้า เเละเเน่นอนว่าคนที่ทำนั้นคือไอฝรั่งนั้น


"Good...”


"เออ มอนิ่งๆ"ผมขัดขึ้นก่อนที่มันจะพูดจบประโยคโดยไม่ได้หันไปมองมันที่เดินตรงมาเพื่อที่จะมาทักทายเลย มันชะงักไปเล็กน้อย ตอนนี้อารมณ์บ่จอยเว้ย! นอนก็น้อยยังเสือกตื่นสายให้โดนด่าเล่นอีก ไหนจะ...


ฟอด
 

"...!!"

 
ผมหันควับเเบบทันทีทันใดทันควัน ถอยหลังเเบบรัวๆถ้าวาร์ปได้นี่วาร์ปไปเเล้ว ใครใช้ให้จู่ๆมันก้มลงมาหอมเเก้มผมเเบบนี้ล่ะวะ! เป็นใครใครก็ตกใจป้ะ ผมหันมองมันตื่นๆเเต่ก็เเค่รอยยิ้มบางๆกลับมา


"Good morning.(อรุณสวัสดิ์ครับ)"


มอนงมอนิ่งพ่อง!!!!
 

 เท้าผมเเทบกระตุกเสยคางมันไปตามสัญชาตญาณชายเเท้ คิ้วขมวดจนเเทบผูกกันเป็นปม พร้อมกับอารมณ์ที่เริ่มเดือดปุดๆขึ้นมา


ใครจะไปแฮปปี้วะ มีผู้ชายตัวหมีควายมาหอมเเก้มเนี่ย คันมือคันปากยิบๆ


"ฮ่วย! กูไปละ"ถ้าไม่ติดว่ามันฟังผมไม่รู้เรื่องนะผมจัดการด่ายับไปเเล้ว เเต่นี้คือรู้ไงบ่นไปมันก็ไม่เข้าใจ เลยได้เเต่พ่นลมออกทางจมูกเเรงๆหนึ่งทีอย่างสงบสติอารมณ์เเล้วบอกลามัน

 
หมับ


"Breakfast?(อาหารเช้าล่ะ?)"ผมส่ายหัวเเทนคำตอบเเบบไม่หันไปมองอีกฝ่ายเลยซักนิด ปัดมือใหญ่ที่จับเเขนผมไว้ออกเเล้วเดินตรงออกจากห้อง


"Wait!(เดี๋ยว!)"ไอฝรั่งมันเรียกอีกครั้งจับหมับเข้าที่ข้อมือผม เเบบที่ไม่ได้ออกเเรงมาก ผมหันไปมองมันอย่างหาเรื่องเล็กน้อยเเต่ใบหน้าเข้มๆก็ยังคงมีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่


"อะไรอีกล่ะ"


มันไม่ตอบเเละก็ไม่ปล่อยมือออกจากข้อมือผมด้วย ใช้อีกมือเเกะผ้ากันเปื้อนลายหมีน้อยสุดหวานเเหว๋วที่น้องสาวผมมันซื้อมาให้ เเล้วหันมายิ้มให้ผม

 
"Let's go (ไปกันเถอะ)"ผมมองมันงงๆ แต่เเน่นอนว่าอารมณ์คุกกรุ่นในอกยังไม่เลือนหาย


ยังไงก็ต้องไปคุยกับเฮียให้รู้เรื่องเเหละวันนี้!


---------------------------------------


"เฮียยยยยยย!!!!"ผมเปิดประตูห้องทำงานของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าสุดเเรงโดยไม่สนถึงเสียงพี่ๆที่ทำงานว่าอย่าเข้าไป

 
"มีอะไร"คนที่นั่งทำงานทั้งคืนถามเสียงนิ่ง วางปากกาในมือเสียงดังเงยหน้าขึ้นพร้อมทั้งเสยผมยุ่งๆขึ้นไปอย่างลวกๆ

 
โอโห นี่เฮียคิดว่าตัวเองเป็นนายเเบบหรือวะ


"เฮีย!เอาไอหมีนี่กลับไปเลย!"ผมรีบกลับเข้าเรื่อง หันไปลากเเขนไอฝรั่งขี้นกที่ยืนอยู่หน้าประตูข้างหลังผม ผมละคำว่าควายไว้ในใจเพื่อความสุภาพแก่ผู้เป็นนาย
 

"หมี?"
 

"ก็ไอฝรั่งนี้ไง!"เเล้วดันหลังมันเบาๆให้เห็นกันไปชัดๆ

 
"Yo"มันยิ้มบางๆตามเเบบฉบับเเล้วยกมือทักคนเป็นเพื่อน
 

"อยู่กับมันไม่ได้รึไงธีร์? นี่ก็ถือเป็นงานนะฉันมีค่าเหนื่อยให้นายเพิ่มด้วย"โคลด์ไม่ได้ทักกลับ เขาหันมาพูดกับผมเเทนด้วยสีหน้าเเละน้ำเสียงที่จริงจัง
 

"ก็มัน..!"ผมทำท่าจะเเย้ง ตอนเเรกก็ว่าโอเคเพราะมันก็ไม่ได้เรื่องมาก ถึงคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องก็เถอะเเต่ถ้าต่างคนต่างอยู่ก็โอเค เเต่เพราะเมื่อเช้ามันทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไป

เเม่งโคตรไม่ปลอดภัยเลย!


"มัน?"
 

"ฮ่วย! เอาเป็นว่าผมไม่โอคะ..เค..เอ่อ.."ผมที่ต่อต้านเต็มที่เริ่มเสียงเเผ่วลงมองหน้าคนข้างตัวที่พูดขัดขึ้นมา

 
"I'm sorry.(ผมขอโทษ)"
 

อย่ามาทำหน้าสำนึกผิดเหมือนหมาหงอยอย่างนี้ได้ไหม หางลู่หูตกซะกูไปไม่เป็น
 

"โว้ย บักง่าวนี่"สุดท้ายก็ได้เเต่บ่นงึมงำกับตัวเอง เเล้วเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดออกจากห้อง


"ธีร์"

 
"ครับ"ผมหันไปขานรับด้วยน้ำเสียงสุภาพ ถึงผมจะเป็นคนโผงผางตรงไปตรงมาเเต่บอกเลยว่าผมมีมารยาทนะเห้ย งานเป็นงาน ถึงเมื่อกี้จะใจร้อนลืมเคาะประตูก่อนเข้ามาก็เถอะ


"เอาทอยลงไปด้วย"

 
"ครับผม"ผมรับคำ หันไปยิ้มบางๆให้กับน้องทอยสุดน่ารักของผม(?)ซึ่งน้องเขาก็ยิ้มตอบก่อนที่จะลุกเดินตามผมมา

หลังจากที่ทำเมนูง่ายๆให้น้องเขา เพียงไม่นานเฮียก็เดินลงมาทั้งยังมีไอหมีควายเดินมาไม่ห่าง เเละทันทีที่ลงมาถึงเฮียก็จัดการลากสุดที่รักผมไป เเต่น้องเขายังไม่วายหันมาค้อมหัวเเล้วยิ้มให้


ผมมองข้าวผัดที่พร่องไปเกือบครึ่งชาม  ก่อนจะลงมือกินต่อ อ๊ะๆ ผมไม่ถือเรื่องกินของเหลือจากคนอื่นหรอกนะ ตราบใดที่มันยังกินได้ไม่ได้ลงไปอยู่กับพื้นผมก็ไม่ถือหรอก อีกอย่างครอบครัวผมก็สอนมาอย่างนี้ ไร่นาเราก็ทำเองปลูกเอง พอจะทิ้งก็ทำไม่ลงจริงๆถือว่าเป็นข้าวเช้าละกัน

 
โครกกก

 
แน่นอนว่านี้เป็นเสียงท้องร้อง เเต่ประเด็นคือมันไม่ใช่ของผม ผมหันไปหาคนที่ยืนค้ำหัวผมอยู่ มันยิ้มเเห้งๆเกาหัวเเกร็กๆ
 

"หิวหรอ"


คำถามโง่มากเลยกู ท้องเขาร้องดังปานฟ้าถล่มขนาดนั้นไม่หิวมั้ง


มันทำหน้างงๆใส่ ก็เเน่เเหละมันฟังภาษาไทยรู้เรื่องที่ไหน ผมเลยยิ้มน้อยๆ เเต่อย่าคิดว่าผมลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า จริงๆคือหายเคืองไปเเล้วน่ะเเหละตอนนั้นมันเเค่ตกใจเฉยๆ ยังไงผมก็เป็นพวกไม่คิดมากอยู่เเล้วด้วย


"ซิทเลยซิท เดี๋ยวไอไปทำให้กิน"ผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะกดไหล่มันให้นั่งลงบนเก้าอี้ตรงเคาท์เตอร์ มันก็ยอมนั่งลงเงยขึ้นมามองผมเหลอหลาซึ่งผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เดินไปหลังร้านโดยไม่ลืมหยิบจานเปล่าที่ผมจัดการกินข้าวผัดไปเมื่อกี้ด้วย


ผมเดินออกมาพร้อมกับจานข้าวพัดหน้าตาเดิมสูตรเดิมออกมาอีกครั้ง กลิ่นหอมๆคงเรียกความสนใจจากคนตัวใหญ่ที่นั่งก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์อยู่ให้เงยขึ้นมามอง

 
 เเล้วยิ้ม


ยิ้มที่ไม่ได้กว้างมาก เเต่ก็ทำให้ดูดึงดูดสายตาได้อย่างน่าประหลาด


"Thanks.(ขอบใจ)"มันมองจานข้าวที่ถูกวางตรงหน้า ก่อนจะเงยขึ้นมายิ้มให้อีกทีพร้อมกล่าวขอบคุณ


ผมว่านะ มันต้องบ้าเเน่ๆคนอะไรยิ้มได้ยิ้มดี ยิ้มทั้งวัน ยิ้มเเบบไม่เมื่อยปาก ยิ้มไม่กลัวกรามค้าง เเต่ที่เเย่สุดคือ
 

ผมดันยิ้มตามเนี่ยสิ

 
ยิ่งมันกินเอาๆราวกับว่าข้าวผัดธรรมดาๆมันอร่อยมากนัก ยิ่งทำให้หุบยิ้มไม่ลง

 
"เอ้าเห้ย! ร้านจะเปิดเเล้วเว้ย! มายืนยิ้นน้อยยิ้มใหญ่อะไรไปทำงานๆ"ผมถึงกับสะดุ้งหุบยิ้มปรับสีหน้าเเทบไม่ทัน เมื่อพี่เต้เจ้าเก่าเจ้าเดิมยื่นหน้าออกมาจากหลังร้านเเล้วเรียกเสียงดัง เเต่ดีที่ว่าเสามันบังหัวไอฝรั่งนี้มันพอดีพี่เเกเลยมองไม่เห็นไอคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
 

"โทษทีพี่ๆ"


"เเล้วเมื่อกี้ทำไร ยิ้มหน้าบานเชียวนะมึง" พี่เต้หันมาถาม ตาเรียวเล็กเสียจนมองเเทบไม่เห็นหรี่ลงอย่างจับผิดทั้งยังยิ้มล้อๆ

 
"ไม่มีไรมากหรอกพี่ พอดีเกรดตัวนึงเพิ่งออกมาน่ะ" ผมก็เเถไปเรื่อย ถึงจะรู้ว่าเป็นคนโกหกไม่เก่งก็เถอะ เเต่ครั้งนี้พี่เต้นักจับผิด(เสือก)กลับเชื่อซะงั้น


"เห้ย! เกรดดีหรอวะ!"


"ไม่ดีพี่"


"เอ้า! เเล้วเสือกดีใจ"พี่เเกถึงกับกลอกตาเป็นเลขเเปด ผมหัวเราะน้อยๆก่อนจะยิ้มเเล้วพูดด้วยความฉะฉาน


"ได้เอต่างหาก"ว่าแล้วก็ยักคิ้วให้ซักสองที
 

"โห ไอห่าธีร์กูลืมไปว่ามึงเเม่งโง่ทุกอย่างยกเว้นเรื่องเรียน หมันไส้ว่ะ!ถ้าไม่ติดว่าช่วงนั้นกูติดหญิงนะป่านนี้กูจบไปละ"ว่าเเล้วก็วกเข้าปัญหาชีวิตของพี่เขาเองโดยที่ผมไม่ได้ถาม ร่างโปร่งถอนหายใจเเรงๆเเล้วก็เริ่มบ่นเรื่องเดิมๆที่ผมเคยฟังมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งเเล้ว


"เออไอธีร์วันนี้คุณโคลด์เขาบอกว่าวันนี้แกไม่ต้องทำงานที่ร้านเเล้วนะ"เหมือนสวรรค์มาโปรดเมื่อพี่ฟาง พี่คนนึงในร้านเดินเข้ามาขัดคนที่กำลังยืนอู้งานพล่ามยาวๆ

 
เเต่เดี๋ยวนะเดี๋ยว


"ห้ะ!? อะไรนะพี่ เห้ย!ไม่จริงอ่ะ นี่..นี่..นี่ผมถูกไล่ออกเเล้วหรอ ไม่นะไม่ เเล้วผมจะไปหางานไหนทำอ่ะค่าเทอมผมก็..."


"หยุดเลยไอธีร์ หยุด"พี่ฟางยกมือขึ้นมาขัดผมที่กำลังสติเเตก
 

เห้ย! นี่จริงจังนะ ดูจากรูปประโยคนี่มันไล่ออกชัดๆนี่หว่า


"เขาบอกว่าให้ไปช่วยดูเเลเพื่อนเขา"
 

"ทำไมต้องเป็นผมอีกเเล้วอ่ะ มันก็มีมือมีตีนนะพี่ ตัวก็โตควรดูเเลตัวเองได้เเล้วป้ะ"ผมเเย้งด้วยเหตุผล เหลือบไปมองคนที่น่าจะก้มหน้าก้มตาทำอะไรอยู่ซักอย่างเพราะผมไม่เห็นหัวน้ำตาลๆทองๆของมันโผล่พ้นเคาท์เตอร์บาร์มาเลยซักนิด


"ไม่รู้ว่ะ เเต่แกก็ทำๆไปเถอะ สบายกว่าทำที่ร้านอีกเงินดีกว่าด้วยนะ "


"แต่ผมชอบงานที่ร้านมากกว่า อีกอย่างผมคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง เเล้วมันก็ไม่มีเวลาที่เเน่นอนเลยซักนิดว่าผมต้องดูเเลมันนานเท่าไหร่"ผมว่าเสียงจริงจัง


"เอางี้ไหม?"จู่ๆคนที่ไม่มีบทพูดอย่างพี่เต้ก็เเทรกขึ้นมา เเล้วยื่นหัวมากระซิบใกล้ๆผม ผมพยักหน้ารับหงึกหงักเเล้วคิดตามไปเรื่อยๆ ก่อนจะเผยยิ้มออกมาเเล้วชูนิ้วโป้งให้พี่เขา



วิธีนี้ก็ไม่เลวเเหะ...







หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.0] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-05-2016 23:02:11
 :-[

วิธีอะไร เต้จงบอก!!!!!!
********

เปิดมาอย่างฮา กั่กๆ

แปดโยด > โยชน์  :jul3:
มีเพียงไฟสีส้มไม่กี่ดวงตา > ต้องตัด ตา ออกไหมคะนี่??
ใช้ผ้าเช็ดตัวผันช่วงล่างไว้ > พัน
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.2] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 16-05-2016 22:32:38
 

Chapter 2


| Me too




ผมเดินออกมาจากหลังร้าน ออกมาหาคนที่นั่งชะเง้อชะเเง้เหม่อนมองหาบางอย่างอยู่ที่เดิม เเต่เเตกต่างจากเดิมตรงที่ว่าจานที่เคยพูนไปด้วยข้าวกลับว่างเปล่า

พอผมเดินเข้ามาใกล้ไอฝรั่งมันหันมาเจอก็เผยยิ้มออกมา

 
ผมก็ยิ้มตอบ ใจก็คิดถึงเเผนการที่ได้ฟังมาเมื่อครู่ซึ่งก็ไม่ได้เเย่อะไร พี่เต้นี่ฉลาดจริงอะไรจริงวุ้ย

 
ผมเดินไปหามันด้วยความมั่นใจฉีกยิ้มกว้างให้ พร้อมเอ่ยประโยคที่ท่องไว้ในใจหลายสิบรอบด้วยความมั่นใจอย่างสุดซึ้ง

 
.

 
.


.
               

"เมื่อกี้มึงบอกอะไรมันวะเต้"ฟาง หนุ่มไม่น้อยวัยครึ่งห้าสิบ เจ้าของใบหน้าดุดิบเถื่อนต่างจากชื่อเล่นราวฟ้ากับเหวเอ่ยถาม


"ไม่มีไรหรอกพี่ ฮ่าๆ"ไอคนเด็กกว่าหน่อยก็ตอบปัด หัวเราะร่าอย่างที่คนฟังต้องหรี่ตามอง


"โคตรไม่น่าเชื่อถือ มึงนี่ก็หาเรื่องไปแกล้งน้องมันได้ทุกวี่ทุกวัน"ฟางส่ายหัวกับนิสัยขี้เเกล้งที่รักษาไม่หาย


"โอ้ยพี่! ดูมันดิน่าเเกล้งจะตาย พูดอะไรก็เชื่อไปหมด ฮ่าๆๆ"
 

"เออๆอันนั้นไม่เถียง สรุปว่าเมื่อกี้ให้มันทำอะไรวะ"
 

"เเค่บอกให้มันไปบอกฝรั่งนั้นว่าตัวเองเป็นเกย์เอง ฮ่าๆๆๆ"

 

 
-------------------------------------



"เป็นไรวะธีร์มานั่งทำหน้าเหมือนอยากตายขนาดนี้"


"พี่ฟาง.."ผมเรียกเอ้ยชื่ออีกฝ่ายมาอย่างเเผ่วเบา หันมองหน้าพี่เขาด้วยสีหน้าที่ตัวเองก็ยังบอกไม่ถูก นี่หน้ากูดูอมทุกข์ขนาดนั้นเลยหรอวะ


"เกิดไรขึ้น เเล้วเพื่อนคุณโคลด์ล่ะ"

 
"ไล่ไปแล้ว"
 

"อ้าว! ทำไมล่ะ วันนี้ต้องไปเป็นไกด์ให้เขาไม่ใช่หรอ"ผมได้เเต่ถอนหายใจหนักๆเเทนคำตอบ เเล้วฟุบลงไปกับโต๊ะใช้คางท้าวโต๊ะไว้เเล้วตอบเสียงอ่อย


"เพราะแผนของพี่เต้นั่นเเหละ"


"หืม..เเล้วเป็นไงเขาว่าไง"พี่เขาคงจะรู้เเล้วสินะว่าเเผนที่ว่าคืออะไร ผมมองหน้าที่รกรุงรังไปด้วยหนวด ถึงจะเป็นคนหน้าตาเถื่อนๆก็เถอะ เเต่จริงๆพี่เขาโคตรคนดีเลยตั้งเเต่ผมมาทำงานพี่เขาก็คอยช่วยตลอด


"มีทู"


"ห้ะ?"


"เขาตอบว่า 'มีทู' "

 
สิ้นคำตอบผมเท่านั้นเเหละ พี่เขาก็เงียบไปพักนึงด้วยสีหน้าเงิบๆ เเน่นอนว่าศัพท์นี้ วลีนี้เด็กอนุบาลยังเข้าใจ ตอนเเรกที่ได้ยินผมก็เงิบไม่ต่างกันจากยิ้มๆด้วยความมั่นใจว่ามันต้องรับไม่ได้เเล้ววิ่งเเจ้นไปบอกเฮียว่าอยู่กับผมไม่ได้เเต่มันกลับตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเหมือนโล่งใจ

 
มีทู...


นอกจากแผนที่วางไว้จะล้มไม่เป็นท่า ยังกลับกลายเป็นว่ามันดันเป็นแทนนี่สิ

 
พลาดแล้ว ไม่พรากธรรมดา โคตรพลาดอ่ะบอกเลย


"เเล้วเราเอาไงต่อ"

 
"ไม่รู้อ่ะพี่ ตอนนี้เเบบหัวมันโล่งมาก"ผมขยี้หัวตัวเองเเรงๆ นี่มันหาเรื่องให้ตัวเองชัดๆเลย ก็ไม่ได้รังเกียจหรอกถ้าไอหมีควายนั่นจะเป็น เเต่พอคิดว่าต้องอยู่ด้วยกันมันก็อดขนลุกซู่ซ่าไม่ได้อยู่ดี


ผมยังห่วงตูดผมอยู่นะเห้ย!


"เอ้าๆ เหาขึ้นไงมึงอ่ะ อย่าเอามาเเพร่เเถวนี้นะเห้ย"เสียงเหาหอนนี่ก็ยังไม่พ้นพี่เต้เจ้าเก่าเจ้าเดิมเพิ่มเติมคือหมาในปาก ผมมองเขาด้วยหน้านิ่งๆเเต่ก็อดจะมุ่ยหน้าออกมาหน่อยๆไม่ได้


"เพราะพี่นั่นเเหละ แผนบ้าแผนบออะไรไม่รู้"


"อะไรๆ เกิดไรขึ้นวะ"พี่เต้เเทบจะเปลี่ยนทิศทางไม่ทัน จากตอนเเรกที่จะไปเปิดร้านเเต่พอเห็นหน้าไม่สบอารมณ์ของรุ่นน้องก็อดที่จะอยากรู้(เสือก)ไม่ได้
 

"เฮ้ออออ ผมไปละ"


ผมซึ่งขี้เกียจตอบคำถามจึงลุกขึ้นไม่สนใจเสียงรอบข้างที่ยิงคำถามใส่รัวๆเเล้วเดินออกจากร้าน มือก็เกี่ยวป้ายหน้าร้านให้กลับด้านบ่งบอกว่าถึงเวลาเปิดร้านเเล้วอย่างรู้หน้าที่
 

ตอนนี้ที่คิดได้อย่างเเรกเลยคือผมต้องไปแก้ข่าวเรื่องเมื่อกี้ซะก่อน ตอนเเรกที่พูดไปเพราะไม่ทันคิดว่าถ้ามันเกิดรับได้จะเป็นยังไงต่อ

 
ผมเดินออกมานอกร้านมองซ้ายขวา นี่ผมไม่ได้โดดงานนะ ก็ตอนเเรกเฮียก็กะให้ผมไปดูเเลไอหมีควายนั่นอยู่เเล้วนี่..
 

เอี๊ยดดด!!!

 

"อยากตายรึไงวะ!!"

 

ผมหันไปตามเสียงเเละก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อไอคนที่ผมตามหากำลังยืนยิ้มให้กับคู่กรณีคนไทยที่พูดออกมาเสียงดังลั่น
 

เขาด่ามึงอยู่นะ ยังจะไปยิ้มให้อีกให้ตายเถอะ


เเละเหมือนคนต่างถิ่นต่างเเดนจะไม่เข้าใจอะไรซักอย่างยืนยิ้มค้างอยู่เเบบเดิม จนคนที่ยืนด่าเเทบจะกระชากเข้าไปต่อยเพราะคิดว่ามันกวนตีน

 
"เห้ยๆพี่ใจเย็นๆ"ผมเข้าไปห้ามทัพได้ทันยกมือปรามทั้งสองฝ่าย พี่เขายอมละหมัดที่เตรียมเหวี่ยงใส่หน้าหล่อๆเเต่ใบหน้ายังคงบูดเบี้ยวไปด้วยอารมณ์โกรธ


"น้องรู้จักมันใช่ไหม บอกมันด้วยว่าถ้าอยากตายให้กลับไปตายประเทศตัวเอง เดี๋ยวแผ่นดินเรามันจะเปื้อน!"คนพูดกระเเทกเสียงเน้นๆ ก่อนจะหมุนตัวขึ้นรถที่จอดค้างไว้ ปิดประตูเสียงดังเเล้วคงจะเหยียบคันเร่งสุดเเรงเกิด
 

"มึงนี่นะ.."ผมหันมามองไอตัวปัญหา
 

อ่าว หายไปไหนเเล้ววะ

 
"There..there.. It's gonna be okay boy.( โอ๋ๆ ไม่เป็นไรเเล้วนะ)"เสียงทุ้มคุ้นหูดังออกมาจากอีกฟาก ผมขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อมองไปยังสิ่งที่อยู่ในอ้อมเเขนเเกร่งของอีกฝ่าย


หมา?


ไปเอาหมาใครมาวะ เเถมยังอุ้มขึ้นมาเเนบอกเหมือนต้องการปลอบ เเต่เดี๋ยวนะ..
 

"เห้ย! เลือดมันออกไม่ใช่รึไง!"


ผมปรี่ไปหาอีกฝ่ายทันทีด้วยความตื่นตระหนก เลือดสีข้นไหลไม่หยุดออกมาจากขาหลังของมันจนเลอะเสื้อเชิร์ตสีสว่างของไอฝรั่งไปหมด


เเต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ตกใจอะไรเลย กลับลูบหัวหมาไทยหลังอานตัวนั้นเบาๆเเล้วคอยพูดกับมันตลอดเหมือนปลอบ


"หงิง.."เเถมมันยังครางหงิงๆซุกหน้ากับอกเเกร่ง
 

ทำไมกูเห็นออร่าเเบบส้มๆชมพูๆมาจากสองตัวนั้นวะ ผมสะบัดหัวน้อยๆไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว ตอนนี้ต้องทำไงดีล่ะ คิดสิไอธีร์

 
"Clinic?(คลินิก?)"


"เออใช่! เเถวนี้..เอ่อ..อ้อ! ตามมาๆ"พอนึกออกผมก็กวักมือให้มันตามมา เเถวนี้ถ้าจำไม่ผิดซอยข้างๆจะมีอยู่ ผมเดินตรงเข้าไปในซอยข้างร้านเฮียเเล้วเดินผ่านตรอกเล็กๆเพื่อทะลุไปอีกซอยเเละก็ต้องโล่งใจที่มันมีอยู่จริงๆ
 

.

 

.
 

.


.


"ห้ะ! หมอไม่อยู่!!!"

 
"ค่ะ..คือว่าวันนี้คุณหมอมีนัดไปตรวจข้างนอกน่ะค่ะ อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงจะกลับ"พนักงานสาวผู้รับหน้าอยู่ด้านหน้าตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดี


"เเล้วถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเเบบนี้ขึ้นมาคุณจะทำยังไง จะปล่อยให้มันตายรึไง"ผมกระชากเสียงเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ


หมอไม่อยู่? หมอไม่อยู่เนี่ยนะ! ทั้งคลีนิกหมอมันมีคนเดียวรึไงวะ ถึงจะมีคนเดียวก็เถอะเเต่คนอื่นๆมันก็ควรจะทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่มายืนบอกหมอไม่อยู่ๆเเบบนี้
 

ผมหันไปมองอีกคนที่มีสีหน้าไม่ต่างจากผม คิ้วพาดเฉียงถูกกดลงหนักกว่าเก่ายามที่หันมามองหน้าผมเหมือนไม่เข้าใจ


ไม่เข้าใจที่กูพูดล่ะสิ



"มีใครพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง" ผมพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกเเรงๆเหมือนที่ชอบทำเวลาจะสงบสติอารมณ์


"กะ..ก็พอได้ค่ะ"



"งั้นไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ไอนั่นที"ผมชี้ไปทางไอฝรั่งที่ในอ้อมอกยังมีหมาน้อยหายใจรวยรินอยู่ ถึงผมจะไม่ค่อยชอบหมาเเต่ก็ไม่ได้เกลียดจะปล่อยให้มันตายๆก็ใช่เรื่อง


พนักงานสาวก็พยักหน้ารับรีบปลีกตัวไปคุยเเละชี้เเจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเต่ไอฝรั่งหมีควายเพียงเเค่พยักหน้ารับหน้าเครียดไม่มีการโวยวายหรือเเสดงความไม่พอใจ เพียงเเค่ไม่มีรอยยิ้มอ่อนประดับเหมือนอย่างเคย


"ขอยืมอุปกรณ์หน่อยได้ไหมครับ?"


"คะ?"
 

"เดี๋ยวผมจะจัดการเอง"


"เเต่คุณ.."

 

"นี่ครับ เท่านี้ก็โอเคเเล้วใช่ไหม"ผมพยายามเงี่ยหูฟัง เเต่เเน่นอนว่าถึงได้ยินก็ฟังไม่ออกเลยเลือกมองท่าทางของทั้งสองคนเเทน จนกระทั่งไอหมีมันควักบัตรบางอย่างขึ้นมาจากนั้นพนักงานก็เบิกตากว้างเล็กน้อย เเล้วรีบนำทางเขาไปข้างใน


"อะไรของมันวะ"ผมบ่นพึมพำเดินตามเข้าไป เเต่ก็ถูกพนักงานที่เหลือเข้ามาขวางซะก่อน


"ทำไมผมจะเข้าไม่ได้ ทีไอฝรั่งนั่นยังเข้าไปได้เลย"ผมขมวดคิ้วไม่พอใจเข้าไปใหญ่ เหลือบมองหลังกว้างๆที่เพิ่งเลี้ยวเข้าห้องๆนึงที่เขียนว่าห้องผ่าตัด



เห้ยๆ หมอไม่อยู่ไม่ใช่รึไง



"เหมือนว่าเขาจะเป็นสัตวเเพทย์นะคะ"พนักงานสาวอีกคนตอบ

 

"อ่อหรอ.."ผมตอบกลับด้วยความเร็วเเสงก่อนที่สมองน้อยๆจะได้ประมวลผล.. เดี๋ยวนะเดี๋ยว

 

"เห้ย!!"

 

เยดโด้! หมอ! มันเป็นหมอ! ถึงเเม้จะเป็นหมอหมาก็เถอะ เเต่ดูจากบุคลิกท่าทางก็ให้อยู่นะ เเล้วพอมาคิดๆย้อนดูเเล้วที่มันไปยืนยิ้มจนเกือบโดนต่อยหน้าเพราะช่วยไอหมานี่มันก็คงจะรักสัตว์โคตรๆ



"แปลว่าน้องก็เพิ่งรู้หรอคะ อยู่ด้วยกันมานานรึยัง"พี่พนักงานคนเดิมถาม ผมเลยได้เเต่ถอยมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่้ขาจัดไว้สำหรับให้คนนั่งรอ
 

"ไม่นานมานี้เองครับ"


"เเล้วปกติเขาเป็นคนยังไงหรือ"พี่คนเดิมค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างตัวผม พร้อมส่งรอยยิ้มหวานให้ ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไรก็ตอบๆไป
 

"ไม่รู้สิครับ เเต่คนดีพอตัวเลยเเหละ"



"เเล้วเขามีเเฟนรึยัง"



"อันนี้ผมก็ไม่รู้เเหะ..คงต้องไปถามเขาเอง"ผมเกาหัวเเกรกๆเพราะไม่รู้จะตอบอะไรดี



ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ พี่พนักงานสาวที่ใบหน้าเเต้มไปด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะก็ชวนคุยไปเรื่อย ซึ่งส่วนมากจะถามเรื่องของไอฝรั่งหมีควายนั่น ผมก็ได้เเต่ยิ้มเเห้งเพราะไม่รู้จะตอบอะไรดี


ตึก

 

เสียงฝีเท้าหยุดกึกทำให้ผมต้องหันไปมอง


ไอฝรั่งหมีควายมันเดินออกมา ตาก็มองมาทางผมกับพี่พนักงานเเล้วจากนั้นก็เสหน้าไปอีกด้าน ใบหน้าคมเข้มเเบบชาวตะวันตกไม่ได้มีรอยยิ้มบางประดับเเบบเดิมมันทำให้ใจผมกระตุกวูบ

 
เเล้วไอหมาตัวนั้นล่ะเห้ย


"ตอนนี้น้องปลอดภัยเเล้วนะคะ เเต่คงต้องให้อยู่ที่นี่รักษาอาการก่อนประมาณสองถึงสามวัน"จากนั้นเสียงผู้หญิงก็ดังออกมาจากร่างของไอฝรั่ง ไม่สิ..คนที่อยู่ข้างหลังมากกว่า

 

"เเล้วค่ารักษา.."

 

"ทางเราจะไม่คิดค่ารักษาใดๆค่ะ อย่างที่น้องบอกพวกเราทำงานผิดพลาดกันเอง"ผมยิ้มเเห้งๆให้พี่พนักงาน ตอนนั้นเผลอไปว่าเขาด้วยอารมณ์ล้วนๆ

 
ผมที่ยังมีมารยาทอยู่เลยค้อมหัวกล่าวขอบคุณพี่เขาก่อนจะพาร่างสูงเดินออกมาข้างนอก เราไม่พูดไม่จากันเหมือนปกติ เพราะถึงพูดกูก็ไม่เข้าใจ



"เอ่อ.."มันเป็นฝ่ายส่งเสียงออกมาก่อน ผมหันไปมองคนที่เดินตามหลัง เห็นมันจับเสื้อสีเข้มที่เปื้อนเลือดเเล้วสะบัดๆเล็กน้อย

 

ก็ว่าทำไมตอนเดินมาคนมองกันจัง สงสัยคิดว่าพวกเราไปฆ่าใครตายล่ะมั้ง


"ถอดๆ เดี๋ยวไปซื้อให้ใหม่"ผมก็พูดไปงั้นๆ เพราะสุดท้ายก็เป็นผมเองที่เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตให้มัน มันผงะเล็กน้อยเเต่ก็ไม่ได้ปัดมือผมออกปล่อยให้ผมปลดลงมาเรื่อยจนถึงเม็ดสุดท้าย ผมก็กระชากเสื้อมันออกเเล้วโยนไปในกองขยะเเถวๆนั้นโดยลืมคิดไปว่าเสื้อที่มันใส่อยู่คือเสื้อผม..
 


อ่าวเห้ย!! เสื้อกูนี่หว่า!!

[/size]
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.0] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-05-2016 22:54:32
สั้นจุงงงงงง

แล้วใครจะรับเลี้ยงน้องหมาล่ะนี่ เลี้ยงที่ร้านได้ไหม?

 :กอด1:

ธีร์นี่มีแต่คนเอ็นดูนะ  :-[
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.0] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 16-05-2016 23:15:01
เเล้วจะคุยกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย555555
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.0] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-05-2016 05:53:22
น่าน....ธีร์ไปปลดกระดุมเสื้อหมีควายซะด้วย :katai1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.3] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 19-05-2016 19:43:44
 


Chapter 3

| Those charming eyes



"I'll buy a new ones for you (เดี๋ยวฉันซื้อคืนให้นะ)" เหมือนเขาจะอ่านใจผมออก ผมเลยได้เเต่ตวัดสายตาไปมองคนที่ยืนเปลือยท่อนบนอยู่ คือเเบบอย่างกับหลุดออกมาจากนิตยสารถึงเเม้ว่าฉากหลังตะเป็นกองขยะเหม็นเน่าก็ตาม


เเละก็เช่นเคย..กูฟังไม่รู้เรื่อง..


เลยได้เเต่พยักหน้าส่งๆ เดาได้ว่าคงไม่พ้นเรื่องเสื้อเมื่อกี้ เเต่จริงๆเเล้วผมก็ไม่ได้อะไรหรอกปกติผมใส่ตัวละร้อยสองร้อยอยู่เเล้วเเค่ตอนนั้นมันเพิ่งนึกขึ้นได้เลยตกใจไปนิด


 เเถวนี้ก็เป็นตึกเเถวยาวเหยียดซึ่งส่วนมากชั้นล่างเขาก็จะเปิดเป็นร้านขายนู่นนี่กัน เเละก็โชคดีที่ตอนนี้เวลาก็ล่วงลับมาพอสมควร เลยทำให้สองข้างทางเริ่มมีร้านออกมาตั้งแผงลอยกันประปราย เเละอีกไม่นานก็คงกลายเป็นตลาดนัดยามเย็นซึ่งมันจะทำให้ผมสามารถหาเสื้อให้มันได้ง่ายขึ้น


เเต่...ความโชคดีมักมีความโชคร้ายแฝงอยู่เสมอ พอตลาดนัดเปิดปุ๊บผู้คนมากมายก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาอย่างกับเขื่อนเเตกจนไม่น่าเชื่อว่าคนเยอะๆเเบบนั้นสามารถยัดมาอยู่ในซอยที่ไม่ใหญ่มากเเบบนี้ได้ไง


เเล้วคิดว่าไงล่ะครับ พอคนเยอะปุ๊ป ไอคนตัวสูงใหญ่หน้าคมเข้มผิวขาวขนดกตาสีน้ำข้าวยืนเปลือยท่อนบนโชว์ซิกเเพคให้ประชาชีคนไทยเห็นกันทั่วทั้งบาง ทำเอาคนที่เดินจับจ่ายซื้อของกันอยู่หันมามองอย่างสนใจบ้าง ชี้บ้าง ซุบซิบบ้างอย่างกับเห็นของเเปลก


บางคนนี่อาการหนักหน่อยถึงกับควักโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป


"รออยู่นี้นะ เอ่อ..เวดอะมินิทเดี๋ยวไอมา"ผมบอกอีกคนเมื่อเริ่มรู้สึกว่าผู้คนรอบกายเริ่มหนาเเน่นขึ้นเรื่อยๆ เเล้วเดินออกมาอย่างไม่รอคำตอบ


ผมพยายามเบียดเสียดเเทรกๆผู้คนออกไป ตาก็คอยสอดส่องร้านขายเสื้อ


นั่นไง!


สองขาก้าวเร็วๆเท่าที่ทำได้เมื่อพบเป้าหมาย มันเป็นร้านที่ตั้งเหล็กขึ้นมาคล้ายๆซุ้มเเล้วใช้ผ้าใบคลุม รอบๆก็มีเสื้อผ้าเเขวนอยู่


"แฮ่ก..พี่ครับมีเสื้อที่ผมพอจะใส่ได้บ้างไหม"


"ก็มีเเถวๆตรงนั้นอ่ะน้อง ลองดูๆละกัน"พี่เจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นมามองพินิจรูปร่างผมปราดเดียวก็ชี้ไปที่เสื้อเเถวล่างสุดด้านขวาที่ถูกเเขวนไว้

ทั้งร้านเป็นเสื้อยืดฉะนั้นเอาหลวมไว้ดีกว่าคับเพราะอีกฝ่ายก็ตัวหนากว่าผมนิดหน่อย ผมหาเสื้อยืดสีเข้มๆเพราะคงต้องมีเลือดติดอยู่บ้างตามตัวเขานั่นเเหละ


"เท่าไหร่ครับพี่"ผมเลือกหยิบเสื้อยืดคอวีสีเข้มตัวใหญ่มาตัวหนึ่ง


"ร้อยเก้าเก้าครับน้อง"


"แปปนะครับ"ผมบอกพี่เขา ล้วงมือควานหาสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ากระเป๋าตัง คิ้วหนาทั้งสองข้างเริ่มเคลื่อนเข้ามาใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อเม็ดเป้งเริ่มผุดมาตามไรผมเมื่อรู้สึกถึงลางสังหรไม่ค่อยดี


เเละมันก็เป็นอย่างที่คิด ผมลืมหยิบกระเป๋าตังมา


ซึ่งเท่ากับว่าผมต้องลืมมันไว้ตั้งเเต่เช้าโดยที่ไม่ได้เอามาจากห้องด้วยซ้ำตอนขามาผมนั่งเเท็กซี่มาพร้อมกับไอหมีควายนั่นซึ่งตอนจ่ายตังมันดันเเย่งผมจ่ายทั้งหมดซึ่งมันคงคิดว่าขาไปเมื่อคืนผมจ่าย มันเลยจ่ายบ้างตามมารยาทล่ะมั้ง


"พี่ครับเดี๋ยวผมมาจ่ายทีหลังได้ไหมอ่ะ"


"ได้ไงล่ะน้อง ถ้าเงินไม่มาของก็ไม่ไปเกิดน้องเบี้ยวขึ้นมาพี่ไม่เเย่หรอ"หน้าหนวดๆเงยขึ้นมาว่าเสียงเข้ม เเต่ผมก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ


"นะพี่นะ ผมไม่เบี้ยวเเน่นอน"


"ไม่ก็คือไม่น้อง ถ้าไม่มีตังก็ออกไปเถอะ"พี่เขาโบกมือไล่ ผมได้เเต่ยิ้มเจื่อนเตรียมอ้าปากตื๊ออีกรอบ


"นี่ครับพี่"


หือ?


"เอ้า! พี่เรน!" ผมหันไปขานชื่อคนที่ยื่นเงินออกมาจ่ายเเทน รุ่นพี่ตัวสูงดีกรีเดือนคณะที่เป็นทั้งรุ่นพี่คนสนิทที่พ่วงต่ำเเหน่งพี่ชายข้างบ้านเมื่อสมัยเด็กยืนยิ้มน้อยๆพร้อมกับยกมือขึ้นทักทาย


"เออพี่เอง เเล้วมาซื้อของอีท่าไหนไม่เอาเงินมาด้วยวะ"ผมได้เเต่ยิ้มเเห้งเกาหัวเเกรกๆ ซึ่งคนมองก็หัวเราะออกมาเบาๆ


"เดี๋ยวผมคืนพี่ที่มอนะ พรุ่งนี้พี่มีเรียนรึเปล่า"


"ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยได้เข้ามอน่ะ ปีสามเเล้วมีเเต่ฝึกงาน"พี่เรนตอบ


"งั้นวันไหนพี่ว่างพี่นัดผมมาละกัน"


"เอางั้นก็ได้"พี่แกพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เเล้วไม่วายเอ่ยถามต่อ"เเล้วนี่รีบซื้อเสื้อไปทำอะไร"


เออว่ะ ผมมาซื้อเสื้อนี้หว่า..


"ชิบหายเเล้วพี่! ผมไปก่อนนะถ้ายังไงโทรมานัดก็ได้"พอรู้ตัวว่าตัวเองคุยเพลินไปหน่อยก็ต้องรีบบอกลาเเล้วขอตัวออกมาทันทีพร้อมกับเสื้อยืดสีเข้มตัวใหญ่ที่ตอนนี้กลายเป็นก้อนกลมๆอยู่ในมือผมเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว


"ทำไมคนถึงเยอะอย่างงี้วะ!"ผมบ่นกับตัวเอง พยายามเขย่งมองว่าไอหมีควายนั่นอยู่ส่วนไหน เเต่ด้วยส่วนสูงที่มีมากซะเหลือเกินทำให้ถึงจะเขย่งเเทบตายผมก็มองไม่เห็นอยู่ดี


"เห้ยเเก! เมื่อกี้ตอนถ่ายรูปเเบบใกล้มากเลยเว้ยย กูนี่สูดเต็มปอด ฮ่า! ตัวจริงนี่เเซ่บกว่าในรูปอีก"


"เออ กล้ามเป็นมัดๆเลยมึง กูเเอบเนียนๆเอาเเขนไปเบียดๆ โอ้ยยย! โคตรเเข็ง"ผมขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อได้ยินประโยคเเปลกๆจากเด็กสาวทั้งสอง


กล้ามเเน่นๆ อือหือ..ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร


ผมมองไปตามทางที่น้องสองคนนั้นเดินผ่านมา เห็นหัวน้ำตาลๆทองๆเเวบๆก็เเทรกผู้คนตรงดิ่งไปหาทันที


"เห้ย!" ผมร้องออกมาเสียงหลงกับภาพเบื้องหน้า นี่อะไรไอฝรั่งยืนอยู่ที่เดิมมันไม่เเปลก เเต่ไอหมู่มวลพี่น้องมหาประชาชนคนไทยที่มีทั้งยืนล้อมเเล้วต่อเเถวเข้าคิวอย่างเป็นระเบียบอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่


เเละที่น่าตกใจ ยืนขอถ่ายรูป!!!


โอ้มายก็อด


คือบางทีก็มากเกินไปไหม ก็เเค่ฝรั่งไม่ใช่ดาราเสียหน่อย


"ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อย"ผมเเหวกฝูงชนเข้าไปหลังจากหายอึ้ง พอถึงตัวมันปุ๊ปมันก็หันมายิ้มให้เเต่ยังไม่ทันที่มันจะได้อ้าปากพูดอะไร ผมก็จัดการดึงมันออกมาจากตรงนั้นก่อน เเละยัดเสื้อยืดสีเข้มใส่มือมัน


ผมลากมันออกมาเเบบไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าผมหงุดหงิดอะไร จู่ๆก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาซะเฉยๆ


 คือเเบบมึงก็ยืนให้เขาลูบๆคลำๆเนอะ


"ใส่ซะ"พอพ้นเขตคนชุมผมก็หันไปบอกไอคนที่ยืนหน้ามึนทั้งยังกำเสื้อไว้ในท่าเดิมกับตอนที่ผมยัดใส่เด๊ะเสียงห้วน


ไอฝรั่งก้มลงมามองหน้าผมนิด ก่อนจะคลี่เสื้อในมือที่ยับยู่ยี่ออกมาก่อนจะสวมเข้าไป เเล้วผมก็ต้องโล่งอกเมื่อเห็นว่ากะไซส์เขาได้พอดี


"Thanks."มันบอกซึ่งผมก็พยักหน้ารับ


"งั้นไปเหอะ ยังไม่ทันพาเที่ยวไหนเลยจะมืดเเล้วหรอวะเนี่ย"ผมเริ่มบ่นกับตัวเอง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เคยเป็นสีส้มก็เริ่มมืดเสียเเล้ว


ขาสองข้างก้าวไปเรื่อยๆตามทางจนรู้อีกทีก็ทะลุไปอีกซอย ผมมองร้านของเฮียที่เริ่มคึกคักเต็มไปด้วยผู้คน



18:56



ผมก้มมองเวลาในโทรศัพท์เเล้วหันไปมองหน้าคนข้างกายเล็กน้อย ลังเลว่าจะพามันกลับเลยดีรึเปล่าเพราะมันน่าจะอยากอาบน้ำอยากนอน เเต่เอาเถอะเดี๋ยวไว้ค่อยอีกสองสามชั่วโมงก็คงไม่เสียหาย


"Hey! Where are you going? (เฮ้! นั่นจะไปไหนน่ะ)"มันร้องทักเมื่อจู่ๆผมก็เปลี่ยนทิศทางการเดินกระทันหัน ซึ่งมันไม่ใช่ทางกลับคอนโดเเน่ๆ


ผมไม่ตอบเพียงเเค่ก้าวท้าวฉับๆโดยไม่เเม้เเต่จะหันไปมองคนด้านหลัง


"Hey!"


หมับ!


ไอฝรั่งมันคว้าเข้าที่ข้อมือกระชากเบาๆจนผมต้องหันไปมอง ก้มลงกดอะไรยิกๆในมือถือพอพิมพ์เสร็จก็ยื่นให้อีกฝ่ายดู


'Trip'


แปลโดย google translate


พอดูปุ๊ปไอฝรั่งก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย


เออก็รู้เเหละว่าอีเเอพเนี่ยมันเชื่อถือไม่ค่อยได้ เเต่มันก็ง่ายเเล้วก็สะดวกสุดเเล้วสำหรับคนกากอังกฤษอย่างผม จะเข้าใจไม่เข้าใจก็เรื่องของมันเเล้วทีนี้


"I see.(เข้าใจเเล้ว)"พอมันทำหน้าเหมือนเข้าใจ ทีนี้ผมเลยเดินตรงดิ่งเพื่อไปถึงจุดหมายที่คิดไว้


บรรยากาศยามค่ำคืน ท้องฟ้าเเปรเปลี่ยนเป็นสีดำจนสามารถมองเห็นดวงดาวดวงน้อยประดับอยู่ประปราย จริงๆเเล้วมันก็น่าจะเยอะกว่านี้ถ้าไม่โดนพวกเเสงสีในเมืองมันกลบเอาน่ะนะ


"โทษทีนะ จะพาเที่ยวทั้งทีเเถวนี้ก็มีเเต่ที่นี่เเหละ"ผมยิ้มให้เขา สถานที่ๆผมพามาก็ไม่ใช่ไหนไกล เป็นสวนสาธารณะไม่ไกล บรรยากาศรอบๆเงียบสงบไร้ผู้คนมีเพียงเเสงไฟดวงเล็กๆตามสองข้างทาง


"เดินเล่นไหม? เอ่อ..วอร์ค?"ผมหันไปหาคนที่เดินมาหยุดข้างผม เเต่พอหันไปก็พบว่าเขามองผมอยู่ก่อนเเล้ว


จะจ้องกูทำไมครับ


"Sound good.(ก็ดีนะ)"อะไรคือการที่พูดเสียงนุ่มเเล้วจ้องกูวะ ผมรู้สึกประหม่าน้อยๆกับสายตาประกายวับๆที่ผมไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่ามันดู..เอ่อ..ดึงดูดสายตามากเลยอ่ะ


หมับ


เฮือก!


ผมสะดุ้งเมื่อเขาเดินเล่นตามที่ผมบอกจริงๆ เเต่เดินธรรมดาไม่ได้ต้องคว้ากูไปด้วย ตอนเเรกก็ขัดขืนหน่อยๆเเต่พอผ่านไปซักพักก็เริ่มชินเเล้วก็มัวเเต่มองวิวจนลืมไปเลยว่ามีผู้ชายตัวอย่างควายจับข้อมืออยู่


ผมเคยมาที่นี้ไม่กี่ครั้ง ส่วนมากก็ออกมาตอนกลางคืนเนี่ยเเหละเวลาเครียดๆ เพราะมันเงียบเเล้วก็ลมเเผ่วๆเเบบนี้ทำให้รู้สึกสบายกายเเละใจจริงๆ


เราเดินไปเรื่อยๆ มองวิวรอบข้างที่มันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีเเม้เเต่บทสนทนาต่างคนต่างก้าวไปข้างหน้าเเต่มันกลับไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความอึดอัด


ฟึ่บ


หืม..


จู่ๆผมที่เหม่อคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก็ต้องหันไปด้านข้างเมื่อรู้สึกถึงเงาบางอยู่ที่ทาบทับ


 ผมเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างตกใจที่ใบหน้าคมที่ปกคลุมด้วยเคราอ่อนๆอยู่ห่างไม่ถึงคืบ เเต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้หันหน้าหนี
ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดอยู่ตรงผิวเเก้ม จมูกโด่งๆนั่นเเทบจะทิ่มตาผมอยู่เเล้ว นัยน์ตาสีน้ำข้าวจ้องลึกเข้ามาในตาผม  ซึ่งมันเป็นเเววตาที่ผมกลัวจริงๆ


เเววตาที่ฉาบไปด้วยอารมณ์ ดูเยิ้มน้อยๆ ลึกลับหน่อยๆ ซึ่งรวมๆเเล้วมันยาก..ยากมากที่จะละสายตาออกไป


ใบหน้าหล่อคมอย่างชาวตะวันตกเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมไม่ได้กลับตาปี๋รอรับสัมผัสอย่างนางเอกนิยายวัยใส เพียงเเค่มองตาเขากลับอย่างไม่วางตา


เเถมเผยอปากให้หน่อยๆด้วยเอ้า!










หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.3 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-05-2016 23:49:28
คงวุ่นวายน่าดูเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.4] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 20-05-2016 12:14:09
Chapter 4

| Little Corgi.





เพล้ง!!!


ไม่ต้องหาเลยว่าเมื่อกี้เสียงอะไร ไม่มีใครทำของหล่น ไม่มีหน้าต่างบานไหนเเตก จะมีเเตกก็เเต่หน้าผมเนี่ยเเหละครับ


ผมอ้าปากหวออย่างเหวอๆ เมื่อมันเเค่ก้มมาเเล้วอ้อมมือมาเอาใบไม้ที่ติดอยู่บนหัวผมออกเเละผละออกไป

 
หน้ากูนี่เเตกออกเป็นเสี่ยงๆ เเตกเเบบต่อไม่ติด หมอไม่รับเย็บเเน่ๆ

 
ฮืออ กูพลาด..กูพลาดมาก..



"Lets get back (กลับกันเถอะ)"



"ห้ะ..อ่อ..เออ..เอิ่ม..เอ่อ..อืมๆ"ผมหันไปมองคนที่ยิ้มบางๆมาให้ ก่อนจะตอบไปเเบบที่ยังหาสติไม่เจอ

 

สติเว้ยสติ!

 

ขากลับก็เหมือนขามา เเต่คราวนี้เเทนที่ผมจะเดินนำ ผมกลับถูกดึง(อย่างยินยอม)มาเดินข้างเขาเเทน

 
เงียบเหมือนเดิม เเต่ความรู้สึก..ไม่เหมือนเดิม

 
ไม่รู้สิ..มันชวนอึดอัดเเละขัดเขินแปลกๆ ทั้งหมดเพราะไอดวงตาคู่นั้นที่จ้องผมไม่วางตาไม่เว้นเเม้เเต่ตอนเดินนี่สิ

 
"เอ่อ ยูสูงเท่าไหร่วะ เอ่อ ทอล เออ!ทอลๆ"สุดท้ายพอทนความอึดอัดไม่ไหวผมก็เป็นฝ่ายชวนคุย

 

"Hmm..about one ninety(หืม..ประมาณ190ล่ะมั้ง)"
 

One คือหนึ่ง


Ninety คือเก้า..เก้าสิบ

 


"ห้ะ!? นี่คนหรือเปรตวะ!!"ผมถึงหยุดเดินหันไปเบิกตากว้าง คือไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผมถึงตัวเเค่อกมันทั้งๆที่ผมก็เกือบมาตรฐานชายไทย


"What about you?(นายล่ะ)"


"เอ่อ..เท่านี้อ่ะ"


ผมไม่เเน่ใจว่าต้องพูดไงเลยใช้ภาษามือในการสื่อสารเเทน

 
"Really!? Haha!  you really look like a welsh corgi (นี่พูดจริง? ฮ่าๆ นายดูเหมือนเวลช์คอร์กี้ชะมัด)" ผมขมวดคิ้วเบ้ปากน้อยๆเพื่อจะบอกเขาว่าผมไม่เเฮปปี้เลยที่เขามาหัวเราะกับความสูงผม


หนึ่ง หก เจ็ด


นั่นคือเลขที่ผมเพิ่งชูให้เขาดู ก็ไม่รู้ว่าทำไมพ่อเเม่ถึงให้มาเเค่นี้ เเต่เวลาผมอยู่สกล(บ้านเกิด) ผมก็ไม่ได้เตี้ยเท่าไหร่ถือว่าสูงปกติของคนเเถวนั้นเลยด้วย  หรือว่ากรรมพันธุ์คนอีสานมันเตี้ยวะ..ไม่นะ คนสูงๆผมก็เห็นอยู่

 

"I'm just kidding--don't be serious about your short oh! height .(ผมล้อเล่นหน่า อย่าคิดมากเรื่องความเตี้ย เอ้ย! ความสูงของตัวเองเลย)"พูดไปมันก็หัวเราะไป ราวกับว่ามีความสุขเสียเต็มประดา ผมทำปากยื่นปากยาวที่มันน่าจะหน้าเละมากกว่าน่ารัก

 

"There..there..do not cry little corgi(โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ คอร์กี้น้อย)"ถึงจะฟังไม่รู้เรื่องเเต่น้ำเสียงนุ่มๆที่ฟังดูล้อเลียนหน่อยๆก็ทำให้ผมรู้ว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีๆเเน่นอน เเถมยังทำหน้าตากวนบาทายื่นมือมาตบไหล่ผมเเปะๆ

         

นี่เพื่อนเล่นหรอ ดูหน้าด้วย

 

"พูดมากว่ะ ไปๆกลับสิรออะไร"ผมซึ่งขี้เกียจยืนต่อล้อต่อเถียง(?)ให้ยุงกัดเล่นนาน ก็รีบสะบัดตูดสะบัดมือตัวเองเดินกลับทัน


-----------------------



"Hey.."


"Wake up--it's morning now(ตื่น นี่เช้าเเล้วนะ)"


ใครเเม่งมากระซิบกระซาบอะไรเเถวหูกูวะ

 
"Thee(ธีร์)"


หือ เเล้วนี้ใครเรียก


หนุ่มอีสานเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆทั้งๆที่อยากจะนอนยาวอีกซักชั่วโมงสองชั่วโมง เเต่ด้วยความที่อีกฝ่ายยังคงปลุกไม่เลิก ผมก็ไม่หน้าด้านนอนต่อหรอกนะ
 

ฟอดด!
 

"Good morning.(อรุณสวัสดิ์ครับ)"

 
"อื้อ..มอนิ่ง"ผมตอบเขากลับพลางยันตัวเองขึ้นจากโซฟาช้าๆไม่ได้ตกใจกับการหอมเเก้มของเขาอีกเเล้ว(คือชิน)  ก่อนจะบิดขี้เกียจอ้าปากหาววอดอย่างไม่อายฟ้าอายดิน ใช้มือเเตะๆไปตามมุมปากเพื่อเช็ดคราบน้ำลาย ต่อด้วยเอามือมาเเคะขี้ตา

 
ซกมกจริงกู

 
ผ่านไปสามวันเเล้วตั้งเเต่มันมาอยู่กับผม ซึ่งตอนนี้มันก็ไม่ได้อยู่ด้วยทรัพย์สินผมเพราะพวกข้าวของเครื่องใช้ของมันก็ถูกทะยอยเอามาให้จนผมตกใจ เพราะดูจากของมันเเล้วไม่น่าใช่เเค่มาอยู่อาทิตย์สองอาทิตย์ เเต่ดูเหมือนคนจะย้ายมาอยู่ถาวรเลยมากกว่า


เเล้ววันธรรมดาที่ผ่านมาเราก็ต่างคนต่างอยู่ ไอกงไอไกด์ไม่ได้เป็นหรอกครับ ก็ลองเปิดดิกกับคุยกับมันด้วยภาษามือเเล้วก็เป็นอันตกลงว่ามันไปเองได้ไม่ต้องมีคนนำ ซึ่งผมก็ยินดีมากจะได้เอาเวลาไปเรียนไปทำงาน

 

"ไอเตอร์มาๆ มาแดกเร็ว"หลังจากจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย  ผมก็เดินออกมาหาไอตัวป่วนที่เพิ่งไปรับมา

 
"โฮ่ง!"สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานเห่ารับหางเเหลมๆของมันส่ายไปมา ลิ้นห้อยออกจากปากจนน้ำลายหยดติ๋งๆ เดินดุ้กดิ้กเข้ามาหาชามข้าวทั้งๆที่ขามันยังใส่เฝือกไว้ข้างหนึ่ง ซึ่งเเน่นอนว่ามันก็เป็นไอตัวที่ฝรั่งนั่นไปช่วยมาในวันนั้น
 

"ทีเรื่องกินนี่ไวเชียว"ผมเทอาหารให้มันไปก็บ่นมันไป ดีนะที่คอนโดผมไม่ได้มีกฏห้ามเลี้ยงสัตว์ไม่งั้นไอคนที่ไปช่วยมาได้เฉาตายเเน่ๆ วันที่ไปรับมานะผมยืนยันว่าจะเอาไปให้คนอื่นเลี้ยง(เเน่นอนว่าให้พี่พนักงานเป็นล่ามเเปลให้) เเต่มันก็มองผมด้วยสายตาขอร้องเเละเเปลกมากที่ผมรู้สึกว่า..มันอ้อน

 
ผู้ชายตัวอย่างควายมองมาที่ผมด้วยความขอร้องพร้อมพูดเสียงนุ่มๆจนคนฟังยอมใจอ่อนจนได้

 
'Please.(ขอร้อง)'


"Breakfast's ready!(อาหารเช้าได้เเล้วนะ)"เสียงที่ดังมาจากทางห้องครัวทำให้ผมต้องละสายตาออกจากหมาตรงหน้าเเล้วลุกขึ้นเดินตรงไปที่โต๊ะกินข้าว
 

ผู้ชายคนเดิม ผ้ากันเปื้อนเเต๋วๆตัวเดิม ยืนอยู่ตำเเหน่งเดิม พร้อมรอยยิ้มเดิมๆ
 

เป็นภาพในยามเช้าที่ผมเริ่มจะชินเสียเเล้ว


"ขอบใจ"ถึงศัพท์ง่ายๆผมจะพูดได้เเต่ทำไงได้มันติดนี่หว่า ตอนนี้ทุกอย่างผมก็พูดภาษาไทยไปหมดเเต่เขาก็คงพอรู้เรื่องเเล้วบ้างเเหละเลยยิ้มกลับมา มือก็ปลดเสื้อกันเปื้อนออก

 

คือตอนเเรกผมบอกเขาเเล้วว่าไม่ต้องทำ เดี๋ยวผมทำเองเเล้วเดี๋ยวทำให้ด้วยเเต่เขาไม่ยอม สุดท้ายผมเลยก็ต้องยอมเเต่มีข้อตกลงคือผมกับเขาต้องผลัดเวรกันทำ กับการให้อาหารไอเตอร์ด้วยเหมือนกัน


ผมเคยถามเขาด้วยว่าทำไมตั้งชื่อให้มันว่าเตอร์ เเต่เหมือนการสื่อสารครั้งนั้นจะไม่สำเร็จผลเลยได้เเต่ช่างเเม่งไป



"Are you free today?(วันนี้ว่างไหม)"

 

ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายช้าๆ พร้อมกับเครื่องหมายคำถามเต็มหน้า
 

คือ..แปลไม่ได้อ่ะ..


"Have you got any plans for today?(มีเเผนการอะไรสำหรับวันนี้รึเปล่า)"มันเปลี่ยนคำ

 
เเม่งยาวกว่าเดิมอีก

 
Rrrrrrrrrr

 
ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากบอกเขาว่ากูไม่เข้าใจนะ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน ผมหยิบขึ้นมาพอเห็นชื่อคนโทรมาก็กดรับทันที


"ครับพี่เรน"

 
[วันนี้ว่างไหมธีร์]เสียงทุ้มคุ้นหูของรุ่นพี่ดังกลับมา


"ว่างครับพี่ มีอะไรรึเปล่า"


[นี่อย่าบอกนะว่าลืมไปเเล้ว]

 
"ลืมอะไรพี่ นี่เรามีนัดอะไรกันหรอ"ผมขมวดคิ้วมุ่นยามที่คิดว่ามีอะไรติดคางกับรุ่นพี่คนนี้บ้าง


[เฮ้อ! มึงนี่นะ ไหนบอกว่าพี่ว่างวันไหนให้โทรมาหาไง]


"หืม? ผมเนี่ยนะพี่"


[เรื่องเสื้อนั่นไง ความจำสั้นจริงน้องกู]พี่เเกตอบกลับมาทำเอาผมร้องอ่อ ก่อนจะยิ้มเเห้งออกมาเเม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นก็ตาม


"อ่ออออ ผมนึกออกเเล้วพี่เเล้วจะเจอกันกี่โมงตรงไหนดี"


[ตอนเที่ยง ตรงร้านป้าอ้วนละกัน]


"โอเคเลย งั้นเจอกันนะพี่"


หลังจากวางสายจากพี่เเก ก็พบว่าสายตาคู่คมคู่เดิมกำลังมองมาทางผมนิ่ง ซึ่งผมว่าผมเริ่มชินกับมันเเล้วนะ ไม่ได้รู้สึกร้อนๆหนาวๆเสียวๆในมวลท้องอย่างตอนเเรกๆ


พอกินเสร็จผมก็เก็บจานไปล้าง คือผลัดเวรกัน ผมทำมันเก็บมันเก็บผมทำเพื่อเป็นการยุติธรรม ส่วนค่าน้ำค่าไฟก็เเบ่งกันจ่าย เเต่ดูท่าทางผมจะกำไรโขเพราะในส่วนของค่าน้ำค่าไฟค่าเช่านั้นเฮียซึ่งบอกว่าจะมีเงินพิเศษให้นั้นเป็นผู้ออกให้ทั้งหมดตลอดเวลาการอยู่ของไอฝรั่งหมีควายนี่


เเบบนี้ผมยินดีให้มันอยู่ทั้งปีทั้งชาติก็ได้เลยเอ้า!  โคตรคุ้มค่าอ่ะบอกเลย

 
ผมเหลือบมองไอฝรั่งที่ห้องนั่งเล่นเล็กน้อย วันนี้ท่าทางจะไม่ได้ออกไปไหนดูจากเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นที่ใส่ จริงๆถึงมันจะออกไปชุดนี้เเม่งก็ดูดีอยู่ดีเถอะ เเล้วพอหันมาดูสภาพตัวเอง...


เสื้อยืดคอย้วยๆกับกางเกงบอล
               

ทำไมกูไม่ดูดีเหมือนเเม่งบ้างวะ


มือก็ขัดๆถูๆไปตาก็มองไอคนตัวใหญ่ที่นั่งเล่นนอนเล่นกับไอหมานั่นอย่างกับลูกในไส้ นี่ผมไม่ได้เวอร์นะ จากปกติมันก็เป็นคนที่เอะอะอะไรก็ยิ้มอยู่เเล้วเเต่พอมาอยู่กับสัตว์สี่ขาเท่านั้นเเหละ เเม่คุณเอ้ย! ออร่าฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งนี่เพิ่มขึ้นเเบบฉุดไม่อยู่ ไหนจะรอยยิ้มกว้างๆจนเห็นรอยบุ๋มเล็กๆตรงเเก้มของมันที่ดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ...


เดี๋ยวๆ เเล้วกูจะมานั่งบรรยายมันทำหอกอะไร


"Hey--little corgi come here.(เฮ้..คอร์กี้น้อยมานี่สิ)"ไอฝรั่งพูดเมื่อหันมาเจอผมที่มองมันอยู่ก่อน มันยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยเรียก


ถามว่าทำไมฟังรู้เรื่อง
 

ก็ทั้งตั้งเเต่วันนั้นที่สวนสาธารณะนั่น มันก็เรียกผมว่าลิตเติ้ลคอร์กี้ๆตลอดๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

 

 

ผมสะบัดมือไล่หยดน้ำที่เกาะอยู่บนมือ เเล้วเดินไปหามันโดยทำหน้านิ่งปนเอือมๆใส่เพราะเมื่อกี้มันไม่เรียกเปล่ามีการทำเสียงจุ๊ๆเหมือนเรียกหมาด้วย เเต่กลับได้รอยยิ้มอารมณ์ดีกลับมาซะงั้น


"Good boy.(เด็กดี)"มันยื่นมือมายีหัวผมเบาๆ  อย่าถามเลยครับว่าเราสนิทกันจนถึงขนาดเล่นหัวกันได้ตั้งเเต่เมื่อไหร่ ก็บอกเลยว่าตั้งเเต่มันเห็นผมเป็นหมาเนี่ยเเหละ


"กูไม่ใช่หมานะเว้ย!"ผมปัดมือมันออกเเล้วเเยกเขี้ยวใส่  เเต่นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมากเพราะมันยิ่งทำให้ผมเหมือนหมายิ่งกว่าเดิมนี่สิ

พอได้อยู่กับมันซักพักความคิดที่ว่ามันเป็นคนดี ขรึมหน่อยๆ ยืนยิ้มหลอกลวงประชาชนไปวันๆก็ต้องถูกโยนทิ้งไป เพราะเเค่อยู่กับมันไม่กี่วันมันก็เริ่มเผยธาตุเเท้ที่โคตรจะกวนตีนออกมาเเล้วน่ะสิ

ฟรึ่บ


"เฮ้ย!"ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ มันก็เอื้อมมือมาดึงผมให้นั่งลง เเต่มันจะไม่เป็นไรเลยถ้ามันไม่ลงบนโซฟาเเบบที่ก้ำกึ่งบนขาเเข็งๆนั่น


ผมจะเขยิบตัวนั่งดีๆ เเต่เเขนที่เต็มไปด้วนมัดกล้ามก็เอามือโอบเอวผมไว้ไม่ให้ขยับได้สะดวกๆ ผมเงยหน้าไปสบตากับอีกฝ่าย
 

อีกเเล้ว..ตำเเหน่งนี้ สบตาเเบบนี้ สถานการณ์คุ้นๆว่าไหมครับ
 

เเล้วก็วนเข้าลูปเดิมกับคืนนั้น ใบหน้าคมเลื่อนใกล้เข้ามา
 

ตึกตัก ตึกตัก

เสียงก้อนเนื้อในอกเยื่องข้างซ้ายที่จู่ๆมันก็ดันดังขึ้นมาซะเฉยๆ เเถมไม่ดังธรรมดาดังถี่ๆซะกลัวว่ามันจะทะลุออกมานอกอก


"โฮ่ง!"


เฮือก!


พลั่ก!

 
ตุบ!

 
เเละทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาพตอนนี้คือไอคนร่างใหญ่ร่วงลงไปกองกับพื้นหน้าโซฟา กับผมที่ตกใจทำอะไรไม่ถูกได้เเต่มองหน้าคนที่กุมสีข้างตัวเองอยู่ที่พื้นเเล้วยิ้วเเหยให้ ใบหน้าคมเหยเกปากก็ร้องซี๊ดๆ

 

"เอ่อ..ซอรี่นะยู พอดีเท้ามันไปเองอ่ะ เเหะๆ"



--------------------------------

"มึงเป็นอะไรวะทำหน้าอย่างกับขี้ไม่ออก"คนที่นั่งมองรุ่นน้องผิวเข้มอยู่ซักพักตัดสินใจเอ่ยปากถาม ส่วนคนถูกถามก็ได้เเต่สั่นหัวไปมา


"ไม่มีไรหรอกพี่"

"หน้ามึงนี่โคตรไม่มีอะไรเลยเนอะ"คนเป็นพี่ได้เเต่พูดอย่างปลงๆเพราะรู้นิสัยของเจ้ารุ่นน้องคนนี้


"เออๆช่างมันเถอะ เเล้วเรื่องไอป้องเป็นไงบ้าง"เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะตอบ คนถามเลยเปลี่ยนเรื่อง

 
"ก็ยังติดต่อมันไม่ได้เหมือนเดิมเเหละพี่ เเต่ผมไม่ได้คิดมากนะ เดี๋ยวมันจะคืนก็เอามาคืนเองเเหละ"ผมยิ้มเมื่อพูดถึงเพื่อนเก่าที่คบกันมาตั้งเเต่มอต้น เเต่พอตอนมอปลายมันย้ายมาเรียนกรุงเทพเลยห่างๆกันไป พอมหาลัยก็ดันเป็นว่าผมกับมันอยู่มหาลัยเดียวกันเฉย

 
"มึงก็ยังคงมองโลกในเเง่ดีเกินไปนะไอธีร์ มึงก็รู้สันดารมัน"พี่เรนซึ่งรู้เรื่องของพวกผมพูดไปก็ถอนหายใจไป ผมรู้ว่าพี่เขาห่วงผมในฐานะพี่ชายที่เห็นกันมาตั้งเเต่ไอนั่นเท่านิ้วก้อย


อ่อ ผมลืมบอกไปพี่เรนนี่ก็เด็กสกลเหมือนกันบ้านนี่ติดกันเลย โดดน้ำคลองด้วยกันมาเกือบทุกวัน เเต่พี่เขาย้ายมากรุงเทพตั้งเเต่มอปลายพร้อมๆกับไอป้อง ส่วนเรื่องที่หน้าตาผมกับพี่เขาต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างที่คนเรียกผมว่าบ้านนอก เเต่พี่แกเสือกเป็นเดือนคณะ! ทั้งๆที่มีถิ่นกำเนิดเดียวกันเเท้ๆ
 

โครงหน้าคม ตาเเละผมสีน้ำตาลธรรมชาติ จมูกโด่ง ปากเป็นกระจับ ส่วนสูงมาตรฐานนายเเบบ ทั้งหมดทั้งมวลนี้บอกได้เลยว่าเป็นบุญของพี่เเกเเท้ๆที่มีพ่อเป็นชาวอเมริกาเเท้

ซึ่งไม่แปลกครับ เเถวบ้านผมคนหล่อๆถมไป อีสานนี่ฝรั่งไม่ใช่น้อยๆนะขอบอก


"เเค่ไม่กี่หมื่นเองพี่ อีกอย่างมันก็เงินเก็บผมเองไม่ได้ไปยืมพ่อเเม่มานะ"ผมยิ้มเพื่อบอกพี่เขาว่าผมไม่ถือสากับเพื่อนที่ยืมตังผมไปเเล้วชิ่งหนี

 
"นั่นเเหละที่น่าห่วง เงินที่มึงเก็บมาทั้งชีวิตต้องมาหมดเพราะมันเนี่ยนะ! พี่รู้ว่าธีร์ใจดีเเต่บางครั้งมันก็ต้องมีขอบเขตบ้าง"พี่เรนมองผมทั้งยังพูดเสียงจริงจัง ผมถอนหายใจเล็กน้อยเเล้วส่ายหน้ายืนยัน

 
"เเต่มันเป็นเพื่อนผม"


"มึงเป็นเพื่อนมัน ทั้งๆที่มันไม่ได้เป็นเพื่อนมึงเนี่ยนะ ให้ตายเถอะถ้าเป็นพี่นะได้ฆ่ามันตั้งเเต่มันทำตัวหมาๆเเล้ว"คิ้วได้รูปขมวดมุ่นเมื่อคิดถึงอีกคนที่มาทำน้องตน ผมอมยิ้มขำเมื่อเห็นว่าพี่เขาท่าทางจะโกรธเเทนผมมากๆ

"กินเถอะพี่ เย็นหมดเเล้วเนี่ยมัวเเต่ชวนคุย วู้ว!"ผมทำปากยื่น โทษอีกฝ่ายเมื่อก้มลงมองจานข้างตรงหน้าที่เย็นชืดไปเเล้ว

 

 

"ไม่ต้องมาทำปากยื่น มึงก็รู้อีกกี่จานพี่ก็เลี้ยงได้"พูดเฉยๆไม่พอมีการตบกระเป๋ากางเกงพร้อมยักคิ้วโชว์เป็นการบอกว่าวันนี้ป๋าพร้อมจ่าย
 
"เอาสิ เลี้ยงผมให้ไหวนะพี่"



-------------------------------


"ฮ้า!โคตรอิ่มเลยนี่หมดไปเท่าไหร่เนี่ย"ผมว่าพลางตีพุงตัวเองที่เเข็งปั่กเพราะอาหารที่เพิ่งกินไปเมื่อครู่

 
"140 ไม่รวมของพี่นี่เเน่ใจนะว่ากินไม่ได้ยัด" อาจจะดูว่าไม่ได้เเพงมากมายเเต่สำหรับการกินอาหารตามสั่งจานละสามสิบสี่สิบนี่ถือว่ามากโขสำหรับคนๆเดียว

 

"นานๆทีเลี้ยงน้องนะพี่ เอ้อ!อ่ะพี่ค่าเสื้อวันนั้น"หลังจากนั่งคุยนั่งกินกันมานาน ก็เพิ่งนึกได้ของจุดประสงค์ของนัดในวันนี้ ผมยื่นเเบงค์ร้อยสองใบไปให้

 

"มึงคงไม่คิดใช่ไหมว่าพี่จะเรียกออกมาเพราะเเค่เรื่องเงินสองร้อย" พี่เเกถามขึ้นมา ผมมองหน้าพี่เขางงๆเเล้วตอบตามที่คิด


 

"คิด"

 

"พี่ล่ะเหนื่อยกับมึงจริงๆ คือพี่มีเรื่องจะวานหน่อยจะได้ไหม"พี่เรนยื่นมือมาเเตะไหล่ผมไว้เเล้วขยับเข้ามาใกล้ขึ้นมองซ้ายขวาเหมือนกังวลว่าจะมีคนมาได้ยิน

 

 

"ว่ามาเลยพี่ ผมช่วยสุดกำลังเลย"ผมฉีกยิ้มโชว์ฟันจนตาปิด ตบไหล่พี่เขากลับเป็นเชิงบอกว่าวางใจผมได้เลย

 



"ช่วยเป็นเเฟนพี่หน่อยสิ"



หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.5] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 21-05-2016 15:38:10
Chapter 5

| Spurious boyfriend




          "เฮ้ย! จริงจังป่ะพี่! นี่พี่..พี่.."ผมอ้าปากพะงาบๆ ผงะถอยหลัง นิ้วก็ชี้ไปที่พี่เขาอย่างที่ไม่เชื่อหูตัวเอง


          นี่หนุ่มหล่อพ่อรวยอย่างพี่เรนเป็นเกย์หรอวะ!


          ป้าบ!


          คนเป็นพี่ถอนหายใจหนักๆเเล้วตบหัวรุ่นน้องดังป้าบจนคนโดนหันมาทำหน้าเหลอหลาเหมือนยังไม่รู้ตัวว่าทำไมถูกตบ


          "อย่าเเม้เเต่จะคิด พอดีมีคนมาตื๊อน่ะ ขนาดปฏิเสธไปเเล้วยังกัดไม่ปล่อย คิดเเล้วก็ปวดหัวขึ้นมาเลย"พี่เเกถึงกับกุมขมับเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น


          "เเต่ผมเป็นผู้ชายนะพี่ ตัวก็อย่างควายหน้าตาก็งั้นๆเขาจะเชื่อหรอ"ผมพูดตามความจริง ขมวดคิ้วหน่อยๆคือทั้งใจมันอยากช่วยไปเเล้วล่ะ เเต่พอใช้สมองน้อยๆกลั่นกลองดูมันไม่น่าจะไปรอดเท่าไหร่



          "เชื่อดิถ้าเล่นเนียนๆอ่ะนะ ส่วนที่ว่าเป็นผู้ชายน่ะดีเเล้วเขาจะได้เข้าใจว่าพี่เป็นเกย์จะได้เลิกตามซักที"


          "ผู้หญิงหรอพี่?"


          "ใช่"


          "สวยป่ะพี่"


          "ก็สวยนะ..เเต่นิสัยนี่พี่รับไม่ได้จริงๆว่ะ"พี่เเกถึงกับส่ายหัว ผมเลยได้เเต่ยิ้มเเห้งๆกลับไปยามจินตนาการถึงผู้หญิงคนที่ว่า ขนาดพี่เรนยังรับไม่ได้นี่ท่าจะเป็นหนัก


          "เเล้วเริ่มวันไหนวะพี่"


          "ตั้งเเต่วันนี้เป็นต้นไปละกัน"ร่างสูงว่าอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับ
     

          "เเล้วนานไหมพี่ เเล้วเขาจะรู้ได้ยังไง"


          "ไม่ต้องห่วงหรอก ยัยนั่นมันเห็นทุกอย่างนั่นเเหละ"ร่างสูงก้มลงมากระซิบผม ตาคมเหลือบซ้ายขวาอย่างหวาดระเเวงมีการลูบเเขนตัวเองอย่างกับว่าสยองกับมันเเค่ไหน


          "งั้นตกลง ผมช่วยอยู่เเล้วเเหละ เเต่..ผมมีข้อเเลกเปลี่ยน"ผมพูดอย่างลังเลเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างคิดหนัก


          "คนอย่างมึงเนี่ยนะ? ว่ามาเลยนานๆทีจะต่อรองกับเขาบ้าง"คนฟังเเทบไม่เชื่อหู เลิกคิ้วขึ้นนิดอย่างสงสัย


          "สอนภาษาอังกฤษให้ผมหน่อยดิพี่"


          "หืม? คนอย่างมึงอ่ะนะ เห็นปกติเกลียดจะตายหลังจากที่ไปโชว์ควายใส่ฝรั่งที่นู่น"พี่เรนเลิกคิ้วสูงอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู เเถมยังยกเรื่องเก่าๆขึ้นมาพูดทำเอาผมตีเเขนพี่เขาไปป้าบนึง


          คิดเเล้วก็อายเว้ย!


          "นี่มึงยังฝังใจอยู่อีกหรอวะ นั่นมันตั้งเเต่ป.1 จะซีเรียสอะไรนักหนา"ร่างสูงผลักหัวรุ่นน้องที่ทำหน้าบูดเล่น หัวเราะออกมาเเบบไม่คิดจะกลั้น


           ซึ่งเสียงหัวเราะมันทำเอาผมหันมามองพี่เขาตาขวาง


          "พี่ก็พูดได้ดิ คิดภาพนะพี่โคตรมั่นเเล้วเดินเข้าไปพูดจากนั้นเขากลับทำหน้างง ไอเพื่อนที่ยืนดูอยู่ก็ขำก๊ากเเถมยังเอามาล้อยันป่านนี้"



          "ไอเเฮปปี้ไทยเเลนด์อ่ะนะ ฮ่าๆๆๆ"ว่าเเล้วก็ไม่ทันขาดคำหนึ่งในผู้ร่วมเหตุการณ์ก็พูดขึ้นมาก่อนจะขำน้ำหูน้ำตาไหลจนหมดเค้าเดือนคณะ


          นี้ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่นี้ตบหัวทิ่มเเล้วนะ


          "โอเคๆ พี่ไม่เเกล้งเเล้ว เเล้วนี้ทำไมอยากให้พี่สอนให้วะ มึงเรียนเป็นกรรมกรไม่ใช่หรอ"


          "วิศวะกรไหมล่ะพี่"ผมเเกล้งทำหน้าเอือมใส่ พี่เเกก็ท่าทางดูอารมณ์ดีเหลือเกินที่ได้เเกล้งผม


          "เออๆนั่นเเหละ อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้เก่งมากนะเว้ย"


          "ก็..อยากได้เเค่พูดได้ฟังได้อ่ะ เเกรมม่าไม่ต้อง ขอเเบบหลักสูตรเร่งรัดด้วย"


          "อืม..ถ้าเเค่ฟังพูดก็ได้อยู่...งั้นจัดไปเลยน้องรัก เเต่ช่วงนี้พี่มีฝึกงานทุกวันจะว่างก็ช่วงเย็นๆ จะเอาไงให้พี่ไปห้องเราหรือเราจะมาห้องพี่"


          "ห้องพี่! ห้องพี่ละกัน"ผมตอบอย่างไม่ต้องคิดจนเผลอโผลงออกไปด้วยความลืมตัว ถ้าพี่เเกรู้ว่าผมกก(?)ฝรั่งไว้ในห้องนี่ล้อยันหลานบวชเเหง พี่เรนหรี่ตาลงเล็กน้อยเหมือนจับผิดเเต่ก็ไม่ถามอะไรเพราะคงรู้มาว่าถามผมก็คงเลี่ยงตอบอยู่ดี


          "ห้องพี่ก็ห้องพี่ อ่ะ! นี่คีย์การ์ดสำรองถ้าทำหายสองร้อยนะมึง"ร่างสูงว่าก่อนจะควักคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าตังเเล้วยื่นให้ผม


          เเต่พอผมจะรับพี่เขาก็ชักกลับ


          "เล่นไรวะพี่"ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่เขางงๆ เเต่อีกฝ่ายก็เพียงเเค่ฉีกยิ้มเเบบฉบับคนขี้เเกล้ง


          ไม่หรอก ไม่ใช่ว่าพี่เเกขี้เเกล้ง เเม่งก็เเกล้งผมกันทุกคนอ่ะ ไม่รู้เป็นอะไรกัน พี่เต้ก็คนนึงละ


          "ทำไงก่อน"


          "ทำอะไรล่ะพี่ เล่นไรเนี่ย"ผมเริ่มหน้าบูดอีกครั้ง เมื่อพี่เรนชูคีย์การ์ดนั่นขึ้นสุดเเขนเเล้วเเกว่งไปมา เเถมหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้มกว้างอารมณ์ดีสุดๆอีกต่างหาก


          "ขอมือ"


          ผมกระพริบตาปริบๆ ก่อนที่สมองจะค่อยๆประมวลผลไอวลีข้างบนนั่น


          "ผมไม่ใช่หมานะเว้ย!!"ผมบอกเลยว่าผมพูดด้วยเสียงเเละสีหน้าที่จริงจังมาก  เเต่กลับได้เสียงหัวเราะกลับมา ให้ตายเถอะ..ช่วงนี้ทำไมมีเเต่คนทำเหมือนกับว่าผมเป็นหมา


          เอ่อ..จริงๆเเล้วมันก็ไม่ใช่เเค่ช่วงนี้หรอกครับ


          เเม่ง! เป็นมาตั้งนานเเล้ว!


          "ไม่เป็นไรนะธีร์ มึงกลับเข้าฝูงได้เเล้วนะพวกเขาให้อภัยมึงเเล้ว ทีนี่มึงจะได้ไม่ต้องเเสร้งทำเป็นคนอีก"พี่เรนก็ยังไม่หยุด ผมทำหน้าบูดออกไปเหมือนเคยเเต่พี่เขารู้อยู่เเล้วล่ะครับว่าผมโกรธใครเป็นที่ไหน อย่างมากก็เเค่เคืองๆ เเต่เเปปเดียวก็ลืมเเล้ว ร่างสูงยีหัวผมอย่างเอ็นดูเเล้วยื่นคีย์การ์ดนั่นให้ ก่อนจะใช้เเขนหนักพาดมาที่บ่าผม


          "งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ"


          "อืม..ตามนั้น เจอกันพรุ่งนี้นะพี่"ผมครางรับในลำคอเเล้วบอกลาพี่ชายคนสนิท
     

          "ไม่ให้ไปส่งเเน่นะ?"ร่างสูงถาม ผมส่ายหัวเเทนคำตอบ


          "ไม่เอาว่ะพี่ ผมเข็ดเเล้ว"คำตอบที่ได้รับทำเอาคนฟังหัวเราะร่า ผมก็ยิ้มให้เมื่อคิดถึงเหตุการณ์สมัยเด็กๆ


          "ตอนนั้นพี่เพิ่งฝึกขับนี่หว่า"พี่เรนพูดพลางที่ก้าวขาคร่อมบิ๊กไบค์คันดำคู่ใจ  ส่วนเรื่องที่พี่เขาพูดถึงนี่ผมจำฝังใจเลยล่ะครับ เรื่องมีอยู่ว่าในช่วงที่พี่เขาอยู่ม.2 พี่เเกดั๊นอยากขี่มอเตอร์ไซด์ซึ่งในต่างจังหวัดมันไม่แปลกหรอกครับที่เด็กอายุเท่านั้นจะขี่ พอขี่ได้ก็เอามาอวดผมพร้อมกับชวนผมซ้อนเเล้วบอกผมว่าตัวเองนั้นโคตรพ่อโคตรเเม่เก่งจะพาทัวร์


          เเล้วหลังจากนั้นน่ะหรอครับ..เหอะๆ ได้ไปนอนหยอดข้าวต้มอยู่โรงพยาบาลเเบบเเพคคู่ ไม่สิ..ผมน่ะนอนอยู่คนเดียว ทั้งกระดูกหัก ช้ำหนองช้ำในมากมาย เพราะเป็นคนซ้อนทำให้ตอนช่วงที่เสียหลักไหลลงคูคลองกระเด็นออกมาจากตัวรถ ส่วนไอคนขับน่ะหรอ..กระโดดออกจากรถก่อนเลยได้เเค่เเผลถลอกมาสามสี่เเผล


          "เหอะๆ พอดีผมเป็นพวกเจ็บเเล้วจำน่ะพี่"


          "งั้นก็ตามใจ เจอกันเว้ย!"พี่เรนยักไหล่เเล้วลาทิ้งท้าย ก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคสีเดียวกับรถขึ้นมาสวม ไม่วายหันมาโบกมือบ๊ายบายอีกรอบก่อนจะขับออกไป


          ท่าทางจะมีเรื่องวุ่นวายเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องเเล้วสิเนี่ย








------------------------------



          "เห้ย!ไอหมาธีร์ไม่ได้เจอกันนานเลย!"เสียงทักดังมาเเต่ไกล ผมเดินเนือยๆตามประสาคนนอนดึกเเต่ต้องเเหกขี้ตาตื่นเเต่เช้าเพื่อมาเรียน


          "อย่าเวอร์หน่าไอเเต็กเมื่อวานรืนก็เจอกันอยู่"ผมบอกมันเเบบง่วงๆเเถมหาวใส่หน้ามันด้วยหนึ่งที


          ไอกลองเเต็กทำหน้าเเบบรังเกียจทันทีเเล้วดันหน้าผมไปอีกด้านเเบบไม่ได้ออมเเรงเท่าไหร่ เรียกง่ายๆคือตบหน้าเเต่ตบเเบบสปีดต่ำลงมาหน่อย


          "อี๋ เอาปากเน่าๆของมึงไปไกลๆเลย  เเล้วศัพท์เหี้ยอะไรของมึง เมื่อวานรืน"คิ้วมันกดลงหน่อยๆ


          "ก็เมื่อวานรืนไงมึงไม่รู้จักหรอ"ผมบอกมันตามที่คิด ก็เมื่อวานของเมื่อวานก็เรียกเมื่อวานรืนถูกเเล้วไม่ใช่หรอวะ มันงงอะไรของมัน


          "ไม่รู้จักเว้ย! มึงช่วยใช้ภาษาไทยให้ถูกๆหน่อยได้ไหมวะ คุยทีไรมึงก็มีศัพท์ใหม่มาให้กูตลอด"มันบ่นๆตามสไตล์ของมันไป คือเเม่มันเป็นอาจารย์ภาษาไทยครับ ส่วนพ่อเป็นอาจารย์ภาษาอังกฤษ มันซึ่งเป็นลูกก็เลยถูกพร่ำสอนมาตั้งเเต่สมัยยังเป็นวุ้น ทำให้มันติดนิสัยที่ชอบสอนชอบเเก้คนอื่น


          หรือก็คือมันชอบทำหน้าที่เป็นเเม่คนที่สองของกลุ่มนั่นเอง


          "ภาษาไทยกูไม่ค่อยเเข็งเเรงมึงก็รู้"ผมว่าง่ายๆ นี่ถือว่าดีกว่าเเต่ก่อนเยอะเเล้วนะครับ ตอนเเรกที่เข้ากรุงมานี่พูดเเบบอีสานมาเต็มกว่าจะฝึกให้พูดกลางได้ชัดๆก็เเทบเเย่เหมือนกัน


          "เเล้วภาษาอังกฤษ?"


          "อันนั่นเรียกได้ว่าง่อยเเดกไปเเล้ว"


          "สรุปมึงโอเคกับอะไรบ้างไหมวะเนี่ยไอหมาธีร์"ไอเเต็กมันบ่นอีก ผมก็ทำหูทวนลมเหมือนไม่ได้สนใจมัน เเล้วล้วงโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าอีกไม่ถึงสิบนาทีคลาสจะเริ่มเเล้ว



          "ไอพุกับไอจีนยังไม่มาอีกหรอวะ"ผมเอ่ยถามถึงเพื่อนในกลุ่มอีกสองคนซึ่งตอนนี้ยังไม่โผล่มาเเม้เเต่เงา


          "ไอพุนี่ท่าจะตื่นสายตามเคย ส่วนไอจีนนี่กูว่าคงโดดอีกตามเคย พวกมันนี่ก็ไม่รู้จักปรับตัวเอาซะเล๊ย นี่ก็จะขึ้นปีสองอยู่เเล้วเดี๋ยวถ้าได้เอฟคนละสองสามตัวจะหัวเราะไม่ออก กูละเหนื่อยใจ๊เหนื่อยใจกับพวกมันสองตัวจริงๆ"ไอเเต็กพูดไปก็ถอนหายใจเฮือกๆ ทำท่าซะเหมือนว่ามันเป็นเเม่พวกมันสองตัวซะงั้น ผมยิ้มขำกับนิสัยห่วงคนอื่นของมัน


          "เเล้วปกติมึงก็ต้องนอนกินบ้านกินเมืองเหมือนกันนี่ ทำไมวันนี้มีเวลามายืนฟังกูบ่นเเบบนี้วะ"ซักพักมันก็วกกลับมาที่เรื่องผม อ่า..จริงด้วยสิปกติผมจะเข้าตรงเวลาเป๊ะไม่ก็เลทนิดหน่อย เเต่ถ้าเรียนเช้ามากๆก็จะโดดไปเลยเพราะตื่นไม่ไหว


           จะบอกมันไม่ได้ว่าช่วงนี้มีคนปลุกทุกเช้า


          "เมื่อวานกูเลิกงานไวเลยได้นอนไวกว่าปกติหน่อยว่ะ"ผมพูดไปก็เหลือบมองหน้ามันไป ดูว่ามันจะสงสัยผมรึเปล่า


          เเต่อย่าลืมไปว่าผมเเม่งโคตรจะโกหกคนไม่เก่งเลยว่ะ


          "มึงอย่ามา ตามึงล่อกเเล่กซะขนาดนั้นกูไม่ได้ควายเหมือนมึงนะ"มันทำท่าจับผิด ผมถอนหายใจเล็กน้อย ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ว่าคบกับมันมานานจนมันมองผมได้ทะลุปรุโปร่งซะขนาดนี้


          "เออกูยอมเเพ้ เเต่นี้อีกสองนาทีคลาสจะเริ่มเเล้วไม่รีบขึ้นเดี๋ยวเจ๊เเกก็เช็คขาดซะหรอก"พอทำอะไรไม่ได้ผมเลยเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ไอเเม่คนที่สองก็ทำหน้าตกใจนิดก่อนจะยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู


          "ฉิบเเล้ว! กูขึ้นก่อนนะมึงงานกูยังปั่นไม่เสร็จเลย!"มันพูดทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งเเจ้นขึ้นตึกไปทันที ผมส่ายหัวน้อยๆกับนิสัยที่เรียกได้ว่าระเบียบจัดเเต่เสือกขี้เกียจของไอเพื่อนตัวเล็กที่ถึงเเม้มันจะตัวเล็กเเต่ก็เสือกสูงกว่าผม


          ผมเดินขึ้นตึกตามอีกคนไป ระหว่างทางก็มีพวกพี่ๆเพื่อนๆทักบ้างประปรายผมก็ทักกลับอย่างคนที่มีปฏิสัมพันธ์ดี จนสุดท้ายก็มาถึงที่หมายเเบบทันเวลาเป๊ะ


          ผมเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งในเเถวกลางๆไม่หน้ามากหลังมาก ตาก็เหลือบไปมองไอกลองเเต็กที่ก้มหน้าก้มตาเขียนงานยิกๆ วันนี้มันเลือกนั่งหลังห้องจากปกติที่มันจะไม่พลาดที่ข้างหน้าอย่างเด็ดขาดยกเว้นว่างานมันไม่เสร็จอย่างเช่นวันนี้


          ติ้ง!


          หืม?


          ผมเงยหน้าขึ้นจากสมุดเลกเชอร์ ก่อนจะล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมา หันไปก้มหัวขอโทษคนข้างๆเล็กน้อยเพราะเกรงว่าเสียงติ้งเมื่อกี้จะไปรบกวนเธอ


          ผมกดเข้าโปรเเกรมข้อความสีเขียวขาวที่มีตัวเลขเเดงๆเด้งอยู่ที่มุมขวาบ่งบอกว่ามีข้อความใหม่


          ...What are u doing?...



          เดี๋ยวนะเดี๋ยว


          ผมกดคิ้วลงเล็กน้อย ก่อนจะดูเบอร์ที่ส่งเข้ามาก็พบว่าผมไม่ได้เมมเอาไว้


          หรือว่าส่งมาผิดวะ


          พอคิดได้อย่างนั้นผมเลยเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงอีกครั้ง เเต่ยังไม่ทันได้จับปากกาก็มีเสียงขัดขึ้นอีก


          ติ้ง!


          คราวนี้อะไรอีกล่ะ


          ผมกันไปค้อมหัวให้คนข้างๆอีกครั้งเเล้วควักโทรศัพท์ออกมาอีกรอบ คราวนี้ผมกดปิดเสียงไว้ก่อนเลย


          ...Are you free this evening?...



          เอ..ประโยคนี้มันคุ้นๆ คราวนี้ผมไม่รอช้าตอบกลับไปด้วยคำสั้นๆง่ายๆ


          ...Who?...


          ขอถามให้เเน่ใจก่อนเถอะว่ามึงเป็นใครเเล้วเอาเบอร์กูมาจากไหน คือเกินครึ่งนี่คิดว่าเพื่อนเเกล้งชัวร์ๆเเต่อีกส่วนคือน่าจะเป็นไอฝรั่งหมีควายที่วันนี้มันน่าจะนอนขึ้นอืดอยู่ที่คอนโดผม


          ครืด


          ...Austin...


          ผมอ่านชื่อนั้นก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย


          ใครวะนั่น


          พอคิดทบทวนดูเเล้วก็ไม่รู้จักนะไออุสตินอะไรนี่ รู้จักเเต่ไอฝรั่ง..เอ่อ..ว่าเเต่ไอฝรั่งมันชื่ออะไรอ่ะ เรียกมันไม่ฝรั่งก็หมีควายตลอด ไม่เคยเรียกชื่อมันซักทีรู้สึกว่ามันจะบอกผมตั้งเเต่ครั้งเเรกที่เจอกัน เเต่ช่างมันก่อน ผมจัดการเข้ากู้เกิ้ลทรานสเลตเเล้วตอบกับมันทันที
 

          ...I do not know you...



          เเละอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาทันที


          ...you are so mean little corgi????..



          ถึงจะอ่านไม่รู้เรื่องเเต่อีโมติค่อนร้องไห้ทำเอาผมตะหงิดใจเเปลกๆ ยิ่งไอสองคำสุดท้ายที่รู้สึกคุ้นเหลือเกินจนอดใจไม่ไหวที่จะหยิบมันไปเสริชกูเกิ้ล



          "เหี้ย!!"


          "นักศึกษาคะ ที่นี่ไม่ใช่สวนสัตว์ช่วยอย่ามาปล่อยสัตว์เลื้อยคลานออกมาด้วยค่ะ ถ้าไม่เรียนก็เชิญข้างนอกมันรบกวนคนอื่นเขานะคะ"อาจารย์ป้าหน้าห้องพูดอัดไมค์ประกาศกร้าวทำเอาผมที่เผลออุทานขึ้นมาเสียงดังจนคนทั้งห้องหันมาให้ความสนใจยิ้มเเห้งๆ


          "ขอโทษครับ"ผมพูดเสียงหงอ ฉีกยิ้มเเบบเหงือกเเห้งไปให้อาจารย์เผื่อเเผ่ไปถึงเพื่อนรอบห้องที่มีสะดุ้งเพราะเหี้ยเมื่อกี้ของผม เเต่ไม่มีใครว่าอะไรเเถมแอบเห็นหลายคนกลั้นขำเต็มที่อีกต่างหาก


          ถ้าจะโทษก็ต้องโทษไอหมาเวรที่ว่าพอผมดูรูปปุ๊ปนี่รู้เลยว่าไออุสตินนี่มันคือใคร


          เเม่งเอ้ย! ตอนเเรกก็พอเดาได้อยู่หรอกว่ามันเอาผมไปเปรียบเหมือนหมา ดูจากพฤติกรรมที่มันชอบเล่นกับผมไม่ต่างกับตอนเล่นกับไอเตอร์เลยซักนิด เเต่ก็ไม่รู้ว่าที่มันเรียกคือไอตัวนี้นี่หว่า!


          ไอตัวที่เเม่งขาสั้นกุดเหมือนหมาเเคระเเบบเนี่ย!
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.5 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 21-05-2016 15:44:40
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.5 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-05-2016 16:21:07
บักธีร์น่ารัก

ตอนแรกนึกว่าพี่เรนชอบน้อง


ไม่ชอบก็ดีแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.5 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-05-2016 17:29:17
 o13
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.5 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-05-2016 19:32:41
 :katai2-1: บักธีร์ (little corgi) and Austin (black bear)
ชอบบบ   :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.6] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 22-05-2016 22:36:16
Chapter6

| To ask for trouble




          ผมเดินหน้ามุ่ยออกมาจากคณะ มีเพื่อนหรือรุ่นพี่หลายคนเหมือนกันที่เดินเข้ามาถามว่าผมเป็นอะไรเเต่ผมก็เพียงเเค่ยิ้มๆเเล้วเดินลิ่วๆออกมาก็เท่านั้นหลังจากที่เอาประโยคคำถามที่มันส่งมาให้ไปถามไอเเต็กว่ามันแปลว่าอะไร


          'อะไรของมึงเนี่ย วันนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างกะคนเมนส์มา ไปโดนใครเเกล้งมาอีกล่ะ'


     คำพูดของไอเเต็กที่มันพูดเอือมๆใส่ผมเมื่อผมนั่งหน้าตึงตลอดการกินข้าว ซึ่งไอการที่ผมเกิดอาการอารมณ์บ่จอยขึ้นมามันมีอยู่ไม่กี่เหตุผลหรอกครับ ส่วนมากก็คือโดนเเกล้งโดนล้อนั่นเเหละ เเต่ถึงกระนั้นมันก็รู้ว่าผมไม่เคยโกรธใครจริงจังไม่นานก็ลืมไปเอง


     ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนทุกครั้งเเหละครับ ผมถอนหายใจหนักๆ ก็ไม่เข้าใจทำไมเวลาถูกเเกล้งต้องเต้นตามไปกับเขาให้คนเเกล้งนึกสนุกทำไมก็ไม่รู้



     "Hi."


     ผมเงยหน้าไปมองตามเสียงทัก คิดในใจว่าขอให้อย่าเป็นอย่างมี่คิดไว้เเต่ดูท่าทางจะไม่ทันเสียเเล้ว ไอฝรั่งที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ยืนยิ้มเเล้วโบกมือมาทางผม คนเเถวนั้นที่เห็นก็เริ่มหันมามอง



     "มาได้ไงวะเนี่ย"ผมพูดเสียงเบาเเบบรำพึงรำพันกับตัวเอง กะจะเนียนๆเดินก้มหน้าก้มตาเลี่ยงๆมันไป


          หมับ


          "เออๆ ฮายๆ"เเต่ยังไม่ทันจะได้ผ่านมัน  มันก็เอื้อมมือมาจับเเขนผมไว้ก่อน ผมเลยหันไปทักมันเหมือนปัดๆไปก่อน


          "Are you free? (ว่างรึเปล่า)" ประโยคเเบบเดิมที่ตอนเเรกผมไม่เข้าใจ เเต่เนื่องจากผมเอาไปถามเพื่อนมาเเล้วเรียบร้อย ทำให้ผมเตรียมจะอ้าปากตอบ



          "มะ.."


          Rrrrrrr


          เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นขัด ผมควักมันออกมาก่อนจะเลื่อนรับเมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของรุ่นพี่คนสนิท


          "ว่าไงพี่เรน"


          [นัดเย็นนี้พี่ขอยกเลิกก่อนนะ]



          "อ่าว มีอะไรรึเปล่าพี่"ผมถาม เหลือบตามองไอฝรั่งนิดหน่อยในขณะที่มันจ้องผมตาเเทบหลุดออกจาเบ้าอยู่เเล้วมั้งนั่น


          [พอดีพี่เจอลูกหมามันนอนเกือบตายอยู่ข้างทาง ตอนนี้เลยพามันไปหาหมออยู่น่ะสิ]ถ้าผมฟังไม่ผิด รู้สึกเหมือนน้ำเสียงทุ้มจะไม่ได้ดูตรึงเครียดเลยเเม้เเต่น้อย เเต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร


          "งั้นก็ได้พี่ ไว้พรุ่งนี้ละกัน"ผมบอกอย่างไม่ถือสา จากนั้นพี่เขาก็บอกลาเเล้วก็วางสายไป


          "เออๆ รู้เเล้วอยากไปไหนล่ะ" พอหันมาก็พบกับสายตาคู่เดิมที่มองอยู่ก่อน ผมเลยได้เเต่ถอนหายใจเเล้วถามมัน


          ไอหมีควายเเม้จะฟังไม่รู้เรื่อง เเต่น่าจะพอเข้าใจเลยเผยยิ้ม


          "just be my personal guide then it's up to you.(เเค่มาเป็นไกด์ส่วนตัวให้หน่อย ที่เหลือก็เเล้วเเต่นายเลย)"


          อืม..อะไรไม่รู้เเหละเเต่ไออัพทูยู อัพทูกูนี่พอฟังรู้เรื่อง


          "หึ..พลาดเเล้วไอน้อง มานี่เลยๆมีร้านอาหารเด็ดๆมาเเนะนำ"ผมว่าทั้งยิ้มกริ่มอยู่ในใจ ขยับไปกอดคอมันเเล้วยืดอกประมาณว่า เชื่อใจพี่ได้เลยไอน้อง เเล้วก็จัดการลากมันไปทั้งอย่างนั้น


          จนคนที่ผ่านไปมาได้เเต่แอบกลั้นยิ้มขำกับภาพที่ผู้ชายที่สูงเพียงอกอีกฝ่ายดันทุรังเขย่งไปกอดคออีกคน ทั้งยังเดินไปด้วยจนกลายเป็นท่าเดินที่ดูลำบากเสียเหลือเกิน



------------------------------


          "ป้าคร้าบบบ สั่งอาหารหน่อยคร้าบบบบ"ทันทีที่ลากมันมาร้านอาหารไม่ไกลจากเเถมนั้น พอได้จับจองที่นั่งกันเรียบร้อยผมก็เเหกปากทันที


          ร้านนี้เป็นร้านอาหารข้างทางธรรมดาๆครับ เเต่ถึงอย่างนั้นคนก็เเน่นอยู่ตลอดทั้งอาทิตย์เรื่องจากเจ้าของร้านฝีมือเเบบต้นตำหรับมาเอง อร่อยจนใครมากินก็ติดใจทั้งนั้น


          "เเหม่ ฟ่าวอีหลีเน่าะ(เเหม รีบจริงเว้ย)"คนที่มารับออเดอร์ไม่ใช่ป้าเจ้าของร้านที่ง่วนกับครกอยู่กับสาก เเต่เป็นสาวผิวคล้ำ พี่ดาวลูกสาวเเท้ๆของป้าเเกซึ่งผมมากินจนสนิทเหมือนญาติไปเเล้ว ยิ่งพอรู้ว่าผมก็มีถิ่นกำเนิดจากที่เดียวกันนี่ยิ่งสนิทเข้าไปใหญ่ เลยไม่แปลกที่พี่เเกจะรัวภาษาอีสานใส่ทันทีที่เจอหน้า


          "บ่ฟ่าวบ่ได่ดอก(ไม่รีบไม่ได้หรอกพี่)"ผมตอบกลับพร้อมยิ้มกว้าง


          "เอ่อ.."


          เสียงจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเรียกความสนใจผมได้จนต้องหันไปมองก่อนจะยิ้มเพล่


          "โอ้ย เมนงเมนูไม่ต้องๆเดี๋ยวบักธีร์สิสั่งให้เอง รับรองเด็ดงี้"ผมหันไปคว้าเมนูในมือมันออกเเล้วเสียบไว้ที่เดิม ชูนิ้วโป้งให้เเบบที่ว่ามันก็พยักหน้าให้เเล้วนั่งดูอยู่เงียบๆ



           "บัดสีดานิไผวะบักธีร์ ผุจ๊บหล๊ายหลาย(ฝรั่งคนนี้ใครวะธีร์ หน้าตาดีจัง)"คราวนี้พี่เเกก้มลงมาพูดกระซิบผม พลางพยักเพยิดหน้าไปทางไอฝรั่งที่นั่งหน้ามึนอยู่ 


            "บ่ต้องหัวซาดอก(ไม่ต้องสนใจหรอก)"ผมบอก พี่ดาวทำหน้าเซ็งหน่อยๆ เเต่ยอมผละออกไปยืนรอจดรายการอาหาร


          "เอาตำปูปลาร้าเผ็ดเหมือนเดิม ตำไทยไม่ใส่พริก ไก่ย่างสี่ น้ำตกหนึ่ง  ปลาดุกหนึ่ง ข้าวเหนียวสอง ต้มเเซ่บด้วยนะพี่"ผมสั่งพี่เขาโดยใช้ภาษากลางเหมือนเดิม พี่เเกก็จดยิกๆเเล้วก็เดินจากไปเเต่เดินไปไม่ไกลก็วนกลับมา


          ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เเละพี่ดาวที่ไม่ปล่อยให้ผมสงสัยนานก็เอ่ยปาก



          "ผัวมึงเเม่นบ่"


          พรูด!!


          ทำเอาน้ำที่กำลังกระดกอยู่ถึงกับพุ่ง


          "เเค่กๆ..ผัวที่ไหนล่ะพี่..แค่ก" ผมรีบส่ายหน้าโบกไม้โบกมือทั้งยังไอค่อกเเค่กชนิดที่ว่าหน้าดำหน้าเเดง


          "Are you okay?"เสียงทุ้มๆเอ่ยถาม พร้อมทั้งสัมผัสตรงแผ่นหลัง มือใหญ่ลูบหลังผมเบาๆ ผมหันไปมองมันที่ยืนอยู่เเล้วเอื้อมมือมาทางผม ผมกำลังจะอ้าปากตอบเเต่จู่ๆก็รู้สึกมีก้อนอะไรจุกอยู่ที่ลำคอ


          "เอ่อ..โอเคเเล้วๆ"ผมบอกมันยามที่เสหน้าหลบสายตาอีกฝ่ายอย่างไม่มีสาเหตุ พอเห็นผมหยุดไอมันก็เลยกลับไปนั่งที่เดิม 


          ถ้าผมมองไม่ผิด สายตาเเบบเมื่อกี้มัน..


          เป็นห่วงสินะ..


---------------------------------------


          "ซี๊ดด! อ่า!!"


          เสียงซี๊ดซ๊าดซู่ซ่านี้เกิดตลอดการกินอาหารมื้อนี้ตั้งเเต่คำเเรกยันตอนนี้ ไอหมีควายตรงหน้าก็ไม่หยุดส่งเสียงจนโต๊ะข้างๆเริ่มหันมามอง


          "จะซี๊ดจะซ๊าดก็เบาๆนิดนึงได้ป่ะวะ"ผมก็บ่นมันไปอย่างนั้น เพราะเมื่อมองหน้าอีกฝ่ายก็อดขำออกมาไม่ได้อยู่ดี


          ใบหน้าที่เคยคิดว่าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเพราะความเผ็ด เหงื่อนี้เเต่พลั่กๆ หน้านี้เเดงยันคอ ทั้งยังเห็นน้ำตาคลอเพราะไม่ว่าจะจานไหนก็เผ็ดทั้งนั้น


          จะว่าสงสารก็สงสาร จะว่าสะใจก็สะใจ จะว่าขำก็ขำ


          มันเลยได้เเต่จกข้าวเหนียวเข้าปากทั้งยังยัดไก่ย่างที่มันไม่เผ็ดตาม เเต่ถึงอยากนั้นก็เถอะ


          "อ่า!!"


          มันร้อนไง ก็โง่ยัดเข้าไปอีก
 

          ผมส่ายหน้าน้อยๆเเบบที่หุบยิ้มขำไม่ได้ซักที เเล้วเริ่มลงมือกับอาหารตรงหน้าบ้าง ผมจิ้มตำไทยที่ไม่ได้ใส่พริกซักเม็ดเข้าปากเเล้วเคี้ยวกรุบๆ


          อื้อหือ หวานชิบหาย


          ไอคนที่ลิ้นด้านกับความเผ็ดร้อนของอาหารอีสานไปเเล้วอย่างผมถึงกับวางช้อน หันไปจิ้นน้ำตกเข้าปาก จริงๆเเล้วไอของผมคือจานที่อยู่หน้าไอฝรั่งนั่นต่างหาก ไอตำไทยหวานๆนี้จริงๆผมก็สั่งมาให้มันนั่นเเหละ เเต่ขอเเกล้งมันหน่อยโดยการยื่นปูปลาร้าที่มันเบ้ให้ตั้งเเต่ได้กลิ่น


          ซึ่งนั่นมันเผ็ดอย่างต้นตำหรับเลยเเหละ


          ฟืดด


          ผมมองน้ำที่หมดไปเเก้วที่เท่าไหร่เเล้วก็ไม่รู้ของมัน ดีนะที่น้ำฟรีไม่งั้นเปลืองค่าน้ำหนักกว่าค่าข้าวเเน่นอน


          "อ่ะ อันนี้ของมึง"จนสุดท้ายผมก็อดใจไม่ไหวยื่นจานตำไทยไปให้เเล้วดึงจานปูปลาร้ากลับมาอยู่ในที่ๆมันควรจะอยู่



          มันเหลือบตาขึ้นมองผมหน่อยเหมือนไม่ไว้ใจ จากนั้นก็ลองตักเข้าปาก ถึงจะไม่ได้ยิ้มออกมาเเต่ก็ไม่ได้มีปฏิกริยาต่อต้านเท่าไหร่ ถึงเเม้จะไม่ได้ใส่พริกก็เถอะเเต่ครกที่ตำก็มีอยู่ไม่กี่ครกเพราะฉะนั้นมันก็คงมีเผ็ดหน่อยๆอยู่เหมือนกัน











          "ฮ้า! อิ่มชะมัด"ผมเดินบิดขี้เกียจออกมาจากร้านพร้อมๆกับไอฝรั่งที่ยังไม่หายหน้าเเดงปากเเดงจมูกเเดงตาเเดงซูดน้ำมูกฟืดๆ  ที่ไม่ว่ามองทีไรก็ขำ


          "มองอะไร"ผมว่าเเล้วยักคิ้วให้น้อยๆเพราะอารมณ์ดีที่ได้เห็นฝรั่งกล้ามเเน่นตัวอย่างหมีควายทำท่าจะเป็นจะตายเมื่อได้กินอาหารไทย



          เมื่อมันไม่ตอบอะไร ผมก็เลยยักไหล่เเล้วเดินไปโบกเเท็กซี่ไม่นานทั้งผมเเละมันก็ย้ายตัวกลับมาอยู่ในห้องเป็นอันเรียบร้อย


          "โฮ่ง! แฮ่กๆ"ไอหมาเตอร์ก็เห่าต้อนรับทันที มันวิ่งกระเพลกๆอย่างที่หมาขาเดี้ยงเเบบมันจะทำได้ ไอฝรั่งก้มลงนั่งยองๆลูบหัวมันเล็กน้อย จนภาพเเบบนี้กลายเป็นที่คุ้นตาไปแล้วสำหรับผม


          "โฮ่งๆๆ"


          พอไอฝรั่งมันลุกขึ้นเเล้วเดินหายเข้าไปในห้อง ไอเตอร์มันก็เบนความสนใจมาทางผมที่เพิ่งถอดรองเท้า วางกระเป๋าเสร็จ


          "ชู่ววว อย่าเสียงดังดิ๊ เดี๋ยวข้างห้องก็มาด่าให้หรอก"ผมเอ็ดมัน ซึ่งไอเตอร์มันก็เอียงคอเหมือนงง


          "โฮ่ง!" เเล้วก็เห่ารับ


          เออดี ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ


          "ช่างมันเถอะ มาๆแดกข้าวเร็ว วันนี้พ่อเเกเจอศึกหนักคงสลบไปเเล้วเเหง"ผมว่างั้นก่อนจะหัวเราะออกมาหน่อย ยามคิดถึงคนที่ปกติเเล้วพอถึงห้องต้องมานั่งเล่นนอนเล่นกับไอเตอร์พักใหญ่ เเต่วันนี้กลับตรงดิ่งเข้าห้องไปซะอย่างนั้น




----------------------------




          มันจะเข้าๆออกๆอีกนานไหมวะ


          ผมที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงคนเข้าๆออก จริงๆเเล้วผมเป็นคนที่หลับสนิทมากถึงมากที่สุด เเต่พอหลายรอบเข้าสุดท้ายก็ข่มตาลงไม่ไหว ลืมตาโพลงขึ้นขึ้นมานั่งจุ้มปุกมองไอคนที่เดินเข้าออกระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำไม่ต่ำกว่าห้ารอบได้ตั้งเเต่ผมเเอบดูมัน



          จะเรียกว่าเเอบคงไม่ได้ เพราะผมนั้งหัวโด่ขนาดนี้เเต่ท่าว่ามันจะไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้นเลยมองไม่เห็นผมที่นั่งหัวฟูขมวดคิ้วมองมันอยู่


          หรือว่าจะเเกล้งมันเเรงไปวะ


          ความรู้สึกผิดเริ่มเข้ามากอบกุมจิตใจ เพราะตลอดมาเป็นผู้ถูกกระทำ(?)ตลอดพอมาเป็นผู้กระทำคนอื่นเเบบนี้มัน..



          รู้สึกผิดว่ะ


          ฮืออ ก็คนมันเข้าใจอารมณ์คนถูกเเกล้ง ยิ่งมันเข้าห้องน้ำบ่อยขนาดนี้คงไม่พ้นท้องเสียนั้นเเหละ ไม่รู้ป่านนี้ขี้จนตูดไหม้ไปเเล้วยัง



          ผมลุกขึ้นก่อนที่ตัวเองจะได้รู้สึกผิดไปมากกว่านี้



          ก็อกๆ


          "กูเข้าไปนะ"


          ผมเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาตจากผู้พักอาศัย มันชะโงกหัวขึ้นมานิดส่งผลให้ผมเห็นหน้าของมันได้ชัดขึ้น เพราะมันเปิดไฟตรงหัวนอนไว้อย่างเคย


          มันไม่ได้พูดอะไรเเค่ทำหน้างงๆ ใบหน้าคมอย่างชาวตะวันตกผิวขาวออกเกรียมเเดดหน่อยๆซีดลงอย่างชัดเจน ทั้งยังดูซูบลงเเบบไม่ต้องถามเลยว่าเพราะอะไร


          "เห้ย โอเคป่ะเนี่ย"ผมเดินเข้าไปประชิดเตียง ไอฝรั่งมันก็ยันตัวขึ้นนั่งทั้งๆที่ตายังปรือๆเหมือนคนง่วงนอน


          "I'm okay." มันว่าเเล้วส่งยิ้มเเหยๆมาให้


          หน้ามึงไม่โอเคเเล้วมั้งนั้น


          "โอเคก็เเย่เเล้ว รอนี่เเปปนะ"ผมทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกมาข้างนอก ไปค้นๆยาในตู้


          ท้องเสียนี่ต้องกินคาร์บอนใช่ป่ะวะ ถ้าจำไม่ผิด


          ผมค้นหาไอยาเม็ดสีดำดูไม่น่ากินพักใหญ่ก่อนจะพบว่ามันอยู่ในหลืบ ผมหยิบมันออกมาก่อนจะไปรองน้ำใส่เเก้วเเล้วตั้งใจจะเอาไปให้คนป่วย(เพราะผม)กิน


          เเกร็ก


          เเต่ยังไม่ทันจะได้หยิบไปให้ ไอฝรั่งก็เดินออกมาจากห้องก่อนเเละเหมือนเดิมมันตรงไปห้องน้ำ ผมขมวดคิ้วมองมันเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีโงนเงนไม่มั่นคงของมัน



          "เห้ย!"


          โคร่ม!


          นั่นไง ว่าเเล้วมันก็ล้มดังโคร่มเล่นเอาผมวางน้ำวางยาไม่ทันก่อนจะปรี่ไปดูมันที่ค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งใช้มือนวดขมับตัวเองหน่อยๆ คิ้วได้รูปขมวดเข้าเป็นปม อีกมือก็กุมท้องเอาไว้



          "เอ่อมึง..โอเคไหม?"ผมลงไปทรุดนั่งข้างมันเเล้วยื่นหน้าไปถามอย่างเป็นห่วง ไอฝรั่งละมือออกจากหัวตัวเองเเล้วหันมาหาผม


          "No."คราวนี้มันไม่ดื้อด้านตอบตามตรง ผมเลยช่วยพยุงมันเข้าไปนั่งที่โซฟาก่อน จากนั้นก็เดินวนกลับมาเอายาเอาน้ำส่งให้มัน


          มันรับน้ำกับยาไปด้วยมือสั่นๆเหมือนคนไม่มีเเรง ก่อนจะกระดกมันเข้าปาก เเล้วก็ส่งคืนผม ผมมองมันด้วยความชั่งใจอยู่พักใหญ่ว่าจะเอายังไงต่อดี


          ผมทำก็ต้องรับผิดชอบถูกไหม


          ผมเหลือบมองมือใหญ่ที่กุมท้องตัวเองไว้ทั้งยังนั่งงอหน่อยๆ


          ปวดท้องด้วยสินะ


          ผมสรุปเองในใจ ก็ไม่เเปลกกินของเผ็ดขนาดนั้น เผลอๆอาจจะท้องอืดด้วยเพราะเล่นกินน้ำเข้าไปเยอะขนาดนั้น


          พอคิดได้ดังนั้นผมก็ไปหยิบทั้งยาธาตุยาพารามาประเคนให้มันรวมถึงยานอนหลับเเบบที่ฤทธิ์ไม่เเรงมากมาให้ เพราะหากว่าเป็นเเบบนี้ต่อไปมันคงได้เดินเข้าห้องน้ำทั้งคืนคงไม่ได้นอนเเน่นอน



          "แอมซอรี่นะ"ผมบอกมันเสียงอ่อนเสียงอ่อยหลังจากที่เเบกมันกลับไปนอนในห้องเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว มันใช้ตาปรือๆมองผมก่อนจะยิ้มๆให้เเบบไม่พูดอะไร



          หาเหาใส่หัวอีกเเล้วไอธีร์เอ้ย!




 
 
 
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.6 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-05-2016 22:50:53
วุ้ย น้องธีร์

ชดเชยความผิดด้วยนะคะ

(พี่เรนที่พาหมาไปหาหมอเนี่ย หมาเดินสองเท้าใช่บ่?)

หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.7] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 28-05-2016 16:05:04
Chapter 7

| power of patient



          "วันนี้กูโดดนะ"


          [ทำไมวะ นี่ใจคอพวกมึงจะให้กูมาเรียนคนเดียวทุกวันเลยใช่ไหม ทั้งมึงทั้งไอจีนทั้งไอพุ นัดไปไหนกันรึเปล่า ไม่เข้าบ่อยๆเดี๋ยวก็ได้ปรับตกหรอก]เสียงบ่นดังมาตามสาย จนผมได้เเต่ยิ้มเเห้งๆใส่โทรศัพท์


          "โทษ'ทีว่ะ"


          [เออ จำไว้เลยนะมึง มีอะไรก็ไม่เคยบอกเพื่อนบอกฝูง.. เห้ย! มึงจะทำอะไรวะ!...ตรู๊ดดด]


          อ่าว


           ผมขมวดคิ้วงงๆ เมื่อจู่ๆมันก็ตัดสายไป เเต่ดูเหมือนว่าประโยคสุดท้ายมันคงไม่ได้พูดกับผม



           แอ๊ดด


          ผมมองไปตามเสียงเปิดประตูห้องนอนก็พบคนป่วยเดินหาวหวอดออกมาทั้งๆที่เพิ่งได้นอนไม่ถึงห้าชั่วโมงดี เห็นดังนั้นผมจึงถลาเข้าไปหาเเล้วดันหลังมันกลับเข้าห้อง ไอฝรั่งที่ถึงเเม้สีหน้าจะดีกว่าเมื่อคืนโข หากเเต่ใบหน้าก็ซ่อนความง่วงงุนไว้ไม่มิด มันขืนตัวหน่อยๆหันหน้ามาหาผมเหมือนถามว่าทำไมเเต่ก็ยอมเดินเข้าไปเเต่โดยดี


          "เดี๋ยวกูทำเอง เอ่อ..เบรคฟัสอ่ะ มึงนอนต่อไปเถอะ"ผมบอกมันในขณะที่มันค่อยๆล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง



          ผมมองคนป่วยที่มองหน้าผมนิ่งไม่หือไม่อือ จนผมต้องโบกมือไปมาตรงหน้ามัน เเต่มันก็ยังนิ่งไม่ไหวติ่ง

     
          แปะ


          "ไข้ก็ไม่ขึ้นนี่หว่า"ผมพึมพำออกมาเมื่อใช้หลังมือทาบไปกับหน้าผากมันเเละอีกมือก็ทาบกับหน้าผากตัวเองเพื่อวัดอุณหภูมิโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าอีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยทั้งยังเผลอเสหน้าออกอย่างที่ไม่เคยทำ


          "ปวดหัว? ปวดท้อง?" ผมยังถามต่อหลังจากที่ละมือออกมาจากหัวมันเเล้ว


          "เตอร์.."


          "หืม? ไอเตอร์อ่ะนะไม่ต้องห่วงๆเดี๋ยวกูดูเเลให้"ผมว่าอย่างนั้นเมื่อมันเอ่ยชื่อไอหมาขาเดี้ยงที่ตอนนี้ยังนอนหลับอุตุไม่รู้เรื่องว่าพ่อมันป่วย



          "อืม" คราวนี้มันครางรับในลำคอก่อนจะทิ้งตัวนอนอย่างไม่อิดออดอีกต่อไป


          พอเห็นอย่างนั้นผมก็ลุกขึ้นจากขอบเตียงหวังจะปล่อยให้คนป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เเต่เหมือนคนป่วยจะไม่คิดเเบบผมนี่สิ..


          "เห้ย!"


          ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆโลกก็หมุนพลิกกลับด้าน ไม่สิ ผมหงายหลังลงไปบนเตียงเพราะเเรงกระชากของไอฝรั่ง


          "เล่นไรเนี่ย! ปล่อยนะเว้ย!"ผมดิ้นพล่านเมื่ออีกฝ่ายใช้เเขนที่มีกล้ามเป็นลูกๆเเบบที่ว่าฟาดเด็กคงได้ตายคาที่มาพาดทับเอวผมไว้ พอหันไปมองหน้าก็เห็นว่ามันหลับตาลงเหมือนไม่รู้ไม่ชี้


          คนหลับบ้าอะไรอมยิ้มซะเเก้มปูดขนาดนั้นฟร่ะ!


          ผมทั้งเเกะทั้งดันเเขนมันออก เเต่มันกลับไม่เขยื้อนเลยซักนิด


          ฮืออ นอกจากเเกล้งหลับมึงยังเเกล้งป่วยอีกใช่ไหมตอบ ไปเอาเรี่ยวเเรงมาจากไหนนี่ดิ้นจนหน้าดำเเล้วนะเฮ้ย


          "ชู่ววว"ไอคนเเกล้งหลับทำเสียงบอกให้เงียบ


          ไอผมก็บ้าจี้เงียบตามที่มันบอกอีก เออดี


          "Good boy" เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ไม่ไกลจากหัวผมมาก ผมได้เเต่นอนตัวเเข็งทื่อเป็นไม้กระดานจะขยับไปไหนก็ไม่ได้


          "ปล่อยกูไปเถอะนะ พลีส"พอขยับร่างกายไม่ได้ก็ได้เวลาแหกปาก ถ้ามันไม่ปล่อยจะไม่หยุดพูดเลยคอยดู


          รอบเเรก..เงียบ


          "ไอหมีควาย อย่าเเกล้งหลับดิ้"


          รอบที่สอง...เงียบ


          "เห้ย! จะมานอนเเบบนี้ไม่ได้นะเว้ย!"


          ยังคงเงียบ..พร้อมกับอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจที่บ่งบอกว่า...


          มันหลับจริง


          ชิบหายเเล้วไงกู


          ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ พอหยุดดิ้นผมก็เพิ่งระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ในท่าที่อันตรายขนาดไหน ท่าทีมันรวบตัวผมเข้าไปกอดอย่างกับเป็นหมอนข้างส่วนตัว ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมได้เเต่นอนนิ่งๆจ้องเพดานสีขาวอย่างไม่วางตาเหมือนมันมีอะไรน่าสนใจหนักหนา เหงื่อเเตกพลั่กๆทั้งๆที่แอร์ก็เปิดอยู่ เตียงมันไม่ได้ใหญ่มากอย่างที่ผมเคยบอก มันอึดอัดก็จริงเเต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น..



          ตึกตัก.. ตึกตัก..


          ไอหัวใจทรพี! มึงจะเต้นดังขึ้นมาหาอะไรวะเห้ย!
 

          ผมได้เเต่กรีดร้องอยู่ในใจ อยากจะขยับหนีให้รู้เเล้วรู้รอดเเต่ยิ่งขยับขยับมากเท่าไหร่ผิวเนื้อก็ยิ่งสัมผัสตัวของอีกคนยิ่งขึ้น


          กูผู้ชาย กูผู้ชาย มึงเป็นผู้ชายนะไอธีร์


          ฟรึ่บ


          ..!!!


          ร่างสูงใหญ่ของไอหมีควายพลิกหันตะเเคงมาด้านผม เเต่นั้นไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะนอกจากหันมาเเล้วมันยังกระชับเเขนยาวๆที่โอบทับเอวผมไว้เข้าไปประชิดตัวมากขึ้น


          ผมหดคอตัวเองเต็มที่ เพราะหน้าคมมันอยู่ใกล้มากเเบบที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ลอยเข้ามากระทบใบหน้า


          มาถึงขนาดนี้คงทำอะไรไม่ได้เเล้วล่ะ



          ผมคิดในใจอย่างปลงๆ มันคงอาจจะเหงาที่นอนคนเดียวเลยดึงผมมานอนด้วย เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทำมันป่วย จะยอมนอนนิ่งๆเป็นหมอนข้างให้วันนึงก็เเล้วกัน


          พอคิดข้ออ้างให้ตัวเองได้เรียบร้อย ผมก็หลับตาลงเเละพาตัวเองจมดิ่งสู่ห้วงนิทราด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อคืนก็นอนดึกพอๆกับมันเนี่ยเเหละ



----------




          ในยามที่คนร่างเล็กหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ คนที่หลับไปเเล้วกลับลืมตาขึ้นมา เคลื่อนใบหน้าที่ห่างไม่ถึงคืบให้ใกล้เข้าไปอีก ดวงตาสีน้ำข้าวมองไล่ตามโครงหน้าคนตัวเล็กในอ้อมกอดเเบบที่บอกไม่ได้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่



          อาจจะเป็นดวงตาสีดำสนิทอย่างคนเอเชียที่ไม่ว่ามองอะไรก็จะสะท้อนเงานั้นออกมาชัดเจน


          หรือจมูกที่ไม่ได้โด่งมากขนาดชาวตะวันตกเเต่ก็ไม่ได้ถึงกับแหมบอย่างที่คนอื่นชอบเเซว


          ผิวสีเเทนเข้มที่พอมองเเล้วชวนนึกถึงเค้กชอคโกเเลต


          ร่างกายเล็กที่ถึงจะไม่ได้เอวบางร่างน้อยเเต่มองเเล้วก็ชวนให้เข้าไปขย้ำ


          หรืออาจจะเป็นปากสีชมพูซีดที่อยู่ตรงหน้านี้...



          จุ๊บ



          อืม...นุ่มกว่าที่คิดไว้ซะอีก




----------





          อุ่น..


          ความรู้สึกเเรกที่สัมผัสยามที่เริ่มรู้สึกตัว



          อุ่นจนอดที่จะซุกเข้าหาไม่ได้


          "พ่อ.."


          ร่างใหญ่ๆพร้อมไออุ่นมันชวนให้คิดถึงบุพการีเสียจนอดเอ่ยเรียกออกมาไม่ได้ อาจจะเพราะสติยังมาไม่ครบท้วนเลยยังไม่ได้ไตร่ตรองอะไรได้ดีนักเลยลืมคิดไปว่าไม่ได้อยู่บ้านตัวเองซักหน่อย


          สัมผัสตรงหัวมันชวนเอาเคลิ้มไม่น้อย หากเเต่สติที่ค่อยๆมาทีละเล็กทีละน้อยทำให้เริ่มระลึกความจริงที่ว่า..


          พ่อไม่เคยลูบหัว


          คิดได้เเค่นั้นผมก็เบิกตาโผลงสิ่งเเรกที่เห็นเลยคือสีดำ


          เห้ย!"


          มันไม่ใช่เเค่สีดำอย่างที่คิด เเต่มันคือ'เสื้อ'สีดำของไอฝรั่ง ซึ่งหน้าผมอยู่พอดีกับอกมันเป๊ะอย่างกับถูกจับวาง ผมดิ้นคลุกคลักอยู่ในอ้อมกอดมันเเต่ดิ้นได้ไม่นานเพราะมันรัดตัวผมเข้าไปชิดกับมันมากขึ้น


          ผมเงยหน้าไปมองมันเเบบหาเรื่องปนสงสัย มันใช้รอยยิ้มเป็นคำตอบก่อนจะกดริมฝีปากของมันลงมาลงบนหน้าผากผมเบาๆเเวบเดียว เเบบที่ผมหน้าร้อนวูบเพราะไม่ได้เตรียมใจเจออะไรเเบบนี้มาก่อน


          "มะ..มึงทำอะไรวะเนี่ย"ผมผลักมันออกพูดตะกุกตะกัก ซึ่งครั้งนี้มันคลายเเขนออกให้ง่ายๆ ผมเลยรีบพาตัวเองลงมาจากเตียงอันตรายนั่น



          "Morning kiss"



            มอนิ่งคิสพ่องงง นี่มันเลยจะบ่ายเเล้วเถอะ!


          ผมล่ะขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับมันต่อ คือจริงๆก็ไม่มีอะไรจะเถียงเเถมอุณภูมิบนใบหน้ายังไม่มีท่าทีว่าจะลดง่ายๆ จึงรีบหมุนตัวพาตัวเองออกมาจากห้องนอนทันที


          เเต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล เเค่ทรุดนั่งอยู่หน้าห้องใช้หลังพิงประตูไว้จากนั้นก็...


          ยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้า


          "อันนี้มันเรียกเขินใช่ไหม จะยี่สิบเเล้วนะไอธีร์เดินในเส้นทางปกติมาตั้งนานมึงอย่ามาเบนง่ายๆเเบนี้สิ"จากนั้นก็เริ่มบ่นอู้อี้กับตัวเอง



          "ที่มันทำก็เเค่อยากเเกล้งเท่านั้นเเหละก็เหมือนพี่เร..."



          ตึง!


          "โอ้ย!"


          ยังไม่ทันที่จะได้หาข้ออ้างให้ตัวเองได้เสร็จ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก เเละด้วยความที่ว่าผมใช้ประตูเป็นที่พักพิงอยู่นั้นส่งผลให้..ผมหงาย..


          หงายเเบบที่เอาหลังหัวกระเเทกเข้าที่พื้นเต็มๆจนเกิดเสัยงดัง'ตึง' โดยมีไอตัวต้นเหตุยืมก้มมองผมอยู่


          ผมกับมันสบตากันเเบบงงๆเหมือนสมองกำลังประมวลผลอยู่ประมาณสามวินาที จากนั้นใบหน้างงๆของมันก็เปลี่ยนเป็นอมยิ้ม


          จากอมยิ้มเป็นยิ้มกว้างเหมือนกลั้นขำ


          สุดท้ายก็หัวเราะออกมาเสียงดัง..


          "ฮ่าๆๆๆๆๆ"


          หัวเราะได้อย่างนี้คงหายเเล้วมั้ง ไอปงไอป่วยเนี่ย





---------

          ตอนนี้เวลา16นาฬิกา หรือที่เราคุ้นเคยกับคำว่าสี่โมงเย็น ผมได้ทำการย้ายร่างของตัวเองมาอยู่หน้าห้องๆหนึ่งในคอนโดเเห่งหนึ่งตามนัดที่เคยให้ไว้


          ก็อกๆ


          "คร้าบๆมาเเล้วคร้าบ"เสียงขานรับจากในห้อง ก่อนจะตามมาด้วยบานประตูที่ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของเจ้าของห้องที่ยืนหัวฟูในชุดเสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์เน่าๆ


          ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนเเล้วมาชี้ว่าไอนี่ในสถาพเเบบนี้เป็นเดือนคณะ ผมก็ไม่เชื่อหรอกครับ ผมเชื่อว่าทุกคนก็คงไม่เชื่อ งั้นลองย้อนกลับไปอ่านตอนที่ผมเจอพี่เเกที่ตลาดสิครับ นั่นเเหละคุณจะได้พบความเเตกต่างระหว่างอยู่'ในสถานที่'กับอยู่'นอกสถานที่'ของผู้ชายคนนี้


          "มีคีย์การ์ดเเล้วทำไมไม่ใช้"รุ่นพี่ตัวสูงทำหน้าเอือมใส่เบาๆเมื่อเห็นว่าคนที่มาเป็นผม


          "ลืมว่ะพี่"ผมตอบง่ายๆเเล้วยิ้มเเห้ง


          "ลืมไว้ห้อง?"


          "ลืมว่าเคยมี"


          ป้าบ


          "โอ้ย! เอะอะก็ตบหัวตลอด ถ้าผมโง่ขึ้นมาโทษพี่คนเดียวเลยนะ"ผมทำปากยื่นปากยาวลูบหัวตัวเองปอยๆ ไอคนทำน่ะหรอเคยสำนึกที่ไหน


          "เเค่นี้ก็โง่จนไม่รู้จะโง่ยังไงเเล้วว่ะไอธีร์ มาๆเข้ามา"พี่เรนเอ่ยชวน ผมก็ไม่ปฏิเสธเดินตามเข้าไปเเต่โดยดี


          พี่เรนก็อยู่คอนโดเหมือนกันครับ ไม่ได้หรูมากเเต่ก็ไม่ถึงขนาดซอมซ่อ รวมๆเเล้วก็คล้ายคอนโดผมนี่เเหละครับ เเต่มีสิ่งที่ไม่เหมือนเเน่ๆ..คือที่นี่มันรกยิ่งกว่ารังหนูน่ะสิ..


          ..เอ้ะ?


          "เห้ย! ทำไมห้องสะอาดวะพี่"ผมถึงกับอึ้งเมื่อทำใจไว้เเล้วว่ามาที่นี่คงได้พบกองขยะมากมายกระจายอยู่เต็มทั่วทุกอนูของพื้นที่ เเต่ทำไม!? ทำไมห้องมันถึงกับสะอาดทั้งข้าวของเครื่องใช้ก็เก็บซะเรียบร้อยเสียจนไม่เชื่อสายตา


          กูเข้าผิดห้องเเน่ๆ



          เเค่คิดได้เเค่นั้นผมก็หันหลังกลับทันที เเต่ยังไม่ทันออกเดินพี่เรนก็คว้าคอเสื้อไว้ซะก่อน


          "พี่รู้นะว่าเเกคิดอะไรอยู่ นี่ห้องพี่จริง เเต่พี่ไม่ได้เป็นคนทำ"


          "เเล้วใครทำ"


          "นั่นสิ..ใครน้า"หนุ่มลูกครึ่งทำหน้าคิดหนัก มีการหันมายักคิ้วให้ผมด้วยสองทีเหมือนยั่วโมโห


          "โหยพี่อ่าาา อย่ามายั่วงี้ดิ"ผมเริ่มหน้าบูด


          "อะไรใครยั่วที่ไหนไม่มี มีเเต่เรานั่นเเหละยั่วพี่"คนตัวสูงหว่ายักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ก่อนเดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟาตัวยาว



          "ยั่วอะไรวะ เพ้อเจ้อละพี่อ่ะ เเล้วสรุปนี่ใครทำนี่ขนาดพี่เคยจะจ้างผมผมยังคิดหนักเลย"นี่ไม่ได้เวอร์นะครับ เพราะงานบ้านงานเรือนผมก็พอทำได้เพราะต้องอยู่คนเดียว เเต่พี่เรนไม่ ไม่ใช่ว่าทำไม่เป็นหรือทำไม่ได้เเต่คุณชายท่านให้เหตุผลง่ายๆว่า'ขี้เกียจ'


          "แมวทำ"


          "ห้ะ?"


          "ก็ตามนั้นเเหละ มาๆจะให้สอนอะไรว่ามา"พี่เรนพูดตัดบทเเล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาใหม่


          "ก็....."



          .


          .



          .     
         


          .



          .


          "ขอบคุณมากนะพี่"ผมว่าพลางเก็บสมุดโน๊ตเล็กๆที่ผมใช้พกไว้ประจำเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง

          รุ่นพี่ตัวสูงลูกครึ่งอเมริกันที่ถดตัวลงมานั่งพื้นเเล้วใช้โซฟาเป็นที่พิงโคลงหัวน้อยๆเเล้วโบกไม่โบกมือเหมือนเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

          "ขอบคงขอบคุณอะไรกัน อย่าลืมสิเรามีข้อเเลกเปลี่ยนระหว่างกันนะ" ว่าเเล้วก็เเถมขยิบตาให้ทีนึงจนคนมองอดที่จะเบ้ปากอย่างหมันไส้ออกมาไม่ได้


          "งั้นผมไปเเล้วนะ"


          "อย่าเพิ่งๆ รีบไปไหนเนี่ย มานั่งนี่ก่อนมามะ"พอผมกล่าวลาพี่เรนก็ยกมือขึ้นห้ามทันทีเเบบที่ยังไม่ทันได้หมุนตัวไปทางหน้าห้องด้วยซ้ำ พี่แกใช้มือนึงตบพื้นข้างๆตัวส่วนอีกมือก็ใช้กวักเรียกผม


          เเละเเน่นอน ก็เดินตามไปอย่างว่าง่ายสิครับ


          พอทรุดตัวนั่งเรียบร้อย เเขนยาวของคนข้างกายก็ตวัดรอบโอบไหล่ผมทันที ผมหันกึ่งเงยไปมองคนที่ตัวสูงกว่า พี่เรนฉีกยิ้มจนเห็นหันเรียงสวยเเทบจะครบทุก32ซี่ ก่อนที่จะกดริมฝีปากลงมาตรงหน้าผากผมไวๆ


          ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะพี่เขามักจะหยอกล้อผมเเบบถึงเนื้อถึงตัวมาตั้งเเต่ไหนเเต่ไรจูบปากกันยังเคยมาเเล้ว(ตอนนั้นมันอยากลองนี่) เเต่ในวินาทีนั้นผมกลับเห็นหน้าของใครอีกคนลอยเข้ามาในหัวพร้อมกับความคิดที่ตัวเองยังตกใจ


          ไม่อยากให้ทับรอย..


          นี่กูเป็นหมาไปจริงๆเเล้วใช่ไหมเนี่ย!


          จุ๊บ


          เสียง'จุ๊บ'ดังขึ้นในวินาทีต่อมา หากเเต่เป้าหมายที่ริมฝีปากกระจับนั้นสัมผัสไม่ใช่หน้าผากมน หากเเต่เป็นมือ..มือที่ผมยกขึ้นมากุมหน้าผากตัวเองไว้ได้อย่างทันท่วงที

          "โถ่ เอามือมาปิดเหม่งทำไมวะ ไม่ได้จุ๊บเหม่งมานานเเล้ว"ร่างสูงทำหน้างอเหมือนเด็กถูกขัดใจที่มองยังไงก็เด็กโข่งชัดๆ


          ผมถอนหายใจหนักๆที่อีกฝ่ายยังติดนิสัยเเบบนี้ไม่หาย ตั้งเเต่อนุบาลยันมหาลัย พี่แกไม่ได้คิดอะไรหรอกครับอยากทำก็ทำ ไอกลองเเต็กเคยเจอรอบนึงยังกลัวถึง ณ ตอนนี้เพราะจู่ๆเเกก็ดันพุ่งเข้าไปฟัดอย่างไร้เหตุผล เเถมพอลองถามก็ได้คำตอบง่ายๆมาเสมอ อย่างเช่น'มันน่าหมันเขี้ยว'บ้างล่ะ
'จู่ๆก็อยาก'บ้างล่ะ เพราะฉะนั้นความจำกัดความง่ายๆของไอเดือนคณะเก๊นี่คงจะเป็นคำว่าติสท์เเตกก็คงได้



          "พอเลยพี่ ถ้าไม่มีอะไรผมกลับเเล้วนะ"ผมเเกะมือใหญ่ออกจากไหล่ตัวเองซี่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือยอมคลายมือออกมาง่ายๆ


          "พรุ่งนี้เย็นว่างไหม"จู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้นส่งผลให้ผมเลิกคิ้วสงสัยเล็กน้อย


          "แปปนะพี่"ผมพูดพลางล้วงเอาสมุดโน๊ตเล่มเดิมขึ้นมาเปิดดูกำหนดการณ์



          "จริงๆเเล้วมีกะเย็นที่ร้านเฮีย เเต่ว่าตอนนี้ถูกไล่ออกมาเเล้ว สรุปว่าว่างครับผม"ผมตอบ


          พี่เรนพยักหน้าหงึกหงักเเบบเข้าใจ จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็คอะไรบางอย่างก่อนที่จะเงยหน้ามาบอกผม


          "งั้นไปดูหนังกันที่ห้างxxxตอนบ่ายนะ"


          "หืม? นึกไงชวนดูหนังวะพี่"ผมเลิกคิ้วสงสัย ร้อยวันพันปีไม่เคยชวน จริงๆก็บ่อยอยู่เหม่อนกันนะสมัยก่อนเพราะผมกับพี่เขาคอหนังเเนวเดียวกัน เวลานัดไปกับกลุ่มคนใหญ่ๆนี่พวกผมจะเป็นสองคนเเรกเลยที่หมดสิทธิ์การเลือกหนังที่อยากดู


          "จะได้เริ่มทำหน้าที่'แฟน'พี่ซักทีไง"


          เออว่ะ..ลืมไปซะสนิทเลย








หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.7 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-05-2016 16:16:58
 :pig4:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.8] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 28-05-2016 19:32:10
Chapter8
| Tiger and bear


          นี่มันอะไรกัน!


          ผมกรีดร้องประโยคนี้เป็นรอบที่ร้อยของวัน ใจนึกอยากจะมุดดินหนีหรือไม่ก็หายตัวไปจากตรงนี้


          ยามที่คนผ่านไปมาก็มองมาทางนี้ด้วยความสนใจซึ่งเป้าหมายที่ดึงดูดความสนใจไม่ใช่ใครอื่น


          ทั้งไอฝรั่งเเละพี่เรน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไร เเต่ทำไม...


          ทำไม! ทำไมกูต้องมายืนเป็นหลุมตรงกลางด้วยวะเนี่ย!!!


          "เป็นอะไรไปทำไมทำหน้าเเบบนั้น"รุ่นพี่ร่างสูงข้างกายก้มลงมากระซิบถาม เเต่นั่นไม่ใช่คำถามหรอกครับ เพราะรอยยิ้มกว้างๆนั่นบ่งบอกได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังเเกล้ง


          เพราะพี่เขาก็คงรู้คำตอบอยู่ในใจ


          เมื่อคนหน้าตาบ้านๆอย่างบักธีร์ถูกขนาบด้วยชายหนุ่มรูปงาม ร่างสูง หุ่นดีทั้งซ้ายเเละขวา นอกจากส่วนสูงที่มองยังไงก็กลายเป็นหลุม เเถมยังถูกออร่ากลบจนมิดจนจากหลุมธรรมดากลายเป็นหลุมดำ


          "ดูเรื่องอะไรดี"พี่เรนเปรยขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับคว้าเเขนผมลากไปยังจอฉายตารางหนัง


          หมับ!


          ไอฝรั่งก็ไม่น้อยหน้ารีบขว้าเเขนอีกข้างของผมก่อนจะเดินตามมาจนมองดูคล้ายเด็กอนุบาลเล่นต่อกันเป็นรถไฟ



          ผมถอนหายใจหนักๆมองคนสองคนที่ยืนพ่นภาษาอังกฤษใส่กันยามที่ถามความเห็นเรื่องหนัง จะว่าไงดีล่ะครับ วันนี้ผมก็มาตามนัดของพี่เรนนั่นเเหละเเต่ไอฝรั่งหมีควายมันดันตื่นมาเห็นตอนที่ผมกำลังจะออกมา พอมันถามว่าจะไปไหนผมก็ตอบมูฟวี่ๆไป จากนั้นมันก็เผยยิ้มกว้างทั้งยังบอกให้ผมรอเพราะมันจะมาด้วย เเละเเน่นอนว่าผมทั้งห้ามทั้งส่ายหน้าส่ายหัวเเบบที่ปากก็บอกเเต่'โนวๆๆๆ' เเต่ดูเหมือนยิ่งนับวันมันยิ่งหน้าด้านขึ้นทุกที มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จากนั้นก็เป็นฝ่ายลากผมออกมาเเทน


          "เอาเรื่องนั้นอ่ะพี่ น่าดูนะพี่ผมไปดูตัวอย่างมาละ"พอเห็นทั้งสองฝ่ายยังถกกันไม่จบไม่สิ้น ผมก็เอ่ยขึ้นเเทรกจากนั้นก็จิ้มไปยังหนังเรื่องนึงบนจอฉายตารางเวลา



          "เออ คิดเหมือนพี่เลย เเต่ไอนี่มันบอกไม่เอา"ว่าเเล้วก็พยักเพยิดหน้าไปทางไอคนตัวใหญ่ไซส์ชาวตะวันตกที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก



          "อ่าว..งั้นอยากดูเรื่องไหน"ผมว่าอย่างเสียดายหน่อยๆ เเต่ก็นะพอย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์วันเเรกที่เจอกันตอนที่พามันขึ้นห้องครั้งเเรก(?)มันคงจะกลัวมากอยู่



          ใช่ครับ..หนังที่ผมกับพี่เรนชอบน่ะ ไม่ผีก็พวกฆ่าหั่นศพ โรคจิตๆ อะไรเทือกๆนั้น เลยบอกไงครับว่าถ้าไปกับเพื่อนเยอะๆพวกผมนี่จะไม่เคยได้รับสิทธิ์การเลือกหนังเลยซักครั้ง


          "Ah..that's okay"ไอหมีควายพูดเเล้วยิ้มเเห้ง


          "โอเคเเน่นะ?"


          มันพยักหน้าหงึกหงักมาเเทนคำตอบ ผมเผยยิ้มกว้างอย่างดีใจเพราะดูหนังผีในโรงนี่มันฟินยิ่งกว่าฟินอีกนะครับ! ทั้งบรรยากาศมืดๆแอร์เย็นๆไหนจะเสียงที่ดังมาจากรอบด้านทั้งเสียงกรี๊ดจากคนดูคนอื่น ไม่ว่ายังไงก็ดีจริงๆเนี่ยเเหละ


          ผมไม่รอช้าตรงไปซื้อตั๋วหนังทันทีโดยที่มีไอบักษ์สองตัวพ่วงตามหลังมา


          "ทั้งหมด480ค่ะ"


          ฟรึ่บ


          "It's on me (ผมจ่ายเอง)"ไอหมีควายครับ


          "No, it's on me(ไม่ ผมต่างหาก)"พี่เรนครับ


          "It's-on-me"คราวนี้ไอหมีควายมันเน้นทีละคำครับ


          "So just pay for your own.(ถ้าอย่างนั้นก็จ่ายเเค่ส่วนของคุณ)"พี่เรนยังไม่ยอมเเพ้ครับ


          ภาพผู้ชายสองคนที่ในมือของทั้งคู่ถือธนบัตรสีม่วงไว้คนละใบ โดยทั้งสองมือกำลังถูกยื่นไปให้พนักงานผู้โชคร้ายคนนั้นพร้อมกันทันทีหลังจากที่เจ้าหล่อนขานยอดรวมออกมา


          ถึงจะฟังไม่รู้เรื่องเเต่ดูจากท่าทางที่เหมือนถกเถียงกันเเบบไม่มีใครยอมใครนั้น ก็ทำเอาคนที่ยืนหน้ามึนอย่างผมพอเข้าใจสถานการณ์ได้อยู่


          เเย่งกันจ่ายชัวร์ครับ..



          "No. I'll pay for Thee's part.(ไม่ ผมจะจ่ายในส่วนของธีร์ด้วย)"ยังไม่หยุดครับ


          "That's what i need to do.(นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องทำต่างหาก)"


          "Why?(ทำไม)"


          "Because i'm his boy...(เพราะว่าผมเป็นเเฟ..)"



          "จะยืนเถียงกันเป็นเด็กอีกนานไหมครับคุณๆทั้งสอง ดูข้างหลังหน่อยพี่จะเเดกหัวผมอยู่เเล้วเนี่ย"ผมพูดขึ้นขัดส่งผลให้ทั้งคู่ชะงักเเล้วหันมามองทางผมที่ยืนชูตัวหนังสามใบให้เห็น จากนั้นก็พยักเพยิดหน้าไปยังเเถวที่ยาวเหยียดเบื้องหลัง


          ไอฝรั่งเลยได้เเต่ส่งยิ้มเเห้งหน้าดูเจื่อนลงไปถนัดตา ส่วนพี่เรนก็ยกมือขึ้นเกาหัวเเกรก ทั้งคู่เก็บเงินที่ถืออยู่ลงไป ก่อนที่พี่เรนจะเป็นฝ่ายพูดทั้งยังเกี่ยวคอผมเข้าไปหาเเล้วพาเดินออกมา


          "โทษทีๆ นี่หนังเข้ากี่โมง"


          "อีกชั่วโมงอ่ะพี่ พี่หิวเปล่า หาไรกินก่อนไหม"ผมก้มมองนาฬิกาก่อนจะเงยหน้าไปถามรุ่นพี่ที่รู้สึกว่าจะไม่ได้กินอะไรมาตอนเช้า


          "ก็นิดหน่อย เเต่ไม่เอาหรอกเก็บท้องไว้กินป็อปคอร์นดีกว่า"พี่เรนฉีกยิ้มโชว์ฟัน มือนึงก็ลูบท้องตัวเองยามพูดถึงขนมที่ขาดไม่ได้เมื่อดูหนัง


          เมื่อคำตอบไม่ได้ต่างจากที่คาดไว้ ผมเลยหันไปจะถามความเห็นของอีกคนที่เดินตามหลังมาเเบบโคตรเงียบ จนเเวบนึงผมลืมไปเเล้วว่าไอหมีควายนี่อยู่ด้วย


          "โอเคป่ะวะ?"ผมถามมันเมื่อเเกะเเขนตุกเเกที่รัดคอไว้ออกได้


          ไอฝรั่งสะดุ้งน้อยๆเเล้วก้มลงมาสบตาผมเเวบเดียวเท่านั้นก่อนที่มันจะเสหน้าหนีจากนั้นก็พยักหน้า ผมไม่ได้ติดใจอะไรกับท่าทางเเปลกๆของอีกฝ่ายก็เลยพยักหน้าให้มันเป็นเชิงรับรู้


          ผมหันกลับมากะจะถามรุ่นพี่คนสนิทว่าจะทำอะไรกันดีระหว่างรอ ใบหน้าหล่อเเบบที่มีเชื้อชาวตะวันตกไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่งยกยิ้มเล็กๆ ดวงตาสีน้ำตาลยามต้องเเดดจับจ้องไปที่ไอฝรั่งจากนั้นก็ขยับปากเเบบไม่มีเสียงที่ผมก็ไม่รู้เรื่อง ตบด้วยยักคิ้วให้อีกสองที


          ไอสองคนนี้นี่มันยังไง





-----------------------------------

          "เยส!"


          "ชิ! ไหนบอกเป็นหมอไงวะ!"


          เสียงโหวกเหวกของหนุ่มลูกครึ่งที่ถึงเเม้ร่างกายจะปากไปยี่สิบกว่าหากเเต่สมองยังเป็นเด็ก ร่างสูงเริ่มเผยสีหน้าง้ำงอเเบบที่หลุดมาดมาได้ซักพักหลังจากที่พวกเราเลี้ยวเข้ามาสิงสถิตอยู่ ณ สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า


          เกมเซ็นเตอร์..


          พวกผู้ชายนี่สนิทกันง่ายจริงๆด้วย


          ภาพตรงหน้าเป็นสิ่งที่สามารถยืนยันประโยคข้างบนได้ดีสุดๆ ไอฝรั่งที่มีรอยยิ้มล้อเมื่อไอคนคุยโวว่าเก่งงั้นงี้เเล้วท้าเเข่งเเต่ดันเเพ้มาสามตาติด


          "หมอบ้าอะไร ชู๊ตลงเเม่งทุกลูก"คราวนี้พี่เเกบ่นออกมาเป็นภาษาไทย ไอผมที่ยืนยิ้มๆมองการทะเลาะเด็กๆ ทั้งคู่คุยกันจนน่าจะรู้จักกันดีพอสมควรเพราะเห็นพี่เรนบ่นๆตลอดว่าไอฝรั่งเนี่ยนะหมอ ซึ่งผมคิดว่าที่พี่เเกบ่นก็เพราะอิจฉาเนี่ยเเหละ



          "พี่กากเองรึเปล่า"


          "ไอธีร์! พูดงี้เจอไหม? ซักตาๆ"


          "ขอผ่านว่ะพี่ หนังจะเข้าละเผื่อเวลาไปซื้อของกินด้วย..อีกอย่าง..กลัวทำคนเเถวนี้หน้าเเตกว่ะ ฮ่าๆ"ผมหัวเราะออกมาเสียงดัง พี่เรนง้างมือขึ้นเเต่ครั้งนี้ผมรู้ทันครับ โยกตัวหลบฝ่ามือที่เล็งมาตรงหัวผมได้อย่างเฉียดฉิว


          วืดไปสิครับ ฮ่าๆๆ


          "ป่ะๆ ไปกันเถอะเนอะไอหมีควาย" พอพี่เรนกำลังเริ่มตั้งท่าจะเข้ามาตะปบ ผมก็รีบคว้าเเขนอีกคนเเล้วพาตัวเองไปหลบข้างหลังเพื่อใช้มันเป็นที่กำบัง เเล้วจัดการลากมันออกมาเเล้วตรงไปโรงหนังโดยมีพี่เรนเดินตามมาหวังจะตบหัวผมให้ได้


          กว่าจะถึงโรงหนังก็โยกตัวหลบไปมากันอยู่หลายตลบ เเบบที่ไม่เเคร์สายตาคนรอบข้างว่ามองมาด้วยสายตาเเบบไหน ซึ่งส่วนมากคงมองว่าไอพวกนี้เป็นอะไรกันเล่นกันอย่างกับเด็กอนุบาล



          "เพราะพี่เลย มัวเเต่เล่นอะไรไม่รู้หนังเล่นเเล้วเนี่ย"ผมหน้ามุ่ยในระหว่างที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ในขณะที่รอรุ่นพี่ตัวสูงยืนสั่งป็อปคอร์นที่ดูท่าว่าพนักงานจะอ้อยอิเอียงกับการรับออเดอร์หนุ่มคนนี้ซะเหลือเกิน


          "สรุปเอาเป็นรสชีสกับบาบีคิวนะคะ"


          "ครับ"


          "สนใจเป็นเซ็ตไหมคะ"


          "ไม่ครับ"


          "เซ็ตจะคุ้มกว่านะคะ พวกคุณมาตั้งหลายคน"


          "เอาเเบบเดิมครับ"


          "งั้นสนใจรับเป็นเเบบ..."


          "เอาเเบบเดิมครับ"


          "น้ำ.."


          "โค้กครับ"


          "ลอง..."


          "เอาโค้กครับ"พี่เรนพูดเสียงเข้มขึ้นนิด พนักงานเห็นว่าอารมณ์เริ่มไม่ดีก็รีบพยักหน้าปรกๆหันไปตักป็อปคอร์นกดน้ำเเล้วคิดตังให้อย่างรวดเร็ว


          จะดูหนังโว้ยยยย!



          "น่ารำคาญ"เเละตามเสต็ปพอได้รับทั้งน้ำเเล้วขนมมาอยู่ในมือพี่เรนก็พูดออกมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย อย่างที่ยังเดินไม่พ้นเคาท์เตอร์ขายด้วยซ้ำจนพนักงานที่ได้ยินนี่หน้าถอดสี


          "ให้ผมไปซื้อก็จบเเล้ว"


          "เอาหน่า พอดีเข้าโรงโฆษณาก็จบพอดีเนี่ย"พี่เรนว่าพร้อมระบายยิ้มกว้างเเบบที่คนมองปรับอารมณ์เเทบไม่ทัน


          ผมไม่ได้ตอบอะไรพยักหน้ารับนิดหน่อยเเล้วเดินนำไป




-----------------------------------




          "สนุกมากกก อดใจรอภาคสองไม่ไหวเเล้ว"หนุ่มผิวเข้มพูดไปเดินไปใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเเย้มเมื่อคิดถึงหนังที่เพิ่งได้ดูไปเมื่อสักครู่


          ถึงตอนเข้าไปผู้ชายร่างยักษ์สองคนจะตีกันเรื่องที่นั่งนิดหน่อย ไปๆมาๆผมเลยจัดการนั่งคั่นทั้งคู่เอาซะเลย ซึ่งสองฝากฝั่งนี่มาอารมณ์คนละขั้วเลยก็ว่าได้


          "เออ คิดเหมือนกัน ซาวนี่ได้ใจสุดๆซีจีก็ดี"คนคอเดียวกันก็ว่าด้วยรอยยิ้ม ทั้งผมเเละพี่เรนต่างคุยกันเรื่องหนังไม่หยุดปากจนลืมคนที่เดินตามหลังมาด้วยใบหน้าซีดเซียวเสียเเล้ว ฝรั่งร่างใหญ่ที่เดินรั้งท้ายทั้งคู่มาหน่อยมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่อธิบายไม่ได้


          "เดี๋ยวผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ พี่ไปป่ะ"



          "ไม่ล่ะ"



          "เเล้วมึงอ่ะ"ผมพยักเพยิดหน้ามาหาคนด้านหลังที่ท่าทางเหม่อๆ สงสัยจะกลัวไม่หายหวังว่าวันนี้คงไม่เก็บเอาไฝันหรอกนะ


          ไอหมีควายส่ายหน้า ด้วยความที่ท่อใกล้เเตกเต็มทนผมเลยรีบรุดเดินออกไป โดยที่ลืมคิดไปเลยว่า..


          เเม่งฟังออกได้ไงวะ..


-------------



          "มีอะไรรึเปล่า"พอคนตัวเล็กเดินออกไป คนที่ถูกเรียกว่าฝรั่งก็ถามเสียงทุ้มเเต่ยังคงความสุภาพไว้ในน้ำเสียง ทั้งยังระบายยิ้มบางอย่างเคยชิน


          เมื่อกี้เขาฟังไม่ออกหรอกว่าธีร์พูดว่าอะไร เเค่คนที่ได้ชื่อว่าเป็น'รุ่นพี่คนสนิท' ขยับปากบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย


          "ถามตรงๆเลยนะ ชอบมันหรอ"พี่เรนถามตามตรงไม่อ้อมค้อมจนคนถูกถามขมวดคิ้วฉับ พลันรอยยิ้มค่อยๆเลือนหาย


          "เเค่นี้ฉันดูออกหน่า ไม่ได้โง่เหมือนเด็กนั่นหรอก"พออีกคนเงียบไปทั้งมีสีหน้าเคร่งขึ้น เรนก็ว่าด้วยท่าทางสบายๆเหมือนคำถามที่ถามไปเป็นคำถามธรรมดาทั่วไป เเต่ตาคมก็ยังไม่ละออกจากคนตรงหน้าซักนิดที่เขาถามก็เพื่อดูปฏิกริยา


          "ถ้าชอบเเล้วยังไง?"ออสตินพูดเสียงนิ่งก่อนที่รอยยิ้มเเบบเดิมกลับมาปรากฏบนใบหน้าอีกครั้ง ราวกับว่ารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะเล่นสงครามประสาท


          คำตอบที่ได้รับทำเอาหนุ่มลูกครึ่งเลิกคิ้วสูงอย่างเเปลกใจ  ยอมรับว่าตอนเเรกก็ตกใจหน่อยๆที่น้องคนสนิทพกไอฝรั่งขี้นกคนนี้มาด้วยเเถมยังบอกว่าอยู่ด้วยกันมาเป็นเดือนๆอีกต่างหาก ไอน้องโง่ๆบอกว่ามันเป็นรูมเมท หากเเต่สิ่งที่เขาเห็นมาตลอดทั้งวันมันไม่ใช่สายตาที่เพื่อนหรือพี่น้องเขามองกันหรอกนะ


          เเต่ดูจากท่าทางคงยังไม่ได้รุกหนัก จะว่าไงดีล่ะ..ดูยังอยู่ในภาวะสับสนล่ะมั้ง


          ถ้าถามว่ารู้ได้ยังไง บอกเลยว่าฟีลลิ่งล้วนๆ เเล้วทุกคนคงเคยได้ยินวลีที่ว่า'ผีย่อมเห็นผี'



          "ก็ไม่ยังไง..เเต่ไอธีร์มันมีเจ้าของเเล้ว"เรนยักไหล่เหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มกว้างโชว์ฟัน หากเเต่เป็นรอยยิ้มร้ายเหมือนกำลังได้เล่นสนุก


          รอยยิ้มบางของสัตวเเพทย์หนุ่มกระตุกเล็กน้อยเเต่ก็พยายามคงสีหน้าเอาไว้


          "มาบอกผมทำไม"


          "คงเพราะไม่ชอบใจ ไม่ชอบใจที่คนอื่นมาอยู่ใกล้คนของผม สำหรับคุณน่ะมันอาจจะเป็นเเค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้ เเต่สำหรับผมน่ะ..."



          "It's not only like but it's a love (มันไม่ใช่เเค่ชอบ เเต่มันคือรัก)"



          จบประโยคดวงตาสองคู่ก็ประสานกัน เเต่ด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน เเต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือความมุ่งมัน


          ไม่รู้ผ่านไปกี่วิ รอยยิ้มบางๆของหมอหมาก็เเปลเปลี่ยนเป็นการเหยียดยิ้ม จากนั้นก็ว่าเสียงหนักเเบบที่ทำให้ตาอีกคู่วาววับขึ้นมา


          "So what?(เเล้วยังไง?)"



หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.8 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-05-2016 20:03:09
หื้มมมมม จบตอนแล้วเหรอคะ ออสตินยังหง่าวเหมือนเดิมเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.8 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 28-05-2016 21:53:58
ชอบพี่ออสตินเชียร์พี่ออสติน so what? ของพี่ได้ใจหนูมากค่ะ55555555
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.8 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 29-05-2016 02:17:04
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.8 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 29-05-2016 12:55:40
ต่อออออออ มาต่อด้วยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.9] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 29-05-2016 13:52:35
Chapter 9
| heart attack


          ในยามที่คนสองคนเเผ่รังศีอัมหิตใส่กันอย่างชัดเจนขนาดที่คนเดินผ่านไปมายังสัมผัสได้ บางคนมีเเอบลุ้นอยู่ในใจว่าทั้งคู่จะต่อยกันหรือไม่ จนกระทั่งมีผู้ชายร่างเตี้ยผิวเข้มคนนึงเดินเข้ามาด้วยสีหน้างงงวย


          "นี่เล่นจ้องตากันหรอ"ผมถามเสียงเเป๋ว กระพริบตาปริบๆมองสัตว์ป่าสองตัวยืนจ้องหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ


          เเละเหมือนคำถามโง่ๆก็พัดพาบรรยากาศมาคุเมื่อกี้ไปได้อย่างหมดสิ้น เหลือเพียงเเค่เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของรุ่นพี่ เเละสีหน้างงๆของไอฝรั่งที่หันซ้ายทีขวาทีเหมือนต้องการคำแปล


          "โอ้ย! กูไม่ไหวเเล้ว ฮ่าๆๆๆ ไอธีร์มึงนี่มัน..ฮ่าๆๆ"เรนว่าไปหัวเราะไปพลางขำจนน้ำตาเล็ด ซึ่งเหตุการ์ณเเบบนี้โคตรคุ้นเลยครับ


          นี่พี่เรนเป็นญาติกับพี่เต้ป่ะวะ มาเเบบเดียวกันเด๊ะ



          "เอ้า! ขำเข้าไป เเล้วนี่จะกลับเลยป่ะ"ผมเบ้ปากน้อยๆใส่รุ่นพี่ก่อนจะพาเปลี่ยนเรื่อง พี่เรนกลับมายืนตรงๆจากนั้นก็กระเเอมกระไอเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเเต่ยังคงไม่หยุดอมยิ้ม


          "งั้นเดี๋ยวเเยกกันตรงนี้เลยนะ"ผมว่าเมื่อก้มมองนาฬิกา


          "เออๆ ไว้เจอกันพรุ่งนี้"


          ฟอด


          ในจังหวะที่คิดว่าพี่เรนได้หมุนตัวจะไปเเล้ว พี่เเกดันพิเรนท์สมชื่อหันกับมาใช้เเขนโอบรอบคอผมก่อนจะก้มลงมาหอมเเก้มไวๆ ด้วยความตกใจผมเลยรีบผลักออก


          "หน้าเเดงนะเรา เขินพี่หรอ กิ้วๆ"ร่างสูงยิ้มหยอก


          "เขิน.."คำตอบที่ได้รับทำเอาคนถามเล่นๆใจกระตุกวูบ เเต่วูบได้ไม่นานผมก็พูดต่อให้จบ


          "เขินก็เหี้ยละไอพี่เวร!!"นานๆทีผมจะพูดคำหยาบหับคนอายุมากกว่านะเนี่ย พี่เรนนี่เป็นข้อยกเว้นเลย


          ที่หน้าดำหน้าเเดงคงไม่ใช่เพราะพี่เรน หากเเต่เป็นสายตาของคนรอบข้างต่างหาก


          หมับ


          เเขนยาวๆวางพาดเข้าที่ไหล่ผม มือก็จับเข้าที่หัวไหล่เเล้วออกเเรงดึงเบาๆเเต่ไอเบาๆของไอฝรั่งก็มาพอที่จะทำให้ผมเซเเล้วตรงเข้าไปประทะอกเเข็งๆของมัน


          "Let's go our home(กลับบ้านเรากันเถอะ)"


          ไอฝรั่งพูดเสียงนุ่มอย่างเคยหากเเต่ใบหน้ากลับไม่ประดับรอยยิ้มอย่างปกติยามที่สายตาก็จ้องไปทางรุ่นพี่คนสนิท พอมันรู้ตัวว่าผมเงยหน้ามองมันอยู่ มันก็ก้มลงมาสบตาก่อนจะเผยยิ้มบางๆ ก่อนที่ผมจะเริ่มเข้าใจได้ถึงอะไรบางอย่าง...


          อ้อ..อยากกลับบ้านสินะ




----------------



          หมับ


          "มีอะ..เฮ้ย!!"ผมร้องเสียงหลงทั้งๆที่ยังพูดไม่จบประโยค ผมเเละมันกลับมาได้ซักพักใหญ่ๆจนต่างคนต่างอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยเเล้ว เเต่ในจังหวะที่ผมจะเดินไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาที่รัก คนร่างยักษ์ก็เดินมาประชิดจากด้านหลัง


          จากนั้น..ก็เเบกผมขึ้นบ่า


          "ปล่อยเว้ย! เล่นบ้าอะไรวะเนี่ย!"ผมเเหกปากลั่น พยายามดิ้นเเต่ก็ไม่กล้าดิ้นเเรงกลัวมันทำผมหลุดมือหัวจิ้มพื้นคอหักตายคาที่


          ไอฝรั่งวางผมบนเตียงอย่างเบามือ พอผมทำท่าจะลุกมันก็ใช้เเขนกดไหล่ผมให้กลับไปนอนท่าเดิม สมองที่ซึ่งรอยหยักน้อยเล่นเร็วจี๋ เมื่อประมวลผลเสร็จพลันทั้งขนเเขนขนขารวมถึงขนตูดก็พลันลุกชัน



          มันเป็นเกย์


          ความจริงข้อนี้ลอยเข้ามาในหัวตัวโตๆทั้งยังขีดเส้นใต้ย้ำๆจนมันอดไม่ได้ที่จะคิดไปไกล..     


          เเบกเข้ามาในห้องมืดๆ > โยนลงเตียง > มันตามขึ้นมา> เสียเอกราช


          หรือว่าที่มันเข้ามาจูบๆลูบๆคลำๆเพราะว่าหวังจะทะลวงผมวะ!



          ในยามที่หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเป็นเพราะตัวเองคิดน้อยไปหรือยังไงหรือวันนี้ดันคิดมากเกินไป ตอนเเรกคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติของฝรั่งเสียอีก


          ความคิดเวิ้นเว้อทั้งหมดถูกหยุดลงด้วยไออุ่นจากคนข้างกายที่ทิ้งตัวลงมานอนข้างกันตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ราวกับกระเเสไฟฟ้าเเล่นผ่านแปรบยามที่เเขนเเน่นๆของอีกฝ่ายถูกเข้ากับเเขนของผม


          วินาทีนั้นผมรู้ได้ทันทีเลยว่า


          ฉิบหาย


          หากเเต่ความฉิบหายไม่ได้เกิดจากคนข้างๆ เพราะหลังจากที่ไอหมีควายทิ้งตัวลงนอน อีกฝ่ายก็ทำเพียงเอื้อมมือไปปิดไฟจากนั้นก็หลับตาลง


          ต่างจากผมที่หัวใจยังไม่หยุดเต้นระรัว


          จนอดที่จะยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกตัวเองไม่ได้

     
          นี่มันฉิบหาย ฉิบหายสุดๆ


          ยัง..ยังไม่หยุดเต้นเเรง


          คิ้วทั้งสองเคลื่อนเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ สีหน้าเริ่มย่ำเเย่ลงเหมือนคนจะร้องไห้ ความคิดเดียวที่มีอยู่ในหัวทำเอาผมกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ


          ผมเป็นโรคหัวใจหรอวะเนี่ย!



          "เอ่อ.."เสียงเรียกจากคนข้างกายทำผมสะดุ้ง ทั้งมันยังตะเเคงข้างหันมาป๊ะหน้ากับผมขนาดที่หน้าห่างกันไม่เท่าไหร่


          "Can i hug ?(กอดหน่อยได้ไหม?)"


          ไม่รู้หรอกว่าเเปลว่าอะไรเเต่ด้วยความที่ยังมึนๆเบลอผมก็เผลอพยักหน้าไปเสียเเล้ว


          ผมเห็นมันยิ้มอย่างดีใจในความมืดก่อนที่เเขนหนาจะพาดเข้าที่เอวผม มันไม่ได้ดึงเข้าไปให้เเนบชิด เพียงเเค่กอดไว้อย่างนั้น จะว่าไงดี เป็นกอดที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย..ล่ะมั้ง


          "Do you have a boyfriend?(มีเเฟนเเล้วหรอ)"จู่ๆมันก็เอ่ยถาม


          ลองเดาสิครับว่าฟังออกไหม ถ้าคิดว่าไม่..


          คุณคิดผิดว่ะครับ


          "โนวๆ ถามทำไมอ่ะ เอ่อ..วายยูอาร์ค"ผมตอบอย่างคนเก่งอังกฤษสุดๆ


          "Um..nothing (อืม ไม่มีอะไรหรอก)" มันว่าเเบบนั้น ทั้งยังฝังหน้าไปกับหมอใบโต ด้วยความที่สายตาผมปรับได้กับความมืดพอสมควร มันก็ไม่ยากเลยที่ผมจะเห็นรอยยิ้มที่ปิดไม่มิดของอีกฝ่าย


          รอยยิ้มกว้างที่ผมเคยเห็นครั้งสองครั้งเเล้วฟันธงกับตัวเองเลยว่าเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์สุดๆ



----------------------------


Darren's part



          [พี่เรน! อย่ามาหลอกเตยเเบบนี้!]เสียงเเหลมสูงจากปลายสายทำเอาร่างสูงขมวดคิ้วรำคาญหากเเต่ก็ทำอะไรไม่ได้หลังจากปิดเครื่องมาตลอดทั้งวัน พอเปิดขึ้นมาปุ๊ปก็พบว่ามีมิสคอลนับร้อยสายของสาวเจ้าทั้งยังมีข้อความที่ส่งรัวๆเสียจนโทรศัพท์ค้าง หากเเต่คนโผงผางตรงไปตรงมาอย่างเขากลับทำอะไรไม่ได้


          'ถ้าพี่เรนยังทำเเบบนี้เตยจะฟ้องพ่อ!'


          คำขู่อย่างกับเด็กอนุบาลที่บอกเขานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ใช่ว่ากลัว เเต่ขี้เกียจเเก้ปัญหาน่ารำคาญที่จะตามทีหลังต่างหาก


          จริงๆทั้งหมดก็น่าจะเป็นเพราะเขาทำตัวเองเนี่ยเเหละ ที่ตอบรับพวกผู้ใหญ่ไปส่งๆโดยที่ไม่ได้ฟังรายละเอียดจนกลายเป็นว่าต้องรับน้องคนนี้มาดูเเลตลอดสามเดือนเพราะพ่อของหล่อนต้องไปดูงานต่างประเทศ


          "พี่หลอกอะไร"เรนพูดไปถอนหายใจไปเหมือนเหนื่อยเต็มทน


          [ก็หลอกว่าไอดำนั่นเป็นเเฟนพี่ไง! พี่เป็นผู้ชายจะมีเเฟนเป็นผู้ชายได้ยังไงเล่า!]


          "อย่าพูดถึงธีร์เเบบนั้น"เสียงทุ้มถูกกดต่ำจนหน้ากลัวจนคนฟังถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะเเต่ไม่นานโทนเสียงจะกลับมาเป็นปกติ"อีกอย่างพี่บอกเเล้วไงว่าพี่ชอบผู้ชาย"


          [ไม่จริง! พี่ก็เเค่หลอกเตยเพราะกลัวว่าจะถูกผู้ใหญ่จับคู่ใช่ไหมล่ะ!]


          ฉลาด


          เเต่ยังไม่สุด


          "นั่นก็ส่วนหนึ่ง เเต่จริงๆเเล้วพี่รำ..เเค่นี้ก่อนนะ"ใจจริงก็อยากจะพูดให้จบๆเคลียร์ๆกันไปเลยหากเเต่สายตาก็ไปกระทบเข้ากับอะไรบางอย่างจนเขาต้องเปลี่ยนใจ


          [พี่เรน! พี่..! ตู๊ดดดด]เสียงเเหลมบาดเเก้วหูเรียกชื่อเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ชายหนุ่มจะกดตัดสายโดยไม่ลืมจะปิดเครื่อง


          ดาร์เรนเดินปรี่เข้าไปยังผู้ชายร่างสูงหากเเต่ไม่เท่าเขา ผมสีดำสนิทเรียบกริบด้วยเจลเเต่งผม หากเเต่ที่สะดุดตาที่สุดคงเป็นชุดสูทที่เนี้ยบตั้งเเต่หัวจรดเท้า


          "มารอใครครับ"


          เขาย่องเข้าไปด้านหลังของชายชุดสูทคนนั้นก่อนจะก้มลงกระซิบถามที่หูอีกฝ่ายเบาๆจนอีกฝ่ายสะดุ้งหันขวับมาด้วยความรวดเร็วส่งผลให้หัวนั่นฟาดเข้าเต็มๆกับคางเขา

          "โอ้ะ!"


          อื้อหือ คุ้มค่าจริงๆ


          "อ่า..ขอโทษครับตกใจไปหน่อย ก็มาหาคุณนี่เเหละครับ รู้สึกว่าเมื่อคราวก่อนที่มารบกวนจะลืมของไว้"อีกฝ่ายพูดด้วยรอยยิ้มบางๆชวนให้คิดถึงไอฝรั่งนั่นจริงๆหากเเต่มันมีข้อเเตกต่างคืออย่างน้อยไอฝรั่งมันก็ยิ้มเพราะหน้ามันยิ้ม(?) เเต่คนตรงหน้าเขามันต่างออกไปเล็กน้อยก็ตรงที่รอยยิ้มที่เห็นมันถูกปั้นขึ้นมาล้วนๆเลยนี่สิ


          "อ้อ..งั้นขึ้นมาก่อนสิครับ"หนุ่มลูกครึ่งพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ ในเมื่ออีกฝ่ายเล่นมาซะเป็นทางการขนาดนั้นจะไปปีนเกลียวใส่ก็กระไรอยู่ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่

          ถึงเเม้ว่าจะปีนไปเเล้วรอบนึงก็เถอะนะ


          เรนพาร่างขอตัวเองพ่วงรุ่นพี่ที่พบกันด้วยความบังเอิญในไม่กี่วันที่ผ่านมา ร่างในชุดสูทเดินตามเข้ามาในห้องอย่างเว้นระยะห่าง ท่าทางที่สุภาพนุ่มนวลราวกับถูกสอนมาอย่างดี ทั้งการพูดการจาก็ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยจนหมดความน่ารัก หากเเต่ในสายตาเขาอีกฝ่ายก็เป็นเพียงเเค่'ลูกเเมว'ขี้ระเเวงตัวน้อยๆก็เท่านั้น


          "เเล้วลืมอะไรไว้หรอครับ"เขาถามทั้งๆที่ก็รู้อยู่เเก่ใจ


          "อ่า..สร้อยคอน่ะครับ ที่มีเเหวนคล้องอยู่"อีกฝ่ายยังคงท่าทางสงบนิ่ง ตาที่ไม่ได้กลมโตดูน่ารักหากเเต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจไม่น้อยกวาดมองรอบห้อง ก่อนที่คิ้วทั้งสองจะขมวบฉับ



          "เอ..ผมไม่เห็นเลยนะครับ จะลองหาดูก่อนไหมเดี๋ยวผมช่วย"



          "หาตอนนี้ก็ไม่เจอหรอกครับ ว่าเเต่ทำไมห้องถึงกลับมารกได้ไวขนาดนี้"คิ้วของคนพูดกระตุกเล็กน้อยเมื่อจำได้ว่าไม่กี่วันก่อนเขาทนสภาพห้องนี่ไม่ไหว สัญชาตญาณพ่อบ้านมันเเรงจนสุดท้ายก็ห้ามตัวเองไม่ให้ทำความสะอาดให้ไม่ได้ เเต่นี่...เพียงเเค่หายไปไม่กี่วัน ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม.. ซึ่งคนทำรกก็ไม่ได้ตอบอะไรเเค่ฉีกยิ้มมาให้ก็เท่านั้น


          "เเผลเป็นไงบ้างครับ หน้ายังช้ำอยู่เลยนิ"ในช่วงที่เหมือนว่าอีกคนกำลังคิดหนัก เรนใช้จังหวะนี้เข้าประชิดตัวถามเสียงนุ่มเเล้วใช้มือเชยคางคนที่เตี้ยงกว่าขึ้น


          อีกฝ่ายมีสีหน้าตะหนกอยู่เเวบนึง ดวงตาสีนิลอย่างชาวเอเชียเเท้ฉายเเววไม่พอใจหากเเต่ใบหน้าก็ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม เเล้วปัดมือเขาออกอย่างที่ดูไม่น่าเกลียด


          "ก็ดีขึ้นเเล้วล่ะครับ"


          "ผมว่ายังนะ สรุปได้ไปหาหมอรึเปล่า"คนเป็นรุ่นน้องเเย้งเมื่อมองไล่ไปตามโครงหน้าคมผิวขาวใสที่ประดับไปด้วยรอยสีม่วงอมเขียวเป็นจ้ำ ทั้งดวงตาทั้งโหนกเเก้มทั้งมุมปาก เเต่ที่หนักสุดคงเป็นที่จมูกรั้นๆที่มีผ้าแปะอยู่


          "เรียบร้อยเเล้วล่ะครับ"อีกฝ่ายว่าปัดเเล้วเบือนหน้าไปทางอื่นเป็นกลายว่าไม่ต้องยุ่ง เเต่มีหรือที่คนอย่างดาร์เรนจะทำตาม


          "ถอดก่อนเถอะครับ ท่าทางจะอยู่อีกยาว"ด้วยความที่เขายืนซ้อนอีกคนอยู่ด้านหลัง เรนก้มตัวลงนิดใช้เเขนยาวๆสองข้างสอดเข้าไปที่ข้างลำตัวของอีกฝ่าย มองเเล้วจะเรียกว่ากอดจากด้านหลังก็ไม่ผิดนัก นิ้วเรียวไล่ปลดกระดุมของสูทตัวนอกออกแบบที่เจ้าของสูทก็สะดุ้งปัดมือเขาออกทั้งยังผละหนีเว้นระยะไปหนึ่งช่วงตัว


          "คงไม่รบกวนดีกว่าครับ"คนโตกว่าพูดเสียงนุ่มรอยยิ้มบางๆยังคงไม่เลือนหาย เเต่ดวงตากลับเเข็งกร้าวจนน่ากลัว


          หมับ


          "อยู่ต่ออีกหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวผมทายาให้"เรนจับเเขนอีกฝ่ายไว้ก่อนที่จะเดินผ่านร่างเขาไปเพื่อไปยังประตูห้อง ส่งผลคิ้วเรียวของรุ่นพี่เริ่มขยับเข้าหากันเเบบที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว



          ไม่รอให้ได้คำตอบ เรนจัดการลากอีกฝ่ายที่ขืนตัวหน่อยๆมาที่โซฟาตัวยาวที่เต็มไปด้วยซองขนม เขากวาดมันลงไปที่พื้นอย่างไม่ใยดีก่อนจะกดไหล่ของรุ่นพี่เพื่อให้นั่งลง


          เขาทรุดตัวนั่งยองๆเพื่อปลดเสื้อตัวนอกของอีกคนให้เเต่คราวนี้อีกคนกลับเร็วกว่าฉวยไปปลดเองจนทำให้เขาเผยยิ้มกว้างเมื่ออีกคนเริ่มส่งสายตาไม่พอใจให้อย่างชัดเจน


          "ผมมีธุระต้องไปทำต่อ.."


          "ผมไม่ทำอะไรหรอกครับเเค่จะทายาให้ เดี๋ยวทาเสร็จให้กลับเลย สัญญาเลย"เรนพูดเสียงอ่อนเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังหลอกล่อเด็ก ทั้งยังยื่นนิ้วก้อยเเกว่งไปมา ซึ่งนั่นทำเอาคนโตกว่าคิ้วกระตุกเเต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา


          พอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป เรนก็เผยยิ้มดีใจเดินไปหยิบหลอดยาใหม่เอี่ยมที่ถูกใช้ไปเพียงครั้งเดียว เรนจับหน้าอีกฝ่ายให้เงยขึ้น บีบเจลใส่มือจากนั่นก็เเตะไปตามรอยเเผลช้ำเบาๆ เขาโน้มหน้าลงมาหน่อยเนื่องจากเขายืนค้ำหัวอีกคนอยู่เพื่อให้เห็นได้ชัดๆ เเต่เหมือนมันจะใกล้ไปหน่อย คนที่โตกว่าเลยหลับตาลงหนีปล่อยให้อีกฝ่ายทาไปเงียบๆ


          "เอสเปอร์"การเรียกชื่อห้วนๆทำเอาคนที่เเก่กว่าปีเดียวลืมตาขึ้นหันมองตัวการที่ส่งยิ้มมาให้ทั้งยังชูหลอดในมือส่ายไปมา


          "ผมทาเสร็จตั้งนานเเล้วนะ เห็นยังไม่ลืมตาซักที นี่ยังไม่หลับไปใช่ไหมครับ เอ..เพราะผมมือเบามากสินะถึงเคลิ้มขนาดนี้"เรนพูดอย่างภาคภูมิเเต่ยังคงความกวนประสาทไว้


          "งั้นผมกลับเเล้วนะครับ"เอสเปอร์เลือกไม่ตอบคำถาม เขาบอกเเล้วรีบรุดเดินออกจากห้องเเต่ไปไม่ถึงไหนก็เจอมารตัวเดิมมาผจญอีกครั้ง


          "วันนี้ไม่มีขอบคุณหรอครับ"เรนที่เดินเข้าไปขวางเลิกคิ้วถาม


          เอสเปอร์เหลือบมองหน้าคนถามเล็กน้อยเเล้วพูดออกมา


          "ขอบคุณครับ เเล้วก็ช่วยถอยออกไปให้ผมด้วย"เอสตอบรับด้วยเสียงโทนเดิมเเละใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้มที่ชักเริ่มยิ้มไม่ออก


          "เปล่า ผมอยากได้เเบบคราวที่เเล้วต่างหาก"เรนพูด ยกยิ้มร้ายเเบบที่ทำเอารอยยิ้มของคนตรงหน้าหุบฉับเหลือเพียงสีหน้าที่มีเเต่ความไม่พอใจ


          "ถอย"เอสเปอร์พูดห้วน ภาพลักษณ์ที่คงไว้ตลอดเป็นอันพังทลาย ใบหน้าเปลี่ยนมานิ่งเสียจนน่ากลัว เเต่มีหรือที่คนตรงหน้าเขาจะกลัว


          "ไม่ถอย"


          "ต้องการอะไร"พอเห็นอีกฝ่ายหลุดมาด เรนก็ยิ้มออก


          นี่เเหละ ลูกเเมวขี้พยศของเขาล่ะ


          "จูบ"


          คำตอบสั้นๆที่ถูกส่งออกมาทำเอาเลือดขึ้นหน้า เอสเปอร์ไม่รอให้คนเด็กกว่าพูดมากไปกว่านี้ เขาเดินกระเเทกไหล่อีกฝ่ายอย่างเเรงจนคนที่โดนชนเซเล็กน้อย


          คราวนี้ดาร์เรนไม่ได้ตามไปเซ้าซี้ต่อ เขาปล่อยให้คนเดินกระเเทกเท้าออกไป


          เขาเผยยิ้มขำทันทีกับท่าทีของอีกฝ่าย ดาร์เรนส่ายหัวน้อยๆก่อนจะล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง


          สร้อยเงินเส้นเล็กที่มีเเหวนสีเงินเช่นเดียวกับตัวสร้อยคล้องอยู่


          ตราบใดที่มีเจ้านี่ยังไงอีกฝ่ายก็ต้องกลับมาอีกอยู่ดี


          นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่คิดรั้งอีกฝ่ายไว้ให้วุ่นวาย...





หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.9 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 29-05-2016 14:35:30
อุ้ย คู่รองน่ารักกกกกกกก

เชียร์ออสติน ลักพาตัวธีร์กลับบ้านเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.9 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-05-2016 20:18:35
เพิ่งเข้ามาอ่านนะ ชอบจัง
มาต่อด้วยนะครับ รอ รอ
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.9 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 29-05-2016 21:33:36
น้องธีร์น่ารัก~~. ออสตินสู้ๆน้าาา :hao7:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.10] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 30-05-2016 14:29:44
Chapter 10
| Sulk


Thee's part


          "Study?"


          "อ่าหะ ไอไปก่อนนะ"ผมหันไปตอบอีกฝ่ายที่นั่งหัวฟูอยู่บนโซฟา วันนี้ผมไปเรียนด้วยจิตใจเบิกบานอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน เเน่นอนว่าเหตุก็มาจากการได้นอนเต็มอิ่มเพราะมีเรียนบ่ายนี่เเหละครับ


          ไอฝรั่งไม่ได้พูดอะไรต่อเเล้วหันกลับไปดูสารคดีสะตว์โลกที่โลดเเล่นอยู่บนจอสี่เหลี่ยม ผมเห็นดังนั้นก็เลยไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดยัดๆรองเท้าจากนั้นก็ดิ่งตรงไปมหาลัยทันที



-----------------------------


          "ไอจีน!ไอพุ!"ทันทีที่สายตาสบเข้ากับร่างของเพื่อนสนิททั้งสองผมก็ยิ้มร่าเดินเข้าไปหา


          "ไม่ต้องมายิ้ม หมันไส้"ไอพุว่าด้วยหน้านิ่งๆ ตาคล้ำๆเหมือนคนอดหลับอดนอนของมันเหลือบมองผมนิด


          "เอ้า!กูยิ้มก็ผิด ไอจีนดูมันดิ"ผมเรียกหาตัวช่วยทันทีเเล้วตัวช่วยที่ว่าก็คงไม่พ้นเพื่อนตัวสูงที่ชื่อจีนเเต่หน้านี่โคตรไทย มันปรายตามองนิดก่อนจะหาวใส่


          ดูมันดิดูมัน!



          "เตี้ยเเล้วยังไม่เจียมอีก"ไอจีนครับ มันเป็นเพื่อนที่ผมไม่ค่อยอยากจะเป็นคู่เถียงกับมันเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมเริ่มเถียงมันจะสามารถเชื่อมโยงเรื่องความสูงกับเรื่องใดๆในโลกนี้ได้โดยไม่มีอาการสะดุด



          "เอ้อออ! กูยอม เเล้วนี่ไอแต็กไปไหนวะ ทิ้งกูให้อยู่กับพวกมึงนี่นรกชัดๆ"ผมบ่นกระปอดกระแปดเมื่อไม่เห็นร่างของเพื่อนตัวเล็กที่ยังไม่เห็นหัวทั้งๆที่ปกติจะมาก่อนคนเเรกด้วยซ้ำ


          "เตี้ยร้องหาเเม่ว่ะ"


          "ไอพุ!"ผมหันไปเรียกชื่อคนพูด ซึ่งมันก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนถามว่าเรียกกูทำไมหรอ ซึ่งผมก็ได้เเต่ท่องนโมในใจเเล้วพ่นลมออกมาทางจมูกเเรงๆอย่างที่ชอบทำ


           "อย่าหายใจเเรงเดี๋ยวขี้มูกมึงกระเด็นเปื้อนมหาลัย"



            "ไอสัดจีน!"


          เเละนี่คือเหตุผลว่าทำไมอยู่กับไอสองตัวนี่เหมือนอยู่ในนรก การกวนบาทาของทั้งคู่อาจจะยังไม่น่ากลัวมาก เเต่สิ่งที่น่ากลัวคือการเป็นบูกรับลูกส่ง ความเข้ากันยิ่งกว่าปี่กับขลุ่ยนี่สิ


          "กูไม่อยากจะเสวนากับพวกมึงจริงๆว่ะ กูโทรหาไอเเต็กดีกว่า"ผมตัดบทเเล้วควักโทรศัพท์ออกมากดเบอร์เพื่อนรักเเต่ก็ไม่มีใครรับซักทีเลยเก็บลงไป


          "ไม่รับ?"


          ผมพยักหน้าให้เเทนคำตอบ


          "เดี๋ยวมันก็โทรกลับคงมีธุระนั่นเเหละ ไปเรียนเหอะจะถึงเวลาละ"ไอพุว่าอย่างนั้น มันคงเห็นคิ้วที่เริ่มขมวดเข้าหากันของผม เห็นมันนิ่งๆเเต่จริงๆเเล้วเป็นคนที่เก็บรายละเอียดเเละใส่ใจทุกคนนะครับ เรียกว่าไงดีล่ะ เเสดงออกไม่เก่งประมาณนั้นมั้ง


          "นั่นสินะ"



-----------------------------


          "ไอเเต็กล่ะ"พอถึงจุดหมาย จับจองที่นั่งกันเรียบร้อยเเล้ว อาจารย์หน้าคลาสก็เริ่มสวดมนตร์เเล้ว ไอจีนก็หันมาถามผมที่นั่งคั่นกลางระหว่างพวกมันสองตัว


          "เมื่อกี้มึงได้ฟังอะไรบ้างไหมไอเหี้ยนี่"ผมนี่หันไปด่ามันอย่างเต็มปากเต็มคำ โดยไม่ลืมที่จะทำเสียงให้เบาที่สุดเพราะเดี๋ยวเหตุการณ์มันจะซ้ำรอย


          ไอจีนไม่ตอบมันเพียงส่งหน้ามึนๆของมันมาให้


          "เฮ้อ! น่าจะมีธุระมั้ง โทรไปไม่รับ"ผมถอนหายใยเเล้วตอบมัน ไอจีนก็พยักหน้ารับเป็นคำตอบว่าเข้าใจเเล้ว จากนั้นมันก็ฟุบลง..หลับ


          ส่วนอีกฝั่งก็นั่งคอหักสัปหงกไปเรียบร้อย


          สิ่งที่เหมือนสำหรับไอจีนกับไอน้ำพุคงไม่พ้นความกวนตีน เเต่อีกเรื่องหนึ่งคือนิสัยการนอนเนี่ยเเหละครับ นอนได้ทุกที่ทุกเวลา เเต่จริงๆเเล้วคาบนี้มันมันก็น่านอนจริงๆเเหละดูดได้จากนักศึกษาหลายชีวิตได้ยอมเเพ้เเละเข้าสู่ห้วงนิทราอันเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว


          .


          .



          .



          "กำหนดส่งวันที่หนึ่งเดือนหน้า ถ้าใครจดไม่ทันก็ดูได้ที่เดิมไม่ก็ถามเพื่อนเอานะ"อาจารย์ร่างท้วมพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปด้วยสีหน้ายิ้มเเย้มไม่สะทกสะเทือนกับเสียงโอดครวญของเหล่านักศึกษาเลยซักนิด


          ไม่เว้นเเม้เเต่ผม


          "จาร์ยเเกบ้าป่ะว๊าาา วันที่หนึ่งเดือนหน้า? ก็อาทิตย์หน้านะเว้ยยยยยย"ผมว่าออกมาเหมือนหมดอาลัยตายอยาก


          "มึงหยุดแหกปากซักทีไอเตี้ย"ไอเพื่อนข้างกายนามไอจีนก็ให้กำลังใจทันที


          "ไอพุ~"ผมค้อนใส่ไอจีนทีหนึ่งเเล้วหันไปหาเพื่อนอีกคนที่หาวหวอดไม่อายฟ้าอายดิน ผมสบตามันปิ๊งๆมือก็เลื้อนไปคล้องเเขนมันเอาไว้เเล้วซบเเขนมันอย่างออดอ้อนโดยที่คนรอบข้างก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะคงเห็นจนชินตา


          "เออ เดี๋ยวกูช่วย"พอมันเอ่ยปากอย่างนั้นผมก็ฉีกยิ้มกว้างเลื่นมือออกจากเเขนมันเอาไปตบไหล่มันเเทน


          "ขอบใจมากเพื่อน"


          ไอพุไม่ได้ว่าอะไรพยักหน้าให้เป็นเชิงว่ารับรู้ ก่อนที่มันกับไอจีนจะพากันออกไป อ้อ ผมลืมบอกไปว่ามันสองคนอยู่หอเดียวกันห้องเดียวกัน มันสองคนเลยตัวติดกันไปโดยปริยาย


----------------------


          ผมเดินออกมาทางหน้ามหาลัยตามปกติ เเละที่ไม่ปกติคือบุคคลตัวสูงกล้ามเเน่นที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ทั้งยังเงยหน้าขึ้นมามองเป็นระยะๆ


          ผมถอนหายใจหน่อยๆเเต่ก็เดินตรงไปทางมัน เเต่ยังไม่ถึงตัวก็มีคนเดินมาขวางซะก่อน


          "อ้าว พี่เรน"


          "เออ พี่เอง พอดีวันนี้เอารายงานมาส่งเลยถือโอกาศมารับมึงไปพร้อมกันเลย"เหมือนพี่เรนจะอ่านใจผมออกเลยตอบมารวดเดียวทั้งยังชี้ไปที่มอเตอร์ไซด์คู่ใจที่จอดไว้ไม่ไกล


          "อ๋อ..ก็ดีพี่เเต่ว่า..."ผมว่าค้างเเล้วชะโงกหน้าไปมองไอฝรั่งในจังหวะที่มันก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นผมพอดีเป๊ะ


          "เเต่?"รุ่นพี่ร่างสูงเลิกคิ้วสงสัย ก่อนที่ความสงสัยจะถูกคลายออกเมื่อมองตามสายตาของผมเเล้วไปเจอใครอีกคนที่จ้องมาทางผมเขม็งเเต่ก็ไม่เดินมาหา



          "เดี๋ยวพี่เคลียร์ให้"คนเป็นพี่ว่าอย่างนั้นเเต่ผมกลับส่ายหน้าให้เเทนคำตอบ



          "เดี๋ยวผมบอกเขาเอง พี่ไปรอที่รถก่อนก็ได้"


          "เอางั้นก็ได้ รีบตามมาล่ะ"พี่เรนว่าทิ้งท้ายยักไหล่ให้สองทีก่อนจะหมุนตัวไปที่รถ หากเเต่ยังไม่วายหันมายักคิ้วให้อีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังอีกที



          ท่าทางเหมือนเด็กๆที่ทำเอาผมถอนหายใจหนักๆ



          "เอ่อ..คือไอ..ไอเเค้นกลับวิดยูอ่ะ"ผมเกาหัวเเกรกเมื่อพูดจบ คือมันมารอผม มันมารับผม ฉะนั้นผมก็ควรเป็นคนไปบอกมันเองไง เเค่ประเด็นหลักคือวันนี้จะคุยกันรู้เรื่องไหม


          "เอ่อ..เเบคอ่ะ"


          มันทำท่าเหมือนจะเข้าใจเเต่ผมเชื่อว่าลึกๆเเล้วมันไม่เข้าใจหรอก


          "Why?" มันถามผมด้วยสีหน้าผิดหวังเหมือนหมาที่ถูกเจ้าของทิ้ง


          โอ้ยย มึงอย่ามาทำให้กูรู้สึกผิดได้ไหมไอฝรั่งนี่


          เเต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่ใช่คนผิดนะ ผมไม่ได้บอกให้มันมารอรับผมซักหน่อย


          "ไอวิวโกวิดฮีอ่ะ นู้นๆ"ผมชี้ไปทางพี่เรนที่นั่งคร่อมบิ๊กไบค์คันงามรอ เเต่พอหันกลับมามองหน้ามัน..


          ผมพูดอะไรผิดรึเปล่าวะ


          ไอฝรั่งหน้าตึงทันที เหมือนไปเเดกรังเเตนที่ไหนมา พอเห็นหน้าเวลามันอารมณ์ไม่ดีเเล้วไม่ชินเลยเเหะ ปกติเห็นยิ้มตลอดเวลา


          "เอ่อ..งั้นไอไปก่อนนะ บาย"ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยบอกลาโบกมือบ๊ายบายมันเเทน ก่อนจะหมุนตัวไปหารุ่นพี่ที่รออยู่ก่อน จากนั้นก็ขึ้นคร่อมซ้อนท้ายอีกคนอย่างรู้งาน รับหมวกกันน็อคสีเข้มมาจากอีกคน จากนั้นก็ออกรถ..


         โดยที่ไม่รู้เลยว่ายังมีสายตาคู่เดิมที่มองทั้งคู่ออกไปด้วยสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก..




-----------------------



          แกร็ก


          ผมกลับมาถึงห้องประมาณเกือบสามทุ่มได้ จริงๆมันก็ไม่ควรที่จะกินเวลาไปมากขนาดนี้เพราะผมเลิกคลาสตั้งเเต่สี่โมงครึ่ง นั่งมอเตอร์ไซค์ไปคอนโดพี่เรนก็ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีดี เวลาติวอังกฤษก็สองชั่วโมงเเท็กซี่กลับอีกครึ่งชั้วโมง บวกลบเเล้วก็ควรจะถึงห้องประมาณทุ่มกว่าๆ ไม่ใช่ดึกขนาดนี้ ถ้าจะโทษใครก็ต้องไอรุ่นพี่ที่จู่ๆก็เกิดอยากกินหมูกระทะขึ้นมาเเล้วพาเเวะเเบบไม่บอกกล่าว


          พูดถึงเเล้วกลิ่นยังติดหัวอยู่เลยเนี่ย



          ในห้องเงียบกริบอย่างกับไม่มีสิ่งมีชีวิต พอเดินเข้ามามองซ้ายขวาอย่างสำรวจก็ไม่พบใคร


          ไม่พบก็บ้าละครับ!


          "มึงจะมานั่งมืดๆทำไมเนี่ย ถึงกูจะไม่กลัวผีกูก็ตกใจเป็นนะเฮ้ย!"ผมเดินไปกดเปิดสวิทช์ไฟทันที เพื่อจะได้เห็นไอเงาตะคุ่มๆตรงโซฟาได้อย่างถนัดตา ก็เห็นไอฝรั่งร่างควาย นั่งหันหน้าไปทางทีวีที่ไม่ได้เปิดไว้ ทั้งยังกอดหมอนใบใหญ่ไว้ในอ้อมอกอีกด้วย


          เงียบ


          ไม่เเม้เเต่จะหันมามองด้วยซ้ำ


          "มึง..โอเคเปล่าเนี่ย"พอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบแปลกๆผมเลยรีบเดินอ้อมมามองหน้าชัดๆ


          มันเหลือบมองผมด้วยหางตา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของมันขึ้นมาสไลด์เปิดหน้าจอ


          นี่มันจงใจเมินกันชัดๆเลยนี่หว่า


          เมื่อเริ่มสัมผัสอาการแปลกๆที่ไม่เคยพบเจอของไอหมีควายนี่ ผมก็เกิดอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดเเล้วเกิดคำถามขึ้น


          มันเป็นอะไรของมันวะ?


          เเละ


          ผมทำอะไรผิดรึเปล่า?


          "เฮ้ยู วอดเเฮปเพ่น?"ผมถามขึ้น เเต่มันยังคงสนใจเเต่ไอจอสี่เหลี่ยมๆอยู่ดี จนผมที่ยืนค้ำหัวมันอยู่ทนไม่ไหวเลยดึงมันออกจากมือมัน


          มันอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร เเต่ผมก็เอามือปิดปากมันไว้ก่อน


          "เป็นอะไร เอ่อ..อายูโอเค๊? อีฟเเฮฟซัมติงเเด๊ดไอเเคนเฮลฟ์...อื้อ!"ผมเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆมันก็ดึงมือข้างที่ผมปิดปากมันไว้ก่อนจะฉุดผมลงไปบนโซฟาจากนั้นมาก็ตามขึ้นมาคร่อมเอาไว้กดข้อมือสองข้างของผมไว้กับโซฟาด้วยมือข้างเดียวก่อนจะประกบปากลงมาอย่างรวดเร็ว


          ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมากจนผมตั้งตัวไม่ทัน ผมเม้มปากตัวเองเเน่น เเต่ไอฝรั่งมันไม่ยอมหยุดเเค่นั้น ลิ้นชื้นลิ้มเลียตามริมฝีปากนุ่มทั้งยังใช้ฟันขบเบาๆ พอผ่านไปซักพักผมที่เริ่มขาดอากาศหายใจก็เผลอเพยอริมฝีปากออก เปิดโอกาศให้อีกฝ่ายได้รุกล้ำเข้ามาภายใน



          "อื้อ.."ผมได้เเต่ครางอื้ออึงในลำคอ ตอนเเรกก็ขัดขืนอยู่หน่อยๆ เเต่เพราะด้วยเเรงเเรกเริ่มที่สู้ไม่ได้อยู่เเล้วบวกกับตอนนี้ที่คนเพิ่งเคยจูบเเบบลึกซึ้งครั้งเเรกอย่างผม รู้สึกเหมือนโดนสูบพลังออกไปยิ่งกว่าก็อกเเตก ลิ้นชื้นตวัดพัวพันกันอยู่ภายในโพงปาก ทั้งจังหวะที่ทั้งดุดันเเละโอนโยนสลับไปมาทำเอาผมรู้สึก..ระทวย


          เเต่เคลิ้มได้ไม่นานก็ต้องดิ้น เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจ เหมือนมันเพิ่งได้สติเลยยอมผละออกไป


          "แฮ่ก.."ผมรีบลุกขึ้นนั่งกุมหน้าอกข้างซ้ายที่มีก้อนเนื้อที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายในเสมือเพิ่งผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนักหน่วงก็ไม่ปาน ใบหน้าก็ร้อนเสียจนคิดว่าจะระเบิด


          ทั้งผมทั้งมันต่างเงียบ ผมยังคงมึนๆงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนสมองมันโล่งไปหมด เเละผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ไอฝรั่งมันทำหน้ายังไงเพราะตอนนี้ทั้งผมเเละมันต่างนั่งหันหลังให้กันอยู่บนโซฟา



          "เอ่อ../เอ่อ.."


          เเล้วพอจะพูดก็ดันหันมาพร้อมกันเสียจน หน้าเเทบชนกัน ผมผงะเล็กน้อยทั้งยังเผลอเบี่ยงสายตาหลบอีกฝ่าย


          นี่กูเป็นอะไรเนี่ย!


          ไม่สิ ใครที่เจอเเบบผมมันก็คงต้องทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันเเหละหน่า!



          "Sorry.."เเละมันก็เป็นคนเปิดปากพูดขึ้นมาก่อน ผมไม่ได้มองหน้ามันตรงๆ บอกตรงนี้เลยครับว่าไม่กล้าสบตา เลยใช้วิธีมองปลายคางมันเเทน



          "..."ผมไม่ได้ตอบอะไร เพราะผมไม่รู้เลยว่าตัวเองควรรู้สึกยังไงตอนนี้ เพราะเสียงหัวใจที่ยังคงดังอื้ ออึงไปทั่วหัวจนคิดอะไรไม่ออก



          "Thee."มันเรียกผมเสียงค่อย มันคงเห็นว่าผมยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นไปสบตามัน


          "Thee..Are you mad at me?(ธีร์ โกรธผมหรอ)"


          "Thee."


          "Thee..I'm sorry"



          "เออ!! รู้เเล้ว!"จนสุดท้ายก็ทนเสียงเรียกของมันไม่ไหวยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา



          "Thee! D-Do i make you cry? I'm sorry I'm so sorry"มันพูดอย่างตกใจทันที ทั้งยังเลิกลั่นทำอะไรไม่ถูกได้เเต่ขอโทษผมซ้ำไปมา ผมเลยส่ายหน้ารัวๆ เเล้วปาดน้ำตาที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าไหลออกมาตอนไหนทิ้งเเล้วส่งยิ้มเเห้งให้มัน



          "แอมโอเค..จัส..เอ่อ..ช็อคอ่ะ บีคอส..เอ่อ..คือว่า..อิทอิสมาย อ่า..เฟิสคิส"ผมพูดไปก็อายไป โอย มันต้องหัวเราะเยาะผมเเน่เลยที่ตั้งเเต่เคยเกิดมาถ้าไม่นะบการเอาปากเเตะปาก ไอเเลกลิ้นเเบบนี้ก็ครั้งเเรกเลย


          เเต่มันไม่ได้หัวเราะอย่างที่คิด มันกลับรวบตัวผมเข้าไปกอดเเบบที่ผมยังไม่ทันตั้งตัวเช่นเคย ด้วยความที่ผมนั่งท่าเทพธิดาอยู่บนโซฟาเเละมันนั่งชันเข่าอยู่ พอมันดึงปุ๊ปผมก็ถลาเขาอกเเข็งๆมันทันที



          "Jesus.The more I'm with you, the more I fall.(ให้ตายเถอะ ยิ่งอยู่กับนายเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งถลำลึกไปเท่านั้น)


          ฝรั่งทิ้งหัวลงมาตรงไหล่ผมก่อนจะพึมพำเเถวๆหูผมเบาๆด้วยประโยคที่ผมไม่เข้าใจ จากนั้นก็กอดผมไว้เเน่น เเต่ผมอยากถามมันมาก



          มึงไม่ปวดคอหรอ?



หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.10!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 30-05-2016 14:50:07
 :z3:

โอ้ยยยยยยยยย ขรรมออสติน ต้องรับมือกับธีร์ไปอีกนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนเลยล่ะ ใสกิ๊งซะขนาดนี้

(พี่เรนก็ขี้แกล้งโน๊ะะะะะะะ)

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.10!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 30-05-2016 15:33:09
 :o8:
ทำตัวไม่ถูกเลย จูบแรก ไม่นะ ยังไม่รู้สึกเลย
ขอซ้ำอีกครั้งได้ป่ะ เมื่อกี้ตกใจไม่ทันตั้งตัว
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.10!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 01-06-2016 23:48:40
เสียจูบแรกไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.10!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 02-06-2016 04:39:54
ชอบค่ะ หลงเข้ามาอ่าน หาทางออกไม่เจอเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.10!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 02-06-2016 06:26:23
โอ๊ยย~~. น้องธีร์น่ารักอะ. อึนๆดีเน๊อะ :hao7:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.10!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-06-2016 09:14:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
Jesus.The more I read your story, the more I 'm happy.
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.11] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 03-06-2016 23:16:37
Chapter 11
| compensate


          ในเวลาบ่ายเเก่ๆของวันเสาร์ อากาศของไทยเเลนด์เเดนออฟสไมล์ยังคงร้อนเเรงเช่นเคย เเต่ความร้อนไม่สามารถทำอะไรเราได้เมื่อเราย้ายตัวเราเข้ามาในห้องแอร์เย็นๆ หากเเต่ถ้าเปิดเเอร์เเต่หัววันก็จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานเเละทำให้โลกร้อนสรุปง่ายๆคือเปลืองค่าไฟฉะนั้นหนทางดับร้อนของเรานอกจากไปเล่นน้ำเเล้วก็คือมาตากเเอร์ฟรีในสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่าห้างสรรพสินค้า


          เเต่การมาครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อตากเเอร์ฟรีอย่างทุกที เเต่เป็นการมาเพื่อซื้อของอะไรบางอย่าง..กับคนข้างกาย


          ไอฝรั่งที่เดินอยู่ข้างๆกันไม่ได้มีสีหน้าทุกข์ร้อน หากเเต่หัวใจของผมกลับเต้นไม่เป็นจังหวะยามที่คิดถึงเงินในกระเป๋า


          ทุกคนคงจะงง ฉะนั้นขอย้อนเวลากลับไปเมื่อวันเกิดเหตุ



     .

     .


     .


          "เอ่อ..ปล่อยได้เเล้ว.."ผมที่เพิ่งหาเสียงตัวเองเจอก็ทำการผลักอีกฝ่ายที่ซุกหน้าเข้าที่ไหล่ ที่พอนานๆเข้าเริ่มเอนเอียงไปทางซอกคอจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ชวนขนลุก


          พอมันยังไม่ปล่อย ผมเลยตีเเขนมันไปดังป้าบ มันถึงยอมละหน้าออกมา ไอหน้าบึ้งๆตึงๆนี่หายวับเหลือเพียงเเค่รอยยิ้มอารมณ์ดีเหมือนเคย ไม่สิ..มากกว่าปกติด้วยซ้ำ


          เมื่อมันปล่อยร่างผมได้รับอิสระ ผมก็รีบกระโจนลงจากโซฟาทันทีอย่างที่กลัวว่ามันจะนึกครึ้มลากผมไปทำมิดีมิร้ายซะก่อน


          เเกร็บ


          เเต่ยังไม่ทันที่ได้พุ่งเข้าห้องตามที่หมายมาดไว้ เท้าที่ควรจะสัมผัสพื้นไปสัมผัสอะไรบางอย่างก่อให้เกิดเสียงดัง'แกร็บ'ตามมาทันที


          ผมก้มลงมองทันทีตามสัญชาตญาณมนุษย์ ก่อนที่เหงื่อเม็ดเป้งจะเริ่มฝุดขึ้นตามขมับ ก่อนจะค่อยๆถอนเท้าที่เหยียบมันไปเต็มๆออกมา เเล้วหันไปหาอีกหนึ่งชีวิตที่ยังอยู่บนโซฟา


          ใบหน้ายิ้มปริ่มเปรมเมื่อครู่หายไปเป็นอันที่เรียบร้อย ก่อนจะถูกเเทนที่ด้วยใบหน้าอึ้งเเดกเหมือนช็อคไปราย


          ผมยิ้มเเห้งๆให้อีกฝ่ายที่ยังคงมองซากศพของสิ่งนั้น ก่อนที่ผมจะก้มลงเก็บมันขึ้นมาพยายามกดปุ่มหวังว่ามันจะมีโอกาศรอดชีวิตบ้าง


          นิ่งสนิท


          "โฮ่ง!" ขนาดไอเตอร์ที่หายหัวไปไหนมาตั้งนมนานยังวิ่งดุ้กดิ้กมาหาพ่อมันเเล้วร่วมเห่าไว้อาลัย ราวกับต้องการเรียกสติพ่อมันที่ค้างไปแล้ว


          "Oh my god..my phone"



          R.I.P ครับ



          .


          .



          .



          ตัดมาเหตุการณ์ปัจจุบัน ตามที่เล่าว่าเนื่องจากผมไปทำโทรศัพท์สุดที่รักของมันพัง คือผมก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่ผมดึงโทรศัพท์ออกจากมือมันเเล้วมันหลุดมือผมไปนอนเเอ้งเเม้งอยู่ที่พื้นตั้งเเตีเมื่อไหร่ ผมว่าผมไม่ผิดนะ โทรศัพท์มันบอบบางเกินไปต่างหาก ผมเเค่โดดลงจากโซฟาเเล้วเหยียบลงบนมันเต็มเเรงก็เท่านั้นเอง..


          ฮืออ! สองหมื่นกว่า สองหมื่นกว่าเลยนะ


          ผมได้เเต่เดินตัวลีบ ด้วยสีหน้าย่ำเเย่เต็มที่ สองหมื่นนี่มันเงินเก็บผมทั้งหมดเลยนะ เผลอๆไม่พออีกต่างหาก


          จริงๆเเล้วหลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อวาน ไอฝรั่งมันก็ช็อคเเค่ตอนนั้นเเหละครับ พอสติมันกลับมาครบเเล้วหันมาเจอผมที่เเทบจะร้องไห้อยู่ตรงนั้นมันก็ส่ายหน้าบอกไม่ถือสา เเต่ด้วยความเป็นคนดีศรีสยามผมก็เลยบอกว่าจะรับผิดชอบเพราะผมทำของมันพัง


          เเต่เอาจริงๆต้นเหตุก็มาจากมันนั่นเเหละ!


          ฮือออออ


          "เดี๋ยวผมออกเองก็ได้นะ.."เหมือนมันสัมผัสรังสีความจนจากผมได้มันเลยหันมาบอกอีกครั้ง ด้วยสีหน้าจริงใจสุดๆ


          ผมส่ายหน้าปฏิเสธ โรคคนดีนี่มันเเก้ไม่หายจริงๆครับ ก็มันเเบบ..นะ ผมเชื่อว่าใครหลายก็เป็นเเบบผมนั่นเเหละ



          พวกเราเลี้ยวเข้าร้านไอทีเเห่งหนึ่ง ผมบอกให้มันเดินไปเลือกเลือกได้เเล้วเดี๋ยวผมออกให้ นี่บอกเลยว่าเเวะไปเบิกเงินมาเเล้ว ถึงผมจะมีบัตรเครดิตเเต่มันก็เป็นของพ่อ ไม่อยากจะรบกวนเท่าไหร่ตอนนี้เลยมีเงินติดตัวอยู่เป็นปึกเลย


          "ได้เเล้วใช่ป่ะ เอามาเดี๋ยวไปจ่ายตัง"ผมรัวภาษาไทยใส่มันอย่างเคย ทั้งเเบมือขอโทรศัพท์ในมือมันที่มันกดยิกๆอยู่ ซึ่งหน้าตาสีเดิมรุ่นเดิมเเบบเดิมเป๊ะ เเต่ก็นะครับคือมันใช้รุ่นใหม่สุดอยู่เเล้วตั้งเเต่เเรกไง


          "I've already paid"มันตอบกลับมา


          "I say i will pay อ่ะ i break it นะ how much ว่ามาเลย เดี๋ยวจ่ายคืน"คราวนี้สกิลภาษาอังกฤษที่ผมอุส่าห์ไปอัพมาได้ออกโรงเสียที ผมขมวดคิ้วน้อยๆอย่างไม่พอใจ ก็คนบอกจะออกให้ๆไม่เข้าใจหรือยังไง



          "You broke it because of me. If you want to compensate for it, I think it's better if you do something else instead.(นายทำมันพังก็เพราะผม ถ้านายอยากจะชดใช้จริงๆ ผมว่ามันจะดีกว่าถ้านายทำอย่างอื่น)"มันว่าอย่างนั้นพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม



          เเต่ขอโทษครับ กูฟังไม่รู้เรื่อง



          "เออๆ งั้นก็เเล้วเเต่มึงอ่ะ งั้นขอเลี้ยงข้าวละกัน เอ่อ..dinnerอ่ะ i will pay for you โอเค๊?"ผมเลยช่างเเม่ง เอาเถอะอย่างน้อยผมก็ไม่เสียเงิน เเต่ความรู้สึกที่เหมือนติดค้างคนอื่นผมก็ไม่ชอบซะด้วย เลี้ยงข้าวเอาละกันง่ายดี



          "Okay"มันก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย



          "เเล้วเอ่อ..what you eat เอ่อ want to eat อ่ะ choose เลย"ผมถามต่อยามที่ชี้ไปรอบตัว เพื่อสื่อว่าให้มันเป็นฝ่ายเลือกร้าน


          "Thee"

     
          ห้ะ?


          "Uh..I mean I want to eat same as you(อ่า..ผมหมายถึงผมอยากกินเหมือนที่นายอยาก)"


          โอเค เซมเเอสกูสินะ


          "อาร์ยูชัวร์นะ?"ผมถามมันเลิกคิ้วขึ้นหน่อยพร้อมกับร้อยยิ้มมีนัย


          หวังว่ามันคงยังไม่ลืมที่ผมพาไปกินครั้งที่เเล้ว


          ไอหมีควายมันนิ่งไปพักนึงเหมือนกำลังครุ่นคิดก่อนจะเผยยิ้มเเหยเมื่อมันนึกถึงรอบที่เเล้วที่ทำเอานอนซมไปหลายวัน


          เเต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงคิดไม่ตกกับการเลือกร้านอาหาร


          "เอ็มเคไหมล่ะ"จนสุดท้ายผมก็เสนอชื่อร้านอาหารสุดฮิตขึ้นมา


          "Oh,that's nice"ไอหมีควายว่าพร้อมชูนิ้วโป้งให้อย่างเห็นด้วย พอได้ข้อสรุปผมก็นำทางไปอย่างชำนาญเนื่องจากมาบ่อยจนหลับตาเดินยังไงได้


          ผมสงสัยมาพักนึงเเล้วครับว่าไอหมีควายนี่มันเป็นคนดังมาจากไหนรึเปล่า เพราะตลอดทางเดินถึงจะไม่มีคนมาขอถ่ายรูปอย่างคราวก่อน เเต่ผมก็เห็นอยู่นะว่ามีคนเหลียวมองไม่ก็ซุบซิบกันตลอด



          "Corgi."


          มันเป็นหมอไม่ใช่หรอวะ หมอนี่มันดังขนาดนั้นเลย?


          "Corgi"


          หมับ
     

          "หือ? ว่าไง"ผมหันไปหามันงงๆเมื่อเเขนเเน่นๆเอื้อมมาคว้าเเขนผมไว้  ไอฝรั่งไม่ได้ว่าอะไรเพียงใช้มือข้างที่เหลือชี้ไปยังร้านอาหารสีเขียวที่เป็นจุดมุ่งหมายในวันนี้


          โอเค กูเดินเลยเอง กูขอโทษ





------------------------------------


          ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านโปรดร้านหนึ่งของผมเลยล่ะครับ เเต่ว่าไม่ได้มากินบ่อยนักนานๆทีจะมากับเพื่อนกับฝูงที่ซึ่งนานๆทีจะรวมตัวกันได้ครบ เพราะจะให้มานั่งกินคนเดียวก็เเลดูโดดเดี่ยวแปลกๆ เเละที่สำคัญ..คือมันค่อนข้างเเพงครับ


          เห้ย! ผมเปล่างกนะ เเค่ใช้เงินเป็นเฉยๆ


          เเละวันนี้เนื่องในโอกาสโคตรพิเศษ ผมเลยได้เอาเงินที่อุตส่าห์ไปกดมาผลาญเล่น จริงๆเเล้วถ้าเรียกให้ถูกคงเป็นการ'ไถ่โทษ'ไม่ก็'ชดใช้'มากกว่า


          ผมเหลือบมองอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเล็กน้อยในระหว่างที่รออาหาร ไอฝรั่งกำลังนั่งจิ้มโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เพิ่งไปถอยมาอย่างไม่สนใจโลกภายนอก


          หลังจากที่อยู่กับมันมาซักพัก ผมก็ได้รู้ว่ามันค่อนข้างที่จะติดโทรศัพท์ครับ เรียกได้ว่าเมื่อไหร่ไม่มีอะไรทำเมื่อนั้นคว้าขึ้นมาเล่น จนอดสงสัยไม่ได้ว่ามันมีอะไรน่าสนใจนักหนา ทุกวันนี้ผมก็ใช้เเค่โทรเข้าโทรออก ไอเเชทเชิทอะไรก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่


          "ว้อทอาร์ยูดูอิ้งอ่ะ"ผมถามออกไปอย่างที่ใจคิด คืออยากถามมานานเเล้วครับเเต่ไม่มีจังหวะเสียที ไอฝรั่งพอได้ยินก็ละสายตาออกจากหน้าจอมามองผมที่ชะโงกหน้าเข้าไปเสือกอย่างเปิดเผย


          "Download apps(โหลดเเอพ)"มันชะงักไปนิด ก่อนจะตอบตามปกติจากนั้นก็กลับไปก้มหน้าตามเดิม


          สนใจกูหน่อย นี่กูอุตส่าห์ชวนคุยนะ


          "ว้อทแอพอ่ะ"ผมก็ยังคงไม่เลิกเสือก ทั้งยังชะโงกหน้าเข้าไปใกล้อีกจนพุงเเทบจะจุ่มลงไปในหม้อกลางโต๊ะอยู่เเล้ว


          "Facebook,Instagram,twitter,WhatApp something like that."คราวนี้มันไม่เงยหน้าขึ้นมาเเต่ขยับปากตอบ ผมเบ้ปากน้อยๆจากนั้นก็ยอมถอยกลับมานั่งที่ตัวเองให้เรียบร้อย


          ทำไมหยิ่งวะ พอจะคุยด้วยก็ไม่คุย พอไม่อยากคุยก็พ่นอังกฤษใส่กูจัง บักสีดานี่!


          ยังไม่ทันทีจะได้บ่นมันในใจต่อ พวกของสดก็ทยอยกันมาเสิร์ฟ ผมจัดการเททุกอย่างลงหม้อทันที เเล้วจากนั้นก็โซ้ยทันทีไม่มีรีรอ


          เเชะ!


          หือ?


          ผมเงยหน้าช้าๆเเบบที่เส้นอูด้งยังคาปาก ก่อนที่สายตาจะไปสบกับคนที่ถือยกโทรศัพท์ขึ้นในองศาที่พอดีเหมาะเจาะกับผมเป๊ะ


          เเชะ!


          เเถมมันยังหน้าด้านกดถ่ายต่ออีกต่างหาก


          "เฮ้! ยู! ฮู..ฮู..อนุญาต..ทู..เอ่อ..ถ่ายรูปวะ!"ผมอ้าปากปล่อยเส้นอูด้งออกจากปากทันทีพร้อมทั้งวางอาวุธในมือลง ก่อนจะพุ่งตัวหมายจะคว้าโทรศัพท์จากมือมัน เเต่ความทรงจำบางอย่างทำให้ผมชะงัก


          มีโอกาสเป็นไปได้สูง ถ้าผมเเย่งมาจากไอหมีควายเเล้วมันจะเกิดเหตุการณ์ซวยๆเเบบเดิม อย่างเช่นร่วงลงไปในหม้อเป็นต้น


          ผมจึงดึงตัวเองกลับมานั่งที่อย่างสงบเสงี่ยม



          "หึ"


          เสียงหัวเราะนั้นท่านได้มาเเต่ที่ใดหรือบักหมีควาย? 


          ผมเหลือบตาขึ้นมองมันอย่างขวางๆเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึๆในลำคอจากอีกฝ่าย เเต่ยิ่งพอมันเห็นสายตาคาดโทษของผมมันก็เเค่เผยยิ้มกว้างออกมา  เเล้วทำท่าไม่รู้ไม่ชี้จกผักจากหม้อไปกิน


          จะว่าไปมันกินเเต่ผักเเหะ เนื้อมันก็กินเเหละ เเต่ผักเกือบทั้งหมดนี่มันเหมาหมดเลยนะเนี่ย


          หรือว่า! ที่มันตัวสูงใหญ่กล้ามโตซิกเเพคเเน่นเพราะกินผักเยอะป่ะวะ เเม่งต้องใช่เเน่ๆ มิน่าล่ะ ทำไมผมถึงโตได้เเค่นี้


          พอได้ข้อสรุปในใจ ผมก็เล็งหาไอผักสีเขียวที่จริงๆเเล้วก็กินได้เเต่ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยง เพียงเเค่ผมคีบผักชิ้นเล็กขึ้นมาจากหม้อไอหมีควายก็เลิกคิ้วสูง


          "You don't like it, Do you?(นายไม่ชอบมันไม่ใช่หรอ?)"


          "Yes,but you eat it(ใช่ เเต่นายกินมัน)"น้อวว คนพูดนี่ใครทำไมฉลาดจังเลย


          "Then?(เเล้ว?)"


          "You very big and tall อ่ะ I want to tall "ผมตอบไปอย่างงูๆปลาๆเช่นเดิม เเกรมมงเเกรมม่าอะไรผมไม่รู้จัก


          "Oops! haha"พอจบคำตอบผมเท่านั้นเเหละครับ มันก็ปล่อยก๊ากทันที มีองมีอุ๊บด้วยนะเเหม่ ผมมองมันเเบบตาขวางๆอีกครั้งซึ่งเเน่นอนว่ามันไม่เคยที่จะรู้สึกรู้สาอะไร


          ไม่กินเเม่งเเล้วอีผักเนี่ย!


          "You're so cute(นายนี่น่ารักจัง)"มันพูดไปเเต่ก็ยังคงไม่หยุดขำ คืออะไรมึงจะเส้นตื้นขนาดนี้วะ ก็เเค่คนอยากสูงป่ะ


          เดี๋ยวนะ..คิ้วท์..คิ้วท์นี่มันแปลว่า...


          "But a Corgi still a Corgi.(เเต่คอร์กี้ยังไงก็คือคอร์กี้นั่นเเหละ)"ไอฝรั่งหมีควายพูดด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดีเหมือนได้เเกล้งเด็ก ส่วนเด็กที่ถูกเเกล้งก็นิ่งไปนิดอย่างที่กำลังประมวลผลคำพูดเมื่อครู่..


          ฟัคคคค!! เมื่อไหร่มึงจะเลิกเอากูไปเปรียบกับไอหมาเเคระนั่นซักที!


 





 



หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.11 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-06-2016 23:22:30
โอ้ยยยยยยย

ชอบธีร์มาก น่ารักที่สุด ><

ออสตินพาลูกคอร์กี้กลับบ้านเลยอ้ะป่าววววว มีแผนมาไทยทำไรบ้างเนี่ย  :ruready
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.11 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 03-06-2016 23:33:00
โอ๊ยยย. ฮา. ค็อกกี้น้อย. น่ารักกกกก~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.11 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 04-06-2016 14:20:04
Corgi still a corgi  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.11 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 05-06-2016 18:25:18
น่ารัก มุ้งมิ้งมาก
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.12] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 06-06-2016 18:45:49
Chapter 12
| Reason




          "Corgi,Wake up"


          "Hey"


          เสียงทุ้มๆดังคลอเคลียอยู่ไม่ห่างหู ตอนเเรกก็ขยับตัวหนีเเต่พอเสียงนั้นยังคงไม่เลิกตามราวีทั้งสัมผัสที่ตอนเเรกราวกับว่าเเผ่นดินไหว เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกลายเป็นสัมผัสเเผ่วๆที่เลื้อยไปมาใต้สาบเสื้อ..

     
          ฟรึ่บ
     

          "ทำบ้าอะไรวะเนี่ย!"ผมเด้งตัวขึ้นนั่งฉับพลันเมื่อเริ่มตั้งสติได้ จากนั้นก็หันไปแหวใส่คนที่นอนตะเเคงหันหน้ามาด้านผมเเล้วใช้เเขนท้าวเตียงเอาไว้

     
          คนตัวโตไม่ตอบ เพียงเเค่ส่งยิ้มเดิมๆมาให้ พอผมจะลุกขึ้นก็โดนคนบนเตียงเกี่ยวเอวลงมาก่อนจนคนที่กำลังจะลุกไปทั้งๆที่ลืมตาไม่ขึ้นอย่างผมก็โอนเอนล้มทับอกมันไปดังอั้ก


          จุกไหมล่ะมึง


          ผมขมวดคิ้วลงนิดอย่างขัดใจ เมื่อพยายามจะเเกะเเขนเเน่นๆที่รัดเอวผมไว้ ในท่าที่ผมนอนหงายทับมันที่นอนหงายอยู่อีกที


          เพี๊ยะ!


          "ปล่อย"ผมตีเเขนเเน่นๆนั่นไปทีเเบบไม่จริงจัง พยายามจะกดเสียงต่ำให้ฟังดูน่ากลัวเเต่เสียงที่ออกมามันงัวเงียซะมากกว่า


          อย่าว่าเเต่สติ เอาจริงๆคือผมยังไม่ได้ลืมตาเลยครับ


          "No"ไอมันก็ยังจะฟังออกตอบมาชัดถ้อยชัดคำ


          เออ งั้นเเล้วเเต่มึงเลยละกัน


          ผมคิดเเค่นั้น จากนั้นก็..หลับต่อ


          เเบบที่ทับมันอยู่เนี่ยเเหละครับ ไม่รู้เเหละความง่วงชนะทุกอย่าง พอๆกับความขี้เกียจเลย


           มันก็คงจะตกใจอยู่เหมือนกันไม่คิดว่าผมจะหลับทั้งๆเเบบนี้ เพราะปกติไม่ถีบผมก็หยิกมันเข้าให้ตลอด ผมได้ยินเสียงถอนหายใจมาเเว่วๆจากนั้นตัวผมก็ลอยขึ้น


          เฮ้ย! อย่างนี้มันนอนต่อไม่ได้เเล้วครับ!


          ผมลืมตาโผลงมองเสี้ยวหน้าคนที่ช้อนตัวผมขึ้นอย่างสบายๆ


          "ปล่อยๆ ไอเดินเองได้"ผมรีบบอกทั้งยังดิ้นเล็กน้อย มันก้มลงมองหน้าผมเเวบนึงก่อนจะยอมปล่อยผมลงเเต่โดยดี จากนั้นก็ชี้ไปทางนาฬิกาดิจิตอลที่วางไว้ที่หัวเตียงเเบบที่รู้ดียิ่งกว่าเจ้าตัวอย่างผมเสียอีกว่าวันไหนผมต้องตื่นกี่โมง


          ผมพยักหน้ารับไปอย่างเคย ก่อนจะเดินหาวหวอดเข้าห้องน้ำไป


          น้ำเย็นๆช่วยให้ผมสามารถตื่นได้เต็มตา ผมก้าวออกมาก็พบอาหารเช้าสไตล์ฝรั่ง เเบบที่มีไข่ดาวหนึ่ง ไส้กรอกสอง ขนมปังปิ้งอีกสอง เเถมด้วยสลัดถ้วยเล็กๆที่ปกติมีถ้วยเดียว เเต่วันนี้เพิ่งเป็นสองถ้วย


          ผมเหลือบมองไอฝรั่งที่ยังคงหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มไม่เลิกตั้งเเต่วันนั้นหลังจากกลับมาจากห้าง ทั้งยังชอบมองผมแปลกๆไม่ก็นั่งจ้องจนตัวผมเเทบพรุน

          อย่างเช่นตอนนี้


          ผมก้มหน้าก้มตากินไปเงียบๆ พยายามจะเมินไอสายตาที่คอยมองมาตลอดการกิน เเต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว


          "Don't look at me(อย่ามองดิ)"ผมพูดออกไปอย่างคนมีความรู้พร้อมทั้งวางช้อนส้อมเเล้วเงยหน้าขึ้นมามองหน้ามันเเทน


          "Okay"มันตอบกลับ หากเเต่สายตายังคงจับจ้องมาที่ผม


          "ก็บอกว่า don't lookไง"ผมขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อไอหมีควายมันเริ่มกวนตีน

กึก
     

          ความไม่เข้าใจปนหงุดหงิดที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาดับลงทันใด เมื่อเเขนยาวๆที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อยื่นผ่านมาจากอีกฝากโต๊ะ..เพื่อปัดเศษขนมปัง ที่ผมคิดว่าผมไม่น่าจะเป็นคนมูมมามขนาดกินไปติดเเก้ม


     ตึกตักตึกตัก
     

          เเม้จะเป็นเสี้ยววิที่มือที่เเทบจะปิดหน้าผมมิดเเตะที่เเก้ม เเต่ก็ส่งผลกับก้อนเนื้อในอกเต้นระรัวขึ้นอีกครั้ง


          โรคหัวใจ..โรคหัวใจถามหาเเล้วไอธีร์เอ้ย


          "It's time to go now(ได้เวลาเเล้ว)"มันลุกขึ้นยืนเก็บจานชามรวบไว้ด้วยกัน ผมมองมันงงๆเเต่ก็ลุกขึ้นไปหยิบอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการเรียนขึ้นมาเเล้วออกจาห้องไปเหมือนอย่างเคย


          เเต่ที่ไม่ปกติคือมีหมีควายตัวใหญ่เดินตามหลังมาด้วย


          "ตามมาทำไม?"ผมหยุดฝีเท้าเเล้วหันไปถามมัน ก็ว่าอยู่ว่าทำไมเมื่อเช้าตอนตื่นมันถึงเเต่งตัวเหมือนจะไปข้างนอก

     
          "I'll give you a ride(เดี๋ยวผมไปส่ง)"


          ผมพยักหน้ารับมันไป ทั้งๆที่ไม่เข้าใจไอประโยคที่ว่า ถ้าแปลทีละคำก็พอได้เเต่พอมาติดกันเเบบนี้นี่หาใจความสำคัญไม่เจอเลยซักนิด


          ผมเดินออกมาถึงหน้าคอนโดตามปกติเเต่พอจะโบกเเท็กซี่ ไอฝรั่งกลับดึงมือผมกลับมาก่อน


          "Wait here(รอตรงนี้)"มันทิ้งท้ายไว้ให้ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่มันจะวิ่งเหยาะๆไปอีกทาง


          อะไรของมันวะ


          ผมได้เเต่มองแผ่นหลังกว้างอย่างงงๆ ตั้งเเต่วันนั้นที่กลับมาจากการไถ่โทษ ไอฝรั่งก็ไม่ยอมให้ผมออกไปนอนโซฟา ลากให้ผมมานอนเบียดกับมันบนเตียง ซึ่งจริงๆเเล้วมันก็ไม่ได้เบียดอย่างที่ผมคิดไว้หรอกครับ เเต่ผมไม่ค่อยชอบนอนกับคนอื่นเท่าไหร่เนื่องด้วยนิสัยการนอนของตัวเอง


          ผมก้มหยิบมือถืออกมาดูเวลาก็พบว่ามีเวลาอีกเหลือเเหล่ ตั้งเเต่มีไอหมีควายมานี่เหมือนมีนาฬิกาปลุกส่วนตัว
     

          ปื้น!


          เสียงเเตรรถที่ดังอยู่ตรงหน้าทำเอาผมสะดุ้งเงยมองตามเสียง กระจกสีชาเลื่อนลงช้าๆก่อนจะเผยหน้าคนขับ ไอฝรั่งยิ้มมาให้ทั้งยังชี้ประมาณว่าให้ผมขึ้นไป ผมเลิกคิ้วสงสัยเเต่ยังไม่ได้ถามยอมพาตัวเองขึ้นไปรถคันหรู


          "รถใครวะเนี่ย"


          "โคลด์"มันตอบ


          อ่อ...ของเฮียนี่เอง


          ทุกความคับข้องใจถูกไขออกทันทีเมื่อชื่อของเจ้านายถูกเอ่ยออกมา รถคันเดียวมันเป็นเรื่องเล็กมากสำหรับคนอย่างเฮียเขาล่ะนะ


          "Corgi"


          "หืม?"ผมครางรับในลำคอเเล้วหันหน้าไปหาคนเรียก ตอนนี้ชินกับชื่อนี้เเล้วครับ อีคอร์กี้เนี่ย


          "Ah..why you have to go with him everyday?(อ่า..ทำไมนายต้องไปกับเขาทุกวันด้วยล่ะ)"ไอฝรั่งดูลังเลเล็กน้อยในการถาม ถึงเเม้ว่าตามันจะจับจ้องไปที่ถนนไม่ได้หันมามองผมก็ตาม เเต่คิ้วที่คอยจะเคลื่อนเข้าหากันก็ไม่พ้นสายตาผมอยู่ดี


          "He?"ผมทวนคำ


          เขาไหนวะ


          "Darren"พอได้ยินชื่อผมถึงกับร้องอ้อในใจยาวๆ


          จะให้ผมตอบไปว่าเพื่อเรียนภาษาอังกฤษเพราะอยากคุยกับมันรู้เรื่องก็กระไรอยู่ มันออกจะเขินๆ


          "อ่า..That..I go to clean his room อ่ะ"ผมยิ้มเเห้งๆ ข้ออ้างโคตรไม่สมเหตุสมผลเลยไอธีร์เอ้ย


          "Okay."มันตอบกลับมาสั้นๆ เเต่คิ้วมันยังไม่หายเคลื่อนเข้าหากัน ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนข้างกายอย่างสงสัย
     

          พักหลังนี่มันดูแปลกๆไป ดูเหมือนเครียดกับอะไรบางอย่างอยู่เเต่พอหันมาเจอหรือคุยกับผมก็จะกลับมายิ้มเหมือนเดิม ซึ่งผมก็โง่เกินที่จะเอ่ยถามมันด้วย เพราะถึงถามได้ผมเชื่อว่าคำตอบที่มันตอบมาผมต้องฟังไม่รู้เรื่องชัวร์


          ผมนั่งนิ่งๆเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้มัน ไม่มีประโยคใดๆออกมาอีก มีเเค่เสียงเเอร์เย็นๆที่เป่าหน้าจนหน้าชากับวิวสองข้างทางที่ไม่มีอะไรนอกจากเสาไฟฟ้า ผ่านไปแวบเดียวก็มาโผล่ที่มหาลัยของผมเสียเเล้ว


          "ตรงนี้เเหละๆ ขอบคุณมาก"ผมบอกมันเมื่อถึงตรงทางเข้ามหาลัย
     

          หมับ


          "Wait a moment (รอแปป)"มันเอื้อมมาจับเเขนผมที่กำลังจะเปิดประตูรถออดไปเอาไว้ก่อนผมหันไปมองหน้ามันงงๆ มันไม่ได้พูดอะไรเเค่วนรถเข้าไปในตัวมหาลัยเเล้วจอดรถ


          จากนั้นก็ลงตามผมมาด้วย


          เดี๋ยวๆ ทำไมมึงต้องตามมาด้วยล่ะเฮ้ย!


          "ไอธีร์!"เสียงใสจากอีกฟากฝั่งทำให้ผมต้องชะงักปากที่กำลังจะหันไปถามว่าตามมาทำไม


          ไอกลองเเต็กยืนโยกไม้โบกมืออยู่หน้าตึกพร้อมกับเพื่อนอีกสองหน่อที่วันนี้อยู่กันถ้วนหน้าซึ้งเป็นปรากฏการณ์ที่น่าแปลกใจมาก


          ผมยิ้มกว้างเดินไปหาพวกมัน บอกเลยครับว่าวันนี้ไม่ง่วง


          "เมื่อวันนั้นมึงหายไปไหนวะไอเเต็กโทรไปไม่รับ"ผมทักมันทันที ซึ่งไอกลองเเต็กมันก็ยิ้มเเห้งๆมาให้ผมก่อนที่จะตอบด้วยความรู้สึกผิด


          "โทษ'ทีว่ะพอดีที่บ้านมีธุระ โทรศัพท์กูก็เเบตหมด"


          "เเล้วนั่นใครวะ"ไอน้ำพุชี้เลยหัวผมไป ผมหันตามก็พบร่างของไอหมีควายที่เดินตามผมมาเเต่ก็เว้นระยะห่างไว้เล็กน้อย มันหยุดยืนมองซ้ายมองขวาเหมือนเพิ่งได้เห็นตึกคณะครั้งเเรก พอมันเลื่อนสายตามาสบกับพวกผมที่หันไปมองมันอย่างพร้อมเพรียงก็เผยยิ้มออกมา


          ชิบหาย มึงไม่ต้องเดินมานะสัส

          ท่าทางความคิดของผมจะเเม่นเกินไป เพราะพอมันฉีกยิ้มปุ๊ปมันก็เดินมาเลยครับ พุ่งตรงมาทางนี้เเบบไม่มีเลี้ยว ทำเอาผมต้องหุบปากที่กำลังจะบอกว่าไม่รู้จักฉับทันที


          "อ่า..เพื่อนเจ้านายกูเอง พอดีเจ้านายกูไหว้วานมาให้กูดูเเลน่ะ"ผมยิ้มเจื่อนเเล้วผายมือไปทางมันที่ยิ้มให้เพื่อนผมอีกสามตัวเเล้วโบกมือทักทายเล็กน้อย


          "Hi"


          "ฮาย/เออ หวัดดี"ไอเเต็กนี่ยิ้มรับ ส่วนไอจีนนี่ทักทายเเบบไทยๆ อีกตัวนี่ยืนหลับในมองไอฝรั่งร่างยักษ์จากหัวจรดเท้า


          "สรุปคือผัวมึง?"เเละยังจะปล่อยหมาในปากออกมาอีกต่างหาก

     
          "เหี้ยอะไรไอพุ มึงกลับไปนอนไป"ผมด่ามันทันที เเต่มันกลับเผยยิ้มมุมปากเมินคำพูดผมเเล้วหันไปหาไอฝรั่งเเทน


          "Do you like my friend?(ชอบเพื่อนผมหรอ)"

     
          "Hmm..Why do you ask that?(หืม ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ)"


          "I can see everything in your eyes(ตาของคุณมันฟ้อง)"


          "Then,What are you gonna do next?(ถ้ามันเป็นอย่างนั้นนายจะทำอะไรต่อ)"


          "Stop เลย It's time for our class . We have to go now.(ถึงเวลาเรียนของพวกเราเเล้ว ขอตัวก่อนนะครับ)"ยังไม่ทันที่ไอพุจะได้ตอบ เพื่อนตัวเล็กก็พูดขึ้นขัดเสียก่อน ทั้งยังดึงเเขนเพื่อนๆที่เหลือให้ตามมันไปโดยที่โค้งเล็กๆให้กับไอฝรั่งตอนลา โดยทีเหล่าผองเพื่อนยังคงมีรอยยิ้มกริ่มประดับอยู่บนหน้า


          เฮ้ย! ทำไมกูโง่อยู่คนเดียววะเนี่ย!



          ------------------------------------------------------------


          "มันไม่มีอะไรหรอกไอธีร์"เป็นอีกครั้งที่หนุ่มร่างบางนามกลองเเต็กบอกด้วยเสียงหน่ายๆยามที่หันไปเจอหน้าเพื่อนสนิท


          ไม่ใช่ใครที่ไหน..ผมไงล่ะครับ


          หลังจากที่ถูกลากมาเรียนอย่างมึนๆเเต่ความคาใจที่อยากรู้ว่ามันคุยอะไรกันทำเอาคนลืมง่ายอย่างผมไม่ลืม เเล้วนำมารบเร้าเพื่อนทั้งสามชีวิตให้เล่าให้ฟังเเต่กลับมีเเต่คนเมิน


          "พวกมึงเเม่งมีลับลมคมใน"ผมพูดหน้าบูด ปกติผมไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นหรอกครับ ถ้าไม่บอกก็ไม่เซ้าซี้ เเต่เรื่องนี้ท่าทางมันจะเกี่ยวกับตัวผมด้วยน่ะสิไม่ยุ่งคงไม่ได้


          "เลิกทำหน้าหมาปั๊กได้เเล้วมึงอ่ะ"ไอคนที่ฟุบหน้าหลับเพื่อตัดปัญหาไปกลับพูดขึ้นมาจนผมหันไปมองไอน้ำพุตาขวาง


          "เออ หมาปั๊กเเล้วทำไม"ผมหันไปตอบโต้เเบบไม่สะทกสะท้าน คอร์กี้กูก็เป็นมาเเล้วจะเพิ่มหมาปั๊กให้อีกตัวจะเป็นไรไป


          "ก็...เข้ากับมึงตอนนี้ดี เตี้ยๆเเล้วทำหน้ายับๆ"มันว่าเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร จนผมเริ่มไม่มั่นใจตัวเองหันไปถามความเห็นเพื่อนอีกคน


          "ไอเเต็ก หน้ากูยับขนาดนั้นเลยหรอวะ"

          "มึงก็ไปบ้าจี้ตามมัน ดูนั่น นอนไหล่สั่นอยู่นั่นน่ะ"คนถูกถามได้เเต่ตอบอย่างเหนื่อยใจกับความซื่อของเพื่อน เเล้งพยักเพยิดหน้าไปทางไอคนที่กลับไปฟุบหน้าเเต่ไหล่ยังสั่น


          ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย มันกำลังขำ


          "เออมึง ฝรั่งนั่นมันทำงานอะไรวะ ทำไมกูคุ้นหน้าชิบหาย"เสียงจากเพื่อนอีกตัวที่เพิ่งได้เงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพทย์ทำให้ผมเบนความสนใจจากไอคนที่ขำอยู่ไปหามันเเทน


          "สัตวเเพทย์อ่ะ"


          "สัตวเเพทย์...เออๆ ช่างมันเถอะ เขาคงหน้าโหล"ไอจีนทำท่าเหมือนพยายามนึกสุดท้ายมันก็ยอมเเพ้บอกปัดๆมา


          "เเล้วไอ'ดูเเล'ของมึงเนี่ยคือยังไงวะ"ไอจีนถามต่อ โดยมีสายตาจากเพื่อนอีกสองคนที่สื่อประมาณว่า'กูก็อยากรู้เหมือนกัน'มาอย่างชัดเจน


          "ก็เหมือนเป็นโฮสละมั้ง"ผมตอบอย่างไม่มั่นใจเพราะจริงๆเเล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมดูเเลมันหรือมันดูเเลผมกันเเน่


          "เออๆ พวกมึงไปดูหนังกันป่ะ"จู่ๆไอเเต็กมันก็เอ่ยปากออกมา


          "วันไหนวะ"ผมถาม


          "วันนี้เนี่ย อีกห้านาทีก็หมดคาบละ"ไอเเต็กตอบหัลงจากก้มลงมองนาฬิกา


          "กูไม่ว่างว่ะ"เพื่อนจีนเป็นคนเเรกที่ตอบอย่างรวดเร็ว


          "กูก็เหมือนกัน"ทั้งไอพุก็ด้วย


          ฉะนั้นเป้าหมายสุดท้ายก็ตกมาอยู่ที่ผม ผมยิ้มแหยเมื่อเห็นสายตามีประกายความหวังของมัน ก่อนจะส่ายหน้า


          "ไว้วันหลังนะมึง มันกระทันหันไปหน่อยว่ะกูมีนัดกับพี่เรนเเล้ว"


          "ไว้วันหลังละกัน กูชวนกระทันหันไปหน่อยจริงๆนั่นเเหละ"กลองเเต็กส่ายหน้าไม่ถือสา พอดีกับอาจารย์ด้านหน้าที่พูดทิ้งท้ายจากนั้นก็เดินออกจากห้องไป



------------------------------------------------------


          "พวกกูไปก่อนนะ ไว้เจอกัน"เพื่อนตัวโย่งบอกเเล้วโบกมือลากันตรงด้านหน้าคณะ


          ผมมองแผ่นหลังของเพื่อนทั้งสองที่เดินคู่กันออกไปได้ซักพัก รถมอเตอร์ไซค์คุ้นตาก็เคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับหมวกกันน็อคสีเข้มที่ถูกถอดออกเผยให้เห็นใบหน้าของรุ่นพี่คนสนิทที่คุ้นหน้าคุ้นตาดี


          "กูก็ไปก่อนนะ บ๊ายบาย"ผมบอกลามันก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์อย่างคล่องเเคล่ว ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายพร้อมฉีกยิ้มให้มัน


          "เออ บายๆ"มันตอบรับสั้นๆ ไม่ได้โบกมือกลับเเค่พยักหน้ารับรู้ พอเห็นว่าผมล่ำลากับเพื่อนเสร็จเรียบร้อยคนขับรถจำเป็นก็ออกรถทันที



---------------------------



          "เฮ้ย!"


          "ก็อย่างที่บอก พอดีมีธุระกระทันหัน ฉะนั้นมึงกลับเองได้ใช่ไหม"คนที่ขับรถออกมาได้ถึงเเค่หน้ามหาลัย จากนั้นโทรศัพท์เครื่องหรูก็เเผดเสียงร้องจนต้องหยุดหาที่คุย สุดท้ายพี่เรนก็ถีบผมลงมาเหมือนเอาหมามาปล่อยจากนั้นก็ว่าง่ายๆ


          นี่มึงเอากูมาทิ้งนะครับ!


          ถึงจะเเค่หน้ามหาลัยก็เถอะ รู้งี้ไปดูหนังกับไอเเต็กก็ดี


          "ไอกลับอ่ะกลับได้..."


          "โอเคดี งั้นดูเเลตัวเองด้วย เเต่...คงไม่ต้องเเล้วมั้ง มีคนอื่นรอดูเเลอยู่เเล้วหนิ"ยังไม่ทันให้ผมพูดจบไอรุ่นพี่ก็พูดเเทรกขึ้นมา จากนั้นก็หยิบหมวกกันน็อคขึ้นสวมปล่อยให้ผมยืนงงกับประโยคที่พี่เขาเพิ่งพ่นออกมา


          จากนั้นก็ยืนเอ๋อเเดกมองตามบิ๊กไบค์คันวามที่เเล่นฉิวออกไปด้วยความรวดเร็ว


          "อะไรของเขาวะเนี่ย"ผมบ่นงึมงำกับตัวเอง เเล้วถอนหายใจหนักๆ เเล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหาเเท็กซี่


          กึก


          มารับ?


          ผมหรี่ตามองรถสปอร์ตคันหรูที่มีร่างของไอฝรั่งหมีควายยืนพิงอยู่ ในมือมันก็ยังคงเป็นโทรศัพท์เครื่องเดิม มีบ้างที่เงยหน้ามามองซ้ายขวาเเต่มันก็มองไม่เห็นผมซักที


          ผมเลยตัดสินใจข้ามไปอีกฝั่งเพื่อไปหามัน พอเข้าไปใกล้มันก็ละสายตาจากโทรศัพท์เเล้วหันมาสบตาผมเเทนจากนั้นก็...คลี่ยิ้มดีใจ


          กึก


          ผมชะงักเล็กน้อยที่เห็นรอยยิ้มกว้างเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ของอีกฝ่าย ผมจึงเป็นฝ่ายหลบตามันก่อน จากนั้นก็เฉไฉกลบเกลื่อนอาการแปลกๆที่ก่อขึ้นมาในอกด้วยการพยักเพยิดหน้าให้มันเปิดประตูรถ ซึ่งมันก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรยอมเปิดให้ผมได้เเทรกตัวเข้าไปนั่งได้เเต่โดยดี


          ขากลับก็เหมือนขามา


          เงียบสนิท มีเพียงเสียงเเอร์เย็นๆเท่านั้น


          ต้องหาอะไรคุย


          เเล้วอะไรดีล่ะ ไอธีร์คิดสิคิด


          บรรยากาศหน้าอึดอัดส่งผลให้ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวผม การไปเรียนเสริมกับพี่เรนซึ่งอาจจะดูไม่ได้เรื่องมากมายเเต่ก็ดีกว่าเเต่โข เเต่คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรออกไปดี


          ความคิดของคนพูดเก่งที่คิ้วทั้งสองเริ่มเคลื่อนเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว ถ้าพูดหรือถามออกไปเเล้วมันไม่ชอบขึ้นมาจะทำไงวะเนี่ย ถ้ามันด่ากูกูจะรู้เรื่องรึเปล่า


          เอาวะ


          "เอ่อ.."


          เเละเเน่นอนว่าต้องเกริ่นก่อนเสมอ อย่างน้อยก็เพื่อมีเวลาให้เราเตรียมใจกับคำศัพท์ไว้ให้มั่นล่ะนะ


          "Why you come here อ่ะ?(คุณมาที่นี่(เมืองไทย)ทำไม)"ผมถามอย่างไม่มั่นใจ ยามที่มองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายอย่างจดจ่อว่ามันจะทำสีหน้ายังไงหรือจะหันมาด่ากูเสือกไหม


          "Why do you ask that?(ทำไมถามอย่างนั้น)"มันเพียงเลิกคิ้ว จวบเหมาะกับที่รถติดไฟเเดงพอดิบพอดี มันจึงละสายตาจากท้องถนนมาสบตาผมเเทน


          "I want to ask มานานเเล้ว but I don't know howอ่ะ"ผมตอบมันตามตรง กระพริบตาปริบๆอย่างรอคำตอบ


          ดวงตาน้ำข้าวฉายเเววลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มันจะตัดสินใจตอบมาตามตรงเเบบชัดๆช้าๆ


          "Actually,I come here to see my first love.(ที่จริงเเล้ว ฉันมาที่นี่เพื่อมาหารักแรกของฉัน)"


          พอไอหมีควายพูดจบไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี ทิ้งให้ผมนั่งประมวลผลคำพูดของมันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะรู้สึกหายใจไม่ออกมาเสียดื้อๆ


          ให้ตายสิ ผมไม่อยากฟังประโยคนี้ออกเลย

หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.12 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-06-2016 19:18:41
ไอ้หยา


รักแรกของออสตินคือใคร
ขอให้เป็นคอร์กี้น้อยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.12 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 06-06-2016 21:04:40
ฮูคะออสติน :ling1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.12 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 06-06-2016 23:53:54
ตามหารักแรก

สุดยอด

first love
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.12 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 07-06-2016 00:26:18
ป้าว่าอิหมีเป็นญาติกับหนูเรน
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.12 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 07-06-2016 08:30:36
รักแรกของให้เป็นบักธีร์เถอะ มันแปลกเกินไปมั้ยที่เพื่อนของหัวหน้ากลับให้มาพักกับลูกจ้างธรรมดาๆคนหนึ่ง บังเอิญไป๊  :hao3:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.13] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 08-06-2016 18:31:57

Chapter13

| Follow your heart



          รักเเรก...

          รักเเรกหรอวะ

          เเสดงว่ามันก็มีคนรักอยู่เเล้วดิ

          ไม่ๆ มันอาจจะมาตามหารักเเรกงี้ป่ะ

          บ้าหรอ ถ้าจะตามหารักเเรกรักเเท้ทำไมต้องถ่อมาถึงเมืองไทยล่ะไอธีร์

          "มึงเลิกทำหน้าเหมือนกำลังทะเลาะกับตัวเองซักทีได้ไหมวะ"เสียงไอกลองเเต็กดังขึ้นขัดความคิดที่กำลังตีกันอยู่ในหัวของผม ผมสะดุ้งหันไปหามันที่มองผมอยู่ก่อนด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

          "นี่กู..เเสดงออกชัดขนาดนั้นเลยหรอ"

          "ขนาดที่ว่าเด็กอนุบาลยังดูออกอ่ะ คิ้วมึงเเทบจะฟิวชั่นกันเป็นขีดเดียวอยู่ละ"ไอเเต็กพูดอย่างเอือมระอาเเล้วเอื้อมมือมาจิ้มๆตรงหว่างคิ้วผม จนผมผมสะดุ้งเเล้วค่อยๆคลายหว่างคิ้วตัวเองออกเเล้วส่งยิ้มเหงือกเเห้งไปให้

          "ไม่ต้องมายิ้มเลย มึงมีอะไรไม่สบายใจก็บอกกูได้นะ กูเพื่อนมึงนะธีร์"มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเเล้วเลื่อนมือมากุมมือผมไว้เพื่อบอกว่ามันยังอยู่ข้างผมตลอดเวลา ดวงตากลมสบผมตรงๆเเบบที่มีเเต่ความจริงใจ ผมเลยได้เเต่ถอนหายใจออกมา

          ทำมันห่วงในเรื่องไม่เป็นเรื่องจนได้

          "เรื่องไร้สาระว่ะ"ผมเลยบอกปัด ไอเเต็กมันก็ไม่ได้ถือสาหรือทำท่าอยากรู้อะไรเเค่พยักหน้าเข้าใจ

          "เสาร์นี้ว่างป่ะ ดูหนังกัน"มันชวน ไม่ต้องสงสัยครับว่าวันนี้อีสองเกลอหายไปไหน มันน่าจะโดดเเบบเเพ็คคู่อย่างปกติ

          "ว่างๆ มึงนัดมาเลย"

          "งั้นเดี๋ยวกูเช็ครอบหนังเเล้วไลน์ไปบอกนะ"ผมพยักหน้าหงัก เเล้วพอไอเเต็กมันกลับไปให้ความสนใจกับอาจารย์ข้างหน้าต่อ...ผมก็กลับมาทะเลาะกับตัวเองอีกครั้ง

          "เฮ้อออ..."

          "รอบที่ห้า"

          "ห้ะ?"

          "มึงถอนหายใจเป็นคนเเก่มาห้ารอบเเล้วไอธีร์"ไอแต็กว่าอย่างที่ผมยังตกใจตัวเอง นี่..ผมเหม่อลอยขนาดไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรเลยหรอวะ

          "ไอแต็ก...ถ้าหัวใจมันเต้นเเรงโคตรๆมันหมายถึงกูจะเป็นโรคหัวใจป่ะวะ"ผมเอ่ยถามมันอย่างไม่มันใจ พลางเหลือบมองเพื่อนที่ทำหน้าเครียดรออยู่ก่อนเมื่อผมเริ่มเอ่ยปาก เเต่พอเอ่ยจบเท่านั้นเเหละมันก็หลุดขำพรืดออกมาเลย

          "โอ้ย ไอธีร์กูไม่คิดว่ามึงจะเครียดเรื่องอะไรเเบบนี้ คือมันก็เเล้วเเต่สถานการณ์อ่ะ เเล้วมึงใจเต้นเเรงตอนไหน"

          "ก็...เเบบเวลาอยู่ใกล้ๆใครซักคนประมาณนั้นล่ะมั้ง"ผมตอบอย่างไม่มั่นใจนัก

          คำตอบที่คนถามเลิกคิ้วสูง ยามมองเพื่อนตัวเตี้ยที่มองหน้าเหมือนไม่มั่นใจ คิ้วขมวดมุ่นเหมือนมันยากเกินไปที่จะหาคำตอบให้ตัวเอง

          ส่งผลให้เพื่อนสนิทเผยยิ้มขำปนเอ็นดูกับท่าทีเหมือนหญิงสาววัยเเรกเเย้มที่ไม่รู้จักความรักอย่างไงอย่างงั้น

          "ชอบเขา?"

          "เฮ้ย!บ้าหรอ!"ผมถึงกับหลุดออกมาเสียงดังอย่างที่ลืมไปว่ายังอยู่ในคาบเรียน คนทั้งห้องจึงพร้อมใจกันเงียบเเล้วหันมามองผมเป็นทางเดียว

          เหตุการณ์มันคุ้นๆว่าไหมครับ

          ผมได้เเต่ค้อมหัวเเล้วส่งยิ้มเเห้งๆให้เเก่คนรอบห้อง ก่อนจะหลับมานั่งหดคอห่อไหล่เเล้วปรับเสียงให้เป็นเเค่กระซิบพอ

          "ทำไมมึงคิดอย่างนั้นวะ"

          "งั้นมึงก็ลองเดตกับเขาดูสิ"

          "ห้ะ!"ผมถึงกับหันขวับคอเเทบเคล็ดไปมองหน้ามันตรงๆว่าที่พูดมานี่จริงจังเเค่ไหน พอมันเห็นสีหน้าเหวอเเดกของผมมันก็ถอนหายใจเเล้วขยายความ

          "หมายถึงเเบบลองอยู่กับเขาสองต่อสอง ไปเที่ยวไปอะไรก็ได้ ถ้ามึงหัวใจเต้นเร็วๆหรือหน้าร้อนๆตอนเขายิ้มให้ เขาทำนู้นให้นี่ให้ หรือเวลาเอาหน้ามาใกล้ๆไรงี้ กูฟันธงเลยว่ามึงชอบเขาไปเเล้ว"

          คำอธิบายของมันยิ่งทำเอาผมขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า

          "ทฤษฎีอะไรของมึงเนี่ย มันจะใช้ได้จริงหรอ"

          "มันไม่ใช่ทฤษฎี นี่จากประสบการณ์ล้วนๆ"ไอกลองเเต็กว่าพลางยืดอกเอามือตบปุๆอย่างภาคภูมิ

          "แปลว่ามึงมีคนที่ชอบเเล้วสิ?"ทำเอาผมกระพริบตาปริบๆมองอีกฝ่ายเเล้วเอ่ยถามตรงๆ

          เพื่อนสนิทร่างเล็กชะงักทันทีเมื่อเจอคำถาม ก่อนที่คนที่อวดว่าเป็นกูรูด้านความรักต้องเบือนหน้าไปทางอื่น พวงเเก้มขาวขึ้นสีเรื่อ

          "กะ..ก็เออสิ ของเเบบนี้ถึงไม่มีก็ต้องเคยมีกันบ้างละวะ มึงเกิดมาจะยี่สิบปีไม่เคยมีบ้างรึไงไอความรักเนี่ย"ทั้งนังพูดเสียงตะกุกตะกักเเลดูมีพิรุธ หากเเต่ผมก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเเล้วตอบคำถามมันเเทน

          "ก็...เคยมั้ง เเต่มันไม่ได้รู้สึกใจเต้นตุบตับเเบบนี้นะ"

          คือผมก็ไม่มั่นใจว่ามันสามารถเรียกว่าความรักได้หรือไม่ ก็เเค่รู้สึกดีนิดๆหน่อยๆก็เเค่นั้นเเถมมันยังตั้งเเต่สมัยประถมนู้น

          "ระยะเเบบนี้เขาเรียกหวั่นไหวเว้ยมึง เเบบเห็นเเล้วใจสั่น คือยังไม่เเน่ใจในความรู้สึกตัวเองประมาณนั้น นี่มึงจะให้กูอธิบายทุกอย่างเลยไหม?"คราวนี้มันกลับมาทำหน้าหมาเบื่อใส่ผมอีกเเล้ว ทั้งยังเหลือบตาขึ้นบนเหมือนเอือมกับผมเต็มที

          "อ่า...ได้ก็ดี"ผมตอบไปอย่างที่คิด เเต่กลับได้นิ้วกลางงามๆตอบกลับมาเเทน

          เอ้า! ไรของมึงเนี่ย!

          "กูประชดไอสัด"

          "ของเเบบนี้มันต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเว้ย ตรงนี้มันจะบอกมึงเองไม่ต้องไปซีเรียสให้ปวดหัวหรอก"

          เเล้วมันเอานิ้วมาจิ้มๆตรงอกด้านซ้ายของผม

          "นม?"ผมหันไปถามมันงงๆ

          นมจะบอกอะไรกูได้วะ

          พอถามไปปุ๊ปมันถึงกับกลอกตาเป็นเลขเเปดจากนั้นก็ด่าพ่อผมเลย

          "พ่อมึงอ่ะ! หัวใจเว้ยหัวใจ!"




--------------------

     

          หลังจากที่ไอแต็กเทศนาผมเรื่องความรักจนมันพอใจ พวกเราก็เเยกกันเนื่องด้วยที่ว่ามันมีธุระกับทางบ้าน ตอนเเรกก็ว่าจะไปหาข้าวกินด้วยกันอยู่หรอก เเต่พอเห็นงั้นก็ไม่อยากจะรั้งมันไว้ซักเท่าไหร่ พ่อกับเเม่มันนี่โหดอย่างกับอะไรดี ขนาดผมที่ไม่ใช่ลูกยังกลัวอ่ะ เเต่ไอกลองเเต็กมันบอกว่ามันชินเเล้วเพราะพ่อเเม่มันเป็นครูเลยติดนิสัยชอบสอนชอบติมาพวกท่านไม่ได้มีเจตนาที่จะด่าตลอดเวลา

          เเละเเน่นอนวันนี้ก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ผมต้องรอพี่เรนมารับ ถ้ายังไม่ลืมคงจะจำได้ว่ายังมีข้อเเลกเปลี่ยนอย่างไม่มีกำหนดระหว่างผมกับพี่เเกอยู่

          แฟนงั้นหรอ..

          แล้วสรุปแฟนกันนี่มันต้องทำอะไรบ้างวะเนี่ย

          ผมค่อยๆฟุบลงบนโต๊ะหินอ่อนเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก คิดดูเเล้วไอแฟนปลอมๆระหว่างผมกับพี่เรนเนี่ยดูจะไม่คืบหน้าไปเท่าไหร่เลย มีก็เเต่พี่เขาเนี่ยเเหละที่สอนภาษาอังกฤษผมถึงเเม้ว่าอาจจะดูไม่ได้อะไรมากเเต่กอปรกับที่ผมเยู่กับเจ้าของภาษาตัวเป็นๆทุกวันมันก็เลยเริ่มชินไปเองด้วยตามธรรมชาติ

          เลิกดีไหมวะ

          "แฮ่!!"

          "เหวอ!"ผมสะดุ้งสุดตัวจนเกือบตกเก้าอี้ถ้าไม่มีเเขนยาวๆมาดึงเเขนผมไว้ก่อนผมคงได้ไปนั่งเล่นที่พื้นจริงๆ

          ผมหันมองตัวการอย่างคาดโทษ

          "ฮ่าๆๆ! ดูทำหน้าเข้า โอ๋ๆไม่ร้องนะน้องธีร์"พี่เรนหัวเราะออกมาทันทีหลังจากที่เห็นว่าผมตั้งหลักนั่งได้เเล้ว ทั้งยังขยี้หัวผมเล่นเเถมยังทำหน้าล้อเลียนเหมือนเวลาโอ๋เด็ก

          ชอบจัง ไอมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นเนี่ย

          "พี่เเม่ง.."ผมเลยเผลอเอ่ยปากออกไปไม่ได้

          "เเม่งอะไร พูดดีๆนะเฮ้ย"

          "เลวไง เมือวานก็ทิ้งผมไว้หน้ามหาลัยซะงั้น อะไรวะคิดว่าหน้าตาดีทำอะไรก็ได้หรอ"ผมพูดอย่างไม่กลัวคำขู่กลายๆของพี่เรน ทั้งยังเบ้ปากว่าอย่างหมันไส้

          นี่เคืองนะบอกเลย ตั้งเเต่เมื่อวานละ คราวหน้าถ้าจู่ๆพี่เเกมีธุระจะไม่ทิ้งผมไว้กลางทางอีกหรือไง

          ผมเหลือบตามองคนที่ยืนค้ำหัวผมอยู่เพื่อที่จะดูว่าพี่เเกจะทำยังไงต่อไป ปรากฏว่าพี่เรนมองผมอยู่ก่อนพอสบตากันพี่เเกก็เผยยิ้มโชว์เขี้ยวเล็กๆเเล้วทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับผมจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงน่าถีบ..

          "โถ่ ไม่งอนดิตัวเอง ตอนนั้นเค้าติดธุระด่วนนี่หน่า"รุ่นพี่ที่บัดนี้ผันตัวมาเป็นสาวน้อยกระพริบตาปริบๆว่าด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดกวนอวัยวะเบื้องล่าง มือนึงใช้เท้าคางกับโต๊ะส่วนอีกมือก็ยื่นมาตรงหน้าผมเเล้วชู...นิ้วก้อยแกว่งไปมา

          โอ้ยย หมันไส้โว้ยยย

          "งอนบ้างอนบออะไรล่ะ"ผมตอบกลับนิ่งๆ ไม่สนเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆจากสาวน้อยสาวใหญ่สาวเทียมที่เเอบมองอยู่ห่างๆจากในตึก

          "ดูดิ้ ปากไม่ตรงกับใจอีกละ ป้ะๆวันนี้ยกเลิกคลาสเดี๋ยวพาไปเลี้ยงติม"ตอนเเรกก็ว่าจะแกล้งโกรธไปอีกซักพักไม่ก็ขอยันพี่เเกซักทีเเต่พอได้ยินชื่อของหวานเย็นอันเป็นที่โปรดปรานของเหล่าฝูงชนคนเมืองร้อน หูก็ผึ่งทันที

          "ไอติมอะไร"

          ยังไม่หายเคืองนะ เเค่ลองเเย็บถามไว้ก่อน

          "อะไรดีน๊า..อยากกินอาฟเตอร์ยูจังเลย"

          อึ้ก

          "เฮ้อ..เเต่เด็กหน้าบูดเเถวนี้คงไม่อยากไปสินะ น่าเสียดายจริง..."

          "ไปๆๆ"ผมเเทรกขึ้นก่อนที่รุ่นพี่คนสนิทจะพูดจบ ส่งผลให้พี่แกเลิกคิ้วสูง

          "ว่าอะไรนะน้องธีร์ พี่ไม่ได้ยินเลยอ่ะ"เเถมยังเเสร้งพูด ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนไม่ได้ยินจริงๆ

          "ไปไงพี่ไป เร็วๆลุกๆ เดี๋ยวร้านปิด"ผมเลยพูดย้ำก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนก่อนโดยไม่ลืมเร่งพี่เรนให้ลุกขึ้นเร็ว เเค่คิดถึงของหวานร้านที่คนมักเเน่นอยู่เสมอก็ทำเอาน้ำลายสอเเล้ว ยิ่งของฟรียิ่งต้องไปกินให้คุ้ม

          ความคิดที่เเสดงออกมาทางสีหน้าทั้งหมด จนคนเป็นพี่ต้องส่ายหน้าทั้งยังยกยิ้มอย่างเอ็นดู


----------------------------


          "เฮ้ยพี่! กินดีๆดิอย่าให้ภูเขามันถล่ม!"ผมรีบเอ็ดคนตรงข้ามที่ใช้ช้อนตักไอน้ำเเข็งไสเเบบที่ควักมันจากตรงส่วนกลางส่งผลให้ยอดมันถล่มลงมาเเหมะอยู่บนถาดที่ใช้รองถ้วยน้ำเเข็งไส

          ฮือ เสียดาย

          "มึงก็กินสตรอว์เบอร์รี่ข้างบนให้หมดไวๆดิวะ"สรรพนามหวานเลี่ยนของพี่เรนได้หมดไปจากโลกนี้เเล้วครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากเเละจะดีกว่านี้ถ้าพี่เขาไม่กลับไปใช้มันอีก

          เมนูสุดโปรดของผมที่ร้านเเห่งนี้นอกจากฮันนี่โทสต์ ก็คืออีกน้ำเเข็งไสราดสตรอว์เบอรรี่สีสดซึ่งอร่อยอย่าบอกใคร มันเป็นน้ำเเข็งไสที่หน้าตาไม่เหมือนน้ำเเข็งไสบ้านเราซักเท่าไหร่ เพราะตรงเกร็ดน้ำเเข็งเป็นสีขาวล้วนเเถวเนื้อยังละเอียดสุดๆเหมือนเเป้งเด็กรสนมก็ไม่ปาน ทั้งซอสสตรอว์เบอร์รี่สีสดรสออกเปรี้ยวนิดๆทำให้ไม่เลี่ยนจนเกินไป เเละเนื่องด้วยที่ว่าเขาจะโปะมาให้เเบบพูนๆจานอย่างกับภูเขาไฟฟูจิบนส่วนยอดก็มีสตรอว์เบอร์รี่สองลูกซึ่งลูกหนึ่งจะถูกตัดเเบ่งเป็นสองเเล้วเเปะให้ครบสี่ทิศ

          "แปปสิพี่ ผมยังกินเค้กไม่หมดเลย"จริงๆเเล้วร้านนี้เรียกให้ถูกคงเป็นร้านขนมหวานมากกว่าร้านไอติม เอาจริงๆคือมันเเทบไม่มีไอติมด้วยซ้ำถ้าไม่นับที่มันโปะโทสต์มาลูกสองลูกอ่ะนะ

          ผมที่ยังง่วนอยู่กับเค้กรสคุ้กกี้แอนด์ครีมซึ่งมีกล้วยสอดเเทรกอยู่ภายในเพื่อดับเลี่ยนรีบเงยหน้ามาบอกคนที่ไม่ค่อยชอบของหวานเเต่กลับชอบกินอีน้ำเเข็งไสนั่นเหลือเกินจนขี้เกียจรอผม ผมที่กลัวว่าพี่เเกจะสวาปามมันหมดไปก่อนจึงจำใจละมือจากเค้กมาสนใจภูเขาไฟตรงหน้าเเล้วตัดสตรอ์เบอร์รี่ทั้งสี่ทิศเข้าปาก

          นี่มันสวรรค์ชัดๆ!

          ตลอดการกินเเทบไม่มีประโยคใดๆหลุดออกมาจากปากผมเเละพี่เรนเลยซักนิด เรียกได้ว่าต่างคนต่างกิน กินเเล้วกินอีก หมดเเล้วสั่งใหม่

          คนสั่งใหม่ก็มีเเค่ผมเนี่ยเเหละครับ พี่เรนน่ะกินไปถ้วยเดียวก็บ่นเลี่ยนเเล้วถึงเเม้ว่ามันจะอร่อยก็ตาม

          "ธีร์"

          "หือ อ้าอะไออี้"ผมที่ยังมีเค้กอยู่เต็มปากเหลือบตาขึ้นมองตามเสียงเรียก

          "ยืมโทรศัพท์หน่อยดิ"ผมมองพี่เรนอย่างสงสัย จะเอาโทรศัพท์ผมไปทำไมกัน เเต่พี่เขาไม่ได้มีเเววล้อเล่นหรือจะเเกล้งผมเเต่อย่างใด ผมเลยวางใจล้วงกระเป๋าหยิบว่าจะหยิบให้

          เอ้ะ?

          "สงสัยผมลืมไว้ที่ห้องอ่ะพี่"ผมยิ้มให้แกนๆ เพราะทั้งวันผมไม่ได้หยิบมันขึ้นมาเล่นเลยไงเลยไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้หยิบติดตัวมาตั้งเเต่เช้า จะว่าหายก็คงไม่ใช่ไม่งั้นคงต้องรู้ตัวบ้างถ้าหากมันหล่น

          "งั้นไม่เป็นไรกล้องพี่ก็ได้ เขยิบมาหน่อยดิ้"พี่เรนพูดเองเออเองก่อนจะโน้มตัวมาข้างหน้าส่งผลให้หน้าพี่เรนอยู่ประมาณครึ่งโต๊ะได้ ผมกระพริบตาปริบๆอย่างงงๆกับคำสั่ง พี่เรนเหลือบมองผมที่นั่งโง่ไม่เข้าใจ

          เห้ย! ผมเห็นนะว่าพี่เเกเเอบกลอกตาอ่ะ!

          รุ่นพี่ร่างสูงเลยเอื้อมเเขนมากอดคอผม(เรียกว่าล็อคเลยจะถูกกว่า)จากนั้นก็ดึงเข้าหาจนผมนี่ถลาเลยจำเป็นต้องลุกขึ้นยืนอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่ผมจะได้อ้าปากถามว่าจะทำอะไร มือยาวก็ยื่นไปข้างหน้าพร้อมกับผมที่หันไปมองสิ่งนั้นอย่างพอดิบพอดี

          เเชะ

          "เฮ้ย!"

           เเชะ เเชะ เเชะ

          "ไม่เอาไม่ถ่าย พี่ปล่อยผม ปล่อยยย"พอผมเริ่มดิ้นพี่เรนก็ยิ่งสนุก กดปุ่มถ่ายอย่างเมามันส์ ผมเชื่อว่ารูปที่ออกมาหน้าผมต้องทุเรศทุกรูปเเน่นอน ผมไม่โอเคเลย ตอนนี้ไม่พร้อมถ่ายรูปอ่ะ ปากนี่มอมเต็มไปด้วยเค้กไปหมด

          ดีนะที่โต๊ะผมเป็นโต๊ะมุมด้านใน เเต่เสียงก็คงรบกวนโต๊ะอื่นพอสมควรเลยได้สายตาหลายคู่มาเป็นสิ่งตอบเเทน

          อาย..อายกว่านี้ไม่มีอีกเเล้ว

          "ไม่ปล่อยเเล้วจะทำไม"ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงต่อเลยพยายามมุดหัวออกจากการกักกันให้ได้เเต่ก็ไม่เป็นผล

          จนผมดิ้นจนหน้าดำหน้าแดง เริ่มหอบหน่อยๆเหมือนหมาขาดน้ำนั่นเเหละพี่เเกถึงเริ่มปล่อยให้ผมกลับไปนั่งดีๆ ซึ่งเมื่อกี้เป็นการดิ้นที่โคตรลำบาก เพราะต้องดิ้นเเบบไม่ให้เเรงเกินไปไม่งั้นเสื้อผมเนี่ยเเหละจะจุ่มลงไปในเค้กบนโต๊ะที่เหลือ

          "เลอะหมดเเล้ว กินยังไงวะ"นิ้วสากๆของคนเป็นพี่เเตะลงตรงขอบริมฝีปากก่อนจะปาดครีมเค้กออกอย่างช้าๆ

          "ก็กินอย่างนี้เเหละ พี่ยังไม่ชินอีก"ผมบอกอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับคำทักที่เหมือนด่าว่ามูมมามกลายๆ

          ยัง ยังอีก ยังไม่เอามืออกไปอีก

          พอรุ่นพี่ตัวสูงค้างมือไว้นานเกินกว่าเหตุ ความคิดพิเรนท์ๆบางอย่างก็ลอยเข้ามา

          "เห้ย!"หนุ่มลูกครึ่งร้องเสียงหลงเมื่อผมเอาหน้าถูเข้ากับมือพี่เขา

          เปล่า..ไม่ได้เล็งมือ เล็งปลายเเขนเสื้อนักศึกษาที่ร่นลงมาต่างหาก

          เหมือนตอนเเรกพี่เเกก็เหวอๆ เเต่พอเริ่มตั้งสติได้เเล้วเพิ่งเล็งเห็นสิ่งที่ผมมั่นหมายเอาไว้ก็สายเกินไปเเล้ว

          "เสื้อกู!"

          "โอ้ย ฮ่าๆๆๆ นานๆที่จะได้เเกล้งพี่คืนสะใจ๊สะใจ"ผมถึงกับปล่อยก๊ากเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของคนมีมาด พี่เรนรีบเอาทิชชู่จุ่มน้ำกะจะเอาคราบครีมออกเเต่ยังไม่ทันจุ่มก็ต้องชะงัก

          ร้านนี้มันมีเเต่น้ำชาครับที่ให้กดฟรี ถ้าจะจุ่มก็จุ่มได้เเต่ชา

          "เดี๋ยวๆเดี๋ยวก่อนเถอะ เล่นเเบบนี้มาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ"มีการมาชี้หน้าคาดโทษไว้ก่อน ก่อนที่พี่เรนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเเล้วพูดพึมพำ

          "ป่านนี้เเล้วหรอวะเนี่ย"

          "กี่โมงเเล้วอ่ะพี่"

          "ทุ่มเเล้ว นี่นั่งมาจะสามชั่วโมงเเล้วเนี่ย"พอว่าอย่างนั้นผมก็ลุกสิครับรออะไร โดยไม่ลืมหยิบถุงคุกกี้สุดเเสนจะเเพงของร้านนี้ที่ไปสอยมาโดยมีพี่เรนเป็นป๋าออกเงินให้ ซึ่งบอกเลยว่ามื้อนี้เเตะหลักพันเเน่นอน


---------------------


          "พรุ่งนี้เลิกกี่โมง"ชายหนุ่มลูกครึ่งเอ่ยถามยามที่ใช้สายตามองไปยังรุ่นน้องที่ยืนเเกะหมวกกันน็อคอยู่

          "พี่หัดจดบ้างสิ ถามผมทุกวัน"ผมตอบอย่างเหนื่อยๆ ทุกครั้งที่ติวอิ้งค์กับพี่เเกเสร็จเป็นอันถามตลอดว่ามีเรียนไหมพรุ่งนี้ไม่ก็พรุ่งนี้เลิกกี่โมง ดีหน่อยที่ช่วงหลังๆมายังจำได้ว่าผมมีเรียนวันไหนบ้าง ซึ่งวันที่ผมมีเรียนผมจะเป็นคนบึ่งไปหาพี่แกเอง

          ไม่เหมือนไอหมีควายที่ไม่เคยเอ่ยปากถามเเต่มันกลับจำได้เป๊ะยิ่งกว่าผมเสียอีก

          "เอาหน่า ก็พยายามจดจำอยู่นี่ไง สรุปเลิกกี่โมง"ผมรู้ว่าพี่เรนก็พูดไปงั้นๆเเหละครับ เรื่องความจำนี่เเย่พอๆกับผมเลยด้วยซ้ำ

          "พรุ่งนี้จารย์เขายกคลาสอ่ะพี่ เดี๋ยวผมไปเองเหมือนเดิมเเหละ"ผมตอบ

          "เนี่ย ถ้าพี่ไม่ถามก็คงไม่รู้หรอก"พี่เรนเริ่มทำปากยื่นปากยาว

          "ผมก็โทรบอกได้ไหมล่ะ"ผมตอบกลับพลางส่งหมวกกันน็อคคืน ซึ่งพี่เรนก็รับเอาไว้ก่อนจะสวมเข้าหัวตัวเอง

          "เดี๋ยวมึงก็ลืม เเล้วก็จะมานึกออกตอนถึงเวลาหรือไม่ก็เลยไปเเล้ว"สมกับเป็นรุ่นพี่คนสนิทรู้จักผมดีจนน่าหมันไส้

          ซึ่งผมหมดข้อโต้เเย้งเพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆนะสิ เเถมยังเป็นตลอดอีกต่างหาก แหะๆ

          "ว่าเเต่..เมื่อกี้พี่ถ่ายรูปไปทำไรอ่ะ"ผมเลยเนียนๆเปลี่ยนเรื่องไปบวกกับที่นึกขึ้นได้พอดี

          ซึ่งพี่เรนก็ยักคิ้วมาให้สองทีก่อนจะกลับมาใช้โทนเสียงน่าถีบ

          "เก็บไว้ดูเล่นไง น้องธีร์ของพี่น่ารักจะตาย"

          "เอาความจริง"

          "เอาไว้ส่งให้อีน้องเตยดูไง คนที่พี่เคยเล่าให้ฟัง"คราวนี้พี่เเกว่าด้วยสีหน้าหน่ายโลกสุดๆ ที่เเท้ก็ชื่อเตยนี่เอง..บุคคลผู้ที่ทำให้ผมต้องมาเป็นเเฟนหลอกๆของไอพี่เวรนี่

          "คนที่มาตื๊อพี่อ่ะนะ"

          "เออ"พี่เรนตอบสั้นๆเป็นการจบบทสนทนา

          "งั้นผมไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้เว้ยพี่"ผมที่เริ่มโดนยุงตอมเลยถือโอกาสบอกลา ทั้งยังโบกมือหย็อยๆให้อย่างเคย

          พี่เรนฉีกยิ้มมุมปากเหมือนคิดว่าตัวเองเท่มาก เเถมด้วยยักคิ้วให้อีกสองทีซึ่งมองเเทบไม่เห็นเพราะหมวกกันน็อคบัง ปิดด้วยดึงกระจกกันลมลงมาเเล้วเคลื่อนตัวรถออกไป

               

         
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.13 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-06-2016 19:05:26
หน่องธีร์รู้ใจตัวเองแล้วเหรอออออ บอกเถอะชอบบักฝรั่งนี่

ว่าแต่ รักแรกเนี่ย มาตามหารักแรก หรือมาค้นหารักแรกกันหว่า??
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.13 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 08-06-2016 19:18:54
ธีร์~~ หนูใช้นมตัดสินใจหรอครับ~~. ฮาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.13 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 08-06-2016 23:40:15
ฝรั่งหึง จับปล้ำ 555
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.14] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 11-06-2016 15:53:16
Chapter14
| be worry about


           ตึกๆๆๆ

          ทันทีที่เท้าของผมเเตะพื้นห้อง สิ่งเเรกที่ได้ยินคือเสียงฝีเท้าของคนดังมาเเต่ไกลเเละไม่นานเจ้าของฝีเท้านั้นก็ปรากฏสู่สายตา สีหน้าของไอฝรั่งดูตกใจปนโล่งใจยามที่ใช้ดวงต่น้ำข้าวมองมาที่ผม 

          "Oh! Thank god(โอ้ ขอบคุณพระเจ้า)"มันพูดทั้งยังเอามือทาบอกออกมาเหมือนโล่งอก ก่อนจะพุ่งมาหาผมอย่างไม่รอช้าเเละทำในผมที่ยังมึนๆอยู่ถึงกับตัวเเข็งทื่อ

          หมับ

          มันดึงผมเข้าไปกอดจนหน้าผมจมลงไปในอกเเข็งๆของมัน ผมที่ยังงงปนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยตั้งใจจะผลักออกเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น เเต่ยังไม่ทันได้ทำอีกฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนจนผมชะงัก

          "I worried about you like crazy.(ฉันเป็นห่วงนายแทบบ้า)"เสียงทุ้มเบาราวกับกระซิบฟังดูสั่นอย่างที่สัมผัสได้ ผมได้ถึงน้ำหนักของหัวมันที่ซบลงมาบนหัวผมอีกทีจากนั้นมันก็รัดวงเเขนจนเเทบไม่เหลือที่ว่างระหว่างเราสองคน

          ผมได้เเต่ทำอะไรไม่ถูกจะยกเเขนกอดตอบมันก็เงอะงะๆจะกอดไม่กอดก็ตัดสินใจไม่ได้อย่างที่หาสติตัวเองไม่เจอ ทั้งยังไม่เข้าใจว่ามันเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น

          ความอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูที่ร่างกายผมสัมผัสกับมัน กลิ่นหอมอ่อนๆจากสบู่ผสมกับกลิ่นตัวผู้ชายตัวผู้ชายตัวโตที่ไม่ได้เเย่กลับกัน มันก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกๆที่ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจด้วยซ้ำ สุดท้ายก็เลยยกมือขึ้นกอดตอบอย่างที่เป็นไปเองตามธรรมชาติ

          ตึกตัก ตึกตัก

          ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเเค่ไหน ผมรู้เเค่ว่าหัวใจผมเต้นเเรงมากจนกลัวว่ามันจะได้ยิน เลยตั้งใจจะผละออก หากเเต่เสียงหัวใจที่ถี่รัวไม่เเพ้กันของอีกฝ่ายก็ทำให้ผมชะงักอีกครั้ง



-----------------



Austin's part

          ผมกอดคนที่สูงถึงเพียงอกผมเเน่นขึ้นทิ้งหัวลงซบบนหัวทุยของใครอีกคน ยิ่งธีร์ไม่ขัดขืนมันยิ่งทำให้ผมได้ใจ ตอนนี้หัวผมมันขาวโพลนไปหมดรู้เเค่ว่ามันโล่งมากหลังจากนั่งกังวลเป็นชั่วโมง

          โล่งใจที่เห็นว่าอีกคนยังอยู่ดี

          "มะ..มึงเป็นอะไรรึเปล่า"พอผ่านมาซักพักคอร์กี้น้อยของผมก็เริ่มส่งเสียงอู้อี้ๆเพราะหน้าเขายังฝังอยู่บนอกผม ผมเลยยอมคลายอ้อมกอดออกหน่อยให้เขาได้เงยหน้าขึ้นเเบบที่คางยังคงอิงไว้ที่อกผม ดวงตากลมเหมือนชิวาว่าช้อนขึ้นมองผมอย่างสงสัย นั่นทำให้สติที่กระเจิดกระเจิงของผมกลับคืนมา

          เเต่ผมไม่ปล่อยเขาหรอกนะ

          "Are you alright?What's happen to you? Where did you go? Why i can't contact you?(นายไม่เป็นไรใช่ไหม?เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?นายไปไหนมา?ทำไมฉันถึงติดต่อไม่ได้เลย?)"ผมถามเขารัวๆอย่างที่เเทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองซะตรงนั้นเพราะลนลานจนตัวเองยังสัมผัสได้ ในขณะที่ใช้ดวงตามองลึกเข้าไปในตาอีกคนสื่อชัดเจนว่าผมเป็นห่วงเขามากเเค่ไหนที่ขับรถไปรอเขาหน้ามหาลัยตามเวลาปกติที่เขาเลิกเรียนเเต่ผ่านไปหลายชั่วโมงกลับไม่เห็นเเม้เเต่เงา ตอนเเรกก็คิดว่าคงไปไหนกับเพื่อนเลยลองส่งข้อความไปถามเเต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ พอลองโทรหาก็ไม่มีสัญญาณ

               จะบอกว่าผมโอเวอร์เกินไปหรือจะว่าเป็นคนมองโลกในเเง่ร้ายก็ได้ เพราะเเต่ไหนเเต่ไรผมก็มักจะมองโลกในเชิงลบอยู่ตลอดเวลาอยู่เเล้ว

          ผมห่วงเขามาก ยิ่งตอนที่เพื่อนเขาเดินออกมาก่อนพอถามก็บอกว่าเเยกกันไปเเล้ว พอรอจนท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำมืดก็ยังไม่มีวี่เเวว

          โอเค เขาโตพอที่จะดูเเลตัวเองได้เเล้ว เเต่ผมก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดียิ่งเวลาผ่านพ้นไปเรื่อยๆ นาทีหนึ่งที่ผมนั่งรอมันกลับยาวนานเหมือนผ่านมานับชั่วโมง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจกลับมารอที่คอนโดอย่างกระวนกระวายใจ

          ยิ่งคิดว่าเขาอาจจะประสบอุบัติเหตุหรือโดนใครฉุดไปหรือโดนจี้โดนปล้นหรืออะไรก็เเล้วเเต่ที่เป็นเรื่องร้ายๆก็เเทบบ้า

          ผมไม่อยากสูญเสียอะไรอีกเเล้ว

          "อ่ะ...เอ่อ..ปล่อยก่อนไหม?"เหมือนธีร์จะยังตั้งตัวไม่ถูก เขาบอกผมด้วยท่าทีเงอะๆงะๆเหมือนจะดันผมออกเเต่ก็ไม่กล้า เเละดูเหมือนว่าเขาจะฟังคำถามของผมไม่ออกเลยซักนิด

          ซึ่งท่าทีน่าเอ็นดูเเบบนี้ก็ทำให้ผมอมยิ้มน้อยๆ ผมไม่ได้โกรธอะไรเขาหรอกนะที่จู่ๆก็หายไปเเบบที่ติดต่อไม่ได้ เเต่ดูนิสัยท่าทางซื่อๆของเขาสิจะไม่ให้ห่วงได้ยังไง

          "เหวอ!"คนที่ยังมึนๆงงๆร้องเสียงหลง เมื่อผมใช้สองมือจับเข้าที่เอวเขาก่อนจะยกขึ้นสูงเหมือนเวลาเล่นกับหมา

          คอร์กี้น้อยตัวเบามาก เบาจนผมยกเขาได้สบายๆ ทั้งขนาดตัวที่เรียกได้ว่าเล็กกระทัดรัดอย่างชาวเอเชีย เขาอาจจะไม่ได้เอวคอดสะโพกผายเหมือนผู้หญิง หากเเต่ตัวก็เบาเเละบางกว่าผมมากโข จนกลัวว่าถ้าจับบ่อยๆคงเฉามือเเน่ๆ 

          หลังจากที่ผมชูเขาขึ้น เขาก็ตัวเเข็งทื่อทันที ไม่ดิ้นไม่โวยวายจนผมเลิกคิ้วสงสัย เเต่ก็ไม่พูดอะไรออกไป เดินอุ้มเขามาทั้งอย่างนั้นจากนั้นก็วางลงบนโซฟาตัวยาวเเล้วก็ไม่รอให้คนตัวเล็กกว่าได้ตั้งสติตามไปทาบทับทันที

          ร่างเล็กยังคงทำหน้าเหลอหลาไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวต่อไป เขาถดหนีผมตามสัญชาตญาณ เเต่บอกเลยว่ามันไม่ทัน

          ขอค่าตอบเเทนที่ให้ผมรอเก้อหน่อยเถอะ



--------------------------------------


Thee's part


          นะ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น

          ประโยคนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวตั้งเเต่อยู่หน้าประตูยันตอนนี้ย้ายร่างมานอนเเหมะอยู่ที่โซฟาโดยฝีมือคนตัวโตความคิดนี้ก็ยังคงไม่หายไป ท่าทีเเปลกๆของมันยังทำเอาผมจับต้นชนปลายไม่ถูก ยิ่งมันรัวภาษาอังกฤษใส่ก็ทำเอาเงิบกว่าเก่า รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่สัมผัสได้ถึงความนุ่มตรงแผ่นหลัง เเต่พอจะหันไปถามมันอย่างจริงจังก็ต้องชะงักเพราะจมูกโด่งๆดั่งสันกำเเพงเมืองจีนเกือบจะจิ้มตาผมอยู่เเล้ว

          เเล้วมึงจะตามขึ้นมาทำไมวะเนี่ย!

          เมื่อรู้สึกได้ถึงอันตรายผมก็ถดตัวหนีตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เเต่เหมือนมันจะไม่ทันการณ์เพราะมันจัดการกักตัวผมไว้ด้วยเเขนของมัน ผมมองมันหน้าตาตื่น หัวใจเต้นถี่อย่างลุ้นระทึก

          จุ๊บ

          ริมฝีปากหนาทาบทับลงมาเบาๆอย่างที่คนได้รับก็สะดุ้งเล็กน้อยเเต่ไม่รู้ทำไมร่างกายถึงไม่ยอมขยับหนี จู่ๆร่างกายก็พาลอ่อนเเรงไปเสียดื้อๆ ยิ่งลิ้นหยุ่นๆของไอฝรั่งไล้เลียไปตามริมฝีปากผมเบาๆก่อนจะค่อยๆสอดเข้ามาด้านในอย่างเชื่องช้า ผมเผลอหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัวทั้งยังยอมให้อีกฝ่ายเเทรกลิ้นเข้ามาง่ายๆ หากเเต่คนที่ถึงเเม้จะไม่ใช่จูบเเรกเเต่ก็ไม่ชำนาญก็ได้เเต่...ถดลิ้นหนี

          เเต่เหมือนอีกคนก็พอรู้ ลิ้นหนาเลยตวัดเกี่ยวกับลิ้นเล็กเหมือนหยอกล้อ ไม่รีบร้อน..ไม่รุนเเรง..ที่สัมผัสได้มีเเต่ความอ่อนโยนเท่านั้น

          อ่อนจนกูอ่อนตามเลย

          รู้สึกตัวอีกทีก็ส่งลิ้นไปเกี่ยวกับอีกฝ่ายเสียเเล้ว

          "อะ..อื้อ..อื้ม"ผมส่งเสียงอืออึงในลำคอเพราะหนึ่งคือเริ่มขาดอากาศหายใจ

          เเละสองคือมือที่เริ่มเลื้อยเข้ามาในเสื้อ

          "อื้อ!"คราวนี้ผมเบิกตากว้างทันทีเมื่อมือหยาบลากผ่านจุดอ่อนไหวที่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะก่อให้เกิดความเสียวซ่านได้มากเท่านี้จนเผลอแอ่นอกเข้าหา

          ชิบหาย ชิบหายเเน่ๆ

          ผมที่หน้ามืดตามัวตั้งเเต่โดนมันจูบจนตอนนี้มันถอนริมฝีปากเพื่อให้ผมได้กอบโกยอากาศหายใจ

          "แฮ่ก..ยะ..อย่า"

          เสียงห้ามแผ่วๆของผมนอกจากมันจะไม่หยุด ยังไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวมันอีก คราวนี้มันประกบปากลงมาอีกรอบเเต่ไม่ได้รุกเข้ามาอย่างตอนเเรกเป็นเพียงเเค่ปากเเตะปาก ส่วนมือก็ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละหน่อยเเบบที่ผมไม่รู้ตัว

          มันพรมจูบไปทั่วหน้าผม ตั้วเเต่ปาก คาง โหนกเเก้มทั้งสองข้าง เเล้วจบด้วยหน้าผาก ก่อนที่มันจะผละออกไปทำให้ผมสามารถมองเห็นหน้ามันได้อย่างชัดเจน ใบหน้าคมคาย จมูกโด่งที่มองเมื่อไหร่ก็อดอิจฉาไม่ได้ ผมสีน้ำตาลทองที่บัดนี้ดูไม่เป็นทรงเเต่ก็ยอมรับไม่ได้เลยว่าดูดี..ไม่สิ โคตรดี บัดนี้รอยยิ้มเเสนดีของมันได้หายไปเเล้วเเทนด้วยริมฝีปากที่เผยอออกหน่อย หน้าคอมันเเดงไปหมดเพราะผิวมันขาว เเต่ที่ทำให้ผมละสายตาไม่ได้เลยคือดวงตาน้ำข้าวที่สั่นอย่างชัดเจนยามที่มองลึกเข้ามาในดวงตาของผม

          เซ็กซี่..โคตรของโคตรเซ็กซี่เลยครับ

          มันเสยผมขึ้นลวกๆเเล้วหายใจเข้าลึกๆเหมือนพยายามระงับอะไรบางอย่าง เเต่มันยังคงไม่ลุกออกจากตัวผมเพียงเเค่ผละตัวออกไป จะว่ายังไงดีล่ะ คือตอนนี้มันยังนั่งคร่อมทับขาผมอยู่ โซฟาขนาดกลางถึงกับดูเเคบลงอย่างถนัดตา

          "Thee"มันเรียก

          "หะ?"ผมก็ตอบไปตามความเคยชินพลางรีบเสฟน้าไปทางอื่น เพราะท่าทางตอนนี้เรียกได้ว่าอันตรายเอามาก

          "..."เเล้วมันก็เงียบ จนผมอดไม่ได้ที่จะหันไปมองมันที่ไม่เเม้เเต่จะปริปากอะไรออกมา เพียงเเค่ก้มมองอะไรบางอย่างผมจึงเลื่อนสายตามองตามมันเเละก็ได้พบกับ...ภูเขาฟูจิ ไม่สิ ไซส์นี้มันโอลิมปัส

          ผมรีบหันหน้าหนีสิ่งที่อิลุงตุงนังอยู่ในกางเกงสามส่วนของอีกคน จู่ๆหน้าก็ร้อนขึ้นอย่างไร้สาเหตุ บอกเลยมึงไม่อายเเต่กูอายมาก

          ฟรึ่บ

          ผมผลักอกมันออกด้วยเเรงอันน้อยนิดเพราะถ้ายังอยู่เเบบนี้ต่อไปผมต้องเสียเอกราชให้มันเเน่ๆ ซึ่งคงเป็นการเสียที่เรียกว่าเเพ้ย่อยยับเเละหมดสภาพเเน่ๆ เเค่เห็นปืนใหญ่มันก็ขนลุกเเล้ว

          เเต่คิดหรอครับว่ามันจะยอมผละออกไปง่ายๆ ไอหมีควายส่ายหน้าเเทนคำตอบที่ผมไม่เข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร

          "เฮ้ยๆๆ กูไม่เล่นนะเว้ย"ผมเอ่ยปากห้ามทันที อาการครึ่งๆกลางๆก่อนหน้านี้ที่จะขัดขืนก็ไม่ขัดขืนของผมได้หายไปทันทีเมื่อเห็นอาวุธ(?)ของมัน

          "Thee"มันเรียก ทั้งยังจับใบหน้าผมด้วยมือสองข้างให้หันไปสบตากับมันที่ทำหน้าจริงจังอยู่ ซึ่งผมก็หลบตามันอยู่ดีทั้งๆที่มันไม่ใช่นิสัยของผมเลย

          "Thee"

          "..."

          "Thee"

          "..."
     
          "Thee"

          "โว้ย!!! มีอะไรก็รีบๆพูดสิวะ!!"จนสุดท้ายผมเองนั่นเเหละที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวยอมหันไปมองหน้ามันตรงๆ ตอนเเรกก็มองมันกลับด้วยความรำคาญปนหงุดหงิด เเต่พอความรู้สึกกรุ่นๆเริ่มหายไปก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

          "Thee..I..(ธีร์..คือฉัน..)"มันเริ่มเกริ่นขึ้นมา เเววตามั่นใจจริงจังตอนเเรกของมันเริ่มสั่นไหวเเล้วมันก็เป็นฝ่ายเบี่ยงสายตาออกเเทนซะงั้น

          "I..?(ฉัน..?)"ผมทวนคำที่มันพูดค้างไว้ ไอฝรั่งมันสูดหายใจเข้าลึกๆเหมือนทำสมาธิจากนั้นก็หันมาสบตาผมอีกรอบคราวนี้มาเเบบมั่นใจเต็มเปี่ยม พลางเลื่อนมือมาบีบไหล่ทั้งสองข้างของผมเเทน

          "I like yo..(ฉันชอบนา..)"

          โฮ่ง!!!!!!!!!!

          เฮือก!

          พลั่ก!

          ตุบ!

          ขอบคุณมึงมากเลยไอเตอร์ลูกรัก


----------------------------------


              หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อครู่ มันก็ได้ผละออกไปไกลเเสนไกลด้วยฝ่าเท้าของผมที่กระตุกยันมันทันทีเพราะตกใจ เเละเเน่นอนว่าจุดหมายปลายทางลงจอดของมันก็คือบนพื้นพรมโดยมีไอเตอร์เดินวนไปวนมารอบๆเเล้วเอียงคอมองอย่างสงสัย

               ไอผมที่ตกใจก็ทำอะไรไม่ถูกก็ได้เเต่มองมันเเล้วกระพริบตาปริบๆ พอเริ่มตั้งสติได้ก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งลืมเรื่องที่เกิดไปซะสนิท จนไอคนที่ล้มเอาหน้าจิ้มพื้นยันตัวขึ้นมานั่งกุมจมูกตัวเองไว้เเล้วค้อนมองผมอย่างเคืองๆเเต่ได้ไม่นานมันก็เผยยิ้มฝืดก่อนจะพาร่างใหญ่โตของมันเข้าห้องน้ำไป

               หลังจากต่างคนต่างไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย สำหรับผมคงเป็นการตั้งสติดีๆทบทวนเหตุการณ์เมื่อครู่อีกทีว่าทำไมมันถึงมาลงเอยอย่างนี้ได้เเต่ก็ไม่ได้อะไร จนสุดท้ายก็ต้องมานั่งจับเข่าคุยกับมันให้รู้เรื่อง ซึ่งครั้งนี้มันบอกกึ่งบังคับให้เข้าไปคุยกันในห้องทั้งยังล็อกอย่างเเน่นหนาเพื่อให้เเน่ใจว่าไอหมาเตอร์มันจะไม่เข้าไปกวน

          "Where have you been?(นายไปไหนมา)"มันถามเเน่นอนว่าคราวนี้ไม่มีการดึงเข้าไปกอดหรือเเตะเนื้อต้องตัวกันเเน่นอนเพราะเป็นการจับเข่าคุยกันที่นั่งได้ห่างไกลกันมาก

          จริงๆมันก็เเค่คนละฝั่งของเตียงนั่นเเหละ

          "อ่า..เอ่อ..อาฟเตอร์ยูอ่ะ"ผมซึ่งเดาๆได้ว่าคำถามมันน่าจะเป็นเเนวไหนเลยตอบกลับไปโดยลืมไปเลยว่ามันไม่เหตุจำเป็นอะไรเลยที่ต้องรายงานมัน

          "???"มันทำหน้างงทันที ผมเลยถอนหายใจเเล้วขยายความ

          "Ice-cream shopอ่ะ"

          มันทำหน้าอ๋อ ก่อนจะทำท่ามือเป็นสัญลักษณ์คาราบาวเเดงเเล้วเขย่าๆ

          อะไรของมันวะนั่น

          "How about your phone?(เเล้วโทรศัพท์นายล่ะ)"คราวนี้ผมถึงกับอ๋อเพราะประโยคอธิบายของมันเเละไอมือที่ผมคิดว่าเป็นคาราบาวไปทาบหู เเทนสัญลักษณ์ของโทรศัพท์

          "จะว่าไป..."ผมหันซ้ายขวา ผมคิดว่าน่าจะลืมไว้ที่ห้องเนี่ยเเหละ พอมองไปยังหัวเตียงที่ควรจะมีมันวางอยู่กลับพบเหลือเพียงเเค่สายชาร์ตที่ยั่งเสียบค้างไว้

          อ้ะ! นั่นไง!

          ผมเขยิบไปใกล้หัวเตียงก่อนจะโน้มตัวลงไปหยิบโทรศัพท์ที่ท่าทางว่าจะร่วงลงไปอยู่ตรงซอกเล็กๆระหว่างตู้ข้างเตียงกับเตียงเเต่ดูท่าทางว่าเเขนผมจะสั้นเกินไปทั้งยังประมาทโดยการนั่งขัดสมาธิเอาไว้เลยไม่มีจุดสูญถ่วงเลยเกิดอาการหน้าทิ่มกระทันหัน

          ชิบหายเเล้ว..

          หมับ

          "Be careful (ระวังหน่อย)"ดีที่ว่าใครอีกคนเเขนยาวพอที่จะเอื้อมมาดึงเอวผมเอาไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะร่วงไปคอหักตายดับอนาถคาห้องตัวเอง

          "นี่ไง I forgot ไว้ in roomอ่ะ"ผมก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อครู่ พอตั้งหลักได้ก็หันมายิ้มเเฉ่งให้อีกคนเเล้วชูสมาร์ตโฟนที่เเบตหมดไปเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว

          "Ah...i got it (อ่า...ฉันเข้าใจเเล้ว)"

          "เเล้วเอ่อ..why you do that to meอ่ะ?"ผมเอ่ยถามหลังจากที่ดูท่าว่ามันจะหมดคำถามเเล้ว เป็นคำถามเดียวที่ผมอยากรู้เลยนั่งท่องคำถามไว้ในใจเรียบร้อยตั้งเเต่เเยกกันไปจัดการตัวเอง

          "เอ่อ..."มันอึกอักอย่างชัดเจน ผมเลยพยายามที่จ้องตามันเเต่มันก็เบนสายตาหนีตลอด เเต่ไม่สามารถปกปิดใบหูที่เเดงก่ำให้ลอดพ้นสายตาผมไปได้หรอกนะ

          ตัวก็ใหญ่ทำไมถึงเเลดูเป็นคนขี้อายได้ขนาดนี้นะ เเถมกลัวผีอีกต่างหาก เอ้ะ นี่มันโตเเต่ตัวนี่หว่า

          "???"ผมส่งสายตาสงสัยกดดันมัน เเต่เหมือนมันยังอึกอักไม่เลิกเหมือพอจะเอ่ยปากพูดก็เปลี่ยนใจจนสุดท้ายผมก็ยอมเเพ้

          "เฮ้อ..กูไม่เอาคำตอบก็ได้ เเต่..but tonight i sleep at sofa นะ"

          "No!(ไม่!)"มันรีบโผล่งออกมาเสียงดังทั้งยังเงยหน้าขึ้นมามองผมอัตโนมัติ

          "ถ้า you don't have answer i..i...จะไปไว้ใจยูได้ยังไง"ผมบอกเเล้วส่ายหัว จะให้นอนเเนบชิดอิงกายกันอย่างปกติน่ะหรอ ตอนนี้คงนอนไม่หลับชัวร์ๆได้ระเเวงมันทั้งคืนเเน่ๆ ถึงผมจะไม่ใช่พวกคิดมากเเต่บางทีมันก็ต้องคิดบ้างนะเฮ้ย

          คิ้วเข้ารูปของมันเครื่องเข้าหากันอีกครั้ง มองเเล้วดูเหมือนยังทะเลาะกับตัวเองไม่เลิก ผมเลยก้าวลงจากเตียงเพื่อไปยังโซฟา จะว่าไปก็เริ่มง่วงเเล้วด้วยพรุ่งนี้มีเรียนเช้าอีก

          "Thee!"

          "หือ?"ผมหันไปหาต้นเสียงในขณะที่มือผมค้างอยู่ที่ลูกบิดประตูพอดี

          "You don't have a boyfriend,Right?(นายยังไม่มีเเฟนใช่ไหม?)"

          เอ๊ะ คำถามคุ้นๆ

          "อ่า..No"

          "How about him..ah..Darren(เเล้วเขาล่ะ..อ่า..ดาร์เรนน่ะ)"

          ผมเริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ เหมือนเขาคงคิดว่าผมกับพี่เรนเป็นเเฟนกันจริงๆสินะ โธ่ เเล้วก็ไม่ถาม

          ผมส่ายหน้า

          "Just brother(แค่พี่ชายน่ะ)"

          เพียงเเค่นั้นใบหน้าเครียดๆก่อนหน้านี่ของมันก็หายเป็นปลิดทิ้ง รอยยิ้มเเบบเดิมของมันกลับมาเเล้วเเถมยังกว้างขึ้นเรื่อยๆจนผมอดอมยิ้มน้อยๆตามไม่ได้ ถึงยังไงมันก็เหมาะกับรอยยิ้มเจ้าชายเเบบนี้มากกว่าล่ะนะ

          "That's mean I have a chance,Right? (นั่นหมายถึงฉันมาโอกาสใช่ไหม?)"

          หือ..อะไรเช้นๆเเช้นๆนะ

          "อ่า..มั้งนะ"พอเห็นมันยิ้มเหมือนเด็กได้ของเล่นก็ไม่อยากขัดเลยตอบยิ้มๆเเละพยักหน้าให้

          ซึ่งเป็นการกระทำที่ผมไม่รู้เลยว่าจะพาความฉิบหายเข้าหาตัวเองขนาดไหน






หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.14 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 11-06-2016 16:03:23
มโนเอาว่าออสตินเจอรักแรกละ

บักธีร์นั่นเอง~

จีบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.14 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 12-06-2016 19:26:45
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.15!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 13-06-2016 20:53:21
Chapter 15
| hang out!



          แปลก..

          ไม่แปลกธรรมดา แปลกมากๆเลยด้วย

          พฤติกรรมของฝรั่งร่างหมีควายผู้มีศักดิ์เป็นถึงสัตวเเพทย์เริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย เพียงเเค่ผ่านวันนั้นมาทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ ช่วงเเรกๆผมก็ระเเวงมันมากขึ้น เเต่ระเเวงไม่ได้นานเท่าไหร่ก็โดนอย่างอื่นดึงความสนใจไปตลอด

          เฉกเช่นตอนนี้

          "เหวอ!" ผมร้องเสียงหลงยามที่จู่ๆตัวเองก็ลอยขึ้น เสียงหัวเราะเบาๆจากตัวการนั้นทำให้ผมหันไปมองตาขวาง

          ฟอด~!

          ...!!

          ในขณะที่มันใช้มือสองข้างสอดเข้าที่ใต้รักเเร้ผมก่อนที่จะยกขึ้นให้หน้าผมอยู่ระดับเดียวกับมันเเบบที่มันซ้อนอยู่ด้านหลัง คนตัวใหญ่ใช้จังหวะที่ผมจะหันไปมองนั่นเเหละฉวยกดจมูกโด่งลงมาบนเเก้มจนผมสะดุ้ง หันไปมองมันก็เอาเเต่ยิ้มจากนั้นก็ยอมปล่อยผมลงเเต่โดยดี เเล้วก็เดินอมยิ้มเข้าครัวไปเเถมฮัมเพลิงอย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก

          ไหนจะการลวนลามอย่างเปิดเผยอย่างนี้ จะด่าจะบอกจะคุยก็ไม่ได้ ได้เเต่มองมันตาขวางๆซึ่งทุกครั้งมันก็เพียงยิ้มรับไม่ก็หัวเราะกลับมา

          เเต่ที่แปลกยิ่งกว่าคือตัวผม..ถ้าเป็นอย่างที่ไอกลองเเต็กบอกมา อาการใจเต้นตุบตับที่เกิดขึ้นเเทบทุกครั้ง...

          ไม่ๆๆๆๆ มันอาจจะเป็นเพราะมันหน้าตาดีมันก็คงไม่แปลกที่ใครมองก็ต้องใจสั่น

          เเต่คนหล่อๆคนอื่นก็ไม่เป็นไม่ใช่หรือไง?

          คำถามนี้ผุดเข้ามาในหัวทันที ราวกับในหัวกำลังมีความคิดสองฝ่ายกำลังตีกันอยู่ ถ้านี่เป็นการ์ตูนคงจะเห็นเทพเเละมารตัวน้อยๆมี่พยายามโน้มน้าวผมให้เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง

          "ว๊ากก!!!!!"ผมแหกปากออกมาดังๆอย่างสุดจะทนทึ่งหัวตัวเองเเรงๆก่อนจะกระโดดทิ้งตัวลงบนโซฟาเอาหัวไปมุดๆอยู่ตรงซอก  คว้าหมอนเเถวนั้นมากอดไว้เเน่น

          ปกติผมเป็นคนไม่คิดมาก ไม่คิดอะไรจุกจิก ไม่ก็ไม่คิดเลย(?)  เเต่ตอนนี้มันกลับตรงข้าม อีกับเเค่ความรู้สึกตัวเองกลับหาคำตอบไม่ได้ซักที ขนาดไปถามเพื่อนก็ยังไม่เข้าใจ

          ตอนนี้มันเลย...อึดอัดไปหมด

          ผมไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไง ไม่รู้ว่าจะมีใครเข้าใจคนโง่ๆอย่างผมรึเปล่า มันรู้สึกค้างคา ไม่เข้าใจ เเละไม่เข้าใจ เเอบอิจฉาไอเเต็กเล็กๆที่มันดูมั่นใจเสียเหลือเกินกับคำว่าชอบว่ารักของมัน

          "Hey! What's happen!?(เฮ้! เกิดอะไรขึ้น!?)"

          เอ้ะ..ชอบ..?

          ผมชะงักกับความคิดตัวเอง ใช่..ถ้าถามว่าตอนนี้ผมกำลังสับสนอะไร มันก็คงเป็นคำถามที่มีช้อยสองข้อคือ 'ชอบ' หรือ 'ไม่ชอบ' นั่นเเหละ

          ฟรึบ!

          "What's..(เกิดอะ..)"ผมถูกมันจับไหล่พลิกตัวให้หันมานอนหงาย มันคงจะตกใจเสียงร้องเหมือนควายออกลูกของผมเมื่อกี้ดูจากสีหน้าร้อนรนของมัน คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอีกครั้งอย่างที่ผมเคยเห็นยามที่มันเป็นห่วง

          หมับ!

          ผมไม่รอให้มันถามจบ เด้งตัวขึ้นนั่งเเล้วจับเป็นคนเอื้อมมือไปจับไหล่มันเเทน มันดูตกใจกับการกระทำประหลาดๆของผมเล็กน้อยเเต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมมองมันตรงๆสูดหายใจเข้าลึกๆ ท่องนโมสามจบอยู่สามสิบแปดรอบ เเล้วเอ่ยปากด้วยเสียงหนักเเน่น

          "Let's hang out together เถอะ! (ไปเที่ยวกันเถอะ!)"





--------------------------------

          "ไปอนุสาวรีย์ครับ"

          "Wow!!"

          ผมหันมองฝรั่งตัวโตที่บัดนี้กลายร่างเป็นเด็กโข่งมองนู่นมองนี่อย่างสนใจ เเละตอนนี้กำลังลูบคลำรถตุ๊กๆทั้งยังส่งเสียงอย่างกับว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างไงอย่างงั้น ดวงตาสีน้ำข้าวทอประกายตื่นเต้นมีการหันมาหาผมเเล้วชี้ให้ดูราวกับจะบอกว่า 'นี่รถตุ๊กๆเชียวนะ!' มาให้จนผมต้องส่ายหัว

          สรุปครับ ตอนเเรกๆเลยที่ผมเคยบอกว่ามันบอกผมว่ามันเที่ยวเองได้ไม่ต้องการไกด์ ท่าว่าผมจะฟังผิดเองนั่นเเหละ พอเมื่อวานผมชวนมันเที่ยวมันก็อึ้งไปพักใหญ่เเล้วถาม เรียลลี่ๆๆๆจนผมนับไม่ถ้วน พอลองถามว่าไปไหนเเล้วมาบ้างในกรุงเทพฯกลับได้คำตอบว่ายังไม่ได้ไปไหนเลยเพราะไม่รู้ทาง

          จะว่าไปก็จริง เพราะถ้าไปจริงผมก็ต้องเห็นมันกลับมาห้องดึกบ้าง เเต่ไม่เลย ส่วนมากมาก่อนผมด้วยซ้ำ

          ผมรีบดันๆให้ไอหมีควายมันขึ้นรถซักที มันก็ยอมขึ้นเเต่โดยดี ผมก็รีบตามขึ้นไปก่อนที่จะโดนพี่คนขับเขม่นมากกว่านี้ 

          ผมเองก็ไม่ใช่คนกรุงเเต่กำเนิด เเถมยังอยู่มาไม่ถึงปีดี ทริปคราวนี้เลยเกิดจากการเสริชอินเตอร์เน็ตล้วนๆ เเต่ถึงกระนั้นผมก็คงไม่พามันหลง เพราะเข้ากรุงครั้งเเรกก็โดนพี่รักพาทัวร์จนจำขึ้นใจ

          ตอนเเรกมันดึงดันที่จะขับรถออกมา เเต่ผมอ้างมันด้วยภาษาอังกฤษง่อยๆปนๆกับภาษามือว่าถ้าเอาไปผมจะไม่พามันเที่ยว เพราะผมไม่รู้เส้นทางดีพอเพียงเเค่รู้ว่าต้องต่อรถเมย์สายไหนก็เท่านั้น นอกจากนั้นเเล้วเมืองกรุงก็ยังคงเป็นเมืองเเห่งความรถติดชิบหายวายวอด เกรงว่าถ้าขับเองวัดพระเเก้วก็คงไม่ถึงมันถึงจะยอม

          "Corgi"

          ผมหันไปตามเสียง ฝรั่งตัวโตที่นี้พยายามยื่นหน้าไปด้านนอกให้ลมตีเหมือนเด็กเล็กๆ เอื้อมมือที่ถือโทรศัพทย์ชูสุดเเขน

          "เห้ย! เอาหัวกลับเข้ามา!"ผมเอ็ดมันพยายามจะดึงมันมันให้กลับเข้ามาก่อนที่จะถูกมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวหัว เเต่มันฟังที่ไหน ยิ้มหน้าบานเเล้วกดถ่ายไปประมาณห้าร้อยช็อตเห็นจะได้

          "cheese!!"

          เเถมมีการส่งเสียงให้ผมหันไปยิ้มให้กล้องอีก ผมเลยฉีกยิ้มบางๆไปให้ก่อนจะรีบดึงเขากลับมานั่งดีๆ  ซึ่งพอเหมือนมันได้สิ่งที่ต้องการเเล้วเลยกลับมานั่งอย่างว่าง่าย ก่อนจะนั่งเลือกรูปของมันไป

          จุดหมายเเรกเลยผมกะจะเริ่มจากอนุสาวรีย์จากนั้นก็ต่อรถเมล์ไปลงสนามหลวงพามันไปไหว้ศาลหลักเมือง เที่ยววัดพระเเก้ว เดินมาท่าพระจันทร์ ไปตลาดวังหลัง ไปวัดระฆังเเล้วนั่งเรือกลับมาท่าช้าง จากนั้นก็นั่งรถเมล์ไปวัดโพธิ์ ข้ามฝั่งไปวัดอรุณ ข้ามกลับมาไปเอเชียทีค เป็นอันจบทริป

          ขอบคุณพันทิปที่ทำให้ผมได้มีวันนี้

          ที่จริงเเล้วก็ไม่ใช่เเค่มันคนเดียวที่ตื่นเต้น ผมเองก็ตื่นเต้นไม่เเพ้กัน เพราะถึงเเม้จะเคยไปบ้างเเล้วเเต่นับจากทั้งหมดที่เเพลนไว้มันนี้ผมเคยไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ





          พอถึงจุดหมายเเรก อันนี้ไม่ได้ทำอะไรมากมายครับ ผมเคยมาเเล้วรอบหนึ่ง ศาลหลักเมืองเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นที่หนึ่งในกทม.เลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่ามาก็ต้องมาสัการะซักหน ตรงส่วนนี้ยังไม่มีอะไรมากมายครับเเค่ซื้อพวกดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้เเล้วก็จบ 

          "For me?(ให้ฉัน?)"ผมยื่นดอกบัวพร้อมธูปเทียนที่เมื่อครู่มียายเเก่ๆเดินมาขายก่อนที่จะได้เข้าไปด้านใน ผมผยักหน้าให้มันเป็นคำตอบมันเลยยอมละมือจากโทรศัพท์เก็บไปเครื่องสี่เหลี่ยมลงไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะเอื้อมมือมารับเอาไปถือไว้

          มันมองดอกไม้ธูปเทียนในมืออย่างสนใจเเต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมา

          "เอ้ะ..มึงไหว้ได้เปล่าเนี่ย เอ่อ..คริสเตียน?"ผมถามเมื่อฉุกคิดขึ้นได้ ปกติฝรั่งมันก็นับถือศาสนาคริสนี่นะ มันจะไหว้พระได้รึเปล่าวะ

          "It's fine,Don't worry. Just show me how to do it.(ไม่เป็นไรหรอกไม่ต้องเป็นห่วง แค่ทำให้ดูหน่อยว่าต้องทำยังไง)"มันฉีกยิ้มบางตามเเบบฉบับ ผมที่เเปลออกบ้างไม่ออกบ้างก็พยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นก็ตรงไปจุดเทียน มันเองก็ตามผมมาติดๆ

          มันมองผมอย่างตั้งใจเเล้วลงมือทำตามอย่างเงอะๆงะๆเหมือนคนไม่เคยจุดเทียน เเต่ก็ทำจนรอดมาตั้งได้อยู่ข้างๆเทียนของผม มันมองเทียนอย่างโล่งอกไม่รู้ว่าโล่งอกเพราะมันไม่คว่ำลงมาโดนมือมันหรือยังไง

          ต่อไปก็ธูป ธูปนี่มันเองก็ทำตามอย่างเงอะงะเหมือนเคย เเต่คราวนี้ไม่ต้องไปใช้สกิลกับการตั้งมากมายเท่าเทียน เเต่มันก็เงิบเมื่อผมทรุดตัวลงนั่งประนมมือเเล้วเริ่มสวดมุบมิบๆตามป้ายที่เขาเเปะไว้ มันยืนงงอยู่ไม่นานก็นั่งลงตามผม พยายามพนมมือให้ได้องศาตามผมเปะๆก่อนจะทำปากขมุบขมิบทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร

          ไม่ต้องตามทุกสเต็ปขนาดนี้ก็ได้ไหมบางที

          ผมเเอบขำอยู่ในใจก่อนจะก้มลงกราบเบฐจางคบดิษสามทีจากนั้นก็เอาไปปักตรงกระถางธูป

          "Ouch!(โอ้ย!)"เสียงร้องจากคนข้างๆทำเอาผมหันขวับ เจอมันที่สะบัดมือด้านที่ใช้ปักธูปเมื่อกี้ไปมาเลยพุ่งเข้าไปหา ประคองมือหนาไว้ด้วยสองมือก่อนจะทำตามความเคยชิน

          "ฟู่ววว!"ผมเป่าไม่เบานักลงบนมือใหญ่ที่มีจุดเเดงๆที่คาดว่ามาจากธูป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปถามมัน

          "หายเจ็บยัง?"

          อ่า...คงไม่เข้าใจสินะ

          "เอ่อ..hurt?"ผมเเก้ใหม่

          "Again..(อีกที)"

          "ห้ะ what?"

          "Do that again(ขอเเบบเมื่อกี้อีก)"ตอนมันพูดผมแอบเห็นประกายไหววูบในเเววตาของมันเล็กน้อย เเต่ไอเมื่อกี้นี่คืออะไร คือที่ผมเป่ามันฟู่ๆอ่ะนะ

          ผมมองมันงงๆเเต่ก็ก้มลงไปเป่าเเผลให้อีกฝ่ายอย่างไม่อิดออดเเถมอวยพรเพี้ยงๆเหมือนเวลาที่ผู้ใหญ่ชอบทำกับเด็ก

          "Thanks (ขอบใจ)"มันพูดเสียงนุ่มทั้งยังฉีกยิ้มกว้างจนเเอบเห็นริ้วตรงหางตา ไม่มีเเววของความเจ็บปวดเลยเเม้เเต่นิด เเล้วมันก็จูงมือผมออกไปจากตรงนั้น

          ตอนเเรกก็กลัวว่ามันจะเบื่อๆเพราะมีเเต่วัดซะอีก เเค่ที่เเรกก็ต้องไปไหว้ก็ตั้งสี่จุดเเล้ว เเต่มันก็ดูเอ็นจอยกับความสวยงามตระการตาของวัด ความร้อนของเเสงเเดดที่แผดเผา ความคนเยอะ เเละอีกหลายๆความซึ่งผมก็เห็นมันทำอยู่หน้าเดียวคือหน้ายิ้มของมันเนี่ย


          สถานีต่อไปคือวัดพระเเก้วครับ คงไม่มีใครไม่รู้จักเเน่นอน เรียกว่ามาไทยมากรุงเทพก็ต้องมาเยี่ยมเยือนซักหน คนไทยสบายครับเข้าฟรีไม่เสียตัง เเต่ชาวต่างชาตินี่ราคาเรียกว่าขูดเลือดขูดเนื้อกันหนักมาก เราก็ทำบุญไหว้พระ มันก็ถ่ายรูปนี่นู่นนั่นของมันไป จนผมสงสัยว่าเเบตโทรศัพท์มันไม่มีวันหมดหรือยังไง

          "โอ้ะ!"เเต่ในระหว่างที่กำลังจะก้าวออกจากโบสถ์สายตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งเล็กๆที่ทำให้ตาลุกวาว ถ้าเป็นการ์ตูนคงเห็นเเสงปิ้งๆออกมาจากตาของผมเเล้ว

          ผมพุ่งเข้าไปหาสิ่งนั้นทันที...เซียมซี

          จากนั้นก็หยิบกระบอกไม้ไผ่กลมๆที่มีไม้เเบนๆเสียบอยู่หลายสิบอันขึ้นมาเเบบที่พนมมือเอาไว้เเล้วหลับตาอธิฐาน จากนั้นก็ลงมือเขย่าเเบบจริงจังสุดๆจนในที่สุดก็มีไม้อันนึงตกลงมา ผมรีบเดินไปหยิบใบทำนายตามหมายเลขอย่างกระตือรือร้น ตั้งเเต่เด็กๆเเล้วเซียมซีนี่ผมพลาดไม่ได้เลยยิ่งเเบบที่มันยังเป็นออริจินอลไม่ใช่ตู้หยอดเหรียญสมัยนี้หายากขึ้นเยอะเลย

          ผมยืนขมวดคิ้วกับไอกระดาษแผ่นบางที่อุส่าห์มีมาให้ถึงสามภาษาคือไทย จีน เเละอังกฤษ ผมว่าถ้าผมอ่านภาษาอังกฤษหรือจีนออกคงจะเข้าใจมากกว่าภาษาไทย ผมไม่เข้าใจทำไมเขาถึงต้องเขียนเป็นกลอนที่ต้องมายืนแปลไทยเป็นไทยอีกที

           ฮืออ กูถอดกลอนไม่ออกกก

          เเต่ถึงอย่างนั้นผมก็พอจะจับใจความได้คร่าวๆอยู่ว่าถ้าถามถึงลาภก็จะได้ลาภ เรื่องงานไม่ค่อยราบรื่นมีบาดหมางกับเพื่อนร่วมงาน  เรื่องเงินก็กลางๆไม่ได้ดีมากเเต่ก็ไม่ได้เเย่ ส่วนเรื่องความรัก..ถามหาคู่ชูใจจะได้เลิศ ก็น่าจะเเปลว่าได้เมียที่เพรียบพร้อมสุดๆ

          โดยรวมเเล้วเกินครึ่งถือว่าดีฉะนั้นเก็บกลับบ้าน

          ฟรึบ

          ผมหันไปมองตามเสียงกร็อบเเกร็บของกระดาษ ก่อนจะพบร่างคุ้นตาที่ยัดใบเซียมซีใส่กระเป๋ากางเกงบ้าง

          "Good?(ดีหรอ)"ผมชะโงกหน้าไปถามมัน

          "Quite terrible(ค่อนข้างเเย่เลยล่ะ)"เขาหันมาตอบ ถ้าผมจำไม่ผิดอีเทอรีเบิ้ลมันเเปลว่าเเย่ไม่ใช่หรอ ทำไมมันถึงตอบทั้งหน้ายิ้มเเบบนั้นล่ะ

          "If it so bad you อย่าเก็บไว้สิ"ผมเลยบอกเขาเผื่อเขาไม่รู้วัฒนธรรมบ้านเราว่าถ้าไม่ดีให้ทิ้ไว้ที่วัดเเต่ถ้าดีให้เก็บไว้มันจะได้เป็นจริง เเต่มันกลับ..ส่ายหน้า

          "I know,but I'll keep it.(ฉันรู้ เเต่ฉันก็จะเก็บมันไว้)"

          "Why?"ผมขมวดคิ้วถามมัน อะไรของมัน

          "If  i keep it . It will happen right?(ถ้าฉันเก็บมันไว้ มันจะเป็นจริงใช่ไหม)"มันถามผมกลับ

          "อ่า...เยส"

          "Then I will keep it(งั้นฉันก็จะเก็บมันไว้)"มันตอบด้วยรอยยิ้มมั่นใจ เเต่กลับไม่ได้ช่วยอะไรให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นเลยเเม้เเต่นิด

          "งั้นไอขอsee it หน่อย"ผมเเบมือไปตรงหน้ามัน มันยังคงรอยยิ้มไว้เเล้วล้วงใบเซียมซีมาวางบนมือผม

          ผมกางมันออกก่อนจะเริ่มถอดกลอน

          ตกอับจวนเจียนเเย่..

          ประโยคเเรกก็บอกเลยว่าดวงดีสุดๆ

          เห็นเเต่จะไม่สบอารมณ์หมาย

          มิตรที่รักชักจางไปห่างกาย

          ทั้งคนร้ายจะปองเงินทองตน

          ทำไมชีวิตถึงได้ดูน่าอเนจอนาถจนาดนี้วะ

          เรื่องคู่เเท้มิต้องขวยขวายหา

          ข้างกายาคือคู่เเท้มิสงสัย

           จะอยู่กินจนแก่เฒ่าตลอดไป

          ผมชะงักก่อนที่บรรทัดต่อไปจะเกี่ยวกับเรื่องการงานที่อ่านผ่านๆตาก็พบว่าย่ำเเย่ไม่เเพ้กับเรื่องเพื่อนเงินทองเลยเเม้เเต่นิดเดียว เเต่สิ่งที่สะดุดตาผมที่สุดคือดวงเรื่องคู่

          "อะ..อะไรกันวะเนี่ย"ผมเผลอพึมพำออกมา ก่อนจะรีบยัดไอใบเซียมซีตัวปัญหาลงกระเป๋าตัวเอง จากนั้นก็...ยกมือปิดหน้า

     เพื่อปกปิดใบหน้าที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆราวกับจะระเบิด กับรอยยิ้มที่หุบไม่ลง




หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.15 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-06-2016 21:27:33
หื้มมมม ของบักฝรั่งดีเฉพาะเนื้อคู่ แต่ที่เหลือนี่ไม่ดีเลยสินะ :impress3:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.15 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 13-06-2016 21:40:42
โถ่~~. พี่หมีออสติน :hao7:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.14 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 14-06-2016 00:02:41
ฝรั่งรุกแรง ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.15 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 30-06-2016 12:17:55
รอมาต่ออออออออ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.15 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-07-2016 14:29:31
 :pig4: เรื่องนี้น่ารักกก
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.15 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 27-07-2016 11:06:49
แอบสงสัยว่าจริง ๆ ออสตินฟังออกแต่แกล้งทำไก๋เปล่า 555555
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.15 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 27-07-2016 11:11:43
 :ling1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 30-07-2016 22:54:08
Chapter16
| Because of sauce 

          แพล่บ จ๊วบ

          เสียงลิ้นเล็กไล้เลียสลับกับดูดไปตามไอติมเเท่งรสโค้กอย่างเอร็ดอร่อย ไอติมหมุนนี่มันสุดๆจริงๆนะครับทุกคน ผมไม่รู้หรอกว่าเขาเรียกกันว่ายังไงเเต่มันคือน้ำเเข็งรสน้ำอัดลมเเท่งทรงกระบอกยาวๆที่มาจับตัวกันรอบไม้ลูกชิ้น ภาพที่มีคุณลุงยืนหมุนๆไอถาดกลมๆส่งเสียงครืดๆนั้นคุ้นตาเป็นอย่างดี

          ในเวลาร้อนๆเเบบนี้ ไอนี่เเหละเยี่ยมสุด!

          "หือ? อยากกินหรอ อ่ะๆ นี่ซื้อมาเผื่อ"ในระหว่างที่ยังฟินไปกับไอติมสุดโปรดก็หันมาสบตากับไอฝรั่งที่ยืนปาดเหงื่อมองผมตาไม่กระพริบเเถมยังกลืนลำลายลงคอเอือกๆเสียจนผมต้องยื่นไอติมอีกสองสามเเท่งในถุงให้ เเบบว่าจริงๆก็ซื้อมาเผื่อมันอยู่เเล้วล่ะเเต่ระหว่างเดินมากินเพลินไปหน่อย

          "Ah..thanks"มันรับไปถือไว้ก่อนจะหยิบเเท่งนึงไปจากถุงเเล้วกินไปเงียบๆเเอบเห็นมันเหลือบมามองผมอยู่หลายที

          ไอฝรั่งเอาไปกัดสองสามครั้งก็หมดเเท่งเหมือนมันติดใจก็หยิบอีกเเท่งไปกินในขณะที่ผมยังอินไปกับเเท่งเเรก บอกเลยการกินเเบบผมเนี่ยเป็นการกินที่ถูกต้องเเละคุ้มที่สุดละ อมๆดูดๆเนี่ย เค็มๆหวานๆเลิศสุด

          Rrrrr

          "อ่ะ แปปนะ"ผมฝากถุงไอติมไปให้มันถือ เเล้วล้วงหาโทรศัพท์ตัวเองก่อนจะกดรับ

          "ฮัลโหล ว่าไงไอเเต็ก"

          [มึงถึงไหนล่ะอ่ะ]

          "ห้ะ? ถึงไหนอะไรของมึง"ผมถามกลับมันด้วยความมึงงง

          [ก็วันนี้เรามีนัดดูหนังกันไง นี่มึงลืมหรอ]

          เดี๋ยวนะ..วันนี้วันเสาร์ใช่ไหม ฉิบหาย!

          'เสาร์นี้ว่างป่ะ ดูหนังกัน' ประโยคนี้ของเพื่อนซี้ลอยเข้ามาในหัวทันทีเเถมวันต่อมามันยังส่งไลน์มาย้ำกับผมเรื่องรอบหนังด้วย เเล้วผมดันนึกครึ้มชวนไอหมีควายมาเที่ยวพอดีโดยลืมนัดไปซะสนิทเลย!

          "เฮ้ย! กูขอโทษ! กูลืมไปเลยอ่ะ"

          [ไม่เป็นไรๆ เเล้วนี้มึงอยู่ไหนเนี่ย เสียงอย่างนี้ไม่น่าเพิ่งตื่นเเน่ๆ]

          "อยู่ตลาดวังหลังว่ะ"ผมตอบมันด้วยนำเสียงอ่อยๆ ความรู้สึกนี่เอ่อล้นเลยครับ ยังไงผมก็ผิดเต็มๆจังๆเลยอ่ะ เเล้วนี่ก็จะถึงเวลานัดอยู่เเล้วด้วยไอเเต็กมันต้องถึงเเล้วเเน่ๆ

          [ไปโผล่นั้นได้ไงวะ]

          "เรื่องมันยาวว่ะ กูขอโทษจริงๆนะมึง ไว้วันหลงจะชดให้นะ ขอโทษนะเว้ย"ผมเอ่ยขอโทษมันอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิด

          [เห้ย ไม่เป็นไรๆ กูจะโทรมาบอกมึงเนี่ยว่ากูติดธุระด่วนคงไปไม่ได้ พอดีเลยตอนเเรกกูคิดว่ามึงถึงเเล้ว งั้นเเค่นี้ก่อนนะมึงกูไม่กวนมึงละ เที่ยวให้สนุกละ]กลองเเต็กว่าด้วยน้ำเสียงไม่ถือสา พอได้ยินอย่างนั้นผมก็โล่งใจได้ไปหน่อยว่าอย่างน้อยมันก็ไม่ไปคอยเก้อ

          "โอเคๆ งั้นเเค่นี้นะ"ผมตอบรับมันก่อนจะวางสายหันกลับมาสนใจคนข้างกาย...

          "เฮ้ย! ไอติมกู!"ผมร้องเสียงหลงเมื่อถุงพลาสติกที่ใช้ใส่ไอติมอีกสามสี่เเท่งเหลือเพียงไม้เปล่า ส่วนตัวการก็กำลังจะกัดไอติมคำสุดท้ายที่อยู่ในมือ มันชะงักเมื่อเห็นสายตาผม ก่อนจะก้มลงมองถุงที่มีไม้เปล่าเสียบอยู่เเล้วยิ้มเเห้งๆเหมือนกำลังจะบอกผมว่า'เพลินไปนิด'

          "กินๆไปเถอะ"ผมโบกไม้โบกมือเหมือนไม่ใส่ใจ ทั้งๆที่มองตาละห้อย จริงๆก็เดินไปซื้อใหม่ได้อีกอะเเหละเเต่คือเราเดินเลยมาเยอะมากเเล้วไง ถ้าวนกลับไปซื้ออีกคงไม่จบทริปภายในวันนี้เเน่ๆ

          เเต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำท่าเสียดายไปมากกว่านี้ไอติมที่เหลือเพียงครึ่งเเท่งก็ถูกยื่นมาตรงหน้าผม พอเงยหน้าไปมองไอฝรั่งที่ยิ้มบางๆมาให้อย่างปกติผมก็ยิ้มกว้าง โผไปงับมันไว้โดยที่มันเป็นคนถือเนี่ยเเหละครับ

          "Hey! Becareful! (เฮ้! เดี๋ยวมันก็จิ้มคอนายหรอก)"มันพูดเชิงเอ็ดผม ซึ่งผมไม่สะทกสะท้านเคี้ยวตุ้ยๆทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังบอกอยู่เลยว่าการกินเเบบนี้มันไม่คุ้ม

          ตลาดวังหลัง..ผมก็เพิ่งมีโอกาศมาครั้งเเรกเนี่ยเเหละครับ ก็เหมือนตลาดทั่วๆไปนะมีร้าน  อาหารมีร้านขายของเพียบเลย เเต่ของผมไม่ได้ซื้อหรอกซื้อเเต่ของกินเนี่ย

          ผมขอไม่ลงรายละเอียดนะว่าไปซื้ออะไรมาบ้างเพราะมันเยอะมากจริงๆ เดินไปเจออะไรก็ซื้อหมดอ่ะ มันน่ากินไปหมดเลย ไอฝรั่งมองผมที่ข้าวของพะรุงพะรังเหมือนเหลือเชื่อว่าผมจะกินของพวกนี้หมดได้ไง

          ผมเดินอมยิ้มเคี้ยวตุ้ยๆอย่างมีความสุขเเม้ว่าอากาศจะร้อนบรรลัยจนอยากจะพกเเอร์ส่วนตัวก็ตามที

          ดูเหมือนมันก็แฮปปี้ไม่ต่างจากผมนัก ตอนเเรกก็กลัวว่าจะเบื่อเพราะมีเเต่วัดๆๆทั้งวัน ซึ่งเข้าวัดเนี้ยได้ไหว้จริงจังก็เเค่ที่เเรก ส่วนสถานีต่อๆไปนะหรอเรียกว่าเป็นทริปถ่ายรูปของไอหมีควายเเละการตะเวนหาของกินของผมจะดีกว่า 

          หนึ่งวันที่ก็ผ่านไปไวเหลือเกิน ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าลงเรือข้ามฝากไปอีกฝั่งเพื่อไปวัดอรุณ จริงๆเเล้วผมก็ชักเอียนกับวัดเเล้วเหมือนกันเเต่ก็เเบบนะ ไหนๆก็มาเเล้วเอาให้ครบทีเดียวไปเลยดีกว่า เเถมอยากจะลองนั่งเรือด้วยซักครั้ง
 
          ใช้เวลาไม่นานผมก็พาร่างตัวเองเเละไอฝรั่งเข้ามาในเรืองจนได้ นึกภาพออกไหมครับเรือข้ามหากที่ข้ามทีหลายๆคน ตอนเเรกก็คิดว่าจะมีสปีดโบทเสียอีก เเอบผิดหวังเล็กๆเเฮะ

          "โอ๊ะ"เเละด้วยความอารมณ์ดีมัวเเต่สุนทรีย์ดื่มดำกับบรรยากาศเเม่น้ำสีเทาขุ่น เดินอ้อยไม่ยอมนั่งเสียทีด้วยความโคลงเคลงของเรือก็ยากมากพอเเล้วที่จะทรงตัวไหนจะของในมืออีก จริงๆเเล้วอีกไม่กี่ก้าวผมก็กำลังจะได้ทรุดนั่งบนที่นั่งที่เหลืออยู่สองที่เป๊ะๆอยู่เเล้ว ถ้าไม่ติดว่ามีคนเดินเดินกระเเทกไหล่ผมจนหน้าเกือบคะมำ จากนั้นก็กระเเทกตูดลงบนที่นั่งทำให้เหลือเพียงที่เดียว

          เเละเเถมพอนั่งได้ปุ๊ป ป้าเเกก็เอาหลุยส์โรงเกลือของตัวเองมาวางไว้ตรงที่ข้างๆทันที

          มนุษย์ป้า...กูเจอเข้าให้เเล้ว..

          "เอ่อ..ป้าครับคืออย่างน้อยก็เอากระเป๋าออกได้ไหมครับ"ผมยังคงเป็นคนดี จะเเซงจะเเทรกก็ทำไปเถอะเเต่อย่างนี้มันก็น่าเกลียดไปหน่อย เเถมตอนนี้เรือจะออกเเล้วด้วย

          "อะไร เห็นใจคนเเก่ด้วยสิ ตัวเองก็ยังหนุ่มยังเเน่นยืนไปห้านาทีไม่ตายหรอก"มนุษย์ป้าเหลือบตามองผมนิดก่อนจะก้มไปจิ้มโทรศัพท์ต่อ

          เอาเลยครับ เอาที่ป้าสบายใจ

          ผมเกลียดนิสัยยอมคนของตัวเองก็วันนี้เเหละ เห็นเเก่ป้าที่อุส่าห์หน้าด้านถึงขนาดนี้เเล้ว อีกอย่างกเเค่เเปปเดียวก็คงไม่เป็นอะไร

          "Hey, Can you please take your bag out?(นี่ คุณช่วยเอากระเป๋าออกหน่อยได้ไหม)"ไอฝรั่งพูดขึ้นจากนั้นก็ดันไหล่ผมเบาๆเพื่อจะเเทรกตัวมายืนอยู่หน้าผม คิ้วเฉียงๆของมันขมวดหากันเเม้ว่าปากจะมีรอยยิ้มจางๆ

          เเต่ใบหน้าหล่อๆกับรอยยิ้มกระชากใจสาวมันทำอะไรไม่ได้กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ป้าว่ะ

          "อะไรอีก อย่าคิดว่าเป็นชาวต่างชาติเเล้วจะทำอะไรก็ได้นะ"

          ผมว่าป้าเเกหลงประเด็นเเล้วนะ ผมถอนหายใจหนักๆคนบนเรือก็หันมองเเล้วยิ้มเเหยให้ส่งสายตาเห็นใจปนปลงๆให้ผม ผมก็ยิ้มเเห้งๆตอบนั่นเเหละ

          ฟรึ่บ

          "นี่!"

          ผมเบิกตากว้างเมื่อไม่คิดว่าไอฝรั่งจะกล้าทำ มันหยิบหลุยส์โรงเกลือบนที่นั่งนั่นเเล้วถือวิสาสะวางไว้บนตักป้าให้เเกหันมาเเหวใส่ เเต่หันมาอีกทีมันก็ทรุดตัวนั่งไปเเล้ว

          "Corgi come here.(คอร์กี้มานี้สิ)"ผมยังงงๆเลิกคิ้วเล็กน้อย เเต่ก็ยอมปล่อยมือจากขอบเรือที่เมื่อกี้ใช้จับไวเพื่อพยุงไม่ให้ตัวเองล้ม เเล้วเดินไปหา

          หมับ

          "เฮ้ย!"ผมร้องเสียงหลงเมื่อมันรวบเข้าที่เอวผมก่อนจะกระชากให้ไปนั่งอยู่บนตักมัน

          "ปล่อยนะเว้ย! อายเขา!"ผมดิ้นได้เเบบไม่เต็มที่เเถมพูดได้อย่างไม่เต็มเสียงเพราะเกรงใจคนรอบข้าง เเค่นี้ก็เป็นจุดเด่นมากพอเเล้ว

          "You have a lot of stuff,It's better to sit.(นั่งอย่างนี้ดีกว่า ของนายเต็มไปหมด)"มันพ่นถาษาอังกฤษใส่ เเถมยังพูดเเบบกระซิบเบาๆตรงซอกคอผมอีก

     สติสตังกูยังไม่ครบ สมองกูยังไม่พร้อมทรานสเลทภาษาอังกฤษมึงตอนนี้!!!!!

          ตอนนี้ผมยอมรับเเบบอ้อมๆเลยว่าหัวใจผมเต้นเเรงกับมันบ่อยจริงๆเเบบที่ไอเเต็กว่า ยิ่งใกล้ยิ่งอันตราย ตอนเซียมซีนี่ยังพอรับไหว คือตอนเเรกมันก็เขินๆเเต่ตอนหลังคือขำมากกว่าว่ามันยอมชีวิตฉิบหายบรรลัยขนาดนั้นเพียงเพราะเรื่องผม เอ้ย! เรื่องคู่! อ่ะนะ!

          เเต่สถานการณ์ตอนนี้คือไม่ใช่ เเล้วทำไมมันต้องเอาหน้าหนวดๆมาฝังลงซอกคอผมด้วย มันมีอะไรหน้าดมหนักหนา ก็พอเข้าใจว่าพอมานั่งตักอยู่อย่างนี้ตัวผมที่ปกติเตี้ยกว่ามันก็สูงขึ้นไปบ้างเเต่ก็ไม่ถึงขนาดที่เลยหัวมันไป เพราะฉะนั้นการที่มันเอาหน้าซุกคอผมนี่มันจงใจโน้มหัวลงมาชัดๆ

          "อะ..เอ่อ..มึง ยู ปล่อยกูเถอะ"

          "Nope(ไม่)"

          เเล้วนี่มึงฟังไทยออกด้วยหรอ!!

          "พลีสสส กูอายเขา ตัวกูก็เท่าควายเเล้วนะไม่ใช่อนุบาลสาม"ผมพูดไปก็พยายามเเกมือมันออกเเต่ก็ยากเหลือเกินเพราะมือผมเต็มไปด้ายถุงขนม เเถมมือมันอย่างกับติดกาวตาช้างยิ่งดิ้นยิ่งรัดเเน่นจนตัวผมจะหักคามือกับพลังหมีควายของมันอยู่เเล้ว!

          เเต่มันเเค่ยิ้มครับ เเถมยังยิ้มบางๆเหมือนคุณหมอผู้ใจดีเเต่พักหลังนี้ผมชักมองเห็นว่ามันเป็นรอยยิ้มเเห่งอันตรายที่ไม่น่าไว้ใจเลยซักนิด เห็นทีไรมีได้โดนมันลวนลามตลอด

          "เหอะ! ไปออดอ้อนกันไกลๆได้ไหม สงสารคนอื่นบ้าง อุจาดลูกตา! จะอ้วก!"มนุษย์ป้าข้างๆขัดขึ้นมาก่อน ผมขมวดคิ้วทันทีตอนเเรกก็ว่าจะดิ้นจนกว่าจะหลุดจากมันให้ได้นะ เเต่เจออีป้านี้ละเปลี่ยนใจดีกว่า

          "ฮันนี่จ๋าาา~~"ผมวางถุงขนมทั้งหลายไว้ที่เท้าเเล้วหนับไว้ เอื้อมมือไปคล้องคอไอฝรั่งนั่นเเล้วเเสร้งว่าเสียงหวานหยดย้อยชนิดที่เก้งกวางบ่างชะนีมาได้ยินคงคิดว่าผมเป็นพวกเดียวกันเเน่นอน เเถมด้วยการเอาซบไปกับอกเเข็งๆถูไปมาเเต่ตานี้มองหน้าป้าเเกด้วยความเปี่ยมสุข

          นาทีนี้ใครจะมองว่าไอธีร์เป็นตุ๊ดเเรดออดอ้อนผู้ชายท่ามกลางฝูงชนก็ไม่เเคร์เเล้ว เเค่ตอนนี้เห็นใบหน้าบูดเบี้ยวของมนุษย์ป้าที่เบะปากทั้งตาก็จิกซะเหมิอนผมไปฆ่าผัวป้าเเกก็ไม่ปาน

          เห็นผมบื้อๆซื่อๆเเบบนี้เเต่ก็สู้คนนะครับ

          "ทุเรศ!"เเถมหนึ่งคำเต็มหน้าพร้อมน้ำลายอีกฟอดใหญ่ เเต่ผมก็ยังลอยหน้าลอยตาเงยหน้าไปมองไอฝรั่งที่ตัวเเข็งทื่อไปเเล้ว ขยิบตาให้มันหน่อยให้มันเล่นเนียนๆไปกับผมก่อนอย่าเพิ่งพิศวาสกันจนถีบผมตกเรือไป

          "You are...(นายนี่มัน)"มันที่เหมือนวิญญาณกลับเข้าร่างอีกครั้งเหมือนจะพูดอะไรเเต่ก็ไม่พูดจนสุดท้ายก็ถอนหายใจออกไปให้ผมได้หันไปเเจกยิ้มให้กับมนุษย์ป้าอีกครั้งเพื่อความสะใจ

          "พวกวิปริต น่าขยะเเขยง พ่อเเม่ไม่รักหรือยังไง"

          "ผมว่าป้ามากกว่านะครับ สามีไม่รักหรือยังไง?"ผมตอบโต้บ้างเมื่ออีกคนลามปามไปถึงบุพการี เอาจริงๆเเล้วถ้าเวลาอารมณ์ขึ้นมากๆผมก็ถือว่าเป็นคนปากจัดอยู่คนหนึ่ง..

          "นี่เเก!"

          "เอ..หรือยังไม่มีกันครับ มีปัญญาหาได้เเบบผมก่อนเเล้วค่อยมาพูดนะ"ผมว่าป้าแกก็โรคจิตนะ ไม่รู้จักกันมาก่อนจู่ๆก็มาหาเรื่องกันเเบบนี้ถ้าผัวไม่รักก็ขาดความอบอุ่นจากครอบครัวเเล้ว เป็นใคร ใครก็ต้องเดือดอยู่เเล้ว

          "ไม่อยากได้หรอกคนจิตไม่ปกติอย่างพวกแก!"

          "ก็อย่ามายุ่งกับพวกผมสิครับ ถ้าอย่างป้าเรียกจิตปกติผมขอไม่ปกติอยู่เเบบนี้ดีกว่า"ผมตอบง่ายๆ แอบได้ยินเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างเหมือนถูกใจกับคำตอบผม ทำท่าจะลงจากตักไอฝรั่งกะว่านี่เป็นดอกสุดท้ายเเล้ว จะได้ไปสงบอารมณ์ซักครู่ไม่งั้นที่เเฮปปี้มาทั้งวันจะเสียหมดเพราะมนุษย์ป้าคนเดียว...ดวงซวยสุดๆไปเลย

          "ปล่อยเถอะยู"

          "What is she say?(เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร)"นอกจากยังไม่ยอมปล่อยมันยังเฉไฉบุ้ยหน้าไปทางอีป้ามหาภัยที่นั่งกัดฟังกรอดกำโทรศัพท์ในมือเเน่น ผมถอนหายใจส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธว่าไม่มีอะไร คนพวกนี้เขาน่าสงสารจะตายถึงขนาดต้องมาเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นเเบบนี้

          "Don't worry เลย เเล้วก็ปล่อยได้เเล้ว"

          "Is she rude to you?(เธอหยาบคายกับนายรึเปล่า?)"

          "Nothing.(ไม่มีอะไร)"ผมตอบปัดเเละเผลอหลบตามัน เผลอไผลลืมไปว่าตัวเองเป็นคนที่โกหกได้โคตรไม่เนียนที่สุด

          "อ่ะ ถึงเเล้ว"พอดีกับที่เรือมาจอดเทียบท่าพอดี ผมรีบลุกขึ้นในขณะที่มันเหมือนกำลังจมอยู่ในความคิดเนี่ยเเหละ ลุกขึ้นหยิบของเเล้วฉีกยิ้มกว้าง ไม่อยากให้มันอารมณ์บ่จอยไปกับผมด้วย อุส่าห์พามาเที่ยวเเท้ๆเลย

          มันก็เดินตามมาง่ายๆ ส่วนผมนั้น..อารมณ์เปลี่ยนไวจนยังกลัวตัวเองเลยครับ เเค่ก้าวลงมาเจอรถเข็นของกินก็พุ่งเข้าใส่เสียจนได้ยินเสียงบ่นเเว่วๆของคนที่เดินตามมาประมาณว่ายังจะกินอีก มันเดินมาประชิดตัวก่อนจะเนียนๆหยิบถุงข้าวของในมือของผมไปถือไว้ ตอนนั้นผมก็สาละวนอยู่กับการหาตังมาจ่ายค่าลูกชิ้น พอได้มาก็กินอย่างเดียวลืมไปเลยว่าเคยถือของ

          "Corgi, your mouth.(คอร์กี้ ปากนาย)"

          "หือ?"

          "Sauce (ซอส)"

          "ห้ะ?"ผมเอ่ยถามไปอย่างงงๆ ปากๆ ซอสๆอะไรของมัน มันขมวดคิ้วเล็กน้อย มองมือตัวเองทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยข้างของก่อนจะ...

          "Sorry..(ขอโทษนะ)"

          ...!!

          มันโน้มตัวลงมา...ตวัดลิ้นเลียตรงเเก้มผมเหนือปากไปนิด จนได้เเต่ตัวเเข็งทื่อเเละ..ขนลุกซู่ไปทั้งตัว





------------------------------------


คัมเเบคคคคคคคคคคคคคคคคคคค่ะ!!!
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.16 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 30-07-2016 23:17:15
พลีสสสสสสสส อย่าทิ้งคนอ่านไปนานๆเลยนะคะ ใจคอไม่ดี~

ปอลอ วิธีเช็ดซอสที่เลอะอยู่นี่ ออสตินทำถูกวิธีแล้วนะค้าาาาาาาา  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.16 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 31-07-2016 11:44:18
อ้ากๆๆ ฟินไปอีก.

ว่าแต่เจอมนุษย์บ้านี่น่ารำคาญเนาะ,,,
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.16 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 13-08-2016 20:48:27
โอ้ยยยย แซ่บ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.17UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 27-08-2016 09:49:32

Chapter 17
| That's that

          ปึก!

          หมับ!

          กึก!

          เสียงสามสิ่งที่ตามมาติดๆ เริ่มจากการที่คนไร้สติเดินเหม่อๆมึนๆงงๆอยู่ท่ามกลางผู้คนได้ถูกชนจนหงายหลังตึง เเต่โชคดีหรือร้ายก็ไม่รู้ที่มีคนตัวโตเดินตามมาไม่ห่างมารับไว้ได้ทันท่วงที เเละปฏิกริยาที่ได้ทันทีเมื่อตัวสัมผัสกันคือเเข็บทื่อเหมือนโดนเมดูซ่าสาปกระทันหัน

          ไม่โอเค ไม่โอเคเลย ไม่โอเคเลยซักนิด

          ผมทำหน้าจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อทั้งๆที่รู้สึกไม่โอเคเลยเมือรู้สึกร้อนวาบๆทุกครั้งที่มันเเตะตัวผม เเต่ก่อนก็ไม่เป็นนะ เเต่ตอนนี้นี่เเค่สบตายังไม่กล้าขาเเข้งมันอ่อนอยากกระเเดะเข้าไปซบอก

          ฮือออ ความคิดจังไรในหัวกูนี่มันอะไร

          ทั้งๆที่ไม่ชอบความรู้สึกวูบวาบตรงช่องท้องเลยซักนิดเเต่ร่างกายกลับตอบสนองด้วยการเกร็ง...ถ้าไม่ชอบจริงมันก็ควรปัดป้องขัดขืนเเต่นี่ไม่

          ไอฝรั่งก็ได้ใจ ตั้งเเต่ตอนนั้นที่นึกครึ้มก้มลงมาเลียซอสที่เเก้มผม สัมผัสมันยังติดอยู่ถึงตอนนี้อยู่เลย จูบก็เคยเเล้ว..หอมแก้มก็ปกติ..ทำไมลิ้นชื้นๆที่ตวัดเบาๆมันถึงได้สยิวกิ้วขนาดนี้วะ!

          หลังจากเที่ยวชมวัดโพธิ์เเบบมึนๆเดินหลงทิศจนมันต้องสะกิดลากผมหลายครั้ง ตอนนี้เราก็มาโผล่ที่เอเชียทีคในยามค่ำๆ ซึ่งดีมากที่ขานั่งเรือกลับเราไม่ต้องประฝีปากกับมนุษย์ป้าอีก

          ดีหน่อยที่พอเข้าเขตวัดมันก็สงบเสงี่ยมไม่ทำอะไรบ้าๆอีก เเต่การที่มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนถูกหวยตั้งเเต่ตอนนั้นนี่ไม่เข้าใจเลยซักนิด

          ผมสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดมันอย่างเก้ๆกังๆจนอยากจะพาตัวเองไปโดดตึกตายเสียเลยตอนนี้ ยังดีที่มันยอมปล่อยผมง่ายๆเมื่อเห็นว่าผมทรงตัวได้เเล้ว

          หมับ

          "เฮ้ย!"มือของผมถูกมันฉวยไปกุมเอาไว้ ผมเงยหน้าไปมองหน้ามันทันทีเมื่อพยายามดึงเเต่ดึงไม่ออก เเต่พอเงยหน้าไปสบเข้ากับดวงตาน้ำข้าวเป็นประกายที่มองอยู่ก่อนเเล้ว...ก็กลับมาก้มหน้างุด

          "I can เอ่อ..walk ได้นะ"ผมกลับมาใช้ไทยคำอังกฤษคำอย่างง่อยๆ เเต่มันหรอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กระชับมือให้เเน่นกว่าเก่า ไม่ต้องถามครับว่าสัมภาระทั้งหลายเเหล่หายไปไหนเพราะผมกับมันจัดการโซ้ยไปหมดเเล้ว เหลือเเค่ถุงสองถุงที่ซื้อไปฝากเพื่อนๆกับเก็บไว้กินที่ห้อง

          จะว่าไปมือมันนี่ใหญ่กว่าผมเยอะเลย เเถมอุ่นอีกต่างหาก มันคงจะโรเเมนติกไม่น้อยถ้าหาก...

          "มึง ปล่อยเหอะ Thailand is so hot นะ"ผมบอกมัน สัมผัสได้ถึงมือที่ชื้นเหงื่อของผมเเละมัน เดินเฉยๆเหงื่อก็ท่วมละยิ่งมาจับมือกันไว้อย่างนี้นี่อย่างกะอบซาวน่ามือ เเต่ถามว่ามันสนไหมล่ะ?

          "Drink?(ดื่มกันไหม)"พยางค์เดียวสั้นๆ เข้าใจไม่เข้าใจไม่รู้เเต่มันลากผมเข้าร้านอาหารกึ่งบาร์ข้างทางเเล้ว

          ผมจัดการให้มันเป็นคนสั่ง ยังไงเเถวนี้ก็มีเเต่ร้านรับรองฝรั่งอยู่เเล้วเข้ามานี่เจอเเต่ภาษาอังกฤษเสียจนงงว่านี่กูอยู่ประเทศไทยเเน่หรอ ผมนั่งท้าวคางมองซีกหน้าของมันที่พูดๆกับบริกร ใบหน้าที่ดูสุขุมเเละใจดีทำให้อดยอมรับไม่ได้เลยว่าดูไม่น่ากลัวเหมือนภาพฝรั่งในจินตาการผม

          พอสั่งเสร็จมันก็ยิ้มให้บริกรเล็กน้อยก่อนจะหันมา ผมสะดุ้งกับสายตามัน เเล้วเเสร้งเป็นมองนู่นนี่ไปเรื่อยอย่างคนไม่รู้ว่าควรเอาสายตาไปวางไว้ที่ไหน

          ทำไมวะ ทำไมถึงสบตาตรงๆไม่ได้

          บางทีก็หงุดหงิดตัวเอง ไม่อยากจะยอมรับคำตอบที่มีรออยู่เเล้วในใจ ผมเลยหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะหันไปจ้องตามันที่คิดไว้เเล้วว่ามันต้องมองผมอยู่ก่อน เพราะเเทบจะทุกครั้งที่หันไปมันก็มองผมอยู่ก่อนตลอดอย่างกับไม่เคยละสายตา...

          ผมทำใจดีสู้เสือ คิดเเค่ว่าจะไม่หลบตามันเด็ดขาด เเต่พอสบตาที่บัดนี้ดูร้อนเเรงอย่างไม่น่าเชื่อ เเถมก็ห้ามสายตาไม่ให้หลุบมองริมฝีปากสีสดไม่ได้

          ก่อนที่จะคิดอะไรเตลิดไปมากกว่านี้เบียร์ก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ผมไม่ใช่พวกไม่ชอบดื่มเเต่ไม่ค่อยนึกอยากซะมากกว่าเพราะเวลาผองเพื่อนชวนไปทีไรมันต้องเข้าผับซึ่งมีเเต่ดนตรีบีทหนักให้ปวดหูมากกว่าบาร์สบายๆเเบบนี้

          กับเเกล้มสองสามอย่างตามมาในเวลาต่อมา เเละเป็นเพราะเรานั่งโต๊ะที่มีที่นั่งเพียงสองที่ทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่จะนั่งตรงข้ามกันตามเเบบแผนการจัดโต๊ะของร้านอาหารทั่วไป ผมประหม่าน้อยๆจนต้องยกเบียร์ขึ้นขิบหลายหน มันก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งๆที่ปกติผมไม่เคยอึดอัดกับความเงียบเลยเเท้ๆเเต่คราวนี้มันกลับกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก

          "Cheers"ไอฝรั่งยื่นเเก้วเบียร์ของมันมาข้างหน้า ส่งเสียงที่ผมเคยได้ยินตามหนังฝรั่งเวลาชนเเก้วเหล้า มันยิ้มบางๆเเล้วเลิกคิ้วพยักเพยิดเหมือนอยากให้ผมชนด้วย ผมก็ไม่ขัดศรัทธายื่นไปชนด้วยเเล้วส่งเสียเบาๆตามมัน

          เเต่พอจะกระดกเข้าปากมันก็เอื้อมมาจับข้อมือผมไว้ก่อนจนต้องขมวดคิ้วสงสัย

          "Let's do this thing (ทำเเบบนี้ดีกว่าน่า)"มันเอาเเขนมาคล้องวนไว้กับเเขนผมก่อนจะยกดื่มเหมือนในหนังหรือละครที่เห็นกันบ่อยๆ ซึ่งการทำเเบบนี้จำให้ผมต้องโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อที่จะดื่มให้ถึง ยิ่งความต่างของความยาวเเขนยิ่งทำให้ดูลำบากเข้าไปใหญ่ เเละเพราะมัวเเต่พยายามจะกินเบียร์ให้ได้ ทำให้พอดื่มสำเร็จเงยหน้าที่มีรอยยิ้มภูมิใจขึ้นมาก็พบว่าใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

          ดะ..เดี๋ยวสิ

          ผมเบิกตากว้างผงะถอยจะกลับไปนั่งดีๆ เเต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมยื้อเเขนผมไว้ก่อน มันใช้เเขนข้างที่พันๆกันอยู่จับเเขนผมไว้ไม่รู้ไปวางเเก้วเบียร์ตอนไหน ครางนี้ไม่มีเอ่ยเตือนใดๆล่วงหน้ามันใช้อีกนิ้วโป้งเช็ดคราบฟองเบียร์เหนือริมฝีปากผมออกอย่างอ้อยอิ่ง ผมได้เเต่นั่งค้างอ้าปากหวอปล่อยให้มันทำไป

          นิ้วมือที่ช่วยเช็ดเริ่มซนด้วยการลดระดับลงมาเเละคลึงริมฝีปากเล็กเบาๆ ริมฝีปากเผยยิ้มที่ผมมองว่าเป็ยยิ้มร้ายอ่อยเหยื่อชัดๆ เเต่เเล้วมันก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเเล้วเป็นฝ่ายทำอะไรไม่ถูกเสียเอง

          ก็เเค่เผลอตัวงับนิ้วมือมันเข้าไป จากนั้นก็เลียๆดูดๆเท่านั้นเอง..

          กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ผมก็เเทบจะมุดโต๊ะหนีด้วยความกว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ผมก็เเทบจะมุดโต๊ะหนีด้วยความอับอาย

          กูทำอะไรลงไป!!!!!!

          อมไม่พอยังจะไปเลียๆงับๆนิ้วเขาอีก! เจริญเเล้วไอธีร์เอ้ยย บรรยากาศพาไปเเท้ๆ!

          ผมนี่รีบปล่อยนิ้วมันให้เป็นอิสระอย่างรวดเร็วรีบกุลีกุจอหยิบทิชชู่จะเช็ดให้ เเต่เหมือนมันก็ตั้งตัวได้ดึงมือกลับ ผมขมวดคิ้วนั่นน้ำลายกูทั้งนั้นเลยนะน่ะ เห็นตอนปล่อยออกมาจากปากน้ำลายนี่ยืดตามเป็นสายเลย

          ...!!!

          อึ้งแดกครับ เมื่อมันเอานิ้วที่ชะโลมน้ำลายผมเนี่ยเเหละเข้าปากมัน เลียๆนิดหน่อยเหมือนทำความสะอาดก่อนจะหยิบเบียร์ขึ้นจิบหน่อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมอ้างปากค้างก่อนที่มันจะเหลือบมามองผมเเล้วยกยิ้ม

          "Tasty (อร่อยดี)"

          ประสาทจะกิน!




------------


          ผมนี่ชักไม่ไหวเเล้ว เเต่ก่อนว่าก็เเค่ป้ำๆเป๋อๆเเต่นี่เริ่มเข้าขั้นเอ๋อเเดกควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้เเล้ว ผมเดินไปตามทางพยายามจะซึมซับบรรยากาศเเสงสีเมืองตอนกลางคืนเเต่สมองกลับขาวโพลน

          นี่กูมาทำอะไรที่นี้กันเเน่วะครับ

          ยังไม่สามารถหาคำตอบได้เลยว่าอะไรทำให้ผมมาถึง ณ จุดนี้ได้ เพราะคำเเนะนำของไอเเต็กหรอ? หรือเพราะไอคนข้างๆนี้กัน?

          "Corgi! Ferris wheel! (คอร์กี้! ชิงช้าสวรรค์หนิ!)"ไอฝรั่งนี้ก็ทำหน้าซื่อตาใสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชี้ไปยังวงล้อยักษ์ที่กำลังหมุนตะหง่านอยู่ไม่ไกล

          มึงลืมเเลนด์มาร์คของที่นี้ไปได้ยังไงวะไอธีร์!! งานงอกเเล้วไหมล่ะ!

          "เอ่อ...ไม่ดีมั้ง very much people เลยนะ"ผมปฏิเสธอ้อมๆหน้าเริ่มซีด คนเยอะขนาดนี้คงต่อเเถวเเบบซื้อตั๋วชาตินี้ได้เล่นชาติหน้าอะไรทำนองนี้เลยมั้งนั่น

          "No problems.(ไม่มีปัญหาหรอก)"

          มึงน่ะโนเเต่กูน่ะมี

          ผมอ้าปากจะเเย้งเเต่ก็ไม่ทัน มันเล่นคว้ามือผมเดินดุ่มๆไปทันที เเล้วก็อย่างที่คาดไว้คือคนเยอะฉิบหายวายวอด

          "ดะ เดี๋ยว"ผมพยายามจะห้ามมันเเล้วจริงๆนะ เเต่อีกฝ่ายกลับดุ่มๆเดินไปซื้อตั๋วเเบบไม่ฟังอะไรเลย เเถมยังพามาต่อเเถวที่ไม่มีคนต่อเลยอย่างว่องไว!

          ผมยืนมึนๆมองเเถวด้านข้างที่คนยาวเป็นหางว่าว เเต่ตรงเเถวที่มันมาต่อกลับไม่มีคน เเถมได้ขึ้นเลยอีกต่างหาก

          เห้ย!

          "เอ่อ..พี่ครับทำไมตู้มันไม่เหมือนอันอื่น"ผมสะกิดพี่พนักงานที่ยืนคอยปล่อยตัวนักท่องเที่ยวเข้าไปก่อนที่ผมจะได้ก้าวเท้าเข้าไป ตู้ที่ผมกำลังจะก้าวเข้าไปเนี่ยมันมีสีดำครับ เเถมดูจากทั้งหมดมันมีอยู่ตู้เดียวด้วย

          "นี่ตู้วีไอพีครับ น้องขึ้นเถอะ เเฟนน้องรอนานเเล้วนะ"พี่เขาตอบยิ้มกริ่มเเล้วพยายามดันให้ผมเข้าไป เเต่ผมนี่ขืนตัวเต็มที่

          "ไม่..."

          "ขอให้สนุกนะครับ"

          ด้วยเเรงดันของพี่พนักงานผู้หวังดีกับเเรงฉุดจากคนด้านในทำเอาผมไม่สามารถที่จะขัดขืนได้อีกต่อไป สิ่งที่ตามมาทันทีเมื่อก้าวเท้าเข้ามาคือ

          อาการหน้าซีด ใจสั่น

          เเละขาที่สั่นหงึกๆเเม้จะนั่งลงไปบนที่นั่งเเล้วก็ตาม

           แอร์เย็นๆที่เป่ารดผิวกายไม่ได้ช่วยให้ผมดี๊ด๊าเหมือนอีกคน นาทีวิวอะไรผมไม่ดูทั้งนั้นได้เเต่นั่งหลับตาเเละท่องในใจ ยิ่งพอมันเริ่มเคลื่อนตัวผมนี่สะดุ้งเเต่ยังข่มตาไว้


          อย่ามองไอธีร์ มึงอย่ามอง

          ถูกต้องนะครับ ผมกลัวความสูง...ขนาดหนักเลยด้วย

          ฮืออ ใครจะเชื่อว่าไอคนไม่กลัวผีไม่กลัวความมืดไม่กลัวห่าอะไรทั้งนั้นดันมากลัวความสูง คนที่รู้ก็มีเเค่พ่อเเม่พี่น้องผมเท่านั้นเเหละ ไอพี่เรนมันยังไม่รู้เลย

          "เฮ้!"

          ไอชิงช้าสวรรค์นี้ก็หมุนช้าจริง  เมื่อไหร่มันจะจบรอบซักที จะร้องไห้เเล้วนะ

          "Corgi! Hey!"

          ผมก็จิตใจดำมืดชอบจินตนาการต่างๆนานาว่ามันจะร่วงบ้างล่ะ คว่ำบ้างล่ะ กระเช้าหลุดบ้างล่ะ มันโหวงไปหมด

          "Thee!!!"

          เฮือก!

          ผมเผลอลืมตาโผล่งขึ้นมา ไอฝรั่งจับไหล่ผมเเน่นเหมือนจะเขย่ามานานเเล้วด้วยใบหน้ามันห่างจากผมอยู่เเค่คืบ สีหน้าดูตระหนกเเละเป็นห่วงในเวลาเดียวกันดูจากคิ้วที่เคลื่อนเข้าหากัน

          ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่ใช่เขินมันเหมือนอย่างก่อนเเต่เป็นเพราะเผลอเสตาไปมองวิวด้านล่าง เเละเพิ่งจะรู้ว่าไอตู้วีไอพีมันดันพิเศษตรงที่พื้นที่ใช้ยืนเป็นกระจก...

          ถ้ามันเเตก...ถ้ามันเเตกขึ้นมาล่ะ

          "Clam down,I'm here (ใจเย็นๆ ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ)"มันพูดอะไรมาผมเเทบจะประมวลผลไม่ได้ มันล็อกหน้าผมไม่ให้หันไปมองทางอื่น จากนั้นก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้

          มึงอย่ามาฝั่งนี้ เดี๋ยวกระเช้าร่วง!

          ผมอยากจะพูดอะไรมากมายเเต่มันจุกอยู่ตรงคอ สัมผัสได้ว่าตัวของตัวเองยังสั่นไม่เลิก เเต่ก็อดยอมรับไม่ได้เลยว่าอ้อมกอดของคนด้านหน้าผมมันให้ความรู้สึกปลอดภัยจริงๆ



Austin's part


          ตอนนี้ผมอยากจะต่อยหน้าตัวเองเเรงๆซักทีที่ไม่ยอมฟังคำเเย้งหรือใส่ใจเขามากกว่านี้

          ใจผมร่วงไปถึงตาตุ่มตอนที่หันมาเจออีกคนกอดตัวเองเอาไว้ข่มตาให้ปิดสนิทเเถมร่างเล็กๆยังสั่นไม่หยุด ผมรีบกุลุกุจอไปหาเขาจับไหล่บางเเล้วเขย่าเบาๆเเต่ธีร์ก็ยังคงนิ่งสนิทปากยังคงพึมพำ

          โธ่เว้ย! เขากลัวความสูง!

          เเละผมก็เป็นคนลากเขาขึ้นชิงชาสวรรค์ที่สูงเกือบสองร้อยฟุต!

          ผมรู้ได้ในวินาทีนั้นทันทีว่านี่มันไม่เวิร์คเสียเเล้ว ตอนเเรกก็เห็นว่ามันเป็นจุดที่ดีที่จะใช้เป็นที่สุดท้ายที่เราจะเที่ยวกันในทริปวันนี้ ความรู้สึกดีๆทั้งวันมันกำลังจะพังเพราะความไม่ใส่ใจของผม!

          ยิ่งตอนที่เขาเบิกตาโผลงขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก หน้าเขาซีดมากเเถมตัวยังเย็นเฉียบ ผมเห็นเขาเเอบเหล่ตาไปมองที่พื้นผมเลยรีบประคองใบหน้าเขาขึ้นมาล็อกไม่ให้มองไปไหน เเต่เหมือนกับไม่ทันเเล้วพอเขาเห็นว่าเราขึ้นมาสูงเเค่ไหน เขาก็เบะปากเหมือนจะร้องไห้

          นาทีนั้นผมรีบรวบเขาเข้ามากอด กดหัวเขาให้ฝังลงไปบนอกผม จะได้ไม่ต้องมองไปทางอื่น ตัวเขาเล็กมากกว่าผมจริงๆยิ่งเขาสั่นขนาดนี้เขายิ่งดูน่าสงสารเข้าไปใหญ่

          "ฮึก ไม่เอาเเล้ว"

          ให้ตายเถอะ! เขาร้องไห้!

          ผมจะเป็นบ้าเข้าไปใหญ่ มองหาปุ่มกดฉุกเฉินที่น่าจะมีอยู่ เรายังวนกันไม่ครบรอบด้วยซ้ำเเต่เขาไม่ไหวเเล้วเเน่ๆ

          พอเจอปุ๊ป ผมก็กดปุ่มฉุกเฉินทันที เเต่ถึงจะกดเเล้วเเต่ก็ต้องรอให้วนให้ครบรอบก่อนอยู่ดี ผมเลยทรุดตัวนั่งเอาเขานั่งบนตักเเล้วกดใบหน้าเขาให้ซบไหล่ผมไว้

          "You'll alright.(นายจะไม่เป็นไร)"ผมปลอบเขาไปซึ่งเขาคงไม่มีสติสตังพอจะฟังผมหรอก เอาเเต่งอเเงบอกว่าจะลงๆท่าเดียว อ่า...ผมพอฟังภาษาไทยออกอยู่ครับเเต่เเค่พูดไม่ได้ บางครั้งที่เขาบ่นผมก็รู้เรื่องเกือบทุกครั้งอาจจะไม่ทั้งหมดเเต่ก็พอจับใจความได้อยู่

          เหลืออีกประมาณครึ่งรอบกว่าที่กระเช้าจะหมุนลงไปถึงด้านล่าง ผมจับชีพจรเขาเพื่อทำความเเน่ใจว่าเขาจะไม่ช็อคไปซะก่อน ถึงผมจะจบสัตวเเพทย์เเต่เเน่นอนว่าสัตว์เองก็สามารถเป็นโรคโฟเบียได้เหมือนกัน กรณีของเขาก็เหมือนพวกที่กลัวการขึ้นบรรไดนั่นเเหละ

          ยังดีที่หัวใจเขาเต้นช้าลงเเล้ว เเถมอาการหอบหายใจหนักก็เพลาๆลงบ้าง เหมือนพอเขาตั้งสติได้ระดับหนึ่งก็จะเงยหน้าขึ้นจากบ่าผม เเต่ผมไม่ยอมดันหัวเขาไว้

          "ไอ ไอโอเคเเล้ว"ถึงธีร์จะพูดยืนยันเเบบนั้นก็เถอะ เเต่เขายังไม่หยุดสั่นเลยนะจะให้ผมเชื่อได้ยังไง เเต่ผมก็ใจอ่อนเเต่ยังไม่ปล่อยมือที่ประคองหน้าเข้าไว้ อีกมือก็กุมมือเล็กไว้

          คอร์กี้น้อยผมมันจอมยั่ว เเต่ที่ร้ายกาจคือเขายั่วเเบบที่เขาไม่รู้ตัว นั่นมันเป็นอะไรที่ขี้โกงมาก ยิ่งวันนี้เขาออกลายเยอะกว่าปกติจนผมเเทบจะหลุดไปหลายรอบ

          เเละตอนนี้ผมก็คงจะไม่ทน

          พอเห็นใบหน้าของคนที่เงยขึ้นมองผม เหมือนมีเเรงดึงดูดระหว่างเราจนไม่อาจละสายตาไปจากกันได้

          ดวงตาแดง จมูกแดง ใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อยนั่นทำเอาใจผมเต้นเเรงขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ธีร์เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์เเบบที่เขาคงไม่รู้ตัว เเม้จะไม่ได้หล่อตามยุคสมัยนี้เเต่ความเป็นธรรมชาติของเขาทำเอาผมเเทบไม่เชื่อว่าจะรอดมาถึงมือผม ยิ่งผิวสีเเทนนวลเนียนเหมือนมิลค์ช็อคน่ากินนั่นช่างดึงดูดสายตาของผมได้ตลอด จนต้องห้ามใจทุกครั้งไม่ให้เข้าไปขย้ำอย่างหมันเขี้ยว

          ตั้งเเต่เมื่อไหร่กันที่ผมเห็นทุกอย่างของเขามันน่ารักไปหมด

          ผมก้มลงไปกดจูบลงบนหน้าผากเขา ไล่ลงมาที่ดวงตา ปลายจมูก แอบเอาฟันขบเบาๆด้วย เเก้มนิ่มทั้งสองข้างเลื่อนลงมาที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มเเต่ยังไม่กดจูบเเค่เฉียดๆเเละผมก็ผละออกมาเมื่อเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง

          ฟรึ่บ!

          เเละก็เป็นอย่างที่คาดไว้ ธีร์เป็นฝ่ายดึงผมเข้าไปจูบเสียเอง ผมยิ้มอยู่ในใจ..เเละมันคงเป็นรอยิ้มที่ชั่วร้ายมากเสียด้วย

หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.17 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 27-08-2016 10:32:05
อย่าขาดตอนนนนนน

พลีสๆ บอกเถิดว่ายังมีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.18UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 27-08-2016 15:31:28
Chapter18
| Suddenly

Thee's part

     จู่ๆผมก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเมื่อไอฝรั่งมันผละออกทั้งๆที่ยังไม่ทำอะไรเเถมมาเฉียดๆให้สยิวกิ้วอีกต่างหาก ยิ่งตอนนี้ผมไม่ค่อยมีสติสตังค์ครบถ้วนผมเลยจัดการดึงมันมาประกบปากเองเลย

     "อื้ม..อื้อ"ผมครางอืออึงในลำคอทันทีที่ ไอผมน่ะเเค่ประกบริมฝีปากเเต่คนที่เริ่มสอดลิ้นเข้ามาน่ะมันอีกคน
     
     โดยไม่รู้เลยว่าประตูกระเช้ามันได้เปิดออกมาเรียบร้อยเเล้ว

     จนกระทั่ง...

     "เอ่อ...คุณลูกค้าครับ"

     ผมสะดุ้งเฮือกผลักไอฝรั่งออกทันทีเเล้วรีบลุกเมื่อคิดได้ว่าผมกำลังนั่งตักมันอยู่ เเต่ด้วยความที่ตกใจเเล้วรีบเร่งเกินไปบวกกับที่ขายังอ่อนเเรงอยู่ทำให้ผมทรุดทันที ยังดีที่ไอหมีควายมันมือไวพอที่จะเกี่ยวเอวผมไว้ได้ทัน

     "Thanks"มันลุกขึ้นบอกพนักงงานที่หน้าเเดงก่ำเเล้วก้าวออกจากตัวกระเช้าโดยไม่ลืมที่จะเกี่ยวผมออกไปด้วย

     ตอนนี้ความสูงกูไม่กลัวเเล้วครับ กูอายอย่างเดียว!
     
     หน้าผมร้อนเหมือนจะระเบิด พอออกมาก็พบว่าเมื่อกี้มีสักขีพยานหลายชีวิตที่เห็นฉากจูบเมื่อกี้

     จบสิ้นเเล้วชีวิต

     "ฮื่อ อายว่ะ"ผมบ่นงึมงำถือโอกาสใช้ร่างใหญ่ๆของอีกคนเป็นที่กำบังซุกหน้าลงไปเอามือช่วยปิดหน้าด้วย

     เเล้วประเด็นคือกูเริ่มก่อนด้วยไง เลยได้เเต่ภาวนาไม่ให้มีมือดีควักโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอทันไม่งั้นได้ดังเเน่ๆ
     
     ผมเดินก้มหน้าก้มตาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปปล่อยให้อีกคนดึงกึ่งฉุดกระชากไปเรื่อยๆจนรู้ตัวอีกทีก็มานั่งตากเเอร์อยู่บนรถเเท็กซี่ซึ่งไอฝรั่งเป็นคนเรียกเเละสะกิดให้ผมบอกทาง

     พอขึ้นรถได้ปุ๊ป คุยกับพี่โชเฟอร์เสร็จปั๊ป ผมก็จัดการตัวเองให้เขยิบมานั่งชิดเเทบสิงประตูรถคนละฝั่งกับมันด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ทั้งตัวทั้งใจเลยเนี่ยตอนนี้ เเถมด้วยการส่งสายตาไปขู่มันกลายๆด้วยว่าอย่าเขยิบเข้ามา

     ทั้งคันรถไม่มีบทสนทนาใดๆมีเพียงเสียงเเอร์กับเสียงเพลงลูกทุ่งที่ดังคลอ ส่วนผม...หลับตาลงเอนหัวพิงไปกับกระจก

     ปกติขึ้นรถเเล้วผมจะนอนครับ นอนเเบบนอนอย่างเดียวเนื่องจากเป็นคนเมารถขนาดหนัก เเต่ครั้งนี้ผมคงนอนไม่หลับมีความคิดมากมายกำลังตีกันในหัวเลยได้เเต่หลับตาลงเฉยๆ

     อืม...อย่างที่บอกว่าปกติผมเป็นคนไม่คิดมากหรือไม่ก็ไม่คิดเลย เเต่ตอนนี้มันไม่ปกติมากๆที่ในหัวผมมันมีเเต่เรื่องของไอฝรั่งข้างๆ

     ชอบ?

     เเล้วผมจะไปชอบมันได้ยังไง จริงๆเเล้วชอบนี่มันเริ่มจากอะไร มันก็เเค่คอยเทคเเคร์ผม ไปรับไปส่งผม ทำตัวเป็นห่วงผม ลวนลามผมในยามว่าง...

     ชิบหาย..พอมาย้อนคิดดูเเล้วไม่หวั่นไหวนี่สิแปลก

     ฟึ่บ

     ...!

     ผมเเทบจะสะดุ้งเเต่ก็ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน เมื่อคนอีกฝั่งเขยิบมาชิดกันตั้งเเต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เเล้วก็เอื้อมมือมาดึงหัวผมให้ลงไปซบไหล่มัน

     ผมเผลอขมวดคิ้วเเต่ยังไม่ลืมตา เมื่อไหล่มันค่อนข้างสูงจนต้องเกร็งคอเอาไว้ เหมือนมันก็รู้ว่าท่านี้คงไม่โอเคมันเลยไหลตัวลงไปกับเบาะให้ไหล่ต่ำลงจนได้จุดที่พอดี

     ตัวมันนี่อุ่นชะมัด

     ขนาดไม่ได้เข้าไปกอดหรือซุกยังสัมผัสได้เลย ผมคิดมาหลายทีเเล้วว่าพวกคนตัวใหญ่นี้ให้อารมณ์อบอุ่นเเบบนี้ทุกคนรึเปล่า ผู้หญิงถึงชอบผู้ชายตัวสูงใหญ่กัน มันดูน่าพึ่งพามันดูน่าปกป้องเราได้ เเถมเวลาอยู่ด้วยกันนี่รู้สึกสบายใจสุดๆ

     ผมเเอบปรือตามองเสี้ยวหน้าที่เริ่มเห็นหนวดขึ้นเป็นตอๆ ก่อนจะอมยิ้มเเล้วกลับมาหลับตาลงเเกล้งหลับเหมือนเดิม

     ผมว่า...ผมชอบมันเข้าเเล้วว่ะ

     ข้อสรุปสุดท้ายที่เกิดขึ้นในใจก่อนที่จะจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา


------------------------------------------     



     "Cogi"เสียงเรียกคุ้นหูพร้อมกับเเรงเขย่าเบาๆทำให้ผมต้องปรือตาขึ้นมาเพชิญโลกอีกครั้ง
         
     "อื้อ"ผมครางในลำคอเบาๆพร้อมทั้งบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนล้วงหาตังเเต่ยังไม่ทันได้ยื่นให้พี่โชเฟอร์ก็พูดตัดหน้าซะก่อน

     "เเฟนน้องจ่ายเรียบร้อยเเล้วล่ะ"เเถมมีการยิ้มกรุ้มกริ่มยักคิ้วให้ด้วย

     "มะ..ไม่ใช่เเฟนนะครับ"

     "โธ่น้อง พี่ไม่โลกเเคบหรอกไม่ต้องห่วง เเต่เเอบเสียดายเเทนสาวๆแหะ น้องไปได้มาจากไหนเนี่ย"พี่โชเฟอร์จู่ๆก็เกิดอัธยาศัยดีขึ้นมากระทันหันชวนคุยซะเฉยๆ จะเปิดประตูลงเลยก็ท่าจะเสียมารยาทไป

     "ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆครับ"ผมส่ายมือส่ายหน้าส่ายทุกอย่างปฏิเสธ เเต่ท่าว่าพี่เเกจะไม่ฟังอะไรเลย

     "อย่ามาโกหกหน่อยเลย พี่เห็นฝรั่งรูปหล่อตรงนั้นหอมแก้มน้องตั้งหลายรอบ เอ...เหมือนเห็นจูบปากด้วยนะ"เเละเเล้วผู้ร้ายก็ปรากฏตัว ผมหัวขวับไปหาคนข้างกายทันทีมันสะดุ้งเล็กน้อยกับสายตาขวางๆของผม เเต่ก็ทำเพียงยิ้มเเหะๆเเล้วตีหน้าซื่อเหมือนไม่รู้เรื่อง เเต่ผมต้องสะดุ้งกับสายตาเสือกเปิดเผยของพี่โชเฟอร์ที่มองมาผ่านกระจกหลังเหมือนลุ้นให้พวกผมได้กันตรงนี้

     ตอนนี้ไม่สนเรื่องมารยาทเเล้วครับ! ลงด่วนๆ!
     
     "อ่าว ไม่ใช่คอนโดนี่" ผมชะงักพอก้าวลงมาจากเเท็กซี่เเล้วกลับเจอสวนสาธารณใกล้ๆนี้เเทน

     "In first time you bring me here.can you remember? (ครั้งเเรกนายพาฉันมาที่นี่ จำได้รึเปล่า)"คนข้างกายผมถาม เเถมเนียนเป็นฝ่ายจูงมือผมเดิน

     อยากจะตอบมันเหลือเกินว่าโคตรจะรีเมมเบอร์เลย จำได้ไหมที่พามันมาเดินเล่นเเล้วตอนก่อนกลับดันไปเข้าใจผิดว่ามันจะจูบ จนหน้าเเตกเพล้งจำยันวันนี้

     มันพาผมเดินมาเรื่อยๆ ที่นี่ตอนกลางคืนไม่ค่อยมีคนมาหรอกครับ ถึงบรรยากาศมันจะดีเเต่ถ้าไม่อยากเสี่ยงไข้เลือดออกเเนะนำว่ามาตอนเย็นๆดีกว่า ส่วนกลางวันขอเเนะนำว่าอย่ามาดีกว่าเสี่ยงเป็นลมเเดด

     มันพาผมทรุดนั่งบนม้านั่งยาวตัวหนึ่งเเต่ยังคงกุมมือผมไว้

     จากนั้นก็ไม่พูดไม่จา จนผมรู้สึกประหม่า วิวอะไรไม่ได้มองเเล้วได้เเต่ก้มมองมือตัวเองที่ถูกมือใหญ่กุมไว้ก่อนจะห้าร้อนขึ้นมาเสียเอง

     "เอ่อ/เอ่อ"
         
     "ยูspeak first เลย"

     "Thee...what do you think of me?(ธีร์ นายคิดยังไงกับฉัน)"จู่ๆมันก็มาโหมดซีเรียสถามหน้าเครียกเสียงเครียดเหมือนจะบอกผมผ่านน้ำเสียงว่าจริงจังมากๆ มันจ้องหน้าผมเหมือนต้องการคำตอบ

     "อ่า เอ่อ แฮนซั่ม?"ผมตอบไปอย่างไม่มั่นใจ...ไม่มั่นใจว่าแปลคำถามมันถูกไหม

     พอสิ้นคำตอบเท่านั้นเเหละ ไอหมีควายก็หลุดหัวเราะทันทีจนผมอดจะมุ่ยหน้าไม่ได้ มันมีอะไรน่าตลกตรงไหน พอมันหัวเราะจนพอใจ มันก็หันมามองหน้าผมเเล้วอมยิ้มก่อนจะเอ่ยปาก

     "If I say I like you?(ถ้าฉันบอกว่าฉันชอบนายล่ะ)"

     "ห้ะ?"ผมร้องออกมาอย่างไม่เชื่อหู

     คงไม่ใช่หรอก...ผมอาจจะเเค่ฟังผิดฟังเพี้ยน..

     "I like you(ฉันชอบนาย)"

     ชัดเจน

     ผมเหวอ จู่ๆมันก็สารภาพออกมาไม่ทันได้ตั้งตัว จะตีหน้าซื่อฟังไม่รู้เรื่องก็คงไม่ได้ เพราะใครเเปลไม่ออกก็เเนะนำให้ไปเกิดใหม่ได้เเล้ว!
         
     "อ่า...เอ่อ..คือ.."
     
     "I dont know why but I like when I'm spend time with you . i like to see when you cook , when you scold Ter or even when you sleep . You're adorable , fascinating and now...I can't find the exit. (ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม เเต่ฉันชอบเวลาที่อยู่กับนาย ชอบมองเวลานายทำอาหาร ตอนบ่นไอเตอร์ หรือตอนนายนอนหลับ มันดูน่ารักน่าเอ็นดูเเละน่าหลงไหลไปในเวลาเดียวกัน จนรู้ตัวอีกที...ก็ถอนตัวไม่ขึ้นซะเเล้ว)"

     "..."

     ผมเงียบ รู้สึกว่าไอประโยครัวๆเมื่อครู่น่าจะเป็นคำสารภาพ...หน้าของไอฝรั่งขึ้นสีหน่อยๆเหมือนเขินๆเหมือนกันที่มาพูดเเบบนี้ มันคงจะประหม่าไม่น้อยเลยเล่นรัวลิ้นซะผมเงิบอ้าปาก

     ผมเงียบ เพราะฟังไม่รู้เรื่อง

     มันเงียบ เพราะรอคำตอบ

     มันจ้องหน้าผมอยู่นาน ตอนนี้เราอยู่ในท่านั่งเฉียงๆหันหน้าเข้ากัน มันเปลี่ยนมาใช้มือสองข้างมือทั้งสองข้างกุมมือของผมอีกทีตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมเหมือนเห็นประกายวิบวับออกมาจากดวงตาคู่สวยเเละพอจ้องนานๆก็เห็นเงาสะท้อนของตัวผมอย่างชัดเจน

      เหมือนโลกหยุดหมุน โดนตัดออกจากโลกภายนอก เพิ่งรู้สึกเข้าใจอารมณ์พวกพระนางในหนังในละครก็ตอนนี้ นี่ไม่ได้โอเวอร์เเต่ละสายตาออกจากกันไม่ได้จริงๆ

      เราประสานสายตากันอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นผมไม่ปริปากมันก็หน้าเจื่อนลงนิด ก่อนจะก้มหน้าลง...ประทับจูบลงหลังมือผมอย่างเเผ่วเบา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มหล่อ

     "ช่อบ...ช่อบน่ะกั๊บ"
 
     ช็อตนี้กูตาย

          ใครมาเจอเเบบนี้ไม่ตายให้มันรู้กัน เหมือนได้ยินเสียงระเบิดดังปุ้งในหัวจากนั้นความร้อนก็พุ่งขึ้นหน้าไม่ต้องสืบให้เหนื่อยเลยก็รู้ว่าหน้าผมตอนนี้ต้องเเดงจนดำไปเเล้วเเน่ๆ

          "เอ่อ..คือ..คือไอ.."

          ผมเสตาหลบมันทำไมจู่ๆก็รู้สึกว่ามันหล่อขึ้นประมาณหกสิบเปอร์เซ็น ความน่ารักเพิ่มขึ้นอีกสามสิบเปอร์เซ็น ผมเข้าใจเเล้วครับว่าเวลาคนต่างชาติพยายามพูดภาษาไทยมันเเอคเเทรคได้ขนาดนี้

          "Ah...I know.You don't have to give me the answer now.(อ่า...ฉันรู้เเล้ว นายไม่ต้องให้คำตอบฉันตอนนี้เลยก็ได้)"

          มันพูดธรรมดานะ เเต่น้ำเสียงโคตรตัดพ้อทั้งสายตาท่าทางก็เหมือนหมาถูกทิ้ง ผมใจหายทันทีเมื่อมันยิ้มเศร้าๆมาให้เเล้วทำท่าจะปล่อยมือผมออก จู่ๆร่างกายมันก็ไปเอารีบคว้ามือมันมากุมไว้เเทน

          "เหมือนกัน!"เเละปากก็ไปเองเช่นกัน...พอรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไปผมก็ค่อยๆก้มหน้าลงพร้อมกับใบหน้าที่เเดงขึ้นกว่าเดิม

          ขอให้เเม่งฟังไม่รู้เรื่อง..

          "Really! Yes!(จริงหรอ! เยส!)"มันดันฟังรู้เรื่องอีก มันฉีกยิ้มกว้างจนจะฉีกถึงรูหู เขย่ามือผมไปมาเหมือนเด็กเวลาดีใจ ผมเองพอเห็นมันยิ้มก็ห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มไม่ได้เลย

          จุ๊บ

          มันก้มลงมาประทัยริมฝีปากเบาๆ ไม่มีการรุกล้ำเพียงเเค่เตะเบาๆ ก่อนจะผละออกไปเเล้วเผยยิ้มที่ผมมองว่ามันมีเสน่ห์ฉิบหาย

          "กลับห้องกันเถอะ"

          และผมก็เป็นฝ่ายเอ่ยชวน...
          หยุด! หยุดความคิดอกุศลในหัวเดี๋ยวนี้ ก็เเค่กลับห้องครับ ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นจริงจริ๊งเเค่กลัวว่าอยู่นานกว่านี้จะโดนยุงหามเอาเสียก่อน

          ผมกับมันมาถึงห้องในเวลาไม่นาน ขากลับนี่ไม่ยอมปล่อยมือผมเลยนะ เเถมยังเดินฮัมเพลงเเบบชีวิตเเฮปปี้สุดๆ พอมาถึงห้องผมก็เลยไล่มันไปอาบน้ำก่อนส่วนผมก็นอนเล่นอยู่ที่โซฟา

          เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นวะ นี่กูสละโสดเเล้วใช่ไหม?
          ผมคิดพลางฝังหน้าลงกับหมอนกรีดร้องในใจเบาๆ นี่ผมมีเเฟนเเล้วใช่ไหม! แฟนคนเเรกในชีวิตเลยนะเฮ้ย! เเถมยังเป็นผู้ชายด้วย! เเถมหล่ออีกต่างหาก!

          ผมอมยิ้มอยู่กับตัวเองคนเดียวเหมือนคนบ้า คนมีความรักเเล้วมันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง

          "Corgi"

          "หื้ม"

          ขุ่นพระ!

          ผมเงยหน้าจากหมอนอิงก่อนจะเบิกตากว้าง ก็มันเล่นออกมาเเบบมีผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหกก้อนที่ผมเคยเห็นไปเเล้ว เเต่คราวนี้มันคนละอารมณ์ ตอนเจอตอนนั้นมันอิจฉา เเต่คราวนี้...น้ำลายหก

          ทำไมในหัวมีเเต่เรื่องเเบบนี้วะ!

          เห้ยๆ มันมาเเล้ว

          ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนคำ้หัวผมอยู่อย่างลุ้นระทึก มาสภาพนี้นี่อ่อยผมใช่ไหม อยากได้อยากโดนใช่ไหม

          "เอ่อ..ไอshower ก่อนนะ"ผมรีบบอกมันก่อนที่มันจะก้าวเข้ามาใกล้กว่านี้เเล้วไม่รอคำตอบวิ่งปรู้ดเข้าห้องน้ำโดยไม่ลืมคว้าผ้าเช็ดตัวมาด้วย

          มันเองก็ไม่ได้รั้งได้ยินเเค่เสียงหัวเราะหึๆตามหลังมาเบาๆเท่านั้น

          ปกติผมใช้เวลาอาบน้ำไม่ถึงสิบนาทีอย่างคนไม่พิรี้พิไรขัดผิวฉวีวรรณ หากเเต่ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีเเล้วตัวผมนั้นก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนชักโครกไม่ขยับไปไหนเหตุผลก็เพราะความฉลาดของผมเอง

          ฉลาดที่หยิบผ้าเช็ดตัวมา...เเต่ไม่หยิบเสื้อผ้ามา

          เเอบยอมรับนิดนึงก็ได้ว่าตอนนี้สมองมีเเต่เรื่องอกุศลจนกลัวว่าออกไปสภาพนี้จะไม่รอดหรือถ้ามันเห้ดคิดว่าผมอ่อยขึ้นมาก็ฉิบหาย

          บอกเลยกูไม่พร้อม

          "เอาก็เอาวะ"ผมพูดกับตัวเองเเล้วค่อยๆเเง้มประตูออกลองสอดส่องดูลาดเลาก่อน เสียงทีวีดังคลอดมาจากทางห้องนั่งเล่นผมก็ต้องถอนหายใจเเล้วก้าวเท้าออกไป

          "Corgi"

          เฮือก!

          ไอฝรั่งเรียกผมจากด้านหลัง มันจะไม่อะไรเลยถ้าเสียงมันไม่แหบพร่าเบาหวิวเเละอยู่ใกล้จนเสียวสันหลังวาบเเบบนี้

          ไม่นะ น้องธีร์ยังไม่พร้อม

          "อะ..เอ่อ"ผมชะงักมือที่จะหมุนลูกบิดประตูห้องตัวเอง ไม่กล้าหันไปเผชิญหน้าเลยได้อ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะพูดอะไรหรือทำอะไรกับสถานการณ์ตอนนี้ คือ...ผมไม่รู้ว่าในใจมันคิดอะไรอยู่ด้วยเเหละ ไม่รู้ว่าจิตใจจะอกุศลเหมือนผมรึเปล่า เเต่คงไม่เเหละมันคนดีจะตาย

          งั้นผมก็คงไม่ต้องกลัวสินะ..

          "จะนอนยังอ่ะ ไอขอไปแต่งตัว..."พอคิดได้ดังนั้นที่กังวลอยู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง กล้าหันมาคุยกับมันอย่าปกติ เเต่ก็ต้องนิ่งค้างอีกครั้ง

          ทำไมวันนี้มันไม่ใส่เสื้อนอนนนน!!!

          พอหันไปดั้งแหมบๆก็ชนเข้ากับอกเเข็งๆที่เปลือยอยู่ทันทีนี่สิ มันดันนึกครึ้มอะไรไม่รู้จะ อุตส่าห์ใส่กางเกงเเล้วก็ใส่เสื้อด้วยสิวะ!

          "Go to bed or go to the bed? (จะไปนอนหรือไปที่เตียง)"

          "อะ..อะไรของมึง"เสียงผมเริ่มไม่มั่นคง เมื่อมันเขยิบเข้ามาใกล้จนหลังผมชนกับประตู ใช้มือสองข้างกักกันผมไม่ให้หนี

          "Let's go to the bed(ไปที่เตียงกันเถอะ)"

          "คะ..คือ"

          แกร็ก

          ไม่ว่าเปล่ามันยื่นมือไปเปิดประตูห้องจนผมเเทบจะหงายหลัง ดีที่มันยังช่วยดึงผมไว้ก่อน ผมเดินถอยหลังตามสัญชาตญาณเพราะมันเล่นเดิมเข้าหาพร้อมสายตาเป็นประกายน่ะสิ

          ตุ้บ!

          เเละร่างผมก็หงายลงเตียงเป็นอันที่เรียบร้อยโดยมีไอหมีควายตามมาเเต่มันยังไม่ทันได้ก้าวตามขึ้นเตียงมา...

          "Shit!"มันสบถลั่น คิ้วนี่ขมวดมุ่นสายตาจดจ้องอยู่ที่พื้นจนผมต้องชะโงกหน้าไปดูอย่างสงสัย

          ขี้..ขี้จริงๆว่ะ

           กลิ่นนี่โชยมาเลยจนผมต้องเรียกชื่อตัวการออกมาเสียงดัง

          "ไอเตอร์!"



--------------------------------
ไถ่โทษที่หายไปนานค่ะ อัพเช้า อัพเย็น อัพมืด อัพค่ำกันเลยทีเดียว

ขออธิบายประโยค ที่บอกว่าจะไปนอนหรือไปเตียงคือพี่เขาเล่นคำค่ะ
ถ้า>go to bed = นอน เเบบนอนหลับ ถ้า>go to the bed = ไปเตียงเเต่ไม่ได้หลับ(?) ประมาณนี้ค่ะ




หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.18 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 27-08-2016 16:12:13
โครตดีใจ คู่นี้เขาพัฒนาแล้ววววว

(แต่จะโรแมนซ์นานๆหน่อยก็ไม่ได้นะหมาเตอร์ ><)


คิดถึงคุณ kiitos นะคะ แวะมาหาบ่อยๆน้า
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.18 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-08-2016 18:28:15
ไอ้เต้อ ทำเสียรมณ์เลย :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.18 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 28-08-2016 07:09:21
ไอ้เต้ออออออ หูยยยย อารมณ์เสีย
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.19 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 28-08-2016 13:32:51
Chapter19
| Hubby

          หลังจากโศกนาฏกรรมขี้ผ่านไป ผมไม่รู้จะขำหรือสงสารไอฝรั่งดีเหมือนกันที่เดินโหยงเหยงเข้าห้องน้ำไปล้างเท้า มันดูเงิบๆเหมือนกันเเต่ไม่ได้หัวเสียมาก ผมเองก็จัดการทำความสะอาดที่เหลือบนพื้นให้เรียบร้อย เเอบชะโงกหน้าไปดูคนข้างนอกที่ยินสอนไอเตอร์อยู่

          ดีที่มันเป็นสัตวเเพทย์ ตอนเเรกผมกลัวว่ามันจะตีไอเตอร์ แต่เปล่า มันเเค่บ่นๆจากนั้นก็สอนอะไรของมันไปเเอบเห็นมันตบหัวไอเตอร์เบาๆด้วย ไปๆมาๆก็กลายเป็นมันไปนั่งฟัดกับหมาเพราะความมันเขี้ยว

ผมอดยิ้มกับภาพผู้ชายตัวใหญ่ที่กล้ามเป็นมัดๆล้มลุกคุกคลานเพราะพยายามกอดหมาไทยธรรมดาที่ดิ้นเต็มที่จะไม่ยอมให้กอด เเต่ไอเตอร์มันไม่รู้อะไรซะเเล้วเเรงหมาตัวน้อยอย่างมันนะหรือจะสู้เเรงหมีควายในร่างคนได้ ไอหมีควายหัวเราะออกมาเมื่อชนะหมาได้เเล้วกดจมูกลงหอมหน้าไอเตอร์อีกรอบ

          ผมชอบนะ เวลามันเล่นกับเตอร์ หน้ามันมักจะประดับไปด้วยรอยยิ้มตลอด เป็นรอยยิ้มกว้างที่เต็มไปด้วยความสุข ไร้การเสเเสร้ง ดูมีความสุขจริงๆ ซึ่งคนมองก็อดมีความสุขตามไปไม่ได้

          ทำไมมันถึงรักสัตว์ได้ขนาดนี้นะ

          ขนาดผมถึงไม่ได้เกลียดเเต่ก็ไม่ถึงกับรัก ก็นะ...ขนาดเเถวบ้านผมเขาก็ไม่มองหมาเป็นเพื่อนหรือสัตว์เลี้ยงหรอก สัตว์ใดๆในโลกล้วนเป็นอาหารหมดนั่นเเหละ เเต่ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าผมไม่กินนะ ทำใจไม่ลงจริงๆ ถึงเขาจะบอกว่ามันก็เหมือนหมูเหมือนไก่ก็ตามที

          กึก
     
          ผมชะงักรอยยิ้มตัวเองทันที เมื่อเห็นว่าในระหว่างที่ผมเหม่อคิดนู่นนี่ไอคนที่นอนกลิ้งอยู่ที่พื้นดันเงยหน้ามาสบตาผมที่โผล่หัวไปแอบดูจนต้องเผยยิ้มแห้งๆให้เเล้วค่อยๆหดหัวตัวเองกลับมาที่เดิม รีบขึ้นเตียงเเละเอาผ้าห่มคลุมบอกกลายๆว่าจะนอนเเล้ว

          อารมณ์ตื่นเต้นเมื่อครู่นี่หายไปเรียบร้อยเเล้ว บอกตรงๆครับ แค่ได้กลิ่นขี้ก็หมดเเล้วอารมณ์ทั้งหลายเนี่ย

          ฟึ่บ

          เเรงยุบตัวของเตียงข้างกายทำให้รับรู้ได้ว่าใครอีกคนได้เข้าประจำที่เรียบร้อยเเล้ว ทั้งๆที่ตะลอนเที่ยวกันทั้งวันเเต่ทำไม๊ทำไมกลับนอนไม่หลับตาสว่างมากจนเผลอเกร็งตัวทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่อยู่ไม่ไกล

          เนื่องจากผมนอนหันหลังให้อีกคนเลยไม่รู้ว่ามันทำอะไรอยู่ เเต่พอสัมผัสได้ถึงเงาที่ทาบทับลงมาผมเลยรีบหลับตาปี๋เเสร้งเป็นหลับกลัวว่ามันจะทำอะไร

          ฟอด

          "Goodnight"

          มันกลับเเค่ก้มลงหอมแก้มผมเบาๆเเล้วกระซิบเสียงเเผ่วจากนั้นก็กลับไปสอดตัวในผ้าห่มนอนดีๆ

          แต่...มันไม่ปกติตรงที่ปกติมันจะรวบผมเข้าไปกอดเเต่คราวนี้มันไม่

          ผมขมวดคิ้วอัตโนมัติ ผ่านไปซักพักก็เเล้วมันก็ยังไม่ขยับจนผมต้องลืมตาขึ้นเเล้วขยับยุกยิกอย่างอยู่ไม่สุข

          ผมพลิกตัวมานอนหงาย หันหน้าไปหาคนตัวโตข้างๆที่หันหน้ามาหาเเต่หลับตาหายใจเข้าออกเป็นจังหวะเป็นหลักฐานเเสดงว่ามันหลับไปเรียบร้อยเเล้ว

          ทำไมมันหลับได้วะ!

          ผมแอบหงุดหงิดที่ตัวเองนอนไม่หลับเพราะรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่าง ผมยื่นหน้าไปใกล้มันเเลบลิ้นใส่นิดนึงเพื่อความหมันไส้ส่วนตัว จากนั้นก็เนียนเขยิบเข้าไปเอาไออุ่นจากตัวอีกคน ยกเเขนหนักๆที่รู้สึกว่ามันเบากว่าที่คิดให้มาพาดเอวตัวเองไว้

          ต้องอย่างนี้สิ

          ผมคิดกับตัวเองในใจก่อนจะหลับตาลงเเล้วจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา
     
          โดยที่ไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มของคนที่คิดว่าหลับไปเเล้ว...


---------------


          เช้าวันต่อมาทุกอย่างยังคงปกติ เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันอาทิตย์ทั้งผมทั้งมันเลยสิงสถิตอยู่ที่คอนโดเหมือนกัน

          ผมตื่นมาตอนประมาณสิบโมงหน่อยๆ เดินง่วงๆหาวหวอดๆออกจากห้อง กลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาทำให้ผมเผยยิ้มขึ้นนิดอย่างรู้ว่าใครเป็นคนทำ

          พอผมโผล่หัวไปทรุดตัวนั่งที่โต๊ะกินข้าวอย่างรู้งาน คนที่ง่วงอยู่กับหม้อกับกระทะก็หันมายิ้มบางๆให้ ซึ่งผมก็ยิ้มตอบก่อนจะก้มมาเล่นกับไอเตอร์ที่เขามาพันเเข้งพันขาผม

           "good morning"คนตัวโตเดินมาพร้อมกับอาหารบอกผมเหมือนทุกวันก่อนที่จะก้มมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมเองก็ขี้เกียจจะทำตัวเป็นสาววัยเเรกเยิ้มที่ต้องมาเขินทุกสิ่งอย่างเลยยิ้มๆเเล้วเดินเข้าโซนครัวเพื่อไปหยิบพวกเเก้วน้ำมา

          ส่วนมากมันก็ทำอาหารสไตล์ฝรั่งๆของมันนั้นเเหละ ไม่ไส้กรอกไข่ดาวกับเเฮม ก็เป็นพวกซุปกับขนมปังเเบบถ้วยเดียวจบ

          ผมนั่งกินอาหารเกือบเช้ากับมันเหมือนปกติ มันก็ยังคงชอบนั่งจ้องหน้าผมขณะที่ผมกิน ทุกอย่างเหมือนปกติมากๆยกเว้นบรรยากาศฟุ้งๆสีชมพูอมม่วงที่ล่องลอยเป็นเเบ็คกราวน์อยู่รอบๆตัวเนี่ยเเหละครับ

          พอกินเสร็จก็เป็นหน้าที่ผมที่ต้องไปล้างจาน ส่วนปกติมันก็คงไปนั่งเเหม็บอยู่หน้าทีวีไม่ก็ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ของมันไป

          "I help.(มา ฉันช่วย)"แต่วันนี้มันกลับเดินตามผมมาเเล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

          "เห้ย ไม่ต้องๆ I can do it"ผมดันอกมันไม่ให้มันมาช่วย ไม่งั้นเวรที่จัดกันไว้ก็ไม่มีความหมายนะสิ

          เเต่มันฟังที่ไหนล่ะ

          "อ้ะ!"ผมร้องออกมาโดยอัตโนมัติ มันไม่ได้พ฿ดอะไรต่อ แต่ด้วยความที่มันมายืนช้อนผมอยู่ด้านหลังเเละมันเขยิบเข้าไปชิดซิงค์น้ำเพื่อยื่นมือไปล้างจานโดยที่ผมยังยืนอยู่น่ะสิ!

          ผมถูกดันจนผมจมไปกับอกมัน ผมเลยจำต้องหันกลับไปสนใจที่จานต่อไม่ได้ เเต่ก็นั่นเเหละ ด้วยสภาพที่อยู่ตอนนี้ทำให้ผมไม่สามารถยื่นมือไปล้างจานได้อย่างใจนึกเพราะติดเเขนเเน่นๆนั่นขวาไว้จนเหมือนโอบกอดผมจากด้านหลัง

          จะล้างก็ล้างได้นั่นเเหละ แต่พอผมยื่นมือไปปุ๊ปอีกคนก็เนียนจับมือผมเพื่อล้างอีกทีเนี่ยเเหละ

          ใบหน้าผมร้อนขึ้นมาซะเฉยๆเพราะการเที่เเนบชิดเเต่เกินควรเเละความอ่อยเเรงของอีกคน

          ตั้งเเต่ที่มันสารภาพดูเหมือนผมจะได้เจออีกด้านที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน

          ท่าทางจะเป็นด้านมืดซะด้วย

          ผมยืนเเข็งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมันล้างจานเสร็จ ผมคิดว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาที่ถูกมันเหน็บไว้ไปเเล้วเสียอีก เพราะเวลามันเอี้ยวตัวไปคว่ำจานผมก็ต้องเอี้ยวตามไปด้วยอยู่อย่างนั้นจนจานหมด...





          กว่าจะสู้รบปรบมือหนีจากมันมานั่งพักอยู่ที่โซฟาได้ไม่นาน ไม่ใช่เเค่ตอนล้างจานนะครับ หลังจากนั้นเมื่อมีโอกาสมันก็จะเข้ามาลวนลามผมตลอด เข้ามานัวเนีย พัวพันเหมือนไอเตอร์หมายเลขสอง ตอนนี้ก็เช่นกัน...

          ถึงผมจะบอกว่าได้นั่งพักก็เถอะ แต่มันก็ยังนอนเหยียดไปบนโซฟาโดยใช้ตักผมเป็นหมอน ส่วนหมอนจริงๆน่ะมันโยนไปไหนเเล้วก็ไม่รู้

          Rrrrr

          เสียงริงโทนสุดคลาสสิกดังขึ้น เเน่นอนว่ามันคือของผม ผมลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะไปหยิบโทรศัพท์ที่นอนเน่าอยู่ในห้องนอน ซึ่งไอฝรั่งก็ยอมยกหัวยอมให้ผมไปดีๆ

          "ฮัลโหล"

          [วันนี้ว่างไหม]เสียงของเพื่อนลอยมาตามสาย ผมจำเสียงมันได้ในทันทีโดยไม่ต้องดูชื่อคนที่โทรเข้ามา

          "ว่าง มีอะไรรึเปล่า ปกติมึงไม่ค่อยโทรหากูนี่"

          [เรื่องงานกลุ่มน่ะ จะถึงเดดไลน์เเล้วนะ]มันพูดด้วยเสียงเฉื่อยๆ

          สมองผมค่อยๆประมวลผลเเล้วนึกย้อนถึงสิ่งที่มันพูด...

          "ฉิบหาย!!! เเล้วทำไมมึงเพิ่งมาบอกวะ!!"

          [กูลืม]ผมเเทบอยากจะพุ่งทะลุโทรศัพท์ไปตบหัวไอพุมันทันที เเต่จะโทษมันคนเดียวก็ไม่ได้เพราะผมเองก็ลืมนี่สิ!!

          "ที่หอมึงใช่ไหม"ผมถามมันอย่างร้อนใจ ผมไม่อยากพลาดคะเเนนเก็บในวิชามหาโหด เเละผมก็อยากจะเรียนจบภายใน4ปีนะ

          [เออ มาไวๆ]

          "เดี๋ยวกูไปเลย เจอกัน"ผมบอกมันเเค่นั้นเเล้วเป็นฝ่ายกดตัดสาย เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเนื่องจากผมยังอยู่ในชุดนอนเน่าๆจากนั้นก็คว้ากระเป๋าตังเเล้วออกตัวทันที

          "Where are you going?(นั่นนายจะไปไหนน่ะ)"

          ไอหมีควายมองตามผมงงๆก่อนจะเดินตามมาเเล้วเอ่ยปากถามในขณะที่ผมใส่รองเท้า

          "Group work with my friends อ่ะ"ผมบอกมันโดยไม่หันไปมองหน้า ตอนนี้กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นกูรีบมากกก

          "When are you coming back?(แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่)"

          "อืม..ดึกๆอ่ะ nightๆเลย"ผมก็ไม่รู้จะแปลเป็นยังไง พอผมบอกอย่างนั้นคิ้วของมันก็กดลงนิด

          "If I don't come back.You don't worry นะ It's mean sleep there เลย"ผมขยายความอีก

           เพราะพอระลึกชาติได้เเล้ว ทำให้ผมได้รู้ว่าเดดไลน์ที่เพื่อนมันพูดถึงคือพรุ่งนี้ยังไงล่ะ เเสดงว่ายังไงก็ต้องเสร็จคืนนี้เท่านั้น!

          "อืม"มันครางรับสั้นๆ หน้าตานี่ดูหงอยลงไปถนัดตา
     
          "But you can call me all time นะ ไปละ บาย!"ผมบอกมันยิ้มๆเเล้วโบกมือลารีบมุ่งหน้าไปหาเพื่อนทันที

          ให้เดานะ อีกคนคงยิ้มเเก้มปริไม่ต่างจากผมหรอก


-------------------------------------------


          "เฮ้อ! ในที่สุด..."ผมพูดพึมพำก่อนจะบิดขี้เกียจยาวๆเเล้วหาวอีกครั้งหลังจากใช้เวลาไปยาวนานหลายชั่วโมงกับการนั่งหลังจดหลังเเข็งพิมพ์งานบนโต๊ะญี่ปุ่นโดยไม่ได้ลุกไปไหนเลย

          นี่ก็เกือบสี่ทุ่มเเล้ว เพื่อนๆของผมก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่ ทั้งไอพุ ไอจีนหรือไอเเต็กก็ตาม

          คิดๆดูเเล้วคืนนี้ผมก็คงต้องค้างนี่เเหละ เพราะถึงงานจะเสร็จเเล้วเเต่ก็เฉพาะตรงส่วนที่ผมได้เเบ่งมา เมื่อผมเสร็จก่อนผมเลย...

          "เอาหัวข้อนี้ไปช่วยกูทำด้วย"

          ได้รับงานเพิ่มนี่ไง...

          "หยุดเลยไอพุ ของมึงน่ะง่ายสุดเเล้ว แต่ดันนั่งสัปหงกไปทำไปแบบนั้นมันเลยไม่เสร็จไง"ผมยังไม่ทันจะได้ไปรับงานเพิ่มจากเพื่อนพุไอเเต็กที่รักก็เเสดงความเป็นครูเเละเพื่อนดีเด่นของมันออกมาทันทีจนน้ำตาผมจะไหล เเต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...

          "เอามาเหอะ ไหนๆกูก็ว่างเเล้ว ช่วยๆกันทำจะได้เสร็จไวๆ"ความเป็นคนดีเเละความไม่คิดเล็กคิดน้อย ผมเลยส่ายหน้าไม่ถือสาเเล้วยินดีรับงานเพิ่ม

          "มึงนี่นะ งั้นมึงไปอาบน้ำอาบท่า หาอะไรกินก่อนไป คนอื่นเขามีพักไปต้มมาม่าบ้างเเต่มึงนี่ไม่ยอมลุกไปไหนเลยตั้งเเต่บ่าย"ไอเเต็กยังคงทำหน้าที่เป็นเเม่คนที่สองผมเลยยกยิ้มนึกเอ็นดูไปเพื่อนคนนี้ขึ้นมาไม่ได้

          "คร้าบคุณเเม่ ไอจีนกูยืมชุดหน่อย"ประโยคเเรกผมหันไปพูดเสียงยานคางให้ไอเเต็กก่อนจะหันไปหาอีกคนที่นอนพิมพ์งานอยู่บนเตียง

          "ในตู้ หยิบๆไปเหอะ ของกูกับของไอพุมันปนๆกันไปหมดเเล้ว"

          ผมเลิกคิ้วนิด จำได้ว่าครั้งเเรกที่ผมมาค้าง ผมเคยเอ่ยยืมชุดไอพุเเต่มันกลับปฏิเสธอย่างเดียวเพราะมันไม่ชอบใช้ของร่วมกับคนอื่น จนผมเอ่ยปากยืมไอจีนจนชิน

          "ไอพุ มึงไม่หวงของเเล้วหรอวะ"เเละด้วยความที่ผมเป็นคนที่สงสัยอะไรก็ถาม หลังจากที่หยิบเสื้อผ้าเรียบร้อยผมก็หันไปถามอีกคนที่จับจองโต๊ะเขียนหนังสือไว้

          "มึงว่างเเล้วก็อย่าชวนคุยสิ กูยังมีงานต้องทำนะ"มันตอบกลับมาเเบบไม่หันมามองหน้าผมด้วยซ้ำ ผมเบ้ปากใส่มันเเบยที่มันมองไม่เห็นก่อนจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างก่อนที่จะได้เข้าห้องน้ำ

          "อันนี้ของใครวะมึง"ผมโผล่หัวไปหาพวกมันเเล้วชูกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆให้พวกมันดู

          "ทำไมมึงจะเอาไปใช้หรอ"ไอจีนเงยหน้ามามองเเวบนึงเเล้วเอ่ยปากถาม

          "พ่อง! กูเเค่ถาม เเบบว่ามึงเล่นมีอยู่ที่ห้องเป็นโหลเลย"ผมไม่ได้เวอร์นะ ที่ผมถามเพราะตั้งเเต่ผมเคยมาห้องพวกมันผมยังไม่เคยเจอถุงยางในห้องมันเลย เเล้วหน้าอย่างมันสองคนไม่น่าจะชอบไปป้าบๆกับผู้หญิงบ่อยๆซะด้วย ถึงมันอาจจะชอบป้าบๆก็เถอะเเต่ผมไม่เคยเห็นมันควงผู้หญิงเลยนะตั้งเเต่คบกันมา

          ถามไปก็กระดากปากไปแหะ ช่างมันละกันถือว่าเรื่องส่วนตัวน้องธีร์จะไม่ยุ่ง

          ผมคิดไปคิดมาก็เก็บความสงสัยที่ไม่ควรสงสัยไง้ดีกว่าเเล้วจะเดินเข้าห้องน้ำแต่ก็ถูกเสียงไอพุขัดขึ้นมาก่อน

          ใครเเม่งบอกผมว่าอย่าชวนคุยวะ

          "เเต่ถ้ามึงจะใช้กูไม่เเนะนำว่ะ"

          "ทำไม หวงของรึไง"

          "เปล่า เเต่มันคงหลวม ฮ่าๆๆ"ว่าเเล้วก็ขำก๊ากออกมาให้ผมส่งนิ้วกลางงามๆให้พวกมัน ไอเเต็กมันยังขำไปด้วยเลยอ่ะคิดดู

          "เอ้อ! เล็กสั้นขยันซอยมึงไม่เคยได้ยินหรอ"ผมบอกพวกมันอย่างภาคภูมิเเล้วหนีเข้าห้องน้ำไปเลย




          "ฮ่า~ อาบน้ำเเล้วสดชื่นชะมัด"ผมพึมพำเหมือนคนเเก่ ยามที่เดินออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นมุ่งไปตรงครัวเล็กๆเพื่อต้มมาม่า

          กลิ่นมาม่านี่มันสวรรค์ชัดๆ

          ตั้งเเต่ที่ไอฝรั่งมาอยู่ผมเเทบไม่ได้กินมาม่าเลย เรียกได้ว่าไม่ได้กินเลยดีกว่า ไม่ผมทำเองมันก็ทำอย่างที่รู้กันว่าสลับกันมาตลอด

          "ฮื้ม...ฮืมม"ผมเดินฮัมเพลงเเล้วยกถ้วยมาม่าใส่ไข่สูตรพิเศษของตัวเองกลับเข้าไปที่ห้องนอนที่กลายเป็นห้องทำงานชั่วคราว

          เเต่พอวางถ้วยมาม่าบนโต๊ะญี่ปุ่นเรียบร้อยทรุดตัวนั่งเรียบร้อยบิดขี้เกียจอีกหนึ่งทีก็เพิ่งสัมผัสได้ถึงเดดเเอร์ในห้องจนต้องเงยหน้ามองรอบๆ

          "ทำไมมองกูอย่างงั้น"ผมถามเหลอหลาอย่างไม่เข้าใจเมื่อเพื่อนๆทั้งสามพร้อมใจกันหันมาจ้องผมนิ่งเหมือนคาดคั้น

          "อะไร มีอะไรก็พูดดิ กูงงนะเนี่ย"ผมเสริมอีกเมื่อยังไม่มีใครยอมเปิดปากพูด

          จนกระทั่งไอพุเป็นคนพูดขึ้น...

          "มีมีผัวเเล้วหรอวะเตี้ย"

          ถ้าเป็นปกติผมคงด่ามันเรื่องสรรพนามที่ใช้เรียกผมไปแล้ว เเต่ด้วยเนื้อความมันสำคัญกว่าผมเลยเบิกตากว้าง หน้าซีดปากสั่นเหมือนเด็กมีความผิดเเล้วถูกจับได้ขึ้นมาซะอย่างนั้น

          "เปล๊า! มึงเอาอะไรมาพูดวะ"เเต่ถึงอย่างนั้นปากผมก็มักจะไปก่อนที่จะได้ไตร่ตรองอะไร

          ...เเม่งมีชัวร์...

          ปฏิกริยาตอบรับที่ทำให้คนฟังมีความคิดตรงกันเเบบไม่ต้องเอ่ย

          "ถ้าไม่มีเเล้วคนที่โทรมาเป็นใคร ผัวฝรั่งด้วยนะมึง"

          ชิบหาย! เเม่งมาโทรอะไรได้ถูกจังหวะขนาดนี้วะไอหมีควายยยยยย!

          ผมร้องไห้อยู่ในใจเเล้วกร่นด่าอีกคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเเต่ดันโทรมาได้ถูกเวลาสุดๆ

          "กะ..ก็คนนั้นที่พวกมึงเคยเจอไง ที่เป็นเมทกู"

          "เมทเหี้ยไรเมมชื่อว่า'Hubby'วะ เผื่อมึงโง่อิ้งไม่รู้ว่าตัวเองเมมอะไรลงไปนะ ไอคำนี้เอาไปเสิชดิกเสิชดิ๊กของมึงยังไงมันก็เเปลว่า'ผัว'เว้ย!!"

          ไอเหี้ยหมีควาย!!!!!

          "กูว่ามึงคงไม่ได้ซอยเเล้วว่ะ ไอ้เล็กสั้นของมึงเนี่ย"

          มึงก็ด้วยไอเพื่อนเหี้ย!!!!







หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.19 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-08-2016 13:42:38
 :hao7:

โอ้ยฮา หนูธีร์จะเอาถุงยางไปใช้ทำไรเหรอคะ? ชาตินี้คงไม่ได้ใช้แล้วอ่ะค่ะ ให้ออสตินใช้แทนละกันเนอะ!

(ตกลงออสตินนี่เป็นใครนิ มีคนคุ้นๆหน้าด้วยอ่าาาาาาาาา)

>< อยากอ่านต่ออีก อยากได้ความมุ้งมิ้ง อยากได้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.18 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 28-08-2016 15:32:43
จะรอดไม่รอด รอดู

555
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.20 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 29-08-2016 14:20:00
Chapter20
| Boyfriend





          จบสิ้นเเล้วชีวิต

          "ทำไมทำหน้าอย่างนั้นสิเพื่อนรัก"เพื่อนตัวดีนามไอจีนเดินมาตบบ่าผมปุๆ ทำหน้าเหมือนสงสารผมมากมาย เเต่ผมเห็นริมฝีปากมันกระตุกจนบาทาผมจะกระตุกตามปากมันอยู่เเล้ว

          "นั่นสิ ทำหน้าบึ้งๆอย่างนี้เดี๋ยวผัวไม่รักนะ"

          "เนอะไอจีน ดูสิหน้าดำคร่ำเครียดเชียว"

          ผมละเบื่อไอลูกคู่ลูกรับสองคนนี้จริงๆ เข้ากันได้ดียิ่งกว่าปี่กับขลุ่ย ยิ่งในเวลาเเบบนี้มันนี่กวนตีนได้โล่จริงๆ

          จบสิ้นจริงๆนั่นเเหละ

          โมเม้นสุดเหียกที่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยผ่านมาเเละคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี

          เมื่อเพื่อนรู้ความลับของเราเข้า...

          เพื่อน+ความลับ = ฉิบหาย

          เป็นสมการที่ถูกต้องเเละไม่มีทางเปลี่ยนเเปลงเป็นค่าคงที่เเน่นอนด็อกเตอร์ธีร์ยืนยันนอนยันนั่งยัน

          ขออธิบายความฉิบหายนี้ก่อน สิ่งที่จะตามมาคือ...การล้อที่ไม่มีวันสิ้นสุด

          เเละ...การหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นคำขู่

          ฮือออ แค่คิดชีวิตก็เหนื่อย

          "พวกมึงเลิกเเซวมันได้เเล้ว มันก็แค่มีผัวเอง"เกือบดีละครับ ไอแต็กมันเกือบได้เป็นฮีโร่ในสายตาผมไปแล้วถ้าไม่ติดประโยคสุดท้าย

          พวกมึงจะอะไรนักหนากับคำว่าผัววะ!

          หลังจากตอนนั้น ไอฝรั่งมันก็ยังจะโทรมาหาผมอีกรอบซึ่งตอนนั้นผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์กดรับทันที สิ่งที่ได้คือเสียงก่อกวนจากเพื่อนร่วมห้องที่ชอบทำเสียงประหลาดๆเช่นเสียงอะอร๊างไม่ก็ตะโกนให้เสียมันเข้าโทรศัพท์จนผมต้องตัดสายทิ้ง

          ไอเพื่อนเวร!!

          "ไอแต็ก"

          "ห้ะ?"

          "ไปหาไรกินกัน กูไม่อยากอยู่กับพวกเเม่งเเล้ว"ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนตัวเล็กทันที ถึงมันจะพูดเเซวผมบ้างเเต่ก็ไม่หนักหน่วงเท่าไปสองตัวนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำตอนนี้เลยคือรีบปลีกตัวออกจากพวกมัน

          ว่าเเล้วก็คว้าเเขนเพื่อนตัวเล็กเเล้วก้าวฉับๆทันที ซึ่งพวกมันสองตัวก็หัวเราะไล่หลังมา จากนั้นก็แยกกันไปอีกทาง

          "เอ้อ! จารย์'ว่าไงบ้างอ่ะ"ผมนึกขึ้นได้ระหว่างทางเดินไปโรงอาหาร คือไอแต็กเป็นตัวเเทนเอางานไปส่งครับ วันนี้ไม่มีคลาสเเต่อาจารย์เเกยังจะนัดส่งงานลำบากพวกผมที่นั่งทำงานโต้รุ่งต้องเเหกขี้ตาตื่นเอางานมาส่ง ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยว่าทำไมไอสองเกลอมันยอมลามือจากผมไปง่ายๆ เพราะมันง่วงไงล่ะครับ

          ทั้งที่พวกเเม่งทำงานน้อยจะตาย

          "ก็ไม่ว่าอะไรอ่ะ ก็เหมือนเดิม คงต้องลุ้นเอา"มันตอบเสียงเหนื่อยๆ

          "กูว่ามึงกลับไปนอนก่อนไหมวะ ท่าทางมึงไม่ไหวเเล้วนะตามึงก็แดงๆ"

          สภาพมันนี่เหมือนซอมบี้มาก คือมันทำงานหนักสุดเลยครับ นอกจากจะต้องทำส่วนของตัวเองเเล้วมันยังต้องตรวจงานพวกผมด้วย ถ้าไม่ได้ยังไงมันก็จะให้แก้ แต่เมื่อคืนผมช่วยมันได้ไม่เท่าไหร่ก็สลบ แล้วมันก็ดันไม่ปลุกผมขึ้นมาช่วย นั่งทำตาแหกอยู่คนเดียว

          "ไม่เป็นไรหรอก โต้รุ่งวันเดียวไม่คณามือไอกลองเเต็กหรอกเว้ย!"มันกำหมัดเเล้วชูขึ้นเพื่อเป็นการยืนยันเเล้วระบายยิ้มบางๆ

          "เออกูรู้ว่าไอกลองเเต็กของกูมันเก่งอยู่เเล้ว"ผมยิ้มเเล้วพุ่งไปกอดคอมัน ยื่นมือไปยีหัวมันอย่างมันเขี้ยวไม่ได้

          "ผมกูเสียทรงหมด!"มันปัดมือผมออก เเล้วก็วิ่งนำหน้าผมไปเลย มีการหันมาเเลบลิ้นใส่ด้วย

          "ทำเหมือนตอนเช้ามึงเซ็ตมาอย่างนั้นเเหละ"ผมพูดไม่ดังมากนักซึ่งมันก็คงไม่ได้ยินเพราะวิ่งไปนู้นเเล้ว

          ผมยิ้มออกไม่รู้จะขำหรือเอ็นดูนิสัยเด็กๆของมันดี ทั้งๆที่ผมเพิ่งมารู้จักมันก็ตอนเข้าปีหนึ่งซึ่งถ้านับจริงๆเเล้วยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ

          แต่...ผมรู้สึกโชคดีนะที่มีเพื่อนดีๆเเบบมัน


---------------------------------


          "มึงรับใช่ไหม"

          พรวดดดดด!!!

          "แค่กๆ ไอเเต็ก แค่ก มึง แค่กๆ"ผมถึงกับสำลักน้ำก๋วยเตี๋ยวที่กำลุงซด เมื่อจู่ๆมันก็ยิงคำถามแบบที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว

          กูขอยึดตำแหน่งเพื่อนดีเด่นของมึงคืนด่วนเลย!

          "ใจเย็นๆ กูเเค่ถามเองนะ"ทันยื่นทิชชู่มาให้ก่อนจะนั่งท้าวคางมองผมเหมือนมันเป็นคำถามปกติอย่างกินข้าวรึยัง ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่

          "มึงถามทำไม"

          "ก็แค่อยากเเน่ใจอ่ะ"

          "เออ...มั้ง"ผมตอบอ้อมเเอ้มเผลอเสตาหลบมัน เเล้วทำเป็นเอาทิชชู่มาเช็ดปากอีกรอบ

          "ไม่ต้องมามั้ง ใช่คนที่เคยมาส่งมึงตอนนั้นป่ะ"มันยังคงจ้องหน้าผมไปถามไปเหมือนจะใช้จิตวิทยากับผม  ผมนี่ถอนหายใจเเล้วถอนหายใจอีกสุดท้ายก็ยอมเเพ้ไถตัวไปโต๊ะโรงอาหารเเล้วยอมตอบทุกคำถามของมันไปตรงๆ

          "อือ"

          "..."

          "มึงถามกูมีไรป่ะเนี่ย ปกติมึงไม่ใช่พวกชอบถามในเรื่องที่กูไม่บอกนิ"ผมถามมันกลับ เหลือบมองมันอย่างสงสัย มันเป็นพวกเอาที่เพื่อนสบายใจไว้ก่อนน่ะครับ ถ้าไม่บอกส่วนมากมันไม่มานั่งจิกตาละลาบละล้วงเเบบนี้หรอก  แต่ที่ถามออกไปเเค่สงสัยนะครับ คือไม่ได้จะว่ามัน ถ้ามันอยากรู้ผมก็ยินดีบอกอยู่เเล้ว

          ถ้าเทียบกับอีกสองหน่อนั่น...

          ผมขอบอกไอแต็กดีกว่าครับ

          "เปล่าหรอก...แล้วพี่เรนล่ะ ไม่ใช่ว่าคบกับมึงอยู่หรอ"มันส่ายหน้าปฏิเสธเเล้วถามผมต่อ

          "อันนั้นกูเเกล้งเป็นเฉยๆเหอะ พี่เขาขอความช่วยเหลือมาน่ะ"

          "งั้นหรอ...แต่ไอฝรั่งนี่ของจริงใช่ไหม"

          "อ่าหะ...เเต่กูก็บอกไม่ถูกว่ะ...คือเขาไม่ได้พูดว่าขอกูเป็นเเฟนหรืออะไรนะ"ผมตอบอย่างไม่มั่นใจ จะว่าไปมันค่อนข้างจะคลุมเคลือเเละยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่..

          "อ่า...แล้วมึง..เอ่อ.."มันอ้าปากถามต่อ เเต่คราวนี้กับอึกอัก หน้าเริ่มขึ้นสีเเดงระเรื่อให้ผมขมวดคิ้วสงสัย

          "มึงถามมาได้เลย กูตอบมาขนาดนี้เเล้ว"

          "เอ่อคือ...เอ่อ..มึงกับเขา.."มันยังคงอึกอักเหมือนจะพูดเเล้วก็ไม่พูดซักที

          "กูกับเขา?"

          "เอ่อ...มีไรกันยังอ่ะ"พอมันถามจบก็หันมายิ้มแห้งๆให้ผม ส่วนผมน่ะหรอ...อ้าปากค้างจนเห็นลิ้นไก่เเล้วมั้งหน้าก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ พอตั้งสติได้ผมก็ตอบมันเสียงดังอย่างลืมตัว

          "ยังโว้ย!!!!"


          "อะ..อ่อ"มันชะงักไปนิดนึงที่ผมตอบมันเสียงดัง ผมเองก็ชะงักปากทันทีเมื่อลืมไปว่าตัวเองนั้นนั่งอยู่กลางโรงอาหาร...คนนี่มองกันให้พรึ่บ

          "..."

          "..."

          "เอ่อ...ไอแต็ก..คือกู..เอ่อ..สงสัย"พอเริ่มตั้งสติได้ผมก็ถือโอกาสรวบรวมความกล้าจะถามในสิ่งที่สงสัย เเต่จะถามไปมันก็กระดากปากแปลกๆเลยอึกอั่กอยู่พักใหญ่

          "สงสัยว่า?"

          "เอ่อ...คือ..ผู้ชายกับผู้ชายนี่..."อุณภูมิที่ใบหน้าร้อนขึ้นเรื่อยๆอย่างที่ผมเองยังสัมผัสได้ ถึงจะเอ่ยปากถามไปเเต่ก็ไม่กล้ามองมันตรงๆเหล่มองมันทีเเล้วเสตาไปทางอื่นสลับไปมา

          "หยุด! มึงไม่ต้องพูดเเล้ว!"มันยกมือห้ามขึ้นก่อนที่ผมจะถามจบ ไอแต็กยกมือปิดหน้าตัวเองก่อนจะส่ายหน้ารัวๆเหมือนรับไม่ได้

          ผมเองก็กระดากปากเเต่ใจมันก็อยากรู้ มันก็ออกจะเคอะๆเขินๆนิดหน่อยเวลาจะพูด..

          "คือนั่นเเหละ..คือ..มันแบบ จะยังไงวะ.."

          "ธีร์...มึงเห็นกูเป็นคนยังไง"มันเหลือบตามามองหน้าผมเเบบที่ยังไม่ละมือที่ปิดหน้าไว้ เเต่ก็พอมองออกว่าหน้ามันนี่เเดงเเจ๋ยิ่งกว่าผมซะอีก

          "ก็แบบ..กูไม่รู้จะถามใคร"ผมยิ้มแหะๆ เห็นมันเป็นคนรอบรู้ก็คิดว่ามันจะรู้นี่หว่า..

          "เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ"คราวนี้มันฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะเเล้วพูดเสียงอู้อี้ ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับมัน

          "อืม กูก็ว่างั้นแหละ"



---------------------------------------------



          "โย่"

          "อ่าว พี่เรน"

          หลังจากหาอะไรกินจนอิ่มท้องผมก็เเยกจากไอกลองเเต็กมา ต่างคนต่างอยากกลับไปหาเวลานอนเพิ่ม ไอผมน่ะไม่เท่าไหร่เล่นหลับยาวตั้งเเต่เมื่อคืนเเต่มันน่ะโต้รุ่งเเบกสังขารมาส่งงานได้นี่ก็เก่งเเล้ว

          และพอเดินออกมาทางหน้าคณะก็เจอรุ่นพี่ตัวสูงยืนพิงบิ๊กไบค์คันโปรดเเล้วโบกมือทักทายด้วยใบหน้ายิ้มเเย้ม

          นี่ผมลืมเขาไปได้ยังไง..

          "เออ เสาร์หน้าว่างป่ะ"ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อผมเดินเข้าไปหา เสาร์หน้าหรอ..

          "ว่างครับ พี่มีอะไรรึเปล่า"

          "คือคนที่ตามติดพี่อยู่เขาขอนัดเจอน่ะ"

          "ห้ะ! แล้วพี่จะลากผมไปทำไม"ผมหน้าตาตื่น เอาไปไม่โดนเจ๊เเกตบข้อหาไปเป็นก้างหรอ

          "นี่อย่าบอกว่ามึงลืมไปเเล้วนะว่าตอนนี้เป็นเเฟนพี่อยู่"

          เออว่ะ นี่ผมลืมไปเลย ช่วงนี้ในหัวมันมีเเต่เรื่องของอีกคนเต็มไปหมด

          "เเหะๆ"ผมได้เเต่หัวเราะเเห้งๆออกไป ซึ่งท่าทางเเบบนี้พี่เรนก็คงดูออกว่าผมลืมไปเเล้วจริงๆเลยเอื้อมมือมาผลักหัวผมเเบบไม่เเรงนัก

          "นัดนี้ห้ามเบี้ยว โอเคไหม"

          "โอ...ไม่สิ! คือเรื่องเเฟนนี่ขอยกเลิกได้ไหมอ่ะ"ผมเกือบจะหลวมตอบตกลงไปแล้วเเต่จู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าสถานะตอนนี้ของผมไม่เหมือนก่อนเเล้ว ผมไม่ใช่บักธีร์ผู้ไร้คู่อีกต่อไป!

          "หืม ทำไมล่ะ"

          "คะ..คือผม..เอ่อ"

          "มีแฟนเเล้ว?"พี่เรนเลิกคิ้วถาม ส่งให้ผมชะงัก...จะว่าไปสถานะของผมกับไอหมีควายก็ยังไม่ชัดเจนขนาดเรียกว่าเเฟน ผมเองก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองซะด้วย

          "ก็ไม่เชิงเท่าไหร่"ผมตอบไปอย่างไม่เต็มปาก หลบสายตาเจ้าเล่ห์ของรุ่นพี่ร่างสูงที่กำลังจ้องมาเหมือนมองผมทะลุไปหมด

          "งั้นก็มีคนที่ชอบเเล้ว?"

          "ก็...ประมาณนั้นมั้งครับ"ผมยิ้มแห้งเกาหัวเเกรกอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

          พี่เรนเงียบไปพักใหญ่ผมก็ได้เเต่ก้มหน้าสำนึกผิด คือจากข้อตกลงมันไม่มีกำหนดก็จริงเเต่คือนี่เพิ่งผ่านมาได้ไม่ถึงเดือนดีด้วย ผมไม่น่าเป็นคนคิดน้อยจนตกลงรับปากไปตอนนั้นเลยให้ตายสิ

          "งั้นขอวันเสาร์นี้วันสุดท้ายละกัน หลังจากนั้นถือว่าสัญญาปากเปล่าเราจบเเล้วโอเคไหม"

          "อ่า...โอเคครับ"ผมพยักหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้

          "งั้นซัก10โมงเดี๋ยวพี่ไปรอรับที่หน้าหอนะ"พี่เรนสรุปก่อนจะยื่นหมวกกันน็อคมาให้ผม

          "ให้ผมทำไมพี่"
         
          "เอ้า! นี่ผ่านไปสองสาววันสมองมึงฝ่อหรอไอธีร์ ก็จะให้พี่ช่วยติวถาษาอังกฤษฉบับเร่งรัดไม่ใช่รึไง"คิ้วเข้มของหนุ่มลูกครึ่งกดลงนิดเมื่อเห็นหน้าเอ๋อๆงงๆของคนที่รับหมวกกันน็อคไปเเล้วถามเสียงซื่อ

          สงสัยสมองผมฝ่อจริงๆด้วยว่ะ ลืมเเม่งทุกอย่างเลย

          พอนึกขึ้นได้ผมก็เตรียมเอาหมวกกันน็อคใส่หัวกะจะกระโดดขึ้นซ้อนบิ๊กไบค์คันงาม เเต่ยังไม่ทันที่หมวกกันน็อคจะได้เข้าที่สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่ที่ยืนหน้าทะมึนทิงอยู่ไม่ไกล จังหวะที่ผมหันไปเจอผมเเน่ใจว่าผมสบตากับเขาเเล้วเเน่ๆเเต่สิ่งทีได้กลับมาทำเอาผมช็อก

          สบตาเเล้วสะบัดหน้าหนีอย่างนั้นมันคืออะไร!

          ผมถึงกับต้องรีบถอดหมวกกันน็อคนั่นออกก่อนจะยื่นให้พี่เรนไวๆเเล้วเดินตรงไปหาอีกคนที่ยืนกอดอกมองไกลๆก็รู้เเล้วว่าอารมณ์ไม่ดี เเม้จะไม่ได้ออกอาการทางสีหน้ามากมายหากเเต่คนที่ปกติมีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลากลับเหลือเพียงใบหน้านิ่งๆ

          "เอ่อ มาtake me home หรอ"ผมถามออกไปอย่างโง่ๆ เผยยิ้มที่คิดว่ามันจะช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นเเต่ไม่ คนตัวโตยังคงหน้าตึงจ้องมาเขม็ง

          จ้องเขม็งเเบบที่เลยหัวผมไปน่ะนะ

          "โย่"เสียงทักทายอย่างอารมณ์พร้อมกับเเขนหนักๆที่พาดลงมาที่ไหล่ผม พี่เรนที่เดินตามมาตอนไหนก็ไม่รู้กำลังฉีกยิ้มอารมณ์ดีเเล้วยักคิ้วให้ไอฝรั่งเป็นการทักทาย

          ที่เหมือนคนได้รับจะเข้าใจว่ามันคือการท้าทายเสียมากกว่า

          สองสายตาสบกันราวกับมีสายฟ้าเล่นเปรี๊ยะๆอยู่เหลือหัวผมจนคนกลางอย่างผมก็ได้เเต่ละล้าละลังไม่รู้จะทำยังไงต่อ

          "อ่า..เอ่อ..คือ"

          "He is mine(เขาเป็นของฉัน)"

          ประโยคเดียวสั้นๆพร้อมทั้งเเรงดึงให้ผมหลุดออกจากวงเเขนของพี่เรนเเล้วไปปะทะเข้ากับอกเเกร่งของคนพูดเเทน

          "Hmm..That is?(หืม...อย่างนั้นหรอ)"

          "Don't mess with him anymore(อย่ายุ่งกับเขาอีก)"

          "You don't have the right. The one who will decide is him(นายมีสิทธิ์อะไร คนตัดสินใจว่าจะยุ่งไม่ยุ่งมันคือเขา)"

          ขวับ!

          แล้วพวกมึงจะหันมาทางกูทำไมครับ!

          จากที่คุยกันอยู่ดีๆจู่ๆทั้งคู่ก็หันมามองหน้าผมเหมือนรอคำตอบ ไอผมที่หลุดออกจากอ้อมอกของไอหมีควายมาตั้งเเต่สองคนเริ่มเปิดปากวางมวยกันก็ได้เเต่ทำหน้าเอ๋อเพราะถึงเเม้จะยืนฟังอยู่เเต่กูไม่เข้าใจโว้ย!!

          คนนึงก็ลูกครึ่งอีกคนก็ฝรั่งจ๋า

          หัดเห็นใจคนไทยเเท้ๆตาดำๆอย่างผมหน่อยได้ไหม!

          "มึงจะเลือกใครไอธีร์"

          "ห้ะ! อะไร ทำไมผมต้องเลือก"

          "ระหว่างรุ่นพี่ที่เห็นมึงมาตั้งเเต่ปิกาจูเท่านิ้วก้อยโดดน้ำคลองหลังบ้านมาด้วยกันกับไอฝรั่งตาน้ำข้าวที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงเดือนดี"

          โอโห พี่เรนเเม่งโคตรโกงพูดซะขนาดนั้นไม่ยัดเงินใส่มือผมเลยล่ะ ไอฝรั่งเหมือนมันก็อยากจะไซโคผมบ้างเเต่คงตระหนักได้ว่าพูดมาผมก็ฟังไม่รู้เรื่องมันเลยใช้สายตาสื่อมาเเทน

          เป็นสายตาที่ผมมองเเล้วอยากจะเอื้อมมือไปลูบหัวมันจริงๆ สายตาที่เหมือนหมาตัวโตๆที่อ้อนเจ้าของว่า'อย่าทิ้งหนูไปเลยนะ'อะไรทำนองนี้

          "ไม่เอาอ่ะ ทำไมผมต้องเลือก ไม่มีเหตุผลอะไรเลย พี่ก็เป็นรุ่นพี่ผมส่วนไอหมีควายนี่ก็เป็น..เป็น.."ผมส่ายหน้าหวือเพราะมันไม่ได้มีส่วนเชื่อมโยงใดๆเลยที่ผมต้องเลือกหนึ่งในสองคน แต่พอพูดออกไปกลับชะงักพร้อมกับเสียงที่เเผ่วลงตรงท้ายประโยค

          "เป็น..."ผมพูดเสียงเบายามที่คิ้วทั้งสองข้างเคลื่อนเข้าหากันอย่างคิดมาก

          อาการติดอ่างที่ทำให้คนถามเหยียดยิ้มเเล้วยักคิ้วไปทางไอฝรั่งตัวสูงใหญ่ แต่ฝรั่งนั่นกลับไม่ได้ใส่ใจท่าทีกวนบาทาของดาร์เรนเเม้เเต่อย่างใด ดวงตาน้ำข้าวกลับจับจ้องไปทางร่างเล็กที่ยังหาคำต่อไม่ได้

          ท่าทางจะฟังภาษาไทยออก

          ความคิดของคนที่เผยยิ้ม ไม่ใช่ยิ้มท้าทายเพื่อกวนใครอีกคนเเต่เป็นรอยยิ้มบางๆเเห่งความยินดี

          "เฮาะ"ดาร์เรนเเสร้งทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนเย้ยหยัน แต่ฝรั่งนั่นกลับไม่สนใจ ท่าทางตอนนี้ในสายตาของอีกฝ่ายคงมีเเต่คนตัวเล็กนั้นเเหละ

          "เอ่อ...รูมเมท"สุดท้ายผมก็เอ่ยออกมาอย่างไม่เเน่ใจเเถมยังเบาสุดๆ พอเงยหน้าขึ้นก็เจอกับสายตาผิดหวังของไอหมีควายกับพี่เรนที่ยืนอมยิ้ม

          นี่ผมทำอะไรผิดรึเปล่า?

          หมับ!

          ยังไม่ทันจะได้ไขข้อข้องใจ มือใหญ่ของชาวต่างชาติก็คว้าเข้าที่ข้อมือผมก่อนจะลากผมไปด้วย ผมหันมาหาพี่เรนอีกครั้งเพื่อจะบอกลา เเต่พี่เขาก็ขยับปากแบบไม่มีเสียงเพื่อบอกอะไรบางอย่างเเก่ผม

          'สู้ๆ'

          นั่นคือสิ่งที่พี่เรนบอกมา

          ผมยังไม่หายงงกับทุกสิ่งอย่างรอบตัว จู่ๆไอฝรั่งก็หยุดเดินพอมองดูก็พบว่ามาถึงรถคันหรูที่เจ้าตัวบอกว่าไปยืมมาจากคุณโคลด์

          ฟรึบ!

          "มะ...มีอะไรรึเปล่า"ผมเเทบสะดุ้งเมื่อจู่ๆมันก็เอาเเขนทั้งสองข้างกักตัวผมเอาไว้แบบที่หลังผมเเนบไปกับรถ

          ตอนเเรกก็หวั่นๆหากเเต่พอเห็นรอยยิ้มบางๆทีกลับมาประดับบนใบหน้ามันเหมือนเดิมเเล้วก็พอทำให้หายใจหายคอได้โล่งขึ้นมาบ้าง

          "I'm sorry that don't make it clearly.I don't know that Asian have to say that word clearly.(ฉันขอโทษที่ทำให้มันไม่ชัดเจน ฉันไม่เคยรู้ว่าคนเอเชียต้องพูดขอตรงๆน่ะ)"มันพูดเเล้วยิ้มบางๆ ก้มหน้าลงมาใกล้ผมมากขึ้นจนผมเริ่มทำอะไรไม่ถูกอุณภูมิบนใบหน้ามันเริ่มพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

          "เอ่อ.."

          "Will you be my boyfriend?(เป็นเเฟนกันนะ)"







หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.20 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 29-08-2016 15:34:31
say yesssssss!!!!!!

ตอบได้แค่คำตอบเดียวนะคะธีร์


โอ้ยยยย หวานกันจริง อิจฉาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ขอตอนต่อไปด่วนค่า ขอร้องงงงง

/นั่งพับเพียบกอดขา
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.20 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 29-08-2016 23:22:58
ขอเป็นแฟน??

สุดยอดเลยฝรั่ง,,,
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.20 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 31-08-2016 15:15:37
ยิ้มจนปวดแก้ม
โอ๊ยย น่ารัก
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.20 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 31-08-2016 18:39:12
อร๊ายยย~ เขาขอเป็นปฟนกันแล้วว~~ :mew3:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.20 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-08-2016 22:12:41
ธีร์ ตอบเลยๆ  Yes .  :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.20 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-09-2016 08:56:09
อ่านไปแ่านมา เหมือนตอนแรกพี่เรนรักน้องธีร์ป่ะคะ แต่ไม่อยากสารภาพเด๋ยวเสียน้อง??
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.20 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 10-09-2016 15:05:40
ตลกน้องธีร์คอร์กี้ทุกตอน  :m20: ทำไมบื้ออะไรแบบนี้หื้อออ  :laugh:
ชอบสำนวนเขียนมากเลยอ่ะ รอตอนต่อไปนะคะ  :mc4: :call:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.21
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 16-09-2016 17:05:31
   
Chapter 21

| Friend trader


         "ดูอะไรอยู่วะเตี้ย"

          "เฮ้ย! ไอจีน! เอาโทรศัพท์กูคืนมา!"ผมร้องอย่างตกใจเเทบจะถลาไปคว้าโทรศัพท์ตัวเองคืน เป็นครั้งเเรกที่ผมรู้สึกน้อยใจโชคชะตาเเละกรรมพันธุ์ที่ให้ส่วนสูงผมมาเเค่นี้ เพราะเพียงไอจีนชูเเขนขึ้นสุดผมก็ทำได้เเค่โดดหยองเเหยงให้ไอพุมันหัวเราะเล่นเท่านั้นเเหละ

          ฮืออ ทำไมมึงทิ้งกูไว้กับสองตัวนี้ล่ะไอแต็ก

          ผมครวญครางหาเพื่อนตัวเล็กที่เป็นที่พึ่งเดียวที่ดันหายตัวแบบติดต่อไม่ได้ในเวลาเเบบนี้ ซึ่งคาดว่าคงจะเป็นธุระทางบ้านมันอีกตามเคย

          "เอ...ผู้ชายกับผู้ชายทำกัน..."

          "ไอจี๊นนนนนนน!!!"ผมหลับหูหลับตาเรียกมันเสียงดังทันทีเมื่อมันอ่านออกเสียงตามตัวอักษรที่ยังค้างอยู่ในช่องค้นหาเป็นหลักฐานมัดตัว

          "ไหนๆเเม่งเสิร์ชจริงหรอวะ"ไอพุที่นอนฟุบอยู่นี่หูหางกระดิกรีบชะโงกตัวไปอ่านโทรศัพท์ของผมที่ยังคงอยู่ในกำมือไอจีนมันก่อนที่มันจะทำเสียงไม่น่าเชื่อได้น่าถีบที่สุด

          "ว้าว น้องธีร์เราอยากมีผัวจนตัวสั่นเเล้วหรอ"

          "เมื่อไหร่พวกมึงจะเลิกเสือกเรื่องของกูวะ หัดทำตัวเหมือนไอแต็กบ้างได้ไหม"ผมขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับพวกมันสองตัวเลยได้เเต่ถอนหายใจหนักๆพูดเหมือนคนปลงชีวิตเเล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หินอ่อนอีกครั้ง

          "ไอแต็กน่ะตัวดี"

          "มึงว่าอะไรนะไอจีน"ผมเอ่ยปากถามเมื่อจู่ๆมันก็พึมพำๆอะไรซักอย่าง

          "เปล่า นี่มึงรู้ไหมที่พวกกูชอบเสือกเพราะกูเป็นห่วงเพื่อน"ไอจีนยักไหล่เเล้วกลับมานั่งลงตามเดิมเเล้วยอมยื่นโทรศัพท์คืนผมมาเเต่โดยดี

          มีการกดเข้าเว็บอะไรไว้ให้ด้วย
     
          "อ้อ เว็บนั้นละเอียดสุดเเล้วถ้ามึงอยากรู้"

          ผมถลึงตาใส่มันนิด นี่พวกมันคิดว่าผมเป็นคนยังไง ผมไม่ใช่พวกหมกมุ่นในเรื่องเเบบนี้ซักหน่อย ก็เเค่อยากจะเอาเรื่องพวกนี้ไปเป็นความรู้ประดับสมองก็เท่านั้นเอง...เพราะฉะนั้นกดใส่เข้าไปในรีดดิ้งลิสต์ก็คงไม่แปลกสินะ

          "ต้องอดอาหารด้วยหรอวะ"ผมพึมพำกับตัวเองยามที่ไล่สายตาไปตามตัวอักษรที่ยาวเป็นพรืด ละเอียดอย่างที่ไอจีนว่าจริงๆด้วย

          "มึงก็คิดสภาพถ้ามึงกำลังเอากันเเล้วขี้มึงไหลออกมาพอดี มึงคิดว่าควรอดไหม"คราวนี้เพื่อนพุที่ฟุบหน้าลงกับเเขนตัวเองบอกเสียงเนือยๆฉบับเเบบของมัน เเต่ไอเนื้อความนี่ไม่น่าอภิรมย์ใจเลยซักนิด

          ผมเบ้หน้าทันทีเมื่อดันบ้าจี้ไปคิดภาพตามมัน

          "ต้องล้างด้วยหรอวะเนี่ย"ผมพึมพำกับตัวเองอีกรอบเมื่อไล่สายตาลงมาในลำดับต่อมา

          "ถึงมึงจะไม่แดกอะไรเลย เเต่มึงก็อย่าลืมว่ารูนั้นคือรูขี้"

          "ไอพุมึงหยุดพูดเรื่องขี้ๆซักทีได้ไหม"

          พวกมึงเข้าใจคำว่าพึมพำกับตัวเองกันบ้างไหมครับ! กูไม่ได้ถามเเค่พึมพำน่ะเข้าใจไหม! กูคุยกับตัวเองมึงเข้าใจไหม!

          แต่ไอพุมันเเค่ยักไหล่ไม่เเคร์เเล้วกลับไปฟุบหลับตามเดิม

          "มันเเต่ศึกษาทฤษฎีชาตินี้ก็ไม่เข้าใจ ของเเบบนี้มันต้องปฏิบัติเลยรอบเดียวรู้เรื่อง กูรับประกัน"

          "ไม่ดีมั้งมึง แค่ฟะ..แฟนกันก็ใช่ว่าต้องทำเนื่องเเบบนี้นี่หว่า"เเค่พูดคำว่าแฟนออกมาอุณภูมิบนใบหน้าก็พุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากวันนั้นที่ผมตอบตกลงมันไปอย่างมึนๆนี่ก็ผ่านมาสามวันเเล้ว...เเต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยซักนิด

          "มึงไม่รู้หรอไอธีร์ เซ็กซ์นี่เป็นปัจจัยสำคัญของชีวิตคู่เลยนะมึง ถ้าเป็นเเฟนกัน นิสัยเข้ากันได้เซ็กซ์เข้ากันได้เเสดงว่าเขาคือเนื้อคู่มึงเเล้ว เเล้วมึงอย่ามาโกหกกูเลยว่ามึงไม่อยากลอง"ไอจีนพูดเหมือนมันเป็นปรมาจารย์ด้านนี้โดยเฉพาะ เเต่ก็อดยอมรับเลยว่าก็อยากลองจริง ไม่งั้นคงไม่มานั่งหมกมุ่นเสิร์ชกูเกิ้ลเเบบนี้หรอก

          "กะ..ก็กูไม่เคย"

          "แฟนคนเเรกของมึงนี่เนอะ"มันเน้นหนักๆตรงคำว่าเเฟนจนผมอยากจะมุดดินหนี เเต่ผมต้องเเสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้านกับคำๆนั้นเเล้วเก็กเสียงนิ่งว่าตามตรง

          "เออ ก็เพราะอย่างนี้ไงกูถึงได้มานั่งกลุ้มใจอยู่เเบบนี้"

          "ให้พวกกูช่วยไหมล่ะ"

          "ช่วยอะไร?"ผมขมวดคิ้วถามมันอย่างไม่เข้าใจ

          "ช่วยเพิ่มความกล้าให้มึงไง ใช่ไหมไอพุ"มันว่าก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปหาอีกคนที่เงยหน้ามามองนิ่งเเล้วตอบสั้นๆ

          "เออ"

          ผมได้เเต่มองหน้าพวกมันสองตัวสลับไปมาอย่างไม่เข้าใจ ทั้งๆที่สัมผัสได้ว่าไอ'ช่วย'ของมันนี่จะไม่ค่อยน่าไว้ใจเเต่ก็อดสงสัยจนสุดท้ายก็พลั้งปากตอบตกลงไปจนได้...


---------------------------------------


Nampu's part

          Rrrrrrrrrrr

          "มึงรับเลยไอจีน"ผมล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงไอธีร์ที่ตอนนี้สลบไสลเป็นศพนอนอืดอยู่ข้างๆเเล้วโยนไปบนเตียงที่มีร่างของรูมเมทที่เป็นคนต้นคิดแผนนี้ขึ้นมา

          ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับมันนะ

          "Hello~ it's me"ไอรูมเมทชื่อจีนเเต่หน้าเสือกไทยรับโทรศัพท์ด้วยเพลงฮิตติดชาร์ตอย่างอารมณ์ดี ซึ่งพอรับปุ๊ปมันก็จัดการเปิดลำโพงให้ผมได้ยินด้วยอย่างรู้งาน

          [Who are you!? Where is Thee!?(คุณเป็นใคร! เเล้วธีร์ไปไหน!)]

          อุหวา...ท่าทางจะเดือดจริง

          "I'm Jean and I’m Thee's friend. Thee said he already told you that he would come with us.(ผมจีนเอง เป็นเพื่อนของธีร์น่ะ ธีร์บอกผมว่าข้อความไปบอกคุณเเล้วหนิว่าจะมากับพวกผม)"

          [I see. Sorry for that. I just worried about him even though I knew he was with you guys. But you know this is so late now.(อ่า..ขอโทษด้วย ฉันเกิดห่วงเขาขึ้นมาน่ะ ถึงจะรู้ว่าอยู่กับพวกนายเเต่นี่มันดึกมากเเล้ว)]

          "Sorry I didn't know how late it was. (โทษที ไม่คิดว่าจะดึกขนาดนี้เเล้ว)"ไอจีนพูดหน้าระรื่นจนผมอดจะเบะปากกับความตอเเหลขั้นสุดของมันไม่ได้

          ไม่รู้เหี้ยอะไรล่ะ

          [So when's he gonna come back?(แล้วเมื่อไหร่เขาจะกลับ)]เสียงของไอฝรั่งดังกลับมา

          "He can't. As you already know, we came to drink and he got drunk. So let him sleep here.(คงไม่ได้กลับหรอก ก็อย่างที่บอกว่ามาดื่มกัน ตอนนี้มันสลบไปเเล้ว ให้นอนที่นี่เถอะ)"

          [No way!(ไม่ได้เด็ดขาด!)]

          "Then come to pick him up by yourself. I will send you a location, bye (ถ้าอย่างนั้นก็มารับเอาเองละกันเดี๋ยวเเชร์โลเคชั่นไปให้ บาย)"ว่าจบมันก็ตัดสายไปทันทีไม่วายหัวเราะหึหึเป็นการปิดท้ายเเล้วโยนกด โทรศัพท์ไอธีร์เเชร์โลเคชั่นตามที่มันบอกไว้จากนั้นก็โยนมันทิ้งไว้บนเตียง

          "อื้ออออ"เสียงอืออึงในลำคอเรียกสายตาพวกผมทั้งสองให้หันไปมอง ไอธีร์นั่งตาปรือๆเหมือนคนง่วงนอนเเต่ก็ไม่หลับ จากนั้นมันก็ค่อยๆไหลตัวลงนอนคุดคู้บนพื้น มันบิดขี้เกียจเหมือนหาท่าที่สบายที่สุดทั้งยังชอบส่งเสียงประหลาดๆออกมาทุกครั้งที่มันขยับตัว พอมันได้ที่ก็เเจ็บปากเเล้วก็สลบคาที่

          เป็นอัปกริยาที่คุ้นตาไปเเล้วสำหรับพวกผม

          "มึงคิดว่ามันจะรอดไหมน้ำ"ไอจีนถามขึ้นมาสายตามันยังคงมองไปที่ร่างของเพื่อนตัวเตี้ย

          ผมตวัดสายตาไม่พอใจมันนิดหน่อยเมื่อมันใช้ชื่อต้นผมเวลาเรียกซึ่งมันรู้อยู่แก่ใจว่าผมไม่ชอบเพราะมันเหมือนชื่อผู้หญิง แต่พอมันหันมาสบสายตาขวางๆของผมกลับเเค่หัวเราะออกมา ผมเลยขี้เกียจพูดมากพูดกับมันไปก็เผลืองน้ำลายหันกลับไปมองไอธีร์ที่ก่อนจะพูดออกมาตามจริง

          "ฝรั่งนั่นดูจากท่าทางเเล้วใช่ย่อย ถึงเเม้ไอธีร์จะมองไม่เห็นธาตุเเท้ของมันก็ตามเถอะ เเล้วมึงบอกให้มันอดอาหารเเต่เสือกให้แดกเหล้าเนี่ยนะ"เขาบอกผีย่อมเห็นผี เเค่มองเเววตาไอฝรั่งหัวน้ำตาลทองนั่นครั้งเเรกผมก็รู้เเล้วว่าหวังจะงาบเพื่อนผม เเต่สิ่งที่หมาเตี้ยนี่เห็นคงต่างจากผมมากโข

          "ก็บอกเเล้วว่าอันนั้นมันภาคทฤษฎี มึงก็รู้นิว่าภาคปฏิบัติมันเป็นยังไง"

          "เออ ขอให้สำเร็จนะไอแผนจับเพื่อนใส่จานให้คนอื่นเนี่ย"ผมพูดอย่างเอือมๆ พยายามไม่ใส่ใจการยักคิ้วหลิ่วตาเหมือนมีนัยยะของไอจีน เเล้วกลับมาสนใจเบียร์ในมือต่อ

          "คนอื่นของมึงก็ว่าที่ผัวมันนั้นเเหละ"มันพูดเเล้วยิ่งกริ่มเหมือนสนุกกับการเสือกชิวิตเพื่อน ผมก็ได้เเต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ

          "งั้นกูนอนก่อนนะ"ผมวางกระป๋องเปล่าในมือไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยก่อนจะลุกขึ้นไปทิ้งตัวลงบนเตียง ไม่วายถีบไอคนที่นั่งอยู่ก่อนไปด้วยความหมันไส้จนมันไถลลงไปนั่งบนพื้น

          "ถีบทำเหี้ยอะไร"

          "ไปดูไอธีร์นู่น"ผมตอบกลับมันก่อนจะกระชากผ้าห่มขึ้นมาปิดตั้งเเต่คอยันปลายเท้า หันหน้าเข้ากำแพงเเบบที่มองก็รู้ว่าไม่ต้องการจะเสวนาด้วย

          "ดูทำไมไอธีร์ ดูมึงดีกว่า"

          ไม่หันไปมองยังรู้เลยว่ามันยิ้มอยู่

          "กู-จะ-นอน"ผมผงกหัวขึ้นเน้นทีละคำ เห็นมันยิ้มเกาะขอบเตียงเหมือนคนบ้า
     
          ผมก็ยิ้มตามมันนะเเต่เท้านี่เตรียมยกยันมันไปอีกรอบ เเต่ครั้งนี้มันไวกว่าเหมือนคาดไว้เเล้วว่าผมต้องทำมันเลยคว้าหมับเข้าที่ข้าเท้าของผมทันทีเมื่อผมยกออกมากะจะยันเข้าที่หน้ามัน

          ก่อนที่จะเบิกตากว้าง จากที่ง่วงๆกริ่มๆนี่ตื่นเต็มตาเพราะจู่ๆมันก็นึกพิเรนท์...

      จุ๊บ

          "ไอจีน!!"

          ผมเรียกมันเสียงดัง กระเด้งตัวขึ้นนั่งพยายามจะสะบัดให้ข้อเท้าหลุดจากการเกาะกุม หัวคิ้วผมเเทบจะชนกันอยู่เเล้วทั้งๆที่ปกติเป็นคนที่ไม่ค่อยเเสดงอารมณ์ทางสีหน้าเเละเพราะความจริงในจุดนี้ทำเอาไอจีนยิ่งชอบใจที่ทำให้ผมหงุดหงิดได้สำเร็จ เเต่ถึงอยากจะเเกล้งยังไงเเต่มาจูบที่เท้ามันก็ไม่โอเคนะเว้ย!

          ช็อตเมื่อกี้นี่ขนลุกซู่เลย แขนมันก็ล็อกเเน่นเหลือเกิน จนผมต้องใช้เท้าอีกข้างยันไหล่มันเอาไว้ มืออีกสองข้างก็ดันหัวมันสุดเเรงจนคอมันเเทบหักเเต่มันก็ยังพยายามที่จะก้มลงมาจูบเท้าผมให้ได้

          ไปๆมาๆมันก็พาตัวเองขึ้นมาบนเตียงได้สำเร็จ จนตอนนี้อะไรเป็นอะไรผมไม่รู้เเล้ว จะจับจะเเงะมือมันก็ซนไปหมด จนจากง่วงกลายเป็นหงุดหงิดจากหงุดหงิดจนจะโกรธเเล้วที่มันเล่นไม่รู้เรือง

          ผมกับไอจีนเราตัวพอๆกัน ไม่มีหนาบางกว่า หุ่นนี่โคตรโคลนนิ่งกันมาเลยเถอะ ฉะนั้นเเรงเราก็มีพอๆกัน ศึกต่อสู้ปัญญาอ่อนบนเตียงนี้มันเลยยืดยาวมาก

          "ปล่อย"ผมบอกมันเสียงนิ่ง ตอนนี้ผมยังอยู่ในท่าที่ถูกมันล็อค ถึงจะเเรงพอๆกันเเต่ศิลปะการต่อสู้ผมด้อยกว่ามันเเน่ๆ ฉะนั้นผมแก้ท่าล็อกของมันไม่ได้หรอก เลยยอมอยู่นิ่งๆ

          "ไม่ปล่อย"

          "มึงจะปล่อยดีๆไหม"

          "ไม่ปล่อย"มันตอบเเล้วยิ้มระรื่น ให้ผมกระตุกยิ้มนิดก่อนจะเอื้อมมือไปยังจุดยุทธศาสตร์..

          หมับ!

          "โอ้ยๆ!!! ไอน้ำ โอ้ย! กูยอมเเล้วมึงกูยอมเเล้ว! อย่าบีบไอห่า! โอ้ย!!"ไอจีนดีดดิ้นเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกทันทีทั้งยังรีบขอโทษขอโพยเอามือออกเป็นพับวัน พอมันยอมปล่อยผมออกมาดีๆผมก็ปล่อยมือออกเเล้วว่าสั้นๆ

          "ไปนอนพื้น"

          "เห้ย!"

          "มึงอยากสูญพันธุ์ไหมไอจีน"

          "เเต่..!"

          ก็อกๆ

          "มึงไปเปิด ส่งมันเข้าเรือนหอให้เรียบร้อยด้วย"ผมบอกมันเเล้วเหล่ไปทางธีร์ที่นอนจูบพื้นอยู่ มันก็ยอมเเต่โดยดีก้มลงไปประคองตัวไอธีร์ขึ้นมา ซึ่งพอประคองปุ๊ปไอธีร์ก็ปรือตาขึ้นมาทันทีเเล้วเอามือคล้องคอไอจีนอย่างรู้งาน

          ใครคิดว่าการมอมเหล้าไอธีร์เเล้วมันหลับนี่คือแผนล่มนี่คือคุณคิดผิดมหันต์ ไอธีร์ตอนเมาน่ะมีสามระดับ ตอนเเรกจะโวยวายบ้าบอตามประสาคนเมา ซักพักมันจะหลับ เเต่ขั้นสุดท้ายนี่...โคตรซนเลยครับ

          ผมชะโงกหน้ามองตามมันไป ห้องผมไม่ได้ใหญ่มาก เเค่ชะโงกไปจากปลายเตียงก็เจอเเล้วประตู เเละสายตาผมก็ไปสบกับอะไรบางอย่างในมือไอจีน

          จริงๆเลย

          ผมส่ายหัวกับการยุ่งกับเพื่อนเเต่เกินเหตุ ขนาดเจลหล่อลื่นกับถุงยางมันยังเตรียมไว้ให้ ผมเห็นมันยัดๆไว้ในกระเป๋ากางเกงไอธีร์อย่างทุลักทุเลเพราะกล่องถุงยางเเม่งมีเป็นโหลจนในที่สุดมันก็ต้องโยนทิ้งใส่ไว้ให้อันสองอัน เเล้วค่อยเปิดประตู

          ตอนนี้ก็ผูกโบว์ประเคนไอธีร์ให้ขนาดนี้เเล้ว ถ้าไม่ได้กันนี่...ต้องพิจรณาเเล้วนะคุณหมอ


--------------------------


Austin's part

          ผมรีบขับรถมารับคอร์กี้ตามที่อยู่ที่เพือนเขาส่งมาให้ผ่านโทรศัพท์เเล้วก็พบว่าเป็นหอพักที่อยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมาก จะพูดให้ถูกคือซอยถัดจากมหาลัยเลยก็ว่าได้

          ขนาดคอนโดธีร์อยู่ใกล้เเล้ว ของเพื่อนเขานี่โคตรใกล้เลย

               ก็อกๆ

          ผมเคาะประตูห้องตามเลขห้องที่เขาส่งมา เเละไม่นานประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างของเพื่อนเขาคนนึงที่ผมจำชื่อไม่ได้...นี่มันอะไรกัน

          หัวคิ้วผมขยับเข้าหากันเเทบจะทันที เมื่อเห็นสภาพของคอร์กี้ที่เอามือคล้องคอเพื่อนตัวสูงไว้เเถมยังเอาหน้าซบอกอีกฝ่าย

          "อืออ"

          แล้วไหนจะเสียงครางแปลกๆที่มาพร้อมกับการเอาหน้าถูไถอกเพื่อนนี่อีก!

          เพราะอย่างนี้ไงเลยไม่ไว้ใจให้เขาค้างกับเพื่อน ยิ่งเมาๆอยู่ด้วย

          "Thanks"ผมรีบกล่าวสั้นๆก่อนจะยื่นมือไปรับตัวร่างเล็กมา ซึ่งคอร์กี้ก็ว่าง่ายเหลือเกินดึงมาปุ๊ปคล้องคอปั๊ปเเล้วเอาหน้าซบอกผมทันทีเหมือนที่ทำกับเพื่อนเมื่อกี้

          ผมเเบกเขาค่อนข้างทุลักทุเลเพราะส่วนสูงที่ต่างกันมากเกินไปจนสุดท้ายผมก็ตัดสินใจช้อนตัวเขาขึ้นมาไว้ในอ้อมเเขนเเล้วพาไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่

          แหมะ

          เสียงวัตถุบางอย่างร่วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเขาในระหว่างที่ผมพยายามจะยัดตัวเขาเข้ารถ มันร่วงเเล้วกลิ้งลงไปอยู่ตรงที่วางเท้า พอก้มลงไปกะจะเก็บมันขึ้นมาเเต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามันคืออะไร

          ถุงยางอนามัย..

          ปัง!

          ผมรีบยัดสิ่งนั้นไว้ในเก๊กตรงคอนโซลรถเเล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ลูบหน้าตัวเองเเรงๆ

          ไอรอยยิ้มแปลกๆของเพื่อนเขานี่คงเป็นเพราะอย่างนี้สินะ

          ผมสะบัดหัวไล่ความคิดมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาซึ่งส่วนมากจะโยงไปเรื่องใต้สะดือซะส่วนใหญ่ พอตั้งสติได้ก็เดินอ้อมไปประจำฝั่งคนขับและรีบออกรถเพื่อที่จะไปถึงห้องได้ไวที่สุด...แต่ใครจะคิดว่าเเค่บนรถคนตัวเล็กข้างๆก็แผลงฤทธิ์เสียเเล้ว

          "หมี...หมีควาย"จู่ๆคนที่คิดว่าหลับไปเเล้วเพราะฤทธิก็เปิดปากพูดขึ้นมาเป็นภาษาไทย เเต่ด้วยความที่ผมขับรถอยู่ผมเลยไม่สามารถหันไปมองเขาได้เเบบเต็มๆตา...

          "งั่ม"

          "เฮ้ย!"ผมร้องเสียงหลงเเต่ยังคงสติไว้ได้ไม่งั้นคงได้แหกโค้งเเวะเข้าข้างทางกันไปแล้ว เมื่อจู่ๆคอร์กี้ก็ดันทำตัวเหมือนคอร์กี้จริงๆขึ้นมาซะงั้นโดยการชะโงกหน้ามาก่อนจะงับเข้าที่ต้นเเขนของผมจนผมสะดุ้ง

          นี่ไม่ใช่เเค่งับเเล้ว! เขากำลังเเทะเลยต่างหาก!

          "Hey! Calm your mind.(เฮ้! ตั้งสติหน่อย)"ผมบอกเขาทั้งๆเเล้วพยายามจะเเงะเขาออกด้วยมือเดียวเพราะอีกมือยังคงต้องขับรถ

          คือมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรหรอกครับเพราะเขาไม่ได้กัดเเบบจมเขี้ยว เเต่กัดเเบบจมเขี้ยวยังดีกว่าการมางับเเง่มๆเหมือนหมาเเทะกระดูกอย่างนี้เลยครับ ไม่รู้ทำไมมันถึงสยิวได้ขนาดนี้

               เเผล่บ

          เอี๊ยด!!!!

          แวะข้างทางด่วน!






หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.21 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-09-2016 21:47:23
หูย ออสตินขนลุกเลยไหมคะ รู้สึกยังไงบ้าง โดนคอร์กี้แทะน่ะ  :hao7:

คืนนี้ธีร์น่าจะรอดอยู่นะ ว่าไหม หื้มมมมม ออสตินคุง
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.21 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 16-09-2016 23:37:46
จะรอดไม่รอด,,,
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.22]
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 17-09-2016 23:50:29
Chapter 22
| Almost


     
"แฮก แฮก"
 
เหนื่อย..
 
แม้จะเคยสู้รบปรบมือกับคนเมามาบ้าง แต่กับคอร์กี้ผมกลับรู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษ เพราะผมต้องใช้ความอดทนสูงมากเลยทีเดียวกับเขาเวอร์ชั่นนี้
 
หลังจากที่ผมไม่สามารถทนได้อีกต่อไปก็ตัดสินใจตบไฟฉุกเฉินเเวะข้างทางโดยด่วน เเล้วย้ายตัวเขาไปอยู่ด้านหลังเเทน คาดเข็มขัดให้ด้วยไม่งั้นคงได้กลิ้งลงมานอนอยู่ที่พื้น
 
ถ้าไม่ย้ายผมคงได้ตบะเเตกกลางทางเเน่ๆ
 
ดีที่หลังจากที่ย้ายเขาไปเบาะหลังเรียบร้อยเขาไม่ได้เเผลงฤทธิ์อะไรอีก...ถ้าไม่นับการที่พยายามจะปีนมาข้างหน้าให้ได้เเต่ติดเข็มขัดนิรภัยน่ะนะ
 
            คนเมานี่มันไม่มีสติจริงๆเพราะเเทนที่เขาจะเเกะออกกลับหันไปงับมันซะเฉยๆ เเถมยังทำหน้าทำตาเหมือนเกลียดมันที่ไม่ยอมปล่อยให้เขาได้ทำดั่งใจอีก
 
ผมที่มองเขาผ่านกระจกมองหลังเผลอหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับท่าทางน่ารักๆของเขา
 
คอร์กี้หนอคอร์กี้
 
 
 
 
ผมจะพาเขาเข้าห้องเเล้วออกมานอนที่โซฟา ผมจะพาเขาเข้าห้องเเล้วออกมานอนที่โซฟา ผมจะพาเขาเข้าห้องเเล้ว...
 
"อื้อออ จะไปไหน"เสียงงัวเงียเหมือนคนกึ่งหลับกึ่งตื่นดังขึ้นไล่หลังพร้อมกับมือเล็กๆที่คว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อผม ทำเอาสิ่งที่ท่องไว้ในใจถึงกับชะงัก
 
"เอ่อ.."
 
"มานอนกานนน นอนๆมานอนกัน!"คนเมายิ้มกว้างผุดลุกขึ้นมาบนเตียงตบที่นอนปุๆเป็นเชิงเชิญชวน ให้คนถูกชวนได้เเต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่
 
"I will sleep there.(ฉันจะไปนอนตรงนั้น..)"ผมว่าเเล้วเนียนเเกะมือเขาออก อีกมือก็ชี้ออกไปนอกห้อง
 
แต่สิ่งที่ได้กลับคือการส่ายหัวดุ้กดิ้กกับการเงยหน้าขึ้นมามองตาใสเหมือนจะบอกผมว่า'จะไปจริงๆหรอ'
 
ธีร์อาจจะไม่ใช่หนุ่มหล่อเเต่ในสายตาผมเขาเป็นคนน่าเอ็นดู ยิ่งมาทำตาใสเหมือนอ้อนหน่อยๆผมอาจจะจับเขาฟัดให้รู้เเล้วรู้รอดไปเลย เเต่ไม่ได้ผมต้องใจเเข็งเอาไว้ ผมไม่อยากฉวยโอกาสตอนเขาเมา
 
"It's already late. Let's go to bed. (มันดึกเเล้ว นอนได้เเล้ว)"ผมเเสร้งเปลี่ยนเรื่องเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมเเงะมือเขาออก คอร์กี้ทำหน้าง้ำงอเหมือนเด็กโดนขัดใจ โอ้ย ทำไมตอนเมาเขาถึงได้ทำตัวน่ารักอย่างนี้นะ
 
ผมดันไหล่เขาให้นอนไปกับเตียง เขาดูฝืนตัวไว้เเต่ยังไงก็สู้เเรงผมไม่ได้เเม้ว่าผมจะออกเเรงไม่เต็มที่ก็เถอะ เอาทำหน้ายู่ใส่ผมเมื่อตัวเองถูกกดลงจนหลังเเนบไปกับเตียง ซึ่งผมก็ได้เเต่ท่องยุบหนอพองหนอในใจเเล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมให้เขา
 
หมับ!
 
แต่เเล้วก็เจอคอร์กี้แผลงฤทธิ์อีกจนได้...
 
"Shit!"คราวนี้ถึงกับเผลอสบถคำหยาบออกมา เมื่อคนที่นอนอยู่บนเตียงใช้จังหวะที่ผมจะเอื้อมไปหยิบผ้าห่มที่กองอยู่ตรงปลายเท้ากระชากผมจนผมถลาไปบนเตียง ยังดีที่เอาเเขนค้ำไว้ทันไม่ร่วงไปทับเขาไม่งั้นเขาเเบนเเน่ๆ
 
"คิกๆ"
 
ยังมีหน้ามาขำอีก!
 
ผมอยากจะพุ่งเข้าไปขย้ำเขาให้รู้เรื่องไปเลย เเต่อย่างที่บอกว่าผมไม่อยากจะฉวยโอกาสกับเขาเลยได้เเต่กัดฟันกรอดยันตัวเองขึ้น เเต่...คนซนก็ยังคงซนไม่เลิก
 
หมับ!
 
"นอนๆ นอนกันเถอะ อยากนอนนนน นอนโด้ยกันนน"คนเมายื่นเเขนมาคล้องรอบลำคอผมเเล้วดึงเข้าหาจนหน้าเราจะชนกัน เเค่เเขนยังไม่พอขายังเอามารัดรอบลำตัวดึงเข้าหาตัวจนอะไรๆมันเเนบชิดหันไปหมดอีก
 
"เอ่อ...ธีร์"ผมกลืนน้ำลายเอื้อกกับความขี้ยั่วของเขา เริ่มวางสายตาไม่ถูกเมื่อถูกล็อกคอให้มองเเต่หน้านวลของคนใต้ร่าง ดวงตาที่ไม่ได้กลมโตเหมือนตุ๊กตาบลายธ์ ไม่ได้เฉี่ยวคมเหมือนเหยี่ยวเเต่เป็นดวงตาที่ผมหลงไหล...ดวงตาที่ตอนนี้สะท้อนเงาของผมชัดเจน
 
ตอนนี้ใจน่ะมันเริ่มหายเเข็ง เเต่ดันมีอย่างอื่นมันเเข็งเเทนนี่สิ
 
จริงๆจะผละออกผมก็คงทำได้ เเต่ตอนนี้จู่ๆสมองก็ตื๊อเหมือนถูกตรึงอยู่กับใบหน้าของคนที่ยิ้มกว้างหัวเราะคิดคักอย่างคนไม่มีสติ ส่วนมือที่เคยใช้ยันเตียงไว้ตอนนี้เริ่มอยู่ไม่สุข ลูบไล้ไปตามผิวเนียนที่เคยแอบลวนลาม
 
นุ่ม..หอม..
 
รู้สึกตัวเองเหมือนโรคจิตก็ตอนนี้ เมื่อมือเริ่มลูบไล้ไปตามเเขนตามขาอีกคนจนตอนนี้เลื้อยเข้าไปอยู่ใต้สาบเสื้อเรียบร้อยเเล้ว
 
ธีร์ไม่ใช่คนผอม ออกจะเจ้าน้ำเจ้าเนื้อเสียด้วย เหมือนในห้องเขาก็พอมีเครื่องออกกำลังกายเเต่ตั้งเเต่มาอยู่ด้วยผมไม่เคยเห็นเขาใช้เลยซักครั้ง เเต่ก็ดีเเล้ว..จับไปตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือ เเถมผิวยังทั้งนุ่มทั้งลื่นเสียจนหยุดมือตัวเองไม่ได้
 
หยุดไม่ได้จนขนาดที่ว่าเสื้อนักศึกษาเขาปลิวลงไปข้างเตียงตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
 
แผ่นอกสีแทนสวยช่างดึงดูดสายตาผมได้ดีเหมือนเคย ผิวเขาสวยมากนอกจากจะเป็นสีเเทนธรรมชาติเเล้วยังเนียนอีก จนไม่สามารถห้ามสายตาที่มองไล่มาเรื่อยๆจนถึงยอดอกสีเข้มที่กำลังชูชันสู้เเอร์หนาวๆยิ่งทำเอาต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่จากนั้นก็ใช้นิ้วสะกิดมันเบาๆเเต่เเค่นั้นก็เพียงพอเเล้วที่จะทำให้คนไม่เคยถูกสัมผัสสะดุ้ง
 
"อ้ะ!"ธีร์ร้องออกมาด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก เผลอแอ่นแผ่นอกเข้าหาอัตโนมัติ
 
พอเห็นท่าทีเเบบนั้นผมก็ยิ่งได้ใจ ใช้นิ้วขยี้เเรงๆก่อนจะเลื่อนตัวลงไปครอบริมฝีปากลงไปดูดดุนเม็ดเล็กๆนั้นให้คนใต้ร่างบิดเร้าเเล้วส่งเสียงครางปนหอบช่วยกระตุ้นด้านมืดของผมเข้าไปอีก
 
ไม่ไหวเเล้ว ปวดหนึบไปหมดเเล้ว
 
ผมข่มตาลง กัดฟันกรอดเพื่อข่มอารมณ์ด้านล่างที่มันอยากจะออกมาสูดอากาศภายนอกไวๆ สุดท้ายก็ไม่ไหวกะจะปลดกางเกงก่อนที่ลูกชายจะขาดอากาศหายใจไปก่อน
 
ฟรึ่บ
 
เเต่ยังไม่ทันจะให้ปลดได้เรียบร้อย คนใต้ร่างก็กระชากคอผมให้เข้าไปใกล้ก่อนจะขยับใบหน้าขึ้นมาจูบ...จูบที่ไม่ประสีประสาเเต่สามารถทำให้หัวใจผมสะดุด
 
"ชอบนะ"

คำพูดสั้นๆหลังจากที่เขาผละออกไป เขาคลี่ยิ้ม เป็นยิ้มที่เห็นเมื่อไหร่ก็มองยังไงก็ไร้พิษสงค์มีเพียงความจริงใจที่ส่งผ่านรอยยิ้ม น้ำเสียงนุ่มเเละดวงตาที่ฉ่ำน้ำ
 
พรึ่บ!
 
"เอ้ะ!"
 
ปั้ง!
 
สุดท้ายผมก็ชนะตัวเองได้ รีบผละออกจากเขาไวๆเเล้วก้าวฉับออกจากห้องปิดประตูเสียงดังเพื่อเรียกสติ
 
ประโยคเมื่อกี้ของธีร์ช่วยเรียกสติผมไว้ได้จริงๆ
 
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงไม่ปล่อยไปตามอารมณ์ทั้งๆที่ผมก็ชอบเขา เขาก็ชอบผม เเถมตอนนี้ยังอยู่ในสถานะเป็นแฟนกันอีกทำไปก็คงไม่เสียหาย...ปกติก็เป็นอย่างนั้นเเหละ จะเเฟนกี่คนๆส่วนมากพอคบปุ๊ปก็ได้ปั๊ปตามลำดับ
 
เเต่ธีร์นั้นต่างออกไป..เขาค่อนข้างพิเศษกว่าสำหรับผม
 
ผมไม่อยากจะให้เขารู้สึกว่าผมคบเขาเพราะเซ็กซ์หรือเเฟนกันจำเป็นต้องมีเซ็กซ์
 
ผมไม่อยากจะหยุดกับเขาเเค่คำว่า'ชอบ'แต่อยากจะหยุดที่คำว่า'รัก'
 
" I have to deal with this first. (คงต้องจัดการกับเจ้านี้ก่อนสินะ)"ผมพึมพำยามที่ก้มมองเบื้องล่าง ที่ยังคงเคารบธงชาติต้านทานเเรงโน้มถ่วงของโลกไม่หาย จนต้องถอนหายใจเเล้วเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการให้มันสงบเสียก่อน
 
 
 
 
Thee's part
 
"มะ..ไม่"
 
"ไม่...ไม่ทำอะไรกูเลย!!!!"
 
ในเช้าวันใหม่ คนเมาเมื่อคืนก็ตื่นขึ้นมาด้วยอาการเเฮ้งค์เล็กน้อย เเต่พอเริ่มตั้งสติได้ยันตัวขึ้นมานั่งบนเตียงที่มีเพียงตนเอง มองไปรอบๆก็เห็นเสื้อของตัวเองถูกโยนทิ้งไว้ข้างเตียง ตอนเเรกก็คิดว่าตัวเองคนได้คงโดนไปแล้วหากเเต่...
 
ช่วงล่างยังอยู่ครบเเถมกูดันไม่เจ็บตูดน่ะสิ!
 
ตอนนี้ไอคนที่ไปดื่มของมึนเมาเพราะการยุยงของเพื่อนที่บอกว่ามันจะเป็นตัวช่วยให้กล้าขึ้นกำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ
 
เมานะครับไม่ได้ความจำเสื่อม มันจำได้หมดน่ะเเหละว่าตัวเองทำอะไรลงไปเพียงเเต่ว่าในเวลานั้นมันเเค่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้นเลยทำอะไรตามใจไปหมด
 
'ชอบนะ'
 
ฉ่า
 
"เอาวะ อย่างน้อยกูก็ได้พูดออกไป"
 
ถึงเเม้จะเขินๆอยู่บ้างที่ได้พูดคำว่าชอบออกไปตรงๆ เเต่พอคิดๆดูเเล้วพอบอกมันปุ๊ปมันก็จ้ำอ้าวออกจากห้องเลยนี่หว่า! ไหนไอจีนบอกว่าถ้าพูดว่าชอบเเล้วอารมณ์มันจะขึ้นกว่าเดิมไงวะ!
 
คิดเเล้วก็ขึ้น ผมอุตส่าห์เตรียมใจมาเเล้วเเท้ๆ อ่อยก็ขนาดนี้เเล้ว มันกลับไม่ทำอะไรเลยเนี่ยนะ!
 
Rrrrrrrr

ผมสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงโทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนจะรีบควานหาเเต่สิ่งที่เจอในกระเป๋ากางเกงกลับไม่ใช่โทรศัพท์
 
ขวดอะไรวะเนี่ย
 
ขวดทรงสูงขนาดพอดีมือสีเเดงมีรูปสตรอเบอร์รี่แปะอยู่ บนนั้นมีโลโก้เเบรนด์ที่คุ้นหูคุ้นตาอยู่ด้วย...Durex
 
"เหี้ย!"พอก้มลงอ่านฉลากถึงกับสบถเเล้วยัดมันเข้าเก๊ะตรงหัวเตียง สะบัดหัวรัวๆเเล้วมาควานหาโทรศัพท์เพื่อกดรับ
 
"ว่า..."
 
[สรุปได้กันไหม แต่ตื่นมารับโทรศัพท์ได้นี่แปลว่ายังไม่ได้ไม่โดนอีกหรอวะ ไอฝรั่งนั่นเเม่งทำอะไรของมัน] เสียงไอจีนดังมาตามสายให้ผมเเอบกรอกตาใสมันนิด
 
"เออครับ กูยังอยู่ดี มึงอยากให้เพื่อนมึงเสียเอกราชขนาดนั้นเลยหรอวะ"
 
[มีผัวทั้งทีมึงจะอยู่เเบบซิงๆหรอวะ เฮ้อ ถ้าไม่ได้ก็ช่างเเม่งเเล้วกูจะไม่เสือกกับชีวิตคู่มึงอีกต่อไปแล้วนะเตี้ย ที่เหลือก็เเล้วเเต่มึงเลย เซ็ง]
 
ตรู้ด...
 
แล้วบ่นเสร็จเเม่งก็วางสายไปเลย
 
เออดีไอเพื่อนเวร!
 
"Ah...good morning. Breakfast's ready.(อ่า..พอดีเลยตื่นเเล้วใช่ไหม ข้าวเช้าพร้อมเเล้วนะ)"
 
ผมหันขวับไปหาต้นเสียงก็พบไอหมีควายยืนยิ้มให้อยู่เหมิอนเคย มันชี้ไปด้านนอกเพื่อบอกว่าอาหารเช้าพร้อมเเล้ว พอมันทำทุกอย่างเหมือนปกติผมเลยได้เเต่พยักหน้ารับหงึกหงัก พอเห็นผมรับทราบเเล้วมันรับเบือนหน้าไปทางอื่นเเล้วเดินออกไปก่อน
 
"Don't forget to take a bath first. (อาบน้ำเเต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนด้วยล่ะ)"
 
อ่า...ลืมไปเลยว่านั่งโชว์พุงอยู่
 
 
 
 
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...จริงๆหรอวะ
 
ความคิดของคนที่นั่งกินข้าวอย่างเหม่อๆ ชอบเผลอมองไปที่คนตรงข้ามทั้งๆที่เคยบอกไว้ว่าอย่าจ้องหน้าคนอื่นตอนกินข้าวก็เถอะ เเต่เรื่องเมื่อคืนมันเอาทำความมั่นใจที่ไม่ค่อยจะมีอยู่เเล้วของผมลดฮวบเลยนะ
 
จะว่าไปหน้าตาผมก็ไม่มีความหล่อหรือน่ารักอยู่เเล้ว มันคงไม่มีอะไรดึงดูดละมั้ง
 
"เฮ้อ"
 
"Are you okay? (โอเครึเปล่า)"
 
"อือ"ผมได้เเต่ครางตอบมันสั้นๆ เมื่อมันเงยหน้าจากอาหารเช้ามาถามผมด้วยสายตาสงสัยที่จู่ๆผมก็ถอนหายใจเฮือกๆ
 
"You can tell me. We’re boyfriends, right.(มีอะไรบอกได้นะ ยังไงเราก็เป็นเเฟนกัน)"มันถามคราวนี้จากเเววตาสงสัยเริ่มฉายเเววเป็นห่วงจนผมถอนหายใจอีกรอบเเล้วถามมันเสียงอ้อมเเอ้ม
 
"นี่..why you do that last night?"
 
"Do what? (ทำอะไร?)"
 
"ก็ do nothing อ่ะดิ! (ก็ไม่ทำอะไรเลยอ่ะดิ!)"พูดเเล้วก็เกิดอายขึ้นมา ถ้าดูจากรูปประโยคมันเหมือนผมอยากมากเลยนี่หว่า
 
"Ah...That…(อ่า..นั่นมัน)"มันยิ้มฝืดๆทำท่าเหมือนกำลังคิดหนักจนผมเริ่มหน้าเสียเเล้วรีบบอกมันรัวๆ
 
"เอ่อ ไม่ต้องตอบเเล้วก็ได้นะ คือ I know that I don't handsome or cute เอ่อ ยูอาจจะไม่มีอารมณ์ร่วมก็..."
 
หมับ
 
เเต่ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคคนนั่งฝั่งตรงขั้ามก็เอื้อมมือทั้งสองมากุมมือข้างนึงของผมไว้จนผมชะงัก ผมมองหน้ามันอย่างสงสัยซึ่งคราวนี้มันก็เผยยิ้มอ่อนเเล้วเปิดปากอธิบาย
 
"You've really misunderstood. Absolutely last night I couldn't control my feelings. Okay, you're probably not handsome or cute in the eyes of others, but for me, you're extremely adorable. (นายเข้าใจผิดมหันต์เลย ที่จริงเเล้วเมื่อคืนฉันเเทบยอดใจไม่ได้ ถึงนายจะไม่หล่อไม่น่ารักในสายตาคนอื่นเเต่ในสายตาฉันนายมันน่ารักน่าเอ็นดูสุดๆไปเลยรู้ไหม)"
 
ฉ่า
 
ผมว่าเดี๋ยวนี้ภาษาอังกฤษผมพัฒนาจริงๆนะ ทำไมผมฟังมันออกหมดเลยวะ ฮื่อ ขอฟังไม่ออกได้ไหมพอฟังออกเเล้วโคตรเขินเลย ยิ่งมาพูดเสียงนุ่มๆหน้ายิ้มๆเเบบนี้อีก
 
"Why you stop ล่ะ (แล้วนายหยุดทำไม)"แต่ผมก็ไม่วายเสหน้าไปทางอื่นเเล้วถามเสียงอ้อมแอ้มเพราะเกิดเขินขึ้นมา แต่คนฟังคงมองเป็นอย่างอื่นเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาหาผมประคองใบหน้าผมด้วยสองมือจากนั้นก็ดันขึ้นเพื่อให้ไปสบตา
 
"Because you told me that you liked me.(เพราะว่านายบอกชอบฉันยังไงล่ะ)"
 
แล้วมันเกี่ยวอะไรฟ่ะ!
 
ผมอยากจะตะโกนถามเขาจริงๆเเต่เหมือนเขาจะรู้ว่าเเค่นั้นคงไม่ช่วยให้คนสมองทึบเเบบผมเข้าใจอะไรมากขึ้นเลยว่าต่อ
 
"When I heard that I felt like I didn't want us to stop at a 'like'. I wanted it to become a 'love' (พอได้ยินนายพูดอย่างนั้นจู่ๆฉันก็รู้สึกว่าไม่อยากให้เราหยุดที่เเค่คำว่าชอบเลย ฉันอยากให้มันกลายเป็น'รัก')"
 
ระ..รัก?
 
"I know it sounds nonsense, but I don't want you to think that I'm dating you because of sex. I want our relationships to be like this forever. And I think you're not ready for that.(เหตุผลอาจจะฟังดูปัญญาอ่อนเเต่ฉันพูดจริงๆนะ ฉันไม่อยากให้นายมองว่าที่คบกับนายก็เพราะเซ็กซ์ ฉันอยากให้ความสัมพันธ์มันยั่งยืน เเละอีกอย่างคือนายยังไม่พร้อมหรอก)"เขาพูดเเล้วปล่อยมืออกจากใบหน้าผมเปลี่ยนมายีหัวเเล้วระบายยิ้มบาง
 
"แต่..ไอไปศึกษามาเเล้วนะ"
 
"Theory and real situation are not the same. If we rushed, it could be your nightmare. Also, last night I didn’t wanna take advantage of the drunkard. (ทฤษฎีกับปฏิบัติมันไม่เหมือนกัน ถ้ารีบร้อนเกินไปมันอาจจะเป็นฝันร้ายสำหรับนายเลยก็ได้ อีกอย่างเมื่อคืนฉันไม่อาจจะฉวยโอกาสคนเมา)"
 
"But let’s get back to this when you’re fully conscious. (ไว้ตอนสติครบถ้วนค่อยมาว่ากันใหม่นะ)"
 
บ้าเรอะ! ตอนสติครบใครมันจะไปกล้าครับ!
 
จุ๊บ!
 
ถึงใจจะว่าอย่างนั้นเเต่คนที่บอกว่าไม่กล้าก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไวๆเเล้วเขย่งขึ้นไปแนบริมฝีปากลงบนปากอีกคนเบาๆเเบบไม่มีการรุกล้ำให้คนได้รับนิ่งอึ้งไป
 
"เออ สัญญาเเล้วนะ!"
 
 
 






หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.22 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 18-09-2016 00:15:37
ปลื้มออสติน นี่หลงธีร์เข้าเต็มเปาเลยสินะ  :hao5:

อย่าลืมไปสู่ขอแล้วลากกลับบ้านที่ตปท.ไปเลยนะคะ ฮิ้วววววววววววว  :hao7:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.22 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 18-09-2016 13:59:34
Chapter23
| Suggestion
 
"ไม่ได้เรื่อง"
 
"ไร้น้ำยา"
 
"ขนาดอ่อยเขายังไม่เอา"
 
"นก"
 
"นกนกนกนกนกนก"
 
"โอ้ย! พวกมึงครับหุบปากซักที!"อันนี้ผมไม่ได้พูดนะ ไอกลองแต็กมันคัมเเบคกลับมาประจำหน้าที่มันเเล้วครับ ขอบคุณมันมากที่มาช่วยด่าไอพวกสองตัวนี้ผมจะได้ไม่เมื่อปาก
 
ไหนไอจีนบอกจะเลิกเสือกไง
 
ผมนี่ถอนหายใจรัวๆเมื่อพอมาถึงมหาลัยปุ๊ป ไอแต็กมันก็สอบสวนผมซะผมงง จนได้ความว่าไอจีนมันเล่ามาก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นเเต่ดันตัดช่วงที่มันชวนผมมอมเหล้าตัวเองเนี่ย!
 
"กูไม่น่าเชื่อพวกมึงเลยจริงๆ"ผมพึมพำ รู้สึกเหมือนตัวเองได้ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง ตอนเเรกก็แฮปปี้อยู่นะเพราะจากที่ไอหมีควายมันพูดมัน...เอ่อเเสดงให้เห็นว่าค่อนข้างเเคร์ผมเลย เเต่พอไอสองเกลอนั่นมาย้ำมาล้อบ่อยๆมันก็ทำเอาเสียเซลฟ์ได้เหมือนกันนะ
 
"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะเตี้ย"ไอจีนก็ไม่วายวอเเวผมด้วยการลุกขึ้นเปลี่ยนฝั่งมานั่งข้างๆเเล้วดึงหัวผมไปซบไหล่มันจากนั้นก็ลูบหัวผมเหมือนเห็นใจสุดๆ
 
เป็นการปลอบที่ผมอยากจะยกจานข้าวฟาดหน้ามันมาก
 
"ไอพุ! เก็บเมียมึงเดี๋ยวนี้!"เเล้วก็เหมือนเคย ไอแต็กไม่ปล่อยให้ผมเอ่ยปาก มันก็พูดขึ้นมาก่อนซึ่งดูท่าจะได้ผลด้วย เพราะไอจีนนี่ปล่อยผมพัลวันเบิกตากว้างขึ้นนิดเเล้วรีบส่ายหน้า
 
"เห้ย! อย่างกูต้องผัวดิวะ!"
 
"เห้ย! นี่มึงยอมรับว่าเป็นผัวเมียกับมันเรอะ!"คราวนี้ผมหันขวับเลย แต่คิดว่าจะได้คำตอบดีๆจากเพื่อนผมไหมล่ะ มันก็เเค่ยักคิ้วให้เเล้วลุกกลับไปประจำที่ข้างไอพุเหมือนเดิมเเล้วทำท่าจะดึงหัวไอพุเข้าไปซบอกมันเหมือนที่ทำกับผมเมื่อกี้
 
"อั่ก!"
 
ถ้าไม่ติดว่าโดนศอกเข้าเต็มๆท้องล่ะนะ
 
"ไอพุ! มึงทำร้ายกูหรอห้ะ!"
 
"เออ"
 
"&฿@-)&&@-/&$%#*"
 
แล้วสุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิมคือเกิดศึกย่อมๆระหว่างมันสองตัวจนผมได้เเต่ถอนหายใจอย่างหน่ายๆเอาข้าวเข้าปากอย่างเหนื่อยๆ
 
"มีแฟนเเล้วทำไมทำหน้าเหนื่อยๆอย่างงั้นวะ ไม่เวิร์คหรอ"ไอแต็กถามขึ้นเรียบๆเเต่ในน้ำเสียงนิ่งๆของมันนั้นเจือไปด้วยความเป็นห่วงอย่างชัดเจน
 
อ่า...ผมทำให้มันห่วงอีกเเล้วสิเนี่ย
 
"โคตรเวิร์คเลยมั้งถ้าจะให้พูด มันเทคเเคร์ดีจนกูคิดว่าตัวเองเป็นง่อย ชีวิตนี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครมาดูเเลนี่หว่า ก็นะคนมันเคยคิดว่ายังไงเราก็ต้องเป็นฝ่ายดูเเลพอมาเเบบนี้เเล้วรู้สึกแปลกๆว่ะ"ผมเลยยิ้มๆตอบมันไปตามตรงมือก็ตัดข้าวราดเเกงที่มันออกจืดๆชอบกล
 
"แล้วรู้สึกดีไหมล่ะ"
 
ผมชะงักมือที่กำลังจะตัดข้าวคำใหม่เพื่อหยุดคิดนิดก่อนจะตอบไปตามตรงอย่างเคย
           
"ก็ดีนะ เอาจริงๆเป็นใครๆก็ต้องรู้สึกดีป่ะ มีคนมาสนใจมาใส่ทุกรายละเอียดขนาดนี้ นี่กูไม่เคยบอกไม่เคยพูดเลยนะว่าไม่ชอบกินอะไรหรือชอบกินอะไร มันยังรู้หมดเลย กูล่ะอึ้ง"อันนี้ไม่ได้เว่อร์ คือเคยมีเหตุการณ์ที่ผมเป็นฝ่ายทำข้าวเช้าเเล้วผมทำข้าวผัด ปกติถ้าทำกินเองผมจะไม่ใส่ถั่วลันเตาเพราะผมไม่ชอบ เเต่วันนั้นผมขี้เกียจทำเเยกเลยทำรวมๆเเล้วกะเขี่ยเอา เเต่ยังไม่ทันเขี่ยไอหมีควายมันก็ตักออกให้เเล้วเอาเข้าปากหน้าตาเฉยเเล้วพูดบอกผมง่ายๆว่า'ปกติไม่กินไม่ใช่หรอ'อะไรทำนองนี้
 
"อ่อ งั้นก็ดีเเล้ว"
 
"แต่กูเเค่ติดใจนิดหน่อยน่ะ ช่วงนี้เอ่อ...จะว่าไงดี คือจะ...จูบกับแฟนมันก็เป็นเรื่องปกติใช้ไหมล่ะ คือหลังจากคืนนั้นที่กูเมามันก็ไม่จูบกูอีกเลยอ่ะ หรือกูรุกมากไปวะมันน่าเกลียดใช่ไหม ก็อย่างว่าหน้าตากูก็ไม่ได้ดีเด่อะไร"ผมเริ่มระบายออกมาอย่างที่ตัวเองก็รู้ตัวนะ เอาจริงๆคือผมเป็นพวกปากรั่วน่ะ มีอะไรก็เล่าหมดไม่ชอบเก็บเอาไว้คนเดียว ตั้งเเต่เข้ากรุงมามีไอแต็กเนี่ยเเหละเป็นเพื่อนคนเเรกที่ผมคุยอะไร ระบายอะไรมันก็คอยรับฟังตลอด
 
"ถึงหน้าตามึงไม่ดีเเต่มึงมีเสน่ห์ของมึงนะธีร์"จู่ๆมันก็พูดเสียงเครียด ให้ผมละสายตาจากจานข้าวเเล้วหันไปมองมันที่อยู่ข้างกายเเทน
 
"หือ?"
 
"มึงน่ะมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่มึงไม่รู้ตัวหรอกว่ามันดึงดูดใครบางคนมากขนาดไหน ถึงตลอดที่ผ่านมาจะไม่ได้มีคนมาชอบมารักเเต่มึงไม่สังเกตหรอว่ารอบๆตัวมึงมีคนที่มึงรู้จักเยอะขนาดไหน คนเราชอบกันรักกันไม่ได้ดูกันที่หน้าตาอย่างเดียวนะมึง มึงอย่าไปคิดว่าตัวเองหน้าตาไม่ดีเเล้วมันจะไม่เอา มึงเเค่เชื่อในตัวมึงเเละเชื่อในตัวมัน มึงก็คือมึงไอธีร์ คนที่มองเห็นเสน่ห์จริงๆของมึงน่ะมีไม่เยอะหรอกนะ"มันร่ายยาวด้วยน้ำเสียงจริงจังเเละจริงใจสุดๆเพื่อย้ำให้ผมรู้ว่ามันไม่ได้พูดเพื่อปลอบผมเเต่อย่างใด
 
"ไอเเต็ก..."ผมเรียกชื่อมันออกมาอย่างบอกไม่ถูก เเม่งเพื่อนดีเด่นของกูจริงๆเลยว่ะ
 
"แล้วเสน่ห์ของไอธีร์เพื่อนกูอย่างเเรกเลยก็คือเป็นคนไม่คิดมาก"มันหันมาฉีกยิ้มให้ผมเเล้วยักคิ้วขึ้นเหมือนจะบอกว่า'ใช่ไหมล่ะ' ให้ผมคิดตามคำพูดมัน
 
นั่นสินะ ผมกลายมาเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเเบบนี่ตั้งเเต่เมื่อไหร่
 
ผมยิ้มกว้างเอื้อมมือไปกุมมือมันไว้ด้วยความรวดเร็วเเล้วเขย่าๆ กะจะเอ่ยขอบคุณที่มันคอยเป็นที่ปรึกษาผมมาตลอดด้วยความซึ้งใจ
 
"ขอบคุ..."
 
"เอ้าๆ พวกมึงจะเล่นเลสกันหรอ ใครผัวใครเมียวะนั่น"
 
"สงสัยปากพวกมึงจะว่างมากนะเอาตีนกูไปอุดไหม"ไอแต็กรีบหันขวับไปหาทางต้นเสียงซึ่งก็คือไอจีนที่ยิ้มกริ่มเเล้วทำท่ากอดตัวเองพร้อมน้ำเสียงตอเเหล
 
"อู้ยย โหดซะด้วย"
 
"กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เบื่อหน้าพวกมึง"
 
"เห้ยไอเเต็ก! กูไปด้วย!"ผมเบิกตากว้างเมื่อเพื่อนตัวเล็กมันหนีศึกด้วยการลุกขึ้นเเล้วเดินสะบัดตูดออกไปอย่างว่องไวชนิดที่ผมต้องรีบเรียกมันไว้เพราะอะไรน่ะหรอ...
 
"ไม่ต้องเลยไอธีร์ อยู่กับพวกกูดีกว่า"
 
"ไม่! ไอพุปล่อยกู๊!!!"
 
นี่ไอพุมันก็เอาด้วยเรอะ! ปกติไอพุเป็นพวกกวนตีนเป็นครั้งคราวไม่หนักเท่าไอจีน เเละมันเป็นพวกใช้สมองที่เกลียดอะไรก็ตามที่ต้องออกเเรง เเต่ตอนนี้มันกำลังเอื้อมเเขนมาฉุดผมที่ลุกยืนเพื่อที่จะตามไปเเต็กไปจนผมเซเเท่ดๆจะเกือบลงไปนั่งตักมันอยู่เเล้วถ้าไอจีนไม่ลุกเเล้วเดินมาข้างหลังผม จับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้ก่อน
 
"มาอยู่กับพวกเราเถอะ ไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะมาเป็นกขค.พวกกู สามพีได้ใช่ไหมไอพุ"เเถมมีการพยักเพยิดหน้าไปทางอีกคนเหมือนที่มันชอบทำซึ่งไอพุมักจะตอบสั้นๆว่า...
 
"เออ"
 
สามพงสามพีเหี้ยอะไรล่ะ!!
 
"ไอแต๊กมึงอย่าทิ้งกูไว้คนเดียวววววววว"
 
เป็นประโยคที่ไม่อาจส่งไปให้ถึงใครอีกคน
 
 
 
 
 
'กูมีธุระด่วน ขอกลับก่อนนะ เก็บกระเป๋าไว้ให้ด้วย'
 
ข้อความจากเพื่อนสนิทตัวเล็กที่หายไปห้องน้ำจนเกือบไปตามเพราะสงสัยว่ามันลื่นหัวฟาดพื้นตายคาห้องน้ำไปเเล้วรึเปล่าทำเอาผมย่นคิ้วเล็กๆ
 
"ห่วงมันหรอ"
 
"ก็เออสิ ช่วงนี้มันมีธุระบ่อยแปลกๆ"ผมตอบไอพุไปเเล้วถอนหายใจเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง หันไปมองกระเป๋าสะพายข้างของไอเเต็กที่วางทิ้งไว้ตรงเก้าอี้
 
"ก็พ่อเเม่มันเป็นด็อกเตอร์ก็คงมีงานนู่นนี่ให้มันช่วยเหมือนเดิมเเหละมั้ง"ไอจีนที่นั่งเฉียงๆพิงตัวไอพุที่ฟุบหลับอยู่ว่าง่ายๆ
 
ท่ามึงยากมากครับเพื่อนฝูง
 
"ก็จริงล่ะนะ"
 
"เอ้อ ไอธีร์มึงบอกว่าที่ไอฝรั่งนั่นมันไม่ยอมทำเพราะว่ามึงยังไม่พร้อมใช่ไหม"จู่ๆไอจีนมันก็ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
 
"อ่า"ให้ผมตอบรับมันด้วยจิตใจหวาดหวั่น
 
หวั่นว่ามันจะไม่ได้คิดอะไรแผลงๆให้ผมทำอีก...แต่ดูจากรอยยิ้มนั้นเเล้วคงไม่เหลือ
 
"เเล้วเมื่อไหร่จะเรียกว่าพร้อมล่ะ"
 
เออว่ะ..ลืมคิดไปเลย
 
เหมือนมันสามารถตีความสีหน้าของผมให้ทันที เพราะมันรีบหมุนตัวมานั่งประจันหน้ากับผมเเล้วดีดนิ้วดังเป๊าะเเล้วพูดด้วยรอยยิ้ม...ที่สาบานได้เลยว่าเห็นทีไรชีวิตฉิบหายทุกที
 
"มึงต้องไปทำความรู้จักกับน้องชายมันก่อน"
 
"ห้ะ? มันมีน้องชายด้วยหรอ?เเล้วทำไมกูต้องไปรู้จัก"
 
"พ่อง กูหมายถึงเจ้าโลกมันต่างหาก"มันทำหน้าเซ็งหน่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยไขข้อข้องใจผมเลยซักนิดเลยต้องทวนคำพูดมันอย่าฉงน
 
"เจ้าโลก?"
 
"โอ้ย! กูล่ะเหนื่อยล่ะหน่ายกับมึงจริงไอพุกูรู้มึงเข้าใจ มึงอธิบายมันสิ"มันพูดเหมือนสุดจะทนกับผม(ไหนมันบอกเลิกเสือก)เเล้วหันไปสะกิดไอพุที่ฟุบอยู่ให้มาช่วยอธิบาย
 
ซึ่งไอพุก็เงยหน้ามานิดหันไปมองหน้าไอจีนเเล้วถอนหายใจใส่เเล้วค่อยหันมามองผมด้วยสายตานิ่งๆของมันเเล้วว่าสั้น
 
"หำ"
 
อ่อโอเค กูเข้าใจเเล้ว
 
เข้าใจก็เเย่เเล้วเว้ย!!


----------------------------------------

"อ่ะ พรุ่งนี้วันเสาร์เเล้วสินะ"ผมพึมพำกับตัวเองยามที่นอนกลิ้งเล่นอยู่บนเตียงอย่างคนไม่มีอะไรทำ กะว่ากลิ้งไปเรื่อยๆเผื่อจะเคลิ้มหลับ แต่พอจังหวะที่เคลิ้มจริงๆกลับต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงแอพพิเคชั่นสีเขียวสุดฮิตที่เด้งเตือนเพราะข้อความของพี่เรนที่ข้อความมาย้ำเรื่องนัดในวันพรุ่งนี้

พรุ่งนี้จบจะได้คบกับมันได้อย่างสบายอกสบายใจเสียที
 
ผมยิ้มเหมือนคนบ้ายามที่กดส่งสติ๊กเกอร์โอเคไปเชิงบิกรับทราบ ตั้งนาฬิกาปลุกให้เรียบร้อยเเล้วกลับมานอนกลิ้งเหมือนเดิม
 
เมื่อกี้จะหลับอยู่เเล้วเชียว
 
เพราะคืนนี้ก็เป็นอีกคนที่ผมนอนไม่หลับเพราะคำพูดของไอเพื่อนสองตัวนั้น คำเเนะนำทีทมันบอกว่า...ถ้ายังไม่พร้อมก็ต้องทำความรู้จักกับมันก่อน..
 
ซึ่งตอนเเรกผมโคตรงงเเละไม่เข้าใจจนกระทั่งมันก้มลงกระซิบ
 
'ก็ออรัลไรเงี้ย สัมผัสเเต่ภายนอกอ่ะเข้าใจไหม'
 
ไอพวกนี้สมองมันมีเเต่เรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็อดเก็บเอามาคิดไม่ได้ เพราะยังไงก็ไม่เสียหายนิถ้าจะลอง...
 
ว๊ากก มึงอย่าไปฟังไอเพื่อนพวกนั้นนะไอธีร์!
 
แกร็ก
 
เสียงเปิดประตูทำให้ผมรีบหลับตาลงเเล้วเเสร้งเป็นหลับทันที ถ้าถามว่าทำไมต้องแกล้งหลับด้วย ตอบได้เลยครับว่าหลังจากคืนนั้นมันแปลกไปจริงๆ
 
กอดบ้าง หอมบ้าง เเต่ไม่จูบเเละ ไม่ยอมเข้ามานอนถ้าผมยังไม่หลับ
 
ถึงบอกว่าไม่ให้คิดมากเเต่มันชัดเจนขนาดนี้มัรก็อดคิดไม่ได้นี่หว่า!
 
ฟึ่บ
 
และก็อย่างที่คาดการณ์ไว้พอมันเห็นผมหลับเเล้วมันก็ปิดไฟเเล้วเดินมาทรุดตัวนอนอีกฝั่ง เอาล่ะ...ได้เวลาเคลียร์เเล้ว
 
ขวับ
 
"เห้ย!"มันร้องเสียงหลงทันทีที่ผมพลิกตัวเองที่จากตะเเคงหันหลังให้มันไวๆเเล้วทั้งเเขนทั้งขาก็เอาไปก่ายมันไว้ทันที
 
"You're not sleepin'?(นายยังไม่หลับหรอ)"ไม่ถามเฉยๆนะ มือเเอบเนียนดันผมออกด้วยเเต่เหมือนมันไม่กล้าดันเเรงผมเลยยิ่งเกาะมันหนึบเเอบบุ้ยหน้าใส่นิด
 
"จะไปsleepได้ไงเล่า มาtalk first เลยนะ"
 
"T-talk?"มันถามหน้าเหลอหลาเหมือนไม่รู้ยังความผิด
 
"ช่วนนี้ยู เอ่อ look weird อ่ะ"
 
"Weird?(แปลก?)"
 
"ใช่! Why you have to sleep after I already sleep ด้วยละ! ไหนจะเอ่อ...kiss อีก"ผมถามออกไปด้วยความสงสัย เเม้หน้าจะหนาขึ้นขนาดไหนเเต่ก็ยังคงความอายไว้เหมือนเดิม ก็เเบบนี้มันหมายถึงผมอยากจูบมันมากเลยไม่ใช่หรือไง
 
"Er...Thee. Can you please be away from me first?(เอ่อ...ธีร์ นายช่วยลงจากตัวฉันก่อนได้ไหม)"ไอหมีควายไม่ยอมตอบยิ้มเเห้งๆใส่เเล้วพยายามจะดันให้ผมกลับไปนอนที่เตียงดีๆเพราะจากตอนเเรกก่ายไว้เฉยๆกลายเป็นปืนมาบนตัวตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
 
"No! ยูตอบไอก่อนสิ มันค้างคาใจรู้ไหม"เเต่ความสงสัยในใจมันมีมากกว่าความอายผมเลยถือโอกาสขืนตัวเอาไว้ นอนเเหมบลงบนตัวโตๆของมันซะเลย
 
"อึก"แล้วปฏิกริยาตอบกลับเป็นการกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมเสหน้าไปทางอื่นนี่หมายความว่าไงครับ!
 
พอมันไม่ตอบผมเเถมยังไม่มองหน้าอีกผมเลยแอบบ่นพึมพำออกมาไม่ได้
 
"ไหนบอกว่าแฟนกันต้องบอกกันไง"
 
หมับ
 
"อื้อ!"
 
มะ..มันจูบ!
 
จูบที่ทำให้ตัวผมเเข็งทื่อ เพราะมันไม่ใช่จูบนุ่มๆอย่างที่มันชอบทำเเต่คราวนี้มันกลับรู้สึกรุนเเรงขึ้น...เร่าร้อนขึ้น เเถมยังเป็นจูบที่โคตรยาวนานเหมือนจะสูบวิญญาณผมออกไปยังไงอย่างงั้น จนผมรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจทุบอกมันมันถึงยอมผละออก
 
"แฮ่ก แฮ่ก"
 
"See? Just a kiss make it like this.(ก็ดูสิ แค่จูบมันก็เป็นซะอย่างนี้ซะเเล้ว)"มันว่าใช้มือหนึ่งปิดใบหน้าตัวเองไว้ส่วนอีกมือก็ชี้ลงด้านล่างให้ผมมองตาม...
 
อะ..อนาคอนด้า
 
 
 





หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.23 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 18-09-2016 14:31:09
มารัวๆเลย ช๊อบชอบ

สกิลของธีร์คือการยั่วโดยไม่ได้ตั้งใจสินะ หึหึ


ออสตินลำบากแน่แท้ =w=b
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.22 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 18-09-2016 23:43:08
โคตรสุภาพบุรุษ,,,
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.23 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 19-09-2016 06:54:18
ไม่น่าเลยป้า ไม่น่ายอมให้ชื่อเรื่องมีผลกับการเข้ามาอ่านเลย น่าจะอ่านตั้งนานแล้ว สนุกมากกกกค่ะ^^

ขอบคุณคนแต่งนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.24
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 19-09-2016 14:24:11
Chapter24
| Corgi vs Anaconda

อนาคอนด้าจริงๆ เเม่งอนาคอนด้าจริงๆนะเว้ย!

ผมนี่อึ้งค้างอย่างคนทำอะไรไม่ถูกยามที่ก้มไปเจอ...เอ่อ อนาคอนด้าที่กำลังชูหัวอยู่ใต้กางเกงตัวสั้นจนต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกเพราะถ้าขยับนิดเดียวขาผมได้ไปโดนมันเเน่ๆ

'มึงต้องทำความรู้จักกับมันก่อน'

เเล้วจะรู้จักยังไงวะเนี่ย ให้ไปเชคเเฮนด์เซย์ไฮกับมันเรอะ!

"Let's sleep.(นอนเถอะนะ)"

หมับ

"Wha!"

นะ...นี่ผมทำอะไรลงไป!!

หน้าเห่อร้อนอัตโนมัติเมื่อจู่ๆมือมันก็ไปเอง ไปไหนไม่ไปตะครุบอะนาคอนด้าที่อยู่ใต้ร่มผ้านั่นอีก

"T-Thee"

"Can I touch it?"ผมถามไปอย่างที่สมองยังตื๊อๆ อยากนึกตบปากตัวเองที่ไวเกินจะได้ไตร่ตรองก็ครั้งนี้ จับไปแล้วยังมีหน้ามาถามอีกกู

"อ่า..อืม"มันตอบเเล้วพยักหน้าให้ ผมพยายามจะไม่มองหน้ามันเลยไม่รู้ว่ามันกำลังทำหน้ายังไง เเต่จะให้ก้มลงไปมองสิ่งที่อยู่ในมือเลยตรงๆเลยก็ทำไม่ได้

นี่ผม...กำลังจับของผู้ชายคนอื่นอยู่...

ถอยตอนนี้ยังทันนะไอธีร์

"เอ่อ...นอนดีกว่าเนอะ แหะๆ"ผมบอกเเล้วยิ้มแห้งๆ เมื่อสัมผัสได้ว่าอนาคอนด้าในมือตอนนี้มันกำลังจะตื่นขึ้นมากกว่าเดิม รีบปล่อยมือออกผละตัวไปนอนที่เดิม...

หมับ!

แผ่นหลังผมกลับมาเเนบกับเตียงอีกครั้ง หากเเต่ไม่ใช่ฝั่งของตัวเองอย่างที่หมายมั่นไว้ กลับเป็นฝั่งขอคนที่จู่ๆก็จับหมับเข้าที่เเขนผมเเล้วผลิกตัวไว ส่งให้ผมลงมาอยู่ใต้ร่างเขาเเทน
           
"Now you can't leave.(ตอนนี้ถอยไม่ได้เเล้วล่ะ)"

"อื้อ!"

ผมได้ส่งเสียงอืออึงในลำคอ เมื่อถูกคนตัวโตจู่โจมโดยการประกบปากทั้งยังส่งลิ้นร้อนเข้ามาพัวพันจนคนได้รับอย่างผมถึงกับระทวยเลยทีเดียว รู้สึกเหมือนกำลังถูกสูบวิญญาณออกไปก็ไม่ปาน เเต่มือใหม่อย่างผมที่อย่าว่าเเต่หายใจให้ถูกจังหวะเลย เเค่มันดูดปากผมเหมือนตายอดตายอยากมาผมก็เผลอกลั้นหายใจอย่างทำอะไรไม่ถูก จนสุดท้ายก็ต้องทุบหลังมันเเรงๆเเล้วหอบแฮ่กๆ
           
จุ๊บ

ไอหมีควายก้มลงมากดจูบเบาๆดังจุ๊บอีกรอบ สติผมเลื่อนลอยเต็มที เป็นครั้งเเรกเลยที่รู้สึกสมองมันตื้อมากจนคิดอะไรไม่ออกซักอย่าง ตอนนี้เเทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยยกเว้นเสียงเต้นของหัวใจตัวเองที่มันชัดมากเหมือนอยู่ข้างหู

อีกฝ่ายไม่รอให้ผมได้พักเหนื่อยไปนานกว่านี้ ฝ่ามืออุ่นของคนที่ทาบทับก็รุกล้ำเข้ามาใต้สาบเสื้อ ลูบขึ้นลงอยู่ตรงหน้าท้องให้ผมต้องเกร็งเพราะความรู้สึกเสียววูบวาบ ร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูก

"ยะ...อย่าลูบ"

            จนอดไม่ได้ที่จะบอกออกไป หากเเต่ไอฝรั่งก็ทำเพียงเหลือบตามามองก่อนจะเผยยิ้ม...ที่ดูร้ายกว่าปกติและที่สำคัญ...เซ็กซี่สุดๆ

ถ้าใครมาเห็นภาพฝรั่งผมน้ำตาลทองตัวโตไหล่กว้างกล้ามเเน่น ที่เสยผมตัวเองขึ้นอย่างลวกๆกับเสื้อกล้ามใส่นอนที่เวลามันก้มลงมานี่เห็นหมดไปยันตับไตไส้พุง ไม่สิ ถ้าจะให้ถูกก็คือเห็นตั้งเเต่ลาดไหล่จนถึงซิกเเพคก้อนๆนั่นจะเห็นภาพกว่าก็คงคิดเหมือนผมนั่นเเหละ

ยิ่งประกอบกับรอยยิ้มร้ายที่ผมไม่เคยเห็นอีก เเต่ถึงมันจะดูเจ้าเล่ห์ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันมีเสน่ห์จนผมละสายตาออกไม่ได้เลย ไหนจะสายตาที่เลื่อนมาสบกับผม แค่เพียงมองก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆไปทั่วร่างเสียเเล้ว

ฟรึบ!

"อ้ะ!"

เสื้อนอนลายน้องหมีของผมได้ลอยปลิวติดมือไอหมีควายร่างยักษ์นี่ไปอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าคนที่ยังมึนๆงงๆสติไม่เต็มร้อยเผลอร้องออกมาอย่างตกใจ แต่ก็ไม่ยักกะมองหา กลับจับจ้องไปยังใบหน้าคมค้ามของหนุ่มตะวันตกที่กำลังเลื่อนเข้ามาประกบริมฝีปากอีกครั้งเเทน

"อืม.."คราวนี้คนบุกเองก็ส่งเสียงครางต่ำในลำคออย่างพึงพอใจ

"อ้ะ อย่า อย่าขยับ"เสียงผมเบาหวิวยาวที่บอกห้ามเมื่อมันขยับช่วงล่างเข้ามาเบียดถูไถกันจนรู้สึกแปลกๆอ

แต่เหมือนเสียงผมมันไร้ความหมายเพราะถึงจะบอกอย่างนั้นเเต่ก็ไม่ได้ปัดป้อง เพราะตอนนี้เเรงมันหมดไปแล้วน่ะสิ ขนาดเเค่โดนจูบยังขนาดนี้กับลูบๆคลำๆยังเป็นขนาดนี้

ไอฝรั่งก็ไม่หยุดเเค่นั้นมือทั้งสองข้างยังคงลูบวนไปวนมาตรงช่วงท้อง วนไปวนมายังไม่รู้เลี้ยวขึ้นกลับมาด้านบนเเล้วมือมันดันไปสะดุดกับจุดที่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะทำให้รู้สึกได้...

"อ้ะ! มะ..มึง มัน แปลก"

"This is cute.(ตรงนี้มันน่ารักดีนะ)"

"ยะ อย่าขยี้ อื้อ!"

ผมไม่เคยคิดว่าตรงเม็ดเล็กๆทั้งสองข้างของผู้ชายจะทำให้รู้สึกได้ขนาดนี้ เพราะเพียงเเค่ถูกใช้มือเขี่ยไปมาสลับกับขยี้เเรงๆ ผมก็เเทบจะตายคาที่แอ่นอกเข้าหาอย่างที่ร่างกายมันเป็นไปอัตโนมัติ

"อย่า..อื้อ กัด"

ตอนนี้ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้ว่าพูดไปมันจะเข้าใจรึเปล่าเเต่พอมันก้มลงซุกอกผมเเล้วครอบริมฝีปากลงบนตุ่มไตทั้งสองข้างผมก็เเทบดิ้น ยิ่งฟันมันครูดเบาๆยิ่งสะท้านไปทั้งตัว จนทำให้...

"You're already hard.(นายเเข็งเเล้วนะ)"

"เพราะยูนั่นเเหละ อ้ะ!"ผมตอบกลับเมือมันพูดด้วยรอยยิ้มเเล้วคว้าเข้าที่ธีร์น้อยของผมจนผมสะดุ้ง ตอนนี้ไม่ได้ร้อนเเค่ตรงหน้าเเล้ว ผมร้อนไปทั้งตัวเเล้ว โดยเฉพาะจุดที่มันสัมผัสมันยิ่งร้อนจนทนไม่ไหว

"Are you ready?(พร้อมรึยัง)"

"เรดี้ แฮ่ก อะไร"

"Ready for this thing.(ก็พร้อมที่จะเจอกับเจ้านี้ไง)"มันชี้ไปยังเบื้องล่างที่เเค่มองเห็นลางๆยังรู้เลยว่ามันขยายมากกว่าเดิมอีก

"อะ...อนาคอนด้า?"

"Hmm..Anaconda? Then, is corgi ready to fight with anaconda ?(หืม? อนาคอนด้าหรอ งั้นคอร์กี้พร้อมจะสู้กับอนาคอนด้ารึยังเอ่ย?)"มันถามเเล้วยิ้ม ให้คนที่นอนตาเยิ้มอยู่ใต้ร่างอย่างผมผงกหัวขึ้นไปมองนิดอย่างเตรียมใจ สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติเเล้วตอบอย่างหนักเเน่น

"I'm ready.(ผมพร้อมเเล้ว)"

ทันทีที่ผมเอ่ยปาก กางเกงเจเจพร้อมชั้นในก็ปลิวไปตกอยู่ข้างเตียงตามเสื้อไปอย่างรวดเร็วโดยฝีมือของใครอีกคน

ฉ่า

เเม้จะมาถึงขนาดนี้เเล้วก็ตาม แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอาย แต่ก่อนผมอาจจะไม่รู้สึกอะไรที่มาเปลือยให้ผู้ชายเห็น เเต่ตอนนี้มันไม่ใช่ สายตาที่ไล่มองผมตั้งเเต่หัวจรดเท้าทำเอาเสียววาบอย่างไร้สาเหตุ จนต้องเอื้อมมือไปปิดส่วนลับไว้โดยสัญชาตญาณ

คงเพราะผมไม่ค่อยได้ปลดปล่อยมันเท่าไหร่ ธีร์น้อยมันเลยเกิดปฏิกริยาได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ รวดเร็วขนาดที่ผมยังตกใจ

"This is cute too.(ตรงนี้ก็น่ารักเหมือนกัน)"

เฮือก
           
"อึ่ก"ผมกัดริมฝีปากตัวเองเเน่นพยายามยับยั้งอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านยามที่มือหนาคว้าหมับเข้าที่แก่นกลางลำตัว ทั้งริมฝีปากก็ยังคงปรนเปรออยู่ที่ตุ่มไตเม็ดเล็กไม่ขาดสายจนผมยอมเเพ้ นอนนิ่งเหมือนคนไม่มีกระดูก

ไม่ไหวเเล้ว ร้อน ร้อนจนเหมือนจะละลายแล้ว

ผมเหมือนคนไม่มีกระดูกกระทันหัน ได้เเต่นอนนิ่งๆปล่อยให้มันปลุกปั่นอารมณ์ของผม อ่า...เวลาคนอื่นทำให้นี่มันคนละฟีลกับการโลกสวยด้วยมีเราจริงๆนะครับ ยิ่งคนอย่างผมที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องเเบบนี้ซักเท่าไหร่ เเค่มันจับก็สะท้านไปทั้งตัวเเล้วตอนนี้

ผมพยายามจะโฟกัสสายตาอันพร่ามัวของตัวเองไปยังอีกคนที่ละมือจากผมไปกระทันหัน ก่อนจะเห็นว่ามันกำลังปลดกางเกงของมันตาม พอกางเกงขาสั้นกับบ็อกเซอร์สีเข้มของอีกคนหายไปผมถึงกับต้องกลืนน้ำลายอีหน

อนาคอนด้าได้ออกมาสูดอากาศภายนอกเเล้วครับ

ผมยันตัวขึ้นมานั่งช้าๆ เรี่ยวเเรงที่หายไปเริ่มกลับมาเเล้วครับ พอเห็นอนาคอนด้าตัวเป็นๆเปลือยๆเเบบนี้มันเเอบผวาเล็กน้อย จนต้องรีบลุกขึ้นมาไม่งั้นถ้ายังนอนอ้าซ่าต่อมีหวังผมได้ตายคาที่เพราะพิษอนาคอนด้าเเน่ๆ

กูยังไม่พร้อม วันนี้กูมาทักทายเฉยๆนะ ฮืออ

ตอนนี้ผมเข้าใจเเล้วครับไอคำว่า'ยังไม่พร้อม'ของมันเนี่ย ถ้าจะรอให้ผมพร้อมก็คงต้องขอเวลาเตรียมใจก่อน เพราะดูจากขนาดมันเเล้ว...

อืม...ผมไม่พร้อมจริงๆนั่นเเหละ...

"I won't do anything.(ฉันไม่ทำอะไรหรอก)"จู่ๆคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าผมก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง มือก็เอื้อมมารวบผมเข้าไปกอดจนจมลงไปในอกมัน มือข้างนึงถูกใช้มาลูบหัวผมเบาๆ ซึ่งผมก็ได้เเต่เงยหน้าเอาคางเกยอกเปลือยของมันไว้เเล้วส่งสายตาสงสัยไปให้

"?"

"You're not ready for that. (นายยังไม่พร้อมหรอก แค่จะช่วยให้สบายตัวน่ะ)"

"หืม? อ้ะ!"ผมสะดุ้งตัวเผลอหลุดร้องออกมาเมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนด้านล่างซึ่งไม่มองก็รู้ว่าเกิดจากอะไร

มือข้างหนึ่งของไอหมีควายกำลังใช้ประคองหน้าของผมให่เงยขึ้นไปสบตากับเขา สบกับเเววตาที่ร้อนเเรงเสียจนต้องเบือนหนี ส่วนอีกมือนั้นกำลังรวบท่อนเนื้อของผมเเละเขาไว้ด้วยมือเดียวจากนั้นก็รูดขึ้นลงส่งให้คนได้รับอย่างผมต้องซี๊ดปากอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

"อื้อ...เเค่ถูกัน..มันเสียวขนาดนี้เลย..แฮ่ก...หรือวะ"

ตอนพึมพำไปก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะละลายหายไปอีกรอบ ถ้าไม่ใช่เพราะไอหมีควายมันเลื่อนมือข้างนึงมาโอบเอวเเล้วกระชับเข้าไปให้ใกล้ขึ้นอีกเเทน ซึ่งพอมันทำอย่างนั้นผมก็จำเป็นที่จะต้องนั่งชันเข่าเพื่อให้ตรงจุดนั้นมันสัมผัสกันตามที่มันต้องการ

"Ah...good."

มันครางเสียงต่ำ เสียงหอบหายใจของเราดังก้องไปทั่วห้อง สมองผมตอนนี้มันว่างเปล่ามาก ทำได้เเค่ใช้สองเเขนกอดแผ่นหลังกว้างของมันไว้เเน่นๆ ขยับเอวเข้าหาอีกคนมากขึ้นๆอย่างที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่ 

"จะเสร็จ..อื้อ..ไวอีก"

"ธีร์...อืม..ธีร์"

คงไม่ใช่เเค่ผมที่รู้สึกอย่างนั้น เมื่อพูดออกไปปุ๊ปโดยที่ไม่ทันคิดว่ามันจะเข้าใจรึเปล่า แต่มันก็เพิ่มความเร็วให้อย่างที่ต้องการ เป็นเหตุการณ์ที่ดูหน้าอายอยู่ไม่ใช่น้อยเวลามองเห็นของผมกับมันเทียบกันจะๆขนาดนี้

 เเถมเวลาอยู่ท่านี้ทำซึ่งผมกับมันอยู่ตรงข้ามกันทำให้ผมเห็นหน้ามันได้อย่างชัดเจนเลยละ ใบหน้าคมที่เคยบอกว่าเซ็กซ์ซี่ ตอนนี้มันยิ่งกว่าเก่าอีก เหงื่อกาฬไหล่อาบตามกรอบหน้า กับปากที่ถูกขบไว้เบาๆตลอดอีก และที่สำคัญ...ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่มันก็จะมองหน้าผมตลอดเวลาจนผมเหมือนจะไหม้ไปกับสายตามันอยู่เเล้ว

เเต่ตอนนี้มันมีอารมณ์อื่นมากกว่าอารมณ์ที่จะอาย ดังนั้นสิ่งที่ทำออกไปคือการสวนสะโพกรับมือที่กอบกุมของผมไว้ ทั้งยังความร้อนราวกับไฟที่ของอีกคนยิ่งทำให้ผมมีอารมณ์มากขึ้นไปอีก

"อึก อีกนิด! อีก อื้อ!!!!"

พรวด!

ผมเกร็งไปทั้งตัว หลับตาเเน่นยามที่ไปถึงฝั่งฝัน เมื่อได้ปลดปล่อยเหมือนเเรงทั้งหมดจะถูกสูบไปจนเกลี้ยง เลยได้เเต่หอบแฮ่กเหมือนหมาเป็นลมแดดทิ้งตัวลงซบอกของอีกคน

ความง่วงเข้าจู่โจมแทบจะทันที เพียงได้ปลดปล่อยในรอบปีก็ทำเอาหมดเเรงอยากนอนเสียตอนนี้ มือที่กอดมันไว้เเน่นเริ่มผล็อยร่วงเหมือนถ่านหมด จนสุดท้ายก็ต้องทิ้งตัวลงบนที่นอน ซึ่งมันเองก็ไม่ได้ขัดอะไรปล่อยให้ผมตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัวขณะที่เปลือกตาก็ใกล้จะปิดแหล่มิปิดแหล่

"Thee"

"หือ"ผมครางรับในลำคอเบาๆ ลมหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติเเล้ว สติที่หายไปก็ค่อยๆกลับคืน ผมหลับตาลงพักนึงอย่างเหนื่อยอ่อนหากเเต่ก็ต้องลืมตาโผล่งเมื่อจู่ๆอีกคนก็ขยับมาชิดเเล้วดันขาผมขึ้น!

เดี๋ยวมึงเดี๋ยว!

ผมนี่ตื่นเต็มตามองกระเด้งตัวขึ้นไปมองอีกฝ่าย  ก่อนจะสำนึกอะไรบางอย่างได้

อนาคอนด้ามันยังไม่ได้รีดพิษเลยนี่หว่า...อีกทั้งยัง...

"เอ่อ ซอรี่นะ"ผมเหลือบมองคราบน้ำสีขุ่นที่ติดเต็มมือของมันเลย สงสัยเพราะผมไม่ได้ปลดปล่อยนานมันเลยออกมาเยอะกว่าปกติหน่อย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ลุกไปหาทิชชู่มาเช็ดให้มัน อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาก่อน

"Don’t worry. It’s tasty.(ไม่เป็นไรหรอก อร่อยดี)"

ผมเบิกตากว้างเมื่อมันเอานิ้วที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำนั่นเข้าปากทีละนิ้วเเถมยังดูดดังจ๊วบเป็นของเเถมด้วย

"เฮ้ย! มันสกปรก!"ผมปรี่เข้าไปจับมือข้างนั้นมันไว้ก่อนที่มันจะนึกพิเรนท์แดกเข้าไปอีก แต่ห้ามมันได้ไหมล่ะ พอผมไปดึงมือมันไว้มันก็ก้มหน้าลงมาเลียเเทน ซึ่งนั่นทำให้หน้าของผมกับมันใกล้กันมากจนผมผงะถอยออกมาเอง

เอางี้ใช่ไหม ได้...

หมับ!

แผล่บ

"ธ...ธีร์"ทีนี้ละเรียกเสียงอ่อนเสียงอ่อย มันดูตกใจที่ผมพุ่งเข้าไปตะครุบมือมันอีกรอบ แต่คราวนี้ผมดึงมือที่เต็มไปด้วยคราบนั่นมาเลียเอง

คาวชิบหาย อร่อยตรงไหนวะเนี่ย

ผมเบ้หน้าหน่อยๆเมื่อรสเฝื่อๆคาวๆมันคลุ้งไปทั้วปาก เเต่ยังไงมันก็ของผม ฉะนั้นผมจะเป็นคนทำความสะอาดให้เอง!

ซึ่งไม่รู้ว่าช็อคหรืออะไรมันก็ไม่ชักมือหนีปล่อยให้ผมทำความสะอาดตั้งเเต่ฝ่ามือ ไล่เลียขึ้นมาทีละนิ้วๆ ซึ่งตรงนิ้วนี่เเอบชอบนิดๆไม่รู้สึกพอดูดปุ๊ปมันรู้สึกมันเขี้ยวอยากเเทะเล่นจริงๆ ว่าเเล้วก็ขอหน่อยเถอะ

หงับ

จึก

หืม?

พอผมเเอบเนียนขบฟันลงบนนิ้วมันเบาๆ อะไรบางอย่างก็มาโดนเข้าที่โคนขาของผม จนผมชะงักไปนิดเพื่อก้มมอง

"It’s calling you.(มันเรียกเเล้วนะ)"

ฉ่า

ผมรีบละริมฝีปากเเล้วปล่อยมือออกจากมือมันทันที เมื่อสิ่งที่ก้มลงไปเจอคืออนาคอนด้าตัวยักษ์ที่ผงกหัวขึ้นมาเรียก เเถมดูจากขนาดที่เห็นเมื่อกี้เเวบๆเหมือนมันจะตัวใหญ่ขึ้นอีกหน่อยด้วย

นะ..นี่มันมีอารมณ์มากขึ้นเพราะผมดูดนิ้วมันหรอ...

"หะ..ให้ช่วยไหม?"

"หืม?"

"Help ไง ให้ I help you ไหม?"

"Well, Just stay still.(งั้นช่วยนอนนิ่งๆก็แล้วกัน)"

"ห้ะ?"ผมยังไม่ทันได้เข้าใจ มันก็ผลักให้ผมกลับไปนอนที่เดิมผลิกให้ผมนอนตะเเคงดันขาผมให้เฉียงไปด้านข้างนิด ก่อนจะเเทรกเเก่นกายเข้ามาระหว่างต้นขาของผม..

"อ่า.."

"..!!"
           
ผมตกใจเล็กน้อยที่มันใช้วิธีเเบบนี้ คือการที่จับขาผมให้บีบเข้าหากันเเล้วเสียงเเก่นกายเข้ามาตรงนั้นเเทน เมื่อพอจะเข้าใจเจตนามันขึ้นมาบ้าง ผมก็เลยให้ความร่วมมือโดยการบีบขาตัวเองให้ชิดกันมากขึ้น

มันกระเเทกกายเข้าหาผมถี่ๆจนได้ยินเสียงเตียงโยกเอี๊ยดอ๊าด ความร้อนที่สัมผัสโคนขาว่าทำให้เขินเเล้ว เเต่การที่มันจ้องหน้าผมตลอดเวลานี่เขินกว่า

เขินยังไงไม่รู้ถึงทำให้ธีร์น้อยมันเริ่มตื่นมาอีกหน..

"ธีร์...ธีร์"ยิ่งมันครางเรียกชื่อผมด้วยเสียงต่ำนี่อีก

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ที่มันพร่ำครางเรียกชื่อผมเเล้วกระเเทกกายเข้าหาไม่หยุด จนสุดท้ายมันก็ปลดปล่อยออกมาจนเลอะไปทั่วหน้าท้องของผม

ซึ่งมันทำให้ผมรู้ว่ามันเองก็ไม่ได้ปลดปล่อยมานานเช่นกัน 

"แฮ่ก sorry"มันว่าปนหอบเเล้วทิ้งตัวลงมานอนข้างๆผมจากนั้นก็รวบตัวผมไปกอดไว้โดยซุกหน้าลงที่ซอกคอผมจนผมต้องย่นคอหนีเพราะตอหนวดมันทิ่มคอผม

"Do you want me to help you clean that?(ให้ช่วยทำควาสะอาดไหม)"

"ไม่ต้อง!"ผมรีบบอกเเล้วกระเด้งตัวขึ้นไปคว้าทิชชู่ที่วางอยู่ตรงหัวเตียง ปาดเหล่าลูกมันนับร้อยล้านตัวให้เกลี้ยงจากนั้นก็โยนลงถังขยะทันที

ไอทำความสะอาดมันเนี่ยไม่พ้นมาเลียชัวร์ๆ ทำไมถึงคิดว่าเลียน่ะหรือก็เพราะจะเอาคืนที่ผมไปเลียนิ้วมันไว้ไงเล่า แล้วใครจะปล่อยให้มันมาเอาคืนผมกันล่ะ!

ไหนๆก็ลุกมาเเล้วผมเลยกะจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อผ้ามาใส่ หากเเต่ยังเดินไปไม่ถึงก็ถูกรวบเอวไปกอดไว้จากข้างหลัง ซึ่งอย่าลืมว่าตอนนี้เรากำลังเปลือยอยู่ทั้งคู่...

"อ่ะ เอ่อ.."

"Thee..."มันเรียกชื่อผมเสียงเเผ่วจนเเทบไม่ได้ยิน

"มีอะไรรึเปล่า"พอมันเว้นช่วงนานผมเลยอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปถามมัน

จุ๊บ

ริมฝีปากหนาจรดลงมาที่หน้าผากผม ก่อนจะผละออกไปไวๆ เผยให้เห็นใบหน้าคมที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มจนตาปิด

            "ลักนะ"

ตาย...มึงตายอีกเเล้วไอธีร์

หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.24 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 19-09-2016 14:37:56
(น่า)ลัก(พาตัว)นะ

หอบหิ้วธีร์กลับบ้านเลยเจ้าข้าาาาา ออสติน  :jul1:


ต้องให้ธีร์ทำความคุ้นเคยนะ รู้เป่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.24 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 19-09-2016 15:08:11
ธีร์หื่นแบบน่ารักๆอ่ะ คือพี่หมีสุภาพบุรุษมากกกก.....

ตอนนี้ป้าเลยขอยกให้เป็นความดีความชอบของความหื่นของน้องธีร์นะคะ555+

อยากอ่านอีกๆๆๆๆ^^ พี่หมีน่ารักใจเย็นเข้าอกเข้าใจน้องที่สุด ที่สำคัญคือไม่เล่นตัวดี

พี่หมีน่ารักได้ขนาดนี้ ถึงสุดจะห้ามใจขนาดไหน แต่ก็ยังไม่หักหาญน้ำใจน้อง :กอด1:

คงจะด้วยเพราะ "ลักนะ" จริงๆ

หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.24 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 19-09-2016 23:46:21
ตายๆๆๆ
แพ้ทางฝรั่งอย่างแรง,,,,
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.25 #ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 20-09-2016 14:07:46
Chapter25
| Ex-friend


          เช้าวันใหม่สดใสกว่าวันเก่า...

          นั่นคงจะเป็นความคิดที่เกิดขึ้นยามที่ผมตื่นมาในเช้าอีกวันหลังจากที่ได้ปลดปล่อยไป แถมได้ปลดกับอีกคนที่บอกเลยว่าไอหมาธีร์รู้สึกดี...เกินคาดเลยเเหละ

          ถ้าใครคิดว่าเมื่อคืนมันจบเเค่รอบเดียวผมออกตัวไว้เลยว่าคุณคิดผิด

          หลังจากมันปล่อยมารอบนึงเเล้ว บอกรักผมให้เขินเล่นๆ แต่เเทนที่จะจบเเค่นั้นมันกลับส่งมือชี้ไปยังด้านล่าง เผยให้เห็นอนาคอนด้าที่ท่าทางยังเหลือพิษอีกมากโข

          และด้วยความที่ธีร์น้อยเองก็ตื่นขึ้นมาตั้งเเต่มันมาถูๆผมเเล้ว ฉะนั้นก็เลย...ต่อ

          ต่อยังไงก็ไม่ทราบ ที่เเน่ๆคือผมหลับคาที่ไปเลย ไม่รู้ด้วยว่ากี่โมงกี่ยาม

          ออด! ออด! ออดๆๆๆๆๆ

          "โอ้ย!! ได้ยินเเล้ว!"

          ใช่ เช้านี้มันเกือบจะดีถ้าไม่มีเสียงออดจากหน้าประตูดังมารัวๆจนคนที่นอนฝันหวานอย่างสบายตัวอย่างผมต้องกระเด้งตัวขึ้นมายีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด

          ไอธีร์เป็นคนไม่คิดมากไม่ค่อยโกรธหรือหงุดหงิดใคร...เเต่ถ้ายามเพิ่งตื่นนอนมันอีกเรื่อง

          ผมกร่นด่าคนที่มารบกวนเวลานอนอยู่ในใจ ก่อนจะก้มลงสำรวจตัวเอง ก็เห็นว่าเสื้อผ้าตัวใหม่ถูกเปลี่ยนให้เรียบร้อยเเล้วซึ่งไม่ต้องเดาให้เมื่อยสมอง ก็รู้ว่าเป็นคนที่นอนอยู่ข้างกาย...

          "เอ้ะ ไม่อยู่?"

          ออด!

          "ใจเย็นโว้ย!!"

          เสียงออดที่ดังขึ้นอีกรอบทำเอาผมต้องตะโกนออกไปเสียงดัง กลัวว่าถ้ามันยังกดอีกออดห้องผมต้องไหม้เเน่ๆ ก่อนที่จะลุกออกจากเตียงเพื่อไปดูสิว่าใครมันช่างไม่รู้จักเกรงใจอะไรเลย

          ถ้ามันอยู่คงไม่ปล่อยให้คนมายืนกดออดเล่นเเบบนี้หรอก

          ความคิดของคนที่เดินโงนเงนไปหน้าห้องเเบบที่ตายังไม่เปิดดี เพราะถ้ามันอยู่มันคงเดินมาเปิดเรียบร้อยเเล้ว

          แอด..

          "อ่าว พี่เร..."

          "นี่อย่าบอกนะว่ามึงเพิ่งตื่นน่ะไอธีร์!!!!"

          "ห้ะ? ทำไมหรือพี่ วันนี้วันหยุดนี่"ผมตอบกลับไปอย่างงงๆ จริงๆเเค่เปิดประตูมาเจอหน้ารุ่นพี่ลูกครึ่งก็งงเเล้ว ร้อยวันพันปีไม่เคยจะถ่อมาหาถึงห้อง

          "ก็เพราะเป็นวันหยุดนี่ไง! นี่มึงลืมนัดกูหรอวะไอหำน้อย!!"

          นานเเล้วที่พี่เรนไม่ได้เรียกผมว่าไอหำน้อย..

          เดี๋ยวๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นนะไอธีร์

          จากท่าทีร้อนรนเหมือนอยากจะเข้ามาขย้ำคอผมเสียตรงนี้จากรุ่นพี่ตรงหน้าที่ฟิดฟัดดันผมเข้ามาในห้องเเล้วปิดประตูเสียงดัง จากนั้นก็พุ่งเข้ามาเขย่าไหล่ผมเเรงๆจนหัวผมสั่น สมองตื้อๆเลยพลันประมวลอย่างช้าๆ ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างขึ้นนิดเเล้วพูดได้คำเดียว...

          "ฉิบหาย!!!!!!!"

          "เออ! ฉิบหาย!"พี่เรนว่าย้ำ ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากไหล่ผม ก้มลงไปดูโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุดของตัวเองจากนั้นก็ถอนหายใจหนักๆ

          "เห้ยพี่ผมขอโทษ เดี๋ยวรีบไปอาบน้ำเเต่งตัวแปปนะ"ผมว่ารัวๆ ความรู้สึกผิดเกาะกินจิตใจ ยามมองหน้ารุ่นพี่ที่มักมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กำลังขรึมขึ้นเรื่อยๆจนชักขะเห็นออร่าสีทะมึนเเผ่ออกมาอยู่เเล้ว

          หมับ

     
         "ไม่ตอบอาบเเล้ว"

          "ห้ะ?"

          "ไปเปลี่ยนชุด ไวๆ"

          "เห้ยพี่! ขออาบเถอะ สิบ ไม่สิ ห้านาที"

          เมื่อคืนถึงเเม้จะเเค่นั้นเเต่เเน่นอนว่าเหงื่อนี่ออกเป็นลิตร...

          "หำน้อย"

          "ยอมเเล้วครับ"ผมยกมือยอมเเพ้เมื่อสรรพนามที่คุ้นเคยย้อนคืนกลับมา ทั้งสายตาดุๆที่ปรามบอกว่าอย่าดื้อนี่อีก

          พี่เรนในเวอร์ชั่นนี้ไม่ได้เจอตั้งเเต่นาน...

          ผมไม่ยืนพูดให้เสียเวลาอีก จริงๆก็อยากจะพูดอีกหน่อยละว่าให้พี่แกเลิกเรียกผมอย่างนั้นซักทีเเต่พอเจอสายตาที่กดดันมา ผมก็ได้เเต่น้อมรับความผิด  รีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนกางเกงในห้อง ดีหน่อยที่ขอล้างหน้าแปรงฟันได้ ไม่งั้นไม่อยากนึกสภาพเวลาคุยกับคนอื่น

          คงได้มีโศกนาถกรรมเเน่

          แต่เอาจริงๆตอนเเรกที่ดึงดันจะอาบก็เพราะคิดว่าต้องเหนียวตัวกับเหม็นเหงื่อ เเต่พอตื่นเต็มตาเปลี่ยนเสื้อผ้าก็พบว่าไม่มีทั้งสองอย่าง ทั้งยังได้หลิ่นหอมๆเหมือนแป้งเด็กจากตัวเองอีกต่างหาก

          "พร้อมเเล้วใช่ไหมไอหำน้อย"พี่เรนที่ยืนพิงเคาท์เตอร์ครัวเอ่ยถามทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งผมก็พยักหน้าตอบเเล้วเอ่ยท้วง

          "พี่เลิกเรียกผมงั้นเถอะ ถึงที่บ้านมันจะปกติ เเต่ในเมืองมันน่าอายนะพี่"ผมเเทบจะยกมือไหว้ในขณะที่เดินออกมา

          "ถ้าเอาให้ถูกต้องเป็น บักหำน้อยสินะ"พี่เรนว่ากลั้วหัวเราะ มีการยักคิ้วหลิ่วตาให้อีกเป็นหลักฐานว่าอารมณ์พี่เเกกลับมาเป็นปกติเเล้ว ผิดกับเมื่อตอนเเรกที่ทำท่าจะเเดกหัวผมอย่างเดียวเลย

          "เอาที่พี่สบายใจเลย"ผมบอกตัดบทเพราะรู้ตัวว่าพูดไปก็เถียงสู้อีกคนไม่ได้เลยขอยอมเเพ้ตั้งเเต่เเรกเเล้วรีบเดินตามคนที่เมื่อเช้าเร่งยิกๆเเต่ตอนนี้กำลังเดินไปที่บิ๊กไบค์คันใหญ่เเบบที่ผมบอกได้เลยว่าโคตรชิล

          แล้วจะมาเร่งผมทำไมวะครับ!


--------------

          ใช้เวลาไม่นานเลยในการเดินทางมาที่ห้างหรูที่อยู่ไม่ไกล ที่ไม่นานก็เพราะมันใกล้บวกกับความซิ่งที่ยังสงสัยว่าทำไมไม่โดนตำรวจเรียกของพี่เรน

          "ผมคิดว่าจะไม่ถึงซะเเล้ว"

          "หือ?"

          "คิดว่าพี่จะพาผมไปเฝ้ายมบาลก่อนที่จะถึงเนี่ย"ผมพูดเเล้วก็เอามือทาบอก ถึงจะยอมซ้อนอีกฝ่ายหลายรอบเเล้วก็เถอะ เเต่เเบบเหตุการณ์ฝังใจที่ได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มมันก็ยังคอยหลอกหลอนผมอยู่นะเฮ้ย

          "อย่าเว่อร์ไอธีร์ อย่างมากก็เเค่พาไปให้นางพยาบาลเฝ้าเเค่นั้นเอง"

          "ทำไมพี่ดูชิลจัง ตอนเช้าเร่งผมเเทบตาย"

          "ก็เพราะมันจะถึงเวลานัดเเล้วไงกูเลยต้องเร่ง เเต่ไหนๆเเม่งก็เลทละ ขอเลทให้คุ้มไปเลยแล้วกัน"ว่าเเล้วก็ตอบหน้าระรื่น ผมนี่ถึงกับส่ายหน้ากับตรรกะประหลาดๆของพี่เรน ก็อย่างที่ผมเคยบอกประเภทพี่เเกนี่เรียกว่าอะไรนะ...อินดี้? ทำนองนี้เลย
     
          "แล้วเอ่อ...คนนัดเขาไม่ด่าพี่หรอ"ผมถามยามที่ก้าวตาแผ่นหลังกว้างของอีกคนไป ซึ่งคนโดนถามจู่ๆก็หยุดเดินกระทันหันส่งให้ผมเกือบจะชน

          "ก็คงด่าเเหละ"แล้วหันมาบอกง่ายๆ

          "เอ้า!"

          ยังไม่ทันได้งงกับความคิดในหัวของรุ่นพี่ร่างสูงไปมากกว่านี้ คนที่หยุดเดินก็ถอยมายืนข้างกันเเทนจากนั้นมือกร้านก็ขยับมากุมมือผมไว้

          ผมเงยหน้ามองอีกคนอย่างงงๆ ซึ่งพี่เรนก็ขยิบตาให้ จากนั้นก็กระชับมือให้เเน่นขึ้นอีกต่างหาก

          ถ้าถามว่าทำไมผมถึงไม่สะบัดทิ้ง บอกได้เลยว่าถ้าจู่ๆพี่เรนมาจับมือนี่มันต้องไม่ปกติเเน่ๆ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยหรอกครับมาเดินกุมมือเหมือนสาวน้อยวัยใสกลัวพลัดหลงกันเเบบนี้เนี่ย

          "อีกชั้นจะถึงเเล้ว ช่วยเนียนๆตามน้ำกันไปหน่อย วันนี้วันสุดท้ายเเล้วนะ"คนตัวสูงก้มลงมากนะซิบเบาๆ ให้ผมพยักหน้ารับเข้าใจทันที อีกนิดเดียวพันธะประหลาดๆระหว่างผมกับพี่เรนก็จะจบเเล้วครับ อีกนิดเดียวเท่านั้น!

          พวกเราขึ้นบรรไดเลื่อนซึ่งเป็นบรรไดเลื่อนชั้นสุดท้ายเเล้ว ใจจริงผมเเอบประหม่าอยู่ไม่น้อย เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าโกหกใครไม่เก่ง ถ้าความเเตกขึ้นมาผมน่ะไม่เป็นอะไรหรอกเเต่คนที่จะเเย่คือพี่เรน ทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเป็นผมที่รับบทบาทนี้ทั้งๆที่หน้าตาก็ไม่ได้ดูเหมาะกับพี่เรนเลยซักนิดไม่แปลกที่คนที่ตามตื๊อพี่เรนเขาจะไม่เชื่อ

          หมับ

          เเรงบีบมือจากคนข้างๆทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง พี่เรนฉีกยิ้มโชว์เขี้ยวเล็กๆก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไร เเต่เเค่นั้นก็ทำให้คนที่รู้จักกันมานานอย่างผมเข้าใจว่าพี่แกไม่อยากให้กังวล ผมเลยได้เเตายิ้มตอบไป

          พวกเราถึงชั้นที่นัดไว้เรียบร้อยเเล้ว พี่เรนเป็นฝ่ายนำทางไปยังร้านอาหารเเห่งหนึ่งโดยที่ยังคงกุมมือผมไว้ตลอดเวลา

          "กี่ท่านคะ"

          "พอดีมีคนมาจองไว้เเล้วน่ะครับ"พี่เรนตอบพนักงานสาวที่ออกมาต้อนรับตามหน้าที่ ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านจนถึงโต๊ะมุมในสุดที่เหมือนตั้งใจสร้างให้มันออกมาอยู่เดี่ยวๆในมุมอับสายตาคน

          "เลทสี่สิบนาที พี่เรนคะ นี่มันเกินไปเเล้ว!"หญิงสาวที่นั่งอยู่หันมาเเหวเสียงดังเมื่อหันมาเจอพี่เรน ผมมองเธอด้วยความอึ้งอยู่พักนึง เธอสวย...สวยมากด้วย เเละหน้าก็คุ้นมาก เธอคงเคยเล่นละครหรือโฆษณามาเเน่ๆ ผมเกือบจะมองเธอสวยเเล้วนะ เเต่พอฟังน้ำเสียงที่หาเรื่องของอีกฝ่ายนี่ชักจะเข้าใจที่พี่เรนเคยเล่าให้ฟัง

          เเต่ที่อึ้งจริงๆคือเธอไม่ได้มาคนเดียวนี่สิ

          "เธอก็พาคนนอกมานะ ใบเตย"พี่เรนปรายตามองคนนอกที่ว่า น้ำเสียงขี้เล่นเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบในพริบตา ซึ่งคนนอกคนนั้นก็ได้หาสนใจไม่ฉีกยิ้มการค้าเเล้วเเนะนำตัว

          "ปกป้องครับ เรียกป้องเฉยๆก็ได้ครับ"


          ------ครึ่งแรก-----

อนญาติผ่าเป็นครึ่งๆเพราะตัวอักษรเกินค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.25 #ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 20-09-2016 14:08:37
 "ไอป้อง!"ผมเรียกชื่อมันด้วยความตกใจ

             เห้ย! นี่มันไม่ตลกเเล้ว! ทำไมไอป้องถึงมากับใบเตยอะไรนี่ได้!

            "ไม่เจอกันนานเลยนะธีร์ ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือครั้งก่อนด้วย"มันว่าเเล้วยกยิ้ม

             ไอปกป้อง หรือป้อง เป็นเพื่อนสมัยเด็กของผม เรียกได้ว่ามาสมัยเดียวกับพี่เรนเนี่ยเเหละ ถ้าจะพูดให้ถูกคือพวกผมเเทบจะโตมาด้วยกันสามคน คือพี่เรน ผมเเละไอป้อง เเต่รู้สึกเหมือนครอบครัวมันจะมีปัญหามันเลยต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพตั้งเเต่มอปลายเหมือกับพี่เรน เเต่พี่เรนมาเพราะอยากมาเองอ่ะนะ เลยแยกกันไปอยู่คนละที่

               ถึงตอนนี้จะพอรู้ว่ามันอยู่มหาลัยเดียวกับผม เเต่กลับไม่เคยเจอหน้ากันเลยซักครั้ง เบอร์ติดต่อก็ไม่มีเพราะมันเปลี่ยนเบอร์บ่อยยิ่งกว่ารองเท้าเสียอีก

               "อะ อืม ไม่เจอกันนานเลย"ผมตอบมันอย่างประหม่าเล็กน้อย เกือบจะหลุดหลบตามันเเล้วด้วยถ้าพี่เรนไม่กระตุกมือผมให้เข้าไปนั่งก่อน

               "นี่ป้องรู้จักกับเอิ่ม..แฟนเรนด้วยหรอ"คราวนี้ผู้หญิงเพียงคนเดียวหันถามไอป้องที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างสงสัยแต่ตอนพูดคำว่าแฟนนี่ทำท่ากระอั่กกระอ่วนใจน่าดู ซึ่งไอป้องก็ยิ้มตอบง่ายๆ

               "ครับ เพื่อนเก่าน่ะ"

               "งั้นก็ดีเลย เอ่อ..คุณตรงนั้นน่ะ"

               "ผมหรอครับ?"ผมชี้เข้าหาตัวเองอย่างงงๆ เมื่อจู่ๆใบเตย..เอ่อ พี่ใบเตยล่ะมั้งก็หันมาบอกพร้อมรอยยิ้มหวานเจี๊ยบ ซึ่งพี่เขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบ

               จะโดนอะไรไหมวะเนี่ย

               "ช่วยเรียกพนักงานให้หน่อยสิ ยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่หรอ"สาวสวยยังคงส่งยิ้มบางไร้พิษสงมาให้ แอบให้ผมโล่งอกโล่งใจขึ้นมานิด คิดว่าจะโดนเเบบในละครพวกนางร้ายที่ชอบกลั่นเเกล้งคนอะไรอย่างนี้ พอได้ยินเเละท่าทางของคนด้านหน้าผมก็ทำให้ผมผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย เเล้วชะโงกหัวไปออกไปเพื่อเรียกพนักงาน..

               "พี่ครับๆ!!"ผมเรียกเสียงค่อนข้างดังเพราะาอย่างที่บอกว่าโต๊ะนี้เเม่งโคตรถูกสร้างออกมาเหม่อนอยู่คนละโลกกับด้านหน้า เเถมเเถวนี่ยังไม่มีพนักงง่นคอยเดินอีกต่างหาก พอเรียกออกไปเสียงดังก็ยังไม่มีใครได้ยิน เลยกะจะลุกไปตามมาเเต่ดันมีเสียงหัวเราะเเหลมเล็กของผู้หญิงเพียงคนเดียวในโต๊ะขัดขึ้นก่อน

               "คิกๆๆๆ"

               พี่ใบเตยหัวเราะคิกคักเหมือนขำมาก มือเล็กถูกนำขึ้นป้องปากอย่างมีท่าให้ผมต้องหันมองอย่างงงๆ

               ขำอะไรวะ นี่เจ๊เเกประสาทรึเปล่า อยู่ๆก็ขำ

               "เฮ้อ"พี่เรนก็ถอนหายใจออกมาเเล้วกระตุกมือผมให้กลับไปนั่งดีๆ ผมก็ได้เเต่ทำหน้างงหันไปหาพี่เรนด้วยความสงสัย แต่รุ่นพี่ที่พ่วงตำเเหน่งเเฟนหนุ่มยังไม่ทันจะได้เปิดปากตอบอะไร คนที่หัวเราะอยู่ก็พูดขึ้นมาก่อน

             "ธีร์ไม่เคยมาร้านหรูๆเเบบนี้สินะ เขามีปุ่มให้กดเรียกพนักงานอยู่น่ะ คิกๆ"

               อ้อ ที่เเท้ก็อย่างนี้ แล้วมันขำตรงไหนวะ

               พอเขาเฉลยผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีเลยหันไปทำหน้างงๆให้พี่เรนที่ยกยิ้มขึ้นเเต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

               "นี่ครั้งเเรกเลยครับ แล้วปุ่มอยู่ไหนอ่ะ"ผมก็ไม่รู้จะทำไงได้เเต่เกาหัวเเกรกๆยิ้มอย่างเขินๆเเล้วหันไปถามพี่สาวคนนั้น

               จบคำถามทั้งโต๊ะก็ตกอยู่ในความเงียบทันที จู่ๆพี่คนสวยที่นั่งขำเหมือนคนบ้าก็ชะงักกึกเเล้วนิ่งไปเลยไม่ตอบคำถามผมด้วย

               "หึ"

               "?"เสียงหัวเราะเบาๆจากพี่เรนทำให้ผมต้องหันมาทำหน้าสงสัยใส่พี่แกอีกรอบ นี่จะไม่มีใครคิดจะพูดกับผมจริงๆหรอวะ ผมทำอะไรผิดอีกวะเนี่ย

               "ขอโทษๆ เดี๋ยวพี่กดเอง มันอยู่ด้านในน่ะ"หนุ่มลูกครึ่งโบกมือสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อกลั้นขำก่อนจะบอกผมเเล้วชี้ไปยังปุ่มเเถวๆที่วางเมนู

               "เจ๋งว่ะ เพิ่งเคยเจอร้านอย่างนี้ครั้งเเรกเลย"ผมพูดไปตามที่คิด พอพี่เรนกด มันก็ไม่ได้มีเสียงอะไรนะเเต่ผมว่าอีกไม่นานพนักงานก็คงมา

               "ก็คงเเน่ล่ะค่ะ อย่างธีร์นี่คงเคยกินเเต่ร้านข้างทางใช่ไหมล่ะคะ"เสียงหวานใสดังขึ้นมาอีกหน ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปสบตากับดวงตากลมที่ถูกเเต่งเเต้มไปด้วยเครื่องสำอางค์

               "หือ พี่รู้ได้ไงอ่ะ พี่เรนเคยเล่าหรอครับ"ผมถามอย่างสงสัย นี่ผมสงสัยจริงๆนะ เเต่พอผมตอบไปเท่านั้นเเหละ คนถามก็นิ่งไปเลย เเถมไอคนข้างๆผมก็กำลังกลั้นขำอย่างสุดกำลัง ขนาดไอป้องยังอมยิ้มเลยอ่ะ

               แต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้โต้ตอบอะไรพนักงานก็เดินมาซะก่อน เอ่ยประโยคคลาสสิคให้ผมหันไปหาพี่เรนอีกรอบ

               "รับอะไรดีครับ"

               "เอ้า เมนู"

               ผมรับเมนูมาจากพี่เรนก่อนจะเปิดดู ไล่สายตาไปทั่วเเต่ก็ต้องขมวดคิ้วหนัก

               "ธีร์อ่านออกไหมเนี่ย ให้เตยช่วยเเนะนำให้ไหม"

               หืม...ที่จริงก็ดูใจดีออก ทำไมพี่เรนถึงอยากเลี่ยงขนาดนี้วะ

               ผมเงยหน้าไปมองคนถามอีกรอบกับความคิดที่ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้เเย่อะไร เเถมท่าทางจะเข้าอกเข้าใจผมดีด้วย ผมเลยเผยยิ้มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากเลย
คิดว่าจะโดนด่าหนักๆเเรงๆซะอีก

               "ฮื่อ อ่านไม่ออกอ่ะครับ ทำไมมีเเต่ภาษาอังกฤษเนี่ย เเต่ไม่รบกวนพี่เตยดีกว่า พี่เรนๆ ช่วยผมหน่อย"ผมส่ายหน้าอย่างยอมรับ เเต่มันเเอบหน้าอายนิดหน่อยที่ผมง่อยภาษาอังกฤษ เลยปฏิเสธเเล้วสะกิดรุ่นพี่ข้างกายเเทนซึ่งพี่เรนก็ยิ้มเเล้วเอาเมนูในมือตัวเองไปเก็บ

               "ไหนๆ อยากกินอะไรล่ะ"ว่าเเล้วก็ชะโงกหน้ามาดูเมนูด้วยกัน ส่งให้ผมต้องยื่นมือไปกางเมนูให้อยู่ระหว่างเรา เเต่ถึงอย่างนั้นเมนูของที่นี่ก็มาเป็นเล่มๆไม่ใช่แผ่นพับมันเลยกางมากไม่ได้ต้องสุมหัวเเบบที่เเทบจะกินหัวกันได้เเล้วเเทนเนี่ยเเหละ

               "ไม่รู้ว่ะ ทำไมในรูปมันดูน้อยมากเลยอ่ะ จะอิ่มหรือวะพี่ ราคาเท่านี้นี่ซักส้มตำได้หลายมื้อเลยนะ"ว่าเเล้วก็กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

               ไอจานกว้างๆที่มีอาหารอยู่ประมาณหนึ่งส่วนสิบของจานนี่มันจะไปอิ่มอะไร ไม่เข้าใจพวกคนรวยจริงๆ ราคาก็เเพงได้มาเเค่นั้น เเถมส่วนมากทำเพื่อความสวยงามด้วย บางอันก็แปะๆมากินได้รึเลป่าก็ไม่รู้

               "ทำใจว่ะ ร้านเเบบนี้มันก็เเบบนี้เเหละ เอางี้ให้พี่สั่งให้โอเคไหม"

               ผมเกือบจะพยักหน้ารับเเล้ว เเต่ดันมีความคิดนึงผุดขึ้นมาในหัวซะก่อน

               "เดี๋ยวนะ เเล้วใครจ่าย"

               ถ้าออกเองนี่ไม่ไหวนะ เสียดายตังตายเลย

               "ถามมาได้ ก็พี่สิ"

               คำตอบที่ได้ทำให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก เเต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...

               "เเต่มันเเพงมาก..."

               "เลี้ยงเเฟนคนเดียวจะเป็นไรไป เลี้ยงมาขนาดนี้เเล้วเพิ่งมานึกเกรงใจรึไง"พี่เรนเลิกคิ้วถามส่งมือมาขยี้หัวผม ผมก็ปล่อยให้พี่เเกทำไปส่วนสมองก็กำลังคิดตาม

               เออว่ะ ตลอดมาพี่เเกก็เลี้ยงตลอดนี่หว่า ฉะนั้น...

               "หูย งั้นไม่เกรงใจเเล้วนะ"

               "พี่เรนคะ!"

               "หืม ว่าไงเตย"ร่างสูงละมือออกจากหัวผมเปลี่ยนมาโอบไหล่เเบบเนียน ผมเองก็ปล่อยไปตามน้ำ ที่จริงเเล้วการสกินชิฟเเบบนี้มันค่อนข้างเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับผมกับพี่เรนน่ะนะ

               "คะ คือเตยว่า.."

               "ว่า?"

               "รีบสั่งอาหารเถอะครับ พนักงานรอนานเเล้วนะ"คนที่เงียบมานานอย่างป้องพูดขึ้นขัด ให้ผมได้หันไปมองพี่พนังงานที่ส่งยิ้มแห้งๆมาให้อยู่

               "รีบสั่งเถอะพี่"

               "งั้นก็เอา..."



               หลังจากที่สั่งอาหารไปเรียบร้อย จนอาหารมาเสิร์ฟ จนกระทั่งกินจนหมด ผมกับพี่เรนเเทบจะเป็นสองคนที่คุยกัน ส่วนเจ๊คนนั้นก็มีเเทรกบ้างเเต่ก็พอผมตอบกลับไปก็จะหยิ่งไม่ยอมคุยต่อ เเถมยังทำท่าหงุดหงิดอย่างปิดไม่อยู่ เเต่ก็นะ...ถึงจะไม่เข้าใจเเต่ก็ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่ดี

               "งั้นมาเข้าธุระกันดีกว่าค่ะ เสียเวลามามากเเล้ว"

               อันนี้เเอบรู้สึกผิดนิดนึงนะ เเบบว่าผมกับพี่เรนมาเลทเกือบชั่วโมงไง เขาก็เลยกินกันไปก่อนเเล้ว พอพวกผมมาก็มานั่งรอผมกินเสร็จอีก เเต่คือผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่คุยไปกินไป หรือไม่ก็คุยกันให้จบๆตั้งเเต่เเรก อาหารอะไรเนี่ยก็เเพ๊งเเพงเเถมลิ้นผมก็ไม่ถูกกับของเเพงๆสักเท่าไหร่ด้วย

               "เตยต้องการอะไรจากพี่อีก นี่พี่ก็เอาเเฟนพี่มายืนยันตัวตนเเล้วนี่ไง"

               "ยังไงเตยก็ไม่เชื่อค่ะ จนกว่าจะได้ยืนยันด้วยตัวเอง”หญิงสาวกอดอกพูดอย่างมั่นใจ แถมยังปรายตามามองผมด้วยความเป็นไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจนผิดกับลุคนางฟ้าที่ผมเห็นตอนแรกลิบลับ

               แถมยังมองผมตั้งแต่หัวไล่ลงมาแล้วเหยียดยิ้มอีก

               อ่า นี่นะหรือตัวจริงของเขานะ ผมนี่ไม่ถนัดเรื่องการมองคนจริงๆด้วยแฮะ

               “เฮ้อ แล้วจะให้พี่ทำยังไง”พี่เรนทำสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาอย่างเห็นได้ชัด ถอนหายใจออกอย่างปลงๆให้หญิงสาวเพียงคนเดียวยกยิ้ม

          “หอมแก้มเขา ถ้าเป็นแฟนกันก็คงทำ...”

               ฟอด!

               “พี่เรน!”

               “อะไรครับ พี่ก็ทำแล้วนี่ไง”

               พอหนุ่มลูกครึ่งหันไปถามด้วยเสียงเหนื่อยๆเบื่อ ผมเองก็ตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆพี่เรนก็ดึงผมเข้าไปแล้วกดจมูกลงมาที่แก้มแรงๆ ให้ผมต้องเบิกตากว้างแล้วยกมือขึ้นมากุมแก้มอัตโนมัติ คือผมบอกแล้วว่าการสกินชิฟสำหรับเรามันคือเรื่องปกติแต่พอกระทันหันแบบนี้ผมก็ตกใจนะ

               ซึ่งการที่พี่เรนทำได้ง่ายแถมโคตรเป็นธรรมชาติ กอปรกับที่ผมไม่ปฏิเสธก็ทำเอาเจ๊แกตาลุกเป็นไฟหนักกว่าเก่า ส่งเสียงฮึดฮัดให้ผมได้แต่ยิ้มแห้งไม่เข้าใจผู้หญิงเลยจริงๆ

               “ถ้าไม่พอเอาอีกก็ได้นะ”

               “พอ! พอแล้วค่ะ เตย..เตยเชื่อ..”

               “จูบให้ดูหน่อยสิครับ"

                   อีกนิดเดียวเท่านั้นที่หญิงสาวที่ไม่สามารถทนดูภาพบาดตาไปได้มากกว่านี้จะกัดปากพูดคำที่พี่เรนรอคอย หากแต่ก็มีมารตัวเป้งที่ตั้งแต่เข้ามายัไม่รู้เลยว่ามายังไง มาได้ไง แล้วมาเพื่อจุดประสงค์ใด

               “ป้อง พี่..”ใบเตยเอ่ยชื่อรุ่นน้องข้างกายอย่างแผ่วเบา ยื่นมือไปกระตุกเสื้ออีกฝ่ายหน่อยๆแล้วส่ายหน้าเหมือนไม่ต้องการเห็นอะไรไปมากกว่านี้แล้ว

               “ผมบอกแล้วไงว่าผมจะช่วยพี่ ฉะนั้น...ช่วยดูหน่อยนะครับ ถ้าแฟนกันเรื่องพวกนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ”

               “แต่นี่มันที่สารธารณะนะไอป้อง”คราวนี้ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปาก คิ้วขมวดเข้าหากันอัตโนมัติ หอมแก้มยังพอรับได้แต่จูบนี่มัน...

               “ธีร์”

               พี่เรนเรียกผมเสียงแผ่วพร้อมกระชับมือผมที่จับไว้ใต้โต๊ะเบาๆ ส่งให้ผมต้องหันไปหา ก็พบกับใบหนาคมที่เลื่อนเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลงหายใจอุ่นๆพร้อมคำกะซิบเบาๆให้ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วหลับตาลง

               “แค่แตะก็พอ”

                จุ๊บ

               เสี้ยววิที่ริมฝีปากแตะกันก่อนที่จะผละออกไปโดยมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมาราวกับกำลังวิเคราะห์ ซึ่งนั่น...ผมไม่อยากจะคิดเลย

                ป้องเป็นคนฉลาด เขามักมีแผนการต่างๆอยู่ในหัวเสมอ ตอนที่พี่เรนมาบอกว่าเงินที่เขายืมผมไปนั้นถูกเอาไปปลดหนี้พนันบอลที่อีกฝ่ายไปก่อไว้ ตอนนั้นผมไม่เชื่อ..ที่จริงตอนนี้ผมก็ยังไม่เชื่อ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมา หรืออาจจะเป็นเพราะผมมองคนไม่ออกหรือมองโลกในแง่ดีเกินไปก็ได้ ทุกวันนี้ผมเลยยังนับมันเป็นเพื่อนทั้งๆที่มันไม่

               พี่เรนเป็นคนทิฐิแรงไม่เหมือนกับผมที่อะไรปล่อยได้ก็ปล่อยไป และถึงแม้พี่เรนจะเป็นคนขี้เล่น ดูไม่จริงจัง แต่ถ้าเกลียดใครแล้วคนนั้นแม่งไม่มีทางที่จะกลับมาคุยกันได้อีก

               เพราะฉะนั้นตอนนี้พี่เรนก็แทบจะกลายร่างเป็นยักษ์เข้าไปขย้ำคอไอป้องอยู่แล้ว แค่มันมานั่งเฉยๆพี่เขาก็เหม็นขี้หน้าจะแย่ยิ่งมาทำอะไรๆให้มันยากขึ้นไปอีกก็ไม่แปลกที่พี่เรนจะฉุนหนักกว่าเก่า

               ปกป้องมองมายังผมกับพี่เรนนิ่งๆเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ

               “ใช้ลิ้นด้วย”

               “ไอปกป้อง!!!!”

               “ว้าย!!”

               “พี่เรน! ใจเย็นพี่!”ผมผวาไปคว้าตัวพี่เรนไว้แทบไม่ทันเมื่อรุ่นพี่ตัวสูงเอ่ยชื่ออีกคนออกมาเสียงดังจากนั้นก็ถลาไปคว้าคอเสื้อของไอป้อง ทั้งยังเงื้อหมัดขึ้นสูงและคงจะออกหมัดไปในไม่ช้าหากผมไปรั้งไว้ไม่ทัน

               “มึงเจอกูแน่”พี่เรนยอมละมือ หากแต่ไม่วายชี้หน้าอีกคนทิ้งท้าย บอกตรงๆผมไม่ชินกับพี่เรนแบบนี้เลยว่ะ

               แต่คนที่เกือบถูกต่อยกลับแค่นยิ้มให้ แล้วหันไปบอกหญิงสาวข้างกายที่ทนั่งหน้าเหลอหลาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแทน

               “ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าเชื่อเลยครับพี่ใบเตย ผมรู้จักสองคนนี้มาตั้งแต่เด็ก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเป็นมากกว่าพี่น้อง”

               “จะ จริงหรือป้อง”เธอถามกลับด้วยความไม่แน่ใจ ตอนแรกเธอตัดใจไปตั้งแต่เขาหอมแก้มกันแล้ว แต่พอคนที่รู้จักกันมานานว่าอย่างนั้นเธอเองก็คงอดรู้สึกมีหวังขึ้นมาไม่ได้

               “จริงสิครับ”

               “ถ้าจูบแล้วจะยอมเชื่อใช่ไหม ทั้งมึงไอป้อง แล้วก็ใบเตย”

               อย่าบอกนะว่าพี่เรนคิดจะทำจริงนะ!

               “ครับ ถ้าทำได้ผมจะเชื่อ”

               “พี่...”ผมตั้งใจจะท้วง เพราะจูบแบบปากแตะปากผมกับพี่เรนน่ะเคยๆกันมาแล้วแต่ให้แลกลิ้นนี่คงไม่ไหวว่ะ อีกอย่างตอนนี้ผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วด้วยจะให้ทำแบบนี้มัน...

               “ครั้งเดียว ขอครั้งเดียวนะธีร์”แต่พอพี่เรนหันมาพูดเสียงแผ่ว ด้วยสายตาราวกับขอร้องผมก็ได้แต่เก็บคำทักท้วงไว้ในใจ ถ้าเทียบกับสิ่งที่พี่เรนทำให้ผมมาตลอดแล้วแค่เสียจูบครั้งเดียวมันเล็กน้อยมาก
ฉะนั้นผมจึงพยักหน้าแล้วยอมหลับตาลง

               สองมือกร้านประคองหน้าผมไว้ให้เงยขึ้น ผมสัมผัสได้ว่าใบหน้าอีกคนกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้จนผมหน้าร้อนวูบ สัมผัสอุ่นๆประทับลงมาที่ริมฝีปากก่อนที่ผมจะสัมผัสได้ถึงลิ้นชื้นที่พยายามจะสอดแทรกเข้ามาแต่...

               ผมทำไมได้

               ผมทำใจอ้าปากรับลิ้นคนอื่นเข้ามาไม่ได้ จู่ๆหน้าของไอฝรั่งก็โผล่ขึ้นมาในหัวจนผมร้อนวูบๆในอก

               พี่เรนค้างอยู่ค่อนข้างนานเพราผมไม่ยอมเปิดปาก จริงๆผมก็อยากจะดิ้นหนีถ้าไม่ติดว่ามือทั้งสองข้างของอีกคนกำลังกุมใบหน้าผมแน่นทั้ยังเริ่มออกแรงบีบให้ผมอ้าปาก

                ผมรู้ว่ายิ่งผมขัดขืนพี่เรนก็จะลำบาก ทั้งสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆแทนที่จะทำให้จบๆแต่...ผมทำไม่ได้

               “อื้อ!”

               แต่ในที่สุดผมก็สู้แรงบีบที่เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆไม่ได้ จนต้องยอมอ้าปากออก เบิกตากว้างอย่างตกใจ มือพยายามจะผลักอีกคนออกแต่ด้วยความที่แรงผมกับพี่เรนมันต่างกันมากเกินไปทำให้ผมหมดแรงที่จะขัดขืน ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวๆเหมือนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง

               แต่ดีที่รุ่นพี่จะเข้าใจผมเพราะเพียงไม่นานก็รีบผละออกไป ก่อนจะหันไปบอกชายหญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเสียงนิ่ง

               “พอใจแล้วใช่ไหม ต่อจากนี้ไม่ต้องติดต่อมาอีก”

               จากนั้นก็ฉุดให้ผมลุกขึ้น ผมที่มึนๆงงๆน้ำตาซึมๆให้ลุกขึ้นแล้วดันให้เดิน หากแต่เพียงแค่ลุกแล้วหมุนตัวเพื่อจะออกจากที่นี่ก็แทบจะลืมหายใจ

               “ไอ..หมีควาย..”

               มัน...มาตั้งแต่เมื่อไหร่

               ผมครางชื่ออีกคนออกมาเหมือนคนจิตหลุด ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายชาวตะวันตกตรงหน้าผมคือไอหมีควายไม่ผิดแน่ ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดหรือทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งอีกคนมองมาด้วยสีหน้าอึ้งไม่ต่างจากผม

               แต่เพียงไม่นานมันก็ปรับสีหนากลับมาเป็นปกติแล้วก็...ยิ้ม

               เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอึดอัดกับรอยยิ้มของมัน ได้แต่หวังว่ามันจะพูดอะไรออกมาบ้าง

               สักคำก็ยังดี...

               แต่มันก็ไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มแล้วหันหลังกลับเดินออกจากร้านไป

               ผมช็อก ใจผมอยากจะก้าวเท้าวิ่งตามมันไปแล้วบอกมันว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่อีกใจมันกลับบอกว่าคำพูดของผมมันก็เป็นได้แค่คำแก้ตัว เพราะทุกอย่างเมื่อกี้มันคือเรื่องจริง มันคือสิ่งที่มันเห็นไปกับตา

               ผมเป็นคนไม่คิดมากหรือไม่คิดเลย

               นั่นเป็นสิ่งที่ผมพร่ำบอกตัวเองและคนอื่น แต่ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกหมดแรงไปชั่วขณะ เกือบจะทรุดลงไปกับพื้นแล้วถ้าไม่มีพี่เรนที่คว้าดึงเอาแขนผมเอาไว้แล้วรีบพาออกมาจากร้านนั้นไป

               ผมไม่รู้ว่าตัวเองก้าวมาถึงไหน เดินมาไกลเท่าไหร่ พี่เรนพูดกับผมว่ายังไง เพราะตอนนี้สมองผมที่ไม่ค่อยได้ใช้มันกำลังแล่นเร็วจี๋เพื่อหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ แต่ท่าทางสมองที่มีดีแค่เรื่องเรียนจะช่วยอะไรไม่ได้ ยิ่งตอนนี้มันตื้อไปหมด

               ขอบตาผมร้อนผ่าว และไม่นานน้ำตาก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก..

               ทางเดียวที่มีอยู่ตอนนี้...   

               ผมหยุดเดิน สะบัดมือพี่เรนออก จากนั้นก็ออกตัววิ่งออกมามองซ้ายขวาเพื่อหาใครอีกคน

               ผมต้องอธิบาย ผมต้องไปอธิบายให้มันเข้าใจ

               “มึง!”ผมวิ่งไปหาคนร่างสูงกระชากแขนอีกฝ่ายแรงๆ

               “เอ่อ...มีอะไร..”

               ไม่ใช่! นี่ไม่ใช่มัน!

               “ฮึก”ผมพยายามกั้นก้อนสะอื้นที่อยู่ตรงคอ ตาผมพร่าไปหมดเพราะน้ำตาจนมองใครไม่ชัด ใครตัวสูงใหญ่หน่อยก็เขาไปทักแต่มันไม่ใช่...

               ตอนนี้เลยได้แต่ทรุดตัวลงไปนั่งพิงกำแพงหน้าร้านอะไรสักอย่างเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ น้ำตาก็ทะลักออกมาอย่าหยุดไม่อยู่ ได้แต่ก้มหน้าซุกลงตรงหัวเข่าพื่อปกปิดใบหน้าที่เปื้อนน้ำตานี่

               “ธีร์”

                “มะ...พี่เรน..”ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปทันทีเมื่อได้ยินคนเรียกอย่างมีความหวัง หากแต่คนที่ยืนค้ำหัวผมอยู่กลับไม่ใช่คนที่ผมหวัง

               “เพราะพี่...ฮึก..เพราะพี่”

               “อือ เพราะพี่เองธีร์ เพราะฉะนั้นพี่จะรับผิดชอบเรื่องนี้มึงไม่ต้องห่วงนะ”

               “พี่ก็พูดได้ ฮึก มัน..ฮือ อาจจะไม่เชื่อใจผมอีกแล้ว ฮือออ”ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้นนาทีนี้ ไม่สนว่าตัวเองกำลังโยนความผิดให้คนอื่น

               รุ่นพี่ตัวสูงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆเป็นเพื่อนแล้วส่งมือมาลูบหัวผมเบาๆ
 
               “ลองมันไม่เชื่อสิ พี่จะไปตั๊นหน้ามัน”

               “พี่!”

               “โอเคๆ พี่ไม่ทำอะไรผัวมึงหรอก”

               “ฮึก ฮืออ”

               “ร้องให้หมดนะธีร์ ร้องจนกว่าจะสบายใจ แล้วค่อยมาตั้งสติค่อยๆคิดหาทางออก”

               คนเป็นพี่ว่าอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง พร้อมกับความคิดที่ว่า..

               ท่าทางเรื่องนี้เขาจะต้องเป็นคนไปเคลียร์  ยังไงนี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเเน่ๆ






หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.25 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-09-2016 14:46:16
 :mew2:

พี่หมีจะตามร้านมาถูกได้ยังไง ใครบอก? หรือพี่หมีตาม gps หนูธีร์มา? หรือว่ารู้จักกับออสติน? ไม่มั้งงงงงงงง :a5:


ปกป้องนี่ใครวะ ห๊ะ จุ้นจริงๆ อย่าวุ่นวายชีวิตธีร์เลย ไม่งั้นคงไม่พ้นบาทาพี่เรนกับออสติน  :fire:

Y Y อยากให้ออสตินฟังพี่เรนอธิบายนะๆ ให้ชกหน้าพี่เรนทีนึงเลยเอ้า หนูธีร์ไม่ผิดนะงานนี้ :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.25 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 20-09-2016 23:43:36
แผนปกป้องป่าว???
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.25 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 21-09-2016 13:42:43
ธีร์สู้ๆลูก #ทีมธีร์กะพี่หมี

 :z6: :beat:ไอ่3ตัวชอบสร้างปัญหา
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.26
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 22-09-2016 19:34:44
Chapter 26
| Understood

Darren's part

          หลังจากนั่งรอให้ไอธีร์ร้องไห้จนน้ำตาหมด กว่ามันจะหยุดได้ก็ปาไปเป็นชั่วโมง ผมถึงกับต้องถอนหายใจหนักๆ

          มันก็จริงอย่างที่ธีร์ว่า จริงๆทั้งหมดมันก็เป็นความผิดเเละความเห็นแก่ตัวของผมนั่นเเหละครับ

          "ดูไม่ได้เลยนะ"ผมพึมพำยามที่เหลือบตาไปมองคนที่ร้องไห้หนัก หนักขนาดที่ว่าร้องจนหลับมาซบอย่างนี้ ดวงตาที่ปิดสนิทตอนนี้บวมเป่ง หน้ามันยังมีคราบน้ำตาอยู่เลย

          ผมเคยเห็นธีร์ร้องไห้หนักๆครั้งล่าสุดตอนป.2ได้ละมั้ง ตอนที่หมามันตาย 

          ที่เขาว่ากันว่าคนที่ปกติดูร่าเริงเวลาร้องไห้จะน่าสงสารมาก

          สภาพธีร์ตอนนี้เป็นอย่างนั้นเลยล่ะ

          วินาทีที่ผมหันไปเจอไอฝรั่งนั้นมองมา ผมยอมรับเลยว่าตกใจไม่เเพ้ธีร์เลยล่ะ เเต่จะให้พูดอะไรตอนนั้นมากก็ไม่ได้เพราะไอป้องกับใบเตยมองอยู่ใจตอนนั้นก็กลัวว่าไอฝรั่งร่างใหญ่นั่นจะบุ่มบ่ามทำอะไรเเต่สุดท้ายมันก็เเค่ยิ้ม ธีร์เองก็ดูช็อคไปแล้วด้วย เลยได้เเต่รีบพาอีกคนที่ตัวเเข็งทื่อออกไปจากตรงนั้นเเล้วค่อยว่ากันอีกที

          ตอนเเรกก็กะจะมาหาทางออกกับไอเด็กข้างตัวนี่ทีหลัง เเต่มันกลับทำหน้าเหมือนสติหลุดไปแล้วทั้งน้ำตายังไหลพรากอย่างที่ตอนที่หันไปเห็นนี่ผมยังตกใจ

          และเพราะธีร์ร้องไห้ยาก ผมเองก็จนปัญญาที่จะปลอบจริงๆ

          ถึงธีร์จะไม่บอกว่าเป็นความผิดผม ผมก็คิดว่าตัวเองต้องรับผิดชอบอยู่เเล้วล่ะ อีกอย่างเรื่องนี้มันเเปลกเกินไป

          "ธีร์ ไปนอนที่ห้องดีกว่าไหม"ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง สะกิดคนข้างๆเบาๆซึ่งอีกฝ่ายก็ฝืนลืมตาขึ้นมาช้าๆก่อนจะพยักหน้า

          ผมช่วยประคองเขาให้ลุกขึ้นก่อนจะเรียกเเท็กซี่ให้ไปส่งเขาที่คอนโดเขาซึ่งผมก็ไปด้วยนะ มอไซค์'ผมไว้ทีหลังละกันค่อยกลับมาเอาก็ยังไม่สาย ถ้าปล่อยอีกฝ่ายไปคนเดียวกลัวจะล้มพับไปก่อนน่ะสิ เเถมจะให้ซ้อนมอไซค์ผมไปก็คงไม่มีสติพอจะทรงตัวเเล้วนั่น

          ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ร้องไห้โฮออกมาเหมือนเด็กที่ทำอะไรไม่ถูกก็ร้องไห้ออกมาเเบบนั้น เเต่หลังจากที่ตามมาเจอก็พอเข้าใจขึ้นมานิดหน่อยล่ะนะ

          'พี่ ฮึก ก็พูดได้สิ ถ้ามันไม่เชื่อใจอีกเเล้ว จะทำยังไง'

          คำพูดของธีร์ลอยเข้ามาในหัว ถึงรู้ว่ามันไม่ใช่เวลามาดีใจเเต่ก็อดยกยิ้มขึ้นมานิดไม่ได้เมื่อรู้สึกว่า...เด็กน้อยที่ผมเคยรู้จักเริ่มเปลี่ยนไปเเล้ว

          ซึ่งเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นซะด้วย อย่างที่รู้กันคือผมกับธีร์เเทบจะโตมาด้วยกัน เห็นกันมาตั้งเเต่ปิกาจูเท่านิ้วก้อย ผมมองเขาเป็นน้องชายคนนึง ผมเอ็นดูเขา ผมชอบนิสัยของเขานะ จะว่าซื่อก็ซื่อ เเต่บางครั้งมันก็เป็นดาบสองคม

          ถ้ามองในเเง่บวก เขาคือคนไม่คิดมาก อะไรปลงได้ก็ปลง มองโลกในเเง่บวกสุดๆ
 
          แต่ถ้ามองในเเง่ลบ เขาคือคนที่ไม่ค่อยใส่ใจคนอื่นนัก จะว่าใส่ใจก็ในระดับหนึ่งเเต่ที่เห็นชัดๆเลยว่าความจำเรื่องอื่นของเขานอกจากเรื่องเรียนมันเเย่มาก เขามักลืมนัดของคนอื่นเสมอ

          เหตุผลที่ผมเลือกธีร์มาช่วยเป็นเเฟนหลอกๆนี่น่ะก็เพราะนิสัยพื้นฐานเขานี่เเหละ ใบเตยเป็นผู้หญิงร้ายกาจ เเต่ไม่น่ากลัว เธอทำได้อย่างมากก็พูดเหยียดไม่กล้าทำร้ายอะไรใครหรอก ดังนั้นผมเลยวางใจ ให้ธีร์ที่ไม่เคยคิดอะไรซับซ้อนมารับบทนี้
ก็ดูอย่างเหตุการณ์วันนี้สิ ไอนี่มันรู้สึกอะไรที่ไหนกัน ใครพูดยังไงมามันก็หมายความอย่างนั้น ไม่คิดมากไม่แปลอะไรซับซ้อนกว่านั้นหรอก ฉะนั้นการด่าเหยียดๆเเบบที่ผู้หญิงชอบทำมันไม่มีผลกับคนซื่ออย่างธีร์หรอก

          เเต่ตอนนี้ธีร์กำลังไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะเขาเริ่มที่จะมองโลกในเเง่ลบบ้างเเล้ว ซึ่งนั่นผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ

          จะมองโลกในแง่ดีมันก็ดีนั่นเเหละ เเต่ทุกอย่างถ้าคิดเเง่ลบเผื่อไว้บ้างมันก็ดีกว่า

          "พี่เรน..."

          "หืม ว่าไง"ผมหันไปทางต้นเสียง คนที่ตาบวมจนหมดสภาพกำลังท้าวคางมองออกไปนอกหน้าต่าง หากเเต่ไม่หลับ เหมือนเหม่อมองวิวไปเรื่อยๆมากกว่า

          "เขา...จะโกรธไหมวะ"ธีร์หันมาเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ ผมเชื่อว่าในสมองเขาต้องมีเเต่ความคิดเเง่ลบเต็มไปหมดเเน่นอน ถึงได้ทำหน้าจะร้องไห้อีกรอบอย่างนั้น

          "โกรธแน่นอน"

          "ฮึก"พอตอบปุ๊ปมันก็เบะปากจะร้องทันทีจนผมต้องรีบโบกไม้โบกมือเเล้วพูดต่อให้จบก่อนที่ไอคนเชื่อคนง่ายจะได้ร้องอีกรอบ

          "เดี๋ยวๆอย่าเพิ่งร้องสิ ฟังก่อน เขาจะโกรธแน่นอน เเต่เขาจะโกรธพี่"ผมยิ้มนิดยื่นมือไปยีหัวคนที่เด็กกว่าเพียงสองปีอย่างเอ็นดู ธีร์ก็เงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย

          "ธีร์ มึงคิดดีๆว่ามึงทำอะไรผิดให้เขาโกรธ"

          "ก็จะ..จูบพี่"

          "อ่าหะ แล้วถ้าเป็นมึงไปเห็นมันจูบคนอื่นมึงจะทำยังไง"ผมถามกลับ

          "ระ..ร้องไห้มั้ง"มันหยุดคิดไปนิดก่อนจะตอบอย่างไม่เเน่ใจ

          "อือฮึ นั่นคือมึง เเต่ไอฝรั่งนั่นเเค่ยิ้ม"

          "นั่น...แปลว่าเขาไม่สนใจผมหรอ..."

          ป้าบ

          มือที่ยีหัวทุยๆอยู่เปลี่ยนเป็นตบเบาๆเเทน ส่งให้คนโดยร้องโอ้ยขึ้นมาอย่างตกใจ เเต่ผมรู้ว่ามันไม่เจ็บหรอก ที่ตบไปก็เพราะอยากให้มันคิดตาม เฮ้อ ความรักนี่มันเปลี่ยนคนได้จริงๆหรือวะเนี่ย เปลี่ยนโลกสีสายรุ้งของไอธีร์เป็นโลกสีเทามืดหม่นเลยนะเนี้ย พูดนิดพูดหน่อยก็คิดไปไกลซะเเล้ว

          "แล้วหลังจากร้องไห้มึงจะทำอะไรต่อ"

          "ก็...อยากฟังเหตุผล..."

          "นี่ไง มันก็คงเหมือนกัน ธีร์ มึงเป็นแฟนมันนะ มึงน่าจะรู้จักนิสัยแฟนตัวเองดีกว่าคนอื่นสิ จากที่พี่ที่เป็นคนนอกเห็นยังรู้เลยว่าใจมันไม่ได้ยิ้มเหมือนหน้าหรอก"ผมพูดตามความจริง เพราะนี่แค่จูบนะ ไม่ได้ไปได้เสียกันเสียหน่อยฝรั่งเขาไม่ถือไม่ใช่หรือไง แต่จะให้พูดออกไปคงโดนด่าแน่นอนขอเก็บไว้ใจอย่างเดียวละกันนะ

          ไอธีร์เงียบลงไปเหมือนใช้ความคิด ผมเลยพูดขยายความต่อ

          "และจากที่พี่เจอกันไม่กี่ครั้ง...พี่ว่าตอนนี้มันกำลังรอคำอธิบายของมึงอยู่ แถมมันยังยินดีที่จะเชื่อสุดใจด้วย"

          "แล้วทำไมเขาหนี..."

          "ธีร์ มึงลองคิดกลับกันว่าเป็นตัวเองสิ"

          ถ้ารัก ก็ต้องกลัวคำตอบเป็นธรรมดา

          คนฟังเงียบไปนิด ก่อนสมองน้อยๆจะเริ่มประมวลผลตาม ผ่านไปชั่วครู่ มันก็เงยหน้ามอมๆใช้ตาบวมๆเเดงๆมองมาที่ผมตาแป๋วเเล้วเอ่ยวลีสั้นๆที่ผมเเทบอยากจะเข้าไปเขย่าคอมัน

          "ไม่เข้าใจง่ะ"

          บทจะโง่ก็โง่จังเลยน้องกู

          "ก็สมเป็นมึงอยู่หรอก เฮ้อ! เอาใหม่ๆ เมื่อกี้คงจะเข้าใจยากไป งั้นเอาง่ายๆเมื่อกี้มึงตั้งใจที่จะจูบไหมล่ะ"ปลงครับ ปลงอย่างเดียว พูดเข้าใจยากไอธีร์มันก็ไม่เข้าใจ จะพูดบอกไปตามที่คิดเลยก็คิดว่ามันก็ไม่ได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าผิดขึ้นมาก็หน้าเเตกสิครับ อีกอย่างเรื่องเเบบนี้มันก็อยู่ที่คนสองคน ถึงเเม้ผมจะเป็นคนทำให้เขามีเรื่องกันก็ตามที

          "ไม่ ผมไม่อยากจูบ"

          "ใช่ ฉะนั้นมึงไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกธีร์ พี่ผิดคนเดียวที่ลากมึงมายุ่งกับเรื่องยุ่งยากเเบบนี้"

          "เรื่องนั้นผมเต็มใจช่วย.."

          "หยุดความใจดีของมึงเอาไว้ก่อนเถอะ พี่รู้ เเต่ตอนนี้มึงมีเเฟนแล้ว แล้วพี่ก็รู้ว่าพี่ไม่ควรหนีเเบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ"ผมรีบยกมือห้ามมันอีกรอบ ก่อนจะเป็นคนหันมากุมขมับเเทน ไอแผนแฟนกำมะลอนั่นมันก็แค่แผนชุ่ยๆที่ผมคิดขึ้นมาได้เท่านั้น ผมไม่คิดว่ามันจะหลอกคนอื่นได้ไปตลอดหรอกนะ ฉะนั้นผมก็คิดแผนสำรองไว้บ้างเเล้วนั่นเเหละ เพียงแต่...ตอนนี้คงต้องเอาเรื่องของผมเอาไว้ทีหลัง

          "ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นเเหละ ถ้ามึงไม่ผิดก็ทำหน้ามั่นใจไว้สิวะ จะทำเหมือนตัวเองยอมรับผิดไปทำไม"ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถ้าคิดดีๆเเล้วไอธีร์มันไม่ผิดเหี้ยอะไรด้วยซ้ำไป มันก็เเค่ใจดียอมช่วยผมเเถมเปลืองเนื้อเปลืองตัวมันอีกต่างหาก ซึ่งคราวนี้มันก็ยกยิ้มขึ้นนิดเเล้วพยักหน้ารับ

          "ครับ"


--------------------


Thee's part

          สมองผมยังตื้อไม่หาย มันขาวโพลนไปหมดอย่างที่ไม่เคยเป็น เป็นครั้งเเรกที่ผมลังเลที่จะทำอะไรซักอย่าง ครั้งเเรกเลยที่ไม่สามารถตัดสินใจได้เสียทีว่าควรจะทำยังไงต่อไป ยอมรับเลยว่ามันกลัวไปหมด

          เเต่พอคิดตามที่เรนพูด ผมผิดที่ไปจูบคนอื่นก็จริงแต่มันเกิดขึ้นโดยที่ผมไม่ได้เต็มใจแถมพยายามจะขัดขืนแล้วด้วย เพราะฉะนั้นผมไม่จำเป็นต้องตีตนไปก่อนไข้ ตอนนี้สิ่งที่ควรทำที่สุดตอนนี้คือตั้งสติแล้วเรียบเรียงคำพูดเพื่อที่จะไปอธิบายให้อีกคนเข้าใจ...

          แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น จะให้บอกมันว่าผมไม่ได้เต็มใจงั้นหรือ มันก็เท่ากับโยนความผิดทั้งหมดให้พี่เรน ถึงแม้ว่าพี่เขาจะออกปากว่าจะรับความผิดไปเองก็เถอะ ผมเองก็เต็มใจที่ช่วยตั้งแต่ต้นเพียงแต่การจูบมันไม่ใช่สิ่งที่ได้คาดคิดกันไว้ก่อน แต่จะให้บอกเรื่องราวทั้งหมดไปตามความจริงก็ใช่ว่ามันจะเชื่อแถมผมไม่ฉลาดพอที่จะเรียบเรียงประโยคยาวๆเป็นภาษาอังกฤษได้หรอกนะ 

          แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ผมรู้แหละว่าคงต้องบอกไปตามจริง เพียงแต่มันจะเชื่อรึเปล่านี่สิ...

          “นี่ครับ”

          ผมนั่งทะเลาะกับตัวเองตั้งแต่ออกมาจากห้างยันตอนนี้ที่รถได้มาหยุดอยู่ที่หน้าคอนโดผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ทั้งเปลือกตาทั้งสองข้างก็หนักขึ้นทุกทีๆเพราะความล้า

          หลังจากที่พี่เรนได้จัดการเคลียร์ค่าโดยสารเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยังเป็นคนช่วยประคองผมไปส่งที่ห้อง ที่จริงผมก็ไม่เชิงไม่มีแรงแต่เหมือนสติมันหลุดลอยไปไหนแล้วก็ไม่รู้เลยเบลอๆ ปกติก็ป้ำๆเป๋ออยู่แล้วด้วย เหมือนพี่เรนจะรู้เลยต้องลำบากช่วยลากถูผมจนถึงห้องนั่นแหละ

          ตอนแรกก็หวั่นๆว่าหลังประตูห้องตัวเองจะมีใครอีกคนอยู่ หากแต่เปิดมาก็พบแต่ความว่างเปล่า

   แหงล่ะ มันคงไม่อยากเห็นหนาผมแล้วละมั้ง

   “ไปพักก่อนเถอะ ตื่นมาค่อยมาหาทางออก ตอนนี้มึงฝืนตัวเองไปมันก็ยังไม่กลับมาหรอก”เหมือนรุ้นพี่ตัวสูงข้างกายจะเดาออกว่าผมคิดอะไรอยู่เลยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเจือความเป็นห่วง ให้ผมพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าห้องนอนไป

   ถึงผมจะโง่ แต่ทางออกเรื่องนี้มันก็มีอยู่ทางเดียวนั่นแหละ เพียงแต่...

   ‘ธีร์ มึงเป็นแฟนมันนะ มึงน่าจะรู้จักนิสัยแฟนตัวเองดีกว่าคนอื่นสิ’

   ประโยคนี้ต่างหากที่มันทำให้ผมหยุดความคิดตัวเองไม่ได้ซักที


------------------------------------------

            แอด..

           ผมตื่นขึ้นมาหลังนอนยาวจนกระทั่งดวงตะวันลับขอบฟ้า ซึ่งพอตื่นมาก็พบว่าสมองปลอดโปร่งขึ้นเยอะ เหลือเพียงอาการปวดตุ้บๆตรงกระบอกตา แถมตายังบวมเป่งจนหน้ากลัว แต่พอเปิดประตูห้องนอนออกมาเพื่อหาอะไรมาประทังชีวิตก็ต้องชะงักกึกกับภาพตรงหน้า

                ไอหมีควายกลับมาแล้ว

                แต่พี่เรนยังไม่กลับไป

                ภาพที่เห็นตรงหน้าคือผู้ชายตัวโตสองคนนั่งอยู่บนโซฟาเดียวกันเงียบๆ มีเพียงเสียงโทรทัศน์ที่ฉายรายการสารคดีสัตว์โลกค้างไว้ ทั้งคู่หันมามองผมอย่างพร้อมเพรียง แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

                “คือ ไอ ไอ “ผมจึงรวบรวมความกล้า สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วมองเข้าไปในดวงตาน้ำข้าวของใครอีกคน

                เอาวะ ไม่พูดตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปพูดตอนไหนแล้ว

                “แอม ซอรี่นะ! คือไอไม่ คือ ไม่ได้ตั้งใจ! คือ ไอ ฮึก”คำที่เคยคิดไว้มลายหายสิ้น เมื่อสบตาสีน้ำข้าวที่ไม่สื่อแววอะไรออกมาเลย ทั้งยังนิ่งเงียบเสียจนคนพูดต้องกัดปากเพื่อกลืนก้อนสะอื้นเข้าไป

                “ซอรี่...ขอโทษนะ ขอโทษ ฮือออ ขอโทษ”

                “ขอโทษ...ผมขอโทษ”

                แต่สุดท้ายก็พูดได้แค่นี้จริงๆ

                “เฮ้อ..”

                หมับ

                “There…there don’t cry I understand everything now. Don’t think too much. I don’t get mad at you.(โอ๋ๆ อย่าร้องๆ ตอนนี้ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว อย่าคิดมากเลย ฉันไม่ได้โกรธนายหรอก)”

                “Should I be  glad that you’re crying because of me? (นี่ฉันควรดีใจไหมที่นายร้องไห้ขนาดนี้เพราะฉัน)”มันว่ากลั้วขำ แต่ผมไม่ขำด้วยนะเว้ย รู้บ้างไหมว่าผมกลัวใจมันขนาดไหน กลัวมันจะไม่เชื่อใจผมอีกต่อไปแล้ว

                ผมไม่ตอบอะไรเพียงแค่ฝังหน้าลงกับอกกว้างแข็งๆถือโอกาสป้ายน้ำตาน้ำมูกที่ปนกันจนไม่รู้อะไรเป็นอะไรไปพลาง ในขณะที่มันก็แค่ลูบหัวผมต่อไปเรื่อยๆ

                “Thank you for letting me know that I’m not the only one thinking about it. (ขอบคุณนะ ที่ทำให้ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้คิดอยู่ฝายเดียว)"


 
                “เอ่อ...ว่าแต่ทำไมพี่เรนถึงโดนต่อยล่ะ”

                หลังจากที่เคลียร์กันจบเข้าใจรู้เรื่องทั้งสองฝ่าย เอาจริงๆคือผมแทบจะไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่พอเห็นมันยิ้มได้เหมือนเดิมไม่มีความเศร้าโศกเสียใจอะไรใดๆอยู่เลยในขณะที่ผมหยุดน้ำตาที่ไหลพรากๆของตัวเองไม่ได้ซักทีจนเวลาล่วงลับมาถึงตอนนี้

                “ก็ไปอธิบายเรื่องทั้งหมดให้มันเข้าใจไงล่ะ เลยได้นี่มาเป็นของตอบแทน”รุ่นพี่ที่นั่งท้าวคางมองมาซักพักเอ่ยเรียบๆ แถมยังชี้นิ้วไปที่โหนกแก้มตัวเองที่เปลี่ยนมาเป็นสีม่วงช้ำ

                “แต่พี่เรนไม่ได้ทำอะไรผิด...”

                “ธีร์ พี่บอกมึงแล้วว่าให้หยุดความใจดีเรี่ยราดของมึงไว้ก่อน เรื่องนี้ยังไงพี่ก็ผิด ถึงแม้มึงจะเต็มใจช่วยแต่เรื่องจูบ ความจริงที่ว่าพี่เป็นคนบังคับมึงก็ยังไม่เปลี่ยนอยู่ดี”คนพูดร่ายยาวก่อนจะถอนหายใจหนักๆแล้วพูดต่อ

                “ถ้าเคลียร์กันเสร็จแล้ว พี่ขอกลับแล้วนะ นั่งดูผัวเมียสวีทกันมันไม่น่าอภิรมย์ใจสักเท่าไหร่”พี่เรนว่าก่อนจะยันตัวขึ้นจากโซฟาที่นั่ง เนื้อความประโยคมันทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนๆเล็กน้อยจนต้องเอ่ยแย้ง

                “ผะ ผัวเผออะไรกันพี่ แล้วก็อย่าเพิ่งกลับ มานั่งเลยๆ”และฉุดมือรุ่นพี่ตัวสูงให้กลับมานั่งตามเดิน แล้วลุกขึ้นแทน

                “ไอธีร์”

                “เดี๋ยวผมทายาให้แปปเดียว ฟกช้ำนี่ทายาได้เลยไหมพี่หรือต้องประคบอะไรก่อน”ผมถามเพื่อความแน่ใจก่อนจะเดินไปเอายาเพราะไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้สักเท่าไหร่

                “ถ้าให้ดีก็ควรประคบเย็นก่อนนั่นแหละ แต่พี่ว่าเดี๋ยวพี่กลับไปทำเองดีกว่า”คนเป็นรุ่นพี่ส่ายหน้าปฏิเสธผิดวิสัยคนอะไรก็ได้อย่างพี่เรน ซึ่งปกติถ้าอาสาทำอะไรให้ไม่เคยหรอกครับไอการปฏิเสธเนี่ย

                “ไม่ต้องเกรงใจหรอกพี่ ห้องพี่กว่าจะหายาเจอแผลคงหายไปแล้ว”ผมเองก็ส่ายหน้ายืนยันว่าจะทำให้ พี่เรนทำท่าคิดแวบนึงก่อนจะส่ายหัวอีกรอบแล้วยันตัวขึ้นยืนสุดความสูง

                “แต่ถึงอย่างนั้น พี่ก็คิดว่าพี่ไปทำเองคงดีกว่า”

                “พอดีไม่อยากได้เพิ่มอีกรอยน่ะ”ว่าแล้วพี่เขาก็เหล่ไปทางอีกด้านของโซฟาให้ผมหันมองตาม...ก็พบกับรอยยิ้ม...

                “What’s are you doing?(พวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ)”

                “มึงอาจจะไม่รู้ แต่ผัวมึงขี้หึงชนิดที่ว่าขู่ฆ่าพี่เลยนะ”
               

 



หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.26 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-09-2016 19:55:48
ว่าที่ฝาละมีธีร์โหดแท้

แบบนี้สิถึงจะดีย์~ อิอิ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.26 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-09-2016 20:53:25
ปกป้อง เพื่อนเลว
เรน เป็นสุภาพบุรุษมากกกกก
แต่ไม่เข้าใจ ว่าเรน กลัวอะไร กับการตื๊อของใบเตย
ถึงกับต้องทำอะไรๆ เพื่อให้ใบเตยเชื่อว่ามีแฟนแล้ว
คราวนี้ หมีควายต้องซาบซึ้ง ว่าธีร์ รักหมีควายมากจริงๆ
อยากอ่าน น้ำพุ จีน หรือ จีน น้ำพุ :mew1: :mew1: :mew1:
แต๊ก ทำตัวมีลับลมคมใน กับใครเอ่ย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.26 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 22-09-2016 23:34:56
เคลียร์กันลงตัวซะที,,,
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.26 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 23-09-2016 09:55:42
อื้อหือออ สนุกกกกก
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.26 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 23-09-2016 15:39:40
เข้ามาอ่านรวดเดียวเลย สนุกมาก น่าสนใจทุกคู่เลย แอบอยากอ่านคู่พี่เรนอ่ะ กับคู่แต้ก
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.27
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 23-09-2016 16:22:13
Chapter 27
| Punishment



          "นี่ๆ don't mad จริงๆหรือ"

          หลังจากพี่เรนขอตัวกลับไปด้วยความไวแสงผมก็ยังไม่เลิกเกาะเเกะอยู่กับไอฝรั่งร่างควาย ก็คนมันไม่เชื่อนี่หว่าทำไมถึงหายโกรธง่ายๆงี้เล่าแถมไม่ถามอะไรผมสักคำเลย

          ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คือการพยักหน้าพร้อมยิ้มบางๆ

          "It's late now let's go to bed.(มันดึกเเล้ว นอนกันเถอะ)"มันว่าเเล้วกดปิดทีวีที่เปิดค้างไว้ตั้งเเต่เย็น ยันตัวขึ้นจากโซฟาหมายจะเดินไปห้องนอน

          หมับ

          "นี่...don't feel anything เลยหรือ"ผมถามเสียงหงอยๆ ได้แต่ก้มมองมือตัวเองที่จับปลายเสื้อมันไว้เพราะไม่กล้าเงยหน้าไปมอง

          ใช่...ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในภาวะที่เรียกว่า'คิดมาก'

          แปะ

          ความอุ่มที่วางลงบนหัวทำให้ผมต้องเงยหน้าไปมองมันอย่างไม่มั่นใจ ไอฝรั่งยิ้มให้น้อยๆมือก็ลูบหัวผมไปพลาง

          "It doesn't mean I don't have any feeling but I just don't want you to worry. Actually at that moment I wanted to kill him.(ไม่ใช่ไม่รู้สึก แต่ฉันไม่อยากให้นายคิดมากไปกว่านี้ ตอนนั้นฉันเเทบจะพุ่งไปบีบคอไอบ้านั่นเลยรู้ไหม)"

          "ฆะ ฆ่า?"ผมเอ่ยทวนอย่างไม่มั่นใจ นี่ฟังไม่ผิดใช่ไหม คิลๆนั่นแปลว่าฆ่าใช่ไหม

          "Just kidding. I'm just thinking but I'm not sure that next time he will alive. (ล้อเล่นหน่า ฉันได้แต่คิดเเต่คงไม่ทำจริงหรอก แต่ถ้ามีครั้งต่อไปก็ไม่แน่)"มันพูดกลั้วขำ แต่เมื่อกี้ตอนมันพูดเห็นสายตามันวาววับขึ้นมาเเวบนึง

          อึ๋ย นี่แสดงว่าที่พี่เรนพูดนี่เรื่องจริงใช่ไหม

          "ละ แล้วจะไม่เอ่อ let me do something for you หน่อยหรือ แบบว่าแทนคำขอโทษ"ผมเอ่ยถามอย่างไม่มันใจ คือก็ดีอยู่หรอกที่มันไม่โกรธแต่มันก็ค้างคาใจแปลกๆนี่หว่า อย่างน้อยก็ให้ทำอะไรไถ่โทษหน่อยก็ได้จะได้สบายใจขึ้นมานิด

          "Hmm... Good idea. Are you sure?(หืม ความคิดดีนี่ นายเเน่ใจเเล้วหรือ)"

          "อือ"

          "Then...(งั้นก็...)"

          "เหวอ!"

          ผมร้องอย่างตกใจเมื่อพอเดินเข้าไปหา มันก็จัดการสอดมือทั้งสองข้างเข้าใต้รักเเร้ผมเเล้วยกผมขึ้นเหมือนเวลาที่ผู้ใหญ่ชอบเล่นกับเด็ก แต่ประเด็นคือผมไม่เด็กแล้วไงครับ!

          แต่มันก็คงรู้ว่าผมไม่อาจทนให้เท้าไม่เเตะพื้นได้นาน พอยกขึ้นเสร็จก็เปลี่ยนเป็นอุ้มเเทนให้ผมได้เอาเเขนเกี่ยวคอมันไว้เป็นหลักยืนยันว่าผมจะไม่ร่วงลงไปแน่ๆหรือร่วงก็จะพามันไปด้วยกันนี่แหละ แล้วจากนั้นมันก็ดิ่งเข้าห้องนอน..

          เอ้ะ! หรือว่า!

          พลันความคิดจังไรสิบแปดบวกเรทฉ.ก็ฉายเข้ามาในหัวเเบบนอนสต็อป อุณหภูมิบนใบหน้าเริ่มสูงขึ้นเมื่อคิดภาพตาม

          ร่างผมถูกปล่อยลงบนเตียงอย่างเบามือทั้งร่างสูงใหญ่ก็ตามมาทาบทับด้วยรอยยิ้ม มือกร้านกดข้อมือผมลงกับเตียงไม่เเรงนักเเต่ถึงอย่างนั้นผมก็ขยับไม่ได้อยู่ดี

          ผมหลับตาปี๋รอรับสัมผัสเมื่อหน้าคมหล่ออย่างชาวตะวันตกกำลังเลื่อนเข้ามาใกล้ ในใจนี่คิดไปก่อนเลยว่าต้องโดนจัดหนักจัดเต็มหรือกัดปากกันเลือดสาดบ้างเเหละแต่...

          จุ๊บ

          ริมฝีปากหนาจรดลงบนหน้าผากเบาๆ ไล่ลงมาที่เปลือกตา ปลายจมูก เเก้มทั้งสองข้างและ...

          ริมฝีปาก

          "อื้อ.."ผมครางอืออึงในลำคอทันทีเมื่อปากอีกฝ่ายประกบลงมาพร้อมลิ้นที่รุกล้ำเข้ามาตักตวงความหวานอย่างอ้อยอิ่ง

          ยังคงเป็นจูบที่นุ่มนวลและหวานเหมือนเคย

          ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่กว่าเราจะผละออกจากกัน สายตาเราประสานกันเหมือนมีเเรงดึงดูด

          ฟอด! ฟอด! ฟอด!

          มันก้มลงมาหอมแก้มผมอีกรอบทั้งซ้ายทั้งขวา และมันไม่หยุดแค่นั้นหอมซ้ำๆจนผมต้องดันหน้ามันออกเพราะหนวดตอๆมันทิ่มหน้าผม

          "พอๆ มันจั๊กจี้  ก็บอกว่าพอไง ฮ่าๆ หนวดมึงทิ่มหน้า"ผมพยายามจะดันหน้ามันออกเเต่มันก็ยังคงพยายามที่จะหอมแก้มผมเเรงๆอีกจนผมหลุดหัวเราะเพราะจั๊กจี้แปลกๆ

          "พอเเล้ว แก้มกูช้ำหมดเเล้วเนี่ย!"

          คราวนี้มันยอมหยุดโดยที่มือผมยังดันหน้ามันไว้อยู่ มันเผยยิ้มนิด

          "Look. You can smile now.(ยิ้มได้แล้วนิ)"

          "หือ"

          "I like when you smile more than when you serious.(ฉันชอบเวลานายยิ้มมากกว่าทำหน้าเครียดนะคอร์กี้)"มันว่าเเล้วกุมมือผมที่จับหน้ามันไว้อีกที เเต่ตายังคงมองมาที่ผม

          "This is more lovely.(แบบนี่น่ารักกว่าเยอะ)"

          ฉ่า..

          อีกแล้ว... ทำไมคำพูดมันถึงได้แอคเเทรคผมทุกที ทำไมถึงพูดอะไรอย่างนี้ได้ด้วยหน้าตายิ้มๆเเบบนั้น แค่รอยยิ้มมาผมก็ตายไปครึ่งทางเเล้ว เจอเเบบนี้นี่ไม่มีสิทธิ์ต่อต้านเลย

          "So, last punishment.(เอาล่ะ บทลงโทษสุดท้าย)"

          "ยังไม่หมดอีก?"ผมเลิกคิ้วถาม ไอเรื่องกามๆสิบแปดบวกนี่ผมปัดมันทิ้งไปแล้ว เพราะพอคิดๆดูเเล้วมันไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น

          อีกฝ่ายผลิกมาทิ้งตัวนอนตะเเคงข้างๆโดยหันหน้ามาทางผมให้ผมต้องผลิกตะเเคงหันหน้าไปทางมันบ้าง  มันยิ้มเหมือนปกติก่อนจะตบเตียงที่เหลือพื้นที่เพรยงน้อยนิดระหว่างเราปุๆ

          "Come! My bolster. (มาเป็นหมอนข้างฉันซะ)"

          ผมยิ้มออกทันที แล้วขยับเข้าไปประชิดตัวคนที่อ้าเเขนรออย่างว่าง่าย

          "นี่มันไม่ใช่บทลงโทษเเล้ว"

          "This. I'll hug you tight.(นี่ไง จะกอดให้ช้ำไปทั้งตัวเลย)"

          "มันใช่ที่ไหนเล่า.."

          จุ๊บ

          "Trust me and yourself Corgi.(เชื่อใจฉันและตัวเองนะคอร์กี้)"

          "อือ"ผมครางรับในลำคอเป็นเชิงรับรู้ ขดตัวเข้าหาไออุ่นจากคนตัวใหญ่ ซึ่งอีกฝ่ายก็คงคิดเหมือนกันเลยกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนที่พวกเราจะจมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราโดยที่ผมไม่สามารถหุบยิ้มตัวเองได้

          คนมีแฟนเขารู้สึกแบบนี้กันสินะ...

          ความรู้สึกที่เรียกว่าความสุขล้นอกเนี่ย



-----------------------------


Darren's part

          "ซี๊ด..ไอฝรั่งนั้นหมัดเเรงใช้ได้เลยนี่หว่า"ผมบ่นพึมพำยามที่เคลื่อนมือไปเเตะเบาๆตรงโหนกแก้มตัวเองที่ช้ำจากการถูกกระแทกอย่างเเรง

          แต่ยังไงผมก็ถือว่ามันทำถูกแล้วที่ต่อยผมน่ะนะ

          ถ้าจะย้อนความ หลังจากที่ไอธีร์หมดเพลียจนหลับไป ผมก็ออกมารอไอคนที่ยังไม่กลับห้องมา และผ่านไปมันนานมันก็กลับมาพร้อมหมาไทยตัวนึง ซึ่งให้เดาว่าน่าจะเป็นไอเตอร์ที่ธีร์มันเคยเล่าให้ฟัง ตอนมันเจอหน้าผมมันก็ชะงักไปนิดนะแต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เเต่พอผมเอ่ยปากบอกมันว่าที่เห็นวันนี้ผมเป็นคนบังคับธีร์เองเท่านี้เเหละ..

          วางหมาเเล้วกระโจนมาต่อยผมทันทีเลยครับ

          แต่มันก็ต่อยเเค่หมัดเดียวนี่เเหละเห็นบอกว่าต่อยเเทนไอธีร์ หลังจากนั้นมันก็รอผมอธิบายเงียบๆ พยักหน้ารับรู้เเถมยังถอนหายใจเหมือนโล่งอกอีกต่างหาก

          ไอฝรั่งนั่นดูจะเชื่อใจไอธีร์จนผมอิจฉาเลยล่ะ

          และผมเคลียร์เรื่องที่มันระเเวงว่าผมชอบธีร์ไปเเล้วด้วย ตอนเเรกที่ผมบอกว่ารักธีร์น่ะ ผมรักมันจริงๆนะ แต่เป็นเเบบพี่ชายรักน้องชาย ผมมองมันเป็นเเค่น้องชายเอ๋อๆซื่อๆคนหนึ่งก็เท่านั้น ตอนนั้นก็เเค่อยากเเหย่ไอฝรั่งเล่นทั้งยังสับสนกับตัวเองหน่อยๆว่าจะสามารถคิดกับธีร๋ได้เกินกว่านี้ไหม แต่สุดท้ายผมก็รู้ว่าผมคิดกับมันได้เเค่พี่น้องจริงๆ

          คนซื่อๆเเบบนี้มันไม่ใช่สเป็คผมหรอก...

          ...ต้องคนหัวไวเจ้าเล่ห์เเบบคนตรงหน้าผมต่างหาก

          "คิดถึงผมหรือครับ มาหาถึงที่เลย"ผมทักคนที่ในชุดสูทที่ยืนกอดอกอยู่หน้าคอนโดผมทันทีเมื่อเดินเข้าไปใกล้

          "ดาร์เรน"

          "เรียกซะเต็มยศเชียวนะเอสเปอร์"เมื่ออีกฝ่ายหันมาว่าเสียงนิ่งด้วยใบหน้าไร้รอยยิ้ม ผมก็ไม่หวั่นยิ้มกลับไปอย่างเป็นมิตร

          "ผมจะบอกอีกครั้งนะว่าเอาของๆผมคืนมาซะ"เอสเปอร์ว่าเสียงเข้ม ใบหน้าที่ปกติมักจะประดับด้วยรอยยิ้มที่ผมมักบอกว่ามันจอมปลอมได้หายไปแล้ว เหลือเพียงใบหน้าเคร่งเครียดจนผมต้องหุบยิ้มเมื่อท่าทางอีกฝ่ายจะไม่เล่นด้วย

          ตั้งเเต่เจอกันผมชอบเวลาเขาหลุดมาดหุบยิ้ม แต่คราวนี้มันต่างกันออกไป...

          "ผมไม่มีของอะไรของคุณหรอก คุณไปทำตกที่อื่นรึเปล่า"

          "โกหก!"เอสเปอร์พูดเสียงดังจนเหมือนตะหวาด ดวงตาที่มักเฉยชาฉายเเววโรจอย่างชัดเจนจนผมสะดุ้งกับเสียงนั้น

          นี่มัน...แปลกเกินไปแล้ว

          "เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า"ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ไม่มีความยียวนกวนบาทาอีกต่อไป จากสภาพอารมณ์คนตรงหน้ามันทำให้ผมพอจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาล้อเล่น

          "นั่นไม่เกี่ยวกับคุณ เอาของของผมคืนมา"คนในชุดสูทลูบหน้าตัวเองเเรงๆราวกับต้องการจะสงบสติตัวเอง ท่าทางของอีกคนทำเอาผมไม่อาจทำเป็นเล่นได้อีกต่อไป

          สงสัยคงหมดเวลาเล่นเเล้วสินะ

          "นี่ครับ"

          นี่คงเป็นประโยคแรกที่ผมเติมหางเสียงตอนพูดกับเขา ผมไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรมาแต่ท่าทางคงเป็นอะไรที่หนักหนาพอควรจึงส่งสร้อยที่เก็บไว้กับตัวอย่างดีคืนอีกฝ่ายไปง่ายๆและสูดหายใจเข้าลึกๆอ้าปากถามอีกรอบ

          "ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม"

          "ผมไม่มีอารมณ์มาตอบคำถามกับคุณ"

          ความเย็นชานี่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยสินะ

          "สร้อยนั่นมันสำคัญมากเลยหรือ"แต่ถึงยังไงผมก็ยังหน้าด้านถามอยู่ดีแม้ว่าอีกคนจะหมุนตัวจะเดินออกไปตั้งเเต่ที่ได้ของคืนเเล้ว

          แต่เหมือนเอสเปอร์จะยังมีความเมตตากรุณาต่อผมอยู่บ้างจึงหันมามองผมด้วยสายตาเย็นชาเหมือนเดิม และขยับปากบอก

          "สำคัญกว่าคุณก็แล้วกัน"

          จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีก ให้ผมได้เเต่มองตามแผ่นหลังที่ไม่กว้างมากหากแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวเเละทะนงในเวลาเดียวกันกำลังเคลื่อนไปไกลเรื่อยๆจนสุดสายตา

          อ่า...นี่มันเจ็บกว่าหมัดไอฝรั่งนั่นอีกแฮะ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.27 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-09-2016 16:56:28
เอสเปอร์โหดจริง เรนกับเอสเปอร์ใครจะรุกใครน้อ~

หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.27 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 23-09-2016 23:40:57
เย็นชาจริงๆ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.27 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 24-09-2016 02:05:04
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.28
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 24-09-2016 16:14:06
Chapter 28
| New guy




          "กรี๊ดๆๆๆๆ น้องธีร์คะ! เเถลงการณ์ด่วนค่ะน้องขา!"เสียงที่ถูกดัดจนเเหลมดังมาเเต่ไกลทำให้ผมที่กำลังเดินชิลๆจะขึ้นตึกชะงักฝีเท้าเเล้วหันไปทางเสียงเมื่อได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในประโยค

          "แถลง? แถลงอะไรนะพี่เเชมป์"ผมว่าอย่างงงๆเมื่อหันไปเจอรุ่นพี่ในคณะที่หยุดยืนหอบแฮ่กๆอยู่ด้านหน้า

          "แชมมี่ย่ะ! แถลงการณ์หน่อยค่ะคุณน้อง ยืนยันข่าวให้พี่หน่อยว่าน้องมีผัวเเล้วใช่ไหมคะ!"พี่เเชมป์...อ่า..พี่เเชมมี่ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแต่คำถามนี่ทำเอาผมตาโตเเล้วส่ายหัวรัวๆ

          "มะ..ไม่ใช่ผัวสักหน่อย"

          แล้วทำไมกูต้องเสหน้าหลบตาเเถมเสียงยังสั่นด้วยวะครับ!!

          "กรี๊ด! แล้วๆไปเก็บฝรั่งเเซ่บๆเเบบนี้มาจากไหนกัน สีลมซอยสองรึเปล่าคะ พี่จะได้ไปบ้าง"รุ่นพี่สาวเทียมกระโดดไปมาอย่างตื่นเต้นถ้าลงไปนอนดิ้นๆกับพื้นได้ผมว่าพี่แกคงทำไปแล้ว

          "เอ่อ...คือเขาเป็นรูมเมทผม เอ๊ะ..เเต่ทำไมพี่ถึงรู้ล่ะ"

          "แล้วไปเอารูมเมทมาจากไหนคะน้องธีร์!"ดูท่าพี่แกจะไม่ได้สนใจคำถามของผมสักนิด ตานี่วาววับถ้าเป็นการ์ตูนคงเห็นเเสงวิ้งๆออกมาจากตาพี่แกแล้วล่ะ

          ผมเลยได้แต่ถอนหายใจแล้วยิ้มแห้งๆตอบไปตามตรง

          "พอดีเป็นเพื่อนเจ้านายน่ะพี่"

          "โถ่ งี้ก็แสดงว่าไม่มีแหล่ง กระเทยเสียใจค่ะ!"

          "เอ่อ ว่าแต่พี่รู้ได้ยังไง"ผมวกกลับมาที่คำถามที่ถูกเมินไปแล้วหนหนึ่ง คิ้วทั้งสองเริ่มเคลื่อนเข้าหนากันอย่างสงสัย

          "รู้เรื่องไหนล่ะ เรื่องสละโสด เรื่องมีผัว หรือเรื่องผัวเป็นฝรั่งอิมพอร์ทมาไกล"

          "ทุกเรื่องนั่นแหละพี่"

          "โอ้ย แหล่งข่าวพี่เยอะเเยะ คอนเนคชั่นพี่กว้างไกลยันต่างประเทศเลยนะ"พี่แกตอบอย่างมั่นใจทั้งยังมีท่าทางประกอบยืนยันว่ามันกว้างมาก จนผมต้องเลิกคิ้วถามอย่างตกใจ

          "จริงป่ะเนี่ย?"

          พี่แกไม่ใช่กระเทยธรรมดาแต่เป็นกระเทยอินเตอร์หรือนี่!

          "ฉันโม้ย่ะ! แกก็เชื่อเนอะ คืองี้พอดีเห็นฝรั่งเเซ่บคนนั้นมาตามรับตามส่งแกทุกวันมันก็สงสัยไง นี่รู้ไหมว่าช่วงเดือนที่ผ่านมาไม่มีใครตามตัวน้องธีร์เจอเลยเชื่อไหม เข้าเรียนตรงเวลา เลิกปุ๊ปก็กลับเลย"พี่แกร่ายยาวให้ผมคิดตาม จะว่าไปช่วงที่ผ่านเพราะไอฝรั่งมันมารอรับตลอดผมเลยไม่ได้เถลไถลไปไหนเลย

          "และพอสงสัยปุ๊ปพี่ก็เลยไปถามเพื่อนๆของน้องธีร์เลยได้คำตอบมาว่าน้องมีผัวแล้ว พวกเพื่อนๆพี่ๆน้องๆมันก็ไม่เชื่อกันเลยส่งตัวเเทนสวยๆอย่างพี่มาถามไง"

          "เพื่อนผม? ไอจีนใช่ไหมพี่"ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าเมื่อจบประโยค มีอยู่คนเดียวนี่ล่ะมั้งที่ปากรั่ว...

          "ใช่ๆ น้องคนที่หน้าคมๆหน่อยน่ะที่ชอบอยู่กับน้องที่ตาคล้ำๆ"

          ชัดเลย! ไอเพื่อนเวร!

          "ดูจากปฏิกริยาเเล้วคอนเฟิร์มใช่ไหมคะคุณน้อง กรี๊ด! พี่อยากหวีด! ทำไมถึงได้คนหล่อๆเเซ่บๆมาได้นะ ติดตามเขามาตั้งนานไม่คิดว่าคนที่ได้มาจะเป็นคนใกล้ตัวเยี่ยงนี้! อิจค่ะอิจ!"

          "ติดตาม?"คราวนี้ผมทวนคำอย่างสงสัย ไอที่พี่แกหวีดฝรั่งหล่อน่ะไม่แปลกแต่ไอติดตามมานานนี่มันตะหงิดๆนะ บวกกับที่ก่อนหน้านี้ผมสงสัยว่ามันเป็นคนดังอะไรจากไหนรึเปล่าถึงมีคนคุ้นหน้ามันบ่อย

          "นี่น้องธีร์ไม่รู้หรือคะว่าเขาเป็นนายเเบบ ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกคือเคยเป็นมากกว่า นี่พี่เคยส่องไอจีฝรั่งไปเรื่อยๆเเล้วไปป๊ะกับเขาเนี่ย ก็พอรู้อยู่นะว่าชอบผู้ชาย แต่เจ๊คิดว่าเขามีแฟนอยู่ก่อนแล้วซะอีก"พี่แกพูดไปก็บิดไป

          ผมพยักหน้าเข้าใจขึ้นมานิด แต่ก็ยังไม่หายสงสัย  แค่เคยเป็นนายแบบคนมันจะมีคุ้นหน้าขนาดนี้เลยหรือวะ

          "พี่ๆ ผมขอไอจีอะไรนั่นหน่อยได้ไหม"

          "เดี๋ยวนะ นี่หนูไม่รู้หรือลูก หนูแฟนเขานะ"พี่แกเอามือทาบอกเหมือนไม่เชื่อ

          "คือ...ผมไม่ค่อยได้เล่นโซเชี่ยวอ่ะพี่ เลยไม่เคยถาม"ผมยิ้มเจื่อนแล้วยื่นโทรศัพท์ที่มีทุกแอพเเหละครับแต่ไม่ได้เล่น ที่เห็นๆอยู่นี่ไอกลองเเต็กมันโหลดให้แล้วบอกให้ผมหัดเล่นซะบ้างจะได้ติดต่อได้ง่ายๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เล่นเเค่ไลน์กับเฟสบุ๊คร้างๆเท่านั้นแหละ

          พี่แช..แชมมี่รับไปกดๆจิ้มๆอยู่ไม่นานก็ส่งคืนมาให้ผมก้มดู...ถ้าจำไม่ผิดมันคืออินสตราแกรมสินะ

          "อ่ะ พี่จะไม่เสือก เอ้ย ถามละ เอาเป็นว่าคอนเฟิร์มนะน้องธีร์"

          "ครับ?"ผมละสายตาจากหน้าจอชั่วครู่เงยไปมองหน้ารุ่นพี่สาวเทียมที่ยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้อย่างงงๆ

          "ตามนั้น ขอให้รักกันไปนานๆนะหนูนะ ถ้าหลุดมาเมื่อไหร่พี่จับไม่ปล่อยเเน่ อิอิ"พูดจบก็หมุนตัวติ้วๆเหมือนเต้นบัลเล่ย์จากผมไป มีการหันมาส่งจูบให้ขนลุกเล่นอีกต่างหาก

          ผมมองตามร่างกำยำนั่นไปอย่างงง กระพริบตาปริบๆกับความมาไวไปไว สมองก็ประมวลผลคำพูดสุดท้ายอย่างช้าๆ..

          ขอโทษนะพี่แชมป์...ยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้หลุดไปหรอก...


---------------



          'คิดว่าเขามีแฟนอยู่ก่อนแล้วซะอีก'

          คงเป็นเพราะคำนี้ ผมถึงได้ขอไอจงไอจีอะไรนั่นมา สมาธิเรียนอะไรไม่ต้องมีนั่งไล่ดูรูปของมันอย่างเดียว

          คิดมากอีกแล้วไอธีร์เอ้ย

          พักหลังมานี่...เรียกว่ายังไงดีล่ะ ผมรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่เลย ไม่รู้ทำไมผมถึงสะอึกกับคำว่าผมเป็นแฟนมันนะทำไมถึงไม่รู้เรื่องของมันเลยโคตรๆเลย ตั้งแต่พี่เรนทักยันพี่แชมป์จนผมว่าเหตุผลที่ผมขอไอจีนี่มาน่าจะมาจากประโยคนั้นมากกว่า

          ผมอยากรู้จักมันมากกว่านี้

          ผมเมันเป็นพวกหัวช้าทุกเรื่องยกเว้นเรื่องเรียนที่พอเอาตัวรอดไปได้ ความจำนี่ติดลบถ้าอันไหนไม่ใช้สอบสมองผมนี่พร้อมจะลบมันออกทันที

          "วันนี้ก็ไม่มีใครมาซักคน"ผมบ่นพึมพำยามเงยหน้าขึ้นไปมองอาจารย์ที่บรรยายอะไรก็ไม่รู้อยู่หน้าห้อง ข้างกายที่ปกติจะมีสองเกลอหลับหรือไอแต็กนั่งจดยิกๆอยู่ก็เหลือแต่ความว่างเปล่า

          พี่อ้อยพี่ฉอดประจำตัวกูหายไปแล้วกูจะไปปรึกษาใครวะเนี่ย!

          ไอแต็กผู้ให้คำปรึกษาในทุกเรื่องแต่พักหลังๆนี่มีแต่เรื่องความรักก็หายหัว ไอจีนไอพุนี่ช่างหัวเถอะครับเหมือนก็เหมือนไม่อยู่ แต่ตอนนี้ผมต้องการไอแต็กมาก ปกติผมมีอะไรก็ปรึกษามันตลอดไง ถ้ามันคิดเงินค่าปรึกษาป่านนี้มันรวยไปแล้ว

          กึก

          ก่อนที่ผมจะได้พร่ำเพ้อถึงเพื่อนรักไปมากกว่านี้ก็ต้องชะงักและหยุดทุกความคิดเมื่อก้มลงมองไอจีที่เปิดไว้อีกทีหลังจากที่รอเน็ตมันโหลดยาวนานกว่าสิบปี รูปที่ตอนเเรกเป็นสีเทาๆก็เริ่มเด้งขึ้นมาทีละรูปๆให้ผมเลื่อนนิ้วลงไปเรื่อยๆพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ

          นี่มันรูปผมทั้งนั้นเลยนี่หว่า!!

ต่อ

          รูปผม...รูปผมจริงๆนะเว้ย!! ถึงแม้จะมีแต่แบบที่เห็นแค่ข้างหลังหรือด้านข้างเบลอๆ หรือจะมุมไหนก็ตามที่ไม่ได้เห็นชัดๆแต่ผมก็รู้นะว่านี่ทันทีคือตัวผมอ่ะ!!

          นี่มัน...

          ผมไล่ตามรูปไปเรื่อยๆก็พบว่ามันลงตลอด ลงเเทบจะทุกวัน ไอเตอร์ยังมีเกือบสิบรูปเลย แต่รูปไอเตอร์น่ะช่างมันก่อน!

          นี่มันตอนที่ไปกินเอ็มเคนี่หว่า!

          ผมเลื่อนจนไปเจอรูปที่ผมจำได้ลางๆว่ามันเคยถ่ายตอนซื้อโทรศัพท์ใหม่ๆ แถมรูปนี้ก็เป็นรูปที่เห็นหน้าผมชัดที่สุดแล้ว เป็นรูปที่บอกได้เลยว่าโคตรอุบาทว์! ทำไมมึงถึงเลือกรูปนี้ไอหมีควายยยบ

          อุบาทว์ยังไงผมขอบรรยาย มันคือภาพตอนที่ผมกำลังโซ้ยอุด้งอยู่เต็มปากจนมันอูมแก้ม แล้วในจังหวะเดียวกันผมก็เงยหน้าขึ้นมาเจอมันถือโทรศัพท์จนเบิกตากว้างนิดๆดูผ่านๆคือทำตาถลนใส่กล้อง

          พร้อมแคปชั่น..

          With My lovely mate

          และอีกมากมายในหลายๆรูป ที่ผมเลื่อนมือสั่นๆไปกด ไม่อยากจะมองแต่ก็ห้ามความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ได้ พร้อมกับอุณหภูมิบนใบหน้าที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจนต้องฟุบหน้าลงกับโต๊ะ

          ทั้งๆที่มันเอารูปผมไปลงเเบบไม่ได้รับอนุญาตแถมยังมีแต่รูปอุบาทว์ๆ แต่ทำไมปากผมถึงหุบยิ้มไม่ได้เลยวะ

          "แม่ง.."

          ถึงแม้จะไม่ได้โกรธแต่เย็นนี้คงต้องไปบ่นสักนิดสักหน่อยจะดีกว่าโทษฐานที่เเอบถ่ายรูปผมแม้กระทั่งตอนนอนน้ำลายยืดแบบนั้น!!


------------


          "อ่าว"

          ไม่อยู่

          มันเนี่ยไม่อยู่ ตอนนี้ผมได้ย้ายร่างตัวเองกลับมาจากมหาลัยกลับมาที่ห้องเรียบร้อยแล้ว กะจะไปถามไอฝรั่งเรื่องไอจีอะไรนั่นแต่พอมาถึงก็เจอแต่ห้องอันว่างเปล่า..

          "โฮ่ง!"

          ไม่ว่างก็ได้วะ

          "ไอเตอร์! บอกแล้วไงว่าอย่าเห่า!"ผมรีบจุ๊ปากเอ็ดไอหมาไทยที่เดินมาแล้วเห่าใส้หน้าผมทันที

          "โฮ่ง!"

          เออ ขอบคุณมึงมาก

          Rrrrrrrrr

          ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากเถียงกับไอเตอร์ต่อเสียงรินโทนของผมก็ดังขึ้นจนต้องควักมันออกมา พอเห็นชื่อคนโทรก็กดรับทันที

          "ว่าไงพี่เต้"

          [แหม ไม่เจอนานเลยนะมึงน่ะ ได้เสียกับเพื่อนคุณโคลด์ไปรึยัง]

          "บ้า! พะ พูดอะไรของพี่วะ!"

          [เป็นอะไร ร้อนตัวทำไม กูแค่แซวเอง เอ๊ะ..หรือมึงได้..]

          "สรุปพี่โทรมามีอะไรรึเปล่า!"ผมรีบพูดแทรกก่อนที่พี่เต้จะพูดจบประโยค ผมดันพลาดไปร้อนตัวจริงๆนั่นเเหละ ฮืออ

          [เออใช่ๆ ตอนนี้มึงว่างไหม ไม่สิ ช่วงนี้ พอดีช่วงนี้ทางนั้นมันยุ่งๆคนดูแลร้านมันเลยน้อย กูจะขอยืมแรงมึงหน่อย]ดีที่พี่เต้ไม่สงสัยหรือสงสัยแต่ไม่พูดก็ไม่รู้เลยวกกลับเข้าเรื่องให้ผมหายใจหายคอได้โล่งขึ้น ส่วนทางนั้นที่ว่านี่คือธุรกิจอีกอย่างของเฮีย แต่ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดี

          "หืม? ได้เลยพี่ แล้วทำไมเฮียแกไม่จ้างคนเพิ่มล่ะ"

          [ถ้าเป็นพวกเด็กเสิร์ฟหรือเชฟน่ะคุณโคลด์จัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ขาดคนทำบัญชีน่ะ ช่วงที่มึงไม่อยู่ฟางก็ทำอยู่คนเดียวนะแต่ไม่ไหวว่ะ จะให้ใช้คนอื่นทำคุณโคลด์ก็ไม่ไว้ใจด้วย มีมึงเนี่ยที่มีหัวด้านนี้]

          อาจจะดูยิ่งใหญ่อลังการกับการให้นักศึกษาปีหนึ่งหน้าตาบื้อๆแบบผมไปจัดการเรื่องการเงินของร้านอาหารกึ่งบาร์ที่ถึงแม้จะไม่ใหญ่มากนักแต่มีชื่อเสียงค่อนข้างมาก อันที่จริงตอนแรกผมก็ไปสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟธรรมดาเนี่ยแหละครับ แต่เกิดเหตุการณ์อะไรนิดหน่อยให้ผมได้ไปเจอใบเบิกค่าของของร้านซึ่งตอนนั้นเป็นผู้จัดการคนหนึ่งที่เฮียจ้างไว้ พอไล่สายตาดูก็พบถึงความผิดปกติของจำนวนเงินทันที ด้วยความที่คิดยังไงก็บอกอย่างนั้นผมเลยเอาไปแจ้งเฮียทันทีถึงแม้ว่าตอนนั้นจะไม่เคยคุยกันมาก่อนแม้แต่คำเดียวก็ตาม

          ผมไม่ได้คาดหวังจะให้เขาชม เลื่อนตำแหน่งหรืออะไรอยู่แล้ว แต่ผมไม่ชอบคนโกงแบบนี้เลย แต่เหมือนการที่ผมเอาไปบอกตรงๆพร้อมหลักฐานเต็มมือก็ทำให้เฮียเกิดถูกชะตาผมขึ้นมาซะอย่างนั้น ตั้งแต่นั้นผมก็ได้เริ่มทำพวกบัญชีของร้าน ถึงจะไม่ได้ทำคนเดียวทั้งหมดแต่ก็เป็นเหมือนคนคอยเช็คอีกทีซะมากกว่า

          ไม่รู้ทำไมแต่เฮียค่อนข้างจะไว้ใจผมมากทีเดียว

          "งั้นได้เลยพี่ ให้ผมออกไปเลยตอนนี้ไหมผมเรียนเสร็จสักพักแล้ว"

          [มาเลยๆ จะให้มึงเช็คของเดือนที่แล้วให้ด้วย คงดึกหน่อยนะ]

          "รอแปปนะพี่"ผมว่าก่อนจะตัดสาย จากนั้นก็ดิ่งไปที่ร้านทันที


------

          "เฮ้อ! เสร็จสักที!"

          ผมบิดขี้เกียจยาวๆหลังจากที่พอมาถึงก็ถูกพี่เต้ถีบขึ้นมาหลังร้านพร้อมกองเอกสารของทั้งเดือนที่ผ่านมาทันทีแบบไม่ทักไม่ทาย จนนั่งตรวจเช็คมันทุกตัวทุกอย่างให้แน่ใจจนเวลาล่วงลับมาถึงตอนนี้

          "ขอบคุณมากนะธีร์ ตอนแรกพี่คิดว่าจะทำคนเดียวไหว ลำบากเรารึเปล่า"พี่ฟางเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มถึงแม้หน้าจะยิ้มแต่ผมก็พอดูออกว่าคงเหนื่อยไม่น้อย พี่แกก็คนดีจนผมต้องยิ้มแล้วส่ายหน้า

          "ไม่เลยพี่ฟาง ผมชอบจะตายเรื่องเเบบนี้ สนุกดีออก"

          คือ...มันเป็นสิ่งที่ผมทำได้ดีไง ถ้าผมทำแล้วมันเกิดประโยชน์ผมก็ดีใจ

          "หิวรึเปล่าถ้าหิวเดี๋ยวไปทำอะไรมาให้กิน"

          ผมส่ายหน้า งานพี่แกก็เยอะอยู่แล้ว ผมอาจจะลืมบอกแต่นอกจากพีาแกจะเป็นผู้จัดการร้านแล้วยังเป็นคนคอยคุมพวกเชฟและพนักงานด้วยตัวเองอีก ช่วงนี้คงคนเยอะดูล้าอย่างเห็นได้ชัดเลย

          "ไม่เป็นไรพี่ผมไม่หิว"

          "งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปช่วยพวกนั้นก่อน ยิ่งดึกคนยิ่งแน่น เราจะกลับไปก่อนเลยก็ได้นะ"

          "ให้ผมไปช่วยไหมพี่ฟาง"ผมเอ่ยถาม ไหนๆก็มาแล้วดูจากท่าทางของพี่ฟางคนเซอร์แล้วคนคงเยอะจริงๆ แอบรู้สึกผิดหน่อยๆที่แอบอู้ไปนอนๆกินๆอยู่คนเดียว

          "ไม่เป็นไรๆ แค่นั้นก็ล้าจะแย่แล้ว กลับไปพักเถอะ"

          "อ่า ขอบคุณครับ งั้นผมไปก่อนนะ"ผมกล่าวลาให้คนแก่กว่าพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปก่อน ผมหลับตาลงไล่ความล้าสายตาก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจอีกสักรอบ การนั่งจ้องอะไรเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดกันนี่มันโคตรล้าเลยจริงๆนะครับ ถึงตอนทำจะไม่รู้สึกแต่พอเสร็จนี่รู้เรื่องเลย

          สี่ทุ่มแล้วหรือเนี่ย ป่านนี้ไอหมีควายคงกลับถึงแล้วมั้ง

          กึก

          ผมชะงักเมื่อพอเดินออกมาจากหลังร้าน ก้าวออกมาได้ไม่กี่ก้าว สายตาดันไปสบเข้ากับร่างของคนคุ้นตาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่ง

          ไอหมีควาย?

          ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เบลอ ดูจากไกลๆแต่ผมก็มั่นใจว่าเป็นมันแน่ๆ แถมไม่ได้นั่งเปล่า กระดกเอาๆ ซึ่งเดาได้เลยว่าเหล้าแน่ๆ

          มาหาเฮียรึเปล่าวะ?

          "พี่เต้ วันนี้เฮียเข้ามาหรือ"ผมหันไปถามพี่เต้เจ้าเก่าที่เดินผ่านมาพอดี

          "ไม่นี่"

          "อ๋อ"ผมครางรับเบาๆ พี่เต้แกก็ดูสงสัยว่าผมจะถามอะไรนะแต่ยังไม่ทันจะได้เปิดปากถามต่อก็ถูกพนักงานคนหนึ่งเรียกไปซะก่อน

          คิ้วทั้งสองข้างขมวดหากันเข้าเล็กน้อยอย่างเป็นห่วงและสงสัยพร้อมกับขาที่ก้าวไปหาโดยทันที เพราะดูจากท่าทางนี่เมาแอ๋แน่ๆ

          กึก

          ผมชะงักเท้า จากมุมที่ผมมองตอนแรกทำให้ผมเห็นมันแค่คนเดียวแต่พอเดินมาใกล้ขึ้นก็พบว่ามันไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีผู้ชายร่างอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ

          "น้องธีร์ใช่ไหมครับ?"

          "คะ ครับ"ผมตอบไปแบบอัตโนมัติ ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกผู้ชายคนนั้นทักเพราะผมหยุดอยู่ห่างจากโต๊ะเขาพอสมควร แต่อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วส่งยิ้มบางมาให้ทั้งยังเอ่ยทักแต่นั้นยังไม่น่าตกใจเท่าที่เขารู้จักผม

          เขาเป็นผู้ชายที่อายุน่าจะไม่น่าเกินสามสิบ ไม่สิถ้าหน้าตาอาจจะเเค่ยี่สิบต้นๆหากแต่บรรยากาศรอบๆตัวเขากลับให้ความรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่ ผิวขาวแต่ไม่ถึงกับโอโม่ ผมสีดำตัดสั้นดูเรียบร้อย ตาคมกริบล้อมด้วยแพขนตาสีเดียวกับผม ไหนจะส่วนสูงอันมากมายที่ถึงแม้เขาจะนั่งอยู่แต่ผมก็รู้ได้เลยว่าเกินร้อยแปดสิบแน่ๆ

          ดูดี...ดูดีมาก

          "พอดีเลย พี่ชื่อตองนะครับ พอดีเป็นเพื่อนเก่ากับอออสตินน่ะ วันนี้เลยนัดกันมาดื่มนิดหน่อยแต่ท่าทางมันจะหนักไปหน่อย"เขาว่าอย่างนั้นพร้อมรอยยิ้มไร้พิษภัยให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกได้นิดนึง เมื่อสมองประมวลออกมาว่าคนตรงหน้าไม่อันตรายผมก็เผยยิ้มทันที

          "ผมธีร์ครับ เอ่อ..เป็นรูมเมทกับเอ่อ...เขา"ชี้ไปยังคนที่กึ่งนั่งกึ่งฟุบ ใบหน้าแดงแจ๋ชูแก้วเหล้าไปมาอย่างไม่รู้เรื่อง

          "เขาเล่าให้พี่ฟังหมดแล้วล่ะ พอดีเลยช่วยพาเขากลับไปด้วยได้ไหม พี่กำลังกลุ้มอยู่พอดีเลยว่าจะพามันกลับไปไหน ธีร์กลับแท็กซี่ใช่ไหมเดี๋ยวพี่ช่วยแบกไปส่ง เราคนเดียวคงเอาไม่ไหวหรอก"พี่ตองว่าด้วยรอยยิ้ม

           ซึ่งผมก็เห็นด้วยทันทีตกลงปลงใจให้พี่เขาช่วยแบกร่างหมีควายตามหลังผมมา ถ้าถามว่าทำไมผมถึงไม่ช่วย บอกเลยครับว่าตอนแรกจะช่วยนะ แต่ด้วยความที่ส่วนสูงมันต่างกันมากเกินไปมันเลยค่อนข้างจะทุลักทุเลพอสมควร

          "เอ่อ ขอบคุณมากครับพี่ตอง"ผมกล่าวขอบคุณหลังจากยัดร่างของไอหมีควายนั่นเข้าไปในแท็กซี่ได้สำเร็จ ซึ่งพี่ตองก็ยิ้มบางๆมาให้

          "อืม ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ดูแลมันดีๆด้วยล่ะ"

          ผมยิ้มรับกับคำนั้นและยัดตัวเองเข้าแท็กซี่ตามไอฝรั่งไป หลังจากประตูปิดลงก็โบกมือลาคนที่ยังยืนยิ้มส่งให้อีกที

          รถแท็กซี่เขียวเหลืองได้เคลื่อนตัวออกไปแล้ว รอยยิ้มบางเบาของชายร่างโปร่งผู้มีศักดิ์เป็นถึงหมอและเพื่อนเก่าแก่ก็ค่อยๆหุบลงจนเหลือเพียงใบหน้าเรียบนิ่งที่ไร้อารมณ์


 




























หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.28 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-09-2016 17:29:52
ออสตินมานั่งปรับทุกข์อะไร เล่าให้คอร์กี้ฟังมั่งสิ ระบายก็ยังดี~
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.28 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 24-09-2016 21:30:29
งืออออ อย่ามาม่าแรงนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.28 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 25-09-2016 23:41:43
ไม่ใช่แฟนเก่าหรอ???
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.29
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 26-09-2016 00:03:31
Chapter 29
| Finally


          "หนัก!ฉิบ!หาย!"

          ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงทั้งยังหอบแฮ่กๆ ขามามีพี่ตองคนนั้นช่วยไงครับ ปต่พอตอนพาขึ้นคอนโดนี่ผมคนเดียวเลยนะ แล้วไอคนข้างๆนี่ก็ตัวหนักโคตรๆเเถมส่วนสูงก็ต่างกันมากๆจนมันจะล้มทับผมอยู่หลายครั้งหลายครา

          แดกยังไงให้เมาขนาดนี้วะ

          คนอย่างมันน่าจะรู้ลิมิตตัวเองดีนี่ ถ้าจะบอกว่าเพื่อนเสี้ยมแต่พี่ตองไม่น่าจะทำอย่างนั้น รายนั้นดูเหมือนไม่ได้กระดกเลยสักแก้วด้วยซ้ำ

          ผมมองหน้าคนที่ตัวเองเอามาทิ้งไว้บนเตียงอีกครั้ง หน้าคมที่เห่อเเดงอย่างเห็นได้ชัด มันแดงตั้งแต่หน้ามาทั้งคอ แต่เหมือนเพราะฤทธิ์เหล้าทำให้ทันไม่มีสติหลงเหลืออยู่แล้วดูได้จากเสียงกรนครอกๆที่ดังออกมาสิ

          กลิ่นเหล้านี่หึ่งเลย จะปล่อยไว้อย่างนี้ก็คงไม่ได้

          ผมเดินไปเอากาละมังใส่น้ำกับผ้าผืนเล็กๆมาหนึ่งผืน เอาผ้าจุ่มน้ำจากนั้นก็บิดให้หมาดๆแล้วเริ่มเช็ดตัวให้อีกฝ่าย

          เมื่อผ้าเย็นๆสัมผัสกับผิวหน้าคนเมาก็ส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอเหมือนสบายหรือยังไงก็ไม่ทราบแต่มันก็ไม่ได้ขยับหนี ผมจึงค่อยๆซับลงมาเรื่อยๆจนถึงคอ

          สงสัยต้องลอกคราบก่อน

          ผมค่อนข้างชินกับการดูแลคนเมา ถึงแม้ผมจะเที่ยวไม่บ่อยแต่ผมก็เคยไปกับพวกเพื่อนๆ ผมกับไอแต็กจะสลับกันแดก เพื่อที่จะได้เหลือคนหนึ่งไว้คอยเก็บศพ

          ไอหน้าที่คอยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้านี่ก็เคยทำอยู่แล้ว...

          แล้วมือมึงจะสั่นทำไมวะไอธีร์!

          ผมอยากจะตบมือสั่นๆของตัวเองยามค่อยๆเลิกเสื้อมันขึ้น พยายามโฟกัสสายตาตัวเองไว้สูงๆ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นแต่เห็นกี่ครั้งก็ไม่ชิน มันร้อนๆหนาวๆตลอดเลย

          ฟึ่บ

          รอดไปหนึ่ง เหลือกางเกง..

          ผมโยนเสื้อตัวใหญ่ไปไว้มุมห้องก่อนจะกลับมามองกางเกงยีนส์ที่เหลืออยู่

          เอื้อก

          แล้วกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ

          มึงมาใส่กางเกงยีนส์อะไรวันนี้วะไอหมีควาย! มันถอดยากโว้ย!

          ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่มือก็เลื่อนไปปลดกระดุมอย่างระแวดระวัง กลัวมันจะไปเกี่ยวอะไรที่ไม่สมควรเกี่ยวเข้า แล้วรูดซิปลงตามลำดับ จากนั้นก็ค่อยๆดึงกางเกงยีนส์ที่ค่อยข้างเข้ารูปออกอย่างยากลำบาก

          จนในที่สุดมันก็เหลือเพียงชั้นในสีขาวตัวเดียว

          ซึ่งผมไม่ถอดมันออกแน่ๆ

          ผมละสายตาสั่นๆออกมาจากเอ่อ...สิ่งนูนๆกลางตัวนั่นก่อน พยายามโฟกัสมาที่หน้าที่ตัวเอง ลากผ้าชุบน้ำไปตามตัว ตั้งแต่ไหล่ ไหปาร้า ลงมายันหน้าอก

          มันหุ่นดีมากจริงๆ มาก..มากเกินไปแล้ว

          ผมไม่รู้ว่ากลายเป็นคนแพ้หุ่นผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเพียงแค่มองก็ทำเอาหน้าร้อนๆแล้ว แล้วยังร้อนหนักกว่าเก่าเมื่อมีความคิด'อยากสัมผัส'เข้ามาในหัว

          ไว้เท่าความคิด ไม่ต้องไตร่ตรองอะไรทั้งนั้น ผมเหล่อบมองหน้าคนที่กลับตาพรึ้มอย่างไม่รู้เรื่องว่ากำลังโดนผมลวนลามเพื่อความเเน่ใจว่ามันจะไม่ตื่นมาถีบผม มือข้างที่ว่างอยู่ก็เลื่อนไปวางบนซิกแพคหกลูกนั่น

          แปะ

          "อืม.."

          ขวับ!

          ผมหันมองอัตโนมัติก่อนจะโล่งอกว่ามันแค่ครางในลำคอออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวเท่านั้น ขอขอบคุณพลังแห่งเหล้าที่ทำให้มันหลับลึกขนาดนี้ ไม่งั้นได้อายยันชาติหน้าแน่ มาลักหลับมันแบบนี้

          "อื้ม.."

          เสียงครางเเผ่วๆดังขึ้นตลอดเมื่อผมเริ่มลากมือไปตามกล้ามเนื้อสวยนั่น แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเท่าไหร่ มัวแต่แปลกใจที่ตัวเองรู้สึกดีแปลกเมื่อได้สัมผัสคนด้านหน้า

          มัน...เอ่อ...เรียกว่าไงนะ ฟิน?

          ผมว่าผมเริ่มโรคจิตแล้วล่ะ ยิ่งพอลูกชึ้นลูบลงแล้วไอกล้ามเนื้อหกก้อนนั่นเกร็งขึ้นจะเป็นลูกหนักกว่าเก่ายิ่งทำให้ผมรู้สึกสนุกแปลกๆจนชักหนักมือลูบผ่านแบบแผ่วๆไล่มาให้ถึงขอบชั้นในแล้วไล่ขึ้นไปใหม่

          "ฮึ่ม"

          การทำแบบนี้มันยิ่งดูเกร็งเข้าไปอีก และด้วยอะไรก็ไม่รู้ผมดันทำในสิ่งที่พลาดอย่างแรงลงไป

          แผล่บ

          เกร็งกว่าเดิมจริงด้วย

          ลิ้นเล็กถูกตวัดลงบนกล้ามเนื้อสวย ไล่ลงมายังแอ่งสะดือก่อนจะ...วนรอบ

          สนุก รู้สึกดี และรู้สึกร้อนแบบแปลกๆ

          ไม่รู้ว่าผมเพลินขนาดไหน ขนาดไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้ปีนขึ้นมานั่งทับมันเสียงแล้ว มันแต่สนใจซิกแพคและสามเหลี่ยมคว่ำ จนไม่ได้ฟังดลยว่าเสียงครางแปลกๆมันหายไปแล้ว

          "Naughty Corgi (คอร์กี้จอมซน)"

          หือ!

          ผมชะงักมือตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงพร้อมกับสติที่ค่อยๆกลับมา

          คนที่คิดว่าหลับลึกไปแล้วลืมตาเยิ้มๆมองมาทางผมพร้อมรอยยิ้ม...

          ฉะ ฉิบหาย!

          ผมนี่กุลีกุจอลุกออกจากตัวมันแทบไม่ทัน หน้านี่ร้อนจนแทบไหม้ แต่ยังไม่ทันได้ลุกไปยืนข้างเตียงดีๆก็มีมือดีมาฉุดแขนให้ผมกลับไปนอนใหม่...ไม่ใช่ท่าเดิมด้วย

          ไอหมีควายพลิกตัวขึ้นคร่อมผมทันที ดวงตาน้ำข้าวเหมือนมีประกายไฟอยู่ด้านใน สายตามันเหมือนจะเผาผมทั้งเป็นเพราะร้อน แค่มันมองผมก็ร้อนไปทั้งตัวแล้ว

          ผมไม่ได้ขัดขืน นอนตัวเเข็งทื่อมองมันกลับอยู่ใต้ร่างมันอย่างหวาดๆ หลับตาปี๋เมื่อหน้ามันเคลื่อนเข้ามาใกล้

          ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดหูผมจะขนลุกไปทั้งตัว

          "I can't bear it anymore (ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ)"

          เสียงกระซิบอันเเผ่วเบานั่นเหมือนเป็นชะนวนระเบิดที่ทำให้เกิดเสียงดังปุ้งในหัวผม จนสติผมหายไปหมดเหลือเพียงสีขาวโพลนเท่านั้น.


"อื้อ!"

ริมฝีปากสีแดงเข้มถูกบดเบียดลงมาเเทบจะทันทีหลังพูดจบ ลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามาร้อนแรงกว่าทุกทีจนผมอ่อนปวกเปียก สมองที่โล่งอยู่แล้วโล่งเข้าไปอีก

ไม่เพียงแค่ริมฝีปากเท่านั้นที่ถูกจู่โจม มือหนากร้านล้วงเข้ามาใต้สาบเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ รู้เพียงแต่ว่าเวลาที่มันลากมือขึ้นลงตรงท้องน้อยทำเอาผมสยิวไปทั้งตัว และไม่อยากจะบอกเลย...ผมขึ้นแล้ว

ที่จริงมันก็เริ่มๆตั้งแต่ที่ผมลวนลามมันแล้วน่ะเเหละ

"อ้ะ อื้อออ"ผมร้องออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อมือสากลูบผ่านตุ่มไตที่แข็งชันขึ้นสู้ทันที

ผมเพิ่งรู้ว่าหัวนมมันเซนซิทีฟขนาดนี้ก็วันนี้

มันไม่ปล่อยให้ผมพักหายใจเลยแม้แต่นิด แค่จูบเดียวผมก็รู้สึกเหมือนไปวิ่งมาหลายกิโลแล้ว พอมันผละออกจากริมฝีปากมันก็เลิกเสื้อผมขึ้นจนมากองอยู่เหนืออกจากนั้นก็ละเลงลิ้นลงบนเม็ดเล็กๆจนผมเผลอแอ่นอกเข้าหา

ในระหว่างที่เคลิ้มไปกับรสสัมผัสอันแปลกใหม่ มันก็ได้ใช้มืออีกข้างดึงกางเกงของผมออกไปจนเหลือเพียงชั้นใน แต่ตอนนี้ผมมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเห็นแต่หัวสีน้ำตาลทองที่ยังคลอเคลียอยู่แถวหน้าอกจนได้แต่ยื่นมือไปขยุ้มผมอีกฝ่ายไว้เป็นที่ระบายความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น

ไอหมีควายก็ยังเล่นกับตุ่มไตทั้งสองไม่เลิก เหมือนสนุกกับการได้เขี่ยๆคีบๆจนมันชูชันสู้มือซะอย่างนั้น

ผมได้แต่บิดไปบิดมาอยู่ใต้ร่างเพื่อระบายความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น แต่เหมือนมันจะช่วยอะไรไม่ได้มากเมื่อมืออีกคนกำลังเลื่อนต่ำคว้าหมับเข้าที่เอ็นอุ่นขนาดกระทัดรัด

มือใหญ่กำรอบแก่นกายของผมได้อย่างสบายๆ ผมค่อนข้างมั่นใจนะว่าผมเองก็ขนาดมาตรฐานชายไทย แต่มือมันท่าจะใหญ่ไปเพราะพอมันกำก็เหลือเพียงส่วนหัวที่เลยออกมา

ไอหมีควายไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือให้สัญญาณใดๆทั้งสิ้น มือมันเริ่มขยับอย่างเอื่อยๆให้ผมเสียววาบๆตรงช่องท้อง ทั้งนังใช้นิ้วโป้งบดคลึงส่วนปลายอย่างรู้ว่าแบบไหนจะรู้สึกดี

"ยะ..อย่าขยี้..อื้อ ตรงนั้น.."

มันเก่งเกินไปแล้ว..

ความรู้สึกที่ถูกส่งให้มันเป็นไปอย่างธรรมชาติไม่มีติดขัด แถมมันยังรู้สึกดีมากดีจนตกใจ ครั้งที่เคยสัมผัสภายนอกกันมารอบนั้นยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ ทั้งดวงตาปรือที่มองมาก็ดูร้อนแรงกว่าทุกที รอยยิ้มที่มองก็รู้สึกเสียววาบแปลกๆราวกับว่ามันกลายเป็นคนละคน

มันเร่งจังหวะมือมากขึ้นแล้วก็ผ่อนความเร็ว สลับไปสลับมาจนผมแทบจะบ้าเพราะมันไม่ยอมให้ผมถึงฝั่งฝันเสียที

"อ้ะ อื้อ ขอ ขอเถอะ" ผมครางแผ่วๆพยายามจะเอื้อมมือไปปัดมือมันออกจะได้รีบๆจัดการให้เสร็จเสียทีหากแต่มันก็ไม่ยอม เขยิบขึ้นมากดข้อมือผมไว้กับเตียงไม่แรงนักแต่ผมในสภาพแบบนี้นี่ไร้เรียวแรงจะขัดขืนจริงๆ

มันไม่ได้พูดอะไรมีเพียงรอยยิ้มบางเบาส่งมาเท่านั้น มันผละมืออกจากธีร์น้อยจนผมต้องผงกหัวขึ้นไปมองอย่างสงสัย แต่สิ่งที่เห็นคืออนาคอนด้าที่กำลังออกมาสูดอากาศภายนอก

อึก..

ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็น แต่ก็อดกลืนน้ำลายกับความมหึมาของมันไม่ได้ ธีร์น้อยที่ผมภูมิใจนี่กลายเป็นหนอนไปเลย

มันลอกคราบตัวเองจากที่เหลือกางเกงในตัวเดียวตอนนี้ก็ล่อนจ้อนเป็นเพื่อนผมเรียบร้อยแล้ว จากนั้น...ก็ลุกขึ้น

"จะ..."

แกร็ก

ผมยันตัวขึ้นมาอย่างงงๆแล้วหันไปมองคนที่จู่ๆก็ลุกพรวดพราดไปยังข้างๆเตียงเพื่อเปิดลิ้นชักในชั้นข้างๆหัวเตียง...แล้วโยนอะไรบางอย่างมาบนเตียงให้ผมหันมองตาม

Durex..

ทั้งกล่องสี่เหลี่ยมอันคุ้นตากับขวดทรงแปลกที่ผมเคยหยิบมาดูในวันนั้น

วินาทีที่เหลือบไปมองคนที่โยนมาก็รู้ได้ในทันทีว่ายังไงวันนี้ผมก็ไม่รอดแน่ๆ..

ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยที่ผมเคยนึกอยากมีบ้างเดินขึ้นมาทาบทับ ดวงตาน้ำข้าวเหมือนมีประกายออกมาจนผมละสายตาออกมาไม่ได้ มันคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เรื่อยๆจากนั้นก็...

"เฮ้ย!"

ผมร้องลั่นอย่างตกใจ สติกลับเข้าร่างเมื่อจู่ๆมันก็ดึงขาจนหัวผมตกลงจากหมอนจากนั้นก็ดันขาผมขึ้นแล้วเอาตัวเองมาแทรกกลาง

"ดะ เดี๋ยว!" ความเคลิ้มก่อนหน้านี้นี่หมดสิ้น เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นอีกฝ่ายคว้าขวดทรงสูงที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงขึ้นมาจากนั้นก็บีบให้เจลสีใสชะโลมที่นิ้วตนเอง จนคนที่นอนมองอยู่ใจสั่น

3.ควรใช้เจลหล่อลื่นในการเบิกทาง

ประโยคในอินเตอร์เน็ตที่เคยไปเสิร์ชหาลอยเข้ามาในหัวทันทีเมือเห็นของเหลวสีใสเยิ้มๆนั่นบนนิ้วของอีกคน และถึงแม้จะไปศึกษามาบ้างแต่พอเจอของจริงก็อดหวั่นใจไม่ได้

ทางนั้น...ทางนั้นมันจะเข้าได้จริงๆหรือวะ ของมันก็ไม่ใช่เล็กๆ

เฮือก!

ผมสะดุ้งสุดตัวถดตูดสุดขีดเมื่อนิ้วเย็นๆนั่นเเตะเบาๆต้องปากทางเข้าในจังหวะที่ผมกำลังเหม่อลอย แต่คิดเหรอว่ามันจะปล่อยให้ผมขยับหนี คว้าหมับเข้าที่ข้อเท้าก่อนจะดึงให้ผมล้มตัวลงไปนอนราบใต้ร่างมันอีกรอบ เเถมยังดันขาผมขึ้นจนอะไรๆปรากฏเด่นสู่สายตามัน...ไม่เพียงแต่ธีร์น้อยขนาดกระทัดรัดแต่รวมถึงช่องทางที่ยังไม่เคยถูกบุกเบิกมาก่อน

อายกูก็อาย แต่ตอนนี้กูกลัวมากกว่า! ความกล้าก่อนหน้านี้คืออะไรไม่รู้แต่ตอนนี้ผมยอมรับเลยว่าตอนนี้ผมป็อด!

คิดภาพมีอะไรบางอย่างเข้ามาทางนั้นสิครับ มันไม่ได้สร้างไว้ทำแบบนั้นนะเฮ้ย เเละที่สำคัญคือ..

"เดี๋ยว! กูยังไม่ได้ล้าง!"

ฟึ่บ

"โอ้ย!"

แต่มันไม่ฟังอะไรเลย ขยับนิ้วเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าว ผมที่ตกใจปนยังไม่พร้อมก็ร้องลั่นพยายามดึงเเขนมันออกน้ำตาคลอปริ่มๆ มันเจ็บครับถึงจะไม่มากอย่างที่คิดแต่มันก็เจ็บ

"จะ เจ็บ มันเจ็บ.."ผมพยายามจะเปล่งเสียงบอกมันว่าผมเจ็บ ผมไม่ไหว แค่นิ้วมันนิ้วเดียวผมก็จะตายอยู่แล้ว มันชะงักเล็กน้อยเมื่อผมบีบเเขนมันแน่นแต่ก็เท่านั้น

"Take it easy. Just relax.(ใจเย็นๆ ไม่ต้องเกร็ง)"

"รีเเล็ก..ยังไง..อ้ะ! ยะ..อย่า.."ผมร้องไม่เป็นภาษาเมื่อนิ้วเเทรกเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆ จนได้แต่จิกเล็บลงบนเเขนอีกคนเมื่อมันเจ็บและเสียดกว่าที่คิดไว้ ยิ่งลึกเท่าไหร่ความเสียววาบๆตรงช่องท้องก็เดินชัดมากขึ้น

มันคานิ้วไว้สักพักก่อนจะเริ่มขยับช้าๆให้ผมหลับตาลงกัดปากแน่นมือก็เลื่อนไปขยุ้มที่นอนเพื่อระบายความเสียดภายใน จนกระทั่ง..

"อ้ะ! ยะ..อย่า! ตรงนั้น ฮื่ออ"ผมสะดุ้ง ผวาจนก้นลอยพยายามจะถดตูดหนีออกจากมือมันเมื่อจู่ๆก็รู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆ แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุมันใช้มือข้างที่ว่างอยู่เลื่อนมากดมือผมไว้ไม่ให้ถอยหนีทั้งยังกดนิ้วย้ำๆลงที่จุดเดิมจนผมแทบดิ้น

"ฮื่อ แฮ่ก มัน มันแปลกๆ"

"Feel good. Hmm?"ไอหมีความโน้มมากระซิบที่ข้างหู ให้ผมที่เบลอๆพยักหน้ารับเบาๆแล้วตอบปนหอบ

"อื้อ กู๊ด อ้ะ! ดี มันเสียว ฮ่า แฮ่ก"

ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมลืมความกลัวก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น ไอธีร์ที่ตัวสั่นหงกๆเมื่อกี้หายไปแล้วเหลือเเต่คนที่ร้องไม่เป็นภาษาปนหอบหายใจโอบรอบคอของอีกคน

ไม่รู้ผ่านมาเท่าไหร่ แต่ตอนนี้นิ้วทั้งสามของมันได้เข้ามาอยู่ในช่องทางสีสวยเป็นที่เรียบร้อย มันขยับเข้าๆออกๆอยู่พักใหญ่ มืออีกข้างก็เปลี่ยนมาใช้ลูบไล้ตัวผมเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ คราวนี้ผมไม่ดิ้นหนีแล้วครับ ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่มีเเรงจะดิ้นต่างหาก

"Ahh..I can't bear it.(อ่า..ฉันทนไม่ไหวเเล้ว)"

ฟึ่บ

หือ!

คนที่นอนตาเยิ้มหมดแรงอยู่สะดุ้งน้อยๆเมื่อจู่ๆอีกคนก็ถอนนิ้วทั้งหมดออกจนรู้สึกโหวงๆตรงช่องทางด้านหลัง หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้ยันตัวขึ้นไปดู อะไรบางอย่างก็มาสัมผัสที่ปากทางเข้าเสียก่อน

ฟึ่บ

"โอ้ย!! เจ็บ! เจ็บๆๆๆ ฮื่อ มันเจ็บ เอาออก เอาออกไป"น้ำตาที่คลอหน่วงอยู่ไหลพรากทันทีเมื่อรู้ว่าอะไรบางอย่างนั้นคืออนาคอนด้าตัวใหญ่ที่กำลังบุกเข้ามา ตอนมองดูตาเปล่าก็ว่าใหญ่เเต่พอได้สัมผัสก็รู้เลยว่ามันใหญ่กว่าที่คิด จนรู้สึกเหมือนช่องทางด้านหลังกำลังจะฉีกขาดแค่เพียงส่วนหัวที่ถูกกดเข้ามา

"ฮืออ เจ็บ ผมเจ็บ ฮึก"

"Shit!"เสียงสบถจากอีกคนไม่ได้เข้าหูผมเลยซักนิด ตอนนี้ผมรู้เพียงแต่ว่าผมเจ็บมากๆ น้ำตาไหลไม่หยุด เเถมยังไม่มีเรี่ยวแรงจะผลักมันออกอีกต่างหาก

ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะมีอะไรๆกับมัน ตรงกันข้ามอยากลองไวๆด้วยซ้ำ แต่พอเจอของจริงแล้วบอกเลยว่ากูไม่พร้อม ไม่พร้อมอย่างแรง

"Corgi look at me (คอร์กี้มองหน้าฉัน)"

"..."

"Trust me.(เชื่อใจฉันสิ)"ไอฝรั่งพูดแล้วยิ้มให้ แม้ตามกรอบหน้าจะเต็มไปด้วยเหงื่อทั้งยังขบกรามจนเห็นเอ็นตรงคอชัดเจนบ่ฃบอกว่าอีกคนก็ทนเเทบไม่ไหวแล้ว

จุ๊บ..

คนตัวโตก้มริมฝีปากลงบนหน้าผากมน ไล่ลงมาที่เปลือกตา ปลายจมูก และเเตะเบาๆที่ริมฝีปาก ไม่มีการรุกล้ำแต่นั่นทำให้ผมสงบลฃได้อย่างน่าประหลาด..

"อื้ออ"ผมร้องออกมาเบาๆเมื่ออนคอนด้าตัวโตกำลังเคลื่อนเข้ามาลึกเรื่อยๆ

"See. It's not scary(เห็นไหม มันไม่น่ากลัวหรอก)"มันพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆราวกับกำลังกล่อมให้ผมผ่อนคลายซึ่งมันได้ผลมากกว่าที่คิดเสียอีก

"อึก เข้ามา เลย เฮือก!"

พูดปุ๊ปก็เข้าปั๊ป แต่คือกูแค่บอกให้เข้ามาไม่ได้หมายความว่าให้เข้ามาหมดทีเดียวโว้ย!!

ปั่ก!

"Ouch!"

ทุบหลังแม่งเลย!
               
"ฮือออ เจ็บ!"อยากจะด่ามากกว่านี้นะ แต่ร่างกายไม่อำนวยจริงๆ น้ำตาที่กำลังจะหยุดนี่ร่วงเผาะๆเลย เหมือนอะไรทางด้านหลังมันฉีกจนแสบๆเสียดๆไปหมด

"Sorry. I'm sorry."

ซอรี่แล้วมึงยิ้มทำอะไร!

ปั่ก!

"Ouch!"

"ไม่ ฮึก ต้องมา ร้องเลย ฮือ เจ็บ"ผมพูดไปก็สะอื้นไป จนร้อนให้อีกคนต้องโน้มตัวมาใช้นิ้วปาดน้ำตาให้ผมอีกรอบ แต่ปาดไปเถอะปาดไปมันก็ไหลอีกอยู่ดี

มันคาอนาคอนด้าที่พองตัวเต็มที่ไว้ในช่องทางด้านหลังผมซักพักใหญ่ๆ ในระหว่างนั้นก็จูบผมบ้าง เล่นกับธีร์น้อยบ้างจนผมเริ่มมีอารมณ์มากขึ้นๆแล้วลืมความเจ็บไปชั่วขณะ

"อะ อึดอัด"

"I'll move(จะขยับแล้วนะ)"

เฮือก!

"Take a deep breath (หายใจเข้าลึกๆ)"มันว่าให้ผมทำตามอย่างรวดเร็วมือทั้งสองข้างจิกลงบนผ้าปูเตียงเพื่อระบายความเสียดภายในเมื่อมันเริ่มขยับเข้า ขยับออกช้าๆ

"Ahh Thee you so tight (อ่า ธีร์ นายแน่นมาก)"

"อื้อ ยะ..อย่าเพิ่ง..อ้ะ! อย่า! อื้ออ ฮื่อ"ผมครางไม่เป็นภาษาเมื่อจู่ๆมันก็เพิ่มความเร็วเเบบไม่บอกไม่กล่าวจนแถมไม่เร็วเปล่ายังทวีความเเรงจนนอกจากเสียดแล้วยังจุก แต่จุกได้ไม่นานก็มีความรู้สึกอื่นเข้ามาเเทรกเเทน

ความรู้สึกแปลกๆแบบนี้อีกแล้ว

"อย่า ย้ำ อื้อ อ้ะ! ฮื่อ"ยิ่งพอมันกระแทกเข้ามาตรงจุดๆนั้นซ้ำๆ ผมนี่สะท้านไปทั้งร่าง

"Thee Thee ahh"มันครางเสียงต่ำในลำคอ เรียกชื่อผมซ้ำไปซ้ำมา ยามที่ขยับสะโพกเข้าออกจนได้ยินเสียงเตียงไม้ขยับดังเอี๊ยดอ๊าด

ผมขยับมือไปรูดธีร์น้อยอย่างไปเป็นเองตามธรรมชาติ ยิ่งมันเร่งความเร็วผมก็ยิ่งจุก แต่เป็นความจุกที่ผมรู้สึกดีโคตรๆจนสัมผัสได้ว่าตัวเองใกล้จะถึงฝังฝันแล้ว

"Good ahh"

คนตัวโตโน้มตัวเข้ามาโอบกอดตัวผมไว้ในขณะที่สะโพกก็ยังคงขยับ เร็วขึ้น เร็วขึ้น ผมจึงเอื้อมมือหนึ่งไปโอบลำคอมันไว้อีกมือก็เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ

"จะถึง อึก จะแตก แฮ่ก อื้ออออ!!!"

พรวด!

น้ำขาวจุ่นพุ่งออกมาจนเปรอะไปทั้งมือรวมถึงบนหน้าท้อง ผมหอบแฮ่กอย่างเหนื่อยอ่อน เหมือนพลังงานถุกใช้ไปจนหมดสิ้น เพราะพอเสร็จกิจตาผมก็เเทบจะปิดในทันที

หากแต่..

"Ahh Thee"

อีกคนยังไม่เสร็จ..

ฝรั่งตัวโตยังคงรัวสะโพกเข้าใส่ ขบกรามแน่น ซุกหน้าเข้าที่ซอกคอผมจากนั้นก็เอาแต่เรียกชื่อผมปนหอบกระเส่า

สติสตังผมไม่เหลือเเล้ว ภาพสุดท้ายที่เห็นคือผู้ชายร่างใหญ่ยังคงไม่หยุดกระเเทกกายเข้าหา เสียงเรียกชื่อยังดังเเผ่วๆมาตลอด

"...I..so..ry...T.."

            ก่อนที่ผมจะจมดิ่งสู่ห้วงนิทราเพราะความล้า...
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.29 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-09-2016 07:24:53
เห้ย

ทำไมหนูคอร์กี้ใจแตกไวจริง ต้องขอแต่งงานก่อนเซ่ะ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.29 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 26-09-2016 09:47:07
แหมมมม ยั่วหนุ่มกลัดมันตอนเมา ธีร์น้อยกล้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.30
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 26-09-2016 17:40:38
Chapter 30
| Coma


Austin's part


          ปวดหัว..คือความรู้สึกแรกในยามที่รู้สึกตัว ผมค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะกระพริบถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสมองไปยังเพดานขาวก่อนจะค่อยๆตั้งสติ และก็พอรู้ว่าเมื่อคืนผมดื่มไปค่อนข้างหนักเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ตื่นมาเจออาการแฮ้งค์แบบนี้

         แต่ทว่า...

         "หืม.."

          สัมผัสอุ่นๆค่อนไปทางร้อนที่แตะโดนผิวกายอยู่ทำให้ผมต้องครางในลำคออย่างสงสัยพร้อมปรายตาไปยังที่มาและก็พบกับร่างเปล่าเปลือยของใครบางคน

          เดี๋ยวนะ...

          ความทรงจำเมื่อคืนประดังประเดเข้ามาในสมองทันทีเมื่อเห็นร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมอก ถึงผมจะเมาแต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะจำไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป และผมก็รู้ตัวด้วยว่าทำไปกี่รอบ..

          ทำทั้งๆที่อีกคนสลบไปเนี่ยแหละ

          อาการเมาค้างหายเป็นปลิดทิ้ง สิ่งเเรกที่ทำหลังตั้งสติได้คือรีบถอนกายออกจากตัวอีกคนก่อนที่อนาคอนด้าจะตื่นมาอีกรอบ และใช่ คุณอ่านไม่ผิดผมเพิ่งจะ'ถอนกาย'ออกจากอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะลืมหรือเหนื่อยจนขี้เกียจเอาออกแต่เพราะมันเป็นนิสัยเสียๆของผมเวลามีเซ็กซ์ที่มักจะชอบคาไว้ยันเช้าวันต่อไป

          และแน่นอนมันไม่ใช่เรื่องดี

          ผมรีบลุกพรวดพราด เหลือบไปมองนาฬิกานิดแล้วพบว่านี่เกือบเที่ยงแล้ว คอร์กี้น้อยยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงแถมไม่มีท่าทีที่จะตื่นทั้งยังตัวสั่นน้อยๆ ผิวแทนขึ้นสีเเดงเรื่ออย่างเห็นได้ชัดจนต้องก้มลงไปเพื่อเอามือไปอังหน้าผากอีกฝ่าย

          ร้อนจี๋เลย

          ผมนิ่วหน้านิดเมื่อพบว่าเขาไข้ขึ้นสูงมาก จนต้องกวาดตาสำรวจเนื้อตัวอีกฝ่ายและก็ได้เห็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ตัวเองทำไว้เมื่อคืน ลอยช้ำจ้ำๆไปทั่วตัวยันลำคอ จะว่าไงดีนี่ก็เป็นนิสัยเสียๆของผมอีกอย่างเช่นกันที่ชอบทำรอยมาร์กเเสดงความเป็นเจ้าของไว้

          และที่หนักคือ

          "Shit! (ฉิบหาย)"ผมสบถออกมาทันทีเมื่อลางสังหรณ์ของผมเป็นจริง พอเลิกผ้าห่มลงมาเรื่อยๆจนถึงเบื้องล่างก็ได้พบกับผลงานชิ้นโบว์แดงโดยฝีมือผมอีกชิ้น...

          น้ำสีขาวขุ่นที่ไหลเยิ้มออกมาจากช่องทางรักจนเปรอะไปทั่วผ้าปู

          ผมจำได้ว่าผมใส่ถุงยางจากนั้นก็...แตก

          เหมือนถุงยางที่เตรียมไว้จะไม่พอดีสำหรับอนาคอนด้าโตเต็มวัย และหลังจากที่มันแตกก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว

          โอ้ นี่ผมทำอะไรลงไป

          แผนการสร้างความประทับใจในครั้งแรกของธีร์พังครืนไม่เป็นท่า อุส่าห์พูดดีบอกรอให้เขาพร้อมดันไปมอมเหล้าตัวเองจนขาดสติแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน

          แต่ในเมื่อทำลงไปแล้วก็คงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมลูบหน้าเพื่อเรียกสติตัวเองอีกรอบแล้วค่อยๆเรียงลำดับสิ่งที่ควรทำ อย่างแรกผมคงต้องไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนอย่างน้อยก็หากางเกงมาใส่ล่ะนะ

          หลังจากไปหาเสื้อผ้ามาใส่และจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ก่อนจะหันมาจัดการคนตัวเล็กที่ยังคงนอนซุกผ้านวมผืนหนา ผมหันไปกดเบาแอร์หวังจะลดอาการหนาวสั่นของเขาได้ไม่มากก็น้อย จากนั้นก็...ทำอะไรต่อดี

          ใจจริงผมอยากจะเช็ดตัวให้เขา แต่อีกใจก็อยากจะเอาสิ่งนั้นออกก่อนเพื่อความสะอาด

          ผมตั้งใจจะทำให้เขาอยู่แล้วเพียงแต่ตอนนี้เขาไม่มีสติพอเเม้แต่จะลิมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ จะให้อุ้มไปในห้องน้ำที่ไม่มีอ่างก็คงจะลำบากเวลาเอาออก ดังนั้นก็เหลือเพียงทางเลือกเดียว

          ผมเช็ดตัวให้เขาอยู่พักใหญ่ๆเนื่องจากมันค่อนข้างควบคุมตัวเองลำบากนะถ้ามาเห็นคนที่เราชอบนอนเปลือยแบบนี้ ทั้งตัวคอร์กี้ยังชอบส่งเสียงแปลกๆออกมาแบบไม่รู้ตัวอีกซึ่งผมฟังยังไงมันก็ยั่วกันอยู่ชัดๆ

          เสร็จสักที

          ผมยืนมองผลงานที่ใช้เวลาไปทั้งสิ้นเกือบชั่วโมงกับการเปลี่ยนชุดให้เขาใหม่ ส่วนสิ่งนั้นผมพยายามควานออกให้แล้วแต่ถ้าไม่ใช้น้ำยังไงมันก็ไม่หมดคงต้องรอจนกว่าเขาจะตื่น

          โคร่กกก

          "อุ๊บ!"

          ผมยกมือปิดปากกลั้นขำแทบไม่ทัน แน่นอนว่าเมื่อกี้คือเสียงท้องร้องแต่ประเด็นคอไม่ใช่ท้องผมหากแต่เป็นท้องของคนป่วยที่ยังไม่ได้สติอยู่บนเตียงต่างหาก

          ป่วยแต่ก็ยังหิวสินะ

          ผมยกยิ้มเอ็นดู ก้มลงไปกดจูบบนหน้าผากมนเบาๆ รวมถึงขโมยหอมแก้มทั้งสองข้างอย่างหมันเขี้ยว จบด้วยการขยี้หัวทุยเบาๆ

---------------------

Thee's part

          Rrrrrrrrr

          Rrrrrrrrrr

          จะโทรอะไรหนักหนาวะ!

          ผมขมวดคิ้วมุ่นทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาเมื่อเสียงโทรศัพท์ยังคงแผดร้องวนรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆมันพอที่จะปลุกคนหลับลึกแบบผมขึ้นมาบ้าง

          Rrrrrrrrrrrrrr

          "รู้แล้วหน่า.."ผมพึมพำมือก็ควานหาโทรศัพท์ทั้งๆที่ตายังปิดอยู่ ถ้าจะพูดให้ถูกคือผมลืมไม่ขึ้นต่างหาก หัวก็ปวดตุบๆอย่างที่รู้ได้ทันทีว่าผมกำลังป่วย

          แต่ยังไม่ทันที่มือจะได้แตะโทรศัพท์เสียงก็หยุดไปเสียก่อน ในขณะเดียวกันก็มีเสียงเปิดประตูจนต้องพยายามลืมตาชะโงกหน้าไปดู

          "Oh! You're awake. Let's eat and take a pill first before you go to sleep.(ตื่นแล้วเหรอ มากินข้าวกินยาก่อนเถอะแล้วเดี๋ยวค่อยนอนต่อ)"

          พูดอะไรของเขาวะ

          ผมยันตัวเองขึ้นมานั่งอย่างมึนๆ ภาพตรงหน้ายังเบลอๆเหมือนสติยังมาไม่เต็มร้อย เอ๊ะ หรือว่าผมฝันอยู่หว่า

          ร่างสูงใหญ่ที่ผมเห็นอยู่ลางๆเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะยื่นมือมาช่วยพยุงผมที่มองตามเขาอย่างงงๆขึ้น

          "เย็น.."

          "Hey..(เฮ้..)"

          "งืมม เย็นจัง"

          แต่ก่อนที่เเขนหนาๆเเข็งๆจะผละออกไป ผมที่กึ่งนอนกึ่งนั่งก็คว้าเข้าที่แขนนั่นก่อนจะแนบหน้าลงไป ไม่รู้ว่าแขนอีกคนเย็นหรือเพราะตัวผมร้อนกันแน่ แต่ที่แน่ๆเลยคือแบบนี้มันโคตรสบาย

          ไปๆมาๆผมก็เผลอเอนทั้งตัวพิงร่างเย็นๆของอีกคน พอได้ที่สบายๆตาก็ปรือลงจะปิดลงอีกครั้งถ้าไม่มีมือเย็นๆตบแปะๆที่แก้มผมเบาๆ

          "Please eat some...(กินซักหน่อย...)"

          "ไม่เอา..."

          ผมส่ายหน้าหวือ นาทีนี้ผมง่วง ผมล้า ผมจะนอนจะอะไรผมก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ

          ผมได้ยินเสียงถอนใจจากอีกคน ก่อนที่ความเย็นที่ผมชอบจะหายวูบไปจนต้องปรือตาขึ้นมองนิด ก็เห็นแผ่นหลังกว้างที่กำลังลุกขึ้นจากเตียง

          หมับ

          "ไม่ไปนะ"

          "I not going anywhere. If you don't want to eat just take a pill.(ไม่ได้ไปไหน ถ้าไม่กินข้าวก็ยาเถอะนะ)"

          ผมยอมพยักหน้าหงึกหงักยอมแต่โดยดี ยังไงก็ได้แต่ห้ามเอาไอเย็นของผมไปนะ

          ผมที่เบลอๆรับยาเม็ดเล็กๆมาอย่างงงๆ แต่ก็ยอมเอามันเข้าปากแต่โดยดี อาการปวดหัวปวดเนื้อปวดตัวทำเอาผมเบ้หน้านิดยามที่ขยับตัวซึ่งนั่นก็ทำให้ผมพอเข้าใจสภาพตัวเองตอนนี้ว่าตัวเองกำลังป่วย

          หมับ

          ผมเอื้อมมือไปคว้าชายเสื้อคนตัวโตที่ทำท่าจะลุกไปอีกรอบ ส่งให้อีกคนหันไปวางอะไรซักอย่างตรงหัวเตียงจากนั้นก็...ทรุดลงนอนข้างๆ

          "I'm not go anywhere. I'm here with you.(ไม่ไปไหนหรอก อยู่ตรงนี้แหละ)"เสียงทุ้มดังขึ้นบนหัว ทั้งยังสัมผัสอุ่นๆของฝ่ามือบนหัว

          อีกฝ่ายกระชับอ้อมแขนให้เเน่นขึ้น ดึงผมเข้ามาให้จมไปกับไอเย็นที่ถึงแม้อุณภูมิที่ผิวกายสัมผัสจะเย็นแต่ข้างในกลับอบอุ่น

          อ้อมกอดที่ทำให้คนป่วยหลับตาลงก่อนจะจมดิ่งสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง


---------------------------


          ในชีวิตไอธีร์ป่วยแทบจะนับครั้งได้หากแต่พอเป็นทีจะเป็นโคตรหนัก ส่วนมากเป็นทีไรก็ร้อนให้พ่อหามไปโรงพยาบาลกันทุกหน ดีที่ครั้งนี้ท่าจะเป็นเพียงไข้ธรรมดาไม่ถึงกับไข้หวัดฉะนั้นคงไม่ต้องถึงมือหมอแต่ว่า

          ปวดสะโพกฉิบหายเลยครับ!

          คนป่วยที่สะลึมสะลือตื่นมาอีกทีท้องฟ้าก็มืดเสียแล้ว กำลังพยายามยันตัวขึ้นนั่งหากแต่ก็ติดแขนหนักๆที่ทาบทับไว้ของใครอีกคนจนได้แต่นอนมองเพดานยกแขนขึ้นกุมขมับ

          แค่จะผลิกตัวกูยังปวดเลย

          คิดแล้วก็จะร้องไห้ เมื่อกี้จะเปลี่ยนท่านอนหน่อยเดียวนี่ซี๊ดขึ้นมาเลย ไม่รู้ว่าไอหมีควายบ้านี่มันทำต่อไปกี่รอบแถมไม่ออมแรงกันเลยซักนิด แต่ถ้าไม่นับอาการปวดเมื่อยที่ตามทีหลังก็แอบยอมรับนิดนึงก็ได้ว่ามันก็ไม่ได้แย่มากนัก และที่สำคัญเลย..

          "Hmm. Do you feel better?(หืม ดีขึ้นแล้วเหรอ)"

          "..."ผมนอนนิ่งไม่หือไม่อือแอบทำหน้ามุ่ยใส่ ใจจริงอยากจะพลิกตัวหนีทันเสียด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่าสังขารมันไม่อำนวย

          "You still have high temperature.(ตัวยังรุมๆอยู่เลย)"

          "..!!"

          ผมสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาวัดไข้ ประเด็นคือไม่วัดแบบคนปกติไง แต่เอาหน้าผากมันมาแนบกับหน้าผากผม จนจากที่ทำหน้าไม่ถูกอยู่แล้วยิ่งเข้าไปใหญ่จะผลิกหนีก็ไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่เสตามองไปทางอื่นแทน

          "What's wrong? Do you have a headache? Are you hurt? (เป็นอะไรรึเปล่า ปวดหรือเจ็บตรงไหนไหม)"

          "..."

          "Corgi.(คอร์กี้)"

          พอผมเงียบไปนานทั้งยังไม่ยอมสบตา อีกฝ่ายก็จับนู่นจับนี่หาแผลก่อนจะเรียกผมเสียงอ่อนใช้มือจับหน้าผมให้หันไปสบตาเขาจนผมได้แต่เปล่งเสียงแหบๆตอบเขาไป

          "เปล่า.."

          "Then, what's up with sullen face? Hmm?(แล้วทำไมหน้าบึ้งอย่างนั้น หืม?)"

          "เพราะยูนั่นแหละ"

          "Me?(ฉัน?)"

          ฝรั่งตัวโตเลิกคิ้ว

          "น้ำ"ผมบอกเสียงสั่นๆ พร้อมกับอุณภูมิที่เพิ่มขึ้นบนใบหน้า ซึ่งไอหมีควายก็ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจจนผมต้องกัดปากข่มความอายแล้วโผลงออกไป

          "ก็your water อ่ะ!!"

          "Hmm? Oh..I see. I'm sorry for that it had a little accident plus you were sleeping, so I couldn't clean it all. (หืม? อ่อ..เรื่องนั้นขอโทษด้วยพอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย แถมนายหลับอยู่เลยทำความสะอาดให้ไม่เกลี้ยง)"

          ยังมีหน้ามาพูดด้วยรอยยิ้มนั่นอีก!!

          "ฮื่ออ แล้วจะเอาออกยังไง ต้องล้วงหรอ ไม่นะ ยังแสบก้นอยู่เลย"

          ผมเริ่มงอแง ใครใช้ให้มัน...เอ่อพ่นพิษอนาคอนด้าไว้ในตัวผมกันเล่า! พอขยับทีน้ำเหนอะๆก็ไหลออกมาทันทีจนผมอยากจะเอาฝังหมอนไม่อยากมองหน้าอีกฝ่าย เพราะมัน..มันน่าอายนี่หว่า เมื่อคืนผมครางอย่างตุ๊ดเลยนะเว้ย ตะ..แต่นั่นมันก็ความผิดไอหมีควายนั่นแหละ ใครจะไปนึกว่าทางนั้นมันจะรู้สึกได้ขนาดนี้

          "Can you stand? I'll help you to clean that . Don't worry, I'll do it softly.(ลุกไหวไหม เดี๋ยวฉันช่วยเอาออกให้ ไม่เจ็บหรอก)"

          "เฮ้ย! ไม่ต้องมาhelp!"

          "ฮึบ"

          "ยู! ปล่อยๆ ไอเดินเองได้นะ!"

          แต่คนตัวโตไม่ฟังคำอวดเก่งของผมเลยซักนิด ช้อนตัวผมเดินลิ่วๆเข้าห้องน้ำ ก่อนจะวางผมลงตรงหน้าฝักบัว ให้ผมพิงกำแพงไว้ส่วนเขาก็ก้มลง...

          ฟึ่บ!

          "เฮ้ย!"

          ผมร้องเสียงหลงเอามือปิดธีร์น้อยแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ดึงบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียวของผมลง และยังไม่ทันที่ผมจะตกใจเสร็จมันก็จับตัวผมพลิกให้เอาหน้าเข้ากำแพงจนผมต้องเอี้ยวตัวไปมอง...คนที่กำลังใช้มือข้างนึงจับฝักบัว ส่วนอีกข้างก็ยึดก้นผมไว้แน่น

          "Put up with it.(ทนนิดนึงนะ)"

          และจากนั้นมันก็เปิดน้ำก่อนจะทำการล้วง...


--------------------------


          ตอนแรกผมก็รู้สึกนะว่าตื่นมาอีกทีก็มืดแล้วแต่ไม่คิดว่ามืดที่ว่าจะล่วงลับมาถึงเที่ยงคืนเสียแล้วจนอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่านี่นอนหรือตายกันแน่ถึงเเม้จะป่วยก็เถอะ

          หลังจากเอ่อ..ล้างกันเสร็จแล้วมันก็ไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น แม้จะเสียวๆตรงมวลท้องเล็กน้อยแต่ในขณะนั้นมันเสียดและเเสบเสียไม่มีเวลามามีอารมณ์เลย อีกฝ่ายก็ดูรีบเร่งแม่จะพยายามเบามือก็ตาม

          ผมกลับมานอนเป็นผักเหี่ยวบนเตียวอีกรอบ รออีกฝ่ายยกอาหารที่เป็นข้าวต้มเข้ามาให้ พอกินน้ำกินยาเสร็จก็ตั้งท่านอนต่อ

          ถึงแม้ลำคอจะเจ็บ กินอะไรก็ขมคอ แต่ท้องมันหิวผมก็ทำอะไรไม่ได้ยัดๆมันเข้าไปทั้งอย่างนั้น เรื่องยาผมก็ไม่ใช่คนกินยายาก ยิ่งเวลาป่วยทีผมอยากจะจับกรอกปากจะได้หายไวๆเสียที เวลาป่วยนี่มันโคตรน่าเซ็ง นอกจากจะทรมาณกายเเล้วยังน่าเบื่อโคตรๆอีก

          "เดี๋ยวยูก็ sick หรอกมาsleep with me เนี่ย"ผมกล่าวบอกอีกคนที่เดินไปปิดไฟโดยไม่ลืมเปิดไฟหัวเตียง และสอดตัวเข้ามาช้อนด้านหลังภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

          "I'm not be sick for sure. I'm very strong.(ไม่ติดหรอก ฉันแข็งแรง)"

          "เหอะ มั่นใจจังนะ" ผมเบ้ปากนิดๆกับความมั่นหน้าของอีกคน

          " Whatever the case, I won't sick for sure.(ก็แน่สิ ยังไงฉันก็ไม่ป่วยหรอก)"ไอฝรั่งข้างกายบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ มือก็เนียนเอามาพาดเอวผมจากนั้นก็เนียน(อีกแล้ว)ดึงผมเข้าไปใกล้จนแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงแผ่นอกเเข็ง

          "Who will take care of you If I'm sick, Right?(ถ้าป่วยเเล้วใครจะดูแลนายกันล่ะ ใช่ไหมหื้ม?)"

          อีกแล้ว...ขยันหยอดกูจังเลยนะบักสีดานี่!

          ผมนิ่งไปพักใหญ่ ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาตอบมันดี ชีวิตนี้ผมไม่เคยโดนจีบ ถึงแม้ผมกับมันจะเลยคำว่าจีบมาแล้ว แต่ยิ่งตั้งแต่เป็นแฟนตกลงปลงใจและยิ่งหลังจากได้เสียกันแล้วผมก็พบว่ามันขยันหยอดมากๆแถมเลี่ยนขั้นสุด

          หรืออาจจะเป็นเพราะตอนแรกๆผมโง่อังกฤษจนมันขี้เกียจจะพูดวะ

          จะว่าไปแล้วผมก็อยู่กับมาสองเดือนแล้วนะเนี่ย คิดไปคิดมาก็พบว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรของมันซักอย่าง ขนาดชื่อจริงๆของไอหมีควายผมยังจำไม่ได้เลย ไหนจะเรื่องนายแบบ ไอจงไอจีอะไรนั่น อาจจะเพราะเราไม่ค่อยได้คุยเรื่องส่วนตัวกันเสียเท่าไหร่ อันที่จริงเรื่องทั่วไปก็ไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ ส่วนมากก็ภาษามือภาษากายกันล้วนๆ

          "นี่...ยู เอ่อ เคย do this with another people ไหมอ่ะ"ผมตัดสินใจผลิกตัวไปถามอีกคนด้วยความสงสัย จากความทรงจำเมื่อคืนมันค่อนข้าง...เก่ง

          "Yes.(เคย)"

          ผมเผลอมุ่ยหน้าทันทีเมื่อได้รับคำตอบ และสีหน้าแบบนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วกดริมฝีปากลงมาบนเหม่งผมดังจุ๊บ ให้ต้องเสตาไปสบกับเวงตาพราวเสน่ห์ที่มองอยู่ก่อน

          "But I never feel good like this with anyone before.(แต่กับนายรู้สึกดีที่สุดแล้ว)"

          ไอหมีควายนี่พักหลังๆเริ่มเลี่ยนมากเกินไปจริงๆนั่นแหละ

          "มะ เหมือนกัน"

          แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังตอบกลับไปเสียงเบาราวกับกลัวอีกฝ่ายจะได้ยินก่อนจะผลิกตัวกลับไปอีกด้านอย่างรวดเร็วอย่างเผลอตัว นั่นทำเอาต้องซี๊ดปากเบาๆเพราะบาดแผลภายใน

          และผมก็บ้าบอยิ้มเขินกับทุกคำเลี่ยนๆของมันนี่แหละ

หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.30 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-09-2016 17:51:04
 :m20:

นุ่งธีร์เจ็บแล้วจำนะคะ นี่โดนไปหลายยกเลยนะเนี่ย บอบช้ำขนาดนี้ออสตินต้องรับผิดชอบชั่วชีวิตนะ  :jul3:

(ปอลิง ออสตินตกลงเคยเป็นนายแบบแต่ลาวงการหรืออย่างไร อื้มมมมมม  :mew2:)
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.30 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 26-09-2016 19:42:46
จัดหนักกกกกก
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.30 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 26-09-2016 23:23:21
ครั้งแรก โดนจัดหนักจัดเต็มเลยนะ,,,
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.31
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 28-09-2016 21:37:26
Chapter 31
| lull before the strom


**ภาษาอังกฤษยังไม่ได้พรูฟนะคะ เดี๋ยวตามอีดิทให้ค่า**


-----------------------------------------


          แชะ

          "เฮ้! ไอบอกว่าอย่าถ่ายไง! Don't อ่ะ เข้าใจไหมห้ะ!"ผมสาบานว่าผมพูดประโยคทำนองนี้เป็นร้อยๆรอบเเล้วเรื่องเเอบถ่ายรูปเนี่ย ไอมันก็เลิกแอบถ่ายจริงๆนั่นแหละ เลิกแอบเเล้วหันมาถ่ายเเบบโจ่งเเจ้งนี้ไง

          แต่คิดว่ามันจะฟังผมไหมล่ะ ทำลอยหน้าลอยตาเหมือนฟังไม่รู้เรืองเเล้วก้มหน้าเปิดดูรูปอีก ผมได้แต่พ่นลมหายใจทางจมูกเเรงๆอย่างขี้เกียจจะพูดแล้วเปลี่ยนเป็นชะโงกหน้าไปดูรูปในโทรศัพท์มันแทน

          "เห้ย! ลบเลยๆ อุบาทว์อ่ะ!!"ผมโวยทันทีเมื่อเห็นหน้าตัวเองอยู่เต็มหน้าจอ และหน้านี่เเบบไม่โอเคเลยสักนิด ผมไม่โวยเปล่าพยายามจะคว้าโทรศัพท์ในมือมันมาด้วยแต่คิดหรือว่าไอหมีควายนี่จะยอมง่ายๆ ส่งยิ้มบางๆก่อนจะ...โยกมือหนี

          อย่าไปหลงในรอยยิ้มแสนดีของมันเลยนะ! ไอธีร์ขอนั่งยันยืนยันว่ามันเป็นรอยยิ้มจอมปลอม! ตัวจริงของมันน่ะขี้เเกล้งเป็นที่สุด!

          คนที่อาทิตย์ที่แล้วคอยดูแลทะนุทนอมผมอย่างกับผมท้องลูกในอาทิตย์ที่แล้วหายไปแล้วครับ หลังจากที่ผมหายป่วยจาก...เอ่อ ไข้ที่เกิดจากมัน ไอหมีควายก็เริ่มออกลายมากขึ้น ที่จริงมันเริ่มจากที่ผมเอ่ยปากบอกมันว่าอย่าเเอบถ่ายเเละอย่าเอารูปผมไปลงไอจีอะไรนั่นอีก

          ฟอลโล่วเวอร์อะไรนั่นมันก็ไม่ใช่น้อยๆ บอกตรงๆคือผมอายโว้ย!

          "That's cute (น่ารักดีออก)"

          คิ้วท์พ่อม

          ผมพยายามจะคว้าโทรศัพท์มันอยู่นานสุดท้ายก็ยอมเเพ้แต่พอหยุดจะเกียกตะกายก็พบว่าตัวเองเอาตัวมาพาดตักมันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมชะงักแล้วพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ติดวงแขนแกร่งที่จัดการล็อกเอวผมไว้ทันทีแถมยังตีตูดผมเบาๆอย่างหยอกไปหนึ่งที

          "เฮ้!"

          ผมที่นอนคว่ำพาดทับตักมันอยู่รีบพลิกตัวมาเพชิญหน้ากับคนมือไว แต่นั่นเป็นการตัดสินใจที่พลาดมหันต์...

          ไอหมีควายจ้องหน้าผมนิ่งก็จะเผยยิ้ม มันค่อยๆก้มหน้าลงมาใกล้ซึ่งผมก็มองดวงตาคู่สวยอย่างไม่วางตากลับ หากแต่มันไม่ได้ก้มลงมาจูบอย่างที่คาดไว้เพียงเเค่หยุดเอาหน้าผากเเตะกับหน้าผากผมแล้วหลับตาลง

          "I'm happy(มีความสุขจัง)"

          "Very very happy.(มีความสุขมากๆ)"

          เสียงทุ้มนุ่มดังราวกับกระซิบเบาๆหากแต่แฝงไปด้วยหนักแน่นจนผมนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งอย่างคิดไม่ถึงว่ามันจะพูดอะไรแบบนี้ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็ยิ้มเผล่ยกมือสัมผัสใบหน้าของมัน

          "Me too"

          คำตอบง่ายๆถูกส่งกลับแต่เราสองคนกลับยิ้มไม่หุบ ไอหมีควายหัวเราะออกมาเบาๆถูหน้าที่เต็มไปตอหนวดเเข็งกับมือผมจนผมต้องถดมือหนีอย่างจั๊กจี้ ก่อนที่มันทิ้งตัวลงนอน แต่เนื่องด้วยโซฟาผมไม่ใช่โซฟาตัวใหญ่เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่เราสองคนจะนอนเบียดกันได้ ซึ่งไอหมีควายก็แก้ปัญหาได้ดี ยกตัวผมขึ้นมานอนทับมันอีกที ผมก็อยากจะดิ้นหนีนะแต่มือมันก็ไวเกินรวบเอวผมไว้จนผมเเทบจะฝังลงไปบนตัวเเข็งๆของมัน

          มุขเสี่ยวๆหวานจนมดขึ้นของมันผมเริ่มชินเเล้วล่ะครับ แถมยังอัพสกิลจนสามารถตอบกลับได้แล้วด้วย ฉะนั้นแค่ถูกนอนกอดผมไม่มีทางมาบิดม้วนเขินอย่างแน่นอน พอดิ้นไม่ได้ผมก็ไม่ดื้อดึงจะออกจากอ้มอกอดของมัน ถ้าผมดิ้นผมอาจจะเจ็บ แต่แค่นอนเฉยๆคนหนักก็มัน คนเเขนชาก็มัน แถมอกแข็งๆนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

          กล้ามเเน่นชะมัด

          "Naughty Corgi.(คอร์กี้จอมซน)"

          "ยูแกล้งไอก่อนนะ"ผมย่นจมูกใส่เมื่อมันเอ็ดผมอย่างไม่จริงจังเมื่อผมลูบหน้าอกมันเบาๆ

          ไอหมีควายไม่ตอบอะไร ใช่ มันอาจจะไม่ได้ตอบด้วยคำพูดหากแต่ตอบด้วยการกระทำ

          "เฮ้ย! เอามือมึงออกไปเลยนะ"

          ผมที่คิดไว้ว่าจะไม่ดิ้นก็อดดิ้นไม่ได้เมื่อมันเลื่อนมือทีรัดเอวผมไว้ไปวางลงบนแก้มก้นผมเเทน แถมไม่วางเปล่ามือใหญ่ๆสากๆนั่นก็ขย้ำจนผมดิ้นพล่าน

          "Hey! Stay still. You will...(เฮ้! อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็..)"

          โคร่ม! โป๊ก!

          ไม่ทันที่มันจะได้พูดจบ ร่างของผมก็หลุดออกจากการรัดกุมของมัน หลุดจริงๆ หลุดเเบบที่ร่างผมกลิ้งไปทางอีกด้านของโซฟาที่...มีโต๊ะกระจกตัวเตี้ยรอให้เอาหัวโขกอยู่

          และก็เป็นไปตามคาด หัวผมฟาดเข้าเต็มๆ เจ็บจี๊ดจนต้องเบ้หน้า เสียงโขกนี่ดังจนไอเตอร์ต้องเงยหน้ามามองก่อนจะก้มลงไปหลับเหมือนเดิมแถมยังพ่นลมหายใจออกมาราวกับจะบอกผมว่าโง่ตกมาทำไม

          "A-Are you okay? Did you get hurt? I'm so sorry.(นะ นี่ โอเคไหม เจ็บมากไหม ฉันขอโทษ)"

          "โอเคๆ not hurt too much"ผมลูบๆหัวตรงจุดที่กระเเทกเบาๆ คงจะไม่ถึงกับเเตกอาจจะเเค่ช้ำๆไม่ก็โน

          ผมที่มัวเเต่สนใจความเจ็บที่หัวเลยไม่ได้สังเกตสีหน้าของอีกคน ยังไม่มันจะได้อ้าปากพูดอะไรไปมากกว่านี้ผมก็โดนคนตัวโตช้อนตัวขึ้นจนตกใจคว้าลำคอมันตามสัญชาตญาณทันที

          "ยูจะไปไหนน่ะ!"

          "Hospital.(โรงพยาบาล)"

          "เห้ย! ไม่ต้อง!"

          "Go to check for make sure.(ไปเช็คเพื่อความเเน่ใจ)"

          "แต่ไอ เอ่อ not that pain อ่ะ just กระเเทกเอง เบาด้วย"ผมพูดไม่ค่อยถูกแต่พยายามใช้ภาษามือเข้าช่วยเพือบอกว่าผมไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้น แต่มันไม่ฟังผมหรอกเกินลิ่วจนถึงหน้าประตูห้องเเล้ว
     
          "Don't worry I'm not bleeding นะยู"ผมสะกิดบอกมันอีก

          หน้าไอหมีควายตอนนี้ยุ่งไปหมดจนผมไม่รู้ว่าควรจะขำหรือจริงจังก่อน คิ้วนี้กดลงจนไม่รู้จะว่ายังไงเเล้ว

          "And I can walk by myself ด้วย ปล่อยไอลงได้ละ"

          "Then let me see your wound.(ถ้างั้นขอดูแผลหน่อย)"

          "นี่ๆ ซีๆ nothing เลย"ผมยื่นหัวไปให้มันดูใช้มืแหวกผมแล้วชี้ๆไปยังจุดที่กระเเทกเมื่อครู่

          "เฮ้อ"มันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นเลือดทั้งลูบๆจับๆแล้วผมก็ไม่ได้ร้องเจ็บอะไรมาก

          "แค่นี้เองทำไมต้องเป็นห่วงขนาดนั้นด้วย"

          "If I'm not worried about you , who will ?(ไม่ให้ห่วงแฟนแล้วจะให้ห่วงใครล่ะ)"

          สมองอันน้อยนิดประมวลผลอยู่ไม่ถึงสามวินาที พลันไอร้อนก็พุ่งสู่ใบหน้าจนเหมือนมีเสียงดังปุ้งอยู่ในหัว

          ผมว่าสกิลหน้าหนาของผมคงยังไม่พอสำหรับความเสี่ยวของมัน..

          "By the way that was my mistake.(อีกอย่างเมื่อกี้มัน...ความผิดฉันด้วย)"

     มันว่าด้วยน้ำเสียงที่ซึมลงนิด มือใหญ่ยังคงลูบหัวตรงที่โขกเมื่อกี้เบาๆเหมือนกลัวว่าถ้าเเตะเเรงกว่านี้ผมหัวผมจะบุบได้ พอได้ยินเหตุผลชัดๆผมถึงกับอมยิ้มเล็กน้อย

          บางทีผมก็รู้สึกว่าไอหมีควายมันเหมือนหมาตัวใหญ่ๆ

          "ใช่ your mistake นั่นแหละ"

          พอพูดออกไปมันถึงกับชะงักมือที่ลูบหัวผมอยู่เเล้วมองผมด้วยเเววตารู้สึกผิดทันที ผมพยายามที่จะกลั้นยิ้มก่อนจะพูดต่อ

          "เพราะอย่างนั้น เลี้ยงข้าวไอสักมื้อสิ"

           ถึงจะแปลกๆที่ให้คนต่างชาติพาผมเที่ยวก็เถอะ แต่ผมกับมันก็อุดอู้กันอยู่ในห้องนานแล้ว แต่หาข้ออ้างไปเปิดหูเปิดตาหน่อยก็ดีไม่น้อย

          มันนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าคมแล้วพยักหน้ายืนยัน

          "I welcome to treat you your whole life. (ยินดีเลี้ยงทั้งชีวิตเลย)"


-----------------------------------


          "ฮ่า...อิ่มแปล้เลย"ผมนั่งลูบพุงอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่ปกติเเล้วผมเเทบไม่เฉียดเข้ามาเลยเพราะเเม่งเเพงจริงๆ นอกจากอาหารแพงเเล้วค่าvatยังเยอะขนาดเรียกได้ว่าขูดเลือดขูดเนื้อกันเลยไม่ปาน

          พอออกปากให้มันเลี้ยง มันก็ไม่รอช้าพาออกมายังห้างใกล้ๆแทบจะทันทีทั้งที่จริงๆผมบอกไปแล้วว่าแปะโป้งไว้ก่อนก็ได้

          แชะ

          "เฮ้ ก็บอกแล้วไงว่าอย่าถ่าย อยากถ่ายก็ถ่ายตัวเองสิ"ผมพูดออกไปด้วยความเหนื่อยหน่าย ตอนหลังมานี่เสียงกล้องมันก็ไม่ปิดคนรอบๆนี่หันควับเลย

          "Corgi,Do you know why I'm love taking photo?(นี่คอร์กี้ รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงชอบถ่ายรูป)"

          จู่ๆมันก็เกริ่นขึ้นมาจนผมต้องหันไปมองหน้าอีกฝ่าย ที่สายตายังคงจับจ้องไปที่โทรศัพท์ เลื่อนๆอยู่ไม่กี่ทีก็หยุดมือเเล้วละสายตามาสบผม รอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้า

          "It's told that camera is the only thing that can freeze time. It's the only thing that can keep our memories or everything that came in our live.(เขาว่ากันว่ากล้องเป็นสิ่งเดียวที่ใช้หยุดเวลาได้ มันเป็นสิ่งเดียวที่สามารถเก็บความทรงจำหรือสิ่งต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตเราได้)"

          "..."

          "I want to keep every moment in my live both  of good or bad, keep it for remind myself that what was my mistake or how extremely happy I was.  (ฉันอยากจะเก็บทุกช่วงเวลาในชีวิตไว้ ทั้งดีเเละไม่ดี เก็บไว้เตือนตัวเองว่าตอนนั้นเราผลาดอะไรไปหรือไม่ก็ตอนนั้นเรามีความสุขขนาดไหน)"

          มันยังคงว่าด้วยเสียงทุ้มนุ่มๆที่ฟังเเล้วสบายหู ถึงแม้จะฟังออกบ้างไม่ออกบ้างแต่ด้วยน้ำเสียงท่าทางรอยยิ้มนั่นทำให้ผมไม่สามารถละสายตาจากมันไปได้เลย นานๆทีมันจะพูดอะไรยาวๆอย่างจริงจังผมเลยไม่กล้าขัดอะไรเเละรอฟังมันอย่างตั้งใจ

          ทั้งๆที่เเค่พูดเเละยิ้ม มันกลับมีเสน่ห์มากขนาดนี้..

          "And every shot of you is my happiness.(และทุกช็อตของนาย มันก็เป็นความสุขของฉัน)"

          และมันก็ฉีกยิ้มกว้างให้ผมชะงักไปชั่วอึดใจ

          บึ้ม!

          มันเอาอีกแล้ว!! ตอนเเรกก็ว่าจะไม่มีอะไรเเล้วเชียวแต่เจอประโยคปิดเข้าไปนี่น้ำลายเเทบติดคอ ใบหน้าพาลร้อนขึ้นมาทันที

          หยอดกูอีกเเล้ว!

          ผมว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งผมต้องตัวแตกตายเพราะเขินมันบ่อยเกินไปเเน่ๆ ผมไม่รู้ว่าคำหวานพวกนี้มันตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแต่ทุกครั้งที่พูดมันมักจะมีอะไรแบบนี้ให้ผมต้องยกมือขึ้นปิดหน้าเสมอๆ

          "แต่ก็ไม่เห็นต้องเอาไปลงอินสตราแกรมไรนั่นเลยนี่.."ถึงจะเขินเเต่ผมก็ไม่วายบ่นอุบอิบ บอกเลยว่าพอมันบอกเหตุผลใจผมก็อ่อนยวบต่อจากนี้ต่อให้มันถ่ายผมสักร้อยรูปผมก็คงไม่ห้ามมันเเล้ว แต่เรื่องเอาไปลงในโซเชี่ยวมันก็อีกเรื่องไง ถ้าเก็บไว้ดูคนเดียวผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรหรอก...

          "You really don't know it?(ไม่รู้จริงๆน่ะหรือ)"มันเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

          "I จะไป know ได้ยังไงเล่า"

          "For tell everyone that this corgi have its owner plus the owner is very possessive.  (ก็เพื่อบอกทุกคนว่าคอร์กี้ตัวนี้มีเจ้าของเเล้วไง แถมเจ้าของยังหวงมากๆด้วย)"

          "มึงแม่ง..."
 
          โคตรไม่ยุติธรรมเลย ทำไมมันรุกได้รุกดีแล้วผมทำได้แค่นั่งทำตัวลีบพร้อมกับหน้าที่เหมือนจะไหม้เเล้วเเบบนี้วะ

          ผมตัดสินใจไม่พูดไม่ถามอะไรต่อ แค่นี้ผมก็อายจัตายเเล้วเเถมถึงมันจะพูดไม่ดังเเต่ก็ไม่เบา ทั้งไอโต๊ะเด็กวัยรุ่นข้างๆก็ดังเงียบกริบอย่างผิดวิสัยจนเสียงมันเด่นขึ้นมาอีก ถ้าให้เดาไอโต๊ะข้างๆนี่ได้ยินหมดแล้ว

          "กรี๊ด!"

          นั่นไง

          ทันทีที่ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดที่ไม่เบานักราวกับกลั้นมานานของเด็กผู้หญิงโต๊ะข้างๆผมก็ไม่รอช้าเรียกเช็คบิลละพามันออกมาทันที

          "ยูนี่ปากหวานเกินไปแล้วนะ พูดงี้กับทุกคนป่ะเนี่ย"

          "หือ?"

          "You เอ่อ sweet mouth มากเลยอ่ะ Did you speak like this for everyone?"พอมันทำหน้าไม่เจ้าใจผมก็จัดการทรานสเลตให้มันฟัง มันเงียบราวกับกำลังประมวลผลภาษาอังกฤษง่อยๆของผมเมื่อครู่ก่อนจะยิ้มหวาน

          "I think it's a 'sweet tongue' and after I taste I think you are more sweet.(ถ้าจะให้ถูกน่าจะเป็นลิ้นหวานนะ และหลังจากที่ชิมฉันว่าของนายหวานกว่าอีก)"

          กูขอโทษ กูไม่น่าถามเลยจริงๆ

          เหมือนสีหน้าผมจะไปตามความคิด คนตัวโตเลยหัวเราะออกมาทั้งยังเอามือยีหัวผมอย่างหมันเขี้ยว

          "Haha your face when you shy is really funny. There there, don't mad at me I'll take it seriously.(ฮ่าๆ หน้านายตอนเขินนี่ตลกดีนะคอร์กี้ โอ๋ๆ ไม่งอนๆ จริงจังก็ได้)"มันเปลี่ยนจากยีเป็นลูบเบาๆเเทนเมื่อเห็นว่าผมเริ่มหน้างอลงอย่างไม่จริงจัง ก่อนที่มันจะยอมตอบคำถามก่อนหน้านี้

          " I'm sweet talk  with you only. Don't be jealous.(ฉันปากหวานกับแค่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ ไม่ต้องหึงหรอก)"

          "เอาให้จริงเถอะ"

          ผมพูดพึมพำแต่ก็หุบยิ้มไม่ลง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกสงสัยขึ้นมาว่ามันจะพูดแบบนี้กับทุกคนรึเปล่า และพอคิดว่ามันพูดแบบนี้กับทุกคนใจมันก็แป้วขึ้นมาทันที พอได้ยินคำตอบเเบบนั้นก็เลยยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว

          เราเดินเล่นกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคนตัวโตหยุดเดินจนคนที่ถูกกุมมืออยู่อย่างผมต้องหยุดตาม ผมเลื่อนสายตาตามมันไปก็เจอร้านขายตุ๊กตาอยู่

          ผมเลิกคิ้วสงสัยเเต่ก็ไม่ได้ถาม จนมันพาลากเข้ามาในร้าน ผมแอบกระดากใจนิดๆเมื่อก้าวเข้าไปในร้านตุ๊กตาหวานเเหววที่เต็มไปด้วยพนักงานผู้หญิง
ผู้ชายสองคนเลือกตุ๊กตาคงเป็นออะไรที่พิลึกไม่น้อย

          จึกๆ

          ผมที่กำลังกวาดตามองไปรอบร้านหันไปตามเเรงสะกิดที่หัวไหล่ ก่อนจะเจอไอฝรั่งที่กำลังถืออะไรบางอย่างมาเทียบกับหน้าผมอยู่

          "It's look like you. (เหมือนนายเลย)"

          ผมหันไปดูสิ่งที่อยู่ในมือมัน...ตุ๊กตาหมาที่มองปราดเดียวก็รู้เเล้วว่าพันธุ์นี้มันชื่อว่า'คอร์กี้'

          ใครมันสร้างไอหมาเเคระนี่เป็นตุ๊กตากันวะ!

          มันเป็นคอร์กี้ที่ขนาดหนึ่งไม้บรรทัดด้วยท่าที่กำลังนอนราบด้วยท่าประจำตัวของสายพันธุ์นี้ คือการนอนคว่ำเเล้วปล่อยเเขนปล่อยขาไว้ด้านหลัง เเถมหูตั้งหน้าเคลิ้มมากๆ

          ผมไม่ตอบอะไรมัน แต่รีบหันซ้ายหันขวาเดินไปทั่วร้านก่อนจะตัดสินใจหยิบตุ๊กตาหมีตัวที่ใหญ่กว่าคอร์กี้นั่นเป็นสองเท่า ขนสีน้ำตาลๆเหมือนสีผมมัน แถมหน้ายิ้มๆ ซึ่งตอนเดินผ่านผมเลือกตัวนี้อย่างไม่ต้องคิดเลย! นี่มันไอหมีควายชัดๆ!

          "นี่ก็เหมือนยูเลย"

          มันชะงัก มองตุ๊กตาหมีในมือผมนิ่งก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น

          "That me?(นั่นฉันเหรอ?)"

          "อือฮึ นี่ไงตัวเป็นขนๆ เเถมตัวก็ใหญ่ หน้ายิ้มใจดีอีก นี่มันยูชัดๆ!"

          "อืม.."มันครางรับก่อนจะลูบคางตัวเองเหมือนกำลังใช้ความคิด มองหมีในมือผมนิ่งอย่างกับกำลังพิจรณาก่อนที่เอื้อมมือมาดึงหมีในมือผมออกไป

          "เห้ย!"

          "Then let get both of it.(เอามันทั้งสองตัวเลยละกัน)"

          พูดจบก็เดินไปยังเเคชเชียร์ ไม่ถามอะไรผมสักคำเเถมไม่มีเวลาให้ผมท้วงอะไรด้วยมันก็จัดการควักเงินจ่ายไปเรียบร้อยเเล้ว

          ไอบ้า!!! มันเป็นพันเลยนะ!!

          ผมอยากจะกระโดดงับหัวมันจริงๆ เงินเกือบสองพันหายไปในพริบตา ตุ๊กตาในห้างมันแพงจะตายไปไม่รู้ว่าตาบอดมองราคาผิดหรืออย่างไรถึงได้ตัดสินใจซื้อ

          แต่ท่าทางอิ่มเอิบใจหลังได้รับทั้งสองตัวนั้นมาเเล้วคงไม่ได้ดูผิดหรอก

          "ทำไมยูไม่เซฟมันนี่เลยวะ! มันเปลือง!"ผมพูดแกมตำหนิ ปกติผมไม่เคยตำหนิมันเลยนะ แต่ผมค่อนข้างเซนซิทีฟเรื่องการใช้เงินของตัวเอง คือไม่ได้ขี้เหนียวถ้าอยากยืมก็ยืมได้ ปกติเวลาเพื่อนใช้ซื้อของอะไรที่ฟุ้มเฟือยถึงผมจะขัดใจบ้างแต่ก็ไม่เคยว่ามันเพราะถือว่าตังก็ตังมัน แต่พอเห็นไอหมีควายใช้จ่ายอะไรง่ายๆผมก็ดันห่วงมันขึ้นมา ถ้ามันเป็นคนใช้เเบบไม่คิดถึงแม้มันจะรวยเเค่ไหนแต่ก็หมดได้ไง!

          "This your.(อ่ะ นี่ของนาย)"

          "เอ๊ะ"

          "Hug it when you miss me, It's look like me right?(เผื่อเวลาคิดถึงฉันจะได้เอาไว้กอดไง เหมือนฉันไม่ใช่เหรอ)"

          ผมรับถุงใบหนึ่งซึ่งพอเเง้มดูก็พบไอหมียิ้มตัวนั้น ก่อนจะเงยหน้ามามองมัน ขมวดคิ้วนิดๆ

          "แต่.."

          "conversely I'll keep the corgi. When I miss you I'll hug it instead.(กลับกันฉันจะเก็บคอร์กี้ไว้ เวลาฉันคิดถึงนายจะได้กอดมันเเทน)"มันว่าก่อนจะชูไอหมีเเคระเมื่อครู่ขึ้นมา

          ผมยังไม่ตอบอะไร ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้เลนเอ่ยปากบอก นิ้วก็ชีเไปยังหมานั่น

          "ถ้าอย่างนั้นเอ่อ...คอร์กี้ตัวนั้น I'll pay for it นะ"
     

          "You don't need to do that.(ไม่ต้องหรอก)"

          คำตอบที่ได้รับไม่ได้ต่างจากที่คาดคิดเสียเท่าไหร่ ปกติผมคงขี้เกียจจะดื้อดึงเเล้วยอมมันไป แต่ครั้งนี้ผมไม่ ถ้ามันบอกว่าเห็นไอหมาเเคระนั่นแล้วคิดถีงผม ผมก็อยากจะเป็นคนซื้อให้มัน อย่างน้อยก็เป็นของขวัญชิ้นเเรกตั้งเเต่ที่อยู่ด้วยกันมา

          "ไม่ได้! ถ้ายูอยากให้ไอเก็บไอหมีนี่ไว้ต้องให้ไอออกค่าหมาตัวนั้น ถือว่าซื้อให้ไง ยูให้ไอ ไอก็ให้ยู"

          "Okay okay I'm give up.(โอเคๆ ฉันยอมเเพ้เเล้ว)"พอเห็นผมดื้อดึงมันก็ยกมือขึ้นอย่างยอมเเพ้ ก่อนจะจัดการคืนเงินกันเสียตรงนั้น มะนก็ยอมรับไปอย่างไม่อิดออดคงจะสัมผัสได้ว่าครั้งนี้ผมไม่ยอม

          ผมกับไอหมีควายเดินเล่นมันมาซักพักใหญ่ในมือมือถุงตุ๊กตาคนละตัว จนกระทั่งเดินลงมาถึงชั้นล่างซึ่งมีงานสัตว์เลี้ยงที่พอเห็นปุ๊ปไอคนข้างๆก็ตาลุกวาวลากผมไปทันที ไม่รู้ว่าเลือดสัตวเเพทย์ในกายมันพลุ่งพล่านหรืออย่างไร

          คนตัวโตเดินไปดูนู่นนี่เรื่อยๆ ปากก็ขยับบอกตลอดว่าตัวนี้พันธุ์อะไร ทั้งปากก็ยิ้มตลอดเวลาอย่างมีความสุข ผมเองถึงไม่ได้มีความรู้เรื่องสัตว์อะไรพวกนี้แต่พอเห็นมันมีความสุขก็อดอมยิ้มตามไม่ได้

          อะไรทำให้มันชอบสัตว์ ไม่สิ รักสัตว์ได้มากขนาดนี้นะ

          ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้จริงๆ

          "อ่าว ออสติน"

          แต่เเล้วความสุขก็แทบจะจบลงทันทีเมื่อเสียงเรียกชื่อไอหมีควายดังมาจากทางด้านข้าง

          "Tee.."ไอหมีควายหันไปมองบุคคลมาใหม่ มันชะงักอย่างเห็นได้ชัดทั้งรอยยิ้มมีความสุขเมื่อครู่ค่อยๆเลือนหายกลายเป็นใบหน้าที่ฉายเเววตระหนกก่อนจะครางเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาเบาๆ ซึ่งผมก็สามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน

          ผมขมวดคิ้วสงสัยทันทีเมื่อชื่อที่ได้ยินนั่นเป็นชื่อผมไม่ผิดแน่แต่ตาของไอฝรั่งกลับไม่ได้โฟกัสมาที่ผมแต่กลับมองไปยังคนด้านหน้า

          ทำไมมันถึงเรียกพี่ตองว่าที?



-------------------
แต่งยังไม่จบ แต่ปกเสร็จแล้ว เย้  :hao5:
 









หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.31 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-09-2016 21:49:05
ห๊ะ

อย่าเพิ่งงงงงงงงง พี่ตองคะ พี่โผล่มาทำไม  :ling1: แล้วทำไมชื่อ Tee ??????????????????

 :katai1:

มันคาใจ นึกว่าจะได้นอนหลับฝันดี ฮ่วย
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.31 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 28-09-2016 22:39:23
อะไรยังไง
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.31 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 02-10-2016 11:32:05
คืออะไร???

อย่าบอกว่าแฟนเก่านะ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.32
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 03-10-2016 01:08:44
Chapter 32
| Ex


**ภาษาอังกฤษยังไม่ได้พรูฟนะคะ เดี๋ยวตามอีดิทให้ค่า**

และก็เนื่องจากเราแพลนที่จะรวมเล่มนิยายเรื่องนี้เลยอยากจะขอความร่วมมือจากเหล่านักอ่านที่สนใจหน่อยนะคะ รบกวนช่วยเข้าไปกรอกแบบสำรวจหน่อยค่ะ ข้าพเจ้าอยากรู้จำนวนคร่าวๆ;w;

จิ้มลิ้งนี้โลย >> https://docs.google.com/forms/d/1PsOp5y8id5Ywsao-ZRxwmyJfNHGJ_VfatvVRRHkZNXQ/viewform?edit_requested=true (https://docs.google.com/forms/d/1PsOp5y8id5Ywsao-ZRxwmyJfNHGJ_VfatvVRRHkZNXQ/viewform?edit_requested=true)

------------------------------------


          "อ่าว น้องธีร์ก็อยู่ด้วย จำพี่ได้ไหมครับ"พี่ตองที่หันสบตากับผมพอดีเอ่ยทัก และแน่นอนว่าผมจำได้ ผมเคยเจอพี่เขาครั้งหนึ่ง เป็นวันที่ไอหมีควายมันเมาเเละพี่เขานี่เเหละที่อยู่กับมันวันนั้นเเละช่วยผมแบกมันออกมา ดังนั้นผมจึงเผยยิ้มเเล้วตอบกลับ

          "อ่า...พี่ตองใช่ไหมครับ"

          "ใช่เเล้ว ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญมาเจอกัน"

          "อ่าครับ"ผมตอบรับเกาคอเเกรกๆอย่างไม่รู้จะเอามือตัวเองไปไว้ที่ไหน อยู่ก็รู้สึกมือมันเกะกะแปลกๆ ไม่สิ...

          ผมกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังเกะกะ ยิ่งพวกเขาเริ่มคุยกันด้วยเสียงหัวเราะคลอๆนั้นทำให้ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆแล้วยืนฟังแบบที่แปลไม่ค่อยออก

          "Tee, Did you know Tee before?(ที นายรู้จักทีด้วยเหรอ?)"

          "Don't call me Tee. It pronounces same as his name.(นี่อย่าเรียกฉันว่าทีสิ มันออกเสียงเหมือนกันไม่ใช่รึไง ชื่อฉันกับเขาน่ะ)"
         
          "อ่า คือ เอ่อ ทำไมเขาถึงเรียกพี่ตองว่าทีล่ะครับ"ผมอยากจะตบปากตัวเองซักครั้งที่จู่ๆก็พูดขัดกลางวงสนทานาจนทั้งพี่ตองเเละไอหมีควายหันมามอง

          พี่ตองยิ้มบางๆให้ พลันเกิดความคิดที่ว่าเป็นรอยยิ้มที่เหมือนกันจริงๆ...เหมือนกับไอหมีควาย

          "เรื่องนั้นเพราะชื่อพี่ฝรั่งมันออกเสียงยากน่ะ ตอนไปเรียนพี่เลยตัดปัญหาโดยการใช้ตัวอักษรเเรกของชื่อเเทนเลยกลายเป็นทีมาตั้งแต่นั้น"พี่เขาอธิบาย ซึ่งผมก็พยายามจะคิดตาม ก็อย่างที่พี่เขาพูดนั่นแหละไม่งั้นตองจะกลางเป็นทงไม่ก็ทองเเทนล่ะนะ

          "อ่อ"ผมพยักหน้าเข้าใจ

          "แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกัน ยังรัๆฟกสัตว์ไม่เปลี่ยนเลยนะเขาน่ะ"ครางนี้พี่แกหันมาคุยกับผมพยักเพยิดหน้าไปทาง'เขา'ที่ว่า ให้ไอหมีควายที่ยืนอยู่ด้วยทำหน้างงๆราวกับจะบอกว่าแปลให้กูฟังด้วย

          "เอ่อ...คือว่าพี่ตองเป็นเอ่อ..เพื่อนกับไอมะ..เขาหรอครับ"ผมเอ่ยถามสิ่งที่คาใจ ไม่รู้ทำไมพี่ตองก็เคยบอกไปแล้วหนหนึ่งแต่ปฏิกริยาตอนเเรกของไอหมีควายทำเอาผมใจหายวูบไปนิด ใจก็พาลอยากได้คำยืนยันขึ้นมา

          "เรียนด้วยกันสมัยไฮสกูลน่ะ รู้จักโคลด์ใช่ไหมเราน่ะ นั่นก็อีกคนในกลุ่ม"ร่างโปร่งก็ยังคงตอบคำถามได้อย่างไหลลื่นเป็นธรรมชาติ

          พี่ตองน่ะ ปกติ ธรรมชาติมากๆ แต่ผมนี่เกร็งจนไม่รู้จะเกร็งยังไงแล้ว ทั้งๆที่พี่ตองก็เป็นคนอัธยาศัยดี ผมเองก็มั่นใจว่าตัวเองเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ตอนนี้เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบอย่างเคอะๆเขินๆไป

          "Why do you come here?(แล้วมาทำไมที่นี่)"คนข้างกายถามขึ้นมาบ้าง สีหน้าผ่อนคลายลงจากตอนเเรกที่ทำเหมือนราวกับเห็นผี

          "Just go for a walk. So when I saw that it have pet festival then I miss the past . I don't think to see you here before.(มาเดินเล่นน่ะ พอเห็นมีงานสัตว์เลี้ยงเลยคิดถึงสมัยก่อน ไม่คิดว่าจะมาเจอจริงๆ)"

          "What a coincidence.(บังเอิญจังเลยเนอะ)"
         
          ทั้งสองคนยืนคุยด้วยกันอีกสองสามประโยคก่อนที่พี่ตองจะหันมาพูดกับผม

          "พี่ว่าพี่คงต้องไปก่อน เที่ยวต่อกันให้สนุกนะ น้องธีร์พี่เตือนไว้ก่อนเลยอย่าไปหลงเชื่อยิ้มใจดีมันเด็ดขาดเลย ไอนี่มันหมาป่าห่มหนังแกะยิ่งหน้าซื่อๆอย่างเราด้วย"

          "อ่า...ผมพอจะเข้าใจอยู่ครับ"

          ผมยิ้มรับคำเตือนนั่น ใจก็อยากพี่เขาเหลือเกินว่าไม่ทันเเล้ว พี่ตองกันไปกล่าวลาไอหมีควายอีกรอบแต่คราวนี้ทำเอาผมเบอกตากว้างอย่างตกใจ

          "โอ๊ะ!"

          เสียงอุทานจากหนุ่มไทยร่างโปร่งที่ศูนย์เสียการทรงตัวจนเกือบหน้าทิ่มดังออกมาเบาๆ ผมฉีกยิ้มแห้งมองมือตัวเองที่บัดนี้คว้าเเขนของไอหมีควายมากอดเเน่น แต่เมื่อกี้ไม่ใช่เเค่กอด แต่เป็นการกระชากแขนอีกคนมามากกว่า

          ก็ใครใช้ให้พี่ตองขยับไปจะหอมแก้มมันกันเล่า!

          "อ่า...พี่ขอโทษนะ พอดีพี่ชินน่ะ"พี่ตองยิ้มเเห้งๆเกาท้ายทอยแกรกๆ

          "เอ่อ..อ่า..คือผม...เอ่อ..."

          "ไม่เป็นไรๆ พี่เข้าใจๆ พี่ผิดเองเเหละ ฝากดูแลมันด้วยล่ะ ถึงตัวจะโตแต่บางมุมก็เด็กเกินคาดเลยนะ"

          พี่ตองทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะโบกมือหยอยๆแล้วเเยกตัวออกไปให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเเล้วหันมามองคนข้างกาย ก่อนจะพบคิ้วหนาที่กดลงนิดมองตามแผ่นหลังของคนที่เดินจากไปไม่กระพริบก่อนที่มันจะหันมาสบตากับผม
         
          หัวคิ้วทั้งสองค่อยๆคลายออก ยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยประกายวิบวับก่อนจะเอ่ยปากพูด
         
          "Did you jealous?(หึงฉันเหรอคอร์กี้)"

          "หะ หึง? บ้าเหรอ! ใครจะไปหึงกันเล่า noway อ่ะ!"

          "Hmm...but you are still holding my arm.(หืม แต่เเขนนี่เกาะไม่ปล่อยเลยนะ)"

          เวรกรรม!

          ผมรีบปล่อยมือออกจากเเขนมัน แต่มันไวกว่ารีบหนีบแขนผมไว้เเน่น เรียกได้ว่าล็อกเลยทีเดียว ผมเงยหน้าทำท่าจะร้องไห้ นี่ก็ยืนเป็นเป้าสายตาคนมานานเเล้วแต่คิดว่ามันเเคร์ไหม? ไม่ไงครับ ฉีกยิ้มอารมณ์ดีฮัมเพลงแล้วก็เดินเล่นต่อโดยการหนีบแขนผมไปด้วย

          พอมีใครมองมาแบบเปิดเผย มันก็จะหันไปบอกว่า

          "He is mine(คนนี้ของผมครับ)"

          ฟัคคคคค


---------------------------------


          "โอ้ย!! ฮ่าๆๆ! ผัวมึงเเม่งคนจริง!"ไอจีนที่บัดนี้นั่งหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลจนไหล่สั่น ตบโต๊ะปึงปังเหมือนคนบ้าจนคนที่ผ่านไปมาเเทบจะทุกคนต้องเหลียวมองมัน

          "ถ้ามึงจะพูดขนาดนี้มึงไปประกาศให้เขารู้กันทั้งมหาลัยเลยไหมล่ะสัส!"

          "ก็ดีนะ ผัวมึงคงดีใจ กูล่ะนับถือจริงๆ ฮ่าๆ"

          ไอจีนยังคงหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจหลังจากที่ผมเล่าเรื่องราวของอาทิตย์ที่ผ่านมาจากการที่มันพาไปเลี้ยงข้าวไถ่โทษกลายเป็นเหมือนผมถูกทำโทษเเทนซะอย่างนั้น ไม่รู้ว่าการกระทำเเบบไอหมีควายมันน่านับถือตรงไหน ดูถูกอกถูกใจไอจีนมันจริงๆ

          "ท่าทางจะหวงมึงสุดๆเลยนะ เล่นป่าวประกาศเท่าที่ทำได้ ถ้าทำป้ายเเปะไว้บนตัวมึงได้มันคงทไปเเล้วมั้ง"ไอจีนว่าให้ผมถอนหายใจหนักๆก่อนจะพูดขึ้น

          "ก็นั่นสิ กูว่าบางทีก็เยอะเกินไป"

          "ยังไงวะ?"ไอจีนถาม

          "ก็แบบบางทีกูก็ไม่ได้หน้าหนาขนาดนั้นไง อาจจะเป็นเพราะกูไม่ใช่คนที่ชอบแสดงความเป็นเจ้าของคนอื่นล่ะมั้ง เลยรู้สึกว่าคบกันเงียบๆก็ได้"ผมว่าไปตามที่คิด อันที่จริงผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับอาการหวงเกินหน้าเกินตาของมันหรอก แต่พอเยอะๆเข้าผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ คือบางคนที่มึงเเค่เดอนผ่านก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกเขาก็ได้มั้ง

          ถึงผมจะเขินทุกครั้งกับการกระทำของมันก็เถอะ

          "แล้วมึงรู้สึกแย่รึเปล่าล่ะ"คราวนี้ไอแต็กถามขึ้นมา ให้ผมขมวดคิ้วนิดคิดตาม

          "ก็ไม่นะ จะว่าไงดี คือก็ไม่ได้รู้สึกแย่ ออกจะรู้สึกเขินๆแปลกๆมากกว่า"ผมตอบเเบบมั่นใจ ไอความรู้สึกแย่นี่ไม่ใช่เลย แต่บอกไม่ถูกว่ะ ก็ดี แต่บางทีก็เยอะไปอย่างที่ผมพูดไป

          "ก็นั่นไง ถ้ามึงโอเคก็ไม่เห็นเป็นไร ยิ่งเขาหวงมึงมากเท่าไหร่ก็แปลว่าเขารักมึงมากนะนั่น"ไอจีนว่า ผมจึงถอนหายใจออกมานิดก่อนจะไหลตัวลงบนโต๊ะใช้เเขนตัวเองเเทนหมอน หยิบโทรศัพท์เครื่องเก่งที่เดี๋ยวนี้ชักจะติดมันขึ้นมาดูหน้าจอมืดๆที่ไร้การเเจ้งเตือนจากใคร

          "ไม่รู้ว่ะ"ผมตอบอย่างจนปัญญา

          "แต่ถ้ามึงไม่ชอบ มึงก็ควรบอกเขาไปตรงๆนะ"ไอแต็กพูดขึ้น ซึ่งอันนี้ผมก็เห็นด้วย แต่เอาเข้าจริงเวลาผมจะคุยเรื่องจริงจังกับมันทีไรไอหมีควายเเม่งชอบพาออกนอกทะเลทุกที! และพอพาเข้าเรื่องได้ทีไรแม่งก็จะจบโดยที่มันเป็นฝ่ายชนะ! หากจำไม่ได้จงย้อนไปดูตอนที่ผมขอให้มันเลิกเอารูปผมลงไอจีซะ!

          "ก็อย่างที่บอกว่าไม่เชิงว่าไม่ชอบ แต่บางทีมันก็เยอะไป...โอ้ย! บอกไม่ถูกว่ะ"ผมจนปัญญาที่จะอธิบาย ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกผมตอนนี้หรอก เอาเข้าจริงตัวผมเองยังไม่เข้าใจเลยนับภาษาอะไรกับคนอื่น ถ้าถามว่าจอนนี้มีความสุขไหม ผมตอบเต็มปากเลยว่ามี ค่อนข้างมากด้วยแต่ในความสุขนั้นผมยังรู้สึกว่ามันไม่สุดว่ะ..

          เหมือนมันชัดเจนแต่ก็ไม่ชัดเจน...

          "เปลี่ยนเรื่องๆ"

          แต่ยังไม่ทันที่ผมหรือไอจีนจะได้อ้าปากขึ้นหัวข้อสนทนาใหม่ ไอคนที่ฟุบหลับมาตลอดก็ฟื้นคืนชีพมันเงยหน้าขึ้นมาหาวหวอนใหญ่เเล้วเรียกชื่อรูมเมทด้วยเสียงง่วงๆเนือยๆของมัน

          "จีน"

          ไอจีนชะงักปากที่กำลังจะโม้ต่อ ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ

          "ป่านนี้เเล้วหรือวะ"

          มันพึมพำก่อนจะเริ่มเก็บของอันน้อยนิด ที่จริงตอนเเรกก็กะจะติวกันเสียเล็กน้อยเเต่พอเปิดวงสนทนามันก็ไปไกลจนบรรดาชีทเรียนเเละเลคเชอร์ที่นำมากองเรียงกันไว้เป็นม่ายไปโดยปริยาย ทั้งมันยังเผื่อแผ่ไปเก็บของไอพุให้อีกด้วย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าไอพุจะเอาออกมาทำไมเพราะพอมันหยิบออกมาวางปุ๊ปมันก็ฟุบนอนปั๊ป

          "เออมึง พวกกูไปก่อนนะ"ไอจีนบอกในขณะที่คว้าประเป๋ามาสะพาย ส่วนไอพุก็นั่งบิดขี้เกียจ ก่อนจะพากันไปอีกทาง

          "เออๆ อย่ากัดกันตายก่อนถึงหอล่ะ"ไอแต็กพูดไล่หลังพวกมันไป ซึ่งคราวนี้ได้รับนิ้วกลางงามๆเป็นสิ่งตอบแทนจากเพื่อนพุ ผมกับไอแต็กหัวเราะเล็กน้อยกับท่าทีของพวกมัน บางวันก็ดีกันบางวันก็ตีกันจริงๆ

          พอสองเกลอนั่นจากไป ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง ปรายตามองท้องฟ้าที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีแสด ในขณะที่โทรศัพท์ก็ยังคงนิ่งเงียบหลังจากที่คนที่บอกว่าจะมารับไลน์มาบอกว่าวันนี้จะมาเลทนิดหน่อย...จากตอนนั้นก็เกือบๆสองชั่วโมงได้แล้ว...

          นี่เรียกนิดหน่อยของมันใช่ไหม?
     
          แต่ก็นั้นเเหละมันอาจจะรถติดหรืออะไรก็ได้ ดังนั้นผมไม่โทรจิกหรอก มันบอกจะมาเดี๋ยวมันก็มา

          "มึงจะกลับกี่โมงวะไอแต็ก"ผมหันมาสนใจเพื่อนตัวเล็กที่เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวที่ยังอยู่กับผม เพื่อนเพียงคนเดียวที่เเเม่งมาอ่านหนังสือจริงๆไม่ใช่มาเฮฮาปาร์ตี้แบบผม

          "มึงกลับเมื่อไหร่กูก็กลับเมื่อนั้นแหละ"

          "เห้ย ไม่ต้องๆ มึงกลับไปก่อนก็ได้เดี๋ยวไอหมีควายก็มาเเล้ว"

          "ไม่เอาอ่ะ กูไม่อยากทิ้งมึงไว้คนเดียว"มันว่าง่ายๆในขณะที่มือก็กำลังสรุปเนื้อหาที่เรียนมาอย่างขมักเขม้น คำตอบมันนี่ทำเอาผมน้ำตาเเทบไหล

          "ถ้ามีรางวัลเพื่อนดีเด่นกูจะมอบให้มึงเลยกลองเเต็ก"อันนี้ผมจริงจัง ถ้ามีเงินผมจะไปโล่พร้อมเหรียญให้มันแบบไม่ลังเลเลย ขนาดสรุปที่มันทำอยู่ก็ไม่ใช่เพื่อตัวมันเเต่เพื่อสัมภเวสีผู้ซึ่งเข้าใจอะไรยากๆอย่างพวกผมนี่ไง

          "มึงก็พูดเว่อร์ไป"

          "นี่กูจริงจัง"

          มันหัวเราะเบาๆกับคำพูดผม ผมเองก็ยิ้มหน่อยๆก่อนจะหันมาสนใจโทรศัพท์ในมืออีกรอบไม่รบกวนมันอีก ฝห้มันได้สรุปไปอย่างสงบสุขเพราะถ้าสรุปผิดเมื่อไหร่คนซวยก็คือผม...

          "เอ่อ..ไอธีร์มึงเคยได้ยินเรื่องเเฟนเก่าของไอฝรั่งมาบ้างป่ะ"

          กึก

          ผมชะงักมือที่กำลังสไลด์โทรศัพท์ทันที เงยหน้ามองเพื่อนดีเด่นที่ตอนนี้วางปากกาลงเเล้ว ทำท่าลังเลเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะพูดดีหรือไม่

          "มะ...ไม่นะ ไม่เคยได้ยินเลย"ผมส่ายหัว อันที่จริงผมแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยต่างหาก...

          "กูว่ามึงไม่รู้น่ะดีเเล้ว เดี๋ยวเก็บไปคิดมากอีก"

          "เห้ย! ไม่เป็นไรๆ กูฟังได้ๆ กูไม่คิดมากหรอก กูเข้าใจหน่า"ผมรีบโพล่งออกมา ฉีกยิ้มกว้างยืนยันหากแต่เเท้จริงเเล้วรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว หัวใจเต้นเเรงขึ้นลุ้นกับสิ่งที่เพื่อนกำลังจะพูดออกมา

          "ถ้างั้นมึงอย่าเอาไปพูดกับแฟนมึงนะ เดี๋ยวผิดใจกัน"

          "โอเคๆ กูเข้าใจ"

          "คือ...กูได้ยินมาว่าแฟนเก่าของเขาเป็นคนไทย แต่เรียนด้วยกันตั้งแต่ไฮสคูลก่อนจะเเยกกันไปตอนมหาลับเพราะคนๆนั้นกลับมาเรียนมหาลัยที่ไทย"กลองเเต็กมองมาที่เขานิ่งด้วยความจริงจังไร้สีหน้าล้อเล้นหรือมีพิรุธแต่อย่างใด ซึ่งนั่นทำให้ผมกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ ลางสังหรณ์บางอย่างก่อเกิดขึ้นทันทีที่ได้ยินเพราะเรื่องราวมันค่อนข้างคุ้นหูเหมือนเพิ่งได้ยินมาไม่นานมานี้

          "มึงลองไปดูในไอจีไอฝรั่งก็ได้ รูปเก่าๆน่ะ"

           ในไอจี?

          "แล้วก็กูได้ยินมาว่าแฟนเก่าเขาชื่อทีเหมือนมึง"


 
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.32 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-10-2016 07:21:36
หวังว่านุ้งธีร์จะไม่มาม่าเรื่องตองอ่ะนะ ><

แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าออสตินเมาเหล้าเพราะเรื่องอะไร??
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.33
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 03-10-2016 15:15:21
Chapter 33
| Reason


          เหมือนมีระเบิดขนาดย่อมระเบิดอยู่ในหัวผม สมองผมตื้อไปชั่วขณะ ยามที่ได้ยินเรื่องราวที่ไอกลองเเต็กพูดออกมาพลันคำพูดของไอหมีควายหวนหลับเข้าในหัว
 
          'Actually,I come here to see my first love.(ที่จริงเเล้ว ฉันมาที่นี่เพื่อมาหารักแรกของฉัน)'
 
          รักแรก...พี่ตองหรือวะ
 
          ผมพยายามคิดในแง่ดีว่าอาจจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง แต่เหตุการณ์มันลงล็อกเกินไปจนผมไม่อาจหาข้ออ้างอะไรมาบอกให้ตัวเองสบายใจได้อีก เมื่อก่อนหน้านี้ก็เริ่มสงสัยอยู่ก่อนพอไอแต็กพูดขึ้นมายิ่งกลายเป็นการจุดประเด็นขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
 
          "ไอธีร์...ไอธีร์ มึงโอเคป่ะเนี่ย"
 
          "ห้ะๆ อ่อ เออ กูโอเคดี เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ พอดีนึกได้ว่ามีธุระอ่ะ แหะๆ"ผมสะดุ้งหลุดจากภวังค์หันหน้าเหวอๆไปขานรับเพื่อนรักที่โบกมือไปมาอยู่ตรงหน้า ก่อนจะบอกมันด้วยน้ำเสียงที่บอกได้เลยว่าสั่นสุดๆ
 
          "แต่มึงดู.."
 
          "กูโอเคจริงๆเว้ย! มึงไม่ต้องห่วงนะ"ผมฉีกยิ้มโง่ๆให้มันไปทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผมมันคนโกหกไม่เก่ง
 
          แต่ยังไงผมไม่อยากให้มันคิดว่ามันเป็นต้นเหตุให้ผมคิดมาก
 
          ไอกลองเเต็กทำหน้ายุ่งทำท่าเหมือนจะพูดอะไรอีกแต่ผมรีบหยิบกระเป๋าสะพายบ่า ยันตัวขึ้นยืนเเล้วโบกมือลามันนิดก่อนจะก้าวเท้ายาวๆพาตัวเองออกมา
 
          ความคิดในหัวตีกันยุ่งจนบอกออกมาเป็นความรู้สึกไม่ได้เลย เศร้า? โกรธ? ผิดหวัง? สงสัย? ผมบอกไม่ได้จริงๆว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไงหรืออาจจะทั้งหมดนั่นเลยก็ได้
 
          "ไม่ๆ มึงอย่าคิดไปเองสิไอธีร์"
 
          ผมส่ายหัวเเรงๆไล่ความคิดที่เข้ามาในหัว ดึงเอาข้อดีเรื่องการมองโลกในเชิงบวกของตัวเองมาใช้ มึงต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อนสิไอธีร์..มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้...
 
          ติ้ง!
 
          เสียงข้อความดังขึ้นจากโทรศัพท์ที่ถูกกำไว้แน่น ผมยกขึ้นมาดูก่อนจะพบข้อความจากคนที่ผมนั่งรอมาหลายชั่วโมง
 
          'Sorry.There is a traffic jam. Can you wait?(ขอโทษนะ รถติดมากเลย รอไหวรึเปล่า)'
 
          'I can wait.(รอได้ๆ)'
 
          ผมตอบกลับไปก่อนจะถอนหายใจ พอคิดดูอีกทีไม่ว่าอดีตจะเป็นยังไงแต่ปัจจุบันมันยังอยู่กับผมก็ดีแล้ว ตอนนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้วด้วยไม่รู้จะคิดมากไปทำไม
 
          ใช่เเล้วไอธีร์ แค่มีตอนนี้แฮปปี้ก็พอเเล้ว
 
          ซู่...
 
          เหมือนโชคจะไม่ค่อยเข้าข้างเสียเท่าไหร่ ไม่กี่นาทีต่อมาฝนห่าใหญ่ก็ซัดซู่ลงมาจนวิ่งหาที่ร่ม แต่เนื่องจากตอนที่เเยกกับไอกลองเเต็กผมก็เดินมาเรื่อยๆจนตอนนี้เดินมาถึงตึกคณะอะไรก็ไม่รู้ เสื้อเชิร์ตนี่เปียกลู่ลงมาเเนบตัว แต่อย่าคิดเลยว่าจะได้เห็นเรือนร่างอันเซ็กซี่ของผมเพราะผมใส่เสื้อกล้ามมาอีกชั้น ฮ่าๆ
 
          ผมก้มมองเวลาที่ผ่านพ้นไปเรื่อยๆจนตอนนี้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทมีเพียงเเสงไฟดวงเล็กๆตามทางเดินเท่านั้น นักศึกษาก็บางตาลงทุกทีเหลือเพียงกลุ่มเล็กๆประปรายที่นั่งทำงานไม่ก็ติดฝนแบบผม แต่ก็ยังไร้วี่เเววของคนมารับ
 
          หรือว่าควรกลับเองเเล้วไลน์บอกมันดีกว่าวะ ตอนนี้ชักเริ่มหนาวๆเเล้วด้วย
 
          ผมคิดทบทวนอีกทีก่อนจะเลือกกลับเอง ยิ่งฝนตกรถยิ่งติดเลย ไม่รู้ว่ามันไปทำธุระถึงที่ไหนเพราะถ้าเเถวคอนโดโดยปกติอย่างมากก็ชั่วโมงเดียว
 
          คิดเเล้วใจก็พาลก่อเหี่ยว ผมนี่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมันซักอย่าง
 
          ผมมองซ้ายขวา ไม่คิดจะรอไปมากกว่านี้ กอดกระเป๋าไว้มั่นเพื่อความชัวร์ว่าชีทเรียนจะไม่เสียหาย ก่อนจะพุ่งทะยานวิ่งดิ่งไปหาหลังคาทางเดินที่ทำเชื่อมไปถึงหน้ามหาลัยซึ่งหลังคาเล็กๆนั้นก็ไม่ได้ช่วยบังอะไรเท่าไหร่หรอกครับ เพราะพอฝนตกหนักมาก็พัดเข้ามาใส่อยู่ดี
 
          อีกนิดเดียวก็ถึงเเล้วโว้ย
 
          ผมตะโกนลั่นในใจ เห็นป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกล อีกแปปก็จะได้กลับบ้านอาบน้ำแล้ว แม่ง! ตอนนี้โคตรหนาว!
 
          "ธีร์!!!!!!!!!!!"
 
          ขวับ
 
          หมับ!
 
          "Oh my god. You're here. You are here.(โอ้พระเจ้า นายอยู่นี่ นายอยู่นี่นี่เอง)"ร่างสูงใหญ่ที่คว้าผมเข้าไปกอดแน่นจนหายใจแทบไม่ออกพูดเสียงพึมพำเหมือนย้ำกับตัวเองปนความโล่งอก
 
          "ดะ เดี๋ยว ไอหมีควาย?"ผมเหวอเรียกชื่อมันเบาๆอย่างงงงวย เดี๋ยวนะ มันโผล่มาจากไหน ทั้งยังวิ่งฝ่าฝนมาอีกแล้วไหจะรถล่ะ
 
          "Sorry..Sorry for being late but next time promise me to not go out alone like this again. Don't lose connect with me like this, please.(ขอโทษที่มาเลท ขอโทษนะ แต่วันหลังห้ามออกมาคนเดียวเเบบนี้อีกได้ไหม อย่าขาดการติดต่อไปแบบนี้ได้ไหม ขอร้องล่ะ)"
 
          "เอ๊ะ? ขาดการติดต่อ?"
 
          ทันใดนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าเเบตไม่หมดอย่างที่คิดหากแต่ไม่มีสัญญาณ...
 
          "I was find you all university. When I arrive at the building that you studied at but I find nobody.plus,It have a heavy rain and it dark already. I used to told you that I very very worry about you. If somethings happen with you...(ฉันตามหานานไปทั่ว พอไปถึงหน้าคณะนายก็ไม่เจอใคร เเถมฝนยังตกหนัก ท้องฟ้าก็มืดเเล้วด้วย แถมนายบอกว่าจะรอ เคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าเป็นห่วง ถ้า..ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายจะทำยังไง)"
 
          "..."
 
          "If somethings happen...What should I do?(ถ้าเกิดอะไรขึ้น...ฉันจะทำยังไง)"
 
          เดี๋ยวนะ!! มันร้องไห้!!
 
          "เฮ้ยู! เป็นอะไร! โอเครึเปล่า!"
 
          "Please Don't make me worry about you like this . Please I don't want to lose anything again.(ขอร้องล่ะ อย่าทำให้เป็นห่วงเเบบนี้ได้ไหม ขอร้อง ไม่..ไม่อยากจะเสียอะไรอีกแล้ว)"
 
          ณ ตอนนี้ อารมณ์วิตกกังวลใดๆก่อนหน้านี้ของผมมลายหายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน ผมที่อึ้งหรือเรียกได้ว่าช็อคเลยเถอะที่จู่ๆมันก็พุ่งมาจากไหนไม่รู้เเถมยังพูดรัวๆออกมาเเข่งกับเสียงสายฝนแต่อะไรก็ไม่น่าตกใจเท่าที่มั่นพูดไปร้องไห้ไปหรอก! ถึงเเม้ผมจะสัมผัสไม่ได้ถึงน้ำตาเพราะตอนนี้เราอยู่กลางสายฝนแต่เสียงที่สั่นเหมือนกลัวว่าอะไรบางอย่างจะหายไปก็ทำเอาผมใจหายวูบ จนต้องยกมือขึ้นกอดตอบเเล้วลูบหลังมันเบาๆแล้วกระซิบบอก
 
          "I'm fine. I'm here นะ(ผมสบายดี ยังอยู่ตรงนี้)"

ต่อ

               ซึ่งมันก็กระชับกอดผมแน่นขึ้นซบหน้าลงบนหัวผมซักพักใหญ่ๆถึงจะผละออกมาด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นรอยยิ้มของมันกลับมาเเล้วก่อนที่จะลากผมไปอีกทาง ซึ่งพอถึงก็เห็นรถสปอร์ตคันหรูที่จอดค้างไว้หน้าคณะผม

               "Hey. Can I ask umm..why you are so worry like this อ่ะ (นี่ ถามได้ไหมว่าทำไมถึงเป็นห่วงอะไรขนาดนั้น)"

               พอย้ายตัวเข้ามานั่งบนรถผมก็เอ่ยปากถามในขณะที่มนกำลังเลื่อนมือไปเบาเเอร์ มันชะงักเล็กน้อยกับคำถามของผมก่อนจะยิ้มออกมาเศร้าๆ

               ที่จริงผมก็สงสัยมาตั้งแต่รอบที่เเล้วที่ผมกลับดึกกับพี่เรน  แล้วว่ามันจะโอเว่อร์อะไรขนาดนั้น แต่พอเห็นวันนี้ผมว่ามันหนักว่ะ มันไม่น่าใช่นิสัยของคนโอเว่อร์เเอคติ้งเฉยๆเเล้วเพราะกับเรื่องอื่นมันก็ไม่เห็นโอเวอร์

               "Why do you ask that?(ทำไมถึงถามล่ะ)"

               "I want to know your story more. (ก็อยากจะรู้เรื่องราวของมึงให้มากกว่านี้)"ผมตอบเสียงอ้อมเเอ้ม ซึ่งพอมันได้ยินก็หันมาเลิกคิ้วสงสัยนิดๆก่อนจะพูดขึ้น

               "In fact,I never tell you about my story but you are also never tell me,Corgi.(จะว่าไปฉันก็เเทบไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังเลยนี่เนอะ แต่นายก็เเทบไม่ได้เล่าเหมือนกันนะคอร์กี้)"

               "งั้นยูตอบก่อน เเล้วเดี๋ยวไอให้ถามโอเคไหม เเฟร์ๆ"

               มันพยักหน้าคิดตาม มันเงียบไปซักพักก่อนจะเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนปกติ

               "When I was eleven. My mom decided to live separate with my dad. But because they have three kids then my mom choose my brother and sister to go with her and let me live with dad.  (ตอนฉันอายุสิบเอ็ด แม่ฉันตัดสินใจแยกกันอยู่กับพ่อ แต่ด้วยความที่มีลูกสามคนเลยต้องแบ่งกันเลี้ยง แม่ฉันตัดสินใจรับพี่ชายคนโตและน้องสาวคนเล็กไป ทิ้งฉันให้อยู่กับพ่อ)"

               "..."

               "But my dad is a bit extremists and that is reason why mom decided to leave. In that moment I asked myself everyday why only me that mom leave me alone. But I still have a hope because before she leave she told me to wait for her to pick me up. (แต่พ่อฉันค่อนข้างหัวรุนเเรงนั้นแหละที่ทำให้เเม่ตัดสินใจหย่า ตอนนั้นฉันตัดพ้อกับตัวเองทุกวันเลยล่ะว่าทำไมแม่ถึงไม่เลือกฉันเเค่คนเดียว แต่ฉันก็ยังมีความหวังนะ เพราะว่าเเม่เป็นคนที่ใจดีมากๆและก่อนไปเธอก็บอกให้ฉันคอยอีกไม่นานจะมารับไปอยู่ด้วย)"มันเว้นช่วงหันมามองหน้าผมที่จ้องหน้ามันไม่กระพริบอยู่ก่อนนิดก่อนจะเผยยิ้มบางๆที่แฝงความเศร้าสร้อยไม่มากก็น้อย

               "And next a few months she came. But she came for leave my sister because she have to go for aboard and my sister is still very young then it hard to keep take care of her.and that is my first loss.(ก่อนที่ไม่กี่เดือนถัดมาเธอก็มา หากแต่นำน้องสาวคนเล็กมาฝากเลี้ยงเพราะเธอต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ตอนนั้นน้องอายุยังไม่ถึงสิบปีเลยเอาไปด้วยลำบาก และนั่นเเหละการสูญเสียครั้งแรกของฉัน)"

               ..!!

               "Mom who told that after one week she would came to pick my sister back but she is lost for more two week by no any contact. Until one day ,Have someone came to my house and told we that mom has passed away since the first day that she go there.(แม่ที่บอกว่าอีกหนึ่งสัปดาห์จะมารับน้องกลับกลับหายไปนานกว่าสองอาทิตย์โดยไร้ข่าวคราว จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีคนมาหาที่บ้าน เขามาเเจ้งข่าวว่าเเม่ของฉันเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในต่างประเทศตั้งแต่วันเเรกที่ไปที่นั่น)"

               "นั่นมัน.."

               "Then after that about one year my sister have an accident.(และหลังจากนั้นไม่ถึงปีน้องสาวฉันก็ประสบอุบัติเหตุเหมือนกัน)"

               "เอ่อ คือขอโทษที่ถามนะ ไม่คิดว่ามันจะ..เอ่อ...เป็นเรื่องละเอียดอ่อนขนาดนี้"ผมรีบละลักละล่ำบอก ไม่คิดว่าจะไปเเตะโดนจุดที่ไม่ควรเเตะของคนอื่นเข้า

               "It's fine. It happen for a long time. We arrive.(ไม่เป็นไรหรอก มันก็นานมามากแล้ว  อ่ะ ถึงเเล้ว)"เหมือนมันเห็นผมหน้าเสียไปเลยยิ้มไม่ถือสา ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าที่จอดรถของคอนโด

               ผมก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของมันมากหรอกแต่เรื่องเเบบนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างที่ผมพูดไป ถ้าไม่ใช่เขาคนนั้นก็ไม่มีทางเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องพบเจอหรอก ขนาดผมฟังที่มันเล่ายังใจหายเลย และผมว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ ขนาดนี่มันไม่ลงรายละเอียดผมยังหดหู่เเทนเลยถ้าไปเจออะไรเเบบนั้นบ่อยๆไม่แปลกที่มันจะกลายเป็นคนที่มองขี้ห่วงและกลัวการสูญเสียขนาดนี้

               มันคงคิดเสมอว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้

               แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ผมก็คงถามอยู่ดี พอมันเล่าเรื่องเเบบนี้ให้ผมฟังใจเหี่ยวๆก็ฟูขึ้นมาทันที เหมือนเรื่องเเบบนี้มีผมคนเดียวที่มันยอมเล่า เหมือนผมได้เข้าใกล้มันเข้าไปอีกนิด

               "นี่ เอ่อ thank you for telling me นะ"

               "Don't say thanks to me. It's normal for a lover,isn't it?(ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันก็เป็นเรื่องปกติของคนเป็นแฟนกันหนิ ใช่ไหม? )"มันยิ้มหยอกขยี้หัวผมเบาๆ ใบหน้าไม่ได้เศร้าหมองอย่างที่คิด

               ผมเดินตามขึ้นมาจนถึงห้อง ไอเตอร์ผงกหัวมามองนิดก่อนจะก้มหลับต่อ ซึ่งผมก็เริ่มชินกับความหยิ่งนี้ของมันเเล้ว เเหม ทีตอนเเรกๆนะอ้อนได้อ้อนดี

               "Go shower first before you get sick again(ไปอาบน้ำก่อนเลย เดี๋ยวไม่สบายอีก)"

               "ยูก็ด้วย"

               "You first.(นายก่อนเลย)"

               ผมก็ไม่ขัดศรัทธาคว้าข้าวของที่จำเป็นก่อนพุ่งเข้าห้องน้ำ อาบน้ำสระผมไม่ถึงสิบนาทีก็ออกเพราะกลัวใครอีกคนที่นั่งตากแอร์จะปอดบวมซะก่อน ซึ่งพอมันเห็นผมออกมาก็ไม่อิดออดเดินเข้าไปอาบบ้าง

               ผมมานั่งจุ้มปุ้กที่โซฟาตัวเดิม เปิดทีวีหาอะไรมานั่งกินเพลินๆตามปกติ พอมองนาฬิกาก็พบว่านี่จะสามทุ่มเเล้วพรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้าเสียด้วย

               ฟุบ

               "อ่ะ"

               ผมส่งเสียงออกมาเบาๆอย่างตกใจเมื่อมีอะไรบางอย่างมาสัมผัสตรงหัวพร้อมกับเเรงขยี้ไม่เเรงนักสลับกับนวดเบาๆ ซึ่งไม่ต้องคิดอะไรมากเลยก็ไอคนหมีควายนั่นแหละ

               "อืมม" ผมส่งเสียงครางในบำคออย่างพอใจ มือมันมือเดียวนี้วางเต็มหัวผมเลยเเหะ ไม่คิดเลยว่ามือใหญ่ๆหยาบๆมันจะเบาขนาดนี้ นวดเพลินมากอ่ะ

               "You are look like Ter when I do this for it.(เคลิ้มเหมือนไอเตอร์เลย)"

               กึก

               กูจะหยุดเคลิ้มก็เพราะมึงเนี่ยเเหละ

               "Just kidding (ล้อเล่น)"มันว่ากลั้วหัวเราะก่อนจะบรรจงเช็ดผมให้ผมต่อ เช็ดไปๆมาๆผมก็เคลิ้มๆจนเกือบหลับถ้าไม่ติดว่ามันหยุดมือพอดี

               "It's already dry. If you sleepy then go to bed.(แห้งเเล้ว ถ้าง่วงก็ไปนอนเถอะ)"มันว่าเเล้วลูบหัวผมเบาๆ ยิ้มบางๆให้อย่างเคย ให้ผมยิ้มกลับเเล้วกวักมือเรียกมันมาใกล้ๆก่อนจะกดให้มันนั่งลงด้านหน้าโซฟาอยู่ระหว่างขาผม

               "แลกกัน"

               ผมลงมือคว้าผ้าเช็ดผมที่มันคล้องไว้ตรงคอบรรจงซับน้ำออกจากผมสีน้ำตาลของมันอย่างเบามือ ซึ่งมันเองก็เคลิ้มไม่ต่างจากผมเมื่อกี้หรอก พอเช็ดไปเรื่อยๆมันก็หลังตาพริ้มหน้านี่มีความสุขเชียว

               "Corgi. You owe me one question.(คอร์กี้ นายติดฉันไว้คำถามนึงนะ)"จู่ๆมันก็เปิดปากขึ้นให้ผมที่กำลังตั้งใจเช็ดผมให้มันคิดตามก่อนจะนึกออก

               "หือ? อ่อ ถามมาดิ พร้อมตอบเสมอ"

               "Do you love me?(รักฉันไหม)"

               "แค่กๆๆ"

               "What's wrong? Did you say you're ready to answer ?(เป็นไรไป พร้อมตอบไม่ใช่เหรอ)"มันเงยหน้าขึ้นมาเมื่อผมหยุดมือที่กำลังเช็ด

               ไอบ้า!! ใครใช้ให้มึงถามอะไรเเบบนี้เล่า!!

               "กะ ก็ใช้แต่ยูมาถามตรงๆขนาดนี้ มันก็แบบ.."ผมตอบอย่างตะกุกตะกัก หลบสายตาเเพรวพราวที่มองมาทันที

               "And your answer?(แล้วคำตอบล่ะ)"

               "อะ..อืม"

               "I can't hear.(ไม่ได้ยินเลย)"

               "อืม"
     

               "What?(อะไรนะ?)"

               "ก็บอกว่ารักไงเล่า!"

               วะ...เวร

               ผมชะงักเมื่อหลุดปากออกไปเสียงดัง ก้มลงมองคนที่เงยหน้ามองอยู่ก่อนที่ตอนนี้ยิ้มเผล่จนตาเป็นสระอิ แต่ก่อนที่จะได้เสตาหลบเพราะความร้อนบนใบหน้านี่เเทบจะระเบิดเเล้วคนที่นั่งอยู่กลับเอื้อมเเขนมันจับหน้าผมไว้ก่อน

               "Good boy. Let me give you a prize.(เด็กดี ไหนๆมารับรางวัลสิ)"มันว่าก่อนจะเขยิบตัวขึ้นมาในขณะที่มือก็ล็อกคอผมไว้ให้โน้มลงมาเช่นกันซึ่งผมก็ไม่ขัดขืนปล่อยให้มันขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ หลับตารอสัมผัสที่ประทับลงมาอย่าเเผ่วเบา

               จุ๊บ

               "Me too."

               พร้อมกับรอยยิ้มที่ผมชอบที่สุด



หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.33 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-10-2016 15:23:11
 :ling1:

อืมมมมมมมมมมมม

งี้เรื่องพี่ตองก็รอดพ้นไปเนอะ คิดเอาเองละกัลว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่ :D (คนอ่านช่างมโน  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:)
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.33 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 03-10-2016 21:17:08
กังวลเรื่อง ex ของพี่ฝรั่งจัง  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ปล. แนะนำให้ใส่วันเดือนปีที่ลงนิยาย ตรงชื่อเรื่องด้วยน้าาาาา
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.33 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 04-10-2016 00:02:16
นึกว่าจะดราม่าซะละ,,,
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.34
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 04-10-2016 19:01:56
Chapter 34
| Escalate story



          "โอโห มาครบกลุ่มเลยนะเนี่ย โคตรอิมพอสสิเบิล"

          "เดี๋ยวนี้มีผัวฝรั่งเเล้วอินเตอร์นะมึง"

          กึก

          ผมชะงักปากที่กำลังจะพูดต่อเลย ไอสัสพุก็ขยันขัดผมจริง อุส่าห์อารมณ์ดีเนื่องด้วยไอแต็กเอ่ยปากชวนมาดูหนังที่เคยแห้วกันไปหลายรอบ และในครั้งนี้! พวกเราสี่สหายก็มากันครบ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสี่ปีครั้งเท่านั้น!

          "มึงก็ขยันเเซวมันนะไอพุ ดูแลผัวมึงนู่นมัวเเต่เต๊าะพนักงานขายตั๋ว"

          "สัส"ไอพุด่าพร้อมยกนิ้วกลางงามๆให้ไอแต็ก ผมนี่หัวเราะชอบใจหันไปแท็กมือไอแต็กที่ตอบโต้เเทน แต่มันด่าเเค่นั้นก่อนจะเดินไปหาไอจีนที่ไม่รู้ไปซื้อตั๋วที่ดาวอังคารหรืออย่างไร พอเดินไปถึงก็เห็นไอพุมันตบหัวไอจีนซะหน้ามันเกือบกระเเทกเคาท์เตอร์

          "เชี่ย หึงโหดแท้"ผมว่าเมื่อมองพวกมันสองตัวที่ท่าทางมีปากมีเสียงกันหน้าเคาท์เตอร์ก่อนจะหันไปถามไอแต็กที่ยืนอยู่ข้างๆกันอย่างสงสัย

          "สรุปพวกมันนี่ยังไงกันวะ"

          "นั่นสินะ ยังไงกันแน่กูก็ไม่รู้เหมือนกัน"

          "เอ้า"

          ไอแต็กหยักไหล่เเบบไม่รู้ไม่ชี้ อันที่จริงตอนเเรกผมก็ไม่คิดหรอกว่าพวกมันจะมีอะไรในก่อไผ่ ดูจากท่าทางตบตีของมันทั้งคู่ผมก็ไม่เชื่อเเล้วถ้าจะบอกว่ามันมีซัมติงกัน แต่พอไอแต็กเปิดประเด็นขึ้นมา เเซวพวกมันบ่อยๆ ตั้งข้อสังเกตจนผมได้ลองสังเกตตาม แม่ง...ซัมติงจริงๆ

          และไม่นานมันสองตัวก็กลับมาพร้อมตั๋วหนังสี่ใบ ไอจีนนี่หน้าบูดเป็นตูดหมาบ่นงุบงิบ นี่ดีเท่าไหร่ที่มันยังได้ตั๋วหนังมาคิดว่าจะตายห่ากันไปตรงเคาท์เตอร์เเล้ว ถ้าไม่กัดกันตายพนักงานก็คงยกเก้าอี้ไปฟาดหัวพวกเเม่งเเล้ว

          "ไอพุเเม่งทำร้ายร่างกายกู"มีฟ้องครับ แถมฟ้องเเม่ประจำกลุ่มเข้าไปยืนเบียดไอแต็กใหญ่ ทำท่างอนเป็นเด็กปัญญาอ่อนซึ่งไม่ได้เข้ากับใบหน้าและขนาดตัวมันเลยครับ

          "มึงมันกลัวเมียไอจีน"

          "ไอสัสเเต็ก มึงจะเล่นมุกผัวๆเมียๆอีกนานไหม ถ้าจะเป็นจริงกูต้องผัวสิวะ"ไอพุว่านิ่งๆใช้สายตาขวางโลกของมันกวาดมองไปที่ไอจีนเเละไอเเต็กก่อนจะถอนหายใจเหมือนเอือม

          "กูว่าไม่ใช่นะไอพุ"

          "ไอคนมีผัวเเล้วหุบปากไป"

          กูผิดอะไร!

          ทำไมผมถึงเป็นฝ่ายถูกด่าตลอดเลยวะ นี่เอะอะๆอะไรผมก็เถียงสู้เขาไม่ได้ สกิลปากผมไม่ถึงพวกมันจริงๆ

          "พวกมึงหยุดกัดกันซักวันจะตายไหม เเล้วทำเป็นพูดไปเถ๊อะ เชื่อไหมซักวันมึงก็หันมาแดกกันเอง"ไอแต็กกลอกตาเป็นเลขเเปดเเกะเเขนไอจีนที่เมื่อกี้ทำท่าฟ้องได้อ้อนตีนมากออก ผมนี่เเทบปรบมือให้มันดังๆอย่างถูกใจกับคำพูด

          "สัส"

          เนี่ย ดูดิครับ พอไอแต็กพูดคนอื่นกลับไม่ตอบโต้ ไหนคือความยุติธรรมครับ! ผมไม่ยอมอ่ะทำไมผมต้องโดนด่าตลอด!

          โวยวายไปงั้นแหละครับ ผมชินตั้งนานเเละทั้งไอแต็กยังเคยบอกผมเลยว่าผมควรจะชินเพราะผมมันน่าแกล้ง บอกว่าผมมันซื่อและบื้อเกินไปคนด่าก็ไม่โกรธ บางทีเลยโดนพูดจาแย่ๆใส่จนไอแต็กยังเคืองแทนเพราะบางคยก็ไม่ได้สนิทขนาดนั้น

          "แล้วมึงคิดไงชวนมาถึงสยามวะไอแต็ก ห้างแถวมหาลัยก็มี"ผมว่าพลางก้มดูเวลาพร้อมเช็คกับเวลาหนังฉายก็พบว่าอีกชั่วโมงกว่าๆบวกไปอีกสิบห้านาทีพวกโฆษณากว่าหนังจะเริ่ม

          "เออนั่นดิ มึงถ่อมาไกลขนาดนี้ทำไมวะ"

          "แต่มึงก็มากับเขาไม่ใช่เหรอไอจีน"ไอพุเเซะ ซึ่งไอจีนก็หันไปแยกเขี้ยวใส่มันแต่ไม่ทันที่สองเกลอมันจะกัดกันอีกรอบไอแต็กก็พูดขัดขึ้นมาก่อน

          "ก็...กูอยากเปลี่ยนบรรยากาศไง อยากแดกคริสปี้ครีมด้วย"

          "อื้อหือ อันที่สองนี่เป้าหมายหลักใช่ไหมตอบ"ผมเอ่ยปากเเซวมันทันที ซึ่งไอแต็กก็ยิ้มเผล่จนเห็นลักยิ้ม ไอแต็กเป็นคนยิ้มสวยครับ แบบโลกนี้สดใสมากเมื่อมันยิ้มแต่มันกลับไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไหร่ นานๆทีจะเห็นทีเพราะส่วนมากมันก็ยิ้มเเบบยิ้มน้อยๆมากกว่า

          "รู้ทันกูตลอด"

          "อีกตั้งชั่งโมงไปหาไรแดกก่อนไหม"ไอจีนถามขึ้นให้ผมพยักหน้าก่อนที่ทุกคนจะเห็นด้วย ส่วนร้านอาหารนั้น...เอาเป็นว่าร้านไหนคนว่างก็ร้านนั้นเเหละครับ ถ้าไม่ว่างก็คงจบด้วยฟูดส์คอร์ดเนี่ยแหละ

          และสรุปก็จบลงที่ฟูดส์คอร์ดจริงๆครับ คนเเม่งเเน่นทุกร้านเลย ก็อย่างว่านี่ใจกลางเมือง

          อันที่จริงที่จู่ๆมันนึกครึ้มชวนกันมาดูหนังหลังเรียนเสร็จไม่ใช่เพราะเเค่อยากมาหรือแก้มือนัดครั้งที่แล้วที่ล่มไปอย่างที่ไอแต็กมันอ้างหรอกครับ คงเพราะมันเห็นผมซึมๆที่ไอหมีมันโทรมาบอกว่ามารับไม่ได้ติดธุระกระทันหันนี่แหละเลยชวนออกมาเพราะอยากให้ผมอารมณ์ดี ซึ่งก็ดีจริงๆแหละครับ ไม่ได้ออกมาเที่ยวกันครบแก๊งนานเเล้ว

          พอกินกันเสร็จก็พากันไปซื้อป็อปคอร์นเข้าโรงหนัง ครั้งนี้ไม่ใช่หนังผีอย่างที่ผมชอบแต่เป็นหนังสยองขวัญที่ผมก็โปรดปรานไม่ต่างกัน คิดดูดีๆไอหมีควายมันกลัวผีแต่หนังไล่ฆ่ากันเเบบนี้มันจะกลัวป่ะวะ สงสัยกลับไปต้องชวนมันดูซักหน่อยละ

          การจัดที่นั่งก็ง่ายๆใครเข้าก่อนก็นั่งก่อนเเหละครั้งซึ่งเรียงจากในไปนอกก็ผม ไอกลองเเต็ก ไอจีน ไอพุ

          หนังที่ฉายบนหน้าจอนับว่าไม่เลวทีเดียวผมนี่ลุ้นทุกช็อต ใจนี่เต้นตุบๆ ไอแต็กนี่ก็สะดุ้งเเล้วสะดุ้งอีก เเม่งสะดุ้งเเล้วเสือกเอากระป๋องป็อปคอร์นฟาดหน้าผมด้วย ไม่ฟาดเปล่าป็อปคอร์นเเม่งกระจายเต็มตัวกูเลยครับเพื่อน

          "เห้ยไอธีร์ กูขอโทษ"มันกระซิบบอกในขณะที่หันมากุลีกุจอเก็บป็อปคอร์นตามตัวผมให้ใหญ่ ซึ่งผมก็ส่ายหัวไปถือสา

          "เดี๋ยวกูเก็บเเดกเอง"

          จนเริ่มเข้าสู่จุดพีค คนในโรงนี่มีกรี๊ดตาม เดี๋ยวผมว่านี่มันชักหนักกว่าหนังผี ผมเห็นไอเเต็กสะดุ้งไปซุกไอจีนปต่ยังไม่ถึงสองวิก็โดนผลักหันกลับมาจนมันเด้งมาซุกผมเเทน

          "ไอเหี้ยจีน! เห้ยไอธีร์ กูขอโทษอีกรอบ"

          "เออๆกูเข้าใจ มึงซุกไปเถอะ อย่าตกใจเอาถังป็อปคอร์นครอบหัวกูก็พอ"ผมตอบกลั้วขำแต่ตาก็ยังจ้องไปที่จอ

          ไอแต็กก็ไม่ได้รับคำแต่ใช้เเขนผมเป็นที่หลบภัย ซึ่ง...หลบยังไงแม่งก็เอาถังป็อปคอร์นกระเเทกหน้าผมอยู่ดี

          หนังจบแล้วด้วยดี ผมนี่เหมือนเพิ่งไปสอบมาเเล้วเเบบโล่งมากตอนดูนี่กดดันแทนตัวเอกชิบหาย พอจบนี่โล่งจริงๆ ไอกลองเเต็กนี่ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก

          "กูคิดว่ากูจะตายแล้วซะอีก"

          "กูนี่แหละจะตายเพราะถังป็อปคอร์นมึงอ่ะ"ผมเอ่ยปากเเซวมัน คือเเบบมันฟาดจนผมต้องยึดถึงป็อปคอร์นอันว่างเปล่าเเล้วบอกให้มันใช้มือปิดตาเเทนถึงจะหยุด

          "โทษทีว่ะ กูตกใจ"มันยิ้มแห้ง

          "แล้วเป็นไงบ้างพวกมึงสองตัวได้สวีทกัน...เฮ้ย! ไอจีน หน้ามึงทำไม..."ผมเลยหันไปสนใจอีกคู่ที่เดินนำออกไปก่อน และพอไอจีนหันมาปุ๊ปผมนี่อึ้ง

          "ถามเหี้ยนี่สิ"มันบุ้ยหน้าไปทางไอพุที่ยืนหน้ามึนอยู่ข้างๆ

          "ก็มึงเสือกเอาหน้ามาใกล้กู กูก็ตกใจ"

          "ไอเชี่ยย กูจะไม่มาดูหนังสยองขวัญกับไอพุกูสาบาน"ผมถึงกับสบาถออกมา สบานว่ามันตกใจ โหนกแก้มไอจีนนี่ช้ำเลยเหอะ อะไรจะรุนเเรงเบอร์นั้น

          "มึงต่อยเลยเหรอวะไอพุ"ไอแต็กถาม

          "เออ ก็กูตกใจ"

          คำว่าตกใจใช้ได้กับทุกสถานการณ์จริงๆ...

          และไม่นานพวกเราก็ตัดสินใจเเยกกันตรงนั้นเลยเพราะนี่ก็เย็นแล้ว ไอสองเกลอก็ไปด้วยกันตามปกติ ไม่ปกติก็ที่ไอจีนหน้าบูดบึ้งกุมหน้าที่เริ่มช้ำๆมันกลับไป ส่วนผมกับไอแต็กก็คงกลับด้วยกัน

          แต่ยังไม่กลับหรอกครับ ไอแต็กชวนผมเดินเล่นทั้งมันยังมีเป้าหมายอันสำคัญที่ยังไม่ลุล่วงคือโดนัทที่รักมันนั่นแหละ ผมก็ไม่ได้รีบกลับอยู่เเล้วทั้งไอหมีควายยังไลน์มาบอกช่วงที่ดูหนังอยู่ว่าไม่ต้องรอกินข้าวด้วย

          "ไอธีร์ ช่วงนี้โอเคเเล้วหรือวะ"

          "หืม? เรื่องไรวะ"

          "ก็เรื่องเเฟนมึง เรื่องหวงกับแฟนเก่า เห็นตอนนั้นมึงรีบไปกูคิดว่ามึงจะไม่โอเค กูคิดว่ากูจะกลายเป็นต้นเหตุให้มึงคิดมากเเล้ว"ไอกลองแต็กถามด้วยสีหน้าไม่ดีนัก พอเห็นอย่างนั้นผมเลยรีบส่ายหัวเเล้วยิ้มตอบ

          "เฮ้ย กูโอเคจริงๆมึง เรื่องหวงกูก็ลองคุยเเล้วแต่ดูไม่ส่งผลอะไรเท่าไหร่"

          ผมเอ่ยปากคุยไปแล้วรอบนึงว่าเพลาๆลงบ้างมันก็โอเครับฟังนะแต่ผมว่ามันคงไม่ได้เรื่องอะไรเท่าไหร่หรอก...

          "แล้วเรื่องแฟนเก่าล่ะ กูไม่ได้ทำให้พวกมึงผิดใจกันใช่ไหม"

          "ไม่ๆ ไม่ได้ผิดใจอะไรหรอก มึงอย่าคิดมากมึงไม่ได้ผิดอะไร"ผมรีบปฏิเสธ เดี๋ยวมันคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุเอาไปคิดมากอีก พอเห็นผมยืนยันไอกลองเเต็กเลยถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วพูดต่อ

          "งั้นก็ดีไป ยังไงแฟนเก่าก็คือแฟนเก่า มันก็คืออดีตตอนนี้ปัจจุบันเขามีมึง ยังไงมึงก็คือมึงไปเทียบกับแฟนเก่าไม่ได้หรอกเนอะ"

          ผมชะงักเล็กน้อย คำพูดของไอแต็กก็ดูมีน้ำหนักอยู่ใจผมตลอดมาก็พยายามจะคิดแบบนั้น แต่ใจลึกๆมันก็ยังเกิดคำถามอยู่บ่อยๆว่ามันไม่ได้เห็นผมเป็นเเค่ตัวเเทนหรือตัวสำรองใช่ไหม? เพราะยังไงแค่ชื่อเหมือนกันมันก็คงไม่มีผลอะไร...

          "ไอแต็ก...คือกู.."ผมหยุดเดิน เอ่ยปากออกไปอย่างไม่แน่ใจว่าจะเล่าดีไหม อย่างที่ผมบอกผมไม่ค่อยได้เล่าปัญหาส่วนตัวของตัวเองให้ใครฟังหรอกผมไม่อยากทำให้คนอื่นคิดมากไปด้วย แต่บางทีถ้าเป็นไอกลองเเต็กมันอาจจะช่วยแนะนำอะไรผมได้บ้าง

          ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจปรึกษาเพื่อนคนนี้ที่มั่นใจว่าไว้ใจได้

          "กู...คือว่าเคยคิดว่ามันอาจจะเห็นกูเป็นตัวเเทน.."

          "อะไรทำให้มึงคิดอย่างนั้นไอธีร์"มันหยุดเดินแล้วหันมาคุยกับผม สีหน้าจริงจังมันทำให้ผมตัดสินใจเล่า เพราะยิ่งไม่เล่ามันคงจะเป็นห่วงผมมากกว่าเก่า

          "ไอแต็ก มึงเคยบอกกูใช่ไหมว่ารูปพี่ตอง...แฟนเก่าเขาอยู่ในไอจีกูก็ไปตามดูแล้วก็เจอจริงๆว่ะ แล้วตอนเเรกๆที่มันมาอยู่ด้วยกูเคยถามว่าทำไมถึงมาเมืองไทยมันบอกว่ามาหารักแรก และจากเรื่องราวที่พอจะประติประต่อได้มึงคิดว่ามันจะเเปลว่ายังไงวะไอแต็ก?"ผมสบตากับเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียว มันนิ่งไปสักพักเมื่อได้ฟังเหมือนกำลังใช้ความคิด ซึ่งผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ

          "แต่กูก็ไม่รู้ว่ากูจะคิดมากไปทำไมว่ะ กูบอกกับตัวเองด้วยประโยคนี้ตลอดทั้งๆที่แต่ก่อนกูเป็นคนปลงจะตาย เรื่องเล็กๆน้อยๆเเบบนี้กูไม่เก็บมาคิดหรอก"

          "ใช่แล้ว ไอธีร์เพื่อนกูมันเป็นคนง่ายๆสบายๆไม่คิดมาก ฉะนั้นมึงอย่ามองโลกในเเง่ร้ายไปไอธีร์ อดีตมันก็คืออดีตใช่ว่าแฟนมึงจะเปลี่ยนใจไม่ได้หนิ"ไอแต็กยิ้มเป็นรอบที่สองของวัน มันตบบ่าผมเบาๆเหมือนให้กำลังใจ

          "ปลอบกูตลอดอ่ะ แต่ไม่รู้ทำไมทุกคำพูดของมึงมันฟังดูน่าเชื่อถือทุกทีเลยวะกลองเเต็ก เวลามึงพูดอะไรมันทำให้กูคิดจริงๆว่ามันต้องเป็นอย่างที่มึงพูด"ผมพูดไปตามที่คิด ไอกลองเเต็กนี่ทำอะไรก็น่าเชื่อถือไปหมดจริงๆนะครับ

          "ก็กูน่าเชื่อถือไง ไม่เหมือนคนหน้าบื้อๆเเบบมึงหรอก"

          "หลอกด่ากูไปอีก"ผมถึงกลับกลอกตา

          "แต่หน้าบื้อๆนี่แหละเสน่ห์ของมึงเลย"มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจไร้การล้อเล่นก่อนจะยิ้มออกมาซึ่งนั้นทำให้ผมไปไม่เป็น เเม่ง เพื่อนชมนี่มันทำตัวลำบากนะเฮ้ย

          "อย่าชมกูงี้ดิ กูเขินเป็นนะเว้ย"ผมเลยได้แต่ยิ้มเขินเกาหัวเเกรกๆ

          "ไอธีร์ กลับเถอะ"จู่ๆ ไอแต็กก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

          "ห้ะ? อะไรของมึงวะ แล้วโดนัทมึงอ่ะ"ผมถึงกับเหวอถามมันงงๆ

          "ไม่แดกแล้ว"

          "เอ้าไอแต็ก แล้วมึงมองอะไร.."เมื่อเห็นสายตาไอแต็กที่มองตรงไปข้างหลังผมซักพักเลยเอ่ยถามอย่างสงสัยพร้อมทั้งหันไปมอง

          "หยุด!!! อย่าหันไปมองนะ!!!"เสียงไอเเต็กที่แว่วเข้ามาในโสตประสาทในขณะที่ผมหันไปอีกทาง

          ซึ่งภาพด้านหน้าคือร้านอาหารเเห่งหนึ่งซึ่งล้อมรอบไปด้วยกระจกใส และภายในร้านนั้นก็มีร่างของคนคุ้นตาที่นั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนที่ได้ชื่อว่าแฟนเก่า...



--------------------
100%

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่า แต่สงสัยเล็กน้อยว่าวันที่ลงนิยายนี่คือวันล่าสุดที่อัพใช่ไหมคะ และเพื่ออะไรหรือคะ เเบบว่าไม่เคยลงในเล้ามาก่อน แฮ่
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.34 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [4.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-10-2016 19:22:50
มันยังไงกัน บักตอง หมีควาย
จะกลับมาคืนดีกัน ก็พูดกับธีร์ให้รู้เรื่อง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.34 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [4.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 04-10-2016 20:12:52
น้องธีร์ โทรเข้ามือถือหมีควายดิ๊
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.34 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [4.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 04-10-2016 20:58:37
เราว่าเค้าคงนัดเจอกันเเบบเพื่อนเก่าแก่มั้งงงงงงงงงงงงงงงงงง ...จริงหรอ

แต่กลองแต๊กนี่เหมือนมีพิรุธแฮะ

น้องธีร์ ลูกแม่ จัดการเลยค่ะ :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.34 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [4.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-10-2016 08:17:09
ไปทำอะไรกับแฟนเก่าอ่ะ

วันที่ที่อัพหัวกระทู้คือวันที่ที่ลงนิยายของตอนล่าสุดอ่ะค่ะ ลงเพื่อคนอ่านจะได้รู้ว่าเรื่องนั้น ๆ อัพแล้วนะ เพราะลงแค่ตอนบางทีจำไม่ได้ว่าเรื่องนี่ตอนล่าสุดคือตอนอะไรเพราะอ่านหลาย ๆ เรื่องค่ะ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.35]
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 05-10-2016 18:35:52
Chapter 35
| Why?

          "ไอธีร์.."

          "..."

          "กลับไหม?"

          "ไอแต็ก กูควร...ทำยังไงดี"ผมหันกลับไปหาเพื่อนที่ขยับเข้ามาใกล้ทั้งยังถามเสียงอ่อย แต่ตอนนี้ผมมีไอแต็กคนเดียวที่พอจะช่วยได้ ซึ่งมันก็มองหน้สผมด้วยสายตาที่บอกไม่ถูกก่อนจะเอ่ยปาก

          "มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ไอธีร์ ลองโทรถามก่อนไหม"ไอแต็กว่าอย่างนั้นแต่สีหน้าก็ไม่ได้ดีไปมากกว่าผมนัก

          "ไม่ล่ะ กู...กูต้องเชื่อใจมันสิ เขา เขาก็แค่เพื่อนกัน"ผมยกมือทาบอกตัวเองไว้ สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามนั้งสติและสะกดจิตตัวเองว่ามันไม่มีอะไร มันไม่มีอะไร

          แต่มันทำไม่ได้ว่ะ...ถามว่าเชื่อใจไหม ก็เชื่อ แต่ภาพตรงหน้ามันเป็นอะไรที่ยังไงผมก็หาอะไรมาอ้างให้ตัวเองรู้สึกดีไม่ได้

          ถึงแม้บางทีมันอาจจะเเค่มากินข้าวกับ...เพื่อนเก่า แต่ว่ามันไม่ใช่แค่วันนี้ พาลสมองก็นึกย้อนถึงอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังจากที่เจอพี่ตองวันนั้น มันก็มักจะมารับผมเลทไม่ก็ไม่รับไม่ได้ กลับมาค่ำๆมืดๆตลอด แต่ผมเกรงใจเห็นบอกว่าเป็นธุระมันไม่บอกผมก็เลยไม่เคยเอ่ยปากถาม

          "แต่ท่าทางมึงไม่โอเคเลยนะไอธีร์ เข้าไปถามตรงๆเลยไหมจะได้เคลียร์ๆ"

          "มะ ไม่ดีกว่าว่ะ มันดูไม่มีมารยาท ตะ..แต่กูก็ไม่รู้ว่ากูจะทำยังไงต่อ ใจนึงก็อยากเคลียร์แต่กูก็ไม่อาจจะไปเจอหน้าตรงๆตอนนี้ว่ะ"ผมบอกมันในขณะที่พยายามบังคับตัวเองไม่ให้หันไปมอง ผมไม่พร้อมเลยถ้าจะให้เดินดุ่มๆเข้าไปเคลียร์กันตรงนั้น มารยาทและความขี้เกรงใจของผมก็ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนคือผมกลัวความจริง... กลัวคำตอบที่ได้รับจะไม่ใช่เรื่องดี

          นี่ผมชอบมันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมมันถึงเจ็บขนาดนี้

          "งั้น...ตามดูไหมล่ะ ถ้าแค่มากินข้าวกันเฉยๆเดี๋ยวก็คงแยกกันกลับเเล้ว"ไอกลองเเต็กเสนอซึ่งผมก็พยักหน้าตามอย่างว่าง่าย นี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดเเล้วในตอนนี้

          "งั้นเดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน"

          "ขอบคุณมึงมากเลยไอแต็ก"

          ผมบอกมันก่อนที่เราสองคนจะพากันเข้ามาในร้านขนมตรงข้ามกับร้านอาหารนั้น ผมพยายามบังคับสายตาตัวเองไม่ให้ไปมองโดยที่ไอแต็กอาสาไปนั่งอีกฝั่งที่หันไปทางนั้นให้ผมหันหลังไปซะ ปากผมก็คอยถามไอแต็กเป็นระยะๆ

          "เป็นยังไงบ้างไอแต็ก"

          "ก็...ดูคุยกันสนุกสนานดีนะ แต่มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ไอธีร์ อย่าคิดมากนะเว้ย"ยิ่งพอไอแต็กละลักละล่ำบอกเริ่มทำให้ผมใจเสีย

          เพื่อนกันคุยไปยิ้มไปก็ปกตินะเว้ยไอธีร์ มึงอย่ามางี่เง่าตอนนี้

          ผมยังคงนั่งสะกดจิตตัวเองเค้กในจานที่หมดไปไม่ถึงครึ่งนี่เเทบไร้รสชาติ สมองผมตื๊อไปหมดจริงๆ เหตุการณ์ตอนนี้มันเหนือความคาดหมายของผมเกินไป

          "เขาไปแล้ว"

          ฟึ่บ

          พอไอแต็กบอกอย่างนั้นผมก็รีบลุกยืนขึ้นมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินเคียงไหล่กับผู้ชายร่างโปร่ง ในขณะที่ไอแต็กเองก็ลุกขึ้นอย่างรู้งานเเละเป็นฝ่ายเดินนำเมื่อผมไม่ขยับ

          ก็ตอนลุกมันฮึดอยากตามให้เห็นเเต่พอเห็นภาพบาดใจแล้วมันดันขาเเข็งก้าวไม่ออกจนไอเพื่อนซี้ต้องจูงมือกันออกไป

          แต่พอเห็นทั้งคู่เดินไปทางลานจอดรถก็ทำให้ผมชะงัก หันไปสบตากับเพื่อนว่าจะเอายังไง เพราะถ้าตามไปแล้วเขาแยกกันคือจบ แต่ถ้าเขาไปด้วยกันนี่จะตามยังไงเพราะพวกผมไม่ได้เอารถมา 

          "เอาไงดีอ่ะมึง"

          "เดี๋ยวกูโทรถามเพื่อนก่อน เมื่อกี้เห็นมันเช็คอินในเฟสเเวบๆเผื่อยืมได้ ไอธีร์มึงขับรถเป็นใช่ไหม"มันว่าพลางควักมือถือออกมาเลื่อนๆ ซึ่งผมก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธ

          "กูขับเป็นเเต่มึงไม่ต้องรบกวนเพื่อนมึงขนาดนั้นก็ได้.."แต่ไม่ทันจะได้พูกจบมันก็ยกโทรศัพท์ขึ้นเเนบหูให้ผมได้แต่ยอมเเพ้ เพื่อนไหนก็ไม่รู้จะให้ไปรบกวนเขาก็กระไรอยู่

          ไอแต็กคุยโทรศัพท์ไปมือก็ดันๆให้ผมเดินตามสองคนนั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผมเห็นรถไอหมีควายที่ยืมคุณโคลด์มา ใจผมภาวนาให้เขาแยกกันไผซะตั้งแต่ตอนนี้จะได้จบๆ

          แต่เรื่องกลับยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เมื่อเห็นว่าเขามาด้วยกันและกำลังจะไปด้วยกันอีกต่างหาก ขณะที่ทั้งคู่กำลังก้าวขึ้นรถไอแต็กก็สะกิดผมยิกๆ

          "รถอยู่ชั้นนี้พอดีมึงตามกูมาเร็ว! มึงจำรพแฟนมึงได้ใช่ไหม"

          "ได้ๆ"

          ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำภารกิจสำคัญอะไรบางอย่าง ถ้าไม่ใช่ในสถานการณ์แบบนี้ผมคงหัวเราะออกมาเเล้วบอกว่าจะจริงจังอะไรเบอร์นี้ แต่ในเมื่อเรื่องตอนนี้ดันเป็นเรื่องของผมไง ได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้ไม่มีอะไร ผมแค่งี่เง่าคิดมากไปเองก็เท่านั้น

          โชคดีที่รถเพื่อนไอแต็กมันอยู่ไม่ไกลนัก ผมรีบประจำที่นั่งคนขับ ผมไม่ค่อยได้ขับรถซักเท่าไหร่แต่ก็มีใบขับขี่นะ แต่คือผมไม่มีรถไง มีอยู่ที่บ้านของพ่อนู้น ดังนั้นตั้งแต่เข้าเมืองมาผมก็ใช้แต่มอเตอร์ไซค์อย่างเดียว

          ผมขับออกมาตามรถไอหมีควายได้ทัน ดีที่รถมันติดมันเลยยังติดแหงกอยู่ตรงที่จอด มือสองข้างผมชื้นเหงื่อเต็มที สายตาจดจ้องไปยังรถคันข้างหน้าที่เห็นหัวลางๆของคนสองคน คนหนึ่งอยู่ในที่คนขับ ส่วนอีกคนอยู่ในที่ๆเคยเป็นที่ของผม...


--------------


          "ไอแต็ก..."ผมได้แต่ครางเรียกชื่อเพื่อนข้างกายอย่างแผ่วเบา เมื่อพาตัวเองลงมาจากรถยืนอยู่ในมุมอับของตึก เหมือนสติผมหลุดลอยไปแล้วตอนนี้ ตอนเเรกผมหวังว่ามันอาจจะเเวะส่งพี่ตองที่ไหนซักที อาจจะเป็นป้ายรถเมล์ รถไฟฟ้าอะไรทำนองนี้แต่ก็ไม่ใช่ เลยคิดว่าอาจจะไปส่งบ้านซึ่งก็พอเข้าใจ แต่ผมไม่คิดเลยว่ามันจะเลี้ยวเข้าที่นี่...

          ที่ๆเรียกว่าโรงเเรม...

          "ไอธีร์มึงอย่าคิดมากมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ลองโทรถามไหม?"

          ผมส่ายหน้าทันที ภาพของคนทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงเเรมด้วยกันยังติดตาไม่หาย แม่งเป็นอะไรที่เจ็บชิบหาย ผมไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อน เป็นการเจ็บข้างในที่ทรมาณมาก

       แม่งเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่อก ทำเอาผมพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง

          "ไม่ไหว กูไม่ไหวไอแต็ก ที่เห็นมันก็ชัดเจนแล้วป่ะวะ"ผมบอกมันอย่างเหนื่อยอ่อน สัมผัสได้ถึงน่ำตาที่คลอหน่วงของตัวเอง ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนถึงเเม้ผใพยายามจะกลั้นมันไว้แค่ไหนก็ตาม

          "ธีร์ กูว่า..."

          "มึงเลิกปลอบกูซักทีไอแต็ก!! ที่กูเห็นอยู่!! ที่กูเห็นอยู่...มันก็ชัดเจน ชัดเจนพอแล้ว.."ผมตวาดไอเเต็กเสียงดัง มันไม่จำเป็นจะต้องปลอบให้ผมสบายใจแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะพยายามหาเหตุผลมาให้ตัวเองสบายใจแค่ไหน แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันฟ้อง มันชัดเจนหมดแล้ว

          ทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว

          "ไอธีร์..มึงไหวไหม"

          "อึก...ทำไมวะ ไอแต็ก ทำไมวะ"

          ทำไมมันถึงไม่พูดกันตรงๆ ถ้ายังรักเขาอยู่ทำไมไม่กลับไปหาเลยตั้งแต่เเรก

          ไอแต็ก ขยับเข้ามาใกล้ ดึงหัวผมเข้าไปซบอกมัน ไม่ได้พูดปลอบอะๆรอีกเพียงเเค่ลูบหัวผมเบาๆ ซึ่งนั่นทำให้น้ำตาผมไหล่ออกมาอย่างกับเขื่อนทะลัก

          "ฮึก ฮืออ ไอแต็ก กูเป็น..เป็นแค่..ชั่วคราวหรือวะ ฮึก"

          "กูตอบไม่ได้ว่ะ กูขอโทษ"

          "กูผิดอะไร ฮึก กูทำอะไรผิดวะ"

          "..."

          "กูก็อยู่ของกูดีๆ แล้วมันก็เข้ามาในชีวิต ฮึก ทำให้กูรักแล้วก็ทำอย่างนี้..ฮืออ ไอแต็กกูไม่เข้าใจ กูไม่เข้าใจเลย รักมันคืออะไรกันแน่ ทำไมกูถึงเจ็บขนาดนี้ ทำไมกูถึงผิดหวัง ทั้งๆที่กูร้องไห้แต่ในใจลึกๆกูก็ยังหวังว่ามันจะเดินออกมาจากโรงแรมนั่นในไม่นาน แล้วออกมาบอกกูว่าแค่ไปทำธุระเหมือนเดิม ทำไมวะไอแต็ก ฮึก"

          ผมพรั่งพรูความคิดออกไปทั้งหมดราวกับเก็บมันไม่อยู่อีกต่อไป ในหัวผมมีแต่คำถามว่าทำไม และทำไม ผมไม่เข้าใจเลยซักนิดว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ นี่มันนอกใจผมใช่ไหม

           ไม่สิ...บางทีมันอาจจะไม่ได้มีใจให้ผมอยู่แล้วก็ได้ มันอาจจะเป็นของพี่ตองมาตั้งแต่ต้น

               "กูเจ็บ กูเจ็บตรงนี้"ผมผละออกมาจากอกเพื่อนก่อนที่จะทุบที่อกตัวเองเเรงๆราวกับจะทำให้ความเจ็บในใจทันชาลง

          "ไอธีร์! มึงอย่าทุบ!"

          ไอกลองเเต็กเข้ามารวบตัวผมไว้ไม่ให้ผมทำร้ายตัวเอง ซึ่งเเรงของผมตอนนี้มันเเทบไม่มีเเล้ว เลยปล่อยให้มันรวบตัวผมเข้าไปกอดแล้วพูดด้วยเสียงสั่นๆ
     

          "กูเหนื่อย กูไม่ไหวแล้ว กูเคยโอเคอย่างที่กูบอกเลยซักนิดไอแต็ก"ผมกอดมันกลับ

          "กูรู้ ไอธีร์ กูรู้อยู่แล้ว"

          "ฮึก"

          "ถ้ามึงไม่มีใคร อย่าลืมว่ามึงยังมีกูนะไอธีร์"ไอแต็กพูดไม่ดังนักแต่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ ทั้งยังลูบหัวเบาๆให้ผมยืนยันกับตัวเองอีกครั้งว่าถ้ามีรางวัลเพื่อนดีเด่นผมจะยกให้มันจริงๆ

          "ขอบคุณนะไอแต็ก"



----------------------


          หลังจากที่ไอแต็กปลอบจนผมหยุดร้องไห้ก็ผ่านมาซักพักใหญ่ มันถามว่าจะรอพวกเขาออกมาก่อนไหม ซึ่งผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด ถึงแม้ไอแต็กจะบอกว่าเผื่อเขามาทำธุระกันจริงๆก็ตาม

          ธุระบ้าอะไรตอนสองสามทุ่มวะ แล้วนี่จะห้าทุ่มเเล้วเถอะ

          ผมก้มมองโทรศัพท์ที่นิ่งเงียบไร้สัญญาณเตือนอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจกลับจริงๆจังๆ

          "ถ้ามึงยังไม่โอเค มึงไปอยู่บ้านกูก่อนก็ได้นะ"

          "งั้นกูขอรบกวนซักพักนะ"

          ผมสั่นหัวตัวเองเล็กน้อยเพื่อเรียกสติ ตอนนี้ผมปวดหัวมากเมื่อร้องไห้เสร็จ นึกแล้วก็นึกถึงคราวก่อนที่มันไปเห็นผมจูบกับพี่เรน คราวนั้นผมก็ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้ คิดแล้วก็เจ็บเปล่าๆ เลิกคิดๆ

          ถึงแม้ไอแต็กจะรบเร้าให้ขึ้นเเท็กซี่กลับเพราะกลัวผมไม่ไหว แต่ผมก็ยืนยันว่าขับได้เพราะผมไม่อยากทิ้งรถเพื่อนมันไว้ตรงนี้ เดี๋ยวขะกลายเป็นรบกวนหนักกว่าเก่าอีก

          โชคดีที่รถไม่ติดเลยใช้เวลาไม่นารก็ถือบ้านกลองแต็ก บ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ดีไซน์ดูแล้วน่าจะแพงใช้ได้ บ้านมันอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนักประมาณหอผมได้เลยเพียงเเต่อยู่คนละทิศ

          มันพาผมเข้าห้องนอนของมันเอง ผมเคยมาค้างอยู่หนสองหนตอนมาทำงานกลุ่มแล้วมันติดพัน บ้านมันยังคงเงียบสนิทเหมือนเคย ท่าทางพ่อแม่มันก็คงไม่อยู่ตามปกติ

          ผมบอกมันว่าจะขอไปนอนโซฟาด้านล่างแต่มันก็ไม่ยอมบอกว่าครั้งนี้ยังไงก็ยอมจะให้ผมในสภาพนี้ไปนอนอย่างนั้นได้ยังไง ซึ่งผมก็ไม่อยากจะเถียงสู้มันซักเท่าไหร่เพราะยังไงก็แพ้เลยถอนหายใจเเล้วยกมือยอมเเพ้ เพราะแรงก็ไม่ค่อยจะมี หนังตาก็หนักขึ้นทุกทีๆแล้ว

          "มึงนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ฝันดี"

          "อือ"

          ผมได้แต่ครางรับในลำคอ อยากจะบอกมะนเหลือเกินว่าจะให้ฝันดีมันคงยากเกินไปสำหรับผมในตอนนี้ แต่ก็ได้แค่ยิ้มให้มันเพื่อไม่ให้มันห่วง ก่อนที่มันจะปิดไฟห้องจนมืดสนิทและนั่นก็ทำให้ผมจมดิ่งสู่ห้วงนิทราด้วยใจที่พังเต็มที

          เรื่องในวันนี้มันหนักหนาเกินที่ผมจะรับไหวจริงๆ



หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.35 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [5.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-10-2016 18:45:02
มันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.35 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [5.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-10-2016 19:18:04
ไม่น้าาาาา น้องธีร์อย่าคิดเองไปก่อนสิ คุยกัน นะ  :impress3:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.35 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [5.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 05-10-2016 19:22:27
กลัวเป็นคนละเรื่องน่ะดิ แต่ถึงยังไงแบบนี้ก็ไม่ได้อยู่ดีนะ พี่ฝรั่ง
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.35 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [5.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 06-10-2016 17:51:13
มันไม่สุดกับสุขที่ได้รับจริงๆนะคะ

คงจะเป็นเพราะกำแพงทางภาษาอย่างหนึ่ง และการไม่ถามเมื่อสงสัยอีกอย่าง

ซึ่งอาจจะเป็นผลพวงมาจากความต่างภาษาที่สื่อสารได้ไม่ชัดเจนพอ และความไม่กล้าเผชิญหน้ากับคำตอบ รึเปล่า????

อ่านแบบรู้เลยค่ะว่าอีกไม่กี่บรรทัดต้องเห็นเขา2คนอยู่ด้วยกัน

ใจนึงอยากให้เข้าโรงแรมไปทำกันจริงๆ อีกใจก็คิดว่าคงไม่ใจร้ายขนาดนั้น

แต่2ทุ่มจน5ทุ่มไม่โทรหา ไม่ข้อความถามไถ่กันเลย ทำให้แอบแช่งให้เลิกๆกันไปซะเลย

ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ ไม่ใครก็ใครซักคนต้องไปเรียนภาษาเถอะเนาะ จะได้มีอะไรก็คุยกันเข้าใจง่ายๆไวๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.36
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 06-10-2016 19:59:16
Chapter 36
| Unexpected


          "มึงโอเคขึ้นรึยังไอธีร์ ตัวมึงเริ่มรุมๆแล้วนะ"

          ผมส่ายหัวตอบไปตามตรง ผมไม่จำเป็นที่จะต้องแสร้งทำเป็นโอเคอีกต่อไปแล้ว ไอแต็กที่คอยดูแลผมอยู่ตลอดไปก็นิ่งไปนิด

          หลังจากคืนนั้นนี่ก็ผ่านมาหนึ่งวันเต็มเเละกำลังจะเข้าคืนที่สอง สภาพร่างกายผมค่อนข้างย่ำแย่เพราะนอนไม่ค่อยหลับแต่นั้นมันไม่เท่ากับสภาพจิตใจผมตอนนี้ถึงแม้ว่าจะตั้งสติได้มากกว่าเก่า แต่พอตั้งสติได้ก็นั่นแหละครับ ความคิดก็ตีมั่วกันในหัวไปหมด และผมยังไม่ได้ติดต่อไปบอกไอหมีควายเลยแม้แต่นิด

          ผมยังไม่พร้อมจริงๆที่จะเพชิญหน้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมรู้ว่าวิธีที่ผมทำอยู่มันขี้ขลาด ผมรู้ว่าผมควรที่จะไปคุยกับมันให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไงต่อไป ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เเค่คนๆเดียวที่สามารถผ่านเข้ามาในชีวิตผมได้

          แต่มันจะจบแค่นี่จริงๆหรือวะ?

          "มันมีรักก็ต้องมีเลิกหน่าไอธีร์ บางคนมีแฟนมาเป็นสิบๆ"ไอกลองเเต็กที่กำลังรื้อตู้เสื้อผ้าหาเสื้อมาให้ผมเปลี่ยนพูดขึ้น มันก็กลับมาพยายามปลอบผมเหมือนเดิมหลังจากที่วันก่อนหน้านั้นเงียบไปเหมือนรู้ว่าผมต้องการเวลาทำใจ

          "กูรู้"

          มันเป็นแฟนคนเเรกของผม และเขาว่ากันว่ารักแรกมักไม่สมหวัง

          แต่กูก็สมหวังเเล้วนี่ จะทำให้มันนานกว่านี้ไม่ได้รึไงวะ

          "แต่กูทำใจไม่ได้"ผมบอกมันเสียงเบาเหมือนไม่มีเเรงจะพูดแล้ว จากสภาพผมตอนนี้ผมยังไม่หายสงสัยตัวเองเลยว่าผมตกหลุมรักมันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

          ตั้งแต่ที่มันคอยปลุกทุกเช้า คอยแหย่ผมทุกวัน วันที่ผมพามันเที่ยว วันที่ผมจูบกับมัน วันที่มันสารภาพรักกับผม วันที่มันรวบตัวผมเข้าไปกอดแน่นๆ วันที่มันพร่ำบอกว่ารักผม วันที่มันแอบถ่ายรูปผมไปลงเเคปชั่นเสี่ยวๆในไอจี หรือวันที่มันขอผมเป็นแฟนกันแน่

          ให้ตายเถอะ ทำไมสมองที่ปกติจะจำอะไรไม่ค่อยได้ถึงจำได้แต่เรื่องของมัน

          "มึงพักไปก่อนเถอะ แล้ว...มึงจะไม่ติดต่อมันไปจริงๆหรือ"มันว่าในขณะที่ทำหน้าที่เพื่อนดีเด่นของมันโดยการพับเสื้อผ้าที่เลือกเอามาให้ผมไว้เปลี่ยนไว้ข้างเตียง

          "ไม่ล่ะ กูยังไม่พร้อม มึงจะว่ากูหนีปัญหาก็ได้ แต่มันต้องไม่ใช่ตอนนี้"

          "เออๆ งั้นเดี๋ยวกูลงไปตักข้าวต้มมาให้"

          ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ตอนนี้ใจผมมันเต็มไปด้วยความเศร้าและผิดหวัง ผมไม่ได้โกรธมันเลย ผมแค่สงสัยว่ามันจะมาทำกับผมอย่างนี้ทำไมถ้ามันมีพี่ตองอยู่ในใจตั้งแต่ต้น

          แต่คนขี้ขลาดแบบผมจะไปกล้าถามมันได้ยังไง

          ผมไม่ได้ขี้เกรงใจหรอก ผมก็แค่กลัว กลัวคำตอบมันเหลือเกิน...

          ผมมองไปยังโทรศัพท์ที่นิ่งสนิท ไม่ต้องไปหยิบมาดูก็รู้ว่าแบตหมดเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว จนอดที่จะเกิดคำถามขึ้นมาในใจไม่ได้

          มันจะเป็นห่วงผมบ้างรึเปล่า?

          "ไอธีร์มึงเลิกคิดได้แล้วโว้ย!"ผมขยุ้มหัวตัวเองแรงๆ ฝังหน้าไปกับหมอนหวังว่าจะให้ตัวเองเลิกฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ แต่ดิ้นๆไปไม่นานก็หยุด

          แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะบอกว่ามันไม่จริงเลยก็เกินไปรึเปล่านะ... การเป็นห่วงเกินกว่าเหตุนั่นนั่นจะใช่ของปลอมจริงหรือ คำพูดหวานๆของมันก็เป็รของปลอมหรือ?

          คำตอบในใจของผมคือไม่...แต่มันก็เป็นสิ่งที่มันทำให้กับทุกคน...

          "เฮ้อ"

          ผมถอนหายใจหนักๆยิ่งคิดมากก็ยิ่งปวดหัว ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันไหนที่ตัวเองจะมานอนคิดมากเรื่องคนอื่น

          พอปัญหาเริ่มถาโถมผมก็เริ่มคิดถึงคนที่บ้านขึ้นมา ถ้าโทรไปปรึกษาจะดีไหมนะ ไม่ๆ ถ้าทำอย่างนั้นก็จะพาลให้ทางนั้นเป็นห่วงเอา

          แกร็ก

          เสียงเปิดประตูห้องพร้อมกับกลิ่นข้าวต้มลอยมา กระตุ้นให้ท้องผมส่งเสียงประท้วงกันยกใหญ่ ถึงแม้จะไม่มีความอยากอาหารแต่ท้องมันว่างก็ต้องกินสิจริงไหม ผมไม่อดข้าวทรมาณตัวเองหรอกนะ

          ที่จริงผมบอกไอแต็กไปแล้วว่าให้ผมลงไปกินข้างล่าง แต่ไอแต็กก็คือไอแต็ก มันสวมวิญญาณแม่ก่อนจะบังคับขู่เข็ญที่ใช้การยกเหตุผลต่างๆนานามาอ้างจนผมต้องยอมนอนเป็นผักเปื่อยอยู่บนห้องอย่างเดียว

          ผมลุกขึ้นมาตักข้าวต้มทรงเครื่องฝีมือไอเพื่อนดีเด่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงจะบอกว่าไม่อยากอดข้าวแต่กินได้เเค่ครึ่งถ้วยก็เริ่มพะอืดพะอมแล้วผมจึงหยุดมือแค่นั้น

          "อ่ะ ยามึง กินดักไว้ก่อน"ไอกลองแต็กส่งพารากับแก้มน้ำแดงมาต่อ

          "มึงจำได้หรือวะ"ผมรับพารากับแก้มน้ำแดงมาอย่างว่าง่าย แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย

          "หือ อ่อ เรื่องมึงไม่ชอบกินยากับน้ำเปล่าอ่ะนะ จำได้ดิ"

          "นั่นสิเนอะ ใครจะความจำสั้นแบบกูกัน"ผมพูดกลั้วขำแห้งๆ พลางกระดกน้ำตามด้วยยา

          "ฮ่า น้ำแดงมึงรสชาติแปลกๆป่ะวะไอแต็ก"ผมว่าหลังจากดื่มตามเข้าไปอีกหลายอึก รสชาติบอกไม่ถูกมันประเเล่มๆ

          "ไหนวะ กูลองหน่อย"

          ผมยื่นแก้วที่เหลือน้ำอยู่ครึ่งหนึ่ง มันจัดการกระดกไปจนหมด นี่เรียกชิมของมันหรือวะครับ

          "แปลกๆจริงด้วยว่ะ สงสัยเเม่งเก่าละ"มันว่าแล้วหัวเราะ พลางเอาแก้วเปล่าที่เหลืออยู่วางไว้ตรงโต๊ะข้างเตียงจากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอนข้างๆผม ให้ผมทำหน้ายี้มส่มันนิดหลังจากประโยคที่บอกว่าน้ำแดงมันเก่าเเล้ว

          "กูกับมึงรู้จักกันมาจะปีแล้วหรือวะ"มันเปิดประเด็นชวนผมคุย ผมคิดว่ามันคงไม่อยากให้ผมคิดมากเรื่องนั้นอีก

          "เร็วเนอะ วันแรกที่กูเจอกับมึงนี่รับน้องป่ะ"ผมทิ้งตัวพิงหัวเตียง หยิงหมอนขึ้นมากอดไว้ในหัวก็คิดถึงเรื่องเก่า

          "ผิด"

          "อ้าว"

          "กูเจอกับมึงก่อนหน้านั้นอีก ตอนนั้นมึงเข้ามาช่วยกูไง ตอนที่กูเกือบจะโดนพวกนั้นกระทืบเอา"มันว่าให้ผมคิดตาม

          "อ๋อ กูนึกออกละ ก็มึงดูสู้เขาไม่ได้นี่หว่า เเต่กลายเป็นว่ากูเข้าไปดันหนักกว่าอีก"

          "ก็เสือกไม่เคยต่อยคนอื่นเเต่เข้ามากลางวงไง โง่กว่ามึงไม่มีอีกแล้วล่ะไอธีร์"ไอเเต็กว่าอย่างประชดประชันให้ผมหัวเราะออกมาเบาๆ

          วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมเข้ากรุงเทพมาเลยครับ ผมเข้ามาเพื่อที่จะมารายงานตัวที่มหาลัย แต่ตอนไปดันเจอไอแต็กถูกรุมล้อมด้วยผู้ชายร่างโตหลายคน จริงๆก็อาจจะไม่ได้ตัวใหญ่มากแต่ไอแต็กมันตัวเล็กไง ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักมันเลย แต่จะให้เดินผ่านไปอย่างคนอื่นเขาผมก็ทำใจไม่ได้ เลยเดินโง่ๆเข้าไปหวังว่าจะเกลี้ยกล่อมพวกนั้นได้แต่ผมคงคิดตื้นไปพอเข้าไปไม่ทันได้อ้าปากพูดก็โดนซัดมาเต็มๆ หน้านี่เขียวเลยครับ ร้อนไอแต็กต้องลากผมหนีพวกนั้นมาอีก

          ตอนนั้นมันด่าผมยกใหญ่เลยว่าโง่รึเปล่าจะเข้ามาทำไมรู้จักกันก็ไม่ใช่ แต่ผมก็แค่ยิ้มๆตอบกลับมันไป วันนั้นพวกเรายังไม่ได้รู้ชื่อกันหรอกครับ เพราะลืมถามเเละพอไอแต็กมันลากผมเข้าห้องพยาบาลเสร็จมันก็หายไปเลย


          "พอคิดๆดูแล้วก็ขำ..."

          แปะ

          ผมกะจะหันไปคุยกับมัน แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไอกลองเเต็กมันเข้ามาใกล้ผมขนาดนี้ พอผมหันไปมันก็เอื้อมมือมากุมหน้าผมไว้ด้วยมือข้างนึง

          "มึงเป็นอะไรรึเปล่าไอแต็ก"

          "กูร้อน ไอธีร์ กูร้อน"มันว่าด้วยน้ำเสียงกระเส่าแปลกๆ ในขณะที่เบียดตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นจนผมตั้งตัวไม่ทัน

          "เฮ้ย ไอแต็ก มึงจะทำอะไร..."

          ผมถามมันอย่างตกใจเมื่อไอแต็กพาดตัวมันลงมาบนตัว ผมพยายามจะผลักมันออกแต่จู่ๆแขนทั้งสองข้างก็ไม่มีแรง ก่อนที่จะมีความร้อนที่เพิ่มขึ้นจากด้านในจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ความรู้ราวกับมีน้ำเดือดอยู่ในร่างกายทั้งความรู้สึกปั่นป่วนที่ยากจะต้านทาน

          "แฮ่ก แฮ่ก" เสียงเพื่อนที่คร่อมผมอยู่ด้านบนหอบหายใจ ผมเงยหน้ามองมันที่ขบฟันแน่น ตากลมของมันคลอไปด้วยน้ำตา

          "นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น แฮ่ก ทำไมกูถึงร้อน...อย่างนี้ ไอแต็ก มึงลุก..มึงลุกออกไปเร็ว"ผมรีบบอกมัน นอกจากความร้อนที่เหมือนร่างจะละลายเเล้ว ความรู้สึกที่ชัดเจนอีกอย่างคืออาการคั่นเนื้อคั่นตัวเเละ...เริ่มมีอารมณ์

          ยา...ยาปลุกหรือวะ

          ผมอยากจะเอ่ยปากถามไอแต็กนะว่ามันทำหรือว่าเป็นอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า แต่สติตอนนี้ผมเริ่มไปขึ้นทุกทีๆ จนได้แต่บอกให้เพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังเบียดกายเข้าหาผมออกไป เพราะการคลอเคลียของมันยิ่งทำให้อะไรๆมันแย่เข้าไปใหญ่

          แต่เหมือนไอกลองแต็กจะไม่หังอะไรผมทั้งนั้น มันถอดเสื่อตัวเองออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้จนตอนนี้มันเหลือแต่บ็อกเซอร์ และยังเผื่อแผ่มาถึงผมอีกด้วย

          "ไอแต็ก อย่า...อย่าทำอย่างนี้"ผมพยายาจับมือที่ซุกซนของมันเอาไว้ แต่มันสะเปะสะปะไปทั่วพอพอผมจะดันมันออกมันก็เบียดตัวเองลงให้โดนธีร์น้อยจนผมได้แต่กัดปากตัวเองเเน่นเพื่อสะกดกั้นอารมณ์

          "กู...กูขอโทษ กูไม่ไหว" มันว่าในขณะที่ปลดเสื้อผมออกได้แล้ว มันไม่ได้ถอดยากเลยครับเพราะเสื้อที่มันเตรียมมาให้ทีแต่เสื้อเชิร์ตทั้งนั้น

          จากนั้นมือมันก็เริ่มลูบไล้ไปทั่วร่างกายผม ผมพยายามดันมันออก แต่พอดันออกได้แล้วเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมร่างมันไว้เเทนมันดันมือไวคล้องคอผมเอาไว้แล้วดึงลงไปจนหน้าเราเกือบจะชิดกัน

          ผมมองมันด้วยแววตาไม่เข้าใจแต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ มันเองก็เช่นกัน จนในที่สุดปากเราทั้งคู่ก็เเตะกัน..

          "อื้อ!"ผมร้องออกมา ใจอยากจะดันออกแต่ร่างกายกลับไปไม่ยอมทำตาม น้ำตาผมเริ่มปริ่มด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ พอผละออกมาได้ก็กลายเป็นผมที่ถูดมันผลิกตัวกลับขึ้นมาอีกแล้ว

          "มึงทำ...แฮ่ก แบบนี้ทำไม...ทำ ทำไม.."ผมเอ่ยปากถามอย่างยากลำบาก แค่ควบคุมร่างกายไม่ให้เผลอไผลก็ยากพอแล้ว น้ำตาผมไหลลงมาช้าๆยามมองหน้าเพื่อนสนิทที่เคยเอ่ยปากบอกว่ามันคือเพื่อนดีเด่น

          ทำไมมันถึงทำแบบนี้กับผม..

          ไอแต็กทำหน้าจะร้องไห้ มันกัดปากแน่นก่อนจะระบายยิ้มที่ผมบอกได้ว่ามันประหลาดสุดๆทั้งดูฝืนและเหนื่อยในเวลาเดียวกัน มันทิ้งตัวลงมาทับผมโอบกอดผมไว้แน่น ในยามที่มันเคลื่อนหน้าจะมาจูบอีกครั้งและผมก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้หนีได้

          "กูชอบมึงนะ ไม่สิ กูรักมึง"

          และมันก็บดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ผมได้แต่ครางอื้ออึงในลำคอเมื่อมันพยายามจะลุกล้ำเข้ามาจนในที่สุดผมก็โอนอ่อนเพราะฤทธิ์ยา

          ผมมองมันด้วยความผิดหวังยามที่มันผละออกไป มันเบื่อนหน้าหนีในขณะที่ดึงปราการชิ้นสุดท้ายออกไป

          "อย่า..." ผมเปร่งเสียงออกไปได้แค่นั้นเมื่อมันมาทำท่าจะกระชากบ็อกเซอร์ผมออกตามไปด้วย วินาทีผมรู้ตัวเลยว่าถ้ามันทำคงไม่มีอะไรฉุดรั้งพวกเราไว้ได้อีกแล้ว

          โคร่ม!!

          "ธีร์!!!!!!!"




----------------------------

          ความควายไม่ทันหายความวัวก็เข้ามาแทรก เรื่องราวชักเริ่มบานปลาย มีคนเดาถูกค่ะ ใช่ค่ะ กลองแต็กเป็นหนึ่งในตัวละครที่เรามักแอบแซมๆให้เห็นถึงความรู้สึกที่เขามีต่อธีร์ แต่อย่างที่บอกว่าถ้าอ่านผ่านๆก็คงไม่รู้ เรื่องราวจากตรงนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของคนๆนี้ค่ะ คนเราเมื่อตักสินใจทำอะไรไปแล้วถึงแม้จะเสียใจแต่ก็กลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว ก็ตามนั้นแหละค่ะ

          อย่างที่พี่อ้อยพี่ฉอดบอก ความรักไม่ผิดค่ะ ในกรณีนี้คือผิดที่ไม่รู้จักพอค่ะ ในฐานะคนเเอบรักจะมีสองกรณีคือยิ้มรับเเล้วปล่อยให้เขามีความสุขไปถึงแม้ตัวเองจะเจ็บ หรืออีกอย่างคือพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะได้อีกคนไว้ในครอบครอง ซึ่งในครั้งนี้กลองแต็กเลือกข้อสองค่ะ 

          ปล.ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมันทั้งนั้น จะค่อยๆเผยออกมาเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่กั๊กแล้วค่ะ ปล่อยหมดก็อกแน่นอน
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.36 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [6.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-10-2016 20:14:17
ปล่อยเลยยยย
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.36 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [6.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-10-2016 20:18:37
ปล่อยยยยยยยยยย

อยากอ่านความลับทุกคนแล้ว ทำไมมันขยักๆเยี่ยงนี้ ใจคนอ่านจะขาดรอนๆ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.36 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [6.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: heroves ที่ 07-10-2016 06:49:49
ว่าแล้วไง

กลองแต๊กเอ้ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.36 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [6.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 07-10-2016 12:41:35
 :katai1: ทำไมวันนี้อ่านเรื่องไหนๆก็มีแต่มาม่า
 :katai5:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.36 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [6.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 07-10-2016 13:36:51
ตงิดๆใจกับแตกมานานแล้วววว มันออกแนวจัดฉากนิดๆอ่ะ ใครมาช่วยน้อง พี่ฝรั่งอ้ะป่าว
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.36 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [6.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 08-10-2016 09:47:15
เรื่องพลิคตลอด
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.37
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 08-10-2016 17:14:28
Chapter 37
| Express


          ผมหันหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วยน้ำตาเเห่งความผิดหวังและตกใจไปทางประตูที่ถูกเปิดออก ก่อนจะพบกับคนที่ผมคิดว่าไม่อยากเจอหน้ามากที่สุดในไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้ทำไมตอนที่เห็นว่าเป็นมันหัวใจผมกลับพองโตขึ้นมา

          ไอหมีควายแทบจะพุ่งเข้ามากระชากตัวไอกลองเเต็กออกจากผม ไม่สิ ไม่กระชากเลยเเหละ มันผลักจนร่างของไอกลองเเต็กปลิวร่วงตกจากเตียง มันรีบหยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไว้ของผมมาใส่ให้ผมอย่างลวกๆ ผมที่ตอนนี้ไม่มีแรงขัดขีนเเล้วได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอย่างเงียบๆ

          "I'm here. I'm sorry. (ฉันมาเเล้ว ฉันขอโทษ ฉันอยู่นี่แล้ว)"มันว่าแล้วเกลี่ยน้ำตาผมออก

          พอจัดการอะไรเสร็จไอหมีควายก็ช้อนตัวผมขึ้น ผมพยายามจะดิ้นลงเพราะตอนที่ตัวผมเเตะโดนตัวอุ้นไของมันอารมณ์ที่มีอยู่แล้วก็พาลจะถูกปลุกปั่นขึ้นไปอีก แต่มันไม่ยอมกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นแล้วพาผมออกไป ผมจึงทำได้แค่ขบฟันตัวเองแน่นเเล้วซุกอกแข็งๆที่คุ้นเคย

          "Thank you.(ขอบคุณนะ)"มันหันไปพูดกับใครซักคนซักคน ซึ่งผมไม่มีสมาธิจะไปมองด้วยว่าใครก่อนที่มันจะพาผมขึ้นรถมา

          มันเปิดประตูให้ผมนั่งที่นั่งข้างคนขับที่ๆเดิมที่ผมเคยนั่งก่อนที่ตัวเองจะอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ผมก็พยายามรวบรวมแรงที่มีเปิดประตูจะลงแต่ก็ไม่ทันมันที่เอื้อมมาล็อกมือผมไว้ก่อน

          "Where are you going?(จะไปไหนน่ะ)"

          "ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่กับมึง!"

          "Hey, Are you okay? Thee Thee!(เฮ้ เป็นอะไรรึเปล่า นี่ธีร์ ธีร์!)"

          มันเรียกผมซ้ำๆก่อนจะบังคับให้ผมหันหน้าไปสบตากับมัน ทันทีที่ใบหน้าอันคุ้นเคยเข้าสู่สายตา รูปตรงหน้าผมก็พร่าเลือนไปทันทีด้วยม่านน้ำตา

          น้ำตาแห่งความผิดหวังเเละไม่เข้าใจที่พยายามเก็บมาตลอดเวลาที่หายหน้าไปพรั่งพรูออกมาทันทีเมื่อเจอหน้ามัน ยิ่งตอนนี้เกิดเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดไว้ก่อนอีกมันทำให้ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นผม

          "Thee, What's wrong? Can you tell me?(ธีร์ เป็นอะไร บอกฉันได้ไหม)"มันว่าเสียงอ่อนลงดวงตาคู่สวยมองมาที่ผมอย่างเป็นห่วง

          "ฮึก"

          ผมส่ายหน้า จะให้พูดตอนนี้มันพูดไม่ออก มือก็ได้แต่ผลักมันออกเพราะอารมณ์ที่กำลังพวยพุ่ง ไม่รู้ยาอะไรแต่ฤทธิ์แม่งแรงมาก

          "Shh...Don't cry. Let me help you.(ชู่ว ไม่ร้องนะ ให้ฉันช่วยนะ)"

          "มะไม่...อย่า.."

          "I promise I won't do that. Just make you relax(ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แค่จะช่วยให้สบายตัวเฉยๆ)"

   ผมไม่สามารถปฏิเสธอะไรมันได้อีกทั้งๆที่ในใจไม่ต้องการแต่ร่างกายกับตอบรับทันทีเมื่อมันเอื้อมมือมาแตะธีร์น้อยที่ตื่นอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นก็ไม่รอช้าลอกคราบผมออกทันที

         ผมพยายามจะเบี่ยงตัวหนีเพราะถึงแม้จะอยากเล่นตัวแต่ในสภาพนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้มาก และด้วยสติอันน้อยนิดรู้ตัวอีกทีตัวผมก็ไปเกยอยู่บนตักมันเสียแล้ว


        ไอหมีควายกึ่งลากกึ่งอุ้มให้ผมไปนั่งอยู่ตรงหว่างขามัน ก่อนจะกุมมือเข้าที่ธีร์จัดการรูดขึ้นลงทันทีโดยไม่ต้องปริปากพูดอะไร

         "อ่าส์.."

        ผมครางออกไปอย่างลืมตัว และไม่เพียงมันจะปรนเปรอธีร์น้อยเพียงอน่างเดียว อีกมือก็สอดเข้ามาใต้สายเสื้อลูบขึ้นลงอย่างเบามือ สะกิดยอดอกสลับกับขยี้จนผมครางเสียงหลงแอ่นอกเข้าหาด้วยความต้องการ

        "อะ อื้อ เร็ว เร็วอีก"

        มันสาวมือไวขึ้นตามการเรียกร้องของผมอย่างไม่อิดออด ผมเเหงนหน้าขึ้นเมื่อเมื่อใกล้ถึงฟากฝั่ง ในจังหวะที่ผมเงยขึ้นไปสบตากับใครอีกคน ผลันความเคยชินส่งให้ผมเอื้อมมือไปคล้องคอมันก่อนจะกดจูบลงมา

      "อื้อ!"

       ผมครางในลำคอเมื่อในจังหวะที่ธีร์น้อยได้ปลดปล่อยออกมา ผมกะจะผละออกจากมันแต่คนตัวโตกลับไม่ยอมผลิกตัวผมให้ไปเผชิญหน้าจากนั้นก็กดจูบลงมาอีกรอบ

        ลิ้นหนาตวัดเกี่ยวกับลิ้นผมอย่างเร้าร้อนเหมือนไปตายอดตายอยากที่ไหนมา มันจูบผมนาน...นานมาก จนผมเเทบจะขาดอาหาศหายใจตาย ดีที่พอผมทุบอกมันแรงๆมันก็ยอดปล่อยผมแต่โดยดี

   พอได้ปล่อยออกไปรอบนึง ตัวผมนี่เบาขึ้นเยอะ ความรู้สึกอึดอัดและรุ่มร้อนได้จางหายไปมากแต่หากโดนปลุกปั่นอีกก็คงขึ้นอีกง่ายๆ แต่นั้นก็พอให้ผมตั้งสติได้แล้วพยายามจะปีนเบาะรถไปอีกฝั่ง และตอนจะพยายามปีนเนี่ยแหละเพิ่งสำนึกได้ว่าผมกำลังอะไรอยู่บนรถ

          ชิบหาย!

          หมับ

          แต่ไม่ทันที่จะปีนถึงอีกฝั่งไอหมีควายก็รวบตัวผมเข้าไปกอดเสียก่อน กอดแน่นมากๆ แต่นั่นไม่ได้เรียกความสนใจของผมได้เท่ากับการมองหาว่ามีคนอยู่แถวนี้รึเปล่า เเละเคราะห์ดีที่ทำให้ผมหายใจได้โล่งขึ้นเพราะฟิลม์รถค่อนข้างมืด

          "What's wrong with you? Can you tell me? Why you disappear like this? I'm really worried about you.(นายเป็นอะไร บอกฉันได้ไหม? ทำไมถึงหายไปแบบนี้ ฉันเป็นห่วงแทบเเย่เลยรู้ไหม)"

          ไม่รู้ กูจะไปรู้มึงได้ยังไงล่ะ

          ผมเงียบไม่ตอบมัน แต่ก็ยอมให้มันกอดผมไว้อย่างนั้น

          "Can't you tell me ? Hmm?(เป็นอะไรบอกกันไม่ได้เลยหรือ? หืม?)"มันพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆเหมือนกำลังหลอกล่อเด็ก แต่คำพูดมันทำให้ผมนิ่ง

          นั่นสินะ...

          "So can't you tell me what you did?(แล้วไปทำอะไรบอกกันไม่ได้เลยหรือ?)"ผมย้อนถามกลับ ผลิกตัวที่ตอนแรกโดนกอดจากด้านหลังไปสบตากับมันด้วยดวงตาสั่นๆ

          ผมยังไม่พร้อมจะคุย แต่เรื่องถึงขนาดนี้คงต้องคุยกันให้เคลียร์ได้แล้ว มันไม่ใช่เวลาจะมีกลัวอะไรแล้ว

          "What do you mean? Did I do something wrong?(นายหมายความว่ายังไง? ฉันไปทำอะไรให้นายโกรธรึเปล่าคอร์กี้?)"

          ผมรู้ว่าตัวเองใกล้ร้องไห้เต็มที ยิ่งมันตอบเหมือนสงสัยว่าตัวเองทำอะไรมันทำให้ผมผิดหวังยิ่งกว่าเก่า ผมพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอก่อนจะฝืนยิ้มแล้วถามมันไปตามตรง

          "If you already have a lover why you ask me to be your boyfriend. (มีคนที่รักอยู่แล้วจะมาคบกับผมทำไม)"

          คำถามที่ค้างคาอยู่ในใจแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ถามออกไป

          "What!? What do you mean by that? (อะไรนะ! นายหมายความว่ายังไง?)"

          ผมหลุบตาลงต่ำไม่อยากจะมองหน้ามันอีก มันเอื้อมมือทั้งสองข้างมาจับปมไว้เหมือนต้องการจะคาดคั้นว่าผมหมายถึงอะไรและนั่นทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่างบนแขนมัน

          รอยเล็บและรอยฟัน

          จริงๆใช่ไหม สรุปมันไปทำอะไรอย่างนั้นจริงๆใช่ไหม

          ผมยอมรับว่าแม้วันที่ผ่านมายังมีเศษเสี้ยวหนึ่งในใจที่ยังคงบอกผมว่าให้เชื่อใจมัน มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เห็นและรอมันมาอธิบาย ผมยังหวังอยู่ลึกๆ...แม้จะไม่อยากยอมรับ

          "อย่ามาแตะนะ!!"

          เพี๊ยะ!

          ผมปัดมือมันพร้อมบอกมันออกเสียงดังจนเหมือนตะคอก สภาพตอนนี้ผมมันน่าสมเพชเกินไปทั้งๆที่บอกว่าอย่ามาแตะ แต่เพราะฤทธิ์ยาที่ผมว่าเริ่มหายไปแล้วกลับวกกลับมาใหม่ทำให้ผมได้แต่กัดปากตัวเองแน่น

          "ธีร์.."มันเรียกชื่อผมเสียงอ่อน แต่ผมไม่มีทางใจอ่อนกับเสียงแบบนั้นแล้ว ผมรวบรวมสติเฮือกสุดท้ายเพื่อปีนไปอีกเบาะแต่ผู้ชายร่างยักษ์ก็ไม่ยอมปล่อยผมไปเสียที

          "ปล่อย!"

          "Thee, we have to talk. (ธีร์ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!)"

          "ไม่มีอะไรต้องคุยอีกแล้ว! ปล่อยกูไว้ที่นี่แล้วกลับไปหาตัวจริงของมึงนู่น!"ในที่สุดผมก็พลั้งปากออกไปจนได้ นี่ผมกำลังงี่เง่าใช่ไหม ผมกำลังประชดประชันมันใช่ไหม ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดีแต่ผมก็ห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว ผมก้มหน้ากัดปากตัวเองแน่น เพราะยิ่งพูดเท่าไหร่ผมก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น

          "What? What do you mean?(เดี๋ยว! มันหมายความว่ายังไง)"มันทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ

          "ถ้าไม่ได้รักกันก็บอกกันตรงๆได้ไหม ถ้าเห็นกูเป็นตัวสำรองก็ปล่อยกูไปเถอะ"ผมพูดด้วยความเหนื่อยเต็มที ความรู้สึกที่เก็บไว้ในก้นบึ้งหัวใจถูกปลดปล่อยออกมาเหมือนน็อตหลุด

          "..."

          มันเงียบ ไม่รู้ว่าเพราะพูดไม่ออกหรือฟังไม่รู้เรื่องกันแน่ ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปสบตากับมันตรงๆด้วยสีหน้าที่ผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

          "I'm hurting.(ผมเจ็บเป็น)"

          เพียงแค่นั้นมันก็น่าจะเข้าใจทุกอย่างเเล้ว ผมกัดฟันแน่นข่มอารมณ์ที่กำลังพวยพุ่งเพราะไออุ่นจากคนตัวโต มือพยายามผลักมันออกแต่มันกลับรวบไว้ด้วยมือเดียว

          "I'm don't understand!(ฉันไม่เข้าใจ!)"มันขมวดคิ้วแน่นราวกับไม่เข้าใจจริงๆ นี่มันไม่รู้ตัวหรือแกล้งไม่รู้กันแน่ และด้วยความดื้อดึงของมันก็ทำให้ผมทนไม่ไหว

          "โอ้ย!!!! ก็มึงเจอเฟิสเลิฟมึงเเล้วหนิ! มึงก็เจอแล้ว มึงก็ไปหาเขาแล้ว มึงก็ปล่อยกูไป ปล่อยกูไปเถอะ ฮึก"ผมตะคอกใส่มันเสียงดัง แต่ท้ายประโยคนี่แผ่วมาก ผมเหนื่อยที่จะพูด คนเราทำอะไรลงไปก็ต้องรู้ตัวไม่ใช่หรอวะ ทำไมถึงต้องมาคาดคั้นถามอะไรผมอีก

          "You mean Tee no no Tong?(นี่นายหมายถึงที ไม่สิ ตองหรอ?)"

          พอได้ยินชื่อผมก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที นี่แสดงว่ามันยอมรับแล้วสินะว่ารักแรกมันคือพี่ตอง

          พอผมไม่ตอบมันก็เงียบไปนิด นั่นเป็นจังหวะให้ผมผละตัวออกมาจากมันรีบหยิบกางเกงที่กองร่วงไปกับพื้นขึ้นมาสวม แต่ยังไม่กล้าลงจากรถเพราะสภาพตอนนี้ผมไม่โอเคมากๆ แค่ควบตัวเองไม่ให้หอบหนักๆยังทำไม่ได้เลย

          ทำไมทุกอย่างถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ

          "It's not like that. You're misunderstanding.(นายกำลังเข้าใจผิดมหันต์เลยธีร์)"แต่จู่ๆมันก็พูดขึ้นมาเสียงเครียด มันใช้มือสองข้างกุมแก้มผมไว้ บังคับให้มองหน้าผมตรงๆ สีหน้ามันจริงจังราวกับจะยืนยันว่าตัวเองพูดจริง

          "เข้าใจผิดอะไร ก็เขาเป็นแฟนเก่ามึงไม่ใช่เหรอ"ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บ

          "No, he isn't.(ไม่ เขาไม่ใช่)"

          กึก

          จริงหรือวะ มันพูดจริงหรือ

          "โกหก.."แม้ในใจจะมีหวังแต่ความรู้สึกผมบอกว่าอย่าไปเชื่อ เราต้องเชื่อในสิ่งที่เห็น อย่าหลอกตัวเองอีกต่อไปเลยธีร์

          "Then I will show you. But now let me help you first. (งั้นฉันจะพิสูจน์ แต่ตอนนี้นายคงไม่ไหวแล้ว ให้ฉันช่วยก่อนเถอะ)"

          "ไม่!"ผมปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด แค่ให้มันช่วยไปรอบหนึ่งก็อายจะตายชักแล้ว แถมตอนนี้ผมยังเคืองๆกับมันอยู่อีก

          "Thee...don't be stubborn.(ธีร์...อย่าดื้อสิ)"

          "มะ...ไม่ใช่บนรถ"

          ให้ตายเถอะ ไอปากเวร! ไอหัวใจทรยศ! แค่เขาบอกว่าไม่ใช่หน่อยก็ดันพองโตขึ้นมาอย่างมีความหวังทั้งๆที่มันอาจจะเป็นเพียงแค่ลมปาก

          "So put up with it.(งั้นทนหน่อยนะ)"

          ให้ตายเถอะ...ทำไมผมถึงใจอ่อนง่ายขนาดนี่วะเนี่ย


------------------------------

          "ไม่...ไม่เอาที่นี่"

          ผมเปล่งเสียงออกได้เพียงเท่านั้น ดวงตาสั่นๆทั้งยังส่ายหน้ารัวๆเมื่อเห็นสถานที่ๆมันพามา...โรงแรมที่ไม่กี่วันก่อนผมเจอมันกับพี่ตอง

          "I think this is the nearest place.I think you can't bear until we reach your room.(ที่นี่เป็นที่ๆฉันว่ามันใกล้สุดแล้ว ถ้าจะกลับคอนโดนายคงทนไม่ไหว)"มันว่าด้วยสีหน้าจริงจัง

          "แต่ที่นี่มัน.."

          เป็นที่ๆมันกับแฟนเก่าเข้ามาด้วยกันไม่ใช่หรือ?

          ผมได้แต่ต่อในใจ สาบานว่าผมต่อต้านมันแล้วจริงๆแต่ร่างกายผมมันทรยศ ไอหมีควายก็ไม่พาผมเข้าไปแบบธรรมดามันอุ้มผมเข้าไปโดยเอาเสื้อนอกที่พาดไว้บนรถมาคลุมๆตรงส่วนกลางลำตัวของผมซึ่งกำลังเคารพธงชาติไว้ และเพียงแค่มันก้าวเข้าไปแทบจะทุกคนก็หันมามองมันทันที ผมเลยได้แต่ยอมรับชะตากรรมแล้วซุกอกหนีความอายแทน

          มันพาผมขึ้นลิฟท์เห็นหยิบบัตรอะไรซักอย่างไปแตะก่อนจะกดดลขชั้นที่ผมรู้สึกได้ว่ามันสูงมากๆ ผ่านไปไม่นานนแต่สำหรับผมหนึ่งวินาทีเหมือนเป็นหนึ่งนาทีไม่รู้ว่ามันตั้งใจจะทรมาณผมรึเปล่าถึงได้เลือกท่าอุ้มที่แตะโดนตัวมากที่สุดแถมยังมีกลิ่นกายหอมอ่อนๆมาจากตัวอีก

          มันพาผมไปที่ๆห้องๆหนึ่ง เสียบคีย์การ์ดและเปิดเข้าไป มันเป็นห้องที่ผมบอกได้เลยว่ากว้างมาก จากทางเดินมาประตูห้องผมเห็นว่าทั้งชั้นมีแค่ฟากละสองห้องเท่านั้น

          มันพาผมเดินผ่านตรงส่วนห้องนั่งเล่นเพื่อจะไปที่ห้องๆหนึ่งแต่ยังไม่ทันจะได้เปิดประตูห้อง ก็มีเสียงที่คุ้นหูทักขึ้นก่อน

          "อ่าว กลับมาแล้วหรอ"

          บุคคลที่ไม่กี่วันก่อนเพิ่งจะเดินเข้าโรงแรมแห่งนี้มาพร้อมๆกับไอหมีควายเปิดประตูออกมาจากห้องๆหนึ่งจากอีกฝั่ง..

 
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.37 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [8.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-10-2016 18:53:47
ตอนหน้าต้องเคลียร์เลยนะออสติน ห้ามหมกเม็ด
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.37 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [8.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 08-10-2016 20:43:51
ผ่านไปอีกตอน สองคนก็ยังไม่เคลีย~~~~
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.37 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [8.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 08-10-2016 20:48:35
ค้างงงงงตัดฉับเลยค่ะ ยังไม่เคลียร์กันเลย ตัวปัญหามาอีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.37 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [8.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: heroves ที่ 08-10-2016 23:55:42
ให้ตายเถอะ ฉันอยากรู้วววววววววววว
(ลงไปดิ้น) :ling1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.37 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [8.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 09-10-2016 09:03:58
ไม่ Clear เลย,,,
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.38
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 09-10-2016 16:17:43
Chapter 38
| Past



          ไอหมีควายไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่หันไปมองหน้านิดก่อนจะพาผมเข้ามาในห้องเป้าหมาย ผมได้แต่มองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจระคนเจ็บปวด มันจะพาผมมาทำไม พามาถึงห้องที่มันอยู่กับพี่ตองน่ะหรือเเถมตัวพี่ตองยังอยู่ที่นี่อีก เรื่องราวมันชักสับสนมากขึ้นเรื่อยๆจนผมมึนงงไปชั่วขณะ

          แต่ไม่มีเวลาให้ผมคิดหรือปะติปะต่อเรื่องนานไอหมีควายก็วางผมลงบนเตียงเบาๆ ลูบหัวผมนิดก่อนจะก้มลงมากดจูบแผ่วเบาโดยไม่มีสัญญาณว่าจะลุกล้ำไปมากกว่านี้ เป็นผมเสียเองมากกว่าที่ชะชากคอมันเข้ามาใกล้ก่อนจะเป็นฝ่ายสอดลิ้นเข้าไปก่อนอย่างที่ไม่เคยทำ

          ไอหมีควายดูจะตกใจอยู่ไม่มากก็น้อยเมื่อผมเอ่ยปากร้องขออย่างที่ควบคุมความต้องการของร่างกายตัวเองไม่ได้แต่มันก็ไม่พูดอะไรจับผมลอกคราบอย่างรวดเร็วพร้อมกับก้มลงมากระซิบข้างหูว่าจะช่วยให้สบายตัว..


------------------------------------------


          ไม่รู้ว่าผมปลดปล่อยไปกี่น้ำ แต่มันทำให้ผมเพลียจนหลับไปเลย ไอหมีควายก็ไม่ทำอะไรผมอย่างที่พูดจริงๆแม้ผมจะปีนป่ายตัวมัน เรียกร้องครวญครางปานจะขาดใจมันก็ทำแค่กัดฟันกรอดแล้วใช้มือช่วย...ปากก็ด้วย

          ผมสะลึมสะลือตื่นมาอีกทีท้องฟ้าก็กลายเป็นสีดำสนิทเสียเเล้ว ผมเพิ่งสังเกตว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องทึบแต่อีกฝั่งเป็นม่านผืนใหญ่ ข้างกายผมไม่มีร่างอุ่นๆที่ครั้งสุดท้ายที่ผมยังคงสติได้อยู่ผมจำได้ว่ามันโอบกอดผมไว้แน่นพร้อมบอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังเเล้วสบายใจให้พักซะ

          ถึงแม้ฤทธิ์ยานรกนั่นจะหายไปแล้วแต่ก็ยังทิ้งอาการมึนๆตกค้างไว้อยู่ ผมลุกขึ้นเซๆเล็กน้อยเพราะหน้ามืดดีที่เอามือยันเตียงไว้ได้ทันไม่งั้นคงได้เอาหัวฟาดพื้น ซวยซ้ำซวยซ้อนไปอีก

          ผมยังไม่เปิดประตูออกไปข้างนอก สมองอันน้อยนิดบอกผมว่าผมควรลองประติประต่อเรื่องราวอันน่าสับสนนี้ให้ได้ก่อนที่จะไปเผชิญหน้ากับปัญหาที่ยังค้างคาใจ ผมตัดสินใจเดินมาเลิกผ้าม่านออกนิดก่อนจะต้องยืนเหวอไปกับภาพข้างหน้า

          วิวของเมืองกรุงยาวค่ำคืนที่ผมไม่เคยได้มีโอกาศมองมันจากที่สูงๆขนาดนี้มาก่อน และจากมุมนี้ทำเลนี้ คอนโดนี้ต้องแพงหูฉี่อย่างเเน่นอน ถึงระหว่างเข้ามาผมจะซุกอกไอหมีควายหนีอายก็เถอะ แต่ภาพพร่าๆที่ยังติดตาอยู่เล็กน้อยยังพอบอกได้ว่าที่นี่ต้องหรูมากในระดับหนึ่ง

          และถ้าที่เขาบอกว่ายิ่งสูงก็ยิ่งแพง ห้องนี้ก็คงเป็นห้องที่แพงที่สุดในที่นี้เเล้วล่ะ

          แกร็ก..

          เสียงเปิดประตุทำเอาผมสะดุ้ง หันไปมองก็พบไอหมีควายที่เดินเข้ามาพร้อมกะละมังใบเล็กๆพร้อมผ้าชุบน้ำ

          "Do you feel better? Hurt anywhere? You should sleep more your health is not to good. Did you sleep late last night?(ปวดตรงไหนไหม นายน่าจะนอนพักอีกซักนิด ร่างกายนายคงเพลียมาก ดูท่าทางวันที่ผ่านมาจะนอนน้อยด้วย)"

          มันเดินเข้ามาใกล้ วางกะละมังไว้ตรงหัวเตียง คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างกังวลพร้อมทั้งยื่นมือมาแตะหน้าผากผม

          ผมพูดไม่ออก การปฏิบัติที่มันทำต่อผมยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน สายตาเป็นห่วงเป็นใยนั่นไม่ว่ามองผมก็เชื่อว่าเป็นของจริง พอเรื่องมันชักพาสับสนยิ่งกับคำพูดมันก่อนหน้านี้ ผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นยังไงกันแน่ ผมเลยไม่กล้าเเสดงท่าทีอะไรมากเพราะผมยังคิดไม่ออกเลยว่าผมควรจะคิดยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นกันแน่

          ผมไม่รู้ว่าผมยังควรโกรธมันต่อไป ตัดพ้อน้อยใจอย่างที่เผลอทำไปบนรถ หรือว่าจะกลับมาเป็นเหมือนปกติ เป็นแฟนกันเหมือนเดิม

          ก็ดูท่าทีที่มันทำตอนนี้สิ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

          "ปวดหัวนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร"ผมตอบไปตามคำถาม ส่ายหน้าน้อยๆเป็นเชิงว่าไม่ต้องห่วง แต่มันก็ยังคงจับผมไปนอนบนเตียงแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบผ้าชุบน้ำมาบีบหมาดๆ

          "ไม่ต้องๆ I can do it"ผมปฏิเสธทันที ถ้ามันมาเช็ดให้ตอนหลับก็จะไม่ว่าอะไรนะ แต่นี้ผมตื่นเต็มตาลืมตาจ้องหน้ามันปิ๊งๆแถมผมก็ไม่ได้เเขนขาหักหรือเป็นง่อยจะใหัคนอื่นมาทำมันก็แปลกๆ

          แต่มันกลับมองผมดุๆซะงั้น

          "Anyway, What's happened?(ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่)"มันเป็นฝ่ายเอ่ยถามขณะที่เริ่มลงมือเช็ดตัวให้ผม ผมที่ยังอารมณ์ไม่ค่อยคงที่มองกลับด้วยสายตาขุ่นๆที่มีความน้อยใจใส่ไปเต็มที่อย่างไม่รู้ตัว

          "กูควรจะถามมากกว่าไหม"

          ปากพล่อยอีกแล้วไอธีร์เอ้ย...

          ทั้งๆที่บอกตัวเองว่าอย่างี่เง่า อย่าตัดพ้อน้อยใจ ประชดประชันเหมือนนางเอกในละครตลอดเวลา แต่ตอนนี้ผมกลับทำอย่างที่คิดไว้ไม่ได้เลย

          "Thee...I don't know what I'm doing wrong so you have to tell me. If you dislike anything you can tell me or ask.I will tell you everything honestly.(ธีร์...ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิด ฉะนั้นนายต้องบอกฉันเข้าใจไหม มีอะไรไม่พอใจก็ถามได้เลย ฉันพร้อมจะตอบนายทุกอย่างอยู่แล้ว)"แต่มันกลับใช้วิธีน้ำเย็นเข้าลูบ มันไม่ร้อนตามผมที่ตอนนี้เผลอทำหน้าหงิกไปแล้ว มันทำหน้าเหมือนอยากให้เข้าใจใช่น้ำเสียงทุ้มนุ่มนั้นบอกผมไม่ดังนัก แต่ในน้ำเสียงอุ่นๆในนั้นกลับทำให้ใจผมอ่อนยวบอย่างน่าประหลาด

          และนั่นทำให้ผมหลุบตาต่ำ ก่อนจะตัดสินใจถาม

          "เมื่อวานนี้ ยูกับพี่ตอง come to this hotel ใช่ไหม?"

          มันชะงักมือที่กำลังเช็ดตามแขนผมอยู่ คิ้วทั้งสองข้างมันเคลื่อนเข้าหากันทันทีเมื่อจบประโยค นั่นทำให้ผมกลับไปก้มหน้าไม่กล้ามองหน้ามันอีก

          "You see it?(นายเห็น?)"

          ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ผมหวังว่ามันจะแก้ตัวอะไรออกมาแต่ก็ไม่ มันเงียบไปพักใหญ่จนใจผมเสียเงยหน้าไปมองมัน

          มันนั่งกอดอกอยู่บนเตียงเฉียงๆ สายตามันมองมาที่ผมนิ่งจนผมอยากจะร้องไห้ ให้ตายเถอะ พูดอะไรออกมาซักนิด ผมต้องการคำตอบไม่ใช่ความเงียบ

          นี่ผมจะร้องจริงๆแล้วนะเว้ย!

          "หึ"

          แต่เสียงหัวเราะที่หลุดออกมาเบาๆทำให้ผมถึงกับชะงัก น้ำตาที่เตรียมพร้อมหลั่งถึงกับแห้งเหือด พอมองไปที่ต้นตอของเสียงก็พบรอยยิ้มบางๆระคนเอ็นดู

          "ไม่ขำ"

          มันไม่ได้ว่าอะไรกับคำพูดและใบหน้าอันบูดบึ้งของผม มันขยับเข้ามาใกล้ ดึงตัวผมเข้ามากอดแน่นๆจากนั้ยก็เริ่มอธิบายพร้อมรอยยิ้ม

          "First of all, From you said I have to assure you that Tong is not my ex-boyfriend."(ก่อนอื่นเลย จากที่ฉันฟังนายมาฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าตองไม่ใช่แฟนเก่า)"

          "แล้วเรื่องเฟิร์สเลิฟ?"ผมย้อนถามอย่างสงสัย น้ำเสียงเเละท่าทางของมันทำเอาผมโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่นั้นก็ไม่ได้ความว่าผมไม่ต้องการความกระจ่างในเรื่องนี้

          "Uh-huh, He is my first love but not my boyfriend the easiest way to say is one-sided love.(อือฮึ เขาเป็นรักแรกแต่ไม่ใช่แฟนเก่า จะว่าไงดีล่ะ แอบรักข้างเดียว?)"ผมดันมันออกมาเพราะอยากเห็นสีหน้า ตอนเเรกคาดว่าจะเจ็บปวดอยู่บ้างแต่ไม่เลย มีเพียงร้อยยิ้มเอ็นดูที่ส่งมาเท่านั้น ซึ่งนั้นทำเอาผมงงเข้าไปใหญ่

          "แล้วทำไมถึงต้องมาตามหา เเล้วถ้ามาตามหาอยู่จะมาคบผมทำไม" นี่ผมงงจริงจังไม่พึ่งสแตนด์อินมาก โอเค ผมอาจจะสมองช้า แต่ผมว่าเรื่องมันขัดๆกันแปลกๆ ถ้ามาตามหา ก็ต้องพุ่งไปที่คนๆนั้นป่ะวะ ไม่งั้นก็กลายเป็นว่ามาตามแบบเจอก็ดีไม่เจอกูก็ไม่เป็นไรงี้เหรอ

          "I never think it before that I would met you but I like like Tee--Tong until high-school and When I  know that I'm fall in love it's last year so I decide to tell him. (ที่มาเจอนายนี่ไม่ได้คิดมาก่อนจริงๆ แต่ฉันชอบที...ตอง มาตั้งแต่สมัยเรียนเเล้ว แต่พอรู้ตัวว่าตกหลุมรักไปเต็มๆก็เกือบจะเป็นปีสุดท้าย และฉันก็ไม่ลังเลเลยที่จะสารภาพกับเขา)"

          "..."

          "Do you know what is he said? He told my that I wasn't really love him. It's funny right ? when have someone told me that he know me than myself. By the way, It isn't false at all. Did you know he is psychiatrist. Actually, his character is match since he was in high-school. But I don't agree that he know me than myself then I was dispute with him. So Tong have an idea that if I feel to him the same way when I graduate I have to fly to Thailand. But I have to clear my live and bussiness before then I late about 5 years but it be fitting with his graduation. (แต่รู้ไหมเขาตอบฉันว่าไง? เขาบอกว่าฉันไม่ได้รักเขาจริงๆหรอก ตลกไหมล่ะ ที่มีคนบอกว่ารู้ดีมากกว่าตัวฉันเอง แต่ก็นั่นแหละ มันก็ไม่ผิดนักหรอก นายรู้ใช่ไหมว่าตองเป็นจิตแพทย์ ที่จริงบุคลิคเขาให้ตั้งแต่สมัยเรียนเเล้วเขามองคนเป็น รู้ว่าใครควรปฏิบัติตัวเเบบไหนใส่ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะรู้ก็ไปมากกว่าตัวฉันเองเลยเถียงกับ ตองเลยบอกว่าถ้ายังรู้สึกเหมือนเดิมเมื่อเรียนจบให้บินมาหาเขา เขาจะรอ แต่พอจบฉันก็ยุ่งกับอะไรหลายๆอย่าง พอลงทุนเปิดคลีนิคเป็นของตัวเองเลยต้องรออะไรๆให้มันลงตัวก่อน พอวางใจเลยบินมาที่นี่ เลทหลายปีเลยล่ะ แต่มันก็พอดีกับที่เขาเรียนจบน่ะนะ)"

          "แล้วก็มาเจอผม?"

          "But the unexpected event is I've got one short roommate that we can't communicate clearly. In that situation I still can't contact Tong so I decided to live with you. First I think that it would have problem about communication. By the way, when I saw you try to talk with me it's so cute and I can't denied that you are my type. When time have pass I was fall deeper. (แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันคือฉันดันได้รูมเมทตัวเตี้ยๆคนหนึ่งที่สื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่มานี่สิ ทั้งตอนนั้นก็ยังติดต่อตองไม่ได้เลยตัดสินใจอยู่ไปเรื่อยๆ ตอนเเรกคิดว่าคงมีปัญหาพอควรกับการสื่อสาร แต่ก็นะ เห็นนายพยายามแล้วมันน่ารักดี จะว่าไปนายก็ดันตรงเสป็คฉันจริงๆนั่นแหละ พออยู่ด้วยกันเลยเริ่มหวั่นไหว)"

          "..."

          ผมได้แต่เงียบฟังมันพูด ถึงแม้จะฟังไม่รู้เรื่องทุกคำพูดแต่พอจับใจความได้อยู่ โดยเฉพาะที่มันบอกว่าผมเตี้ยกับความกากอังกฤษของผมเลยอดบุ้ยหน้าใส่ไม่ได้ ให้มันยกมือขึ้นมาขยี้ผมผมเบาๆ

          "I feel ashamed but I have to say that when I with one recklessly kid I forgot the my aim why I come to Thailand. Until my feelings is stronger so I ask you to be by boyfriend. Did you remember the day I got drunk? That day I meet Tong again and I was confusing. I have had tell myself before that the word love that I give it to him is the same  but I can't denied that I love him like brother. Tong didn't blame me but I feeling guilty to him because he've really waiting me for about 10 years. (จะให้พูดก็แอบละอายใจตัวเองนิดหน่อย แต่บอกได้เลยว่าช่วงที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเด็กป้ำๆเป๋อๆมันทำเอาฉันลืมเป้าหมายของการมาไทยครั้งนี้ไปเลย จนความรู้สึกมันเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ตัดสินวจขอนายเป็นแฟน จำวันที่ฉันเมาได้ไหม วันนั้นฉันเจอตองอีกครั้งและสับสนในตัวเองมาก ฉันเคยสะกดจิตตัวเองว่าคำว่ารักที่เคยมีให้เขายังเหมือนเดิม แต่ทำยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันรู้สึกกับเขาเหมือนพี่ชายน้องชายที่พึ่งพาได้เท่านั้น ตองไม่ได้ว่าอะไรฉัน แต่ก็รู้สึกผิดอยู่ดีเพราะเขารอฉันจริงๆโดยไม่มีใครตั้งเกือบ10ปีเชียวนะ )"

          เดี๋ยวนะ จะว่าไปผมก็ไม่เคยถามอายุมันเลยนี่น่าพอประโยคเมื่อกี้บอกว่ารอ10ปีทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าเขาบอกว่าเป็นเพื่อนกับพี่ตอง...อายุก็ต้องเท่ากัน จากคำนวณดูแล้ว

          โอ้มายบุ้ดด้า! นี่เขาจะสามสิบเเล้วน่ะสิ!

          "ไม่ได้ให้มาพูดเรื่องนี้ซักหน่อย แล้วเรื่องโรงแรมนี้ล่ะ ทำไมไม่บอกกันตรงๆ ธุระๆอยู่นั่นแหละ ทำไมต้องมีลับลมคมใน แถมรอยแผลนั่นอีก"ผมดึงตัวเองกลับมาที่ความข้องใจหลัก ในที่สุดก็กล้าถามมันไปตรงๆเสียที ตอนนี้ล่ะ ถ้ามันไม่มีเหตุผลดีๆ ผมก็ควรเลิกหลอกตัวเองได้แล้ว


          "This...I think you should see by your eye.(เรื่องนี้...ฉันว่าตามมาให้เห็นกับตาดีกว่า)"

          เขาตอบคำถามที่ผมอยากรู้มากที่สุดโดยการลุกขึ้นแล้วฉุดให้ผมลุกตาม สีหน้ายิ้มๆเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นซีเรียสโดยฉับพลัน

          ผมเดินตามมันออกไปเงียบๆ ก่อนที่มันจะตรงไปยังอีกห้อง ที่ก่อนหน้านี้พี่ตองเคยออกมา ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับผมว่าเรื่องมันชักจะไม่ใช่อย่างที่คิดไว้ตอนแรก

          สิ่งแรกที่ผมได้เห็นคือห้องนอนสีขาวเรียบๆที่กว้างกว่าห้องเมื่อกี้พอสมควร แต่ทั้งห้องกลับมีเพียงนอนสีขาวหลังใหญ่อยู่ตรงกลางเพียงอย่างเดียวไร้ของตกแต่งชิ้นอื่น

          ข้างๆเตียงนั่นมีพี่ตองนั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่ประเด็นคือผมเห็นมีคนนอนอยู่บนเตียงที่ผมเห็นหน้าไม่ชัด ไอหมีควายจูงมือผมเข้าไปใกล้เตียงนั่นก่อนที่ภาพของคนไม่คาดฝันจะปรากฏอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนา ผมก็เเทบจะกระโจนเกาะขอบเตียงเรียกคนตรงหน้าอย่างตกใจ

          "เฮีย!"



-----------------


          อ้าวเฮ้ย... คราวนี้พี่หมีแกเล่าเรื่องทั้งหมดออกมาเเล้วนะคะ เล่าแบบยาวเหยียดชนิดที่ว่าขี้เกียจทรานสเลตกันเลยทีเดียว สรุป...ไม่ใช่แฟนเก่าค่ะ นางเเอบรักเขาข้างเดียว แต่ตองนี่ฉลาดไง เขาดูออกว่านางเเค่หลงเฉยๆเหมือนอารมณ์ชั่ววูบเลยบอกว่าถ้ารู้สึกเหมือนเดิมตอนเรียนจบให้บินมาหา ซึ่งพี่หมีก็มาค่ะ แต่ความรู้สึกที่มันเคยล้นอกเมื่อวันวานก็เบาบางก็เดิมมาก อันนี้ยังไม่ได้บรรยายฝั่งพี่หมีเลยอาจจะยังไม่ชัดเจนเเบบร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เขาพูดด้วยความจริงใจจริงๆนะ ลดโทษเขาหน่อยเถอะ

          เอาล่ะ แก้ตัวให้พี่หมีเสร็จแล้ว มาต่อกันที่ประเด็นที่ว่า'ธุระ'ที่หมีเอามาอ้าง และทำให้บักธีร์แคลงใจ และพอไปๆมาๆดันมาโผล่โรงเเรมกำลังจะถูกเปิดเผยแล้วค่ะ มีใครจำ'เฮีย'คนนี้ของธีร์ได้ไหมเนี่ย คุณโคลด์เป็นคนที่โผล่มาในตอนเเรกๆเลย เป็นทั้งเจ้านาย ทั้งยังเป็นคนที่ยื่นขอเสนอให้ไอหมีควายมาอยู่กับธีร์ และยังเป็นพระเอกของเรื่องจัสทอยที่ตอนนี้ยัดไหไปแล้ว สำหรับคนที่เคยอ่านเรื่องน้องทอยมาก่อนคงรู้ดีว่าพี่แกมีปัญหาอะไร คงพอเดาๆกันได้ ส่วนใครยังไม่รู้...ก็รอเฉลยกันตอนหน้า

          ใกล้เคลียร์เเล้วค่ะ แต่คงต้องดัดนิสัยกันเสียเล็กน้อย มีคนบอกว่าเรากำลังสั่งสอนพี่หมีที่เป็นพวกเหมือนจะดีแต่พอไม่ถามก็ไม่ตอบ คิดว่าโอเคเเล้ว มีระยะห่างระหว่างกันเล็กน้อยพอให้คิดถึงกับพอให้ต่างคนต่างมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างไม่ก้าวก่ายกับบักธีร์ที่ปกติจะเป็นคนคิดน้อยมากๆแต่พอมีแฟน การทำตัวที่เหมือนรักแต่ยังมีระยะห่างทำให้เขาไม่มั่นใจ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองรู้จักเขาจริงๆหรือ มันทำให้ธีร์เริ่มคิดมากแต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะพื้นฐานนิสัยของน้องค่อนข้างชัดเจนเนอะ คือเป็นพวกถ้าไม่บอกกูก็ไม่ถามทำนองนี้ กลัวโดนมองว่าตัวเองงี่เง่าน่ารำคาญ เราเชื่อว่าหลายคนเข้าใจน้องในจุดนี้นะ
แล้วก็มีคนบอกอีกอย่าง เหตุการ์ณตอนนี้จะเรียกว่าเกิดจาก culture shock ก็ไม่ผิดนัก ต่างประเทศ ต่างสังคม ต่างไลฟ์สไตล์ ก็ตามนั้น ถ้าจะหาคนผิดก็ผิดทุกคนล่ะค่ะในที่นี้ ก็ต้องปรับตัวกันต่อไป แก้ไขให้เข้ากับอีกฝ่ายให้ได้ ชีวิตคู่ถึงจะยืนยาวเนอะ

          ปล.ทอร์คยาวมาก ถ้าอ่านจบนี่คาราวะเลยค่ะ ฮ่า
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.38 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [9.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-10-2016 17:35:03
อ้าวเฮีย

ตกลงมีคู่แล้วอ่า

อดจับคู่ให้เลย ><
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.38 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [9.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-10-2016 18:57:39
หมีควาย บอกเรื่องตามหารักแรกตอง
แล้วมาเจอรักรอง คอร์กิธีร์ แทน  :mew1: :mew1: :mew1:
ธีร์ ก็สบายใจได้แล้ว
แต่ที่แน่ๆ สบายตัวไปและ ทั้งบนรถ บนเตียง
เพราะหมีช่วยหลายน้ำเลย :-[ :o8: :-[
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.38 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [9.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 09-10-2016 21:13:28
อยากอ่านต่อ อยากรู้ๆๆฟ
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.38 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [9.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 10-10-2016 20:24:54
อย่างนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.38 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [9.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-10-2016 20:43:53
ตามอ่านทันจนได้
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.38 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [9.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 10-10-2016 22:24:34
ค่อยๆเคลียร์กันไป หายสงสัยกันไปทีละเรื่อง

ที่สงสัยมากตอนนี้คือ จะมีโอกาสได้อ่านเรื่องที่อยู่ในไหไหมคะ^^
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.39 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [17.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 17-10-2016 20:45:25
Chapter 39
| Welcome to


**ภาษาอังกฤษยังไม่ได้พรูฟเช่นเคย เดี๋ยวจะตามอีดิทให้ทีหลังนะคะ**

------------------------------------------------


          "ชู่ว...น้องธีร์อย่าเสียงดังไป"พี่ตอบหันมาปรามผมเล็กน้อยปมถึงกับตกใจเอามือมาปิดปากตัวเองทำหน้าเหลอหลาเหมือนเจอเรื่องไม่คาดฝัน

          มันไม่คาดฝันจริงๆ ใครจะคิดว่าเจ้านายเจ้าของไนท์คลับที่ผมทำงานอยู่ผู้เป็นผู้ส่งไอฝรั่งขี้นกนี่มาอยู่ด้วยจะมานอนอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่ย่ำแย่สุดๆ เหงื่อกาฬไหลยิ่งกว่าน้ำ สีหน้าดูทรมาณมากๆและพอสังเกตดูดีๆก็พบอะไรบางอย่างแปลกๆ

          "ทำไมถึงมีกุญแจมือล็อคเฮียไว้อย่างนั้น"

          "มันจำเป็นน่ะ"พี่ตองตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก พอหันไปมองไอหมีควายก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน

          ซักพักไอหมีควายก็พูดอะไรบางอย่างกับพี่ตองให้หมอหนุ่มร่างโปร่งพยักหน้ารับรู้ก่อนจะกันมาทางผม

          "พี่ทำให้เราผิดใจกับออสตินหรือ"

          คำถามที่ทำให้ผมชะงัก ผมเงยหน้าสบตาคมที่เหมือนจะมองทุกอย่างทะลุไปหมด ผมไม่กล้าเอ่ยปากตอบแต่อะไรบางอย่างทำให้ผมพยักหน้าตอบเขาไปอย่างโดยดี

          "พี่ขอโทษนะ อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่เป็นคนขอให้เขามาช่วยเอง"

          ผมขมวดคิ้วทันที ความคิดที่ว่าเขามีซัมติงกันเเทบจะหายไปจากหัวผมเเล้วตอนนี้ เหมือนพี่ตองจะรู้ความคิดผมจึงพูดต่อทันที

          "เรา...รู้จักโคลด์ใช่ไหม"

          "ครับ เขาเป็นเจ้านายผม"ผมตอบตามจริง

          "แล้วรู้ไหมว่าเขาเป็นนักธุรกิจแนวหน้า"พี่ตองถามอีกครั้ง คราวนี้ผมถึงกับตกใจ ส่ายหน้าอย่างไม่เคยรู้มาก่อน

          จะว่าไงดี ผมค่อนข้าง...เป็นคนตกข่าวน่ะนะ โซเชี่ยวก็ไม่ค่อยได้เล่น ทีวีก็ไม่ค่อยได้เปิดดูข่าว หนังสือพิมพ์นี่ยิ่งไม่แตะเลย

          ก็ว่า! ทำไมทุกคนที่คลับถึงดูเกรงอกเกรงใจไม่กล้าทำตัวสนิทสนมด้วยเท่าไหร่ มีผมคนเดียวที่เรียกเขาว่าเฮียด้วยเหตุผมไร้สาระที่ว่ามันดูสนิทสนมทั้งยังดูขลังดี คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหย ดีแค่ไหนที่เฮียไม่โยนผมออกมาด้วยเหตุที่เข้ามาตีสนิทเจ้านายหน้าด้านๆ

          "ที่จริงเขาก็ไม่อยากให้ใครรู้ ธีร์สัญญากับพี่ก่อนว่าจะบอกใครรู้เด็ดขาดไม่งั้นมันจะส่งผลต่อโคลด์มาก"ผมพยักหน้าหงึกหงักรับปากทันทีเมื่อพี่ตองทำหน้าเครียดอย่างกับเป็นปัญหาระดับชาติ

          "โคลด์...มีโรคทางจิตมาซักพักแล้ว เขาเป็นมาตั้งแต่สมัยเรียนแต่มันเริ่มทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนี้มาถึง วันที่ยากกล่อมประสาทของเขาเอาไม่อยู่ และเขากำลังจะลงแดงเพราะงดยา"คำตอบที่ได้รับเหนือความคาดหมายผมยิ่งกว่าเก่า คุณโคลด์ผู้เพอร์เฟ็คในสายตาของทุกคนน่ะหรือ?  ผมถึงกับเบิกตากว้างราวกับไข่หานอย่างไม่เชื่อหู

          "ฉันก็มีส่วนผิด ฉันเป็นเจ้าของคนไข้เขาตั้งแต่ที่ฉันเรียนจบเเล้วเข้าประจำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และฉันก็จ่ายยาให้เขาตามที่เขาต้องการตลอดแม้ว่ามันจะมากเกินไปก็ตาม"พี่ตองว่าหน้าเครียด ปกติผมคิดว่าเขาเป็นคนที่รู้จักการวางตัวเเละซ่อนความรู้สึกจริงๆของตัวเองเอาไว้แต่ในครั้งนี้ผมสัมผัสได้ถึงความเครียดเเละรู้สึกผิดจริงๆ 

          ผมเกาะขอบเตียงมองหน้าผู้มีพระคุณคนหนึ่งของผมอย่างแปลกใจ ผมไม่คิดมาก่อนว่าชีวิตเขาจะมีอะไรแย่ เขาทั้งรวย ทั้งสูง ทั้งหน้าตาดีอีกต่างหาก

          คำพูดของพี่ตองทำเอาผมสลดใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ยังไม่หมดคำถาม

          "แล้วไอหมี...เอ่อ ออสติน มากับพี่ได้ยังไงหรือครับ"ผมรู้สึกไม่ดีที่เท่าไหร่ที่จะละลาบละล้วงเหมือนกำลังสอบสวนพี่ตองอยู่ แต่ผมอยากได้อะไรที่มันชัดเจนกว่านี้ให้ผมมั่นใจจริงๆว่าทั้งหมดที่ผมตีโพยตีพายไปเพราะคิดมากไปเอง

          "พี่เป็นคนเรียกเขาออกมาคุยเอง ทั้งเรื่องปัญหานี้และเพื่อความสบายใจของเขาด้วย เขาเล่ารึยังว่าเขารู้สึกผิดกับพี่"พอผมพยักหน้าพี่เขาก็เล่าต่อ

          "คนเเบบมันน่ะเป็นพวกใจอ่อนไปทั่ว ข้อเสียก็คือจะรู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบทุกอย่างไปหมด คนพวกนี้เหมือนจะเป็นคนดีแต่ก็น่ารำคาญนะ พี่เลยอยากเรียกมาเคลียร์ๆไม่งั้นก็ไปทำตัวครึ่งๆกลางๆกับเราอีก ทั้งยังคุยกับมันเรื่องโคลด์ด้วย พวกเราเป็นเพื่อนกันมานาน ความเป็นเพื่อนยังคงอยู่แม้จะห่างกันไปหลายปี เลยอยากจะให้ช่วยกันคิดหาทางออก อาทิตย์นั้นโคลด์เอาตัวเองมาขังไว้ในห้องนี้ อ่อ เผื่อเราสงสัยว่าทำไมต้องโรงเเรม เพราะที่นี่เป็นโรงเเรมของโคลด์เองเลยสะดวกสุดๆแล้ว โคลด์ควบคุมตัวเองไม่ได้จนต้องโทรมาหาพี่ พี่เลยขอความช่วยเหลือออสตินอีกที เพราะพี่คนเดียวคุมไม่อยู่หรอก ดูขนาดตัวสิ ขนาดออสตินตัวขนาดนั้นยังได้แผลไปเต็มตัวเลย"

           ผมสะอึกเมื่อพี่เขาอธิบายเรื่องทั้งหมดจบ หลักฐานตรงหน้าก็ชัดเจนพอเเล้วว่าเรื่องทั้งหมดคงไม่ใช่เรื่องโกหกเรื่องราวทั้งหมดเชื่อมเข้าด้วยกันอย่างลงล็อค อีกอย่างถ้าเฮียดังจริงก็ต้องมีนักข่าวคอยจับตามองก็ไม่แปลกที่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ แต่ว่าไอหมีควายก็น่าโกรธอยู่ดีที่ไม่พูดอะไรให้ชัดเจนกว่านี้

          แต่ถ้าเหตุการณ์มันดันกลับตาลปัตรแบบนี้ ผมก็มีส่วนผิดเหมือนกันเพราะทั้งหมดก็เป็นเพราะผมคิดไปเองและไม่เชื่อใจมัน

          "ผม...ผมขอโทษ"

          "ขอโทษพี่ทำไม?"

          "ผมเผลอคิดไม่ดีกับพี่ ผมเข้าใจพี่ผิดไป ผมเห็นพวกพี่เดินเข้ามาในโรงแรมสองคนตั้งแต่มืดยันดึกดื่นก็ยังไม่ออกมาเลยคิดว่าพี่...เอ่อ..."

          "ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ เอาเป็นว่าหมดหน้าที่ล่ามของพี่แล้ว มันฝากให้พี่อธิบายให้ธีร์ฟังจะได้เข้าใจง่ายๆไม่เก็บไปคิดเองอีก ตอนนี้ก็ไปเคลียร์กันดีๆ พี่ยืนยันอีกครั้งว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน น้องธีร์สบายใจได้"พี่เขาพูด ตบบ่าผมเบาๆทั้งยังส่งสายตาจริงจังเเละมั่นคง ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเชื่อถือได้ผมจึงหมดห่วงเรื่องระหว่างพี่เขากับไอหมีควายเเล้วเบนสายตาไปยังร่างบนเตียงเเทน

          "ครับ...แล้วอาการเฮียเป็นยังไงบ้าง"

          "ตอนนี้คงหลับอีกยาว พี่ต้องคอยให้ยานอนหลับน่ะ ไม่งั้นก็อาละวาดเละ คงต้องซักพักให้ร่างกายและจิตใจดีขึ้นก่อน"

          "มัน...รักษาไม่ได้เลยหรือครับ"

          "ก็ไม่เชิงว่าไม่ได้ แต่เรื่องของโรคทางจิตใจมันรักษายากกว่าโรคทางกายภาพที่กินยาก็หายนะ"

          "งั้นหรือ.."ผมพูดงึมงำกับตัวเอง ใจก็แป๊วไปเลยเพราะเรื่องที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อครู่ ทั้งเรื่องเฮีย ทั้งรู้สึกผิดที่ไม่เชื่อใจ

          "ฉะนั้น เรารับไปเคลียร์เรื่องของตัวเองเถอะ พี่ไม่รั้งมันไว้ใช้งานเเล้ว ปัญหาหัวใจก็ควรรีบแก้ก่อนที่จะบานปลายนะ"พี่ตองก็ยังคือพี่ตอง เขาบอกด้วยรอยยิ้มบางๆอย่างคนหวังดี ให้ผมพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก่อนที่จะได้หันหลังกลับไปเคลียร์อย่างที่ถูกแนะนำอะไรบางอย่างดลใจให้ผมเอ่ยปากถามจิตเเพทย์หนุ่มอีกรอบ

          "พี่ตอง...ผมมันงี่เง่าใช่ไหมครับ?"

          "ก็พอควร แต่บางเรื่องมันก็สมควรอยู่นะ พี่ก็ไม่อยากจะยุ่งมากแต่เราต้องใช้ไม้เเข็งใส่มันบ้าง เดี๋ยวก็เหลิงไปกันใหญ่ งอนมันบ้าง ทำใจเเข็งเข้าไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวมันก็ชินกลายเป็นว่าอ้อนนิดๆหน่อยก็หายโกรธ ใช่ไหมล่ะ?"

          อื้อหือ พี่พูดอย่างกับอยู่ในเหตุการณ์

          "พี่พูดเหมือนรู้เลย"ผมยิ้มแห้งๆ ซึ่งพี่ตอบก็ยิ้มเอ็นดู

          "ฮะๆ พี่ก็เเค่เดาส่งๆน่ะ พี่จะบอกให้นะ เราควรใช้โอกาสดัดนิสัยมันไปเลย มันเป็นพวกถ้าไม่ถามก็ไม่ตอบไม่คิดว่าจะมีอะไร ดูเหมือนจะเป็นคนคิดมากแต่บางเรื่องก็คิดน้อยจนน่าแปลกใจ"

          ผมเอ่ยคำขอบคุณพี่ตองก่อนจะเหลือบมองคนตัวโจที่ยืนหน้าเหลอหลามองผมสลับกับพี่ตอบทำนองว่าคุยอะไรกัน แต่ผมก็คงไม่เสียเวลาทรานสเลทให้ทันฟังหรอก สูดหายใจเข้าลึกๆเเล้วดึงแขนลากมันออกมานอกห้อง

          พอออกมาเเล้ว ผมยืนจ้องหน้ากับมันอยู่สามวิ ตัดใจสินใจอย่างเด็ดขาด ก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยพูดก่อน

          "ก่อนอื่น sorry for being mad and not trust you.(ขอโทษที่โกรธและไม่เชื่อใจนะ)"ผมพูดด้วยตวามรู้สึกผิดจริงๆ ถ้าผมไม่กระวนกระวายไปเองเรื่องก็คงไม่เป็นเเบบนี้ ไอกลองเเต็กก็คง...

          "I understand but I'm also glad that you are jealous because me . In usual I always the only one who jealous.  (ฉันเข้าใจ แต่ฉันดีใจนะที่นายหึงฉัน ปกติฉันหวงนายอยู่ฝ่ายเดียวเลยนี่น่า)"มันฉีกยิ้มกว้างเสมือนปากหุบไม่ได้ ตานี่เเพรวพราวเชียว

          กูก็หึง แต่มึงน่ะหนักเกิน

          มันเอื้อมมืออกมาสองข้างเหมือนจะรวบตัวเข้าไปกอดแต่...ผมขยับหนีออกมาซะก่อน

          "Corgi? What's wrong?(คอร์กี้ นายเป็นอะไรน่ะ)"

          "มึงคิดว่ามึงควรพูดว่าอะไรไอหมีควาย"ผมกำลังเปลี่ยนโหมด ท่องในใจว่ากูต้องไม่ใจอ่อนก่อนเวลาอันสมควร หน้าที่ยิ้มๆของไอหมีควายเมื่อครู่หายวับแทนด้วยสีหน้างงๆ

          ยัง ยังไม่รู้ความผิดอีก

          "Did I do anythings wrong?(ฉัน...ทำอะไรผิดอีกรึเปล่า?)"

          "ลองคิดเองสิ"

          "Alas Thee don't tease me like this.(โถ่ธีร์ อย่าเเกล้งกันแบบนี้สิ)"

          "ไม่ได้แกล้ง แต่มันน่าโกรธจริงๆนี่"
     

          "Then what is that? Can you tell me ? Hmm?(งั้นเรื่องอะไรล่ะ บอกหน่อยได้ไหม หืม?)"

          ไม่ ถึงจะมาหงมาหืม กูก็จะไม่หวันไหวหรอก กูไม่หลงกลมึงง่ายๆหรอก!

          "ถ้านึกไม่ออกก็อยู่ที่นี่ไปเลยไม่ต้องกลับห้องแล้ว"ผมว่าเป็นประกาศิตก่อนจะกันหลังเดินออกนอกห้องทันทีไม่มีเวลาให้มันแก้ตัว แล้วคิดว่ามันทำไงครับ..คนไม่รู้ความผิดก็ถลามารวบตัวผมไว้ในอ้อมกอดแต่ก็ไม่พูดอะไร

          "..."มันเงียบ

          "..."ผมก็เงียบตาม

          เงียบขนาดที่ว่าได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นตุบตับในหัวไม่สิ...หัวใจของเรา    สองคนต่างหาก

          "I'm sorry(ฉันขอโทษ)"มันเป็นคนพูดขึ้นเเทรกความเงียบ เสียงดูหงอยๆลงไปถนัดหู

          "Sorry sorry sorry sorry(ขอโทษๆๆๆๆ)"พอเห็นผมยังเงียบมันก็พูดซ้ำๆ ซบหัวลงมาบนหัวผมทั้งยังถูเบาๆ ขนาดหันหลังให้ผมยังนึกหน้ามันออกเลยคงไม่ต่างจากไอเตอร์ตอนโดนดุซักเท่าไหร่

          "สำหรับ?"

          "To not told you what I'm going to do.(ที่ไม่บอกว่าไปทำอะไร)"

          "แล้ว?"

          "Please forgive me. I won't do that again. Next I will tell you everything that I going to do. If I go out I will send you a picture. Please forgive me.(ยกโทษให้นะ จะไม่ทำอีกแล้ว ต่อไปไปไหนจะรายงานตลอด ถ้าไปข้างนอกจะถ่ายรูปให้ดูเลย ยกโทษให้ฉันนะ)"

          "เฮ้อ..."ผมถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะพลิกตัวเองไปหามัน ใช้มือสองข้างยึดไหล่มันไว้ ยอมรับว่าใจอ่อนเเล้วเเต่ยังบังคับปากไม่ให้ยิ้มได้

          "ไม่ต้องทำขนาดนั้น แต่อย่างน้อยก็ช่วยบอกได้ไหม ที่ผ่านมาบางครั้งกูยังเผลอคิดไปเลยว่าเราใช่เเฟนกันจริงๆหรือ"

          "Hey why do you think like that?(เฮ้ ทำไมคิดอย่างนั้น)"

          "ก็มันน่าไหมล่ะ กูรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้รู้จักมึงจริงๆเลย กูก็รู้แค่ไอคนนี้มันตัวโต มาจากอังกฤษ เป็นสัตวแพทย์ ยิ้มได้ทั้งวัน ปากหวานโคตรๆ เหมือนจะสุภาพบุรุษแต่ก็ชอบลวนลามถ้ามีโอกาส บางครั้งกูก็เกิดคำถามว่ามึงทำแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่า อันที่จริงกูก็ไม่ได้พิเศษอะไรไปมากกว่าคนอื่น"

          "It isn't that! You are spacial more than anyone. Did I made you thought like that all the time?(ไม่ใช่นะ! นายน่ะพิเศษกว่าคนอื่นนะ! นี่...ที่ผ่านมาฉันทำให้นายคิดอย่างนี้ตลอดเลยหรือ?)"

          "ไม่รู้สิ แต่ใจลึกๆมันอดคิดไม่ได้"

          "Corgi...I'm sorry for made you think like that but I have to tell you that you are spacial for me. You might think we just got to know each other but I dare to say that I love you. (คอร์กี้...ฉันขอโทษสำหรับที่ทำให้นายคิดไปอย่างนั้น แต่ฉันอยากให้รู้นะว่านายน่ะพิเศษสำหรับฉัน นายอาจจะคิดว่าเรารู้จักกันไม่นาน แต่ฉันกล้า ฉันกล้าที่จะบอกเลยว่า ฉันรักนาย)"

          ฉ่า..
     
          "มะ..มาพูดอะไรอย่างนี้เล่า ปากหวานจริงๆด้วย"
         
          "I'm sweet-tough only for you.  (ฉันก็ปากหวานแต่กับนาย)"

          น่ะ ดูมันสิ! พูดไม่ทันขาดคำ

          มันรวบตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เราเผชิญหน้ากับตรงๆแล้ว มันยิ้มบางหากแต่ในตามีประกายแวววับที่ผมเริ่มรู้สึกว่ามันไม่น่าไว้วางใจ

          "ปล่อยเลย หายโกรธแล้ว ไม่โกรธเเล้ว"

          "Nope.(ไม่ปล่อย)"

          ไม่พูดแต่ปากมือก็กอดผมแน่นขึ้น ทั้งยังยกขึ้นจนเท้าผมเริ่มไม่ติดพื้น

          "ไม่เล่นนะ ปล่อย ไม่เอา กูไม่เล่น คิ้กๆ"จากเสียงเข้มกลายมาเป็นเสียงหัวเราะคิดคักเมื่อถูกหนวดตอๆนั่นจู่โจมที่ใบหน้าจนต้องย่นคอหนี มือก็ใช้การไม่ได้เพราะถูกรวบกอดไว้

          มันยกตัวผมขึ้นเสมือนว่าเบามากนักก่อนจะเดินไปที่โซฟา วางผมให้นอนราบไปกับโซฟาตัวใหญ่ และคร่อมลงมาอีกที

          ถ้ามองไม่ผิดสายตามันดู...เร่าร้อนแปลกๆ ทั้งยังระยิบระยับแปลกๆ แถมปากก็ยังคลี่ยิ้มแปลกๆ

          เห้ยๆ นี่มันชักจะแปลกๆแล้วนะเฮ้ย

          "จะทำ...อื้อ"ผมเอ่ยปากจะถามเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรทะเเม่งๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกริมฝีปากสีแดงเข้มนั่นจู่โจมเสียงก่อน มันประกบปากลงมาเเบบไม่ทันให้ผมตั้งตัว ลิ้นร้อนๆถูกส่งเข้ามาทันทีแล้วตวัดไล่ต้อนผมไม่เหมือนอย่างที่เคย

          ปกติมันจะเหมือนค่อยๆละเลียดกินแต่ตอนนี้เหมือนมันจะเขมือบ...

          กว่ามันจะผละออก ปากผมก็บวมเจ่อ ผมหอบแฮ่กๆอย่างคนที่เกือบตายเพราะจูบ มันผละออกไปแต่เลื่อนไปนัวเนียอยู่กับคอผมแทน ผมเบิกตากว้างเมื่อไม่ได้มาแค่ซุกไซ้แต่มือมันยังเลื้อยเข้ามาในเสื้อผมแล้ว!

          "เฮ้ย! ไม่ได้! ตรงนี้ไม่ได้!!"ถึงจะถูกปลุกปั่น แต่ผมเพิ่งปล่อยไปหลายน้ำเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน และจิตใต้สำนึกอันดีงามยังบอกผมว่ายังไงตรงนี้ก็ไม่ได้ กลางห้องคนอื่นแถมยังมีอีกสองชีวิตที่อยู่อีกห้องอีก ยังไงก็ไม่ได้โว้ย!!

          "Did you say you want to know me more?(นายบอกอยากรู้จักฉันมากขึ้นใช่ไหมคอร์กี้?)"จู่ๆมันก็เอ่ยถาม เเบบที่เงยหน้ามาจ้องผมทั้งๆที่มือผมยังดันหน้ามันอยู่นี่แหละ

          "อ่ะ..เอ่อ..ก็ใช่"

          มันเผยยิ้มบางๆแล้วเอามือออกจากเสื้อผมให้ผมวางใจขึ้นนิด แต่ไม่ได้เอาออกมาเฉยๆรวบมือผมที่กำลังดันหน้ามันไว้ก่อนจะเลียเบาๆให้ผมสะดุ้งชักมือหนีแต่มันยึดไว้ก่อนจะใช้ฟันงับลงมาเบาๆหลายๆที

          "So welcome to my dark side.(งั้นก็ยินดีต้อนรับสู่ดาร์คไซด์ของฉัน)"

          และนั่นก็ทำให้ผมรู้จักอีกมุมหนึ่งของมัน...ที่พบว่าไม่ได้น่ารู้จักสักเท่าไหร่...


--------------------------
100%

          แฮปปี้แล้วเย่ เคลียร์กันด้วยดี ง่ายๆแต่ดูท่าว่าต่อไปชีวิตบักธีร์จะยากขึ้นค่ะ นางบอกว่านางรู้สึกเหมือนนางไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่น เหมือนเเบบไม่ได้รู้จักพี่หมีมากกว่าคนอื่น นี่ไงจ้า บอกมาพ่อคุณก็จัดให้

          หากใครคิดว่าจะมีผู้ชายที่ดีเกินความเป็นคนอย่างพี่หมีอยู่บนโลกก็คงหายากหน่อยนะคะ ขนาดพี่แกเองก็ยังมีดาร์กไซด์เป็นของตัวเอง แหม่ บักธีร์ได้รู้จักมากขึ้นไม่เหมือนคนอื่นสมใจตัวเองแน่ๆ

          หลังจากนี้คงเป็นเรื่องราวน่ารักๆของหมีโหด หมีหื่น แล้วล่ะค่ะ คงไม่มีอะไรมาให้หนักใจด่าแล้ว เย่

ปล.ใกล้จบแย้ววว ><
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.39 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [17.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 17-10-2016 22:08:03
โว้วววว ดาร์คไซด์หล่ะ!!!!
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.39 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [17.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-10-2016 22:33:51
คอร์กี่เสียท่าทุกทีเลย

จะจบแล้วเหรอคะ T T

ม่ายยยยยย
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.39 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [17.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 17-10-2016 23:08:14
มุม ดาร์คๆ ของหมีควาย,,,
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.39 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [17.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 18-10-2016 03:14:45
ว่าแต่พี่หมีนี่ฟังไทยออกทุกคำเลยเนอะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.39 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [17.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-10-2016 05:38:22
อั๊ยยะ......อยากรู้ๆ :ling1: :ling1: :ling1:
ว่าหมีดาร์กไซด์อย่างไร
ขออย่างละเอียดนะ เป็นกรณีศึกษา งายยยย.....
จะได้ห่วง....เอ๊ย ไม่ห่วงบักธีร์ น่ะ จริงจริ๊ง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.39 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [17.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 18-10-2016 19:56:54
ขอดาร์กไซต์ของพี่หมีมาทำความรู้จักให้หนิดหนมหน่อยซิ  :z1:
อย่าเพิ่งรีบจบน้า ยังสนุกอยู่เลยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.39 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [17.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 21-10-2016 01:31:04
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน
สนุกมากกกค่ะ เพราะเราชอบฝรั่งอยู่แล้วด้วยมั้ง
แต่เพิ่งอ่านนิยายเกี่ยวกับฝรั่งครั้งแรกเลย
อ่านเรื่องอื่นมันสะดุดๆ แต่อ่านเรื่องนี่มันลื่นดี555
เราอ่านตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนปัจจุบันแบบรวดเดียวเลยอะ
คือหยุดอ่านไม่ได้ 5555
คอร์กี้กับพี่หมีคือน่ารักมากกก ก.ไก่11ตัวว
ชอบความอ้อน ความงอน ความง้อของสองคนนี้
คือมันเป็นไปแบบเรื่อยๆ แต่ไม่เอื่อยเฉื่อยอะ
ปล.ขอติดตามเรื่องนี้อีกคนนะคะ
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.39 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [17.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 21-10-2016 02:55:14
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.40 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 21-10-2016 03:06:22
Chapter 40| Happy ending? 

"อ้ะ อื้อ ไม่ ตรงนี้ แฮ่ก ไม่ได้"ผมพยายามปฏิเสธมันทั้งๆที่ในใจลึกๆก็รู้ว่าไร้ผล ตั้งแต่มันเอ่ยประโยคนั้นออกมามันก็ไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรอีกแต่แสดงออกมาทางสายตา...และการกระทำ

ปากผมก็ห้าม แต่มือกลับโอบเข้าที่ลำคอแกร่ง ใช้สายตาที่พร่าเลือนเต็มทีมองไปยังบานประตูที่มีอีกสองชีวิตอยู่ พยายามกัดปากเก็บเสียงตัวเองให้ได้มากที่สุดเพราะเริ่มรู้ชะตากรรมตั้งแต่ที่เสื้อผ้าหายไปจากตัวแล้ว

ตึกตักตึกตัก

เสียงหัวใจเต้นถี่รัวจนแทบหลุดออกมานอกอก จิตใต้สำนึกย้ำเตือนว่านี่มันไม่ถูก ผมไม่หน้าด้านขนาดที่อยากให้ใครๆเห็นหนังสด หากแต่ก็ยอมรับไม่ได้ว่าผมกำลังตื่นเต้นไม่น้อย

สองมือหยาบกร้านที่สัมผัสลงมาที่จุดใดจุดนั้นก็จะร้อนเป็นไฟ ผมครางอื้ออึงเมื่อมันคว้าหมับเข้าที่ลูกชายของผมแรงๆ สะดุ้งเฮือกเมื่อมันบีบเบาๆก่อนจะเริ่มรูด ปากก็คอยปรนเปรอเม็ดเล็กทั้งสองที่ปลุกเร้าอารมณ์ผมได้มาก

ชิบหาย ชิบหาย ชิบหาย

ในหัวผมมีแต่คำนี้แต่ร่างกายกับตอบสนองกับทุกสัมผัส จนกระทั่งนิ้วยาวๆถูกสอดเข้ามาด้านหลัง

"เจ็บ! ฮ่า มันเสียด อื้อ!"

เพราะไม่มีสารหล่อลื่นช่วยผมก็กระตุกเกร็งเพราะความเสียดทันที พอเห็นผมถดก้นหนีมันก็โน้มเข้ามากดจูบที่แก้มเบาๆอย่างที่รู้ว่าทำยังไงผมจะอ่อนลง

พอไม่มีสารหล่อลื่นอะไรก็ดูเสียดไปหมด และผมไม่คาดคิดว่าไอหมีควายจะใช้วิธีนี้แก้ปัญหา...ดันสะโพกผมขึ้นจากนั้นก็ถ่มน้ำลายออกมาให้ลงไปในช่องทางที่ยังปิดสนิท จากนั้นก็ก้มลงมาใช้ลิ้นตวัดเลียรอบจนผมกระตุกเกร็ง จะผลักก็ไม่มีแรงตอนนี้เลยได้แต่ยกมือปิดหน้าปิดปากตัวเองแทน

แกร็ก

และเหมือนฟ้ากลั่นแกล้งหรือไม่ก็พระเจ้าต้องการทดสอบความหน้าด้านของผม เสียงเปิดประตูห้องจากอีกฝั่งก็ดังขึ้นขัดกิจกรรมเข้าจังหวะ แต่ตอนนี้ผมมองไม่เห็นเพราะยังอยู่ในท่าหกคะเมนตีลังกาแต่เดาได้ว่าจะเป็นพี่ตองเเน่ๆ ไอหมีควายก็ไม่สนใจอะไรเลย ตะบี้ตะบันสอดลิ้นเข้ามาให้ผมเสียววาบในช้องท้อง บิดตัวไปมาพยายามยื่นมือไปสะกิดแขนมันให้รู้ตัว

เฮ้ย! ก็เข้าใจว่าดาร์คไซด์แต่พี่แกจะดาร์คไปไหม!

เพราะใช่ว่ามันจะสนใจแต่ก็ใช่ว่าจะไม่สนใจเลยซะทีเดียวเพราะผมเเทบจจิกแขนมันอยู่แล้ว มันยอมละออกจากช่องทางที่กำลังขมิบถี่พระเพิ่งถูกรุกรานก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองทางประตูนั้น

มันไม่พูดอะไรออกมา เพียงครู่เดียวมันก็หันกลับมาหาผม ไม่พูดพร่ำทำเพลงยกตัวผมขึ้นโดยที่ให้ผมใช้ขาหนีบตัวมันไว้เหมือนลูกลิงก่อนจะใช้ตัวใหญ่ๆขอบมันบังผมจนมิดเพราะพี่แกเล่นใช้มือข้างนึงโอบผมไว้ไม่ให้ร่วงแต่อีกข้างกดหัวผมไว้กับอกแข็งๆไม่ยอมให้ผมชะโงกตัวไปดูเลยซักนิดว่าพี่ตองกลับเข้าไปหรือยัง

มันพาผมเข้ามาในห้องที่ก่อนหน้านี้ผมเพิ่งเดินออกไป แต่มันไม่ได้วางผมลงบนเตียงหากแต่เดินไปยังผ้าม่านที่ถูกปิดอยู่ก่อนจะกระชากแรงๆทีเดียวผ้าม่านก็เปิดออกทั้งผืน เผยให้เห็นวิวกรุงเทพยามค่ำคื่นที่ผมเพิ่งจะชื่นชมไปไม่นาน
แต่ว่า...

"จะทำอะไร... อื้อ ตรงนี้ ไม่เอา..."มันเดินไปจนเกือบจะชิดกับกระจก กำลังจะเอ่ยท้วงว่าไปทำที่เตัยงดีๆแต่มันดันสวนนิ้วเข้าในร่างกายผมเสียก่อนทั้งยังคว้านไปทั่วกระทุ้งเบาๆจนผมแทบดิ้น

มันเบิกทางด้านหลังผมอยู่ซักพัก พอเจอจุดก็ย้ำเข้าจนผมได้แต่กรีดร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ยิ่งอยู่ในท่านี้นิ้วที่เข้ามามันเลยลึกกว่าปกติ พอผมพร้อมที่จะรับอะไรที่ใหญ่กว่านิ้วมันก็ผลิกตัวผมออกมาจากท่าที่เป็นลิงอุ้มเตงอยู่เมื่อครู่

"It’s beautiful, isn’t it? (สวยไหม)"

เสียงทุ้มต่ำติดแหบเล็กๆกระซิบเบาๆที่หูผมจนขนลุกซู่ ผมที่ตอนเเรกจะหันไปคุยก็ได้แต่หดคอกลับมามอภาพตรงหน้า ใช่...ภาพตรงหน้าของผมคือวิวกรุงเทพที่มองจากตึกสูงมันก็ต้องสวยอยู่แล้ว

"อือ"

"But now I think you are much better.(แต่ฉันว่านายตอนนี้'สวยกว่า')"

พูดจบมันก็ใช้แขนทั้งสองข้างช้อนเข้าที่ใต้ข้อพับขาผมก่อนจะเเยกออก จนผมเบิกตากว้าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากใช้เเขนโอบรอบลำคอมันไว้ไม่งั้นได้ตกลงไปแน่

ผมใจเต้นตึกตัก เพราะว่าพยายามไม่มองลงไปเพราะกลัวความสูงทำให้ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองตรงไป หากแต่กระจกใสตรงหน้ากลับกำลังสะท้อนเงาของผมเองที่ถูกใครอีกคนทำให้อยู่ในท่าที่ค่อนข้างหน้าอาย

ขาผมถูกแหกออก ธีร์น้อยกลางลำตัวก็ผงกหัวรับด้วยอารมณ์ เเถมยังเห็นช่องทางเยิ้มๆที่ด้านหลัง ภาพของตัวเองที่ตาเยิ้ม ปากสั่น หอบหายใจจนอกขยับขึ้นลง มันน่าอายเกินกว่าที่ผมจะทนดู เหมือนคนตัวโตก็รู้แต่จงใจแกล้งผม

"ไม่แกล้ง อย่าเเกล้ง แฮ่ก"

ปากก็บอกห้าม แต่กลับถูกรังแกหนักขึ้น เมื่อมือมันไม่ว่าง อนาคอนด้าตัวใหญ่ก็เข้าประจำที่ มันค่อยๆลดมือลงทำให้ตัวผลค่อยๆกดลงไปบนอนาคอนด้าที่เตรียมฉก แต่ดูว่ามันไม่ได้เข้าง่ายๆยิ่งไม่ได้ใช้มือช่วย มือจิ๊ปากเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปชิดกับกระจก

"เย็น!"

ตัวผมแนบไปกับกระจกโดนมีตัวมันเบียดจากด้านหลังทำให้ไม่ร่วง มือนึงคอยประคองผมไว้ ส่วนอีกมือก็จับอนาคอนด้าตัวโตกดเข้ามาในช่องทางคับแคบ

ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บ แม้จะเคยผ่านศึกมาก่อนแต่อนาคอนด้าก็ดูท่าจะตัวใหญ่เกินชาวบ้านชาวเมืองเขาไปจริงๆ แต่ความเย็นจากกระจกที่เเนบลงไปทั้งตัวผมมันดึงความสนใจไปได้ชั่วครู่ มันจึงใช้จังหวะนั้นดันเข้ามาจนมิดลำ

"เฮือก!"

"It all in. It all.(หมดแล้ว เข้าไปหมดเเล้ว)"มันว่าก่อนจะพลอกตัวผมกลับมาให้เผชิญหน้ากับมัน จับเเขนผมทั้งสองข้างให้ไปคล้องคอโดยที่เรายังเชื่อมต่อกันอยู่ มือทั้งสองข้างกอบกุมแก้มก้นผมไว้ก่อนจะยกขึ้นลงเบาๆ


ผมครางอื้ออึงไม่รู้อะไรเป็นอะไร มันกระแทกกายเข้าหาเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน ผมเบลอจริงๆนะ เบลอขนาดที่ว่าตัวเองถูกวางไว้บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


"อืม.."เสียงครางต่ำๆจากคนบนร่างกลับช่วยปลุกเร้าอารมณ์ผมไม่มากก็น้อย ขณะที่กระแทกกายเข้าหา ผมกับมันสบตากันนิ่ง

ใบหน้าที่ปลกคลุมไปด้วยหนวดตอๆเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬไหลย้อย แววตาเร่าร้อนราวกับกำลังจะกลืนกินผมไปทั้งร่างยามเฝ้ามอง รู้ตัวอีกทีผมก็เอ่ยปากออกไปแล้ว

"จูบ จูบหน่อ...อื้อ..."

ไม่จบคำดีมันก็พุ่งเข้ามาประกบปาก ไม่รู้ว่าเราร่วมรักกันมานานขนาดไหนแต่ในที่สุดผมก็ถึงฝั่งฝันเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน ผมหอบแฮ่ก ตาใกล้จะปิดลงทันทีเมื่อเสร็จกิจ วันนี้ผมคงเหนื่อยมามากแล้ว แต่ผมยังไม่นานพักตอนนี้เพราะใครอีกคนยังไม่เสร็จสักรอบเลยนี่สิ

แต่ไม่ไหวแล้วจริงๆ  สุดท้ายสติผมก็ดับลงโดยที่ยังมีใครอีกคนกระเเทกกายเข้าหา

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าเป็นวันถัดไปซะเเล้ว แสงเเดดที่ส่องมาเป็นสิ่งที่ปลุกผมให้ตื่นจากห้วงความฝัน ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสก่อนจะค่อยๆตั้งสติ

ผมหันไปทางต้นกำเนิดของลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดต้นคอ ทั้งยังมือเเขนหนักๆพาดทับไว้จนขยับไม่ได้ คนตัวโตยังคงหลับสนิทดูจากลมหายใจที่ยังเข้าออกสม่ำเสมอ ผมจึงตัดสินใจที่จะไม่ปลุกแล้วหันมองไปยังกระจกใสที่กินพื้นที่ด้านหนึ่งของห้องไปเต็มๆ

ความทรงจำของเมื่อคืนย้อยกลับมาจนใบหน้าเริ่มร้อนๆเมื่อนึกได้ว่าตัวเองได้ทำอะไรน่าอายลงไปแล้ว

ไอหมีควายนี่ก็เล่นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ถึงแม้จะรู้ว่าคงไม่มีใครเห็นแต่ทำแบบนั้นก็ไม่ต่างจากโชว์คนทั้งเมืองเลยไม่ใช่หรือวะ

โอ้ยย อายๆๆ อายโว้ยยย

ผมเเอบเนียนทุบหลังคนข้างกายไปทีก่อนจะขยับเพื่อจะไปล้างเนื้อล้างตัวเพราะท่าทางมันจะไม่ได้เช็ดตัวให้ผมสัมผัสได้จากความเหนียวตัวเเล้วร่างที่ยังคงล้อนจ้อนอยู่

แต่แค่ขยับเท่านั้นแหละผมถึงรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างทางช่องทางด้านหลัง...

พอเอี้ยวตัวก้มไปมอง

"ไอเหี้ยหมีควาย!!!!!"

"umm…Don’t be noisy if you’re awake.(อื้อ ตื่นแล้วอย่าเสียงดังสิคอร์กี้)"มีการพูดพึมพำทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา ผมทำหน้าเหี้ยมทุบเเขนมันดังปั้กๆจนมันขมวดคิ้วยอมลืมตาขึ้นมา

"เอาของมึงออกไปเลย เอาออกไปโว้ย!!"

พอได้ยินอย่างนั้นมันก็ทำหน้านึกได้ก่อนจะยิ้มแหย ผมนี่กรอกตาเป็นเลขแปด เพราะมันไม่ใช่แค่ปล่อยในแต่มันยังคาอนาคอนด้ามันไว้ในถ้ำผมยันเช้า! โอ้แม่เจ้า! โบ๋หมด!

"Sorry. (โทษที)"มันว่า

แต่ผมยังคงหน้ามุ่ยอยู่นิ่งพอขยับจะลุกขึ้นก็ปวดสะโพกจี๊ดขึ้นมาเลย และไม่ปวดเฉยๆเพราะยังมีน้ำหนืดๆไหลออกมาตามง่ามขาอีก พอคิดถึงตอนล้างก็ต้องเบ้หน้าออกมา นี่ต้องไปยืนล้วงๆอีกแล้วใช่ไหม

หมับ

แต่ยังไม่ทันได้ยันตัวลุกไปไหน วงแขนแกร่งก็รวบเข้าที่เอวก่อนจะกระชากเบาๆให้ผมกลับไปนอนที่เดิม

"After this if you have question just ask me you know?(นี่ วันหลังมีอะไรถามเลยรู้ไหม)"มันพูดขึ้นมาทั้งยังกระชับผมเข้าไปในออ้มกอดซะเเน่น เสียงเศร้าๆของมันทำเอาผมต้องพลิกตัวหันไปมองหน้า

"จู่ๆทำไมถึงพูด.."

"I really don’t like while we fight. Even though it not too strong but this is more hurt. It feel like you’re not trust me then you aren’t dare to ask. (ไม่ชอบที่เราทะเลาะกันเลย ถึงแม้จะไม่ได้ทะเลาะรุนเเรงแต่มันเจ็บกว่าอีกนะ มันเหมือนนายไม่ไว้ใจฉันเลยไม่กล้าถาม)"ไอหมีความพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆดวงตาฉายเเววเจ็บปวด ยกมือข้างนึงมาลูบหน้าผมเบาๆ

"ก็กลัวโดนหาว่างี่เง่านี่ มึงก็บอกแล้วว่าพี่ตองเป็นเพื่อน กลัวย้ำมากเเล้วจะโดนโกรธ"ผมตอบกลับมันไปทันทีอย่างไม่อ้อมค้อม มาขนาดนี้เเล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมคิดได้ว่าถ้าไม่คุยกันตรงๆเรื่องมันจะเลยเถิด

"Umm…Then next time you must talk first. When you looked at me like you are disappoiny me it hurt more than you chew me out. (อือ หลังจากนี้ต้องคุยกันดีๆนะ ตอนนายมองมาด้วยสายตาผิดหวังมันเจ็บกว่าการด่าตรงๆอีกนะธีร์)"คราวนี้มันหลุบตาต่ำ ละมือจากหน้าผมจนผมต้องถอนหายใจเเล้วเป็นฝ่ายยกเเขนขึ้นกอดมันบ้าง

"โอเค งั้นต่อไปนี้กูจะถามทุกอย่างเลยโอเคไหม ห้ามมากลับคำว่ากูงี่เง่านะ"ผมกระแซะมันนิดหน่อย เอาคางวางไว้บนอดแข็งเเล้วเหลือบตาขึ้นมอง

"I’m promise. If I call you childish you call punish me whatever you want. (สัญญาเลย ถ้าฉันด่านายงี่เง่าเมื่อไหร่จะลงโทษฉันยังไงก็ได้)"พอได้ยินอย่างนั้นมันก็ยิ้มเพล่พูดด้วยความมั่นใจ สีหน้าเศร้าๆหายวับไปเรียบร้อยเเล้วให้ผมยิ้มตามอย่างวางใจ

"ปล่อยได้รึยัง มันเหนียวตัวนะ น้ำมึงอีก"ผมตีเเขนมันเบาๆให้มันปล่อย แต่คิดอีกทีตีมันแรงๆดีกว่าโทฐานปล่อยลูกๆไว้ในตัวผมซะเยอะ

"Can’t I hug you longer? (ขอกอดอีกซักหน่อยไม่ได้หรือ)" มันพูดทั้งยังกระชับตัวผมเข้าไปใกล้ชึ้นอีก เเล้วเอาหัวมาซบอกผมบ้างถูเบาๆเหมือนเวลาหมาอ้อนเจ้าของให้ผมถอนหายใจแต่ไม่ใจอ่อน

"ไม่ เดี๋ยวค่อยมานอนต่อ ไปล้างตัวก่อน โอเคไหม"

"So let’s go. I’ll help you.(งั้นป่ะ ฉันช่วย)"

ผมพยักหน้าปลกๆ อย่างน้อยมันก็ช่วยพยุงผมไปได้ก็ดีกว่าเดินเป๋ๆออกไปล่ะกัน

แต่เหมือนผมจะตัดสินใจผิดว่ะ...

 
 
ถ้าคิดว่าการช่วยของมันคือการช่วยผมอาบน้ำนั้นคือคุณคิดถูกครับ แต่มันไม่จบแค่อาบน้ำไง ตอนเเรกผมยืนกรานว่าจะเอาน้ำตรงนั้นออกเองมันก็ดื้อจะช่วยเอาออกให้ได้แต่ตอนนี้ผมเป็นธีร์คนใหม่แล้วครับ ผมไม่ยอมมันง่ายๆ บอกเสียงเเข็งเลยว่าไม่! แต่มันไม่ฟังไง หน้าด้านสุดอะไรสุดพออ้อนก็แล้ว ปากหวานก็แล้ว ผมก็ยังไม่ยอม มันก็จับหมับเข้าที่ก้นผมเเล้วส่งนิ้วเข้ามาเลย...

แล้วก็เลยเถิดไงครับ กว่าจะจบศึกในห้องน้ำก็เกือบสองชั่วโมง ทำความสะอาดอีกอะไรอีกก็อีกหนึ่งชั่วโมง ตายๆ นี่สองวันผมปล่อยไปกี่น้ำเเล้ววะเนี่ย

ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าผมไม่ได้รู้จักมันจริงๆอย่างที่ผมคิดนั่นแหละ ตอนแรกมันคนดีใช่ไหม โคตรสุภาพบุรุษเลย ทั้งการกระทำ คำพูด ดูผู้ชายอบอุ่นสุดๆ อะไรๆก็ตามใจผม ตอนนี้น่ะหรือ เอาจริงๆก็คล้ายๆเดิมนั่นเเหละผมอาจจะเวอร์ไปนิด แต่ผมมั่นใจว่าดาร์คไซด์ที่มันพูดถึงนี่ไม่ใช่เรื่องดีที่ชัดเลยคือมันหื่นขึ้น... อันนี้เรื่องจริงไม่ปิ้งย่าง ปกติมันเหมือนจะฟังผมบ้างเวลาผมงอแงไม่ทำมันก็จะไม่ใช่ไหมครับ แต่นี่คือลวนลามทุกเวลาที่มีโอกาส เหมือนจะทำเล่นๆหยอกๆนะ แต่ครั้งไหนผมเคลิ้มก็เหมือนจะไปไกลทุกที แถมยังรุนเเรงขึ้นอีกต่างหาก

และมันยังเอาแต่ใจมากขึ้น...ไม่สิ เรียกว่าหน้าด้านก็ได้ ไอภาพพจน์ดีๆตอนเเรกมันเริ่มหายไปจากหัวผมเเล้วครับ และยอมรับเลยว่าพอมันเปิดเผยอีกด้านผมก็เริ่มเลิกเกรงใจมันเเล้ว ก็ดูมันทำตัว น่าเกรงใจที่ไหนเล่า

พออาบน้ำจัดการตัวเองเสร็จผมกับมันก็กลับมายังคอนโดตัวเองครับ ตอนเเรกมันก็จะดื้อด้านอุ้มผมลงมาจากจากห้องโรงเเรมให้ได้ แต่คือผมแค่เจ็บตูดไม่ได้ขาหักครับ สุดท้ายมันก็ยอม เจอกันครึ่งทางโดยการช่วยพยุงผมเฉยๆ

"ไอเตอร์"

พอมาถึงไอเตอร์ก็วิ่งดุ้กๆมาหาผม เห่าเสียงดังจนห้องข้างๆเเทบจะออกมาด่า มันพุ่งเข้าใส่เเบบที่ผมไม่ทันตั้งตัวจนล้มโคร่มไปล้มลุกคุกคลานไปกับมัน

"He’s worried about you. (มันคงเป็นห่วงนายไม่ต่างจากฉันหรอก)"

"หือ? มันเนี่ยนะ?"

เอาจริงๆผมไม่ค่อยได้เล่นกับมันบ่อยนัก ส่วนมากจะนั่งดูไอหมีควายเล่นกับมันซะมากกว่า ทุกวันนี้แค่คอยให้อาหารมันกับด่าเวลามันเสียงดัง ถ้ามันจะพุ่งเข้ามาหาผมคงมีแต่มาขออาหารนั่นแหละ

"Um it’s  you. Is that right, Thir? (อือ ห่วงนายนั่นแหละ ใช่ไหมเตอร์)"

"โฮ่ง!"

"See. (เห็นไหม)"

"ฟังรู้เรื่องอีก ห่วงกูเหรอวะไอหมา"

"โฮ่งๆๆ"

"โอเค กูเชื่อก็ได้ เงียบได้แล้วกอนที่ห้องข้างๆจะมาฆ่ากู"

"Once, about one week that I’m go out for my business. Do you remember? (นี่ มีช่วงนึงที่ฉันผลุบๆโผล่ๆหายไปทำธุระก่อนหน้านั้นอีกจำได้ไหม)"

"หือ.."ผมครางในลำคอแล้วค่อยๆคิด

จะว่าไปช่วงวันที่ผมไปจูบกับพี่เรนมันก็หายไปนี่หน่า

"First you didn’t ask me anything then I think it will be okay I won’t tell. But the things that just happen make me think it will be better if I tell you. Do you remember that night that Thir poo in bedroom? Since that day he have strange symptoms so I brought him to saw a doctor...Don’t look at me like that even I’m a veterinarian but I have no medicine. Maybe you did not notice because you often play with him. (ตอนแรกพอเห็นนายไม่ถามก็เลยไม่ได้บอก แต่พอเกิดเรื่องขึ้นฉันว่าฉันบอกนายดีกว่า จำได้ไหมที่ไอเตอร์ไปขี้ไว้ในห้องนอนน่ะ ตั้งแต่วันนั้นมันก็มีอาการแปลกๆ ฉันเลยพามันไปหาหมอ อย่ามองหน้าฉันอย่างนั้น ถึงฉันจะเป็นหมอแต่ฉันไม่มียา แต่นายอาจจะไม่ได้สังเกตเพราะไม่ค่อยได้เล่นกับมัน)"

คำพูดมันทำผมเป๋ จำได้ลางๆว่าเมื่อก่อนพี่เรนเคยบอกผมว่าผมมันใส่ใจคนอื่นน้อยเกินไป ไม่ใช่ว่าใส่ใจแต่ตัวเองแต่พอเรื่องไหนไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยเก็บมาคิดให้ยุ่งยาก นี่ผมอยู่กับมันมาตั้งหลายเดือนพอๆกับไอหมีควายเลยแต่ผมกลับไม่เคยรู้เลยสักนิดว่ามันเคยป่วย

"ขอโทษนะ ต่อไปนี้จะมาเล่นด้วยบอยๆ"ผมบอกไอเตอร์ด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆ ลูบหัวมันเล่นซึ่งมันก็ทำหน้าเคลิ้มๆอย่างที่ไอหมีควายเคยบอก

ตอนแรกก็กะจะนั่งเล่นกับไอเตอร์ซักพักแต่ท้องผมดันร้องประท้วงขึ้นซะก่อน จนไอหมีควายหัวเราะออกมาเบาๆแล้วบอกว่าเดี๋ยวหาอะไรให้กินเอง ผมเลยตกลงรับคำแบบไม่อิดออด

มันทำข้าวผัดง่ายๆมาสองจาน ผมไม่รอช้าไปล้างมือเเล้วเดินตามกลิ่นมาทันที จากนั้นก็เริ่มต้นสวาปาม

โดยมีสายตาคู่หนึ่งคอยจ้องมองมาตลอด

ยอมรับเลยว่าผมชักจะชินเเล้วกับการที่โดนจ้องไปกินไปแบบนี้

"ฮ่า...โคตรอิ่ม ไม่ได้กินเต็มมื้อมาหลายมื้อเเล้วนะเนี่ย"

"But I still not full yet. Can I eat you next? (แต่ฉันยังไม่อิ่มเลย ขอกินนายต่อได้ไหม?)"

"หยุดเลย วันนี้กี่รอบเเล้ว ยังระบมไม่หายเลยนะ"

"Got it. Then I will wait until your pain is better. (โอเค งั้นฉันจะรอให้นายหายเจ็บก่อนละกัน)"

พอกินเสร็จผมก็ใช้อำนาจคนเจ็บให้มันเอาจานไปล้างก่อนจะย้ายตัวเองมานั่งเเหม็บอยู่บนโซฟาในอ้อมกอดมีตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลที่ถูกซื้อให้อย่างงงๆ พอเปิดทีวีก็เจอช่องสาระคดีสัตว์โลกที่อีกคนชอบดู พอดูๆไปมันก็เพลินดีเหมือนกัน

ยวบ..

ไม่นานนักคนที่ไปล้างจานก็กลับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขยิบเข้ามาจนเเทบจะสิงกัน ทั้งยังใช้เเขนข้างนึงโอบไหล่ผมเนียนๆ ผมเลยเอียงคอซบมันเลยเเบบเนียนๆ

มันก้มลงมาเลิกคิ้วมองผมเล็กน้อย คงเเปลกใจที่ผมเป็นฝ่ายเข้าหามันก่อน แต่มันก็เผยยิ้มดีใจอย่างปิดไม่อยู่ ผมทำเป็นไม่เห็นรอยยิ้มมันมองตรงไปยังทีวีทั้งๆที่ปากกำลังกลั้นยิ้ม

ฟอด

"Whose boyfriend is this? So adorable! (แฟนใครน่ารักจริงๆเลย)"

โอ้ยยย หุบยิ้มไม่ได้แล้วโว้ยยย
 
 

 
 ---------------------
ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ แต่บักธีร์กับพี่หมีควายใกล้จบแล้วจริงๆ ตอนนี้เหลือเพียง2ตอนก็จบแล้วจ้า
แต่! เรา'อาจจะ'แต่ภาคผัวๆเมียๆต่อหากซาวเสียงแล้วมีคนอยากอ่านต่อ เป็นเรื่องราวหลังจากที่เขาย้ายไปอยู่ด้วยกันอ่ะเนอะ แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้เพราะปีนี้ยุ่งๆกับเรื่องสอบเข้าเลยอาจจะไม่มีเวลาแต่ง กลัวเปิดมาละดอง หายยย

ขอบคุณที่เข้ามาติดตามและให้กำลังใจด้วยจ้า <3

ปล.ขอสอบถามหน่อยค่า คือหากจบแล้วต้องเปลี่ยนหัวชื่อเรื่องเป็นจบเท่านั้นรึเปล่าคะ แล้วถ้าจะเปิดจองหนังสือตั้งกระทู้ต่อจากนิยายได้เลยรึเปล่าคะ คือไม่ค่อยทราบเกี่ยวกับกฎระเบียบในเล้าซักเท่าไหร่ รบกวนผู้รู้ผู้อื่นผู้เบิกบานด้วยค่ะ แฮ่
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.40 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [20.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-10-2016 04:17:53
       ธีร์อยากรู้จัก       เพราะรักหมีควาย
ไม่ใชแค่กาย             ทั้งในใจหมี
       รู้แล้วหมีขาว      ห้าวจริงรุกถี่
จากเคยว่าดี              หมีดาร์กหื่นจริง   

พอหมีควายบอกว่าตัวเองเป็นบอยเฟรนด์
ธีร์ ดีใจแบบกลั้นยิ้มไม่ได้เลย
ก็จะกลั้นทำม้าย อยากยิ้มก็ยิ้มไปเล้ย
เข้าใจกันก็ดีแล้ว ดีจนโดนเข้าไปสำรวจถ้ำซะ
เอ้อ....แต่ว่า อะไรโบ๋ๆ หว่า
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.40 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [20.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-10-2016 07:08:55
ชอบ เราอยากอ่านอีกกกก นานก็รอได้ค่ะ ><

แอบดีใจกะบักธีร์ เจอเนื้อคู่แล้ว :3
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.40 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [20.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 21-10-2016 08:07:11
ชอบพี่หมีภาคดาร์คไซด์ค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.41 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 21-10-2016 19:06:11
Chapter 41
| Surprise
-----------------------------------------------------------------------

     จากวันที่ผมได้รู้จักดาร์คไซด์ของไอหมีควายก็ผ่านมาประมาณสองเดือนเเล้วหรือจะพูดอีกอย่างก็คือผมเป็นเเฟนกับมันมาประมาณสามเดือนเเล้ว

     เรื่องของไอกลองแต็ก หลังจากวันนั้นผมขอเวลาทำใจสักสองวันจากนั้นก็ตัดสินใจที่จะไปคุยกับมัน หากแต่ก็พบว่ามันขาดเรียนมาหลายวันเเล้ว ทั้งไอพุไอจีนก็ไม่มีใครติดต่อได้ ผมค่อนข้างเป็นห่วงมันเพราะไอแต็กมันไม่เคยโดดเรียนหากไม่จำเป็น ทั้งช่วงนี้ยังใกล้สอบผมกลัวว่ามันจะเอาอนาคตมาทิ้งเพราะผม ผมทั้งไปดักรอมันที่บ้านแต่ก็ไม่พบใครนอกจากบ้านเปล่าๆ

     หลังจากเรื่องราวในวันนั้นพี่เรนมาพบผมในวันถัดมา ทำให้ผมรู้ว่าคนที่พาไอหมีควายไปบ้านกลองแต็กก็คือพี่เรน พี่เรนบอกผมว่าพี่เขารู้สึกตะหงิดๆตั้งแต่วันที่ไอหมีควายมาเจอผมจูบกับพี่เขาแล้ว มันบังเอิญและพอดีเกินไปจนต้องไปสืบหาและพบว่ากลองแต็กเป็นคนเรียกไอหมีควายออกมาโดยบอกว่าผมรอมันอยู่ที่ร้านอาหารนั่น

     และที่น่าตกใจที่สุดคือปกป้องเพื่อนเก่าผมเป็นคนวางแผน มันยอมรับออกมาเองว่าก่อนหน้าวันที่กลองแต็กจะพาผมให้ไปเห็นภาพบาดตามันตามดูไอหมีควายกับพี่ตอบมาซักพักจนเเน่ใจว่าเขาทั้งคู่มาโรงแรมกัน มันเลยประจวบเหมาะคิดแผนขึ้นมาให้กลองแต็กทำ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าไอปกป้องมันจะทำไปเพื่ออะไร

     แต่พี่เรนแน่ใจว่าเป็นไอป้องแน่ๆเพราะรถของเพื่อนที่ไอแต็กกล่าวถึงคือของไอป้อง ซึ่งตอนแรกผมไม่เชื่อแต่พี่เรนยืนยันทั้งยังบอกว่าวันที่ไอกลองแต็กวางยาทั้งตัวเองเเละผม พอตกเย็นไอปกป้องก็มาที่บ้านไอแต็กเพื่อมาเอารถคืน พอย้อนคิดดูมันก็แปลกอย่างที่พี่เรนว่าเพราะวันนั้นผมจำได้ว่ารถเพื่อนมันดันบังเอิญจอดอยู่ชั้นเดียวกับไอหมีควายเเถมยังอยู่ไม่ไกล ทั้งยังลืมคิดว่าไอแต็กมันไปเอากุญแจรถมาตอนไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งลงล็อคว่าไอแต็กมันวางแผนมาตั้งแต่ต้น

     คิดแล้วก็สลดใจ เพื่อนที่ผมคิดว่าเป็นเพื่อสนิทที่ดีที่สุดกลับทำแบบนี้กับผม แต่ผมไม่โกรธมันนะ ออกแนวผิดหวังมากกว่า แต่ผมก็อยากให้มันมาอธิบายกับตัวผมเองมากกว่าว่าทำทำไม อย่างน้อยมาขอโทษผมก็ยังดี แต่มันกลับหายหน้าหายตาจนน่าเป็นห่วง

     ตอนนี้เป็นเวลาหกนาฬิกาซึ่งปกติอย่าหวังเลยว่าผมจะตื่นมาหากไม่มีเรียน แต่ผมดันมีกิจกรรมเพิ่มขึ้นในทุกเช้าคือการพาไอเตอร์ไปเดินเล่น ตอนเเรกก็อิดออดไม่อยากพามันไปตอนเช้าหรอกเพราะขี้เกียจตื่นแต่ไอหมีควายคนเฮลตี้บอกว่านอกจากไอเตอร์ต้องออกกำลังเเล้วผมก็ต้องออกเหมือนกันเพราะพักหลังนี้พุงเริ่มเป็นชั้น

     ตอนแรกก็เถียงว่าผมไม่อ้วนนะ ผมจะอ้วนได้ไง ผมออกจะหุ่นดี มันจัดการลากขึ้นเตียงพาทำกิจกรรมเข้าจังหวะเเล้วเเกล้งผมให้ผมเป็นคนอยู่บน พอขยับเท่านั้นแหละเเม่งก็หัวเราะออกมาเเล้วเอื้อมมาจับพุงผมละบอกว่าพุงผมแม่งกระเพื้อม! คือเลวมาก! ใครใช้ให้พูดเรื่องงี้ตอนกำลังทำกันวะ ผมนี่นอยเลย เอาจริงๆคือเสียความมั่นใจไปถามตัวเองอยู่ตั้งหลายรอบว่าผมอ้วนขนาดนั้นเลยหรือ ช่วงนั้นนี่ผมไม่ให้มันเอาเลยนะ มันนี่ง้อผมไม่รู้จะง้อยังไงแต่คือคนมันเสียเซลฟ์ไปแล้วอ่ะ!

     สุดท้ายผมก็ตัดสินใจแหกตาตื่นมาวิ่งทุกเช้าซึ่งเกือบทุกวันไอหมีควายจะตามมาวิ่งด้วย ที่จริงมันตามมาเพื่อคุมผมต่างหากเพราะมันรู้ว่าถ้าผมมาคนเดียวผมเดินอย่างเดียวแน่ๆ

     "ไอเตอร์ ไอเตอร์มึงอยู่ไหน ออกมาไวๆ"หลังจากล้างหน้าแปรงฟันทำธุระส่วนตัวเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเตรียมไปออกกำลังกาย ผมก็ออกมาตามหาไอหมาเตอร์ที่ปกติคงวิ่งมาหาพร้อมกระโดดดีใจที่จะได้ออกนอกห้อง

     "ไอเตอร์! ไอเตอร์!"

     ผมตะโกนหามันรอบห้องก็ยังไร้วีแววจนรู้สึกถึงความผิดปกติ

     อันที่จริงผมลืมบอกไปอย่างตอนนี้ผมอยู่กับไอเตอร์แค่หนึ่งคนหนึ่งตัว ส่วนไอหมีความน่ะหรือ...โดนผมไล่ที่ไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว

     ถ้าคิดว่าทุกอย่างจะจบแบบเเฮปปี้เอ็นดิ้งและพวกเราจะนำข้อคิดในคราวนั้นมาปรับตัวและไม่ทะเลาะกันอีก...มันก็คงมีแต่ในนิยายเท่านั้นแหละครับ ผ่านไปไม่เท่าผมก็ทะเลาะกับมันอีกแล้ว

     และครั้งนี้ผมบอกเลยว่าผมไม่ผิด!!!

    ขอย้อนเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ เหตุเกิดจากที่จู่ๆเมื่อาทิตย์ที่แล้วมันบอกผมว่ามีธุระต้องไปทำกับพี่ตอง ผมก็เออ คันปากอยากถามนะว่าธุระอะไรแต่มันก็อุส่าห์บอกขนาดนี้เเล้วเลยคิดว่าแม่งคงไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่พอมันเริ่มออกไปทุกวันๆ บางวันก็ไม่กลับมานอนสุดท้ายผมก็ตัดสินถามว่าไปทำอะไรแต่มันกลับตอบมาว่า

     'ความลับ'

     พอมันตอบงี้ผมก็ไปไม่ถูก งอนมันตุ๊บป่องและมันก็ไม่ง้อ!! เอ้อ! เอากับมันสิ! ผมเลยล็อกห้องไม่ให้เข้ามานอนทุกคืนแต่ก็ไม่เอ่ยปากไล่ตรงๆนะ กลัวแม่งไปจริง และถ้าคุณคิดว่ามันพยายามง้อ...ไม่! ไม่กลับมาห้องกูเลย!

     ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงโคตรโกรธโคตรเคืองถึงแม้มันจะคอยถ่ายรูปส่งมาว่าอยู่ร้านเฮียบ้าง อยู่ห้างบ้าง อยู่โรงแรมเฮียบ้างตามที่มันเคยบอกไว้ว่าไปไหนจะถ่ายรูปรายงาน

     ผมก็พอจะเข้าใจว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ธุระอะไรมันบอกกันหน่อยไม่ได้หรือ ที่ผมเคืองไม่ใช่เพราะมันไม่ยอมกลับ ไม่ยอมง้อแต่เพราะมันไม่ยอมพูดกันตรงๆอย่างที่มันพูดไว้ต่างหาก

     แต่...ไอเตอร์หายไปไหนวะ

     ไลน์

   พอมั่นใจว่าไอหมาไทยเพื่อนที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวได้หายไปจากห้อง ความกังวลปนเป็นห่วงก็เข้ามาทันที แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงคนเดียวที่จะเอามันไปได้ก็คือไอหมีควายนั่นแหละ และก็ใช่เลย เพราะพอเปิดไลน์มาปุ๊ปก็เจอรูปไอหมาไทยสีน้ำตาลนั่งลิ้นห้อยอยู่หน้ากล้อง   

 เออ เอาไปให้หมดเลย ทิ้งกูอยู่คนเดียวนี่แหละ

 ถึงจะพูดดีแต่ก็อดเบะปากออกมาไม่ได้ มันไม่คิดจะง้ออะไรผมจริงๆหรือวะ แถมยังยึดไอเตอร์ไปอีก ใจคอมันอยากจะทะเลาะกันจริงๆใช่ไหม นี่ผมอุส่าห์ใจเย็นรอมันมาอธิบายนะเพราะมันดูท่าทางไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ผมเลยคิดว่ามันอาจจะเเกล้งผมเล่น แต่เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ต้องนอนคนเดียวมันจะนานเกินไปแล้ว...

แต่ไม่ทันที่จะได้น้อยใจไปมากกว่านี้ก็มีเสียงดันขึ้นขัด

Rrrrrrrrrr

"ฮัลโหล ว่าไงไอจีน"ผมรับโทรศัพท์ทันทีเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา เเอบสงสัยเล็กน้อยเพราะปกติไอจีนมันไม่ค่อยโทรหาผม

[วันนี้ว่างป่ะ ไปหาไรแดกกัน]

"อารมณ์ไหนวะมึง แล้วจะไปที่ไหน"

[ที่ร้านxxxอ่ะ นี่กูกับไอพุจะไปลองกันเลยลองถามมึงด้วย]

ผมทวนชื่อร้านในใจอย่างสงสัย ร้อยวันพันปีพวกมันไม่เคยจะอยากออกไปหาอะไรไกลๆแดก นี่งงจริงๆว่าสรุปมาอารมณ์ไหน แต่ไหนๆก็ไหนๆละ ไอหมีควายก็ไม่อยู่ออกเที่ยวหน่อยก็คงไม่เป็นไร เจ๊าๆกันไป

"เออ ไปด้วยๆ กี่โมงวะ ตอนนี้เลยป่ะ"ผมถามมันเหลือบไปมองนาฬิกาที่ฝาพนัง ตอนนี้ก็ดูท่าว่าจะเช้าไป

[เย็นๆเลยมึง นี่มานัดไว้ก่อน กลัวล่ม ซักห้าโมงเจอกันที่นู้นนะมึง]ไอจีนบอก

"งั้นมึงส่งโลมาให้กูด้วย กูไปเองเดี๋ยวกูหลง"

[อ่าว ไม่ให้ผัวมึงมาส่งล่ะ]เสียงในสายถามกลับมาด้วยความสงสัย

"หายหัวไปไหนไม่รู้"ผมตอบมันเอือมๆ แอบประชดเล็กน้อย

[เออๆ เดี๋ยวส่งไปให้ในไลน์ แค่นี้นะ ตู้ดดด...]

ผมยังไม่ทันจะได้ตอบรับอะไร พอมันพูดจบปุ๊ปมันก็ตัดสายปั๊ปดีจังเลยเพื่อนกู

ไหนๆแฟนก็เมิน ถ้าผมจะขอไปเที่ยวบ้างก็คงเจ๊าๆกันไปนั่นแหละ เหอๆ
 
  ---------------------------------------------------------------

ผมไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิดที่ออกมากับไอสองเกลอนี่ แทนที่จะช่วยลดความฟุ้งซ่านของผมลงกัลยทำให้ผมปวดหัวเข้าไปใหญ่

"ผัวทิ้งแล้วมั้งมึง"

"สัดจีน ปากมึงนี่"ผมถลึงตาใส่ไอเพื่อนหน้าไทย มันหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ไอพุก็นั่งแดกของมันไปเงียบๆตามสไตล์มีอ้าปากมาจิกผมบ้างไม่ให้ไอจีนพล่ามอยู่คนเดียว

"ปากกูทำไม ปากกูหวานนะจะบอก ไม่เชื่อลองถาม..."

ผั่วะ!

"เฮ้ย ไอจีน!"ผมนี่เรียกชื่อมันอย่างตกใจ จู่ๆมันก็ทะลึ่งเอาหน้าทิ่มโต๊ะเล่นไม่สิ...โดนประทุษร้ายต่างหาก ดีนะที่อาหารถูกยกเก็บไปแล้วไม่งั้นหน้ามันนี้...อือหือไม่อยากจะคิด

"ดั้งกูจะแหมบก็เพราะมึงนี่แหละไอสัดพุ!"

"พูดอย่างกับเคยมีดั้ง มีไปก็ไม่ช่วยให้มึงหล่อขึ้นด้วย"

"ถึงจะพูดแบบนี้แต่มึงก็เอา..."

ผั่วะ!

"ไอจีน! ไอพุใจเย็นๆ ไอพุ!!!"

จนกระทั่งกินกันเสร็จแยกย้ายกันกลับผมยังถามกับตัวเองอยู่เลยว่าผมตัดสินใจถูกแล้วหรือที่มากับพวกมัน อาหารก็อร่อยดีแต่กลับไม่รู้รสเท่าที่ควร แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทะเลาะวิวาทของพวกแม่งทำให้ผมสบายใจขึ้นเยอะ

ตีกันขนาดนั้นยังอยู่ด้วยกันได้เลย

ผมเดินลูบพุงลงจากแท็กซี่ ในขณะที่เดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีและเท้ากำลังก้าวสู่คอนโดสายตากลับเหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดกลางที่มีความสูงเพียงเข่ากำลังยืนอยู่เยื้องๆไป ขนสีน้ำตาลแดง หูตั้งตรง ขาสี่ขา กับปลอกคอสีดำสนิท เพียงมองปราดเดียวก็รู้แล้ว

"ไอเตอร์!!"

ราวกับว่าเสียงเรียกของผมเป็นเสียงบอกเริ่มของกรรมการ พอเรียกปุ๊ปแม่งออกตัววิ่งอย่างไม่คิดขีวิตทันที ด้วยสัญชาตญาณของมนุษย์ผมจึงออกสิ่งตามอย่างไม่คิดชีวิตเหมือนกัน กลัวว่ามันจะวิ่งไปตัดหน้ารถอีก ถึงแม้ว่าในซอยตอนค่ำๆรถจะบางตามากก็ตาม

"ไอเตอร์!! มึงจะวิ่งไปถึงไหน! หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะมึง!!"ผมนี่วิ่งไปตะโกนไปเหมือนคนบ้า แค่วิ่งก็หายใจแทบไม่ทันยิ่งรวบรวมแรงตะโกนนี่เหมือนใกล้ตายเต็มที  มันสี่ขาแต่กูสองขานะ ไอหมาเวร ควบซะเต็มที่เลย!

กึก

"แฮ่ก แฮ่ก หายไปไหนแล้ววะ"

ผมหยุดหอบหายใจ เอามือยันเก้าอี้ตัวหนึ่งไว้ก่อนที่จะเป็นลมล้มพับไป พอกวาดตามองรอบๆก็ไม่พบไอเตอร์แล้วและก็เพิ่งสังเกตว่าเมื่อกี้ผมวิ่งติดสปีดมาถึงสวนสาธารณะที่มาประจำเสียแล้ว

"ไอเตอร์! อยู่ไหนวะ! ไอเตอร์!"

ผมพยายามเรียกหามันขณะที่ก้าวเท้าเดินไปรอบๆ สายตาก็หยุดอยู่ที่แม่น้ำที่อยู่ติดกับที่นี่ ทั้งๆที่วิวก็ไม่ได้แย่อะไรออกจะสวยเสียด้วยซ้ำแต่ผมยังยืนยันว่าที่นี่ร้างคนมากจริงๆ อาจจะเป็นเพราะมันอยู่เขตชานเมืองด้วยแหละ หอแถวนี้ซักสี่ในสิบก็ร้างๆไปหมด

ความเงียบเข้าปลกคลุมทันทีมีเพียงเสียงลมที่พัดเเผ่วๆแต่ไม่ได้ช่วยให้อากาศเย็นขึ้นเสียเท่าไหร่นัก ที่นี่สงบจริงๆ และด้วยบรรยากาศรอบข้างก็ทำให้ผมจมดิ่งไปในห้วงความคิดที่หวนนึกถึงวันเก่าๆ

สวนสาธารณะนี่เต็มไปด้วยความทรงจำไม่น้อยเลย เป็นที่ๆผมพามันมาเที่ยวที่เเรกด้วยความสิ้นคิดเพราะพามันไปที่อื่นไม่ทัน และยังเป็นที่ๆมันสารภาพรักกับผม

คิดแล้วก็เขินขึ้นมาเลย ถ้าวันนั้นผมไม่เผลอหลุดปากตอบมันไปนี่จะเป็นยังไงนะ

พอเดินมาจนถึงม้านั่งตรงกลางที่เป็นจุดที่มันสารภาพรักกับผม ผมก็ทรุดตัวลงนั่งพิงหลังไปกับพนักเก้าอี้ก่อนจะปิดตาลง

ผมอมยิ้ม แม้เราจะคบกันมาไม่นาน แม้มันจะเป็นแฟนคนแรก ถึงแม้ผมจะไม่เคยรู้จักรูปร่างหน้าตาของความรักมาก่อน ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจแต่หากถามว่าหน้าตาของความรักสำหรับผมเป็นอย่างไร...

"Excuse me, Can I sit here with you?(ขอโทษนะครับ ขอนั่งด้วยได้ไหม)"

หืม? เสียงนี่มัน...

"ไอหมีควาย!"

ผมลืมตาโผล่งเหมือนเห็นผี แต่ไอหมีควายไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ยิ้มให้บางๆจากนั้นก็ทรุดตัวนั่งข้างๆพร้อมกับกระเป๋าบางอย่างที่วาดไว้ข้างม้านั่งถ้ามองไม่ผิดผมเห็นเป็นกระเป๋ากีตาร์

"มะ...มึงมาได้ยังไง"

มันเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวนๆแทนคำตอบ ให้ผมเบะปากออกอย่างหมันไส้

"จะมาง้อรึไงเล่า ตอนนี้ช้าไปแล้วเหอะ"

มันก็ยังคงไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มบางๆจากนั้นก็หยิบกระเป๋ากีตาร์ที่วางไว้ข้างๆมาวางไม้บนตังก่อนจะยกกีตาร์โปร่งตัวใหญ่ออกมาไว้บนตักจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน

"Mr.Corgi, someone told me to give one song for you.(คุณคอร์กี้ครับ มีคนฝากเพลงมาให้เพลงหนึ่ง)"มันพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มน่าฟังทั้งยังยิ้มสุภาพให้ผมขมวดคิ้วเข้าหากันหนักกว่าเก่าอีก

"เล่นอะไรวะเนี่ย"

"เขาบอกว่าถ้าเขายังไม่โผล่หัวมาง้อ คอร์กี้ขี้น้อยใจคงต้องกลับไปนอนร้องไห้กอดตุ๊กตาหมีที่ห้องแหง"มันว่าต่อแถมทำหน้าทำตาหน้าถีบ แต่ยังไม่ทันได้ถีบมันก็ถอยหนีไปก่อนให้ผมได้แต่ถลึงตา

"ไอ!"

แต่อะไรบางอย่างทำให้ผมไม่ด่ามันไปเต็มปาก แต่กลับใจเต้นตุบตับกับสิ่งที่มันกำลังจะทำ จนเผลอจ้องมองไปอย่างละสายตาไม่อยู่ คนตัวโตกระแอมกระไอเบาๆก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างหน้าผม นั่งกับพื้นนั่นแหละให้ผมสงสัยอีกแต่ก็ไม่เอ่ยปากถาม กลายเป็นว่าตอนนี้กลายเป็นผมนั่งมองมันจากมุมสูง

มันกระแอมกระไอเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเกากีตาร์เบาๆ แค่ท่อนคอรัสเริ่มมาก็ทำเอาผมตกใจเล็กน้อยเพราะเพลงนี้มันคุ้นหูมาก

"ในคืนทีฟานันเต็มไปดัวแสงไฟ..."ภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆที่ถ้าไม่ฟังดีๆคงฟังเเทบไม่ออกดังผ่านออกมาจากริมฝีปากแดงเข้ม

ภาพของฝรั่งร่างสูงใหญ่นั่งกับพื้นกำลังขมักเขม้นเล่นกีตาร์และร้องเพลง แสงไฟสีส้มนวลดวงเล็กจากโคมไฟที่มีอยู่ไม่มากนักในที่แห่งนี้ขับให้ภาพตรงหน้าราวกับมีมนต์เสน่ห์ เสียงกีตาร์เบาคลอไปกับสายลมที่เงียบเชียบ
 
...เราโอบกอดกันและมองไปบนฟ้าไกล
สุดหัวใจ สุดสายตา มีแต่เรา
ดวงจันทร์ล่องลอยและมอบความรักให้กัน
ขอบคุณวันนี้ที่คอยดูแลรักฉัน จากหัวใจ จากนี้ไปมีแต่เธอ…

...ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร
แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน…

....จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ
โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม
ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ…
 
...เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว
จะไม่มีความเหงาเข้ามากล่ำกลาย
เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม
สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป…

...แม้มีบ้างครั้งฉันทำให้เธอเสียใจ
แต่ทุกๆ ครั้งเธอพร้อมจะมองข้ามไป
เธอเข้าใจ ให้อภัยคนอย่างฉัน…

...ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร
แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน…

...จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ
โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม
ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ…

...เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว
จะไม่มีความเหงาเข้ามากล่ำกลาย
เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม

...สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป…
-    ลูกอม วัชราวลี
 
มันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมก่อนจะถึงท่อนสุดท้าย ริมฝีปากมันคลี่ยิ้มกว้างที่ผมชอบที่สุดออกมา ก่อนที่เพลงจะดำเนินมาถึงท่อนสุดท้ายแท้จะมีดีดเพี้ยนไปบ้างแต่นั่นกลับไม่ได้อยู่ในความสนใจผมเลย

จบแล้ว..

แต่ผมกลับละสายตาจากมันไม่ได้เลย สายตาเราประสานกับนิ่งหลายสิบวินาทีเหมือนกับวันแรกๆที่รู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างเราราวกับมีแม่เหล็กคนละขั้วอยู่ตรงหน้า

ผมไม่อยากละสายตาไปเลย ผมกลัวว่าจะไม่มีโอกาสภาพสวยๆแบบนี้อีก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอยากจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาถ่ายรูป

"จบแล้ว...เป็นไงบ้าง"มันเป็นฝ่ายเอ่ยปากออกมาก่อน ก่อนจะยิ้มเขินๆเหมือนไม่มั่นใจในตัวเอง

"กะ ก็ดี"

"โฮ่ง!"

ไม่ทันที่ไอหมีควายจะได้พูดอะไรเสียงเห่าอันคุ้นหูก็เรียกให้ผมหันไปมองก่อนจะลุกพรวดขึ้น

"ไอเตอร์!"

"มานี่มาเตอร์"ไอหมีควายกวักมือเรียกมันซึ่งไอหมาเตอร์ก็วิ่งดุ้กๆๆปหาอย่างว่าง่ายเมินผมที่กำลังจะลุกไปหามัน ดูมัน! นี่ผมวิ่งอุส่าห์สี่คูณร้อยตามมันมาเลยนะเฟ้ย!

"นี่มันมากับมึงหรือ"ผมถามขณะที่เดินเข้าไปใกล้แต่ในขณะที่จะยื่นมือไปลูบหัวไอเตอร์บ้างไอหมีควายก็กันผมออกซะก่อน

"อย่าจับนะ มันมีเห็บอยู่"

"หะ เห็บ!?"

"ใช่ มานี่สิ"มันว่าก่อนจะตบมือลงกับพื้นข้างๆกัน เออดี เก้าอี้มีก็ไม่นั่ง แต่ผมก็ทรุดตัวลงนั่งแต่โดยดีคิ้วขยับเข้าหากัน เห็บนี่มันกินเลือดใช่ไหม ไอเตอร์จะเป็นอะไรรึเปล่าวะ

ยิ่งหน้าไอหมีควายกลายเป็นจริงจังผมยิ่งหวั่นใจ มันกวักมือเรียกผมเข้าไปใกล้ ทำท่าคลำอะไรบางอย่างก่อนจะบอกให้ผมแบมืออกมา

"อ่ะ เจอเเล้ว"

"เห้ย! ไม่เอา ไม่จับนะ!"

"เอาหน่า มันไม่น่ากลัวหรอก กล้าๆหน่อย"

"มันแดกเลือดไม่ใช่เหรอ ไอหมีควายยยยย!"ผมหลับหูหลับตาทันทีดิ้นสุดฤทธิ์แต่ด้วยท่าที่ผมเป็นคนชะโงกตัวเข้าหามัน ไอหมีควายก็มีไวชิบหายคว้าเอวผมไว้จนแทบจะขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักมันอยู่แล้ว มันบังคับให้ผมแบมือออกทั้งๆที่ผมกำสุดฤทธิ์

"ดูสิ เห็บสวยเนอะ"

ผมค่อยๆลืมตาช้าๆหลังจากได้ยินเสียงมัน ภาพตรงหน้าผมทำเอาผมใจกระตุก บนมือผมปรากฏแหวนวงหนึ่งเป็นแหวนสีเงินเรียบๆไม่มีเพชรพลอยประดับหรือสลักใดๆทั้งนั้น
ผมเงยหน้ามองมันด้วยดวงตาสั่นๆราวกับไม่เชื่อตาตัวเอง ซึ่งมันก็ยิ้มขำกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันของผม

"สุขสันต์วันครบรอบสามเดือนและ..."

"แต่งงานกับฉันนะ (Will you marry me?)"

"ดะ เดี๋ยวสิ นี่มันเพิ่งจะสามเดือน"ผมพูดด้วยเสียงสั่นๆอย่างไม่เชื่อหู นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรรึเปล่า แต่งงาน! แต่งงานเนี่ยนะ!

"ฉันเข้าใจ มันอาจจะเร็วเกินไปแต่...ฉันอยากจะจองตัวไว้ก่อนได้ไหม?"

"ห้ะ? เอ๋?"

"ยื่นมือมาเร็ว"

ผมยื่นมือไปหามันอย่างงงๆ แหวนสีเงินเรียบๆหากแต่สวยถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างขวาหลังจากใส่เสร็จมันก็ก้มลงประทับจูบเบาๆ จากนั้นก็ยื่นมือตัวเองออกมาย้างพร้อมเเหวนแบบเดียวกัน

ผมก็สวมให้มันเเบบเอ๋อๆเช่นเดียวกัน เฮ้ย ผมตั้งตัวไม่ทัน ขอเวลานอกก่อนได้ไหม หัวใจผมยังไม่หยุดเต้นแรงเลย

"นี่ฉันไปฝึกเล่นกีตาร์กับร้องเพลงมาทั้งอาทิตย์เลยรู้ไหม ขอโทษที่ไม่บอกความจริงนะ กลัวไม่เซอร์ไพรส์"

"นี่มัน...ยิ่งกว่าเซอร์ไพรส์อีก"

ความโกรธก่อนหน้านี้ไม่หลงเหลืออะไรอีกแล้ว ผมเชื่อว่ามันพูดความจริงเพราะการร้องหรอพูดที่ไม่ฝช่ภาษาของเราแบบไม่ดูโพยมันไม่ใช่ง่ายๆนะ

"ชอบแหวนไหม ฉันไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนเลยเลือกเรียบๆมายังไงนายก็เป็นผู้ชายคงชอบแบบนี้มากกว่า"

"ชอบ...ชอบมาก ขอบคุณ...ขอบคุณนะ"ผมตอบได้แค่นั้นจริงๆ ความรู้สึกตื้นตันมันจุกอกเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของพวกผู้หญิงก็ตอนนี้

มันยีหัวผมเบาๆ จับให้ผมพิงไปกับอกมัน ก่อนจะก้มลงฝังจมูกลงกับหัวผมแล้วกระซิบบอกเบาๆ

"แล้วฉันจะรอวันที่มันเปลี่ยนมาอยู่มือซ้ายแทนนะ"

ผมว่า...ความรักของผม...คงหน้าตาประมาณนี้แหละครับ
 
 
 
 --------------------------------------
100%
หวานกันจริงๆ หวานจนคนแต่งยังหมันไส้เลยให้ตายเถอะ พี่หมีนี่มันเสี่ยวเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ฮืออ แต่ไม่อยากบอกเลยว่าตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ เรื่องกลองแต็ก เรื่องพี่เรน เรื่องคุณโคลด์ เฉลยให้ไม่ได้มาก เพราะแต่ละคนมีเรื่องเป็นของตัวเองทั้งหมดค่ะ ถ้ายังไงก็รอติดตามต่อได้ (แต่คงต้องขอผ่านช่วงสอบเข้าให้ได้ก่อน)
ปล.มีคนเม้นมาเป็นกลอนเลย ชอบๆ ขอบคุณมากค่า ><

 
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.41 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [21.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 21-10-2016 19:49:20
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.41 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [21.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-10-2016 00:30:08
เชอะ มีแลกวงแลกแหวน

/ตาเดี๊ยนลุกเป็นไฟแล้ว
หัวข้อ: Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!]
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 24-10-2016 00:13:37
Chapter 42
| Epilogue
 

คืนนั้น...หลังจากที่ผมถูกขอแต่งงานด้วยเห็บหมาอย่างงงๆ ไอหมีควายก็บอกออกมาว่าถึงเวลาแล้วที่มันต้องกลับประเทศเพราะเงินเก็บก้อนสุดท้ายใกล้หมดเต็มทีทั้งยังทิ้งกิจการที่นั่งไว้กับเพื่อนที่หุ้นไว้อีก

ผมใจหายมากๆเมื่อมันบอก มันปุ๊บปั๊ปเกินไปเพราะอาทิตย์ถัดไปมันก็ต้องบินกลับเพราะวีซ่าใกล้หมดเสียแล้ว...

ขนาดนอนคนเดียวอาทิตย์เดียวยังรู้สึกเหงาขนาดนั้น และนี่มันจะโผล่มาแค่เดือนหรือสองเดือนครั้งเท่านั้น

เหงา เหงามาก เหงาแบบไม่ไหวแล้ว

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมก็เคยนอนคนเดียไว้ได้อย่างสบายๆ แต่ตอนนี้ราวกับเตียงผมมันใหญ่ขึ้นเสียอย่างไรอย่างนั้น ดีที่ยังมีไอเตอร์กับตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลไว้พอแก้เหงาได้บ้าง ผมชักจะเข้าใจความรู้สึกของหมาที่ถูกเจ้าของถึงขึ้นแล้วแฮะ

ตอนแรกมันบอกว่าถ้าเคลียร์อะไรๆเสร็จแล้วจะย้ายมาอยู่ไทย...แต่ว่าผมดันไม่เห็นด้วย เพราะมันลงทุนเปิดคลีนิกมันที่นู้นไปแล้วทั้งยังเริ่มมั่นคงแล้วด้วย ที่นู่นยังไงก็รายได้ดีกว่าอยู่แล้วผมเลยไม่อยากให้มันย้ายมาไม่งั้นเท่ากับว่ามันต้องนับหนึ่งใหม่ ต่างกับผมที่ยังเป็นแค่นักศึกษาที่ยังไงก็อาจจะไปหางานที่นู่นได้แม้ว่าอาจจะลำบากเสียหน่อย

นี่ก็ปาเข้าไปครึ่งปี เวลานี่เดินเร็วแต่ก็เดินช้าจริงๆ ช่วงนี้ผมทุ่มให้กับการเรียนมากเป็นพิเศษเป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโมเม้นแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะจบเร็วๆซักปีหนึ่ง แต่คงยากเพราะนอกจากมหาลัยแล้วผมก็ต้องไปหาภาษาอังกฤษมาเรียนเพิ่มแม้ช่วงที่ผ่านมาผมจะพอพูดได้สื่อสารรู้เรื่อง อ่านออกและเขียนได้เล็กน้อยแต่พอคิดถึงอนาคตถ้าผมจะย้ายไปอยู่กับมันที่นู่นเรื่องภาษาผมต้องแน่นมากกว่านี้ ผมไม่อยากไปแล้วกลายเป็นคนเตะฝุ่นเป็นภาระให้ไอหมีควายหรอกนะ

ชีวิตประจำวันตั้งแต่ที่ไม่มีมันก็กลายเป็นวนเวียนซ้ำซากไปมา ไปเรียนกลับมาเรียนพิเศษเรียนเสร็จก็อ่านหนังสือ อัดๆเข้าไปหวังว่าจะคลายความเหงาได้บ้าง

เฮ้อ...เมื่อไหร่ผมจะเรียนจบซักทีนะ


----------------------------------------------------------
 
อีกหนึ่งปีต่อมา ผมเลื่อนขั้นเป็นนักศึกษาฝึกงาน ทั้งเครียดทั้งเหนื่อยอยากจะผ่านพ้นมรสุมไปได้ไวๆ ดีที่สมัยนี้มีเทคโนโลยีมากมายและดีที่ไอหมีควายมันสอนผมใช้ก่อนไป มันโหลดแอพที่ชื่อแปลกๆผมไม่รู้ว่ามันอ่านว่ายังไงแต่ผมอ่านว่าอูวู่ มันเป็นโปรแกรมที่ไว้วิดีโอคอลเหมือนเฟสไทม์อะไรเทือกๆนั้นที่ผมก็ไม่รู้จัก ผมคุยกับมันแทบทุกวันแม้เวลาจะไม่ตรงกันซึ่งมันก็ช่วยคลายเหงาได้บ้างแต่มันก็สู้ไม่ได้กับการเจอตัวจริง

นอกจากการฝึกงานผมยังคงต้องฝ่าฟันกับภาษาอังกฤษเพื่อสอบไอเอล โทเฟล เอาจริงๆมันอาจจะไม่จำเป็นแต่ผมอยากวัดความสามารถตัวเอง อีกอย่างมันก็เป็นมาตรฐานสากลหากผมจะหางานมันก็คงใช้เป็นเอกสารได้ล่ะมั้ง

ซึ่งแม่งยากบรมเลย อ๊ากกกก

ชีวิตช่วงนั้นผมราวกับกลายเป็นซากศพเดินได้ก็ไม่ปาน ขอบตานี่ดำโหลมาเชียวจนหมีควายยังทัก ช่วงหลังๆนี่อย่าว่าแต่วีดีโอคอลเลยแค่ตอบไลน์ผมยังแทบไม่มีเวลา ตอนนั้นนี่อยากจะร้องไห้เเล้ววิ่งกลับบ้านจริงๆเลย แม่งเป็นช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่ผมจัดว่านรกสุดๆ
 
 -----------------------------------------

และในที่สุดผมก็จบ...วันรับปริญญาบรรดาญาติพี่น้องผมก็แห่กันขึ้นมา ถ่ายรูปเอย อวยพรเอย พ่อผมนี่ยิ้มหน้าบาน สงสัยกลับบ้านไปคงไปโม้ต่อว่าลูกกูเรียนจบเเล้วนะโว้ยแน่นอน

ส่วนไอหมีควายนั้นมันมาไม่ได้เพราะติดเคสหนักกระทันหัน มันโทรมาขอโทษขอโพยใหญ่จนผมต้องบอกว่าไม่เป็นไรและรีบวางสายเพราะมันคงรู้สึกผิดแล้วลนเกินจนกดโทรแบบปกติข้ามประเทศมา! ซึ่งมันแพง!

ผมบอกอีกทีว่าผมไม่ได้งกผมแค่คนประหยัด!

มันบอกว่าจะมารับผมเลทประมาณไม่กี่วันแต่ไปๆมาๆก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี อันที่จริงผมบอกว่าผมมีเงินพอที่จะซื้อตั๋วไปหามันนะ แต่มันก็ไม่ยอมบอกว่าอยากไปด้วยกันอีกทั้งยังอยากมาเที่ยวไทยซักอาทิตย์ก่อนด้วย

เรื่องไปต่างประเทศผมบอกทางบ้านไว้หมดแล้วล่ะทางนู้นก็สนับสนุนกันเต็มที่บอกอยากให้ผมโกอินเตอร์ ส่วนเรื่องแต่งงาน...จุ๊ๆไว้ก่อน ขอหางานก่อนดีกว่าตอนนี้รู้สึกเรื่องเงินเป็นหลักเรื่องรักเป็นรองมากเพราะพอมาถึง ไอหมีควายก็บอกว่าจะเอาเตอร์ไปด้วยและค่าส่งผ่านเครื่องนี่โคตรแพงมากบอกเลย

"I miss you.(คิดถึง)"พอเจอหน้าผมก็กระเเซะอ้อนมันอย่างไม่มีความอายใดๆทั้งสิ้น

มันช่วยผมเก็บของที่จำเป็นจนครบ พวกเอกสารสมัครงานผมก็เตรียมครบ อันที่จริงผมก็เล็งๆที่จะไปทำทั้งส่งพอร์ทฟอลิโอ้ไปบ้างแล้วก็เหลือแต่รอหมายเรียกตัว

ตอนนี้พวกเรามานั่งแหม็บกันบนโซฟาขนาดกลางตัวเดิม ใจจริงอยากเอาไปด้วยนะเนี่ยแต่เกรงใจมัน ฮ่าๆ

"I also miss you like crazy. Miss your smell ,your warm body, your voice, your soft lip , your moan... (ฉันก็คิดถึงนาย...แทบบ้าเลย กลิ่นนาย ตัวอุ่นๆของนาย เสียงนาย ปากนุ่มๆ เสียงครางของนาย..)"

"หยุดเลย ไอหมีหื่น!"

"อะไรกัน แล้วคนที่ขอให้ลองเซ็กส์โฟนมันใคร...อุ๊บ อำอะไอเอียอออี้"มันพูดเสียงอู้อี้เมื่อผมถลาไปปิดปากมันด้วยมือผมเอง จนมันมี่นั่งๆอยู่นี่ล้มโคร่มไปกับโซฟาโดยมีผมที่นั่งชี้หน้าข่มขู่คร่อมอยู่ด้านบน

"หยุดพูดเลยนะ! ห้ามพูดถึงเรื่องนั้น!"

"คอร์กี้หื่น"

"นี่!"ผมถลึงตาใส่มันเพื่อกลบความอายเมื่อมันทำสายตากรุ้มกริ่มใส่
 
"นายไม่อยากบ้างหรือ เราได้เจอกันแค่เดือนละครั้งมาตั้งสองปีเลยนะ"ไอหมีควายเริ่มเข้าบทเจ้าน้ำตา แม่งมาดราม่าง้องแง้งเล็กน้อย ทำสายตาอ้อนวอนเหมือนหมาตัวโตกำลังขออาหาร...แต่มือนี่เลื่อนไปอยู่ที่ก้นผมแล้ว

"ไม่! ใครจะไปมีอารมณ์ได้ตลอดเวลาแบบมึงล่ะ เอะอะก็ขึ้นเอาๆ แล้วเนี่ย ทำมาพูดเจอเดือนละครั้งใช่ว่าจะได้ปล่อยเดือนละครั้งนี่ มีคนตั้งเยอะยอมพลีกายให้มึงนะ"ผมพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อายอ่อน ปัดมือปลาหมึกมันออกแต่มันก็ไม่ยอมแพ้

"โธนายก็รู้ว่าฉันต้องการแค่นายเท่านั้น"

"ไม่ต้องมาปากหวานเลย...อื้อ..."ผมกำลังจะเอ็ดมันหากไม่ใช่เพราะถูกปากสีเข้มเข้าจู่โจมซะก่อน มันยันตัวขึ้นมาแบบที่ผมไม่ทันตั้งตัวจนผมไหลไปกองอยู่บนตักมัน

อนาคอนด้าที่พองตัวนูนขึ้นใต้กางเกงตัวบางของมันดุนดันจนบั้นท้ายของผมสัมผัสถึงมันได้จนเกิดคำถามขึ้นในใจทันที

มัน...เกิดอารมณ์ขนาดนี้แล้วหรือ

มันซุกไซ้เข้าที่ซอกคอขบเม้มเบาๆอย่างที่ชอบทำประจำลมหายใจอุ่นที่เป่ารดตัวผม ทั้งเสียงหอบกระเส่าช่วยปลุกปั่นอารมณ์ผมได้ไม่ยาก พอมาถึงตรงนี้ผมก็ไม่ดึงดันหรือปฏิเสธอะไรเพราะถ้าพูดกันตรงๆนอกจากหัวใจผมจะคิดถึงมันแล้ว...ร่างกายผมก็เช่นกัน

"The thing that I said I really mean that.(ที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ฉันพูดจริงๆนะ)"จู่ๆมันก็เอ่ยปากขึ้นมาในขณะเข้าด้ายเข้าเข็ม ซึ้งผมก็รวบรวมสติตอบกลับไปแม้ร่ายกายกำลังถูกกระตุ้น

"อือ..อ้ะ อะไร"

"I want you. Noting else...(ฉันต้องการนาย ไม่ใช่อย่างอื่น...)"

"Just you.(แค่นาย)"

"อืม...กูก็...ต้องการ...แค่มึง...แค่มึงเท่านั้น"ผมตอบกลับมันโอบกอดร่างใหญ่นั้นด้วยสองแขนที่ท่าทางว่าจะโอบไม่มิด มันกอดผมกลับโดยการรวบเอวผมไว้หลวมๆวางคางลงบนหัวผมก่อนจะกดจูบลงมาเบาๆ

"ลักนะ"คำพูดที่มันเคยเอ่ยออกมาหนหนึ่งเมื่อนานมาแล้วออกมาจากปากมันในวันนี้แต่ความรู้สึกที่ถูกส่งมานั้นล้วนมีความหมายลึกซึ้งกว่าเมื่อครั้งก่อนมาก ผมผละตัวเองออกมาจากมันเผยยิ้มกว้างและตอบกลับไปด้วยเสียงหนักแน่นเช่นกัน

"อือ รู้แล้ว 'รัก' เหมือนกัน อื้อ!"
 
 
.The End.




--------------------------------------------
100%
จบแล้วค่ะ จบจริงๆ บทส่งท้ายอาจจะสั้นไปเสียหน่อย
ไทม์ไลน์ตอนนี้อาจจะเดินไวไปนิดส์ เพราะไม่ได้ลงรายละเอียดมากมาย เพราะอย่างที่บรรยายไว้นั่นแกละค่า คอร์กี้เราสู้ตายมากเรียนแบบไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว
ปล.ที่จริงเรื่องราวมันสามารถยืดยาวได้อีกค่ะ แต่ที่ตัดจบแบบนี้เพราะปีนี้ยุ่งจริงๆ แต่! เรา'อาจจะ'แต่งภาคผัวๆเมียๆต่อหากซาวเสียงแล้วมีคนอยากอ่าน เป็นเรื่องราวหลังจากที่เขาย้ายไปอยู่ด้วยกันอ่ะเนอะ  แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้อย่างน้อยสุดก็กลางๆปีหน้าอ่ะจ้า ถ้ายังไงจะไปซาวเสียงที่เพจอีกที

หัวข้อ: Re: [Pre-order] Just ' U แค่คุณ ❥
เริ่มหัวข้อโดย: Kiitos ที่ 24-10-2016 00:23:07
เปิดพรีออเดอร์หนังสือ ตั้งแต่วันนี้- 22มกราคม(ยาวๆไปค่ะ)

แปะรูปไม่ได้ รายละเอียดทั้งหมดดูได้ที่หน้าเพจเลยค่ะ :katai2-1: :katai2-1:

คำโปรยปกหลัง
เมื่อไอหมาธีร์ผู้ไร้สกิลด้านภาษา บังเอิญได้ฝรั่งขี้นกดรีกรีสัตวแพทย์อิมพอร์ทมาไกลจากอังกฤษมาเป็นรูมเมท
"มันก็แค่คอยปลุกทุกเช้า ขยันส่งยิ้มให้ทุกวัน แล้วทำไมกูต้องหวั่นไหวด้วยวะเฮ้ย!"
รายละเอียดหนังสือ
จำนวน : 1เล่มจบ
ประมาณ 440 หน้า ขนาด A5
ปก : พิมพ์ 4 สี กระดาษอาร์ตการ์ดเคลือบด้าน
เนื้อใน : กระดาษถนอมสายตาพิมพ์ขาวดำ
ประกอบไปด้วย
- นิยาย 42 ตอน
- ตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงเว็บ 4 ตอน
- พ่อตา vs ลูกเขย
- The dark-side theory
- The guy name Austin
- ครอบครัวของเรา
ของแถมปกติ: ที่คั่น 2 ใบ
ของแถมเฉพาะรอบแรก : โปสการ์ด 2 ใบ + Just ' U spacial ขนาด A6
ราคา : 450 บาท
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 60 บาท EMS 80 บาท
(ฟรีกันกระแทก)
หากสั่งมากกว่า1 เล่มเป็นต้นไป บังคับเป็นems นะคะ พร้อม+20 บาท / เล่ม


https://www.facebook.com/Kiitos45133/?ref=bookmarks (https://www.facebook.com/Kiitos45133/?ref=bookmarks)
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 24-10-2016 10:02:43
อร๊ายยย
จบแล้วหรอออออ ฮืออ
อยากให้มีตอนพิเศษซักตอนสองตอนได้มั้ยคะ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 24-10-2016 23:13:11
จบแล้วหรอ??

สนุกๆๆ

มาต่อตอนพิเศษเร็วๆระครับ,,,,
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-11-2016 22:57:18
 :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbowz ที่ 04-03-2017 16:19:58
ตามมาจากหน้าแนะนำนิยายค่ะ ปกติเป็นคเรื่องมาก มากกกกก  :katai4: :katai4:
กับการหานิยายอ่านซักเรื่อง เรื่องนี้แค่เจอคำโปรยก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้วค่า แต่งดีมาก นายเอกไม่ตุ้งติ่งงี่เง่า น่ารักมักก  :hao7:  :hao7:
 ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Tikking7 ที่ 02-09-2017 14:32:04
ชอบบักธีร์ กับหมีควาย  :hao7: :z2:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 11-09-2017 21:01:11
หลงรักคอร์กี้มากมาย น่ารักน่าฟัดที่สุด เหมาะสมดีกับพี่หมีหื่น
 :3123:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: zzcors ที่ 13-09-2017 23:10:19
สนุกมากกกกกกก
ตื่นเต้นกะดาร์กไซดจองออสตินจริงๆ :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 15-09-2017 00:44:41
เย้ๆ อ่านจบแล้ว
น่ารักจังคอร์กี้น้อยกะหมีหื่น  :-[
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ
เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-09-2017 10:37:24
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-09-2017 07:25:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 30-09-2018 10:06:27
น่ารักมากกกกก รักเรื่องนี้เลย  :katai2-1: :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 31-05-2019 21:37:26
สนุกมากค่ะ   น่น่ารัน่ารักทั้งออสตินทั้งธีร์เลย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 01-06-2019 18:56:31
พลาดเรื่องนี้ไปได้ไงพลาดมากกกกกกกกกก คือนัวมากกกกกกกคอร์กี้น้อยกับหมีควายยยยยยยยยยย  :haun4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: นกน้อยน่ารัก ที่ 25-10-2019 19:08:16
น่ารักมากๆเลยค่ะ.   ภูมิใจนำเนอมากๆ
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 27-10-2019 23:45:54
มีความน่ารักเป็นระยะๆ
ขอขอบคุณนักเขียนมากๆขอส่งกำลังใจให้เลย
 :pig4: :pig4: :pig4: