Special part 4 : ใช่ฉันคิด-Intouch-
“ขอบคุณค่า” เสียงดังแซงหน้าทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะ ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนนอกจากเสียงของเด็กแก่แดด
“พี่เหนือไม่ต้องเกรงใจนะคะ เลี้ยงได้เต็มที่เดซี่ไม่มีปัญหา”
“มึงมี” ส้มที่เป็นทั้งคู่กัดและเพื่อนซี้กันมาแต่ไหนแต่ไรขัดขึ้นทันที
“กูมีปัญหาอะไร” คนสงสัยไม่ยอมวางเมนู จับอาวุธคู่กายไว้มั่น
“มึงจะแดกลงไปยังไงหมด สั่งไม่เกรงใจภรรยาพี่เหนือ นั่งหัวโด่อยู่นั่นมึงไม่เห็นเหรอ”
“กูไม่แคร์ กูก็เมียเหมือนกัน เมียน้อยพี่...โอ๊ะ!!”
ตาเรียวยาวหันมาจ้องหน้าผม ริมฝีปากยื่นนิดๆ คงกำลังหงุดหงิดที่ถูกขัดใจและขัดคอ
“สามีนั่งนี่จะไปเป็นเมียน้อยใคร” ผมยกมือขึ้นวางพาดบ่า ดึงเข้ามานั่งชิดกันยิ่งขึ้น ไม่สนท่าทางฮึดฮัดพยายามสะบัดตัวออก
“เหี้ยเดซี่ มึงมีสามีไม่จัดแถลงข่าว” ส้มแกล้งยกมือปิดปากทำหน้าตกใจ
“ตกลงเหลือกูคนเดียวแล้วใช่ไหม ไปค่ะพี่ต่อถึงเวลาเราต้องเดินหน้าเพื่อประเทศชาติแล้ว ก่อนที่มนุษยชาติจะสูญพันธุ์”
ส้มส่งสายตาหวานข้ามมาให้ต่อที่นั่งอยู่อีกข้างของผม เจ้าตัวรีบยกเมนูขึ้นปิดหน้า ตั้งหน้าตั้งตาอ่านราวกับกำลังท่องตำราสอบ
ทั้งๆ ที่พนักงานรับออเดอร์ไปได้สักครู่หนึ่งแล้ว
“พี่ทัชครับ” โต๊ะชะโงกหน้ามาเรียกผมจากทางหัวโต๊ะ
“ว่าไงโต๊ะ”
“ผมมีเรื่องจะถามพี่ตรงๆ”
“มึงงอมั่งก็ได้โต๊ะ ถามตรงตลอด” ผมว่ากว่าผมจะได้ตอบคำถามคงต้องรอให้เพื่อนตีกันให้เสร็จก่อน
“เออน่ากูซีเรียส พวกมึงนั่งเฉยๆ ก่อน" โต๊ะหันไปปรามเพื่อนๆ ก่อนกระแอมกระไอหันมาทางผมใหม่อีกรอบ
“ที่พี่ทัชเข้ามาสนิทกับผมตอนออกค่ายเพราะอะไรครับ..
หนึ่งเพราะเป็นพี่ที่ดี เฟรนด์ลี่สุดๆ หรือสองเดิมทีสนใจผมตามที่คนอื่นได้กล่าวไว้ สามเห็นผมเป็นถนนคอนกรีตเสริม
เหล็กเอาไว้ขับผ่านไปหาเป้าหมายที่ได้ตั้งเรดาร์ไว้แล้ว”
คำถามของโต๊ะทำเอาผมอึ้งใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะไม่มีคำตอบ คำตอบน่ะตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องคิด
แต่เพิ่งเคยเจอความเถรตรงของโต๊ะ สมคำร่ำลือจริงๆ
“โต๊ะบอกพี่ก่อนสิ ว่าทำไมถึงอยากได้คำตอบ”
“ไอ้ผมไม่อยากได้หรอกครับ ไม่มีผลต่อชีวิตและจิตใจ แค่อยากรู้เพราะมีใครบางคนแถวนี้ติดใจ ถามพี่ทัชให้เคลียร์ๆ
เลยดีกว่า”
ใครบางคนแถวนี้ที่คนพูดหันไปจ้องหน้าให้ทั้งโต๊ะได้รู้ๆ กันไปเลยว่าหมายถึงคนไหน สะบัดหน้าพรืด
แทบจะแย่งมนูอาหารจากต่อไปเป็นเกาะกำบังบ้าง
“พี่ขอไม่ตอบนะครับคำถามนี้” ผมยิ้มให้โต๊ะ แต่ดูเหมือนคำตอบผมจะทำให้ยิ้มไม่ออกกันสักคน แม้แต่คนที่สะบัดหน้าหนีไป
ยังหันกลับมามอง
“เอ่อ..อาหารมาแล้ว” โต๊ะดูโล่งอกเมื่อพนักงานเริ่มทยอยเสิร์ฟอาหาร ท่าแอบเขกหัวตัวเองแสดงว่าคงเสียใจอยู่ไม่น้อย
ที่ถามคำถามผมออกมา
“ไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวมา” ผมลุกขึ้นยืน ทำเป็นไม่รับรู้กับบรรยากาศชวนอึดอัด แม้แต่เหนือก็มองมาทางผมสายตาดุเข้ม
คงคิดว่าเป็นข้อสองผมถึงไม่ยอมตอบ รุ่นน้องผมเข้าสมาคมพ่อบ้านหึงโหดไปเสียแล้ว
ผมเดินไปหาคนที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ ร้านที่มาทานเป็นของรุ่นพี่ที่จบไปแล้วซึ่งสนิทกันดี เป็นร้านนั่งกินดื่มสบายๆ
มีดนตรีอะคูสติกให้ฟัง ผมเจรจาบางอย่างก่อนเดินไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย
“สวัสดีครับ” ผมพูดผ่านไมค์ ยิ้มให้กับสายตาแปลกใจที่มองตรงมา
“ผมขออนุญาตยึดเวทีชั่วคราวให้นักร้องได้พักสักครู่นะครับ”
“หวังว่าจะชอบเพลงนี้ เพราะผมชอบความหมายของมันมาก” ผมกรีดนิ้วลงบนสายกีต้าร์ ขึ้นอินโทรเพลงที่คิดไว้
ส่งยิ้มไปให้คนพิเศษที่อยากให้ฟังที่สุด
ฉันรู้ว่าเธอกำลังกังวลเธอบอกทางสายตา
ฉันรู้ว่าเธอไม่กล้าที่จะพูดจาเปิดหัวใจ
ฉันรู้ว่าเธอกำลัง
อยากรู้ว่าฉันนั้นคิดอะไรอยู่คนบางคนก้มหน้า แต่แอบเห็นสายตาที่ลอบมองมา พอสบตากันเข้าก็รีบเบือนหน้าหนีผมทันที
อาจเพราะเป็นเพียงเวลาไม่นานที่เราได้พบกัน
อาจเพราะว่ามีเพียงเธอคนเดียวที่ดูฉันสนใจ
อาจเพราะฉันไม่มองใคร
อาจเพราะฉันมองเพียงเธอคนเดียว
มีเสียงกรี๊ดลอดมาเบาๆ จากส้มและของขวัญ หากแต่อีกคนยังคงก้มหน้างุด
หากอยากถามว่าฉันนั้นคิดอะไรไหม
ก็จะขอบอกเธอเลยว่า
ใช่ ฉันคิดคิดว่าเธอเป็นคนน่ารักดี มีใครมาด้วยหรือเปล่า
ถ้าไม่มี ก็อยากจะชวนเธอพูดคุยกันยาวยาว
เพราะวันนี้บรรยากาศก็ดีดี
มีเสียงเพลงและแสงดาว
ถ้าไม่รีบไป ก็อยู่คุยกันจนเช้า
จนดาวหมดฟ้า จนเธอง่วงนอน
ผมเผลอยิ้มกว้างเมื่อเห็นเด็กแก่แดดกลายร่างเป็นเด็กขี้อาย ไม่พูดไม่จา เอาแต่จ้องอาหารแต่ไม่ยักจะตักขึ้นทาน
รู้ไหมว่าเธอเป็นคนน่ารักดี
มีใครมาด้วยหรือเปล่า
ถ้าไม่มี ก็อยากจะชวนเธอพูดคุยกันยาวยาว
เพราะวันนี้บรรยากาศก็ดีดี
มีเสียงเพลงและแสงดาว
ถ้าไม่รีบไป ก็อยู่คุยกันจนเช้า
จนดาวหมดฟ้า จนเธอง่วงนอน
ให้ดวงดาวหมดฟ้า จะยอมให้นอน
ผมกรีดนิ้วลงบนกีต้าร์เมื่อคอร์ดสุดท้ายจบลง โค้งศีรษะให้กับเสียงตบมือที่ดังขึ้น ก่อนส่งกีต้าร์ให้กับเจ้าของตัวจริง
“ขอบคุณเสียงตบมือนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับเครื่องดื่มที่ส่งขึ้นมาด้วย ผมขออนุญาตพูดบางอย่างออกสื่อนะครับ
สำหรับคำถามที่ถามกันมา ผมไม่ได้ตอบเพราะผมไม่เคยมีตัวเลือกอื่น มันมีคำตอบเดียวมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“เผื่อใครอยากรู้...” ในที่สุดผมก็ได้สบตากับคนที่เอาแต่ก้มหน้า เมื่อเด็กขี้อายยอมเงยหน้าขึ้นมาเพราะผมทิ้งค้างคำพูด
เอาไว้
“ ผมเป็นชายหนุ่มที่รักดอกไม้ครับ" ผมส่งยิ้มไปให้เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความหมายที่ส่งไป ก่อนเดินลงจากเวทีเล็กๆ ท่ามกลางเสียงโห่แซวที่ดังไม่หยุด
ลูกค้าส่วนใหญ่ในร้านเป็นเด็กจากมหาลัยเดียวกันเกือบทั้งนั้น
“โหพี่ทัช ผมเคลิ้มเลยพี่”
“พี่ทัชหักอกหนูได้ยังไง โอ๊ยขอเหล้าแก้วนึง”
“ศิษย์พี่ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยคร้าบ”
กว่าจะเดินกลับถึงโต๊ะได้ก็ต้องแวะทัก แวะดื่มอยู่หลายที เพื่อกลับมาพบว่าคนเก่งของผมหายไปแล้ว
“ไปไหน” ผมชี้ที่นั่งว่างเปล่า
“ไปอาเจียนครับ ฮ่าๆๆ ผมแซวเล่นพี่ ตายเลยพี่ทัชสิบสกายก็แพ้ราบคาบ ผมยกธงขาวโหมดโรแมนติกแบบนี้สู้ไม่ไหว”
สกายส่ายหน้า ยกแก้วทำท่าซูฮกผม
“เพื่อนส้มก็สู้ไม่ไหวพี่ หนีไปห้องน้ำโน่นแล้ว คาดว่าถ้าไม่เรียกรถดูดส้วมมาดูดออก คงเอาตัวออกมาไม่ได้”
“ส้ม!!” ข้าวเจ้าถึงกับอุทาน รีบห้ามเพื่อนไว้
“พูดอะไรแบบนั้น กำลังทานข้าวอยู่”
“เออว่ะ โทษทีๆ แต่ส้มพูดเรื่องจริงนะพี่ เขินขนาดนั้นคงแงะออกมายาก”
“เดี๋ยวพี่ไปตามเอง”
“พี่ทัชเข้าห้องน้ำหญิงได้เหรอ”
“หือ?!!” ผมหันไปมองหน้าโต๊ะ ตกใจกับความรู้ใหม่
“ฮ่าๆ ผมล้อเล่นครับ ห้องน้ำชายนั่นแหละ”
“โอเค” ผมหายใจโล่งอก นึกว่าต้องไปเฝ้าหน้าห้องน้ำหญิงจริงๆ
“ฝากบอกเดซี่มันด้วยนะพี่ มาช้าอดหมดกันไม่มีสั่งรอบสอง ข้อความจากเมียคนจ่ายตังค์”
ความเขินอายคืออะไร ผมว่าโต๊ะมันไม่รู้จักครับ หน้าซื่อๆ ตาใสๆ พูดอะไรเป็นเรื่องสนุก แต่ดูเหมือนมีใครบางคนชอบใจ
นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คู่นี้น่าจะกินกันไม่ลง
ผมเดินสำรวจทั่วห้องน้ำไม่มีแม้แต่เงาของคนที่ผมตามหา ไปอายถึงไหนกัน หวังว่าคงไม่ถึงขั้นทิ้งทุกคนกลับบ้าน
แต่ก่อนที่จะหยิบมือถือออกมาโทรหา ผมเห็นประตูออกหลังร้านแง้มอยู่ เลยลองผลักออกไป
“ออกมาคุยโทรศัพท์เหรอ” ผมแกล้งทัก
“อ่า..ใช่ค่ะ”
“เสร็จแล้วใช่ไหม เข้าไปในร้านกันเถอะ”
“เดี๋ยวค่ะ” มือยาวเรียว เอื้อมมาคว้าเสื้อผมไว้
“ที่พูดเมื่อกี้...”
“ครับ” ผมพูดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเงียบไป
“ที่พูดเมื่อกี้ พี่ทัช..เอ่อ..หมายความตามนั้นหรือเปล่าคะ”
ผมชะงักเท้า หันกลับมามองหน้าคนพูด นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เดซี่ยอมพูดถึงสิ่งที่ผมพูด ไม่ได้เฉไฉ
หรือวิ่งหนีไปดื้อๆ เหมือนทุกครั้ง
“พี่หมายความตามนั้นครับ พี่รู้ว่าเดซี่รู้อยู่แล้วว่าพี่ชอบตั้งแต่วันที่พี่บอกที่คณะ แต่ถ้าคิดว่าพี่เคยชอบโต๊ะมาก่อน
พอเหนือได้ไปถึงเปลี่ยนมาสนใจเดซี่ ขอบอกว่าคิดผิด พี่สนใจอยู่คนเดียวตั้งแต่แรก ชอบอยู่คนเดียว
จีบอยู่คนเดียว คิดถึงอยู่คนเดียว อยาก...”
“พอๆ ค่ะ พอแล้ว เยอะไปแล้ว” มือเรียวได้รูปรีบยกขึ้นแตะปากผมเป็นการห้ามปราม แต่สำหรับผมถือว่าเป็นการ
อนุญาตชนิดนึง เลยรีบตะครุบมือนั้นขึ้นกดริมฝีปากลงไปเบาๆ
“อ๊ะ ชักเอาใหญ่แล้วนะคะ” แรงที่พยายามดึงมือออกไม่มีทางสู้แรงผมที่จับเอาไว้ได้
“ตกลงว่า?” เมื่อโอกาสมาถึงใครจะปล่อยไปง่ายๆ ล่ะครับ
“ตกลงว่าหิวแล้ว กลับเข้าไปในร้านกันเถอะค่ะ”
“เดี๋ยว” ตาผมดึงเอาไว้บ้าง เรื่องอะไรจะยอม
“ว่าไงครับ ตกลงรับรักพี่ไหม”
“โหย จีบก่อนเถอะ”
“นี่ยังไม่จีบอีกเหรอ” ผมร้องโอดโอย จีบจนคนรู้ไปค่อนมหาลัยแล้ว เจ้าตัวยังบอกว่าผมไม่จีบอย่างนี้ใครจะยอม
“ยังค่ะ ไหนพาไปดูหนัง ไหนพาไปกินข้าว ไหนพาไปเที่ยว ไหนซื้อของให้”
“ทำอย่างกับเคยยอม” ผมบ่นของผมเบาๆ แต่ดันมีคนหูดี
“พูดว่าอะไรนะคะ”
“พูดว่าครับ ทราบแล้วครับ จะปฏิบัติตามครับ พรุ่งนี้พาไปเที่ยวต่างจังหวัดก่อนเลย” ผมรีบโมเมรับคำสั่ง
“มะ..ไม่ใช่ มันต้องดูหนังก่อนสิ”
“ไปต่างจังหวัดก่อนแล้วค่อยกลับมาดูหนัง” ผมยังพยายามต่อรอง
“ทำแบบนั้นได้ที่ไหนเล่า” คนพูดปากยื่นปากยาว โกรธที่ไล่ตามผมไม่ทัน
“ทำเหมือนยังกับเป็นแฟนแล้วค่อยจีบงั้นแหละ มันใช้ได้ที่ไหนกันคะ”
“ใช่ได้ แบบนั้นเลย ตกลงเป็นแฟนกันแล้วนะครับ แล้วเดี๋ยวพี่เริ่มตามจีบพรุ่งนี้เลย เข้าไปกันเถอะ”
ผมรีบพูดรีบจบ รีบลากข้อมือคนร้องเสียงหลงให้ออกเดิน ไม่สนใจเสียงร้องให้หยุด ผมถือว่าได้ข้อตกลงเป็นที่น่าพอใจ
เรียบร้อยแล้ว
“ผมนึกว่าพี่ทัชกลับบ้านไปแล้ว” เสียงสกายแซวมาจากหัวโต๊ะ
“เปล่า อิ่มกันแล้วเหรอ”
“โหพี่ทัช หายไปนานขนาดนั้น ใครจะรอล่ะคะ ของขวัญอิ่มจุกจนถึงคอแล้ว”
“ยังไม่อิ่มใช่ไหม สั่งอะไรเพิ่มสิ” ผมหยิบเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะส่งให้กับเดซี่
“เหนือวันนี้พี่ขอตัดหน้าเลี้ยงก่อน เหนือค่อยเลี้ยงใหม่ทีหลัง”
“อะ อะ มีข่าวดีอะไรหรือเปล่าคะพี่ทัช อยู่ๆ จะเลี้ยงพวกส้มเนี่ย” ส้มส่งสายตาล้อเลียนมาให้
แต่ไม่ได้มองมาทางผม เป้าหมายทำตัวมีพิรุธทันที
“ข่าวดงข่าวดีอะไร”
“กูพูดถึงข่าวดีของพี่ทัช เกี่ยวอะไรกับมึงคะคุณน้องเดซี่”
“เดซี่ร้อนตัว” แม้แต่ข้าวเจ้าก็เอากับเขาด้วย
“เปล่า กูเปล่า กู..กูแค่หิว ใครเลี้ยงกูก็กินทั้งนั้นแหละ”
“ไม่ต้องเถียงกัน พี่สัมภาษณ์เอง อะแฮ่ม พี่ทัชคะของขวัญอยากทราบว่าหลังจากบอกรักออกอากาศผ่านไปแล้ว
มีอะไรคืบหน้าไหมคะ”
“ไม่มี” ผมส่ายหน้าตอบเพียงสั้นๆ
“อ้าวววว” ผลลัพธ์ดูไม่ค่อยถูกใจ เลยเกิดเสียงแสดงความผิดหวังจากคนครึ่งโต๊ะ
“ไม่มีจริงๆ ครับ ยังเป็นแค่แฟนกันเหมือนเดิม”
“บอกแล้ว ว่าต้องไม่มีอะไร สองคนนี้ช้า” โต๊ะส่ายหน้า หยิบช้อนไปตักยำเข้าปากก่อนจะสำลักออกมา
ไอไปด้วยหันมาชี้หน้าผมสลับกับหน้าเพื่อนไปด้วย
“แฟน เป็นแฟน”
“จริงเหรอพี่ทัช” ส้มที่ได้สติคนที่สองทำท่าเหมือนยังไม่อยากเชื่อหู
“จริง ใช่ไหมครับเดซี่” ผมหันไปมองคนนั่งข้างๆ มองหน้าอย่างมีความหวัง
“มะ..”
“เดซี่ครับ” ผมทำเสียงอ่อน แกล้งทำหน้าเศร้า เรียกร้องความสงสาร
“ตกลงยังไงมึง แฟนไม่แฟน มึงรักไม่รักพี่ทัช เอาให้แน่ ตอบมาเลย วันนี้กูต้องได้รู้” ส้มเลิกกินถาวรหันมาข่มขู่เพื่อนแทน
“กู..”
“เอ่อ มึงนั่นแหล่ะ”
“กู..” ไม่ใช่เสียงคนที่นั่งข้างๆ ผม แต่เป็นเสียงของโต๊ะ
“กูขึ้นให้เลย มึงจะได้ไม่ต้องเอาแต่พูดกูกูอยู่นั่นแหล่ะ”
“รุมกู”
“บอกไปเลยเดซี่เชื่อพี่” สกายเข้ามาร่วมวงเป็นเพื่อนอีกคน กดดันคนนั่งกระสับกระส่าย จะลุกหนีก็คงไม่กล้า
ดูท่าเพื่อนๆ คงไม่ปล่อยไป
“กูไม่ได้รัก”
ผมลอบถอนใจเบาๆ ไม่อยากให้คนข้างๆ เห็น ท่าทางคนขี้อายต้องใช้เวลาอีกนาน หนทางผมคงอีกยาวไกล
“มึง” โต๊ะเรียกชื่อเพื่อนเสียงเบา
“เออ กูไม่ได้รัก กู..
กูแค่ชอบสัมผัส มีอะไรไหม”
“ชอบสัมผัส? โอ๊ย เหี้ย เบาหวานจะแดกกู” ส้มร้องครวญคราง เอามือกุมท้องซึ่งไม่เข้ากับโรคที่บอกสักนิด
ส่วนผม เสือยิ้มง่ายกำลังจะกลายเป็นเสือยิ้มยาก เพราะตะลึงจนลืมยิ้มออกมา ได้แต่จ้องหน้าคนพูด
“เดซี่พูดว่าชอบพี่” ผมทวนคำซ้ำอีกครั้ง
“เปล่า ใครพูด เดซี่ไม่ได้พูด”
“มึงพูด!!” เสียงยืนยันจากหลายคน ช่วยย้ำให้ผมมั่นใจมากขึ้น
ผมเอื้อมมือไปจับมือคนช่างเฉไฉมากุมไว้ใต้โต๊ะ บีบเบาๆ ก่อนกุมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ดูเหมือนความรักผมจะก้าวหน้า
เพราะมือที่กุมกลับช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี
“ใครอยากสั่งอะไร สั่งเลยพี่เลี้ยงทุกอย่างไม่อั้น” ผมบอกคนร่วมโต๊ะอย่างอารมณ์ดี เรียกว่าอารมณ์ดีมาก
“พูดอย่างนี้เดี๋ยวผมสั่งบลูนะพี่” ต่อทำท่าเอามือปาดปาก
“สั่งเลย” ผมใจดีอยู่แล้วงานนี้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
“แต่ร้านกูไม่มี” เสียงดังขัดขึ้นจากทางด้านหลัง เล่นเอาหันไปมองกันทั้งโต๊ะ
“ถ้ามึงขอความรักกันจบแล้ว ก็ช่วยเงียบให้กูด้วย กูไม่ได้จัดprivate party แม่งเสียงดังฉิบหาย ลูกค้ากูนึกว่าถ่ายหนัง”
“ขอโทษค่ะพี่นพ” เดซี่ยกมือไหว้หน้าจ๋อย
“ไม่เป็นไรน้อง พี่บ่นมันไปงั้นแหละ แค่อิจฉามันได้แฟนสวย”
“ตาถึง” แฟนสวยก็ต้องยอมรับครับ จะปฏิเสธทำไม
“พี่ทัช!!” อ่า.ผมลืมไปว่าคนสวยของผมขี้อาย
“ฮ่าๆๆ เต็มที่เลยมึง บันเทิงดี ท่าทางลูกค้ากูจะชอบดู”
“ผมก็ชอบครับ” โต๊ะยกมือสุดแขน
“เรื่องชาวบ้านคืองานของกู” ประโยคหลังโต๊ะหันมาบอกเดซี่
“เออ เดี๋ยวผัวมึงก็จะคือผัวก.....”
ผมคว้าหน้าคนข้างๆ มากดจูบหนักๆ ลงไปหนึ่งที
“.......”
“จะได้จำได้ว่าใครเป็นใคร” ผมส่งยิ้มเข้าไปในตาของคนที่นั่งอ้าปากพะงาบๆ แต่ไม่มีเสียงหลุดรอดออกมา
“แฟนเดซี่อยู่นี่ครับ ห้ามพูดถึงคนอื่นอีก”
ผมแปลกใจนิดหน่อย เพราะโต๊ะที่นั่งอยู่ถือว่าเป็นการรวมพลคนปากไว แต่ตอนนี้กลับเงียบกริบ
นอกจากเสียงเดียว ที่ดังขึ้นมา
“ไอ้เด็กเปรตพวกนี้ กูแค่บอกว่าบันเทิงดี มึงไม่ต้องอัพเลเวลถ่ายหนังสดให้ลูกค้ากูดู”
ผลั้ว!! ผลั้ว!! พลั่ก!!
"โอ๊ะ!! เดซี่พอแล้ว พี่เจ็บแล้วครับ"
“เฮ้ย!! หนังบู๊กูก็ไม่เอาาาาาาา”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
เรื่องนี้อีก 8 ตอนจบนะคะ ส่งข่าวไว้ก่อน ^^
เรื่องประกวดภาพถ่าย ดั่งดาว ไม่ได้ลืมนะคะ เดี๋ยวมีเฉลยคนชนะทีหลังค่า
Darin ♥ FANPAGE