จ้าวดวงใจจอมราชันย์ (นิยายกำลังภายในแฟนตาซี สัตว์อสูร):ตอนที่12 (29/05/2016) P.5
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จ้าวดวงใจจอมราชันย์ (นิยายกำลังภายในแฟนตาซี สัตว์อสูร):ตอนที่12 (29/05/2016) P.5  (อ่าน 37341 ครั้ง)

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ Midorima

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ซนใช่เล่นเลยนะน้องเฟยหลง คนไล่ตามเจ็บใจแย่เลย  :katai2-1:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
องค์ชายนี่สนใจเฟยหลงใช่ไหมล้าาา
เฟยหลงคือเก่งไปอีกกก ถ้าฝึกเยอะๆกว่านี้มีสิทธิอาจเก่งกว่าองค์ชายเลยนะเนี่ย อายุยังน้อย

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ว่าจะรอให้ผ่านไปหลายๆตอนค่อยอ่านมันอดไม่ไหวววว เป็นสไตล์ที่ชอบและพอจะเดาเรื่องออกลางๆ เขียนได้สนุกค่ะ ชอบมากกก ขออย่างเดียวมาต่อให้จบนะห้ามหายยยย  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อย่างน้อยก็ได้บทเรียนว่าจะขโมยของใครต้องดูพลังยุทธ์ของคนๆนั้นก่อน
ไม่งั้นอาจต้องหนีหางจุกตูได้ ถถถถถ เฟยหลงเอ้ย ซนเป็นเด็กๆเลยนะหนู

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เฟยหลงนะ เฟยหลง ซนจิงๆ
มันน่าโดนใครจับมากำหราบสักคน..อย่างเช่น องค์ชาย 5555555555

ออฟไลน์ zeroj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เฟยหลง  ระวังถูกองค์ชายกดไม่รู้ตัวนะ  เล่นซุกซนเข้าไปเถอะ   :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ DINNDANN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 8   เมืองหลวงดินแดนเทวะอัคคี

            ดินแดนเทวะอัคคีตั้งอยู่ทิศใต้ของดินแดนฟ้าไพศาล มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับสามรองจากดินแดนวายุอัสนีและดินแดนฟ้าไพศาล หากแต่เมื่อพูดถึงความเจริญรุ่งเรือง ความมั่งคั่งร่ำรวยแล้วถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในดินแดนทั้งเจ็ด ทั้งนี้เนื่องจากดินแดนเทวะอัคคีอยู่ติดกับดินแดนหมื่นอสูรอันเป็นที่ชุมนุมของเหล่าสัตว์อสูรนานาชนิด สมาคมนักล่าสัตว์อสูรจึงเลือกดินแดนแห่งนี้เป็นตลาดกลางสำหรับซื้อหาแลกเปลี่ยนผลึกธาตุสัตว์อสูรและวัตถุธาตุสัตว์อสูรอื่นๆ อีกทั้งยังมีสำนักแพทย์โอสถหลวงที่ตั้งสำนักใหญ่ในดินแดนแห่งนี้เพราะถือว่าเป็นดินแดนที่มีแหล่งวัตถุดิบอย่างดีสำหรับการปรุงกลั่นโอสถครบถ้วน ส่งผลให้ดินแดนเทวะอัคคีเป็นตลาดสำคัญในการจัดจำหน่ายยาวิเศษซึ่งมีสรรพคุณต่างๆ อันเป็นที่ต้องการของผู้ฝึกพลังยุทธ์ทั้งหลาย เช่นยาสำหรับเพิ่มพลัง ยาหลอมรวมพลัง ยาฟื้นฟูพลัง เป็นต้น

            นอกจากนั้นยังมีสำนักงานใหญ่ของสหพันธ์วานิชมังกรทองซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มอิทธิพลที่มั่งคั่งที่สุดในแผ่นดินตั้งอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองหลวงของดินแดนเทวะอัคคีกลายเป็นจุดศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของแผ่นดินไปโดยปริยาย จึงไม่แปลกที่จะเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาเดินทางเข้าออกเมืองหลวงแห่งนี้กันอย่างพลุกพล่านหากไม่มีการจัดการที่ดีเกรงว่าคงจะเต็มไปด้วยความวุ่นวายแต่ด้วยความรุ่งเรืองจนถึงขีดสุดและความมั่งคั่งจนน่าริษยา ดินแดนแห่งนี้ย่อมเป็นที่หมายปองของดินแดนอื่นๆ หากแต่ก็ยังไม่มีดินแดนใดอาจหาญล่วงล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ของดินแดนเทวะอัคคี ทั้งนี้เนื่องจากหวั่นเกรงในอิทธิพลของกองกำลังพยัคฆ์ทมิฬ ซึ่งเป็นกองกำลังปกป้องดินแดนที่มีแสนยานุภาพอันยิ่งใหญ่

             กองกำลังพยัคฆ์ทมิฬ หาใช่ชื่อเรียกขานเพื่อให้ดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขามแต่เพียงเท่านั้น หากแต่กองกำลังพยัคฆ์ทมิฬเรียกขานตามนามของ พยัคฆ์ทมิฬ สัตว์อสูรดินแดนระดับห้าซึ่งเป็นพาหนะของกำลังขบวนนี้

            ใช่แล้ว!!! กองกำลังนี้ถึงกับใช้สัตว์อสูรประเภทพยัคฆ์เป็นพาหนะ

            พยัคฆ์ทมิฬเป็นสัตว์อสูรธาตุไฟที่ดุร้าย เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว หากเป็นตัวที่เติบโตเต็มวัยที่มีความแข็งแกร่งและได้รับการเสริมพลังธาตุอย่างเพียงพอแล้วยังสามารถพ่นไฟได้ เพียงแค่นี้ก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะมีผู้ใดต่อต้านได้แล้ว

            หากแต่การควบคุมสัตว์อสูรที่ดุร้ายเหล่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดินแดนเทวะอัคคีโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากหอพยัคฆ์อัคคีซึ่งมีสำนักใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้และมีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นคอยให้ความช่วยเหลือในการควบคุมและฝึกฝนกองกำลังพยัคฆ์ทมิฬให้สามารถรุกเข้าโจมตีหรือล่าถอยเพื่อตั้งรับได้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน แค่คิดดูว่าในการต่อสู้ หากต้องเผชิญกับกองกำลังของพยัคฆ์นับร้อยนับพันตัวที่โจนทะยานเข้ามา ข้าศึกคงได้ขวัญหนีดีฝ่อแตกพ่ายไม่เป็นขบวนทั้งที่ยังไม่ทันได้ต่อสู้เป็นแน่
   
            สายลมพัดโชยใบไม้ร่วงปลิวพลิ้วไปตามลม ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยความคึกคักพลุ่กพล่าน เห็นผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ตามถนนหนทาง บ้างก็แวะดูสินค้ามากมายที่จัดวางไว้ตามแผงทั้งสองข้างทาง บ้างก็หยุดทักทายคนรู้จักที่บังเอิญพบเจอกันส่งเสียงจอกแจกจอแจอย่างมีชีวิตชีวา

            “อา…ผู้คนมากมายถึงเพียงนี้”เด็กชายตัวน้อยอายุประมาณสิบปีร้องอุทานด้วยความตื่นเต้น

            “มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น” อีกเสียงดังมาจากคนที่อายุน้อยกว่าคนแรกสักปีสองปี

            “ห้ามพวกเจ้าวิ่งเพ่นพ่านไปไหน ไม่เช่นนั้นอาจจะพลัดหลงกันได้” เด็กผู้ชายที่โตที่สุดรีบบอก

            “พวกเจ้าหิวกันแล้วหรือไม่ เดี๋ยวข้าจะพาไปรับประทานที่ร้านข้างหน้านั่น แต่ก่อนอื่นข้าว่าพวกเราไปหาชุดใหม่ผลัดเปลี่ยนกันก่อนดีกว่า” อีกเสียงดังมาจากเด็กหนุ่มในชุดสีเหลืองขลิบทอง ใบหน้าเรียวงามเป็นจ้าวเฟยหลงนั่นเอง

            หลังจากที่หยุดฝึกฝนพลังยุทธ์ที่ข้างน้ำตกในป่านั้นหนึ่งวัน จ้าวเฟยหลงก็ออกเดินทางโดยมุ่งหน้าสู่ทางทิศใต้อย่างไม่รีบร้อน ระหว่างเดินทางก็ตกผลึกความคิดของการหลอมรวมวิทยายุทธ์โบราณกับพลังยุทธ์พบกับความสำเร็จในระดับหนึ่ง แม้จะไม่สมบูรณ์นักแต่ก็ถือว่าได้บุกเบิกหนทางใหม่ขึ้นมาอีกสายหนึ่ง จ้าวเฟยหลงจึงเดินทางพลางฝึกฝนไปด้วยความยินดี


             ขณะที่กำลังเดินทางผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งบริเวณชายแดนระหว่างดินแดนฟ้าไพศาลกับดินแดนเทวะอัคคีนั้น จ้าวเฟยหลงพลันได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังลั่นผสานกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเด็กผู้ชายสองเสียง จ้าวเฟยหลงไม่รอช้ามุ่งตรงตามเสียงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ แต่ภาพที่เห็นทำให้เขาถึงกับโกรธจัด ที่เบื้องหน้าเห็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังหวดไม้พลองด้ามใหญ่ใส่ร่างของเด็กน้อยวัยสิบสองปีผู้หนึ่งอย่างดุดัน

             ในขณะที่ในอ้อมแขนของเด็กคนนั้นพยายามโอบกอดปกป้องร่างของเด็กชายที่อายุน้อยกว่าสองคนไว้อย่างเต็มกำลัง เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังมาจากเด็กชายสองคนในอ้อมกอดนั้น ทุกครั้งที่ไม้พลองหวดฟาดลงมาเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดใจก็ดังมาจากเด็กน้อยในอ้อมกอดนั้น เรียงร้องห้ามปรามไม่ให้ทุบตีก็ล้วนแต่ดังมาจากปากของผู้ได้รับการปกป้อง ในขณะที่เด็กผู้ชายที่โดนหวดฟาดกลับได้แต่กัดฟันรับไว้โดยไม่มีเสียงร้องหลุดรอดออกจากปากให้ได้ยินสักแอะ ผู้คนเกือบสิบคนที่มุงดูอยู่ล้วนแต่มองด้วยแววตาเฉยเมยไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะเข้ามาห้ามปราม

             จ้าวเฟยหลงเห็นเช่นนั้นพลันทะยานเข้าไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ตวัดฝ่ามือฟาดใส่ไม้พลองด้ามนั้นจนหักท่อน ยกเท้ายันโครมเข้าใส่บุรุษดุดันผู้นั้นจนกระเด็นกระดอนล้มกลิ้งไปอย่างไม่เป็นท่า ฝูงชนที่รุมล้อมอยู่พลันแตกฮือออก มีบุรุษหลายคนกระโจนเข้าหาหวังจะจับตัวเอาไว้ จ้าวเฟยหลงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วผ่านช่องว่างระหว่างคนเหล่านั้นสองมือกราดฟาดออกอย่างหนักหน่วง เพราะรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มีพลังยุทธ์เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้นจึงไม่ได้ผนึกพลังลงไป เพียงครู่เดียวก็กราดฟาดจนพวกนั้นลมกลิ้งระเนระนาดอยู่บนพื้น ผู้คนที่จ้องมองดูอยู่ได้แต่เบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง ยืนหยัดนิ่งไม่มีผู้ใดกล้าบุกเข้ามาอีก

             หลังจากสืบสาวราวเรื่องได้ความว่าเด็กชายทั้งสามเป็นกำพร้าที่บิดามารดาเพิ่งเสียชีวิตจากโรคระบาดเมื่อสองเดือนก่อน ทิ้งเด็กน้อยทั้งสามให้ต้องเผชิญชะตากรรมบนโลกอันแสนโหดร้ายนี้ตั้งแต่เยาว์วัย สามพี่น้องนั้นพี่ชายคนโตหลินซี มีอายุเพียงสิบสองปี คนที่สองเป็นหลินซู ที่มีอายุเพียงสิบปี ส่วนน้องเล็กสุดมีอายุเพียงเก้าปีชื่อว่าหลินซินอี้ ทั้งสามไร้ญาติขาดมิตรผู้เป็นพี่ชายต้องดิ้นรนหาเลี้ยงน้องทั้งสองด้วยความลำบาก

             วันนี้ขณะที่พี่ชายคนโตออกไปหาของป่าเพื่อให้น้องทั้งสองได้รับประทานนั้น หลินซินอี้น้องเล็กก็หิวโหยจนทนไม่ไหว หลินซูเห็นเช่นนั้นด้วยความสงสารน้องชายสุดใจจึงปีนป่ายเข้าไปขโมยอาหารจากบ้านเรือนผู้มีอันจะกินที่อยู่ไม่ไกลนัก หากแต่โชคไม่เข้าข้างถูกจับได้แล้วนำมาฟาดโดยลงโทษอยู่ที่ลานหน้าบ้านหลังนั้น เมื่อหลินซีกลับมาพบเจอก็โดดเข้าปกป้องน้องชายทั้งสองอย่างสุดความสามารถ จนกระทั่งได้จ้าวเฟยหลงโดดเข้าช่วยเหลือ

              จ้าวเฟยหลงเมื่อช่วยสามพี่น้องออกมาก็หาข้าวปลาอาหารให้รับประทานจนอิ่มหนำ ตอนแรกคิดว่าจะมอบเงินให้สักก้อนเพื่อเป็นทุนรอนในการเลี้ยงชีพ หากแต่สามพี่น้องนั้นกลับนับถือเขาเป็นผู้มีพระคุณอาสาติดตามรับใช้เพื่อทดแทนบุญคุณที่ให้การช่วยเหลือ จ้าวเฟยหลงไม่อาจปฏิเสธในความจริงใจของพวกเขาได้จึงให้ติดตามมา

               ระหว่างทางจ้าวเฟยหลงทดสอบตรวจดูพลังยุทธ์ในร่างของทั้งสามพบว่าพวกเขาล้วนแล้วแต่มีพลังยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นต้นสามารถที่จะฝึกฝนพลังยุทธ์ได้ แต่ที่น่าประหลาดกลับเป็นว่าพวกเขาสามพี่น้องล้วนมีพลังธาตุก่อกำเนิดที่แตกต่างกันทั้งหมด หลินซีพี่ชายคนโตมีพลังก่อกำเนิดธาตุดิน หลินซูคนรองมีพลังก่อกำเนิดธาตุน้ำ ส่วนหลินซินอี้น้องชายคนเล็กกลับมีพลังก่อกำเนิดธาตุลม ด้วยเหตุนี้จ้าวเฟยหลงที่ฝึกปรือพลังยุทธ์ธาตุไฟจึงไม่อาจแนะนำพวกเขาในการฝึกฝนพลังยุทธ์ได้มากนัก ทำได้เพียงถ่ายทอดเคล็ดการฝึกพลังยุทธ์ขั้นพื้นฐานตามธาตุของแต่ละคนซึ่งเคยอ่านผ่านตาในหอหมื่นอักษรให้และถ่ายทอดวิธีการสั่งสมลมปราณผนึกฟ้าพร้อมทั้งสอนท่าเท้าเงามายาเพื่อใช้หลบเลี่ยงเพื่อต้องเผชิญกับศัตรู

                จากที่จะใช้เวลาเดินทางไปถึงเมืองหลวงดินแดนเทวะอัคคีภายในหนึ่งวัน กลับต้องยืดเวลาออกไปจนกระทั่งเจ็ดวันให้หลังพวกเขาจึงเดินทางถึงจุดหมาย ตลอดเวลาที่เดินทางร่วมกัน ด้วยจ้าวเฟยหลงเป็นน้องเล็กที่ได้รับความรักความเอ็นดูจากพี่ๆ มาตลอดจึงรู้สึกรักและผูกพันกับพี่น้องทั้งสามยิ่งนัก ในขณะที่สามพี่น้องก็รักเคารพและเชื่อฟังจ้าวเฟยหลง ความรักความผูกพันของพวกเขาทั้งสี่จึงเกิดขึ้นในลักษณะนี้

              จ้าวเฟยหลงเดินนำออกมาจากร้านค้าแพรพรรณ ด้านหลังติดตามด้วยสามพี่น้องตระกูลหลินที่เมื่อได้ผลัดเปลี่ยนสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่จากยาจกผู้ยากไร้ก็กลับกลายเป็นคุณชายน้อยรูปงาม เรียกสายตาผู้เดินผ่านไปผ่านมาให้จับจ้องมองดูด้วยความชื่นชม หลินซีอยู่ในชุดสีเทารับกับรูปร่างที่กำลังเติบโตนั้นยิ่งนัก วงหน้าคมคายฉายแววหล่อเหลาตั้งแต่เยาว์วัย หลินซูสวมใส่ชุดสีน้ำเงินเข้มคับเน้นใบหน้าขาวผ่องงดงามนั้นให้โดดเด่น ดวงตาเรียวคมสวย จมูกโด่งเป็นสันรับกับรูปปากบาง ส่วนน้องชายคนเล็กหลินซินอี้อยู่ในชุดสีขาว ขับเน้นใบหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสานั้นให้น่ารักน่าเอ็นดูเป็นทวีคูณ

               สองเท้าของจ้าวเฟยหลงมุ่งตรงมายังเหลาตะวันฉายซึ่งพนักงานของร้านแพรพรรณแนะนำว่าเป็นเหลาอันดับหนึ่งของเมืองหลวงแห่งนี้ทันทีเห็นผู้คนเดินเข้าออกจากเหลามากหน้าหลายตาแสดงว่าได้รับความความนิยมจากผู้คนอย่างแท้จริงโชคดีที่ชั้นบนสุดของเหลายังพอมีที่ว่าง จ้าวเฟยหลงจึงเดินนำสามพี่น้องขึ้นไปอย่างไม่รีรอ

                 ทันทีที่ก้าวไปถึงทุกสายตาบนนั้นพลันจับจ้องมองมาที่พวกเขาทันที ทุกสิ่งพลันหยุดชะงักราวกับว่าถูกจี้สกัดจุดไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว บ้างก็ตะลึงงันในความงดงามสมบูรณ์แบบของทั้งพวกเขาสี่จนปากอ้าตาค้าง บ้างก็ถึงกลับมือไม้อ่อนตะเกียบร่วงกราวหลุดจากมือ จ้าวเฟยหลงทำเพียงกวาดรอยยิ้มให้พวกเขาไปอย่างไม่สะทกสะท้าน หากแต่สามพี่น้องตระกูลหลินกลับประหม่าจนไม่กล้าก้าวเดินต่อ

            เดินหน้าไปได้เพียงสองก้าวจ้าวเฟยหลงจำต้องหยุดชะงักลง สายตาจ้องประสานกับดวงตาคมดุที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ในใจได้แต่กล่นด่าสาปแช่งโชคชะตาที่มักจะเล่นตลกกับเขาเสมอ


             คำว่า“คู่อริหนทางคับแคบ”เป็นเช่นนี้เอง


-------------------------------------------------------------------


ในที่สุดก็เจอกันอีกครั้งงงงงงงง  ....

หวังว่าเฟยหลงน้อยจะอยู่รอดปลอดภัยนะ

 :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
^เม้นท์บน ตีด้วยปากสินะ อร๊ายยยย~~>////<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :laugh: :laugh: :laugh: หงอคงตีลังกาหมื่นลี้ก็ยังหนีไม่พ้นหัตถ์พระยูไล
555 นับว่าเป็นคู่แค้นหนทางคับแคบจริง ๆ ด้วย  :m20: :jul3: :m20:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
คำกล่าวที่ว่ายิ่งเกลียดยิ่งเจอนี่คือเรื่องจริงแบบ10000%เลย
พิสูทธิ์ดูได้จากการที่น้องเฟยหลงอยู่ๆก็บังเอิญเจอองค์ชาย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ roseouioui

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
สนุกกกกก เจอกันอีกแล้วซินะ 555

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ชอบค่ะ สำนวนดีมากแต่ยังต้องปรับอีกนิด

ข้อมูลพื้นฐาน ใส่ตอนเหตุการณ์ปกติจะดีมากค่ะ


ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เค้าเรียกว่า "ดวงสมพงศ์กัน" ไม่ก้อ "บุพเพสันนิวาศ"
นะจ๊ะเฟยหลง >\\\\<

ออฟไลน์ Midorima

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอาแล้วววววว ! เด็กดื้อจะโดนทำโทษไหมนะ

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
อ่าวๆเจอกันอีกครั้งแล้วองค์ชายจะปล่อยให้หลุดมือหรือ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KoTo_Nat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
จะโดนลงโทษยังไงน้าาาาา

รอติดตามครับ

(แอบจินตนาการไปไกลหึหึหึ)


ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ ~tai~

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อืม... จะเชียร์ใครดีนะ  คู่อริ ศิษย์พี่ สมุนตัวน้อย เลือกไม่ถูก :serius2:
หรือฮาเร็มไปเลยดี  :z1:

ออฟไลน์ DINNDANN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ตอนที่ 9  เผชิญหน้า

            โต๊ะริมหน้าต่างนั้นนั่งไว้ด้วยบุรุษสามคน เป็นบุรุษหนุ่มในชุดสีขาวขลิบเงินดุจคุณชายผู้สูงศักดิ์ผู้นั้นกับผู้ติดตามทั้งสอง ซึ่งเป็นเจ้าของผลึกธาตุกิเลนเพลิงที่เคยพบกันที่เมืองจันทร์กระจ่างนั่นเอง จ้าวเฟยหลงกลอกตาไปมาตลบหนึ่งพลันฉีกรอยยิ้มขึ้นแต้มเต็มใบหน้างาม สาวเท้าเข้าหาคนทั้งสามนั้นทันทีคิดว่าข้าจะเกรงกลัวพวกท่านเช่นนั้นหรือ ฝันไปเถอะ หึ!

             “อา…ได้พบเจอกันสักครั้งนับเป็นวาสนา แต่พวกเราได้พบเจอกันครั้งแล้วครั้งเล่าถือเป็นโชคชะตานำพาให้พานพบอีกทั้งวันนี้ยังบังเอิญได้พบเจอกันอีก ให้ข้าได้มีโอกาสเลี้ยงสุราอาหารพวกท่าน ถือเป็นการขอขมาในการไม่รู้ความของข้าได้หรือไม่”

            จ้าวเฟยหลงพูดพลางส่งยิ้มพิมพ์ใจอันงามหยดย้อยให้ สายตาพลันสบเข้ากับดวงตาคมดุของชายหนุ่มชุดขาวขลิบเงินที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ประกายตานั้นสวยงามดุจดั่งอัญมณีที่เจิดจรัสที่สุดบนผืนแผ่นดิน จ้าวเฟยหลงถึงกับในเต้นตึกตักราวกับว่ามีกองมโหรีมาบรรเลงอยู่ภายในนั้น จำต้องรีบรั้งสายตากลับมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง

            “จ…เจ้า” บุรุษในชุดบัณฑิตที่นั่งอยู่อีกด้านของโต๊ะ ถลึงตาจ้องมองจ้าวเฟยหลงอย่างดุดัน เหมือนจะเอ่ยปากพูดสิ่งใดหากแต่ก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อสบเข้ากับสายตาดุจจะห้ามปรามของชายหนุ่ม

            “หากเจ้ามีความจริงใจ ไหนเลยจะไม่ได้” เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังดังขึ้นจากปากชายหนุ่ม พร้อมกับรอยยิ้มผุดขึ้นจางๆ บนใบหน้าคมคายนั้น เป็นรอยยิ้มบางเบาที่มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ เป็นรอยยิ้มที่เจือด้วยเสน่ห์อันแสนจะเย้ายวนใจ จ้าวเฟยหลงถึงกับถูกสะกดตรึงตราจับจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่อาจละสายตา

             “พี่ใหญ่!ท่านเป็นไรไปหรือ” หลินซินอี้จับแขนจ้าวเฟยหลงพลางร้องเรียกแผ่วเบา

              “อา…” จ้าวเฟยหลงสะท้านตื่นจากอาการหวั่นไหวในใจยังสั่นรัวไม่หายหันไปเห็นเป็นสามพี่น้องตระกูลหลินที่เดินตามมายืนอยู่เคียงข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้สายตาทั้งสามคู่มองมายังเขาด้วยความเป็นห่วง หางตาเหลือบเห็นชายหนุ่มผู้นั้นเหมือนจะกลั้นยิ้มอย่างยากเย็น

             “นี่!!!พวกท่านไม่คิดจะเชิญพวกเราร่วมโต๊ะหรือไรกัน”จ้าวเฟยหลงส่งเสียงดังแก้เก้อ วงหน้าสวยถึงกับขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดูนักในสายตาชายหนุ่ม

              อวี้เหวินหลางลอบมองใบหน้างดงามนั้นด้วยความพึงพอใจ เป็นความพึงพอใจตั้งแต่เมื่อแรกพบสบตาที่เมืองจันทร์กระจ่าง เขาชอบดวงตากลมโตที่สุกใสแวววาวอย่างมีชีวิตชีวานั้นยิ่งนัก

             “เช่นนั้นก็นั่งด้วยกันเถอะ”อวี้เหวินหลางหัวร่อพลางเชิญอีกฝ่ายอย่างนึกขำแกมทึ่งในความใจกล้าของจ้าวเฟยหลง

             ฮึย!!! จ้าวเฟยหลงได้แต่ค้อนให้ฝ่ายนั้นไปทีหนึ่ง พลางเบ้ปากให้อย่างไม่สบอารมณ์ แต่ในสายตาอีกคนกลับน่าดูยิ่ง

            เมื่อเสี่ยวเอ้อจัดที่นั่งเพิ่มให้เสร็จโต๊ะริมหน้าต่างนั้นก็กลายเป็นโต๊ะที่ใหญ่ที่สุดอีกทั้งยังน่ามองที่สุด ผู้คนที่เดินขึ้นมายังชั้นบนแห่งนี้จำต้องหยุดเท้าลงเหม่อมองมายังโต๊ะนี้อยู่บ่อยครั้ง มีทั้งสายตาของบุรุษที่มองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาเลื่อมใสและมีทั้งสายตาของบรรดาสตรีที่มองตาด้วยความหลงใหล

             หากแต่คนทั้งเจ็ดที่นั่งอยู่กลับไม่ได้รับรู้ถึงแววตาเหล่านั้น เด็กน้อยตระกูลหลินทั้งสามคนตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารอันโอชะบนโต๊ะนั้นด้วยความหิวโหย ส่วนจ้าวเฟยหลงก็คอยคีบอาหารใส่จานให้พวกเขาด้วยความเอ็นดู นานๆ จึงจะคีบใส่ปากรับประทานบ้าง จนลืม “คู่อริ” ทั้งสามที่จ้องมองมาด้วยแววตาแตกต่างกันไป

             “มีอะไร ทำไมจ้องข้าเช่นนั้น” จ้าวเฟยหลงเอ่ยถามเมื่อเหลือบเห็นสายตาชายหนุ่มที่มองอยู่

             “เจ้าเป็นใครกัน”

             “ข้าจ้าวเฟยหลง ส่วนสามคนนี้หลินซี หลินซูและหลินซินอี้เป็นน้องชายข้าเอง แล้วพวกท่านเป็นใครกัน” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่เอ่ยจากปากเรียวงามนั้นน่าฟังยิ่ง

             “ข้าอวี้เหวินหลาง ส่วนสองคนนี้เป็นหย่งสือกับเหยียนจวิ้น”อวี้เหวินหลางพูดพลางชี้ไปยังผู้ติดตามทั้งสอง คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ดูกล้าแกร่งสมชื่อหย่งสือยิ่ง ส่วนเหยียนจวิ้นเป็นบุรุษในชุดบัณฑิตก็ส่งกลิ่นอายอันเปี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถดุจดั่งบัณฑิตผู้คงแก่เรียน นับว่าตั้งชื่อได้เหมาะสมนัก จ้าวเฟยหลงคิดค่อนขอดอยู่ในใจ

              ผู้คนที่เคยออกท่องเที่ยวบนผืนแผ่นดินนี้จะทราบว่านามอวี้เหวินหลางผู้นี้มีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา เขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทแห่งดินแดนวายุอัสนี ดินแดนที่มีพื้นที่และอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนผืนปฐพีแห่งนี้อีกทั้งอวี้เหวินหลางยังได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน

            เขาเกิดมาพร้อมกับพลังก่อกำเนิดระดับสูง เป็นศิษย์ผู้สืบทอดวิชาโดยตรงของประมุขพรรคเทพวายุ พรรคที่ได้ชื่อว่ามีพลังยุทธ์ธาตุลมที่แข็งแกร่งที่สุด ความสำเร็จของเขานับว่าไม่ธรรมดาด้วยวัยเพียงยี่สิบปีเขาสามารถบรรลุถึงระดับมหาราชันย์เป็นที่สะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งแผ่นดิน จนเป็นที่คาดหมายกันว่าอวี้เหวินหลางผู้นี้จะเป็นผู้ที่นำพาพรรคเทพวายุผงาดขึ้นเป็นค่ายพรรคอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินได้ในไม่ช้านี้เป็นแน่ ปัจจุบันอวี้เหวินหลางอายุได้ยี่สิบสี่ปีมีพลังยุทธ์อยู่ในระดับมหาราชันย์ขั้นต้น นับว่ามีความสำเร็จเหนือกว่าผู้เยาว์ทั้งหลายบนดินแดนทั้งเจ็ดนี้

             “โอ…เขาคือ องค์ชายแห่งสายลมอวี้เหวินหลาง

             “นับว่าสง่างามยิ่งกว่าคำร่ำลือนัก”เสียงอุทานแผ่วเบาดังขึ้นจากโต๊ะใกล้เคียง สายตาหลายสิบคู่ลอบมองมายังชายหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง

              “เจ้ากลับไม่รู้จักข้า?เช่นนั้นเป็นว่าเจ้าคงเพิ่งเคยออกมาท่องเที่ยวแล้ว”อวี้เหวินหลางเอ่ยขึ้นอย่างนึกแปลกใจ เมื่อเห็นว่าจ้าวเฟยหลงยังคงสนใจอาหารตรงหน้าไม่ได้รู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินชื่อของเขาเช่นคนอื่นๆ

              “ข้าต้องรู้จักท่านด้วยหรือ” จ้าวเฟยหลงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า คิ้วขมวดครุ่นคิด หรือว่าเขาจะเป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน ดูจากรูปร่างอันหล่อเหลาสง่างามเช่นนี้ก็อาจจะเป็นไปได้จ้าวเฟยหลงพยายามนึกถึงชื่ออวี้เหวินหลางจากความทรงจำ

             จากเรื่องราวของค่ายพรรคและผู้คนบนแผ่นดินที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังก็ไม่มีชื่อนี้ปรากฏอยู่ หางตาพลันเหลือบไปเห็นสายตาจากโต๊ะข้างเคียงที่มองมายังเขาด้วยแววตาสมเพชในความโง่งมนั้น จ้าวเฟยหลงถึงกับหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา หรือข้าจะเป็นคนเดียวที่ไม่รู้จักเขา


              “องค์รัชทายาทแห่งดินแดนวายุอัสนีให้เกียรติมาเยือนเมืองหลวงดินแดนเทวะอัคคี พวกเราให้การต้อนรับช้าไปต้องขออภัยอย่างยิ่ง” เสียงก้องกังวานดังขึ้นจากบันไดทางขึ้นชั้นบนของเหลาตะวันฉายเรียกสติของจ้าวเฟยหลงกลับมา สิ้นเสียงปรากฏบุรุษหนุ่มในชุดสีเหลืองทองลายกิเลนเดินเข้ามาอย่างองอาจ ด้านหลังเป็นกองกำลังในชุดสีแดงเพลิงที่ทยอยกันผู้คนในห้องนั้นออกไปจนหมดสิ้นคงเหลือแต่เพียงผู้คนบนโต๊ะริมหน้าต่างตัวนั้น

                “พวกเราเพียงเดินทางมาท่องเที่ยวยังดินแดนเทวะอัคคีแห่งนี้ ด้วยเกรงจะเป็นการรบกวนจึงไม่ได้แจ้งให้ทราบต้องขออภัยด้วย วันนี้องค์ชายเสียนหยางถึงกับเดินทางมาด้วยตนเองนับว่าให้เกียรติข้าอวี้เหวินหลางเกินไปแล้ว”เห็นอวี้เหวินหลางลุกขึ้นประสานมือยกยิ้มกล่าววาจากับเสียนหยางอย่างทระนง กิริยาวาจาที่แสดงออกนับว่าเหมาะสมกับศักดิ์ฐานะของรัชทายาทของดินแดนแห่งหนึ่ง

                 “หากไม่ขัดข้องขอเชิญท่านพร้อมด้วยผู้ติดตามไปพำพักที่วังหลวงด้วยกัน องค์ราชาของเราทราบข่าวการมาเยือนของท่านแล้วและกำลังรอคอยท่านอยู่ส่วนศิษย์น้องจ้าวเฟยหลงข้าจะให้คนนำทางเจ้าไปยังสำนักใหญ่หอพยัคฆ์อัคคี ศิษย์น้องจินอวี่รอคอยเจ้าอยู่ที่นั่นเนิ่นนานแล้ว”เสียนหยางประสานมือกล่าววาจากับอวี้เหวินหลาง พลางหันมาบอกกล่าวกับจ้าวเฟยหลง
“ท่านคือ???”จ้าวเฟยหลงเอ่ยถามด้วยสงสัย

                “ฮ่าๆๆ ข้าเสียนหยางเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า”

               “อา…ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ายินดียิ่งนักที่ได้พบท่านว่าแต่ศิษย์พี่รองมาถึงสำนักใหญ่นานเพียงใดแล้ว ข้าจะต้องถูกศิษย์พี่รองโกรธเป็นแน่ ศิษย์พี่ใหญ่ท่านช่วยข้าด้วย”รอยยิ้มด้วยความยินดีผุดขึ้นส่งประกายเจิดจรัสถึงกับทำให้อวี้เหวินหลางและเสียนหยางนิ่งตะลึงไปชั่วขณะ หากแต่ในชั่วพริบตาใบหน้าก็กลับกลายเป็นม่อยลงเมื่อคิดได้ว่าจะต้องถูกศิษย์พี่รองโกรธเคืองที่ตนเองก่อเรื่องราวเอาไว้ ทุกความรู้สึกฉายชัดบนใบหน้างามอย่างไร้เดียงสา ช่างน่าเอ็นดูนักในสายตาผู้มองชม

                 “ฮ่าๆๆ เจ้ารู้จักก่อเรื่องราวก็ต้องรู้จักรับผิดชอบด้วยตนเองสิ่งของที่เจ้าหยิบฉวยไปจากผู้อื่นอยู่ที่ใด นำออกมาส่งคืนแก่เจ้าของเถอะ”เสียนหยางปั้นหน้าดุบอกศิษย์น้อง

                 จ้าวเฟยหลงเบ้ปากเหลือบตามองไปยังอวี้เหวินหลาง ปากขมุบขมิบบ่นพึมพำไม่ได้ใจความ พลางล้วงกล่องไม้ออกมายื่นให้

                “ข้าคืนให้ท่าน ข้าไม่ได้จะขโมยของท่านสักหน่อย”แต่ใครใช้ให้ท่านแย่งชิงกับข้าก่อนเล่า ประโยคหลังบ่นพึมพำแผ่วเบา แต่มีหรือผู้ฝึกพลังยุทธ์ระดับสูงเช่นอวี้เหวินหลางและเสียนหยางจะได้ยิน

                 “ศิษย์น้อง!ยังไม่รีบขออภัยองค์ชายอีก” เสียนหยางจำต้องปั้นหน้าดุ แม้ในใจจะรู้สึกน่าหัวร่อกับนิสัยซุกซนไม่ยอมคนของศิษย์น้องผู้นี้เป็นอย่างที่จินอวี่พร่ำบ่นให้ฟังทุกประการ

                  “ไม่ต้องแล้ว ผนึกธาตุชิ้นนี้หากเจ้าต้องการ ข้าขอมอบมันให้กับเจ้า” อวี้เหวินหลางยิ้มบอกอย่างใจดี

                  “องค์ชาย!แต่ว่า…”

                   “เหยียนจวิ้นเจ้าไม่ต้องพูด ข้าตัดสินใจแล้ว”

                  ควรทราบว่าผลึกธาตุกิเลนเพลิงเป็นวัตถุธาตุที่หาได้ยากชิ้นหนึ่ง ด้วยกิเลนเพลิงเป็นสัตว์อสูรวิญญาณธาตุไฟชั้นสูง ที่ปรากฏตัวขึ้นไม่บ่อยครั้งนักมีถิ่นพำนักอยู่ในส่วนลึกของดินแดนหมื่นอสูร อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งจึงยากยิ่งที่จะสังหารมันได้ แม้เมืองหลวงดินแดนเทวะอัคคีจะเป็นตลาดกลางในการแลกเปลี่ยนผนึกธาตุสัตว์อสูรแต่ก็ใช่ว่าจะหาซื้อวัตถุธาตุระดับสูงได้ง่ายๆ

                “หากท่านมีความจำเป็นต้องใช้มัน ข้าไม่ต้องการแล้วก็ได้”ด้วยเป็นแพทย์โอสถที่รู้ซึ้งถึงสรรพคุณอันยิ่งใหญ่ของผลึกธาตุชิ้นนี้ จ้าวเฟยหลงที่เห็นถึงความลำบากใจของเหยียนจวิ้นจึงตัดใจส่งคืนให้อีกฝ่าย

               “สิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับพวกเราไม่ใช่ผลึกธาตุสัตว์อสูร ขอเจ้ารับมันไว้ได้ถือเป็นของขวัญแรกพบหน้าที่ข้ามอบให้เจ้าเถอะ หากไม่มีมันพวกเราคงไม่ได้รู้จักกัน”อวี้เหวินหลางพูดด้วยรอยยิ้มจริงใจ

                “เช่นนั้นขอบคุณท่านยิ่งนัก แล้วสิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับท่านคือสิ่งใด หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงข้าจะช่วยหามันให้กับท่าน”จ้าวเฟยหลงเอ่ยถามขึ้น พร้อมอาสาช่วยเหลือด้วยท่าทางจริงจัง

               “ขอบอกกล่าวโดยไม่ปิดบัง ข้าเดินทางมาที่นี่เพื่อร่วมงานชุมนุมหมื่นแพทย์โอสถที่สำนักแพทย์โอสถหลวงจัดขึ้น ด้วยหวังที่จะเชื้อเชิญแพทย์โอสถระดับสูงสักคนไปช่วยรักษาคนสำคัญของข้า ยิ่งหากได้มีโอกาสได้เข้าพบปรมาจารย์ทั้งสามแห่งสำนักแพทย์โอสถหลวงด้วยแล้วยิ่งเป็นการดี” สายตาของอวี้เหวินหลางเมื่อพูดถึงคนสำคัญเอ่อล้นไปด้วยความรักความห่วงใยจน คนที่ฟังอยู่รู้สึกได้

                “เช่นนั้นข้าจะรับผนึกธาตุชิ้นนี้ไว้ ส่วนเรื่องแพทย์โอสถที่ท่านต้องการข้าจะช่วยท่านเองถือเป็นการตอบแทนสำหรับของขวัญที่มอบให้ และเป็นการขออภัยที่ได้ล่วงเกินพวกท่านด้วยความไม่รู้ความของข้า” จ้าวเฟยหลงขันอาสา

               อวี้เหวินหลางเมื่อคิดได้ว่าหอพยัคฆ์อัคคีนั้นมีทั้งผู้ที่ฝึกพลังยุทธ์ธาตุไฟอันแข็งแกร่งและผู้ฝึกฝนเป็นแพทย์โอสถ แม้จะไม่รู้ว่าจ้าวเฟยหลงเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสท่านใดในหอพยัคฆ์อัคคีแต่เป็นที่แน่ใจว่าเมื่อขันอาสาเช่นนี้จะต้องมีหนทางช่วยเหลือเขาเป็นแน่จึงตอบรับด้วยความยินดี

              เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี เสียนหยางจึงเชิญอวี้เหวินหลางกับผู้ติดตามทั้งสองเดินทางเข้าวังหลวงและจัดคนนำทางจ้าวเฟยหลงกับสามพี่น้องตระกูลหลินไปยังหอพยัคฆ์อัคคี


---------------------------------------------------------------

ตอนนี้สั้นๆ นะทุกคน

คิดว่าเฟยหลงน้อยของเราจะไฝว้เหรอจ๊ะ  :m20:

เฟยหลงเป็นห่วงน้องๆ ก็เลยอาศัยความเกรียนเอาตัวรอดไปก่อน  :impress2:

ไว้เจอกันใหม่วันอาทิตย์จ้า....

ไปเที่ยวเกาะสมุย 3 - 4 วันจ้า

 :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
หุหุ คู่อริเจอกันแบบนี้ จะกัดกันแบบไหนล่ะเนี่ย
ปล. อ่านแล้วนึกถึงเรื่องชายาสะท้านแผ่นดินเยยอ่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
<3 แต่หนูเฟยหลงนี่น่ารักจริงๆแฮะ ใครก็ว่าไม่ลง

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
องค์ชายอวี้เหวินมีคนสำคัญแล้วเหรอสำคัญยังไงหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เฟยหลงแถจนสีข้างถลอกแล้วลูกกกก  :z2: เกรียนมากจริงๆ สวยแต่เกรียน โธ่..  :z3:
องค์ชายดูติดสินบนนิดๆนะฮะ ให้ของเพื่อให้ได้เจอกันอีกไรงี้ป่าววว

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ง่ะ ไม่อิ่มอะ ยังไม่จุใจเลย :hao7:

ออฟไลน์ Midorima

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด