[เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เปิดจอง,ทำมือ] Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!] #บักธีร์กับพี่หมีควาย [23.10.16]  (อ่าน 43240 ครั้ง)

ออฟไลน์ bluerose

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ผ่านไปอีกตอน สองคนก็ยังไม่เคลีย~~~~

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ค้างงงงงตัดฉับเลยค่ะ ยังไม่เคลียร์กันเลย ตัวปัญหามาอีกแล้ววว

ออฟไลน์ heroves

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ให้ตายเถอะ ฉันอยากรู้วววววววววววว
(ลงไปดิ้น) :ling1:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ไม่ Clear เลย,,,

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Just ' U แค่คุณ ❥ CH.38
«ตอบ #154 เมื่อ09-10-2016 16:17:43 »

Chapter 38
| Past



          ไอหมีควายไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่หันไปมองหน้านิดก่อนจะพาผมเข้ามาในห้องเป้าหมาย ผมได้แต่มองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจระคนเจ็บปวด มันจะพาผมมาทำไม พามาถึงห้องที่มันอยู่กับพี่ตองน่ะหรือเเถมตัวพี่ตองยังอยู่ที่นี่อีก เรื่องราวมันชักสับสนมากขึ้นเรื่อยๆจนผมมึนงงไปชั่วขณะ

          แต่ไม่มีเวลาให้ผมคิดหรือปะติปะต่อเรื่องนานไอหมีควายก็วางผมลงบนเตียงเบาๆ ลูบหัวผมนิดก่อนจะก้มลงมากดจูบแผ่วเบาโดยไม่มีสัญญาณว่าจะลุกล้ำไปมากกว่านี้ เป็นผมเสียเองมากกว่าที่ชะชากคอมันเข้ามาใกล้ก่อนจะเป็นฝ่ายสอดลิ้นเข้าไปก่อนอย่างที่ไม่เคยทำ

          ไอหมีควายดูจะตกใจอยู่ไม่มากก็น้อยเมื่อผมเอ่ยปากร้องขออย่างที่ควบคุมความต้องการของร่างกายตัวเองไม่ได้แต่มันก็ไม่พูดอะไรจับผมลอกคราบอย่างรวดเร็วพร้อมกับก้มลงมากระซิบข้างหูว่าจะช่วยให้สบายตัว..


------------------------------------------


          ไม่รู้ว่าผมปลดปล่อยไปกี่น้ำ แต่มันทำให้ผมเพลียจนหลับไปเลย ไอหมีควายก็ไม่ทำอะไรผมอย่างที่พูดจริงๆแม้ผมจะปีนป่ายตัวมัน เรียกร้องครวญครางปานจะขาดใจมันก็ทำแค่กัดฟันกรอดแล้วใช้มือช่วย...ปากก็ด้วย

          ผมสะลึมสะลือตื่นมาอีกทีท้องฟ้าก็กลายเป็นสีดำสนิทเสียเเล้ว ผมเพิ่งสังเกตว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องทึบแต่อีกฝั่งเป็นม่านผืนใหญ่ ข้างกายผมไม่มีร่างอุ่นๆที่ครั้งสุดท้ายที่ผมยังคงสติได้อยู่ผมจำได้ว่ามันโอบกอดผมไว้แน่นพร้อมบอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังเเล้วสบายใจให้พักซะ

          ถึงแม้ฤทธิ์ยานรกนั่นจะหายไปแล้วแต่ก็ยังทิ้งอาการมึนๆตกค้างไว้อยู่ ผมลุกขึ้นเซๆเล็กน้อยเพราะหน้ามืดดีที่เอามือยันเตียงไว้ได้ทันไม่งั้นคงได้เอาหัวฟาดพื้น ซวยซ้ำซวยซ้อนไปอีก

          ผมยังไม่เปิดประตูออกไปข้างนอก สมองอันน้อยนิดบอกผมว่าผมควรลองประติประต่อเรื่องราวอันน่าสับสนนี้ให้ได้ก่อนที่จะไปเผชิญหน้ากับปัญหาที่ยังค้างคาใจ ผมตัดสินใจเดินมาเลิกผ้าม่านออกนิดก่อนจะต้องยืนเหวอไปกับภาพข้างหน้า

          วิวของเมืองกรุงยาวค่ำคืนที่ผมไม่เคยได้มีโอกาศมองมันจากที่สูงๆขนาดนี้มาก่อน และจากมุมนี้ทำเลนี้ คอนโดนี้ต้องแพงหูฉี่อย่างเเน่นอน ถึงระหว่างเข้ามาผมจะซุกอกไอหมีควายหนีอายก็เถอะ แต่ภาพพร่าๆที่ยังติดตาอยู่เล็กน้อยยังพอบอกได้ว่าที่นี่ต้องหรูมากในระดับหนึ่ง

          และถ้าที่เขาบอกว่ายิ่งสูงก็ยิ่งแพง ห้องนี้ก็คงเป็นห้องที่แพงที่สุดในที่นี้เเล้วล่ะ

          แกร็ก..

          เสียงเปิดประตุทำเอาผมสะดุ้ง หันไปมองก็พบไอหมีควายที่เดินเข้ามาพร้อมกะละมังใบเล็กๆพร้อมผ้าชุบน้ำ

          "Do you feel better? Hurt anywhere? You should sleep more your health is not to good. Did you sleep late last night?(ปวดตรงไหนไหม นายน่าจะนอนพักอีกซักนิด ร่างกายนายคงเพลียมาก ดูท่าทางวันที่ผ่านมาจะนอนน้อยด้วย)"

          มันเดินเข้ามาใกล้ วางกะละมังไว้ตรงหัวเตียง คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างกังวลพร้อมทั้งยื่นมือมาแตะหน้าผากผม

          ผมพูดไม่ออก การปฏิบัติที่มันทำต่อผมยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน สายตาเป็นห่วงเป็นใยนั่นไม่ว่ามองผมก็เชื่อว่าเป็นของจริง พอเรื่องมันชักพาสับสนยิ่งกับคำพูดมันก่อนหน้านี้ ผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นยังไงกันแน่ ผมเลยไม่กล้าเเสดงท่าทีอะไรมากเพราะผมยังคิดไม่ออกเลยว่าผมควรจะคิดยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นกันแน่

          ผมไม่รู้ว่าผมยังควรโกรธมันต่อไป ตัดพ้อน้อยใจอย่างที่เผลอทำไปบนรถ หรือว่าจะกลับมาเป็นเหมือนปกติ เป็นแฟนกันเหมือนเดิม

          ก็ดูท่าทีที่มันทำตอนนี้สิ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

          "ปวดหัวนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร"ผมตอบไปตามคำถาม ส่ายหน้าน้อยๆเป็นเชิงว่าไม่ต้องห่วง แต่มันก็ยังคงจับผมไปนอนบนเตียงแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบผ้าชุบน้ำมาบีบหมาดๆ

          "ไม่ต้องๆ I can do it"ผมปฏิเสธทันที ถ้ามันมาเช็ดให้ตอนหลับก็จะไม่ว่าอะไรนะ แต่นี้ผมตื่นเต็มตาลืมตาจ้องหน้ามันปิ๊งๆแถมผมก็ไม่ได้เเขนขาหักหรือเป็นง่อยจะใหัคนอื่นมาทำมันก็แปลกๆ

          แต่มันกลับมองผมดุๆซะงั้น

          "Anyway, What's happened?(ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่)"มันเป็นฝ่ายเอ่ยถามขณะที่เริ่มลงมือเช็ดตัวให้ผม ผมที่ยังอารมณ์ไม่ค่อยคงที่มองกลับด้วยสายตาขุ่นๆที่มีความน้อยใจใส่ไปเต็มที่อย่างไม่รู้ตัว

          "กูควรจะถามมากกว่าไหม"

          ปากพล่อยอีกแล้วไอธีร์เอ้ย...

          ทั้งๆที่บอกตัวเองว่าอย่างี่เง่า อย่าตัดพ้อน้อยใจ ประชดประชันเหมือนนางเอกในละครตลอดเวลา แต่ตอนนี้ผมกลับทำอย่างที่คิดไว้ไม่ได้เลย

          "Thee...I don't know what I'm doing wrong so you have to tell me. If you dislike anything you can tell me or ask.I will tell you everything honestly.(ธีร์...ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิด ฉะนั้นนายต้องบอกฉันเข้าใจไหม มีอะไรไม่พอใจก็ถามได้เลย ฉันพร้อมจะตอบนายทุกอย่างอยู่แล้ว)"แต่มันกลับใช้วิธีน้ำเย็นเข้าลูบ มันไม่ร้อนตามผมที่ตอนนี้เผลอทำหน้าหงิกไปแล้ว มันทำหน้าเหมือนอยากให้เข้าใจใช่น้ำเสียงทุ้มนุ่มนั้นบอกผมไม่ดังนัก แต่ในน้ำเสียงอุ่นๆในนั้นกลับทำให้ใจผมอ่อนยวบอย่างน่าประหลาด

          และนั่นทำให้ผมหลุบตาต่ำ ก่อนจะตัดสินใจถาม

          "เมื่อวานนี้ ยูกับพี่ตอง come to this hotel ใช่ไหม?"

          มันชะงักมือที่กำลังเช็ดตามแขนผมอยู่ คิ้วทั้งสองข้างมันเคลื่อนเข้าหากันทันทีเมื่อจบประโยค นั่นทำให้ผมกลับไปก้มหน้าไม่กล้ามองหน้ามันอีก

          "You see it?(นายเห็น?)"

          ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ผมหวังว่ามันจะแก้ตัวอะไรออกมาแต่ก็ไม่ มันเงียบไปพักใหญ่จนใจผมเสียเงยหน้าไปมองมัน

          มันนั่งกอดอกอยู่บนเตียงเฉียงๆ สายตามันมองมาที่ผมนิ่งจนผมอยากจะร้องไห้ ให้ตายเถอะ พูดอะไรออกมาซักนิด ผมต้องการคำตอบไม่ใช่ความเงียบ

          นี่ผมจะร้องจริงๆแล้วนะเว้ย!

          "หึ"

          แต่เสียงหัวเราะที่หลุดออกมาเบาๆทำให้ผมถึงกับชะงัก น้ำตาที่เตรียมพร้อมหลั่งถึงกับแห้งเหือด พอมองไปที่ต้นตอของเสียงก็พบรอยยิ้มบางๆระคนเอ็นดู

          "ไม่ขำ"

          มันไม่ได้ว่าอะไรกับคำพูดและใบหน้าอันบูดบึ้งของผม มันขยับเข้ามาใกล้ ดึงตัวผมเข้ามากอดแน่นๆจากนั้ยก็เริ่มอธิบายพร้อมรอยยิ้ม

          "First of all, From you said I have to assure you that Tong is not my ex-boyfriend."(ก่อนอื่นเลย จากที่ฉันฟังนายมาฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าตองไม่ใช่แฟนเก่า)"

          "แล้วเรื่องเฟิร์สเลิฟ?"ผมย้อนถามอย่างสงสัย น้ำเสียงเเละท่าทางของมันทำเอาผมโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่นั้นก็ไม่ได้ความว่าผมไม่ต้องการความกระจ่างในเรื่องนี้

          "Uh-huh, He is my first love but not my boyfriend the easiest way to say is one-sided love.(อือฮึ เขาเป็นรักแรกแต่ไม่ใช่แฟนเก่า จะว่าไงดีล่ะ แอบรักข้างเดียว?)"ผมดันมันออกมาเพราะอยากเห็นสีหน้า ตอนเเรกคาดว่าจะเจ็บปวดอยู่บ้างแต่ไม่เลย มีเพียงร้อยยิ้มเอ็นดูที่ส่งมาเท่านั้น ซึ่งนั้นทำเอาผมงงเข้าไปใหญ่

          "แล้วทำไมถึงต้องมาตามหา เเล้วถ้ามาตามหาอยู่จะมาคบผมทำไม" นี่ผมงงจริงจังไม่พึ่งสแตนด์อินมาก โอเค ผมอาจจะสมองช้า แต่ผมว่าเรื่องมันขัดๆกันแปลกๆ ถ้ามาตามหา ก็ต้องพุ่งไปที่คนๆนั้นป่ะวะ ไม่งั้นก็กลายเป็นว่ามาตามแบบเจอก็ดีไม่เจอกูก็ไม่เป็นไรงี้เหรอ

          "I never think it before that I would met you but I like like Tee--Tong until high-school and When I  know that I'm fall in love it's last year so I decide to tell him. (ที่มาเจอนายนี่ไม่ได้คิดมาก่อนจริงๆ แต่ฉันชอบที...ตอง มาตั้งแต่สมัยเรียนเเล้ว แต่พอรู้ตัวว่าตกหลุมรักไปเต็มๆก็เกือบจะเป็นปีสุดท้าย และฉันก็ไม่ลังเลเลยที่จะสารภาพกับเขา)"

          "..."

          "Do you know what is he said? He told my that I wasn't really love him. It's funny right ? when have someone told me that he know me than myself. By the way, It isn't false at all. Did you know he is psychiatrist. Actually, his character is match since he was in high-school. But I don't agree that he know me than myself then I was dispute with him. So Tong have an idea that if I feel to him the same way when I graduate I have to fly to Thailand. But I have to clear my live and bussiness before then I late about 5 years but it be fitting with his graduation. (แต่รู้ไหมเขาตอบฉันว่าไง? เขาบอกว่าฉันไม่ได้รักเขาจริงๆหรอก ตลกไหมล่ะ ที่มีคนบอกว่ารู้ดีมากกว่าตัวฉันเอง แต่ก็นั่นแหละ มันก็ไม่ผิดนักหรอก นายรู้ใช่ไหมว่าตองเป็นจิตแพทย์ ที่จริงบุคลิคเขาให้ตั้งแต่สมัยเรียนเเล้วเขามองคนเป็น รู้ว่าใครควรปฏิบัติตัวเเบบไหนใส่ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะรู้ก็ไปมากกว่าตัวฉันเองเลยเถียงกับ ตองเลยบอกว่าถ้ายังรู้สึกเหมือนเดิมเมื่อเรียนจบให้บินมาหาเขา เขาจะรอ แต่พอจบฉันก็ยุ่งกับอะไรหลายๆอย่าง พอลงทุนเปิดคลีนิคเป็นของตัวเองเลยต้องรออะไรๆให้มันลงตัวก่อน พอวางใจเลยบินมาที่นี่ เลทหลายปีเลยล่ะ แต่มันก็พอดีกับที่เขาเรียนจบน่ะนะ)"

          "แล้วก็มาเจอผม?"

          "But the unexpected event is I've got one short roommate that we can't communicate clearly. In that situation I still can't contact Tong so I decided to live with you. First I think that it would have problem about communication. By the way, when I saw you try to talk with me it's so cute and I can't denied that you are my type. When time have pass I was fall deeper. (แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันคือฉันดันได้รูมเมทตัวเตี้ยๆคนหนึ่งที่สื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่มานี่สิ ทั้งตอนนั้นก็ยังติดต่อตองไม่ได้เลยตัดสินใจอยู่ไปเรื่อยๆ ตอนเเรกคิดว่าคงมีปัญหาพอควรกับการสื่อสาร แต่ก็นะ เห็นนายพยายามแล้วมันน่ารักดี จะว่าไปนายก็ดันตรงเสป็คฉันจริงๆนั่นแหละ พออยู่ด้วยกันเลยเริ่มหวั่นไหว)"

          "..."

          ผมได้แต่เงียบฟังมันพูด ถึงแม้จะฟังไม่รู้เรื่องทุกคำพูดแต่พอจับใจความได้อยู่ โดยเฉพาะที่มันบอกว่าผมเตี้ยกับความกากอังกฤษของผมเลยอดบุ้ยหน้าใส่ไม่ได้ ให้มันยกมือขึ้นมาขยี้ผมผมเบาๆ

          "I feel ashamed but I have to say that when I with one recklessly kid I forgot the my aim why I come to Thailand. Until my feelings is stronger so I ask you to be by boyfriend. Did you remember the day I got drunk? That day I meet Tong again and I was confusing. I have had tell myself before that the word love that I give it to him is the same  but I can't denied that I love him like brother. Tong didn't blame me but I feeling guilty to him because he've really waiting me for about 10 years. (จะให้พูดก็แอบละอายใจตัวเองนิดหน่อย แต่บอกได้เลยว่าช่วงที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเด็กป้ำๆเป๋อๆมันทำเอาฉันลืมเป้าหมายของการมาไทยครั้งนี้ไปเลย จนความรู้สึกมันเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ตัดสินวจขอนายเป็นแฟน จำวันที่ฉันเมาได้ไหม วันนั้นฉันเจอตองอีกครั้งและสับสนในตัวเองมาก ฉันเคยสะกดจิตตัวเองว่าคำว่ารักที่เคยมีให้เขายังเหมือนเดิม แต่ทำยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันรู้สึกกับเขาเหมือนพี่ชายน้องชายที่พึ่งพาได้เท่านั้น ตองไม่ได้ว่าอะไรฉัน แต่ก็รู้สึกผิดอยู่ดีเพราะเขารอฉันจริงๆโดยไม่มีใครตั้งเกือบ10ปีเชียวนะ )"

          เดี๋ยวนะ จะว่าไปผมก็ไม่เคยถามอายุมันเลยนี่น่าพอประโยคเมื่อกี้บอกว่ารอ10ปีทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าเขาบอกว่าเป็นเพื่อนกับพี่ตอง...อายุก็ต้องเท่ากัน จากคำนวณดูแล้ว

          โอ้มายบุ้ดด้า! นี่เขาจะสามสิบเเล้วน่ะสิ!

          "ไม่ได้ให้มาพูดเรื่องนี้ซักหน่อย แล้วเรื่องโรงแรมนี้ล่ะ ทำไมไม่บอกกันตรงๆ ธุระๆอยู่นั่นแหละ ทำไมต้องมีลับลมคมใน แถมรอยแผลนั่นอีก"ผมดึงตัวเองกลับมาที่ความข้องใจหลัก ในที่สุดก็กล้าถามมันไปตรงๆเสียที ตอนนี้ล่ะ ถ้ามันไม่มีเหตุผลดีๆ ผมก็ควรเลิกหลอกตัวเองได้แล้ว


          "This...I think you should see by your eye.(เรื่องนี้...ฉันว่าตามมาให้เห็นกับตาดีกว่า)"

          เขาตอบคำถามที่ผมอยากรู้มากที่สุดโดยการลุกขึ้นแล้วฉุดให้ผมลุกตาม สีหน้ายิ้มๆเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นซีเรียสโดยฉับพลัน

          ผมเดินตามมันออกไปเงียบๆ ก่อนที่มันจะตรงไปยังอีกห้อง ที่ก่อนหน้านี้พี่ตองเคยออกมา ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับผมว่าเรื่องมันชักจะไม่ใช่อย่างที่คิดไว้ตอนแรก

          สิ่งแรกที่ผมได้เห็นคือห้องนอนสีขาวเรียบๆที่กว้างกว่าห้องเมื่อกี้พอสมควร แต่ทั้งห้องกลับมีเพียงนอนสีขาวหลังใหญ่อยู่ตรงกลางเพียงอย่างเดียวไร้ของตกแต่งชิ้นอื่น

          ข้างๆเตียงนั่นมีพี่ตองนั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่ประเด็นคือผมเห็นมีคนนอนอยู่บนเตียงที่ผมเห็นหน้าไม่ชัด ไอหมีควายจูงมือผมเข้าไปใกล้เตียงนั่นก่อนที่ภาพของคนไม่คาดฝันจะปรากฏอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนา ผมก็เเทบจะกระโจนเกาะขอบเตียงเรียกคนตรงหน้าอย่างตกใจ

          "เฮีย!"



-----------------


          อ้าวเฮ้ย... คราวนี้พี่หมีแกเล่าเรื่องทั้งหมดออกมาเเล้วนะคะ เล่าแบบยาวเหยียดชนิดที่ว่าขี้เกียจทรานสเลตกันเลยทีเดียว สรุป...ไม่ใช่แฟนเก่าค่ะ นางเเอบรักเขาข้างเดียว แต่ตองนี่ฉลาดไง เขาดูออกว่านางเเค่หลงเฉยๆเหมือนอารมณ์ชั่ววูบเลยบอกว่าถ้ารู้สึกเหมือนเดิมตอนเรียนจบให้บินมาหา ซึ่งพี่หมีก็มาค่ะ แต่ความรู้สึกที่มันเคยล้นอกเมื่อวันวานก็เบาบางก็เดิมมาก อันนี้ยังไม่ได้บรรยายฝั่งพี่หมีเลยอาจจะยังไม่ชัดเจนเเบบร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เขาพูดด้วยความจริงใจจริงๆนะ ลดโทษเขาหน่อยเถอะ

          เอาล่ะ แก้ตัวให้พี่หมีเสร็จแล้ว มาต่อกันที่ประเด็นที่ว่า'ธุระ'ที่หมีเอามาอ้าง และทำให้บักธีร์แคลงใจ และพอไปๆมาๆดันมาโผล่โรงเเรมกำลังจะถูกเปิดเผยแล้วค่ะ มีใครจำ'เฮีย'คนนี้ของธีร์ได้ไหมเนี่ย คุณโคลด์เป็นคนที่โผล่มาในตอนเเรกๆเลย เป็นทั้งเจ้านาย ทั้งยังเป็นคนที่ยื่นขอเสนอให้ไอหมีควายมาอยู่กับธีร์ และยังเป็นพระเอกของเรื่องจัสทอยที่ตอนนี้ยัดไหไปแล้ว สำหรับคนที่เคยอ่านเรื่องน้องทอยมาก่อนคงรู้ดีว่าพี่แกมีปัญหาอะไร คงพอเดาๆกันได้ ส่วนใครยังไม่รู้...ก็รอเฉลยกันตอนหน้า

          ใกล้เคลียร์เเล้วค่ะ แต่คงต้องดัดนิสัยกันเสียเล็กน้อย มีคนบอกว่าเรากำลังสั่งสอนพี่หมีที่เป็นพวกเหมือนจะดีแต่พอไม่ถามก็ไม่ตอบ คิดว่าโอเคเเล้ว มีระยะห่างระหว่างกันเล็กน้อยพอให้คิดถึงกับพอให้ต่างคนต่างมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างไม่ก้าวก่ายกับบักธีร์ที่ปกติจะเป็นคนคิดน้อยมากๆแต่พอมีแฟน การทำตัวที่เหมือนรักแต่ยังมีระยะห่างทำให้เขาไม่มั่นใจ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองรู้จักเขาจริงๆหรือ มันทำให้ธีร์เริ่มคิดมากแต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะพื้นฐานนิสัยของน้องค่อนข้างชัดเจนเนอะ คือเป็นพวกถ้าไม่บอกกูก็ไม่ถามทำนองนี้ กลัวโดนมองว่าตัวเองงี่เง่าน่ารำคาญ เราเชื่อว่าหลายคนเข้าใจน้องในจุดนี้นะ
แล้วก็มีคนบอกอีกอย่าง เหตุการ์ณตอนนี้จะเรียกว่าเกิดจาก culture shock ก็ไม่ผิดนัก ต่างประเทศ ต่างสังคม ต่างไลฟ์สไตล์ ก็ตามนั้น ถ้าจะหาคนผิดก็ผิดทุกคนล่ะค่ะในที่นี้ ก็ต้องปรับตัวกันต่อไป แก้ไขให้เข้ากับอีกฝ่ายให้ได้ ชีวิตคู่ถึงจะยืนยาวเนอะ

          ปล.ทอร์คยาวมาก ถ้าอ่านจบนี่คาราวะเลยค่ะ ฮ่า

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อ้าวเฮีย

ตกลงมีคู่แล้วอ่า

อดจับคู่ให้เลย ><

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หมีควาย บอกเรื่องตามหารักแรกตอง
แล้วมาเจอรักรอง คอร์กิธีร์ แทน  :mew1: :mew1: :mew1:
ธีร์ ก็สบายใจได้แล้ว
แต่ที่แน่ๆ สบายตัวไปและ ทั้งบนรถ บนเตียง
เพราะหมีช่วยหลายน้ำเลย :-[ :o8: :-[
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อยากอ่านต่อ อยากรู้ๆๆฟ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
อย่างนี้นี่เอง

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตามอ่านทันจนได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ค่อยๆเคลียร์กันไป หายสงสัยกันไปทีละเรื่อง

ที่สงสัยมากตอนนี้คือ จะมีโอกาสได้อ่านเรื่องที่อยู่ในไหไหมคะ^^

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 39
| Welcome to


**ภาษาอังกฤษยังไม่ได้พรูฟเช่นเคย เดี๋ยวจะตามอีดิทให้ทีหลังนะคะ**

------------------------------------------------


          "ชู่ว...น้องธีร์อย่าเสียงดังไป"พี่ตอบหันมาปรามผมเล็กน้อยปมถึงกับตกใจเอามือมาปิดปากตัวเองทำหน้าเหลอหลาเหมือนเจอเรื่องไม่คาดฝัน

          มันไม่คาดฝันจริงๆ ใครจะคิดว่าเจ้านายเจ้าของไนท์คลับที่ผมทำงานอยู่ผู้เป็นผู้ส่งไอฝรั่งขี้นกนี่มาอยู่ด้วยจะมานอนอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่ย่ำแย่สุดๆ เหงื่อกาฬไหลยิ่งกว่าน้ำ สีหน้าดูทรมาณมากๆและพอสังเกตดูดีๆก็พบอะไรบางอย่างแปลกๆ

          "ทำไมถึงมีกุญแจมือล็อคเฮียไว้อย่างนั้น"

          "มันจำเป็นน่ะ"พี่ตองตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก พอหันไปมองไอหมีควายก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน

          ซักพักไอหมีควายก็พูดอะไรบางอย่างกับพี่ตองให้หมอหนุ่มร่างโปร่งพยักหน้ารับรู้ก่อนจะกันมาทางผม

          "พี่ทำให้เราผิดใจกับออสตินหรือ"

          คำถามที่ทำให้ผมชะงัก ผมเงยหน้าสบตาคมที่เหมือนจะมองทุกอย่างทะลุไปหมด ผมไม่กล้าเอ่ยปากตอบแต่อะไรบางอย่างทำให้ผมพยักหน้าตอบเขาไปอย่างโดยดี

          "พี่ขอโทษนะ อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่เป็นคนขอให้เขามาช่วยเอง"

          ผมขมวดคิ้วทันที ความคิดที่ว่าเขามีซัมติงกันเเทบจะหายไปจากหัวผมเเล้วตอนนี้ เหมือนพี่ตองจะรู้ความคิดผมจึงพูดต่อทันที

          "เรา...รู้จักโคลด์ใช่ไหม"

          "ครับ เขาเป็นเจ้านายผม"ผมตอบตามจริง

          "แล้วรู้ไหมว่าเขาเป็นนักธุรกิจแนวหน้า"พี่ตองถามอีกครั้ง คราวนี้ผมถึงกับตกใจ ส่ายหน้าอย่างไม่เคยรู้มาก่อน

          จะว่าไงดี ผมค่อนข้าง...เป็นคนตกข่าวน่ะนะ โซเชี่ยวก็ไม่ค่อยได้เล่น ทีวีก็ไม่ค่อยได้เปิดดูข่าว หนังสือพิมพ์นี่ยิ่งไม่แตะเลย

          ก็ว่า! ทำไมทุกคนที่คลับถึงดูเกรงอกเกรงใจไม่กล้าทำตัวสนิทสนมด้วยเท่าไหร่ มีผมคนเดียวที่เรียกเขาว่าเฮียด้วยเหตุผมไร้สาระที่ว่ามันดูสนิทสนมทั้งยังดูขลังดี คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหย ดีแค่ไหนที่เฮียไม่โยนผมออกมาด้วยเหตุที่เข้ามาตีสนิทเจ้านายหน้าด้านๆ

          "ที่จริงเขาก็ไม่อยากให้ใครรู้ ธีร์สัญญากับพี่ก่อนว่าจะบอกใครรู้เด็ดขาดไม่งั้นมันจะส่งผลต่อโคลด์มาก"ผมพยักหน้าหงึกหงักรับปากทันทีเมื่อพี่ตองทำหน้าเครียดอย่างกับเป็นปัญหาระดับชาติ

          "โคลด์...มีโรคทางจิตมาซักพักแล้ว เขาเป็นมาตั้งแต่สมัยเรียนแต่มันเริ่มทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนี้มาถึง วันที่ยากกล่อมประสาทของเขาเอาไม่อยู่ และเขากำลังจะลงแดงเพราะงดยา"คำตอบที่ได้รับเหนือความคาดหมายผมยิ่งกว่าเก่า คุณโคลด์ผู้เพอร์เฟ็คในสายตาของทุกคนน่ะหรือ?  ผมถึงกับเบิกตากว้างราวกับไข่หานอย่างไม่เชื่อหู

          "ฉันก็มีส่วนผิด ฉันเป็นเจ้าของคนไข้เขาตั้งแต่ที่ฉันเรียนจบเเล้วเข้าประจำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และฉันก็จ่ายยาให้เขาตามที่เขาต้องการตลอดแม้ว่ามันจะมากเกินไปก็ตาม"พี่ตองว่าหน้าเครียด ปกติผมคิดว่าเขาเป็นคนที่รู้จักการวางตัวเเละซ่อนความรู้สึกจริงๆของตัวเองเอาไว้แต่ในครั้งนี้ผมสัมผัสได้ถึงความเครียดเเละรู้สึกผิดจริงๆ 

          ผมเกาะขอบเตียงมองหน้าผู้มีพระคุณคนหนึ่งของผมอย่างแปลกใจ ผมไม่คิดมาก่อนว่าชีวิตเขาจะมีอะไรแย่ เขาทั้งรวย ทั้งสูง ทั้งหน้าตาดีอีกต่างหาก

          คำพูดของพี่ตองทำเอาผมสลดใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ยังไม่หมดคำถาม

          "แล้วไอหมี...เอ่อ ออสติน มากับพี่ได้ยังไงหรือครับ"ผมรู้สึกไม่ดีที่เท่าไหร่ที่จะละลาบละล้วงเหมือนกำลังสอบสวนพี่ตองอยู่ แต่ผมอยากได้อะไรที่มันชัดเจนกว่านี้ให้ผมมั่นใจจริงๆว่าทั้งหมดที่ผมตีโพยตีพายไปเพราะคิดมากไปเอง

          "พี่เป็นคนเรียกเขาออกมาคุยเอง ทั้งเรื่องปัญหานี้และเพื่อความสบายใจของเขาด้วย เขาเล่ารึยังว่าเขารู้สึกผิดกับพี่"พอผมพยักหน้าพี่เขาก็เล่าต่อ

          "คนเเบบมันน่ะเป็นพวกใจอ่อนไปทั่ว ข้อเสียก็คือจะรู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบทุกอย่างไปหมด คนพวกนี้เหมือนจะเป็นคนดีแต่ก็น่ารำคาญนะ พี่เลยอยากเรียกมาเคลียร์ๆไม่งั้นก็ไปทำตัวครึ่งๆกลางๆกับเราอีก ทั้งยังคุยกับมันเรื่องโคลด์ด้วย พวกเราเป็นเพื่อนกันมานาน ความเป็นเพื่อนยังคงอยู่แม้จะห่างกันไปหลายปี เลยอยากจะให้ช่วยกันคิดหาทางออก อาทิตย์นั้นโคลด์เอาตัวเองมาขังไว้ในห้องนี้ อ่อ เผื่อเราสงสัยว่าทำไมต้องโรงเเรม เพราะที่นี่เป็นโรงเเรมของโคลด์เองเลยสะดวกสุดๆแล้ว โคลด์ควบคุมตัวเองไม่ได้จนต้องโทรมาหาพี่ พี่เลยขอความช่วยเหลือออสตินอีกที เพราะพี่คนเดียวคุมไม่อยู่หรอก ดูขนาดตัวสิ ขนาดออสตินตัวขนาดนั้นยังได้แผลไปเต็มตัวเลย"

           ผมสะอึกเมื่อพี่เขาอธิบายเรื่องทั้งหมดจบ หลักฐานตรงหน้าก็ชัดเจนพอเเล้วว่าเรื่องทั้งหมดคงไม่ใช่เรื่องโกหกเรื่องราวทั้งหมดเชื่อมเข้าด้วยกันอย่างลงล็อค อีกอย่างถ้าเฮียดังจริงก็ต้องมีนักข่าวคอยจับตามองก็ไม่แปลกที่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ แต่ว่าไอหมีควายก็น่าโกรธอยู่ดีที่ไม่พูดอะไรให้ชัดเจนกว่านี้

          แต่ถ้าเหตุการณ์มันดันกลับตาลปัตรแบบนี้ ผมก็มีส่วนผิดเหมือนกันเพราะทั้งหมดก็เป็นเพราะผมคิดไปเองและไม่เชื่อใจมัน

          "ผม...ผมขอโทษ"

          "ขอโทษพี่ทำไม?"

          "ผมเผลอคิดไม่ดีกับพี่ ผมเข้าใจพี่ผิดไป ผมเห็นพวกพี่เดินเข้ามาในโรงแรมสองคนตั้งแต่มืดยันดึกดื่นก็ยังไม่ออกมาเลยคิดว่าพี่...เอ่อ..."

          "ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ เอาเป็นว่าหมดหน้าที่ล่ามของพี่แล้ว มันฝากให้พี่อธิบายให้ธีร์ฟังจะได้เข้าใจง่ายๆไม่เก็บไปคิดเองอีก ตอนนี้ก็ไปเคลียร์กันดีๆ พี่ยืนยันอีกครั้งว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน น้องธีร์สบายใจได้"พี่เขาพูด ตบบ่าผมเบาๆทั้งยังส่งสายตาจริงจังเเละมั่นคง ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเชื่อถือได้ผมจึงหมดห่วงเรื่องระหว่างพี่เขากับไอหมีควายเเล้วเบนสายตาไปยังร่างบนเตียงเเทน

          "ครับ...แล้วอาการเฮียเป็นยังไงบ้าง"

          "ตอนนี้คงหลับอีกยาว พี่ต้องคอยให้ยานอนหลับน่ะ ไม่งั้นก็อาละวาดเละ คงต้องซักพักให้ร่างกายและจิตใจดีขึ้นก่อน"

          "มัน...รักษาไม่ได้เลยหรือครับ"

          "ก็ไม่เชิงว่าไม่ได้ แต่เรื่องของโรคทางจิตใจมันรักษายากกว่าโรคทางกายภาพที่กินยาก็หายนะ"

          "งั้นหรือ.."ผมพูดงึมงำกับตัวเอง ใจก็แป๊วไปเลยเพราะเรื่องที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อครู่ ทั้งเรื่องเฮีย ทั้งรู้สึกผิดที่ไม่เชื่อใจ

          "ฉะนั้น เรารับไปเคลียร์เรื่องของตัวเองเถอะ พี่ไม่รั้งมันไว้ใช้งานเเล้ว ปัญหาหัวใจก็ควรรีบแก้ก่อนที่จะบานปลายนะ"พี่ตองก็ยังคือพี่ตอง เขาบอกด้วยรอยยิ้มบางๆอย่างคนหวังดี ให้ผมพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก่อนที่จะได้หันหลังกลับไปเคลียร์อย่างที่ถูกแนะนำอะไรบางอย่างดลใจให้ผมเอ่ยปากถามจิตเเพทย์หนุ่มอีกรอบ

          "พี่ตอง...ผมมันงี่เง่าใช่ไหมครับ?"

          "ก็พอควร แต่บางเรื่องมันก็สมควรอยู่นะ พี่ก็ไม่อยากจะยุ่งมากแต่เราต้องใช้ไม้เเข็งใส่มันบ้าง เดี๋ยวก็เหลิงไปกันใหญ่ งอนมันบ้าง ทำใจเเข็งเข้าไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวมันก็ชินกลายเป็นว่าอ้อนนิดๆหน่อยก็หายโกรธ ใช่ไหมล่ะ?"

          อื้อหือ พี่พูดอย่างกับอยู่ในเหตุการณ์

          "พี่พูดเหมือนรู้เลย"ผมยิ้มแห้งๆ ซึ่งพี่ตอบก็ยิ้มเอ็นดู

          "ฮะๆ พี่ก็เเค่เดาส่งๆน่ะ พี่จะบอกให้นะ เราควรใช้โอกาสดัดนิสัยมันไปเลย มันเป็นพวกถ้าไม่ถามก็ไม่ตอบไม่คิดว่าจะมีอะไร ดูเหมือนจะเป็นคนคิดมากแต่บางเรื่องก็คิดน้อยจนน่าแปลกใจ"

          ผมเอ่ยคำขอบคุณพี่ตองก่อนจะเหลือบมองคนตัวโจที่ยืนหน้าเหลอหลามองผมสลับกับพี่ตอบทำนองว่าคุยอะไรกัน แต่ผมก็คงไม่เสียเวลาทรานสเลทให้ทันฟังหรอก สูดหายใจเข้าลึกๆเเล้วดึงแขนลากมันออกมานอกห้อง

          พอออกมาเเล้ว ผมยืนจ้องหน้ากับมันอยู่สามวิ ตัดใจสินใจอย่างเด็ดขาด ก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยพูดก่อน

          "ก่อนอื่น sorry for being mad and not trust you.(ขอโทษที่โกรธและไม่เชื่อใจนะ)"ผมพูดด้วยตวามรู้สึกผิดจริงๆ ถ้าผมไม่กระวนกระวายไปเองเรื่องก็คงไม่เป็นเเบบนี้ ไอกลองเเต็กก็คง...

          "I understand but I'm also glad that you are jealous because me . In usual I always the only one who jealous.  (ฉันเข้าใจ แต่ฉันดีใจนะที่นายหึงฉัน ปกติฉันหวงนายอยู่ฝ่ายเดียวเลยนี่น่า)"มันฉีกยิ้มกว้างเสมือนปากหุบไม่ได้ ตานี่เเพรวพราวเชียว

          กูก็หึง แต่มึงน่ะหนักเกิน

          มันเอื้อมมืออกมาสองข้างเหมือนจะรวบตัวเข้าไปกอดแต่...ผมขยับหนีออกมาซะก่อน

          "Corgi? What's wrong?(คอร์กี้ นายเป็นอะไรน่ะ)"

          "มึงคิดว่ามึงควรพูดว่าอะไรไอหมีควาย"ผมกำลังเปลี่ยนโหมด ท่องในใจว่ากูต้องไม่ใจอ่อนก่อนเวลาอันสมควร หน้าที่ยิ้มๆของไอหมีควายเมื่อครู่หายวับแทนด้วยสีหน้างงๆ

          ยัง ยังไม่รู้ความผิดอีก

          "Did I do anythings wrong?(ฉัน...ทำอะไรผิดอีกรึเปล่า?)"

          "ลองคิดเองสิ"

          "Alas Thee don't tease me like this.(โถ่ธีร์ อย่าเเกล้งกันแบบนี้สิ)"

          "ไม่ได้แกล้ง แต่มันน่าโกรธจริงๆนี่"
     

          "Then what is that? Can you tell me ? Hmm?(งั้นเรื่องอะไรล่ะ บอกหน่อยได้ไหม หืม?)"

          ไม่ ถึงจะมาหงมาหืม กูก็จะไม่หวันไหวหรอก กูไม่หลงกลมึงง่ายๆหรอก!

          "ถ้านึกไม่ออกก็อยู่ที่นี่ไปเลยไม่ต้องกลับห้องแล้ว"ผมว่าเป็นประกาศิตก่อนจะกันหลังเดินออกนอกห้องทันทีไม่มีเวลาให้มันแก้ตัว แล้วคิดว่ามันทำไงครับ..คนไม่รู้ความผิดก็ถลามารวบตัวผมไว้ในอ้อมกอดแต่ก็ไม่พูดอะไร

          "..."มันเงียบ

          "..."ผมก็เงียบตาม

          เงียบขนาดที่ว่าได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นตุบตับในหัวไม่สิ...หัวใจของเรา    สองคนต่างหาก

          "I'm sorry(ฉันขอโทษ)"มันเป็นคนพูดขึ้นเเทรกความเงียบ เสียงดูหงอยๆลงไปถนัดหู

          "Sorry sorry sorry sorry(ขอโทษๆๆๆๆ)"พอเห็นผมยังเงียบมันก็พูดซ้ำๆ ซบหัวลงมาบนหัวผมทั้งยังถูเบาๆ ขนาดหันหลังให้ผมยังนึกหน้ามันออกเลยคงไม่ต่างจากไอเตอร์ตอนโดนดุซักเท่าไหร่

          "สำหรับ?"

          "To not told you what I'm going to do.(ที่ไม่บอกว่าไปทำอะไร)"

          "แล้ว?"

          "Please forgive me. I won't do that again. Next I will tell you everything that I going to do. If I go out I will send you a picture. Please forgive me.(ยกโทษให้นะ จะไม่ทำอีกแล้ว ต่อไปไปไหนจะรายงานตลอด ถ้าไปข้างนอกจะถ่ายรูปให้ดูเลย ยกโทษให้ฉันนะ)"

          "เฮ้อ..."ผมถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะพลิกตัวเองไปหามัน ใช้มือสองข้างยึดไหล่มันไว้ ยอมรับว่าใจอ่อนเเล้วเเต่ยังบังคับปากไม่ให้ยิ้มได้

          "ไม่ต้องทำขนาดนั้น แต่อย่างน้อยก็ช่วยบอกได้ไหม ที่ผ่านมาบางครั้งกูยังเผลอคิดไปเลยว่าเราใช่เเฟนกันจริงๆหรือ"

          "Hey why do you think like that?(เฮ้ ทำไมคิดอย่างนั้น)"

          "ก็มันน่าไหมล่ะ กูรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้รู้จักมึงจริงๆเลย กูก็รู้แค่ไอคนนี้มันตัวโต มาจากอังกฤษ เป็นสัตวแพทย์ ยิ้มได้ทั้งวัน ปากหวานโคตรๆ เหมือนจะสุภาพบุรุษแต่ก็ชอบลวนลามถ้ามีโอกาส บางครั้งกูก็เกิดคำถามว่ามึงทำแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่า อันที่จริงกูก็ไม่ได้พิเศษอะไรไปมากกว่าคนอื่น"

          "It isn't that! You are spacial more than anyone. Did I made you thought like that all the time?(ไม่ใช่นะ! นายน่ะพิเศษกว่าคนอื่นนะ! นี่...ที่ผ่านมาฉันทำให้นายคิดอย่างนี้ตลอดเลยหรือ?)"

          "ไม่รู้สิ แต่ใจลึกๆมันอดคิดไม่ได้"

          "Corgi...I'm sorry for made you think like that but I have to tell you that you are spacial for me. You might think we just got to know each other but I dare to say that I love you. (คอร์กี้...ฉันขอโทษสำหรับที่ทำให้นายคิดไปอย่างนั้น แต่ฉันอยากให้รู้นะว่านายน่ะพิเศษสำหรับฉัน นายอาจจะคิดว่าเรารู้จักกันไม่นาน แต่ฉันกล้า ฉันกล้าที่จะบอกเลยว่า ฉันรักนาย)"

          ฉ่า..
     
          "มะ..มาพูดอะไรอย่างนี้เล่า ปากหวานจริงๆด้วย"
         
          "I'm sweet-tough only for you.  (ฉันก็ปากหวานแต่กับนาย)"

          น่ะ ดูมันสิ! พูดไม่ทันขาดคำ

          มันรวบตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เราเผชิญหน้ากับตรงๆแล้ว มันยิ้มบางหากแต่ในตามีประกายแวววับที่ผมเริ่มรู้สึกว่ามันไม่น่าไว้วางใจ

          "ปล่อยเลย หายโกรธแล้ว ไม่โกรธเเล้ว"

          "Nope.(ไม่ปล่อย)"

          ไม่พูดแต่ปากมือก็กอดผมแน่นขึ้น ทั้งยังยกขึ้นจนเท้าผมเริ่มไม่ติดพื้น

          "ไม่เล่นนะ ปล่อย ไม่เอา กูไม่เล่น คิ้กๆ"จากเสียงเข้มกลายมาเป็นเสียงหัวเราะคิดคักเมื่อถูกหนวดตอๆนั่นจู่โจมที่ใบหน้าจนต้องย่นคอหนี มือก็ใช้การไม่ได้เพราะถูกรวบกอดไว้

          มันยกตัวผมขึ้นเสมือนว่าเบามากนักก่อนจะเดินไปที่โซฟา วางผมให้นอนราบไปกับโซฟาตัวใหญ่ และคร่อมลงมาอีกที

          ถ้ามองไม่ผิดสายตามันดู...เร่าร้อนแปลกๆ ทั้งยังระยิบระยับแปลกๆ แถมปากก็ยังคลี่ยิ้มแปลกๆ

          เห้ยๆ นี่มันชักจะแปลกๆแล้วนะเฮ้ย

          "จะทำ...อื้อ"ผมเอ่ยปากจะถามเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรทะเเม่งๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกริมฝีปากสีแดงเข้มนั่นจู่โจมเสียงก่อน มันประกบปากลงมาเเบบไม่ทันให้ผมตั้งตัว ลิ้นร้อนๆถูกส่งเข้ามาทันทีแล้วตวัดไล่ต้อนผมไม่เหมือนอย่างที่เคย

          ปกติมันจะเหมือนค่อยๆละเลียดกินแต่ตอนนี้เหมือนมันจะเขมือบ...

          กว่ามันจะผละออก ปากผมก็บวมเจ่อ ผมหอบแฮ่กๆอย่างคนที่เกือบตายเพราะจูบ มันผละออกไปแต่เลื่อนไปนัวเนียอยู่กับคอผมแทน ผมเบิกตากว้างเมื่อไม่ได้มาแค่ซุกไซ้แต่มือมันยังเลื้อยเข้ามาในเสื้อผมแล้ว!

          "เฮ้ย! ไม่ได้! ตรงนี้ไม่ได้!!"ถึงจะถูกปลุกปั่น แต่ผมเพิ่งปล่อยไปหลายน้ำเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน และจิตใต้สำนึกอันดีงามยังบอกผมว่ายังไงตรงนี้ก็ไม่ได้ กลางห้องคนอื่นแถมยังมีอีกสองชีวิตที่อยู่อีกห้องอีก ยังไงก็ไม่ได้โว้ย!!

          "Did you say you want to know me more?(นายบอกอยากรู้จักฉันมากขึ้นใช่ไหมคอร์กี้?)"จู่ๆมันก็เอ่ยถาม เเบบที่เงยหน้ามาจ้องผมทั้งๆที่มือผมยังดันหน้ามันอยู่นี่แหละ

          "อ่ะ..เอ่อ..ก็ใช่"

          มันเผยยิ้มบางๆแล้วเอามือออกจากเสื้อผมให้ผมวางใจขึ้นนิด แต่ไม่ได้เอาออกมาเฉยๆรวบมือผมที่กำลังดันหน้ามันไว้ก่อนจะเลียเบาๆให้ผมสะดุ้งชักมือหนีแต่มันยึดไว้ก่อนจะใช้ฟันงับลงมาเบาๆหลายๆที

          "So welcome to my dark side.(งั้นก็ยินดีต้อนรับสู่ดาร์คไซด์ของฉัน)"

          และนั่นก็ทำให้ผมรู้จักอีกมุมหนึ่งของมัน...ที่พบว่าไม่ได้น่ารู้จักสักเท่าไหร่...


--------------------------
100%

          แฮปปี้แล้วเย่ เคลียร์กันด้วยดี ง่ายๆแต่ดูท่าว่าต่อไปชีวิตบักธีร์จะยากขึ้นค่ะ นางบอกว่านางรู้สึกเหมือนนางไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่น เหมือนเเบบไม่ได้รู้จักพี่หมีมากกว่าคนอื่น นี่ไงจ้า บอกมาพ่อคุณก็จัดให้

          หากใครคิดว่าจะมีผู้ชายที่ดีเกินความเป็นคนอย่างพี่หมีอยู่บนโลกก็คงหายากหน่อยนะคะ ขนาดพี่แกเองก็ยังมีดาร์กไซด์เป็นของตัวเอง แหม่ บักธีร์ได้รู้จักมากขึ้นไม่เหมือนคนอื่นสมใจตัวเองแน่ๆ

          หลังจากนี้คงเป็นเรื่องราวน่ารักๆของหมีโหด หมีหื่น แล้วล่ะค่ะ คงไม่มีอะไรมาให้หนักใจด่าแล้ว เย่

ปล.ใกล้จบแย้ววว ><

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
โว้วววว ดาร์คไซด์หล่ะ!!!!

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
คอร์กี่เสียท่าทุกทีเลย

จะจบแล้วเหรอคะ T T

ม่ายยยยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2016 00:15:52 โดย BlueCherries »

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
มุม ดาร์คๆ ของหมีควาย,,,

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ว่าแต่พี่หมีนี่ฟังไทยออกทุกคำเลยเนอะ  :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อั๊ยยะ......อยากรู้ๆ :ling1: :ling1: :ling1:
ว่าหมีดาร์กไซด์อย่างไร
ขออย่างละเอียดนะ เป็นกรณีศึกษา งายยยย.....
จะได้ห่วง....เอ๊ย ไม่ห่วงบักธีร์ น่ะ จริงจริ๊ง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ขอดาร์กไซต์ของพี่หมีมาทำความรู้จักให้หนิดหนมหน่อยซิ  :z1:
อย่าเพิ่งรีบจบน้า ยังสนุกอยู่เลยค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน
สนุกมากกกค่ะ เพราะเราชอบฝรั่งอยู่แล้วด้วยมั้ง
แต่เพิ่งอ่านนิยายเกี่ยวกับฝรั่งครั้งแรกเลย
อ่านเรื่องอื่นมันสะดุดๆ แต่อ่านเรื่องนี่มันลื่นดี555
เราอ่านตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนปัจจุบันแบบรวดเดียวเลยอะ
คือหยุดอ่านไม่ได้ 5555
คอร์กี้กับพี่หมีคือน่ารักมากกก ก.ไก่11ตัวว
ชอบความอ้อน ความงอน ความง้อของสองคนนี้
คือมันเป็นไปแบบเรื่อยๆ แต่ไม่เอื่อยเฉื่อยอะ
ปล.ขอติดตามเรื่องนี้อีกคนนะคะ
 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 40| Happy ending? 

"อ้ะ อื้อ ไม่ ตรงนี้ แฮ่ก ไม่ได้"ผมพยายามปฏิเสธมันทั้งๆที่ในใจลึกๆก็รู้ว่าไร้ผล ตั้งแต่มันเอ่ยประโยคนั้นออกมามันก็ไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรอีกแต่แสดงออกมาทางสายตา...และการกระทำ

ปากผมก็ห้าม แต่มือกลับโอบเข้าที่ลำคอแกร่ง ใช้สายตาที่พร่าเลือนเต็มทีมองไปยังบานประตูที่มีอีกสองชีวิตอยู่ พยายามกัดปากเก็บเสียงตัวเองให้ได้มากที่สุดเพราะเริ่มรู้ชะตากรรมตั้งแต่ที่เสื้อผ้าหายไปจากตัวแล้ว

ตึกตักตึกตัก

เสียงหัวใจเต้นถี่รัวจนแทบหลุดออกมานอกอก จิตใต้สำนึกย้ำเตือนว่านี่มันไม่ถูก ผมไม่หน้าด้านขนาดที่อยากให้ใครๆเห็นหนังสด หากแต่ก็ยอมรับไม่ได้ว่าผมกำลังตื่นเต้นไม่น้อย

สองมือหยาบกร้านที่สัมผัสลงมาที่จุดใดจุดนั้นก็จะร้อนเป็นไฟ ผมครางอื้ออึงเมื่อมันคว้าหมับเข้าที่ลูกชายของผมแรงๆ สะดุ้งเฮือกเมื่อมันบีบเบาๆก่อนจะเริ่มรูด ปากก็คอยปรนเปรอเม็ดเล็กทั้งสองที่ปลุกเร้าอารมณ์ผมได้มาก

ชิบหาย ชิบหาย ชิบหาย

ในหัวผมมีแต่คำนี้แต่ร่างกายกับตอบสนองกับทุกสัมผัส จนกระทั่งนิ้วยาวๆถูกสอดเข้ามาด้านหลัง

"เจ็บ! ฮ่า มันเสียด อื้อ!"

เพราะไม่มีสารหล่อลื่นช่วยผมก็กระตุกเกร็งเพราะความเสียดทันที พอเห็นผมถดก้นหนีมันก็โน้มเข้ามากดจูบที่แก้มเบาๆอย่างที่รู้ว่าทำยังไงผมจะอ่อนลง

พอไม่มีสารหล่อลื่นอะไรก็ดูเสียดไปหมด และผมไม่คาดคิดว่าไอหมีควายจะใช้วิธีนี้แก้ปัญหา...ดันสะโพกผมขึ้นจากนั้นก็ถ่มน้ำลายออกมาให้ลงไปในช่องทางที่ยังปิดสนิท จากนั้นก็ก้มลงมาใช้ลิ้นตวัดเลียรอบจนผมกระตุกเกร็ง จะผลักก็ไม่มีแรงตอนนี้เลยได้แต่ยกมือปิดหน้าปิดปากตัวเองแทน

แกร็ก

และเหมือนฟ้ากลั่นแกล้งหรือไม่ก็พระเจ้าต้องการทดสอบความหน้าด้านของผม เสียงเปิดประตูห้องจากอีกฝั่งก็ดังขึ้นขัดกิจกรรมเข้าจังหวะ แต่ตอนนี้ผมมองไม่เห็นเพราะยังอยู่ในท่าหกคะเมนตีลังกาแต่เดาได้ว่าจะเป็นพี่ตองเเน่ๆ ไอหมีควายก็ไม่สนใจอะไรเลย ตะบี้ตะบันสอดลิ้นเข้ามาให้ผมเสียววาบในช้องท้อง บิดตัวไปมาพยายามยื่นมือไปสะกิดแขนมันให้รู้ตัว

เฮ้ย! ก็เข้าใจว่าดาร์คไซด์แต่พี่แกจะดาร์คไปไหม!

เพราะใช่ว่ามันจะสนใจแต่ก็ใช่ว่าจะไม่สนใจเลยซะทีเดียวเพราะผมเเทบจจิกแขนมันอยู่แล้ว มันยอมละออกจากช่องทางที่กำลังขมิบถี่พระเพิ่งถูกรุกรานก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองทางประตูนั้น

มันไม่พูดอะไรออกมา เพียงครู่เดียวมันก็หันกลับมาหาผม ไม่พูดพร่ำทำเพลงยกตัวผมขึ้นโดยที่ให้ผมใช้ขาหนีบตัวมันไว้เหมือนลูกลิงก่อนจะใช้ตัวใหญ่ๆขอบมันบังผมจนมิดเพราะพี่แกเล่นใช้มือข้างนึงโอบผมไว้ไม่ให้ร่วงแต่อีกข้างกดหัวผมไว้กับอกแข็งๆไม่ยอมให้ผมชะโงกตัวไปดูเลยซักนิดว่าพี่ตองกลับเข้าไปหรือยัง

มันพาผมเข้ามาในห้องที่ก่อนหน้านี้ผมเพิ่งเดินออกไป แต่มันไม่ได้วางผมลงบนเตียงหากแต่เดินไปยังผ้าม่านที่ถูกปิดอยู่ก่อนจะกระชากแรงๆทีเดียวผ้าม่านก็เปิดออกทั้งผืน เผยให้เห็นวิวกรุงเทพยามค่ำคื่นที่ผมเพิ่งจะชื่นชมไปไม่นาน
แต่ว่า...

"จะทำอะไร... อื้อ ตรงนี้ ไม่เอา..."มันเดินไปจนเกือบจะชิดกับกระจก กำลังจะเอ่ยท้วงว่าไปทำที่เตัยงดีๆแต่มันดันสวนนิ้วเข้าในร่างกายผมเสียก่อนทั้งยังคว้านไปทั่วกระทุ้งเบาๆจนผมแทบดิ้น

มันเบิกทางด้านหลังผมอยู่ซักพัก พอเจอจุดก็ย้ำเข้าจนผมได้แต่กรีดร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ยิ่งอยู่ในท่านี้นิ้วที่เข้ามามันเลยลึกกว่าปกติ พอผมพร้อมที่จะรับอะไรที่ใหญ่กว่านิ้วมันก็ผลิกตัวผมออกมาจากท่าที่เป็นลิงอุ้มเตงอยู่เมื่อครู่

"It’s beautiful, isn’t it? (สวยไหม)"

เสียงทุ้มต่ำติดแหบเล็กๆกระซิบเบาๆที่หูผมจนขนลุกซู่ ผมที่ตอนเเรกจะหันไปคุยก็ได้แต่หดคอกลับมามอภาพตรงหน้า ใช่...ภาพตรงหน้าของผมคือวิวกรุงเทพที่มองจากตึกสูงมันก็ต้องสวยอยู่แล้ว

"อือ"

"But now I think you are much better.(แต่ฉันว่านายตอนนี้'สวยกว่า')"

พูดจบมันก็ใช้แขนทั้งสองข้างช้อนเข้าที่ใต้ข้อพับขาผมก่อนจะเเยกออก จนผมเบิกตากว้าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากใช้เเขนโอบรอบลำคอมันไว้ไม่งั้นได้ตกลงไปแน่

ผมใจเต้นตึกตัก เพราะว่าพยายามไม่มองลงไปเพราะกลัวความสูงทำให้ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองตรงไป หากแต่กระจกใสตรงหน้ากลับกำลังสะท้อนเงาของผมเองที่ถูกใครอีกคนทำให้อยู่ในท่าที่ค่อนข้างหน้าอาย

ขาผมถูกแหกออก ธีร์น้อยกลางลำตัวก็ผงกหัวรับด้วยอารมณ์ เเถมยังเห็นช่องทางเยิ้มๆที่ด้านหลัง ภาพของตัวเองที่ตาเยิ้ม ปากสั่น หอบหายใจจนอกขยับขึ้นลง มันน่าอายเกินกว่าที่ผมจะทนดู เหมือนคนตัวโตก็รู้แต่จงใจแกล้งผม

"ไม่แกล้ง อย่าเเกล้ง แฮ่ก"

ปากก็บอกห้าม แต่กลับถูกรังแกหนักขึ้น เมื่อมือมันไม่ว่าง อนาคอนด้าตัวใหญ่ก็เข้าประจำที่ มันค่อยๆลดมือลงทำให้ตัวผลค่อยๆกดลงไปบนอนาคอนด้าที่เตรียมฉก แต่ดูว่ามันไม่ได้เข้าง่ายๆยิ่งไม่ได้ใช้มือช่วย มือจิ๊ปากเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปชิดกับกระจก

"เย็น!"

ตัวผมแนบไปกับกระจกโดนมีตัวมันเบียดจากด้านหลังทำให้ไม่ร่วง มือนึงคอยประคองผมไว้ ส่วนอีกมือก็จับอนาคอนด้าตัวโตกดเข้ามาในช่องทางคับแคบ

ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บ แม้จะเคยผ่านศึกมาก่อนแต่อนาคอนด้าก็ดูท่าจะตัวใหญ่เกินชาวบ้านชาวเมืองเขาไปจริงๆ แต่ความเย็นจากกระจกที่เเนบลงไปทั้งตัวผมมันดึงความสนใจไปได้ชั่วครู่ มันจึงใช้จังหวะนั้นดันเข้ามาจนมิดลำ

"เฮือก!"

"It all in. It all.(หมดแล้ว เข้าไปหมดเเล้ว)"มันว่าก่อนจะพลอกตัวผมกลับมาให้เผชิญหน้ากับมัน จับเเขนผมทั้งสองข้างให้ไปคล้องคอโดยที่เรายังเชื่อมต่อกันอยู่ มือทั้งสองข้างกอบกุมแก้มก้นผมไว้ก่อนจะยกขึ้นลงเบาๆ


ผมครางอื้ออึงไม่รู้อะไรเป็นอะไร มันกระแทกกายเข้าหาเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน ผมเบลอจริงๆนะ เบลอขนาดที่ว่าตัวเองถูกวางไว้บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


"อืม.."เสียงครางต่ำๆจากคนบนร่างกลับช่วยปลุกเร้าอารมณ์ผมไม่มากก็น้อย ขณะที่กระแทกกายเข้าหา ผมกับมันสบตากันนิ่ง

ใบหน้าที่ปลกคลุมไปด้วยหนวดตอๆเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬไหลย้อย แววตาเร่าร้อนราวกับกำลังจะกลืนกินผมไปทั้งร่างยามเฝ้ามอง รู้ตัวอีกทีผมก็เอ่ยปากออกไปแล้ว

"จูบ จูบหน่อ...อื้อ..."

ไม่จบคำดีมันก็พุ่งเข้ามาประกบปาก ไม่รู้ว่าเราร่วมรักกันมานานขนาดไหนแต่ในที่สุดผมก็ถึงฝั่งฝันเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน ผมหอบแฮ่ก ตาใกล้จะปิดลงทันทีเมื่อเสร็จกิจ วันนี้ผมคงเหนื่อยมามากแล้ว แต่ผมยังไม่นานพักตอนนี้เพราะใครอีกคนยังไม่เสร็จสักรอบเลยนี่สิ

แต่ไม่ไหวแล้วจริงๆ  สุดท้ายสติผมก็ดับลงโดยที่ยังมีใครอีกคนกระเเทกกายเข้าหา

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าเป็นวันถัดไปซะเเล้ว แสงเเดดที่ส่องมาเป็นสิ่งที่ปลุกผมให้ตื่นจากห้วงความฝัน ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสก่อนจะค่อยๆตั้งสติ

ผมหันไปทางต้นกำเนิดของลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดต้นคอ ทั้งยังมือเเขนหนักๆพาดทับไว้จนขยับไม่ได้ คนตัวโตยังคงหลับสนิทดูจากลมหายใจที่ยังเข้าออกสม่ำเสมอ ผมจึงตัดสินใจที่จะไม่ปลุกแล้วหันมองไปยังกระจกใสที่กินพื้นที่ด้านหนึ่งของห้องไปเต็มๆ

ความทรงจำของเมื่อคืนย้อยกลับมาจนใบหน้าเริ่มร้อนๆเมื่อนึกได้ว่าตัวเองได้ทำอะไรน่าอายลงไปแล้ว

ไอหมีควายนี่ก็เล่นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ถึงแม้จะรู้ว่าคงไม่มีใครเห็นแต่ทำแบบนั้นก็ไม่ต่างจากโชว์คนทั้งเมืองเลยไม่ใช่หรือวะ

โอ้ยย อายๆๆ อายโว้ยยย

ผมเเอบเนียนทุบหลังคนข้างกายไปทีก่อนจะขยับเพื่อจะไปล้างเนื้อล้างตัวเพราะท่าทางมันจะไม่ได้เช็ดตัวให้ผมสัมผัสได้จากความเหนียวตัวเเล้วร่างที่ยังคงล้อนจ้อนอยู่

แต่แค่ขยับเท่านั้นแหละผมถึงรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างทางช่องทางด้านหลัง...

พอเอี้ยวตัวก้มไปมอง

"ไอเหี้ยหมีควาย!!!!!"

"umm…Don’t be noisy if you’re awake.(อื้อ ตื่นแล้วอย่าเสียงดังสิคอร์กี้)"มีการพูดพึมพำทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา ผมทำหน้าเหี้ยมทุบเเขนมันดังปั้กๆจนมันขมวดคิ้วยอมลืมตาขึ้นมา

"เอาของมึงออกไปเลย เอาออกไปโว้ย!!"

พอได้ยินอย่างนั้นมันก็ทำหน้านึกได้ก่อนจะยิ้มแหย ผมนี่กรอกตาเป็นเลขแปด เพราะมันไม่ใช่แค่ปล่อยในแต่มันยังคาอนาคอนด้ามันไว้ในถ้ำผมยันเช้า! โอ้แม่เจ้า! โบ๋หมด!

"Sorry. (โทษที)"มันว่า

แต่ผมยังคงหน้ามุ่ยอยู่นิ่งพอขยับจะลุกขึ้นก็ปวดสะโพกจี๊ดขึ้นมาเลย และไม่ปวดเฉยๆเพราะยังมีน้ำหนืดๆไหลออกมาตามง่ามขาอีก พอคิดถึงตอนล้างก็ต้องเบ้หน้าออกมา นี่ต้องไปยืนล้วงๆอีกแล้วใช่ไหม

หมับ

แต่ยังไม่ทันได้ยันตัวลุกไปไหน วงแขนแกร่งก็รวบเข้าที่เอวก่อนจะกระชากเบาๆให้ผมกลับไปนอนที่เดิม

"After this if you have question just ask me you know?(นี่ วันหลังมีอะไรถามเลยรู้ไหม)"มันพูดขึ้นมาทั้งยังกระชับผมเข้าไปในออ้มกอดซะเเน่น เสียงเศร้าๆของมันทำเอาผมต้องพลิกตัวหันไปมองหน้า

"จู่ๆทำไมถึงพูด.."

"I really don’t like while we fight. Even though it not too strong but this is more hurt. It feel like you’re not trust me then you aren’t dare to ask. (ไม่ชอบที่เราทะเลาะกันเลย ถึงแม้จะไม่ได้ทะเลาะรุนเเรงแต่มันเจ็บกว่าอีกนะ มันเหมือนนายไม่ไว้ใจฉันเลยไม่กล้าถาม)"ไอหมีความพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆดวงตาฉายเเววเจ็บปวด ยกมือข้างนึงมาลูบหน้าผมเบาๆ

"ก็กลัวโดนหาว่างี่เง่านี่ มึงก็บอกแล้วว่าพี่ตองเป็นเพื่อน กลัวย้ำมากเเล้วจะโดนโกรธ"ผมตอบกลับมันไปทันทีอย่างไม่อ้อมค้อม มาขนาดนี้เเล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมคิดได้ว่าถ้าไม่คุยกันตรงๆเรื่องมันจะเลยเถิด

"Umm…Then next time you must talk first. When you looked at me like you are disappoiny me it hurt more than you chew me out. (อือ หลังจากนี้ต้องคุยกันดีๆนะ ตอนนายมองมาด้วยสายตาผิดหวังมันเจ็บกว่าการด่าตรงๆอีกนะธีร์)"คราวนี้มันหลุบตาต่ำ ละมือจากหน้าผมจนผมต้องถอนหายใจเเล้วเป็นฝ่ายยกเเขนขึ้นกอดมันบ้าง

"โอเค งั้นต่อไปนี้กูจะถามทุกอย่างเลยโอเคไหม ห้ามมากลับคำว่ากูงี่เง่านะ"ผมกระแซะมันนิดหน่อย เอาคางวางไว้บนอดแข็งเเล้วเหลือบตาขึ้นมอง

"I’m promise. If I call you childish you call punish me whatever you want. (สัญญาเลย ถ้าฉันด่านายงี่เง่าเมื่อไหร่จะลงโทษฉันยังไงก็ได้)"พอได้ยินอย่างนั้นมันก็ยิ้มเพล่พูดด้วยความมั่นใจ สีหน้าเศร้าๆหายวับไปเรียบร้อยเเล้วให้ผมยิ้มตามอย่างวางใจ

"ปล่อยได้รึยัง มันเหนียวตัวนะ น้ำมึงอีก"ผมตีเเขนมันเบาๆให้มันปล่อย แต่คิดอีกทีตีมันแรงๆดีกว่าโทฐานปล่อยลูกๆไว้ในตัวผมซะเยอะ

"Can’t I hug you longer? (ขอกอดอีกซักหน่อยไม่ได้หรือ)" มันพูดทั้งยังกระชับตัวผมเข้าไปใกล้ชึ้นอีก เเล้วเอาหัวมาซบอกผมบ้างถูเบาๆเหมือนเวลาหมาอ้อนเจ้าของให้ผมถอนหายใจแต่ไม่ใจอ่อน

"ไม่ เดี๋ยวค่อยมานอนต่อ ไปล้างตัวก่อน โอเคไหม"

"So let’s go. I’ll help you.(งั้นป่ะ ฉันช่วย)"

ผมพยักหน้าปลกๆ อย่างน้อยมันก็ช่วยพยุงผมไปได้ก็ดีกว่าเดินเป๋ๆออกไปล่ะกัน

แต่เหมือนผมจะตัดสินใจผิดว่ะ...

 
 
ถ้าคิดว่าการช่วยของมันคือการช่วยผมอาบน้ำนั้นคือคุณคิดถูกครับ แต่มันไม่จบแค่อาบน้ำไง ตอนเเรกผมยืนกรานว่าจะเอาน้ำตรงนั้นออกเองมันก็ดื้อจะช่วยเอาออกให้ได้แต่ตอนนี้ผมเป็นธีร์คนใหม่แล้วครับ ผมไม่ยอมมันง่ายๆ บอกเสียงเเข็งเลยว่าไม่! แต่มันไม่ฟังไง หน้าด้านสุดอะไรสุดพออ้อนก็แล้ว ปากหวานก็แล้ว ผมก็ยังไม่ยอม มันก็จับหมับเข้าที่ก้นผมเเล้วส่งนิ้วเข้ามาเลย...

แล้วก็เลยเถิดไงครับ กว่าจะจบศึกในห้องน้ำก็เกือบสองชั่วโมง ทำความสะอาดอีกอะไรอีกก็อีกหนึ่งชั่วโมง ตายๆ นี่สองวันผมปล่อยไปกี่น้ำเเล้ววะเนี่ย

ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าผมไม่ได้รู้จักมันจริงๆอย่างที่ผมคิดนั่นแหละ ตอนแรกมันคนดีใช่ไหม โคตรสุภาพบุรุษเลย ทั้งการกระทำ คำพูด ดูผู้ชายอบอุ่นสุดๆ อะไรๆก็ตามใจผม ตอนนี้น่ะหรือ เอาจริงๆก็คล้ายๆเดิมนั่นเเหละผมอาจจะเวอร์ไปนิด แต่ผมมั่นใจว่าดาร์คไซด์ที่มันพูดถึงนี่ไม่ใช่เรื่องดีที่ชัดเลยคือมันหื่นขึ้น... อันนี้เรื่องจริงไม่ปิ้งย่าง ปกติมันเหมือนจะฟังผมบ้างเวลาผมงอแงไม่ทำมันก็จะไม่ใช่ไหมครับ แต่นี่คือลวนลามทุกเวลาที่มีโอกาส เหมือนจะทำเล่นๆหยอกๆนะ แต่ครั้งไหนผมเคลิ้มก็เหมือนจะไปไกลทุกที แถมยังรุนเเรงขึ้นอีกต่างหาก

และมันยังเอาแต่ใจมากขึ้น...ไม่สิ เรียกว่าหน้าด้านก็ได้ ไอภาพพจน์ดีๆตอนเเรกมันเริ่มหายไปจากหัวผมเเล้วครับ และยอมรับเลยว่าพอมันเปิดเผยอีกด้านผมก็เริ่มเลิกเกรงใจมันเเล้ว ก็ดูมันทำตัว น่าเกรงใจที่ไหนเล่า

พออาบน้ำจัดการตัวเองเสร็จผมกับมันก็กลับมายังคอนโดตัวเองครับ ตอนเเรกมันก็จะดื้อด้านอุ้มผมลงมาจากจากห้องโรงเเรมให้ได้ แต่คือผมแค่เจ็บตูดไม่ได้ขาหักครับ สุดท้ายมันก็ยอม เจอกันครึ่งทางโดยการช่วยพยุงผมเฉยๆ

"ไอเตอร์"

พอมาถึงไอเตอร์ก็วิ่งดุ้กๆมาหาผม เห่าเสียงดังจนห้องข้างๆเเทบจะออกมาด่า มันพุ่งเข้าใส่เเบบที่ผมไม่ทันตั้งตัวจนล้มโคร่มไปล้มลุกคุกคลานไปกับมัน

"He’s worried about you. (มันคงเป็นห่วงนายไม่ต่างจากฉันหรอก)"

"หือ? มันเนี่ยนะ?"

เอาจริงๆผมไม่ค่อยได้เล่นกับมันบ่อยนัก ส่วนมากจะนั่งดูไอหมีควายเล่นกับมันซะมากกว่า ทุกวันนี้แค่คอยให้อาหารมันกับด่าเวลามันเสียงดัง ถ้ามันจะพุ่งเข้ามาหาผมคงมีแต่มาขออาหารนั่นแหละ

"Um it’s  you. Is that right, Thir? (อือ ห่วงนายนั่นแหละ ใช่ไหมเตอร์)"

"โฮ่ง!"

"See. (เห็นไหม)"

"ฟังรู้เรื่องอีก ห่วงกูเหรอวะไอหมา"

"โฮ่งๆๆ"

"โอเค กูเชื่อก็ได้ เงียบได้แล้วกอนที่ห้องข้างๆจะมาฆ่ากู"

"Once, about one week that I’m go out for my business. Do you remember? (นี่ มีช่วงนึงที่ฉันผลุบๆโผล่ๆหายไปทำธุระก่อนหน้านั้นอีกจำได้ไหม)"

"หือ.."ผมครางในลำคอแล้วค่อยๆคิด

จะว่าไปช่วงวันที่ผมไปจูบกับพี่เรนมันก็หายไปนี่หน่า

"First you didn’t ask me anything then I think it will be okay I won’t tell. But the things that just happen make me think it will be better if I tell you. Do you remember that night that Thir poo in bedroom? Since that day he have strange symptoms so I brought him to saw a doctor...Don’t look at me like that even I’m a veterinarian but I have no medicine. Maybe you did not notice because you often play with him. (ตอนแรกพอเห็นนายไม่ถามก็เลยไม่ได้บอก แต่พอเกิดเรื่องขึ้นฉันว่าฉันบอกนายดีกว่า จำได้ไหมที่ไอเตอร์ไปขี้ไว้ในห้องนอนน่ะ ตั้งแต่วันนั้นมันก็มีอาการแปลกๆ ฉันเลยพามันไปหาหมอ อย่ามองหน้าฉันอย่างนั้น ถึงฉันจะเป็นหมอแต่ฉันไม่มียา แต่นายอาจจะไม่ได้สังเกตเพราะไม่ค่อยได้เล่นกับมัน)"

คำพูดมันทำผมเป๋ จำได้ลางๆว่าเมื่อก่อนพี่เรนเคยบอกผมว่าผมมันใส่ใจคนอื่นน้อยเกินไป ไม่ใช่ว่าใส่ใจแต่ตัวเองแต่พอเรื่องไหนไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยเก็บมาคิดให้ยุ่งยาก นี่ผมอยู่กับมันมาตั้งหลายเดือนพอๆกับไอหมีควายเลยแต่ผมกลับไม่เคยรู้เลยสักนิดว่ามันเคยป่วย

"ขอโทษนะ ต่อไปนี้จะมาเล่นด้วยบอยๆ"ผมบอกไอเตอร์ด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆ ลูบหัวมันเล่นซึ่งมันก็ทำหน้าเคลิ้มๆอย่างที่ไอหมีควายเคยบอก

ตอนแรกก็กะจะนั่งเล่นกับไอเตอร์ซักพักแต่ท้องผมดันร้องประท้วงขึ้นซะก่อน จนไอหมีควายหัวเราะออกมาเบาๆแล้วบอกว่าเดี๋ยวหาอะไรให้กินเอง ผมเลยตกลงรับคำแบบไม่อิดออด

มันทำข้าวผัดง่ายๆมาสองจาน ผมไม่รอช้าไปล้างมือเเล้วเดินตามกลิ่นมาทันที จากนั้นก็เริ่มต้นสวาปาม

โดยมีสายตาคู่หนึ่งคอยจ้องมองมาตลอด

ยอมรับเลยว่าผมชักจะชินเเล้วกับการที่โดนจ้องไปกินไปแบบนี้

"ฮ่า...โคตรอิ่ม ไม่ได้กินเต็มมื้อมาหลายมื้อเเล้วนะเนี่ย"

"But I still not full yet. Can I eat you next? (แต่ฉันยังไม่อิ่มเลย ขอกินนายต่อได้ไหม?)"

"หยุดเลย วันนี้กี่รอบเเล้ว ยังระบมไม่หายเลยนะ"

"Got it. Then I will wait until your pain is better. (โอเค งั้นฉันจะรอให้นายหายเจ็บก่อนละกัน)"

พอกินเสร็จผมก็ใช้อำนาจคนเจ็บให้มันเอาจานไปล้างก่อนจะย้ายตัวเองมานั่งเเหม็บอยู่บนโซฟาในอ้อมกอดมีตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลที่ถูกซื้อให้อย่างงงๆ พอเปิดทีวีก็เจอช่องสาระคดีสัตว์โลกที่อีกคนชอบดู พอดูๆไปมันก็เพลินดีเหมือนกัน

ยวบ..

ไม่นานนักคนที่ไปล้างจานก็กลับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขยิบเข้ามาจนเเทบจะสิงกัน ทั้งยังใช้เเขนข้างนึงโอบไหล่ผมเนียนๆ ผมเลยเอียงคอซบมันเลยเเบบเนียนๆ

มันก้มลงมาเลิกคิ้วมองผมเล็กน้อย คงเเปลกใจที่ผมเป็นฝ่ายเข้าหามันก่อน แต่มันก็เผยยิ้มดีใจอย่างปิดไม่อยู่ ผมทำเป็นไม่เห็นรอยยิ้มมันมองตรงไปยังทีวีทั้งๆที่ปากกำลังกลั้นยิ้ม

ฟอด

"Whose boyfriend is this? So adorable! (แฟนใครน่ารักจริงๆเลย)"

โอ้ยยย หุบยิ้มไม่ได้แล้วโว้ยยย
 
 

 
 ---------------------
ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ แต่บักธีร์กับพี่หมีควายใกล้จบแล้วจริงๆ ตอนนี้เหลือเพียง2ตอนก็จบแล้วจ้า
แต่! เรา'อาจจะ'แต่ภาคผัวๆเมียๆต่อหากซาวเสียงแล้วมีคนอยากอ่านต่อ เป็นเรื่องราวหลังจากที่เขาย้ายไปอยู่ด้วยกันอ่ะเนอะ แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้เพราะปีนี้ยุ่งๆกับเรื่องสอบเข้าเลยอาจจะไม่มีเวลาแต่ง กลัวเปิดมาละดอง หายยย

ขอบคุณที่เข้ามาติดตามและให้กำลังใจด้วยจ้า <3

ปล.ขอสอบถามหน่อยค่า คือหากจบแล้วต้องเปลี่ยนหัวชื่อเรื่องเป็นจบเท่านั้นรึเปล่าคะ แล้วถ้าจะเปิดจองหนังสือตั้งกระทู้ต่อจากนิยายได้เลยรึเปล่าคะ คือไม่ค่อยทราบเกี่ยวกับกฎระเบียบในเล้าซักเท่าไหร่ รบกวนผู้รู้ผู้อื่นผู้เบิกบานด้วยค่ะ แฮ่

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
       ธีร์อยากรู้จัก       เพราะรักหมีควาย
ไม่ใชแค่กาย             ทั้งในใจหมี
       รู้แล้วหมีขาว      ห้าวจริงรุกถี่
จากเคยว่าดี              หมีดาร์กหื่นจริง   

พอหมีควายบอกว่าตัวเองเป็นบอยเฟรนด์
ธีร์ ดีใจแบบกลั้นยิ้มไม่ได้เลย
ก็จะกลั้นทำม้าย อยากยิ้มก็ยิ้มไปเล้ย
เข้าใจกันก็ดีแล้ว ดีจนโดนเข้าไปสำรวจถ้ำซะ
เอ้อ....แต่ว่า อะไรโบ๋ๆ หว่า
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2016 04:44:04 โดย ทฟเืนสรฟ »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ชอบ เราอยากอ่านอีกกกก นานก็รอได้ค่ะ ><

แอบดีใจกะบักธีร์ เจอเนื้อคู่แล้ว :3

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ชอบพี่หมีภาคดาร์คไซด์ค่ะ  :-[

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 41
| Surprise
-----------------------------------------------------------------------

     จากวันที่ผมได้รู้จักดาร์คไซด์ของไอหมีควายก็ผ่านมาประมาณสองเดือนเเล้วหรือจะพูดอีกอย่างก็คือผมเป็นเเฟนกับมันมาประมาณสามเดือนเเล้ว

     เรื่องของไอกลองแต็ก หลังจากวันนั้นผมขอเวลาทำใจสักสองวันจากนั้นก็ตัดสินใจที่จะไปคุยกับมัน หากแต่ก็พบว่ามันขาดเรียนมาหลายวันเเล้ว ทั้งไอพุไอจีนก็ไม่มีใครติดต่อได้ ผมค่อนข้างเป็นห่วงมันเพราะไอแต็กมันไม่เคยโดดเรียนหากไม่จำเป็น ทั้งช่วงนี้ยังใกล้สอบผมกลัวว่ามันจะเอาอนาคตมาทิ้งเพราะผม ผมทั้งไปดักรอมันที่บ้านแต่ก็ไม่พบใครนอกจากบ้านเปล่าๆ

     หลังจากเรื่องราวในวันนั้นพี่เรนมาพบผมในวันถัดมา ทำให้ผมรู้ว่าคนที่พาไอหมีควายไปบ้านกลองแต็กก็คือพี่เรน พี่เรนบอกผมว่าพี่เขารู้สึกตะหงิดๆตั้งแต่วันที่ไอหมีควายมาเจอผมจูบกับพี่เขาแล้ว มันบังเอิญและพอดีเกินไปจนต้องไปสืบหาและพบว่ากลองแต็กเป็นคนเรียกไอหมีควายออกมาโดยบอกว่าผมรอมันอยู่ที่ร้านอาหารนั่น

     และที่น่าตกใจที่สุดคือปกป้องเพื่อนเก่าผมเป็นคนวางแผน มันยอมรับออกมาเองว่าก่อนหน้าวันที่กลองแต็กจะพาผมให้ไปเห็นภาพบาดตามันตามดูไอหมีควายกับพี่ตอบมาซักพักจนเเน่ใจว่าเขาทั้งคู่มาโรงแรมกัน มันเลยประจวบเหมาะคิดแผนขึ้นมาให้กลองแต็กทำ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าไอปกป้องมันจะทำไปเพื่ออะไร

     แต่พี่เรนแน่ใจว่าเป็นไอป้องแน่ๆเพราะรถของเพื่อนที่ไอแต็กกล่าวถึงคือของไอป้อง ซึ่งตอนแรกผมไม่เชื่อแต่พี่เรนยืนยันทั้งยังบอกว่าวันที่ไอกลองแต็กวางยาทั้งตัวเองเเละผม พอตกเย็นไอปกป้องก็มาที่บ้านไอแต็กเพื่อมาเอารถคืน พอย้อนคิดดูมันก็แปลกอย่างที่พี่เรนว่าเพราะวันนั้นผมจำได้ว่ารถเพื่อนมันดันบังเอิญจอดอยู่ชั้นเดียวกับไอหมีควายเเถมยังอยู่ไม่ไกล ทั้งยังลืมคิดว่าไอแต็กมันไปเอากุญแจรถมาตอนไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งลงล็อคว่าไอแต็กมันวางแผนมาตั้งแต่ต้น

     คิดแล้วก็สลดใจ เพื่อนที่ผมคิดว่าเป็นเพื่อสนิทที่ดีที่สุดกลับทำแบบนี้กับผม แต่ผมไม่โกรธมันนะ ออกแนวผิดหวังมากกว่า แต่ผมก็อยากให้มันมาอธิบายกับตัวผมเองมากกว่าว่าทำทำไม อย่างน้อยมาขอโทษผมก็ยังดี แต่มันกลับหายหน้าหายตาจนน่าเป็นห่วง

     ตอนนี้เป็นเวลาหกนาฬิกาซึ่งปกติอย่าหวังเลยว่าผมจะตื่นมาหากไม่มีเรียน แต่ผมดันมีกิจกรรมเพิ่มขึ้นในทุกเช้าคือการพาไอเตอร์ไปเดินเล่น ตอนเเรกก็อิดออดไม่อยากพามันไปตอนเช้าหรอกเพราะขี้เกียจตื่นแต่ไอหมีควายคนเฮลตี้บอกว่านอกจากไอเตอร์ต้องออกกำลังเเล้วผมก็ต้องออกเหมือนกันเพราะพักหลังนี้พุงเริ่มเป็นชั้น

     ตอนแรกก็เถียงว่าผมไม่อ้วนนะ ผมจะอ้วนได้ไง ผมออกจะหุ่นดี มันจัดการลากขึ้นเตียงพาทำกิจกรรมเข้าจังหวะเเล้วเเกล้งผมให้ผมเป็นคนอยู่บน พอขยับเท่านั้นแหละเเม่งก็หัวเราะออกมาเเล้วเอื้อมมาจับพุงผมละบอกว่าพุงผมแม่งกระเพื้อม! คือเลวมาก! ใครใช้ให้พูดเรื่องงี้ตอนกำลังทำกันวะ ผมนี่นอยเลย เอาจริงๆคือเสียความมั่นใจไปถามตัวเองอยู่ตั้งหลายรอบว่าผมอ้วนขนาดนั้นเลยหรือ ช่วงนั้นนี่ผมไม่ให้มันเอาเลยนะ มันนี่ง้อผมไม่รู้จะง้อยังไงแต่คือคนมันเสียเซลฟ์ไปแล้วอ่ะ!

     สุดท้ายผมก็ตัดสินใจแหกตาตื่นมาวิ่งทุกเช้าซึ่งเกือบทุกวันไอหมีควายจะตามมาวิ่งด้วย ที่จริงมันตามมาเพื่อคุมผมต่างหากเพราะมันรู้ว่าถ้าผมมาคนเดียวผมเดินอย่างเดียวแน่ๆ

     "ไอเตอร์ ไอเตอร์มึงอยู่ไหน ออกมาไวๆ"หลังจากล้างหน้าแปรงฟันทำธุระส่วนตัวเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเตรียมไปออกกำลังกาย ผมก็ออกมาตามหาไอหมาเตอร์ที่ปกติคงวิ่งมาหาพร้อมกระโดดดีใจที่จะได้ออกนอกห้อง

     "ไอเตอร์! ไอเตอร์!"

     ผมตะโกนหามันรอบห้องก็ยังไร้วีแววจนรู้สึกถึงความผิดปกติ

     อันที่จริงผมลืมบอกไปอย่างตอนนี้ผมอยู่กับไอเตอร์แค่หนึ่งคนหนึ่งตัว ส่วนไอหมีความน่ะหรือ...โดนผมไล่ที่ไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว

     ถ้าคิดว่าทุกอย่างจะจบแบบเเฮปปี้เอ็นดิ้งและพวกเราจะนำข้อคิดในคราวนั้นมาปรับตัวและไม่ทะเลาะกันอีก...มันก็คงมีแต่ในนิยายเท่านั้นแหละครับ ผ่านไปไม่เท่าผมก็ทะเลาะกับมันอีกแล้ว

     และครั้งนี้ผมบอกเลยว่าผมไม่ผิด!!!

    ขอย้อนเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ เหตุเกิดจากที่จู่ๆเมื่อาทิตย์ที่แล้วมันบอกผมว่ามีธุระต้องไปทำกับพี่ตอง ผมก็เออ คันปากอยากถามนะว่าธุระอะไรแต่มันก็อุส่าห์บอกขนาดนี้เเล้วเลยคิดว่าแม่งคงไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่พอมันเริ่มออกไปทุกวันๆ บางวันก็ไม่กลับมานอนสุดท้ายผมก็ตัดสินถามว่าไปทำอะไรแต่มันกลับตอบมาว่า

     'ความลับ'

     พอมันตอบงี้ผมก็ไปไม่ถูก งอนมันตุ๊บป่องและมันก็ไม่ง้อ!! เอ้อ! เอากับมันสิ! ผมเลยล็อกห้องไม่ให้เข้ามานอนทุกคืนแต่ก็ไม่เอ่ยปากไล่ตรงๆนะ กลัวแม่งไปจริง และถ้าคุณคิดว่ามันพยายามง้อ...ไม่! ไม่กลับมาห้องกูเลย!

     ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงโคตรโกรธโคตรเคืองถึงแม้มันจะคอยถ่ายรูปส่งมาว่าอยู่ร้านเฮียบ้าง อยู่ห้างบ้าง อยู่โรงแรมเฮียบ้างตามที่มันเคยบอกไว้ว่าไปไหนจะถ่ายรูปรายงาน

     ผมก็พอจะเข้าใจว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ธุระอะไรมันบอกกันหน่อยไม่ได้หรือ ที่ผมเคืองไม่ใช่เพราะมันไม่ยอมกลับ ไม่ยอมง้อแต่เพราะมันไม่ยอมพูดกันตรงๆอย่างที่มันพูดไว้ต่างหาก

     แต่...ไอเตอร์หายไปไหนวะ

     ไลน์

   พอมั่นใจว่าไอหมาไทยเพื่อนที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวได้หายไปจากห้อง ความกังวลปนเป็นห่วงก็เข้ามาทันที แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงคนเดียวที่จะเอามันไปได้ก็คือไอหมีควายนั่นแหละ และก็ใช่เลย เพราะพอเปิดไลน์มาปุ๊ปก็เจอรูปไอหมาไทยสีน้ำตาลนั่งลิ้นห้อยอยู่หน้ากล้อง   

 เออ เอาไปให้หมดเลย ทิ้งกูอยู่คนเดียวนี่แหละ

 ถึงจะพูดดีแต่ก็อดเบะปากออกมาไม่ได้ มันไม่คิดจะง้ออะไรผมจริงๆหรือวะ แถมยังยึดไอเตอร์ไปอีก ใจคอมันอยากจะทะเลาะกันจริงๆใช่ไหม นี่ผมอุส่าห์ใจเย็นรอมันมาอธิบายนะเพราะมันดูท่าทางไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ผมเลยคิดว่ามันอาจจะเเกล้งผมเล่น แต่เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ต้องนอนคนเดียวมันจะนานเกินไปแล้ว...

แต่ไม่ทันที่จะได้น้อยใจไปมากกว่านี้ก็มีเสียงดันขึ้นขัด

Rrrrrrrrrr

"ฮัลโหล ว่าไงไอจีน"ผมรับโทรศัพท์ทันทีเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา เเอบสงสัยเล็กน้อยเพราะปกติไอจีนมันไม่ค่อยโทรหาผม

[วันนี้ว่างป่ะ ไปหาไรแดกกัน]

"อารมณ์ไหนวะมึง แล้วจะไปที่ไหน"

[ที่ร้านxxxอ่ะ นี่กูกับไอพุจะไปลองกันเลยลองถามมึงด้วย]

ผมทวนชื่อร้านในใจอย่างสงสัย ร้อยวันพันปีพวกมันไม่เคยจะอยากออกไปหาอะไรไกลๆแดก นี่งงจริงๆว่าสรุปมาอารมณ์ไหน แต่ไหนๆก็ไหนๆละ ไอหมีควายก็ไม่อยู่ออกเที่ยวหน่อยก็คงไม่เป็นไร เจ๊าๆกันไป

"เออ ไปด้วยๆ กี่โมงวะ ตอนนี้เลยป่ะ"ผมถามมันเหลือบไปมองนาฬิกาที่ฝาพนัง ตอนนี้ก็ดูท่าว่าจะเช้าไป

[เย็นๆเลยมึง นี่มานัดไว้ก่อน กลัวล่ม ซักห้าโมงเจอกันที่นู้นนะมึง]ไอจีนบอก

"งั้นมึงส่งโลมาให้กูด้วย กูไปเองเดี๋ยวกูหลง"

[อ่าว ไม่ให้ผัวมึงมาส่งล่ะ]เสียงในสายถามกลับมาด้วยความสงสัย

"หายหัวไปไหนไม่รู้"ผมตอบมันเอือมๆ แอบประชดเล็กน้อย

[เออๆ เดี๋ยวส่งไปให้ในไลน์ แค่นี้นะ ตู้ดดด...]

ผมยังไม่ทันจะได้ตอบรับอะไร พอมันพูดจบปุ๊ปมันก็ตัดสายปั๊ปดีจังเลยเพื่อนกู

ไหนๆแฟนก็เมิน ถ้าผมจะขอไปเที่ยวบ้างก็คงเจ๊าๆกันไปนั่นแหละ เหอๆ
 
  ---------------------------------------------------------------

ผมไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิดที่ออกมากับไอสองเกลอนี่ แทนที่จะช่วยลดความฟุ้งซ่านของผมลงกัลยทำให้ผมปวดหัวเข้าไปใหญ่

"ผัวทิ้งแล้วมั้งมึง"

"สัดจีน ปากมึงนี่"ผมถลึงตาใส่ไอเพื่อนหน้าไทย มันหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ไอพุก็นั่งแดกของมันไปเงียบๆตามสไตล์มีอ้าปากมาจิกผมบ้างไม่ให้ไอจีนพล่ามอยู่คนเดียว

"ปากกูทำไม ปากกูหวานนะจะบอก ไม่เชื่อลองถาม..."

ผั่วะ!

"เฮ้ย ไอจีน!"ผมนี่เรียกชื่อมันอย่างตกใจ จู่ๆมันก็ทะลึ่งเอาหน้าทิ่มโต๊ะเล่นไม่สิ...โดนประทุษร้ายต่างหาก ดีนะที่อาหารถูกยกเก็บไปแล้วไม่งั้นหน้ามันนี้...อือหือไม่อยากจะคิด

"ดั้งกูจะแหมบก็เพราะมึงนี่แหละไอสัดพุ!"

"พูดอย่างกับเคยมีดั้ง มีไปก็ไม่ช่วยให้มึงหล่อขึ้นด้วย"

"ถึงจะพูดแบบนี้แต่มึงก็เอา..."

ผั่วะ!

"ไอจีน! ไอพุใจเย็นๆ ไอพุ!!!"

จนกระทั่งกินกันเสร็จแยกย้ายกันกลับผมยังถามกับตัวเองอยู่เลยว่าผมตัดสินใจถูกแล้วหรือที่มากับพวกมัน อาหารก็อร่อยดีแต่กลับไม่รู้รสเท่าที่ควร แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทะเลาะวิวาทของพวกแม่งทำให้ผมสบายใจขึ้นเยอะ

ตีกันขนาดนั้นยังอยู่ด้วยกันได้เลย

ผมเดินลูบพุงลงจากแท็กซี่ ในขณะที่เดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีและเท้ากำลังก้าวสู่คอนโดสายตากลับเหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดกลางที่มีความสูงเพียงเข่ากำลังยืนอยู่เยื้องๆไป ขนสีน้ำตาลแดง หูตั้งตรง ขาสี่ขา กับปลอกคอสีดำสนิท เพียงมองปราดเดียวก็รู้แล้ว

"ไอเตอร์!!"

ราวกับว่าเสียงเรียกของผมเป็นเสียงบอกเริ่มของกรรมการ พอเรียกปุ๊ปแม่งออกตัววิ่งอย่างไม่คิดขีวิตทันที ด้วยสัญชาตญาณของมนุษย์ผมจึงออกสิ่งตามอย่างไม่คิดชีวิตเหมือนกัน กลัวว่ามันจะวิ่งไปตัดหน้ารถอีก ถึงแม้ว่าในซอยตอนค่ำๆรถจะบางตามากก็ตาม

"ไอเตอร์!! มึงจะวิ่งไปถึงไหน! หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะมึง!!"ผมนี่วิ่งไปตะโกนไปเหมือนคนบ้า แค่วิ่งก็หายใจแทบไม่ทันยิ่งรวบรวมแรงตะโกนนี่เหมือนใกล้ตายเต็มที  มันสี่ขาแต่กูสองขานะ ไอหมาเวร ควบซะเต็มที่เลย!

กึก

"แฮ่ก แฮ่ก หายไปไหนแล้ววะ"

ผมหยุดหอบหายใจ เอามือยันเก้าอี้ตัวหนึ่งไว้ก่อนที่จะเป็นลมล้มพับไป พอกวาดตามองรอบๆก็ไม่พบไอเตอร์แล้วและก็เพิ่งสังเกตว่าเมื่อกี้ผมวิ่งติดสปีดมาถึงสวนสาธารณะที่มาประจำเสียแล้ว

"ไอเตอร์! อยู่ไหนวะ! ไอเตอร์!"

ผมพยายามเรียกหามันขณะที่ก้าวเท้าเดินไปรอบๆ สายตาก็หยุดอยู่ที่แม่น้ำที่อยู่ติดกับที่นี่ ทั้งๆที่วิวก็ไม่ได้แย่อะไรออกจะสวยเสียด้วยซ้ำแต่ผมยังยืนยันว่าที่นี่ร้างคนมากจริงๆ อาจจะเป็นเพราะมันอยู่เขตชานเมืองด้วยแหละ หอแถวนี้ซักสี่ในสิบก็ร้างๆไปหมด

ความเงียบเข้าปลกคลุมทันทีมีเพียงเสียงลมที่พัดเเผ่วๆแต่ไม่ได้ช่วยให้อากาศเย็นขึ้นเสียเท่าไหร่นัก ที่นี่สงบจริงๆ และด้วยบรรยากาศรอบข้างก็ทำให้ผมจมดิ่งไปในห้วงความคิดที่หวนนึกถึงวันเก่าๆ

สวนสาธารณะนี่เต็มไปด้วยความทรงจำไม่น้อยเลย เป็นที่ๆผมพามันมาเที่ยวที่เเรกด้วยความสิ้นคิดเพราะพามันไปที่อื่นไม่ทัน และยังเป็นที่ๆมันสารภาพรักกับผม

คิดแล้วก็เขินขึ้นมาเลย ถ้าวันนั้นผมไม่เผลอหลุดปากตอบมันไปนี่จะเป็นยังไงนะ

พอเดินมาจนถึงม้านั่งตรงกลางที่เป็นจุดที่มันสารภาพรักกับผม ผมก็ทรุดตัวลงนั่งพิงหลังไปกับพนักเก้าอี้ก่อนจะปิดตาลง

ผมอมยิ้ม แม้เราจะคบกันมาไม่นาน แม้มันจะเป็นแฟนคนแรก ถึงแม้ผมจะไม่เคยรู้จักรูปร่างหน้าตาของความรักมาก่อน ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจแต่หากถามว่าหน้าตาของความรักสำหรับผมเป็นอย่างไร...

"Excuse me, Can I sit here with you?(ขอโทษนะครับ ขอนั่งด้วยได้ไหม)"

หืม? เสียงนี่มัน...

"ไอหมีควาย!"

ผมลืมตาโผล่งเหมือนเห็นผี แต่ไอหมีควายไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ยิ้มให้บางๆจากนั้นก็ทรุดตัวนั่งข้างๆพร้อมกับกระเป๋าบางอย่างที่วาดไว้ข้างม้านั่งถ้ามองไม่ผิดผมเห็นเป็นกระเป๋ากีตาร์

"มะ...มึงมาได้ยังไง"

มันเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวนๆแทนคำตอบ ให้ผมเบะปากออกอย่างหมันไส้

"จะมาง้อรึไงเล่า ตอนนี้ช้าไปแล้วเหอะ"

มันก็ยังคงไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มบางๆจากนั้นก็หยิบกระเป๋ากีตาร์ที่วางไว้ข้างๆมาวางไม้บนตังก่อนจะยกกีตาร์โปร่งตัวใหญ่ออกมาไว้บนตักจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน

"Mr.Corgi, someone told me to give one song for you.(คุณคอร์กี้ครับ มีคนฝากเพลงมาให้เพลงหนึ่ง)"มันพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มน่าฟังทั้งยังยิ้มสุภาพให้ผมขมวดคิ้วเข้าหากันหนักกว่าเก่าอีก

"เล่นอะไรวะเนี่ย"

"เขาบอกว่าถ้าเขายังไม่โผล่หัวมาง้อ คอร์กี้ขี้น้อยใจคงต้องกลับไปนอนร้องไห้กอดตุ๊กตาหมีที่ห้องแหง"มันว่าต่อแถมทำหน้าทำตาหน้าถีบ แต่ยังไม่ทันได้ถีบมันก็ถอยหนีไปก่อนให้ผมได้แต่ถลึงตา

"ไอ!"

แต่อะไรบางอย่างทำให้ผมไม่ด่ามันไปเต็มปาก แต่กลับใจเต้นตุบตับกับสิ่งที่มันกำลังจะทำ จนเผลอจ้องมองไปอย่างละสายตาไม่อยู่ คนตัวโตกระแอมกระไอเบาๆก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างหน้าผม นั่งกับพื้นนั่นแหละให้ผมสงสัยอีกแต่ก็ไม่เอ่ยปากถาม กลายเป็นว่าตอนนี้กลายเป็นผมนั่งมองมันจากมุมสูง

มันกระแอมกระไอเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเกากีตาร์เบาๆ แค่ท่อนคอรัสเริ่มมาก็ทำเอาผมตกใจเล็กน้อยเพราะเพลงนี้มันคุ้นหูมาก

"ในคืนทีฟานันเต็มไปดัวแสงไฟ..."ภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆที่ถ้าไม่ฟังดีๆคงฟังเเทบไม่ออกดังผ่านออกมาจากริมฝีปากแดงเข้ม

ภาพของฝรั่งร่างสูงใหญ่นั่งกับพื้นกำลังขมักเขม้นเล่นกีตาร์และร้องเพลง แสงไฟสีส้มนวลดวงเล็กจากโคมไฟที่มีอยู่ไม่มากนักในที่แห่งนี้ขับให้ภาพตรงหน้าราวกับมีมนต์เสน่ห์ เสียงกีตาร์เบาคลอไปกับสายลมที่เงียบเชียบ
 
...เราโอบกอดกันและมองไปบนฟ้าไกล
สุดหัวใจ สุดสายตา มีแต่เรา
ดวงจันทร์ล่องลอยและมอบความรักให้กัน
ขอบคุณวันนี้ที่คอยดูแลรักฉัน จากหัวใจ จากนี้ไปมีแต่เธอ…

...ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร
แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน…

....จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ
โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม
ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ…
 
...เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว
จะไม่มีความเหงาเข้ามากล่ำกลาย
เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม
สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป…

...แม้มีบ้างครั้งฉันทำให้เธอเสียใจ
แต่ทุกๆ ครั้งเธอพร้อมจะมองข้ามไป
เธอเข้าใจ ให้อภัยคนอย่างฉัน…

...ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร
แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน…

...จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ
โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม
ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ…

...เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว
จะไม่มีความเหงาเข้ามากล่ำกลาย
เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม

...สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป…
-    ลูกอม วัชราวลี
 
มันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมก่อนจะถึงท่อนสุดท้าย ริมฝีปากมันคลี่ยิ้มกว้างที่ผมชอบที่สุดออกมา ก่อนที่เพลงจะดำเนินมาถึงท่อนสุดท้ายแท้จะมีดีดเพี้ยนไปบ้างแต่นั่นกลับไม่ได้อยู่ในความสนใจผมเลย

จบแล้ว..

แต่ผมกลับละสายตาจากมันไม่ได้เลย สายตาเราประสานกับนิ่งหลายสิบวินาทีเหมือนกับวันแรกๆที่รู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างเราราวกับมีแม่เหล็กคนละขั้วอยู่ตรงหน้า

ผมไม่อยากละสายตาไปเลย ผมกลัวว่าจะไม่มีโอกาสภาพสวยๆแบบนี้อีก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอยากจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาถ่ายรูป

"จบแล้ว...เป็นไงบ้าง"มันเป็นฝ่ายเอ่ยปากออกมาก่อน ก่อนจะยิ้มเขินๆเหมือนไม่มั่นใจในตัวเอง

"กะ ก็ดี"

"โฮ่ง!"

ไม่ทันที่ไอหมีควายจะได้พูดอะไรเสียงเห่าอันคุ้นหูก็เรียกให้ผมหันไปมองก่อนจะลุกพรวดขึ้น

"ไอเตอร์!"

"มานี่มาเตอร์"ไอหมีควายกวักมือเรียกมันซึ่งไอหมาเตอร์ก็วิ่งดุ้กๆๆปหาอย่างว่าง่ายเมินผมที่กำลังจะลุกไปหามัน ดูมัน! นี่ผมวิ่งอุส่าห์สี่คูณร้อยตามมันมาเลยนะเฟ้ย!

"นี่มันมากับมึงหรือ"ผมถามขณะที่เดินเข้าไปใกล้แต่ในขณะที่จะยื่นมือไปลูบหัวไอเตอร์บ้างไอหมีควายก็กันผมออกซะก่อน

"อย่าจับนะ มันมีเห็บอยู่"

"หะ เห็บ!?"

"ใช่ มานี่สิ"มันว่าก่อนจะตบมือลงกับพื้นข้างๆกัน เออดี เก้าอี้มีก็ไม่นั่ง แต่ผมก็ทรุดตัวลงนั่งแต่โดยดีคิ้วขยับเข้าหากัน เห็บนี่มันกินเลือดใช่ไหม ไอเตอร์จะเป็นอะไรรึเปล่าวะ

ยิ่งหน้าไอหมีควายกลายเป็นจริงจังผมยิ่งหวั่นใจ มันกวักมือเรียกผมเข้าไปใกล้ ทำท่าคลำอะไรบางอย่างก่อนจะบอกให้ผมแบมืออกมา

"อ่ะ เจอเเล้ว"

"เห้ย! ไม่เอา ไม่จับนะ!"

"เอาหน่า มันไม่น่ากลัวหรอก กล้าๆหน่อย"

"มันแดกเลือดไม่ใช่เหรอ ไอหมีควายยยยย!"ผมหลับหูหลับตาทันทีดิ้นสุดฤทธิ์แต่ด้วยท่าที่ผมเป็นคนชะโงกตัวเข้าหามัน ไอหมีควายก็มีไวชิบหายคว้าเอวผมไว้จนแทบจะขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักมันอยู่แล้ว มันบังคับให้ผมแบมือออกทั้งๆที่ผมกำสุดฤทธิ์

"ดูสิ เห็บสวยเนอะ"

ผมค่อยๆลืมตาช้าๆหลังจากได้ยินเสียงมัน ภาพตรงหน้าผมทำเอาผมใจกระตุก บนมือผมปรากฏแหวนวงหนึ่งเป็นแหวนสีเงินเรียบๆไม่มีเพชรพลอยประดับหรือสลักใดๆทั้งนั้น
ผมเงยหน้ามองมันด้วยดวงตาสั่นๆราวกับไม่เชื่อตาตัวเอง ซึ่งมันก็ยิ้มขำกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันของผม

"สุขสันต์วันครบรอบสามเดือนและ..."

"แต่งงานกับฉันนะ (Will you marry me?)"

"ดะ เดี๋ยวสิ นี่มันเพิ่งจะสามเดือน"ผมพูดด้วยเสียงสั่นๆอย่างไม่เชื่อหู นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรรึเปล่า แต่งงาน! แต่งงานเนี่ยนะ!

"ฉันเข้าใจ มันอาจจะเร็วเกินไปแต่...ฉันอยากจะจองตัวไว้ก่อนได้ไหม?"

"ห้ะ? เอ๋?"

"ยื่นมือมาเร็ว"

ผมยื่นมือไปหามันอย่างงงๆ แหวนสีเงินเรียบๆหากแต่สวยถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างขวาหลังจากใส่เสร็จมันก็ก้มลงประทับจูบเบาๆ จากนั้นก็ยื่นมือตัวเองออกมาย้างพร้อมเเหวนแบบเดียวกัน

ผมก็สวมให้มันเเบบเอ๋อๆเช่นเดียวกัน เฮ้ย ผมตั้งตัวไม่ทัน ขอเวลานอกก่อนได้ไหม หัวใจผมยังไม่หยุดเต้นแรงเลย

"นี่ฉันไปฝึกเล่นกีตาร์กับร้องเพลงมาทั้งอาทิตย์เลยรู้ไหม ขอโทษที่ไม่บอกความจริงนะ กลัวไม่เซอร์ไพรส์"

"นี่มัน...ยิ่งกว่าเซอร์ไพรส์อีก"

ความโกรธก่อนหน้านี้ไม่หลงเหลืออะไรอีกแล้ว ผมเชื่อว่ามันพูดความจริงเพราะการร้องหรอพูดที่ไม่ฝช่ภาษาของเราแบบไม่ดูโพยมันไม่ใช่ง่ายๆนะ

"ชอบแหวนไหม ฉันไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนเลยเลือกเรียบๆมายังไงนายก็เป็นผู้ชายคงชอบแบบนี้มากกว่า"

"ชอบ...ชอบมาก ขอบคุณ...ขอบคุณนะ"ผมตอบได้แค่นั้นจริงๆ ความรู้สึกตื้นตันมันจุกอกเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของพวกผู้หญิงก็ตอนนี้

มันยีหัวผมเบาๆ จับให้ผมพิงไปกับอกมัน ก่อนจะก้มลงฝังจมูกลงกับหัวผมแล้วกระซิบบอกเบาๆ

"แล้วฉันจะรอวันที่มันเปลี่ยนมาอยู่มือซ้ายแทนนะ"

ผมว่า...ความรักของผม...คงหน้าตาประมาณนี้แหละครับ
 
 
 
 --------------------------------------
100%
หวานกันจริงๆ หวานจนคนแต่งยังหมันไส้เลยให้ตายเถอะ พี่หมีนี่มันเสี่ยวเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ฮืออ แต่ไม่อยากบอกเลยว่าตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ เรื่องกลองแต็ก เรื่องพี่เรน เรื่องคุณโคลด์ เฉลยให้ไม่ได้มาก เพราะแต่ละคนมีเรื่องเป็นของตัวเองทั้งหมดค่ะ ถ้ายังไงก็รอติดตามต่อได้ (แต่คงต้องขอผ่านช่วงสอบเข้าให้ได้ก่อน)
ปล.มีคนเม้นมาเป็นกลอนเลย ชอบๆ ขอบคุณมากค่า ><

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2016 19:28:41 โดย Kiitos »

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เชอะ มีแลกวงแลกแหวน

/ตาเดี๊ยนลุกเป็นไฟแล้ว

ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Just ' U แค่คุณ ❥ [CH.42 UP!]
«ตอบ #177 เมื่อ24-10-2016 00:13:37 »

Chapter 42
| Epilogue
 

คืนนั้น...หลังจากที่ผมถูกขอแต่งงานด้วยเห็บหมาอย่างงงๆ ไอหมีควายก็บอกออกมาว่าถึงเวลาแล้วที่มันต้องกลับประเทศเพราะเงินเก็บก้อนสุดท้ายใกล้หมดเต็มทีทั้งยังทิ้งกิจการที่นั่งไว้กับเพื่อนที่หุ้นไว้อีก

ผมใจหายมากๆเมื่อมันบอก มันปุ๊บปั๊ปเกินไปเพราะอาทิตย์ถัดไปมันก็ต้องบินกลับเพราะวีซ่าใกล้หมดเสียแล้ว...

ขนาดนอนคนเดียวอาทิตย์เดียวยังรู้สึกเหงาขนาดนั้น และนี่มันจะโผล่มาแค่เดือนหรือสองเดือนครั้งเท่านั้น

เหงา เหงามาก เหงาแบบไม่ไหวแล้ว

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมก็เคยนอนคนเดียไว้ได้อย่างสบายๆ แต่ตอนนี้ราวกับเตียงผมมันใหญ่ขึ้นเสียอย่างไรอย่างนั้น ดีที่ยังมีไอเตอร์กับตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลไว้พอแก้เหงาได้บ้าง ผมชักจะเข้าใจความรู้สึกของหมาที่ถูกเจ้าของถึงขึ้นแล้วแฮะ

ตอนแรกมันบอกว่าถ้าเคลียร์อะไรๆเสร็จแล้วจะย้ายมาอยู่ไทย...แต่ว่าผมดันไม่เห็นด้วย เพราะมันลงทุนเปิดคลีนิกมันที่นู้นไปแล้วทั้งยังเริ่มมั่นคงแล้วด้วย ที่นู่นยังไงก็รายได้ดีกว่าอยู่แล้วผมเลยไม่อยากให้มันย้ายมาไม่งั้นเท่ากับว่ามันต้องนับหนึ่งใหม่ ต่างกับผมที่ยังเป็นแค่นักศึกษาที่ยังไงก็อาจจะไปหางานที่นู่นได้แม้ว่าอาจจะลำบากเสียหน่อย

นี่ก็ปาเข้าไปครึ่งปี เวลานี่เดินเร็วแต่ก็เดินช้าจริงๆ ช่วงนี้ผมทุ่มให้กับการเรียนมากเป็นพิเศษเป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโมเม้นแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะจบเร็วๆซักปีหนึ่ง แต่คงยากเพราะนอกจากมหาลัยแล้วผมก็ต้องไปหาภาษาอังกฤษมาเรียนเพิ่มแม้ช่วงที่ผ่านมาผมจะพอพูดได้สื่อสารรู้เรื่อง อ่านออกและเขียนได้เล็กน้อยแต่พอคิดถึงอนาคตถ้าผมจะย้ายไปอยู่กับมันที่นู่นเรื่องภาษาผมต้องแน่นมากกว่านี้ ผมไม่อยากไปแล้วกลายเป็นคนเตะฝุ่นเป็นภาระให้ไอหมีควายหรอกนะ

ชีวิตประจำวันตั้งแต่ที่ไม่มีมันก็กลายเป็นวนเวียนซ้ำซากไปมา ไปเรียนกลับมาเรียนพิเศษเรียนเสร็จก็อ่านหนังสือ อัดๆเข้าไปหวังว่าจะคลายความเหงาได้บ้าง

เฮ้อ...เมื่อไหร่ผมจะเรียนจบซักทีนะ


----------------------------------------------------------
 
อีกหนึ่งปีต่อมา ผมเลื่อนขั้นเป็นนักศึกษาฝึกงาน ทั้งเครียดทั้งเหนื่อยอยากจะผ่านพ้นมรสุมไปได้ไวๆ ดีที่สมัยนี้มีเทคโนโลยีมากมายและดีที่ไอหมีควายมันสอนผมใช้ก่อนไป มันโหลดแอพที่ชื่อแปลกๆผมไม่รู้ว่ามันอ่านว่ายังไงแต่ผมอ่านว่าอูวู่ มันเป็นโปรแกรมที่ไว้วิดีโอคอลเหมือนเฟสไทม์อะไรเทือกๆนั้นที่ผมก็ไม่รู้จัก ผมคุยกับมันแทบทุกวันแม้เวลาจะไม่ตรงกันซึ่งมันก็ช่วยคลายเหงาได้บ้างแต่มันก็สู้ไม่ได้กับการเจอตัวจริง

นอกจากการฝึกงานผมยังคงต้องฝ่าฟันกับภาษาอังกฤษเพื่อสอบไอเอล โทเฟล เอาจริงๆมันอาจจะไม่จำเป็นแต่ผมอยากวัดความสามารถตัวเอง อีกอย่างมันก็เป็นมาตรฐานสากลหากผมจะหางานมันก็คงใช้เป็นเอกสารได้ล่ะมั้ง

ซึ่งแม่งยากบรมเลย อ๊ากกกก

ชีวิตช่วงนั้นผมราวกับกลายเป็นซากศพเดินได้ก็ไม่ปาน ขอบตานี่ดำโหลมาเชียวจนหมีควายยังทัก ช่วงหลังๆนี่อย่าว่าแต่วีดีโอคอลเลยแค่ตอบไลน์ผมยังแทบไม่มีเวลา ตอนนั้นนี่อยากจะร้องไห้เเล้ววิ่งกลับบ้านจริงๆเลย แม่งเป็นช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่ผมจัดว่านรกสุดๆ
 
 -----------------------------------------

และในที่สุดผมก็จบ...วันรับปริญญาบรรดาญาติพี่น้องผมก็แห่กันขึ้นมา ถ่ายรูปเอย อวยพรเอย พ่อผมนี่ยิ้มหน้าบาน สงสัยกลับบ้านไปคงไปโม้ต่อว่าลูกกูเรียนจบเเล้วนะโว้ยแน่นอน

ส่วนไอหมีควายนั้นมันมาไม่ได้เพราะติดเคสหนักกระทันหัน มันโทรมาขอโทษขอโพยใหญ่จนผมต้องบอกว่าไม่เป็นไรและรีบวางสายเพราะมันคงรู้สึกผิดแล้วลนเกินจนกดโทรแบบปกติข้ามประเทศมา! ซึ่งมันแพง!

ผมบอกอีกทีว่าผมไม่ได้งกผมแค่คนประหยัด!

มันบอกว่าจะมารับผมเลทประมาณไม่กี่วันแต่ไปๆมาๆก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี อันที่จริงผมบอกว่าผมมีเงินพอที่จะซื้อตั๋วไปหามันนะ แต่มันก็ไม่ยอมบอกว่าอยากไปด้วยกันอีกทั้งยังอยากมาเที่ยวไทยซักอาทิตย์ก่อนด้วย

เรื่องไปต่างประเทศผมบอกทางบ้านไว้หมดแล้วล่ะทางนู้นก็สนับสนุนกันเต็มที่บอกอยากให้ผมโกอินเตอร์ ส่วนเรื่องแต่งงาน...จุ๊ๆไว้ก่อน ขอหางานก่อนดีกว่าตอนนี้รู้สึกเรื่องเงินเป็นหลักเรื่องรักเป็นรองมากเพราะพอมาถึง ไอหมีควายก็บอกว่าจะเอาเตอร์ไปด้วยและค่าส่งผ่านเครื่องนี่โคตรแพงมากบอกเลย

"I miss you.(คิดถึง)"พอเจอหน้าผมก็กระเเซะอ้อนมันอย่างไม่มีความอายใดๆทั้งสิ้น

มันช่วยผมเก็บของที่จำเป็นจนครบ พวกเอกสารสมัครงานผมก็เตรียมครบ อันที่จริงผมก็เล็งๆที่จะไปทำทั้งส่งพอร์ทฟอลิโอ้ไปบ้างแล้วก็เหลือแต่รอหมายเรียกตัว

ตอนนี้พวกเรามานั่งแหม็บกันบนโซฟาขนาดกลางตัวเดิม ใจจริงอยากเอาไปด้วยนะเนี่ยแต่เกรงใจมัน ฮ่าๆ

"I also miss you like crazy. Miss your smell ,your warm body, your voice, your soft lip , your moan... (ฉันก็คิดถึงนาย...แทบบ้าเลย กลิ่นนาย ตัวอุ่นๆของนาย เสียงนาย ปากนุ่มๆ เสียงครางของนาย..)"

"หยุดเลย ไอหมีหื่น!"

"อะไรกัน แล้วคนที่ขอให้ลองเซ็กส์โฟนมันใคร...อุ๊บ อำอะไอเอียอออี้"มันพูดเสียงอู้อี้เมื่อผมถลาไปปิดปากมันด้วยมือผมเอง จนมันมี่นั่งๆอยู่นี่ล้มโคร่มไปกับโซฟาโดยมีผมที่นั่งชี้หน้าข่มขู่คร่อมอยู่ด้านบน

"หยุดพูดเลยนะ! ห้ามพูดถึงเรื่องนั้น!"

"คอร์กี้หื่น"

"นี่!"ผมถลึงตาใส่มันเพื่อกลบความอายเมื่อมันทำสายตากรุ้มกริ่มใส่
 
"นายไม่อยากบ้างหรือ เราได้เจอกันแค่เดือนละครั้งมาตั้งสองปีเลยนะ"ไอหมีควายเริ่มเข้าบทเจ้าน้ำตา แม่งมาดราม่าง้องแง้งเล็กน้อย ทำสายตาอ้อนวอนเหมือนหมาตัวโตกำลังขออาหาร...แต่มือนี่เลื่อนไปอยู่ที่ก้นผมแล้ว

"ไม่! ใครจะไปมีอารมณ์ได้ตลอดเวลาแบบมึงล่ะ เอะอะก็ขึ้นเอาๆ แล้วเนี่ย ทำมาพูดเจอเดือนละครั้งใช่ว่าจะได้ปล่อยเดือนละครั้งนี่ มีคนตั้งเยอะยอมพลีกายให้มึงนะ"ผมพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อายอ่อน ปัดมือปลาหมึกมันออกแต่มันก็ไม่ยอมแพ้

"โธนายก็รู้ว่าฉันต้องการแค่นายเท่านั้น"

"ไม่ต้องมาปากหวานเลย...อื้อ..."ผมกำลังจะเอ็ดมันหากไม่ใช่เพราะถูกปากสีเข้มเข้าจู่โจมซะก่อน มันยันตัวขึ้นมาแบบที่ผมไม่ทันตั้งตัวจนผมไหลไปกองอยู่บนตักมัน

อนาคอนด้าที่พองตัวนูนขึ้นใต้กางเกงตัวบางของมันดุนดันจนบั้นท้ายของผมสัมผัสถึงมันได้จนเกิดคำถามขึ้นในใจทันที

มัน...เกิดอารมณ์ขนาดนี้แล้วหรือ

มันซุกไซ้เข้าที่ซอกคอขบเม้มเบาๆอย่างที่ชอบทำประจำลมหายใจอุ่นที่เป่ารดตัวผม ทั้งเสียงหอบกระเส่าช่วยปลุกปั่นอารมณ์ผมได้ไม่ยาก พอมาถึงตรงนี้ผมก็ไม่ดึงดันหรือปฏิเสธอะไรเพราะถ้าพูดกันตรงๆนอกจากหัวใจผมจะคิดถึงมันแล้ว...ร่างกายผมก็เช่นกัน

"The thing that I said I really mean that.(ที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ฉันพูดจริงๆนะ)"จู่ๆมันก็เอ่ยปากขึ้นมาในขณะเข้าด้ายเข้าเข็ม ซึ้งผมก็รวบรวมสติตอบกลับไปแม้ร่ายกายกำลังถูกกระตุ้น

"อือ..อ้ะ อะไร"

"I want you. Noting else...(ฉันต้องการนาย ไม่ใช่อย่างอื่น...)"

"Just you.(แค่นาย)"

"อืม...กูก็...ต้องการ...แค่มึง...แค่มึงเท่านั้น"ผมตอบกลับมันโอบกอดร่างใหญ่นั้นด้วยสองแขนที่ท่าทางว่าจะโอบไม่มิด มันกอดผมกลับโดยการรวบเอวผมไว้หลวมๆวางคางลงบนหัวผมก่อนจะกดจูบลงมาเบาๆ

"ลักนะ"คำพูดที่มันเคยเอ่ยออกมาหนหนึ่งเมื่อนานมาแล้วออกมาจากปากมันในวันนี้แต่ความรู้สึกที่ถูกส่งมานั้นล้วนมีความหมายลึกซึ้งกว่าเมื่อครั้งก่อนมาก ผมผละตัวเองออกมาจากมันเผยยิ้มกว้างและตอบกลับไปด้วยเสียงหนักแน่นเช่นกัน

"อือ รู้แล้ว 'รัก' เหมือนกัน อื้อ!"
 
 
.The End.




--------------------------------------------
100%
จบแล้วค่ะ จบจริงๆ บทส่งท้ายอาจจะสั้นไปเสียหน่อย
ไทม์ไลน์ตอนนี้อาจจะเดินไวไปนิดส์ เพราะไม่ได้ลงรายละเอียดมากมาย เพราะอย่างที่บรรยายไว้นั่นแกละค่า คอร์กี้เราสู้ตายมากเรียนแบบไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว
ปล.ที่จริงเรื่องราวมันสามารถยืดยาวได้อีกค่ะ แต่ที่ตัดจบแบบนี้เพราะปีนี้ยุ่งจริงๆ แต่! เรา'อาจจะ'แต่งภาคผัวๆเมียๆต่อหากซาวเสียงแล้วมีคนอยากอ่าน เป็นเรื่องราวหลังจากที่เขาย้ายไปอยู่ด้วยกันอ่ะเนอะ  แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้อย่างน้อยสุดก็กลางๆปีหน้าอ่ะจ้า ถ้ายังไงจะไปซาวเสียงที่เพจอีกที


ออฟไลน์ Kiitos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: [Pre-order] Just ' U แค่คุณ ❥
«ตอบ #178 เมื่อ24-10-2016 00:23:07 »

เปิดพรีออเดอร์หนังสือ ตั้งแต่วันนี้- 22มกราคม(ยาวๆไปค่ะ)

แปะรูปไม่ได้ รายละเอียดทั้งหมดดูได้ที่หน้าเพจเลยค่ะ :katai2-1: :katai2-1:

คำโปรยปกหลัง
เมื่อไอหมาธีร์ผู้ไร้สกิลด้านภาษา บังเอิญได้ฝรั่งขี้นกดรีกรีสัตวแพทย์อิมพอร์ทมาไกลจากอังกฤษมาเป็นรูมเมท
"มันก็แค่คอยปลุกทุกเช้า ขยันส่งยิ้มให้ทุกวัน แล้วทำไมกูต้องหวั่นไหวด้วยวะเฮ้ย!"
รายละเอียดหนังสือ
จำนวน : 1เล่มจบ
ประมาณ 440 หน้า ขนาด A5
ปก : พิมพ์ 4 สี กระดาษอาร์ตการ์ดเคลือบด้าน
เนื้อใน : กระดาษถนอมสายตาพิมพ์ขาวดำ
ประกอบไปด้วย
- นิยาย 42 ตอน
- ตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงเว็บ 4 ตอน
- พ่อตา vs ลูกเขย
- The dark-side theory
- The guy name Austin
- ครอบครัวของเรา
ของแถมปกติ: ที่คั่น 2 ใบ
ของแถมเฉพาะรอบแรก : โปสการ์ด 2 ใบ + Just ' U spacial ขนาด A6
ราคา : 450 บาท
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 60 บาท EMS 80 บาท
(ฟรีกันกระแทก)
หากสั่งมากกว่า1 เล่มเป็นต้นไป บังคับเป็นems นะคะ พร้อม+20 บาท / เล่ม


https://www.facebook.com/Kiitos45133/?ref=bookmarks

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2016 11:51:46 โดย Kiitos »

ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
อร๊ายยย
จบแล้วหรอออออ ฮืออ
อยากให้มีตอนพิเศษซักตอนสองตอนได้มั้ยคะ
 :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด