จ้าวดวงใจจอมราชันย์ (นิยายกำลังภายในแฟนตาซี สัตว์อสูร):ตอนที่12 (29/05/2016) P.5
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จ้าวดวงใจจอมราชันย์ (นิยายกำลังภายในแฟนตาซี สัตว์อสูร):ตอนที่12 (29/05/2016) P.5  (อ่าน 37345 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มาต่ออีกเลย อยากรู้แล้วววว

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
หนุ่มคมคายคนนั้นใช่พระเอกมั้ยหนอออ~~ หรือจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวหยางหนิงหนออออ~~ :hao7:

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะได้โชว์ฝีมือแล้ว วู้วววววววว...

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
เฟยหลงโชว์ความเมฟให้เขาได้เห็นเลยลูกหึหึ :hao6:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เฟยหลงจัดการเลยลูก ซัดให้หมอบจนสลบไปเลย สู้ๆ

ออฟไลน์ leefever

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ DINNDANN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ตอนที่ 6 สั่งสอน

          สิ้นเสียงเห็นจ้าวเฟยหลงก้าวออกมาเผชิญหน้ากับจ้าวหย่งฉี สายตาจ้องฝ่ายตรงข้ามเขม็ง คิดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นมีศักดิ์เป็นถึงบุตรชายเจ้าเมือง หากแต่ประพฤติตนเป็นอันธพาลร้านถิ่นเที่ยวเกาะแกะระรานสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้คน และนี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำเรื่องเช่นนี้ ดูได้จากผู้คนในเมืองจันทร์กระจ่างที่เห็นเรื่องราวเกิดขึ้นบนถนนถนนใจกลางเมืองกลางวันแสกๆ ยังทำได้แต่เพียงหลีกเลี่ยงไม่กล้ายุ่งเกี่ยว คาดว่าฝ่ายตรงข้ามคงใช้อิทธิพลของผู้เป็นบิดาเที่ยวกดขี่ข่มเหงผู้คนเสียจนหวั่นเกรง คิดได้เช่นนั้นจ้าวเฟยหลงก็ตั้งใจที่จะให้บทเรียนอันสาสมแก่จ้าวหย่งฉีสักครั้ง

      เห็นผู้ที่ก้าวออกมาเป็นจ้าวเฟยหลงทั้งหยางหมิงและจ้าวหย่งฉีต่างก็นึกแปลกใจ ด้วยไม่สามารถสัมผัสพลังยุทธ์จากจ้าวเฟยหลงได้ สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่สามารถสัมผัสถึงพลังยุทธ์ได้นั้นมีอยู่สองประเภท ประเภทแรกเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่มีพลังยุทธ์หรือพลังยุทธ์อ่อนด้อยจนไม่สามารถสัมผัสได้ กับอีกประเภทคือผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งจนสามารถซุกซ่อนพลังยุทธ์ไม่ให้ผู้อื่นสัมผัสได้ ซึ่งผู้ที่มีความสามารถซุกซ่อนพลังยุทธ์ได้นั้นต้องเป็นผู้ฝึกพลังยุทธ์ขั้นสูงตั้งแต่ระดับราชันย์ขึ้นไปจึงจะสามารถทำได้

          แต่เมื่อมองดูจ้าวเฟยหลงเห็นเป็นเพียงเด็กหนุ่มรูปร่างบอบบาง ผิวพรรณขาวผ่อง ดั่งไม่เคยต้องเผชิญกับความยากลำบากมาก่อน ยิ่งมีอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปี เกรงว่าจะเป็นประเภทแรกเสียมากกว่า ถ้าหากผู้ที่ก้าวออกมาเป็นจินอวี่ที่สัมผัสได้ว่ามีพลังยุทธ์แข็งแกร่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพวกเขาก็คงไม่น่าแปลกแล้ว คิดได้เช่นนั้นหยางหมิงรีบก้าวไปหาจ้าวเฟยหลง พลางเอ่ยวาจา

     “น้องชาย กับอันธพาลเช่นนี้ คงไม่ต้องให้ถึงมือเจ้า ให้ข้าจัดการเองจะดีกว่า”พูดพลางจับจ้องมองจ้าวเฟยหลง

     “ขอบคุณความปรารถนาดีของคุณชายท่าน หากแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องของพวกเราสองพี่น้อง คงไม่เหมาะ ถ้าหากเรื่องนี้จะทำให้พวกท่านพลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย เพียงคุณชายท่านยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแค่นี้ พวกเราสองพี่น้องก็ซาบซึ้งใจยิ่งแล้ว”

          จ้าวเฟยหลงพูดพลางส่งรอยยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความสำนึกขอบคุณ หากแต่ถึงกับทำให้หยางหมิงกับนิ่งตะลึงงันไปกับรอยยิ้มนั้นรอยยิ้มที่แย้มจากปากบางเรียวสวยรอยยิ้มที่ชวนให้หัวใจชายหนุ่มเต้นรัว รอยยิ้มที่งดงามดุจดั่งรอยยิ้มของเทพเทวาบนสรวงสวรรค์ หยางหมิงนิ่งงันจับจ้องจ้าวเฟยหลงดุจดั่งสตินึกคิดได้หลุดลอยออกจากร่างไปชั่วขณะ

     “โอ คนงามอยากจะเล่นสนุกกับพี่ชายคนนี้หรอกหรือ ที่จริงไม่ต้องรีบร้อนถึงเพียงนั้นก็ได้ พวกเรายังมีเวลาเล่นสนุกด้วยกันอีกนาน ฮ่าๆๆ” จ้าวหย่งฉีหัวร่อกล่าววาจาอย่างนึกย่ามใจ

     จ้าวเฟยหลงตวัดสายตาขึ้นมองหน้าฝ่ายตรงข้ามที่ยืนห่างออกไปเกือบสองวา ใบหน้างามปรากฏแววเหยียดหยาม นึกดูถูกดูแคลนกับการกระทำของเขา มือเรียวงามโบกสะบัดวูบหนึ่งอย่างรวดเร็วจนไม่มีผู้ใดทันได้มอง


      เพียะ!!!


     เสียงตบฉาดดังกังวานขึ้นอย่างฉับพลัน จ้าวหย่งฉีถึงกับถูกตบจนหน้าหัน พริบตาเดียวก็ปรากฏรอยปื้นสีแดงฉานบนใบหน้าหล่อเหลานั้น

     ทั่วบริเวณนั้นพลันเงียบกริบลงในทันใด ทุกผู้คนล้วนอ้าปากค้างตะลึงจับจ้องมองใบหน้าจ้าวหย่งฉี ร่องรอยบนใบหน้าเป็นหลักฐานบอกว่าที่ได้ยินเป็นเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นอย่างแน่นอน ไม่ใช่พวกเขาหูแว่วไป หากแต่เป็นผู้ใดลงมือ นี่เป็นสิ่งที่ทุกผู้คนสงสัย

      “ใคร!!!ใครกันที่กล้าลอบทำร้ายข้า!!! ปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้!!!” จ้าวหย่งฉียกมือกุมหน้าตวาดก้อง หันซ้ายหันขวาสายตาจ้องมองหาผู้ที่ลงมือทำร้าย


       เพียะ!!!


     เสียงฉาดดังขึ้นอีกครั้ง จ้าวหย่งฉีถูกตบจนร่างซวนเซเกือบถลาล้มลง แก้มอีกข้างที่เหลือพลันปรากฏริ้วแดงขึ้น

     “ใครกัน!!!แน่จริงก็ปรากฏตัวออกมา อย่าได้ซุกหัวหดหางเป็นเต่าในกระดองเช่นนี้!!!” จ้าวหย่งฉีตะโกนก้องอย่างขุ่นแค้น ร่างนั้นพลันปลดปล่อยพลังยุทธ์ออกกดดันผู้คนรอบข้างอย่างบ้าคลั่ง ผู้ที่สามารถลงมือลอบทำร้ายยอดยุทธ์ผู้ฝึกพลังยุทธ์ธาตุลมที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัวเช่นนี้ได้นับว่าไม่ธรรมดา

   
      เพียะ!!!เพียะ!!!เพียะ!!!


     โดยไม่ทันมีใครได้คาดคิด พลังอันไร้ที่มาพลันฝ่าพลังยุทธ์อันแข็งแกร่งของจ้าวหย่งฉีเข้าไป กระทบถูกใบหน้าของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า จนร่างนั้นส่ายโงนเงน ทรุดลงคุกเข่ากระอักโลหิตสีแดงฉานออกมา

     “คุณชาย!!!” บรรดาผู้ที่ติดตามจ้าวหย่งฉีมาเห็นเช่นนั้นพลันกระโจนเข้าโอบอุ้มร่างนั้นไว้ทันที จ้าวหย่งฉีหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า สายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตจับจ้องมองจ้าวเฟยหลงที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเหมือนดั่งไม่ได้เคลื่อนไหวมาก่อน ริมฝีปากบางนั้นยกยิ้มให้เขาอย่างเย้ยหยัน คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าคนลงมือเป็นใคร แต่จ้าวหย่งฉีสัมผัสจากได้แรงตบครั้งสุดท้ายนั้นว่าเป็นจ้าวเฟยหลงเองที่ลงมือ


     “จ…เจ้า!!!”

      อ๊อก!!!

     จ้าวหย่งฉีส่งเสียงได้เพียงแค่นั้น พลันก็ต้องกระอักโลหิตออกมาด้วยความคลั่งแค้นสลบเหมือดไป

     เสียงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเรียกให้กองกำลังรักษาความสงบของเมืองจันทร์กระจ่างกลุ่มหนึ่งประมาณเกือบสามสิบคน ในมือถืออาวุธเป็นหอกยาวหน้าตาถมึงทึงดูน่าเกรงขามมุ่งตรงเข้ามาล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง ผู้นำขบวนเป็นบุรุษวัยกลางคนไว้เคราสามแฉกใบหน้าดุดัน

     “พวกท่าน มีเรื่องอะไรกันหรือไม่” ชายผู้นั้นร้องถาม น้ำเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นว่าด้านหน้ายืนไว้ด้วยหยางหมิง บุตรชายคนเล็กของเจ้าสำนักสาขาของหมู่ตึกดินแดนบูรพาอันยิ่งใหญ่

     “โอ คุณชาย!!!ใครกัน!!! กล้าทำร้ายคุณชายเช่นนี้” หัวหน้าขบวนผู้นั้นพลันถลาเข้าหาจ้าวหย่งฉีทันทีที่เห็นร่างนั้นแน่นิ่งทรุดอยู่ที่พื้นในอ้อมกอดของผู้ติดตามคนหนึ่ง พอเห็นสภาพของผู้เป็นคุณชายที่ทุลักทุเล สองแก้มบวมเปล่ง กระอักโลหิตแปดเปื้อนเสื้อผ้าอาภรณ์เช่นนั้น หากเขาไม่มีการแสดงออกที่เหมาะสมเกรงว่ากลับไปต้องถูกท่านเจ้าเมืองตำหนิเป็นแน่ คิดได้เช่นนั้นหัวหน้าขบวนพลันร้องถามเสียงดังก้อง

     “ใครกันที่บังอาจทำร้ายคุณชายของจวนเจ้าเมืองเช่นนี้ จงแสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้!!!”เสียงนั้นฟังดูขึงขัง น่าเกรงขามยิ่งนัก สายตากวาดมองหยางหมิงและพวกทั้งห้า เห็นพวกเขายังนิ่งเงียบไม่กล่าววาจา สายตาพลันกวาดมองไปยังผู้ติดตามของจ้าวหย่งฉีแทน

     “เป็นพวกเขาที่ทำร้ายคุณชาย!!!” หนึ่งในผู้ติดตามลุกขึ้นชี้มือไปยังพวกจ้าวเฟยหลงอย่างกล่าวโทษ

     “เป็นพวกเจ้านั่นเองที่ทำร้ายคุณชาย พวกเราจับกุมให้หมดทุกคน!!!”

     “ท่านหัวหน้าฉี เกรงว่าท่านจะเข้าใจผิดแล้ว พวกเรามีเรื่องกันจริง แต่พวกเราไม่ได้เป็นคนทำร้ายคุณชายท่าน”หยางหมิงเดินขึ้นมาพูดจาเพื่อไกล่เกลี่ยกับผู้เป็นหัวหน้าขบวน

     “พวกเจ้าทำร้ายคุณชาย!!!”เสียงพูดดังขึ้นจากฝั่งของจ้าวหย่งฉี

     “เมื่อเป็นเช่นนั้น คงต้องเชิญพวกท่านไปรับการไต่สวนที่จวนเจ้าเมืองสักครั้ง” หัวหน้าฉีพูดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

     “หึ เจ้ากล้าล่วงเกินหมู่ตึกดินแดนบูรพาอย่างนั้นหรือ”หยางหมิงขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น

     “ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าเพียงแค่ขอเชิญคุณชายหยางไปกล่าววาจาที่จวนเจ้าเมืองสักครั้งเท่านั้น ขอท่านได้โปรดอย่าทำให้ข้าต้องลำบากใจ”

     “หึ หากข้าไม่ไปกับท่านจะเป็นเช่นไร”

     “เช่นนั้นพวกเราก็คงต้องคุมตัวท่านไป พวกเราจับกุมคนไปสอบสวน!!!”

     “เจ้ากล้า!!!”หยางหมิงได้ยินเช่นนั้นถึงกับเดือดดาล เห็นเขาพร้อมด้วยผู้ติดตามผนึกพลังเตรียมพร้อมรับมือทันที
กองกำลังรักษาความสงบของเมืองจันทร์กระจ่างแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกพลังยุทธ์ที่ได้รับการฝึกฝนจากสำนักยุทธ์จันทร์กระจ่างเป็นหลัก มีจากสำนักยุทธ์อื่นๆ บ้างประปราย แม้จะไม่ใช่ผู้ฝึกพลังยุทธ์ที่มีพลังยุทธ์สูงส่ง หากแต่ก็ถือเป็นผู้เข้มแข็ง พวกเขาร่วมฝึกรูปแบบการรวมกำลังเพื่อต่อสู้กับผู้ที่มีพลังยุทธ์ระดับสูงเป็นการเฉพาะ ดังนั้นจึงไม่อาจดูแคลนกองกำลังกลุ่มนี้โดยเด็ดขาด

          ขณะที่หยางหมิงกำลังจะระเบิดพลังเข้าต่อต้านการบุกของกองกำลังรักษาความสงบนั้น เสียงดังกึกก้องอย่างทรงพลังเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น

     “หยุดมือ!!!”

     สิ้นเสียง เห็นร่างบุรุษสามคนแหวกฝ่าวงล้อมเข้ามา เห็นสายตาของพวกเขามองไปยังจ้าวเฟยหลงพลางผงกศีรษะให้ หากแต่ไม่ได้หยุดชะงักลง หนึ่งในนั้นสาวเท้าไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหัวหน้าขบวนแซ่ฉีผู้นั้นทันทีส่วนอีกสองคนแยกย้ายกันยืนหยัดอยู่ในบริเวณนั้นเป็นรูปสามเส้า โอบล้อมจ้าวเฟยหลงและพวกไว้ตรงกลาง แผ่พลังกดดันกองกำลังรักษาความสงบจนไม่กล้าเคลื่อนไหว

          ผู้มาทั้งสามคนกลับเป็นหานเฟิง หานลู่และหานตง ที่ติดตามจ้าวเฟยหลงมาตั้งแต่ต้นนั่นเองตั้งแต่ที่เทพโอสถอวิ้นหยาง รับรู้ถึงการคงอยู่นั้น พวกเขาก็ไม่ซ่อนตัวอีกต่อไป หากแต่แสดงตัวอารักขาดูแลจ้าวเฟยหลงนายน้อยของพวกเขาอย่างเปิดเผยและการเดินทางลงจากยอดเขาเทียมเมฆาของจ้าวเฟยหลงและจินอวี่ในครั้งนี้ ด้วยมีพวกเขาทั้งสามคนติดตามมาด้วย เทพโอสถอวิ้นหยางจึงวางใจปล่อยให้จ้าวเฟยหลงและจินอวี่เดินทางลงเขามา
   

     ไม่มีใครรู้ว่าหานเฟิงพูดจากับหัวหน้ากองแซ่ฉีนั้นเช่นไร หากแต่ผ่านไปชั่วครู่ก็เห็นฝ่ายนั้นเปลี่ยนท่าทีจากแข็งกร้าวเป็นนอบน้อม ค้อมตัวก้มศีรษะให้หานเฟิงอย่างเคารพนบนอบ พร้อมกับสั่งให้กองกำลังรักษาความสงบคลายวงล้อมจัดตั้งขบวนอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก

     “นายน้อย เชิญพวกท่านไปจากที่นี่ก่อน” หานเฟิงผละจากหัวหน้ากองแซ่ฉีเพื่อบอกกล่าวกับจ้าวเฟยหลง ด้านหลังของเขาเห็นหัวหน้ากองกำลังรักษาความสงบผู้นั้นมองมาด้วยใบหน้าจืดเจื่อน ราวกับว่าจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ พอเห็นจ้าวเฟยหลงปรายตามองมาถึงกับสะดุ้งเฮือกใหญ่ รีบประสานมือคารวะพลางก้มศีรษะประหลกๆ พร้อมกับร่างที่สั่นสะท้านอย่างกับคนทรงเจ้า

     “ขอบคุณท่านอา เช่นนั้นพวกข้าขอปลีกตัวไปก่อน ฝากท่านอาช่วยสั่งสอนอันธพาลผู้นั้นให้ได้รู้สำนึกด้วย”จ้าวเฟยหลงกล่าวขอบคุณ แต่ยังไม่วายฝากฝังหานเฟิงให้จัดการกับจ้าวหย่งฉี พลางแบะปากไปยังร่างที่ยังคงไม่ได้สตินั้นอย่างนึกรังเกียจ

     เมื่อจ้าวเฟยหลงเดินนำจินอวี่หยางหมิงและพวก ออกห่างจากจุดเกิดเหตุพอสมควร เป็นหยางหมิงที่อดทนรอไม่ไหวรีบสาวเท้าขึ้นดักหน้าจ้าวเฟยหลงไว้

     “พวกท่านทั้งสองโปรดชะงักเท้าก่อน ขอบังอาจสอบถาม พวกท่านเป็นใครกัน?”หยางหมิงเอ่ยถาม หน้าตาคมเข้มนั้นฉายแววเคร่งเครียด

     “ขออภัยที่แนะนำตัวช้าไป ข้าจ้าวเฟยหลง ส่วนศิษย์พี่ของข้าจินอวี่ พวกเรามาจากเมืองหลวงดินแดนฟ้าไพศาล” จ้าวเฟยหลงกับจินอวี่คลี่ยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ

     “ข้าหยางหมิงแห่งสำนักสาขาย่อยหมู่ตึกดินแดนบูรพา เมืองจันทร์กระจ่าง ส่วนสองท่านนี้เป็นผู้พิทักษ์หมู่ตึกของเรา เกรงว่าพวกท่านจะมีความเป็นมายิ่งใหญ่ที่ไม่อาจบอกกล่าวได้แล้ว”

     “มิได้ ขอคุณชายหยางท่านอย่าได้เข้าใจผิด พวกเราเป็นศิษย์สำนักแพทย์โอสถหลวง สาขาเมืองหลวงดินแดนฟ้าไพศาลกำลังเดินทางไปยังสำนักแพทย์โอสถหลวงสาขาใหญ่ที่ดินแดนเทวะอัคคีเท่านั้น” จ้าวเฟยหลงพูด แม้จะไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้โกหกหลวงลวงเขาหรอกนะ จ้าวเฟยแอบคิดอยู่ในใจ

     “ใช่แล้วคุณชายวันนี้มีวาสนาได้ยลฝ่ามือป่นศิลาผ่าพิภพของหมู่ตึกดินแดนบูรพา นับว่าห้าวหาญดุดันสมคำร่ำลืออย่างแท้จริง”จินอวี่เอ่ยปากชม

     “ฝีมืออย่างข้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก ไม่ควรคู่ที่จะให้พี่ชายท่านเอ่ยชม ขอพวกท่านอย่าได้เรียกหาข้าเป็นคุณชายแล้วฟังดูเหินห่างกันเกินไป แต่ว่าเพราะเหตุใดหัวหน้ากองแซ่ฉีถึงได้ดูเกรงอกเกรงใจคนของท่านเช่นนั้น”หยางหมิงเอ่ยถามขึ้นอย่างเพิ่งนึกได้

     “ฮ่าๆๆ ไม่มีอันใดหรอกพี่ชาย เพียงแต่ท่านอาของข้าเป็นสหายเก่าแก่กับท่านเจ้าเมืองจันทร์กระจ่างแห่งนี้ก็เท่านั้น”จ้าวเฟยหลงบอก

     “เช่นนั้นหรอกหรือ เอ่อ…ไม่ทราบว่าพวกท่านจะไปไหนต่อ หากไม่รังเกียจขอเชิญไปรับประทานอาหารกับข้าได้หรือไม่”หยางหมิงรีบเอ่ยชวนเมื่อเห็นว่าจ้าวเฟยหลงกับจินอวี่มีทีท่าว่าจะเดินทางจากไป จึงได้ออกปากเหนี่ยวรั้งอีกฝ่ายไว้

     “โอ เช่นนั้นก็นับว่าดียิ่งนัก ข้าอยากจะเลี้ยงอาหารตอบแทนที่ท่านยื่นมือให้ความช่วยเหลืออยู่เหมือนกัน”

     “พวกท่านไม่ต้องตอบแทนข้า ขออย่าได้เกรงใจ ช่วยเหลือผู้ที่เดือนร้อนถือเป็นหน้าที่ของวิญญูชนที่พึงกระทำ หากแต่พวกท่านมาเยือนเมืองจันทร์กระจ่างนับเป็นแขก ให้ผู้เหย้าอย่างข้าได้เลี้ยงอาหารต้อนรับพวกท่านจะดีกว่า”

     “ไม่ได้ๆ นับว่าไม่ถูกต้อง ครั้งนี้ให้พวกเราได้เลี้ยงขอบคุณท่าน แล้วหากมีโอกาสครั้งต่อไปที่พวกเรามายังเมืองจันทร์กระจ่างอีก ท่านค่อยจัดเลี้ยงต้อนรับพวกเราดีกว่า” จ้าวเฟยหลงรีบเอ่ยปากแย้งขึ้นทักที

     “ตกลงตามนี้เถอะ ข้าหิวจนจะทนไม่ไหวแล้ว” จินอวี่รีบตัดบทสรุป เมื่อเห็นหยางหมิงอ้าปากจะเอ่ยวาจา
   

     หยางหมิงในฐานะเจ้าถิ่นพาจ้าวเฟยหลงกับจินอวี่มายังโรงเตี๊ยมจันทราลอยล่อง ซึ่งเป็นโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองจันทร์กระจ่างนอกจากที่พักชั้นเลิศแล้วที่นี่ยังมีเหลาอาหารเลิศรสอันเลื่องชื่อซึ่งเป็นที่นิยมของผู้เดินทางที่บอกกล่าวกันปากต่อปากทำให้ผู้คนมานั่งรับประทานอาหารกันไม่ขาดสาย และที่ประจวบเหมาะยิ่งกว่านั้นคือที่นี่เป็นสถานที่พักที่จ้าวเฟยหลงกับจินอวี่ได้จับจองไว้ด้วย

          หยางหมิงพาจ้าวเฟยหลงและจินอวี่ขึ้นมาที่ชั้นสองของเหลาอาหารที่ผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนชั้นล่าง อีกทั้งยังพอมีที่ว่างอยู่อีกหลายที่ ส่วนผู้พิทักษ์หมู่ตึกดินแดนบูรพาทั้งสองคนนั้นเลือกที่จะนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ชั้นล่าง พวกเขาเลือกนั่งโต๊ะที่ติดหน้าต่างเพื่อจะได้มองผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว่บนท้องถนนระหว่างรออาหารไปด้วย ผ่านไปชั่วก้านธูปหมดไปหนึ่งดอกอาหารที่สั่งอาหารก็ทยอยนำมาจัดวางที่โต๊ะ อาหารหน้าตาน่ากินชวนให้น้ำลายสอ ยิ่งเมื่อได้ลิ้มชิมรสก็นับว่าสมชื่อเหลาอันดับหนึ่งของเมืองจันทร์กระจ่างโดยแท้

          เมื่อรับประทานอาหารและพูดคุยกันไปได้สักพัก สายตาของจ้าวเฟยหลงก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมเข้มในชุดสีขาวขลิบเงิน พร้อมผู้ติดตามที่เคยพบเจอกันที่ร้านค้าสาขาของสหพันธ์วาณิชมังกรทองเดินเข้าไปยังส่วนที่พักของโรงเตี๊ยม นับว่าคู่อริหนทางคับแคบ โรงเตี๊ยมมีตั้งหลายแห่งท่านกลับเลือกพักที่นี่ ดูท่าคืนนี้จะมีเรื่องสนุกให้ทำแล้ว จ้าวเฟยหลงครุ่นคิด ตาเป็นประกาย มุมปากจุดรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

     “มีอะไรหรือเฟยหลง?” จินอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นศิษย์น้องทำหน้าตาประหลาดอย่างมีเลศนัย พลางหันมองตามสายตาของจ้าวเฟยหลง แต่ก็เห็นเพียงผู้คนเดินออกมาจากโรงเตี๊ยมสองสามคนเท่านั้น

     “ไม่มีอะไรศิษย์พี่ ข้าแค่นึกอะไรไปเรื่อยเปื่อย” จ้าวเฟยหลงส่งยิ้มแห้งๆ ให้จินอวี่ที่ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ

     “เฟยหลงกับพี่อวี่จะเดินทางออกจากเมืองจันทร์กระจ่างเมื่อใดหรือ”หยางหมิงถามขึ้น

     “พรุ่งนี้เช้า พวกเราก็ต้องออกเดินทางแล้ว” เป็นจินอวี่ที่ตอบแทน เมื่อเห็นศิษย์น้องยังตกอยู่ในภวังค์ครุ่นคิดวางแผนการอะไรบางอย่างอยู่ เหมือนจะไม่ได้ยินคำถามของหยางหมิง

     “โอ ช่างรวดเร็วเสียจริง พวกท่านจะไม่อยู่เที่ยวชมเมืองจันทร์กระจ่างอีกสักวันสองวันหรือ เรื่องที่พักหากไม่รังเกียจแวะพักที่สาขาหมู่ตึกดินแดนบูรพาของข้าก็ได้ พวกเราเพิ่งได้รู้จักกัน ข้ารู้สึกถูกชะตากับพวกท่านยิ่งนัก ไม่อยากให้พวกเราด่วนแยกจากกันเช่นนี้เลย”

          ปากพูดหากแต่ส่งสายตาเว้าวอนไปยังจ้าวเฟยหลง ผู้ที่ทำให้เขารู้สึกสับสนในหัวใจเป็นครั้งแรก เขาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่นิยมชมชอบหญิงสาวผู้งดงามไม่ต่างกับชายหนุ่มคนอื่นๆ มาโดยตลอดด้วยความที่เป็นคุณชายมีชื่อในเมืองจันทร์กระจ่าง ชีวิตของเขาที่ผ่านมาก็มีหญิงสาวงดงามติดตามพัวพันไม่น้อย แต่เขายังไม่เคยมีใครที่จะทำให้เขารู้สึกดีเวลาอยู่ด้วย หัวใจเต้นรัวเพียงเห็นรอยยิ้ม รู้สึกอยากอยู่ใกล้ชิดไม่ยอมห่าง หากแต่ความรู้สึกเหล่านั้นกลับเกิดขึ้นเมื่อเขาได้พบเจอกับจ้าวเฟยหลง จ้าวเฟยหลงที่เป็นผู้ชายเหมือนกันกับเขา

     สายตาที่จ้องมองของหยางหมิงเรียกให้จ้าวเฟยหลงได้สติ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อสบตากับหยางหมิง เห็นสายตานั้นมองมาด้วยความอ่อนโยน หากแต่ในแววตากลับแฝงด้วยความปรารถนาชื่นชมที่จ้าวเฟยหลงไม่แน่ใจว่าเป็นความปรารถนาสิ่งใด แต่สายตานั้นกลับทำให้เขาถึงกับขนกายลุกชูชันขึ้นมาอย่างไม่อาจเข้าใจ

     “พี่หมิง…”จ้าวเฟยหลงร้องเรียกหยางหมิงแผ่วเบา พลางสะบัดศีรษะทีหนึ่ง

     “โอ ข…ขออภัยที่เสียมารยาท” หยางหมิงละล่ำละลักพูดออกมา

     “มีอันใดต้องขออภัย พี่หมิงจากกันครั้งนี้ไม่รู้ว่าเมื่อใดพวกเราถึงจะมีโอกาสพบเจอกันอีก หากท่านมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยเหลือ โปรดส่งคนไปแจ้งข้าที่สำนักแพทย์โอสถหลวงที่ดินแดนเทวะอัคคีเถอะ คาดว่าข้าจะอยู่ที่นั่นสักพัก” จ้าวเฟยหลงส่งยิ้มกระชากวิญญาณให้กับหยางหมิงอีกครั้ง

     “เช่นกันหากพวกท่านผ่านมาที่เมืองจันทร์กระจ่างอีก ได้โปรดแวะไปหาข้าที่สำนักสาขาหมู่ตึกดินแดนบูรพาด้วย ข้าจะนับวันรอพบเจอพวกท่านอีกครั้ง”

     หลังจากล่ำลากับหยางหมิงแล้ว จ้าวเฟยหลงกับจินอวี่ก็เดินเข้าสู่ส่วนของห้องพักห้องพักที่ทั้งสองคนจับจองไว้เป็นเป็นห้องพักสองห้องที่อยู่ติดกัน ภายในห้องดูโอ่โถงหรูหราสมกับเป็นห้องพักชั้นเลิศ


--------------------------------------------------------------------------------


      ราตรีกาลอันมืดมิดโรยตัวลงปกคลุมผืนปฐพีเฉกเช่นเดิม ผ่านไปครึ่งค่อนคืนทุกที่ภายในโรงเตี๊ยมจันทราลอยล่องตกล้วนอยู่ในความเงียบสงัด ผู้คนล้วนแต่หลับใหล ภายในโรงเตี๊ยมเห็นแสงสลัวๆ จากโคมที่ติดไว้ตามแนวทางเดินเท่านั้น

           ในความเงียบงันนั้นพลันปรากฏเงาร่างเล็กในชุดสีดำทึบมีผ้าสีดำปิดคลุมใบหน้าเอาไว้ ในมือถือกล่องไม้ใบหนึ่งขนาดไม่ใหญ่นักพุ่งทะยานออกมาจากห้องพักหลังหนึ่งอย่างรวดเร็ว ร่างนั้นพุ่งปราดออกไปราวกับเหินบินกระโดดข้ามกำแพงโรงเตี๊ยมไป


            ปัง!!!


            เสียงประตูห้องพักถูกเปิดกระแทกออกเสียงดัง


            “มีขโมย!!!มีขโมย!!!”


            เสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราดดังก้องสะท้อนทั่วบริเวณ พลันปรากฏร่างผู้ฝึกพลังยุทธ์ระดับสูงขึ้นสามคน ร่างนั้นแผ่พุ่งพลังยุทธ์อันแข็งแกร่งพลางไล่กวดติดตามหัวขโมยไปอย่างกระชั้นชิด ทิ้งไว้เพียงเสียงวุ่นวายตะโกนร้องถามเรื่องราวของแขกที่เข้าพักภายในโรงเตี๊ยมเท่านั้น


--------------------------------------------------------------------------------


ขอบคุณที่รักและเมตตาเฟยหลงน้อยของเรานะทุกคนนนน

ติดตามกันต่อไปน้าาาาา

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miya_pp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Midorima

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
รอตอนต่อไปใครมาขโมยอะไรหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
เฟยหลงนี่อย่าบอกนะว่าไปขโมยไอ้นั่นมา5555
ระวังเขาจับได้ละเรื่องใหญ่เลยน้าาาา

ออฟไลน์ KoTo_Nat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
สวัสดีครับ คุณคนแต่ง

อ่านแล้วชอบมากเลย ไม่ทราบว่าในอนาคตนายเอกมีโอกาสท้องไหม อยากให้มีจัง

ที่ขโมยนั่นใช่สัตว์อสูรเปล่าาาา

รออยู่นะครับ ส่งข่าวบ้างนะครับถ้าหายไปไหนนานๆ

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ชอบอ่านแนวนี้จัง รอตอนต่อไปจร้า >\\\\\<

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ขโมยคนนั้นคือใครกันน้า~ เฟยหลงหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆเลย :hao3:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ waiman

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chouxcream59

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :laugh: :laugh: :laugh: หลงหลงหอบกล่องไปใส่ร้ายป้ายสีหนุ่มชุดขาวละสิ เด็กมากกกกก  :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ zeroj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
หนูเฟยหลง  หนูเล่นซุกซนอีกแล้วนะ   ไปขโมยแบบนั้นได้ไง     :a5: :a5: :a5:

เดี๋ยวก็โดนจับ(กด)หรอก    :z1: :z1: :z1:


ออฟไลน์ DINNDANN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 7    หัวขโมยผู้หาญกล้า

              ผู้ฝึกพลังยุทธ์ระดับราชันย์สองคนที่ปรากฏตัวขึ้นในเมืองจันทร์กระจ่างแห่งนี้ว่าน่าตื่นตระหนกแล้ว แต่ที่น่าตื่นตระหนกมากกว่านั้นกลับเป็นบุรุษหนุ่มในชุดสีขาวขลิบเงิน ที่แม้จะดูไปมีอายุเพียงยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปีแต่กลับมีพลังยุทธ์สูงกว่าระดับราชันย์ทั้งสองนั้นอีกพวกเขาสามคนไล่ล่าติดตามหัวขโมยไปอย่างกระชั้นชิด ตัดผ่านตรอกซอกซอยในเมืองตรอกแล้วตรอกเล่า ซอยแล้วซอยเล่า

            หัวขโมยผู้นั้นก็เคลื่อนไหวได้รวดเร็วอย่างน่าประหลาด แต่ที่น่าประหลาดกว่ากลับเป็นเรื่องที่ผู้ฝึกพลังยุทธ์ระดับสูงทั้งสามที่ไล่ล่าติดตามมานั้นไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังยุทธ์ของผู้หลบหนีจนหวิดจะคลาดคลากันหลายครั้งหลายหน บุรุษหนุ่มในชุดขาวขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างนึกสงสัย เป็นไปไม่ได้ผู้ที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นนี้จะไม่ใช้พลังยุทธ์ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่มันจะซุกซ่อนปิดปังพลังยุทธ์ไว้ไม่แสดงออกมา  ขณะเคลื่อนไหว เห็นร่างเล็กนั้นพุ่งทะยานแผ่วพลิ้วดุจดั่งเหินบินพบข้ามกำแพงกระโดดข้ามกำแพง พบหลังคาก็ปีนป่ายหลังคา พบต้นไม้ก็เหินขึ้นไปวิ่งอยู่บนยอดไม้ด้วยวิชายุทธ์อันแปลกพิสดาร

           จนมาโผล่ที่ป่าทึบนอกเมืองแห่งหนึ่ง หัวขโมยผู้นั้นพลันทะยานร่างหายลับเข้าไปในป่า ผู้ติดตามทั้งสามเห็นเช่นนั้นพลันแยกย้ายกันไป ทะยานร่างเข้าโอบล้อมพลางผนึกพลังยุทธ์ครอบคลุมป่านั้นไว้ ด้านหน้าของป่าเห็นชายหนุ่มในชุดสีขาวขลิบเงินค่อยๆ เคลื่อนร่างเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน

            แสงสีทองโผล่ขึ้นที่ขอบฟ้าเห็นไกลๆ รุ่งอรุณของวันใหม่กำลังมาเยือน หากแต่ภายในป่านั้นยังคงมืดครึ้มด้วยถูกต้นไม้ใหญ่บดบัง ใต้ต้นไม้ใหญ่ขนาดสามคนโอบต้นหนึ่ง ร่างของหัวขโมยผู้นั้นยืนพิงต้นไม้หอบหายใจไม่หยุดหย่อน เหงื่อหลั่งไหลโทรมกายดุจดั่งถูกชโลมด้วยหยาดน้ำ มือเล็กนั้นพลันยกขึ้นดึงผ้าคลุมหน้าสีดำออก เผยใบหน้าเรียวงามที่คิ้วขมวดมุ่น ปากแดงเรียวบางนั้นกำลังอ้าหอบหายใจอย่างหนัก ใบหน้างดงามเป็นหนึ่งไม่มีผู้ใดทัดเทียมได้เช่นนี้จะเป็นใครได้นอกจากจ้าวเฟยหลง!!!

             เป็นจ้าวเฟยหลงเองที่อาจหาญเข้าไปขโมยผนึกธาตุกิเลนเพลิงจากราชันย์ยุทธ์ผู้ดุดันทั้งสาม ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากเพียงแค่อยากจะเอาคืนคนที่กล้าแย่งชิงสิ่งของที่เขาต้องการก็เท่านั้น แต่ตอนนี้จ้าวเฟยหลงกำลังนึกเสียใจ ด้วยไม่คิดว่าแค่ผนึกธาตุกิเลนเพลิงชิ้นหนึ่งราชันย์ยุทธ์พวกนั้นจะไล่ล่าติดตามมาไม่ยอมปล่อยเล่นนี้ สำนึกเสียใจก็ส่วนสำนึกเสียใจ แต่มีหรือที่คนอย่างจ้าวเฟยหลงจะยอมแพ้ หยุดยั้งพักโคจรลมปราณอยู่ชั่วขณะ ก็ลากสังขารพุ่งทะยานเข้าไปในส่วนลึกของป่า

            ก่อนจากมาจ้าวเฟยหลงทิ้งจดหมายบอกกล่าวกับจินอวี่ไว้ว่าจะเดินทางไปสำนักแพทย์โอสถหลวงก่อนให้จินอวี่เร่งติดตามมา แต่เชื่อเถอะตอนนี้ศิษย์พี่จินอวี่ของเขาคงรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว เห็นทีเจอกันคราวนี้มีหวังโดนบ่นไม่หยุดเป็นแน่ ไหนจะท่านอาทั้งสามที่ติดตามมานั่นอีก คงได้วิ่งพล่านหาตัวเขาให้วุ่นเป็นแน่ เอาเป็นว่ากลับข้าจะยอมให้พวกท่านลงโทษแล้วกัน


-----------------------------------------------------------------------



             เบื้องหน้าของจ้าวเฟยหลงตอนนี้เป็นยอดหน้าผาสูงชัน มองลงไปเบื้องล่างเห็นลำน้ำสายหนึ่งไหลหลั่งเชี่ยวกราก ได้ยินเสียงน้ำกระแทกโขดหินดังครืนครั่นไม่ขาดหู จ้าวเฟยหลงได้แต่เหม่อมองสายน้ำนั้นอย่างนึกจนปัญญา เขาไม่เคยเดินทางผ่านป่าแถบนี้มาก่อน แต่ด้วยเป้าหมายปลายทางที่ตั้งไว้เป็นสำนักไตรเวชศาสตร์ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองจันทร์กระจ่าง ตอนที่หลบหนีมาจึงมุ่งหน้าสู่ทางทิศใต้ไม่หักเหไปทางอื่น แต่ใครจะคาดคิดว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขาเช่นนี้

             “โธ่…สวรรค์ท่านกลับสร้างหน้าผาสูงชันและลำน้ำเชี่ยวกรากนั้นมาขวางกั้นหนทางของข้าเสียได้ แล้วข้าจะข้ามไปอย่างไรเล่า หึ” จ้าวเฟยหลงได้แต่บ่นพึมพำอย่างหงุดหงิดใจ


            “คงไปต่อไม่ได้แล้วสิเจ้าหัวขโมย!!!”


            จ้าวเฟยหลงได้ยินเสียงจากเบื้องหลัง ถึงกลับต้องร่ำร้องว่าแย่แล้วอยู่ในใจไม่ทันได้หันกลับมาเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม จ้าวเฟยหลงจำต้องพุ่งตัวหลบไปทางซ้ายอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังยุทธ์อันเกรี้ยวกราดที่ถูกปล่อยออกมา


            ตูม!!!


             เสียงระเบิดของพลังดังก้องสะท้านสะเทือน ฝุ่นดินหินฟุ้งกระจาย บริเวณที่จ้าวเฟยหลงเคยยืนอยู่กลับกลายเป็นหลุมลึกเกือบวา หากหลบไม่ทันเกรงว่าร่างที่ยืนอยู่ตรงนั้นคงได้แหลกเหลวเป็นแน่

            จ้าวเฟยหลงเบี่ยงตัวหลบเลี่ยงแล้วสะกิดปลายเท้ากับโขดหินที่อยู่ด้านข้างเตรียมพุ่งทะยานเหินร่างจากไป หากแต่ก็ทำได้แค่คิด ร่างนั้นจำต้องหยุดชะงักลงเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่กดดันคุกคามมาจากด้านหน้า สองขาค่อยๆ ก้าวถอยหลังให้ห่างออกมาจากบุรุษวัยกลางคนในชุดบัณฑิตนั้น หันกลับไปอีกด้านเห็นบุรุษร่างใหญ่ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าส่งพลังกดดันจนจ้าวเฟยหลงอึดอัด ด้านหน้าก็มีบุรุษหนุ่มชุดสีขาวขลิบเงินผู้นั้นที่จ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชา ด้านหลังก็เป็นหน้าผาไร้หนทางจะไปต่อ

            “เป็นเจ้า!!!”เสียงอุทานด้วยคาดไม่ถึงดังจากปากของบุรุษหนุ่ม

            “ใช่แล้วจะทำไม!!!”

            สิ้นเสียงสองเท้าของจ้าวเฟยหลงพลันเคลื่อนไหวด้วยท่าเท้าเงามายา มองเห็นเงาสีดำวูบวาบไปมาดั่งเงาภูติพราย สองมือกลับซัดเข็มเงินเล่มเล็กหลายสิบเล่มด้วยวิชาซัดขว้างอาวุธลับดาราพร่างพราวออกไปอย่างรวดเร็วดุดัน

            ตูม!!!

            ตูม!!!

            ตูม!!!


            เสียงพลังยุทธ์อันแข็งกร้าวปะทะกันดังสนั่น ร่างของผู้ไล่ล่าทั้งสามถึงกลับเซถลาถอยร่นไปด้วยไม่คาดคิดว่า ผู้ที่พวกเขาไล่ล่ามาตั้งแต่ต้น จะมีพลังยุทธ์อันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

             จ้าวเฟยหลงไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาอันดีเช่นนั้นผ่านพ้นไป พลันทะยานเข้าหาบุรุษในชุดบัณฑิตนั้นทันที สองมือผนึกพลังใช้ออกด้วยพลังยุทธ์ของหอพยัคฆ์อัคคี เห็นพลังที่แผ่พุ่งออกไปผนึกเป็นรูปร่างคล้ายดั่งพยัคฆ์เพลิงอันดุร้ายโจนทะยานเข้าหาบัณฑิตผู้นั้นอย่างดุดัน

             ราชันย์ยุทธ์ในชุดบัณฑิตผู้นั้นก็ยอดเยี่ยมยิ่ง กวาดฟาดพัดจีบในมือออกอย่างรวดเร็ว ปล่อยพลังอันหนักหน่วงเข้าต้านทานพยัคฆ์เพลิงดุร้ายนั้นอย่างอาจหาญ

             เพียะ!!!

             ตูม!!!

             เสียงพลังยุทธ์จากพัดกระทบถูกพยัคฆ์เพลิงดั่งสนั่นหวั่นไหว ราชันย์ยุทธ์ผู้นั้นถึงกลับถูกกระแทกถอยร่นไปห้าก้าว อย่างที่ยังไม่มีใครทันคาดคิด จ้าวเฟยหลงอาศัยช่วงเวลาชั่วขณะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัวนั้น เคลื่อนไหวร่างแผ่วพลิ้วผ่านบัณฑิตผู้นั้นไปอย่างรวดเร็ว

             “พลังเพลิงสุริยัน!!!”

              “เขากลับเป็นคนของหอพยัคฆ์อัคคี!!!”

              “เช่นนั้นจึงสมเหตุสมผล ตามไป!!!”

              จ้าวเฟยหลงโคจรลมปราณผนึกฟ้าร่ายท่าเท้าเงามายาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว กระโดดทะยานร่างไปเหนือยอดไม้มุ่งหน้าต่อไปไม่หยุดหย่อน ข้อดีของลมปราณผนึกฟ้าที่จ้าวเฟยหลงฝึกปรือคือช่วยให้สามารถดึงพลังจากธรรมชาติมาใช้ได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน จึงทำให้จ้าวเฟยหลงเคลื่อนไหวพลางโคจรลมปราณฟื้นฟูอาการเหนื่อยล้าไปได้บ้าง จนพอที่จะมีกำลังโลดแล่นหลบหนีต่อไป

            เสียงชายเสื้อปะทะลมพรึบพรับจากด้านหลังดังมาให้ได้ยิน จ้าวเฟยหลงหันกลับไปมองถึงกลับใจสั่นสะท้าน เห็นผู้ไล่ล่าทั้งสามนั้นเหินร่างติดตามมาอย่างกระชั้นชิด ให้ตายเถอะ…พวกนั้นกลับเป็นผู้ฝึกพลังยุทธ์ธาตุลมที่สามารถเหาะเหินได้ คงไม่มีใครจะซวยซ้ำซวยซ้อนยิ่งกว่าเจ้าแล้วล่ะเฟยหลง

             จ้าวเฟยหลงเห็นเช่นนั้นพลันผนึกพลังยุทธ์ซัดเข็มเงินออกไปนับสิบเล่ม เข็มเงินที่ห่อหุ้มด้วยพลังเพลิงสุริยันไม่อาจต้านรับได้โดยง่ายแม้จะเป็นผู้มีพลังยุทธ์ระดับสูงเหล่านั้น เห็นผู้ไล่ล่าทั้งสามหยุดชะงักเท้าลงพลางผลึกพลังยุทธ์ต้านรับเข็มเพลิงสุริยันเหล่านั้นเอาไว้

              ตูม!!!

              ตูม!!!

              ตูม!!!

              เพียงแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว จ้าวเฟยหลงไม่รีรอลังเลเร่งเร้าลมปราณร่ายท่าเท้าเงามายาจนถึงขีดสุดเหินร่างพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วดุจดั่งธนูหลุดจากแล่ง เพียงชั่วพริบตาก็หายลับกับทิวไม้เบื้องหน้าไป

             “ช่างเป็นเด็กน้อยที่น่าสนใจยิ่งนัก” บุรุษหนุ่มชุดขาวขลิบเงินพึมพำแผ่วเบา พลางก้มลงมองเข็มเงินเล่มเล็กในมือ มุมปากยกยิ้มน้อยๆ ด้วยความพึงพอใจ

            “องค์ชายพวกเราจะติดตามต่อไปหรือไม่” บุรุษในชุดบัณฑิตเอ่ยถามขึ้น

             “ไม่ต้องตามแล้ว ข้ารู้สึกว่าพวกเราจะต้องได้พบกับเด็กน้อยคนนั้นอีกครั้งในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน ไว้ถึงตอนนั้นข้าจะคิดบัญชีทั้งต้นทั้งดอกให้สาสม พวกเราเดินทางไปยังดินแดนเทวะอัคคีตามกำหนดเดิมเถอะ”

             “ขอรับ องค์ชาย”

              จ้าวเฟยหลงยังคงทะยานร่างมุ่งหน้าต่อไปไม่กล้าหยุดพัก จนเวลาผ่านไปได้หลายชั่วยามและอยู่ห่างจากจุดที่ปะทะกันมาไกลโขจึงหยุดยั้งลงหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เขาไม่เคยต้องหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้มาก่อน ครั้งนี้นับเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้จ้าวเฟยหลงได้รู้ซึ้งกับคำเตือนที่มีคนเคยบอกว่า อย่าไปแหย่รังแตน นั้นมีความหมายว่าเช่นไร

             จากดึกดื่นค่อนคืนจนถึงตอนนี้ เวลาล่วงเลยมาจนพระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะลาลับขอบฟ้าไปอีกครั้ง จ้าวเฟยหลงปล่อยพลังยุทธ์ออกสำรวจบริเวณโดยรอบในรัศมีทั้งใกล้ไกล ผ่านไปสักพักก็ทอดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจเมื่อสัมผัสไม่ได้ถึงพลังยุทธ์ของผู้ที่ไล่ล่าติดตามมา จ้าวเฟยหลงถึงกับปล่อยร่างกระแทกนั่งแผ่หลาลงบนพื้นด้วยความเหนื่อยล้าหิวโหย หากแต่ก็ยังไม่อาจจะพักได้

              สำหรับผู้ฝึกพลังยุทธ์นั้นเมื่อต้องฝืนใช้พลังยุทธ์จนเกินขีดกำจัดของตนเองไป จำต้องฝึกฝนทบทวนเคลื่อนพลังยุทธ์ไปตามจุดโพรงต่างๆ ในร่างกายตามแนวทางของตนเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายลงก่อน จึงจะสามารถพักผ่อนได้ ไม่เช่นนั้นอาจเป็นเหตุให้ระดับของพลังยุทธ์ถดถอย หากแต่ที่นี่ไม่เหมาะที่จะหยุดพักเพื่อฝึกฝนพลังยุทธ์ เมื่อคิดได้เช่นนั้นจ้าวเฟยหลงก็ยันกายลุกขึ้น ค่อยๆ ลากเท้ามุ่งหน้าไปยังเบื้องหน้าที่ได้ยินเสียงสายน้ำกระแทกโขดหินดังโครมๆ มาแต่ไกล คาดว่าจะเป็นน้ำตกแห่งหนึ่งจ้าวเฟยหลงคิด

              เบื้องหน้าของจ้าวเฟยหลงเป็นน้ำตกสูงชันนับร้อยวา เห็นสายน้ำยาวขาวฟูฟ่องทิ้งตัวลงมาจากหน้าผาลูงสิบลิ่ว ผ่านร่องผาหินสีเทาครึ้มลงมาไม่ขาดสาย สายน้ำเย็นหลั่งไหลกระแทกผาหินข้างเคียงจนน้ำใสกระเซ็นเป็นฟูฝอย ถูกลมพัดต้องกายจ้าวเฟยหลงจนสั่นสะท้าน ด้านข้างเป็นหมู่แมกไม้เขียวขจี แม้แสงอาทิตย์จะลาลับไปมีเพียงแสงจันทร์แต่ยังทำให้จ้าวเฟยหลงสัมผัสได้ถึงความงดงามยิ่งใหญ่ของน้ำตกเบื้องหน้า

               หากแต่จ้าวเฟยหลงก็ไม่มีเวลาชื่นชมกับความงดงามของน้ำตกเบื้องหน้านานนัก รีบหาซอกหน้าผาห่างจากน้ำตกไม่ไกลนักทรุดกายนั่งลงเคลื่อนพลังยุทธ์ตามแนวทางของพลังเพลิงสุริยันเพื่อผ่อนคลายร่างกายที่อ่อนล้าทันที เคลื่อนพลังยุทธ์ไปได้สักพักจ้าวเฟยหลงก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดแปลบปลาบที่แล่นเข้าสู้เส้นประสาทความรู้สึก ในขณะที่เส้นเลือดตามแขนขาปูดโปนขึ้นมาเต้นตุบๆ อย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นถึงความอ่อนล้าสุดขีดของร่างกายอย่างชัดเจน ช่างน่าหวุดหวิดหวาดเสียวยิ่งนัก

              หากต้องทนฝืนใช้พลังยุทธ์ต่อไปเช่นนี้อีกสักพักมีความหวังเขาต้องบาดเจ็บบอบซ้ำจนพลังยุทธ์ถดถอยเป็นแน่ นี่ขนาดเขาให้ทั้งพลังยุทธ์เพลิงสุริยันและวิทยายุทธ์โบราณ อีกทั้งยังเคลื่อนไหวด้วยลมปราณผนึกฟ้ายังเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้ การรับมือการผู้ฝึกพลังยุทธ์ระดับสูงถึงสามคนเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยให้ตายเถอะ ภายใต้บรรยากาศอันเย็นเยียบข้างน้ำตกลมหายใจกระชั้นถี่ของจ้าวเฟยหลงค่อยๆ สงบลง ร่างกายนิ่งสงบตกอยู่ในภวังค์ของการฝึกฝนโคจรพลังยุทธ์

             แสงแดดยามเช้าค่อยๆ ทอแสง เห็นฝูงผีเสื้อนับร้อยนับพันบินล้อเล่นดมดอมดอกไม้หลากสีดูละลานตาเสียงน้ำตกจากหน้าผาสูงกระแทกโขดหินปลุกจ้าวเฟยหลงให้ตื่นจากภวังค์แห่งการฝึกตน ดวงตากลมโตค่อยๆ เปิดออกจับจ้องมองไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้าที่ดูงดงามเป็นพิเศษ ลายลมเบาๆ เคลื่อนผ่านพัดปอยผมยาวปลิวปรกหน้างาม จ้าวเฟยหลงยกมือปัดออกแล้วกระโดดลุกขึ้นยืนหยัดอยู่บนโขดหิน สายตาจับจ้องมองแผ่นฟ้ากว้างเบื้องหน้าร้องตะโกนกู่ก้องดังกังวาน เสียงสะท้อนดังสะท้านยาวนาน ฝูงนกกาแตกตื่นบินพรึบพรับขึ้นจากยอดไม้ด้วยความตระหนก

             จ้าวเฟยหลงหัวร่อฮ่าๆ อย่างบ้าคลั่งด้วยความยินดี แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากของการหลบหนีอย่างหัวซุกหัวซุน แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากมีผลรับที่ไม่คาดหมาย หลังจากฝึกฝนโคจรพลังยุทธ์ผ่านไปหลายรอบจ้าวเฟยหลงกลับสามารถทะลวงเปิดจุดในร่างกายจนมีความก้าวหน้าในการฝึกพลังยุทธ์อย่างไม่นึกไม่ฝันมาก่อน

               จากเดิมที่มีระดับพลังยุทธ์อยู่ในระดับราชันย์ขั้นต้น ตอนนี้กลับสามารถข้ามผ่านไปอีกหนึ่งระดับ ตอนนี้เขากลับมีพลังยุทธ์อยู่ในระดับราชันย์ขั้นสูง จะไม่ให้เขาแตกตื่นยินดีได้อย่างไร นอกจากนั้นลมปราณผนึกฟ้าที่เขาฝึกปรือก็มีความก้าวหน้าเช่นกันจนถึงตอนนี้เขามีพลังวัตรเทียบเท่าคนที่ฝึกลมปราณมาเจ็ดสิบปีเลยทีเดียว

               “เหอะ พบเจอพวกท่านอีกครั้ง ข้าคงไม่ต้องหลบหนีแล้ว ฮ่าๆๆ” จ้าวเฟยหลงกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี สองมือร่ายวิทยายุทธ์โบราณโบราณด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง เห็นเงาฝ่ามือฉวัดเฉวียนไปมาดูละลานตา ส่วนเท้าก็ร่ายออกด้วยท่าเท้าเงามายา กลับเคลื่อนไหวกลมกลืนกับเพลงฝ่ามือสุริยันบรรจบฟ้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นับว่ามีความก้าวหน้าในวิทยายุทธ์ไปอีกขั้น ฉับพลันนั้นก็จ้าวเฟยหลงหยุดชะงักลงไปครู่หนึ่งสองคิ้วขมวดมุ่นเหมือนกับว่าฉุกใจได้คิดในสิ่งใด

               จ้าวเฟยหลงพลันผนึกพลังยุทธ์ด้วยพลังเพลิงสุริยันลงที่สองมือหากแต่ยังคงร่ายออกด้วยเพลงฝ่ามือสุริยันบรรจบฟ้าหากแต่เปลี่ยนจากการใช้ออกด้วยพลังลมปราณเป็นใช้ออกด้วยพลังยุทธ์แทน คลื่นเปลวเพลิงอันร้อนแรงพลันพวยพุ่งออกจากสองมือนั้น จ้าวเฟยหลงพลันตวัดซัดฝ่ามือใส่โขดหินเบื้องหน้าในทันที

              ตูม!!!

              ตูม!!!

              เสียงระเบิดดังก้องสนั่นหวั่นไหว โขดหินนั้นถึงกับถูกระเบิดจนแตกสลายกลายเป็นเศษหินก้อนเล็กก้อนน้อยในชั่วพริบตา

               อา… จ้าวเฟยหลงอุทานอย่างคาดคิดไม่ถึง

               การต่อสู้ด้วยพลังยุทธ์แต่เดิมนั้นเป็นการต่อสู้ปะทะกันด้วยความแข็งแกร่งของพลังยุทธ์โดยตรง ไม่มีความพลิกแพลงมากนัก เป็นเพียงการต่อสู้โดยใช้เคล็ดวิชาหรือพลังของสรรพาวุธขึ้นสูงปะทะต่อสู้กัน ผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งจึงมักจะได้เปรียบ ผู้คนจึงต้องขวนขวายหาทางยกระดับพลังยุทธ์ของตนเองให้สูงขึ้น เพื่อให้มีเปรียบในการต่อสู้นั่นเอง หากแต่การต่อสู้ด้วยวิทยายุทธ์แต่โบราณนั้นนอกจากพลังลมปราณที่เข้มแข็งแล้ว ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่จะทำให้มีเปรียบในการต่อสู้ เช่นความแข็งแกร่งของวิทยายุทธ์ ความพลิกแพลงของเคล็ดวิชา ความยอดเยี่ยมของอาวุธที่ใช้ เป็นต้น

                เช่นนั้นเป็นว่าหากจ้าวเฟยหลงสามารถผนึกรวมใช้เคล็ดวิชาของวิทยายุทธ์โบราณออกด้วยพลังยุทธ์ แม้จะมีความแตกต่างกันของระดับพลังยุทธ์ แต่ความพลิกแพลงและความยอดเยี่ยมของเคล็ดวิชาที่ใช้ก็จะช่วยลดความต่างชั้นนั้นลงและช่วยให้มีเปรียบในการต่อสู้ได้บ้าง ไม่ใช่ปิดประตูแห่งชัยชนะเพราะพลังยุทธ์ด้อยกว่าอย่างเช่นที่ผ่านมา

               โอ…หากทำสำเร็จจ้าวเฟยหลงจะกลายเป็นผู้บุกเบิกหนทางสายใหม่สู่การเป็นผู้แข็งแกร่งบนปฐพีแห่งนี้เลยทีเดียว

               จ้าวเฟยหลงยืนนิ่งครุ่นคิดอย่างตั้งใจ เวลาผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดดอก เห็นรอยยิ้มจุดขึ้นตรงมุมปากเรียวงาม แววตาฉายชัดให้เห็นถึงความยินดี

-----------------------------------------------------------------------

เฟยหลงยังเด็กก็มีซุกซนบ้างเป็นธรรมดา อิอิอิอิ

เอาใจช่วยยเฟยหลงน้อยด้วยนะ

ไม่รู้จะได้เจอพ่อหนุ่มรูปงามคนนั้นอีกเมื่อไหร่

 o18 o18 o18

ชอบไม่ชอบ ยังไง บอกได้นะทุกคนนนนน

ส่วนที่ถามว่านายเอกจะท้องไหม บอกเลยว่าไม่จ้าาาาาา
[/color]

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
หนูจ้าวซนน่าดู ไปขโมยขององค์ชายมาระวังเขาจะคิดค่าเสียหายเอานะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
อุ๊ย!  องค์ชายเป็นพระเอกแน่เลย. ไม่รู้อะ เซนส์บอกว่าคนนี้แหละ ฮิๆ #ทีมเฟยหลง#ทีมองค์ชาย :hao7:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
นั้น!! เก่งไปอีกคะลูก หวังว่าจะไม่เกินขีดตัวเองน้า

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
เฟยหลงเด็กน้อยยย เดี๋ยวเถอะ ซนมากๆ เดี๋ยวองค์ชายมาตีก้นไม่รู้ด้วยนะ5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด