#TWENTY-FIVE
-นอกเรื่องของกฎเกณฑ์-
{Different}
แตกต่างเหมือนกัน
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน... ช่วงนี้เขาวุ่นๆเรื่องงาน เพราะเร็ววันนี้ หรือก็คืออีกสองวันถัดจากนี้ จะมีงานใหญ่ กิจกรรมที่เป็นของทั้งมอจัดขึ้น นั่นคือ งานแสดงโชว์สินค้าของดีจากหลากหลายจังหวัด ซึ่งมาจากกลุ่มนักศึกษาที่เรียกตัวเองว่าเป็น ‘ชมรมจังหวัด’ นำของกินหลากหลายมาขายในงาน พร้อมทั้งมีการจัดแข่งขันการทำอาหาร มีเวทีใหญ่ๆให้จัดประกวดหนุ่มหล่อสาวสวย ผู้ชนะก็จะได้ตำแหน่งมิสควีน และมิสเตอร์ ที่บ่งบอกถึงความมีบุคลิกภาพโดยรวมที่เหนือกว่าคนอื่นไปครอบครอง เอาเถอะ เขาว่ามาอย่างนั้นอ่ะนะ แต่สีสันจริงๆของงานนี้ไม่ได้อยู่ที่ผู้ดีชะนีสวย แต่คืออาหารขึ้นชื่อที่เรียกได้ว่าแค่เดินผ่านก็น้ำลายสอ ร่ายมาซะยาว เพื่อจะบอกว่าดังนั้นวันนี้ตัวเองเลยไม่ว่าง ต้องมาขลุกอยู่กับอิคุณส้มทั้งวัน ถามว่าเคียงกายมีงานจังหวัดกับเขาด้วยเหรอ เปล่า เพราะโดนลาก แกมบังคับถูลู่ถูกังมาแบบสุดเถอะ จังหวัดน่ะเป็นของอิคุณส้ม ฟังไม่ผิดหรอก อิคุณส้มมันบอกว่าเป็น ‘เจ้าของจังหวัด’ เออ เอาเข้าไป ให้มันได้อย่างดีสิ
“น้องๆคะ เดี๋ยวเราจะมีประชุมบรีฟงาน เวลาสองทุ่มตรง ให้ทุกคนมาให้ตรงเวลานะคะ เวลาเป็นเรื่องสำคัญ พี่ย้ำแล้วนะคะ ไม่งั้นงานก็จะเลิกเลท แล้วพี่ไม่รับประกันว่าจะเลยไปถึงเช้ามั้ย เพราะฉะนั้น มาให้ตรงเวลา นะคะ!”
ฟังเสียงอิคุณส้มสั่งเด็กแว้ดๆละรำคาญ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมานั่งกดไลค์เฟซเล่นๆซะเลย
เคียงกายมันสายโซเชียลอยู่ในสายเลือด
แต่ไปๆมาๆรู้สึกว่าตัวเองไม่น่ากดเข้ามาเล่นเลยจริงๆ
ไอ้แอพสีฟ้า รูปตัวเอฟเนี่ย ทำคนมโนมานักต่อนัก และทำให้เจ็บมานักต่อนักแล้วเหมือนกัน
‘เดือนมอชวนชิม รายการที่จะทำให้รู้จักมอมากขึ้น มีเงินห้าสิบบาท ก็อิ่มได้’
เขากดดูสกรู๊ปที่เขียนไว้
‘สวัสดีค่ะ แอดมินหนิงหนิงรายงานตัว วันนี้เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ รักน้ามอX ไปตระเวนกินข้าว ชิมอาหารอร่อยๆจากโรงอาหารของเราภายในมอ ที่มีอยู่ในแต่ละที่ แต่วันนี้ แอดมินหนิงหนิงไม่ได้มาคนเดียวนะคะ เราพก เอ๊ย เราเชิญ กรี๊ดดดดดดด!!! อะแฮ่ม เผลอตัวไปหน่อยนะคะ แขกรับเชิญของเราวันนี้ แซ่บมาก แซ่บที่สุด แซ่บแบบหยุดไม่อยู่ นั่นก็คือ น้องงงงงงงง เดือน ผัวมโนของใครหลายคนในมอนี้(รวมถึงตัวแอดเอง)นะคะ เรื่องราวจะเป็นยังไง น้องเดือนจะพาเราไปกินอะไรนั้น ติดตามชมได้ในวิดิโอใต้โพสต์เลยค่ะ’
ว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเดือนแล้วเชียว
แต่ใจมันไม่แข็งพอ อีกอย่างเขาก็คงเลิกจริงจังไม่ได้หรอก ก็ชอบไปแล้ว จะให้ทำไง
ถ้ามันตัดใจง่าย คนมากมายคงไม่ต้องร้องไห้
บ้า เรื่องแค่นี้ไม่ได้เห็นน้ำตาเคียงกายหรอก
ก็ได้… แค่ปริ่มๆนะ
เขาชั่งใจว่าจะกดดูวิดิโอที่แนบมาด้วยดีมั้ย
แต่มือก็ดันไปก่อนสมองสั่งการเสียได้ ไอ้เจ้านิ้วโป้งบ้า
เนื้อเรื่องในวิดิโอก็ไม่ได้มีอะไรตื่นตาแบบว้าวขึ้นมา เพียงแต่เป็นวิดิโอแนะนำร้านอาหาร ร้านกับข้าวต่างๆภายในมอ ที่มีราคาค่อนข้างถูก และน่ากิน ของแบบนี้เขาเดินตระเวนจนเบื่อแล้ว แต่สิ่งที่แปลกใหม่ คือแขกรับเชิญที่ดู…
เปลี่ยนไปจากครั้งเมื่อเราเจอกัน
{สวัสดีค่า น้องเดือน}
‘สวัสดีครับ’
ระยะเวลาเพียงแค่สองวันที่เราไม่ได้เจอกัน แต่เขาก็สังเกตได้ ถึงความร่าเริงขี้เล่นของน้องที่ปกติมักจะปรากฏอยู่บนใบหน้าเสมอ แต่มาตอนนี้ ร่องรอยแบบนั้นมันหายไปแล้ว แม้คนอื่นจะไม่เอะใจอะไร แต่สำหรับเขาที่พูดได้ว่าค่อนข้างใกล้ชิดกับน้องมันมากๆ ย่อมรู้ดี
ทำไมกันนะ
หรือคิดมากเรื่องที่เขาพยายามหลบหน้า
กับเรื่องที่เขาไม่ยอมรับสายน้องกันแน่
เพราะเมื่อเช้า สายที่ 100 เพิ่งโทรเข้ามาตอนเขาจะออกจากหอ แต่เขาก็ใจแข็งพอที่ทำได้ก็แค่เก็บลงในกระเป๋าผ้า
ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าระหว่างเราเรียกความสัมพันธ์นี้ว่าอะไร
เพียงแค่ไม่อยากพบหน้า
ก็เท่านั้นเอง…
แต่สิ่งที่ทำกับย้อนแยง ไม่อยากเจอ ไม่อยากพบ แต่อดไม่ได้ที่จะตามทุกความเคลื่อนไหว
ทำไงได้ ก็ชอบไปแล้วนี่
หรือจริงๆแล้วที่เขาไม่อยากพูดคุยปรับความเข้าใจกับน้องมัน เพราะว่าเขากลัว
กลัวคำตอบนั้นที่เหมือนกับเปลวเพลิง
กลัวว่าสุดท้ายแล้ว ความรู้สึกที่เราทั้งคู่มีให้กัน กลับเป็นเขานั้นที่คิดไปเองคนเดียว
{น้องเดือนพร้อมหรือยังคะ กับการรีวิวอาหารแสนอร่อยที่หาได้ง่ายๆภายในรั้วมหาวิทยาลัยของเรา}
เดือนยิ้มเล็กน้อย แล้วตอบ
‘พร้อมครับ’
{แต่พี่หนิงยังมืดแปดด้านอยู่เลยค่ะ เนื่องจากว่าทางเราไม่ได้เตรียมเมนูแนะนำมาล่วงหน้า พี่เลยอยากให้น้องเดือนลองแนะนำเมนูเด็ดเมนูดัง ที่คิดว่าไปทานแล้วไม่ผิดหวังถือเป็นเมนูเริ่มต้นที่เราจะพาไปแวะชิมหน่อยนะคะ}
‘ได้ครับ สำหรับผมนะครับ ผมว่าร้านก๋วยเตี๋ยวป้าหมูอร่อยที่สุดครับ’
ฟังมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องสะดุดเล็กน้อย
คุ้นๆกันมั้ย
ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าหมู โรงอาหารคณะอักษรศาสตร์
ที่แรกที่เขาทำความโก๊ะลืมกระเป๋าตังค์ จนได้รู้จักกับเดือนแบบจริงจังโดยไม่ต้องคอยส่องเหมือนสตอร์คเกอร์อีกต่อไป ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกที่มันอัดแน่นเรื่อยๆ จนชอบแบบจริงจัง ไม่ใช่แค่การนั่งกดไลค์สเตตัสเขาไปวันๆขณะที่เจ้าตัวมองไม่เห็น
เขายังจำได้ดี
ชื่อ นามสกุล ‘ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ’
{รูปน้องเดือนแยกเขี้ยวโชว์ฟันเสน่ห์พร้อมกระเป๋าตังค์เขาที่โชว์หราในมือเดือน}
นิรนาม(ชื่อเฟซที่เอาไว้ส่องมันในตอนนั้น)
แต่เขาก็เผลอตัว ตอบไปว่า
‘คืนพี่มาเถอะ’
ชื่อ นามสกุล ‘???’
จนน้องมันเริ่มปะติดปะต่อได้
นรินาม ‘ท่ดๆ พิมพ์ผิด’
แต่กูก็ยังอุตส่าห์แถนะ ตลกตัวเองตอนนั้นมาก
ชื่อ นามสกุล ‘ไม่ทันแล้วพี่…
จะเอามั้ย กระเป๋าตังค์’
คิดถึงตอนนั้นแล้วต้องเผลอยิ้มออกมาไม่ได้
ก่อนตัวเองจะคิดอะไรตลกๆ ไปไกล เสียงในวิดิโอก็ดึงความสนใจกลับมา
{หืมมมมมมม ทำไมต้องเป็นโรงอาหารคณะอักษรศาสตร์คะ เอ๊ะ หรือข่าวน้องเดือนกับดาวอักษรจะเป็นเรื่องจริง แอร๊ายยยยยยย อะไรยังไง}
แอดมินเพจชักดิ้นชักงอ ถ้าชีกลิ้งเกลือกพื้นได้คงนอนไปนานละ
นั่นสินะ
คิดเข้าข้างตัวเองไปเพื่ออะไร ที่เขาได้มาเจอน้องมันตอนแรกก็ไม่ใช่เพราะพรหมลิขิตเสียหน่อย
ก็ไม่ใช่มีนดาวมอหรอกเหรอ ที่นัดน้องเดือนมาทานข้าวที่โรงอาหารคณะอักษรศาสตร์
ตัดสินใจวางมือถือ
แล้วลุกขึ้นไปช่วยงานคุณส้ม ทิ้งไอโฟนสีดำลูกรักให้ชาร์ตแบตจนเต็ม แล้วค่อยมาเล่นใหม่ละกัน
พอเดินไปหาคุณส้มปุ๊บ
“อิเคียง เดี๋ยวจะมีคนมาส่งข้าวให้สต๊าฟ มึงช่วยไปขนมาไว้ตรงนี้หน่อยนะ”
คุณส้มชี้แจงเสร็จสรรพ แล้วหันไปทำงานที่กองพะเนินของตัวเองต่อ
ให้มันได้อย่างนี้สิ
ได้ยินเสียงรถเข้ามาจอด เขาที่นั่งตัดกระดาษ ทำเป็นรูปใบไม้สีเขียวเพื่อใช้เป็นฉากในการแสดง วางทุกอย่างลงอย่างรู้งาน แล้วเดินออกไปเพื่อรับข้าวที่คุณส้มสั่งเอาไว้
ทั้งหมดเป็นถุงก๋วยเตี๋ยว
มีคนลงจากรถมาช่วยเขาขนข้าว
ตอนแรกเขาไม่เห็นหน้าเพราะหมวกที่เขาสวมบังอยู่
“เดี๋ยวนะครับ ขาดอีกถุงนะครับ”
เขาจำได้ว่าสั่งเพิ่มอีกถุงเพราะตัวเองยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน
เขาถามคนขับเป็นเวลากับที่อีกคนที่ลงรถมาช่วยขนของเดินมาพอดี
“ของพี่อยู่นี่”
เขาชะงักกับเสียงที่คุ้นเคย
เป็นเสียงที่ไม่ได้ยินแค่สองวัน แต่กลับเหมือนเราห่างกันนานมากๆ
หมวกใส่หัวถูกดึงออก เผยให้เห็นใบหน้าคุ้นเคย ที่เมื่อสองนาทีก่อนเขายังดูอยู่ในหน้าจอโทรศัพท์
ใบหน้าที่โคตรคิดถึง
“เดือน”
เดือนจริงๆด้วย
“เอา ยืนอึ้งอยู่ทำไมครับ จ่ายตังค์ให้ลุงผมหน่อย”
ก๋วยเตี๋ยว เดือน คนส่งก๋วยเตี๋ยว คือเดือน เดือนเป็นเด็กส่งก๋วยเตี๋ยว ไม่สิ โอ๊ยยยยยย พอเถอะ ไม่ต้องเชื่อมโยงอะไรละ
เหมือนเขาจะไม่ได้สติไปแล้วเพราะยืนแข็งทื่อแบบสุดๆ เดือนเลยถือวิสาสะหยิบเงินในมือเขาแล้วจ่ายให้ลุงแกไป
เขาไม่มีสติแม้ขณะยกมือไหว้คนขับรถ ซึ่งเดือนบอกว่าคือลุงแท้ๆ
อยากถามนะว่ามาได้ไง
แต่เหมือนตัวเองมีชนักติดหลัง
“เข้าไปข้างในกัน คนอื่นหิ้วท้องรอละ”
ตอนนี้เขาเหมือนร่างหุ่น จะจูงไปที่ไหนก็ได้
แม้ตัวเองจะไม่มีสติ ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ ปากสั่นมือสั่น
แล้วทำไมไอ้หัวใจบ้ามันถึงเต้นรัวเร็วอย่างกับมีคนขนกลองเข้าไปตีข้างในแบบนี้กัน
มันเป็นความรู้สึกที่เรียกว่า
‘ดีใจ’
รึเปล่านะ
“เตรียมตัวบอกเหตุผลว่าทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์”
นี่ไงล่ะ ชนักอันเขื่อง
โอ๊ยให้ตายสิ
หัวใจเจ้ากรรม หยุดเต้นซักที
“มึง”
อิคุณส้มตัวดีค่อยๆขยับๆเข้ามาหาเขาทีละนิด จนรัศมีมันพอดีกับคำว่ากระซิบ มันเลยเริ่มเปิดประเด็น
หลังจากที่ทุกคนกินข้าวแบบอิ่มหนำสำราญ ก็มีพละกำลังในการลุยงานคืนนี้ต่อ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้กลับประมาณเที่ยงคืน ถือว่ากลับเช้าอยู่นะ สำหรับคนทำกิจกรรมแบบนี้ บางวันนี่ปาไปหกโมงเช้าเลยก็มี
ถ้าถามว่าอิน้องเดือนไปไหน
นั่นไง นั่งตัดกระดาษช่วยงานเขาอยู่มุมโน้น หลบหน้ามาตั้งนาน สุดท้ายเขามาหาเอง แล้วรู้สึกเกร็งแปลกๆ
มึงจะตัดกระดาษไป มองมาทางนี้ไปทำไม ขอแช่งให้กรรไกรตัดโดนนิ้วแม่ง
“โอ๊ย”
นั่นไง
คิดไม่ทันสิ้นดี น้องมันก็ร้องโอดโอยขึ้น
คุณส้มที่ตอนแรกกำลังจะตั้งท่าตั้งวงเปิดประเด็น จำต้องกุลีกุจอเข้าไปดูเดือน ช่วยไม่ได้ แม่งานคือเพื่อนเขา ถ้ามีใครเป็นอะไรขึ้นมานี่ความรับผิดชอบคือคุณส้มล้วนๆ
“เดือนเป็นอะไร”
ส่วนเขาที่ใจหล่นตุบอยากไปอยู่ดูตรงมุมโน้นนานแล้วทำได้แค่นั่งเกร็ง แต่หูนี่เปิดเรดาร์ผึ่งเตรียมฟังเต็มที่
“เหมือนจะโดนแมลงต่อยน่ะครับ”
น้องมันเคยบอกว่าแพ้แมลงกัดต่อย
“ตายแล้ว แขนแดงหมดแล้ว แพ้แมลงเหรอเรา”
เสียงแว้ดๆของคุณส้มยังไม่หมด ทำให้ใจเขาหล่นไปถึงไหนต่อไหน
จนในที่สุดก็ทนไม่ได้ เดินเข้าไปหาน้องมัน
“เดี๋ยวกูไปส่งคลินิก ส้ม ขอยืมรถหน่อยนะ”
ประโยคแรกพูดกับเดือน อารมณ์แบบนิ่งๆ แต่ใจข้างในคือร้อนรนห่วงน้องมากๆ อีกประโยคท้ายหันไปหาอิคุณส้ม แล้วขยิบตาเป็นเชิงเร่งให้มันไปหยิบกุญแจรถมา
“รู้ว่าแพ้แมลงก็ไปนั่งใต้ไฟ ไม่ระวังตัว”
“…”
“อ่อนแอจริง ยืนนิ่งทำไม ตามมาเร็ว”
เขาหันหลังให้ แล้วออกเดินหลังจากรับกุญแจจากคุณส้มมา ปากก็บ่นไป
“คราวหลังไม่ต้องมาแล้วนะ เห็นมั้ย ไม่คุ้มเลยเนี่ย เข้าใจว่าอยากช่วยทำงาน”
“…”
“คนอื่นเป็นห่วงรู้ตัวบ้างมั้ย”
“รู้”
“รู้แล้วยังไง”
“ก็พี่นี่ไง ห่วงผมจนแทบบ้า”
หลังจากจบบทสนทนาตรงลานจอดรถ เราสองคนก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
คงเพราะดึกแล้ว พอมาถึงก็เข้าตรวจโดยไม่ได้จับบัตรคิว เพราะไม่มีคนเลย เขานั่งรอเดือนเงียบๆ ทบทวนพฤติกรรมมากมายของตัวเอง พยายามลืมรอยยิ้มกว้างของเดือนตอนที่บอกว่ามีเขาเป็นห่วงมันจนแทบบ้า แต่ทำยังไงมันก็ลบภาพนั้นไปจากหัวไม่ได้
จนแล้วจนรอด เดือนก็เดินออกมาจากห้องตรวจ
ร่างสูงตรงไปรับยา ฟังคำแนะนำจากหมอ แล้วเดินตรงมาหาเขา ที่ยังทำใจไม่ได้ ไม่กล้ามองหน้าน้องมันเพราะรู้สึกทั้งหน้าทั้งใบหูมันร้อนไปหมดแล้ว
“ไม่สบายป่ะ ทำไมหน้าแดง”
เขาเงยหน้าขึ้น ทันทีที่ตั้งสติได้ ก็รู้สึกพลาดอย่างมหัน
จะก้มหน้าลงมาชิดให้ได้อะไรเนี่ย
หัวใจเขาเริ่มทำงานหนักอีกแล้ว
“เปล่า”
พูดได้แค่นั้น ก่อนจะเบือนหน้าหนี แต่กลับถูกมือหนาที่ถือวิสาสะจับคางเขาแล้วให้หันมาเผชิญหน้า
นัยน์ตาคมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตา เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
“ดึกแล้ว”
น้องมันพูดขึ้น
“ไปค้างห้องผมมั้ยคืนนี้”
ลมหายใจเขาสะดุด
เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เพื่อคลายความร้อนที่มาจากไหนไม่รู้ให้หมดไป และพยายามควบคุมหัวใจที่ทำงานหนักดวงนี้ให้มันสงบลง
“หยุด…”
แต่เสียงที่ส่งไป กลับเบาหวิวไร้น้ำหนัก
ทำให้ร่างสูงได้ใจ โน้มหน้าลงมาใกล้เขาเรื่อยๆ
“อะไรนะครับ ไม่ได้ยินเลย”
พูดออกไปสิ พูดออกไปซักที
“อ่อย”
“อะไรนะครับ”
“หยุด อ่อย ได้ อื้อ”
เขาเบิกตากว้าง
ริมฝีปากบางที่เปล่งเสียงเบาหวิว ถูกริมฝีปากของอีกคนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆช่วงชิงอิสรภาพ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดสองข้างแก้ม ทำให้หน้าเขายิ่งร้อนผ่าว ตาคมสีดำที่อยู่ใกล้เหลือเกินจนเป็นเขาที่ทนไม่ได้ต้องหลับตาเสียเอง ไม่อยากมอง ไม่อยากรับรู้ ปล่อยให้อารมณ์มันพาไป
เพียงสิ่งเดียวที่ได้ยิน
คือเสียงหัวใจที่ดังกลบเสียงฝน ที่ตกลงมาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ได้
จนเดือนถอนริมฝีปากออกมา
“ผมไม่รู้ว่าสำหรับพี่ การกระทำของผมคืออะไร”
“…”
“ผมติดเล่น”
“…”
“ผมชอบหยอด”
“…”
“หรือผมขี้อ่อย”
“…”
“แต่สำหรับผม ผมมีนิยามให้การกระทำของตัวเองเพียงสองพยางค์”
“…”
“ทุกๆการกระทำ ที่ผมทำไปทั้งหมด”
“…”
“ผมจริงจัง”
***TBC............................................................
แล้วพบกันใหม่ อย่าเพิ่งด่าพระเอก 555