SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42  (อ่าน 321525 ครั้ง)

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
«ตอบ #180 เมื่อ21-06-2016 19:46:44 »

สนุกมากเลยค่ะ พึ่งเข้ามาอ่าน ตอนแรกไม่ได้ดูชื่อผู้แต่ง ก็ว่าอยู่มีชื่อไอดิลออกมาคุ้นๆ 555555 คิดถึงไอหมอกคิดถึงไอดิล ม่อนแจ่มน่ารัก พชรก็อบอุ่นนะ แต่ปมดราม่าครอบครัวนี่อยากร้องไห้ สงสารทุกๆฝ่ายอ่ะ โดยเฉพาะม่อนแจ่ม ไม่อยากให้เด็กคนนี้เสียใจเลย ม่อนควรเหมาะกับรอยยิ้มไปนานๆ รอตอนต่อไปนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #181 เมื่อ26-06-2016 08:46:29 »

CHAPTER 14: Words to Keep

           แสงแดดยามเช้าตรู่ส่องลอดผ้าตาข่ายโปร่งเข้ามาแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ร่างกำยำรู้สึกตัว
สัมผัสแผ่วเบานี้ต่างหาก..

“หืม..” เสียงเข้มพึมพำทั้งงัวเงีย “ไปห้องน้ำหรือ..”
..
“หืม ไปห้องน้ำ?” อีกเสียงตอบกลับคล้ายๆกัน และนั่นทำให้คนนอนอยู่ก่อนปรือตาขึ้น
“แม่”
พชรยันตัวลุก จึงมองเห็นว่าเป็นมารดานั่นเองที่โผล่หน้าเข้ามาในเต้นท์ มือแตะลงบนหน้าผาก
“แม่เห็นพชรยังไม่ออกจากห้อง ก็เลยเข้ามาดู กลัวว่าจะไม่สบาย”
พชรเพ่งมองบรรยากาศภายนอก “สายมากแล้วหรือครับ”
เพชรลดาส่ายหน้า ถ้าว่ากันตามปกติ หกโมงครึ่งก็ยังไม่สายหรอก แต่สายผิดปกติสำหรับพชรที่มักจะออกจากห้องตอนตีห้าครึ่ง
ระหว่างที่ลูกชายยันตัวลุกอยู่นั่นเอง เธอจึงสังเกตเห็นบางอย่างร่วงลงมาจากแผ่นอก
กระดาษ?
มือเรียวที่หยาบกร้านจากการกรำงานหนักค่อยๆหยิบขึ้นมา

‘ลำพูน 35
Ride Carefully’

เพชรลดาเลิกคิ้วกับภาพชายบนรถมอเตอร์ไซค์สูงที่ดูท่าจะกำลังวิ่งบนถนนสู่จังหวัดลำพูนนั้น
จากบริบทแวดล้อม ดูอย่างไรก็คือพชร ลูกชายเธอนี่เอง มุมล่างขวากำกับข้อความที่คล้ายจะเป็นลายเซ็นคนวาด
“เดี๋ยวนี้หัดวาดการ์ตูนด้วยหรือ ดีจริง” เธอส่งกระดาษคืนให้ยิ้มๆ และมือแกร่งก็รับไป
ไม่ตอบรับ.. ไม่ปฏิเสธ..

“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก พชรดูไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่เลย ช่วงสอบคงจะอ่านหนังสือเยอะสิ แม่ขอโทษที่เข้ามากวน”
“ไม่เป็นไรครับ” พชรส่ายหน้า ยิ้มน้อยๆให้มารดา
เพชรลดายิ้มตอบกลับก่อนจะผละออกจากห้อง..
“ช่วงนี้อากาศหนาวนัก แม่ว่าอย่านอนเต้นท์เลย เดี๋ยวจะไม่สบายไป”
พชรมองแผ่นหลังมารดา ถูกของท่าน อากาศเย็นลงมากแล้ว แม้ร่างกายแข็งแรง แต่การนอนเต้นท์ก็คงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
ร่างสูงลุกขึ้นเก็บเต้นท์และเครื่องนอนไว้ในตู้เก็บของ ย่างเท้าเข้ามาในห้องพร้อมด้วยแผ่นกระดาษที่นอนมองจนหลับไปมาหลายคืนติด..

           บรรยากาศรับอรุณของสวนเพชรหละปูนเหมือนเช่นที่เคยเป็น
หนาวเย็น ลมพัดจัด สกุณาน้อยใหญ่ขับขาน หยดน้ำค้างเกาะพราวราวยอดหญ้าประดับด้วยเพชรเจียระไน
พชรเดินลงบันได มองไปยังขุนเขาไพศาลเบื้องหน้า ลุงแสง--อีกหนึ่งหัวเรี่ยวหัวแรงของสวนผลไม้แห่งนี้ ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

           หนุ่มใหญ่สตาร์ทรถกระบะคันเก่าปุเลงปุเท่ง พชรเปิดประตูข้างคนขับขึ้นไปนั่งด้วยกัน
“คุณลดาบอกว่า.. คุณพชรจะปลูกสตรอว์เบอรี่หรือครับ?”
“ครับ” คนถูกถามตอบรับสั้นๆ “ปกติเราเก็บเกี่ยวช่วงเมษาถึงกันยา หน้าหนาวไม่มีผลผลิต”
“ครับ..” แสงรวีรับคำอย่างลังเล เพราะตามปกตินั้น เจ้านายหนุ่มลงแต่ผลไม้ที่เป็นไม้ยืนต้น
..
“ไม่รู้จะบอบบางเกินไปหรือเปล่า ..สำหรับมือผม”
คำเปรยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วไปในตอนท้ายทำให้แสงรวีเอี้ยวหน้าหันมองอย่างแปลกใจ
คุณพชรพูดแต่สิ่งที่ต้องพูด พูดชัดเจน พูดเข้าใจและส่วนใหญ่เป็นคำสั่ง เด็กหนุ่มไม่ค่อยพูดอะไรเปรยๆ นั่นก็หนึ่งละ ส่วนอีกหนึ่ง.. แสงรวีจำไม่ได้ว่าเสียงเรียบๆที่คุ้น--เคยแผ่วโหยอย่างน่าประหลาดใจเช่นนี้มาก่อนหรือไม่

            สองบุรุษลงจากรถกระบะ เดินเหยียบย่างไปตามระยะ 8x8 ที่พลับหวานพันธุ์ฟูยูซึ่งเพิ่งลงไปได้หกเดือนแต่ละต้นปลูกห่างกัน เพื่อคุมคนงานตัดแต่งกิ่งจัดทรงต้นตั้งแต่ยังเล็ก หน้าหนาวลมพัดจัด แต่ทิศทางที่ลงพลับนั้นอับลม เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวพลับมีตำหนิเมื่อคราออกผล
พชรพยักหน้าพึงใจ โคนต้นเรียบร้อยดี หญ้าถูกถางออก คลุมโคนด้วยการปลูกถั่วเพื่อบำรุงดินไปพร้อมๆกัน แสงรวี เดินนำไปก่อน หันซ้ายขวาพูดคุยกับคนงาน ..ช่างมีรอยยิ้มเป็นนิจ ดวงตาภายในกรอบแว่นดำนั้นเต็มไปด้วยประกายของคนที่มีจิตใจดี
ดวงตาคมอดไม่ได้ที่จะนิ่งมอง พลางพยายามปัดภาพเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าคล้ายกันออกไปจากใจ แต่จนแล้วจนรอดก็ต้องยอมแพ้

          'กลับมาเร็วๆนะ'

           “ผมเพิ่งเคยเห็นคุณพชรเหม่อ..”
ไม่อยากจะเสียมารยาท แต่นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เด็กหนุ่มมองหน้าเขาแล้วนิ่งไป แสงรวีนึกแปลกใจจริงๆ
ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยและกลับมาบ้านทุกสองอาทิตย์ แต่ละครั้งที่พบกัน แววตาคมนั้นค่อยๆเปลี่ยนไปและมันชัดเจนขึ้นทุกที
พชรสะดุ้งน้อยๆกับเสียงทักนั้น กระพริบตาครั้งหนึ่ง ทว่า ก็ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบๆที่เคยชินมาตลอด
“ก็คงมีบ้างครับ เหมือนลุงแสงในบางครั้ง”
แสงรวีหลุดหัวเราะ รู้ว่าเด็กหนุ่มแม้เงียบขรึมแต่ก็ช่างสังเกต แต่ไม่คิดว่าจะยอกย้อนเป็นเหมือนกัน
“ก็จริงครับ” หนุ่มใหญ่พยักหน้า ละสายตาไปมองฟ้าหม่นเหนือทิวเขาเขียวครึ้มอย่างไม่แน่ใจว่าทำไมต้องโฟกัสที่นั่น
“คนเรา.. ยังไงก็หนีความรู้สึกตัวเองไม่ได้”
..
“แต่สุดท้าย.. ก็คงต้องยอมรับชีวิต ในแบบที่มันเป็น”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “พรุ่งนี้ไม่ต้องเข้าสวนหรอก พักผ่อนเสียบ้างเถอะ”
เพชรลดาขมวดคิ้ว เตือนลูกชายอย่างจริงจังในยามเย็น ขณะที่มือแกร่งกำลังแขวนหมวกปีกกว้างไว้กับตะขอเกี่ยวริมผนัง สีหน้าเครียดเขม็งที่มองเห็นทำให้เธอเริ่มเป็นกังวล
“พชรดูเหมือนนอนไม่พอ นี่แม่พูดจริงๆนะ”
คนถูกเตือนเพียงยิ้มตอบเล็กน้อยขณะถอดเสื้อคลุม
ไม่ตกลง ไม่รับปาก และไม่คัดค้านอะไร เพียงแต่เข้ามาล้างไม้ล้างมือและเดินเข้าห้องตัวเองเพื่อเตรียมอาบน้ำก่อนออกมาทานอาหารเย็น
แสงรวีเดินตามหลังขึ้นมารายงานเรื่องการซื้อเครื่องหีบแอปเปิ้ลในไม่กี่อึดใจ
“เฮ้อ อะไรของเขา” เพชรลดาถอนใจ ส่ายหน้าน้อยๆ บ่นกับคนสนิท “พูดก็ไม่ค่อยพูด ทำแต่งาน จริงๆเลย”
“เขาก็เป็นของเขาแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ครับ” แสงรวีพยายามพูดให้สบายใจ มือวางเอกสารเทียบราคาลงบนโต๊ะ ก้มหน้าลาน้อยๆ เอ่ยก่อนเดินกลับออกไปในทิศทางเดิม
“คุณพชรถนัดคิดแล้วทำมากกว่าจะพูด คุณลดาก็รู้ดี”
ก็จริง.. เพชรลดายิ้มบางๆ กึ่งปลงกึ่งพึงใจ
ปลงเพราะพชรเป็นคนพูดน้อย น้อยเกินไป แต่ก็พึงใจ เพราะแม้เขาจะไม่ค่อยพูด แต่คำใดก็ตามที่เอ่ยออกมา บุตรชายยึดถือมันเสมอ ความสัตย์ซื่อเป็นคุณสมบัติของเจ้านายหนุ่มแห่งสวนเพชรหละปูนที่ทำให้คนงานทั้งหลายให้การยอมรับนับถือ
และสำหรับเธอ--ผู้เป็นแม่ พชรเป็นที่สุดแห่งสิ่งดีงาม.. สิ่งดีงามที่ทำให้อดทน ต่อสู้กับอุปสรรคทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่ผันตัวกลับมาเป็นเกษตรกรและประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นได้

           ร่างเพรียวละจากครัว เดินช้าๆเข้าไปในห้องนอน รูปถ่ายหัวเตียงยังอยู่ตรงนั้น 
ชายผู้นี้ ..บิดาของลูกชาย
เกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา ไม่มีเลยสักวันเดียวที่ไม่คิดถึง แต่.. เธอก็ไม่อาจให้มันเข้ามามีอิทธิพลในชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคิดว่า.. ‘เขา’ ทรยศต่อเธอตั้งแต่ตอนที่ยังคบกัน โดยมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นจนถึงขั้นตั้งครรภ์
ตอนนี้.. ความคิดถึงนั้นแจ่มชัดยิ่งขึ้น แจ่มชัดขึ้นเพราะมันไม่จริง อย่างน้อย.. ข้อนั้นก็ไม่จริง

          ‘พชรไปหาพ่อหรือยัง’

เพชรลดากัดฟัน.. เธอไม่ควรถามเช่นนั้นเลย
ทั้งถาม.. ทั้งไม่ห้ามปราม.. แบบนี้ แม้ไม่ใช่ผลักแต่ก็เท่ากับปล่อยให้เป็นภาระของพชรนั่นแหละ เพชรลดารู้สึกว่าตนเองเห็นแก่ตัว..
ควรเป็นเธอต่างหากที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ลูกมีพ่อ ซึ่งในข้อนี้ เธอไม่เคยต่อสู้ได้เลย
ได้เพียงชดเชยให้ลูกด้วยการต่อสู้ในแบบอื่นๆ ต่อสู้กับงาน ต่อสู้กับความเหนื่อยยาก มีพชรเป็นกำลังกาย กำลังใจ
ลูกชายทำงานไม่ต่างจากผู้ใหญ่ นิสัยแม้ไม่ค่อยพูดแต่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ต่อคน ต่อสัตว์ ต่อต้นไม้
ลักษณะนิสัยที่ถอดแบบมาจาก..
 
“ถ้าคุณได้รู้จักพชร.. คุณคงต้องรักเขา”
เพชรลดาพึมพำเบาๆ ปาดน้ำตาแห่งความคิดคำนึงถึงออกให้พ้นดวงตา

          ยืนนิ่งสนิทอยู่ตรงนั้น..
ร่างสูงเดินกลับออกมา เพื่อบอกมารดาว่าเขาแข็งแรงดี ไม่อยากให้เป็นห่วง ไม่ต้องการให้เป็นกังวล
ทว่า.. ก็เพียงเพื่อจะได้ยินประโยคนั้น ประโยคที่เอ่ยกับชายในรูป ..ชายผู้ที่เขายังไม่ได้ไปพบ ทั้งที่ผ่านมาจนสิ้นเทอมแรกของชั้นปีที่หนึ่งของชีวิตนักศึกษาแล้ว

         จำได้เช่นกันว่าเคยถาม ..แล้วพ่ออยู่ที่ไหน
และเมื่อคำตอบคือ.. ‘แม่กับพ่อสิ้นสุดความสัมพันธ์กันด้วยดี ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง’
ชัดเจน เข้าใจและจบแค่นั้นสำหรับพชร
มีแม่ต้องช่วยทำงาน มีสวนต้องดูแล มีต้นไม้ต้องเอาใจใส่ พชรไม่เหลือเวลาจะมาสนใจเรื่องพ่อ

         รูปถ่ายรูปเดิมบนโต๊ะข้างเตียง รูปถ่ายที่ทำให้มารดามีน้ำตามาหลายครา
เขาไม่รู้จะทำอะไรให้เธอได้มากไปกว่าการเป็นลูกชายที่ดี ช่วยงานบ้าน ช่วยงานสวน
เรื่องของผู้ใหญ่ เรื่องที่ได้ตัดสินใจแล้ว พชรคงไม่ก้าวก่าย ใช่.. นั่นล่ะที่พชรคิด
แต่โลกนี้คงมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเสมอ.. เช่นสิ่งที่เพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย..

          มารดาก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่เก้าอี้ไม้ดังที่เป็นมาเสมอ    
พชรไม่ได้แปลกใจ เธอชอบอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจท้องถิ่น ‘คนเมืองนิวส์’ อยู่แล้ว
แต่ในทันใด มือเรียวก็เปิดลิ้นชัก ยัดหนังสือพิมพ์ส่งๆเข้าไป ก่อนจะเร่งเดินไปทางห้องน้ำ

พชรเลิกคิ้ว ตั้งใจจะลงไปจัดการกับแปลงผักหลังบ้านเสียหน่อย หญ้าชักจะยาวเต็มที
ทว่า ขาแกร่งก็ชะงัก มองเข้าไปในบ้าน ลิ้นชักปิดไม่สนิท ขอบยื่นออกมามากเกินไป เสี่ยงที่มารดาจะเดินสะดุด
ร่างกำยำจึงเข้าไปคุกเข่าลง ดึงลิ้นชักออกมาใหม่ จัดหนังสือพิมพ์และนิตยาสารในนั้นให้เข้าที่
ท่อนแขนสีน้ำตาลชะงักอีกครั้ง หยาดน้ำเปียกชุ่มบนหน้าแรก เปียกเปื้อนข้อความพิมพ์หมึกดำ..


‘เปิดตัวนวัตกรรม PP Group, เปิดบ้าน ‘ประดิษฐาพงศ์’ ยักษ์ใหญ่แดนล้านนา’

เหนือข้อความดังกล่าว ..ชายหญิงหนึ่งคู่ขนาบเด็กหนุ่มตัวเล็กซึ่งยืนอยู่ระหว่างกลาง
ใบหน้าคมพิจมองเพียงชั่ววินาที ก่อนเอี้ยวหันไปทางที่มารดาเพิ่งจะเดินผ่านไป..



          ย่ำค่ำของวันนั้นไม่ได้ต่างจากวันอื่นๆที่เป็นมาในบ้านสวนเพชรหละปูน
สายลมพัดแผ่วๆ หรีดริ่งร้องก้อง เงามืดตะคุ่มรายรอบบริเวณ
ใต้แสงไฟนอกชานบ้าน พชรอ่านหนังสือปรัชญา เตรียมตัวเข้าศึกษาในชั้นปีที่หนึ่งและมารดาก็นั่งปะชุนเสื้อผ้าที่ขาดจากการโดนกิ่งไม้เกี่ยวระหว่างเข้าสวน

          “ฮึก อือ มิ้งค์ คุณมิ้งงงค์..!”
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังมาจากที่พักคนงาน พชรกับมารดานิ่วหน้ามองกัน
แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีเสียงดังรบกวนเช่นนี้ เพราะผู้ที่ให้พักอยู่ด้วยในรั้วบ้านเดียวกัน ก็มีแต่คนที่เรียบร้อยและไว้วางใจกันจริงๆ อย่างลุงแสงและครอบครัวของลุงเอิบ ป้าอิ่ม ผู้เป็นภรรยาและมิ่งเมือง ผู้เป็นลูกชายเท่านั้น

           “ลุงแสง?” เสียงเข้มอุทาน “อะไรกัน ลุงแสงไม่เคยเป็นแบบนี้นี่ครับ”
พชรขมวดคิ้ว เพ่งมองชายร่างเล็กที่เมามายอย่างหนักในเรือนพัก
แสงรวี ศรีแม่ทา--เขาเห็นหนุ่มใหญ่มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก บ้านลุงแสงอยู่ในละแวกนี้ และมาทำงานที่สวนเพชรหละปูนนานสิบกว่าปีมาแล้ว  คนงานร่างเล็กทั้งช่วยทำบัญชีและควบคุมดูแลคนงานอื่นๆ เป็นคนมีเหตุผล ขยันและซื่อสัตย์
ทว่า ขณะนี้ กลับพร่ำพูดถ้อยคำที่ไม่อาจเข้าใจกับโทรทัศน์เครื่องเล็ก

“นั่นมันลูกผม  ลูกผม  ลูกชายผม!”
เพชรลดาตามเข้ามา ..เพ่งมองไปที่เดียวกัน ปากอ้าค้างน้อยๆอย่างนิ่งอึ้ง ขณะเสียงแสงรวีที่อ้อแอ้ยังพร่ำต่อ
“ม่อนแจ่ม ฮืออ.. ม่อนแจ่มลูกพ่อ ทำไมต้องใจร้าย ตั้งชื่อเขาแบบนั้นด้วย ฮึก..”

ม่อนแจ่ม.. ม่อนแจ่มอะไร?
พชรงุนงง หันไปหามารดา หวังว่าจะเห็นสีหน้างุนงงพอกัน
แต่เปล่าเลย เพชรลดาก้าวยาวๆไปจับบ่าเล็ก
“พี่แสง พูดมา พูดมาใหม่ ม่อนแจ่ม.. ลูกชาย.. หมายความว่ายังไงคะ หมายความว่ายังไง?”

“นี่มันอะไรกันครับ ลุงเอิบ” พชรหันไปถามชายร่างใหญ่ ผู้ซึ่งได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ
“นายแสงไม่ค่อยกินเหล้าหรอกครับ แต่ช่วงนี้เมาแอ๋ทุกปี ผมจำได้เพราะมันเป็นวันเกิดเจ้ามิ่งครับคุณพชร
เจ้ามิ่งเอาเค้กวันเกิดมาให้ทีไร ก็บอกผมว่านายแสงเมาทุกที ต้องวันนี้ทุกปี ไม่รู้ว่าทำไม..”
พชรหันไปมองแสงรวีกับมารดาอีกครั้ง ขณะลุงเอิบเปรยต่อ
“ครั้งก่อนๆก็ไม่ได้โวยวายอะไรนะครับ แต่วันนี้ ไม่รู้ทำไมลุกขึ้นโวยวายใหญ่เลย ..โวยวายกับทีวี”
พชรเลิกคิ้ว เบนสายตากลับไปมองภาพบนจอแก้ว ภาพจากช่องท้องถิ่นซึ่งถ่ายทอดงานเลี้ยงหรืออะไรที่คล้ายๆอย่างนั้น ด้วยแถบคำบรรยายที่อ่านได้ว่า..


‘ประดิษฐาพงศ์’ ครอบครัวนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแห่งภาคเหนือ

ประดิษฐาพงศ์ ..อีกแล้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “พี่แสง เมื่อคืนฉันได้ยินพี่พูดแบบนั้น
พี่หมายถึง.. ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ เด็กที่อยู่ในข่าว เป็นลูกพี่อย่างนั้นหรือ?”
..
พชรชะงักเท้า ถอดถุงมือวางไว้ข้างประตู
 
“ผ..ผม ผมขอโทษที่เมาเอะอะครับ ผมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” แสงรวีขออภัย
ถึงวันครบรอบคบกันทีไร เขาเป็นต้องเมาหัวราน้ำทุกปี แม้ว่าจะผ่านมานานนักหนาแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นายหญิงดูไม่สนใจจะกล่าวโทษ
“บอกฉัน เขาจะเป็นลูกพี่ได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นลูก.. คุณพจน์กับคุณระมิงค์”
“ผม.. ผม..” แสงรวีอึกอัก “คุณลดารู้จัก-”
“ถ้ายังเห็นเป็นเจ้านาย เป็นเพื่อน เป็นน้อง ยังมีบุญคุณต่อกัน ช่วย.. ตอบสิ่งที่ฉันถามที”
“ทำไมคุณลดาถึง..” แสงรวีเลิกคิ้ว สีหน้าลำบากใจ แต่เพชรลดาเพียงยืนยัน “บอกฉัน!”
“คือ.. ผมกับคุณมิ้งค์ ผมหมายถึง.. คุณระมิงค์” แสงรวีเริ่มต้นอย่างลังเล
“เราเคยคบกัน แล้ว.. เธอต้องแต่งงานกับคนอื่นที่เหมาะสมกว่า แต่มันก็ไม่ได้น่าแปลกจริงไหมครับ ลูกสาวเจ้าของบริษัทกับพนักงานบัญชีระดับล่าง ใครเขาจะยอม..” หนุ่มใหญ่กลืนน้ำลาย แค่นหัวเราะอย่างขมขื่น
“แม้ว่า.. เธอจะท้องกับผมแล้ว”
..
เพชรลดากำหมัดแน่น หยาดน้ำตาแห่งความคับแค้นใจค่อยๆหยดลงช้าๆ
“คุณลดา! เป็นอะ-”
“ถึงคุณระมิงค์จะตั้งท้องเด็กคนนั้นก่อนแต่งงานกับคุณพจน์”
สาวใหญ่ไม่สนใจท่าทีตกตะลึงของคนงานคนสนิท เพียงกัดฟันและเอ่ยต่อ
“แต่.. ก็อาจเป็นลูกคุณพจน์ได้เหมือนกัน แน่ใจได้อย่างไรว่าเขาเป็นลูกพี่แสง”
“ผมรู้จักคุณมิ้งค์..” ดวงตาคนพูดเลื่อนลอย ใจประหวัดไปหาหญิงที่อยู่ในห้วงคำนึง
“เธอไม่เคยนอกใจผมหรอกครับ เธอแทบไม่เคยเจอคุณพจน์เลย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอะไรกัน และเด็กคนนั้น.. ขนาดเห็นผ่านจอ เขายัง..”
หนุ่มใหญ่ร่างเล็กไหล่สั่นไหว ดวงตาภายใต้กรอบแว่นดำกลั้นหยาดน้ำ “เขา.. เป็น.. ลูกชายผม”

           จะมีใครโง่เง่ากว่านี้อีกไหม.. เพชรลดาไม่อาจรู้
เธอในวัยยี่สิบสองทำไมถึงแสนซื่อ เชื่อคนง่ายได้ขนาดนั้น เธอไม่แม้แต่จะเอ่ยปากถามคุณพจน์
ได้แต่จากมา.. เพราะคิดว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเธอ ไม่ซื่อสัตย์เพราะเธอคงไม่ดีพอ เธอซึ่งจะทำให้เขา.. จม-ลง
ได้แต่จากมา.. พร้อมลูกชายของเขา

           “แม่ แม่เป็นอะไรครับ!”
ไม่อยากยุ่งเรื่องราวของผู้ใหญ่เลย ทว่า เมื่อมารดาปล่อยโฮ หยาดน้ำตารินไหล พชรจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหา
เพชรลดาไม่อาจเอ่ยคำใด ได้แต่ลุกขึ้นเดินหนีลูกชาย ลูกชายที่ต้องเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าวัย..
มือเรียวคว้าเปิดลิ้นชัก หยิบกระดาษสี่เหลี่ยมใบเล็กสีเหลืองหม่นขึ้นมาจ้องมอง ถ้อยคำนั้นยังก้องอยู่ในหู

‘เอานี่ไปก็แล้วกัน ฉันมีให้แค่นี้ สำหรับเธอกับลูก ..ถ้าสมมุติว่ามีจริงๆน่ะนะ’


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “มันไม่ใช่สิ้นสุดความสัมพันธ์กันด้วยดีอย่างที่แม่เคยบอกเลยนี่ครับ!”
เสียงเข้มเอ่ยลั่น ไม่สนใจแล้วว่าแสงรวียังอยู่ในบ้านและได้ยินบทสนทนาทุกคำ พร้อมกับปากที่อ้าค้างอย่างตกใจในความบังเอิญ
“ผู้หญิงคนนั้นโกหกแม่ แล้วผู้ชายก็งี่เง่าพอที่จะไม่เคยตามหาแม่เลย”
การสิ้นสุดความสัมพันธ์ การหมดความรู้สึกที่ดีต่อกันเป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่มันไม่ควรจะเป็นการถูกหลอกลวงหรือถูกดูหมิ่นแบบนี้
“พชร อย่าว่าพ่อ อย่าว่าใคร แม่เลือกจากมาเอง..” เพชรลดากลั้นน้ำตา
“หากคุณระมิงค์ท้องลูกคุณพจน์ เธอก็มีสิทธิ์ และเธอก็เหมาะสมมากกว่าที่จะ.. ใช้ชีวิตครอบครัวกับเขา”
“แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ท้องลูกของเขาไงครับ ประเด็น..” ร่างสูงลุกขึ้นยืน
“ผมจะไปหาเขา”
“พชร..” เพชรลดาเงยมอง เบิ่งตาขึ้น
“เขาควรต้องรู้ ควรต้องรู้ว่าแม่มีแต่เขา ควรต้องรู้ว่าแม่มีลูก เขาต้องรับผิดชอบความรู้สึกของแม่!”
“แม่ไม่ได้ต้องการให้พชร-”
“ตอนนี้ แม่คิดยังไงกับเขา” ผู้เป็นลูกชายขัดขึ้นมา
เมื่อมารดาเพียงเงียบ เสียงเข้มจึงถามซ้ำ เพราะคำตอบนั้นสำคัญนัก
“แม่ยังต้องการเขาอยู่หรือเปล่า ผมอยากรู้แค่นี้”
..ไม่มีคำตอบใด
..มีแต่หยาดน้ำตาที่รินไหลลงมาอีกครั้ง
“ขอเช็คใบนั้นให้ผมด้วยครับ” พชรแค่นลมหายใจ ย้ำชัดๆด้วยสัจจะ “ผมจะไปหาเขาเอง”


          ไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นจะรู้สึกต่อมารดาเช่นไรในขณะนี้..
แต่เขาต้องรับรู้ รับรู้ว่าเพชรลดายังภักดีต่อเขา รับรู้ว่าเพชรลดามีบุตร
ถ้าเขายังต้องการเธอ เธออาจจะได้สามีคืนมา หรือหากว่าไม่.. เธอก็ควรจะได้รับการขอขมาจากเขา จากการที่เขาไม่ติดต่อ ไม่ตามหา ไม่สนใจไยดีเธอ ทั้งที่เธอเป็นมารดาของเด็กที่เขามีส่วนทำให้เกิดมา
และ.. ถ้าเขายังไม่รู้สึกผิดอะไรที่ปล่อยให้เธอต้องเดียวดาย พชรก็แค่จะทำให้เขาเข้าใจ ว่าที่เขาเลือกมาเป็นภรรยา ไม่ใช่ผู้หญิงซึ่งอุ้มท้องลูกชายเขา แต่กลับเป็นผู้หญิงอีกคนที่ให้กำเนิดเด็กที่ไม่ใช่ลูกเขาเลย

          ‘เด็กที่ไม่ใช่ลูก’ นั่นไม่ยากสักนิดที่จะอ้างถึง ..พชรมั่นใจ
แต่นั่นมันก่อนหน้า ..ก่อนหน้าจะย้ายเข้าหอสามชาย
ก่อนจะรู้ว่าเด็กคนที่ว่าคือ.. รูมเมทเตียงล่างแห่งหอสามชาย ห้อง 338
ก่อนจะ ‘รู้จัก’ ม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล ..ก่อนจะหวั่นไหวกับดวงตาที่เป็นประกายภายใต้กรอบแว่นสีแดง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            ร่างกำยำย่างเท้ากลับเข้ามาในห้อง
ภาพผู้ชายขี่มอเตอร์ไซค์บนแผ่นกระดาษสีหม่นเป็นสิ่งแรกที่โฟกัสได้
เขาค่อยๆหยิบมันขึ้นมาจากโต๊ะข้างเตียง เห็นจะต้องเก็บให้พ้นสายตาเสียทีกระมัง ไม่อย่างนั้นก็คงมองแล้วมองอีกจนไม่เป็นอันหลับอันนอนกันอีกหลายคืน

‘011153  011269’

ใต้กระดาษแผ่นนั้น.. เศษกระดาษเขียนรหัสวิชาปรัชญาก็ยังวางอยู่
พชรมองมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย

          ‘กูคือคนที่มึงแนะนำให้ลง Introduction to Philosophy กับ Philosophy of Sufficiency Economy’
..
          ‘คนที่มึงยื่นรหัสวิชาให้หน้าห้องภาคปรัชญาฯ คือกูเอง’
..
          ‘กูเดินไปนะสัด ไปคณะมึงน่ะกูเดินไป แล้วมึงก็จำกูไม่ได้..’
..

เศษกระดาษมีร่องรอยการยับ
เป็นหลักฐานชี้ให้เห็นว่ามันคงเคยถูกกำไว้จนเป็นก้อนมาก่อน.. เตือนให้พชรนึก ว่าทำไมคนที่ถือมันไว้ถึงต้องทำอย่างนั้น..
สัมผัสนุ่มของมือบางยังชัดเจนอยู่บนหน้าอก รสหวานละมุนยังตราตรึงอยู่บนริมฝีปาก ..และที่สำคัญ มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว

พชรถอนหายใจเหยียดยาวอย่างตึงเครียด ก่อนจะพยายามละสายตาและหยุดความคิดลงเสีย แล้วดึงลิ้นชักเปิดออก
ภายในมีเพียงสมุดบันทึก..
เขาไม่ใช่นักเขียน ไม่ได้ชอบเขียนอะไรยาวๆนักหรอก เขียนเป็นแต่อะไรสั้นๆ อะไรที่เป็นประโยชน์จริงๆ
สมุดเล่มนี้เป็นของขวัญจากมารดา เธอมอบให้และเขาก็เพียงเก็บไว้  แม้อยู่มานานจนจำไม่ได้แล้วว่านานเท่าไร กระนั้น ก็มีร่องรอยการขีดเขียนเพียงไม่กี่หน้าเท่านั้น

พชรเปิดส่งๆไปที่หน้าหนึ่ง เพื่อสอดแผ่นกระดาษฝีมือวาดของคนที่พยายามห้ามใจไม่ให้คิดถึงเก็บเอาไว้ไม่ให้ยับ
ทว่า.. ก็ได้เพียงชะงักเมื่อเห็นข้อความสีจางเขียนด้วยลายมือตนเองในหน้านั้น
ข้อความซึ่งมาจากโคลงโลกนิติที่เคยเรียนในวิชาภาษาไทยเมื่อครั้งมัธยมต้น ..สองบาทแรกของโคลงสี่สุภาพบทที่ยึดถือเป็นปณิธานเรื่อยมา

‘งาสารฤาห่อนเหี้ยน  หดคืน
คำกล่าวสาธุชนยืน  อย่างนั้น..’
      
ดวงตาคมวูบไหว มือสั่นน้อยๆด้วยอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์
ค่อยๆสอดภาพวาดการ์ตูนไว้ในหน้าเดียวกับโคลงโลกนิติท่อนนั้น
..ทั้งที่มันไม่ควรจะต้องมาอยู่ด้วยกันเลย..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณสำหรับการติดตามและสุขสันต์วันอาทิตย์  :L2: 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2016 13:04:45 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #182 เมื่อ26-06-2016 09:09:05 »

บังเอิญจังเลย พ่อม่อนคือลุงแสง คนใกล้ตัวมาก :a5:

ออฟไลน์ pkpiko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #183 เมื่อ26-06-2016 09:22:49 »

เพิ่งเห็นชื่อคนแต่งเลยรีบกดเข้ามา อ่านไปได้ตอนเดียวอยากเม้นก่อนเลยว่า คิดถึงมากก
เดาถูกด้วยว่าต้องแต่งเรื่องในมช.อีกแน่เลย รอออ่านต่อนะคะ(ยังมึงยังอ่านไม่จบสองตอนแรก)

 :really2: :really2: :really2: :really2: :really2:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #184 เมื่อ26-06-2016 09:34:06 »

ตัวละครแต่ละตัวลัวนมีปมปัญหาคนก็เช่นเดียวกัน

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #185 เมื่อ26-06-2016 09:56:18 »

เอาล่ะสิ พชรเครียดหนักเลยนะนั่น

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #186 เมื่อ26-06-2016 10:58:09 »

เข้มข้นๆ

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #187 เมื่อ26-06-2016 12:24:20 »

เป็นกำลังใจให้ทุกคน สู้ๆ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #188 เมื่อ26-06-2016 12:48:15 »

โอออออ .. โลกกลม พชรยังไม่กล้าไปหาพ่อเพราะรู้ว่า ถ้าเรื่องนี้เปิดเผยขึ้นมา คนที่จะช๊อคและเจ็บที่สุดคงหนีไม่พ้น .. ม่อนแจ่ม  ทำไม่ลงสินะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #189 เมื่อ26-06-2016 13:30:05 »

ปมใหญ่ก็จริง แต่เงื่อนยังไม่แน่นเกินกว่าจะคลายออกได้ถ้าช่วยกัน
เห็นโอกาส Happy  อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
« ตอบ #189 เมื่อ: 26-06-2016 13:30:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ FHUNWHAN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #190 เมื่อ26-06-2016 15:04:22 »

แอบเดาไว้ว่าเป็นลุงแสง แล้วก็จริงๆด้วย ทำไมซื้อหวยไม่แม่นแบบนี้บ้างงง   :m31: :m31:

ทำยังไงดีหนอ พชร
ใจนึงก็นึกแค้น ควรมีใครรับผิดชอบความเจ็บปวดของแม่
แต่อีกใจก็ทนเห็นน้ำตาคนตัวเล็กไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ
ได้แต่หวังว่าปรัชญาจะช่วยให้พชรเข้าใจตัวเองและพ่อๆแม่ๆมากขึ้น
.
.

แต่ยังมีสิ่งนึงที่กลัว กลัวใจพี่เกรียน พชรมาก.. พชรจะไม่หนีไปบวชเหมือนหนุ่มใช่มั้ย
ยิ่งเรียนปรัชญาและศาสนาด้วยยิ่งแล้ว ขนาดตอนอ่านโจหนุ่มไม่กล้าโอ๋พระกันเลยทีเดียว 5555
สวัสดีวันอาทิตย์เช่นกัน วันนี้มีอารมณ์อยากจะเตรียมชั้นวางหนังสือรออินดี้อินเลิฟ+ไอดิล
ตื่นเต้นจังงง อยากเจอกันเร็วๆ :D

ออฟไลน์ cowinsend

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #191 เมื่อ26-06-2016 16:26:40 »

คาดหวังให้ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดีเพราะทุกคนน่าสงสารกันหมด อย่ามีใครเสียใจมากไปกว่านี้เลย ฮืออออ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #192 เมื่อ26-06-2016 20:00:23 »

โลกกลมไปอีก แต่ก็ดีใจที่ม่อนแจ่มกับพชรไม่ใช่พี่น้องกัน

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #193 เมื่อ26-06-2016 21:46:15 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #194 เมื่อ26-06-2016 22:06:21 »

 :hao5:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #195 เมื่อ26-06-2016 22:59:58 »

ปมนี้จะจบยังไงงงกันนะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #196 เมื่อ26-06-2016 23:34:03 »

ถึงกับต้องไปหาคำแปลของโคลงโลกนิติกันเลยทีเดียว

"คำพูดของคนที่ยึดมั่นในคำพูดเปรียบเสมือนงาช้างที่งอกแล้วไม่หดคืน"

อ่านต่อได้ที่ www.gotoknow.org/posts/490601


เพราะความเป็นผู้ใหญ่เกินตัวของพชร
ที่ต้องเจออะไรมากมายทั้งที่ยังเป็นแค่เด็ก
มันเลยหล่อหลอมให้พชรต้องเป็นคนที่แข็งแกร่ง และยึดหน้าที่ของผู้นำครอบครัวของ"แม่" ไม่ว่าจะเป็นคนงานหรือสวนเพชรหละปูน เพราะฉะนั้นบทโคลงที่พชรเขียนลงในสมุดทั้งที่เป็นคนไม่ชอบเขียน ไม่ชอบพูด แต่ชอบที่จะลงมือทำ ทำให้ทุกอย่างที่เอ่ยวาจา เอ่ยสัจจะกับใครต่อใคร พชรจะต้องทำไว้อย่างที่ตนว่า

ซึ่งคำที่บอกกับแม่ไว้ ไม่ว่ายังไงพ่อต้องเจอลูกและรับรู้ความรักของแม่ ความหนักแน่นของพชรที่เคยพูดไว้จะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
และเราคิดว่าการเริ่มต้นชีวิตจริงของม่อนแจ่มก็จะตามมาเช่นกัน

พชรนี่ก็คล้ายๆกับพระเอกในคราบตัวร้ายนะ
..ฉันจะทำให้นายรู้เอง ว่าชีวิตจริงมันไม่ได้สวยหรูเหมือนนิยาย (ทำเสียงพิศาล อัครเศรณี)

คนที่รู้ทุกอย่าง
กับคนที่ไม่รู้อะไรเลย ที่จำเป็นจะต้องรู้ทุกอย่างและไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก
จะรักกันได้คงต้องจับมัดให้อยู่ด้วยกันไว้ที่กระท่อมปลายนาช่วงฤดูฝนแล้วต้องคุยกันทั้งภาษาพูดภาษากายนั่นล่ะถึงจะเข้าใจ

 :hao3:
#เดี๋ยวนะ..

ออฟไลน์ continued

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #197 เมื่อ27-06-2016 00:19:14 »

งอนคนเขียน อะไรคือหน่วงใจแทนพชรขนาดนี้  :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #198 เมื่อ27-06-2016 10:20:48 »

ยังมีอีกคนที่ต้องการการปกป้องในวันที่รู้ความจริงนะพชร ม่อนแจ่มคุณหนูไฮเปอร์ความเดียงสาที่น่ารักนี่เอาไปเลยทั้งใจจริงๆ น่ารักอ่ะคู่นี้ เอาใจช่วยทั้งคู่เลย  :กอด1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #199 เมื่อ27-06-2016 16:28:49 »

get ล่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
« ตอบ #199 เมื่อ: 27-06-2016 16:28:49 »





ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #200 เมื่อ27-06-2016 18:03:47 »

เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ม่อนแจ่มจะรับไหวรึเปล่านะกับความจริง
แล้วความสัมพันธ์ระหว่างพชรกับม่อนแจ่มจะยังคงเป็นไปด้วยดีอยู่ไหม :mew4:

ออฟไลน์ spsygk

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #201 เมื่อ27-06-2016 18:10:41 »

เรื่องพัวพันไปหมดดด    รอออ

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #202 เมื่อ27-06-2016 19:01:13 »

เห... เรื่องพลิกล็อกเหมือนกันนะครับเนี่ย จากตอนที่สิบสี่นี่ก็แสดงว่าแม่ของพชรก็ไม่ใช่คนดีผุดผ่องเหมือนกันนา ถ้าเรื่องมายังงี้ แล้วมันจะเลวร้ายลง ผมว่าก็โทษคุณระมิงค์ฝ่ายเดียวไม่ได้นะครับ

ส่วนตัวผมนี่ #ทีมประดิษฐาพงศ์ใหม่ นะครับ

ที่อยู่ทีมนี้เพราะเหตุผลหลักๆคือ ฟังหลักการของคุณปู่คุณตาแล้วเห็นด้วยร้อยเปอร์เซนต์เลยครับ I couldn't agree more. ถ้าท่านใดทำงานบริษัทที่ไม่ใหญ่มากหรือว่าอยู่ในบริษัทที่เริ่มสูญเสียเสถียรภาพจะเริ่มเห็นครับ ว่าถ้าบริษัทมีขนาดใหญ่แล้วเริ่มจะไปไม่รอด ถ้าเจ้าของ Good Governance เค้าจะพยายามทำทุกอย่างให้พนักงานไม่ตกงาน (เพราะมันจะหมายถึงการสูญเสียจุดยืนหลายๆจุดในชีวิต พนักงานบางท่านอาวุโสพอสมควรแล้วด้วย เกิดปิดบริษัทเลย์ออฟพนักงานขึ้นมา ถึงมันจะถูกตามพันธะทุนนิยม แต่ระบบไทยๆเราก็รู้สึกว่าไม่ค่อยดีแหละครับ) ผลก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้เค้ามองภาพเล็กภาพใหญ่ อันนี้เป็นทัศนะที่ทำให้เกิด business vision ในทางจิตวิทยาตะวันออกด้วยครับ

*และเป็นตลกร้ายมาก ที่ในปัจจุบัน เวลาคนไทยถูกบริษัทเอกชนเลย์ออฟจากปัญหาเศรษฐกิจ เรามักโทษบริษัท ทั้งๆที่มันอาจมีวิธีแก้ปัญหาได้ด้วยพล็อตของคุณระมิงค์กับคุณพจน์ครับ แต่ลูกชาย/ลูกสาวบริษัทนั้นอาจไม่ทำ เพราะโดนสื่อละครปัจจุบันที่โลกสวยมาทำให้เกิดมายาคติที่ว่าถ้ารักซะอย่าง อย่าไปสนอย่างอื่น*

ผมว่าผมชอบคุณระมิงค์นะ เค้าดูเป็นผู้ใหญ่สุดในเรื่อง ณ ตอนนี้ คือไม่โหวกเหวกโวยวาย จบแล้วก็คือต้องจบ ถึงจะรู้สึกว่าเราเดินทางมาผิด แต่จะไปเล้าหลือกับอดีตนี่ก็ผิดวิสัยไปหน่อย ตรงจุดนี้นี่ทำให้ผมแบ็คตัวละครนี้ครับ เลยรู้สึกว่าน่าตื่นเต้นดี เมื่อจู่ๆพชรก้าวเข้ามาทำให้เค้าสั่น แล้วก็เป็นปัจจัยเสี่ยงมากๆที่ครอบครัวอาจล้ม ถ้าทั้งคู่ไม่หนักแน่นมากพอครับ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #203 เมื่อ27-06-2016 19:29:09 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ buzeative

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #204 เมื่อ01-07-2016 13:13:22 »

มาต่อเร็วๆนะครับ :katai5:

ออฟไลน์ นิรนาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #205 เมื่อ01-07-2016 19:47:56 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #206 เมื่อ03-07-2016 17:26:10 »

วันนี้จะมาไหมคะ

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
«ตอบ #207 เมื่อ04-07-2016 23:17:57 »

รอเรื่องนี้นะคะ หายยุ่งอย่าลืมมาลงต่อนะคะ

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
Re: SWEET SURRENDER 4/7/59 CH.15 P.7
«ตอบ #208 เมื่อ05-07-2016 00:34:54 »

เห็นเปลี่ยนหัวเรื่องแล้ว รอค่าา

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
«ตอบ #209 เมื่อ05-07-2016 00:36:22 »

CHAPTER 15: More Than An Acquaintance

           “วันนี้มีประชุมสมาคมฯ คุณจะเข้าประชุมด้วย หรือจะกลับบ้านก่อนครับ”
ใบหน้าเรียวเงยขึ้น มือปิดแฟ้ม สบสายตาบุรุษตรงหน้า
“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณไปเถอะ ตอนนี้ม่อนอยู่บ้าน ฉันคิดว่า.. จะอยู่กับลูกเสียหน่อย”
นายพจน์คราง ‘อืม’ ในลำคอ พยักหน้ารับอย่างสุภาพ พลางปิดล็อคลิ้นชักโต๊ะทำงาน
พวงกุญแจโลหะกระทบกันเป็นเสียงกรุ๊งกริ๊ง.. พวกกุญแจนั่นระมิงค์เห็นมานาน พวงกุญแจที่ห้อยตัวอักษร ‘P’ เอาไว้สี่ตัว

P.. P..
P.. P..


สองตัวแรกเธอไม่สงสัย ชัดเจนอยู่แล้ว ..พจน์ ประดิษฐาพงศ์..
ส่วนอีกสอง..

“ถ้าอย่างนั้นให้สมกลับไปส่งคุณ เดี๋ยวผมไปกับบุญส่งนะ” นายพจน์เอ่ย พลางเดินออกจากห้องทำงาน
“ค่ะ..” ระมิงค์ไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่าการรับคำสั้น  สายตามองใบหน้าคมสันซึ่งเด็กหนุ่มบางคนละม้ายคล้าย..
แผ่นหลังกำยำที่เดินจากไป.. รูปร่างสูงใหญ่นั่นก็ใช่..
“คุณพจน์คะ..”

ขาแข็งแรงชะงัก ใบหน้าเอี้ยวหันกลับมา
“ครับ?”

..

..

“มีอะไรหรือเปล่า คุณระมิงค์”

..

ระมิงค์เงียบไปแป๊ปหนึ่ง แล้วจึงยิ้มฝืนๆ
“เอ่อ.. นิตยาสาร Glory ติดต่อมาขอสัมภาษณ์ ไม่ทราบรวิดาแจ้งคุณหรือยัง”
“อ้อ เรียบร้อยแล้วล่ะ” นายพจน์พยักหน้า แต่แล้วก็โคลงศีรษะ “คงต้องกวนม่อนด้วย เพราะเขาอยากสัมภาษณ์ครอบครัว”

..

“ค่ะ” ระมิงค์ตอบรับเสียงหนัก “ไว้.. ฉันจะบอกลูกเอง”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

“ในคืนนี้มีดาว เป็นล้านดวง
แต่ใจฉันมีเธอ ..แค่เพียงคนเดียว
สอดประสานสบตา เคียงข้างกัน
อยากจะขอจูบดาว ..ใต้เงาดวงจันทร์”

            จากหางตา ทำให้รู้ตัวในที่สุดว่าถูกจ้องมอง..
เสียงร้องเพลงจึงชะงัก มือเรียวที่จับดินสอก็หยุดเช่นกัน ดวงหน้าขาวเอี้ยวามองผู้มาเยือน
“คุณแม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ม่อนแจ่มยิ้ม ตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่มารดาส่ายหน้าน้อยๆให้
“ม่อนวาดต่อเถอะ แม่แค่ได้ยินเสียงร้องเพลง ก็เลย..” ระมิงค์ยิ้มบางๆ “เดินมาดู”
“คุณแม่มาร้องกับม่อนสิครับ เสียงคุณแม่เพราะ” ม่อนแจ่มชักชวน
ก็เพราะมารดามิใช่หรือ ที่ทำให้เขาติดร้องเพลง ‘ดาว’ เสียขนาดนี้ เพลงกล่อมนอนตอนเด็กๆของเขาเองนี่นา

ร่างระหงสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ “เกือบหมดแสงแล้ว วาดอะไร ใกล้เสร็จหรือยังจ๊ะ”
เสียงนุ่มว่าพลางเงยมองฟ้าสีส้มทอประกายในเวลาเย็นซึ่งเธอเพิ่งกลับมาจากบริษัท
“ไม่ใกล้เท่าไหร่ แต่ม่อนไม่รีบครับ เดือนหน้ากว่าจะใช้”
“หืม?” ระมิงค์เลิกคิ้ว ขยับเข้าไปมองใกล้ๆ “นี่คือ..”
“แหะๆ สำหรับคุณพ่อครับ” ม่อนแจ่มยิ้มแหยๆ แต่ในแววตาแฝงความตื่นเต้น
“เอ้อ คุณแม่ครับ พรุ่งนี้ม่อนขอกลับหอเลยนะครับ”
“อะไรกัน วันจันทร์ถึงจะเปิดเทอมไม่ใช่หรือ จะกลับตั้งแต่วันพฤหัสฯเลย?”
“อ่า” ม่อนแจ่มอึกอัก “ม่อน ม่อนอยากไปเตรียมตัวครับ’”
ระมิงค์เลิกคิ้ว รู้จักลูกชายดี “เพื่อนๆยังไม่มากันเลยละมั้ง ม่อนจะอยู่ได้หรือ”
อะ.. ม่อนแจ่มอ้าปากค้าง นั่นก็จริง แต่ว่า.. ถ้าเกิด ‘เพื่อน’ มาก่อนเหมือนกัน ม่อนแจ่มจะได้เจอเร็วขึ้นนะ
“ม่อนอยู่ได้ครับคุณแม่ ม่อนอยากไป”
“ก็แล้วแต่ม่อนจ๊ะ” ระมิงค์ขมวดคิ้วน้อยๆ ยิ้มอย่างงงๆ "แต่จะมีวันนึงม่อนต้องกลับบ้านให้สัมภาษณ์นิตยาสารนะ เดี๋ยวแม่จะบอกวันไป"
หน้าขาวยู่ลงเล็กน้อย "ม่อนไม่ชอบสัมภาษณ์อะไรพวกนั้นเลยครับ เขินๆ"
มือเรียวลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู "เป็นเรื่องของภาพลักษณ์น่ะ ม่อนเข้าใจนะ"
"ครับ ม่อนเข้าใจ" รอยยิ้มกว้างตอบรับการกระทำอ่อนโยนของมารดา แต่แล้วก็เอานิ้วชี้ทาบริมฝีปากเมื่อนึกได้
“แต่เรื่องนี้ คุณแม่อย่าเพิ่งบอกคุณพ่อนะครับ เดี๋ยวไม่เซอไพรส์ จุ๊ จุ๊!”
คุณพ่อ..
ระมิงค์กลืนน้ำลาย มองภาพลายเส้นที่อยู่ตรงหน้า แล้วละสายตามาประสานกับลูกชาย
“จ๊ะ” ระมิงค์รับคำ ..รับคำหนักแน่น
“แม่จะไม่บอก ไม่บอกเด็ดขาด”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

“หากคืนนี้มีเราเพียงสองคน
อยากจะขออยู่จน ..แสงดาวจางไป
เก็บความรู้สึกดีที่ยิ่งใหญ่
ไม่มีแสงแห่งใด ..สวยดังใจเธอ”

          พชรไม่ได้แปลกใจกับเสียงร้องและดนตรีที่บรรเลงผ่านเสียงหรีดหริ่งเรไรมาในบรรยากาศยามค่ำ
“พี่แสงร้องเพลงอีกแล้ว” เพชรลดาเปรยเบาๆ นั่งปักผ้าใต้แสงไฟตะเกียงเหมือนอย่างที่ทำเสมอ ชวนลูกชายผู้เคร่งขรึมคุยไปด้วย
“คงเป็นชาวสวนที่มีอารมณ์ศิลป์มากที่สุดแล้วล่ะ ว่าไหม พชร?”

อารมณ์ศิลป์..

“ครับ” พชรรับคำ ก็คงเป็นเช่นนั้น.. เป็นเหมือนกับ..

           ร่างกำยำลุกขึ้นยืน เพ่งมองลงไปด้านล่าง
ณ ม้านั่งไม้ใต้แสงดาว ..แสงรวีอยู่ที่นั่น
ลุงแสงเป็นคนร่าเริง คุยเก่ง เข้ากับคนงานได้ทุกคน ร่างกายแม้ไม่ใหญ่โต แต่ขยันขันแข็ง เป็นชาวสวนเต็มตัว
พชรจึงแปลกใจนักที่ลุงแสงมีสิ่งที่เรียกว่า ‘อารมณ์ติสท์’ เช่นนี้ด้วย
แต่ก็นั่นแหละ คนเรามีหลายมุม จิตใจหรือก็ซับซ้อนและอารมณ์ความรู้สึกย่อมไม่คงที่ แปรผันตามเวลาและสิ่งกระตุ้นเร้า คล้ายๆปรัชญาที่ได้เรียน ‘ทุกอย่างเลื่อนไหล’
ทุกอย่าง.. นั่นคงรวมถึงความรู้สึกของมนุษย์ด้วย อย่างไรก็ตาม ในความเลื่อนไหลมีสิ่งที่จีรัง แต่หากทุกอย่างเลื่อนไหล แล้วอะไรล่ะที่จีรัง? ถ้ามีสิ่งที่จีรัง.. ก็แปลว่าทุกอย่างไม่ได้เลื่อนไหล ใช่ไหม?

          “ทำไมทำหน้าเครียดอย่างนั้นพชร” เพชรลดาเลิกคิ้ว ฝีเข็มชะงัก
ใบหน้าคมหันกลับมา ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ ดวงตาเด็ดเดี่ยววูบไหวอีกครั้งเมื่อเห็นลายปลอกหมอนที่มารดาปัก

P. P.   P. P.

ถ้าแสงรวีเป็นชาวสวนที่มีอารมณ์ติสท์ที่สุด มารดาของพชรก็คงเป็นชาวสวนที่ปักผ้าสวยที่สุดเช่นกัน
แม้อักษรเพียงสี่ตัว เธอยังปักได้สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ..
มารดาปักลายนี้เสมอ อาจไปปักลายดอกไม้ ลายผีเสื้อบ้าง แต่ก็จะวกมาที่ตัวอักษรสี่ตัวนี้เสมอ
พชรเคยคิดว่า สองตัวแรกแทนตัวเธอ ..เพชรลดา เพชรหละปูน.. และสองตัวหลังแทนตัวเขา ..พชร เพชรหละปูน..   
ทว่า ในวันนี้ พชรตระหนักว่า บางทีอาจไม่ใช่..

             เพชรลดาวางผ้าลง ค่อยๆลุกขึ้นเดินมาหา มือเอื้อมแตะบ่ากว้าง
“หลายวันมานี้ พชรดูเครียดไปนะ มีอะไรอยากจะบอกแม่หรือเปล่า”
..
“อะไรก็ได้ทุกอย่าง”
พชรกลืนน้ำลาย เอ่ยเพียง..
“ผมลงไปหาลุงแสงสักหน่อยนะครับ”

“เปรียบเธอนั้นเป็นหมู่ดาว สวยเกินกว่า..
รักที่มี ที่ตัวฉันให้เธอไว้ ..ชั่วนิรันดร์”

          “คุณพชร?”
แสงรวีชะงักนิ้วจากเส้นลวด เงยหน้ามองผู้มาใหม่ซึ่งเพียงพยักลำคอน้อยๆ
“เล่นต่อเถอะครับ ผม.. แค่จะมาฟัง”
“หืม?” คิ้วบางเลิกขึ้นน้อยๆ แต่แล้วก็หัวเราะออกมา เดินมาฟังเพลงหรือ..
“ฟังดูไม่ค่อยใช่คุณพชรเลย” แสงรวีเอ่ยยิ้มๆ ทว่าคนฟังไม่ได้ยิ้มตอบ
หนุ่มใหญ่ร่างเล็กจึงวางกีต้าร์พิงพนัก ลุกขึ้นขยับเข้าใกล้เด็กหนุ่มตัวสูงกว่า เอ่ยตรงๆ ดังที่จับสังเกตได้มาค่อนเดือน
“คุณพชรดูเครียดไปนะครับ”

พชรไม่มีคำตอบอะไรให้ ใบหน้านิ่งตั้งใจมองสบสายตา
“ผมขอโทษนะครับลุงแสง ถ้าผมจะต้อง..”
“ต้อง?” แสงรวีเลิกคิ้วอีกครั้ง แต่แล้วก็ตระหนัก
“เรื่องที่จะไปพบคุณพจน์หรือครับ คุณลดาบอกว่าคุณพชรยังไม่ได้ไป?”
“ครับ” เสียงเข้มไม่รู้จะตอบอะไรให้ยาวกว่านี้
แสงรวีถอนหายใจ ตบไหล่เด็กหนุ่ม “คุณพชรมีสิทธิ์ชอบธรรม..”
“แล้วลุงแสงไม่ห่วงลูก.. ห่วงอดีตคนรักหรือครับ”
“บอกว่าไม่ห่วง ..ก็คงโกหกครับคุณพชร” แสงรวีก้มหน้า
“แต่ถ้าจะให้บอกว่าลืมๆไปเถอะ ไหนๆเรื่องก็ผ่านมานาน เขาก็อยู่เป็นครอบครัวไปแล้ว ผมก็คงเห็นแก่ตัวไม่ต่างจากคุณมิ้งค์ในตอนนั้น และจะยิ่งกว่าด้วยซ้ำ เพราะทั้งคุณลดาและคุณพชรดีกับผมเหมือนคนในครอบครัว ผมไม่รู้จะว่ายังไง..”
แสงรวีกลืนน้ำลายอย่างขมขื่น “ผมไม่สนับสนุน แต่ก็ไม่อาจคัดค้าน ถ้าจะขอก็คงขออย่างเดียว..”
..
“ขออย่าให้ลูกรู้เลยใครเป็นพ่อ จากลูกประธานบริษัทใหญ่มาเป็นลูกคนงานสวนผลไม้ ผมกลัวแกจะทำใจไม่ได้”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “นี่พชรจะกลับมอวันไหนลูก” เพชรลดาเก็บชามข้าวต้มหลังเสร็จสิ้นมื้อเช้า เอ่ยถามในวันใกล้เริ่มเทอมปลายของนักศึกษา
“วันนี้ครับ” พชรตอบคำถาม “ตอนบ่าย”
เพชรลดาขมวดคิ้ว
ไม่ได้ประหลาดใจกับคำตอบ พชรคิดเร็ว ทำเร็วอยู่แล้ว แถมไม่ค่อยบอกอะไรล่วงหน้าเป็นปกติ แต่สีหน้านี่ต่างหาก..
“พชร เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเครียดจริงๆนะ”
อดไม่ได้ที่จะถาม เพชรลดาขมวดคิ้วใส่ลูกชาย ลูกชายที่ไม่ได้มองตาเธอ.. ลูกชายที่ได้แต่สวมเสื้อคลุมและหมวกปีกกว้าง ไม่เอ่ย ไม่ตอบอะไร เดินลิ่วๆลงบันไดไปอีกแล้ว
“เป็นอะไรของเขาไปนะ” เพชรลดาเปรย เดินมาส่งสายตาให้แสงรวีซึ่งยืนรออยู่ที่ชานบ้าน ขณะมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างห่วงใย หลายวันมานี้ พชรดูแปลกไปมากจริงๆ
“คงเป็นเรื่อง..” แสงรวีไม่ให้นิยาม แต่มองนายหญิงอย่างรู้กัน อีกฝ่ายส่ายหน้าน้อยๆ
“ฉันบอกพชรแล้ว ว่าเอาที่เขาสบายใจ ก่อนหน้า.. เขาก็ไม่ได้ดูกังวลเรื่องนี้เลย แต่นี่เขา..”
แสงรวีถอนหายใจ เอ่ยตรงไปตรงมาก่อนก้าวตามลงบันได
“ปกติคุณพชรเงียบ เพราะไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเหมือนกัน ..ว่าคุณพชรเงียบ เพราะมีเรื่องทุกข์ใจ”
เพชรลดายืนนิ่ง เขม่นมองร่างกำยำของบุตรชายเบื้องล่าง
ชักจะไม่เข้าท่าแล้วสิ..
เห็นที จะต้องหาเวลาไปเยี่ยมพชรที่หอบ้าง ไม่รู้มีปัญหาอะไรเรื่องเรียนหรือชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยหรือเปล่า..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ฟ้าหน้าหนาวอึมครึม.. ไม่มีความแตกต่างมากนักระหว่างวัน แม้บ่ายแล้วเช่นนี้ ก็ดูไม่ต่างจากยามสายเท่าไรนัก
พชรอาบน้ำ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวเดินทางกลับเชียงใหม่ ไม่มีอะไรติดตัวนอกจากโทรศัพท์และประเป๋าสตางค์เหมือนตอนขามา

           มารดายืนอยู่ใต้ถุนบ้าน ส่งยิ้มน้อยๆพลางยื่นหมวกกันน็อคมาให้ มือหยาบกร้านของเธอช่างอบอุ่น ..มือของสตรีที่เป็นเอกในชีวิตพชร..
“ขอบคุณครับแม่”
เพชรลดาพยักหน้า “ขี่รถดีๆ อย่าเร็วนักนะพชร”
พชรมองตาเธอ รับคำเสียงหนัก “ครับ ..แม่”

          ขาแข็งแรงยกพาดเบาะรถ  มือแกร่งบิดแฮนด์ ซิ่งรถไปตามถนนดิน ก่อนออกจากเขตสวนสู่ถนนคอนกรีตซึ่งนำออกจากซอยขึ้นถนนใหญ่
พชรพอใจเสมอที่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์.. มันเป็นความหลงใหลอีกอย่างหนึ่งของเขา..
ความรู้สึกถึงลมที่ปะทะร่าง ..ความเป็นหนึ่งเดียวกับมอเตอร์ไซค์โมตาร์ดคันแรกและคันเดียวจนถึงขณะนี้
ยามเคร่งเครียดไม่สบายใจ คนบางคนอาจจะขี่มอเตอร์ไซค์ เช่นเดียวกับที่.. คนบางคนอาจจะวาดภาพ

วาดภาพ..
มือเรียว.. ดินสอ.. กระดาษ.. รอยยิ้มน้อยๆบนริมฝีปาก..


            สัมผัสแฮนด์มาร่วมชั่วโมง ฟ้ายังมืดครึ้มอึมครึมไม่เปลี่ยนแปลง
ในฐานะนักศึกษาวิชาปรัชญาและศาสนา คงไม่บ้าที่พชรจะมาที่นี่ ..ก่อนไปที่อื่น
ร่างสูงชะลอรถจอดในตัวเมืองลำพูน.. บนถนนรอบเมืองใน..
เบื้องหน้า.. วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหารตั้งเด่นเป็นสง่า
วัดซึ่งประดิษฐานพระธาตุประจำปีระกา ..ปีเกิดของเขาเอง

พชรก้าวเข้าไปภายใน..
ซื้อดอกไม้บูชา..
เดินวนองค์พระธาตุ..
ที่สุด.. ก็ทรุดนั่งลง..

พร.. พรใดๆที่เป็นของผม ผมขอมอบมันให้ ..เขา
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น ขอ.. ให้ดวงใจของเขาได้รับการปลอบประโลมด้วยพรอันดีทั้งหลายนี้
ขอ.. ให้ขาของเขายังยืนได้อย่างมั่นคง ขอ.. ให้รอยยิ้มสดใสอยู่คู่กับใบหน้า
ขอ.. ให้ประกายระยิบระยับยังอยู่ในดวงตา  ขอ.. อย่าให้มันทำลายความร่าเริงของเขาเลย

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “มีอะไรให้ช่วยคะ?”
พนักงานที่โต๊ะประชาสัมพันธ์เงยหน้าขึ้นมอง และผู้มาใหม่ก็เพียงตอบสั้นๆ แต่ชัดเจน
“พบคุณระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์ครับ”
“ไม่ทราบ ธุระอะไรคะ” คิ้วเธอเลิกขึ้นอย่างแปลกใจที่คำตอบไม่ใช่ ‘สมัครงาน’
“ผมชื่อพชรครับ” เสียงเข้มไม่ตอบคำถาม แต่กลับเป็นคำสั่ง “รบกวนต่อสายหน้าห้องคุณระมิงค์ แจ้งเลขาฯว่าผมมาพบเธอ”
สีหน้าเรียบเฉยและแววตาคมนั้นทำให้หญิงสาวยกหูโทรศัพท์ขึ้นทำตามที่ว่า
พชรมองเธอ..
ตระหนักว่ามารดาก็เคยทำงานที่นี่..
ในตำแหน่งนี้เช่นเดียวกัน..
..
“เอ่อ.. คุณระมิงค์เชิญให้เข้าพบได้ค่ะ”
หลังจากไม่กี่อึดใจ เสียงหวานก็เอ่ยบอกเขา พชรพยักหน้าให้เธออย่างสุภาพ
“ขอบคุณมาก ..ครับ”

             มาอยู่ตรงนี้อีกครั้งแล้ว..
พชร เพชรหละปูน มาพบ ระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์ ทั้งที่ควรพบ พจน์ ประดิษฐาพงศ์ ต่างหาก
ทีแรก เขาให้เหตุผลกับตัวเองว่ามาพบสาวใหญ่แทนเพียงเพราะเธอสมควรต้องตกใจ และยังอยากให้โอกาสเธอสารภาพเองด้วยความปราณีตามประสาเพื่อนมนุษย์ ทว่า เมื่อมาในครั้งที่สอง เขาก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรถึงเหตุผลแท้จริงที่ไม่ไปพบบิดาให้จบเรื่อง คงเพราะ..

            “สวัสดี พชร”
ระมิงค์เอ่ยทักทายขึ้นก่อน หลังจากไม่กี่นาทีที่แจ้งเลขาฯว่าอนุญาตให้เด็กหนุ่มนาม ‘พชร’ เข้าพบ
เพราะเธอไม่กล้าพอที่จะปฏิเสธ.. ทายาทแท้จริง ผู้มีสิทธิ์ในทุกตารางนิ้วที่เธอเหยียบยืนอยู่นี้

เด็กหนุ่มตรงหน้ายืนนิ่ง คิ้วที่ขมวดราวเรียบเรียงคำพูดนั้นทำให้ประหลาดใจ

“เธอต้องการอะไร?”
เพราะระมิงค์ไม่ใคร่เข้าใจ ..ไม่เข้าใจเจ้าของใบหน้าคมสันที่ถอดแบบมาจากบิดาคนนี้
หลายเดือนมาแล้วที่คิดว่าวันหนึ่ง นายพจน์จะเดินเข้ามาคาดคั้นความจริงจากเธอ จะเอาแผ่นกระดาษสีเหลืองหม่นใบนั้นมาแสดงให้เธอยอมรับว่าเรื่องราวเป็นจริงดังที่ ‘ลูกชาย’ เขาเอ่ย
กว่าห้าเดือนที่เธอคิดไม่ตกว่าสถานะของ ‘ลูกชาย’ และเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป
ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จนเธอแทบจะนึกว่าการปรากฎตัวของ 'พชร' ในวันนั้นเป็นเพียงความฝัน

           “ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้าย”
เสียงเข้มเอ่ยในที่สุด ความตึงเครียดที่เพิ่งเคยรู้จักครอบคลุมจิตใจทุกขณะ..
“สารภาพเองซะ ก่อนที่ผมจะไปหาคุณพจน์ บอกเรื่องแม่ผม บอกเรื่อง..” ค้างไว้แค่นั้น เขาไม่สามารถพูดต่อได้

เอาล่ะ..
ระมิงค์ควบคุมสติ พยายามหาทางเลือก ทางที่เธอและลุกจะไม่ต้องบาดเจ็บ
“จะให้ฉันทำยังไง เธอถึงจะไม่ไปหาคุณพจน์ เงินเท่าไหร่ที่เธอ-”
“หยุดพูดเรื่องเงิน!”
พชรสั่ง ระงับอารมณ์ไม่พอใจจากคนมีเงินที่คิดว่าเงินจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่างไปเสีย
“คุณจะสารภาพเองหรือให้ผมพูด เลือก!”

ระมิงค์กลืนน้ำลายกับน้ำเสียงเฉียบขาดและท่าทีจริงจังไม่สมวัยนั้น
ใช่สินะ.. ถ้าเงินสำคัญกับเพชรลดาและลูกชาย เช็คใบนั้นก็คงไม่ยังอยู่จนถึงบัดนี้
แต่ก็อีกนั่นแหละ.. ไม่มีเงินจำนวนใดมีค่ามากมายเกินกว่าการเป็นทายาทประดิษฐาพงศ์ ซึ่งเด็กหนุ่มกำลังมาทวงคืนอยู่
ทวงคืนจากเธอ ..จากลูกชายเธอ

“แบบนี้ได้ไหม” ระมิงค์เอ่ย ยืดไหล่ตรงอย่างไว้ตัวอยู่ในที
“ฉันจะบอกคุณพจน์เรื่องเธอ เรื่องแม่เธอก็ได้ แต่จะไม่พูดเรื่อง..”
พชรแค่นหัวเราะ “แล้วถ้าคุณพจน์ถามล่ะครับ ว่าทำไมแม่ผมต้องลาออกและกลับบ้านไป คุณจะตอบว่ายังไง?”
“เขาอาจไม่สน..” ไม่จริง ระมิงค์รู้ดี
“แล้วถ้าเขาสน" พชรย้อน "ถ้าเขาสนพอที่จะถามผม ถามแม่ผม คุณจะให้ผมตอบว่ายังไง”
“เธอกับแม่เธอก็ช่วย..”
“ช่วยอะไร..” เสียงเข้มนั้นเย็นชาจนกลายเป็นเชือดเฉือน
“ผมไม่เคยโกหกเรื่องอะไรเลยในชีวิต แล้วคุณจะให้ผมเตี๊ยมกับแม่ผมโกหกเพื่อคุณหรือ เพื่อคนที่โกหกเพื่อตัวเอง โดยไม่สนใจผู้หญิงซื่อๆที่กำลังท้องน่ะหรือครับ..”

คนตรงหน้าไม่ได้ตวาด
ไม่ได้หยาบคาย
แต่มันทำให้ระมิงค์ก้าวถอยหลังอย่างพ่ายแพ้

“ฉันทำไม่ได้..” สีหน้าที่พยายามแข็งกร้าวนั้นหวั่นไหว
“ถ้าเธออยากจะไปหาคุณพจน์ก็ไป ..ไปบอกเขาด้วยตัวเธอเองเถอะ”
“คุณระมิงค์” พชรกลืนน้ำลาย “เป็นคนบอกเองจะดีกับคุณมากกว่า ช่วยบอก..”
เสียงแข็งอ่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ ใจประหวัดถึงคนที่แน่ใจว่าจะได้เจอแน่นอนเมื่อกลับไปถึงหอพัก
“ช่วยบอกความจริงกับลูกชายคุณ บอกเขาก่อน เขาจะได้มีเวลาทำใจ”

ดวงหน้าขาวงดงามมีน้ำตาเอ่อ

นั่นแหละที่ทำไม่ได้.. บ้านแตก ครอบครัวพัง แล้วลูกชาย..
จะให้บอกม่อนแจ่มว่าอย่างไร ..บอกว่าคุณพ่อไม่ใช่พ่อหรือ ..ให้บอกว่าพ่ออยู่ที่ไหนล่ะ


“เธอรู้จักแสงร-”
“ผมไม่ต้องการพูดเรื่องนั้น” พชรขัด
“แต่ฉันคงต้องพูด ถ้าจะบอกลูก” ระมิงค์หวาดหวั่น
“ฉันจะเลี่ยงได้ยังไง เธอก็บอกมาสิว่า ..ว่าเขาอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ เพราะลูกต้องถามฉัน”

พชรยืนนิ่ง..
ใช่ ใช่ มันก็คงต้องเป็นแบบนั้น คงต้องถาม..

“ก็บอกว่าคุณไม่รู้..” พชรลำคอตีบตันไปหมด
ไม่ได้ให้โกหก ..ระมิงค์ไม่รู้จริงๆ เพราะเขาจะไม่บอก

“เธอยังไม่รู้ความสามารถในการถามคำถามของลูกชายฉัน..”

ปากหนาเม้มแน่น
ทำไม.. จะ.. ไม่.. รู้..

“เธอก็มาแล้ว อยากทำอะไร พูดอะไร เธอก็จัดการเองเถอะ” ระมิงค์กัดฟัน ยืนยันเสียงหนัก “ฉันทำไม่ได้”
“หมายความว่ายังไง ทำไม่ได้?” พชรกำหมัดแน่น
“คุณอยากให้ลูกชายคุณรู้จากปากผมหรือ อยากจะให้เขาช็อคตายหรือยังไง!”
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไง”
“ความจริง” พชรย้ำ
“ความจริงไงครับ สิ่งที่ต้องพูด บอกลูกคุณก่อนที่เขาจะรู้จากคนอื่น แล้วค่อยไปสารภาพกับคุณพจน์”
ยังไงก็ต้องให้พูดให้ได้ นายพจน์ต้องรับรู้เรื่องเพชรลดา ต้องรู้ว่าเธอมีบุตร เขาลั่นวาจากับมารดาไว้แล้ว..
ระมิงค์พูดเอง จะดีกับเธอและลูกมากกว่า  ระมิงค์ต้องพูด.. บอกความจริงโดยไม่ต้องพูดถึงแสงรวี

ใช่..
นั่นแหละ..
ก็แค่ให้แม่บอกลูกว่าพ่อที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดไม่ใช่พ่อ และก็ไม่มีคำตอบว่าพ่อที่แท้จริงทำอะไร.. อยู่ที่ไหน..
พชรขบกรามแน่น ความสับสนร้าวราญทรมานเขาจนแทบจะยืนไม่ไหว

“ฉันทำไม่ได้”
“ทำซะ!”
“เธอก็ไปบอกคุณพจน์เองเลยสิ!”
“คุณบอกลูกชายคุณก่อน!”
“แล้วทำไมเธอต้องแคร์ ต้องสนใจว่าลูกชายฉันจะรู้สึกยังไง รู้จักหรือ!”


เป็นพชรบ้างที่ก้าวถอยหลัง เป็นขาแข็งแรงที่ไม่อาจก้าวไปข้างหน้า
รู้จักหรือ..?

..รอยยิ้มสดใส
..ถ้อยคำบ่นยืดยาว
..กิริยาซุ่มซ่าม ไม่ระมัดระวัง
..ขี้กลัว ขี้โวยวาย
..ดื้อดึงแต่ว่าง่าย
..น้ำเสียงที่เรียก ‘พชร’
..ริมฝีปากนุ่ม หวานละมุน

ทุกอย่างแจ่มชัดในความรู้สึก
ทุกอย่างซึ่งมากมายเกินกว่าคำว่า.. ‘รู้จัก’

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

สวัสดีวันอังคารครับ
มาสายจนได้ ขออภัยที่เกินหนึ่งอาทิตย์ กะว่าจะไม่ให้เกินแล้วเชียว
  :mew5:
ขอบคุณทุกการติดตาม ทุกการถามถึง สู้ๆครับ สู้ๆ สู้.. (ฮือ)

Edit: ลืมให้เครดิตเพลงครับ

Thanks to.. ดาว - Paradox
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2016 01:11:43 โดย INDY-POET »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด