กฎพิเศษข้อสุดท้าย
#facts
ความจริงที่ว่าเขาเป็นเด็กฝึกงาน
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
เขาคือเคียงกาย เป็นเคียงกายอย่างที่เคยเป็น และจะเป็นเคียงกายคนเดิมต่อไป
แต่ชีวิตไม่ได้หยุดอยู่กับที่ ไม่ได้จบที่มหา’ลัย ชีวิตเขาต้องเดินต่อไป ปีแรกที่เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เขาว่างงาน ไม่มีงานทำ เป็นบุคคลนอนกินเงินพ่อแม่อยู่บ้านสองพันสิบแปด จนเมื่อเดือนจบ แล้วเข้าสืบทอดบริษัทของครอบครัวต่อจากพ่อมัน
ตัวเขาที่นอนกินบ้านกินเมืองมานาน จึงต้องเริ่มต้นบทเรียนใหม่ ที่ไม่มีในมหา’ลัย นั่นคือ…
เด็กฝึกงาน
“สวัสดีครับพี่จิ๊บ สวัสดีครับบอส”
เริ่มแรกเขาถูกบรรจุเข้ามาด้วยเส้นสาย แต่ไม่ได้ใช้ไต่เต้าเพื่อตำแหน่ง เขาบอกเดือนว่าหากจะมีใครสักคนขึ้นแท่นเป็นเลขามัน คงยังไม่ใช่เขาแน่ๆ ขนาดตารางเวลาตัวเองเขายังไปไม่รอด เอาตำแหน่งง่ายๆอย่างพนักงานคุมเครื่องถ่ายเอกสารไปก่อนแล้วกัน
และความลับสุดยอดที่พวกเราร่วมปกปิดกันไว้คือ ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเขากับเดือนเป็นอะไรกัน
ไม่ใช่กลัวที่ทำงานเหยียดหรือ ชื่อเสียงบอสอย่างมันเสียหายหรอกนะ เพียงแต่ว่าเขายังไม่อยากได้รับความเกรงใจ เกรงกลัว หรือเกรงอะไรก็แล้วแต่ หากจะมีใครสักคนคุยกับเขาอย่างนอบน้อม เขาจะรับไม่ได้อย่างยิ่งจริงๆ
เราอยู่ในสถานะลับนี้กันมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว โดยไม่มีใครจับได้
แต่ปัญหาใหญ่กำลังตามมาหลังจากนี้ เพราะว่า ตำแหน่งเลขาประจำตัวบอสกำลังจะว่าง เพราะพี่จิ๊บแกจะลาออกไปเลี้ยงหลาน
เลยพลอยวุ่นวายกันทั้งบ้าน ทั้งบ้านจริงๆ เพราะเขาไม่รับตำแหน่งนี้ เดือดร้อนเดือนต้องส่งแม่มันมาอ้อนวอน แต่เขาก็เด็ดขาดพอ จนมันส่งมาหมดทั้งบ้าน เขาก็ยังไม่ยอม
เขายืนกรานว่าคุณสมบัติตัวเองยังไม่เพียงพอ
จนสุดท้ายเดือนก็ยอม และเริ่มประกาศรับสมัครเลขาประจำตัวใหม่ โดยมีพี่จิ๊บคอยช่วยคัดกรอง
“ขยันแต่เช้าเนอะ ใครได้เป็นแฟนนี่รักตาย”
พี่จิ๊บแซวเขาตามประสาคนอัธยาศัยดี เขาได้รับความอบอุ่นจากการต้อนรับของพนักงานที่นี่อย่างดี
แต่มีคนสะดุ้งคำว่าแฟนว่ะ
ไม่ใช่ใครที่ไหน บอสใหญ่ของเรานั่นเองจ้า
แต่ด้วยความเคยชิน ทำให้เขาเกือบโป๊ะแตก กลับไปใช้สกิลแถแบบไม่เนียนที่เขาภูมิใจนักหนาตอนอยู่มหา’ลัยเสียแล้ว
“อ้ะ บอส เนคไทด์ไม่ตรง…”
เกือบแล้ว เกือบเอื้อมมือไปจัดให้แล้ว ใจเย็นไว้เรา ห้ามความแตกจนกว่าเขาจะเห็นว่าสมควรเปิดเผย
“จริงด้วยค่ะ แหม เป็นธรรมดาของคนโสดค่ะ”
ธรรมดาที่ไหนล่ะ ตอนเช้าเขายังจัดให้มันตรงอยู่เลย เพราะวันนี้มันดึงดันจะขี่บิ๊กไบค์มาทำงานหรอกนะ เสื้อผ้าหน้าผมถึงได้ไม่เนียบแบบนี้
“เดี๋ยวผมเข้าห้องทำงานละ พี่จิ๊บฝากเชคเอกสารงานนิทรรศการครั้งก่อน เคียงกายผมขอกาแฟหนึ่งแก้ว”
เขาขยิบตาให้มันทีหนึ่งเป็นอันรู้กัน
ทำไมเหมือนลอบคบชู้ในที่ทำงานเลยวะ อิเหี้ยเอ๊ย
“เย็นนี้ไปไหนป่ะ”
“กลับห้อง แม่จะมา นางชวนกินข้าวอ่ะ”
พอเข้ามาในห้องก็ไม่ต้องรักษาโหมดเด็กฝึกงานอีกต่อไป
“เฮ้อ”
มันถอนหายใจ เขาตีอกมันอย่างรู้ทัน ก่อนจะพูดบ่นด้วยความเขินอายว่า…
“มึงจะเอากูทุกคืนเลยเหรอวะ”
สาบานว่าโคตรเขินเลย แต่ไม่กระดากปากหรอกนะ ฮา
“ปล่อยไก่ออกจากเล้าวันหนึ่งแล้วกัน”
แหม เดี๋ยวกูก็เดินกลับเล้าเองไม่ต้องตามหรอก กูติดใจมึง พอใจยัง ไม่บอกมันหรอก เดี๋ยวว่าเขาหื่นอีก
มันหยิบกาแฟไปจิบ ความจริงการชงกาแฟให้ถูกปากมันคงเป็นงานถนัดเขาอีกงานหนึ่ง ตอนแรกนึกว่ามันแกล้งยอเรื่องชงกาแฟ แต่เอาเข้าจริงมันก็มาขอให้เขาชงให้บ่อยๆจนพิสูจน์ความจริงใจได้
“แล้วเรื่องเลขาว่าไง ได้ดูไว้ยัง”
“ตอนแรกว่าจะรับสมัครตามคำแนะนำพี่จิ๊บ แต่แม่แนะนำลูกเพื่อนมา”
“ถ้าคุณแม่แนะนำก็ลองดูป่ะ”
ที่ว่าแม่นี่เขาหมายถึงแม่เดือนนะ อันที่จริงเขาก็ไม่ชอบหรอกเรื่องเส้นสาย แต่เขาเองก็รู้ว่าคงยากที่จะปฏิเสธน้ำใจคุณแม่ เขาก็เป็นคนหนึ่งที่เถียงไม่เคยชนะท่านสักครั้ง เพราะยอมแพ้ลูกอ้อนแม่เดือนแบบเต็มๆ
เพราะงั้นเขาจะไม่พูดว่า จะดีเหรอ เพราะสุดท้ายเราทั้งคู่ก็แพ้ทางคนแก่อยู่ดี
“เป็นผู้ชาย ประวัติการศึกษาดี เคยมีสกิลทำงานเมืองนอกมาแล้ว”
และเขาก็หวังว่า มันจะดี
“ไม่ชวนเดือนมาเหรอลูก”
แม่พูดขึ้นหลังจากให้เขาหอมเขาฟัดเต็มที่แล้ว ตอนนี้คุณแม่ของเคียงกายกำลังอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนทำอาหารสุดอร่อยให้ลูกที่แสนน่ารักอย่างตัวเองได้กินให้หายคิดถึงฝีมือเสียที
“มีงานมั้งแม่ เดือนมันงานเยอะ เคียงสิว่าง แม่จะด่าเคียงมั้ย”
ว่าแล้วก็ถือโอกาสอ้อนคุณแม่แกซะหน่อย คิดถึงอ่ะ
“ไว้ค่อยๆหาก็ได้ลูก เดี๋ยวงานมันก็มาหาเอง”
แม่พูดอย่างใจเย็น พร้อมกับตักต้มจืดหอมฉุยใส่ถ้วย แล้วก็เป็นหน้าที่เขาที่ต้องยกออกไปจัดเรียงที่โต๊ะ
นาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาทุ่มกว่าๆ
พวกนั้นยังไม่มาอีกเหรอ
“ฮายยยยยยยยย”
ใครจะตายยากเหมือนคุณนาย ที่บ่นถึงก็มาปรากฏตัวหน้าประตูแบบปังๆ ด้วยชุดนอนลายคิตตี้หมีสีชมพู ที่เรียกรอยยิ้มขำจากคุณแม่
“หลีกซิอินาย ยืนขวางประตู”
แล้วก็ตามมาด้วยแก๊งส่องเดือนในอดีตที่เหลือจนครบทุกคน
“แล้วผัวมึงล่ะ”
“แหม อิเคียง พอถามหาผัวตัวเองนี่ตาเขียวปั๊ดเลยนะ ทำไม กับเพื่อนกับฝูงนี่ต้องหวงขนาดนี้มั้ย”
คุณส้มกล่าวแซะ
“คนนี้หวง อย่ามาทวงถาม”
“จ้า”
ตบมุกกันไป หัวเราะกันมาตามประสาคนเคยส่องเดือน
ส่วนแม่เขาท่านก็มาอยู่สักแป๊บถามสารทุกข์สุขดิบแล้วก็แยกตัวไปทำนู่นนี่ตามประสาคนแก่ เช่น ดูละครหลังข่าวแล้วโมโหอัพสเตตัสเฟซบุ๊กระบาย
“ว่าแต่คุณสามีมึงนี่หาเลขาใหม่ได้หรือยังจ๊ะ”
“ตอนแรกมันจะประกาศรับ แต่มีคนรู้จักคุณแม่ว่างงานพอดี”
“หือ คุณแม่นี่คือแม่น้องเดือนถูกป่ะ”
ถามโง่ๆ ก็ใช่น่ะสิอิพวกบ้า เขินอ่ะ นี่ตอนพวกมันรู้ว่าแม่เดือนอนุญาตให้เรียกว่าแม่นี่คือแซวเขาไปเจ็ดวันเจ็ดคืนอ่ะ
“ก็ดีใจกับผัวมึงด้วยที่ได้เลขาคนอื่นดีกว่าได้มึงอ่ะ”
“เพื่อนป่ะวะ กูก็เก่งเถอะ”
“เก่ง แต่ถ่ายเอกสาร”
เขาชูนิ้วกลางให้พวกมันแทนคำบรรยาย
“แล้วเมื่อไหร่จะบอกที่ทำงานวะ ว่ามึงลักลอบคบกัน”
คุณนายถามเอาคำตอบ
“ไม่ได้ลักลอบคบเว้ย แค่ไม่อยากประกาศบอกเท่านั้นเอง มันจะวุ่นวาย”
เขาแก้คำให้ เพื่อนคนอื่นคือ เบะปากใส่รัวๆ
“ค่ะ น่าอิจฉาเนาะ แฟนรวย แถมฟวยนี่เท่าโตเกียวทาวเวอร์”
คุณส้มจีบปากจีบคอกระแนะกระแหน เขายืดอกภูมิใจเต็มที่ แล้วว่า “หาได้เท่านี้ก่อนค่อยมาคุย”
แล้วจากนั้นกี่ไม้กี่มือไม่รู้ก็รุมตบหัวเคียงกาย
นี่เพื่อนนะเว้ย ไม่ใช่กลองเหล็ก อิพวกเหี้ย จัญไรยังไงก็จัญไรไม่เปลี่ยนแปลงเนอะ
“เอาอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ อย่างละสิบชิ้นค่ะ”
วันต่อมาเขาถูกพี่วันเพ็ญ ที่เพิ่งกลับมาจากไปฮันนีมูนที่สวีเดนไหว้วานแกมลากทึ้งและบังคับ ด้วยการเอาวันกอดเดือนมาเป็นข้อแลกเปลี่ยน กล่าวคือ หากไม่ไปส่งพี่แก เขากับเดือนอาจถูกกีดกันไม่ให้พบกัน แหม เขารู้ไส้รู้พุงเป็นที่รักพี่วันเพ็ญแบบขึ้นหิ้งน้องรักขนาดนี้ เชื่อเถอะ ยังไงชีก็ทำเขาไม่ลง
หลังจากที่พบพี่วันเพ็ญครั้งแรก เขาก็ได้เจอพี่แกอีกบ่อยๆ มาแบบรัวๆไม่ให้ตั้งตัว เดือนมาบอกทีหลังว่าพี่แกโคตรชอบการตอบคำถามแบบนางงามร้อยล้านเวทีของเขาเมื่อครั้งกระโน้น ก่อนเราจะกลายมาเป็นเพื่อนสนิทต่างวัยกันแบบรวดเร็ว
และไม่เม้าก็ต้องเม้าว่าพี่แกนี่กลับไปคืนดีกับอดีตคนรักแล้วก็ประกาศแต่งงานแบบสายฟ้าแลบตามมาโดยไม่ให้พวกเราได้ตั้งตัว
โดยพี่วันเพ็ญเม้าว่าคนรักขอแต่งงานก่อนด้วยนะจ๊ะ
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่นานพี่แกก็ประกาศว่าท้องหลังจากแต่งงานไปไม่ถึงอาทิตย์ จนตอนนี้น้องนิหน่าก็ถึงวัยเข้าอนุบาลได้แล้ว
และเพราะว่าวันนี้เป็นวันเกิดหลานเขา พี่วันเพ็ญเลยถือโอกาสซื้อขนมไปเลี้ยงเพื่อนร่วมห้องของน้องนิหน่าเสียเลย
“เคียงกายรอจ่ายตังค์นะ พี่ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ”
เขายกมือทำท่าโอเคส่งไป
ปึก!
โอ๊ย
อะไรเนี่ย
“แก เดินไม่ดูตาม้าตาเรือหรือไงยะ โอ๊ย กระเป๋าแพงๆฉันเสียหายหมด”
แม้ว่าเขากำลังมึนงงนิดหน่อยกับคำที่ว่าเดินไม่ดูตาม้าตาเรือของเธอ แต่ตัวเองก็ก้มหัวขอโทษเฉย ตามประสาพื้นฐานเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ผิดกับอีกคน ที่ผิดแล้วยังมาชี้นิวด่ากราด
“ดูซิ กระเป๋าฉันเปื้อนใครจะรับผิดชอบ เพราะดูจากเนื้อตัวแกแล้วเนี่ย…”
เธอหยุดเว้นวรรคหายใจ และกวาดสายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดพื้นอย่างเหยียด แบบ สายตาไม่คิดว่าจะเหยียดเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองแบบนี้ได้อ่ะ
“คงไม่ค่อยมีตังค์”
อ้าวววววว
“คะ ที่รัก โอเคค่ะ มีเรื่องนิดหน่อย แต่ไม่ถือสา หือ กับเด็กสกปรกน่ะค่ะ โอเคค่ะ เดี๋ยวตามไป”
เป็นคุณเธอที่เดินกระแทกไหล่เขาไป ก่อนที่เราสองคนจะมีเรื่องกัน
อะไรเนี่ย พูดเสร็จด่าคนอื่นแล้วเดินหนีไปเฉยเลย แต่ก็เอาเหอะ สังคมแบบนี้ กับคนแบบนี้ เจอแบบนี้ เขาจะถือว่าเป็นเพียงนาทีซวยๆของวันแล้วกัน
“เป็นอะไรหน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว”
พี่วันเพ็ญรับซองขนมโดนัทจากมือเขาไปถือ
“เปล่าหรอกพี่ แค่เจอพวกขี้เหยียดเท่านั้นล่ะ”
ชาตินี้ขออย่าให้เจอกันอีกเลยแม่คู๊ณณณณณณ
“ทุกคนครับ นี่ไทม์เพื่อนผม จะมาทำหน้าที่เลขาส่วนตัวนับจากวันนี้ ยังไงก็ฝากดูแลเพื่อนผมด้วยนะครับ”
วันนี้แผนกบริหารได้สมาชิกใหม่ นั่นคือไทม์ลูกเพื่อนแม่เดือน
เจ้าตัวผู้ถูกแนะนำตัวโค้งให้พวกเราเล็กน้อย แล้วว่า “ฝากเนื้อฝากตัว ต่อจากนี้ ต้องรบกวนทุกคนด้วยนะครับ”
เช้าวันนั้นผ่านไปด้วยดี แต่ทำไมจิตใจเขาไม่สงบ ราวกับจะมีพายุใหญ่กระหน่ำเข้ามา
“ไทม์คะ แนนซี่มาแล้วค่ะ”
เขาเงยหน้าจากเอกสารที่เตรียมถ่ายขึ้นมา เพราะเสียงแว้ดๆแสบแก้วหูที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนตั้งแต่ทำงานที่นี่มา
แล้วก็ต้องพบกับ…
“นี่แก”
“เธอ”
แทบตกใจ ผู้หญิงขี้เหยียดที่เขาเจอในห้างกลับมาปรากฏตัวที่นี่ได้ โอ๊ย วันนี้ก็เป็นวันซวยอีกวันเหรอเนี่ย โอ๊ยให้ตายสิ
“มีอะไรกันครับ”
“ไทม์”
เมื่อเธอเห็นไทม์ ก็เข้าไปกอดแขนปุ๊บ
“หึ ถึงว่าใช้ของราคาถูก เป็นแค่พนักงานถ่ายเอกสารนี่เอง”
มาละ คำเหยียดหยามแบบเต็มสตรีมก็มา เขานี้อยากเบะปากใส่แต่ติดที่ตรงหน้ามีเจ้านายอยู่เนี่ยสิ
“ไม่เอาครับแนนซี่ เข้าห้องทำงานผมก่อนนะ”
“แต่ไทม์…”
เธอจะเอาเรื่องเขาให้ได้ อะไรอีกเนี่ย
“ก็ได้ค่ะ แต่แนนซี่อยากกินกาแฟ ขอเป็นกาแฟร้อนที่สตาร์บัคนะคะ”
“ครับๆ”
จากนั้นเธอก็ยอมเข้าห้องไป
“เอ่อ…”
เขารู้ตัวว่าต้องทำอะไร “เดี๋ยวผมไปซื้อให้ครับ”
นับจากนี้ ชีวิตราบรื่นในที่ทำงานของเขา ก็ถูกแม่แนนซี่ขี้เหยียดคุกคาม
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำหน้าเครียดๆ”
บนโต๊ะอาหารบ้านเดือน ทุกคนคงจะสังเกตอาการเหนื่อยล้าจากการสู้รบปรบมือกับแนนซี่แฟนไทม์ ที่ทั้งเหวี่ยง ทั้งวีน ทั้งอะไรต่างๆออก เพียงแค่เรามีเรื่องกัน ไม่สิ เป็นเธอน่ะสิที่หาเรื่องเขาคนเดียวที่ห้างแค่เรื่องเดียว เธอจะตามกัดเขาไปทั้งชาติหรือไงวะ
“เปล่าครับ แค่เหนื่อยๆจากงาน”
“เอ้ะ เดือนนี่ ก็บอกว่าอย่าโหมงานพี่เขาหนัก”
แม่หันไปเอ็ดเดือนที่ไม่รู้ตัวรีบวางช้อนมาเถียงแบบสุภาพว่า “ผมเปล่านะแม่”
“เปล่าแม่ เคียงเหนื่อยของเคียงเองแหละ”
เขามันก็ไอ้คนห่วงกลัวผัวโดนเอ็ด ออกตัวปกป้องเต็มที่ จนได้รับสายตารู้ทันมาจากพี่วันเพ็ญ
“ดูแลกันดีๆ มีเรื่องอะไรก็บอกเดือนนะลูก”
“คร้าบบบบบบ”
เขาตอบรับคำพ่อ
ยังไงก็ไม่มีทางบอกหรอก เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง เขาทนได้
เขาทนได้
“ทำงานยังไงยะ บอกแซนวิชทูน่า นี่มันไส้ปูอัด ฉันแพ้ปูอัดย่ะ”
เธอมักจะมาหาไทม์เวลาเที่ยง แล้วแกล้งเขาโดยการใช้ให้ไปซื้อนั่นซื้อนี่ให้ อย่างวันนี้ ที่เขาต้องไปซื้อแซนวิชทูน่าให้เธอ แต่ติดตรงที่ร้านที่เธอรีเควสต์มาทูน่ามันหมด ไอ้เขาก็หวังดีกลัวเธอจะหิ้วท้องรอเลยเอาไส้ปูอัดมาแทน ไม่คิดว่าเธอจะแพ้เลยจริงๆนะ
“เดี๋ยวไปเปลี่ยนให้ใหม่นะครับ”
ยังมีอีกนะ
“นี่มันห้องเลขาหรือรังหนูคะ แกว่างใช่มั้ย มาทำความสะอาดหน่อยซิ”
สรุปแล้วเขามาเป็นพนักงานหรือคนใช้กันไม่แน่ใจตัวเองแล้ว
ยังไม่พอ
“แกปล่อยให้หมาเข้ามาวิ่งเล่นในบริษัทได้ไงยะ เอามันออกไป”
ประเด็นคือบูบู้มันตามเดือนมาไง แล้วมันไม่กลับอ่ะ เดือดร้อนเขาต้องพามันเข้าไปหลบผู้หญิงใจร้ายในห้องเดือน
“อ้าว ขังมันไว้ทำไมอ่ะพี่”
แล้วเขาก็ต้องหาเหตุผลร้อยแปดมาพูดกับเดือน
ถ้าถามว่าโดนขนาดนี้ทำไมยังทน ถ้ามันเป็นที่ทำงานทั่วไป แบบไม่ใช่บริษัทของพ่อเดือนล่ะก็ เขาลาออกไปแล้วเพียงแต่นี่มันไม่ใช่ไง เขาไม่อยากสร้างความเดือดร้อน ชีวิตมหา’ลัยเขาได้ทำตามอย่างใจมามากพอแล้ว เพราะงั้นหนักนิดเบาหน่อยก็อดทนเอา สู้ๆเว้ยเคียงกาย
ชื่อ นามสกุล เลิกงานยังครับ รออยู่ใต้ตึกนะ Hiran ยังอ่ะ วันนี้กลับก่อนได้เลยนะ เขาก้มดูกล่องใส่เอกสารที่แนนซี่โทรมาบอกว่าไทม์จะเข้ามาเอา ให้เขารอที่บริษัทก่อน
วันนี้คงได้กลับดึก เพราะว่านาฬิกาชี้บอกเวลาห้าทุ่มแล้ว ไทม์ก็ยังไม่มา
แรงใจรายวันเขาก็มีคนที่ทักไลน์มาทุกวี่วันนี่แหละเป็นกำลังใจ ทำไมนับวันเขายิ่งพูดเหมือนคนแก่ไปทุกทีวะ
เอาเถอะ สู้ต่อไป เจ้าเคียงกาย
ชีวิตการทำงานมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่แล้ว
ครืด ครืด
เขากดรับสาย
{เคียงกายเหรอครับ พอดีวันนี้ผมมีธุระด่วน กลับได้เลยนะครับ ไว้ผมค่อยเข้ามาเอาพรุ่งนี้เลย}
เป็นไทม์ที่โทรมาบอกยกเลิก
แต่ไม่เท่านี้
{โง่รอเอง สมน้ำหน้ามัน อะไรล่ะไทม์ ก็แนนซี่เกลียดมันนี่}
เสียงปลายสายที่แทรกเข้ามาทำให้เขาหน้าชา
วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวัน ทั้งเหนื่อยทำงาน เหนื่อยสู้รบปรบมือกับผู้หญิงใจร้าย คนเข้มแข็งก็ต้องมีบ้างล่ะกับช่วงเวลาที่อ่อนแอแบบนี้ เขาขอนั่งร้องไห้เงียบๆในห้องทำงานบ้างคงไม่เป็นไร
“ฮึก”
แอ๊ด
เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ห้องทำงานก็เปิดออก
“พี่เป็นอะไร”
เขารีบปัดน้ำตาที่อาบแก้มแบบลวกๆ เพื่อไม่ให้เดือนสังเกตเห็น แต่ไม่ทันแล้วล่ะ มันเดินมาดึงมือสองข้างเขาไปถือแล้วดึงขึ้นไขว้ไว้บนหัว ให้หน้าเขาเงยขึ้นมาจ้องมันตรงๆ
“เรื่องงานเหรอ หรือเรื่องอะไร ทำไมถึงร้องไห้ ใครทำอะไรพี่”
มันถามร้อนรน อาจเพราะเขาไม่ค่อยร้องไห้แบบนี้ให้มันเห็นบ่อยๆ มันเลยลนเพราะความเป็นห่วง
“เปล่า แค่ฝุ่นเข้าตา”
“โกหก บอกเดือนซิ เคียงกายเป็นอะไรครับ คนเก่ง”
คราวนี้เสียงมันอ่อนลง เปลี่ยนเป็นอ้อน
เขาเบือนหน้าหนี
“มึงงานเยอะพอแล้ว กูไม่อยากให้มึงคิดมาก”
เขาหมายความแบบนั้นจริงๆ
“ไม่ครับ แค่บอกเดือน นะ พี่ พี่เป็นอะไร”
เมื่อเห็นว่าเขาโอนอ่อน มันก็ปล่อยมือเขาให้เป็นอิสระ แล้วใช้มือมันซับน้ำตาสองข้างแก้มให้เขา
“มีอะไรไม่สบายใจ บอกเดือนได้มั้ย”
เขาจำเป็นต้องเล่าใช่มั้ย
“เคียงกายยยยยย ทางนี้”
คุณนายชูแก้วไวน์ขึ้นเรียกเขาไม่ไกลจากที่ยืน
วันนี้เป็นวันงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัท เขาเลยเชิญพวกแก๊งส่องเดือนมาป่วนงานกันเต็มที่
ส่วนเรื่องวันนั้น เขาถูกเดือนย้ายไปทำงานที่แผนกจัดส่ง โดยไม่ได้พบกับแนนซี่ขี้เหยียดอีกเลย ถือว่าชีวิตงานเขาแฮปปี้มีความสุข อีกอย่างเดือนกับเขาก็ไม่อยากมีปัญหากับไทม์เพราะว่าไทม์ทำงานโคตรรดีสมคำร่ำลือจากแม่จริงๆ แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าไทม์เลิกกับแนนซี่แล้ว หลังจากทั้งคู่มีปัญหากันใหญ่โต
เอาเถอะ เขาจะว่าไงดีล่ะ นอกจากยินดีที่เอาแนนซี่ออกไปให้พ้นๆจากชีวิตไทม์ได้
เขาว่าจะเดินไปหาแก๊งส่องเดือน แต่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อมีใครบางคนมาตัดหน้า
“อ๊ะ ไม่เจอกันนานเลยนะยะ”
นี่เขาทำเวรทำกรรมกับยัยนี่มาตั้งแต่ชาติปางก่อนหรือไร เหตุใดจึงต้องเจอกันเรื่อยไปเนี่ย
แนนซี่คนดีตัวจริงยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“เขาเชิญมาด้วยเหรอ เป็นแค่พนักงานถ่ายเอกสาร”
เขาพยายามเดินเลี่ยงออกมาไม่ต่อล้อต่อเถียง แต่เจ้าหล่อนก็ขวางไว้
“อ้อ ลืมไป ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาหน่อยเป็นพนักงานจัดส่ง ฮ่าๆ”
เท่านั้นยังไม่พอ เธอเรียกเพื่อนมาด้วยจ้า
“นี่เหรอแนนซี่ ที่ทำมึงเลิกกับไทม์ เพราะเรื่องเด็กที่ทำงานถูกรังแก โถ แฟนมึงนี่พ่อพระ”
“อะไรเนี่ย ทั้งเนื้อทั้งตัวนี่มีแต่ของถูกทั้งนั้น”
เขากัดฟันแน่น ทนฟังคำเหยียดหยามเพื่อไม่ให้งานล่ม ถ้าลองเขาได้ปล่อยอารมณ์แล้วล่ะก็ แนนซี่ก็แนนซี่เถอะ พ่อจะเตะเหวี่ยงไปสุดขอบโลกเลยคอยดู
แต่เขาไม่ใช่เคียงกายคนที่ใช้แต่อารมณ์แล้ว เขาเปลี่ยนไป ในแบบที่ดีที่สุดแล้ว
เขาจะไม่ให้อารมณ์ครอบงำจิตใจ
เย็นไว้เคียงกาย ใจเย็นไว้
“แก คุณแม่ไทม์มา”
โชคดีที่มีสิ่งดึงดูดความสนใจแนนซี่กับผอลเพื่อนตัวร้ายได้ซะก่อน นั่นคือไทม์กับแม่ของเขาที่เดินเข้างานมา
เดือนกับครอบครัวตรงเข้าไปทักทาย
รวมทั้งยัยแนนซี่ขี้เหยียดที่หางกระดิกเข้าไปหาไทม์ แต่ถูกอีกฝ่ายเมินจนหน้าเสีย
เขาไม่รู้ว่าทั้งหมดคุยอะไรกัน
แต่สิ่งที่ทำให้แนนซี่ยิ่งหน้าเสียหนักเข้าไปอีกคือ แม่เดือนกวักมือเรียกเขาเข้าไปหา
“เคียงกาย มาหาแม่นี่ลูก”
เขารีบเข้าไปไหว้ทักทายผู้ใหญ่
“ไทม์ทำไรอยู่ ไหว้พี่เขาสิ นี่พี่เคียงกาย แฟนเพื่อนเรา”
จะมีสักกี่ครอบครัว ที่เรียกความสัมพันธ์แบบนี้ และยิ้มรับอย่างเต็มใจ หนึ่งในนั้นคือครอบครัวของเขากับเดือน และอีกหนึ่งก็คือครอบครัวของไทม์นี่แหละ
ไทม์แม้จะมึนงงเล็กน้อย แต่ก็ยกมือไหว้เขา
“อะ อะไรนะคะ”
“อะไรของเราฮึ ยัยแนนซี่ รักษากิริยามารยาทหน่อย ผู้ใหญ่เขาจะคุยกันอย่าเพิ่งแทรกเข้ามา”
แนนซี่ถูกแม่ของไทม์เอ็ด
เดือนก้มลงมากระซิบ
“คนนี้เหรอที่แกล้งพี่”
มันไม่ได้จริงจังอะไรนะ มันยินดีต่างหากที่เขาถูกแกล้งกลับบ้าง ฮึ่ย หนอย อิผัวเด็กคนเหี้ย
“ผู้ชายไม่รังแกผู้หญิง”
“แต่พี่เป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายนะ”
เขาบิดเอวมันให้ร้องโอดโอยลับหลังแม่ๆ
อย่ามาปีนเกลียวรุ่นพี่จ่ะ
มีคนเข้ามาทักทายเขากับเดือน หนึ่งในจำนวนนั้นมีพนักงานแผนกบริหารเวียนมามากหน้าหลายตา และทุกคนช็อกหนักมากกับความสัมพันธ์ของเขาและเดือนที่เพิ่งรับรู้ในงานนี้ เหนือสิ่งอื่นใด ก็ความไม่แคร์บวกหน้าโคตรหนาของเดือนและผองเพื่อนแก๊งส่องเดือน
“เด็กฝึกงานแอบมีผัวเป็นเจ้าของบริษัทว่ะ” คุณนาย
“เฮ้ย ร้ายอยู่น้า” คุณเก่ง
“เด็กฝึกงานใช้ของถูกแต่ได้ผัวแพงว่ะ” คุณกะทิ
“เพื่อนกูมันโชคดี” คุณส้ม
“เมื่อไหร่เราจะมีบุญคะตอบที” คุณแย้
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ยังมีคนคันปากอยากแซะเขาอีกเยอะ แต่พวกมันไม่มากันเอง อาทิ เคียงคู่ พี่วันเวย์ และผองเพื่อนของเดือน
เป็นต้น
F I N
ฮือออออ
จบจริงแบบจบจริงๆแล้ว
สุดท้ายงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราค่ะพบกับ #เคียงเดือน ในรูปแบบหนังสือเร็วๆนี้ น่าจะภายในเดือนมีนาคมนี้ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
สุดท้ายก็ขอขอบคุณ ผู้อ่าน นักอ่าน คนอ่าน ขอบคุณที่ไม่ทิ้งเคียงเดือนให้โดดเดี่ยวนะคะ
จงรู้เอาไว้ว่า นิยายเรื่องนี้จบลงเพราะพวกคุณ ไม่งั้นมิวคงไม่มีแรงฮึดแบบนี้หรอกค่ะ
ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนตลอดมาค่ะ
ด้วยรัก และคิดถึง
MewSN
ปอลอ พฤษภาคมนี้มาลุ้นผลงานเรื่องใหม่กันค่ะ ลงให้อ่านกันในเล้านี่แหละ แล้วเจอกันค่า