My Close Friend เปลี่ยนคู่จิ้นให้เป็นคู่รัก(อั๋น-หมอ) ตอนที่43 END (จบแล้ว)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Close Friend เปลี่ยนคู่จิ้นให้เป็นคู่รัก(อั๋น-หมอ) ตอนที่43 END (จบแล้ว)  (อ่าน 60093 ครั้ง)

ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
หวานทันที5555 หมอไปไม่เป็นเลย น่าร้ากกกก

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อุ๊ย...เป็นแฟนกันแล้ว ^^

ออฟไลน์ fightreblue

  • FC นัดกับพี่นิว
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อุ๊ย เป็นแฟนกันแล้ว ..เมื่ิอไหร่จะได้เป็นผัวเมียกันนะ
รอติดตามตอนต่อไป ให้กำลังใจไรเทอร์ สู้สู้นะครับ  :hao6:

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ตอนที่26

หลังจากไอ้นนท์กับไอ้เอกทำหน้าที่เป็นโทรโข่งกระจายข่าวว่าผมกับอั๋นตกลงคบกันเป็นแฟน เรื่องนี้ถูกเล่าต่อกันไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าคนทั้งโรงเรียนจะรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว

ผมกับอั๋นถูกเพื่อนๆในห้องสอบสวน โดยไอ้นนท์เป็นคนยิงคำถามด้วยสกิลการเผือกขั้นเทพของมัน ตั้งแต่ว่าเริ่มจีบกันจริงๆตอนไหน ตกลงคบกันได้ยังไง มีอะไรกันหรือยัง- - จะหนีไปไหนก้ไม่ได้ซะด้วย เพราะทุกคนล้อมผมกับอั๋นไว้ในห้อง

แน่นอนว่าผมได้แต่เงียบและทำหน้าเบื่อโลกใส่ไอ้พวกขี้เสือกทั้งหลาย น่าแปลกที่อั๋นก้ขัดเขิน ไม่ค่อยได้ตอบอะไร ผมนึกว่าอั๋นจะสาธยายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้พวกเพื่อนๆฟังซะอีก ปกติมันก้มักจะบ้าจี้ตามคำสั่งเพื่อนเพื่อแกล้งผม แต่ก้นึกขึ้นมาได้ว่าสถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เราเป็นแฟนกันจริงๆ อั๋นคงอยากเก็บหลายเรื่องระหว่างเราสองคนไว้เป็นความลับ
ผมยิ้มมุมปาก

เมื่อถูกเพื่อนๆสัมภาษณ์จนเป็นที่พอใจแล้ว ผมกับอั๋นโดนเอกโบกหัวคนละทีโทษฐานที่ไม่ยอมบอกว่าอั๋นจีบผมมาได้ช่วงหนึ่งโดยที่ต้าร์กับนนท์รู้อยู่แล้ว

พักกลางวัน ผมกับอั๋นกลายเป็นจุดสนใจในโรงอาหาร นักเรียนเกือบทุกคนมองเราสองคน หลายคนถึงกับชี้มือมาทางเราและหันไปคุยกับเพื่อนต่อ
ผมกำลังมองหาโต๊ะว่างให้พอสำหรับคน30คนของห้อง ก้หันไปเห็นพี่ก้องกำลังมองมาทางผมด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
ผมหันไปทางอื่นทันที และเลี่ยงโต๊ะยาวว่างตัวที่อยู่ใกล้กับโต๊ะที่พี่ก้องกับเพื่อนๆนั่งอยู่

"หมอกินไร" อั๋นสะกิดไหล่
"กูอยากกินก๋วยเตี๋ยวว่ะ ไปซื้อกัน"
"ไปดิ"
อั๋นเดินจูงมือผมตรงไปร้านก๋วยเตี๋ยวป้าบัวทันที ผมร้อง
"ไรเนี่ย"
อั๋นยิ้มจนตาหยี ไม่ตอบและไม่ยอมปล่อยมือ
เสียงแซวดังขึ้นมาเหมือนกดปุ่มสั่ง ไม่ได้มาจากเพื่อนในห้องที่เดินลงมาพร้อมกันเท่านั้น ยังมาจากนักเรียนคนอื่นที่อยู่ใกล้พวกผมแถวนั้นด้วย ให้มันได้อย่างนี้สิ

อั๋นขอปรุงรสก๋วยเตี๋ยวให้ผม
"มา กูปรุงให้"
"เห้ย เดี๋ยวๆ ไม่ใส่น้ำตาลกับ..."
"พริกครึ่งช้อน น้ำปลานิดหน่อย ไม่ใส่น้ำตาล ไม่เอาน้ำส้มสายชู กูรู้น่า"
ผมอึ้งจนพูดไม่ออก
"นี่มึง..."
ผมยิ้มกว้าง อั๋นสังเกตแม้แต่เวลาที่ผมปรุงรสก๋วยเตี๋ยวเลยเหรอเนี่ย
อั๋นดูพอใจในตัวเองเมื่อส่งชามก๋วยเตี๋ยวกลับมาใส่มือผม
เมื่อกลับไปที่โต๊ะ พี่ฝ่ายกีฬาของสีฟ้าที่เป็นคนประกาศรายชื่อนักกีฬาบาสฯตัวจริงเดินตรงเข้ามาหาอั๋น
"อั๋น พี่ขอโทษจริงๆว่ะ พี่น่าจะให้น้องลงตั้งแต่แรก" พี่เค้ามีท่าทางเสียใจตามที่พูดจริงๆ
"ไม่เป็นไรครับ" อั๋นยิ้มให้อย่างจริงใจ
"คือพี่..." พี่เค้าเงียบไป เหมือนไม่รู้ว่าจะอธิบายสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดออกมาอย่างไรดี "พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ"
"ช่างเถอะครับ ผมไม่เป็นไร"
แล้วพี่เค้าก้จากไป ท่าทีสับสน
"ถึงกูจะเซ็งที่สีเราแพ้ แต่กูอดสมน้ำหน้าพวกรุ่นพี่ไม่ได้จริงๆว่ะ เป็นไงล่ะ" นนท์พูดขึ้นทันที
"มันผ่านไปแล้วน่ามึง" อั๋นนั่งลงและเริ่มกิน
"ปีหน้าคงไม่มีอะไรแบบนี้อีกนะ"
หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไป คนอื่นดูจะไม่ติดใจสงสัยอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อสักครู่ แต่ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าพี่ก้องทำอะไรกับพี่คนนั้นเพื่อไม่ให้อั๋นได้เป็นตัวจริง มันเกิดอะไรขึ้นนะ
"เย็นนี้ฝ่ายเชียร์ไม่มีซ้อมใช่ปะ" อั๋นถามผม
"อ่าฮะ"
"ดีเลย งั้นเลิกเรียนแล้วจะได้รีบกลับ"
"รีบกลับไปไหนวะมึง วันนี้วันศุกร์นะเว้ย" ต้าร์ถาม
"นั่นดิ อ้อ...ไม่ได้ๆ เพื่อนอั๋นกับเพื่อนหมอเค้ามีนัดกันแล้วพวกมึง" นนท์เสริม เสียงแซวดังขึ้นมาทั่วโต๊ะทันที
"เสือก" ผมด่านนท์ ทุกคนหัวเราะ
นนท์ทำท่าจะยื่นมือมาตบกบาลผม แต่เอกห้ามไว้
"อย่านะเว้ย เดี๋ยวมึงก้โดนตีนไอ้อั๋นหรอก ไปทำแฟนมันได้ไง"
"อรั๊ยย"
"อรั๊ยพ่อง" ผมโวยวาย เกลียดคำว่า'อรั๊ย'นี่ชะมัด ยิ่งบวกด้วยเสียงของไอ้นนท์ด้วยแล้ว
"เออ ห้ามทำไรแฟนกูนะเว้ย" อั๋นโอบไหล่ผม
ผมศอกใส่อั๋นอย่างหมั่นไส้
"เค้าเจ็บนะ"
"ไอ้เชี่ยอั๋นท่าจะกลัวเมียว่ะ" ต้าร์หัวเราะ
"อ่อน"
"ว้ายย อั๋นกลัวเมีย"
"พวกมึงก้ด้วย แซวอยู่นั่น ระวังจะโดนดี" ผมบอก ชี้นิ้วใส่เพื่อนทุกคน แต่พวกมันทำท่าล้อเลียนกลับมาและยังแซวต่อไปตลอดเวลาพักเที่ยง- -

คาบเรียนหลังพักเที่ยง ผมกับอั๋นถูกอาจารย์แซวด้วย
"ข้อนี้ครูถามพิสุทธิ์ อะ ตอบไรจ๊ะ" ชิบหายแล้ว อาจารย์ทำไมเรียกถามผมล่ะคร้าบ
"เอ่อ คือ..." ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากอั๋น
"ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน" อั๋นกระซิบ
"เมดิเตอร์เรเนียนครับ" ผมรีบตอบ
"ถูกจ้ะ เอ ครูเห็นว่ามีพรายกระซิบนะ"
ผมกับอั๋นยิ้มแหยๆ
"เห็นสนิทกันมาก แต่ครูไม่คิดว่าเธอสองคนจะเป็นแฟนกันนะ น่ารักดี...ยังไงพงศกรก้ช่วยดูแลเรื่องเรียนให้พิสุทธิ์ด้วยนะจ๊ะ"
สิ้นเสียงอาจารย์ นักเรียนคนอื่นๆหันมามองหลังห้องเป็นตาเดียว แถมด้วยรอยยิ้มล้อเลียนที่ผมโดนทำใส่ประจำ
คนข้างๆผมก้ยิ้มกว้างด้วยเช่นกัน
"ให้พงศกรช่วยดูแลนะ"

รูปอั๋นจับมือผมเดินในโรงอาหารถูกโพสต์ลงในเพจของโรงเรียน พร้อมข้อความว่า 'กองอวยสมหวังแล้วน้า คู่นี้เค้าคบกันจริงๆแล้วจ้า โฮ ฟินนนน' และอวยพรให้อย่างกับว่าพวกผมแต่งงานกันยังไงยังงั้น
"มึงดู ทีนี้คนจะได้เลิกจิ้นเราซะทีเนอะ" ผมนอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นที่บ้านอั๋น ส่วนเจ้าของบ้านนั่งบนพื้น ชิดหลังติดกับโซฟา กำลังเล่นเกมในไอโฟน ผมยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้ดู
"เลิกจิ้น แต่กูว่าเราจะยิ่งโดนจับตามองอะดิ" อั๋นพูดต่อไป "คนกระจ่ายข่าวเรื่องเราก้มีข้อดีอยู่นา"
"ยังไงวะ"
"คนที่คิดจะจีบมึงจะได้ไม่มายุ่งไง อย่างไอ้พี่ก้องงี้...มึงแม่งคนชอบเยอะ"
"เว่อร์ ใครอีกวะ"
"มีหลายคนที่สนใจมึงแต่ไม่ได้เข้าหา...นั่นแหละ เป็นเหตุผลที่กูรีบขอคบไง" เดี๋ยวนะ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยสักนิด เท่าที่ผมรู้ก้มีแค่พี่ก้องคนเดียว
"กลัวว่าจะมีคนมาจีบกูเพิ่มเนี่ยนะ"
"เออดิ กูเลยคิดว่าต้องรีบขอมึงให้เร็วที่สุด"
ผมประหลาดใจกับข้อมูลใหม่นี้มาก ไม่รู้มาก่อนจริงๆว่ามีคนชอบผมอีก อั๋นไปรู้มาจากไหนเนี่ย
"ก้กูหล่อนิ ทำไงได้" ผมถอนหายใจ
"จ้าพ่อคนหล่อ แต่ก้ยังหล่อน้อยกว่ากูอยู่ดี"
"ใครบอกมึง กูหล่อกว่าเว้ย"
"มึงเป็นเมีย กูเป็นผัวนะหมอ กูก้ต้องหล่อกว่าดิ"
- -
"เออ ไหนๆก้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาละ กูมีไรจะบอก" อั๋นวางมือจากไอโฟน ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาด้วย ยกตัวผมให้ขาวางบนตักมัน
"กูอะ กะจะขอมึงเป็นแฟนมาพักนึงแล้ว" อั๋นยิ้ม มองหน้าผมและเริ่มต้นเล่า "กูกลัวว่าถ้าไม่รีบขอมึงเป็นแฟน มึงอาจจะไปตกลงคบกับคนอื่นที่มาจีบ ยิ่งตอนที่พี่ก้องเข้าหามึง กูยิ่งคิดว่าต้องรีบแล้ว ถ้าจับปล้ำทำเมียได้ก้ทำ"
"สัส- - แล้วทำไมพึ่งมาขอเมื่อวานอะ"
"กูเขินนิ" อั๋นหยุดนิดหนึ่งก่อนตอบ
"ห๊ะ มึงเนี่ยนะ" ผมหัวเราะ ไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเขินได้ทั้งๆที่รุกจีบผมหนักขนาดนั้น
"จริงนะ กว่ากูจะรวบรวมความกล้าขอมึงเป็นแฟนได้"
"ไม่เชื่ออะ มึงหน้าด้านจะตาย หยอดกูทั้งวัน ทำไมตอนขอเป็นแฟนถึงไม่กล้า โอ๊ย..."
อั๋นบีบจมูกผมอย่างมันเขี้ยว
"มันไม่เหมือนกันนะหมอ จีบก้ส่วนจีบ แต่ตอนขอเป็นแฟนมันมีหลายความรู้สึก เขิน กลัว ตื่นเต้นด้วย ปนกันไปหมด...อีกอย่าง กูรอจังหวะให้มีเรื่องแข่งบาสฯด้วย"
แม้แต่ตอนที่กำลังอธิบายตัวเองอยู่นี้ อั๋นก้หน้าแดงขึ้นมานิดหน่อย ผมนึกถึงตัวเองในอดีต ตอนที่ไปขอผู้หญิงที่ชอบเป็นแฟน ผมก้รู้สึกปั่นป่วนในท้อง กล้าๆกลัวๆเหมือนกันนี่นา
"กูรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง อะดรีนาลีนไหลไปทั่วตัว...รู้มั้ยว่ากูรู้สึกยังไงที่สุด"
"ไม่รู้"
"กูกลัว กลัวว่ามึงจะปฏิเสธ ถ้ามึงไม่ได้ชอบกู..."
"ไอ้บ้า" ผมขัดขึ้น "ขนาดนี้ยังคิดว่ากูไม่ชอบมึงอีกเหรอ" พูดจบแล้วผมก้เป็นฝ่ายหน้าแดงบ้าง
"ใช่ดิ กูไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง มึงอาจจะไม่ได้ชอบกูก้ได้ หรือบางที..."อั๋นเงียบไป ก้มหน้าลงอย่างไม่แน่ใจว่าควรพูดสิ่งที่กำลังคิดออกมาหรือไม่
"อะไรวะ"
"คือ...มึงอาจจะไม่ได้ชอบผู้ชายก้ได้"
ผมนิ่ง นี่ก้เป็นหนึ่งในคำถามที่ผมถามตัวเองมาสักร้อยครั้งได้ ผมไม่รู้ว่าจะนิยามสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่าอะไร ผมเคยชอบผู้หญิง มีอารมณ์กับผู้หญิงเหมือนกับที่ผู้ชายทั่วๆไปรู้สึก แต่เมื่อผมรู้จักอั๋น ใช้เวลาอยู่กับมันนานพอที่จะเรียกได้ว่าเราสนิทกัน ผมรู้สึกดีกับมัน รู้สึกดีกับสิ่งที่มันทำให้ผม และยอมรับว่าทุกครั้งหลังๆมานี้ที่อั๋นจับมือ โอบไหล่ หรือนอนกอดผม มันรู้สึกดีจนไม่อาจโกหกตัวเองได้
จนถึงตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายหรือไม่ ผมอาจจะชอบผู้ชายไปจริงๆแล้วก้ได้ แต่ถ้าถามว่าชอบอั๋นหรือไม่ ผมตอบได้เต็มปากเลยว่าใช่
และด้วยเหตุผลนั่น ทำให้ผมตอบตกลงเป็นแฟนอั๋นโดยไม่นึกอยากลังเลอะไรอีก
"คิดอะไรอยู่เหรอ" อั๋นถามเสียงเบา
ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้อีกฝ่ายเข้าใจ
"กูเองก้สับสน" อั๋นพูดขึ้นก่อน "กูตอบไม่ได้ว่ากูชอบผู้ชายรึป่าว แต่กูไม่รู้สึกแบบนี้กับคนอื่นเลยถ้าไม่ใช่มึง" แววตาอั๋นยืนยันสิ่งที่มันพูดไป
"กูก้เหมือนกัน" ผมยิ้ม "กูรู้แค่ว่ากูชอบมึง" ประโยคหลังหลุดออกไปจากปากอย่างตะกุกตะกัก
อั๋นยิ้มกว้าง เอื้อมมาจับมือผมบีบเบาๆ
"บางทีความรักอาจไม่ได้จำกัดแค่คำว่าชอบผู้ชายหรือชอบผู้หญิงก้ได้มั้ง"
"..."
"เพราะสำหรับกูแล้ว กูก้ชอบมึงแค่คนเดียวนะหมอ"
เราจ้องตากันอยู่อย่างนั้น ยิ้มให้กัน ผมเขินเกินกว่าจะตอบคำพูดล่าสุดของคนตรงหน้า ผมดีใจที่อั๋นคิดเหมือนกันกับผม

"มึงใจร้ายมากรู้มั้ย" อั๋นกลับมาท่าทางกวนๆเหมือนเดิมเมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ "กูบอกชอบมึงไปตั้งนานแล้ว แต่มึงไม่เห็นตอบอะไรกูเลย"
"...อะไรเนี่ย" ผมหัวเราะ "หมายความว่าไงวะ"
"จำตอนที่มึงถามกูว่ากูชอบใครอยู่ได้มั้ย" ผมต้องจำได้สิ จำได้ดีเลยล่ะ ไอ้เกม20คำถามที่ช่วยยืนยันให้ผมรู้ความรู้สึกจริงๆของอั๋น "กูคิดหนักเลยนะว่าจะบอกมึงเลยดีมั้ย"
"ต้องบอกดิวะ เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่โกหกในเกมนั้น"
"ใช่ไง แต่กูก้ไม่คิดว่ามึงจะถามตรงๆแบบนี้ หมอนะหมอ"
ผมหัวเราะ
"พอกูบอกไป มึงไม่ตอบอะไรกูสักคำ กูกลับบ้านไปก้คิดมาก กลัวว่ามึงจะตีตัวออกห่าง แต่มึงก้ยังเหมือนเดิม"
"เห็นยังงั้นเลยเริ่มจีบกูใช่มะ"
"เออดิ กูดีใจสัสๆ ลึกๆก้คิดด้วยว่ามึงต้องชอบกูแน่ เพราะมึงไม่ต่อต้านแถมยังเขินด้วย" อั๋นคลี่ยิ้มออกมา
"หลงตัวเองนะมึงอะ"
"เอ้า ก้มึงให้ความหวังกูซะขนาดนี้"
"รู้งี้กูไม่น่าเล่นด้วยเลย น่าจะทำเป็นไม่คุยกับมึง" ผมแหย่
"โห่ มีอย่างที่ไหน กูบอกชอบแต่เฉยซะงั้น"
"กูก้เขินนะเว้ย มึงจะให้กูบอกว่า 'ชอบ' แล้วก้ถามว่า 'เป็นแฟนกันมั้ย' เลยอ่อ"
"นั่นแหละที่กูคิดไว้"
"ไอ้บ้าเอ๊ย...ตอนนั้นกูยังไม่แน่ใจด้วยว่าชอบมึงจริงๆรึป่าว"
"แต่ก้มีหวั่นไหวใช่ปะ" อั๋นยิ้มกรุ้มกริ่ม
"เออ ก้ดูที่มึงทำแต่ละอย่างดิค้าบ กูจะไม่หวั่นไหวได้ไง" ผมยอมรับ หน้ากลับมาเป็นสีแดงจัดอีกครั้ง
อั๋นหัวเราะเบาๆ โน้มตัวลงมา ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าผม
"ไม่งั้นเราคงเป็นแฟนกันเร็วกว่านี้เนอะ"
"อะ เออ"
"หมอ"
"อือ"
แล้วปลายจมูกของเราก้ชนกัน อั๋นประกบปากเข้ากับปากผม
ผมหลับตารับจูบนั้นอย่างเต็มใจ ริมฝีปากอุ่นๆของอั๋นสัมผัสริมฝีปากของผมอย่างนุ่มนวล
...
เราผละจากกัน แต่ผมยังอยู่ในอ้อมแขนอั๋น มันยิ้มร่า ผมเขินจึงรีบดันตัวลุกขึ้นและเดินไปทางห้องครัวทันที

"เห้ย จริงปะเนี่ย"
เจ๊เอ๋ถามเสียงดังระหว่างมื้อเย็น เมื่ออั๋นบอกว่าเราสองคนคบกันเป็นแฟนแล้ว วันนี้เจ๊เอ๋ซื้อกับข้าวมาเต็มโต๊ะเลยครับ ส่วนพ่อกับแม่อั๋นยังไม่กลับจากบริษัท
"จริงดิ อั๋นจะโม้ไม"
เจ๊เอ๋หันมาหาผมอย่างต้องการคำตอบ ท่าทางกระตือรือร้น
"ไม่จริงครับ"
"เห้ย" อั๋นร้องเสียงดัง หันมาจ้องผมตาโต
"โธ่ ขี้โม้ว่ะ"
"ไอ้หมอ ไอ้ซอมบี้" ไอ้แฟนตัวดีโวยวายใหญ่เลย ผมหัวเราะ "เราคบกันแล้วจริงๆนะ หมอแม่ง"
"ไม่ใช่ซะหน่อย กูโสด"
"หรา"
อั๋นขยับเข้ามากอดผมและหอมแก้มฟอดใหญ่
"เห้ย" คราวนี้ผมเป็นฝ่ายตกใจบ้าง ส่วนเจ๊เอ๋ดูเหมือนจะช็อคไปแล้ว
"จะบอกว่าโสดอีกมั้ย" อั๋นยิ่งรัดผมแน่นขึ้นอีก
"ปล่อยนะ"
"ยอมยัง"
"เออ ยอมแล้ว" ผมหน้าแดง
"ถ้างั้น...เราสองคนคบกันแล้วใช่มั้ย"
อั๋นจ้องผมอย่างเอาเรื่อง ผมพยักหน้าตอบ เจ๊เอ๋เห็นอย่างนั้นก้ส่งเสียงกรี๊ด
"...โอ๊ย คบกันตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ทำไมพึ่งมาบอกชั้นยะ...ฟินอะ น้องชั้นมีแฟนเป็นตัวเป็นตนซะที"
"เป็นซอมบี้ แถมดื้อด้วย" อั๋นแลบลิ้นใส่ผม
"หมอ ต่อไปนี้เราเป็นน้องสะใภ้เจ๊ละนะ"
"คะ ครับ"
"โอ๊ย ไม่อยากจะเชื่อเลย เราสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ"
หลังจากนั้นผมกับอั๋นก้โดนสัมภาษณ์แบบละเอียดยิบ ยิ่งเล่าไปเรื่อยๆ เจ๊เอ๋ก้ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นทุกทีๆ
"หมอโชคดีนะ ได้น้องเจ๊เป็นแฟนเนี่ย"
"ใช่มะ" อั๋นยักคิ้ว
"ติดอย่างเดียวก้ตรงที่มันหื่นไปหน่อย ชอบแอบดูหนังโป๊ประจำเลย"
"เห้ย" อั๋นร้อง
ผมหันขวับก่อนจะหัวเราะออกมา
"ไม่ใช่ละ เจ๊เอ๋แม่งมั่ว"
"หมอระวังไว้ให้ดีนะจ๊ะ" เจ๊เอ๋ยิ้มกรุ้มกริ่ม เล่นเอาผมเสียวสันหลังขึ้นมาทันที
"อย่าไปฟังเว้ยหมอ"
ไอ้เรื่องชอบดูหนังโป๊จะจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่เรื่องหื่นนี่เห็นด้วยเต็มร้อยเลยครับ- -

เที่ยงคืนกว่าแล้ว ผมกำลังเล่นเกมส์ออนไลน์ด้วยคอมพิวเตอร์ของอั๋น ส่วนเจ้าของเครื่องนอนอ่านหนังสือแปลอยู่บนเตียง
"เชี่ย กากชิบหาย" ผมสบถ
"ใครวะ"
"ใครก้ไม่รู้ อยู่ทีมกูอะดิ สัสเอ๊ย จะชนะอยู่แล้วแม่งทำแพ้เฉย"
"มาเป็นชุดเลย ใจเย็นๆดิซอมบี้" อั๋นพูดปนหัวเราะ
"มึงมาดู เชี่ยต้าร์พิมพ์ด่ามันอยู่เนี่ย"
อั๋นลุกขึ้นเดินมา วางหัวบนไหล่ผม อ่านข้อความที่ต้าร์พิมพ์
"โห พิมพ์งี้ไม่โดนแบนหรอวะ"
"อาจโดนได้ แต่แม่งน่าด่าสัสๆ ไม่ไหวว่ะ"
"นี่ มึงเล่นมานานแล้วนะ"
"โห่ นี่พึ่งสามชั่วโมงเอง ปกติกูเล่นได้ตั้งห้าหกชั่วโมง โอ๊ย..." อั๋นเขกหัวผม
"เล่นติดกันนานๆมันเสียสุขภาพรู้มั้ย"
"รู้น่า"
"ยัง ยังจะเล่นต่ออีก มานี่"
"เห้ย..."
อั๋นช้อนแขนผมขึ้นจากเก้าอี้แล้วลากไปนั่งบนเตียง
"ทำไรเนี่ย กูเล่นอยู่" ผมโวยวาย
"มึงอะ เอาแต่เล่นเกม ไม่สนใจกูเลยนะ" อั๋นทำเสียงน้อยใจ
"เอ้า มึงก้อ่านหนังสืออยู่ไม่ใช่เหรอ"
"ไม่ต้องมาเถียงเลย มึงปล่อยให้แฟนเหงายังงี้ได้ไง"
"น่า ขอเล่นอีกแปบเดียว นะๆ" ผมทำท่าจะลุกกลับไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์
"ไม่ได้"
"ไอ้ต้าร์รอกูอยู่"
"เดี๋ยวกูบอกมันให้"
แล้วอั๋นก้เดินกลับไปส่งข้อความบอกต้าร์ในเกมส์ว่าวันนี้ผมเลิกเล่นแล้วก่อนจะปิดคอมฯ
"อั๋นนน" ผมลากเสียงยาวอย่างเซ็งๆ
"พักสายตาบ้าง"
"ข้ออ้างสัส จะให้กูเลิกเล่นมาอยู่กับมึงก้บอกมา" ผมทำหน้านิ่ว
"ก้ทั้งสองอย่างแหละ" อั๋นลูบหัวผมเบาๆ "เป็นแฟนกันต้องมีเวลาให้กันดิ ไม่ใช่เอาแต่เล่นเกม"
"กูก้อยู่กับมึงนี่ไง"
"เถียงเก่งงี้เดี๋ยวจูบปิดปากนะ"
นั่นทำให้ผมเงียบทันที อั๋นหัวเราะ
"นะๆ กูอยากกอดมึงแล้วอะ"
"มึงก้กอดไป กูเล่นเกมไปด้วยก้ได้"
"จะกอดยังไง- -"
"ไปเปิดคอมฯเร็วอั๋น" ผมสะบัดแขนอั๋น
"ไม่เอาซอมบี้ มานี่มา" อั๋นนั่งลงบนเตียง ยกตัวผมขึ้นมานั่งบนตักแล้วกอดจากข้างหลัง ท่าประจำของเฮียเค้าล่ะ- -
"อือ กูอยากเล่นเกม"  ผมคราง
"ไว้พรุ่งนี้นะ นะๆ นี่ดึกแล้ว"
"ไอ้อั๋น- -"
ผมหันไปมองดุๆ แต่ไอ้แฟนจอมเอาแต่ใจกลับทำหน้าระรื่นก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทีจริงจัง
"กูไม่อยากให้มึงเล่นนานเกินไป พักบ้าง ตอนที่ไม่ได้อยู่กับกูก้ด้วย กูเป็นห่วงมึงจริงๆนะ"
"อือ" ผมตอบรับสั้นๆ รู้ว่าอั๋นเป็นห่วงผมจริงๆ
จากนั้นเราก้นั่งกันๆเงียบ ผมสัมผัสได้ว่าอั๋นกำลังมองผมอยู่จากข้างหลัง มันยังกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
"อั๋น"
"หือ"
"ขอบคุณนะเว้ยที่ดีกับกู"
"ครับ"
อั๋นเหมือนรอฟังว่าผมจะพูดอะไรต่อไป ผมแค่รู้สึกอยากขอบคุณสิ่งดีๆทุกอย่างที่มันทำให้ผม แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร ผมอยากบอกมันด้วยว่าผมมีความสุขแค่ไหนตอนนี้
"ก้กูเป็นแฟนมึงนี่นา"

-จบตอน-

มาต่อแล้วครับผม มีสารภาพความในใจก่อนคบกันด้วยนะครับคู่นี้^^
ติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะ

ออฟไลน์ fightreblue

  • FC นัดกับพี่นิว
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านตอนนี้แล้วฟิน เมื่อไหร่อั๋นจะแสดงความหื่นออกมากับหมอเยอะๆ นะ ..รอติดตามตอนต่อไปครับ
เป็นกำลังใจให้ไรเทอร์ด้วย สู้สู้ จะมารออ่านต่อครับ  :hao6:

ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
น่ารักกกกกกกก พอเป็นคู่จริงก็ยังมุ้งมิ้งน่ารัก ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ตอนที่27

10.26
เช้าวันเสาร์ ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองเห็นแสงแดดอ่อนๆส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่าง
อั๋นไม่อยู่ในห้อง ผมคิดว่าน่าจะอยู่ข้างล่าง อาจจะกำลังทำอาหารหรือไม่ก้ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวน เมื่อคืนไอ้แฟนตัวดีนอนกอดผมทั้งคืนเลยครับ
ผมเดินลงไปข้างล่างทั้งสภาพนั้น หัวฟู เสื้อยืดเก่าๆกับกางเกง
บ๊อกเซอร์ที่ใส่เป็นชุดนอน พร้อมด้วยท้องที่ร้องโครกคราก
"ตื่นแล้วอ่อ" อั๋นทักทายเสียงใส พึ่งเดินออกจากสวนกลับเข้ามาในบ้าน
"มีไรกินวะ" ผมอ้าปากหาวรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มที่
"ตื่นมาก้ถามหาของกินเลยนะ" มันตรงเข้ามาขยี้หัวผม
"ก้กูหิวนิ"
"คร้าบ ทำเสร็จแล้ว ไปกินไป" อั๋นดันหลังผมไปที่โต๊ะอาหาร
"เชี่ยย ไข่เจียวหอมว่ะ" ผมร้อง อั๋นทอดไข่เจียวสีเหลืองสวย น่ากินเชียวครับ มีแกงจืดเต้าหู้สาหร่ายอีกหนึ่งชามวางอยู่ข้างๆด้วย
พ่อครัวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตักข้าวใส่จานแล้วส่งให้ผม
"หิวก้กินเยอะๆนะครับ"
ผมเริ่มต้นกินทันที มือก้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นด้วย
"เออ คราวหลังอะ ถ้ามึงทำเสร็จแล้วก้กินเลยนะ ไม่ต้องรอกูก้ได้"
"รอกินพร้อมกันดิ"
"กว่ากูจะตื่น มึงไม่หิวแย่เหรอ"
"ถ้าหิวเดี๋ยวก้ไปปลุกมึงไง"
"ไม่เอา ไม่ต้องปลุก"
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปไหนวะ" อั๋นพูดกลั้วหัวเราะ ส่ายหัวเบาๆ
"หืออ อร่อยสัส...กูว่ามึงไปเรียนเป็นเชฟก้ดีนะ น่าจะรุ่ง" อาหารที่อั๋นทำรสชาติดีจริงๆครับ ไม่ได้อวยแฟนตัวเองนะ ทุกอย่างที่มันทำให้ผมกินไม่ว่าจะของคาวหรือของหวานก้อร่อยทั้งนั้น
"เคยคิดอยู่เหมือนกันนะ...แต่กูอยากเป็นอย่างอื่นมากกว่า"
"เป็นไรวะ"
"เป็นผัวหมอไง"
ผมสำลักน้ำแกงจืดทันที อั๋นเอื้อมตัวข้ามโต๊ะมาตบหลังผมและส่งกระดาษทิชชู่ให้
"เห้ย ขอโทษ กูหยอดรุนแรงขนาดนั้นเลยอ่อ" อั๋นหัวเราะเบาๆ
"ไอ้บ้าเอ๊ย" ผมไอ "เออ แล้วนี่คนอื่นออกจากบ้านกันหมดแล้ว  เหรอ"
"เออดิ นี่มันจะครึ่งวันแล้วนา"
ผมทำหน้ามุ่ย
"กินเสร็จแล้วก้ไปอาบน้ำ ดูดิ สายแล้วยังไม่อาบน้ำเลย" อั๋นแกล้งทำท่าปิดจมูก
"เออออ คราวหลังอย่ามาขอกูกอดก้แล้วกัน"
"โอ๋ อั๋นล้อเล่น..." อั๋นเดินอ้อมโต๊ะมากอดผมทันที
"ปล่อยเลย ไม่ให้กอดเว้ย"
"จะกอด มีไรปะ"
กอดแล้วแถมยังหอมแก้มผมหนึ่งทีด้วย หาจังหวะลวนลามเก่งชะมัด- -
"เนี่ย แฟนใครก้ไม่รู้ โคตรน่ารักเลย"
"เนียนนะไอ้สัส"
"ใครเนียน ไม่มี"
"จะกอดอีกนานมั้ยเนี่ย กินข้าวๆ" ผมผลักอั๋นออกแก้เก้อ

"เดี๋ยวออกไปข้างนอกกันมั้ย" อั๋นถามขึ้นระหว่างที่เรากำลังล้างจานกัน ผมเป็นคนล้างด้วยน้ำยาล้างจาน ส่วนอั๋นล้างน้ำเปล่าให้
"ไปไหนวะ"
อั๋นอมยิ้มก่อนตอบ
"ไปเดทไง"
จริงสินะ เรายังไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันเลยตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกัน
"มึงอยากไปไหนอะ"
"ไม่รู้ดิ มึงอะ"
"เอ้า มึงเป็นคนชวน มาถามกูซะงั้น" อยู่ๆมาให้คิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีนี่ผมคิดไม่ออกแฮะ
"ไปไหนก้ได้ กูแค่อยากออกไปกับมึง" อั๋นตอบสบายๆ
"เอ่อ...เดินเล่นสยาม หาหนมกิน เอาปะ"
"ได้" อั๋นยิ้ม "จะได้ไปหาซื้อแหวนแต่งงานด้วย"
"กูไม่ใส่นะเว้ย"
"ใครว่าจะซื้อให้มึง กูจะซื้อให้คนอื่นต่างหาก"
ผมโดนไอ้อั๋นเล่นซะแล้ว มันหัวเราะใหญ่เลยครับ
"สัส- -"
อั๋นที่ยืนอยู่ข้างๆขยับเข้ามากอดผมจากข้างหลัง
"พูดเล่นน่า ถ้าไม่ให้มึงแล้วกูจะให้ใครล่ะคร้าบ แต่ตอนนี้ยังไม่มีเงินพอไปสู่ขอมึงนะ ขอเก็บเงินก่อน"
"กูขอเงินสดร้อยล้าน รถหรูๆสิบคัน แล้วก้พากูไปเที่ยวรอบโลกด้วย ไม่มีไม่ต้องมาขอนะ" ผมบอก
"ง่ะ ยังงั้นไม่ได้แต่งกันพอดี" อั๋นทำปากยื่น ผมหัวเราะ
"โห่ ไรวะ ป๋าหน่อยดิ"
"ไม่ไหวม้าง"
"งั้นกูไปแต่งกับคนอื่นนะ"
"ไม่ให้ กูไม่ยอมหรอก หมอของอั๋นคนเดียว..." แล้วอั๋นก้พลิกตัวผมให้หันหน้ามาหามันและดันตัวชิดกับอ่างล้างจาน
"จะ จะทำไร" อั๋นยื่นหน้าเข้ามาจนปลายจมูกเราชนกัน
"ถามได้ ก้ทำเมียไง มึงจะได้ไม่ไปแต่งงานกับคนอื่น"
"ไอ้บ้า ปล่อยนะ" ผมรีบดันตัวมันออก "ที่เหลือมึงล้างเองเลย     กูไปอาบน้ำละ" ผมรีบเดินหนีออกมาจากห้องครัว
"เห้ย เดี๋ยวดิ มาช่วยกันล้างก่อน" อั๋นส่งเสียงหัวเราะไล่หลังมา
ไอ้แฟนตัวดีนี่มันหื่นจริงๆ อีกไม่นานผมคงเสร็จมันแน่ๆ- -

เรานั่งรถไฟฟ้าแทนขับมอเตอร์ไซด์ออกมาเพราะหาที่จอดรถค่อนข้างยาก วันนี้คนเยอะมากครับ
อั๋นจับมือผมเดินตั้งแต่ขึ้นรถไฟฟ้ามาจนถึงตอนนี้และไม่มีท่าทีจะปล่อยง่ายๆ
เราเริ่มจากเดินเข้าออกซอยต่างๆในสยามสแควร์ ไม่ผมก้อั๋นที่แวะดูของตามร้านที่ตัวเองสนใจเมื่อเดินผ่าน แต่เราก้ไม่ได้ซื้ออะไรเลย แล้วผมก้เห็นกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหนึ่งกำลังร้องเพลงและถือกล่องขอรับเงินบริจาคอยู่ตรงหัวมุมซอยหนึ่ง
"อั๋น ไปดูตรงนั้นแปบดิ"
ผมลากอั๋นไปใกล้ขึ้น อ่านข้อความจากป้ายฟิวเจอร์บอร์ดสีสวยที่พวกพี่ๆนักศึกษาทำได้ว่าขอรับบริจาคเงินเพื่อเป็นทุนค่าอาหารสำหรับเด็กนักเรียนยากไร้ในบางพื้นที่ของภาคเหนือ ผมหยิบแบงค์ร้อยออกมาหนึ่งใบแล้วหย่อนลงไปในกล่องบริจาคทันที อั๋นก้หยิบแบงค์ร้อยของตัวเองใส่ไปด้วย
"ขอบคุณนะน้อง" พี่ๆทุกคนที่ไม่ได้กำลังร้องเพลงบอกผมพร้อมกัน ผมยืนมองภาพเด็กๆยากไร้บนป้ายอย่างหดหู่อีกพักก่อนจะเดินจากมา
"เด็กๆพวกนั้นน่าสงสารว่ะ" ผมพูดกับอั๋น หันไปเห็นอั๋นยิ้มอย่างอ่อนโยน
"ใช่ น่าสงสารมาก เค้าลำบากกว่าเราเยอะเลย"
ผมยิ้มตอบ ทุกครั้งที่เห็นอะไรแบบนี้ผมไม่เคยลังเลที่จะช่วยเหลือเลย ถึงผมจะเรียนไม่เอาไหน ไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กดีเท่าไร หรือไม่ค่อยมีเรื่องให้พ่อกับแม่ภูมิใจได้บ้าง แต่ผมก้รู้สึกเจ็บปวดเวลาที่คิดว่ามีนักเรียนอีกหลายคนที่ลำบากกว่าและสมควรได้รับโอกาสดีๆในชีวิตมากกว่าผมด้วยซ้ำ เมื่อคิดถึงสิ่งที่ผมมีแล้ว    ดังนั้นผมจึงเต็มใจช่วยเหลือ
อั๋นขยี้หัวผมเบาๆ
"มึงคนดีว่ะ น่ารักจริง"

เดินเล่นดูของในสยามสแควร์ต่ออีกเดี๋ยวหนึ่ง เราก้เปลี่ยนสถานที่ขึ้นมาเดินในห้างบ้าง
"อั๋น แวะshop CASIO กัน"
"เออ จะดูนาฬิกาอ่อ"
"ป่าว กูจะดูเครื่องซักผ้า"
"กวนตีนละ"
นาฬิกาเรือนที่ผมใส่อยู่นี้ก้เป็นยี่ห้อ CASIO รุ่นหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมสนใจอยากซื้อรุ่น G-Shock ด้วย
"สีขาวสวยว่ะ" เรือนสีขาวล้วนสะดุดตาผมตั้งแต่เดินผ่านเข้ามาเลยครับ
"เออ สวย แต่เรือนที่มึงใส่อยู่ก้ยังใช้ได้ดีนิ"
"ก้กูอยากได้อะ"
"ประหยัดหน่อยพ่อคุณ"
"แหม่ ทีมึงซื้อรองเท้าอะ กูเห็นมีเป็นสิบคู่" ผมย้อน
"รองเท้ามันต้องมีหลายคู่ปะวะ ใส่เล่นกีฬา ใส่เที่ยว มึงก้มีหลายคู่"
"น้อยกว่ามึงอะ"
"เถียงเก่งจริงนะ" อั๋นหยิกแก้มผม ผมค้อนใส่
"ก้มันจริงนี่นา"
พี่พนักงานยืนมองพวกเรายิ้มๆ
"กูว่าสีน้ำเงินอันนั้นก้สวยนะ" อั๋นชี้ไปยังเรือนสีน้ำเงินล้วนที่อยู่ถัดไปอีกตู้
"เออ...มึงว่าอันไหนสวยกว่ากัน"
"มึงตัวขาวอะ ใส่ไรก้ขึ้น"
"พูดยังกะมึงไม่ขาว ไหนเลือกดิ๊"
"อืม...ดูไปดูมา สีขาวน่าจะดีกว่า มันเหมาะกับแขนหมออะ" อั๋นยกแขนผมขึ้นมา มองที่นาฬิกาทั้งสองสีสลับกับข้อมือผม ใช้ความคิดอย่างตั้งใจก่อนตอบ
"เห็นปะ" ผมยักคิ้ว "ขอบคุณครับพี่" ผมหันไปบอกพี่พนักงานก่อนจะจูงมืออั๋นเดินออกจากsiam center
"ยังไม่ซื้อเหรอ"
"ยังอะ เก็บตังก่อน กูว่าเรือนนี้จะใช้เงินเก็บตัวเอง กูขอพ่อแม่มาเยอะแล้ว"
อั๋นยิ้มภูมิใจกับคำพูดผม
"ดีแล้ว"

เรามานั่งร้าน WICKED ที่ siam square1 ก่อนกลับ ผมสังเกตว่าหลายโต๊ะเป็นคู่รักมากินขนมด้วยกันทั้งนั้น ผมกับอั๋นสั่งเค้กคนละหนึ่งชิ้น
"หมอ เดี๋ยวกลับไปมึงต้องทำการบ้านนะ"
"เห้ย รีบไปไหน พรุ่งนี้ค่อยทำก้ได้"
"ไม่เอา ทำวันนี้เลย กูจะสอน"
"กูขอเล่นเกมส์ก่อนดิ เมื่อวานมึงก้ให้กูเลิกเร็วอะ"
"ไม่ๆ ทำการบ้านเสร็จก่อนแล้วค่อยเล่นเกม"
"บังคับกูอีกละ"
"ก้มึงขี้เกียจอะ ดื้อ นอนตื่นสายด้วย"
อั๋นบ่นผมเป็นชุด ผมทำหน้าบูด มีแววว่าวันนี้จะไม่ได้เล่นเกมส์อีกแล้วครับ อั๋นคงไม่ยอมผมแน่ๆ
"ดุจังวะ...มึงดูดิ คนอื่นเค้าไม่เห็นดุแฟนเลย" ผมทำเป็นหันไปมองโต๊ะอื่นๆรอบร้าน อั๋นหัวเราะ
"แฟนเค้าไม่ดื้อเหมือนมึงอะดิ เลยไม่ต้องดุ"
"ดุขนาดนี้เป็นคนหรือหมาวะ"
"ว่าไงนะ"
"ป๊าวว"
"กูได้ยินนะ กลับไปมึงโดนแน่"
อั๋นทำหน้าหื่นใส่
"ไม่ต้องเลย ไม่เล่นโว้ย"
"นี่ก้ไม่เล่น เอาจริง"
"เอาไร"
"เอามึงไง"
"- -"
"ป้อนกูหน่อยดิ" อั๋นเอื้อมมาจับมือผม
"กลัวน้อยหน้าคู่อื่นอ่อวะ"
"ไม่ได้กลัวน้อยหน้า แค่อยากให้แฟนทำให้เหมือนคนอื่นเค้า มึงดูดิ"
"เลิกบ่นก่อนแล้วกูจะป้อน"
"ไม่บ่นแล้วคร้าบบบ"
"ให้มันจริง เดี๋ยวแดกเสร็จบ่นกูต่อแน่ๆ"
"ไม่บ่นแล้ว จริงๆนะ" อั๋นยกมือขึ้นชูสามนิ้วให้สัญญา
"เออๆ" ผมรับช้อนจากอั๋นมาตักเค้กชิ้นที่มันกินอยู่แล้วป้อน
อั๋นอมยิ้ม
"มึงแม่งน่ารักโคตรๆเลยว่ะ"
"ให้กูเล่นเกมดิ เดี๋ยวป้อนหมดชิ้นเลย"
"โห่ มากไปปะ"
"อะ ครึ่งชิ้นก้ได้"
"ไม่ได้หมายถึงเค้กโว้ย หมายถึงขอเล่นเกมอะ"
"มากไปตรงไหนวะ"
"กูพึ่งบอกมึงเมื่อคืนเองว่าไม่อยากให้เล่นเยอะ เสียสุขภาพ"
"ก้ได้ๆ"
"ดีมาก...เอ้า ป้อนอีกคำดิ"
"ไม่ป้อนแล้ว" ผมวางช้อนกลับใส่มืออั๋น
"ไรอะ ป้อนต่อดิ" อั๋นเขย่าแขนผม
"ไม่"
"กินเองก้ได้" อั๋นทำแก้มป่อง ตักเค้กใส่ปาก ผมทำเป็นไม่สนใจ
"แฟนใครวะ โคตรเย็นชาเลย กลับบ้านจะทำโทษซะให้เข็ด" อั๋นแกล้งพึมพำ
ตอนนั้นเอง ผมหันไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน แล้วก้ต้องรีบหันกลับมาที่เดิมทันที
กลุ่มคนที่พึ่งเดินเข้ามาก้คือพี่เหมากับผู้หญิงที่อยู่กับพี่เค้าที่หน้า gourmet วันนั้น คุณลุงกับคุณป้าที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นพ่อแม่ของพี่เหมา และเม้ง เพื่อนไอ้นนท์ที่เจอกันที่ร้านเหล้าเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน
โชคดีที่อั๋นไม่ได้สังเกตเห็น เพราะมันกำลังมองไปอีกด้าน ทำท่าทางงอนผมเต็มที่
ผมตกใจ สมองทำงานอย่างว่องไวทันที สิ่งที่ผมเห็นเมื่อสักครู่ตอบคำถามของผมที่ว่าพี่เหมาหน้าตาคล้ายกับใครสักคนที่ผมรู้จัก ก้คือเม้งนั่นเอง สองคนนี้ต้องเป็นพี่น้องกันอย่างไม่ต้องสงสัย หน้าตี๋ถอดแบบกันมาชัดเจน
และปัญหาก้คือ พี่เหมาโอบไหล่ผู้หญิงคนนั้นแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่าสองคนนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนกันแน่นอน และพี่ผู้หญิงก้ไม่ใช่พี่สาวหรือน้องสาวของพี่เหมาแน่ๆ เพราะหน้าตาไม่ได้เหมือนคนในครอบครัวนี้ด้วย
พี่เหมาพาผู้หญิงคนนี้มาทานอาหารกับครอบครัว ไม่มีทางเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้แล้ว
"มาๆ กูป้อนก้ได้ ขี้งอนนะมึงอะ" ผมรีบคว้าช้อนขึ้นมาป้อนอั๋น เพื่อมันจะได้มองมาที่ผมแค่คนเดียว กลัวว่ามันจะเห็นพี่ผู้หญิงกับครอบครัวนั้นซะก่อน
"มึงป้อนแล้วเค้กอร่อยขึ้นอีกนะ" อั๋นยิ้มหวานให้ผม
ผมตัดสินใจว่าตอนนี้ต้องรีบกินและออกจากร้านให้เร็วที่สุด และคราวนี้ผมต้องบอกอั๋นเรื่องพี่เหมาแล้ว แต่จะบอกอย่างไรดีล่ะ
"กูอิ่มแล้วอะ ห่อที่เหลือเอากลับไปกินที่บ้านกัน"
"เหรอ อิ่มเร็วจัง ป้อนชิ้นกูให้หมดก่อนดิ กูยังไม่อิ่มเลย"
โอย ไอ้คุณแฟนคร้าบ จะมาอ้อนอะไรตอนนี้
ผมตักเค้กคำใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากแล้วป้อนใส่ปากอั๋นอย่างรวด เร็ว
ถ้าอั๋นเห็นตอนนี้ มันจะโกรธจนทำอะไรไม่ดีหรือเปล่านะ
เมื่อเค้กหมดชิ้น ผมรีบพูดขึ้น
"ปวดฉี่ว่ะ ไปห้องน้ำกัน"
ผมจูงมืออั๋นออกจากร้านทันที

หลังลงจากรถไฟฟ้า เราเดินเท้ากลับเข้าบ้านอั๋น ผมคิดหนักว่าควรจะบอกอั๋นอย่างไรดี
ทำไมพี่เหมาถึงทำแบบนี้นะ พี่เค้าคบกับเจ๊เอ๋พร้อมคนอื่นเนี่ยนะ ถ้าเจ๊เอ๋รู้เข้าจะเสียใจแค่ไหนกัน
แล้วเม้งมันรู้หรือเปล่าว่าพี่ชายมันกำลังคบเจ๊เอ๋อยู่ด้วย
"อั๋น"
"หือ"
"คือ...กูมีอะไรจะบอก" ผมเริ่มต้น อั๋นจะมีปฏิกิริยายังไงนะ
มันเงียบ หันมาจ้องหน้า รอให้ผมเล่าต่อไป
"จริงๆแล้วที่กูออกมาจากWICKEDเร็วอะ กูเห็น...เห็นพี่เหมาพาผู้หญิงคนนึงมากินที่ร้าน พ่อแม่พี่เหมาเค้าก้มาด้วย"
อั๋นชะงักนิดหนึ่งก่อนพูดขึ้น
"จริงเหรอ"
"จริงดิ กูแน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ครอบครัวเค้า ท่าทางเหมือนพาแฟนมาให้ที่บ้านรู้จัก"
"..."
"แล้วกูก้เคยเห็นเค้าสองคนซื้อของอยู่ด้วยกัน วันที่มึงชวนกูไปgourmetหลังทำอุปกรณ์สแตนอะ จำได้ปะ"
อั๋นพยักหน้า
"กู...ขอโทษนะ กูน่าจะบอกมึงตั้งแต่ตอนนั้น แต่กูไม่แน่ใจว่าจะใช่รึป่าว...ถ้าเจ๊เอ๋รู้คง..."
อั๋นเอื้อมมาจับมือผม
"ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะเว้ยที่บอก"
มันส่งยิ้มให้
"มึง...ไม่โกรธกูใช่ปะ"
"จะโกรธทำไมคร้าบ ดีซะอีกที่มึงมาบอก"
"แต่ นี่มันหลายวันมาแล้วที่กูเห็นพวกเค้าครั้งแรก..."
"มึงบอกว่าไม่แน่ใจไม่ใช่เหรอ ถ้าวันนั้นเป็นกูเห็น กูก้ยังไม่เอาไปบอกเจ๊เอ๋หรอก กูจะหาทางสืบก่อนว่าเข้าใจถูกมั้ย"
"กูขอโทษนะ"
"ไม่ต้องขอโทษ มึงไม่ได้ทำอะไรผิดนะหมอ"
อั๋นจูงมือผมเดินต่อ ผมโล่งอกที่อั๋นไม่โกรธ
"ว่าแต่ ทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนอยู่ในร้านอะ"
"กูกลัวว่ามึงจะโกรธแล้วเข้าไปคุยกับพี่เหมาที่โต๊ะเลยไง"
"กูไม่ทำยังงั้นน่า...โห่ มองกูเป็นคนแบบนั้นเหรอ" อั๋นตัดพ้อ
"ก้กูไม่รู้นี่"
"คราวหลังมีอะไรบอกได้เลยนะ อย่าคิดมาก รู้มั้ย"
"เออ...ขอบใจนะ"
อั๋นยิ้มกว้าง ลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
"แล้วมึงจะเอาไง"
"กูจะบอกเจ๊เอ๋ แต่ขอคิดก่อนว่าจะบอกยังไงดี"

คืนนั้น หลังจากผมทำการบ้านเสร็จแล้ว อั๋นไปอาบน้ำ มันยอมให้ผมเล่นเกมส์ได้เดี๋ยวหนึ่ง
"หิวไรมั้ยหมอ" อั๋นเดินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวกลับเข้ามาในห้อง
"ไม่อะ มึงหิวเหรอ"
"ป่าว กูเห็นมึงกินข้าวเย็นไปน้อย นึกว่าอยากกินไร"
"มึงนี่ดูแลกูโคตรดีเลย" ผมตอบโดยไม่หันไปมอง สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ ทีมผมกำลังจะชนะเลยครับ
"แต่มึงอะไม่ดูแลกูเลย มัวแต่เล่นเกม"
"บ่นกูอีกละนะ บอกแล้วไงว่าอย่าขี้บ่น"
"ก้มึงไม่สนใจกูอะ"
"เล่นอีกแปบเดียวเอง เดี๋ยวก้เลิกแล้ว"
"เออ ให้อีกแปบเดียวนะ"
"ครับๆ- -"
อั๋นเดินเข้ามาเกยคางบนไหล่ วางมือบนเอวผมทั้งสองข้าง
"เห้ย อย่าพึ่งดิ๊ กูเล่นอยู่"
"ไหนบอกว่ากอดไปเล่นไปได้ไง" อั๋นกระเง้ากระงอด
"ไม่ได้โว้ย เห็นมั้ย ทีมกูกำลังนำเลย อย่าพึ่งกอดดด" ผมโวยวายเสียงดัง
"อยากกอดตอนนี้อะ"
"ไอ้อั๋นครับ จะชนะอยู่แล้วเนี่ย ขอจบตานี้ก่อน แล้วมึงจะทำไรกูก้เชิญ"
"จริงนะ" อั๋นถามเสียงเจ้าเล่ห์
"เห้ย...กูหมายถึงกอด...กอดอย่างเดียวสาด" ผมตะกุกตะกักเพราะกำลังตั้งสมาธิอยู่กับเกมส์ พลาดแล้วผม ไปพูดอะไรแบบนั้นกับไอ้แฟนจอมหื่นได้ไง
"เย่ ชนะแล้วโว้ยยย" ผมร้องดีใจ ไอ้ต้าร์พิมพ์ข้อความเยาะเย้ยทีมคู่แข่งที่แพ้ทีมผมไปแค่เฉียดฉิวชุดใหญ่ ในโลกออนไลน์นี่เก่งจริงนะพ่อคุณ- -
"จบเกมแล้วใช่ปะ"
"เออ เห้ย..." อั๋นอุ้มผมขึ้นจากเก้าอี้แล้วโยนลงบนเตียง "มึงจะทำไร"
"เล่นเสร็จแล้วนิ มึงบอกว่ากูจะทำอะไรก้ได้" มันตรงเข้ามาทับตัวผมไว้ ยิ้มอย่างอันตราย
"กูจะเล่นอีกตา ปล่อยนะ"
อั๋นไม่ฟังที่ผมพูดสักนิด ยึดแขนผมตรึงไว้กับเตียง ก้มหน้าลงมาไซร้ซอกคอผม
"เห้ย ปล่อย"
ผมเสียวขึ้นมาทันที ทั้งตรงซอกคอที่จมูกกับริมฝีปากของอั๋นสัมผัส และมันยังอยู่ในผ้าขนหนูผืนเดียว ท่อนบนที่เปลือยเปล่าเสียดสีกับตัวผม
อั๋นเลื่อนขึ้นมาจูบปาก ผมครางในลำคอ รู้สึกอ่อนระทวยเมื่อถูกจู่โจมอย่างนุ่มนวล
เมื่อจูบจนพอใจ มันก้ลงไปเล่นกับซอกคอผมอีก ผมหยุดดิ้นขัดขืนแล้ว มันจึงปล่อยมือที่จับแขนไว้ และเริ่มลูบไล้ไปมาบนลำตัวผมเบาๆ ผมร้องออกมา
"อ๊ะ..."
อั๋นเลิกชายเสื้อกล้ามผมขึ้น หมายจะถอดออก ท่อนขาผมสัมผัสได้ถึงร่างกายอั๋นใต้ผ้าขนหนู...
"อะ...อั๋น"
ผมเรียกเสียงกระเส่า มือดันไหล่อั๋นไว้
อั๋นเงยหน้าขึ้นจากตัวผม เราสบตากัน แววตาอั๋นดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
ผมคิดได้ว่ายังไม่พร้อมจะให้อะไรมันเลยเถิดไปมากกว่านี้ อั๋นก้ดูเหมือนจะคิดแบบเดียวกันอยู่
"กู...กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ" อั๋นพูดหอบๆ
"มะ ไม่เป็นไร" ผมหน้าแดงซ่าน
อั๋นลุกจากตัวผมไปใส่เสื้อผ้า ผมค่อยๆขยับตัวขึ้นนั่ง เอาหลังชิดหัวเตียง
อั๋นแต่งตัวเสร็จก้ลงนั่งข้างผม ยิ้มบางๆอย่างรู้สึกผิด
ผมจับมืออั๋นบีบเบาๆ ส่งยิ้มให้ เป็นเครื่องหมายว่าไม่ได้โกรธอะไร

"นอนมั้ย" ผมอ้าปากหาว อั๋นพยักหน้า เดินไปปิดไฟก่อนจะขยับตัวเก้ๆกังๆเข้ามาในผ้าห่ม
ผมเองก้ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน เมื่อสักครู่นี้เราสองคนเกือบมีอะไรกันไปแล้ว และถ้าตอนนั้นเราไม่หยุด ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรมาหยุดเราได้อีกหลังจากนั้น
อั๋นนอนมองผม เมื่อผมหันไปมองบ้าง มันหันหน้าหนี
ดูเหมือนอั๋นไม่กล้ากอดผม
"มะ ไม่กอดกูเหรอ"
ผมถาม รู้สึกเขินขึ้นมาอีก อั๋นหันกลับมามองผมอย่างไม่แน่ใจ
ผมมองเข้าไปในตาคนที่นอนอยู่ข้างๆ รู้ได้ทันทีว่าเมื่อผมอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย คืนนี้เราจะยังไม่ทำอะไรที่มากเกินกว่ากอดกันแล้วหลับไป
ดังนั้น ผมจึงขยับตัวเข้าไปหา วางหัวลงบนไหล่กว้างของอั๋น
อั๋นตกใจนิดหน่อย แล้วก้ยิ้มออกมา เข้าใจสิ่งที่ผมคิดอยู่ทั้งหมด มันยกแขนขึ้นโอบรอบลำตัวผม จูบหน้าผากผมเบาๆ
"ขอบคุณนะหมอ"
เราสบตากันอีกครั้งก่อนจะหลับไป ผมไม่แน่ใจว่าอั๋นบอกขอบคุณเรื่องอะไร จะเป็นเรื่องที่เราเข้าใจกันและกัน หรือเป็นเรื่องที่ผมให้กอดก้ไม่รู้
แต่ผมแน่ใจว่าต่อจากนี้ที่เรากอดกัน ผมจะรู้สึกดีมากขึ้นกว่าครั้งก่อนๆอีก

-จบตอน-

เกือบไปแล้วนะครับคุณผู้อ่าน อั๋นกับหมอนี่เกือบละ5555 ว่าแต่พี่เหมานี่ไม่ดีเลย เจ๊เอ๋รู้ขึ้นมาจะทำไงดี เรื่องเริ่มยุ่งขึ้นมาแล้วสิ
ก่อนจากกัน นักเขียนคิดว่าจะเอาประวัติของตัวละครแต่ละตัวมาลงท้ายตอนให้ด้วยนะครับ วันนี้ขอเริ่มจากพระเอกสุดหล่อของเราก่อนเลย

ชื่อ : อั๋น
สถานะ : มีแฟนแล้ว - หมอ
ชั้นเรียน : มัธยม4/12 สายศิลป์-คำนวณ โรงเรียนชายล้วน
วิชาที่ถนัด : คณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ
สีที่ชอบ : ฟ้า ขาว
อาหารที่ชอบ : ข้าวผัดกะเพราหมูกรอบกับปลาหมึก
กีฬาที่ชอบ : ฟุตบอล บาสเกตบอล
เวลาว่าง : อ่านหนังสือที่มีประโยชน์
ลักษณะนิสัย : สุภาพเรียบร้อย ขรึม แต่ถ้าเป็นคนที่สนิทด้วยแล้วจะขี้เล่น ชอบแกล้ง โดยเฉพาะกับหมอ เป็นคนใจเย็น แต่ถ้าโมโหจะน่ากลัวมาก นอกจากนี้ยังชอบทำอาหาร ที่สำคัญเป็นนักเรียนที่ควรเอาเป็นตัวอย่างที่สุด เพราะทั้งขยัน เรียนดี เก่งกีฬา ไม่เคยสร้างปัญหาให้พ่อแม่หนักใจ
รูปร่างหน้าตา : หน้าคม กรามใหญ่เห็นชัดเจน ผิวขาว สูงโปร่ง กล้ามสวยพอดิบพอดีกับตัว

ติดตามตอนต่อไปกันด้วยน้าา

ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเนอะ คู่นี้น่ารักมากๆเหมือนเดิมเลย นี่เพิ่งม.4โตไปแล้วอั๋นจะหล่อขึ้นอีกแค่ไหนเนี่ย

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ตอนที่ 28

(หมอ กูคุยกับเจ๊เอ๋ละนะ)
อั๋นไลน์มาหา หนึ่งชั่วโมงหลังจากมาส่งผมที่บ้านในเย็นวันอาทิตย์ ผมพิมพ์ข้อความตอบไปทันที
(เป็นไงวะ)
(เจ๊เฟลอะ ร้องไห้ด้วย)
ผมนึกสงสารเจ๊เอ๋ขึ้นมาจับใจ เค้าคงจะเสียใจมาก เจ๊เอ๋ที่ตลก ร่าเริงอยู่ตลอดเวลา กลับต้องมารู้สึกแย่
(เห้ย แล้วนี่เจ๊ทำไรอยู่)
(อยู่ในห้องอะ กูกำลังจะไปเรียกมากินข้าว)
(เออ ดูแลเจ๊ด้วยนะ บอกให้เค้าใจเย็นๆนะ)
(ขอบใจนะหมอ)
เจ๊เอ๋เหมือนเป็นพี่สาวของผมเช่นกัน ผมไม่อยากให้เค้าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ผมจะช่วยอะไรได้บ้างนะ
(คอยบอกกูเรื่องเจ๊เอ๋ด้วยนะ)
(ครับผม)
อั๋นส่งสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนขอบคุณตามมา
ผมยังไม่อยากถามต่อว่าเจ๊เอ๋จะทำอย่างไร จากนี้อะไรจะเกิดขึ้นก้คงต้องรอดูต่อไป

"พ่อ หมอถามไรหน่อยดิ"
ผมพูดขึ้นระหว่างที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่กับพ่อ ขณะที่แม่กำลังล้างจานอยู่ในครัว
"ว่าไง"
"พ่อเคยมีกิ๊กปะ"
"เห้ย"
"มีอะไรรึป่าวคุณ" แม่ที่ได้ยินเสียงพ่อ ร้องถามมาจากหลังบ้าน
"ป่าวๆ ผมตกใจในทีวีน่ะ" พ่อตอบกลับไป ผมกลั้นหัวเราะไว้แทบตาย "ไอ้บ้า มาถามอะไรยังงี้"
"เหอะน่า หมอไม่บอกแม่หรอก"
"ไม่เคยๆ"
"จริงดิ"
"จริง พ่อจะโกหกแกทำไม"
"แล้วทำไมเมื่อกี้ต้องตกใจด้วย"
"เอ้า ตกใจสิ อยู่ๆมาถาม...ทำไมเหรอ" พ่อหรี่ตามองผมอย่างสงสัย
"ก้แฟนพี่สาวเพื่อนผมเค้ามีกิ๊กอะ"
"โธ่ นั่นมันวัยรุ่น"
"พ่อไม่เคยมีกิ๊กจริงดิ"
"เออสิ ถ้าแม่มาได้ยิน พ่อจะตัดค่าขนมแก"
ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ท่าทางพ่อลุกลี้ลุกลน กลัวแม่จะได้ยินแล้วเข้าใจผิดจริงๆครับ
"โห่ พ่อไม่ได้ทำผิดซะหน่อย กลัวไร"
"แกอยู่กับเรามา16ปีแล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่าบ้านนี้ใครใหญ่"
ผมยิ้ม จะเรียกว่าพ่อผมกลัวเมียก้ไม่ถูกนัก แค่ว่าแม่สั่งอะไรแล้วพ่อกับผมต้องทำให้เป็นไปตามนั้น เพราะแม่ก้คือแม่ครับ- -
"แล้วพี่สาวเพื่อนแกทำยังไง"
"ผมก้ยังไม่รู้เลย ตอนนี้เค้าเสียใจมาก"
"ยังวัยรุ่นกันอยู่ก้งี้แหละ โอกาสจะเบื่อแฟนหรือไปเจอคนใหม่ๆที่ถูกใจกว่ามีตั้งเยอะ"
"แต่ผู้ใหญ่มีลูกมีเมียแล้วหลายคนยังมีเมียน้อยเลยนะ" ผมค้าน
"ใช่ พ่อหมายถึงวัยรุ่นมีโอกาสมากกว่าไง"
"แล้ว...พ่อไม่เคยถูกใจผู้หญิงคนอื่นมั่งเลยอ่อ หลังคบกับแม่ แบบ เคยแอบมองงี้ ต้องมีบ้างดิ"
"ก้...ยอมรับว่ามี"
"นั่นไง"
"ชู่วว เงียบเลยไอ้ตัวแสบ"
"มันเป็นสัญชาตญาณ แต่ก้แค่มอง พ่อไม่เคยมีคนอื่นเลยจริงๆ พ่อไม่อยากทำให้แม่เสียใจ"
"..."
"ยิ่งพอเรามีลูกด้วยแล้ว พ่อยิ่งทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด เพราะแกก้คงไม่อยากให้มี...ถ้าแกจะถามเหตุผลว่าทำไมพ่อไม่ทำแบบนั้นล่ะก้นะ"
ผมเงียบไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา รู้สึกโชคดีที่ผมโตมาด้วยความอบอุ่นและรู้สึกรักพ่อกับแม่มากขึ้นไปอีก
พ่อเองก้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ด้วยเหมือนกัน
"สองพ่อลูกคุยอะไรกันน่ะ เดี๋ยวจู่ๆก้เสียงดังขึ้นมา เดี๋ยวก้เบาลงเหมือนกระซิบกระซาบกัน มีความลับกับแม่เหรอ" แม่เดินออกมาจากห้องครัว ในมือถือจานผลไม้ที่หั่นแล้วมาด้วย
"ป่าวคร้าบบ" พ่อรีบตอบทันที แม่วางจานลงบนโต๊ะ
"ครับ" ผมเสริมเสียงใส
ถ้าเกิดว่าอั๋นมีใครอีกนอกจากผม ผมก้คงเสียใจมากเช่นกัน ไม่ต้องลองแทนความรู้สึกของเจ๊เอ๋มาคิดก้รู้เลย

เช้าวันต่อมา อั๋นเล่าให้ผมฟังว่าเจ๊เอ๋รู้สึกโอเคขึ้นแล้วและกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะคุยกับพี่เหมาอย่างไร แต่จะรีบเคลียร์ให้เร็วที่สุด เมื่อผมถามต่อว่าเจ๊เอ๋มีท่าทางจะคบหรือเลิกกับพี่เหมา
"ไม่รู้ว่ะ กูไม่เคยเห็นเจ๊เป็นแบบนี้มาก่อนเลย...แต่กูอะอยากให้เจ๊เลิก ถ้าพี่เหมามีคนอื่น กูไม่โอเค"
"มึงบอกเจ๊เอ๋แบบนี้ด้วยปะ"
"ไม่ กูให้เจ๊ตัดสินใจ ถ้าเจ๊ไม่อยากเลิกหรือยังทำใจไม่ได้ก้ต้องแล้วแต่เค้า"
"แต่เจ๊เอ๋ต้องทนให้พี่เหมาทำงี้เนี่ยนะ"
"กูเข้าใจนะหมอ กูก้ไม่อยากให้เจ๊ต้องมาทน แต่เจ๊เอ๋ต้องเป็นคนเลือก กูทำได้แค่เตือน"
อั๋นสบตาผม ผมยังไม่ค่อยเข้าใจความคิดของมันนัก แต่ส่วนที่ว่าเจ๊เอ๋เป็นคนตัดสินใจก้เป็นเรื่องจริงอยู่
"กูจะไม่มีวันทรยศความรักของเรา กูจะไม่ทำให้มึงเสียใจด้วยการมีคนอื่น"
อั๋นจับมือผม ส่งยิ้มบางๆให้
"กูก้จะไม่ทำยังงั้นเหมือนกัน"

สัปดาห์สุดท้ายของงานกีฬาสีมาถึงในที่สุด ตลอดทั้ง4วันนี้ไม่มีการเรียนการสอน ช่วงบ่าย พวกผมไปดูการแข่งขันบาสเกตบอลรอบชิงชนะเลิศของมัธยมปลาย สีแดงพบกับสีเขียว มีนักเรียนและอาจารย์มาชมการแข่งนัดนี้แน่นสนาม
"กูบอกว่าให้ไปดูกีฬาอื่น นี่สีแดงชนะชัวร์ๆไม่ต้องลุ้นเลย พวกมึงจะลากกูมาดูนี่ทำไมวะ" ไอ้นนท์บ่น
"สีเขียวก้เล่นได้นะเว้ย" ผมพูด
"สีเขียวถ้าเจอไอ้อั๋นกับไอ้ต้าร์ก้แพ้แล้ว ไม่ต้องหลุดไปถึงสีแดงหรอก"
"เหอะน่า ดูมาตั้งแต่แมตช์คัดเลือกก้ดูให้จบดิวะ" ไอ้ต้าร์บอก
"ถ้าไม่มานี่ มึงจะไปดูไร ดูเด็กประถมแข่งเตะโฟมเหรอ" ไอ้เอกถาม เรียกเสียงฮาครืน
แม้ไอ้นนท์จะทำหน้าบูดเป็นตูดเป็ดตอนเดินเข้ามาในโรงยิม แต่เมื่อการแข่งเริ่มขึ้น มันกลับตื่นเต้นยกใหญ่
แน่นอนว่าสีแดงมีคะแนนนำสีเขียวอยู่มาก นักกีฬาสีเขียวเล่นสุดความสามารถ ทุกคนหอบตัวโยน
สีแดงเองก้เล่นเต็มที่เช่นกัน แม้จะเหนือกว่าทีมคู่ต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด กองเชียร์สีแดงส่งเสียงดังทุกครั้งที่อาร์ตทำคะแนนได้ มีหลายครั้งที่ใช้เทคนิคตื่นตาตื่นใจ
"อาร์ตเล่นดีมาก" อั๋นพึมพำ ผมพยักหน้าเห็นด้วย
"ถ้าปีหน้าห้องเรากับห้องมันอยู่สีเดียวกันก้ดีดิ ฟอร์มทีมไปชนะสบายๆเลย"
"แต่กูอยากแข่งกับอาร์ตอีกนะ ยังไม่ได้ล้างแค้นเลย"
"เดี๋ยวก้แพ้อีกนะครับ" ผมแกล้งยั่ว
"เห้ย มึงพูดงี้ได้ไง" อั๋นละสายตาจากเกมส์ในสนามแล้วหันมาหาผมทันที
"เอ้า กูพูดผิดตรงไหน"
"นี่แฟนทั้งคนนะ มึงไม่เชียร์กูอ่อ"
"ไม่"
"เชียร์อาร์ตเหรอ"
"เออ อาร์ตเก่งกว่าอั๋นนิ"
"ไอ้หมอ"
อั๋นใช้แขนล็อคคอผม
"ปล่อย...โอ๊ย"
มันเขกหัวเข้าให้ทีหนึ่ง ตอนนี้หน้าผมซุกอยู่กับเสื้ออั๋น ผมปัดป่ายมืออย่างไร้ผล
"กูหายใจไม่ออก แค่กๆ" ผมแกล้งไอ อั๋นถึงยอมปล่อย เงยหน้าขึ้นมามองมัน หน้าบึ้งใหญ่เลยครับ
"กูน้อยใจจริงๆนะ"
"โอ๋ ไม่ร้องนะครับ กูแค่ล้อเล่น" ผมลูบหัวอั๋น
"ไม่เล่น"
"ขี้งอนว่ะ"
"..."
อั๋นยกแขนขึ้นกอดอก หันหน้ากลับไปมองในสนามฯ
"พวกมึงจะสวีทกันอีกนานมั้ยวะ" ไอ้นนท์แทรก
"มึงดูดิ อั๋นงอนกูเนี่ย" ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆทันที
"อ้าว ง้อเลยเชี่ยหมอ" ไอ้ต้าร์หัวเราะ
"ใครทำมันงอนก้รับผิดชอบด้วย" ไอ้นนท์ยิ้มเยาะผม
"สัส ไม่ช่วยกันเลยนะ...เห้ย งอนกูจริงดิ" ประโยคหลังผมพูดกับไอ้คุณแฟนที่กำลังแก้มป่องอยู่
"..."
"อั๋นจ๋า~"
ผมขยับเข้าไปกอดอั๋น มันงอนผมจริงๆใช่มั้ยครับเนี่ย ไอ้สามตัวหันมาส่งยิ้มกวนตีนให้
"กูล้อเล่น กูก้ต้องเชียร์มึงดิ"
"ไม่ต้องเลย"
"อย่างอนเลยน่า"
"ไม่"
"หายงอนเหอะ นะๆ" ผมเขย่าแขนมันหลายๆที
"จุ๊บก่อน" อั๋นพูดหน้าตาย
ผมนิ่ง จะให้หอมแก้มกลางที่สาธารณะแบบนี้เนี่ยนะ
"เร็วดิวะหมอ เดี๋ยวอั๋นไม่หายงอนนะเว้ย" ไอ้เอกเร่ง
แต่อั๋นก้เป็นฝ่ายยื่นหน้ามาหอมแก้มผมซะก่อน หน้าผมเป็นสีแดงจัดทันที
"วีดวิ้ววว"
"พ่อมึงเป็นมโหรีเหรอสัส"
ผมด่าไอ้เพื่อนตัวแสบที่กำลังทำท่าล้อเลียนใส่
"ห้ามเชียร์คนอื่นรู้ปะ" อั๋นพูดขึ้นอีกครั้ง
"เออ...ไม่ได้งอนจริงนี่หว่า หลอกให้กูง้ออยู่ได้" ผมโวยวาย
"ก้มึงแหย่กูก่อนนี่" อั๋นยิ้มกว้าง ขยับข้ามตัวผมไปแท็คมือกับเพื่อนสามคน
"เออ ให้มันรู้ซะมั่งว่าใครกดใคร" ไอ้นนท์บอก
"ไอ้หมอมันต้องโดนกด" ไอ้เอกพูดอีกคน
อั๋นยิ้มมุมปากใส่ผม
เป็นไปตามคาด สีแดงเป็นผู้ชนะ คะแนนสุดท้ายทิ้งห่างสีเขียวไปขาดลอย ทุกคนที่มาชมการแข่งลุกขึ้นปรบมืออย่างพร้อมเพรียง
พี่สีแดงและกองเชียร์ล้อมกลุ่มนักกีฬาเป็นวงกลมแล้วบูมให้เสียงดังลั่นสนามฯ ใจกลางวงกลม ผมเห็นอาร์ตยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ

"ยินดีด้วยนะเว้ย" ผมตบไหล่อาร์ต เดินเข้าไปหาพร้อมกับอั๋นหลังคนส่วนใหญ่ทยอยออกจากโรงยิมกันไปแล้ว
"ขอบใจนะหมอ" อาร์ตโชว์ลักยิ้มสวย
"เล่นดีจริงๆ" อั๋นชม
"ไว้มาเล่นด้วยกันอีกนะ" อาร์ตบอกก่อนขอตัวไปฉลองความสำเร็จกับเพื่อนในทีม
ตอนนั้นเอง พี่ก้องไลน์มาแจ้งผมว่าฝ่ายเชียร์มีนัดประชุมด่วนเย็นนี้ เรื่องการจัดสถานที่ครั้งสุดท้ายสำหรับวันจริง เฉพาะส่วนที่พี่เค้าสงสัย
"กูต้องไปประชุมกับฝ่ายเชียร์ว่ะ" ผมบอกอั๋น เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ
"อ่าวเหรอ เดี๋ยวกูรอนะ"
"อือ...ไม่รู้เสร็จกี่โมงว่ะ ถ้ากูนานมึงกลับก่อนก้ได้นะ เดี๋ยวกูกลับเองก้ได้" พรุ่งนี้ฝ่ายเชียร์จะต้องตกแต่งสแตนด้วยอุปกรณ์ทั้งหมดที่เตรียมไว้แล้ว ผมจึงคิดว่าการประชุมอาจใช้เวลานานอยู่
"กูรอได้ จะไม่รอแฟนได้ไงล่ะ" อั๋นหยิกแก้มผม
"เออ...งั้นเดี๋ยวเลิกแล้วโทรหานะ"
"ครับ เดี๋ยวไปส่ง"

ครึ่งชั่วโมงถัดมา อั๋นจับมือผมเดินไปยังห้องประชุมที่สีฟ้าใช้คุยงานกันเป็นประจำ ผมชินเสียแล้วที่อั๋นจับมือ แต่ก้รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มันทำอย่างนั้น และรู้สึกดีด้วยที่มันดูแลผมตลอดเวลา
ตอนนี้ยังไม่มีใครมาถึงเลยครับ เรานั่งรอบนที่นั่งยาวหน้าห้องประชุม
"ทำไมยังไม่มีใครมากันเลย" อั๋นเลิกคิ้ว มองผ่านบานหน้าต่างกระจกเข้าไปในห้อง
"พี่ก้องนัดแค่บางส่วนที่เค้าสงสัยน่ะ" ผมตอบ ชะเง้อมองไปรอบๆบริเวณนั้นบ้าง ไม่เห็นนักเรียนคนอื่นๆ อาจารย์หรือเจ้าหน้าที่สักคนก้ไม่เห็น
อั๋นผละจากหน้าต่างมานั่งลงข้างผม
"มึงช่วยส่วนของพี่เมฆไม่ใช่เหรอ ก้เสร็จหมดแล้วนิ"
"เออ กูก้งงอยู่ ถ้าไม่ต้องแก้ไขอะไรก้คงทวนกำหนดการมั้ง" ผมพูดตามที่คิด
อั๋นอยู่รอเป็นเพื่อนผมอีกเดี๋ยว นนท์ก้โทรมาหา ชวนพวกเราไปกินไอศกรีมหน้าโรงเรียน ผมเลยบอกให้อั๋นไปก่อนได้เลย
"ขอจุ๊บก่อนไปดิ"
"ไม่เอา ไปเลยมึง"
"น่า ทีเดียว"
"ไอ้บ้า เดี๋ยวใครมาเห็น"
แล้วผมก้โดนอั๋นหอมแก้มจนได้ มันหอมแก้มผมเร็วๆก่อนจะรีบวิ่งไป
"ไอ้บ้าเอ๊ย"

"น้องหมอ มาแล้วเหรอครับ" พี่ก้องเดินมาถึงหน้าห้องประชุมหลังอั๋นไปไม่ถึงห้านาที เค้าเดินมาคนเดียวพร้อมรอยยิ้มกว้าง "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"
"ครับ" ผมรับคำสั้นๆ เลิกประหลาดใจกับน้ำเสียงร่าเริงของพี่ก้องที่เหมือนญาติดีกับผมไปนานแล้ว
"วันนี้แฟนเราไม่มาเฝ้าเหรอ"
"คนอื่นไปไหนกันหมดอะพี่" ผมไม่สนใจคำถามเรื่องอั๋น
"เดี๋ยวก้มากันครับ พี่ไม่ได้เรียกมาทุกคน เข้าไปข้างในกันเถอะ" พี่ก้องตรงเข้ามาจะคว้ามือผม แต่ผมขยับหนีแล้วลุกไปที่ประตูก่อน
"รีบจังนะเรา" พี่ก้องยิ้มมุมปาก ไขกุญแจเปิดห้องประชุม
"พี่เรียกผมมามีไรครับ"
"เป็นการเป็นงานจริงๆ เดี๋ยวสิครับ รอคนอื่นก่อน"
ผมนั่งเก้าอี้ที่ห่างจากตัวที่พี่ก้องนั่งมากที่สุด พี่ก้องหยิบ          แลปทอปออกมาเปิดและนั่งจ้องหน้าผม
ผมไม่อยากสบตาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น

"เอ ทำไมยังไม่มากันอีกนะ" พี่ก้องลุกเดินไปที่ประตู
นั่นสิ นี่มันก้เลยเวลามานานแล้ว ปกติสมาชิกของฝ่ายเชียร์ไม่เคยเข้าประชุมสายเลยสักครั้งเดียว โดยเฉพาะพี่เมฆที่จะมาก่อนเวลาเสมอ หรือนี่เป็นการเรียกประชุมด่วน ทุกคนเลยมาช้านะ
พี่ก้องกดล็อคประตูไม้ ผมหันไปทันทีที่ได้ยินเสียง
"ล็อคประตูทำไมอะ"
พี่ก้องหัวเราะในลำคอ ดวงตาหลังกรอบแว่นเป็นประกายฉายแววชั่วร้าย
"เรานี่มันหลอกง่ายจริงๆนะ งานทุกอย่างมันต้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ตกแต่งสแตนละนะ คิดว่าพี่เรียกเรามาทำไมล่ะ"
ผมตกใจ พึ่งตระหนักได้ว่าพี่ก้องกำลังจะทำอะไร
"หมอคิดว่าคบกับเพื่อนแล้วพี่จะอยู่เฉยๆเหรอ...พี่ยังอยากได้เราอยู่นะ"
พี่ก้องย่างสามขุมเข้ามาหา ผมรีบลุกจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปที่มุมห้องอีกด้านหนึ่งทันที
"ยะ อย่านะ"
"คนอย่างพี่อยากได้อะไรแล้วต้องได้"
ผมกลัวจนทำอะไรไม่ถูก พี่ก้องตอนนี้เหมือนคนโรคจิตคนหนึ่งเลยทีเดียว ผมไม่มีทางคว่ำเค้าแล้วหนีออกไปจากห้องนี้ได้แน่
"หมอเคยลองรึยังล่ะ" พี่ก้องเดินตรงเข้ามาอีก มองผมหัวจดเท้า "พี่เดาว่ายัง ยังไม่เสร็จอั๋นใช่มั้ย" เค้าหัวเราะหึๆ
"อย่านะเว้ย" ผมร้อง
"อั๋นนี่แม่งโคตรโง่เลยว่ะ เป็นแฟนแล้วแท้ๆยังไม่ได้น้องอีก...ไม่ต้องกลัวหรอกน่า พี่ไม่ทำรุนแรงหรอก"
พี่ก้องหมุนหน้าจอแลปทอปให้ผมเห็น เค้าเปิดโปรแกรมบันทึกวิดีโอค้างไว้
"จะ จะทำไร"
"ถ่ายหนังสดไง พี่จะได้เราทั้งที ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อย"
ผมหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกว่าตัวเองโง่เสียเต็มประดาที่โดนหลอกมา ถ้าพี่ก้องจะนัดประชุม เค้าก้น่าจะบอกทุกคนในไลน์กรุ๊ปฝ่ายเชียร์ ไม่จำเป็นต้องทักแชทแยกมาหาแต่ละคน แถมยังตอนที่ผมรออยู่ตั้งนานแต่ไม่มีคนมาสักที ทำไมผมไม่เอะใจนะ
"ยังไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าพี่เองแหละที่ทำให้แฟนเราไม่ติดตัวจริงบาสฯสี สงสัยมั้ยว่าทำได้ไง"
"..."
"ไอ้ปอฝ่ายกีฬา มันติดหนี้บอลพี่อยู่ พี่ก้แค่ขู่มันนิดๆหน่อยๆ หมอรู้ใช่มั้ยว่าถ้าไอ้ปอมันยังให้อั๋นติดตัวจริงมันจะโดนอะไร"
ผมกำหมัดแน่น ไม่คิดฝันมาก่อนว่าพี่ก้องจะเลวได้สุดขั้วขนาดนี้
"ทำไงได้ล่ะ มันอยากมาจีบน้องแข่งกับพี่ แต่ตอนนี้มันก้ทำอะไรไม่ได้แล้ว มันแค่ได้เป็นแฟน แต่พี่กำลังจะได้หมอเป็นเมีย"
ผมกลืนน้ำลาย ภาพความทรงจำเลวร้ายที่ห้องน้ำร้านเหล้าหวนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
ครั้งนี้ผมคงไม่โชคดีรอดมาได้เหมือนครั้งก่อนสินะ
แล้วพี่ก้องก้ขยับตัวอย่างรวดเร็ว ปราดเดียวก้ถึงตัวผม ผมพยายามต่อสู้เต็มที่ ดิ้นสุดแรง ชกทุกส่วนของร่างกายพี่ก้องที่เอื้อมถึง แต่ทำร้ายอีกฝ่ายไม่ได้เลยสักนิด
"ปล่อยกูนะเว้ย ปล่อย" ผมตะโกนลั่นทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเสียงไม่หลุดออกไปข้างนอกห้อง พี่ก้องยกตัวผมกระแทกลงบนโต๊ะประชุมเต็มแรงและขึ้นคร่อมทันที
"ปล่อย ปล่อยกู"
"ตะโกนไปก้ไม่มีใครได้ยินหรอก" พี่ก้องรวบแขนสองข้างของผมไว้ หันหน้าไปมองที่แลปทอปอย่างชั่วร้าย "หมอหันมายิ้มให้กล้องหน่อยสิครับ"
"ไอ้โรคจิต ปล่อย"
ผมยังแหกปากร้องและดิ้นเต็มที่ พี่ก้องต่อยเข้าที่ท้องจนจุก
ผมเจ็บมาก นั่นทำให้หมดเรี่ยวแรงขัดขืนไปโข
พี่ก้องยื่นหน้าเข้ามาจะจูบ แต่ผมหันหน้าหนี เค้าจึงไซร้ซอกคอผมอย่างหื่นกระหาย
"ปล่อย"
พี่เค้าปลดกระดุมเสื้อผมจนหมดอย่างรวดเร็ว ผมดิ้นพล่าน
ผมบอกตัวเองว่าต้องมีสติ ใช้เรี่ยวแรงเข้าสู้คงทำอะไรไม่ได้ ตัดสินใจพูดกับพี่ก้องดีๆ
"พะ พี่ก้อง อย่าทำผมเลยนะ"
"..."
"ผมขอร้อง นะครับ อย่าทำแบบนี้เลยนะ"
"ไม่ได้ครับ มาถึงนี่แล้ว พี่ไม่ยอมปล่อยหมอหนีไปง่ายๆหรอก"
พี่ก้องเลื่อนริมฝีปากลงมาสัมผัสท่อนบนของผมต่อ ผมตกใจจนแทบสิ้นสติ
ผมมองเห็นตัวเองกับพี่เค้าในหน้าจอแลปทอป เกลียดพี่ก้องจนอยากจะฆ่าเค้าให้ตายไปซะ ผมพยายามมองหาอะไรที่จะทุ่มใส่หัวพี่ก้องได้
แล้วประตูก้ถูกเปิดออก อั๋นยืนช็อคอยู่หน้าห้อง
พี่ก้องเงยหน้าขึ้นจากตัวผม อั๋นพุ่งปรี่เข้ามาซัดหมัดใส่หน้าพี่เค้าจนล้มลงไปกองกับพื้น
"ไอ้เชี่ยก้อง"
อั๋นโมโหจนหน้าเป็นสีเลือด กระชากคอพี่ก้องขึ้นมาต่อยซ้ำอีกครั้ง ผมรีบลุกขึ้นใส่เสื้อและเดินไปลบไฟล์วิดีโอในแลปทอปทันที
"หมอ มึงไม่เป็นไรนะ" อั๋นปล่อยพี่ก้องแล้วหันมาสำรวจตัวผม แววตาอั๋นสะท้อนความเจ็บปวดเหลือแสน
"ไม่เป็นไร" ผมหอบหายใจ ยังเจ็บที่หลังกับท้องอยู่ แต่นอกจาก นั้นก้ไม่มีส่วนอื่นที่ถูกทำร้าย
"เจ็บตรงไหนรึป่าว มันยังไม่ได้ทำอะไรมึงมากกว่านั้นใช่มั้ย" ผมเข้าใจสิ่งที่อั๋นหมายถึง อั๋นประคองตัวผมอย่างอ่อนโยน เสียงสั่นเหมือนคนจะร้องไห้
"มันยังไม่ได้ทำอะไร"
พี่ก้องลุกขึ้นยืน ใช้มือเช็ดเลือดบนจมูกออกก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป ผมทุ่มแลปทอปลงบนพื้น ชิ้นส่วนมันแตกกระจาย

อั๋นเล่าให้ผมฟังว่าไม่ได้ไปหานนท์ที่ร้านไอศกรีม เพราะเห็นพี่ก้องเดินเข้าไปในห้องกับผมแค่สองคน พอจะเข้ามาหากลับเจอว่าประตูล็อค รู้แน่ว่าต้องมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น มันพยายามจะพังประตูเข้ามาแต่ไม่ไหว จึงวิ่งไปขอยืมกุญแจห้องประชุมที่หน่วยอาคารและสถานที่ เปิดออกมาก้เจอพี่ก้องกำลังจะข่มขืนผม
เวลานั้นแทบไม่มีใครอยู่ที่โรงเรียนแล้ว โชคดีมากที่อั๋นยังอยู่แถวห้องประชุมและมาช่วยผมได้ทันเวลา มิฉะนั้นผมอาจเสร็จพี่ก้องไปแล้ว
อั๋นสอบถามอาการซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราไปนั่งกันอยู่ที่ม้าหินแถวลานจอดรถของโรงเรียน หน้าอั๋นยังซีดอยู่ตั้งแต่ตอนที่เข้าไปช่วยผม ความรู้สึกแย่ข้างในตัวผมเพราะเกือบโดนข่มขืนหายไปเป็นความรู้สึกดีที่เห็นอั๋นเป็นห่วงผมมากขนาดนี้ สองครั้งแล้วที่อั๋นช่วยให้ผมรอดจากเหตุการณ์เลวร้าย ผมซึ้งใจที่รู้ว่ามันรักผมแค่ไหน

"มึงจะไม่บอกครูเรื่องไอ้ก้องจริงๆเหรอ"
"ไม่อะ กูไม่อยากเจอหน้าไอ้พี่ก้องอีก" ผมตัดสินใจว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับทางโรงเรียน ให้เหตุผลกับอั๋นไปตามตรง ถ้าแจ้งคุณครู เรื่องจะใหญ่โต ผมต้องถูกเรียกไปคุยยืดยาวพร้อมกับพี่ก้อง และคนทั้งโรงเรียนก้ต้องรับรู้เรื่องนี้ด้วย ผมไม่อยากถูกพูดถึงเพราะเกือบโดนรุ่นพี่ทำมิดีมิร้ายด้วย
ผมแน่ใจว่าจะไม่ร้องเรียน ถึงแม้พี่ก้องจะไม่ถูกลงโทษ ไม่ว่าความผิดนี้มีผลทำให้ถึงขั้นถูกไล่ออกจากโรงเรียนหรือขึ้นโรงขึ้นศาลกันได้เลยทีเดียว
"ก้ได้ กูแล้วแต่มึง...แต่ต่อไปกูจะไม่ปล่อยให้มึงอยู่คนเดียว กูจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายมึงได้อีก" อั๋นดึงผมเข้ามากอด ผมรู้สึกได้ถึงความรักที่อั๋นส่งมาให้จากอ้อมแขน
"ขอบคุณนะ" ผมบอก ยิ้มออกมา
"...กูอยากฆ่าไอ้ก้อง"
"โดนไปขนาดนี้ มันคงไม่มายุ่งกับกูแล้วล่ะ" ผมหวังเหลือเกินว่าสิ่งที่พูดออกไปจะทำให้ทั้งอั๋นและตัวผมเองสบายใจขึ้น แต่ผมคิดว่าผมไม่กลัวอะไรอีกต่อไปเมื่อมีอั๋นคอยอยู่เคียงข้าง
"คืนนี้ให้กูอยู่กับมึงนะ"
"อือ"
อั๋นคลายกอด เราสองคนเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซด์เตรียมจะกลับบ้าน

-จบตอน-

โอย เกือบไปแล้วนะหมอ อั๋นมาช่วยไว้ได้ พี่ก้องนี่มันชักจะเลวเกินไปนะ นักเขียนก้โกรธจนตัวสั่นเหมือนกัน ฮึ่มม
วันนี้ก้เอาประวัติของหมอมาฝากด้วยนะจ๊ะ :)

ชื่อ : หมอ
สถานะ : มีแฟนแล้ว - อั๋น
ชั้นเรียน : มัธยม4/12 สายศิลป์-คำนวณ โรงเรียนชายล้วน
วิชาที่ถนัด : ไม่มีสักวิชา- -
สีที่ชอบ : เขียว
อาหารที่ชอบ : ปีกไก่ทอด ของทอดทุกชนิด
กีฬาที่ชอบ : ปิงปอง
เวลาว่าง : เล่นเกมส์ออนไลน์ อ่านการ์ตูน
ลักษณะนิสัย : เป็นคนง่ายๆสบายๆ คำพูดติดปากจึงเป็นคำว่า 'ชิว' ขี้เกียจสุดๆ นอนดึกตื่นเที่ยงเป็นประจำ เป็นนักเรียนที่ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นก้เป็นเด็กดีของพ่อแม่ เป็นที่รักของเพื่อนๆ จึงมักเป็นฝ่ายถูกแกล้ง ให้เพื่อนเต็มร้อย ถึงไหนถึงกัน ใจเด็ด แม้จะเป็นเคะ แต่ไม่ได้อ่อนแอหรือง๊องแง๊งเหมือนผู้หญิง ฉลาดหัวไวกับเรื่องที่ไม่ใช่การเรียน เขินง่ายมาก ภูมิคุ้มกันเวลาโดนอั๋นจีบต่ำ
รูปร่างหน้าตา : หนุ่มหล่อหน้าอ่อน หน้ามึนๆง่วงๆตลอดเวลา ขอบตาคล้ำ ผิวขาว สูงแต่บอบบาง

ติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2016 21:21:41 โดย writerbeer »

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
น่าจะเอาเรื่องไอ้ก้องนะ ชั่วเกิ๊น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ตอนที่29

เมื่อคิดถึงเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น อารมณ์ผมกลับมาเป็นปกติได้รวดเร็วทีเดียว เหตุผลไม่ใช่เพราะผมรอดมาได้อย่างเดียว แต่เป็นเพราะอั๋นมาอยู่กับผมที่บ้านในคืนนี้ด้วย
เราสองคนทานอาหารเย็นพร้อมกับพ่อแม่ผม โชคดีที่รอยช้ำอยู่ที่หน้าท้องกับหลังผม ไม่อย่างนั้นพวกท่านคงสังเกตเห็นและถูกถามได้
"พรุ่งนี้ต้องเริ่มจัดสแตนเชียร์แล้วใช่มั้ยลูก" แม่ถาม
"ครับ พรุ่งนี้หมอน่าจะกลับดึกนะ"
"จ้ะ อั๋นล่ะ ได้ทำกีฬาสีกับหมอมั้ย"
"ผมเล่นบาสฯน่ะครับ ไม่ได้ทำงานฝ่ายเชียร์เหมือนหมอ แต่ผมจะไปช่วยจัดสแตนด้วยครับ"
"อ๋อ ดีจังเลยนะ ทั้งเล่นกีฬาทั้งช่วยทำงาน"
"อย่าไปชมมันมากดิแม่"
"แกอย่าอิจฉาเพื่อนสิ" พ่อพูด แม่กับอั๋นหัวเราะ
"พ่อ- -"
"คืนพรุ่งนี้อั๋นก้มานอนบ้านเราอีกคืนสิลูก จะได้ไม่ต้องขับกลับบ้านตอนดึกๆ"
"ขอบคุณครับแม่ แต่พรุ่งนี้ผมต้องอยู่บ้านน่ะครับ" อั๋นยิ้มกว้าง มันบอกผมว่าพรุ่งนี้เจ๊เอ๋จะกลับบ้านเร็ว มันอยากอยู่เป็นเพื่อนเจ๊ครับ
"อ๋อ ไม่เป็นไรจ้ะ"

"ให้ผมช่วยล้างจานนะครับ" อั๋นเสนอ ลุกขึ้นเก็บรวบรวมจานชามที่ใช้แล้วขึ้นถือ
"โอ๊ย ไม่เป็นไรจ้ะ" แม่รีบคว้าจานชามไปจากมืออั๋น "ไม่ต้องช่วยแม่หรอก ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ...ขนาดหมอมันยังไม่เคยช่วยแม่ล้างเลย"
"ไม่จริง ผมช่วยนะ"
พ่อ แม่ อั๋นหัวเราะ
"แม่ล้อเล่น ขึ้นไปข้างบนเถอะลูก เดี๋ยววันนี้แม่ทำเอง"
ผมจูงมืออั๋นที่ไม่ยอมละจากโต๊ะอาหารไปสักที พ่อกับแม่มองพวกเรา
"ผู้หญิงคนไหนได้อั๋นเป็นแฟนนี่โชคดีมากเลยนะ ดูสิ น่ารักมาก" แม่เอ่ยชม
"บ้านเราน่าจะมีลูกสาวนะ ไม่สิ หมอมันน่าจะเป็นผู้หญิงเนอะ" พ่อพูดยิ้มๆ
อั๋นยิ้มรับคำชมหน้าบาน

เมื่อเราขึ้นมาที่ห้องผม สีหน้าอั๋นกลับมาเครียดเหมือนเดิม
"หมอ มึงโอเครึยัง"
"โอเคแล้ว" ผมตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง รู้สึกดีขึ้นแล้วจริงๆครับ
"จริงเหรอ"
"จริงดิ"
"กูเป็นห่วงมึงมากรู้มั้ย ถ้ามึงยังไม่ดีขึ้น มึงต้องบอกกูตรงๆนะ"
"คร้าบบบ กูไม่ได้โกหกนะ กูโอเคแล้ว" ผมดึงแขนอั๋นให้มานั่งลงบนเตียงด้วยกัน
อั๋นจับมือผม
"มึงเจ็บตรงไหนรึป่าว"
"ก้ เจ็บที่ท้องกับหลังนิดหน่อยอะ"
"ไหนดูซิ"
ผมถอดเสื้อนักเรียนออก เผยให้เห็นรอยช้ำเป็นสีเขียวคล้ำอยู่ตรงหน้าท้องด้านซ้าย
"นี่ไอ้ก้องมันต่อยมึงยังงี้เลยหรอ" อั๋นคิ้วขมวดทันทีที่เห็น "ที่หลังล่ะ"
ผมหันหลังให้อั๋นสำรวจ
"มีรอยแดงอยู่กลางหลังเลย"
ผมกัดฟันกรอด ยิ่งคิดก้ยิ่งแค้นไอ้พี่ก้อง
อั๋นเงียบไปพักใหญ่ ท่าทางเศร้าโศก ผมเห็นอย่างนั้นจึงขยับเข้าไปกอดมัน
"อั๋น ขอบคุณมากนะ"
อั๋นกอดตอบและส่งเสียงอู้อี้กลับมา
"มึงเป็นคนที่กูรักมากที่สุดเลยรู้มั้ย ถ้าเจ็บแทนมึงได้กูก้จะทำ"
เราผละออกจากกันแต่มือยังประคองกันอยู่ตรงนั้น อั๋นยิ้มเศร้าๆ
"เพราะมึงกูถึงรู้สึกดีขึ้นนะอั๋น สบายใจได้แล้วนะ"
"อือ"
อั๋นทายาและนวดเบาๆให้หลังผมอาบน้ำเสร็จ เราใกล้กันจนผมรู้สึกได้ถึงทุกลมหายใจของอั๋น
"หมอเข้มแข็งมากเลยนะ"
ผมเอนตัวลงไปนอนบนตักอั๋น มันก้มหน้าลงมาสบสายตาและลูบเส้นผมเล่น
เราอยู่ในท่านั้นอีกสักพัก ไม่ได้พูดอะไรกัน แค่มองหน้ากัน นั่นทำให้ผมพบว่าเราสองคนเข้าใจกันและกันอย่างลึกซึ้งแค่ไหน ผมเคยคิดว่าผมโชคดีมากที่ได้รู้จักคนดีๆอย่างอั๋น แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยเมื่อนึกถึงว่าอั๋นรักผมมากมายขนาดนี้ ผมเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก

วันต่อมาเป็นการแข่งขันกีฬาในรอบชิงชนะเลิศอีกวันหนึ่ง นักเรียนที่ไม่ได้เป็นทั้งสตาฟจัดงานและนักกีฬาสามารถเลือกได้ว่าจะไปดูการแข่งขันชนิดอะไร หรือจะมาช่วยเตรียมงานให้กับสีตนเองก้ได้
ผมชวนอั๋น ต้าร์ เอก นนท์และเพื่อนในห้องคนอื่นอีก5-6คนมาช่วยจัดสแตนเชียร์ ระหว่างที่พวกเรากำลังเอาถุงใส่อุปกรณ์เชียร์ไปวางบนที่นั่งต่างๆให้ตรงกับผังการแปรอักษรที่จัดไว้ พี่ก้องเดินเข้ามาคุยกับพี่สี จมูกมีรอยแผลที่อั๋นฝากไว้เมื่อวาน ดูเจ็บหนัก พี่ก้องไม่แม้แต่จะชำเลืองมองมาที่ผมกับอั๋นสักนิด
"เห้ยๆ มึงดูดิ จมูกพี่ก้องไปโดนไรมาวะ" นนท์หันมากระซิบเบาๆ
"โดนต่อยมาอะดิ เป็นรอยยังงั้น" เอกตอบทันควัน
ผมกับอั๋นหลีกเลี่ยงไม่สบตากัน แต่ผมรู้สึกได้ว่าเมื่อผมมองไปทางอื่น อั๋นกำลังแอบมองผมอยู่อย่างเป็นห่วง
"พี่ก้องเค้าไปมีเรื่องกับใครบ่อยๆวะ วันนั้นก้ปากแตก วันนี้ก้จมูกแตกอีก"
"เออ กูก้สงสัยเหมือนกัน" ต้าร์พยักหน้า
ผมกับอั๋นไม่ตอบ หัวข้อนี้จึงถูกข้ามไป แน่นอนว่าผมไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง และผมยังมั่นใจด้วยว่าทำถูกที่ไม่ได้เอาเรื่องพี่ก้อง
"ไปทำตรงอื่นกันเถอะ กูทนเห็นหน้าพี่ก้องไม่ไหวจริงๆ" อั๋นพูดเบาๆให้ผมได้ยินคนเดียว
เราสองคนแยกออกมาช่วยตรวจสอบอุปกรณ์ที่จะใช้ในการเดินพาเหรดซึ่งไกลจากมุมที่พี่ก้องอยู่ เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว อั๋นถามผมทันที
"มึงโอเคใช่มั้ย"
"กูโอเค" ผมตอบตามที่รู้สึกจริงๆ
"กูอยากเข้าไปต่อยมันอีก เมื่อวานยังไม่สมกับที่มันทำเลย"
อั๋นดูเหมือนต้องอดทนมากทีเดียวที่จะไม่ย้อนกลับไปแล้วพุ่งเข้าใส่พี่ก้อง ผมจับมือมันบีบเบาๆ
"ช่างมันเหอะ ไปยุ่งกับมันอีกเรื่องก้ไม่จบสักที...กูสบายใจแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง"
อั๋นมองมาอย่างไม่แน่ใจ
"เชื่อกูดิ แค่กูมีมึงอยู่ด้วยก้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว"

เราตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชิ้นจนแน่ใจว่ามันพร้อมใช้งานในวันจริง อั๋นดูสบายใจขึ้นเมื่อเห็นว่าผมปกติดี<br>
กลับไปหาพวกไอ้นนท์กัน
งานจัดถุงอุปกรณ์สำหรับที่นั่งบนสแตนเชียร์เสร็จเรียบร้อย รวมถึงฉากและการตกแต่งทั้งหมด สแตนเชียร์ประกอบด้วยสีฟ้าและขาว สวยงามมากตอนนี้สตาฟกำลังเก็บขยะรอบๆบริเวณอยู่
"ไปแดกข้าวกันพวกมึง" นนท์บอกเมื่อผมกับอั๋นเดินเข้าไปหา
"เออ ร้านไรอะ" ผมถาม
"Bonchonมั้ย" ต้าร์เสนอ
"เอาดิๆ"
"เออ กูกำลังอยากอยู่พอดีเลย"
ทุกคนตกลงอย่างพร้อมใจกัน ผมจะไป siam center กับอั๋น ส่วนอีกสามคนจะนั่งรถประจำทางหน้าโรงเรียนไป
จังหวะที่ผมเดินเข้าไปบอกลาพี่เมฆกับพี่สตาฟคนอื่น พี่ก้องหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนจะรีบหันไปอีกทางอย่างรวดเร็ว อั๋นที่ยืนอยู่ข้างผมจ้องเขม็ง
พี่ก้องไม่สนใจผมกับอั๋นเป็นเรื่องดีที่สุด ผมหวังว่าพี่เค้าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเราสองคนอีก

ผมจองคิวของร้านไก่ทอดชื่อดังผ่านแอพพลิเคชันในมือถือ เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลารออีกเมื่อไปถึง เราทั้ง5คนมาถึงที่ร้านในครึ่งชั่วโมงต่อมาและได้เข้ารับประทานอาหารทันที
"เดี๋ยวไอ้เม้งขอมาแดกด้วยนะ ที่มันเคยไปกินเหล้าร้านพี่โอ พวกมึงจำได้ปะ...วันนี้มันอยู่แถวนี้พอดี" นนท์พูดขึ้น วางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ
"เออ" เอกตอบ
ผมนึกถึงเรื่องพี่เหมาขึ้นมาเมื่อนนท์พูดถึงเม้ง แล้วผมก้นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกอั๋นว่าเม้งเป็นน้องชายพี่เหมาด้วย

เม้งเดินเข้ามาในร้านพร้อมๆกับที่พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ มันยิ้มทักทายทุกคนก่อนจะนั่งลงข้างนนท์ที่เว้นเก้าอี้ว่างไว้ให้
"ไม่เจอซะนานเลยมึง เป็นไงมั่งวะ"
"เรื่อยๆว่ะ มึงอะ"
"ช่วงนี้ชีวิตดี มีกีฬาสีว่ะ ไม่ต้องเรียนทั้งอาทิตย์555"
"โห"
เม้งตอบนนท์และหันมาสบตาผมเป็นครั้งแรก มันมองมาที่ไหล่ผมซึ่งชิดอยู่กับอั๋น
"พรุ่งนี้กะพฤหัสมีแข่งกรีฑากับประกวดสแตนเชียร์ มึงมาเที่ยวโรงเรียนกูป่าว" นนท์ชวน
"น่าสน...เอาดิ" เม้งคิดนิดนึงก่อนตอบ "กูไปวันพฤหัสละกัน เดี๋ยวโดดไป"
จากนั้นหัวข้อสนทนาก้เปลี่ยนไป ผมสังเกตว่าเม้งชำเลืองมาที่ผมบ่อยๆเหมือนเมื่อตอนเจอกันที่ร้านเหล้าครั้งก่อน
ต้าร์ระบายเรื่องแฟนให้พวกเราฟัง บอกว่าเมย์งี่เง่ามาก บังคับมันให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ พอมันไม่ทำ เมย์ก้จะงอนแถมยังประชดแดกดันกลับมา
"มึงก้มีกิ๊กประชดน้องมันบ้างดิ" เอกแนะนำ นั่นทำให้ผมตบหัวมันไปทีหนึ่ง
"โคตรเหี้ยเลยวิธีนี้"
"กูล้อเล่นนน ทำไมมึงโหดจังวะหมอ" เอกทำหน้าบูด
ผมแอบมองเม้งจากหางตาเมื่อพูดถึงเรื่องกิ๊ก แต่มันก้ไม่แสดงอาการใดๆ
"หมอไม่ชอบเรื่องนอกใจเว้ย" อั๋นยิ้มก่อนตอบ เอก ต้าร์ นนท์เริ่มแซวผมทันที
"อ้ออ ยังงี้นี่เอง...นี่ขนาดไอ้เอกแค่แนะนำให้กูมีกิ๊กยังโดนไอ้หมอตบหัวพุ่ง ถ้าไอ้อั๋นดันมีกิ๊กขึ้นมา มึงไม่โดนฆ่าปาดคอเลยหรอวะ" ต้าร์พูดกับอั๋น แต่มองหน้าผมอย่างล้อเลียน
"เออดิ กูโดนฆ่าแน่ๆ แต่กูไม่มีกิ๊กหรอก มีหมอคนเดียวก้พอแล้ว" อั๋นกอดเอวผมและยื่นหน้าเข้ามาใกล้
"ไปสวีทกันไกลๆตีนกูเลย นู่น ไปเลยไป" นนท์โวยวาย ผมกับอั๋นหัวเราะ "...เออ มึงยังไม่รู้นี่หว่าเม้ง ไอ้หมอกับไอ้อั๋นมันคบกันจริงๆละนะ"
เม้งเลิกคิ้วขึ้นแล้วก้ยิ้มออกมา
"ยินดีด้วยนะ"
ผมเห็นแววตาแปลกๆของเม้งวูบหนึ่งก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
"เอาไรอีกปะ" ผมถามอั๋น มันส่ายหน้า ตบหน้าท้องตัวเองเบาๆแสดงอาการว่าอิ่มแล้ว ก่อนจะหันมากอดเอวผมอีกครั้ง
"นั่นๆ สวีทกันอีกละ" เอกล้อ
"อย่าพึ่งเล่นดิค้าบ ขอกินก่อน" ผมดีดหน้าผากไอ้แฟนจอมขี้อ้อน มันทำหน้าแอ๊บแบ๊วใส่
"อยากกอดแฟนอะ"
"เดี๋ยวค่อยกอดดิ กินก่อน"
"ง่ะ" อั๋นยอมปล่อย เพื่อนๆหัวเราะ

ไม่นานหลังจากนั้น พวกเราแยกย้ายกันกลับ ระหว่างเดินไปที่รถมอเตอร์ไซด์ ผมเล่าเรื่องเม้งให้อั๋นฟัง
"เออ กูยังไม่ได้เล่าเรื่องเม้งให้มึงฟังเลย"
"เรื่องไรวะ"
"เม้งเป็นน้องชายพี่เหมา"
อั๋นชะงัก
"ห๊ะ...จริงดิ"
"จริง กูลืมไปสนิท"
"มึงรู้ได้ไง"
"เม้งมากินข้าวกับบ้านพี่เหมาด้วยวันนั้น สองคนนั่นหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ"
อั๋นเงียบไป กำลังใช้ความคิด
"...เออ จะว่าไปก้เหมือนกันจริงว่ะ ทำไมกูไม่สังเกตมาก่อนนะ"
"เราเจอเม้งครั้งล่าสุดก้นานแล้ว ตอนเห็นพี่เหมากูก้คิดว่าหน้าคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหน"
"แต่กูไม่ค่อยถูกชะตาไอ้เม้งเท่าไรเลย"
"ทำไมวะ"
"ก้มันชอบมองหมออะ"
ผมหัวเราะ นี่อั๋นก้เห็นว่าเม้งชอบมองหน้าผมเหรอเนี่ย
"กูก้ว่างั้น หันไปทีไรเห็นมันมองอยู่ทุกที"
"มันมองมึงตั้งแต่ที่ร้านเหล้าแล้ว กูรู้เลยว่ามันคิดอะไร" อั๋นทำหน้าเบี้ยว
"มันอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก้ได้"
"ไม่อะ มันชอบมึง"
"หึงหรอ" ผมถามยิ้มๆ
"หึงดิ"
"หึงไร กูไม่ได้ไปยุ่งกับมันซะหน่อย"
"ใช่ แต่กูไม่ชอบให้ใครมามองมึงนิ"
"ไอ้บ้า คิดมากน่า"
"หมอของอั๋น อั๋นไม่ยอมให้คนอื่นมายุ่งหรอก" พูดแล้วก้จุ๊บแก้มผมด้วย
"เนียนอีกแล้วนะ"
"ไม่เนียน นี่หอมตรงๆเลย" อั๋นยิ้มกว้าง
"ชอบโชว์ความเป็นเจ้าของนอกสถานที่นะสัส" ผมไม่กล้าหันไปมองคนที่เดินอยู่รอบๆนั้นเลยว่ามีใครเห็นเราบ้าง
"ทำที่นี่ก้บ่น ทำที่บ้านก้บ่น เอาไงเนี่ย" อั๋นกระเง้ากระงอด
"ไม่ให้ทำเว้ย"
"ไรอะ ไม่ให้กูทำแล้วจะให้ใครทำ"
"คนอื่นไง" ผมแกล้งยั่ว
อั๋นมองตาเขียว ผมหัวเราะร่วน

รถมอเตอร์ไซด์มาถึงหน้าบ้าน ผมลงจากเบาะแล้วส่งหมวกกันน็อคให้อั๋น
"พรุ่งนี้มารับกูเช้าหน่อยดิ อยากแวะไปดูความเรียบร้อยที่สแตนก่อน"
"คร้าบบ หมอจะตื่นรึป่าวเหอะ"
"ตื่นดิ- - เดี๋ยวตั้งนาฬิกาปลุก"
"ไม่อยากจะเชื่อ5555"
ผมทำแก้มป่อง
"ให้กูโทรปลุกมั้ย"
"เออๆ" อั๋นขยี้หัวผม
"คืนนี้ไม่ได้นอนกอดหมออะ ขอกอดก่อนกลับดิ" อั๋นอ้อนอีกแล้ว
"เมื่อกี้ที่ร้านก้กอดแล้วนิ"
"โห่ นั่นแปบเดียวเอง มากอดๆ"
อั๋นดึงผมเข้ามากอดทั้งๆที่ตัวมันยังคร่อมมอเตอร์ไซด์อยู่
"แฟนใครเนี่ย โคตรน่ารักเลย"
ผมหน้าแดง
"ขอจุ๊บด้วยได้ปะ"
"เยอะไปละสาด พอเลย" ผมรีบยกมือห้าม ไม่ใช่ไม่อยากให้อั๋นทำ แต่กลัวพ่อกับแม่ผมออกมาเห็นครับ
"อะๆ ไม่จุ๊บก้ได้ แต่ทดไว้นะ"
ผมต่อยแขนมันเบาๆ

สองวันสุดท้ายของงานกีฬาสีโรงเรียนมาถึงในที่สุด นอกเหนือจากการแข่งขันกรีฑาทุกชนิดก้ยังมีแข่งขันประกวดสแตนเชียร์ด้วย
ผมเห็นพี่ก้องหลายครั้งในงานและคิดว่าเราคงไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันแล้ว เพราะทุกครั้งเขากำลังมองไปทางอื่นตลอด ผมแน่ใจว่าเขาทำเป็นมองไม่เห็น
พี่น้ำมาควบคุมการดำเนินการทุกอย่างบนสแตนสีฟ้า ถ้ามองดูโดยปราศจากอคติก้ถือว่าเขาทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ในสายตาของผม พี่น้ำก้อารมณ์ร้อนเกินไป
น้องๆบนสแตนเชียร์ค่อนข้างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในวันจริง มีส่วนน้อยที่โดดงาน ทุกคนที่อยู่ส่งเสียร์เชียร์ จัดแถว แปรอักษร ทำให้สแตนเชียร์สีฟ้าดูสวยงามมาก ผมประทับใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า
"กูว่าสีเรามีลุ้นชนะสแตนเชียร์นะ" อั๋นบอก ยิ้มกว้างเมื่อเห็นผมมีความสุข
ผมตัดสินใจว่าจะยังคงทำงานกีฬาสีในฝ่ายเชียร์ต่อไปและบันทึกรายละเอียดที่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำหรับงานปีหน้าเอาไว้

ช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดี อั๋น ต้าร์ และนักกีฬาบาสเกตบอลสีฟ้าทั้งหมดขึ้นรับรางวัลเหรียญทองแดง ผมเฝ้ามองอย่างยินดีอยู่บนสแตนเชียร์กับเอก นนท์ และเม้ง ซึ่งโดดเรียนที่โรงเรียนตัวเองมา
และผมก้เห็นอาร์ตในหมู่นักกีฬาสีแดงที่กระโดดกอดกันหลังได้เหรียญทอง ใบหน้าอาร์ตเปื้อนรอยยิ้มสดใสเต็มเปี่ยม
ยังมีการมอบเหรียญรางวัลให้กับกีฬาประเภทอื่นๆระหว่างที่รออั๋นกลับมาหา โทรศัพท์ผมก้แจ้งเตือนว่ามีคนส่งข้อความผ่านทางไลน์มา
เม้งนั่นเอง
ผมมองข้ามเอกและนนท์ไปยังเม้ง มันกำลังนั่งจ้องหน้าจอมือถือ ไม่หันไปทางไหน
(ขอคุยด้วยหน่อยดิ)
เม้งต้องการคุยเรื่องอะไรกับผมนะ
(พูดเลยดิ ทำไมต้องคุยในไลน์ด้วย)
(เราไม่อยากให้คนอื่นรู้)
(มีไรอะ)
ผมหันไปมองอีกครั้ง แต่เม้งก้ยังตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์ข้อความอย่างเดียว
(หมอบอกอั๋นเรื่องพี่เหมาใช่มั้ย)
ผมนิ่งอึ้ง เม้งรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน
เม้งค่อยๆหันมาทางผมในที่สุด สีหน้าเรียบนิ่ง อ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ แต่ผมสัมผัสได้ว่ามันจับอาการตกใจของผมได้
(กูไม่รู้เรื่อง)
ผมรีบพิมพ์ตอบกลับไป
(อย่าโกหกเลย เรารู้หมดแล้ว)
(กูไม่ได้โกหก)
(วันนั้นเราเห็นหมอนะ หมอเห็นว่าพี่เหมาพาผู้หญิงที่ไม่ใช่พี่เอ๋มากินข้าว และก้รู้แล้วว่าเรากับพี่เหมาเป็นพี่น้องกัน)
ผมเงียบไปพักใหญ่ เม้งรู้เรื่องแล้ว ผมไม่เห็นหนทางว่าจะโกหกหรือปิดบังอีกฝ่ายได้อย่างไร
(เออ กูเป็นคนบอกอั๋น ก้พี่มึงทำไม่ถูกนิ)
ผมตัดสินใจยอมรับไปตรงๆ
(ทำงี้ได้ไง ตอนนี้พี่เหมากับพี่เอ๋กำลังทะเลาะกันอยู่รู้มั้ย)
(ไม่ทะเลาะก้แปลกดิ พี่มึงคบผู้หญิงหลายคนพร้อมกันเนี่ยนะ)
ผมชักจะหงุดหงิดแล้ว เข้าใจนะครับว่าเม้งมันต้องเข้าข้างพี่ชายมัน แต่เรื่องนี้พี่เหมาผิดเต็มๆ
"หมออ"
อั๋นวิ่งกลับจากสนามมา ยกเหรียญทองแดงที่สวมคออยู่ให้เห็น ผมหยุดคุยไลน์ทันที
"แฟนหมอได้เหรียญแล้วนะครับ" อั๋นคว้ามือผมขึ้นมาจับ เพื่อนๆห้องผมที่นั่งอยู่ใกล้ส่งเสียงแซว
"ขี้อวดว่ะ" ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ผมก้หยุดยิ้มไม่ได้
คนอื่นๆบนสแตนเชียร์ของสีฟ้าก้มองมาที่เราเช่นกัน
ผมเห็นเม้งมีสีหน้าเย็นชา แต่ผมไม่สนใจ

"และสีที่ชนะเลิศรางวัลสแตนเชียร์ดีเด่นได้แก่..." อั๋นนั่งกุมมือผมอยู่ ตอนนี้เหลือแค่สีฟ้ากับสีเขียวที่ยังไม่ถูกเรียกชื่อ สีที่พิธีกรกำลังจะประกาศเป็นสีที่ชนะเลิศ ส่วนอีกสีหนึ่งคือรางวัลที่สอง
"สี...ฟ้า"
สิ้นเสียงพิธีกร สมาชิกสีฟ้าทุกคนกระโดดลุกขึ้นยืนและตะโกนดีใจดังลั่น สตาฟห้องพี่ก้องทั้งหมดวิ่งลงจากสแตนเชียร์ไปกอดกันกลมบนสนามหญ้า
"เจ๋งว่ะ"
ผมพึมพำ อั๋นหันมาหาผม
"อีกสองปีพวกเราจะชนะแบบนี้มั่งนะ"
"กูจะทำให้ได้"

ผมไม่ได้เช็คการแจ้งเตือนในโทรศัพท์มือถืออีกเลยจนกระทั่งเป็นเวลาสามทุ่ม หลังแยกกับอั๋นแล้ว ผมเห็นเม้งส่งข้อความต่อมาอีก
(เราไม่อยากทำแบบนี้เลยหมอ แต่หมอทำให้พี่เรากับแฟนมีปัญหากัน
เราจะเอาเรื่องที่อั๋นกับหมอคบกันไปบอกพ่อแม่พวกนาย)
ผมตกใจจนเกือบทำมือถือตก เม้งจะทำอย่างนั้นไม่ได้นะ
(ถ้าไม่อยากให้ทำยังงั้น พรุ่งนี้สิบโมงออกมาหาเราที่สยาม
อย่าบอกอั๋นด้วย ไม่งั้นเรื่องถึงหูพ่อแม่อั๋นทันที)
ลำพังพ่อแม่ผมไม่เท่าไร แต่ถ้าพ่อแม่อั๋นรู้จะว่าอย่างไร พวกท่านจะรับสิ่งที่เราทำอยู่ได้หรือไม่
ผมโกรธจนมือสั่น เม้งมันเอาคืนผมด้วยวิธีสกปรกจริงๆ

-จบตอน-

พี่ก้องคงไม่มายุ่งกับอั๋นหมออีกแล้วใช่มั้ย ไม่ทันไรหมอก้งานเข้าทันที เม้งกำลังคิดอะไรอยู่และหมอจะทำยังไงต่อไปนะ
วันนี้เป็นคิวของพี่ก้องนาจา

ชื่อ : ก้อง
สถานะ : โสด
ชั้นเรียน : มัธยม6/5 สายวิทย์-คณิต โรงเรียนชายล้วน
วิชาที่ถนัด : คณิตศาสตร์
สีที่ชอบ : ดำ ขาว
อาหารที่ชอบ : fast food
กีฬาที่ชอบ : ฟุตบอล
เวลาว่าง : ออกกำลังกาย เที่ยว
ลักษณะนิสัย : มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก คารมเป็นต่อสุดๆ จึงมักจะได้เป็นผู้นำในกลุ่ม แสดงออกว่าตัวเองใจดี เป็นคนดี แต่ข้างในร้ายลึก เจ้าคิดเจ้าแค้น คิดอะไรอยู่ไม่มีใครรู้ จิตนิดๆ
รูปร่างหน้าตา : สวมแว่น หน้าอ่อน ดูเรียบร้อยคงแก่เรียน ผอมสูง

อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันด้วยน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-07-2016 20:05:37 โดย writerbeer »

ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
เฮ้ยยยยย เม้งไมทำงี้!! หมอระวังตัวนะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ถ้าหมอคิดซักหน่อย ก็คงไม่ออกไปหาเม้งหรอก

เม้งไม่ใช่คนดีอย่างที่เห็น หมอคงสังเกตุเห็นแล้ว

แต่เรื่องการคบกัน ครอบครัวรับได้หรือไม่ ก็ต้องปล่อยให้ครอบครัวตัดสิน ทางทีดีหมอควรชิงบอกครอบครัวไปก่อนเลย

ประสบการณ์เกือบโดนปล้ำ 3 ครั้ง  ถ้ามันแค่ทำให้หมอระแวง แต่ไม่คิดจะวางแผนป้องกันหรือหลีกเลี่ยง ก็คงต้องปล่อยหมอไปตามบุญตามกรรม




ออฟไลน์ ตัวไหมอ้วนกลม

  • สาว Y ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นแล้วรักษาไม่หายนะคะ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
ถ้าหมอไม่บอกอั๋นนี่แสดงว่าหมอเป็นนายเอกนิยายที่ "โง่" สุด ๆ อ่ะ ประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ตัวละครตัวนี้ฉลาดขึ้นมาสักนิดเลยเหรอ  กี่ครั้งแล้วที่เกิดเรื่องเพราะการปิดบัง คือยังไม่เข็ด ?  แต่ยังไงนิยายก็คือนิยายอะนะเฮ่อ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ตอนที่30

ผมควรทำอย่างไรดี?

สิ่งที่ผมต้องการน้อยที่สุดในตอนนี้คือให้พ่อแม่อั๋นรับรู้เรื่องที่เราสองคนเป็นแฟนกัน
หมายความว่าผมต้องยอมทำตามเม้งอย่างนั้นหรือ

แต่ผมแน่ใจว่าการที่เม้งเรียกออกไปหาต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ มันจะทำอะไรกับผมก้ได้

ผมนอนคิดอยู่นานในห้อง แจกแจงทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหากผมตัดสินใจเลือกแต่ละทาง
ถ้าผมออกไปหาเม้งเท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ แถมยังไม่มีอะไรมารับประกันได้เลยว่าถ้าผมยอมออกไปและทำอะไรก้ตามที่เม้งต้อง การ แล้วมันจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่พวกเรา
ผลสุดท้าย ไม่ว่าผมจะทำหรือไม่ทำตามที่เม้งขู่ ก้มีโอกาสที่พ่อแม่อั๋นจะรู้เรื่องอยู่ดี

และที่สำคัญ ผมนึกถึงอั๋น อั๋นจะรู้สึกอย่างไรถ้าผมออกไปหาเม้งโดยที่มันไม่รู้
ผมจะเอาตัวเองไปเสี่ยงให้คนที่รักผมเป็นห่วงไม่ได้
ผมกดโทรศัพท์หาอั๋น

อั๋นนั่งรถแท๊กซี่มาที่บ้านผม ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากผมเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟังผ่านโทรศัพท์ แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้วก้ตาม
"หมอ"
อั๋นดึงผมเข้ามากอดทันทีที่เดินออกไปรับหน้าบ้าน
"ไม่ต้องกลัวนะเว้ย กูอยู่กับมึงแล้ว กูจะไม่ให้เม้งมันทำอะไรมึงเด็ดขาด"
ผมยิ้มออกมา รู้สึกอุ่นใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงหนักแน่นของอั๋น
"ดีแล้วนะที่หมอบอกอั๋น"
"กูไม่อยากปิดบัง กูเป็นห่วงความรู้สึกมึง"
อั๋นยิ้มกว้าง

"พรุ่งนี้กูจะออกไปหาเม้ง" ผมรีบบอกอั๋นเมื่ออาบน้ำเสร็จ ในที่สุดผมก้คิดวิธีแก้ปัญหาออก
"ห๊ะ ว่าไงนะ" อั๋นถามเสียงหลง
"ใจเย็นๆ ฟังก่อน...กูรู้แล้วว่าต้องทำไง คราวนี้กูจะเอาคืนมั่งล่ะ..."
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมคิด นอกจากเม้งจะโดนหนักแล้ว เรื่องผมกับอั๋นเป็นแฟนกันอาจจะไม่ถึงหูพ่อแม่พวกเราด้วย

ผมไลน์ไปตอบตกลงเม้ง เรานัดเจอกันที่ร้าน starbucks ในห้าง square one ตอนสิบโมงครึ่ง เม้งไม่ลืมย้ำว่าห้ามบอกอั๋น ผมเดาว่ามันกำลังมีความสุขเพราะคิดว่าผมอับจนหนทางและยอมทำตามมันแน่ๆ

ผมมาถึง starbucks ตรงเวลานัดพอดิบพอดี วันนี้มีคนมานั่งดื่มกาแฟเต็มทุกโต๊ะ ไม่อ่านหนังสือเงียบๆก้นั่งคุยกัน จะประชุมงานหรือเรื่องสัพเพเหระก้สุดแล้วแต่ ผมมองหาโต๊ะที่เม้งนั่ง
หาไม่นานก้เห็นไอ้ตัวก่อเรื่องนั่งอยู่ด้านในสุดทางฝั่งขวามือของร้าน ในมือกำลังถือโทรศัพท์
เม้งยิ้มน้อยๆ น่าซัดปากเป็นที่สุด ผมเดินตรงไปหา นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
"ว่าแล้วว่าหมอต้องมา หมอไม่อยากให้พ่อแม่รู้ใช่มั้ย"
ผมไม่ตอบ อดทนอดกลั้นสุดชีวิตที่จะไม่ตั๊นหน้าเม้งสักหมัดในตอนนี้
"นัดกูมาทำไม"
"ใจเย็นดิ คุยกันก่อน สั่งอะไรกินมั้ย"
"มึงจะเอาไงว่ามา"
เม้งถอนหายใจ แต่หน้ายังยิ้มอยู่
"ก้ได้ วันนี้หมอต้องทำตามที่เราสั่งทุกอย่าง...รู้ใช่มั้ยว่าถ้าไม่ทำแล้วเราจะทำอะไร"
ผมกำมือแน่น
"เราสนใจหมอตั้งแต่ที่เจอกันนะ ตอนนายเมาเราก้แอบแอดไลน์ตัวเองให้"
อย่างนี้นี่เอง ผมถึงจำไม่ได้ว่าเม้งมีไลน์ผมได้อย่างไร
"แต่ดูก้รู้แล้วว่าหมอกับอั๋นเริ่มชอบกัน เราเลยคิดว่าเข้าไปจีบนายตอนนี้ไม่ติดแน่ๆ...ทักไลน์ไปนายก้ตอบเราสั้นๆ"
เม้งหยุดเหมือนรอว่าผมจะพูดอะไรกลับไปบ้าง แต่ผมไม่ มันจึงพูดต่อ
"เราอยากให้หมอมาเป็นแฟนเราวันนึง แค่นั้นแหละ"
ผมยังไม่พูดอะไรทั้งนั้น บอกตัวเองให้ใจเย็นๆไว้ก่อน เป็นแฟนมันหนึ่งวันเนี่ยนะ
"แปลว่าตกลงนะ" เม้งยิ้มกว้างอย่างชั่วร้าย "ต้องตกลงดิ ยอมออกมาหาเราตามนัดแล้ว"
ทำไมชีวิตผมถึงต้องมาเจอแต่คนเลวๆแบบนี้นะ
"ไม่สั่งอะไรจริงๆเหรอ"
"ไม่ เห็นหน้ามึงแล้วกูแดกไม่ลง"
เม้งหุบยิ้ม<br>
"นายต้องพูดดีๆกับเราด้วย แฟนกันเค้าไม่พูดแบบนี้ใส่กันหรอก..."
"เม้ง" ผมตัดบท
"อะไร"
"มึงทำแบบนี้เพื่อไรวะ"
มันเงียบไปเดี๋ยวเดียวก่อนตอบ
"ให้สมกับที่นายทำกับพี่เหมาไง"
"พี่มึงแม่งโคตรเหี้ยเลย"
"เห้ย"
ผมห้ามตัวเองไม่ให้โต้เถียงต่อ กลัวจะระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ บอกตัวเองเป็นครั้งที่สองว่าต้องใจเย็น
"เออ ขอโทษ...ห้ามด่าพี่ชายมึงด้วยใช่มั้ย" ผมกัดฟันพูด "แล้วกูต้องทำไรอีก"
"ก้ ไปกับเรา ห้ามรับโทรศัพท์หรือว่าตอบไลน์อั๋น" เม้งยิ้มออกมาอีกครั้ง "ง่ายๆ ทำได้ใช่ปะ"
ผมขยะแขยงมันเต็มที ในหัวมีความคิดร้ายๆผุดขึ้นมาว่ามันจะพาผมไปทำอะไร อาจถึงขั้นที่พี่ก้องทำเสียด้วยซ้ำ
"เออ"
"นั่งกินกาแฟอีกเดี๋ยวแล้วไปกัน"
"ไปไหน"
"เดี๋ยวก้รู้"
"ถ้ากูไม่ไปอะ"
"ไม่น่าถามนะหมอ"
ผมทำหน้าบึ้งตึง ยอมให้เม้งเข้าใจว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าไปสักพัก
ผมไม่อยากนั่งเฉยๆให้เม้งจ้องหน้า จึงลุกไปสั่งเครื่องดื่มมาหนึ่งแก้ว
"ชอบกินช็อคโกแลตร้อนเหรอ"
ผมไม่ตอบ ต้องการกวนโมโหอีกฝ่าย
เม้งยังนั่งมองหน้าผมอยู่อย่างนั้น ผมทำเป็นไม่ใส่ใจ มองผ่านกระจกออกไปข้างนอกร้าน
ในที่สุด ผมเป็นฝ่ายพูดขึ้น
"กูถามมึงหน่อยดิ"
เม้งพยักหน้า
"พี่เหมาคบผู้หญิงอีกคนนอกจากเจ๊เอ๋จริงๆใช่มั้ย"
"ทำไมเราต้องตอบด้วย"
ผมเบ้ปาก
"บอกมาเหอะ กูไม่กล้าเอาไปบอกคนอื่นหรอก กูไม่อยากให้มึงโพล่งเรื่องกู"
ผมทำท่าจนมุม เม้งยิ้มกริ่มอย่างสะใจ
"อะๆ บอกก้ได้...เออ พี่เหมาคบจริง กับพี่เอ๋เค้าแค่ควงเล่นๆเท่านั้นแหละ"
ผมเม้มปาก พูดมาได้ไม่อายหมาเลยนะมึง
"แค้นแทนพี่สาวแฟนเหรอหมอ" เม้งหัวเราะหึๆ "พี่เอ๋ก้โง่โดนหลอกอยู่ตั้งนาน"
เม้งเผยความจริงออกมาแล้วสินะ
"บ้านมึงนี่สอนลูกดีเนอะ เด็กๆเป็นคน โตขึ้นมาเป็นเหี้ยเฉย" ผมเน้นเสียงตรงชื่อสัตว์
"บอกแล้วไงว่าอย่าด่า" เม้งเริ่มเสียงดัง
"ใจเย็นๆดิ" ผมเป็นฝ่ายยิ้มยียวนบ้าง
"หมอ เราไม่ตลกด้วยนะ"
"เออ กูก้ไม่ตลก"
เม้งจ้องผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
ผมมองนาฬิกาข้อมือ อดทนรอที่จะขยี้มันแทบไม่ไหวแล้ว
"ไม่ต้องดูเวลาหรอก วันนี้นายต้องอยู่กับเราอีกนาน" เม้งเข้าใจไปอีกทางหนึ่ง
"มึงอยากทำอะไรก้ทำ"
"ได้ เดี๋ยวเราจะทำอย่างที่อยากทำแน่" เม้งแสยะยิ้ม

ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมกังวลอยู่ ผมไม่รู้ว่าเม้งมาคนเดียวหรือเปล่า หรือไม่มันก้อาจมีพรรคพวกรออยู่ที่ที่มันจะพาผมไป อย่างไรก้ตามผมคิดเผื่อไว้แล้ว ผมจะไม่ยอมให้มันทำอะไรกับผมเด็ดขาด
"กินนานจังนะหมอ ถ้าจะถ่วงเวลา เราบอกเลยว่าไม่ได้ผล" เม้งนั่งจ้องแก้วกาแฟที่ผมดื่มไปได้ครึ่งเดียวเมื่อเวลาผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
"กูจะถ่วงเวลาทำไม ยังไงมึงก้ไม่ปล่อยกูไปไหนอยู่แล้ว" ผมแกล้งหงุดหงิด
"ใช่ หมอก้รู้นิ...เราถามมั่งดิ ทำไมอั๋นไม่เห็นโทรหานายเลย" เม้งกำลังจับผิดผมหรือเปล่านะ
"ตอนนี้กูปิดมือถือ แล้วก้บอกอั๋นตั้งแต่เมื่อคืนว่าวันนี้จะออกไปข้างนอกกับที่บ้าน"
"อ้อ ยังงี้นี่เอง" มันยิ้มมุมปาก ท่าทางไม่รู้จริงๆว่าผมโกหก "ถ้าอั๋นรู้ว่าหมอมาหาเม้ง อั๋นจะว่าไงน้า"
"เสือก"
"ด่าได้ด่าไปเหอะ วันนี้อั๋นมันได้ขาดใจตายแน่"
ผมมองสายตาเม้งแล้วพอจะคิดออกว่ามันต้องการอะไรจากผม ผมคิดถูกแล้วจริงๆที่บอกความจริงกับอั๋น
"ไปเหอะ กูไม่กินแล้ว" ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
"อยากไปแล้วเหรอ" เม้งรีบลุกขึ้นยืนบ้างทันที
ผมเดินนำออกไปก่อน แต่เม้งฉุดแขนไว้
"เห้ย" ผมร้อง
"ปกติแฟนเดินด้วยกันต้องจับมือกันดิ"
ผมอยากสะบัดออกเดี๋ยวนั้น แต่ต้องยอมตามเม้งไปก่อน
"กูปฏิเสธมึงไม่ได้นิ"
เม้งยิ้ม นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่มันจะได้สัมผัสตัวผมแล้วล่ะ
"กูจะไปห้องน้ำ"
"จะคิดหนีเหรอ"
"กูยอมมึงขนาดนี้แล้วคิดว่ายังเล่นตุกติกอีกหรอ" ผมตะคอก
"งั้นมึงต้องให้กูเข้าไปด้วย"
"เออ เรื่องของมึง"
ผมจับมือเม้งตรงไปยังห้องน้ำที่ใกล้กับพวกเราที่สุด

สีหน้าเม้งซีดเผือดเมื่อผมเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ ผมยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ
อั๋น เอก นนท์ ต้าร์ยืนรออยู่แล้วในห้องน้ำ ผมสะบัดมือเม้งออกแล้วผลักมันเข้าไปอยู่ตรงกลางห้อง เอกกดล็อคลูกบิดประตู
"กูไม่คิดเลยว่ามึงจะทำยังงี้" นนท์ส่ายหัว ผิดหวังที่พบว่าเพื่อนตัวเองไม่ใช่คนดี
"มะ มึงมาได้ไง"
"มึงคิดว่ากูจะยอมไปกับมึงง่ายๆหรอ" ผมพูด
"หมอวางแผนไว้แล้วงั้นเหรอ"
"ใช่ กูพาเพื่อนกูมาเองแหละ...อยากรู้มั้ยว่ากูทำอะไรอีก"
ผมยิ้มเหี้ยม
"กูแคปรูปที่มึงขู่ในไลน์ให้ทุกคนดู แล้วก้ขอให้มาช่วยกระทืบมึงหน่อย...โชคดีที่มึงเชื่อว่ากูมาคนเดียว"
ผมให้อั๋นกับเอกแอบอยู่แถวร้าน starbucks เผื่อว่าเม้งทำอะไรผมขึ้นมาจะได้เข้ามาช่วยทัน ส่วนต้าร์กับนนท์รออยู่แถวห้องน้ำ เมื่อผมบิดขี้เกียจเป็นการให้สัญญาณ อั๋นจะเตรียมไปที่ห้องน้ำและโทรหานนท์ให้เตรียมล็อคห้องน้ำไว้จนกว่าผมจะมา เพื่อให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากบริเวณนี้
"มึงทำงี้ได้ไงวะเม้ง" นนท์ถาม น้ำเสียงอดสู
"กู..." เม้งอึกอัก
ต้าร์กับเอกเข้ามายึดแขนสองข้างของเม้งไว้ มันเบิกตากว้างและร้องโวยวาย
"จะทำไร อย่านะเว้ย"
อั๋นซัดหมัดใส่หน้าเม้งเต็มแรง
"พี่มึงทำกับพี่กูยังไม่พอ มึงยังคิดจะทำอะไรหมออีก"
มีเลือดไหลออกจากมุมปากเม้ง ผมเดินเข้าไปใกล้มันอีกคน
"อีกอย่างนึง ที่มึงบอกว่าพี่เหมาคบเจ๊เอ๋เล่นๆอะ กูอัดเสียงไว้แล้วด้วย" ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ แสดงให้เม้งเห็นไฟล์ ผมเปิด airplane mode ไว้เพื่อกันไม่ให้คนโทรเข้ามาระหว่างบันทึกเสียงและจะได้โกหกเม้งได้ด้วยว่าปิดมือถืออยู่ "ไม่ว่าพี่มึงจะบอกเจ๊เอ๋ยังไง เจ๊ก้ไม่มีวันเชื่อ"
ผมแน่ใจว่าจะให้เจ๊เอ๋ได้ฟังไฟล์เสียงนี้
"ปล่อย ปล่อย" เม้งดิ้น
ผมต่อยหน้าเม้งสุดแรง อีกด้านหนึ่งกับที่อั๋นต่อยเมื่อครู่
เม้งครางอย่างเจ็บปวด ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา
"เอาเลือดชั่วออกซะหน่อยนะมึง" ผมบอก
"ไอ้...ไอ้พวกหมาหมู่" เม้งพูดเสียงสั่น มุมปากอีกข้างมีเลือดไหลออกมาเช่นกัน
"มึงเล่นสกปรกกับกูก่อนนะ"
ผมซัดหน้ามันอีกครั้งหนึ่ง
"มึงจะเอาเรื่องกูกับอั๋นไปบอกใครก้ได้นะเว้ย แต่มึงโดนหนักกว่าวันนี้แน่...เมื่อกี้มึงว่ากูเป็นหมาใช่มั้ย ได้ กูจะกัดไม่ปล่อยเลย"
ทุกคนยกเว้นนนท์จ้องเขม็ง ส่วนนนท์มองหน้าเพื่อนอย่างเสียใจ
เอกกับต้าร์ปล่อยเม้งลงไปกองกับพื้นก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะเดินออกมา

"กูไม่คิดว่าแม่งจะเลวขนาดนี้ รู้จักกันมาเกือบปี" นนท์บอกหน้าเศร้าระหว่างทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง "ตอนหมอส่งรูปมากูยังแทบไม่อยากเชื่อ"
"กูกลัวว่ามันจะยังเอาเรื่องไปบอกพ่อแม่พวกมึงอะดิ" ต้าร์พูดอย่างไม่สบายใจ
"มันคงไม่กล้าทำแล้วล่ะ โดนขนาดนั้น"
"ไม่ต้องกังวลนะหมอ ถ้าเกิดพ่อแม่พวกเรารู้ขึ้นมาจริงๆ กูจะช่วยมึงเอง" อั๋นจับมือผมอย่างอ่อนโยน
"ขอบใจนะ" ผมยิ้มตอบ "แล้วก้ขอบใจพวกมึงทุกคนมากที่มาช่วยกู"
"เรื่องเล็กน้อยน่า" ต้าร์ตบไหล่ผม เอกกับนนท์พยักหน้า

เมื่อเรื่องวุ่นวายสิ้นสุดลง พวกเราแยกย้ายกันกลับ ผมกับอั๋นขึ้นรถไฟฟ้าและเดินต่อเข้าบ้าน
ตอนนี้ผมสบายใจขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อวาน แม้ไม่รู้ว่าเม้งจะทำอย่างไรต่อไป
"มึงจะให้เจ๊เอ๋ฟังไฟล์เสียงที่กูอัดปะ"
"เอาดิ กูอยากให้เจ๊รู้ความจริง แต่เจ๊จะตัดสินใจยังไงก้ต้องแล้วแต่เค้านะ" อั๋นถอนหายใจ
"อือ"
"เออ หมอ"
"หือ"
"กูว่าจะชวนมึงตั้งแต่เมื่อคืน แต่ดันมีเรื่องไอ้เม้งซะก่อน"
"ชวนไรวะ"
"ไปเที่ยวทะเลกัน"
"วันไหน"
"เย็นนี้เลย"
"ห๊ะ เร็วไปปะ"
"ไม่เห็นเร็ว เนี่ย เดี๋ยวก้เก็บของแล้วออกเดินทางได้เลย"
"ที่ไหนอะ"
"หัวหิน"
"ก้...ได้นะ แต่มันแค่กะทันหันไปหน่อย"
"สรุปไปนะ"
"ไป" ผมตัดสินใจทันที
"เย่" อั๋นทำท่าดีใจเหมือนเด็กๆ "ขอพ่อแม่เร็ว"
"ครับๆ เดี๋ยวบอก" ผมหัวเราะกับท่าทางร่าเริงของอั๋น
"กลับบ่ายวันอาทิตย์ละกันเนอะ นอนที่นู่น2คืน"
"อ่าฮะ วันจันทร์ต้องกลับมาเรียน...เอ หรือจะโดดดี" ผมแกล้งถาม
"ไม่ได้ ห้ามโดด" อั๋นโบกหัวผม กลับเข้าสู่โหมดจริงจังทันที
"แล้วนึกไงมาชวนไปเที่ยวเนี่ย"
"กูเคยบอกแล้วว่าอยากไปทะเลกับมึงตอนปิดเทอม แต่รอไม่ไหวแล้วอะ นี่ก้เสร็จงานกีฬาสีแล้วด้วย รีบชวนเลย"
"แล้วอีกสามอาทิตย์ก้จะสอบไฟนอลด้วยอะดิ"
"ถูกต้องนะคร้าบ เพราะงั้นเที่ยวอาทิตย์นี้แหละ เหมาะสุด"
"วางแผนเที่ยวเก่งนะมึงอะ...นี่ไปกันสองคนใช่มั้ย"
"เออดิ แค่กูกับมึง"
อั๋นยิ้มกว้าง

กลับไปถึง พ่อกับแม่กำลังดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่น ผมขออนุญาตพวกท่าน ทั้งสองไม่ทักท้วงใดๆเมื่อรู้ว่าอั๋นไปกับผม
เราเตรียมเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้2ใบ อั๋นไม่ต้องแวะไปเอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่บ้านมัน เพราะมีบางอย่างไว้ที่บ้านผมอยู่แล้ว
"ผมไปก่อนนะพ่อ แม่" ผมลงมาจากห้อง ยกมือไหว้พ่อกับแม่
"จ้า ไปดีๆนะลูก"
"ระวังตัวนะหมอ อั๋นด้วย"
"ครับผม" อั๋นพูด
"แม่ฝากดูแลหมอด้วยนะอั๋น"
"ได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"
อั๋นเรียกรถแท๊กซี่ให้มารับไปส่งที่ท่ารถตู้ เราจะไปหัวหินกันโดยรถตู้ครับ
พ่อกับแม่เดินออกมาส่งเราหน้าบ้าน
"ไม่ต้องเป็นห่วงนะคร้าบ" ผมส่งยิ้มให้พวกท่านก่อนขึ้นรถ
"ไปก่อนนะครับ" อั๋นเสริม ยกมือไหว้อีกครั้งแล้วขึ้นรถตามมา

-จบตอน-

นึกไม่ถึงเลยว่าหมอจะเอาคืนเม้งได้แสบขนาดนี้ ร้ายใช่เล่นเลยนะเนี่ย สะใจเหมือนผมมั้ยครับคุณผู้อ่าน
พอจบเรื่องยุ่งๆคู่นี้เค้าก้ชวนกันไปสวีทที่ทะเลเลยทีเดียว555 ตอนหน้าจะเป็นอย่างไรต้องติดตามนะครับ

ประวัติของเม้ง
ชื่อ : เม้ง
สถานะ : โสด
ชั้นเรียน : มัธยม4/1 สายศิลป์-คำนวณ โรงเรียนสหศึกษา
วิชาที่ถนัด : พลศึกษา
สีที่ชอบ : แดง ดำ
อาหารที่ชอบ : บะหมี่ต้มยำ
กีฬาที่ชอบ : วิ่ง
เวลาว่าง : เที่ยว
ลักษณะนิสัย : ง่ายๆสบายๆ พูดน้อย รักเพื่อน รักพี่น้อง ฉลาดแกมโกง ค่อนข้างขี้ขลาด
รูปร่างหน้าตา : มีเชื้อจีน ขาวตี๋แบบพิมพ์นิยม ตาตี่ รูปร่างสมส่วน

อ่านแล้ว comment กันด้วยน้า

ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
เม้งไม่น่าเลย แต่ดีใจที่หมอบอกอั๋นไม่โกหก อ่านแล้วแบบ..เอ้ย หมอ ฉลาดมาก!!

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ตอนที่31
ตอนพิเศษ-ย้อนวันวาน

ผมวิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากสถานีรถไฟฟ้าในเช้าวันปฐมนิเทศ โอย มึงตื่นสายวันสำคัญแบบนี้ได้ไงวะไอ้หมอ
ผมพึ่งย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ครับ เหตุผลที่ย้ายมาน่ะเหรอ โรงเรียนเก่าผมรับนักเรียนชั้นมัธยมปลายแค่สายวิทย์-คณิตเท่านั้น ผมรู้ทันทีว่าตัวเองไปไม่รอดแน่ๆ ขอที่บ้านให้ย้ายที่เรียนทันที แล้วพ่อก้ฝากเข้าที่นี่ให้
โรงเรียนใหม่ของผมเป็นโรงเรียนชายล้วนมีชื่ออันดับต้นๆของประเทศเลยก้ว่าได้ เมื่อคืนพ่อกับแม่ย้ำว่าต่อไปนี้ผมต้องตั้งใจเรียนให้มากขึ้น เริ่มต้นจากการตั้งใจฟังปฐมนิเทศในวันนี้ แต่มันก้พังเพราะผมกำลังจะสาย- -

ในที่สุดก้มาถึง ผมรีบถามที่ตั้งหอประชุมใหญ่จากพี่รปภ.หน้าประตูโรงเรียนแล้วออกวิ่งต่อทันที
ผมรู้สึกเจ็บที่กล้ามเนื้อขา ขาทั้งสองข้างเริ่มประท้วงให้หยุดวิ่ง แต่ผมหยุดไม่ได้
ไปถึงหน้าประตูหอประชุมใหญ่แล้วก้ใจหายวาบ ผมได้ยินเสียงอาจารย์พูดออกไมโครโฟน แสดงว่าการปฐมนิเทศเริ่มแล้วสินะ ชิบหายแล้วไอ้หมอ มึงโดนทำโทษสายตั้งแต่วันแรกแน่
แน่นอนว่าแม้จะค่อยๆผลักประตูเข้าไป หวังไม่ให้ใครเห็นหรือได้ยิน แต่หลายร้อยสายตาของคนทั้งห้องก้หันมามองที่ผม
อาจารย์ผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ใกล้กับประตูที่สุดตรงเข้ามาหา สีหน้าบึ้งตึง
"มาแล้วเหรอ นึกว่าเธอจะไม่เรียนที่นี่ซะแล้ว มาสายอยู่คนเดียวเลยรู้ตัวมั้ย"
อาจารย์ใส่ผมอย่างรวดเร็วจนอธิบายไม่ทัน ผมได้แต่ยืนหอบหนักๆอยู่อย่างนั้น
"มัธยม4/12อยู่ตรงนู้น รีบไปนั่ง"
"ครับ"
นักเรียนที่นั่งอยู่แถวหลังอีกส่วนหนึ่งยังคงมองมาที่ผม ผมรีบวิ่งไปยังแถวที่อาจารย์ผู้หญิงชี้มือและนั่งลงบนเก้าอี้ตัวริมสุด
ผมสำรวจสภาพตัวเอง ผมที่หวีมาให้เรียบก่อนออกจากบ้านยุ่งเหยิง เสื้อนักเรียนเปียกโชกด้วยเหงื่อจนเห็นไปถึงข้างใน ดูไม่ได้เลยไอ้หมอเอ๊ย
"หวัดดี" นักเรียนที่นั่งข้างผมทางขวามือหันมาทักทาย รอยยิ้มกว้างโดดเด่น ใบหน้านั้นเห็นกรามชัด คมเข้ม ผมสีดำสนิทแบบรองทรงเรียบร้อย ผิวขาว
"หวัดดีๆ" ผมตอบพร้อมหอบหายใจไปด้วย ยังไม่หายเหนื่อยเลยครับ
"ใจเย็นๆ" นักเรียนคนนั้นทำท่าพัดให้
"นี่เริ่มนานยังวะ" ผมพยักเพยิดไปทางอาจารย์ผู้ชายวัยสูงอายุที่กำลังพูดอยู่บนเวที
"แปบเดียวเอง นายไม่ได้สายขนาดนั้น"
ผมพยักหน้า ค่อยๆหายใจ อยากจมลงไปกับเบาะให้รู้แล้วรู้รอด นักเรียนคนอื่นจะได้เลิกมองผมสักที
"เชี่ย" ผมพึมพำ นักเรียนข้างผมยิ้มขำก่อนจะหันกลับไปสนใจการบรรยาย
"นักเรียนรู้มั้ยว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนของเราได้รับการประเมินให้เป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพระดับสูงในทุกๆด้านมา8ปีติดต่อกันแล้ว และปีนี้..."
ผมพึ่งรับรู้ว่าอาจารย์ผู้ชายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร นักเรียนข้างผมก้หันมาหาอีกครั้ง
"นายชื่อไร"
"หมอ"
"ห๊ะ"
"หมอ" คนที่พึ่งรู้จักผมครั้งแรกจะต้องถามชื่อผมซ้ำอย่างน้อยหนึ่งรอบ เป็นธรรมดาไปแล้ว
"เราชื่ออั๋นนะ"
"เออ"
"ยินดีที่รู้จัก เราเป็นนักเรียนใหม่เหมือนกัน" อั๋นยิ้มให้อีก
"นายรู้ได้ไงว่าเราเป็นนักเรียนใหม่"
"ดูเลขประจำตัวนักเรียนน่ะ มันต่อจากของเรา" ผมมองหน้าอกอั๋น ที่เสื้อพิมพ์เลข50241 ของผม50242 เออ ช่างสังเกตแฮะ
หลังจากนั้นเราก้ฟังบรรยายต่อไปเงียบๆ ไม่ได้คุยอะไรกัน เมื่อร่างกายหายเหนื่อย ได้นั่งสบายบนเก้าอี้นวมนุ่มๆและสัมผัสอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศในหอประชุม ผมก้ค่อยๆฟุบหลับลงบนเก้าอี้ไปโดยไม่รู้ตัว

"หมอ หมอ..."
ใครมาเขย่าตัวผมนะ
"ตื่นได้แล้วนะหมอ"
"อือ...เห้ย"
ผมค่อยๆขยับหัวขึ้นจากไหล่ใครสักคนก่อนจะสะดุ้งสุดตัว
"เชี่ย"
นี่ผมเผลอหลับไประหว่างการปฐมนิเทศเนี่ยนะ แถมยังไปซบไหล่อั๋นด้วย ดีนะน้ำลายไม่ไหล- -
"ไปพบครูประจำชั้นที่ห้องกัน" อั๋นท่าทางกลั้นหัวเราะไว้สุดชีวิต
"เออๆ"
ผมสำรวจตัวเองกับหน้าจอมือถือ สภาพเหมือนศพเดินได้ดีๆนี่เอง ก้ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาผมนอนไม่เคยต่ำกว่ารุ่งเช้าและตื่นมาอีกทีก้บ่ายจนเกือบจะเย็นแล้ว เมื่อคืนกว่าจะนอนหลับก้ตี3ได้ เฮ้อ
ผมเดินตามหลังอั๋นไปยังห้องมัธยม4/12 สังเกตเห็นว่าอั๋นก้ไม่ได้รู้ทาง เดินตามคนข้างหน้าไปเหมือนกันครับ
"นี่ๆ มึงรู้ป่าวว่าห้องเรามีเด็กใหม่กี่คน เอ้ย ขอโทษ นาย..."
"พูดมึงกูก้ได้" อั๋นหันมาพูดยิ้มๆ ไอ้นี่มันหน้ายิ้มตลอดเวลาเลยนะ
"เออ โทษทีว่ะ มันชินน่ะ" ผมเกาหัวแก้เก้อ ปกติพูดมึงกูกับเพื่อนผู้ชายมาแต่ไหนแต่ไร
"มีกูกับมึง2คนเนี่ยแหละ"
ผมพยักหน้า ว่าแต่เด็กเก่าจะยินดีเป็นเพื่อนกับเราไหมนะ
"เออ เมื่อกี้ขอโทษนะเว้ย หลับแล้วไปซบมึงเฉย"
"ไม่เป็นไรน่า...เมื่อคืนนอนดึกอะดิ"
"เออดิ จะเช้าแล้วด้วย" ผมบอกหน้ามุ่ย ฝ่ายหลังหัวเราะ
ท่าทางอั๋นดูจะเป็นเพื่อนที่ดีกับผมนะ

เมื่อไปถึงห้องเรียน นักเรียนคนอื่นก้รีบจับจองที่นั่งกับเพื่อนสนิทตัวเองทันที ผมกับอั๋นมองหน้ากันแหยๆก่อนจะพาตัวเองไปยังโต๊ะ2ตัวสุดท้ายที่ยังว่างอยู่แถวหลังสุดครับ
"หวัดดีเด็กใหม่ กูชื่อนนท์นะ" นักเรียนที่นั่งอยู่หน้าผมหันมาคุยกับพวกเรา
"หวัดดี กูหมอ นี่อั๋น" ผมยิ้มตอบ
"มีไรคุยกะกูได้เลยนะ นี่ไอ้ต้าร์ เพื่อนสนิทกู มันเป็นตุ๊ด"
"ตุ๊ดพ่อมึงดิ" นักเรียนที่นั่งหน้าอั๋นหันมายิ้มทักทายก่อนจะโบกหัวนนท์ไปหนึ่งครั้ง ผมกับอั๋นหัวเราะ
จากนั้นนนท์ก้ซักถามพวกเราว่าทำไมถึงย้ายมาเรียนที่นี่ ผมบอกเหตุผลของตัวเองไปตามตรง ส่วนอั๋นก้เล่าว่าย้ายมาเพราะใกล้บ้านกว่าโรงเรียนเก่า
"บ้านมึงอยู่ไหนวะ" ผมถาม
"แถวสะพานตากสิน"
"เห้ย ใกล้กูเลย กูอยู่แถวรถไฟฟ้าช่องนนทรี" ผมมีเพื่อนกลับบ้านแล้วทีนี้
แล้วคุณครูประจำชั้นของพวกเราก้เข้ามา ชื่ออาจารย์นัทครับ แกสอนพละ ดูทรงแล้วใจดีชัวร์ๆ
"...นี่ นักเรียนใหม่สองคน ลุกขึ้นแนะนำตัวหน่อยซิ"
ผมลุกขึ้นยืนก่อน
"หวัดดีครับ ชื่อพิสุทธิ์ครับ ชื่อเล่นชื่อหมอ"
"ทำไมชื่อหมอล่ะ" อาจารย์นัทถาม
"แม่อยากให้ผมเป็นหมอครับ"
"แล้วทำไมไม่เรียนสายวิทย์ล่ะ"
"ผมเป็นหมอไม่ได้หรอกครับจารย์ โง่เกิน" เพื่อนๆทั้งห้องหัวเราะ
"อย่าดูถูกตัวเองสิ คนเราถนัดไม่เหมือนกัน...อีกคนล่ะ"
อั๋นลุกขึ้นยืนบ้าง
"หวัดดีครับ ผมพงศกร ชื่อเล่นอั๋นครับ"
นักเรียนทุกคนหันมามองพวกเราอย่างสนใจ
"เอาล่ะ เด็กเก่าทั้งหลายก้ช่วยดูแลเพื่อนใหม่ด้วยนะ อะไรที่มันแย่ๆก้อย่าทำให้เพื่อนดู เป็นตัวอย่างที่ดีด้วย" อาจารย์นัทพูดขำๆก่อนจะเริ่มแจกหนังสือเรียนและอุปกรณ์การเรียนให้
"เมื่อกี้กูเห็นหมอหลับในห้องประชุมด้วย โหดสัส" นนท์หันมาคุยอีกครั้ง มันหัวเราะใหญ่
"เออ คนมองกันเต็ม" ต้าร์เสริม
ผมได้แต่ทำหน้าเบี้ยว โคตรอายเลย อั๋นก้หัวเราะด้วย
เราได้รับแจกเครื่องเขียน สมุด หนังสือ และตารางเรียน ผมเห็นว่านักเรียนเก่าหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาใส่ข้าวของลงไป
"อั๋น มึงซื้อกระเป๋ายังวะ" ตอนพ่อพาผมมามอบตัวเข้าเรียนที่นี่ก้ซื้อแต่เครื่องแบบนักเรียนกลับไปครับ
"ยังเลย"
"เดี๋ยวลงไปซื้อกัน"
"เออ"
"เราต้องใช้อะไรอีกปะวะ"
"ไม่มีแล้วนะ"
"อ่าฮะ"
อั๋นยิ้มให้ผมแล้วก้หันไปพิจารณาสิ่งที่พึ่งได้มาใหม่
ดูๆแล้วอั๋นท่าจะเป็นเรียบร้อยอยู่ อย่างนี้จะเข้ากับผมได้หรือเปล่านะ ผมมันเด็กหลังห้องตัวจริง ไม่เรียนแถมยังชอบหลับอยู่บ่อยๆ

กิจกรรมทุกอย่างสิ้นสุดลงในเวลา11.30น. หลังจากนั้นโรงเรียนปล่อยนักเรียนทุกคนกลับบ้าน เราจะเริ่มเรียนกันในสัปดาห์หน้าครับ
ผมกับอั๋นบอกลาเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนดูเหมือนจะแยกย้ายกันไปตามกลุ่มเพื่อนสนิท
"ซื้อกระเป๋าเสร็จแล้วจะกลับเลยปะ" อั๋นจับไหล่ผม
"กินข้าวก่อน มึงไปกินกับกูมั้ย"
"เอาดิ"
เราสองคนเดินลงจากอาคารเรียนไปยังร้านสหกรณ์
"อยู่โรงเรียนเก่ามึงทำอะไรมามั่งวะ" ผมชวนคุย
"กูเคยเล่นบอลฯกับบาสฯให้โรงเรียน หมออะ"
"ไม่มีว่ะ หลับอย่างเดียว" อั๋นหัวเราะ

เมื่อผมกับอั๋นได้กระเป๋านักเรียนเรียบร้อยก้เดินออกไปหาข้าวกลางวันแถวโรงเรียนทานกัน ผมเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่คนมานั่งกันหนาแน่น
"งี้แสดงว่าอร่อยชัวร์" ผมพึมพำ อั๋นยิ้ม แดกปะ
"ได้ เอาเลย"
"มึงไม่อยากกินก้บอกได้นะ" ผมขมวดคิ้ว
"กูกินได้หมดแหละ ลองก่อน จะได้รู้ว่าอร่อยไม่อร่อย"
"เออ"
ผมกลัวว่าอั๋นจะเกรงใจไม่กล้าเลือกร้าน แต่พอมันพูดอย่างนี้ก้สบายใจได้ครับ
"เอาไร กูเขียนให้"
"อืม...เส้นเล็กต้มยำไม่งอก" อั๋นอ่านกระดาษเมนูอาหารก่อนตอบ
"กูเอา...บะหมี่ต้มยำเผ็ดน้อยละกัน" ผมเขียนอาหารที่เราจะสั่งแล้วส่งให้เด็กเสิร์ฟ
อั๋นกำลังมองหน้าผมอยู่
"มึงมารถไฟฟ้าใช่ปะ ดีๆ กูมีเพื่อนกลับละ"
"เปล่า กูจะขับมอเตอร์ไซด์มา แต่วันนี้ยังไม่รู้ทางเลยมารถไฟฟ้าก่อน"
"อ้อ"
"บ้านมึงอยู่ติดช่องนนทรีเลยใช่ปะ"
"เออ"
หลังจากนั้นเราก้คุยกันต่อไป อั๋นเล่าให้ฟังว่ามันอยู่กรุงเทพฯมาตั้งแต่เกิด มีพี่สาวอีกคนกำลังเรียนมหาวิทยาลัย ผมก้เล่าเรื่องของผมเองให้มันฟังเช่นกัน ผมรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดีทีเดียว ไม่รู้เพราะคิดว่าอั๋นเป็นคนดีหรือเพราะผมเข้ากับคนง่าย

ก่อนแยกกัน เราแลกเบอร์โทรศัพท์ line id และ facebookกัน
"กูไปก่อนนะ เจอกันจันทร์หน้า" ผมบอกลาอั๋นเพราะถึงสถานีที่ผมจะลงก่อน
"เจอกันเว้ยมึง" อั๋นโบกมือและส่งยิ้มให้
จากนั้นเราก้ไม่ได้เจอกันอีกจนถึงวันเปิดเทอม
------------

ผ่านมาสองเดือนนับจากวันที่ผมกับอั๋นเจอกันครั้งแรก ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเจอเพื่อนที่สนิทได้มากถึงขนาดนี้ อั๋นไม่ได้เงียบๆหรือติ๋มเหมือนวันแรกแล้ว แต่มันทั้งกวนตีนและชอบแกล้งผมชนิดที่ว่าน่าถีบที่สุด
พอเราสนิทกันมากขึ้น อั๋นก้อาสามารับส่งผมจากบ้านไปโรงเรียนทุกวัน มีผลัดกันไปนอนค้างบ้านอีกคนหนึ่งบ้าง
แล้วผมกับอั๋นก้ยังได้เพื่อนสนิทเพิ่มเป็นกลุ่มไอ้นนท์ ที่มีไอ้ต้าร์กับไอ้เอก ซึ่งอยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่มัธยมต้นด้วย แต่ละคนเกรียนๆทั้งนั้น

ผมจำไม่ได้เลยว่าใครเป็นคนต้นคิดจิ้นผมกับอั๋นขึ้นมา เพื่อนในห้อง เพื่อนต่างห้อง รุ่นพี่หรือรุ่นน้องก้ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือเกือบทุกคนในโรงเรียนเห็นด้วย
ก้อั๋นมันชอบเล่นอะไรแผลงๆกับผมประจำ โดยเฉพาะกอดเนี่ย ชอบนัก
"มากอดหน่อยดิหมอ" อั๋นขยับเข้ามากอดผมในคาบว่างคาบหนึ่ง
"กอดอีกละ อะไรของมึงเนี่ย"
"กอดนิดกอดหน่อยหวงตัวอ่อ"
"เออ จะกอดกูไม่ใช่ง่ายๆนะครับ" ผมเคาะหัวไอ้คนขอกอดไปที
"เจ็บนะ"
"ไม่ต้องแบ๊วเลยสาด"
ถึงอย่างนั้นผมก้ไม่ได้ขัดขืนอะไร และอั๋นก้ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี นั่นเรียกเสียงแซวจากเพื่อนๆได้ดังจนเลยไปถึงห้องเรียนอีกฝั่งหนึ่งของชั้น

-จบตอน-

พักเรื่องอั๋นกับหมอไปเที่ยวทะเลไว้ด้วยตอนพิเศษ1ตอนนะครับ เจอกันวันแรกก้หลับใส่อั๋นเลยนะหมอ5555

ชื่อ : ต้าร์
สถานะ : มีแฟนแล้ว - เมย์
ชั้นเรียน : มัธยม4/12 สายศิลป์-คำนวณ โรงเรียนชายล้วน
วิชาที่ถนัด : คณิตศาสตร์
สีที่ชอบ : ดำ
อาหารที่ชอบ : ข้าวไข่เจียว
กีฬาที่ชอบ : บาสเกตบอล
เวลาว่าง : เล่นเกมส์ออนไลน์
ลักษณะนิสัย : พูดน้อย ชอบเป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำ มีความอดทนสูงมาก บางเวลาก้เดาอารมณ์ไม่ถูก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
รูปร่างหน้าตา : จุดเด่นคือตาสีน้ำตาลกลมโต มีผิวสีแทน สูงผอมแต่แข็งแรง

ช่วย comment และติดตามกันต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5
ยังตามอ่านอยู่นะ ^__^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
 :hao7: :hao7: :hao7:
น่าร้ากกกกกก

น้องหมออกพี่อั๋นน่าซบชิมิ
 :hao3:

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ตอนที่32

ผมกับอั๋นมาถึงหัวหินในอีกสองชั่วโมงต่อมา เรารีบจัดแจงหาที่พักกันเป็นอันดับแรกหลังลงจากรถ
"มีห้องว่างมั้ยครับ" อั๋นถามจากโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับทะเลและหาของกินได้สะดวก มันบอกว่าหาข้อมูลมาก่อนแล้ว
"มีค่ะ แต่เป็นห้องเตียงเดียวนะคะ ห้องสองเตียงเต็มหมดแล้ว" พี่พนักงานตรงล็อบบี้ค้นหาห้องว่างในคอมพิวเตอร์ก่อนตอบ
"ได้ครับ ไม่มีปัญหา"
อั๋นหันมากระซิบข้างหูผม
"โอเคมั้ยหมอ"
"ไม่อะ ไม่อยากนอนกับมึง แยกเตียงดิ" ผมแหย่
"ไม่เอา กูจะนอนกอดมึง ผัวเมียกันก้ต้องนอนเตียงเดียวกันดิ"
"มึงไปนอนพื้นเลยอั๋น กูจะนอนเตียง"
"พี่ครับ ทำไงดี แฟนผมไม่ยอมนอนเตียงเดียวกันอะครับ"
"เห้ย"
ผมร้อง อั๋นหันไปพูดกับพี่พนักงาน พี่เค้าชะงักแล้วยิ้มกว้าง
"เอ่อ...น้องสองคนเป็นแฟนกันเหรอคะ"
"ครับผม" อั๋นตอบหน้าทะเล้น ผมตีแขนมัน
"ห้องสองเตียงหมดแล้วจริงๆค่ะ ต้องรบกวนแขกให้พักห้องเตียงเดียวนะคะ"
"ได้ครับๆ" ผมรีบตอบก่อนจะหันไปเฉ่งไอ้แฟนตัวดี "ไอ้บ้า กูแค่ล้อเล่น"
ฝ่ายหลังได้แต่หัวเราะคิกคัก
"มึงดื้อนิ" อั๋นหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจ่ายเงินและรับกุญแจห้องจากพี่พนักงาน
เมื่อผละจากบริเวณนั้นเพื่อตรงไปห้องพัก อั๋นก้พูดขึ้น
"ไม่ให้อั๋นนอนเตียงด้วย เดี๋ยวโดนจับปล้ำแน่"
ผมหน้าแดง

ห้องพักที่นี่ดีทีเดียว ค่อนข้างกว้างสำหรับ2คนแม้ว่าจะมีเตียงแค่เพียงเตียงเดียว ของใช้ที่จำเป็นก็มีบริการไว้ครบ ห้องน้ำสะอาดมากครับ
"ตรงตามรีวิวทุกอย่าง" อั๋นล้มตัวลงนอนบนเตียง ยิ้มแป้น "มานอนด้วยกันดิ"
ผมลงนอนหงายข้างอั๋น มันเข้ากอดผมทันที
"สบายจัง"
"แต่กูหนัก"
"โห่ แฟนกอดนิดหน่อยก้หนักแล้วอ่อ"
"เออ ตัวกูยิ่งเล็กๆอยู่ กระดูกหักไปทำไง" อั๋นทับตัวผมไว้ครึ่งหนึ่ง วางหน้าลงบนไหล่
"เว่อร์ อีกหน่อยโดนทับทั้งตัวจะไหวเหรอ"
"ทับทั้งตัวหมายความว่าไง- -"
อั๋นยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะลุกขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้อย่างรวดเร็ว
"อยากรู้อ่อ"
"ไอ้บ้า ลุกไปเลยนะเว้ย" ผมโวยวายพร้อมกับพยายามผลักตัวอั๋นออก
อั๋นโน้มตัวลงมาใกล้ ผมหันหน้าหนี
"ทับทั้งตัวก้แบบนี้ไง"
ตอนนี้หน้าอั๋นหื่นเสียจนผมรู้สึกหวิว
"ยะ อย่านะ"
"ไม่แกล้งละๆ"
อั๋นหัวเราะเบาๆก่อนจะลงมากอดผมท่าเดิม
"เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกัน แล้วกลางคืนก้ไปนั่งที่ชายหาด ดีปะ"
"คร้าบ"

"มึงไม่แพ้อาหารทะเลนะ" อั๋นถามย้ำอีกครั้งเมื่อเรานั่งลงที่ร้านอาหารทะเลชื่อดังที่ใกล้กับห้องพัก
"เออ กูนี่ตัวแดกเลย"
"ปูที่ร้านนี้ขึ้นชื่อมาก ถ้าไม่ได้กินถือว่าพลาด"
"ขนาดนั้นเลย"
รอไม่นานนัก อาหารทะเลชุดใหญ่ก้มาวางตรงหน้าเราสองคน แน่นอนว่าอั๋นสั่งปูมาเยอะกว่าอย่างอื่น นอกนั้นก้มีกุ้งเผาอีกหลายตัว และหอยนางรมอีกนิดหน่อย
"หืออ กุ้งน่ากินสาด มึงดูดิ" ผมเห็นว่ากุ้งเป็นสีส้มสดทุกตัวแถมยังอวบอ้วนกว่าปกติด้วย
"มา เดี๋ยวกูแกะให้"
"ช่วยกันดิ"
ผมกับอั๋นช่วยกันแกะกุ้ง
"ผู้หญิงคนนั้นน่ารักเนอะ" อั๋นพยักเพยิดไปทางกลุ่มผู้หญิงโต๊ะข้างๆ ดูท่าทางน่าจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ผมรู้ทันทีว่าหมายถึงคนไหน ในกลุ่มนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยน่ารักมากโดดเด่นออกมา พวกเขากำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
"น่ารักก้ไปจีบดิ"
"จีบได้เหรอ"
"จีบได้ แค่แฟนมึงนั่งอยู่ตรงนี้เอง"
อั๋นหัวเราะ
"ล้อเล่นน่า"
"แต่เค้าก้น่ารักจริงๆนะ"
"งั้นอั๋นขอมีกิ๊กนะ" ผมจิ๊ปาก
"ไอ้สัส กิ๊กบ้านมึงดิ"
"โอ๋ๆ ไม่มองแล้วก้ได้...อั๋นไม่อยากมีกิ๊กหรอก มีหมอคนเดียวก้พอแล้ว" อั๋นหยุดแกะกุ้งแล้วมาจับมือผม
"ไม่" ผมทำแก้มป่อง
"งอนเหรอ"
"เออ ถ้ากูมองคนอื่นแล้วถูกใจ ขอมีกิ๊กบ้างมึงชอบปะล่ะ"
"อั๋นล้อเล่นนนน" ไอ้แฟนตัวดีลากเสียงยาว
"ไม่ต้องเลย"
"ไม่เชื่อเหรอ"
"เออ"
แล้วอั๋นก้เอื้อมตัวข้ามโต๊ะมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมตาโต
ทุกคนที่นั่งโต๊ะใกล้กับโต๊ะเราหันมามองเป็นตาเดียว
"คราวนี้เชื่อยัง"
"อะ ไอ้บ้า" ผมรู้สึกเหมือนควันกำลังจะออกมาจากหู
"กูรักมึงคนเดียวแหละ เชื่อใจได้"
"อือ" ผมตอบเสียงเบา เขินคนอื่นจนอยากจะมุดลงใต้โต๊ะ
อั๋นยิ้มตาหยี
ผมเริ่มกินกุ้งเป็นอย่างแรก เนื้อหวานอร่อยมากครับ ไม่ผิดหวังเลย ปูก้เช่นกัน ทั้งสองอย่างสดจริงๆ
"อร่อยทุกอย่างเลย" ผมบอกอั๋น
"กินเยอะๆนะครับ"

ผมกินอิ่มจนแทบจะเดินไม่ไหวแต่อั๋นก้ลากออกมาเดินเที่ยวรอบบริเวณนั้นจนได้ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะเท่าไรครับ อาจเพราะยังไม่ถึงช่วง high season ด้วย
"ก่อนกลับมากินร้านเมื่อกี้อีกรอบดิ"
"เอาดิ" อั๋นพูดกลั้วหัวเราะ
อากาศตอนนี้กำลังเย็นสบายเลยครับ เหมาะกับการเดินเล่นเที่ยวชมสถานที่สุดๆ อั๋นจับมือผมเดินไปตามถนนที่ตัดระหว่างหมู่บ้านกับชายหาดเรื่อยๆ
"กูอยากอยู่ที่นี่ว่ะ มันเงียบสงบดี ได้เห็นทะเลทุกวันด้วย" ผมพูด
"งั้นจะพามาเที่ยวบ่อยๆนะ...หรือเราจะย้ายมาอยู่ที่นี่เลย"
"บ้า จะทำได้ไง"
"ได้ดิ ตอนเราแต่งงานกันก้มาสร้างเรือนหอแถวนี้"
ผมยิ้มกับคำพูดของอั๋น
"เพ้อเจ้อ"
"กูก้อยากอยู่กับมึงทุกวันแบบนี้นะ" อั๋นอ้อน
"อยู่ด้วยกันทุกวันกูต้องเบื่อมึงแน่"
"เดี๋ยวทำให้ไม่เบื่อเอง"
"กูรู้มึงคิดอะไรอยู่" ผมขัด
"แหะๆ โดนรู้ทันอีกละ"
"ไอ้ลามกเอ๊ย"
"หมออะ ไม่ยอมให้สวีทกันบ้างเลย"
"ยังงี้ไม่เรียกสวีท เค้าเรียกหื่น- -"

เกือบสองทุ่มแล้วเมื่อเรามานั่งกันอยู่ที่ชายหาด อั๋นดึงผมขึ้นมานั่งบนตักและกอดเอวจากข้างหลัง
"กูไม่เคยเห็นน้ำทะเลตอนกลางคืนเลย" ผมบอก มองเห็นสายน้ำข้างหน้าเคลื่อนไหวอย่างสงบ
"สวยปะ"
"สวย" อั๋นยิ้มกับคำตอบของผม
"ตอนเด็กๆ พ่อกับแม่ชอบพากูกับเจ๊เอ๋ออกมาเดินเล่นที่ทะเล กูเลยชอบดูน้ำ ดูท้องฟ้าตอนนี้...กูคิดว่าจะพามึงมาดูถ้าเราได้มาด้วยกัน"
"ขอบใจนะเว้ย" ผมเอนหัวซบลงบนไหล่อั๋น
"ครับผม"
นาทีนั้นเอง อยู่ๆผมก้รู้สึกอยากจูบอั๋นขึ้นมา
"อั๋น"
"หือ"
ผมหันไปประกบปากกับอั๋นเบาๆ อั๋นดูตกใจเล็กน้อยแต่ก้จูบตอบผมกลับมา แขนอั๋นกอดเอวผมแน่นขึ้น มือทั้งสองข้างวางอยู่บนไหล่อั๋น
ผมรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วมาก ถึงเราจะจูบกันหลายครั้งแล้วก้เถอะ แต่ผมก้ย้งตื่นเต้นอยู่ทุกครั้ง
...

"หมอจำวันที่เราเจอกันครั้งแรกได้ปะ" อั๋นถามขึ้น เรายังนั่งกันอยู่อย่างนั้น ไม่ได้สนใจเลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร
"จำได้ดิ...วันแรกมึงโคตรเรียบร้อยเลย กูไม่คิดว่าจะกวนตีนได้ขนาดนี้"
อั๋นหัวเราะเบาๆ
"กูเป็นแบบนั้นเหรอ"
"เออ เงียบสัส ตอนนั้นกูคิดถูกป่าววะที่เลือกมึงเป็นเพื่อน"
"อ้าวเห้ย ทำไมพูดงี้อะ"
"โอ๋ เค้าล้อเล่น" ผมหัวเราะบ้าง หันไปหยิกแก้มอั๋นอย่างมันเขี้ยว
"กูจำได้ทุกอย่างเลย"
"ไหนว่ามาดิ"
"วันนั้นเป็นวันปฐมนิเทศ มึงมาสาย"
ใช่ ผมมาสายครับ- -
"มาถึงแปบเดียวก้หลับคาเก้าอี้เลย แถมยังมานอนเบียดกูอีก"
ผมหน้าแดง
"เว่อร์ แค่ซบเองโว้ย...มึงอะ หน้ายิ้มตลอดตั้งแต่วันแรกเลย"
มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของแฟนผม นั่นก้คือหน้ายิ้มครับ คนอะไรไม่รู้ยิ้มได้ทั้งวัน
"เพราะมึงนั่นแหละ ชอบทำให้กูยิ้ม"
"ไอ้บ้า"
"หมอรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน...มีแต่คนสนใจหมออะ"
"ที่บอกว่าสนใจนี่มีแต่ผู้ชายปะวะ- -"
"ผู้หญิงก้มีเหอะ แต่ส่วนใหญ่ก้ผู้ชาย"
"กูเหมือนขนาดนั้นเลยอ่อ"
"ถ้าหน้าตาก้ใช่ แต่นิสัยนี่ไม่เลย แมนทั้งแท่ง...จริงๆหน้ามึงก้ไม่ได้หวานหรือเหมือนผู้หญิงอะไรแบบนั้น แต่แค่มันดึงดูดให้ผู้ชายสนใจ"
"กูควรดีใจมั้ย- -"
"ดีใจดิ เพราะมันก้เป็นส่วนหนึ่งที่ดึงดูดกูนะ"
นี่อั๋นกำลังสรุปสาเหตุที่มันชอบผมอยู่หรือเปล่านะ
"แต่มึงก้มาเป็นแฟนกู กูชนะคนอีกสิบคน เย่"
ผมขบขันที่อั๋นทำท่าดีใจ จริงๆแล้วผมเป็นฝ่ายโชคดีมากกว่าที่ได้อั๋นเป็นแฟน มันทำทุกอย่างได้เพื่อผมและแทบไม่เคยทำให้ผมเสียใจ ผมเองที่มีแต่เรื่องยุ่งๆให้อั๋นต้องมาปวดหัว
ผมเริ่มขยับตัวเพราะความหนาว ลืมหยิบเสื้อแจ็คเกตติดตัวมาด้วยครับ
"หนาวเหรอ"
"อือ"
อั๋นกอดผมแน่นขึ้นอีก
"หายหนาวยัง"
"ดีขึ้น"
ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกอบอุ่นที่เกิดขึ้นมาจากการที่ถูกอั๋นกอดเพื่อคลายความเย็นหรือมาจากข้างในกันแน่
อั๋นวางคางลงบนไหล่ผม
"กูมีความสุขมากเลย"
"กูก้เหมือนกัน"
"อยู่กันแบบนี้ไปนานๆนะหมอ"
ผมพยักหน้า ยิ้มให้ไอ้คนขี้อ้อนที่ส่งยิ้มกว้างกลับมาให้

"ง่วงยัง" อั๋นถามเมื่อเรากลับมาที่ห้องพัก ตอนนี้ข้างนอกอากาศเย็นเกินกว่าที่จะนั่งได้แล้ว
"ยังเลย" ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมานั่งเล่นบนเตียง เลื่อนดูนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย
"หิวมั้ย"
"ไม่อะ อั๋นหิวอ่อ"
"ไม่เหมือนกัน" อั๋นนั่งลงข้างผม "นี่ พรุ่งนี้ตื่นเช้าไปดูท้องฟ้ากัน"
"กูจะตื่นไหวมั้ยเนี่ย"
"เดี๋ยวกูปลุก"
"ไปดูคนเดียวดิ กูจะนอน" ผมแกล้ง
"ม่ายอาว ไปดูด้วยกันดิ"
"ไม่เอา"
"เออ ไปดูคนเดียวก้ได้ เชอะ" อั๋นหันหน้าไปทางอื่น
อะๆ ไปดูด้วยก้ได้ ขี้งอนนะมึงอะ" ผมบีบจมูกอั๋น
"จุ๊บก่อน"
"อีกละ"
"จุ๊บเร็ว ไม่งั้นไม่หายงอน"
ผมขยับไปหอมแก้มอั๋นเร็วๆ
"พอใจยัง"
"ไม่ใช่จุ๊บแก้ม"
แล้วอั๋นก้หันมาจูบปากผม
ผมรู้สึกได้ว่าจูบครั้งนี้หนักหน่วงขึ้นนิดหน่อยจากครั้งก่อนๆ ผมจึงปลดปล่อยตัวเองเต็มที่...

"มะ หมอ"
ผมลืมตาขึ้นแล้วก้ต้องตกใจ รู้ตัวอีกทีก้ขยับเข้ามาใกล้อั๋นจนไม่เหลือระยะห่าง ผมยกแขนขึ้นโอบรอบคออั๋น มืออั๋นจับอยู่ที่เอวทั้งสองข้างของผม
"มึงกำลังยั่วกูอยู่รู้มั้ย"
ผมคิดว่าอั๋นจะผละออก แต่มันกลับขยับเข้ามาจูบผมอีกครั้ง
ครั้งนี้อั๋นบดขยี้ริมฝีปากผมเสียจนอ่อนระทวย สองมือก้ลากผ่านร่างกายผมไปทั่ว
สติผมกำลังเตลิด
ผมเองก้พึ่งรู้สึกตัวว่ากำลังทำสิ่งเดียวกับอั๋นเช่นกัน มือผมลูบไล้ไปตามร่างกายท่อนบนของอั๋น

อั๋นถอนจูบ แววตาเป็นประกายสะท้อนออกมา
ผมเม้มริมฝีปากอย่างขัดเขิน หลบสายตาที่อั๋นจ้องมองมา เจ้าตัวเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ ใช้มือเชยคางผมขึ้นมาสบตา
"หมอ"
"อั๋น"
ผมไม่รู้ว่าเราเรียกชื่ออีกฝ่ายไปทำไม แต่ผมรู้แน่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น...
อั๋นจับไหล่ผมแล้วดันเบาๆให้นอนลงบนเตียง ผมขยับตามอย่างเต็มใจ
อั๋นโน้มตัวลงมา หน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะทำ เราจูบกันอีกครั้ง อั๋นค่อยๆบรรจงสอดลิ้นเข้ามา ผมทำอย่างเดียวกัน
เมื่อบดริมฝีปากผมจนพอใจ อั๋นเลื่อนลงไปไซร้ซอกคอผม
ผมรู้สึกดีจนไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้อีก ได้แต่ขยับร่างกายอย่างเสียวกระสันเมื่อจมูกและริมฝีปากอั๋นลากผ่านกล้ามเนื้อ
แล้วอั๋นก้เลิกชายเสื้อยืดของผมขึ้นมา ใช้มือลูบไล้ไปตามลำตัวและสีข้างผมช้าๆ
"อา..."
ผมอายที่เผลอร้องออกมา จึงเม้มปากไว้เพื่อไม่ให้เสียงหลุดออกไปอีก อั๋นเงยหัวขึ้น กำลังยิ้มกว้าง ใบหน้าเป็นสีแดงจัดเช่นเดียวกัน
แล้วอั๋นก้ก้มลงอีกครั้ง ลงไปเล่นกับยอดอกผมทั้งสองข้าง...
อั๋นใช้ริมฝีปากเม้มสลับและตวัดลิ้นขึ้นลงเพื่อสัมผัส สลับกับใช้มือคลึงหน้าอกผม
"อ๊ะ...อา"
ผมทนกลั้นครางไม่ไหวอีกต่อไป แอ่นอกรับสัมผัสจากอั๋น
สายตาผมเหลือบมองเป้ากางเกงอั๋นโดยอัตโนมัติ...

ในที่สุดอั๋นก้ถอดเสื้อผม และถอดเสื้อตัวเองออกตาม
ผมกัดริมฝีปาก อารมณ์มากมายพลุ่งพล่านขึ้นมา ผมคิดว่าครั้งนี้คงไม่มีอะไรมาหยุดเราสองคนได้แล้ว
อั๋นพรมจูบไปทั่วท่อนบนผม นั่นทำให้ผมดิ้นพล่าน เมื่อลิ้นอั๋นแตะหน้าท้อง ผมครางออกมาอีก
จากนั้นอั๋นก้ขยับขึ้นมาจูบปากอีกครั้งก่อนจะเลื่อนลงไปหาจุดยุทธศาสตร์จนได้
อั๋นปลดตะขอกางเกงสามส่วนของผมและรูดซิปลง ในความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่ผมกำลังได้รับ ผมรู้สึกได้ถึงความอาย
ก้อั๋นไม่เคยเห็นและสัมผัสส่วนนั้นของผมโดยตรงเลยนี่นา
อั๋นดึงกางเกงและกางเกงในของผมออก...
"อะ...อั๋น" ผมเรียกเสียวกระเส่า แต่คนถูกเรียกไม่ตอบ ใช้นิ้วกดส่วนหัวของหมอน้อย ก่อนจะกำรอบลำแล้วรูดขึ้นลง
"อ๊ะๆ...อา..."
ผมยิ่งเสียวขึ้นไปอีกเมื่ออั๋นครอบปากลงไปและดูดลำ มือผมจิกผ้าปูที่นอนแน่น

"หมอ...อั๋นไม่ไหวแล้ว"
อั๋นบอกเสียงอ่อน ลุกขึ้นถอดกางเกงของตัวเองออกบ้าง
"ให้อั๋นเข้าไปนะ..."
ผมพยักหน้า ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า อั๋นจับขาผมแยกออก สอดนิ้วเข้าไปที่ช่องทางนั้น
ผมกัดริมฝีปาก...
จากนั้นจึงค่อยๆเพิ่มจำนวนนิ้ว และเมื่ออั๋นน้อยเริ่มเข้ามา ผมร้องออกมาทันที
"เจ็บ..."
"ทนนิดเดียวนะหมอ"
อั๋นค่อยๆเข้ามาทีละนิด เมื่อส่วนหัวเข้ามาได้แล้ว ผมดันไหล่อั๋นให้หยุด
"หมอเจ็บ"
"ทนอีกนิดนึงนะครับ"
อั๋นก้มลงมาจูบปากกับผมอีก สองแขนผมยกกอดอั๋นไว้แน่น ทั้งเจ็บทั้งกลัวขึ้นมาแล้วสิ
"อึก...อ๊ะ"
แล้วอั๋นน้อยก้เข้าไปได้ ผมรู้สึกเหมือนตัวจะฉีกขาดเป็นสองท่อน อั๋นหยุดประเดี๋ยวหนึ่งก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ
"อา..."
อั๋นครางออกมา หลับตาเงยหน้าขึ้นทางเพดาน
ผมเองยังเจ็บและจุกอยู่ แต่ความเสียวก้เริ่มกลับมา
"ยะ อย่าเกร็งดิหมอ..."
อั๋นสูดปาก หน้าเหยเก เมื่อช่องทางผมตอดรัดอั๋นน้อยสุดชีวิต
"อ๊ะ..."
ผมบอกตัวเองให้หยุดคิดว่าจะเลิกครางได้แล้ว ในเมื่อเวลานี้ผมเสียวจนใจจะขาด อั๋นก้มลงมาไซร้ซอกคอและใช้มือตรึงแขนผมทั้งสองข้างไว้กับเตียง
ไม่มีช่องว่างระหว่างเราสองคนอีกแล้ว ลำตัวเราแนบชิดกัน ผมดิ้นอีกครั้งเมื่อกล้ามเนื้ออั๋นเสียดสีร่างกายผม
อั๋นเริ่มเพิ่มความเร็วและความหนักหน่วงขึ้น ผมจิกปลายเล็บลงบนหลังอั๋นแน่น

เราทั้งสองคนต่างครางไม่เป็นภาษา ผมไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้วตั้งแต่ที่เราเริ่ม
อั๋นท่าจะรู้สึกเสียวมาก เพราะหน้ามีสีแดงจัดลงไปถึงคออย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน และมีเหงื่อผุดขึ้นมาทั่วใบหน้า
ผมเองก้ไม่ต่างกัน ทุกครั้งที่อั๋นขยับเข้าออก ผมเหมือนแทบขาดใจ รสชาติของเซ็กส์ครั้งนี้มันมากเกินกว่าจะคาดคิดได้
"มา...แล้ว"
อั๋นรีบถอนอั๋นน้อยออกได้ทันเวลา ไม่นานหมอน้อยก้ตามไป ผมเสียวจัดจนหมอน้อยถึงที่หมายเอง
"...หมอเป็นเมียอั๋นแล้วนะ"
อั๋นยิ้มภูมิใจทั้งที่กำลังหอบหายใจหนัก ผมทุบไหล่มันเบาๆ
"อะ...ไอ้บ้า"
ผมเองก้หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะระเบิดออกมายังไงยั้งงั้น

-จบตอน-

คุณผู้อ่านคร้าบบบ ในที่สุดสองคนนี้ก้ได้เสียเป็นสามีภรรยากันสักที โอย ตอนนี้นักเขียนเขียนไปก้จิกหมอนไปเช่นกัน อะไรจะความรักอบอวลและเร่าร้อนได้ขนาดนั้น5555

วันนี้เป็นประวัติของนนท์นะจ๊ะ
ชื่อ : นนท์
สถานะ : โสด
ชั้นเรียน : มัธยม4/12 สายศิลป์-คำนวณ โรงเรียนชายล้วน
วิชาที่ถนัด : พลศึกษา
สีที่ชอบ : แดง
อาหารที่ชอบ : กินได้ทุกอย่าง ไม่เลือก
กีฬาที่ชอบ : ฟุตบอล
เวลาว่าง : ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง
ลักษณะนิสัย : เป็นคนที่พูดมากที่สุดในกลุ่มของหมอแล้วก้ว่าได้555 มนุษยสัมพันธ์และอัธยาศัยดีเยี่ยม จึงมีเพื่อนมากมายและเป็นศูนย์รวมของเพื่อนๆ ถ้ามีตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม นนท์ก้เหมาะที่สุดแล้วในแง่ของการจัดการคน มีทักษะการติดตามและค้นหาความจริงระดับโคนัน จึงรู้ทุกเรื่องของเพื่อน รักเพื่อนมาก
รูปร่างหน้าตา : ตัวล่ำหนาแต่ไม่ได้มาจากการออกกำลังกาย? ผิวขาว มักจะตัดผมทรงใหม่ๆมาให้เพื่อนดูทุกครั้ง ดัดฟัน

Comment และติดตามตอนต่อไปกันด้วยน้า

ออฟไลน์ ตัวไหมอ้วนกลม

  • สาว Y ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นแล้วรักษาไม่หายนะคะ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
-Season2-

ตอนที่33

เราทั้งคู่หอบหายใจถี่ รู้สึกเหมือนวิ่งระยะไกลมานาน อั๋นยังอยู่บนตัวผม
"อะ ไอ้บ้า ยิ้มไร"ผมถามพร้อมชกแขนอั๋น เมื่ออีกฝ่ายมองมาด้วยสีหน้าทะเล้น
"สะ สุดยอดเลย เมื่อกี้"
"ทะลึ่ง"
"หมอนั่นแหละ บิดไปบิดมา ท่าทางนี่โคตรยั่วเลย"
"ไอ้บ้า"
อั๋นหอมแก้มผม
"มึงรู้มั้ย กูมีความสุขที่สุดเลย"
"กู...กูก้เหมือนกัน"
อั๋นค่อยๆขยับตัวออก ผมขยับตามและพบว่าตัวเองรู้สึกเจ็บมาก
"โอ๊ย"
"เห้ย" อั๋นเข้ามากอดทันทีเมื่อได้ยินเสียงผม
"หมอไหวปะ"
"ไหวๆ" ผมตอบแม้หน้าจะบูดเบี้ยว
อั๋นก้มลงสำรวจตัวผมอย่างไม่รังเกียจ ผมมองตาม นึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่โชคดีที่ไม่มีเลือดออกมาจากบริเวณนั้น
"หมอเจ็บใช่มั้ย"
"อือ"
"กูขอโทษนะ" อั๋นมีสีหน้าไม่ดีขึ้นมา
"เห้ย ไม่เป็นไรน่า"
"อั๋นประคองผมลุกขึ้นแล้วพาไปล้างตัว ก่อนจะใส่เสื้อผ้าให้"
"ยังเจ็บอยู่ใช่ปะ ไปโรงพยาบาลมั้ย"
"ไม่ต้องๆ ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น" ผมยิ้ม
"งั้นกินยาแก้ปวดไว้นะ" พูดแล้วอั๋นก้หยิบแผงยาแก้ปวดที่พกมาพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งแก้วมาให้ผม ผมทำตามอย่างว่าง่าย
"ไม่ต้องทำหน้าเครียดเลย อั๋นไม่ได้ทำไรผิด"
"ก้หมอเจ็บอะ"
"ก้นี่...มันครั้งแรก" ผมตอบช้าๆ หน้าแดงจัด
อั๋นยิ้มออกมา
"นี่ก้ครั้งแรกเหมือนกัน"
"ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวก้หายแหละ" ผมยืนยัน
"อือ...ถ้างั้นขออีกรอบนะ"
"เห้ย" ผมร้อง
"ล้อเล่นน่า" อั๋นขำ
ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง อั๋นดึงผมเข้ามากอด
"มึงรู้มั้ย เมื่อกี้มึงทำให้กูทนไม่ไหว"
"ก้มึงหื่นนิ ไอ้อั๋นจอมหื่น"
"ทำปากยื่นอีกละนะ ต้องจูบซะให้เข็ด..."
แล้วอั๋นก้จูบผมอีกครั้ง

"นะ นอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้จะดูท้องฟ้าไม่ใช่เหรอ" ผมเปลี่ยนเรื่องเมื่ออั๋นถอนจูบแต่ยังคงจ้องหน้าผม
"บอกให้เลิกเขินได้แล้วหมอ เป็นเมียอั๋นแล้วนะ"
"คะ ใครเมียมึง"
"ก้มึงไง เมื่อกี้ สดๆร้อนๆเลย"
"ไอ้โรคจิต"
"หรือไม่จริง ให้พิสูจน์ความเป็นผัวเมียอีกทีมั้ย"
"พ่อง- -"
"อย่าด่าพ่อตาดิค้าบ"
"นอนเลย ไม่คุยแล้ว" ผมหันหลังหนี อั๋นยิ่งกอดแน่นขึ้น
"จะหนีไปไหนซอมบี้"
"เรียกซอมบี้อยู่นั่น ถ้ากูเป็นซอมบี้ขึ้นมาจริงๆ จะกัดมึงคนแรกเลยไอ้อั๋น"
"ใจร้ายว่ะ กัดกูลงหรอ"
"เออ"
"ได้ กูยอม ยอมเป็นซอมบี้ตามมึงเลยอะ"
"บ้า"
"ก้เดี๋ยวซอมบี้ตัวนี้เหงาไงครับ" อั๋นเอื้อมมือมาหยิกแก้มผม
"ไม่เหงา ซอมบี้อยู่ได้เว้ย"
"ไม่จริงอะ ถ้าซอมบี้ไม่มีแฟนก้ต้องเหงาดิ"
"เดี๋ยวนะ ซอมบี้นี่มีแฟนด้วยอ่อวะ"
"กูก้ไม่รู้ว่ะ"
เราสองคนหัวเราะออกมาก่อนจะหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันอย่างมีความสุข

อั๋นปลุกผมตอนเจ็ดโมงเช้าของวันต่อมา ให้ผมไปล้างหน้าและแปรงฟัน(ยังไม่อาบน้ำ) แล้วลากไปที่ทะเล
"ง่วงชิบ ทำไมต้องปลุกเช้าขนาดนี้เนี่ย" ผมบ่นงึมงำ
"ไม่งั้นก้ไม่เห็นวิวสวยขนาดนี้สิค้าบ ดูดิ ฟ้าโปร่ง มีแดดอ่อนๆด้วย"
ผมสำรวจทัศนียภาพข้างหน้า เออ มันก้สวยอย่างที่อั๋นบอกจริงๆนั่นแหละ
"เดินเล่นกัน"
ผมพยักหน้า อั๋นกุมมือผมแล้วพาเดินบนหาดไล่ไปตามความยาวของทะเล
อากาศกำลังดีเลยครับ ไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไป น้ำทะเลมองเห็นเป็นสีสดใส
"นี่ หายเจ็บรึยังอะ เมื่อคืน..."อั๋นถามขึ้น
"หายละ" ผมตอบ ตื่นเช้ามาความรู้สึกเจ็บก็หายไปแล้วครับ "แต่ครั้งหน้าก้...เบาๆกับกูหน่อยนะ"
"ขอโทษค้าบแฟน" อั๋นลากเสียงยาว "ความผิดหมอเต็มๆเลยเมื่อคืน มายั่วอั๋นเอง"
"เดี๋ยวๆ มึงอะหื่นเอง มาโทษกูได้ไง"
"เถียงเก่งเดี๋ยวก้จับจูบตรงนี้ซะหรอก"
ผมหุบปากทันที
"ไอ้บ้ากาม" ผมพูดเบาๆ
"อะไรนะ"
"ป๊าว"
"ไอ้ตัวแสบ" อั๋นเอื้อมมืออีกข้างมาบีบจมูกผม
"ถ่ายรูปกัน" ผมบอก หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายเซลฟี่
"เอาดิ จะว่าไป เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปด้วยกันเลยเนอะ"
"นั่นดิ"
"เดี๋ยวลงรูปแล้วขึ้น relationship ใน facebook เลยแล้วกันนะ"
"ใจเย็นครับมึง เดี๋ยวพ่อแม่รู้ก้งานเข้า"
อั๋นหัวเราะ
เราสองคนขยับตัวเข้ามาใกล้กัน ผมยกแขนขึ้นโอบไหล่อั๋น ในขณะที่อั๋นโอบแขนรอบเอวผม
ผมกดถ่ายไปหลายรูป จากนั้นอั๋นบอกให้เปลี่ยนหลายๆท่า ทำปากจู๋บ้าง ชูสองนิ้วบ้าง ทำ mini heart บ้าง จนอั๋นหอมแก้มผมโดยไม่ทันตั้งตัว
ผมหน้าแดง
"เขินไร แฟนกันจะให้ถ่ายท่าไหนล่ะ"
"กูก้...ไม่ได้ว่าไรนิ"
"หน้ามึงแดงจนจะเป็นมะเขือเทศอยู่แล้ว"
"หยุดแซวน่า"
ผมศอกเข้าไปที่ท้องอั๋น เจ้าตัวแกล้งร้องโอดโอย
"อะๆ ไม่แกล้งละ ถ่ายต่อดิ"
เราถ่ายรูปกันอีกสักพัก ก่อนจะเดินต่อไปจนถึงอีกฝากหนึ่งของทะเลจากที่เดินมา
ผมกับอั๋นยังกุมมือกันอยู่
ผมรู้สึกอบอุ่นใจและปลอดภัยเมื่อมีอั๋นอยู่เคียงข้าง
"อยากอยู่เที่ยวต่ออีกสักอาทิตย์ว่ะ"
"อยากอยู่กับกูอะดิหมอ"
"ป่าว ขี้เกียจไปเรียน"
อั๋นดีดหน้าผากผม
"ห้ามขี้เกียจ"
ผมทำหน้ามุ่ย
เราเดินเล่นกันอีกสักพักก่อนจะกลับมาอาบน้ำ
"อาบด้วยกันมั้ยหมอ"
"ไอ้บ้า ไม่เอา"
"อายไรวะ ทำอย่างกับไม่เคยอาบด้วยกัน อีกอย่าง..." อั๋นยิ้มกรุ้มกริ่ม
"อีกอย่างอะไรมึง"
"เราก้เห็นกันทั้งตัวละนิ"
"เนี่ยแหละที่กูไม่อยากอาบกับมึง ไอ้หื่น- -"
"นี่มึงเรียกกูว่าไอ้หื่นหลายครั้งแล้วนะ"
"ก้มึงแม่งหื่นอะอั๋น"
"อยากให้กูหื่นอีกปะล่ะ"
ผมรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วล็อคประตูอย่างว่องไว ช้ากับไอ้อั๋นแม้แต่วินาทีเดียวนี่เสร็จมันได้เลยครับ
"เห้ย" อั๋นพูดกลั้วหัวเราะ "หมอแม่งรู้ทันว่ะ อย่าเผลอเชียว โดนแน่"

สิบโมงแล้วเมื่อเราออกมาหาอะไรรับประทานเป็นมื้อเช้า ผมค้นในอินเตอร์เน็ตแล้วพบร้านนมและเบอเกอรี่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรานัก เราต้องนั่งรถสองแถวคันเล็กๆข้ามไปยังอีกซอยหนึ่ง ทั้งผมทั้งอั๋นพึ่งเคยขึ้นครั้งแรกครับ
"รถเล็ก น่ารักดีว่ะ" ผมบอก อั๋นยิ้ม
ในรถมีคนนั่งอยู่แล้ว หลังจากผมกับอั๋นขึ้นไปไม่นาน ผมก้สังเกตเห็นว่าคุณป้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองมาที่เราสองคน ซึ่งกำลังจับมือกันอยู่
แล้วป้าก้หันไปกระซิบกับผู้หญิงวัยรุ่นที่นั่งข้างๆ ผมเดาว่าน่าจะเป็นลูกสาวของแก
"หมอ ดูนั่นดิ" อั๋นสะกิดให้ผมหันออกไปมองบ้านหลายๆหลังข้างทาง "สวยเนอะ"
"อือ"
เมื่อผมละสายตากลับมา ก็ยังเห็นคุณป้าและผู้หญิงด้านข้างมองเราอยู่
"เดี๋ยวนี้ทำไมเด็กผู้ชายกลายเป็นตุ๊ดเป็นเกย์กันหมดก็ไม่รู้"
"นั่นสิแม่ ถ้าลูกหนูโตขึ้นมาเป็นแบบนี้นะ หนูอายเค้าตายแน่"
คราวนี้สองแม่ลูกพูดโดยไม่พะวงที่จะลดเสียง อั๋นหันจากข้างทางมาหาทั้งคู่บ้าง
ที่น่าประหลาดใจก็คือ เมื่อเรามองพวกเขาแล้ว พวกเขาจ้องหน้าเรากลับเหมือนคิดว่าสิ่งที่พูดไปเมื่อครู่นี้ไม่ได้ผิดอะไร แถมสีหน้าที่มองมายังแสดงถึงความรังเกียจอย่างชัดเจน
โชคดีที่รถสองแถวมาถึงที่หมายในห้านาทีถัดมา
เราสองคนลงจากรถ อั๋นเดินไปจ่ายเงิน10บาทให้ลุงคนขับ และก่อนรถจะออกวิ่งต่อไป ผมเห็นสองแม่ลูกมองมาที่เราแล้วส่ายหัวเบาๆ
"หมอ...รู้สึกยังไงบ้าง"
"กูโอเค อย่าไปสนใจพวกเขาเลย"
ผมยิ้มแสดงความมั่นใจให้อั๋น มองมือที่จับกันอยู่อีกครั้ง แน่นอนว่าเราทั้งคู่ไม่คิดที่จะปล่อยกันง่ายๆเพราะถูกใครรังเกียจ และเดินเข้าร้าน
"มึงไม่อายใช่มั้ย ที่กูจะขอจับมือมึงไปไหนๆแบบนี้"
"ไม่อาย...อั๋นล่ะ อายคนอื่นมั้ย" ผมถามกลับ
"อั๋นก้ไม่อายเหมือนกัน ไม่มีเหตุผลต้องอายเลย" อั๋นยิ้มกว้าง คำตอบของอั๋นก็ทำให้ผมยิ้มกว้างเช่นเดียวกัน
"กูแค่สงสัยว่าป้าคนนั้นกับลูกสาวเค้ารังเกียจพวกเราขนาดนั้นเลยเหรอ"
"คงงั้น...ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลยแฮะ" อั๋นถอนหายใจ ผมพยักหน้า ที่ผ่านมา ผมกับอั๋นเจอแต่คนจิ้น ฟินเวลาเห็นพวกเราอยู่ด้วยกัน ยังไม่เคยเจอคนเกลียดสิ่งที่พวกเราเป็นมาก่อน
"มากินของอร่อยๆกันดีกว่านะ" อั๋นจูงมือผมตรงไปยังเคาน์เตอร์ และสั่งนมร้อนกับชุดขนมปังปิ้ง

"นี่ ทำไมชวนมากินร้านนมวะ ปกติมึงกินแต่เหล้าไม่ใช่อ่อ" อั๋นแหย่
"ไอ้สัส ให้มันน้อยๆหน่อยครับ กูไม่ได้กินเหล้าอย่างเดียวนะ"
"ครับๆ แฟนว่าไงอั๋นก้ว่างั้น...ป้อนหนมปังหน่อยดิ"
"อ้อนอีกละ ไม่ป้อนเว้ย หาว่ากูแดกแต่เหล้าดีนัก"
"โถ่ ป้อนเถอะ นะๆ"
ผมเอาส้อมพลาสติกจิ้มขนมปังปิ้งคำเล็กแล้วบรรจงใส่ปากคนขี้อ้อนที่อมยิ้มแก้มตุ่ยหลังรับขนมปัง
"กูป้อนให้มึงมั่งนะ"
อั๋นจับมือผมแล้วส่งขนมปังอีกคำใส่ปากผมเอง
"อร่อยว่ะ" ผมบอก
"โชคดีเนอะ ทุกร้านที่เรามาตามรีวิวอร่อยหมดเลย"
"นั่นดิ ทริปนี้แม่งกลายเป็นทริปกินไปเฉย"
"มากับคนกินเก่งก้งี้แหละ"
"มึงอะนะอั๋น"
"มึงอะแหละหมอ ไม่รู้ตัวอีก" อั๋นหัวเราะ
"ถ้ากูกินเก่งงี้แล้วอ้วนขึ้นมา มึงจะทำยังไง"
"โห่หมอ มึงไม่อ้วนหรอก กินยังไงก้ตัวแค่นี้แหละ" อั๋นลูบหัวผมอย่างเอ็นดู ผมทำหน้าบึ้งที่โดนต่อว่า
"ถึงกูผอม แต่สูงนะเว้ย"
"คร้าบบ...แต่ถ้ามึงเกิดอ้วนขึ้นมาจริงๆ กูก้รักมึงเหมือนเดิมแหละ จะให้กูทำไงอะ"
"ดี แต่ถ้ามึงอ้วนขึ้นมา กูไม่รักนะ" ผมแกล้ง
"อะไรวะ ทีกูยังไม่เห็นเป็นไรเลย" ผมหัวเราะ "แต่กูก้ไม่อ้วนหรอก ดูกล้ามซะก่อน" อั๋นทำท่าเบ่งกล้าม
"ขี้อวด กล้ามใหญ่ บ้ากามด้วย"
"หือ คำหลังนี่พูดว่าอะไรนะ"
"บ้ากามไง"
"พูดงี้อยากโดนอีกอ่อ"
อั๋นหัวเราะคิกคัก
"ทำไมกูต้องมีแฟนหื่นขนาดนี้ด้วยนะ"

หลังทานเสร็จ เรานั่งรถสองแถวแบบเดิมกลับไปยังที่พักและเปลี่ยนชุดไปเล่นทะเล เราสองคนถอดเสื้อและใส่กางเกงว่ายน้ำ
"เร็วดิอั๋น ไปเล่นน้ำกันๆ" ผมบอกอย่างกระตือรือร้น เร่งอั๋นที่กำลังใส่โทรศัพท์มือถือ นาฬิกา กระเป๋าสตางค์ กล้อง ไม้เซลฟี่ลงในกระเป๋าเป้กันน้ำที่เตรียมมา
"ไปแล้วคร้าบ แฟนอยากเล่นน้ำขนาดนั้นเลยอ่อ"
"เออดิ มาเร็ว"
ผมลากอั๋นออกไปทะเล ตรงไปยังส่วนที่คนไม่ค่อยมาเล่น เมื่อไปถึง ผมกระโดดลงน้ำทันที
อั๋นหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปผม ก่อนจะลงน้ำตามมาเหมือนกัน
เราว่ายน้ำทะเลแล้วแกล้งกันไปมา แน่นอนว่าส่วนใหญ่อั๋นเป็นคนแกล้งผมครับ- -
อย่างตอนนี้มันก้กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับผมในน้ำอยู่
"อะ ไอ้อั๋น ปล่อยนะเว้ย" ผมร้อง เอาหัวขึ้นมาจากน้ำ
"ไม่ปล่อยหรอก" อั๋นยิ้มกว้าง แต่ก็ปล่อยตัวผมทันทีเมื่อถูกจักจี้เอวกลับ
เราสาดน้ำทะเลใส่กันอีกพักใหญ่ก่อนจะกลับที่พัก
"เมื่อกี้จักจี้กูใช่ปะหมอ ได้ ทบยอดไว้ลงโทษมึงทีเดียวเลยคืนนี้"
"ทบยอดอ่อ ก่อนหน้านี้ผมไปทำไรคุณอั๋นครับ"
"ที่บอกว่ากูหื่น"
"แล้วมันจริงปะล่ะ"
"เสร็จแน่หมอคืนนี้"
อั๋นทำหน้าหื่นใส่ ผมขนลุกเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
เรากลับไปล้างตัวที่ห้องพัก ระหว่างที่ผมกำลังเช็ดตัวหลังอาบเสร็จ โทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น ผมเห็นว่าเป็นต้าร์โทรมา
"ว่าไงมึง"
(เป็นไง พวกมึงสองคนนี่หายหัวไปสวีทกันใช่ปะ ไม่ตอบไลน์กลุ่มเลยนะสาด)
ตั้งแต่เช้าผมกับอั๋นยังไม่มีใครจับโทรศัพท์เลยครับ
"เออ โทษทีว่ะ"
(ไม่มีไรหรอก กูแค่เป็นห่วง เห็นหายไปทั้งคู่เลย)
"ขอบใจมากมึง"
(แล้วไอ้อั๋นอยู่ไหนเนี่ย)
"อาบน้ำอยู่"
(ตอนบ่ายๆเนี่ยนะ)
"พวกกูพึ่งขึ้นจากทะเลมา"
(อ่อ มิน่า)
"แล้วมึงอยู่ไหนวะต้าร์"
(สยาม กำลังจะออกไปกินข้าวกับเมย์ งั้นเดี๋ยวกูไปละ)
"เคๆ แต๊งกิ้วนะมึง"
(เออๆ เดี๋ยวกูไลน์บอกในกรุ๊ปก่อนว่ามึงสองคนยังไม่ตาย แค่สวีทกันอยู่)
ผมหัวเราะ
(เออ ก่อนวาง...มึงสองคนได้กันยังวะ)
ผมสะดุ้ง
"สาดด นี่มึงเป็นไอ้นนท์สองรึไง วันๆถามแต่เรื่องได้กันรึยัง"
(เอ้า ก้พวกมึงหายไปตั้งแต่ดึกๆเมื่อวาน ละก้อยู่ที่ทะเล ไอ้นนท์มันเลยตั้งข้อสังเกตว่าพวกมึงกำลังเอากัน)
ผมอยากจะเชิญให้ไอ้นนท์ไปเป็นหมอดูจริงๆครับ ท่าจะแม่นขนาดนี้
"ไม่โว้ย ไปบอกแม่งว่าไม่ใช่" ผมรีบโกหก ใครจะยอมรับล่ะครับว่าผมเป็นเมียอั๋นแล้วเมื่อคืน
(เออๆ แค่นี้แหละ) ต้าร์หัวเราะก่อนกดวางสายไป
"คุยกับใครวะหมอ" อั๋นนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำอีกคน
"ไอ้ต้าร์ มันบอกว่ากูกับมึงไม่ตอบไลน์กลุ่มตั้งแต่เมื่อคืน พวกมันเป็นห่วงเลยโทรหา...แล้วรู้มั้ยว่ามันถามอะไรอีก"
"ถามว่าไร"
"มันถามว่าพวกเราได้กันรึยัง"
อั๋นหัวเราะเสียงดัง
"แล้วหมอตอบว่าไง"
"ยัง ใครจะไปตอบว่าได้กันแล้ววะ...ยิ้มไร"
"ป๊าวว"
"ไอ้โรคจิต"
"อั๋นยังไม่ได้ทำไรเลย- -"
"ไม่รู้อะ หน้ามึงโรคจิต"
"หมอ..."
แล้วอั๋นก้เดินตรงเข้ามาหาผม
"อะไร"
แต่ผมคิดว่าผมรู้แล้วว่าอั๋นจะทำอะไร
"เราไม่ต้องรอถึงตอนกลางคืนแล้วได้มั้ย"
"มะ หมายถึงอะไร"
"อย่าเฉไฉน่า มึงก็รู้"
"แต่...เราพึ่งอาบน้ำเสร็จนะ"
"แล้วไงอะ" สีหน้าและแววตาอั๋นตอนนี้บอกชัดว่ามันไม่ปล่อยผมให้หลุดมือไปแน่ "มึงยั่วกูนะหมอ มายืนนุ่งผ้าตัวเดียวให้เห็นแบบนี้"
"พูดอย่างกับเห็นกูถอดเสื้อแล้วจะทำทุกครั้งยังงั้นอะ"
"งั้นเดี๋ยวจะทำทุกครั้งเลย"
"ไอ้บ้าเอ๊ย"
อั๋นยกมือทั้งสองข้างขึ้นประคองแก้มผม
"อั๋นทนไม่ไหวแล้วหมอ"
แล้วอั๋นก็ขยับเข้ามาจูบผม ผมยกสองมือขึ้นวางบนไหล่อั๋น และปลดปล่อยตัวเองเต็มที่

-จบตอน-

กลับมาอีกครั้งแล้วนะครับ หลังจากที่หายไปนานมากๆเลย อั๋นกลายเป็นคนหื่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ไม่สิ หื่นมาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว แต่แค่ยังไม่มีโอกาส555555
เราขอนำเนื้อเรื่องช่วงที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่33นี้เป็นseasonที่2นะครับ เพราะอยากแบ่งเรื่องราวของอั๋นกับหมอตามช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้น
จากตอนที่แล้ว (ตอนที่32) อั๋นกับหมอก็ได้เลื่อนจากเพื่อนสนิทมาเป็นแฟนกันในที่สุด แล้วก็เป็นสามีภรรยาสมใจผู้อ่านหลายๆคนไปเรียบร้อย อรั๊ย หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้บ้าง ต้องติดตามตอนต่อไปนะครับ<br>
ตอนหน้าจะมาในไม่ช้าพร้อมประวัติตัวละครที่เหลือเนอะ

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ตอนที่34(อั๋น)

คืนที่สองที่หัวหินกำลังจะผ่านไปโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรหมอมากไปกว่านอนกอดแล้วซบหน้าลงกับบ่าของคนตัวเล็กกว่า ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ ผมเป็นห่วงมัน เรามีอะไรกันไป2ครั้งในช่วงเวลาไม่ถึง24ชั่วโมง ผมกลัวหมอจะเจ็บ
แต่นั่นก็ทำให้ผมต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะไม่ว่าแฟนผมจะทำอะไร มันก็ดูยั่วยวนทุกครั้ง ยอมรับที่หมอบอกก็ได้ว่าผมหื่น- -
ตั้งแต่ที่มีอะไรกันหลังขึ้นจากน้ำทะเล ตอนบ่ายเราก็นอนกลางวันกัน สักห้าโมงเย็นก็ออกไปหาอะไรทานข้างนอกและกลับมานั่งเล่นที่ชายหาด ดูท้องฟ้าและรับลมเย็นๆเหมือนคืนก่อน จนกลับมานอนบนเตียงในเวลานี้
ผมอดไม่ได้ที่จะใช้จมูกและริมฝีปากลากผ่านคอเนียนนุ่มของหมอ มันนอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของผมเหมือนเด็กตัวเล็กๆ
"อือ...จั๊กจี้ นอนได้แล้วไอ้อั๋น" หมอดุเสียงเบา
"ก็คอมึงน่าไซร้นิ" พูดแล้วก็ขยับเข้าไปหอมแก้มหมออีกหนึ่งฟอดซะเลย
"หาโอกาสตลอดนะมึง...ง่วงแล้ว นอนเถอะ" หมอหันมามองหน้าผม ตาทั้งสองข้างใกล้ปิดเต็มที
"ครับๆ ไม่กวนแล้วก็ได้"
ผมหยุด ไม่อยากก่อกวนมันครับ
ผมคลายกอดให้แน่นน้อยลง เพื่อให้หมอนอนสบายขึ้น มือโอบรอบเอวมันอย่างหลวมๆ
ไม่นานนักผมก็หลับตามคนในอ้อมกอดไป

วันต่อมา หมอไม่พลาดที่จะกลับไปทานอาหารทะเลร้านที่เรามากินกันตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงอีกครั้ง แถมสั่งบางส่วนกลับมากินที่บ้านอีกด้วย
"อดอยากอาหารทะเลมาจากไหนเนี่ย" ผมถามหมอตอนซื้อ พร้อมลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดู
"ก็มันอร่อยอะ" หมอยิ้ม เจ้าของร้านยิ่งยิ้มหน้าบานกับคำพูดของมัน และลดราคาให้นิดหน่อย
เรามาถึงกรุงเทพก็ตอนเที่ยงกว่าๆ ผมตั้งใจจะส่งหมอที่บ้านก่อนแล้วกลับบ้านผม แต่พ่อแม่หมอชวนให้ผมอยู่พักผ่อนที่บ้านให้หายเหนื่อยก่อนกลับ
ผมเดินตามหมอขึ้นไปห้องนอนของมัน เจ้าตัวล้มตัวลงไปบนเตียงนุ่มทันที ผมล้มตัวลงตาม
"พรุ่งนี้ขี้เกียจไปเรียนชิบ หยุดอยู่บ้านอีกสักวันดีกว่า"
"ไม่ได้ ต้องไปเรียน นี่หยุดมาตั้งหลายวัน"
"โห่ย กูพึ่งกลับจากไปเที่ยวกับมึงมานะ ยังไม่หายเหนื่อยเลย"
"เหนื่อยไรนักหนา เราไม่ได้เที่ยวหนักขนาดนั้นสักหน่อย นี่ก้เหลืออีกตั้งคืนนึงให้นอนพัก"
หมอย่นจมูกที่ผมดุ ประโยคถัดมาผมเลยพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้น
"ใกล้สอบแล้ว ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าขาดเรียนเลยนะ" ผมแสดงความหวังดี ยื่นมือออกไปลูบเส้นผมมันเล่น
"ไม่รู้อะ พรุ่งนี้กูจะนอนทั้งวันเลย คอยดู"
"อย่าดื้อดิเราอะ พรุ่งนี้จะมารับแต่เช้าเลย"
"อั๋น"
"หือ"
หมอหันมาหาผม พร้อมจุ๊บปากผมเบาๆ
"ขอบคุณที่พากูไปเที่ยวนะ แล้วก็ที่ดูแลกูด้วย"
"ไม่ต้องขอบคุณน่า กูเต็มใจ"
"มาคิดๆดูแล้ว กูไม่เคยทำอะไรให้มึงเลย มีแต่มึงที่ทำให้กูเกือบทุกอย่าง...กูเป็นแฟนที่แย่ว่ะ" สีหน้าแฟนผมหม่นลง ผมขยับเข้าไปกอด
"เป็นไรเนี่ย ทำไมอยู่ๆดราม่า" ผมพูดกลั้วหัวเราะ
"เอ้า ก็เรื่องจริงนี่หว่า"
"อย่าคิดมากน่า แค่มึงอยู่กับกูแบบนี้ ก็คือทำหน้าที่แฟนแล้ว"
"กูขอโทษนะ...ต่อไปมึงต้องให้กูเป็นฝ่ายดูแลมึงมั่งนะ"
"คร้าบ"
ผมยิ้ม ลูบหลังหมอเบาๆอย่างอ่อนโยน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หมอเดินมาส่งผมที่หน้าบ้าน ผมเรียกuber taxiให้มารับ

กลับถึงบ้าน ผมเห็นเจ๊เอ๋กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น
"กลับมาแล้ว"
"เป็นไง ไปเที่ยวมาสนุกมั้ย"
"สนุกครับ"
"ชั้นไม่น่าถาม ก็ไปกับหมอสองคน จะไม่สนุกได้ไง"
เจ๊เอ๋คงสังเกตเห็นใบหน้าและท่าทางมีความสุขเต็มเปี่ยมของผม จึงพูดอย่างล้อๆ
"นี่อั๋นดูมีความสุขขนาดนั้นเลยอ่อ"
"ใช่ดิ ปากแกยิ้มกว้างจนจะถึงหูอยู่ละ"
แต่รอยยิ้มผมก็ตกลงเมื่อเห็นร่องรอยความเศร้าเจืออยู่บนสีหน้าและแววตาของพี่สาวคนเดียวของผม แม้ว่าจะพูดหยอกล้อกับผม แต่ข้างในเจ๊เอ๋กำลังรู้สึกอย่างไรอยู่นะ
"เจ๊...เรื่องนั้นอะ" ผมเกริ่น "เป็นยังไงบ้างครับ"
"ชั้นเลิกกับเหมาแล้ว...เห้ย สบาย ชั้นโอเคแล้ว" น้ำเสียงเจ๊เอ๋ดูสดใสแบบหลอกๆ
ผมนั่งลงบนโซฟาข้างๆเจ๊เอ๋ เอื้อมมือไปจับมือเจ๊ไว้
"อั๋นขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ย"
"อือ"
"อั๋นเข้าใจนะว่าเจ๊กำลังรู้สึกแย่ แต่เจ๊ทำถูกแล้วล่ะ..." ผมพูดต่อไปไม่ถูก
"..."
สายตาเจ๊เอ๋ยังอยู่ที่โทรทัศน์ ซึ่งกำลังฉายซิทคอมเบาสมองเรื่องดัง ไม่มองหน้าผม
"เจ๊ เจ๊ต้องตัดใจให้ได้นะ" เจ๊เอ๋กับพี่เหมาคบกันมาตั้งหลายปี ไม่แปลกที่เจ๊ยังทำใจไม่ได้ง่ายๆ
ในที่สุดเจ๊เอ๋ก็ร้องไห้ออกมา ตัวสั่น และหันมากอดผม
ผมกระชับกอดให้แน่นขึ้นและลูบหลังพี่สาวเบาๆ
"ชั้นไม่รู้ว่าจะผ่านมันไปได้มั้ย...มัน เหมามันเป็นแฟนคนแรกของชั้น ชั้นคิดว่าจะคบกันจนเรียนจบแล้วก็อยู่ด้วยกัน ไม่คิดเลยว่ามันจะทำแบบนี้..."
"ผ่านไปได้ดิ เจ๊ยังมีเพื่อน มีอั๋น มีพ่อกับแม่อยู่นะ...ดีแล้วที่เจ๊เอ๋ตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้ ไม่งั้นถ้ายื้อไว้จะเสียใจมากกว่านี้อีกนะ"
เจ๊เอ๋สะอื้นบนบ่าผม ผมเกือบจะน้ำตาไหลออกมาที่เห็นอาการเจ๊ คนร่าเริงและแทบไม่เคยมีเรื่องเศร้ากับอะไรในชีวิตมาก่อนต้องโดนคนรักทรยศ

เมื่อเจ๊เอ๋หยุดร้องไห้แล้ว ผมเดินเข้าไปในครัว ชงชาร้อนๆหนึ่งแก้วให้เจ๊ อาจจะช่วยผ่อนคลายความเครียดลงได้เล็กน้อย
"จริงๆเหมาฝากขอโทษอั๋นมาด้วย"
"หือ ขอโทษอั๋นเหรอ" ผมส่งแก้วชาให้พี่สาวรับไปดื่ม
"ก็เรื่องที่เม้งไปขู่หมอไง"
"แล้วพี่เหมาไม่เข้าข้างน้องชายเค้าหรอครับ"
"เหมาบอกว่าเม้งทำไม่ถูก...แล้วก็สมควรแล้วที่โดนพวกแกซ้อมมา"
ผมไม่ตอบ คิดว่าพี่เหมาคงพูดไปอย่างนั้น แต่ไม่อยากพูดความคิดตัวเองให้เจ๊ได้ยิน
"เปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ..." เจ๊บอก
"อือ"
"แกกับหมอ...ไปถึงไหนแล้ว"
เมื่อโดนถามถึงว่าความสัมพันธ์ของผมกับแฟนไปถึงไหน เรื่องนั้นที่ทะเลก็ผุดขึ้นมาทันที
ราวกับว่าเจ๊เอ๋อ่านใจผมออกอย่างไรอย่างนั้น เพราะคำถามต่อมาทำเอาผมเกือบสะดุ้ง
"ยังไม่ได้ทำอะไรกับหมอใช่มั้ย"
"เอ่อ..." ผมติดขัด เรื่องนี้ผมควรบอกเจ๊ตามจริงเลยไหมนะ
เจ๊เอ๋ยิ้มนิดๆ
"แกไม่ตอบชั้นมาทันที แสดงว่า มีอะไรกันแล้วสินะ"
ผมเงียบไปนิดนึงก่อนตัดสินใจพยักหน้าช้าๆ
"ชั้นไม่ได้ว่าอะไร แต่แกต้องป้องกันนะ"
"ครับ" ผมรู้สึกเขินที่ถูกจับได้ พูดอะไรมากกว่านี้ไม่ออก
"แล้วก็ดูแลน้องหมอให้ดีๆนะ ชั้นอยากให้แกสองคนรักกันนานๆ"
ผมยิ้มกว้างและพยักหน้ารับคำเจ๊เอ๋อีกครั้ง

เมื่อไปถึงโรงอาหารของโรงเรียนในเช้าวันรุ่งขึ้น ผมกับหมอยังไม่ทันนั่งลงที่โต๊ะดี ก็โดนประโยคที่ไอ้นนท์ชอบถามประจำพุ่งใส่ทันที
"พวกมึงสองคน ตอบกูมาก่อนเลย มึงได้กันยัง"
ผมหันไปมองหน้าหมอยิ้มๆ คนข้างๆผมดันหน้าแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
นั่นทำให้เพื่อนๆทั้งโต๊ะส่งเสียงแซวดังลั่น
"ยังโว้ย" หมอตะโกนตอบแข่งกับเสียงคนอื่นๆ
"ไม่จริงอะ มึงหน้าแดงซะขนาดนั้น" ไอ้เอกบอก
"ใช่ โกหกไม่ทันละมึง" ไอ้นนท์ยังคงทำท่าทางกวนตีน
"แล้วตอนกูโทรไปถามดันบอกว่ายังนะ" ไอ้ต้าร์พูดขึ้นอีกคน
"ดูเชี่ยหมอดิ ไม่เนียนว่ะ แล้วไอ้อั๋นก็ไม่เห็นจะปฏิเสธอะไร แสดงว่าพวกมันได้เสียเป็นเมียผัวกันเรียบร้อยแล้วเว้ยยย" ไอ้นนท์แหกปากต่อ
"ไอ้พวกเหี้ยยย" หมอเขินมากครับ มันไล่ตบกบาลพวกเพื่อนๆเรียงคน
"พวกมึงก็หยุดแซวได้แล้วน่า" ผมพูด
"สาด มึงพึ่งจะมาบอกพวกมันตอนนี้เนี่ยนะ" หมอหันมาโวยผมอีกคน
"ขอโทษคร้าบ" ผมพูดพร้อมเข้าไปกอดเอวหมอ "เลิกเลยพวกมึง เมียกูไม่ชอบ" ทุกคนหัวเราะหนักขึ้นไปอีก
"อ่าว สัสนี่" หมอหันขวับมา
"ผัว เอ้ย อั๋นล้อเล่นน่า" กำลังสนุกเลยครับ ขอแหย่หมอเพิ่มอีกแล้วกัน
"นี่ไม่มีใครอยู่ข้างกูเลยใช่มั้ยวะ" แฟนผมโวยวายต่อไป ก่อนเสียงกริ่งจะดังขึ้นมาเรียกพวกนักเรียนให้มาเข้าแถวเคารพธงชาติ

วิชาภาษาไทยคาบบ่าย อาจารย์ท่านติดไปสัมมนาครับ แล้วไม่มีอาจารย์ภาษาไทยท่านอื่นว่างมาสอนแทน ห้องผมก็เลยว่างหนึ่งชั่วโมง ทุกคนดีใจกันยกใหญ่เมื่อมีเจ้าหน้าที่เดินมาบอก หลังจากนั้นเกือบครึ่งห้องก็ฟุบหลับลงไปกับโต๊ะเรียนของตัวเอง ไอ้นนท์ก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ
ไอ้เอกที่นั่งข้างหน้าพวกเราไปอีก หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเกมแข่งกับไอ้พีทันที ไอ้ต้าร์ที่นั่งข้างไอ้นนท์เดินออกไปโทรศัพท์ข้างนอกห้อง น่าจะคุยกับเมย์
ส่วนไอ้แฟนขี้เซาของผมน่ะเหรอ มันพึ่งเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะครับ นอนหลับคาบก่อนหน้าไปทั้งคาบ
"อ้าว จารย์ไม่เข้าหรอวะอั๋น"
"เออ ไปสัมมนา" ผมขยี้ผมหมอ "มึงน่าจะหลับคาบนี้แทน เมื่อกี้เลยไม่ได้เรียนเลย"
"ก็ง่วงนี่หว่า"
"ง่วงทั้งวันแหละเราอะ"
"บ่นอีกละ ทำไมขี้บ่นจังห๊ะ" หมอเอื้อมมือมาดึงแก้มผมสองข้าง "ขี้บ่นแก่เร็วนะเว้ย"
"จะแก่เร็วได้ไง กูก็ต้องแก่ไปพร้อมๆมึงดิวะ"
"ไม่อะ ถ้าบ่นแบบนี้กูไม่อยู่กับมึงไปจนแก่หรอก"
"เห้ย ว่าไงนะ"
"เห้ย ผัวเมียข้างหลังห้องอะ น้อยๆหน่อย มดขึ้นมาถึงโต๊ะพวกกูแล้วเนี่ย" ไอ้เอกตะโกนมา แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากมือถือ
"เสือก ไอ้สัส" หมอตะโกนตอบกลับไป เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนที่ไม่ได้หลับหลายคน
"เมียมึงโหดจังวะอั๋น ทำให้เงียบๆดิ๊"
"ทำไงวะ" ผมแกล้งถามกลับไป
"ปิดปากด้วยจูบดีมั้ย" ไอ้ฟองที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดร้องบอก
"เอาเลยๆ" หลายคนเชียร์
"อย่าเชียวนะไอ้อั๋น ไม่งั้นมึงโดนกระทืบ" หมอขู่ฟ่อ หน้าเป็นสีแดงจัดด้วยความเขิน คงกลัวว่าผมจะทำตามที่เพื่อนๆสั่ง
"ไม่ทำต่อหน้าเพื่อนก็ได้คร้าบ" ผมที่กำลังจะยื่นหน้าเข้าไปหาเลยหยุด ทุกคนร้องด่าว่าผมกลัวเมีย
"อ่อนว่ะ ไอ้อั๋นกลัวเมียเอ๊ย" ไอ้เอกตะโกนมาอีกครั้ง
ผมเห็นหมอจ้องตาเขียวใส่เพื่อนทุกคนแล้วก้ขำ

"นี่ ไหนๆก็ตื่นแล้ว มาลอกเลกเชอร์คาบที่แล้วดีกว่า"
"ขี้เกียจอะ ลอกให้กูหน่อยดิ" ไอ้คนขี้เกียจพูดแล้วก็ส่งสายตาปิ๊งๆมาให้ด้วย
"ไม่ต้องเลย ลอกเองดิ จะได้จำได้ด้วย"
"ไรว้า ไม่มีน้ำใจเลย ลอกเองก็ได้" หมอทำปากยื่นแล้วรับสมุดจดวิชาก่อนหน้าจากผมไปลอก
"มานั่งนี่มา" ผมยกตัวหมอมาอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวกัน ทำให้มันนั่งอยู่ระหว่างหว่างขาผม หลังมันติดชิดกับอกผม
"ไอ้บ้า ทำไร"
"อยากกอดหมออะ" ผมยิ้มยิงฟันให้ เจ้าตัวไม่ได้ปฏิเสธอะไร
เพื่อนในห้องล้อขึ้นมาอีก ผมเลยตะโกนบอก
"ขอเวลาครอบครัวด้วยคร้าบบบ"
หมอชกแขนผมเบาๆ
มันเริ่มต้นลอกงาน ผมโอบแขนสองข้างรอบเอวมัน และจูบเบาๆลงบนท้ายทอย
หมอกระตุกหน่อยๆ
"ทำงี้กูจะลอกงานเสร็จมั้ยเนี่ย"
"เสร็จดิ"
"เสร็จไรล่ะ เสียวนะเว้ย" คำหลังมันกระซิบเบาๆกับผม
"เสร็จกูไง" ผมกระซิบตอบที่หูมันด้วยเสียงกระเส่า นั่นทำให้หมอดิ้น
"ถ้างั้นมึงปล่อยกูเลย ไอ้หื่น ไอ้บ้ากาม"
"ไม่แกล้งแล้วๆ" ผมหัวเราะ หยุดเซ้าซี้และนั่งกอดหมอไว้เฉยๆ
ผ่านไปไม่นานหมอก็ลอกงานเสร็จ เจ้าตัวทำท่าจะขยับ
"ขอนั่งอยู่แบบนี้อีกแปบดิ" ผมบอก
"อือ" หมอตอบรับเบาๆ
ผมซบหน้าลงกับไหล่หมอและกระชับกอดให้แน่นขึ้นอีกหน่อย
"อยู่แบบนี้ก็อุ่นดีนะ" หมอบอก ทำให้ผมประหลาดใจมากๆ ผมยิ้มกว้างออกมา
"งั้นก็อยู่ให้กอดแบบนี้ไปนานๆนะครับ"

เรายิ้มให้กันและนั่งกันอยู่อย่างนั้นจนหมดคาบ
ผมไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งเพื่อนที่สนิทที่สุดจะกลายมาเป็นคนที่ผมหลงรัก แอบมองอยู่ทุกวัน จนตอนนี้มันเป็นแฟนผม ผมรู้สึกโชคดีจริงๆ

เหลืออีกเพียง3สัปดาห์เท่านั้นก่อนสอบปลายภาค ผมตั้งใจจะเริ่มอ่านหนังสือสอบตั้งแต่เย็นวันนี้ไป แน่นอนว่าจะลากหมอมาอ่านด้วย กะติวให้มันทุกวันเลยครับ
เจ้าตัวบ่นกระปอดกระแปดว่าทำไมต้องเริ่มอ่านเร็ว ผมบอกเหตุผลว่าจะได้ไม่ไปหนักช่วงใกล้สอบทีเดียว
ดังนั้น เมื่อคาบเรียนสุดท้ายเลิก เราสองคนบอกลาเพื่อนๆ ก่อนจะเดินลงมาที่ลานจอดรถ
"มึงอยากอ่านที่ไหนอะ บ้านกูหรือบ้านมึง"
"ที่ไหนก็ได้ แต่กูไม่อ่านนะ กูจะเล่น" หมอหัวเราะ
"ไม่ได้ จะให้พูดอีกกี่ครั้งเนี่ย" ผมดีดหน้าผากคุณแฟนจอมดื้อ
"เออ อ่านก็ได้" หมอทำหน้าหงิก "แต่ไปถึงแล้วขอเล่นแปบนึงนะ"
"ได้ แค่แปบเดียวนะ"
"คร้าบ พ่อนักเรียนดีเด่น พ่ออนาคตของชาติ" หมอลากเสียงยาวประชดประชัน ผมหัวเราะ
ยังเดินไปไม่ถึงรถมอเตอร์ไซด์ของผม หมอก็ร้องขึ้น
"เห้ย"
"อะไรวะ"
ผมหันไปมองตามสายตาหมอ เห็นนักเรียนคนหนึ่งนั่งกองอยู่กับพื้น
นั่นมันอาร์ตนี่นา
ยังมีนักเรียนอีกคนยืนค้ำอยู่ ดูท่าแล้วน่าจะเป็นคนผลักอาร์ตล้มลง
"เลิกยุ่งกับเราได้แล้ว จะไปไหนก็ไป" นักเรียนคนนั้นตะคอกใส่อาร์ตก่อนจะเดินหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว

-จบตอน-

มาต่อแล้วคร้าบ ตอนนี้จัดอั๋นให้หนึ่งตอน อั๋นนี่จริงจังกับการเรียนจริงๆ มีดุหมอเรื่องเรียนด้วย ช่วงติวหนังสือของอั๋นกับหมอมาถึงแล้วนะ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับอาร์ตเนี่ย
ติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะครับ

ประวัติของเอก
ชื่อ : เอก
สถานะ : โสด
ชั้นเรียน : มัธยม4/12 สายศิลป์-คำนวณ โรงเรียนชายล้วน
วิชาที่ถนัด : คอมพิวเตอร์
สีที่ชอบ : ดำ
อาหารที่ชอบ : ไข่ตุ๋น
กีฬาที่ชอบ : ฟุตบอล
เวลาว่าง : เล่นเกมส์ออนไลน์ นอน (คล้ายๆหมอเลยนะ555)
ลักษณะนิสัย : เป็นคนรั่วๆ เฮฮา ถึงไหนถึงกัน ชอบปั่นชอบยุ ช่างสังเกต ละเอียดและใส่ใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆ
รูปร่างหน้าตา : ตัวเล็กกว่าเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ท่าทางเหมือนนักเลงหัวโจก เพราะตัดผมสกินเฮด?

ออฟไลน์ ~tOeY~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ตอนที่35

ผมกับอั๋นรีบตรงเข้าไปหาอาร์ตทันที
"อาร์ตเป็นไงมั่งวะ"
อาร์ตหันมาทางพวกเราช้าๆ มองสำรวจแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน
ข้างตัวอาร์ตมีขวดแก้วแตกที่ข้างในบรรจุกระดาษพับเป็นรูปหัวใจ น่าจะถูกปาใส่พื้นเต็มแรง
"เกิดไรขึ้นวะ" ผมถามอีก
"ไม่มีอะไรหรอก" อาร์ตหันมายิ้มเจื่อนๆให้
"เราเห็นคนเมื่อกี้ผลักนาย เค้าเป็นใคร"
"เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ"
"เข้าใจผิดอะไร"
อั๋นจับข้อมือผมแล้วส่ายหัว เป็นสัญญาณว่าไม่ควรซักไซ้อะไรกับอาร์ตตอนนี้
ผมหยุดถาม เข้าไปช่วยฉุดแขนอาร์ตลุกขึ้น แต่อาร์ตก็นั่งลงไปเก็บเศษขวดแก้วกับกระดาษพับที่พื้น

"ขอบใจหมอกับอั๋นมากนะ" เมื่อเก็บเสร็จ อาร์ตลุกขึ้นสะพายกระเป๋าและทำท่าจะเดินต่อ
"ไม่เป็นไรน่า" อั๋นตอบ
"งั้นเดี๋ยวเรากลับก่อนนะ"
"อาร์ตโอเคแน่นะ" ผมถาม
"เห้ย เราโอเค" อาร์ตหันมายิ้มให้ แต่ผมสังเกตเห็นว่าดวงตาไม่ได้ยิ้มเลย
ผมไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรเมื่ออาร์ตได้แต่โกหกว่าทุกอย่างกำลังปกติ มองเขาเดินย้อนกลับไปทางหน้าประตูโรงเรียน ทั้งรู้สึกสงสัยและเป็นห่วง

"เมื่อกี้มันอะไรวะอั๋น" ผมถาม รับหมวกกันน็อคจากมืออั๋นมาสวม
"ถ้าให้เดานะ...กูว่ามันเหมือนอาร์ตโดนบอกเลิกหรือไม่ก็ทะเลาะกับแฟนอยู่"
ผมอึ้ง อั๋นหมายความว่านักเรียนชายคนที่ผลักอาร์ตเป็นแฟนของอาร์ตอย่างนั้นเหรอ
"แล้วหมอคิดว่าไง"
"เออ...เป็นไปได้" ถ้าพิจารณาจากภาพเหตุการณ์ที่เห็น คำพูดของนักเรียนคนนั้น และขวดโหลบรรจุกระดาษรูปหัวใจ "กูสงสารอาร์ตว่ะ"
"นั่นดิ ถ้าเป็นอย่างที่พวกเราคิดจริงๆ อาร์ตมันจะรู้สึกยังไงวะ"
ผมขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซด์กลับ ในหัวนึกถึงเรื่องนี้ไปตลอดทาง แม้พวกเราจะไม่ได้สนิทกันมาก แต่ผมก็รู้สึกเป็นห่วงอาร์ตครับ

เรามาอ่านหนังสือกันที่บ้านอั๋น มาถึงปุ๊บผมก็ลงนอนบนโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่นแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเกมทันที
"นี่ มาถึงก็เริ่มอ่านหนังสือเลยนะ" แฟนผมไงจะใครล่ะ ประชดประชันกันจังนะ- -
"เออ กูขยันมั้ยล่ะ...เห้ย" อยู่ๆไอ้อั๋นก็ขึ้นมานั่งทับตัวผม "ลงไปเลยสาด กูเล่นเกมอยู่"
"ไม่ลง มีไรปะ"
"ไม่ได้ เดี๋ยวกูแพ้ ลงไปเลยมึง"
ถ้าไอ้อั๋นมันเชื่อแล้วทำตามที่ผมบอก วันนั้นคงเป็นวันที่ประเทศเรามีหิมะตกแน่ๆครับ นอกจากมันจะไม่ลงไปจากตัวผมแล้ว ยังจั๊กจี้เอวจนผมถือโทรศัพท์ไว้ไม่ได้
"พะ พอได้แล้ว...เห้ย...ไอ้บ้า" ผมหัวเราะไม่หยุดเหมือนคนบ้า ไอ้แฟนตัวดีก็หัวเราะไปด้วย "อย่าให้ถึงทีกูมั่งละ...ฮ่ะๆ...หยุด"
อั๋นแกล้งผมจนพอใจแล้วจึงหยุด
"นี่จะไม่ให้กูเล่นเกมเลยช้ะ"
"เออ มาเล่นกับกูดีกว่า"
"ไม่เอาอะ เบื่อมึงละ"
"เบื่อกูอ่อ ได้..."
อั๋นฉกโทรศัพท์ออกไปจากมือ แล้วรวบแขนทั้งสองข้างของผมด้วยมือข้างขวา
"เห้ย มึงจะทำไร"
ผมแหกปากโวยวายทันที ไอ้อั๋นใช้มือข้างซ้ายเริ่มปลดกระดุมเสื้อนักเรียนผม
"อย่านะเว้ย"
"เบื่อกูดีนัก เดี๋ยวจะทำให้ร้องลั่นบ้านเลย" อั๋นยิ้มกริ่ม สายตาเป็นประกายเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังจ้องจะกินเหยื่อ
"เห้ย ไอ้ซาดิสม์ ไอ้บ้า" แค่มันถอดเสื้อผมก็ทำให้ผมร้องลั่นได้แล้ว ไม่ต้องรอจนถึงตอนที่... เอ่อ นั่นแหละครับ
"อย่าดิ้นน่า คนเคยๆกันอยู่" ผมล่ะเกลียดรอยยิ้มเหมือนพวกหื่นกามของแฟนตัวเองจริงๆ
เมื่อกระดุมเสื้อถูกปลดไปแล้ว3เม็ด อั๋นก้มหน้าลงมาซุกไซร้ที่คอและไล่ไปจนถึงหน้าอก ผมพยายามดิ้นให้เป็นอิสระ แต่ไม่เป็นผล (ใช่ว่าจะอยากดิ้นเท่าไรหรอกนะ)
"ซี้ดด" ผมกัดปากเมื่อมันกัดเบาๆที่อกข้างหนึ่ง
อั๋นกลับขึ้นไปไซร้ซอกคอผมอีกครั้ง เล่นเอาผมเสียวแทบขาดใจ
ผมหยุดดิ้นไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ นอนนิ่งให้อั๋นสัมผัสร่างกาย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อั๋นเงยหน้าขึ้นจากตัวแล้ว
"มึงแม่ง กูเห็นแล้วอดใจไม่ไหวว่ะ" อั๋นพูดเสียงนุ่ม
"พะ พ่อง" ผมด่ากลบเกลื่อนอาการเขินก่อนหันหน้าหนี ก็อั๋นมันเล่นมาจ้องหน้ากันตรงๆแล้วพูดอะไรชวนคิดแบบนี้
"ไปต่อข้างบนมั้ย"
"พอเลย อ่านหนังสือๆ" ผมรีบดันตัวอั๋นออก จะมาทำตอนนี้เลยงั้นเหรอ
อั๋นหัวเราะเบาๆก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น ไม่วายเอื้อมมาติดกระดุมเสื้อนักเรียนผมกลับคืนให้
ผมรีบลุกขึ้นนั่งแล้วจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนไอ้อั๋นจะเปลี่ยนใจหื่นขึ้นมาอีก(รวมถึงตัวผมด้วย- -)

"กูไม่ได้เอาหนังสือเลขหลักมาว่ะ แหะๆ" ผมมานึกได้ว่าไม่ได้หยิบหนังสือคณิตศาสตร์พื้นฐานใส่กระเป๋ามาด้วย วันนี้ไม่มีเรียนวิชานี้ แต่อั๋นบอกไว้เมื่อคืนว่าให้เตรียมมาเพราะจะสอนผมครับ
"นี่แน่ะ บอกให้เอามา" อั๋นดีดหน้าผากผมหนึ่งที
"เจ็บบบ" ผมทำหน้ามุ่ย
"งั้นดูเล่มของกูก็ได้"
อั๋นหยิบเล่มของมันออกมาแล้วเริ่มอธิบายเรื่องเลขยกกำลัง
เอาจริงๆผมว่ามันอธิบายเข้าใจมากกว่าคุณครูอีกนะ อาจเพราะมันรู้ว่าจะพูดยังไงให้นักเรียนด้วยกันรู้เรื่องหรือไม่ก็เป็นเพราะมันเก่งไปเสียทุกอย่าง
ผมก็จดๆสิ่งที่อั๋นพูดบ้าง มันถามอยู่เรื่อยๆว่าทันไหม เข้าใจไหม ผมก็ถามเวลามีข้อสงสัยบางจุดครับ
ผมมองอั๋นที่ตั้งใจอธิบายอย่างจริงจังแล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียว แฟนใครวะ โคตรน่ารักเลย
"ฟังอยู่รึป่าวซอมบี้" อั๋นหรี่ตามอง เหมือนจะรู้ว่าผมไม่ได้จดจ่อกับเนื้อหามากเท่ากับตอนเริ่มแรก
"ฟังอยู่ค้าบ"
"ดี งั้นทำตัวอย่างนี้ซิ" อั๋นชี้ไปที่โจทย์ตัวอย่างข้อแรกสุดหลังจบส่วนทฤษฎี
"เอ่อ..."ผมเอ๋อไปเลยครับ ทำไงวะเนี่ย
"นั่นไง ไม่ได้ฟังสูตรแถวสุดท้ายใช่มั้ย"
"ขอเวลาคิดแปบนึงดิว้า" ผมถ่วงเวลา เมื่อกี้อั๋นมันสอนไว้ว่าไงนะ
"ไม่เนียนหมอ ตั้งใจฟังใหม่อีกรอบเลย..."
คราวนี้ผมตั้งใจฟังสิ่งที่อั๋นพูด ไม่วอกแวกไปชื่นชมความหล่อของมันแล้วครับ
พออั๋นสอนจบก็ให้ผมลองทำโจทย์ตัวอย่างด้วยตัวเอง ผมอิดออดทันที
พักแปบนึงดิอั๋น
"หือ ยังไม่ทันเริ่มโจทย์สักข้อเลย จะพักแล้วอ่อ"
"แปบเดียว นะๆ" ผมเขย่าแขนมันพร้อมส่งสายตาหวานเยิ้ม
"ก็ได้ 2นาทีนะ"
"โห กูคุยกับมึงก็1นาทีละ- -"
"อะๆ 5นาที"
"เย่ อั๋นใจดีที่สุดเลย" เมื่ออั๋นอนุญาตปุ๊บ ผมก้ฟุบหน้าลงกับโต๊ะพับที่เราใช้เรียนกันปั๊บ
อั๋นเอามือมาลูบหัวผมเบาๆ
"เหนื่อยเหรอ"
"เหนื่อย" ผมหันหน้าไปตอบ
"จริงๆยังเหลืออีกหลายเรื่องเลย หลายวิชาด้วย อดทนอีกหน่อยนะครับ" อั๋นพูดอย่างอ่อนโยน
"อือ" ผมยิ้มตอบและอั๋นยื่นหน้าเข้ามาจูบหน้าผากผมเบาๆ
"เดี๋ยวจะติวหมอให้เก่งเลย เอาให้ได้ท็อปห้องไปเลยดีมั้ย"
"โห่ย โง่ๆอย่างกูเนี่ยนะ ทำไม่ได้หรอก" ผมหัวเราะ
"อย่าคิดยังงั้นดิ หมอไม่ได้โง่ ถ้าขยันขึ้นต้องทำได้ดีแน่ๆ"
"ขอบใจนะเว้ย"
ความตั้งใจที่จะสอนและรอยยิ้มที่อบอุ่นของคนตรงหน้า ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะทบทวนบทเรียนขึ้นอีกมาก

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น อั๋นตรวจคำตอบให้ ผลลัพธ์คือผมทำผิดไปแค่4ข้อจาก20ข้อครับ
"เห้ย มึงไม่ได้อำกูใช่มั้ยเนี่ย" ผมยังทึ่ง หัวขี้เลื่อยอย่างผมทำถูกมากกว่าผิดเหรอเนี่ย
"เออดิ เห็นปะ ถ้าหมอตั้งใจจริงก็ทำได้" อั๋นยิ้มภูมิใจ ย้ำประโยคที่มันชอบพูดบ่อยๆเวลากระตุ้นผมเรื่องเรียน "เก่งมาก เมียใครก็ไม่รู้"
"เดี๋ยวๆ ว่าไงนะ"
"เมียใครวะ โคตรเก่งเลย"
"พูดถึงใคร ไหนเมีย ไม่รู้เรื่อง" ผมทำเฉไฉ
"ก็คนนี้ไง เมียกู" อั๋นดึงมือผมไปจับ
"บ้า กูไปเป็นเมียมึงตอนไหน" ผมยังกวนตีนต่อ
"ก็ที่หัวหินไง อยากย้อนความทรงจำมั้ย"
"หยุดเลย ติวหนังสือๆ" ผมเอาสมุดฟาดแขนอั๋นเมื่อพี่แกทำท่าจะรุกเข้ามา มันหัวเราะชอบใจ
"ตอนนี้ติวหนังสือก่อน เสร็จแล้วค่อยทำละกันเนอะ"
ผมหน้าแดงก่ำ

อั๋นให้ผมมาอ่านวิชาสังคมฯหลังจบคณิตศาสตร์ ถ้ามีข้อสงสัยให้เรียกถาม มันบอกว่าสลับวิชาอ่านจะได้ไม่เบื่อ แต่สำหรับผม อ่านวิชาไหนก็เบื่อทั้งนั้นแหละครับ- -
อ่านไปได้ไม่กี่หน้า ผมก็เริ่มอยู่ไม่สุก หันไปก่อกวนคุณแฟนที่เข้าสู่โหมดเนิร์ด ทั้งจั๊กจี้เอวมัน ดึงแก้มมันเล่น เปิดหน้าหนังสือวิชาเดียวกันกับผมที่มันอ่านอยู่ไปหน้าอื่น
"ไอ้หมอ" อั๋นหรี่ตามอง
"ครับ มีอะไรกับหมอเหรอครับ" ผมทำเป็นไม่รู้เรื่อง แถมพูดเสียงใส
"จะเอา" อั๋นเลิกคิ้วถาม
"เอาไรครับ"
"กวนนักใช่มั้ย" แล้วอั๋นก็ปิดหนังสือก่อนจะรัดตัวผม บนพื้นนั่นแหละครับ
"หายใจไม่ออก ปล่อย" ผมร้อง รัวฝ่ามือลงบนพื้นแสดงว่ายอมแพ้ อั๋นรัดผมแน่นมากครับ
"ยอมยัง"
"ยอมแล้วๆ"
"พูดว่า เมียจะไม่แกล้งผัวแล้วครับ"
"เมียจะไม่แกล้งผัวแล้วครับ"
"ดี" อั๋นคลายแขนที่รัดผมออก ผมปัดฝุ่นออกจากเสื้อ
"รัดแน่นขนาดนี้ ถ้ากูเป็นไรไปมึงจะทำไง"
"ส่งโรงพยาบาลดิ ถามได้" อั๋นยิ้มกวน
ผมชูนิ้วกลางให้ มันหัวเราะร่วน

สองวันต่อมา ผมก็ยังคงเข้าคอร์สเตรียมสอบปลายภาคกับอั๋นเช่นเคย ติวเสร็จ สัก2-3ทุ่ม อั๋นก็ขับมอเตอร์ไซด์มาส่งผมที่บ้าน
ดูเหมือนว่าการเรียนกับอั๋นจะเข้มขึ้นเรื่อยๆครับ ถ้าเป็นวิชาคำนวณอย่างคณิตศาสตร์ มันจะให้ผมทำโจทย์หลังสอนเนื้อหาแต่ละเรื่องทุกครั้ง แถมยังบอกว่าสัปดาห์หน้าจะไปหาโจทย์จากหนังสือเล่มอื่นๆมาให้ทำเพิ่มอีก นี่มันจะฟิตไปไหนฟะ
ถ้าเป็นวิชาอ่าน อั๋นจะให้ผมนั่งอ่านเอง อ่านไปพร้อมกับมันเลย พักหนึ่งก็จะให้หยุดแล้วผลัดกันถามตอบสิ่งที่อ่านไป ผมทึ่งมากที่อั๋นตอบคำถามทุกข้อของผมได้ตรงเป๊ะเหมือนในหนังสือบอก ในขณะที่ผมตะกุกตะกัก ได้แต่นึกว่าพึ่งอ่านอะไรเข้าหัวไปบ้าง และอั๋นทวนให้ใหม่เสียเป็นส่วนใหญ่
ส่วนวิชาภาษาอังกฤษ จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของผม อั๋นบอกว่าจะสอนเป็นวิชาต่อไป
"พรุ่งนี้อยากพักสักวันมั้ยหมอ"
"หือ มึงว่าไงนะ"
อั๋นยกยิ้ม แววตาดูมีเลศนัย
"กูเห็นว่าเราอ่านหนังสือหนักมาตั้ง3วัน ไม่อยากพักสักหน่อยเหรอ"
"ไม่อยากเชื่อว่ามึงจะใจดี" ผมพูดกลั้วหัวเราะ"เอาดิ มึงอยากทำไรอะ"
"งั้น...ไปกินข้าว แล้วก็ดูหนังหลังเลิกเรียนกัน ดีปะ"
"ครับ" ผมยิ้มกว้าง
ผมพึ่งนึกออกในตอนนั้นเองว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่14กุมภาพันธ์...
จะชวนแฟนไปฉลองวาเลนไทน์ทั้งทีก็ไม่พูดตรงๆนะไอ้อั๋น

คืนนั้น เมื่ออั๋นมาส่งผมที่บ้านแล้ว ผมนอนคิดทั้งคืนว่าจะให้ของขวัญอะไรดี ครั้งนี้ผมอยากเซอร์ไพร์สมันด้วยครับ เป็นแฟนกันมา ไม่สิ ตั้งแต่ก่อนเป็นแฟนอีกด้วยซ้ำ มีแต่อั๋นที่ทำอะไรให้ผมมากมาย ผมยังไม่เคยทำอะไรให้มันบ้างเลย

ในที่สุดผมก็คิดออก

ผมโทรหาอั๋นแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น บอกว่าจะเข้าโรงเรียนช่วงบ่ายเพราะจะไปทำธุระสำคัญกับพ่อ ไม่ต้องมารับ อั๋นดูตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
นั่นเป็นแผนครับ จริงๆแล้วผมไม่ได้มีธุระอะไรหรอก
ผมออกจากบ้านไปซื้อสมุดเปล่าหนึ่งเล่มกับสติ๊กเกอร์รูปการ์ตูนหลายชุดแล้วเริ่มต้นทำงาน บรรจงติดรูปภาพของผมกับอั๋นลงไปในสมุดแต่ละหน้า มีทั้งรูปที่เราทำกิจกรรมด้วยกันที่โรงเรียนและรูปที่ไปเที่ยวหัวหินด้วยกัน
เมื่อติดทุกรูปที่ผมปริ้นต์มาเมื่อคืนเสร็จ ผมก็เอาสติ๊กเกอร์น่ารักๆติดตามลงไป และเขียนข้อความแทรกไว้ในบางหน้า

ผมตั้งใจจะมอบสมุดภาพที่เก็บเรื่องราวของเราตั้งแต่ที่รู้จักกันจนถึงตอนนี้ให้อั๋นครับ

ถึงจะตกแต่งออกมาไม่สวยเท่าไรเพราะผมห่วยศิลปะ แต่ก็คิดว่าพอใช้ได้อยู่ ผมยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกสีหน้าอั๋นตอนเห็นสมุดเล่มนี้

เกือบเที่ยงแล้วเมื่อผมนั่งรถไฟฟ้ามาถึงสยามพารากอน ยังขาดองค์ประกอบสุดท้ายของแผนเซอร์ไพร์สวันวาเลนไทน์อยู่ ช็อคโกแลตครับ
เมื่อไม่กี่นาทีก่อน อั๋นโทรศัพท์มาหา แต่ผมตัดสินใจไม่รับครับ กลัวไม่แนบเนียน
ผมมุ่งตรงไปยังร้านRoyceและเลือกช็อคโกแลตรสชาติที่อั๋นชอบกินที่สุดมาหนึ่งกล่องและจ่ายเงินซื้อทันที
ถามว่าทำไมผมถึงกับต้องโดดเรียนช่วงเช้ามาเตรียมของให้มันขนาดนี้ ไม่งั้นก็ไม่เซอร์ไพร์สสิครับ
ผมกำลังจะเดินออกจากร้านก็หันไปเห็นอาร์ตมาต่อแถวซื้อช็อคโกแลตเช่นเดียวกัน
"อาร์ต" ผมทัก
"อ้าว หวัดดีหมอ" อาร์ตยิ้มให้
หรือว่าอาร์ตก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังเตรียมของขวัญให้แฟนนะ
ผมรอจนอาร์ตซื้อเสร็จแล้วเข้าไปชวนคุย
"มาทำไรเนี่ย"
"เอ่อ...ซื้อของไปง้อแฟนน่ะ" อาร์ตลังเลนิดนึงก่อนตอบ ผมยิ้ม เหลือบไปเห็นช่อดอกกุหลาบเล็กๆที่อาร์ตถืออยู่ในมืออีกข้าง
"สู้ๆนะเว้ย" ผมตบไหล่ให้กำลังใจ อีกฝ่ายส่งยิ้มกลับมาอีก
"ว่าแต่หมอเถอะ มาซื้อของให้อั๋นเหรอ"
"อ่าฮะ ก็โดดมาเหมือนอาร์ตนั่นแหละ" ผมกับอาร์ตหัวเราะออกมาก่อนจะเดินกลับไปยังรถไฟฟ้าอีกครั้งเพื่อกลับโรงเรียน
"เมื่อวันจันทร์ขอบคุณมากนะที่มาช่วยเรา"
"เห้ย สบายมาก" ผมไม่อยากซักไซ้เหตุการณ์วันนั้นก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่อาร์ตกลับเป็นฝ่ายเริ่มต้นเล่าเอง
"คนที่หมอเห็นวันนั้นก็แฟนเรานั่นแหละ เรา...มีเรื่องทะเลาะกันนิดหน่อย" อาร์ตมีสีหน้าแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
"ถ้าเราเป็นแฟนนายแล้วเห็นของที่นายจะให้เนี่ย เราหายโกรธแน่นอน" ผมตบไหล่อาร์ตอีกครั้ง
"ขอบใจนะหมอ"

ผมกับอาร์ตมาถึงโรงเรียนก่อนหมดเวลาพักเที่ยงเดี๋ยวเดียว ผมอวยพรให้อาร์ตง้อแฟนได้สำเร็จอีกครั้งก่อนจะแยกกันไปที่ห้องเรียนของตัวเอง ป่านนี้อั๋นกับพวกเพื่อนๆคงทานข้าวเสร็จและขึ้นห้องรอเรียนวิชาต่อไปแล้วครับ
ใจผมเต้นรัวเร็วด้วยความตื่นเต้น อั๋นจะทำยังไงเมื่อเห็นของขวัญของผมนะ
แต่ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปข้างในห้อง อั๋นลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วตรงดิ่งเข้ามาหาผมทันที
"อั๋น" ผมเรียก
แต่รอยยิ้มของผมก็เลื่อนหลุดออกจากใบหน้าทันทีเมื่อเห็นสีหน้าเรียบนิ่งและแววตาแสดงความโกรธชัดเจนของอั๋น
เกิดอะไรขึ้นช่วงที่ผมไม่อยู่งั้นเหรอ
อั๋นยกโทรศัพท์มือถือให้ผมดู ภาพที่เห็นคือผมกำลังตบไหล่อาร์ตที่สยามพารากอนเมื่อชั่วโมงก่อน จากเพจของโรงเรียน
"นี่อะไร"

-จบตอน-

มาต่อแล้วคร้าบคุณผู้อ่าน อั๋นหัวร้อนเฉยเลย แล้วเซอร์ไพร์สของหมอล่ะ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ ติดตามตอนต่อไปนะครับ
comment เป็นกำลังใจให้คนเขียนหน่อยน้าา

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ยังดีที่ถามก่อนนะอั๋น ไม่โวยวายใส่หมอทันที ถือว่า ยังมีสติ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด