พิมพ์หน้านี้ - SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: INDY-POET ที่ 16-04-2016 18:54:31

หัวข้อ: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 16-04-2016 18:54:31
SWEET SURRENDER

***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************


         นิยายเรื่องนี้เป็นลูกบ้าของคนเขียนเท่านั้น
บุคคล สถานที่หรือสิ่งอื่นใดที่ปรากฏในความเป็นจริงด้วยนั้น
เขียนถึงโดยมุมมองที่ผ่านประสบการณ์ผสานกับจินตนาการของตัวคนเขียนเพียงผู้เดียว ขอพิจารณาด้วยครับ
หากมีความผิดพลาดอื่นใด ขออภัยเน้อ


ขอให้มีความสุขกับการอ่านและได้รับความขอบคุณจาก..
เกรียน(มิใช่)น้อย


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


            เกลียด..รูมเมท
เกลียดรูมเมท กูเกลียดรูมเมท!
นี่คือสิ่งที่ ‘ม่อนแจ่ม’ รู้สึก..
จากที่สบตากันครั้งแรก ณ หน้าห้อง 338 บอกได้เลยว่าสายตาที่มองมายังเขา ทำให้เขารู้สึก..ไม่ชอบรูมเมท
ทว่า ตอนนี้ ม่อนแจ่มเข้าใจแล้วว่าตอนนั้นคิดผิด ..แค่คำว่าไม่ชอบ ยังน้อยไป!

             “กูจะทนไม่ไหวแล้วนะสัด”

ทุกๆวันจะมีคำพูดแบบนี้..

              “ถ้ากูเคยไปเหยียบหางแม่งตอนไหน ก็พูดมาเลยดีกว่า
ถ้ากูเผอเรอ เคยทำอะไรผิดไปกับมันจริง กูพร้อมจะขอโทษ แต่มาทำเหี้ยๆกับกูแบบนี้ กูเกลียดเว้ย!”

แล้วก็ต่อเนื่องมาด้วยคำบ่นทำนองนี้..
จน ‘ไอดิล’ รูมเมทกิตติมศักดิ์แห่งหอสามชาย ห้อง 338 กลอกตาไปมาวันละหลาย..หลายรอบ

“นี่ ไอ้ม่อน มึงเงียบทีเถอะน่า พชรมันไม่ได้ยินหรอก คนที่ได้ยินน่ะกูนี่ หูจะแฉะอยู่แล้ว”
“กูไม่หยุด! มึงอยากให้กูหยุด มึงก็ไปบอกมันสิ ให้มาคุยกับกู”

ไม่ใช่ไม่บอก กูบอกแล้ว ..กูบอกหลายรอบแล้ว  ไอดิลคิดอย่างเหนื่อยใจ
ทว่า จนแล้วจนรอด รูมเมทปรัชญาก็ยังไม่มีทีท่าจะญาติดีกับรูมเมทเครื่องกล

           “กูบอกมันแล้ว”
จำต้องย้ำอีกรอบ เมื่อรูมเมทเตียงล่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุดบ่น
“แล้วมันบอกมึงว่าไง” ม่อนแจ่มเม้มปากใกล้เป็นเส้นบางเฉียบ
ไอดิลพ่นลมหายใจเบาๆ เอ่ยทวนช้าๆ เป็นรอบที่.. น่าจะห้า
“พชรบอกว่า.. มันไม่เคยมีปัญหากับมึง”
“แล้วทำไมมัน-”
“แต่..” ไอดิลยกมือเบรกเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมคณะ “มันไม่ชอบมึง”
“เหี้ย!” ม่อนแจ่มสบถลั่น
“มันมีสิทธิ์อะไรไม่ชอบกู กูไม่เคยไปทำอะไรมัน แล้วมันมีสิทธิ์อะไรมาทำเหี้ยๆกับกูแบบนี้”
“ทำเหี้ยอะไรของมึงวะ?” ไอดิลเลิกคิ้ว ไม่ไหวจะทน
“กูไม่เห็นพชรจะทำอะไรเลย มันไม่ชอบมึง มันก็ไม่พูด ไม่สนใจ ไม่อะไรกับมึง ซึ่งกูว่ามันเป็นสิ่งที่คนไม่ชอบกันพึงกระทำโคตรๆเลย ไม่ชอบกันก็ไม่ต้องยุ่ง ไม่ต้องสนใจ ดีกว่าไม่ชอบแล้วกลั่นแกล้งหรือตีรันฟันแทงกันเสียอีก”
เสียงเล็กพยายามโน้มน้าวให้รูมเมทขี้บ่นมีเหตุผล
“กูว่าสถานการณ์ของมึงสองคนโคตรไม่น่ามีปัญหา มันไม่ชอบมึง มึงก็ไม่ชอบมัน ปัญหาอยู่ตรงไหนวะ?”
ไอดิลโคตรงง เอ่ยต่อซื่อๆ
“ถ้ามันไม่ชอบมึง แต่.. มึงชอบมัน แบบนั้นสิ ..ถึงจะมีปัญหา”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

PROLOGUE (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3359765#msg3359765)
CH.1 Living In Dorm Sucks! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3360599#msg3360599)
CH.2 Living In Dorm  Really Sucks! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3362719#msg3362719)
CH.3 More Than a Stranger (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3364494#msg3364494)
CH.4 Mon Cham of Mechanical Engineering (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3367480#msg3367480)
CH.5 Behind the Wall (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3372319#msg3372319)
CH.6 Sealed With a Kiss (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3374489#msg3374489)
CH.7 Walk And Ride (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3376850#msg3376850)
CH.8 Most Scariest Thing Ever! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3380070#msg3380070)
CH.9 Lost & Won (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3383656#msg3383656)
CH.10 You’re Welcome (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3388886#msg3388886)
CH.11 As Bright As the Darkness (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3394022#msg3394022)
CH.12 Remember to Never Forget (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3399799#msg3399799)
CH.13 In Loving Memory (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3404486#msg3404486)
CH.14 Words to Keep (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3409927#msg3409927)
CH.15 More Than an Acquaintance (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3416405#msg3416405)
CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3422702#msg3422702)
CH.17 Bound (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3429337#msg3429337)
CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven (Part I) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3436375#msg3436375)
CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven (Part II) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3442950#msg3442950)
CH.19 Diamond Cuts Diamond (Part I) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3447958#msg3447958)
CH.19 Diamond Cuts Diamond (Part II) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3452519#msg3452519)
CH.20 The Journey of No Turning Back (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3454436#msg3454436)
CH.21 Fall For You (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3460470#msg3460470)
CH.22 Forgotten Words (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3466520#msg3466520)
CH.23 The Arms of Diamond (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3474131#msg3474131)
CH.24 Sweet Surrender (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3483886#msg3483886)
CH.25 Young and Beautiful (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3488292#msg3488292)
CH.26 How Adults Really Are (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3505170#msg3505170)
CH.27 Father and Son (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3505175#msg3505175)
CH.28 Suffering Missing You (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3505176#msg3505176)
CH.29 What Love Is Like (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3514356#msg3514356)
CH.30 Words are Wonderful (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3519559#msg3519559)
CH.31 When You Say Nothing at All (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3524663#msg3524663)
CH.32 Hello (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3534929#msg3534929)
CH.33 Just the Way You Are (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3545390#msg3545390)
CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3551654#msg3551654)
CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3557697#msg3557697)
CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3563923#msg3563923)
CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3572257#msg3572257)
CH.35 And the Story Goes.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3577754#msg3577754)
EPILOGUE (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3597979#msg3597979)
SWEET SHORT 1-2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3709469#msg3709469)
SWEET DREAM (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53224.msg3728889#msg3728889)
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เรื่องอื่นๆ
INDY in love เกรียนนัก..แต่ก็รักละวะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=24938.0)
Idylle ไม่ไหวจะเกรียน! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28739.0)

Page
writtenbyindypoet (https://www.facebook.com/writtenbyindypoet/)

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 16-04-2016 19:05:10
:: PROLOGUE ::

..หอพักชายอาคาร ๓ ห้อง ๓๓๘..
ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์
กวีกานต์ ทัศนศุภกฤษณ์
พชร เพชรหละปูน


          นิ้วเรียวไล้ปาดโทรศัพท์.. อมยิ้มน้อยๆกับรายนามดังกล่าว
ชื่อตรูอยู่คนแรกเลยเว้ย เออ.. มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นล่ะนะ ในเมื่อตรูน่าจะจองคนแรกเลยแหละ
เหตุผลน่ะหรือ?
หอสาม.. ใกล้คณะ ไม่ได้ใกล้ที่สุด แต่ใกล้ในระยะกำลังน่าเดิน
ชั้นสาม.. ป้าเพ็ญชอบ ป้าเพ็ญบอกว่ามันดี ขึ้นบันไดกำลังดี ไม่ชิว ไม่หอบจนเกินไป ได้ออกกำลังกาย
และอย่าลืมเลือกห้องที่มีเลข 8 นะคะคุณม่อน คือเลขมันดี ป้าเพ็ญชอบ..

          “หอสามชาย ถึงแล้วครับคุณม่อน”
ลุงสมชะลอรถจอด คนเบาะหลังจึงขยับแว่นสายตากรอบแดงเล็กน้อย กวาดตามองไปรอบๆบริเวณ
ลานสักกว้างและร่มรื่นตาหน้าหอพักสีขาว-ม่วงที่สภาพค่อนข้างเก่าโทรมอยู่สักหน่อย
ใต้หอมีร้านถ่ายรูปและร้านถ่ายเอกสาร นักศึกษาใส่ชุดลำลองเดินสวนกันไปมาอยู่ประปราย

“ลุงสมส่งม่อนแค่นี้ก็พอครับ”
“เดี๋ยวผมช่วยเอากระเป๋าขึ้นไปให้ก่อนครับ คุณม่อน”
“โอ้ ไม่ต้องครับ!” คนนั่งหลังรีบยกมือขึ้นเบรก “ม่อนจัดการเองได้ ลุงสมรีบกลับเลยเถอะครับ”

ลุงสมไม่ต้องทำหน้าลำบากใจแบบนั้น รีบขับ Mercedes Benz S65 AMG กลับบ้านไปเถอะครับ ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า!
แขนเรียวรีบคว้าเป้ Jack Spade ลูกที่เก่าที่สุดที่มีขึ้นบ่าและกระชับกระเป๋าหิ้วตราควายเงินที่ขอยืมลุงสมมาใช้ไว้ในมือ
เอาสัมภาระมาแค่นี้ก่อน ขาดเหลืออะไรค่อยไหว้วานลุงสมวันหลัง ขนมาเยอะ เดี๋ยวจะเป็นจุดสนใจมากไป
เขาอยากจะประเมินสถานการณ์เพื่อนร่วมห้องสักนิด ก่อนคิดเอาหมอนข้างหัวหมีพูห์มานอนกอดในหอ
ร่างเล็กก้าวลงจากรถ พร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย ณ บัดนี้!

            ‘ม่อนแจ่มเป็นมิตรกับลูกเสืออื่นทั่วโลก’ เขาถือสโลแกนตามนี้
ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นนิจและมนุษย์สัมพันธ์อันดีเลิศ ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่ามีใครไม่ชอบเขา
และ ณ หอสามชายแห่งนี้ ..ก็ไม่น่าจะเป็นข้อยกเว้น

ขาเรียวก้าวช้าๆเข้ามาภายในตัวอาคาร มีโถงกว้างไว้เป็นห้องนั่งเล่นรวมอเนกประสงค์
มีโรงอาหารซึ่งยังเปิดขายไม่ครบทุกร้าน มีห้องอ่านหนังสือ และ..นี่ไงล่ะ บันได..

เอาละ.. ขึ้นบันได
ชั้นสอง ชั้นสาม..
338 อยู่ไหนหนอ ห้อง 338

อ้าว นั่นอย่างไรล่ะ ไม่ผิดแน่ เลขเหนือบานประตูก็บ่งบอกไว้ ..338..
นอกจากนี้.. ม่อนแจ่มก็คิดว่าตัวเองพบหนึ่งในรูมเมทเข้าแล้วละ

          “เฮ้..” เขาเร่เข้าไปทักทาย
มือแกร่งที่กำลังจับลูกบิดประตูชะงัก ใบหน้าคมสันหันมา เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเขา
ม่อนแจ่มชักคิดแล้วว่าไม่น่ามายืนใกล้ขนาดนี้เลย รู้สึกตัวเองเป็นคนแคระอย่างไรชอบกล เขาน่าจะกลับ*เอเรบอร์ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย.. กระนั้น เสียงเล็กก็ยังทักทายอย่างพยายามผูกมิตร

“เราเป็นรูมเมทกันกัน กูชื่อม่อน ม่อนแจ่ม..”
ม่อนแจ่มยิ้มกว้างๆให้ ทว่า คนที่กำลังฉวยลูกบิดประตูมองโดยไม่คิดจะยิ้มตอบ
คำเอ่ยแนะนำตัว ‘ม่อนแจ่ม’ เหมือนจะทำให้ผู้มาก่อนเม้มปากเล็กน้อยและเลิกคิ้ว สายตามองกวาดเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ดวงตาสีดำสนิทนั้นมองมาอย่างไม่ใคร่ชอบใจ..

“กวีกานต์ หรือ พะ-ชร” ม่อนแจ่มถาม ประสานสายตาตอบกลับ
ใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด ก่อนที่อึดใจต่อมาจะเอ่ยเรียบๆ
“ไม่ใช่ทั้งคู่..”
ตอบแค่นั้น
แค่นั้น.. แล้วคนผู้นั้นก็เปิดประตูเข้าห้องไป.. ทิ้งให้คนมาทีหลังมองตามด้วยความงุนงง
ไม่ใช่ทั้งคู่ แล้วมึงเข้าไปในห้องนี้ทำไมวะ นี่มันห้องของม่อนแจ่ม กวีกานต์และพชร เว้ย!
นี่มึงผิดใช่ไหม หรือกู?
ม่อนแจ่มหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็คอีกครั้งว่าตัวเขามาถูกห้อง ทว่า.. ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลัง

            “เฮ้.. อยู่ห้องนี้เหรอ”
ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้น เอี้ยวหันไปมอง
ที่ยืนอยู่พร้อมกะละมังใส่ชุดนักศึกษาเปียกหมาดๆที่น่าจะเพิ่งไปซักมาจากห้องน้ำคือเด็กหนุ่มอีกคน
ผิวขาว รูปร่างเล็ก สูงกว่าเขาเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยล่ะน่า.. ม่อนแจ่มพยายามปลอบใจตัวเองหลังจากเจอยักปักหลั่น
คนนี้ไม่ตัวใหญ่กว่าเขาเท่าไรนักและที่สำคัญแม่งกำลังยิ้ม เฮ้อ.. ค่อยใจชื้นหน่อยเว้ย

“ใช่” ม่อนแจ่มพยักหน้าหงึกหงัก “กู ม่อน”
“กู ไอดิล” อีกฝ่ายพยักหน้าให้ พลางช่วยเปิดประตู เดินนำเขาเข้าห้องไป
ไอดิล.. แล้วไอดิลนี่มันกวีกานต์หรือพชรวะ? เออ ช่างแม่งเหอะ เดี๋ยวคงได้รู้เอง..

           
           “สวัสดี กู ไอดิล”
เสียงนั้นดังขึ้นทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องและพบคนอีกคน
มันคนนั้นหันมาพยักหน้านิดหนึ่งให้ไอดิล แล้วเมื่อกี้เสือกไม่พยักหน้าให้กูสักนิดนะสัด.. ม่อนแจ่มเบ้หน้าเล็กน้อย
“กูนอนเตียงบนนะ มึงสองคนตกลงกันเองแล้วกัน ใครนอนเตียงไหน” ไอดิลนั่นเอ่ยอย่างเอื้อเฟื้อ
ซึ่งจะว่าไปแล้วม่อนแจ่มก็พอใจ เขาชอบอยู่ใกล้ๆพื้นมากกว่า..
   
“ให้แว่นแดงเลือกก่อนแล้วกัน เหลือเตียงไหน กูนอนนั่น”

แว่น..
แว่นแดง?
กูว่ากูบอกมึงแล้วนะ ว่ากูชื่อม่อน..

“กูชื่อม่-”
ตั้งท่าจะย้ำ แต่ไม่ทันได้พูดจบ อีกฝ่ายก็เดินออกไปข้างนอกเสียแล้ว ทิ้งไว้แค่กระเป๋าสองใบที่วางอยู่กลางห้อง
อะไรของแม่งวะ!?
ม่อนแจ่มเลิกคิ้วให้ไอดิล พ่นลมหายใจงงๆ “ไอดิล ไอดิลนี่กวีกานต์หรือ-”
“กวีกานต์” อีกฝ่ายพยักหน้ากับคำแรก
“โอเค งั้นอีกคนก็พะ-ชร แม่ง แล้วบอกว่าไม่ใช่ทั้งคู่ ฮึ่ย..”
“ห๊ะ?” เป็นไอดิลบ้างที่เลิกคิ้ว เขาเองเห็นรายชื่อที่ติดอยู่ข้างล่างหอแล้ว จึงบอกได้ว่า..
“พ-ช-ร ไม่ได้อ่านว่า พะ-ชร”
อ้าว อ้าวเหรอ..
“อ่านว่า พด-ชะ-ระ”

..
..

เอาแล้วไงสัด ปล่อยไก่แล้วกู
รูมเมทแม่งคงรู้ว่ากูตกภาษาไทยตอนป.สาม ก่อนรู้ชื่อกูอีกนะเนี่ย

“พด.. พด-ชะ-ระ เหรอ?”
“เออ” ไอดิลพยักหน้ายืนยันขำๆ
“แม่ง มิน่าล่ะ มันบอกว่าไม่ใช่ทั้งคู่” ม่อนแจ่มเริ่มจะยิ้มออกด้วยความขำตัวเอง
พชรอาจไม่พอใจที่เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายผิดกระมังนะ ถึงไม่ยิ้มให้เขา
เอ๊ะ.. แต่หมอนั่นมองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรตั้งแต่ก่อนเขาจะเรียกชื่ออีกนะ หรือตรูจะคิดมากไปวะ..
ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวเขาจะแก้ตัวใหม่.. ต้องเรียกว่า พด-ชะ-ระ!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “เอ่อ.. พด-ชะ-ระ”
ม่อนแจ่มเน้นเสียงเรียกหนักๆ อย่างถูกต้องและชัดถ้อยชัดคำเป็นการแก้ตัว เมื่อเจ้าของชื่อกลับเข้ามาในห้อง

“…”

เงียบ..
ไม่มีเสียงตอบรับ.. ไม่มีเสียงปฏิเสธ..

“กูนอนเตียงล่างนะ มึงนอนเตียงเดี่ยวได้เลย”
เขาแสดงไมตรีจิตตามที่ได้เรียนมาในวิชาลูกเสือสำรองและลูกเสือสามัญ

“...”
เงียบ.. เหมือนเดิม..

“พชร ได้ยินกูพูดไหม!?”
ชักไม่พอใจ จึงต้องถามเสียงแข็งขึ้น มึงมีปัญหาอะไรกับหูมึงหรือเปล่านี่
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าคมเงยขึ้นมาเลิกคิ้วเป็นการตอบคำถามซึ่งม่อนแจ่มแปลเอาว่า
‘ถ้าไม่ได้ยิน กูจะลงมือหยิบผ้าปูขึ้นมาจัดการกับเตียงเดี่ยวทำไม?’
ม่อนแจ่มเม้มปากใส่
เออ กูรู้ รู้ว่ามึงได้ยิน แต่ที่ไม่รู้คือ.. ทำไมมึงไม่พูดเหี้ยอะไรเลยวะ  ในหนึ่งวัน มึงมีลิมิตพูดได้สิบคำหรือไง

   
           ม่อนแจ่มใช้เวลาช่วงบ่ายวันนั้นจัดการกับข้าวของของตัวเอง
ไอดิลขอตัวตั้งแต่เที่ยง เพราะนัดเพื่อนเอาไว้ว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน แถมยังชวนเขาและพชรด้วย
น่าเสียดายจริงๆที่จัดเต็มมาจากบ้านแล้ว ซ้ำเพิ่งมาถึง ก็เลยต้องปฏิเสธไปก่อน
ส่วนพชรก็เอ่ย ‘ขอบใจ’ สั้นๆ แต่ก็บอกว่าทานเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

          เหลือเพียงความเงียบภายในห้อง เมื่อไอดิลผู้เป็นมิตรออกไป
ม่อนแจ่มลอบสังเกตเพื่อนร่วมห้องคนเดียวที่ยังอยู่เป็นระยะๆ
แม้จะอยากหันไปจ้องให้เต็มสองลูกกะตา ทว่า ก็จำต้องเหลือบๆ เสมือนไม่ได้อยากรู้อยากเห็น กลัวพชรหน้านิ่งจะหันมาเขมือบหัวเขาเข้าไป
ภายในห้องมีเตียงสองเตียง เตียงเดี่ยวติดประตู และเตียงสองชั้นอีกฟากหนึ่งติดระเบียง มีตู้เสื้อผ้าสามตู้และโต๊ะเขียนหนังสือตั้งเรียงกันสามตัว..
ม่อนแจ่มเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า และเปิดตู้ซ้ายมือสุด แต่ปรากฏว่ามีเสื้อผ้าซึ่งคงเป็นของใครไม่ได้ นอกจากผู้มาถึงคนแรก นั่นก็คือไอดิล เขาจึงนำเสื้อผ้าตนเองใส่ตู้ถัดไป
มือเรียวผลักประตูตู้ปิดเบาๆ ..กระจกสะท้อนภาพเด็กหนุ่มแว่นแดงร่างเล็ก
ม่อนแจ่มถอนหายใจ พ่อก็ตัวใหญ่ แม่ก็ตัวไม่เล็กนัก ทำไมกรูตัวแค่นี้วะ..
แต่ก็นั่นแหละนะ แม่บอกว่าเขาคลอดก่อนกำหนด ตัวถึงได้เท่าเปี๊ยก เปี๊ยกไม่พอ แถมยังสายตาสั้นอีก
เอาน่ะ.. มือเรียวยกขึ้นขยับแว่นที่เลื่อนไถลเพราะชื้นเหงื่อให้ขึ้นมาตั้งตรงบนสันจมูก    
ไหนๆ ก็สายตาสั้นแล้ว กูขอสั้นแบบมีคุณค่าก็แล้วกัน แว่นแดงนี่แหละจะนำโชคลาภและความเป็นสิริมงคลมาสู่เรา!

         ม่อนแจ่มละจากตู้เสื้อผ้าไปยังเตียงล่างของเขา หยิบผ้าปูที่นอนขนาดสามฟุตครึ่ง ลายหมีพูห์วิ่งเล่นกับทิกเกอร์ พิกเล็ตและอียอร์ออกมา
อืม.. กูปูเป็นนะ ป้าเพ็ญบอกกูแล้ว ว่ามันมียางยืดอยู่สี่มุม สิ่งที่ต้องทำ ก็เพียงแค่จับมันสอดเข้าไปกับฟูกนอน
‘ดูให้เป็นสี่เหลี่ยมนะคะคุณม่อน’ ..ป้าเพ็ญยังย้ำมา
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเหลือบขึ้นไปดูเตียงบนของไอดิลเพื่อความมั่นใจ
ผ้าปูที่นอนของรูมเมทผู้น่าคบคนนี้เป็นลายหมีกริซลีแทะเกาลัด..
ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง รู้สึกดีกับไอดิลมาก คิดว่าเราน่าจะเป็นสหายคู่ทุกข์คู่ยากกันได้ในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน!
ข้างหมอนไอดิลมีหนังสืออ่านเล่นสามสี่เล่มวางไว้ด้านหนึ่ง ชื่ออะไร อินดี้ๆ สักอย่าง และอีกด้านหนึ่งวาง ..ขลุ่ย
ว้าว.. รูมเมทคนนี้เป่าขลุ่ยแฮะ
และ.. บนผนังเหนือหัวเตียง มีแผ่นกระดาษเก่าๆ เขียนโคลงกลอนอะไรสักอย่างด้วยลายมือ แปะติดอยู่ด้วยหนึ่งใบ..
   
คือ.. บทกวีแห่งศักดิ์ศรี
คือ.. ดนตรีที่แจ่มชัด
คือ.. ภาพเขียนเจิดจรัส
คือ.. ทิวทัศน์อันงดงาม

           แปลว่าอะไรไม่รู้..
อย่าถามหาความสามารถด้านภาษาไทยจากม่อนแจ่มเลย เอาแค่ทุกวันนี้พูดให้เป็นภาษาคนก่อน เท่านั้นดีกว่า
ม่อนแจ่มละสายตาจากฟากของตัวเองไปยังคนอีกฟากหนึ่งบ้าง..
รูมเมทเตียงเดี่ยวนั้นแตกต่างอย่างมากกับรูมเมทเตียงบน
‘ไอดิล’ มีสมบัติที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง อย่างน้อยๆ ก็พอจะทำให้รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเจ้าตัวบ้าง เช่น ชอบอ่านหนังสือ และเป่าขลุ่ย
แต่.. กับพชร ไม่เป็นอย่างนั้น พชรเพียงเอากระเป๋าทั้งสองใบไว้ในตู้ แค่นั้น จบ..
แล้วร่างสูงก็เดินไปยืนที่ระเบียงแล้วเรียบร้อย สายตามองออกไปยังเวิ้งฟ้าภายนอก ไม่ได้สนใจเขาซึ่งอยู่ในห้องแม้แต่นิด
ม่อนแจ่มมองแผ่นหลังกำยำในเสื้อยืดนั้น.. ไม่มีอะไรบ่งบอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนอย่างไร..


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


          ช่วงหัวค่ำของวันรายงานตัวนักศึกษาใหม่แล้ว กว่าที่ม่อนแจ่มจะได้พบหน้าค่าตารูมเมททั้งสองอีกครั้ง
ไอดิลมาจากภาคใต้ แต่มีบ้านย่าอยู่ที่นี่จึงไปนอนค้างบ้านย่า ส่วนพชรนั้น เอ่อ.. เขาไม่รู้อะไรเพิ่มเลยสักอย่าง นอกจากว่าแม่งไม่มีชื่อเล่น ให้เรียกชื่อเต็มคือ พด-ชะ-ระ (ตามที่ไอดิลบอกมา)

            “เรียนอะไรกันบ้างวะ?”
ไอดิลปีนลงจากเตียงบนมาถาม หลังจากนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองแผ่นกระดาษเขียนคำกลอนบนผนังอยู่นานสองนาน
เออว่ะ ทำเอาม่อนแจ่มลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ถามกัน มัวแต่คิดเรื่อง..
เออ ช่างเถอะ ร่างเล็กเบนสายตาที่เหลือบๆมองเตียงเดี่ยวจนเกือบตาเขไปมองไอดิล แล้วเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง
“วิศวฯ เครื่องกล”
“เฮ้ย คณะเดียวกัน กูวิศวฯ สิ่งแวดล้อม!” ไอดิลยิ้มบ้าง
สัด จริงดิ กูไม่ได้เช็คก่อน.. โคตรดีใจ
วิศวกรรมศาสตร์ เป็นเพียงคณะเล็กๆ ที่มีประชากรปีหนึ่งไม่ถึงพัน นี่กูได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนร่วมคณะเหรอวะเนี่ย
งี้ทุกเช้า มึงเดินไปคณะพร้อมกูเลยแล้วกันไอดิล โอเค ตกลงตามนี้!
ม่อนแจ่มรีบตรงเข้าไปจับมือตกลงกับไอดิลอย่างเป็นทางการ ทั้งที่.. คิดในใจเองคนเดียวล้วนๆ
รูมเมทสิ่งแวดล้อมก็คงขำๆเขาอยู่เหมือนกันจึงจับมือตอบกึ่งๆหัวเราะอยู่อย่างนั้น ก่อนจะละไปคว้าขวดน้ำมากรอกปากดื่ม แล้วเอ่ยถามอีกหนึ่งรูมเมท
“พชร มึงล่ะ?”
ขอบคุณสำหรับคำถาม กูก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน กูแค่ไม่อยากถาม กลัวรับมันไม่หวายยย..
“มนุษยฯ ปรัชญา”
ปรัชญา? มนุษยฯ ปรัชญาอย่างนั้นหรือ เออ.. แม่ง มันก็ควรจะเป็นอะไรแบบ-

พรวด!!
จำต้องเลิกสนใจพชร เพราะไอดิลสำลักน้ำจนไอแค่กๆ
“เฮ้ย เป็นอะไร!?” ม่อนแจ่มตรงเข้าไปลูบหลังลูบไหล่เมทสิ่งแวดล้อม
“เอ่อ เปล่า..ไม่เป็นไร” ไอดิลตอบทั้งที่ตายังมองพชร ผู้ซึ่งเลิกคิ้วมองกลับมา ทว่า ก็ไม่ได้พูดอะไร

         ก็อก ก็อก!
ห๊ะ? เพิ่งเข้าหอในสองวันแรก มันควรจะมีใครมาเคาะประตูเหรอวะ..
สามรูมเมทมองหน้ากันและเป็นพชรที่หมุนลูกบิดเปิดประตูให้

         ใบหน้าที่โผล่เข้ามาในห้องนั้นไม่คุ้นตา บนท่อนแขนมีชุดนักศึกษายับๆพาดอยู่
พชรเลิกคิ้ว ม่อนแจ่มก็เลิกคิ้ว ..ส่วนไอดิลนั้นอ้าปากค้างน้อยๆ แต่แล้วก็เดินไปตรงหน้าผู้มาใหม่

“ดิ้ล เอาเตารีดมาไหม กูลืม..”
อ้อ คงเป็นเพื่อนไอดิลนั่นเอง..
แต่ เดี๋ยว เดี๋ยวนะ.. เพื่อนกันเขาเอาชุดมารีดให้กันแบบนั้นเหรอวะนั่น
แล้วสายตาที่เด็กหนุ่มหน้าห้องมองรูมเมท ..จะหยาดเยิ้มไปไหน
จากประตูที่เปิดอยู่ ทำให้ม่อนแจ่มเห็นว่าหมอนั่นอยู่ห้อง 336 ซึ่งติดกัน เพราะไม่นานเพื่อนร่วมห้องของเขาก็ออกมาตาม
แถมยังขอให้ไอดิลรีดชุดให้ตัวเองบ้างอีกด้วย ทว่า รูมเมทเตียงบนก็ปฏิเสธไปพร้อมทั้งให้ยืมเตารีดแทน
   
          “เฮ้ย ทำไมเขารีดผ้าให้มึง ไม่รีดให้กูวะ”
           “เพราะเขาเป็นแฟนกูไง”

   
เหี้ย..
เสียงจากหน้าห้องเล่นเอาม่อนแจ่มต้องยืนกอดอกรอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
และแทบช็อคเมื่อได้คำตอบว่า ‘เป็นแฟนจริงและคบกันมาตั้งแต่ม.ห้า’
คุณพระคุณเจ้า เรื่องนั้นกูไม่ได้สนใจเลย กูสนว่าหน้าตามึงธรรมดามาก แต่แฟนมึงหล่อมาก
ไอดิล มึงไปทำอีท่าไหนถึงได้มา บอกหน่อย กูจะได้ทำบ้าง..
ม่อนแจ่มไม่มีแฟนสักที ..จีบสาวไม่เคยติด เพราะเจ้าหล่อนมักจะบอกว่า ‘ม่อนแจ่มน่ารักเกินไป’
อย่างไรก็ตาม รูมเมทสิ่งแวดล้อมดูจะพอใจกับปฏิกิริยาของเขา จากที่ตอนแรกคงคิดว่าเขาจะรังเกียจ
ม่อนแจ่มส่ายหน้าน้อยๆ ไม่เลย ไม่ได้คิดว่าผู้ชายกับผู้ชายคบกันจะผิดอะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อไอดิลแลดูน่าคบแบบนี้ ไม่เป็นอุปสรรคสักนิดที่จะเป็นเพื่อนกัน
ทว่า ไอดิลคงจะยังกังวลอยู่ จึงเหล่มองไปทางพชร และถามคำถามที่ม่อนแจ่มไม่ได้แปลกใจ

           “พชร มีปัญหาเปล่าวะ?”
ใบหน้าคมเงยขึ้นมอง เลิกคิ้วน้อยๆ “เรื่อง?”
..

“ที่มึงเป็นแฟนกับข้างห้องน่ะนะ?”
เมื่อไอดิลพยักหน้ารับ เสียงเข้มจึงเอ่ยเรียบๆ
“กูเป็นรูมเมท ไม่ใช่พ่อมึง เพราะฉะนั้น แฟนมึงเป็นใคร ผู้ชายหรือผู้หญิง  มันใช่เรื่องที่กูต้องเสือกหรือ?”
ตอบด้วยคำถามสมกับที่จะเรียนปรัชญา และนี่เป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่กูเคยได้ยินจากปากแม่ง แถมยังเกินสิบคำ
กูควรจะดีใจไหมที่ได้รู้ว่ามึงพูดได้เกินสิบคำต่อวัน แต่ว่า..

“นี่คือ.. มึงไม่ได้เหน็บกูใช่ไหม?”
ม่อนแจ่มขมวดคิ้วใส่รูมเมทเตียงเดี่ยว ถึงจะเพิ่งเจอหน้ากันเป็นวันที่สอง แต่ถ้ามึงอยากมีเรื่อง กูก็พร้อมเหอะ
ทว่า อีกฝ่ายมีเพียงสีหน้าเรียบเฉยดุจเดิม ไม่แม้แต่จะมองตาเขา
“คิดไปเอง..”

กูว่าไม่มั้ง!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

สวัสดีคนอ่านทุกท่าน
สวัสดีพร้อมกับเรื่องใหม่ หวังว่าจะได้รับความบันเทิงใจเน้อ โปรดติดตามตอนต่อไป ขอบคุณครับ

*อาณาจักรคนแคระใน The Lord of the Rings (by J.R.R Tolkien)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 16-04-2016 21:08:01
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ที่ผ่านมา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 16-04-2016 21:28:25
 :mew1: 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 16-04-2016 21:59:40
รอติดตามนะคะ ม่อนแจ่ม กับ พชร จะรักกัน ยังไง ใครจะเริ่มรักก่อน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
เริ่มหัวข้อโดย: YouandMe ที่ 17-04-2016 11:15:33
รอติดตามเรื่องราวของม่อนกับ พด-ชะ-ระ (?) นะจ้ะ   :mew1:
ปล. แน่ใจนะว่าเชื่อดิ้ลได้   :z1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 16/4/59 Prologue P.1
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 17-04-2016 18:11:25
เรื่องใหม่~~

แค่ตอนแรกเราก็ชอบภาษา การบรรยายแล้ว รอติดตามมม   :mew3:

ปล. ไอดิลนี่ไม่ต้องบอกว่าเป็นก็คิดตั้งแต่เอาอินดี้ไปอ่านแล้วล่ะ ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 17-04-2016 22:02:18
CHAPTER 1: Living In Dorm Sucks!


          มันเหี้ยจริงๆเว้ย ชีวิตหอในของกู!
ม่อนแจ่มคิดอย่างหงุดหงิด
มีรูมเมทกับเขาสองคน คนหนึ่งก็มีแฟนหน้าหล่ออยู่ข้างห้อง อี๋อ๋อกันให้กูอิจฉาทั้งปีทั้งชาติ
อีกคนหน้าแม่งก็ไม่แม้แต่จะยอมมองกู เหี้ยเอ๊ย!


           “เอ้า เครป วันนี้บอกเขาใส่ช็อคโกแลตเยอะๆให้ด้วย”
“อื้ออ ขอบคุณ” ไอดิลยิ้มปากแทบฉีก ขณะกัดเครปที่คนรักซื้อมาฝากหลังจากซ้อมฟุตบอล เคี้ยวพลางบอกพลาง
“รีดชุดให้แล้วนะ อยู่ในตู้ง่ะ”
“ทีหลังไม่ต้องหรอก กูทำเองได้” ไอหมอกยิ้ม
ไอดิลเองก็ยิ้ม แล้วส่ายหน้าน้อยๆ “กูเต็มใจทำให้”
แหวะ.. ม่อนแจ่มเบ้หน้า ทำท่าอ้วกล้อเลียนอย่างไม่จริงจังนัก
ฮึ่ย อย่า อย่าให้กูมีบ้าง..
   
           ม่อนแจ่มกระทืบเท้าหงุดหงิด ฉวยตะกร้าลายหัวใจสีฟ้าสดใสที่เลือกมาอย่างตั้งใจจากหลังมอเครื่องครัวและผ้าขนหนู Guy Laroche สีชมพูผืนเก่าที่สุดที่เลือกมาจากบ้าน พร้อมชุดนอนลายหมูพูห์นอนผึ่งแดด เดินไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรวม ระหว่างทางก็สวนกับร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษา ..ร่างของคนที่อยู่ห้องเดียวกัน

           “สวัสดี พชร”
หยุดเดินและเอ่ยทักทายอย่างคาดหวังการตอบรับ
แต่ในเมื่อไม่มีการตอบรับในครั้งที่หนึ่ง ทำไมในครั้งที่ยี่สิบมันถึงจะมี..
พชรก้าวเดินไปในทิศทางเดิม  ไม่หยุด  ไม่มอง  ไม่ทักทาย  และไม่มีทีท่าว่าได้ยิน  ทั้งๆที่คงเต็มสองรูหูแม่งแล้วล่ะ คำทักของกูเนี่ย..
ร่างเล็กหันหลังกลับไปถลึงตาใส่แผ่นหลังที่เคลื่อนจากไปเร็วๆนั้น
นึกอยากจะคว้าเอาซันซิลในตะกร้าที่เพิ่งซื้อมาเขวี้ยงใส่สักที อยากรู้นัก แบบนั้นยังจะเมินเฉยอยู่ได้อีกไหม
ทว่า ม่อนแจ่มไม่ทำหรอก เขาไม่ชอบแทงข้างหลัง และไม่ชอบเขวี้ยงข้างหลังด้วย ถ้ามันถึงที่สุดจริงๆ กูจะไปยืนตรงหน้า แล้วท้าต่อยกับแม่งเลย!
   

          ม่อนแจ่มถอดแว่นเกี่ยวไว้กับตะขอประตู ถอดเสื้อผ้าชุดเก่า และหมุนฝักบัวเปิดน้ำอาบ
ค่อยๆแหย่ขาขวาเข้าไปก่อน ตามด้วยขาซ้าย แขนขวา แขนซ้ายและลำตัวตามลำดับ

‘เครื่องทำน้ำอุ่นเป็นสิ่งไม่จำเป็น..’
ม่อนแจ่มพยายามบอกกับตัวเอง ขณะก้มหัวลงเพื่อล้างศีรษะเตรียมสระผม

‘คนเราไม่จำเป็นต้องมีเครื่องทำน้ำอุ่นก็ได้..’
ม่อนแจ่มนึกอย่างแข็งขันขณะที่ฟันกระทบกันกึกๆ
สะบัดหัวไล่ความคิดที่ว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อถึงหน้าหนาวออกไป
แล้วลงมือละเลงหัวด้วยซันซิลที่เพิ่งเคยใช้มาสองสามครั้ง แต่.. เมื่อหมุนลูกบิดฝักบัวอีกที..

อะไร อะไร มันเกิดอะไรขึ้น?
ม่อนแจ่มปาดคราบแชมพูออกให้พ้นหัวคิ้ว
น้ำ.. น้ำไม่ไหล
ไม่มั้ง.. มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง
มือเรียวบิดปิดฝักบัว แล้วบิดเปิดใหม่ ตะ..แต่.. น้ำก็ไม่ไหลออกมาอยู่ดี..
ไม่นะ อย่า อย่าทำแบบนี้กับคุณหนูม่อน


          “ช่วยด้วย ช่วยที”
ม่อนแจ่มตะโกน “ใครอยู่ข้างนอก ช่วยทีครับ!”

เขาได้ยินเสียงตะกุกตะกัก น่าจะมาจากแถวอ่างล้างมือ ซึ่งที่จริงก็เป็นที่สำหรับซักล้างนั่นแหละ มีก๊อกสี่ห้าตัว แล้วก็มีอ่างกระเบื้องให้มาซักผ้าได้

เสียงฝีเท้าเดินมาหน้าห้อง..
เงียบไปแป๊ปหนึ่ง จนม่อนแจ่มขนลุก คิดว่าสิ่งที่ไม่อยากรู้ว่าอะไรมาหลอก
แบบ.. รีบหลอกเร็วไปไหม? นี่เพิ่งอาทิตย์แรกเองนะครับ
เกือบจะอ้อนวอนขอเวลาทำใจสักสามเดือนแล้วเชียว หูจึงได้ยินคำถามดังตามมา

          “เป็นอะไร”
..เสียงพชร
โอ้ คุณพระ คุณเจ้า คุณพชรช่วย!

         “พชร น้ำอ่ะ น้ำไม่ไหล”
ม่อนแจ่มโวยวาย “น้ำไม่ไหล พชร!”
“รู้แล้ว” เสียงเข้มตอบขรึมๆ แล้วเสียงฝีเท้าก็ห่างออกไป
“พชร อย่าเพิ่งไป”
...
“อะไรอีก”
“กู.. ยาสระผมเข้าตา กูแสบตา ไม่มีน้ำ”
พยายามอธิบาย แต่จะไปหวังอะไร อะไรก็ไม่รู้..
เมื่อเสียงฝีเท้าห่างออกไปอีกครั้ง ม่อนแจ่มจึงได้แต่หลับหูหลับตาคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดหน้า
ทว่า ในไม่กี่อึดใจ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
พชร..
ม่อนแจ่มไม่อยากจะเชื่อ
แต่ว่า..

           “ไอ้ม่อน ไอ้ม่อน!”
..เสียงไอดิล
“กูเอาน้ำมาให้ มึงล้างหน้าก่อน”
มือเรียวคว้าผ้าขนหนูมาพันตัว ก่อนเปิดประตู มองเห็นหัวทุยของไอดิลแบบพร่าเลือนเพราะไม่ได้ใส่แว่น หูได้ยินเสียงจากอีกสองห้องข้างๆที่ก็น่าจะประสบชะตากรรมเดียวกัน
ขวดน้ำสะอาดถูกยื่นมาให้ ม่อนแจ่มรับมาเทล้างหน้า
“ฮื่อ.. ขอบใจ ขอบใจมาก”
ร่างเล็กถอนใจ เพิ่งพบเจอกับประสบการณ์อันล้ำค่า น้ำไม่ไหลครั้งแรกในชีวิต โอ.. ไม่เสียทีที่อยู่หอในจริงๆ
“พชรบอกว่า ปกติน้ำไม่ค่อยไม่ไหลตอนกลางคืนหรอก อีกแป๊ปคงจะมาแล้ว มึงทนหน่อย”
..พชร
ม่อนแจ่มพยักหน้า ซึ่งก็เป็นตามนั้น เพราะไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อลองเปิดดูก็ปรากฏว่าน้ำไหลแล้ว
ม่อนแจ่มถอนใจยิ้มๆ เอาไว้จะเก็บเรื่องนี้ไปเล่าให้ป้าเพ็ญฟัง..

ป้าเพ็ญครับ ในที่สุด ม่อนก็รู้แล้วว่าน้ำไม่ไหลเป็นอย่างไร
ไม่ใช่ไม่ไหลธรรมดานะครับ ไม่ไหลตอนซันซิลยังคาหัวกบาลม่อนอีกด้วย



         อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจึงคว้าแว่นมาสวม
ไม่ลืมที่จะหยิบขวดน้ำพลาสติกบรรจุน้ำดื่มที่รูมเมทสิ่งแวดล้อมอุตส่าห์เอามาให้เขาล้างหน้ากลับไปด้วย

         “ไอดิล กูใช้น้ำมึงหมดแล้ว ไว้กูไปเติมจาก WaterNet มาคืนให้นะ”
“หือ?” เมทเตียงบนที่นั่งมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอยู่บนตักมองลงมาที่เขา
“เอ่อ พอดีน้ำกูหมด ยังไม่ได้เติม เมื่อกี้ เป็นขวดของพชร..”
ไอดิลเหลือบไปมองรูมเมทปรัชญาที่ยืนทำท่าไม่สนใจโลกอยู่นอกระเบียง
“มึงต้อง เอ่อ.. เติมมาคืนให้พชรน่ะ”


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

   
            ม่อนแจ่มคิดว่าการเติมน้ำใส่ขวดมาคืนพชรจะทำให้เจ้าตัวมีปฏิกิริยาที่ดีขึ้นกับเขา
เพราะก็เห็นๆกันอยู่ ว่าพชรไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ไม่งั้นคงไม่บอกไอดิลให้เอาน้ำมาให้เขา
ม่อนแจ่มจึงตั้งใจเติมน้ำอย่างดีที่สุด เป็นน้ำขวดที่กูตั้งใจเติมมากที่สุดจริงๆเลยว่ะ!
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเข้าใจผิด..

           “พชร”
มือเรียวยื่นขวดน้ำขนาดหนึ่งลิตรครึ่งให้ “ขอบใจมาก”
ร่างบนเตียงเดี่ยวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้ายังคงเฉยเมยเหมือนเดิม และไม่ได้มองมายังคนพูดเลย  สายตาซัดไปทางโต๊ะพับที่วางขวดน้ำเพียงแว่บเดียว
“ไปวางตรงโน้น”
บอกแค่นั้น
แค่นั้น.. แล้วก็อ่านหนังสือเล่มหนาต่อไป

ม่อนแจ่มยืนนิ่ง..
มึง.. พชร.. มึงพูดแบบนี้ได้ยังไง?
มึงเมินเฉยใส่กู กูยังไม่ว่า นี่มึงถึงกับเมินเฉยใส่ขวดน้ำที่กูตั้งใจเติมอย่างมากที่สุดในชีวิต
มึงรู้ไหมว่ากูต้องเดินลงบันไดไปกี่ขั้น กูต้องเปิดช่อง แล้วหยอดเหรียญ ซึ่งก่อนหน้านั้นกูต้องไปแลกเหรียญมาจากป้าโรงอาหาร ซึ่งป้าแกเกือบจะกินหัวกู เพราะแกกำลังทะเลาะกับผัวแก แล้วกูต้องเดินกลับมาเปิดฝาขวดน้ำ วางขวดให้ปากขวดจ่อตรงรูที่น้ำจะไหลออกมา แล้วคราวนี้ ตรงพอดี น้ำไม่หกเลยด้วย
หลังจากที่กูทำเป็นครั้งที่แปด.. นี่เป็นครั้งแรกที่กูไม่ทำน้ำหก ..กว่ากูจะประคับประคองน้ำขวดนี้ขึ้นมาให้มึงบนห้องนี้ได้
แล้วมึงบอกแค่ ..ให้กูไปวางตรงนู้น
ไอ้พชร!


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


          “มึงเข้าใจกูใช่ไหม!?”
“ไม่” ไอดิลส่ายหน้าดิก “กูไม่เข้าใจ”
กัดเครปที่หมอกซื้อมาฝากพลางบอกพลาง
“ไม่ตอบอย่างนั้น มึงจะให้พชรตอบว่าไงไอ้ม่อน?”
ไอดิลมองหน้าไอหมอกบ้างอย่างอยากขอความเห็นชอบ
“หรือมึงอยากให้ตอบประมาณว่า โอ้ ม่อนแจ่มน่ารักโคตรๆที่อุตส่าห์ประคองขวดน้ำขึ้นมาให้ ช่วยวางไว้บนหัวกบาลพชรนี่เลย ขอบใจมาก อย่างนี้เหรอวะ?”
“ไอ้ดิ้ล!”
“ครับม่อน!?”
เมื่อสองวิศวฯทำท่าจะตีกัน ร่างสูงของไอหมอกจึงลุกขึ้น ส่ายหน้าน้อยๆอย่างขำๆ
“อย่าเถียงกันน่า เดี๋ยวไปอาบน้ำได้แล้วนะดิ้ล ดึกเกินจะหนาว”
มือใหญ่ยีหัวไอดิลที่พยักหน้ารับหงึกหงักเป็นเชิงบอกลา แล้วหมุนลูกบิดประตู เตรียมกลับห้องตัวเอง
    
          “อ้าว หวัดดีพชร”
ไอหมอกเอ่ยทักทายคนที่เดินสวนผ่านประตูเข้ามา หลังจากเอาขนมมาฝากคนรักและนั่งคุยด้วยเล็กน้อย เช่นที่เป็นเกือบทุกวัน
พชรพยักหน้าน้อยๆให้ “สวัสดี หมอก..”
ซ้ำยังทักทายรูมเมทตัวเองหนึ่งคน “สวัสดีไอดิล”
….
…….
แล้วก็แค่นั้น..
ร่างสูงก้าวยาวๆเข้ามา วางกระเป๋าตัวเองลงบนเก้าอี้โต๊ะเขียนหนังสือ มือถอดเนคไทม่วงพาดไว้กับพนักพิง
ม่อนแจ่มเงี่ยหูฟัง จนแทบจะคว้าคัตตอนบัดมาปั่นๆขี้หูออกให้หมด เผื่อตัวเองจะพลาดการได้ยินอะไรไป
จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ยินคำที่อยากได้ยิน..
รอ.. รอ.. รอจนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“สวัสดี พชร”
….
เงียบ..
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่กูเรียก
แม่งคงไม่ใช่แค่ปิดเครื่อง ลักษณะน่าจะย้ายค่าย แต่ไม่ใช้เบอร์เดิมไปแล้ว

ร่างสูงละจากโต๊ะเขียนหนังสือไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูและชุดใส่นอน ซึ่งเป็นเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ไม่ใช่ชุดนอนลายสิงสาราสัตว์เหมือนของม่อนแจ่มออกมา ..ไม่แสดงอากัปกิริยาใดๆ ว่าได้ยินคำทักทายนั้น

            อยู่ห้องเดียวกันทุกวัน.. ห้องในหอในก็แคบเพียงแค่นี้..
ม่อนแจ่มได้แต่คิดอัศจรรย์ใจว่า พชรมีความสามารถมากขนาดไหน ที่จะไม่มองหน้า ไม่พูด ไม่คุยอะไรกับเขาทั้งสิ้น ราวกับเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
วันแรกๆ เขายังพอรับได้ว่าคงเป็นความประหม่า เป็นความไม่คุ้นเคย แต่นี่มันหลายวันแล้ว พชรก็ยังไม่พูดเหมือนเดิม
พูดน้อย.. เออ กูเข้าใจ แต่นี่มึงทักทายแฟนเมท ทักทายเมทอีกคน แต่ไม่ทักทายกูเลย มันหมายความว่ายังไง
มึงเห็นกูเป็นอากาศธาตุหรือไงวะ ..นี่มันเกินจะอดทนแล้ว
ร่างเล็กลุกขึ้นยืน เอ่ยย้ำอีกครั้ง “สวัสดี พชร”
เงียบ..

“เอ่อม..”
ไอดิลซึ่งรู้สึกได้ถึงบรรยากาศมาคุภายในห้องขยับตัวอย่างกระสับกระส่าย
“อ่าม.. เดี๋ยวกูแวะไปห้องหมอกแป๊ป กำลังคิดว่ารีดแขนเสื้อให้มันไม่เรียบ..”
“อืม.. ไปสิ กูจะไปอาบน้ำพอดี” พชรพยักหน้าให้
ไอดิลจึงหมุนลูกบิดประตู ก้าวสั้นๆออกนอกห้องและค้างเปิดไว้เช่นนั้นให้เมทปรัชญา
ทว่า.. เมทเครื่องกลลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าพร้อมรบ
ยังไม่ทันที่พชรจะเดินผ่านประตูออกไป ร่างเล็กกว่าก็ผลักประตูปิด ยืนขวาง
ประจันหน้ากันขนาดนี้ ไม่อยากมองก็ต้องมองกูวะ!

ในที่สุด.. ดวงตาสีดำสนิทนั้นก็มองมา คิ้วเลิกขึ้นน้อยๆ
ม่อนแจ่มจึงถามตรงๆ จ้องอีกฝ่ายเขม็ง ดวงตาแทบทะลุเลนส์แว่น
“มึงมีปัญหาอะไรกับกู พชร?”
ใบหน้าคนถูกถามยังคงนิ่งสนิทดุจเดิม ขณะเอ่ยตอบเรียบๆ “ไม่มี”
“ไม่มี แล้วทำไมไม่มองหน้ากู” ม่อนแจ่มว้าก ทว่า อีกฝ่ายเพียงยักไหล่ “อยากให้มอง?”

สัด แม่ง ยอกย้อน
“ไม่ใช่เว้ย แต่มึงไม่มอง ไม่พูด ไม่คุย มันหมายความว่าไง”
“หมายความว่าไม่มีอะไรจะคุย”
มือแกร่งพาดผ้าขนหนูไว้บนบ่า หยิบถุงสายเชือกใส่เครื่องอาบน้ำบนโต๊ะพับข้างประตูขึ้นมาถือไว้
“ถอยไป เครื่องกล”
เครื่อง.. เครื่องกล?
“กูมีชื่อ กูมีชื่อนะเว้ย พชร!” ม่อนแจ่มโวยวาย    
“อย่าเรียกกูว่าแว่นแดงหรือเครื่องกล กูมีชื่อ กูชื่อม่อน!”
อยากจะแหกรูหูมัน แคะขี้หูออกมาให้หมด แล้วตะโกนลงไปให้แม่งรู้สำนึกเสียบ้าง ว่ากูชื่อม่อน

สีหน้าพชรไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ย้ำคำเดิม “ถอยไป”
“ไม่!” ม่อนแจ่มประกาศ “สวัสดี ม่อนแจ่ม”
ถ้อยคำนั้นทำให้ร่างสูงเลิกคิ้ว
“-สวัสดี ม่อนแจ่ม- พูดแค่นี้มันจะตายไหมพชร กูเป็นรูมเมทมึงนะ ทักทายกันบ้างนี่โลกมันจะแตกหรือไงวะ”
“เครื่องกล..”
พชรไม่ตอบคำถาม แต่เอ่ยเรียบๆ “จะถอยไปดีๆ หรือให้กูจับโยนออกไปให้พ้นทาง”
เชี่ย!
“มึงคิดว่ากูกลัวเหรอ?” ม่อนแจ่มเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาเหมือนกัน
“ตัว-ตัวกับมึงยังได้เลยสัด ถ้ามึงอยากมีเรื่องมากนักก็มาเลย มึงมีปัญหาอะไรกับ- เฮ้ย!”
พูดไม่ทันจบ ตัวก็ลอยขึ้นจากพื้น เมื่อพชรวางถุงผ้าร่มไว้ที่เดิม และย่อตัวลง อุ้มร่างเล็กกว่าพาดบ่า
“พชร ปล่อย ปล่อยกู!” ม่อนแจ่มได้แต่ห้อยหัวโวยวาย ทุบแผ่นหลังกำยำนั้นหนักๆ “ปล่อยเว้ย!”

“อ๊ะ..!”
หลังสัมผัสกับเตียงล่างของตัวเอง แว่นแดงเอียงกะเท่เร่จนเลื่อนไถลหลุดจากใบหน้า ภาพตรงหน้าพร่าเลือนทันที
กูสายตาสั้น ไอ้พชร!
“แว่น..”
ม่อนแจ่มพึมพำ มือเรียวคว้าเปะปะ.. จนมือแข็งแรงกว่าต้องจับเอาไว้ แล้วหยิบแว่นมาค่อยๆใส่ให้..

ใบหน้าคมของอีกฝ่ายคือภาพแรกที่ม่อนแจ่มโฟกัสได้.. ก็เพิ่งจะเคยเห็นใกล้ขนาดนี้..
พชรเป็นผู้ชายหน้าคม จมูกโด่ง คิ้วเข้มดกหนาจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนเหนือ เพราะตามที่ไอดิลบอก พชรมาจากลำพูน..
นอกจากนั้นหน้าพชรยังเหมือน.. เหมือนกับเคยเจอ.. แต่ม่อนแจ่มก็นึกไม่ออกเลยว่าที่ไหนหรือเมื่อไร

จ้องมองกันอยู่เพียงชั่วอึดใจ แล้วก็เป็นร่างสูงที่ลุกขึ้น ก้มหัวลงต่ำไม่ให้ชนขอบเตียงบน แล้วหันหลังเดินไปหยิบของ ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องเหมือนตอนแรกที่ตั้งใจ

“พชร!” ม่อนแจ่มพยายามจะโวยวายต่อ แต่เสียงเข้มเอ่ยทั้งหันหลัง “เตียงล่าง เงียบที!”
เตียง.. เตียงล่าง?
“ถ้ามึงลุกขึ้นมาขวางอีกรอบ กูจะโยนออกนอกห้อง ไม่ใช่บนเตียง”
แล้วกูต้องเชื่อไหม? กูจะเชื่อมึงไหมพชร กูไม่..
โอ๊ยยย!
หัว หัวกู..
ม่อนแจ่มประคองศีรษะที่เพิ่งกระแทกกับขอบเตียงบนเพราะทะลึ่งลุกขึ้นมาเร็วเกินไป

“ไอ้พชร..!”  ม่อนแจ่มตะโกนลั่น
ทว่า.. ร่างสูงออกผ่านประตูไปแล้วก่อนที่เขาจะหัวโขกเสียอีก มือเรียวจึงได้แต่ปาหมอนใส่ประตูอย่างหงุดหงิด
หวังให้หมอนเป็นขวดซันซิลและหวังให้ประตูเป็นแผ่นหลังของรูมเมทปรัชญา

มันเหี้ยจริงๆเว้ย ชีวิตหอในของกู!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 17-04-2016 22:47:53
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 18-04-2016 00:16:26
พชร ม่อนแจ่ม สองคนเคยเจอกันก่อนหน้านี้แน่ๆ ม่อนแ่จ่มน่ารัก


ขอบคุณนะคะ รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 18-04-2016 20:26:41
5555 น่ารักอ่ะม่อนแจ่ม  :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
เริ่มหัวข้อโดย: YouandMe ที่ 18-04-2016 21:46:33
2 คนเขาจะรบกัน...ดิ้ลหนีไปรีดแขนเสื้อให้หมอกซะงั้น  :m20:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 19-04-2016 01:42:34
ได้อ่านเรื่องใหม่แล้ว ดีจัง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 19-04-2016 06:51:55
ม่อนแจ่มน่ารัก คุณหนูใสๆ มาเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 19-04-2016 07:01:00
เย้ เรื่องใหม่มาแล้ว  :mc4: :mc4: :mc4:

ม่อนสู้ๆ  o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 19-04-2016 07:06:37
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 19-04-2016 10:59:39
น่ารักทุกคนเล้ย ดีใจได้เจอไอดิลกับไอหมอกอีก แปลกใจเหมือนกันที่ดิลเรียนวิดวะ แต่ก้อยังมีมนุษย์ฯ ปรัชญามาป่วนอยู่ดี อิอิ
มาแค่นี้ก็ขำกลิ้งซะแล้ว รอดูว่าม่อนจะโดนเรียกว่าไรอีก 5555+
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 17/4/59 CH.1 Living In Dorm Sucks! P.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-04-2016 13:15:21
 :katai2-1:  ดีใจ ได้มาอ่านเรื่องใหม่ของไร้ท
มีไอดิล ไอหมอก ด้วย   :กอด1:
ม่อนแจ่ม ชื่อดอย ชื่อน่ารัก :mew1:
แสดงว่า ม่อน เคยรู้จักกับ พชร มาก่อน
แต่เกิดอะไรที่ทำให้ม่อนจำพชรไม่ได้
นี่หรือเปล่าที่ทำให้พชร ทำตัวเฉยเมยกับม่อน
ชอบ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 20-04-2016 22:54:07

CHAPTER 2: Living In Dorm  Really Sucks!

             “เอ่อ.. กับกู พชรก็ไม่ค่อยพูดเหมือนกัน”
ไอดิลตบไหล่เพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมคณะ ขณะเดินออกจากหอสามชายไปเรียนพร้อมกัน
“มึงอย่าไปคิดมากเลยวะม่อน ไม่มีอะไรหรอก พชรมันเป็นคนเงียบๆ”
“แต่มันทักมึง มึงก็เห็น มันทักมึง มันทักหมอก มันไม่ทักกู!”   
“อะ..” ไอดิลขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ “มันคงจะ เอ่อ.. ลืมล่ะมั้ง”
“เหี้ย!”

โอย สบถอยู่ได้..
‘เหี้ย’ นี่เป็นคำประจำตัวของม่อนแจ่มหรือยังไงนะ ไอดิลแอบคิดในใจ
มันก็เคยเป็นคำประจำตัวของเขาเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ว่า หมอกไม่ชอบให้พูดหยาบ หลังๆ เขาจึงพยายามลด จนแทบจะไม่มีเหตุผลอะไรให้พูดแล้วเดี๋ยวนี้

            “ลืมทัก ลืมทักเนี่ยนะ!” ม่อนแจ่มยังบ่นไม่หยุด “กูไม่คิดเลยว่าแม่งจะ-”
“โอเคๆ” ไอดิลยกมือเบรก “เอาไว้กูจะถามให้ ว่าพชรมีปัญหาอะไรกับมึงหรือเปล่า แบบนี้ดีไหม?”
ดีนะ ดีเถอะม่อน กูจะไปเรียนแล้ว..
ไอดิลรอลุ้น.. และในที่สุดใบหน้ายู่ยี่ของรูมเมทเครื่องกลก็พยักรับ เฮ่อ..

   ม่อนแจ่มหายใจฮึดฮัด สาวเท้าก้าวสั้นๆตามความยาวของขา เดินเข้าห้องเรียน
ขับไล่รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มออกไปจากหัวสมอง เริ่มต้นวันนี้ด้วยเคมีทั่วไปสำหรับวิศวกร ก่อนจะไปต่อด้วยแคลคูลัสและเขียนแบบวิศวกรรม
ครอบครัวเขาทำธุรกิจส่งออกผลไม้ท้องถิ่นแปรรูป ม่อนแจ่มเลือกมาเรียนวิศวฯเครื่องกล หวังจะช่วยพัฒนาระบบจักรกลในกิจการของบิดา และเหนือสิ่งอื่นใด เขาต้องการเท่!
ประโยคที่ว่า ‘ม่อนแจ่มน่ารักเกินไป’ นั้นเป็นแผลในใจ เป็นแผลในกายของเขามาตลอด
คราวนี้ละ.. สี่ปีในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลจะช่วยให้เขากลายเป็นม่อนแจ่มผู้ทรงพละกำลัง เป็นเลิศด้วยทักษะและสติปัญญา วะ ฮะ ฮ่า!

   บรรยากาศในห้องเรียนก่อนอาจารย์เข้าสอนวุ่นวายเหมือนทุกวัน
คาบแรกวันจันทร์เป็นต้องเจอวิชาที่ไม่ถนัดเสียอย่างนั้นสิน่า ม่อนแจ่มตกใจแทบช็อค เมื่อต้องเรียนคมี เป็นวิชาแรกในชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย มือเรียวแล็กเชอร์ Atoms, Molecules, and Ions อย่างหน่ายๆ และภาวนาให้ถึงวิชาฟิสิกส์เสียที..


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           
          “มึงถามมันหรือยัง?”

ห๊ะ? ไอดิลถึงกับต้องหันไปมองคนถาม
กูเพิ่งไปคณะฯกับมึงเมื่อเช้า เลิกห้องเชียร์กลับมาถึงหอก็พร้อมกัน กูจะเอาเวลาไหนไปถามวะ?
ทว่า สายตารูมเมทเครื่องกลไม่ได้มองมาที่เขา กลับจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของรูมเมทปรัชญาแทน

“มึงถามมันหรือยังว่ามันมีปัญหาอะไรกับกู ถามมัน ถามเดี๋ยวนี้เลย กูเคยเป็นศิษย์สำนักเดียวกับมัน แล้วหักหลังมันหรือไง หรือกูขโมยแม่แรงศักดิ์สิทธิ์อะไรมาจากมัน แล้วที่มันไม่พูดนี่ ปากอมสากกะเบืออยู่หรือไง ถามมัน ถามมันสิ”
..
อะ.. เอ่อ.. เออ..
ไอดิลปลดเป้ลงจากบ่า
“พชร.. คือ..” หนุ่มสิ่งแวดล้อมกระแอม พยายามเลือกสรรคำพูด
ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ เขาจะต้องเป็นนักแปลเหมือนพ่อ ..แปลเกรียนเป็นไทย!
...
“มึงไม่ถามมันเองวะ?”
จำต้องถามม่อนแจ่มอีกรอบ คือกูจะถามให้นั่นแหละ แต่ไม่ได้คิดว่าจะถามแบบมีมึงมายืนบอกบทอยู่แบบนี้ไง
“ถ้ากูถามมันเองแล้วมันบอก กูจะให้มึงถามไหม เพราะมันไม่บอกกูไง เพราะมัน-”
“โอเคๆ” ไอดิลต้องยกมือเบรกอีกครั้ง
ม่อนแจ่มสามารถพูดอะไรยาวๆ ได้ยาวเฟื้อยแทบไม่หยุดหายใจกันเลยทีเดียว ซึ่งส่วนมากสาระก็มีแค่เล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือเป็นส่วนเสริมล้วนๆ
ไอดิลหันกลับไปหาพชรที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย ในขณะที่ม่อนแจ่มแทบจะควันออกหูอยู่แล้ว
“พชร มึง เอ่อ.. เคยมีปัญหาอะไรกับไอ้ม่อนหรือเปล่าวะ” เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดให้ดูดีและดูไม่เสือก
“แบบว่า.. ไหนๆ เราก็อยู่ห้องเดียวกัน คุย.. คุยกันได้นะ”
พชรละสายตาจากชีสปรัชญาที่อ่านอยู่ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ไอดิล..”
เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ รอฟังคำอธิบาย เผื่อจะช่วยสงบอารมณ์ของเพื่อนร่วมคณะลงบ้าง
ทว่า สิ่งที่พชรพูดคือ..

“บอกเครื่องกลด้วย ว่าช่วยพูดให้น้อยลงหน่อย รำคาญ”
“ไอ้..” ม่อนแจ่มอ้าปากพะงาบๆ
ไอ้อะไรไม่รู้ เพราะพชรไม่รอฟัง ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วก้าวยาวๆออกจากห้อง
ม่อนแจ่มตั้งท่าจะตาม แต่ไอดิลยึดไหล่เอาไว้แน่น
“เดี๋ยวกูคุยให้  มึงอยู่เฉยๆ  อยู่เฉยๆเลยม่อน!”


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           
          “ไม่ชอบกู..”
ม่อนแจ่มทวนคำ “เท่านี้เหรอวะที่มันบอก ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำอธิบายเหี้ยอะไรเสริมเลยเนี่ยนะ”
“อืม..” ไอดิลครางรับในลำคอ
“มึงแน่ใจนะว่ามันบอกเท่านี้” เสียงเล็กถามย้ำอีก “ชัวร์ว่ามันไม่ได้-”
“เออ..” ไอดิลพยักหน้าเป็นรอบที่สาม หลังจากเดินตามพชรออกไปข้างนอกและคุยกันเสร็จเรียบร้อย
ซึ่งมันก็ไม่เรียกว่า ‘คุย’ เท่าไหร่หรอก ในเมื่อเขาถามไปสิบประโยค พชรก็ตอบมาแค่ประโยคเดียว
ม่อนแจ่มพ่นลมหายใจ ยันตัวลุกขึ้น
“แล้วนั่นมึงจะไปไหน” ไอดิลถามไล่หลัง ขณะรูมเมทเครื่องกลก้าวยาวๆไปเปิดประตูห้อง
“กูจะไปต่อยกับแม่ง”
เฮ้ย!


           อยู่ไหน.. พชรอยู่ไหน
ม่อนแจ่มมองหาซ้าย ขวา..
มองไปตามทางเดิน มองไปยังฝาผนัง มองไปบนเพดาน
และที่สุด.. ก็เห็นร่างสูงนั่งอยู่บนม้านั่งยาว

          “พชร!”
เรียกเสียงดังฟังชัด แล้วก็เป็นคนอยู่ก่อนที่ถอนหายใจแรงอย่างหน่ายๆ
“พชร” เรียกอีก เมื่อไม่มีเสียงตอบ คราวนี้ คนถูกเรียกจึงเลิกคิ้วอย่างหงุดหงิด
“อะไรนักหนาเครื่องกล?”
ไอ้..ปรัชญา..
“กูไม่ได้ชื่อเครื่องกล กูชื่อม่อน มึงได้ยินไหมเนี่ย!” ม่อนแจ่มว้าก
“มึงอยากมีเรื่องใช่ไหม มึงมาต่อยกับกูเลยมาพชร เดี๋ยวนี้เลย”
พชรพ่นลมหายใจ ขมวดคิ้วน้อยๆ มองร่างเล็กตัวเท่าเปี๊ยกตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ไม่ต้องมามองกูแบบนั้น” ม่อนแจ่มแว้ดทันที “มึงอย่าประเมินกำลังจากขนาดตัวกู กู.. กูสู้!”
อยากจะขำเสียให้รู้แล้วรู้รอด พชรส่ายหัวน้อยๆ ยังคงนั่งพิงผนังอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน ขณะคนที่ยืนอยู่ตั่งท่าจะเข้ามาต่อยอยู่รอมร่อ
“ตกลงจะบอกกูดีๆไหม หรือจะต่อยกัน” ม่อนแจ่มหน้าดุ “ถ้ามึงยังไม่พูด กูจะต่อย- เหี้ยยย!”

อะไร คราวนี้อะไร!?
ม่อนแจ่มสบถ หยุดพูดกะทันหันเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวตกลงสู่ความมืดมิด
เกิด.. เกิดอะไรขึ้นกับกู ไม่.. ไม่เอานะ อย่า อย่าทำคุณหนูม่อนเลย

“พชร พชร!”
ไอ้ที่จะเข้าไปต่อยน่ะ ไม่รู้แล้วว่าอยู่ตรงไหน ได้แต่เดินเปะปะเข้าไปตรงที่ร่างสูงน่าจะนั่งอยู่
“พชร!”
“อะไร”
คำตอบนั้นทำให้อุ่นใจ แม้ว่าน้ำเสียงจะแข็งกระด้างแค่ไหนก็ตาม
“พชร! ไฟดับอะ ไฟดับ” มือเรียวยื่นไปหา พยายามหาที่เกาะกุม
“ไฟดับ พชร!”
“รู้แล้ว” เสียงตอบนั้นไม่รู้จะหงุดหงิดหรือจะขำ
“พช- เฮ้ยยย!”

เอาอีกแล้ว..
อะไร นี่อะไร?  เขาเหยียบลงบนอะไร แล้ว.. แล้วตกลงบน.. ตักใคร

“อะ..”
จะตักใครล่ะเนอะ ก็มีอยู่คนเดียว..
คงเป็นเพราะตอนแรกตกใจด้วยสายตาไม่ชินกับความมืด พอเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาที ม่อนแจ่มจึงตระหนักว่ามันไม่ได้มืดสนิทเสียหน่อย ตอนนี้เขามองเห็นหน้าพชรค่อนข้างชัด เท่าที่จะมองเห็นได้ในความสลัวนั้น
มือข้างหนึ่งเกาะอยู่บนไหล่กว้าง อีกข้างขยุ้มเสื้อยืดเอาไว้เพื่อไม่ให้หล่นลงไปนอนวัดพื้น ซึ่งก็ไม่น่าจะหล่นได้ เพราะแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของอีกฝ่ายก็คว้าเอวเขาเอาไว้โดยอัตโนมัติก่อนจะหน้าคะมำ

“ฟ..ไฟดับ” ม่อนแจ่มพูดได้แค่นั้น จบประเด็นท้าต่อยชั่วคราว
“รู้แล้ว” พชรพ่นลมหายใจ
“พชร..”
..
“พชร”
“อะไรอีก”
“เรา.. เคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?”
คิดว่าคงไม่ได้รับคำตอบ อย่างไรก็ตาม..
“ไม่เคย”
นั่นสิ ไม่เคย
ม่อนแจ่มไม่ใช่คนขี้ลืม ถ้าเคยพบกัน ไม่มีทางที่เขาจะจำไม่ได้ แต่คนที่ไม่ชอบกันทั้งที่ไม่เคยเจอ มันจะมีหรือ..

“ไม่เคยเจอจริงๆเลยใช่ไหม..”
นัยน์ตาสีดำสนิทโดดออกมาจากความสลัวรอบตัวได้เด่นชัดอย่างน่าประหลาด
“กูไม่เคยโกหก”

ไม่เคย..
ม่อนแจ่มไม่เคยคิดว่าจะมีใครในโลกที่ไม่เคยโกหก ทว่า หากจะมีจริงๆ คนตรงหน้าก็คงเป็นหนึ่งในนั้นได้ไม่ยาก
ทั้งที่แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าตัวเลย แต่ลักษณะบางอย่างของพชรทำให้ม่อนแจ่มรู้สึกอย่างนั้น
รู้สึกว่า.. อีกฝ่ายเป็นคนพูดน้อย แต่รับผิดชอบต่อคำพูด และ.. จะไม่พูดโกหก
เมื่อเป็นแบบนั้น..
“แล้วทำไม-”
“เครื่องกล” เสียงเข้มตัดบท “จะลุกไปได้หรือยัง”
“แต่-”
“ลุก-ขึ้น” เสียงดุสั่งเน้นๆ ทำเอาม่อนแจ่มระลึกได้ว่าตัวเองก็นั่งอยู่บนตักของอีกฝ่ายมาหลายนาที
ลุก ลุกแล้ว ไอ้นี่ก็ดุจริงเว้ย..

ร่างเล็กยืดตัวขึ้นมา ค่อยๆหันหลังเดินกลับไปทางห้อง 338
ไม่เป็นไร.. เขาปลอบใจตัวเอง ..ไว้กูค่อยมาท้าต่อยมันใหม่วันหลัง
วันนี้ไฟฟ้าไม่อำนวย กูกลัวต่อยผิดต่อยถูก เกิดต่อยพลาดไปโดนกำแพงก็จะเป็นเวรเป็นกรรมของข้อนิ้วกูอีก
ไว้จะเอาไปเล่าให้ป้าเพ็ญฟัง..

ประสบการณ์ไฟดับครั้งแรกในชีวิตม่อน แถมม่อนยังเกือบล้มหัวคะมำ
แต่ก็ดีที่ตกลงบนตักของคนที่ไม่ชอบขี้หน้าม่อน ผู้ซึ่งยอมตอบคำถามม่อนในที่สุด
แล้วถามแบบรำคาญๆ ว่าเมื่อไหร่ม่อนจะลุกออกไปจากตักมันเสียที ตามด้วยสั่งเน้นๆอีกรอบ ให้ม่อน 'ลุก-ขึ้น'
แล้วนี่ม่อนควรดีใจไหมครับ?



             “ม่อน ไอ้ม่อน?”
..เสียงไอดิล
“เออ อยู่นี่” ม่อนแจ่มตอบรับรูมเมทสิ่งแวดล้อมที่ถือเทียน ยืนรีๆรอๆอยู่ริมทางเดิน
“เห็นขี้กลัวอยู่ ไฟดับ กูเลยออกมาดู”
ขี้กลัว? กูน่ะเหรอ? มึงจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วไอดิล! แค่ตกใจเว้ย เขาเรียกว่า ‘ตก-ใจ’
สองรูมเมทแห่ง 338 เดินเคียงกันในความสลัว แล้วก็เป็นไอดิลที่ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
“ไอ้ม่อน..”
“ฮื่อ” คนถูกเรียกครางรับอย่างไม่ค่อยมีกะใจนัก
“มึง.. มึงไปทำอะไรบนตักพชรวะ?”
ห๊ะ? เฮ้ย!
คราวนี้ ม่อนแจ่มแทบล้มหัวคะมำจริงๆ กะจิตกะใจกลับมามีทันที
ขอบคุณสำหรับคำถามครับไอดิล คือแบบนี้นะ คือแบบนี้ไง..
ม่อนแจ่มพยายามละล่ำละลักอธิบาย “ไฟ.. ไฟดับ”
แล้วกูกำลังจะเข้าไป “ต่อยมัน..”
แต่กูต่อยไม่โดน เพราะ.. “ไฟดับ”
ทีนี้เนื่องจากมัน “มืด”
กูก็เลยเหยียบเอา.. ”เท้ามัน”
แล้วกูก็.. “คว้าไหล่” ..แม่งไว้
มืออีกข้างก็คว้า.. “เสื้อยืด” ..มัน
ซึ่งกูก็คง.. “ล้ม” ..อยู่ดีนั่นแหละ ถ้ามันไม่ตวัดมือรอบ.. “เอว” ..กูไว้อีกทีหนึ่ง
“ที่กูพูดทั้งหมดเนี่ย มึงเข้าใจใช่ไหม!?”

รูมเมทสิ่งแวดล้อมไม่มีคำตอบให้
ไอ้ม่อน.. มึงคิดว่ากูฉลาดนักหรือไง กูถึงควรจะเข้าใจคำพูดไม่ปะติดปะต่อที่มาพร้อมกับเสียงหายใจหอบๆของมึงได้
ถึงความฉลาดของกูจะมากขึ้นมาหน่อยแล้ว แต่ความโง่ของกูก็ยังเท่าเดิม ไม่ได้เปลี่ยนสัดส่วนแต่อย่างใดเลย
แล้วมึงคาดหวังความเข้าใจอะไรของกูจากสารที่มึงส่งมาวะ..


          “ไอดิล..”
เสียงเข้มที่คุ้นเคยยืนเรียกอยู่หน้าห้อง 338 พร้อมกับเสียงเคาะประตู
“หมอก กูอยู่นี่”
ไอดิลเลิกสนใจม่อนแจ่มชั่วคราวและไม่ขอพยายามทำความเข้าใจประโยคสัญญาณขาดคลื่นแทรกนั่นด้วย
ร่างเล็กเดินเข้าไปหาคนรัก ใบหน้าไอหมอกยังคงดูอบอุ่นภายใต้แสงเทียนของเขาที่สาดส่องไปต้อง
“กลัวไหม?”
ไอดิลยิ้มกับน้ำเสียงห่วงใยนั้น พลางส่ายหน้าหงึกหงัก
“เอานี่ไว้ อย่าใช้เทียนเลย เผื่อเกิดอุบัติเหตุ” มือแกร่งส่งไฟฉายให้
“แล้วมึงอ่ะ” ไอดิลเป่าเทียนดับ ถามขึ้นเบาๆ
“เดี๋ยวกูค่อยหาใหม่ มึงเอาไว้ นะ..”
“อื้อ..” ไอดิลพยักหน้ารับ
ความรู้สึกเดิม.. ก็ยังเต็มล้นในใจเหมือนเดิม.. เขาจึงเขย่งเท้าขึ้น เผยอปากน้อยๆ
พอรู้.. ว่าร่างสูงไม่ต้องการทำอะไรไม่เหมาะสมให้เกิดคำครหา แต่ว่า.. แต่ว่านี่มันก็มืด แล้ว..

“เข้าห้องได้แล้วไป”
ไอหมอกเอาไฟฉายจิ้มอกคนรัก ดันหน้าเรียวออกห่างจากปลายคาง
“หมอก!” ไอดิลหน้ามุ่ย นี่มึงถึงกับปฏิเสธจูบกูเลยเหรอวะ?
อยู่หอมาสองอาทิตย์แล้ว มากสุดแค่จับมือ ทำไมไม่กอด ไม่หอม ไม่จูบ..
“มึงมีคนใหม่เหรอ..”
เฮ้ย! ไอหมอกส่ายหน้าน้อยๆใส่คนพูด
“หน้าตากูดูเหมือนมีคนใหม่หรือ?”
“กูจะไปรู้ได้ยังไง มันมืด” ไอดิลบอกอย่างดื้อดึง
ไอหมอกหัวเราะน้อยๆ คว้ามือข้างหนึ่งของไอดิลขึ้นมาทาบบนแผ่นอกซ้ายของตัวเอง..

“รู้หรือยัง..”
อะ..
แม่ง..
ไอดิลเขินจัด กระนั้นก็พยักหน้ารับ
“เข้าห้องนะครับ” ไอหมอกย้ำ
“อื้ออ” หน้าขาวพยักรับอีก พลางไขกุญแจ
ไอหมอกยิ้ม.. ไอดิลยิ้ม.. จะเบ้หน้าก็เพียงม่อนแจ่มที่ชิงเดินเข้าห้องไปก่อน
“ไม่ต้องเกรงใจกูนะ พวกมึงจีบกันตามสบายเลย!”

หงุดหงิด..
ไม่รู้ทำไมถึงหงุดหงิด
 รู้แค่..  มันยิ่งกว่าเหี้ยอีกเว้ย ชีวิตหอในของกู!!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-04-2016 00:55:17
ม่อนแจ่มนี่มันตัวฮาเลย
ตกลงเป็นตัวเอกหรือตัวประกอบกันแน่ฮึ
แซวเล่นนะ เราชอบไอหมอกและไอดิลเหมือนเดิมแหละ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 21-04-2016 02:20:28
อ่านมาทั้งตอนก็รู้สึกว่า พชร ที่พูดน้อยมากเท่จริงๆ แต่แค่ไอหมอกออกมาท้ายตอนนิดเดียว เราก็เปลี่ยนทีมทันที
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-04-2016 05:51:12
ไอหมอก รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับพ่อหล่อ พ่อน่ารักมั่นคงมากเกินไป
ขนาดทำให้ไอดิลถาม “มึงมีคนใหม่เหรอ..”
ม่อนแจ่ม เลิกสนใจคนทึ่ม ไม่มีมารยาท  :เฮ้อ:
เขาไม่อยากพูดกับเรา เราก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ต้องสนใจตอบ
พชร ก็แปลกๆ ต้องมีอะไรกับม่อนแน่ๆ ถึงพูด ทักทายกับคนอื่น  :m16:
แต่กับม่อนชื่อก็ไม่เรียก เรียกแว่น เครื่องกล ประหลาดคน :katai1:
สนุก ชอบ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 21-04-2016 08:46:59
เข้ามาให้กำลังใจเกรียนรุ่นลูกนะคะ (เจอไอดิล-หมอกเข้ามหาลัยสักที)
ภาคนี้มาพร้อมกับความเกรียนของม่อนแจ่มเลย (ชอบชื่อตัวละครของคุณINDY-POET ทุกชื่อที่ตั้งมากๆเลยค่ะ)
คู่นี้คนหนึ่งพูดมากดูวุ่นวายไฮเปอร์ลูกคุณหนูกับอีกคนนี่ก็นิ่งสงบเยือกเย็น  รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
:pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 21-04-2016 09:17:25
ไอดิลกะหมอกแย่งซีนม่อนอะ 55555555 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 20/4/59 CH.2
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 21-04-2016 20:59:21
ม่อนน่ารักเนอะ ฮาดี ชอบรุ่นพ่อแล้ว รุ่นลูกก็ชอบ เอาใจช่วยม่อนนะลูก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/4/59 CH.3
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 23-04-2016 14:34:17
CHAPTER 3: More Than a Stranger

             “พชร ไปกินข้าวกัน”
เพราะตั้งแต่อยู่ร่วมห้องกันมายังไม่เคยกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย
ไอดิลจึงถือโอกาสเอาวันเสาร์มื้อสายๆติดๆจะเที่ยงชวนสองหนุ่ม หนึ่งปรัชญาและอีกหนึ่งเครื่องกลลงไปโรงอาหารด้วยกัน

“ฮื่ออ ไปๆ หิววว” ม่อนแจ่มโหยหวน
“เดี๋ยวกูค่อยไป” พชรตอบเรียบๆ ยิ้มให้ไอดิลนิดหนึ่งเป็นเชิงขอโทษ
ไอดิลกลอกตาบนมองเพดาน
“ไปเถอะ พชร กูอยากกินข้าวพร้อมกันสามคน นะ.. ไม่อย่างนั้นมันจะไม่บรรลุเป้าหมายชีวิตหอในของกู”
ร่างเล็กอธิบาย โน้มน้าวและชักจูง พร้อมเสริม “เดี๋ยวกูดูให้ ไม่ให้ไอ้ม่อนระรานมึง”
“ไอ้ดิ้ล!” เมทเครื่องกลถลึงตาใส่เมทสิ่งแวดล้อม จัดการเรียก-ไอ้-ควบชื่อเสียเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“ระ..ระรานเหรอ ที่มึงพูด มึงคิดแล้วใช่ไหม มึง มึงคิดว่ากูจะ แล้วมัน-”
“โอเค ไปเถอะ”
ตอบรับแค่นั้น ตัดบทกันซึ่งๆหน้า แล้วพชรก็เปิดลิ้นชักหยิบธนบัตรสองสามใบเดินนำหน้าไปก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการได้ยินเสียงบ่นยืดยาวที่เมื่อเริ่มแล้ว ไม่จบสิ้นง่ายๆของม่อนแจ่ม..

           ม่อนแจ่มเดินไปร้านอาหารตามสั่งอย่างโมโหๆ จัดการสั่งข้าวกะเพราะหมูกรอบ ส่วนไอดิลเดินไปร้านก๋วยเตี๋ยวสั่งหมี่เหลืองต้มยำ ขณะที่พชรเร็วกว่าใครเพื่อน จัดข้าวราดแกงมาหนึ่งจาน แล้วยังไปกดน้ำเปล่าให้สำหรับตัวเองและเพื่อนอีกสองคน

“น้ำกูเหรอ..”
ถึงกับต้องถามซ้ำ เมื่อวางจานข้าวกะเพราะหมูกรอบลงบนโต๊ะ เพ่งมองน้ำแก้วน้อยที่เห็นอยู่ว่ามาจากมือของพชร
เหมือนเคย..
ไม่มีการตอบรับ.. ไม่มีการปฏิเสธ..
จนอยากจะหยิบแก้วน้ำแล้วเทราดลงบนหัวแม่ง เผื่อจะพูดได้

“พชร ถ้ามึงไม่ตอบ กูจะไปกดน้ำมาใหม่..”
ม่อนแจ่มเอ่ยนิ่งๆ และอธิบาย เลียนแบบเสียงเรียบๆของพชรได้ค่อนข้างเหมือน เสียแต่พชรไม่เคยพูดอะไรยืดยาวแบบเขาเท่านั้น
“ถ้ากูต้องไปเอาน้ำมาใหม่ คนล้างแก้วก็ต้องเหนื่อยที่จะต้องล้างสี่แก้ว แทนที่จะเป็นสาม น้ำยาล้างจานก็ต้องเปลือง
น้ำสะอาดก็ต้องเปลือง ไอดิลที่เรียนวิศวฯ สิ่งแวดล้อมก็คงต้องเสียใจและเสียดายกับการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ
มันอาจจะเสียใจมากจนพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง และเป็นต้นเหตุความร้าวฉานของความสัมพันธ์ระหว่างมันกับหมอก”

ห๊ะ?
ไอดิลถึงกับตาลีตาเหลือกเมื่อถูกเอาชื่อไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเมทเครื่องกลค้าง
ไอ้ม่อน.. มึงทำ GAT เชื่อมโยงได้เต็มใช่ไหมวะ?
แล้วมึงไม่ได้เกรียนใช่ไหม ช่วยบอก ..บอกให้กูหายกังวลทีเถอะ

“โอเค ในเมื่อพชรไม่ตอบ กูจะไปกดน้ำมาใหม่”
ม่อนแจ่มตั้งท่าจะเดินไป แต่ไอดิลรั้งแขนไว้ “ไอ้ม่อน นั่งลงกินเถอะน่า..”
ร่างเล็กปรามเพื่อนร่วมคณะ ไม่ลืมถ้อยคำที่รับปากรูมเมทปรัชญาว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้เจ้าตัวโดน ‘ระราน’
“มากันสามคน พชรถือน้ำมาสามแก้ว อีกแก้วมันก็ต้องของมึงสิวะ มึงสงสัยอะไรมากมาย”
ไอดิลพยายามใช้เหตุผลที่ปกติเขาก็ไม่ค่อยจะมีนัก ทว่า เพื่อนร่วมคณะไม่ยอมตาม
“มันต่างหากล่ะ แค่ตอบว่าเอามาให้กู แค่นี้ มันจะอะไรมากมาย ถ้ามันไม่ตอบ กูจะรู้เหรอ!”
“มันก็วางไว้ตรงที่มึงนั่งแล้วไง” ไอดิลชี้แนะเสียงอ่อน
“กูอาจจะนั่งข้างมันก็ได้ ไม่ใช่ตรงข้าม ทำไมมันไม่แค่-”
“กูเอามาให้มึง แว่นแดง”

ปากอ้าค้างไว้ เมื่อหูได้ยินเสียงเข้มเอ่ย
ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นไม่ได้มองมา ไม่ได้สนใจ แต่กระนั้น..
“ทีนี้ก็นั่งลงกินข้าวได้แล้ว กูรำคาญ”
“อะ..” ม่อนแจ่มอึกอัก

นี่ควรจะเรียกว่ามันพูดกับกูไหม
กูควรดีใจไหมที่มันพูดกับกู
กูไม่ควรหงุดหงิดที่มันเรียกกูว่า ‘แว่นแดง’ อีกแล้วใช่ไหม
เออ.. ที่กูทำได้ก็คงเป็นเพียง..

“กู-ชื่อ-ม่อน”
ย้ำ.. ย้ำอย่างไร้ประโยชน์ แล้วก็นั่งลงกินข้าวเงียบๆ
กินข้าว แต่ตาไม่ได้มองจานข้าว กลับมองคนที่นั่งตรงข้ามแทบจะตลอดเวลา
มองตรงๆ จ้องเขม็ง ไม่ละสายตา ไม่ใช่แอบเหลือบๆอย่างวันสองวันแรกที่เจอกัน

              “ไอ้ม่อน..”
ผ่านไปหลายนาที ไอดิลจึงเอี้ยวหน้ามากระซิบ “หน้าพชรมันอร่อยเหรอวะ?”
ม่อนแจ่มไม่ตอบ ยังคงอ้าปากงับข้าวกะเพราะหมูกรอบพร้อมทั้งจ้องหน้าพชรอยู่อย่างนั้น แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจมองเขาแม้แต่น้อย
พชรสามารถมากกว่าที่เขาเคยเข้าใจเสียอีก เพราะไม่ใช่แค่อยู่ห้องเดียวกันแล้วพชรเมินเฉยใส่เขาได้ราวกับไร้ตัวตน แต่นี่กินข้าวโต๊ะเดียวกันและนั่งตรงข้ามกัน มันยังสามารถมองเมิน ไม่สบตากูได้อีก!

            “ไอ้ม่อน มึงเลิกจ้องหน้าพชรสักที” ไอดิลอดรนทนไม่ไหว
“ทำไม” ม่อนแจ่มถามกลับเสียงกระด้าง
“อย่าให้กูลำบากใจน่า” หนุ่มสิ่งแวดล้อมพึมพำ “กูรับปากมันแล้วว่าจะไม่ให้มึงระรานมัน”
“กูระรานตรงไหน กูก็มองเฉยๆ ทำความเดือนร้อนอะไรให้มันเหรอ ก็ไม่นี่” ปากพูดกับไอดิล แต่ตายังจ้องพชร
“ในเมื่อมันไม่มองกูได้ โดยที่คิดว่ากูจะไม่รู้สึกอะไร แค่กูมองมัน กูก็คงทำได้ โดยที่ไม่ต้องคิดว่ามันจะรู้สึกอะไรเหมือนกัน”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
   

             บ่ายวันเสาร์เป็นช่วงเวลาซักผ้า..
ไอดิลซึ่งเป็นเลิศในเรื่องการทำงานบ้านเอาผ้าไปซักก่อน ตามด้วยพชร ม่อนแจ่มเองก็ทำได้ไม่เลวหรอกในครั้งที่สาม
เขาขยี้สะอาดกว่าเดิม น้ำกระเด็นน้อยกว่าเดิมและเลอะเทอะน้อยกว่าเดิมด้วย แต่กระนั้น..

“มึงไปซักผ้าหรือตกถังซักผ้า เอาให้แน่ๆไอ้ม่อน” ไอดิลตั้งข้อสังเกต
“ฮึ่ย ช่างกูน่า” ม่อนแจ่มไม่ยอมให้ใครมาทำลายความภาคภูมิใจในการซักผ้า
“ถึงยังไง ความจริงก็คือผ้าถูกซักแล้วใช่ไหมล่ะ นั่นแหละ กูพอใจแล้ว”
ไอดิลหัวเราะลั่น
ตั้งแต่เปิดเทอมที่ตัวติดกับม่อนแจ่มแทบจะตลอดเวลา ยกเว้นเวลาเข้าเรียนวิชาเมเจอร์ ทำให้เขารู้ว่ารูมเมทเครื่องกลและเพื่อนร่วมคณะวิศวฯมาจากครอบครัวนักธุรกิจที่มีฐานะและท่าทางคงแทบไม่เคยต้องทำงานบ้านอะไรด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะม่อนแจ่มไม่ใช่คนเกียจคร้าน แต่แม่งตั้งใจทำทุกอย่างอย่างเต็มที่เท่าที่มันจะทำได้
ชีวิตหอในไม่ได้สะดวกสบายนัก ห้องมีแต่พัดลม ห้องน้ำก็ใช้รวมกัน วันดีคืนดีไฟก็อาจดับ น้ำก็อาจไม่ไหล
แต่นอกจากกลัวและตกใจ ม่อนแจ่มไม่เคยบ่นอะไร
ก็มีเพียงเรื่องเดียวนั่นแหละที่เจ้าตัวบ่นอยู่ซ้ำๆ ..การถูกเมินเฉยจากรูมเมทปรัชญา..
ไอดิลมองรูมเมทเครื่องกลขำๆ “มึงเอาไปตากที่ระเบียงไป กูเหลือที่ไว้ให้”
ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว “จะพอเหรอ ทั้งของมึง ของพชรอีก..”
“พชรไม่ได้ตากที่ระเบียง” ไอดิลยักไหล่ “มันเอาไปตากที่ลานข้างบน”

“ทำไม..”
“ก็..” ไอดิลขมวดคิ้ว “ไม่รู้ ถ้ามันตากก็คงไม่มีที่เหลือพอให้มึงมั้ง..”
“ก็มันซักก่อน มันก็มีสิทธิ์ตากก่อน ทำไมมันไม่-”
“ไอ้ม่อน” ไอดิลยกมือเบรก “กูไม่ใช่พชรนะ กูเห็นใจที่มันไม่พูดกับมึง แต่กูคงไม่สามารถตอบทุกคำถามแทนมันได้”
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย มือที่ถือกะละมังสั่นน้อยๆด้วยความรู้สึกที่ปนเปกัน
“เหตุผลที่มันไม่ชอบมึงน่ะ กูก็ไม่รู้ แต่มึงทำใจให้สบายเถอะ พชรไม่ใช่คนเลวร้าย มันเป็นคนมีน้ำใจ”

นั่น.. กู.. รู้..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


              ช่วงสามสัปดาห์แรก..
ยังไม่มีภาระงานด้านการเรียนมากนัก จึงทำให้ม่อนแจ่มสามารถทำสิ่งที่ชอบทำในเวลาว่างได้  ..วาดภาพ..
วันนี้ก็เช่นกัน มือเรียวกางฉากตั้งที่ไหว้วานลุงสมให้เอามาให้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไว้หน้าเตียง สอดกระดาษขนาด A3 เข้าไป
เขารักการวาดภาพมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถม ไม่รู้หรอกว่าทำไม แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหาคำตอบ แค่เขาทำแล้วพอใจ ไม่มีโทษภัย ไม่เดือนร้อนใคร นั่นก็คงเพียงพอ..

ม่อนแจ่มไม่ใช่คนเครียด เพราะเขาไม่เคยเก็บความเครียดเอาไว้กับตัว
หากเสียใจ ผิดหวัง เขาจะกำจัดความรู้สึกด้านลบนั้นออกไป ความอัดอั้นตันใจทุกอย่าง เขาจะลากมันลงบนแผ่นกระดาษ
ให้มันรับความรู้สึกของเขาเอาไว้ เพื่อเหลือพื้นที่ในหัวใจสำหรับสิ่งใหม่ๆ ดีๆ ที่จะมีเข้ามา

             บนใบหน้าของรูมเมทสิ่งแวดล้อมประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เมื่อเห็นเขาลงเส้นดินสอเบาๆ
ร่างเล็กของไอดิลนั่งขัดสมาธิบนพื้นกลางห้อง มองดูเขา.. แม้ไม่เห็นภาพที่วาด เพราะนั่งอยู่ตรงข้าม
ทว่า ไอดิลดูเหมือนจะไม่สนใจภาพ แค่สนใจเขา สนใจอากัปกิริยา สนใจการเพ่งสมาธิกับแผ่นกระดาษ สนใจการลากเส้นดินสอ..
จนในที่สุด ม่อนแจ่มต้องละมือ เลิกคิ้วน้อยๆให้
“มึงไม่ได้แอบชอบกูใช่ไหมเนี่ย?” เอ่ยเล่นๆขำๆ และนั่นทำให้ไอดิลหัวเราะลั่น
“ไอ้ม่อน ..มึงไม่ได้ใกล้เคียงหมอกเลย”
นั่นกูรู้ กูรู้ไงสัด
ไอ้หมอกมันหน้าหล่อ หุ่นนักกีฬา กูมัน..
เอาเป็นว่ากูดูเหมือนลูกหมาปอมเมื่อเทียบกับมัน แล้วมึงจะมามองกูด้วยสายตาแบบนั้นเพื่อ..

ไอดิลถอนใจน้อยๆ 
ไม่ใช่ด้วยความเคร่งเครียดหรือรู้สึกไม่ดี แต่มันเป็นความรู้สึกอื่นที่เหมือนกึ่งๆระหว่างความปิติกับความห่วงหาอาวรณ์
“พ่อกูก็ชอบวาดภาพ..”
อ่า..
“กูไม่ถนัดหรอก วาดไม่เป็น ทั้งที่ก็อยากวาดให้ได้เหมือนพ่อนะ แต่แค่จับดินสอก็มือแข็งแล้ว”
ไอดิลมองออกไปบนผืนฟ้าภายนอกระเบียง
“กูแค่.. แค่จำท่าทางของพ่อได้ จำรอยยิ้มของพ่อได้ กู.. กูจำลักษณะมือของพ่อได้ แม้กูจะวาดรูปไม่ได้”
ไอ้..ดิ้ล..
ม่อนแจ่มมองรูมเมทสิ่งแวดล้อมนิ่ง ก่อนที่จะยิ้มอย่างเอ็นดูให้เพื่อนที่แทบจะกลายเป็นคู่ซี๊กันไปแล้ว
“ไอ้ดิ้ล ใครมันจะไปทำได้ทุกอย่างวะ มึงวาดภาพไม่ได้ แต่มึงเป่าขลุ่ยโคตรเทพ”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ..
เพราะหลายครั้งหลายหนแล้วที่เขาได้ยินไอดิลเป่าขลุ่ยดูโอกับกีต้าร์ของคนรักยามค่ำคืน
และเพลงที่ได้ยินบ่อยที่สุดก็คือ.. ‘แสงจันทร์’

“กูวาดภาพได้ แต่กูเป่าขลุ่ยไม่เป็น หรือแม้แต่เป่ากบก็ไม่เป็นเหมือนกัน”
ไอดิลหัวเราะกับมุกควายของม่อนแจ่ม
“ไปโทรหาพ่อมึงไป๊” รูมเมทเครื่องกลไล่ขำๆ ไอดิลจึงพยักหน้ารับยิ้มๆ

ม่อนแจ่มมองตามหลังเพื่อนร่วมห้อง..
ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่เข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้วจะมีความผูกพันกับบิดามากถึงขนาดยอมรับออกมาอย่างเป็นธรรมชาติได้แบบนี้
ตัวเขาเองก็รักพ่อ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าแน่นแฟ้นมากถึงขนาดที่จะจดจำอากัปกิริยาหรือลักษณะต่างๆของพ่อได้หมด
อาจเป็นเพราะ.. เขาไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากมายนัก เพราะท่านก็งานยุ่งแทบจะตลอดเวลา
มารดาเองก็ทำงานร่วมกันในบริษัท ความยุ่งก็แทบจะพอๆกัน แต่ม่อนแจ่มไม่ได้รู้สึกขาดความอบอุ่นแต่อย่างใด เขาเข้าใจดี
แม้ว่าคนที่เขาสนิทที่สุดที่บ้านจะเป็นป้าเพ็ญ ..แม่บ้านของเขาก็ตาม

ม่อนแจ่มถอนใจน้อยๆอย่างสบายอารมณ์ แล้วลงมือวาดต่อ..
พชรกลับเข้ามาในห้อง เห็นจากหางตาว่าร่างสูงๆนั้นชะงักไปเล็กน้อย หยุดมองนิดหนึ่ง
เอ๊ะ หรือกูตาฝาดไป..
ซึ่ง.. ก็คงตาฝาดนั่นแหละนะ
เพราะพอเงยขึ้นมา ร่างสูงก็หยิบกระดาษปากกามาเขียนอะไรก็ไม่รู้ด้วยสีหน้าเฉยๆ เมินจักรวาลเหมือนอย่างเคย
ม่อนแจ่มถอนหายใจแรงๆ วาด.. วาด.. วาดสลับกับกับพ่นลมหายใจใส่พชร ..ซึ่งไม่ได้สนใจอะไรกูทั้งสิ้นเลย

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


            “พชร กินข้าวเย็นกัน”
เป็นไอดิลอีกเหมือนเคยที่เอ่ยชวน รูมเมทร่างสูงส่ายหน้าน้อยๆ แต่ไอดิลตั้งท่าให้คำมั่น เขาต้องทำให้รูมเมทปรัชญามั่นใจและศรัทธาในศักยภาพการบริหารจัดการของเขา..
“พชร รอบนี้กูรับปากจริงๆ จะไม่ให้ไอ้ม่อนระรานมึงเลย” ไอดิลยืนยัน
“แบบ.. ไม่ให้แม้แต่นิ๊ดดด.. พอดีตอนกลางวันกูประเมินมันต่ำไปหน่อย เลยตั้งรับไม่ทัน”
อะไรบางอย่างทำให้คนขรึมแทบจะหลุดขำ “ไม่เป็นไร บทเครื่องกลจะบ่น ไม่มีใครหยุดมันได้หรอก”
“เฮ้ย พชร!” ไอดิลตาโต “ในที่สุด มึงก็เข้าใจหัวอกกูแล้วสิ”
พชรพยักหน้า “แต่เย็นนี้ไม่ได้จริงๆ มีธุระข้างนอก ขอตัวนะ”
“อ้อ เหรอ” ไอดิลพยักบ้าง “งั้นก็ขี่รถดีๆล่ะ”
พยักหน้าอีกครั้ง ก่อนคว้าเป้พาดบ่าและหันหลังเดินไป
“เอ้อ.. แต่ว่านะพชร..” ไอดิลเอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้
“คนที่หยุดไอ้ม่อนได้ก็มี” ร่างเล็กขมวดคิ้วนึก “เพราะเวลามึงพูดทีไร ..กูเห็นไอ้ม่อนหยุดทุกที”


              สุดท้ายสองเมทวิศวฯจึงเดินเคียงไปพร้อมด้วยอีกหนึ่งหนุ่มจากวิทยาฯ เคมี พลางปรึกษากันว่าจะกินอะไรเป็นมื้อเย็นดี
“เดินไปเที่ยวหลังมอกัน” ไอดิลออกไอเดีย
ไอหมอกหันมายิ้มน้อยๆให้คนรัก “เดินไหวนะ”
“โธ่” ไอดิลเบ้หน้า “สบายมากน่า ตอนพ่อ พ่อยังเดินได้เลย”
ว่าแล้วก็หันไปหารูมเมทเครื่องกล มองร่างเท่าเปี๊ยกของเพื่อนหนุ่มอย่างประเมิน “มึงเดินไหวนะม่อน”
ไอ้..ดิ้ล..
“ให้กูเดินไปตีลังกาไปยังได้เลยสัด!”
แม่ง กูทำไม่ได้หรอก กูหงุดหงิดเฉยๆที่เตี้ยกว่าใครเพื่อน
เมทสิ่งแวดล้อมหัวเราะขำกับท่าทีไม่สบอารมณ์นั้น รู้ดีว่าม่อนแจ่มไม่ได้น้อยใจอะไรจริงจัง
อย่างไรก็ตาม ด้วยความหมั่นไส้ เมทเครื่องกลจึงหันไปยุยงร่างสูง
“หมอก มึงรู้ไหม ไอ้ดิ้ลมันกวนตีนขนาดไหน ภาคสิ่งแวดล้อมลือมาถึงเครื่องกลเลยนะ นี่มึงทนมันได้ยังไง ทิ้งมันเหอะ ก่อนจะเสียประวัติว่ามีมันในลิสต์แฟนมึง ขอแนะนำ สาวเครื่องกลเพื่อนกู งามสุดในวิศวฯเลย กำลังหาหนุ่มออกเดท เธออยากได้คณะวิทยาศาสตร์ บอกว่าเป็นคนมีเหตุมีผลดี หมอกนี่แหละใช่เลย ทิ้งไอ้ดิ้ลเถอะ ทิ้งมันเลย!”
ก๊ากกก!
“หมอกไม่มีวันทิ้งกูหรอก”
ไอดิลได้แต่หัวเราะกับการพยายามโน้มน้าว ชักจูง และชี้ชวนนั้น พลางกระแซะถามไหล่หนาข้างๆ “เนอะหมอกเนอะ”
ไอหมอกส่ายหัวน้อยๆ แต่รอยยิ้มระบายบนริมฝีปากด้วยความขำ
“หมอก บอกเร็ว บอกเร็วว่าจะไม่ทิ้งกู” น้ำเสียงเริ่มกระเง้ากระงอด..
“หมอกกก.. บอกเร็วว่าไม่สนใจสาวไหน บอกว่ารักไอดิลคนเดียว บอกไอ้ม่อนเร็วๆเลย”
…..
ที่สุด.. ไอดิลก็หยุดเดิน เมื่อคนรักไม่ยอมพูดอะไรสักที ม่อนแจ่มได้ที แลบลิ้นปริ้นตาใส่อย่างล้อเลียน

“ดิ้ล มาเร็ว ข้าวน่ะ จะกินไหม?” ไอหมอกหันมาเลิกคิ้วใส่
ทว่า.. นั่นไม่ทำให้คนดื้อยอมตาม ร่างสูงจำต้องส่ายหัวแรงกว่าเดิม แล้วเดินกลับไปคว้าแขนเรียวเข้าหาตัว จูงเดินมาด้วยกัน
“รักไอดิลคนเดียว ไม่ทิ้ง ไม่เปลี่ยนใจ ไม่มีใครอื่น พอใจไหม หืม?”
นั่นไง!
“พอใจมากกก รักหมอกคนเดียวเหมือนกัน!”
ไอดิลยิ้มปากแทบฉีก พยักหน้าหงึกหงักและยักคิ้วให้ม่อนแจ่ม ทำเอาเมทเครื่องกลแบะปาก
“โอ๊ยยย เออ รักกันให้ตายเลยแม่ง!”
“ช่าย แฟนกูรักกู ไม่เหมือนใครบางคนว่ะ แม้แต่เมทก็ไม่รัก..”
“ไอ้ดิ้ล!” ม่อนแจ่มแหกปาก
แม่ง เหยียดเรื่องไหนก็เหยียดได้ แต่เรื่องนี้ กูรับไม่ได้จริงๆ 
“มึงไปบอกพชรให้มาต่อยกับกูเลย อยากมีเรื่องกับกู ให้มันมาเลยสัด”
“ฮ่ะๆ” ไอดิลหัวเราะ “มึงก็บอกมันเองอยู่ทุกวันนี่ แต่พชรไม่สนใจ แม้แต่เรื่อง.. พชรมันยังไม่อยากมีกับมึงเลยว่ะ”
“ไอ้ดิ้ล ไอ้สัด!” ม่อนแจ่มว้ากลั่น วิ่งไล่เตะรูมเมทคู่ซี๊ไปตามทางเดินที่ผ่านคณะวิศวกรรมศาสตร์
ไอดิลได้แต่วิ่งหนีพลางหัวเราะพลาง “ฮ่ะๆ เรียกทำไม มีอะไรเหรอ เครื่องกล!”
“เหี้ยเอ๊ยยย!” ม่อนแจ่มสบถหอบๆ หยุดวิ่ง “วันจันทร์ กูจะไปคณะมนุษยฯ”
ห๊ะ?
 ไอดิลเลิกคิ้ว หย่อนฝีเท้าลง วิ่งเหยาะๆกลับมาหาคนพูดด้วยความงง
“มึงจะไปทำไมของมึง”
“กูจะไปภาคปรัชญาและศาสนา”
ห๊า?
“ไปทำบ้าอะไร”
“กูจะไปมองหน้าพชร”
ไอดิลอ้าปากค้าง “เพื่อ?”
“กูอยากรู้.. ว่ามันจะจำกูได้หรือเปล่า”
“ทำไมจะจำไม่ได้วะ..”

ทำไมน่ะหรือ.. ทำไม?
เพราะพชรแทบไม่มองหน้าเขาเลย
วันแรกๆ เขายังไม่แน่ใจ แต่จนถึงวันนี้มันชัดเจน อีกฝ่ายปฏิเสธปฏิสัมพันธ์อย่างสิ้นเชิง.. ไม่เรียกชื่อ ไม่รับรู้ ไม่พูดคุย
นี่มันยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก.. คนแปลกหน้ายังมีวันทำความรู้จักจนสนิทสนมและคุ้นเคย แต่นี่พชรแปลกแยกต่อเขา ในแบบที่ไม่มีวันจะเรียนรู้กันและกันได้
หากไม่มีห้อง 338 เป็นบริบทแวดล้อม บ่งให้รู้ว่าคือรูมเมท ม่อนแจ่มก็ไม่แปลกใจ ถ้า..พชรจะไม่รู้จักเขา
ถ้า.. เดินสวนกันสักที่ในมหาวิทยาลัย สักที่.. ที่ไม่ใช่ภายในห้อง 338 ม่อนแจ่มก็ไม่แปลกใจ ถ้า..พชรจะจำเขาไม่ได้

           “นี่มึงจริงจังเรื่องพชรขนาดนั้นเลยเหรอวะ..”
ไอดิลมองดวงหน้าขาวของเพื่อนอย่างเคลือบแคลง
“มึงไม่เคยโดนเกลียดแบบไม่มีเหตุผล มึงไม่เข้าใจ” ม่อนแจ่มเม้มปาก
“เออ กูไม่เข้าใจ กูโคตรไม่เข้าใจ” ไอดิลพยักหน้ารับ
“มึงจะไปเครียดทำไมวะ? เมทคนนึงไม่ชอบ ไม่พูดกับมึง แต่มึงก็ยังมีกูเป็นเมทที่แสนดีอีกคน เพื่อนมึงก็เต็มคณะ ครอบครัวมึงก็อบอุ่น แล้วมึงจะแคร์อะไรนักหนา?”
ม่อนแจ่มไม่ตอบ ได้แต่กัดฟันแน่น คิดตามคำพูดเหล่านั้น
“ในเมื่อพชรไม่เปิดรับมึงเข้าสู่โลกของมัน ทำไมมึงถึงไม่แค่.. ตัดมันออกไปจากโลกของมึง”

นั่นสิ.. ทำไมวะ?


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

แต่งแล้วรู้สึกย้อนวัยแฮะ (นี่หมายความว่าตูแก่?)
เอาเป็นว่าอ่านเรื่อยๆ ชิวๆ หวังว่าจะได้รับความบันเทิงใจในยามอากาศร้อน (มาก)
ขอบคุณเช่นเคยครับผม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/4/59 CH.3
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 23-04-2016 15:02:04
ม่อนมันน่ารักวะ. ชักจะคิดว่าตอนเด็กพชรกะม่อนต้องรู้จักกันมาก่อนแล้วพอโตขึ้นม่อนจำพชรไม่ได้แน่ๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: SWEET SURRENDER 27/4/59 CH.4
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 27-04-2016 21:03:06

CHAPTER 4: Mon Cham of Mechanical Engineering

          “ผมม่อนแจ่มครับ ม่อนแจ่ม วิศวฯ เครื่องกล”
แทบทุกสายตาของคนที่อยู่บริเวณหน้าภาควิชาปรัชญาและศาสนาหันมามองผู้มาใหม่ในชุดนักศึกษาปีหนึ่งพร้อมหนีบแฟ้ม Entaneer อย่างงุนงง นี่มันมาหาเสียงหรือไง?

“เอ่อ.. มี มีอะไรให้ช่วยหรือนักศึกษา”
อาจารย์ท่าทางดูดีมีพุงขยับแว่นกรอบดำเล็กน้อยเอ่ยทักทายเขา ม่อนแจ่มเองก็ขยับแว่นกรอบแดง เอ่ยตอบไป
“ผม.. ผมอยากจะ คือ.. ผมอยากจะลงตัวฟรีของภาควิชาปรัชญาน่ะครับ เอ่อม.. สำหรับภาคเรียนถัดไป ผมอยากขอคำปรึกษาจากเด็กปีหนึ่งปรัชญา ว่า..ว่าผมควรจะลงตัวไหน”

เอ่อ..
อาจารย์ชะงักไปประเดี๋ยวหนึ่ง แต่แล้วก็พยักหน้า
“เอ้า เพื่อนปีหนึ่งของพวกเธอจากคณะวิศวฯ อยากจะให้ช่วยแนะนำ..”
“อาจารย์ครับ” ม่อนแจ่มหนีบแฟ้มไว้กับจั๊กแร้ ก่อนเอ่ยอย่างขอโทษขอโพย
“แบบว่า.. ผมไม่อยากรบกวนเพื่อนนักศึกษาที่น่ารักเท่าไหร่ ขอเป็นคนนั้นมาแนะนำได้ไหมครับ ดูเขาจะว่างอยู่..”

ก็ไม่ได้คิดหรอกว่าจะมาเจอ.. ยิ่งในช่วงพักกลางวันแบบนี้
ทว่า แว่นแดงนั้นนำสิริมงคลมาสู่เราเสมอ นักศึกษาปีหนึ่งภาควิชาปรัชญาและศาสนาดูท่าเพิ่งจะเลิกคลาสและมายืนออกันอยู่หน้าห้องภาควิชาเพื่อสอบถามเพิ่มเติม นักศึกษาปีหนึ่งหลายคน รวมไปถึง.. หึหึ..

“เอ้า เธอ พชร!” อาจารย์ส่งเสียงเรียก
“เธอเขียนงานดีมาก เป็นเธอดีแล้ว มา ช่วยมาแนะนำเพื่อนจากคณะวิศวฯหน่อย”
คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมา นั่งอยู่ในห้องสาขาวิชา ไกลออกไปจากคนอื่นๆ
ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้ พยักหน้าให้อาจารย์ แล้วก้าวยาวๆออกมา พ่นลมหายใจเล็กน้อย เหล่ตาไปทาง ‘เพื่อนจากคณะวิศวฯ’ คนที่ว่า

“อ่า ทำไมอยากลงเรียนปรัชญาล่ะคะ” สาวน้อยปรัชญาทำหน้าฉงนใส่ ม่อนแจ่มจึงตอบไปอย่างมั่นใจ
“เพราะผมอยากเข้าใจคนเรียนปรัชญาครับ!”

..


              “ต้องลงวิชาที่ไม่ติด Pre.  ควรเริ่มต้นด้วย Introduction to Philosophy เป็นตัวพื้นฐาน เข้าใจปรัชญาอย่างกว้างๆ”

เข้าประเด็น ไม่มีอารัมภบท และเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่เคยได้ยินเสียงเข้มเอ่ยมา
อัศจรรย์! ม่อนแจ่มคิด ไม่เสียแรงที่ถ่อมาถึงที่นี่ เหี้ย.. พชรมันพูดเกินสิบคำอีกแล้ว เกินสิบไปเยอะเลย
ว่าแต่.. มึงจำกูได้ไหมนี่?

            “ถ้าเรียน Intro แล้วยังอยากลงต่อเพิ่ม ก็แนะนำ Philosophy of Sufficiency Economy ก็แล้วกัน ไม่ติด Pre. และเอามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้”

เหี้ย.. นี่มันโคตรของความมหัศจรรย์ เกินยี่สิบคำแล้วเว้ย!
อะไรของแม่งวะ ปกติแทบไม่พูดกับกู นี่มึงมาแบบเป็นการเป็นงาน เล่นเอากูงง
หรือมึงสลับโหมดได้ ระหว่างโหมดรูมเมทเย็นชาแห่ง 338 กับโหมดหนุ่มผู้ทรงภูมิแห่งภาควิชาปรัชญาและศาสนา?
แต่ก็นั่นแหละ ..อาจเพราะมันไม่รู้ว่ากูเป็นใคร
..


         “รหัสวิชาครับ”
มือแข็งแรงจดรหัสวิชาหวัดๆลงบนแผ่นกระดาษ แล้วส่งให้กับ..เพื่อนจากคณะวิศวฯ
ม่อนแจ่มมองคนตรงหน้าค้าง ความรู้สึกบางอย่างหนักอึ้งอยู่ในหัว มือยื่นไปรับแผ่นกระดาษมา ห้ามตัวเองไม่ทันที่จะเอ่ยเรียกแผ่วๆ
“พชร..”
ร่างสูงที่ตั้งท่าจะหันหลังชะงักนิดหนึ่ง เลิกคิ้วน้อยๆให้
“เอ่อ.. ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ”
ดวงหน้าคมสันพยักรับ แล้วหันหลังเดินไป
“พชร..”
เรียกอีก เรียกแผ่วเบาจนเจ้าของชื่อคงไม่ได้ยิน เรียกทั้งที่รู้.. รู้ว่าคง.. จำไม่ได้..
ตัวขาวๆ เตี้ยๆ แบบนี้มีทั่วมหาวิทยาลัย พชรคงแยกเขาจากคนอื่นๆไม่ออกหรอก

แต่ถามว่ายอมแพ้ไหม? NEVER!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

             “ห๊ะ?”
นี่คือเสียงอุทานของไอดิล ภายหลังเดินขึ้นห้องมาในยามค่ำคืน
รูมเมทเครื่องกลยืนวาดภาพ.. ไม่ได้น่าแปลกใจ งานอดิเรกของม่อนแจ่มคือวาดภาพ เขาเรียนรู้แง่มุมนี้ของเพื่อนร่วมห้องแล้ว ทว่า ภาพที่ม่อนแจ่มกำลังวาดอยู่ขณะนี้ มัน..ค่อนข้างประหลาด แถมถ้อยคำที่พึมพำนั้น..

“พชร..”
“พชร เพชรหละปูน”
“พ..ช..ร”

“มึง.. มึงทำอะไรอยู่วะ?” ไอดิลจำต้องถาม เพราะไม่ใคร่แน่ใจ
“ทำ Mind Map” ม่อนแจ่มเอ่ยตอบสั้นๆ พอดีกันกับที่อีกหนึ่งเพื่อนร่วมห้องเดินเข้ามา..
“Mind Map?” ไอดิลเลิกคิ้ว
“กูพยายามใคร่ครวญเป็นรอบที่ยี่สิบเอ็ดว่ากูเคยรู้จักแม่งหรือเปล่า แล้วเคยทำอะไรให้มันไม่พอใจ”
ม่อนแจ่มอธิบาย ไม่สนใจที่จะเบาเสียงลง ขณะลงเส้นโยงไปมาบนแผ่นกระดาษที่แปะติดผนังอยู่กลางห้อง
“กูอยู่เชียงใหม่มาตั้งแต่เกิด ไม่เคยไปลำพูนด้วยซ้ำ..” เสียงเล็กงึมงำ
“กูไม่เคยแย่งน้ำแข็งใสจากใครที่ชื่อพชร กูไม่ได้ลักลอบเข้าไปขโมยลูกแมวในบ้านที่เจ้าของนามสกุลเพชรหละปูน..”

ไอดิลมองหน้ารูมเมทอย่างไม่อยากจะเชื่อ ลอบหันไปมองพชรที่เพิ่งเข้ามานิดหนึ่ง แล้วเดินไปดู Mind Map ของม่อนแจ่ม

          พชรเวอร์ชั่นหัวโต ตัวเล็กและพ่นไฟได้ยืนอยู่ตรงกลางแผ่นกระดาษ พร้อมด้วยกรอบคำพูด..
‘กูไม่ชอบมึง’
และ.. ม่อนแจ่มเวอร์ชั่นหัวเล็กกว่านิดหน่อย แต่ตัวใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม รวมถึงสูงกว่าพชร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในความจริง ทำท่าตั้งการ์ดรับประจันหน้ากัน พร้อมกรอบคำพูด..
‘มึงจะต่อยกับกูไหม!?’

นอกเหนือจาก  Mind Map ขนาด A4 ที่เจ้าตัวกำลังทำ ยังมีภาพวาดการ์ตูนขนาด A3 แปะติดอยู่บนผนังในส่วนที่คนนอนเตียงเดี่ยวคงเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด
กลางภาพมีเด็กหนุ่มใส่แว่นหัวโต ในชุดนักศึกษาผูกเนคไท ถือแฟ้ม Entaneer แนบลำตัว พร้อมคำบรรยายตัวเท่าเบ้งว่า..

‘กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล’

ไม่ใช่แค่ไอดิลที่อ้าปากค้าง ทว่า พชรเองก็ทนไม่ไหวแล้ว
เรื่องมันควรจะเครียด แต่พชรขอออกไปข้างนอกก่อน เขาขอไปขำสักแป๊ป..

           “ไอ้ม่อน นี่มึง..” ไอดิลเกาหัวอย่างเหนื่อยๆ
“นี่มึงไม่คิดจะยอมแพ้เลยเหรอวะ กูบอกแล้วไง แค่ตัดพชรออกไปจากโลกของมึง!”
“ไม่! กูไม่ยอมแพ้แม่งหรอก” ม่อนแจ่มประกาศลั่น “กูต้องทำให้มันพูดกับกูให้ได้ ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นอะไรของมัน”
ไอดิลกลอกตาไปมา “เดี๋ยวพชรรำคาญ มันก็จับมึงโยนออกนอกห้องหรอก”
“ไม่กลัว! นี่ใคร?” นิ้วเรียวจิ้มอกตัวเอง “นี่คือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกลนะเว้ย กูจะแพ้เด็กปรัชญาเหรอวะ”
..
คนฟังไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ ได้แต่เสมองเพดานอย่างไม่อยากจะสบตาคนพูด
“เด็กปรัชญาน่ะเคยทำเด็กวิศวฯพ่ายแพ้มาแล้ว จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นวี่แววชนะ เรื่องนี้ มึงเชื่อกูเหอะ อย่าประมาทไป..”
ไอดิลพึมพำ จากประสบการณ์ยาวนานกว่าสิบเก้าปี..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล”
ร่างเล็กนั่งขัดสมาธิ ประจำการบนเตียงล่างของตัวเอง 
ไม่เห็นเป็นไรที่คนคนหนึ่งมันจะไม่ยอมเรียกชื่อเรา มันจะทำเหมือนเราไม่มีตัวตน
ช่างแม่งสิวะ.. เพราะยังไงเสีย กูก็คือ..
“ม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล”
...
….
“นี่กลัวว่าจะลืมตัวเองหรือไง..”
ไม่อยากบ่น แต่จำต้องบ่น เมื่อรูมเมทเตียงล่างที่นั่งขัดสมาธิบนเตียงตั้งท่าจะย้ำชื่อและบรรดาศักดิ์ของตัวเองเป็นรอบที่สาม

“กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล..”
..

พชรกลอกตาไปมา พยายามเพ่งสมาธิอยู่กับเอกสาร Introduction to Philosophy ในมือ แต่ทำไม่ได้เพราะเสียงย้ำซ้ำไปซ้ำมาอย่างดังและฟังชัดนั้น
“เตียงล่างมันบ๊องหรือไอดิล? จะย้ำซ้ำๆทำไม”

มึงไม่ถามมันล่ะ มาถามกู เฮ่อ..
ไอดิลจำต้องเงยหน้าขึ้นมาจากเตารีด แขวนชุดของคนรักไว้กับราวบันไดเตียงบน แล้วตอบคำถามรูมเมทเตียงเดี่ยว
“คงไม่หรอก มันอาจจะแค่.. อยากให้คนแถวนี้จำมันได้ ก็ได้มั้งงง..”
ก็ไม่รู้จะตอบยังไง ไอดิลจึงอาศัยความน่าจะเป็น แล้วส่ายหน้าน้อยๆ เก็บเตารีด หยิบชุดนักศึกษาไปเคาะห้องคนรัก..
หมอกอยู่.. จึงชวนไปนั่งคุยเล่นที่ม้านั่งริมทางเดินหอ

            “วันนี้ไม่ซ้อมบอลเหรอ”
“หยุดบ้าง เดี๋ยวทำงานส่งไม่ทัน”
ไอหมอกยิ้มน้อยๆ แต่เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดมุ่นของคนรัก จึงถามค่อยๆ “มีอะไรหรือเปล่า”
และนั่นแหละ.. ไอดิลจึงเล่าให้ฟัง

            “เราช่วยเหลือรูมเมทแต่ละคนในแบบที่เราทำได้ เข้าใจไหม”
เสียงเข้มย้ำเตือน “แต่นั่นมันปัญหาของเขา ไม่ใช่ของเรา อย่าเครียดมากไป”
“พชรนี่ก็จริงๆเลย มันไม่สนใจไยดีอะไรทั้งสิ้น ทำเหมือนไอ้ม่อนไม่มีตัวตนอยู่ในห้อง ไอ้ม่อนก็ได้แต่นั่งขัดสมาธิทำหน้ายู่ยี่อยู่บนเตียง แม่งท่านั้นตลอด มันนั่งคิดว่าทำไมพชรถึงไม่ชอบมัน”
ไอดิลถอนใจ เล่าเรื่อยๆ อย่างอยากระบายความอึดอัด “นี่ม่อนมันตั้งใจอ่านใจพชรมากกว่าตั้งใจเรียนวิศวฯอีกนะเนี่ย”
“เหลวไหลน่า” ไอหมอกหัวเราะน้อยๆ
“ไว้กูไปเล่าให้ไอ้ฝันฟังดีกว่า ดูซิมันจะว่าไง”
ไอดิลหมายมั่น ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเขาก็มักจะเล่าสู่กันฟังกับเพื่อนรักเก่าแก่นามว่า ‘ในฝัน’
“ตามใจ” ไอหมอกยิ้มๆ “แต่ถ้ารู้ว่าเพื่อนเครียด มึงก็อย่าไปล้อมากนักนะ เพราะถ้าไม่แคร์ ม่อนคงไม่มานั่งคิดว่าทำไมพชรไม่ชอบมัน นี่มันคิด ก็แปลว่ามันต้องแคร์”
ไอดิลพยักหน้ารับ แต่แล้วก็พ่นลมหายใจ
“เฮ่อ.. พชรมันเป็นอะไรของมัน คนเราจะไม่ชอบกันมากขนาดนี้ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันได้ด้วยเหรอหมอก”
ไอหมอกพ่นลมหายใจเช่นกันในตอนนี้ 
“อย่าให้กูพยายามเข้าใจเด็กปรัชญาเลย ทุกวันนี้ยังสื่อสารกับพ่อน่ารักไม่ค่อยจะรู้เรื่อง”
ไอหมอกเอ่ยถึงพ่อ หนึ่งในสองคนของคนรัก ซึ่งเรียนมนุษยฯ ปรัชญาเช่นเดียวกัน และนั่นทำให้ไอดิลหลุดหัวเราะ
“อยากรู้.. ว่าถ้าพ่อน่ารักมาเจอพชรจะเป็นยังไง ประมาณว่าสองเกรียนปรัชญา คนหนึ่งพูดไม่รู้เรื่อง ส่วนอีกคนไม่พูดอะไรเลย ไม่รู้จะเข้าใจกันไหม”

แล้วสองเสียงหัวเราะก็ดังประสานเมื่อจินตนาการถึงเรื่องนั้น

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ไฟในห้อง 338 ดับมืดลงแล้ว.. แต่ม่อนแจ่มยังไม่หลับตา แว่นแดงก็ไม่ถอดออก
ร่างเล็กนอนตะแคงขวา สายตาเพ่งมองนิ่งๆ ไปยังรูมเมทเตียงเดี่ยวที่นอนหันหลัง เดี๋ยวสักพักแม่งก็ต้องหันมาวะ..
แล้วพชรก็พลิกตะแคงหันมาจริงๆ ดวงตาคมก็ยังไม่หลับเช่นกัน จึงได้มองเห็นว่าสายตาภายหลังกรอบแว่นนั้นมองมา
ม่อนแจ่มมอง มอง.. กูจะมองจนมึงจำหน้ากูได้เลย ถึงแม้ในห้องจะมืดก็ตาม..
ร่างเล็กคิดอย่างง่วงงุน ก่อนสติจะค่อยๆหลุดลอย ใบหน้าพชรเริ่มพร่าเลือน ทั้งๆที่ยังใส่แว่นอยู่

           พชรหลับตาลง..
ไม่อยากสนใจสายตาที่มองมา
เห็นใจ.. ไม่ใช่ไม่เห็นใจ แต่จะให้ทำอย่างไร ไม่ชอบ.. ก็คือไม่ชอบ

            เฮ่อ.. ถอนใจเป็นรอบที่สาม
แล้วก็เป็นพชรที่ตัดสินใจว่าต้องลุกขึ้นจากเตียง เมื่อร่างเล็กบนเตียงฝั่งตรงข้ามหลับตานิ่งไปพักใหญ่แล้ว หลังจากเล่นเกมส์จ้องตาไปราวครึ่งชั่วโมง หลับไป.. ทั้งๆที่แว่นแดงยังคาตา
ร่างสูงค่อยๆเดินไปยังเตียงล่าง ย่อเข่าลงบนพื้น ค่อยๆ ถอดแว่นของคนหลับออกจากดวงหน้า อดไม่ได้ที่จะพิจมองเจ้าของลมหายใจสม่ำเสมอนั้น

           นี่หรือ คือ.. 'ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์'
ทายาทคนเดียวของคุณพจน์ ประดิษฐาพงศ์ เจ้าของธุรกิจส่งออกอันดับต้นๆของภาคเหนือ
มันควรจะเป็นคุณชายผู้หยิ่งผยองไม่ใช่หรือ แล้วไหงกลายเป็นเด็กเกรียน ตัวเท่าเปี๊ยก หน้าตามุ้งมิ้ง พร้อมแว่นแดงเป็นอ๊อบชั่นเสริมแบบนี้ได้

            พชรลอบถอนหายใจอีกครั้งในความมืด
ไม่ได้คาดคิดว่าต้องมาอยู่ห้องเดียวกัน ..ไม่อยากเรียกชื่อ ..ไม่อยากทำความรู้จัก
เพราะหากถึงเวลาที่ต้องทำอะไรที่ใจร้าย จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายมิตรภาพ..
เข้าใจไหม.. ม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 27/4/59 CH.4 Up!
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 27-04-2016 21:30:16
นั่นไง มันต้องเหตุผลซิว่าทำไม พชรถึงไม่ชอบม่อน เกือบจะได้รู้ละ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 27/4/59 CH.4 Up!
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 28-04-2016 00:27:51
ขัดผลประโยชน์กันเหรอ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 27/4/59 CH.4 Up!
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 28-04-2016 15:12:20
เอาล่ะเหวยมาแล้วๆๆปมปัญหามานิดๆล่ะ แต่ทำไมไม่รู้ความรู้สึกคิดว่าเด็กวิศวฯจะทำให้เด็กปรัชญา แพ้ได้แน่เลยรอบนี้   :mew1:
 :L2:  +  :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 27/4/59 CH.4 Up!
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 28-04-2016 19:09:42
ลุ้นๆ อยากรู้ พชร ต้องการทำอะไร โกรธอะไรม่อน ม่อนน่ารักดี

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 27/4/59 CH.4 Up!
เริ่มหัวข้อโดย: YouandMe ที่ 30-04-2016 10:14:07
นั่นมันอนาคต แต่นี่คือปัจจุบันนะเฟ้ยยยยยยยยยยยย  :angry2:
หัวข้อ: SWEET SURRENDER 4/5/59 CH.5 Behind the Wall P.2
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 04-05-2016 21:34:18
CHAPTER 5: Behind the Wall
   
            “ฮื่ออ..”
ร่างเปี๊ยกแห่งเตียงล่างบิดลำตัวไปมา
“อืมม..”
ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ ภาพพร่าเลือนมาพร้อมกับแสงสว่าง มือขาวคว้าเปะปะหาแว่น
เจ้ย! แว่น แว่น นี่ขาแว่นกูหักไหม? แล้วกูหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่? อย่าบอกว่ากูนอนทับแว่นแดงอันเป็นที่รัก!
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเอื้อมมือไปยังขอบโต๊ะเขียนหนังสือข้างเตียง ที่ประจำที่เขามักจะถอดแว่นวางไว้เวลานอน
แต่ไม่หรอก เขาจำได้.. เมื่อคืนเขายังไม่ได้ถอด.. แว่น..
ห๊ะ ว..แว่น นี่มันแว่น? มือเรียวสัมผัสโดนขาแว่นและเลนส์
เมื่อคว้ามาใส่ ภาพทุกอย่างก็กลับมาแจ่มชัด.. นี่แว่นแดงกู..
     
             “ไอ้ม่อน! ลุกขึ้นเร็ว เดี๋ยวไปเรียนสาย”
ไอดิลที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำ แต่งตัวใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เอ่ยเรียกเขา
“อะ..” ม่อนแจ่มยังงงๆอยู่
“เร็วสิวะ ทำไมวันนี้ตื่นช้า”
เอ่อ.. เผอิญเมื่อคืนกูเล่นเกมส์จ้องตาอยู่ เป็นเกมที่แปลกมาก เพราะมีผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียว นั่นคือกูเอง และมีกรรมการเป็นคนเดียวกับผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งก็คือกูเองอีกเหมือนกัน

“ไอ้ดิ้ล..” มือเรียวสัมผัสแว่นอย่างสงสัย
“เมื่อคืนมึงถอดแว่นให้กูเหรอวะ แล้ว.. แล้ววางไว้บนโต๊ะ”
“ห๊ะ?” คนถูกถามเลิกคิ้ว “มึงก็ถอดวางไว้เองทุกคืนนี่ กูหลับก่อนมึงอีก จะถอดให้มึงได้ไง”
เออ จริง.. แล้วกูละเมอถอดแว่นตัวเองเหรอวะ?
ไม่น่ะ.. ไม่น่าเป็นไปได้..
ดวงตามองไปทางเตียงเดี่ยวฝั่งตรงข้ามที่ว่างเปล่าเพราะเจ้าของคงออกไปเรียนแล้ว
หรือว่า..
ไม่.. ไม่น่าเป็นไปได้ ..ไม่น่าได้ยิ่งกว่ากูละเมอถอดแว่นตัวเองเสียอีก


              สองหนุ่มวิศวฯ หนีบแฟ้มกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปทางคณะ ปีหนึ่งเป็นต้องมีเรียนแปดโมงเช้าทุกวัน
“กูขอโทษนะเว้ย กูตื่นสาย ที่จริงมึงมาก่อนเลยก็ได้ ไม่ต้องรอ” ม่อนแจ่มขอโทษขอโพย
ไอดิลออกมาก่อนนั้นไม่มีปัญหาเลย ถึงยังไงก็ไม่ได้เรียนวิชาเดียวกัน  อย่างไรก็ตาม ไอดิลส่ายหน้าดิก
“เรียนทันอยู่ อย่าคิดมาก” ไอดิลเองก็ชินเสียแล้วที่จะไปไหนมาไหนกับเพื่อนซี้เช่นม่อนแจ่ม
“ว่าแต่.. ไหงวันนี้สายนัก ปกติก็ตื่นเร็วดี”
“ฮื่ออ” ม่อนแจ่มพ่นลมหายใจ “เมื่อคืนกูพยายามจ้องตาพชรอยู่”
เย้ย!
ไอดิลแทบสะดุดฟุตบาท “จ้อง จ้องตา?”
“เออ กูจะจ้องไปเรื่อยๆ คงมีสักวันที่แม่งจำหน้ากูได้”
“ไอ้ม่อน.. เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง” ไอดิลส่ายหน้าอ่อนๆ กึ่งเหนื่อยใจกึ่งขำ
“แล้วที่ว่าจะไปภาคปรัชญานี่คงไม่ได้คิดจะไปจริงๆหรอกนะ”
“กูไปมาแล้วเมื่อวาน”
เฮ้ย!
คราวนี้ ไอดิลสะดุดฟุตบาทจริงๆ ไม่ใช่แค่เกือบ
“ไปมาแล้ว?”
“เออ” ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ มองซ้าย ขวาและผลักไหล่ไอดิลเบาๆ ข้ามถนนไปยังคณะ
แม้จะอัศจรรย์ใจ ทว่า ก็ยังอยากรู้อยากเห็น ไอดิลจึงถามอีกนิด “แล้ว.. แล้วมึงเจอพชรหรือเปล่า?”
“เจอ”
โอ้ววว!
“แล้ว.. ตกลงมันจำมึงได้ไหม?”
…..
มีเพียงอาการส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“เอ่อ..” ไอดิลตบไหล่รูมเมท “มันคงไม่ทันเห็นมึงน่ะสิ”
“มันนั่งตรงข้ามกูเลยเหอะ เขียนรหัสวิชาปรัชญาที่ควรลงเรียนเป็นตัวฟรียื่นให้กูเองอีกต่างหาก”
“อ่า..” ไอดิลทำหน้ายุ่งยากใจ
ก็เห็นใจม่อนแจ่มอยู่นะ แต่.. แต่คือแบบนี้นะ ไม่รู้สงสัยช้าไปหรือเปล่า แต่ไอดิลชักจะสงสัยว่า..
“ไอ้ม่อน..” หนุ่มสิ่งแวดล้อมค่อยๆเอ่ย “มึงชอบพชรรึเปล่าวะ?”

โครม!
เป็นม่อนแจ่มที่สะดุดอะไรก็ไม่รู้จนล้มลงไปนอนวัดพื้น

“มึงจะบ้าเหรอ! มึงบ้าใช่ไหม?” ร่างเล็กพยายามยันตัวลุกขึ้น ปัดเศษหญ้าออกจากกางเกง
มือไอดิลยื่นมาช่วย แต่เจ้าตัวไม่สนใจ ได้แต่ละล่ำละลักบอกเพื่อนหนุ่ม
“พชร มัน.. มันโคตรไม่ชอบขี้หน้ากู มันคงเห็นกูเป็นกิ้งกือหรือไม่ก็ลูกเขียดน้อย ทุกวันนี่กูแทบจะต้องกราบเบญจางคประดิษฐ์อ้อนวอนให้มันพูดกับกู  มึงเพ้อเจ้อใช่ไหมไอ้ดิ้ล กู.. กู แล้วพชร-”
“ไอ้ม่อน..” ไอดิลยกมือเบรก ซึ่งเป็นท่าทางที่ทำบ่อยมากนับตั้งแต่ได้รู้จักม่อนแจ่ม
“อะไรของมึ๊ง? กูแค่ถามเล่นๆ มึงตอบมาประโยคเดียวว่า -กูไม่ชอบพชร- แค่นั้นก็จบเปล่าวะ มึงจะสาธยายอะไรมากมาย”
ไอดิลโคตรงง “แล้วทั้งหมดที่พูดมา กูยังไม่ได้ยินมึงปฏิเสธไม่ชอบพชรแม้แต่ครึ่งคำเลยนะเนี่ย..”
“กู.. กู คือกู!” ม่อนแจ่มพยายามอธิบายไล่หลัง ทว่า ไม่ทัน เพราะหนุ่มสิ่งแวดล้อมเดินลิ่วๆไปเรียนเรียบร้อยแล้ว


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


           ท่ามกลางดวงดาวทอประกายบางเบาบนผืนฟ้ากำมะหยี่..
ร่างเล็กนั่งชันเข่าขึ้น ใช้แขนข้างหนึ่งโอบเรียวแข้งตัวเองไว้บนม้านั่งยาวในสวน 
ดวงหน้าขาวเงยมองฟ้ากว้างสลับกับผืนหญ้าเขียวเข้มที่ดูหม่นลงเพราะความสลัวยามย่ำค่ำแห่งบ้าน ‘ประดิษฐาพงศ์’
ข้างตัวมีเอกสาร Engineering Materials ที่เอามานั่งอ่านตั้งแต่ฟ้ายังสว่าง

            “Metallic, Polymeric, Ceramic”
เสียงเล็กพึมพำ พยายามทำความเข้าใจวัสดุวิศวกรรมแต่ละตัวไปเรื่อยๆ “Composite, Electronics..”
และ.. ณ เวลาที่ความมืดโรยตัวลงมา เขาก็วางเอกสาร หยิบเศษกระดาษใบนั้นออกมา เศษกระดาษที่เขียนเลขหวัดๆไว้ 011153  011269

‘รหัสวิชาครับ’   
..
หูยังได้ยินเสียงเข้มที่เอ่ยวลีสั้นๆนั้น
ม่อนแจ่มปล่อยให้ใจประหวัดไปถึงหอสามชาย บ้านอีกหลังที่เป็นที่พักพิงมานานนับเดือน
จนแล้วจนรอดก็ต้องรบกวนลุงสมไปรับกลับบ้านบ้าง เพื่อพบหน้าบิดามารดาที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากงานเปิดตลาดใหม่ที่เยอรมนี แถมยังซื้อขนมมาฝากเขาเพียบเลย
พ่อกับแม่น่ารักเสมอ ..รู้ว่าม่อนแจ่มชอบกินขนม
'ชอบกินขนม' พฤติกรรมนี้ก็ทำให้นึกถึงไอดิล คู่ซี้ที่สนิทกันอย่างรวดเร็ว
อาจเพราะไอดิลเป็นเด็กหนุ่มที่มีลักษณะคล้ายๆเขาหลายประการ (จากที่ม่อนแจ่มไม่คิดแล้วว่าจะเจอคนเหมือนๆกัน)
ริมฝีปากยกยิ้ม เมื่อคิดว่าป่านนี้เมทสิ่งแวดล้อมจะทำอะไรอยู่.. อาจเป่าขลุ่ยดูโอกับกีต้าร์ของไอหมอกกระมัง..
คู่รักคู่นั้นมักจะเล่นดนตรีกันในวันศุกร์ ซึ่งไอหมอกไม่ไปซ้อมฟุตบอล  ไอดิลมักจะนั่งเป่าขลุ่ยอยู่ที่กรอบประตูระเบียง
ระเบียง..
มีอีกคนที่ชอบยืนที่ระเบียงเหมือนกัน
ยืนเงียบๆ มองออกไปยังเวิ้งฟ้าภายนอก
..รูมเมทปรัชญา..
..พชร..
ร่างสูงเมินจักรวาลคนนั้นจะทันได้สังเกตไหมนะ ว่าวันนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้อง
พอจะรู้สึกไหมว่าเสียงบ่นมันเงียบลงไป
พอจะคิดได้ไหม.. ว่าเป็นเพราะเขาไม่อยู่
แต่จะว่าไป.. ถึงเขาอยู่ในห้อง ก็ไม่ได้หมายความว่าพชรจะรับรู้การมีตัวตนของเขาอยู่แล้ว

            “นั่งเงียบเชียวคะ คุณม่อน?”
ใบหน้าเอี้ยวไปตามเสียงเรียก “ป้าเพ็ญ”
ม่อนแจ่มยกยิ้มส่งให้ร่างอวบ แม่บ้านผู้แสนดี
“อีกแป๊ปนึง ไปรับประทานมื้อค่ำได้แล้วนะคะ”
“รับทราบครับ!” ม่อนแจ่มทำท่าตะเบ๊ะล้อเลียน แต่ก็ยังดูไม่กระตือรือร้นมากเท่าเดิมในสายตาแม่นม
“เป็นอะไรไปหรือเปล่า ตั้งแต่กลับมา ซึมๆไปนิดหนึ่ง ไม่ชอบชีวิตหอในหรือคะ”
“เปล่า.. เปล่าครับ ผมชอบ ผมมีเรื่องมาเล่าให้ป้าเพ็ญฟังเพียบเลย ทั้งเรื่องน้ำไม่ไหล ไฟดับ และเรื่อง..”
“ฮ่ะๆ” แม่บ้านหัวเราะร่า ทว่า เมื่อคุณหนูที่แสนเอ็นดูชะงักไป นัยน์ตาเซื่องลง เธอจึงเลิกคิ้ว
“แล้วเรื่องที่รบกวนจิตใจคุณม่อน ..คืออะไรหรือคะ?”
“เอ่อ..” ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย
“ป้าเพ็ญเคย.. เคยมีคนไม่ชอบป้าเพ็ญแบบไม่มีเหตุผลไหมครับ”
ใบหน้ากลมชื้นเหงื่อน้อยๆ ชะงักไป
“อืม.. ไม่ชอบหรือคะ ส่วนใหญ่ ป้าเพ็ญก็อยู่ที่บ้าน ไปตลาดบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้จักคนมากมายอะไร คนที่รู้จัก ก็ไม่น่าจะมีใครไม่ชอบนะคะ”
“นั่นสิ” ม่อนแจ่มพยักหน้าหงึกหงัก “ป้าเพ็ญน่ารักขนาดนี้ จะมีใครไม่ชอบได้ลงคอ”
“ฮ่ะๆ” แม่บ้านหัวเราะอีกครั้ง เอ่ยเสริม “คุณม่อนก็น่ารักขนาดนี้ คงไม่มีใครไม่ชอบเหมือนกันล่ะค่ะ”

……ได้แต่กลืนน้ำลาย
“มีครับ ..ไม่ชอบ ไม่ชอบมากเสียด้วย”
“ใครคะ?”
ม่อนแจ่มถอนหายใจ
“เป็นรูมเมทครับ เขา เอ่อ.. เขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไรนะครับ เขาดี เขามีน้ำใจ เขาเท่ คือ.. ม่อนหมายความว่า.. เขาแค่ไม่ชอบม่อน ไม่ค่อยพูดกับม่อนเลย ไม่ยอมเรียกชื่อม่อนด้วย”
ไม่ได้นินทานะ ม่อนแจ่มแค่อยากระบายความอึดอัดออกไป
เป็นครั้งแรกในชีวิต.. ที่การวาดรูปไม่ได้ช่วยให้หายรู้สึกแย่..
“อืม..” ป้าเพ็ญใคร่ครวญหาคำพูด
“คุณม่อนแน่ใจหรือคะว่าไม่เคยทำหรือไม่เคยพูดอะไรไม่ดีกับเขามาก่อน”
ม่อนแจ่มส่ายหน้าดิก “ม่อนเพิ่งเคยเจอเขาที่หอ แล้วเขาก็ไม่ชอบม่อนตั้งแต่วันแรก เขาแปลกๆตั้งแต่แรกเลยจริงๆนะครับ..”
เป็นป้าเพ็ญบ้างที่ถอนใจ “ถ้าเป็นแบบนั้น ความไม่ชอบของเขาไม่ใช่ปัญหาของคุณม่อนแล้วนะคะ มันเป็นปัญหาของเขาอย่างเดียวเลย คุณม่อนอย่าเอาตัวไปรองรับความไม่ชอบของเขาสิคะ”
ก็คงถูกของป้าเพ็ญ..
“เราไปบังคับใจใครก็คงไม่ได้หรอก คงได้แค่ทำตัวเราให้ดี ถ้าคุณม่อนมั่นใจว่าทำดีแล้ว เขาจะไม่ชอบก็ช่างเขาเถอะค่ะ”
..ช่างพชร
“แค่อย่าใส่ใจ”
..อย่าใส่ใจพชร
“นะคะ คุณม่อน”
“ครับ..”

ใช่
แค่.. อย่าเอาตัวไปรองรับความไม่ชอบของพชร
แค่.. ช่างพชร
แค่.. อย่าใส่ใจพชร

ทำยังไงวะ?


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


                มื้อค่ำบนโต๊ะอาหารใหญ่ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม..
ที่แตกต่างคือม่อนแจ่มมากกว่าซึ่งเริ่มจะไม่คุ้นชินเล็กน้อย เพราะนานนับเดือนแล้วที่นั่งกินข้าวกล่องในห้องเชียร์ สลับกับกินที่โรงอาหารใต้หอ, อ.มช.หรือไม่ก็ฟุตบาทหลังมอกับผองเพื่อนแห่งหอสามชายบ้าง วิศวฯเครื่องกลบ้าง
‘พจน์ ประดิษฐาพงศ์’ ผู้เป็นบิดานั่งหัวโต๊ะ และ ‘ระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์’ ผู้เป็นมารดานั่งอยู่ทางขวา ส่วนม่อนแจ่มทางซ้ายตามปกติ ในโอกาสเทศกาลพิเศษเท่านั้นแหละ ถึงจะมีครอบครัวของอาๆ และลูกพี่ลูกน้องมาร่วมโต๊ะด้วยบ้าง

           “อยู่หอมีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่าล่ะม่อน” นายพจน์ถามขึ้นระหว่างการรับประทาน
ม่อนแจ่มได้แต่ส่ายหน้าให้ใบหน้าคมเข้มของบิดา ใบหน้าที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ใบหน้าที่เขาแสนอิจฉา ท่านบอกว่ามีเชื้อสายเป็นคนใต้นี่นะ จึงได้หล่อคมถึงเพียงนี้ แม้จะในวัยห้าสิบเข้าไปแล้ว
“ปัญหาไม่มีครับ เอ่อ.. ม่อนสบายดีทุกอย่าง”
นัยน์ตาของเขาและป้าเพ็ญที่ยืนสำรวจความเรียบร้อยอยู่ข้างๆแอบสบกัน
กับคุณพ่อ.. ม่อนแจ่มไม่กล้าพูดคุยอะไรจุกๆจิกๆด้วยสักเท่าไรนักหรอก
หน้าเรียวหันไปมองคุณแม่บ้าง คุณแม่ทานข้าวพลาง มองเขายิ้มๆพลางเหมือนเคย
ดูคุณแม่จะชอบมองใบหน้าของเขาเสียจริง แต่คงว่าไม่ได้ แม่ที่ไหนก็คงชอบมองหน้าลูกล่ะนะ
“เดินทางเหนื่อยไหมครับ” ม่อนแจ่มถามขึ้นอีก
“ก็ธรรมดาจ้ะ ติดต่อธุรกิจ ก็มีเหนื่อยบ้าง แต่กลับมาบ้านเห็นหน้าม่อนก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ”
ม่อนแจ่มยิ้มรับ คุณแม่พูดหวานกับเขาเสมอ
“แม่ซื้อขนมมาฝาก ม่อนจะแบ่งเอาไปฝากเพื่อนๆที่หอบ้างก็ได้นะ”

ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบลูกชายเสร็จเรียบร้อย หลังมื้ออาหาร ผู้ใหญ่ทั้งสองก็แยกย้ายขึ้นไปพักผ่อน
“ฝันดีนะครับ” ม่อนแจ่มเอ่ยบอกคนทั้งสอง
พ่อคงเดินเข้าห้องหนึ่ง ส่วนแม่ก็อีกห้องถัดไป สองท่านไม่ได้นอนห้องเดียวกัน
ทว่า ป้าเพ็ญบอกว่าไม่แปลก คนเป็นผู้ใหญ่แล้ว อยู่ด้วยกันมานานแล้ว บางทีพออายุมากขึ้น ก็อาจไม่ได้อยากนอนห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเป็นสามีภรรยา


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


             ม่อนแจ่มใช้เวลาวันเสาร์ทบทวนตำรับตำราเรียนและทำงานส่งอาจารย์
วิศวกรรมเครื่องกลเป็นศาสตร์ที่กว้างขวางเหลือเกิน ต้องประยุกต์หลายๆศาสตร์มาใช้ ทั้งคณิตฯ ฟิสิกส์ พลศาสตร์ วัสดุศาสตร์ สากกะเบือยันเรือรบกันเลยทีเดียว
เราก็ทำได้ไม่เลวหรอกนะ ..เขาคิด และจะพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อมาช่วยพัฒนาจักรกลอุตสาหกรรมในโรงงานของบิดา

            เย็นวันอาทิตย์แล้ว กว่าที่ม่อนแจ่มจะกลับมาถึงหอสามชาย พร้อมกับนำขนมติดไม้ติดมือมาไม่มากนัก
ไม่ใช่ไม่อยากฝาก แต่กลัวว่าเอามาเยอะแล้วจะโดนคิดว่าเอามาอวดเพราะพ่อแม่ซื้อมาฝากจากเมืองนอก
เขาทนความรู้สึกนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. หากมันมาจากพชร

           ห้อง 338 ยังคงมีสภาพเหมือนเดิมเมื่อเปิดประตูเข้าไป
โต๊ะพับข้างประตู เตียงเดี่ยว เตียงสองชั้น โต๊ะเขียนหนังสือ ภาพวาด ‘ม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล’ และ Mind Map ‘ม่อนแจ่ม-พชร ประจัญบาน’ ของเขาบนฝาผนังซึ่งแปะไว้ใกล้เตียงเดี่ยวมากเป็นพิเศษ
ไอดิลพุ่งมากอดรัดฟัดเหวี่ยงเขา พร้อมแหกปาก “ไอ้ม่อน คิดถึงงงงง!!”
ฮ่ะๆ ม่อนแจ่มหัวเราะร่า ไอ้ดิ้ลมันโคตรเกรียน “ระวังหมอกหึงนะมึง”
รูมเมทสิ่งแวดล้อมหัวเราะบ้าง “มึงไม่ได้ใกล้เคียงหมอกเลย”
“ไอ้สัด!” ม่อนแจ่มสรรเสริญ
กูเป็นลูกหมาปอมเมื่อเทียบกับหมอก จบเถอะ ประโยคนี้ อย่าเอามาใช้กับกูอีกเลย

           “พชรล่ะ..” อ้อมแอ้มถาม เมื่อมองไปยังระเบียงก็ไม่เห็นร่างสูงๆยืนอยู่
ไอดิลมองมาอย่างพยายามทำท่าฉลาด แล้วหัวเราะหึหึในลำคอ จนม่อนแจ่มต้องเตะหน้าแข้งเพื่อนเบาๆอย่างไม่จริงจังนัก
“ไอ้สัด!”
“เอ้า ด่ากูอีก” ไอดิลหัวเราะ “ลำพูน พชรกลับลำพูน”
“มันกลับบ้านเหรอ แล้ว.. ไปยังไง จะกลับมาเมื่อไหร่วะ”
ฮ่ะๆ!
ไอดิลหัวเราะรุนแรงมากจนรูมเมทเครื่องกลถลึงตาใส่ แม่งจึงพยักหน้ายอมๆ
“เออๆ มันก็แว้น Kawasaki D-Tracker ดำเขียวของมันอย่างเคยนั่นแหละ ไปเมื่อวานเช้า ก็คงกลับมาค่ำๆล่ะนะ”
“อ่อ..” ม่อนแจ่มพยักหน้าบ้าง วางถุงข้าวของลงบนโต๊ะเขียนหนังสือของตัวเองที่อยู่มุมสุดชิดเตียงล่าง
“เอาขนมมาฝาก”
“ฝากกูหรือฝากพชร”
“ไอ้ดิ้ล!”
“โอเคๆ กูแกะกินเดี๋ยวเนี้ย หิวๆ”
ม่อนแจ่มส่ายหน้าขำๆ “จะกินข้าวกี่โมงล่ะ กินไหนวันนี้ ข้างล่างเหรอ”
 “รอหมอกที่รักกับฝันเพื่อนกูแป๊ป เดี๋ยวสักหกโมงค่อยออกไปหน้ามอกันบ้าง”
 “โอเค”
ตกลงกันเสร็จสรรพ แล้วไอดิลก็มีสมาธิกับการกินขนม ส่วนม่อนแจ่มก็กางฉากตั้ง สอดกระดาษ A3 ตั้งท่าจะเริ่มวาดภาพใหม่อีกสักภาพ ทั้งที่ก็ยังไม่รู้จะวาดอะไร..


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


            “พชร กินข้าวยัง ซื้อของกินมาฝาก”
ไอดิลทักทายเมื่อกลับมาในตอนค่ำจัด แล้วได้เจอว่ารูมเมทปรัชญาแว้นจากลำพูนมาถึงมอเรียบร้อยแล้ว
อันที่จริง ก็มีคนรีๆรอๆ ไม่ยอมไปกินข้าวตรงเวลาคือหกโมงเย็นอยู่หรอก แต่เพราะไอดิลหิวจนจะแทะหัวม่อนแจ่มจึงต้องลากมันออกไปในเวลาหกโมงครึ่งซึ่งพชรยังไม่กลับมา
“เรียบร้อยมาจากบ้านแล้วล่ะ ขอบใจมาก” คนถูกถามพยักหน้ารับพร้อมกับขอบคุณ

‘ขอบคุณ’
เป็นคำที่ช่างงดงามจริงๆ เล่นเอาม่อนแจ่มอยากได้บ้าง

“พชร กูเอาหนมจากบ้านมาฝากอ่ะ วางไว้บนโต๊ะแล้ว”
..
..ไม่ตอบรับ
..ไม่ปฏิเสธ
..อย่างที่คาดเดาได้

หนึ่ง สอง และสามนาทีผ่านไป.. ม่อนแจ่มจึงรวบรวมลมปราณอีกครั้ง
“พชร พอดีพ่อกับแม่กูไปเยอรมัน ซื้อขนมมาฝาก กูก็เลยเอามาฝากมึงด้วย”
..
ประหลาดแล้วล่ะ.. ที่คราวนี้ ร่างสูงเมินโลกจะชะงักไป ใบหน้าที่ปกติเรียบเฉยนั้นเข้มขึ้นมาแว่บหนึ่ง
“ไม่เป็นไร เอากลับไปกินเถอะ”

..นี่ไม่ใช่สิ่งที่คาดว่าจะได้รับ
..แค่เสริม เพราะคิดว่าอย่างน้อย พชรก็น่าจะรับไว้ตามมารยาท
..แค่อยากให้รู้สึกเหมือนไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนตั้งใจเอามาฝากให้ต้องรู้สึกเกรงใจติดค้าง แต่พ่อกับแม่ซื้อมาไง อารมณ์แบบรูมเมทเอามาแบ่งกันกิน แค่นั้น..

ขอบคุณ ม่อนแจ่ม พูดแค่นี้จะตายไหมพชร”
“ไอ้ม่อน..” ไอดิลแตะไหล่เพื่อนอย่างปรามๆ
พชรพ่นลมหายใจน้อยๆ ไม่อยากตอบ ไม่อยากทะเลาะด้วย ตั้งท่าจะออกจากห้อง หลีกเลี่ยงการปะทะเหมือนเคย
ทว่า มือเล็กกว่ายึดท่อนแขนไว้
“พชร!”
ม่อนแจ่มไม่ยอมให้คนตรงหน้าเดินหนี พอแล้ว.. พอ..
ไม่คิดว่าตัวเองจะทนรับเอาไว้อีกต่อไป ไม่ไหว.. เขารับไม่ได้..
ถ้ามีปัญหากับเขา ทำไมพชรถึงไม่แค่พูดออกมา ภายหลังกำแพงนี้.. ม่อนแจ่มอยากจะรู้ ..มันมีอะไร

“พชร..”
“ถอยไป เครื่องกล”
เครื่องกล.. อีกแล้ว?
“ชื่อกูมันอุบาทว์มากหรือไงวะ มึงถึงไม่ยอมเรียก!” เสียงเล็กตะโกนลั่น
“ใช่สิ กูชื่อม่อนแจ่ม ไม่ได้ชื่อเท่พชรแบบมึง แต่จะให้กูทำยังไง ก็แม่กูชอบไปเที่ยวม่อนแจ่ม แม่กูตั้งแบบนี้ มึงจะให้กูไปขอแม่เปลี่ยนเป็นอินทนนท์ ขุนตาน อ่างขางหรือยังไง ในเมื่อแม่กูชอบม่อน-”
“หยุดพูดถึงแม่มึงได้แล้ว เครื่องกล!”
“เรียกชื่อกู พชร!”
มีเพียงเสียงลมหายใจหอบๆของม่อนแจ่มเองภายหลังเสียงสั่งนั้น
พชรไม่พูดอะไร ดวงหน้านิ่งอยู่ในองศาเดิม และการไร้ปฏิกิริยาตอบกลับเช่นนั้นก็ทำให้คู่กรณีไม่อาจหยุดตัวเองได้อยู่
“หันมามองกูเดี๋ยวนี้ พูดมา มึงไม่ชอบอะไรกูนักหนา หน้ากูเหมือนพ่อมึงหรือไงวะสัด!”

…..
ร่างสูงกว่ายืนนิ่ง ดวงตาสีดำสนิทที่มักจะมองไปทางอื่นและไม่สบสายตากลับหันมาประจันหน้า
และคราวนี้ ขายาวนั้นก้าวเข้ามาหาร่างเล็กด้วยตัวเอง เป็นม่อนแจ่มเสียอีกที่มองสบดวงตาคู่นั้นแล้วถึงกับต้องผงะถอยหลัง
ไม่ว่าจะไม่พอใจด้วยเรื่องอะไร การพูดถึงพ่อแม่นั้นเป็นสิ่งที่น่าตำหนิ ม่อนแจ่มรู้สึกตัวทันที
“กูขอโท-”
ทว่า พชรไม่ได้ต้องการฟัง ใบหน้าคมสันก้มลงมาใกล้ ราวกับอยากจะให้คนตัวเตี้ยกว่ามองเห็นเขาให้ชัดทุกรายละเอียด
“หน้ามึงไม่เหมือนพ่อกูหรอก..”  เสียงเข้มเอ่ยเรียบๆเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนคือแววตาเชือดเฉือนคู่นั้น
“ว่าแต่หน้ากู.. เหมือนพ่อมึงหรือเปล่า?”
 
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/5/59 CH.5 Behind the Wall P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 04-05-2016 21:57:29
เอาแล่วๆๆๆๆๆๆๆ.  พูดยาวๆแล้วพชร.  :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/5/59 CH.5 Behind the Wall P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-05-2016 22:49:29
อ้าวค้งเฉย มารอคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/5/59 CH.5 Behind the Wall P.2
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 04-05-2016 22:50:50
ม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกของพ่อ แล้วพ่อเป็นพ่อของ พชร ที่ทิ้งลูกมาอยู่กับแม่ม่อนแจ่ม ด้วยเหตุผลบางประการเหรอ

รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/5/59 CH.5 Behind the Wall P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-05-2016 06:00:05
ธุรกิจของพ่อม่อนแจ่มไปทำร้ายธุรกิจของครอบครัวพชร?
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/5/59 CH.5 Behind the Wall P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 05-05-2016 07:47:49
รู้สึกม่อนน่ารักมากๆ หลังจากอ่านบทนำเข้าเรื่องจบ อ่านต่อม่อนชักน่ารำคาญว่ะ อ่านไปอ่านมา เริ่มน่าสงสารแระ
ค่อยๆเดาตามว่าคนแต่งจะปูเรื่องไปทางไหน สงสัยเคยเป็นเพื่อนตอนเด็กๆ แล้วม่อนจำไม่ได้? อ่าว.. พชรบอกไม่เคยเจอกัน
เอ....หรือเป็นเพราะไม่ถูกชะตา? เพราะพอสบตาก็เกิดอาการเลย
ยังคิดว่า งั้นม่อนต้องระรานงี้แหละไม่งั้นจะดึงดูดความสนใจจากพชรได้ยังไง 555+ผิดอีก
โห...เรื่องมันลึกล้ำยาวนานไปถึงก่อนเกิดอีก
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ อยากเห็นพัฒนาการทุกอย่างของทุกตัวละคร
ให้กำลังใจม่อน เชื่อว่าคนแต่งคงไม่ใจร้ายกับม่อนมากนัก
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่ทำให้หายคิดถึงคู่เกรียนพ่อลูก
รักทุกตัวอักษรของคุณ ไม่ว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร รู้สึกได้ถึงความรัก การให้กำลังใจ ความห่วงใยแทรกอยู่
เวลาขำก็ฮาสาด เวลาหวีทก็น่าอิจฉา น่าหมั่นไส้ เวลาซึ้งถึงน้ำตาไหล(พราก) เวลาหื่นก็ฟินนนน..555+
และที่สำคัญ จะได้ข้อคิดเสมอ ซึ่งบางเรื่องยอมรับเลยค่ะ ว่าขนาดป้าอายุ45แล้วนี่ ยังไม่คิดได้อย่างนี้
 ดีใจที่มีโอกาสได้อ่านนิยายของน้องนะคะ จะติดตามต่อไป
สารภาพอีกคำว่า หลงรักสมองและหัวใจคนเรียนปรัชญา มีผลงานออกมาให้คนอ่านมีความสุขต่อไปนะคะ^^
 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/5/59 CH.5 Behind the Wall P.2
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 05-05-2016 09:54:05
พี่น้องหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/5/59 CH.5 Behind the Wall P.2
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 05-05-2016 12:57:07
 o22 มาม่าพี่น้องป่าวนี่
หัวข้อ: SWEET SURRENDER 7/5/59 CH.6 Sealed With A Kiss P.2
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 07-05-2016 22:24:13
CHAPTER 5: Sealed With a Kiss

          'หน้ามึงไม่เหมือนพ่อกูหรอก ว่าแต่หน้ากู..เหมือนพ่อมึงหรือเปล่า?'

          ยืดตัวขึ้น.. ก้าวถอยหลัง.. ตั้งท่าจะออกจากห้องอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เหมือนเดิม..
ไม่.. ไม่ควรพูดอย่างนั้น พชรไม่อยากใช้อารมณ์  ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่รังแก ไม่มีทางข่มเหง
ความผิดพลาดของผู้ใหญ่ ..ไม่ควรลงโทษกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กตัวเปี๊ยก ไม่รู้เรื่องรู้ราว ขี้บ่นยืดยาวอย่างม่อนแจ่ม
แม้ว่าคนตรงหน้าจะน่ารัก น่าหวั่นไหว น่าทำให้ร้องไห้แค่ไหนก็ตาม..

          “พูดว่าอะไรนะพชร?”
ม่อนแจ่มถามย้ำ ไม่แน่ใจนักว่าได้ยินอะไร เขายังงุนงงอยู่จากความรู้สึกอื่น
ทว่า อีกฝ่ายไม่พูดซ้ำ หันหลังให้ มือแกร่งหมุนลูกบิดประตู
“อย่าหนี มึงมาต่อยกับกูเลยพชร!” ม่อนแจ่มโวยวาย ท้าต่อยเป็นครั้งที่ยี่สิบ
ความน้อยใจ เสียใจที่จู่ๆไม่รู้ว่ามาจากไหนกระทบกระเทือนจิตใจจนไหล่บางสั่น
และคราวนี้ มันพาให้มือต่อยตีร่างสูงจริงๆ
“หันมามองกูให้นานกว่านี้ จำหน้ากูให้ได้ มึงมันใจร้ายพชร กูอุตส่าห์ไปหา มึงก็จำกูไม่ได้ มึงมันใจร้าย”
พชรจับมือที่ต่อยตีคู่นั้นเอาไว้ แม้แทบจะไม่สะเทือนร่างกายของเขาเลย เสียงเข้มเอ่ยปรามเรียบๆ “หยุด แว่นแดง”
ซึ่งคำเรียกนั้นมีแต่จะทำให้คนตรงหน้าอารมณ์รุนแรงขึ้น “พชร!”
   
           “ไอ้ม่อน หยุดเหอะ พอแล้ว”
ไอดิลที่ยืนจังงังไปหลายอึดใจเข้ามาห้าม แต่พชรขัด
“ไอดิล ไปอยู่กับหมอกไป กูจัดการเอง”
..ได้แต่เลิกคิ้ว
..พชรนี่นะจะจัดการไอ้ม่อน
เออ.. แต่ก็นั่นแหละ ถ้าพชรจัดการไม่ได้ ก็คงไม่มีใครอีกแล้วล่ะที่จะทำได้
ไอดิลพยักหน้ารับและค่อยๆเดินออกจากห้อง ด้วยความหวังว่ามันจะไม่ฆ่ากันตาย

พชรหันกลับมามอง..
อยากให้มองก็จะมอง แล้วคนที่หายใจหอบน้อยๆด้วยความโกรธก็พ่นออกมา
“กูคือคนที่มึงแนะนำให้ลง Introduction to Philosophy กับ Philosophy of Sufficiency Economy”
มือเรียวล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบเศษกระดาษซึ่งเขียนเลข 011153 และ 011269 ไว้หวัดๆออกมาชูขึ้นจนแทบจะเอามาทิ่มตาคนฟัง
“คนที่มึงยื่นรหัสวิชาให้หน้าห้องภาคปรัชญาฯ คือกูเอง เซอร์ไพร้ส์ไหม?”
..ไม่อยากมองหน้าแล้ว พชรอยากจะหันไปทางอื่น
“มึงมันใจร้าย มึงจำกูไม่ได้ กูเดินไปนะสัด ไปคณะมึงน่ะกูเดินไป แล้วมึงก็จำกูไม่ได้..”
“หยุดได้แล้ว เครื่องกล”
อย่ามาพูดแบบนี้..
แค่.. อย่าพูดเหมือนน้อยใจกูแบบนี้
“ไม่หยุด กูไม่ได้ชื่อเครื่องกล!”
เสียงเล็กกว่าประกาศกร้าว  ยืนทำหน้าถมึงทึง
“พูดมาเดี๋ยวนี้ มึงมีปัญหาอะไรกับกู มึงจะตัว-ตัวกับกูไหมสัด”
“หยุดพูด รำคาญ”
“ไม่หยุด” ดวงตาประสานอย่างไม่ยอมแพ้ “ไม่หยุด จนกว่ามึงจะเรียกกูว่าม่อน!”

ไม่ยอมจริงๆใช่ไหมวันนี้..
พชรมองตาคนเบื้องหน้า ซึ่งจ้องเขม็งกลับมา
ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น..

“อย่าเรียกกูว่าเครื่องกล อย่าเรียกกูว่าเตียงล่าง และอย่าเรียกกูว่าแว่นแดง!”
พชรมองเรียวปากรูปกระจับสีชมพูดสดที่พูดไม่หยุดนั้น
ขอย้ำอีกครั้ง  ..และจะย้ำอีกเพียงครั้งเดียว
“หยุดพูด”
“ไม่หยุด เรียกกูว่าม่อนก่อน เพราะกูชื่อม่.. อื้อ..”

ดวงตาในกรอบแว่นเบิ่งค้าง เมื่อคนที่ไม่ค่อยพูดและมักบอกให้หยุดพูดเคลื่อนไหวรวดเร็วเข้ามาประชิด
ริมฝีปากโน้มลงมาแนบประกบ..

“อะ..”
ได้แต่ส่งเสียงตกใจในลำคอ มือทั้งสองดันหน้าอกแกร่งที่รุกรานออกตามสัญชาตญาณ “อื้อ..”
ดวงตาคมกล้าที่มองมาไม่ได้หลบ เป็นม่อนแจ่มเสียอีกที่แทบสู้สายตานั้นไม่ได้
ดวงตาประสาน.. ริมฝีปากแนบชิด..

ที่สุด.. ก็เป็นร่างเล็กที่ปิดเปลือกตาลง มือที่ดันอกข้างหนึ่งกลับขยุ้มเสื้อยืดอีกฝ่ายไว้ เศษกระดาษเขียนรหัสวิชากำยับอยู่ภายใน อีกข้างห้อยตกลงมาเกาะเอว ยินยอมเปิดปากให้รุกเร้าอย่างไม่เข้าใจตัวเอง

เป็นครั้งแรกที่ถูกทำแบบนี้.. เป็นความอ่อนไหวที่ม่อนแจ่มไม่รู้จัก และตอบสนองกลับไปราวกับเด็กน้อย..
ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดใบหน้า  ฝ่ามือใหญ่แตะเบาๆที่ไหล่และหลังคอให้คนเตี้ยกว่าแหงนหน้าขึ้นรับสัมผัส ระวังไม่ให้โดนแว่นเจ้าตัว เรียวลิ้นแทะเล็มขอบปากช้าๆอย่างหยั่งเชิง เมื่ออีกฝ่ายไม่ขัดขืนจึงตวัดดูดดึงลึกล้ำยิ่งขึ้นจนคนถูกกระทำส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอ..

ริมฝีปากหนาจูบย้ำๆ จนแทบเข่าอ่อน ก่อนละออกมา สองมือแข็งแรงประคองไหล่เล็กกว่าไว้ให้ตั้งท่ายืน
ตามองตาเหมือนเดิม.. แต่ม่อนแจ่มไร้คำพูด..
พชรสีหน้าเฉยชาไม่เปลี่ยนแปลง จะมีก็เพียงดวงตาที่เหมือนพึงพอใจในรสสัมผัส
“ก็.. หยุดพูดแล้วนี่นะ”

ไม่ตอบรับ.. ไม่ปฏิเสธ.. มันทำกันแบบนี้เอง
เป็นครั้งแรกจริงๆที่ม่อนแจ่มพูดไม่ออก หัวสมองโล่งและกลวงอย่างประหลาด แข้งขาอ่อนแรง หัวใจหนักอึ้ง
ไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง ไม่รู้ความรู้สึกคนตรงหน้า
รับไม่ไหว.. ยืนไม่อยู่..

“เฮ้ย เครื่องกล!”
แทบสอดแขนเข้าไปประคองไม่ทัน เมื่อคนปากเก่งทรุดลงไปเกือบกองกับพื้น
ดวงตาใสยังจ้องมองค้าง ริมฝีปากสั่นระริกอ่อนเบา น่าจูบย้ำลงไปอีกสักครั้งหนึ่ง

“เครื่องกล..” พชรตบแก้มเบาๆ
ทว่า เจ้าของดวงหน้าขาวเนียนนั้นไม่ตอบ ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นมองเขา แขนแข็งแรงสองข้างจึงโอบประคองเอวและไหล่เล็กให้ ค่อยๆนั่งลงบนเตียงเดี่ยวของตัวเองซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด 

ตายังคงมองตา แต่เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย
ลำตัวที่โอนเอนไม่มั่นคงของม่อนแจ่มเอนไปแนบผนังหัวเตียงอย่างหมดแรง
ให้ตายเถอะ พชรชักคิดถึงคำบ่นยืดยาวไม่มีที่สิ้นสุดที่ได้ยินแทบทุกวันเสียแล้วสิ

ไม่ได้ตั้งใจ.. ไม่ได้คิดจะทำแบบนี้เลย.. แล้วแว่นแดงจะมาทำตัวให้อยากทำ ทำไมกันนัก?
พชรนั่งลงข้างๆ ฝ่ามือสากทาบแก้มเนียนเอาไว้ เสียงเข้มค่อยๆเอ่ยเรียกอย่างลืมตัว
“ม่อน”

คำเดียวเท่านั้น..
คำเดียวที่ทำให้ม่อนแจ่มค่อยๆยันตัวขึ้น ขยับเข้าไปมองใบหน้าคมสันใกล้ๆ ราวกับไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกหรือเปล่า
เสียงเล็กได้แต่เรียกอีกฝ่ายแผ่วๆ ราวกับนั่นจะช่วยยืนยันว่าคนตรงหน้าเรียกชื่อเขาจริงๆ
“พชร”

พูดจนได้..
คนถูกเรียกยิ้มออกมาในที่สุดอย่างโล่งใจ

ยิ้ม..
ม่อนแจ่มเบิ่งตามอง
รอยยิ้มจริงใจครั้งแรกของพชรในห้องนี้
ไม่ใช่ยิ้มขำ.. ไม่ใช่ยิ้มตามมารยาท.. แต่ยิ้มเพราะอยากจะยิ้มจริงๆ
ยิ้ม.. เพราะแค่เขาเรียกชื่อ ‘พชร’
ยิ้มให้เขา..

นี่มันคือความจริง ใช่ไหมวะ?
ม่อนแจ่มเพ่งมองอย่างพยายามทำความเข้าใจ
ดวงหน้าใกล้กันเพียงแค่คืบ ใกล้.. จนอยากทำลายทุกระยะห่างที่เหลือ

            “เอ่อ..”
เป็นประตูที่เปิดออก และเป็นไอดิลที่ยืนนิ่งสนิท ปากอ้าค้างอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เมื่อเมทเครื่องกลกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเดี่ยวของเมทปรัชญา โดยที่ใบหน้าคนทั้งสองใกล้กันอย่างน่าหวาดเสียว แล้วก็เป็นม่อนแจ่มที่เบี่ยงหน้าหลบ แก้มเป็นสีแดงจัด
“กะ..กูเข้ามาผิดเวลาหรือเปล่า” ไอดิลตะกุกตะกัก
“เปล่า” ร่างเล็กยันตัวลุกขึ้นจากเตียงเดี่ยว “กู กูหน้ามืด แล้ว..”
จากที่พูดได้ยืดยาว ตอนนี้ ม่อนแจ่มพูดได้สั้นๆแค่นั้น แล้วโบกไม้โบกมือไปทางพชรทำนองว่าเมทปรัชญาให้การช่วยเหลือ
“แล้วนี่มึง โอเคแล้ว?” ไอดิลเลิกคิ้ว
“สบายมาก” ม่อนแจ่มพึมพำตอบ แล้วคว้าลูกบิดประตูออกไปทำใจนอกห้อง
ไอดิลมองตามหลัง ชั่งใจว่าจะตามออกไปเช็คดูดีไหมว่าไอ้ม่อนมันมีไข้หรือเปล่า หน้าแม่งแดงๆชอบกล
ทว่า ก็เป็นพชรที่ตามออกไปก่อน
ปกติ พชรมักจะเดินหนีออกจากห้อง และเป็นไอ้ม่อนที่ตามไปหาเรื่อง
ไม่นึกว่าวันนี้ จะเป็นไอ้ม่อนที่ออกไป และพชรเป็นคนตาม
ส่วนจะตามไปหาเรื่องหรือไม่  ไอดิลก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน  อย่าถามหาความฉลาดจากเขาเลย

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

             ม่อนแจ่มก้าวช้าๆอย่างไม่ใคร่มั่นคงนัก.. มาหยุดยืนริมระเบียงทางเดินหอ
ไม่รู้เลยว่าหน้าตาตัวเองเป็นอย่างไร
จำไม่ได้ว่าตอบสนองไปมากแค่ไหน
ไม่มั่นใจว่าคำเรียกชื่อที่ได้ยินมาจากเสียงเข้มนั้นจริงหรือเขาจินตนาการไปเองกันแน่ 
ได้แต่ยืนงง หัวใจเต้นแรงจนต้องเอามือกุมหน้าอกไว้ กลัวใครได้ยิน
จนกระทั่ง.. รู้สึกตัวว่ามีคนเดินตามมา

           “กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล”
ไม่รู้ควรจะพูดอะไรในเวลานี้ จึงเอ่ยไปตามสัญชาตญาณ
ประโยคนี้ล่ะที่จะปลุกปลอบใจเขาให้.. จากม่อนแจ่มขาสั่นทรุดฮวบกลับมาเป็นม่อนแจ่มผู้กล้าหาญชาญศึกดังเดิม
ร่างสูงของพชรเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าลำบากใจและในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกขออภัย..

รู้..
ไม่รู้ว่ารู้ได้อย่างไร แต่รู้โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องพูด
รู้..
เพราะมองตา เพราะเจ้าของดวงตายอมแสดงความรู้สึกออกมาให้ม่อนแจ่มอ่านออกได้ในที่สุด
ปากคนตรงหน้าอ้าออก แต่ไม่จำเป็น ม่อนแจ่มรู้ว่าพชรจะพูดอะไร เขาไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ มันเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ..
“ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร”

เอ่ยขึ้นพร้อมกัน และเสริมแทบจะในทันที..
“กูรู้มึงไม่ได้ตั้งใจ”
“กูยั้งตัวเองไม่ทัน”

…..
ห๊ะ?
ม่อนแจ่มมองพชรค้าง คนตรงหน้าก็ดูท่าจะตกใจน้อยๆกับคำพูดตัวเอง
ไอ้ ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ กับ ‘ยั้งตัวเองไม่ทัน’ นี่มันความหมายเดียวกันใช่ไหมวะ ..หรือไม่ใช่?

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ไฟในห้อง 338 ดับมืดลงเช่นทุกคืน
ณ เวลาเลยเที่ยงคืน ม่อนแจ่มยังคงเข้าร่วมเกมส์ที่มีผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียวและมีกรรมการเป็นคนเดียวกับผู้เข้าแข่งขันอย่างจริงจังเหมือนเดิม  แม้ว่าวันนี้จะขัดเขินเพียงใด แต่มันก็ชินเสียแล้วกับการใส่แว่นนอนมองแผ่นหลังสลับกับใบหน้ารูมเมทเตียงเดี่ยวตามแต่เจ้าตัวจะหันส่วนใดมา และคงละเมอถอดแว่นตัวเองตอนดึกอีกคืน เพราะตื่นเช้ามา ก็คว้าเจอแว่นแดงของเขาวางอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่มีส่วนไหนแตกหัก บนโต๊ะเขียนหนังสือทุกที

‘มันเกิดขึ้นเพราะแรงโน้มถ่วงของโลก อธิบายได้ง่ายๆด้วยกฎทางฟิสิกส์
ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเจือปน..’

ม่อนแจ่มเตือนตัวเองอย่างงัวเงีย..

           พชรยังคงตื่นอยู่.. ถอนหายใจน้อยๆท่ามกลางความสงัดเงียบ
เมื่อล้มตัวลงนอนจ้องมาได้ราวครึ่งชั่วโมง รูมเมทเตียงล่างก็ผล็อยหลับใหลจมดิ่งสู่ภวังค์พร้อมแว่นแดงคาตาเหมือนอย่างเคย
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนก็คงเป็นใบหน้าเนียนที่แดงจัดกว่าปกติแม้ในความสลัวของห้อง
ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นจากเตียง ก้าวมาย่อตัวลงเบาๆหน้าเตียงฝั่งตรงข้าม
มือแกร่งค่อยๆบรรจงถอดแว่นแดงของคนหลับออกมา และรับรู้ถึงลมหายใจสม่ำเสมอของคนบนเตียงในจังหวะเดียวกัน

             “พชร..”
จำได้.. จำลมหายใจนี้ได้ มันอุ่นและมาพร้อมกับกลิ่นกายที่อวลในอากาศ เสียงเล็กจึงพึมพำเรียกทั้งงัวเงีย
น่ารัก น่าใคร่.. จนทำให้ผู้มาเยือนอดทนไม่ไหว มือสากลูบไล้ไรผมนุ่มที่ปรกหน้าและปัดออกให้
โน้มลงไปหา ประทับจูบที่ริมฝีปากแผ่วเบา..

            พชรมองเจ้าของดวงตาหลับพริ้มด้วยความรู้สึกหลากหลาย
นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเกิดขึ้น จูบ.. เขาจูบม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์
ทว่า นั่นก็ยังไม่น่าตกใจเท่ากับการที่ ..เมื่อได้จูบครั้งแรกแล้ว ก็อยากจะจูบคนตรงหน้า ..ซ้ำแล้ว ..ซ้ำอีก

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณทุกการติดตามเหมือนเดิม พบกันใหม่ตอนหน้า มิช้า มินานครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/5/59 CH.6 Sealed With A Kiss P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ysolip ที่ 07-05-2016 22:56:40
 :impress2: :impress2: แอร้ยยยย ชอบพชรจังเลยยย
ขอผู้แบบนี้ค่ะชอบมาก นิสัยปากร้ายเย็นชาแต่ใจดี๊ใจดี๊ หูยยย ผู้ชายแบบนี้อบอุ่น น่าซบอกที่สุดลั้ลล
สำหรับคุณม่อนแจ่มแห่งวิศวะเครื่องกลนะคะ ถ้านางพูดมากอีกพชรก็ปิดปากเลยนะคะ คริๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/5/59 CH.6 Sealed With A Kiss P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 07-05-2016 22:58:36
สบายใจไปสิม่อน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/5/59 CH.6 Sealed With A Kiss P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 07-05-2016 23:57:54
อยากรู้ว่าพชรมีปมอะไรกับบ้านม่อน ค้างงง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/5/59 CH.6 Sealed With A Kiss P.2
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 08-05-2016 00:40:08
พชร ดีขี้นแล้ว สงสารม่อนนะ ม่อนไม่รู้เรื่องที่พชร โกรธเคือง มีอะไรไม่พูด ม่อนน่ารักมากเลย คนน่ารักแบบม่อนต้องมีความสุขเยอะๆ ขอบคุณนะคะ

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/5/59 CH.6 Sealed With A Kiss P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 08-05-2016 07:47:42
จูบกันแล้ววววววววววววว เอาแล่วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/5/59 CH.6 Sealed With A Kiss P.2
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 08-05-2016 08:00:03
จูบแล้วอ่ะ.....
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/5/59 CH.6 Sealed With A Kiss P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 08-05-2016 09:00:33
ทำไมรู้สึกถึงดราม่าที่จะเกิด  :serius2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/5/59 CH.6 Sealed With A Kiss P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 08-05-2016 13:58:35
โลกของม่อรแจ่มกำลังจะเปลี่ยนไป๋
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/5/59 CH.6 Sealed With A Kiss P.2
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 08-05-2016 15:27:40
ฉันแพ้ทางคนแบบนี้จริงๆ ให้ตายยยยยย ม่อนแจ่มน่ารักน่าขยำอ่ะ ขยำๆๆๆๆๆๆ ชอบบบ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/5/59 CH.6 Sealed With A Kiss P.2
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 10-05-2016 10:47:26
ไอ๊หยา ไอดิ้ลลลลลลลลลลลลลล หนูเข้ามาได้ผิดจังหวะมากลูก อีกนิดเดียวเองธ่อ ๆๆๆ นี่รอฉากนี้มาตั้งนานมีได้แป๊บเดียวเอง เสียดาย รอบสองชมัด ไม่เป็นไรนะ พชร คราวต่อไปเอาให้แน่ว่าจัดการได้นานกว่านี้นะ  :hao6:
หัวข้อ: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 11-05-2016 11:39:41
CHAPTER 7: Walk And Ride

            “หาอะไรของมึงวะ?”
ไอดิลจำต้องถาม เพราะเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นรูมเมทเครื่องกลก้มดูใต้โต๊ะก็แล้ว ใต้เตียงก็แล้ว ใต้เก้าอี้ก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดหา เกรงแม่งจะพลิกตู้เสื้อผ้าขึ้นมาหาด้วย
ร่างเล็กกลอกตาไปมา หันไปมองไอหมอกคนรักซึ่งเดินมาส่งหน้าประตู ยักไหล่น้อยๆ

           “ไอ้ดิ้ล มึงชอบเก็บกวาดห้องอ่ะ มึง.. มึงเห็น เอ่อ เศษกระดาษแผ่นเล็กๆมั่งหรือเปล่าวะ”
ในที่สุด เมื่อดูท่าจะหาไม่เจอจริงๆ ม่อนแจ่มจึงอ้อมแอ้มถาม แม้จะยังโก้งโค้งอยู่ข้างเก้าอี้ สายตากวาดมองตามพื้น
“หึ..” ไอดิลลอบยิ้มกับคนรัก หมอกเองก็เสมองไปทางอื่นอย่างยิ้มๆพอกัน
“ไอ้เศษกระดาษที่พชรเขียนรหัสวิชาให้มึงน่ะนะ?”

โป๊ก!!
ชนขอบโต๊ะอีกแล้วสำหรับหัวม่อนแจ่ม

“โอ๊ยยย!” มือเรียวกุมขมับตัวเองแน่น
“เอ้าๆ ระวังหน่อยเว้ย” ทั้งไอดิลและไอหมอกรีบรุดเข้ามาดู
“นี่.. นี่มึงได้ยินเหรอวะ” เมทเครื่องกลมองเพื่อนซี้อย่างงงวย
ตอนนั้นไอ้ดิ้ลออกไปจากห้องแล้วไม่ใช่หรือไง..
“โอ๊ย” ไอดิลขำ “มึงตะโกนใส่มันดังลั่นขนาดนั้น ได้ยินกันทั้งชั้นนี้แหละมั้ง”
ไอ้เวอร์.. ม่อนแจ่มหน้าขึ้นสีจัด
“เออ นั่นแหละ มึงเห็น เห็นหรือเปล่า?”
ไอดิลส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ในเน็ตก็มีรหัสวิชา ถ้ามึงจะลง ไม่ได้หายากเลยเพื่อน”
เออ นั่นกูรู้สัด แต่กูจะเอากระดาษแผ่นนั้นไง กูไม่รู้ปล่อยหล่นตอนไหนเนี่ย เฮ่อ..
“กูไม่เห็นเลย แล้วก็ยังไม่ได้กวาดห้องด้วย..” ไอดิลทำหน้าชั่วร้าย
“เพราะงั้น มึงคงต้องไปถามจากพชรแล้วล่ะ ว่ามันเห็นบ้างหรือเปล่า”
ไอ้ดิ้ล! อยากกระโดดถีบแม่งให้เต็มๆแรงจริงๆเว้ย!

“นี่ เอ่อ.. เมื่อคืน แบบว่า.. เสียงกูดังขนาดนั้นเลยเหรอหมอก”
ยังกังวลอยู่ ขอถามไอหมอกดีกว่า เพราะไอ้ดิ้ลพูดจาเว่อร์ๆตลอด เชื่อมันมากไม่ได้ เดี๋ยวจิตตก
“อืม ก็..” ไอหมอกกลืนน้ำลาย พยายามสรรหาคำพูดเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ “ก็.. คงไม่ได้มีใครตั้งใจฟังหรอกม่อน”
อ่า.. ขอบคุณมากหมอก หมอกเป็นแฟนเพื่อนที่ดีจริงๆ
“นั่นสิ ไม่มีใครมานั่งตั้งใจฟังหรอก” ไอดิลยืนยัน
ม่อนแจ่มยิ้มอย่างนึกขอบคุณ มึงก็เป็นเพื่อนที่ดีนะ..ไอ้ดิ้ล

อย่างไรก็ตาม ไอดิลเอ่ยเสริมต่อ
“หรือถึงตั้งใจฟัง เขาก็คงไม่อะไร เพราะนึกว่าผัว-เมียทะเลาะกัน”
“สัด!” ม่อนแจ่มว้ากลั่น ตั้งท่าจะวิ่งไล่เตะไอดิลอย่างที่ทำประจำ จนเมทสิ่งแวดล้อมต้องยกมือขึ้นเบรก
“เฮ้ย พอๆ ไม่อยากออกเหงื่อ กูพูดเล่นๆเฉยๆ มึงจริงจังอะไรเนี่ย กูรู้ว่ามึงกับพชรเป็นแค่เพื่อนร่วมห้องกัน”
ใช่ ก็ใช่ไง กูกับมันเป็น ..เป็นแค่เพื่อนร่วมห้อง ก็ถูกแล้ว..
“เออ ใครจะเหมือนมึงกับผัวมึง” ม่อนแจ่มว่าหงุดหงิด
“ยังเว้ย!” ไอดิลขัด “ยังเป็นแฟนกันอยู่”
“ห๊ะ?” ม่อนแจ่มเลิกคิ้วอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“พวกมึงคบกันมาตั้งแต่มอปลาย อยู่ใกล้ชิดกันขนาดนี้ ยังไม่ได้กันอีกเหรอวะ”
“เออ..” ไอดิลตอบรับอย่างเสียมิได้
“เดี๋ยวเหอะมึง” เมทเตียงล่างหรี่ตาเจ้าเล่ห์ “กูจะยุหมอกให้จัดการมึง!”
...
...
“เอ๊อออ บอกมันเล้ย”
ห๊ะ?
ปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมห้องไม่เหมือนที่ม่อนแจ่มคาดเอาไว้ ซ้ำยังเสริม
“กูอ่อยมันจนเหนื่อยแล้วเนี่ย มีมึงช่วยยุยง กูจะโคตรขอบใจเลย เผื่อมันจะใจอ่อน ยอมจัดการกูสักที”

ไอดิล..
ไอหมอกไม่รู้จะทำยังไงกับคนรัก จะพ่นลมหายใจแล้วส่ายหัวน้อยๆก็ทำบ่อยจนเบื่อแล้ว
ได้แต่มะเหงกอีกฝ่ายเบาๆ ให้หายปากเก่ง ซึ่งก็คงไม่หายหรอก ต้องจนกว่าจะ ‘โดน’ จริงๆ ล่ะมั้ง

“ว่าแต่..” ไอดิลลากเสียงอย่างเคลือบแคลง พลางมองหน้าเพื่อนร่วมห้อง
“มึงเดินไปคณะมนุษยฯจริงๆเลยเหรอวะ?”
อะ..
“เอ่อ ก็.. เออ” ม่อนแจ่มยอมรับอย่างเสียมิได้บ้าง
แม่ง ได้ยินกูทุกคำเลยหรือนี่ มึงเอาหูแนบประตูไว้ใช่ไหมไอ้ดิ้ล สารภาพมาซะ!
“ก็.. ก็กูรอรถม่วงหน้าหอสี่ ไม่มาสักทีนี่หว่า”
ม่อนแจ่มคิดว่าสามารถหาข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลให้ตัวเองได้แล้ว (มั้ง)
“ไหน? กูยังจำทางในมอไม่ค่อยแม่นเลย มึงร่ายมาซิ มึงเดินไปทางไหน ผ่านอะไรบ้าง”
ไอดิลทำหน้าอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเป็นสีหน้าที่มันทำบ่อยที่สุดเลย ม่อนแจ่มไม่อยากจะพูด
“อืม..” เมทเตียงล่างทำท่านึก ขณะหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงตัวเอง
“กูเดินผ่านหอสี่ชายมาหอเรา ลัดผ่านลานสักหน้าหอที่มีหอสามหญิงอยู่ตรงข้าม แล้ว.. กูข้ามถนนลงเนินไป”
ก็นั่นแหละนะ..
“ผ่านทางเข้าวิทยาลัยสื่อฯ แล้วกูก็ขึ้นเนินอีกทีไปหน้าสหกรณ์ ซึ่งตรงข้ามเป็นสำนักหอสมุด”
จากนั้นกูก็..
“เดินเลียบโดมเฉลิมพระเกียรติสักอย่างจนเห็นคณะมนุษยฯอยู่ฝั่งตรงข้าม”
แล้วกูจึง..
“ข้ามถนน เดินเข้าไปถาม เด็กมนุษยฯบอกว่าให้กูเดินผ่านตึก HB7  ไปตามสะพาน ตรงเข้าไปจนถึงตึก HB5 แต่ไม่ต้องลงบันไดนะ เพราะเดี๋ยวจะเลยไปอ่างแก้วซึ่งเป็นที่ที่ไม่ควรไป ให้กูขึ้นบันไดตึก HB5 ที่อยู่ซ้ายมือไปชั้นสอง”
แล้วนั่นแหละ..
“ภาควิชาปรัชญาและศาสนาอยู่สุดทางเดิน”
“เหี้ยยย!”
ไม่ได้สบถมานานแล้วคำนี้ ไอดิลขอสักที ขอแบบเต็มปากเต็มคำเลยด้วย
“ไอ้ม่อน..” เขามองคู่ซี้ค้าง “กฎทางฟิสิกส์ข้อไหนพามึงไปได้ถึงขนาดนั้นวะ?”

กู.. กูไม่รู้..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “อ้าว พชร กลับมาพอดี ไปเดินหาของกินหน้ามอกัน”
ร่างสูงส่ายหน้าน้อยๆ “วันนี้มีงานขันโตกกับภาคปรัชญา ตามสบายนะ”
“อ้อ” ไอดิลพยักหน้า “งั้นเดี๋ยวซื้อของกินมาฝาก”
“ไม่เป็นไร” ส่ายหน้าอีกครั้งด้วยความเกรงใจ เพื่อนร่วมห้องมีน้ำใจขนาดนี้ พชรจึงคิดว่าควรถามอะไรบ้าง
“แล้วไปกันยังไง”
“หมอกแว้น ส่งมอ’ไซค์คู่ชีพมันมาจากปักษ์ใต้แล้ว”
พชรเลิกคิ้ว ขณะไอหมอกพยักหน้ารับ สามคนยังไหวอยู่ แต่นี่มีในฝัน เพื่อนรัฐศาสตร์ของไอดิลที่เขาเคยเจออีกคนหนึ่ง พร้อมทั้งเครื่องกล จะซ้อนกันไปยังไงสี่คน  ..ก็คงแยกกันไปกระมังนะ?
พชรพยักหน้าลาเบาๆ ก่อนเดินสวนจะเข้าหอ

           ในฝันเหล่มองร่างสูงและร่างเล็กรูมเมทเพื่อนรักสลับไปมา เนื่องจากได้รับคำบอกเล่าถึงพฤติกรรมแปลกประหลาดมาจากไอดิลหลายครั้งหลายหน แล้วจึงเกิดความคิดชั่วร้าย
“ไอ้ดิ้ล” ในฝันกระดกนิ้วชี้ “เอาหูมึงมานี่ซิ..”
...
...

“ไปหมอก ไปฝัน!  ไอ้ม่อน เดี๋ยวเจอกัน!”
ก่อนที่พชรจะเดินพ้นไปจึงได้ยินเสียงเล็กของเมทสิ่งแวดล้อมเอ่ยดังๆเช่นนั้น
อ่า.. ร่างสูงหันกลับมามองอย่างงงๆ ไอดิลจึงตอบคำถาม
“อ๋อ พอดีเดี๋ยวกูกับฝันซ้อนท้ายหมอก ไอ้ม่อนมันจะเดินไปเองน่ะ”
ห๊ะ?
“เดินเนี่ยนะ..” พชรทวนคำ
หลังมอน่ะโอเค แต่หน้ามอจะไปเดินได้ยังไงจากหอสามชาย
“ไม่มีปัญหา” ไอดิลยักไหล่ยิ้มๆ ราวกับรู้ความคิดรูมเมทปรัชญา
“ไอ้ม่อนมันเดินเก่ง จากคณะวิศวฯไปคณะมนุษย์ตอนเที่ยงๆ มันยังเดินได้เล้ย!”

ไอ้ดิ้ล! มึงจะย้ำทำเพื่อ?
ม่อนแจ่มถลึงตาใส่คู่ซี๊ที่ขยันพูดแต่เรื่องเดือดร้อน

“ไปละ! เดี๋ยวเจอกัน”
ไอดิลโบกมือบ๊ายบายสองรูมเมทและลากคนรักกับเพื่อนสาวไปยังลานจอดมอเตอร์ไซค์หน้าหอสามชาย

           เหลือเพียงคนตัวสูงกับคนตัวเตี้ยยืนเยื้องกัน..
ความทรงจำเมื่อคืนไหลบ่าเข้ามาในห้วงคำนึงอีกครั้ง จนเมื่อทันทีที่สบตากันทำให้ต่างคนต่างก็เสมองไปคนละทาง ไม่เว้นแม้แต่ม่อนแจ่ม.. ‘แชมป์เกมจ้องตา’ ด้วยว่ามันมีความแตกต่างอยู่พอสมควร ระหว่างการนอนมองในห้องสลัวกับการมองท่ามกลางความสว่างไสวใต้ผืนฟ้าภายนอกอาคาร
ที่สุด.. ก็เป็นพชรที่เดินเข้าหอไปก่อน เพื่อเอาหนังสือเรียนขึ้นไปเก็บและเปลี่ยนชุดอย่างที่ตั้งใจว่าจะทำก่อนไปร่วมงานกับสาขาวิชา

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “ไอ้ดิ้ล ไอ้สัด ไอ้..” ม่อนแจ่มเดินด่าจนหมดคำจะพูด
นี่แม่งจะให้กูเดินไปหน้ามอจริงๆใช่ไหม ก็ไหนตกลงกันว่าหมอกจะพาฝันแว้นไปก่อน
ส่วนเขากับเจ้าตัวจะนั่งรถม่วงไปด้วยกัน แล้วมันกลายเป็นเขาต้องเดินได้ยังไงกันวะเนี่ย
ไอ้ดิ้ล แม่ง กูขอให้หมอกจัดการมึง อ่อ.. ไม่สิ ขอแบบนั้นก็เข้าทางไอ้ดิ้ลกันพอดี
กูขอให้หมอกไม่จัดการมึงดีกว่า ขอให้มันละเว้นมึงจนถึงปีหน้า ปีหน้าโน้น และปีหน้าของปีหน้าโน้นอีกที นี่ล่ะ เข้าท่า!
สาปแช่งไอ้ดิ้ลมัน สาปแช่งจนระทั่งรู้สึกว่ามีอะไรดำๆเขียวๆเคลื่อนเข้ามาใกล้

สองคนมองตากันอีกครั้ง..
หนึ่งคนริมฟุตบาทและหนึ่งคนบน Kawasaki D-Tracker ซึ่งเปลี่ยนชุดนักศึกษาเป็นเสื้อคอปก-กางเกงยีนส์เรียบร้อยแล้ว

...
‘มันเกิดขึ้นเพราะแรงโน้มถ่วงของโลก อธิบายได้ง่ายๆด้วยกฎทางฟิสิกส์
ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเจือปน..’

ม่อนแจ่มจำต้องเตือนตัวเองแบบนี้อีกที

“นั่งได้หรือเปล่าล่ะ จะไปส่งให้”

ห๊ะ..
พูดกับกูใช่ไหมน่ะ?
ม่อนแจ่มสนเท่ห์ หันซ้าย หันขวาให้แน่ใจว่าไม่มีบุคคลอื่นอยู่ใกล้ๆ

“ตกลงนั่งมอ’ไซค์เป็นไหมแว่นแดง?”
คนบนมอเตอร์ไซค์โมตาร์ดถามย้ำอีกครั้งว่าคนบนฟุตบาทนั่งเป็นแต่เก๋งซีดานหรือเปล่า
‘แว่นแดง’ เม้มปากน้อยๆ พยักหน้ารับ อีกฝ่ายจึงพยักบ้าง ส่งหมวกกันน็อคให้เมื่อร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้

“เอ่อ.. มึงใส่เถอะ”
ทำท่าจะใส่แล้ว ทว่า เห็นมีหมวกอยู่ใบเดียว ม่อนแจ่มจึงปฏิเสธไป
กลัวนะ ไม่ใช่ไม่กลัว ก็บอกแล้วไงว่านั่งมอเตอร์ไซค์เป็น แต่พอดีย่อมาจาก.. ‘เป็นครั้งแรก’ น่ะ 

เมื่อเปี๊ยกแว่นแดงยืนเข้าฌานอยู่อย่างนั้น พชรจึงย้ำ “ใส่ แล้วขึ้นมาเร็วๆเครื่องกล กูรีบ”
ไอ้..ปรัชญา..
ม่อนแจ่มเม้มปากแทบแบน ขณะครอบหมวกกันน็อคสีขาวลงบนหัว
หมวกกันน็อคใหญ่เกินไปหน่อย ซึ่งก็นับว่าดีเพราะไม่ต้องถอดแว่น
แต่ที่ไม่ดีคือ.. ม่อนแจ่มพยายามทำอะไรสักอย่างกับสายรัด นี่ล็อคมันอยู่ไหน สอดเข้าไปยังไงวะเนี่ย..
พชรเลิกคิ้ว พ่นลมหายใจน้อยๆ ชะโงกตัวไปสอดสายหมวกเข้ากับตัวล็อคให้เรียบร้อย เพราะไม่อยากรอม่อนแจ่มจนถึงพรุ่งนี้
มือทั้งสองสัมผัสกันเพียงชั่ววินาที แต่ก็เพียงพอทำให้ชะงักกึก..

“จะขึ้นเมื่อไหร่แว่นแดง?”
พชรถามในที่สุด หลังจากเงียบกันไปชั่วอึดใจ
ม่อนแจ่มจึงก้าวขึ้นเหยียบบนที่วางเท้า ทุลักทุเลหน่อย เพราะเขาตัวเล็กและมอเตอร์ไซค์พชรนั้นสูง
ทว่า ก็พาตัวเองไปนั่งซ้อนหลังจนได้

มันควรจะต้องเป็นแบบนี้ใช่ไหม?
แบบว่า.. แผ่นอกกูควรจะชิดสนิทแนบกับแผ่นหลังคนขี่แบบนี้เลยหรือไง

ม่อนแจ่มพยายามขยับตัวไปด้านหลังเพื่อเว้นระยะห่าง แต่ทำได้ยากนักเพราะความลาดของเบาะพาร่างบางของเขากลับมาชิดหลังพชรเสียทุกที

“พร้อมแล้วบอก จะออกรถ” เสียงที่เข้มอยู่แล้วเข้มขึ้นอีก

อะ.. ก็..
มันชิด ชิดไปไหม..


“อื้อ พร้อม”
จำต้องตอบรับ เมื่อใบหน้าคมหันกลับไปมองหอนาฬิกาเช็คเวลา เกรงว่าจะไปงานสาย
เอาวะ ขอเสริมอีกหน่อยแล้วกัน พชรจะได้มั่นใจว่าม่อนแจ่มนั่งมอเตอร์ไซค์เป็นจริงๆ
“พร้อมแล้ว พชร!  ซิ่งเลย พร้อมโคตรๆ ไม่เคยพร้อมอะไรเท่านี้ เหาะไปเลยยิ่งดี”
พชรพ่นลมหายใจ
พร้อมโคตรๆ
เหาะเลย

แล้วไอ้มือที่เกร็งเกาะไหล่แน่นกลัวตกอยู่แบบนี้ล่ะ? มันน่าแกล้งให้หัวโกร๋นนัก
อย่างไรก็ตาม พชรขี่ช้าๆ ให้เวลาคนข้างหลังได้ปรับตัว.. ก็คงนั่งมอเตอร์ไซค์เป็น ..เป็นครั้งแรกนั่นแหละ ไม่ต้องสงสัยเลย

         ม่อนแจ่มค่อยๆละมือที่เกร็งให้ผ่อนคลายลง เมื่อมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
ความรู้สึกที่ลมปะทะร่างตอนอยู่บนมอเตอร์ไซค์เป็นแบบนี้เองสินะ
ก็รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ มิน่าล่ะ หลายๆคนถึงชอบขี่มอเตอร์ไซค์กัน
ม่อนแจ่มเคยเห็นพชรอยู่บนรถคันนี้อยู่บ้างหากกลับมาหอประจวบเหมาะกับตอนร่างสูงกลับมา หรือออกจากหอในเวลาไล่เลี่ยกับที่คนตรงหน้าจะไปเรียนพอดี
รถของพชรไม่ได้ใหม่นัก ดูผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนด้วยซ้ำ แต่ตัวรถบ่งบอกให้รู้ว่าคนเป็นเจ้าของดูแลเอาใจใส่มันอย่างมาก ทำให้มันยังดูดีไม่มีที่ติ

ฝ่ามือเล็กทั้งสองทาบไว้บนแผ่นหลังกำยำเบื้องหน้าด้วยไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหน
ที่เกาะข้างหลังก็ไม่มี ตัวก็พลอยจะไถลไปซบอยู่เรื่อย ม่อนแจ่มจึงต้องดันไว้ พยายามทำตัวให้เป็นปัญหาน้อยที่สุด
คิดว่าพชรน่าจะรีบไปงานที่คณะ แต่กระนั้น ก็ยังขี่รถไม่เร็วเลย ทั้งที่หากพชรขี่รถคันนี้ไปกลับเชียงใหม่-ลำพูนบ่อยๆในเวลาไม่นานนักอย่างที่ไอดิลบอก ก็แปลว่าไม่ใช่คนขี่รถช้านักหรอก
ไม่รู้ทำไมความคิดนั้นทำให้ม่อนแจ่มยิ้มออกมาได้..

          “เอ่อ.. ส่งแค่นี้ก็พอ พชร”
เสียงเล็กเอ่ยขึ้น เมื่อรถวิ่งมาถึงประตูหน้ามอ กาดของกินอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องไปหน่อย แต่เขาเดินไปเองได้
ไม่ตอบรับ ..ไม่ปฏิเสธ ..เหมือนเดิม แล้วพชรก็ขี่รถออกผ่านประตูมอไป

“ไอดิลอยู่ไหน?”
“เอ่อ.. ไอ้ดิ้ลมันจะกินก๋วยเตี๋ยวไข่ต้ม เอ่อ ร้านข้างในอะ แต่ว่า..”
แต่อะไรไม่ทันได้พูด เพราะ D-Tracker เลี้ยวเข้าไปข้างในกาดแล้ว และค่อยๆชะลอจอดหน้าลานจอดมอเตอร์ไซค์

            ทุลักทุเลอีกครั้งเมื่อร่างเล็กต้องพยายามลงมาจากมอเตอร์ไซค์สูง กระโดดตุ๊บลงแม่งเลยแล้วกัน
คราวนี้ ถอดหมวกกันน็อคได้แล้วด้วย เดี๋ยวพชรมันจะหาว่าเราไม่มีน้ำยา อะโด่ว เอาไป หมวก!
กิริยานั้นทำให้ขำจนพชรต้องเสมองไปทางอื่นอีกที
ม่อนแจ่มมองเจ้าของใบหน้าคมสันที่ยื่นมือมารับหมวกกันน็อค เอ่ยค่อยๆ “ขอบคุณ ..พชร”

ไม่ตอบรับ.. ไม่ปฏิเสธ.. ไม่พยักหน้า ไม่อะไรสักอย่าง พชรเพียงแต่ใส่หมวก แล้วก็ขี่ D-tracker ต่อไปตามทางออก
ทิ้งให้คนข้างหลังถอนหายใจอย่างชาชินกับท่าที แต่ก็.. ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกดีขึ้น
คงเป็นเพราะได้นั่งมอเตอร์ไซค์ครั้งแรกในชีวิตล่ะมั้ง ต้องเก็บเข้าลิสต์เรื่องเล่าสู่ป้าเพ็ญไว้อีกเรื่องหนึ่ง

ม่อนได้นั่งมอเตอร์ไซค์แล้วครับ..
แถมได้ซ้อนท้ายรูมเมทปรัชญาที่ไม่ชอบขี้หน้าม่อน ซึ่งอุตส่าห์สละหมวกกันน็อคให้มาคุ้มครองกบาลม่อนอีกด้วย


รอยยิ้มแย้มแต้มริมฝีปากเรียว ได้แต่มองตามหลังไปอย่างนั้น ทั้งๆที่พชรก็ขี่พ้นออกไปตั้งนานแล้ว..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

รู้สึกตอนนี้สั้นสักหน่อย ขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามเหมือนเดิมจ้า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 11-05-2016 13:23:52
ฮื้ออ ชอบม่อนอ่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 11-05-2016 13:29:14
น่ารัก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 11-05-2016 13:49:12
ว้ายยย ให้คะแนนไอดิลลูกทำดีมากจ้า ส่วนหนูม่อนจ๋าคราวหน้านะจ๊ะซ้อนมอร์ไซค์แบบกันตกจริงๆมือน่ะต้องกอดคนขับไว้แน่นๆนะจ๊ะ เอาใหม่คราวหน้าอย่าให้พลาดเชียว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 11-05-2016 16:00:00
ใกล้เข้าไปอีกนิดละ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-05-2016 18:34:28
ในฝัน ร้าย เจ้าเล่ห์นะ แต่ก็ทำให้พชร ไปส่งม่อนได้ เจ๋ง
แต่เรื่องของตัวเอง เหนียม เงียบ ไม่กล้ากับพี่หมอนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 11-05-2016 21:13:47
ชอบเรื่องนี่มาก
ตัวละครน่ารักทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 11-05-2016 21:26:36
พชร น่ารักแล้ว ไม่พูดแต่สื่อสารด้วยการกระทำ ว่าห่วงม่อน ปากร้ายน้อยลง มาอนน่ารัก ฮามากตรงแช่งไอดิล เกรียนจริงม่อน

#มาแบบสั้นๆก็ยังดีค่ะ ดีกว่ารอนานๆ  รอติดตามนะคะ สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-05-2016 23:38:13
พชร ในที่สุดก็ทนความเย้ายวนของเด็กม่อนแจ่มไม่ได้สินะ รู้สึกคราวนี้วิศวะจะเอาคืนปรัชญา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 12-05-2016 00:28:57
ฉากจูบ ละลายมากเลยค่ะ โอยยยย อ่านไปแล้วเรารู้สึกว่ามันเป็นนิยายลึกลับนะเนี่ย 55
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 12-05-2016 02:33:13
ม่อนน่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-05-2016 14:08:54
ม่อนแจ่มน่ารักมาก...
ว่าแต่ที่แท้แล้วสองบ้านนั้นมีปัญหาหรือมีอะไรซุกไว้ใต้พรมกันนะ
ให้กำลังใจคุณเกรียน(ไม่ใช่)น้อยค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 11/5/59 CH.7 Walk&Ride P.2
เริ่มหัวข้อโดย: benicezii ที่ 14-05-2016 17:17:53
ม่อนเป็นคนตลก  :laugh:
หัวข้อ: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 15-05-2016 21:25:26
CHAPTER 8: Most Scariest Thing Ever!

           “ไอ้ดิ้ล..”
ม่อนแจ่มเดินสั่นๆ มาหาเพื่อนซี๊ร่วมห้อง เอ่ยเรียกแผ่วๆอย่างสิ้นเรี่ยวแรง
เคยเจอครั้งแรกสมัยไปเข้าค่ายลูกเสือตอนม.ต้น และเจอกันน้อยครั้งนักตามวาระโอกาสที่ม่อนแจ่มพยายามหลีกเลี่ยง
ก็เคยคิดเหมือนกันว่ามาอยู่หอในแบบนี้.. อาจต้องเจอกันอีก ทว่า พอเจอเข้าจริงๆ เขาก็ไม่อาจทำใจ..

          “อะไรไอ้ม่อน?” ไอดิลเลิกคิ้ว เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรสักที
“มึง แบบว่า.. กลัว กลัวไอ้นั่นไหมวะ” ม่อนแจ่มกระซิบถามเสียงสั่น
“ไอ้นั่นน่ะอะไร?”
“ไอ้.. ที่มันแบบ..”
“หือ?" ไอดิลชักจะรำคาญ เมื่อเพื่อนไม่นิยามให้ชัดเจนสักที "อะไรของมึง”
ทว่า ม่อนแจ่มพูดไม่ออก ความกล้าที่จะเอ่ยชื่อก็ยังไม่มี ได้แต่แนบแขนเข้าหาลำตัว ผายมือออกไปสองข้าง โบกผั่บๆ แล้วชูนิ้วชี้ขึ้นสองข้าง เอามาแนบขมับและโบกไปมาอย่างกลัวๆ

          “อะไรวะ? ทำไมไม่พูด”
ไอดิลวางเอกสารระบบประปาที่อ่านอยู่ และหันมาสนใจรูมเมทเครื่องกลอย่างจริงจัง
ม่อนแจ่มยังคงไม่พูด ไม่ตอบ ได้แต่โบกนิ้วชี้แรงขึ้น แรงขึ้น
อะไร อะไรของมึงไอ้ม่อน มึงกางปีกเพื่อ? แล้วมึงโบกหนวดทำ..

“อ้อ!” ไอดิลเข้าใจในที่สุด “มึงหมายถึงแม- อุ๊บ!”
มือเล็กทาบปิดปากรูมเมทสิ่งแวดล้อมโดยพลัน
ไม่.. ม่อนแจ่มไม่คิดว่าจะทนได้ยินคำนั้นได้ มันหลอนเขาเกินไป

“มึง เอ่อม.. มึงกลัวเหรอ?”
ฮึ่ย ท่าทางกูดูเหมือนกลัวไหมล่ะ
มึงใช้ความฉลาดบ้างได้ไหมไอ้ดิ้ล อย่า.. อย่าให้ลูกผู้ชายอย่างกูต้องพูดตรงๆ!

“เอ่อ.. โอเค กูไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ถึงกับกลัว” ไอดิลปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “แล้ว.. มึงมีอะไรให้ช่วยไหม?”
“ฮื่อ” ม่อนแจ่มพยักหน้า “กูกำลังล้างมืออยู่ แล้ว.. แบบว่า มันมาจากไหนและมาทำอะไรไม่รู้ แต่.. แต่มันอยู่ที่พื้น”
“อ่า มันคง.. มาทักทายมั้ง” ไอดิลให้ความเห็น “แล้ว?”
“แล้ว.. กูก็วิ่งหนีมาเลยว่ะ!”
“ฮึ่ก” ไอดิลกลั้นอะไรบางอย่างไว้ในลำคอ แล้วกระแอมเบาๆ “อ่า.. ก็ดี ดีที่วิ่งทันนะ ไม่งั้นคง เอ่อ.. แย่เลยว่ะ”
..
“ไอ้ดิ้ล” ม่อนแจ่มเรียกอีกครั้ง “มึง..ช่วย..ไปปิดน้ำให้กูทีสิวะ กูแบบว่า เอ่อ.. รีบวิ่งน่ะ เลยไม่ได้ปิด”
ไอดิลมองรูมเมท กลั้นขำไม่ไหวต้องปล่อยออกมาก๊ากใหญ่ พร้อมๆกับรีบวิ่งไปปิดน้ำ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          หลังจากพบเจอกับ ‘เพื่อน’
ม่อนแจ่มระแวดระวังตัวมากขึ้นเป็นพิเศษเมื่อต้องไปเข้าห้องน้ำ
เขาหันซ้าย แลขวา.. ท่องคำมั่นของไอดิลที่ให้ไว้เมื่อวานนี้จนขึ้นใจ

         ‘มึงไม่ต้องกังวล ไอ้ม่อน ถ้าเจออีก รีบวิ่งมาบอกกูเลย
         กูจะไปจัดการให้ แบบเงียบๆ ไม่กระโตกกระตากให้ใครรู้เลยว่ามึงกลัว’


ม่อนแจ่มยิ้มออก..
จากที่สาปแช่งไอดิลมาหลายวัน วันนี้ เขาขออวยพรคู่ซี๊ให้ตกล่องปล่องชิ้นกับไอหมอกโดยเร็วด้วยความรักและปรารถนาดีอย่างสุดจิตสุดใจ

         ร่างเล็กค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องน้ำ เลือกห้องกลางๆ เพื่อความอบอุ่นและไม่จนมุม แล้วจึงทำการถอดแว่น ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำลั้ลลาไปเรื่อยๆ ณ จุดนี้ เริ่มคุ้นชินกับน้ำเย็นและเลิกโหยหาอาวรณ์เครื่องทำน้ำอุ่นแล้ว
คราวนี้ ม่อนแจ่มใช้แฟซ่า เพราะอยากลองเปลี่ยนยี่ห้อดูบ้าง มือเรียวละเลงแชมพู ถูๆ ไถๆ..

         เอ๊ะ.. ว่าแต่นั่นมันอะไรดำๆเล็กๆ ดูท่าจะเคลื่อนไหวได้อยู่ที่ฝาผนัง?
อะไร.. มันคืออะไร? เมื่อกี้เข้ามา ม่อนแจ่มไม่ยักเห็น..
ม..มันเคลื่อนที่ด้วย
มือที่ละเลงแชมพูหยุดกึก  คว้าแว่นแดงมาสวม หวังให้เกิดอภินิหารไม่ใช่สิ่งที่เขาคิด

.

.

“อ๊ากกกกก!”
ม่อนแจ่มร้องลั่น คว้าผ้าขนหนูมาพันตัว และนั่นคือสิ่งเดียวที่ทำได้ ก่อนวิ่งป่าราบออกจากห้องน้ำ
ไอดิล.. ‘Idylle the Great!' เขาต้องไปหาไอดิล รูมเมทสิ่งแวดล้อมผู้ยิ่งใหญ่โดยเร็วที่สุด

        “ไอ้ดิ้ลลล!”
มือเรียวคว้าลูกบิดประตูห้อง 338 ตะโกนลั่นเข้าไป “ไอ้..ไอ้ดิ้ล ไอ้ดิ้ลช่วยกูด้วย!”
ห๊ะ?
อ..ไอดิลไม่อยู่
นี่คือความจริงที่โหดร้าย เมื่อม่อนแจ่มกวาดสายตามองเร็วๆไปรอบห้อง
มีเพียง.. พชรหน้านิ่งที่เงยมอง เลิกคิ้ว
ถ้าตามปกติ ร่างสูงนั้นคงไม่อยากจะสนใจ ทว่า ในเวลานี้ ..ไม่ปกติ
ไม่ปกติเพราะม่อนแจ่มอยู่ในสภาพพันผ้าขนหนูผืนเดียว หัวเต็มไปด้วยแชมพูและเนื้อตัวก็เปรอะสบู่ แถมยังยืนขาสั่นงั่กๆ
ร่างสูงจึงดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ “เป็นอะไร”
..
“มัน ก..เกิดขึ้นเพราะ ร..แรงโน้ม.. โน้มถ่วงของโลก อธิบายได้..ได้ง่ายๆด้วย ก..กฎทางฟิสิกส์”
“ห๊ะ?” พชรขมวดคิ้วกับเสียงพึมพำกระท่อนกระแท่นที่จับใจความแทบไม่ได้
“เป็นอะไร เครื่องกล?”
เป็นอะไร..
นั่นจึงทำให้ระลึกได้ว่าทำไมเครื่องกล เอ๊ย ทำไมม่อนแจ่มถึงมายืนอยู่ตรงนี้  ในสภาพนี้..
“ค..คือ” มันยากเกินจะอธิบาย ม่อนแจ่มได้เพียงชี้ไม้ชี้มือไปทางห้องน้ำ พร้อมเสียงคราง “ฮื่อ..”
พชรเลิกคิ้วงุนงง คว้าผ้าขนหนูของตัวเองมาจากราว โยนคลุมให้ร่างที่ยืนสั่นอยู่ แล้วก้าวยาวๆนำไปทางห้องน้ำ

         เมื่อมาถึงก็หันมาเลิกคิ้วให้อีกครั้ง ทำนองว่าอาบอยู่ห้องไหน
มือสั่นๆค่อยๆชี้ไปทางห้องหนึ่งที่ประตูเปิดอยู่ น้ำยังไหลซู่ ราวกับคนที่อาบน้ำอยู่รีบเร่งออกไปทันที
พชรเดินเข้าไปในห้องน้ำ มันอะไรกัน?
...
...
ต้องใช้เวลาหลายอึดใจกว่าที่ผู้มาใหม่จะตระหนักได้ว่าอะไรทำให้ม่อนแจ่มวิ่งป่าราบขนาดนั้น
หันไปเลิกคิ้วให้คนข้างหลังที่ยืนอยู่ห่างมากนิดหนึ่งอย่างขอคำยืนยัน และสีหน้าที่แดงจัดอย่างอับอายนั้นก็บ่งบอกได้ดี

          “ไปรอข้างนอกไป” ที่สุด.. พชรก็เอ่ยขึ้น
ม่อนแจ่มพยักหน้าอย่างนึกขอบคุณ แต่แล้วก็ค่อยๆเอ่ยออกมา “อ..อย่าฆ่ามันนะ แค่..ช่วย..ไล่..ไปที นะ ..พชร”
คนยิ้มยากถึงกับเผลอลอบยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้ารับให้อีกฝ่ายสบายใจ และทำการช่วยชีวิตม่อนแจ่มจาก ‘สิ่งที่คุณน่าจะรู้ว่าอะไร’

          ไม่กี่อึดใจ.. ร่างสูงโปร่งของพชรก็เดินออกมา หน้าเข้มสะบัดน้อยๆไปทางห้องน้ำ
ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ แล้วจึงค่อยๆเดินเข้าไปภายในอย่างลังเล มองสำรวจทั่วห้อง
เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมจึงถอนหายใจอย่างโล่งๆ
“พชร” เสียงเล็กเรียกค่อยๆ “ขอบคุณ..”
ไม่ตอบรับ..
ไม่ปฏิเสธ..
เหมือนเคย
แต่แค่นี้.. แค่นี้ก็ขอบคุณมาก ..มากๆแล้ว
ม่อนแจ่มรีบล้างเนื้อล้างตัวโดยเร็วเพื่อป้องกันการมาเยี่ยมเยือนจากเพื่อนที่เขาไม่สนิทที่สุดอีกครั้ง ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังมา..

ก๊อก ก๊อก!

“เครื่องกล”
..
เรียกเขาด้วยคำนี้ ไม่มีทางจะเป็นคนอื่น
ม่อนแจ่มเม้มปากเบาๆ เปิดประตูห้องน้ำ โผล่แต่หน้าออกไป
คนหน้าห้องยื่นผ้าขนหนูมาให้ ทำเอานิ่งอึ้งอย่างไม่ใคร่เข้าใจความหมาย

“สองผืนนั้นมันโดนสบู่กับแชมพูแล้ว”
..
ห๊ะ?
ยังคงได้แต่ยืนจ้องหน้า
พชร..เดินกลับมา เอาผ้าขนหนู..ผืนใหม่ มาให้กู.. เหรอวะ?
นี่คือพชรหรือเพื่อนที่ไม่สนิทที่สุดของกูแปลงร่างเป็นพชรกันแน่?

เมื่อม่อนแจ่มยังยืนงง ไม่รับไปสักที พชรจึงโยนมันใส่หัวเปียกของอีกฝ่ายเสียเลย ชักช้านัก
แล้วขายาวๆ ก็ก้าวออกจากห้องน้ำ ทิ้งให้คนบางคนใจเต้นแรง เมื่อจู่ๆก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมา..
มันไม่เหมือนตอนโดน เอ่อ.. ม่อนแจ่มหมายถึง 'เหตุการณ์แรงโน้มถ่วงของโลกซึ่งอธิบายได้ง่ายๆด้วยกฎทางฟิสิกส์' เมื่อวันก่อน
นั่นมันกะทันหัน.. นั่นมันทันที.. ไม่มีเวลาให้ไตร่ตรอง.. มันใกล้เคียงกับคำว่า ‘อุบัติเหตุ’
ทว่า วันนี้.. ตอนนี้.. มันเป็นความตั้งใจ เป็นความเอื้อเฟื้ออย่างมากเหลือเกินสำหรับเขา

“มันเป็น..วิทยาศาสตร์ล้วนๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเจือปน”
ม่อนแจ่มเตือนตัวเองอีกครั้ง พยายามหุบยิ้ม แล้วรีบเช็ดตัว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “งง งง จนเกือบจะเดินเป็นปู มันอยากจะเดินลงรู ไปเข้าห้องไอ ซี ยู โอ้ว โอว!”
ห๊ะ?
เลิกคิ้ว ทำหน้างงๆ คือปฏิกิริยาของพชรเมื่อเข้าห้องมาและได้ยินเสียงร้องเพลงแปลกๆ พร้อมทั้ง..
ร่างเล็กของสองรูมเมทแทบจะเรียกได้ว่า ‘เต้นกิน รำกิน’ เพราะปากที่แหกร้อง แขนขาส่ายและลำตัวโยกย้ายไปมาพร้อมขนมคาปาก

“เอ่อ..”
พชรสตั๊นไปสามวิฯ

“ดิ้ล อยู่ไหม.. อ้าว พชร?”
ไอหมอกที่ในมือถือเครปญี่ปุ่นทักทายแผ่นหลังรูมเมทคนรักอย่างงงๆที่คนตรงหน้ายืนคาประตู “มีอะไรหรือเปล่า?”
..
..
ร่างสูงปรัชญาไม่มีคำตอบให้ เพียงขยับตัวออกจากกรอบประตู เผยให้ผู้มาใหม่เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ภายใน
“ทำอะไรกันน่ะ!” ไอหมอกอุทาน
ไอดิลจึงตอบหน้าตาเฉย “ปาร์ตี้ขนมกับไอ้ม่อน!”
ป..ปาร์ตี้ขนม นี่มึงสองคนอายุเท่าไหร่กันเนี่ย!?
ไอหมอกส่ายหัวน้อยๆอย่างปลงแล้วปลงอีก ส่วนพชรกลั้นขำในลำคอ ไม่เอ่ยคำใด แยกวางข้าวของไว้ที่โต๊ะและเตรียมตัวอาบน้ำหลังจากเหงื่อซ่กเพราะไปช่วยเพื่อนขนซังข้าวโพดที่คณะเกษตรฯ

          “ปาร์ตี้ขนมเรียบร้อยแล้ว นี่ก็ไม่ต้องแล้วสิ ใช่ไหม?” ไอหมอกชูเครปขึ้นมา
“อ๊ากกก เอา เอาสิเอา!” ไอดิลวิ่งเข้ามาหมายจะคว้าเครปไปโดยเร็ว ทว่า โดนแกล้งโดยคนตัวสูงกว่าที่ชูขึ้นสูง
“หมอก อย่ามาแกล้ง!” ไอดิลโวยวาย สองมือชูขึ้นจะเอาขนม
“เอามาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูไม่รับรองสวัสดิภาพชุดนักศึกษามึงนะ” มือเรียวละจากร่างสูง ไปเปิดตู้เสื้อผ้า คว้าชุดนักศึกษารีดเรียบร้อยที่ไม่ใช่ไซส์ตัวเองออกมาแนบไว้กับอก แล้วทำท่าจะฆาตกรรม
ไอหมอกหัวเราะลั่นกับพฤติกรรมเด็กน้อยนั้น จำต้องยื่นขนมให้
ไอดิลได้ขนมแล้วจึงหัวเราะร่า มือเรียวยื่นชุดนักศึกษาให้เจ้าของ “อ๊ะ แลกกันนะ”
ไอหมอกยิ้ม พลางรับมา “ขอบคุณครับ”
ขอบคุณ.. ขอบคุณทุกครั้งที่คนตรงหน้ารีดเสื้อผ้าให้ตลอดนับตั้งแต่เข้ามาหาวิทยาลัยมา มันรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบรรยายไม่ถูก
"อื้อ" ไอดิลพยักหน้า รีบเคี้ยวเครปและกลืนก่อนจะเอ่ยบ้าง "ขอบคุณเหมือนกัน"
คนเป็นคู่รักส่งยิ้มให้กันลึกซึ้ง ส่วนคนเป็นเพื่อนร่วมห้อง.. คนหนึ่งเอาผ้าขนหนูพาดบ่า เดินออกจากสถานการณ์ชวนฝัน และอีกหนึ่ง เบือนหน้าหนีไปทางอื่น แล้วเก็บซากขนมที่เหลือผูกหนังยางซุกซ่อนไว้กินทีหลังตามซอกตามมุมเหมือนเคย

           ไอดิลกับไอหมอกออกไปสวีทกันตามประสาวันศุกร์แล้ว พชรเองก็อาบน้ำตัวหอมฉุยมาแล้ว เหลือเพียงม่อนแจ่มที่เนื้อตัวยังเน่าหนอนอยู่ในห้อง จึงต้องจำลาคว้าตะกร้าสีฟ้าลายหัวใจ พร้อมชุดนอนทอม แอนด์ เจอร์รี่ไปอาบน้ำบ้าง (จะได้หอมเท่าพชร)

        ม่อนแจ่มก้าวอย่างระมัดระวังในห้องน้ำเหมือนเดิม และอาบน้ำด้วยความเร็วแสงเหมือนเดิม
หลายๆครั้งที่ไม่ต้องประสบพบเจอกับเพื่อนที่ไม่สนิทที่สุดทำให้เขาคลายความกังวลลงไปมากโข
กลับเข้าห้องมาอีกที พชรก็ยังคงนั่งอ่านนิตยาสารการเกษตรอยู่ในทีท่าเดิมเหมือนก่อนที่เขาจะออกจากห้องไป
ม่อนแจ่มยืนนิ่งมองด้วยความสงสัย ..วันๆพชรพูดอะไรสักกี่คำกันนะ?

          พ่นลมหายใจเบาๆ แล้วจึงก้าวเข้าไปใกล้เตียงล่างของตัวเอง ทำอารมณ์ให้ดีๆ เพราะอยากจะวาดภาพที่เริ่มไว้เมื่อวันก่อนต่อ ลั้ลลา ลั้ลลา ลั้ล..

“อ๊ากกกกก!”

คนอ่านหนังสือถึงกับสะดุ้ง ละจากสูตรน้ำหมักจืดขึ้นมองไปยังต้นเสียงทันที
“อะไร?”

อะไร..
อะไรหรือ?
อะไรที่ว่านั้นกำลังเคลื่อนไหวช้าๆอยู่ใต้โต๊ะ
ม่อนแจ่มไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร เขาได้แต่ตะโกนคำเดียวเท่าที่คิดออกในยามฉุกเฉิน
“พชร!”

เอ่อ..
กูถามว่า ‘อะไร?’
แว่นแดงตอบ ‘พชร!’
นี่มันบ้าหรือกูบ๊อง?
เจ้าของชื่อเลิกคิ้ว จำต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ เมื่อร่างเล็กยืนขาสั่น ตั้งท่าจะวิ่ง

“พชร!”

เออ ได้ยินแล้ว..
ดวงตาคมเพ่งมองสิ่งที่ไม่ได้แปลกใจนักซึ่งทำให้รูมเมทเครื่องกลกลัวสุดขีด ‘สิ่งที่พชรรู้แล้วว่าอะไร’

“พชร..” ม่อนแจ่มยังคงเรียกเสียงสั่นราวกับถ้อยคำนั้นจะช่วยขับไล่สิ่งไม่ดีต่างๆออกไป
ร่างเล็กหันมาหาเจ้าของชื่อ พร้อมๆกับที่พชรเองก็เดินเข้าไปหาเจ้าตัวพอดี
ใบหน้าเนียนปะทะกับแผ่นอก ร่างสูงชะงักกึก ร่างเล็กก็ชะงัก แต่ไหวตัวเร็วกว่าเพราะกำลังถูกรุกราน สองมือเรียวเกาะไหล่แกร่งเอาไว้มั่น
“พชร ฮืออ.. มันจะไต่ จะไต่แล้ว!” ม่อนแจ่มกระโดดเหย็งๆ พลางร้อง
คนถูกเกาะไหล่ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งอีกครั้ง “แล้ว.. จะให้ทำยังไง”
“อุ้มที”
เฮ้ย! อะไรนะ? อีกทีซิ..
แล้วเสียงสั่งก็ดังมา ขณะอะไรเล็กๆดำๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น
“พชร อุ้มเร็ว!”
ไอ้เวร..
อยากจะด่า แต่คนตรงหน้าทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
แขนแข็งแรงข้างหนึ่งจึงช้อนไหล่ อีกข้างหนึ่งสอดใต้เข่า อุ้มร่างเล็กขึ้นมาแนบอก..

ตกใจ..
รู้สึกอย่างนี้ทั้งสองคน

ม่อนแจ่มตกใจ
เพราะ..
แค่พูดไปอย่างนั้น
พูดด้วยความกลัว
กลัวจนไม่รู้จะพูดยังไง
ก็เลยพูดออกไปโดยไม่คิดว่า.. พชรจะอุ้มเขาจริงๆ

พชรก็ตกใจ
เพราะ..
แค่ไม่อยากให้กลัวไปมากกว่านี้
แค่ไม่อยากให้ร้องไห้
ไม่อยากเห็นน้ำตา
ก็ไม่คิดเหมือนกันว่า.. เขาจะอุ้มม่อนแจ่มจริงๆ

        “ไอ้ม่อน พรุ่งนี้มึงจะปาร์ตี้-”
อีกหนึ่งเพื่อนร่วมห้องเปิดประตูผางเข้ามาโดยไร้การเคาะเช่นเคย
ทว่า ก็ได้เพียงหยุดยืนอยู่แค่นั้น คำพูดที่เหลือไม่หลุดรอดออกจากริมฝีปาก เพราะมัวตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า
พชร..อุ้ม..ไอ้ม่อน

จังงังกันไปประเดี๋ยวหนึ่งสำหรับไอดิลและพชรกับคนแคระในอ้อมแขน
แล้วร่างสูงจึงสำนึกได้ว่าตัวเองอุ้มม่อนแจ่มทำไม พชรค่อยๆวางร่างน้อยไว้บนเตียงเดี่ยวของตัวเอง
“ไม่เอา เดี๋ยวมันบิน อือ.. พชร พากูไปข้างนอก เร็ว..” ม่อนแจ่มกอดไหล่แน่น ซุกหน้าลงกับแผ่นอก ไม่ขอรับรู้อะไรทั้งนั้น
พชรชะงักนิ่งอีกครั้ง แล้วก็ได้แต่อุ้มร่างขาวกลับขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน ก้าวยาวๆเดินออกไปทางประตูที่เปิดค้างอยู่
“ไอดิล จัดการได้ใช่ไหม?”
“อ่าม.. ไม่มีปัญหา” ไอดิลตอบรับเสียงเข้ม ลอบยิ้มน้อยๆ
แหม กูรู้ว่ามึงกลัวจริง แต่อินเนอร์ที่ออกมานี่ ไม่ใช่เล่นๆเลยนะครับม่อน!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         “เอาล่ะ..”
เป็น พชร--คนไม่ค่อยพูดที่ยืดกอดอกอยู่หน้าเตียงคู่สองชั้น มองสองรูมเมทอย่างจริงจัง
“มันจะไม่เข้ามา ถ้าไม่มีอะไรให้กิน” เจ้าของเตียงเดี่ยวเปิดประเด็น
“เพราะฉะนั้น ห้ามเอาอะไรมากินในห้อง หรืออย่างน้อย กินเสร็จแล้ว ต้องรีบเก็บทิ้งให้เรียบร้อยทันที อย่าปล่อยให้มีเศษอาหารตกหล่น หรือมีกลิ่น”
นี่คือประโยคที่ยาวที่สุดเท่าที่ไอดิลเคยได้ยินจากปากรูมเมทปรัชญา

        “ไอดิล ถึงแม้จะไม่กลัว แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วย” พชรมองร่างบนเตียงบน 
“เวลาหมอกซื้อเครปมาฝาก ออกไปกินข้างนอกได้ไหม?”
“เอ่อม.. โอเค” ไอดิลพยักหน้ารับ
“เตียงล่าง”
ฮึ่ย.. ม่อนแจ่มเม้มปากเมื่อถูกเรียก
“เอาขนมผูกหนังยางที่ซุกไว้ทิ้งให้หมด”
เฮ้ย!
"แต่-"
“ที่พูดนี่เข้าใจไหม?” พชรมองตา
อะ..
“อื้อ” ประสานสายตาตอบและจำต้องพยักหน้าทั้งเม้มปาก
“ดี”
ทิ้งท้ายแค่นั้น แล้วพชรก็ออกจากห้องไป สีหน้าเรียบเฉยเหมือนทุกที

         “แหมๆ..”
ไอดิลอดจะเอ่ยลอยๆ แต่จงใจให้เมทเตียงล่างได้ยินไม่ได้
“ไม่อาววว.. เดี๋ยวมันบิน พชรพากูออกไปข้างนอก โอ๊ย ฮ่ะๆ กูล่ะสงสัยว่าทำไมพชรมันไม่ถีบมึงออกไป แทนที่จะอุ้ม”
ม่อนแจ่มไม่ตอบโต้อะไร ได้แต่คว้าหมอนข้างหัวหมีพูห์มากอด ล้มตัวลงนอนหันหน้าเข้าผนัง แอบยิ้มกับตัวเอง
“กูรู้มึงกำลังยิ้ม”
ไอ้ดิ้ล! แม่ง แสนรู้ ปกติมึงโง่ อย่ามาทำเป็นอวดฉลาดตอนนี้เหอะ กูขอร้อง
ม่อนแจ่มเบ้หน้า แต่แล้วก็คิดอะไรออก..
“กูก็รู้.. หมอกยังไม่เคยอุ้มมึง”
สัด! แล้วมันใช่เรื่องที่มึงต้องพูดไหม? เป็นไอดิลบ้างที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ฮ่ะๆ ใช่ไหมล่า..” ม่อนแจ่มได้ที หัวเราะน้อยๆ
ไอ้.. ม่อน.. ได้ครับได้..
“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูขอให้หมอกอุ้ม แถมจะให้อุ้มแล้วเรียกไอดิลที่รักด้วย เข้าใจนะครับเตียงล่าง
อ๊ากกก!
ม่อนแจ่มได้แต่ยกเท้าถีบเตียงบนแรงๆ หวังให้มันเป็นตูดเมทสิ่งแวดล้อม
ไอดิลยังคงหัวเราะร่วนที่จี้ใจดำอีกฝ่ายได้ด้วยคำเรียกที่เจ้าตัวไม่ชอบ

เฮ้อ..
คนเตียงล่างได้แต่พ่นลมหายใจ
ไอ้ ‘ที่รัก’ อะไรนั่นไม่เคยจะหวังหรอก
..แค่ช่วยเรียกชื่อ
..ช่วยเรียกว่าม่อน
..เท่านั้นจะได้ไหม
..พชร..

        ร่างเล็กลุกขึ้นจากเตียง ควานหาถุงขนมใต้โต๊ะอย่างกลัวๆว่าจะมีเพื่อนอีก อย่างไรก็ตาม เขาไม่เจอ โล่งไปที
ดวงตาสีน้ำตาลมองเลย์ ปาปริก้า คอนเน่และก๊อบกอบอย่างแสนเสียดาย แล้วค่อยๆหย่อนทิ้งลงถัง ผูกปากถุงดำให้สนิท
ทำแล้ว.. ม่อนแจ่มเพิ่งจะทำตามที่พชร 'สั่ง' สั่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทว่า ชัดเจนทุกถ้อยคำ ไม่ขัดไม่เขินราวกับปกติคุ้นเคยกับการออกคำสั่งอยู่แล้ว
ม่อนแจ่มสิ ที่ไม่คุ้นเคยกับการรับคำสั่ง แต่พชรมีลักษณะบางอย่างที่ทำให้ม่อนแจ่มรู้สึกว่า.. ถ้าผู้ชายคนนี้สั่ง เขาพร้อมจะทำตาม

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         พชรถอนหายใจ.. เดินออกผ่านประตู ทิ้งห้อง 338 ไว้เบื้องหลัง
ชักจะเป็นระยะอันตรายเกินไป แทบจะอันตรายยิ่งกว่าจูบ
ขนาด ‘จูบทำไม’ ก็ยังไม่มีคำอธิบาย แล้วนี่เพิ่ม ‘อุ้มทำไม’ เข้าไปอีก
ร่างสูงทำท่าจะจนมุม ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำสิ่งที่ควรจะทำด้วยซ้ำไป
   
         'อุ้มที'
         'พชร อุ้มเร็ว!'


         พชรเพ่งมองมือหยาบกร้านของตัวเอง..
ไม่เคยรู้สึกว่ามัน ‘นอกเหนือการควบคุม’ เท่านี้มาก่อน
แต่ไหนแต่ไรมา เขาเป็นคนทำงาน เป็นเชื้อสายเกษตรกร
เขารู้จักร่างกาย.. รู้จักกำลังของตัวเองดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. สองมือนี้ และเขา.. ไม่เคยอุ้มใครมาก่อน
ยิ่งด้วยเหตุผลที่ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ ยิ่งแค่เพราะความกลัวแบบเด็กๆของเปี๊ยกแว่นแดงคนหนึ่ง
ทว่า เปี๊ยกแว่นแดงคนนั้นมีลักษณะบางอย่างที่ทำให้พชรรู้สึกว่า.. ถ้าผู้ชายคนนี้ขอ เขาสามารถทำให้ได้

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณทุกการติดตามเช่นเดิม เจอกันตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-05-2016 22:10:20
หึหึหึ ต้องขอบคุณเพื่อนที่ไม่สนิทของม่อนแจ่มสินะ ทำให้มีโมเม้นท์เขย่าใจพชร
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 15-05-2016 22:29:49
ปีเตอร์สื่อรักสินะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-05-2016 01:29:40
เหมือนม่อนจะอ่อยพชรแบบไม่รู้ตัว ไอดิลมองแรงใส่ม่อนแน่ ๆ ฮา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 16-05-2016 06:01:28
พชร มีปมอะไรกับม่อน อยากรู้จริงๆ คาดว่าคู่นี้ถ้าเคลียร์กันได้ ม่อนจะถูกพชร ตามใจอีกคน ม่อน ม่อนน่ารัก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 16-05-2016 07:02:01
ต้องขอบคุณ "สิ่งที่คุณน่าจะรู้ว่าอะไร" ที่ทำให้มีบรรยากาศมุ้งมิ้งแบบนี้เกิดขึ้น  :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 16-05-2016 07:20:24
พัฒนาการิีกสเต็ปของนู๋มีอนแจ่ม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 16-05-2016 09:08:29
 :pigha2: โอ้ยยยยยยย นี่นั่งหัวเราะอยู่หน้าจอคนเดียวเหมือนบ้ากับตอนนี้ ไม่ไหวๆ เคะทั้งสองมันเกรียนได้น่ารักชมัด
แถมแลดูมีความก้าวหน้าแฮะ มีอุ้มมีความต่างอยากทำตามที่อีกคนบอก  :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-05-2016 09:57:40
โอย....น่ารัก มุ้งมิ้ง :mew1:
ม่อน ไอดิ้ล ร้องเพลงมีท่าเต้นประกอบ "ปาร์ตี้ขนม"
อยากเห็นสองหนุ่มน่ารัก เต้นส่ายเอว ส่ายแขน แถมปากคาบขนมด้วย :ling1:
พชร เริ่มสงสัยกับร่างกายตนเอง :mew2:
ที่ทำอะไรนอกเหนือความควบคุมของสมองกับม่อนแล้ว :katai2-1:
รอตอนใหม่  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 16-05-2016 10:19:56
อ่านแล้วกิ๊วก๊าวจัง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-05-2016 23:00:30
มีความน่ารักกกก
น่ารักมากกกกก
มาต่ออีกเร็วๆนะคะ
อยากอ่านนนน ฮือออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 17-05-2016 00:49:43
 :-[

น่าร๊ากกกก

กลัวมาม่าจังเลยอ่ะ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 17-05-2016 08:27:44
เอร๊ย คนหนึ่งถ้าสั่งก็จะทำ อีกคนถ้าขอก็จะทำ เขินน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 18-05-2016 12:17:44
เห็นชื่อคนเขียนแล้วรีบกดเข้ามาเลย แต่เดี๋ยวมาอ่าน เข้ามาหวีดก่อน ฮือออออออออออ :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 18-05-2016 21:51:08
หวาน และมีสไตล์มาก ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-05-2016 21:55:39
ม่อนแจ่มน่ารักขนาดนี้ขออะไรก็ต้องทำหมดนะพชร  :hao7:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/5/59 CH.8 Most Scariest Thing Ever! P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 18-05-2016 23:48:04
มาต่อเร็วๆนะก๊ะ
หัวข้อ: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 21-05-2016 08:13:21
CHAPTER 9: Lost & Won

          ถนนสายที่คุ้นเคยยังคงเหมือนเดิม..
ไม่ว่าภายในหัวใจจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร พชรก็ยังคงเป็นพชร และ D-Tracker 250 ก็ยังเป็น D-Tracker 250
ร่างสูงซิ่งมอเตอร์ไซค์สีดำแถบเขียวคู่ใจ วิ่งสายเชียงใหม่-ลำพูนเพื่อกลับบ้านอีกครั้ง

          ‘ขอบคุณ.. พชร’
ถ้อยคำที่เสียงไพเราะนั้นเอ่ยออกมา หลังจากร่างเล็กกระโดดตุ๊บลงจากมอเตอร์ไซค์คันนี้ยังดังก้องอยู่ในใจ
เหมือนเคยที่ไม่มีคำตอบรับจากพชร ทว่า.. การที่เขาไม่พูด ก็ไม่ได้แปลว่าไม่รู้สึกอะไร..

          ‘สวนเพชรหละปูน’
ป้ายไม้สัก ตัวอักษรขาว โดดเด่นหน้าซอยถนนคอนกรีต
พชรเลี้ยวรถเข้าไปตามเส้นทางเข้าสวนและเข้าบ้านตัวเองที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย
สวนที่เคยเป็นของตายาย สวน..ที่เคยร้างไป ก่อนมารดา.. มารดาซึ่งอุ้มท้องเขาจะกลับมาฟื้นฟู
จากที่เคยมีแต่ลำไย แค่เพียงห้าสิบไร่ ตอนนี้ก็มีทั้งลิ้นจี่ สาลี่ แอปเปิ้ลและลูกพลับเพิ่มเข้ามา จากน้ำพักน้ำแรงของสองคนแม่-ลูกและคนงานที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆเกือบยี่สิบปีมาแล้ว

          ชะลอรถเข้าจอดไว้ใต้ถุน มือแกร่งถอดหมวกกันน็อคออก
ยามสายเช่นนี้ แม่คงยังอยู่ในสวน ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวสาลี่ และถัดจากนี้ไปอีกหนึ่งเดือนก็จะเป็นลำไย
พชรกลับมาบ้านมากเท่าที่จะบ่อยได้ ด้วยเป็นห่วงแม่และเป็นห่วงสวน

           “อ้าว คุณพชร อาทิตย์นี้กลับอีกหรือครับ”
พชรมองคนพูด ถอนใจน้อยๆ ความรู้สึกหนักอึ้งในใจดูจะเพิ่มมากขึ้น เขาพยักหน้าตอบรับ พลางยกมือไหว้
“สวัสดีครับลุงแสง แม่อยู่ในสวนหรือครับ”
“ดูคนงานเก็บสาลี่ครับ” ชายร่างเล็กตอบคำถามเจ้านายหนุ่ม สายตาในกรอบแว่นดำมองร่างสูงด้วยความเคารพนับถือเหมือนอย่างที่เคย แม้ตนเองจะอาวุโสมากกว่าก็ตาม

            พชรก้าวยาวๆขึ้นบันไดบ้าน เปิดกระเป๋าสตางค์หยิบกุญแจเตรียมไข
และในนั้นก็เผยให้เห็นเศษกระดาษแผ่นเล็กที่แนบอยู่
เศษกระดาษที่เขียนตัวเลขเอาไว้ไม่กี่ตัว 011153  011269   ตัวเลขที่เขียนด้วยลายมือเขาเอง

ตกตะลึง.. ที่คนซึ่งควรจะอยู่อีกฝั่งของมหาวิทยาลัย จู่ๆ ก็โผล่มาหน้าห้องสาขาวิชา แต่สีหน้าเรียบเฉยที่มีมาตลอดชีวิตทำให้ทำได้เพียงเลิกคิ้ว รอดูว่าคนที่นอนจ้องหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายตอนกลางคืน จะมาไม้ไหนในตอนกลางวัน..

จะลงปรัชญาเป็นตัวฟรี เทอมหน้า?
พชรอยากจะขำ ..จะเอาเวลาที่ไหนมาเรียน แล้วจะเอาไปบูรนาการกับวิศวกรรมเครื่องกลอีท่าไหน
คิดอะไรอยู่.. พชรไม่อยากเข้าใจ
ทำแบบนี้ทำไม.. พชรก็ไม่แน่ใจว่าอยากรู้เหตุผล

‘คนที่มึงยื่นรหัสวิชาให้หน้าห้องภาคปรัชญาคือกูเอง เซอร์ไพร้ส์ไหม?’

เซอร์ไพร้ส์สิ แต่ไม่ได้เซอร์ไพร้ส์ที่คนคนนั้นเป็นแว่นแดง แต่กูเซอร์ไพร้ส์ว่ามึงกำลังทำบ้าอะไรของมึง..
พชรพ่นลมหายใจเมื่อนึกถึงรูมเมทเครื่องกล

‘มึงมันใจร้าย มึงจำกูไม่ได้ กูเดินไปนะสัด ไปคณะมึงน่ะกูเดินไป แล้วมึงก็จำกูไม่ได้..’

หน้าคมส่ายน้อยๆ..
คณะวิศวกรรมศาสตร์กับคณะมนุษยศาสตร์นั้นอยู่ไกลกัน
แล้วใคร.. คนประเภทไหนที่เดินมาตอนเที่ยง.. มาเพียงเพื่อ.. ถามว่าจะลงปรัชญาตัวไหนดี..
พชรถอนหายใจ.. ไม่อยากจะแปลความหมายของถ้อยคำและพฤติกรรมเหล่านั้น
ไม่ใช่คนโง่  ถึงจะไม่รู้อยู่แก่ใจ  ทว่า เขาไม่อาจปล่อยให้คำอธิบายกระจ่างชัดขึ้นมาได้มากไปกว่านี้
มิเช่นนั้น เหตุการณ์แบบเดียวกันกับเมื่อคืนนั้น คงได้เกิดขึ้นซ้ำ..
 
‘ไม่หยุด เรียกกูว่าม่อนก่อน เพราะกูชื่อม่.. อื้อ..’

ให้ตายสิ.. เกิดมายังไม่เคยฉวยโอกาส ข่มเหง หรือรังแกใคร
เขาอยากจะเตะตัวเองนักที่ทำแบบนั้นลงไป ..ทำไมแว่นแดงไม่ต่อยเขาสักหมัดนะ ไม่ต่อย แล้วสุดท้ายยัง..
พชรถอนหายใจยาวอีกครั้ง แล้วจึงลงมือไขกุญแจ มุ่งหน้าสู่ห้องนอนตนเองเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที

           ห้องนอนยังคงเหมือนเดิม..
แม้เขาไม่อยู่ แม่ที่เหน็ดเหนื่อยมาจากสวนก็ยังพอใจที่จะเข้ามาทำความสะอาดห้องเอาไว้ในระหว่างที่เขาพักอยู่หอของมหาวิทยาลัย
แม่ช่างแสนดีเหลือเกิน.. เป็นผู้หญิงที่มีน้ำอดน้ำทนและกล้าแกร่งที่สุดเท่าที่พชรเคยรู้จัก และเพราะแบบนั้น เขาจึงไม่อยากเห็นเธอมีความทุกข์  หากสิ่งใดจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของมารดา ..พชรก็อยากจะทำ

           ร่างสูงเปิดประตูระเบียงออกไปยืนมองสวนกว้างใหญ่ซึ่งฟากนี้มองเห็นต้นลำไยพันธุ์อีดอของตนเอง
บริเวณระเบียงไม้นั้นกว้างขวาง มีตู้เก็บเต้นท์ใหญ่แข็งแรงหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นอนของพชรในบางคืนที่อากาศดีและฟ้ากระจ่างพอที่จะมองเห็นดาว  ทั้งหมดที่นี่เป็นบ้านของเขา.. ต้นไม้ทุกต้น.. ดอกไม้ทุกดอก..
เป็นมาตั้งแต่ขนาดสวนเล็กกว่านี้กว่าสิบเท่า เป็นมาตั้งแต่ตัวบ้านยังเก่าทรุดโทรมและไม่มีเงินซ่อมแซม

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            สาลี่ที่ปลูกในสวนคือพันธุ์ Yokoyama Wase ที่ไม่ได้ต้องการอากาศเย็นจัดมากเท่าพันธ์อื่นๆ และให้ผลผลิตดีที่สุดเท่าที่พชรทดลองปลูก
ร่างสูงก้าวยาวๆไปตามร่องสวน กิ่งสาลี่ที่ถูกโน้มลงมาขนานกับพื้นยึดไว้ด้วยคอกไม้ไผ่ทำให้ได้ผลผลิตมากกว่าที่จะปล่อยให้ต้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ตลอดตั้งแต่ช่วงสายที่ไปถึง พชรช่วยมารดาคุมคนงานเก็บสาลี่ เช่นเดียวกับที่ทำในสวนแอปเปิ้ลเมื่อคราวที่แล้ว และเช่นเดียวกับที่ทำในสวนลิ้นจี่เมื่อคราวที่แล้วก่อน..
ใบหน้าคมยิ้มพอใจน้อยๆ ขณะมองดูคนงานแกะถุงกระดาษห่อผลออก แล้วค่อยๆตัดขั้วผลออกจากต้น ก่อนจะนำไปแยกและบรรจุหีบห่ออย่างระมัดระวังเพื่อให้ผลผลิตปลอดสารพิษจากสวนนี้ถึงมือผู้บริโภคอย่างสมบูรณ์ที่สุด
สาลี่มีโรครบกวน โดยเฉพาะโรคราสนิม ทว่า พชรไม่อยากพ่นสารเคมี เขาเลือกหมักน้ำหมักจืดช่วยฆ่าเชื้อรา และให้ปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อสร้างความแข็งแรงต้านทานโรคให้กับต้นไม้แทน
พชรไม่คิดว่าจะทนได้ หากต้องใช้สารเคมีที่ทำลายผืนดินอันเป็นมรดกจากตายาย และเป็นทรัพยากรหนึ่งของโลกใบนี้ซึ่งแท้จริงแล้ว เขาก็มิได้เป็นเจ้าของ..

           “เรียนมาเกือบสองเดือนแล้ว ปรัชญาเป็นยังไงบ้าง พชร?”
มารดาปาดเหงื่อออกพ้นหางคิ้ว นั่งลงพักเหนื่อยบ้างหลังจากวันอันยาวนาน
คนถูกถามพยักลำคอน้อยๆ แม้สีหน้ายังคงเรียบเฉย แต่ก็มีความผ่อนคลายในดวงตา
“ดีครับ เปลี่ยนจากใช้แรงกาย ไปใช้จิตวิญญาณบ้าง”
มารดาหัวเราะลั่นให้ลูกชาย “นึกว่าจะอึดอัดจนต้องหาเรื่องออกเหงื่อกลับมาบ้านทุกสองอาทิตย์”
พชรขำน้อยๆ “นอกจากนั้น ก็ไปช่วยพี่มิ่งที่คณะเกษตรฯบ่อยๆด้วยครับ”
มารดายิ่งขำใหญ่ “แล้วจะเรียนไหวหรือ ที่เรียนไปเข้าใจหรือเปล่า?”
“เข้าใจครับ พอใจด้วย ตรีให้ผมเรียนปรัชญาก่อนนะครับ เดี๋ยวโทผมค่อยเรียนเกษตรฯ”
มารดาพยักหน้า พชรเป็นผู้ใหญ่แล้ว การทำงานมาตั้งแต่เด็กทำให้เติบโตกว่าอายุ
ในเมื่อลูกชายตัดสินใจเลือกเสริมในสิ่งที่ตนเองขาด เธอก็เข้าใจและไม่คิดจะคัดค้านอะไร

          “แล้ว..” เสียงนุ่มค่อยๆเอ่ยขึ้น มองดวงตะวันคล้อยลงใกล้ลับเหลี่ยมเขา “พชรไปหาพ่อหรือยัง?”
คำถามนั้นทำให้ร่างสูงชะงัก สีหน้าไม่ได้สบายๆเหมือนตอนตอบเรื่องเรียน
“ยังเลยครับ”
ทั้งที่ก็ตั้งใจว่าจะไปตั้งแต่แรกถึงเชียงใหม่ แต่..
“แล้ว.. พชรคิดว่าจะไปหาพ่อเมื่อไหร่”
“ผม..” เสียงเข้มพยายามหาคำอธิบาย
“เพิ่งเข้ามหา’ลัย พชรต้องปรับตัว เรียนหนักด้วยสิใช่ไหม” มารดามองมาด้วยความอาทร

เรียนหนักไหม?
ไม่.. ไม่ได้หนัก
เป็นพชรเองต่างหากที่ขยันหาเรื่องหนักๆให้ตัวเองทำทุกวัน
หาเรื่องกลับหอค่ำๆ อยู่ในห้องก็เป็นต้องหยิบจับตำรับตำราอะไรสักอย่างมานั่งอ่าน นั่งศึกษา
ละความสนใจจากอะไร ..หรือใครที่อยู่ในห้องให้มากที่สุด

“ไม่เป็นไรหรอก” มือหยาบกร้านของเพชรลดาบีบไหล่ลูกชายเบาๆ
“เอาที่พชรสบายใจนะลูก อย่าให้-”
“ผมจะไปครับ” เสียงเข้มย้ำ
พชรไม่เคยผิดคำพูด ไม่เคยยอมแพ้กับอะไร และไม่คิดว่านี่จะเป็นข้อยกเว้น

ร่างสูงเมินมองไปทางอื่น ในใจคิดคำนึง
ความตั้งใจแรกทันทีที่ไปถึงเชียงใหม่ คือไปพบชายผู้นั้น..
แค่ไปพบ ไปแสดงตัว บอกว่าเป็นลูกใคร มารดาชื่ออะไร ..มันไม่ใช่เรื่องยากเย็น เมื่อเขาไม่ใช่บุรุษที่หวาดกลัวสิ่งใด
ทว่า พชรก็ไปหอพักก่อน หอพักซึ่งรายชื่อที่ติดอยู่ ณ โถงทางเข้าทำเอาแทบไม่เชื่อในโชคชะตา
เหนือชื่อตัวเองขึ้นไปหนึ่งชื่อ คือบุคคลที่ไม่อยากพบมากที่สุด

..หอพักชาย อาคาร ๓ ห้อง ๓๓๘..
ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์
กวีกานต์ ทัศนศุภกฤษณ์
พชร เพชรหละปูน

และตั้งแต่วันนั้น.. เรื่องที่ควรจะง่ายก็กลับกลายเป็นยากขึ้นมาอย่างไม่รู้เหตุผล
ควรจะไปหาผู้ชาย ทว่า เขากลับไปหาผู้หญิง..

         “คุณคงเป็น.. คุณระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์”
ไม่ถนัดหรอก การเล่นสงครามประสาทหรือการพยายามทำตัวเป็นผู้ร้าย
แต่ความจริงบางอย่างที่เพิ่งได้รู้ทำให้ตระหนักว่า ..คนบางควรสมควรได้รับ ..สมควรต้องตกใจบ้าง
ชดเชยหยาดน้ำตาและความทุกข์ยากของมารดาพชรตลอดเกือบยี่สิบปีมานี้

เด็กหนุ่มที่ดูไม่มีพิษภัย น่าสงสัยว่ามีธุระอะไรกัน
เพียงเพราะความประหลาดใจนั่นกระมัง จึงทำให้เธออนุญาตให้เข้าพบ 
ใบหน้าสวยชะงักนิดหนึ่ง เมื่อเห็นหน้า ทว่า ความประหลาดใจมีมากกว่า

“เราเป็นใคร แล้วมีธุระอะไรกับฉัน?”
“ผม.. ชื่อพชรครับ” ไม่ยกมือไหว้ เสียงเข้มเพียงแนะนำตัว
“ฉันรู้จักหรือ?”
พชรหัวเราะเสียงเย็นในลำคอ “ไม่หรอกครับ”
ระมิงค์ส่ายหน้างงๆ ตั้งท่าจะกดโทรศัพท์ให้เลขาฯพาตัวออกไป แต่เสียงเข้มจากคนอาวุโสน้อยกว่าดังสวนขึ้น
“คุณแม่ผมชื่อเพชรลดาครับ..”
เป็นมือขาวที่ถือโทรศัพท์ค้าง “เพชร พ..เพชรลดาไหน?”
พชรไม่ตอบคำถาม แต่กลับพูดเรื่องอื่น
“ใครๆก็ว่าผมหน้าไม่เหมือนแม่ ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าผมเหมือนใคร เพราะตั้งแต่เกิดมา ผมก็รู้จักแต่แม่”
เสียงเข้มพยายามพูดยาวๆ ในแบบที่ไม่ใคร่จะถนัดนักหรอก ทว่า วันนี้ ดวงตาสีเข้มจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าเขม็ง
พูดให้เธอได้ยินเขาอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ อยากให้ทราบ ว่าเขาไม่ชอบพูดอะไรยาวๆ  แต่เขา--พชร ยืนอยู่ที่นี่ ตรงนี้ กำลังพูดกับเธอ
“ว่าแต่.. ผมพอจะหน้าเหมือนใครที่คุณระมิงค์รู้จักหรือเปล่าครับ?”

ระมิงค์แทบทรุด ไม่ ..ไม่จริง
มือแกร่งของคนอาวุโสน้อยกว่าวางหนังสือพิมพ์คนเมืองนิวส์ลงบนโต๊ะ
ที่อยู่บนหน้าแรกคือตัวเธอขนาบด้วยสามีและลูกชายในงานแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
“ดูครอบครัวอบอุ่นดีนะครับ..” พชรให้ความเห็น
“ต้องการอะไร?” ระมิงค์กลืนน้ำลาย “เงินเหรอ?”
เงิน..
คำนั้นทำให้พชรแค่นหัวเราะเชือดเชือน มือแกร่งล้วงหยิบกระดาษแผ่นเล็กเก่าเก็บ เหลืองหม่นเพราะกาลเวลา ทว่า ยังอยู่ในสภาพดีขึ้นมาหนีบไว้ระหว่างนิ้วกลางและนิ้วชี้
“เศษเงินของคุณอีกหรือครับ?”

คราวนี้ ระมิงค์ทรุดจริงๆ
เช็ค.. เช็คเนื้อกระดาษสีครีมระบุตัวเลขหนึ่งแสนพร้อมลายเซ็นต์ของบิดาใบนั้น ทำไมถึงยังอยู่ ..มันไม่ถูกขึ้นเงินหรือ
ทำไมฝ่ายบัญชีไม่แจ้งเรื่องนี้..

“ผมให้โอกาสคุณ” ร่างสูงยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าสาวใหญ่
“สารภาพเองซะ ก่อนที่ผมจะเป็นคนไปบอกเขา”
ระมิงค์นิ่งอึ้ง นึกว่าเวลาผ่านจนกรรมจะจากไปตลอดกาล ทว่า ที่สุด มันก็ตามมาทันจนได้
ช้า.. แต่ก็มา และมาอยู่ตรงหน้าแล้วในตอนนี้ ..เด็กหนุ่มนาม ‘พชร’
เด็กหนุ่มที่เพียงแค่มองแววตา เธอก็รู้ว่าเขาเอาจริง..

“ฉ..ฉันไม่รู้เรื่อง..”
ระมิงค์พยายามหยัดตัวลุกขึ้น ไม่รู้.. เธอไม่ต้องการรู้เรื่อง
“คุณไม่รู้หรือครับ” เสียงเข้มนั้นถามซ้ำ
“ขับไล่ภรรยาที่อุ้มท้องลูกของคนที่คุณจะแต่งงานด้วย พูดจาดูถูก ใช้เศษเงินฟาดหัว ..เรื่องนี้คุณไม่รู้หรือครับ”
พชรเลิกคิ้ว
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอบอกอีกเรื่องหนึ่ง บางทีเรื่องนี้ คุณอาจจะรู้บ้าง”
ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ เอ่ยสั้นๆ แต่ชัดเจนเพียงคำเดียว “.........”


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “เดี๋ยวช่วงรับปริญญามาช่วยอีกนะ แรงดีจริงๆ”
ลุงคนสวนแห่งหอสามชายหัวเราะหึหึ เอ่ยทีเล่นทีจริงกับเด็กหนุ่มรูปร่างกำยำที่กระวีกระวาดช่วยลงต้นไม้
“ถ้าว่างก็.. ด้วยความยินดีครับ” พชรตอบรับแบบไม่ผูกมัดตัวเอง สองมือแข็งแรงขุดดินและลงไม้ประดับอีกต้น ตามโครงการปรับสภาพภูมิทัศน์ของหอ เคยช่วยลงผลไม้มาไม่รู้กี่สิบไร่ แค่นี้เล็กน้อยมากสำหรับพชร

          “อ้าว พชร แปลงร่างไปอยู่คณะเกษตรฯแล้วหรือ?”
หน้าคมเงยขึ้นตามเสียงเรียก จึงเห็นว่าเป็นถ้อยคำที่มาจาก ‘ไอหมอก’ คนรักของรูมเมทสิ่งแวดล้อม
และที่เคียงมาก็ไม่ใช่ใครอื่น สองเกลอวิศวฯเจ้าเก่า ไอดิล และ.. ‘ม่อนแจ่มแห่งวิศวฯ เครื่องกล’ ผู้ซึ่งทำให้พชรอยากจะบ้าตายกับเจ้าตัวอยู่ทุกๆวัน

            “วันนี้พอแค่นี้ เสร็จแล้วล่ะ หนุ่มเอ๊ย ขอบใจมาก!”
เสร็จแล้วหรือครับ..
พชรไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เขามองหน้าคุณลุงจ่อม อยากจะทำต่อไปอีกโซนและอีกสักโซน
ทำยังไงก็ได้ให้ไม่ต้องลุกขึ้นล้างไม้ล้างมือและไม่ต้องให้รูมเมทเดินมาหา   

           ร่างสูงนั่งลงพักเหนื่อยบนม้าหินอ่อนใต้หอ ไอหมอกนั่งลงบ้าง ตามด้วยไอดิลและเครื่องกล
สามสายตามองเขาเป็นตาเดียว มันทำให้พชรอึดอัด เขาไม่ค่อยสันทัดในการอยู่ร่วมกับคนหรือการถูกสายตาจับจ้องเช่นนี้
ทว่า ก็เป็นไอหมอกที่มองไปทางอื่นราวกับอ่านสถานการณ์ออก เอ่ยขึ้นเล่นๆ ชวนคุย ผูกมิตรทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
“วันก่อนไปเรียนเคมีการเกษตร ยังเห็นพชรขนซังข้าวโพดอยู่ที่แปลงเลยนะ แต่รีบ ก็เลยไม่ทันไปทัก”
งั้นหรือ?
พชรพยักหน้ารับไอหมอก นึกถึงมิ่งเมือง เพื่อนรุ่นพี่จากลำพูนที่ชวนเข้าพวกเกษตรฯแทบตลอดเวลา

“ชอบเกษตร ทำไม่เรียนคณะเกษตรฯเสียเลยล่ะ พชร” ไอหมอกพยายามทำความรู้จัก
“อืม..” หนุ่มปรัชญาใคร่ครวญหาคำพูด
ไอหมอกเป็นคนที่น่าคบและน่าคุยด้วย พชรไม่ค่อยรู้สึกเช่นนี้กับใครนัก แต่คนรักของรูมเมทสิ่งแวดล้อมนั้นต่างออกไป
ไอดิลร่าเริงและเป็นมิตรก็จริง ทว่า รู้สึกจะร่าเริงเกินไปจนคุยด้วยลำบากในบางครั้ง
ส่วนเครื่องกล.. พชรไม่มีความเห็นอะไรให้ นอกเสียจากว่า ถ้าไม่ต้องพบเจอหรือไม่ต้องอยู่ห้องเดียวกัน จะดีกับเขากว่านี้มาก

“พอดี.. ที่บ้านเป็นสวน” เสียงเข้มพยายามเรียบเรียงคำพูด
“อยู่กับการเกษตรมาตั้งแต่เด็ก แม่ชอบบอกว่า อืม.. อยู่แต่กับต้นไม้ ไม่ค่อยคุยกับคน”
ไอหมอกถึงกับยิ้มเมื่อได้ฟัง พชรเองก็อดจะยิ้มน้อยๆตอบไม่ได้เมื่อนึกถึงตนเอง
“อืม.. ก็เลยลองเรียนปรัชญา เผื่อจะได้มองอะไรกว้างขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น และ..คุยกับคนอื่นรู้เรื่อง”

พชร..
ไอดิลมองรูมเมทหนุ่มอย่างพินิจพิจารณา
อะไรทำให้มึงคิดว่าการเรียนปรัชญาจะทำให้พูดกับชาวบ้านรู้เรื่อง?
กูขอแนะนำให้รู้จักกับ ‘พ่อน่ารัก’ ผู้ซึ่งเขียนเป็นอย่างเดียวเลย แต่พูดไม่รู้เรื่อง (ฟังคนอื่นก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน)
พ่อน่ารัก..ซึ่งถือหมอนข้างไปเฝ้ายามที่หน้าต่างห้องกูเพราะคิดว่าไอ้หมอกปีนเข้ามาปล้ำกู (กูพยายามบอกพ่อแล้ว ว่าหมอกแค่จูบ แต่พ่อไม่ฟังเลย)
กูขอย้ำอีกครั้งนะพชร พ่อกูถือหมอนข้างเป็นอาวุธ!

“เมื่อกี้บอกว่าที่บ้านทำสวนหรือ พชร?” ไอหมอกถามซ้ำ คนถูกถามจึงพยักหน้ารับ “อืม สวนผลไม้”
“ปลูกอะไรบ้างหรือ?” หนุ่มวิทยาฯ เคมีถามอีก พชรโคลงศีรษะนึก
“ก็.. ลำไย แอปเปิ้ล ลิ้นจี่ ..อืม สาลี่”
“อ่าฮะ”
“สามเดือนที่แล้วเพิ่งลงลูกพลับ”
“เยี่ยม!” ไอหมอกชื่นชม “ก็ช่วยพ่อแม่ทำสวนมาตั้งแต่เด็กเลยสิ”
คำถามนั้นทำให้ชะงักไปนิดหนึ่ง สีหน้าคนตอบเฉยชาลงทันที “ใช่ แต่.. แค่แม่”
อะไรบางอย่างในน้ำเสียงทำให้ไอหมอกไม่ถามต่อ แต่พูดเรื่องอื่นแทน
“มิน่า แข็งแรง กำยำเสียขนาดนี้” ขนาดไอหมอกเป็นนักกีฬา แต่เรื่องรูปร่างสูงใหญ่ต้องยกให้พชรจริงๆ

“เล่นงัดข้อกัน!”
จู่ๆ ไอดิลคนขี้เล่นก็เอ่ยชวน เมื่อคิดกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตนแอนด์เดอะแก๊งค์กับพชรออกในที่สุด
“งัดข้อ?” พชรเลิกคิ้ว เหล่มองรูมเมทสิ่งแวดล้อม
“ใช่ไง ก็เนี่ย สลับกันทีละคู่ ดูว่าใครเป็นจ้าวแห่งการงัดข้อ” ไอดิลอธิบาย พลางจินตนาการไปเองว่าทุกคนเห็นชอบกับเขา
“เข้าใจแล้วนะ มาหมอก กูกับมึงเริ่มก่อน!”
ไอหมอกส่ายหัวน้อยๆ มองไอดิลยิ้มๆ
“ไม่ต้องมายิ้ม!” ไอดิลสวนทันควัน ประกาศเจตนารมณ์ดังลั่นไปทั้งโต๊ะ
“ไม่ต้องออมมือเด็ดขาดนะ ถ้าจะชนะ กูก็ต้องการชนะอย่างใสสะอาด ถ้าจะแพ้ กูก็ต้องการแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี!”
เอ่อ.. โอเค ไอหมอกกลั้นหัวเราะ มึงก็คงได้แพ้อย่างสมศักดิ์ศรีนั่นแหละครับดิ้ล
สองคนมองหน้ากัน แล้วจึงวางศอกขวาข้างถนัดลงบนโต๊ะ ฝ่ามือทั้งสองประสานและกดนิ้วบีบมืออีกฝ่ายไว้
“สาม สอง..” ม่อนแจ่มให้สัญญาณ “หนึ่ง!”

“ฮึ่ม!” ไอดิลพ่นเสียงจากลำคอเพื่อเสริมสร้างกำลังให้ตนเอง
ไอหมอกขำน้อยๆ กับความพยายามดันมือเขาทั้งที่เรี่ยวแรงผิดกันลิบลับ
ไอดิลพยายามดันและไอหมอกก็เพียงเกร็งเล็กน้อยเพื่อต้านมือเล็กเอาไว้ด้วยทีท่าสบายๆ
ไม่ได้ดันกลับ แค่เพียงต้านไว้อย่างนั้น..

.

.

“หมอก!” คนที่ไม่มีวันชนะเอ่ยขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว “จะทำอะไรก็ทำ กูเมื่อยแล้ว!”
ฮ่ะๆ สิ้นสุดประโยคอนุญาตนั้น ไอหมอกก็กดมือคนรักลงกับโต๊ะได้อย่างเบามือที่สุด 
ไอดิลหน้ามุ่ย หันไปเล่นงานคู่ซี๊ “ไอ้ม่อน มึงมาเลย มากับกูก่อน!”
คนแพ้ท้าทาย มั่นใจว่าในโต๊ะนี้ ถ้าจะชนะใครสักคนได้ คนนั้นก็คือม่อนแจ่มคนเดียวนั่นแหละ
“ฮึ่ย!” ร่างเล็กสุดถลึงตาใส่ ด้วยไม่เคยมีประวัติในชีวิตว่างัดข้อชนะใคร
แล้วก็เป็นเช่นนั้น.. ม่อนแจ่มแพ้ไอดิลภายในสิบวินาที
“โอ้ววว กูชนะไอ้ม่อน!” หนุ่มวิศวฯสิ่งแวดล้อมลั้ลลา “พชรมา กูกำลังฮึกเหิม!!”
พชรเหล่มองไอหมอกเป็นเชิงขออนุญาต อีกฝ่ายพยักหน้าสบายๆ
Whatever will be, will be ครับพชร

.

.

ไม่ได้ผิดคาด..
ไอดิลชนะได้เพียงคนเดียวคือม่อนแจ่ม เพราะแพ้เรียบร้อยแล้วทั้งไอหมอก ทั้งพชร
“ฮึ่ย” เขาเบ้หน้า “หมอกกับไอ้ม่อนก่อน เร็วๆ”
ไอหมอกถอนใจน้อยๆ กระซิบใส่หูคนรัก ด้วยรู้ทันฉากที่พยายามจัด “ทีตอนเรื่องตัวเอง ไม่เห็นฉลาดอย่างนี้”
ร่างเล็กยักไหล่ ลอบยิ้มน้อยๆ ก่อนที่ไม่กี่วินาทีให้หลัง ไอหมอกก็เอาชนะม่อนแจ่มได้ง่ายๆตามคาด..

“เอ้า ชนะต่อชนะ” ไอดิลมองสองร่างสูง “พชรกับหมอก เร็วๆ สาม สอง หนึ่ง!”
ให้สัญญาณ พลางกระซิบใส่หูรูมเมทเครื่องกล  “..เชียร์ใครครับม่อน?”
“กวนตีน”
“ตอบว่าเชียร์หมอกก่อนสิ แล้วกูจะเลิกกวน” ไอดิลยิ้มยั่ว ทำหน้าตาฉลาด
ไอหมอกเหล่มองขำๆ เพราะคนรักกระซิบแบบไม่ได้สนใจจะเบาเสียงหรือระวังไม่ให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย
พชรเองก็ทำหน้าไม่ถูก ด้วยไม่แน่ใจนัก ..ว่าอยากได้ยินคำตอบ
“ว่าไงม่อนนน..” ไอดิลลากเสียงยาว
“ไอ้ดิ้ล! กูหงุดหงิดมึงแล้วนะ” ม่อนแจ่มหน้าแดง ว้ากตอบเบาๆ “กูเชียร์พชร.. สัด..”

เจ้าของชื่อลอบถอนหายใจน้อยๆ
ไปหยิบมีดมาแทงกูให้ตายเลยไปแว่นแดง มึงพูด ..พูดอะไรของมึง?

แล้วก็เป็นพชรที่เอาชนะได้ไม่ยากเย็น..
ไอดิลหน้ามุ่ย แต่ไอหมอกยิ้มๆ ไม่ได้หงุดหงิดที่แพ้ พชรแข็งแรงกว่าเขา ไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธ
ถึงแม้เขาจะเป็นนักกีฬาแต่ก็ใช้เท้าเตะ ส่วนพชรนั้นใช้สองมือทำสวนมาตั้งแต่เด็ก ผิดกันไกล
และในที่สุด.. ไอดิลจึงลอบยิ้มชั่วร้าย

“พชร สุดท้ายละ”
ไอดิลกระแทกไหล่ม่อนแจ่มอีกครั้ง จัดการย้ายที่ ดันร่างเล็กเครื่องกลให้มานั่งตรงข้ามรูมเมทปรัชญา
“พร้อมนะครับม่อน”
“สัด!” ม่อนแจ่มตอบเพียงแค่นั้น หน้าขาวขึ้นสีจางๆ

สองมือที่ต่างขนาดอย่างมีนัยยะสำคัญค่อยๆสัมผัสกัน..
ฝ่ามือประกบ ปลายนิ้วบีบเข้ากับฝ่ามืออีกฝ่าย ศอกตั้งชิดโต๊ะม้าหินอ่อน ดวงตาสองคู่ประสานกัน
ม่อนแจ่มไม่หลบสายตาและเป็นพชรอีกเหมือนเคยที่เสมองไปทางอื่น
“สาม.. สอง..” ไอดิลให้สัญญาณ “หนึ่ง!”

พยายาม..
พชรพยายามแล้วที่จะบีบมือคู่แข่งเอาไว้ แล้วกดลงกับโต๊ะ เหมือนที่เคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน
อย่างที่บอก ..พชรเป็นคนแข็งแรง เขารู้จักกำลัง รู้จักร่างกายของตัวเองดี โดยเฉพาะมือ ..เขาไม่เคยพ่ายแพ้ในการงัดข้อ
ทว่า..
พชรแพ้ม่อนแจ่ม

ไอดิลและไอหมอกเบิ่งตาค้าง เมื่อเป็นมือขาวเรียวเล็กที่กดมือสีน้ำตาลแกร่งลงกับโต๊ะ

ม่อนแจ่มเองก็ตกตะลึง ได้แต่มองมือตัวเอง..
สัมผัสสากด้านที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลจากฝ่ามืออีกคนยังอุ่นอวลอยู่
เขาชนะ.. ได้ยังไงไม่รู้ แต่ชนะ..
หลังสิ้นเสียงสัญญาณ เขาก็แค่พยายามกดมืออีกฝ่ายลง เหมือนตอนพยายามกดมือไอดิลและกดมือไอหมอก
แตกต่างกันที่.. มือของพชรไม่มีแรงต้านเลยแม้แต่น้อย ..นั่นทำให้นี่เป็นครั้งแรกที่ม่อนแจ่มเอาชนะใครสักคนได้ในการงัดข้อ

“ไว้เจอกันนะ อยากอาบน้ำเต็มทีแล้ว”
ร่างสูงละมือออก ลุกขึ้นยืน และเอ่ยลาเร็วๆ ความรู้สึกในใจจุกแน่นจนแทบจะแสดงออกมาทางสายตา

พชรไม่ได้ออมมือ ..เปล่าจริงๆ
ไม่เคยงัดข้อแพ้ใครมาก่อน แต่สัมผัสมือเรียว บอบบาง นุ่มเนียนคู่นั้นแล้ว แทบไม่อยากกำรุนแรง
ไม่อยากทำให้แดงช้ำ หรือเป็นริ้วรอยแม้แต่สักนิด

เขาทำไม่ได้..
บีบแน่นก็ไม่ได้ คว้าลงมากดทาบกับโต๊ะ ..ยิ่งไม่ได้
รู้แค่ว่าไม่ได้ และไม่ต้องการถามใจตัวเองด้วย ..ว่ามันเป็นเพราะอะไร

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณทุกการติดตามเช่นเคย ขอบคุณทุกรีฯ ทุกการเปิด ทุกสิ่งอย่างครับ พบกันตอนหน้า ขอให้นี่เป็นเช้าที่ดีครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 21-05-2016 08:51:40
สงสารพชรเรื่องพ่อ ไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้เหตุผล ว่าทำไม

ชอบอ่านพาร์ทของพชร เพราะเป็นคนไม่พูดถ้าไม่มีพาร์ทพชร ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ตอนนี้พชรน่ารัก รู้สึกอบอุ่นไปกับม่อนด้วย ความสัมพันธ์ของพชรกับม่อนไม่ต้องรีบไปช้าๆ แบบนี้มันดี มันน่ารัก มันมีอมยิ้ม

ดีใจที่มาต่อให้นะคะ ความรู้สึกบางตอนอาจจะสั้นบ้าง(เนื่องจากมันสนุกให้ยาวแค่ไหนความรู้สึกก็สั้นอยู่ดี555) แค่มาต่อให้ก็ขอบคุณแล้วค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ รอของรักของปรัชญากับเครื่องกลนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 21-05-2016 08:57:57
พชรกะม่อนเป็นพี่น้องคนละแม่กันหรอ o22
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-05-2016 09:02:47
น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 21-05-2016 11:50:32
อ่านบทนี้จบ ชัดแจ้งขึ้นมาในทันทีทันใดเลยครับ ว่าทำไมคุณคนแต่งถึงใช้ชื่อเรื่องว่า Sweet Surrender

มีแต่คำชมให้นะครับ แต่เดี๋ยวขอมาวิเคราะห์กันก่อน

พชร(หรือเพชร) น่าจะเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักที่มีผลกระทบมากที่สุดครับ ผมคิดว่าพชรถูกความโกรธครอบงำนะ พชรคงรู้เรื่องมาตั้งแต่แรกแล้วสำหรับเรื่องของครอบครัวคุณพจน์ และคงจะฝังใจพอสมควรว่าคุณระมิงค์คือผู้ร้ายบริสุทธิ์ ดังนั้นลูกของเธอก็คงต้องหยิ่งผยอง เหลี่ยมจัด ร้ายไม่ต่างกับแม่ แต่เมื่อมาเจอกับม่อนแจ่ม ทุกอย่างมันตรงกันข้ามกันหมด ทำให้พชรประหลาดใจครับ และอย่างพชรที่อยู่กับความลำบากและหลุมในใจมานาน เขาเครียดกับตัวเองจนชิน พอมาเจอม่อนแจ่ม มันเหมือนเจอสิ่งที่ทำให้เขาผ่อนคลาย ทำให้เขาได้ปลดภาระหนักๆออก มันเหมือนสิ่งที่ทำให้เขาอ่อนไหวและอยากปกป้อง

แต่นั่นคงไม่ทำให้ส่วนลึกของพชรชอบใจมากนักครับ เขายึดติดกับความโกรธ เขายึดติดกับความลำบากของแม่(ซึ่งก็ไม่ได้ผิด) เขาคิดว่าทำไมคนที่ทิ้งแม่ของเขาไปถึงต้องมีชีวิตครอบครัวสุขสันต์ด้วย และด้วยความโกรธนี่เอง ทำให้เพชรตัดสินใจว่าจะบอกคุณแม่ของม่อนแจ่มแทนที่จะไปหาคุณพ่อของม่อนแจ่มครับ ซึ่งนี่ล่ะ แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิด แต่มันจะสร้างความแตกร้าวให้ความสัมพันธ์ของเขากับม่อนแจ่มในระดับหนึ่งเลยทีเดียวครับ

เมื่อพชรตัดสินใจไปหาคุณระมิงค์ มันทำให้สิ่งที่เธอทำในอดีตทั้งหมดตีกลับมา แล้วเท่าที่ผมวิเคราะห์ดู คุณหญิงระมิงค์ตอนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนักนะครับ อาจจะเพราะความรักที่มีให้ม่อนแจ่ม และความน่ารักของม่อนแจ่ม ทำให้เธอดีขึ้นมา ดังนั้น เมื่อพชรเสนอทางเลือกให้เธอ ผมคิดว่าระมิงค์จะเลือกทางเลือกสารภาพนะครับ และเธอคงเตรียมรับผลลัพธ์ไว้ระดับนึงด้วย (กรณีที่นี่เป็นนิยายครอบครัว ไม่ใช่นิยายทั่วไปที่จะมีตัวดีกลายเป็นตัวร้ายสุดๆในภายหลังน่ะนะครับ)

ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อระมิงค์สารภาพมีสองอย่าง ซึ่งไม่ได้ดีต่อพชรเลยทั้งคู่

อย่างแรกเลยคือคุณพจน์ น่าจะไม่รีรอที่จะกลับไปหาภรรยาเก่า(ในทางพฤตินัย) อันนี้ผมเดาจากความไม่สนิทสนมกับลูกชาย เพราะเราสังเกตได้ว่าม่อนแจ่มไม่ค่อยกล้าที่จะคุยกับบิดาสักเท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้ยังไม่รู้ว่าจะหัวก้อยยังไงต่อไปนะครับ แต่ที่รู้ๆคือ ถ้าคุณพจน์กลับไป มันจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของลูก(ม่อนแจ่ม) หนักกว่าพชรแน่นอน เพราะม่อนแจ่มรักพ่อมากกว่าพชร เขาเติบโตมาโดยมีพ่อเป็นไอดอล ดังนั้นการที่ไอดอลทรยศเขา มันจะทำให้สภาพจิตใจของม่อนแจ่มเลวร้ายลง และจากเท่าที่ผมสังเกต นิสัยแบบม่อนแจ่มจะเก็บครับ ถ้าเขาเสียใจและระบายไม่ได้ เขาจะเก็บ ซึ่งนี่เป็นสิ่งอันตราย เพราะมันเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิด 'อาการซึมเศร้า'

อย่างที่สอง คือเมื่อคุณระมิงค์สารภาพ แน่นอนว่ามันต้องเกิดการทะเลาะกันแน่นอน และคุณระมิงค์ก็คงจะเสียใจมาก ซึ่งถ้าม่อนแจ่มรู้ คราวนี้ละครับ ระเบิดลงแน่ ถึงม่อนแจ่มจะชอบพชรขนาดไหนก็เถอะครับ ความรักแบบวาบหวิววาบหวาม กับความรักกตัญญูมันเทียบกันไม่ได้ ยิ่งถ้าเกิดม่อนแจ่มรู้ว่าคนที่ตัวเองชอบเป็นคนที่ทำให้แม่ตัวเองต้องเสียใจ (ถึงเรื่องที่เกิด แม่เขาอาจจะผิดจริงๆ และเกิดในอดีตก็เถอะครับ) คงไม่แปลกที่ม่อนแจ่มจะกล้า 'ตัด' พชรออกไปจากชีวิต

ทำไม? เพราะว่าเด็กผู้ชายส่วนมากรักแม่ตัวเองครับ รักแบบฝังลึกมากเสียด้วย ยิ่งกับเด็กคาแรกเตอร์แบบม่อนแจ่ม นี่เป็นความสัมพันธ์เชิงจิตวิญญาณอันหนึ่งที่ผมยอมรับเลย และเป็นเรื่องที่แม้แต่วิทยาศาสตร์ก็อธิบายไม่ได้ แม้จะมีในบางเคสของแม่กระทำทำร้ายลูกตัวเอง แต่ลูกชายทุกคนส่วนมากก็จะยังคอยดูแลและมีความรักในใจให้แม่เสมอ ขณะที่เด็กที่เป็นลูกสาวจะมี reaction ที่ไม่รุนแรงเทียบเท่า(แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่รักนะครับ)

ในทางจิตวิทยา เปเปอร์ทางตะวันออกบางส่วนอ้างว่าเป็นเพราะความแตกต่างของเพศเป็นนัยยะสำคัญครับ คือ เมื่อผู้หญิงอุ้มท้องแล้วรู้ว่าลูกเป็นเด็กผู้ชาย เนื่องจากเป็นความแตกต่างของเพศที่ผู้หญิงไม่รู้จักการรับมือมาก่อน เพศหญิงจะงุนงงและพยายามดูแลให้มากที่สุด เพราะเค้าไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง จึงคิดว่าต้องเข้าใจให้มากที่สุด ต้องให้ความรักให้มากที่สุด เพื่อที่เธอจะได้เข้าใจลูกได้ และสำหรับเด็กทารก action = reaction ครับ ยิ่งรักไปมากเท่าไหร่ เค้ายิ่งรักและผูกพันกับเราตอบมากเท่านั้น

ส่วนมากเด็กผู้ชายถ้ารู้ว่าใครทำให้แม่ตัวเองเสียใจล่ะก็ ผมเห็นกล้าบุกน้ำลุยไฟทุกราย

คาแรกเตอร์ของม่อนแจ่มคือเด็กที่ร่าเริง สดใส คุยสนุก และผมรับรู้ได้ว่าเค้ารักพ่อกับแม่ตัวเองพอสมควรครับ  ผมเห็นว่าเค้าเป็นคนกล้าทำอะไรทำจริง คือกล้าจริงและตัดจริง เช่น ยอมทิ้งชีวิตลูกคุณหนูเพื่อลองใช้ชีวิตธรรมดาๆที่มหาลัย ดังนั้นการที่แม้เขาจะชอบพชรมาก จนถึงขั้นอาจจะรัก แต่ถ้าเกิดเห็นว่าคุณระมิงค์เสียใจ ผมว่าเค้ากล้าได้กล้าเสียนะครับ แม้จะต้องควั่นหัวใจตัวเองออกก็เถอะ

ทีนี้ละ คนที่จะทรมานจะไม่ใช่ม่อนแจ่ม แต่เป็นพชรเอง เพราะการกระทำของพชรมันส่งผลกระทบต่อตัวเขาเองโดยตรง มันปฏิเสธไม่ได้ครับ มองในมุมของพชร การกระทำนี้อาจจะเป็นการ 'กตัญญู' ต่อมารดาของตัวเอง เพราะเขาคิดว่ามารดาคงจะรู้สึกดีด้วย แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่ครับ แม้จะปรากฏตัวมาสองสามบรรทัด แต่ผมรู้สึกว่าแม่ของพชรปล่อยเรื่องนี้ไปตั้งนานแล้ว

ดังนั้น การที่เราทำร้ายความรู้สึกคนอื่น แต่เพื่อความสะใจของตัวเอง ไม่ใช่เพื่อการ 'ปกป้อง' ความรู้สึกของคนสำคัญ มันไม่ใช่การกตัญญูครับ มันเป็นแค่ความเห็นแก่ตัว เพราะครอบครัวที่แตกสลายไปแล้ว กลับมารวมกันมันไม่ง่ายนัก และอาจเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ซึ่งสำหรับเด็กอย่างม่อนแจ่ม การที่ครอบครัวแตกสลายไปในอายุเท่านี้ มันทำให้จิตใจเขา ที่ถูก 'ความอบอุ่น' หล่อหลอมมาตลอดตั้งแต่เด็ก ถูกปฏิเสธอย่างรุนแรงครับ ม่อนแจ่มจะคิดอัตโนมัติเลยว่า 'ความรัก' ไม่จีรัง 'ความอบอุ่น' ไม่มีอยู่แท้จริง เขาจะกลายเป็นคนที่ถูกโลกทำร้าย ...การเห็นเด็กเป็นแบบนี้นี่ไม่สนุกครับ

ต่อมาคือส่วนชม คุณคนเขียนเขียนได้ดีครับ ทุกบรรทัดเวิร์คมาก คุณพ่อคุณแม่ม่อนแจ่มโผล่มาสองพารากราฟ แต่ผมเก็ตอินเนอร์หมด คุณแม่พชรโผล่มาสองสามบรรทัดแต่ผมเก็ตเหมือนกัน แสดงว่าโดยรวมถือว่าทำได้ดีมากครับ ปูพล็อตได้ดีมาก ดึงอารมณ์ตัวละครออกมาได้ชัดเจน ตัวละครเริ่มจากมีปริศนา แล้วเฉลยให้ดูมีมิติ

สำหรับการบรรยาย มีตินิดหน่อยครับ คือ มันมีการบรรยายบางส่วนของไอดิลที่ผมเข้าใจว่าพยายามจะโยงให้ตัวละครมีมิติจากพล็อตเรื่องเก่า กับการพยายามแบ่งบทให้หมอกกับไอดิลเพื่อจะได้ตัวละครไม่ดูจม ซึ่งทั้งสองอย่าง พอมันมารวมกับเนื้อหาหนึ่งตอนที่มันไม่ยาว มันทำให้เหมือนบางครั้งอัดลงจนโทนเรื่องดูขาดๆไปหน่อยครับ

ที่น่าสนใจมากคือ เรื่องจะจบยังไงให้มันดูดี การที่ถ้าครอบครัวของม่อนแจ่มแตกลง สำหรับผมถือเป็น breakpoint หนึ่งของเรื่องเลยนะครับ ถ้าเกิดเรื่องนี้ขึ้น เราคงไม่ต้องมาพูดเรื่องการคบกันของม่อนแจ่มกับพชรแล้ว เพราะมันหวนคืนได้ยากมากๆ และพชรคงไม่มีปัญญาไปหาครอบครัวมาคืนม่อนแจ่มได้ แต่ถ้าไม่ให้ครอบครัวแตกสลาย แสดงว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวคงจะแน่นแฟ้นพอสมควร (ซึ่งจากที่เห็น ผมว่าม่อนแจ่มยังไม่ถึงขั้นที่จะดึงพ่อกับแม่ให้กลับอยู่ด้วยกันได้นะ แต่อาจต้องรอดูต่อไปว่าพชรกับม่อนแจ่มนี่จะยังไงต่อไป)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 21-05-2016 13:48:03
เจอปมแรกระหว่านหนูม่อนแว่นแดงกับพชรปรัชญา. หนักหน่วงมากจะมีปมอื่นแทรกมาอีกหรือเปล่าเนี้ย :mew5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 21-05-2016 14:43:29
ปมเรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ซับซ้อนจนแกะไม่ออกอยู่แล้ว
งั้นขอเดาว่าทั้งคู่ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน ไม่งั้นคงจบแบบสวยๆ ไม่ได้
ม่อนแจ่มน่าจะไม่ใช่ลูกของพ่อพชร แม่ของม่อนแจ่มคงท้องไม่มีพ่อจนต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับพ่อชองพชร ซึ่งรวมถึงการขับไล่แม่ของพชรที่กำลังท้องอยู่ไปด้วย
ถ้าเป็นอย่างนี้จริงก็น่าสงสารม่อนแจ่มนะครับ แต่มองถึงอนาคตสองคนนี้ยาวๆ ก็น่าจะดีกว่าการเป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 21-05-2016 17:15:36
กลับต้วก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึงงงง :z3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 21-05-2016 21:49:42
แค่ปมพ่อแม่ก็หนักแล้วนะ พชรจะผ่านได้ยังไงนี่

แต่อ่านแล้วอบอุ่นนะเหมือนคุณหนูม่อนมีคนคอยเอาใจใส่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: YouandMe ที่ 22-05-2016 10:19:41
อย่าบอกนะว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ.. :z3:

งานนี้เกรียนคนแต่งต้องรีบมาเฉลยเร็วๆ เลยนะ  :m16:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 22-05-2016 10:30:09
หวานขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-05-2016 11:21:52
คิดเหมือนกระทู้ที่ 1196
ปมเรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ซับซ้อนจนแกะไม่ออกอยู่แล้ว
งั้นขอเดาว่าทั้งคู่ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน ไม่งั้นคงจบแบบสวยๆ ไม่ได้
ม่อนแจ่มน่าจะไม่ใช่ลูกของพ่อพชร แม่ของม่อนแจ่มคงท้องไม่มีพ่อจนต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับพ่อชองพชร ซึ่งรวมถึงการขับไล่แม่ของพชรที่กำลังท้องอยู่ไปด้วย
ถ้าเป็นอย่างนี้จริงก็น่าสงสารม่อนแจ่มนะครับ แต่มองถึงอนาคตสองคนนี้ยาวๆ ก็น่าจะดีกว่าการเป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน

ไร้ท เขียนได้สนุกมาก น่าติดตาม ชอบบบ :katai2-1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 22-05-2016 12:40:40
โอ้โห มีปมกันขนาดนี้ จะแก้กันยังไงเนี่ย

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 24-05-2016 15:07:04
หายไปช่วง5ตอนล่าสุด กลับมาตามอ่านอีกครั้ง เจอปมอะไรมากมายมหาศาลเลย
ก็ได้แต่หวังให้ทั้งคู่ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน
สุดท้ายนี้ ขอชื่นชมคนแต่ง ถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-05-2016 15:41:55
รอตอนต่อไปค่ะ ว่าเรื่องราวจะไปในทางไหน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: benicezii ที่ 25-05-2016 21:35:57
อยากให้พชรโหดร้ายใส่ม่อนแจ่ม  :katai4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 26-05-2016 12:27:31
การยอมจำนนที่แสนหวาน.... ใกล้จะหวานแล้วยังน้ออออ????   :m17:

เขาจะรักกันยังไงเนี่ย?? ขุ่นแม่ งง  ... ดูท่าจะพ่อเดียวกันสะด้วย ยกเว้นว่า น้องม่อนจะเป็นลูกติดแม่กับสามีอีกคน ที่ไม่ใช่พ่อเดียวกับพชร อ่ะนะ   :a6: โอ๊ยยยย ซับซ้อน

ตามกันต่อค่ะ  :interest: ลุ้นไปพร้อมๆกัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 28-05-2016 13:43:24
CHAPTER 10: You’re Welcome
   
            “วัสดุพอลิเมอร์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากในการออกแบบวิศวกรรม ข้อดีของมันมีมากอย่างที่บอกไป
ราคาถูก ง่ายต่อการขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ทั้งยังมีคุณสมบัติที่ดีอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะในแง่ของน้ำหนัก”

            ดวงตาภายหลังกรอบแว่นแดงจ้องจอโปรเจ็กเตอร์ หูฟังเสียงบรรยายและช็อตโน้ตเอาไว้เป็นพักๆ
เหมือนเคยทุกเย็นวันอังคาร Engineering Materials เป็นวิชาปิดท้าย
เมื่อเลิกคลาส ม่อนแจ่มจึงเก็บข้าวของลงกระเป๋า สะพายเป้ออกนอกห้องเรียน
ตามปกติ ไอดิลเพื่อนซี้มักจะนั่งรออยู่หน้าคณะ กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกันและกลับมาเข้าห้องเชียร์ก็พร้อมกัน

เวลาในมหาวิทยาลัยผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
ทีแรก.. ม่อนแจ่มกังวลว่าตัวเองจะปรับตัวได้ไหม ออกจากบ้านเป็นครั้งแรก อยู่หอครั้งแรก ซ้ำเขายังเต็มไปด้วยลักษณะอันไม่น่าพึงประสงค์สำหรับการเป็นเด็กหอเสียขนาดนี้ เวลาจะผ่านไปอย่างช้าๆไหม..
ทว่า ไม่เป็นเช่นนั้นเลย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตระหนักได้อีกที ตัวเองและผองเพื่อนก็จะสอบปลายภาคเทอมแรกอยู่แล้ว
ร่างเล็กค่อยๆย่างเท้าเดินออกจากอาคารพร้อมผองเพื่อนเครื่องกล ผู้ซึ่งรู้สึกว่าวันนี้ ..แม่งมีเรื่องพุดคุยกันมากกว่าปกติ

           “ไอ้ม่อนมาไหมมึง พี่แจ็คมีเรื่องเล่าเยอะแยะ”
เรื่องเล่า? ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว
“เดี๋ยวๆ กูส่องเพื่อนกูแป๊ป” ม่อนแจ่มตะโกนตอบ สอดส่ายสายตาหาไอดิล
ทว่า รูมเมทสิ่งแวดล้อมยังไม่มาสักที เขาจึงชักจะสนใจว่าพวกเพื่อนๆที่นั่งรวมหัวกันที่โต๊ะม้าหินอ่อนนั้นกำลังทำอะไรกัน
พวกแม่งนั่งอยู่โต๊ะหัวมุม ล้อมพี่แจ็คปีสอง นั่งฟังอย่างตั้งใจยิ่งกว่าเรียนเครื่องกล อะไรกัน? กรูจะฟังบ้าง

            “ช่วงสอบนี่แหละระวังไว้..”
เสียงพี่แจ็คเอ่ยเนิบๆ เมื่อเขาเข้ามาใกล้  “ตอนนั้น พี่ก็ไปห้องน้ำใช่ไหมล่ะ..”
“มาๆ ไอ้ม่อนมา” เพื่อนขยับตัวออกให้ เขาจึงหย่อนก้นลงนั่งด้วยคน ถือว่าฟังฆ่าเวลารอรูมเมทสิ่งแวดล้อม

            “พี่เห็นขาก่อน.. ที่อ่างซักล้าง แบบว่า.. แกว่งเล่นอยู่น่ะนะ พี่ก็ไม่อะไรไง ก็เดินเข้าไปข้างใน
ทีนี้ล่ะ ..ก็หันมาหาพี่ทั้งตัว”
ม่อนแจ่มเลิกคิ้วอีกครั้ง พยายามจับประเด็น
“แล้วเขาทำหน้ายังไงพี่” เพื่อนถามอย่างอยากรู้ ทว่า พี่แจ็คดูเหมือนไม่มีคำตอบให้
“พี่ไม่รู้ว่ะ ..ก็เขาไม่มีหัว”

.

.

“เหี้ยยย!” ม่อนแจ่มสบถลั่น ดีดตัวลุกขึ้นยืน ดวงตาเบิกกว้าง
“ไอ้ม่อน!” ไอ้เมษว้ากเบาๆ “เป็นอะไรของมึงวะ ร้องซะลั่น”
สายตาชายฉกรรจ์รอบโต๊ะมอง ‘ม่อนแจ่มน้อย’ เป็นตาเดียว เขาจึงค่อยๆปรับสีหน้าและลมหายใจให้เป็นปกติ
“อะ..เอ่อ เปล่า” เสียงเล็กตอบอย่างที่คิดว่าดูกล้าหาญ ขณะที่ขาสั่นพั่บๆและฟันกระทบกันดังกึกๆ
“กลัวหรือไง..” เพื่อนแม่งหรี่ตาลง
กลัว? กู.. กูน่ะเหรอ?
“นี่ใคร?” นิ้วเรียวจิ้มอกตัวเอง “น..นี่คือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกลนะ ฮ่ะๆ!”
กลบเกลื่อน ม่อนแจ่มรีบหัวเราะกลบเกลื่อน ขณะเพื่อนร่วมสาขาบ่นอีกครั้ง
“ขัดจังหวะจริงไอ้ม่อน กูกำลังได้ฟีล ไม่กลัวก็นั่งฟังต่อ พี่เขามีอีกหลายเรื่อง”

ฟ..ฟังต่อ?

ให้..ให้กูฟังต่อ

อีก..ห..หลายเรื่อง..



            ม่อนแจ่มกลับมาถึงหอสามชายในสภาพ..
เอาเป็นว่า ม่อนแจ่มไม่ใช่ม่อนแจ่มคนเดิมอีกต่อไปนับตั้งแต่บัดนี้
สารพัดเรื่อง ‘สิ่งที่คุณน่าจะรู้ว่าอะไร’ ที่รุ่นพี่เล่าตีกันยุ่งในหัว
จำต้องเหลือบมองทางเดินอย่างหวาดระแวง มองให้แน่ๆว่าไม่มีอะไร แล้วจึงค่อยเดินไป
ผนังห้องสองข้างดูจำกัดทางเดินให้แคบลงและชวนขนหัวลุกยิ่งกว่าปกติโดยไม่รู้เหตุผล
อากาศยามเย็นย่ำวันนี้หนาวยะเยือก.. สายลมไม่พัดมา ใบไม้หยุดพลิ้วไหว ทุกสิ่งทุกอย่างแลดูสงัดเงียบ..

“ไอ้ม่อน!”
“เย้ยยย อ๊ากกก อย่า ม่อนกลัวแล้ววว!”

…..
อะ.. เอ่อ..
ที่ยืนแตะไหล่ม่อนแจ่มจากข้างหลังนั้นคือไอดิล รูมเมทสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย

“จะบอกว่าโทษที วันนี้กูเลิกช้า” เพื่อนคู่ซี๊หรี่ตา “แล้วนี่มึงเป็นอะไร ยกมือไหว้กูทำไม?”
เหรอ.. กูยกมือไหว้มึงเหรอวะ ไอ้ดิ้ล..
“อ้อ กู กู..” ม่อนแจ่มพยายามหาคำอธิบาย “กูเคารพมึงไง ดิ้ลเพื่อนรัก”
หัวเราะแก้เก้อ แล้วม่อนแจ่มก็รีบกอดคอไอดิลเดินไปห้อง 338 ชวนพูดคุยต่ออย่างเนียนๆ
“เอ้อ.. เลิกช้าเหรอ คาบสุดท้ายสนุกไหม อาจารย์ผู้ชายหรือผู้หญิง ใส่เสื้อสีอะไรมาสอน กางเกงล่ะ ใส่มาด้วยไหม..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ไฟดับมืดลงอีกครา..
ไม่รู้ทำไมคืนนี้ม่อนแจ่มไม่นึกอยากให้ช่วงเวลานอนมาถึง เขาใส่แว่นแดงหันไปทางพชรอย่างเคยชิน
ตาโฟกัสร่างเจ้าของเตียงเดี่ยว พยายามไม่ให้ความคิดเดินทางไปท่องเที่ยวที่อื่น โดยเฉพาะเรื่องราวในความทรงจำเมื่อตอนเย็น
ร่างเล็กพลิกไปพลิกมาอย่างกระสับกระส่าย ไม่เคยหลับยากเท่านี้ แต่ครานี้ หนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว เขายังลืมตาโพลงอยู่

           ปกติม่อนแจ่มหลับก่อนพชร..
นี่คือความจริงที่เพิ่งตระหนัก ..ตระหนักเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอท่ามกลางความเงียบ ซึ่งทุกคืนก่อนจมลงสู่ภวังค์ ทั้งที่ร่างกำยำนั้นนอนหลับตา เขาก็ไม่ได้ยินชัดเจนมากเท่านี้เลย แม้ว่าจะตั้งใจฟังเพียงใด คงเป็นเพราะ.. พชรหลับทีหลังเขานั่นเอง
ทว่า คืนนี้  ไม่ต้องสงสัยเลย พชรหลับแล้ว..
ส่วนไอดิลน่ะหรือ? หลับก่อนใครเพื่อนทุกคืนและหลับได้หลับดีจนถึงเช้า ไม่ต้องหวังพึ่งอะไรมันในช่วงเวลากลางคืนเลย

           “..หงึ”
ม่อนแจ่มอุทานอย่างเจ็บใจตัวเอง เมื่อดันปวดฉี่ขึ้นมา
ไม่ได้อยากลุกขึ้นไปห้องน้ำรวมตอนดึกหรอก กลัวเจอเพื่อนที่ไม่สนิทที่สุด
แล้วนี่.. ดันมีเรื่องเพื่อนที่ไม่สนิทที่สุดยิ่งกว่าเข้ามาอีก
เขาก็เดินไปได้อยู่บ้างในบางคืน แต่มันมีความแตกต่างมากนัก ระหว่างไปแบบหัวสมองโล่ง กับไปแบบมีเรื่องเล่าเต็มหัว และมโนภาพพาลจะนึกจินตนาการตามเรื่องพวกนั้นเสียเรื่อยๆแบบนี้

            “ไม่มีอะไรหรอก เราแค่จะไปฉี่” ม่อนแจ่มพึมพำบอกตัวเอง ยันตัวลุกขึ้น
“ฉี่แป๊ปเดียว” เขาย้ำตัวเองอีกครั้ง แล้วก้าวขาลงจากเตียงล่าง สูดลมหายใจ จับลูกบิดประตู

‘พี่ไม่รู้ว่ะ ก็เขาไม่มีห..’

“อ๊ากกก.. ฮื่อ” เสียงครางเล็ดลอดออกมาจากลำคอ
ไม่ไหว จะยืนไม่อยู่ด้วยซ้ำไป ไม่ต้องพูดเรื่องจะเดินไปห้องน้ำเลย ม่อนแจ่มหางจุกตูดกลับไปนอนต่อ

.

.

แต่มันจะนอนได้ยังไงวะ ..กูปวดฉี่เนี่ย!
ฮึ่ม! อะไร อะไรกัน?
เขาคือม่อนแจ่มนะ นี่คือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล
คิดแล้วก็เหลือบมองภาพการ์ตูน A3 ที่แปะอยู่บนผนังในความสลัว บอกตัวเองให้ฮึดสู้!
ร่างเล็กลุกขึ้นมาอีกรอบ
“เราแค่จะไปฉี่ ..ก็แค่ไปฉี่ เราต้องกล้าฉี่สิวะ!” ม่อนแจ่มกระซิบกระซาบคนเดียว
“ไม่ฉี่เอง แล้วใครจะมาฉี่ให้ล่ะ ..เนอะม่อนเนอะ”

            มือเรียวจับลูกบิดประตูหมุนอีกครั้ง..
แสงไฟทางเดินส่องพอสว่าง ทว่า ก็มีมุมมืดอยู่บ้าง โดยเฉพาะที่ใกล้ๆห้องน้ำ ซึ่งไฟไม่เปิดทิ้งไว้หมดทุกดวง..
“ฮืออ..” เสียงเล็กครางในลำคอ ปิดล็อคประตู กลับขึ้นเตียงอีกครั้ง พยายามนอนให้หลับ

คนเราไม่จำเป็นต้องฉี่ก็ได้..
ม่อนแจ่มฝืนบอกตัวเองอย่างยากเย็น

.

.

แต่มันต้องฉี่ป่ะวะ!

ม่อนแจ่มเด้งตัวลุกขึ้น พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ก้าวขาลงจากเตียงอีกครั้งอย่างไม่ยอมหยุดคิด
กระชับแว่นแดงให้มั่น ตั้งตรงบนสันจมูก พร้อมจะไปตะลุยกับโถฉี่
มือเรียวจับลูกบิดประตู ยืนรีๆรอๆ กึ่งๆจะวิ่งไปห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและกึ่งๆจะโดดขึ้นเตียงคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงเสียให้มิด

            “แว่นแดง?”
“อ๊ากกกก อย่า อย่าทำม่อนน้อย!” ม่อนแจ่มร้องลั่นกับเสียงเพรียกในยามดึก
อย่า.. อย่ามาหลอกมาหลอนเลยครับ อย่าทำคุณหนูม่อนเลยครับ
ร่างเล็กทรุดนั่งลงบนพื้น ก้มหน้าก้มตา ยกมือไหว้ท่วมหัว ..ซึ่งท่าทางนั้นเล่นเอาคนงัวเงียตื่นเต็มตา
ร่างสูงถลันลุกไปหา สองมือกอบกุมมือขาวที่ประนมไหว้นั้นเอาไว้อย่างปลอบโยน ..โดยไม่ทันรู้ตัว
“แว่นแดงเป็นอะไร?”

แว่น..
แว่นแดง?
คำเรียกนี้..
สัมผัสนี้..
มือคู่นี้..
มือ..

“พชร!”

อุ่น..
ไม่รู้ทำไมมันถึงอุ่นไปทั้งหัวใจ
แค่เรียกชื่อนี้ทำไมม่อนแจ่มถึงได้รู้สึกว่า ..ตัวเองปลอดภัยแล้วจากทุกอย่าง

          “เป็นอะไร?” เสียงเข้มถามย้ำ
ไม่มีคำตอบ เพราะม่อนแจ่มนิ่งอึ้ง อึ้งเพราะตระหนักว่าสองมือตัวเองถูกประกบไว้ด้วยสองมือของอีกฝ่าย
นั่นจึงทำให้พชรรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรไม่ถูกไม่ควร ..มือแกร่งผละออก
“เป็นอะไร?”
“พชร”
เรียกชื่อก่อน จะมีอะไรก็เรียกชื่อไว้ก่อน แล้วเสียงเล็กก็ค่อยๆตอบตะกุกตะกัก “กู.. กูปวดฉี่”

ปวดฉี่? 

พชรเลิกคิ้ว “แล้วทำไมไม่ไปห้องน้ำ”
“กู..” ม่อนแจ่มอึกอัก เขาเป็นลูกผู้ชาย แม้อกจะไม่ถึงสามศอก ..แต่จะให้ยอมรับเรื่องนี้
“คือเมื่อตอนเย็น.. กูนั่งรอไอ้ดิ้ลใต้คณะ”
ยอมรับ.. กับเพื่อนเครื่องกลไม่อยากยอมรับ แต่สำหรับพชรนั้นต่างออกไป
เป็นรูมเมทที่ไม่ได้สนิทอะไรกันเลย แม้แต่ชื่อ.. พชรยังไม่ยอมเรียกเขาด้วยซ้ำ
แต่กับพชร.. ไม่รู้ทำไมม่อนแจ่มรู้สึกว่าอยากบอกทุกสิ่งทุกอย่าง

“ระหว่างนั้น รุ่นพี่เขาเล่าเรื่อง เรื่อง..”
ไม่สามารถนิยาม ได้แต่พูดวกไปวนมา พยายามอธิบายกระท่อนกระแท่น โดยไม่ระบุ ‘คำหลัก’ เลย
ก่อนจะสรุป..
“กูไม่กล้าบอกว่ากลัว เลยต้องนั่งฟังจนจบ ..จบไม่รู้กี่เรื่อง ..แถมไม่ซ้ำสถานที่เลย”
ม่อนแจ่มรอให้เสียงเข้มหัวเราะเยาะ
ทว่า.. มีเพียงความเงียบเป็นการตอบกลับ พชรนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ มองคนตรงหน้าให้เต็มๆตา ที่สุดก็เอ่ย
“ไป”

ห๊ะ?

“ไปไหน” ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว
“ไปห้องน้ำไง” พชรเลิกคิ้วบ้าง จำต้องอธิบายเมื่อคนตรงหน้าไม่มีทีท่าเข้าใจ “กูจะไปเป็นเพื่อน”
“มึงจะไป.. ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกู” ม่อนแจ่มทวนคำแปลกใจ เล่นเอาพชรลอบขำ นี่เขาดูเป็นรูมเมทใจโหดมาตลอดหรืออย่างไร?
“จะไปไหมล่ะ หรือจะเอากระโถน?” ล้อเลียนน้อยๆ จึงทำให้คนฟังถลึงตาใส่ในความสลัว “ไป!”

           มือแกร่งหมุนลูกบิดเปิดประตู ก้าวออกไปยืนนอกห้องก่อน ตามมาติดๆด้วยร่างเล็ก
เดินหน้าก็ไม่อยากนำ เดินหลังก็ไม่อยากตาม เดินหน้าก็กลัวหน้า เดินหลังก็กลัวหลัง
ม่อนแจ่มจึงก้าวขาสั้นป้อมของตัวเองให้ทันพชร พอๆกับที่พชรก็ละขายาวให้ก้าวสั้นกว่าปกติเพื่อให้คนตัวเล็กกว่ามาเดินเคียง
พชรทำท่าจะส่งม่อนแจ่มไว้หน้าห้องน้ำ ขาสั้นจึงหยุดยืนนิ่ง เหลือบมองเข้าไปข้างในอย่างกลัวๆ

“ไป”
มือแกร่งแตะเบาๆที่ไหล่และผลักอย่างเบากว่าเข้าไปในห้องน้ำ ตนเองเดินตามเข้ามาด้วย ..ยืนพิงกรอบประตูรอ
เพียงเท่านั้น.. ม่อนแจ่มก็เดินช้าๆเข้าไปทำธุระของตัวเอง

           ไม่นานนัก สองร่างก็เดินเคียงกลับมาในทิศทางเดิม เงียบกันไปทั้งคู่..
พชรหมุนลูกบิดห้อง 338 ค้างประตูเปิดไว้ พยักพเยิดให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปก่อน
กิริยานั้นทำให้ม่อนแจ่มยืนนิ่งมองตา..

“อะไร?” พชรเลิกคิ้วงงๆ
ม่อนแจ่มส่ายหน้าบางๆ ก้มลงน้อยๆ แอบซ่อนรอยยิ้มกว้างของตัวเองเอาไว้
“เห็นไหม ไม่มีอะไรเลย” คนไม่ค่อยพูด พูดขึ้นทันทีที่เข้ามาภายใน
“ก็มึงไปด้วยนี่” เสียงเล็กงุบงิบตอบดื้อดึง รอยยิ้มหายกลายเป็นเบ้หน้า “ใครจะไปรู้ว่าถ้าไปคนเดียว กูจะเจออะไร..”
พชรพ่นลมหายใจหน่ายๆในความรั้น แล้วเอ่ยเรียบๆก่อนล้มตัวลงนอน “ทีหลังก็เรียกแล้วกัน”

ห๊ะ?

ม่อนแจ่มเบิ่งตา..
รูมเมทร่างสูงนอนหงาย เปลือกตาปิดลงแล้ว แต่เสียงทุ้มที่อบอุ่นนั้นยังคงก้องอยู่ในหู

‘ทีหลังก็เรียกแล้วกัน’

ร่างเล็กเอนตัวนอนลงบนเตียงล่างของตัวเองบ้าง
ใบหน้าหันตะแคงมองร่างที่นอนหงาย มือข้างหนึ่งแนบลำตัว อีกข้างทาบไว้กับหน้าท้องซึ่งคงเต็มไปด้วยมัดกล้าม..

“ถอดแว่น แล้วนอนซะ” พชรพึมพำทั้งหลับตา
ม่อนแจ่มอึ้งไปเป็นอึดใจ ยิ้มกว้างกับหมอน ค่อยๆดึงแว่นถอดออก วางไว้บนโต๊ะ

เสียงก๊อกแก็กที่ดังมา ทำให้พชรรู้ว่าแว่นแดงทำตามแล้วเรียบร้อย
ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ก็ดี.. พชรเผลอยิ้มน้อยๆในความสลัวของห้อง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            ปกติ ไม่ได้ลุกไปฉี่ทุกคืนหรอก แต่ในภาวะที่จิตใจผิดปกติแบบนี้ ดูมันจะปวดฉี่บ่อยจริงเว้ย..
ม่อนแจ่มลุกขึ้นจากเตียงในความมืดอีกครั้ง ขาก้าวมาหยุดหน้าเตียงเดี่ยวอย่างลังเล
เกรงใจก็เกรงใจ แต่..

‘ทีหลังก็เรียกแล้วกัน’

“พชร” เสียงเล็กเรียกเบาๆ ทว่า เสียงหายใจสม่ำเสมอนั้นทำให้รู้ว่าคำเรียกแสนเบาคงไปไม่ถึง
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ค่อยๆแตะลงเบาๆที่ท่อนแขนแข็งแรงนั้น “พชร..”
เปลือกตาค่อยๆลืมขึ้น พร้อมเสียงครางรับในลำคอ “หืม..”
“ปวดฉี่..”

พชรปรับโฟกัสสายตาอยู่แป๊ปหนึ่ง สลัดความงัวเงียทิ้ง แล้วยันตัวลุกขึ้น

           ร่างสูงก้าวนำไปเปิดประตูให้..
เดินช้าๆ ไปตามทางเดินสู่ห้องน้ำ และตั้งท่าจะก้าวเข้าไปภายในเหมือนเช่นคืนวาน ทว่า แขนขาวแตะยั้งไว้เบาๆ
สัมผัสแผ่วเบาที่ทำให้ชะงัก..

“พชร.. เอ่อ..” ม่อนแจ่มค่อยๆเอ่ยอย่างตัดสินใจ “วันนี้มึงยืนรอข้างหน้านี่แหละ ม..ไม่ต้องเข้าไปหรอก”
พชรเลิกคิ้วอย่างเคลือบแคลง แต่ก็ทำตาม ร่างสูงยืนรออยู่หน้าประตู
ส่วนม่อนแจ่มสูดลมหายใจ ก้าวช้าๆเข้าไปในห้องน้ำ.. พลันสายตาปะทะกับอ่างซักล้าง ขาขยับจะถอยหลัง เพราะจินตนาการภาพน่ากลัวเรียบร้อยแล้ว

           “อืม..”
เสียงครางในลำคอหรือเสียงกระแอมสักอย่างดังมาจากหน้าประตู ..เสียงที่ม่อนแจ่มจำได้
พชรไอหรือ? หรือกลืนน้ำลาย? ไม่รู้..
เท่าที่รู้คือ.. เสียงนั้นบอกให้รู้ว่าพชรอยู่หน้าห้องน้ำ ..และหน้าห้องน้ำก็มีพชรอยู่
ความรู้นั้นทำให้ก้าวไปข้างหน้าแทนที่จะถอยหลัง..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           เป็นตอนตีสาม.. ที่ม่อนแจ่มตื่นขึ้นมาเพราะปวดฉี่อีกแล้ว
ร่างเล็กถอนหายใจ คว้าแว่นแดงมาใส่และหันไปทางเตียงเดี่ยวเหมือนทุกคืน ..ต้องรบกวนพชรอีกแล้วสินะ
เกรงใจ ไม่ใช่ไม่เกรงใจ ต้องตื่นดึกๆเดินไปห้องน้ำด้วยสองคืนติด..

           “พชร..”
เสียงเรียกพร้อมสัมผัสเบาๆบนท่อนแขนทำให้ลืมตาตื่นขึ้น
พชรพยักหน้าทั้งยังงัวเงีย ยันตัวลุกขึ้นทันทีโดยอัตโนมัติ
ร่างสูงก้าวลงจากเตียง หมุนลูกบิดประตูเปิด เดินออกไปก่อนตามสเต็ป
เตรียมเดินต่อเมื่อคนข้างหลังเดินออกมาและดึงประตูปิดให้ตามหลัง ทว่า เป็นม่อนแจ่มที่ยั้งเอาไว้อีกครั้ง
“เอ่อ.. พชร คืนนี้มึงอยู่หน้าประตูห้องนะ กูจะเดินไปเอง”

เดินไปเอง?

พชรเลิกคิ้ว

“ขอแค่มึงรอ ..รอหน้าห้อง” ม่อนแจ่มมองตา กลืนน้ำลายลงคอเบาๆ
เมื่อใบหน้าคมสันพยักรับ เขาจึงพยักบ้างและสูดลมหายใจ ค่อยๆก้าวไปทางห้องน้ำ
พชรมองตาม ร่างเล็กที่ขาสั่นน้อยๆ..

           ร่างสูงยืนพิงประตูห้อง 338
สายตาจ้องไปทางประตูห้องน้ำรวมที่เห็นไกลๆตาไม่กะพริบราวกับกลัวว่ามันจะหาย
และ.. เมื่อหัวเล็กพร้อมตัวโผล่กลับออกมา รอยยิ้มก็เผลอแต้มใบหน้าคมด้วยความโล่งใจ
ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไร จะเบาใจทำไมวะกู.. พชรโคลงศีรษะน้อยๆอย่างขำตัวเอง
แล้วม่อนแจ่มก็เดินกลับมาถึงหน้าห้องเองโดยสวัสดิภาพ ใบหน้าขาวแม้จะซีดเซียวเล็กน้อย แต่ก็ประดับด้วยรอยยิ้ม

ไม่ใช่ม่อนแจ่มไม่กลัว..
กลัวสิ และยังคงกลัวมากเท่าเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือความกล้า
กล้า.. เพราะรู้ว่ามีคนรออยู่ตรงนี้ ..ตรงที่พชรยืน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “พชร”
มือบางแตะเบาๆที่ไหล่ ดวงตาสีเข้มลืมขึ้นทันทีด้วยคุ้นชินสัมผัสเรียบร้อยแล้ว
“อืม ไป” พชรครางรับโดยอีกฝ่ายไม่ต้องพูด ร่างกำยำยันตัวลุกขึ้น ปรับโฟกัสดวงตาให้ชินกับความมืด
ทว่า คนตรงหน้ามีสีหน้ายุ่งยากใจ ริมฝีปากขบเม้มน้อยๆ
“เป็นอะไร?” พชรเลิกคิ้วใส่เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมขยับ

“พชร”
เสียงเล็กเอ่ยแค่นั้น
แล้วนี่มันคือคำตอบของคำถามหรือ? พชรงุนงง

“วัน.. วันนี้มึงรอในห้องนะ”
ในที่สุด ม่อนแจ่มก็ตัดสินใจเอ่ยต่อ “แค่.. แค่ช่วยตื่นรออยู่ก่อน”

นี่มันเกินกว่าที่คาดคิด..
พชรมองใบหน้าขาวอย่างพินิจพิจารณา ไม่ใช่มองเพียงแป๊ปๆแล้วหลบสายตาไปอย่างที่เคยเป็น แต่มองนานเป็นนาที ก่อนจะพยักหน้ารับ
รู้สึกดี ..ดีที่อีกฝ่ายกล้าหาญ
ม่อนแจ่มเป็นคนขี้กลัวที่กล้าหาญและพยายามจะกล้าหาญให้มากขึ้น ..มากขึ้นทุกวัน
แล้วก็เป็นพชรที่นั่งจ้องประตูห้อง 338 แน่วแน่ราวกับกลัวว่ามันจะถูกขโมย

            และ.. เมื่อลูกบิดประตูถูกหมุนอีกครั้ง พชรก็ได้ยิน
ตัวยังไม่ทันเข้ามาในห้องหรอก ทว่า เสียงเรียกนั้นมาก่อนแล้ว..
“พชร!”

ยิ้ม.. คนในห้องได้แต่ยิ้ม
ชื่อเขานี่เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ของม่อนแจ่มหรืออย่างไร เจ้าตัวถึงเรียกอยู่ได้..
ถามว่า ‘อะไร?’ คำตอบก็คือ ‘พชร’
ถามว่า ‘เป็นอะไร?’ คำตอบก็ยังเป็น.. ‘พชร’
ยิ้ม.. แต่ก็เพียงครางรับในลำคอ “อืม”

ร่างเล็กกดปิดล็อคประตู ขาสั่นก้าวมายืนตรงหน้า
หน้าตาตื่นนิดหน่อย และหายใจหอบราวกับรีบเดินมาอย่างรวดเร็ว
แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก ม่อนแจ่มยิ้มเช่นกัน ..เขาทำได้แล้ว

           “ไปนอนไป”
หน้าคมหยุดยิ้ม หันหนีน้อยๆ ทำราวกับไม่ได้ใส่ใจ ส่งเสียงเข้มไล่อีกฝ่ายกลับเตียง
“พชร” เสียงเล็กเรียกชื่ออีกครั้ง ขณะร่างกำยำล้มตัวลงนอน
เปลือกตาเจ้าของชื่อปิดลงเรียบร้อยแล้ว ทว่า ม่อนแจ่มก็เพียงอยากจะพูด อยากจะบอก..
“ขอบคุณ”

..ไม่มีการตอบรับ
..ไม่มีการปฏิเสธ
..เป็นสิ่งที่ชาชินอยู่แล้ว
แต่ครานี้ ม่อนแจ่มไม่น้อยใจ ไม่เสียใจ ..เรียนรู้อีกฝ่ายมากพอแล้วที่จะตระหนักว่าแท้จริงพชรเป็นคนนิสัยใจคอเช่นไร
อย่างไรก็ตาม คืนนี้ ม่อนแจ่มได้เรียนรู้อีกหนึ่งอย่าง เมื่อเสียงทุ้มของคนที่หลับตาลงแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ

.

.

“ไม่เป็นไร”


‘ขอบคุณ’ เป็นถ้อยคำที่งดงาม
ทว่า สำหรับเขา ‘ไม่เป็นไร’ นั้นงดงามยิ่งกว่าหลายเท่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ ‘ไม่เป็นไร’ นั้นมาจากพชร
‘ไม่เป็นไร’ ซึ่งตอบรับคำ ‘ขอบคุณ’ ของม่อนแจ่มเอง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 28-05-2016 15:13:42
ม่อนแจ่ม-พชร ยังติดตามเชียร์อยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 28-05-2016 15:52:36
โอ๊ยยยยยยยยยยย พลาดตอน 9 มาเจออีกทีตอนที่ 10  :katai1:

ทำใจให้คิดว่ามันต้องไม่หน่วงถ้าม่อนรู้ความจริง เอาแค่ตอนนี้ เค้า 2 คนกำลังพัฒนากันก็พอ อิป้ากำลังสุขกับตอนนี้อย่าพึ่งมาเร็วนักนะ
 :กอด1: +  :pig4: คนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 28-05-2016 16:36:42
ม่อนแจ่มมีความสามารถในการทำเรื่องฉี่ให้เป็นเรื่องโรแมนติกได้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 28-05-2016 17:18:53
มันกะลังดีขึ้นเรื่อยๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-05-2016 17:47:05
อร๊ายยยย ขุ่นแม่ฟิน #แค่นี้ก็เอา  คำจำกัดความของ "พชร" สำหรับม่อนน้อยตอนนี้ มันแปลว่า...ความมั่นใจว่าเมื่อหันไปเมื่อใด..ก็จะเจอ # ดีงามมมมมม  หล่อจากใจมากกกก พชรลูกแม่  :man1:

ขอแบบนี้สัก 10 ตอนนะคะ สร้างภูมิตั้งรับพายุดราม่าแพร้บบบ แหะแหะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-05-2016 18:47:02
เข้ามารอเรื่องนี้ทุกวันเลย
รักม่อนแจ่ม น่าร้ากก ฮือออออ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 28-05-2016 19:08:57
ติดเปนตังเม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 28-05-2016 20:57:49
ชอบการนำเสนอความกลัวและความกล้าของม่อนแจ่มมากเลยค่ะ พชรก็ดีแสนดี เวลารักใครแล้ว น่าจะรู้สึกประมาณนี้หรือเปล่า ไม่เดือดร้อนที่จะช่วยหรือเต็มใจจะเดือดร้อนเพื่อม่อนแจ่ม
เรื่องยาวหรือสั้น ไม่เป็นประเด็นสำหรับเรานะคะ
ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 28-05-2016 23:15:08
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 29-05-2016 11:33:30
1ขอโทษที่ไม่ได้เม้นท์ให้ทุกตอนนะคะ เพราะเป็นคนใจร้อน ไม่ชอบอ่านอะไรที่ยังไม่จบ
จึงเข้ามาอ่านเมื่อน้องลงหลายๆตอนแล้ว เพื่อให้ความคิดได้ตกผลึกก่อนจะเม้นท์
-อยากพูดถึงวิธีการเล่าเรื่องที่ชอบก่อนเป็นอย่างแรก พูดจากความรู้สึกล้วนๆนะคะเพราะไม่ได้เรียนมา ชอบที่น้องเล่าเรื่องเหมือน การอ่านนิยายของน้องคือเราดูหนังอยู่ คือน้องใช้เพียงตัวหนังสือ แต่ป้ามองเห็นเป็นภาพตัวละคร ว่ากำลังขยับตัวตามที่น้องเขียน กำลังมีสีหน้า แววตา กำลังรู้สึก กำลังมีชีวิต อยากยกตัวอย่างที่เห็นชัดๆอันหนึ่ง คือตอนที่ม่อนจะยุให้หมอกจัดดิ้ล แล้วพอดิ้ลชอบใจ วินาทีที่อ่านคำว่า 'ไอดิล' ป้าเกือบได้ยินเสียงหมอก 'ถอนหายใจ' และรู้สึกทั้งขำ อิดหนาระอาใจ และเอ็นดูดิ้ลอย่างที่คิดว่าหมอกกำลังคิดอยู่
-อย่างที่สองที่ชอบ การค่อยๆเผยปม เปิดความรู้สึก เล่าเรื่องราวที่มาที่ไป บรรยายการเดินทางของความรัก ด้วยการค่อยๆชี้ให้เห็นด้วย ชักจูงให้เดินตาม วิธีการแสดงว่า เมื่อใกล้ชิดแล้วสนใจ เมื่อเรียกร้องแล้วยอมให้ เมืออ่อนไหวแล้วคล้อยตาม อารมณ์ ความรู้สึกที่เริ่มจากสงสัย สุดท้ายจะกลายเป็นความรักได้อย่างไร เมื่อไหร่ และจะลงเอยที่ใด ที่จะต้องรอติดตามกันต่อๆไป

2เห็นเม้นท์ของคุณGrey Twilight แล้วดีใจมาก เคยอ่านที่คุณเขาเม้นเรื่องอื่น แล้วรู้สึกชอบใจ รู้สึกได้รับความรู้ ขออนุญาตเรียกคุณหมอนะคะ จริงๆอยากถามคุณหมอที่เม้นท์แต่ทำไม่เป็น ขออภัยน้องเจ้าของเรื่องด้วยนะคะที่ต้องมาถามคุณหมอตรงนี้ ถ้าหากคุณหมอได้มาอ่านเม้นท์ของป้าอ่านะ
ขอถามแบบคนไม่มีความรู้เรื่องจิตวิทยาเลยนะคะคุณหมอ คุณหมอบอกว่าพชรโกรธและเหมือนต้องการจะแก้แค้น อันนี้เข้าใจได้ตามที่คนแต่งปูเรื่องมา แต่ที่ป้าสะดุดเม้นท์คุณหมออยู่นิดนึงคือคำว่า '...แม่พชรปล่อยเรื่องนี้ไปตั้งนานแล้ว...'
คือถ้าแม่ไม่เจ็บปวด แล้วลูกจะมาแก้แค้นอะไร??? คิดตามประสาป้านะไม่ได้ชวนทะเลาะ สงสัยจริงๆค่ะ ถ้าแม่ไม่เจ็บปวดแล้ว การที่ให้ไปหาพ่อคือเพื่ออะไร???   แรกๆอุ้มท้องคนเดียวโดดเดี่ยว อ้างว้าง เจ็บช้ำ แน่นอนต้องเจ็บแค้น ลูกเกิดมาเห็นแม่ลำบาก ระทมทุกข์ ถามหา อยากเจอ อยากรู้จักพ่อ นาทีนั้นแม่คงไม่มีแรงจะบอกหรอกว่า อย่าไปโกรธพ่อเลย เข้าใจพ่อเถอะ พชรตอนนั้น คงเต็มไปด้วยความเคียดแค้นแสนสาหัส
แต่เมื่อเติบโตมากับธรรมชาติ เป็นผู้ใหญ่ทั้งสมองและหัวใจ ประกอบกับความรักที่แม่มอบให้ แม่ที่'ปล่อย'ความแค้นไปแล้ว แม่จะไม่เตรียมหัวใจพชรก่อนที่จะบอกให้ไปหาพ่อเลยหรอ??? เพราะหากแม่ปล่อยความแค้นไปแล้ว การให้ไปหาพ่อ น่าจะเพื่อไปรู้จัก ไปเปิดโอกาสให้พ่อ และเพราะอยากให้ลูกมีครอบครัวที่ครบสมบูรณ์  กับแค่คำถามว่า'ท้องพชรเมื่อไหร่ ทำไมมาแต่งกับแม่ม่อน' คำถามอื่นๆก็ตามมา พาให้บ้านแตกพอแล้ว แล้วถ้าปล่อยลูกไปหาพ่อทั้งๆที่ลูกโตมาด้วยความคิดว่า ถูกทอดทิ้ง และมีแต่ความเจ็บแค้น อยากจะไปทำลายความสุขที่ตนไม่เคยได้รับให้ย่อยยับ หากปล่อยไปทั้งๆที่พชรยังมีแต่ความรู้สึกเหล่านั้น ผลเสียที่จะตามมาระดับความรุนแรงมันคงจะไม่น่ารับไหว คือติดใจตรงนี้นิดเดียวจริงๆค่ะ

ทั้งนี้ก็คงจะต้องแล้วแต่ว่าคนแต่งจะพาเราๆคนอ่าน และตัวละครทุกตัวไปสรุปลงเอยที่ตรงไหน รอติดตามอยู่นะคะ^^ :pig4: 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 29-05-2016 12:30:21
ม่อนน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-05-2016 18:31:16
นี่ใคร นี่ม่อนแจ่มแห่งวิศวะฯเครื่องกล ซะอย่าง
"แว่นแดง"
"อ๊ากกกกก อย่าทำม่อนน้อย"
ม่อนน่ารัก พยายามขจัดความกลัวด้วยตัวเอง อย่างกล้าหาญทั้งที่กลัว :katai2-1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: qwerty ที่ 29-05-2016 18:36:20
พึ่งได้มาอ่าน indy inlove ละเห็นลิ้งก์ของไอดิ้ล เราก็ตามมอ่านจนจบ พอเรามาอ่านเรื่องนี้ละคือแบบว่า เราชอบมากๆ
มันแบบรู้สึกอบอุ่น ละมุน ถึงแม้ว่าพชรจะไม่ได้อะไรกับม่อนแจ่มมากมาย แต่การกระทำหลังๆมานี่ทำให้เราแบบ โอยยยยยน่าร้ากกกกก รอตอนต่อไปนะคะ / ชอบการแต่งของนักเขียนนนี้มาก  :o8:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-05-2016 23:41:31
ที่แท้พชรก็เป็นคนที่ใจดีและอบอุ่นมาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 30-05-2016 08:16:15
พชรช่างแสนดี. ส่วนมือนนัอยน่ารักน่าเอ็นดูสุดยอด :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-05-2016 08:56:17
บทนี้น่ารักดีค่ะ พชรคงจะชอบม่อนแจ่มมากขึ้นแน่
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 31-05-2016 14:20:45
ตอนที่อะไรๆ มันเริ่มจะดีขึ้น อนาคตก็น่ากลัวขึ้นมาทันที ไม่โทษ พชร เลย ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 04-06-2016 16:54:03
CHAPTER 11: As Bright As the Darkness

              “ช่วงสอบ ไฟมักจะดับจริงเหรอวะ ไอ้ดิ้ล?”
ม่อนแจ่มถามขึ้นค่อยๆ ขณะพลิกเอกสารเคมีสำหรับวิศวกรไปมา
พรุ่งนี้ก็จะสอบปลายภาควันแรกแล้วและวิชาแรกที่ต้องสอบคือวิชาที่เขาไม่ถนัด ม่อนแจ่มเชื่อเลยจริงๆ
“อย่ากังวลน่า อ่านไป เอาให้แน่ใจว่ามึงอ่านจบทันก่อนไฟดับก็แล้วกัน”
ไอดิลตอบเสียงกระด้างขณะหัวหมุนอยู่กับฟิสิกส์
ม่อนแจ่มพยักหน้าหงึกหงัก
จริงของไอดิล ไฟดับหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องต้องกังวล กูจะอ่านนี่จบก่อนไฟดับไหม? เท่านั้นแหละที่สำคัญ
เขากลับมาโฟกัสกับเคมี ในขณะที่ไอดิลแลดูอ่อนล้ากับฟิสิกส์
หลังจากที่ผลัดกันติวมาสองสามเรื่อง เขาสองคนน่าจะสลับเอกสารกันนะ
ม่อนแจ่มถนัดฟิสิกส์ ส่วนไอดิลถนัดเคมีมากกว่า เพราะรับมรดกมาจากไอหมอกคนรักค่อนข้างเยอะ
ส่วนพชร สายมนุษยศาสตร์คนเดียวในรัศมีหลายห้องดูเหมือนจะออกไปข้างนอกพร้อมกับเอกสารวิชาจิตวิทยา
ม่อนแจ่มเหลือบมองทางประตูบ่อยๆ เผื่อจะมีกำลังใจอ่านมากขึ้น เหลือบบ่อยจนไอดิลกระทุ้งแขน
“มึงตั้งใจอ่านไปไอ้ม่อน ตกเคมีล่ะ กูจะฟ้องพชร”
ฮึ่ย! แล้วมึงคิดว่าพชรมันจะเจียดเวลามาสนใจไหม? แต่กระนั้น ก็ขอเอาคืนเสียหน่อย..
“ถ้ามึงตกฟิสิกส์ กูก็จะฟ้องหมอกเหมือนกัน”
“ไอ้ม่อนนน!”
ไอดิลแว้ดลั่น แล้วโบกชีสวิชาฟิสิกส์สำหรับนักศึกษาวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรใส่หัวม่อนแจ่ม
อ่านและทำสรุปกันไปจนจบ ก่อนที่สองร่างเล็กจะแยกย้าย
“กูไปหาหมอกนะ”
“ฮื่อ” ม่อนแจ่มครางรับ “..งั้นกูไปหาพชร”
“พชรแลดูอยากเจอมึงเนอะ”
“ขอบคุณครับเพื่อนดิ้ลที่ทำให้เพื่อนม่อนรู้สึกโคตรดี!”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

             “Abraham Maslow เป็นใคร?”
หืม? พชรสะดุ้งน้อยๆ เมื่อหน้าเรียวที่ขยันทำให้หวั่นไหวยื่นเข้ามาใกล้ ทว่า ก็ไม่ตอบอะไรตามปกติ
"ตกลงใครน่ะ พชร?" ผู้มาใหม่ไม่ยอมแพ้ ที่สุด จึงถูกเสียงเข้มกวนกลับเรียบๆ
“อ่านเคมีจบแล้วหรือ?”
“พชร!” ม่อนแจ่มเบ้หน้า
“กลับไปอ่านซะ อย่ามาวุ่นวายแถวนี้”
ฮึ่ย!
“กูอ่านจบแล้วเหอะ แถมมีช็อตโน้ตด้วย มึงจะเอาไงอีก” ม่อนแจ่มโบกสรุปที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ให้เห็นชัดๆ
พชรกลอกตาไปมา มองแผ่นกระดาษที่เขียนด้วยปากกาสีเขียวสีชมพูในมืออีกฝ่าย
หึ.. ก็ดี ทำเป็นไม่สนใจ แล้วพชรจึงอ่าน Hierarchy of Needs หรือทฤษฎีจิตวิทยาว่าด้วยลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ในตารางรูปทรงพีระมิดต่อไป

              “พชร..”
..
ร่างสูงพ่นลมหายใจ “อะไรอีก?”
ม่อนแจ่มทำสีหน้าขอโทษขอโพย ขอรบกวนนิดเดียวเถอะ นิดเดียวเท่านั้น แล้วเขาจะยอมไปแต่โดยดี
“พรุ่งนี้กูสอบวิชาที่ไม่ค่อยถนัด” ม่อนแจ่มกัดปาก เอ่ยขออย่างกล้าๆ กลัวๆ “พชร อวยพรหน่อยได้ไหม..”

ทำไมกูต้องทำแบบนั้นด้วย? ..พชรอยากจะถาม

“อ่านจบแล้วใช่ไหม”
“อื้อ” ม่อนแจ่มพยักหน้าเร็วๆ
“ทบทวนดีแล้วนะ?”
“อื้อ” พยักอีก หูตั้งรอฟัง
ดี.. ถ้างั้นก็..
“ไปนอนซะไป”

ไป.. ไปนอน?

กูให้มึงอวยพร แต่มึงไล่กูไปนอน..
ไอ้.. พชร!

พชรถอนหายใจ ลุกขึ้นจากม้านั่ง ทิ้งร่างเล็กช่างกวนใจไว้ข้างหลังระยะหนึ่งแล้ว
ก่อนที่แสงไฟที่เคยส่องสว่างจะดับมืดลง..

“อะ.. พชร ไฟดับ!”
คำเดิม พูดเหมือนเดิม ..แล้วก็บังเอิญมาอยู่ด้วยกันตอนไฟดับเหมือนเดิม
“ไฟดับ พชร!”
พชรหันกลับมา อยู่ห่างกันพอสมควร เสียงจึงไปก่อนตัว
“เครื่องกล อย่าเดิน!”
..
ขาเรียวที่ตั้งท่าจะยกชะงักกึก
..
“พชร”
“ยืนอยู่ตรงนั้น”
“แต่-”
“ยืนอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวกูไปหา!” เสียงเข้มย้ำ
ขืนเดินมา เดี๋ยวก็สะดุดล้มคว่ำกันพอดี ซุ่มซ่ามเสียขนาดนั้น เขาไม่ได้อยู่ใกล้มากเหมือนตอนไฟดับรอบแรกเสียด้วย
พชรก้าวยาวๆ เดินกลับไปทางม่อนแจ่ม ไม่กี่อึดใจ สายตาก็ชินกับความสลัว

           “เครียดโว้ยยย นี่กูควรจะกินมันเข้าไปไหม ถึงจะรู้เรื่อง!”
...
คำบ่นลอยออกมาจากห้องที่อยู่ติดทางเดิน แล้วสักพักก็มีเสียงสี่ห้าคนวิ่งสวนมา
“แจกของ เร็วๆ แจกของแม่ง!”
...
มือแกร่งคว้าเรียวแขน ดึงร่างเล็กเข้าหาตัว หลบเพื่อนร่วมหอ
“พชร..” ม่อนแจ่มพึมพำเรียก “พวกนั้นไปไหน จะแจกอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอก กลับห้องเถอะไป” พชรดันไหล่อีกฝ่ายเบาๆไปตามทางเดิน
ขณะเดียวกันก็มีอีกสองสามแกงค์โหวกเหวกออกจากหอตามไปเช่นเดียวกัน

“ตกลงเขาไปแจกอะไร” ม่อนแจ่มฉงน “แล้ว.. กูต้องแจกด้วยไหม?”
“ไม่ต้อง!” เสียงเข้มรีบบอก “มานี่เถอะ ไปกับกู”
พชรคว้ามือคนที่ยังยืนมองไปทางหน้าหออย่างงงๆ ให้กลับไปตามทางเดินสู่ห้อง 338
ม่อนแจ่มลมหายใจสะดุด เพ่งมองมือตัวเองในความมืด ..ครั้งแรกที่พชรจับมือ
จับอย่างตั้งใจ.. ไม่ใช่ตามสถานการณ์บังคับอย่างตอนเล่นงัดข้อ..

   “แจกของไหม? ไปๆ”
ใครก็ไม่รู้ในความมืดเอ่ยชวน ม่อนแจ่มจึงเลิกคิ้ว เขาก็มีของนะ ไปแจกก็ดี
“กูจะไปแจกด้วย พชรไปเป็นเพื่อนนะ”
“ไม่!” เสียงเข้มว้ากดุดุ เร่งหมุนลูกบิดประตู “เข้าห้องเดี๋ยวนี้”
“ใช่ กูขอเข้าไปหยิบหนมคุกกี้แป๊ปนึง”
ห๊ะ?
“นี่ยังแอบซุกขนมไว้กินอีกหรือ”
“พชร!” มึงกำลังเข้าใจกูผิด
“กูไม่ได้มัดหนังยางนะ ยังไม่ได้แกะเลย เดี๋ยวนี้กูเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว แกะแล้วก็กินให้หมดถุง แถมเก็บกวาดเรียบร้อยตามมึงบัญชาทุกอย่าง ไม่มีบกพร่อง!”
ก็ดี..
“แล้วนั่นทำอะไร?” พชรเลิกคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายควานมือไปใต้โต๊ะ คว้าถุงขนมออกมาในความมืดสลัว
“เอาของไปแจกไง”
ให้ตายเถอะ..
“กูบอกให้นอน”
“แต่กูอยากแจก-”
“ไปนอน”
“พชร”
“นอน!”
..
ม่อนแจ่มเม้มปาก ปล่อยมือจากถุงคุ๊กกี้เนย ปีนขึ้นเตียงด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
ทำตาม.. ไม่รู้ทำไมต้องทำตาม ..แต่ก็ทำ
ไม่เคยชนะเลย ..พชรทำให้ม่อนแจ่มยอมจำนนตลอด
ล้มตัวลงนอนได้ ร่างเล็กก็หันหน้าเข้าผนังนิ่ง คว้าหมอนข้างหัวหมีพูห์มากอดไว้แน่น เอ่ยเสียงดังๆ
“กูนอนก็ได้ แต่กูงอน กูจะไปแจกของก็ไม่ให้ไป มึงมันแล้งน้ำใจ กูงอนมึงแล้ว”

อะไรนะ? งอน..

พชรเลิกคิ้ว “มึงเอาสิทธิ์อะไรมางอนกู แว่นแดง?”
“ก็แล้ว..” ม่อนแจ่มถามกลับ “มึงเอาสิทธิ์อะไรมาสั่งกูนอนล่ะ?”

เออว่ะ..
เป็นครั้งแรกที่พชรรู้สึกเก้อไป เพราะคนที่พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องชักจะพูดมีเหตุผลขึ้นมาเหมือนกัน
อย่างไรก็เถอะ..

“มึงไม่จำเป็นต้องทำตาม” พชรเอ่ยเรียบๆ
“กูจะทำ” ม่อนแจ่มดื้อดึง “แล้วกูก็จะงอนด้วย..”
..
“ถึงแม้.. กูจะไม่มีสิทธิ์อะไรเลยก็ตาม”

พชรอยากจะตายอย่างสงบตรงนี้เสียจริงๆ
ไม่อยากสานต่อบทสนทนาอีกแล้ว เกรงมันจะจบลงตรงที่เขาขึ้นไปอยู่บนเตียงเดียวกับคนที่กำลังนอนหันหลังงอนโดยไม่มีสิทธิ์อะไรเลยตรงหน้านี้..

“เครื่องกล..”
ร่างสูงย่อเข่าลง เอ่ยเบาๆ แต่หนักแน่นกับแผ่นหลังเล็ก
“อื้อ..” ม่อนแจ่มครางตอบ ยอมรับชื่อ ‘เครื่องกล’ แล้วโดยดุษฎี
พชรจะเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ แค่พชรเรียก ..ม่อนแจ่มก็ดีใจแล้ว
..
“ถอดแว่นออกมาด้วย”

ห๊ะ?

ฮึ่ย.. นี่หรือที่มึงจะพูด พชร? กูอุตส่าห์มีความหวัง!
ม่อนแจ่มฮึดฮัด มือเรียวถอดแว่นแดง ยื่นส่งๆไปข้างหลัง
พชรรับมา วางแว่นไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ลอบยิ้มกับความว่าง่ายนั้น..

“เครื่องกล..”
“อะไรอีกเล่า! ของก็ไม่ไปแจกแล้ว นอนก็นอนแล้ว แว่นก็ถอดแล้ว มึงจะเอาอะไรอีก กูงอนอยู่นะ จะบอกให้ว่ากู-”
“ขอให้ออกตรงกับที่รู้..”

คำบ่นยืดยาวชะงัก
อะไร.. ขอให้ออกตรงกับที่รู้?
ม่อนแจ่มนิ่งไปเป็นครู่ เพราะเสียงเข้มไม่มีการอินโทร ใส่หัวข้อหรืออะไรทั้งนั้น
แต่ว่า..

‘พรุ่งนี้กูสอบวิชาที่ไม่ค่อยถนัด
..พชร อวยพรหน่อยได้ไหม’


.

.

‘ขอให้ออกตรงกับที่รู้..’

ไม่มีคำอวยพรใดจะดีเลิศไปกว่านี้อีกแล้ว
ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง หายงอนง่ายดายจนน่าตกใจ ซ้ำรู้สึกว่าหมอนข้างหมีพูห์กอดอุ่นกว่าทุกๆคืน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            เป็นคืนที่สองรูมเมทวิศวฯแห่งห้อง 338 สุมหัวอ่านวัสดุวิศวกรรม
และแล้ว.. สิ่งที่ไม่ควรจะเกิด ก็เกิดขึ้นอีกจนได้
“พชร! ไฟดับ” ม่อนแจ่มโวยวาย แล้วก็โดนโบกด้วยเอกสารปึกหนา
“พชรยังไม่กลับ มึงแหกปากเพื่อ!?”
เออว่ะ.. กูลืม กูชิน -- ม่อนแจ่มเรียกสติสตังกลับมา ดวงตาเพ่งมองคู่ซี๊ในความสลัว รู้สึกถึงเอกสารประกอบการเรียนในมือ
“ไอ้ดิ้ล ไฟดับ เหี้ย กู กูยังอ่านไม่จบเลย!”
“เออ.. เหมือนกัน” ไอดิลตอบแห้งแล้ง
“ไอ้ม่อน” เขาเอ่ยชวน “อยากลงไปเดินเล่นข้างล่างไหม เช่น.. ใต้เสาไฟ อะไรทำนองนั้น”
เฮ้ย! ให้กูเดินลงไปมืดๆน่ะเหรอ? กู.. กูคิดว่ากูไม่กล้าหาญขนาดนั้นนะเพื่อน

“ไปไหม" ไอดิลชวนซ้ำ "กูเหลืออีกสองสามหน้า จะอ่านให้จบ แล้วจะนอนแล้ว”
“แต่..” ม่อนแจ่มตั้งท่าจะส่ายหน้า
“เป็นพชร.. มันคงลงไป” หนุ่มสิ่งแวดล้อมเปรยลอยๆ
“อะ..” เครื่องกล เอ๊ย.. ม่อนแจ่มอึกอัก ..ก็จริง

โอเค.. เมื่อเพื่อนดิ้ลว่าอย่างนั้น เพื่อนม่อนก็จะไป
ม่อนแจ่มสูดลมหายใจ ค่อยๆลุกขึ้นยืน ในใจนึกถึงพชรเพื่อเพิ่มความกล้า..

ร่างกำยำที่มักช่วยลุงคนสวนปลูกต้นไม้ภายในบริเวณหอ ..ใบหน้าชื้นเหงื่อ ..มือเปรอะเศษดินเศษหญ้า แต่ดูมีความสุขกับงานเสมอ

ร่างสูงที่เดินเข้ามาหาทั้งมืดๆเมื่อคืนก่อน คว้าแขนพากลับห้อง ..ไม่ค่อยพูด ..ไม่ค่อยยิ้ม ..ดูไม่ค่อยใส่ใจ แต่ห่วงใยและมีน้ำใจเหลือเกิน

เอาล่ะ.. สาม สอง หนึ่ง ม่อนแจ่มศิษย์เอกท่านพชร พร้อม!

            สองร่างเล็กประจำการใต้เสาไฟฟ้าหน้าหอสามชาย ผึ่งชีสวัสดุวิศวกรรม พึมพำให้กันและกันฟัง
“ไอ้ม่อน บร็อนซ์?” ไอดิลเลิกคิ้ว
“ทองแดงผสมดีบุก” ม่อนแจ่มงึมงำตอบ “มึงพูดถึงเซรามิกดิ๊”
“อ่า.. high hardness  แต่มีความเปราะสูง แตกง่าย เป็นฉนวนไฟฟ้า นำความร้อนดี มีหรือไม่มีรูปร่างผลึกก็ได้”
ไอดิลยักไหล่ “เติมแร่ยิปซั่มลงไปในซีเมนต์ทำไม”
“ควบคุมเวลาการแข็งตัว” ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว ใช่ไหมวะ? ใช่แหละ
มือเรียวพลิกหาโจทย์ตัวอย่างอื่นๆ “ยางมะตอยกับยางมะตอยผสม สมบัติต่างกันยังไง”
“ยางมะตอยผสมมีแรงเสียดทานมากกว่าดิ”
“ถ้ามึงมองหาวัสดุไปทำฮีทซิงค์ CPU มึงเอาไร?”
“สังกะสี”
“ไอ้สัด!”
“ฮ่ะๆ กูล้อเล่น ทองแดงดีกว่า ทองแดง!”
สองเพื่อนหัวเราะร่า โบกกันบ้าง ขำกันบ้าง จริงจังบ้าง ที่สุดก็ปิดเอกสารลงและส่งยิ้มให้กัน..
“ไว้เทอมหน้า ..เราอ่านแม่งให้เร็วกว่านี้ก็แล้วกัน”
ไอดิลให้ข้อคิดและม่อนแจ่มก็หัวเราะร่วน
พรุ่งนี้ก็สอบวันสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวเทอมแรกของปีหนึ่งก็จบลง ..อาจจะอย่างสวยงาม
ม่อนแจ่มดีใจจริงๆที่ได้เจอไอดิล พูดได้เต็มปากแล้วว่าคนข้างๆคือเพื่อนรัก ไปไหนไปกัน พูดกันรู้เรื่อง ชอบอะไรหลายๆอย่างเหมือนกันอีกด้วย
ม่อนแจ่มกลับบ้านคราวนี้ จะเอาพวงมาลัยดอกมะลิคลานเข่าเข้าไปหาป้าเพ็ญเลย เพราะป้าเพ็ญเป็นคนให้แง่คิดที่นำไปสู่การตัดสินใจจองห้อง 338 ทำให้เขาได้พบเพื่อนอย่างไอดิล และได้พบ..
ม่อนแจ่มกัดปากกลั้นยิ้ม

               คิดถึงไม่ทันไร D-Tracker ดำเขียวก็เลี้ยวเข้ามาตามทางหน้าหอ ม่อนแจ่มเบิ่งตา มองตามไฟรถไปจนเข้าสู่ที่จอด
พชรมักจะกลับหอค่ำจัดเสมอ ร่างสูงที่ลงจากมอเตอร์ไซค์นั้นแลดูรีบร้อนเดินเข้าหอเหลือเกิน แม้ว่าจะมืดออกปานนั้น
“หึหึ..” ไอดิลหัวเราะอย่างรู้ทัน “มองตามจนคอเคล็ดแล้ว ไอ้ม่อน”
อะ.. กู..

            “พชร!”
คราวนี้ ไม่ใช่ม่อนแจ่มหรอกที่ตะโกนเรียก ไอดิลต่างหากล่ะ เพื่อนซี้จัดการทิ้งเขาไว้ใต้เสาไฟและก้าวยาวๆไปหน้าหอ
ม่อนแจ่มอึกอัก รีบเดินตามไปเงียบๆ ใจแอบหวง ‘คำนั้น’ นิดๆ

“พชร”

คำ ใช่ แต่เสียง ไม่ใช่  ร่างสูงหันกลับมา
เป็นไอดิลนั่นเอง ใบหน้าคมเพ่งมองข้างกายรูมเมทสิ่งแวดล้อม เมื่อไม่เห็นใครจึงโพล่งถามออกมา
“แว่นแดงล่ะ?”
“อ้อ.. ไอ้ม่อน” ไอดิลยึกยัก “ไอ้ม่อนน่ะเหร๊อ..”
“ไฟดับ แว่นแดงอยู่ข้างบนหรือ?”
ถาม แต่ก็ไม่ได้รอคำตอบ พชรหันกลับ เดินเร็วๆไปทางบันได

อะ..
ม่อนแจ่มเดินตามเข้ามา ไม่เห็นหน้าไอดิลหรอก แต่แม่งน่าจะกำลังยิ้มขำ ม่อนแจ่มเดาจากเสียงหัวเราะน้อยๆที่ได้ยิน

‘แว่นแดงล่ะ?’

บ้าจริง..
ม่อนแจ่มเอามือกุมอกไว้ คำถามนั้นทำให้หัวใจพองโตจนจะปริออกมาแล้ว ได้แต่สูดลมหายใจเข้า แล้วส่งเสียงให้ได้ยิน
“พชร กู.. กูอยู่นี่”
..
อ่า..
ขาแข็งแรงชะงักหยุด หันกลับมาเพ่งมองทางเดินอีกครั้ง ก็เห็นร่างเล็กที่คุ้นเคยมาเกือบหนึ่งเทอมยืนอยู่ในความสลัวจริงๆ

“เป็นอะไรหรือเปล่า”
ถาม ..ถามออกไปพร้อมๆกับที่รู้ตัวว่ากำลังถาม
แล้วนี่จะถามทำไม จะร้อนใจทำไม จะรีบเร่งเข้ามาทันทีที่ตระหนักได้ว่าไฟดับเพื่ออะไร ..พชร

ม่อนแจ่มมองคนตรงหน้า เหมือนครั้งแรกที่เห็น ดวงตาสีเข้มนั้นเด่นออกมาจากความสลัวรอบข้างได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ไม่ได้เป็นอะไร เมื่อกี้ยืนอ่านหนังสือใต้เสาไฟกับไอ้ดิ้ล” ม่อนแจ่มรายงานตัว
“อ่านวัสดุวิศวกรรม พอดีเหลือสองสามหน้า แล้วไฟดับเสียก่อน แต่อ่านจบแล้ว ถาม-ตอบตัวอย่างข้อสอบกับไอ้ดิ้ลแล้วด้วย”

เงียบ.. เงียบกันไปทั้งคู่
อีกคนไม่รู้ว่าถามทำไม ส่วนอีกคนก็ประมาณว่ากูก็ไม่รู้ กูจะตอบ ตอบละเอียดเลย

ไอดิลมองสองรูมเมทขำๆ ถามแล้วตอบ ตอบแล้วเงียบ เงียบแล้วก็ยืนมองกันอยู่อย่างนั้น จนเขาต้องให้ความช่วยเหลือ ก่อนที่พวกแม่งจะได้แต่มองกันจนไฟสว่างคาตาเสียก่อน
“กูจะเดินสูดอากาศสักหน่อย ฝากไอ้ม่อนขึ้นไปด้วยแล้วกันนะ พชร บ๊ายบาย!”

            ไอดิลทิ้งกันง่ายๆอีกแล้ว แต่เป็นการทอดทิ้งเพื่อให้ความช่วยเหลือ ม่อนแจ่มรู้ดี..
ไอดิลก้าวเร็วๆออกผ่านประตูหน้าไปแล้ว รอบกายมีเพื่อนร่วมหอเดินสวนไปมา แสงไฟฉายวับแวมตรงนู้นบ้างตรงนี้บ้าง
ไม่ได้มีการตกลงอะไรเป็นทางการจากคำขอของรูมเมทสิ่งแวดล้อม ทว่า ร่างสูงปรัชญาก็เดินนำไปทางบันได และคนตัวเตี้ยกว่าแห่งวิศฯเครื่องกลก็เดินตาม

           ม่อนแจ่มมองแผ่นหลังคนเดินนำหน้า คนที่เขารู้สึกว่า หากจะมีใครสักคนในโลกที่ไม่กลัวอะไรเลย คนคนนี้ก็คือคนคนนั้น ในขณะที่ตัวเขาเองหวาดกลัวแทบจะทุกอย่าง สักวันหนึ่ง สักวันนะ.. เขาจะกล้าหาญและเข้มแข็งให้ได้แบบนี้ ..แบบพชร
จากที่เดินตามหลัง ม่อนแจ่มก้าวให้ยาวขึ้นเพื่อไปเดินเคียง ยืดตัวขึ้นด้วยเพื่อให้รู้สึกสูงกว่าเดิม ไม่ใส่ใจกับความมืดรอบข้าง

            “พชร” เสียงเล็กชวนคุย “สอบเสร็จ ..กลับบ้านเลยหรือเปล่า”
พชรไม่ตอบอะไร ก็เหมือนที่ไม่ได้พูดอยู่แล้วก่อนหน้า และม่อนแจ่มก็ไม่ได้แปลกใจ
“กูสอบเสร็จบ่ายสาม” เขาเสริม พชรไม่ตอบคำถามแรก งั้นถามใหม่..
“กลับมาหอแล้ว จะได้เจอ ..หรือไม่ได้เจอพชรเหรอ”
ก็มันชิน ..ชินที่ได้เจอกันทุกวัน แม้บางวันจะไม่ได้พูดอะไรกันเลยก็ตาม
จริงๆ ก็ปกติด้วยซ้ำที่ไม่ได้พูดอะไรกัน พูดกันขึ้นมาสักคำสิแปลก ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือม่อนแจ่มพูดกับพชรนั่นแหละ ไม่ใช่ ‘พูดกัน’ อะไรนั่นหรอก เพราะพชรไม่ได้ตอบกลับเขาบ่อยเท่าไรนัก

           พชรนิ่งเหมือนเดิม..
เขาสอบเพียงวิชาเดียวในตอนเช้าและตั้งใจจะกลับลำพูนทันทีเพื่อตรวจสอบบัญชีด้วยเป็นปลายเดือน
ไม่ตอบคำถามตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ แรกๆนั้น.. เขาแทบไม่ต้องพยายามไม่ตอบคำถามม่อนแจ่ม
ทว่า ระยะหลัง มันเป็นการไม่ตอบ ..เพราะไม่รู้เลยว่าจะตอบอย่างไร เป็นการไม่ตอบ ..ที่อยากตอบแทบขาดใจ

           การไม่ตอบคือไม่เจอในความหมายที่ม่อนแจ่มเข้าใจ..
พชรมักจะยุ่ง ม่อนแจ่มรู้ดี สังเกตได้ว่าร่างสูงเป็นคนทำงาน และจากที่เคยได้ยินเสียงเข้มที่ชอบฟังตอบคำถามไอหมอก พชรมีสวนผลไม้ที่ต้องช่วยมารดาดูแล เพราะเหตุนี้กระมัง พชรจึงกลับลำพูนบ่อยๆ
ไม่เป็นไร ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ม่อนแจ่มอยากบอกพชรเพียง..
“ขี่รถกลับบ้านดีๆนะ”

           บ้าน
ใช่.. พชรต้องกลับบ้าน ต้องกลับสวน  ..สวนเพชรหละปูน
แล้วคนข้างๆนี้ก็ต้องกลับบ้านเช่นเดียวกัน  ..บ้านประดิษฐาพงศ์

           ขาสองคู่ก้าวช้าลงพร้อมๆกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
แค่อยากจะยืดเวลาที่ได้เดินเคียงกันไปให้ยาวนานกว่านี้  แค่.. ไม่อยากจะถึงห้องแล้วต่างคนต่างอยู่เร็วนัก
ม่อนแจ่มกัดปากเบาๆ ไม่ได้มองคนข้างๆ แต่ก็อยากบอกอะไรเพิ่มอีกนิด อยากบอกพชรว่า..
“..กลับมาเร็วๆนะ”

           ถ้อยคำนั้นแสนเบา ทว่า ดังมากเหลือเกินสำหรับพชร
กลับมาเร็วๆนะ ..คำขอที่สะท้านหัวใจแกร่งของคนฟังนัก
กลับมา ..คงกลับแน่ แต่กลับมาแล้ว ..จะเป็นเหมือนเดิมไหม?
ขาแกร่งชะงักฝีเท้า ร่างกำยำหันมาหาคนข้างตัว เดินเข้าหา ..และขาเรียวก็ก้าวถอยหลัง
สองแขนแข็งแรงยกขึ้นยันผนัง ร่างเล็กถูกกักอยู่ภายใน ..สะดุ้งน้อยๆ แต่ก็หลับตานิ่ง เมื่อใบหน้าคมโน้มลงมาหา

           สัมผัสนั้นช่างแผ่วเบาราวกับไม่ได้เกิดขึ้นจริง ..เลือนรางเหมือนอยู่ในความฝัน
ลมหายใจที่อุ่นอวลอยู่ใกล้ๆคือสิ่งเดียวที่แจ่มชัดท่ามกลางความสลัวทั่วบริเวณ
เป็นไฟดับที่ไม่นึกอยากให้ไฟติด
เป็นความมืดที่ไม่ขอให้สว่าง
เป็นค่ำคืนที่ไม่ต้องการให้ยามเช้ามาถึง
เป็นเสี้ยววินาทีที่จะตราตรึงตลอดไป..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

สั้นอีกแล้วตรู..
ขอบคุณทุกการติดตามเช่มเดิมครับ 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 04-06-2016 17:33:25
แอะๆ พชร ทำไรน้องอ่ะ ลุ้นตอนต่อไป เดาไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-06-2016 18:41:11
พัดชะร้า... ทำอะไรม่อนแจ่มอ่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 04-06-2016 19:17:03
ทนไม่ไหวแล้วสิ พชร
ม่อนน่ารักเกินต้านทานจริงๆ
 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: gunghan ที่ 04-06-2016 21:14:25
       
“แจกของ เร็วๆ แจกของแม่ง!”

ถ้าจะสงสัยแบบม่อนแจ่ม จะมีคนว่าโง่มั้ยเนี่ย
แจกของคืออะไรหว่าา?  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jinn ที่ 04-06-2016 21:31:00
เข้ามาเฉลยแทนคนเขียนนะคะ

แจกของ คือ เวลาไฟดับตอนกลางคืนในมอ พวกหนุ่มๆหอใน จะมักจะแว้นมอเตอร์ไซด์ไปแจกของลับตามหน้าหอหญิง(หอใน) บ้างก็มีตะโกนเย้วๆๆแจกของกันหน้าหอหญิง เป็นที่สนุกสนานค่ะ ฝ่ายหอหญิงก็จะมีพวกออกมารอส่องกันตามระเบียงบ้าง
แต่พวกแจกของนี่ก็ต้องแล้วแต่ดวงด้วยนะคะ กำลังแจกอยู่ไฟมาพอดีโดนจับได้ว่าเป็นใครนี่ฮากันเลย

ตอนเรียนเคยมีหนุ่มมาแจกของแล้วไฟมาก่อนรถล้มหนีไม่ทัน โดนอาจารย์แม่บ้านทำโทษให้มานั่งรับโทรศัพท์เป็นโอปะเรเตอร์ที่หญิงมาแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-06-2016 21:33:56
โอย.....ม่อนแจ่มน่ารัก

“กูนอนก็ได้ แต่กูงอน กูจะไปแจกของก็ไม่ให้ไป มึงมันแล้งน้ำใจ กูงอนมึงแล้ว”
 
 “มึงเอาสิทธิ์อะไรมางอนกู แว่นแดง?”
“ก็แล้ว..” “มึงเอาสิทธิ์อะไรมาสั่งกูนอนล่ะ?”

“มึงไม่จำเป็นต้องทำตาม”
“กูจะทำ” “แล้วกูก็จะงอนด้วย..”
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 04-06-2016 21:44:23
ม่อนแจ่มช่างน่ารัก. ส่วนพชรก็อ่อนโยน :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-06-2016 21:44:53
โอ๊ยยยยย ทำไมเขารู้สึกฟิน #สัมผัสได้ถึงสายใยบางๆ  ขุ่นแม่คะ พี่พชรเป็นห่วงน้องงงงง  :-[  น้องม่อนก็ไม่แคร์แล้วเรียกอะไรก็เรียกขอให้เรียกก็พอ แอร๊ยยยยย  :o8:  มีขอและให้กำลังใจกันด้วย ตายๆๆๆๆๆๆๆ ได้อีกไหมคะ? คุณเกรียนคนเขียน หวานได้อีกไหม? ขอชุดใหญ่ก่อนมาม่ามานะจ๊ะ ตะเองงงง  :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 04-06-2016 23:32:08
ไฟดับ และ โรแมนติก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 05-06-2016 00:11:43
ม่อนแจ่ม สู้สู้ มีไอดิล ่ช่วย เพชร น่ารักอบอุ่น และน่าสงสาร  รอตอนต่อไปนะคะ สั้นแค่ไหนก็รอได้ค่ะ ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 05-06-2016 00:37:08
ความอยากอ่านต่อที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้  :z3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 05-06-2016 09:23:00
 :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 05-06-2016 11:54:26
ม่อนแจ่มน่ารักกก งือออ
อยากได้กลับบ้านสักคน
เรื่องดราม่ายังไม่มาขอซึมซับความน่ารักไว้ก่อน
มาต่อไวๆนะคะคนเขียนนน

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/5/59 CH.10 You're Welcome P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 05-06-2016 13:09:41
ผมรู้สึกเหมือนดำเนินเรื่องกระชับฉับไวพอสมควร อยากให้เพิ่มการละเลียดอารมณ์เพิ่มขึ้นอีกนิดนึงนะครับ มันหวานน่ารักก็จริง แต่ว่าดูเหมือนความหวานตรงนี้มันไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไหร่ คือเราเห็นคำพูดและตีความนัยยะการกระทำออกมาได้ละมุนนุ่มนวลก็จริง แต่มิติของการกระทำ ความคิดที่สับสนของตัวละคร อันนี้เรายังเห็นไม่ชัดมากเท่าไหร่น่ะครับ ผมเห็นบางทีมีแค่ประโยคสองประโยคจากทั้งตอน ซึ่งถ้าเราจะเล่นกับเรื่องความรู้สึกให้มันดราม่าต่อเนื่อง มิติของสิ่งพวกนี้จะต้องแสดงออกมาให้คนอ่านรับรู้ได้ชัดเจน เพื่อที่ว่ามันจะส่งอารมณ์ได้หนักหน่วงครับ ถ้าดราม่าก็สะเทือนจนต่อมน้ำตาเกือบแตก บีบหัวใจ ถ้าหวานก็ละมุนลึกซึ้ง

เข้าใจว่าแนวเขียนของคุณคนแต่งจะสบายๆไม่หนักมากครับ แต่ถ้าเราสร้างปมดราม่าก็อยากให้รัดกุมเรื่องอารมณ์นิดนึง ไม่งั้นมันจะกลายเป็นนิยายเกือบตลกไป ซึ่งหลุดโทนเรื่องครับ และอาจจะไม่เหมาะกับพล็อตสนับสนุนหนักๆหรือน่าติดตามที่เราวางไว้มาตั้งแต่ต้น

ส่วนอันนี้ขอตอบคุณป้ากิ่งนะครับ และขอเป็นข้อมูลเพิ่มเติมให้กับท่านอื่นด้วยครับ
คือถ้าแม่ไม่เจ็บปวด แล้วลูกจะมาแก้แค้นอะไร??? คิดตามประสาป้านะไม่ได้ชวนทะเลาะ สงสัยจริงๆค่ะ ถ้าแม่ไม่เจ็บปวดแล้ว การที่ให้ไปหาพ่อคือเพื่ออะไร???   แรกๆอุ้มท้องคนเดียวโดดเดี่ยว อ้างว้าง เจ็บช้ำ แน่นอนต้องเจ็บแค้น ลูกเกิดมาเห็นแม่ลำบาก ระทมทุกข์ ถามหา อยากเจอ อยากรู้จักพ่อ นาทีนั้นแม่คงไม่มีแรงจะบอกหรอกว่า อย่าไปโกรธพ่อเลย เข้าใจพ่อเถอะ พชรตอนนั้น คงเต็มไปด้วยความเคียดแค้นแสนสาหัส
แต่เมื่อเติบโตมากับธรรมชาติ เป็นผู้ใหญ่ทั้งสมองและหัวใจ ประกอบกับความรักที่แม่มอบให้ แม่ที่'ปล่อย'ความแค้นไปแล้ว แม่จะไม่เตรียมหัวใจพชรก่อนที่จะบอกให้ไปหาพ่อเลยหรอ??? เพราะหากแม่ปล่อยความแค้นไปแล้ว การให้ไปหาพ่อ น่าจะเพื่อไปรู้จัก ไปเปิดโอกาสให้พ่อ และเพราะอยากให้ลูกมีครอบครัวที่ครบสมบูรณ์  กับแค่คำถามว่า'ท้องพชรเมื่อไหร่ ทำไมมาแต่งกับแม่ม่อน' คำถามอื่นๆก็ตามมา พาให้บ้านแตกพอแล้ว แล้วถ้าปล่อยลูกไปหาพ่อทั้งๆที่ลูกโตมาด้วยความคิดว่า ถูกทอดทิ้ง และมีแต่ความเจ็บแค้น อยากจะไปทำลายความสุขที่ตนไม่เคยได้รับให้ย่อยยับ หากปล่อยไปทั้งๆที่พชรยังมีแต่ความรู้สึกเหล่านั้น ผลเสียที่จะตามมาระดับความรุนแรงมันคงจะไม่น่ารับไหว คือติดใจตรงนี้นิดเดียวจริงๆค่ะ

เข้าใจว่าคำถามแรกคือ ให้ไปหาพ่อเพื่ออะไรนะครับ ซึ่งอันนี้คุณป้าตอบได้ถูกต้องแล้ว ถ้าเราพิจารณากันเป็น General Case ของครอบครัวที่หย่ากันแล้วสามีภรรยามีวุฒิภาวะทางอารมณ์ทั้งคู่ การที่แม่จะให้ลูกไปหาพ่อบ้าง เราจะให้ไปหาเพื่อปรับความเข้าใจและพยายามจูนความสัมพันธ์ที่ขาดไปในวัยเด็กครับ พูดง่ายๆก็คือ เมื่อหย่ากันในวัยเด็ก แน่นอนว่าเด็กจะต้องซึมซับอารมณ์ทางลบของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วก็อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วว่าสำหรับเด็ก รับอะไรมาก็จะเป็นอย่างนั้น (เพราะการปกปิด หลบซ่อนอารมณ์และตัวตนของเขายังไม่สูงเหมือนผู้ใหญ่)

ดังนั้นเมื่อโตขึ้นระดับหนึ่ง เราจะให้เด็กไปพบอีกฝ่าย แต่ข้อพึงระวังมากๆคือเราต้องปรับความคิดของเด็กก่อน ฝ่ายที่เอาเด็กมาเลี้ยงต้องคุยให้รู้เรื่อง เปิดใจไปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาด เป็นเรื่องบังเอิญ หรือเป็นสิ่งที่เกิดจากจุดบกพร่องอะไรของมนุษย์ สำคัญมากคือ อย่า 'หา' คนผิดครับ การหาคนผิดจะไม่ทำให้เด็กเข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่ การหาคนผิดจะทำให้เขาปะทุอารมณ์ด้านลบที่ซึมซับไว้แต่แรกออกมา แล้วมนุษย์จะโยนความเกลียด ความโกรธ อารมณ์ทางลบทั้งหมดไปยังเป้าหมายที่ 'เขาคิดว่าผิด' ซึ่งมันจะสร้างปัญหาต่อไปอย่างไม่รู้จบครับ

ซึ่งนำมาถึงคำถามที่สองของคุณป้า คือ คุณแม่ของพชรจะไม่เตรียมตัวพชรก่อนหรือ? คำถามอันนี้ตอบยากครับ อาจจะต้องให้ทางคุณคนแต่งพิจารณาร่วมด้วย เพราะเรามองได้สองมุมมอง

มุมมองแรกคือ คุณแม่พชรคิดว่าพชร 'โต' เป็นผู้ใหญ่ได้ด้วยตัวเองแล้วครับ และเค้าเชื่อใจว่าพชรคงละเลยความคิดแย่ๆแบบนั้นได้เอง และถ้าปล่อยไปหาพ่อ ก็คงจะไม่ไปทำอะไรแย่ๆให้อีกครอบครัวหรอก อันนี้คือมุมมองแรกครับ ซึ่งข้อบกพร่องของมุมมองนี้คือ การที่แม่จะเชื่อใจลูกมากมันก็ดีครับ แต่บางครั้ง มันอาจไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ อารมณ์ทางลบของมนุษย์มันไม่หายไปได้ด้วยตัวเองนะครับ (ถ้าคุณไม่ใช่ชาวพุุทธที่มักสงบสติ เจริญอารมณ์และกรรมฐานเพื่อตัดกิเลสอยู่เสมอ) มนุษย์ไม่สามารถต่อต้านอารมณ์หรือความคิดที่เลวร้ายได้ด้วยตัวเอง ความโดดเดี่ยวจะกัดกินจิตใจของมนุษย์ ต่อให้การแสดงออกเป็นไปด้วยความเข้มแข็งใดๆก็ตาม มันจะมีเสี้ยวหนึ่งในใจเสมอที่ถมไม่เต็ม ในทางจิตวิทยา เราเรียกตรงนี้ว่า หัวใจห้องที่ 'เรามองไม่เห็น และคนอื่นก็มองไม่เห็น' ครับ ซึ่งไอ้สิ่งที่อยู่ในหัวใจห้องนี้นี่อันตรายมาก มันก่อ catastrophe ได้

ดังนั้นมันจะเกิดอะไร? สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ถ้าคุณเชื่อใจและปล่อยพชรไปโดยที่ไม่ได้คุย เขาอาจจะคิดว่า แม่ 'โอเค' กับการกระทำใดๆก็ตามที่เขาจะทำ ซึ่งอันนี้ล่ะ คือจุดบกพร่องของมุมมองนี้ครับ เป็นความผิดพลาดทางการสื่อสารของมนุษย์ที่เกิดจากการที่คุณ 'ไม่ได้คุยกัน เพราะเชื่อใจ' ง่ายๆแค่นี้เอง แต่ปัญหาจะบานปลาย

มุมมองที่สองคือ คุณแม่พชรคุยแล้ว แต่พชรเก็บกักความรู้สึกอยากเอาชนะเอาไว้ภายในจิตใจครับ อันนี้จะอ้างอิงกับคอมเมนท์ที่แล้วของผมว่าเด็กผู้ชายจะมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ต่ำมาก เมื่อมันมาถึงเรื่อง 'ความสุขของบุพการีใกล้ชิด' ดังนั้น ต่อให้แม่พชรพูดไปขนาดไหน พชรอาจจะคิดว่ามันเป็นการพูดเพียงเพราะแม่เขาเป็นคนดี เป็นคนที่ยอมให้โลกเอาเปรียบโดยไม่คิดแค้นเคือง แต่ยังไงแม่ก็ยังไม่ได้รับความยุติธรรมอยู่ดี และเขาเองนี่แหละ ที่จะเป็นคนทวงความยุติธรรมนี้เอง และโดยนิสัยของพชร เราไม่สามารถคาดเดาการกระทำของเขาได้ครับ เพราะเขาเป็นคนเงียบ

จุดบกพร่องของมุมมองนี้คือ สังเกตว่าเด็กกับผู้ใหญ่จะคิดคนละแบบ ซึ่งเด็กไม่เข้าใจครับ แม่พชรคุยกับพชรเพราะอยากให้เขามีครอบครัวที่สมบูรณ์ อยากให้เขาเอาชนะความแค้นเคือง เพราะแม่ปล่อยความโกรธและอารมณ์ด้านลบที่เกิดในตอนนั้นไปแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ เพราะมันผ่านไปแล้ว เธอไม่ได้ยอม แต่เธอปล่อยมันออกไปจากใจเพื่อไม่ให้เธอทุกข์ อย่างไรก็ตาม พชรจะคิดว่าแม่พูดเพราะ 'ยอม' คนอื่น 'ยอม' เรื่องที่เกิดขึ้น แม่น่ะก็มีอารมณ์ด้านลบ แต่เก็บมันเอาไว้ภายในเหมือนกันเขา แค่พูดอย่างนี้กับเขาเพราะไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อน มันถึงเข้าไม่ถึงส่วนลึกของจิตใจเขาครับ

จะเห็นว่าทั้งสองมุมมองต่างมีจุดบกพร่องด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นวิธีแก้ที่ง่ายที่สุดสำหรับเวลาเราจะให้ลูกไปพบอดีตสามีหรืออดีตภรรยา ต้องหมั่นสังเกตครับว่าเวลาเราพูดถึงอีกฝ่ายในเวลาทั่วไป ลูกมีปฏิกิริยายังไง เขาเกร็งมือไหม เขาเปลี่ยนเรื่องหรือเปล่า เขาพยายามกดอารมณ์อยู่รึเปล่า หรือเขาพร้อมจะเปิดใจคุยกับเรา

ถ้าเป็นสามปฏิกิริยาแรก แนะนำว่าควรต้องพาเค้าไปหานักจิตวิทยาครับ (นักจิตวิทยานะครับ ไม่ใช่จิตแพทย์ เพราะเขายังไม่ได้ป่วย เขาแค่มีสัญญาณบางอย่างที่ไม่ควรละเลย) เพราะสามปฏิกิริยาแรกนี้เป็นสัญญาณที่แสดงออกว่าเด็ก 'ต่อต้าน' การประณีประณอม หากเราให้เขาไปเจออดีตสามีหรือภรรยา มันอาจจุดชนวนและเปลี่ยนแปลงทัศนคติบางอย่างของตัวเด็ก ซึ่งมันอาจจะให้ผลดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่อย่างไรก็ไม่ควรเสี่ยงครับ หากเด็กกลัวพบนักจิตวิทยา เราสามารถบอกเหตุผลง่ายๆได้ว่า เราไม่อยากให้เขาเครียด ที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่นักจิตวิทยาครับ เขาจะค้นเข้าไปในใจเด็กเอง และถ้าเราขยันคุยกับนักจิตวิทยา เราจะรู้ว่าเราจะเปลี่ยนมุมมองของเด็กได้ยังไงครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 06-06-2016 13:46:33
ถ้า
เข้ามาเฉลยแทนคนเขียนนะคะ

แจกของ คือ เวลาไฟดับตอนกลางคืนในมอ พวกหนุ่มๆหอใน จะมักจะแว้นมอเตอร์ไซด์ไปแจกของลับตามหน้าหอหญิง(หอใน) บ้างก็มีตะโกนเย้วๆๆแจกของกันหน้าหอหญิง เป็นที่สนุกสนานค่ะ ฝ่ายหอหญิงก็จะมีพวกออกมารอส่องกันตามระเบียงบ้าง
แต่พวกแจกของนี่ก็ต้องแล้วแต่ดวงด้วยนะคะ กำลังแจกอยู่ไฟมาพอดีโดนจับได้ว่าเป็นใครนี่ฮากันเลย

ตอนเรียนเคยมีหนุ่มมาแจกของแล้วไฟมาก่อนรถล้มหนีไม่ทัน โดนอาจารย์แม่บ้านทำโทษให้มานั่งรับโทรศัพท์เป็นโอปะเรเตอร์ที่หญิงมาแล้วค่ะ

ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีค่ะ 555 ขอชัดๆได้ป่าว ไม่รู้จริงๆ ตอนอ่านนึกว่าเขาแจกเทียน ยังงงอยู่เลยว่าพชรห้ามทำไม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 07-06-2016 07:04:48
ถ้า
เข้ามาเฉลยแทนคนเขียนนะคะ

แจกของ คือ เวลาไฟดับตอนกลางคืนในมอ พวกหนุ่มๆหอใน จะมักจะแว้นมอเตอร์ไซด์ไปแจกของลับตามหน้าหอหญิง(หอใน) บ้างก็มีตะโกนเย้วๆๆแจกของกันหน้าหอหญิง เป็นที่สนุกสนานค่ะ ฝ่ายหอหญิงก็จะมีพวกออกมารอส่องกันตามระเบียงบ้าง
แต่พวกแจกของนี่ก็ต้องแล้วแต่ดวงด้วยนะคะ กำลังแจกอยู่ไฟมาพอดีโดนจับได้ว่าเป็นใครนี่ฮากันเลย

ตอนเรียนเคยมีหนุ่มมาแจกของแล้วไฟมาก่อนรถล้มหนีไม่ทัน โดนอาจารย์แม่บ้านทำโทษให้มานั่งรับโทรศัพท์เป็นโอปะเรเตอร์ที่หญิงมาแล้วค่ะ

ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีค่ะ 555 ขอชัดๆได้ป่าว ไม่รู้จริงๆ ตอนอ่านนึกว่าเขาแจกเทียน ยังงงอยู่เลยว่าพชรห้ามทำไม
คำหยาบจำพวกเครื่องเพศของผู้ชายค่ะ  สมัยเราเป็นแบบนั้นนะ

ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้นเราก็คิดว่าม่อนแจ่มไม่น่าจะเป็นลูกของพจน์  เพราะว่าม่อนแจ่มไม่เหมือนพ่อ  แล้วตามที่คนเขียนบรรยายมาก็คือระมิงค์ชอบมองหน้าของม่อนแจ่ม เราก็มโนตามว่าม่อนแจ่มน่าจะคล้ายคลึงไปทางพ่อแท้ๆหรือเปล่า?

ในส่วนของระมิงค์นั้นเราว่าน่าจะเลือกที่จะสารภาพกับพจน์มากกว่า    พจน์น่าจะไปหาแม่พชร   แต่เราว่าอาจจะไม่ได้กลับมาหากันเพราะว่าเวลาเกือบ 20 ปีมาแล้วนะคะที่ห่างกัน  ถึงจะมีคนสร้างสถาณการณ์แต่ก็เกิดอะไรต่อมิอะไรมากมายค่ะ   อาจจะกลับมาเริ่มต้นใหม่ในแง่ของพ่อกับลูกมากกว่าสามี-ภรรยา     อีกอย่างเราว่าครอบครัวพจน์-ระมิงค์ ม่อนแจ่มก็ไม่ได้แน่นแฟ้นเท่าที่คิด   ม่อนแจ่มเองก็สนิทกับป้าเพ็ญมากกว่าพ่อแม่ที่ไม่มีเวลาให้ตัวเอง    จริงอยู่ว่าม่อนแจ่มจะได้รับผลกระทบจากการแตกแยกของพ่อแม่ที่เห็นได้ชัด ไม่รู้สิเราว่าม่อนแจ่มทนทายาทมากกว่าที่คิดนะ พชรเองที่น่าจะเจ็บมากที่สุดเพราะว่าไหนตอนนี้ก็ surrender ไปเกือบหมดแล้ว

ป.ล  เชียงใหม่-ลำพูนไม่ได้ไกลขนาดที่จะไปหากันไม่ได้    เกือบ 20 ปี เป็นไปได้หรือที่พจน์จะไม่ไปตามหาเมีย   หรือว่าระมิงค์กับพ่อนางสร้างเรื่องทำนองว่าแม่พชรเห็นแก่เงินเลยรับเงินแล้วทิ้งพจน์?     
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 07-06-2016 08:04:26
มันหวานๆละมุนๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 07-06-2016 13:16:29
ชอบจังค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 08-06-2016 16:09:14
โอ๊ยยยยย อิป้าคาใจ อะไร อะไร ขยายๆๆ พชรทำอะไรม่อนแจ่ม #ใต้ไฟดับ #ใต้การมโน  :hao6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 08-06-2016 20:28:44
ตกหลุมรักม่อนแจ่มเข้าอย่างจังเลยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: FHUNWHAN ที่ 09-06-2016 05:48:26
ในที่สุดก็ตามทันแล้ววว

รู้สึกดีใจที่พี่เกรียนมาเรื่องใหม่มาให้หายคิดถึง
คิดถึงภาษานี้ กลิ่นอายนี้ (ความเกรียนนี้)
คราวนี้มาเหนือความคาดหมาย ตรงที่เคะเมะดูสลับคณะจากปกติ 555
แต่ก็ยังมีหมอกไอดิลโผล่มาให้หายคิดถึงด้วย แอบลุ้นว่าจะได้เจอคุณพ่อ2คนนั้นมั้ย > <

กลิ่นมาม่า เอ้ย! ความดราม่าลอยมา
ปมของรุ่นพ่อแม่ดูร้ายแรงมาก และไม่อยากคิดเลยว่าถ้าม่อนน้อยรับรู้เรื่องนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ความรู้สึกที่มีต่อพ่อแม่ตัวเอง ความรู้สึกที่มีต่อพชร

ปล. เศร้าได้แต่อย่ามากนะพี่เกรียน เราจิตใจอ่อนแอ 5555555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/6/59 CH.11 As Bright As the Darkness P.4
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-06-2016 19:31:16
พชรจะกล้าใจร้ายกับม่อนจริง ๆ เหรอ ออกจะหวงห่วงขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 12-06-2016 18:56:07
CHAPTER 12: Remember to Never Forget

           ‘Philosophy bakes no bread. 
โปรดบรรยายข้อความดังกล่าว  โดยประกอบด้วย ความหมายของข้อความ ความคิดเห็นของนักศึกษาต่อข้อความ และเหตุผลที่สนับสนุนและคัดค้านความคิดเห็นของนักศึกษา’ (10 คะแนน)

           ‘นักศึกษาโปรดลำดับเวลาการศึกษาปรัชญา ตามที่ได้เรียนมาหนึ่งภาคการศึกษา
โดยประกอบด้วย กำเนิดการศึกษาปรัชญา นักปรัชญาแต่ละยุคสมัยพร้อมแนวคิด และเปรียบเทียบวิวัฒนาการ แนวคิดทางปรัชญาของแต่ละท่านตามเงื่อนไขเวลา ตามด้วยความคิดความรู้สึกของนักศึกษาต่อทั้งวิชาปรัชญาและการศึกษาปรัชญา’ (10 คะแนน)

          ‘วิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงวิชาปรัชญาสำหรับนักศึกษาคืออะไร โปรดอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง’
(10 คะแนน)

          ‘นักศึกษาคิดว่าปัจจัยใดทำให้หลงลืมการมีอยู่ของปรัชญา และในขณะเดียวกัน ปัจจัยใดทำให้ตระหนัก ถึงการมีอยู่ของปรัชญา โปรดอธิบายอย่างชัดเจนในแบบของนักศึกษา พร้อมสรุปด้วยว่า ปรัชญาคืออะไร’
(10 คะแนน)

          ‘หากนักศึกษามีชีวิตอยู่ในยุคกรีกโบราณ นักศึกษาต้องการฝากตัวเป็นศิษย์นักปรัชญาท่านใด เพราะเหตุใด’ (10 คะแนน)   


           พชรเลิกคิ้วใส่ข้อสอบ..  ข้อสอบที่ประกอบด้วยโจทย์สั้นบ้างยาวบ้างและสมุดคำตอบหนึ่งเล่มที่ซ้อนหลังอยู่
เจ้าของใบหน้าคม เชื้อสายเกษตรกรถอนหายใจเหยียดยาว เอนแผ่นหลังกำยำพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาหลับลง
เมื่อคืนเขานอนน้อยเหลือเกิน เพราะกว่าเจ้าของแว่นแดงจะหลับสนิทแล้วลุกขึ้นไปถอดแว่นให้เจ้าตัวได้ก็ปาเข้าไปดึกสงัด 
พชรพยายามเรียกสติและดึงสมาธิกลับมาอยู่กับข้อสอบทั้งเปลือกตาปิดสนิท..

“ทำอะไร พชร?”
อาจารย์วัยใกล้เกษียนเดินผ่านมาเงียบเชียบ เอ่ยถามเบาๆด้วยน้ำเสียงชวนขนหัวลุก
“ทำสมาธิครับ” พชรพึมพำตอบ และคนถามก็ยักไหล่ก่อนเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงคำย้ำเตือน
“อย่าทำจนหลับไปล่ะ มีตื่นมาไม่ทันทุกปี”

ตื่นมาไม่ทัน..
พชรได้ยินดังนั้นจึงลืมตาขึ้น ลงมือทำข้อสอบทันทีเพราะคิดว่าได้ทำสมาธิเพียงพอแล้ว สมองคิดให้วุ่นว่าจะทำอย่างไรกับโจทย์ทั้งห้าข้อและสมุดคำตอบว่างๆข้างตัว
เอาล่ะ..
   
“อาจารย์ครับ” พชรยกมือ
“ว่าไง พชร?”
เสียงเข้มถามเสียงดังฟังชัด เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน
“ผมขีดหรือเขียนอะไรลงในกระดาษข้อสอบได้ใช่ไหมครับ”
“เอาแค่อย่าลามไปเขียนโต๊ะ”
“ขอบคุณครับอาจารย์”

โอเค..
พชรอ่านโจทย์ซ้ำอีกครั้ง และใช้ดินสอขีดลงไปในสิ่งโจทย์ต้องการเพื่อจะตอบให้ครบถ้วน และจัดการเขียนใหม่สั้นๆ

          ๑. ‘Philosophy bakes no bread.’ ความหมาย ความคิดเห็น เหตุผลที่สนับสนุน,คัดค้าน
          ๒. ลำดับเวลาการศึกษาปรัชญา: จุดกำเนิด, นักปรัชญาแต่ละยุค, แนวคิด, เปรียบเทียบวิวัฒนาการตามเงื่อนไขเวลา, ความคิด+ความรู้สึกต่อวิชาปรัชญาและการศึกษาปรัชญา
          ๓. วิธีที่ดีที่สุด อธิบาย+ตัวอย่าง
          ๔. ปัจจัยที่หลงลืม,ปัจจัยที่ตระหนัก อธิบาย+ตัวอย่าง (สรุป ปรัชญาคือ?)
          ๕. ต้องการเป็นศิษย์ท่านใด ทำไม


“อาจารย์ครับ” พชรยกมืออีกครั้ง
“ว่าไง พชร?”
“ไม่ต้องทำตามลำดับข้อก็ได้ใช่ไหมครับ”
“เอาแค่ทำมาให้ครบทุกข้อ”
“ขอบคุณครับอาจารย์”
“อ้อ..” อาจารย์เสริมเมื่อนึกขึ้นได้
“แต่ขอร้อง ช่วยระบุเลขข้อมาให้ชัดเจนด้วยนะ เพราะบ่อยครั้ง.. อาจารย์ไม่ทราบเลยว่านักศึกษากำลังตอบข้อไหนอยู่”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “เกรียน เกรียน แบบเกรียนมาก!”
หนึ่งในนักศึกษาปรัชญาพ่นลมหายใจ ขณะกระซวกเส้นใหญ่เย็นตาโฟอย่างเมามัน
“ถามมาได้ว่าถ้ากูอยู่ในยุคโบราณ กูจะไปฝากตัวเป็นศิษย์นักปรัชญาคนไหน โอ้ว กูจะให้เหตุผลยังไงดี”
“กูทำข้อนั้นก่อนเลย กูว่าทำได้สุดแล้ว” อีกคนผสมโรง “กูเป็นศิษย์อริสโตเติล!”
“กูเป็นศิษย์เพลโต” อีกคนตอบบ้าง “ปล่อยกูอยู่ในโลกของแบบของกูไปแล้วกัน อย่ามายุ่งกับกูเลย”
ฮ่ะๆ! ทั้งโต๊ะฮาครืน
“แล้วมึงเป็นศิษย์ใคร พชร?” คนเดียวที่นั่งทานข้าวเงียบๆถูกดึงเข้าสู่วงสนทนาจนได้
พชรนึกขำผองเพื่อน ทว่าก็เพียงยักไหล่น้อยๆ ตอบสั้นๆ
“ธาเลส”
“ทำไมวะ?”
ทำไมหรือ..
“เพราะกูเชื่อว่าน้ำคือชีวิต”
เกษตรกรยังไงก็เป็นเกษตรกรล่ะน่า..

           ร่างสูงเดินแยกจากคณะพรรค
ปฏิเสธการไปเที่ยวฉลองสอบเสร็จ โดยให้เหตุผลตามตรงว่าจะรีบกลับบ้านไปทำงานต่อ ขายาวก้าวไปทางหอสามชาย
ผ่านภาคเรียนแรกของชั้นปีที่หนึ่งไปแล้วสินะ.. ใบหน้าที่ตามปกติเฉยชาอดจะมีรอยยิ้มน้อยๆไม่ได้ ขณะรู้สึกถึงกระดาษร่างคำตอบวิชาปรัชญาที่ม้วนอยู่ในมือ

          ภายในห้อง 338 ว่างเปล่าเมื่อเขาย่างเท้าเข้าไป รูมเมททั้งสองคงยังสอบอยู่ที่คณะ
พชรถอนหายใจน้อยๆ เอาดินสอปากกาและกระดาษร่างในมือไว้ในลิ้นชัก หยิบหมวกกันน็อคลงมาจากหลังตู้
สายตาอดไม่ได้ที่จะทอดมองเตียงล่างที่อยู่มุมห้องด้านติดระเบียง เตียงที่เป็นต้องลุกขึ้นไปทุกคืนเพื่อถอดแว่นให้เจ้าของซึ่งหลับปุ๋ยทั้งแว่นแดงคาตา
คนอะไร ..เหลือเกินจริง
ศีรษะส่ายน้อยๆ หยิบกุญแจรถจากบนโต๊ะขึ้นมา ตั้งท่าจะหันหลังออกจากห้อง ทว่า ก็ต้องหันกลับมาอีกครั้ง
สายตาทอดมองภาพการ์ตูนที่แปะอยู่บนผนัง พร้อมด้วยข้อความเล็กๆในภาพทั้งสองภาพ

‘กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล’
‘กูไม่ชอบมึง’
‘มึงจะต่อยกับกูไหม!?’

คนอะไร ..ยิ่งกว่าเหลือเกินเสียอีก

          ‘พรุ่งนี้ กูสอบเสร็จบ่ายสาม กลับมาหอแล้ว ..จะได้เจอหรือไม่ได้เจอพชรเหรอ’

เสียงที่ได้ยินเมื่อคืนลอยเข้ามาในห้วงคำนึง
พชรสะบัดศีรษะนิดหนึ่ง นึกสงสัยว่านี่มันกี่โมงแล้ว
ไม่มีนาฬิกาตั้งโต๊ะหรือติดผนังในห้อง พชรเองก็ไม่ชอบใส่นาฬิกาข้อมือ อันที่จริง.. เขาไม่ชอบใส่อะไรบนข้อมือทั้งนั้น มันเกะกะเกินไปสำหรับคนที่มักจะมือเลอะเทอะเศษดินเศษหญ้าและต้องใส่ๆถอดๆถุงมือยาง
มือแกร่งจึงล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กขึ้นมาแทน

11.25

ใช่สินะ.. มันไม่มีทางเป็นบ่ายสามโมงไปได้หรอก
พชรใส่โทรศัพท์มือถือกลับลงในกระเป๋ากางเกง ห้ามสายตาจากการหันกลับไปมองเตียงล่างปูผ้าลายหมีพูห์ แล้วรีบก้าวยาวๆออกจากห้อง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            15. ไม้จัดเป็นวัสดุประเภทใด

“พอลิเมอร์” ปากเรียวขมุบขมิบพลางฝนคำตอบ

            22. เหล็กกล้าไร้สนิมเกรด 18-8 หมายถึง เหล็กกล้าที่ผสมโลหะชนิดใดเป็นปริมาณสูงสุดสองชนิดแรก

ดวงตาสีน้ำตาลกวาดมองตัวเลือก.. ก่อนจะฝนคำตอบ ‘ค. โครเมียม-นิเกิล’

            34. ข้อใดเป็นสิ่งที่สามารถทราบได้จากแผนภาพเฟส (Phase diagram)
อุณหภูมิที่โลหะผสมเริ่มแข็งตัวเป็นของแข็ง
สภาพการละลายได้ของธาตุหนึ่งในอีกธาตุหนึ่ง ณ สภาวะสมดุล
เฟสต่างๆ ที่มีอยู่ในเนื้อวัสดุ


มันก็รู้ได้หมดเลยนี่หว่า.. ถูกทุกข้อเถอะครับพี่น้อง..

            45. ข้อใดคือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในแผนภาพเฟสของ Fe-Fe3C ที่กำหนดให้

ห๊ะ? คราวนี้คิ้วเรียวขมวดมุ่น จ้องมองแผนภาพเฟส
“สติ ม่อน สติ!” พึมพำเตือนตัวเองเบาๆ ตัดทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากใจ โฟกัสเพียงแผนภาพเบื้องหน้า
แล้วจึงฝนคำตอบอย่างลังเล ‘ก. Peritectic, Eutectic, Eutectoid’

             50. เซรามิกสามารถรับแรงชนิดใดได้ดีที่สุด

โอเค.. กลับมามั่นใจอีกครั้ง ฝนคำตอบ ‘ง.แรงอัด (Compression)’

มือขาววางดินสอ สูดลมหายใจ ใช้ไม้บรรทัดเล็ก(ลายลาน้อยอียอร์ทำหน้างุนงงใส่พูห์)ทาบกระดาษคำตอบทีละข้ออีกครั้งว่าได้ตอบครบแล้ว จึงยกมือขึ้น เป็นสัญญาณให้กรรมการคุมสอบมาเก็บกระดาษคำตอบไปได้

           “อ้าว ไอ้ม่อน มาพอดี”
เสียงทักดังมาเมื่อม่อนแจ่มเดินผ่านโต๊ะม้าหินอ่อนที่ก๊วนสิ่งแวดล้อมของไอดิลมักจะนั่งอยู่
“ไอดิลมันยังทำข้อสอบไม่เสร็จเลย แม่งคงกะเอาท็อป มึงรอนี่ก่อน”
“หรือไม่ แม่งอาจจะคิดคำตอบยังไม่ออก”
ม่อนแจ่มให้ความเห็น ทำเอาพีระศิลป์เพื่อนสิ่งแวดล้อมของคู่ซี๊หัวเราะลงลูกคอ
“อ้าว แล้วนั่นมึงจะรีบไปไหน?”
ถามเพราะเห็นเพื่อนร่วมคณะรีบจ้ำอ้าวจากไปแล้ว ไม่นั่งที่โต๊ะด้วยกันอย่างทุกวัน
“บอกไอ้ดิ้ลด้วยว่ากูกลับหอก่อน”
“กูว่าจะชวนมึงไปชมรมอาร์ทติส วาดรูปกัน”
“ไว้วันหลัง!” ม่อนแจ่มตะโกนตอบ แล้วรีบวิ่งสุดฝีเท้ากลับหอสามชาย
เข้าประตูหน้าได้ก็รีบแจ้นขึ้นบันไดจนหอบแฮ่กๆ กระนั้นก็มาหยุดเอาเมื่อถึงหน้าประตูห้อง 338
มือสั่นๆ เร่งเสียบกุญแจแล้วเปิดผางเข้าไป..

.

.

ไม่มีใครอยู่ในห้อง ..เช่นที่ไม่น่าจะมี

โธ่..
ม่อนแจ่มถอนหายใจยาว จำต้องทรุดนั่งลงบนพื้นเพราะเหนื่อยจนหมดแรงจากการวิ่งไม่หยุด ทั้งที่ขาก็ไม่ใช่ว่าจะยาวอะไรนัก

เฮ้อ..
แม้จะคาดเอาไว้ว่าคงไม่เจอ แต่เขาก็ยังอยากรีบกลับมา และแม้จะไม่เจอจริงๆ เขาก็ยัง..
นั่งทั้งทีก็ขอนั่งใกล้ๆหน่อยแล้วกันวะ
ร่างเล็กขยับเข้าใกล้เตียงเดี่ยว เตียงที่นอนมองนอนจ้องทุกคืนจนหลับปุ๋ย พลางถอนหายใจอีกครั้งอย่างอ่อนล้า นั่งตะแคงข้างพิงเตียงเดี่ยวของรูมเมทปรัชญา ศีรษะเล็กซบลงบนผ้าปูที่นอนสีเข้ม
หลังจากที่นอนหลับไม่ค่อยสนิทนัก เพราะยิ่งใกล้ปิดเทอม น้ำหนักในช่องท้องยิ่งโหวงเหวงอย่างน่าประหลาด หลังจากวันอันยาวนานที่สอบติดๆกัน และหลังจากรีบวิ่งออกจากห้องสอบวัสดุวิศวกรรมกลับมาที่หอทันที ทำให้ร่างกายตระหนักได้ในตอนนี้ว่า..เขาหมดพลังแล้ว

งืม..
ม่อนแจ่มนั่งนิ่งๆจนลมหายใจค่อยๆเป็นปกติ ปกติจนแทบจะกลายเป็นสม่ำเสมอ
ไม่ไหวแล้ว.. ม่อนแจ่มง่วง ง ง ง..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ให้ตายเถอะ.. นี่มันเกินไปแล้ว
พชรอุตส่าห์ไม่ถามตัวเองแล้วว่าขี่รถออกไปนอกมอแล้วจะวนกลับเข้ามาหอพักอีกทำไม
แล้วทำไมก่อนหน้าจะไปถึงได้รออยู่เป็นค่อนวัน แล้วนี่เขากลับเข้ามาเพื่อจะพบว่า..
ร่างสูงถอนหายใจยาว มือแกร่งกุมขมับ มองร่างเล็กที่หลับปุ๋ย ศีรษะเอนซบกับเตียงตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูก

เฮ้อ..
นอนอยู่ได้ยังไงแบบนี้ ประตูห้องก็ไม่เปิด จะหายใจหายคอออกได้อย่างไร
คิดได้ดังนั้น ขายาวจึงก้าวไปที่ประตูระเบียง หมุนลูกบิดเปิดรับอากาศจากภายนอก ไม่ให้คนภายในห้องอึดอัด แล้วจึงเดินมากดเปิดพัดลมหมุนโบกให้อากาศจะได้ถ่ายเท

จะปลุกไปนอนบนเตียงดีไหม ..พชรลังเล
ปลุกแล้วก็ต้องตื่น ..ตื่นแล้วก็คงถาม ..ยิ่งถามมากๆอยู่
ยิ่งถามก็ยิ่งหวั่นไหว เดี๋ยวเป็นได้ทำอะไรไม่สมควรอีก แย่จริง..
พชรส่ายศีรษะน้อยๆ ถึงอย่างไรก็ปล่อยให้นอนเมื่อยต้นคออยู่เช่นนี้ไม่ได้หรอก ยังไงก็ไม่ได้..
ร่างกำยำทรุดนั่งลงข้างๆเตียง ดวงตาสีเข้มพิจมองใบหน้าอีกฝ่าย ห้ามตัวเองไม่ไหวที่จะยื่นมือไปค่อยๆสัมผัสเรือนผมนุ่มนั้น

“เครื่องกล..”
“อือ..” เสียงน้อยๆในลำคอครางตอบ
พชรจำต้องหยุดตัวเองจากการโน้มหน้าเข้าไปในระยะอันตราย โดยการเรียกเสียงหนักขึ้น
“เครื่องกล ไปนอนที่เตียงเถอะ”
“อือ..” จำน้ำเสียงได้ คนหลับจึงพึมพำเรียกแผ่วๆ “พชร”
รู้สึกถึงสัมผัสบนเรือนผม แขนเล็กจึงยกขึ้นจับสัมผัสนั้นเอาไว้ สัมผัสจากฝ่ามือ ..มือพชร..
เอ๊ะ.. ดวงตาที่ปิดสนิทก่อนหน้าค่อยๆลืมขึ้น ยังงงๆอยู่กับสัมผัส  รู้สึกคล้ายเป็นความฝัน แต่..
“พชร!?” ม่อนแจ่มกระพริบตาปริบๆ พชรจริงๆด้วยนี่นา
..
“อืม”
ก็ไม่รู้จะว่ายังไง จะบอกว่า 'กูไม่ใช่พชร' ก็คงไม่ได้ เจ้าของชื่อจึงเพียงครางตอบรับเบาๆ แล้วละมือออกมา ค่อยๆหยัดตัวลุกขึ้น
“กูนึกว่ามึงกลับบ้านแล้วเสียอีก” ม่อนแจ่มค่อยๆลุกตาม ยิ้มกว้างอย่างดีใจ
จริงสินะ เขารีบวิ่งจนลืมสังเกตว่า Kawasaki D-tracker ดำ-เขียวยังจอดอยู่หน้าหอหรือเปล่า
“อืม”
ได้เพียงครางรับในลำคออีกครั้ง แล้วพชรจึงหยิบหมวกกันน็อคที่วางไว้บนเตียงก่อนหน้าขึ้นมาถือไว้ เตรียมออกจากห้องอย่างที่ทำซ้ำๆมาตลอดค่อนวัน
“เฮ้ยๆ เดี๋ยว!” ม่อนแจ่มรีบรั้งไว้อย่างงงๆ “จะกลับแล้วเหรอ?”
“อืม..”
เสียงตอบที่คาดได้..
“อะ” ม่อนแจ่มอึกอัก
อะไรวะ ตื่นก็เพิ่งตื่น อุตส่าห์ตื่นมาเจอ พชรจะไปแล้ว แล้วอีกตั้งหลายวันกว่าจะเปิดเทอม..
ฟันเฟืองในหัวหนุ่มเครื่องกลหมุนกันให้วุ่น ในที่สุด ม่อนแจ่มก็คิดว่า..
“สองนาที”

ห๊ะ?
พชรเลิกคิ้วกับถ้อยคำนั้น

“ขอสองนาที!”
ม่อนแจ่มย้ำ หมุนตัวกลับหลัง เพ่งมองบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ที่สุด ..โต๊ะของพชร ..โต๊ะที่มีเอกสาร Introduction to Philosophy วางอยู่ ข้างกันมีสมุดบันทึกฉีกได้แบบไร้เส้นและดินสอด้วย พอดีเลย..

“ขอใบนึงได้ไหม?” หน้าเรียวหันกลับมาถาม

ห๊ะ?
พชรยังงงๆ..

“กระดาษ” ม่อนแจ่มย้ำอีก “ขอกระดาษใบนึงนะ”
ขอกระดาษใบนึง..
“อืม”
“ยืมแป๊ปด้วยนะ” มือเรียวชูดินสอไม้ขึ้นมา
“อืม”
“ขอเวลาสองนาทีนะ”
..
“อืม..”

ม่อนแจ่มยิ้มกว้างอีกครั้ง ดึงกระดาษออกจากสมุดบันทึก ตวัดดินสอจรดลงบนแผ่นกระดาษสีหม่นรวดเร็ว 
มือขาวนั้นลากเส้นไปมาอย่างคล่องแคล่วในแบบที่มือแกร่งสีแทนไม่มีทางทำได้
ไม่มีคำพูด ไม่มีอะไร มีแต่เสียงลมหายใจ เสียงลมพัดผ่าน เสียงขูดขีดของดินสอในมือม่อนแจ่ม
พชรมองเพลิน.. มองค้างอยู่อย่างนั้น..
ไม่รู้เลยว่ามันผ่านไปสองนาที หรือสิบนาที หรือกี่ชั่วโมง เมื่อคนที่นั่งเก้าอี้เขา ใช้กระดาษเขาและดินสอเขา (โดยขออนุญาตแล้ว) ลุกขึ้นยืนและหันกลับมายื่นแผ่นกระดาษให้..

.

.

มือแกร่งค่อยๆยกขึ้น ..รับแผ่นกระดาษที่ถูกยื่นมาตรงหน้า
ภาพการ์ตูนอีกแล้ว..
ภาพนักศึกษาชายคนหนึ่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์โมตาร์ด สองมือจับแฮนด์ ศีรษะสวมหมวกกันน็อค
ลายเส้นแสดงให้เห็นว่ารถกำลังวิ่งอยู่บนถนน.. และป้ายข้างทางก็บ่งไว้ว่าเขากำลังไปไหน..

‘ลำพูน  35’

ข้างใต้มีข้อความเพิ่มนิดหนึ่งซึ่งเขาไม่เคยเห็นบนป้ายบอกทางไม่ว่าครั้งใดที่ขี่รถกลับบ้าน..

'Ride Carefully'

มุมล่างขวาของภาพมีลายเซ็นภาษาอังกฤษตัวเขียนติดกันเป็นพรืดกำกับเอาไว้ อ่านได้ว่า..
‘Mon Cham of  Mechanical Engineering’

..ชะงักนิ่งไปหลายอึดใจ
ก่อนที่คนถูกวาดจะเงยขึ้นมามองคนวาดให้เต็มๆตาอีกครั้ง..

“ปิดเทอมตั้งค่อนเดือน” ม่อนแจ่มอธิบาย ยิ้มตอบสายตาที่มองมา
..
“มึงจะได้ไม่ลืมกู..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            กลับบ้านประดิษฐาพงศ์อีกครั้ง..
ม่อนแจ่มใส่เกียร์หมาและแมวพุ่งลงจาก Mercedes Benz เข้าไปสวมกอดป้าเพ็ญร่างอวบทันที
“โอ๊ยยย คุณม่อน!” แม่บ้านตีท่อนแขนเรียวเบาๆอย่างเอ็นดู “ทำอะไรเป็นเด็กๆไปได้คะ?”   
“แล้วใครบอกป้าเพ็ญว่าม่อนโตครับ” ม่อนแจ่มย้อนถามพลางหัวเราะ กระชับอ้อมแขนที่โอบไม่รอบให้แน่นขึ้นอีก
“คุณม่อนละก็!”
“แหม” ม่อนแจ่มละอ้อมแขนออกมา “ก็ม่อนไม่ได้เจอป้าเพ็ญตั้งนานแล้วนี่ครับ มีเรื่องมาเล่าให้ฟังตั้งเยอะแยะ”
เป็นต้นว่า.. ม่อนได้นั่งมอเตอร์ไซค์ครั้งแรก ซ้อนท้ายรูมเมทปรัชญาที่ไม่ชอบขี้หน้าม่อน
ม่อนเผชิญหน้ากับ ‘สิ่งที่ป้าเพ็ญรู้ดีว่าอะไร’ ในห้องน้ำและห้องนอน ซึ่งครั้งหลังนั้น เมทปรัชญาคนเดิมก็อุ้มม่อนด้วย
รุ่นพี่เล่าเรื่อง ‘สิ่งที่ป้าเพ็ญก็รู้อีกว่าอะไร’ ให้ม่อนฟัง จนม่อนขี้ขึ้นหมอง ไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำ แต่ที่สุด ม่อนก็ทำได้ ด้วยความช่วยเหลือของรูมเมทปรัชญาคนเดียวกันนั้น
ม่อนเจอสถานการณ์ไฟดับครั้งที่สองและรูมเมทปรัชญาคนที่ดีที่สุดในโลกก็ไม่ยอมให้ม่อนไปแจกของ
ก็อย่างว่าแหละ เขาไม่รู้หรอกครับ ว่าม่อนน่ะมีคุกกี้ซุกไว้ใต้โต๊ะกี่ถุง!
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเขาอวยพรม่อนในการสอบเคมี ด้วยถ้อยคำที่ม่อนไม่มีวันลืม..

          “รอบนี้ยิ้มร่าเชียวนะคะคุณม่อน” ป้าเพ็ญหรี่ตา “ชีวิตหอในสดใสแล้วสิคะ”
ม่อนแจ่มพยักลำคอรัวๆ ใบหน้าขึ้นสีจัด ริมฝีปากร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ขณะนึกถึงความสดใสที่ว่า 

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะ ป้ามีบัวลอยไข่หวาน ของชอบของคุณม่อนด้วย”
บัวลอย บัวลอยไข่หวาน!
“เสื้อผ้ามิพักต้องเปลี่ยนดอกครับ!”
ม่อนแจ่มส่ายหน้าดิก ร่างเล็กรีบวิ่งเอาของไปเก็บ ก่อนกลับมาจัดการกับเจ้าบัวลอยอย่างสาสม พร้อมทั้งเม้าธ์มอยกับป้าเพ็ญอย่างสนุกสนาน
สาวใหญ่ร่างอวบหัวเราะน้อยๆ ขณะรับฟังเรื่องราวของคนคนนี้อีกครั้ง เรื่องราวของ ‘รูมเมทปรัชญาที่ไม่ชอบขี้หน้าคุณม่อน’

            ยามค่ำ ณ บ้านประดิษฐาพงศ์ สามสมาชิกหลักทานมื้อค่ำร่วมโต๊ะกันอย่างที่เคย
ไม่มีคำพูดมากนักระหว่างมื้ออาหารดังที่เป็นปกติ อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มก็ยังพอใจกับคำถามแบบเดิมของบิดา แม้ว่า วันนี้ มารดาจะดูเครียดๆอยู่สักหน่อย ท่านคงจะเป็นกังวลเรื่องงานกระมัง

           “สอบเป็นอย่างไรบ้างล่ะม่อน?”
คำถาม ..คำถามที่ม่อนแจ่มคาดเดาได้ เขากำลังรออยู่เลยเชียว
บิดาถามคำถามทำนองนี้ตามสถานการณ์เสมอ
ไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกไหมล่ะม่อน
เรียนเป็นอย่างไรบ้างล่ะม่อน
อยู่หอเป็นอย่างไรบ้างล่ะม่อน
เพราะฉะนั้น สอบเป็นอย่างไรบ้างล่ะม่อน ต้องมาแน่!

“ดีครับ” ม่อนแจ่มเขมือบทอดมันกุ้งแล้วเอ่ยตอบ “ม่อนว่าพอทำได้ครับคุณพ่อ”
นายพจน์พยักหน้าบางๆ ส่งเสียง ‘อืม’ ในลำคอ
แล้วก็แค่นั้น..
ม่อนแจ่มเกือบจะหลุดขำ บิดาเขาเป็นคนพูดน้อย ท่านถนัดแต่ทำงาน กลับบ้านก็อ่านหนังสือ เข้านอนแต่หัวค่ำ
ท่านพูดน้อยมากจริงๆ เพราะฉะนั้น ที่อุตส่าห์ถามนี่ เขาก็ต้องขอบคุณแล้ว!
ม่อนแจ่มเผลอมองใบหน้าคมนิ่งของบิดา สีหน้าเรียบเฉยนั้นไม่แสดงความรู้สึกใด ชั่งขัดกับดวงตาที่เปี่ยมความปราณีคู่นั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์..

ม่อนแจ่มก้มหน้าลง ซ่อนรอยยิ้มน้อยๆเอาไว้
นี่ถ้าอยู่ที่หอ เขาก็ไม่สงสัยเลยว่าลักษณะท่าทางแบบนี้จะเป็นของใคร..
นั่นสินะ.. รู้แล้วว่าทำไมถึงคุ้น..

        ‘เราเคยเจอกันมาก่อนไหม’
        ‘ไม่’
        ‘จริงเหรอ’
       ‘กูไม่เคยโกหก’


ม่อนแจ่มไม่อยากเชื่อว่าในโลกนี้จะมีใครไม่เคยโกหก
เหตุผล สถานการณ์ ปัจจัยให้ต้องโกหกในแต่ละวันมีเยอะแยะไปหมด จะเป็นไปได้หรือที่ใครสักคนจะไม่เคยโกหกเลย
แต่ก็คงเหมือนความกล้าหาญ ในเมื่อคนบางคนมีความกล้าหาญมากพอที่จะไม่กลัวอะไรเลยได้ ก็คงมีความซื่อสัตย์มากพอที่จะไม่โกหกเลยได้เช่นกัน
อย่างน้อย ในเรื่องที่ไม่เคยเจอกัน เจ้าของเสียงเข้มนั้นก็ไม่ได้โกหก เพราะเราไม่เคยเจอกันจริงๆนั่นแหละ
 
“ม่อน..”
“ม่อน?”
“ม่อน!”

เย้ย!
“คะ..ครับ คุณพ่อ” คนถูกเรียกสะดุ้งโหยง หลุดจากห้วงความคิด
“เป็นอะไรไป?” นายพจน์เลิกคิ้วให้บุตรชายที่มองเขาค้างอยู่หลายนาที
“ปละ.. เปล่าครับ” ม่อนแจ่มส่ายหน้าดิก เพิ่งรู้สึกตัวว่ามองไปทางบิดานานเกินไปแล้ว
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“แหะๆ ไม่มี ..ไม่มีครับคุณพ่อ”
ม่อนแจ่มหลบสายตา
บ้าจริง.. ไม่ถึงวันก็คิดถึงขนาดนี้เสียแล้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

             “เพิ่งสอบเสร็จ ไม่พักผ่อนก่อนหรือพชร?”
เพชรลดาเอ่ยกับลูกชายอย่างห่วงใย พชรยิ้มตอบนิดหนึ่ง “ไม่เป็นไรครับ ผมกลับช้า”
ร่างกำยำจอดมอเตอร์ไซค์ใต้ถุนบ้าน กำกุญแจไว้หลวมๆ ก้าวยาวๆขึ้นมาบนบ้าน นั่งลงที่โต๊ะประจำเพื่อตรวจสอบบัญชีของเดือนนี้
“บิลของวันนี้ครับคุณพชร พอดีเพิ่งมาส่งตอนสี่โมง ผมเลยยังไม่ได้ใส่ไว้ในสมุด”
ชายร่างเล็กวางแผ่นกระดาษลงบนโต๊ะ พลางยิ้มให้เจ้านายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ” พชรเงยหน้าขึ้น มองคนงานคนสนิทที่คุ้นเคย “..ลุงแสง”
หน้าเรียวทว่ากร้านแดดพยักรับ ใบหน้าที่แม้เหน็ดเหนื่อยกับงานมีรอยยิ้มเป็นนิจ ดวงตาภายในกรอบแว่นดำเป็นประกายอยู่ในทีเหมือนที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก..

ดวงตาแบบนี้.. รอยยิ้มเช่นนี้..

“คุณพชร..”

“คุณพชรครับ?”

“ครับ ครับ!” คนถูกเรียกสะดุ้งน้อยๆ ขณะตอบรับ “ครับลุงแสง”
“คุณพชรเป็นอะไรหรือเปล่า” หนุ่มใหญ่เลิกคิ้ว “มีตรงไหนมีปัญหาหรือครับ”
“ไม่มีครับ” หน้าคมส่ายน้อยๆ ลอบถอนหายใจเครียดๆ ก้มลงพิจตัวเลขต่อไปจนแล้วเสร็จ..

            เวิ้งฟ้าสวนเพชรหละปูนดารดาษด้วยดวงดาวเช่นที่เป็นมาเสมอในคืนเดือนแรม
ร่างสูงนอนบนท่อนแขนตัวเองภายในเต็นท์ใหญ่ที่กางไว้บนระเบียงกว้าง แสงดาวลอดผ่านม่านตาข่ายโปร่ง
แขนอีกข้างยกขึ้น แผ่นกระดาษสีหม่นอยู่ในมือ สายตามองลายเส้นในภาพนั้น..
ภาพชายหนุ่มกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปลำพูน ..ระยะทางอีก 35 กิโลเมตร ..ป้ายยังบอกให้ขี่ด้วยความระมัดระวังอีกด้วย
ภาพกำกับชื่อคนวาด ‘Mon Cham of Mechanical Engineering’

          ‘มึงจะได้ไม่ลืมกู..’

ถ้อยคำนั้นทวนซ้ำอยู่ในความคำนึง
ลืมอย่างนั้นหรือ? พชรถอนหายใจยาว เอาแค่เลิกคิดถึงตลอดเวลาให้ได้เสียก่อนเถอะ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เรื่อยๆ มาเรียงๆ
ขอบคุณสำหรับการติดตามเช่นเคยครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 12-06-2016 19:22:16
ชอบอ่านมากเหมือนเดิมค่ะ ตอนนี้ยังหวานอยู่ยังไม่มีดราม่า เหมาะกับวันอาทิตย์แบบนี้ดีค่ะ การเฝ้าว้าวุ่นวนเวียนของพชรน่ารักจัง การห่างกันไม่ถึงวันเขียนออกมาให้ความรู้สึกคิดถึงตามไปด้วยเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 12-06-2016 19:25:19
ม่อนน่ารัก วาดภาพไว้ให้คิดถึง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-06-2016 19:31:32
กอดหนูม่อนนน
กอดคนแต่งงงง
เป็นกำลังใจให้ และรอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 12-06-2016 19:33:42
ต่างคนต่างคิดถึง ปิดเทอมตั้งเดือนกลับไปเจอกันจะเป็นยังไงนี่
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 12-06-2016 20:33:30
ถึงม่อนแจ่มจะไม่วาดภาพแทนใจให้
อีกคนเค้าก็ไม่ลืมหรอกค่ะ
่น่ารักกันจริงๆ เลย  :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 12-06-2016 21:47:56
"เอาแค่เลิกคิดถึงตลอดเวลาให้ได้ก่อน .. อย่าเพิ่งข้ามไปคิดว่าจะลืมกัน" แย่แล้ว..รูมเมทปรัชญาของม่อนแจ่ม  ... เหมือนพชร จะเริ่มรู้ตัวแล้วนะ ว่าแว่นแดง ชักมีอิทธิพลกับความรู้สึกของตัวเองมากเกินรูมเมทแล้ว มีแอบขับรถกลับมาด้วย แอร๊ยยยยย เขาอยากจะกรี๊ดดด น่ารักอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 12-06-2016 22:25:58
 :กอด1:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-06-2016 22:58:42
ลุงแสง มีรอยยิ้มเหมือน ม่อนแจ่ม แว่นแดงสินะ
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 12-06-2016 23:13:56
เอฟซีม่อนม่อน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 12-06-2016 23:30:47
นังม่อน
2นาทีที่ขอพชร ชั้นนึกว่าแกจะนั่งจ้องเขาไม่ให้ตัวเองลืมเสียอีก
ร้ายนะยะ กลายเป็นกลัวเขาลืมแก หมั่นไส้มากกกกกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Vermouth ที่ 13-06-2016 00:35:59
ชอบมากกกก ชอบฟีลลิ่งของเรื่องนี้มากกกกกก มันหวานปนอึดอัดอยู่ในที มันไปเรื่อยๆ แต่มีการไต่ระดับของความรู้สึก ต้องชมคนเขียนเลยว่าเขียนดีมาก เขียนสลับฉากม่อนแจ่มกับพชรแบบ parallel กัน ยิ่งเน้นย้ำความรู้สึกของทั้งคู่ มันดีงามมาก แค่เค้าคิดถึงกันก็เขินแล้ว คนเขียนสุดยอดมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 13-06-2016 00:55:49
ฮืออออออ.... อ่านตอนปิดเทอม นี้อยากเปิดเทอมเลยทีเดียว  ปีหน้าอยู่หอในอีก จะซึมซับความเป็นเด็กหอไว้.... อยากได้เมทเป็นแฟนบ้างจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: FHUNWHAN ที่ 13-06-2016 02:04:34
พชร.. ชีวิตนายก็เริ่มถูกแทรกแซงโดยม่อนแล้วใช่มั้ยล่ะ

ส่วนม่อน.. ร้ายกาจไม่เบานะนาย 2 นาทีนี้คงทำพชรทรมานเพราะคิดถึงไปอีกนาน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 13-06-2016 12:10:14
กัดปากเขินแทน เรื่องนี้ไม่เกรียนนะ เรื่องนี้น่ารักมากเลยยยยยยย ทำไมถึงเลี้ยงม่อนแจ่มมาได้แบ๊วขนาดนี้นะค้าาา ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 13-06-2016 13:37:20
พึ่งเข้ามาติดตามค่าาาาา หนุกหนานนน ติดหนึบบบ
อ่านรัวๆสิบกว่าตอนยังรู้สึกไม่เพียงพอ ฮืออออ
ม่อนน่ารัก ใครๆอยู่ด้วยก็คงชอบนะ พชรยังต้องเผลอใจเลย หง่อววว
พชรใจดีนะ ยิ่งกับม่อนนี่โอ้ยยย ดูแล เป็นห่วงเป็นใย
ดังนั้น มีปัญหาอะไรก็อย่าโหดร้ายเกินไปนักนะพชร ใจดีกับม่อนด้วยนะ
ปมครอบครัวนี่น่าจะทำให้เจ็บปวดทั้งคู่ เฮ้ออออ
เอาเป็นว่าจะทำอะไรก็ขอให้ทั้งสองคนตัดสินใจดีๆเนอะ
'เอาแค่เลิกคิดถึงตลอดเวลาให้ได้ก่อนเถอะ' ประโยคนี้ของพชรนี่คือแบบ โอ้ยยยยยย
หวั่นไหวววว หวั่นไหวไปอีกค่าาา เขินแทนม่อน 55555555
ต่างคนต่างคิดถึงกัน สู้ๆนะพชรม่อนแจ่มมม
สู้ๆค่าคนเขียนนน รอติดตามต่อค่าาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 14-06-2016 10:33:05
อูยยยยยยยยยยยย มันมีความห่วงหาเกิดขึ้นในใจของแต่ละคน  :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-06-2016 11:40:39
ม่อนแจ่มน่ารัก น่าฟัดสุด ๆ
ทำไมรู้สึกว่าบางที (บางทีนะ) พ่อของม่อนแจ่มอาจจะเป็นลุงแสงของพชร ขณะที่พ่อของพชรเป็นพ่อ(คนปัจจุบัน)ของม่อนแจ่ม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-06-2016 14:04:53
ขำพชร ในที่สุดก็ดิ้นไม่หลุดติดบ่วงม่อนแจ่มจนได้ เด็กน่ารักไม่รักได้ไงเนาะ

ทั้งอาจารย์และนักศึกษาปรัชญามีความเกรียนสูงมาก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 12/6/59 CH.12 Remember to Never Forget P.5
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 15-06-2016 18:26:50

โถ พชร ไอ้คนซึน /ชี้หน้า
ความซึนอย่างหาที่ติไม่ได้
ความซึนแบบพระเอกเรื่องไหนก็ไม่สู้
เห้ออออ /ถอนหายใจหนักหน่วง

พชรกำลังเลี่ยงฟังเสียงจากหัวใจตัวเอง
ไม่รู้ว่าเพราะทิฐิของตัวเองหรือเพราะอคติเพราะเป็นลูกของผู้หญิงที่ทำให้พ่อทิ้งแม่ตัว
แต่ม่อนแจ่มนี่ยอมหมดทุกอย่างแล้ว
คนที่ทะนงตน ทะเยอทะยาน กลับเรียกหาแต่พชร คนที่น่าสงสารที่สุดคงเป็นตาม่อนเนี่ยแหละ
ถ้ารู้ความจริงเรื่องพ่อ เรื่องแม่ตัว เรื่องพชร เรื่องแม่ของพชร แถมตอนนี้ยังเพิ่มตัวละครลุงแสงเข้ามาอีก นี่เริ่มเอนเอียงแล้วนะว่าลุงแสงคนนี้มีอะไรเกี่ยวกับม่อนแจ่ม เพราะไม่งั้นแค่เห็นหน้าลุงแสงแล้ว ทำไมพชรต้องบอกว่ามีดวงตา รอยยิ้มแบบเดียวกันด้วย
(เอ๊ะ รึฉันมโน :katai4:)

นี่อยากรู้ตอนที่ม่อนแจ่มรู้ความจริงมาก
อยากเห็นตอนพีคสุด
อยากเห็นว่ามันจะเหมือนที่เราคิดไว้ไหม
คนอื่นอาจมองว่าม่อนแจ่มเป็นคนเข้มแข็ง
นี่เห็นด้วยนะ แต่เข้มแข็งของเราคือมีรอยร้าวรอวันแตกกระจายอยู่เต็มตัวของม่อนแจ่มทั้งตัวทั้งใจ
ที่เราคิดไว้คือความสูญเสีย ไม่ใช่ความตาย แต่เป็นการสูญเสียตัวตน สูญเสียจิตใจ กลับสู่ความเป็นศูนย์ และพชรจะทำยังไง จะเอาม่อนแจ่มกลับคืนมายังไง นี่แหละที่เราอยากเห็น อุอิ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 19-06-2016 00:37:43
CHAPTER 13: In Loving Memory

          อากาศยามเช้าสดชื่นเหลือใจ ลมโบกแผ่วๆ หยดน้ำค้างเกาะพราวบนยอดหญ้า
เสียงขับขานเจื้อยแจ้วรับอรุณที่ส่งลงมาจากต้นสักใหญ่ในบริเวณสวนฟังราวกับเสียงดนตรีบรรเลงแสนไพเราะ
ตราบใดที่มีต้นไม้ ก็จะมีนก.. นี่คือความจริงที่จู่ๆก็ตระหนักได้
นกอยู่บนต้นไม้.. ก็รู้ ก็เห็น ก็คุ้นชินกับความสัมพันธ์ในธรรมชาตินี้มาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่า อะไรบางอย่าง แม้ประสาทสัมผัสรับรู้นานแล้ว คนเราอาจเพิ่งได้คิดถึงมันอย่างเป็นระบบเอาเมื่อขณะใดขณะหนึ่งก็เป็นได้
เอ.. ดูงงๆ คล้ายๆปรัชญาแฮะ ไว้ม่อนแจ่มจะลองพูดให้พชรฟังบ้าง ดูซิ รูมเมทปรัชญาจะว่าอย่างไร (ในกรณีที่พชรจะสนใจฟัง)

         “วันนี้ตื่นเช้าจังเลยคะ คุณม่อน”
ร่างเล็กหันกลับมาสบสายตาเจ้าของเสียง “อรุณสวัสดิ์ครับป้าเพ็ญ!”
สาวใหญ่ร่างอวบยิ้มตอบรับ เลิกคิ้วน้อยๆ “ลงมาทำอะไรแต่เช้าคะ?”
ลงมาทำอะไรหรือ?
ไม่รู้สิ..
คงจะ..
“มาดูต้นไม้ครับ”
“ดูต้นไม้หรือคะ?” เพ็ญมาศขมวดคิ้ว “มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าเอ่ย”
ม่อนแจ่มส่ายหน้าดิก อมยิ้มนิดๆ
ไม่มีอะไรพิเศษหรอก.. วันนี้ก็แค่วันธรรมดาๆวันหนึ่ง
แค่อีกวันที่เขาคิดถึงใครอีกคนและไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่าการ ‘ดูต้นไม้’
ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร.. แต่ต้นไม้ทำให้ม่อนแจ่มคิดถึงพชร
โดยเฉพาะต้นสักสูงใหญ่แข็งแรงที่ปลูกอยู่ในลานบ้านเบื้องหน้านี้
ใบสีเขียวสดของมันทำให้ม่อนแจ่มรู้สึกว่าต้นสักช่างใจดี
สีเขียวเป็นสีแห่งความเมตตากรุณาหรือเปล่านะ? ไม่รู้สิ.. แต่ม่อนแจ่มรู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้น

           “ตั้งแต่ม่อนโตมา ม่อนก็เห็นต้นสักต้นนี้ตลอดเลยครับ”
เสียงเล็กชวนคุย ร่างอวบจึงย่างเท้ามาใกล้
“ค่ะ คุณท่านเป็นคนปลูกเอง”
“จริงหรือครับ” ม่อนแจ่มสนเท่ห์
คุณพ่อเป็นนักธุรกิจมือสะอาดและชาญฉลาดนัก แต่ม่อนแจ่มไม่ยักรู้ว่าท่านชอบปลูกต้นไม้ด้วย
“จริงค่ะ” ใบหน้ากลมขาวผ่องพยักรับ “คงเกือบยี่สิบปีมาแล้ว เพราะเท่าๆอายุคุณม่อนนั่นล่ะค่ะ ปลูกคู่กับต้นลำไยต้นนั้น”
ม่อนแจ่มมองตามสายตาป้าเพ็ญไป “แต่ลำไยต้นนั้นไม่เคยออกผลเลยนะครับ”
ไม่แม้แต่ออกดอก.. ม่อนแจ่มอยากจะเสริม
“ก็จริงค่ะ” ป้าเพ็ญพยักหน้ารับอีกครั้ง “เราคงไม่รู้วิธีดูแลมันกระมังคะ”
อ๋า..
“ม่อนรู้จักคนที่ทำสวนผลไม้ครับ!” ม่อนแจ่มตาเป็นประกายระยิบระยับ (ยิ่งกว่าปกติ)
“ไว้ม่อนถามเขามาให้นะครับ เขาต้องรู้วิธีดูแลต้นลำไยแน่นอน!”
ป้าเพ็ญเลิกคิ้ว สักพักก็หรี่ตาลง “คนนั้นคือ.. รูมเมทปรัชญาที่ไม่ชอบขี้หน้าคุณม่อนอีกใช่ไหมคะ”
ม่อนแจ่มพยักหน้าหงึกหงัก แก้มขึ้นสีจางๆ “แหม.. ก็เผื่อเราจะได้กินลำไยจากต้นที่บ้านเราบ้างไงครับ”
ได้กินลำไยหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นหรอก ม่อนแจ่มคิดยิ้มๆ ได้มีเรื่องคุยกับคนปลูกลำไย ..นั่นต่างหากที่สำคัญ
แต่ก็นั่นแหละ.. ไม่รู้พชรจะตอบกลับมาแค่ไหน
อืม.. แต่ถ้าเป็นเรื่องต้นไม้ พชรอาจจะอยากตอบก็ได้
ต้นไม้กับพชร
พชรกับสีเขียว
..ดูเข้ากันดีจัง..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         “อร๊อย อร่อย ล๊ำ ลำ อิอิ”
ม่อนแจ่มชื่นชมข้าวต้มกุ้งเสียงแจ๋ว มาครบทั้งภาษาไทยกลางและคำเมือง ทำเอาป้าเพ็ญยิ้มกว้างขณะวางแก้วนมร้อนลงบนโต๊ะให้
“ปากหวานจริงๆนะคะ”
สองคนสองวัยหัวเราะกันคิกคัก กระทั่งร่างกำยำเดินมาที่โต๊ะ
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณพ่อ” ม่อนแจ่มทักทาย เลิกคิ้วน้อยๆเมื่อเห็นบิดาใส่ชุดธรรมดาๆอยู่กับบ้าน
แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันอาทิตย์ ทว่า ปกติท่านจะเข้าบริษัทเสมอ ท่านเป็นคนจริงจังกับงาน ไม่ค่อยว่าง หรืออีกนัยหนึ่ง ดูเหมือนท่านจะไม่เคยปล่อยให้ตัวเองว่างเลย
ต่อไป เขาจะขยันขันแข็งได้อย่างบิดาไหมนะ.. ม่อนแจ่มยังสงสัย

         “ม่อนทานล่วงหน้าไปก่อนเลย ขอโทษนะครับ”
นายพจน์พยักหน้าอย่างไม่ถือสา ส่วนใหญ่มื้อเช้า ไม่ได้ทานพร้อมกันอยู่แล้ว แล้วแต่ใครจะลงมาก่อน
“วันนี้ คุณพ่อไม่เข้าบริษัทหรือครับ?”
นายพจน์ส่ายหน้าน้อยๆ “วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย คงต้องพักสักวัน”
“คุณพ่อเป็นอะไรครับ ไปหาหมอไหมครับ มีอะไรให้ม่อนช่วยไหม แล้ว.. ทานยาหรือยังครับ”
นายพจน์มองบุตรชาย นึกยิ้มในความห่วงใยนั้น “ไม่เป็นไรหรอก พักสักนิดก็หาย”
“ม่อนไปหยิบยาลดไข้มาให้ดีกว่านะครับ คุณพ่อไอหรือเจ็บคอด้วยไหมครับ”
“แค่พาราฯธรรมดาก็พอ” นายพจน์ตอบรับ
“ป้าไปเอาให้เองค่ะ คุณม่อนนั่งคุยกับคุณท่านเถอะค่ะ”
เพราะโอกาสยากนักที่ทั้งสองจะได้พูดคุย ไม่ว่าจะด้วยเหตุที่นายพจน์ไม่ค่อยมีเวลาหรือนายพจน์ไม่ค่อยพูดก็ตาม

            “ปิดเทอม ม่อนว่างหลายวัน” เสียงเล็กค่อยๆเอ่ย
“ถ้าคุณพ่อมีงานอะไรที่ม่อนพอจะช่วยได้ ม่อนยินดีนะครับ”
นายพจน์พยักหน้า
แน่อยู่แล้ว.. ในเรื่องงาน เขาจำเป็นต้องให้บุตรชายเตรียมตัว ศึกษา เรียนรู้ ..ในฐานะทายาทประดิษฐาพงษ์
“พรุ่งนี้ เข้าบริษัทพร้อมกับพ่อก็แล้วกัน อ่านรายงานผลนวัตกรรมถนอมอาหารที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาฯ นี่ครบระยะประเมินพอดี”
“ครับ คุณพ่อ” ม่อนแจ่มรับคำ พร้อมเสมอที่จะช่วยเหลืองานของบิดา
นายพจน์พอใจ ..ดีแล้ว ม่อนแจ่มเชื่อฟังเขาเสมอ แต่.. ม่อนแจ่มมองเขาค้างอยู่อีกแล้วสิ
“ม่อน?”
“อะ.. ครับ คุณพ่อ..”
นายพจน์มองสบดวงตาสีน้ำตาลอย่างลังเล
เขาไม่ค่อยได้สังเกตอะไรนัก แต่ดูเหมือนบุตรชายมีอะไรบางอย่างในใจ ..หรือเปล่านะ?
ในแววตามีสิ่งที่นายพจน์ไม่ใคร่เข้าใจ เขาตระหนักว่าแม้จะอยู่บ้านเดียวกัน พาออกงานด้วยกันหลายครา พาไปบริษัทในยามปิดเทอม แต่ในเรื่องส่วนตัว เขาพูดคุยกับเด็กหนุ่มน้อยมาก ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยก็ยังไม่เคยได้หาเวลาไปเยี่ยมที่หอพักเลยสักครั้ง

          “อืม..” เสียงเข้มพยายามหาคำพูด
“ม่อนอยู่หอมาเทอมหนึ่งแล้ว พ่อยังไม่เคยไปเยี่ยม ขอโทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรเลยครับคุณพ่อ ม่อนกลับมาบ้านเองได้”
ลูกชายทำหน้าเกรงใจราวกับว่าการไปเยี่ยมเจ้าตัวจะทำให้นายพจน์ลำบากลำบนราวกับต้องเดินทางข้ามจังหวัดหรืออะไรทำนองนั้น และนั่นก็ทำให้นายพจน์ที่แม้จะไม่มีอารมณ์ขัน ก็ต้องขำออกจนได้อย่างเอ็นดู
เขาพยักหน้าน้อยๆให้บุตรชาย ก่อนแยกไปนั่งทานกาแฟที่ห้องนั่งเล่นเหมือนทุกๆวัน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

‘วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร หรือวัดหลวง ศูนย์ฮวมใจ๋ของจาวหละปูน
เป๋นพระอารามหลวงจั้นเอก ตั้งอยู่ตี๊ตำบลในเมือง อำเภอเมืองหละปูน
อยู่กู้บ้านกู้เมืองหละปูนมากว่าพันปี๋ ซึ่งแต่เดิมจื้อเมืองหริภุญไชย..’

สารคดีทางโทรทัศน์ดำเนินไปเช่นนั้น..
เปิดมาเจอโดยบังเอิญและนั่นก็ทำให้นายพจน์หลงลืมแก้วกาแฟ
ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองเข้าไปในจออย่างโหยหา..
โหยหาใครสักคนที่มาจากดินแดนนั้น ..หริภุญไชย..

          “โอ๊ะ ขอโทษค่ะ!”
“แย่จริงๆเลยลดา รู้ไหมว่าเธอชนใคร เฮ้อ!”
“สูมาเต๊ะเจ้า! ขอโทษ ขอโทษจริงๆค่ะ”
“อภัยเด็กมันด้วยนะคะคุณพจน์ เพิ่งมาทำงานวันแรกเองค่ะ”
“ขอโทษจริงๆค่ะ อย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ ฉันจะตั้งใจกับงานอย่างดีที่สุดค่ะ”


อาการก้มหัวรัวๆอย่างขออภัย ดวงตาใสไร้เดียงสาที่หวั่นกลัว ทำให้นายพจน์ต้องจ้องมองซ้ำแล้วซ้ำอีก
ผู้หญิงอะไรสดใสน่ารักถึงเพียงนี้..
แล้วแค่วิ่งมาชนเขา เพราะรีบเข้างานในฝ่ายตัวเอง ไม่ได้เป็นความผิดร้ายแรงขนาดโดนไล่ออกหรอกน่า
นายพจน์อยากจะบอกให้เธอสบายใจ ทว่า ร่างเล็กปราดเปรียวนั้นก้าวเร็วๆจากไปแล้ว
รอยยิ้มแต้มมุมปากน้อยๆ ..And that’s how it all started


            “พจน์ต้องแต่งงานกับหนูระมิงค์ นี่เป็นเรื่องของธุรกิจ กิจการนั้นกำลังจะไม่รอด
ถ้าเราเข้าไปตอนนี้ เท่ากับเราจะได้ทั้งหมด พ่อมีวิธีฟื้นตัว รวมเข้าเป็น PP Group”
“ผมบอกคุณพ่อแล้ว.. ผมมีลดา..”
“จะบ้าหรือไง นั่นพนักงานระดับล่าง นี่มันอนาคตของบริษัท เราเติบโตมาได้ด้วยเม็ดเงินจาก PP Group จะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้”
“ผมอยากคุยกับลดาก่อน ผม..”
“เธอลาออกไปแล้ว” เสียงบิดาห้วนขึ้นและตัดบท “ก็คงจะรู้ตัวนั่นแหละ ..ว่าไม่คู่ควร”


           พจน์ ประดิษฐาพงศ์ไม่ใช่คนเข้มแข็ง และก็เช่นกันที่จะ.. ไม่ใช่คนหัวดื้อ
ที่สุด ก็ต้องจำยอมตามนั้น แม้ว่าจะไม่เคย.. ไม่อาจ.. ตัดใจ..


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         ‘สวนเพชรหละปูน’
ป้ายไม้สักเก่าโทรม ตัวหนังสือลอกล่อนบ่งไว้เช่นนั้น..
เธออยู่ที่นี่ใช่ไหม? ข้างในซอยถนนลูกรังขรุขระนี้  มีเธออยู่ใช่ไหม ..ลดา

            แต่งงานแล้ว ..ก็ใช่
ทุกๆวัน ทำงานให้สมศักดิ์ศรีบุรุษประดิษฐาพงศ์ ตอบแทนทุกบุญคุณของบิดามารดา ..ก็ใช่
แต่.. แต่ละวัน เขาขอแค่สองชั่วโมง
สองชั่วโมงที่ขับรถไป-กลับ เชียงใหม่-แม่ทา
เพียงเพื่อแค่.. มาหยุดมองป้ายเก่าๆนี้เพียงไม่กี่นาที
เพราะ.. I love you  ..I’ve loved you all along


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “สมบอกว่าคุณขอขับรถเอง และออกจากบริษัทตั้งแต่สี่โมงเย็นทุกวัน”
ก็ใช่..
“คุณไปไหนมาหรือคะ”
นาฬิกาบอกเวลาสิบแปดนาฬิกา สามสิบนาที นายพจน์ไม่มีคำตอบและระมิงค์ก็ไม่ได้ต้องการ
“ฉันทราบว่าคุณไปไหน..”
“แค่ขอเวลาสองชั่วโมง ผมคิดว่า ..คงไม่น่าผิดอะไร”
เขาไม่ได้ทรยศต่อคู่สมรส อย่างน้อย.. ร่างกายก็ไม่
“ฉันเข้าใจค่ะ” ระมิงค์ไม่ได้อยากจะตำหนิ ทว่า..
“แต่ถ้าคุณยังไป สักวัน คุณก็ต้องเข้าไปหาเธอจนได้”
นายพจน์ได้แต่กลืนน้ำลาย ..ก็คงถูกของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
“เราอาจไม่ได้รักกันมาตั้งแต่แรกและอาจจะไม่มีวันรักเลย” หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยนิ่ง
“แต่ตอนนี้ฉันตั้งครรภ์”
นายพจน์เบิ่งตา ..เขาไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้ ..เวลาหนึ่งเดือนที่แต่งงานกันมา ยังไม่นานพอให้ทำใจ
“ฉันอยากให้แกมีครอบครัวที่อบอุ่น” มือเรียวทาบไว้กับหน้าท้องตนเอง
“เพราะฉะนั้น ฉันขอร้องให้คุณหยุดไปลำพูน ฉันต้องการให้คุณเป็นพ่อที่ดีของ ..ลูก”
..
“ได้โปรด.. เป็นพ่อที่ดีของลูกให้ฉันด้วย”


ดวงตาสีเข้มคลอด้วยหยดน้ำตา..
ไม่ต้องการให้เห็นใจ ไม่วอนขอการอภัย ไม่ตำหนิใคร แม้แต่บิดาผู้ล่วงลับ
ในห้วงคำนึงเพียงอื้ออึงด้วยคำขอโทษ ..ที่ไม่เคยมีโอกาสเอ่ยออกไป

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

              รายการทีวีนั้นดูเป็นเรื่องธรรมดา สารคดีท่องเที่ยวจังหวัดลำพูน ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับงานหรือธุรกิจ
ม่อนแจ่มไม่รู้ว่าทำไมบิดาถึงรับชมอย่างสนอกสนใจขนาดนั้น ดูเหมือนป้าเพ็ญก็สังเกตเห็นเช่นเดียวกัน
ร่างอวบเก็บแก้วกาแฟที่ยังไม่พร่องลงแม้แต่นิดพลางมองผู้เป็นนาย ลอบถอนหายใจน้อยๆ

ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว ไม่กล้าจะเข้าไปรบกวนบิดาอีก
ร่างเล็กเบนเข็มไปมองหาว่ามารดาอยู่ไหน ไม่รู้ลงมาจากห้องนอนหรือยัง
แล้วก็เป็นโต๊ะน้ำชาริมระเบียงนั่นเอง ที่เธอนั่งอยู่..
มารดาแหงนหน้าขึ้นเบื้องบน มองค้างเหมือนเหม่อคิดอะไรอยู่ สีหน้ามีร่องรอยความกังวลใกล้เคียงกับเมื่อคืน ทั้งที่ ตามปกติ ท่านจะยิ้มหวานและอารมณ์ดีเสมอเมื่อได้เจอม่อนแจ่ม ชักจะห่วงใยแล้วสิ ที่สุด ขาเรียวก็ก้าวไปค่อยๆทรุดนั่งลงข้างๆ

          “คุณแม่ครับ?”
“อ๊ะ!” ระมิงค์ผงะอย่างตกใจ แต่แล้วเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร เธอก็ปรับท่าที
“อ้าว.. เอ่อ.. ม่อนน่ะเอง ทานข้าวแล้วหรือจ้ะ”
“อะ..” ม่อนแจ่มงุนงง “ม่อนขอโทษครับ ม่อนทำให้คุณแม่ตกใจหรือครับ”
“เปล่าจ้ะ เปล่า” มือขาวรีบจับมือลูกชายไว้
เธอไม่นึกว่าจะเป็นม่อน เธอนึกว่า..
ระมิงค์ลอบถอนหายใจ หลายเดือนมาแล้วที่เผชิญหน้ากับสามีอย่างหวาดหวั่น นึกวาดภาพเขาเดินเข้ามาและ..
ทว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สามีไม่เคยเอ่ยสิ่งอื่นใด นอกเหนือไปจากเรื่องงาน เช่นที่เป็นปกติ
แม้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่ก็ดีแล้ว บางที.. เธออาจไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย เด็กคนนั้นอาจไม่กล้าพอที่จะ..

           “คุณแม่ไม่ทานข้าวหรือครับ” ม่อนแจ่มประสานมือตอบกลับมารดา ส่งรอยยิ้มสดใสให้
“แค่ชากับขนมปังพอแล้วจ้ะ” แม้ในภาวะนี้ ระมิงค์ก็อดจะยิ้มตอบไม่ได้ ใครจะไม่ยิ้มตอบรอยยิ้มนี้ได้กัน?
ดวงตาพิศมองลูกชาย โครงหน้าที่จำได้เด่นออกมาจากรายละเอียดอื่นๆ
ม่อนแจ่มโตเป็นเด็กหนุ่มแล้ว
‘เด็กหนุ่ม’ ..พยายามแล้ว แต่เธอก็อดนึกถึงเด็กหนุ่มอีกคนไม่ได้
คนที่เธอพยายามทำให้ตัวเองเชื่อว่าไม่มีอยู่.. ไม่คิดว่าจะได้พบ..
แต่ก็พบกันแล้วหนึ่งครั้ง และ.. หวาดกลัวเหลือเกินหากต้องมีครั้งที่สอง

          “คุณไม่รู้หรือครับ”
แม้เป็นเพียงเด็กหนุ่ม อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบ แต่น้ำเสียงช่างก้องกังวานไม่ต่างจากผู้ใหญ่เต็มตัว
“ขับไล่ภรรยาที่อุ้มท้องลูกของคนที่คุณจะแต่งงานด้วย พูดจาดูถูก ใช้เศษเงินฟาดหัว ..เรื่องนี้คุณไม่รู้หรือครับ”
ระมิงค์กลืนน้ำลาย ความทรงจำในอดีตหวนกลับคืนมาอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอบอกอีกเรื่องหนึ่ง บางทีเรื่องนี้ คุณอาจจะรู้บ้าง..”
เธอเงยหน้าสบดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น และก็เพียงเพื่อจะได้ยินคำเดียวสั้นๆ ที่ไม่คิดว่าจะได้ยินอีกแล้วในชีวิตนี้
..
“แสงรวี”


ระมิงค์ได้แต่กัดฟัน ไม่อาจพูดอะไร เพียงคว้าตัวลูกชายมาโอบกอดไว้หนักๆ
น้ำตาพาลจะเอ่อไหล หวังได้รับการอภัย.. หวังได้รับการปลอบใจ..

          “ไม่รู้หรือไงว่ากิจการกำลังจะเจ๊งอยู่แล้ว ถ้าไม่ยอมแต่งกับพจน์ ประดิษฐาพงศ์ ก็วิบัติไปด้วยกันนี่แหละ”
“พ่อ.. หนูทราบมาว่าคุณพจน์มีคนรักอยู่แล้ว แล้วหนูเองก็ท้อง หนูท้องกับ..”
“อย่าพูดถึงพนักงานบัญชีกระจอกนั่น จะให้พ่อกับแม่อับอายไปถึงไหน!”
“คุณพ่อ..”
“แล้วถ้ายังขืนดื้อดึงจะหนีตามกันไป ฉันไม่เอามันไว้แน่!”
“แต่หนูรัก..”
“รัก? มันกินเข้าไปได้หรือรัก นึกถึงตัวเอง นึกถึงลูก นึกถึงครอบครัว และพนักงานเป็นร้อยๆบ้างสิมิ้งค์
ลูกที่จะเกิดมา จะให้เขาไปลำบากหรือจะให้เขาสบาย ก็เลือกเอา เลือกว่าจะให้พ่อของลูกเป็นใคร!”


           ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นคนใจร้ายได้อย่างนั้น แต่ระมิงค์ก็ได้เพียงทำลงไป
เห็นแก่ตัวเอง เห็นแก่ครอบครัว เห็นแก่ความอยู่รอดของกิจการ..   

           “ฉันกำลังจะแต่งงานกับคุณพจน์ การ์ดแต่งงานพิมพ์แล้ว ทุกอย่างตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”
มือเรียววางกระดาษสีมุกลงบนโต๊ะ
“แต่..” ผู้หญิงหน้าตาซื่อใสตั้งท่าจะค้าน การ์ดแต่งงานที่หยิบไปดูในมือสั่นไหว
ระมิงค์ได้แต่เอ่ยออกไป.. “ฉันท้องกับคุณพจน์”
“ไม่จริง..”
“ฉันบอกแล้วไงว่างานแต่งงานถูกตระเตรียมไว้หมดแล้ว เธอคิดว่าคุณพจน์จะยอมแต่งหรือ ถ้าฉันไม่ได้ท้องกับเขาจริง..”
เธอวางเอกสารฝากครรภ์ไว้บนโต๊ะ สาวน้อยนาม ‘เพชรลดา’ นิ่งอึ้ง
“เธอลองคิดดู..” ระมิงค์กลืนน้ำลาย เอ่ยออกไปให้หนักแน่นที่สุด
“ใครที่จะเป็นภรรยาอย่างเต็มภาคภูมิของคุณพจน์ได้ดีกว่ากัน คนที่จะช่วยเกื้อหนุนธุรกิจของเขา เป็นหน้าเป็นตาให้เขา เธอ ..หรือฉัน”
เพชรลดาซึ่งเป็นพนักงานเล็กๆใน PP Group หรือระมิงค์ ลูกสาวนักธุรกิจเพื่อนสนิทบิดาของคุณพจน์?
“แต่ฉัน..” มือเรียวลูบหน้าท้อง “ฉันก็ท้อง”
...
ระมิงค์เบิ่งตา
ไม่.. ไม่จริง ไม่จริงหรอก
ผู้หญิงคนนี้เพียงเรียกร้องความเห็นใจจากเธอ แต่เธอมาไกลเกินไป ..ไม่อาจกลับหลังได้
“เอานี่ไปก็แล้วกัน ฉันมีให้แค่นี้ สำหรับเธอกับลูก ..ถ้าสมมุติว่ามีจริงๆน่ะนะ”
เธอวางเช็คลงบนโต๊ะ พยายามลืมดวงตาซื่อใสที่ไม่มีแววหลอกลวงนั้น
บอกตัวเองว่านี่เป็นเรื่องโกหก ย้ำตัวเองว่าเพชรลดาเพียงแต่งเรื่องขึ้น ..แค่เพราะไม่อยากหลีกทาง
“ถ้าเธอรักคุณพจน์จริง เธอควรจะรู้ว่าผู้หญิงคนไหนจะทำให้ชีวิตเขารุ่งเรืองขึ้น”
ร่างเพรียวระหงในเครื่องแต่งกายงดงามลุกขึ้นยืน เน้นเสียงหนักที่สุดให้หญิงสาวตรงหน้ารู้สถานะตนเอง
“คนไหนจะทำให้เขาจมลง..”


          “ม่อนรักคุณแม่นะครับ..”
เสียงคนในอกพึมพำเบาๆ ฉุดเธอออกจากห้วงความทรงจำ
“รักษาสุขภาพด้วยนะ ม่อนกับคุณพ่อเป็นห่วง..”

คุณพ่อ..
ใช่สินะ พจน์ ประดิษฐาพงศ์ ..หล่อ ..รวย ..นิสัยดี คุณสมบัติทั้งหมดที่ควรค่าเป็นสามีและบิดาของบุตรชาย
พจน์ ประดิษฐาพงศ์ ..คู่สมรสของเธอ ..คู่แต่งงานของเธอ

          งานแต่งงานที่คงประหลาดที่สุดในโลก เพราะทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเมาแบบไม่สนใจใคร
เข้าหอแล้วก็มีความสัมพันธ์กันให้ผ่านพ้นไป สำหรับระมิงค์.. แค่เพื่อให้ม่อนแจ่มเป็นลูกนายพจน์ และ.. สำหรับนายพจน์ ก็เพียงแค่ให้มีทายาทตามที่ครอบครัวคาดหวัง แล้วมันก็เกิดแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในคืนวันแต่งงาน
น่าอายเหลือเกิน..

 
          “เช้านี้อากาศดีนะครับ” ม่อนแจ่มให้ความเห็น
ไม่ใช่แค่พูดไปอย่างนั้น ไม่ใช่แค่พูดส่งๆไปตามบรรยากาศ แต่น้ำเสียงจริงใจที่ได้ฟังทำให้เธอรู้สึกว่าเขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ
มันเป็นวิธีการพูดของม่อนแจ่ม พูดออกมาจากภายใน พูดจากใจแบบนี้เสมอ เขาปรารถนาจะให้คนฟังซึ่งก็คือเธอชื่นชมยินดีไปกับยามเช้านี้ด้วยกัน
ระมิงค์ละอ้อมแขนออกทั้งนึกขอบคุณ และเมื่อศีรษะเล็กเอี้ยวหันไปมองทางสวน จึงทำให้เธอตระหนักว่านั่นคือทิศตะวันออกเมื่อแสงสีส้มสว่างชัดเจนมาจากด้านนั้น
“แสงแดดอ่อนๆกำลังสบายเลยครับ ม่อนชอบ”
แสงแดดหรือ..
แสง..
“จ้ะ” ระมิงค์รับคำ มือเรียวลูบศีรษะเล็ก “แม่ก็ชอบ..”
รอยยิ้มสดใสแต้มเรียวปากบุตรชาย ดวงตาใสในกรอบแว่นแดงก็เหมือนจะยิ้มด้วย ยิ้มทั้งตา ยิ้มทั้งปาก
ระมิงค์หวังเหลือเกิน ..นี่จะเป็นรอยยิ้มอันไม่มีวันสิ้นสุด..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณสำหรับการติดตามเช่นเคย สวัสดีตอนเช้าไว้เลยครับ  :L2:
ไม่ดราม่าครับ เราไม่ดราม่า เราสายหวาน//กอดม่อนแรงๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 19-06-2016 01:01:42
ไม่อยากจะคิดถึงวันที่ม่อนรู้เลย
ม่อนจะยังยิ้มแบบนี้ได้อยู่ไหมนะ :mew6: :mew6:
ขอให้พชรอยู่ข้างๆ ม่อนนะ ข้างๆ แว่นแดงของพชร
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 19-06-2016 01:49:54
สุดท้ายคนที่น่าสงสารคงเป็นม่อน ขอให้ม่อนเข็มแข็ง วันที่รู้ความจริง ม่อนจะเป็นยังไงนะ แม่ของม่อนก็น่าสงสาร แม่ของเพชรผ่านความทุกข์ใจแสนสาหัสมาแล้ว เธอเข้มแข็ง แต่แม่ของม่อน ต้องทนทุกข์ใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเสียใจ ด้วยเหตุการณ์บังคับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-06-2016 02:10:01
ถ้าระมิงค์หรือพจน์เจ้าแผนการแล้วก็กล้าสักนิด คงหาทางให้สมหวังทั้งสองคนได้ ( :z3: คิดเป็นละครไปได้นะเรา)
แต่คิดอย่างนี้จริง ๆ นะ ถ้าตอนตกลงแต่งงานกันทีแรก ทั้งสองคนเปิดใจคุยกัน คงจะหาทางทำอะไรลับหลังผู้ปกครองได้แหละ
เพราะแต่ละคนก็มีคนที่ตัวเองรักอยู่แล้ว
ถ้าม่อนแจ่มรู้ความจริงไม่รู้ว่าจะเสียใจเรื่องไหนมากกว่ากันระหว่างการที่ตัวเองไม่ใช่ลูกของพจน์และการแต่งงานของพ่อแม่ไม่ได้เกิดจากความรัก กับการที่แม่ของตัวเองทำร้ายผู้หญิงที่ตั้งท้องลูกของว่าที่สามีอยู่ทั้งที่รู้ว่าไม่ถูกต้องก็ยังดึงดันจะทำ (ถึงจะบอกว่าถูกกดดันด้วยอะไรก็ตามแต่ คนเราย่อมมีสิทธิ์เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งไม่ได้มีแค่อย่างเดียวหรอก วิธีอื่นก็มีอีกเยอะ แต่ไม่ทำ)
ตอนนี้ก็ได้แต่รอว่าคนเขียนจะให้ออกมาในรูปไหน เอาใจช่วยให้เรื่องนี้ผ่านไปด้วยดี เพราะแต่ละคนก็ได้รับแผลใจโดยทั่วกัน (ไปมากบ้างน้อยบ้าง) ยกเว้นก็แต่รุ่นปู่ย่าตายายที่คงจะชิงลาโลกไปกันหมดแล้ว...ไม่ได้รับรู้เลยว่าได้สร้างผลงานน่าประทับใจ (ประชด) ให้รุ่นลูกหลานไว้มากขนาดไหน เฮ้อ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: FHUNWHAN ที่ 19-06-2016 02:38:44
ไม่ดราม่าเลยค่ะ ไม่ดราม่า .. /กำทิชชู่แน่น

กะแล้วว่าม่อนต้องไม่ใช่ลูกคุณพจน์
แถมคุณพจน์ก็ไม่รู้ด้วยเนี่ยสิ หนักไปกว่านั้นคือไม่รู้ด้วยว่ามีพชร..
เค้าลางความวุ่นวายและดราม่าเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ต่อไปพชรจะลงมือทำอะไรนะ ลุ้นๆ
แต่คนที่น่าสงสารที่สุดก็คงไม่พ้นม่อนน้อยอยู่ดี (โถ่..ลูก)

ขอพื้นที่บ่นงุ้งงิ้งให้รำคาญหูว่าคิดถึงพ่อหล่อกับพ่อน่ารักจัง
จะโผล่มาให้หายคิดถึงมั้ยน๊อ.. (บ่นคิดถึงเฉยๆ ห้ามไล่กลับไปอ่าน INDY in Love นะ555)
ตอนหน้าก็น่าจะดราม่ากว่านี้(รึเปล่า) อย่าหนักมากนะพี่เกรียนยังไม่อยากให้อ่างแก้วเค็ม 555

ฝนตก อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วย /สูดน้ำมูก
ด้วยรัก และ ความเกรียน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 19-06-2016 03:12:00
แล้วโลกของม่อนแจ่มจะสดใสอยู่หรือเปล่านะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 19-06-2016 04:51:59
เหมือนตอนนี้จะเล่าความจำเป็นของพ่อแม่ ซึ่งปูทางให้ทำใจกับความหน่วงที่จะตามมา รอค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-06-2016 05:30:25
แล้วพ่อตัวจริง (น่าจะเป็นลุงแสง) ของม่อนแจ่ม รู้มั้ยนะ
ว่าระมิงค์ท้องก่อนแต่งกับพจน์ ประดิษฐาพงศ์:katai1:
รออย่างใจจดใจจ่อ :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 19-06-2016 08:14:54
ตัวละครแต่คนน่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 19-06-2016 10:08:47
เย้!!! เราดีใจ ม่อนกับพชร ไม่ใช่พี่น้องพ่อ (แท้ๆ) เดียวกัน โล่งเลย ต่อไปจะดราม่ายังไงก็ไม่หวั่นละ มาเลย รับได้หมด ฮึบๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 19-06-2016 10:10:02
รุ่นพอแม่ก็น่าสงสารมากค่ะ ขับรถไปดูหน้าบ้านก็ยังดี เขียนบทนี้อ่านแล้วอินมากค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-06-2016 10:55:15
ปมนี้กว่าจะแก้กันได้ที คงได้มีปวดหัวกันไปข้าง 555

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
รักน้องม่อนม้ากกกมากกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 20-06-2016 02:49:00
อย่างน้อยทั้งคู่ก็ไม่ใช่พี่น้องกันแหละน้าาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 20-06-2016 08:27:38
ถ้ารู้เรื่อง ม่อนจะทำยังไง  :o12:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 20-06-2016 16:01:52
โอ้ยยย กอดม่อน แน่นๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 20-06-2016 21:16:45
 o13 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-06-2016 21:41:04
น้องม่อน ลูกกกก โอย ขอร้องล่ะ เก็บรอยยิ้มไว้กับเด็กคนนี้ทีอย่าได้พรากมันไป (อิแม่น้ำเน่ามาก)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 20-06-2016 23:53:40
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 21-06-2016 00:51:44
ม่อนน่ารัก อยากให้ม่อนยิ้มตลอดไปอะ พชรรรรร พชรต้องดูแลม่อนดี ๆ นะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 21-06-2016 13:12:11
คนที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยอย่างม่อนแจ่ม
ถ้ารู้เรื่องแล้วจะเป็นยังไงนะ
อยากรู้เร็วๆแล้วสิคะ :katai4:

เรื่องนี้ มีแต่คนน่าสงสาร
ส่วน พชร เราไม่รู้ว่าพชรต้องการจะทำอะไร
ไม่รู้ว่าเพชรลดาบอกลูกของเธอให้ทำอะไร
แค่อยากให้ลูกได้พบพ่อ หรือมีอะไรมากกว่านั้น
ส่วนระมิงค์ มีเหตุผลที่ทำไป แต่สุดท้ายคือยังไง จะจบแบบไหน เธอจะกล้าทำร้ายลูกตัวเองโดยการบอกความจริงหรือเปล่า หรือจะเติมเชื้อไฟให้พชรไปอีกเนี่ยสิ
รอ ร๊อ รอ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 19/6/59 CH.13 In Loving Memory P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 21-06-2016 19:46:44
สนุกมากเลยค่ะ พึ่งเข้ามาอ่าน ตอนแรกไม่ได้ดูชื่อผู้แต่ง ก็ว่าอยู่มีชื่อไอดิลออกมาคุ้นๆ 555555 คิดถึงไอหมอกคิดถึงไอดิล ม่อนแจ่มน่ารัก พชรก็อบอุ่นนะ แต่ปมดราม่าครอบครัวนี่อยากร้องไห้ สงสารทุกๆฝ่ายอ่ะ โดยเฉพาะม่อนแจ่ม ไม่อยากให้เด็กคนนี้เสียใจเลย ม่อนควรเหมาะกับรอยยิ้มไปนานๆ รอตอนต่อไปนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 26-06-2016 08:46:29
CHAPTER 14: Words to Keep

           แสงแดดยามเช้าตรู่ส่องลอดผ้าตาข่ายโปร่งเข้ามาแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ร่างกำยำรู้สึกตัว
สัมผัสแผ่วเบานี้ต่างหาก..

“หืม..” เสียงเข้มพึมพำทั้งงัวเงีย “ไปห้องน้ำหรือ..”
..
“หืม ไปห้องน้ำ?” อีกเสียงตอบกลับคล้ายๆกัน และนั่นทำให้คนนอนอยู่ก่อนปรือตาขึ้น
“แม่”
พชรยันตัวลุก จึงมองเห็นว่าเป็นมารดานั่นเองที่โผล่หน้าเข้ามาในเต้นท์ มือแตะลงบนหน้าผาก
“แม่เห็นพชรยังไม่ออกจากห้อง ก็เลยเข้ามาดู กลัวว่าจะไม่สบาย”
พชรเพ่งมองบรรยากาศภายนอก “สายมากแล้วหรือครับ”
เพชรลดาส่ายหน้า ถ้าว่ากันตามปกติ หกโมงครึ่งก็ยังไม่สายหรอก แต่สายผิดปกติสำหรับพชรที่มักจะออกจากห้องตอนตีห้าครึ่ง
ระหว่างที่ลูกชายยันตัวลุกอยู่นั่นเอง เธอจึงสังเกตเห็นบางอย่างร่วงลงมาจากแผ่นอก
กระดาษ?
มือเรียวที่หยาบกร้านจากการกรำงานหนักค่อยๆหยิบขึ้นมา

‘ลำพูน 35
Ride Carefully’

เพชรลดาเลิกคิ้วกับภาพชายบนรถมอเตอร์ไซค์สูงที่ดูท่าจะกำลังวิ่งบนถนนสู่จังหวัดลำพูนนั้น
จากบริบทแวดล้อม ดูอย่างไรก็คือพชร ลูกชายเธอนี่เอง มุมล่างขวากำกับข้อความที่คล้ายจะเป็นลายเซ็นคนวาด
“เดี๋ยวนี้หัดวาดการ์ตูนด้วยหรือ ดีจริง” เธอส่งกระดาษคืนให้ยิ้มๆ และมือแกร่งก็รับไป
ไม่ตอบรับ.. ไม่ปฏิเสธ..

“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก พชรดูไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่เลย ช่วงสอบคงจะอ่านหนังสือเยอะสิ แม่ขอโทษที่เข้ามากวน”
“ไม่เป็นไรครับ” พชรส่ายหน้า ยิ้มน้อยๆให้มารดา
เพชรลดายิ้มตอบกลับก่อนจะผละออกจากห้อง..
“ช่วงนี้อากาศหนาวนัก แม่ว่าอย่านอนเต้นท์เลย เดี๋ยวจะไม่สบายไป”
พชรมองแผ่นหลังมารดา ถูกของท่าน อากาศเย็นลงมากแล้ว แม้ร่างกายแข็งแรง แต่การนอนเต้นท์ก็คงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
ร่างสูงลุกขึ้นเก็บเต้นท์และเครื่องนอนไว้ในตู้เก็บของ ย่างเท้าเข้ามาในห้องพร้อมด้วยแผ่นกระดาษที่นอนมองจนหลับไปมาหลายคืนติด..

           บรรยากาศรับอรุณของสวนเพชรหละปูนเหมือนเช่นที่เคยเป็น
หนาวเย็น ลมพัดจัด สกุณาน้อยใหญ่ขับขาน หยดน้ำค้างเกาะพราวราวยอดหญ้าประดับด้วยเพชรเจียระไน
พชรเดินลงบันได มองไปยังขุนเขาไพศาลเบื้องหน้า ลุงแสง--อีกหนึ่งหัวเรี่ยวหัวแรงของสวนผลไม้แห่งนี้ ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

           หนุ่มใหญ่สตาร์ทรถกระบะคันเก่าปุเลงปุเท่ง พชรเปิดประตูข้างคนขับขึ้นไปนั่งด้วยกัน
“คุณลดาบอกว่า.. คุณพชรจะปลูกสตรอว์เบอรี่หรือครับ?”
“ครับ” คนถูกถามตอบรับสั้นๆ “ปกติเราเก็บเกี่ยวช่วงเมษาถึงกันยา หน้าหนาวไม่มีผลผลิต”
“ครับ..” แสงรวีรับคำอย่างลังเล เพราะตามปกตินั้น เจ้านายหนุ่มลงแต่ผลไม้ที่เป็นไม้ยืนต้น
..
“ไม่รู้จะบอบบางเกินไปหรือเปล่า ..สำหรับมือผม”
คำเปรยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วไปในตอนท้ายทำให้แสงรวีเอี้ยวหน้าหันมองอย่างแปลกใจ
คุณพชรพูดแต่สิ่งที่ต้องพูด พูดชัดเจน พูดเข้าใจและส่วนใหญ่เป็นคำสั่ง เด็กหนุ่มไม่ค่อยพูดอะไรเปรยๆ นั่นก็หนึ่งละ ส่วนอีกหนึ่ง.. แสงรวีจำไม่ได้ว่าเสียงเรียบๆที่คุ้น--เคยแผ่วโหยอย่างน่าประหลาดใจเช่นนี้มาก่อนหรือไม่

            สองบุรุษลงจากรถกระบะ เดินเหยียบย่างไปตามระยะ 8x8 ที่พลับหวานพันธุ์ฟูยูซึ่งเพิ่งลงไปได้หกเดือนแต่ละต้นปลูกห่างกัน เพื่อคุมคนงานตัดแต่งกิ่งจัดทรงต้นตั้งแต่ยังเล็ก หน้าหนาวลมพัดจัด แต่ทิศทางที่ลงพลับนั้นอับลม เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวพลับมีตำหนิเมื่อคราออกผล
พชรพยักหน้าพึงใจ โคนต้นเรียบร้อยดี หญ้าถูกถางออก คลุมโคนด้วยการปลูกถั่วเพื่อบำรุงดินไปพร้อมๆกัน แสงรวี เดินนำไปก่อน หันซ้ายขวาพูดคุยกับคนงาน ..ช่างมีรอยยิ้มเป็นนิจ ดวงตาภายในกรอบแว่นดำนั้นเต็มไปด้วยประกายของคนที่มีจิตใจดี
ดวงตาคมอดไม่ได้ที่จะนิ่งมอง พลางพยายามปัดภาพเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าคล้ายกันออกไปจากใจ แต่จนแล้วจนรอดก็ต้องยอมแพ้

          'กลับมาเร็วๆนะ'

           “ผมเพิ่งเคยเห็นคุณพชรเหม่อ..”
ไม่อยากจะเสียมารยาท แต่นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เด็กหนุ่มมองหน้าเขาแล้วนิ่งไป แสงรวีนึกแปลกใจจริงๆ
ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยและกลับมาบ้านทุกสองอาทิตย์ แต่ละครั้งที่พบกัน แววตาคมนั้นค่อยๆเปลี่ยนไปและมันชัดเจนขึ้นทุกที
พชรสะดุ้งน้อยๆกับเสียงทักนั้น กระพริบตาครั้งหนึ่ง ทว่า ก็ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบๆที่เคยชินมาตลอด
“ก็คงมีบ้างครับ เหมือนลุงแสงในบางครั้ง”
แสงรวีหลุดหัวเราะ รู้ว่าเด็กหนุ่มแม้เงียบขรึมแต่ก็ช่างสังเกต แต่ไม่คิดว่าจะยอกย้อนเป็นเหมือนกัน
“ก็จริงครับ” หนุ่มใหญ่พยักหน้า ละสายตาไปมองฟ้าหม่นเหนือทิวเขาเขียวครึ้มอย่างไม่แน่ใจว่าทำไมต้องโฟกัสที่นั่น
“คนเรา.. ยังไงก็หนีความรู้สึกตัวเองไม่ได้”
..
“แต่สุดท้าย.. ก็คงต้องยอมรับชีวิต ในแบบที่มันเป็น”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “พรุ่งนี้ไม่ต้องเข้าสวนหรอก พักผ่อนเสียบ้างเถอะ”
เพชรลดาขมวดคิ้ว เตือนลูกชายอย่างจริงจังในยามเย็น ขณะที่มือแกร่งกำลังแขวนหมวกปีกกว้างไว้กับตะขอเกี่ยวริมผนัง สีหน้าเครียดเขม็งที่มองเห็นทำให้เธอเริ่มเป็นกังวล
“พชรดูเหมือนนอนไม่พอ นี่แม่พูดจริงๆนะ”
คนถูกเตือนเพียงยิ้มตอบเล็กน้อยขณะถอดเสื้อคลุม
ไม่ตกลง ไม่รับปาก และไม่คัดค้านอะไร เพียงแต่เข้ามาล้างไม้ล้างมือและเดินเข้าห้องตัวเองเพื่อเตรียมอาบน้ำก่อนออกมาทานอาหารเย็น
แสงรวีเดินตามหลังขึ้นมารายงานเรื่องการซื้อเครื่องหีบแอปเปิ้ลในไม่กี่อึดใจ
“เฮ้อ อะไรของเขา” เพชรลดาถอนใจ ส่ายหน้าน้อยๆ บ่นกับคนสนิท “พูดก็ไม่ค่อยพูด ทำแต่งาน จริงๆเลย”
“เขาก็เป็นของเขาแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ครับ” แสงรวีพยายามพูดให้สบายใจ มือวางเอกสารเทียบราคาลงบนโต๊ะ ก้มหน้าลาน้อยๆ เอ่ยก่อนเดินกลับออกไปในทิศทางเดิม
“คุณพชรถนัดคิดแล้วทำมากกว่าจะพูด คุณลดาก็รู้ดี”
ก็จริง.. เพชรลดายิ้มบางๆ กึ่งปลงกึ่งพึงใจ
ปลงเพราะพชรเป็นคนพูดน้อย น้อยเกินไป แต่ก็พึงใจ เพราะแม้เขาจะไม่ค่อยพูด แต่คำใดก็ตามที่เอ่ยออกมา บุตรชายยึดถือมันเสมอ ความสัตย์ซื่อเป็นคุณสมบัติของเจ้านายหนุ่มแห่งสวนเพชรหละปูนที่ทำให้คนงานทั้งหลายให้การยอมรับนับถือ
และสำหรับเธอ--ผู้เป็นแม่ พชรเป็นที่สุดแห่งสิ่งดีงาม.. สิ่งดีงามที่ทำให้อดทน ต่อสู้กับอุปสรรคทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่ผันตัวกลับมาเป็นเกษตรกรและประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นได้

           ร่างเพรียวละจากครัว เดินช้าๆเข้าไปในห้องนอน รูปถ่ายหัวเตียงยังอยู่ตรงนั้น 
ชายผู้นี้ ..บิดาของลูกชาย
เกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา ไม่มีเลยสักวันเดียวที่ไม่คิดถึง แต่.. เธอก็ไม่อาจให้มันเข้ามามีอิทธิพลในชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคิดว่า.. ‘เขา’ ทรยศต่อเธอตั้งแต่ตอนที่ยังคบกัน โดยมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นจนถึงขั้นตั้งครรภ์
ตอนนี้.. ความคิดถึงนั้นแจ่มชัดยิ่งขึ้น แจ่มชัดขึ้นเพราะมันไม่จริง อย่างน้อย.. ข้อนั้นก็ไม่จริง

          ‘พชรไปหาพ่อหรือยัง’

เพชรลดากัดฟัน.. เธอไม่ควรถามเช่นนั้นเลย
ทั้งถาม.. ทั้งไม่ห้ามปราม.. แบบนี้ แม้ไม่ใช่ผลักแต่ก็เท่ากับปล่อยให้เป็นภาระของพชรนั่นแหละ เพชรลดารู้สึกว่าตนเองเห็นแก่ตัว..
ควรเป็นเธอต่างหากที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ลูกมีพ่อ ซึ่งในข้อนี้ เธอไม่เคยต่อสู้ได้เลย
ได้เพียงชดเชยให้ลูกด้วยการต่อสู้ในแบบอื่นๆ ต่อสู้กับงาน ต่อสู้กับความเหนื่อยยาก มีพชรเป็นกำลังกาย กำลังใจ
ลูกชายทำงานไม่ต่างจากผู้ใหญ่ นิสัยแม้ไม่ค่อยพูดแต่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ต่อคน ต่อสัตว์ ต่อต้นไม้
ลักษณะนิสัยที่ถอดแบบมาจาก..
 
“ถ้าคุณได้รู้จักพชร.. คุณคงต้องรักเขา”
เพชรลดาพึมพำเบาๆ ปาดน้ำตาแห่งความคิดคำนึงถึงออกให้พ้นดวงตา

          ยืนนิ่งสนิทอยู่ตรงนั้น..
ร่างสูงเดินกลับออกมา เพื่อบอกมารดาว่าเขาแข็งแรงดี ไม่อยากให้เป็นห่วง ไม่ต้องการให้เป็นกังวล
ทว่า.. ก็เพียงเพื่อจะได้ยินประโยคนั้น ประโยคที่เอ่ยกับชายในรูป ..ชายผู้ที่เขายังไม่ได้ไปพบ ทั้งที่ผ่านมาจนสิ้นเทอมแรกของชั้นปีที่หนึ่งของชีวิตนักศึกษาแล้ว

         จำได้เช่นกันว่าเคยถาม ..แล้วพ่ออยู่ที่ไหน
และเมื่อคำตอบคือ.. ‘แม่กับพ่อสิ้นสุดความสัมพันธ์กันด้วยดี ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง’
ชัดเจน เข้าใจและจบแค่นั้นสำหรับพชร
มีแม่ต้องช่วยทำงาน มีสวนต้องดูแล มีต้นไม้ต้องเอาใจใส่ พชรไม่เหลือเวลาจะมาสนใจเรื่องพ่อ

         รูปถ่ายรูปเดิมบนโต๊ะข้างเตียง รูปถ่ายที่ทำให้มารดามีน้ำตามาหลายครา
เขาไม่รู้จะทำอะไรให้เธอได้มากไปกว่าการเป็นลูกชายที่ดี ช่วยงานบ้าน ช่วยงานสวน
เรื่องของผู้ใหญ่ เรื่องที่ได้ตัดสินใจแล้ว พชรคงไม่ก้าวก่าย ใช่.. นั่นล่ะที่พชรคิด
แต่โลกนี้คงมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเสมอ.. เช่นสิ่งที่เพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย..

          มารดาก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่เก้าอี้ไม้ดังที่เป็นมาเสมอ    
พชรไม่ได้แปลกใจ เธอชอบอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจท้องถิ่น ‘คนเมืองนิวส์’ อยู่แล้ว
แต่ในทันใด มือเรียวก็เปิดลิ้นชัก ยัดหนังสือพิมพ์ส่งๆเข้าไป ก่อนจะเร่งเดินไปทางห้องน้ำ

พชรเลิกคิ้ว ตั้งใจจะลงไปจัดการกับแปลงผักหลังบ้านเสียหน่อย หญ้าชักจะยาวเต็มที
ทว่า ขาแกร่งก็ชะงัก มองเข้าไปในบ้าน ลิ้นชักปิดไม่สนิท ขอบยื่นออกมามากเกินไป เสี่ยงที่มารดาจะเดินสะดุด
ร่างกำยำจึงเข้าไปคุกเข่าลง ดึงลิ้นชักออกมาใหม่ จัดหนังสือพิมพ์และนิตยาสารในนั้นให้เข้าที่
ท่อนแขนสีน้ำตาลชะงักอีกครั้ง หยาดน้ำเปียกชุ่มบนหน้าแรก เปียกเปื้อนข้อความพิมพ์หมึกดำ..


‘เปิดตัวนวัตกรรม PP Group, เปิดบ้าน ‘ประดิษฐาพงศ์’ ยักษ์ใหญ่แดนล้านนา’

เหนือข้อความดังกล่าว ..ชายหญิงหนึ่งคู่ขนาบเด็กหนุ่มตัวเล็กซึ่งยืนอยู่ระหว่างกลาง
ใบหน้าคมพิจมองเพียงชั่ววินาที ก่อนเอี้ยวหันไปทางที่มารดาเพิ่งจะเดินผ่านไป..



          ย่ำค่ำของวันนั้นไม่ได้ต่างจากวันอื่นๆที่เป็นมาในบ้านสวนเพชรหละปูน
สายลมพัดแผ่วๆ หรีดริ่งร้องก้อง เงามืดตะคุ่มรายรอบบริเวณ
ใต้แสงไฟนอกชานบ้าน พชรอ่านหนังสือปรัชญา เตรียมตัวเข้าศึกษาในชั้นปีที่หนึ่งและมารดาก็นั่งปะชุนเสื้อผ้าที่ขาดจากการโดนกิ่งไม้เกี่ยวระหว่างเข้าสวน

          “ฮึก อือ มิ้งค์ คุณมิ้งงงค์..!”
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังมาจากที่พักคนงาน พชรกับมารดานิ่วหน้ามองกัน
แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีเสียงดังรบกวนเช่นนี้ เพราะผู้ที่ให้พักอยู่ด้วยในรั้วบ้านเดียวกัน ก็มีแต่คนที่เรียบร้อยและไว้วางใจกันจริงๆ อย่างลุงแสงและครอบครัวของลุงเอิบ ป้าอิ่ม ผู้เป็นภรรยาและมิ่งเมือง ผู้เป็นลูกชายเท่านั้น

           “ลุงแสง?” เสียงเข้มอุทาน “อะไรกัน ลุงแสงไม่เคยเป็นแบบนี้นี่ครับ”
พชรขมวดคิ้ว เพ่งมองชายร่างเล็กที่เมามายอย่างหนักในเรือนพัก
แสงรวี ศรีแม่ทา--เขาเห็นหนุ่มใหญ่มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก บ้านลุงแสงอยู่ในละแวกนี้ และมาทำงานที่สวนเพชรหละปูนนานสิบกว่าปีมาแล้ว  คนงานร่างเล็กทั้งช่วยทำบัญชีและควบคุมดูแลคนงานอื่นๆ เป็นคนมีเหตุผล ขยันและซื่อสัตย์
ทว่า ขณะนี้ กลับพร่ำพูดถ้อยคำที่ไม่อาจเข้าใจกับโทรทัศน์เครื่องเล็ก

“นั่นมันลูกผม  ลูกผม  ลูกชายผม!”
เพชรลดาตามเข้ามา ..เพ่งมองไปที่เดียวกัน ปากอ้าค้างน้อยๆอย่างนิ่งอึ้ง ขณะเสียงแสงรวีที่อ้อแอ้ยังพร่ำต่อ
“ม่อนแจ่ม ฮืออ.. ม่อนแจ่มลูกพ่อ ทำไมต้องใจร้าย ตั้งชื่อเขาแบบนั้นด้วย ฮึก..”

ม่อนแจ่ม.. ม่อนแจ่มอะไร?
พชรงุนงง หันไปหามารดา หวังว่าจะเห็นสีหน้างุนงงพอกัน
แต่เปล่าเลย เพชรลดาก้าวยาวๆไปจับบ่าเล็ก
“พี่แสง พูดมา พูดมาใหม่ ม่อนแจ่ม.. ลูกชาย.. หมายความว่ายังไงคะ หมายความว่ายังไง?”

“นี่มันอะไรกันครับ ลุงเอิบ” พชรหันไปถามชายร่างใหญ่ ผู้ซึ่งได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ
“นายแสงไม่ค่อยกินเหล้าหรอกครับ แต่ช่วงนี้เมาแอ๋ทุกปี ผมจำได้เพราะมันเป็นวันเกิดเจ้ามิ่งครับคุณพชร
เจ้ามิ่งเอาเค้กวันเกิดมาให้ทีไร ก็บอกผมว่านายแสงเมาทุกที ต้องวันนี้ทุกปี ไม่รู้ว่าทำไม..”
พชรหันไปมองแสงรวีกับมารดาอีกครั้ง ขณะลุงเอิบเปรยต่อ
“ครั้งก่อนๆก็ไม่ได้โวยวายอะไรนะครับ แต่วันนี้ ไม่รู้ทำไมลุกขึ้นโวยวายใหญ่เลย ..โวยวายกับทีวี”
พชรเลิกคิ้ว เบนสายตากลับไปมองภาพบนจอแก้ว ภาพจากช่องท้องถิ่นซึ่งถ่ายทอดงานเลี้ยงหรืออะไรที่คล้ายๆอย่างนั้น ด้วยแถบคำบรรยายที่อ่านได้ว่า..


‘ประดิษฐาพงศ์’ ครอบครัวนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแห่งภาคเหนือ

ประดิษฐาพงศ์ ..อีกแล้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “พี่แสง เมื่อคืนฉันได้ยินพี่พูดแบบนั้น
พี่หมายถึง.. ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ เด็กที่อยู่ในข่าว เป็นลูกพี่อย่างนั้นหรือ?”
..
พชรชะงักเท้า ถอดถุงมือวางไว้ข้างประตู
 
“ผ..ผม ผมขอโทษที่เมาเอะอะครับ ผมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” แสงรวีขออภัย
ถึงวันครบรอบคบกันทีไร เขาเป็นต้องเมาหัวราน้ำทุกปี แม้ว่าจะผ่านมานานนักหนาแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นายหญิงดูไม่สนใจจะกล่าวโทษ
“บอกฉัน เขาจะเป็นลูกพี่ได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นลูก.. คุณพจน์กับคุณระมิงค์”
“ผม.. ผม..” แสงรวีอึกอัก “คุณลดารู้จัก-”
“ถ้ายังเห็นเป็นเจ้านาย เป็นเพื่อน เป็นน้อง ยังมีบุญคุณต่อกัน ช่วย.. ตอบสิ่งที่ฉันถามที”
“ทำไมคุณลดาถึง..” แสงรวีเลิกคิ้ว สีหน้าลำบากใจ แต่เพชรลดาเพียงยืนยัน “บอกฉัน!”
“คือ.. ผมกับคุณมิ้งค์ ผมหมายถึง.. คุณระมิงค์” แสงรวีเริ่มต้นอย่างลังเล
“เราเคยคบกัน แล้ว.. เธอต้องแต่งงานกับคนอื่นที่เหมาะสมกว่า แต่มันก็ไม่ได้น่าแปลกจริงไหมครับ ลูกสาวเจ้าของบริษัทกับพนักงานบัญชีระดับล่าง ใครเขาจะยอม..” หนุ่มใหญ่กลืนน้ำลาย แค่นหัวเราะอย่างขมขื่น
“แม้ว่า.. เธอจะท้องกับผมแล้ว”
..
เพชรลดากำหมัดแน่น หยาดน้ำตาแห่งความคับแค้นใจค่อยๆหยดลงช้าๆ
“คุณลดา! เป็นอะ-”
“ถึงคุณระมิงค์จะตั้งท้องเด็กคนนั้นก่อนแต่งงานกับคุณพจน์”
สาวใหญ่ไม่สนใจท่าทีตกตะลึงของคนงานคนสนิท เพียงกัดฟันและเอ่ยต่อ
“แต่.. ก็อาจเป็นลูกคุณพจน์ได้เหมือนกัน แน่ใจได้อย่างไรว่าเขาเป็นลูกพี่แสง”
“ผมรู้จักคุณมิ้งค์..” ดวงตาคนพูดเลื่อนลอย ใจประหวัดไปหาหญิงที่อยู่ในห้วงคำนึง
“เธอไม่เคยนอกใจผมหรอกครับ เธอแทบไม่เคยเจอคุณพจน์เลย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอะไรกัน และเด็กคนนั้น.. ขนาดเห็นผ่านจอ เขายัง..”
หนุ่มใหญ่ร่างเล็กไหล่สั่นไหว ดวงตาภายใต้กรอบแว่นดำกลั้นหยาดน้ำ “เขา.. เป็น.. ลูกชายผม”

           จะมีใครโง่เง่ากว่านี้อีกไหม.. เพชรลดาไม่อาจรู้
เธอในวัยยี่สิบสองทำไมถึงแสนซื่อ เชื่อคนง่ายได้ขนาดนั้น เธอไม่แม้แต่จะเอ่ยปากถามคุณพจน์
ได้แต่จากมา.. เพราะคิดว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเธอ ไม่ซื่อสัตย์เพราะเธอคงไม่ดีพอ เธอซึ่งจะทำให้เขา.. จม-ลง
ได้แต่จากมา.. พร้อมลูกชายของเขา

           “แม่ แม่เป็นอะไรครับ!”
ไม่อยากยุ่งเรื่องราวของผู้ใหญ่เลย ทว่า เมื่อมารดาปล่อยโฮ หยาดน้ำตารินไหล พชรจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหา
เพชรลดาไม่อาจเอ่ยคำใด ได้แต่ลุกขึ้นเดินหนีลูกชาย ลูกชายที่ต้องเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าวัย..
มือเรียวคว้าเปิดลิ้นชัก หยิบกระดาษสี่เหลี่ยมใบเล็กสีเหลืองหม่นขึ้นมาจ้องมอง ถ้อยคำนั้นยังก้องอยู่ในหู

‘เอานี่ไปก็แล้วกัน ฉันมีให้แค่นี้ สำหรับเธอกับลูก ..ถ้าสมมุติว่ามีจริงๆน่ะนะ’


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “มันไม่ใช่สิ้นสุดความสัมพันธ์กันด้วยดีอย่างที่แม่เคยบอกเลยนี่ครับ!”
เสียงเข้มเอ่ยลั่น ไม่สนใจแล้วว่าแสงรวียังอยู่ในบ้านและได้ยินบทสนทนาทุกคำ พร้อมกับปากที่อ้าค้างอย่างตกใจในความบังเอิญ
“ผู้หญิงคนนั้นโกหกแม่ แล้วผู้ชายก็งี่เง่าพอที่จะไม่เคยตามหาแม่เลย”
การสิ้นสุดความสัมพันธ์ การหมดความรู้สึกที่ดีต่อกันเป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่มันไม่ควรจะเป็นการถูกหลอกลวงหรือถูกดูหมิ่นแบบนี้
“พชร อย่าว่าพ่อ อย่าว่าใคร แม่เลือกจากมาเอง..” เพชรลดากลั้นน้ำตา
“หากคุณระมิงค์ท้องลูกคุณพจน์ เธอก็มีสิทธิ์ และเธอก็เหมาะสมมากกว่าที่จะ.. ใช้ชีวิตครอบครัวกับเขา”
“แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ท้องลูกของเขาไงครับ ประเด็น..” ร่างสูงลุกขึ้นยืน
“ผมจะไปหาเขา”
“พชร..” เพชรลดาเงยมอง เบิ่งตาขึ้น
“เขาควรต้องรู้ ควรต้องรู้ว่าแม่มีแต่เขา ควรต้องรู้ว่าแม่มีลูก เขาต้องรับผิดชอบความรู้สึกของแม่!”
“แม่ไม่ได้ต้องการให้พชร-”
“ตอนนี้ แม่คิดยังไงกับเขา” ผู้เป็นลูกชายขัดขึ้นมา
เมื่อมารดาเพียงเงียบ เสียงเข้มจึงถามซ้ำ เพราะคำตอบนั้นสำคัญนัก
“แม่ยังต้องการเขาอยู่หรือเปล่า ผมอยากรู้แค่นี้”
..ไม่มีคำตอบใด
..มีแต่หยาดน้ำตาที่รินไหลลงมาอีกครั้ง
“ขอเช็คใบนั้นให้ผมด้วยครับ” พชรแค่นลมหายใจ ย้ำชัดๆด้วยสัจจะ “ผมจะไปหาเขาเอง”


          ไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นจะรู้สึกต่อมารดาเช่นไรในขณะนี้..
แต่เขาต้องรับรู้ รับรู้ว่าเพชรลดายังภักดีต่อเขา รับรู้ว่าเพชรลดามีบุตร
ถ้าเขายังต้องการเธอ เธออาจจะได้สามีคืนมา หรือหากว่าไม่.. เธอก็ควรจะได้รับการขอขมาจากเขา จากการที่เขาไม่ติดต่อ ไม่ตามหา ไม่สนใจไยดีเธอ ทั้งที่เธอเป็นมารดาของเด็กที่เขามีส่วนทำให้เกิดมา
และ.. ถ้าเขายังไม่รู้สึกผิดอะไรที่ปล่อยให้เธอต้องเดียวดาย พชรก็แค่จะทำให้เขาเข้าใจ ว่าที่เขาเลือกมาเป็นภรรยา ไม่ใช่ผู้หญิงซึ่งอุ้มท้องลูกชายเขา แต่กลับเป็นผู้หญิงอีกคนที่ให้กำเนิดเด็กที่ไม่ใช่ลูกเขาเลย

          ‘เด็กที่ไม่ใช่ลูก’ นั่นไม่ยากสักนิดที่จะอ้างถึง ..พชรมั่นใจ
แต่นั่นมันก่อนหน้า ..ก่อนหน้าจะย้ายเข้าหอสามชาย
ก่อนจะรู้ว่าเด็กคนที่ว่าคือ.. รูมเมทเตียงล่างแห่งหอสามชาย ห้อง 338
ก่อนจะ ‘รู้จัก’ ม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล ..ก่อนจะหวั่นไหวกับดวงตาที่เป็นประกายภายใต้กรอบแว่นสีแดง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            ร่างกำยำย่างเท้ากลับเข้ามาในห้อง
ภาพผู้ชายขี่มอเตอร์ไซค์บนแผ่นกระดาษสีหม่นเป็นสิ่งแรกที่โฟกัสได้
เขาค่อยๆหยิบมันขึ้นมาจากโต๊ะข้างเตียง เห็นจะต้องเก็บให้พ้นสายตาเสียทีกระมัง ไม่อย่างนั้นก็คงมองแล้วมองอีกจนไม่เป็นอันหลับอันนอนกันอีกหลายคืน

‘011153  011269’

ใต้กระดาษแผ่นนั้น.. เศษกระดาษเขียนรหัสวิชาปรัชญาก็ยังวางอยู่
พชรมองมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย

          ‘กูคือคนที่มึงแนะนำให้ลง Introduction to Philosophy กับ Philosophy of Sufficiency Economy’
..
          ‘คนที่มึงยื่นรหัสวิชาให้หน้าห้องภาคปรัชญาฯ คือกูเอง’
..
          ‘กูเดินไปนะสัด ไปคณะมึงน่ะกูเดินไป แล้วมึงก็จำกูไม่ได้..’
..

เศษกระดาษมีร่องรอยการยับ
เป็นหลักฐานชี้ให้เห็นว่ามันคงเคยถูกกำไว้จนเป็นก้อนมาก่อน.. เตือนให้พชรนึก ว่าทำไมคนที่ถือมันไว้ถึงต้องทำอย่างนั้น..
สัมผัสนุ่มของมือบางยังชัดเจนอยู่บนหน้าอก รสหวานละมุนยังตราตรึงอยู่บนริมฝีปาก ..และที่สำคัญ มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว

พชรถอนหายใจเหยียดยาวอย่างตึงเครียด ก่อนจะพยายามละสายตาและหยุดความคิดลงเสีย แล้วดึงลิ้นชักเปิดออก
ภายในมีเพียงสมุดบันทึก..
เขาไม่ใช่นักเขียน ไม่ได้ชอบเขียนอะไรยาวๆนักหรอก เขียนเป็นแต่อะไรสั้นๆ อะไรที่เป็นประโยชน์จริงๆ
สมุดเล่มนี้เป็นของขวัญจากมารดา เธอมอบให้และเขาก็เพียงเก็บไว้  แม้อยู่มานานจนจำไม่ได้แล้วว่านานเท่าไร กระนั้น ก็มีร่องรอยการขีดเขียนเพียงไม่กี่หน้าเท่านั้น

พชรเปิดส่งๆไปที่หน้าหนึ่ง เพื่อสอดแผ่นกระดาษฝีมือวาดของคนที่พยายามห้ามใจไม่ให้คิดถึงเก็บเอาไว้ไม่ให้ยับ
ทว่า.. ก็ได้เพียงชะงักเมื่อเห็นข้อความสีจางเขียนด้วยลายมือตนเองในหน้านั้น
ข้อความซึ่งมาจากโคลงโลกนิติที่เคยเรียนในวิชาภาษาไทยเมื่อครั้งมัธยมต้น ..สองบาทแรกของโคลงสี่สุภาพบทที่ยึดถือเป็นปณิธานเรื่อยมา

‘งาสารฤาห่อนเหี้ยน  หดคืน
คำกล่าวสาธุชนยืน  อย่างนั้น..’
      
ดวงตาคมวูบไหว มือสั่นน้อยๆด้วยอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์
ค่อยๆสอดภาพวาดการ์ตูนไว้ในหน้าเดียวกับโคลงโลกนิติท่อนนั้น
..ทั้งที่มันไม่ควรจะต้องมาอยู่ด้วยกันเลย..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณสำหรับการติดตามและสุขสันต์วันอาทิตย์  :L2: 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 26-06-2016 09:09:05
บังเอิญจังเลย พ่อม่อนคือลุงแสง คนใกล้ตัวมาก :a5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: pkpiko ที่ 26-06-2016 09:22:49
เพิ่งเห็นชื่อคนแต่งเลยรีบกดเข้ามา อ่านไปได้ตอนเดียวอยากเม้นก่อนเลยว่า คิดถึงมากก
เดาถูกด้วยว่าต้องแต่งเรื่องในมช.อีกแน่เลย รอออ่านต่อนะคะ(ยังมึงยังอ่านไม่จบสองตอนแรก)

 :really2: :really2: :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 26-06-2016 09:34:06
ตัวละครแต่ละตัวลัวนมีปมปัญหาคนก็เช่นเดียวกัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 26-06-2016 09:56:18
เอาล่ะสิ พชรเครียดหนักเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 26-06-2016 10:58:09
เข้มข้นๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 26-06-2016 12:24:20
เป็นกำลังใจให้ทุกคน สู้ๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 26-06-2016 12:48:15
โอออออ .. โลกกลม พชรยังไม่กล้าไปหาพ่อเพราะรู้ว่า ถ้าเรื่องนี้เปิดเผยขึ้นมา คนที่จะช๊อคและเจ็บที่สุดคงหนีไม่พ้น .. ม่อนแจ่ม  ทำไม่ลงสินะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 26-06-2016 13:30:05
ปมใหญ่ก็จริง แต่เงื่อนยังไม่แน่นเกินกว่าจะคลายออกได้ถ้าช่วยกัน
เห็นโอกาส Happy  อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: FHUNWHAN ที่ 26-06-2016 15:04:22
แอบเดาไว้ว่าเป็นลุงแสง แล้วก็จริงๆด้วย ทำไมซื้อหวยไม่แม่นแบบนี้บ้างงง   :m31: :m31:

ทำยังไงดีหนอ พชร
ใจนึงก็นึกแค้น ควรมีใครรับผิดชอบความเจ็บปวดของแม่
แต่อีกใจก็ทนเห็นน้ำตาคนตัวเล็กไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ
ได้แต่หวังว่าปรัชญาจะช่วยให้พชรเข้าใจตัวเองและพ่อๆแม่ๆมากขึ้น
.
.

แต่ยังมีสิ่งนึงที่กลัว กลัวใจพี่เกรียน พชรมาก.. พชรจะไม่หนีไปบวชเหมือนหนุ่มใช่มั้ย
ยิ่งเรียนปรัชญาและศาสนาด้วยยิ่งแล้ว ขนาดตอนอ่านโจหนุ่มไม่กล้าโอ๋พระกันเลยทีเดียว 5555
สวัสดีวันอาทิตย์เช่นกัน วันนี้มีอารมณ์อยากจะเตรียมชั้นวางหนังสือรออินดี้อินเลิฟ+ไอดิล
ตื่นเต้นจังงง อยากเจอกันเร็วๆ :D
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 26-06-2016 16:26:40
คาดหวังให้ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดีเพราะทุกคนน่าสงสารกันหมด อย่ามีใครเสียใจมากไปกว่านี้เลย ฮืออออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-06-2016 20:00:23
โลกกลมไปอีก แต่ก็ดีใจที่ม่อนแจ่มกับพชรไม่ใช่พี่น้องกัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 26-06-2016 21:46:15
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 26-06-2016 22:06:21
 :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 26-06-2016 22:59:58
ปมนี้จะจบยังไงงงกันนะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 26-06-2016 23:34:03
ถึงกับต้องไปหาคำแปลของโคลงโลกนิติกันเลยทีเดียว

"คำพูดของคนที่ยึดมั่นในคำพูดเปรียบเสมือนงาช้างที่งอกแล้วไม่หดคืน"

อ่านต่อได้ที่ www.gotoknow.org/posts/490601


เพราะความเป็นผู้ใหญ่เกินตัวของพชร
ที่ต้องเจออะไรมากมายทั้งที่ยังเป็นแค่เด็ก
มันเลยหล่อหลอมให้พชรต้องเป็นคนที่แข็งแกร่ง และยึดหน้าที่ของผู้นำครอบครัวของ"แม่" ไม่ว่าจะเป็นคนงานหรือสวนเพชรหละปูน เพราะฉะนั้นบทโคลงที่พชรเขียนลงในสมุดทั้งที่เป็นคนไม่ชอบเขียน ไม่ชอบพูด แต่ชอบที่จะลงมือทำ ทำให้ทุกอย่างที่เอ่ยวาจา เอ่ยสัจจะกับใครต่อใคร พชรจะต้องทำไว้อย่างที่ตนว่า

ซึ่งคำที่บอกกับแม่ไว้ ไม่ว่ายังไงพ่อต้องเจอลูกและรับรู้ความรักของแม่ ความหนักแน่นของพชรที่เคยพูดไว้จะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
และเราคิดว่าการเริ่มต้นชีวิตจริงของม่อนแจ่มก็จะตามมาเช่นกัน

พชรนี่ก็คล้ายๆกับพระเอกในคราบตัวร้ายนะ
..ฉันจะทำให้นายรู้เอง ว่าชีวิตจริงมันไม่ได้สวยหรูเหมือนนิยาย (ทำเสียงพิศาล อัครเศรณี)

คนที่รู้ทุกอย่าง
กับคนที่ไม่รู้อะไรเลย ที่จำเป็นจะต้องรู้ทุกอย่างและไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก
จะรักกันได้คงต้องจับมัดให้อยู่ด้วยกันไว้ที่กระท่อมปลายนาช่วงฤดูฝนแล้วต้องคุยกันทั้งภาษาพูดภาษากายนั่นล่ะถึงจะเข้าใจ

 :hao3:
#เดี๋ยวนะ..
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 27-06-2016 00:19:14
งอนคนเขียน อะไรคือหน่วงใจแทนพชรขนาดนี้  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 27-06-2016 10:20:48
ยังมีอีกคนที่ต้องการการปกป้องในวันที่รู้ความจริงนะพชร ม่อนแจ่มคุณหนูไฮเปอร์ความเดียงสาที่น่ารักนี่เอาไปเลยทั้งใจจริงๆ น่ารักอ่ะคู่นี้ เอาใจช่วยทั้งคู่เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-06-2016 16:28:49
get ล่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 27-06-2016 18:03:47
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ม่อนแจ่มจะรับไหวรึเปล่านะกับความจริง
แล้วความสัมพันธ์ระหว่างพชรกับม่อนแจ่มจะยังคงเป็นไปด้วยดีอยู่ไหม :mew4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 27-06-2016 18:10:41
เรื่องพัวพันไปหมดดด    รอออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 27-06-2016 19:01:13
เห... เรื่องพลิกล็อกเหมือนกันนะครับเนี่ย จากตอนที่สิบสี่นี่ก็แสดงว่าแม่ของพชรก็ไม่ใช่คนดีผุดผ่องเหมือนกันนา ถ้าเรื่องมายังงี้ แล้วมันจะเลวร้ายลง ผมว่าก็โทษคุณระมิงค์ฝ่ายเดียวไม่ได้นะครับ

ส่วนตัวผมนี่ #ทีมประดิษฐาพงศ์ใหม่ นะครับ

ที่อยู่ทีมนี้เพราะเหตุผลหลักๆคือ ฟังหลักการของคุณปู่คุณตาแล้วเห็นด้วยร้อยเปอร์เซนต์เลยครับ I couldn't agree more. ถ้าท่านใดทำงานบริษัทที่ไม่ใหญ่มากหรือว่าอยู่ในบริษัทที่เริ่มสูญเสียเสถียรภาพจะเริ่มเห็นครับ ว่าถ้าบริษัทมีขนาดใหญ่แล้วเริ่มจะไปไม่รอด ถ้าเจ้าของ Good Governance เค้าจะพยายามทำทุกอย่างให้พนักงานไม่ตกงาน (เพราะมันจะหมายถึงการสูญเสียจุดยืนหลายๆจุดในชีวิต พนักงานบางท่านอาวุโสพอสมควรแล้วด้วย เกิดปิดบริษัทเลย์ออฟพนักงานขึ้นมา ถึงมันจะถูกตามพันธะทุนนิยม แต่ระบบไทยๆเราก็รู้สึกว่าไม่ค่อยดีแหละครับ) ผลก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้เค้ามองภาพเล็กภาพใหญ่ อันนี้เป็นทัศนะที่ทำให้เกิด business vision ในทางจิตวิทยาตะวันออกด้วยครับ

*และเป็นตลกร้ายมาก ที่ในปัจจุบัน เวลาคนไทยถูกบริษัทเอกชนเลย์ออฟจากปัญหาเศรษฐกิจ เรามักโทษบริษัท ทั้งๆที่มันอาจมีวิธีแก้ปัญหาได้ด้วยพล็อตของคุณระมิงค์กับคุณพจน์ครับ แต่ลูกชาย/ลูกสาวบริษัทนั้นอาจไม่ทำ เพราะโดนสื่อละครปัจจุบันที่โลกสวยมาทำให้เกิดมายาคติที่ว่าถ้ารักซะอย่าง อย่าไปสนอย่างอื่น*

ผมว่าผมชอบคุณระมิงค์นะ เค้าดูเป็นผู้ใหญ่สุดในเรื่อง ณ ตอนนี้ คือไม่โหวกเหวกโวยวาย จบแล้วก็คือต้องจบ ถึงจะรู้สึกว่าเราเดินทางมาผิด แต่จะไปเล้าหลือกับอดีตนี่ก็ผิดวิสัยไปหน่อย ตรงจุดนี้นี่ทำให้ผมแบ็คตัวละครนี้ครับ เลยรู้สึกว่าน่าตื่นเต้นดี เมื่อจู่ๆพชรก้าวเข้ามาทำให้เค้าสั่น แล้วก็เป็นปัจจัยเสี่ยงมากๆที่ครอบครัวอาจล้ม ถ้าทั้งคู่ไม่หนักแน่นมากพอครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-06-2016 19:29:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 01-07-2016 13:13:22
มาต่อเร็วๆนะครับ :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 01-07-2016 19:47:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 03-07-2016 17:26:10
วันนี้จะมาไหมคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 26/6/59 CH.14 Words to Keep P.7
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 04-07-2016 23:17:57
รอเรื่องนี้นะคะ หายยุ่งอย่าลืมมาลงต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/7/59 CH.15 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 05-07-2016 00:34:54
เห็นเปลี่ยนหัวเรื่องแล้ว รอค่าา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 05-07-2016 00:36:22
CHAPTER 15: More Than An Acquaintance

           “วันนี้มีประชุมสมาคมฯ คุณจะเข้าประชุมด้วย หรือจะกลับบ้านก่อนครับ”
ใบหน้าเรียวเงยขึ้น มือปิดแฟ้ม สบสายตาบุรุษตรงหน้า
“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณไปเถอะ ตอนนี้ม่อนอยู่บ้าน ฉันคิดว่า.. จะอยู่กับลูกเสียหน่อย”
นายพจน์คราง ‘อืม’ ในลำคอ พยักหน้ารับอย่างสุภาพ พลางปิดล็อคลิ้นชักโต๊ะทำงาน
พวงกุญแจโลหะกระทบกันเป็นเสียงกรุ๊งกริ๊ง.. พวกกุญแจนั่นระมิงค์เห็นมานาน พวงกุญแจที่ห้อยตัวอักษร ‘P’ เอาไว้สี่ตัว

P.. P..
P.. P..


สองตัวแรกเธอไม่สงสัย ชัดเจนอยู่แล้ว ..พจน์ ประดิษฐาพงศ์..
ส่วนอีกสอง..

“ถ้าอย่างนั้นให้สมกลับไปส่งคุณ เดี๋ยวผมไปกับบุญส่งนะ” นายพจน์เอ่ย พลางเดินออกจากห้องทำงาน
“ค่ะ..” ระมิงค์ไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่าการรับคำสั้น  สายตามองใบหน้าคมสันซึ่งเด็กหนุ่มบางคนละม้ายคล้าย..
แผ่นหลังกำยำที่เดินจากไป.. รูปร่างสูงใหญ่นั่นก็ใช่..
“คุณพจน์คะ..”

ขาแข็งแรงชะงัก ใบหน้าเอี้ยวหันกลับมา
“ครับ?”

..

..

“มีอะไรหรือเปล่า คุณระมิงค์”

..

ระมิงค์เงียบไปแป๊ปหนึ่ง แล้วจึงยิ้มฝืนๆ
“เอ่อ.. นิตยาสาร Glory ติดต่อมาขอสัมภาษณ์ ไม่ทราบรวิดาแจ้งคุณหรือยัง”
“อ้อ เรียบร้อยแล้วล่ะ” นายพจน์พยักหน้า แต่แล้วก็โคลงศีรษะ “คงต้องกวนม่อนด้วย เพราะเขาอยากสัมภาษณ์ครอบครัว”

..

“ค่ะ” ระมิงค์ตอบรับเสียงหนัก “ไว้.. ฉันจะบอกลูกเอง”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

“ในคืนนี้มีดาว เป็นล้านดวง
แต่ใจฉันมีเธอ ..แค่เพียงคนเดียว
สอดประสานสบตา เคียงข้างกัน
อยากจะขอจูบดาว ..ใต้เงาดวงจันทร์”

            จากหางตา ทำให้รู้ตัวในที่สุดว่าถูกจ้องมอง..
เสียงร้องเพลงจึงชะงัก มือเรียวที่จับดินสอก็หยุดเช่นกัน ดวงหน้าขาวเอี้ยวามองผู้มาเยือน
“คุณแม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ม่อนแจ่มยิ้ม ตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่มารดาส่ายหน้าน้อยๆให้
“ม่อนวาดต่อเถอะ แม่แค่ได้ยินเสียงร้องเพลง ก็เลย..” ระมิงค์ยิ้มบางๆ “เดินมาดู”
“คุณแม่มาร้องกับม่อนสิครับ เสียงคุณแม่เพราะ” ม่อนแจ่มชักชวน
ก็เพราะมารดามิใช่หรือ ที่ทำให้เขาติดร้องเพลง ‘ดาว’ เสียขนาดนี้ เพลงกล่อมนอนตอนเด็กๆของเขาเองนี่นา

ร่างระหงสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ “เกือบหมดแสงแล้ว วาดอะไร ใกล้เสร็จหรือยังจ๊ะ”
เสียงนุ่มว่าพลางเงยมองฟ้าสีส้มทอประกายในเวลาเย็นซึ่งเธอเพิ่งกลับมาจากบริษัท
“ไม่ใกล้เท่าไหร่ แต่ม่อนไม่รีบครับ เดือนหน้ากว่าจะใช้”
“หืม?” ระมิงค์เลิกคิ้ว ขยับเข้าไปมองใกล้ๆ “นี่คือ..”
“แหะๆ สำหรับคุณพ่อครับ” ม่อนแจ่มยิ้มแหยๆ แต่ในแววตาแฝงความตื่นเต้น
“เอ้อ คุณแม่ครับ พรุ่งนี้ม่อนขอกลับหอเลยนะครับ”
“อะไรกัน วันจันทร์ถึงจะเปิดเทอมไม่ใช่หรือ จะกลับตั้งแต่วันพฤหัสฯเลย?”
“อ่า” ม่อนแจ่มอึกอัก “ม่อน ม่อนอยากไปเตรียมตัวครับ’”
ระมิงค์เลิกคิ้ว รู้จักลูกชายดี “เพื่อนๆยังไม่มากันเลยละมั้ง ม่อนจะอยู่ได้หรือ”
อะ.. ม่อนแจ่มอ้าปากค้าง นั่นก็จริง แต่ว่า.. ถ้าเกิด ‘เพื่อน’ มาก่อนเหมือนกัน ม่อนแจ่มจะได้เจอเร็วขึ้นนะ
“ม่อนอยู่ได้ครับคุณแม่ ม่อนอยากไป”
“ก็แล้วแต่ม่อนจ๊ะ” ระมิงค์ขมวดคิ้วน้อยๆ ยิ้มอย่างงงๆ "แต่จะมีวันนึงม่อนต้องกลับบ้านให้สัมภาษณ์นิตยาสารนะ เดี๋ยวแม่จะบอกวันไป"
หน้าขาวยู่ลงเล็กน้อย "ม่อนไม่ชอบสัมภาษณ์อะไรพวกนั้นเลยครับ เขินๆ"
มือเรียวลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู "เป็นเรื่องของภาพลักษณ์น่ะ ม่อนเข้าใจนะ"
"ครับ ม่อนเข้าใจ" รอยยิ้มกว้างตอบรับการกระทำอ่อนโยนของมารดา แต่แล้วก็เอานิ้วชี้ทาบริมฝีปากเมื่อนึกได้
“แต่เรื่องนี้ คุณแม่อย่าเพิ่งบอกคุณพ่อนะครับ เดี๋ยวไม่เซอไพรส์ จุ๊ จุ๊!”
คุณพ่อ..
ระมิงค์กลืนน้ำลาย มองภาพลายเส้นที่อยู่ตรงหน้า แล้วละสายตามาประสานกับลูกชาย
“จ๊ะ” ระมิงค์รับคำ ..รับคำหนักแน่น
“แม่จะไม่บอก ไม่บอกเด็ดขาด”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

“หากคืนนี้มีเราเพียงสองคน
อยากจะขออยู่จน ..แสงดาวจางไป
เก็บความรู้สึกดีที่ยิ่งใหญ่
ไม่มีแสงแห่งใด ..สวยดังใจเธอ”

          พชรไม่ได้แปลกใจกับเสียงร้องและดนตรีที่บรรเลงผ่านเสียงหรีดหริ่งเรไรมาในบรรยากาศยามค่ำ
“พี่แสงร้องเพลงอีกแล้ว” เพชรลดาเปรยเบาๆ นั่งปักผ้าใต้แสงไฟตะเกียงเหมือนอย่างที่ทำเสมอ ชวนลูกชายผู้เคร่งขรึมคุยไปด้วย
“คงเป็นชาวสวนที่มีอารมณ์ศิลป์มากที่สุดแล้วล่ะ ว่าไหม พชร?”

อารมณ์ศิลป์..

“ครับ” พชรรับคำ ก็คงเป็นเช่นนั้น.. เป็นเหมือนกับ..

           ร่างกำยำลุกขึ้นยืน เพ่งมองลงไปด้านล่าง
ณ ม้านั่งไม้ใต้แสงดาว ..แสงรวีอยู่ที่นั่น
ลุงแสงเป็นคนร่าเริง คุยเก่ง เข้ากับคนงานได้ทุกคน ร่างกายแม้ไม่ใหญ่โต แต่ขยันขันแข็ง เป็นชาวสวนเต็มตัว
พชรจึงแปลกใจนักที่ลุงแสงมีสิ่งที่เรียกว่า ‘อารมณ์ติสท์’ เช่นนี้ด้วย
แต่ก็นั่นแหละ คนเรามีหลายมุม จิตใจหรือก็ซับซ้อนและอารมณ์ความรู้สึกย่อมไม่คงที่ แปรผันตามเวลาและสิ่งกระตุ้นเร้า คล้ายๆปรัชญาที่ได้เรียน ‘ทุกอย่างเลื่อนไหล’
ทุกอย่าง.. นั่นคงรวมถึงความรู้สึกของมนุษย์ด้วย อย่างไรก็ตาม ในความเลื่อนไหลมีสิ่งที่จีรัง แต่หากทุกอย่างเลื่อนไหล แล้วอะไรล่ะที่จีรัง? ถ้ามีสิ่งที่จีรัง.. ก็แปลว่าทุกอย่างไม่ได้เลื่อนไหล ใช่ไหม?

          “ทำไมทำหน้าเครียดอย่างนั้นพชร” เพชรลดาเลิกคิ้ว ฝีเข็มชะงัก
ใบหน้าคมหันกลับมา ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ ดวงตาเด็ดเดี่ยววูบไหวอีกครั้งเมื่อเห็นลายปลอกหมอนที่มารดาปัก

P. P.   P. P.

ถ้าแสงรวีเป็นชาวสวนที่มีอารมณ์ติสท์ที่สุด มารดาของพชรก็คงเป็นชาวสวนที่ปักผ้าสวยที่สุดเช่นกัน
แม้อักษรเพียงสี่ตัว เธอยังปักได้สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ..
มารดาปักลายนี้เสมอ อาจไปปักลายดอกไม้ ลายผีเสื้อบ้าง แต่ก็จะวกมาที่ตัวอักษรสี่ตัวนี้เสมอ
พชรเคยคิดว่า สองตัวแรกแทนตัวเธอ ..เพชรลดา เพชรหละปูน.. และสองตัวหลังแทนตัวเขา ..พชร เพชรหละปูน..   
ทว่า ในวันนี้ พชรตระหนักว่า บางทีอาจไม่ใช่..

             เพชรลดาวางผ้าลง ค่อยๆลุกขึ้นเดินมาหา มือเอื้อมแตะบ่ากว้าง
“หลายวันมานี้ พชรดูเครียดไปนะ มีอะไรอยากจะบอกแม่หรือเปล่า”
..
“อะไรก็ได้ทุกอย่าง”
พชรกลืนน้ำลาย เอ่ยเพียง..
“ผมลงไปหาลุงแสงสักหน่อยนะครับ”

“เปรียบเธอนั้นเป็นหมู่ดาว สวยเกินกว่า..
รักที่มี ที่ตัวฉันให้เธอไว้ ..ชั่วนิรันดร์”

          “คุณพชร?”
แสงรวีชะงักนิ้วจากเส้นลวด เงยหน้ามองผู้มาใหม่ซึ่งเพียงพยักลำคอน้อยๆ
“เล่นต่อเถอะครับ ผม.. แค่จะมาฟัง”
“หืม?” คิ้วบางเลิกขึ้นน้อยๆ แต่แล้วก็หัวเราะออกมา เดินมาฟังเพลงหรือ..
“ฟังดูไม่ค่อยใช่คุณพชรเลย” แสงรวีเอ่ยยิ้มๆ ทว่าคนฟังไม่ได้ยิ้มตอบ
หนุ่มใหญ่ร่างเล็กจึงวางกีต้าร์พิงพนัก ลุกขึ้นขยับเข้าใกล้เด็กหนุ่มตัวสูงกว่า เอ่ยตรงๆ ดังที่จับสังเกตได้มาค่อนเดือน
“คุณพชรดูเครียดไปนะครับ”

พชรไม่มีคำตอบอะไรให้ ใบหน้านิ่งตั้งใจมองสบสายตา
“ผมขอโทษนะครับลุงแสง ถ้าผมจะต้อง..”
“ต้อง?” แสงรวีเลิกคิ้วอีกครั้ง แต่แล้วก็ตระหนัก
“เรื่องที่จะไปพบคุณพจน์หรือครับ คุณลดาบอกว่าคุณพชรยังไม่ได้ไป?”
“ครับ” เสียงเข้มไม่รู้จะตอบอะไรให้ยาวกว่านี้
แสงรวีถอนหายใจ ตบไหล่เด็กหนุ่ม “คุณพชรมีสิทธิ์ชอบธรรม..”
“แล้วลุงแสงไม่ห่วงลูก.. ห่วงอดีตคนรักหรือครับ”
“บอกว่าไม่ห่วง ..ก็คงโกหกครับคุณพชร” แสงรวีก้มหน้า
“แต่ถ้าจะให้บอกว่าลืมๆไปเถอะ ไหนๆเรื่องก็ผ่านมานาน เขาก็อยู่เป็นครอบครัวไปแล้ว ผมก็คงเห็นแก่ตัวไม่ต่างจากคุณมิ้งค์ในตอนนั้น และจะยิ่งกว่าด้วยซ้ำ เพราะทั้งคุณลดาและคุณพชรดีกับผมเหมือนคนในครอบครัว ผมไม่รู้จะว่ายังไง..”
แสงรวีกลืนน้ำลายอย่างขมขื่น “ผมไม่สนับสนุน แต่ก็ไม่อาจคัดค้าน ถ้าจะขอก็คงขออย่างเดียว..”
..
“ขออย่าให้ลูกรู้เลยใครเป็นพ่อ จากลูกประธานบริษัทใหญ่มาเป็นลูกคนงานสวนผลไม้ ผมกลัวแกจะทำใจไม่ได้”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “นี่พชรจะกลับมอวันไหนลูก” เพชรลดาเก็บชามข้าวต้มหลังเสร็จสิ้นมื้อเช้า เอ่ยถามในวันใกล้เริ่มเทอมปลายของนักศึกษา
“วันนี้ครับ” พชรตอบคำถาม “ตอนบ่าย”
เพชรลดาขมวดคิ้ว
ไม่ได้ประหลาดใจกับคำตอบ พชรคิดเร็ว ทำเร็วอยู่แล้ว แถมไม่ค่อยบอกอะไรล่วงหน้าเป็นปกติ แต่สีหน้านี่ต่างหาก..
“พชร เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเครียดจริงๆนะ”
อดไม่ได้ที่จะถาม เพชรลดาขมวดคิ้วใส่ลูกชาย ลูกชายที่ไม่ได้มองตาเธอ.. ลูกชายที่ได้แต่สวมเสื้อคลุมและหมวกปีกกว้าง ไม่เอ่ย ไม่ตอบอะไร เดินลิ่วๆลงบันไดไปอีกแล้ว
“เป็นอะไรของเขาไปนะ” เพชรลดาเปรย เดินมาส่งสายตาให้แสงรวีซึ่งยืนรออยู่ที่ชานบ้าน ขณะมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างห่วงใย หลายวันมานี้ พชรดูแปลกไปมากจริงๆ
“คงเป็นเรื่อง..” แสงรวีไม่ให้นิยาม แต่มองนายหญิงอย่างรู้กัน อีกฝ่ายส่ายหน้าน้อยๆ
“ฉันบอกพชรแล้ว ว่าเอาที่เขาสบายใจ ก่อนหน้า.. เขาก็ไม่ได้ดูกังวลเรื่องนี้เลย แต่นี่เขา..”
แสงรวีถอนหายใจ เอ่ยตรงไปตรงมาก่อนก้าวตามลงบันได
“ปกติคุณพชรเงียบ เพราะไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเหมือนกัน ..ว่าคุณพชรเงียบ เพราะมีเรื่องทุกข์ใจ”
เพชรลดายืนนิ่ง เขม่นมองร่างกำยำของบุตรชายเบื้องล่าง
ชักจะไม่เข้าท่าแล้วสิ..
เห็นที จะต้องหาเวลาไปเยี่ยมพชรที่หอบ้าง ไม่รู้มีปัญหาอะไรเรื่องเรียนหรือชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยหรือเปล่า..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ฟ้าหน้าหนาวอึมครึม.. ไม่มีความแตกต่างมากนักระหว่างวัน แม้บ่ายแล้วเช่นนี้ ก็ดูไม่ต่างจากยามสายเท่าไรนัก
พชรอาบน้ำ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวเดินทางกลับเชียงใหม่ ไม่มีอะไรติดตัวนอกจากโทรศัพท์และประเป๋าสตางค์เหมือนตอนขามา

           มารดายืนอยู่ใต้ถุนบ้าน ส่งยิ้มน้อยๆพลางยื่นหมวกกันน็อคมาให้ มือหยาบกร้านของเธอช่างอบอุ่น ..มือของสตรีที่เป็นเอกในชีวิตพชร..
“ขอบคุณครับแม่”
เพชรลดาพยักหน้า “ขี่รถดีๆ อย่าเร็วนักนะพชร”
พชรมองตาเธอ รับคำเสียงหนัก “ครับ ..แม่”

          ขาแข็งแรงยกพาดเบาะรถ  มือแกร่งบิดแฮนด์ ซิ่งรถไปตามถนนดิน ก่อนออกจากเขตสวนสู่ถนนคอนกรีตซึ่งนำออกจากซอยขึ้นถนนใหญ่
พชรพอใจเสมอที่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์.. มันเป็นความหลงใหลอีกอย่างหนึ่งของเขา..
ความรู้สึกถึงลมที่ปะทะร่าง ..ความเป็นหนึ่งเดียวกับมอเตอร์ไซค์โมตาร์ดคันแรกและคันเดียวจนถึงขณะนี้
ยามเคร่งเครียดไม่สบายใจ คนบางคนอาจจะขี่มอเตอร์ไซค์ เช่นเดียวกับที่.. คนบางคนอาจจะวาดภาพ

วาดภาพ..
มือเรียว.. ดินสอ.. กระดาษ.. รอยยิ้มน้อยๆบนริมฝีปาก..


            สัมผัสแฮนด์มาร่วมชั่วโมง ฟ้ายังมืดครึ้มอึมครึมไม่เปลี่ยนแปลง
ในฐานะนักศึกษาวิชาปรัชญาและศาสนา คงไม่บ้าที่พชรจะมาที่นี่ ..ก่อนไปที่อื่น
ร่างสูงชะลอรถจอดในตัวเมืองลำพูน.. บนถนนรอบเมืองใน..
เบื้องหน้า.. วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหารตั้งเด่นเป็นสง่า
วัดซึ่งประดิษฐานพระธาตุประจำปีระกา ..ปีเกิดของเขาเอง

พชรก้าวเข้าไปภายใน..
ซื้อดอกไม้บูชา..
เดินวนองค์พระธาตุ..
ที่สุด.. ก็ทรุดนั่งลง..

พร.. พรใดๆที่เป็นของผม ผมขอมอบมันให้ ..เขา
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น ขอ.. ให้ดวงใจของเขาได้รับการปลอบประโลมด้วยพรอันดีทั้งหลายนี้
ขอ.. ให้ขาของเขายังยืนได้อย่างมั่นคง ขอ.. ให้รอยยิ้มสดใสอยู่คู่กับใบหน้า
ขอ.. ให้ประกายระยิบระยับยังอยู่ในดวงตา  ขอ.. อย่าให้มันทำลายความร่าเริงของเขาเลย

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “มีอะไรให้ช่วยคะ?”
พนักงานที่โต๊ะประชาสัมพันธ์เงยหน้าขึ้นมอง และผู้มาใหม่ก็เพียงตอบสั้นๆ แต่ชัดเจน
“พบคุณระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์ครับ”
“ไม่ทราบ ธุระอะไรคะ” คิ้วเธอเลิกขึ้นอย่างแปลกใจที่คำตอบไม่ใช่ ‘สมัครงาน’
“ผมชื่อพชรครับ” เสียงเข้มไม่ตอบคำถาม แต่กลับเป็นคำสั่ง “รบกวนต่อสายหน้าห้องคุณระมิงค์ แจ้งเลขาฯว่าผมมาพบเธอ”
สีหน้าเรียบเฉยและแววตาคมนั้นทำให้หญิงสาวยกหูโทรศัพท์ขึ้นทำตามที่ว่า
พชรมองเธอ..
ตระหนักว่ามารดาก็เคยทำงานที่นี่..
ในตำแหน่งนี้เช่นเดียวกัน..
..
“เอ่อ.. คุณระมิงค์เชิญให้เข้าพบได้ค่ะ”
หลังจากไม่กี่อึดใจ เสียงหวานก็เอ่ยบอกเขา พชรพยักหน้าให้เธออย่างสุภาพ
“ขอบคุณมาก ..ครับ”

             มาอยู่ตรงนี้อีกครั้งแล้ว..
พชร เพชรหละปูน มาพบ ระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์ ทั้งที่ควรพบ พจน์ ประดิษฐาพงศ์ ต่างหาก
ทีแรก เขาให้เหตุผลกับตัวเองว่ามาพบสาวใหญ่แทนเพียงเพราะเธอสมควรต้องตกใจ และยังอยากให้โอกาสเธอสารภาพเองด้วยความปราณีตามประสาเพื่อนมนุษย์ ทว่า เมื่อมาในครั้งที่สอง เขาก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรถึงเหตุผลแท้จริงที่ไม่ไปพบบิดาให้จบเรื่อง คงเพราะ..

            “สวัสดี พชร”
ระมิงค์เอ่ยทักทายขึ้นก่อน หลังจากไม่กี่นาทีที่แจ้งเลขาฯว่าอนุญาตให้เด็กหนุ่มนาม ‘พชร’ เข้าพบ
เพราะเธอไม่กล้าพอที่จะปฏิเสธ.. ทายาทแท้จริง ผู้มีสิทธิ์ในทุกตารางนิ้วที่เธอเหยียบยืนอยู่นี้

เด็กหนุ่มตรงหน้ายืนนิ่ง คิ้วที่ขมวดราวเรียบเรียงคำพูดนั้นทำให้ประหลาดใจ

“เธอต้องการอะไร?”
เพราะระมิงค์ไม่ใคร่เข้าใจ ..ไม่เข้าใจเจ้าของใบหน้าคมสันที่ถอดแบบมาจากบิดาคนนี้
หลายเดือนมาแล้วที่คิดว่าวันหนึ่ง นายพจน์จะเดินเข้ามาคาดคั้นความจริงจากเธอ จะเอาแผ่นกระดาษสีเหลืองหม่นใบนั้นมาแสดงให้เธอยอมรับว่าเรื่องราวเป็นจริงดังที่ ‘ลูกชาย’ เขาเอ่ย
กว่าห้าเดือนที่เธอคิดไม่ตกว่าสถานะของ ‘ลูกชาย’ และเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป
ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จนเธอแทบจะนึกว่าการปรากฎตัวของ 'พชร' ในวันนั้นเป็นเพียงความฝัน

           “ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้าย”
เสียงเข้มเอ่ยในที่สุด ความตึงเครียดที่เพิ่งเคยรู้จักครอบคลุมจิตใจทุกขณะ..
“สารภาพเองซะ ก่อนที่ผมจะไปหาคุณพจน์ บอกเรื่องแม่ผม บอกเรื่อง..” ค้างไว้แค่นั้น เขาไม่สามารถพูดต่อได้

เอาล่ะ..
ระมิงค์ควบคุมสติ พยายามหาทางเลือก ทางที่เธอและลุกจะไม่ต้องบาดเจ็บ
“จะให้ฉันทำยังไง เธอถึงจะไม่ไปหาคุณพจน์ เงินเท่าไหร่ที่เธอ-”
“หยุดพูดเรื่องเงิน!”
พชรสั่ง ระงับอารมณ์ไม่พอใจจากคนมีเงินที่คิดว่าเงินจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่างไปเสีย
“คุณจะสารภาพเองหรือให้ผมพูด เลือก!”

ระมิงค์กลืนน้ำลายกับน้ำเสียงเฉียบขาดและท่าทีจริงจังไม่สมวัยนั้น
ใช่สินะ.. ถ้าเงินสำคัญกับเพชรลดาและลูกชาย เช็คใบนั้นก็คงไม่ยังอยู่จนถึงบัดนี้
แต่ก็อีกนั่นแหละ.. ไม่มีเงินจำนวนใดมีค่ามากมายเกินกว่าการเป็นทายาทประดิษฐาพงศ์ ซึ่งเด็กหนุ่มกำลังมาทวงคืนอยู่
ทวงคืนจากเธอ ..จากลูกชายเธอ

“แบบนี้ได้ไหม” ระมิงค์เอ่ย ยืดไหล่ตรงอย่างไว้ตัวอยู่ในที
“ฉันจะบอกคุณพจน์เรื่องเธอ เรื่องแม่เธอก็ได้ แต่จะไม่พูดเรื่อง..”
พชรแค่นหัวเราะ “แล้วถ้าคุณพจน์ถามล่ะครับ ว่าทำไมแม่ผมต้องลาออกและกลับบ้านไป คุณจะตอบว่ายังไง?”
“เขาอาจไม่สน..” ไม่จริง ระมิงค์รู้ดี
“แล้วถ้าเขาสน" พชรย้อน "ถ้าเขาสนพอที่จะถามผม ถามแม่ผม คุณจะให้ผมตอบว่ายังไง”
“เธอกับแม่เธอก็ช่วย..”
“ช่วยอะไร..” เสียงเข้มนั้นเย็นชาจนกลายเป็นเชือดเฉือน
“ผมไม่เคยโกหกเรื่องอะไรเลยในชีวิต แล้วคุณจะให้ผมเตี๊ยมกับแม่ผมโกหกเพื่อคุณหรือ เพื่อคนที่โกหกเพื่อตัวเอง โดยไม่สนใจผู้หญิงซื่อๆที่กำลังท้องน่ะหรือครับ..”

คนตรงหน้าไม่ได้ตวาด
ไม่ได้หยาบคาย
แต่มันทำให้ระมิงค์ก้าวถอยหลังอย่างพ่ายแพ้

“ฉันทำไม่ได้..” สีหน้าที่พยายามแข็งกร้าวนั้นหวั่นไหว
“ถ้าเธออยากจะไปหาคุณพจน์ก็ไป ..ไปบอกเขาด้วยตัวเธอเองเถอะ”
“คุณระมิงค์” พชรกลืนน้ำลาย “เป็นคนบอกเองจะดีกับคุณมากกว่า ช่วยบอก..”
เสียงแข็งอ่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ ใจประหวัดถึงคนที่แน่ใจว่าจะได้เจอแน่นอนเมื่อกลับไปถึงหอพัก
“ช่วยบอกความจริงกับลูกชายคุณ บอกเขาก่อน เขาจะได้มีเวลาทำใจ”

ดวงหน้าขาวงดงามมีน้ำตาเอ่อ

นั่นแหละที่ทำไม่ได้.. บ้านแตก ครอบครัวพัง แล้วลูกชาย..
จะให้บอกม่อนแจ่มว่าอย่างไร ..บอกว่าคุณพ่อไม่ใช่พ่อหรือ ..ให้บอกว่าพ่ออยู่ที่ไหนล่ะ


“เธอรู้จักแสงร-”
“ผมไม่ต้องการพูดเรื่องนั้น” พชรขัด
“แต่ฉันคงต้องพูด ถ้าจะบอกลูก” ระมิงค์หวาดหวั่น
“ฉันจะเลี่ยงได้ยังไง เธอก็บอกมาสิว่า ..ว่าเขาอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ เพราะลูกต้องถามฉัน”

พชรยืนนิ่ง..
ใช่ ใช่ มันก็คงต้องเป็นแบบนั้น คงต้องถาม..

“ก็บอกว่าคุณไม่รู้..” พชรลำคอตีบตันไปหมด
ไม่ได้ให้โกหก ..ระมิงค์ไม่รู้จริงๆ เพราะเขาจะไม่บอก

“เธอยังไม่รู้ความสามารถในการถามคำถามของลูกชายฉัน..”

ปากหนาเม้มแน่น
ทำไม.. จะ.. ไม่.. รู้..

“เธอก็มาแล้ว อยากทำอะไร พูดอะไร เธอก็จัดการเองเถอะ” ระมิงค์กัดฟัน ยืนยันเสียงหนัก “ฉันทำไม่ได้”
“หมายความว่ายังไง ทำไม่ได้?” พชรกำหมัดแน่น
“คุณอยากให้ลูกชายคุณรู้จากปากผมหรือ อยากจะให้เขาช็อคตายหรือยังไง!”
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไง”
“ความจริง” พชรย้ำ
“ความจริงไงครับ สิ่งที่ต้องพูด บอกลูกคุณก่อนที่เขาจะรู้จากคนอื่น แล้วค่อยไปสารภาพกับคุณพจน์”
ยังไงก็ต้องให้พูดให้ได้ นายพจน์ต้องรับรู้เรื่องเพชรลดา ต้องรู้ว่าเธอมีบุตร เขาลั่นวาจากับมารดาไว้แล้ว..
ระมิงค์พูดเอง จะดีกับเธอและลูกมากกว่า  ระมิงค์ต้องพูด.. บอกความจริงโดยไม่ต้องพูดถึงแสงรวี

ใช่..
นั่นแหละ..
ก็แค่ให้แม่บอกลูกว่าพ่อที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดไม่ใช่พ่อ และก็ไม่มีคำตอบว่าพ่อที่แท้จริงทำอะไร.. อยู่ที่ไหน..
พชรขบกรามแน่น ความสับสนร้าวราญทรมานเขาจนแทบจะยืนไม่ไหว

“ฉันทำไม่ได้”
“ทำซะ!”
“เธอก็ไปบอกคุณพจน์เองเลยสิ!”
“คุณบอกลูกชายคุณก่อน!”
“แล้วทำไมเธอต้องแคร์ ต้องสนใจว่าลูกชายฉันจะรู้สึกยังไง รู้จักหรือ!”


เป็นพชรบ้างที่ก้าวถอยหลัง เป็นขาแข็งแรงที่ไม่อาจก้าวไปข้างหน้า
รู้จักหรือ..?

..รอยยิ้มสดใส
..ถ้อยคำบ่นยืดยาว
..กิริยาซุ่มซ่าม ไม่ระมัดระวัง
..ขี้กลัว ขี้โวยวาย
..ดื้อดึงแต่ว่าง่าย
..น้ำเสียงที่เรียก ‘พชร’
..ริมฝีปากนุ่ม หวานละมุน

ทุกอย่างแจ่มชัดในความรู้สึก
ทุกอย่างซึ่งมากมายเกินกว่าคำว่า.. ‘รู้จัก’

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

สวัสดีวันอังคารครับ
มาสายจนได้ ขออภัยที่เกินหนึ่งอาทิตย์ กะว่าจะไม่ให้เกินแล้วเชียว  :mew5:
ขอบคุณทุกการติดตาม ทุกการถามถึง สู้ๆครับ สู้ๆ สู้.. (ฮือ)

Edit: ลืมให้เครดิตเพลงครับ

Thanks to.. ดาว - Paradox
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-07-2016 01:05:41
พชรเดินหน้าไปแล้วสินะ เหลือแต่ทำให้มันเกิดขึ้น
จริง ๆ คิดว่าทุกคนกำลังดูถูกหัวใจของม่อนแจ่มกันอยู่ ทำไมถึงคิดว่าม่อนแจ่มต้องรับไม่ได้ที่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของคุณพจน์
เชื่อว่าถ้าอธิบายดี ๆ ม่อนแจ่มต้องเข้าใจแน่ (ถึงแม้ตอนแรกอาจจะตกใจหรือสับสนอยู่บ้าง)
อีกอย่างลุงแสงก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่ยุติธรรมเลยถ้าจะบอกว่าเพราะฐานะทางสังคมไม่ดี ลูกแท้ ๆ เลยไม่มีสิทธิ์ได้รู้จักพ่อของตัวเอง

ณ ตอนนี้คงเกินขั้นที่จะวิจารณ์ว่าพชรควรทำยังไงหรือไม่ควรทำยังไงแล้ว คงได้แต่นึกถึงประโยคที่ว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 05-07-2016 01:12:08
บอกได้คำเดียว

มันส์...

หึหึหึ ก็ให้รู้กันไปว่าพรลมๆแล้งๆจะสู้ความเป็นจริงได้สักแค่ไหน (อย่าปาของอะไรใส่น้าาา แค่ส่วนตัวผมเชื่อในจิตวิทยากับการกระทำในตัวมนุษย์มากกว่าโชคลางนิดหน่อยน่ะครับ ฮะๆๆ)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Vermouth ที่ 05-07-2016 01:56:48
บีบหัวใจอะไรเบอร์นั้น อ่านไปน้ำตาจะหยดไป ปวดใจแทนทุกฝ่าย โดยเฉพาะพชร
แต่เชื่อว่าในท้ายที่สุดน้องม่อนแจ่มก็ต้องเข้าใจและรับได้เองแหละนะ หวังว่านะคะ เฮือก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: FHUNWHAN ที่ 05-07-2016 02:03:16
สมการรอคอย เป็นตอนที่อ่านอย่างระวังและเครียด เครียดมากกกก
ปกติสามารถอ่านได้รวดเดียวจบ แต่ครั้งนี้ต้องอ่านแล้วพักสูดหายใจลึกๆแล้วอ่านต่อ (พี่เกรียนช่างร้ายกาจ)
สัมผัสได้ถึงความอึมครึมในตอนนี้ และคงหนักขึ้นในตอนต่อๆไป  :katai1: :katai1:

กลายเป็นว่าในตอนนี้ทุกคนห่วงม่อนแจ่ม แต่ทุกคนต่างก็อยู่สภาวะกลับตัวก็ไม่ได้ จะเดินต่อไปก็ไปไม่ถึง
แต่จะให้พชรหยุด ก็คงไม่มีทาง
ให้คุณระมิงค์บอกความจริง ก็ดูจะเลวร้ายเกินไปสำหรับม่อน
ไม่อยากจะเดาอะไรเลย เลือกทางไหนก็เจ็บทุกทาง เจ็บทุกคน ฮื้อ.. /กอดม่อนแจ่มแน่นๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 05-07-2016 02:40:06
เอายังไงดี?  พชรจะเดินหน้าหรือว่าจะเก็บงำเอาไว้
ทุกคนคิดว่าครอบครัวจะล่มสลาย  แต่เรากลับคิดว่าระมิงค์กับพจน์อยู่กันแบบเพื่อนมานานแล้ว  เหมือนหุ้นส่วนในการปกครองบริษัท  ต่อให้ความจริงเปิดเผยเราก็ไม่คิดว่าพจน์จะดูดายหรือทอดทิ้งม่อนแจ่ม  จะมีประเด็นก็ที่ระมิงค์หลอกเรื่องพ่อของม่อนแจ่ม
แต่พจน์เองก็ได้ผลประโยชน์จากการแต่งงานกับระมิงค์และการเป็นพ่อของม่อนแจ่มซึ่งก็คือบริษัทที่รุ่งเรือง   จะมีก็แต่ฝั่งลำพูนที่สูญเสียในสิ่งที่ควรได้ ควรมี ควรเป็น
เรามองว่าม่อนแจ่มอาจจะปรับตัวเข้ากับแสงได้ดีมากกว่าพจน์    พชรไม่อยากให้ม่อนแจ่มเจ็บแล้วถ้าหากว่าม่อนแจ่มรู้ว่าแม่กับตัวเองเป็นสาเหตุให้พชรกับแม่เจ็บปวดตรงนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ม่อนแจ่มทนไม่ได้มากที่สุด   ม่อนแจ่มน่าจะเรียนปรัชญามากกว่าวิศวะนะ   

ถ้าเป็นเราๆจะเลือกบอกความจริงในบางส่วน บางเรื่องที่ไม่เกี่ยวก็ๆม่จำเป็นต้องบอกไม่ได้ให้โกหกแต่ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่ตอนแรก  เช่น  แม่ทำอะไรไว้  แต่บอกในส่วนที่เกี่ยวพันกับม่อนแจ่ม+พชร  แต่ดูๆแล้วเราว่าเรื่องจะแตกจากการที่แม่พชรไปเจอม่อนแจ่มเป็นรูมเมทพชรมากกว่า  ถ้ามากันครบองค์ประกอบพ่อแม่ด้วย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 05-07-2016 06:51:21
ไม่.ีใครอยากทำร้ายคนที่รัก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 05-07-2016 07:35:41
นับจากนี้ คือบททดสอบจิตใจของม่อนแจ่ม ว่าจะเข้มแข็งได้มากแค่ไหน? ขอพรที่พชรขอไว้ให้กับม่อนแจ่ม จงสัมฤทธิ์ผล ขออย่าให้รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้านั้น เอาใจช่วยน้องม่อน ลุ้นๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: VampirezBadz ที่ 05-07-2016 09:09:14
โอ๊ยยยยยย ซีเครียสมากเลย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ม่อนแจ่มคงต้องเจอพายุลูกใหญ่แล้วละลูกดูจะรายแรงกว่าคนอื่นๆ เหมือนซึนามิที่อยู่ๆก็มาแล้วกวาดเรียบ ฮือออ เศร้า รอตอนต่อไปด่วนๆค่ัะ
 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 05-07-2016 10:53:24
โอ้ววววว ดราม่ากำลังจะตามมาสินะ ฮือออ
ม่อนแจ่มสู้ๆนะลูกกกกกก

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 05-07-2016 13:47:44
อ่านมาถึงตอนนี้ รู้ได้เลย ม่อนแจ่ม หนูเป็นที่รักของทุกคนนะลูก :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 05-07-2016 17:37:26
_สงสารม่อนจังเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 05-07-2016 18:41:11
 o22
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 05-07-2016 19:10:11
ทำไมผมเพิ่งเห็นเรื่องนี้เนี่ย เห็นชื่อเรื่องกับคนแต่งละรีบเข้ามาเลย 
ยอมรับว่าอ่านแล้วติดเลยครับ อ่านทีเดียว15 ตอน มันน่าติดตามมากๆ

ถึงตอนล่าสุดนี่ พชรคงเดินหน้าแล้วสินะ เอาจริงๆ อยากให้ม่อนแจ่มรู้ทุกอย่างไวๆ
ยังไงความจริงก็คือความจริง หนีไม่พ้นหรอก หลังจากนั้นจะเป็นยังไง จะรอติดตามครับ

คงเข้มข้นมากๆแน่เลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 05-07-2016 19:44:48
อึดอัดจัง เห็นใจทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-07-2016 20:52:21
ไม่ว่าใครที่ต้องพูดเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้
มันเป็นเรื่องที่พูดยากจริงๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 05-07-2016 20:57:15
เมื่อเดินหน้าแล้วจะไม่ถอยหลังกลับดังเช่นเวลาไม่อาจหวนคืน

เราเชื่อว่าต่อให้ต้องทำร้ายความรู้สึกของใคร พชรจะไม่มีทางทำร้ายความรู้สึกของม่อนแจ่มด้วยตัวเอง
ยังไงคงต้องบีบระมิงค์ทุกทางให้เป็นคนบอกความจริงกับม่อนแจ่มเรื่องครอบครัวที่แท้จริง เรื่องแสงระวี รวมถึงเรื่องภรรยาและลูกชายทางสายเลือดของพจน์ ถ้าจะเดาทางระมิงค์ นางคงไม่บอกหรอกว่าลูกชายที่ว่านั่นเป็นใครมาจากไหน ชื่ออะไร เพราะไม่อาจจะทำร้ายลูกชายไปมากกว่านี้ เพราะฉะนั้น ดราม่าที่แท้จริงน่าจะเกิดจากพชร ที่ต้องบอกความจริงว่าตัวเองคือลูกชายทางสายเลือดของพจน์

นิยมมาม่าชามโตกินได้ไม่มีเบื่อ
แต่ผงชูรสอาจจะเยอะไป เพราะงั้นต้องเติมน้ำตาลให้ความหวานสักหน่อย แล้วปล่อยให้ซึมลงเส้นและน้ำ เคล้าคลอพะเน้าพะนอกันไป #หื้ม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 05-07-2016 21:40:21
เราเชื่อว่าม่อนแจ่มจะเข้าใจ
ถึงแม้จะเสียใจมากอย่างที่พชรห่วง
แต่ม่อนแจ่มจะเข้าใจ :mew6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 05-07-2016 21:40:32
ชอบเพลงนี้ เวอร์ชันของป็อปปองกูลก็เพราะดีนา
อยากอ่านต่อแล้ววว อยากรู้ว่าใครจะเป็นคนบอกม่อนแจ่ม
สงสารม่อนแจ่มอ่ะ พชรอย่าทิ้งม่อนแจ่มนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Lyralyn ที่ 06-07-2016 00:07:54
อ่านแล้วมันบีบอะ กลัวม่อนเสียใจมากเลย ไม่ว่าจะรู้จากใคร  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-07-2016 00:24:33
ม่อนแจ่มอาจจะเข้มแข็งกว่าที่ใครจะนึกก็เป็นได้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 06-07-2016 08:06:30
 :hao5: สงสารม่อน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 06-07-2016 11:00:39
เราว่านะที่แน่ๆเลย ถ้าม่อนรู้อ่ะ ต้องมีช็อคบ้างแหละ และคงเสียใจ เเบบอะไรที่คิดมาตลอดมันกลับไม่ใช่งี้ สงสารอ่ะ ไม่อยากเห็นน้ำตาเด็กคนนี้เลย ม่อนสู้ๆนะ  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/7/59 CH.15 More Than An Acquaintance P.7
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 09-07-2016 20:44:01
ไม่อยากให้มาม่าเลยยย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 13-07-2016 02:37:55
CHAPTER 16: Maybe Talk, Not Just Speak

          กลัวนะ.. ไม่ใช่ไม่กลัว อยู่หอคนเดียวมาตั้งสองสามคืนแล้ว
รู้ตั้งแต่แรกว่าไอดิลจะมาวันอาทิตย์ คู่ซี๊ตั้งใจใช้เวลาปิดเทอมอยู่กับพ่อตราบจนวินาทีสุดท้าย ไม่ยอมมาก่อนเด็ดขาด
ทว่า ม่อนแจ่มก็ยังยอมมาหอตั้งแต่วันพฤหัสฯ แค่คิด..ว่าได้เจอกันเร็วขึ้นสักหน่อยก็คงดี
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มคิดผิด.. ไม่ว่าจะพฤหัสฯ ศุกร์ หรือเสาร์ ก็ไม่มีแม้แต่เงาคนที่เขารอคอย
เฮ้อ.. รูมเมทปรัชญาจะมาก่อนทำไม คงใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อย่างทำสวนอยู่ที่บ้านมากกว่า
แม่ง.. ม่อนแจ่มเพิ่งคิดได้ทีหลัง

           หอสามชายเงียบเชียบน่าขนลุก ม่อนแจ่มข่มความกลัว ใช้เวลาตอนกลางวันทำอะไรให้เหนื่อยมากที่สุด เสียพลังงานมากที่สุด เอาให้หัวค่ำแล้วหลับปุ๋ยเลย ..เดชะบุญ เขาไม่ปวดฉี่และไม่ต้องลุกขึ้นมากลางดึก กระนั้น ก็ร่ำๆจะโทรหาลุงสมอยู่หลายครั้งหลายคราว

พชร ..พชรเป็นกำลังใจม่อนด้วย 
ม่อนแจ่มท่องซ้ำไปซ้ำมา
ม่อนรู้ ..ถ้าเป็นพชร พชรอยู่ได้ พชรไม่กลัวแน่นอน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ.. ม่อนแจ่มไม่เผ่นกลับบ้าน

            ร่างเล็กพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในฐานะที่มาก่อน เริ่มจากการกวาดขยะในห้อง (จามไปตลอดครึ่งชั่วโมง) เอาผ้า(ที่ขอจากป้าเพ็ญ)มาชุบน้ำและเช็ดตามโต๊ะตามเก้าอี้ให้สะอาดที่สุด โดยเฉพาะ.. โต๊ะที่มีหนังสือปรัชญาวางอยู่บนนั้น
มือเรียวหยิบเอกสารประกอบการเรียนรายวิชาต่างๆ หนังสือ ‘ปรัชญาร่วมสมัย’, ‘โลกของโซฟี’, ‘วิถีเกษตรอินทรีย์’, ‘เรื่องเล่าบนถนนของคนบนมอเตอร์ไซค์’ ย้ายไปไว้บนโต๊ะของตัวเองก่อน เพื่อเช็ดโต๊ะพชร
แม้จะใคร่รู้ แต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะเปิดหนังสือ อ่านเรื่องราวเหล่านั้น ..เรื่องราวที่เพื่อนร่วมห้องเคยผ่านตา
คนทำความสะอาดได้แต่ยิ้ม แม้เจ้าของจะไม่ค่อยพูดอะไร บุคลิกก็นิ่งจนไม่อาจบอกได้ว่ามีความสนใจสิ่งใดเป็นพิเศษ แต่มันก็มหัศจรรย์เหลือเชื่อที่หนังสือเหล่านี้พอบอกได้
ไว้ม่อนแจ่มจะหามาอ่านตามบ้าง หรือไม่.. ก็อาจจะขอยืมพชรอ่าน เรื่องนั้น คงต้องประเมินสถานการณ์กันก่อน

         เอาล่ะ..
เช็ดโต๊ะเสร็จแล้ว อ้อยอิ่งอยู่ที่โต๊ะพชรนานไปแล้ว เขาจึงตามมาด้วยการถูพื้น ซึ่งก็ตั้งท่าอยู่นาน เพราะไม่รู้จะถูท่าไหนดี
ควรนั่งคุกเข่าถู? หรือควรนั่งพับเพียบถู?
ควรถูด้วยสองมือ หรือควรถูด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือยันพื้นไว้ จะได้ไม่ล้ม?
แบบไหนดี งงว่ะ ลืมถามป้าเพ็ญ..
แต่ไม่ว่าจะถูด้วยท่าไหนหรือแม้แต่หลายท่าผสมกัน สุดท้าย ม่อนแจ่มก็พอใจ เพราะเขาคิดว่าพื้นห้องสะอาดดี แม้จะอดคิดไม่ได้ว่า.. ถ้าใครเข้ามาในห้องตอนนี้คงดูไม่ออก ว่าอันไหนคือผ้าขี้ริ้ว อันไหนคือม่อนแจ่ม

          หลังจากสามวันอันทรมาน วันอาทิตย์ก็เดินทางมาถึง พรุ่งนี้วันจันทร์ วันเปิดเทอม
วันนี้ล่ะ อย่างไรเสีย ..ก็ต้องมา
ม่อนแจ่มรอ รอพร้อมกับหาอะไรทำไปด้วย อะไรที่มีสาระ
เขาอ่าน Engineering Mechanics  ..อ่านก่อน เดี๋ยวก็ต้องเรียนแล้ว
อ่านอย่างขยันขันแข็ง อ่าน.. สลับกับเงยหน้ามองประตู

เวลาผ่านไปพร้อมกับสาระที่เริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ
จากที่นั่งอ่านบนเก้าอี้อย่างตั้งอกตั้งใจ ก็ย้ายไปนั่งอ่านบนเตียง และขณะนี้ ร่างเล็กไม่ได้นั่ง แต่กำลังเลื้อยไปเลื้อยมาบนที่นอนแทน ชีสอยู่ทาง คนอยู่อีกทาง ดวงตาในกรอบแว่นมองไปที่ประตู หูผึ่งเป็นระยะๆ เท้าหรือก็เกยผนัง หัวเหอห้อยลงจากเตียงในท่วงท่าน่าขบขัน

ในทันใด.. หูเขาก็ได้ยินเสียงหน้าห้อง ..ตามด้วยเสียงเคาะประตู

ก๊อก ก็อก..!

เชี่ย!
หัวแทบจะโหม่งพื้น
ม่อนแจ่มเด้งตัวขึ้นจากเตียง มือข้างหนึ่งปัดๆผมให้เข้าที่ อีกข้างแตะแว่นให้ตั้งตรงบนสันจมูก
มาแล้ว!
ริมฝีปากอิ่มยกยิ้ม ปากอ้าจะทักทาย

“หงะ..”
ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจที่เห็นคนตรงหน้า
ก็คิดถึงเหมือนกัน
แต่ว่า..

“แหมๆ เพื่อนม่อนไม่ต้องทำหน้าผิดหวังขนาดนั้นก็ได้ม้าง..ง” ไอดิลกลอกตาไปมาขำๆ
“อะ.. ก็.. กูแค่ไม่คิดว่าจะเป็นมึงนี่หว่า ปกติ มึงเปิดผางเข้ามาเลย ไม่ยักเคยเคาะ นี่ดันเคาะ กูก็ต้องนึกว่า..”
“..เป็นพชร?” ไอดิลต่อประโยคให้
ม่อนแจ่มไม่ตอบ ได้แต่ถลึงตาใส่เขินๆ แล้วตรงเข้าไปชกไหล่คู่ซี้เล่นๆ ไอดิลหัวเราะ
“ฮ่ะๆ มึงสบายดีนะ”
“กำลังแย่ หมดอาลัยตายอยากสุดๆ อีกแค่วันเดียวถ้าไม่มีใครมา กูมีหวัง..” คนอยู่ก่อนเอ่ยเวอร์วัง เรียกรอยยิ้มจากคนมาทีหลัง รวมทั้งจากร่างสูงที่ก้าวยาวๆเข้ามาวางถุงข้าวของไว้บนพื้นห้องด้วย
“สวัสดี หมอก” ม่อนแจ่มทักทาย ไอหมอกพยักหน้ารับคำทัก ยีหัวไอดิลเบาๆ ก่อนปล่อยให้สองเพื่อนวิศวฯได้เสวนาประสาไม่เจอกันมาร่วมเดือนต่อไป

 “มึงหอบอะไรมาเยอะแยะ” ม่อนแจ่มก้มมองของ ถามหงุงหงิง
“ขนมอ่ะสิ ขนมาจากบ้านก็เพียบแล้ว แถมย่ากูยังเตรียมไว้ให้หอบใหญ่อีก”
“เพื่อนดิ้ลแบ่งเพื่อนม่อนด้วยใช่มะ”
“แน่นอน” ไอดิลรับคำหนักแน่น “มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน มีขนมร่วมแดก ปาร์ตี้ขนมเร็ว ให้ไว!”
“เฮ้ย ไม่ได้แล้ว” ม่อนแจ่มส่ายหน้าดิก “พชรไม่ให้เรากินขนมในห้อง จำไม่ได้หรือไง”
“กินแล้วเก็บกวาดได้น่า พชรมันอนุโลม”
“ไม่ได้!” ม่อนแจ่มยืนยัน
แม้เขาจะเห็นด้วยกับสโลแกนของไอดิลที่ว่า ‘มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน มีขนมร่วมแดก’
แต่ภาพแรกที่พชรเห็นเขาในเทอมใหม่จะต้องไม่อยู่ระหว่างการปาร์ตี้ขนมสิ โธ่! ไอดิล ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยจริงๆ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “ไอ้ม่อน? มึงกลัวประตูจะหายหรือไง จ้องอยู่ได้”
ไอดิลเลิกคิ้ว ถามกวนๆหลังจากจัดแจงเก็บข้าวของเป็นที่เป็นทางและชื่นชมม่อนแจ่มในการทำความสะอาดห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“มึงนี่..” ม่อนแจ่มพยายามโบกเกรียนคู่ซี๊ที่ขยันล้อเลียนเขาเสียจริงๆ “กูว่า กูลงไปเดินเล่นข้างล่างดีกว่า”
“กะไปรอหน้าหอเลยว่างั้น?”
อ๊ากกก!
“ไอ้ดิ้ล! ไม่ต้องมาทำตัวฉลาดเลย”
“เอ้า ก็คนมันฉลาดจะให้ทำยังไงได้วะ โด่วๆ” ไอดิลโว แต่ม่อนแจ่มหรี่ตา
“งานวิจัยบอกว่า คนที่ชอบย้ำว่าตัวเองฉลาดนั้นมักมีปมโง่อย่างสาหัสมาก่อน..”
“ไอ้ม่อนนน!”
ฮ่ะๆ!
ม่อนแจ่มหัวเราะร่วน ขณะไอดิลโหยหวนและตั้งท่าจะลุกขึ้นมาเตะเขาอย่างที่ชอบทำ
วิ่งสิครัช รอ’ไร!?

ร่างเล็กผลุนผลันลุกขึ้นจากพื้น มือเรียวคว้าลูกบิดประตูหมุน
และ..
อะ!

“พชร!”
หลุดเรียกเสียงดังฟังชัด
ยิ้มกว้างอย่างดีใจ ดีใจมาก..
ร่างกำยำที่รอคอยยืนอยู่ตรงหน้า และม่อนแจ่มก็เรียนรู้บางอย่าง
เราไม่มีทางรู้หรอก ว่าคิดถึงใครบางคนแค่ไหน จนกว่าจะได้เจอเขาอีกครั้ง และตระหนักว่าเราดีใจมากมายเพียงใด

“เก็บอาการหน่อย ไอ้ม่อน” ไอดิลพึมพำใส่แผ่นหลังเล็ก มิวายโดนหันมากระซิบตอบลอดไรฟัน
“กูก็เห็นมึงทำท่าแบบนี้ทุกทีเวลาเจอหมอก”
“หมอกมันเป็นแฟนกูไง ประเด็น” ไอดิลอธิบาย “แล้วพชรนี่ เอาแค่เขารับมึงเป็นเพื่อนหรือยัง เท่านี้ก่อน”

ไอ้ดิ้ล แม่ง!
ม่อนแจ่มหน้างอใส่คู่ซี๊ แต่ก็หันกลับมายิ้มให้พชรในทันใด
อย่างไรก็ตาม พชรไม่ได้ยิ้มตอบ ..ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นเบือนหลบ เดินสวนเข้าห้องเงียบๆ

“เอ่อ..”
ถ้อยคำที่จะเอ่ยทักทายผลุบหายไปในลำคอ ม่อนแจ่มได้แต่มองตามหลัง
“เอ่อ..” ไอดิลเลิกกวน งุนงงไม่แพ้กัน กระนั้น ก็พยายามช่วย
“พชรมันอาจจะเหนื่อยมั้ง คงเพิ่งแว๊นมาจากลำพูนน่ะ มึงอย่าคิดมาก”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          สัปดาห์แรกเป็นอะไรที่เหนื่อย..
การรับน้องที่ยังไม่เสร็จสิ้น การเรียนวิชาที่แอ๊ดว๊านซ์กว่าเทอมที่แล้วแบบฉับพลัน การที่แทบไม่เจอหน้ารูมเมทปรัชญาเลย เพราะอีกฝ่ายกลับห้องมามืดค่ำ ที่ทำได้ก็เพียงนอนมองเตียงล่างกับโครงร่างกำยำในความสลัวจนหลับไปเท่านั้น ม่อนแจ่มจึงดีใจนักที่ถึงวันเสาร์เสียที

          “อะ..”   
เสียงเล็กหลุดอุทานน้อยๆ เมื่อรูมเมทร่างสูงถือขวดน้ำขนาดหนึ่งจุดห้าลิตรเปล่าๆสองขวดเดินออกจากห้องมาพอดีกับที่เขาโอบกะละมังซึ่งซักผ้าบิดหมาดเสร็จมาจากห้องน้ำ

ไม่ได้อยากมองตา ไม่อยากสนทนา
ทว่า มือแกร่งก็ผลักประตูค้างเปิดไว้ รอให้ร่างเล็กเดินเข้าไปก่อนโดยอัตโนมัติ ก่อนจะปิดตามหลังเมื่ออีกฝ่ายก้าวเข้าห้องพ้นระยะที่ขอบประตูจะโดนตัวแล้ว

ม่อนแจ่มหันหลังกลับไปมองประตูห้องที่เพิ่งปิดลง รอยยิ้มน้อยๆระบายบนริมฝีปาก โอบกะละมังค้างไว้อย่างนั้นอีกหลายอึดใจ
รูมเมทปรัชญาไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยคุย ไม่ค่อยยิ้ม ก็เหมือนเช่นที่เป็นเมื่อเทอมก่อน แต่.. ความห่วงใย ความมีน้ำใจ  ความเอื้อเฟื้อ สิ่งเล็กๆน้อยๆที่พชรทำดีต่อเขามาตลอดนี้ ไม่ว่าร่างสูงจะรู้ตัวหรือไม่ แต่มันก็มีความหมายมากมายอยู่ดี..

“แฮ่ม..” ไอดิลกระแอมอย่างล้อเลียน
“ประตูห้องเรามันน่ามองขนาดนั้นเลยเนอะม่อนเนอะ”
“สัด..” ม่อนแจ่มสบถใส่คู่ซี๊ที่ชักจะทำตัวฉลาดเกินความจำเป็นเบาๆ แล้วก้าวสั้นๆไปตากผ้าที่ระเบียง
ไอดิลหัวเราะน้อยๆตามหลัง นั่งขีดอะไรขยุกขยิก

           “ทำอะไรของมึงน่ะ?”
ม่อนแจ่มเดินเข้าห้องมาเลิกคิ้วใส่ หลังตากผ้าไม่กี่ตัวเสร็จ ขณะเดียวกันก็ลงมือกางฉากตั้ง สอดกระดาษ เพื่อวาดภาพต่อ ..ภาพที่จะเป็นของขวัญ ในวันสำคัญที่ใกล้มาถึง
ร่างเล็กทรุดนั่งลง ประจำการบนเตียงล่างของตัวเอง ส่วนไอดิลนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ขีดฆ่าวันในปฏิทินตั้งโต๊ะ (ที่แถมมาจากร้านเครื่องเขียนซึ่งม่อนแจ่มไปซื้ออุปกรณ์วาดภาพและยกให้เจ้าตัว เพราะไม่รู้จะมีปฏิทินไปทำไม)

“กูนับวันที่กูไม่ได้เจอพ่อ” ไอดิลเปรยเบาๆ น้ำเสียงยานคาง  “..ว่ามันผ่านมากี่วันแล้ว”
วันที่ไม่ได้เจอพ่อ? ม่อนแจ่มออกจะงง
เพิ่งเปิดเทอม แล้วมึงก็เพิ่งกลับมาจากบ้านเองไม่ใช่เหรอ นี่มึงคิดถึงพ่ออีกแล้ว!?
“มึงนี่ติดพ่อจริงๆ ไอ้ดิ้ล” เขาเย้ายิ้มๆ
ไอดิลยักไหล่ เข้ามาเสนอหน้าใกล้ม่อนแจ่ม มองภาพที่คู่ซี๊กำลังวาด
“แหม.. มึงก็ไม่ติดเนอะ ไม่ติดเล้ย ที่กำลังวาดเนี่ย ก็ของขวัญวันเกิดพ่อมึงไม่ใช่เหรอ กูได้ข่าว?”
“ก็ใช่..” ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ “แต่กูไม่สนิท ถึงกับจะติดได้หรอก ท่านยุ่ง เราไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก”
อย่างไรก็ตาม ดวงตาคนพูดยังเป็นประกายสดใส
“กูไม่รู้จะให้อะไรเป็นของขวัญคุณพ่อ เพราะกูไม่รู้ว่าท่านชอบอะไร อีกอย่าง ถ้ามีสิ่งที่ท่านอยากได้ ก็คงหามันมาได้ง่ายๆอยู่แล้ว “
..
“กูแค่.. อยากวาดภาพให้ ทำสิ่งที่กูถนัด วาดภาพเป็นของขวัญ ของขวัญที่เงินซื้อไม่ได้ ..ของขวัญวันเกิดของคุณพ่อ”

           “ของขวัญวันเกิดของคุณพ่อ”

          ร่างสูงปรัชญาชะงักมือที่จับลูกบิด ประตูถูกผลักเข้ามาด้านในพอดี และ.. ได้ยินพอดี
ดวงตาคมกล้าไหววูบ.. แน่ใจว่าไม่ได้อยากรับฟังถ้อยคำนี้เลย..
“อะ.. เป็นอะไรหรือเปล่า พชร?” ม่อนแจ่มมองตาแป๋ว งุนงงที่จู่ๆคนไม่ค่อยโฟกัสอะไรกลับยืนนิ่งมองเขาค้างอยู่อย่างนั้น
ทว่า คนถูกถามเพียงส่ายหน้าน้อยๆ วางขวดน้ำไว้บนโต๊ะ ไม่สนใจจะเข้าร่วมบทสนทนาใดๆ

“แล้วที่บ้านมึงอยู่กับใครน่ะไอ้ม่อน เห็นบอกว่าพ่อแม่ยุ่งตลอดไม่ใช่หรือ” ไอดิลนั่งลงข้างรูมเมท
“ส่วนใหญ่ กูอยู่กับแม่บ้าน” ม่อนแจ่มคุยไปด้วย วาดไปด้วย “ป้าเพ็ญไง ที่เคยพูดถึง ใจดีมากนะ อวบอิ่มด้วยล่ะ”
เป็นเช่นนั้น..
“อืม..” ไอดิลหน้ายู่น้อยๆ “มึงน่าจะลอง.. แบบว่า.. ชวนพ่อแม่หาเวลาด้วยกันบ้างนะ”
ไม่ได้อยากเจือกเรื่องเพื่อนหรอก แต่ม่อนแจ่มนั้นสนิทกัน แล้วไอดิลก็อยากให้เพื่อนรักได้มีช่วงเวลาดีๆ จึงแนะนำในสิ่งที่ม่อนแจ่มอาจจะลืมคิดไป
“พ่อแม่ ถ้าทำแต่งานก็เครียดนะไอ้ม่อน เขาอาจไม่รู้ตัวได้ มึงชวนไปเที่ยวอะไรบ้างสิ แบบว่า.. จะดีกับตัวมึงเองด้วยนะ อยู่กับคนสองคนที่รักกัน มันมีความสุขนะเว้ย มันรู้สึกถึงสายสัมพันธ์”

สายสัมพันธ์?
“สายสัมพันธ์อะไร” ม่อนแจ่มงุนงง
“เอ้า ก็สายสัมพันธ์ของคนที่รักกันไง แบบว่า.. เวลาเขากอดกัน หอมกัน ซบกัน หรืออะไรแบบนั้น” ไอดิลอธิบาย
“หรือบางที.. แค่มองตา พูดคุยกันเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องสัมผัสกัน เราก็รับรู้ได้ว่าเขารักกัน แล้วเราก็ถูกเลี้ยงดูมาโดยคนสองคนที่รักกัน และเขาก็รักเราไง”

ไอ้ดิ้ลมันพูดอะไรของมัน? ม่อนแจ่มพยายามคิดตาม
กอดกัน.. หอมกัน.. ซบกันน่ะหรือ? ม่อนแจ่มไม่ยักจำได้ว่าพ่อกับแม่เคยทำอะไรแบบนั้น

“หรือแม้แต่เวลาที่ทะเลาะกัน เราก็ยังรับรู้ได้เลยนะว่าเขารักกัน ต่อให้จะตวาดใส่กันดังลั่นบ้านก็ตาม..”
ไอดิลเสริมยิ้มๆ เมื่อนึกถึงบางช่วงเวลาที่พ่อน่ารักยืนเท้าเอวและพ่อหล่อก็ยืนกอดอก แล้วตะโกน ‘ไอ้เกรียนเกรย์!’ - ‘ไอ้เหี้ยทัศน์’ สวนกันไปมา

ม่อนแจ่มได้แต่เลิกคิ้ว “พ่อกับแม่กูไม่เคยทะเลาะกัน”

ใช่.. ไม่เคยทะเลาะกัน
ไม่มีเรื่องอะไรให้ทะเลาะ ได้ยินคุยกันแต่เรื่องงาน เพราะทำงานด้วยกัน
ไม่ได้นอนห้องเดียวกัน ไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันสองคน และไม่เคยมีปัญหาหึงหวงกันแม้แต่น้อย..

“อ่าม..” ไอดิลมองรูมเมทอย่างแปลกใจ “งั้น.. ครอบครัวมึงก็คงอบอุ่นจริงอย่างที่คนเมืองนิวส์ชอบลงสกู๊ปแหละนะ ”
หนุ่มสิ่งแวดล้อมเออออ แม้ว่าเขาจะไม่อาจนึกภาพพ่อหล่อกับพ่อน่ารักที่ไม่ทะเลาะกันออกได้เลย เพราะสองคนนั้นอยู่บ้านเดียวกัน  นอนเตียงเดียวกัน  กินข้าวด้วยกัน  ร้องเพลงด้วยกัน  ไปซื้อของใช้ด้วยกัน  ไปออกกำลังกายด้วยกัน   ไปเที่ยวด้วยกัน  ชีวิตทับซ้อนกันแทบจะตลอดเวลา ยกเว้นเวลาทำงานรวมเวลาเดินทางราวสิบชั่วโมงต่อวันและห้าวันต่อหนึ่งสัปดาห์  เพราะฉะนั้น..  เรื่องไม่ทะเลาะกัน  ไม่ถกเถียงกันนั้นเป็นไปไม่ได้  ด้วยเหตุที่..  ช่องว่างระหว่างคนทั้งสองนั้นแคบมากหรืออาจจะไม่เคยมี

             “อ้อ! แต่กูเคยไปเที่ยวกับแม่อยู่เหมือนกัน” ม่อนแจ่มเสริมเมื่อนึกได้ ไอดิลจึงละความคิดจากเรื่องพ่อๆมาสนใจฟัง
“เหรอ ไปไหนล่ะ?”
“ม่อนแจ่ม”
“ห๊ะ?”
“ม่อน-แจ่ม” ม่อนแจ่มย้ำ
“อ๋อ!” ไอดิลพยักหน้า จริงสิ ม่อนแจ่มเป็นชื่อสถานที่นี่นา
“แล้วเป็นไง สนุกไหม?”
“ก็.. ไปกางเต้นนอนกันน่ะ เคยไปครั้งเดียว”
“ว้าว กางเต้นเหรอ!” ไอดิลดี๊ด๊า “ดูดาวกันด้วยหรือเปล่า”
“อื้อ.. ดาวเต็มฟ้าเลย กูร้องเพลงดาว ของ Paradox ให้คุณแม่ฟังด้วย เป็นเพลงโปรดของคุณแม่ล่ะ”
“โห!” ไอดิลยิ้มยินดี “น่าสนุกจะตาย ทำไมไปแค่ครั้งเดียววะ ชวนไปบ่อยๆสิ วันหยุดนี้ชวนอีกเลย!”
“ก็..” ม่อนแจ่มขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ
“แม่กูร้องไห้ทั้งคืนเลย ท่านบอกว่าคงจะแปลกที่ ทำให้คิดถึงบ้าน กูก็เลย.. ไม่กล้าชวนไปไหนอีก”
โธ่ ไอ้ม่อน!
ไอดิลตบไหล่เล็กของเพื่อนรักเบาๆอย่างเห็นใจ
เขานั้นเคยไปเที่ยวกับพ่อๆมาล้านแปดที่และแต่ละที่ก็เต็มไปด้วยความทรงจำแสนพิเศษ ไอดิลรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดี
 
“ขอบคุณครับ พ่อหล่อ.. พ่อน่ารัก..” เขาได้แต่พึมพำ
“พ่อหล่อ? พ่อน่ารัก?” ม่อนแจ่มขมวดคิ้วงงๆ “ยังไงนะ ตกลงพ่อมึงหล่อหรือน่ารัก”
เออว่ะ.. ซี๊กันมาเทอมนึงแล้ว ไอดิลยังไม่เคยบอกเรื่องนี้
“กูมีพ่อสองคน”

..

..

นั่นเป็นสิ่งที่เกินคาดคิดสำหรับม่อนแจ่ม
ไอดิลพูดถึงแต่พ่อ ไม่เคยพูดถึงแม่
อะไรบางอย่างทำให้เข้าใจโดยอัตโนมัติว่าเพื่อนรักไม่ได้อยู่กับแม่ เขาจึงไม่กล้าถามต่อ แต่พ่อสองคนนี่ ..เขาไม่เข้าใจ
“ยังไง มีพ่อสองคน?”

ไอดิลมองตาเพื่อน ถอนหายใจน้อยๆ ก่อนตัดสินใจเอ่ยตรงๆ
“ก็พ่อกูเป็นผู้ชาย ผู้ชายสองคน รักกัน อยู่ด้วยกัน เลี้ยงกูเป็นลูก มึงพอเข้าใจไหม?”

ไม่..
ไม่เข้าใจ
“แล้วแม่มึงไปไหน”

ถามแล้ว ..ถามออกไปก่อนจะยั้งตัวทัน

“กูขอโทษ ขอโทษที! มึงไม่ต้องตอบก็ได้” ม่อนแจ่มรีบบอก สีหน้าไม่สู้ดี
“ไม่เป็นไร” ไอดิลตบไหล่เล็กอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่
“คือ.. แม่กู.. ประมาณว่า.. วางกูไว้ที่หน้าบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะ แล้วพ่อกูก็..”
“เหี้ยยย!” ม่อนแจ่มสบถ ดีดตัวลุกขึ้น “แม่มึงทิ้..”
แต่แล้วก็ยั้งคำพูดตัวเองไว้ทัน.. บ้าเอ๊ย! เขาไม่เคยถามเพื่อนเลยว่าทำไมเจ้าตัวพูดถึงแต่พ่อ เขาไม่รู้..
ไอดิลไม่ใช่แค่ร่าเริงแล้วล่ะ ไอดิลเป็นคนโลกสวย ..โลกสวยมาก
ไอดิลใช้คำว่าแม่ ‘วาง’ เจ้าตัวไว้

“มึง เอ่อ.. แล้วมึงโอเคนะ” ม่อนแจ่มขยับเข้าไปหาเพื่อนรักด้วยสีหน้าไม่สบายใจ แต่ไอดิลหัวเราะ
“โอเคสิ ก็กูบอกแล้วไง กูอยู่กับพ่อ พ่อสองคนเชียวนะมึง”
ม่อนแจ่มค่อยยิ้มออก แต่ยังไม่วายจะห่วงใย
“โธ่ มิน่า.. แล้วมึงเสียใจมากไหม นึกโกรธแม่หรือเปล่า อย่าคิดมากนะ มีอะไรที่กูพอจะ-”
“เฮ้ย พอๆ” ไอดิลยกมือเบรก
“กูไม่เป็นไร ส่วนแม่.. กูไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น กูไม่อยู่ในฐานะที่จะโกรธท่านได้หรอก” หนุ่มสิ่งแวดล้อมยิ้ม
“ถ้าไม่ได้เจอพ่อ กูก็ไม่รู้หรอกนะว่าชีวิตกูจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อย.. กูก็ได้โอกาสเกิดจากแม่ ใช่ไหมล่ะ  ถึงแม้มันจะเสี่ยงมากว่ากูอาจไม่ได้เป็นผู้เป็นคนแบบนี้ แต่กูก็ยังได้โอกาสที่จะเสี่ยง”
ดวงตาสีน้ำตาลเหล่มองฝาผนังเหนือหัวเตียงบน ..แผ่นกระดาษใบเก่ายังแปะอยู่ที่นั่น
“แล้วกูก็เป็นกู ได้อยู่กับพ่อ ได้เรียนหนังสือ..”

ม่อนแจ่มนิ่ง..
การได้เป็นผู้เป็นคน
ได้ใช้ชีวิต
ได้รับการศึกษา
ดูเหมือนเป็นสิ่งเล็กน้อย เป็นสิ่งธรรมดา ทว่า แท้จริงแล้ว.. มีความหมายมากมายนัก โดยเฉพาะเมื่อตระหนักว่าเพื่อนรักอาจไม่มีโอกาสมานั่งอยู่กับเขาที่นี่ ณ วันนี้ก็เป็นได้ ..ม่อนแจ่มรู้สึกรักไอดิลมากยิ่งกว่าที่เคย

“มึงเก่งจัง” เขามองเพื่อนรักอย่างออกจะภาคภูมิ ไอดิลนั้นคิดบวกสุดๆ
“เก่งอะไรเล่า บอกแล้วไง ว่ากูโชคดี” ไอดิลส่ายหน้าขำๆ
“ว่าแต่มึงอ่ะ คุณหนูม่อน” เขาเรียกล้อเลียน “เกิดไม่ใช่ลูกของพ่อแม่ขึ้นมานี่ทำไง”
“เฮ้ย!” คนถูกถามอุทานลั่น ไอดิลจึงหัวเราะอย่างอยากแกล้ง
“ถ้าคุณหนูม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ไม่ใช่ลูกของคุณพ่อ คุณแม่ขึ้นมา จะทำยังไง?”
“เหี้ยยย!” ม่อนแจ่มสบถลั่นอีกครั้ง ส่ายหน้าน้อยๆ กึ่งๆจะหัวเราะ “กูดับอนาถแน่แบบนั้น”

พลั่ก!

เสียงของตกกระทบพื้นดังลั่น ขวดน้ำหนึ่งจุดห้าลิตรกลิ้งอยู่บนพื้น ทว่า คนปัดตกไม่สนใจจะเก็บ ดวงตาสีเข้มเบิ่งกว้างขึ้น หันมาจ้องมองคนพูดค้าง

“พชร..”
ม่อนแจ่มหันมองต้นเสียง รีบละจากไอดิล เดินเข้าไปหาร่างสูงกว่า “พชร เป็นอะไร?”

เป็นอะไร..

คำถามนั้นทำให้รู้สึกตัว
คนถูกถามจึงพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด

“พชร สะดุดโต๊ะเหรอ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ม่อนแจ่มเมียงมอง
“ติดโรคไอ้ม่อนมาหรือไงพชร” ไอดิลล้อ “มันชอบชนนู่นโขกนี่อยู่เรื่อย”
ร่างเล็กไม่สนใจคำเย้า ก้มตัวลงเก็บขวดน้ำ วางไว้บนโต๊ะที่เดิม พยายามมองสำรวจร่องรอยความผิดปกติ ถามออกไปอีกครั้ง
“เป็นอะไรหรือเปล่า พชร..”

ไม่ตอบรับ.. ไม่ปฏิเสธ..
พชรเสมองไปทางอื่น ไม่อยากสบสายตาไร้เดียงสาที่มองมาด้วยความห่วงใยคู่นั้น

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

Edit: แก้คำผิดครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 13-07-2016 02:38:43
              “อย่าไปคิดมากเลยวะ” ไอดิลปลอบใจ “พชรมันอาจจะแค่..”
แค่อะไรก็พูดต่อไม่ถูก
ม่อนแจ่มรู้เรื่องของพชรน้อยมาก ไอดิลนั้นยิ่งรู้น้อยลงไปอีก จะนิยามว่า ‘แค่’ อะไรก็ยังไม่รู้เลย

“ตั้งแต่เปิดเทอมมา กูรู้สึกว่าพชรเครียดจัง..” ม่อนแจ่มถอนหายใจ
“มันก็เงียบๆแบบนี้อยู่แล้วนะ”
“ไม่เหมือนกัน” ม่อนแจ่มส่ายหน้า ..ไม่เหมือนแน่นอน
พชรไม่ได้เงียบแค่เพราะเป็นคนไม่ค่อยพูด ..พชรเงียบเพราะมีเรื่องทุกข์ใจ
จริงอยู่ที่ไม่เคยแสดงออกมาด้วยคำพูด ..แต่ม่อนแจ่มเห็นในดวงตาคู่นั้นและมันชัดเจนขึ้นทุกที

“เอาวะ” ไอดิลถอนหายใจ ลุกขึ้นยืน “ไป กูพามึงไปแว๊นเล่นดีกว่า จะได้สบายใจขึ้นนะ”
ม่อนแจ่มขมวดคิ้วมุ่น พยักหน้าซึมๆ ..ไปก็ไป..

ก็อก ก็อก..!

หนุ่มสิ่งแวดล้อมเคาะประตูห้องสามสามหกซึ่งอยู่ติดกันเพื่อทำการจิ๊กเอากุญแจรถของคนรักมาครอบครองชั่วคราว
ไอหมอกเปิดประตูออกมาด้วยรอยยิ้มน้อยๆเหมือนทุกทีที่ม่อนแจ่มเห็น พยักเพยิดให้ไอดิลเข้าไปหยิบเองได้เลย
ไอดิลดี๊ด๊ารีบสอยมาอย่างเร็ว ทว่า ก่อนจะพ้นออกประตูไปนั้น..
“ดิ้ล ลืมหมวกกันน็อค” เสียงเข้มเตือน
“หมอก ก ก..” เสียงเล็กยานคาง “แว๊นแค่ในมอเอง”
“หมวก-กัน-น็อค!”

            อากาศกำลังสบายในยามบ่ายคล้อย ด้วยยังไม่ทันพ้นหน้าหนาว
ม่อนแจ่มนั่งมอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายไอดิล มอเตอร์ไซค์ของหมอกเตี้ยกว่าของพชรมาก ขึ้นนั่งง่ายกว่าและม่อนแจ่มก็ใส่สายรัดคางเป็นเรียบร้อยแล้วด้วย แต่เขาก็ยังชอบครั้งแรกที่นั่งมอเตอร์ไซค์กับพชรมากกว่าอยู่ดี

ดวงตาในกรอบแว่นแดงกวาดมองบรรยากาศรอบตัว ไอดิลขี่ผ่านหอสามชาย เลี้ยวไปทางสหกรณ์ และผ่านคณะมนุษยฯ เส้นทางเดียวกับที่สองเท้าของม่อนแจ่มเคยเดินไปยังภาควิชาปรัชญาและศาสนาเมื่อเทอมก่อน ตอนนั้นเขาเดินเข้าไปในตึก ทว่า ณ วันนี้ ไอดิลพาวนผ่านคณะสังคมศาสตร์และผ่านโรงอาหารคณะมนุษยฯ จนมาเจอ.. อ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่ง

เอาจริงๆนะ.. ม่อนแจ่มยังไม่เคยมาทางนี้เลย

           “พชร!” เสียงเล็กอุทาน
“หือ?” ไอดิลเลิกคิ้ว “เพ้อใหญ่แล้วไอ้ม่อน”
“กูเปล่าเพ้อ มึงจอดก่อนๆ จอดก่อน!”
ห๊ะ?
คนขี่งุนงง แต่ก็ชิดซ้าย เลียบกอต้นแก้วซึ่งปลูกยาวตลอดแนว ชะลอรถจอด
“ไหนพชรของมึง?” เขาเอี้ยวหน้าถาม และนิ้วเรียวก็ชี้ไปเบื้องหน้า ไอดิลมองตาม..

สิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตซึ่งเป็นมนุษย์หนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ นาม ‘พชร’ แต่กลับเป็นสิ่งไม่มีชีวิตที่มียี่ห้อว่า ‘Kawasaki D-Tracker’ สีดำ แถบเขียว ป้ายทะเบียนลำพูน

อ่าม.. ก็ไม่เชิงว่าจะไม่ใช่พชรเสียทีเดียวหรอกนะ
ไอดิลยักไหล่ ขณะม่อนแจ่มพยายามปลดหมวกกันน็อคออกจากหัวอย่างไม่ถนัดมือสักเท่าไร
ร่างเล็กลงมายืนบนพื้น จ้องมองมอเตอร์ไซค์ซึ่งมักเห็นจอดอยู่ที่หน้าหอสามชายจนชินตา

            “พชรมาอ่างแก้วเหรอวะ..” ไอดิลพึมพำ ไม่เชิงชวนคุย เหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่า
ม่อนแจ่มที่กวาดสายตาไปทั่วบริเวณหันมามอง “แล้วทำไมเหรอ ทำไมถึงไม่น่าจะมา..”
“ก็..” ไอดิลทำเสียงจึ๊กจั๊ก คิดหาคำพูด
ยังไงล่ะ..
อ่างแก้วดูไม่ใช่ที่ที่คนสายขรึม สายจริงจังแบบพชรจะมา ถ้าสายเกรียน สายอินดี้อย่างพ่อๆเขาสมัยเรียนก็ว่าไปอย่าง
“ตึกเรียนพชรอยู่ตรงนั้นไง” ม่อนแจ่มชี้ไปทางตึก HB5 “ภาคปรัชญาฯอยู่ใกล้แค่นี้เอง พชรอาจจะมาที่นี่บ่อยๆก็ได้นะ”
อ้อ.. ไอดิลพยักหน้า จริงสินะ.. ภาควิชาปรัชญาและศาสนาอยู่ที่นั่น

             ม่อนแจ่มย่างเท้าเข้ามาในบริเวณลานหญ้า มีผู้คนประปราย แต่ไม่มากมายนักด้วยเป็นวันหยุด และก็เป็นเวลาบ่าย ยังไม่ย่ำเย็น
ถึงแม้ ‘อ่างแก้ว’ จะไม่ได้กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทว่า ก็ไม่อาจมองหาคนที่อาจจะอยู่มุมหนึ่งที่นี่ได้ง่ายดายนัก..
พชรจะอยู่ฝั่งริมถนนตรงนี้ หรือเดินตามถนนสันเขื่อนเข้าไปด้านในหมู่ไม้ฝั่งโน้นก็ยังไม่แน่ใจ
มือขาวขยับแว่นแดง เดินช้าๆจนมาหยุดริมสะพานราวคู่ที่ทอดออกไปเป็นท่าน้ำ
อย่ากระนั้นเลย เดินขึ้นไปดีกว่า อาจจะมองเห็นรอบๆได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

            น้ำในอ่างใหญ่สีคล้ำกระเพื่อมไหวเป็นระลอก เดาได้ว่ามีปลาว่ายเวียนใกล้ผิวน้ำหลายจุด
ม่อนแจ่มมองเบื้องหน้า.. พุ่มไผ่สีทองเพราะตะวันยามบ่ายส่องต้องขึ้นอยู่ ณ เวิ้งน้ำฝั่งตรงข้าม
ม่อนแจ่มหันขวา.. ถนนสันเขื่อนลาดยางมะตอย มีเก้าอี้นั่งพักผ่อนตลอดแนว
ม่อนแจ่มหันซ้าย.. เฮ้ย..
ใต้ต้นมะพร้าวนั่น..
..พชร..

ราวกับถูกตรึงให้ยืนจ้อง
ร่างกำยำนั่งหลังพิงต้นมะพร้าว องศาใบหน้าก้มน้อยๆ แลดูไม่สบายใจแม้มองจากตรงนี้
พชร.. ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย
ค่อยๆเดินลงมาจากสะพาน.. ก้าวกลับสู่พื้นหญ้า.. เหยียบย่างบนลานปูนที่เทลาดไว้.. ผ่านต้นหางนกยูง.. อ้อมต้นโพธิ์ใหญ่.. หยุดที่กอไผ่..

ยังไงดีล่ะ?
พชรอยู่ท่ามกลางต้นไม้และสายน้ำ นั่งอินดี้ราวอยากจะอยู่เพียงลำพัง
แล้วม่อนแจ่มควรเดินเข้าไปหาหรือ.. พชรจะว่าอย่างไรหนอ?
ยังไง.. ตกลงควรเข้าไปใกล้ หรือควรปลอมตัวเป็นกอไผ่

แกร๊ก..!

เฮ้ย.. ไม่สิ
มันไม่ควรต้องมีกิ่งไม้ตรงนี้
ม่อนแจ่มไม่ควรเหยียบกิ่งไม้ตอนนี้
เขาอ้าปากค้างกับเสียงที่ได้ยิน เสียงที่เรียกให้คนนั่งอยู่ก่อนหันหลังมาสนใจ

            พชรหันมาตามเสียงแปลกปลอมที่จู่ๆดังขึ้น ม่อนแจ่มก้มมองเท้าตัวเองก่อนเงยหน้า ..ดวงตาสองคู่ประสานกัน..
สีหน้าที่มักเรียบเฉยออกอาการแปลกใจอย่างปิดไม่มิด ..เพิ่งปลีกหนีมาจากหอ แล้วตอนนี้ ตรงนี้ ดันมายืนอยู่ใกล้ๆอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย..

“มาทำอะไร”

เป็นเรื่องประหลาดจนแทบจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งยุค พชรถาม
ม่อนแจ่มตื่นเต้น ตื่นเต้นจนลืมที่จะตอบ
“พชร มาทำอะไร!”

คนถามขึ้นก่อนแต่ดันถูกถามกลับพ่นลมหายใจ
“คือ.. มาเพื่อถามว่า ‘กูมาทำอะไร’ ว่างั้น?”

ห๊ะ..
ม่อนแจ่มยืนนิ่ง สมองประมวลผล เพื่อจะตกตะลึงกับสิ่งที่ประมวลได้
ความรู้ใหม่.. พชรกวนตีน..

“ไอ้ดิ้ลพามาขี่รถเล่น ผ่านทางนี้ กูเห็นรถมึงจอดอยู่ เลยบอกให้ไอ้ดิ้ลจอด แล้วกูก็เดินตามเข้ามา กูเห็นมึงจากบนสะพาน ก็เลยเดินมาหา”
..
“เพราะฉะนั้น คำถามของมึง.. กูมาเพื่อถามว่า ‘มึงมาทำอะไร’ ใช่ไหม”
..
“คำตอบคือ.. ใช่”

ดวงตาคมกล้าไหววูบอีกครั้ง.. หมดปัญญาจะทำสีหน้าเรียบเฉยให้เหมือนปกติที่เป็น..
ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันน้อยๆอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับคนตรงหน้า ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการถอนหายใจออกมายาวๆ

ผู้มาใหม่เดินเข้ามาใกล้ จนระยะห่างเหลือเพียงเล็กน้อย
“นั่งด้วยคนได้ไหม..”

แน่อยู่แล้ว
ไม่มีคำตอบ..

“พชร ถามจริง..” ร่างเล็กถือวิสาสะทรุดตัวนั่งลงข้างๆเสียเลย
“ไอ้อาการ ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ นี่.. เกิดมาก็เป็นเลยใช่ไหม แบบว่าไม่ต้องหัด ไม่ต้องฝึกอะไรทั้งนั้น..”
..
 “แล้วไอ้นิสัยเกรียนๆ ทำอะไรที่คนอื่นเขาไม่ค่อยทำกันนี่ก็เป็นมาตั้งแต่เกิดเหมือนกันสิ..”

โอ้.. พชรย้อน
ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง นี่มันใกล้เคียง ‘การคุย’ มากที่สุดแล้วกับระยะเวลาหลายเดือนที่อยู่ร่วมห้องเดียวกันมา

“เกรียนยังไง? ทำอะไรที่คนอื่นเขาไม่ทำยังไง? ลองพูดมาให้ชัดได้ไหมล่ะ”

พชรไม่ตอบ..
ใจประหวัดถึงท่าทีท้าตีท้าต่อยเมื่อต้นเทอมแรก.. ภาพวาดการ์ตูนบนผนังห้อง.. คนบ๊องที่เดินจากคณะวิศวฯมาคณะมนุษยฯตอนเที่ยง.. รูมเมทเตียงล่างซึ่งนอนมองเขาจนผล็อยหลับซึ่งก็ยังทำอยู่จนถึงเมื่อคืนนี้..
การกระทำที่ทำให้เขาตกที่นั่งลำบากเหลือเกิน..

“พชร”


“อืม”


“มีเรื่องไม่สบายใจใช่ไหม”
คำถามช่างอ่อนโยน.. น้ำเสียงแสดงความห่วงใยชัดเจนจนแม้แต่คนที่ระดับความรู้สึกด้านชาที่สุดก็ยังรับรู้ได้

“มีอะไรอยากระบายไหม แบบว่า.. พูดให้ใครสักคนฟัง เผื่อจะสบายใจขึ้น รับรองไม่พูดต่อ ไม่บอกให้ใครรู้”

ฮ่ะ.. พชรแทบจะหลุดหัวเราะออกมาเสียให้ได้
ก็ไอ้คนที่ถามอยู่นี่ไม่ใช่หรือ ที่ไม่อยากให้รับรู้มากที่สุด
เสี่ยงได้ไหม? ..ก็คงได้
แต่อะไรบางอย่างหรือใครบางคนล้ำค่าเกินกว่าที่จะยอมเสี่ยง..

“กูไม่มีอะไรจะพูดหรอก” เสียงเข้มเอ่ยเรียบๆ หันมามองตา “กลับหอซะเถอะ ไป”
“ทำไมต้องกลับล่ะ”
“เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่”
“ปรัชญาเชื่อมั่นในเหตุผลเหรอ..”
“แล้ววิศวฯเครื่องกลเชื่อมั่นในอะไร..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-07-2016 03:03:39
บทนี้ยังยิ้มได้อยู่นะ ขำกับความเกรียนความกวนของแต่ละคน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: VampirezBadz ที่ 13-07-2016 03:41:37
อ่านจบแล้วตกใจ หมดแล้วเหรอ... จะเอาอีกกก 55555 รักม่อนรักพชร รักตัวละครทำตัวที่โผล่มา เราเชื่อว่าม่อนแจ่มต้องผ่านไปได้เพราะนางมีทั้งเพื่อนและสังคมที่ดี อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยแต่คงไม่ยากเกินจะยอมรับ รอตอนต่อไปค่ะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-07-2016 06:59:00
พชร กลุ้มเรื่องของม่อนแจ่ม
สรุป พ่อแม่ม่อนแจ่ม พ่อแม่พชร
ไม่มีใครมีความสุขเลย
เพราะความอยู่รอด มั่นคงของบริษัท ทิ้งความต้องการของหัวใจ
กระทบไปถึงลูกๆ ของแต่ละฝ่าย
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 13-07-2016 07:29:26
ม่อนแจ่มตัวน้อยขอให้อข้มแข็งน๊ะ รู้ช้ารู้เร็วยัังไงก็ต้องรู้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 13-07-2016 08:05:58
เครียดแทน พชรจะบอกม่อนยังไง แล้วถ้าม่อนรู้ม่อนจะเป็นยังไง  :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 13-07-2016 08:21:48
 :hao4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-07-2016 08:41:39
อ้าว จบตอนไม่รู้ตัว ฮาาาาา  "แยกไม่ออกว่าอันไหนผ้าขี้ริ้ว ไหนม่อนแจ่ม? " เอ็นดูนางงงงง นางมีท่าถูห้องหลายท่าด้วย 5555 //  หนักใจแทนพชรเนอะ ห่วงม่อนก็ห่วง ครอบครัวก็ต้องรับผิดชอบ  แบกหนักเต็มบ่าทั้งสองข้างเลย ชีวิตไม่ง่ายเลยผู้ชายคนนี้  :hao5: //  ถ้าเรื่องราวเปิดเผยขึ้น หนึ่งคนที่จะทำให้น้องม่อนเจ็บน้อยลงและผ่านมันไปได้ คือ ไอดิล .. ความเข้มแข็งของคนที่ผ่านมาก่อน ไอดิลจะประคับประคองม่อนน้อยให้ผ่านมันมาให้ได้ .. สงสารม่อน รอเลย  :m15:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 13-07-2016 12:23:12
หูยยย มีความอึดอัด
มีความอึมครึม อยากให้เรื่องคลี่คลาย

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 13-07-2016 12:33:24
/ยกมือ
ขอช่วยเหลือเพื่อนค่ะ
คำถามที่ว่า วิศวเครื่องกลฯเชื่อมั่นในอะไร
คำตอบคือ วิศวเครื่องกลฯม่อนแจ่มเชื่อมั่นในพชรค่ะ วรั้ย~ :-[

ใจจริงอยากให้ม่อนแจ่มพูดเรื่องพ่อกับแม่ให้ไอดิล(และพชร)ฟังนะ
ตอนที่ไอดิลถาม คำตอบที่ม่อนแจ่มบอกออกไปมีแต่พ่อแม่ไม่เคยทะเลาะกัน ซึ่งมันดูขัดกับความเป็นจริงเสียเหลือเกิน ราวกับเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งในความคิดของพชรก็คงเป็นแบบนี้ เพียงแต่อีกคำตอบนึงที่ม่อนแจ่มตอบออกไป เรื่องการไปเที่ยวกับคุณแม่ พชรจะเอะใจมั้ยนะ ที่การไปเที่ยวครั้งนั้น คุณระมิงค์เอาแต่ร้องไห้

การเดินทางของพชรจะไปยังไงต่อ
นี่คือสิ่งที่เราลุ้นมากที่สุด
แต่ตอนท้ายของบทนี้เราชอบมาก
มันแสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ของพชรและม่อนแจ่มที่ผูกพันกันแน่นแฟ้นจนยุ่งเหยิงไปหมดนี่แหละ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 13-07-2016 13:41:56
ตั้งแต่อ่านมาคิดว่าม่อนแจ่มเข้มแข็งกว่าที่คิดนะ แม้ไม่เคยได้สัมผัสรักจากพ่อก็ยังไม่ทำตัวมีปัญหา

แต่ที่แน่ๆพชรตอนนี้ลำบากใจที่สุด

สนุกๆค่ะ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 13-07-2016 21:06:57
             
“ปรัชญาเชื่อมั่นในเหตุผลเหรอ..”
“แล้ววิศวฯเครื่องกลเชื่อมั่นในอะไร..”

ชอบตรงนี้มากเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 13-07-2016 22:03:55
ยิ่งอ่านยิ่งชอบม่อนแจ่ม ม่อนแจ่มเป็นคนสดใสนะ เกรียนฮาดี
ไม่อยากคิดถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ จะเป็นยังไง  แต่เชื่อนะถ้าคนอย่างม่อนเจอจุดดิ่งที่ต่ำสุด ถ้าผ่านมันไปได้คงจะกลายเป็นคนที่เข้มแข็งมากๆคนหนึ่งเลยล่ะ ยังไงความจริงก็คือความจริงแหละ ถ้าเรื่องมันเกิดขึ้นจริงๆ ก็ต้องยอมรับความจริง

ส่วนตอนนี้ความหนักใจคงจะอยู่ที่พชร เป็นใครก็คงเครียด แอบสงสารอ่ะ นี่ถ้าม่อนไม่ใช่รูมเมท อะไรๆคงง่ายกว่านี้สำหรับพชร


อยากให้ถึงไคลแม็กไวๆจัง คงพินาศกันน่าดู
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 13-07-2016 23:59:26
เรื่อยๆมาเรียงๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 14-07-2016 11:51:06
น่าเครียดจริงๆแหละ เล่นสลับพ่อสลับกันอยู่แบบนี้ จะบอกยังไงให้ไม่เสียใจกันล่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 15-07-2016 09:54:11
อุ้ยๆๆๆๆ ยกมือตอบเลยว่าวิศวฯเครื่องกลเชื่อมั่นในพชร เพียวๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-07-2016 13:03:17
เป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักสำหรับพชรจริง ๆ นั่นแหละ
ใครจะอยากทำให้คนสำคัญเจ็บปวด แต่ความจริงและความถูกต้องก็ค้ำคอ
ถ้าม่อนแจ่มจะเจ็บ พชรก็คงเจ็บไม่น้อยไปกว่ากัน งั้นก็จงเจ็บไปพร้อมกันเถอะ ฮี่ ๆๆ คนอ่านซาดิส
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Banarot ที่ 15-07-2016 13:09:54
เฮ้อ ทีมม่อนแจ่ม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 15-07-2016 18:40:40
ม่อนแจ่มตลก :m20:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 15-07-2016 19:45:18
มารอๆๆ  อยากอ่านมากกกก :call:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 15-07-2016 23:53:05
ความคิดเห็นเราตั้งแต่อ่านมาเราสงสารม่อนแจ่มสุดอ่ะ และคนที่จะทุกข์และเจ็บปวดที่สุดเมื่อรู้เรื่องคงเป็นม่อนแจ่มคนเดียว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 18-07-2016 13:13:53
อ่านเพลินมาก แปปๆสิบหกตอนจบ สนุกมากค่ะ รอติดตามอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 18-07-2016 22:26:04
ม่อนแจ่มจะทำใจได้ไหมนะ หากรู้ความจริง แต่เด็กดีคงไม่เสียใจมากหรอกมั้ง เอาใจช่วยม่อนแจ่ม  :mew6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: apisaraa ที่ 19-07-2016 17:35:52
ม่อนน่าจะทำใจได้นะ แต่ว่าต่อไปนี้จะมองหน้าแม่ติดมั้ยเนี้ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 19-07-2016 21:30:42
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/7/59 CH.16 Maybe Talk, Not Just Speak P.8
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 19-07-2016 23:19:13
โหวงแทนม่อน ไม่อยากรู้อนาคตเลยแหะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 21-07-2016 19:35:42
CHAPTER 17: Bounded

            “กูไม่มีอะไรจะพูดหรอก”
เสียงที่ข่มให้ราบเรียบพยายามตัดบทง่ายๆ “กลับหอซะเถอะไป”
“ทำไมต้องกลับล่ะ”
“เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่”

ใช่..
นั่นแหละ

“ปรัชญาเชื่อมั่นในเหตุผลเหรอ..”
“แล้ววิศวฯเครื่องกลเชื่อมั่นในอะไร..”

เพราะไม่คาดว่าจะได้รับคำถามแบบนี้ จึงไม่ทันคิดว่าจะตอบกลับไปอย่างนั้น
พชรนิ่งไป.. ม่อนแจ่มเองก็นิ่งด้วย..

แล้ววิศวฯเครื่องกลเชื่อมั่นในอะไร

เชื่อมั่นในอะไรหรือ?
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ ‘เชื่อมั่น’ ที่ว่านั้น หน้าตามันเป็นอย่างไร หรือคนเราต้องรู้สึกแบบไหนถึงจะเรียกได้ว่า ‘เชื่อมั่น’
เขาไม่ถนัดคิดอะไรลึกซึ้งนัก ถ้างั้น.. คงต้องคิดแบบง่ายๆ

เชื่อมั่น..
เขาเชื่อในอะไร
หรือใครที่เขาเชื่อ
ใครที่เขาฟัง ใครที่ทำให้เขามั่นใจ..

คิ้วที่ขมวดน้อยๆเพราะใช้ความคิดค่อยๆคลายออกในชั่วอึดใจ ดวงตามองคนตรงหน้าแน่วแน่
“กูเชื่อ-”
“ไม่ต้องตอบ” เสียงเข้มขัดขึ้นก่อน ดีดตัวลุกยืนรวดเร็วกว่ากิริยาปกติ
ให้ตายเถอะ
เขาปล่อยให้การสนทนาดำเนินมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น.. เขาปล่อยให้เกิดการสนทนาขึ้นตั้งแต่แรกทำบ้าอะไร

“พชร!” ร่างเล็กลุกขึ้นตามงงๆ เดินเข้าไปใกล้มากขึ้น “ถามแล้วไม่ให้ตอบ มึงบ้าเปล่าเนี่ย?”

พชรถอยหลัง..

“พชร ทำไมถึงไม่ให้ตอบ”

พชรถอยหลัง..

“พชร..”
“เครื่องกล หยุด!”

หยุด
อย่า.. เข้ามาใกล้กว่านี้
อย่า.. ผูกพันมากกว่านี้
อย่า.. ทำให้หวั่นไหวมากไปกว่านี้

ม่อนแจ่มชะงักเท้า กลืนน้ำลายอย่างไม่เข้าใจ เสียงสั่งเฉียบขาดนั้นบาดหัวใจได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาเดินเข้าไปใกล้ ..พอๆกับที่พชรถอยห่าง
สองก้าวที่ม่อนแจ่มก้าวไปข้างหน้า ..ก็คือสองก้าวที่พชรถอยหลัง
และนั่นคือเหตุผล.. ที่เขาไปไม่ถึงเสียที

ม่อนแจ่มมองใบหน้าคมสันและดวงตาสีดำสนิทนั้น
มองอย่างอยากจะเห็น มองอย่างพยายามเข้าใจ แม้ว่า..จะไม่เคยเข้าใจ

“อย่าถอยหลังอีกนะพชร” ร่างเล็กกลืนบางอย่างขมๆลงคอ เอ่ยค่อยๆ “เดี๋ยวตกน้ำ..”
ขาเรียวถอยหลังหนึ่งก้าว หวังให้พชรก้าวมาข้างหน้า
มาเถอะ.. ไม่เป็นไรหรอก.. เพราะระยะห่างก็เท่าเดิมนั่นแหละ

“มึงกำลังนั่งอยู่ดีๆ กู.. กูขอโทษทีที่เข้ามากวน”
ม่อนแจ่มยิ้มฝืนๆนิดหนึ่ง ข่มความรู้สึกดิ่งวูบที่เกิดขึ้นอีกแล้วเอาไว้ หันหลังเดินไปตามทางที่เดินมา ..การมาที่ไร้ประโยชน์ซ้ำยังก่อให้เกิดความขัดเคืองใจต่อคนที่อยากให้สบายใจเสียอีก

“กูไม่ได้หมายความว่า..” ร่างกำยำขยับเดินตามโดยอัตโนมัติ ไม่อาจปล่อยให้เดินหนีไปทั้งน้อยใจแบบนี้ได้
“หมายความว่า..” ม่อนแจ่มหันหน้ากลับมารอฟัง ดวงตาเปล่งประกายด้วยความยินดีที่อีกฝ่ายรั้งไว้

ให้ตายเถอะวะ!
ทำไมขยันทำจริงๆไอ้หน้าตาท่าทางแบบนั้น..

“กูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้..” เสียงเข้มหยุดนิดหนึ่ง สรรหาคำพูดที่เหมาะสม “..ให้มึงรู้สึกแย่”

ให้ตายเถอะ.. ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง
คนตรงหน้าช่างมีอิทธิพลเสียจริง ..ผลักใจให้ดิ่งวูบได้รวดเร็ว ซ้ำดึงกลับขึ้นมาใหม่ได้รวดเร็วยิ่งกว่า..

ยิ้ม.. ยิ้ม.. ม่อนแจ่มยืนยิ้มอยู่นั่นแหละ

“ยิ้มอะไร?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน
“ยิ้มพชรไง” ม่อนแจ่มตอบง่ายๆ
“คนอะไรดูเหมือนดุ แต่ที่จริงแล้วใจดีมาก แบบว่ามากกกกก กอไก่ล้านตัวยังไม่พอเลย!”
เสียงใสลากคำว่า ‘มาก’ เสียยาวเฟื้อย พร้อมอธิบายเสริม
พชรได้แต่พ่นลมหายใจ จะหงุดหงิดก็ไม่ได้ จะดีใจก็ไม่เชิง รู้เพียง น้ำหนักที่ถ่วงอยู่ในใจมันเบาลงได้บ้างอย่างน่าประหลาด

“ทำเป็นรู้ดีนัก..”
“ก็แล้วที่กูรู้มันถูกหรือผิดล่ะ..”
“ถูกหรือผิด บางครั้งเส้นแบ่งมันก็บางเกินไป ..จนตัดสินไม่ได้หรอก”

สมที่เรียนปรัชญา.. ม่อนแจ่มคิด
ไม่เคยหรอกที่จะตอบอะไรตรงไปตรงมาให้มันเข้าใจได้ง่ายๆ

“ก็แล้ว.. ไม่ว่าจะถูกหรือผิดที่ตัดสินไม่ได้นั่น ..กูพอช่วยอะไรได้บ้างไหม”
อยากรู้ว่าพชรเป็นอะไร.. เครียดด้วยสาเหตุอะไร.. แล้วเขาจะช่วยได้ไหม..
“กูไม่บ้าๆบอๆอย่างเทอมก่อนแล้วนะ จะบอกให้.. ไม่รู้มึงสังเกตหรือเปล่า กูพูดน้อยลง แถมไม่บ่นมากด้วยล่ะ มึงจะได้ไม่รำคาญไง”

          พชรมองดวงหน้าขาวเนียนอย่างเอ็นดู
เขาไม่ได้รำคาญ แม้จะเคยพูดว่ารำคาญ แต่ก็ไม่เคยรำคาญจริงๆเลยสักที
ม่อนแจ่มเป็นคนที่บ่นได้ตลกและน่าฟังที่สุดแล้วเท่าที่เคยได้ยินมา
คนอะไร.. น่ารัก.. น่าใคร่.. น่าเห็นใจเหลือเกิน..

ร่างสูงก้าวเท้าเข้ามาใกล้   ใกล้.. จนหยุดยืนตรงหน้า
แขนแข็งแรงข้างหนึ่งโอบไหล่เล็กเข้าหาลำตัว อีกข้างทาบเรือนผม กดเบาๆแนบอก
ดวงตาหลับลง.. ไม่หยุดคิดอะไร.. แค่ปล่อยให้ร่างกายทำในสิ่งที่อยากทำ

          คนในอ้อมแขนเพียงยืนนิ่ง ทั้งที่ใจเต้นระทึกจนแทบจะปริหลุดออกมา
พชร กอด เขา
ก็ใช่.. ที่พชรเคยอุ้ม เคยจับมือ เคยแม้แต่..
ทว่า นี่มันไม่เหมือนกันเลยในความรู้สึกของม่อนแจ่ม
ท่ามกลางความสว่างไสวภายนอกนี้ ท่ามกลางสรรพชีวิตและสรรพเสียงอื่นๆที่อยู่รายรอบ
ไม่ใช่ในความมืดที่คล้ายจะเป็นความฝัน นี่มันชัดเจน นี่คือความจริงอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
อ้อมแขนที่โอบกระชับครานี้ลึกซึ้งเหลือเกิน ..เหมือนทั้งอยากปลอบประโลม ..ทั้งร้องขอการปลอบโยน ..ทั้งให้ ..ทั้งรับ
ม่อนแจ่มพยายามทำความเข้าใจอีกครั้ง แต่.. ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

ทำไม..
เพราะอะไร..
..ไม่รู้

“พชร เป็นอะไร..”

ไม่ตอบแน่นอนอยู่แล้ว..
ก็..
ได้..
ไม่เป็นไร..
สองมือบางค่อยๆยกขึ้นเกาะเอวหนาไว้ ซบหน้ากับแผ่นอกให้ได้ยินเสียงหัวใจ..

พชรเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ..ไม่พูด
ซึ่งไม่เป็นไร.. ม่อนแจ่มคนพูดมากจะไม่เซ้าซี้ก็ได้ ม่อนแจ่มแค่จะรอฟัง เมื่อไรก็ตามที่พชรต้องการจะพูด

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
   
          “แหมๆ.. ยิ้มค้างข้ามวันเลยนะครับม่อน..”
เสียงกระแนะกระแหนกวนตีนแบบนี้จะมาจากใครไปไม่ได้ นอกจาก ไอดิล รูมเมทสุดเกรียนของเขาและพชรนั่นเอง
“ปล่อยๆ กูบ้างก็ได้ครับไอ้ดิ้ล ไม่ต้องสังเกตสังกากูอย่างห่วงใยขนาดนั้น” ม่อนแจ่มประชดประชัน ทำเอาไอดิลหัวเราะร่า
“ยิ้มออกแล้วสิมึง” มือบางตบบ่าเล็กเบาๆ ม่อนแจ่มยิ้มตอบ พยักหน้าหงึกหงัก
“อิจฉาจริงเว้ย!” ไอดิลบ่น พ่นลมหายใจนิดๆ
“มึงจะมาอิจฉาอะไรกู หมอกของมึงอะ ไปอ้อนมันไป”
“อ้อนอะไรล่ะ มันโบกเกรียนกูอยู่ทุกวันเนี่ย ข้อหายั่วมากเกิน เฮ่อ กูเศร้า!”
ม่อนแจ่มเสมองไปทางอื่น พยายามหุบยิ้มอย่างยากเย็น

ไม่ได้นานมากที่โอบกอดไว้
แต่ก็นานพอให้รับรู้ว่าอ้อมแขนแข็งแรงนั้นอบอุ่นแค่ไหน ก่อนพชรจะค่อยๆปล่อยและเอ่ยคำนั้นออกมา
“ขอโทษ”


ขอโทษอะไร?
ขอโทษที่กอดเนี่ยเหรอ..
ก็..


“ไม่เป็นไร”
ม่อนแจ่มตอบรับเบาๆ ใบหน้าขึ้นสีจัด ห้ามตัวเองทันก่อนที่จะเสริมว่า ‘เต็มใจ’


            “พูดถึงก็แป๊ปเดียวเอง น่าจะมี Sweet Moment @Ang Kaew ให้นานกว่านี้”
ไอดิลวิเคราะห์สถานการณ์ตามประสาคนฉลาด
“เป็นที่น่าเสียดายนะเพื่อนม่อน เพื่อนดิ้ลว่า.. เพื่อนม่อนน่าจะเกาะเอวไว้แน่นๆ อย่าให้พชรปล่อยได้”
“มึงนี่” ม่อนแจ่มถลึงตาใส่ไม่จริงจังนัก “กูก็เขินเป็นเหมือนกันนะเว้ย”
“โอ๊ย นี่มึงเขินเป็นแล้วเหรอ ความรู้ใหม่”
“ไอ้ดิ้ล!”
“ฮ่ะๆ” หนุ่มสิ่งแวดล้อมหัวเราะร่วน “ว่าแต่.. วันนี้กูยังไม่เห็นพชรเลยตั้งแต่เช้า”
“อือ” ม่อนแจ่มครางรับ มองไปทางประตู แสงแดดสดใสของยามสายวันอาทิตย์ส่องสว่างทั่วทั้งห้อง
“กูกับมึงตื่นสายกว่า พชรออกไปแต่เช้าแล้วมั้ง”
“ไม่ค่อยอยู่หอเล้ย..” ไอดิลบ่นพึมพำถึงรูมเมทปรัชญา
ม่อนแจ่มยักไหล่ “ก็พชรยุ่งตลอดนี่นา”
“หรือเขินมึง?”
“ไม่เห็นเหมือนเขินเลย” ม่อนแจ่มส่ายหน้า ใจประหวัดถึงสีหน้าเคร่งเมื่อวาน
“ตอนแรกก็ทำหน้าเครียดอยู่แล้ว พอปล่อยกอดกู ดูเครียดหนักกว่าเดิมอีกว่ะ” เคี้ยวเรียวตกลงเศร้าๆ “อย่างกับเพิ่งทำผิดมหันต์ไป อะไรอย่างนั้นน่ะ”
“อ่าม.. เอาน่าๆ” ไอดิลปลอบใจ “อาจเป็นวิธีเขินแบบเกรียนๆของคนเรียนปรัชญาก็ได้”
“เรอะ?” ม่อนแจ่มฉงน แต่ไอดิลพยักหน้ายืนยันหนักแน่น “พวกนี้ไม่เหมือนชาวบ้านหรอก”
“รู้จักปรัชญาคนอื่นหรือไง?”
ไอดิลกัดปากกลั้นยิ้ม “ก็.. พอรู้”

            ,,Use me as you will,
            Pull my strings just for a thrill


เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นมาขัดจังหวะการสนทนา

            And I know I’ll be okay,
            Though my skies are turning grey..,,

 
หืม? ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว เมื่อเห็นสายเข้า ‘คุณพ่อ’
ปกติบิดาไม่ค่อยจะโทรหาเขานัก ยกเว้นมีธุระสำคัญบางประการ เช่น นัดให้เข้าบริษัท มีงานเลี้ยง หรือต้องสัมภาษณ์อะไรสักอย่างเป็นครอบครัว แต่ถึงแม้เป็นเรื่องอะไรทำนองนั้น มารดาก็มักจะเป็นคนบอกเขาอยู่ดี

           “สวัสดีครับ คุณพ่อ”
เสียงเล็กกรอกลงไป รับฟังถ้อยคำที่ส่งผ่านมาตามสาย
ดวงตาค่อยๆเป็นประกายขึ้น ก่อนจะรับคำยกใหญ่

“อยู่ครับ ครับ ขอบคุณครับ”
..
“หอสามชายครับ ใกล้ๆวงเวียนหอนาฬิกานะครับคุณพ่อ!”
..

“มีอะไร ไอ้ม่อน?” ไอดิลเลิกคิ้วเมื่อเพื่อนรักทำสีหน้ามีเลศนัย
“พรุ่งนี้..” ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง “คุณพ่อกูจะเข้ามาเยี่ยมแหละ!”
“เฮ้ย จริง!” ไอดิลยินดี “ไหนว่าไม่สนิทกับพ่อไง แล้วนี่พ่อมึงจะมา โอ๊ย พ่อมึงจะมา!”
“พ่อกูไปมอบทุนที่คณะอุตสาหกรรมเกษตร ก็เลยบอกว่าเสร็จแล้วจะแวะเข้ามาในมอ มาที่หอ ดูว่ากูโอเคดีไหม”
“โหย ย ย” ไอดิลครางน้อยๆ “อยากให้พ่อกูมาบ้าง”
“ฮ่ะๆ” ม่อนแจ่มหัวเราะใส่รูมเมทเตียงบน “ก็พ่อมึงอยู่ไกลนี่นา แถมพ่อกูยังไม่เคยมาเล้ย”
เออ ก็จริง.. ไอดิลพยักหน้ารับ
ม่อนแจ่มเคยบอกแล้วว่าคนมาส่งเจ้าตัวที่หอคือลุงสม-คนขับรถ แต่พ่อของเขานั้นมาส่งแล้วทั้งคู่ตอนก่อนเปิดเทอม
“ดีใจด้วยว่ะ ว่าแต่.. มึงจะเอารูปให้ดูเลยไหม”
“ยังๆ ยังไม่เสร็จดี” ม่อนแจ่มส่ายหน้าดิก “ไว้เซอร์ไพร้ส์วันเกิดทีเดียว”
“โอ๊ย นี่ถ้ากูวาดรูปเป็นของขวัญให้พ่อได้บ้าง พ่อกูมีหวังปลื้มปริ่มจนน้ำตาไหล”
ม่อนแจ่มหัวเราะอีกครั้ง ดึงฉากตั้ง แผ่นรองและกระดาษที่สอดไว้ระหว่างโต๊ะเขียนหนังสือกับเตียงออกมา
“มึง ไปชมรมกูกัน กูจะไปวาดให้เสร็จที่โน่น ได้บรรยากาศ”

ชมรมไอ้ม่อน..

“อาร์ทติสใช่ไหม?”
“ถูกต้องนะครับ!”
ม่อนแจ่มตอบรับ ขณะไอดิลปีนลงบันไดเตียง มือเอื้อมคว้าถุงผ้าสีเนื้อไม้มาจากฟูกนอน เอาขลุ่ยติดตัวไปอย่างเคย
   
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            โรงอาหารใหญ่ค่อนข้างเงียบและโล่งอย่างไม่ชินตานัก เพราะทุกๆวันทำการจะคลาคล่ำไปด้วยนักศึกษา
สองร่างเล็กชาววิศวกรรมศาสตร์สาวเท้าเข้ามาใต้อาคารกิจกรรมนักศึกษา หนุ่มเครื่องกลเดินนำคู่ซี๊ไปตามทางทอดสู่บันได
คนเดินตามหลังชะงักเท้านิดหนึ่ง ..เขายังไม่เคยขึ้นไปข้างบนมาก่อน

          “มาสิ ไอ้ดิ้ล” ม่อนแจ่มหันไปพยักหน้าเรียก เลิกคิ้วน้อยๆ “มีชมรมดนตรีไทยอยู่ไม่ไกลด้วยนะ ถ้ามึงอยากเป่าขลุ่ย”
“อืม..” อีกฝ่ายครางรับ ค่อยๆก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองที่สิงสถิตของชมรมต่างๆ

ไอดิลมองซ้าย.. ขวา.. ซึ่งห้องเล็กๆขนาบอยู่ทั้งสองข้าง
ชมรมอาสาพัฒนาฯ.. ชมรมคริสเตียน.. ชมรมมุสลิม.. ชมรมพุทธศิลป์..
เขามองเข้าไปภายใน ดูต่างอุดมการณ์อย่างไรไม่รู้ ทว่า ประตูทุกห้องเปิดโล่ง และนักศึกษาก็เข้าชมรมโน้นออกชมรมนี้ พูดคุย ยิ้มแย้ม ทักทาย จนไม่รู้ว่าใครอยู่ชมรมไหน..

           “ใกล้ถึงละ นั่นไง ชมรมอาร์ทติส อยู่ติดกับอนุรักษ์ฯ”
ม่อนแจ่มส่งเสียงเรียก และขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเพื่อนรักหยุดชะงัก ไม่ยอมเดินตามมา
“ไอ้ดิ้ล ชมรมกูอยู่นี่ นั่นมันวรรณศิลป์” ม่อนแจ่มงุนงง
“เฮ้ย กูบอกว่านั่นวรรณศิลป์ มึงเข้าไปทำไม!?”

ใช่.. ชมรมวรรณศิลป์
ป้ายเก่าๆเหนือบานประตูบ่งไว้ว่าอย่างนั้น และนั่นก็ทำให้ขาเรียวไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้
ไอดิลไม่ได้ยินม่อนแจ่ม เขากลับมองเข้าไปข้างในประตู  ..ชั้นหนังสือวางเรียงรายราวกับห้องสมุดขนาดย่อม
รองเท้าถูกถอดออก  ไอดิลเผลอย่างเท้าเข้าไปภายใน  กวาดตามองไปรอบๆห้องเล็กๆนั้น
บอร์ดแนะนำหนังสือ  ตู้เหล็กเก็บอุปกรณ์  หนังสือวางเรียงแยกเป็นหมวดหมู่บนชั้น..

          “ไอ้ดิ้ล! มึงเข้ามาทำอะไรของมึง?”
ม่อนแจ่มวิ่งเข้ามากระซิบใส่ เกรงใจเพื่อนนักศึกษาสองสามคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่และเงยขึ้นมองผู้มาใหม่อย่างงงๆ

           “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?”
เด็กหนุ่มใส่แว่นกรอบดำขยับแว่นนิดหนึ่งและเอ่ยถามอย่างเอื้อเฟื้อ
“อะ..เอ่อ..” ม่อนแจ่มไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมคณะเดินเข้ามาทำไม ทว่า ไอดิลเอ่ยค่อยๆ
“ห้องนี้ เอ่อ.. เพิ่งย้ายมาใหม่หรือเปล่า คือเราหมายถึง.. ห้องชมรมนี้อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่แรกเลยหรือเปล่า”

ห๊ะ?
ม่อนแจ่มขมวดคิ้ว

“ตั้งแต่แรกนี่หมายถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?” เด็กหนุ่มวรรณศิลป์ขมวดคิ้วเช่นกัน
“เราไม่แน่ใจว่าก่อตั้งเมื่อไหร่ แต่ห้องนี้อยู่ตรงนี้มาตลอดนะ ไม่ได้ย้ายที่ เท่าที่รู้”
“เมื่อสัก.. ยี่สิบปีที่แล้ว ห้องชมรมวรรณศิลป์ก็อยู่ที่นี่ใช่ไหม..”





“อยู่” แว่นวรรณศิลป์ตอบ
“ในตู้มีรูปถ่ายเก่าๆ เราเห็นยังมีรูปรุ่นพี่รหัสห้าหนึ่งห้าสองอะไรแถวนั้น ถ่ายในห้องนี้ แสดงว่าอยู่นั่นแหละ”

รหัส 52 ..

ไอดิลก้มลงพื้น มีรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนเงยมองไปรอบๆห้องอีกครั้ง..

“ไอ้ดิ้ล ทำไมมึง..”
“พ่อกูเคยอยู่ในห้องนี้..”
“ห๊ะ?” ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว “พ่อมึงเรียนที่นี่ด้วยเหรอ..”
“อื้ม..” ไอดิลพยักหน้า “เรียนที่นี่ทั้งสองคน คนนึงวิศวฯคอมฯ เป็นรุ่นพี่เรา ส่วนอีกคน คนที่เคยอยู่ชมรมนี้..”
..
“เป็นรุ่นพี่พชร”

ห๊ะ?
คราวนี้ม่อนแจ่มสนใจมาก

“เป็นรุ่นพี่พชร?”
“อื้ม..” ไอดิลรับคำ “เรียนมนุษยฯ ปรัชญา”

อ่า.. เรื่องของเรื่องเป็นแบบนี้สินะ
พ่อคู่ซี้เป็นศิษย์เก่าและคนหนึ่งเคยอยู่ชมรมวรรณศิลป์ ซ้ำยังเรียนปรัชญาเหมือนพชร
ม่อนแจ่มอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ ไอ้ดิ้ลมันรักพ่อมันจริงๆ..

“เมื่อกี๊ นายบอกว่ามีรูปถ่ายเก่าอยู่ในตู้ ถ้าเราขอดูได้ไหม เราขอโทษนะ คือ..”
แว่นอาร์ทติสวางฉากตั้งในมือไว้ก่อน แล้วรีบขอความช่วยเหลือแว่นวรรณศิลป์พลางพยายามอธิบาย
“พ่อเพื่อนเราเคยอยู่ชมรมนี้ ถ้าได้เห็นรูปถ่ายเขาสมัยนั้นก็คง..”
“อ้อ..” แว่นวรรณศิลป์พยักหน้าเข้าใจ พลางปิดหนังสือ คุกพิศวง-กรงพิสดาร-สะพานมรณะ แล้วลุกขึ้นไปยังตู้เก็บอุปกรณ์
“ไม่ได้มีเยอะมากหรอกนะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะมีรูปพ่อเพื่อนนายหรือเปล่า แต่ว่า.. เดี๋ยวจะรื้อออกมาให้ดูแล้วกัน”
“โอ้ เยี่ยมเลย! ขอบใจมาก นายชื่ออะไร เราม่อน อยู่อาร์ทติส ส่วนนี่ไอดิล”
“เราเกี้ยว ไม้โท” แว่นวรรณศิลป์แนะนำตัว
“ห๊ะ? เกี้ยวไม้โท..” ม่อนแจ่มหลุดทวน ..เขาว่าชื่อเขาแปลกแล้วนะ
“ชื่อเกี้ยว เขียนด้วยไม้โท ไม่ใช่ไม้ตรี” เกี้ยวไม้โทเสริม “เกี้ยวน่ะ ที่ไม่ใช่เกี๊ยว กินไม่ได้ ท่านเปานั่ง”

จึก!
สองหนุ่มวิศวฯพยักหน้ารับแข็งขันว่าจะไม่ผันวรรณยุกต์ผิด ขณะหนุ่มเกี้ยว (ไม้โท กินไม่ได้ ท่านเปานั่ง) กำลังเปิดตู้เหล็ก และค้นหาภายใน

“แบบว่า.. ตอนนี้มันไม่ค่อยเป็นระเบียบอะไรนัก” เกี้ยวพึมพำ “คือเราหมายถึง.. ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเคยเป็น..”
สองหัวผู้มาใหม่ชะโงกเข้าไปมองบ้างและคิดว่าเห็นด้วยทุกประการ

.

.

“เอ้า!”
ในที่สุด หลังจากราวกับไปทำสงครามในตู้เหล็ก หนุ่มเกี้ยวก็วางตะกร้าที่มีอัลบั้มรูปเก่าสีซีดจางลงบนโต๊ะพับเล็ก
“ลองดู ถ้ามีก็อยู่ในนั้นแหละ”
ไอดิลกับม่อนแจ่มจึงสุมหัวทันที
“พ่อมึงลักษณะเป็นยังไงไอ้ดิ้ล กูจะได้ช่วยดู”
เสียงเล็กเอ่ยถามคู่ซี๊เบาๆ ระวังไม่ให้รบกวนคนที่อ่านหนังสืออยู่ แต่ก็ดูท่าจะไม่มีใครในห้องนี้ซีเรียสกับเขาสองคนเลย
“พ่อกู.. อ่าม.. ตัวเตี้ยๆ ขาวๆ หัวยุ่งตลอดเวลาเหมือนเกิดในสมัยที่โลกนี้ยังไม่ผลิตหวี เป็นไปได้มากว่าอาจใส่เสื้อคลุมลายสก็อต หรืออยู่คู่กับกีต้าร์..”

โอเช! ม่อนแจ่มพยักหน้าหงึกหงัก

เตี้ย

ขาว

หัวยุ่ง

เสื้อคลุมลายสก็อต

กีต้าร์!

...

...

            รูปถ่ายเก่าๆเหล่านั้นล้ำค่าอย่างเหลือเชื่อ
ไอดิลมองมันด้วยความประทับใจ ..แม้จะยังไม่เจอพ่อเขาในภาพไหนเลยสักภาพ
ไม่ว่าจะภาพที่อยู่ในบรรยากาศค่ายอะไรสักอย่างท่ามกลางขุนเขา หรือภาพกิจกรรมหนังสือทำมือที่ดูเหมือนจัดภายในห้องนี้ ภาพออกบูทที่ไหนสักแห่ง..
ซึ่งก็ไม่เป็นไรหรอกถ้าจะไม่เจอ ..มันคงสูญหายไปตามกาลเวลา หรือไม่ก็อาจไม่เคยมีมาตั้งแต่ต้น
ไอดิลรู้ดีเสมอ.. พ่อน่ารักไม่ชอบถ่ายรูป แต่ก็อาจยกเว้นแค่.. ถ้าพ่อหล่อเป็นคนถ่าย

            “ไอ้ดิ้ล..”
ม่อนแจ่มกลั้นหายใจ “มึงดูซิ.. คนนี้หรือเปล่า?”
มือเรียววางรูปเก่าเหลืองรูปหนึ่งลงบนโต๊ะหลังมองหาอยู่ค่อนครึ่งชั่วโมง
“ขาว กูไม่แน่ใจ เพราะรูปสีจาง เตี้ย กูก็ไม่ชัวร์ เพราะเขานั่งอยู่ เสื้อคลุมลายอะไร กูก็ไม่รู้ เพราะรูปมันซีดเกินจะมองออก แต่หัวยุ่งน่ะใช่แน่ และ.. เขากำลังเล่นกีต้าร์..”

...

...

Young and Beautiful

ไอดิลคิดว่ารู้แล้ว ..ว่าสองคำที่มาคู่กันนี้หมายความว่าอย่างไร
นิ้วเรียวค่อยๆสัมผัสลงบนภาพเก่าเก็บนั้นอย่างอ่อนเบา..
ใช่.. ที่ไม่รู้ว่าคนในภาพผิวขาวหรือไม่
ถูกต้อง.. ที่มองไม่ออกว่าส่วนสูงเป็นเท่าไร และยิ่งบอกไม่ได้ว่าเสื้อคลุมลายอะไร
แต่ไอดิลรู้.. ไม่มีทางจะไม่รู้..
“พ่อ..”

เด็กหนุ่มในภาพนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องนี้ ท่ามกลางเพื่อนๆของเขา มือซ้ายจับคอร์ดและมือขวาแตะอยู่บนเส้นลวด..
อิริยาบถที่ชินตาไอดิลมานานสิบเก้าปี
“นี่พ่อกู..”

ม่อนแจ่มยิ้มกว้างด้วยคน ไม่รู้เขาเป็นคนบ่อน้ำตาตื้นหรืออย่างไร พ่อก็ไม่ใช่พ่อตัวเอง แต่น้ำตามันพาลจะไหลจนต้องกระพริบไล่มันไป
“กู.. กูดีใจที่มึงได้เห็น”

ไอดิลยิ้มกับรูปถ่ายนั้น..
พ่อน่ารักไม่ชอบให้ถ่ายรูปตัวเอง ทว่า ไอดิลต้องขอบคุณใครก็ตามที่ถ่ายรูปนี้
รูปที่เป็นหลักฐานว่า ‘นายกรกฎ สิริรัตน์’ เคยอยู่ที่นี่จริงๆ..

มันล้ำค่าเหลือเกิน จนไม่อาจขอกลับไปเป็นสมบัติของตัวเอง ได้แต่หยิบโทรศัพท์มาถ่ายภาพถ่ายใบนั้นเก็บเอาไว้อีกที

“กูถ่ายไว้ในเครื่องกูให้ด้วย เผื่อของมึงหาย” ม่อนแจ่มเอื้อเฟื้ออีกครั้ง
ไอดิลลอบยิ้ม ไอ้ม่อนนี่มันน่ารักจริงๆ
สองเพื่อนช่วยกันจัดเรียงรูปถ่ายให้เข้าที่ ซ้ำยังเอาทิชชูช่วยเช็ดฝุ่นออกจากรูปให้อย่างเบามือที่สุดและเก็บไว้ในอัลบั้มอย่างเรียบร้อยตอบแทนความมีน้ำใจของหนุ่มเกี้ยวแห่งวรรณศิลป์..

           “วันนี้โชคดีจริงๆ”
ไอดิลยิ้มกว้าง ขณะออกจากห้องชมรมพร้อมตอบรับคำชวนของเกี้ยวว่าจะมาอ่านหนังสือที่นี่ในวันต่อๆไป
“ใช่เลย” ม่อนแจ่มลั้ลลา กดโทรศัพท์แอดเฟซบุ๊คเพื่อนใหม่ตามชื่อที่เจ้าตัวบอกมา (เกี้ยวไม้โท ไม่เกรียน)
“ได้เห็นรูปถ่ายพ่อมึงสมัยเรียน แถมได้เพื่อนใหม่ที่ไม่เกรียนด้วย”
“เนอะ!”

           ไม่กี่ก้าวต่อมา ทั้งคู่ก็มาหยุดหน้าห้องชมรมอาร์ทติส ที่ซึ่งรกรุงรังตลอดปีตลอดชาติ
คิ้วเรียวของม่อนแจ่มขมวดมุ่น พยายามเก็บอะไรๆให้เข้าที่เป็นครั้งที่ยี่สิบ มีไอดิลช่วยด้วยและพึมพำบอกว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะทำ เมื่อเก็บขวดสีน้ำขวดที่สิบแปดและพู่กันอันที่สิบเก้าไว้บนชั้นวาง

“เพราะแบบนี้ไง กูถึงใช้แต่ดินสอ” ม่อนแจ่มยักไหล่ “ไม่ชอบดีลกับอุปกรณ์อะไรมาก ฮ่ะๆ”
สองเสียงหัวเราะกันลั่นห้อง
ม่อนแจ่มกางฉากตั้ง ตั้งใจวาดภาพของขวัญวันเกิดคุณพ่อต่อให้แล้วเสร็จ ส่วนไอดิลก็หยิบขลุ่ยออกมาจากถุงผ้า
“Would you mind..?” ไอดิลถามนิดหนึ่ง ซึ่งม่อนแจ่มก็ยักคิ้วตอบ “Not at all.”
จะเป็นไรไป.. ไอดิลเป่าขลุ่ย เขาชอบฟัง ยิ่งเวลาวาดภาพ มันยิ่งฟังแล้วรื่นรมย์กว่าเดิมเสียอีก..

            ช่างเป็นวันอาทิตย์ที่น่าจดจำทีเดียว ม่อนแจ่มคิดเมื่อถึงคราวางดินสอ
วาดภาพของขวัญวันเกิดให้คุณพ่อแล้วเสร็จ ได้พาไอดิลขึ้นมาเยือนห้องชมรมเขา  ได้เห็นรูปถ่ายพ่อไอดิล ได้รู้ว่าพ่อไอดิลเป็นรุ่นพี่พชร ได้เพื่อนใหม่เป็นเด็กวรรณศิลป์ และที่สำคัญ.. ได้ไปอ่างแก้ว..

           “กลับกันเลยไหม? เผื่อพชรกลับห้องแล้ว” ไอดิลถามยิ้มๆ และม่อนแจ่มก็พยักหน้ารับอย่างยิ้มยิ่งกว่า
“เอ้อ ชมรมดนตรีไทยอยู่ข้างล่างนะไอ้ดิ้ล ถ้ามึงอยากไปส่อง”
ม่อนแจ่มเอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้ ขณะพากันเดินไปตามทางสู่บันได
“วันหลังค่อยลองไปดู วันนี้ขอกลับไปหาหมอกก่อน”
“แหม..” ม่อนแจ่มลากเสียงยาว “ทำเป็นพูดว่าเผื่อพชรกลับห้องแล้ว ที่แท้ก็ยังไม่ได้เจอหมอกสิวันนี้ อ่ะโด่ว”
ไอดิลหัวเราะน้อยๆอย่างไม่เถียง

“เฮ้ นั่นชมรมพุทธศิลป์” ม่อนแจ่มตาโตเมื่อเดินผ่าน “กูจะไปทำบุญวันเกิด กูคอยอยู่เลยว่าเมื่อไหร่-”
เสียงเล็กชะงักคำพูดกะทันหัน ลอบมองไอดิลอย่างไม่ใคร่สบายใจนัก
“เอ้อ.. แต่เรารีบกลับดีกว่า” ว่าแล้วม่อนแจ่มก็จูงมือเพื่อนรักเดินไป
“อ้าว แล้วทำไมไม่ไปทำ โน่นไง กูเห็นพระประจำวันหน้าห้อง” ไอดิลเลิกคิ้ว
“อ้อ ไม่เป็นไรๆ” ม่อนแจ่มส่ายหน้าดิก “กูขี้เกียจ มึงก็รีบกลับไปหาหมอกดีกว่า”
“อะไรของมึงไอ้ม่อน?” ไอดิลชักจะงง “ชมรมพุทธศิลป์ก็อยู่ตรงนี้เอง หมอกก็อยู่หอ ไม่ต้องรีบ”
“เอ่อ..” ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ส่ายหน้าอีกครั้ง

“ทำไมไม่ไป เขินเรอะ?”
“เปล่า กู..”
“มาน่า กูไปทำด้วย” ไอดิลคะยั้นคะยอและนั่นทำให้ม่อนแจ่มถามออกไปอย่างลืมตัว
“เอ่อ.. มึง.. แล้วมึงรู้เหรอว่ามึงเกิดวันไหน..”
ก็ถ้าแม่มา ‘วาง’ ไอดิลไว้ เธอจะบอกวันเกิดให้ด้วยหรือ?

หนุ่มสิ่งแวดล้อมถึงกับชะงัก ดวงตาเบิ่งขึ้นเหมือนเพิ่งเข้าใจสิ่งที่คู่ซี๊หมายถึง
“ไอ้ม่อน.. นี่มึงไม่ยอมไป เพราะกลัวกูไม่รู้จะทำบุญวันไหนเหรอวะ”
“เอ่อ.. กู..” ม่อนแจ่มชักจะรู้สึกว่าตัวเองโง่เง่า “กูแบบ.. กูคิด..”
“ฮ่ะๆ!” ไอดิลถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เขาคว้าข้อมืออีกฝ่าย พาวิ่งไปหน้าห้องชมรมพุทธศิลป์ ที่ซึ่งมีพระประจำวันทั้งเจ็ดวัน รวมแปดองค์ประดิษฐานอยู่ แล้วล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ เทเหรียญทั้งหมดที่มีออกมา.. หยอดลงไปในบาตร

“พ่อหล่อวันอาทิตย์ พ่อน่ารักวันเสาร์”
ไอดิลเอ่ยเสียงดังฟังชัด เสียงโลหะกระทบโลหะดังแก๊ง แก๊ง ทุกครั้งที่เหรียญตกสู่ก้นบาตร
“ตาวันจันทร์ ยายวันเสาร์ ปู่วันพฤหัสดี ย่าวันจันทร์”
..
“ลุงกรีนวันเสาร์ ลุงโกวันอังคาร อากรวันศุกร์ ลุงทิววันจันทร์”
เขาเดินวนอยู่อย่างนั้น ปากพึมพำชื่อบุคคลอันเป็นที่รักและเคารพ
..
“ลุงแอร์วันจันทร์ ลุงนนวันพุธกลางคืน ลุงโจวันพฤหัสบดี ลุงหนุ่มวันพุธกลางวัน”
..
“ไอ้ฝันวันเสาร์ หมอกวันอาทิตย์”

            ม่อนแจ่มได้แต่อ้าปากค้างเอาไว้
ไอดิลยิ้มกริ่ม..
“ทีนี้.. มึงยังกลัวกูจะไม่มีวันให้ทำอีกไหม ไอ้ม่อน?”
“อะ.. กู..” ม่อนแจ่มพูดไม่ถูก
“ไอ้ดิ้ล กู.. กูดีใจที่มึงโชคดีมีญาติเยอะ กูดีใจจริงๆนะ ตอนแรกกูกลัวว่า.. แต่ตอนนี้-”

ไม่ต้องพูดอะไรแล้วเพื่อน.. ไอดิลมองม่อนแจ่ม
นอกจาก ‘ในฝัน’ เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกัน ไอดิลไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะมี..
มือเรียวคว้าไหล่เล็กของเพื่อนร่วมคณะและรูมเมทมาโอบกอดไว้ “ขอบใจมากไอ้ม่อน”
ม่อนแจ่มเองก็กอดตอบหนักๆ

.

.

“เอ่อ.. ว่าแต่.. เรามายืนกอดกันทำบ้าอะไรวะเนี่ย”
งุนงง กระนั้น สองร่างเล็กก็หัวเราะขำกันเองเสียดังลั่น  จนปรับลมหายใจให้เป็นปกติแล้วนั่นแหละ ไอดิลจึงปล่อยไหล่ม่อนแจ่ม แล้วพยักพเยิดไปเบื้องหน้า
“เอ้า ไปทำซะไป”
ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ หน้าแดงจากการหัวเราะ ค่อยๆรวบรวมสมาธิ หยอดเหรียญลงในบาตรของวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันเกิดของคุณพ่อ และวันอังคารซึ่งเป็นวันเกิดของคุณแม่กับป้าเพ็ญ จากนั้นก็วันเสาร์ซึ่งเป็นวันเกิดของตัวเอง..
ก่อนค่อยๆ ขยับมายืนหน้าพระพุทธรูปซึ่งอยู่ในอิริยาบถยืน พระหัตถ์ขวายกขึ้นตั้งเสมอพระอุระ
มือเรียวหยิบเหรียญหยอดลงในบาตรของวันจันทร์..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ต่อรีฯด้านล่าง

Edit: แก้คำผิด (Thanks to.. Takarajung_TK อายหนักมากครับ ฮือ ผิดได้ยังไง๊  :katai1:)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 21-07-2016 19:41:32
         ‘พชร’
         อ่านว่า พด-ชะ-ระ
         แปลว่า เพชร
         เป็นชื่อมงคลสำหรับคนที่เกิดวันจันทร์..


ม่อนแจ่มยิ้ม นึกถึงผลการค้นหาของคำที่พิมพ์ลงในเว็บไซต์เมื่อคืน
มันไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรหรอกกับการทำบุญกับพระประจำวันเกิดเล็กๆน้อยๆแบบนี้
ดูค่อนข้างงมงายเสียด้วยซ้ำไปกระมัง แต่ถ้าคิดว่า ชมรมพุทธศิลป์จะนำเงินเล็กน้อยรวมๆกันเหล่านี้ไปถวายเป็นปัจจัยแก่วัดที่ขาดแคลนก็ไม่เสียหายอะไรที่จะทำลงไปหรอกมั้งนะ..

          พชร..
ม่อนแจ่มยังไม่ได้ถามเลยว่าตกลงพชรเกิดวันจันทร์จริงๆหรือเปล่า เพราะวันนี้ตื่นมาก็ยังไม่เจอหน้ากัน
แต่น่าจะใช่นะ เพราะม่อนแจ่มเคยได้ยินมาว่า คนเกิดวันจันทร์มักจะถูกตั้งชื่อที่ประกอบด้วยพยัญชนะเท่านั้น ไม่มีสระ
หวังว่าม่อนแจ่มคงไม่เข้าใจผิด..
มือเรียวหยิบเอาสายสิญจน์สีขาวจากขอบบาตรมาหนึ่งเส้นและประกบฝ่ามือทั้งคู่ประนมไหว้

          เรื่องอะไรก็ตามที่อยู่ในใจพชร..
          ความเครียด ความไม่สบายใจทั้งหลายที่พชรกำลังประสบอยู่ ..ขอให้คลี่คลายโดยเร็วนะ
          ขอให้พรอันดีทั้งหมดนี้.. คุ้มครองดูแลพชร
          พชรเข้มแข็งอยู่แล้ว เพราะ พชร แปลว่า เพชร
          แข็งแกร่ง ล้ำค่า และมีความหมาย..


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “พชร!”
นั่นอย่างไร ที่ยืนสำรวจต้นไม้อยู่ข้างหอนั่น ไม่ใช่รูมเมทปรัชญาก็คุณลุงคนสวนเท่านั้นแหละ ซึ่งดูจากรูปร่างกำยำ หน้าตาคมสันและวัยเดียวกันกับม่อนแจ่ม ก็แยกได้ไม่ยาก ว่าคนไหนลุงคนสวน คนไหนพชร

          ใบหน้าคมเงยขึ้นมองต้นเสียง
เสียงเรียกที่คุ้นเคยมาเทอมกว่านั้นไม่ได้ทำให้แปลกใจ นอกจากนี้ ตลอดชีวิตที่ผ่านมา พชรไม่คิดว่าจะมีใครเรียกชื่อเขาบ่อยได้มากเท่าม่อนแจ่มอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม.. นั่นไม่ได้ทำให้หัวใจเลิกเต้นผิดจังหวะเสียที

ร่างเล็กก้าวเข้ามายืนตรงหน้า ส่งยิ้มเริงร่าให้เหมือนทุกวัน 
พชรไม่ตอบรับด้วยคำพูด คิ้วหนาเพียงเลิกขึ้นน้อยๆ แทนคำถามว่า ‘อะไร’
ม่อนแจ่มสูดลมหายใจลึกๆ ภาวนาไม่ให้ตัวเองโดนโบก แล้วมือเรียวเล็กก็ถือวิสาสะคว้าข้อมือแกร่งของพชรยกขึ้น
“ปางห้ามญาติ”
..
พชรชะงัก.. ฝ่ามือบางที่สัมผัสข้อมือของเขานั้นนุ่มละมุน ใจเต้นแรงทั้งที่ยังงุนงง
“อะไรนะ..”
“ว่ากันว่า.. ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปทรงห้ามปรามการก่อสงครามแก่งแย่งน้ำจากแม่น้ำโรหิณีของศากยวงศ์ พระญาติฝ่ายพระบิดาและโกลิยวงศ์ พระญาติฝ่ายพระมารดา”
ม่อนแจ่มเล่าเสียงใส ค่อยๆผูกสายสิญจน์ไว้บนข้อมือพชร
“เป็นที่มาของพระพุทธรูปปางห้ามญาติ”

ก็ใช่..
ก็รู้อยู่แล้ว..
ก็เป็นเขาที่เรียนภาควิชาปรัชญาและศาสนาไม่ใช่หรือ วิศวฯเครื่องกล?


ม่อนแจ่มยิ้ม
ใจภาวนาให้คำอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปหน้าห้องชมรมพุทธศิลป์คุ้มครองดูแลคนตรงหน้าได้จริงๆ
“พระพุทธรูปปางห้ามญาติเป็น.. พระประจำวันของคนเกิดวันจันทร์”

สัมผัสของปลายนิ้วเรียวแตะผิวเนื้อแกร่งเบาๆ แต่หนักแน่นไปถึงภายใน
พชรมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ..มองเข้าไปในแววตาบริสุทธิ์ภายใต้กรอบแว่นสีแดงคู่นั้น
..
“อะ.. อย่าบอกนะว่ากูเข้าใจผิด อย่าบอกนะว่ามึงไม่ได้เกิดวันจันทร์”
ม่อนแจ่มชักหวั่นใจเมื่อพชรจ้องมองเขาค้างอยู่อย่างนั้น เพราะถ้าไม่ใช่ละก็.. เขาเก็บเศษหน้าไม่ทันแน่ๆ
..
“พชร ว่าไงเหรอ..” ม่อนแจ่มถามลุ้นๆ
“กู..” พชรอยากจะละสายตาไปจากคนตรงหน้า แต่.. ทำไม่ได้
เขาจะเกิดวันจันทร์หรือไม่ ไม่สำคัญอะไรเลย ไม่สำคัญเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่ม่อนแจ่มทำ

อย่างไรก็ตาม..

“กูเกิดวันจันทร์”

..

..

มือเรียวทั้งสองได้แต่สัมผัสข้อมือใหญ่ค้างอยู่อย่างนั้นแม้ว่าจะผูกด้ายขาวเสร็จตั้งนานแล้ว
ซึ่ง.. พชรก็ไม่อาจดึงมือตัวเองกลับมา คงปล่อยให้อีกฝ่ายกุมไว้แน่น

ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง ..พรุ่งนี้วันจันทร์พอดี ขอให้เป็นวันที่ดีสำหรับพชรด้วยนะ..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

แอบมีโมเม้นท์ ไอดิลคิดถึงพ่อน่ารัก สนอง‘มิ๊ส’ ของคนเขียนเอง ถ้าขัดอารมณ์ไปก็อภัยด้วยเน้อ
ขอบคุณสำหรับการติดตามและถามถึงนะครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 21-07-2016 19:54:48
ขอให้เป็นวันที่ดีของม่อนแจ่มเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-07-2016 20:02:23

“วันนี้โชคดีจริงๆ”
ไอดิลยิ้มกว้าง ขณะออกจากห้องชมรมพร้อมตอบรับคำชวนของเกี้ยวว่าจะมาอ่านหนังสือที่นี่ในวันต่อๆไป
“ใช่เลย” ม่อนแจ่มลั้ลลา กดโทรศัพท์แอดเฟซบุ๊คเพื่อนใหม่ตามชื่อที่เจ้าตัวบอกมา (เกี้ยวไม้โทร ไม่เกรียน)
“ได้เห็นรูปถ่ายพ่อมึงสมัยเรียน แถมได้เพื่อนใหม่ที่ไม่เกรียนด้วย”
“เนอะ!”

ช่างเป็นสองเพื่อนรักที่น่ารักจริง ๆ
ว่าแต่...แน่ใจนะว่าเพื่อนใหม่น่ะไม่เกรียน ฮา
แล้ววันพรุ่งนี้พชรจะได้เจอพ่อของม่อนแจ่มไหม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 21-07-2016 20:06:16
ม่อนแจ่มเปนคนน่ารัก มีจิตใจที่ดีงาม ขอให้ความดีงามคุ้มครองให้ม่อนแจ่มผ่านปัญหาต่างๆไปได้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 21-07-2016 21:04:18
ตอนนี้ม่อนแจ่มน่ารักขึ้นอีกหลายเท่าเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 21-07-2016 21:24:11
ม่อนแจ่มน่ารักมากกกกกกก กไก่ล้านตัว  พชรก็อย่าใจร้ายกับม่อนแจ่มเลย เรื่องของผู้ใหญ่ก็ให้ผู้ใหญ่จัดการไป

ลุ้นๆมากในตอนต่อไป พชรจะเจอพ่อไหม  :3123:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 21-07-2016 21:24:51
ติดตามผลงานคุณเกรียนคนเขียนตั้งแต่เรื่องของทัศน์-เกรย์.
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึง สองหนุ่มและผองเพื่อน

ขอแก้คำผิดนะคะ เกี้ยว ไม้โทร     แก้เป็น ไม้โท ค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 21-07-2016 21:32:59
รอร้องไห้ไปกับม่อนแจ่ม จากเด็กน้อยสดใสน่ารัก จะเป็นยังไงมั้งน๊อออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 21-07-2016 21:41:48
ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักซะจริง
คงต้องหรี่ตาอ่านตอนถึงดราม่า สงสาร
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 21-07-2016 21:59:51
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: felixia ที่ 21-07-2016 23:24:27
ม่อนแจ่มน่ารักจังเลยยยยยยย ไม่อยากให้ถึงตอนดราม่าเลยค่ะ ฮืออออออออออออออออ
ใกล้ๆนี้แล้วสินะ คุณพ่อจะมาเยี่ยมแล้ว โอ๊ยยยยยย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 22-07-2016 00:19:48
จะเป็นวันดีของพชรนะ วันที่จะได้เจอพ่อแล้ว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 22-07-2016 02:04:58
อ่านรวดเดียว  17  ตอนเลยค่ะ  ตอนหลังๆนี่ทำเอาร้องไห้ทุกตอนเลย :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 22-07-2016 08:31:08
น้ำตาไหลเลยตอนไอดิลเจอรูปพ่อ มันซึ้ง  :hao5:

แถมม่อนตอนนี้น่ารักมากๆๆๆๆ เป็นเพื่อนที่ดีของไอดิลจริงๆ

ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้ารู้ความจริงขึ้นมา เด็กที่น่ารัก สดใส จะเป็นยังไง  :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 22-07-2016 10:19:21
ตอนนี้มีแต่ความรู้สึกดีๆส่งผ่านออกมาอย่างท่วมท้นเลย

ชอบตอนพชรกับม่อนแจ่มที่อ่างแก้ว
การก้าวเท้าเพื่อเข้าหาพชรของม่อนแจ่ม
การก้าวเท้าถอยหลังเพื่อหนีม่อนแจ่มของพชร
การก้าวเท้าถอยหลังเพื่อให้พชรกลับมายืนอย่างมั่นคงของม่อนแจ่ม
การก้าวเท้าเข้าหาและดึงตัวม่อนแจ่มมากอดไว้ของพชร
คือตอนนี้มันแสดงอารมณ์ ความรู้สึกของทั้งพชรและม่อนแจ่มออกมาได้ดีมากเลย
ม่อนแจ่มอาจต้องเว้นระยะห่างให้กับพชรบ้างระยะห่างในที่นี้ไม่ใช่การเหินห่าง การปล่อยไว้ การไม่ใส่ใจนะ แต่ให้มีระยะห่างพอที่จะทำให้คนสับสนวกวนในความรู้สึกได้คิด ไตร่ตรอง ว่าทำยังไงถึงจะดีกับหัวใจของตนมากที่สุด จนสุดท้ายพชรก็เลือกที่จะใช้หัวใจมากกว่าเหตุผล กอดม่อนแจ่มแน่นๆนะพชร เพราะถ้าต่อไปเหตุผลมันทำให้เจ็บปวดเจียนตาย หัวใจของพชรนั่นแหละคือยารักษาบาดแผลที่ดีที่สุดของม่อนแจ่มนะ :o12:

ที่สำคัญคือความสัมพันธ์ของม่อนแจ่มและไอดิล แม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่เรียกได้ว่านี่คือเพื่อนแท้ของกันและกันเลย น่ารัก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 22-07-2016 12:49:44
น่ารักกกก
น่ารักทั้งไอดิลและม่อนแจ่มเลย
 
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 23-07-2016 12:55:06
แม้สองสามตอนแรกจะน่ารำคาญจนเกือบเลิกอ่าน แต่พอช่างใจอ่านต่อแล้ว อืมมมม สนุกกว่าที่คิด และเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ

สู้นะคะ มาต่อไวๆ อยากอ่านต่อแล้วววววว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 23-07-2016 14:31:55
ม่อนแจ่มน่ารักมากกกก...อะไรจะเกิดขึ้นถ้าพ่อม่อนแจ่มเจอกับพชร
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 23-07-2016 16:52:42
สงสารพชรที่สุดดดดดดดดดดดดดดดด  จะตัดสินใจทำอย่างไรดีที่รักของเก๊าาาาาาาาาาาาาาา :z3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: naritz ที่ 24-07-2016 16:06:24
ไม่อยากให้ม่อนเสียใจเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: zzzzzz ที่ 24-07-2016 22:21:53
น้องม่อนน :m13:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 24-07-2016 22:59:39
วันดีของพชร หึหึ พรุ่งนี้แล้วสินะ ทุกอย่างจะเปิดเผยรึป่าว

ปล. ชอบฉากพชรกับม่อนแจ่มที่อ่างแก้วมากๆ ทุกการกระทำมันมีความหมายลึกๆ ซ่อนอยู่
คือมันมีความรู้สึกของทั้งสองที่สื่อกันอ่ะ โดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ

คนแต่งเจ๋งมากครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 26-07-2016 19:51:42
ม่อนแจ่มน่ารัก ไอดิลน่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 27-07-2016 15:39:17
งือออ เลยวันจันทร์แล้วยังไม่มาอีกหรอ
อยากอ่านแล้ววววว~~
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/7/59 CH.17 Bounded P.9
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 28-07-2016 09:00:52
 :katai1: ตอนหน้าคุณพ่อจะมาแล้วววววว มันจะเป็นการเปิดเรื่องมาม่าชามใหญ่หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Send Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 30-07-2016 08:37:27
CHAPTER 18: Even If Saving You Sends Me Into Heaven (Part I)

          “ขยันอะไรขนาดนี้ครับ เพื่อนม่อน?”

หืม?

ม่อนแจ่มเงยหน้าจากรายงานการประเมินนวัตกรรมถนอมอาหารรูปแบบใหม่ขึ้นมองผู้มาเยือน
“ไง เลิกเรียนละ?”
“เรียบร้อย” ไอดิลยิ้มให้ “แล้วนี่มึงอ่านอะไรหน้าเคร่ง”
หนุ่มวิศวฯสิ่งแวดล้อมขยับนั่งลงข้างๆ  แหวกผองเพื่อนที่นั่งอยู่ก่อนออกนิดๆ “พวกมึงขยับๆ กูจะนั่งข้างเพื่อนม่อน”
“ฮึ่ย ไอ้สองตัวนี้” เมษเพื่อนเครื่องกลโวย กอดกีต้าร์ที่ตั้งสายอยู่ก่อนหน้าแนบอก “พวกมึงกิ๊กกันป่ะเนี่ย ขาดกันไม่ได้”
“ช่าย..” ไอดิลลอบสบตากับม่อนแจ่มอย่างมีเลศนัย แล้วหันไปรอบวง “กูกิ๊กกับเพื่อนม่อน”
ก่อนจะกระซิบริมหูคู่ซี๊เบาๆ
“กูพยายามจินตนาการมึงเป็นหมอกอยู่”
“กูก็กำลังพยายามจินตนาการมึงเป็น..”
แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ก็เป็นอันรู้กัน

.

.

“กูเหมือนหมอกยัง..” ม่อนแจ่มถามในอีกอึดใจ
“แล้วกูเหมือนพชรยัง..” ไอดิลถามกลับบ้าง

.

.

ฮ่ะๆ!
มีเพียงเสียงหัวเราะภายหลังการพยายามนั้น และม่อนแจ่มก็เอ่ยขำๆ “พอๆ มึงนี่ มาทำกูเสียสมาธิหมด”
“ขยันแต่ต้นเทอมเลยวะ กูต้องเอาบ้างแล้ว”   
“ไม่เชิงๆ” ม่อนแจ่มทำเสียงจึ๊กจั๊ก “กูอ่านรายงานการประเมินของบริษัทน่ะ ยังไม่จบเลย เดี๋ยวคุณพ่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา กูเกิดตอบไม่ได้ คุยไปคนละเรื่องล่ะแย่เลย”
“แหม.. เพิ่งเปิดเรียน แล้วเราก็สนุกสนานกับการเรียนการงานที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดขนาดนี้ บอกพ่อมึงไปซี๊ ว่ายังไม่มีเวลา”
หงึ.. ม่อนแจ่มส่ายหน้าดิก
“ไม่ใช่แค่งาน แต่คือเกียรติยศ คุณพ่อพูดเสมอ” ม่อนแจ่มยิ้มตั้งใจ “ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีข้อแม้ ไม่มีข้อแก้ตัว”
“โอ้ว ฮ่ะๆ” ไอดิลตบไหล่เล็ก หยอกล้ออย่างสนิทสนม “สมเป็นทายาทประดิษฐาพงศ์จริงๆครับเพื่อนม่อน”
   
          ,,Use me as you will,
           Pull my strings just for a thrill
           And I know I’ll be okay,
           Though my skies are turning grey..


“เฮ้ยๆ คุณพ่อแน่เลย” ม่อนแจ่มรีบส่องโทรศัพท์มือถือ และก็ใช่จริงๆ

สายเข้า ‘คุณพ่อ’

ม่อนแจ่มยกยิ้ม นัดแนะกันเพียงไม่กี่คำแล้วก็วางสาย

             “เขาเลิกตั้งเพลงเป็นเสียงเรียกเข้ากันแล้วไอ้ม่อน มึงนี่เชยจริงๆ”
ไอดิลแซวขณะเพื่อนรักเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงสแลค
“เหร๊อ!?” ม่อนแจ่มผลักไหล่ไม่จริงจังนัก
“โซว แอม โกอิ้ง โฮม, แบ็ค ทู เดอะ เพลส แวร์ ไอ บิลอง, แวร์ ยัวร์ เลิฟ แฮส ออลเวย์ส์ บีน อินัฟ ฟอร์ มี
นี่มันเสียงเรียกเข้าเกรียนที่ไหนวะ?”   

เออว่ะ! ไอดิลลืม

“แหม.. ก็กูชอบเพลงนั้น”
“กูก็ชอบเพลงนี้นี่นา”   
“อ่าฮะ.. Your Guardian Angel นี่นะ”
“ฮื่อ” ม่อนแจ่มพยักหน้า ยิ้มเขินๆ
“หมายถึง.. มึงอยากมี Guardian Angel หรือมึงอยากเป็น Guardian Angel เองล่ะ?”
ม่อนแจ่มคิดแป๊ปหนึ่ง แล้วอ้อมแอ้มตอบ “กูเป็น Guardian Angle เองก็ได้”
ไอดิลปล่อยก๊าก “โธ่ พชร! ต้องมีเทพผู้พิทักษ์เป็นคนแคระซะแล้วหรือนี่”
“ไอ้ดิ้ล!”

สองร่างเล็กบอกลาเพื่อนฝูงและวิ่งไล่เตะกันไปตามทางจนถึงหน้าหอสามชายตามปกติ

            “กูจะรอพ่อตรงนี้แหละ ท่านบอกว่าออกมาจากคณะอ.ก.แล้ว”
“งั้นเอากระเป๋า เอาหนังสือมึงมา กูจะพาขึ้นไปไว้บนห้องให้ก่อน เดี๋ยวลงมาอยู่เป็นเพื่อน”
“โอเช!” ม่อนแจ่มเก็บเอกสารใส่กระเป๋า ส่งให้เพื่อน เหลือไว้ติดตัวแค่โทรศัพท์มือถือ
ไอดิลรับมา พลางลอบขำ บอกว่าไม่ค่อยสนิทกับพ่อ แต่พอเขาจะมาเยี่ยม กูก็เห็นมึงตื่นเต้นใหญ่เลยนะนี่!

            ไอดิลย่างเท้าขึ้นบันได ใจยังนึกถึงเพื่อนคู่หูที่รอบิดาอยู่เบื้องล่าง อดจะนึกยิ้มดีใจไปด้วยไม่ได้
ทั้งพ่อทั้งแม่ของไอ้ม่อนยังไม่เคยได้มาเยี่ยมเลย คนมาส่งเข้าหอตอนเปิดเทอมคือลุงสมซึ่งเป็นคนขับรถ ส่วนพ่อๆของไอดิลนั้นมาส่งเขาทั้งคู่เลย แถมคำชี้แนะและกำลังใจสู่ชีวิตมหา'ลัยอีกเป็นกระบุง

              ประตูห้อง 338 ถูกผลักเปิดออก ..รูมเมทปรัชญาไม่ได้อยู่ในห้อง แต่ไอดิลเห็นกระเป๋าของพชรแล้ว แสดงว่าเลิกเรียนแล้ว แต่ตัวคนอยู่ไหนในตอนนี้นั้นสุดที่ไอดิลจะคาดเดา
ไอดิลถอนหายใจน้อยๆเมื่อนึกถึงร่างสูงต่างคณะ ..พชรมีลักษณะบางอย่างที่ทับซ้อนกับคนคุ้นเคย
ไอดิลไม่แน่ใจว่ามันเป็นคุณสมบัติเฉพาะของคนเรียนเมเจอร์ปรัชญาเลยหรือเปล่า แต่ความเป็นคนซับซ้อน เข้าถึงไม่ง่าย และเก็บอะไรไว้ภายในใจมากมาย ..คุณสมบัติเหล่านี้ พ่อน่ารักมีเพียบเลย

เฮ้อ.. ก็หวังว่าไอ้ม่อนจะหาประตูที่นำเข้าไปสู่ใจพชรเจอนะ
เอ้อ.. แต่ถึงหาไม่เจอ ไอ้ม่อนมันก็คงเอาหัวโหม่งทะลุเข้าไปเองนั่นแหละ ไอดิลไม่น่าต้องกังวล


หนุ่มสิ่งแวดล้อมหัวเราะขำความคิดตัวเอง วางข้าวของลงบนโต๊ะ ไม่ลืมที่จะหยิบขลุ่ยออกจากกระเป๋า
ประคองไว้ในมือ เช็ดด้วยผ้าบางเบาๆทั่วเลา พร้อมใช้คัตตอนบัดปาดฝุ่นออกจากรูบังคับเสียง ก่อนเก็บใส่ถุงผ้าสีเนื้อไม้เอาไว้เรียบร้อยเหมือนทุกที แล้วจึงออกจากห้อง ตามลงไปสวัสดีบิดาของคู่ซี๊ที่จะมาเยี่ยม

             ลงมาถึงข้างล่าง ไอดิลก็ไม่เห็นม่อนแจ่มที่โต๊ะม้าหินอ่อนเสียแล้ว แต่เขาเห็นคนอื่นแทน
“พชร เจอตัวพอดี!”
ร่างกำยำ เดินมาจากอีกฝั่ง ล้างไม้ล้างมือที่ก๊อกน้ำข้างหอ ไอดิลจึงรีบแจ้นเข้าไปทักทาย
“ปลูกต้นไม้อีกเหรอ?”
“ยัง” ใบหน้าคมส่ายน้อยๆ “ช่วยลุงจ่อมขนมารอไว้ข้างหอเฉยๆน่ะ”
โอ้ พอดีเลย!
“ไป ไปด้วยกันก่อน” ไอดิลพยักหน้าชักชวน พลางสอดส่ายสายตามองไปอีกฝั่ง
“มีอะไรหรือ?”
“พ่อไอ้ม่อนมา ไปหวัดดีกัน” รูมเมทสิ่งแวดล้อมตอบเสียงใส
ทว่า.. ดูเหมือนผู้รับไม่เข้าใจสาร
“พ่อ?”
“ใช่” ไอดิลพยักหน้าแรงๆ ทำไมพชรเข้าใจอะไรยากเหมือนคู่ซี๊เขาไปได้
“พ่อไอ้ม่อน”
“พ่อเครื่องกล..”
“อื้ม” ไอดิลพยักหน้าอีก เล่าเสริม “พ่อมันมาเยี่ยม แม่งรีบแจ้นจากคณะมารอเลย อยู่ตรงไหนไม่รู้เนี่ย”
พชรชะงักอยู่เพียงแค่นั้น ดวงตาเบิ่งค้างอย่างที่ไอดิลไม่เข้าใจ
..
“มาสิ พชร” มือเล็กพยายามคว้าท่อนแขนของรูมเมทปรัชญามา
ถ้าเป็นเวลาอื่น ไอดิลคงไม่มีวันลากพชรมาได้ แต่ขณะนี้ ดูรูมเมทร่างสูงจะไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย
“ไอดิล พอดีกูไม่..”
“ไปหวัดดีพ่อไอ้ม่อนแป๊ปนึงเถอะน่าพชร” หนุ่มสิ่งแวดล้อมชักชวน “นั่นไง อยู่นั่น!”
ไอดิลชี้ไม้ชี้มือไปยังทางเดินใต้หลังคาริมถนนที่ซึ่งมี Mercedes Benz คันใหญ่สีดำจอดอยู่
ม่อนแจ่มกำลังพูดคุยกับชายร่างใหญ่ผู้หนึ่งซึ่งยืนหันหลัง ใกล้ๆกันมีชายอีกคนที่แต่งตัวเป็นคนขับรถยืนนอบน้อมอยู่ด้วย
“คงเป็นคนนั้น..”
..
ดวงตาสีเข้มมองข้ามไหล่รูมเมทร่างเล็กไปยังแผ่นหลังชายที่อยู่เบื้องหน้า
ชายรูปร่างสูง.. ผมมีสีขาวแซมเล็กน้อยในวัยประมาณห้าสิบ..
ชายซึ่งคนที่นอนจ้องหน้าเขาก่อนหลับทุกคืนกำลังพูดคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ..ด้วยแววตาที่แสดงความเคารพนับถือ
ม่อนแจ่มก็คงเป็นลูกที่ดีคนหนึ่ง.. ลูกที่รักและเคารพบิดา..

           “คุณพ่อครับ มาพอดี นั่นรูมเมทม่อน!”
เสียงเล็กเอ่ยดังมา ไอดิลจึงสาวเท้าเข้าไปก่อน พลางพยักพเยิดให้พชรตามมา
“นี่ไอดิลครับ เรียนวิศวฯ สิ่งแวดล้อม” ม่อนแจ่มแนะนำ
แล้วชายผู้นั้นก็ค่อยๆหันมา.. หันมาในองศาที่เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
คนที่พชรเคยเห็นในหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งเปียกชุ่มหยาดน้ำตามารดาและช่องข่าวท้องถิ่นคืนที่ลุงแสงเมามาย

นั่นพ่อ..
พชรคิด ก่อนที่จะเสริมกับตัวเอง
..พ่อของม่อนแจ่ม

“สวัสดีครับ” ไอดิลยกมือไหว้ อดจะอุทานนิดหนึ่งไม่ได้เมื่อเห็นบิดาเพื่อนรักชัดๆ "อะ.."

คุณพจน์ ประดิษฐาพงศ์เป็นชายรูปร่างใหญ่ ใบหน้าคมสัน และแน่นอน เพื่อนม่อนของเขาไม่คล้ายคลึงเลยแม้แต่นิดเดียว
ไอ้ม่อนคงเหมือนมารดากระมังนะ..

คนเป็นผู้ใหญ่ส่งยิ้มตอบกลับให้ ดวงตาฉายแววกรุณา “สวัสดี”

.

.

“พชร!” ไอดิลโบกมือเรียก
ขายาวจำต้องขยับเดินเข้าไปช้าๆ พยายามก้มหน้าลง พอๆกับที่อยากจะมองตรง
“คุณพ่อ นี่พชรครับ” ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง ดูเสียงจะสดใสยิ่งกว่าตอนแนะนำเพื่อนซี๊เสียอีก “พชร มนุษยฯปรัชญา”
คนถูกแนะนำกลืนน้ำลายในลำคออย่างฝืดเคือง ก่อนจะค่อยๆยกมือประนมขึ้น
ไหว้..
ทำความเคารพบุคคลตรงหน้าเป็นครั้งแรกในชีวิต
ทำความเคารพในฐานะที่เขาเป็นรูมเมทของบุตรชาย

“สวัสดีครับ” พชรพยายามพูดให้ชัด ศีรษะก้มลง ก่อนค่อยๆเงยขึ้น ..สบสายตา
“สวัส-” ริมฝีปากที่แต้มรอยยิ้มน้อยๆนั้นจางไปเมื่อมองเด็กหนุ่มตรงหน้าเต็มๆตา
ดวงตาสีเข้มสองคู่ประสานกัน นายพจน์เผลอมองเข้าไป ลักษณะดวงตาเช่นนี้.. ทำไมจึงดูคุ้นเคยนัก
มือที่ยกขึ้นรับไหว้ชะงัก พิจารณาคนยืนตรงข้าม
“พชร..” นายพจน์เอ่ยทวนชื่อ ขมวดคิ้วน้อยๆ พยายามนึกว่าเคยเจอเด็กหนุ่มคนนี้ที่ไหนหรือเปล่า
“เคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่านี่?”
พชรเบือนหน้านิดหนึ่ง “ไม่ครับ ผมไม่คิดว่า..จะเคยพบ”
“อ้อ..” นายพจน์พยักหน้า
ไม่เคยพบหรือ นั่นสินะ เขาอยู่แต่ที่บริษัท พบคู่ค้าทางธุรกิจก็ไม่มีเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวลูกชายเช่นนี้หรอก
แต่ก็เถอะ.. ใบหน้าคม คิ้วเข้ม ดวงตาเด็ดเดี่ยว
เพราะ.. อะไรบางอย่างทำให้ถามออกไป

“ครับ..”
พชรตอบได้เพียงแค่นั้น หน้าก้มลงน้อยๆอีกครั้ง
ริมฝีปากเม้มบางๆ อะไรบางอย่างอัดแน่นอยู่ในหัว

           รูปถ่ายบนหัวเตียงมารดา..
           หยดน้ำตาของเธอ..


“ผม..”
ใบหน้าคมเงยขึ้นสบดวงตาสีน้ำตาลเมื่อมองข้ามไหล่นายพจน์ไป
ในแสงแดดที่ส่องสว่าง ..ที่ยืนอยู่คือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล
ข้อมือขวายังรู้สึกถึงด้ายขาวที่เจ้าตัวผูกเอาไว้ให้..

          ‘ปางห้ามญาติ’
          ‘พระประจำวันของคนเกิดวันจันทร์..’


“เราจะพูดอะไรนะ?” นายพจน์เพ่งมอง รอฟังคำที่เด็กหนุ่มยังไม่ได้เอ่ยออกมา
“ผม..”
..
“ขอตัวเลยนะครับ”

“อ้อ เอาสิ” นายพจน์พยักหน้า “ขอโทษที คนแก่น่ะนะ ก็ถามอะไรไปเรื่อย”
ไม่เลย นายพจน์ไม่ใช่คนพูดไปเรื่อย แต่ก็ละความคิดนั้นเสีย
“สงสัยเราเป็นคนใต้นั่นล่ะนะ ฉันถึงรู้สึกว่าดูคุ้นนัก หน้าคมเสียขนาดนี้” นายพจน์หัวเราะหึหึ กลับมาอารมณ์ดี
พชรพยักหน้ารับ ดวงตาหรุบลงต่ำ ความลังเลทำให้การกลับหลังหันเชื่องช้ากว่าปกติ

            “พชรหน้าคล้ายคุณพ่อเลย จริงๆด้วยครับ!” ไอดิลหัวเราะน้อยๆบ้าง เอ่ยตามประสาคนขี้เล่น
“ถ้าป้ายามมาบอกว่า ผู้ปกครองของห้อง 338 มาพบรูมเมทผม แล้วเป็นคุณพ่อละก็ ผมคงไปตามพชรมาพบแทนม่อนแน่ๆเลย แหะๆ”
..
“พชรหน้าคล้ายคุณพ่อจริงๆครับ” ม่อนแจ่มยอมรับ
มองหน้าบ่อยและนาน ..จนจำรายละเอียดบนใบหน้าผู้ถูกกล่าวถึงได้หมดแล้ว
ทีแรก เขาคิดไม่ออกเลยว่าทำไมจึงรู้สึกว่าคุ้นเคยกับใบหน้าพชรนัก ในขณะที่ก็แน่ใจว่าไม่เคยพบกันมาก่อน
เพิ่งจะตระหนักได้ในตอนหลังว่าเป็นเพราะพชรหน้าคล้ายบิดานี่เอง
อย่างไรก็ตาม..
“แต่พชรไม่ใช่คนใต้หรอกนะครับคุณพ่อ” ม่อนแจ่มบอกยิ้มๆ “พชรเป็นคนลำพูน”
“ลำพูนหรือ?” นายพจน์ไม่ได้ยิ้มด้วย เสียงที่เปล่งออกมานั้นแปลกใจ ทว่า หน้าเรียวของผู้เป็นลูกพยักยืนยัน
“นามสกุลก็บอกอยู่ครับ” ม่อนแจ่มเสริม “เพชรหละปูน”

หละปูน เป็นคำเรียกขานจังหวัดลำพูนในภาษาถิ่น
ใช่แล้ว.. นามสกุลของพชรบอกที่มา..

‘พชร เพชรหละปูน’

เพชรหละปูน อย่างนั้นหรือ?
ปฏิกิริยาของผู้ฟังนั้นมากกว่าที่คาดคิด นายพจน์หันกลับไปมองตามแผ่นหลังทันที

“พชร!”
เสียงทุ้มเรียกหนักๆ ทำให้ขายาวชะงักค้าง
เสียงนี้ที่เรียก เรียกชื่อ.. ชื่อที่แม่ตั้ง

พชรจำต้องหันหน้ากลับมา ปรับท่าทีให้เป็นปกติที่สุด นายพจน์สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้
“เรานามสกุลเพชรหละปูนหรือ?”

..

“ครับ..” พชรไม่รู้จะตอบเป็นอื่นได้อย่างไร

“รู้จักเพชรลดาไหม!”
นายพจน์ไม่อาจห้ามได้ เขาถาม ..ถามออกไปก่อนจะทันได้ยั้งตัวเอง “เพชรลดา เพชรหละปูน”

พชรก้าวถอยหลัง
พูด.. พูดชื่อเพชรลดา..
ด้วยแววตา.. แววตาแบบนี้..
แววตานี่มัน..

ร่างสูงกลืนน้ำลาย
พูดสิ.. แค่พูดออกไป
‘เขา’ ยืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ไม่ต้องขอพบ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องไปหาด้วยตัวเองเลย
มิหนำซ้ำ.. ยังตั้งคำถามชวนให้ตอบขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน

ไม่มีอะไรง่ายดายกว่านี้อีกแล้ว
แค่พูด..
พูดว่าเพชรลดาคือแม่
พูด.. ว่าพชรเป็นลูกชายของเธอ
เพียงเท่านั้น.. ชายผู้นี้ก็จะต้องรู้แน่ว่าเพชรลดาตั้งครรภ์ตั้งแต่วันที่จากเชียงใหม่ไป..

          “เอ่อ..”  ม่อนแจ่มเดินเข้ามาใกล้ เลิกคิ้วน้อยๆ
“ใครหรือครับคุณพ่อ พชรรู้จักไหม? ญาติหรือครับ?” ดวงหน้าขาวมองบิดาตนและรูมเมท พูดสลับกับแต่ละคนไปมา
“เพื่อนคุณพ่อหรือครับ แล้วพชรรู้จักไหม?”
เสียงซื่อถามซ้ำ พยายามช่วยหาคำตอบ ตามปกติวิสัยที่เป็นคนมีน้ำใจ
พชรละสายตาจากนายพจน์ มองผู้มีศักดิ์เป็นลูกชาย..
ใบหน้ายังแจ่มใส.. ดวงตายังเป็นประกาย.. น้ำเสียงช่างเจรจา..

           ‘กูแค่.. อยากวาดภาพให้ ทำสิ่งที่กูถนัด
           วาดภาพเป็นของขวัญ ของขวัญที่เงินซื้อไม่ได้ ..ของขวัญวันเกิดของคุณพ่อ’


         
            ‘เหี้ย.. กูดับอนาถแน่แบบนั้น’


           'ก็แล้ว.. ไม่ว่าจะถูกหรือผิดที่ตัดสินไม่ได้นั่น ..กูพอช่วยอะไรได้บ้างไหม'

“รู้จักเพชรลดาหรือเปล่า.. พชร?”
นายพจน์ถามซ้ำ ซึ่งคนถูกถามเพียงยืนนิ่ง..

           ‘กูไม่เคยโกหก’
จำได้ว่าเคยพูดประโยคนี้และมันเป็นอย่างนั้น
ตั้งแต่เรียนปรัชญา พชรเริ่มเข้าใจว่าในบางครั้ง คนเราก็คงมีเหตุผลดีๆที่ต้องโกหก ..โกหกเพื่ออะไรสักอย่าง..
แต่เขาไม่เคยพูดโกหก หากไม่ต้องการพูดความจริง พชรจะไม่พูดอะไรเลย
สำหรับเขา.. การโกหกเป็นการทำลายเกียรติของตนเองอย่างน่าละอาย และยังคงเป็นอยู่จนบัดนี้ ไม่มีเปลี่ยนแปลง
..
แต่ว่า..
   
            ‘..พชร’

“ไม่.. รู้จักครับ”
เสียงเข้มพยายามเอ่ยแต่ละคำออกมา
..
“นามสกุลนี้มีเยอะในลำพูน บางคนผมก็ไม่รู้จักเลย ไว้.. ผมจะลองถามแม่ดูครับ”
"แม่เราชื่อ-"
“แม่ผมชื่อนิภา..”

น้ำเสียงที่ตัดบทนั้นแห้งผาก
พชรฝืนก้มหัวน้อยๆ สื่อนัยยะอำลาผู้ใหญ่ตรงหน้า ทั้งที่ต้นคอขัดแข็งจนแทบจะกดลงมาไม่ได้
ร่างกำยำหันหลังอีกครั้ง ค่อยๆก้าวจากไปในทิศทางเดียวกับที่เข้ามา
หัวใจทระนงเจ็บแปลบด้วยความรู้สึกร้ายกาจที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยในชีวิต.. ขาแข็งแรงถูกถ่วงด้วยน้ำหนักของบางสิ่งที่ไม่รู้คำนิยาม..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณในการติดตามเหมือนเคยครับ

(Thanks to.. Your Guardian Angel - Red Jumpsuit Apparatus)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Send Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-07-2016 08:50:43
อ๊ากกกกซ์ ไม่บอกกันซะที (ทิ้งให้เรา) ระแวงนานไปแล้วนะ
ขนาดนี้ก็บอก ๆ ไปเห้อ... อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ยังไงความจริงก็เป็นสิ่งไม่ตาย ( :beat: งงกับตัวเอง ว่าตกลงจะเอายังไง ฮา)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Send Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 30-07-2016 08:53:43
จากตอนเปิดตอนนี่ทำเอายิ้มแก้มแตกกับสองเคะ มาเจอฉากพชร
:sad11:  :sad11: นี่มันชัดๆแล้วนะม่อน ทั้งหมดนี้คือเพื่อม่อนคนเดียว
ทำไมเศร้า.... อดทนได้ดีเกินคาด แต่กลัวว่าการเลือกที่ไม่พูดความจริงมันจะทำให้พชรเรากลายเป็นเด็กที่ยิ่งเข้าถึงยากต่อไป
เอาใจช่วยทุกคน  :กอด1:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Send Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 30-07-2016 09:22:48
สงสารพชร ปกป้องสิ่งหนึ่งเพื่อสูญอีกสิ่งไป เอาใจช่วยให้พบทางที่จะส่งผลกระทบน้อยที่จะคลี่คลายปัญหาได้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Send Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 30-07-2016 09:30:50
ม่อนแจ่มไม่รู้อะไรเลย ส่วนพชรก็น่าสงสาร  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Send Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 30-07-2016 09:57:37
สงสารพชรนะทั้งๆที่รู้แต่ก็ไม่กล้าบอก
เพราะกลัวม่อนเสียใจ เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 30-07-2016 11:16:08
พชรโกหกซะแล้ว
น้ำตาของม่อนแจ่มสำคัญกว่าหลักการที่ยึดถือแล้วสินะ
เอาใจช่วยทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 30-07-2016 11:35:03
อ๊ากกกกก #ทึ้งหัว ลุ้นๆๆๆๆ ถ้าพชรตอบว่า "แม่ผม" มันคงไม่ได้ลุ้นอ่ะเนอะ. อดใจๆๆๆๆ ค่อยๆเจ็บ ค่อยๆ ดีพ  #ยาลม ยาหอม พร้อม! (บอกวัยคนอ่านชัดมาก)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-07-2016 12:14:16
อ๊ากกก
ลุ้นมาก
จริงๆแอบอยากให้บอกไปเลยนะ
เรื่องจะได้เคลียร์ๆกันไปเลย เฮ้อออ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Banarot ที่ 30-07-2016 13:28:35
ถ้าม่อนแจ่มรู้  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 30-07-2016 15:03:41
ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีข้อแม้ ไม่มีข้อแก้ตัว

พูดได้ดีมากครับ สมเป็นตระกูลมาร์เทล...เอ้ย ประดิษฐาพงศ์ นี่แหละครับคือจิตวิญญาณผู้บริหาร แบกรับเกียรติยศและต้องตอบสนองต่อความรับผิดชอบให้ได้ตามนั้น

ยังคง#ทีมประดิษฐาพงศ์ใหม่ ครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 30-07-2016 16:54:30
ตายละ พชร
จากที่แบกภาระเรื่องพ่อจนหนักไปทั้งตัวทั้งหัวใจ
ตอนนี้คงโดนทับจนจมดินลงสู่ความมืด ความเวิ้งว้างราวกับถูกคนจับโยนลงหลุมแล้วฝังทั้งเป็น
การโกหกครั้งแรก การเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยตัวเองครั้งแรก
แล้วต่อไปเรื่องจะดำเนินไปในทิศทางไหนนี่
แต่ขอเดาไว้อย่าง ม่อนแจ่มจะต้องสืบหาเรื่องของเพชรลดา เพชรหละปูนเป็นแน่
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 30-07-2016 17:37:33
แง แล้วจะเป็นจะใดต่อไป  :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 30-07-2016 19:45:50
อ๊ากกก :katai4: พชร!!!  :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 30-07-2016 21:03:34
โอ้ยยยยย ค้่างอะไม่น่าอ่านเลย ปีหน้าค่อยอ่านรวดเดียวดีกว่าฮาๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-07-2016 21:33:24
พชร ยอมโกหก ทั้งที่มีโอกาสพบพ่อ
แสดงตัวกับพ่อ ที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน 
เพราะกลัวม่อนแจ่มเสียศูนย์ เจ็บช้ำน้ำใจ
รับไม่ได้ ถ้ารู้ความจริง ว่าคนที่เรียกว่าพ่อ กลับไม่ใช่พ่อ
พชร รักม่อนแจ่ม อย่างที่สุด จนยอมเสียสิทธิประโยชน์
ที่จะได้จากพ่อทุกอย่าง เพื่อม่อนแจ่มจริงๆ
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 30-07-2016 22:33:25
ถ้ารู้ความจริง ก็เจ็บทั้งคู่ และทุกคนเสียใจอย่างแน่นอน แต่มันก็ดีกว่าปล่อยให้คลุมเคลืออ่ะเนอะ พชรบอกความจริงเถอะะะะะ อย่าโกหกเลยนะ :katai4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: felixia ที่ 31-07-2016 00:20:34
โอ๊ยยย อ่านตอนนี้แล้วอึดอัดจังเลยค่ะ
มันอารมณ์แบบ บอกเลยสิ บอกเลยพชร พูดเลยว่า ยู มาย เดด อะ
แต่อีกใจก็แบบ เฮ้ยๆ แล้วม่อนละ
โอ๊ย แล้วจะยังไงต่อล่ะเนี่ย
เป็นแบบนี้พอถึงวันที่ต้องรู้คสามจริงต้องเจ็บมากกส่าเดิมแน่ๆเลย
ก็โกหกกันไปแล้วนี่นะ ฮือออ
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 31-07-2016 03:34:03
พชร เรายอมน้ำใจนายเลยว่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 31-07-2016 14:02:42
พชร ใจดีจริงๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 31-07-2016 16:56:49
โอยยยย พชร :mew4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 31-07-2016 19:46:35
โถ นายพชร ไม่อยากทำม่อนแจ่มแห่งวิดวะเสียใจจนต้องยอมโกหก :ling1: :katai4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-08-2016 00:04:49
พชร นายไม่กล้าทำร้ายหัวใจตัวเองสินะ ถ้าม่อมแจ่มเจ็บนายจะเจ็บยิ่งกว่าสินะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 01-08-2016 07:06:39
แมนมากลูก
แต่เราว่าคุณพ่อเองก็น่าจะจับ 1+1เป็น 2ได้ไม่ยาก
ไหนคนอื่นจะบอกว่าพชรคล้ายกับตัวเองขนาดนั้น
ดวงตาก็คล้ายใครบางคนที่ตัวเองรู้จักดี
นามสกุลอีกล่ะ

ท้ายที่สุดเราว่าถ้าเรื่องแตกขึ้นมา คุณพ่อก็คงไม่โทษแม่ของม่อนแจ่มหรอก  เพราะว่า ณ ตอนนั้นตัวเองก็กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอยู่แล้ว  พอคนรักหายไปก้ไม่จำเป็นต้องเลือก  อีกอย่างเพราะแต่งกับแม่ม่อนแจ่มถึงได้มีทุกวันนี้   ตัวระมิงค์เองก็สูญเสียมาเหมือนกัน    ถ้ามองทางฝั่งเชียงใหม่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้น   ร่วมชีวิตกันมาก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขมากันนานพอตัว   แต่กับทางลำพูนที่เสียหรือขาดมาตลอดก็น่าจะเป็นเรื่องที่เชียงใหม่ควรทดแทนให้มากกว่าชดใช้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 01-08-2016 12:54:39
ไม่รู้จะสงสารใครดี  :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 01-08-2016 16:57:34
“ปรัชญาเชื่อมั่นในเหตุผลเหรอ..”
“แล้ววิศวฯเครื่องกลเชื่อมั่นในอะไร..”  o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/7/59 CH.18 Even If Saving You Sends Me Into Heaven P.10
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 02-08-2016 19:14:41
สงสารทั้งม่อนทั้งพัชร
แต่เราว่าคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือม่อน
คนที่ไม่รู้นี่แหละเจ็บสุดแล้ว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 07-08-2016 23:00:53
CHAPTER 18: Even If Saving You Sends Me Into Heaven (Part II)

           ผิวน้ำสีคล้ำเบื้องหน้าสะท้อนประกายแดดแวววาวอยู่ในที ลมที่โบกพัดมาก่อให้เกิดระลอกคลื่นน้อยๆ
อ่างแก้วเหมือนเดิม.. เหมือนที่พชรเคยเห็นมาเทอมกว่า
ทุกอย่างเหมือนเดิม.. มีเพียงตัวเขาเอง ที่รู้สึกว่าไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
พชรไม่รู้ว่าการร้องไห้นั้นเป็นอย่างไร เพราะเขาเองก็จำไม่ได้เสียแล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ร้องไห้นั้นมันเมื่อไหร่ หรือต้องเจ็บปวดแค่ไหนคนเราถึงจะร้องไห้ออกมา

            ฝ่ามือแกร่งกำนิ้วเข้าหากันแน่น บางอย่างพริ้วไหวคลอภายในดวงตาไม่ต่างจากผิวน้ำที่เป็นระลอกจากสายลม
ทำไมเขาถึงต้องมาที่นี่.. ไม่รู้สิ
มันไม่เคยช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ไม่เคยแก้ปัญหา ไม่เคย.. แต่เขาก็ยังมา
เราทุกคนคงต้องการสักที่ แค่สักที่ที่จะมาอยู่ มานั่ง มายืน มานอน
ไม่ได้ต้องการคุณสมบัติอะไรมากมาย นอกจากเป็นที่ที่หนึ่ง ..ที่มีอยู่ ..เท่านั้น
และเขาก็มาอ่างแก้วอีกแล้ว..

         “ทำไมต้องกลับล่ะ”
         “เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่”
         “ปรัชญาเชื่อมั่นในเหตุผลเหรอ..”
         “แล้ววิศวฯเครื่องกลเชื่อมั่นในอะไร..”


ถึงตอนนี้.. พชรไม่มั่นใจเลยว่าปรัชญาเชื่อมั่นในเหตุผล
ริมฝีปากหนาขบเข้าหากันแนบสนิท ฝ่ามือยังกำแน่น จิตใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ย้อนแย้งแย้ง

มันมากกว่าการโกหก..
มันยิ่งกว่าการคืนคำ..


แขนเรียวที่โอบเอวตอบรับอ้อมกอด ณ อ่างแก้วแห่งนี้ เป็นสิ่งเดียวที่ปลอบประโลมเขา พอๆกับที่เป็นสิ่งที่ตอกย้ำความทรยศต่อตัวเองของเขาเช่นกัน

นี่เป็นวันจันทร์ที่ห่าเหวที่สุดที่พชรเคยเจอ..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            เพชรลดาอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่ปกติไม่ได้ใส่ในสวน เพราะวันนี้เธอไม่ได้เข้าสวน ทว่า จะขับรถไปเชียงใหม่  ไม่ได้บอกลูกชายล่วงหน้าหรอกว่าจะไป อยากทำให้ประหลาดใจ อยากให้ดีใจ
ครั้งหลังๆ ที่พชรกลับบ้าน เขาดูตึงเครียดมากเหลือเกิน พชรบอกว่าวันพุธไม่มีเรียน เธอจึงเลือกจะไปวันพุธ..

            ขับรถเพียงชั่วโมงกว่าก็เข้าเขตเมืองเชียงใหม่แล้ว เพชรลดาขับต่อมาจนเข้าเขตมหาวิทยาลัย พยายามมองหาหอสามชายที่เคยมาเมื่อคราแรกส่งพชร ..และแล้วก็มองเห็นป้ายเพียงไม่นานหลังจากผ่านสี่แยกเล็ก

เธอจอดรถเอาไว้อีกฟากถนน ค่อยๆก้าวเข้ามาในบริเวณหอพัก มือหิ้วตะกร้าผลไม้ อีกข้างกดโทรหาลูกชาย
ทว่า.. ไม่มีคนรับสาย
เพชรลดาเลิกคิ้ว ก้าวเข้าประตูหอ มองเห็นโต๊ะรักษาความปลอดภัยหน้าบันไดทางขึ้น นักศึกษาเดินลงมาหยิบบัตรบนโต๊ะและออกไป ..ในทางตรงข้าม คนที่เพิ่งเข้ามาก็เสียบบัตรก่อนขึ้นบันไดเป็นเช่นกัน

          “อืม.. ถ้าบัตรเสียบอยู่ก็แปลว่านักศึกษาอยู่บนหอหรือคะ?” เสียงหวานถามป้ายามยิ้มๆ
“ใช่ค่ะ” สาวใหญ่พยักหน้าตอบ “ลูกคุณแม่อยู่ห้องไหน เดี๋ยวป้าดูให้”
“สามสามแปดค่ะ” เพชรลดาจำได้แม่น เพราะคนงานในสวนเคยถามลูกชายเพื่อเอาเลขไปซื้อหวย เธอขำจริงๆ
“สามสามแปด..” ป้ายามพึมพำ ไล่ดูในช่องเสียบบัตร
“ลูกคุณแม่ชื่ออะไรคะ ตอนนี้อยู่สองคน กวีกานต์ ทัศนศุภกฤษณ์กับ-”
“ชื่อพชรค่ะ พชร เพชรหละปูน” เพชรลดาตอบเสียงดังฟังชัด

..ซึ่งชื่อนั้นมีผลให้สองร่างที่เพิ่งลงบันไดมามองหน้ากัน

“อ้อ ไม่อยู่ค่ะ” ป้ายามอ่านบัตร พลางเอ่ยเสริม “เพราะอีกคนชื่อม่อ-”

“คุณแม่พชรหรือครับ?”
เสียงเล็กถามขึ้นมา จนไม่ทันได้ยินคำหลังของป้ายาม
เพชรลดาหันไปตามเสียง เด็กหนุ่มผิวขาวร่างเล็กสองคนเดินลงมายกมือไหว้
“สวัสดีครับ พวกผมอยู่ห้องสามสามแปด เป็นรูมเมทพชร!”
เด็กหนุ่มที่ตัวเตี้ยกว่าอีกคนเอ่ยน้ำเสียงกระตือรือร้น รอยยิ้มสดใสนั้นทำให้เพชรลดายิ้มตาม
“ใช่จ้ะ น้าเป็นแม่พชร”
“คุณน้านิภา!” เด็กหนุ่มเรียกพลางยิ้มร่า

หืม? พชรลดาเลิกคิ้ว นิภานี่ใคร..

“ผมม่อนครับ นี่ไอดิล” เด็กคนนั้นแนะนำตัว พลางพยักพเยิดไปที่อีกคน และเอ่ยเสริมอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวผมโทรหาพชรให้นะครับ!”

ไอดิลกลอกตาไปมาขำๆ
บอกได้เลยว่าม่อนแจ่มนั้นตื่นเต้นถึงขีดสุด คู่ซี๊ได้เบอร์พชรจากเขาเองซึ่งก็ขอเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน และยังไม่เคยมีเหตุจำเป็นให้ต้องโทร

“แหม.. เต็มใจช่วยเหลือสุดๆไปเลยนะครับม่อน” หนุ่มสิ่งแวดล้อมกระซิบล้อเลียน
“มึงปล่อยๆกูเถอะครับไอ้ดิ้ล ไม่ต้องถือเป็นธุระมึงทั้งหมดก็ได้ กูเกรงใจ”  ม่อนแจ่มกวนตีนกลับ ขณะกดเปิดหน้าจอโทรศัพท์หาเบอร์ที่ตั้งเป็นหมายเลขโทรด่วน หูยังได้ยินเสียงไอดิลพึมพำเบาๆ
“ไม่เป็นไร กูถือเป็นหน้าที่เสมอที่ต้องเสือกเรื่องเพื่อนรักอย่างมึงครับม่อน”

..

..

ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
กรุณา..


“แหงะ”
ม่อนแจ่มเบ้หน้าเล็กน้อย ทำสีหน้าขอโทษขอโพย เมื่อรอสายเรียกนานจนสัญญาณตัดไป
“ไม่รับสายอ่ะครับคุณน้านิภา สงสัยพชรไม่ได้หยิบโทรศัพท์ออกไปแน่ๆเลย ขอโทษ ขอโทษนะครับ แหะๆ..”

เอ่อ..
พชรไม่หยิบโทรศัพท์ออกไป แล้วมันใช่ความผิดเราเสียทีไหน? เพชรลดากลั้นขำ

“พชรไม่น่าออกไปไหนนานหรอกครับ อาจจะซุ่มปลูกต้นไม้อยู่แถวนี้อย่างเคย เดี๋ยวผมวิ่งออกไปหาให้นะครับ
อ้อ ไปดูมอเตอร์ไซค์ก่อนดีกว่า ถ้า Kawasaki D-Tracker ป้ายลำพูนจอดอยู่ พชรก็ต้องอยู่!”

เอ่อ.. อะไรจะพูดยืดยาวได้ไม่หยุดหายใจขนาดนั้น
ไม่กลั้นแล้ว เพชรลดาขออนุญาตหัวเราะออกมาด้วยความขำ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!” สาวใหญ่ยกมือเบรก เมื่อร่างเล็กตั้งท่าจะวิ่ง
“เดี๋ยวน้านั่งรอแถวนี้แหละ อ้อ..” เพชรลดายื่นตะกร้าให้ “ลำไยจ้ะ น้าเอามาฝาก”
“ว้าววว!” ม่อนแจ่มลั้ลลา
“จากสวนคุณน้าใช่ไหมครับ พชรบอกว่าที่บ้านทำสวนผลไม้ น่ากินมากเลยครับ ลูกโต อวบอิ่มสุดๆ!”
เพชรลดาพยักหน้ารับพลางหัวเราะ
“ขอบคุณครับ คุณน้านิภา” ม่อนแจ่มยกมือไหว้และรับตะกร้ามา
“คุณน้านิภาทานอะไรมาหรือยังครับ? หิวหรือเปล่า? ไปรอที่โรงอาหารก่อนไหมครับ? มีของกินอร่อยๆเยอะเลย”
ฮ่ะๆ
“จ้ะ” เพชรลดาที่เพื่อนลูกชายคงจำผิดว่าชื่อนิภาตอบสั้นๆเพียงเท่านี้ เพราะแค่ฟังอีกฝ่ายพูด เธอก็รู้สึกว่ายาวพอแล้ว

            โรงอาหารหอสามชายไม่กว้างมากนัก แต่ก็ดูเหมือนมีแทบทุกอย่างที่นักศึกษาต้องการ
ที่เพชรลดาต้องทำก็เพียงนั่งรอที่โต๊ะ แล้วรูมเมทลูกชายก็บริการเองยิ่งกว่าเข้าภัตตาคาร ทำเอาคนเป็นแม่แปลกใจ
เพราะความสนิทสนมที่เด็กๆให้กับเธอก็สะท้อนถึงสัมพันธภาพระหว่างพวกเขากับลูกชายเธอด้วย
พชรเป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผล แต่ไม่ช่างคุยและเข้ากับใครได้ไม่ง่ายนักหรอก

            “อยู่หอสบายกันดีนะ กับพชรก็..คุยกันดีสิ” เพชรลดาสอบถาม ขณะที่ทีแรกกังวลอยู่ว่าพชรจะเก็บตัว
“ดีครับ พชรเท่ ขยัน นิสัยดี  มีน้ำใจมาก” เด็กม่อนโฆษณา
ถึงแม้จะฟังดูเกินๆไปบ้าง ทว่า น้ำเสียงจริงใจและแววตาใสซื่อคู่นั้นบอกให้เธอรู้ว่าหนุ่มน้อยผู้นี้พูดตามความรู้สึกตัวเองจริงๆ

            “ผมกินลำไยเลยนะครับ คุณน้านิภา” มือขาวแงะลำไยออกมาลูกหนึ่ง ส่งให้เพื่อนนามไอดิล ก่อนจะแกะของตัวเอง
เพชรลดาพยักหน้ายิ้มๆ ตักก๋วยเตี๋ยวลุยสวนตรงหน้าทาน
เด็กคนนี้มีบุคลิกบางอย่างที่แม้แรกพบในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้อดเอ็นดูไม่ได้เลย

“หืมม อร่อย อร่อยครับ ฉ่ำมาก เนื้อเยอะด้วย ต้องได้ราคาดีแน่เลยใช่ไหมครับ” ม่อนแจ่มถามอย่างสนใจ
เพชรลดาจึงพยักหน้าอีกครั้ง “เป็นลำไยอินทรีย์นะ พชรเขาไม่ยอมใช้ยาฆ่าแมลงจ้ะ”
“โอ้ ดีจัง!” ม่อนแจ่มยิ้มจนตาหยี เคี้ยวลำไยตุ้ยๆ ..ท่านพชรของเขาน่ารักที่สุดอยู่แล้วล่ะ!
“ขอบคุณคุณน้านิภามากนะครับที่อุตส่าห์หิ้วมาฝาก ผมจะขอบคุณคุณน้ายังไงดี..” ม่อนแจ่มหันรีหันขวาง
“ไม่ต้องจ้ะ ไม่ต้อง” เพชรลดารีบโบกมือ แต่ม่อนแจ่มลุกไปฉวยเอากระดาษเปล่าที่เอาไว้เขียนสั่งอาหารมาแล้ว และล้วงเอาดินสอจากกระเป๋ากางเกงออกมา
“สองนาทีครับ!”
“อะไรนะจ๊ะ?” เพชรลดาไม่ใคร่เข้าใจ
“ผมขอสองนาทีครับ” เด็กหนุ่มตรงหน้ายิ้มกว้าง ก่อนจะมองผู้ใหญ่สลับกับก้มลงลากเส้นบนแผ่นกระดาษ

..
และแล้ว..
อาจจะเลยสองนาทีไปสักสองหรือสามวิ..

           “นี่ครับ”
มือเล็กยื่นกระดาษให้ “ผมให้คุณน้านิภา เป็นอย่างเดียวที่ผมทำได้”

เพชรลดารับมา

เส้นดินสอถูกลากเป็นรูปผู้หญิงผูกผมหางม้า ใส่เสื้อเชิ้ตและกระโปรงทรงบานปลายคลุมเข่า ในมือหิ้วตะกร้าลำไย
พร้อมด้วยข้อความด้านล่าง..

‘ขอบคุณครับ เป็นลำไยที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยทาน’

มุมล่างขวากำกับอักษรภาษาอังกฤษตัวเขียน..

‘Mon Cham of Mechanical Engineering’

เพชรลดาเพ่งมองอยู่อึดใจหนึ่ง
บังเกิดความคุ้นเคยอย่างประหลาด เธอรู้สึกเหมือนเคยเห็นอะไรทำนองนี้มาก่อน..

‘Ride Carefully’
‘Mon Cham of Mechanical Engineering’

อ่า..
ฮ่ะๆ..
แล้วปากเรียวก็คลี่ยิ้มออกมา
ไม่ใช่พชรหรอกที่วาด..
เพชรลดาเงยขึ้นมองดวงหน้าขาวฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง ..เป็นคนนี้เอง..

“ขอบใจจ้ะ วาดน่ารักจริง เรียนคณะศิลปะ อะไรพวกนี้หรือเรา?”
“อ๋อ เปล่าครับเปล่า” ม่อนแจ่มส่ายหน้า “ผมแค่ชอบวาดครับ”
“อ้าว แล้วเรียนอะไรกันบ้างล่ะ?”
“เราสองคนเรียนวิศวฯครับ ไอดิลเรียนสิ่งแวดล้อม ผมม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล”
ชินเสียแล้วกับบรรดาศักดิ์ตัวเอง 
ชิน.. จนต้องเอ่ยออกมาเต็มๆ และชื่อเต็มนั้นทำให้ผู้ฟังชะงัก
“ม่อนแจ่ม..” เพชรลดาทวนคำ
เด็กม่อนหัวเราะแหะๆ ยอมรับอายๆ “ครับ.. ผมชื่อจริงชื่อม่อนแจ่ม”
..
‘ม่อน’ เป็นชื่อเล่นที่ไม่แปลก แต่.. ถ้าชื่อจริงคือ ‘ม่อนแจ่ม’
“ชื่อ.. ชื่อน่ารักดีจ้ะ สมตัว” เพชรลดาพูดอย่างลังเล
ม่อนแจ่ม.. ถึงจะเป็นชื่อสถานที่ ทว่า ดูไม่ใช่สถานที่ที่จะเอามาตั้งเป็นชื่อจริงได้ซ้ำๆเลย
“ม่อนแจ่ม นามสกุลอะไรหรือจ้ะ”
...
...
ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว ไหล่เล็กยักน้อยๆอย่างงงๆ ทว่า ก็เอ่ยตอบเสียงสดใสเหมือนเดิม
“ประดิษฐาพงศ์ครับ ผมม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์

มันมีผลกับผู้ฟังอย่างที่คนพูดไม่ได้คาดคิด
เพชรลดานิ่งค้าง เบิ่งตามองเด็กหนุ่มผู้ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม
เธอจำได้ขึ้นมาทันที ใช่แล้ว.. เธอเคยเห็นนี่นา เด็กหนุ่มนาม ‘ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์’
และม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์คนนี้ เป็นรูมเมท พชร เพชรหละปูน ..ลูกชายของเธอ

           “อ้าว นั่นพชรนี่!”
เป็นไอดิลที่มองเห็นร่างสูงซึ่งเดินเข้ามาซื้อน้ำ สีหน้าที่ชื้นเหงื่อเรียบเฉยตามปกติที่เป็น
ม่อนแจ่มหันไปมอง รอยยิ้มกว้างประดับใบหน้า
“เดี๋ยวผมไปบอกพชรให้ครับว่าคุณน้านิภามา พชรต้องดีใจแน่เลย!”
ร่างเล็กเลื่อนเก้าอี้ หันหลังกลับรวดเร็ว ส่งเสียงเรียกคำประจำตัว
“พชร!”
และก็อย่างเคย..

โครม!

           “โอ๊ย!”
หน้าแข้งม่อนแจ่มน่ะสิที่เตะเอาขาเก้าอี้จนต้องร้องโอดโอย
พชรหันมาตามเสียงเรียก ชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที  ก่อนรีบก้าวยาวๆแทบจะวิ่งเข้ามาหา

“จะมีสักวันที่มึงไม่ชนอะไรไหม เครื่องกล?” เสียงเข้มดุไม่จริงจังนัก
ร่างสูงย่อเข่าลง ข้างหนึ่งคุกลงกับพื้น อีกข้างชันขึ้นทรงตัว มองสำรวจรอยขูดบริเวณหน้าแข้งที่ไม่ยาวนัก และไม่มีเลือดซึม
ม่อนแจ่มยืนนิ่ง.. ก้มลงมองตาม สีหน้าแดงจัดอย่างขัดเขิน รอยกอดที่อ่างแก้วกลับมาย้ำเตือนในใจอีกครั้ง..

“พชร.. ไม่เจ็บแล้ว” เสียงเล็กเอ่ยแผ่วๆ เพราะหายเจ็บ ..หายแล้วตั้งแต่พชรมาอยู่ตรงนี้
“จะรีบไปไหน” พชรเลิกคิ้ว ลูบรอยแผลเบาๆให้ขาเนียนผ่อนคลาย บนข้อมือขวายังคล้องด้ายสีขาวเอาไว้
ม่อนแจ่มดีใจจัง..
“เอ่อ.. กูจะบอกว่าคุณน้านิภามาหา”

คุณน้านิภา..
ใคร?
หน้าคมขมวดคิ้วงงๆ
ดวงตาสีเข้มหันตามสายตารูมเมทเครื่องกลไปยังโต๊ะซึ่งมีไอดิล และ..

ไม่เคยเห็นมารดาแล้วตกใจเท่านี้
อะไรบางอย่างในแววตาที่มองมาทำให้พชรรับรู้ว่าเธอรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของคนข้างตัวเขาแล้ว
สองคนได้แต่มองตากัน.. เพชรลดาไม่อาจลุกขึ้นเดินมาหา และ.. พชรก็ไม่กล้าเดินเข้าไป

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “เห็นช่วงหลังพชรดูเครียดมาก แม่ก็เลย.. มาเยี่ยม เผื่อจะรู้ว่าลูกเป็นอะไรไป”
และคิดว่ารู้แล้ว.. เพชรลดาต่อในใจ
ที่สุดก็ค่อยๆเดินมากับลูกชายหน้าหอ สองรูมเมทยกมือไหว้ลาเพื่อปล่อยให้แม่ลูกได้พูดคุยกัน

‘ปกติคุณพชรเงียบ เพราะไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว คุณพชรเป็นคนถนัดคิดแล้วทำมากกว่าจะพูด
แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเหมือนกัน ว่าคุณพชรเงียบ เพราะมีเรื่องทุกข์ใจ’


คำพูดของแสงรวียังก้องอยู่ในใจ เพชรลดาถอนหายใจน้อยๆ
“พชร..” เธอบีบไหล่หนาเบาๆ รับรู้ความรู้สึกที่เสียงเข้มไม่ได้พูดออกมา
ม่อนแจ่มชนเก้าอี้ เธอก็ตกใจ.. แต่ตกใจไม่เท่ากับการเห็นท่าทีของพชร
น้ำเสียง แววตา ท่าทาง ความห่วงใย ..ทั้งหมดนั้นบ่งบอกให้คนเป็นแม่ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนรับรู้ได้ว่าลูกชายรู้สึกอย่างไรกับเด็กหนุ่มอีกคน

         “ผมเป็นลูกอกตัญญู..”
หลังจากการเงียบที่ยาวนาน นั่นคือสิ่งแรกที่พชรพูดออกมา สิ่งที่ทำให้เพชรลดาส่ายหน้า..
“ผมเจอพ่อแล้ว” เสียงเข้มเอ่ยเสริมหนักๆ
เพชรลดาเบิ่งตา “พชรบอกว่ายังไม่ได้ไปพบนี่นา?”
“เขามาที่นี่..” ร่างสูงกลืนน้ำลาย “มาเยี่ยมลูกชาย”

พชร..
เพชรลดาไม่รู้จะเอ่ยคำใด

“เขาถามว่าผมรู้จักเพชรลดาหรือเปล่า หลังจากที่ลูกเขาบอกนามสกุลผม”
พชรกัดฟัน แค่นเสียงเอ่ย “ผมควรจะบอก ..บอกว่าผมเป็นลูกแม่”
...
...
“แต่ผมบอกว่าไม่รู้จัก..”
ร่างสูงกำยำคุกเข่าลงตรงหน้ามารดา วอนขอการอภัยจากความไม่ซื่อสัตย์นี้
“ผมบอกว่าแม่ชื่อนิภา..”

..

“ผมมันอกตัญญู”

พชรควรพูด.. ควรบอกให้นายพจน์ ประดิษฐาพงศ์รับรู้ว่าเพชรลดา เพชรหละปูนมีบุตร
เพชรลดาผู้มีใจมั่นเพียงนายพจน์และถูกเพิกเฉยมาตลอดสิบเก้าปี

          หญิงวัยสี่สิบสองมองลูกชายนิ่ง..
แต่ไหนแต่ไรมา.. พชรคือของขวัญล้ำค่า
นับตั้งแต่เริ่มมีเรี่ยวมีแรง ลูกชายคนนี้ก็ช่วยเหลือเธอทุกอย่าง ไม่ว่าจะงานบ้านหรืองานสวน
พชรเป็นที่สุดที่แม่คนหนึ่งพึงปรารถนาให้ลูกชายเป็น
แล้วพชรคิดได้อย่างไร ..คิดได้อย่างไรว่าเขาจะอกตัญญูเพียงเพราะอยากปกป้องคนที่ตัวเอง..

“คุณพจน์อาจเป็นคนสำคัญของแม่..” เพชรลดาเอ่ย
ใช่.. คุณพจน์ยังคงสำคัญ ใช่.. เธออยากจะเป็นภรรยาที่มีสามีเหมือนกัน ..อยากให้บุตรชายมีบิดาเหมือนกัน
ความอยากนี้ทำให้ไม่ห้ามปรามในสิ่งที่พชรตั้งใจจะทำ ..สิ่งที่เธออ่อนแอเกินกว่าจะทำด้วยตัวเอง
แต่..

“แต่ตอนนี้คนที่สำคัญที่สุดคือลูก คือพชร ..ไม่มีอะไรมีความหมายเลย ถ้าพชรต้องเสียใจและไม่มีความสุข”
สาวใหญ่ย่อตัวลง จับไหล่ลูกชายยืนขึ้น
“แม่ขอย้ำอีกครั้งว่าแม่ไม่เคยขอให้พชรไปหาพ่อ ไปเปิดเผยความจริงอะไรทั้งนั้น แต่หากพชรอยากทำ แม่ก็ไม่ห้าม”
เธอเอ่ยอย่างเข้มแข็ง “แล้วในเมื่อวันนี้ พชรมีเหตุผลที่จะไม่ไป ก็แค่ไม่ต้องไป”

“ผมไปหาคุณระมิงค์แล้ว ผมอยากเลือกให้เธอสารภาพด้วยตัวเธอ แต่เธอทำไม่ได้ ..เธอให้ผมไปบอกคุณพจน์เอง”
ใบหน้าคมสันมองมารดา เอ่ยอย่างเจ็บปวด “ซึ่งผมก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”

ถ้าไปบอกว่าเขาเป็นลูก
คำถามคือ.. เหตุผลอะไรที่แม่ต้องจากไปทั้งๆที่ตั้งครรภ์
คำตอบคือ.. เพราะระมิงค์ก็ตั้งครรภ์
และในเมื่อก่อนแต่งงาน นายพจน์กับระมิงค์ไม่เคยมีอะไรกัน ก็หมายถึง..
    
“ผมพูดไม่ได้ว่าม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกชายเขา..”
สำหรับพชร เขาอยู่แบบไม่มีพ่อมาได้เกือบยี่สิบปี ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาที่จะไม่มีต่อไป แต่สำหรับม่อนแจ่มนั้นไม่ใช่
มือแกร่งค่อยๆล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์จากกระเป๋ากางเกง หยิบเอากระดาษสีครีมเหลืองหม่นออกมายื่นให้
“ผมเสียใจครับแม่..”

พชร..
เพชรลดาได้แต่กลั้นน้ำตา แม่กับลูก.. ช่างเหมือนกันอะไรเช่นนี้

“แม่เก็บไว้มานาน แต่ก็ไม่ได้อยากเก็บไว้อีกแล้ว”
ไม่อยากเก็บไว้แล้ว เพราะพชร ..ลูกชายหนึ่งเดียวคนนี้ คนที่มีความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกซึ่งเธอเข้าใจดี
เพชรลดาดันมือแกร่งของลูกชายกลับไป  “แม่ยกให้พชร.. อยากจะเก็บไว้ ทิ้งหรือเอาไปไหน ..ก็ตามแต่ใจพชร”

“ผม..” พชรไม่รู้จะนิยามความรู้สึกตนเองต่อม่อนแจ่มอย่างไร ทว่า เพชรลดาเพียงลูบหัวลูกชาย เอ่ยเบาๆ “แม่รู้ลูก..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 07-08-2016 23:02:41
             “วันนี้เก็บเกี่ยวลำไยล็อตแรกเรียบร้อยดีครับ” แสงรวีรายงานเมื่อนายหญิงกลับมาถึง
เพชรลดาเพียงยิ้มตอบบางๆ
“คุณพชรสบายดีหรือครับ” คนงานคนสนิทเอ่ยถามขณะวางบิลค่าแรงเอาไว้บนโต๊ะ
คนถูกถามนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้ารับน้อยๆ
“สบายดีจ้ะ พี่แสง” ร่างกายแข็งแรงดี..
“อย่างนั้นก็ดีแล้วครับ” แสงรวียิ้มให้กำลังใจ “งั้น ผมขอตัวก่อน คุณลดาพักผ่อนเถอะ”
..
แผ่นหลังของชายร่างเล็กเคลื่อนไปเบื้องหน้า ใกล้จะลงบันไดไปแล้วกว่าที่เพชรลดาจะรั้งเอาไว้
“พี่แสง”
“ครับ?”
แสงรวีเอี้ยวหน้ากลับมาเลิกคิ้ว สาวใหญ่จึงเดินเข้าไปใกล้ ตัดสินใจยื่นกระดาษแผ่นเล็กมอบให้
มอบให้ ..ด้วยหวังว่ามันจะเป็นสิ่งล้ำค่าของผู้รับ
“นี่คือ..?” มือเล็กสากรับมา งุนงงเล็กน้อย ก้มหน้าลงพิจารณา
“นี่รูปคุณลดาใช่ไหมครับ ..ถือตะกร้าผลไม้ด้วย คงเป็นลำไย”
เพชรลดาพยักหน้า “รูมเมทพชรวาดให้ฉัน ตอบแทนที่เอาลำไยไปฝาก”
“โอ้!” แสงรวีถึงบางอ้อ “ฮ่ะๆ น่ารักจริงๆครับ”
“ฉันให้พี่แสง”
หืม?
“ให้ผมทำไมครับ” แสงรวีฉงน เขาจะเอารูปนายหญิงไปทำไมกัน..
“ฉันไม่ได้ให้รูปฉัน” เพชรลดากลืนน้ำลายลงคอ “แต่ฉันให้ลายเซ็นของคนวาดนะ พี่เก็บเอาไว้เถอะ”
ลายเซ็นหรือ..
แสงระวีก้มมองภาพอีกครั้ง
ใต้ข้อความ ‘ขอบคุณครับ เป็นลำไยที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยทาน’ มีตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนติดกัน
แสงรวีอ่านได้ว่า.. ‘Mon Cham of Mechanical Engineering’

“รูมเมทพชรคนนี้เรียนวิศวกรรมเครื่องกล” เพชรลดาเอ่ย มือเรียวบีบไหล่ชายร่างเล็ก ก่อนจะเสริม
“เขาชื่อ.. ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์”
         
มือกร้านที่กำกระดาษสั่นไหว ดวงตาคลอหยาดน้ำหรุบลงต่ำ อ่านทวนข้อความที่มุมล่างขวาอีกครั้งอย่างเพิ่งตระหนักในสิ่งที่นายหญิงหมายถึง
‘Mon Cham of Mechanical Engineering’

“ขอบคุณครับ คุณลดา”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           แผ่นกระดาษสีเหลืองหม่นกำหลวมๆอยู่ในมือ มารดามอบให้เขาแล้ว เธอไม่ได้ต้องการมันแล้ว
แล้วพชรเอง ..ยังต้องการหรือเปล่า?
“เราอยู่กันแบบนี้ได้ใช่ไหมครับแม่..” เสียงเข้มพึมพำ
ได้แน่นอน ทำไมถึงจะไม่ล่ะ..
พชรเจ็บแปลบในใจ เจ็บเพราะการตัดสินใจของตัวเองและเจ็บแทนมารดาด้วยในขณะเดียวกัน
มือแกร่งเก็บแผ่นกระดาษใส่กระเป๋า พาดขาขึ้น D-Tracker คู่ใจ มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่จะไปเป็นครั้งที่สาม ..และไปเป็นครั้งสุดท้าย..

           อาคาร PP Group ตั้งตระหง่าน ด้านหน้าเป็นออฟฟิต ด้านหลังคงเป็นโรงงานบนพื้นที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา.. พชรแลกบัตรประชาชนนำรถเข้าจอด และแน่นอน.. คนที่มาหาไม่มีสิทธิ์ไม่อนุญาตการเข้าพบ

             “พชร..” ระมิงค์ขานชื่อเมื่อเห็นคนตรงหน้าอีกครั้ง
อนุญาตสิ.. เธอจะไม่อนุญาตให้เด็กหนุ่มผู้นี้เข้าพบได้อย่างไร
“จะมาบอกคุณพจน์แล้วหรือ?” เสียงระมิงค์แข็งขืน ทว่าก็ยังพยายามหาทางให้ตนเอง “ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะ-”
“ไม่ต้องพยายามยัดเยียดอะไรให้ผม” เสียงเข้มตัดบทเรียบๆ
..
“ผมแค่เอาของมาคืนคุณ”

ของหรือ?
ระมิงค์เลิกคิ้ว “ของอะไร”

พชรไม่เอ่ยคำใด มือแกร่งเพียงหยิบเอากระดาษสีเหลืองหม่น วางลงบนโต๊ะ ขายาวก้าวกลับไปในทิศทางเดียวกับเมื่อตอนเข้ามา ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นเป็นจังหวะและภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที รวดเร็วจนระมิงค์งุนงง
“นี่มันอะไรกัน?” มือเรียวหยิบเช็คขึ้นมาพิจ “คืนทำไม..”
พชรถอนหายใจแผ่วเบา
“มันมาจากคุณ คุณก็รับคืนไปเถอะ ผมกับแม่ไม่อยากเก็บไว้อีกแล้ว”
ระมิงค์ถือกระดาษค้าง นิ่งไปด้วยความไม่เข้าใจ
หากเด็กหนุ่มผู้นี้จะไปหาบิดาตน ไปเปิดเผยความจริงดังที่ตั้งใจ
ในเบื้องต้น.. นี่เป็นหลักฐานเดียวที่ยืนยันคำพูดของเขา มิใช่หรือ?
เช็คลงวันที่เมื่อสิบเก้าปีก่อน ..เช็คซึ่งมีลายเซ็นเธอ

“พชร เดี๋ยว!” ระมิงค์เรียกไว้อีกครั้ง แต่อีกฝ่ายขัดขึ้น
“คุณไม่ต้องสารภาพอะไรทั้งนั้น ให้เรื่องทั้งหมดมันจบตรงนี้”

เสียงเข้มที่เธอเคยสัมผัสได้เพียงความเย็นชา ครานี้ กลับเต็มไปด้วยความรู้สึก..

“ขอแค่..” พชรชะงัก
แค่.. หาเวลาอยู่กับลูกบ้าง
พาลูกไปเที่ยวบ้าง..
ให้ลูกได้ซึมซับความรักความผูกพันของพ่อแม่บ้าง..


แล้วเสียงราบเรียบที่มีกระแสกระเพื่อมไหวจึงค่อยๆเอื้อนเอ่ย
“แค่.. ดูแลครอบครัวคุณให้ดี ..ดีที่สุด”

แค่นั้น..

ไม่เป็นไร..

ผมจะไป..


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            ค่อนดึกแล้ว กว่าที่ร่างกำยำจะกลับเข้ามายังหอสามชาย
ในใจหวังให้รูมเมททั้งสองเข้าสู่ภวังค์ไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รูมเมทที่นอนเตียงล่าง..
อย่างไรก็ตาม มันไม่เป็นเช่นนั้น อย่างน้อยก็หนึ่งคน

           “อ้าว พชร!” ไอดิลที่ออกมาจากห้องสามสามแปด เตรียมเข้าไปในห้องสามสามหกซึ่งอยู่ติดกันทักทาย
“กลับซะดึกเชียวนะ”
พชรพยักหน้าน้อยๆ แปลกใจนิดหน่อย เพราะไอดิลนั้นตามปกติเข้านอนเร็ว สี่ทุ่มเขาก็มักเห็นรูมเมทเตียงบนหลับปุ๋ยไปแล้ว
ดูเหมือนไอดิลรู้ความคิดรูมเมทปรัชญาเช่นกัน จึงเอ่ยเสริม “เมื่อตอนเย็นมีแข่งบอล วิทยาฯ กับ วิศวฯ”

อ้อ..

“หมอกเลยฉลองน้ำจับเลี้ยงอยู่ข้างใน”
พชรอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ ..ฉลองน้ำจับเลี้ยงน่ะนะ
“กูก็เลยจะไปร่วมด้วย ร้องเพลงและก๊งน้ำจับเลี้ยง พชรไปด้วยกันไหม? จะเล่าให้ฟัง กูนะเก็บกดมากวันนี้ ก็ไปเชียร์บอลอยู่กับเพื่อนวิศวฯใช่ไหมล่ะ พอวิทยาฯชนะ จะให้กูทำไง หมอกยิงประตูชัยซะด้วย กูนี่อึดอัดมาก แบบว่ามาก! จะแสดงอาการดี๊ด๊าก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวโดนเพื่อนยำตีนแล้วเสียบประจานที่คณะ”
พชรพยักหน้ากับถ้อยคำอธิบายนั้น
“ตอนนี้กูก็เลยขอไปปลดปล่อยหน่อยนะ ก๊งน้ำจับเลี้ยงกับหมอก”
ตามสบาย.. พชรพยักหน้า ให้ความหมายว่าอย่างนั้น นึกยินดีกับความสัมพันธ์ของรูมเมทสิ่งแวดล้อมกับคนรักต่างคณะอยู่ในที ..ช่างแนบแน่นแข็งแรงจริงๆ
แล้วเขา..
ดวงตาสีเข้มโฟกัสประตูห้องสามสามแปด พลางนึกสงสัยว่าอีกหนึ่งคนที่อยู่ภายในกำลังทำอะไร
ไอดิลยิ้มอย่างเข้าใจ “ไอ้ม่อนนอนแล้ว”

อืม..
ก็.. ดี..

“หมายถึงนอนมองเตียงเดี่ยวนะ ฮ่ะๆ”
แล้วรูมเมทสิ่งแวดล้อมก็เดินเข้าห้องสามสามหก ไอหมอกโผล่ออกมาพอดี สองหนุ่มจึงได้พยักหน้าให้กันเป็นเชิงทักทาย..

             หลังจากไม่กี่อึดใจ มือใหญ่ก็หมุนลูกบิด ผลักประตูห้องเข้าไป..
ไฟภายในดับลงแล้ว ทว่า ก็ยังมองเห็นข้าวของต่างๆในความสลัว และที่นั่นเอง ณ เตียงล่าง
เป็นดังที่ไอดิลเอ่ย.. เจ้าของเตียงนอนตะแคงขวา ผงกศีรษะเล็กน้อยขึ้นมองทางเขา เดาได้ไม่ยากว่าก่อนหน้า สายตาคงโฟกัสที่เตียงเดี่ยว..

           “กลับมาแล้วเหรอ พชร” เสียงเล็กพึมพำ
..
“อืม..” เสียงเข้มครางรับในลำคอเพียงแค่นั้น แต่แค่นั้นก็เรียกรอยยิ้มจางๆจากคนรับฟังได้
พชรนั่งลงบนเตียงเดี่ยว ประสานสายตากับคนที่นอนอยู่บนเตียงล่าง
มอง.. มองหน้ากัน..
ยอมมองเพราะเขารู้ดีว่าอีกไม่กี่อึดใจถัดจากนั้น ..หนุ่มน้อยแว่นแดงก็จะจมดิ่งสู่ภวังค์ฝันที่คงมีแต่ความสุข..

             ขาแข็งแรงขยับเดินเข้าไปใกล้ ทรุดลงบนพื้น บรรจงถอดแว่นออกจากดวงตา วางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ..ที่ซึ่งวางเอกสารมีหัวเรื่องตัวโตว่า ‘รายงานประเมินนวัตกรรมถนอมอาหารรูปแบบใหม่ PP GROUP’ บนปกแปะกระดาษโน๊ตสีเหลืองเขียนด้วยลายมือ สรุปย่อไว้พอได้ใจความ..

พชรนิ่งมอง ไม่กี่อึดใจก็จำต้องเบือนหน้าหนี
สายตาปะทะช่องแคบๆระหว่างโต๊ะกับขอบเตียง ..ที่มีภาพวาดห่อกระดาษวางอยู่ แม้ในความมัวหม่นก็ยังอ่านได้ชัดเจน

‘HAPPY 50th BIRTHDAY TO MY RESPECTED FATHER’

พชรกลืนน้ำลาย หันกลับมาพิจดวงหน้าคนหลับพริ้ม มือเอื้อมไปเกลี่ยไรผมคนหลับที่ปรกหน้าผากออกเบาๆ

แว่นแดง
เตียงล่าง
เครื่องกล
ม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล
ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์


อะไรก็ตาม..

“ขอให้เป็นนักศึกษาวิศวฯเครื่องกลที่ดี” พชรพึมพำเสียงต่ำ
“ขอให้ต่อไป.. เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ”
..
“ขอให้เป็นลูกกตัญญู”
..
“ขอให้เป็นคนที่มีความสุข”
..
“ขอให้มีรอยยิ้มทุกๆวัน”
..
"นะครับ"

ริมฝีปากหนาพรมจูบเบาๆบนหน้าผาก เสี้ยววินาทีก่อนผละออก
ไม่อยากให้นานกว่านี้ ไม่อยากให้ยืดเยื้อกว่านี้ เพียงเพื่อจะเจ็บกว่านี้
การสร้างความผูกพันกันไปเรื่อยๆไม่ใช่เรื่องดีเลย เขาไม่อยากให้มันนำไปสู่สิ่งอื่นที่ไม่อาจหวนคืน..
   
หากอยู่ตรงนี้ต่อไป ..ถ้าสายสัมพันธ์แนบแน่นแข็งแรงกว่านี้ มีแต่จะนำพาตัวเขาไปสู่ประดิษฐาพงศ์
หากรู้ความจริง ..ว่าคนที่ยอมรับนับถือมาเกือบยี่สิบปีไม่ใช่พ่อตัว ..คนตรงหน้าจะรู้สึกอย่างไร
หากรู้ความจริง ..แล้วนายพจน์โกรธเคืองหรือขับไล่ไสส่งไปจากบ้าน ..คนตรงหน้าจะรับได้อย่างไร

            พชรลุกขึ้นยืน เก็บชุดนักศึกษา ชุดลำลองและหนังสือเรียนใส่กระเป๋าเป้..
อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเตียงล่างอีกครั้ง ..มองอย่างอยากจะจดจำ ..มองอย่างยอมจำนน ..หยุดในสิ่งที่ไม่อาจทำได้ ..ยอมรับความพ่ายแพ้
   
            ขายาวก้าวช้าๆผ่านประตู
เดินไป.. ทั้งที่แทบไม่สามารถก้าวเดินได้อย่างมั่นคง ..ไม่อาจอยู่นานพอที่จะนำความสูญเสียมาให้ในภายหลัง
หูได้ยินเสียงดนตรีเอื่อยๆลอยอวลอย่างรื่นรมย์จากห้องสามสามหก
ไอหมอกคงเล่นกีต้าร์และไอดิลก็ร้องเพลงคลอเบาๆ..

Use me as you will
Pull my strings just for a thrill
And I know I’ll be okay
Though my skies are turning gray..

I will never let you fall
I’ll stand up with you forever
I’ll be there for you through it all
Even if saving you sends me to heaven

..It’s okay..
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

สวัสดีคืนวันอาทิตย์ ขอบคุณสำหรับการติดตามเหมือนเคยครับ
พรุ่งนี้ก็ทำงานกันอย่างมีความสุขและสนุกสนานนะ  :katai5:

(Thanks to.. Your Guardian Angel-The Red Jumpsuit Apparatus)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 07-08-2016 23:22:29

น้ำตาซึมกับ Bitter Surrender ของพชร
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: zzzzzz ที่ 07-08-2016 23:46:15
ไม่เอาแบบนี้อ่าา   :o12:















พชรกลับมาา :sad2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-08-2016 23:52:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 08-08-2016 00:44:53
 :hao5: :hao5: :hao5:
พชร ฮือๆๆ ร้องจริงจังมาก
ม่อนตื่นมาคงทำอะไรไม่ถูก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-08-2016 00:48:25
พชรจะไปไหน กลับมาก่อน ไม่ให้ไป /...ทิ้งตัวลงเกาะขา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 08-08-2016 02:31:19
 :sad4: :sad4:พชรอย่าไป
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 08-08-2016 06:09:11
สะเทือนอารมณ์กันต่อเนื่อง
พชรจะย้ายออกแล้วใช่ไหม แล้วแว่นแดงจะอยู่ยังไง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 08-08-2016 07:36:36
ผู้เสียสละ นายแน่มาก พชร น้อยคนที่จะทำแบบนายนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 08-08-2016 07:49:37
พชรเปนคนเข้มแข็ง ยอมที่จะะเจ็บปวดเพื่อรักษาความสุขของคนสำคัญ 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 08-08-2016 08:42:50
 :mew4: :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 08-08-2016 09:14:11
 :z3: พชรจะไปไหน  :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 08-08-2016 09:35:09
ร้องไห้หนักมาก T^T
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 08-08-2016 09:38:24
ทุกๆคนหวังเพียงแค่ให้ม่อนแจ่มมีความสุข มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์ในใจจริงๆนะ
กลัวความเข้มแข็งที่พชรแสดงออกมาแบบนี้จริงๆ :ling3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: allegiant1994 ที่ 08-08-2016 09:43:53
ร้องไห้กลางดึกเลยค่า จากตอนแรกๆที่เคยรู้สึกรำคาญควาทเงียบพชร ตอนนี้กลับมาร้องไห้ให้ผู้ชายคนนี้จนได้ พชรรักม่อนแจ่มมากจริงๆ สงสารทั้งคู่เลย แต่เข้าใจพชรนะ คงไม่อยากทำลายรอยยิ้มของม่อนแจ่มลง เพราะตอนนี้ม่อนแจ่มก็แทบเหมือนตัวคนเดียว พ่อแม่ไม่ค่อยสนใจอยู่แล้ว เป็นเด็กดีที่ไม่สมควรเจอเรื่องแย่ๆเลย เป็นเราก็อาจจะทำแบบนี้ ทั้งสองคนรักกันไม่ได้  :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-08-2016 09:45:37
พชร ยอมทุกอย่างเพื่อ ม่อนแจ่ม
ยอมแยกห่าง ทั้งที่ทำร้ายหัวใจทั้งคู่
ไม่ยอมทำร้ายสถานภาพ พ่อ ลูก ของม่อนแจ่ม
แต่ยอมทำร้ายสถานภาพ พ่อ ลูก ของตัวเอง
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 08-08-2016 10:03:03
พูดไม่อายเลย ว่าร้องไห้ เมื่ออ่านตอนที่พชรอวยพรม่อนแจ่มที่นอนหลับอยู่บนเตียง เศร้าเนอะ พชรรู้ว่ามันแย่แค่ไหน?กับการอยู่และโตมาโดยไม่มีพ่อ แต่มันจะแย่มากกว่าถ้ารู้ว่าพ่อที่อยู่ด้วยกันมาตลอดไม่ใช่พ่อที่แท้จริง เกียรติยศ ชื่อเสียง พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ...ม่อนแจ่มคงไม่ไหวแน่  ยอมเป็นคนเสียสละเหมือนเดิม เพื่อเซฟม่อนแจ่ม จิครายยย งืออออ

พชรหนี คงหมายถึงแค่ย้ายหอคงไม่ถึงกับย้ายที่เรียนกระมัง ม่อนแจ่มต้องตามแน่ คงไปดักที่คณะอีก จะใจแข็งได้แค่ไหน? พชร
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 08-08-2016 10:45:44
พชรจะไปไหน ทำไมเลือกจะทิ้งม่อนแจ่ม  :o12: :z3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-08-2016 10:59:53
โง้ยยยยยยย
มีความเสียใจ สะเทือนใจที่สุดดดด งือออ
ไม่เอาแบบนี้สิ ความจริงบางทีถึงมันจะโหดร้าย แต่เราก็ควรจะเผชิญหน้ากับมันนะ
เอาให้มันรู้ไปข้างเลยว่าจะเป็นยังไงต่อ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ กอดดด
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 08-08-2016 11:09:10
พชรจะไปไหน สงสารทั้งสองคนเลย ฮืออออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 08-08-2016 12:05:39
สะเทือนใจอ่ะ อ่านแล้วรู้สึกเศร้า
ยิ่งตอนสุดท้าย เข้าใจนะที่ทำไป ไม่อยากจะรู้สึกผูกพันอะไรให้มากกว่านี้
แต่ยังไงม่อนแจ่มก็รู้พชรเรียนคณะไหน ถ้าพชรแค่ย้ายที่อยู่
เชื่อว่าดื้อๆ แบบม่อนคงตามหาเจอแน่ สาธุ ฮ่าๆ

ส่วนเรื่องนั้น..พชร ยอมเสียสละขนาดนี้เพื่อม่อนแจ่มเด็กที่สดใส นับถือใจนายมากๆ พชร
แต่วันนี้ พชรยอมให้เรื่องมันจบ แต่ต่อไป ถ้าเกิดวันนึงม่อนแจ่มรับรู้ความจริงด้วยตัวเอง
เอ่อ..ไม่อยากจะคิดเลย ว่าแบบไหนจะมีผลกระทบกับม่อนแจ่มแย่กว่ากัน เฮ้อออออ~


หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 08-08-2016 15:14:25
อ่างแก้วไม่เหงาเหมือนเคยแล้วนะ.... มีคนไปจับโปเกม่อนกันเต็มไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 08-08-2016 19:44:50
ถ้าเป็นตอนจบของความสัมพันธ์
ทุกตัวละคร และทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว
เหลือแค่ "ความจริงที่ไม่เปิดเผย" เท่านั้นที่กลายเป็นแค่ความทรงจำสีจาง
หรือ

จะเกิดความรู้สึกผิดกัดกินใจในตัวระมิงค์มั้ย
จะเกิดความอยากรู้ในเพชรหละปูนของพ่อพจน์หรือเปล่า
จะเกิดการหวนกลับมาเจอของพ่อและลูกชายอีกไหม
จะเกิดอะไรกับหัวใจของม่อนแจ่ม
จะเกิดอะไร เมื่อต่อไปหัวใจไม่ได้ใช้งาน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 09-08-2016 05:38:31
อ่านซ้ำสองรอบแล้วค่ะ ยังประทับใจเหมือนเดิม ชอบกลอนที่อยู่ข้างล่างสุดด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 09-08-2016 19:38:29
เกาะขาพชรอีกคน :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 10-08-2016 14:18:23
# ม่อนแจ่ม #ไอดิล



# พชร #หมอก



รักทุกคนเลย  สนุกและซึ้งมากกกกกกกกก



เพิ่งอ่านทัน  เสียดายไม่ได้เห็นตั้งแต่แรก



แต่ก็ดีใจที่ได้เข้ามาอ่าน สนุกและลุ้นไปกับความสดใสของม่อนแจ่ม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: anuyasha ที่ 12-08-2016 04:21:22
พชร ไปไหนนนน จะลาออกหรอ หรือหนีอะไรร ไปไม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 12-08-2016 13:58:43
สงสารม่อนอ่ะ คงตั้งตัวไม่ทันอยู่คนเดียว เพราะทุกคนตัดสินใจและปกป้องม่อนอยู่ฝ่ายเดียว โดยไม่ให้ม่อนรับรู้และตัดสินใจไรเลย ม่อนควรได้รู้ไรบ้างงงงงงงงงงงซิ  ฮึ่มมมมม!!!!  o9 :a2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 12-08-2016 20:38:32
น้ำตาไหลท่วมเลย พชร!!!  :z3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 12-08-2016 23:50:16
สวัสดีเกรียนคนเขียนเด้อ เจอกันก็ปาไปตอนที่18แล้ว พึ่งได้ว่างๆมาค้นหานิยายที่ชอบในเล้าเพิ่ม
เจอเรื่องนี้ กับชื่อคนเขียนคุ้นๆ...แล้วก็ไม่ผิดหวังเหมือนเคย
อ่านตอนหลังๆโคตรอึดอัดใจ อึดอัดแทนพชร เอ็นดูม่อน
เราเดาถูกนะว่าพ่อลูกต้องสลับกันแหงม เฮ้อ
แต่เดาไม่ถูกแฮะว่าจะลงเอยกันยังไง อย่าดราม่านักเลย ไม่อยากกอดหมอนร้องไห้ ฮา

คิดถึงไอดิลกับหมอก ชอบตอนที่ดูรูปในชมรมวรรณศิลป์มาก คิดถึงอินดี้อินเลิฟ
ความเด๋อคือไม่รู้ว่าเค้าเปิดโอนแล้ว ไม่รู้ตอนนั้นไปอยู่หลังเขาที่ไหนมา
แต่เอาเป็นว่าจองรอบรีปริ้นท์นี้ไม่ทัน ทั้งๆที่เคยส่งเมสเสจไปดีใจด้วยเมื่อกันยาปีที่แล้วแท้ๆ ถถถ

btw ดีใจที่ได้อ่านงานของ indy poet อีกนะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 13-08-2016 12:23:38
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ร้องไห้แทนม่อนแจ่มกับพชร

 :z3: :z3: :z3:

พชรยอมทุกอย่างเพื่อม่อนแจ่ม
อ่านไปแล้วรู้สึกหน่วงในใจมากก  กลับมาหาม่อนแจ่มน้าาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-08-2016 20:29:09
น้ำท่วมห้องใครจะรับผิดชอบ  :m15:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 7/8/59 CH.18 (Part II) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-08-2016 04:14:44
อ่านทันแล้วค่ะ ปั่นรัวๆ

ม่อนแจ่มน่ารัก มีความบ้าบอ มีความป่วน 555
ถ้ารู้ความจริง คนโลกสวยคงล้มแน่
ขนาดพ่อแม่ไม่เคยกอดกัน ม่อนแจ่มยังคิดว่าปกติ
อย่าให้มีอะไรมาทำลายเลยนะ

เข้าใจพชรนะ แต่ม่อนแจ่มไม่รู้ย่อมไม่ผิดใช่ไหมล่ะ
ไม่งั้นคงไม่ทำให้พชรเผลอใจแบบนี้หรอก

ไอดิลฮาได้อีก มีความบ้าพอกัน หมอกก็เอาอยู่เนาะ

น่ารักมากค่ะ เพื่อนรักกันดี ทั้งๆที่พึ่งเจอกัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 14-08-2016 23:52:07
CHAPTER 19: Diamond Cuts Diamond (Part I)
   
            “ไป ไปเรียน!”
ม่อนแจ่มสะดุ้งน้อยๆ.. เอี้ยวหน้ามองนิดหนึ่ง ไอดิลที่กระแทกไหล่เขาเบาๆยืนเลิกคิ้วอยู่ข้างๆ
“มึงจะมองให้ทะลุเตียงเลยไหม? ป่านนี้เจ้าของเตียงเขาไปถึงคณะมนุษยฯแล้ว  ไป! เราก็ไปวิศวฯบ้าง”

ก็.. จริง..
พชรก็ออกจากห้องเป็นคนแรก (และกลับห้องเป็นคนสุดท้าย) ทุกๆวันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ที่เขาตื่นมาไม่เห็นพชร ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่น่าจะชาชิน ทำไมเช้านี้ ถึงรู้สึกแปลกๆไปได้..

ม่อนแจ่มส่ายหัวน้อยๆ พยักหน้าให้ไอดิล พลางสาวเท้าออกจากห้อง มิวายหันมองผ้าปูที่นอนเรียบตึงและผ้าห่มที่พับอยู่ปลายเตียงเดี่ยวอีกครั้ง
เตียงพชรก็เหมือนเดิม ..เรียบร้อย ..เป็นระเบียบ พชรดึงที่นอนและพับผ้าห่มไว้ทุกวันอยู่แล้ว
ม่อนแจ่มคงบ้าไปเองที่รู้สึกว่าเมื่อคืน ..พชรไม่ได้นอนบนเตียงนี้..

            “ไอ้ดิ้ล..” เสียงเล็กชวนคุย “เมื่อคืนพชรกลับมากี่โมงวะ?”
“อืม..” คนถูกถามขมวดคิ้วใคร่ครวญ “ห้าทุ่มกว่าแล้วมั้ง”
“ฮื่อ..” ม่อนแจ่มครางรับ สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีจนไอดิลต้องช่วยเรียกความมั่นใจ
“มึงอย่าคิดมากน่า คืนนี้ พชรอาจจะกลับมาเร็วขึ้นก็ได้”
..
“ฮื่อ”

             ตึกเรียนแลดูวุ่นวายไม่ต่างจากทุกวัน ผองเพื่อนแฟ้มน้ำตาล รุ่นพี่ช็อปน้ำเงินเดินกันขวักไขว่
“เฮ้ๆ!” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง สองเพื่อนซี๊จึงหันไปมอง
นายพีระศิลป์ วิศวฯสิ่งแวดล้อมแห่งหอสี่ชายนั่นเอง
“สายนะมึง” ไอดิลล้อเลียน
“ก็สายกว่ามึงนิดเดียวเท่านั้นแหละวะ!”
ฮ่ะๆ
แล้วพวกเขาก็ได้หัวเราะกันเล็กน้อย ก่อนที่ผู้มาใหม่จะทำหน้าจริงจังใส่
“ไอ้ม่อน วันนี้ไปประชุมชมรมอาร์ทติสกัน รุ่นพี่เขาว่าจะมีจัดนิทรรศการ”
อ้อ..
ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ “ได้สิ”
“เออ เลิกเรียนละกูคอย ถ้ามึงลงมาก่อนก็คอยกูด้วย”
“อ่าฮะ” ม่อนแจ่มพยักหน้ารับอีกครั้ง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “ลากกูมาด้วยเพื่อ!?”
ไอดิลกลอกตาไปมา เมื่อทั้งเพื่อนม่อนและเพื่อนพีรั้งคอเสื้อเขามาที่อ.มช.ด้วยในยามเย็น
“เอ้า แล้วมึงบอกดูกูวาดรูปแล้วพอหายคิดถึงพ่อได้บ้าง นี่มาเจอทั้งชมรมวาดรูป มึงหายคิดถึงพ่อเป็นปลิดทิ้งแน่ๆ”
ห๊ะ?
ไอดิลไม่รู้จะขอบใจหรือโบกในความซื่อใสของม่อนแจ่มดี จึงได้แต่ส่ายหน้า ขณะก้าวขาเข้าไปนั่งล้อมวงในห้องชมรมอาร์ทติสซึ่งรกน้อยลงกว่ารอบก่อนนิดหน่อย ไม่เป็นไร.. เดี๋ยวเขาค่อยหาทางชิ่งไปวรรณศิลป์เอา

           “เอาล่ะ! อย่างที่หลายๆคนได้เห็นโพส แต่ละชมรมมีกิจกรรมเด่นของตนเอง ซึ่งหลายๆชมรมก็ได้เริ่มเตรียมงาน จัดกิจกรรมกันไปเยอะแล้ว อย่างวรรณศิลป์ก็เพิ่งมีเสวนาหนังสือ อนุรักษฯก็กำลังจะมีบั๊ดดี้ทรี เราเองก็จะจัดบ้าง นั่นคือนิทรรศการโชว์ภาพวาดผลงานนักศึกษาชมรมนั่นเอง”
..
“แน่ละ เรามีภาพสวยงามมากมาย ผลงานรุ่นพี่ของเรา แต่ในปีนี้ พี่อยากเห็นอะไรใหม่ๆ ภาพใหม่ๆ ของคนใหม่ๆ
ทุกคน โดยเฉพาะปีหนึ่งมีสิทธิ์ส่งภาพ เพื่อพี่จะได้คัดใส่กรอบโชว์ในนิทรรศการของชมรมเรา”
..
“มีธีมสำหรับภาพที่จะส่งให้คัดหรือยังครับ?” ม่อนแจ่มชูมือขึ้น
รุ่นพี่ยิ้ม “นี่ล่ะที่กำลังจะขอความเห็น เสนอมาได้เลย”

อ่าม..
ธีมหรือ? สำหรับม่อนแจ่มก็ต้องภาพการ์ตูนสิ งานถนัด

“ผมเสนอ Portrait ครับ” เป็นพีระศิลป์นั่นเองที่เอ่ย
“อาจจะดูธรรมดา แต่ผมคิดว่า เราลองมาดูซิว่าจะวาด Portrait ให้ไม่ธรรมดาได้ยังไง”
“อืม..” หลายๆคนมองหน้ากัน ขมวดคิ้วอย่างใคร่ครวญ
“Portrait เป็นงานยอดนิยมและน่าสนใจอีกงานหนึ่งเลย ผมรู้สึกว่า ยังไงๆ คนเราก็ยังชอบเสพ Portrait กันอยู่ มันมีความหมายและนัยยะหลายประการซ่อนอยู่ในภาพแนวนี้”
“ถูก.. อาจไม่ใช่เหมือนแค่ไหน แต่เป็นจับใจแค่ไหน”
“โอเคเลย .. ถ้างั้นพี่คิดว่าธีมคือ..”
..
“Inspiring Portrait!” พีระศิลป์ต่อ ทำเอาประธานชมรมดีดนิ้ว "ใครเอาด้วยบ้าง?"
และเมื่อค่อนครึ่งยกมือสนับสนุน จึงเป็นอันสรุปได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“นั่นล่ะ เอ้า จัดกันมา!”
..
ไม่ต้องถามหาม่อนแจ่ม ..ลาตายไปแล้วเรียบร้อย

           “ทำไมต้องวาดภาพเหมือนด้วยวะ ไม่เห็นน่าสนใจ” เสียงเล็กบ่นกระปอดกระแปด
“ไม่น่าสนใจหรือมึงวาดเป็นแต่ภาพการ์ตูน เอาให้แน่ไอ้ม่อน ฮ่ะๆ”
“ไอ้พี!”
แม่ง.. เพื่อนร่วมภาควิชาไอดิลเจือกฉลาด
ก็เออ ก็ใช่ไง.. ม่อนแจ่มไม่เคยวาดภาพเหมือนมาก่อน เขาไม่ถนัดเลยจริงๆ แล้วภาพของม่อนแจ่มจะได้เข้ากรอบโชว์กับคนอื่นๆไหมละนี่..
ไอ้พีนะไอ้พี! ทำไมเสนอธีมอะไรแบบนี้ ม่อนแจ่มถลึงตาใส่เพื่อนต่างภาควิชาอยู่นาน
จน..

“มึงกำลังทำอะไร ไอ้ม่อน?” ไอดิลเหล่มอง
“กูกำลังพยายามฆ่าไอ้พี” ม่อนแจ่มตอบขรึมๆ
“โดยใช้?”
“จิตวิทยา”
“แล้ว.. เมื่อไหร่ไอ้พีมันจะตาย?”
“ข้อนั้น กูก็ไม่รู้”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            ร่างเล็กกลับมาถึงหอสามชายถิ่นพำนักพร้อมกับความคิดเรื่องภาพ Portrait
เป็นอะไรที่ไม่นึกอยากจะวาดและไม่รู้จะวาดอะไรด้วย อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มไม่ต้องคิดมากนัก เพราะความคิดนั้นก็หายไปทันทีแทบจะพร้อมๆกับที่เขามาหยุดหน้าประตูห้องสามสามแปด ความคิดไปอยู่ที่บุคคลซึ่งปรารถนาให้อยู่ในห้องแทน
มือเรียวจับลูกบิดหมุน โผล่หน้าเข้าไป

“ไม่ต้องทำหน้าผิดหวังขนาดนั้นน่า” ไอดิลส่ายศีรษะอ่อนใจ “เดี๋ยวมันก็มา..”
..
“ฮื่อ..”
..
แต่อีกเดี๋ยว และหลายเดี๋ยว ..ก็ไม่มีวี่แววของการมาใดๆเลย

            ยามค่ำคืนของหอในไม่ได้เงียบงัน เสียงเจี๊ยวจ๊าวของห้องโน้นห้องนี้ดังมาพอได้ยิน
บรรยากาศของการอยู่ร่วมกันนั้นน่าอบอุ่นใจ ทว่า คนบางคนรู้สึกหงอยเหงาเหลือเกิน
ม่อนแจ่มถอนหายใจน้อยๆ ปิดเอกสารเมื่ออ่านจบ ดวงตาเงยขึ้น มองสำรวจโต๊ะรูมเมทปรัชญา
“ทำไมไม่มีหนังสือเรียนพชรอยู่บนโต๊ะเลย..”
“มันก็หอบไปเรียนงาย..” ไอดิลงึมงำตอบ
ม่อนแจ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ตนเอง เคลื่อนกายเข้าใกล้โต๊ะตัวนอกสุดมากยิ่งขึ้น
บนนั้นมีเพียงหนังสืออ่านเล่นวางอยู่ไม่กี่เล่ม เอกสารประกอบการเรียนที่เห็นเสมอๆดูจะพร้อมใจกันอันตรธานไปอย่างน่าสงสัย

‘โลกของโซฟี’

เล่มหนึ่งที่หน้าปกบ่งเช่นนั้นวางอยู่ เล่มที่ม่อนแจ่มเคยเห็นและเคยหยิบจับคราเช็ดทำความสะอาดโต๊ะเมื่อก่อนเปิดเทอม
มันเป็นนวนิยายปรัชญานี่นะ ไม่น่าแปลกใจ.. นักศึกษาปรัชญาหลายๆคนก็คงจะอ่านกันแน่ๆ
ปลายนิ้วขาวเอื้อมสัมผัสปกเคลือบมันนั้นเบาๆ..
มีหนังสือเรื่องโลกของโซฟี แล้วจะมีหนังสือเรื่อง ‘โลกของพชร’ บ้างไหมนะ? ม่อนแจ่มนึกสงสัย
ถ้ามี.. ม่อนแจ่มนี่แหละจะขอเปิดอ่านเป็นคนแรกเลยทีเดียว
และถ้าหากมีหนังสือเรื่อง ‘โลกของพชร’ ขึ้นมาจริงๆ ไม่รู้จะมีกี่หน้า หนาเท่าไร ยิ่งไปกว่านั้น หน้าปกจะทำด้วยอะไร เปิดอ่านยากเย็นแค่ไหน..
ม่อนแจ่มไม่คิดว่าทำด้วยกระดาษ ..จะเป็นอะไรนะ?
ซีเมนต์.. เหล็ก.. ควอตซ์.. ทองคำ..

หรือ.. เพชร

แน่ละ ใครก็รู้.. เพชรเป็นแร่ธาตุที่แข็งแกร่งที่สุด 
แต่.. แม้เพชรก็คงมีจุดอ่อน หาไม่แล้ว จะเจียระไนเพชรได้อย่างไร?
แสดงว่าเพชรไม่ได้แข็งเท่ากันหมดในทุกทิศทางหรอก และจะหาส่วนที่อ่อนกว่าให้เจอ ก็ต้องมองลึกลงไปในโครงสร้างของเพชรเท่านั้น

มอง..ลึก..ลง..ไป

ม่อนแจ่มละจากโต๊ะพชร มานั่งจุ้มปุ๊กที่เตียงตนเองบ้าง หวนนึกถึงธีม Inspiring Portrait  อีกครั้ง
ภาพเหมือนเปี่ยมแรงบันดาลใจอย่างนั้นหรือ..
มือเรียวค่อยๆหยิบฉากตั้งกางออก สอดกระดาษเข้าไป ดวงตาตวัดมองเตียงเดี่ยวฝั่งตรงข้าม

เขาไม่เคยวาดภาพเหมือนของอะไรหรือใครมาก่อนเลยในชีวิต
เขาจะเริ่มอย่างไร.. จากตรงไหน? ในเมื่อไม่มีแม้แต่แบบอยู่ตรงหน้าด้วยซ้ำ
แต่.. แบบของบางอย่างหรือบางคน ยังจำเป็นหรือ ในเมื่อ.. เขาจดจำได้ทุกรายละเอียด ในเมื่อ.. เขามองบ่อยและนานมากมายเกินกว่าทุกอย่างที่เคยมองมา

ม่อนแจ่มลากเส้นดินสอ..
เขาเลือกวาดภาพเหมือนของคน และตระหนักว่ามันไม่ใช่แค่การวาดให้เหมือนคนๆนั้น แต่ต้องวาดความเป็นคนๆนั้นออกมาด้วย
การวาดที่ต้องใช้เส้นดินสอสื่อออกมาให้ครบ ..ทั้งลักษณะและจิตวิญญาณ..

เป็นครั้งแรกที่วาดภาพเหมือน และเป็นภาพเหมือนที่ต้นแบบไม่ได้อยู่ตรงหน้า แต่ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน ม่อนแจ่มก็จะไม่เปลี่ยนใจ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “ไอ้ดิ้ล เมื่อคืนพชรไม่ได้กลับห้อง”
ม่อนแจ่มถลันตัวลุกขึ้น แว่นเอียงกะเท่เร่ข้างดวงตาส่งให้เห็นภาพคู่ซี๊ค่อยๆปีนลงบันไดเตียงมา
“มึงบ้าป่ะ ไม่กลับแล้วจะไปนอนไหน พชรกลับดึกแค่นั้นเองแหละน่า แล้วก็ตื่นตั้งแต่เช้า เราเลยไม่เจอ”
“แต่ว่า..”
“ไปๆ ไปอาบน้ำกันเถอะ เร็วๆเลย เดี๋ยวสาย”
“แต่พชร-”
“โอเคๆ” ไอดิลยกสองมือขึ้น “รีบไปเรียนก่อน เดี๋ยวมีช่วงว่าง กูจะโทรไปถามให้ ตกลงนะ”

ก็ตกลง..
แต่ม่อนแจ่มไม่คิดว่าจะสามารถรอคำตอบจากไอดิลได้หรอก เขาจะโทรเอง
แต่โทรแล้ว.. โทรอีก.. และโทรอีกแล้ว.. ก็ไม่มีคนรับสายเลยตลอดทั้งวัน..

           “ไอ้ดิ้ล มึงโทรหาพชรหรือยัง” ม่อนแจ่มถามทันทีที่เจอหน้าอีกครั้ง
“โทรแล้ว” ไอดิลยักไหล่ ปลดเป้วางลงบนเก้าอี้
“เหรอๆ แล้วรับสายไหม”
“ไม่”
โธ่!
“กูกดจนมือหงิก นิ้วแทบจะล็อคอยู่แล้ว” ไอดิลเสริม “สุดท้ายก็เลยส่งข้อความไปว่า.. ท่านพชรครับ เมทดิ้ลเอง โปรดรับโทรศัพท์เมทดิ้ลหน่อยเถิดครับ เมทม่อนกำลังจะลงแดงด้วยความเป็นห่วง นั่นแหละ พชรเลยโทรกลับ”
“ห๊ะ! มึงนี่ มีวิธีเกรียนก็ไม่สอน!”
“ก็มัน-”
“ช่างๆ แล้วพชรว่าไง?” ม่อนแจ่มเข้ามาพันแข้งพันขา
“มันบอกว่าอยู่หอเพื่อน”
“หอเพื่อน?” ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว “แล้วมึงถามมันไหมว่ามีธุระอะไร ถามหรือเปล่าว่าทำไมต้องไปอยู่หอเพื่อน”
ไอดิลถอนใจน้อยๆ “ถาม”
“แล้วมันตอบว่า?”
..
“อยู่หอเพื่อน”
..
ห๊ะ?
“แล้ว.. แล้วมึงถามมันไหมว่าจะกลับเมื่อไหร่?”
คราวนี้ ไอดิลพ่นลมหายใจ “ถาม!”
“แล้วมันตอบว่า..” ม่อนแจ่มตั้งหน้า ตั้งตาและตั้งใจฟัง
หนุ่มสิ่งแวดล้อมหันมามองหน้าเพื่อนซี๊ หวังว่าสายตาแสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาราวกับทารกแรกเกิดนี้จะช่วยให้ม่อนแจ่มเข้าใจ..ว่าเขาได้มาแค่นี้จริงๆ
“มันบอกว่า.. อยู่-หอ-เพื่อน!”
“อะไรวะ” ม่อนแจ่มหงุดหงิด “มึงได้คำตอบมาแค่นี้เหรอ?”
ไอ้..ม่อน..
“กูถามจริง มึงไม่รู้จักพชรเหรอวะ?” ไอดิลถลึงตาใส่
"มึงจำไม่ได้หรือไง ตอนมึงให้กูไปถามว่ามันมีปัญหาอะไรกับมึงหรือเปล่า กูถามไปสิบคำถาม มันก็ตอบกูมาคำตอบเดียว ว่า ‘ไม่ชอบมึง’ จะนับประสาอะไรกับที่กูถามแค่สามคำถามนี้ล่ะม่อนเอ๋ย กูก็ได้มาคำตอบเดียวเหมือนกันนี่แหละ"

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

     ม่อนแจ่มถอนหายใจ..
แว่นแดงยังคาตา คืนที่สองแล้วที่ต้องนอนมองเตียงว่างเปล่า
พชรไปไหน? ..ม่อนแจ่มงุนงง
เออว่ะ.. ไอดิลบอกแล้วว่ารูมเมทปรัชญาอยู่หอเพื่อน
แล้ว.. ทำไมต้องไปอยู่หอเพื่อนนะ?
อาจจะมีงานกลุ่มอะไรต้องทำด้วยกันหรือเปล่า ..จำเป็นขนาดไม่กลับมาห้องเลยหรือไง
ดวงตาใสลืมค้าง นอนไม่หลับ จนที่สุด ร่างกายที่ทนความอ่อนเพลียไม่ไหวก็ผล็อยหลับไปเมื่อค่อนรุ่ง

       “ไอ้ม่อน ..ไอ้ม่อนตื่น!”
...
...
ม่อนแจ่มลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย

“นอนทำไมไม่ถอดแว่นวะ มึงบ้าเปล่าเนี่ย?”

..เสียงไอดิล
ม่อนแจ่มประมวลผล มือเปะปะแตะแว่นตา

แล้วนี่ก็เป็นเช้าที่สองแล้วที่เขาตื่นขึ้นมาพบว่า.. เขานอนหลับทั้งใส่แว่น
ดีที่กรอบแว่นแดงเป็นพลาสติกเหนียวและยืดหยุ่นจึงไม่แตกหักเสียหาย
อยู่หอมาเทอมหนึ่งแล้ว ..เขาใส่แว่นนอนทุกคืนตั้งแต่ตั้งใจว่าจะทำให้พชรจำหน้าได้
นอนมองหน้าคนบนเตียงฝั่งตรงข้าม ..หลับไปพร้อมแว่น ..ละเมอถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะ   
แล้วทำไม.. ทำไมสองคืนที่พชรไม่อยู่ เขาไม่ละเมอถอดแว่นตัวเอง
มือเรียวสัมผัสแว่นบางเบา ..กรุ่นกลิ่นกาย ..กลิ่นลมหายใจที่เขามักจะรู้สึกได้แม้ในภวังค์ และเพียรบอกตัวเองว่า
‘นั่นคือความฝัน’
แต่มันคือความฝันจริงหรือ?
หรือไม่ว่าจะฝัน.. หรือละเมอ.. ก็ล้วนไม่ใช่ความจริง
ม่อนแจ่มไม่ได้ฝัน.. ม่อนแจ่มไม่ได้ละเมอ แต่ความจริงคือ..
ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังเตียงเดี่ยว
..พชร..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            คืนที่สาม..
ไม่มีอะไรแตกต่าง เตียงเดี่ยวว่างเปล่า และม่อนแจ่มก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

            “ไอ้ม่อน?”
ไอดิลปีนลงมาตามราวบันได ขมวดคิ้วใส่รูมเมท ผู้ซึ่งนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนเตียงของตัวเองในเวลาหกโมง ซึ่งสองวันที่แล้ว เจ้าตัวยังไม่มีวี่แววจะลุกขึ้นในเวลานี้
หลักฐานบนใบหน้า ความเหนื่อยล้าในดวงตา เมื่อพิจมองรูมเมทใกล้ๆทำให้ไอดิลชักจะห่วงใย
“ไอ้ม่อน นี่มึงนอนหรือยัง?”
ไม่มีคำตอบ แต่มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ไอดิลถอนหายใจหนักหน่วง “มึงไปเรียนไหวไหมเนี่ย?”
ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ
ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ แต่มันนอนไม่หลับ มันไม่ชิน เขาไม่รู้จะทำอย่างไร
ร่างเล็กค่อยๆหยัดตัวลุกขึ้น อย่างไรเสียก็ต้องไปเรียน ต้องตั้งใจ มีสมาธิให้มากที่สุด แม้ว่าความอ่อนล้าจะทำให้แทบรับไม่ไหว
ใช่.. ไม่ไหว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เขาล้มป่วยแน่นอน

พชรเป็นอะไร?
พชรมีเรื่องเครียดอะไร เรื่องกลุ้มใจอะไรเกี่ยวกับคุณแม่หรือเปล่า?
เพราะตอนที่พบคุณน้านิภา พชรดูเครียดมาก ซึ่งจริงๆก็ดูเครียดมากมาตลอดในช่วงหลัง และมันมากขึ้นทุกวัน..
เขาต้องไปหาพชร..
ตอนที่พชรโอบกอด เขาคิดว่าอยากรอให้อีกฝ่ายพูดออกมาเอง
แต่แบบนี้ไม่ได้ เล่นหายไปแบบนี้ ม่อนแจ่มเป็นห่วง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          ‘ภาควิชาปรัชญาและศาสนา’
ป้ายหน้าห้องยังอยู่เหมือนเดิม แต่บริเวณนั้นไม่มีนักศึกษามายืนอออยู่เหมือนตอนเที่ยง
ม่อนแจ่มก้มมองนาฬิกาที่บอกเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง.. วันนี้เขาไม่มีเรียนในคลาสเย็น เกือบบ่ายสามจึงเดินออกมาจากคณะ
รถม่วงไม่ผ่านมา ร่างเล็กจึงก้าวเท้าเดินอย่างเคย พร้อมๆกับกดโทรศัพท์หมายเลขโทรด่วน ซึ่งไม่ว่าจะโทรกี่ครั้ง ..มันก็ฝากข้อ ความอยู่ดี

ม่อนแจ่มก้าวลงบันได กำลังจะเดินผ่านห้องน้ำ แต่เห็นนักศึกษาหญิงคาดผ้าเหลืองรอบคอพอดี
คาดผ้าเหลืองหรือ?

“เอ่อ.. ปีหนึ่งปรัชญาใช่ไหมครับ?” ม่อนแจ่มรี่เข้าไปหา
ถึงแม้พชรจะไม่ได้คาดผ้า แต่จากที่เคยมาครั้งนั้น ม่อนแจ่มจำได้ว่าคนอื่นๆคาดกันหมด
สาวผมสั้นพยักหน้า เลิกคิ้วน้อยๆเป็นเชิงถาม ม่อนแจ่มจึงรีบตอบ
“ผมมาหาพชรครับ”
“อ้อ” หญิงสาวยิ้ม “ยังไม่เลิกคลาสเลยค่ะ เรามาเข้าห้องน้ำ”
ม่อนแจ่มพยักหน้าบ้างอย่างยินดี เช่นนี้ก็แสดงว่าพชรยังอยู่คณะ
“เรียนอยู่ห้อง Slope ข้างล่างนั้นค่ะ”  เธอชี้ตรงไป ที่ซึ่งม่อนแจ่มเห็นบันได
“ขอบคุณมากครับ งั้น ผมเอ่อ.. ผมจะรอ”
“เอาไว้เดี๋ยวเลิกคลาส เราจะบอกพชรให้นะคะ อาจจะเลิกสักสี่โมงค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” ม่อนแจ่มยืนยันแข็งขัน “ผมรอได้..”
   
         แล้วก็เป็นเวลาบ่ายสามโมง ห้าสิบนาที ที่ม่อนแจ่มได้ยินเสียงพับโต๊ะ เสียงเคลื่อนย้ายภายในห้อง Slope
ร่างเล็กยืนพิงผนัง มองไปหน้าประตูใหญ่อย่างรอคอย..
ประตูเปิดออก นักศึกษาปรัชญาค่อยๆทยอยกันออกมา
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ประหม่าน้อยๆ ..พชรอยู่ไหน? เขาโผล่หน้าเข้าไปข้างใน
หญิงสาวคนเดิมหันมาเห็น แล้วจึงยิ้มให้เขาอีกครั้ง พลางตะโกนเรียกร่างสูงที่อยู่เบื้องหน้าเธอ
“พชร”
“พชร เพื่อนมาหา!”

.

.

ใบหน้าคมสันหันมาตามเสียงเรียก ขมวดคิ้วให้เพื่อน ก่อนที่จะมองตามสายตาเธอมา จน.. หลังจากสามวัน ทั้งสองได้สบตากัน
ม่อนแจ่มเตรียมยกยิ้ม อ้าปากจะทักทาย

“ไม่รู้จัก”
..
แล้วก็เพียงเท่านั้น ..เท่านั้นที่เสียงเข้มเอ่ย
หน้าคมหันกลับไปทางเดิม มือแกร่งเก็บหนังสือใส่กระเป๋าสะพาย ยกขึ้นพาดบ่า ..และเดินขึ้นบันไดมาเพื่อออกจากห้อง
ร่างสูงเดินสวน ..ผ่านคนตัวเตี้ยกว่าไป ..โดยไม่เหลือบมามองแม้เพียงนิด

ไม่รู้จัก..
ม่อนแจ่มได้แต่ยืนนิ่ง แฟ้ม Entaneer สั่นไหวด้วยมือเรียวกำแน่น
หลังจากรอคอยมาสามวัน..
หลังจากสามคืนที่นอนมองเตียงว่างเปล่า..
หลังจากครึ่งชั่วโมงที่เดินมาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์..
พชรบอกว่า.. ไม่รู้จักเขา

‘สองผืนนั้นมันโดนแชมพู โดนสบู่แล้ว ..จะเช็ดเข้าไปยังไง’
ผ้าขนหนูที่โยนมาใส่หัว

‘นั่งได้หรือเปล่าล่ะ ..จะไปส่งให้’
ร่างกำยำที่ขี่มอเตอร์ไซค์อย่างช้าๆ ให้ซ้อนท้าย

‘..ทีหลังเรียกแล้วกัน’
ขายาวที่เดินเคียงไปส่งห้องน้ำ

‘เครื่องกล อย่าเดิน..’
มือที่จูงพากลับห้องตอนไฟดับ

‘ขอให้ออกตรงกับที่รู้..’
คำอวยพรก่อนสอบเคมี

‘จะมีสักวันที่มึงไม่ชนอะไรไหม?’
มือสากที่ลูบหน้าขาอย่างอ่อนโยนให้คลายความเจ็บ

แล้วทั้งหมดนั้นคือ..
..ไม่รู้จัก..

ม่อนแจ่มเม้มปาก ไม่มีคำพูดใดๆจะโต้แย้ง ถ้อยคำโหดร้ายนั้นทวนซ้ำอยู่ในหัว..
ไม่รู้เพราะคำนั้นหรือเพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืนที่ทำให้เขาอ่อนแอได้ถึงขนาด..
ปล่อยให้หยาดน้ำตาที่เอ่อท้นค่อยๆไหลริน ..หยดลงช้าๆสองข้างแก้ม

           “มีอะไรให้ช่วยหรือนักศึกษา?”
อาจารย์ใส่แว่นกรอบดำคนเดิมเดินขึ้นมาถามไถ่ เมื่อร่างเล็กหนีบแฟ้มสีน้ำตาลยืนนิ่งเป็นจุดสนใจ
ทว่า เมื่อก้มลงเพ่งมองให้ชัดๆ
“นักศึกษา! ร้องไห้ทำไม?”
..
..ร้องไห้ทำไม
คำถามด้วยเสียงอันดังเพราะความตกใจของอาจารย์ปรัชญาทำให้นักศึกษาหนุ่มที่เดินไปถึงประตูแล้วหันขวับกลับมา

“นักศึกษา ร้องไห้ทำไมครับ!” อาจารย์ถามซ้ำอีก ก้มลงสำรวจร่างเล็กต่างคณะ
แต่ไม่มีคำตอบ.. น้ำตาไหลรินลงมาเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าจะหยุด
ม่อนแจ่มกลั้นสะอื้น ห้ามน้ำตาไม่ได้ แต่ก็ยังอยากห้ามไม่ให้ส่งเสียงน่าสมเพชออกมา
ทว่า น้ำตาที่ไหลไม่ขาดสายนั้นก็เป็นเครื่องบ่งบอกได้ดีว่าเขาเจ็บปวดใจมากขนาดไหน

ไม่รู้จักอย่างนั้นหรือ..
ร่างเล็กหันหลังกลับช้าๆ ก้มมองเพียงพื้นกระเบื้องด้านล่าง
ไม่สนใจสายตานักศึกษาปรัชญาที่มองกลับมา ในหัวประหวัดถึงคำพูดไอดิลที่เคยย้ำเตือน

‘เด็กปรัชญาน่ะทำเด็กวิศวฯพ่ายแพ้มาแล้ว จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นวี่แววชนะ เรื่องนี้ มึงเชื่อกูเหอะ อย่าประมาทไป..’

แล้ววันนี้..
เด็กปรัชญาก็ทำเด็กวิศวฯพ่ายแพ้อีกแล้ว
เป็นการพ่ายแพ้แบบน้ำตาไหลอาบแก้มต่อหน้าสาธารณชนเสียด้วยว่ะ ..ไอ้ดิ้ล
ม่อนแจ่มพยายามบอกเพื่อนรักในใจ

ถ้าเพียงแต่พชรพูดว่า..
‘ไม่อยากคุย’
‘ไม่ว่าง’
‘ติดธุระ’
อะไรทำนองนั้น ม่อนแจ่มยังจะยอมเข้าใจ
แต่การบอกว่า ‘ไม่รู้จัก’ ..มันเกินไป
มันคือ.. การปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา
มันคือ.. การปฏิเสธการมีตัวตนของเขาในชีวิตพชร

และ..มัน..โหด..ร้าย..มาก..จริงๆ..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 15-08-2016 00:06:18
จะนอนอยู่แล้วเชียว ก็ต้องมาเสียน้ำตาให้กับม่อนแจ่มจนได้ๆๆๆๆๆๆๆ :m15: แม้เราจะเป็นแม่ยกพชร แต่ทำแบบนี้กับน้องม่อน คุณแม่ไม่ปลื้ม!!!!! :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 15-08-2016 00:15:28
 :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 15-08-2016 00:16:01
สงสารม่อนแจ่มจริง โอ้ยพี่พชร กรุณาเคลียร์ทั้งหมดทุกเรื่องทีเถอะ ยุ่งเหยิงหมดแล้ววว :katai4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 15-08-2016 00:34:56
 :o12:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 15-08-2016 00:36:17
โถ น้องม่อนนนน ฮือ สงสาร
ถ้าจะไม่ให้เกี่ยวข้องกันจริงๆต้องมีใครซักคนย้ายที่เรียนล่ะงานนี้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 15-08-2016 01:05:54
เจ็บกระดอกใจ

น้องม่อนนนนนนลูก ไม่เอาไม่ร้อง

ไม่รู้จะสงสารใครดี

 :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 15-08-2016 01:23:35
 :m15: :m15: ทั้งน้ำตาทั้งน้ำมูก มาเต็มเลยค่ะ
พชรเอ้ยยย จะทำไงล่ะทีนี้ ม่อนมาร้องถึงถิ่นเลย
จะใจแข็งถึงไหนน้อ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-08-2016 02:02:13
 :hao4: จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอ
อยู่ใกล้แล้วกลัวจะทำลาย ทำไมไม่คิดบ้าง
มันเป็นกพลังใจอีกทางหนึ่งด้วยนะ

สงสารม่อนแจ่ม คือ ผิดอะไร แค่เป็นห่วง
มาตามหา แต่เจอไปหนึ่งประโยค เป็นอันจบข่าว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-08-2016 02:24:07
จะหลับลงไหมคืนนี้  :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 15-08-2016 04:41:44
พชรสมแล้วที่เป็นลูกพ่อกับลูกแม่

ม่อนแจ่มน่าสงสาร ใช่
แต่เราคิดว่าพชรน่าสงสารมากที่สุด
ทุกอย่างที่ทำไปไม่คิดหรือว่าพชรเจ็บกว่าใครทั้งหมด
ฝ่ายที่อยู่ลำพูนทนเก็บเงียบ เพื่อความสุขคงคนที่อยู่เชียงใหม่
เรามองๆไปเราว่าม่อนนี่เด็กมากๆในด้านความคิด
พชรทนแบกรับความกดดัน ความเสียใจ ความรู้สึกผิด 3 ด้าน

ม่อนจะรู้ไหมว่าม่อนถูกรักมากขนาดนี้?
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 15-08-2016 05:11:16
สงสารพชรก็สงสาร สงสารม่อนแจ่มก็สงสาร เฮ้ยยยยยย

แต่ทำไมมีอะไไม่คุยกันนนน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 15-08-2016 05:18:16
พชร ใจร้ายที่สุดทำเครื่องกลมีน้ำตา แล้วอย่ามาแอบร้องไห้ทีหลังนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 15-08-2016 06:24:20
พชร หักดิบอีกแล้ว ม่อนน้อยเสียน้ำตาอีกแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 15-08-2016 07:19:08
สงสารม่อนแจ่ม :mew2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-08-2016 07:44:56
นึกว่าตัวเอง บ่อน้ำตาตื้นอยู่คนเดียว :เฮ้อ:
พชร หักดิบเกินไปหรือเปล่า  :z6: :z6: :z6:
รอ ม่อนแจ่มเอาคืน  :ling1: :ling1: :ling1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 15-08-2016 09:25:31
ร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสายตามม่อนแจ่มเลยค่ะ
เข้าใจอารมณ์คนที่ร้องไห้ไม่มีเสียงสะอื้น
ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา
มันคืออารมณ์ที่รุนแรงมากกว่าคนที่ร้องไห้โวยวาย มากกว่าคนที่ร้องไห้สะอื้นตัวโยน
เพราะมันเป็นการปล่อยอารมณ์จากข้างในผ่านน้ำตาที่มันกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ และไม่สามารถที่จะแสดงออกมาให้รู้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 15-08-2016 10:39:42
ทำแบบนี้มันเจ็บทั้งคู่  :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 15-08-2016 10:48:37
 :o12:  พชร ใจร้ายยยยยยยยยยยยย รู้ว่าพชรเสียใจที่ต้องทำอย่างนี้ แต่อย่างน้อยพชรก็รู้เหตุผลที่ตัวเองทำ

แต่ม่อนแจ่มไม่รู้อะไรเลยว่าทำไมถึงถูกทำอย่างนี้ ความเสียใจมันต่างกันนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 15-08-2016 11:02:02
ฮือออ สงสารม่อนแจ่มน้อย

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-08-2016 11:04:38
คนนึงน้ำไหลออกตา อีกคนคงไหลในใจ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 15-08-2016 14:05:51
พชรเอ๋ย..มีวิธีที่จะจัดการในเรื่องนี้ล้านแปด
ทำไมมาเลือกใช้วิธี"ไม่รู้จัก"เนี่ยนะ. เฮ้อ..
ม่อนคับเค้าไม่รู้จักเราเราก็ไม่ต้องรู้จักเค้า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 15-08-2016 19:53:54
ม่ายยยย ม่อนแจ่มไม่เป็นนะลูก พชรเขามีเหตุผล :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: แอลฟาฮาลา~ ที่ 15-08-2016 20:23:28
สงสารทั่งคู่เลยยย :sad4: :o12: :mew6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 15-08-2016 22:30:53
การไม่มีตัวตนมันเจ็บปวด

ติดมากเลยค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: zzzzzz ที่ 16-08-2016 01:24:04
ทำน้องม่อนร้องไห้   :z6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-08-2016 12:54:37
สงสารม่อน สงสารพชร เสียน้ำตาอีกแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: iiamerror_ ที่ 16-08-2016 14:31:06
สงสารน้องม่อนแจ่มของพี่  :monkeysad: :monkeysad: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 16-08-2016 20:37:44
พชร..ทนได้เหรอ ม่อนแจ่มร้องไห้เลยนะเฟร้ย :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 17-08-2016 21:44:49
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

ร้องไห้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 
ฮืออออออ  สงสารทั้งคู่
คนนึงก็ทำเพื่ออีกคน ถึงได้ยอมเจ็บปวดอยู่อย่างนี้
อีกคนก็ไม่รู้เรื่องอะไร แต่เจ็บปวดไม่แพ้กัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 19-08-2016 11:37:36
 :เฮ้อ: สุดท้ายก็ทำร้ายใจของตน เป็นการทำร้ายคู่ ทางแก้มันก็คือพูดคุยกันไม่คิดไปเองใช่ไม๊นะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Qmulonimbus ที่ 20-08-2016 01:43:02
เราชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆเลยค่ะ. ><~ ถึงจะมาอ่านช้าไปก็เถอะ เราเคยอ่านคู่เกรย์กับทัศน์จำได้ว่าเคยติดงอมแงมมากกกอ่านจนอยากไปจะไปเรียนมชเลยอ่ะ5555บรรยายดี๊ดีทุกเรื่องเลย เป็นกำลังใจให้คนคนเขียนนะคะ มาต่อไวๆ ตั้งตารอ กำลังพีค
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: JessieB ที่ 20-08-2016 13:13:17
สงสารม่อนนนนนนน :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 20-08-2016 17:56:29
สงสารม่อนแจ่ม แง  :z3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 21-08-2016 10:49:11
CHAPTER 19: Diamond Cuts Diamond (Part II)

            “ช่วงนี้เล่นของหรือไง พชร?”
ขาแข็งแรงชะงักเท้าที่แตะสแตนด์มอเตอร์ไซค์นิดหนึ่ง เอี้ยวหน้าหันตามเสียงทักทาย
..
“หน้าตาดูเหมือนคนไม่ค่อยได้นอน ?”
..
ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ใบหน้าคมจึงเพียงพยักเล็กน้อยให้เพื่อนร่วมสาขาวิชาแทนการทักทายกลับ
..
“อ้าว แล้วนั่นจะไปไหน?”
อีกหนึ่งหนุ่มปรัชญางุนงงเล็กน้อยเมื่อร่างสูงไม่ยักข้ามถนนเดินไปทางเดียวกันซึ่งมุ่งตรงสู่อาคารเรียน แต่กลับหันหลังเข้าสู่ผืนหญ้าแทน
“เดี๋ยวตามไป”
แล้วเสียงเข้มก็ตอบสั้นๆเพียงแค่นั้น

             เวิ้งน้ำสีคล้ำเด่นอยู่เบื้องหน้า พชรถอนหายใจน้อยๆ สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด ขณะเอ่ยถ้อยคำที่หวังให้ไม่ใช่เสียงของตัวเอง..
“ไม่รู้จัก”
..
..ใช้ได้ เสียงไม่สั่นเหมือนเมื่อวาน

จะวันนี้หรือเปล่า..
หรือพรุ่งนี้..
หรือมะรืนนี้..
แต่พชรออกจะแน่ใจ.. เดี๋ยวก็ต้องมา..
มือกร้านปล่อยเป้ลงพื้น แข้งขาคล้ายจะอ่อนแรง ..ขมับปวดตุบๆ ด้วยนอนไม่หลับเลยตลอดสามคืนที่ผ่านมา

            ‘กูดับอนาถแน่แบบนั้น’

ถ้อยคำเดิมย้ำเตือนจิตใจ..
สายสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงพันขมวดอยู่ในหัว..
ม่อนแจ่ม.. แม่เขา.. พ่อเขา.. แม่ม่อนแจ่ม.. พ่อม่อนแจ่ม..

          คนคนหนึ่งจะทำใจยังไง..
สูญเสียพ่อที่คิดว่าเป็น.. สูญเสียครอบครัวที่เคยรู้จัก.. สูญเสียความเป็นทายาท.. สูญเสียความตั้งใจที่มาเรียนวิศวฯเครื่องกล

เพื่ออะไร..

ผู้ชายคนเดียว.. ที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่เดือนน่ะหรือ?
ไม่คุ้มจะยอมเสียหรอก..
อะไรบางอย่างก็ควรจะปล่อยมากกว่าฝืนดึงดัน ทั้งๆที่รู้ดีว่าจะนำไปสู่สิ่งใด

เข้มแข็งเถอะนะ.. 
เมื่อผ่านพ้นห้วงเวลานี้ไป เมื่อเติบโตเป็นนักธุรกิจประดิษฐาพงศ์ที่เข้มแข็ง
พชรเองจะเป็นเพียงความทรงจำเล็กๆในชีวิตอันไพศาลของอีกฝ่าย และ.. เขาก็ยินยอมที่จะเป็นเพียงแค่นั้น

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “I think, therefore I am”
อาจารย์มองรอบๆห้อง “จะไม่ถามว่าใครพูด แต่จะถามว่านักศึกษาคิดว่ามันหมายความว่ายังไง”

ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นมองจอโปรเจ็กเตอร์ ซึ่งภาษาละตินบ่งไว้ว่า ‘Cogito ergo sum’

“ฉันคิด.. ฉันจึงมีอยู่”
มีเสียงพึมพำตอบเบาๆรอบๆห้อง แต่แน่นอน มันยังไม่กระจ่าง..

‘ฉันคิด’ กินความหมายแค่ไหน?
แล้วทำไม ‘ฉัน’ จึงมีอยู่เพราะฉัน ‘คิด’?


นักศึกษาปรัชญาทุกคนรู้.. ปรัชญามุ่งแสวงหาความจริงสากล
แต่ไม่ว่าความจริงของโลกจะเป็นเช่นไรและเราเข้าถึงมันได้มากน้อยแค่ไหน ความจริงอย่างหนึ่งที่เรารู้ได้แน่ๆก็คือ.. เราดำรงอยู่ และหลักฐานที่ยืนยันการดำรงอยู่ของเรานั้นก็คือ.. ความคิด
..
ทุกคนคงเคยตั้งคำถาม และเมื่อตั้งคำถามก็แปลว่าเราสงสัยอะไรสักอย่าง และการสงสัยนั้นเองที่ยืนยันว่าเรากำลังคิด
..
เราไม่อาจมีอยู่โดยไม่คิด และเพราะเราคิด เราจึงมีอยู่..
..
‘เรา’ ที่ว่าไม่ใช่แค่ร่างกายนี้ แต่คือ ‘จิตวิญญาณ’ นี้ ความมีตัวมีตนนี้

พชรถอยหายใจน้อยๆ ขณะอาจารย์บรรยายเรื่อง Rene Descartes

           “เพราะเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดได้ และต่อยอดการ ‘คิดได้’ นั้น ด้วยการรู้จักใช้ตรรกะ”
อาจารย์สรุปเมื่อใกล้จบคาบ “ฉะนั้น มันมีเหตุผลที่จะภูมิใจที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ภูมิใจที่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะ.. มันพ่วงมาด้วยความสามารถในการใช้เหตุผล” อาจารย์ยิ้มให้นักศึกษา
“แต่.. อย่าลืมว่า.. ความภูมิใจกับความหยิ่งผยองไม่ได้เหมือนกันนะ โอเค เท่านี้ล่ะ

จอโปรเจ็กเตอร์ดับลง ตามมาด้วยเสียงพับโต๊ะและเก็บสมุดหนังสืออุปกรณ์ต่างๆ 
ร่างกำยำนั่งนิ่งอยู่เพียงชั่วอึดใจ..
ตรรกะมากับวัย วัยมาพร้อมเวลาและเวลานำพาประสบการณ์
อาจารย์อาจจะถูกก็ได้..
ความสามารถในการใช้เหตุผลของมนุษย์เป็นดั่งพรสวรรค์
แต่ในบางครั้ง.. พชรคิด มันก็เป็นคำสาปด้วยเช่นเดียวกัน

          “พชร!”
เสียงใครสักคนเรียก
คนถูกเรียกสะดุ้งน้อยๆ ..น้อยมากจนแทบจะไม่เปลี่ยนอากัปกิริยาใด
“พชร เพื่อนมาหา!”
..
อะไรบางอย่างทำให้รู้ตั้งแต่ก่อนหันมาด้วยซ้ำว่า ‘เพื่อน’ ที่ว่าคือใคร
และแน่นอน.. ไม่ต้องคิดซ้ำเลย..
“ไม่รู้จัก”

           ไม่รู้จัก..
การโกหกครั้งที่สองในชีวิต
ถามว่า.. ง่ายกว่าครั้งแรกไหม?
ใช่.. เพราะรู้ว่าต้องมา
ใช่.. เพราะเตรียมตัวอยู่แล้ว
ใช่.. เพราะรู้ว่าควรพูดอะไร
แต่เจ็บปวดน้อยลงไหม ..ไม่เลย
พชรไม่มีทางชาชินกับการโกหก ไม่มีวันเลิกละอายใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. โกหกคนที่มีความหมายมากมายเหลือเกินคนนี้

          ใบหน้าคมหันกลับมา มือแกร่งยกเป้ขึ้นพาดบ่า ขาก้าวอย่างมั่นคงขึ้นบันไดที่นำไปสู่ทางออก
พชรเตรียมพร้อมอยู่แล้วกับการถูกโกรธ.. ถูกโวยวายใส่.. หรือถูกท้าต่อยเป็นครั้งที่เท่าไรก็สุดจะนับ..
ได้เลย.. ไม่มีปัญหา.. ถ้าผู้มาเยือนจะทำอะไรทำนองนั้น
อย่างไรก็ตาม.. สิ่งต่างๆที่คาดการณ์ไว้ไม่ได้เกิดขึ้น และหัวใจแกร่งก็ไม่คิดว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งนี้ 
สิ่งที่เรียกว่า.. ‘น้ำตา’

          “นักศึกษา ร้องไห้ทำไมครับ!”
..
ร้องไห้..
ร้องไห้หรือ?
ใบหน้าคมหันกลับมา สีหน้าเรียบเฉยที่หวังให้เป็นราวกับถูกตรึงไม่ให้บ่ายหนีไป
ปณิธานเข้มแข็งในใจถูกท้าทายอย่างรุนแรงเมื่อเห็นหยดน้ำตาบนแก้มเนียนของร่างเล็กตรงหน้า
ได้แต่มอง.. ชะงักนิ่ง.. เจ็บปวดใจจนก้าวขาไม่ออก..

ม่อนแจ่มร้องไห้..
ดวงตาใสที่เคยเป็นประกายภายใต้กรอบแว่นสีแดงคู่นั้นเอ่อท้นด้วยหยาดน้ำ
เหตุผลหนักแน่นอื่นใดดูเลือนรางไปทันทีในความรู้สึก สิ่งเดียวที่มีความหมายก็คือ.. ม่อนแจ่มร้องไห้
และเขา.. พชรเอง เป็นคนทำ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “ไอ้ม่อน เฮ้ย มึงหายไปไหนมา?” ไอดิลถาม เมื่อเห็นคู่ซี๊ผลักประตูเปิด
หลังจากนั่งรอที่หน้าคณะร่วมครึ่งชั่วโมง เพื่อนหนุ่มก็ไม่โผล่มา โทรเข้าก็ไม่รับสาย  เขาจึงเดินกลับหอเพียงลำพัง

“เฮ้ย!” หนุ่มสิ่งแวดล้อมอุทานเมื่อพิจารณาชัดๆ “แล้วนั่นร้องไห้ทำไม?”
คนถูกถามไม่ตอบ ได้แต่สะอื้นฮักเมื่อเข้ามาในห้องและปลอดภัยจากสายตาของผู้คนทั้งหลาย
ไอดิลเองก็ไม่ถามซ้ำ ได้แต่เดินเข้าไปตบหลังตบไหล่เพื่อนรักอย่างปลอบโยน แล้วพามาค่อยๆทรุดนั่งลงบนเตียงล่างของเจ้าตัว กระวีกระวาดหาทิชชูมาให้ซับหน้า
“ฮึก..อือ..”
“มึงเป็นอะไร ใครทำอะไรมึงไอ้ม่อน บอกกูมา บอกกู!”
ไอดิลพร่ำถาม แต่ม่อนแจ่มก็เพียงนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ยอมพูดอะไรเลย ร้องไห้อย่างเดียว..
จนกระทั่ง.. ประตูถูกเปิดผางออกอีกครั้งโดยไร้การเคาะ
เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มมารยาทดีที่เพิ่งเข้ามาไม่เคาะประตูห้อง..
...
...

           “อะ พ..พชร สบายดีเหรอ?”
ไม่รู้จะทักทายอย่างไรเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของรูมเมทปรัชญา ไอดิลจึงถามว่าสบายดีไหม นั่นเป็นอย่างแรกที่คิดออก
อย่างไรก็ตาม พชรไม่มีทีท่าว่าได้ยิน ดวงตาสีเข้มจับจ้องอยู่แต่คนที่กำลังนั่งสะอื้นไห้บนเตียง
ม่อนแจ่มเองก็ประสานสายตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตอบกลับอย่างแค้นๆ

          ‘ไม่รู้จัก’

ร่างเล็กพ่นลมหายใจ ลุกขึ้นยืน ปล่อยกระดาษทิชชูทิ้งลงพื้น ขาก้าวช้าๆ เข้าไปหาร่างตรงหน้าด้วยทีท่าพร้อมรบ
เขาอาจจะเดินหนีตอนที่อยู่คณะมนุษยฯ เพราะนั่นมันถิ่นพชร แต่.. ที่นี่หอสามชาย ห้องสามสามแปด นี่มันถิ่นเขา!

           “มึงมันเหี้ยพชร!” ม่อนแจ่มว้าก ถลึงตาบวมๆใส่
“มึงพูดมาได้ยังไงว่าไม่รู้จัก?”
เตี้ยกว่า.. แต่ยืนเงยมองจ้องหน้าอย่างท้าทาย ความน้อยเนื้อต่ำใจประเดประดังเข้าหา
“ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันหน้าห้องนี้ มึงก็มองแบบไม่ชอบขี้หน้ากูมาตลอด กูยังรับได้ 
มึงไม่เรียกชื่อกู จนกูจะแนะนำตัวว่าชื่อเครื่องกล นามสกุลแว่นแดงและชื่อในวงการคือเตียงล่างอยู่แล้วทุกวันนี้ กูก็รับได้ แต่มึงบอกว่าไม่รู้จักกู กูรับไม่ได้!
..

         ก็อก ก็อก..
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทว่า มีเพียงไอดิลเท่านั้นที่สนใจ สองร่างที่ยืนประสานสายตากันดูท่าจะไม่ได้ยินเลย
สองร่างที่ร่างหนึ่งพูดไม่หยุดและอีกหนึ่งไม่พูดสักคำเดียว
ประตูห้องถูกผลักเปิดออกอีกเป็นครั้งที่สาม ..เป็นไอหมอกนั่นเอง
“เอ่อ.. โทษที พอดีได้ยินเสียงดัง มาดูว่าดิ้ลเป็นอะไรหรือเปล่า”
เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยเกี่ยวกับคนรัก ไอหมอกจึงพยักหน้าเรียก “ดิ้ล มานี่..”
ไอดิลได้แต่มองคนทั้งสามสลับไปมา ก่อนเลือกก้าวผ่านประตูออกไปหาไอหมอกอย่างลังเลใจ

         “พชร ไอ้พชร! มึงมันใจร้าย ใจร้ายที่สุด..” ม่อนแจ่มด่าไม่หยุด
พชรเพียงยืนนิ่ง ..นิ่งฟังอย่างอดทน ..ฟังจนกว่าม่อนแจ่มหมดคำจะพูด
“มึงเป็นใบ้หรือไงวะ แน่จริงก็พูดสิ พูดให้เสียงดังฟังชัดเหมือนตอนบอกว่าไม่รู้จักกู!”

พชรไม่ตอบ..
แต่ก็ดี เพราะม่อนแจ่มไม่ได้อยากฟัง ม่อนแจ่มอยากจะพูด ม่อนแจ่มอยากจะแนะนำตัว
“กู.. คือคนที่อยู่ห้องเดียวกับมึง คือคนที่นอนจ้องมึงจนหลับไปก่อน แล้วมึงก็ลุกขึ้นมาถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะให้
คนที่มึงอุ้มตอนกลัวแมลงสาป คนที่มึงเดินไปส่งห้องน้ำตอนกลัวผี”
หมดแล้วซึ่งความกลัวชื่อ กลัวนิยาม..
ม่อนแจ่มไม่รู้ตัวเลยว่าได้พูดคำที่ไม่เคยกล้าพูดมาก่อนออกไปแล้ว เขาไม่รู้ตัว ไม่สนใจ กลับเอ่ยต่ออย่างคับแค้น
“แล้วมึงก็หายหัวไปสามวัน สามวัน! สามวันทำให้มึงไม่รู้จักกูแล้วใช่ไหม? กูนอนไม่หลับมาสามคืนแล้วไอ้สัด มึงมันใจร้าย ฮึก..”

ทั้งด่า.. ทั้งร้องไห้..
ความโกรธ ความน้อยใจ ความเสียใจ ความง่วงนอนและความเหนื่อยล้าของร่างกายกำลังเล่นงานรุนแรงจนไม่สามารถหยุดยั้งอะไรได้

ม่อนแจ่มกลั้นสะอื้น..
อยากจะถามให้ชัดถ้อยชัดคำ อยากให้พชรเลิกทิ้งเขาเอาไว้ในความสงสัย ในความสับสน ที่มีมาตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนบัดนี้..
“มึงไม่รู้จักกูใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นกูขอถาม.. ว่ามึงกอดคนที่ไม่รู้จัก จูบคนที่ไม่รู้จักด้วยหรือไง”

คนถูกถามขบริมฝีปากแน่น และคนถามก็ยังคงมีหยดน้ำตาเปรอะใบหน้า
แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว.. จะตัดเพชร ก็คงต้องใช้เพชร  อยากให้ตอบความจริง.. ก็มีแต่ต้องถามความจริง

"ปรัชญาจะเชื่อมั่นในเหตุผลหรือไม่ กูไม่สนใจ เพราะกูไม่ได้ถามหาเหตุผล กูถามความรู้สึก"
..
“มึงรู้สึกยังไงกับกู.. พชร”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

สวัสดีวันอาติ๊ดจ้ะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 21-08-2016 11:11:34
มาอย่างสั้น  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-08-2016 12:33:04
 :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 21-08-2016 14:03:14
พชรบอกความจริงไปเหอะ ม่อนแจ่มออกจะแข็งแกร่ง ไม่รู้อะไรเลยน่าจะเจ็บมากกว่า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 21-08-2016 14:27:11
หูยยย
กำลังลุ้นเลยยยยย โง้ย
มาต่อเร็วๆนะคะ สงสารม่อนแจ่มมากๆเลยยย

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 21-08-2016 14:32:16
โอ้วว ม่อนแจ่มเวอร์ชั่นหายาก  พขรตอบดีๆนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 21-08-2016 14:43:51
พชร อย่าคิดเองเออเองซิ


ม่อนแจ่มน่ะเข้มแข็งกว่าที่คิดนะ



บอกความจริงไปเถอะ



หรือไม่ก็พาม่อนแจ่มไปเจอลุงแสงก่อน



แล้วดูว่าม่อนแจ่มจะสงสัยอะไรใหม



แล้วค่อยบอกความจริงส่วนของพชร



ส่วนของม่อนแจ่มให้แม่เขาเล่าเองเถอะ



หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: toeyy ที่ 21-08-2016 14:56:22
 :a5:
 ตัดจบอย่างนี้ไม่ด้ายยยยยยยยยยยย
ฮืออออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: วายร้าย ที่ 21-08-2016 17:58:47
ใจร้ายจังเลย เค้าค้างมากมาย :z3: 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 21-08-2016 18:37:58
ขอตอนต่อไปแบบด่วนนนนนน T T
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-08-2016 18:43:10
พชร พูดแค่คำว่า ไม่รู้จัก
ก็เรียกน้ำตา จากม่อนแจ่ม ให้ไหลพรากๆ เลย
แล้วทั้ง พชร คนพูด กับม่อนแจ่ม คนฟัง
ต่างก็ปวดใจกันทั้งคู่ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ม่อน ตั้งคำถามแล้ว ว่าพชร รู้สึกกับม่อนอย่างไร
ที่จริง พชร รู้ใจตัวเองแล้ว
ไม่งั้นไม่รีบกลับมาห้องอย่างรวดเร็วขนาดนี้
ทั้งที่ทำตัวเองหายไปเฉยๆ ถึงสามวันมาแล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 21-08-2016 20:30:36
พชรอย่าใจร้ายกับตัวเองกับม่อนแจ่มเลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-08-2016 20:55:01
ใจไม่ถึงริจะทำการใหญ่ เป็นไงล่ะพชร ต้องวิ่งแจ้นกลับมารับผิด โธ่ ไม่แน่นี่หว่า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 21-08-2016 21:17:29
อ๊ากกกกก สัมผัสได้ถึงความอึกอัดของม่อนแจ่ม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 21-08-2016 21:32:20
ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าเรื่องราวตอนจบจะเป็นอย่างไร

ถ้าจะจบแบบดราม่าน้ำตานองมันก็จะดูขัดๆ กับความหวานเล็กๆ ความตลกขบขันหน่อยๆ ที่คลุกเคล้าอย่างลงตัวอยู่ในเนื้อหาที่ผ่านมา

แต่เรื่องครอบครัวกับคนรักมันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนพอสมควร ถ้าให้จบแบบสมหวังมันก็คงง่ายไปหน่อย

สรุป
ถ้าจบแบบเศร้าก็คงจะใจร้ายกับม่อนแจ่มและเสียดายกับความสัมพันธ์ระหว่าพชรในช่วงเวลาที่ผ่านมา

แต่ถ้าจบแบบแฮปปี้ก็เป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะทำให้ตัวละครทุกตัวเข้าใจกันหมด คลายทุกปม โดยไม่มีการสูญเสีย

ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม คิดไม่ตก รอคนเขียนมาเฉลยในตอนต่อๆ ไปดีกว่าค่ะ  :mew6:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 21-08-2016 22:03:49
ขอตอนต่อไปมาเสพหน่อยยยยยยย ได้โปรดเถอะ :katai5: ตัดจบแบบนี้......... โหดร้ายพอๆ กับพชร เลยนะคะคนเขียน แงงงงงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 21-08-2016 22:14:51
ต่อพรุ่งนี้เลยได้ไหมคะ  :ling1:
ม่อนแจ่มที่ฟิวส์ขาด ว้ากเสียมากมาย แต่ยังรู้สึกว่าน่ารัก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 22-08-2016 01:28:03
ความจริงถึงมันจะทำให้เจ็บปวดแต่วันก็คือความจริงนะ เรายอมอยู่กับความจริงแล้วผ่านมันไปได้ดีกว่าอยู่กับความสุขลวงๆนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-08-2016 04:22:02
โอ้ยยยยย ใจละลาย น้องร้องโชว์ขนาดนี้
พชรจะใจแข็งได้ลงคอหรอ ตามหาแล้วด้วย

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-08-2016 05:06:41
บอกม่อนไปเถอะ เราว่าม่อนเข้มแข็งพอที่จะรับเรื่องพวกนี้ได้แม้จะต้องใช้เวลาซะหน่อยในการทำความเข้าใจนะ หรือไม่ถ้าไปบอกกับพ่อของม่อนเลยเรื่องมันจะเป็นยังไง พ่อม่อนก็อาจจะยังรับม่อนเป็นลูกถึงจะดูไม่ค่อยเอาใจใส่แต่ก็เห็นและเลี้ยงดูมาแต่เด็กก็ต้องมีผูกพันกันบ้างแหละ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 22-08-2016 05:57:57
 :z3:
 :z3:
 :z3:
จะตอบไม่ตอบนังพชร
เราทีมม่อนแจ่มแห่งวิศวเครื่องกล
ถ้าไม่ตอบ
ต่อไปให้ม่อนแจ่มเบี้ยนกับไอดิ้ลแน่
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/8/59 CH.19 Diamond Cuts Diamond Part II P.13
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 22-08-2016 07:20:07
เออ ให้มันได้อย่างซิ ม่อนแจ่ม ถามไปเลย

อยากให้พชร บอกม่อนแจ่มไปตรงๆ จะได้รู้กันไปเลย ว่าม่อนแจ่มเข้มแข็งพอมั๊ย  :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 23-08-2016 23:05:59
CHAPTER 20: The Journey of No Turning Back

          "มึงรู้สึกยังไงกับกู พชร"
..
นัยย์ตาสีดำสนิทไม่ได้เปล่งประกายคมกล้าเช่นที่เคยเป็น..
หยาดน้ำตาที่ไหลพร่างพรูเบื้องหน้าทำให้ยอมจำนน พ่ายแพ้ต่อทุกความอดทนที่เพียรสร้าง
ความรู้สึกทุกอย่างแสดงออกมาทางดวงตาและมันก็พาให้ขายาวขยับเข้าใกล้ร่างเล็ก

ไม่มีคำพูดใดเป็นคำตอบ..
มีแต่สองมือที่โอบคนตรงหน้าเข้าหาลำตัวช้าๆ
ฝ่ามือทาบต้นคอให้แหงนขึ้น ค่อยๆ.. ก้มลงไปแนบสัมผัสริมฝีปากอิ่ม
ไม่ได้รุกรานเหมือนครั้งแรก.. ไม่ได้ฉาบฉวยเหมือนครั้งที่สอง.. ไม่ได้แผ่วเบาเหมือนครั้งที่สาม..
กลับอ่อนโยน ลึกซึ้ง อย่างที่ใจอยากทำมานานเหลือเกินหลังผ่านความรู้สึกมากมาย
อยากบอก.. อยากปลอบโยน.. อยากปลอบใจ.. อยากซับน้ำตาให้.. อยากขอโทษ.. ด้วยการกระทำ
พชรจูบม่อนแจ่ม จูบที่เชื่องช้า.. อ่อนเบา.. และบริสุทธิ์เหลือเกิน..

..Innocent and tenderly true..

             “อือ..”
เสียงเล็กครางเครือในลำคอ ได้แต่ยืนนิ่ง นิ่ง.. อึ้ง..
อยากห้าม.. อยากโกรธ.. อยากดิ้น.. อยากไม่พอใจ..
พชรหายไปสามวัน สามวัน.. ไม่นึกถึงใจเขาบ้างว่าจะรู้สึกอย่างไร
เขาอุตส่าห์เดินไปหาที่คณะ เสียงเข้มยังพูดสิ่งร้ายกาจอย่าง ‘ไม่รู้จัก’ ออกมาได้ลงคอ
ม่อนแจ่มอยากจะเกลียดพชร.. เกลียดให้สมกับความเย็นชาที่ร่างสูงมีมาตลอด..
แต่..

ริมฝีปากหนาจูบย้ำๆ อ่อนโยน.. นุ่มละมุน..
แค่ทรงตัว ม่อนแจ่มยังจะทำไม่ไหว ไม่ต้องพูดเรื่องจะดิ้นเลย
พชรถอนริมฝีปากออกให้อีกฝ่ายผ่อนคลายหายใจหายคอและจูบซ้ำลงไปใหม่
มือสากที่ข้างหนึ่งแตะหลังคอ อีกข้างไล้ลำตัวเบาๆทำให้ร่างกายบอบบางสั่นสะท้าน และกิริยานั้นทำให้จูบนุ่มนวลค่อยๆเร่งเร้าขึ้น

           ไม่..
ม่อนแจ่มอยากจะค้าน อยากผละออก อยากให้รู้ว่าโกรธ.. โกรธและเสียใจมากมายขนาดไหน
ทว่า ตอนนี้ พชรอยู่ตรงนี้ กำลังกอดเขา กำลังจูบเขา กำลัง.. ซับทุกหยดน้ำตาให้เขา
สองมือเรียวค่อยๆยกขึ้น ..กอดทาบไว้กับแผ่นหลังกำยำ สัมผัสอ่อนโยนทำให้ยอมจำนน พ่ายแพ้ตั้งแต่ไม่ได้เริ่มต่อสู้

พชรอยู่ตรงนี้แล้ว..
นั่นล่ะ.. คือสิ่งเดียวที่มีความหมาย

           สัมผัสของฝ่ามือเล็กกดแนบแผ่นหลัง..
สัมผัสที่แสดงการตอบรับ.. โหยหา.. ทำให้แขนแข็งแรงรวบเอวบาง พาเอนลงบนเตียงล่าง ฝ่ามือทาบบังศีรษะเล็กกันไม่ให้ชนขอบเตียงบน ก่อนคร่อมตามลงไป ริมฝีปากย้ายไล้พรมจูบลำคอ ลมหายใจหอบกระชั้นขึ้น
ม่อนแจ่มไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน หรือก็คือไม่ได้ตั้งใจต่อต้านมาแต่แรกนั่นแหละ สองแขนจึงห้อยตกบนเตียง ปล่อยให้มือแกร่งสัมผัสร่างกายตัวเองผ่านเชิ๊ตบาง

“อะ..” เสียงหวานหลุดคราง เมื่อฝ่ามือใหญ่แตะโดนจุดอ่อนไหวบริเวณหน้าอก
พชรกลั้นหายใจ หลับตาแน่น พยายามหยุดยั้งตัวเองไม่ให้พาร่างเบื้องล่างเดินทางไปไกลเกินกว่านี้
“บอกให้กูปล่อย..” เสียงเข้มพึมพำ ลมหายใจหอบรินรดซอกคอคนตรงหน้า ..ที่ได้แต่นิ่งมองตา
“บอก.. เดี๋ยว.. นี้..” พชรย้ำ
...
ม่อนแจ่มเพียงขบริมฝีปากสั่นระริก ..ปิดเปลือกตาลง
มือสองข้างค่อยๆยกขึ้นมาแตะเบาๆที่ไหล่หนา น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยคำเดียวที่อยู่ในหัว
“พชร”

ให้ห้าม ให้บอกว่าหยุด ให้บอกว่าปล่อย..
แล้วนี่หรือคือสิ่งที่ม่อนแจ่มทำ.. โอบไหล่กันแบบนี้.. พูดคำนี้ออกมา..
พูดว่า ‘พชร’
เรียกชื่อเขา
ด้วยน้ำเสียงแบบนั้น..

          มือแกร่งถอดแว่นแดงของอีกฝ่ายออก วางส่งๆไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ
กดปากลงไปจูบเปลือกตาเปื้อนหยาดน้ำ ซับมันออก.. ก่อนย้ายลงมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง เรียวลิ้นแทะเล็มความหอมหวานที่ปากทางแล้วเข้าไปตวัดดูดดึงภายใน.. ดวงตาสีเข้มหลับลง เช่นกันที่.. ไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกต่อไป

“อือ..อ..”
ม่อนแจ่มร้องเบาๆในลำคอ แขนเรียวเปลี่ยนจากแตะไหล่เบาๆเป็นเกาะแน่น..
โดยเฉพาะเมื่อมือสากดึงเสื้อเชิ๊ตออกจากเข็มขัดและไล้เข้าไปสัมผัสผิวกายเปล่าเปลือย

“อ๊ะ..”
กระดุมเสื้อถูกปลดออก เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียน
จมูกโด่งก้มลงซุกไซร้ ปลายลิ้นตวัดไล้เลียอีกฝ่ายที่แอ่นกายขึ้นเบาๆอย่างเย้ายวนโดยไม่รู้ตัว
มือแกร่งละมาปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก อยากให้ร่างกายเขาแนบชิดร่างเบื้องล่างให้มากขึ้น
เปลือกตาที่ปิดแน่นค่อยๆลืมขึ้น แม้จะเลือนราง ทว่า ก็มองเห็นแผ่นอกกำยำ ท่อนแขนเต็มไปด้วยมัดกล้าม
ผิวสีค่อนข้างคล้ำแดดนั้นทำให้ใจสั่น ใบหน้าขึ้นสีจัดอย่างอับอาย ..แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายทาบลำตัวลงมาจนเบียดเสียดแน่นทั้งท่อนบนและท่อนล่าง

“อื้อ..อ..”
ครางเสียงแตกพร่าเมื่อส่วนที่แข็งขืนสัมผัสกัน ร่างกายเกร็งเขม็ง
พชรจับมือบางเอาไว้ข้างหนึ่ง แนบฝ่ามือลงไปประกบ สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดของร่างเบื้องล่างที่ประหม่าและตื่นเต้น
เขาเองก็ไม่ได้แพ้กัน ทว่า ต้องเป็นเขา ..ที่ดูแล ..ปลอบประโลม ..ทำให้สบายใจ
ม่อนแจ่มหลับตาลงอีกครั้ง รับรู้ถึงสัมผัสที่ฝ่ามือ ขณะท่อนล่างยังบดเบียด และเขาก็แอ่นตอบสนองอย่างไร้เดียงสา กล้าๆกลัวๆ..

         “ครั้งแรกใช่ไหม..”
..
ม่อนแจ่มพยักหน้ารับกับคำถาม ก่อนที่จะได้ยินเสียงเข้มกระซิบหนักๆริมหู
“เหมือนกัน..”

ไม่รู้ทำไม.. คำถามนั้นทำให้คลายความเครียดเขม็ง ทำให้ผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ
‘ครั้งแรกใช่ไหม’
มันเหมือนการปลอบโยน.. แสดงถึงการรับรู้ว่าเขาไม่เคยถูกทำแบบนี้มาก่อน มันคือความรู้สึกว่าจะได้รับการทะนุถนอม

และไม่รู้ทำไม คำบอกเล่านั้นทำให้หัวใจเต็มตื้น..
‘เหมือนกัน’
อาจเพราะมันคือการยอมรับ.. ยอมรับว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น เราสองคนจะเรียนรู้ไปด้วยกัน

ซิบกางเกงถูกปลดออก ส่วนกลางลำตัวถูกรูดรั้ง.. ปลุกเร้า..
ม่อนแจ่มกัดปากแน่น ไม่อยากให้เสียงดังออกไปข้างนอก
“อย่ากัดปาก..” พชรเตือนเสียงแหบพร่า โน้มใบหน้าลงมาประทับจูบเก็บเสียงให้หนักๆ
ม่อนแจ่มหายใจหอบ มือเรียวพยายามสัมผัสแตะต้องร่างกายอีกฝ่าย
ไม่อยากอยู่เฉย ไม่อยากแค่รับ อยากจะให้.. อยากตอบสนอง.. อยากให้รู้ว่า..

“อ๊ะ.. อื๊อ..”
กางเกงถูกดึงออกพ้นตัว รู้สึกถึงสัมผัสเปียกชื้นโลมเลียช่องทางด้านหลัง
“พชร อะ.. อือ..”
เปลือกตาหลับพริ้ม ริมฝีปากขบแน่น ในลำคอครวญด้วยเสียงคราง
...
“ได้ไหม..”
เสียงเข้มกระซิบขออนุญาต และดวงหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงจัดทั่วใบหน้าและลำตัวก็พยักรับช้าๆ
ได้..
ต้องการ..
อยากให้สัมผัส..
อยากให้รู้จัก ..มากกว่านี้

        เจ็บ..
เจ็บจนกระอัก
มือขาวกำยึดผ้าปูที่นอนแน่น..
เจ็บ.. ปวด.. ทรมาน..
ไม่อยากร้องโอดโอย แต่หยาดน้ำตาไหลลงมาจนได้อย่างไม่อาจทานทน
พชรยั้งตัวเอง ยั้งอย่างสุดความสามารถ เตรียมพร้อมให้ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอ
ม่อนแจ่มตัวเล็กเหลือเกิน อ่อนบางอย่างยิ่ง และเขากำยำเสียขนาดนี้

“กอดกูไว้..” พชรโน้มลงกระซิบริมหู ขบกัด โลมเลียเบาๆ
ม่อนแจ่มเชื่อตาม มือปล่อยผ้าปูที่นอน เปลี่ยนมาโอบไหล่อีกฝ่าย แม้จะโอบไม่รอบเพราะแขนเขาสั้นและพชรไหล่กว้าง
ร่างสูงนิ่งค้างอย่างอดทน รอให้คนตัวเล็กปรับตัว ลมหายใจหอบด้วยความต้องการ
ทิ้งระยะ.. ก่อนค่อยๆขยับอย่างเชื่องช้า อ่อนเบา แม้จะจะถูกรัดรึงอย่างแทบกลั้นไม่อยู่

“อื้อ..อะ”
เสียงครางเล็ดลอดออกมาจนได้ มือเรียวพยายามจะละไปกำผ้าปูที่นอนอีกรอบ จนสองมือแกร่งต้องรั้งไว้
“กอดกู” เสียงเข้มย้ำ จ้องมองดวงตาที่หลับพริ้มสลับกับลืมขึ้นของอีกฝ่าย
“เจ็บก็จิกลงมา.. เจ็บมากเท่าไหร่ ก็จิกให้แน่นเท่านั้น นะ..”
ไม่ได้อยากให้เจ็บ ไม่เคยอยากให้เจ็บ แต่.. ถ้าม่อนแจ่มต้องเจ็บ พชรก็พร้อมจะเจ็บด้วย อยากรับรู้ว่าเจ็บแค่ไหน.. อยากแบ่งความเจ็บมารับไว้..
มือแกร่งข้างหนึ่งละมาปาดหยาดน้ำตาออก ก่อนจะย้ำอีกครั้ง “กอดกูไว้ ม่อน..”

..ม่อน..

เสียงที่หลงใหล.. คำเรียกขานที่ใจรอคอย..
ม่อนแจ่มพยักหน้า โอบรั้งไหล่กว้างเอาไว้ อีกครั้งที่เชื่อตาม และ.. แทบทุกครั้งก็เชื่อตามผู้ชายคนนี้
“พชร..” เสียงหวานพึมพำ รู้สึกถึงส่วนของร่างกายอีกฝ่ายที่เคลื่อนไหวเนิบช้าอยู่ในตัว

เจ็บ.. 
จิก.. 
กด.. 
กอด..
เรียนรู้ความเจ็บปวดนี้ไปด้วยกัน
แบ่งปันสัมผัสเหล่านี้ร่วมกัน
ทำความคุ้นเคยกันและกัน
จน.. ร่างกายที่ต่างขนาดทั้งสองรู้จักกัน

ความเจ็บปวดค่อยๆจางไป ..พร้อมๆกับความสุขสมที่ก่อตัวขึ้นมา
ความสุขสมที่ไม่เคยรู้จัก ที่เติมเต็ม ที่รุกเร้าลึกล้ำจนไม่อาจทนมอง
มองตากัน.. เพื่อจะหลับตาลง
หลับตาลง.. เพื่อเปิดใจซึมซับทุกรสสัมผัสของกันและกันให้มากยิ่งขึ้น
สัมผัส.. ที่สว่างไสวในความมืดมน
สัมผัส.. ที่เป็นสิ่งจริงแท้เพียงสิ่งเดียวท่ามกลางความสับสนวกวนทั้งหลายนี้

I close my eyes..
The moment I surrender to you
Let love be blind..
Innocent and tenderly true*

ปิดเปลือกตา.. เปิดหัวใจ..
เพราะเป็นเธอ จึงยอมแพ้พ่าย
ให้รัก.. นำทางเราไป
จริงใจ.. ไร้เดียงสา..

           “พชร อะ.. พชร”
เรียกซ้ำๆ ..พอๆกับที่ร่างกำยำกระแทกกระทั้นเข้าหาซ้ำๆ
พชรกดจูบริมฝีปากอิ่มไว้ในนาทีสุดท้าย ..ไม่อยากให้ใครอื่นได้ยินเสียงนี้ ..เสียงที่อยากได้ยินเพียงคนเดียว
“อืม.. ม่อน..”
เสียงเข้มคำรามพึงใจ.. เสียงหวานอื้ออึงในลำคอ..
อ่อนไหว.. เย้ายวน.. จนไม่อาจทนต่อปลายทางปรารถนาได้
ทั้งสองเดินทางไปไกลแสนไกล ..ในแบบที่ไม่มีวันจะกลับมาที่เดิมได้อีก..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ครั้งที่แล้วอัพได้สั้น ตอนนี้เลยขออนุญาตอัพเร็วหน่อยนะครับ ซึ่งก็.. ยังสั้นเหมือนกัน ฮ่ะๆ
เขียนตามความรู้สึกน่ะครับ ไปสุดที่ไหน มือก็หยุดตรงนั้น สั้นบ้างยาวบ้าง ขอโทษคนอ่านด้วยนะ ยังไงเก็บไว้หลายๆตอนค่อยอ่านทีก็ได้ครับ จะพยายามให้ดีขึ้นทุกๆตอน
ขอบคุณสำหรับการติดตามเหมือนเคยนะ  :L2:

(*Thanks to.. Every Time I Look  At You - Il Divo)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: *-*คาเมะ*-* ที่ 23-08-2016 23:12:53
แซงไอดิ้ลไปเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-08-2016 23:36:38
ที่สุดก็ทนเห็นน้ำตาม่อนแจ่มไม่ได้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 23-08-2016 23:45:35
พชรก็อย่าปล่อยมือม่อนอีกนะ เดินไปด้วยกัน เจ็บไปด้วยกันแล้วก็จะผ่านไปด้วยกัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 23-08-2016 23:50:36
อูยยยยยยย ตอนนี้เป็นอะไรที่แบบไม่คาดคิด
ปล่อยให้ความรู้สึกทางกายและใจนำพา ทิ้งความสับสนไว้เบื้องหลัง
เหมือนกับคนเขียนพาเราไปทุ่งหญ้าอันแสนสวยงาม ล่องลอยไปด้วยกัน แล้วก็ต้องมาพะวงว่าเมื่อไหร่จะโดยเตะกลับออกไปอยู่ในป่าอันมืดมน หาทางออกไม่เจออีก TT_TT

อยากให้เรื่องครอบครัวเคลียร์ไว ๆ

ชอบเรื่องนี้มากกกก มากจริงๆ <3
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 24-08-2016 00:09:11
เอาไงต่อล่ะพชรเอ้ย เอ็งคงไม่ทิ้งน้องม่อนหรอกนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 24-08-2016 00:30:21
โอย ฮือ ฮือ (พูดไม่ออก)

มันเป็นฉากร่วมรักจริงๆค่ะ

ฮือ

สมแล้วที่เรารักเรื่องนี้มากๆ :heaven

เหมือนพอทั้งคู่ยอมจำนนแก่กันมันทำให้ความรู้สึกระหว่างสองฝ่ายมันแนบแน่นขึ้นเนาะถึงแม้จะไม่พูดออกมา
เราเชื่อว่าม่อนเองก็มีความเข้มแข็งมากพอๆกับพชรนะ บางทีพชรอาจจะเปราะบางมากกว่าม่อนก็ได้ หากต้องขาดกันจริงๆหลังจากนี้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 24-08-2016 00:46:00
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 24-08-2016 01:05:56
ฝีมือการเขียน และมิติการบรรยาย มีพัฒนาการขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเลยนะครับ ต้องขอชมเลย

ถ้ายังจำได้ ผมคอมเมนท์ไปสามสี่ครั้งครับ ครั้งแรกคือพูดประเด็นของการวิเคราะห์เชิงจิตวิทยา ในทิศทางที่เรื่องจะดำเนินไป พูดถึง breakpoint ของเรื่อง และความน่าสนใจว่ามันจะทำยังไงต่อถ้าเกิดเบรกพอยต์นั้น ส่วนครั้งที่สอง พูดถึงพฤติกรรมเชิงจิตวิทยาของตัวละคร ส่วนครั้งที่สามสี่นี่ก็คอนเทนต์เนื้อเรื่องทั่วๆไป ที่มีการติบ้าง ก็คงจะเป็นเรื่องของความยาวตอน ที่มีการแบ่งบทจนเด่นเกินไปแล้วอัดจนโทนเรื่องดูเกินๆ กับการดำเนินเรื่องที่ดูไม่ค่อยปะติดปะต่อ มันดูรวบรัดจนผมรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันไม่ลื่น

อย่างไรก็ตาม จากตอนล่าสุด และการประมวลผลเกือบห้าหกตอนล่าสุดที่ผ่านมา ผมรับรู้ได้ว่าคุณพยายามจะแก้ไขข้อบกพร่อง มันเป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณกำลังพยายามพัฒนา ดังนั้นต้องขอชมอย่างที่พูดไปในบรรทัดแรกครับ อีกข้อที่อยากเสริมให้ คือผมคิดว่าผมทราบแล้วว่าปัญหาที่ผมติไป มันเกิดจากสาเหตุอะไร

คุณโพเอทเขียนตอนหนึ่งค่อนข้างสั้นครับ และจากทอร์ค ผมคาดเดาว่าคุณโพเอทเขียนโดยอ้างอิงจาก 'อินเนอร์' คือรออารมณ์ให้มา ให้ตัวละครมันแล่นไปในความคิดของคุณ แล้วบรรยายมันออกมา ข้อดีคือคุณโพเอทเป็นคนที่ใช้ภาษาได้เก่งครับ คุณเข้าถึงในเรื่องของความรู้สึก  จะเห็นได้ว่าในเรื่องนี้มีการบรรยายที่แตะความรู้สึกอยู่เยอะมาก ทุกตอนแทบจะมีหนึ่งช่วงอย่างต่ำ คุณรู้ว่าจะบรรยายความรู้สึกที่คุณคิดออกมายังไงให้แตะใจของคนอ่าน นี่เป็นความสามารถพิเศษของคุณ

แต่เมื่อมามองถึงความสมบูรณ์ของพล็อต จะเห็นเลยว่าพล็อตมีช่องโหว่อยู่ค่อนข้างเยอะครับ ในคอมเมนท์แรก ผมวิเคราะห์โดยมองจากพล็อตเสียเป็นส่วนใหญ่ เลยทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจว่าเราจะแก้ไขสถานการณ์ที่เป็น breakpoint ของเรื่องได้ยังไง ซึ่งจากตอนล่าสุด มันน่าสนใจมากๆตรงที่มันมีเรื่องของ sex relation เข้ามาเกี่ยวข้อง ในเคสของคนที่อ่อนไหวเชิงความรู้สึกมากๆอย่างม่อนแจ่ม เพศสัมพันธ์จะทำให้เขาผูกพันมาก มากจนน่าหวาดเสียวครับ มันทำให้ความรู้สึกถักทอแน่นแฟ้นมากขึ้นและทุ่มเทใจให้มากขึ้นโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ดังนั้น เซ็กซ์รีเลชั่นนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญมากทีเดียวว่าจะทำให้จิตใจม่อนแจ่มขณะรับรู้ความจริง ออกมาในรูปแบบไหน เพราะมันจะพุ่งสุดครับ ไม่ขึ้นสุดก็ลงสุด (แต่น่าจะขึ้นสุด เพราะเปี่ยมด้วยรักมาก ดังนั้นถ้ารู้ความจริง ก็ไม่น่าจะรับอิมแพคแล้วเตลิดไปสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าการที่ขาดความรักจากครอบครัวจะมาทดแทนความรักที่ได้จากพชรได้ เพราะมันคนละส่วน)

อย่างไรก็ดี มันมีเรื่องที่อ่านแล้วสะดุดครับ อย่างเช่น เมื่อเรารวบทั้งสิบกว่าตอนมาอ่านทีเดียว เราจะเห็นเลยว่าม่อนแจ่มตกหลุมรักพชรเร็วมาก เร็วมากๆจนมันแทบไม่มีสัญญาณอะไรมารองรับด้วยซ้ำ ม่อนแจ่มไม่มีการลังเล ไม่มีการวิเคราะห์การกระทำ ไม่มีการคุยกับตัวเอง พุ่งดิ่งความรู้สึกรักโดยตรงหาพชรได้เร็วและแรงมาก มันไม่มีพล็อตหรือมิติการกระทำใดๆมารองรับเลยครับ ขณะที่เรื่องปูพล็อตของรุ่นพ่อแม่และถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก (แทรกได้แนบเนียน)

มนุษย์เราไม่ตกหลุมรักคนแปลกหน้าที่ถอดแว่นให้เราตอนกลางคืนแค่ครึ่งเทอมแรกของปีหนึ่งนะครับ การจะตกหลุมรักมันมีปัจจัยอะไรมากกว่านั้น เรื่องไม่เคยปูมาว่าม่อนแจ่มชอบผู้ชายหรือผู้หญิงมาก่อนด้วยซ้ำ ดังนั้นเราต้องเดาว่าเขาใหม่มากในเรื่องความรู้สึกนี้ ดังนั้น การที่เปลี่ยนโทนความรู้สึกมนุษย์ได้เร็วและแรงมาก จึงเป็นจุดที่ทำให้ผมรู้สึกว่าพล็อตมันไม่สมูทครับ และมันก็ส่งผลต่อไปยังจุดที่ผมรู้สึกว่าเหมือน เล่นเอาเถิดเจ้าล่อ ในช่วงที่สอง (ช่วงที่ม่อนแจ่มกับพชรเริ่มจะห่างๆกัน ช่วงที่พชรเริ่มคิดที่จะบีบคุณระมิงค์)

ช่วงนี้จะสังเกตว่าเรารู้สึกได้ว่าความรู้สึกบรรยายมาเต็ม หน่วง บีบหัวใจ อึดอัดเพราะไม่รู้จะทำยังไง เราสงสารคนทั้งคู่ครับ นี่เป็นอารมณ์ที่ได้จากเรื่อง ซึ่งบรรยายและละเลียดได้ดีมาก แต่ถ้ามามองพล็อต จะเห็นว่ามันงุนงงมากเช่นกันครับ เพราะม่อนแจ่มที่ดูตกหลุมรักพชร(อย่างรวดเร็วและรุนแรง) ก็พยายามจะเข้าหา และพชร ที่รักตอบเหมือนกัน(อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ซึ่งผมก็งง...) ก็พยายามหลบๆแล้วทำอะไรให้ในหลืบๆ คือผมอ่านพล็อตแล้วแบบ มันงง... คือเหมือนเล่นเอาเถิดเจ้าล่อ เพราะต่างคนต่างไม่ชัดเจนสักอย่างครับ

ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะแก้ยังไง เพราะมันพันมาขนาดนี้แล้ว แต่ถ้าให้แนะนำในอนาคตเกี่ยวกับการแก้ปัญหาพล็อตไม่สมบูรณ์ ก็คงจะเป็นเรื่องการ เขียนไมน์แมปพล็อตลงกระดาษ และวางระบบตรรกะตัวละครให้ชัดเจนครับ นอกจากนี้ก็เขียนแผนภาพสเต็ปความสัมพันธ์กับไทม์มิ่งไว้ เพราะจะมีประโยชน์มากเวลาคุณโพเอทต้องใช้เพื่ออ้างอิงกับการบรรยายความรู้สึก จะได้รู้ว่ามันเร็วไป หรือช้าไปไหม

เรื่องนี้ผมก็มีตามอ่านเรื่อยๆนะครับ ผมค่อนข้างอ่านแนววิเคราะห์ อาจจะมีคอมเมนท์รุนแรงไปบ้าง ก็ต้องขออภัยล่วงหน้าไว้ก่อนละนะครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-08-2016 01:57:29
จะหวานจะดีใจก็ทำได้ไม่สุดเมื่อนึกถึงความลับทั้งหลายเหล่านั้น
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: zzzzzz ที่ 24-08-2016 02:34:05
 :n1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 24-08-2016 05:02:59
พระเอกเราเลือกวิธีง้อได้แบบฟินส์มากมาย คราวนีัแหละจะเป็นพชรที่หนีไปไหนไม่พ้น
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-08-2016 05:35:17
สองสามตอนที่ผ่านมา กระชากอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ สุดๆ เดาทางไม่ออกแล้ว รออ่านอย่างเดียว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-08-2016 06:31:33
เอิ่ม..... ถูกใจ ละเมียด ละมุน ละไม มากกกกก :mew1: :mew1: :mew1:
แซงคู่ไอดิล ไปลิบลับ
เสียวๆ ว่าไอดิล จะเปิดประตูเข้ามา  :mew2:
ชอบบบบบ ฟินนนน  :heaven
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 24-08-2016 06:51:15
นู๋ม่อนถูกพชรหม่ำไปแล้วพชรต้องดูแลม่อนแจ่มดึๆน๊า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 24-08-2016 07:44:14
ม่อนแจ่มโดนพชรหม่ำไปแล้วเงียบๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 24-08-2016 08:04:11
ยกนิ้วให้เลยค่ะ เป็นนิยายที่ใช้ภาษาเขียนได้ละเมียดละไมที่สุด บทบรรยายช่วงความรู้สึก สั้น กระชับ แต่ได้อารมณ์มาเต็ม

อินไปด้วยทุกครั้งกับซีนอารมณ์ของพชร ตอนเจ็บที่เห็นน้ำตาม่อนที่รอหน้าห้องเรียน อ่านแล้วใจกระตุกตามจริงๆ อารมณ์ละมุนตอนจูบม่อนมันแทนทุกความรู้สึกเลย และจุดพีคสุด ตรงคำว่า'เหมือนกัน' ของพชร อ่านแล้วรู้สึกว่าพชรแคร์ม่อนมาก ไม่ต้องแสดงอะไรเยอะ พูดอะไรเยอะ. มันเข้าใจแบบนั้นจริงๆ  ชอบมากค่ะ เยี่ยม o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 24-08-2016 08:15:01
ไอดิล แพ้ไปเลย 55555555555555555555555555555555555

พชรกลับมาง้อ แบบนี้ เราตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 24-08-2016 08:40:13
อ่านแล้วเสียวตลอดเลย เสียวว่าไอดิ้ลจะเข้ามา มีเงิบอะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-08-2016 09:05:11
หวานละมุน แต่ก็กลัวว่าเวลาที่ม่อนรู้ความจริงม่อนจะรับไม่ได้ แต่เราก็เชื่อว่าม่อนจะเข้มแข็งพอที่จะผ่านมันไปได้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-08-2016 10:19:59
ชอบการบรรยายจังค่ะ
มันละมุนมากๆ
ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก
แต่ก็เป็นกำลังใจให้หนูม่อน พชร และคนเขียนนะคะ

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-08-2016 13:20:55
ว้ายยยยย เค้าทิ้งกันไม่ได้แล้ว
พชรทิ้งม่อนไม่ได้แล้วนะ

ม่อนน่ารักมากเลย ไม่ไล่ ไม่ห้ามหรอกเนาะ ต้องจิก กอดไว้ ทำถูกแล้ว 555

อยากเห็นม่อนตอนหน้า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 24-08-2016 14:28:02
ตอนม่อนร้องไห้สงสารจัง
หวานละมุนละไมมากกกกตอนนี้ พชรอย่าทิ้งม่อนอีกนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 24-08-2016 14:58:01

ม่อนน่ารักมาก ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองมาก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 24-08-2016 19:50:24
ทำไมรู้สึกเศร้าจัง
ทำไมรู้สึกถึงพายุที่จะพัดมา
ต่อจากนี้จะไม่มีอะไรเหมือนเดิม
ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป
รวมทั้งพชรและม่อนแจ่มที่ต่อจากนี้ไป พชรจะไม่สามารถทิ้งใครไว้ข้างหลังได้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-08-2016 21:10:14
ถึงม่อนแจ่มจะไม่ได้เป็นลูกชายแท้ ๆ แต่ตอนนี้ม่อนแจ่มเป็นลูกสะใภ้แล้วนะเออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 24-08-2016 22:24:32
ปล่อยให้หัวใจนำทาง  คำนี้เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์นี้ จับมือกันไว้ให้แน่น แล้วก้าวไปชนกับปัญหาพร้อมๆ กันนะ คู่รักคู่ใหม่
ตอนนี้ บอกเลยมันเยี่ยวยาหัวใจได้ดีมากกกกกกกกกกกก จากที่โดนตอนที่แล้วขับชนกระเด็นไปไกล 55555 :laugh:  เกรียนนักอ่านฟื้นคืนชีพแล้ว หลังจากทุกรนทุรายไปหลายวันพร้อมๆ กับน้องม่อนของเก๊าาาาาา  :z2: เฝ้ารอตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณเกรียนคนเขียนค่าาาาาาาาาาาาา :man1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 25-08-2016 00:47:23
ไม่ได้อ่านแปปเดียว...เค้าดีกันแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 25-08-2016 01:50:22
งวดนี้จับมือกันกระโดดลงหลุมไปเลย
ถ้าลาจากกันก่อนที่จะนอนด้วยกันนี่ง่ายกว่าหลังจากนี้นะ

เรื่องครอบครัวหักดิบพ่อกับแม่โผล่มาเจอเลยพร้อมกันทีเดียว ดีไหม?
ม่อนแจ่มกับพชรน่าจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูทำให้บุคลิกและนิสัยต่างกันลิบลับ
ม่อนดูเด็กมากๆในขณะที่พชรเป็นผู้ใหญ่เกินวัยอย่างน่าใจหาย

เรื่องของครอบครัวนั้นเราว่ามันผ่านมาเนิ่นนานเสียจนแม่พชรเองก็ไม่ได้หวังให้พ่อพชรกลับไปหา   แม่ม่อนไม่ยอมบอกเองก็เพราะอยากรั้งเวลาไว้อีกสักนิด
เรื่องราวมันผ่านมานานเหลือเกิน  ทุกอย่างมัน fait accompli ไปแล้ว
ก็ทำได้แต่ต้องยอมรับแล้วเดินต่อไปข้างหน้า
ส่วนระมิงค์นั้น 18 ปีเต็มๆที่สามารถเลือกบอกความจริงได้แต่ก็ไม่ทำ
ที่น่ากลัวที่สุดก็ไม่น่าจะเป็นสามีแต่เป็นตัวม่อนเองกับการเผชิญหน้าพ่อที่แท้จริงของม่อน

ยังคิดว่าม่อนจะรู้ไหมว่าตัวเองถูกรักมากขนาดนี้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 26-08-2016 10:22:04
กลับมาอ่านด้วยความคิดถึง ดีใจที่มีให้อ่านยาวๆอีกตั้ง10ตอนแหนะ^^

อุ่นใจกับความเอาใจใส่ ห่วงใย คอยอยู่เคียงข้าง
ชื่นชมกับการพยายามเอาชนะความกลัว ความไม่ติดยึดกับการพึ่งพา
การรู้ว่าเพียงรับรู้ถึงความเป็นคุณก็เป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่พอและทำให้อยากจะเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
เพราะอยากเดินเคียงข้างให้ได้ร่วมแบ่งปัน ไม่อยากถูกทิ้งให้เดินคล้อยหลังกับความรู้สึกว่าเป็นภาระที่ให้แต่คอยกังวลใจ

ชอบข้อสอบจังเลยค่ะ อยากรู้คำตอบข้ออื่นๆของพชรอีก

รักวิธีการบอกนิสัย ความเป็นตัวตนจากการบรรยายรายละเอียดของข้าวของเครื่องใช้
ฟินนนนนนนนน....กับการย้อนกลับมายังไม่พอ ฟินต่อกับการมาเจอว่านอนหลับที่เตียงพชร
แล้วเอาหัวใจไปเลย กับผลงานจากการขอเวลาเพียง2นาทีนั้น

โอ...มายก้อดดดด ม่อนไม่ใช่ลูกคุณพ่อ ป้านี่ร้องไห้รอม่อนเลย ใจม่อนจะไหวไหมลูก
 555ขำม่อน เพิ่งรู้ไง ว่าพชร กวนทีน ชอบอ่ะชอบโมเม้นท์อธิบายคำที่ตอบว่า"ใช่"
ของคำถามว่า ม่อนมาเพื่อถามพชรว่า มาทำอะไร คือการอธิบายมันทำให้ความกวนมันหายไป

ถึงกับสะอื้น กับคนที่มีพ่อแม่ครบบางคนยังไม่มีความสุขเท่าคนไม่รู้วันเกิดไม่รู้จักแม่อย่างไอดิล
สุขจากรักที่เริ่มจากรักและรู้คุณค่าของตัวเอง และสุขจากมิตรภาพของเพื่อนแท้ อิจฉาจังดิ้ล
โมเม้นท์ดิ้ลคิดถึงพ่อน่ารัก สนอง'มิ๊ส'ของป้าเหมือนกันค่ะ (แอบกระซิบ(ในใจ)ให้ขโมยรูปมาเลยด้วยซ้ำ..รู้สึกเลวอ่ะ หุหุ)

นี่แหละเนอะ Sacrifice มันถึงได้ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่พอที่จะลาก Constantine จากเงื้อมมือซาตานขึ้นไปสวรรค์
ยิ่งใหญ่พอที่จะแลกเพียงชีวิตของแม่และลูกในครรภ์เพื่อให้บนสวรรค์เต็มไปไปด้วยนางฟ้าและเทวดา
(จำชื่อเรื่องไม่ได้ค่ะ ประมาณว่าเกี่ยวกับการต่อสู้ของซาตานกับความดี
โดยมีคุณแม่ท้องแก่คนนึงเสียสละชีวิตด้วยการรับลูกกระสุนแทนฆาตกรใจโหด
ที่ครอบครัวเจ้าทุกข์รับคำตัดสินของศาลไม่ได้จึงใช้ศาลเตี้ยพกปืนมายิงเอง
คือขณะนั้นบนสวรรค์ไม่มีนางฟ้าเทวดาตัวน้อยๆที่จะลงมาจุติเป็นลูกให้ใครแล้ว
ถ้าไม่มีใครเสียสละลูกที่จะเกิดมาจะมีแต่ซาตาน ที่จำได้คือฉากจบหลังจากถูกยิงแล้ว คุณแม่ท้องแก่คนนั้น
ก็ได้รับรู้ว่า การเสียสละตนและลูกในท้อง ทำให้พ่อแม่คนอื่นๆรอดจากการให้กำเนิดซาตาน
เพราะความยิ่งใหญ่ของการเสียสละของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นก็เพียงพอ)
ป้าจะรอฟินกับผลตอบแทนที่พชรจะได้จากการเสียสละครั้งนี้นะคะ เชื่อสุดหัวใจว่ามันต้องคุ้มค่าและคู่ควร

เอิ่ม....เก๊าเม้นท์หลังอ่านจบทีละบทอ่าเน้อ แหะแหะไม่รู้เจงๆว่า บทถัดมามันจะเป็นอย่างงี้ ถือว่าฟินไประดับนึงแระกันโน๊ะ^^
 รออ่านต่อนะคะ ลุ้นมากๆกับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อๆไป รักและขอบคุณน้องคนแต่งอย่างแรง^^ :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 27-08-2016 21:57:12
รู้สึกว่าตอนนี้หวาน มันละมุนๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 28-08-2016 20:36:28
ไม่ได้อ่านนาน แต่เมื่อไม่นานมานี้ ไปเที่ยวม่อนแจ่ม ละนึกถึงเรื่องนี้มากกก คิดถึงม่อนแจ่มขึ้นมาทันใด
เลยได้กลับมาอ่าน แต่เพราะไม่ได้อ่านนานทำให้ต้องกลับไปเริ่มอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น
ยังคงชอบเหมือนเดิมและชอบมากขึ้นไปอีก พชรกับม่อนแจ่มทำให้ตกหลุมรักมาก
เวลาได้อ่านยาวๆนี่คือความชิว อ่านอย่างสบายๆ แต่พอตามมาถึงล่าสุด
ต้องค่อยๆอ่านอย่างช้าๆ ไม่อยากให้จบตอน ต้องมีความอดทนในการรอต่อไปค่ะ 55555555
ต่อจากนี้จะเกาะติด ติดตามรอตอนใหม่อย่างใจจดใจจ่อ 555555555
ชอบคาแรคเตอร์ทั้งพชรและม่อนแจ่มเลยค่ะ ชอบภาษาการเขียนเรื่อง อ่านแล้วอิน
คือไม่ได้ดูบรรยายเยอะเลย แต่ทำให้อินได้ รับรู้ความรู้สึกตัวละคร ชื่นชมคนเขียนเลยค่าาา
ชอบโมเมนต์พชรกับม่อนแจ่ม คือบางเหตุการณ์ดูเล็กน้อยนะ แต่แบบชอบมากเลยค่ะ
การกระทำเล็กๆของพชรคือเต็มไปด้วยความใส่ใจอ่ะ ส่วนความน่ารักของม่อนแจ่มก็แสดงออกมาได้เรื่อยๆเลย
เห็นพชรนิ่งๆขรึมๆเเบบนั้น ก็ไม่คิดว่าในตอนที่ชอบม่อนละจะแบบยอมรับตัวเองได้ไว
คิดว่าคงมีลังเล อาจจะแบบเฮ้ยผู้ชายนะ ประดิษฐาพงศ์นะ แต่ทั้งพชรและม่อนแจ่มคือยอมรับใจตัวเองทั้งคู่เลยแหะ
แม้ว่าพชรจะพยายามไม่รักไม่ชอบแค่ไหนก็เหอะเนอะ แต่ม่อนมันน่ารักอ่ะเนอะ เข้าใจๆ 555555555
ก็มีส่วนดีเหมือนกัน ปัญหามีรออยู่เยอะแยะ เรื่องหัวใจถ้าโอเคก็ลุยเลย ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องไม่รู้ใจตัวเอง
แค่ปัญหาที่รออยู่ก็เหนื่อยละ แล้วปัญหาคู่นี้ก็ยากซะด้วย
 
ไม่ได้ติดตามนาน พอมาเจอล่าสุด เค้าไปถึงขั้นนั้นกันแล้วอ้ะะะ แซงหน้าหมอกดิ้ลไปแล้ววว
ณ จุดนี้คือเดาไม่ออกว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อ ขอเอาใจช่วยให้พชรม่อนแจ่มและครอบครัวผ่านพ้นไปด้วยดี
แต่จากตอนล่าสุดนี่คือมีความระแวงอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ ระแวงว่าไอดิ้ลจะเปิดประตูเข้ามาเจอไหม555555555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-08-2016 00:34:28
นี้ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่เพิ่งอ่านรวดเดียว 20 ตอนวันอาทิตย์แต่เพิ่งมาเม้นท์ตามไรท์ให้มาต่อ 55555 // โห้ยยยยยยยยยยยยยยยยย อยากบอกว่าสนุกกกมากกกกกกกกกกกก ดี๊จริงๆ ม่อนแจ่มน่ารักกก ตลกและฮาโคตร ขำภาพม่อนแจ่มvsพชร ประจัญบานมากกก วาดภาพล้อเลียนซะแบบ 555555 ชอบม่อนแจ่มจริงอ่ะ //อ๊ายยยยยยยยยยยยยยละยิ่งแบบไรเนี้ยยยยยยยย เสร็จเรียบร้อยโรงเรียนพชร   :oo1: :pighaun: มันก็ฟินดีอะนะ แต่มันดันแอบเครียดแทรกนี้ดิ ได้แล้วถ้ารู้ความจริงขึ้นมา อ๊ากกกกกกกกกก ไม่อยากจะคิด   :z3:  //จะสงสารม่อนมากขนาดไหนนะ อาจจะน้อยใจพ่อที่ว่าไม่สนิทด้วยก็เพราะแบบนี้ไหม  ละก็จะสงสารแม่ เพราะจริงๆถ้าเรารู้คงสงสารแม่ม่อนมากกว่า(มั้ง) ตามจริงตัวเองก็สับสนเหมือนกันว่าจะเห็นใจใครมากกว่า (แต่ยังไงก็รู้สงสารทางม่อนมากกว่าอ่ะ :hao7: สับสนวุ้ย 55555) ความรู้สึกอินขึ้นกับบทที่ไรท์แต่งด้วยละ เปลี่ยนแปลงได้ตลอด ให้ไรท์มาต่อเถอะค่ะ อยากอ่านแล้วววววววววว 555555 //พชรไม่ว่ายังไงก็ตามม่อนแจ่มให้เจอ(ถ้าหนี) เป็นกำลังใจให้ม่อนแจ่มมากๆนะ อย่าเมินนะเว้ย ไม่งั้น หึหึ! *แสยะยิ้ม* 55555 ชอบพชรด้วย ทำเป็น(ฝืน)ไม่ชอบม่อนนะ แต่ก็ปล่อยไปไม่ได้  คิดห่วงหาจะทำอะไรยังไงก็เห็นแต่หน้า อ๊ายยยยยยคือดีอ่ะ 555 //ชอบมากบทเข้าห้องน้ำกลัวผี บทนี้คิดได้ไงค่ะ มันดีมากอะค่ะ กลัวแต่ก็กล้าที่จะเผชิญ ค่อยๆกล้า ละมันเหมือนเรากับน้องตอนเด็กๆเลย เป๊ะเลยอ่ะ น้องเราก็เป็นแบบนี้ คือมันใช่อ่ะ โห้ยยยแบบบ หวนกลับไปนึกถึกความรู้สึกตอนนั้นเลย เราเป็นพชร แต่มันต่างกันที่เรารำคาญน้องมาก 555555555555 //สนุกกกมากค่ะ อินมากๆ ชอบบบบบบค่ะชอบ ขอเป็น FC อีกเรื่องขอตามตลอดเลยค่ะ อัพมาเลยค่ะ รออ่านนะค่ะ //สู้ๆค่ะไรท์ รอตอนต่อไป F5 รัวๆค่ะ 55
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/8/59 CH.20 The Journey of No Turning Back P.14
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 31-08-2016 15:18:50
พชร ทำไมอิแม่ใจบ่ดี ได้ม่อนแจ่มซะแล้ว คราวนี้จะทอดทิ้งและเมินเฉยแบบที่ผ่านมาไม่ได้แล้วเน้อ  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 31-08-2016 22:49:46
CHAPTER 21: Fall For You

             “ฮื่อ..” พ่นลมหายใจหอบหนัก
ทุกความรู้สึก ทุกความเหน็ดเหนื่อยที่เลือนรางไปในห้วงเวลาปรารถนากลับมาเล่นงานม่อนแจ่มอีกครั้ง ภาพทุกอย่างพร่าเลือนยิ่งกว่าปกติ..
“พชร..” พึมพำเบาๆ อยากจะพูด.. อยากจะบอกอะไรสักอย่าง
“พชร.. ร..” ม่อนแจ่มหอบหายใจ พยายามใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่พูดออกไปให้ได้
ทว่า.. ร่างกายเป็นอย่างไร ก็ได้เพียงเอ่ยไปด้วยความสัตย์
“ง่วง..”
ร่างหนาลงมานอนเคียงข้าง สอดแขนโอบร่างเล็กพลิกตะแคงมาซบอก ลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยน
“นอนเถอะ..”
..
“พชร” เสียงเล็กพึมพำเรียกอีก พยายามละใบหน้าออกจากอก
“นอน บ..แบบนี้ อือ.. มึงจะเมื่อย เดี๋ยวกู..”
มือแกร่งกดศีรษะปรกด้วยเรือนผมนุ่มกลับลงไปที่เดิมเบาๆ “ไม่เมื่อย นอนเถอะ..”
การกระทำอ่อนโยนแบบนั้นมีแต่จะทำให้คนที่ได้รับลืมหายใจ ดวงตาค่อยๆปิดลงอย่างอ่อนเพลีย ทว่า หูก็ยังได้ยินเสียงที่หลงใหลกระซิบแผ่วๆ..
“หลับซะนะ ..ม่อน”

           ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง.. หลับไปภายในชั่ววินาที ทว่า พชรลืมตาค้าง..
มือแกร่งลูบไล้ผิวกายเนียนละเอียดของคนที่เพิ่งผ่านความรู้สึกพิเศษสุดมาด้วยกัน
นาฬิกาข้อมือของคนในอ้อมแขนบอกเวลาเกือบหกโมงเย็น..
ม่อนแจ่มหลับสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ ใต้ดวงตามีรอยคล้ำ หลักฐานของการไม่ได้พักผ่อน
พชรได้แต่มองด้วยความเอ็นดู ร่างกำยำค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น ระวังไม่ให้รบกวนร่างเล็ก

ชุดนักศึกษาสองขนาดหล่นอยู่บนพื้นกระเบื้อง พชรเก็บมันขึ้นมาใส่ลงตะกร้าแยกระหว่างของเขาและม่อนแจ่ม
เปิดตู้ หยิบเอาเสื้อยืดและกางเกงของตนเองมาสวม ละไปหยิบขวดน้ำมารินใส่แก้ว ใช้ทิชชูเช็ดหน้าชุบน้ำหมาดๆ ก้าวมานั่งลงบนเตียง ค่อยๆเช็ดร่องรอยทั้งของตนเองและเจ้าตัวออกจากผิวขาวเนียนก่อนที่จะแห้งติดจนรู้สึกไม่สบาย
เช็ด.. ซับ.. พิจร่างเปล่าเปลือยที่พลิกตะแคงหันไปทางผนังซึ่งก่อนหน้าเป็นตัวเขาเองที่นอนฝั่งนั้น

ร่างสูงลุกขึ้นอีกครั้ง ไปเปิดตู้เสื้อผ้า หาชุดมาให้อีกฝ่ายใส่ เพราะหากเปลือยกายหลับไปจนค่ำ ประเดี๋ยวจะหนาวเกินไป
ไม่รู้จะหยิบชุดไหน พชรจึงเลือกเสื้อยืดลายเพนกวินสี่ตัวเขียนว่าอะไรมาดากัสการ์สักอย่างกับกางเกงขาสั้นขอบตัวตุ่นที่อยู่บนสุดขึ้นมา
เสื้อผ้าม่อนแจ่มมักเป็นลายสัตว์เล็กสัตว์น้อยหรือตัวการ์ตูนสัตว์เสมอ มากที่สุดคือหมีพูห์ ที่ดูจะชอบมากเป็นพิเศษ สังเกตได้จากหมอนข้าง ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน รวมถึงชุดนอนบางชุด
ทำความสะอาดร่างกาย แต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อย มือแกร่งก็ได้แต่ลูบไล้อีกฝ่ายไปเรื่อยๆ..
นานเท่าไรไม่รู้ ..รู้เพียง ตั้งแต่ฟ้ายังสว่างยันฟ้ามืด

           นาฬิกาบอกเวลาทุ่มกว่าแล้ว..
พชรลุกขึ้น ลูบหัวเล็กของคนบนเตียงเบาๆ ก้าวลงไปโรงอาหาร ..ม่อนแจ่มหลับตั้งแต่เย็น ตื่นมาหิวจัดแน่นอน

          “ข้าวกะเพราหมูกรอบครับ”
พชรเดินมาหยุดที่ร้านอาหารตามสั่ง และสั่งข้าวที่รู้ว่าม่อนแจ่มกินแน่ เพราะครั้งแรกและครั้งเดียวที่กินข้าวด้วยกัน เจ้าตัวสั่งเมนูนี้

           ร่างสูงถือจานข้าวกลับขึ้นห้อง พร้อมขอชามครอบมาด้วยหนึ่งใบ วางมันไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือของเจ้าตัว
..ม่อนแจ่มยังหลับอยู่
พชรได้แต่ถอนใจ ละไปยืนริมระเบียง มองท้องฟ้าดำมืดภายนอก..
ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์  ตอนนี้.. เขาจะทำอย่างไรดี
พชรเดินจากไปไม่ได้อีกแล้ว ..ไม่ได้แล้ว ตั้งแต่ตัดสินใจเดินกลับเข้ามา

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “อืม..” ครางเบาๆ เมื่อรู้สึกตัว
ม่อนแจ่มลืมตาขึ้นอย่างงงๆ มองเห็นเพดานเตียงในความสลัวของห้อง
ไฟทางเดินส่องเข้ามาผ่านช่องกระจกด้านบน และสาดให้มองเห็นร่างสูงๆยืนอยู่ที่ระเบียงรางๆ
..พชร..
ม่อนแจ่มเบิ่งตาค้าง ร่างกายยังอาบอิ่มด้วยความรู้สึก ความทรงจำเมื่อก่อนหลับลงไม่เลือนหายไปง่ายๆ
สัมผัสที่เพิ่งเคยรู้จัก ..การให้และรับอย่างเต็มใจ..
มือเรียวควานไปบนโต๊ะข้างเตียงตามความเคยชินและก็พบแว่นตัวเองอยู่ตรงนั้นอย่างที่ควรจะเป็น

           ภาพพร่าเลือนกลับมาคมชัดแม้ในความสลัว ร่างเล็กค่อยๆยันตัวลุกขึ้น เพ่งมองคนที่อยู่นอกห้อง
อยากจะยิ้ม.. ไม่เสียใจ ไม่เสียดาย
ทว่า ม่อนแจ่มยิ้มไม่ออก.. เพราะใบหน้าคมของคนที่อยากยิ้มให้นั้นเคร่งขรึมเหลือเกิน
มันแย่มากหรืออย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้น.. หรือมันดีไม่พอจะลบความเครียดเขม็งจากเรื่องอื่นๆที่อยู่ในใจพชร..
นอกจากไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น.. ดูเหมือนพชรจะแย่ลงด้วยซ้ำ..
ม่อนแจ่มถอนหายใจ..

          ‘บอกให้กูปล่อย..’
          ‘บอก เดี๋ยว นี้’

   
พชรเตือนแล้ว เขาก็ยังรั้น เป็นคนเรียกร้อง โอบรั้งอีกฝ่ายเอง..
ความออดอ้อนยั่วเย้าที่จำได้ทำให้หน้าขาวขึ้นสีจัด    ม่อนแจ่มอยากจะเขกหัวตัวเองเสียจริงๆ

           “ตื่นแล้วหรือ?”
พชรเดินกลับเข้ามาในห้องเมื่อได้ยินเสียงตะกุกตะกักของการขยับตัวลุก
ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ ตามองตา.. แล้วจึงละไปเปิดไฟกลางห้องให้ส่องสว่าง
“เจ็บมากไหม..”

อย่า..
อย่ามาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย เพราะม่อนแจ่มจะยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“สบ๊าย”
น้ำเสียงนั้นร่าเริงเกินเหตุจนพชรเลิกคิ้ว “ลุกไหวหรือเปล่า..”
ม่อนแจ่มยักไหล่อีกครั้ง ก้าวขาลงจากเตียง “ชิว ชิว เฮ้ย!”

ทรุดฮวบ..
ขาเรียวทรุดฮวบทันทีที่พยายามจะรับน้ำหนักตัว
อย่างไรก็ตาม พชรนั้นรู้ทันอยู่แล้ว มือแกร่งรวบร่างคนที่ ‘ชิว ชิว’ เอาไว้ไม่ให้ลงไปกองกับพื้น

อะ.. ม..มัน มันจะ ‘เปลี้ย’ ขนาดนี้เลยเหรอวะ?
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลายอย่างเขินอาย ลมหายใจอีกฝ่ายเป่ารดในระยะประชิด

“หิวไหม?”
...
ม่อนแจ่มเป็นคนซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องปากท้อง
“หิว” หน้าขาวพยักหงึกหงัก เหมือนใบหน้าคมสันนั้นจะยกยิ้มเล็กน้อยให้
“กินซะ อยู่บนโต๊ะน่ะ”

..อยู่บนโต๊ะ
ม่อนแจ่มค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ โดยที่มีมือของอีกคนประคองไว้
เปิดชามออกดูก็เห็นเพื่อนเก่านามว่า ‘ข้าวกะเพราหมูกรอบ’
คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
ข้าวก็ซื้อไว้ให้.. เสื้อผ้านี่อีก ก็คงใส่ให้..
ร่างกายไม่รู้สึกเหนอะหนะ ..คงจะเป็นพชรอีกนั่นแหละที่ดูแล
ทำไมต้องทำขนาดนั้น ถ้าหากไม่..
แต่ถ้าหาก.. ทำไมถึงดูเครียดขนาดนี้..

          “แล้วพชรกินอะไรหรือยัง?”
ม่อนแจ่มถามขณะตักข้าวกะเพราหมูกรอบ
อีกฝ่ายไม่ตอบ..
นับตั้งแต่เที่ยง พชรไม่ได้กินอะไรอีกเลย ไม่กินเพราะไม่หิว ..และไม่หิวเพราะไม่อยากกิน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “เดี๋ยวอยากไปอาบน้ำ บอกนะ”
พชรเข้ามาเก็บจานไปวางไว้บนโต๊ะพับ เมื่อร่างเล็กกินเสร็จเรียบร้อย พร้อมเอาขวดน้ำมาวางไว้ให้
การกระทำแบบนั้นทำให้ม่อนแจ่มพ่นลมหายใจ

            ‘พชรเป็นคนมีน้ำใจนะ..’
 
หูได้ยินเสียงไอดิลอีกครั้ง และถึงแม้ไอดิลจะไม่พูด ม่อนแจ่มก็ตระหนักในข้อนั้นดีอยู่แล้ว
ไม่หรอก สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดพชรเลย พชรไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องเครียดคนเดียว ..เราจะรับผิดชอบร่วมกัน..

“มึงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ กูสบายๆ” ม่อนแจ่มฝืนเอ่ยเสียงหนัก
“ไม่ต้องเครียดเลย ผู้ชายเหมือนกัน กูไม่ท้อง แล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไร”
ร่างเล็กพยายามหยัดตัวลุกขึ้น จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งให้รู้ว่าหมายความตามนั้น
“มันเป็นแค่อารมณ์ มึงต้องการ กูต้องการ เท่ากับ เซ็กส์ จบ! กูรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ต้องมาดูแล”

          “อะ..เอ่อ”
ไอดิล.. ผู้ซึ่งซื้อดอกกุหลาบชมพู พร้อมการ์ด ‘Just Married’ เตรียมมาร่วมแสดงความยินดีชะงักกึก
ก่อนออกไปก็เอาหูแนบประตูแล้วนะ และก็ใช้ความฉลาดอันเปี่ยมล้นของตัวเองประเมินสถานการณ์แล้วว่า ‘ได้กันชัวร์’ จึงจัดแจงซื้อสองอย่างนี้มา
แล้วนี่คืออะไร? ร่องรอยความคุกกรุ่นนี้..
มันไม่.. แบบว่า.. แฮปปี้ เอ็นดิ้งเหรอวะ?
สายตาม่อนแจ่มและพชรที่หันมามองเขาเป็นตาเดียว เขา.. ที่มือข้างหนึ่งจับลูกบิดประตูและถือดอกกุหลาบกับการ์ดไว้ในมืออีกข้าง ..ทำให้ไอดิลรู้สึกว่าตัวเองมาผิดงาน
“เอ่อ.. หมอก กุหลาบกับการ์ดชอบมากเลย ขอบคุณที่ซื้อให้ จุ๊บ จุ๊บ!”
ไอดิลรีบปิดประตู กลับหลังหันอย่างไวว่อง มีไอหมอกเลิกคิ้วให้อย่างงงๆ

         ไอดิลคล้อยหลังไปแล้ว สองคนในห้องจึงหันมามองกันเองอีกครั้งหนึ่ง
พชรมองคนตรงหน้าอย่างตัดสินใจ
ม่อนแจ่ม.. เขาจะเริ่มต้นอย่างไรดี..
เขาติดค้างอีกฝ่ายมากมายเหลือเกิน ..ติดค้างคำอธิบาย และตอนนี้.. ติดค้างความรับผิดชอบ

           พชรครุ่นคิด และ.. ม่อนแจ่มก็รู้ว่าคนตรงหน้าครุ่นคิด
“มึงอย่าไปคิดอะไรมากมาย” ปากเรียวเม้มแน่น แล้วจึงเอ่ยหนักๆ พยายามให้ฟังดูเข้มแข็งสมชายชาตรี
“กูเสียใจด้วยที่มึงรู้สึกแย่ แต่มันก็ผ่านไปแล้วเปล่าวะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ก็แล้วกัน”
“กูไม่ได้พูดว่ารู้สึกแย่เลยสักคำนะ”
ร่างเล็กยืนกอดอก ปากบอกไม่แย่ แต่หน้ามึงไปแล้วเหอะ
“ไม่แย่ก็ดี เพราะมันก็แค่.. เซ็กส์” ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย “..เรื่องธรรมดา”
..
“คิดว่าเป็นแค่นั้นจริงหรือ?” พชรมองตา
“กู..” ม่อนแจ่มอึกอัก
ไม่.. ไม่ใช่แค่นั้น..
ที่ทำกับพชรไม่ใช่แค่นั้น และที่พชรทำกับเขา ..ก็ไม่ใช่แค่นั้น ..ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด
ใบหน้าที่ขึ้นสีจัดก้มลงเล็กน้อย เสียงเล็กยอมรับแผ่วๆ
“ไม่ใช่..”

          พชรเห็นด้วยว่าไม่ใช่
ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมมีอะไรกับผู้ชายอีกคนที่ตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยอย่างดื่มด่ำขนาดนั้น
ร่างกายของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบยามถูกเขาสัมผัสและสนองกลับอย่างละเมียดละไมพอกัน
กอด.. จูบ.. สอดประสาน.. ยินยอมให้ทำทั้งหมดอย่างเต็มใจ.. และตอบรับทุกสัมผัสอย่างลึกซึ้ง
ซึ่งนั่น.. ไม่ใช่แค่เซ็กส์ 

           “ไปอาบน้ำได้แล้วไป”
เสียงเข้มเอ่ยขึ้น ตัดบทสนทนาตรงหน้าให้หยุดลง แม้จะรู้ดีว่าหยุดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นเอง
ขายาวก้าวไปหยิบผ้าขนหนูสีชมพูที่ตากอยู่ตรงระเบียงมาพาดไว้กับท่อนแขนและหยิบตะกร้าสีฟ้าลายหัวใจมาถือไว้
ถึงจะเช็ดทำความสะอาดแล้วก็เถอะ แต่มันไม่เหมือนการชำระร่างกาย ม่อนแจ่มคงยังไม่สบายตัวเท่าไรอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม คนถูกเชิญอาบน้ำไม่ได้รู้สึกยินดี
อันนี้คือเราพูดกันรู้เรื่องแล้วใช่ไหมวะ? มึงถึงจะเปลี่ยนประเด็นให้กูไปอาบน้ำ
ม่อนแจ่มยืนนิ่งไม่ขยับ

         “ไปอาบน้ำ มาเร็ว”
ไอ้..พชร..
“กูยังไม่อยากอาบ มึงจะอาบ ก็ไปอาบก่อน”
“ก็ได้” พชรพยักหน้า “แต่.. กูเจอเพื่อนมึงด้วย ในห้องน้ำ” เสียงขรึมเอ่ยเสริมเรียบๆ
“ถ้าไปอาบตอนนี้ กูจะไปเป็นเพื่อน แต่ถ้าหลังจากนี้ ..ตัวใครตัวมันนะ”
อะ.. ไอ้..   
ม่อนแจ่มอ้าปากพะงาบๆ
“บ..แบบเล็กๆหรือโตเต็มวัย”
..
“โตเต็มวัย”
หะ..
“มึง.. มึงอย่ามาขู่กูนะ กูไม่..”
ม่อนแจ่มไม่กลัวหรอก แค่นึกภาพแล้วขาสั่น แค่นั้น..

พชรยักไหล่น้อยๆ วางตะกร้าสีฟ้าไว้ที่เดิมและตั้งท่าจะเดินเอาผ้าขนหนูกลับไปพาด
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มตะกุกตะกักขึ้นมา
“กู.. กูไปอาบตอนนี้ก็ได้ แค่.. แค่ไม่อยากให้มึงมาเซ้าซี้หรอกนะ”
พชรลอบยิ้มให้ความกลัวที่น่ารักที่สุดที่เคยพบ ผ้าขนหนูสีชมพูยังพาดบ่า มือข้างหนึ่งถือตะกร้าช่องหัวใจสีฟ้า อีกข้างจูงมืออีกฝ่าย

ให้ตายเถอะ.. ม่อนแจ่มอยากจะม้วนๆ แล้วกลิ้งไปห้องน้ำแทนที่จะเดิน
ท่อนล่างปวดหนึบเล็กน้อย แข้งขายังคล้ายจะไร้เรี่ยวแรง แต่เขาไม่สนใจมันแล้วในตอนนี้ มือแกร่งอบอุ่นที่กอบกุมมือตัวเองอยู่นี่ต่างหาก.. มือข้างเดียวกันกับที่ประกบลงกับฝ่ามือเขาเพื่อปลอบประโลมกายใจในตอนที่..
ใบหน้าขึ้นสีจัดได้แต่ก้มลง ไม่ยอมเงย
   
          ไม่มีการพูดอะไรเมื่อเข้ามาภายในห้องน้ำรวม..
มือแกร่งผลักประตูห้องที่ว่างอยู่ มองสำรวจภายใน แล้วพาดผ้าขนหนูกับวางตะกร้าไว้ให้ พยักพเยิดให้อีกฝ่ายเข้าไป
ม่อนแจ่มเองก็ไม่พูดบ้าง ได้แต่ก้าวขาเข้าไปในห้องน้ำ..
ร่างสูงยืนพิงผนัง ใกล้อ่างซักล้าง ตามองประตูห้องอาบน้ำฝั่งตรงข้าม หูเงี่ยฟังว่าคนข้างในโอเค ไม่เจ็บ ไม่ปวดมากจนยืนไม่อยู่

         “อือ..”
ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงครางเบาๆ จากข้างใน ขายาวจึงรุดไปเคาะประตูห้อง
“เป็นอะไร เจ็บหรือไง?”

“เปล่า” เสียงเล็กพึมพำ “น้ำมันเย็น กูหนาวเฉยๆ”
พชรส่ายหน้าเอ็นดู กลับไปยืนรอที่เดิม

           ไม่นานนัก ร่างเล็กก็ออกมา ตัวหอมฉุยแม้จะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาเปลี่ยนให้เมื่อตอนเย็น
หอมจนอยากคว้ามากอดแรงๆ แล้วซุกไซร้อีกรอบ ..ซึ่งก็ไม่น่าใช่ความคิดที่ดี
พชรถอนหายใจน้อยๆ เดินไปส่งอีกฝ่ายที่ห้อง พอดีกับที่ไอดิลและไอหมอกออกมาจากห้องสามสามหก พร้อมใบหน้าที่คิ้วเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ เหมือนไม่รู้ว่าตกลงตัวเองมาถูกหรือผิดงานกันแน่
พชรพยักหน้าให้ทั้งสองเป็นการทักทาย ก่อนจะละออกมายืนริมระเบียงทางเดิน พยายามคิดให้ออกว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป.. หรือควรจะพูดอะไร.. และแค่ไหนดี..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

        “อะ..แฮ่ม”
แน่นอนว่าไอดิลไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้แซวม่อนแจ่มให้ผ่านพ้นไป
“ปากไม่ค่อยพูดกัน แต่ความสัมพันธ์ แม่ง.. โคตรไกล”
..
“นี่กูพูดลอยๆนะ” ไอดิลรีบเสริมพร้อมหัวเราะล้อเลียนน้อย
“มึงนี่!” ม่อนแจ่มหน้างอ แม้จะขัดเขิน แต่ก็ปาหมอนใส่คู่ซี๊เบาๆ
“เออ ก็กูนี่ไง” ไอดิลรับหมอนอิงลายหมูพูห์กอดช่อดอกไม้มาไว้ในมือ “แล้วมึง อะไรของมึง? ไม่ทันไร ทำหน้าอย่างกับโดนผัวทิ้งซะแล้ว?”
“ไอ้ดิ้ล!” ม่อนแจ่มว้าก
ฮ่ะๆ!  ไอดิลหัวเราะลั่นอีกครั้ง
“กูล้อเล่น กูล้อเล่น! มันไม่ได้ทิ้ง กูเห็นยืนทำหน้าคิดอะไรอยู่ที่ระเบียงทางเดินนู่น”
ม่อนแจ่มถอนหายใจ “ใช่.. พชรมีอะไรต้องคิดมากมาย..”
“มึงเองก็เหมือนกัน” ไอดิลเดินมาทรุดนั่งด้วยกันบนเตียงล่าง “คิดอะไรของมึงถึงได้ แบบว่า.. ปล่อยให้ไปไกลขนาดนั้น”
หงึ.. ม่อนแจ่มโคลงศีรษะอย่างไร้คำพูด “กู กูไม่รู้.. ไม่ได้คิดอะไรเลย”
“โธ่ ไอ้ม่อน!”
“ก็.. กูไม่ได้คิดจริงๆ มึงไม่เข้าใจเหรอ ถ้า.. ถ้าเป็นหมอก มึงจะไม่.. เอ่อ.. ยอมเหรอ”
“ยอมสิ” ไอดิลยอมรับตรงๆ “กูก็พยายามยั่วยวนมันอยู่ทุกวันนี่ไง”
ม่อนแจ่มหลุดหัวเราะน้อยๆกับถ้อยคำนั้น คนพูดเองก็หัวเราะเช่นกัน ทว่า ก็มองเพื่อนหนุ่มอย่างเอ็นดู
ถ้าเป็นไอหมอก ไอดิลก็จะยอม แน่นอน.. มันจะเป็นแบบนั้น แต่ไอหมอกกับเขานั้นคบหากันมานานพอสมควร รู้จัก รู้ใจ ครอบครัวก็รับรู้ความสัมพันธ์ดี แต่ในกรณีของม่อนแจ่มกับพชรนั้น.. ทั้งสองคนเพิ่งรู้จักกันเทอมกว่า ซ้ำรู้เรื่องราวของอีกฝ่ายน้อยมากเหลือเกิน
ทว่า นั่นแหละนะ.. มันเกิดขึ้นไปแล้ว แม้จะเสี่ยงเหลือเกินในความรู้สึกไอดิล แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าม่อนแจ่มคงยอมเสี่ยงอย่างไม่หลีกเลี่ยง เพื่อนเขาดูเป็นคนตัวเล็ก ลูกคุณหนูขี้หวาดกลัวก็จริง แต่คบกันมาจนถึงเวลานี้ เรื่องซื่อสัตย์กับความรู้สึก ไอดิลยกให้ม่อนแจ่มจริงๆ
อะไรพาคนสองคนมาถึงจุดนี้เร็วขนาดนี้? ไอดิลคงไม่อาจตอบได้ เพราะก็มีแต่คนสองคนเท่านั้นแหละที่จะเป็นคนตัดสิน มันเป็นเรื่องสายใยของจิตใจ ซึ่งบางครั้ง.. อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่เคยรับรู้มา

“ไอ้ม่อน..”
..
“แล้วตกลงมึงสองคน.. คุยกันดีแล้วใช่ไหม?”
ไอดิลไต่ถามค่อยๆ เพราะคราแรกที่เปิดประตูห้องเข้ามานั้น รูมเมทสองคนทำท่าราวกับกำลังจะเซ็นใบหย่าอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่รู้สิ..” ม่อนแจ่มส่ายหน้า
พชรจูงมือเขาไปอาบน้ำ พชรพากลับมาส่งห้อง แต่เรื่องอื่นนั้น..
“พชรดูไม่สบายใจเลย แล้วก็.. เหมือนไม่ค่อยอยากพูดกับกูสักเท่าไหร่”
“เพราะมึงพูดไม่รู้เรื่องหรือเปล่า” ไอดิลล้อ พยายามช่วยให้บรรยากาศแช่มชื่นขึ้น
ม่อนแจ่มหน้างอ “แล้วมึงเป็นคนพูดรู้เรื่องนักสิ?”
ฮ่ะๆ!  ไอดิลหัวเราะลงลูกคอ “กูก็พูดไม่รู้เรื่องเหมือนกัน”
“แล้วใครจะพูดรู้เรื่องล่ะ?”

ก๊อก ก็อก..

ประตูห้องสามสามแปดถูกผลักเปิดออกในอึดใจต่อมา
“ดิ้ล.. เอ้า อมยิ้มที่ให้ซื้อฝาก”
ไอหมอกนั่นเอง มือใหญ่ยื่นซองกระดาษมาเบื้องหน้า “กินเสร็จแล้ว อย่าลืมแปรงฟันให้สะอาดล่ะ”
..
..ไร้การตอบรับจากภายใน
ดวงตาสองคู่จ้องไอหมอกเป็นตาเดียว คนถูกจ้องจึงเลิกคิ้วงงๆ “มองอะไร?”
..
แล้วสองร่างเล็กก็ประสานเสียงใส่ผู้มาใหม่
“มองคนพูดรู้เรื่อง!”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

             การมองฟ้าไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาอะไร แต่ดวงตาสีเข้มก็ติดนิสัยที่จะมอง
อาจเพราะคุ้นเคยกับชีวิตในสวนที่พอเงยหน้าก็เห็นท้องฟ้ากว้างเสียแล้วกระมัง
ร่างสูงเลี่ยงมายืนริมระเบียงทางเดิน พชรไม่อยากอยู่ในห้องสามสามแปดขณะใช้ความคิด เพราะการอยู่ใกล้ม่อนแจ่มทำให้คิดอะไรไม่ออกเลย

             การสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่พชรนึกว่าจะทำลงไป อยากจะกระทืบตัวเองให้จมฝีเท้านักที่ไม่อาจยับยั้งชั่งใจ  แม้จะปฏิเสธไม่ได้.. ว่าความรู้สึกให้และรับที่เกิดขึ้นนั้นมันพิเศษจนไม่มีคำบรรยาย แต่มันไม่ถูกต้อง..

“แม่เก็บไว้มานาน แต่ก็ไม่ได้อยากเก็บไว้อีกแล้ว”
..
“แม่ยกให้พชร.. อยากจะเก็บไว้ ทิ้งหรือเอาไปไหน ..ก็ตามแต่ใจพชร”


พชรขบริมฝีปากแน่น
มารดาอุตส่าห์ยินยอมมอบเช็คอายุสิบเก้าปีนั้นให้แก่เขา แม้ขณะรู้แน่แก่ใจว่าเขาไม่อาจนำไปเปิดเผยต่อนายพจน์ได้ เธอยินยอมที่จะให้เขาคงสถานะม่อนแจ่มเอาไว้..
พชรเอาเช็คไปให้ระมิงค์ และมันควรจะจบตรงนั้น ก่อนเรื่องของเขาและม่อนแจ่มจะกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ค่อยๆจางไป ทว่า ตอนนี้.. เขาทำให้ตัวเองก้าวผ่านจุดนั้นอย่างไม่มีวันหวนกลับไปได้แล้ว

           พชรต้องบอกม่อนแจ่ม..
ด้วยความสัมพันธ์นี้ ช้าหรือเร็ว มันก็ต้องนำไปสู่ความจริงจนได้
ถ้าเป็นเขาบอก มันจะดีกว่าไหม แล้ว.. ควรจะบอกว่า.. อะไรล่ะ..

ม่อน.. จำเพชรลดา เพชรหละปูนที่คุณพ่อม่อนถามถึงวันก่อนได้หรือเปล่า..

ท่านคือแม่ของกูเอง ..คือคุณน้านิภาที่ม่อนเรียกขานวันนั้น ..คืออดีตคนรักของคุณพจน์ ประดิษฐาพงศ์

และ.. กูก็คือลูกที่เกิดจากเขา..

แต่ว่า.. เราไม่ใช่พี่น้องกันหรอกนะ

เพราะ..


มือแกร่งเกาะขอบปูนแน่นเกินความจำเป็น ฟันบนและล่างกระทบกันกึกเพราะแรงกัด
ขมับปวดตุบเพราะไม่ได้พักผ่อนนานเกินไป

          “พชร..”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ร่างกำยำริมระเบียงทางเดินสะดุ้งขึ้น ใบหน้าคมสันหันกลับไป
ถ้านับจากความถี่ในการขานชื่อ 'พชร' คนเรียกคงเป็นม่อนแจ่ม ทว่า คราวนี้ไม่ใช่ กลับเป็น ..ไอหมอก
“มีอะไรหรือ หมอก?” พชรทักกลับงงๆ “ใครเป็นอะไรหรือไง? ม่อน!”
พูดคำนั้นแล้วก็ตกใจขึ้นมา ตั้งท่าจะออกเดินกลับห้อง
ม่อนแจ่มเจ็บตรงไหนหรือเปล่า หรือล้ม หรือ..

“เปล่า เปล่า!” ไอหมอกรีบปฏิเสธ ก้าวมาหยุดยืนข้างๆ “ม่อนปกติดี แค่.. เป็นห่วงพชร”

เป็นห่วง..
 
“ช่วงนี้ พชรดูเครียดไปนะ” เสียงเข้มของอีกคนเอ่ยน้ำเสียงสบายๆ แต่ก็แฝงด้วยความจริงจัง
“ม่อนน่ะ.. เป็นห่วงพชร ไอดิลก็ด้วย ถ้ามีอะไร พชรก็คุยได้นะ ถือว่าไอดิลกับม่อนเป็นเพื่อน”
ไอดิลนั้นเป็นเพื่อนแน่ละ แต่ก็ต้องพูดถึงทั้งคู่ในสถานะเดียวกัน แม้ไอหมอกออกจะแน่ใจว่าตอนนี้ม่อนแจ่มไม่ใช่เพื่อนของพชร และไม่มีประวัติว่าเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนหน้านี้ด้วย

พชรถอนหายใจน้อยๆ 
รูมเมทของเขาแน่ๆล่ะที่รวมพลังส่งหนุ่มวิทยาฯเคมี ผู้ซึ่งดูดีมีเหตุผลคนนี้มา
“ขอบใจมากหมอก” เสียงเข้มตอบรับผู้มาใหม่ ก่อนจะเสริม “แต่เป็นเรื่องที่บ้านน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
ไอหมอกพยักหน้า “ก็คือ.. ไม่มีอะไรที่เพื่อนช่วยพชรได้สินะ”
“อืม..” อีกฝ่ายตอบแบ่งรับแบ่งสู้ “เป็นเรื่องครอบครัวน่ะ..”
“ตอนที่กูถามว่า ช่วยพ่อแม่ทำสวนมาตั้งเด็กเลยหรือเปล่า พชรชะงักไปเลย ถ้าสิ่งที่กูพูดทำให้ไม่สบายใจ ต้องขอโทษทีนะ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหมอก” พชรส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะถอนใจอย่างยอมรับ
“กูไม่ได้อยู่กับพ่อ จริง.. แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก” ใบหน้าคมพยายามยิ้ม “บอกไอดิลด้วยว่า ..ไม่ต้องห่วง”
ซึ่งไอดิลก็คงไปบอกม่อนแจ่มอีกทีนั่นแหละ
หรืออาจไม่จำเป็นต้องบอกอีกทีเลยก็ได้.. พชรขมวดคิ้วเมื่อเห็นเงาสองร่างอยู่บนพื้นเยื้องห้องที่อยู่ติดกันนี้

         ครอบครัว.. เรื่องครอบครัวสินะที่พชรเครียด
ม่อนแจ่มยืนถัดจากไอดิล เสียมารยาทแอบฟังอยู่ที่หน้าห้องติดกับระเบียงทางเดิน
นึกอยากให้ตัวเองเป็นไอหมอก ..เป็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ..รับฟังเรื่องราวของพชร
แต่เขาก็เข้าใจ ไอหมอกดูเป็นผู้ใหญ่และน่าคุยเรื่องที่เป็นสาระกว่ามาก เมื่อเทียบกับเขาหรือไอดิล
ม่อนแจ่มถอนหายใจบ้าง มิน่าเล่า.. พชรถึงดูเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อการสนทนาดำเนินไปถึงเรื่องพ่อ
ตอนที่ไอดิลพูดถึงพ่อๆของเจ้าตัวก็ทีหนึ่งแล้วที่พชรทำหนังสือหล่น ทั้งๆที่ตามปกติ พชรเป็นคนระมัดระวังและไม่ซุ่มซ่ามเลย

          พชร..
ไม่ว่าคุณพ่อพชรจะเป็นใคร
ถ้าเขาได้รู้จักพชร ..เขาจะต้องดีใจแน่ที่รู้ว่าตัวเองมีลูกชายที่เอาการเอางาน เป็นสุภาพบุรุษและมากด้วยน้ำใจแบบนี้
คุณน้านิภาเองก็แสนสะสวยและใจดีเหลือเกิน ทำไมพ่อพชรถึงไม่อยู่กับเธอและพชรนะ.. ม่อนแจ่มพลอยเสียใจไปด้วยจริงๆ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 31-08-2016 22:50:18
            ไฟในห้องสามสามแปดดับมืดลงแล้ว 
พชรอาบน้ำและเดินกลับเข้ามาในห้องนอน ขาแข็งแรงก้าวไม่เร็วนัก ศีรษะส่ายไปมาอย่างมึนงงเล็กน้อย ดูเหมือนสายน้ำเย็นไม่อาจขจัดความอ่อนเพลียออกไปได้ในยามนี้
รูมเมทเตียงบนหลับปุ๋ยไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ..รูมเมทเตียงล่างยังนั่งใส่แว่นแดงตาใสอยู่บนเตียง คิ้วพชรเลิกขึ้น
“ยังไม่นอนอีกหรือ?”
ม่อนแจ่มกัดปาก ไม่ตอบ..
พชรชักจะเป็นห่วง มือแกร่งวางถุงสายเชือกลงบนโต๊ะ โยนเสื้อผ้าชุดเก่าลงตะกร้า แล้วก้าวยาวๆไปหน้าเตียงล่าง
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ดวงหน้าขาวพยักรับ ชี้ส่งๆไปบริเวณหน้าท้องตัวเอง
พชรถือวิสาสะพาดผ้าขนหนูไว้กับเก้าอี้ แล้วก้มศีรษะลง ขยับลำตัวเข้าไปนั่งบนเตียงเพื่อสำรวจร่างกายอีกฝ่ายใกล้ๆ
“เจ็บตรงไหน บอกกูซิ..”
..
..
ไม่มีคำตอบ.. ม่อนแจ่มได้แต่มองหน้าอีกฝ่าย
ไม่รู้จะตอบอะไร เพราะไม่ได้เจ็บ
แค่เป็นแผน.. แค่เพราะอยากให้พชรเข้ามาใกล้ๆ ม่อนแจ่มจะได้..วางมือตัวเองบนมือของพชร
ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะแทบไม่รู้เรื่องราวของพชรเลย แต่เขาก็ยังอยาก..

            ..ปลอบโยน
นี่คือสิ่งที่ม่อนแจ่มทำ ..และพชรเองก็รู้
มือเรียวขาวเนียนวางทาบบนมือใหญ่ของเขา ..ใบหน้าคมก้มลงมอง ก่อนจะเงยขึ้นกลับมามองดวงตา..
ดวงตาคู่ที่เป็นประกายแม้ในแสงสลัว ดวงตาที่ราวกับจะมีไว้มองเขาเพียงคนเดียว ดวงหน้าขาวที่เอียงคอน้อยๆ
น่ารัก.. ไม่มีคำไหนจะนิยามม่อนแจ่มได้ตรงกว่านี้
..You’re so adorable..

            พชรเคยเป็นคนเข้มแข็ง การทำงานหนักสร้างเสริมให้ตัวเองกล้าแกร่ง แทบไม่เคยมีเรื่องให้ต้องได้รับการปลอบประโลมใจจากใคร เขาเองจึงไม่คุ้นเคยกับการรับความห่วงใย ทว่า ครานี้ เขายอมรับความอ่อนแอของตัวเอง
มือใหญ่อีกข้างวางทาบบนมือเล็ก ..ตอบรับการปลอบโยน

           “ยังเจ็บไหม..” เสียงเข้มถามคำถามเดิม มือเลื่อนไปวาดลงเบาๆบนสะโพกของคนตรงหน้า
ศีรษะเล็กส่ายไปมาแทนคำตอบ ถามว่ารู้สึกปวดไหม? แน่นอนว่าใช่ แต่ม่อนแจ่มรู้ ..ซึ้งแล้วว่าพชรทะนุถนอมมากแค่ไหน
รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามยั้งตัวเองไว้มากเพียงใด  รู้ว่าคำถามซ้ำๆว่าเจ็บหรือไม่ มาจากความห่วงใยอย่างจริงใจ ..เท่านั้นก็พอ..

           “ม่อน..”
น้ำเสียงที่เรียกไม่ได้มั่นคง เรื่องราวมากมายตีกันอยู่ในหัว แต่ไม่อาจกลั่นเป็นถ้อยคำออกจากปากได้แม้แต่คำเดียว ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน
ม่องแจ่มพิจมองคนตรงข้าม โครงหน้าคมสันเด่นออกมาในความมัวหม่นของห้องเล็ก ลมหายใจที่เป่ารดในระยะประชิดนั้นอ่อนบาง รอยคล้ำเบื้องล่างดวงตาคือหลักฐานการไม่ได้พักผ่อน
พชรเครียด.. พชรเหนื่อย.. แล้วตอนนี้ก็ล้ามาก.. ม่อนแจ่มรับรู้เพียงแค่นั้น..
“ง่วงไหม..” เขาถามค่อยๆ

มาก..
หน้าเข้มพยักหน้ารับ

สองแขนเรียวยกขึ้น โอบร่างใหญ่ไว้เท่าที่จะทำได้ ใบหน้าทาบฟังเสียงหัวใจภายใต้แผ่นอกกว้าง
การปลอบโยนประเภทไหนไม่รู้ แต่มันอบอุ่นจนอยากจะอยู่ในวินานี้ตลอดไป
พชรยอมจำนนเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับ แขนแข็งแรงค่อยๆกอดตอบแนบแผ่นหลัง หน้าคมซบลงกับไหล่เล็ก
ความรู้สึกลึกซึ้งผูกพันแน่นแฟ้นจนกระทั่งถึงตอนนี้.. ตอนที่ไม่อาจถอนตัวถอนใจได้อีกแล้ว

ม่อนแจ่มกระชับอ้อมแขนรั้งไหล่หนา วอนขอให้ล้มตัวลงนอน และ.. ร่างใหญ่กว่าก็เชื่อตาม
..
“หลับซะนะ ..พชร”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 31-08-2016 23:20:31
ดีมากเลย ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-08-2016 23:58:05
เข้มแข็งเข้าไว้นะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 01-09-2016 00:08:49
มันหน่วงมากกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: zzzzzz ที่ 01-09-2016 00:17:30
งืื้อออออออออ






 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 01-09-2016 04:27:31
ใช้เหตุผลคุยกันนะ
อาจจะบอกได้ไม่เต็มปากถึงเรื่องครอบครัว
แต่หวังว่าพชรจะได้ปลดปล่อยมันออกมาเสียที
มือที่จับกันไว้ อย่าจับแน่นเกินไปหรือปล่อยคลายจนหลุดออกนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 01-09-2016 05:15:17
สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายอีก ใครเอาดอกพิกุลออกจากพชรที
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 01-09-2016 07:01:25
อ่านแล้ว ค้องถอนหายใจยาวๆๆๆๆๆ  มันดีงามแบบหม่นๆ นี่สินะเสน่ห์ของเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-09-2016 07:22:35
เฮ้ออออ :เฮ้อ: หน่วงค่ะหน่วง เมื่อไหร่ดราม่าจะผ่านไปค่ะเนี่ย สงสารพชร สงสารม่อน เฮ้ออออ มันไม่ใช่เรื่องที่เด็กทั้งคู่ต้องมาเครียดเลย ถ้าผู้ใหญ่ไม่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้แล้วไม่รับผิดชอบกัน นี่ถ้าแม่ของม่อนบอกตั้งแต่แรกว่าท้องให้แต่งแต่ในนามอยู่ด้วยกันซักปีสองปีแล้วก็หย่าเรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 01-09-2016 07:22:49
ยังต้องผ่านอุสรรคกันอีกเย๊อะ เปนกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 01-09-2016 08:10:07
สงสารทั้งคู่ :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 01-09-2016 08:42:33
เป็นกำลังใจให้พชร  :mew2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 01-09-2016 09:08:14
พชรยอมม่อนทุกครั้งเลย ยอมรับหัวใจตัวเองได้แล้ว แล้วก็บอกม่อนไปความรู้สึกนะ

ส่วนเรื่องครอบครัว ก็ค่อยๆบอกความจริง เชื่อว่าม่อนคงรับได้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 01-09-2016 11:21:24
ยังคงหน่วงงใจกับเรื่องคุณพ่อออ
อยากให้รู้ๆกันไปเลย // นี่ใจร้อนมาก 555

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-09-2016 12:20:58
แบกคนเดียวมันหนักให้ม่อนแจ่มช่วยก็ได้ ตอนนี้ต่างเป็นคนสำคัญของกันและกันแล้ว
ม่อนแจ่มดูบอบบางแต่อาจจะแกร่งกว่าที่ทุกคนคิด
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-09-2016 12:57:20
ถ้าม่อนแจ่มรู้ความจริงคงไม่โทษพชรหรอก ได้สัมผัสกับตัวเองตลอดว่าพชรเครียดขนาดไหน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 01-09-2016 13:43:48
พชรคงเครียดมากกก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
เพราะตอนนี้ไม่สามารถตัดใจจากม่อนได้อีกต่อไปแล้ว
ขอให้จับมือกันและก้าวผ่านปัญหาไปด้วยความเข้าใจกันนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 01-09-2016 14:50:55
บางทีการพูดอะไรออกมาบ้างไม่ใช่เก็บไว้คนเดียวแบบนี้ปัญหาที่คิดว่ามากมายอาจจะไม่เกิดหรืออาจจะได้ทางแก้ก็ได้นะ พชร  :mew2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 01-09-2016 15:37:54
พูดออกไปเถอะพลร ความลับไม่มีในโลก
พยายามขนาดนี้ก็เห็นแล้วว่าหนีไม่พ้น
ยังไงวันนึงเรื่องราวก็ต้องเปิดเผย จะทนเก็บความหน่วงไว้ต่อไปทำไม
ผ่านไปด้วยกันนะพชร อย่าเก็บไว้คนเดียวเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-09-2016 18:11:57
พชร เลือกที่จะเก็บความทุกข์ไว้กับตัว
แต่ความทุกข์ของพชร มันกระจายไปหาม่อน
ทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเลย เห็นพชรทุกข์
ม่อนก็ตีความว่า พชรทุกข์ที่มีอะไรกับม่อน
ถ้าค่อยๆ ทะยอยเล่าให้ม่อนรู้ ทีละน้อย
จะดีกว่าไหม   
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 01-09-2016 21:59:48
เอ็นดูม่อนแจ่มมากๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 02-09-2016 17:02:20
น้ำท่วมปากสินะพชร เฮ้อ....เลยค่ะป้า

จะบอกม่อนยังไงก็ทำให้ม่อนเจ็บไปซะทุกทาง

ความอับจนหนทางที่สื่อออกมาของพชรพาใจป้าหน่วงสุดๆ

แต่ก็นะ ความไอดิลช่วยลดหน่วงได้จริงๆ 555+อะไรคือการฉลองjust marriedของดิ้ลน่ะหึ๊ ฮาได้อีกจ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-09-2016 21:34:56
ลุ้นมาก ลุ้นเวอร์ แทบหายใจไม่ทัน

พชรรักอยู่แล้ว ยิ่งมาเป็นแบบนี้ อย่าปล่อยไปอีกนะ
ม่อนแจ่มน่ารักมาก เป็นห่วง อยากรู้ รู้ใจจริงๆ

ขอให้หวานได้นานๆนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 02-09-2016 23:11:29
เป็นความสุขที่ผสมความหน่วงๆ
ชอบการแสดงออกของพชรกับม่อนแจ่มนะ รับรู้ได้เลยว่ารักและห่วงใยกัน
แต่ปัญหาในใจตอนนี้มันหนักหนาอ่ะ สงสารทั้งคู่
พชร แบบถอยก็ไม่ได้แล้ว แต่จะเดินหน้าต่อ บอกความจริงม่อน คือก็พูดยากจริงๆแหละ
แต่ยังไงก็ต้องทำ สู้ๆนะพชร ส่วนม่อนก็ขอให้ผ่านไปให้ได้เนอะ
รู้สึกกลัวว่าสองคนนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงเพราะปัญหานี้จัง
เชื่อมั่นในความรักของทั้งคู่นะ แต่กลัวใจม่อนเพราะเรื่องครอบครัวนี่แหละ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-09-2016 00:11:41
โห้ยยยยยยยยยยยชอบบม่อนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ความคิดม่อนน่ารักจริงๆ ดี๊อ่ะ มีความลึกซึ้ง  //พชรจะพูดอะไรก็พูดเถอะ รู้สึกยังไงก็พูดออกมาบ้าง ถ้าจะให้ดีบอกความจริงไปเล้ย เจ็บตอนนี้ดีกว่ายื้อไปไกล อาจจะยิ่งทำให้ม่อนคิดเปรียบเทียบเพราะงั้นเพราะงี้ใช่ไหมมาประกอบได้หลายๆเหตุผลหลังรู้ความจริงแล้ว ยิ่งถ้าพ่อมาเห็นหน้าพชรแบบนี้ก็อาจจะทำให้คิดถึง เลยมาหาบ่อยๆ ถึงตอนนั้นละไม่อยากจะคิด โอ๊ยยยยย //ม่อนตามจริงก็ไม่ได้อบอุ่นจากครอบครัวเลย ป้าเพ็ญแม่ครัวเลี้ยงมา กิรกรรมครอบครัวร่วมกัน??แสดงความรักต่อกัน??ไม่ชิลเป็นกันเองเกรงตลอดต่อหน้า ก็เพราะว่า...... ยังคิดอยู่ว่าโตมาได้น่ารัก ร่าเริงได้ขนาดนี้ คือยังไง ต้องโลกสวยขนาดไหน บางทีม่อนก็อาจกดความรู้สึกพวกนั้นไว้ก็ได้นะ อืมมมมม อย่าให้ถึงวันระเบิดออกมา เพราะมันจะ.................. เดี๋ยวนะ นี้ตรูกำลังจะคิดไปดาวอังคาร คิดลึกคิดไกลไปไหม กลับมาก๊อนนน55555555555 //ก็แอบเครียดไปกับพชรอยู่ด้วยนะ มันก็จริงๆอะแหละ เพราะว่าแคร์เพราะว่าใส่ใจถึงได้แบบนี้ เชื่อมั่นในตัวม่อนนะพชร ก็รู้อยู่ว่าม่อนถึงจะกลัวแต่ก็ค่อยๆกล้าที่จะเผชิญ พยายามที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง สำคัยเลญต้องเป็นกำลังใจให้ม่อน น่าจะรู้ตัวนะว่า "พชร....." ที่ม่อนเรียก "พชร....."ที่ม่อนเอ่อยออกมาแทบทุกสถานการณ์ มันสื่อถึงอะไร แกคิดได้ไหมพชร เริ่มเหวี่ยงละ 555555555 //ขำม่อนตอนอยู่กับดิ้ล เถียงกันไหมมาน่ารัก และตอนพชรแกล้งให้กลัว "โตเต็มวัย" ไม่กลัวนะแต่ขาสั่นพั่บ ไม่อยากให้เซ้าซี้เนียนไปอี๊ก 555555555 //อยากรู๊วววววววววววววววจริงๆจะเป็นไงต่อไป พชรจะเลือกทำแบบไหน เอาสิมึง ตรูรอดูอยู่//แต่ว่าเรารออ่านตอนต่อไปนะค่ะไรท์ 555555 สนุกกกมาก ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ อยากอ่านอี๊ก ร๊ออออออออ ไฟท์ติ้งค่ะ ฮึบ  :katai4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: chen ที่ 05-09-2016 14:00:44
คือมันหนักคือมันหน่วง แต่คือมันเป็นรักที่หวานอมขมจริงๆ
พชรคืออดทนมากแมนมากคือดีมาก ทำสิ่งที่ควรทำแม้มันจะเจ็บปวด
เรารักคนอื่นเป็นนั่นแปลว่าเราก็ให้เกียรติตัวเองน้า ให้กำลังใจหนุ่มเกษตรปรัชญา
ม่อนจ้าๆ โตเร็วๆนะลูก เป็นผู้ใหญ่ช่วยกันประคับประคอง รักนี้ไว้นะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 07-09-2016 21:57:14
 :hao3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 31/8/59 CH.21 Fall For You P.15
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 09-09-2016 07:42:58
คิดถึงม่อน  :call:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 09-09-2016 10:15:26
 waiting for mon :mew3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 09-09-2016 10:35:56
เราเห็นหัวเปลี่ยนตอนแล้ว แต่ไหง ไม่มี :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 09-09-2016 10:48:03
CHAPTER 22: Forgotten Words

           ม่อนแจ่มขยับลำตัวน้อยๆ..
ดวงหน้าซุกซบกับแผ่นอกกำยำ ท่อนแขนแข็งแรงพาดผ่านเอว ลมหายใจสม่ำเสมอเป่ารดอุ่นๆ
ตาใสกะพริบปริบๆ.. เกร็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ บ้าจริง.. ก็นอนกอดกันมาทั้งคืนแล้วแท้ๆ
มือขาวเอื้อมอย่างเบาที่สุดเพื่อหยิบเอาแว่นบนโต๊ะเขียนหนังสือมาใส่ มองผ่านหน้าต่างกระจกฝ้าออกไปภายนอกซึ่งสว่างแล้ว แต่แสงแดดไม่จัดมากนัก น่าจะราวเจ็ดโมงเช้า ..และพชรยังไม่ตื่น

            ม่อนแจ่มไม่อยากรีบ ไม่อยากลุกขึ้น อยากนอนมองพชรนิ่งๆแบบนี้
เขาไม่เคยเห็นพชรนอนหลับในยามเช้ามาก่อนเลย ว่ากันตามจริง.. เขาไม่เคยเห็นพชรเลยด้วยซ้ำในตอนเช้า เพราะตื่นขึ้นมาก็เห็นเพียงเตียงเดี่ยวว่างเปล่า ผ้าห่มพับวางเรียบร้อย เจ้าตัวออกจากห้องก่อนใครเพื่อนทุกวัน
เปลือกตาบนใบหน้าคมยังปิดสนิท ..แต่สีคล้ำใต้ดวงตาที่เห็นเมื่อวานอ่อนจางลงมากแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลย พชรก็คงนอนน้อยมาหลายคืนเหมือนกัน
ม่อนแจ่มพิจมอง.. อดนึกถึงสีหน้าเฉยชาแรกพบเบื้องหน้าประตูห้องนี้ไม่ได้

        ‘กวีกานต์หรือพะชร’
        ‘ไม่ใช่ทั้งคู่’


น้ำเสียงปฏิเสธเรียบเฉย มะนาวไม่มีน้ำนั่นอีก ฮ่ะๆ..
ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มน้อยๆ..  เขารู้สึกว่าสีหน้าและน้ำเสียงของพชรมีเสน่ห์ที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภายใต้แววตาว่างเปล่านั้นคือจิตใจงดงามที่รู้สึกได้เสมอตลอดเทอมกว่าที่ใกล้ชิดกัน

           “แหม.. ลักษณะเตียงเดี่ยวจะไม่จำเป็นแล้วม้างง..”
เย้ย..
สะดุ้งน้อยๆ แล้วม่อนแจ่มจึงเอี้ยวหน้ามองหาต้นเสียงที่กระซิบผ่านความเงียบมาเบาๆ
รูมเมทเตียงบนนั่นเองที่คงปีนลงมาอยู่บนพื้นสักพักหนึ่งแล้วและกำลังยืนกอดอกทำหน้าล้อเลียนใส่เขาอยู่
ดวงหน้าขาวของม่อนแจ่มเป็นสีจัด ขณะไอดิลเฝ้าครุ่นคิดเสียดาย..
เขาเสียดายดอกกุหลาบกับการ์ด ‘Just Married’ ของเขามาก เพราะได้ฝากไอหมอกเอาไปโยนแล้ว
ไม่รู้สองคนนี้จะเอายังไง.. เมื่อวานเขามีดอกไม้ มีการ์ด แต่ม่อนแจ่มกับพชรก็ยืนเถียงกันจนทำให้เขามาผิดงาน
วันนี้ พวกแม่งนอนกอดกันเฉย ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมาถูกงาน ในขณะที่ไม่มีทั้งดอกไม้และไม่มีทั้งการ์ดมาร่วมแสดงความยินดี..

           ม่อนแจ่มมองตามแผ่นหลังเล็กที่คว้าตะกร้าอาบน้ำ เดินดุ่มๆออกผ่านประตูไปแล้ว ลอบถอนหายใจน้อยๆในความกวนของคู่ซี๊ หันหน้ากลับมามองเจ้าของใบหน้าคมสันที่หลับสนิทอยู่อีกครั้ง จู่ๆ ก็อดนึกถึงบิดาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คงเพราะความคล้ายคลึงของใบหน้าและรูปร่างนั่นแหละ ไม่ใช่อะไร
จะว่าไป พชรดูไม่เหมือนคุณน้านิภาเลยในตอนที่ม่อนแจ่มพบ สงสัยพชรจะเหมือนทางคุณพ่อของเจ้าตัวกระมัง
ทว่า ม่อนแจ่มไม่กล้าถามเรื่องนี้หรอก ตามที่ได้ยินมาตั้งสองครา พชรไม่ได้อยู่กับคุณพ่อ ถามไปก็มีแต่จะกระทบใจพชรเสียเปล่าๆ
คุณน้านิภาสิที่น่ากล่าวถึง ..ท่านสวยและใจดี
อ้อ.. ถ้าจะมีอะไรที่พชรเหมือนเธอก็คงเป็นแววตานะ ดูใจดีมีเมตตาเหมือนๆกันเลย
นึกถึงคุณน้านิภา ม่อนแจ่มก็อดนึกถึงลำไยลูกอวบอิ่มช่อนั้นซึ่งอยากกินอีกไม่ได้ เป็นลำไยที่อร่อยที่สุดที่ม่อนแจ่มเคยกินจริงๆนะ ไม่ได้โม้
เอ้อ.. แล้วยังลืมเล่าให้ท่านฟังอีก ว่าที่บ้านม่อนแจ่มก็มีต้นลำไยนะ แต่ไม่ยักเคยเป็นลูก
น่าเสียดายจริงๆ ถ้าได้บอก บางที ท่านอาจจะมีเคล็ดลับดีๆ เพื่อช่วยเหลือลำไยที่บ้านของม่อนแจ่มก็เป็นได้
แต่ไม่เป็นไรน่า.. เขาคงได้พบคุณน้านิภา ..อาจมีเวลาได้คุยกันเรื่องลำไย ..และเรื่องพชร

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “ลุกขึ้นได้แล้ว ไอ้ม่อน.. จะสิงพชรอยู่แล้วน่ะ”
เย้ย..
สะดุ้งอีกที ม่อนแจ่มหน้าหงิก เพื่อนดิ้ลนะเพื่อนดิ้ล แซวได้จริงๆ
ตาใสเหลือบมองบนอย่างเกรงๆ ..พชรไม่ได้ขยับ ลมหายใจยังสม่ำเสมอเหมือนเดิม
ร่างเล็กค่อยๆยันตัวลุกอย่างระมัดระวัง จ้องพชรไว้ไม่วางตา ..ไม่ตื่นแฮะ

          “หลับลึกนะเนี่ย” ไอดิลยื่นหน้าเข้ามาเสนอความเห็น “ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนวะ..”
ม่อนแจ่มตีแขนปรามคู่ซี๊เบาๆ “ชู่วว์..”
ไอดิลยักไหล่น้อยๆ “ควรปลุกเปล่าเนี่ย พชรมีเรียนกี่โมง มึงรู้ไหม?”
รู้ไหมหรือ.. ม่อนแจ่มเรอะจะรู้อะไรเกี่ยวกับพชร ..หัวเล็กส่ายไปมา
“ไม่รู้หรอก แต่ว่าอย่าปลุกเลยนะ ปล่อยให้พชรนอนเถอะ”
เจ้าตัวต้องการการพักผ่อนขนาดนี้ ม่อนแจ่มคิดว่ายังไงก็ต้องให้นอนให้เต็มที่เสียก่อน

            ม่อนแจ่มเข้าออกห้องสามสามแปดอย่างเงียบเชียบ อาบน้ำแต่งตัวหยิบกระเป๋าไปเรียน แวะทานมื้อเช้าใต้หอสามชายพร้อมไอดิลอย่างเคย ไม่ลืมที่จะคว้าเอาจานข้าวที่พชรล้างคว่ำไว้เรียบร้อยแล้วลงไปคืนที่โรงอาหารด้วย

           “กิน'ไร?” ไอดิลหันมาถาม ไม่พักต้องตอบ ม่อนแจ่มเดินไปร้านราดข้าวราดแกงอย่างไว
“อะไร? ปกติกินแต่ข้าวผัด ข้าวกะเพรา นี่จะเปลี่ยนแนว กินแกงเป็นเหรอมึง?”
“มันต้องลองน่า”
ม่อนแจ่มจัดการสั่งผัดเผ็ดหมูและไข่พะโล้เป็นการทดลอง
..
“เหี้ย เผ็ด!” เสียงเล็กสบถ แต่ก็กินข้าวคำน้ำคำ รีบเขมือบลงท้องอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ยๆ จะรีบไปไหนของมึง” ไอดิลเลิกคิ้ว ร้องถาม ทว่า หลังจากม่อนแจ่มวิ่งเอาจานตัวเองไปเก็บ กลับวิ่งมาที่ร้านข้าวราดแกงอีกรอบ “เอ้า! นั่นมึงจะกินอีกเรอะ?”
..
“ข้าวราด เอ่อ..” ม่อนแจ่มมองจ้องถาดกับข้าวที่เรียงรายในตู้กระจก
ผัดเผ็ดสงสัยไม่ไหว ไม่เหมาะเป็นมื้อเช้าเท่าไหร่
“แกงจืดครับ เอ่อ.. กับผัดฟักทอง”..สารอาหารคงครบถ้วนแหละนะ
..
“อย่าบอกกูนะ ว่าจะเอาขึ้นไป..” ไอดิลรีบกระเดือกน้ำเข้าปาก ถามละล่ำละลัก
“มึงไม่รู้อะไร กูนะ ได้ยินเสียงท้องพชรร้องจ๊อกๆ ไม่รู้ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“โอ้ว..ว” หนุ่มสิ่งแวดล้อมผิวปากหวือ กลั้นหัวเราะเอาไว้สุดความสามารถ
“หน้าที่เมียอย่าให้บกพร่อง ดีแล้วครับเพื่อนม่อน เพื่อนดิ้ลจะจำไว้ทำบ้าง”
“โอ๊ย! ฝีมือรีดผ้าระดับตำนานอย่างมึงนี่ จะทำอะไรเพิ่มอี๊ก อย่าสร้างมาตรฐานเยอะ กูขอร้อง!”
ม่อนแจ่มว๊ากเขินๆ สะพายเป้ให้ถนัดมือ จ่ายเงินแล้วรับจานข้าวราดผัดฟักทองแนบถ้วยแกงจืดมา
“ไว้เจอกันนะไอ้ดิ้ล เดี๋ยวกูตามไป”
“ฮ่ะๆ โชคดี” ไอดิลหัวเราะไล่หลังมาให้ได้ยิน
   
           ม่อนแจ่มเดินประคับประคองจานข้าวขึ้นบันไดไปยังห้องสามสามแปด ไขกุญแจเปิดประตูเบาๆอย่างทุลักทุเล
อดที่จะยิ้มไม่ได้.. คนหน้าเข้มๆนอนบนผ้าปูที่นอนลายหมีพูห์นี่มัน.. ฮ่ะๆ.. น่ารักจริงๆ..
ไว้เขาเปลี่ยนเป็นผืนสีชมพูดีกว่า อันนี้หมูพูห์อาบแดด อีกผืนหมีพูห์อยู่ในสวนดอกไม้ พชรคงสดชื่นน่าดู
มือเรียววางของกินไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ หวังว่าพชรจะตื่นมาแล้วได้ทานเสียเลยก่อนทำอะไรอย่างอื่น จะรู้ตัวบ้างไหม ว่าท้องตัวเองน่ะร้องดังไปถึงดาวอังคารแล้ว

“ไปเรียนก่อนนะ ..พชร” ม่อนแจ่มกระซิบเบาๆ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          ตื๊ด.. ตื๊ด..
โทรศัพท์สั่นขึ้นในยามสาย ม่อนแจ่มหยิบขึ้นมาส่องระหว่างเปลี่ยนคาบ ..แจ้งเตือนความจำนั่นเอง

15:00 น. สัมภาษณ์นิตยาสาร Glory

เฮ้ย! เอาจริง
ม่อนแจ่มลืมไปเลยนะเนี่ย คุณแม่บอกไว้แล้วว่าจะต้องสัมภาษณ์อะไรนั่นวันนี้ แล้วจะต้องพูดอะไรบ้างหว่า
โอย..
นิ้วเรียวกดโทรศัพท์หาคนที่สนิทที่สุดรองจากป้าเพ็ญ..

          “ลุงสมครับ วันนี้ม่อนต้องเข้าบริษัท”
“ผมทราบแล้วครับคุณม่อน ให้ผมไปรับที่มหาวิทยาลัยกี่โมงครับ”
“ม่อนเลิกบ่ายสองครึ่ง อาจจะออกมาได้สักบ่ายสองสิบห้า ลุงสมต้องพาม่อนซิ่งหน่อยแล้วล่ะครับ สัมภาษณ์บ่ายสาม”
“บ่ายสอง ผมจะรอคุณม่อนที่หน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ครับ”
“โอ๊ยๆ อย่าเลยครับ!” ม่อนแจ่มรีบบอก “หน้าหอสามชายดีกว่า”

เป็นอันตกลงตามนั้น..
ม่อนแจ่มถอนหายใจ รีบเขมือบข้าวเที่ยงและเข้าเรียนต่อในคาบบ่าย แอบคิดไปด้วยว่าจะพยายามตอบสัมภาษณ์ให้ดีกว่ารอบที่แล้วๆมายังไง

          “ไอ้ดิ้ลๆ”
ม่อนแจ่มตะโกนเมื่อเจอตัวคู่ซี๊พอดีที่ใต้อาคาร หอบแฮ่กๆ เพราะวิ่งจ้ำอ้าวมาจากห้องเรียน
“เดี๋ยวกูมีเรียนต่อ วันนี้มึงเลิกก่อนก็กลับไปก่อนเลย” ไอดิลตบหลังตบไหล่ “ไม่เห็นต้องรีบอะไรขนาดนี้ พชรมันกลับค่ำจะตายนี่นา หรือจะไปเตรียมซื้อข้าวเย็นไว้รอมัน ถึงอย่างงั้นเลยเหรอ!?”
“ไม่ใช่เว้ย มึงนี่!” ม่อนแจ่มอธิบาย “เดี๋ยวกูต้องเข้าบริษัท ไม่รู้จะกลับมาหอได้กี่โมง ถ้าไง มึงบอกพชรให้กูด้วย”
“อ้อ ได้สิ” ไอดิลพยักหน้า ก่อนจะยิ้มมีเลศนัย “..หวังว่าพชรมันจะถามนะ”
“ไอ้ดิ้ล!”
ตลอดเลย!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            Mercedes Benz S65 AMG พาหนะประจำของลุงสมสะอาดเอี่ยมอ่องอย่างที่เป็นมาเสมอ
ม่อนแจ่มยกมือไหว้คู่จิ้นของป้าเพ็ญ แล้วรีบเข้าไปนั่งบนเบาะหนังสีเบจ ก่อนเก๋งซีดานคันดำจะทะยานปะปนไปกับรถคันอื่นๆบนถนนเชียงใหม่ซึ่งทอดนำไปสู่ PP Group ที่ม่อนแจ่มคุ้ยเคยมาตั้งแต่เด็ก..

         “สวัสดีค่ะ คุณม่อน”
เสียงทักทายทำนองนี้ที่ม่อนแจ่มคุ้นชิน ร่างเล็กในชุดนักศึกษายกมือไหว้ทุกเสียงเพื่อตอบรับขณะมุ่งหน้าสู่ห้องทำงานของผู้เป็นบิดา
   
          “สวัสดีค่ะ คุณม่อน”
“สวัสดีครับ คุณรวิดา ม่อน เอ๊ย.. ผม ผมสายแล้วใช่ไหมครับ”
“ไม่ค่ะ” เลขาฯสาวยิ้ม “คุณท่านและคุณผู้หญิงยังประชุมไม่เสร็จ มีประชุมด่วนน่ะค่ะ คุณม่อนเชิญรอด้านในก่อน”
อ้อ.. ประชุมด่วนช่วยชีวิต!
ม่อนแจ่มพยักหน้า ยกมือไหว้ลา ก่อนผลักประตูเข้าไปภายในห้องทำงานใหญ่ สายตาเมียงมองไปรอบๆ..
จริงๆก็พรุ่งนี้แล้วสินะที่เป็นวันเกิดของคุณพ่อ เรียนเสร็จคงต้องวานลุงสมไปรับอีกที เพื่อเซอร์ไพรส์คุณพ่อ
ม่อนแจ่มไม่เคยลืมวันเกิดของคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็คุ้นชินเสียแล้วที่มันก็จะเป็นเพียงวันธรรมดาๆวันหนึ่งเท่านั้นสำหรับคนทั้งคู่
วันเกิดเขาเองเสียอีกที่พอจะมีอะไรพิเศษบ้าง เพราะท่านทั้งสองเคยพาไปทานอาหารพร้อมกันที่ร้านอาหารหรูหราหลากหลายที่ และมีเค้กวันเกิดมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ทั้งมีของขวัญดีๆมีค่ามอบให้กับม่อนแจ่มด้วย อย่างไรก็ตาม เป็นปีหลังๆที่ม่อนแจ่มต้องการแค่เพียงทานข้าวด้วยกันตามปกติที่บ้าน และทานเค้กที่ป้าเพ็ญทำให้ เท่านั้นเขาก็สุขใจมากๆแล้ว..

เอ.. ว่าแต่พรุ่งนี้ เขาจะเอาของขวัญมาให้คุณพ่อที่ห้องทำงานดีหรือไว้ที่บ้านดีนะ
ม่อนแจ่มออกจะตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่วาดภาพให้คุณพ่อ เขาพอจะขอพื้นที่ติดไว้ในห้องทำงานท่านได้ไหม?
ร่างเล็กเดินสำรวจฝาผนัง พยายามหาที่ที่พอจะติดภาพได้ไม่เกะกะ แต่คุณพ่อจะอนุญาตหรือ? นี่ห้องทำงานผู้บริหารนะ

ตรงนี้ล่ะ..
หลบๆหลังเก้าอี้พนักสูง
ไม่ประเจิดประเจ้อ แล้วก็..

“โอ๊ย!”
บ้าจริง! เอวม่อนแจ่มน่ะสิที่ชนเอาอะไรไม่รู้

..เกร้ง..

ม่อนแจ่มเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด มือเรียวกุมปีกกระดูกไว้แน่น หูอื้อ ตาลายไปชั่วขณะ
“ฮือ.. อะไรเนี่ย” เสียงพร่าพึมพำเบาๆ ก้มลงมองก็เห็นลิ้นชักโต๊ะทำงานคุณพ่อนี่เองที่ปิดไม่สนิท จนเขาที่เดินรีบๆมาระหว่างโต๊ะและเก้าอี้ชนเข้าอย่างจัง ตรงเหลี่ยมพอดีเสียด้วยสิ เฮ้อ..
คุณรวิดาบอกว่าคุณพ่อมีประชุมด่วน ท่านคงจะรีบกระมัง
ว่าแต่.. เมื่อกี้ม่อนแจ่มได้ยินเสียงอะไรตก หวังว่าเขาคงไม่ได้พังอะไรในห้องทำงานคุณพ่อนะ โฮ..
ตาใสภายใต้กรอบแว่นแดงก้มมองพื้นปูพรม แล้วข้างขาโต๊ะนั่นเอง ..มีพวงกุญแจโลหะตกอยู่

P.. P.. P.. P..

ตัวอักษร ‘P’ คล้องกันสี่ตัว.. ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว
คุณพ่อชื่อพจน์ ประดิษฐาพงศ์ จะใช้พวงกุญแจตัวพีคู่ก็ไม่เห็นแปลก แต่พีมีตั้งสองคู่นะเนี่ย อีกสองพีคุณพ่อได้แถมมาหรือไร?
ม่อนแจ่มสะบัดหัวนิดๆอย่างไม่รู้จะคิดทำไม เร่งเสียบกุญแจไว้ที่ลิ้นชักตามเดิม พยายามจะปิดล็อคให้คุณพ่อ
ทว่า.. ทำไมม่อนแจ่มเห็นอะไรที่เหมือนจะดูคุ้นตาจากภายใน
มือเรียวชะงัก เขาเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในห้องนี้ แต่ทำไมเหมือนดวงตาประสานกับดวงตาคู่อื่น..

ขาเรียวก้าวถอยหลังนิดหนึ่ง ..งุนงงเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น
ความรู้สึกว่าไม่ถูกไม่ควรมีมาก แต่ความคุ้นๆที่ติดอยู่ในใจและอยากพิสูจน์ว่าคืออะไรมีมากกว่า
ม่อนแจ่มก้าวเท้ากลับที่เดิม ..ค่อยๆเปิดลิ้นชักให้กว้างอีกหน่อย หยิบสิ่งที่อยู่บนสุดภายในขึ้นมา

มันคือ.. บัตรพนักงาน

ม่อนแจ่มมองบุคคลในรูป..
เขาไม่มีทางจะจำผิด ..สะสวย ..ดวงตากลมโตดูใจดีมีเมตตาแม้มองผ่านรูปถ่าย และแม้ม่อนแจ่มจะพบบุคคลนี้ในวัยที่อาวุโสกว่าในภาพมากนัก ทว่า ใบหน้ารูปไข่นี้แทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
“คุณน้านิภา..” เสียงเล็กพึมพำ
ทว่า ชื่อที่ปรากฏอยู่เบื้องล่างภาพกลับไม่ใช่ ‘นิภา’ 
..ไม่ใช่
..ไม่ใกล้เคียง

‘เพชรลดา เพชรหละปูน
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์’

“เพชรลดา เพชรหละปูน..” ม่อนแจ่มทวนซ้ำ ..ทวนชื่อที่จำได้


         “รู้จักคนชื่อเพชรหละดาหรือเปล่า เพชรลดา เพชรหละปูน”
          “รู้จักหรือเปล่า พชร..”


บัตรพนักงานในกรอบขาว ห้อยสายสีน้ำเงินสั่นน้อยๆอยู่ในมือ
ม่อนแจ่มไม่เข้าใจ.. แต่ก็พยายามทำความเข้าใจทั้งหมดนี้..
คุณน้านิภา..
คุณพ่อ..
พชร..
เพชรลดา เพชรหละปูน..


         “คุณม่อนคะ”
ม่อนแจ่มสะดุ้งเฮือก หน้าเงยขึ้นตามเสียงเรียก
“รวิดาจะแจ้งว่า ท่านประธานประชุมเสร็จแล้ว รวิดาจะนำคุณม่อนไปสัมภาษณ์ที่ห้องรับรองค่ะ”
“ค..ครับ” ม่อนแจ่มตะกุกตะกัก ค่อยๆวางบัตรพนักงานนั้นลงในลิ้นชักและบิดกุญแจล็อคไว้ให้
ตัวอักษรโลหะกระทบกันเสียงกรุ๊งกริ๊ง ..ไม่ได้ดังมากนัก ..แต่ก็ดังเหลือเกิน

P.. P.. P.. P..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          การสัมภาษณ์เป็นไปอย่างกะปริดปะปรอย ม่อนแจ่มพยายามตอบคำถามเกี่ยวกับวิธีการที่เรียนรู้จากคุณพ่อเพื่อจะดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จ แต่ก็รู้สึกว่ายิ่งพยายาม ยิ่งตอบคำถามแย่กว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมาเสียอีก
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มฟังดูแล้ว ครานี้ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ก็ไม่ได้ตอบดีไปกว่าเขามากนัก รู้สึกทั้งสองท่านจะมีอะไรอยู่ในใจเหมือนๆกัน..

          “ม่อนจะกลับหอเลยหรือเปล่าจ้ะ แม่จะบอกสมให้?” เสียงเนิบเอ่ยถามระหว่างเดินออกมาจากห้องรับรอง
ม่อนแจ่มสะดุ้งน้อยๆอีกครั้ง “เอ่อ.. ม่อน ม่อนอยากจะกลับบ้านครับ”
ระมิงค์เลิกคิ้ว เดินเข้ามาลูบศีรษะเล็กใกล้ๆ “อยากจะนอนบ้านหรือ ได้สิ ค่อยไปมอพรุ่งนี้ก็ได้”
“ครับ.. ม่อน.. ม่อนคิดถึงป้าเพ็ญด้วย” ม่อนแจ่มอยากพบป้าเพ็ญ..
“ถ้าอย่างนั้น แม่ไปกับม่อนก็แล้วกัน ให้บุญส่งไปส่งคุณพจน์”
“ไปกันสามคนไม่ดีหรือครับ รถคันเดียว จะได้ประหยัดพลังงาน หรือคุณพ่อ.. มีธุระอื่น”
“หืม..” นายพจน์เดินตามออกมา ใบหน้าเข้มพยายามยิ้มบางๆ “กลับพร้อมกันก็ได้  รวิดา แจ้งบุญส่งก็แล้วกัน วันนี้ฉันกลับกับสม”

           ม่อนแจ่มเปิดประตูหน้าไปนั่งข้างลุงสม แม้เบาะหลังจะกว้างพอที่จะนั่งได้สามคนก็ตาม
ร่างเล็กก้มมองนิ้วมือตัวเอง สลับกับเงยดูกระจกมองหลัง ..คุณแม่มองไปภายนอกหน้าต่างกระจก คุณพ่อมองตรง ไม่โฟกัสอะไรเป็นพิเศษ ทั้งสองท่านดูเหมือนไม่มีอะไรจะพูดกัน และไม่มีคำพูดใดๆทั้งสิ้นภายในรถหรูประกอบนอกคันนี้
ความโดดเดี่ยวเดียวดายบางประการโหวงเหวงอยู่ในอก.. และม่อนแจ่มพยายามขับไล่มันไป

         “ขอบคุณครับ ลุงสม” ม่อนแจ่มยกมือไหว้เมื่อมาถึงบ้าน ก่อนเปิดประตูลงมามองหน้าบิดามารดา
“ม่อนขอไปบอกป้าเพ็ญก่อนนะครับ คุณพ่อ คุณแม่”
สองท่านพยักหน้ารับ ม่อนแจ่มเพียงกระชับกระเป๋าและหนีบแฟ้ม Entaneer มุ่งตรงไปที่ครัว ที่ซึ่งสาวใหญ่อยู่ที่นั่นเสมอถ้าไม่ได้ออกมารับที่หน้าบ้าน

ป้าเพ็ญคือคนที่อยู่บ้านประดิษฐาพงศ์มานาน.. อายุมากกว่าคุณพ่อเสียด้วยซ้ำ..
หากจะมีใครสักคนตอบข้อสงสัยม่อนแจ่มได้ ..ก็ต้องเป็นป้าเพ็ญ

        “คุณม่อน?” เพ็ญมาศเลิกคิ้วอย่างแปลกใจระคนยินดี มือละจากโหระพาที่กำลังล้าง
“ให้แม่แช่มไปรับรองคุณท่าน ป้าไม่คิดว่าคุณม่อนจะกลับมาแล้วด้วยน่ะค่ะ”
“พอดีวันนี้ไปสัมภาษณ์ที่บริษัท ..ม่อนก็เลยกลับมาบ้านพร้อมคุณพ่อคุณแม่ครับ”
“ดีจริง! ป้ากำลังคิดถึงเลย เดี๋ยวป้าหาขนมมาให้รับประทานค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” ม่อนแจ่มรั้งแขนไว้ “ป้าเพ็ญ.. นั่งกับม่อนสักเดี๋ยวนึงได้ไหมครับ”
เพ็ญมาศเลิกคิ้วอีกครั้ง “คุณม่อนมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ม่อนแจ่มพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ริมฝีปากยิ้มฝืนน้อยๆ ค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ยาว
“ถ้าม่อนอยากจะถามอะไรป้าเพ็ญหน่อยได้ไหมครับ”
อย่าว่าแต่ถาม.. อะไรก็ได้ที่หนุ่มน้อยผู้นี้ต้องการ เพ็ญมาศทำให้ได้ทั้งนั้น
“อะไรล่ะค่ะ ถ้าป้าตอบได้ ก็จะตอบคุณม่อนหมดนั่นแหละค่ะ” ร่างอวบทรุดตัวลงนั่งข้างกัน
ม่อนแจ่มขบริมฝีปาก ..ป้าเพ็ญอยู่แต่ที่บ้านประดิษฐาพงศ์ เธอไม่เคยไปไหน เคยเข้าบริษัทก็ตอนตามไปดูแลม่อนแจ่มเมื่อยังเด็กๆเท่านั้น แล้วจะตอบคำถามนี้ได้ไหม..
อย่างไรก็ตาม ริมฝีปากอิ่มค่อยๆเผยอเอ่ยออกมา
“ป้าเพ็ญเคยรู้จักคนที่ชื่อ.. เพชรลดา เพชรหละปูน ..หรือเปล่าครับ”
“เพชรลดา!” เพ็ญมาศหลุดปากทวน สีหน้าแสดงความตกใจอย่างไม่ทันระวัง “อะไรกัน คุณม่อนได้ยินมาจากไหนคะ”
“แสดงว่ารู้จัก..” ม่อนแจ่มสรุป อ้าปากค้างน้อยๆ
“เอ่อ ป้า..”
เพ็ญมาศลังเล ..มันก็ไม่เชิงว่ารู้จัก ..แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้จัก
“คุณม่อนถามทำไม แล้วไปเอาชื่อนี้มาจากไหนคะ บอกป้าก่อน”
ม่อนแจ่มพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง..
“ม่อนแค่.. ม่อนมีเพื่อนนามสกุลนี้น่ะครับ” เสียงเล็กอธิบาย
“วันก่อน.. คุณพ่อไปเยี่ยมม่อนแล้วได้เจอ ท่านก็เลยถามถึงคนชื่อนี้”
“อ้อ!” เพ็ญมาศถอนหายใจโล่งอก “เท่านั้นเองหรือคะ”
“ครับ..” ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ แม้จะรู้สึกว่าต้นคอแข็งเหลือเกิน “แล้ว..เธอเป็นใครครับ”
เพ็ญมาศชะงักไปชั่วอึดใจ ..ทวนความทรงจำ
“ป้าไม่คิดว่าจะสำคัญอะไรในตอนนี้นะคะ”
“ป้าเพ็ญจะไม่บอกม่อนหรือครับ..”
“ป้าเคยเจอเธอครั้งเดียวเท่านั้นค่ะ นานมากๆมาแล้ว มันไม่ได้สำคั-”
“เธอเป็นใครครับ”
“คุณม่อนคะ มันผ่านไปนานมากแล้ว”
“เธอเป็นใครครับ ..ป้าเพ็ญ”
“เธอเป็น..” เพ็ญมาศถอนหายใจเหยียดยาว “อดีตคนรักของคุณท่านค่ะ คุณม่อน”
แฟ้ม Entaneer กำแน่นอยู่ในมือขาว.. ม่อนแจ่มกลืนน้ำลายลงคอ“หรือครับ..”
“ค่ะ แต่อย่างที่ป้าบอกนะ มันผ่านไปนานมากแล้ว คุณเพชรลดาเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียว คุณพจน์คงจะถามถึงตามประสาคนที่เคยรู้จักกันเท่านั้นเองค่ะ คุณท่านไม่ได้คิดอะไรแล้ว..”
ม่อนแจ่มมองตาป้าเพ็ญ และบอกได้ว่า.. ป้าเพ็ญเองก็ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้พูดออกมาสักเท่าไรนัก
“คุณม่อนอย่าคิดมากนะคะ คุณพจน์แต่งงานกับคุณผู้หญิงแล้วก็ไม่เคย-”
“ครับ ม่อนทราบ” ม่อนแจ่มตอบรับ แม้จะไม่ได้สนิทสนมอะไรกับคุณพ่อ แต่สิ่งที่ม่อนแจ่มบอกได้เกี่ยวกับคุณพ่อก็คือท่านเป็นคนซื่อสัตย์ ท่านไม่ใช่คนที่จะหักหาญน้ำใจคุณแม่ แต่ว่า..
“ทำไมคุณเพชรลดามาที่นี่แค่ครั้งเดียวล่ะครับ” ..ถ้าเป็นคนรักกัน ก็น่าจะมาหลายๆครั้ง ..ใช่หรือเปล่า
เพ็ญมาศถอนหายใจอีกครั้ง “จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดกันตอนนี้เลย”
“ป้าเพ็ญไม่ไว้ใจม่อนหรือครับ” ม่อนแจ่มมองตานิ่ง ..และเพ็ญมาศก็แพ้สายตาแบบนี้
“คุณพจน์พามาพบคุณท่านใหญ่ค่ะ แต่.. คุณท่านใหญ่ เอ่อ ไม่ใคร่ชอบเธอน่ะค่ะ” เพ็ญมาศข้ามรายละเอียดที่ไม่จำเป็นไป แม้ว่าจะจำได้มากกว่านั้น
“คุณพจน์ก็เลยฝากให้เธอนั่งเล่นกับป้า ..ตอนที่ท่านสองคนคุยกัน”

          “ลำไยจ้ะ น้าเอามาฝาก..”

รอยยิ้มอ่อนหวานและน้ำเสียงไพเราะกระทบห้วงคำนึงของม่อนแจ่มอีกครั้ง
“ทำไมคุณปู่ถึงไม่ชอบล่ะครับ..”
“โธ่ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่นะคะ คุณม่อน”
เรื่องของผู้ใหญ่.. นั่นสินะ
“คุณเพชรลดา ..เป็นคนน่ารักใช่ไหมครับ” ม่อนแจ่มถามค่อยๆ ใบหน้าอ่อนหวานที่เคยพบกระจ่างชัดในความทรงจำ
เพ็ญมาศเงยหน้าขึ้นนิดๆอย่างใช้ความคิด “เธอเป็นสวยค่ะ และใช่.. น่ารัก วันนั้ที่เธอมา ป้าปักผ้าค้างอยู่ เธอยังช่วยทำต่อจนเสร็จ ฝีมือดีเชียวค่ะ ทั้งๆที่ก็บอกว่าบ้านที่ลำพูนน่ะทำสวนผลไม้”

มือขาวตกลง.. แฟ้ม Entaneer ที่กอดแนบลำตัวไว้ก่อนหน้าไถลมาอยู่บนตัก..
ดวงตาม่อนแจ่มรื้นขึ้น..

“แต่มันก็นานมากจริงๆค่ะ ป่านนี้เธอก็คง.. มีชีวิตครอบครัวที่ดีตามทางของเธอแล้วล่ะค่ะคุณม่อน ป้าไม่เคยเจอเธออีกเลย”
“ครับ” ม่อนแจ่มตอบรับด้วยเสียงที่เหมือนไม่ได้ออกมาจากปากตัวเอง “ม่อนก็ว่าอย่างนั้น..”

          ขาสั่นเดินกลับเข้าสู่ตัวบ้านใหญ่อย่างไม่มั่นคงนัก หูอื้ออึงด้วยบทสนทนาที่เพิ่งผ่านพ้นไป
คุณเพชรลดา เพชรหละปูนคืออดีตคนรักของคุณพ่อ..
คือคนที่คุณพ่อยังคงเก็บบัตรพนักงานเอาไว้ในลิ้นชักที่ล็อคดวงกุญแจห้อยอักษร ‘P’ สี่ตัว..
คือคนที่มาจากลำพูนและที่บ้านทำสวนผลไม้..
คือคนที่หน้าตาพิมพ์เดียวกับคุณน้านิภา ..มารดาของพชร..

นัยน์ตาใสพร่ามัว ..ประโยคหนึ่งที่ไม่ทันฟังแต่ยังฝังอยู่ในสามัญสำนึก กลับชัดแจ้งขึ้นมาในหัวก็ครานี้
ประโยคที่เป็นคำตอบของคำที่เคยถาม..

         “มึงเกลียดอะไรกูนักหนา หน้ากูไปเหมือนพ่อมึงหรือไงวะสัด!”

..

..

          แผ่นหลังเล็กครูดประตูห้อง.. ปล่อยให้ร่างไถลกองลงกับพื้น
ประตูห้องนอนถูกเปิดและปิดลงโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
หยาดน้ำตาอุ่นๆหยดลงสองข้างแก้ม แต่ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีคำพูดใด ไม่รู้แม้แต่กำลังรู้สึกอย่างไร
ฟันซี่เล็กกระทบกันดังกึก ริมฝีปากสั่นระริก มือขาวกำแน่นจนข้อนิ้วซีดจาง แฟ้ม Entaneer ตกอยู่บนพื้นข้างตัว

         ความจริงไม่ไกลเกินที่จะคิด.. ไม่ได้ประหลาดเกินที่จะจินตนาการ.. ไม่ได้เร็วไปหากจะสรุป..
ทว่า ม่อนแจ่มไม่กล้าเดินไปสู่ข้อสรุปนั้นแม้มันจะอยู่ตรงหน้าชัดๆเลยก็ตาม
ขอแค่.. หยุดอยู่ตรงนี้ชั่วขณะหนึ่งก่อน
แค่.. เสี้ยวนาทีนี้ที่ม่อนแจ่มจะร้องไห้เงียบๆแข่งกับถ้อยคำด้วยเสียงอันดังที่เคยได้ยินและเพิ่งตระหนักรู้ในความหมาย

“หน้ามึงไม่เหมือนพ่อกูหรอก ว่าแต่หน้ากู.. เหมือนพ่อมึงหรือเปล่า”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขออภัย รอบนี้มาช้านิด ขอบคุณที่ติดตามเหมือนเคยครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-09-2016 10:59:24
บางครา ม่อนก็ฉลาดขึ้นมา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 09-09-2016 11:07:17
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ในที่สุดม่อนก็รู้ความจริง เข้มแข็งนะม่อน  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-09-2016 11:09:03
ชัดเจน... ม่อน(บังเอิญ)ค้นพบความจริงด้วยตัวเอง
อดทนหน่อยนะม่อน ฮึบไว้ เดี๋ยวทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 09-09-2016 11:09:56
 :monkeysad: น้ำตาซึมไปกับม่อน ม่อนรู้เรื่องแล้วม่อนเข้มแข็งนะลูก รอพชรจะว่าไง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-09-2016 11:19:03
ให้รู้เองแบบนี้อาจจะดีกว่าก็ได้...หรือเปล่านะ
เป็นกำลังใจให้น้องม่อน

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 09-09-2016 11:26:07

คำพูดที่พูดออกไปแล้วไม่มีทางถูกลืม

มันเพียงแค่รอเวลาที่จะถูกตีความ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-09-2016 14:14:47
มาแล้วๆ มันมาแล้วดราม่า น้ำตาตก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 09-09-2016 15:14:55
ม่อนนนนนนน  :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-09-2016 15:17:06
ม่อนเข้มแข็งไว้นะที่ม่อนรู้มันยังไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าม่อนทำใจได้แล้วม่อนถามความจริงกับพชรนะแล้วจะได้รู้ความจริงทั้งหมด
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 09-09-2016 16:00:10
ม่อน  :mew2:
เข้มแข็งไว้นะม่อน ในที่สุดม่อนก็รู้ความจริง ม่อนไม่ใช่เด็กไม่ฉลาดนะ ม่อนฉลาด ติดต่อเรื่องแป๊บเดียวม่อนก็รู้แล้ว
แต่ม่อนก็ต้องรู้ใช่ไหมว่าพชรไม่เคยตั้งใจทำร้ายม่อน แต่มาอนจะรู้หรือยังน่ะว่าตัวเองไม่ใช่ลูกพ่อ ในเมื่อม่อนรู้แล้วว่าพชรเป็นลูกพ่อ ม่อนต้องคิดไม่ถึงแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 09-09-2016 16:34:58
อ้าวววว ม่อนรู้เองเลย ตอนนี้ม่อนรู้ละว่าใครเป็นพ่อพชร แต่ม่อนยังไม่สงสัยเนอะ ว่าไม่ใช่พ่อตัวเองด้วย สู้ๆนะแว่นแดง เตียงล่าง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: flowerloveyaoi ที่ 09-09-2016 16:38:36
รอวันนี้มาแสนนานน วันที่ม่อนต้องรู้ 5555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 09-09-2016 17:49:00
ม่อนรู้ว่าพชรเป็นลูกพ่อพจน์ แต่ม่อนจะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูก

กลับไปคุยกับพชรนะม่อน  อย่าคิดเองตัดสินใจเอง  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 09-09-2016 18:34:58
ยังไม่ทันได้หวานก็เกิดเรื่องแล้ว :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 09-09-2016 18:38:58
 อดทนไว้นะ หนูม่อน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-09-2016 18:42:58
ชอบที่เขียนออกมามุมนี้ค่ะ

คือตอนนี้โยนบอลกลับไปให้ม่อนที่เป็นจุดศูนยืกลางของเรื่องเป็นคนตัดสินว่าจะเดินหน้าหรือหยุดทุกอย่างไว้ตอนนี้   ไม่ใช่พชรหรือคนอื่น

ม่อนเอา 1 + 1 เป็น 2 +++ น่าจะคิดว่าตัวเองเป็นลูกพ่อเดียวกับพชร แล้วมามีสัมพันธ์กัน แถมเป็นผู้ชายทั้งคู่   แม่พชรเป็นแฟนเก่าพ่อตัวเอง   พ่อยังไม่ลืมแฟนเก่า
ม่อนขาดไปอีก 2 ข้อเท่านั้นเองเรื่องแม่กับแฟนแม่

เยี่ยมมากๆค่ะ  ชอบที่ออกมามุมนี้สุดๆ  ม่อนจะได้เลือกเอง  เรื่องของผู้ใหญ่ที่ปล่อยให้เด็กรับภาระ  สงสารเด็กสองคนนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 09-09-2016 19:35:07
 :sad11:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 09-09-2016 19:43:11
ม่อนอาจจะคิดว่ามีพ่อเดียวกันกับพชร
ถ้าอย่างนั้น
ม่อนจะคิดมั้ยว่า..
ที่พชรทำกับตนแบบนั้น มันคือการแก้แค้น..
ทั้งที่มันไม่ใช่เลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 09-09-2016 20:30:55
ม่อนจะเข้มแข็งได้ใช่มั้ย? :sad11: อยากให้พชรอยู่เวลาที่ม่อนทุกข์ใจมั้งอ่ะ งื่ออออออออ ม่อนแจ่มสู้ๆๆๆๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 09-09-2016 21:33:30
 ม่อน เศร้าใจไปกับม่อน สงสารม่อนมาก รวมแม่ของม่อนด้วย เข็มแข็งนะม่อน สู้ต่อไปนะ  # รักม่อนสงสารลูกชาย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 09-09-2016 22:14:15
อ๊ากกกกกกกกกกกกก เอาไงต่อว่ะม่อน ฮือออ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 10-09-2016 00:39:43
ม่อนนนนน นี่รู้แค่พ่อพชรเป็นใครนะ ถ้ารู้ว่าพ่อตัวเองเป็นใครอีกล่ะ
สงสารม่อนลูกแมมม่
เกรียนคนแต่งดำเนินเรื่องเร็วทันใจมาก คิดว่าจะยื้อตอนม่อนรู้ความจริง รักๆๆ
รอตอนต่อไปเด้อ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 10-09-2016 00:45:35
 :m15: อึก ฮึ ฮรื้ออออออออ แง๊~~ :sad4: ไม่ไหวแล้วววววว สงสารม่อนนนนนนนนน ดีที่รู้สักที อึดอัดใจ ถึงจะรู้ยังไงก็เถอะ ณ เวลานี้เพราะยังไงก็  :o12:  เศร้าเจ็บปวดเสียใจไปกับม่อนนนนนนนนนน ฮรื้อออออออออออออ รู้แล้วคนเดียวแบบนี้ แล้ว แล้วจะยังไงต่อ คิดไม่ออกบอกไม่ถูกไปไม่เป็นเลยเรา (รอไรท์มาต่อ) แต่ขอเป็นกำลังใจให้ม่อนที่น่ารัก ม่อนจะแอ๊บเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น(ก็คงไม่ใช่) จะ จะ จะ ?? /............. อยากรู้ไหมว่าใครเป็น....../จะตามหาไหม จะเอายังไงต่อละทีนี้อ่ะม่อน หืมมมมมมมม!! ตั้งสติแป๊ป *กอดปลอบ*  :monkeysad: ม่อนเราแข็มแข็งอยู่แล้ว โว๊ยยยยยยยยยยย รอติดตามตอนต่อไป นั่งไม่ติดแล้วค่ะ 5555 มันดี๊อินนนนนนนนนนนนนนมาก ขอบคุณนะคะที่มาอัพให้และปั่นตอนต่อไป เสร็จมีเวลาก็ค่อยมาลง ยังไงก็รอเสมอค่ะ ไฟท์ติ้ง ฮึบ  o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 10-09-2016 06:26:02
ม่อนจะต้องผ่านไปให้ได้
มันก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมดนะ ถึงไม่ได้เป็นลูกพ่อ แต่ก็ไม่ได้ incest กับพี่น้อง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 10-09-2016 12:49:37
น้ำตาไหลพรากๆเลย สงสารทั่งคู่

ม่อนแจ่มรู้ความจริงแล้ว ต่อไปจะเป็นงัยเนี่ย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 10-09-2016 13:43:57
ม่อนแจ่มสู้ๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 10-09-2016 17:54:01
ม่อนรู้ความจริงแล้ว ฮือๆ ...แต่รู้ไม่หมด น่าสงสารมาก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-09-2016 18:05:31
เข้มแข็งไว้นะม่อนแจ่ม ความจริงมันอาจทำให้ตกใจ เศร้าใจ เสียใจ
แต่ไม่นานเรื่องดี ๆ ต้องตามมา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-09-2016 21:44:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 11-09-2016 19:13:09
เป็นวิธีพบความเป็นจริงที่รวดร้าวแต่น่าโล่งอกมากๆๆๆๆๆ

รู้สึกเหมือนช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาแก่พชร

ลุ้นรอต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 11-09-2016 23:14:48
สงสารม่อน ฮืออออ ม่อนแจ่มสู้ๆนะ
ยังมีเรื่องพ่อจริงๆของม่อนรออยู่ เข้มแข็งเข้าไว้
หวังว่าม่อนจะไม่เข้าใจผิดในความรักของพชรนะ
พชรเป็นกำลังใจให้ม่อนแน่ๆ นึกคำปลุกใจตัวเองไว้ม่อน
จะเจออะไร เป็นอะไรก็ 'พชร' ไว้ก่อน แรงใจมาเต็ม 5555555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 12-09-2016 00:44:27
นั่งอ่านเรื่องนี้... เพิ่มกำลังใจในการไปเรียนมช.ต่อ เรียนเหนื่อยมาก ท้อเลย มานั่งอ่านม่อนแจ่มแล้วมีกำลังใจ คงไม่มีใครโง่กว่าแว่นแดงแล้วล่ะ.... ไป! กลับไปหาผู้วิศวะแฟ้มแดงต่อ.... #อยากมีอารมณ์ตื่นมานอนกอดกับเมทอยู่เตียงล่างจุงเบยยยยนนนน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 12-09-2016 02:31:30
ใช่ ทำไมตอนนี้ม่อนแจ่มฉลาดจัง :hao4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 12-09-2016 11:04:34
ณ จุดนี้ม่อนแค่คิดว่าตัวเองกับพชรเป็นพี่น้องกัน ไม่อยากจะคิดถึงเลเวลความดราม่าเมื่อม่อนรู้ความจริงทั้งหมด  :katai1:   :m15: :o12:
(The world would be) tumbling down. ==> เสนอชื่อตอน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: chandrarat ที่ 12-09-2016 15:45:45
ม่อนลูกกกก  :hao5: :hao5:  เสียใจไปกับม่อน ม่อนรู้แล้วว่าพชรเป็นลูกของพ่อพจน์ แล้วรู้รึเปล่าว่าตัวเองไม่ใช่พี่น้องกับพชร ฮืออออออ สงสารม่อนน้อย เข้มแข็งไว้นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 12-09-2016 20:05:19
กลัวใจม่อนจริงๆ ไม่รู้จะคิดไปทางไหน
มันดีที่ได้รู้เอง จะได้เลือกได้ว่าจะทำยังไง แต่ไม่รู้ในใจลึกๆ คิดแบบไหนนี่สิ
อย่างแรกที่ชัดแน่ๆ คือตอนนี้รู้แล้วว่าพชรเป็นลูกของพ่อม่อน
แต่ม่อนยังไม่รู้ว่าพ่อไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของม่อนนี่สิ เห้อ เครียดแทน!!

ไม่รู้ว่าถ้ารู้ความจริงทุกอย่างจะแย่กว่านี้อีกไหม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 18-09-2016 12:33:47
พี่รอน้องม่อนที่ท่าน้ำทุกวันเลย น้องม่อนยังไม่ยอมมาอีกเหรออออออออออออออออออ
อยากอ่านๆ แล้วอ่ะค่าาาาาาาาาาาาาาาา :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-09-2016 12:42:49
 :katai5: รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 9/9/59 CH.22 Forgotten Words P.16
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 18-09-2016 16:39:52
เรารออยู่น้า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17
เริ่มหัวข้อโดย: toeyy ที่ 18-09-2016 23:06:23
น้องม่อนมายังงงงงงงง
งืออออออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 18-09-2016 23:23:05
CHAPTER 23: The Arms of Diamond

          “นี่พชรครับคุณพ่อ พชร มนุษยฯ ปรัชญา”

          พจน์ ประดิษฐาพงศ์สะบัดหัวน้อยๆ ราวกับอยากจะสลัดภาพใบหน้าเด็กหนุ่มที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาดคนนั้นไป ‘พชร เพชรหละปูน’
แต่เด็กหนุ่มผู้นั้นไม่ได้รู้จักเพชรลดา เพชรหละปูน และไม่มีทางที่จะ..
นายพจน์รู้สึกว่าตัวเองกำลังคิดอะไรฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ บางทีอาจเพราะความคำนึงเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกว่าภายในดวงตาสีดำสนิทที่ประสานกันเพียงชั่วครู่มีความคุ้นเคยบางอย่างแฝงอยู่..

        “นามสกุลนี้มีเยอะในลำพูน บางคนผมก็ไม่รู้จักเลย ไว้.. ผมจะลองถามแม่ดูครับ”
         "แม่เราชื่อ-"
         “แม่ผมชื่อนิภา..”


         เขาควรจะเชื่อตามถ้อยคำนั้นสิ เป็นความจริงมิใช่หรือ คนที่นามสกุลเดียวกัน ไม่รู้จักมักจี่กันออกเยอะแยะไป
กระนั้น นายพจน์ก็ร่ำๆจะไปลำพูนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้ไม่ได้อยู่ในสถานะที่ควรทำเช่นนั้นเลย

          เมอเซเดสเบนซ์คันใหญ่มุ่งหน้าตามถนนสู่บ้านประดิษฐาพงศ์ ที่นั่งเคียงข้างนายพจน์คือภรรยา และที่นั่งด้านหน้าคู่คนขับคือลูกชาย นายพจน์มองเห็นศีรษะเล็กกับเสี้ยวหน้าขาวที่ก้มมองมือตัวเอง นั่นคือทายาทประดิษฐาพงศ์
แต่.. ความรู้สึกประหลาดนี่มันอะไรกัน ..ทำไมไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาก่อนหน้านี้เลย

           ระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์มองผ่านกระจกติดฟิล์มออกไปภายนอก รถราคลาคล่ำดังที่เป็นเช่นทุกวัน
เธอเพียงมองผ่านไป ไม่ได้คิดอะไรตาม หลายเดือนที่อยู่กับความรู้สึกผิดและหวาดระแวง แต่สี่ห้าวันที่ผ่านมานี้กลับแตกต่าง ไม่ใช่ความรู้สึกดี แต่ไม่มีความรู้สึกกลัว ..กลับเป็นความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับ ‘ละอาย’
ใช่.. ที่คราแรก เธออยากจะยอมแลกอะไรก็ได้เพื่อให้ ‘เด็กหนุ่มผู้นั้น’ ออกไปตามทางที่เขาเข้ามา ทว่า.. เมื่อเขาออกไปจริงๆ เธอได้แต่อยู่อย่างงุนงงสงสัยและละอายแก่ใจตน

           “ให้มันจบลงตรงนี้ ไม่เป็นไร ผมจะไป”

ไม่รู้เป็นไปได้อย่างไร แต่น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนั้นทำให้เธอมั่นใจได้แม้แทบไม่ได้รู้จักเจ้าของถ้อยคำนั้นเลย
เด็กหนุ่มผู้นี้จะพูดความจริงเสมอ.. ถ้าเขาบอกว่าจะไป ก็คือเขาไป แต่ว่าทำไมล่ะ?

          “ขอแค่.. ดูแลครอบครัวของคุณให้ดี ..ดีที่สุด”

เด็กหนุ่มที่เธอขัดขวางจากการมีครอบครัวที่สมบูรณ์ กลับขอให้เธอดูแลครอบครัวของเธอให้ดี ..มันเป็นแบบนั้นได้อย่างไร
มือเรียวกำกระเป๋าถือแน่น กระเป๋าที่ภายในมีของใช้ส่วนตัว กระเป๋าสตางค์และที่เพิ่มมาไม่กี่วันก่อน กระดาษสีเหลืองหม่น ระบุยอดหนึ่งแสนและลายเซ็นของเธอเอง ..สิ่งที่ได้คืนมา

          “ผมแค่เอาของมาคืนคุณ”

ระมิงค์หลับตานิ่ง กลืนน้ำลายลงคออย่างขมขื่นใจ ก่อนจะลืมขึ้น เหลือบมองชายร่างใหญ่ที่นั่งข้างตัว ..สามีของเธอ
สามีที่ไม่รู้ว่าบนโลกนี้ยังมีเด็กหนุ่มหน้าตาคล้ายคลึงเขาอีกหนึ่งคน..
เธอไม่เคยคิดจะบอก จนกระทั่งตอนนี้ที่อยากจะบอก เธออยากบอกนายพจน์เหลือเกินว่าเขามีลูกชาย อยากให้เด็กหนุ่มท่าทีจริงจังทว่าจิตใจดีงามผู้นั้นได้คืนสู่ผู้เป็นบิดา แต่เธอไม่อยากเปลี่ยนแปลงสถานะของลูกชาย และไม่อาจทำร้ายจิตใจม่อนแจ่ม
จะเป็นไปได้ไหมเล่า ถ้าเพียงแต่เขาจะไม่เปิดเผยความจริงที่กระทบกระเทือนลูกชายของเธอ ถ้าเพียงแต่เขาจะรับม่อนแจ่มเป็นพี่น้อง..

        “ผมไม่เคยโกหกเรื่องอะไรเลยในชีวิต แล้วคุณจะให้ผมเตี๊ยมกับแม่ผมโกหกเพื่อคุณหรือ
..
          เพื่อคนที่โกหกเพื่อตัวเอง โดยไม่สนใจผู้หญิงซื่อๆที่กำลังท้องน่ะหรือครับ..”


ระมิงค์กัดปากแน่น..
คงไม่มีทาง..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

        “อืม..”
คนหลับครางน้อยๆ มือแกร่งขยับหาร่างกายนุ่มนิ่มที่กอดไว้ในอกมายาวนานตลอดคืน ทว่า ไม่เจอ
ดวงตาสีเข้มลืมขึ้น เพดานไม้ของเตียงสองชั้นชัดเจนอยู่ในแสงแดดที่ส่องลอดหน้าต่างกระจกฝ้าเข้ามา
พชรยันตัวลุก มองสำรวจไปรอบห้อง เขาคุ้นชินกับการที่ตื่นมาแล้วเห็นรูมเมททั้งสองนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงในความสว่างจางๆภายนอก แต่วันนี้ กลับไม่วี่แววรูมเมทคนใดเลย มีเพียงเขาและแสงแดดก็สว่างจ้าเป็นสัญญาณว่าน่าจะเป็นเวลาสายมากแล้ว
พชรไม่ใส่นาฬิกา ไม่เคยมีนาฬิกาหรืออะไรทั้งนั้นบนข้อมือ ..เว้นก็แต่ สายสิญจน์สีขาวที่มือเรียวเล็กคู่นั้นผูกให้
อย่างไรก็ตาม บนโต๊ะข้างเตียงมีนาฬิกาเรือนงามสายหนังสีน้ำตาลถอดวางเอาไว้ หันหน้าปัดมาในทิศทางที่คนซึ่งเอี้ยวหน้าหันไปจากเตียงนี้จะมองเห็นเวลาได้ชัดเจน.. นาฬิกาของม่อนแจ่ม..
พชรกลืนน้ำลายลงคอ ..เขารู้ว่าคนถอดไม่ได้ลืมไว้ ..มันมาจากความตั้งใจล้วนๆ

ร่างกำยำค้อมหัว ลุกขึ้นจากเตียง พับผ้าห่มลายหมูพูห์นอนอาบแดดที่เข้าชุดกับผ้าปูและปลอกหมอนเอาไว้เรียบร้อยปลายเตียง สายตาหันกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง ..จานข้าวราดผัดฟักทองและถ้วยแกงจืดวางอยู่
ไม่มีกระดาษโน้ต ไม่มีอะไรบ่งไว้ว่าข้าวจานนี้เป็นของใคร ที่อยู่ข้างจานมีเพียงนาฬิกา.. แต่พชรก็รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร และแน่นอน หลังจากมื้อล่าสุดคือเที่ยงเมื่อวาน เขาหิวมากทีเดียวในตอนนี้

            “คาบแรกหายไปไหนมาครับ ท่านธาเลส?”
เพื่อนเลิกคิ้ว เรียกชื่อนักปรัชญาซึ่งผู้มาใหม่เคยตอบข้อสอบว่าอยากเป็นศิษย์เป็นการแซว
พชรไม่เคยขาดเรียนมาก่อน และเขาก็ตอบตามความเป็นจริง “วันนี้ตื่นสาย”
“บ๊ะ!” เพื่อนปรัชญาเบิ่งตาน้อยๆ “นักปรัชญาเกษตรหนุ่มผู้มาเรียนก่อนชาวบ้านเขาทุกวันมีตื่นสายด้วยเหรอวะ?”
คนถูกแซวเพียงยิ้มนิดหนึ่ง ถามถึงคาบแรกที่ขาดไป “อาจารย์ระบัดใบสอนหัวข้ออะไร”
“ปรัชญาการเมืองของมหาตมะ  คานธี”
อ้อ.. พชรอ่านผ่านมาแล้ว แต่คงต้องกลับไปทำความเข้าใจอีกครั้ง
“สั่งงานหรือเปล่า” เสียงเข้มถามต่อ
“วิเคราะห์วิธีการต่อสู้แบบอหิงสา.. แล้วก็ย้ำงานเก่าที่เคยสั่งไปว่าอย่าลืมทำ”
“งานเก่า” พชรเลิกคิ้ว “ตามหาปรัชญาน่ะหรือ?”
“ถูกต้องนะครัช”
“ขอบใจ”
“แล้วมึงจะเอาแล็คเชอร์กูไหม?” เพื่อนเสนอ แต่พชรปฏิเสธ “ขอแค่เอกสารประกอบการเรียนที่อาจารย์แจกให้ก็พอ”
พชรเอ่ยนิ่งๆ และพยายามรวบรวมจิตใจที่ประหวัดถึงแต่หนุ่มน้อยแว่นแดงให้กลับมาอยู่กับบทเรียนคาบที่กำลังจะถึง

ตอนนี้ทำอะไรอยู่.. คงจะเรียนสินะ.. แล้วยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ..ม่อนน้อยของพชร..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           โต๊ะ ตู้ เตียงภายในห้องนอนปูพื้นด้วยลามิเนตมองเห็นผ่านม่านน้ำตา..
ที่สุด.. เวลาก็ไม่ได้หยุดเดิน พอๆกับที่คนเราคงไม่อาจหยุดนิ่ง มือเรียวยกขึ้นถอดแว่นแดงออกจากดวงตาอย่างสั่นๆ
นิ้วชี้ค่อยๆปาดน้ำตาให้พ้นข้างแก้ม.. ภาพระยะไกลรางเลือนด้วยสายตาสั้น ทว่า ม่อนแจ่มก็รู้สึกถึงความชัดเจนบางอย่างภายในใจ

           “พชรหน้าคล้ายคุณพ่อเลย จริงๆด้วยครับ!”
..
          “ถ้าป้ายามมาบอกว่า ผู้ปกครองของห้อง 338 มาพบรูมเมทผม แล้วเป็นคุณพ่อละก็ ผมคงไปตามพชรมาพบแทนม่อนแน่ๆเลย แหะๆ”


ม่อนแจ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ถ้อยคำของไอดิลแว่วอยู่ในหูและเขาก็เห็นด้วยทุกประการ
เขาเป็นลูกที่ไม่เหมือนบิดา ไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย ..ขณะที่ใครบางคนนั้นถอดแบบออกมาเลยทีเดียว

        “ทำไมต้องกลับล่ะ”
         “เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่”
         “ปรัชญาเชื่อมั่นในเหตุผลเหรอ..”
         “แล้ววิศวฯเครื่องกลเชื่อมั่นในอะไร..”


วิศวฯเครื่องกลเชื่อมั่นในอะไร?
ม่อนแจ่มไม่รู้แล้ว อย่างเดียวที่รู้คือ.. เขาไม่อาจทรุดนั่งอยู่ตรงนี้ตลอดไป
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ.. นี่เป็นเรื่องใหญ่ ..เกินกว่าเรื่องใดๆที่เคยรับมือ
และใต้ชายคาบ้านประดิษฐาพงศ์นี้ อาจมีเขาเพียงคนเดียวก็ได้ที่รู้ ..ม่อนแจ่มต้องลุกขึ้นยืน ..ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้

          ขาเรียวพาลำตัวผอมบางให้หยัดขึ้น แม้ว่าหยาดน้ำในหน่วยตาจะไหลเอ่อลงมาแทนหยดที่ถูกปาดออกก่อนหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน แต่มือเรียวก็สวมแว่นกลับเข้าที่ พาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ให้สายน้ำอุ่นที่ไหลลงมาตามก็อกช่วยชำระน้ำตาจากภายในให้ออกพ้นจากใบหน้าไป

ม่อนแจ่มมองภาพตัวออกที่สะท้อนอยู่ในกระจก ในใจมีแต่คำถาม..
คนเราต้องเข้มแข็งและกล้าหาญให้ได้สักแค่ไหนในการที่จะยอมรับและเดินไปสู่ความจริง

          ยามเย็นย่ำในบ้านประดิษฐาพงศ์ช่างเงียบเชียบ.. และม่อนแจ่มก็ย่างเท้าอย่างเงียบเชียบกว่าลงมาจากห้อง
รู้สึกถึงความเดียวดายที่แฝงอยู่ในทุกอณูของบ้านหลังใหญ่นี้ ความรู้สึกที่นับแต่เติบโตมาก็ได้แต่พยายามไม่สังเกตมัน
ม่อนแจ่มเดินผ่านห้องทานอาหาร อีกไม่นานป้าเพ็ญคงจะตั้งโต๊ะแล้ว..
ขาเรียวก้าวผ่านประตูข้างบ้านที่เปิดออกสู่ระเบียงกว้างหน้าสวนดอกไม้ มารดานั่งอยู่ที่นั่น มองออกไปภายนอก ในมือมีกระเป๋าถือใบที่ท่านใช้เป็นประจำ ไม่รู้ว่าทำไมท่านจึงยังไม่เอามันขึ้นไปเก็บบนห้อง ม่อนแจ่มหยุดยืนมองร่างระหงที่คุ้นเคย ก่อนค่อยๆละไป เขาเดินออกจากบ้านไปสู่สวน และ ณ ที่นั้น บิดานั่งอยู่เพียงลำพัง ..ใต้ต้นลำไยที่ยืนอยู่เคียงข้างต้นสักอย่างชินตามานาน

         “ตั้งแต่ม่อนโตมา ม่อนก็เห็นต้นสักต้นนี้ตลอดเลยครับ”
         “ค่ะ คุณท่านเป็นคนปลูกเอง”
         “จริงหรือครับ”
         “จริงค่ะ คงเกือบยี่สิบปีมาแล้ว เพราะเท่าๆอายุคุณม่อนนั่นล่ะค่ะ ปลูกคู่กับต้นลำไยต้นนั้น”


ต้นสักที่ปลูกคู่กับต้นลำไย ..ดูไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่มันก็อยู่คู่กันมาตลอด ด้วยสองมือปลูกของบิดา
ม่อนแจ่มกัดปากน้อยๆ

           “ลำไยจ้ะ น้าเอามาฝาก”
..
           ‘เพชรลดา เพชรหละปูน
            เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์’


           “อ้าว ..ม่อน?”
ท่ามกลางสายลมบายโบกและความคิดที่เดินทางไปไกลหลายกิโลเมตร นายพจน์สะดุ้งน้อยๆเมื่อหันมาเห็นบุตรชาย
“มีอะไรหรือเปล่า”
ม่อนแจ่มพยายามหาคำพูด ขาแข็งไม่อาจเดินเข้าไปใกล้บิดาได้ง่ายดายนัก
“ม่อน ม่อนแค่..”
..
นายพจน์เลิกคิ้วงุนงง ม่อนแจ่มจึงตระหนักว่าตัวเองกำลังยืนนิ่งขึงอย่างประหลาด ขาเรียวจึงค่อยๆขยับไปใกล้ม้านั่งยาว
“ม่อนแค่.. เห็นคุณพ่อนั่งอยู่ ก็เลยว่าจะ.. นั่งเป็นเพื่อนครับ”

นั่งเป็นเพื่อนหรือ?
นายพจน์สนเท่ห์ เขากับม่อนแจ่มไม่เคยนั่งเป็นเพื่อนกันมาก่อน กระนั้น ใบหน้าเข้มก็พยักลำคอช้าๆ
“ได้สิลูก”
“คุณพ่อ.. ชอบนั่งใต้ต้นลำไยต้นนี้นะครับ ม่อน ..ม่อนเห็นบ่อยๆ ..ตอนเย็นๆ”
นายพจน์เงยขึ้นมองใบสีเขียวเข้มพลิ้วไหวตามสายลมของต้นไม้เบื้องบน
เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร ..ก็คงอย่างที่ลูกชายเห็นนั่นละ
“คงจะเพราะ.. เพราะเย็นสบายดีน่ะ”
“ป้าเพ็ญบอกว่า..” ม่อนแจ่มลำคอแห้งผาก “คุณพ่อปลูกต้นลำไยต้นนี้เอง”
นายพจน์กลืนอะไรขมๆลงคอ “ใช่..”

         “นี่กล้าสัก นี่กล้าลำไยค่ะ ที่คุณพจน์ขอ”
         “ไม่ได้ขอแค่กล้า ขอคนปลูกด้วย ..ไว้ว่างๆ ลดาไปปลูกให้ผมนะ”
         “นี่กล้าพันธุ์ดีนะคะ โดยเฉพาะสัก เก็บเมล็ดพันธุ์จากป่าธรรมชาติมาเพาะ ไม่ตายง่ายๆหรอกค่ะ คุณพจน์เองก็ต้องปลูกได้แน่”
..
          “พรุ่งนี้ก็จะถึงวันแต่งงานอยู่แล้ว ทำไมไม่เตรียมตัว ไปทำอะไรอยู่ในสวน พจน์!”
          “ผมแค่.. อยากปลูกต้นไม้ครับ”
..

   
มือแกร่งไม่เคยเลอะดินโคลนของนักธุรกิจ นาม ‘พจน์ ประดิษฐาพงศ์’ ขุดหลุมลึกประมาณยี่สิบเซ็นติเมตรและกว้างยาวอีกประมาณยี่สิบคูณยี่สิบเซนติเมตรตามที่เคยได้รับการบอกกล่าว มือเปล่ากอบดินขึ้นมา ลงกล้าลำไยและสักอย่างทะนุถนอมไม่ให้กระทบกระเทือน ทิ้งระยะห่างกันสี่เมตรให้พอพุ่ม.. ใจหวังว่ามันจะได้เคียงคู่กันไปให้ยาวนานกว่าชีวิตเขา

            “ลำไยต้นนี้ไม่เคยมีลูกเลยครับ”
ม่อนแจ่มไม่รู้จะพูดอะไร ..ยิ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ ได้แต่พูดเรื่อยเปื่อยไปตามที่เห็น
อย่างไรก็ตาม นั่นทิ่มแทงใจคนนั่งอยู่ข้างๆ ..ต้นลำไยที่ไม่ผลิดอกออกผล ..ความรักที่ไม่สมหวัง
“คงไม่มีวันมี..” นายพจน์รับคำ น้ำเสียงที่ปกติเข้มขรึม แทบจะขาดหายไปจนม่อนแจ่มเองก็จับความรู้สึกคนพูดได้
ศีรษะเล็กเอี้ยวมองผู้เป็นบิดา ดวงตาคมกล้าที่วูบไหวอย่างเห็นได้ชัดนั้นคล้ายคลึงกับใครบางคนเหลือเกิน
ไม่ใช่ลักษณะดวงตา แต่เป็นแววตาเช่นนี้ที่ม่อนแจ่มเคยเห็น ประหลาดนัก ที่คนคนเดียวกลับมีแววตาที่คล้ายคลึงกับคนถึงสองคน หนึ่งคือแววตาที่ใจดีมีเมตตาเหมือนคุณแม่ อีกหนึ่งคือแววตาคมกล้าที่วูบไหวไปได้ในบางขณะเหมือน..

         “ม่อนอยากให้ลำไยต้นนี้มีลูกครับ” น้ำเสียงนั้นช่างอ่อนเบา แต่ม่อนแจ่มก็พูดออกมาจนได้
“คุณพ่อควรได้รับประทาน..”
ดวงตาแห้งผากของนายพจน์ไม่มีที่พอสำหรับหยาดน้ำ เพราะมันจะเอ่อท้นอยู่ภายในใจเท่านั้น เช่นที่เป็นมาตลอด
“พ่อไม่มีสิทธิ์หวังเลยด้วยซ้ำว่ามันจะมี..”
ม่อนแจ่มหันหน้ากลับทันที หยาดน้ำตาหยดลงมาอีกครา

        “อย่างนี้ พชรก็ช่วยพ่อกับแม่ทำสวนมาตั้งแต่เด็กเลยสิ”
        “ใช่ แต่ ..แค่แม่”


“ม่อนไม่รบกวนคุณพ่อแล้วครับ” ร่างเล็กถลันตัวลุกขึ้น ไม่อาจอยู่รอสบสายตาบิดาให้เห็นความผิดปกติ
ม่อนแจ่มก้าวยาวๆจนเกือบจะวิ่ง ..มั่นใจแล้วว่าบิดาไม่รู้เรื่อง ..แล้วเขาควรทำอย่างไร?
มันไม่ใช่เวลามาตกใจ หรือเสียใจ ..มันคือการที่ต้องตัดสินใจไม่ว่าจะกำลังเจ็บปวดสักแค่ไหน

        “อ๊ะ! ม่อน?” ระมิงค์เดินกลับมาจากระเบียงและปะทะกับบุตรชายที่วิ่งเข้ามาในบ้าน
“คุณแม่” ม่อนแจ่มชะงักเท้า ไม่เงยมอง แต่สองแขนเรียวเข้าโอบกอดมารดาเอาไว้
“เป็นอะไรไป ทำไมลูกร้องไห้” ระมิงค์ตบไหล่บาง ส่งสายตาสำรวจ
“ม่อน ม่อนแค่..” ม่อนแจ่มพยายามสรรคำ “ม่อนอ่านนิยายมากไปน่ะครับ ..ม่อนอินกับเรื่องของพระเอก”
งี่เง่าสิ้นดี..
“อ้อ..” ระมิงค์พยักหน้า ละอ้อมกอดออกนิดหนึ่ง “เป็นเรื่องเศร้าหรือไงจ้ะ?”
เศร้าไหมหรือ..
“ม่อนไม่รู้ครับ แต่.. มันอึดอัด ..มันเหมือนใจเราจะแตกออก” ..มันมากกว่าเศร้า
“จะเศร้าแค่ไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่จ้ะ เราใช้ชีวิตของเราให้ดีให้ถูกก็พอนะ อย่าคิดมากสิ”
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ ว่าเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ แล้วอย่างไหนที่จะถูก อย่างไหนที่จะดี..”
ระมิงค์ชะงัก กัดฟันไว้ด้วยไม่อาจตอบคำถามนี้ได้เลย..
“คุณแม่ว่า.. คนเราควรกล้าหาญที่จะยอมรับความจริงไหมครับ” ม่อนแจ่มกลั้นน้ำตา มองสบกับมารดา
“แม่..” ไม่รู้..
ระมิงค์ตะกุกตะกัก “แล้ว.. ม่อนคิดว่ายังไง”
ม่อนแจ่มก้มหน้าลง..

         “ตอนที่กูถามว่า ช่วยพ่อแม่ทำสวนมาตั้งเด็กเลยหรือเปล่า พชรชะงักไปเลย ถ้าสิ่งที่กูพูดทำให้ไม่สบายใจ ต้องขอโทษทีนะ”
          “เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหมอก”
..
          “กูไม่ได้อยู่กับพ่อ จริง.. แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก”


แล้วปัญหาก็อยู่ตรงนี้ใช่ไหม..
เจอพ่อแล้ว แต่ไม่ยอมพูดออกไป ..ปัญหาคือแบบนี้ใช่หรือเปล่า

         “มีเรื่องไม่สบายใจใช่ไหม”
         “กูไม่มีอะไรจะพูดหรอก ..กลับหอซะเถอะ ไป”


ภาพใบหน้าเครียดเขม็งที่เป็นทุกข์ใจเข้าสู่สามัญสำนึก..
ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้น พยายามบังคับเสียงสั่นเครือให้ราบเรียบ
“ม่อนคิดว่า.. ความเข้มแข็งและกล้าหาญคือคุณสมบัติที่คนเราควรต้องมีครับ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

        ตกเย็นแล้ว.. พชรไม่ได้เอื่อยเฉื่อย ทำงานเรื่อยๆอยู่ที่ห้องสมุดคณะมนุษยศาสตร์หรือไปพบมิ่งเมืองเพื่อนรุ่นพี่ที่คณะเกษตรศาสตร์อย่างทุกวัน ..วันนี้เขาอยากกลับหอ ..อยากแน่ใจว่าคนที่นอนข้างกันเมื่อคืนนี้มีสภาพร่างกายปกติดี
ไม่นึกว่าคนที่เคยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าอย่างยิ่งเมื่อเทอมก่อนคือคนที่อยากจะพบ อยากจะให้อยู่ใกล้ๆตัวที่สุดในเทอมนี้
อย่างไรก็ตาม พชรไม่พบคนที่อยากเจอมาทั้งวัน เขาพบเพียง..

         “วันนี้กลับห้องเร็วนะ พชร”
ใบหน้าคมสันพยักลำคอตอบรับรูมเมทสิ่งแวดล้อม ..และรอคอย ทว่า วันนี้เป็นวันที่แปลกกว่าทุกวัน

         “ไอดิล” เสียงเข้มเรียกขานในที่สุดเมื่อเวลาล่วงเลยไปจนย่ำค่ำ ดวงอาทิตย์ใกล้จะหมดแสง
“ม่อนล่ะ..”
“บ๊ะ..” คนถูกเรียกอุทานเบาๆ ยิ้มสมใจราวกับรอฟังอะไรทำนองนี้อยู่แล้ว “ถามได้สักทีเว้ย!”
ว่าแล้ว ไอดิลก็กระแอมคอให้โล่งตอบรูมเมทปรัชญาไปตามที่คู่ซี๊เครื่องกลฝากข้อความไว้
“วันนี้ไอ้ม่อนเข้าไปที่บริษัทพ่อมันน่ะ ไม่แน่ใจว่าจะกลับหอกี่โมง”

บริษัทพ่อม่อนแจ่ม..
PP Group..

..

“พชร?”
..
“พชร!”
“หืม?” หลังจากสะดุ้งน้อยๆ เพราะเสียงเรียกของรูมเมท พชรก็ครางรับ
“เปล่า ก็เห็นนิ่งไปเลย” ไอดิลเลิกคิ้ว แต่แล้วก็ยิ้มล้อเลียน “หรือว่าคิดถึงไอ้ม่อนแล้ว”
พชรไม่ตอบรับ ..แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“กูโทรหาให้นะ” ไอดิลเสนอ ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์จึ๊กๆ เพียงไม่กี่ครั้งก็เจอชื่อที่โทรประจำ ‘เพื่อนม่อน สายแบ๊ว’
..
..
หลังจากรอสายเรียกนานจนคิดว่าปลายทางจะไม่ตอบรับ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาตามสาย
“อือ.. ไอ้ดิ้ล”
“เพื่อนม่อนคร้าบบบ มีคนคิดถึง!” ไอดิลกรอกเสียงร่าเริง มิวายจะแกล้งเย้า
“อ๊ะๆ! อย่าคิดไกลนะ คนที่ว่าคือเพื่อนดิ้ลเอง ฮ่าๆ”
..
“อืม..”
อะไรกัน ทุกทีม่อนแจ่มจะต้องว้าก 'ไอ้ดิ้ล!' สิ เวลาที่เขาแกล้งเย้าเจ้าตัวเรื่องพชรไม่ใส่ใจ
“ทำไมเสียงมึงแปลกๆวะ” ไอดิลเลิกคิ้ว “นั่นมึงอยู่ที่ไหน ออกมาจากบริษัทหรือยัง?”
ปลายสายเงียบไปหลายอึดใจ ไอดิลจึงเรียกซ้ำ
“ไอ้ม่อน? มึงจะกลับเมื่อไหร่”
..
“กลับแล้ว.. กูอยู่อ่างแก้ว”
“อ่างแก้ว? ไปทำบ้าอะไรอยู่อ่างแก้ววะ มืดแล้วนะไอ้ม่อน ทำไมลุงสมไม่มาส่งมึงหน้าหอเหมือนเคยล่ะ”
“กูแค่.. อยากอยู่นี่แป๊ปนึง”
“ห๊ะ?” ไอดิลงุนงง ปกติเพื่อนซี๊เขาไม่ใช่คนเข้าใจยาก แต่ตอนนี้ไอดิลชักจะไม่เข้าใจม่อนแจ่ม
“อยู่ทำไม มึงจะนอนนั่นหรือไง”
“เปล่า.. เดี๋ยวกูกลับหอเอง”
“โอ๊ย ไม่ต้อง มืดๆค่ำๆ รถม่วงก็ชอบเต็ม คุณหนูม่อน มึงรอแป๊ป เดี๋ยวกูแว๊นรถหมอกไปรับ”
ไอดิลกดวางสายทันควัน กลับหลังหันจะออกจากห้องก่อนนึกขึ้นได้
“เฮ้ย! หมอกไปซ้อมบอล”
..
“เดี๋ยวไปรับเอง”
แค่นั้น..
แค่นั้น แล้วร่างกำยำก็คว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์จากบนโต๊ะเขียนหนังสือ ก้าวยาวๆออกผ่านประตูห้องสามสามแปด

(ข้อความเกิน ขอต่อรีฯถัดไปครับ)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 18-09-2016 23:23:39
          ความสลัวปกคลุมทั่วบริเวณแล้ว..
น้ำในอ่างดำมืด สายลมที่โบกเพียงบางๆกลับพัดแรงขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ล่วงไปในยามค่ำ
ม่อนแจ่มเคยกลัวความมืด.. ทว่า ในตอนนี้ ไม่น่ามีอะไรทำให้เขาหวาดกลัวได้มากไปกว่า ‘ความจริง’
คนที่ไม่ใคร่จะให้ความสำคัญกับสติมาถึงจุดที่ต้องตั้งสติอย่างมากที่สุด ..เขาไม่อาจอยู่ตรงนี้ได้ตลอดคืน และแม้ตัดสินใจให้ลุงสมส่งไว้ที่นี่ ก็ใช่คาดหวังจะใช้เวลายาวนานเกินไป
เขาแค่.. ต้องการเวลา แค่ต้องการสถานที่ ต้องการ.. ความทรงจำบางอย่างที่ควรละทิ้งไป

ความหมายของอ้อมกอดในวันนั้นคืออะไร..
มันคือคำตอบของความเป็นไปในวันนี้ใช่หรือเปล่า


          “มาทำอะไรอยู่ที่นี่”
..
ความคิดชะงัก สติที่รวบรวมมาค่อนชั่วโมงทำท่าจะกระโดหนีลงน้ำ ..เสียงนี้ที่ไม่ต้องหันดูก็รู้ว่าใคร
“กลับหอซะ มืดแล้ว” น้ำเสียงเข้มเปล่งออกมา และม่อนแจ่มก็ต้องพยายามอย่างมากให้น้ำเสียงของเขาราบเรียบได้พอๆกัน
..
“ขอบคุณที่เป็นห่วง”

ร่างเล็กหันกลับหลัง ร่างกำยำที่คุ้ยเคยมาเทอมกว่ายืนอยู่ตรงหน้าในความสลัว ร่างกำยำนี้ที่ผูกพันลึกซึ้งไปแล้วทั้งกายและใจ..
พชรหันหลังกลับเพื่อเดินนำไปยังมอเตอร์ไซค์โมตาร์ดที่จอดไว้ด้านนอก แต่แขนแกร่งถูกรั้งไว้ ยื้อให้ต้องหันกลับมาเผชิญหน้าอีกครั้ง
   
         “พชร”
ม่อนแจ่มเอ่ยชื่อที่คงเรียกบ่อยที่สุดแล้วในชีวิต ..พยายามกล้าหาญให้มากที่สุดที่จะสบดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น
“กูมีอะไรจะถาม”
พชรยืนนิ่ง ..ไม่อาจคาดเดาสิ่งที่จะออกมาจากเรียวปากอิ่มตรงหน้า
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย กัดริมฝีปากน้อยๆ ..ด้วยไม่แน่ใจว่าจะเริ่มที่คำถามไหนก่อนดี เพราะค่อนชั่วโมงมานี้ เขามีคำถามมากมายเหลือเกิน
..
“คุณแม่พชรมีพี่น้องที่หน้าตาเหมือนกันมากๆบ้างหรือเปล่า..”

อะไรนะ..
พชรนิ่งฟัง
ม่อนแจ่มไม่ทวนซ้ำ ได้แต่มองตาเพื่อย้ำคำ
แน่นอนว่าคำตอบคือไม่.. แต่พชรไม่ได้ปล่อยให้คำนั้นหลุดออกจากปาก ..เขายังไม่ค่อยเข้าใจ

“พชรไม่ตอบ..” ม่อนแจ่มทำเหมือนแค่รายงานความเป็นไปของสถานการณ์
“งั้นถามใหม่.. คุณแม่พชรเปลี่ยนชื่อหรือเปล่า..”

หัวใจแกร่งเต้นเร็วขึ้น..
ไม่.. มารดาไม่เคยเปลี่ยนชื่อ แต่ว่าทำไม..

“พชรไม่ตอบ..” ม่อนแจ่มรายงานอีกครั้ง พยายามใช้แต่เหตุผล ละทิ้งอารมณ์เสียให้ได้
“งั้นถามใหม่.. คุณแม่พชรชื่อนิภาจริงๆ หรือพชรตั้งใจโกหก..”

หัวใจเต้นแรงเหลือเกิน..
ใบหน้าคมไม่ได้นิ่งอีกแล้ว ริมฝีปากเผยอออกจากกันน้อยๆ และมันคงนำไปสู่คำถามต่อไป..

“พชรไม่ตอบ.. งั้นถามใหม่..” ม่อนแจ่มมองลึกเข้าไปในดวงตา
“คุณแม่พชรชื่อเพชรลดา เพชรหละปูน ใช่ไหม..”

พชรพูดไม่ออก..
ขาแข็งแรงก้าวถอยหลัง.. และนั่นก็คือคำตอบสำหรับม่อนแจ่ม ..พชรรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว..
ฟันซี่เล็กกระทบกันกึก และม่อนแจ่มก็กัดมันไว้ ไม่ปล่อยให้หลุดเสียงสะอื้นออกไปในตอนนี้และดวงตาก็ควรต้องแห้งผากไม่มีอณูของหยาดน้ำใดๆ
แม้จะคาดคำตอบไว้แล้ว แต่เอาเข้าจริง มันก็เหมือนจะไม่อาจทำใจ.. แต่ถ้าจะเจ็บแล้ว ก็เจ็บให้สุดในตอนนี้เลยเถอะ

“พชรเกิดวันจันทร์ที่เท่าไหร่ เดือนอะไร ปีอะไร”
..
คิ้วหนาเลิกขึ้น ไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายของคำถามนี้เลย ม่อนแจ่มจึงต้องอธิบาย
“กูแค่จะได้รู้.. ว่าควรต้องเรียกพี่หรือน้อง

ริมฝีปากหน้าเม้มเข้าหากัน ลมหายใจแรงตามจังหวะการเต้นของหัวใจ ขณะที่คนตรงหน้ายังคงพูดต่อไป
“แต่กูคิดว่าคงเป็นพี่ ไม่ใช่น้องหรอก เพราะมึงน่าจะเกิดก่อน”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” พชรปราม ..คำแรกที่ออกมาจากปากหลังคำถามมากมายเหล่านั้น
เขาไม่คิดว่าจะทนฟังไหวอีกแล้ว ตนเองเคยผยองในความเข้มแข็งของจิตใจและความแข็งแกร่งของร่างกายเสมอ
ไม่คิดว่าเวลานี้ ตอนนี้ จะอ่อนแอได้ขนาดที่รับฟังถ้อยคำจากริมฝีปากบางนั้นไม่ได้

“ไป” มือขาวเรียวจับข้อมือหนากว่าเอาไว้ ตั้งท่าจะฉุดนำไปที่ใดก็ไม่รู้
“ไปไหน”
“ไปพบคุณพ่อ”
“ไม่”
“หมายความว่ายังไม่” ม่อนแจ่มตวัดเสียงถามห้วนๆ
“หมายความว่ากูไม่ต้องการไป” พชรตอบห้วนพอกัน แม้ว่าน้ำเสียงจะสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“มันไม่ใช่เรื่องว่ามึงต้องการหรือไม่ต้องการ มันคือเรื่องที่มึงเป็นลูกชายอีกคนของคุณพ่อ!” ม่อนแจ่มตวาด
“และคุณพ่อต้องทราบเรื่องนี้ ท่านต้องรับผิดชอบต่อมึง” ม่อนแจ่มจับมือพชรแน่นไม่ยอมปล่อย
“กูไม่ต้องการความรับผิดชอบอะไร” พชรมองไปทางอื่น
“หมายความว่ายังไงไม่ต้องการ” ม่อนแจ่มถามซ้ำ “มึงไม่ต้องการให้คุณพ่อรู้ว่ามึงเป็นลูกอย่างนั้นหรือ”
“ใช่..”
“แล้วคุณน้าเพชรลดาล่ะ” ม่อนแจ่มแค่นเสียงถาม “ท่านไม่ต้องการด้วยหรือเปล่า”
พชรนิ่ง..
แน่นอนว่ามารดาไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้ แต่นั่นมันก็ก่อนที่เธอจะทราบว่าถูกหลอกลวง ..ว่าพชร ลูกชายของเธอคือเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวของนายพจน์ ประดิษฐาพงศ์
เธอมอบเช็คใบนั้นให้เขามา.. เธอไม่ได้ปรามเขาอย่างจริงจังเมื่อจะมาหานายพจน์.. จะเพราะอะไรหากไม่ได้ต้องการให้พ่อลูกได้รู้จักกัน.. ให้นายพจน์รับรู้ว่าเขาและเธอมีพยานรัก ..ซึ่งก็คือพชรคนนี้
และนั่นคือความทุกข์สาหัสของพชรตลอดเวลานับแต่คืนเช็คให้ระมิงค์ไป ..ความทรยศต่อมารดาตัวเอง..
แล้วตอนนี้ ลูกชายของระมิงค์กำลังจับข้อมือเขาไว้ ร้องขอแกมบังคับให้ไปพบนายพจน์ ..นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

        “ใครบอก” พชรเอ่ยออกมาในที่สุด
“บอกอะไร” ม่อนแจ่มไม่เข้าใจ
“ก็ที่กำลังพูดอยู่นี่ ใครบอกอะไรมา” พชรถามซ้ำ
“ไม่มีใครบอกหรอก” ม่อนแจ่มแค่นเสียง กึ่งน้อยใจ กึ่งสังเวชตัวเอง “ใครจะมาบอกอะไรกู”
“แล้วทำไม-”
“คำถามมึงนี่กูต้องตอบไหม? ในเมื่อทีมึง ยังไม่เคยตอบอะไรกูเลย”
ตามองตา.. สองคนมองกัน.. แล้วก็เป็นพชรที่ถามย้ำ “ไปรู้อะไรมา ใครบอก ตอบกูเดี๋ยวนี้ ม่อน!”
บ้าเอ๊ย.. ม่อนแจ่มอยากจะตั๊นหน้าพชร
เสียงนี้จะมาเรียกชื่อเขาตอนนี้ทำไม.. สั่งเพราะคิดว่าเขาต้องทำตามอย่างนั้นหรือไง..
ก็ได้.. ม่อนแจ่มไม่ได้นิสัยเหมือนพชรอยู่แล้ว
“ไม่มีใครบอกอะไรกูทั้งนั้น! กูเห็นรูปคุณแม่มึงในลิ้นชักโต๊ะทำงานคุณพ่อ กูจำท่านได้
คนในรูปชื่อเพชรลดา เพชรหละปูน เป็นชื่อเดียวกับที่คุณพ่อถามถึง แล้วมึงก็หน้าตาเหมือนคุณพ่อกูซะขนาดไอ้ดิลมันยังเห็นชัดเลย แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา กูเห็นมึงเครียด มึงเป็นทุกข์ แล้วรวมกันทั้งหมดนี้ มึงคิดว่ากูโง่นักหรือไง!”
ถ้อยคำที่อัดอั้นในใจพร่างพรูออกมา น้ำตาเอ่อท้นคลอหน่วยอีกครั้ง
“ม่อน..”
“อย่า!” มือเรียวปล่อยข้อมือแกร่ง ยกขึ้นเบรก ไม่ต้องการได้ยินคำเรียกชื่อในตอนนี้
“เพราะว่ากูมันเป็นคนขี้ขลาด เพราะว่ากูอ่อนแอใช่ไหม มึงถึงต้องยอมรับมันไว้คนเดียว” ม่อนแจ่มมองตา
“มึงไม่พูด ไม่บอก ไม่เตือนกูเลยพชร มึงปล่อยให้เรา..”

ไม่จริง.. อีกเสียงในใจเถียงถ้อยคำนี้
พชรไม่ได้ปล่อย..
พชรเป็นคนถอยห่าง..
พชรเป็นคนที่เอ่ยว่าไม่รู้จัก..
พชรบอกให้ม่อนแจ่มห้ามปราม..

        “บอกให้กูปล่อย..”
        “บอก.. เดี๋ยว.. นี้..”
..
         “พชร”


“กูขอโทษ” พชรรู้ว่าคนตรงหน้าหมายถึงเรื่องอะไร
“ไม่ต้อง!” ม่อนแจ่มสวนขึ้น “ไม่ใช่ความผิดของมึง ..คนเดียว”
แต่เรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก ..มัน เกิด ขึ้น ไม่ ได้ อีก
ม่อนแจ่มท่องซ้ำไปซ้ำมา คว้าข้อมือหนาไว้อีกครั้งอย่างตัดสินใจ
“ไปพบคุณพ่อกับกู”
“ไม่ได้”
“ทำไม!”
"นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะม่อน!"
"ก็เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆไง มึงถึงต้องไป"
"มึงจะให้กูเดินโทงๆเข้าไปในบ้านมึง บอกว่าเป็นลูกพ่อมึงหรือ!" พชรย้อนถาม “มึงได้บอกคุณแม่มึงหรือยัง แล้วเขาว่ายังไง”
ม่อนแจ่มชะงัก..
ไม่ใช่เขาไม่คิดถึงมารดา คิดสิ.. และเพราะคิด มันถึงยิ่งเครียดสาหัสขนาดนี้..
พาลูกอีกคนไปพบคุณพ่อ ลูกที่เกิดกับภรรยาคนก่อนหน้า แล้วมารดาจะว่าอย่างไร
ม่อนแจ่มก้าวถอยหลัง.. หยาดน้ำตาอุ่นๆหยดลงสองข้างแก้ม
“ม่อน..” พชรก้าวตามมา
“ไม่ต้องปลอบใจกู!” ม่อนแจ่มเสียงพร่า แต่ก็ยังพยายามเข้มแข็งให้ได้
“ใช่ มันเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่อ่อนไหว แต่มันไม่ยุติธรรมถ้ากูจะไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้มึงเป็นลูกไม่มีพ่อ แล้วคุณน้าเพชรลดา..”
มือเรียวปาดน้ำตาออก “มึงเลิกทำตัวเป็นพระเอกได้แล้ว กูเข้มแข็งกว่าที่มึงคิด รู้เอาไว้!”
บ้าเอ๊ย.. พชรหายใจแรง
“เข้มแข็งให้มันจริงก็แล้วกัน”
“อย่าดูถูกกันให้มากนัก พี่ชาย”
“อย่าเรียกกูแบบนั้น”
“มึงไม่อยากจะนับญาติเลยหรือไง”
“แล้วมึงอยากเป็นญาติกับกูงั้นสิ!”
“กูไม่ได้อยาก แต่มันเป็นไปแล้ว จะให้กูทำยังไงวะ!”
พชรไม่ตอบเรื่องนี้
แต่พูดเรื่องอื่น..
“ไป.. คุยกับแม่มึงก่อนเถอะ”
ไม่ใช่ไม่อยากบอก แต่แม้พชรบอกไป ม่อนแจ่มก็ต้องไปคุยกับมารดาตนอยู่ดี
เรื่องการกำเนิดเป็นเรื่องระหว่างม่อนแจ่มกับระมิงค์ มันเป็นสิทธิ์ของระมิงค์ที่จะพูด ที่จะบอกลูกชายของเธอเอง
พชรไม่อาจทำหน้าที่นั้นแทน.. เขาเป็นคนนอกในความสัมพันธ์ระหว่างแม่-ลูก
ถ้าม่อนแจ่มจะต้องรู้จริงๆ ก็ควรได้รู้จากปากระมิงค์เองเหมือนที่ตั้งใจไว้มาแต่ต้น..
พชรหวังว่า.. ความรู้สึกจะดีกว่ารู้จากคนนอก รวมถึงบาดแผลที่จะเล็กลงด้วย หากสองแม่ลูกค่อยๆคุยกัน
"ค่อยๆพูด ค่อยๆบอกไปว่ารู้จักกู ว่าเคยพบแม่กู แล้วคุณพ่อมึงถามถึง บอกสิ่งที่มึงรู้ สิ่งที่เป็นจริง ใจเย็นๆ.."

         สายลมยังคงพัดมา.. เสียงพูดคุยห่างออกไปประปราย และความมืดก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
จังหวะหัวใจของคนทั้งคู่เต้นแรง ไม่ใช่จากความตื่นเต้นยินดี ทว่า จากความอึดอัดหนักหน่วงที่กำลังเผชิญอยู่นี้ และต้องเผชิญต่อไปอีก..

          “พชร” เป็นม่อนแจ่มที่แจกแจงข้อสรุป
“กูจะพูดกับคุณแม่กูว่าคุณพ่อมีลูกอีกคน ส่วนมึง.. ก็พูดกับคุณแม่มึงว่ามึงพบคุณพ่อแล้ว จากนั้น เราจะไปพบคุณพ่อกัน พบในฐานะที่มึงเป็นลูกชายของท่าน”

พชรไม่ตอบ..

“พชร กูกำลังพูดกับมึงอยู่นะ”
“กูได้ยินแล้ว”
“ได้ยินก็ตอบสิเว้ย!” ม่อนแจ่มว้าก ..ความตึงเครียดครอบคลุมจิตใจคนสองคนทุกขณะ และบอกยากว่าของใครมีมากกว่ากัน
“เออ” พชรตอบกลับห้วนๆ “ก็ตามที่มึงว่านั่นแหละ”
“ดี” ม่อนแจ่มตอบห้วนกว่า
ดวงตาที่แห้งไปแล้วกำลังจะเอ่อท้นอีกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลให้เขานึกดีใจที่บทสนทนาจบลงพอดีและจะได้หันหนีไปจากใบหน้าคมนี้เสียที

หันไป..
เดินไปเสียเดี๋ยวนี้

อย่างไรก็ตาม.. เรียวแขนถูกคว้าไว้
พชรออกแรงกระตุกเพียงนิดเดียว ร่างเล็กก็เซกลับมาปะทะแผ่นอกกว้าง แขนแข็งแรงโอบรั้งร่างเอาไว้ แต่ม่อนแจ่มไม่ยอมตกอยู่ใต้อาณัติ
“ทำบ้าอะไร พชร!” ม่อนแจ่มดิ้นฮึดฮัด ทว่า แน่นอน มันไม่สัมฤทธิ์ผล
“พชร ปล่อยกู!” เสียงเล็กตวาดลั่น ..พยายามไม่ให้สั่น ..ทั้งร่างกายและน้ำเสียง

ไม่เอา..
ไม่ได้..
ไม่ใช่..
ไม่ควร..

“พชร-”
“สองนาที” เสียงเข้มขัดขึ้นก่อนจะถูกร้องขอให้ปล่อยอีกครั้ง
ม่อนแจ่มงุนงง เลิกคิ้วกับถ้อยคำนั้น แขนเรียวยังพยายามสลัดให้หลุดจากการเกาะกุม ก่อนที่ชะงักลงเมื่อพชรย้ำคำ
“ขอ.. สองนาที”
สองแขนแข็งแรงโอบกอดร่างเล็กแน่น หวังให้รอยกอดนี้ประทับอยู่ในความทรงจำ ให้สัมผัสอบอุ่นจากร่างกายของเขาไม่มีวันจางหายไปจากใจของอีกฝ่าย

ม่อนแจ่มไม่อยากตอบรับ.. ม่อนแจ่มอยากปฏิเสธ..
แต่มันก็แค่สองนาทีเท่านั้น แค่เวลาสั้นๆ ที่ไม่เคยนึกอยากให้สองนาทีไหนยาวนานเท่าสองนาทีนี้มาก่อนเลย
 
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-09-2016 23:42:23
อร๊ากกกกซ์ (ไม่ได้ปาดใช่มะ) นี่มันเริ่มจะพีคแล้ว
อยากจะขออีกสักตอน (อย่าปล่อยเราไว้กลางยอดดอย) ฮา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 18-09-2016 23:45:28
 :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-09-2016 23:48:26
หน่วงออลเดอะเวย์เลย

ชอบตัวละครค่ะ   ระมิงค์ในแง่นี้ มีความละอาย  เอาจริงๆปกป้องม่อนกันหมด
ถ้ารู้ความจริงม่อนกับพจน์ใครจะรับได้มากกว่ากัน?

ว่าแล้วม่อนคิดถึงเรื่องที่ว่าเป็นพี่น้องกัน

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 19-09-2016 00:12:28
พชร อย่าปล่อยมือม่อนนะ  ช่วยให้ม่อนผ่านไปให้ได้ เพราะพชรผ่านมาได้แล้ว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 19-09-2016 00:30:23
เอาตรงๆนา..
นึกว่าจะหน่วงกว่านี้
ถ้าเทียบกับมาม่าก็เป็นมาม่าแค่ซองเดียวเอง
ไม่อิ่มอะ 555
มันยังกินได้อีก ยังพีคได้อีก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 19-09-2016 01:03:41
อยู่ทีมม่อน ความเข็มแข็งจงอยู่กับม่อนต่อไป ถึงจะตัวเล็ก หัวใจม่อนยิ่งใหญ่ได้ไม่แพ้ใครๆ  รักม่อน รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 19-09-2016 01:08:19
โอ๊ย จบที่ตรงนี้หรอ ม่อนเข้มแข็งมาก มันไม่ได้เศร้าพีคแต่มันอึดอัด  :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 19-09-2016 01:14:46
น้องม่อนนนน  :m15:
เอาใจช่วยม่อนกับพชร นี่ยังแค่แจ็คพอตขั้นที่หนึ่ง เหลือแจ็คพอตความเป็นพี่น้องอีก
ถ้าม่อนรู้ว่าเป็นลูกใครม่อนจะเป็นยังไงงง
รออ่านอยู่ตลอดๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-09-2016 01:46:28
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 19-09-2016 02:34:17
ถ้าอยากจะให้สองนาทีนานกว่านี้นะ ต้องให้แม่ม่อนแจ่มพูดความจริงให้หมดเลยอะ ว่าม่อนเป็นลูกของใครเราไม่ใช่พี่น้องกันในสายเลือด ระมิงค์ควรดูลูกเป็นแบบอย่างของความกล้าหาญ นิสัยนี้ม่อนได้จากใคร ปรบมือให้รัวๆ /ม่อนได้ใจมาก  เก่งมากม่อน ทำดีแล้ว เออใช่เลิกทำตัวเป็นพระเอกเสียที ม่อนเข็มแข็งกว่าที่คิดไว้ รู้เอาไว้นะ ละถ้าวันไหนม่อนไม่ไหวก็ค่อยอยู่เคียงข้าง ต้องการกำลังใจก็กอดปลอบ //จะเป็นยังไงต่อละทีนี้ ม่อนจะเอ๊ะใจไหมว่าเราไม่ใช่ลูกของพ่อ ถ้าแม่ไม่บอก จะเทใจให้แม่ม่อนหมดเลยนะถ้านางบอกความจริงพูดทุกอย่างให้โลกรู้ จะได้รับความเห็นใจละสงสารไปเยอะ แต่ถ้าละลายอยู่แบบนี้ก็นิดนึงแล้วกัน  นางควรเชื่อมั่นในตัวลูกเหมือนที่เราเชื่อในตัวม่อน //สู้ๆนะม่อนพชร ตอนหน้าจะเป็นไงบ้างนะ คิดไม่ออกเลยจริงๆ รออ่านคะ รออออออออออออ อ๊ากกขอบคุณนะค่ะที่มาอัพให้ งื้ออออ ชอบม่อนอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ยิ่งชอบบบบบบบ พชรเชื่อในตัวม่อนและตัวเองนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 19-09-2016 02:50:57
ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง มีคนที่ต้องการปกป้อง ระมิงค์ พชร ต้องการปกป้องม่อน
ม่อนเองยังรู้ไม่หมดก็อยากให้พบรได้ความยุติธรรม ม่อนพยายามเข้มแข็ง ทำได้ดีนะ
แต่ช้างในคงพังมากแล้ว ยิ่งถ้าได้รู้ความจริงทั้งหมด ม่อนคงถอยห่างออกมาเลยแหละ
คราวนี้คนไล่ตามคงเป็น พชร โอ้ย ใจนี่จี๊ดๆๆ ค่ะ อินจัด ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 19-09-2016 02:58:14
 อยากรู้แล้วค่ะว่าความดีใจที่ม่อนจะได้รู้ว่า ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน

จะพอชดเชยความเจ็บปวดกับความเป็นจริงว่า ไม่ได้เป็นลูกของคุณพ่อไหม??

ภาวนาให้เพียงพอ :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 19-09-2016 03:02:04
ม่อนน้อยเป็นคนเข้มแข็งและรับมือได้ดีกว่าที่คิด  :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-09-2016 07:00:47
หวังว่าแม่แจ่มม่อนจะเล่าความจริงไม่ปิดบังจนทำให้เรื่องต้องแย่ลงไปอีก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 19-09-2016 07:39:56
จริงมันเปนู๋ม่อนความเจ็บที่เข้าใจผิดนี้ขอให้เปนภูมิคุมกันเมื่อความจริงอีกเรื่องปรากฏ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 19-09-2016 08:00:09
ม่อนเข้มแข็งกว่าที่คิด ตอนนี้อาจจะคิดว่าเป็นพี่น้องกัน แต่ถ้ารู้ความจริงว่าตัวเองไม่ใช่ลูกทีเกิดจากพ่อเดียวกัน
ม่อนจะไหวมั๊ย  :hao5: :hao5:

สองนาทีที่อยากจะหยุดเอาไว้แค่สองนาทีแค่นั้น ปวดตับ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 19-09-2016 09:30:29
       จากความอึดอัดหนักหน่วงที่กำลังเผชิญอยู่นี้ และต้องเผชิญต่อไปอีก..

         
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
^
^
^
^
 :hao5:  :hao5: ตอนนี้อารมณ์เดียวกันกับคำนี้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 19-09-2016 09:31:04
ยังมีอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ เรื่องพ่อของน้องม่อน  น้องม่อนเข้มแข็งนะลูก  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 19-09-2016 11:35:29
น้องม่อนเข้มแข็งไว้นะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-09-2016 14:45:56
รอความมาม่าระรอกสอง
นี่มันยังไม่สุดเพาะม่อนยังไม่รู้ว่าตัวเองก็ไม่ใช้ลูกนายพจน์
แงงงงง

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 19-09-2016 15:30:57
สำหรับขั้นแรก ความเข้าใจผิดในสายสัมพันธ์(Misunderstanding of complicated relation) ถือว่าทำออกมาได้ดีครับ รอดูขั้นต่อไป ความล่มสลายของความหวังและวิธีการมองโลกตั้งแต่เด็ก(Heartbreaking of child’s hope and way of thinking)

เคสม่อนแจ่ม (การที่ตัวเองเป็นลูกที่ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของครอบครัว แล้วดันสืบจนรู้ความจริง) นี่เป็นเคสที่เรามักเห็นภาพยนตร์ต่างประเทศเล่นปมประเด็นนี้บ่อยๆ เพราะว่าความรู้สึกของเด็กจะค่อนข้างซับซ้อน ละเอียดอ่อน และแตะต้องยากมาก บางทีเตลิดไปนอกลู่นอกทางเลย (และส่วนมากหนังต่างประเทศจะแก้ปมด้วยการใส่สถานการณ์ที่ทำให้เด็กบาดเจ็บ และรู้ว่า ต่อให้ไม่ว่าเป็นยังไง พ่อแม่ที่ไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง ก็รักเค้ามากไม่ต่างจากพ่อแม่แท้จริงเลย ทำให้เรื่องจะจบ Happy Ending) แต่เคสนี้จะยิ่งยุ่งครับ เพราะมันมีประเด็นของเรื่องตำแหน่งทายาท เรื่องเงิน เรื่องของเกียรติยศ ศักดิ์ศรี มันไม่ใช่แค่ม่อนแจ่มจะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกที่แท้จริงเท่านั้น แต่เค้าจะรู้สึกว่าตัวเองกลับถูกเลี้ยงมาในสภาพแวดล้อม ‘หลอกๆ’ และความหวังที่ตั้งไว้ เกียรติที่อยากจะแบกรับมาตลอด คือสิ่งที่ ‘ไม่ได้จะมีให้เค้าอย่างแท้จริง’ ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นที่อันตรายมากๆ มันทำให้เกียรติยศ ศักดิ์ศรี ความตั้งใจที่จะแบกรับมาตั้งแต่เด็ก หมดสิ้นลงไป ม่อนแจ่มจะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ได้มีไว้สำหรับเขา มันมีไว้สำหรับ พชร และต่อให้เขาทำมันให้ดีที่สุดยังไง เขาก็จะยังไม่ใช่ประดิษฐาพงศ์ ต่อให้เขาทำดีที่สุดยังไง สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้มีไว้สำหรับเขา

มันทำให้เกิดการพังทลายของความหวังและวิธีการมองโลกตั้งแต่เด็กครับ (ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น แซนซัสในรีบอร์น จะเห็นว่าวิธีการคิดของมนุษย์จะพังพินาศเลยครับ มันจะเตลิดไปหมดเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่สายเลือดแท้จริง ทุกอย่างคือ ‘ภาพลวงตา’ ความรักที่รับมา มันไม่ใช่เรื่องจริง และตำแหน่งที่พยายามจะทำตัวเองให้สมกับตำแหน่งนั้น เป็นเพียงภาพลมๆแล้งๆที่ไม่มีวันมาถึง)

ความจริงแล้ว เราอาจเทียบอย่างนี้ไม่ได้เพราะอายุของเด็กในเรื่องที่มักมีปมครอบครัวกับม่อนแจ่มมันต่างกัน ในมุมมองนักจิตบำบัด บางกลุ่มอาจมองว่า วุฒิภาวะ (Maturity) ที่ได้รับตามอายุ จะเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กไม่เตลิดไปมากนัก การพังทลายอาจจะเยอะ แต่ไม่ถึงขั้นกู่ไม่กลับ แต่บางกลุ่มก็มองว่าปมตรงนี้เป็น Fourth Heart Issue คือปมติดค้างอยู่ในหัวใจห้องที่คนอื่นมองไม่เห็น และแม้แต่ตัวเองก็มองไม่เห็น ทำให้วุฒิภาวะไม่สามารถป้องกัน effect ของการพังทลายในสถานการณ์นี้ได้

อย่างไรก็ดี ส่วนตัวแล้ว ผมมองว่าด้วยการวางพล็อตคาแรกเตอร์ของม่อนแจ่ม มันสะท้อนนิสัยแบบเด็กช่วงก่อนวัยเจริญพันธุ์ (Teenagers) ครับ มองโลกในแง่มุมผ้าขาว ใสบริสุทธิ์อย่างไร้มลทินแปดเปื้อน ตรงไปตรงมาและซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง บุคลิกแบบนี้ทำให้เราประยุกต์ Baby psychology ได้แทบจะตรงๆเลยครับ ซึ่งมันจะไม่มองอะไรซับซ้อน เค้าจะมองอะไรเรียบง่ายกว่าที่คิด ทำให้การจะดีลกับเด็กค่อนข้างละเอียดอ่อนและมีผลสูงมาก ดังนั้นการจะป้องกันผลกระทบของการพังทลายในเด็กช่วงวัยเริ่มรู้ความจนถึงเริ่มเจริญพันธุ์ มันยิ่งเป็นไปแทบไม่ได้ ทำอะไรผิดนิดเดียวเด็กจะตีความไปอีกแบบเลย แล้วกู่ไม่กลับง่ายๆด้วย (เช่นเคสนี้ เมื่อม่อนแจ่มรู้ เขาจะคิดเลยว่าที่พ่อเย็นชากับเขามาตลอด นั่นเป็นเพราะพ่อ 'ไม่ได้รัก' และต่อให้เขาพยายามอีกสักเท่าไหร่ พ่อก็จะ 'ไม่มีวันรัก' เพราะเขาไม่ใช่ลูกจริงๆของพจน์ จะเห็นว่าเด็กทำร้ายจิตใจตัวเองรุนแรง และเป็นผลมาจากการกระทำของพจน์ครับ) แถมถ้ายิ่งโหดหรือใช้มาตรการรุนแรง ก็จะยิ่งทำให้เด็กมีปมและเกลียดอีกด้านมากไปเรื่อยๆ เป็นการสร้าง Extreme Thought ที่ไม่ใช่ Understanding ให้กับแก่นแนวคิดของเด็ก เพราะฉะนั้นการจะดีลกับเด็กให้ออกมามีบุคลิกภาพพึงประสงค์ในอนาคต ต้องอาศัยความเข้าใจในพื้นเพและความอดทนของผู้ปกครองครับ

ตัวแปรสำคัญอย่างที่ผมบอกไว้ตั้งแต่คอมเมนท์แรกๆ จึงเป็นพจน์และระมิงค์ เพราะต่อให้พชรจะช่วยม่อนแจ่มโดยการปัดบอกไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติอะไรก็ตามที่พจน์จะให้(เมื่อรู้ความจริง) ปัดไม่รับความรับผิดชอบใดๆในทรัพย์สินของประดิษฐาพงศ์(ที่ตำแหน่งตามสมควรมันเป็นของพชร) มันก็ไม่มีทางที่จะทำให้ม่อนแจ่มรู้สึกดีขึ้น เพราะปัญหาของเด็กอยู่ที่ความรู้สึกที่มีต่อพ่อแม่ และความรู้สึกที่พ่อแม่จะมีให้กับเขา พจน์จะตอกย้ำความจริงที่ม่อนแจ่มรับรู้ว่าเขาไม่ใช่ ‘ลูกที่แท้จริง’ ของตัวเอง โดยการให้ความสนใจทั้งหมดไปที่พชร ในมุมมองของพจน์ คงเป็นการกระทำเพื่อดูแลและตอบแทนช่วงเวลาที่เขาขาดหายไป(Repent) โดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งที่ม่อนแจ่มพยายามมาตลอดตั้งแต่เขาเกิดมา นี่เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ในสังคมมักจะพลาด เพราะสนใจกับการไถ่บาปของความรู้สึกสำนึกผิดของตัวเอง มากกว่าจะคิดว่าสิ่งที่คุณกำลังทำ มันจะสร้างบาดแผลให้กับคนที่สดใหม่และสร้างเป็นวัฏจักรแห่ง Negative Feeling ที่ไม่รู้จบ

เพิ่มเติม : ผมได้อ่านอย่างละเอียดดูอีกรอบ นับว่ายอดเยี่ยมนะครับที่แทรกประเด็น ม่อนแจ่มโอเคกับการที่จะมีพชรเป็นพี่ชาย เพราะว่าตัวม่อนแจ่มเองก็รู้สึกโอเคกับพชรอยู่แล้ว เค้าคงคิดว่าการมีพี่ชายเพิ่มมาอีกคนนึงคงไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะยังไงก็เป็น ‘ครอบครัว’ เดียวกัน ซึ่งบทตรงนี้มันก็สะท้อนอีกว่าม่อนแจ่มเป็นคนรับผิดชอบ คิดถึงคนอื่นเสมอโดยไม่สนใจว่ามันจะทำร้ายตัวเองยังไง นับว่าเป็นเด็กที่เด็ดเดี่ยวมากครับ แต่ก็อย่างที่บอกไป ความเด็ดเดี่ยวหรือ Resolution ไม่ได้มีผลอะไรกับปมที่ถูกซ่อนอยู่ใน Fourth Heart Issue เพราะแม้แต่ตัวเองยังมองไม่เห็น ความเด็ดเดี่ยวก็ไม่สามารถจะไปปิดกั้นผลกระทบของการพังทลายตรงนั้นได้

ผมว่าการที่ม่อนแจ่มรับรู้ว่าจากระมิงค์ ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกระมิงค์กับพจน์ มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ถ้าพจน์แสดงออกอย่างไม่มีเงื่อนไขว่ายังรักเค้าคงเส้นคงวา (ย้อนไปอ่านย่อหน้าแรกของคอมเมนท์ครับ นั่นเป็นบทสรุปของหนังดราม่าครอบครัวต่างประเทศล่ะ) เพราะม่อนแจ่มไม่เคยรู้จักพ่อที่แท้จริงมาก่อน เค้าคงไม่ได้สนใจอะไรมาก อาจจะโอเค มีคิดถึงความรู้สึกของพ่อจริงๆบ้างว่าจะเหงาไหม จะอยู่ที่ไหนอย่างโดดเดี่ยวรึเปล่า แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องหนักหนาเท่าการเห็นว่า พจน์ที่รู้ความจริง จะมีปฏิกิริยาตอบรับต่อพชรยังไง และสิ่งที่ม่อนแจ่มยึดถือตลอดมา พจน์จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้พชรไปหมด โดยที่ไม่ได้หันมามองม่อนแจ่มเลยหรือเปล่า นั่นคือประเด็นหลักเสียมากกว่าครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 19-09-2016 15:55:49
เข้ามาอ่านเม้นท์คุณหมอค่ะ

ทุกครั้งที่ได้อ่านรู้สึกขอบคุณคุณหมอมากๆที่มาให้ความรู้ และรู้สึกชื่นชมกับวิธีการถ่ายทอด

ป้าเดาว่าคุณหมอคงจะเป็นอาจารย์ อยากไปลงทะเบียนเข้าเรียนด้วยจังเลยค่ะ คุณหมออธิบายใช้ภาษาเข้าใจง่ายดี

อยากให้ลูกไปเรียนด้วยจังเลย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 19-09-2016 16:59:27
 :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 19-09-2016 17:37:55
โอ้ยยยยยย หน่วงต่อไปอีก

มีอนเข้มแข็งมาก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 19-09-2016 17:57:03
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-09-2016 21:37:28
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 20-09-2016 17:41:38
หน่วงยาวๆทั้งตอน ตอนคุยกันคือมีความอึดอัดแทน
ม่อนจงกล้าหาญและเข้มแข็งไว้ ดีแล้วที่ม่อนพุ่งชน
คุณมิ้งก็ดูอึดอัดขึ้นเรื่อยๆละ ความจริงใกล้คลี่คลาย
ตอนพชรบอกขอสองนาทีนี่แบบ งือออมีความน่ารัก
ติ่งพชรค่ะ ทำอะไรก็ชอบไปหมดเลย 5555555555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-09-2016 17:58:16
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 20-09-2016 22:52:00
 :z3: :z3:  :z3:  ว่าแล้ววววววววว ว่าม่อนน้อยต้องคิดแบบนี้
แต่ก็เข้มแข็งอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย

เจ็บอีกสักหน่อย แต่อดทนนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-09-2016 23:59:10
จะพูดจาให้เข้าใจกับซะทีจะดีไหม
พจน์ ยอมทนดูต้นสัก ต้นลำไย อยู่ได้ทุกวัน
เพชรลดา ยอมทนได้กับการเลี้ยงลูกตามลำพัง
ระมิงค์ ยอมทนอยู่กับพจน์ เพื่อหน้าตา ธุรกิจ ฐานะ แค่นั้น
พ่อม่อน ยอมแยกจากคนรักโดยดี แล้วมาทำสวนกับเพชรลดา
รู้สึกทุกคนช่างมีความอดทนอดกลั้นกันดีแท้
จะเข้าแข่งความอดทนเอาโล่ห์กันระดับชาติ หรือไง
พชร ม่อน พูดคุยกันได้แล้วมั้ง
ต่างคนต่างรู้ความจริงแล้วนี่
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 21-09-2016 06:05:42
รออออออ :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-09-2016 12:01:52
ม่อนแจ่มต้องเข้มแข็งกว่านี้นะลูก นี่ยังไม่ถึงจุดพีคสุดเมื่อรู้ความจริง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: TeyJunson ที่ 21-09-2016 18:11:14
รออยู่นะคะ ชอบเรื่องนี้ สอนอะไรหลายๆอย่างในการเขียน มีทั้งสาระ ฮา ตลก :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 21-09-2016 23:33:11
ฮืออออ ถ้าม่อนรู้ว่าไม่ใช่ลูกของพ่อจะยังไงละทีนี้
จะวันเกิดคุณพ่อละด้วย ของขวัญที่ตั้งใจทำให้อีก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: FonJuz ที่ 22-09-2016 01:27:22
เพิ่งได้มาอ่าน รวดเดียวเลย
ติดใจ ชอบมากเลยค่ะ
ฮาตลก  บีบหัวใจ สนุก ครบรส
แถมสอดแทรกเนื้อหาสาระดีมากเลย
รอต่อไปว่าจะเป็นยังไง
น้องม่อน สู้ๆนะ
คนเขียนก็สู้ๆเช่นกันนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: chandrarat ที่ 23-09-2016 08:55:33
ม่อนลูก ฮืออออออ   :o12: :sad4: :o12: :sad4: :o12: :sad4:  สงสารม่อนอ้ะ สงสารทุกคน แต่แบบ ตอนนี้อยากให้ม่อนรู้ความจริง เรื่องพ่อแล้วอ้ะ อืออ บีบเค้นจิตใจเค้าเหลือเกิน สู้ๆ นะม่อนน้า มาให้เค้ากอดโหน่ยยย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: gang ที่ 25-09-2016 11:05:22
เนื้อเรื่อง สนุกดีครับ 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 25-09-2016 17:59:21
ขอ....ขอ....ขอน้องม่อนกับ พชร ตอน ต่อ  ไป หน่อยยยยยยยยย  จะลงแดงล่ะ ค่าาาาาาาาาา :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 4/5/59 CH.5 Behind the Wall P.2
เริ่มหัวข้อโดย: JRabbit94 ที่ 27-09-2016 15:26:26
อ่านแล้วนึกภาพตามได้ง่ายมากเลยค่ะ เพราะเราเป็นเด็กมช.5555555555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 21/5/59 CH.9 Lost & Won P.3
เริ่มหัวข้อโดย: JRabbit94 ที่ 27-09-2016 15:56:35
ว่าแล้วว่าต้องพ่อเดียวกัน แล้วจะเป็นยังไงถ้าม่อนรู้ความจริง นี่สงสารพชร ;-;
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: chandrarat ที่ 27-09-2016 16:48:33
คิดถึงน้องม่อนจังเลยยย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 28-09-2016 08:17:31
มารอม่อน :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 28-09-2016 13:40:23
อ่านทันแล้ววว และอยากอ่านต่อมากๆ ชอบบบบบ
คนเขียนมาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 28-09-2016 19:36:43
รู้สึกหน่วงมาก แต่ม่อนเข็มแข็งกว่าที่คิดและเป็นเด็กจิตใจดี
อยากให้รู้ความจริงไว ๆ พชรกับม่อนจะได้รักกันได้อย่างเต็มหัวใจ
รักน้องม่อนนนนนนน
เต้นเขย่าพุงรอตอนต่อไป  :110011:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: FonJuz ที่ 29-09-2016 14:01:36
เมื่อไหร่จะมาน้อออออ
อยากอ่านมากกกกกกกๆเลยยย
รอนะคะคนเขียน !!
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 18/9/59 CH.23 The Arms of Diamond P.17-18
เริ่มหัวข้อโดย: chandrarat ที่ 01-10-2016 14:59:50
คิดถึงน้องม่อนจังเลยงื้ออออออ  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 02-10-2016 23:03:23
CHAPTER 24:  Sweet Surrender

          คงเป็นสองนาทีที่รู้สึกว่าสั้นที่สุด ..พอๆกับยาวนานที่สุด
อันที่จริง.. จะใช่สองนาทีหรือไม่ ..ก็ยังไม่แน่ใจเลย
ท่ามกลางสายลมซึ่งพัดมาค่อนข้างแรง พาน้ำในอ่างสีคล้ำไหวเป็นระลอก ..พชรค่อยๆปล่อยม่อนแจ่มออกจากวงแขน
เหมือนง่ายดาย ทว่าก็ยากเย็น เพราะเจ้าของอ้อมแขนแข็งแรงไม่อาจมั่นใจ ว่าจะสามารถทำเช่นนี้ได้อีกหรือเปล่า
ในอนาคตอันใกล้.. จะเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่นี้

          ดวงตาสองคู่ไม่ได้ประสานภายหลังร่างกายผละจาก ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างคนทั้งคู่
ต่างคน.. ต่างพยายามเข้มแข็ง ต่างพยายาม.. รักษาระยะ ก่อนที่ความต้องการจะพาอะไรๆไปไกลอีกครั้ง
ร่างสูงหันหลังเดินนำไปทางมอเตอร์ไซค์และร่างเล็กก็เดินตามไปโดยอัตโนมัติ
พยายามไม่งอแง ไม่ร้องไห้ ว่าไปตามเหตุผล
พยายาม.. ทำอะไรที่ผู้ใหญ่เขาคงทำกัน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

        “ถ่า ดา!”
ไอดิลอ้าปากแซวหลังจากได้ยินเสียงเคาะประตูและรีบแจ้นมาเปิดด้วยตัวเอง พลางทำหน้าตาล้อเลียนคู่รักคู่ใหม่แห่งหอสามชายอย่างมั่นอกมั่นใจ
..
..
พชรและม่อนแจ่มยืนอยู่หน้าประตูดังที่ไอดิลคาด ทว่า ด้วยสีหน้าที่เขาไม่ได้คาด..
พชรสีหน้านิ่งเกือบเหมือนปกติ ที่ไม่เหมือนก็คงเป็นริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันน้อยๆและสีหน้าที่เข้มกว่าทุกที
ส่วนม่อนแจ่มไม่มีรอยยิ้มแม้แต่นิดเดียว ซ้ำมีคราบน้ำตาจางๆสองข้างแก้ม..

“นี่กูผิดงานอีกแล้วอีกแล้วเหรอวะเนี่ย..”
ไอดิลทำหน้าไม่ถูก ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วหลบไปอยู่หลังประตูเสียเพื่อหลีกทางให้เพื่อนร่วมห้อง

         เป็นคนตัวเตี้ย.. ขาสั้นๆ.. ที่ย่างเท้าเข้ามาในห้องก่อน
ม่อนแจ่มไม่พูดไม่จา เดินตรงไปที่ระเบียง หยิบผ้าขนหนู Guy Laroche สีชมพูพาดบ่า และคว้าตะกร้าสีฟ้าช่องหัวใจมาถือไว้ เดินสวนพชรผ่านประตูออกไป
..
..

         มือเรียวถอดแว่นเกี่ยวไว้กับมือจับประตู..
ถอดเสื้อผ้าออกอย่างสั่นๆ แล้วรีบหมุนก๊อกเปิดน้ำ
ครานี้.. ผิวกายบางไม่รู้สึกถึงความหนาวจากน้ำเย็นที่ไหลลงมา
และใต้ฝักบัว.. ความทรงจำบางอย่างแจ่มชัดในเนื้อหนัง อาบอิ่มอยู่ในทุกอณูร่างกาย กลบความหนาวเย็นไปจนหมด
บางอย่างซึ่งเริ่มต้นขึ้นและได้จบสิ้นลงแล้ว..

         “พชร อะ.. พชร”
         “อืม.. ม่อน..”


        “ฮึก..”
ร่างเล็กทรุดลง หักห้ามใจไม่ให้คิดสิ่งที่ไม่ควรคิด ถึงคนที่ไม่ควรนึก
ความรู้สึกในใจที่ไม่รู้จะบรรยายออกมายังไงกลายมาเป็นน้ำตาที่ไหลปะปนกับสายน้ำ..
เขาคิดว่าเขาร้องไห้เสร็จไปแล้วตั้งแต่ที่บ้านเสียอีก
ที่อ่างแก้วก็ร้องไปแล้ว.. นี่ยังจะร้องในห้องน้ำอีก..
มึงจะร้องเอาโล่ เอาถ้วยหรือยังไงวะ ไอ้.. ม่อน..

          เสียงร้องไห้ที่ลอดออกมาจากประตู ทำให้ดวงตาคมต้องหลับลงอย่างปวดใจ
พชรยืนนิ่ง.. ข้อมือขวาที่ผูกด้ายสีขาวกำเข้าหากัน
เขาไม่อยากให้คนอีกฝั่งประตูต้องร้องไห้เลย..
ถ้าเลือกได้ เขายินยอมจะรับความเจ็บปวดทุกอย่างไว้ด้วยตัวเอง ..ไม่ว่าจะจากทิศทางใดๆก็ตาม

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ม่อนแจ่มอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว..
เขานั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือของตนเอง ไม่พูดอะไร ไม่มีน้ำตาบนใบหน้า
มือเรียวเลือกสมุดบันทึกเล่มบางสำหรับเขียนร่างภาพการ์ตูนของตัวเองมาหนึ่งเล่ม และจรดปากกาลงไป
คราวนี้ ไม่ได้วาด ..เขามีอะไรต้องเขียน
ม่อนแจ่มหยุดคิดนิดหนึ่ง.. และเขียน
เงยหน้าขึ้นมามองผนังว่างเปล่า หยุดคิดเป็นพักๆ ..แล้วก็เขียนต่อไป

   ประตูห้องสามสามแปดเปิดออกอีกครั้ง.. พชรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ร่างกำยำก้าวเข้ามาในห้อง สวมเสื้อยืดสบายๆและกางเกงขาสั้นตามปกติ
แน่นอนว่า.. ไม่ใช่ชุดนอนลายหมีพูห์เหมือนที่เจ้าของเตียงฝั่งตรงข้ามใส่เป็นประจำ
เสี้ยวหน้าขาวที่ก้มอยู่เงยขึ้น วางปากกา ..เขาเขียนเสร็จพอดี
แทบจะพร้อมๆกับที่พชรนั่ง ..ม่อนแจ่มยืน

        “พชร..”
ชื่อเดิมที่ชอบเรียก ชื่อเดิมที่คุ้นชิน ม่อนแจ่มเอ่ย ..ด้วยน้ำเสียงที่พยายามอย่างยิ่งให้แตกต่างไปจากเดิม
“วันนี้มึงต้องทำการบ้านอะไรหรือเปล่า”
..
พชรเงยมอง
“ทำไม..”
..
แล้วเหตุผลก็ถูกวางไว้บนโต๊ะ ..ตรงหน้า พชรก้มมอง
มันคือสมุดบันทึกเปิดหน้าที่เขียนด้วยลายมือ ..หนึ่ง
และอีกหนึ่ง.. แฟ้มรายงานอะไรบางอย่าง

‘ประวัติ-วิสัยทัศน์-การดำเนินงาน PP Group’
‘รายงานนวัตกรรมการถนอมอาหารรูปแบบใหม่ PP Group’

        “อะไร?”
พชรเงยหน้าขึ้น มองเจ้าของสิ่งเหล่านี้ หรี่ตาอย่างไม่เข้าใจ
“รายละเอียดโดยย่อของบริษัทและรายงานนวัตกรรมล่าสุด มึงควรศึกษาไว้”
ม่อนแจ่มตอบอย่างสงบ ทว่า ดวงตาคมของคนฟังแทบจะลุกเป็นไฟ
ควรศึกษาเอาไว้อย่างนั้นหรือ..
“เพื่อ?”
“มึงเป็นทายาทประดิษฐาพงศ์” ม่อนแจ่มตอบเรียบๆ
“กูนามสกุลเพชรหละปูนและไม่สนใจเรื่องทายาทอะไรนั่น” พชรพ่นลมหายใจ
“มึงเป็นลูกคุณพ่อ ไม่ว่าจะสนหรือไม่ มึงก็ยังเป็นลูกคุณพ่ออยู่ดี”
คราวนี้ ..พชรลุกขึ้นยืน
“คุณพ่อไม่สนลูกที่เขาไม่มีหรอก”
“นั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้”
“เป็นเพราะเขาไม่เคยพยายามแม้แต่นิดเดียวที่จะรู้”
“ท่านยังคิดถึงแต่คุณเพชรลดา ท่านเก็บบัตรพนักงานของเธอเอาไว้ด้วยซ้ำ ท่านมีแต่จะดีใจและยิ่งกว่ายินดีที่จะรับผิดชอบลูกของท่าน เพราะงั้น.. มึงควรรู้จักสิ่งที่ท่านทำ”
มือแกร่งหยิบรายงานและสมุดบันทึกขึ้นมา วางลงที่โต๊ะม่อนแจ่มโดยไม่สนใจที่จะเบามือ
“เสียใจด้วย แต่กูเป็นเกษตรกร ไม่ใช่นักธุรกิจ”
“คนเราเป็นทั้งสองอย่างได้ พี่ชาย” ม่อนแจ่มกระแทกเสียง
“บอกว่าอย่าเรียกกูแบบนั้น” พชรมีอารมณ์ขึ้นมาเหมือนกัน
“ถึงกูไม่เรียก.. ก็ไม่ได้ทำให้ความจริงเปลี่ยนไป”
พชรก้าวเท้าเข้าหา จ้องมองดวงตา “อย่าบังคับให้กูทำในสิ่งที่ปกติแล้วพี่เขาไม่ได้ทำกับน้อง ..ม่อน”
“ไม่ต้องมาขู่กู” ม่อนแจ่มไม่ถอยหนี
พชรโน้มใบหน้าลง.. จมูกโด่งได้กลิ่นลมหายใจจากร่างเตี้ยกว่า..
เขาไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับประดิษฐาพงศ์ เขาไม่ต้องการแทนที่ม่อนแจ่ม แล้วคนตรงหน้านี้ทำบ้าอะไร เรียกเขาว่าพี่ชาย พยายามดึงเขาเข้าสู่ครอบครัวให้ได้ ..กล้าแกร่งอะไรขนาดนั้น
ม่อนแจ่มไม่รู้หรือไง.. ว่าเขาอยากทำอะไรกับเจ้าตัว

          ภาพคนตรงหน้าใกล้จนเห็นรายละเอียดทุกอย่าง ..รายละเอียดที่เกือบทั้งหมดบนนั้นเหมือนกันกับของบิดา
ม่อนแจ่มน้ำตาเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง..
พี่ชาย.. นึกว่าเขาอยากเรียกนักหรือไง?
ใช่.. พชรบอกว่า ‘อย่า’ พชรไม่ชอบให้เรียก แล้วคิดว่าเขาอยากเรียกงั้นสิ
เขาไม่ได้อยากขัดใจ ไม่ได้อยากกวนตีนพชรสักนิด เขาเรียกเพื่อย้ำกับตัวเองต่างหาก ..ว่าคนตรงหน้ามีศักดิ์เป็นพี่ร่วมพ่อเดียวกัน ..ความรู้สึกบางอย่างเป็นของต้องห้าม ..ไม่ว่าจะไปกันไกลแค่ไหนก็ต้องเรียกกลับมาให้ได้
พชรคิดว่ามันสนุกนักหรือ.. สิ่งที่ม่อนแจ่มกำลังทำอยู่นี้.. สิ่งที่ต้องใช้ความเข้มแข็งและความกล้าหาญทั้งหมดที่มี..

           ริมฝีปากหนาเคลื่อนเข้ามาใกล้..
ดวงตาม่อนแจ่มหรี่ลง.. ปากอ้าจะเอ่ยถ้อยคำที่ไม่ได้หลุดออกมา
อย่า..

พชรชะงัก
ที่สุด.. ก็เป็นคนพยายามรุกรานที่เบี่ยงริมฝีปากหลบไป
เขาไม่อยากทรมานคนที่เข้าใจผิด ..คนที่ไม่รู้
ความไม่รู้นี้เป็นทุกข์.. ความสำคัญผิดนี้ก็เป็นทุกข์..
ทำลงไปก็มีแต่จะยิ่งแย่..

“ขอโทษ” เสียงเข้มเอ่ยเบาๆ
ขอโทษ..
ที่ล่วงเกิน ..ที่ไม่ยอมบอกความจริง ..ที่ไม่บอกกระทั่งจนตอนนี้ ขอโทษ.. อะไรก็ตามที่ทำให้เป็นทุกข์


“ขอโทษ” เสียงเล็กเอ่ยแผ่วเบา และคนฟังก็เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ
“เป็นกูต่างหากที่ต้องขอโทษ” ม่อนแจ่มย้ำคำเสียงพร่า มองร่างกำยำของคนตรงหน้า มองมือหยาบกร้านที่เคยสัมผัสเขา มัดกล้ามบนท่อนแขนแข็งแรงนั้นบ่งให้รู้ว่า พชร เพชรหละปูน เป็นคนทำงานหนัก ..ด้วยวัยเพียงสิบเก้าปีเท่านี้เอง
ในขณะที่เขา.. ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ ..อยู่สุขสบายมาตลอด

          แล้วมันก็มาถึงประเด็นนี้จนได้..
พชรถอนหายใจเบาๆ มือแกร่งยกขึ้นแตะลงบนไหล่บาง “ไม่ใช่ความผิดมึง”
“อะไรที่ไม่ใช่ความผิดกู..”
พชรมองตา อยากจะย้ำสิ่งนี้ให้อีกฝ่ายจดจำเอาไว้
“ไม่ว่าอะไรก็ไม่ใช่ความผิดของมึงทั้งนั้น”

          เป็นค่ำคืนที่จะว่าแปลกก็ได้ ..หรือจะไม่แปลกก็ได้
คนที่ใส่แว่นนอนตะแคงขวามองเตียงเดี่ยวแทบทุกคืนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว
แล้วก็ยิ่งไม่อยู่ในฐานะที่จะนอนเตียงเดียวกันได้เช่นคืนที่ผ่านมาด้วย
มือขาวถอดแว่นออกก่อนนอนอย่างที่ปุถุชนทุกคนคงทำกัน ไม่อาจหลับไปทั้งใส่แว่นแล้วให้ใครอีกคนต้องมาถอดออกให้
ม่อนแจ่มนอนลืมตาโพลงมองเพดานเตียงบน พชรนอนหงายมองเพดานห้อง..
ต่างครุ่นคิดถึงสิ่งที่พรุ่งนี้จะนำมา..
มันจะดีขึ้น.. หรือแย่ลงกันแน่..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

(ต่อรีฯถัดไปครับ)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 02-10-2016 23:22:59
          ‘สายน้ำที่ไหลจากไป ไม่อาจหวนคืน’
ข้อนี้.. เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ
ที่สุดแล้ว.. ไม่ว่าความจริงเป็นเช่นไร เวลาก็ได้ล่วงเลยไปแล้ว ..ล่วงเลยไปนานเหลือเกิน
อีกประการหนึ่ง.. สิ่งที่ทำให้ยอมรับชีวิต ณ ปัจจุบันเช่นที่มันเป็น ก็มิใช่เพียงแต่เงื่อนไขของการเวลาเท่านั้นหรอก ทว่า เป็นสิ่งอื่นด้วย เช่น.. การรักษาความรู้สึกของคนสำคัญ..

          เพชรลดาจับพวงมาลัยรถ ตระหนักถึงเรื่องราวต่างๆ
พชรลูกแม่.. เราอยู่ด้วยกันมา รู้จัก รู้ใจ ผูกพัน สถานะทางเศรษฐกิจของเราก็ไม่ขัดสนอีกต่อไปแล้ว
แม่ดูแลลูกได้ ..พชรลูก ไม่เป็นไรหรอก อะไรที่ลำบากใจ อะไรที่ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ
แม่เข้าใจ เพราะแม้แม่เอง.. แม่ก็ไม่เคยทำได้เลย..

          เพชรลดาชะลอรถจอด.. เมื่อใกล้ถึงสถานที่เดิมที่เคยคุ้น ..ที่ที่เคยเป็นที่ทำงาน
‘PP Group Company Limited’
เพชรลดาเคยทำงานที่นี่ในฐานะพนักงานประชาสัมพันธ์เล็กๆคนหนึ่ง
พนักงานเล็กๆ..ที่ไม่เคยคาดคิดว่าลูกชายเจ้าของบริษัทจะมาตกหลุมรัก และ.. เธอก็รักเขาจนหมดใจ ..คุณพจน์..

ไม่เคยมา.. ไม่เคยอีกเลยนับตั้งแต่วันที่จากไป
นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบเก้าปี.. เป็นอีกครั้งเดียว ..เป็นครั้งสุดท้าย
อย่างน้อยที่สุด.. คุณพจน์ก็ไม่เคยทรยศเธอ..
แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร สายน้ำที่ไหลไปแล้วก็มิอาจหวนคืน ..เธอรู้ดี
เหตุผลเดียวที่มาที่นี่ เพียงแค่อยากจะมอง อยากจะจดจำ ในวันสำคัญที่อยากจะบอกว่า..
“Happy Birthday..”
เพชรลดาพึมพำแผ่วเบา หยาดน้ำตาอุ่นๆไหลรินลง

         ที่โบราณเขาว่า.. ‘ไม่ได้เห็นหน้า ได้เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี’ นั้นเป็นความจริงอย่างเหลือเชื่อ
เพราะเพียงได้เห็นหลังคาบริษัทก็กลับทำให้ความคำนึงที่บิดขมวดเป็นเกลียวในช่องท้องก่อนหน้านี้คลายจางลงไปบ้าง
เพชรลดาเม้มปากบางๆ ปาดน้ำตาออกพ้นข้างแก้ม เอ่ยก่อนจะหันหลังกลับไปทางรถที่ตนเองจอดเอาไว้
“สุขสันต์วันเกิดค่ะ คุณพจน์..”

         Volvo สีขาวแล่นผ่านมา และตีไฟเลี้ยวเข้าประตูใหญ่ของบริษัท
กระจกที่ติดฟิล์มใสทำให้เพชรดามองเห็นชายในชุดสูทที่นั่งประจำอยู่เบาะหลังเคียงข้างด้วยผู้หญิงอีกคน ผู้หญิงที่เป็นภรรยา
ปากอิ่มอ้าค้าง ไม่.. เธอไม่ได้อยากเจอ ไม่ได้อยากเห็น
มันมีความแตกต่างอย่างมากเหลือเกิน ระหว่างมองผ่านจอหรือหน้ากระดาษ กับมองเห็นโดยปราศจากช่องว่างของพื้นที่และเวลาเช่นนี้..

         ตามปกติ.. นายพจน์ไม่ได้มองสองข้างทางขณะนั่งรถ
เขาเพียงมองตรง ไม่มีอะไรในรัศมีสายตา ไม่จดจำสิ่งใด เพราะในห้วงคำนึงมีเพียงเรื่องงาน
เรื่องงานเท่านั้นที่เขาจะคิดถึง ..เขาไม่อาจปล่อยให้สมองว่างจากการคิดเรื่องงาน ..เพียงเพื่อให้หัวใจไปคิดเรื่องอื่น
ทว่า ครานี้ไม่รู้ทำไม บางสิ่งหรือบางคนที่ดูคุ้นเคยอย่างประหลาดเรียกให้สายตาเขาหันไปมอง
เสี้ยววินาทีนั้นผ่านไป.. รถเลี้ยวผ่านประตูเข้ามาและเขาก็ไม่เห็นอะไรอีก
นายพจน์สะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระ คนขับออกรถไปแล้ว เพราะวันนี้มีงานเลี้ยงต่อ ทว่า ต้องกลับมาอีกรอบเพราะเขาลืมเอกสารสำคัญเอาไว้ นายพจน์ต้องการจะรีบขึ้นไปเอาและรีบออกไปงานให้ทันเวลา

          เพชรลดาตกใจ หวาดหวั่น ..ไม่อาจทนพบเจอ
ขาเรียวก้าวเร็วๆ หนีให้พ้นรัศมีการมองเห็นของคนในรถ เร็วจนไม่ทันมองพื้นฟุตบาทที่ยุบตัวลง ทำให้เสียหลักล้มลงบนถนน

   ปี๊ดดด!
รถตู้ที่ตีไฟเลี้ยวเข้า PP Group บีบแตรดังสนั่น พนักงานขับรถเหยียบเบรกจนมิด หวังอย่างยิ่งว่าจะไม่ชนสาวใหญ่ผู้นั้น

        “เป็นอะไรไหมครับคุณ!?”
..
ไม่.. เพชรลดาส่ายหน้า พยายามยันตัวลุกขึ้น แต่รู้สึกขัดยอกอย่างมากบริเวณข้อเท้า
ชายวัยกลางคนรีบเข้ามาสำรวจร่างกายเธอ รถเฉียดไปเพียงเส้นยาแดงเท่านั้น
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษด้วย ฉัน.. โอ๊ะ!”
“พาเข้าไปข้างในก่อนเถอะ” หญิงสาวผู้หนึ่งลงกระจก เอ่ยกับพนักงานขับรถ
เพชรลดาหน้าซีดเผือด ส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย    
“เรามีแผนกพยาบาลค่ะคุณ มีพยาบาลวิชาชีพอยู่ทุกกะ เขาจะดูแลปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้คุณได้” เธอบอกให้สบายใจ
พนักงานพยักหน้ารับ “ครับผม ผู้จัดการ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “รอตรงนี้แหละ บุญส่ง”
นายพจน์เอ่ยเนิบๆ พยักหน้าน้อยๆ ให้ระมิงค์ผู้เป็นภรรยาเชิงว่าให้เธอรอเช่นกัน แล้วร่างใหญ่ก็ก้าวขึ้นบันได เข้าไปภายใน
เขาชินเสียแล้วกับการทำอะไรด้วยตัวเอง อีกอย่างหนึ่ง เอกสารนั้นอยู่ในลิ้นชักลั่นกุญแจ และเขาไม่ต้องการไหว้วานใคร
นายพจน์เดินเข้าลิฟต์แล้ว เมื่อเอี้ยวหน้ามองออกไปหน้าประตู
คิ้วหนาขมวดน้อยๆ เหมือนมีคนสองคนช่วยพยุงใครสักคนเข้ามา พนักงานคนไหนป่วยหรืออย่างไร?

ขายาวก้าวออกจากลิฟต์ไปถึงหน้าห้องทำงาน พยักหน้าให้เลขาที่ยังตรวจสอบเอกสารอยู่
เข้าไปหยิบเอกสารออกมาถือแนบลำตัว ก่อนก้าวกลับเข้าไปในลิฟต์ ลงไปชั้นล่างเหมือนตอนขึ้นมา..
นายปันคนขับรถตู้ค้อมศีรษะให้ หยุดเดินเมื่อเห็นเขา นายพจน์พยักหน้าตอบรับ ทำท่าจะก้าวผ่านไปแล้ว แต่ก็หันหน้ากลับมา
“เมื่อกี้มีใครไม่สบายหรือไง ฉันเห็นนายปันกับ..” นายพจน์เองก็มองไม่ชัดว่าพนักงานผู้หญิงอีกคนเป็นใคร
“เหมือนกับพยุงใครเข้ามา?”
“อ้อ..” นายปันพยักหน้ารับ “มีผู้หญิงเดินตกจากฟุตบาทที่หน้าบริษัทครับคุณพจน์ ผมเกือบจะชนเธอแล้ว แต่ไม่ได้ชนนะครับ เธอขาเคล็ด ผู้จัดการก็เลยเอื้อเฟื้อให้พามาปฐมพยาบาล”
ผู้หญิงหรือ..
นายพจน์สะบัดศีรษะ
ภาพชั่วเสี้ยววินาทีก่อนที่รถเก๋ง Volvo จะเลี้ยวเข้าประตูใหญ่แว่บเข้ามาในห้วงคำนึง
อะไรบางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไรทำให้นายพจน์หันมาหาพนักงานขับรถตู้อีกครั้ง
“อยู่ห้องพยาบาลหรือ?”
“ครับ คุณพจน์..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “ไม่ได้ค่ะ ดิฉันต้องขอยืนยัน!”
พยาบาลสาวหน้าดุกล่าวย้ำ เมื่อเธอตั้งท่าจะขอตัวเป็นครั้งที่สอง
“โปรดโทรหาใครให้มารับเถอะค่ะ ข้อเท้าขวาคุณแผลง คุณไม่สามารถขับรถได้ในภาวะนี้ค่ะ อาจเกิดอุบัติเหตุ”
เพชรลดาพ่นลมหายใจ คนที่รู้จักคุ้นเคยในเชียงใหม่ก็มีเพียง..
พชร.. ลูกชายเธอเอง
มือหยาบกำโทรศัพท์แน่น
ไม่อยากตามพชรมา แต่ก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานกว่านี้

         “พชร..” ที่สุด.. เพชรลดาก็กรอกเสียงลงไปในสาย
“แม่.. หกล้มข้อเท้าแพลงนิดหน่อย ขับรถไม่ได้.. ลูกมารับและขับรถให้แม่ ..หน่อยนะ ติดเรียนหรือเปล่าจ้ะ”

‘ผมจะไปรีบไปเดี๋ยวนี้’

นั่นคือคำตอบของพชร ..คำตอบที่คาดได้
เมื่อเกิดปัญหา ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ พชรจะมาทันที
ลูกชายตกใจเมื่อรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ แต่เขาก็เก็บมันเอาไว้ เธอรู้ดี.. พชรบอกเพียงให้เธอไม่ต้องห่วง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “สวัสดีค่ะคุณพจน์”
ร่างสูงพยักหน้าให้พยาบาลสาว “เห็นนายปันบอกว่ามีคนเกือบโดนรถชนหน้าบริษัท ตกลงเขาปลอดภัยดีหรือ?”
“อ้อ เธอปลอดภัยดีค่ะ แต่ข้อเท้าแพลง ดิฉันให้เธอขับรถกลับไม่ได้” พยาบาลสาวชี้แจง “เธอจึงกำลังรอลูกชายมารับค่ะ”
อืม.. นายพจน์พยักหน้า
ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่เป็นอะไร ดูเหมือนจะไม่ใช่ความผิดของรถหรือพนักงาน แต่กระนั้นก็ไม่ค่อยดีที่จะเกิดอุบัติเหตุเช่นนั้นขึ้นหน้าบริษัทของเขา อาจเกิดคำครหาขึ้นได้..
นายพจน์ตั้งท่าจะละจากหน้าห้องพยาบาลที่ยังไม่ได้เข้าไปภายใน
ทว่า..
...
...

“คุณเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
นายพจน์เลิกคิ้ว นี่เป็นเสียงผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อถ้าจำไม่ผิด
เอาล่ะ ช่างเถอะ เขาต้องรีบไปงานเสียที ไม่ควรเสียเวลากับเรื่องที่ไม่สลักสำคัญมากนัก
“ดิฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่ขาแพลงเท่านั้น ไม่ใช่ความผิดของคนขับเลย ขอขอบคุณในความกรุณา..”
...

ขาแข็งแรงชะงักกึก
น้ำเสียง ..เช่นนี้
นายพจน์ก้าวยาวๆเข้าไปภายใน
และที่นั่น บนเตียงพยาบาล..

          ดวงตาสีดำสนิทสองคู่ประสาน ..เบิ่งค้างไม่ได้ต่างกัน
เพชรลดาหน้าซีดเผือด นายพจน์ยืนนิ่ง หลุดอุทานชื่อที่ก้องในห้วงคำนึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“ลดา..”
หนุ่มใหญ่จ้องมองผู้หญิงตรงหน้า เอ่ยเรียกซ้ำอย่างคิดว่าตนเองนั้นตาฝาดไป
“ลดา..”

หลังจากสิบเก้าปี..
เธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสำหรับนายพจน์.. ไม่เลยแม้เพียงนิด
“ลดา..”

ลืมผิด.. ไม่ใส่ใจถูก
ร่างกำยำก้าวเข้าไปรวบตัวสาวใหญ่ตรงหน้ามากอด
เพชรลดา เพชรหละปูน ..ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน..

เพชรลดานิ่งงันในอ้อมแขน..
สัมผัสเช่นนี้ที่เคยได้รับ ..สัมผัสที่ไม่เคยลบลืมไปจากใจ
แต่..
เพชรลดาเม้มปาก กัดฟัน ร่างบางกว่าพยายามขืนตัวออก
“ปล่อย.. ปล่อยฉันเถอะค่ะ”
ผู้จัดการสาวจ้องมองทั้งคู่ค้าง ได้แต่ก้มหน้าก้มตาขอตัวและรั้งพยาบาลเอาไว้หน้าประตู

        นายพจน์ได้สติ..
ค่อยๆปล่อยร่างของเธอออก จ้องมองอย่างยังไม่เชื่อสายตา
ทว่า สัมผัสจากเธอ กลิ่นหอมละมุนจากเธอ ..นี่มันคือความจริง
แต่เขา--นายพจน์ ไม่ได้อยู่ในฐานะที่ควรทำสิ่งที่เพิ่งจะทำ
“ผมขอโทษ” เขาก้มศีรษะลง
ขอโทษ.. สำหรับอะไรก็ยังไม่แน่ใจ
ขอโทษที่โอบกอดเธอ ..หรือขอโทษสิบเก้าปีที่เธอจากไปโดยเขาไม่ได้ติดต่อ..


        “แม่ครับ!”
ร่างสูงก้าวยาวๆเข้ามา หลังจากถามประชาสัมพันธ์เพื่อให้ชี้ทางสู่ห้องพยาบาล
พชรโฟกัสเพียงมารดาตนที่อยู่บนเตียงคนไข้
ห่วงใย.. จนไม่ได้สังเกตร่างใหญ่ที่ยืนข้างเธอ
กระทั่ง.. คนคนนั้นหันมามองเขา
หันมามองเพราะคุ้นน้ำเสียง.. หันมามองเพราะผู้มาใหม่เรียกขานอดีตหญิงคนรักว่า ‘แม่’

         ‘นี่ พชร ครับพ่อ.. พชร มนุษยฯปรัชญา’

ถ้อยคำแนะนำจากลูกชายลอยเข้ามาในห้วงความคิด

         ‘พชรหน้าเหมือนคุณพ่อจริงๆ แต่พชรไม่ใช่คนใต้หรอกครับ พชรมาจากลำพูน..’

นายพจน์จ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าค้าง ..ยิ่งกว่าตอนที่พบกันหน้าหอสามชาย

          ‘นามสกุลก็บอกอยู่ครับ ..พชร เพชรหละปูน’
   
พชร..
แม่..

        สองร่างสูงประสานสายตากัน..
เป็นนายพจน์ที่มองสำรวจเด็กหนุ่มตรงหน้า
รู้แล้ว.. ว่าทำไมถึงคุ้นตานัก เด็กหนุ่มคนนี้ดูคุ้น.. เพราะหน้าเหมือนคนที่เขาเห็นในกระจกทุกๆวัน

..ตัวเขาเอง..

         “พชร..” นายพจน์เอ่ยทวนชื่อน้ำเสียงแห้งผาก
คนถูกเรียกชื่อได้เพียงนิ่ง
ไม่ตอบรับ ..ไม่ปฏิเสธ ทำไม่ได้แม้แต่ยกมือไหว้
ที่สุดก็เบือนสายตาไปเสีย
“แม่ครับ เจ็บตรงไหน” พชรถามมารดาอย่างห่วงใย เมื่อเห็นผ้าพันข้อเท้าของเธอ
“แค่ข้อเท้าแพลงเท่านั้นพชร ไม่ต้องห่วง รถจอดอยู่ตรงปากทางเข้า เราไปกันเถอะจ้ะ ไป..”
ใบหน้าคมสันพยักรับ มองตามารดา
“แม่เอากุญแจรถมาเถอะครับ กว่าจะถึงประตูใหญ่มันไกล เดี๋ยวผมมารับครับ แป๊ปเดียว..”

          มือแกร่งกำกุญแจรถแน่น..
ผิด.. ถูก..
ควร.. ไม่ควร..

ตีกันยุ่งในหัว
เขาควรรีบมารับมารดาจริงไหม
หรือไม่ควร
หรือว่าจะควร
หรือจะ..

         “พชร”
ร่างระหงขยับมายืนขวางหน้าประตู
ใบหน้าขาวเนียนซีดเผือด ดวงตาที่เป็นประกายหวั่นไหว มองมายังเขา ..พชร
“มาแล้วหรือ?” ระมิงค์เอ่ยถามเด็กหนุ่ม “ได้บอกเขาหรือยัง..”
“ผมไม่..” พชรส่ายหน้า แม้ไม่รู้เลยว่าคำต่อไปควรจะเป็นคำว่าอะไร

ระมิงค์ก้าวเข้ามาในห้องพยาบาล..
นานเกินไป.. ที่สามีเข้าไปหยิบเอกสาร แต่ก็ไม่ใช่วิสัยของเธอที่จะเข้าไปตาม
เธอมาตรงนี้ เพราะเธอเห็นเด็กหนุ่มที่เคยเห็นวิ่งพรวดพราดเข้ามา เด็กหนุ่มคนที่เธอหวาดกลัวว่าจะต้องพบอีก..
เด็กหนุ่มที่ย้ำคำเสียงเข้มว่าเขาให้โอกาสเธอ ‘เป็นครั้งสุดท้าย’
และเด็กหนุ่มที่กลับปล่อยให้โอกาสที่จะได้เป็นทายาทนักธุรกิจใหญ่แห่งภาคเหนือผ่านพ้นไปด้วยการนำเช็คใบนั้นมาคืนให้แก่เธอ และร้องขอให้เธอ ‘ดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด’

คนเรา.. ไม่มีทางวิ่งหนีความจริงไปได้ตลอด ระมิงค์ตระหนักในความจริงข้อนั้นดี
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอยอมเปิดเผยเรื่องราวที่อาจกระทบกระเทือนต่อสถานะ
กระทั่งความละอายก็ทำได้เพียงสั่นคลอนความตั้งใจ
ทว่า..

          “คุณแม่ว่า.. คนเราควรกล้าหาญที่จะยอมรับความจริงไหมครับ”

          “ไม่เป็นไร”
เสียงเข้มของเด็กหนุ่มฉุดระมิงค์ออกจากความคิด “ไม่เป็นไรทั้งนั้น ผมกำลังจะไป”
พชรย้ำ แต่ไม่จำเป็นหรอก เธอรู้ดี.. วันนี้ต้องมาถึง..
“พชร ประดิษฐาพงศ์ มีความจำเป็นอะไรต้องไป?”
..
..
ขายาวชะงักกึก น้ำเสียงแตกพร่าพยายามหยุดยั้งคำพูดของอีกฝ่าย
“ผมไม่.. คุณอย่า..”

          “พชร..”
นายพจน์ได้แต่ทวนชื่อนี้ซ้ำ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่เง่าที่สมควรได้รับคำสาปแช่งไปตลอดทั้งปีทั้งชาติ
“ลูก..”
ถ้อยคำนั้นแผ่วเบาจนแทบจะขาดหายไปในลำคอ
เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นลูกชายของเพชรลดา กับ..

          “ค่ะ..”
ระมิงค์ หญิงผู้อยู่ในฐานะภรรยามองตาเขาพลางตอบรับอย่างขมขื่น “เขาเป็นลูกชายของคุณ”
“ลดา..” นายพจน์แทบยืนไม่อยู่
พชรเป็นรูมเมทม่อนแจ่ม เด็กทั้งสองอายุเท่าๆกัน
ซึ่งนั่นก็ต้องแปลว่า.. เพชรลดาตั้งครรภ์อยู่แล้วในตอนที่เธอจากเขาไป
“คุณมีลูกกับผมตั้งแต่ตอนนั้น คุณท้องพชร เขาเป็นลูกผม แล้วคุณไม่บอกผมได้ยังไง ได้ยังไงลดา..”
         ระมิงค์ปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลริน
ในแววตานายพจน์มองอดีตหญิงคนรักด้วยความโหยหา มองลูกชายที่หายไปเกือบยี่สิบปีอย่างเจ็บปวด
และทั้งหมดนี้.. คือผลงานของเธอเอง

          “ม่อนคิดว่า.. ความเข้มแข็งและกล้าหาญคือคุณสมบัติที่คนเราควรต้องมีครับ”

“เธอไม่บอก เพราะ..” ระมิงค์กลืนน้ำลาย
“ฉันโกหกเพชรลดาว่าฉันท้องกับคุณ และอยากให้เขาหลีกทางเพื่อคุณจะได้แต่งงานกับฉัน ..ฉันที่เหมาะกับคุณมากกว่าเขา”
นายพจน์ขมวดคิ้ว “แล้วทำไมคุณต้องทำอย่างนั้น..”
“เพราะ..”
..
 “เพราะว่าฉันท้องจริงๆ..”
..
“เพราะว่า.. ม่อนแจ่มไม่ได้คลอดก่อนกำหนด”

ม่อนแจ่ม..
พชรไม่อยากได้ยินชื่อนี้ในตอนนี้เลย

“ฉันท้องอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนแต่งงาน”
..
“ม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกของคุณ..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

(ต่อรีฯถัดไปครับ)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 03-10-2016 00:05:58
‘HAPPY 50th BIRTHDAY TO MY RESPECTED FATHER’

           ม่อนแจ่มหยิบภาพในกรอบไม้ที่ห่อไว้อย่างดีออกมาจากช่องระหว่างโต๊ะและเตียง.. ในหัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
นี่คือของขวัญทำมือชิ้นแรกในชีวิตที่เขาจะมอบให้คุณพ่อ แต่นี่ไม่ใช่ของขวัญที่แท้จริงหรอก เพราะของขวัญวันเกิดที่ล้ำค่าที่สุดของคุณพ่อคือการได้รับรู้ว่าท่านมีลูกชายอีกหนึ่งคน ลูกชายที่สมศักดิ์ศรีด้วย และม่อนแจ่มจะบอกท่านเอง ..หลังจากคุยกับคุณแม่แล้ว

..พชรบอกให้คุยกับคุณแม่..

ตาใสหลับลง กลืนความขมขื่นลงไปในลำคอ ..แล้วเขาและพชรคงจะเป็นพี่น้องกันอย่างเป็นทางการ

         “ลุงสมครับ” ม่อนแจ่มกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“ม่อนเรียนเสร็จแล้ว จะรีบไปคอยหน้าหอสามชายนะครับ”
 
          “อ้าว ไอ้ม่อน?” ไอดิลเปิดประตูออกมาจากห้องสามสามห้องซึ่งอยู่ติดกัน
ม่อนแจ่มยกยิ้มให้คู่ซี๊น้อยๆ วันนี้เขาเลิกช้ากว่าจึงกลับมาทีหลัง
“เข้าไปคุยกับหมอกล่ะสิ ..ดี”
“ก็.. ใช่..”
“วันนี้มึงไปกินข้าวกับหมอกนะ กูจะเข้าบริษัทอีก” ม่อนแจ่มบอกกล่าว
“เอ้อ อ่าม โอเค..”
ไอดิลทำหน้าแปลกพิกล ม่อนแจ่มจึงหรี่ตาลง “เป็นอะไรหรือไง หมอกไม่อยู่?”
“คือ.. เมื่อกี้พชรมา”

พชร?
มา?

ม่อนแจ่มรอฟัง..

“พชรบอกว่าคุณน้านิภาเจ็บขา ขับรถไม่ได้ เลยต้องไปขับรถให้ แล้วหมอกก็ไปกับพชร จะได้ช่วยขี่รถพชรกลับมาหอน่ะ”
ไอดิลอธิบาย “แต่ไปที่ไหน ..กูไม่รู้”

ม่อนแจ่มชะงักไป
คุณน้านิภา ไม่สิ.. คุณน้าเพชรลดาเจ็บขาหรือ
โธ่..

“เฮ้ย อย่าทำหน้าแบบนั้น” ไอดิลรีบมาตบไหล่
“คงไม่เป็นอะไรมากหรอก พชรดูกังวล แต่ก็ธรรมดาแหละ มันรักแม่มันมาก ก็อยู่กับแม่สองคนมาตลอดนี่นา”

         “อย่างนี้ พชรก็ช่วยพ่อกับแม่ทำสวนมาตั้งแต่เด็กเลยสิ”
         “ใช่ แต่ ..แค่แม่” 


“ใช่..”
พชรอยู่กับแม่มาตลอด
“ไม่เป็นไรนะ มีอะไรกูจะโทรบอก มึงเข้าบริษัทเถอะ วันนี้วันเกิดพ่อมึงไม่ใช่เหรอ” ไอดิลพยักเพยิดมายังภาพวาดที่ม่อนแจ่มหนีบไว้ระหว่างลำตัว
ม่อนแจ่มก้มลงมองบ้าง ตอบรับเบาๆ
“ใช่..”

           Mercedes Benz สีดำที่คุ้นเคยมาจอดเทียบหน้าฟุตบาท..
ม่อนแจ่มก้าวยาวๆไปขึ้นรถของบ้านตนเอง ยกมือไหว้ลุงสม ในใจประหวัดนึกถึงคนที่พชรเรียกว่า ‘แม่’
สาวใหญ่หน้าตาสะสวย ท่าทางใจดีที่เขาเคยเจอ คุณเพชรลดา เพชรหละปูน
ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวเลี้ยงลูกชายมาสิบเก้าปี ..ท่านจะเหน็ดเหนื่อยและว้าเหว่หรือไม่.. แค่ไหนกัน..
ม่อนแจ่มถอนหายใจ หลับตาสลับกับลืมตาตลอดทาง ..เขาจะเริ่มต้นเอ่ยกับมารดาอย่างไรดี ..ท่านจะตกใจมากไหมหนอ
แต่อย่างไรเสีย.. ม่อนแจ่มคงไม่อาจรออยู่เฉยๆโดยที่ไม่พูดอะไรเลยได้ พชรรอมานานเกินไปแล้ว..

         ลุงสมชะลอรถจอดหน้าบริษัท..
ม่อนแจ่มสูดลมหายใจเข้า กระชับกรอบภาพแนบลำตัว
เลิกคิ้วน้อยๆ เมื่อเห็นคุณลุงบุญส่งประจำการอยู่ที่รถ Volvo สีขาวที่มักขับพาคุณพ่อกลับบ้าน
“คุณลุงบุญส่ง คุณพ่อจะกลับบ้านแล้วหรือครับ?”
ก็ดีนะ.. บางที ม่อนแจ่มน่าจะคุยบางเรื่องที่บ้าน..
“สวัสดีครับคุณม่อน วันนี้คุณท่านมีงานเลี้ยง คุณท่านไปหยิบเอกสารและคุณผู้หญิงเพิ่งจะตามเข้าไปน่ะครับผม”
อ้อ..
เอาอย่างไรดีล่ะ
แบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็คงรีบสินะ.. ม่อนแจ่มถอนหายใจ
เขาควรไปรอที่บ้าน แต่.. ไหนๆก็มาแล้ว เอาของขวัญไปให้คุณพ่อเสียก่อนแล้วกัน ท่านมีงานต่อ ก็ไม่รู้ว่าจะกลับกี่โมงกันแน่..
ร่างเล็กเดินเข้าไปในบริษัท กดลิฟต์ตรงขึ้นไปยังห้องทำงานชั้นบน..

            “ลงไปแล้วหรือครับ?”
เสียงเล็กถามย้ำกับเลขานุการสาวและเลิกคิ้วอย่างงงๆ เมื่อได้รับคำบอกเล่า
“ทั้งท่านประธานและคุณระมิงค์ออกไปแล้วค่ะคุณม่อน ท่านมีงานเลี้ยงต่อ แต่ว่า.. ท่านประธานกลับมาเอาเอกสารอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ลงไปสักพักแล้วเหมือนกันค่ะ”

ม่อนแจ่มกลับลงมาชั้นล่าง กวาดสายตาไปทั่วบริเวณ
ถ้าคุณพ่อลงไปแล้ว ก็ควรจะสวนกันสิ ..หรือไปลิฟต์คนละตัวกันนะ

          “สวัสดีค่ะ คุณม่อนแจ่ม”
ผู้จัดการสาวค้อมศีรษะให้น้อยๆ ม่อนแจ่มรีบยกมือไหว้
“อ่อ.. สวัสดีครับคุณผู้จัดการ ไม่ทราบเห็นคุณพ่อบ้างไหมครับ”
“อ่า..” ผู้จัดการลังเลเล็กน้อย
“ม่อน เอ๊ย ผม.. ผมเอาของขวัญวันเกิดมาให้คุณพ่อครับ” ม่อนแจ่มรีบชี้แจง เข้าใจว่าบิดายุ่งงาน แต่อยากเรียนให้ผู้จัดการเข้าใจว่าเขาขอเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แค่ยื่นภาพนี้ให้ แล้วเอ่ยบอกสุขสันต์วันเกิด.. ใช้เวลาน่าจะไม่เกินสองสามนาที
“เอ่อ.. ท่าน ท่านอยู่ที่ห้องพยาบาลค่ะ” ผู้จัดการค่อยๆเอ่ยบอกอย่างไม่แน่ใจว่าควรทำไหม
“ห้องพยาบาล คุณพ่อไม่สบายหรือครับ คุณพ่อเป็นอะไร”
ถาม.. แต่ไม่ได้รอฟังคำตอบ ขาสั้นรีบวิ่งเร็วๆไปทางห้องพยาบาลเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อเป็นอะไรถึงต้องไปห้องพยาบาลนะ..

           ม่อนแจ่มหอบแฮ่กๆ มองผ่านช่องประตูเข้าไปภายในเมื่อมาถึงจุดหมาย
คุณแม่อยู่ที่นี่ด้วย เอ๊ะ แล้วนั่น..
สายตาภายในกรอบแว่นแดงมองค้าง ..คุณน้าเพชรลดา?
ขาชะงักลง ค่อยๆเดินเข้าใกล้ประตู กระทั่งเห็นคนอีกหนึ่งคน

..พชร..

ม่อนแจ่มยืนนิ่ง.. ยิ่งกว่าตกใจ..
ไอดิลบอกว่าพชรไปรับคุณน้าเพชรลดา แล้ว.. มารับที่นี่น่ะหรือ ..ที่ PP Group นี้?
ทั้งสี่คนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขากำลังจะพูดอยู่ที่นี่ ..พร้อมๆกันเลย
นี่มัน.. เรื่องอะไร..

        “พชร ประดิษฐาพงศ์ มีความจำเป็นอะไรต้องไป?”

ม่อนแจ่มชะงัก..
คุณแม่เพิ่งจะพูดว่า.. ว่า.. พชร ประดิษฐาพงศ์
คุณแม่ทราบแล้วอย่างนั้นหรือ?

“ผมไม่.. คุณอย่า..”
เสียงเข้มที่คุ้นเคยพยายามจะเอ่ยบางอย่างกับมารดาเขา
แล้ว.. ทั้งสองคนรู้จักกันหรือ ..ทำไม
   
“พชร”
เสียงคุณพ่อเอ่ยทวนชื่อ ..สายตามองพชรอย่างอยากจะเห็น
ในแววตาคมกล้าที่ม่อนแจ่มสัมผัสได้ถึงความหวั่นไหวเมื่อวาน ตอนนี้มันเกินกว่านั้น มันไม่ใช่แค่หวั่นไหว ..มันเจ็บปวด

“ค่ะ.. เขาเป็นลูกคุณ”
เสียงสั่นเอ่ยความจริงที่ม่อนแจ่มรู้
แต่ แต่.. คุณแม่ทราบได้อย่างไร ว่ามีพชร.. ว่า.. พชรเป็นลูกคุณพ่อ ทั้งที่คุณพ่อ ..ไม่ทราบเรื่องนี้เลย

“ลดา.. คุณมีลูกกับผมตั้งแต่ตอนนั้น คุณท้องพชร เขาเป็นลูกผม แล้วคุณไม่บอกผมได้ยังไง ได้ยังไงลดา..”
..
คุณพ่อไม่ทราบ แต่คุณแม่ทราบ?
ม่อนแจ่มงุนงง ขาเรียวขยับเข้าไปให้ได้ยินชัดเจน

“เขาทิ้งคุณไป เพราะ..”
..
 “ฉันโกหกลดาว่าฉันท้องกับคุณ และอยากให้เขาหลีกทางเพื่อคุณจะได้แต่งงานกับฉัน ..ฉันที่เหมาะกับคุณมากกว่าเขา”
“แล้วทำไมคุณต้องทำอย่างนั้น..”

..ม่อนแจ่มเบิ่งตา
เขาพยายามจับประเด็น สมองเชื่องช้ากว่าปกติ..

โกหก..
แต่งงาน..


“เพราะว่าฉันท้องจริงๆ..”
..
“เพราะว่า.. ม่อนแจ่มไม่ได้คลอดก่อนกำหนด”
..
ม่อนแจ่มไม่ได้คลอดก่อนกำหนด?
แต่.. แต่เขาตัวเล็ก
เขาไม่สูงใหญ่เหมือนคุณพ่อเพราะคลอดก่อนกำหนดไม่ใช่หรือ.. ตามที่เคยรู้มา..
..
“ฉันท้องอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนแต่งงาน”

..อะไรนะ
ม่อนแจ่มลมหายใจสะดุด ..ฟังคำที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยิน

“ม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกคุณ..”

มือเรียวกำเข้าหากันแน่น
แม้ถ้อยคำนั้นชัดเจนในหัว
แต่ม่อนแจ่มก็ต้องแปลมันซ้ำ ..ค้นหาความหมาย
ม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกคุณพ่อ.. แปลว่าอะไร..

        “ตั้งแต่พชรปรากฏตัว ฉันก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องมีวันนี้ แต่ก็ไม่คิดหรอกว่าต้องพูดออกมาเองจริงๆ”
ระมิงค์สะอื้นให้ “ฉัน.. จะค่อยๆบอกม่อนแจ่ม แล้ว.. เราจะไปเอง”
วันนี้วันเกิดนายพจน์ ระมิงค์ทราบดี
ไม่ใช่เพราะเธอจำได้ แต่เพราะม่อนแจ่มลูกชายได้เตรียมของขวัญไว้ เธอเห็นเมื่อเดือนก่อน
แล้วนี่.. ม่อนแจ่มอาจไม่มีโอกาสได้ให้.. ส่วนเธอ ไม่เคยให้และไม่มีอะไรจะให้ คงมีเพียงแต่สิ่งที่จะคืน..
คืนภรรยา.. คืนลูกชาย..
และทั้งหมดนี้ก็คือ..

“ลูกชายคนเดียวของคุณคือพชร..”

พชร..
ลูกชายคนเดียว..


พชร.. เป็นลูกคุณพ่อ
พ่อ.. ที่ไม่ใช่พ่อของเขา
สิบเก้าปีภายใต้ชายคาบ้านประดิษฐาพงศ์
สิบเก้าปี.. ที่พชรไม่ได้พบพ่อ
สิบเก้าปี.. ที่พชรควรจะอยู่ที่นั่น
แล้วเขา..

เขา.. ไม่ใช่ลูกคุณพ่อ
ม่อนแจ่มก้าวถอยหลัง..
เขา.. ไม่ได้คลอดก่อนกำหนด เขาไม่ใช่ลูกคุณพ่อ
และนี่คือ.. ทำไมเขาไม่เหมือนคุณพ่อ
นี่คือ.. ทำไมเขากับคุณพ่อถึงไม่เคยผูกพันกัน
นี่คือ..

พชรรู้เรื่องนี้อยู่แล้วหรือเปล่า..

ม่อนแจ่มพยายามหันหลังกลับไป
ภาพซึ่งนำมาเป็นของขวัญที่ถืออยู่ในมือสั่นไหว ขาเรียวแทบยืนไม่อยู่
บางประโยคลอยกลับเข้ามากระทบความทรงจำ

         “หน้ามึงไม่เหมือนพ่อกูหรอก ว่าแต่หน้ากู.. เหมือนพ่อมึงหรือเปล่า”

หน้ามึงไม่เหมือนพ่อกูหรอก..
พชรรู้..

แต่ม่อนแจ่มไม่รู้ ..ไม่รู้ว่าควรจะไปไหน แต่เขาอยากเดินไป เขา..
เขามาทำอะไรอยู่ที่นี่..
เขามาทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่!

ร่างเล็กยืนทำอะไรไม่ถูก ดวงตาแห้งผาก จุกแน่นในใจจนแม้แต่น้ำตายังไม่มีทางไหลออกมาได้
มือที่กำภาพวาดแน่นก่อนหน้าคลายออก เสียงของบางอย่างกระทบพื้นกระเบื้อง ..ม่อนแจ่มสะดุ้ง ก้มลงมอง

‘ HAP PY   50th  BIRTH DAY  TO  MY  RES PEC  TED  FA  THER ’

เสียงที่ทำให้สี่ชีวิตในห้องหันมามองหน้าประตูเป็นตาเดียว..

“ม่อน..” ระมิงค์อุทาน น้ำเสียงสั่นไหวราวกับจะขาดหายไป
“ม่อน..” ม่อนแจ่มเสียงพร่า ไม่รู้จะเอ่ยคำใด
“ผม..” ..เขาเรียบเรียงเป็นประโยคไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ม่อนแค่.. ผมจะมา..”
ปากอิ่มสั่นระริก ทว่า ดวงตาแห้งผาก พยายามอย่างยิ่งให้แข้งขายืนอยู่ได้อย่างมั่นคง ขณะที่ผู้เป็นมารดาทรุดลงกับพื้นตั้งแต่หันมาเห็นเขา
ระมิงค์มองลูกชายด้วยน้ำตาเอ่อท้น ม่อนแจ่ม.. ม่อนแจ่มได้ยินหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม ..สีหน้าและแววตาของบุตรชายในสายเลือดทำให้ตระหนักดี
ระมิงค์สะอื้น ไม่ได้ตั้งใจเลยว่าจะให้ลูกชายรู้ด้วยวิธีนี้ เธออยากจะค่อยๆพูด.. ค่อยๆบอก.. ดังที่เด็กพชรเคยให้โอกาสในคราแรก ทว่านี่มันสายเกินแก้ไขแล้ว ที่ต้องทำตอนนี้ก็แค่รอ.. เธอแค่รอ.. รอให้ม่อนแจ่มตะโกนขอคำยืนยันจากเธอ..

แต่.. ม่อนแจ่มไม่โวยวาย ไม่ตะโกน ไม่พูดอะไร
ตกใจ เสียใจ แต่ไม่มีอะไรจะพูด ม่อนแจ่มได้แต่มองชายคนที่เคยบอกว่าไม่ชอบตัวเอง
ในวันที่ความจริงเปิดเผย.. สายตาที่มองกลับมาไม่ได้มีความยินดี  ไม่มีความสาสมใจ 
ปกติ พชรมักไม่แสดงความรู้สึกใดผ่านดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น ทว่า นาทีนี้.. พชรมองเขาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

เสียใจหรือ?
ไม่.. พชรไม่มีอะไรควรต้องเสียใจเลย

เป็นดวงตาสีน้ำตาลที่เบือนหลบ ไม่กล้าประสานนานกว่านี้..   
ม่อนแจ่มสูดลมหายใจเบาๆ ก้าวเข้าไปภายในห้องพยาบาล
ความเข้มแข็งและกล้าหาญเป็นคุณสมบัติที่คนเราควรต้องมี ..ใช่ไหม

          ร่างเล็กย่อตัวลง ค่อยๆโอบประคองบ่ามารดา
“แม่ครับ ลุกขึ้นเถอะ” ม่อนแจ่มเอ่ยเสียงหนัก
ระมิงค์เบิ่งตา ขมวดคิ้วมองลูกชาย
ม่อนแจ่ม.. ทำไมม่อนแจ่มไม่..
“ลุกขึ้นเถอะครับ คุณ.. คุณลดากับลูกชาย ..และคุณพจน์ คงมีเรื่องมากมายที่จะพูดคุย ทำความเข้าใจกัน คุณแม่ไปกับม่อน”
..
“..ไปกับม่อนนะครับ”

ม่อนแจ่ม..
ระมิงค์ได้แต่อ้าปากค้างไว้
ลูกชายหน้าซีดเผือด แต่ไม่โวยวาย
ดวงตาหวั่นไหว แต่กลับไม่ร้องไห้ออกมา
เป็นมือเรียวเล็กที่ประคองเธอลุกขึ้นจากพื้น
เป็นเด็กน้อยขี้กลัวที่พยายามกระตุ้นให้เธอกล้าหาญ..

         “ไม่เป็นไร” พชรเอ่ยขึ้นหนักๆ ลำคอตีบตันไปหมด
“แม่ครับ เดี๋ยวเราไป..” ร่างสูงตั้งท่าจะเข้าไปประคองมารดา
“คุณเพชรลดาเจ็บขา” ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย มองบริเวณข้อเท้าของคนบนเตียงพยาบาล
คนที่เคยเอาลำไยจากสวนมาฝาก คนที่ยังคงมองเขาด้วยแววตาแสดงความปราณีและเห็นใจ แม้ว่าม่อนแจ่มจะไม่แน่ใจเลยว่าควรได้รับ
พชรนิ่ง เม้มปากบางๆ ไม่เคยถนัดในเรื่องการพูดสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเช่นนี้
แม้อยากจะพูด..
อยากจะ..
“ไม่เป็นไร” ม่อนแจ่มย้ำคำ “..ไม่เป็นไรเลยจริงๆ”
ร่างเล็กประคองมารดาไว้มั่น พาเธอหันหลังออกผ่านประตูไป..

          ระมิงค์ได้แต่มองลูกชายค้าง งุนงงไปหมด
อะไรบางอย่างในดวงตาสองคู่..
อะไรบางอย่างในน้ำเสียงของคนสองคน..

         “รถคุณแม่จอดที่ไหนหรือครับ”
ม่อนแจ่มเอ่ยถาม ระมิงค์จึงเดินนำไปตามทางออกสู่โรงจอดรถพิเศษที่ซึ่งรถส่วนตัวของเธออยู่ที่นั่น
“ม่อนขับให้ไหมครับ” ลูกชายเอื้อเฟื้อ ระมิงค์จึงมอบกุญแจให้ไปทั้งยังอึ้งๆ..

           มือเรียวจับพวงมาลัย ขับพารถมุ่งหน้าออกจากบริษัท
ระยะหนึ่งแล้ว.. กว่าที่จะตีไฟซ้าย ชะลอจอดชิดขอบถนน..

“คุณแม่ครับ” ม่อนแจ่มฝืนเอ่ยหนักๆ แม้น้ำเสียงจะแตกพร่า หันมามองมารดาอย่างจริงจัง
“เล่าให้ม่อนฟังที..”
ระมิงค์ก้มหน้า หยดน้ำตารินไหล
“แม่..” เสียงสั่นเอ่ยค่อยๆ แต่ก็พยายามให้ชัดเจน
“แม่คบกับคุณพ่อของม่อน และท้อง.. คุณตาไม่ยอมรับเพราะฐานะ.. ขณะเดียวกัน คุณตากับเพื่อนสนิทก็มีข้อตกลงที่จะให้แม่กับคุณพจน์แต่งงานกัน เพราะธุรกิจ..”

ม่อนแจ่มเพียงนิ่งฟัง..

“แม่ไล่เพชรลดา คนรักของคุณพจน์ไป แม่..โกหกว่าแม่ท้องกับคุณพจน์”
“แล้ว..” ม่อนแจ่มลำคอแห้งผาก
“คุณเพชรลดาไม่ได้บอกคุณแม่หรือครับว่าเธอกำลังท้อง..”
“บอก..” ระมิงค์ไหล่สั่น
“แล้ว.. คุณแม่ก็ยังไล่เธอไปหรือครับ..” 
มีเพียงน้ำตาเป็นคำตอบ
“แม่.. แค่ให้เช็คเธอไปแสนนึง แล้ว.. ก็แต่งงาน”
..
“แม่กับคุณพจน์ไม่รู้สึกอะไรต่อกันเลย เราแยกกันนอนเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็ไม่มีใครเรียกร้องจะนอนด้วยกัน”
..
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย
สายสัมพันธ์..
สายสัมพันธ์ที่ไอดิลเคยพูดถึง เขาตระหนักแล้วในตอนนี้ว่าที่เขาไม่รู้จักและไม่รู้สึกถึงนั้นก็เป็นเพราะว่ามันไม่เคยมี
พจน์ ประดิษฐาพงศ์กับระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์ไม่เคยรักกัน ..และม่อนแจ่มก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงมาโดยคนสองคนที่รักกัน ..ไม่เลย

“แม่พยายามลืมเรื่องเพชรลดาไป ลืมที่เธอบอกว่าท้อง.. ไม่ยอมบอกคุณพจน์ กล่อมตัวเองว่าเป็นเรื่องโกหก จนกระทั่งเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนม่อนเพิ่งเข้ามหา’ลัย เด็กหนุ่มคนนั้นมาพบแม่..”

เด็กหนุ่มคนนั้น..

“ม่อนก็คงเห็นแล้ว หน้าตาเขา รูปร่างเขา.. แม่ถึงตระหนักว่าเพชรลดามีลูกจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลูก.. ลูกคุณพจน์”
..
“แม่ขอโทษ..”

          “พชรบอกว่ามันไม่เคยมีปัญหากับมึง”
          “แต่.. มันไม่ชอบมึง”


ในที่สุด.. ก็รู้ว่าทำไมพชรถึงไม่ชอบเขา
ม่อนแจ่มปฏิเสธ ไม่ยอมรับการ ‘ไม่ชอบ’ ของพชรมาตลอด
เขาพยายามทลายกำแพง เขาเข้าหา เขาหาเรื่อง เขายั่วเย้า เขา.. เป็นคนทำให้ทุกอย่างเลยเถิดมาขนาดนี้
ทั้งที่พชรมีสิทธิ์ชอบธรรม สมเหตุสมผลที่สุดที่จะไม่ชอบเขา ..เกลียดเขาก็ยังได้ด้วยซ้ำ

หน้าขาวเผือดซบลงกับพวงมาลัย..
สิ้นสุดความอดทน.. หยาดน้ำตาอุ่นๆรินไหลลง..
ความเข้มแข็งสุดท้าย คือ.. การยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง

         พชรบอกชัดเจนว่าไม่ชอบ..
แต่ก็เป็นเขา.. ม่อนแจ่มที่พยายามหาเรื่องอีกฝ่าย พยายามทำให้พชรสนใจให้ได้
พชรหลีกเลี่ยงเขา พชรไม่ยอมปะทะคารมกับเขา พชรไม่เคยทะเลาะด้วย ..นอกจากทนไม่ไหวจริงๆ

          ‘หน้ามึงไม่เหมือนพ่อกูหรอก ว่าแต่หน้ากู..เหมือนพ่อมึงหรือเปล่า’

นั่นเป็นเพียงครั้งเดียวที่พชรควบคุมตัวเองไม่ได้
นอกจากครานั้น พชรไม่เคยพูดอะไรทำนองนี้อีกเลย ไม่พูดถึง.. เก็บความเครียดไว้กับตัวเอง
พชรไม่ชอบ แต่ก็ยังมีน้ำใจกับเขา ..ช่วยเหลือเขา เพราะพชรเป็นคนดี
ทั้งที่.. ม่อนแจ่มแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพชร ..เป็นลูกของคนที่ทำกับแม่พชรแบบนั้น
ทั้งหมด แค่เพราะ.. พชรเป็นคนมีน้ำใจ
แล้วก็เป็นเขา.. เป็นเขาที่..

        ‘บอกกูให้ปล่อย..’
        ‘..บอกเดี๋ยวนี้’
..
        ‘พชร..’


   ใบหน้าขึ้นสีจัดอย่างอับอาย..
ไม่ใช่เขินอาย ..แต่อับอาย
เขาไม่คิด.. ว่าตัวเองจะกล้าสู้หน้าพชรได้อีกแล้ว

“ม่อนแวะไปหอแป๊ปนึงนะครับ”
ม่อนแจ่มกลั้นสะอื้น เอ่ยบอกมารดา ก่อนออกรถต่อไปตามทางสู่มหาวิทยาลัย..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “ไอ้ม่อน?”
ไอดิลทักทันทีที่ม่อนแจ่มเปิดประตูเข้ามา ไอหมอกเองก็นั่งอยู่ด้วยกันเหมือนที่เขารู้ว่าจะต้องเป็น เมื่อซัดสายตามองหามอเตอร์ไซค์ดำเขียวที่คุ้นเคยและเห็นมันจอดอยู่ที่เดิมหน้าหอสามชาย
ม่อนแจ่มพยักหน้าให้คนทั้งคู่ ไม่พูดอะไร ได้แต่เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเป้ออกมา กวาดหนังสือและเอกสารประกอบการเรียนใส่ลงไป

          “เฮ้ยๆ! ไอ้ม่อน นั่นมึงจะไปไหน”
ไอดิลเลิกคิ้ว มองอย่างตกใจ
“กู..” ม่อนแจ่มเอ่ยตอบหอบๆ “กูจะไปอยู่กับแม่น่ะ”
มือเรียวคว้าชุดนักศึกษาและเสื้อผ้าลำลองไม่กี่ชุดใส่ลงในกระเป๋าหิ้วของลุงสม
ไม่มีเวลาเก็บเครื่องนอน ..ที่เหลือค่อยมาเอาวันหลัง
อย่างไรก็ตาม แขนเรียวคว้าเอาม้วนกระดาษซึ่งก็คือภาพที่ยังวาดไม่เสร็จมาด้วย ..รีบแค่ไหน เขาก็ไม่อาจทิ้งสิ่งนี้ไว้

          “เกิดอะไรขึ้น ไอ้ม่อน” ไอดิลงุนงง
“ทำไมมึงจะไป ที่บ้านมีปัญหาหรือไง?”
ปัญหาหรือ..
“ไม่มี ไม่มีเลย กูแค่ไม่อยาก..”
อยู่ห้องนี้แล้ว..

“แล้วมึงบอกพชรหรือยัง?”

‘พชร’
ชื่อที่ม่อนแจ่มไม่อยากได้ยินในตอนนี้เลย

ไม่ได้บอก.. หัวเล็กส่ายไปมา
ไอดิลขมวดคิ้วมุ่น “นี่มึงทะเลาะกับพชรหรือไง?”
ทะเลาะหรือ..
“กูกับพชรไม่เคยทะเลาะกัน..” น้ำเสียงแห้งผากเอ่ยบอก พยายามห้ามน้ำตา
“พชรไม่เคยทะเลาะกับกู กูทะเลาะของกูอยู่คนเดียวตลอด มึงก็รู้..”
ไอดิลรับฟัง พยายามคิดตาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างรูมเมททั้งสองมันช่างยากเย็นเกินเข้าใจเอาเสียจริงๆ
“เออ.. เออ แล้วมึงทะเลาะของมึงเองคนเดียวรุนแรงขนาดอยู่ร่วมห้องกันไม่ได้เลยเหรอวะ?”

ไอดิลไม่เข้าใจ.. และม่อนแจ่มก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้สั้น ง่ายหรือได้ใจความ
แต่แบบนี้ล่ะดีแล้ว.. พชรจะได้ไม่ต้องลำบากใจ ..ไม่ต้องลำบากใจอีกต่อไป
นานเท่าไหร่แล้วที่พชรทนมา ..มีน้ำใจแค่ไหนที่อุตส่าห์ไม่ตะโกนใส่หน้าว่าม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกคุณพ่อ   
ทั้งที่โดนท้าต่อยบ้าง วุ่นวายบ้าง ต่างๆนานา..

อะไรบางอย่างเตือนม่อนแจ่มว่าเขาสองคนผ่านจุดนั้นมาแล้ว ..ใช่
แต่มันก็ผ่านมาไกลเกินไป ..ผ่านมาจนถึงจุดที่มีเรื่องที่ใหญ่กว่า.. สำคัญกว่าให้คำนึง..

           “มึงความจำดีไหม ..ไอ้ดิ้ล” เขาเอ่ยถามคู่ซี๊
“ห๊ะ.. เอ่อ ก็..” ไอดิลยังไม่หายงง ไม่รู้ควรจะตอบว่าอะไร
“กูพอจะฝากคำพูดสองสามประโยคให้พชร ..ได้ไหม”
อ้อ..
“ได้ ได้สิ เดี๋ยวให้หมอกช่วยจำด้วย”
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย สูดลมหายใจ ค่อยๆเอ่ยให้ชัดเจน
“มึงไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรู้สึกแย่”
..
“กูกับแม่.. ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”
..
“มึงเป็นคนมีน้ำใจมาก กูขอบคุณ และ กู.. กูดีใจที่..ได้เป็นรูมเมทของมึง..”

รูมเมท..
ใช่.. เขากับพชรเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน
ส่วนเรื่องนั้น.. มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ..ไม่มีอะไรให้ต้องคิดถึงเลย
ดวงตาใสที่เริ่มพร่ามัวหันไปมองเตียงล่างของตัวเอง ..ก่อนจะทำได้เพียงสาวเท้าออกจากห้อง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

        ประตูรถเปิดออก..
ม่อนแจ่มวางกระเป๋าทั้งสองใบไว้เบาะหลัง ก่อนจะเข้ามานั่งประจำที่คนขับ
นั่งเงียบๆ อยู่อึดใจหนึ่ง พยายามหยุดน้ำตาของตัวเองไว้ให้ได้..
ระมิงค์มองลูกชาย คิดทบทวนสิ่งต่างๆ

           “เธอก็มาแล้ว อยากทำอะไร พูดอะไร เธอก็จัดการเองเถอะ ..ฉันทำไม่ได้”
           “หมายความว่ายังไง ทำไม่ได้?
คุณอยากให้ลูกชายคุณรู้จากปากผมหรือ อยากจะให้เขาช็อคตายหรือยังไง!”
           “ฉันไม่รู้จะพูดยังไง”
            “ความจริง..
ความจริงไงครับ สิ่งที่ต้องพูด บอกลูกคุณก่อนที่เขาจะรู้จากคนอื่น แล้วค่อยไปสารภาพกับคุณพจน์”


         “ฉันทำไม่ได้”
         “ทำซะ!”
         “เธอก็ไปบอกคุณพจน์เองเลยสิ!”
         "คุณบอกลูกชายคุณก่อน!”
         “แล้วทำไมเธอต้องแคร์ ต้องสนใจว่าลูกชายฉันจะรู้สึกยังไง รู้จักหรือ!”


        “ม่อน..”
ที่สุด.. ระมิงค์ก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป “ลูกรู้จักพชรใช่ไหม?”

รู้จักพชรใช่ไหม..
คำถามนั้นบาดลึกลงในหัวใจ ความทรงจำมากมายแจ่มชัดอยู่ในหัว

“พชรเป็นรูมเมทม่อน..”
ม่อนแจ่มพูดได้เพียงแค่นั้น ดวงตาใสหันมองมารดา หวังให้ท่านเข้าใจความหมายมากมายภายใต้นิยามสั้นๆและธรรมดาสามัญอย่าง ‘รูมเมท’
..ความหมายมากมายที่พชรมีต่อเขา..

พชรยังคงเป็นคนพิเศษ..
เป็นคนที่ม่อนแจ่มยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบเจอในชีวิต
ชีวิตดำเนินไป บางสิ่งเริ่มต้น ..แล้วสิ่งนั้นก็จบลง และม่อนแจ่มก็ไม่เสียใจกับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นก่อนที่มันจะจบลง
อะไรที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและพชร..

            มือเรียวหมุนพวงมาลัย มุ่งหน้าไปที่ไหนก็ไม่รู้ตามแต่มารดาจะบอกให้ไป
บางที.. เหตุผลที่พชรไปในตอนนั้นคงไม่ใช่การที่พชรเป็นลูกคุณพ่อ ทว่า.. คือการที่ม่อนแจ่มเองไม่ใช่ลูกคุณพ่อต่างหาก
แต่.. ถ้าจะมีใครที่ต้องเดินจากไป มันไม่ควรเป็นพชร มันควรเป็นเขา ..เขาเองที่อยู่ผิดที่ผิดทางมาตั้งแต่แรก
มันไม่เกี่ยวว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับพชร มันเกี่ยวกับเขาไม่ควรเป็นเหตุผลขัดขวางพชรจากการมีครอบครัวที่สมบูรณ์
มันคือการที่เขารู้สึกว่าควรออกไป คือการยอมสูญเสียอะไรก็ตามเพื่อให้คนอีกคนมีชีวิตที่ดี ..อะไรก็ตาม ซึ่งนั่นก็รวมถึง.. ความรู้สึกของตัวเองด้วย

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณสำหรับการติดตามและขออภัยที่รอบนี้มาช้าครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-10-2016 00:13:12
มือจับโทรศัพท์เนี่ยสั่นไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: followme ที่ 03-10-2016 00:20:45
ม่อนแจ่มเข้มแข็งมาก!!!!
จะร้องไห้ตามจริงๆ :mew6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 03-10-2016 00:21:11
ร้องไห้~~~~ น้องม่อน ฮือ การรู้ด้วยวิธีนี้เจ็บปวดเกินไป รู้ในวันเดียวกันหมดนี่ล่ะ แต่มันก็ถึงเวลาของมันแล้ว
ก็หักดิบดี แต่สองคนลึกซึ้งกันไปแล้วไง มันไปอีกสเต็ปแล้ว ต้องแบกความเสียใจมากกว่าเรื่องพ่อแม่ไปอีก
ม่อนเป็นคนดี ทนไม่ได้อยู่แล้วแบบนี้ แต่สงสารม่อนเรื่องที่รู้ว่าไม่ใช่ลูกพ่อมาก คนรัก และศรัทธา
เจอแบบนี้ก็ช็อคสิ พชรเองก็คงแย่มากเหมือนกัน สิ่งกลับมาไม่เจอม่อนอีก สองคนแม่ลูกจะไปไหนกัน
คราวนี้คนวิ่งตามคงเป็นพขรแล้ว เพราะม่อนต้องสร้างกำแพงสูงๆ กำแพงของความรู้สึกผิดขึ้นมาแน่นอน
คนที่จะช่วยเรื่องนี้ได้มีคนเดียวคือคุณพงศ์นั่นแหละ กราบค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-10-2016 00:21:52
 :mew6:น้ำตาตกแทนม่อนเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 03-10-2016 00:27:43
จะร้องไห้อ่าาาา
สงสารม่อน พชร พ่อ เพชรลดา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 03-10-2016 00:45:05
ฮือออออ น้องม่อนน
สงสารทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 03-10-2016 01:14:43
น้ำมูกกับน้ำตามาเป็นสายเลย
ม่อนเข้มแข็งมากเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Kimdodo ที่ 03-10-2016 01:59:14
ร้องไห้แล้ววววววววววว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 03-10-2016 03:33:20
มีความรู้สึกว่าอิมเพ็คของเรื่องนี้ยังไม่เข้าเป้าจริงๆสำหรับม่อนนะ
ม่อนถึงยังไม่อะไรมากมาย  แค่ร้องไห้ไม่ม่อนก็เป็นเด็กที่สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ได้ดีมากๆ   เหมือนกับว่าสามารถ detach อารมณ์กับความรู้สึกออกมาจากกัน
น่าจะเรียนปรัชญามากกว่าเรียนวิศวะเสียอีก

ในส่วนของพจน์นั้นเราไม่คิดว่าพจน์จงใจห่างจากม่อนนะ
บางอย่างบอกว่าในเมื่อระมิงค์รู้ว่าม่อนไม่ใช่ลุกพจน์ก็เหมือนจะกันม่อนออกจากพจน์อยู่กรายๆ   เหมือนสัณชาตญาณบอกไว้ ระมิงค์ถึงได้ดูแลม่อนแบบไข่ในหิน แต่ในขณะเดียวกันก็งานยุ่งมากจนแทบจะไม่มีเวลาให้ลูกกันทั้งคู่   

ความรู้สึกว่าม่อนเป็นลุกแม่มากกว่าพ่อนั้นมันทำให้เกิดเส้นกั้นระหว่างพจน์กับม่อน  พจน์เองก็ใช่ว่าจะสงสัยว่าม่อนไม่ใช่ลูกตัวเอง   แต่ความห่างเหินอันนี้เราว่ามันสามารถรู้สึกได้จากระมิงค์   อันนี้เราเอามาจากปสกส่วนตัวคนที่อยู่ด้วยกันสามารถที่จะรับรู้ได้ว่าบางส่วนอีกฝ่ายอาจจะไม่ชอบ ไม่ต้องการให้เข้าไปยุ่ง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 03-10-2016 03:44:13
โอ๊ยย  สงสารทุกคนอ่ะ   จุกแทนม่อนจริงๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 03-10-2016 05:32:45
พีคจริงๆ ตอนนี้
น่าสงสารแต่ก็ชื่นชมที่ม่อนเข้มแข็งมาก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 03-10-2016 05:35:05
ชอบมากๆเลยค่ะ โดยเฉพาะ ความเข้มแข็ง ที่มีอยู่ในตอนนี้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 03-10-2016 06:57:34
 :เฮ้อ:  ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง รู้ช้ารู้เร็ว เจ็บไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่ารู้แบบไหน?  :z3:

แอบสงสัย ~ แม่ลดา ตัดใจไม่มาเจอไปแล้ว 19 ปี บทจะมาก็มาซะงั้น จุดชักนำให้เข้าพีคของเรื่องสินะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 03-10-2016 07:12:28
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ม่อนเข้มแข็งกว่าที่คิดเยอะ สงสารทุกคน :sad4:

แต่มันรู้สึกโล่งนะ ที่รู้ความจริงกันซะที ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่โชคชะตา ทุกอย่างมันต้องดีขึ้น สู้ๆนะม่อน พชร  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 03-10-2016 07:34:11
ปวดใจ สงสารตัวละครทุกตัว ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ :mew2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 03-10-2016 08:25:19
สงสารไปหมด
แต่เราเชื่อว่า เดี๋ยวทุกอย่างมันจะดีขึ้น
ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอนะ
 :กอด1:

รู้ความจริงกันตู้มเดียวเราว่าไม่ยืดเยื้อดี
รู้ให้มันไม่ค้างคาใจ

แต่หลังจากนี้พชรต้องตามม่อนกลับมานะ
อย่าให้ม่อนรู้สึกผิดในเรื่องที่ผ่านมาเลยนะ 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 03-10-2016 09:54:15
คือนี่อ่านจบ..... :m16:
ความรู้สึกสัมพันธ์ของคนเป็นพ่อนี่ไม่เคยมีในใจคุณพจน์เลยงั้นเหรอกับม่อน แลดูเฉยชากับทุกสิ่ง
รักคนเก่าแต่ไม่ยอมต่อสู้เพื่อให้ได้มาตั้งแต่แรก แต่คนใหม่ก็ไม่แยแสเอาใจใส่ยิ่งกับลูก (เจ็บกว่าโดนทอดทิ้ง) สายสัมพันธ์ที่ไม่ก่อกับม่อน มันเริ่มจากคุณพจน์เองน่ะแหล่ะ
วันนี้คนที่ชนะเลิศของเราคือม่อนแจ่ม  o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-10-2016 10:36:52
ครั้งนี้ทำให้เราได้รู้ว่าคนที่เข้มแข็งที่สุดคือ ม่อนแจ่มนี้แหละ
ตอนนี้ทำเราร้องไห้หนักมากกกก

 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-10-2016 11:43:52
รู้ความจริงกันเสียที รู้ไปพร้อม ๆ กันนี่แหละ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-10-2016 12:04:55
ร้องไห้ตามม่อนแจ่ม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-10-2016 12:48:38
อ่านแล้วห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ได้อ่ะ บทจะรู้ก็รู้กันหมดทุกคนยิ่งกว่าเฟิรส์อิมแพ็คซะอีก ซึ่งก็ดีที่รู้มันซะทีเดียว แล้วแบบนี้ม่อนจะเป็นยังไง แล้วคุณพจน์จะไม่มีความผูกพันกับม่อนเลยหรือไง ถึงไม่รักแต่ก็อยู่กันมา 19 ปีเชียวนะ ตอนยังไม่รู้ความจริงไม่คิดว่าม่อนเป็นลูกบ้างเลยเหรอ ม่อนยังไงก็สู้ๆ นะ เข้มแข็งเข้าไว้นะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-10-2016 13:56:57
ฮู่วววว ความพีคมีอยู่จริงในตอนนี้
กระจ่างกันหมดแล้วสินะ
ไม่รู้คราวนี้จะเป็นยังไงต่อ เฮ้อออ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 03-10-2016 14:43:12
สงสารม่อนตั้งแต่ต้นเรื่องจนตอนนี้ก็ยังสงสารอยู่ ฮือ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 03-10-2016 14:48:44
น้ำตาไหลจนเปียกชุ่มไปหมดแล้ว ม่อนอดทนไม่ร้องไห้ได้ยังไง ม่อนเข้มแข็งมากไปแล้ว คุณพจน์ถึงม่อนไม่ใช่ลูกแต่คุณเลี้ยงม่อนมาคุณรักเขาบ้างไหม เขารักคุณมากนะ ตามหาเขาหน่อยเถอะม่อนสมควรได้รับความรักนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 03-10-2016 15:46:46
อยากจะร้องไห้แต่สถานที่มันไม่อำนวย
ในที่สุดก็มาถึงวันนี้จนได้
มันหน่วงๆ ในอกนะ

ครอบครัวเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยหล่อหลอมความนึกคิดและการมีชีวิตของเด็ก
ตอนนี้ม่อนเสียมันไปแล้ว

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-10-2016 15:55:49
นั่นไง นั่นไง นั่นไงงงงงงงงงงงง กูว่าละ มาถึงจุดนี้ ข้อสรุปทั้งหมดจะนำกลับไปใช้เป็นเหตุผลที่ผ่านมา เพราะแบบนี้ใช่ไหม...... //และนี้คือ...ว่าทำไม บลาๆ พีคคคคจริงๆ ดีแล้วดี รู้ทุกอย่างซะอย่าค้างคา รู้ด้วยวิธีนี้ โอเคเลย ปรบมือให้คุณระมิงค์ค่ะ จำคำม่อนบอกละก็ทำได้ เทใจให้เล้ย แต่แม่งม่อน โคตรชอบบบบบบบเลย กล้าและเข็มแข็งมากกกกก เกินคาดไปด้วยซ้ำ ตัวเล็กๆโลกสวยอ่อนไหวขี้ป็อดขี้กลัว ไม่คิดว่าจะเข็มแข็งหักใจกล้าหาญหักดิบได้ขนาดเน่ การกระทำและความคิดก็ดี พอคิดย้อนกลับไป เออมันใช่ ไม่คิดโทษใคร ไม่โกรธ มีแต่ขอโทษ ต้องไป ทำความเข้าใจ ถูกใจเพ่จริ๊งงงงงงงงงงง ชอบบทม่อนมากกกกกกกกกกกก //เออขอหลบไปตั้งสติก่อนนะ ไม่พร้อมจะอยู่ด้วยจริงๆ //ไปตามหาพ่อที่แท้จริงนะ (ชื่อไรนะจำไม่ได้55)เขารักม่อนมากกกก ถ้าได้เห็นฉากที่พ่อเก็บรูปลายเซ็นม่อนไว้ แล้วม่อนไปเห็นหนิ กูว่าร้องไห้หนักมากอ่ะบอกเลย 555//ใช่พ่อคนนี้คุณพจน์ก็รักม่อน แต่ก็ไม่พยายามสุงสิงวอแวมาก แค่ถามไถ่ผ่านๆ คุณพจน์นะ เป็นคนที่สร้างแนวกั้นขึ้นมา ไม่มีเวลางานยุ่ง กลับบ้านก็ขึ้นห้องเลย กินข้าวก็ไม่ค่อยคุย ไม่ไปไหนไม่ชวนม่อนทำอะไร เป็นคุณพจน์นะ อย่างที่ม่อนคิดเลยว่าทำไมคุณพ่อถึง....... เพราะงั้นเลยมีแต่แม่ //แล้วทีนี้จะเป็นไงต่อไป เอาใจช่วยม่อน และทุกคน พชรใจเย็นก่อนนะ ให่เวลาม่อนหน่อยแล้วค่อยตาม //ขอบคุณค่ะที่มาต่อ รอตอนต่อไปใจจดจ่อค่ะ ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-10-2016 16:10:13
อ่านไป น้ำตาก็ไหลพราก เป่าปี่ตลอดจนจบ
ม่อนแจ่ม ตัวเล็ก แต่ใจเด็ด รู้ผิดชอบ
ไม่อาลัยใยดี กับของ คน ที่ไม่ใช่ของตัวเอง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 03-10-2016 16:52:45
พชร รีบกลับหอนะ มาฟังคำพูดของม่อนที่ฝากไว้ให้ แล้วก็ตามหาม่อนนะ

อย่าปล่อยไปเหมือนที่คุณพจน์เคยทำกับเพชรลดา   :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 03-10-2016 17:16:06
เศร้า อ่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 03-10-2016 17:55:13
สงสารน้องม่อนที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 03-10-2016 18:00:51
กรี๊ดดดดดดอไม่อาว ไม่อาวววววว อยู่รับรู้ความรักของพชรก่อนนนนนน อย่าปายยยยยย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 03-10-2016 18:03:27
เสียใจไปกับม่อน ฮืออออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 03-10-2016 18:35:56
รู้สึกว่า ณจุดๆนี้ ต่างก็กำลัง'พ่ายแพ้'กันทุกๆคนเลยค่ะ จะเฝ้ารอวันที่ทุกคนได้รับชัยชนะในทุกความหมายของแต่ละคนนะคะ

รักไอดิล ขณะที่กำลังน้ำตาไหลพราก ก็ยังอดที่จะขำไม่ได้ 'แล้วทะเลาะคนเดียวของม่อนมันรุนแรงจนอยู่ร่วมห้องไม่ได้เลยหรอวะ'ได้ฮาค่ะ :mew4:

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ อยากรู้หนทางสู่ความสุขของทุกคนเลย^^ :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 03-10-2016 19:01:01
ม่อนนนนนนน ฮือออออ ร้องไห้ ม่อนเข้มแข็งมากเลย
เอาใจช่วยทุกคน เกรียนเขียนดีตลอด นี่แอบน้ำตาซึม
รอตอนต่อไปเด้อ มาไวๆ คิดถึงน้องม่อน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 03-10-2016 19:24:05
สงสารทุกคนเลย อยากให้กลับมาอยู่รวมกัน2ครอบครัวด้วยความเข้าใจ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 03-10-2016 19:55:21
ร้องไห้น้ำตาไหล อินไปกับความเสียใจของม่อน แต่หัวใจของม่อนแมนมาก รักที่ม่อนอยู่กับแม่ ไม่ฟูมฟายโทษแม่ แม่ของม่อนทำผิด แต่เราก็รูสึกเห็นใจ ขอให้ม่อนได้เจอกับพ่อ#รักม่อนแจ่ม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ayumu ที่ 03-10-2016 21:27:38
 :sad4: ม่อนลูก มากอดหน่อยมา :กอด1:   เศร้าและเจ็บไปกับม่อน  แต่ม่อนเก่งมากเข้มแข็งที่สุดเลยลูก
พชรกลับหอไปไม่เจอม่อน. ได้แต่ข้อความที่ฝากดิ้ลไว้ คงเศร้ามากแต่เหตุการณ์นี้พชรควบคุมไม่ได้อ้ะ คือแบบระเบิดลงตูมเดียวจบเลย  :hao5:
คุณพ่อจะเย็นชาไปไหนค่ะ นี่ลูกที่เลี้ยงมาสิบเก้าปีนะ แล้วระมิงค์ ก็เป็นคนที่อยู่ร่วมกันมานานหลายปี ถ้าไม่นับเรื่องครอบครัวก็ถือเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจไง คงไม่ใจร้ายใจดำขับไล่ไสส่งใช่มั้ย แต่คุณพ่อเย็นชากับม่อนมากอ้ะ เกินไปมั้ย นี่โกรธจริงจังเลยเห๊อะ :serius2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 03-10-2016 21:55:39
ในที่สุดก็กระจ่างเสียที ม่อนเข้มแข็งเพราะจริงๆ คุณระมิงค์ก็เป็นคนเข้มแข็งนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 04-10-2016 00:00:22
ต่างคนก็ต่างอยากให้อีกฝ่ายมีชีวิตที่ดีอ่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 04-10-2016 02:01:05
สงสารน้องม่อนมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 04-10-2016 09:18:51
เราว่า..
ประเด็นนี้เหมือนมันยังพีคได้อีก
ยังสุดได้อีก
ม่อนเข้มแข็งมากกว่าที่คิด อาจเพราะรู้บางประเด็นแล้ว หรือมีความคิดเรื่องสายสัมพันธ์ประหลาดๆในครอบครัวมาก่อน
แต่ถ้าเป็นเรา มันยากกับการจะยอมรับนะในเรื่องของการที่เราเป็นลูกใครก็ไม่รู้
ไม่ใช่ลูกของพ่อ แม่โกหกตัวเองมาตลอด
เรื่องของคุณระมิงค์เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ถึงจะเป็นแม่เราเราก็คงไม่เข้าใจ ไม่อาจเข้าใจ ในหัวคงมีแต่ทำไมๆๆๆเต็มไปหมด
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 04-10-2016 12:13:40
เขียนดีมากค่ะ

ถือโอกาศล้างตาเลย 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 05-10-2016 15:16:10
ตอนนี้คือเเป็นตอนที่ลุ้น แบบขอให้ความแตกซักที
ตอนคุณพจน์ไม่ได้มองตอนสวนกันกับตอนขึ้นไปจะหยิบของนี่ในใจแบบ เจอทีเถอะะะะ
อึดอัดกันมานานแล้ว รู้ๆกันไปเลย เกิดอะไรขึ้นต่อก็ค่อยๆแก้ไป
ณ จุดนี้ ก็ขอให้ทุกคนเข้มแข็งไว้ ม่อนสู้ๆ ทุกคนสู้ๆ
แม้ว่าม่อนอาจจะทำใจยากกับเรื่องพชร แค่เห็นหน้าก็คงรู้สึกผิดอ่ะ
ให้แต่ละคนมีเวลากันซักหน่อย แล้วพชรต้องลุยโลดนะ
หรือไม่ก็ม่อนแจ่มนั่นแหละ ลุยเองเลยยยย รักกันก็ต้องพุ่งชนนนน
อดีตผิดพลาดไปแล้ว ปัจจุบันและอนาคตต้องดีขึ้นเนอะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 05-10-2016 21:17:51
เศร้ามากครับ พีคสุดๆ สงสารทุกคน
ม่อนเข้มแข็งดีนะ มันรู้สึกแย่นะ อยู่กันมาเป็นสิบๆปี
แต่มาวันนึงมารู้ว่าคนๆนั้น ไม่ใช่พ่อตัวเอง มันคงทำใจยาก
แล้วยังจะมามีความสัมพันธ์กับลูกในสายเลือดอย่างพชรอีก
มันคงมองหน้ากันยาก ความรู้สึกผิดคงค่อยๆกัดกินในใจ

แต่ม่อนเข้มแข็งมากๆ ยังไงก็ต้องสู้ต่อไปนะ

ต่อไปเรื่องคงพีคขึ้นเรื่อยๆแน่ ทุกคนต่างรู้ความจริงกันหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: chandrarat ที่ 06-10-2016 12:37:45
ม่อนเก่งมากค่ะ เข้มแข็งมาก เป็นหลักยึดเหนี่ยวให้คุณแม่ได้  :กอด1: :กอด1:
คุณพ่อนี่เย็นชาไปนะ คือเลี้ยงดูเค้ามา 19ปีอ้ะ 19ปีเชียวนะ แล้วก็คิดว่าเค้าเป็นลูกแท้ๆ มาตลอดด้วย เพราะว่าไม่ได้รักแม่ของลูก เลยพาลสร้างกำแพงกับลูกซะงั้น น่าโมโหจริงๆ ทั้งๆที่ม่อนเป็นเด็กดี มีจิตใจที่ดี แล้วก็พยาพยามเพื่อคุณพ่อขนาดนั้นแท้ๆ ใจร้ายอ้ะ
สำหรับเราคนๆ นี้ไม่โอเคเลย
พชรกับแม่ลดา เราก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี คือนี่คือพ่อและสามีของพวกเค้า สิ่งที่เป็นของพวกเค้า น่าสงสารมาก แต่แม่ลดาที่ไม่ได้มาเรียกร้องสิทธิ์ตั้งสิบเก้าปี ทนเลี้ยงลูกมาคนเดียว บทจะมาเจอก็เจอเลย แต่พจน์ก็ไม่ควรลืมว่าที่ต้องแต่งกับระมิงค์เพราะอะไร ถูกพ่อบังคับเพราะทางนั้นเคยมีบุญคุณ ซ้ำยังคิดต่อยอดกับธุรกิจของระมิงค์อีก ผลประโยชน์วินวินอะตอนนั้น สงสารทุกคนเลย
ฮือออออออออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-10-2016 18:57:37
สงสารน้องน้อย ช็อคเบิ้ลเลยอะ
ม่อนจะรับไหวไหม ทั้งเรื่องพชร ทั้งเรื่องพ่อ
แต่ดีใจอยู่นิดนึงที่แม่ยังห่วงความรู้สึกลูก ไม่เหมือนพ่อ

พชรจะทำยังไงต่อ แล้วไม่เข้าใจว่าเพชรลดามาทำอะไรหรอ ไม่ได้จะมาเจอหรอกหรอ

สงสารม่อนมาก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 07-10-2016 19:31:05
มาต่อหน่อยค่ะ คิดถึงม่อนแจ่ม :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 08-10-2016 09:40:07
 :a5: :a5: :a5: :m15: :m15: :m15:

ฮือออออ  รู้เรื่องแล้วอ่าา  แต่ว่าแล้วหนูม่อนต้องเข้มแข็งแบบนี้
แต่ทั้งคู่เสียใจมากแน่ๆ
พชร จะทำยังไงต่อไปนะ ตอนที่กลับมาแล้วม่อนไม่อยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 08-10-2016 11:32:17
 :mew4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Gnaap ที่ 08-10-2016 11:38:11
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/10/59 CH.24 Sweet Surrender P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 08-10-2016 20:51:55
ร้องไห้ตาบวมเลย สงสารทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Traina ที่ 08-10-2016 21:28:22
มานั่งรอตอนต่อไป ขออย่าให้กินมาม่ายาวเลย มันหน่วงใจจริงๆ :z10:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 08-10-2016 21:57:26
CHAPTER 25: Young and Beautiful

            มีเพียงความเงียบงันภายหลังสองร่างเดินออกจากห้องพยาบาลไป..
พจน์ ประดิษฐาพงศ์ยืนนิ่ง..

นี่มัน..
อะไร..

จู่ๆสิ่งนี้ก็เกิดขึ้น ..ไม่มีสัญญาณ ..ไม่มีอะไรบอกล่วงหน้า
หรือเขาโง่พอที่จะไม่เคยมองออก ..ละเลยไม่รับอะไรมาใส่ใจ
เด็กหนุ่มซึ่งเคยพบในฐานะรูมเมทของลูกชายยืนอยู่เบื้องหน้า ..นายพจน์เห็นจากด้านหลัง แต่ก็รู้ว่าสายตาจับอยู่ที่ประตู
'พชร เพชรหละปูน'

        “ไม่.. รู้จักครับ”
         “แม่ผมชื่อนิภา..”


นายพจน์เพ่งมองเด็กหนุ่ม
เพชรลดาเปลี่ยนชื่อ.. หรือพชรตั้งใจโกหก..

..ทำไม..

ในวันที่ยืนตรงข้ามกันหน้าหอสามชาย.. เด็กหนุ่มรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นพ่อตัว

..รู้..
นายพจน์ตระหนัก

         “มาแล้วหรือ ได้บอกเขาหรือยัง..”
         “ผมไม่.. คุณอย่า..”


ด้วยเหตุผลบางอย่าง..
พชรเคยเจอกับระมิงค์มาก่อนหน้านี้แล้ว
ในแววตา.. ในคำพูด.. ในการปฏิเสธ..

         “ไม่เป็นไร”
..
         “ไม่เป็นไรทั้งนั้น ผมกำลังจะไป”
         “พชร ประดิษฐาพงศ์ มีความจำเป็นอะไรต้องไป?”

   
         เพชรลดาตั้งครรภ์อยู่แล้วในตอนที่เธอลาออกจากบริษัท ..ไม่มีแม้แต่คำบอกลา
แล้วสิบเก้าปีที่ผ่านมา ..เธอเลี้ยงดูลูกชาย ..ลูกชายของเขามาเพียงลำพัง
โดยที่เขาไม่รู้สักนิด ..ขนาดลูกชายยืนอยู่ตรงหน้า ..เขาก็ยังไม่รู้

เรื่องทั้งหมดนี้..
โทษระมิงค์ได้ไหม? ..ก็คงได้
ทว่า นายพจน์รู้ดี ..มันไม่ใช่ระมิงค์หรอก
ถ้าเพียงแต่เขากล้าหาญกว่านั้น เข้มแข็งกว่านั้น เขาคงไปหาเพชรลดา
ถ้าเขาไม่ปล่อยเลยตามเลย แม้เธอลาออก เขาก็คงเข้าไปพบเธอที่บ้าน
เขาคงจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอตั้งครรภ์ รู้ว่าระมิงค์พูดอะไรกับเธอและแก้ไขความเข้าใจผิดให้เธอได้
เธอจะไม่โดดเดี่ยว ..และลูกชายก็คงไม่ต้องโตมาอย่างไร้พ่อ

แต่เขาไม่ไป..
วันนั้นเขาเลือกดำรงไว้ซึ่งสถานะลูก ซึ่งธุรกิจครอบครัว ..ไม่ได้เลือกเธอ
แม้เขาจะรัก ..แม้เขาจะไม่ตัดใจ แต่มันก็เป็นเพียงความรู้สึกที่ไร้ประโยชน์ ในเมื่อเขาไม่ได้รับรู้ความทุกข์ยาก ไม่ได้ร่วมแบ่งปันความลำบากมาจากเธอเลย
นายพจน์ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นบุรุษที่แย่และไร้คุณค่ามากเท่านี้มาก่อน

สายตาคมมองประตูซึ่งแผ่นหลังของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาและลูกชายมาตลอดสิบเก้าปีเพิ่งจะคล้อยผ่านไป
เขาไม่ได้รู้สึกโกรธระมิงค์มากเท่าที่รู้สึกโกรธตัวเอง ..และน่าแปลกนัก ณ วันที่ได้รู้ว่าม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกชาย เขากลับพบว่าตัวเองเพิ่งได้เห็นเด็กหนุ่มชัดเจนมากที่สุดก็วันนี้เอง
เพราะ..

           “พชร..”
ลูกชายที่ยืนนิ่งงัน มองไปทางประตู
มองราวกับอยากแทบขาดใจที่จะก้าวตามออกไปทำให้เพชรลดาอยากจะบอกให้เขา..
“พชร.. ไป.. ไปหา..”
ทว่า.. เธอเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก ..หยาดน้ำปริ่มขอบตาบางๆ
เธอไม่น่ามาอยู่ตรงนี้ ..ไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้เลย
สิบเก้าปีที่ผัน ..ผ่านวันคล้ายวันเกิดนายพจน์มาทุกๆปี เธอไม่เคยคิดว่าจะมาที่นี่
เพราะคิดว่าเขาทรยศต่อเธอตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้เลิกรากัน ..ระมิงค์บอกว่าตั้งครรภ์ เธอจึงจากไป
แต่ในปีนี้ เธอรับรู้ว่ามันไม่จริง.. ระมิงค์โกหกเธอ.. แสงระวียืนยันว่าม่อนแจ่มเป็นลูกชายเขา.. คุณพจน์ไม่เคยมีอะไรกับคุณระมิงค์ตลอดระยะเวลาที่เพชรลดาเป็นคนรัก..
เธอจึงไม่ห้ามพชรเมื่อจะมาพบพ่อ ..มาเปิดเผยความจริง
เธออยากให้นายพจน์รู้ว่าเขามีลูก ..มีพชร
แต่..

         “ผมไปหาคุณระมิงค์แล้ว ผมอยากเลือกให้เธอสารภาพด้วยตัวเธอ แต่เธอทำไม่ได้ ..เธอให้ผมไปบอกคุณพจน์เอง”
..
     “ซึ่งผมก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”
..
         “ผมพูดไม่ได้ว่าม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกชายเขา..”


ทำไมถึงจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ล่ะ..
ความรู้สึกอยากให้คนบางคนซึ่งมีชีวิตที่ดี ..ได้มีชีวิตที่ดีต่อไป แม้จะแลกด้วยความสูญเสียของเราเองก็ตาม
เพชรลดาจึงเลือกที่จะยอมรับชีวิตเช่นที่มันเป็นต่อไป เลือก.. รักษาความรู้สึกของพชรเอาไว้ ไม่ใช่รักษาความรู้สึกตัวเอง
แต่ความคิดถึงไม่เคยปราณีใคร..
เธอเพียงอยากมาบอกลานายพจน์.. อยากบอกสุขสันต์วันเกิด.. ในสถานที่ที่เคยคุ้น.. ในวันที่เคยรักกัน..
เพียงอยากจะยืนนอกกำแพง.. อยากมองเข้าไป.. เพื่อจบความรู้สึกที่มีต่อคนข้างใน ..ไม่ว่าในทางดีหรือทางร้าย
เธอไม่ได้ตั้งใจจะมาเพื่อเป็นต้นเหตุความพังพินาศในชีวิตใคร..

        “คุณน้านิภา!”

เสียงเรียกร่าเริงกระทบห้วงคำนึง
เสียงที่แม้ไม่ได้เรียกชื่อเธอ แต่ก็เรียกเธอ ..ในแววตา ..ในท่าที ..ในน้ำเสียง ..มีแต่ความบริสุทธิ์และจริงใจ

         “ผมม่อนครับ นี่ไอดิล”
..
         “เดี๋ยวผมโทรหาพชรให้นะครับ!”


ผมม่อนครับ..
เพชรลดาปล่อยให้น้ำตาไหล ..เอ็นดู ..เห็นใจ ..สงสาร ..และเธอทรมานใจ

         “อร่อย อร่อยครับ ฉ่ำมาก เนื้อเยอะด้วย ต้องได้ราคาดีแน่เลยใช่ไหมครับ”

ในถ้อยคำที่ดูเว่อร์วังนั้น คนพูดไม่ได้พูดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มยิ้มจนตาหยี หมือนกำลังกินลำไยที่อร่อยที่สุดจริงๆ ..ท่าทางมีความสุขในการกินที่ทำให้เจ้าของสวนปลื้มใจยิ่งนัก

          “ขอบคุณคุณน้านิภามากนะครับที่อุตส่าห์หิ้วมาฝาก ผมจะขอบคุณคุณน้ายังไงดี..”

และแม้เธอจะปฏิสธว่าไม่ต้อง..

        “สองนาทีครับ!”
..
        “ผมขอสองนาที..”


ภายหลังสองนาที ..ช่วงเวลาแสนสั้นที่เหลือเชื่อว่าคนคนหนึ่งจะสามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมา
ม่อนแจ่มทำได้..

        “นี่ครับ”
..
       “ผมให้คุณน้านิภา เป็นอย่างเดียวที่ผมทำเป็น”


แม้จะมอบให้แสงระวีไปแล้ว.. แต่เพชรลดาก็ไม่เคยลืม
ภาพผู้หญิงผูกผมหางม้า ใส่เสื้อเชิ้ตและกระโปรงทรงบานปลายคลุมเข่า มือหิ้วตะกร้าลำไย
วาดด้วยดินสอ.. เขียนความรู้สึก.. และลงชื่อกำกับ..

‘ขอบคุณครับ เป็นลำไยที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยทาน’
‘Mon Cham of Mechanical Engineering’

ตอนนี้ เด็กหนุ่มคนนั้นจะรู้สึกอย่างไร..
เจ็บปวดใจแค่ไหนกัน..
แล้วความรู้สึกของเด็กหนุ่มคนนั้นก็สัมพันธ์กับของเด็กหนุ่มอีกคนที่ยังยืนอยู่ในห้องนี้ด้วย

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

        “ไม่เป็นไร..”
..
        “ไม่เป็นไรเลยจริงๆ”


ถ้อยคำที่ก้องอยู่ในหูคือสิ่งเดียวที่ทำให้พชรไม่บ้าไปเสียก่อนในภาวะแบบนี้
มันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ.. เป็นเหมือนการปลอบโยน.. เป็นการยืนยันว่าคนพูดรับรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรแม้ว่าพชรเองไม่อาจเอ่ยคำใดออกจากปาก..
ขาแข็งแรงทำท่าจะขยับก้าวพอๆกับที่หยุดนิ่ง ..เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ไม่รู้จะทำอะไรและทำอะไรไม่ถูก..
เขาอยากวิ่งตามไป.. อยากรั้งไว้.. อยากพูดอะไรดีๆ..

          “พชร แม่ไม่เป็นไร ลูกไป.. ไปหา..”
มารดาพยายามเอ่ยบอก พชรรู้ว่าเธอเข้มแข็ง แต่อย่างไรก็ตาม เธอบาดเจ็บ เขาทิ้งเธอไปในสภาวะเช่นนี้ไม่ได้..
“ผม.. จะพาแม่ไปโรงพยาบาลก่อนครับ” แม้น้ำเสียงคนพูดจะแห้งผาก แต่ก็พยายามให้ชัดเจน
“ให้คุณหมอตรวจให้แน่ใจสักนิดว่าข้อเท้า.. เดี๋ยว.. ผมไปเอารถ ..แป๊ปเดียวครับ”

พชรพูดเพียงแค่นั้น..
แค่นั้นแล้วก็ขยับตัวเดิน..
ขาแข็งแรงก้าวออกมาจากห้อง ปากเม้มเข้าหากัน

‘ HAP PY   50th  BIRTH DAY  TO  MY  RES PEC  TED  FA  THER ’

ห่อกระดาษที่เคยเห็นเรียบร้อยอยู่ข้างเตียงล่างในหอสามชาย ห้องสามสามแปด บัดนี้หล่นอยู่บนพื้นกระเบื้อง
คำที่เคยอยู่ด้วยกันเป็นประโยคถูกแยกจนอ่านลำบากเมื่อกระดาษฉีกขาดจากการที่กระจกภายในแตกออก
พชรย่อเข่าลง ..มือขวาที่ข้อมือผูกสายสิญจน์สีขาวหยิบห่อนั้นขึ้นมา ..ประคองไว้ในอ้อมแขน
เขาปล่อยมันไว้ตรงนี้ไม่ได้..

         ร่างสูงลุกขึ้นยืน  ..ขายาวก้าวเร็วๆไปตามทางเดิน ออกผ่านประตูบริษัท และวิ่งออกจากประตูใหญ่ด้วยความเร็วเหลือเชื่อ หยาดเหงื่อเม็ดโป้งผุดทั่วใบหน้า กระทั่งแทบจะเปียกโทรมกาย แต่เขาไม่สนใจ เขาอยากออกเหงื่อมากกว่าช่วงเวลาใดๆในชีวิต ..ยิ่งออกมามากเท่าไรยิ่งดี
สองมือโอบกรอบภาพที่แตกไว้ในอก ..ราวกับว่าการกระทำเช่นนั้นจะช่วยปลอบโยนจิตใจผู้เป็นเจ้าของได้

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         Mazda CX5 สีเทาแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูใหญ่ ต่อท้าย Volvo ขาวในเวลาไม่นานนัก
พชรลงจากรถ กลับเข้าไปในห้องพยาบาล และทันทีที่เห็นเขาเข้ามา นายพจน์ก็ประคองเพชรลดาลุกขึ้น

“ไม่เป็นไรค่ะ.. เดี๋ยวให้พชร..”

พชรกลืนน้ำลาย..
ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรกันแน่ที่จะไปแทรกตรงกลาง ทั้งที่รู้ซึ้งว่าคนทั้งสองรู้สึกอย่างไรต่อกัน ..คนซึ่งเป็นพ่อแม่..
มารดาสมควรได้รับการดูแลจากชายที่เธอภักดี ..ใช่
ทว่า มันก็กระอักกระอ่วนใจเกินกว่าจะยินดีปรีดา ในเมื่อไม่กี่นาทีก่อน คนคนนั้นยังเป็นสามีของผู้หญิงอีกคนและบิดาของเด็กอีกคนอยู่แท้ๆ..
ดวงตาคมเบือนหนีไป ..ไม่รู้จะวางตัวเองไว้ที่สถานะไหน

         “พชร..”
เป็นเสียงเข้มที่เรียก พยักหน้าให้เขาเข้าไป ละแขนใหญ่ออกจากบ่าเล็กที่พยายามประคองก่อนหน้า
ร่างกำยำขยับยืนถัดจากเตียงพยาบาล ..ไม่ต้องการสร้างความลำบากใจ
พชรไม่ได้มองหน้าชายคนนั้น แต่กลับช่วยไม่ได้ที่ดันรับรู้ความเสียใจอย่างมากที่สุดที่ส่งผ่านมา

          มีเพียงความเงียบภายในรถ SUV..
สองแม่ลูกไม่ได้พูดอะไรกัน กระนั้น พชรก็มองเห็น Volvo สีขาวแล่นตามมาผ่านกระจกหลัง
และเห็นชายผู้เป็นเจ้าของรถตลอดเวลาที่มารดารอตรวจอยู่ที่โรงพยาบาล
พชรถอนหายใจ..

           กระดูกเพชรลดาไม่ได้หัก แต่เอ็นข้อเท้าขวาด้านนอกของเธออักเสบจากการหกล้ม
เธอได้รับคำแนะนำห้ามขับรถอย่างเด็ดขาด ต้องพักอย่างน้อยสองอาทิตย์
นั่งยกขาสูง นอนโดยใช้หมอนรองขาและใช้ ankle support ฟิคข้อเท้าให้ได้เกือบตลอดเวลา
พชรเดินไปรับยาที่ช่องจ่ายยา..
ยาแก้ปวด ยาป้องกันกระเพาะอาหาร ยาลดอาการอักเสบ ยาลดบวม ยานวดและ ankle support

          “คืนนี้ แม่อย่าเพิ่งกลับลำพูนเลยครับ”
พชรเดินมาทรุดนั่งลงข้างๆ “เดี๋ยวหาโรงแรมพักสักคืนก่อน นั่งรถไปเป็นชั่วโมงกว่าท่าจะไม่ดี”
เพชรลดาพยักหน้าบางๆ เงยมองลูกชาย
“แค่ส่งแม่ที่โรงแรมก็พอแล้ว..” มือกร้านวางบนมือใหญ่กว่าของลูกชาย บีบเบาๆ..
พชรไม่ได้ตอบอะไร เพียงลุกขึ้นยืนและเข็นรถพามารดาไปรอใกล้ทางลาด
ชายที่เขาหน้าตาละม้ายคล้ายมองมาด้วยสายตาห่วงใยจากบริเวณที่ไม่ไกลนัก ความรู้สึกหนักอึ้งในใจคงไม่ได้แตกต่างกัน
เรื่องราวปะทะและเปิดเผยรวดเร็ว เกินจะรับความรู้สึกต่างๆเหล่านั้นเอาไว้ได้ทัน และยิ่งไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี

         “ขอโทษนะ..”
สองแม่ลูกสะดุ้ง เมื่อจู่ๆเสียงเข้มดังขึ้นใกล้ตัว
“ผมอยาก.. ถามว่าข้อเท้าลดาเป็นยังบ้าง..”
พชรนิ่ง.. มองหน้ามารดา และคิดว่าไม่ใช่เขาที่ต้องตอบ
“ผมไปเอารถนะครับ”
มารดามองกลับมา ..และถ้ามีสัญญาณแม้เพียงนิดว่าเพชรลดาไม่ต้องการอยู่ลำพังกับนายพจน์ ..พชรจะยังไม่ไป
แต่ไม่มี..

         ร่างใหญ่คุกเข่าลง พิจารณาข้อเท้าที่บวมเป่งของคนบนรถเข็น
ดวงตาคมของเขาไม่ได้สบกับเธอ ..ได้แต่มองข้อเท้าแทน
นายพจน์ไม่เก่งในเรื่องการใช้คำพูดดีๆ ..เขาพูด ก็แต่สิ่งที่เขารู้สึก สิ่งที่เป็นจริงๆ
และสิ่งที่รู้สึกก็ไม่ควรสักนิดที่จะพูดออกไปในเวลานี้ ในเมื่อมันไม่เคยสัมพันธ์กับการกระทำ ..พูดไปก็มีแต่คนฟังจะเบ้หน้าอย่างสิ้นศรัทธา

       “ในตอนนั้น คุณทำสิ่งที่ต้องทำ..”
จู่ๆเสียงเนิบก็เอ่ยออกมา.. “ไม่ว่าจะในฐานะลูกชาย ทายาทหรือนักธุรกิจ ..ฉันก็เข้าใจ”

นัยน์ตาคมพร่ามัว..
ผู้หญิงตรงหน้ายังคงเหมือนเดิม ..ไม่ต้องการเห็นใครเป็นทุกข์ ..ใจดี ..มีเมตตา
“..ลดา”
“คุณมีเหตุผลของคุณ ..คุณระมิงค์ก็คงมีเหตุผลของคุณระมิงค์”
เพชรลดาไม่อาจตัดสินใคร..
นักธุรกิจใหญ่แห่งภาคเหนือที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า คนที่โหยหามาตลอด ..ตอนนี้เธอกลับไม่อยากได้มาไว้ข้างตัว
ไม่ใช่ไม่รัก.. แต่ชีวิตมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพาให้มันดำเนินไปในแบบที่เราอาจไม่ได้ต้องการเสียทั้งหมด ..ในแบบที่เราไม่ขอครอบครองทุกอย่างที่เราต้องการ

“ผมขอโทษ”
“ไม่เป็นไร”

พูดออกมาพร้อมๆกัน ..นายพจน์เงยหน้าขึ้นและเพชรลดาก็ก้มลง
ดวงประสาน ..บอกความรู้สึก
สำหรับคนบางคน ..สำหรับบางความรัก ..สำหรับวันเวลาที่ได้ผ่านไป การใช้ชีวิตร่วมกันอาจไม่ใช่จุดหมาย การรับรู้ว่ายังคง ‘ถูกรัก’ เท่านั้นเองที่สำคัญ..

“ฉันแค่อยากให้คุณรู้ว่าพชรเป็น ..ลูก”
หยาดน้ำอุ่นรินลงเมื่อเอ่ยคำสุดท้ายและนิ้วโป้งใหญ่ของคนบนพื้นก็ยกขึ้นปาดมันออก
“ผมรู้แล้วว่าพชรเป็น ..ลูก”

เพชรลดายิ้ม..
และเพชรลดาก็ร้องไห้..

   Mazda CX5 จอดเทียบ.. พชรลงจากรถพร้อมๆกับที่ร่างใหญ่บนพื้นค่อยๆลุกขึ้นยืน
"พ.. ขออนุญาตนะ”
นายพจน์มองคนที่ทำหน้าที่เข็นรถคันนี้ก่อนหน้า ไม่กล้าที่จะแทนตัวเองว่า 'พ่อ' เมื่อไม่เคยทำหน้าที่นั้นเลย
มือที่ใหญ่เหมือนๆกัน แต่ของคนที่หนุ่มกว่ากลับหยาบกร้านกว่ามากนัก วางลงบนมือจับรถเข็น
พชรมองสบตาชั่ววินาที..
เด็กหนุ่มไม่ตอบรับ ..ไม่ปฏิเสธ ..ไม่แสดงอาการเห็นด้วย ..และไม่มีท่าทีคัดค้าน เพียงเปิดประตูรอ

         รถ SUV ค่อนข้างสูง นายพจน์จึงอุ้มร่างเพชรลดาขึ้นและพาเธอไปนั่งบนเบาะ
เป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมายากเหลือเกินสำหรับคนทั้งคู่ที่ไม่ได้พบเจอกันมานาน
ใกล้ชิดพอๆกับที่เหินห่าง..
ดีใจพอๆกับที่เสียใจ..

        “ไปที่บ้านไหม..”
น้ำเสียงแห้งผากเอ่ยขึ้น และเพชรลดาก็ตวัดสายตามอง
“บ้านอะไรคะ..”
“ผม..”
“คุณหมายความว่ายังไง บ้าน
“ผมหมายความว่า บ้าน ..ประดิษฐาพงศ์”
นายพจน์เอ่ยแต่ละคำออกมาอย่างละอาย และเพชรลดาก็ส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คุณพจน์จะหมายความว่ายังไง ..ให้ฉันเข้าไปที่บ้านประดิษฐาพงศ์”
“หมายความว่าอะไรก็ได้..” นายพจน์ถอนหายใจ “หมายความว่าคุณเป็นภรรยา เป็นแม่ของลูก”
“คุณพจน์!” เพชรลดาไม่ชอบใช้ความรุนแรง แต่รู้สึกอยากจะตบเขาสักฉาดใหญ่ๆ
“คุณคิดว่าในสถานะของคุณ จู่ๆจะเปลี่ยนลูกเปลี่ยนภรรยานั้นเป็นเรื่องปกติอย่างนั้นหรือคะ”
นายพจน์เป็นคนดังในวงการของเขา เป็นข่าวบ่อยๆในความสำเร็จเรื่องงาน แล้วครอบครัวที่สมฐานะไม่ด่างพร้อยก็มีส่วนเกื้อหนุนในเรื่องนี้ การที่จะเกิดเรื่องเช่นที่ว่าขึ้นส่งผลต่อภาพลักษณ์และความเชื่อถือศรัทธา และนายพจน์ต้องรู้เรื่องนี้ดี
“ฟังดูไม่ใช่คุณเลย..”
“ถ้ามันจะพอชดเชยให้คุณกับลูกได้บ้าง ผมยอมทั้งนั้น”
“แล้วคุณไม่นึกถึง..”
“ผมนึก” เสียงเข้มขัด
“ระมิงค์เป็นภรรยาที่บ้านและเป็นรองประธานที่เบริษัท แต่ความจริงคือเราเป็นเพื่อนกัน”
“ม่อนแจ่ม-”   
ถ้อยคำที่เหลือชะงักเพียงริมฝีปาก
เพชรลดาไม่ได้ตั้งใจจะพูดคำนี้ ..ชื่อนี้
ดวงตาดำขลับของผู้เป็นแม่ตวัดไปมองพชรโดยอัตโนมัติ ..และสายตาของผู้เป็นพ่อก็มองตามไป

พชรยืนนิ่ง..
ใบหน้าคมก้มลงมองพื้น มือข้างหนึ่งแนบลำตัว อีกข้างจับมือจับประตูรถ
ไม่เข้าร่วมบทสนทนา ไม่สนับสนุนให้พูดต่อ ไม่ห้ามปรามให้หยุด ปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกันไป
เขาเพียงมองพื้น ..รอคอยให้มันสิ้นสุดลง
อะไรที่บิดเป็นเกลียวในช่องท้อง อะไรที่หนักอึ้งในหัวใจ ..ให้มันสิ้นสุดไปเอง

        “ออกจากโรงพยาบาลไปไม่เท่าไร จะถึงโรงแรมที่ดีที่สุดและใกล้ที่สุดในละแวกนี้ ผมจะจองห้องไว้ในชื่อคุณ”
นายพจน์หยุดพูดเรื่องอื่น สายตาว่างเปล่าแต่แฝงความทรมานใจของลูกชายทำให้เขาเห็นใจเกินกว่าจะถกประเด็นอะไรในตอนนี้
“พชร แม่มียาก่อนอาหารไหม”
..
พชรพยักหน้า มือแกร่งเอื้อมหยิบถุงยาในรถส่งให้

“มีน้ำไหม”
..
พชรพยักหน้า เดินไปหยิบมายื่นให้จากเบาะหลัง
นายพจน์แกะยาก่อนอาหารส่งให้เพชรลดา เธองุนงงเล็กน้อย ตั้งท่าจะขัด แต่เมื่อมองเห็นท่าทีลูกชายก็รีบรับไปทาน
“ผมจะสั่งอาหารไว้ให้ ถึงโรงแรม คุณจะได้ทานอาหารเลยและทานยาหลังอาหารด้วย”
นายพจน์หยุดความรู้สึกทั้งหมดที่เหลือ ..จบบทสนทนา

       พชรปิดประตูเมื่อนายพจน์ผละตัวออกมา กลับขึ้นประจำที่คนขับ
ขับรถมุ่งไปตามที่นายพจน์บอก ..ไม่รู้ทำไมต้องทำตาม แต่ก็รู้ว่าควรทำตาม มารดาต้องพักผ่อนแล้ว
เธอได้รับการอำนวยความสะดวกด้วยรถเข็นที่มารอรับเมื่อถึงโรงแรม ราวกับพนักงานทราบก่อนแล้วว่าจะมีผู้บาดเจ็บที่ข้อเท้าเข้ามาพัก
นายพจน์จัดการอะไรรวดเร็วและเพชรลดาก็นึกดีใจที่มันเป็นเช่นนั้น
แค่เข้าห้องไม่กี่นาที อาหารก็มาเสิร์ฟ..

        “พชร”
เพชรลดาจับช้อน มองดวงตาแห้งผากที่บ่งบอกความปวดร้าวและเป็นกังวลใจของลูกชาย
“แม่ทานข้าวแล้วจะรีบทานยา เห็นไหม ไม่มีอะไรต้องห่วงทั้งนั้น ลูกทำหน้าที่ของลูกดีที่สุดแล้ว ไป..”
พชรมองตามารดา และเธอก็ย้ำคำ
“ไปเถอะ..”
มือใหญ่ของพชรประนมขึ้นไหว้ลา ขาแข็งแรงก้าวยาวๆแทบจะวิ่งออกจากห้องและออกจากโรงแรม..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

        “พชร?”
เป็นเวลาดึกมากแล้ว ขณะไอดิลนั่งคุยถกประเด็นอยู่กับคนรักที่ม้านั่งริมทางเดินหอ และเอ่ยเรียกทันทีเมื่อเห็นรูมเมทร่างสูงของตนเองเดินมา
ทว่า.. ไม่มีคำตอบ พชรเดินตรงแน่วไปตามทาง หมุนลูกบิด ผลักประตูห้องสามสามแปดเปิดออก

และสิ่งที่เห็น.. ทำให้ขาชะงักนิ่ง
เครื่องนอนยังอยู่เรียบร้อย ทว่า ตำราเรียนวิศวฯไม่มีอยู่บนโต๊ะเลย
พชรละสายตา ..ภาวนาให้ไม่ใช่อย่างที่คิด
มือแกร่งดึงตู้เสื้อผ้าที่ติดสติ๊กเกอร์หมีพูห์ไว้บนบานประตูให้เปิดออก
ไม่ว่างเปล่า.. แต่ก็ไม่มีชุดนักศึกษา เขาเคยเปิดตู้นี้มาก่อนแล้ว จึงรู้ว่าเสื้อผ้าลำลองบางส่วนหายไป

ขายาวถอยหลัง หันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะหันไปทางไหนดี
ดวงตาสีเข้มหยุดมองแผ่นกระดาษรูปการ์ตูนที่แปะไว้บนฝาผนัง..จงใจให้เขาเห็นมากกว่าใครอื่น

‘กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล’

         ไอดิลและไอหมอกค่อยๆเดินเข้ามาภายในห้อง มองร่างสูงปรัชญาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
“พชร ..โอเคหรือเปล่า”
พชรไม่ตอบ
แต่กลับถาม..
“ม่อนไปไหน”
ไอดิลหันไปมองหน้าคนรัก ถอนหายใจเบาๆ ไม่แน่ใจว่าควรบอกสิ่งที่ม่อนแจ่มฝากเอาไว้เมื่อไหร่
และเมื่อไอหมอกพยักหน้าให้บางๆ  ไอดิลจึงหันกลับมามองรูมเมทตัวเอง
“คือ.. ม่อนมันว่าจะไปอยู่กับแม่ แล้ว.. มันฝากให้กูบอกมึง บอก..”
หนุ่มสิ่งแวดล้อมพยายามนึกว่าจะเริ่มต้นด้วยอะไรดี..
..
“มึงไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรู้สึกแย่  มึงไม่ได้ทำอะไรผิด”
นั่นแหละ.. คู่ซี๊เขาบอกแบบนั้น

“ไอ้ม่อนบอกว่า.. มันกับ เอ่อ.. กับแม่ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็..”
ไอดิลพยายามนึก..
ก็ว่าเขาท่องดิบดีแล้วนะ เจอท่าทางพชรทำให้ลืมเสียได้ บวกกับเขาเองก็ไม่ใคร่เข้าใจถ้อยคำนั้นนักเสียด้วย

“ม่อนบอกว่าขอบคุณ พชรเป็นคนมีน้ำใจมาก” เป็นไอหมอกที่ช่วยเสริม

“อื้ม..”
ใช่ ไอ้ม่อนพูดแบบนั้น..
ไอดิลพยักหน้า ก่อนค่อยๆเอ่ย เมื่อจำประโยคสุดท้ายได้
“ม่อนบอกว่ามันดีใจนะ ..ที่เป็นรูมเมทของพชร”

      รูมเมท
ใช่.. เขากับม่อนแจ่มเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน
มันควรจะเป็นแค่นั้น ..สิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้นมีแต่จะยิ่งทำให้ร่างเล็กรู้สึกแย่
เพราะในตอนนี้ พชรคงเป็นคนที่ม่อนแจ่มไม่อยากพบเจอที่สุด ..คนที่ทำให้เจ้าตัวสูญเสียแทบจะทุกอย่าง

ความรู้สึกมากมายที่ทั้งทับถมและถาโถมทำให้รู้สึกรับไม่ไหว
วันนี้..
ตอนนี้..
หลังจากที่หยัดยืนมาตลอด พชรปล่อยให้ขาแข็งแรงทรุดลง
นัยน์ตาพร่ามัวมองไปทางเตียงล่างฝั่งตรงข้าม..
ไม่มีเสียงสะอื้น..
ไม่มีคำพูดใดๆ..
รู้เพียงเป็นครั้งแรก.. นับแต่จำความได้.. ที่ผู้ชายพชร.. ร้องไห้..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 08-10-2016 21:59:11
        ประตูถูกผลักเปิดออก..
สวิตช์ถูกกดและไฟภายในห้องก็สว่างขึ้นฉับพลัน สาดต้องข้าวของเครื่องเรือนที่ตั้งอยู่เป็นระเบียบเรียบร้อย
เรียวขาสองคู่ก้าวเข้ามาภายใน..

        “คุณแม่ซื้อคอนโดไว้นานแล้วหรือครับ..”
ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรนัก เป็นคำถามเหมือนเพียงชวนคุยให้ไม่เงียบมากกว่า
ม่อนแจ่มวางกระเป๋าสะพายและกระเป๋าหิ้วลงบนโซฟาผ้า
ทว่า เพียงคำถามชวนคุยนั้นก็ทำให้ระมิงค์ที่หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งซีดเซียวลงไปอีก

ก็ไม่ได้ซื้อไว้นานมากหรอก..
ก็ตั้งแต่หลายเดือนก่อน ตอนที่เธอเพิ่งจะพบกับเด็กหนุ่มนาม ‘พชร’
เธอไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่เปิดเผยความจริงในเร็ววัน และเธอก็ต้องออกจากบ้านประดิษฐาพงศ์เป็นแน่แท้เมื่อนายพจน์ตระหนักว่าม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกชาย..
แต่ก็เปล่า.. เด็กหนุ่มคนนั้นไม่เคยพูดอะไรเลย ..แม้กระทั่งวันนี้ เขาก็ไม่ได้เป็นคนพูด
เพราะเขารู้จักม่อนแจ่ม เพราะเขา.. เป็นรูมเมทม่อนแจ่ม ..เท่านั้นใช่ไหม

ระมิงค์พิจมองลูกชาย..
ใบหน้าขาวจนเกือบจะซีดนั้นชื้นเหงื่อเล็กน้อย ดวงตาภายในกรอบแว่นแดงที่เป็นประกายสดใสเสมอนั้นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม เธอคงไม่อาจออกจากห้องพยาบาลนั้นมายืนอยู่ตรงนี้ ณ เวลานี้ได้ ถ้าไม่ใช่ความช่วยเหลือของคนตรงหน้า
ความรู้สึกตอนที่ม่อนแจ่มคุกเข่าลง ประคองตัวเธอขึ้นมา พาเธอเดินไป ขับรถให้เธอนั่งในวันที่แทบจะเรียกว่าเลวร้ายที่สุดในชีวิตเขา ความรู้สึกนี้.. ความเข้มแข็งนี้.. เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย..
ในวันที่ม่อนแจ่มช่างน่าชื่นชม เธอเป็นบุคคลที่น่าผิดหวังเหลือเกิน
“แม่ขอโทษ..”
พูดกี่ครั้งก็คงไม่พอ

         ร่างเล็กก้มหัวน้อยๆให้มารดา ช่วยปลดกระเป๋าถือใบเล็กมีสายสะพายของเธอลงจากบ่า
ถ้ามารดามัวเมาไม่รู้ถูกผิดก็เรื่องหนึ่ง แต่วันนี้ ท่านยอมรับความผิดและท่านก็เสียใจ มันไม่ใช่เรื่องที่ม่อนแจ่มจะไปบ่นว่าซ้ำเติม
เขานึกถึงไอดิลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อนรักถูกแม่ ‘วาง’ ไว้ที่หน้าบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ทว่า เจ้าตัวไม่เคยพูดว่าถูกทิ้งเลยสักคำ ไอดิลไม่ผูกใจเจ็บ ไม่โกรธเกลียด ไอดิลเลือกที่จะปล่อยวาง เลือกที่จะบอกว่าสิ่งที่มารดาตัวเองได้ทำลงไปนั้น ตัวเขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะตัดสินหรอก นั่นจึงทำให้เพื่อนรักเติบโตขึ้นมาอย่างโลกสวยและไร้ปม
แน่ละ.. พ่อหล่อกับพ่อน่ารักที่ไอดิลเคารพคงให้ความรัก การดูแลและอบรมสั่งสอนอย่างดี
ไอดิลมีส่วนสอนม่อนแจ่มในเรื่องนี้มาตั้งแต่คราวที่พูดคุยกันถึงเรื่องนั้น..

         ถึงแม้ครอบครัวของม่อนแจ่มจะไม่ได้เรียกว่าอบอุ่นผูกพันแน่นแฟ้นอะไรขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่เคยเอาเรื่องนี้มาเป็นปราการ
เท่าที่บิดามารดาให้กำเนิด ให้การศึกษา อุปการะดูแลให้เป็นผู้เป็นคน เขาก็ทดแทนบุญคุณไม่หมดอยู่แล้ว ท่านจะยุ่งงาน จะไม่มีเวลา จะห่างเหิน ม่อนแจ่มก็ไม่คิดเอามาโกรธเคือง ไม่เช่นนั้น เขาคงโตมาโดยไม่มีความสุข

ป้าเพ็ญพูดเสมอ ..คนเรามีหน้าที่หลากหลายต้องทำและเราก็ไม่ได้มีหน้าที่มานั่งสร้างปมปัญหาให้ตัวเอง..

          ช่วงเวลาที่บ้านประดิษฐาพงศ์นั้นสมบูรณ์พูนสุขและม่อนแจ่มก็มีแต่จะรู้สึกขอบคุณ
แม้ในวันนี้ ม่อนแจ่มจะไม่ใช่ ‘ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์’ อีกแล้ว แต่ถ้ามันแลกมากับการที่จะมี ‘พชร ประดิษฐาพงศ์’
แลกมากับการที่พชรจะได้อยู่ร่วมกับบิดาเป็นครอบครัวอย่างสมควรที่สุด เรื่องนั้น.. ม่อนแจ่มไม่มีอะไรต้องเสียใจเลย..

มันไม่เป็นไร..
มันเป็นไร เพราะมันเป็น ‘พชร’

        “ไม่ใช่ความผิดมึง”
         “อะไรที่ไม่ใช่ความผิดกู..”
         “ไม่ว่าอะไรก็ไม่ใช่ความผิดของมึงทั้งนั้น”


ประโยคนั้นก้องอยู่ในหู..
แววตาคมกล้าที่มองมาอย่างย้ำคำ ..อย่างอยากให้จดจำถ้อยคำนี้ไว้
เมื่อคืน เขาไม่ได้ตระหนักถึงความหมายของมัน ทว่า ตอนนี้ ..กระจ่างแล้ว
มันคือคำปลอบโยน.. คือการรับรู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรหากความจริงเปิดเผยก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงๆเสียอีก
พชรปลอบใจเขาเอาไว้ก่อนตั้งนานแล้ว..

         ร่างสูงก้าวเท้าเข้ามาใกล้   ใกล้.. จนหยุดยืนตรงหน้า
         แขนแข็งแรงข้างหนึ่งโอบไหล่เล็กของม่อนแจ่มเข้าหาลำตัว อีกข้างทาบเรือนผม กดเบาๆแนบอก
         ณ วันจันทร์หนึ่งที่พชรได้พบคุณพ่อ ..เมื่อม่อนแจ่มตามเจ้าตัวไปที่อ่างแก้ว
         ครั้งแรกที่พชรกอดเขา..


อ้อมกอดที่ม่อนแจ่มเคยพยายามทำความเข้าใจ ..แต่ไม่เข้าใจ
อ้อมกอดที่ม่อนแจ่มเคยนึกว่าเข้าใจ ..แต่ไม่ทั้งหมด
วันนี้เขากระจ่างแล้วทุกอย่าง..

ถ้าเป็นคนอื่น..
ถ้าลูกชายแท้จริงของคุณพ่อไม่ใช่พชร
ไม่ได้ดีกับม่อนแจ่มอย่างที่พชรเป็น ไม่ได้พยายามปกป้องม่อนแจ่มเหมือนที่พชรทำ ตัวเขาจะปวดร้าวแตกสลายแค่ไหน ม่อนแจ่มนึกไม่ออกเลย
แต่ทั้งหมดนี้.. เป็นเพราะความรู้สึกที่พชรมอบไว้ให้เขาตลอดเวลาที่ทั้งสองคนมีร่วมกัน
ความรู้สึกนั้นปกป้องม่อนแจ่มเอาไว้จากบาดแผลและความผิดหวังทั้งปวง ความรู้สึกนั้นทำให้เขายังยืนอยู่ได้ในตอนนี้โดยที่หัวใจไม่ได้ถูกทำลาย..

แต่ก็นั่นแหละ..
ดวงตาใสรื้นขึ้น ..เขาไม่สมควรได้รับทุกสิ่งเหล่านั้นเลย ..จริงไหม
หากไม่มีเขา.. หากทั้งสองไม่รู้จักกัน.. พชรคงไม่ต้อง..

         “รู้จักเพชรลดาหรือเปล่า.. พชร?”
         “ไม่.. รู้จักครับ”
..
         “แม่ผมชื่อนิภา..”


ม่อนแจ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างขมขื่นใจ
พชรควรจะได้พบกับคุณพ่ออย่างสมฐานะที่แท้จริงตั้งนานแล้ว แต่มันเป็นเพราะเขาเอง ..เขาที่ดูอ่อนแอ

          “ม่อน..” ระมิงค์ก้าวเท้าเข้ามาหาบุตรชาย คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นท่าทีเด็กหนุ่ม
“ลูกโกรธแม่มากไหม เสียใจมากหรือเปล่า แม่ขอ ..ขอโทษ”
ม่อนแจ่มส่ายหน้า บีบมือมารดาไว้
“ความผิดของคุณแม่ ม่อนไม่ใช่คนตัดสิน ม่อนเป็นลูก ..ม่อนทำหน้าที่ของม่อน”
“แม่เสียใจ ..แม่ทำผิดมาแต่ต้น” ..แม้เธอจะมีเหตุผลในตอนนั้น แต่มันก็ผิดอยู่ดี
“ตอนนี้.. คุณแม่ทำถูกแล้วครับที่พูดออกมา” ม่อนแจ่มยิ้มบางๆ
“พชรกับคุณน้าเพชรลดาจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์”
ระมิงค์มองม่อนแจ่มอย่างอยากจะเห็น.. ลูกชายที่เธอเคยคิดว่ารู้จักดี แต่ทำไม.. เหมือนตอนนี้ เธอแทบจะรู้จักน้อยมาก
“ลูกสนิทกับพชรมากหรือ..”

สนิทกับพชร..

“ม่อน..”
ม่อนแจ่มตะกุกตะกัก อ้าปากค้างไว้ หัวใจแทบจะหยุดเต้นไป ..เขาไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร
“ม่อน.. คือพชรเป็นคนดี แล้วแค่.. คุณน้าเพชรลดาก็ใจดี”
ระมิงค์ขมวดคิ้วอีกครั้ง “ม่อนเคยพบเพชรลดามาก่อนด้วยหรือ”
“ม่อน.. ครับ ..คุณน้าเพชรลดาเคยมาเยี่ยมพชร ม่อนก็เลยเคยพบ”
ระมิงค์อ้าปากค้าง ..เท่าที่ม่อนแจ่มเป็นรูมเมทพชร เธอก็นึกประหลาดใจอยู่แล้ว ไม่คิดว่าลูกชายจะถึงขนาดเคยพบอดีตคนรักของผู้มีศักดิ์เป็นบิดาก่อนหน้านี้ด้วย
“เพชรลดาคงไม่รู้จักลูก..” ระมิงค์รำพึง แต่ม่อนแจ่มยอมรับเบาๆ
“ท่านทราบครับ”
ทราบ?
ระมิงค์มองหน้าบุตรชาย ม่อนแจ่มจึงขยายความ
“ท่านถามชื่อม่อน พอม่อนบอกว่าชื่อม่อนแจ่ม ท่านก็.. ถามนามสกุล แล้ว.. ม่อนบอก.. ว่า.. ประดิษฐาพงศ์”

ระมิงค์ก้าวถอยหลังก้าวหนึ่ง..
ถ้าพชรรู้จักแสงระวี ..รู้ว่าม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกชายคุณพจน์ เพชรลดาก็ต้องรู้ด้วย
“แล้วเพชรลดาไม่ได้บอก..”
ม่อนแจ่มพยักหน้า “คุณน้าเพชรลดาไม่ได้บอกอะไรม่อนเลย”
หยาดน้ำตาอุ่นๆของเด็กหนุ่มไหลออกมาจนได้เมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้ “พชรก็ไม่บอกม่อน ..พชรบอกว่าแม่ชื่อนิภา”
“พชรบอกม่อนว่าแม่ชื่อนิภาหรือ..”
“เปล่าครับ.. พชรบอกคุณพ่อ.. คุณพจน์..”
“อะไรกัน.. พชรเคยพบคุณพจน์มาก่อนหรือ?”
ม่อนแจ่มพยักหน้า ถอดแว่น ใช้หลังมือปาดน้ำตา “ตอนท่านไปเยี่ยมม่อนที่หอ ..เขาพบกันแล้ว”
ระมิงค์งุนงง..
“แต่พชรก็ไม่บอกหรือ..”
ระมิงค์ไม่อยากจะเชื่อ..
“ครับ” ม่อนแจ่มทรุดนั่งลง
“ม่อนบอกนามสกุลพชร ..คุณพ่อเลยถามว่าพชรรู้จักคนชื่อเพชรลดาหรือเปล่า แต่พชรบอกว่าไม่รู้จัก ..พชรบอกว่าแม่ชื่อนิภา”

ไม่ใช่นิภา..
ระมิงค์ส่ายหน้า

         “คุณคงเป็น.. คุณระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์”
         “เราเป็นใคร แล้วมีธุระอะไรกับฉัน?”
         “ผม.. ชื่อพชรครับ”
         “ฉันรู้จักหรือ?”
         “ไม่หรอกครับ”
..
         “คุณแม่ผมชื่อเพชรลดา..”


‘พชร’ เด็กหนุ่มท่าทางจริงจังที่บอกว่าตัวเองไม่เคยโกหกคนนั้น..

        “เธอกับแม่เธอก็ช่วย..”
        “ช่วยอะไร..”
..
        “ผมไม่เคยโกหกเรื่องอะไรเลยในชีวิต แล้วคุณจะให้ผมเตี๊ยมกับแม่ผมโกหกเพื่อคุณหรือ เพื่อคนที่โกหกเพื่อตัวเอง โดยไม่สนใจผู้หญิงซื่อๆที่กำลังท้องน่ะหรือครับ..”


แล้วทำไม..
พชรโกหกคุณพจน์
ระมิงค์หรี่ตา.. ทรุดนั่งลงบนโซฟาผ้าเคียงลูกชาย
..ม่อนแจ่ม..

        “เธอก็ไปบอกคุณพจน์เองเลยสิ!”
         “คุณบอกลูกชายคุณก่อน!”


ระมิงค์กลืนน้ำลาย..
พชรหมายความเช่นนั้นจริงๆ
เขาต้องการให้ม่อนแจ่มรู้ก่อนนายพจน์ ..ต้องการให้เธอเป็นคนพูดกับลูกด้วยตัวเองเหมือนที่เขาลั่นวาจา
แม้นายพจน์จะยืนถามถึงเพชรลดาอยู่ตรงหน้า ..พชรก็ไม่ยอมบอก..

เด็กๆสมัยนี้เป็นแบบนี้กันหรือ.. ผู้ใหญ่อย่างระมิงค์รู้สึกอับอาย
เข้มแข็ง.. เสียสละ.. และที่เธอตระหนักชัด ..กล้าหาญปกป้องความรู้สึกของคนสำคัญ..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

        นายพจน์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ที่ล็อบบี้..
พชรหยุดยืนมองเมื่อผ่านประตูหน้าของโรงแรมเข้ามา มือขวาถือห่อกระดาษบรรจุภาพวาดไว้แนบลำตัว
ขายาวเดินเข้าไปหาชายผู้มีศักดิ์เป็นบิดา
ไป.. เพราะมีสิ่งที่ต้องให้ สิ่งที่เขาไม่อาจปล่อยไว้อย่างแตกหัก

‘ HAPPY 50th  BIRTHDAY TO MY RESPECTED FATHER ’

ตัวอักษรกลับมาอยู่รวมเป็นประโยคเพราะกระดาษห่อที่ฉีกขาดได้รับการซ่อมแซมติดสก็อตเทปกลับเข้าไปใหม่
ภาพวาดภายในเปลี่ยนกรอบใหม่แล้วเรียบร้อย  เป็นกรอบไม้ใกล้เคียงสีและแบบเดิม
พชรยื่นไปให้ชายเบื้องหน้า..

        นายพจน์ลุกขึ้นยืน มองตาลูกชายชั่วขณะ ก้มลงมองอย่างพิจารณา
คิ้วขมวดเล็กน้อยขณะนึกถึง ..สิ่งนี้ใช่ไหมที่ตกลงพื้น ทำให้เขาหันไปมองหน้าประตูห้องพยาบาลเมื่อตอนเย็น
แล้วมันคือ..

        “ของขวัญวันเกิดของคุณครับ”
พชรเอ่ยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึก ..เขาต้องนำมา ..ต้องนำมามอบให้
“กรุณา.. รับไปด้วย”

        นายพจน์คลายคิ้วที่ขมวด ก่อนค่อยๆยื่นมือรับไป
พชรไม่ได้ถอย ไม่ได้เดินหนี ไม่แม้แต่เบือนหน้าหลบ กลับยืนมองเขา ราวกับรอกำกับให้เขาแกะของขวัญที่ว่าออก
นายพจน์ชะงักไปชั่ววินาที.. มองบุตรชายอย่างอยากจะเห็น.. ก่อนค่อยๆแกะกระดาษห่อ..
และ..
สิ่งที่อยู่ภายในคือภาพวาดการ์ตูนของตัวเขาเอง ..นายพจน์ท่ามกลางกล่องของขวัญกล่องยักษ์นับสิบ

“ม่อน..” เสียงเข้มอุทานออกมา
ริมฝีปากหนายกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ดวงตาหรี่ลงอย่างนึกซึ้งในน้ำใจ
ม่อนแจ่ม.. เขาไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มผู้นั้นชัดเจนเท่าวันนี้มาก่อนเลย ..วันที่รู้ว่าไม่ใช่ลูก
ม่อนแจ่มเป็นเด็กดี เคารพและปฏิบัติตามคำสอนของเขาก็จริง แต่ลักษณะนิสัยของเจ้าตัวทำให้นายพจน์เคลือบแคลงมาเสมอว่าหนุ่มน้อยขี้กลัว ขี้โวยวาย สายติสท์จะหยัดยืนอย่างแข็งแกร่ง สมเป็นทายาท เป็นนักธุรกิจประดิษฐาพงศ์ที่ประสบความสำเร็จต่อไปได้หรือไม่

แต่สิ่งที่เห็นในวันนี้..
เด็กขี้กลัวคนนั้นกลับกล้าหาญพอที่จะไม่วิ่งหนี
กล้าหาญพอที่จะเดินเข้ามากลางสถานการณ์ที่คงไม่คาดฝัน ..สถานการณ์ที่ตนเองเป็นฝ่ายสูญเสีย
และที่ยิ่งไปกว่านั้น.. ม่อนแจ่มไม่ทอดทิ้งบุพการี เขาเป็นคนประคองมารดาที่ทั้งรู้สึกผิด เสียใจและตกใจให้ลุกขึ้นยืน

        “ลุกขึ้นเถอะครับ คุณ.. คุณลดากับลูกชาย ..และคุณพจน์ คงมีเรื่องมากมายที่จะพูดคุย ทำความเข้าใจกัน
คุณแม่ไปกับม่อน”
..
        “..ไปกับม่อนนะครับ”


จากเสียงที่ได้ยินเมื่อตอนเย็น กรอบภาพน่าจะแตกไปแล้ว ..นี่คงเป็นกรอบที่เปลี่ยนใหม่ และคนที่เปลี่ยนก็คือคนที่ก้มลงเก็บมันขึ้นมาและนำมามอบให้นายพจน์ สมความตั้งใจของคนทำในที่สุด ..ราวกับเป็นของสำคัญสำหรับเขาเหมือนกัน..

นายพจน์เงยขึ้น เอ่ยเบาๆ  “ม่อนเป็นเด็กน่ารัก ..เขาชอบวาดรูป”
แม้จะไม่สนิทสนมกับบุตรชาย ทว่างานอดิเรกที่เห็นจนชินตานี้ นายพจน์ทราบดี
แต่ก็นั่นแหละ.. เขาเองไม่ได้คิดว่าวันหนึ่งจะได้รับภาพวาดเป็นของขวัญวันเกิด ..ของขวัญทำมือ
“ครับ..” พชรตอบรับอย่างไม่จำเป็นเลย

นายพจน์มองตาเด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็บุตรชายในสายเลือด
ใบหน้าคมสัน รูปร่างสูงใหญ่ ราวกับตนเองขนาดย่อส่วน เคยเจอแค่เพียงสองครั้งในชีวิต
แต่..
นายพจน์ก้มลงมองภาพวาด แล้วเงยขึ้นพิจมองพชรอีกครั้ง
เป็นไปได้ไหม.. ที่เขาจะสามารถมองผ่านดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นไปถึงใจเด็กหนุ่มได้..
เด็กหนุ่มที่มายืนตรงนี้.. เพื่อเด็กหนุ่มอีกคน..
เด็กหนุ่มอีกคนที่เดินออกไปง่ายๆ.. เพื่อให้เด็กหนุ่มอีกคนได้ก้าวเข้ามา..

        “ไม่เป็นไร..”
        “ไม่เป็นไรเลยจริงๆ..’’


เด็กๆสมัยนี้เป็นแบบนี้กันหมดเลยหรือเปล่า ..ผู้ใหญ่อย่างนายพจน์รู้สึกอับอาย
เข้มแข็ง.. เสียสละ..  และที่เขาตระหนักชัด ..กล้าหาญปกป้องความรู้สึกของคนสำคัญ..

..ม่อนแจ่มและพชรช่างเป็นเด็กที่มีจิตใจงดงาม..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณสำหรับการติดตามเหมือนเดิมครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: followme ที่ 08-10-2016 22:23:29
ไม่ชอบคุณพจน์จริงๆให้ตายสิ!!!!!!!!

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 08-10-2016 22:24:13
เราร้องไห้ให้เรื่องนี้ เป็นครั้งแรกในตอนนี้ค่ะ Young and Beautiful
แต่ตอนที่อ่านแอบตั้งชื่อตอนเอาเองว่า Contrast and Parallel
เขียนดีมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 08-10-2016 22:27:09
เป็นผู้ใหญ่นี่น่าอับอายกับเด็กในเรื่องนี้จริงๆ

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 08-10-2016 22:41:27
ยังคงน้ำตาร่วงกราว คนที่บอกว่ายังพีคได้อีกเราว่ามันพีคแล้วนะ เพราะว่าทุกคนเตรียมใจมาแล้ว แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่ทุกคนก็ได้รับการเตรียมใจมาส่วนหนึ่ง(ยกเว้นคุณพจน์) มันดีแล้วล่ะที่เป็นแบบนี้ แต่ว่าอยากให้คุณพจน์ใส่ใจม่อนมากกว่านี้ได้ไหม คุณเลี้ยงเขามานะ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 08-10-2016 22:41:37
ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับที่หลายท่านพูดมานะ ว่าประเด็นนี้ยังเด่นได้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่อยากจะพูดซ้ำๆอีก เพราะมันผิดวิสัย แล้วก็พิจารณาดูท่าจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากโครงเรื่องสร้างมาแบบ ‘อุดมคติ’ การคาดหวังปฏิกิริยาตอบสนองตามหลักการที่คำนึงถึงความจริงน่าจะยากอยู่ และลำพังตรรกะของม่อนแจ่มเองก็ดูเป็นดุลยพินิจที่ไม่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของสังคมดีครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-10-2016 22:47:44
นั่งอ่านไปนำ้ตาคลอไปด้วย  :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 08-10-2016 23:00:06
ความเข็มแข็งของม่อน ทำให้เรื่องที่คิดว่าเลวร้ายที่สุดในชีวิตม่อน กลับมีกำลังใจที่จะอยู้และก้าวต่อ โชคดีที่ม่อนได้เป็นเพื่อนกับไอดิล ซึ่งทำให้ม่อนซึบซับข้อดีของไอดิล อย่างที่ม่อนบอกไว้ ยกความดีให้ไอดิลด้วย

เป็นกำลังใจให้ม่อน

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 08-10-2016 23:01:52
โอ้ย ร้องไห้แล้วค่ะ ถ้าเข้าใจเด็กๆดีแล้ว ก็ปล่อยให้เขาตัดสินใจกันเองนะคะ
ม่อนกับพชรเป็นเด็กดีมาก มากจริงๆ คืออ่านตอนม่อนเข้มแข็งพาแม่ออกมาทีไรก็น้ำตาซึมค่ั
น้องม่อนของพี่ คนที่เคยโวยวายเย้วๆๆ หายไปแล้ว จะกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมอีกไหม
แอคชั่นกันหน่อยค่ะผู้ใหญ่ทั้งหลาย

ขอบคุณค่ะ มารอทุกวันค่ะ คิดถึงน้องม่อน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 08-10-2016 23:02:02
เม้นท์ไม่ออก แค่อยากจะเข้ามาชื่นชมคนเขียน
แต่งได้ดีจริงๆ  ครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 08-10-2016 23:21:24
เป็นกำลังใจให้น้องม่อน แง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 08-10-2016 23:44:43
อ่านแล้วน้ำตาซึม นู๋ม่อนแจ่มเข้มแข็งไว้น๊ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 08-10-2016 23:50:57
เป็นกำลังใจให้ทุกคน ให้น้องม่อนมากกว่านิดนึง ฮือออ
อึนมาก ทำไมเขียนดีงี้
รอตอนต่อไปนะ เป็นกำลังใจเกรียนคนแต่งด้วย

ปอลิง. พึ่งเห็นชื่อตอน เพลงของ lana del ray หรือ ถ้าใช่ก็ชอบมาก
ไม่ใช่ก็ชอบอยู่ดี
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 08-10-2016 23:53:40

ร้องไห้น้ำตาไหลพรากกกกกก สะอึกสะอื้นหน้าคอม นักเขียนสุดยอดจริงๆ ค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 09-10-2016 00:08:09
เปนพ่อที่แย่มาก สงสารทั้งพชรทั้งม่อน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 09-10-2016 00:24:48
สงสารม่อนแจ่มกับพชร เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่สร้างไว้แท้ๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-10-2016 00:26:16
ทิชชูกี่ม้วนถึงจะพอ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Kimdodo ที่ 09-10-2016 00:36:39
ร้องไห้ตามม่อนมาหลายตอนแล้วนะ เด็กดีของพี่ทำไมหนูต้องเจอเรื่องแบบนี้นะ เขียนได้ดีมากๆๆเลยค่ะชื่นชม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 09-10-2016 00:49:22
น้ำตาคลอเลย หน่วงมากๆถึงมากที่สุด ฮืออออ
ม่อนแจ่ม สู้ๆนะลูก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 09-10-2016 01:28:34
 :m15:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: aornarak ที่ 09-10-2016 05:53:39
อ่านไปน้ำตาไหลพรากๆคืออะไร. ดีนะแม่ไม่อยู่บ้าน. ไม่งั้นมีตกใจอ้ะ.
สุดยอดมากค่ะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-10-2016 06:08:27
 :hao5: :hao5: :hao5:
ผู้ใหญ่สามคนนี้ช่างเก็บความรู้สึก
ความต้องการกันได้ยาวนาน มากกกก
เรื่องของพชร เปิดเผยแล้ว
แต่เรื่องของม่อนแจ่ม ยังรออยู่
รอพชร ไปตามม่อน
ม่อนคนเก่ง คนเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งได้แล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 09-10-2016 06:28:52
ใกล้จบแล้วจิ ฟืดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-10-2016 08:34:15
 :sad4: แงงงงง แค่ผ้าเช็ดหน้าคงไม่พอสำหรับเราแล้ว ขอเป็นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ๆ แทนได้มั้ย ม่อนทำไมหนูถึงได้เข้มแข็งแบบนี้ ต่อจากนี้คงเหลือเรื่องของม่อนแล้วล่ะว่าจะได้เจอพ่อแท้ๆ เมื่อไหร่ และพชรจะทำยังไงต่อไปจะตามหาม่อนมั้ยและจะบอกกับผู้ใหญ่เรื่องความสัมพันธ์ที่มีกับม่อนหรือเปล่า เราจะติดตามและเป็นกำลังใจให้นะม่อนพชร
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 09-10-2016 09:17:55
เขียนบรรยายความรู้สึกและเหตุผลได้ดีมากๆๆ
ประเด็นสำคัญอยู่ที่คุณพจน์จะทำอย่างไรกับคุณระมิงค์และม่อนต่อไป
สงสารม่อนมากกกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 09-10-2016 09:47:35
เพชร กับม่อนเข้มแข็งจริงๆ   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 09-10-2016 10:16:51
 :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 09-10-2016 10:52:48
2 ตอนล่าสุด ขอตั้งชื่อใหม่ว่า " วัดกันที่หัวใจ ใคร Strong กว่ากัน"  ทั้งม่อนแจ่ม แม่ระมิงค์ พชร แม่ลดา พ่อพจน์ (คนอ่านด้วย) หนักหน่วงกันถ้วนหน้าจริงๆ

ถ้าคนเขียนไม่ใช่ INDY-POET มันคงไม่บีบหัวใจขนาดนี้แน่ๆ ปรบมือให้ค่ะ  :katai2-1: เป็นกำลังใจให้ใน Sengped 10th นะคะรอโหวตให้ทุกๆรางวัลที่เรื่องนี้เข้าชิงเลย. สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 09-10-2016 11:18:32
ทิชชู่หมดม้วนแล้วค่าาาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-10-2016 12:25:27
เรื่องของผู้ใหญ่ แต่ย้อนกลับมาทำร้ายลูก
ม่อนน่าสงสารมาก เป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องเลย แต่น้องเข้มแข็งมากในเวลาที่จำเป็น

พชรจะทำยังไงต่อไป

พ่อพชรต้องการอะไร แม่พชรมาเพื่อลา แต่แบบนี้มันคงไม่จบที่ลา
ม่อนจะเจอพ่อไหม น้องจะเจ็บอีกไหม


หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-10-2016 14:07:57
รอลุ้นว่าเรื่องของทั้งสองคนจะลงเอยยังไง

ขอบคุณคนเขียนและเป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 09-10-2016 15:10:35
กอดพชร



กอดม่อนแจ่ม



กอดเด็กน้อยที่จิตใจเข้มแข็งทั้งคู่
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 09-10-2016 15:42:32
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 09-10-2016 15:52:28
 :katai1:

ทำไมปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เหมือนอิสองผัวเมียคู่นี้มันสลับคู่กันยังไงไม่รู้  ขอเดาว่าพ่อของม่อนแจ่ม  คือแสงระวี  ที่เคยโผล่มาหน่อยนึง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 09-10-2016 19:30:29
หน่วง มันตื้อในหัวไปหมด
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: zaads ที่ 09-10-2016 19:52:48
ทุกคนต่างมีเหตุผลที่ทำ เรื่องจะเป็นยังไงต่อเนี่ย  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 09-10-2016 19:54:09
โฮววววว ไหนๆทุกคนก็รู้เรื่องหมดแล้ว พชรตามไปง้อน้องม่อนได้แล้ว เรื่่องของผู้ใหญ่ก็ให้เค้าจัดการกันเอง
สงสารน้องม่อนที่สุด  :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 09-10-2016 20:25:54
ม่อนโคตรเก่งอ่ะ ,____,
สู้ๆนะลูก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 09-10-2016 20:35:35
เสียน้ำตาอย่างต่อเนื่องเลย  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 09-10-2016 21:03:15
ร้องไห้หนักมากกกกกก สงสารม่อนแจ่มที่สุด  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 09-10-2016 21:12:21
อ่านเรื่องนี้ทีไรน้ำตาคลอตลอดเลย ประทับใจมากๆ
บรรยายได้อารมณ์มากเลย อินสุดๆ ชอบภาษานะคะ

เศร้า สงสาร ประทับใจ ซึ้ง หน่วง ฮรืออ Q__Q
ส่งกำลังใจให้ทั้งม่อนและพชร ผ่านมันไปให้ได้นะ!
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-10-2016 09:32:59
ความผิดพลาดของผู้ใหญ่ก็ปล่อยให้เขาแก้กันไป
พชรกับม่อนรักกันต้องได้อยู่ด้วยกันเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 10-10-2016 11:24:52
เอาเถ่อะค่ะตอนนี้จะขอรังเกียจความรู้สึกในการอยู่ร่วมกันตั้งแต่เกิดของคุณพจน์กับม่อนแจ่มเป็นครั้งสุดท้าย
คือเข้าไม่ถึงตรรกะว่าเห็นเด็กคนหนึ่งที่เลี้ยงดูและเติบโตมาโดยคำว่าเป็นลูกมาตลอดนั้นแต่ในใจเพียงแค่มองเห็นว่าเด็กคนนี้เป็นคนดีแต่ลึกๆคอยระแวงอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำให้ธุรกิจที่ตนเองเคยเลือกหนทางนี้มาก่อนนั้นพัง มันไม่มีความรักความผูกพันธ์อะไรเลยที่เหมาะกับคำว่าครอบครัวให้กับเด็กคนนั้นเลย นี่ต้องเป็นคนที่เย็นชาขนาดไหนถึงทำได้
แต่ใช่เลยค่ะ ทั้งคุณระมิงค์และคุณพจน์ขี้ขลาด สู้เด็กๆไม่ได้เลยสักคน

เม้นท์ยาวๆ แบบอินมากขอบคุณคนเขียนค่ะที่เขียนได้ละมุนมากถึงจะมาแบบหน่วงในใจที่สุดกลั้นน้ำตาไม่ให้ซึมไม่ได้เลยเข้าถึงอารมณ์ได้ดีมากๆเลยค่ะ รอคอยบทต่อไปอย่างจดจ่ออยากรู้ถึงมีวิธีที่จะคลายปมนี้  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 10-10-2016 12:43:37
พูดประสาบ้านๆของป้าเลยนะว่าถ้าให้เจ็บกว่านี้ป้าก็คงเศร้ามากกว่านี้ ป้าเลยชอบใจที่ไม่เจ็บเท่าไหร่
เรื่องนี้มันคงจริงได้แค่ในอุดมคติอย่างคุณหมอบอก อันนี้ป้าก็พอจะเห็นด้วยอยู่ ชีวิตจริงๆเรื่องมันคงไม่ง่ายแบบที่เราได้อ่าน

แต่เพราะเป็นนิยายอ่ะเนาะ ป้าก็อ่านอย่างพยายามคิดตามจินตนาการของคุณคนแต่งให้ทัน
แล้วป้าก็ชอบความรู้สึกที่ได้จากการอ่านนิยายแบบที่ไม่โหดร้ายเกินไปนัก
ชีวิตจริงๆมันโหดพอโหดเกินอยู่แล้ว ถ้านิยายจะพาคนอ่านให้ได้ฝันถึงเรื่องดีๆบ้าง ก็ไม่น่าจะเป็นความผิด????

อันนี้ป้าเดาต่อเลยนะว่า เดี๋ยวแม่และม่อนคงได้เจอกันกับพ่อม่อน
แล้วทั้ง2ครอบครัวก็มีความสุขสมบูรณ์ในภายหลังในที่สุด....อวสาน^^555+

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ ยังรักผลงานของคุณคนแต่งทุกๆเรื่องเหมือนเดิมค่ะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 10-10-2016 18:47:42
เดาไม่ถูกเลยว่าเรื่องนี้จะมีทิศทางไปแบบใด
ตอนจบจะเป็นแบบไหน
เพราะทุกตัวละครต่างได้รับบาดแผลกันเยอะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 10-10-2016 19:39:53
น้ำตาร่วงกับตอน 24-25 จริง ๆ ม่อนเข้มแข็งมาก ๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 10-10-2016 20:16:56
หาคู่ให้พี่วิทเหอะ สงสารแก ไม่เคยส่งสารพระรองคนไหนเลย เพิ่งจะมาเป็นกับโกวิท  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 11-10-2016 18:55:21
พยายามไม่ให้น้ำตาไหล อินสุด ๆ แต่งได้ถึงอารมณ์มาก
อยากกอดให้กำลังใจน้องม่อนจัง
แต่กอดขอบใจคนแต่งไปก่อนแล้วกัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 11-10-2016 22:49:53
อึมครึมมมม สงสารทุกคน แต่สงสารม่อนแจ่มกับพชรมากสุด
รักพชรมากเลยค่ะ คือแบบดีงามอ่ะ ชอบมาก ฮือออออ ชอบมานานนน 5555555
ขอบคุณพชร ที่พยายามปกป้องม่อนมาถึงขนาดนี้
ขอบคุณม่อนที่มีความเข้มเเข็ง แม้ภายจะอ่อนแอหรือไม่ แต่ม่อนก็ยังสู้
ยังดีนะที่ม่อนรู้ว่าพชรพยายามปกป้องและปลอบอยู่
พวกพ่อแม่ รู้ตัวว่าผิดก็รีบทำให้อะไรๆมันดีขึ้น แก้ไขอะไรที่แก้ได้
คุณพจน์จะเอาไงต่อ ยังไม่มีความประทับใจคุณพจน์ ถึงจะรู้ว่าคุณพจน์ไม่ค่อยสนิทกับม่อน
แต่อยู่ด้วยกันมาจนถึงป่านนี้ ก็ควรแสดงความใส่ใจกับม่อนมากกว่านี้อ่ะ เฮ้อออ
หลังจากนี้ก็ขอให้ม่อนเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 11-10-2016 22:57:08
 :a5:    :m15:   :katai1: (อารมณ์ตามสติ๊กเกอร์เลย ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้......) ขอคลานเอาใจช้ำๆ ไปให้กำลังใจพชรกับน้องม่อนก่อนนะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER -ขออนุญาตลงตอนต่อไปในเดือนพฤศจิกายน ขอบคุณครับ-
เริ่มหัวข้อโดย: comai0618 ที่ 25-10-2016 21:05:16
ฮือออ น้ำตาไหลพรากกกก
กลับมาหากันเถอะนะเด็กๆ
ฮืออออออ
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER -ขออนุญาตลงตอนต่อไปในเดือนพฤศจิกายน ขอบคุณครับ-
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 25-10-2016 21:16:42
เปนกำลังใจให้คนแต่งจ้า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER -ขออนุญาตลงตอนต่อไปในเดือนพฤศจิกายน ขอบคุณครับ-
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-10-2016 01:40:58
นับวันรอ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER -ขออนุญาตลงตอนต่อไปในเดือนพฤศจิกายน ขอบคุณครับ-
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 02-11-2016 20:05:09
มาตามนัด เพราะคิดถึงพชร กับน้องม่อนผู้น่ารักแล้วค่าาาาาาาาา  :man1: :z13:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER -ขออนุญาตลงตอนต่อไปในเดือนพฤศจิกายน ขอบคุณครับ-
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 02-11-2016 21:59:19
คิดถึงนะคะนะ น้องม่อนของพี่~~~
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 02-11-2016 23:27:32
มารอให้กำลังใจคนแต่ง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-11-2016 23:40:18
 :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 02-11-2016 23:49:20
CHAPTER 26: How Adults Really Are

           “ตอนที่.. วาดอยู่ในหอสามชาย..”
เสียงเข้มเปล่งแต่ละคำออกมาช้าๆ
หวัง.. สื่อสารให้บุคคลตรงหน้าเข้าใจ

“เขาบอกว่า.. เขาไม่สนิทกับคุณพ่อของเขา เขาไม่รู้หรอกว่าท่านชอบอะไร..”
คนพูดกลืนน้ำลาย นึกถึงบุคคลในความทรงจำ ..นึกและพูดออกมาให้ครบถ้วนทุกคำ
“แล้วอีกอย่าง.. หากคุณพ่อเขาอยากได้อะไร ก็คงหามาได้ง่ายๆอยู่แล้ว”

..น้ำเสียงจริงใจที่พูด
..น้ำเสียงที่ปรารถนาให้ผู้รับมีความสุข พชรจำได้ดี

“เขาจึงอยากวาดภาพ.. อยากให้ของที่เงินซื้อไม่ได้.. ของขวัญวันเกิดของคุณพ่อเขา..”
พชรจบคำพูดยืดยาวนั้นพร้อมกับที่ก้มหน้าลง
รู้สึกเหนื่อยพอดี..
รู้สึก.. ว่าวันนี้เป็นวันที่ยาวนานจนใช้เรี่ยวแรงหมดไปเมื่อสิ้นสุดประโยคนี้พอดี

           ภาพวาดการ์ตูนในกรอบไม้สั่นน้อยๆอยู่ในมือใหญ่..
นี่คือของขวัญทำมือชิ้นแรกในชีวิตเขา ..ของขวัญวันเกิดของนายพจน์ ประดิษฐาพงศ์
ซึ่งมาจาก ..ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์..
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย..

ใช่..
ในวันเกิดม่อนแจ่ม เขาก็เคยพาเจ้าตัวไปทานอาหารร้านดีๆ
เคยให้ของขวัญ
เคย.. อวยพร
ทว่า มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งนี้  สิ่งที่ให้ด้วยใจแบบนี้  ..สิ่งที่ลูกให้กับพ่อ

‘HAPPY 50th BIRTHDAY TO MY RESPECTED FATHER’

..พ่อ..

..ลูก..


นายพจน์คิดทบทวนตนเอง..
เขาไม่เคยรักระมิงค์ ม่อนแจ่มจึงไม่ใช่ ‘พยานรัก’
บิดาต้องการทายาท นายพจน์ก็เพียงมองม่อนแจ่มเป็น ‘ทายาท’ มาตลอด
ซึ่ง.. เขาตระหนัก ณ บัดนี้ว่า.. ‘ทายาท’ กับ ‘ลูก’ นั้น ..แม้ความหมายทับซ้อน ทว่า ไม่ได้ตรงกันเสียทีเดียว
จิตใจของเขาปิดตายไปตั้งแต่วันที่ตัดสินใจแต่งงาน ..วันที่ปล่อยเพชรลดาไป
ในเมื่อเลือกงาน เขาก็ทำแต่งาน คิดแต่งาน ไม่เปิดใจรับอะไรเข้ามาอีก ขณะที่เด็กอย่างม่อนแจ่มนั้นจิตใจเปิดกว้าง
เปิดเพื่อรักและเคารพเขามาตลอด.. พยายามมาตลอดเพื่อสิ่งที่เขามุ่งหวังให้เจ้าตัวเป็น..
เขาเพิ่งรู้สึกว่าม่อนแจ่มเป็น ‘ลูก’ ก็เมื่อวันที่รู้ว่าเจ้าตัวไม่ใช่ลูก
เมื่อตอนที่ลูกแท้ๆมายืนตรงหน้า นำของขวัญวันเกิดชิ้นนี้มามอบให้สมเจตนา

นายพจน์เพิ่งเข้าใจว่าที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่แย่เกินกว่าที่เคยนึกว่าตัวเองแย่ ละเลยยิ่งกว่าที่เคยคิดว่าละเลย
เขาไม่เคยเป็นพ่อพชร แล้วนอกจากนั้น.. เขาก็ยังไม่เคยเป็นพ่อม่อนแจ่ม
..เขาไม่สมเป็นพ่อของใครเลยสักคน..

ดวงตาคมหลับลง ถอนหายใจในเรื่องราวเหล่านี้..
ก่อนจะลืมขึ้น มองเด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นลูกชาย
เขาสามารถมองผ่านดวงตาสีดำสนิทคู่นี้ไปถึงใจเด็กหนุ่มได้จริงๆใช่ไหม..
ความเจ็บปวด.. ความกังวลใจ.. ความห่วงใย.. การพยายามปกป้อง..

นายพจน์ออกจะแน่ใจว่ารู้จักสิ่งที่พชรกำลังรู้สึก
พอๆกับที่นึกสนเท่ห์ในวงล้อของโชคชะตา
เด็กสองคนที่เกี่ยวข้องอย่างไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ..ได้มารู้จักกัน ..อยู่ห้องเดียวกัน
และที่ยิ่งไปกว่านั้น..

“ม่อนจะไม่เป็นไร”
นั่นเสมือนคำมั่น..
นายพจน์ยืนยัน ม่อนแจ่มจะไม่เป็นไร

พชรเงยหน้าขึ้นมา
ดวงตาสองคู่ประสานกัน
แล้วเด็กหนุ่มก็เอ่ยได้เพียง..
“ครับ ..คุณพจน์”

..คุณพจน์..

คำเรียกนั้นเสียดแทงเข้าไปในหัวใจ
ทว่า นายพจน์ก็รู้ตัวดี ..มันสมควรอยู่แล้วทุกอย่าง..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
   
          ดูเหมือนวันนี้เป็นวันที่ยาวนาน.. กว่าที่เธอจะบอกให้ลูกชายไปอาบน้ำเตรียมตัวพักผ่อน
ประตูหนึ่งในสองห้องนอนค้างเปิดไว้ ห้องที่ระมิงค์เตรียมไว้สำหรับม่อนแจ่ม สำหรับเวลานี้ที่จะมาถึง แล้วก็มาจนได้
ร่างระหงเดินไป มองผ่านประตูที่แง้มเปิดไว้..
ม่อนแจ่มบอกว่าจะไม่ปิดประตู หากเธอมีอะไร ก็ให้เรียกเขาได้ทันที
ลูกเอ๋ย.. ระมิงค์ขอบใจเท่าไรก็ไม่พอ..

           ม่อนแจ่มอยู่ในอิริยาบถที่เธอชินตา ..นั่งวาดภาพ..
เวลาแบบนี้ ม่อนแจ่มยังวาดภาพได้ ทว่า ก็นั่นแหละนะ ..เขาอารมณ์ศิลปินมาตั้งแต่เด็กแล้ว
ตอนที่โดนเพื่อนแกล้งจนกลับบ้านทั้งร้องไห้ เจ้าตัวก็มานั่งวาดภาพเพื่อให้หายเสียใจ เธอยังจำได้เลย
คล้ายใครบางคน.. เล่นกีต้าร์ร้องเพลงได้แทบตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม.. ดวงตาที่จับอยู่ ณ ปลายดินสอนั้นมีความโศกเศร้าแฝงอยู่ไม่น้อย
ระมิงค์ก้มหน้า.. ยืนเงียบๆ จนเมื่อลูกชายลุกขึ้น รื้อกระเป๋า เอาผ้าขนหนูเตรียมไปอาบน้ำ.. เธอจึงเดินเข้าไป
อยากจะจัดข้าวจัดของให้ แม้จะเป็นเพียงกระเป๋าสองใบไม่ใหญ่นัก เธอก็อยากจะดูแลให้สมกับที่ม่อนแจ่มดูแลจิตใจเธอ

กระเป๋าวางอยู่ข้างเตียง ใกล้ๆกันนั้น ฉากตั้งก็ยังกางอยู่ ไม่ได้ถูกเก็บ
ม่อนเอ๋ย.. เดี๋ยวจะเดินชนไหมละนี่
ใช่ระมิงค์จะไม่รู้ว่าลูกชายนั้นติดจะซุ่มซ่ามมากทีเดียว
มือเรียวเลื่อนฉากตั้งไปชิดผนัง ผ้าขาวคลุมภาพเลื่อนหลุดลงมาเล็กน้อย เธอจึงเลิกมันออก ตั้งใจจะคลุมไว้ใหม่ให้เรียบร้อย

ในความสว่างจากแสงไฟ.. ลายเส้นดินสอเตะตานัก
จากที่ไม่สนใจ เพียงจะคลุมผ้า ระมิงค์กลับชะงักค้าง ผ้าขาวกำอยู่ในมือนิ่ง
มันคือภาพ Portrait ภาพหนึ่ง ซึ่งลายเส้นดินสอชัดเจนจนเธอไม่มีทางจะไม่รู้ว่าเป็นภาพเหมือนของใคร
ภาพนี้เป็นภาพของเด็กหนุ่ม.. เห็นเพียงครึ่งตัว..
แววตาเฉยชาและสีหน้าค่อนข้างเรียบเฉย..
มือใหญ่ถือหนังสือเล่มหนาเปิดค้างไว้..
ก้มน้อยๆอย่างกำลังอ่าน..
หนังสือซึ่งบนหน้าปกบ่งว่า ‘ปรัชญา’

          “พชรเป็นรูมเมทม่อน..”

ระมิงค์กลืนน้ำลายลงคอ
‘รูมเมท’ หมายความว่าอย่างไร เธอเข้าใจดี
ทว่า น้ำเสียงและแววตาของลูกชายตอนที่พูด ไม่ได้สื่อว่าเขาหมายความเพียงแค่นั้นเลย
นี่ไม่ใช่ข้อพิสูจน์เดียว แต่มันคือหลักฐานที่จับต้องได้..
 
รวมเข้ากับทุกอย่างที่ระมิงค์ได้สัมผัสและรับรู้เพียงชั่วไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ..เธอคงพูดไม่ได้เต็มปากว่าแปลกใจ
เธอเองก็รู้จักความรู้สึกแบบนี้.. แต่นี่มันเป็นไปได้อย่างไรหนอ ..เด็กหนุ่มสองคนนี้..

           “เธอก็ไปบอกคุณพจน์เองเลยสิ!”
           “คุณบอกลูกชายคุณก่อน!”


           “ไม่เป็นไร ผมจะไป แค่..”
..
         “ดูแลครอบครัวของคุณให้ดี ..ดีที่สุด”

“พชรเป็นรูมเมทม่อน..”


แล้ว.. เธอจะทำอะไรได้บ้างไหม?
จะทำไม่รู้ไม่ชี้ เพิกเฉยกับสิ่งนี้อีกหรือ..
หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เด็กทั้งสองคนหยัดยืนมา
จะทำลงได้ยังไงกัน..

         ระมิงค์ขยับฉากตั้งกลับที่เดิม เดินออกมาเสียจากห้อง มือเรียวกดโทรศัพท์..
หมายเลขของคนที่อยู่ด้วยกันมาสิบเก้าปี  แต่โทรหากันน้อยครั้งนัก

..สายไม่ว่าง..

เธอใจสั่นระรัว มีความยำเกรงแฝงอยู่ในใจ อย่างไรระมิงค์ก็ทำผิดต่อเขา ต่อภรรยาเขา ต่อลูกเขา
เธอคิด.. ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี คิดว่าเขาจะตอบกลับมาอย่างไร
แต่ก็นั่นแหละ เธอต้องกล้าหาญไม่ใช่หรือ?
ม่อนแจ่มบอกว่าความเข้มแข็งและกล้าหาญเป็นคุณสมบัติที่คนเราควรต้องมี

ลูกเธอยังกล้า.. พชรก็กล้า..
แม้แต่เพชรลดา ยังกล้าที่จะปกป้องความรู้สึกลูกตัวเอง โดยเว้นจากการหักหาญจิตใจลูกของคนที่ทำร้ายเธอเลย
แล้วระมิงค์.. จะกล้าบ้างไม่ได้เชียวหรือ?

นอกเหนือจากนั้น มันไม่ใช่แค่เรื่องว่ากล้าหาญหรือไม่..
มันคือ.. การเลือกปกป้องความรู้สึกของม่อนแจ่ม ..ไม่ใช่ของตัวเธอ
สิ่งที่คนเป็นแม่ที่ไหนเขาก็ทำกัน..

ระมิงค์กดโทรออกอีกครั้ง
ทว่า สายก็ยังไม่ว่าง แล้วทันทีที่กดวาง เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น

“คุณพจน์..”
ระมิงค์หลุดอุทาน เหตุใดทั้งสองจึงโทรหากันในเวลาเดียวกันเช่นนี้ได้?

นิ้วโป้งปาดสัญลักษณ์สีเขียวเพื่อรับสาย ..คลายความสงสัยทั้งมวลเสีย
อะไรที่คุณพจน์จะพูดกับเธอ
ตำหนิ.. ให้เธอไปเก็บข้าวของ.. ปลดเธอออกจากรองประธาน?

           “ม่อนอยู่ที่ไหนหรือ ระมิงค์”
นั่นคือคำถามที่ส่งมาตามสาย
“ท..ทำไมคะ” ระมิงค์เสียงสั่น
“คุณจะตำหนิ จะว่าอะไร ..ก็ว่ากับฉันเถอะ ม่อนไม่เกี่ยว เขาเกิดมาไม่รู้เรื่องอะไร”
เหมือนว่าปลายสายจะถอนหายใจยืดยาว หลังจากเงียบไปหลายวินาที
“เวลาหาคนผิด.. มันได้ผ่านมา ..และผ่านไปแล้ว ระมิงค์” เสียงเข้มทอดถอนใจ
“ผมอยากพบม่อน อยากบอกลูกว่าไม่เป็นไร อยากบอก.. ให้ลูกไม่ต้องกังวล ผมยังเป็นพ่อและประดิษฐาพงศ์ก็จะยังเป็นบ้านม่อนด้วยเหมือนกัน”
“คุณพจน์..” เสียงเนิบทวนชื่อปลายสาย

ระมิงค์ไม่คาดคิดว่าเธอจะได้ยินสิ่งนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอรู้.. เธอเห็น..
นายพจน์ยังคงรักเพชรลดา.. เขากับเธอเป็นเพียงเพื่อนร่วมชีวิต..
นายพจน์ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างไปกับการทำงานหนัก และเธอก็ทำเช่นเดียวกัน
แม้ว่าม่อนแจ่มจะถูกดึงเข้ามามีส่วนร่วมในงาน แม้ว่านายพจน์จะให้ความสำคัญกับม่อนแจ่ม แต่ก็ในแง่ของทายาท
ส่วนสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกนั้นเปราะบางเหลือเกิน และระมิงค์เองนี่แหละ ที่ไม่ได้พยายามทำให้มันเข้มแข็งขึ้นแต่อย่างใด
เธอเองก็มีส่วนในเรื่องนี้..

ถ้าเธอกับคุณพจน์พยายามมากกว่านี้.. ม่อนแจ่มก็คงอบอุ่นมากกว่านี้..
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเป็นเด็กคิดดีได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ
ระมิงค์ตระหนัก.. เห็นทีเธอคงต้องขออนุญาตกลับไปบ้านประดิษฐาพงศ์
มีบุคคลหนึ่งที่ต้องไม่ลืม ..เธออยากจะก้มลงกราบเพ็ญมาศสักครั้งหนึ่งให้สมกับที่ผู้อาวุโสสุดในบ้านดูแลอบรมม่อนแจ่มเรื่อยมา
ระมิงค์รู้สึกว่าตัวเองติดหนี้ใครหลายคนเหลือเกิน และที่สำคัญ..
“ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณด้วยค่ะ..”
“ว่ามาสิ”
“ตอนนี้ เพชรลดาอยู่ที่ไหนคะ..”
   
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
   
          “ขอบใจมาก บุญส่ง”
คืนนี้คงเป็นคืนแห่งการเดินทางสำหรับนายพจน์ ทว่า เขาก็ไม่อาจปล่อยเวลาให้นานกว่านี้ได้
ม่อนแจ่มอาจกำลังเสียใจ และที่จริง เขาก็ช้าเกินไปด้วยซ้ำ

ร่างกำยำกดลิฟต์ขึ้นไปตามชั้น และหยุดหน้าห้องที่ระมิงค์บอก
ประตูเปิดออกและเขาก็มองเห็นหญิงผู้มีศักดิ์เป็นภรรยาอย่างที่คาด ก่อนที่จะตามด้วยดวงตาที่เบิ่งค้างอย่างไม่เข้าใจ
ศีรษะเล็กปรกด้วยผมลู่เปียกน้ำ วิ่งออกมาจากห้องอย่างงุนงงสงสัยว่าใครมาเยือน

         “คุณพ่อ!” เสียงเล็กหลุดอุทาน ก่อนที่จะตระหนักได้และเปลี่ยนคำ
“ม่อนหมายถึง.. คุณพจน์”
ดวงตาสองคู่ประสานกัน และหัวใจนายพจน์ก็ดิ่งวูบอีกครั้งกับคำคำเดิม แม้จะต่างน้ำเสียง

..คุณพจน์..

          ใบหน้าคมที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งละม้ายคล้ายทำให้ม่อนแจ่มต้องหลบสายตา
ร่างใหญ่ขยับมายืนตรงหน้า ภาพวาดในกรอบไม้อยู่ในมือ
“พ่อ..” ยิ่งแทนตัวด้วยคำนี้ก็ยิ่งเจ็บปวดในใจ ในเมื่อคนพูดรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับมันสักนิด
“พ่อมาขอบใจม่อน ..สำหรับของขวัญ”

ของขวัญ?
ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว มองของในมือนายพจน์

ต้องยอมรับว่า.. เขาลืมนึกถึงสิ่งนี้ไปเลย
ลืมไปแล้วว่าไปที่บริษัททำไม ..ลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณพ่อและเขาจะเอาของขวัญไปให้
แต่เดี๋ยว.. เขาทำมันตกนี่นา ..ใช่ไหม?
แล้วมันมาอยู่เรียบร้อยไม่มีส่วนใดแตกหักในมือท่านตอนนี้ได้อย่างไรกันล่ะ

เหมือนจะเดาได้จากสีหน้า..
นายพจน์จึงยิ้มอย่างเมตตา ตอบให้คลายสงสัย
“พชรเอาไปเข้ากรอบใหม่ และนำมามอบให้พ่อ”

พชร..
พชรอีกแล้วหรือ..

“ขอบใจนะลูก”
มือใหญ่อีกข้างค่อยๆยกขึ้นลูบหัวเล็กเบาๆ นึกเอ็นดูเด็กหนุ่มขึ้นมาจับใจ

           กิริยาที่ไม่คุ้นชินทำให้ดวงตาใสในกรอบแว่นเบิ่งกว้างขึ้น
คุณพ่อลูบหัวเขา
แต่ว่า.. เดี๋ยวนะ..
“ม่อน.. ม่อนไม่ใช่ลูกนะครับ”
“ม่อนเป็น” นายพจน์ยืนยันหนักแน่น “และพ่ออยากขอโทษม่อนด้วย..”
“ขอโทษอะไรครับ” ม่อนแจ่มฉงน ท่านไม่มีอะไรจะต้องขอโทษเขาเลยนี่นา..
“พ่อไม่ได้พูดอะไรกับม่อนเลย” เสียงเข้มค่อยๆเอ่ย
“พ่อ.. มัวแต่นึกถึงความรู้สึกตัวเอง จนลืมนึกถึงความรู้สึกของม่อนที่อยู่กับพ่อมาตั้งแต่เกิด ม่อนจะตกใจ เสียใจแค่ไหน พ่อก็ไม่ได้รีบถามไถ่เลย”
“โธ่.. คุณพ่อครับ!” ม่อนแจ่มยื่นมือไปสัมผัสท่อนแขนนายพจน์อย่างเกรงๆ ลืมตัวเรียกขานบุคคลตรงหน้าด้วยคำเดิม
“คุณพ่อรู้เรื่องทั้งหมดนี้ปุปปับ คงตกใจเป็นธรรมดา ความรู้สึกของคุณพ่อก็คือความรู้สึกที่นึกถึงพชรกับคุณน้าเพชรลดา คุณพ่อเสียใจ  คุณพ่อรู้สึกผิด ขนาดม่อน ม่อนยังรู้สึก แล้วคุณพ่อจะไม่รู้สึกได้ยังไงล่ะครับ คุณพ่อก็เลยลืมอย่างอื่นไป”
“แต่ม่อนไม่เคยลืมพ่อ..” นายพจน์หัวเราะตัวเอง มองภาพวาดในมืออีกครั้ง ม่อนแจ่มก็มองด้วย
“ม่อนรักและเคารพคุณพ่อเสมอนะครับ คุณพ่อไม่รังเกียจม่อน ไม่ว่ากล่าวคุณแม่ ม่อนก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว ไหนจะที่คุณพ่อเมตตาม่อนมาตลอดอีก”

หึ..
นายพจน์ถอนหายใจ
“พ่อไม่เคยสร้างความผูกพันอะไรกับม่อนเลย”

ไม่ถึงขนาดนั้นเสียหน่อย..
“คุณพ่อพาม่อนไปเลี้ยงวันเกิดทุกปี จำได้ไหมครับ”

ใช่.. นายพจน์รู้ ..ปีละครั้ง

“คุณพ่อพาม่อนไปเที่ยวบริษัทเสมอ”

ใช่.. นายพจน์พยักหน้า ..พาไปเรียนรู้งาน

“คุณพ่อถามไถ่สารทุกข์สุขดิบม่อนหลายครั้ง”

ใช่.. นายพจน์เห็นด้วย ..แต่ละครั้งแทบจะนับประโยคได้เลยทีเดียว

“แล้วตอนม่อนสอบได้วิศวฯเครื่องกล คุณพ่อก็ให้นาฬิกาม่อน ม่อนชอบมากนะครับ ม่อนใส่..”
กึก..
ม่อนแจ่มชะงักคำพูดเมื่อตระหนักว่านาฬิกาไม่ได้อยู่บนข้อมือ
“คือปกติ ม่อนใส่ทุกวันนะครับ แต่วันก่อนม่อนถอดวางไว้บนโต๊ะ เพื่อ..”

เพื่อให้คนไม่มีนาฬิกาตื่นมาแล้วรู้เวลา..

“แล้วคือ.. ม่อนยุ่ง มีเรื่องอะไรเข้ามา ม่อนไม่ได้ใส่คืน แต่จริงๆม่อนใส่ตลอด ม่อนชอบครับ ขอบคุณครับ”

นายพจน์ถอนหายใจอีกครั้ง ยอมรับอย่างขำๆระคนเศร้าใจ
“พ่อให้รวิดาเลือกให้ ไม่ได้เลือกเองหรอกลูก”

ม่อนแจ่มเกือบจะขำ
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคุณพ่อไม่มีเวลามานั่งเลือกนาฬิกาให้เขาหรอก แต่ก็นั่นแหละ แค่ท่านมีกะใจจะมอบให้เขานี่ก็ดีมากแล้ว จะให้ใครเลือกให้ มันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการที่นึกจะให้นี่นา
“แค่นั้นก็ดีมากแล้ว ม่อนพูดจริงๆนะครับ ม่อนรู้ว่าคุณพ่อยุ่งแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหนทุกๆวัน”

ให้ตายเถอะ..
นายพจน์มองเด็กหนุ่มตรงหน้า มือที่วางบนศีรษะประทับลงน้ำหนักมากขึ้นอีก
“เรานี่นะ.. เป็นคนแบบนี้เลยเหรอ..” เสียงเข้มรำพึงอย่างแปลกใจระคนซาบซึ้ง
“แต่ก็มิน่าล่ะนะ.. ใครๆถึงได้รักม่อนกันทั้งนั้น”

เป็นคนแบบไหน.. ม่อนแจ่มไม่ค่อยแน่ใจในความหมาย
แล้วใครๆที่ว่า ม่อนแจ่มก็ไม่กล้าถามหรอก ว่ากินความรวมถึงใครบ้าง
เขาไม่กล้าคิด..
ไม่กล้ารับความรู้สึกนั้นเอาไว้..

“ขอบคุณครับคุณพ่อ ขอบคุณที่มา..” ม่อนแจ่มเอ่ยอีกครั้ง “แล้วม่อน ม่อนจะรีบไปเก็บของครับ”
“เก็บของอะไร?” นายพจน์เลิกคิ้ว
“ก็.. ของที่บ้าน”
บ้านประดิษฐาพงศ์..

นายพจน์กลืนน้ำลาย
“ม่อนไม่อยากอยู่บ้านประดิษฐาพงศ์แล้วหรือลูก”

บ้านประดิษฐาพงศ์เป็นบ้านที่รู้จักมาตั้งแต่เด็ก เป็นร่มไม้ชายคาของม่อนแจ่ม
ถ้าบอกว่าไม่อยากอยู่.. ไม่รัก.. ไม่ผูกพัน.. นั่นก็คือคำโกหก..
ห้องที่เคยนอนพักผ่อน โต๊ะกินข้าวที่เคยนั่ง สวนที่เคยวาดภาพ ป้าเพ็ญผู้กรุณา ..ทุกอย่างมีความหมายในแง่ความรู้สึก
แต่.. ทั้งหมดนั้นตัดได้ ..ถ้าเพื่อให้บุคคลที่มีสิทธิ์แท้จริงได้ไปอยู่อาศัยสมฐานะ

“ม่อนขอบคุณที่คุณพ่อเมตตาม่อน แต่ว่า.. พชรต่างหากนะครับที่ควรไปอยู่ ไม่ใช่ม่อน”

ใช่.. นายพจน์ยินดีหากพชรจะมาอยู่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไล่ม่อนแจ่มไปไหน
ตอนที่เอ่ยชวนเพชรลดาไปที่บ้าน เขาเพียงอยากให้เธอมีที่พักพิง อยากให้เธอรู้ว่าเขายินดียิ่งที่จะต้อนรับเธอ
มือใหญ่ยกขึ้นกุมขมับ เหมือนไม่รู้จะจัดการอะไรให้ลงตัวได้อย่างไร
นั่นก็ลูกที่แท้จริง นี่แม้ไม่ใช่ลูก แต่ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

“คุณพ่อปวดหัวหรือครับ” ม่อนแจ่มขยับเข้าใกล้
นายพจน์ยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร” น้อยไปด้วยซ้ำ..
เสียงเข้มที่คล้ายคลึงของตัวเองยังดังชัดอยู่ในใจ

          “คุณพจน์..”

“คุณพ่อพบพชรแล้วนะครับ”
ม่อนแจ่มค่อยๆเอ่ยย้ำ แน่ละ.. ท่านเคยพบพชรมาก่อนแล้ว แต่นั่นมันในฐานะของรูมเมทลูก
แต่ที่ม่อนแจ่มหมายถึงคือ.. พบในฐานะลูกชายของตัวเอง

นายพจน์พยักหน้า ดวงตานั้นแฝงความทุกข์อย่างที่ม่อนแจ่มพอรู้ว่าท่านจะต้องเจอสถานการณ์ใด
เพราะขนาดตอนม่อนแจ่มจะพาไปพบคุณพ่อ พชรยังแข็งขืน ยิ่งจะให้ศึกษาธุรกิจของคุณพ่อ พชรก็ไม่ต้องการเลย
พชรไม่ได้ยอมรับนับถือคุณพ่อเหมือนกับเขา ..ซึ่งตรงนี้ ม่อนแจ่มว่าเข้าใจได้และต้องใช้เวลา

“พชรเขาท่าทีอย่างนั้นเองแหละครับ” ม่อนแจ่มยืนยัน
“ดูเหมือนเฉยๆ ดูเหมือนใจแข็ง ดูเหมือนไม่สนใจ เขาไม่ค่อยพูด แต่ที่จริง.. พชรใจดีครับ มีน้ำใจ แล้วก็มีเมตตามาก ม่อนเชื่อว่าพชรต้องยอมรับคุณพ่อได้ในสักวัน คุณพ่อต้องสู้นะครับ ขนาดม่อน ม่อนยังสู้เลย ตอนแรกพชรก็ไม่ชอบม่อน ตอนนี้..”

กึก..
ม่อนแจ่มชะงักคำพูดอีกครั้ง ปากอ้าค้างไว้..

“ตอนนี้..” นายพจน์ทวน มองหนุ่มน้อยซึ่งหลบสายตา “ตอนนี้เป็นยังไงหรือม่อน?”
“ต..ตอนนี้..” ม่อนแจ่มตะกุกตะกัก
“ตอนนี้ คือ.. พชรก็ไม่ได้ ..ไม่ได้ไม่ชอบม่อนแล้วน่ะครับ”

‘ไม่ได้ไม่ชอบ’
นายพจน์คิดว่านั่นมันห่างไกลความจริงอยู่อักโข
เขาเผลอหันไปสบตากับระมิงค์อย่างไม่ตั้งใจ
เป็นผู้ใหญ่.. ความรู้สึกเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะไม่รู้

เด็กทั้งสองเป็นผู้ชาย..
ทว่า ทำไมนะ นายพจน์ถึงไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจในคนทั้งคู่
นายพจน์ไม่อยากจะคิดเลย ว่าถ้าเด็กสองคนนี้ไม่ได้รู้สึกต่อกันอย่างที่พวกเขากำลังเป็นอยู่ เรื่องมันจะวินาศสันตะโรแค่ไหน
ถ้าไม่มีใครยอม.. ถ้าไม่มีใครเสียสละ.. เรื่องมันจะเป็นยังไง
ที่เขายังมานั่งพูดคุยอยู่กับม่อนแจ่มตรงนี้ได้ ก็เพราะพชรพยายามให้มันเป็น พยายามให้นายพจน์เห็นว่าต้องให้ความสำคัญกับม่อนแจ่มมากมายเพียงใด แม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นลูกแท้ๆของเขาก็ตาม
แม้ว่าจะอยุติธรรมสำหรับชีวิตเขาแค่ไหนตลอดเวลาที่ผ่านมา ..พชรไม่ต้องการมาแทนที่ ไม่ต้องการผลักไสม่อนแจ่มออกไป

“คุณพ่อพาพชรไปอยู่บ้านนะครับ ดูแลพชรให้ดี อย่าให้ม่อนไปเลย ม่อนไปไม่ได้หรอกครับ พชรจะคิดยังไง”
“ไม่ใช่ว่าม่อนรู้ดีกว่าพ่อหรอกหรือ ..ว่าพชรคิดยังไง”
นายพจน์ถามเพียงแค่นั้น..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 02-11-2016 23:50:10
         “ดอกลิลลี่สีขาวค่ะ”
ระมิงค์ยืนอยู่ในร้านดอกไม้ใหญ่ ระบุช่อดอกไม้ที่เธอต้องการให้ทางร้านจัด
ไม่รู้สินะ.. ทำไมเธอถึงคิดว่าควรจะมาซื้อดอกไม้..
มันอาจไม่ช่วยอะไร ไม่อาจทดแทนสิ่งใด แต่ถ้าดอกลิลลี่สีขาวเป็นดอกไม้แสดงความขอโทษ เธอก็อยากจะนำมันไป
อีกประการหนึ่ง.. ดอกลิลลี่สีขาวก็เหมาะกับผู้หญิงหน้าตางดงาม จิตใจดีบริสุทธิ์ผู้ซึ่งเธอจะนำไปมอบให้ทุกประการ

          เธอเข้ามาภายในล็อบบี้โรงแรมและเห็นนายพจน์อยู่ที่นั่นแล้ว
หรือที่จริง.. ดูเหมือนเขาไม่ได้ไปไหนเลยหลังออกจากคอนโด ..ชุดเดิมที่เห็นเมื่อคืนและชุดเดียวกับเมื่อวาน
เธอมองดวงตาอิดโรยของร่างกำยำที่พบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างนึกเห็นใจ

           “คุณพจน์..” ระมิงค์เดินเข้าไปใกล้
ร้อนหนาวที่ผ่านพ้น ความขอบคุณและความขอโทษที่แสดงต่อกันฉายชัดในดวงตา ..สองคนคุ้นเคยพยักหน้าให้กัน
“นั่งสิ” เสียงเข้มเชิญชวน และระมิงค์ก็นั่งลงข้างๆ
“ฉันกล่าวขอโทษกี่คำก็คงไม่พอ..”

นายพจน์นิ่งเงียบไปหลายอึดใจ..
“ถ้าจะขอโทษใครสักคน ..ก็ขอโทษลดาเถอะ”
นายพจน์เองก็เช่นเดียวกัน.. กล่าวขอโทษกี่คำก็ไม่อาจพอ

“เพชรลดากับพชรควรไปอยู่ที่บ้านประดิษฐาพงศ์..” ระมิงค์เอ่ยค่อยๆ นึกเอ็นดูลูกชายขึ้นมา แต่ก็ข่มไว้
“ทำไมคุณพจน์ไม่ให้เธอกับลูกไปที่บ้านคะ ทำไมถึงให้มาพักโรงแรมแบบนี้”
นายพจน์หลับตาลงอีกครั้งอย่างปวดใจ
“ผมบอกแล้ว..”
“แล้วเพชรลดาว่ายังไงคะ..”

ดวงตาสองคู่ประสานกัน แล้วทั้งคนถามและคนถูกถามก็รู้คำตอบ
เพชรลดาเป็นคนเข้มแข็ง
เพชรลดาแกร่งพอจะเดินจากไปทั้งที่ตั้งครรภ์
เพชรลดาสามารถเลี้ยงดูลูกชายมาได้เพียงลำพัง ซ้ำยังเลี้ยงได้ดีเสียด้วย
ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เพชรลดาอยากจะไปบ้านประดิษฐาพงศ์

“เพชรลดาควรได้อยู่ที่นั่นมาแต่ต้น..” ระมิงค์เอ่ยค่อยๆ
“ไม่ใช่ความผิดคุณคนเดียว” นายพจน์ส่ายหน้า
บิดามารดาไม่เห็นชอบกับการคบหาของทั้งสองและนายพจน์ก็ไม่แกร่งพอเอง ..เพชรลดาไม่ได้รับการต้อนรับเมื่อเขาพาเธอเข้าบ้านในครานั้น ..และครานี้ เขาเองก็เพียงอยากให้เธอรู้ว่าเธอและลูกจะได้รับการต้อนรับ มันจะเป็นที่พักพิงของเธอกับลูก
แต่แน่นอนล่ะ นายพจน์รู้ตั้งแต่แรกว่าเธอจะไม่ไป อย่างไรเสีย.. ได้บอก ได้ชวน เขาก็ยังดีใจ..
“ลดาเป็นห่วงคุณกับม่อนมากนะ”

            ใบหน้าเรียวก้มลง นึกสะท้อนใจ ..เพชรลดาเป็นคนดี เธอสิ ..ทำได้ลงคอ
“ฉัน..” ระมิงค์ไม่รู้จะพูดอะไร
“ขอบคุณในความกรุณาค่ะ และฉัน.. ฉันขอโทษอีกครั้งจริงๆ”
“อย่าขอโทษผมเลย” นายพจน์มองเธอ “ขอโทษลดานะ ระมิงค์”

ระมิงค์ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้เธอจะมีวันขอโทษเพชรลดา ทว่า นี่มันก็ไม่ใช่อะไรที่เธอคาดเช่นกัน
เธอไม่ได้คาด.. ว่าลูกชายของเพชรลดาจะรู้จักกับลูกชายของเธอ
ไม่ได้คาด.. ว่าลูกชายของเพชรลดานั่นแหละที่พยายามปกป้องลูกชายเธอมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้
ไม่ได้คาด.. ว่าเพชรลดาเองก็เคยพบลูกชายของเธอ แต่กลับไม่พูดอะไร ไม่หักหาญจิตใจเลย
และที่สำคัญที่สุด.. การทำเช่นนี้ของเธอจะช่วยเหลือจิตใจลูกชายเธอเองด้วย

          “ทนนั่งรถนิดนะครับ กลับบ้าน อย่างน้อยก็อากาศดี  ป้าอิ่มดูแลแม่ได้”
เสียงเข้มแว่วมา.. ระมิงค์หันไปมองต้นเสียง
แล้วก็เป็นพชรนั่นเองที่เข็นรถมารดาออกมาจากลิฟต์
ร่างระหงลุกขึ้นยืน กลืนน้ำลายอย่างสรรหาคำพูด ..เธอลืมไปแล้วว่าจะพูดอะไร
ก็เหมือนที่เห็น ณ ห้องพยาบาลเมื่อเย็นวาน.. ผู้หญิงตรงหน้าแทบไม่ต่างจากเด็กสาววัยยี่สิบสองที่เธอเคยพูดจาทำร้ายจิตใจเมื่อสิบเก้าปีที่แล้วเลย

          เพชรลดาอ้าปากค้างน้อยๆ..
นายพจน์อยู่ที่ล็อบบี้.. นั่นไม่ได้ทำให้แปลกใจ
เพราะก็นายพจน์เองนั่นแหละที่เป็นคนให้พนักงานนำเสื้อผ้า เครื่องใช้ส่วนตัวไปมอบให้เธอ
แม้พนักงานไม่ได้ระบุว่ามาจากใคร แต่เธอก็รู้ดีว่าเป็นเขา
ทว่า เธอไม่ได้คาดว่าจะพบ ..ระมิงค์
ใช่.. เมื่อวานเธอก็ได้พบแล้ว แต่วันนี้ล่ะ..  ระมิงค์มาที่นี่ทำไมกัน?

          ร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นลูกชายละจากมือจับรถเข็นมายืนขวางไว้เมื่อระมิงค์เยื้องกรายเข้ามาใกล้มารดา แสดงอวัจนภาษาว่าจะปกป้องคนเบื้องหลัง
แต่.. ระมิงค์ยกช่อดอกไม้ขึ้น
ดอกลิลลี่สีขาวในช่อที่จัดอย่างดีถูกยื่นมาเบื้องหน้าพชร
ดวงตาคมประสานกับดวงตาเป็นประกาย ..ดวงตาที่คล้ายคลึงของบุตรชาย
พชรมองดวงตาคู่นั้น ..ความคิดคำนึง ความโหยหาบางประการบิดขมวดอยู่ในช่องท้อง
เขาคุ้นเคยกับดวงตาคล้ายๆกับแบบนี้ มันมองเห็นประกายในนั้นได้ชัดเจนแม้อยู่ภายใต้กรอบแว่นสีแดง..

         “ฉัน.. ฉันมา..”
..
“ขอโทษ”

พชรชะงักนิ่ง..
‘ขอโทษ’ สิ่งที่ระมิงค์ติดค้างมารดาของเขา
คำขอโทษนี่อย่างไรที่ต้องการ..
แล้วตอนนี้.. คนทั้งคู่ก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว
ร่างสูงหันมองมารดา และเมื่อเธอพยักหน้า เด็กหนุ่มจึงละจากหน้ารถเข็น หลบมายืนเคียง หน้าเข้มก้มน้อยๆ

        เพชรลดาพิจมองช่อดอกลิลลี่ ก่อนจะเงยขึ้นสบตาระมิงค์
แววตานี้.. ของคนที่..

       “ฉันท้องกับคุณพจน์”
       “ไม่จริง..”
       “ฉันบอกแล้วไงว่างานแต่งงานถูกตระเตรียมไว้หมดแล้ว เธอคิดว่าคุณพจน์จะยอมแต่งหรือ ถ้าฉันไม่ได้ท้องกับเขาจริง..”
..
       “เธอลองคิดดู..
ใครที่จะเป็นภรรยาอย่างเต็มภาคภูมิของคุณพจน์ได้ดีกว่ากัน คนที่จะช่วยเกื้อหนุนธุรกิจของเขา เป็นหน้าเป็นตาให้เขา เธอ ..หรือฉัน”

   
“ฉันขอโทษ..”
..
เพชรลดารับฟังถ้อยคำนั้น
ต้องยอมรับ.. ว่าเธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมีวันได้ยิน
ดวงตาคู่งามเบื้องหน้ามีน้ำตาคลอหน่วย ..แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเธอ
มันคงจะง่ายกว่าถ้าเพชรลดาจะเพียงนิ่งเฉยอยู่ตรงนี้ ..ไม่ตอบรับ ..ไม่ปฏิเสธ ปล่อยให้สตรีเบื้องหน้าจมอยู่ในความรู้สึกผิดไปจนวันสุดท้าย สมกับความลำบากที่เธอประสบมาในช่วงเวลายากเย็นของชีวิต

อย่างไรก็ตาม.. ทั้งหมดนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว..
มือกร้านยื่นไปข้างหน้า ..รับช่อดอกลิลลี่มา
รับ.. คำขอโทษ

และนั่นทำให้น้ำตาที่คลอหน่วยของระมิงค์ไหลรินสองข้างแก้ม
เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี..
อยากขอบคุณที่เพชรดารับดอกไม้ไว้ ขอบคุณที่ให้อภัย และ..
“ขอบคุณมาก ..ที่เอ็นดูม่อนแจ่ม”

เพชรลดายิ้มบางๆ
“เขาสมควรได้รับความเอ็นดูอยู่แล้ว”

สตรีสองคนเพียงมองหน้ากันอยู่หลายอึดใจ
พชรยังคงยืนนิ่ง ไม่ได้มองตาระมิงค์ เขาเพียงมองพื้น
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะไม่เกลียดฉัน” ระมิงค์เอ่ย มองพชร
“เธอให้โอกาสฉันมาแต่ต้น ฉันก็ยัง.. ใจร้ายกับเธอเหมือนที่เคยใจร้ายกับแม่เธอ” ระมิงค์กัดริมฝีปาก
“เธอจะโกรธจะเกลียดฉันยังไงก็ได้ แต่ฉันขอร้องได้ไหม อย่าโกรธ อย่าเกลียดม่อนแจ่มเลย..”
เพราะ..เธอมีความหมายมากเกินไปสำหรับเขา

หัวใจแกร่งกระตุกวูบ ริมฝีปากแย้มเอ่ยตอบกลับเป็นคำแรก
“ผมไม่เคยเกลียดเขา”
ไม่เคยแม้แต่ไม่ชอบ..
แม้จะเคยบอกว่าไม่ชอบ แต่ก็ไม่เคยไม่ชอบจริงๆเลยสักที
มันเป็นเพียงข้ออ้างที่ยกขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงการข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายเท่านั้นเอง
ที่จริง.. นั่นต่างหากคือการโกหกครั้งแรกของพชร ..เขาโกหกตัวเอง..

ระมิงค์ยิ้มทั้งน้ำตา..
“ขอบคุณ..” เธอเอ่ยอีกครั้ง
นอกจากขอโทษกี่คำก็ไม่พอแล้ว
ขอบคุณกี่คำก็ยังไม่พออีกต่างหาก
ที่จริง สิ่งที่เธอกระทำนั้นมันใหญ่หลวงนัก มันนำไปสู่การตัดสินใจที่ทำให้ภรรยาคนหนึ่งไร้สามี ทำให้ลูกชายคนหนึ่งไร้บิดา
แต่สตรีและเด็กหนุ่มตรงหน้ากลับเลือกที่จะอภัย..

“มันผ่านเวลาที่เราจะหาคนผิดแล้ว..” เพชรลดาเอ่ยคล้ายๆกับนายพจน์เมื่อคืนนี้
“เวลามันผ่านมานานจน ..ไม่มีใครสามารถย้อนกลับไปนับหนึ่งใหม่”
..

“เวลามันผ่านมานานจน ..ไม่มีใครสามารถย้อนกลับไปนับหนึ่งใหม่”

นายพจน์รับฟัง
ทั้งเขาและเพชรลดามองกัน ..ความรู้สึก ‘รัก’ ยังคงฉายชัดในดวงตาคนทั้งคู่
แม้ว่าจะปวดใจ แต่เขาก็ไม่เข้าใจคลาดเคลื่อนในความหมาย พวกเขามาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปเริ่มต้น
ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงสิ่งที่ไม่เคยมี
ที่ต้องทำ.. ก็คือรักษาสิ่งที่มี และชดเชยในสิ่งที่บกพร่องต่างหาก
ที่สุดแล้ว.. ที่ฝันหาคือการครอบครองนั้นคงไม่มีค่ามากเกินกว่าความจริงที่ว่า ..พวกเขายังคงรักกันตั้งแต่วันนั้นจนบัดนี้..

“ที่ผู้ใหญ่อย่างเราทำได้ ก็คือดำรงสถานะของเราต่อไป ทำหน้าที่ที่เราได้ทำมาตลอดให้ดี”
เพชรลดามองนายพจน์สลับกับระมิงค์อย่างอาทร “สำหรับฉัน.. แค่นี้ก็พอแล้ว”

แค่.. นายพจน์รับรู้ว่าพชรเป็นลูก
แค่.. รับรู้ว่านายพจน์ยังคงรักเธอ

 
“คุณพจน์กับคุณระมิงค์อยู่ด้วยกัน ช่วยเหลือดูแลกันมาจนถึงวันนี้ ฉันว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดีงาม”
เพชรลดาพูดจริงๆ..  “ถ้าเป็นฉัน ฉันคงทำไม่ได้อย่างที่คุณระมิงค์ทำหรอก”

ระมิงค์ส่ายหน้า..
“ไม่ว่าฉันจะทำอะไรแค่ไหน มันก็กลับผิดเป็นถูกไม่ได้หรอกลดา ฉันออกไปอยู่คอนโดแล้ว ฉันคิดว่าเธอควร-”
“คุณสองคนรู้ดีกว่าฉัน ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร..” เพชรลดายิ้ม
“คุณไม่ได้รับผิดชอบแค่ตัวคุณสองคน มันเป็นสิ่งที่คุณได้เลือกไปแล้ว จะทอดทิ้งกลางคันไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่อาจเข้าไปที่ใดก็ตามแทนคุณ พชรก็ไม่อาจเข้าไปแทนม่อนแจ่มได้เหมือนกัน”

พชรขยับเข้ามาข้างหน้าเล็กน้อย
มือแกร่งหยิบเอาสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋าที่สะพายอยู่ ..ยื่นให้ระมิงค์

‘ประวัติ-วิสัยทัศน์-การดำเนินงาน PP GROUP’

ระมิงค์พิจมอง
แน่นอน.. เธอจดจำลายมือนี้ได้ ..ลายมือของม่อนแจ่ม
เธอพลิกอ่านคร่าวๆ ..ข้อเขียนที่เต็มไปด้วยความรู้ ความเข้าใจและความรักในกิจการที่ผูกพันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย

“เขาเขียนให้ผม.. วันที่รู้ว่า..”
พชรอธิบาย ..นึกถึงคนที่นั่งอ่านรายงานเกี่ยวกับบริษัทของตนเองอยู่ในห้องสามสามแปดในยามว่าง
“เขาเป็นคนมีความตั้งใจดี และที่ยิ่งกว่านั้น.. ไม่เห็นแก่ตัว”
..
“ถ้านักธุรกิจทุกคนเป็นอย่างเขา เกษตรกรอย่างเราคงไม่ต้องมาห่วงเรื่องความยุติธรรมจากโรงงาน..”
ม่อนแจ่มสมศักดิ์ศรีทายาทประดิษฐาพงศ์อยู่แล้วทุกประการในความรู้สึกของพชร

นายพจน์รับสมุดบันทึกนั้นมาจากระมิงค์..
อดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆ ให้ตายสิ.. เด็กสองคนนี้

เพชรลดากำช่อดอกลิลลี่ไว้หลวมๆในมือ
“เราควรจะทำตัวให้สมเป็นผู้ใหญ่กันเสียที เด็กๆเขาต้องเจ็บปวดกันมานานพอแล้วอย่างไม่สมควรเลย..”
ผู้ใหญ่อยู่ในจุดที่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ส่วนเด็กๆ.. เดี๋ยวเขาคงเคลียร์กันเองได้

หรือเปล่านะ?
เพชรลดาไม่ใคร่แน่ใจ

พชรเป็นคนพูดน้อย พูดแต่ในสิ่งที่ต้องพูด สิ่งที่เป็นสาระหรือคำสั่งงาน ทว่า ในแง่ของความรู้สึกนั้น แทบไม่พูดเลย
อันที่จริง.. เพชรลดาสงสัยว่าพชรจะรู้วิธีพูดหรือเปล่าด้วยซ้ำ
เธอก็ได้แต่หวังว่าม่อนแจ่มจะฉลาดพอที่จะรับรู้ หรือไม่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดมาปิดกั้นหัวใจตัวเองจากการรับรู้นั้น

ถ้าว่ากันตามลักษณะทางกายภาพแล้ว เพชรลดารู้ว่าเด็กทั้งคู่เป็นผู้ชาย
ทว่า พชรกับม่อนแจ่มไม่ใช่แค่เด็กที่เป็นลูก แต่ยังเป็นลูกกตัญญู และคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่อาจตอบแทนด้วยการเพิกเฉยกับความรู้สึกของพวกเขาได้ เกินกว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสายสัมพันธ์นี้แล้วปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมตามบรรทัดฐานของสังคม

เธอหวังให้นายพจน์และระมิงค์คิดเช่นเดียวกัน..
หวัง.. ว่าคนทั้งสองจะเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของตนเองและให้โอกาสกับลูก ..แม้ว่าลูกจะเป็นผู้ชายทั้งคู่ก็ตาม..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 02-11-2016 23:51:19
CHAPTER 27: Father and Son

             ‘เขาขับตามมา..’
เพชรลดานึก ดวงตาเหลือบกระจกมองหลัง
รถเก๋ง Volvo สีขาวแล่นตามมาทิ้งระยะห่างไม่มากนัก
หรือที่จริง.. ก็ไม่เชิงว่าขับตามมา จากวิถีของรถ เพชรลดาแน่ใจ นายพจน์รู้ทางอยู่แล้ว
รถคันหลังไม่ต้องรอดูว่าเลี้ยวทางไหน ไม่ต้องตีไฟตาม แน่นอน.. นายพจน์เคยมาทางนี้..

เพชรลดาถอนหายใจน้อยๆ “แม่ขอโทษนะที่ให้พชรมาส่ง เหนื่อยมากหรือปล่า”
นายพจน์นั้นอาสาจะมาส่งหรือหากเธอไม่สะดวกใจ เขาก็จะให้คนรถของเขามาส่ง  ทว่า เพชรลดาก็ปฏิเสธ
ในเมื่อตัดสินใจว่าอย่างไรจะไม่นับหนึ่ง ไม่รื้อฟื้นความสัมพันธ์ เธอก็ไม่อยากใกล้ชิดนายพจน์มากเกินไป ไม่อยากให้มีเยื่อใยต่อกันมากเกินงาม ในความรู้สึกจะเป็นอย่างไร มากมายแค่ไหนก็ไม่ควร ในเมื่ออีกฝ่ายนั้นอยู่ในฐานะของบุรุษที่แต่งงานกับคนอื่นแล้ว มีครอบครัวแล้ว ซ้ำยังเป็นที่รู้จัก ใครเห็นเข้าจะมีแต่คำครหาเสียเปล่าๆ

เพชรลดาพิจมองลูกชาย
ที่จริงเธอควรให้พชรพัก ควร..ให้พชรไปทำอะไรที่เจ้าตัวคงอยากจะไป
นายพจน์ให้เหตุผลว่าพชรเหมือนคนไม่ได้นอน ไม่ควรขับรถ ซึ่งเธอเห็นด้วย แต่ตัวนายพจน์เองก็นอนเสียที่ไหนเล่า
ดวงตาดำขลับมองกระจกมองหลังอีกครั้ง.. นายพจน์เป็นห่วงถึงได้ขับตามมา ..เพชรลดารู้

          สวนเพชรหละปูนเป็นเช่นที่เคยเป็น บ้านไม้ยกพื้นสูงหลังใหญ่โดดเด่นอยู่เบื้องหน้า
และ.. ยังมีชายร่างเล็กใส่แว่นกรอบดำยืนคอยอยู่อีกคนหนึ่ง

“คุณลดาเป็นอะไรไปครับ?” แสงระวีถามไถ่อย่างห่วงใยเมื่อเห็นข้อเท้านายหญิง
“ผมรบกวนลุงแสงตามป้าอิ่มมาทีเถอะครับ แม่ขาแพลง คงต้องให้ป้าอิ่มมาดูแลใกล้ชิดก่อนในช่วงนี้”
แสงระวีพยักหน้ารับคำแข็งขัน แผ่นหลังเล็กเคลื่อนจากไปเร็วๆ ทำตามคำสั่ง
สองสายตาของเพชรลดาและพชรมองตามไปทางเดียวกัน ก่อนจะหันมามองกันเอง และเป็นเพชรลดาที่เอ่ยค่อยๆ
“ที่โรงแรม.. ก่อนขึ้นรถ คุณระมิงค์ถามถึงลุงแสง”
..
พชรพยักหน้า เธอเคยถามเขาแล้วเช่นกัน

เพชรลดาถอนหายใจ “แต่แม่ยังไม่ได้บอกอะไร ต้องคุยกับลุงแสงก่อน”
“ตั้งแต่แรก ลุงแสงไม่ให้ผมพูดถึงตัวลุง ..ลุงแสงกลัวว่าม่อนจะรับไม่ได้ แต่..”
“หากม่อนจะถามหาพ่อที่แท้จริงของเขา แม่ก็ไม่อยากให้เขาหาด้วยความรู้สึกขาด” เพชรลดาน้ำเสียงจริงจัง
“แม่ไม่อยากให้สถานการณ์ไปบังคับให้ม่อนต้องหันไปตามหาลุงแสง
แม่ไม่อยากให้.. เพราะคุณพจน์ไม่ใช่พ่อเขา เพราะเขาต้องออกจากบ้านเขา เขาถึงต้องไปหาพ่อแท้จริง
แต่.. อยากให้ครอบครัวเขายังสมบูรณ์พร้อมนี่แหละ อยากให้คุณพจน์ก็ยังรับรองเขาเป็นลูกนี่แหละ และอยากให้เขาก็ยังได้อยู่บ้านของเขานี่แหละ แบบนี้.. ถ้าม่อนยังคงต้องการรู้เรื่องพ่อแท้ๆ ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง เขาก็จะไม่เสียใจ”

พชรไตร่ตรอง พยักหน้ารับ..
เพชรลดาค่อยๆแตะแขนลูกชาย
“ยังไงก็อย่าห่วงเรื่องผู้ใหญ่นักเลย มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของเด็ก..”
..
“ทำตามหัวใจตัวเองบ้างก็ได้ พชร”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          บ้านประดิษฐาพงศ์ที่ปกติก็เงียบอยู่แล้วยิ่งเงียบลงไปถนัดใจ
นายพจน์เดินช้าๆเข้ามาภายใน เพ็ญมาศคนคุ้นเคยยกมือไหว้สวัสดี  ในแววตาแฝงความแปลกใจที่นายผู้ชายกลับมาเพียงคนเดียว
“คุณท่านคะ ฉันขออภัย แต่ว่า..” เสียงเนิบลังเลกับสิ่งที่จะถาม
เมื่อวานนายพจน์ไม่ได้กลับบ้าน วันนี้กลับ แต่คุณระมิงค์ไม่ได้กลับมาด้วย ซึ่งไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนหลังจากผ่านพ้นช่วงเดือนแรกที่แต่งงานกัน เจ้านายทั้งสองกลับมาพร้อมกันเสมอ ตอนนี้ เกิดปัญหาสิ่งใดหรืออย่างไร?

นายพจน์มองอย่างเข้าใจในความห่วงใยของคนเก่าคนแก่ เสียงอธิบายค่อยๆ
“ฉันยังไม่รู้จะบอกเพ็ญอย่างไร ฉัน.. อาจอยู่บ้านนี้คนเดียวพักใหญ่" เมื่อเพ็ญมาศมีสีหน้าตกใจ เขาจึงรีบเสริม
"แต่ระมิงค์กับม่อนสบายดี หากเขาสบายใจขึ้น เขาอาจจะกลับมานะ”
“คุณท่าน..” ..หมายความว่าอย่างไร
นายพจน์ถอนหายใจ “ฉันมีเรื่องสำคัญอยากบอกเพ็ญ”
“ค่ะ..”
“ฉันมีลูกชายอีกคนหนึ่ง”
คราวนี้ เพ็ญมาศอ้าปากค้าง ..คุณท่านมีลูกอีกคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
นายพจน์พยักหน้ากับอาการประหลาดใจนั้น เขาเองก็เหนื่อยเมื่อยล้าเต็มที แต่ต้องบอกเพ็ญมาศเอาไว้
เธอเป็นคนที่อาวุโสสุดในบ้าน เป็นแม่นมม่อนแจ่ม เธอเองสมควรรู้ว่าเขามีลูกชายอีกคน วันหนึ่งวันใด หากได้ต้อนรับขับสู้ เธอจะได้ทำด้วยความเต็มใจ
“ลูกอีกคนของฉันชื่อพชรนะ เป็นลูกฉันกับลดา จำลดาได้หรือเปล่า เพ็ญ..”
เพชรลดา.. จำได้สิ.. เพ็ญมาศพยักหน้ารับช้าๆ
“อันที่จริง.. คุณม่อนเพิ่งจะมาถามถึง..”
เธอหลุดรำพึง แต่แล้วก็เหลือบมองนายผู้ชายอย่างไม่ค่อยสบายใจ
นายพจน์ชะงักไปนิดหนึ่ง ..นั่นสินะ ม่อนแจ่มรู้ก่อนเสียอีกว่าพชรเป็นลูกชายเขา

เอาล่ะ..

“วันหนึ่ง ถ้าหากพชรมา ฉันก็อยากให้เพ็ญรับรู้ไว้ว่าเขาเป็นลูกฉัน ช่วยเมตตากับลูกฉันด้วย ถ้ามีโอกาสนะ..”
นายพจน์ยิ้มบางๆ ..โอกาสไม่มากนักที่พชรจะมาที่นี่ แต่เขาก็อยากบอก อยากรับรองฐานะของเด็กหนุ่ม
แม้จะไม่สานสัมพันธ์ฉันคนรักกับเพชรลดา แต่พชรเป็นลูก หน้าที่พ่อ เขาก็ต้องทำ
นายพจน์จะขอความเห็นชอบของเพชรลดาเพื่อรับรองพชรเป็นบุตร ต่อไปในภายภาคหน้าเมื่อเขาจากไป ทุกอย่างที่เป็นของเขาก็จะได้เป็นของพชรกับม่อนแจ่มคนละครึ่ง

เรื่องงาน..
นายพจน์ก็มีแต่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเช่นที่เคย แต่เขาจะไม่เรียกร้อง ไม่เคี่ยวเข็ญให้ใครมาสานต่อ
เขาจะชดเชยให้ลูกทั้งสองในหน้าที่พ่อ แต่เพื่อตัวลูกเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อให้มาสนองความต้องการของคนเป็นพ่อเองในภายหลังเด็ดขาด..

ใบหน้าคมเงยมองภาพใหญ่ของบิดาที่ติดไว้ ณ ชานพักบันได
เขาไม่ได้คิดโทษ คิดชี้ผิด คิดตำหนิใคร การตัดสินใจเป็นของเขาในตอนนั้น และไม่ว่าความรู้สึกใดก็ตามที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เขาก็มีหน้าที่รับผิดชอบมันแต่เพียงผู้เดียว

ถ้าเขาต้องจบลงในบ้านหลังนี้เพียงลำพัง..
ถ้างานที่ตั้งใจทำจะไม่มีทายาทสืบต่อ..
ก็ขอให้มันเป็นไป..

เขาจะไม่หันหลังให้ใคร
และจะไม่.. บังคับจิตใจใคร
แค่ให้ผู้เป็นที่รักมีความสุข แค่นั้น..

          “ดิฉันยังคิดว่าคุณม่อนจะกลับมาสุดสัปดาห์นี้เสียอีก ว่าจะเตรียมทำบัวลอยไว้ เธอชอบทานน่ะค่ะ”
เพ็ญมาศชวนคุย เธอไม่ทราบปัญหา แต่หากคุณท่านมีลูกชายอีกคนหนึ่ง คุณระมิงค์กับคุณม่อนอาจจะรับไม่ได้จึงไปพักที่อื่นก็ได้ละกระมัง..
"หากคุณพจน์มีอะไรให้ช่วย บอกดิฉันได้เลยนะคะ"

นายพจน์มองเพ็ญมาศ คนที่คุ้นเคยมาตั้งแต่ยังเด็ก
เขาไม่เคยมองเพ็ญมาศเป็นหญิงรับใช้เลย กลับนับถือสาวใหญ่เสมือนพี่สาว พี่สาวที่อยู่และเติบโตใต้ชายคาบ้านหลังนี้มาก่อนเขา ริมฝีปากหนาแย้มออกน้อยๆเหมือนจะยิ้ม
“เพ็ญอยากทำบัวลอยวันไหนก็ทำเถอะ ใส่กระปุกให้เรียบร้อย ฉันจะเอาไปฝากม่อนให้ หรือไม่เช่นนั้น เพ็ญก็ไปกับฉันเสียเลยก็ได้ ม่อนคงคิดถึงเพ็ญเหมือนกันนั่นแหละ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           การแตะคีย์การ์ด และจับคันโยกเปิดประตูแล้วมองเข้าไปเจอโซฟาสีขาวกลางห้องนั้นคงยังไม่คุ้นเคยภายในสามวันหรอก ม่อนแจ่มเตือนตัวเอง
เขาจะไม่เห็นเตียงเดี่ยว.. ไม่เห็นเตียงสองชั้น.. ไม่เห็นหนังสือปรัชญาวางอยู่บนโต๊ะตัวซ้ายสุด..

          “ม่อน เป็นอะไรไป?” ผู้เป็นมารดาแตะไหล่ เขาจึงสะดุ้งน้อยๆ
“ปละ..เปล่าครับคุณแม่”
กระเป๋า Jack Spade ใบเก่าวางไว้บนโซฟา ม่อนแจ่มนั่งลงเซิร์ซหางาน Part Time ในอินเตอร์เน็ต
เขาไม่แน่ใจว่ามารดายังจะได้รับอนุญาตให้ไปทำงานที่ PP Group อีกหรือไม่ ดังนั้น นี่เป็นช่วงเวลาที่ต้องพยายามดูแลตัวเองให้มากที่สุด ทำตัวเป็นภาระให้น้อยที่สุด หากว่าเธอไม่สามารถไปทำงานเดิมได้ ม่อนแจ่มก็จะต้องช่วยแก้ปัญหาว่าชีวิตของพวกเขานั้นจะอย่างไรต่อไป

         “ม่อนจ้ะ” ระมิงค์ทรุดนั่งลงข้างๆ
“แม่จะ.. กลับไปบ้านประดิษฐาพงศ์หน่อยนะ”
ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ ระมิงค์จึงคลายความสงสัยให้
“แม่ยังไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิม แม่จะไปเอาชุดน่ะลูก”
ม่อนแจ่มวางโทรศัพท์ลง “คุณแม่ได้ทำงานเหมือนเดิมหรือครับ?”
“ก็.. จ้ะ..” ระมิงค์พยักหน้า
“เอ่อ..” ม่อนแจ่มเม้มปากเล็กน้อย “ตกลง คุณแม่ทราบไหมครับว่า.. ว่าคุณน้าเพชรลดายอมไปอยู่ที่บ้านหรือเปล่า”
ระมิงค์พยักหน้า “เปล่าจ้ะ ..ไม่”
..
ม่อนแจ่มถอนหายใจ “ม่อนไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย..”
เขาอยากให้พชรมีครอบครัวที่สมบูรณ์ อยากให้สามคนพ่อแม่ลูกได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
ยังไงเขาก็อดรู้สึกไม่ได้ ว่าสิ่งที่ขัดขวางพชรจากสิ่งนั้นก็คือความรู้สึกที่พชรมีให้ม่อนแจ่มเองนั่นแหละ
ม่อนแจ่มไม่อยากรับไว้..
ม่อนแจ่มอยากจะหลีกไปให้พ้น..
พชรไม่น่าต้องมาอยู่ร่วมห้องกับเขาเลย
ถ้าเขาทั้งสองไม่ได้เจอกัน พชรคงตัดสินใจง่ายกว่านี้ บอกความจริงไปตั้งนานแล้ว

          ค่อนคืนสงัด.. กว่าที่ม่อนแจ่มจะเสร็จจากงานที่ต้องทำส่งอาจารย์
มือเรียวขยับแว่นให้ตั้งตรงบนสันจมูก ตามองฉากตั้งที่กางคลุมผ้าขาวไว้
ร่างเล็กค่อยๆขยับลุกขึ้นไปใกล้ ..เดี๋ยวก็ต้องส่งภาพให้รุ่นพี่ชมรมอาร์ทติสแล้ว ..เขามีรายละเอียดอีกเล็กน้อยที่อยากจะเก็บ

           “วาดรูปอีกเหรอม่อน?” ระมิงค์ถามขึ้นเบาๆ ที่จริง.. เธอตั้งใจมากล่าวราตรีสวัสดิ์
“เอ่อ.. ครับ ม่อน ..พอดีเป็นงานชมรม พี่เขาให้วาดPortrait ม่อนก็.. ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะครับ”
ผู้เป็นมารดายิ้ม “ม่อนต้องวาดได้ดีแน่”
“ไม่หรอกครับ” ม่อนแจ่มส่ายหัวน้อยๆ ยิ้มแห้งแล้ง
“ม่อนวาดเป็นแต่รูปการ์ตูน เห็นทีคราวนี้ จะไม่ได้รับเลือกอะไรกับเขาหรอกครับ แต่ม่อนก็แค่..อยากวาดให้เสร็จ”
ความรู้สึกโหยหาอาทรบางอย่างที่บิดขมวดอยู่ในช่องท้องทำให้ต้องรีบกลืนน้ำลายและหันหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนที่จะแสดงออกมาให้ผู้เป็นมารดาจับสังเกตได้

ทว่า.. ไม่ทันหรอก ระมิงค์เห็นชัดๆอยู่แล้ว
เธอผลักประตูให้กว้างขึ้นนิดหนึ่งพอให้เดินผ่านเข้าไปได้
มือเรียวบีบไหล่เล็กเบาๆ ตัดสินใจทำความเข้าใจกับลูกชาย
“ม่อน.. วันนี้แม่ไปขอโทษเพชรลดามาแล้วนะ”
ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้น พิจมองมารดาอย่างแปลกใจ
แน่นอน.. เขารู้ว่าท่านรู้สึกผิด
แต่.. คุณระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์เอ่ยคำขอโทษหรือ?
“เอ่อ.. ครับ.. ม่อนดีใจจัง”

ใช่.. ที่เขาเองก็ฝากคำขอโทษในนามของตนเองและมารดาให้กับพชรแล้ว แต่นั่นมันเป็นเพียงเศษเสี้ยวคำขอโทษ มันแทบไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร มันเทียบไม่ได้กับการที่มารดาเขาขอโทษมารดาพชรด้วยตัวเอง

“แล้ว.. แล้วคุณน้าเพชรลดายกโทษให้เราไหมครับ คุณแม่”

เราหรือ?

“ไม่ใช่เรา” ระมิงค์ย้ำเตือน “แม่คนเดียว แค่แม่ ..ลูกอย่าเอาความผิดของแม่ไปแบกไว้”
เธอเอ่ยอย่างจริงจัง มือเรียวยกขึ้นลูบหัวบุตรชายอย่างเมตตา
“ความผิดพลาดของผู้ใหญ่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเด็กนะม่อน”
..
“ม่อนก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรตามหัวใจของม่อนเหมือนกัน”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            ..๓๓๘..

ย่ำค่ำแล้ว ความมืดสาดสะท้อนทั่วบริเวณเมื่อเขากลับมาถึงหอพักหลังกลับจากส่งมารดาที่ลำพูน
ป้ายบอกเลขห้องอยู่เหนือบานประตู และมือแกร่งก็ยกขึ้นเคาะให้สัญญาณแก่คนที่อยู่ภายใน ..ซึ่งเขาหวังใจว่าจะมีสองคน

ก๊อก ก็อก..

ก่อนที่.. จะหมุนลูกบิด เปิดเข้าไป ..ช้าๆ

          เตียงล่างที่ว่างเปล่าเป็นสิ่งแรกที่มองเห็น..
ขายาวชะงักอยู่เพียงหน้าประตู กวาดสายตามองไปรอบๆห้องเล็กนั้น ซึ่งไม่ต้องใช้เวลานานเลยกว่าที่จะมั่นใจได้ว่าในห้องมีรูมเมทอยู่เพียงหนึ่งในสอง แล้วรูมเมทเตียงบนก็ส่งเสียงทักทาย เป็นการรับรองโดยสมบูรณ์ว่าคนที่อยู่เพียงคนเดียวคือไอดิล
“สวัสดี พชร”
..

            “สวัสดี พชร”

เคยมีเสียงอื่นทักทายเขาแบบนี้เหมือนกัน
ทักทายทุกวัน แม้จะไม่เคยได้รับการตอบกลับ..

            “สวัสดีม่อนแจ่ม พูดเป็นไหม กูเป็นรูมเมทมึงนะ ทักทายกันบ้างนี่โลกมันจะแตกหรือยังไง พชร!”

หน้าคมไม่มีกะใจแม้แต่จะตอบรับคำทักทายของรูมเมทสิ่งแวดล้อม
เขาวางกระเป๋าสะพายไว้หน้าเตียง หย่อนตัวนั่งลง มองเตียงเดี่ยวเบื้องหน้า
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงคนโง่เง่าที่ไม่มีอะไรจะทำ ..ไม่มีคำจะพูด
ได้แต่นั่งมองเตียงว่างเปล่าอยู่แบบนี้..

ป่านนี้.. นายพจน์จะไปพบม่อนแจ่มหรือยัง?
จะปลอบโยน ปลอบใจ ให้กำลังใจไหม จะพากลับบ้านประดิษฐาพงศ์ไหม
แล้วม่อนแจ่มจะลืมเขาไปเสียได้ไหม จะเลิกนึกถึงเขาได้ไหม เลิกคิดว่าเป็นความผิดตัวเองได้หรือยัง
พชรช่วยไม่ได้ที่รู้สึกว่า.. เขาฝากความรู้สึกทั้งหมดนี้ไว้กับนายพจน์
เขาฝากมันไว้ในนาทีที่มอบภาพวาดของขวัญนั้นให้ไป ..ในคำบรรยายที่บอกความตั้งใจของม่อนแจ่ม ..ความรู้สึกในฐานะลูกชายที่ม่อนแจ่มมีต่อนายพจน์

นายพจน์เป็นบุคคลสำคัญ..
เป็นคนที่ม่อนแจ่มเคารพนับถือมาตลอดสิบเก้าปี ถ้าจะมีใครเยียวยาจิตใจม่อนแจ่มในภาวะนี้ได้ คนนั้นก็ต้องเป็นนายพจน์
พชรอยากให้นายพจน์พาม่อนแจ่มกลับบ้าน..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
   
           “ม่อนโอเคดีหรือ ระมิงค์?” นายพจน์ถามไถ่เมื่อพบผู้มีศักดิ์เป็นภรรยาที่บริษัท
ระมิงค์แสร้งพยักหน้ารับในทีแรก แต่แล้วก็ถอนใจ ตอบตรงไปตรงมา “..ไม่เชิงค่ะ”
นายพจน์ขมวดคิ้ว “แล้วไม่ได้บอกม่อนหรือว่าคุณไปขอโทษเพชรลดาแล้ว”
“บอกค่ะ” ระมิงค์รับคำ “แต่ม่อนก็คงไม่สบายใจอยู่ดีที่เธอกับลูกไม่ไปอยู่บ้านประดิษฐาพงศ์”
..
“แล้ว..” เสียงเข้มหยุดไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ย
“ม่อนไม่ได้พูดถึง ผมหมายถึงว่า.. ดูเหมือนยังไม่ได้คุยกันอีกหรือ สองคนนั้น?”
“คิดว่าไม่ค่ะ..” ระมิงค์ส่ายหน้า
“เลิกเรียนเขาโทรบอก ฉันก็ไปรับกลับคอนโด ดูเหมือนว่า.. ม่อนไม่ได้กลับหอหรอกค่ะ เลย.. คงไม่เจอกัน”

นายพจน์ขมวดคิ้วหนักขึ้น..
ทำไมล่ะ? ทำไมดูเหมือนยังไม่ได้เจอ
ถึงจะไม่ได้พบกันที่หอพัก แต่อย่างไร อย่างน้อย.. รูมเมทกันก็น่าจะมีเบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อกันไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่ได้คุย ทั้งที่..
“..เขาเป็นห่วงม่อนมากนะ”

ระมิงค์เข้าใจดีว่า ‘เขา’ ที่ว่าหมายถึงใคร
“ฉันรู้ค่ะ ..แต่ดูเหมือนยังไม่ได้คุยกันจริงๆ เพราะท่าทีของม่อนไม่ได้เปลี่ยนไปเลย”
นายพจน์ถอนหายใจ ถ้อยคำที่ม่อนแจ่มกล่าวถึงลูกชายกระทบห้วงคำนึงอีกครั้ง

          “พชรเขาท่าทีอย่างนั้นเองแหละครับ
ดูเหมือนเฉยๆ ดูเหมือนใจแข็ง ดูเหมือนไม่สนใจ เขาไม่ค่อยพูด..”


“วันนี้ผมจะเข้าไปเยี่ยมม่อนหน่อยนะ เพ็ญบอกว่าทำบัวลอย อยากให้ม่อนได้กิน ลูกจะได้สดชื่นขึ้น”
“ขอบคุณค่ะ คุณพจน์” ระมิงค์ยิ้มรับในน้ำใจ นายพจน์เองก็ยิ้มตอบ แต่แล้วสีหน้าก็เคร่งขึ้น
“แต่ขอเป็นตอนค่ำนะ เห็นทีเลิกงาน ผมต้องไปหอสามชายเสียก่อน” เสียงเข้มบอกความตั้งใจ

          “รวิดา ส่งแฟ้มสุดท้ายเข้ามาเลย วันนี้ผมรีบ”
นายพจน์สั่งการทางโทรศัพท์ในเวลาใกล้สี่โมง เลขานุการสาวเข้ามาพร้อมแฟ้ม แต่ก็มีสิ่งอื่นมาเรียนด้วย
“ท่านประธานคะ คือ.. มีเด็กหนุ่มชื่อพชรมาขอพบค่ะ”
มือใหญ่ที่จับปากกาชะงัก ดวงตาที่กวาดตรวจสอบความถูกต้องของรายละเอียดในเอกสารเงยขึ้นมองหน้าเลขาฯ
“พชร..” นายพจน์ทวนอย่างอึ้งๆ
“ค่ะ” รวิดาพยักหน้า “ไม่ทราบว่าใคร ไม่ได้นัดไว้ ท่านประธานจะให้-”
“นั่นลูกชายผม” มือใหญ่ปิดแฟ้ม “ผมจะลงไปรับเขาเอง”

           พชรมองโต๊ะประชาสัมพันธ์.. หวนนึกวาดภาพมารดาสมัยยังเยาว์วัยกว่าขณะนี้ในหัว เธอเคยบอกว่าทำงานตำแหน่งพนักงานประชาสัมพันธ์
จริงสิ.. ม่อนแจ่มบอกว่าเห็นบัตรพนักงานของเธอเก็บอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของนายพจน์นี่นะ
บางที.. ตอนที่เธอลาออก เขาอาจเก็บบัตรเธอไว้ ..เขาอาจไม่อยากให้มันถูกทำลายทิ้ง
ความรู้สึกของมารดากับนายพจน์ในตอนนั้นจะเป็นอย่างไรหนอ
ความรู้สึกอะไรที่พวกเขามีต่อกัน.. แล้วมันเจ็บปวดแค่ไหนที่หันหลังให้กันแบบนั้นได้..

พชรสะบัดหัวน้อยๆ เขากำลังจินตนาการอะไรไปกันใหญ่
ร่างกำยำนั่งรอคำตอบรับหรือปฏิเสธการขอเข้าพบจากประธานบริษัท
แม้มาเยือน PP Group แล้วถึงสามครั้ง ..แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พชร เพชรหละปูนขอพบคุณพจน์ ประดิษฐาพงศ์
อย่างไรก็ตาม.. ไม่มีคำตอบรับหรือคำปฏิเสธ ..ที่มีก็เพียง

          “พชร..”
คนถูกเรียกสะดุ้งขึ้นน้อยๆ ไม่คาดว่าคนคนนี้จะลงมาพบเขาเอง
ร่างสูงลุกขึ้นยืน.. มือไม้แข็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้..
เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองควร..

          ธรรม ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ
          ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปกติกราบไหว้อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่เป็นนิจ


พชรขบริมฝีปากเล็กน้อย..
คาบสุดท้ายไม่น่าเป็นพุทธศาสนากับเมตตาจิตเลยจริงๆ

มือแกร่งสองข้างยกขึ้นประนม.. ศีรษะก้มลง.. ไหว้วัยวุฒิของบุคคลตรงหน้า
นายพจน์ยกมือขึ้นไหว้ตอบ ..ก้มศีรษะให้เช่นกัน

           “พชรมีอะไรหรือ แม่เป็นอะไรหรือเปล่า บอกพ่อซิ” นายพจน์รีบถาม ผายมือให้นั่งลง
พชรลมหายใจสะดุดเล็กน้อยกับคำแทนตัวนั้น ‘พ่อ’
หน้าคมอ่อนวัยกว่าส่ายไปมาเล็กน้อย “แม่สบายดีครับ ผมเพียง.. มีเรื่องจะถามคุณพจน์”

..คุณพจน์..

จริงสินะ..
นายพจน์ดันลืมไปได้
เขาคือ 'คุณพจน์' สำหรับเด็กหนุ่ม ไม่ใช่พ่อเสียหน่อย
แล้วเขาก็จะไม่บังคับให้พชรต้องเรียกเขาว่าพ่อด้วย ..ไม่มีทาง
หน้าคมสูงวัยพยักหน้าอนุญาต “ครับ.. ถามมาสิ”

“ผมจะถามว่า..” เสียงเข้มเรียบเรียงคำ
“คุณพจน์ได้พบ ..พบม่อนแจ่มหรือยังครับ หลังจากตอนนั้น..”

ไม่ได้ผิดคาดนัก นายพจน์พยักหน้ารับ ตอบตรงคำถาม
“พบแล้ว”

พชรพ่นลมหายใจเล็กน้อยอย่างโล่งใจ ก่อนจะถามต่อไป “แล้ว.. ม่อนแจ่มโอเคดีหรือครับ?”
“โอเคดีที่ว่านี่.. หมายถึงเรื่องอะไรล่ะ” นายพจน์ถามย้อนกลับ
“ถ้าระหว่างม่อนแจ่มกับคุณพจน์ ม่อนก็โอเคดี เราคุยกันแล้ว”
นายพจน์บอกให้เด็กหนุ่มสบายใจ แทนตัวเองด้วยคำที่ลูกชายเรียกขาน ..คุณพจน์..

“ถ้าอย่างนั้น คุณพจน์จะพาม่อนกลับบ้านใช่ไหมครับ..”
นายพจน์ถอนหายใจเล็กน้อย “ถ้าม่อนไม่ต้องการไป คุณพจน์บังคับม่อนไม่ได้นะพชร”
“นั่นเป็นบ้านเขา เขาอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่เกิด ผมไม่เคยอยาก-”
“คุณพจน์รู้ คุณพจน์ก็ยืนยันให้ม่อนมั่นใจอย่างนั้น แต่พชร..” นายพจน์หยุดนิดหนึ่ง เรียบเรียงคำ
..
“มันไม่ได้แก้ปัญหา เพราะมันไม่ใช่เรื่องเดียวที่อยู่ในใจม่อน ม่อนไม่ได้แค่เสียใจที่เขาไม่ใช่ลูกคุณพจน์ พชรว่าจริงไหม?”
คนเป็นพ่อกระตุ้นให้คิด
“คุณพจน์ไปหาม่อนแล้ว ยืนยันแล้วว่าคุณพจน์รักม่อนเหมือนลูก ซึ่งคุณพจน์ก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดให้ม่อนดีใจ คุณพจน์เชื่อว่าม่อนรู้สึกได้ แต่ก็นั่นแหละ.. มันก็ยังไม่ได้ทำให้ม่อนเลิกเป็นทุกข์ ในเมื่อม่อนไม่ได้เป็นทุกข์เพราะคุณพจน์ ม่อนเป็นทุกข์เพราะรู้สึกผิด แล้วคนที่ม่อนรู้สึกผิดด้วยนั้นก็สำคัญกับม่อนมาก พชรไม่รู้หรือ”

พชรกลืนน้ำลาย “ผมรู้ แต่..”
เขาไม่ได้จะหมายถึง..
เขาแค่.. อยากแน่ใจว่านายพจน์ไปพบม่อนแจ่มแล้ว
นายพจน์คือคนที่..

“อย่าประเมินตัวเองต่ำไป”
นายพจน์พยายามสื่อสาร มองดวงตาดำขลับที่ถอดแบบมาจากมารดาของเด็กหนุ่มคู่นั้น
เสียงเข้มที่เกือบจะแหบโหยเอ่ยช้าๆ “ปล่อยไปเฉยๆไม่ได้นะพชร..”

เขาไม่อยากให้พชรทำสิ่งที่เขาเคยทำ.. หรือไม่ทำสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ..
เขาไม่อาจบังคับจิตใจเด็กหนุ่มได้ ..ก็จริง
เขาแทบไม่มีสิทธิ์ ..ก็ใช่ แต่ก็ยังมีเสียง
เขาไม่มีอะไรเทียบกับลูกชายคนนี้ได้เลย ทว่า สองสิ่งที่นายพจน์มีมากกว่าคืออายุและประสบการณ์ ..แล้วเขาก็คิดว่าจำเป็นต้องถ่ายทอดมัน

“พชรครับ.. เวลาคุณพจน์ออกเอกสารอะไรสักอย่าง ต่อให้มีรายละเอียดอยู่ในนั้นทั้งหมด มีคำสั่งชัดเจนระบุไว้ทุกๆบรรทัด มันจะเอาไปบังคับใช้ไม่ได้เลยถ้าหากไม่มี.. ลายเซ็น”
..
“ถ้าคุณพจน์ไม่ได้รับรองเนื้อความในเอกสารด้วยการลงลายเซ็น มันจะเป็นแค่กระดาษที่ไม่มีความหมาย พชรเข้าใจไหม..”

พชรมองผู้อาวุโสกว่าตรงหน้า
ใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาดูเหมือนพยายามอย่างมากที่จะพูด ..ซ้ำพูดไพเราะมากเสียด้วย
เขารู้สึกแปลกๆกับคำว่า ‘คุณพจน์’ ที่ท่านใช้เป็นสรรพนามแทนตัว ..สรรพนามเดียวกับที่เขาใช้เรียก
แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกว่าฟังแล้วไม่ถูกบังคับให้ต้องยอมรับท่านเป็นบิดา ..เหมือนพวกเขาเป็นเพียงคนสองคนที่คุยกัน
คุณพจน์กำลังพูดและพชรก็กำลังฟัง..

ใช่..
พชรเข้าใจ..
เอกสารที่ไม่ได้ลงลายเซ็นมันบังคับใช้ไม่ได้..

“เช่นเดียวกัน.. ไม่ว่าในใจพชรจะรู้สึกแค่ไหน ได้ทำอะไรต่างๆลงไปมากมายยังไง สุดท้ายแล้ว.. การยืนยันความรู้สึกให้ชัดเจนด้วยคำพูดยังเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ”
 
นายพจน์หยุดพักหลังประโยคนี้ ..ในชีวิตประจำวัน เขาแทบไม่ได้พูดอะไรยืดยาว
เขาจะพูดเมื่ออยู่ในที่ประชุม เมื่อเจรจาทางธุรกิจหรือเมื่อต้องบรรยายในฐานะวิทยากรตามวาระโอกาสเท่านั้น
นี่จึงเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายสำหรับตัวเขา ..ที่นั่งอยู่ตรงนี้ ..พูดอยู่นี้ ..พูดกับลูกชาย
..
“พชรหวังดีและพยายามอดทนที่สุดมาตลอด ทุกคนรู้ ทุกคนเห็นอยู่แล้ว ไม่ผิดอะไรหรอกถ้าตอนนี้พชรเลือกจะเงียบ เลือกจะอยู่ห่างๆ พชรก็คงมีเหตุผลของพชรเสมอ..” นายพจน์มองบุตรชายด้วยความอาทร ปรารถนาดีอย่างจริงใจ

“แต่เรื่องของหัวใจ.. ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พชรต้องยอมรับให้ได้นะ ว่าถ้าไม่พูด ไม่ยืนยัน ..ทุกอย่างจบ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 02-11-2016 23:52:39
CHAPTER 28: Suffering Missing You

          ตึกเรียน..ต้นไม้.. สายลม..
ป้ายใหญ่ระบุ.. ‘วิศวฯ ม.ช.’
รุ่นพี่ช็อปสีน้ำเงิน ผองเพื่อนแฟ้มน้ำตาลเดินสวนกันไปมา
ทุกอย่างยังดูเหมือนเดิม.. ในขณะที่ชีวิตม่อนแจ่มแทบไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว
ร่างเล็กนั่งริมบันได..

         “ไอ้ม่อน..”
ไม่ได้แปลกใจกับเสียงเรียก ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพยักรับเบาๆ
“เออ เลิกเรียนแล้วสิ..”ไอดิลทรุดนั่งลงข้างๆ
“ฮื่อ..” คนถูกถามครางรับ
ตามปกติก็คงชักชวนเดินกลับหอสามชายด้วยกัน ทว่า วันนี้..
“แล้ว.. เดี๋ยวมึงกลับยังไง?”
“แม่กูมารับ”
อืม.. ไอดิลพยักหน้า ไตร่ตรองหลายอึดใจก่อนจะเอ่ยชวน
“ไปนั่งเล่นรอใต้หอพลางๆไหม..”
ไม่..
อาการส่ายหน้าของคู่ซี๊ทำให้ไอดิลแปลได้ว่าอย่างนั้น..

          จนเพื่อนรักคล้อยหลังเลิกโน้มน้าวไปแล้ว ม่อนจึงสาวเท้าช้าๆ ข้ามถนนไป
ทว่า ก็หยุดอยู่เพียงหน้าหอสี่.. แม้เพียงมองจากตรงนี้ ก็ยังพอเห็นลานจอดรถมอเตอร์ไซค์หน้าหอสามชายซึ่งมักมี Kawasaki D-Tracker สีดำ-เขียว ป้ายทะเบียนลำพูนจอดอยู่เป็นประจำ
พอมองเห็น.. ลานหญ้าที่ใครบางคนมักจะช่วยลุงคนสวนดูแลต้นไม้
เห็น.. ม้าหินอ่อนที่เคยเล่นงัดข้อและได้รับชัยชนะเป็นครั้งแรกในชีวิต

         ม่อนแจ่มเกือบจะนึกว่าตัวเองเป็นคนกล้าหาญอยู่แล้วเชียว แต่ที่จริง.. เขาก็ยังขี้ขลาดเหมือนเดิมนั่นแหละ
เขาไม่มีความกล้าพอจะเดินไปหอสามชาย ..จะไปห้องสามสามแปด ..จะบอกคนที่อยู่ภายในห้องนั้นว่าเขาขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัว ..ว่าเขาเสียใจมากมายเพียงใด ..ทำได้มากที่สุดก็เพียงฝากถ้อยคำเหล่านั้นไว้กับไอดิล

อย่าว่าแต่เรื่องพูด..
แค่สู้หน้า.. ม่อนแจ่มก็ยังไม่คิดเลยว่าตัวเองจะทำได้
ความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจ.. ความคิดถึงทรมานร่างกายจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว..
 
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          ไอดิลเปิดประตูห้อง 338 ถิ่นพำนักประจำตลอดระยะเวลาหลายเดือน
ก้าวขาเข้ามาภายใน..นึกหวังให้ตัวเองแปลกใจกับภาพที่เห็น 
แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะ.. เห็นภาพนี้มาแล้วสองวัน

คนบางคนนอนไม่หลับตอนกลางคืน โต๋เต่ไปเรียนตอนเช้า แล้ว.. กลับมาสลบเหมือดในตอนเย็นถึงหัวค่ำ
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ไอดิลควรจะหงุดหงิดเลย ไม่เลย..
คนเรามันก็มีเรื่องเครียด เรื่องต้องขบคิดจนนอนไม่หลับบ้าง
การมาหลับเอาเมื่อร่างกายอ่อนเพลียจนเกินขีดจำกัดในอีกวันนั้นเป็นไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
และไอดิลคงไม่สนใจ..ถ้าเพียงแต่..
ร่างสูงกำยำนั้นจะนอนหลับบนเตียงเดี่ยว..กรรมสิทธิ์ของตัวเอง ไม่ใช่หลับบนเตียงล่างของคู่ซี๊เขาเช่นนี้
ไอดิลถอนหายใจ เขาเห็นม่อนแจ่มบนเตียงนั้นมาเทอมกว่า และมันแตกต่างอย่างมากเมื่อเป็นพชรที่อยู่บนหมอนและผ้าปูที่นอนลายหมีพูห์..

          “ซื้อข้าวมาเผื่อนะพชร อยู่บนโต๊ะนั่นน่ะ”
ดวงตาสีเข้มลืมขึ้น งัวเงียเล็กน้อยด้วยเพิ่งตื่น พึมพำเบาๆ “ขอบใจมากไอดิล”
รูมเมทสิ่งแวดล้อมถอนหายใจ พยักหน้ารับคำขอบคุณ แล้วขยับเดินไปใกล้ บีบไหล่หนาเบาๆ
“กลางคืนก็นอนซะบ้างนะพชร ..ไอ้ม่อนรู้ มันคงเป็นห่วงแย่”
..
ลมหายใจแทบจะหยุดไป ..ม่อนรู้ ม่อนคงเป็นห่วงแย่
แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ..จะให้หลับลงไปได้ยังไง มันคุ้นกับการรอให้คนที่ใส่แว่นนอนมองหน้าเขาหลับเสียก่อน
ชินกับการลุกขึ้นไปถอดแว่นแดงออกให้เสียก่อน.. แล้วถึงจะนอนได้..

ดวงตาคมมองภาพการ์ตูนบนฝาผนัง ..เช่นที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในสองวันนี้ไปกับการทำอย่างนั้น
มอง.. พินิจ.. พิจารณาลายเส้น.. ราวกับนั่นจะทำให้เห็นหน้าคนวาด

“ม่อนเป็นยังไงบ้าง ไอดิล..”
ในที่สุดพชรก็ถาม..

“เอาจริงๆนะพชร”
ไอดิลถอนหายใจอีกครั้ง “สภาพไม่ต่างจากมึงเท่าไหร่หรอก”
 
          ร่างสูงเลื่อนเก้าอี้ออก ทรุดนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือติดเตียงล่าง
มือแกร่งหยิบเอานาฬิกาที่วางหันองศาหน้าปัดมาทางหัวเตียงตั้งแต่วันนั้นขึ้นมาถือไว้ในมือ
มันเป็นนาฬิกายี่ห้อดัง.. สายหนังสีน้ำตาล..
เขาเห็นข้อมือเล็กใส่นาฬิกาเรือนนี้นับแต่วันแรกที่ได้พบกัน และก็ใส่ทุกวันไม่เคยถอดเลย
รวมทั้งวันที่..

        “ปางห้ามญาติ”
..
        “ว่ากันว่า.. ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปทรงห้ามปรามการก่อสงครามแก่งแย่งน้ำจากแม่น้ำโรหิณีของศากยวงศ์ พระญาติฝ่ายพระบิดาและโกลิยวงศ์ พระญาติฝ่ายพระมารดา”
..
       “เป็นที่มาของพระพุทธรูปปางห้ามญาติ”
..
       “พระประจำวันของคนเกิดวันจันทร์”


พชรมองสายสิญจน์บนข้อมือตัวเอง ..สัมผัสแผ่วเบาจากมือเล็กในวันนั้นยังหนักแน่นอยู่ในใจ
ความรู้สึกบางอย่างหนักอึ้งจนเขารู้สึกเหมือนแบกอะไรไว้บนบ่าตลอดเวลา
ความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไร ..แล้วที่มาของมันมาจากไหน
การนอนบนเตียงไม่ทำให้หาย การมองภาพที่วาดไว้ไม่ได้ช่วยบรรเทา การหยิบนาฬิกามาถืออยู่นี้ก็งี่เง่าสิ้นดี

         “ไม่ว่าในใจพชรจะรู้สึกแค่ไหน ได้ทำอะไรต่างๆลงไปมากมายยังไง
สุดท้ายแล้ว.. การยืนยันความรู้สึกให้ชัดเจนด้วยคำพูดยังคงเป็นสิ่งจำเป็น..”


พชรกำนาฬิกาเอาไว้แน่นในมือ..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         มือเรียวลากเส้นดินสอ..
เก็บรายละเอียดเป็นรอบสุดท้าย ก่อนจะลงลายเซ็น ‘Mon Cham of Mechanical Engineering’
แล้วดึงออกจากฉากตั้ง เก็บใส่ม้วนกระดาษ ส่งภาพนั้นให้พีระศิลป์ เพื่อนร่วมชมรม

         “หวังว่ามันจะออกมาเป็นภาพคนเหมือน ไม่ใช่ภาพการ์ตูนนะไอ้ม่อน” เพื่อนสิ่งแวดล้อมเอ่ยเย้าๆ
ม่อนแจ่มยิ้มแห้งๆตอบกลับไป “กูก็หวังว่างั้นล่ะ..”
เขาถอนหายใจ ก้มมองมือตัวเอง แล้วมองม้วนกระดาษในมือพีระศิลป์
ภาพคนเหมือนที่ไม่มีต้นแบบอยู่ตรงหน้า ..ภาพที่กว่าจะวาดเสร็จใช้เวลานานเหลือเกินนับแต่เริ่มต้นจนบัดนี้
ภาพที่ตั้งใจวาดที่สุดเพื่อให้ออกมาสมบูรณ์และมีชีวิตชีวาที่สุด
ภาพเขียนที่มีชีวิต ..มันต้องเป็นแบบนั้น ..ในเมื่อบุคคลที่เขาวาดเป็นคนที่มีชีวิต และชีวิตนั้นก็มีความหมายมากมายด้วย

         “ไอ้ม่อน อยู่นี่เอง..”
เมษา-เมถุน คู่ซี๊แห่งภาคเครื่องกลที่เป็นเพื่อนสนิทของม่อนแจ่มเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“เออ.. ไง” เสียงเล็กทักทายอย่างไม่กระตือรือร้นนัก เพราะคาบที่แล้วเรียนคนละ section กันกับสองเพื่อน เขาจึงมานั่งหลบฉากวาดภาพอยู่กับพีระศิลป์ตรงนี้แทน
“ตะกี้เลิกเรียนแล้วกูแวะไปที่ภาคฯ มีคนมาหามึงด้วยว่ะ”

ห๊ะ..
ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว
ใครมาหาเขา ไอดิลหรือ? ..แล้วทำไมคู่ซี๊ไม่โทรมา

“แต่อาจารย์ไม่รู้ว่ามึงเป็นใคร ไปเรียนวิชาอะไร เจอกูก็เลยฝากบอกว่ามีคนมาหาม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ ชั้นปีที่หนึ่ง”
“เหรอ.. ใครล่ะ..” ม่อนแจ่มถามช้าๆ ความคิดยังอยู่กับเรื่องอื่น น้ำเสียงอ่อนระโหยไม่ใคร่ใส่ใจนัก
“เขาบอกว่าชื่อพชร” เมษยักไหล่นึก ทวนสิ่งที่อาจารย์บอก “พชร มนุษยฯ ปรัชญา”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          เป็นอีกครั้งที่นั่งทำงานต่อเรื่อยๆจนรุ่งเช้า สลับกับเงยมองภาพการ์ตูน ‘กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล’ บนฝาผนัง
พชรมองนาฬิกาบนโต๊ะซึ่งบอกเวลาหกโมง.. การทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆไม่ใช่เรื่องดี ..การนอนหลับพักผ่อนให้ถูกเวลาเป็นสิ่งจำเป็น พชรเข้าใจ

          ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ อาบน้ำ แต่งตัว เลือกหยิบเสื้อโปโลคอปกสีน้ำเงินที่เพิ่งได้รับมา ใส่ไปเรียน
แสงแดดสาดสะท้อนเข้ามาภายในห้อง ภาพวาดเด็กหนุ่มหัวโตในชุดนักศึกษาหนีบแฟ้ม Entaneer ดูเหมือนจะสว่างสดใสขึ้นเมื่อแสงสีทองส่องไปต้อง..

          “ผมม่อนแจ่มครับ ม่อนแจ่ม วิศวฯ เครื่องกล”
..
         “ผม.. ผมอยากจะ คือ.. ผมอยากจะลงตัวฟรีของภาควิชาปรัชญาน่ะครับ เอ่อม.. สำหรับภาคเรียนถัดไป
ผมอยากขอคำปรึกษาจากเด็กปีหนึ่งปรัชญา ว่า..ว่าผมควรจะลงตัวไหน”
..
         “แบบว่า.. ผมไม่อยากรบกวนเพื่อนนักศึกษาที่น่ารักเท่าไหร่ ขอเป็นคนนั้นมาแนะนำได้ไหมครับ ดูเขาจะว่างอยู่..”


จะลงเรียนวิชาปรัชญา.. ข้ออ้างบ้าบอ..
พชรหวนนึก และก่อนออกจากห้องใใ เขาก็ทำอะไรบ้าบอบางอย่าง ..มือแกร่งคว้านาฬิกาข้อมือขึ้นมาจากบนโต๊ะด้วย

          ปรัชญาการเมือง.. การอ่านเชิงวิเคราะห์และการเขียนอย่างมีประสิทธิผล.. จิตวิทยาสังคม..
แทบจะใช้เวลาสามคาบเต็มไปกับการรอให้มันหมดไป
พักเที่ยง.. พชรทิ้งมอเตอร์ไซค์คู่ใจไว้ที่อ่างแก้ว
ระหว่างคณะมนุษยศาสตร์กับคณะวิศวกรรมศาสตร์มันเดินไกลแค่ไหน ..แล้วเดินตอนเที่ยงมันร้อนยังไง
..พชรอยากจะรู้..

          ขาแข็งแรงก้าวออกมาจากตัวตึก ข้ามถนนมาหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ
ก่อนจะเดินเลียบผ่านหน้าสหกรณ์ ลงเนินผ่านทางเข้าวิทยาลัยสื่อฯ และเดินขึ้นเนินอีกครั้ง
ข้ามถนนมาสู่บริเวณลานสักที่ตรงข้ามกันเป็นหอสามหญิง และแน่นอน ขวามือของเขา หอสามชายที่คุ้นเคย..
และเมื่อเลยหอสี่ชายไป ป้ายสีม่วงก็ตั้งอยู่เยื้องกัน

‘วิศวฯ ม.ช.’

พชรเดินผ่านเข้าไปโดยไม่ได้รู้สึกประหม่าอะไร
รอบข้างไม่ได้มีใครใส่เสื้อโปโลคอปกเหมือนเขา ไม่ช้อปน้ำเงิน ก็ชุดนักศึกษาหนีบแฟ้มสีน้ำตาล มีหันมามองหนุ่มมนุษยฯซึ่งฉายเดี่ยวเข้ามาบ้างอย่างแปลกใจ ทว่า พชรไม่สนอย่างอื่น เขาเพียงอยากจะถาม..
“ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลไปทางไหนครับ?”
..

           ไม่มีนักศึกษาปีหนึ่งอยู่ในห้องนั้นเลย..
ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาปีสูงกว่าที่ใส่ช็อปแล้ว และมีอาจารย์นั่งทำงานอยู่ ห้องปฏิบัติการหลายห้องมองเห็นอยู่ไม่ไกลออกไป พชรมองป้ายอีกครั้ง ให้แน่ใจว่าถูกที่
‘ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล’

ขาแข็งแรงก้าวเข้าไปภายใน พยายามมองหาคนที่เขารู้จัก
แต่แน่ละ.. ไม่ใช่เขาจะไม่รู้ว่ามันมีโอกาสน้อยนิดแค่ไหนที่จะได้พบ นักศึกษาไม่ได้เรียนกันที่สาขาวิชาเสียหน่อย
บางคาบก็ไปตึกอื่นหรืออาจจะคณะอื่น แต่ยังไงเขาก็ต้องมาที่นี่ ต้องมาให้ได้ เพราะมัน ‘จำเป็น’

          “โทษๆ นักศึกษา!” อาจารย์คนหนึ่งชนไหล่เขา
แล้วพชรก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นสูงกว่าอาจารย์เสียอีก “ขอโทษครับ ผมยืนขวางเอง”
พชรก้มศีรษะ อาจารย์หนุ่มเลิกคิ้ว
“มาจากไหนเรา สาขาอะไร ไม่เคยเห็นหน้า”
“ผมไม่ได้เรียนวิศวฯครับ” พชรชี้แจง “ผมมาหาคน..”
“หาคน?” อาจารย์ขมวดคิ้ว “ใคร? ชื่ออะไร?”
“ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ ชั้นปีที่หนึ่งครับ” เสียงเข้มตอบกลับชัดเจน
“นักศึกษาปีหนึ่ง?”
อาจารย์ขมวดคิ้ว มองกลับมาอย่างอยากจะโบกให้พชรเข้าใจว่าคณะนี้มีจำนวนประชากรเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม พชรไม่มีสีหน้าหวั่นไหว ร่างสูงยืนมั่นคงจนอาจารย์เปลี่ยนจากอยากเขกกะโหลกเป็นหันไปรอบๆ
“เดี๋ยวๆ อาจารย์หาปีหนึ่งแถวนี้ให้”
..
“เฮ้! พวกนาย มีใครรู้จักคนนี้บ้าง เอ้อ  ไม่ใช่สิ มีใครรู้จักคนที่คนนี้มาหาบ้าง” อาจารย์เครื่องกลหันมามองพชรอีกครั้ง
“เธอมาหาใคร ชื่ออะไรนะ?”
พชรจึงย้ำ.. “ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ ชั้นปีที่หนึ่งครับ”
“แล้วใครมาหาม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ ชั้นปีที่หนึ่ง?”
“ผมพชรครับ ..พชร มนุษยฯปรัชญา”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “ตกลง พชร มนุษยฯปรัชญา นี่ใคร ไอ้ม่อน?”
“กะ..กูบอกแล้วไง ว่า.. ม..ไม่รู้จัก” ม่อนแจ่มลิ้นพันกันไปหมด
ถ้านี่เป็นความฝัน ..ก็นับว่าเป็นความฝันที่ประหลาดพิสดารที่สุดในชีวิต และม่อนแจ่มก็ไม่อยากจะยอมรับว่า..
ตัวเขาไม่อยากให้เป็นแค่ความฝันเลย
มันเป็นไปได้ยังไง ..ไอดิลหรือเปล่า ไอดิลร่วมมือกับเมษแกล้งหลอกเขาใช่ไหม สองคนนี้ยิ่งกวนๆอยู่

         ร่างเล็กหลบฉากออกมาจากกลุ่มเพื่อน..
ห้ามขาสั้นป้อมของตัวเองไม่ได้ที่จะวิ่งตรงแน่วไปยังสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล
ม่อนแจ่มหอบแฮ่กๆ แต่ก็ยังพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับฝาผนัง ค่อยๆเกาะไปราวกับตุ๊กแกเมื่อใกล้ถึง
ไม่มีทางหรอก มันคงไม่จริง..
ถึงจะจริง.. แต่ก็อาจจะกลับไปแล้ว
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่มา ..กว่าอาจารย์จะพบเพื่อนเขา ..แล้วกว่าเพื่อนจะมาบอกเขา
ม่อนแจ่มคงจะไม่เห็น..

         ร่างสูงกำยำในเสื้อโปโลสีน้ำเงินคอปก ปักคำว่า Humanities ยืนพิงกรอบประตูภาควิศวกรรมเครื่องกล
กระเป๋าสีดำสะพายอยู่บนไหล่ซ้าย สองมือกอดอก ดวงตาสีเข้ม สีหน้าเรียบเฉย

..ไม่มีทางจะเป็นคนอื่น..

ม่อนแจ่มแทบหยุดหายใจ กระพริบตาปริบๆสองสามครั้งให้แน่ใจว่าที่เห็นเป็นความจริง
พชร..
ที่นี่หรือ..
มาหาม่อนแจ่มเนี่ยนะ..

          “มาแอบมองแบบนี้ก็แสดงว่ารู้จักใช่ไหมวะ?”
เฮ้ย!
ม่อนแจ่มสะดุ้งเฮือก
แล้วก็หันมาเจอไอ้ปาท่องโก๋คู่เดิม เมษา-เมถุน
ขอโทษนะ พวกมึงให้อารมณ์เหมือนวิญญาณแฝดตามหลอนกูมาก

“มาทำไม!” ม่อนแจ่มกระซิบดุดุ
“มาดูคนที่มึงว่าไม่รู้จัก” เมถุนยักไหล่
“ไม่รู้จัก แล้วมึงมาแอบมองเขาทำไม ไอ้ม่อน?” เมษาแทรกถาม
บ้าเอ๊ย.. ม่อนแจ่มเอามือยีหัวตัวเอง

“ไม่หล่อเท่ากูนะ” เมษาให้ความเห็น “แต่หน้าตานี่ทำเอากูไม่กล้าไปมีเรื่องด้วยเลยว่ะ”
“เออ” เมถุนพยักพเยิดเห็นด้วย “น่าเกรงขามอะไรปานนั้น”
“รูปร่างสูงใหญ่..”
“บ๊องหูทีนี่กูตายเลย..”
“ไม่ขอชกกับแม่งเด็ดขาด”
“ช่าย.. ต่อให้สองรุมหนึ่งก็ไม่เอา”
“เฮ้ย! พอ!” ม่อนแจ่มทนไม่ไหว ใจเต้นแรงจนกลัวเพื่อนได้ยิน
“ไอ้ม่อนมีความหน้าแดง” เมษาตั้งข้อสังเกต
“มาก” เมถุนขยายความ

สัด!
เดี๋ยวเหอะ รับมุขกันนะพวกมึงนี่ ม่อนแจ่มว้ากแม่ง
“หุบปาก!”

จึก..
นั่นแหละ ม่อนแจ่มจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเสียงดังไป
ร่างเล็กรีบหลบฉาก ไม่ยอมโผล่หัวให้มองเห็นได้จากหน้าสาขาวิชา
อย่างไรก็ตาม ร่างสูงที่ยืนอยู่ท่าเดิมร่วมสองชั่วโมงจับสังเกตอะไรบางอย่างที่คุ้นตา จึงค่อยๆเดินมา
เมษามองตาเมถุนอย่างมีเลศนัยและก่อนที่ม่อนแจ่มจะได้ทันวิ่ง ร่างเล็กก็ถูกผลักออกมาจากที่หลบ

         “โอ๊ะ!”
ม่อนแจ่มกระเด็นตามแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างง่ายดาย กรอบแว่นเลื่อนไถลลงจากสันจมูกเล็กน้อย
เขาไม่ล้ม แต่ก็เกือบหัวทิ่มหัวตำ ดวงตาเป็นประกายมองพื้นเบื้องล่าง ..ก่อนจะเห็นเท้าที่สวมผ้าใบสีขาวคู่ใหญ่ หน้าเรียวค่อยๆเงยขึ้น..

          หลังจากหลายวัน.. ดวงตาสองคู่ก็สบกันพอดี..
ดวงตาที่เมื่อครู่ยังดูเฉยชากลับมีความเป็นห่วงเป็นใยชัดเจน มองสำรวจดูจนแน่ใจว่าม่อนแจ่มไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน แล้วตาคมนั้นก็ตวัดขึ้น มองไปยังทางที่ม่อนแจ่มถูกผลักมา
มองคนที่ผลัก.. สองเพื่อนเครื่องกลยืนอยู่ที่นั่น
ริมฝีปากหนาเม้มใกล้เป็นเส้นบางเฉียบ ดวงตาดุดันเอาเรื่องจนเมษาและเมถุนถอยกรูด

“ค..คือกูไม่ได้ตั้งใจ”
“เป็นอุบัติเหตุ ..จริงๆว่ะ”
“ไม่เคยแกล้งไอ้ม่อนมาก่อนเลยนะ”
“ลาก่อย!”

ร่างกำยำตั้งท่าจะตามไปลากคอสองคนนั้นกลับมา ทว่า เรียวแขนเล็กคว้าไว้ กลัวท่าทีแบบนี้จริงๆ
“พชร เพื่อนกู” ม่อนแจ่มละล่ำละลัก “เพื่อนกูเอง!”
“มันผลักมึง ใช่ไหม!” พชรถามสิ่งที่คิดว่าเห็น
“ใช่”
เฮ้ย!
“ไม่ใช่!” ม่อนแจ่มเปลี่ยนคำกะทันหัน เมื่อไหล่หนานั้นหลุดมือ ขายาวก้าวตามสองเพื่อนไป
“พชร อย่า!” ม่อนแจ่มต้องวิ่งถึงจะทันพชรเดิน เสียงเล็กรีบอธิบาย
“พวกมันแรงควายแบบนั้นเอง แต่สนิทกัน ไม่เป็นไร นะ ไม่เป็นไรหรอก”

ไม่เป็นไรอย่างนั้นหรือ.. พชรคุกกรุ่น
เขาไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับคนคนนี้
จะบีบ จะจับ จะทำอะไรก็ระวังตลอด ไม่อยากให้เจ้าตัวต้องเจ็บต้องปวดตรงไหนเลยแม้แต่นิดเดียว
แล้วไอ้บ้าสองตัวนั่น มันผลักม่อนแจ่ม มันคิดว่ามันเป็นใคร!

“พชร..” ม่อนแจ่มเรียกเสียงอ่อย ลืมเรื่องอื่นไปหมดใจชั่วคราว
“นะพชร.. ไม่เป็นไรหรอก”
มือเรียวเล็กสองข้างเกาะท่อนแขนใหญ่ ยั้งไว้อย่างเกรงๆ ..ไม่อยากให้โกรธ
และไม่อยากจะบอกพชรว่า ปกติพวกเพื่อนเครื่องกลมันเล่นกันแรงๆกว่านี้มากนัก

คนถูกเรียกพ่นลมหายใจ หันมามองสำรวจความเสียหายอีกครั้ง
“ม่อนเจ็บหรือเปล่า..”
“อะ.. ม..ไม่ ไม่เจ็บ”
..
..
แล้วก็มีแต่ความเงียบ.. สองคนได้แต่อ้าปากค้างไว้น้อยๆ..
ม่อนแจ่มไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ส่วนพชรเหมือนไม่ได้เตรียมอะไรจะพูดมาตั้งแต่ต้น
เรื่องราวมากมายพันกันอยู่ในหัวจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนดี

ม่อนแจ่มอยากขอโทษ..
และพชรก็อยากจะบอกว่าไม่เป็นไร..

แต่เอาเข้าจริง.. ทำไมมันพูดยากเย็น
หรือเพราะมีความรู้สึกอื่นที่มากกว่าขอโทษ ..ความรู้สึกอื่นที่มากกว่าไม่เป็นไร
คำที่ควรจะง่าย มันจึงพูดยากขึ้นมา..

พชรกลืนน้ำลาย ม่อนแจ่มเองก็ด้วย
ต่างคนต่างสรรหาคำกันให้วุ่น
แต่บ้าจริง.. มันคิดไม่ออกเลย..

“มึง.. มา..”
“เรื่อง..”
“ขอ..”
“เอ่อ.. ไม่..”

..
..
พยายามจะพูดพร้อมกัน.. แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ.. มองหน้ากัน..
พชรมองมา ม่อนแจ่มก็มองกลับไป
อึดอัดพอๆกับที่หวั่นไหว ดีใจพอๆกับที่ประหม่า
มันอยากจะพูด แต่ไม่มีคำจะพูด
มันอยากจะมอง แต่จ้องนานไม่ได้
มัน.. คิดถึงมากเกินไป จน.. ทำอะไรไม่ถูก

          “ไปๆ ถึงคาบแล้ว”
กลุ่มเพื่อนแฟ้มน้ำตาลเดินชนหลังชนไหล่มุ่งหน้าสู่ห้องปฏิบัติการกลศาสตร์ ม่อนแจ่มเองก็หันไปมองตามเสียงพลางพลิกข้อมือขึ้นมาดูอย่างเคยชิน ถึงคาบเรียนแล้วหรือ..
ทว่านั่นแหละ เขาไม่ได้ใส่นาฬิกานี่หว่า
ลืมไป..

ม่อนแจ่มหันกลับมามองหน้าพชร แต่ตอนนี้ พชรไม่ได้มองเขาแล้ว
มือแกร่งรูดซิบกระเป๋าเป้ออก แล้วหยิบบางอย่างออกมา ..นาฬิกา
ห๊ะ..
นาฬิกา?

มือสากด้านอีกข้างค่อยๆคว้าข้อมือขวาที่ม่อนแจ่มลืมตัวพลิกดูเมื่อตะกี้ขึ้นมา
ร่างเล็กเกร็งไปทั้งตัวอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่พชรสัมผัสเพียงเบาๆเท่านั้นเอง

“มึงวางไว้บนโต๊ะ..” เสียงเข้มเอ่ยเบาๆ
ไม่อยากใช้คำว่าลืมไว้บนโต๊ะ เพราะพชรรู้ว่าม่อนแจ่มไม่ได้ลืม
อะ.. ม่อนแจ่มอึกอัก “นาฬิกาของคุณพ่อ..”
แต่แล้วฟันเล็กก็กัดริมฝีปากตัวเองแน่น
บ้าจริง.. เขาเพิ่งจะพูดคำว่า ‘คุณพ่อ’  ทั้งๆที่..

“คุณพจน์ซื้อให้หรือ” พชรถามซ้ำ
อะ..
“อื้อ” ม่อนแจ่มพยักหน้า แต่อีกเดี๋ยวก็ส่ายหน้า “คือ มันไม่ใช่ว่า..”
พชรยิ้มให้บางๆอย่างเข้าใจ  สองมือกลับไปประคองข้อมือเล็กขึ้น สอดสายรัดหนังสีน้ำตาลไว้ให้พอดี
ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน ม่อนแจ่มใส่นาฬิกาเรือนนี้ตลอดทุกวัน แล้ววันนี้พชรก็ได้รู้ว่า.. มันเป็นนาฬิกาที่นายพจน์มอบให้
“ใส่ไว้ ..จะได้ดูเวลาง่ายๆนะ”

สองมือใหญ่กอบกุมข้อมือเล็กไว้หลวมๆแม้จะสวมนาฬิกาเสร็จแล้ว
บนข้อมือขวาพชรยังคล้องสายสิญจน์จากบาตรหน้าพระพุทธรูปปางห้ามญาติที่ม่อนแจ่มเคยผูกให้เหมือนเดิม

“มึงมาเพื่อ.. เอานาฬิกามาให้กู ..น่ะเหรอ”
“ก็.. อืม..”

ม่อนแจ่มก้มลงมองข้อมือ ..แล้วเงยขึ้นมองหน้า
คนพูดมากพูดไม่ออก.. คนพูดน้อยก็ไม่พูดอะไรต่อ..

เอานาฬิกามาให้.. นี่มันข้ออ้างชนิดไหนกัน..
แต่ถึงแม้พชรจะทำแค่ใส่นาฬิกาให้ ในความรู้สึกม่อนแจ่มมันก็มากมายกว่านั้นอยู่ดี

“ขอบคุณ..”
“ไม่เป็นไร..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .   

สวัสดีครับ ขออัพทีเดียวสามตอน เพราะเว้นการอัพไปตั้งสามอาทิตย์
ต้องขอโทษที่ช้า แต่ใจคนเขียนอยากให้ผ่านพ้นเดือนตุลาคมเสียก่อน คิดว่าคนอ่านคงเข้าใจดี
ยังไงก็ ขอบคุณที่ติดตามเหมือนทุกครั้ง และขอให้มีความสุขกับการอ่านเสมอครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 03-11-2016 00:22:30
เน้!!!!!!!! ดีกันเร็วน้าาาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-11-2016 00:57:49
เรื่องของผู้ใหญ่ท่าจะจบด้วยดี วันเวลาก็ผ่านมานานแล้ว ความรัก ความเกลียดโรยราไปตามอายุ
เหลือที่ต้องลุ้นก็เรื่องของหนุ่ม ๆ นี่แหละ
ต้องขอบคุณเมษา เมถุนสินะ ช่วยได้เยอะเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 03-11-2016 01:09:44
ร้องไห้อีกแล้วค่ะ ร้องไห้กับความจิตใจดีของม่อนเรื่องพ่อ ไม่เคยคิดไม่ดีแม้สักนิด
เรื่องของผู้ใหญ่จบด้วยดีแล้ว เหลือเรื่องเด็กๆ นี่ล่ะ พชรพูดเยอะๆ หน่อย รักเขาแล้ว
ตอนพชรจะไปเอาเรื่องแฝดน่ารักดี ม่อนต้องรีบบอกไม่เป็นไร เขารักของเขาเนอะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-11-2016 02:27:18
ความรู้สึกหลากหลายกินไป ไม่รู้ว่าจะจับจุดตรงไหนเลยนาทีนี้  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 03-11-2016 03:10:07
สามตอนรวด! จุใจมากๆ
อ่านไปกลั้นหายใจไปเลยนะ บอกเลยยย
ผู้ใหญ่เรื่องนี้เข้าใจลูกดีจัง เอาใจช่วยพชรกับน้องม่อนนะลูก
ปอลิง คิดถึงเกรียน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 03-11-2016 03:50:31
ชอบที่ออกมาแนวนี้นะคะ คือ พ่อแม่รับผิดในส่วนที่เป็นของตนพร้อมเปิดตามองรอบตัว

พจน์ - ลดานี่คือไม่ได้หวังอะไรมาก เพราะว่าเกิดอะไรต่อมิอะไรมากจริงๆ  พจน์เองก็ได้เลือก ณ ตอนนั้นไปแล้ว  แต่จากนี้ไปคงต้องรอจนวันที่ระมิงค์พบกับแสง  ไม่ได้สานต่อหรือเริ่มต้นใหม่จากวันก่อนๆ แต่มาเริ่มใหม่จากวันพรุ่งนี้

ทั้งพชรกับม่อนนี่เอาคนอื่นมาก่อนตัวเองเสมอ 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 03-11-2016 04:36:34
คลี่คลายได้ดีค่ะ
นี่ค่อย ๆ อ่านไปลุ้นไปละเมียดไป
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 03-11-2016 07:24:02
พายุกำลังสลาย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-11-2016 07:55:52
เป็นเรื่องที่เข้าถึงความรู้สึกได้ดีมาก นั่งอ่านนำ้ตาซึมตลอดเลย

อ่านตอนแรกๆไม่ค่อยชอบนิสัยม่อนแจ่มเท่าไหร่แต่ก็อ่านต่อนั่นแหละ
เพราะว่าจากเรื่องอื่นๆของผู้แต่งที่ติดตามมาตลอดทุกคนจะมีพัฒนาที่โตขึ้นมาเสมอ จนอ่านมาถึงตอนนี้ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ดีกว่าที่เราคิดไว้อีก

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 03-11-2016 09:11:25
อ่านแบบจุใจ น้ำตาไหล ดีใจที่เรื่องมันคลี่คลายไปในทางที่ดี

รอแค่เวลาที่พชรกับม่อนแจ่มจะปรับความเข้าใจกัน  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 03-11-2016 09:28:56
ลุ้นๆ รอตอนต่อไปค่า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-11-2016 14:05:33
เมฆหมอก อึมครึม คลี่คลาย
ทุกอย่างเริ่มจะเข้าที่ เข้าทาง
แต่ที่ทางนั้น ด้านผู้ใหญ่คงไม่นาน
คุณพจน์ หมั่นไปหาเพชรลดา บ่อยๆ ก็ดีนะ
ก็ต่างฝ่ายต่างรักกันนี่นะ
เหลือแต่คนรักของระมิงค์ จะพบแสงรวี
พชร ไปหาม่อนแจ่ม แล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เพื่อนม่อน เกือบแย่แล้ว เพราะผลักม่อนแรงไปหน่อย
ก็พชร ไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับม่อนเลย
แล้วสองคนนี่มีสิทธิ์อะไร  :z3: :z6:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-11-2016 14:16:48
เฮ้ออ ที่นี้ก็เหลือแต่เรื่องของเด็กๆที่ปากแข็งกันทั้งคู่
เอาใจช่วยม่อนแจ่มกับกับพชรนะ

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 03-11-2016 14:53:33
ถึงกับสะอื้นด้วยความอิ่มเอมใจ
ที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนคือเรื่องความสุขของม่อนที่มีต่อคุณพ่อนั้นมีบนรากฐานของ"ความพอเพียง"
ราวกับแต่งมาเพื่อเทิดพระเกียรติพระคุณของ"พ่อ"ของพวกเราทุกคน(ตามความรู้สึกขณะที่อ่านอยู่ค่ะ)
ไม่ว่าอะไรที่คุณพ่อคิดว่าทำได้ไม่ดีพอต่อม่อน ม่อนกลับสำนึกรู้อย่างเข้าใจและพอใจแล้ว
อ่านแล้วอดที่จะนึกถึงอย่างซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านไม่ได้จริงๆค่ะ จนเป็นความปลื้มปิติถึงกับต้องหลั่งน้ำตา
เพราะพื้นฐานความพอเพียงนั้น สามารถใช้แก้ไขได้กับทุกปัญหาของความต้องการของมนุษย์เหมือนกับความสมถะหรือการเดินสายกลางของพุทธศาสนา
ตัวม่อนเองนั้นด้วยความพอเพียงกับความรักที่ได้รับจากครอบครัว ม่อนจึงโตมาอย่างไม่เป็นเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่น
และพร้อมจะเข้าใจเมื่อชีวิตประสบปัญหาเพราะเป็นคนรู้จักคิดและมีเหตุผล
รักความเป็นเหตุเป็นผลของเรื่องนี้มากๆค่ะ รักการรู้จักให้อภัย การอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข การรู้จักหน้าที่และแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำ
รักและชื่นชมกับวิธีการถ่ายทอดออกมาให้คนอ่านได้รู้สึกร่วมไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน ขอบคุณมากๆค่ะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 03-11-2016 15:48:10
เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กๆควรทำอะไรไปตามความรู้สึกของตัวเองดีกว่านะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 03-11-2016 18:20:16
จุใจสุดๆ  เนื้อหากินใจสุดๆ ขอบคุณค่าาา  :L2:  บอกเลยว่า งานนี้ #ทีมคุณพจน์ ค่ะ 55555 สงสารนาง เพชลดาและพชรมีกันและกัน ระมิงค์และม่อนมีกันและกัน แล้วคุณพจน์มีใคร?งืออออออ #ปาดน้ำตา ยืดอก เดี๊ยนขออาสา ซับน้ำตาให้คุณพจน์เองค่ะ  :impress2:  ไม่ได้คิดเป็นอื่นจริงจริ๊งงงง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 03-11-2016 18:52:45
ใกล้จะลงเอยด้วยดีแล้ว พ่อแม่ทั้งคู่เข้าใจลูกๆมากๆเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 03-11-2016 19:00:45
ร้องไห้เหมือนกัน ฮือ ;----;
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 03-11-2016 19:21:56
ยาวมาก สามตอนรวด!
อ่านแล้วซึ้งมาก มีความเศร้าแต่ประทับใจ น้ำตาไหล #ซับ
ผู้ใหญ่ก็เข้าใจ ไม่กีดกัน ตรงส่วนนี้คือดี คิดถึงความรู้สึกลูกๆ

พชรกับม่อนคุยกันได้แล้วนะ กลับมาอยู่ด้วยกันเถอะ!
ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ อ่านกี่ทีก็ประทับใจ รออัพนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 03-11-2016 19:47:38
อ๊ากกกกก ตอนจบนั่นมันอะไร ต่างกันต่างพูดไม่ออก ได้แต่มองตาเท่านั้น โฮกกกกกกก
แต่อย่างน้อยก็ได้เจอกันแล้วเนอะ กลับมาเป็นเหมือนเดิมเร็วๆนะลูก คนอ่านจะขาดใจละ  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 03-11-2016 22:59:37
อ่านยาวจุใจมากค่ะ สมกับที่รอคอย
ชอบเวลาพชรคุยกับคุณพจน์แล้วคุณพจน์แทนตัวเองว่าคุณพจน์อย่างนั้น คุณพจน์อย่างนี้
เป็นความน่ารักเล็กๆที่เติมเต็มช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์ 

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-11-2016 06:04:12
3 ตอนรวดเลยขอบคุณค่ะ เรื่องผู้ใหญ่ก็คงจบด้วยดีแล้วมั้ง เหลือแต่คู่เด็กกับเรื่องที่ม่อนจะอยากเจอพ่อแท้ๆ บ้างมั้ย แอบรู้สึกสงสารพ่อแสงจังที่ยังไม่ได้เจอม่อนซะครั้งเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 04-11-2016 07:13:34
โอเค
อ่านสามตอนรวดแบบนี้แล้วสรุปได้ว่า
จะขอมอบเพลงนี้ให้เลย

"ต่างคนต่างพูดไม่ออก
ได้แต่มองตาเท่านั้น
รักที่มีให้กัน
เหมือนโดนกั้นขวางทางไป

..อย่าเลยอย่ารู้ว่าฉัน
ขาดเธอจะเป็นอย่างไร
แค่รู้ไว้ ว่าโลกทั้งใบ
จะให้เธอคนเดียว"

#เพลงเก่าไปมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 04-11-2016 22:18:41
 :m15: :monkeysad: :monkeysad: :m15:
ขอบคุณคนเขียนค่ะ..เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  ที่ทำให้เราร้องไห้หนักมากกกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 05-11-2016 12:45:10
เดินหน้าต่อเลยพชร ตั้งมั่นต่อจากนี้คือจีบม่อนซะ รู้สึกยังไงก็แสดงออกมา อย่ากั๊ก เอาน๊าคนละพ่อแม่หรอก พ่อแม่เขาก็บอกแล้วให้ทำตามหัวใจ แม้ตอนนี้จะกระอักกระอ่วนไปบ้างแต่ก็อย่ายอมแพ้นะ ไปมาหาสู่เรื่อยๆ  ทำให้กลับมารู้สึกบรรยากาศเดิมๆอีกที //เมื่อรู้ทุกอย่างแบบนี้ ไม่โกรธ ปรับความเข้าใจกันแล้วของพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย ก็เดินหน้าสานสัมพันธ์กันต่อเลย //ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่สงสารพ่อม่อนง่ายๆนะ แต่พอมาเจอแบบนี้ กูใจอ่อนอีกตามเคย รู้สึกสงสารเห็นใจมาก 55555 คืออยู่คนเดียวอ่ะใครก็ไม่เอา แบบโคตรเหงา ลูกก็ไม่ยอมเรียกพ่อ ม่อนก็ไม่กลับมา เมียทั้งสองก็ละเว้น โอเคยอมให้ควรจะเจอแบบนี้ไปอีกสักพักเล็กๆกับความขี้คลาดทำผิดพลาดมา แต่ใช่ว่าจะตลอดไปนะ ยังไงก็อยากให้มันควรจะเป็นตั้งแต่ตอนแรก ยังอยากให้คู่พ่อแม่สมหวังกันเพราะถึงแม้บอกไม่อะไร แต่ใจมันก็ยังรักอ่ะ เพชรลดาจะกลับมาก็ไม่ว่า รอให้ม่อนเจอพ่อแสง เมื่อไหร่นะ รออออออค่ะรออออ พชรสู้ๆเว้ย ถึงตอนนี้เชียร์เต็มที่ หน้าด้านเข้าไว้ กล้าๆหน่อย แมนๆ ตื้อๆ ม่อนจะเลี่ยงยังไงก็อย่าให้พ้น 555555555 //มาต่อกันยาวๆ ดีไปอีก รอม่อนพชรต่อไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 05-11-2016 13:22:59
มากกว่าพูดพชรก็ทำมาแล้ว ลุยเลยพชรคนดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-11-2016 15:02:17
ขอบคุณมากค่ะ มาแบบรัวๆเลย

ชัดเจนกันสักทีนะ พ่อแม่พชร เหลือแต่พ่อแม่ม่อนแจ่มเนาะ

สงสารม่อนแจ่ม คนตัวเล็กห่วงแต่คนอื่น คิดว่าตัวเองทำให้พชรเสียใจ
แต่อย่าลืมนะ พชรก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน ถ้าทำม่อนแจ่มร้องไห้

พ่อแม่เซนส์ไวมากค่ะ พชรมาหาแล้วนะ เคลียร์กันดีๆล่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 06-11-2016 12:16:32
สนุกมากๆ[\color]
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 06-11-2016 23:03:14
น้ำตาไหลเลย อินกับเรื่องราวมาก
ชอบความรักของพชรและม่อนอย่างแรง
อยากได้แบบ 3 ตอนรวดอย่างนี้อีก
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 07-11-2016 23:15:54
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 08-11-2016 00:58:12
สามตอนรวด ดีงามม คนเขียนใจดีจังเลยค่าา
ความอึมครึมในเรื่องก็เริ่มจางแล้ว เริ่มเดินต่อไปได้
หลังจากรู้สึกไม่ประทับใจคุณพจน์ ก็เริ่มรู้สึกโอเคขึ้นมาบ้างแล้ว อยากให้พชรยอมรับเหมือนกันนะ
คุณพจน์ก็เสียใจแหละ ยังไงเค้าก็คือพ่อ หวังว่าคุณพจน์จะทำให้พชรเต็มใจเรียกว่าพ่อได้เร็วๆเนอะ
ดีจังที่ครอบครัวไม่ต่อต้านความรักของม่อนกับพชร แถมยังให้ทำตามใจด้วย555555
พชรกับม่อนทำตามใจตัวเองกันเถอะนะ ทั้งคู่คือไม่ได้ผิดอะไรเลย
ตอนพชรกับม่อนเจอกันนี่แบบ ฮือออ ดีใจอ่ะ ดีงามมม ดีต่อใจ มีความเป็นห่วงเป็นใยกัน
 รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย รู้สึกว่าความอึมครึมระหว่างม่อนกับพชรมันลดลงแล้ว
เอาใจช่วยพชรกับม่อนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 08-11-2016 20:04:00
เราชอบงานเขียนของคุณมากนะ
ทั้งคำ ความถูกต้อง ทั้งภาษาที่ใช้ให้ความรู้สึกถึงความเป็นนวนิยายเรื่องยาว ประหนึ่งรุ่นมืออาชีพมาเขียน
(มืออาชีพแบบรุ่นป้าๆ ย่ายายเลยนะ) มากกว่าทุกเรื่องที่ตามอ่านในเว็บนี้มาตลอดเกือบสองปี
คือเราพยายามจะสมัครมาคอมเมนท์หลายรอบแล้วแต่ไม่เคยได้
จนมาอ่านเรื่องนี้ของคุณนี่แหละที่รู้สึกอยากชื่นชมมาก ก็เลยสมัครใหม่
(แต่เพิ่งมาคอมเมนต์ เหมือนไม่จริงใจเลยเนาะ)

ถึงพล็อตอาจไม่ได้แปลกใหม่ เพียงเปลี่ยนคู่พระนางให้เป็นพระนาย แต่เมื่อเทียบกับสองเรื่องที่เคยอ่าน รุ่นพ่อ รุ่นไอดิล
(หรือถ้าคุณเขียนก่อนหน้านั้น เราอาจยังตามอ่านไม่หมด ขออภัย) เราว่าเรื่องนี้มีเหตุมีผล ตัวละครแลดูเป็นผู้ใหญ่มาก
ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ก็เพิ่งเรียนมหาวิทยาลัย (เหมือนรุ่นพ่อ) คือเหมือนคนจริงๆ ที่ไม่ได้ใช้แค่ความคะนองอย่างเดียว
มีพัฒนาการด้านอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ
หวังว่าคุณจะผลิตงานเขียนดีๆ มาอีกเรื่อยๆ นะคะ หรือจะเปลี่ยนแนวไปเขียนแบบฟีลกู๊ดบ้างก็จะดีมาก
อ่านมาสองเรื่องบีบคั้นทั้งสองเรื่องเลย เราอยากรู้ว่าสไตล์คุณจะเป็นแบบไหน

ขอบคุณสำหรับงานเขียนดีๆ ชิ้นนี้ค่ะ :katai3:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 08-11-2016 22:13:20
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 09-11-2016 01:39:08
ขอบคุณที่มันคลีคลายไปในทางที่ดี
สู้ๆนะม่อนแจ่ม พชร
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 10-11-2016 18:37:44
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคนเขียนมากๆ สำหรับสามตอนรวดเลย
อ่านจุใจจริงๆ ขอบคุณมากครับ

เรื่องของผู้ใหญ่เคลียกันด้วยดี ก็โล่งไปละ
ตอนนี้ก็เป็นเรื่องของเด็กๆ ที่ต้องเคลียกัน
แล้วก็เรื่องพ่อที่แท้จริงของม่อนอีกเรื่อง สู้ๆ

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 10-11-2016 19:14:32
เค้ามารอออ วันนี้มามั้ยยย 
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-11-2016 21:55:06
มารอออออออ อยากอ่านต่อมาก

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 12-11-2016 14:29:06
หนักหน่วง หลากอารมณ์มาก รอติดต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 12-11-2016 15:07:26
วันนี้จะมาไหมน๊าาาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 15-11-2016 12:01:20
มารอเหมือนกัน  :m17:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 15-11-2016 13:34:56
 :call: :call: :call: มารอด้วยคน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 15-11-2016 16:44:14
โอ๊ยยยยยยยยยยย เด็กๆ  :กอด1:  :กอด1: มันจะผ่านไปด้วยดี
ขอบคุณคนแต่งนะคะอารมณ์แบบสุขๆปนหม่นๆจริงๆเรื่องนี้  ได้แต่รอคอยตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 15-11-2016 18:12:44
อยากอ่านต่อแล้วครับ

รอๆๆนะครับคุณคนเขียน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 15-11-2016 23:13:15
CHAPTER 29: What Love Is Like

            เสียงโหวกเหวกดังใต้อาคารเรียน ในเวลาเกือบสี่โมงเย็นซึ่งส่วนใหญ่เลิกเรียนลงมาก่อนเวลาเล็กน้อย
หนุ่มสาวเสื้อน้ำเงินและเสื้อนักศึกษาสีขาว บ้างนั่ง บ้างนอน บ้างเดินสวนกันประปราย 
โต๊ะนี้ก็เช่นกัน เมษา เมถุน พีระศิลป์และกวีกานต์เป็นผู้ถือครอง

            “ไอ้ม่อนแม่งช้าว่ะ กูจะชวนไปอาร์ทติส เย็นนี้ประชุมจัดนิทรรศการเนี่ย”
พีระศิลป์บ่น มองนาฬิกาอย่างมีอารมณ์ “เดี๋ยวโบกแม่งเลย เตี้ยนั่น”
“อย่าโบกดีกว่า” เมถุนแนะนำ และเมษาก็เห็นด้วย
“ถูก กูไม่กล้ามีเรื่องกับไอ้ม่อนหรอก”
“อะไร? ทำไมของพวกมึง” ไอดิลเงยหน้าจากเอกสารขึ้นมาถามด้วยความฉงน
ไม่เคยมีประวัติว่าม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกลมีพิษสงอะไรมาก่อนเลยนี่นา
“มึงไม่รู้อะไร..” เมษารีบบอกและเสริม “กิ๊กไอ้ม่อนอยู่มนุษยฯ แล้วไม่ใช่มนุษยฯธรรมดานะเว้ย แม่งเป็นมนุษย์ครึ่งยักษ์!”

ห๊ะ..
อะไร
ยังไงนะ?
ไอดิลพยายามจับประเด็น ขณะเมษาเอ่ยต่อ
“นี่ถ้าเมื่อบ่าย ไอ้ม่อนไม่ได้บอกว่าพวกกูเป็นเพื่อน แต่บอกว่าเป็นคู่อริ เหี้ย กูกับไอ้เมถคงโดนกระทืบตายคาคณะไปแล้ว”

เดี๋ยว เดี๋ยว..
ไอดิลยังไม่รู้เรื่อง
“พวกมึงพูดถึงใคร?”
“ก็คนที่มาหาไอ้ม่อน ที่ชื่อพชรน่ะ”

พรวด!
หนุ่มสิ่งแวดล้อมสำลักน้ำ
อะไรนะ? เอาใหม่ซิ
“พชรเหรอ..”
“ช่าย.. พชร” เมถุนตอบรับพร้อมเสริมบรรดาศักดิ์ “พชร มนุษยฯปรัชญา”
..และนั่นทำให้สมาชิกเตียงบนห้องสามสามแปดผุดลุกขึ้นยืน ตะโกนลั่น
“พชรมาหาไอ้ม่อนเหรอวะ? ที่คณะเนี่ยเหรอ!”

เดี๋ยว..
“มึงก็รู้จักท่านพชรนี่เหรอ ไอดิล?” เมษาถาม สีหน้าอยากรู้อยากเห็น ค่อนข้างต้องการประเด็นเพิ่มเติม
ทว่า เพื่อนต่างสาขาวิชาไม่ตอบ กลับถามซ้ำ
“พชรมาหาไอ้ม่อนเหรอ ไอ้เมษหนึ่ง ไอ้เมถสอง มึงบอกกูมาเร็ว!”
“เออ.. ก็ ใช่” เมถุนพยักหน้ายืนยัน “มาที่ภาคเมื่อเที่ยง แล้วก็รอถึงบ่ายสอง ประมาณนั้น”
“เหี้ยยย!”
ไอดิลสบถ แต่หน้ายิ้ม แทบจะวาดลีลาเต้นไปรอบๆโต๊ะ ทั้งเอ่ย ทั้งสบถ ทั้งโห่ฮิ้วอย่างเมามันส์จนเพื่อนนักศึกษาหันมามองเป็นตาเดียว
“ไอ้เหี้ย พชรไปรีบูทอะไรมา ทั้งๆที่ทุกวันกูแทบจะหมอบกราบให้มันยอมรับความรู้สึกตัวเอง แม่งเอ๊ย! คุณพระคุณเจ้าประทานจริงๆ โว้วว! ต้องรีบบอกหมอกด่วนๆ”
..
..
“เป็นอะไรของมึงน่ะ..”
ม่อนแจ่มที่เพิ่งตามมาสมทบที่โต๊ะหรี่ตากับท่าทีประหลาดของคู่ซี๊
ไอดิลจะปาร์ตี้ขนมอีกแล้วหรือไง?  เขาไม่เอาด้วยหรอกนะ ไม่มีอารมณ์
อย่างไรก็ตาม เพื่อนรักหันมาทำหน้าเจ้าเล่ห์แกมหาเรื่องใส่
“ข่าวล่ามาแรงขนาดนี้ มึงไม่บอกกูสักคำเลยนะครับ เพื่อนม่อน..”
..
..
         “มันแค่ อ..เอานาฬิกามาให้กู”
ม่อนแจ่มกัดริมฝีปากน้อยๆ หน้าแดงจัด ยื่นข้อมือให้ไอดิลดูสั่นๆหลังจากถูกรบเร้าเสียหลายคำ

ไอดิลก้มมองนาฬิกาข้อมือ
ก็.. ใช่..
นี่นาฬิกาของม่อนแจ่ม ไอดิลจำได้
แต่..
“มึงจะบ้าเหรอไอ้ม่อน เอานาฬิกามาให้เนี่ยนะ..”
“เอ้อ ก็..” ม่อนแจ่มอึกอัก
“มันบอกว่า เออ.. กูจะได้ดูเวลาง่ายๆน่ะ คือ.. กูวางทิ้งไว้บนโต๊ะไง”
“โอ๊ย!” ไอดิลโคลงศีรษะ
“ถ้ามันห่วงเรื่องนั้น มันฝากกูมาให้ก็ได้ไหม มึงจะวางบนโต๊ะ ข้างตู้ หรือใต้เตียง กูก็เอามาให้ได้ทั้งนั้นแหละ”
ม่อนแจ่มนิ่งไป ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรดี..
ไอดิลทั้งอยากขำ ทั้งอยากร้องไห้ “ทีงี้ เสือกไม่คิดเข้าข้างตัวเองขึ้นมานะ เพื่อนกู”
เอาเถอะๆ.. ไอดิลไม่อยากบ่น เขาอยากรู้ต่อ
“แล้วพชรว่าไงอีก?”
“ก็.. ก็แค่นั้นแหละ”

เฮ้ย ไม่ได้สิ!
“ไอ้ม่อน มึงไม่รู้หรือไง ทุกวันนี้ ชีวิตกูในห้องสามสามแปดเป็นยังไง?” ไอดิลกระตุ้น
“แม่งสงัดเงียบ วิเวกโหวงเหวง วังเวงอย่างกับพักอาศัยในสุสาน เพราะงั้น พชรพูดอะไรบ้าง บอกกูมาให้หมด เอาทุกคำเลยนะมึง”

อ..
ม่อนแจ่มอ้าปากค้าง
จริงสินะ.. ในห้องสามสามแปดก็มีแต่เขากับไอดิลพูดกันสองคนเป็นส่วนใหญ่ ขาดเขาไป ไอดิลคง..
แต่ยังไงก็เถอะ.. ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย
“พชรพูดแค่นั้นจริงๆ ..ไม่ได้ว่าอะไรอีก”

ห๊ะ..
“เดี๋ยวนะ.. กูขอสรุป” คนรอฟังสีหน้าผิดหวัง
“พชรอุตส่าห์มาหามึงถึงคณะ ..เพื่อเอานาฬิกามาให้ บอกว่ามึงจะได้ดูเวลาง่ายๆ ..แค่นี้เหรอวะ”
“ฮื่อ..” ม่อนแจ่มพยักหน้า
โอย.. ไอดิลอยากจะลาตาย
“ไป” เขาคว้าแขนม่อนแจ่ม
“ไปไหน”
“กลับหอ”
“ม..ไม่เอา”
“กลับเถอะ” ไอดิลย้ำ
“พชรอยู่หอตลอดตอนนี้น่ะ เช้าก็ออกไปช้า เย็นก็กลับมาเร็ว แล้วแทบไม่ออกจากห้องไปไหนเลยด้วย”
..
..
ม่อนแจ่มทำหน้าไม่ถูก
ปกติพชรออกจากห้องก่อนใคร ..และกลับเข้ามาเป็นคนสุดท้ายเสมอ
แบบนี้..
ไม่ต้องบอกก็รู้..

“พชรรอมึง ไอ้ม่อน”

ม่อนแจ่มกัดริมฝีปาก
เขารู้ แต่ว่า..
"กูไม่ไป"

ม่อนแจ่มไปไม่ได้..
จะให้กลับไป ..ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ..เหมือนไม่มีความจริงใดต้องรับผิดชอบ
ต้องยอมรับว่า.. ม่อนแจ่มยังไม่อาจทำใจ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
   
         “ฮึ่ย!”
ไอดิลเคาะประตูห้องสามสามหก และทันทีที่ประตูเปิดออก เขาก็เดินกระแทกเท้าสวนเข้าไป จนเจ้าของห้องต้องเอ่ยปากถาม
“ไปหงุดหงิดอะไรมา หืม?”
“ก็ไอ้สองคนนั้นน่ะสิ!”

สองคนนั้น?
ไอหมอกหรี่ตา แต่แล้วก็นึกได้..
“พชรกับม่อนเหรอ?”
ไอดิลพ่นลมหายใจ “จะใครซะอีก”
“คราวนี้ทำไมอีกล่ะ” ไอหมอกเข้ามาตบไหล่ ไล่เรียงประเด็นที่คนรักพร่ำบ่นมาหลายวัน
“พชรนอนหลับบนเตียงม่อน? ม่อนทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก? ม่อนวาดรูปพชร? พชรมองรูปที่ม่อนวาด?”

หงึ!
“พชรไปหาไอม่อนที่คณะ” ไอดิลบอกสถานการณ์ล่าสุดให้รู้
“เฮ้ย อย่างนั้นก็ดีน่ะสิ”
“ตอนแรกกูก็คิดงั้นล่ะ..”
เอ่อม..
“แล้วตอนหลัง..?”
“มึงรู้ไหมมันไปทำไม” ไอดิลตั้งคำถาม หน้าตาเอาเรื่อง
“ไป เอ่อ..” คนถูกถามขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่าควรคาดคะเนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ไอดิลไม่รอฟังคำตอบ ด้วยจริงๆไม่ได้ต้องการถาม เพียงแต่ต้องการเล่าและระบายความอึดอัด
“มันเอานาฬิกาไปให้ไอ้ม่อน”
นาฬิกา?
ไอหมอกเลิกคิ้วงุนงง ไอดิลจึงย้ำ เอานิ้วจิ้มข้อมือตนเอง
“นาฬิกาน่ะ นาฬิกาที่ไอ้ม่อนใส่ประจำ”
อ้อ..
โอเค.. นั่นก็เป็นเรื่องราวดีๆนี่นา
“แล้ว.. ยังไงต่อ” ไอหมอกตั้งคำถามปลายเปิด ..เปิดโอกาสให้ไอดิลระเบิดออกมา
“แล้วก็ไม่ยังไงต่อ! แล้วก็แค่นั้น! มันเอานาฬิกาไปให้ บอกว่าไอ้ม่อนจะได้ดูเวลาง่ายๆ มันพูดแค่เนี้ย หมอก มึงรู้ไหม..”
..
“ทุกวันกูเห็นพชรดูรูปที่ไอ้ม่อนวาด จ้องผนังอยู่ได้เป็นชั่วโมง มันนอนเตียงไอ้ม่อน มัน มันคิดถึงไอ้ม่อน!”
..
“มันอุตส่าห์ไปถึงคณะแล้ว แต่มึงดูสิ่งที่มันทำ มันเอานาฬิกาไปให้ บอกไอ้ม่อนจะได้ดูเวลาง่ายๆ กูอยากจะบ้าตาย!”

ฮ่ะๆ..
ไอหมอกพยายามกลั้นหัวเราะ ขณะทำสีหน้าเห็นอกเห็นใจและพร้อมรับฟัง

“ไอ้ม่อนก็อีก..” ไอดิลพล่ามต่อ
“ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ทั้งวัน นี่พชรอุตส่าห์มาหา แม่งก็เสือกไม่เข้าข้างตัวเองสักนิด ดันเชื่อว่าแค่เอานาฬิกามาให้
กูชวนกลับหอก็ไม่มา ทั้งๆที่มันก็คิดถึงพชรแทบจะบ้าอยู่แล้ว โอ๊ย ทำไมสองคนนั้นไม่พูดกันตรงๆให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปนะ”

“ดิ้ล.. ไม่เอาน่า” ไอหมอกช่วยสงบสติอารมณ์ แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่ทันฟัง
“เอ้อ! กูนึกออกแล้ว ว่าจะทำไงดี” ไอดิลปิ๊งไอเดีย “หมอก มึงสอนพชรจีบไอ้ม่อนหน่อย!”
ห๊ะ..
“สอนจีบเนี่ยนะ”
“ก็ใช่ไง” ไอดิลยืนยัน “พชรพูดไม่เก่ง จีบก็คงไม่เป็นด้วย มึงสอนมันหน่อยสิ”
“ดิ้ล..” ไอหมอกลากเสียง เตือนความจำ “พชรกับม่อนน่ะเขาไปถึงไหนกันแล้วนะ”
“ถึงไหนล่ะ?” ไอดิลเถียง “มึงดูมันสองคนสิ ไม่เห็นถึงไหนสักอย่าง กูว่ามึงสอนพชรดีกว่า แบบว่า.. พูดยังไง จีบยังไง อะไรง่ายๆที่ใครเขาทำกันอะ แบบ.. แบบตอนที่มึงจีบกูไง”

ฮ่ะๆ!
ไอหมอกหัวเราะอย่างกลั้นไม่ไหว จนไอดิลขมวดคิ้ว
“หัวเราะทำไม”
“นี่ดิ้ล..” ไอหมอกพยายามอธิบาย “กูเข้าใจนะว่าม่อนเป็นเพื่อนรักมึง มึงอยากให้ม่อนสมหวัง”
“ก็ใช่ไง”
“..ก็เลยจะให้กูสอนพชรจีบม่อนเป็นเรื่องเป็นราว”
“ถูกต้องนะครับ” ไอดิลพยักหน้ารับหงึกหงัก
“แต่.. มึงรู้หรือเปล่าว่าม่อนรู้สึกยังไงกับพชร”
รู้สิ..
ไอดิลรีบบอกอย่างมั่นใจ “ก็ไอ้ม่อนมันรั-”
“ใช่” ไอหมอกยกมือขึ้นทาบปิดปากไอดิลไว้
“แล้วตั้งแต่เริ่มต้นที่ม่อนรู้สึกแบบนั้นกับพชร กูก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย”
..
“กูไม่เกี่ยว มึงไม่เกี่ยว คนเดียวที่เกี่ยวกับความรู้สึกม่อนคือพชร” ไอหมอกยักไหล่
“ม่อนรู้สึกแบบนั้นกับพชร ก็เพราะพชรคือพชร เพราะพชรเป็นแบบนั้น เพราะสิ่ง เพราะแบบที่พชรเป็น แล้วมึงจะให้กูพยายามเตี๊ยมหรือโน้มน้าวให้พชรเป็นแบบอื่นได้ยังไง?”

ก็ใช่..
แต่..
“พชรมันไม่ค่อยพูด กูเลยคิดว่าเราควรช่วย..”
“มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อพชรไม่พร้อมพูด แล้วแม้แต่ม่อนเองก็อาจจะยังไม่พร้อมฟัง?”
ไอดิลคิดตาม..

“จำคำที่ม่อนฝากไว้คืนนั้นได้ไหม?  ม่อนบอกว่า ม่อนกับแม่ขอโทษพชรสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แปลว่านี่เป็นเรื่องที่มีครอบครัวเข้ามาเกี่ยว ซึ่งมันละเอียดอ่อน ตรงนี้ กูว่าต้องเห็นใจ ต้องให้เวลา”
ไอหมอกเอ่ยแค่นั้น หลีกเลี่ยงที่จะเสริมว่า.. วันที่พชรไหว้วานให้เขานั่งมอเตอร์ไซค์ไปกับเจ้าตัวเพื่อรับมารดาที่บาดเจ็บ แล้วขี่มอเตอร์ไชค์กลับมายังหอพักให้นั้น ..ไอหมอกไปที่ PP Group ซึ่งจากคำบอกเล่าของไอดิลตั้งแต่ต้นเทอม ..นั่นคือบริษัทบิดาของม่อนแจ่ม ..คงมีอะไรบางอย่างระหว่างสองครอบครัว

“อยู่ที่คณะ กูก็สงสารไอ้ม่อน พอกลับมาห้อง กูก็สงสารพชร” ไอดิลเล่าสีหน้าหงอย
“กูไม่รู้ว่าพอจะทำอะไรได้บ้าง..”
“กูเข้าใจ” ไอหมอกยิ้ม บีบไหล่หนักๆ
“แต่ปัญหาเป็นของเขานะ เราช่วยแก้ไม่ได้หรอกดิ้ล ที่ทำได้คือทำหน้าที่ของเพื่อน ดูแลให้กำลังใจเพื่อน ไม่ว่าจะกับม่อนที่คณะ หรือพชรที่ห้อง”

..

..

“อื้อ..” ไอดิลถอนใจ พยักหน้าในที่สุด “..หวังว่าพวกมันจะเข้าใจกันเร็วๆนะ”
“แล้วอะไรบอกมึงว่าสองคนนั้นไม่เข้าใจกัน?” ไอหมอกเห็นต่าง
“ก็..” ไอดิลอึกอัก
“การที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันหรือไม่ได้พูดอะไรกันตรงๆน่ะเหรอ”
..
“ไม่รู้สินะ กูกลับคิดว่า.. ม่อนกับพชรเข้าใจกันดี..”

.

.

“ฮื่อ..” ไอดิลเชื่อ
“แต่กูก็อยากเข้าใจด้วยคนไง”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “อืม..”
เสียงเข้มครางในลำคอ ดวงตาลืมขึ้นในแสงไฟนีออนสาดสว่างทั่วห้อง

“กูเปิดไฟทำมึงตื่นหรือเปล่า โทษที”

เสียงไอดิล..
พชรค่อยๆยันตัวลุก มองเห็นรูมเมทสิ่งแวดล้อมยืนอยู่ใกล้สวิชต์ไฟ ดวงหน้าคมส่ายไปมาช้าๆ
“เปิดได้เลย”
เขานอนผิดเวลาเอง ไม่ใช่ความผิดไอดิล นี่มันมืดแล้ว เขาสิ ควรต้องเกรงใจถ้าไม่ให้เปิดไฟ

“กูซื้อข้าวมาฝากนะ อยู่บนโต๊ะมึง เอ้อ.. หรือจะให้วางโต๊ะไอ้ม่อน?”
ไอดิลไม่ใคร่แน่ใจ เพราะเหมือนเคย พชรนอนบนเตียงม่อนแจ่ม ซึ่งถ้าว่ากันตามจริง โต๊ะที่ใกล้ตัวพชรที่สุดก็คือโต๊ะม่อนแจ่มนั่นแหละ
อย่างไรก็ตาม พชรส่ายหน้าอีกครั้ง ..คำว่า ‘ม่อน’ ได้ยินทีไรก็รู้สึกหน่วงในหัวใจได้มากมายนัก
“ไม่ต้องซื้อมาเผื่อทุกวันก็ได้” เสียงเข้มค่อยๆเอ่ย “เกรงใจ”
“ไม่ได้หรอก” ไอดิลส่ายหน้าดิก “ไอ้ม่อนห่วงมึงมาก กูไม่ทำไม่ได้ เดี๋ยวไอ้ม่อนโบก”

พชรชะงักไป..
นี่คือ.. ไอดิลตั้งใจจะพูดถึงม่อนตลอดเวลาเลยใช่ไหม
ร่างสูงก้มศีรษะเล็กน้อย ลุกขึ้นจากเตียง คว้าผ้าขนหนูที่ระเบียงมาพาดบ่า มือจับลูกบิดประตูเปิดห้อง
ทางเดินค่อนข้างโล่ง แล้วพชรก็ไม่เคยรู้สึกว่าหอสามชายเงียบเชียบขนาดนี้มาก่อนเลย..

           “พชร” ไอดิลเรียกไว้ก่อนที่ร่างกำยำนั้นจะผ่านประตูออกไป
สีหน้าเรียบเฉยหันกลับมามอง เลิกคิ้วน้อยๆ
“พ่อกูมาเชียงใหม่ พรุ่งนี้เย็นๆ ถ้ามึงอยู่หอก็ไปหวัดดีพ่อกูหน่อยนะ”

ได้สิ.. เขายินดีอยู่แล้ว
แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมากมายนัก แต่เพื่อนร่วมห้องเป็นคนดีมีน้ำใจ พชรเต็มใจอยู่แล้วที่จะไปทักทายบิดาของไอดิล
พชรพยักหน้ารับ
แค่นั้น.. แล้วหิ้วถุงผ้าร่มไปห้องน้ำ

ไอดิลถอนหายใจมองตามหลัง
ชีวิตหอในของเขาเข้าขั้นวิกฤตเอาจริงๆในตอนนี้
นอกจากม่อนแจ่มจะออกไปอยู่คอนโดกับมารดาแล้ว พชรที่อยู่ด้วยก็พูดกันแทบนับประโยคได้ ก็มีเพียงบทสนทนาสองสามประโยคเช่นนี้เท่านั้นเองต่อหนึ่งวัน
นี่ดีนะ ที่พ่อๆของเขาจะขึ้นมาเยี่ยม ไม่อย่างนั้น ไอดิลคงบ้าตายแน่ๆ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “พ่อออออ!”
ไอดิลตะโกนลั่นหอสามชาย อาจจะดังไปถึงหอสามหญิง เมื่อบุคคลที่รอคอยปรากฎกายตรงหน้า
“ขอบคุณพ่อมากที่มาเยี่ยมผม พ่อได้ช่วยชีวิตผมเอาไว้!”
ร่างเล็กโผเข้ากอดบิดาทั้งสองแนบแน่น
บิดาซึ่งคนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่งและอีกคนติดจะเตี้ยกว่าเขาเสียแล้วตอนนี้

“ชีวิตหอในมันโหดร้ายขนาดนั้นเลยหรือไง?”
หนุ่มใหญ่นาม ‘ทิวทัศน์’ หัวเราะหึหึ เอามือยีหัวลูกชาย
ไอดิลโทรบ่นให้ฟังมาตลอดอาทิตย์แล้วว่าเจ้าตัวกำลังประสบกับปัญหาอะไรสักอย่าง เหมือนต้องปะทะกับ ‘เกรียนเงียบ’ และ ‘เกรียนซึมเศร้า’ หรืออะไรที่ฟังคล้ายๆอย่างนั้น

         “สวัสดีครับ” ไอหมอกยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ซึ่งพยักหน้าตอบรับ
“ลูกสบายดีนะ”
หนุ่มใหญ่อีกคนนาม ‘กรกฎ’ ยิ้ม มือขาวเสยผมยุ่งที่ลงมาปรกหน้าผาก พลางมองสำรวจลูกชาย
ไอดิลเองก็ยิ้มตอบเริงร่า พยักหน้าหงึกหงัก
“ฝันก็สบายดีใช่ไหม”
“ดีครับ คุณพี่หมอโอเพิ่งจะมาเยี่ยมอาทิตย์ที่แล้วเอง”
“เพื่อนสนิทลูกล่ะ คนที่ทำลูกเวียนหัว?”
“มันไม่อยู่หอแล้วครับ อยู่คอนโดกับแม่” ไอดิลหน้างอด้วยเหตุผลบางประการ
“เรียนอะไรนะ เพื่อนลูกคนนั้น ชื่ออะไรแจ่มๆ” กรกฎขมวดคิ้ว นึกถึงบทสนทนากับลูกชายที่ไม่ค่อยมีสมาธิฟังนัก เพราะคนบางคนมาวุ่นวายกับร่างกายเขาแทบจะตลอดการคุย
“ม่อนแจ่มครับ เรียนวิศวฯเครื่องกล”
“แล้วอีกคนล่ะ? คนที่ทำลูกเวียนหัวเหมือนกัน”
“พชรครับ” ไอดิลเสริม “พชร มนุษยฯปรัชญา!”
“น่ากลัวมาก..” ทิวทัศน์พึมพำและรีบเสมองไปทางอื่นเมื่อโดนกรกฎถลึงตาใส่

           “อื้อๆ อยู่ข้างล่างหอ อืม.. สวัสดีพชร”
ไอดิลกดวางโทรศัพท์ หันมามองบิดาทั้งสอง
“พชรอยู่พอดี ผมขออนุญาตชวนมาสวัสดีพ่อนะ ผมเคยเจอแม่พชรแล้ว เคยเจอพ่อไอ้ม่อนด้วย อยากให้เพื่อนได้เจอพ่อผมเหมือนกัน”
..
..

           ‘พชร มนุษยฯ ปรัชญา’ ไม่มีอะไรเหมือน ‘กรกฎ มนุษยฯ ปรัชญา’ ในความเห็นของทิวทัศน์
ไล่ตั้งแต่รูปร่างหน้าตาไปจนถึงลักษณะท่าท่าง ทว่า กลับเกรียนเหมือนกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผิดกันที่กรกฎนั้นเกรียนพูดไม่รู้เรื่อง ส่วนพชรนั้น เกรียนไม่พูดอะไรเลย..

          “พชร นี่พ่อหล่อ”
ไอดิลผายมือไปยังคนตัวสูงในเสื้อเชิ๊ตแขนสั้นและกางเกงยีนส์สีดำ แล้วทำเช่นเดียวกันกับคนตัวเตี้ยกว่าที่อยู่ในเสื้อคลุมลายสก็อตและกางเกงยีนส์ที่เก่าจนไม่รู้ว่าในอดีตมันเคยเป็นสีอะไร
“นี่พ่อน่ารัก”

“สวัสดีครับ” มือแกร่งยกขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ซึ่งยกมือขึ้นรับไหว้เขาเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอ ‘พ่อหล่อ’ และ ‘พ่อน่ารัก’ ที่ไอดิลมักจะกล่าวขวัญถึง ซ้ำยังได้รับการบอกเล่ามาว่าหนึ่งในสองพ่อเป็นรุ่นพี่ภาควิชาปรัชญาของพชรเอง ..และอะไรบางอย่างทำให้พชรรู้ได้ในทันทีที่เห็นว่ารูมเมทหมายถึงพ่อคนไหน

         “อาจารย์ระบัดใบยังสอนอยู่ไหม?” กรกฎถามยิ้มๆ และพชรก็พยักหน้ารับ
อาจารย์ผู้ใหญ่วัยใกล้เกษียนผู้ถูกถามถึงยังคงสอนอยู่และพชรเองก็ได้เรียนกับท่าน จริงๆแล้ว.. ก็ท่านเองนั่นแหละที่เดินมาเตือนพชรไม่ให้หลับในห้องสอบเพราะมีคนตื่นมาทำไม่ทันทุกปีตอนสอบไฟนอลเทอมก่อน
“ตามหาปรัชญาหรือยังล่ะ?”
พชรหลุดเสียงไอราวกับอะไรติดคอ “เอ่อ.. กำลังครับ”
..นี่เขาตามหากันมาตั้งแต่รุ่นพ่อไอดิลเลยหรือ?

           “ตอนตามหาปรัชญาไม่ปลื้มเท่าไหร่..”
ทิวทัศน์เอ่ยยิ้มๆ เหล่มองคนรักอย่างมีความหมาย “แต่ตอนเอาไปส่งนี่ ..ชื่นใจ”
กรกฎกลอกตาไปมา “เกรงใจอายุมึงบ้างทัศน์”
“สี่สิบสองวัยกำลังดี” ทิวทัศน์ยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่
“ถ้าใช้ภาษานิยายมึงก็ประมาณว่า.. ราตรีนี้ยังเยาว์ แต่สำหรับกูแปลว่า.. เอาเมียได้อีกนาน
“ไอ้ทัศน์!” กรกฎส่งเสียงว้ากลอดไรฟัน “ลูกก็อยู่ เพื่อนลูกก็อยู่ มึงสร้างภาพบ้างก็ได้มั้ง”
“จะมาสร้างอะไรล่ะ กูกำลังชี้ทางสว่างให้น้องพชรอยู่”
“อย่าให้เขาไปทางเดียวกับมึงเลย”
“ทางของกูมันเป็นยังไง”
“มันอินดี้ ไม่น่าเฉียดกรายเข้าใกล้”
“แล้วเกรียนคนไหนมันเข้ามาใกล้ซะจนชิดล่ะ กูอยากจะรู้”

..ฯลฯ..

ไอดิลกับไอหมอกกลั้นหัวเราะ มองหน้ากันยิ้มๆอย่างเคยชินสถานการณ์
ส่วนพชรได้แต่มองผู้ใหญ่ทั้งสองสลับกันไปมา
มิน่าล่ะ ไอดิลถึง..
ถึงอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน พชรไม่แน่ใจว่าอยากนิยาม

           บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยที่เคยคุ้นทำให้หนุ่มใหญ่ทั้งสองผ่อนคลายลง
อย่าใช้คำว่า‘แก่’ เลย ทิวทัศน์คิดว่าถ้าเป็นกรกฎนั้นคงใช้คำว่า ‘มากประสบการณ์’ จะดูดีกว่า
ดวงตาสีเข้มกวาดมองไปทางหน้าหอสามชาย เรื่อยไปจนถึงบาทวิถีใกล้หอนาฬิกา ยิ้มน้อยๆให้คืนวันเก่าๆที่นึกถึง
เคยมีเด็กปีหนึ่งเกรียนๆคนนึงยืนอ้วกอยู่ใต้เสาไฟ..

“ไอดิลเรียนหนักไหม? ทำกิจกรรมอะไรเล่นบ้างหรือเปล่าล่ะ”
กรกฎหันมาถามลูกชาย พักการเถียงกับทิวทัศน์ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ทำต่อเนื่องมาแล้วกว่ายี่สิบปีไว้ชั่วคราว
“หนักใช้ได้เลยครับ ถ้าว่างๆก็ไปชมรมดนตรีไทย สอนเป่าขลุ่ย ไปวรรณศิลป์ หาหนังสือเก่าๆอ่าน แล้วก็ไปอาร์ทติส ดูไอ้ม่อนวาดรูป”

‘ม่อน’
คำนั้นของลูกชายทำให้เด็กหนุ่มปรัชญาชะงักนิ่ง ดวงตาคมกล้าวูบไหวไปทันที ราวกับนั่นเป็นคำที่มีความหมายบางประการสำหรับเขา
ทิวทัศน์มองดวงตาคมที่เสมองไปทางคณะวิศวกรรมศาสตร์นั้นอย่างพินิจพิจารณา รวมเข้ากับที่ไอดิลโทรมาบ่นให้ฟังเกือบตลอดอาทิตย์ ..เจ้าตัวมีปัญหากับการที่รูมเมท ‘ไม่ค่อยพูด’

“เอาให้แน่ใจ..” คนเป็นผู้ใหญ่เอ่ยลอยๆ
“ถ้าแน่ใจแล้ว ..ก็พูดๆบอกๆไปเถอะ”
..
“ลองได้พูดสักครั้ง จากนั้นรับรอง สบ๊าย อยากพูด อยากบอกทุกวันเองนั่นแหละ”

ไม่รู้เลยว่าพ่อหล่อของไอดิลหมายถึงอะไรหรือกำลังพูดกับใคร ทว่า พชรก็มอง มองเข้าไปในดวงตาพ่อหล่อหรือคุณทิวทัศน์ ซึ่งมองกลับมายิ้มๆ ก่อนจะละไป
“ไปไอดิล พ่อจะไปรังเก่าเสียหน่อย เจ้าถิ่นใหม่ตามมาอารักขาเลย ให้ไว!”
“ย่อมได้!” ร่างเล็กสิ่งแวดล้อมรับคำอย่างกระตือรือร้น คล้องแขนบิดาร่างสูงพาเดินตรงไปยังคณะวิศวกรรมศาสตร์..

            “พ่อพูดได้ใจดิ้ลมาก!” คนเป็นลูกชายกระซิบอย่างซาบซึ้งในบุญคุณ
“ฮ่ะๆ” ทิวทัศน์หัวเราะน้อยๆ
“ไม่ได้มีความหมายอะไรมากหรอกลูก พ่อไม่รู้เรื่องของเขา อะไรหลายๆอย่างมันคงมากกว่าที่เรารู้”
ไอดิลพ่นลมหายใจ พ่อหล่อพูดคล้ายๆไอหมอก แต่ยังไงก็เถอะ..
“แล้วมันจะทำไมนักหนาล่ะพ่อ พชรกับไอ้ม่อนไม่ใช่แค่มีใจให้กันนะครับ มันสองคนมีอะไรกันแล้วนะพ่อ ทำไมถึงไม่พูด ไม่บอกกันตรงๆก็ไม่รู้” ไอดิลขมวดคิ้วมุ่น

เหอะ.. เหอะ..

“เคยมีอะไรกันไม่ได้ทำให้อะไรๆมันง่ายขึ้นหรอกนะ” ทิวทัศน์หัวเราะแห้งแล้ง
“ก็มีอะไรกันแล้วนั่นแหละ มันถึงได้ยากกว่าเดิม”
“อ้าว เหรอครับ แล้วแบบนี้จะทำยังไงล่ะพ่อ?”
“ก็ไม่ต้องทำยังไง” ทิวทัศน์ตบไหล่ลูกชาย “นั่นปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของเรา ลูกอย่าเครียดมากไป”
ไอดิลถอนใจยาว “หมอกก็พูดงี้”
“หมอกพูดถูก”
“ผมก็ไม่ได้อยากอะไรนะพ่อ แต่ม่อนมันเพื่อนรักผม ผมสงสารมัน พชรน่ะไม่ยอมพูด ไม่พูดมาตั้งแต่ต้นเลย”
“อืม..” ทิวทัศน์ครุ่นคิด
“พ่อก็ไม่รู้นะว่าพชรนี่เอาจริงๆแล้วเป็นคนแบบไหน แต่.. มันก็มีคนบางคนนะ ที่ใช้เวลากว่าจะรู้จักความรู้สึกของตัวเอง หรือถึงรู้แล้ว ก็อาจไม่รู้ว่าจะสื่อสารเป็นคำพูดได้ยังไง แต่ถ้าหากความรู้สึกนั้นคือ ‘รัก’ ไม่ว่าเขาจะพูดเมื่อไหร่ นับจากที่เขาพูดออกไป เขาจะรักษาคำพูดนั้นเอาไว้ตลอดชีวิต”
..
..

           “ที่พ่อหล่อพูดว่า พูดๆ บอกๆไปเถอะ.. หมายถึงบอกอะไรหรือครับ?”
พชรเอ่ยถามค่อยๆ
กรกฎเลิกคิ้ว พิจารณารุ่นน้องร่วมภาควิชา
คิดทบทวนอย่างตัดสินใจ ก่อนจะเลือกตอบสั้นๆ ..ตรงไปตรงมา
“บอก ..รัก”
“รัก..”เสียงเข้มทวนคำ

รักหรือ?
พชรต้องยอมรับว่า.. เขาไม่เคยคิดถึงคำนี้มาก่อนเลย
น่าประหลาด แต่เขาแทบจะ ไม่รู้จักมันเอาเลยจริงๆ
ก็ใช่.. ที่รู้จัก ‘รัก’ ที่มาควบคู่กับคำอื่น อย่าง.. ‘เพื่อนรัก’ ‘น่ารัก’ หรือแม้แต่ ‘คนรัก’
ทว่า ‘รัก’ คำเดียว.. น่าแปลกที่พชรไม่เคยจะมาสังเกตว่ามันหมายถึงอะไร

“แล้วแค่ไหนหรือครับ ..ที่เรียกว่ารัก?”

แค่ไหนที่เรียกว่ารัก..
กรกฎละสายตาจากเด็กหนุ่ม มองไปตามทางเดินจากหอสามชายสู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ซึ่งหนึ่งร่างสูงและหนึ่งร่างเล็กเดินเคียงกันในสายลมยามเย็น ..ที่เดียวกับที่ไอหมอก คนรักของลูกชายมองไป
“ถ้าสิ่งที่เราปรารถนาที่สุดคือความสุขของเขา ถ้า.. เรายอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีให้กับเขาได้
ทุกสิ่งทุกอย่าง ..ไม่ใช่สิ่งของ แต่มันคือความรู้สึก ความห่วงใย ความหวังดี ความซื่อสัตย์ และ.. ไม่ใช่แค่มอบให้อย่างเดียว บางที มันอาจรวมถึงการยอมสละบางอย่างที่เรายึดถือด้วย”

..ยอมสละบางอย่างที่ยึดถือ
..มอบความรู้สึกที่เป็นบวกทั้งหลายให้
..ปรารถนาให้มีความสุข
ถ้า.. แบบนั้นคือ.. รัก


“แต่.. มันน่าจะต้องใช้เวลานานไม่ใช่หรือครับ กว่าที่จะ ..รักใครสักคน”
“เป็นคำถามที่ดี” กรกฎหัวเราะออกมาน้อยๆ “แต่ตอบไม่ได้”

ความรักเริ่มต้นที่บางอย่าง.. ซึ่งนำไปสู่บางอย่าง..
จุดเริ่มต้นและพัฒนาการของความรักเป็นเรื่องลึกลับ
ไม่มีกำหนดการ
ไม่มีมาตรฐาน
ไม่มีกฎเกณฑ์

“มันเป็นเรื่อง ‘เฉพาะคนสองคน’ ” กรกฎสรุป “คนอื่นตอบไม่ได้”
..
“ลองถามตัวเองดู ..ว่าเขามีความหมายแค่ไหน สำคัญกับพชรยังไง แล้วพชรแลกอะไรได้บ้างเพื่อให้เขามีความสุข
แค่นั้น.. พชรก็คงได้คำตอบอยู่แล้ว ว่ารักหรือเปล่า”

ใบหน้าคมสันก้มลงเล็กน้อย..
มีความหมายแค่ไหน
สำคัญยังไง
และแลกอะไรได้บ้าง

ถ้าคำตอบคือ.. ทุกอย่าง..

เวลาเพียงไม่กี่เดือนจะทำให้รักใครสักคนได้ไหม..
แล้วรักที่ว่าเริ่มต้นมาจากอะไร..
จากรอยยิ้มสดใส..
จากดวงตาเป็นประกาย..
จากคำพูดเซ้าซี้ ท่าตี ท้าต่อย..
จากการมองมาในความมืด..
จากเสียงเรียกชื่อ ‘พชร’ ซ้ำๆ
จากความพยายามกล้าหาญทั้งที่หวาดกลัว..

เอาจริงๆ.. พชรก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
เขารู้แค่ ..ใช่..
ถ้าทั้งหมดที่รู้สึกนั้นเรียกว่ารัก ..เขาก็กำลัง ..รัก..

“ถ้ารักแล้ว.. ก็..มันเป็นอะไรที่ต้องพูด ต้องบอก.. ถูกไหมครับ ถ้าตามที่พ่อหล่อว่าเมื่อกี้”
“ก็..” กรกฎลังเล “ทำนองนั้น”
“มีคำกล่าวว่า Action speaks lounder than words.” พชรอ้างอิง
“ใช่” กรกฎผงกหัว “คำพูดไม่มีความหมายถ้าปราศจากการกระทำที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน”
..
“ถ้างั้น.. รักที่ออกมาจากปากก็อาจจะเป็นแค่คำ ผมหมายถึง.. มันเป็นแค่คำ”
“ใช่” กรกฎพยักหน้าอีกครั้ง “แต่มันเป็นคำสำคัญ”
..
“พูดในฐานะคนที่ใช้คำทำงาน.. คำเป็นสิ่งมหัศจรรย์นะพชร
คำไม่ใช่จู่ๆเกิดขึ้นเอง คำมีคนคิด คำมีคนใช้ คำมีคนสืบต่อ และมันจะมีความหมายที่ประเมินค่าไม่ได้ เมื่อมันทำหน้าที่สะท้อนความรู้สึกแท้จริงที่อยู่ในใจเราออกมา ..เมื่อมันได้สอดรับกับการกระทำทั้งหมดทั้งมวลที่เราทำลงไป”

สองบุรุษปรัชญาเงียบกันไปหลายอึดใจ แล้วก็เป็นรุ่นน้องที่เอ่ยออกมาก่อน
“เมื่อวานซืน.. มีคนบอกผม.. ไม่ว่าในใจจะรู้สึกแค่ไหน ได้ทำอะไรต่างๆมากมายยังไง สุดท้าย.. การยืนยันความรู้สึกให้ชัดเจนด้วยคำพูดเป็นสิ่งจำเป็น”

รุ่นพี่ยิ้ม “งั้นวันนี้ พชรก็คงรู้แล้วสิ ..ว่าจะยืนยันด้วยคำพูดคำไหน”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณทุกการติดตามเหมือนทุกครั้งน่อ   :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 16-11-2016 00:06:29
ค้างงงงงงงงง

รีบมาต่อนะ

พชรพูดไปเลย มัวแต่อมเอาไว้เดี๋ยวรักก็บูดพอดี

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 16-11-2016 00:19:14
พูดเลย อมไว้จนจะบูดแล้ว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-11-2016 00:29:47
ได้รับคำแนะนำจากพ่อหล่อ พ่อน่ารัก พชรคงได้คำตอบให้กับตัวเอง
หมอกเป็นคนที่มีความคิดดีนะ พูดจาดี ใจดี
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 16-11-2016 00:45:43
บอกรักด่วนๆ เลย จร้า ^^
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-11-2016 00:47:21
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 16-11-2016 01:08:38
เชียร์จนเหี่ยวแล้วเหี่ยวอีก ฮือ 5555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 16-11-2016 01:17:10
รุ่นใหญ่มาเอง บริการแนะนำฟรีถึงที่
เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของไอดิลผู้ทุกข์ทรมานเดียวดายท่ามกลางความเงียบในห้อง 338   
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 16-11-2016 01:34:16
กรี้ดดดด ขอกรี้ดบุคคลสำคัญของตอนก่อนนะคะ55555 คิดถึงพ่อๆสุดๆค่ะ 

มีคนยืนยันคำพูดให้แล้วนะพชร เหลือแต่ตัวเองนี่ล่ะที่จะต้องตัดสินใจ ซึ่งจริงๆเราคิดว่าพชรตัดสินใจมานานแล้วแหละเนาะ55 ชอบที่ทั้งทัศน์แล้วก็เกรย์สอนพชรมาก นั่นล่ะ รับรู้แล้วก็เอาไปใช้งานได้แล้วนะพชร ไม่ได้มีแค่ม่อนที่รอคำนั้น คนอ่านลุ้นกว่าม่อนแล้วเนี่ย5555

ขอบคุณเกรียนคนเขียนค่ะ เข้ามาเช็คบ่อยมากๆ รู้สึกอยากอ่านต่อเรื่อยๆเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 16-11-2016 01:44:44
มาแล้ววว  :z13:
คิดถึงเกรย์ทัศน์มากมาย ตอนนี้น้องม่อนแทบไม่มีบทเลยลูกกกก
รอตอนหน้านะ!
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 16-11-2016 02:02:29
 :hao6:   สองผู้ยิ่งใหญ่มาเองเลยยย 

แต่แอบใจหายนะที่ทัศกับเกรย์แก่มากแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-11-2016 02:03:52
ไม่รู้จะพูดคำไหนดี  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 16-11-2016 07:21:30
 :sad4: :sad4:
ขอบคุณมากค่ะ...เป็นอีกตอนที่อ่านแล้วซาบซึ้ง  น้ำตาซึมอีกแล้ว
เป็นกำลังใจให้พชร  กล้าบอก'คำสำคัญ'นั้นให้ม่อนรู้สักที
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 16-11-2016 07:50:35
สมกับเป็นบทสนทนาของ 2 มนุษย์ฯ ปรัชญา จริงๆ กลมกล่ม ละมุนละม่อม นวล และเต็มไปด้วยความหมายนัยยะที่ลึกซึ้ง  ชอบๆๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 16-11-2016 09:29:18
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย รักเกรย์กับทัศน์มากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

พชร รู้แล้วใช่มั๊ยต้องทำยังไง อยากอ่านอีกอะ มันค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-11-2016 09:37:31
พชรคงจะได้คำตอบแล้ว แล้วก็รีบๆ เอาคำตอบนั้นไปบอกม่อนไวๆ นะ
ไปพูด ไปคุยกันให้รู้เรื่อง ไปบอกความในใจ และจัดการปัญหาต่างๆ ให้จบนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 16-11-2016 09:43:37
พ่อหล่อและพ่อน่ารักเจ๋ง เริ๊ด เยี่ยม  ไอดิ้ลกะไอหมอกก็น่ารัก  ขอให้ พชร ตกผลึกได้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 16-11-2016 10:14:24
 o13 เกรียนพ่อมาชี้แนะเองเลยนะงานนี้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 16-11-2016 10:26:28
บอกกันซักทีเถอะ ลุ้นจะแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 16-11-2016 10:38:23
2 เกรียนแห่งตำนานยอมลี้จากแดนใต้มาถกถึงที่มันจะไม่เรียบร้อยก็ให้มันรู้ไป
เราฟังเด็กปรัชญาเขาคุยกัน เราพลอยเป็นคนสุขุมลุ่มลึกไปด้วย กินใจสุด ๆ
แต่จะว่าไปไอดิลนี่ก็เกรียนไม่แพ้พ่อน่ารัก ถ้าเรียนปรัชญาอีกคน
แล้วปล่อยให้พ่อน่ารัก ไอดิล พชร คุยกัน เราคงได้แต่มองทำตาปริบ ๆ
การอ่านเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งบันเทิงเดียวในตอนนี้เลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-11-2016 11:08:34
อูยยย อยากอ่านต่อเลยอะ
บรรยากาศของทั้งสองคนมันอึมครึมเกินไป

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 16-11-2016 11:08:46
พชรเก่งทุกอย่าง ยกเว้นพูดแสดงความรู้สึก ดังนั้นจึงต้องการกูรูตัวจริงมาชี้แนะแนวทาง  หวังว่าพชรจะแก้สถานการณ์ต่างๆ ให้ดีขึ้นได้ในตอนหน้านะ เก๊าอยากอ่านฉากหวานๆ ของคู่นี้แล้วอ้าาาาาาาาาาา  :katai4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 16-11-2016 11:16:40
ไป go! go! goooooo!!!!!
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 16-11-2016 11:19:41
 อื้อออหื้ออออออ ตัวพ่อปรัชญามาเอง ลึกซึ้งมากกก ตัวเองบางทีก็เป็นคนที่คิดว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด มันก็ใช่อยู่ แต่พอมาได้ฟังพ่อหล่อแบบนี้ เออหว่ะ นะ พูดๆไป มันจะได้ทั้งโล่ง&ปลอดปล่อย อีกคนก็ได้รับรู้เพื่อยืนยัน สู้ๆนะเว้ยพชร รุกเดินหน้าอย่างเดียว แต้งกิ้วพ่อน่ารักพ่อหล่อที่มาเป็นแนวทางเพราะไอดิลน่าร๊ากกเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนดี กามเทพน้อยๆ 555 หมอกก็ดี๊ดี คอยเตือน #ม่อนพชร สู้ๆ ม่อนเตรียมตัวเลย พชรเห็นแบบนี้พอบทจะกล้าหน้าด้านจะกลายเป็นคนขี้แกล้งมากๆรึป่าวนะ แกล้งให้ม่อนเขินนนน ทำตัวไม่ถูกไรงี้ 555 ซึ่งมันดูน่ารักมากๆ รอตอนต่อไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 16-11-2016 13:49:33
รอครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 16-11-2016 15:06:00
พชร...ลุยโลด
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-11-2016 16:53:11
มนุษย์ ปรัชญา รุ่นพี่ รุ่นน้องเจอกันแล้ว
“คำพูดไม่มีความหมายถ้าปราศจากการกระทำที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน”
“ถ้างั้น.. รักที่ออกมาจากปากก็อาจจะเป็นแค่คำ ผมหมายถึง.. มันเป็นแค่คำ”
“ใช่.......แต่มันเป็นคำสำคัญ”
“เมื่อวานซืน.. มีคนบอกผม.. ไม่ว่าในใจจะรู้สึกแค่ไหน ได้ทำอะไรต่างๆมากมายยังไง
สุดท้าย.. การยืนยันความรู้สึกให้ชัดเจนด้วยคำพูดเป็นสิ่งจำเป็น”

พ่อหล่อ พ่อน่ารัก ยังถกกันเรื่องเวลา
 “เกรงใจอายุมึงบ้างทัศน์”
“สี่สิบสองวัยกำลังดี”
“ ราตรีนี้ยังเยาว์.... เอาเมียได้อีกนาน”
“ กูกำลังชี้ทางสว่างให้น้องพชรอยู่”
“อย่าให้เขาไปทางเดียวกับมึงเลย”
“ทางของกูมันเป็นยังไง”
“มันอินดี้ ไม่น่าเฉียดกรายเข้าใกล้”
“แล้วเกรียนคนไหนมันเข้ามาใกล้ซะจนชิดล่ะ กูอยากจะรู้”
คนอ่านก็อยากรู้ อยากอ่านเวลาสองพ่อใกล้ชิดกัน :ling1: :ling1: :ling1:
ยอดเยี่ยม นานๆมาที แต่สุดยอด :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1::L1::L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 16-11-2016 19:21:14
พชรสู้เค้าลูก มีคนเชียร์ถึงขนาดนี้แล้ว ม่อนกำลังรออยู่น๊า  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 16-11-2016 21:52:45
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 17-11-2016 00:02:24
หูย ลุ้นแรง พูดไปเถอะ ให้เวลาพชรนิดนึง เขาก็กำลัวเรียนรู้ที่จะรักอยู่เช่นกัน
พ่อหล่อพูดดี๊ดี พ่อน่ารักก็ด้วย น่ารักจังเลย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 17-11-2016 08:32:05
พชรรีบๆพูดคำนั้นออกมาน๊าาาา
คิดถึงคู่พ่อมากมายเลยยยย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 17-11-2016 18:21:09
ถ้าบอกว่า รัก
เธอจะซึ้งหรือเปล่า
อยากเอ่ยเรื่องราว ที่มันยังค้างคาใจ
ถ้าบอกกับเธอ
เธอจะรับหรือไม่
ได้แต่ถอนใจ เก็บเอาไว้ไม่กล้าบอกเธอ..

โถ พชร :z3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: gang ที่ 18-11-2016 00:09:59
ดี ต่อใจ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 18-11-2016 19:17:50
สองพ่อผู้มาช่วยไอดิลจากภาวะอึมครึมของหอสามชาย 55555555555
พ่อพ่อน่ารักจังเลยค่าาา หมอกไอดิลก็น่ารักไม่ต่าง
ตอนที่หมอกดิ้ลคุยกันเรื่องพชรม่อน
ละไอดิลบอกว่า “แต่กูก็อยากเข้าใจด้วยคนไง” คือแบบ น่ารักกกกกก 5555555
การกระทำกับคำพูด มันก็สำคัญทั้งคู่แหละเนอะ
คนเราก็ต้องกระทำเพื่อพิสูจน์คำพูด แต่คำพูดก็ช่วยให้อะไรๆง่ายขึ้นได้ ถ้าเป็นคำพูดที่จริงใจหน่ะนะ
หลังจากนี้พชรคงจะมีแรงใจจะพูดอะไรๆมากขึ้นแล้วนะ โดนยุหลายทีละ 555555
พชรสู้ๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 18-11-2016 20:16:13
วันนี้ก็แอบมาดูเผื่อพชรจะมาบอกความในใจน้องม่อน
คิดถึงม่อนแจ่มจัง  :z12:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/11/59 CH.29 What Love Is Like P.24
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-11-2016 16:05:13
 :pig4 :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 22-11-2016 22:37:13
การมาของสองพ่อของไอดิลอาจจะทำให้พชรคิดไรได้บ้างเนอะ
บางเวลาคำพูดก็สำคัญ

รอลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 22-11-2016 22:45:14
 :ling2:
ไหนง่าาาาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 22-11-2016 22:45:58
มาแต่หัวข้ออ่า  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-11-2016 22:48:07
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 22-11-2016 22:52:56
มานั่งรอค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 22-11-2016 22:58:14
นึกว่าตาฝาด
เปลี่ยนหัวข้อแล้วว

มารอ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 22-11-2016 23:03:37
CHAPTER 30: Words are Wonderful

          “ฮึก..”
เสียงสะอื้นไห้ดังเบาๆอย่างพยายามสะกดกลั้น    
ดวงตาพร่ามัวจ้องมองนาฬิกา ..ไม่ได้ดูเวลา ..แต่ดูนาฬิกา
นาฬิกาเรือนเก่า เรือนเดิม ที่ดูจะมีความหมายมากกว่าที่เคย

          “ใส่ไว้ ..จะได้ดูเวลาง่ายๆนะ”

ม่อนแจ่มรู้.. ว่ามันเป็นเพียงข้ออ้าง
ข้ออ้างชนิดไหน?
ก็อาจชนิดเดียวกับ..

         “ผม.. ผมอยากจะ คือ.. ผมอยากจะลงตัวฟรีของภาควิชาปรัชญาน่ะครับ เอ่อม.. สำหรับภาคเรียนถัดไป
          ผมอยากขอคำปรึกษาจากเด็กปีหนึ่งปรัชญา ว่า..ว่าผมควรจะลงตัวไหน”   

   
         “มาแอบอยู่ตรงนี้เอง..”
คนอยู่ก่อนสะดุ้งเฮือก หันมาด้านหลังเลิ่กลั่ก ..ผู้มาใหม่คือเพื่อนคู่ซี๊นั่นเอง
มือเรียวรีบยกขึ้นปาดน้ำตาออก ..นี่ว่าเขาหลบมาหลังอาคารแล้วนะ ไอดิลยังตามเจออีก

เพื่อนร่างเล็กทรุดนั่งลงข้างๆ ยื่นกระดาษทิชชู่ให้
“กูซื้อมาจากเซเว่น ถุงเป็นรูปหมีพูห์ด้วยนะ แพ็คเกจจิ้งมุ้งมิ้งแบบที่มึงชอบ เอาไป”
“ข..ขอบใจ”
ม่อนแจ่มกระพริบตาปริบๆ รับทิชชู่คลีเน็กซ์มาจากไอดิล แต่ก็ยังแอบใช้ข้อนิ้วชี้สอดใต้กรอบแว่นปาดน้ำตาออกเร็วๆ ทำเสมือนว่าตัวเองไม่ได้..
“อยากร้องก็ร้องไปเห๊อะ ไม่ต้องอาย” ไอดิลพึมพำ แต่ม่อนแจ่มส่ายหน้า เขาไม่ได้อยาก..
“กูเป็นลูกผู้ชาย ..ไม่ควรร้องไห้”
“จะผู้ชายหรือผู้หญิง เมื่อความรู้สึกมันเต็มที่ ก็ร้องไห้ได้ทั้งนั้นแหละวะ”
“กูไม่อยากอ่อนแอ กูอยากดูแมนๆ เข้มแข็งแบบ แบบ..” ม่อนแจ่มไม่อาจเอ่ยชื่อออกมาได้ แต่ไอดิลหัวเราะน้อยๆ
“แมนๆแบบพชรก็เคยร้องไห้ ไอ้ม่อน”
“ตอนเด็กๆก็คงร้องทุกคน แต่พอโต ..พชรไม่น่าจะร้องแล้วล่ะ”

หึ..
“ร้อง” ไอดิลยักไหล่
“ไม่มีทาง” ม่อนแจ่มไม่เชื่อ
“มี” ไอดิลยืนยัน
“ทำไมมึงแน่ใจ” ม่อนแจ่มฉงน
“ก็กูเห็น”

ห๊ะ..

“เห็น?”
“เต็มสองตา” ไอดิลเสริม “รวมของหมอกด้วย เป็นเต็มสี่ตา”
ม่อนแจ่มเบิ่งตามอง “เห็นตอนไหน..”
“ก็คืนนั้นแหละ ที่มึงมาเก็บของไป ..ตอนพชรกลับมาแล้วไม่เจอมึง”
..
“มันไม่ได้พูดอะไรหรอกนะ แต่กูเห็นน้ำตา ..มันเสียใจมาก”

ใช่จะไม่รู้ว่าพชรเสียใจ..
แต่การรับฟังคำบอกเล่าว่าพชรร้องไห้ จินตนาการใบหน้าคมที่มีหยดน้ำ มัน..

คุณแม่บอกว่าพชรไปพบท่านตั้งแต่หลายเดือนก่อน ก็ประมาณเดียวกับตอนที่เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
แล้วนับจากวันนั้น.. จนถึงวันนี้.. มันนานเท่าไรมาแล้ว
สิ่งที่ม่อนแจ่มรู้สึกอยู่เทียบได้หรือกับสิ่งที่พชรเผชิญ
พชรต้องทนกับความรู้สึกแบบไหนตลอดเวลาที่ผ่านมา
แล้วตอนนี้.. ยังต้องเสียใจอีก ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรเลยสักนิด
นอกจากนั้น..
ดวงตาปริ่มน้ำมองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาสี่โมง..
พชรก็ยังมีน้ำใจและห่วงใยเขามากเหลือเกิน
ม่อนแจ่มสิ.. เก็บข้าวเก็บของออกมา กล้าหาญไม่พอที่จะสู้หน้า แมนไม่พอที่จะเอ่ยคำขอโทษด้วยตัวเองด้วยซ้ำไป

เขาใช้เวลาร้องไห้นานพอหรือยัง?
เขาควรทำตัวให้สมเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งได้แล้วหรือเปล่า?

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           แสงแดดยังแผดจ้าในเวลาบ่ายสามโมงสี่สิบห้า อาจารย์ที่ดูเหนื่อยล้ากับนักศึกษาที่ดูเหนื่อยกว่าบอกลากันในคาบสุดท้าย
พชรลากเท้าออกจากห้องเรียนปรัชญา ..วันนี้เป็นวันที่ยาวนาน เรียนตั้งแต่แปดโมงเช้า ซ้ำพักเที่ยงยังดูเหมือนไม่ได้พัก เพราะกิจกรรมของสาขาวิชาที่ต้องช่วยกันทำ ตามปกติ ภารกิจแค่นี้ไม่ยี่หระอะไรกับร่างกำยำหรอก แต่นี่มันวันที่เท่าไรแล้วก็ไม่แน่ใจที่กลางคืนไม่ยอมหลับยอมนอน จึงกลายเป็นว่าพอบ่ายคล้อย พชรก็ดูเหมือนคนพร้อมจะหลับอยู่ตลอดเวลา

         “เมื่อไหร่ซอมบี้จะออกจากร่าง ท่านธาเลส?” พรรคพวกเข้ามาตบไหล่
พชรสะบัดหัวน้อยๆขับไล่ความง่วงงุน ตอบกลับไปเรียบๆ “เมื่อไรก็คงเมื่อนั้น”

“ไอ้นี่ก็เสือกจริงวะ เรื่องคนอื่น”
..
พชรไม่ได้ตำหนิและไม่มีทางตำหนิใครเช่นนั้น เป็นเพื่อนอีกคนต่างหากเล่า

“มึงก็เลยมาเสือกเรื่องของคนที่เสือกเรื่องคนอื่นอีกที ว่างั้น?”

นั่น..
พชรขอไม่เกี่ยวแล้วกัน
เขาเดินทิ้งห่างออกมาแล้ว แต่มิวายจะได้ยินเสียงถกเถียงตามมาห่างๆ
ดูเหมือนสองคนนี้จะใช้เวลาหมดไปกับการต่อปากต่อคำกัน ..ซึ่งเป็นเรื่องที่พชรไม่ถนัดเอาเสียเลย

          วันนี้ ขายาวไม่ได้ก้าวขึ้นพาดเบาะมอเตอร์ไซค์คู่ใจเหมือนเคย เพราะวิชาแรกเรียนที่อาคารเรียนรวม ซึ่งเร็วกว่าที่จะเดินจากหอสามชาย อีกประการหนึ่ง เขาอยากใช้เวลาระหว่างเดินเท้าซึ่งเป็นระยะไม่ไกลนักคิดอะไรต่อมิอะไรบ้าง
ร่างสูงข้ามถนนออกจากตึกคณะ ผ่านหน้าภาควิชาธรณีวิทยา ตัดเข้าอาคารเรียนรวม ก่อนจะข้ามสะพานลอยเข้าสู่บริเวณอาคารกิจกรรมนักศึกษา ซึ่งดูเหมือนพอตกเย็น สภาพที่เคยวุ่นวายตอนเช้าและเที่ยงดูจะแตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งดูเหมือนจะติดรูป ติดบอร์ด จัดโชว์ภาพอะไรสักอย่าง แต่พชรก็ไม่ได้สนใจนัก ความคิดความสนใจเขาไปอยู่ที่อื่น..

        “ยังไงก็อย่าห่วงเรื่องผู้ใหญ่นักเลย มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของเด็ก..
        ทำตามหัวใจตัวเองบ้างก็ได้ พชร”

..
          “เรื่องของหัวใจ.. ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พชรต้องยอมรับให้ได้นะ
          ว่าถ้าไม่พูด ไม่ยืนยัน ..ทุกอย่างจบ”

..
 
         “ถ้าแน่ใจแล้ว ..ก็พูดๆบอกๆไปเถอะ
          ลองได้พูดสักครั้ง จากนั้นรับรอง สบ๊าย อยากพูด อยากบอกทุกวันเองนั่นแหละ”

..

         “งั้นวันนี้ พชรก็คงรู้แล้วสิ ..ว่าจะยืนยันด้วยคำพูดคำไหน”

พชรถอนหายใจ..
นึกถึงพ่อหล่อ พ่อน่ารัก ..และที่ยิ่งกว่านั้น พ่อแม่ของเขาเอง
รู้สึกได้ถึงความเมตตาปราณีที่ได้รับ ..พวกเขาเหล่านั้นรับรู้ความรู้สึกที่ตัวเองเคยผ่านมาก่อน และไม่ว่าจะผ่านผิดหรือผ่านถูก พวกเขาก็ส่งความปรารถนาดีผ่านมาทางคำพูดที่หวังให้คนอาวุโสน้อยกว่าเดินไปถูกทาง
แม้ว่าพชรไม่เคยสงสัยในความรู้สึกของตัวเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเพิ่งตระหนัก.. ว่าความรู้สึกเช่นนั้น ชาวบ้านชาวเมืองเขานิยามว่าอะไร เพิ่งรู้..ว่าควรพูดยังไง
ปัญหาตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว..

ม่อนแจ่มพร้อมหรือยังเล่า ..ที่จะรับฟัง?

          “พชร?”
..
เจ้าของชื่อสะดุ้งน้อยๆ เลิกคิ้ว หันหลังกลับไปมอง
เพื่อนหนึ่งในสองคนเรียกชื่อ ..เรียกชื่อเขา แต่กลับไม่ได้มองมาทางเขาเลยสักนิด

“พชรมันอยู่นี่ มึงไปเรียกอะไรตรงนั้นวะน่ะ?”
..
“พชร” เพื่อนคนเดิมเรียกอีก
“อะไรของมึ๊ง?” อีกคนถามซ้ำ แล้วจึงเดินกลับไปมองดูสิ่งที่ถูกเรียกว่า‘พชร’
ก่อนจะเอ่ยขึ้นบ้าง..
“พชร”

เฮ้ย!
เจ้าของชื่อถึงกับเดินย้อนกลับไป
“มีอะไร?”

ดูเหมือนเพื่อนทั้งสองไม่มีคำตอบให้..
สองคนยืนอยู่ท่ามกลางภาพวาดหลายสิบภาพที่จัดโชว์อยู่ใต้อาคารกิจกรรมนักศึกษา

‘นิทรรศการสัญจร ชมรมอาร์ทติสท์’
‘Inspiring Portrait’
ร่วมค้นหาแรงบันดาลใจของเพื่อนๆ จากแรงบันดาลใจของภาพเหล่านี้

         ปกติพชรไม่ค่อยเดินผ่านอาคารกิจกรรมนักศึกษา
เขาไม่รู้หรอกเรื่องนิทรรศการอะไรนี่ ..ขายาวก้าวช้าๆไปยังต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนทั้งสองเรียกชื่อเขาซ้ำๆ

ภาพลายเส้นดินสอ..
ภาพของบุรุษครึ่งตัวในเสื้อเชิ๊ตติดกระดุม ..แทบจะอนุมานได้ว่าเป็นเสื้อนักศึกษา
บุรุษผู้นั้นมีสีหน้าเรียบเฉย ..ในมือข้างหนึ่งผึ่งหนังสือเล่มหนาซึ่งหน้าปกเขียนว่า ‘Philosophy’
ลายเส้นแบบที่ไม่คุ้นตา ..แต่กลับมาจากลักษณะการวาดที่คุ้นเคย

“โคตรเหมือนพชร บังเอิญเหรอวะ?”
“ไม่มั้ง”
“ใครวาด มีชื่อไหม?”
“มีๆ นี่.. มุมข้างล่างตรงนี้”
..
..
“มน ชาม.. อ๊อฟ เมคคานิคอล เอ็นจิเนียร์ริ่ง เรอะ?”
เพื่อนพยายามอ่าน ขมวดคิ้วน้อยๆ ..อ่านชื่อศิลปินซึ่งเขียนว่า

‘Mon Cham of Mechanical Engineering’

พชรพิจมอง..
มือแกร่งทาบเบาๆบนกรอบกระจก ราวกับการทำเช่นนั้นจะได้สัมผัสมือเรียวที่ลงเส้นทั้งหมดในภาพนี้
ภาพวาดที่เขาดูรู้ ว่าคนวาดค่อยๆวาดทีละน้อย ค่อยๆวาดจากความรู้จัก.. วาดจากความรู้ใจ..

“วาดโคตรเหมือน..”
สองเพื่อนพึมพำ “รู้จักคนวาดไหมพชร?”
..
“รู้จัก” เสียงเข้มตอบรับหนักแน่น ก่อนก้าวยาวๆวิ่งแน่วตรงออกจากอาคาร
“เฮ้ย! แล้วนั่นจะรีบไปไหน?”เพื่อนตะโกนไล่หลัง และพชรก็มีคำตอบเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
“คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         อาคารเก่าราวระเบียงสีม่วงยังตั้งอยู่ที่เดิม
ม่อนแจ่มย่างเท้าช้าๆ มาหยุดหน้าหอสามชาย ..Kawasaki D-Tracker จอดอยู่ในลาน
“ไม่ได้เห็นหน้า เห็นล้อรถก็ยังดีหรือไง?” เพื่อนรักแซว
ม่อนแจ่มไม่ตอบโต้ อึดใจหนึ่งจึงกัดปากน้อยๆ เอ่ยอย่างตัดสินใจ “วันนี้ กูจะขึ้นไปด้วย”
“อ่าม.. กูยังไปไม่ได้ ต้องรอไอ้พีก่อน มีเรื่องงานกลุ่มจะคุยกับมัน”
“อ้าว เหรอ ..แล้วมึงเดินมากับกูทำไมวะ”
“กูมาเป็นเพื่อน” ไอดิลยิ้ม
ตอนแรกคิดว่าม่อนแจ่มคงคิดถึงพชร แค่มาดูบริเวณหน้าหอก็ยังดี แต่นี่.. ถึงขนาดจะขึ้นไปข้างบน
“สู้ๆ ไอ้ม่อน!” ไอดิลให้กำลังใจ
คราบน้ำตายังเกาะอยู่บนใบหน้าคู่ซี๊ ถึงแม้จะไม่ได้สะอื้นแต่ก็เห็นชัดว่าร้องไห้มา ม่อนแจ่มไม่ได้ดูมีความมั่นใจมากนัก แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าปัญหาจะมากน้อยแค่ไหน ข้างบนห้องมีพชรอยู่ และพชรก็เป็นคนสุดท้ายที่จะทำร้ายจิตใจเพื่อนของเขา

“กูไปได้ มึงกลับไปหาไอ้พีเหอะ” ม่อนแจ่มพยักเพยิดกลับไปทางคณะ
ไอดิลถอนหายใจนิดหนึ่ง “ไอ้ม่อน มึงไม่ต้องเคาะประตูนะ”
ม่อนแจ่มเลิกคิ้วอย่างฉงน ยังไง.. ไม่ต้องเคาะประตู..
“พชรหลับ” ไอดิลขยายความ
“หลับ..” เสียงเล็กทวนคำ
“ใช่ หลับ” ไอดิลย้ำและเสริม “กลางคืนมันไม่ค่อยนอน กูเลิกเรียนกลับมา ก็เห็นมันหลับอยู่ทุกที แล้วมึงก็รู้ พชรหลับลึกจะตาย เคาะไปก็ไม่รู้สึกตัวหรอก”

ม่อนแจ่มชะงักไป ..พชรไม่นอนอีกแล้ว

           มือเรียวยกขึ้นไหว้ทักทายป้ายามก่อนขึ้นบันได ก้าวช้าๆ..
ชั้นสอง.. ชั้นสาม.. เดินมาตามทางเดินที่คุ้นเคย จนหยุดหน้าประตูห้องสามสามแปด
มือยกขึ้นกำน้อยๆอย่างเคยชิน ก่อนจะนึกได้ ..ไม่ต้องเคาะ
ม่อนแจ่มไขกุญแจ.. แล้วจึงค่อยๆคว้าลูกบิดหมุน ผลักประตูเปิดเข้าไปเบาๆ

ทว่า.. ภายในว่างเปล่า
ไม่มีใคร..

ม่อนแจ่มยืนนิ่ง มองสำรวจเตียงเดี่ยวและเตียงล่างของตัวเอง
ใจหนึ่งก็รู้สึกโล่ง.. ใจหนึ่งก็รู้สึกหนัก..
เป้ใบเก่าถูกปล่อยลงพื้น ร่างเล็กทรุดนั่งพิงเตียงเดี่ยว ซึ่งเคยนั่งมาก่อนแล้ว
เขาเคยนั่งหลับตรงนี้เมื่อเทอมก่อน แล้วพชรก็เข้ามา เหมือนจะพึมพำให้เขาไปนอนที่เตียง
เขาวาดรูปการ์ตูนให้พชร ..หวังให้พชรไม่ลืมเขาตลอดปิดเทอม

ทุกอย่างแจ่มชัดเหลือเกินในความรู้สึก..
ดวงตาในกรอบแว่นมองขึ้นไปบนฝาผนัง ภาพวาดการ์ตูนสองภาพของเขาติดอยู่ที่เดิม
เขาสะอึกเมื่อเห็นประโยค ‘มึงจะต่อยกับกูไหม!?’ ที่เคยเขียน ..นึกโกรธ นึกละอายขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่ได้นับ
ม่อนแจ่มอดตำหนิไม่ได้ที่ตัวเองเป็นเด็กน้อยเอาแต่ใจตลอดเวลาที่ผ่านมา

“กูขอโทษ..”
เสียงแผ่วพึมพำเบาๆ ..ซึ่งก็ไม่มีใครได้ยิน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          คณะที่กว้างขวางและบรรจุประชากรมากเป็นอันดับต้นๆ ‘คณะวิศวกรรมศาสตร์’
ในยามเย็นเช่นนี้ นักศึกษายังคงมากหน้าหลายตา พชรแทบจะหันมองทุกคนที่เดินผ่านไป
เขาอยากพบม่อนแจ่ม ..เดี๋ยวนี้..

และแล้ว มันก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือม่อนแจ่ม
ผู้ใหญ่อาจชี้ได้ว่าควรไปทางไหน อาจแนะนำได้ว่าให้ก้าวขาอย่างไร
ทว่า คนที่ทำให้เขายกเท้าเริ่มย่างไป ก็ต้องเป็นเจ้าของหัวใจคนเดียวเท่านั้น
ถ้าภาพวาดแทนได้เป็นล้านความรู้สึก.. พชรก็รับรู้ทุกความรู้สึกของม่อนแจ่มในคราเดียว
และพชรก็อยากให้ม่อนแจ่มรู้ ..ว่าเขาไม่ได้รู้สึกต่างกัน
แม้เขาจะไม่อาจวาดภาพได้สักภาพเดียว
แม้ว่า.. เขาจะมีแค่คำคำเดียว

ร่างกำยำจากคณะมนุษยศาสตร์พุ่งตรงไปตามทางสู่ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลก่อน แต่ยังไม่ทันที่จะพ้นตึกแรกที่เข้ามา เขาก็ได้ยินเสียงเรียก

         “พ..พชร!?”
ไอดิลที่นั่งรอพีระศิลป์ยังม้าหินอ่อนเด้งตัวลุกขึ้นยืน ตกใจยิ่งกว่าเห็นโรเบิร์ต ดาวส์นี่ จูเนียร์ใส่เกราะเหล็กไอรอนแมนมาเดินกาดพะยอม
เจอหน้าพชรในหอทุกวัน ซึ่งก็เจอแค่ในหอเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะมีโมเม้นท์เจอกันข้างนอก ..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้างนอกที่ว่าคือคณะเขาเอง
ท่านพชรมาเยือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ คุณพระ.. ไอดิลนึกว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้เห็นเสียแล้วเชียว
นี่ถ้าไม่รู้จากเมษาและเมถุน-แฝดนรก ว่าพชรเคยมาหาม่อนแจ่มแล้ว ไอดิลต้องคิดว่าเพื่อนที่ไม่สนิทที่สุดของม่อนแจ่มปลอมตัวเป็นพชรแน่ๆ

        “ม่อนล่ะ?”
ผู้มาเยือนรีบถาม ไม่สนใจสายตาตกตะลึงของรูมเมทสิ่งแวดล้อม
“เดี๋ยว!” ไอดิลยกมือห้าม “กูขอเม็มใส่หมองไว้แป๊ปนึง นี่เป็นนาทีประวัติศาสตร์ ซึ่งต้องจารึกไว้ว่า-”
“ไอดิล” พชรตัดบท ถามซ้ำ “ม่อนอยู่ไหน?”
เออว่ะ.. ไอดิลระลึกได้ว่านี่ไม่ใช่เวลามาเกรียน แต่เป็นเวลาแห่งความสมานฉันท์
“ไอ้ม่อนไปหอ ไปหามึงแหละ กลับหลังหันเลยพชร!”

ไปหอ..
ไปหาเขา..


พชรหันหลังกลับ วิ่งแน่วกลับไปหอสามชายที่เพิ่งผ่านมา
ให้ตายเถอะ..
 
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 22-11-2016 23:16:06
         นาฬิกาบอกเวลาสี่โมงครึ่งแล้ว ม่อนแจ่มยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
ในใจรอคอยเสียงไขกุญแจเปิดประตู ..ความคิดเรียบเรียงสิ่งที่จะพูดหากคนที่ก้าวเข้ามาคือพชร

        ,,Use me as you will
        Pull my strings just for a thrill
        And I know I’ll be okay
        Though my skies are turning gray


เสียงเรียกเข้าดังขึ้นในความเงียบ ม่อนแจ่มสะดุ้งน้อยๆ ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง
แน่นอน.. หน้าจอแสดงชื่อ ‘คุณแม่’ ท่านคงเลิกงานและจะเข้ามอมารับแล้ว
ร่างเล็กถอนหายใจ มือปัดฝุ่นออกจากเตียงเดี่ยวซึ่งก่อนหน้านี้ใบหน้าตัวเองซบอยู่ ขาค่อยๆหยัดขึ้นยืน มองรอบๆห้องอีกครั้งอย่างคิดถึงและห่วงใยคนที่อาศัยอยู่ในนี้ ก่อนมือจะเอื้อมหมุนลูกบิดและดึงประตูเปิดออก

ทว่า.. การเปิดนั้นทำให้เสียการทรงตัว เพราะแรงผลักจากอีกด้านหนึ่งของประตูที่มากกว่า

        “เฮ้ย!”
เสียงเล็กสบถลั่นอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ เกือบล้มหงายหลัง
แต่ก็ไม่ล้ม.. เมื่อมือแข็งแรงข้างหนึ่งสอดรวบเอว อีกข้างคว้าไหล่เอาไว้ทันเวลา
ดวงหน้าขาวปะทะแผ่นอกแข็ง.. จมูกได้กลิ่นที่คุ้นเคย..
ดวงตาใต้กรอบแว่นแดงเบิ่งกว้างเมื่อเงยสบกับดวงตาสีเข้มที่ตกใจไม่แพ้กัน
ม่อนแจ่มชะงัก งุนงงชั่วขณะว่าเกิดอะไรขึ้น

ม่อนแจ่มดึงประตูเปิด..
พชรก็ผลักประตูเปิด..
ซึ่ง.. คงบอกได้ไม่ยากว่าใครจะเสียหลัก..
 
“อะ..” ม่อนแจ่มอ้าปากค้าง 
ใช่.. เขามาพบพชร แต่ไม่ได้คาดว่าจะพบหน้ากันจังๆ แถมยังใกล้ชิดจนแทบใจหายใจคว่ำแบบนี้
สัมผัสของมือหยาบที่แตะตัวทำให้ใจสั่น
ฟันเล็กกัดริมฝีปากเบาๆ ผละออกพร้อมๆกับที่อีกฝ่ายคลายมือ
สองคนภายในห้องสามสามแปดเงียบไปอึดใจเต็มๆ หัวใจยังเต้นแรงด้วยอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
แล้วก็เป็นพชรที่ตั้งสติได้ก่อน..

“เจ็บหรือเปล่า”
..คำถามยอดฮิตของพชร
"ม..ไม่เจ็บ" ม่อนแจ่มส่ายหน้าประกอบคำตอบ

“ขอโทษ” เสียงเข้มเอ่ยก่อนจะเสริม “..ที่ไม่ได้เคาะประตู”
“ไม่เป็นไร” ม่อนแจ่มส่ายหน้าอีกที ..รู้สึกว่าเป็นอีกครั้งที่พชรขอโทษอย่างไม่จำเป็นเลย

ขอบคุณ..
ขอโทษ..
ไม่เป็นไร..


การสนทนาน้อยนักเมื่อเทียบกับระยะเวลาและความรู้สึกที่ให้กันระหว่างเขาสองคน น่าแปลกใจที่ม่อนแจ่มตระหนักได้ว่า.. สามคำนี้ถูกเอ่ยบ่อยมาก และเช่นเดียวกัน.. มันเป็นคำที่งดงามเหลือเกิน

“ตอนเข้ามาทีแรก กูก็.. ไม่ได้เคาะเหมือนกัน” ม่อนแจ่มบอกให้พชรสบายใจ
“คือ.. ไอ้ดิ้ลบอกว่ามึงหลับ”

ก็จริง..
พชรพยักหน้ารับ เขาหลับตอนเย็นติดกันมาหลายวันแล้วเพราะง่วงจนเกินขีดจำกัดร่างกาย

“ทำไม กลางคืนไม่ยอมนอน..” ม่อนแจ่มห้ามตัวเองไม่ทันที่จะถามออกไป
“นอนไม่หลับน่ะ” เสียงเข้มยอมรับตรงๆ ..แม้จะไม่ได้เสริมว่าเพราะอะไร
ม่อนแจ่มกัดริมฝีปาก ..ใต้ตาพชรมีรอยคล้ำอีกแล้ว เขาไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย
“กูเป็นห่วงมึง..”
พชรถึงกับยิ้ม หน้าคมพยักเล็กน้อย “กูรู้..”

บ้าจริง..
ม่อนแจ่มพูดบ้าอะไรอยู่ได้ จะมาปากตรงกับใจอะไรตอนนี้เล่า ..นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่าจะมาพูดสักหน่อย

“กู..”
เสียงเล็กเรียบเรียงคำพูด พยายามเข้าสู่ประเด็นที่ตั้งใจ กระนั้น คนพูดมากกลับรู้สึกติดขัดในลำคอเหลือเกิน มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่งที่จะสื่อสาร
“กู.. คือคุณแม่บอกว่า.. มึงกับคุณน้าลดาไม่ยอมไปอยู่บ้าน”
รอยยิ้มที่แต้มริมฝีปากหนาจางไป “กูมีบ้านอยู่แล้ว”
..
..
ม่อนแจ่มนิ่ง ชะงัก ไม่รู้จะพูดให้ดูดีได้อย่างไร
“กูแค่.. กูหมายถึง..”
..
“มันควรจะ..”

พชรถอนหายใจ..
ตระหนักในความอึดอัดตึงเครียดของคนตรงหน้า รู้ดีในสิ่งที่พยายามพูดออกมา
ม่อนแจ่มรู้สึกผิด ม่อนแจ่มเสียใจในสิ่งที่เกิดกับเขาและมารดา ม่อนแจ่มถึงไม่อยากเผชิญหน้า ถึงได้เก็บของออกไป พชรเข้าใจ และไม่ได้พยายามจะยัดเยียดความรู้สึกใดๆของตัวเองให้ร่างเล็กต้องหนักใจเพิ่ม
ทว่า วันนี้ ในเมื่อม่อนแจ่มพูดออกมาแล้ว เขาก็อยากจะพูดให้ชัดเจนเหมือนกัน
พชรยกมือขึ้น อยากจะบอกว่าไม่เป็นไร และมันก็พอดีกันกับ..

“กูขอโทษ..”
มือเรียวเล็กสองข้างประนมขึ้นแนบอก ปลายนิ้วชี้อยู่ที่ปลายคางมน หน้าที่ขาวจนซีดก้มลงเล็กน้อย
ใจไม่ได้นึกถึงแค่คนตรงหน้าเท่านั้น แต่ระลึกถึงสาวใหญ่ใจดีที่มีดวงตาคล้ายคลึงกันด้วย

ขอโทษสำหรับความลำบากในชีวิต
ขอโทษสำหรับความไม่สมบูรณ์ของครอบครัว
ขอโทษที่เป็นสาเหตุให้พชรเป็นทุกข์และลำบากใจตลอดชีวิตการอยู่หอใน
ขอโทษที่แทนที่พชรมาตั้งแต่เกิด
มันสำคัญสำหรับม่อนแจ่มมาก ..สำคัญที่จะต้องขอโทษ

“พชร กูขอโทษ”
“ม่อน ทำบ้าอะไร!” เสียงเข้มว้ากลั่น มือใหญ่เข้ามาจับมือที่ประกบกันให้คลายออก
“กูบอกแล้วไงว่ามึงไม่ได้ทำอะไรผิด!”
“ในฐานะที่เป็นลูกคุณแม่ ก็ถือว่ากูผิดด้วยเหมือนกัน”

ให้ตายเถอะวะ!
“แล้วมึงคิดว่ากูยังจะสนอีกหรือว่าใครผิด”
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย “ก็เพราะแบบนั้น ..กูถึงยิ่งต้องขอโทษ”
“ไม่ต้องขอโทษและไม่ต้องเสียใจ” พชรพูดชัดถ้อยชัดคำ จับมือบางทั้งสองข้างไว้
“ไม่ว่าจะเป็นความผิดของใครมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะว่ากู..”

ถึงแม้บรรยากาศมันจะโคตรธรรมดา..
ถึงแม้เขาจะพูดด้วยโทนเสียงที่ไม่ได้มีความอ่อนโยนมากมายนัก..
แต่เขามีคำสำคัญต้องบอกไป ..และจะบอกเดี๋ยวนี้

“ม่อน ฟังให้ดี..” พชรให้โอกาสอีกฝ่ายเตรียมตัว
“กู-”

..
..

คำพูดหยุดอยู่เพียงแค่นั้น
ไม่ใช่เพราะไม่พูด ..แต่เพราะพูดไม่ได้
เป็นเท้าเรียวที่เขย่งขึ้น
เป็นมือเล็กที่ทาบปิดปากพชรเอาไว้ทันเวลา

ม่อนแจ่มมือสั่น แต่ก็ยังแน่วแน่ที่จะสกัดกั้นคำพูดที่จะออกมา
คำพูดที่ไม่ต้องการได้ยิน.. ไม่สมควรได้รับ..

“กูรู้ว่ามึงรู้สึกยังไงกับกู..”
ม่อนแจ่มรู้โดยไม่ต้องพยายาม.. รู้โดยไม่ต้องทวงถาม.. รู้โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น..

“แต่กู.. รับความรู้สึกมึงไว้ไม่ได้”
..
..
เหมือนใจจะขาดออก..
พชรมองม่อนแจ่มนิ่ง ลมหายใจชะงักชั่วคราว รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มที่อยู่ใต้จมูก
เขายังไม่ทันได้บอกว่ารู้สึกอย่างไร แต่กลับถูกปฏิเสธไว้แล้วล่วงหน้า ด้วยคนที่ ..รู้ความรู้สึกเขาดี

“เพราะมึงรู้สึกกับกูแบบนี้ มึงถึงต้อง..” ม่อนแจ่มกลืนอะไรขมๆลงคออย่างยากลำบาก
“พชร ถ้ากูไม่บังเอิญรู้เอง กูจะไม่แปลกใจเลยถ้ามึงไม่มีวันบอก” มือบางยังทาบปิดปากหนาไว้ เอ่ยต่อทั้งทรมานใจ
“กูไม่อยากให้มึงทิ้งโอกาสที่จะได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่อย่างเป็นครอบครัว เพียงเพราะความรู้สึกที่มึงให้กู”
..
..
พชรยืนนิ่ง
ภายใต้ฝ่ามือที่ทาบปิด ปากหนาเม้มเข้าหากัน คลื่นความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ใช่ด้านบวกโถมเข้ามาใส่
ดวงตาที่มีประกายคมกล้ามองดวงตาอีกคู่ภายใต้กรอบแว่นสีแดงโดยไม่กะพริบ
ม่อนแจ่มเองมองตอบ ทว่า ไม่อาจสู้กับสายตาคู่นี้ได้ ..จำต้องค่อยๆละมือออกอย่างเกรงๆ

พชรยังไม่ได้รีบพูดอะไร
แค่มอง แค่รอ ..ว่าม่อนแจ่มจะพูดอะไรต่ออีกหรือไม่ พร้อมๆกับที่พยายามข่มอารมณ์ตัวเองไปด้วย

“มึงคิดว่าชีวิตกูที่ผ่านมาแย่มากนักหรือ” พชรถามเรียบๆ
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย เพ่งมองมือหยาบด้านที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับมือขาวบางของเขา ความละอายใจท่วมท้นอยู่ในอก

“ม่อน..”
พชรหยุด ..เรียบเรียงคำพูด
“กูลำบาก ..แต่ไม่ได้ยากแค้น กูเหนื่อย ..แต่ไม่ได้เป็นทุกข์ เพราะกูมีความสุข มีความภูมิใจกับงานที่ทำ 
กูพอใจกับทุกๆอย่างที่กูมี ..และไม่เคยเสียใจเลยที่เติบโตมาในแบบที่กูเป็น”
..
“มึงเป็นคนที่น่านับถือ..” ม่อนแจ่มยิ้มออกมา แม้ดวงตาจะเศร้า แต่เขาเอ่ยด้วยความจริงใจ
นับตั้งแต่ได้รู้จักใครๆในชีวิต พชรเป็นคนที่น่านับถือที่สุด
“กูดีใจที่มึงมีความสุขกับชีวิตมึงที่บ้าน ที่สวน แต่.. มันก็ไม่เสียหายนี่ใช่ไหม ที่จะ.. มีอีกสักที่ ..ที่เป็นที่ของมึงเหมือนกัน”
“หมายถึงที่บ้านมึงน่ะหรือ” พชรถามเสียงกระด้าง
“ไม่ใช่บ้านกู” ม่อนแจ่มปฏิเสธ พยายามห้ามเสียงไม่ให้สั่น
“ไม่ใช่บ้าน?” พชรย้อน
“แล้วมึงเรียกที่ที่มึงเกิด ที่ที่มึงเติบโต ที่ที่ปกป้องป้องดูแลมึงจากลมฟ้าอากาศ ที่ที่มีคนซึ่งมีความหมายต่อชีวิตของมึงอาศัยอยู่ว่าอะไร ม่อน”
ม่อนแจ่มกัดฟัน “กูไม่ควรจะอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่ต้น กูไม่มีสิทธิ์เลย”
“สิทธิ์นั่นสำคัญกับมึงมากนักหรือ ขนาดกูยืนพูดอยู่ตรงนี้ มันยังไม่มีความหมายเท่าสิทธิ์อะไรนั่นเลยใช่ไหม!” เสียงเข้มระเบิดออกมา
..
..
“ตกลง ม่อน” พชรพยักหน้า สะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวอีกต่อไป
“มึงเสียใจ มึงรู้สึกผิด มึงรับความรู้สึกกูไว้ไม่ได้ ตกลง ออกไปจากห้องนี้ซะ!”

ขาเรียวสั่น.. กัดฟันเอาไว้..
ม่อนแจ่มจะไม่ร้องไห้ ไม่ร้องไห้เด็ดขาด กระนั้น เขาก็ได้แต่ยืนนิ่ง ทบทวนถ้อยคำและเงยหน้ามองพชรอย่างขอคำยืนยัน
..ออกไปจากห้องนี้ซะ..

“สองวิฯ” พชรมองตอบกลับ เอ่ยสั้นๆ และนั่นทำให้ม่อนแจ่มขมวดคิ้ว
“ให้เวลาสองวินาที เดินออกไป ม่อน” พชรขยายความห้วนๆ
..
“ก่อนที่กูจะเข้าไปกอดมึงไว้ ทำอะไรที่กูอยากทำ แล้ววันนี้มึงจะไม่ได้ออกไปไหนเลย”

ม่อนแจ่มมองหน้า ดวงตาเบิ่งค้าง
พชรพูด.. พูดอะไรนะ..

“หนึ่ง..”
เสียงเข้มเริ่มต้นนับ ขายาวก้าวเข้ามาหา แววตาจริงจังนั้นทำให้ม่อนแจ่มรู้ว่าพชรทำตามที่พูดแน่นอน
และเขาก็ระลึกได้ว่าตัวเองยังไม่พร้อม..

“สอง”
..
ม่อนแจ่มก้าวถอยหลัง พยายามเอื้อมหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตู
ทว่า ไม่ทัน เมื่อเอวบางถูกรวบเข้ามาในอ้อมแขนแข็งแรงอย่างจงใจ

“พ..พชร ปล่อย" เสียงเล็กสั่นรัว สัมผัสเช่นที่เคยได้รับทำให้แข็งใจเอ่ยเช่นนี้ได้ลำบากนัก 
“ไม่” พชรปฏิเสธสั้นๆ “ครบสองวิฯแล้ว”
“แค่สองวิฯ กูจะไปออกทันได้ยังไงเล่า” ม่อนแจ่มพยายามเถียง
ดวงตาสองคู่มองกันอีกครั้ง ..มองจนเห็นกันและกันชัดเจนถึงข้างในใจ
ใบหน้าคมโน้มลง จมูกโด่งเคลียกับจมูกรั้นของคนตัวเตี้ยกว่าเบาๆ ริมฝีปากใกล้จนแทบจะแนบชิดกันเหมือนที่มันเคยเกิดขึ้นมาก่อน

ม่อนแจ่มตัวสั่นในอ้อมแขน ความสับสนแล่นปราดเข้ามาจนรู้สึกปวดร้าว..
เขาอยากอยู่ในอ้อมกอดนี้เหมือนกัน เต็มใจให้พชรทำอะไรก็ตามที่บอกว่าจะทำ แต่.. เขาไม่รู้เลยว่าแบบนั้นมันจะพาอะไรๆไปจบลงตรงไหน
ม่อนแจ่มไม่อยากทำตามความพอใจของตัวเองโดยลืมนึกถึงบาดแผลที่ได้สร้างไว้ให้กับพชรและคุณน้าเพชรลดา

          ,,Use me as you will
          Pull my strings just for a thrill
          And I know I’ll be okay
          Though my skies are turning gray


โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง..
“พ..พชร กูต้องไปแล้ว” เสียงพร่าเอ่ยอย่างวอนขอ
รู้ดีว่าถ้าพชรไม่ยอมปล่อยเอง ม่อนแจ่มไม่มีทางต่อต้านได้แน่นอน
พชรถอนหายใจเบาๆ หน้าคมจำต้องเบี่ยงออก หักห้ามความต้องการของตัวเอง ค่อยๆปล่อยร่างเล็กออกจากวงแขน

“กูขอโทษ” พชรเอ่ยคำนี้อีกครั้ง เขาไม่ได้ตั้งใจบังคับหักหาญร่างน้อยนี้เลย ไม่อยากทำอะไรรุนแรงใส่เลยแม้แต่นิดเดียว
ทว่า ม่อนแจ่มก็รีบส่ายหน้า พชรต้องพูดคำนี้อย่างไม่จำเป็นอีกแล้ว
“ไม่เป็นไร คือ.. ไม่ใช่ว่ากู..”
อะไรล่ะ? ม่อนแจ่มกำลังจะบอกว่าอะไร

..ไม่ใช่ว่ากูไม่เต็มใจ..
..ไม่ใช่ว่ากูไม่ต้องการ..


แล้วมันควรพูดหรือยังไง?
ม่อนแจ่มได้แต่กัดปากไว้ ไม่กล้าพูดอะไรต่อ แต่.. พชรเข้าใจ
เขาค่อยๆจับข้อมือขวามากุมไว้หลวมๆ “ไปเถอะ”
“ไปไหน” ม่อนแจ่มงุนงง
“กูไปส่ง”

..ไปส่ง..

“ไม่เอา” ม่อนแจ่มส่ายหน้าดิกอย่างหวาดหวั่นใจเมื่อนึกถึงคนที่น่าจะรออยู่
“ไม่เป็นไรหรอก” เสียงเข้มยืนยัน “เชื่อใจกูเถอะ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          สัมผัสของมือนุ่มชื้นเหงื่ออยู่ในมือใหญ่ เสียงหัวใจที่เต้นรัวดังมากจนพชรแทบจะได้ยินด้วย
แน่นอน.. ม่อนแจ่มคงหวาดกลัวการเผชิญหน้าระหว่างเขากับมารดาของเจ้าตัว กระนั้น พชรก็ยังคงจูงมือม่อนแจ่มเดินมาด้วยกัน

จนถึงเวลานี้.. มันไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว
ม่อนแจ่มเองก็ใช้เวลารู้สึกผิดจนน่าจะพอได้แล้ว พชรไม่อยากให้นานกว่านี้
ดีแล้วล่ะที่ระมิงค์มา ที่จริง.. เขาก็อยากเจอระมิงค์เหมือนกัน
อะไรที่อยากจะบอกม่อนแจ่ม ในเมื่ออีกฝ่ายไม่พร้อมรับฟัง เขาก็จะไม่บังคับ
ไม่บังคับ ไม่รังแก ไม่หักหาญจิตใจ มันเป็นปณิธานที่เขาไม่มีทางคลายยึดถือ

      ห   น้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาวใหญ่ในชุดสูท กระโปรงคลุมเข่าก้มลงมองโทรศัพท์ก่อนจะเอามาแนบหู และแน่นอน อึดใจเดียวให้หลัง ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์คนข้างๆ..
ตาคมมองข้ามถนนไป ก่อนที่ใบหน้าขาวจะเงยขึ้นและมองเห็นเด็กหนุ่มสองคนที่ยืนฝั่งตรงข้าม
พชรกระชับมือม่อนแจ่ม พาข้ามถนน หย่อนฝีเท่าลงเมื่อพ้นทางม้าลาย

ดวงตาสีเข้มมองผู้ใหญ่ตรงหน้า ระมิงค์เองก็มองตอบกลับมา
การพบกันครั้งแรกยังตรึงอยู่ในใจ..

        “เราเป็นใคร แล้วมีธุระอะไรกับฉัน?”
        “ผม.. ชื่อพชรครับ”
        “ฉันรู้จักหรือ?”
        “ไม่หรอกครับ”
..
         “คุณแม่ผมชื่อเพชรลดา..”
 
         “ผมให้โอกาสคุณ สารภาพเองซะ ก่อนที่ผมจะเป็นคนไปบอกเขา”
         “ฉ..ฉันไม่รู้เรื่อง..”
         “คุณไม่รู้หรือครับ”
..
         “ขับไล่ภรรยาที่อุ้มท้องลูกของคนที่คุณจะแต่งงานด้วย พูดจาดูถูก ใช้เศษเงินฟาดหัว ..เรื่องนี้คุณไม่รู้หรือครับ”
..
         “ถ้าอย่างนั้น ผมขอบอกอีกเรื่องหนึ่ง บางทีเรื่องนี้ คุณอาจจะรู้บ้าง”
..
         “แสงรวี”


พชรมองระมิงค์แน่วแน่..
ใบหน้าเปื้อนหยาดน้ำตา มือที่ยื่นส่งดอกลิลลี่สีขาวให้มารดากลับมาปรากฏในห้วงคำนึง

         “ฉันขอโทษ..”

ระมิงค์มองเด็กหนุ่ม..
หลายครามาแล้วที่ได้พบกัน และแต่ละครั้ง.. ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขามันก็เปลี่ยนไปเสมอ
พชรทำให้เธอแปลกใจ แปลกใจมากขึ้นทุกครั้ง แล้วตอนนี้ เธอก็รู้เหตุผลชัดแจ้งแล้วว่าทำไม และเมื่อดูจากมือที่เกาะกุมมือลูกชายอยู่ก็ดูเหมือนพชรไม่คิดจะปิดบังมันเอาไว้ด้วย

        ยากยิ่งที่จะละจากมือคู่นี้ที่สัมผัสมาหลายครา..
อย่างไรก็ตาม.. พชรปล่อย มือหยาบกร้านของเขายกขึ้น ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ ..และไม่เคยคิดว่าจะทำ
พชรยกมือไหว้ระมิงค์ ทำความเคารพมารดาของคนสำคัญ
สาวใหญ่กลืนน้ำลายลงคอ ปากเม้มเข้าหากันอย่างสกัดกลั้นความรู้สึก มือเรียวยกขึ้นประนมกลางหน้าอก ..ทั้งรับไหว้ ..ทั้งไหว้ตอบเด็กหนุ่มอย่างสมควรยิ่ง

        “ผมมาส่งม่อน ..ครับ”
เสียงเข้มเอ่ยเรียบๆ และคนถูกเอ่ยถึงก็มองคนพูดสลับกับผู้เป็นมารดาอย่างแทบไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
“และผม.. มีบางอย่างจะพูดกับคุณระมิงค์ด้วย”
พชรไม่ได้หันมองม่อนแจ่ม ระมิงค์เองก็เช่นเดียวกัน
เธอพยักหน้า พอเข้าใจว่าที่ไม่พูดออกมาเลยเพราะอยากพูดแค่กับเธอเท่านั้น ร่างระหงก้าวห่างออกไปเล็กน้อย นำให้พชรก้าวเดินตามไป

         “มีอะไรจะพูดกับฉันหรือ?” เสียงเนิบตั้งคำถาม เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มเอ่ยอะไรก็ตามที่อยู่ในใจออกมา
พชรมองผู้มีอาวุโสกว่าตรงหน้า ไม่ว่ามองในแง่มุมใด เขานั้นอายุยังน้อยและเรื่องใหญ่เช่นความรู้สึกที่เป็นอยู่ในขณะนี้ควรต้องค่อยเป็นค่อยไป
ทว่า.. พชรพาม่อนแจ่มข้ามขั้นนั้นไปแล้ว เขาสองคนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว และมันไม่ใช่อุบัติเหตุ ไม่ได้ฉาบฉวย ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกาย มันจึงเป็นหน้าที่เขาที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำและยืนยันเหตุผลของมันให้ชัดเจนไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่

ม่อนแจ่มไม่พร้อมรับฟัง แต่พชรพร้อมจะพูด
และคนที่เขาควรจะพูดด้วย หากไม่ใช่ตัวม่อนแจ่ม ก็คือ.. คุณระมิงค์
เขาอยากพูดเพื่อให้เกียรติเธอในฐานะมารดาของคนที่เขาสัมผัสแตะต้อง
ให้เกียรติม่อนแจ่ม และที่สุดแล้ว.. ให้เกียรติตัวเขาเอง

“ผมไม่เคยเกลียดม่อน” พชรเริ่ม
“ฉันรู้..” ระมิงค์จำได้
“แล้วที่สำคัญ ผมก็รัก..”
พชรหยุด..

‘รัก’
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดคำนี้ พูดออกมาจากความรู้สึกตัวเอง ไม่ใช่เพียงทวนคำของพ่อน่ารักอย่างเมื่อวาน
การพูดออกมาจากความรู้สึกของตัวเอง นั่นก็หมายถึงการตระหนักและยอมรับพันธะของคำที่พูดไปพร้อมกันด้วย

        คำจะมีความหมายที่ประเมินค่าไม่ได้ เมื่อมันทำหน้าที่สะท้อนความรู้สึกแท้จริงที่อยู่ในใจเราออกมา
        เมื่อมันได้สอดรับกับการกระทำทั้งหมดทั้งมวลที่เราทำลงไป..


“ผมรักลูกชายคุณระมิงค์”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 22-11-2016 23:31:26
         “แม่ขับเองก็ได้นะ”
ระมิงค์เอ่ยออกมาจากที่นั่งข้างคนขับ ใบหน้าลูกชายขึ้นสีจัดขณะมือจับพวงมาลัยรถ
เธอมารับก็จริง แต่เมื่อมาถึง ม่อนแจ่มก็จะเป็นคนอาสาขับรถให้เธอนั่งเองทุกครั้งไป
“ไม่.. ไม่เป็นไรครับ ม่อนขับได้” ม่อนแจ่มตะกุกตะกัก พ่นลมหายใจน้อยๆ ตั้งสมาธิกับการมองถนน
“ได้ยินหรือ?” เสียงนุ่มของผู้เป็นมารดาถามตรงๆเมื่อเห็นอาการ
“ด..ได้ยินอะไรครับ”
“ก็.. ที่พชรพูดกับแม่”
..
“ไม่ได้ยินครับ”
ด้วยความสัตย์ ม่อนแจ่มไม่ได้ยิน แต่บ้าจริง.. เขากลับรู้ว่าพชรพูดอะไร
ใบหน้าขาวขึ้นสีจัดอีกครา.. แค่ที่พชรเดินลงมาส่งก็เกินความคาดหมายอยู่แล้ว นี่พชรขอพูดกับมารดา พูดว่า..
ม่อนแจ่มสะบัดหน้าไปมาอย่างลืมตัว ใจเต้นไม่ตรงจังหวะนัก
ใช่.. ที่พชรตั้งใจจะบอกเขา
แต่ว่า.. ไม่รู้ทำไม การที่พชรบอกกับมารดามันดูเป็นเรื่องจริงจังมากกว่า ..เหมือนพชรเพิ่งจะทลายกำแพงความรู้สึกผิดที่ม่อนแจ่มสร้าง ..เหมือนพชรทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายดาย

          ร่างเล็กเลี้ยวรถเข้าจอดในที่จอดรถ
คอนโดหน้าตาเป็นตึกสี่เหลี่ยมทรงสูงเหมือนทุกวัน เขาแตะคีย์การ์ดที่ลิฟต์เพื่อพาไปถึงชั้นที่พำนักอยู่ร่วมหนึ่งสัปดาห์
ถึงหน้าห้อง ม่อนแจ่มก็เปิดประตูค้างไว้ รอให้มารดาก้าวเข้าไปก่อน ..เหมือนเขาจะติดนิสัยแบบนี้มาจากใครบางคน

         “วันนี้จะทำอะไร วาดภาพเหมือนต่อหรือ?”
ม่อนแจ่มยังดูเขินอายอยู่เล็กน้อย ระมิงค์จึงอยากชวนคุยให้ลูกชายคลายประหม่า
ทว่า คนถูกพูดด้วยชะงัก ..ดูเหมือนจะขัดเขินมากขึ้นไปอีก
“เปล่าครับ เอ่อ.. ม่อนวาดเสร็จ ส่งชมรมไปแล้วครับ แต่.. ไม่แน่ใจว่าจะได้ติดโชว์กับเขาหรือเปล่า”
จริงสินะ.. ม่อนแจ่มไม่ได้ไปประชุมจัดนิทรรศการและพีระศิลป์ก็คงสาปแช่งเขาไว้แล้วด้วย
“วันนี้ ม่อนว่าจะ.. เอ่อ ทำกับข้าวให้คุณแม่ทานนะครับ”
ระมิงค์ยิ้มเล็กน้อย “ทำเป็นหรือ?”
ม่อนแจ่มยิ้มตอบแหยๆ “เดี๋ยวโทรถามป้าเพ็ญเอาครับ”
โทรถามเพ็ญมาศหรือ? อาจไม่ต้อง..

          เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น..
หลังจากม่อนแจ่มเพิ่งหอบของสดมาจากตลาดในซอยตรงข้ามคอนโด หน้าขาวเงยขึ้นจากผักกาดที่กำลังล้างและน้ำกระเด็นใส่ไปทั่วตัว
ใครมากัน? คุณพ่ออีกหรือ? ..ก็น่าจะมีท่านคนเดียว
“เดี๋ยวม่อนไปเปิดเองครับ” ม่อนแจ่มตะโกนบอกมารดา ถลันไปยังประตู ตามองผ่านช่องตาแมวออกไปข้างนอก
แน่นอน.. เขาเห็นคุณพ่อ ทว่า ท่านไม่ได้มาคนเดียว
“ป้าเพ็ญ!”
ม่อนแจ่มแหกปาก มือเรียวดึงคันโยกเปิดประตู ยกมือไหว้ละล่ำละลัก
“ป้าเพ็ญ สวัสดีครับ!”
“คุณม่อน ป้าคิดถึงหนักมาก!”
พจน์และระมิงค์หัวเราะออกมา สองผู้ใหญ่ยิ้มให้กันน้อยๆ เมื่อผู้อาวุโสมากสุดและน้อยสุดในที่นี้สวมกอดกันอย่างไม่อายใครอยู่นานเป็นนาที

          “คุณม่อน นี่ทำอะไรคะ?”
เพ็ญมาศร้องตกใจเมื่อเดินเข้ามาในส่วนที่กั้นไว้เป็นครัว วางกระปุกบัวลอยที่ทำมาฝากเด็กหนุ่มลงบนโต๊ะ
“เอ้อ ม่อน..” ม่อนแจ่มเกาหัว “ม่อนจะทำกับข้าวครับ”
“โธ่ เดี๋ยวป้าทำให้ค่ะ”
“ไม่เอาสิครับ ป้าเพ็ญสอนม่อนดีกว่า ม่อนอยากทำเป็น” ม่อนแจ่มขยับเข้าใกล้ นึกละอายที่ตลอดหลายปีที่อยู่บ้านประดิษฐาพงศ์ ลงไปหาแม่นมที่ครัวทีไร ก็ไปนั่งกินขนมตลอด ไม่ยักช่วยทำกับข้าวบ้าง ครานี้ล่ะ ม่อนแจ่มจะทำให้เป็น เผื่อจะได้ช่วยป้าเพ็ญเวลาที่อยู่บ้าน
..
..เวลาอยู่บ้าน
ม่อนแจ่มชะงัก ..ความคิดนี้ทำให้เขาอยากเตะตัวเอง
เขาเพิ่งคิดเหมือนว่าจะกลับไปอยู่บ้าน ..ที่ไม่ใช่บ้านเขา

         “ไม่ใช่บ้าน?”
..
          “แล้วมึงเรียกที่ที่มึงเกิด ที่ที่มึงเติบโต ที่ที่ปกป้องป้องดูแลมึงจากลมฟ้าอากาศ ที่ที่มีคนซึ่งมีความหมายต่อชีวิตของมึงอาศัยอยู่ว่าอะไร ม่อน”


หน้าขาวก้มลงเล็กน้อย ใจประหวัดถึงคำถามของพชร ก่อนรู้สึกถึงสัมผัสบริเวณหัวไหล่
“ม่อนสบายดีนะ”
คุณพ่อ..
ม่อนแจ่มเงยมอง
คุณพ่อรู้ไหมครับ ..ว่าลูกชายคุณพ่อเป็นคนน่านับถือแค่ไหน

          เป็นอันว่าอาหารเย็นมื้อนี้สำเร็จเรียบร้อยลงได้ด้วยฝีมือของคนถึงสี่คน..
เพ็ญมาศกับระมิงค์ (ทีมหมูหวาน) และนายพจน์กับม่อนแจ่ม (ทีมแกงจืด) โดยมีเพ็ญมาศคอยกำกับและบอกทุกขั้นตอน
ม่อนแจ่มมือเป็นระวิง แต่ก็ยังสามารถแว๊บจดสูตรพร้อมวาดรูปเอาไว้ทำวันหลังได้เสร็จสรรพ

ร่างเล็กสุดถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆของหมูสับในหม้อแกงจืดที่ปิดเตาแล้ว
คุณแม่นั่งอยู่กับป้าเพ็ญ จับไม้จับมือป้าเพ็ญ พูดคุยบางอย่างด้วยสีหน้าเปี่ยมความรักและขอบคุณ ส่วนคุณพ่อละไปเดินสำรวจรอบๆห้อง ก่อนจะนั่งลงที่โซฟา สายตามองออกไปภายนอกหน้าต่างที่เห็นตึกรามหลังอื่นๆอยู่ไม่ไกล อะไรบางอย่างทำให้รู้ได้ว่าท่านกำลังคิดถึงใคร..

ม่อนแจ่มค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ ทรุดนั่งลงที่พื้น
“อ้าว ม่อน ทำไมไม่ขึ้นมานั่งข้างบน?”
ม่อนแจ่มยิ้ม ไม่ตอบคำถาม “ขอบคุณนะครับคุณพ่อที่มาเยี่ยม แถมพาป้าเพ็ญมาด้วย”
“ป้าเพ็ญอุตส่าห์ทำบัวลอยจะฝากมาให้" นายพจน์ยิ้มกับเด็กหนุ่ม  "แต่พ่อว่าเอามาเองดีกว่า ม่อนคงคิดถึงแย่แล้วเหมือนกัน”

ปกติวิสัยของคุณพ่อแม้ไม่ค่อยพูด แต่ก็เป็นคนใจดีมากทีเดียว ..ม่อนแจ่มคิด
ไม่ค่อยพูด แต่ใจดี สำเนาถูกต้องเป๊ะเลย..
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลายนิดหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นพูดอย่างไร อันที่จริง.. ไม่แน่ใจว่าจะพูดเรื่องอะไรด้วยซ้ำ

“เห็นว่าพบพชรแล้วหรือวันนี้?”
เอ้อ..
“ครับ คุณพ่อ” ม่อนแจ่มพยักหน้า ..ขอบคุณเหลือเกินที่ท่านเริ่มให้
“พชรสบายดีใช่ไหม” แม้นั่นจะเป็นเพียงคำถามตามปกติ ทว่า ก็มีกระแสความห่วงใยในนั้นอยู่ชัดเจน
ม่อนแจ่มอ้าปากจะบอกว่าสบายดี แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่เชิงนักหรอก ..พชรดูเหนื่อยล้าและใต้ดวงตาก็มีรอยคล้ำ

“คุณพ่อครับ ..” ม่อนแจ่มถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อช้าๆ
“พชรบอกว่า.. เขามีความสุข มีความพอใจกับชีวิต แล้ว.. พชรก็รักบ้าน รักสวนมาก ม่อนเกรงว่า.. พชรคงจะไม่..”

นายพจน์ยกมือใหญ่ขึ้นลูบหัวเล็กเบาๆ
“พ่อรู้..”
ม่อนแจ่มเงยหน้ามอง “แล้ว.. คุณพ่อเสียใจไหมครับ”

เสียใจสิ.. นายพจน์ตอบตัวเอง
แต่นี่เป็นบุญขนาดไหนแล้วที่ลูกชายคือพชรและม่อนแจ่ม ไม่เช่นนั้น เขาคงจะต้องเสียใจยิ่งกว่านี้แบบมหาศาลเลยทีเดียว
“พชรเป็นเด็กเข้มแข็งและตรงไปตรงมา เขาพูดสิ่งที่ตรงกับความรู้สึกเสมอนั่นแหละ”
นายพจน์ยิ้มออกมาเล็กน้อย อดที่จะรู้สึกชื่นชมในตัวเด็กหนุ่มที่เอ่ยถึงไม่ได้
“อะไรที่เราคิดว่าควร คิดว่าดีกว่า สบายกว่า มันไม่ใช่ชีวิตเขา เราคงไปบังคับเขาไม่ได้หรอกและไม่มีสิทธิ์เลยด้วย”
นายพจน์ยอมรับ “สิ่งที่พ่อต้องทำไม่ใช่ดึงพชรเข้ามาในชีวิตพ่อ แต่น่าจะเป็นการเดินเข้าไปในชีวิตพชรเอง ในระยะที่เขารับได้และไม่อึดอัดใจเสียมากกว่า”

นั่นสินะ..
คุณพ่อพูดถูก..

“ม่อนเองก็เหมือนกัน” นายพจน์ประทับน้ำหนักมือลงบนศีรษะเล็ก
“อย่าเสียใจให้มาก ยิ่งม่อนเสียใจ พชรก็ยิ่งเสียใจ นี่มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ม่อนกับพชรไม่มีความผิดอะไรติดค้างกันเลย”

ใช่.. ม่อนแจ่มกับพชรไม่มีความผิดติดค้างกัน ที่มีก็คงเป็นเพียง..

“คุณพ่อครับ” ม่อนแจ่มรวบรวมความกล้า
“ม่อนมีอะไรอยากจะบอกคุณพ่อ และม่อนขอโทษคุณพ่อด้วย ถ้า.. ถ้ามันไม่สมควร”
“ลองพูดมาดูสิ” นายพจน์รอฟัง

ม่อนแจ่มขยับแว่น มองดวงตาสีเข้มของผู้ใหญ่บนโซฟาผ่านเลนส์ หวังให้ปรานีกับสิ่งที่เขาจะสื่อสาร
“ม่อนรัก..”
น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นเบาหวิว หวั่นไหว ..แต่แล้วสัมผัสจากริมฝีปากที่ฝ่ามือเขาเพิ่งจะทาบปิดไว้เมื่อตอนเย็นก็ทำให้ย้ำคำชัดเจน
..
“ม่อนรักพชร ..รักลูกชายคุณพ่อ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ  :3123:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 22-11-2016 23:32:02
ละลายแล้ว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 22-11-2016 23:35:28
เป็นการรอคอยคำว่ารักที่ยาวนานแต่คุ้มค่ามากมาย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-11-2016 23:36:25
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 22-11-2016 23:37:23
หลังจากที่เอาใจช่วยมานาน :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 22-11-2016 23:40:26
มันก็หวานนะ...แต่ทำไมเราน้ำตาไหล   :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-11-2016 23:43:15
ม่อนแจ่ม น่ารักน่าเอ็นดูแท้ ๆ
แบบนี้ดีจะตาย ลูกชายสองคนรักกัน ไม่มีเสีย มีแต่ได้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 22-11-2016 23:48:34
อ๊ายยย  เขินนนนน
ดหมือนพชรกับม่อนแจ่มมาบอกรักเรา
รอตอนต่อไป :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: toeyy ที่ 22-11-2016 23:49:10
 :impress2: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 22-11-2016 23:50:40
บ...บอกรักกันแล้ว?! แต่บอกกับพ่อและแม่ของอีกฝ่ายก่อนเนาะ55 ก็สมเป็นทั้งคู่ดีค่ะ ทั้งสองคนอ่อนโยนและขลาดเขลาในเวลาเดียวกัน ถึงจะแสดงออกกันคนละขั้ว แต่เราว่าจุดนี้ทั้งสองคล้ายกันมากเลยทีเดียว ตอนนี้พชรเลือกที่จะบอกกับคุณระมิงค์เรื่องรักม่อนความคิดแรกของเราเลยคือดูเป็นผู้ชายจัง ในที่นี้คือ เราคิดว่าคำพูดว่ารักที่พชรกำลังจะพูดคือพูดต่อหน้าม่อนแจ่มและคุณระมิงค์พร้อมกัน ถ้าเช่นนั้นเราคงไม่ประทับใจในตัวพชรเท่าไหร่นัก มันดูเอาแต่ใจและดื้อดึงที่จะแสดงความรักของ'ฝ่ายชาย'ให้อีกฝ่ายจนกลายเป็นการยัดเยียดความรู้สึกรักอันเอาชายเป็นใหญ่สุดๆ แต่พออ่านความคิด และการแสดงออกที่เลือกจะพูดกับคุณระมิงค์เพียงสองคนแล้วเราดีใจมาก กดแต้มให้พชรรัวๆเลย น่าหลงรักจริงๆผู้ชายคนนี้ อุดมคติชัดๆ
ด้านม่อนแจ่มพอเห็นอากัปกิริยาที่พชรแสดงต่อคุณระมิงค์ก็ทำให้ความรู้สึกผิดของตัวเองทลายลงได้แล้วเลือกที่จะบอกคุณพ่อไปตรงๆ เราว่าทั้งคู่เรียนรู้กันและกันมามากเลยค่ะ ทั้งสองคนเรียนรู้ข้อดีของอีกฝ่าย รับรู้ข้อเสีย ให้อภัยแก่กันในความผิดพลาด มันดีมากๆเลยนะ เอาจริงๆทั้งคู่แทบจะเป็นideal coupleเลยอ่ะ ซึ่งเราไม่ค่อยเจอตัวละครคู่กันแล้วรู้สึกมันเป็นotpขนาดนี้ ความงดงามของการอ่านนิยายเลยนะ ดีใจที่ได้อ่านค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-11-2016 00:05:46
อ๊ากกก.....พชร บอกแม่ม่อนว่ารักม่อน
ม่อน ก็บอกพ่อพชรว่า ม่อนรักพชร
สุดๆๆ ชอบบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:
รอ ม่อนพบพ่อแสงรวี  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 23-11-2016 00:40:16
มาต่อเหอะ พลีสสสสสสสส
ค้างมากมาย  :mew2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-11-2016 01:01:29
เชรดดดดดด!!!ม่อนนนนนน คนจริง >//< ต่างก็บอกให้ผู้ใหญ่รับรู้แล้วววว! ไฟเขียววว //ปลดล็อกความรู้สึกอื้อๆอึงๆ ถึงแม้ช่วงแรก me : อะไรวะเนี้ยม่อน พล่ามอะไรของมันเยอะแยะว่ะ พยายามจะเข้าใจนะ แต่มันก็แบบคิดลึกซึ้งซับซ้อนเกินไปแล้ว อึดอัด //พอพชรตะโกนใส่หน้า "ออกไปจากห้องนี้ซะ" เท่านั้นละ หายใจโล่งเลย คืออยากพ่นใส่หน้าม่อนแบบนี้ตอนนั้นมากเหมือนกัน กระทึบไลค์ 555555 **ม่อน 5/10** //พชรไม่ยอมปล่อยแล้วไปสารภาพกับแม่ me : เออมันใช่คือตรูเกือบยุให้พชรไม่ต้องตามปล่อยไปก่อนไรงี้ เกือบไปแล้ว ดีที่พชรไม่ทำตามความคิดตรู 5555555 **พชร 10/10** //สุดท้ายม่อนสารภาพกับพ่อ คะแนนม่อนกลับมา **ม่อน 10/10** 555555555555 อารมณ์ขึ้นๆลงๆแล้วก็กลับมาปกติ มีความอิน 55555 เอ้าาาแล้วลุยเดินหน้า ชูป้าย #พชรม่อน ทางสะดวกมั้งนะ ใช่ไหมค่ะพ่อแม่ อิอิ //รออออออตอนต่อไปค่ะไฟท์ติ้ง~~~
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 23-11-2016 01:10:20
ฮื่อออออออออออ ในที่สุดทั้งคู่ก็เปิดเผยใจตัวเองสักที
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-11-2016 01:32:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 23-11-2016 02:18:10
โอยยยยยย ลุ้นนน
บอกรักแล้วจ้า แต่บอกผ่านพ่อกับแม่ ฮืออออ ชอบแบบนี้ ทำไมเขียนดีงี้ตลอดเลยอ่ะ
รักๆๆๆ
คิดถึงนะ รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 23-11-2016 09:15:20
 :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 23-11-2016 10:21:14
เค้าบอกรักกันแล้วแต่ไปบอกกับผู้ให้กำเนิดอีกฝ่ายแบบว่าขอให้รับทราบและยิยยอม แบบว่าแมน :mew4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 23-11-2016 10:34:15
เป็นความรู้สึกที่ละมุ่นละไม ลึกซึ้งกินใจ อ่านแล้วเหมือนจะแฝงความเศร้าแต่ก็มีความอิ่มเอมใจ
เป็นนิยายที่ถ่ายทอดถ้อยคำได้สวยงามมาก
ทำหนังสือออกมาด้วยนะจ๊ะ ซื้อแน่นอน 100 %
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 23-11-2016 11:06:17
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ลุ้นแทบตาย อ่านแล้วน้ำตาไหลแบบมันอบอุ่นใจบอกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-11-2016 11:08:48
เป็นการรอคอยที่ยาวนานมากกับคำว่า "รัก" ของทั้งคู่ แต่ทางที่ดีอยากให้ต่างคนต่างก็บอกรักกันมากกว่า
มาบอกกับพ่อแม่แบบนี้นะ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้บอกล่ะนะ 5555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-11-2016 11:59:07
ในที่สุด...
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 23-11-2016 12:14:34
อ่านไปน้ำตาไหลไป
อยากเห้นคู่นี้เค้ามุ้งมิ้งใส่กันบ้าง 55555
อารมณ์อึมครึมมาทั้งเรื่องเลย

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 23-11-2016 12:15:36
 :serius2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 23-11-2016 12:36:20
เหนือความคาดหมายจริงๆเลยน้องม่อน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 23-11-2016 18:31:53
เป็นการบอกรักที่ไม่ได้พูดคำว่ารักต่อกันเลย
มิติใหม่แห่งการบอกรักที่แท้จริง
เป็นการบอกรักที่หนักแน่นกว่า มั่นคงกว่าใครเป็นไหนๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-11-2016 19:50:01
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 23-11-2016 21:01:24
ในที่สุด...
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 23-11-2016 21:06:49
โหหหหหหห น้องม่อนนี่ไม่ทิ้งลาย ‘Mon Cham of Mechanical Engineering’ จริงๆ
แมนๆ ทั้งคู่เลย เข้าทางผู้ใหญ่ไปเลยยยยยยย ได้แต่งแน่ คึคึคึ :hao6: :hao6: หวังว่าตอนหน้าจะมีมุมหวานๆ ให้ได้อ่านมั่งนะค้าาาาาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 23-11-2016 21:46:36
คำบอกรัก แม้จะไม่ได้พูดให้คนที่สมควรจะได้ฟังจริงๆ ได้ยิน แต่ก็คุ้มค่า การรอคอย ละมุนนนน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 23-11-2016 22:00:24
 :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-11-2016 22:11:50
อีกนิดเดียว ลุ้นๆๆ ทำไมม่อนน่ารักแบบนี้ อนากจะกอดแน่นๆๆๆๆ ให้เจ็บไปเลย ฟีลลิ่งอยากรังแก #โดนพชรต่อยแน่
ม่อนคิดมาก เพราะเป็นคนดีมาก ปล่อยวางเนอะ ฟังเสียงรอบข้าง ตอนนี้ม่อนตกผลึกละ คุยกับคุณพ่อละ ดีๆๆ
ตอนสองวิ กับตอนพชรแมนๆ ไปคุยกับคุณแม่น่ารักมาก
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 24-11-2016 01:08:25
บอกรักกันแบบนี้ก็ได้หรอ5555 โอ๊ย สับสนตัวเองยิ้มไปร้องไห้ไป
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 24-11-2016 10:41:20
ยอดเยี่ยมมากกก ม่อนแจ่มลูกเอ้ยยยย  :hao5:  กล้ารับกล้าบอกความรู้สึกของตัวเองกับผู้ใหญ่ให้เค้ายอมรับก่อน
ค่อยมาจัดการความรู้สึกตัวเองหลังจากนี้ เห็นได้ชัดว่าม่อนก็พยายามในส่วนของตัวเองเต็มที่แล้วนะจ๊ะพชร เพราะงั้น รออีกนี๊ดดด


ขอบคุณคนแต่งค่ะ แถมตอนนี้ก็มาแบบยาวจุใจมากๆๆๆ  :pig4:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ZINFOONG ที่ 25-11-2016 16:12:01
 :z3:วิธีบอกรักแบบใหม่....บอกพ่อบอกแม่ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 25-11-2016 20:16:11
บอกความรูู้้สึกกันได้แล้ว ดีใจ :katai4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-11-2016 09:33:19
เย้ๆๆๆ อ่านทันแล้ว
คราวนี้ม่อนแจ่มคงรับฟังจากพชรสักทีนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 26-11-2016 21:49:13
น้ำตาไหล เป็นเรื่องที่หน่วงๆ อึนๆ แต่ดีต่อใจมากกกกก

พชรกับม่อนแจ่มแบบโอ้ยยยยย

ชอบ ชอบมากจริงๆ

เอาใจช่วยทั้งคู่นะ สู้ๆ เราคอยเชียร์

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 27-11-2016 19:02:19
แว็ปเข้ามาดูสองรอบเช้า-ค่ำ ทุก ๆ วัน
รอต่อไป  :mew2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 27-11-2016 21:17:13
ขอชมก่อนเลยครับ เขียนได้ดีมากๆ ในตอนนี้
อ่านแล้วให้อารมณ์หน่วงๆ และก็รู้สึกซาบซึ้งในความรู้สึกของทั้งสองคนด้วย
บวกกับลุ้นไปกับการกระทำของตัวละครมากๆ

พชรบอกรักผ่านแม่
ม่อนบอกรักผ่านพ่อ น่ารักมากๆ

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 28-11-2016 22:14:39
กว่าจะผ่านช่วงนั้นมาได้

รู้สึกดีไปอีกแบบที่คนเขียนเขียนออกมาให้เป็นแบบนี้

ปล. เขาขอกันแล้วค่าาาา  น่ารักมากกกกกกกก :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
เริ่มหัวข้อโดย: gintama66 ที่ 30-11-2016 13:15:24
คิดถึง ม่อนแจ่ม กับ พชร จังเลยค่ะ

เค้าบอกรักกันแล้วนะคะ. แต่บอกผ่าน พ่อดับแม่ ซะงั้น!!

คนรักกัน แล้วดูๆแล้ว. ทางผู้ปกครองของทั้งคู่ก็ดูจะเข้าใจ แต่ในใจม่อนยังคงมีแต่คำขอโทษ.

ม่อนอย่าคิดเยอะลูกก ดูพชรสิ. เค้า รุกเอาๆแล้วนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 30-11-2016 21:31:17
เปลี่ยนกัวข้อแล้วนี่นาาาา รอออออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-11-2016 21:43:26
มารอก่อนเน็ตจะหมด
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 30-11-2016 21:51:26
รอลลลล
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-11-2016 21:59:25
รอออออออออออออออ   :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 30-11-2016 22:12:17
เปลี่ยนหัวข้อแล้ว
รอจ้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 30-11-2016 22:45:57
CHAPTER 31: When You Say Nothing at All

           นาฬิกาบอกเวลาสี่โมงอีกครั้งและอีกวัน..
ขาเรียวย่างช้าๆเข้ามาสู่บริเวณหน้าหอสามชายที่เคยเป็นถิ่นพำนัก
Kawasaki D-Tracker 250 ป้ายทะเบียนลำพูนจอดอยู่เช่นเดียวกับเมื่อวาน แต่นั่นก็ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าผู้เป็นเจ้าของจะอยู่ข้างบน
ม่อนแจ่มเงยมองอาคารเก่าราวระเบียงม่วงอย่างเต็มไปด้วยความรู้สึก
เมื่อวาน เขาลังเลไม่แน่ใจ ทว่า วันนี้ เขาไม่มีความสงสัยใดๆในการที่จะไปห้องสามสามแปดเลย

            “หายไปหลายวันเลยนะ กลับบ้านหรือ?”
ป้ายามทัก ยกมือรับไหว้ ม่อนแจ่มพยักหน้า ส่งยิ้มให้ ก่อนเสียบบัตรไว้ในช่องของห้องสามสามแปด ซึ่งมีบัตรอีกใบหนึ่งเสียบอยู่ก่อนแล้ว และไม่ได้ระบุชื่อ ‘กวีกานต์ ทัศนศุภกฤษณ์’ ซึ่งขณะนี้ ม่อนแจ่มรู้ดีว่ายังอยู่ที่คณะ
บัตรอีกใบเป็นของพชร เพชรหละปูน ซึ่งเมื่อวานตอนกลับมากับไอดิล เขาก็ลืมสังเกตไปเลยว่าไม่มีบัตรของใครเสียบไว้ก่อนหน้า
และนั่นก็หมายความว่า ..ตอนนี้พชรอยู่ข้างบน..

จริงอยู่ ที่บางทีบัตรก็ไม่ใช่เครื่องการันตีเหมือนกัน เพราะบ่อยครั้งที่ชาวนักศึกษารีบไปรีบมา เสียบบ้างไม่เสียบบ้าง ไม่ได้ใส่ใจนักที่จะระบุตัวตน ทว่า พชรไม่ใช่แบบนั้น เจ้าตัวเป็นคนเคารพกฎระเบียบ แล้ว.. ป้ายามเองก็พูดตรงกันเมื่อม่อนแจ่มหยิบบัตรของพชรขึ้นมาพิจมองอยู่หลายอึดใจ

“เขาขึ้นไปเป็นชั่วโมงแล้วจ้ะ”
..
ม่อนแจ่มยิ้มให้ป้ายาม ผู้ซึ่งมีความสามารถในการจำนักศึกษาผู้พำนักได้ทุกคน อย่าหวังว่าถ้าไม่ได้อยู่หอนี้แล้วจะทำเนียนขึ้นไปได้ง่ายๆ ขอโทษเถอะครับ จำได้หมด และจากที่ถามเพื่อนๆหลายหอ ก็ปรากฎว่ามีความสามารถแบบเดียวกันนี้ทุกคน

         ม่อนแจ่มเสียบบัตรสีน้ำเงินของพชรไว้ที่เดิม มองบันไดก่อนค่อยๆก้าวขึ้นไป
มือขาวยกขึ้นกำน้อยๆ เมื่อหยุดหน้าประตูที่คุ้นเคย ..ชั่งใจนิดหนึ่งว่าควรเคาะหรือไม่
ไอดิลบอกว่พชรมักจะหลับ ยกเว้นเมื่อวานที่เจ้าตัวยังไม่กลับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงความมีมารยาทดีของคนในห้อง ม่อนแจ่มคิดว่าต้องทำให้เหมือนกัน

..ก็อก ก็อก..

ไม่มีเสียงใดจากภายใน ม่อนแจ่มจึงล้วงหยิบกุญแจมาไขลูกบิด ค่อยๆผลักประตูเข้าไปช้าๆ
แล้วก็เป็นอย่างที่ป้ายามว่า ..พชรอยู่ในห้องและคงขึ้นมาเป็นชั่วโมงแล้ว
แล้วก็เป็นอย่างที่ไอดิลว่าด้วย ..เพราะพชรหลับอยู่จริงๆ
เพียงแต่.. ไอดิลไม่เคยบอกว่าพชรหลับตรงไหน

ริมฝีปากอิ่มอ้าค้างน้อยๆ เมื่อองศาหน้าประตู มองเห็นเตียงล่างของตัวเองเป็นสิ่งแรก ..และนั่นก็คือที่ที่พชรนอนอยู่ ..พชรนอนบนเตียงเขา
ม่อนแจ่มยืนนิ่งไปหลายอึดใจ เพ่งมองแล้วเพ่งมองอีก ก่อนจะค่อยๆก้าวเข้ามาภายใน ปิดประตูอย่างแผ่วเบา
ร่างเล็กวางกระเป๋าลงบนพื้น วางแฟ้มน้ำตาลไว้บนนั้นอีกที เดินไปหน้าเตียง ทรุดนั่งลงช้าๆ พิจมองคนบนเตียง

ใบหน้าคมเรียบเฉยดูผ่อนคลายในยามหลับ.. เปลือกตาปิดสนิท.. ลมหายใจสม่ำเสมอ.. ม่อนแจ่มมองจ้องราวกับจมอยู่ในภวังค์
เอาจริงๆนะ.. เขาคิดถึงพชรมาก ..และไม่มีทางบอกได้ว่ามากแค่ไหน
เขาเคยมองพชรหลับมาก่อนแล้ว.. เช้าวันหลังจากเป็นของกันและกัน ..พชรก็หลับสนิทแบบนี้ และเขาก็มองพชรด้วยสายตาแบบเดียวกันนี้

ม่อนแจ่มละสายตานิดหนึ่ง เหลียวมองรอบๆห้อง..
กระเป๋าพชรวางอยู่บนเก้าอี้เขา เอกสารประกอบการเรียนของพชรก็วางอยู่บนโต๊ะเขา
ในห้วงความคิดแทบจะจินตนาการร่างกำยำที่เดินเข้ามาในห้องแบบง่วงๆ มือวางเอกสาร วางประเป๋า ปลดเนคไทม่วงพาดไว้กับเก้าอี้ เอาชายเสื้อออกนอกกางเกง และ.. ล้มตัวลงนอนบนเตียงนี้ เตียงที่ม่อนแจ่มนอน.. เตียงที่เคยนอนกับม่อนแจ่ม..

พชรเหนื่อยมากไหม.. ม่อนแจ่มอยากจะถาม
ดวงหน้าคมคล้ำแดดดูอิดโรยและอ่อนล้า ทำให้มือเรียวเล็กค่อยๆวางทาบบนหน้าผาก ..หวังใจว่าอุณหภูมิร่างกายจะปกติดี

ใช้ได้.. พชรไม่ป่วย

ร่างกำยำนอนหงาย แขนแข็งแรงข้างซ้ายแนบลำตัว ข้างขวาคว่ำฝ่ามือทาบอยู่บนหน้าท้อง
พชรเป็นคนเรียบร้อย ..ม่อนแจ่มอดคิดไม่ได้
แม้แต่ท่านอนยังเรียบร้อย ไม่เหมือนเขาที่ตื่นมาไม่เคยจะเป็นท่าเดียวกับตอนล้มตัวลงนอนเลย
มือขาวเลื่อนไปวางทาบมือใหญ่บนหน้าท้องที่กระเพื่อมขึ้นลงน้อยๆตามจังหวะการหายใจนั้น
ม่อนแจ่มไม่เคยลืมสัมผัสมือข้างถนัดของพชร ..ข้างเดียวกับที่พ่ายแพ้เขาในการงัดข้อ ข้างเดียวกับที่จูงกลับห้องตอนไฟดับ ข้างที่ประทับลงบนฝ่ามือเขาเพื่อปลอบโยนตอนที่ร่างกายเจ็บปวด ..ข้างที่บีบไหล่ บอกให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรเป็นความผิดของเขาทั้งนั้น
และ.. ม่อนแจ่มรู้สึกขอบคุณทุกอย่างที่มาจากคนคนนี้

          “เมื่อไหร่ขอพชรแต่งงานครับม่อน?”
เฮ้ย..
ม่อนแจ่มสะดุ้ง มัวแต่จมอยู่ในความคิดความรู้สึกของตัวเองจนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู
“ชู่ว์!” นิ้วชี้ยกขึ้นทาบริมฝีปากส่งสัญญาณให้ไอดิล ซึ่งยักไหล่ให้เขาอีกที
“นี่ ไอ้พีฝากมาให้มึง”

พีระศิลป์? ฝากอะไรมา
ม่อนแจ่มขมวดคิ้ว รับเศษกระดาษมาจากไอดิล

ม่อนแจ่ม วิศวฯเครื่องกล วันศุกร์ 14.30-16.00

อ้อ..
แล้วเขาก็นึกได้ เวรเฝ้านิทรรศการชมรมนั่นเอง

“กูบอกไอ้พีว่ามึงกำลังมีปัญหาหัวใจให้เลือกเวรไกลๆให้ เลยได้มาวันสุดท้าย ช่วงสุดท้ายพอดี ไอ้พีฝากบอกว่าเก็บกวาดด้วย”
“อื้อๆ” ม่อนแจ่มพยักหน้าเข้าใจ ไอ้พีนะไอ้พี
“มานานแล้วหรือ?” ไอดิลถาม เหล่มองฝ่ามือม่อนแจ่มที่ทาบไว้บนมือพชร
“ก็ ..อื้อ” ม่อนแจ่มพยักหน้า พลางเงยมองคู่ซี๊ “ไอ้ดิ้ล พชรหลับ เอ่อ..”
เขาไม่แน่ใจนักว่าจะถามอย่างไรดี ดันเรียบเรียงคำไม่ค่อยจะถูกขึ้นมา
“มันนอนเนี่ยแหละ ตั้งแต่มึงไม่อยู่ ..ถ้าจะถามแบบนั้นละก็” ไอดิลรู้ใจ แล้วเสริมพลางพยักพเยิดไปที่เก้าที ที่เตียงที
“กลางคืนนั่งนี่ บ่ายนอนนั่น ทุกวัน”

อะ..
ม่อนแจ่มพยักหน้าเข้าใจ

“ถ้าอะไรๆมันไม่หนักหนาสาหัสจนเกินไป ก็อย่าทรมานตัวเองกันนักเลยวะ” มือบางของไอดิลบีบไหล่เล็กของม่อนแจ่มเบาๆ
“มันคิดถึงมึง ..มึงก็รู้”

ใช่..
ม่อนแจ่มรู้

“กูไปข้างนอก ไม่ก็อยู่ห้องหมอกนะ” ไอดิลสั่งความ
“ขอบใจ ไอ้ดิ้ล”

            ม่อนแจ่มหันมองไอดิลที่คล้อยหลังผ่านประตูไป รู้สึกเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีที่ได้เจอเพื่อนคนนี้
รอยยิ้มน้อยๆประดับบนริมฝีปากอิ่ม ก่อนที่จะหันกลับมามองคนบนเตียง
นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่นั่งอยู่แบบนั้น.. มองพชรอยู่แบบนั้น..
จนแสงสีส้มจางๆสาดสะท้อนผ่านหน้าต่างเข้ามาแล้ว ..จะว่าไป ม่อนแจ่มก็ง่วงเหมือนกันนะนี่
ขอหน่อยเถอะ.. จากที่นั่งบนพื้น ร่างเล็กเลื้อยๆขึ้นไปบนเตียง มีพื้นที่เหลือเพียงน้อยนิดแต่ก็ยังกว้างพอ เขานอนตะแคงซ้ายอยู่ใกล้ๆพชร
แว่นแดงยังทำหน้าที่ของมันบนดวงตาและม่อนแจ่มก็ไม่อยากถอดออก ..ไม่ต้องการให้ภาพใบหน้าคมสันพร่าเลือนไป..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          เมื่อร่างกายพักผ่อนพอใช้ได้ สติจึงกลับมาเมื่อยามค่ำจัด เปลือกตาค่อยๆลืมขึ้น
ก็เหมือนทุกวันตลอดอาทิตย์นี้ พชรมองเห็นเพดานเตียงในความสลัวเป็นสิ่งแรก ..อย่างไรก็ตาม จากรัศมีหางตาบ่งบอกให้รู้ว่า เขาไม่ได้นอนอยู่คนเดียว

พชรเกือบจะตกใจ..
ปกติไม่ใช่คนขวัญอ่อน แต่ในความมืด ยามงัวเงียเพิ่งลืมตา การเห็นร่างอีกร่างนอนอยู่ข้างๆ มันน่าประหลาดพิลึก
ทว่า ที่ไม่ตกใจก็เพราะลมหายใจสม่ำเสมอที่เป่ารดท่อนแขนอยู่นี้ รวมทั้งไออุ่นที่คุ้นเคยในความรู้สึกด้วย
หน้าคมเอี้ยวขวาหันมองให้ชัดเจน

พชรถึงกับต้องเพ่ง..
ถ้าไม่เพราะเสียงลมหายใจที่ได้ยินชัดเจน เขาคงคิดว่าความสลัวภายในห้องเล่นตลก
แต่นี่มันไม่ใช่..
เปลือกตาปิดสนิทภายใต้กรอบแว่นที่แม้มืดก็บอกได้ว่าเป็นสีแดง

..ม่อนแจ่ม..

พชรแทบจะไม่กล้าขยับตัว..
นี่มัน.. อะไร.. เขางุนงง
ทำไมจู่ๆม่อนแจ่มมานอนอยู่ตรงนี้?
แว่นตาที่ยังอยู่บนใบหน้าผิดวิสัยคนนอนหลับบอกได้ว่าก่อนดวงตาคู่งามจะปิดลง ได้จับจ้องบางสิ่งอยู่ และสิ่งนั้นก็คือเขา ..ตัวพชรเอง..

ม่อนแจ่มนอนตะแคงซ้ายหันหน้าเข้าหาเขา แขนข้างหนึ่งถูกศีรษะทับอยู่ หนุนต่างหมอน อีกข้างแตะไว้ที่ข้อศอกเขา และแม้เจ้าตัวจะตัวเล็กนิดเดียวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพื้นที่เตียงซึ่งเหลือจากการที่คนตัวใหญ่อย่างเขานอนหงายในท่วงท่าสบายๆนั้นเหลือไม่พอ ม่อนแจ่มจึงต้องนอนตัวลีบหมิ่นเหม่จะตกเตียง
ร่างกำยำค่อยๆขยับไปใกล้ผนัง พลิกตัวตะแคงขวา ตามองคนที่หลับใหล
นี่ถ้าม่อนแจ่มพลิกนอนหงายขึ้นมา เจ้าตัวตกเตียงแน่นอน ท่อนแขนใหญ่จึงยกขึ้นพาดเอวคอดกันไว้ ไม่ได้ทิ้งน้ำหนัก แต่สัมผัสไว้เบาๆ พอให้คว้าทันถ้าอีกฝ่ายทำท่าจะขยับ

ภายในห้องมืดสลัว แต่แสงไฟทางเดินที่ส่องเข้ามาทางช่องแสงติดฝ้าเพดานก็ทำให้มองเห็นอะไรๆได้ชัดเจน 
ม่อนแจ่มยังคงแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อย ผูกเนคไท เข็มขัดคาดเอว และแม้แต่ชายเสื้อก็ไม่ได้เอาออกนอกกางเกง ต่างจากเขาซึ่งปลดทั้งเนคไท ทั้งเข็มขัด และชายเสื้อก็ออกมาอยู่นอกกางเกงให้นอนหลับอย่างสบายๆ

พชรมองใบหน้าขาวที่จมอยู่ในภวังค์ ..เอาจริงๆ เขาคิดถึงสีหน้าแบบนี้เหลือเกิน
เขาคุ้นเคยกับการมองม่อนแจ่มนอนหลับมาตลอดหลายเดือน
ในค่ำคืน เจ้าตัวก็หลับใหลไปพร้อมแว่น พชรยังเป็นคนเดินมาถอดและถือโอกาสพิจมองใบหน้าเรียวใกล้ๆ
ตื่นเช้า.. ในแสงแดดจางๆที่ส่องลอดเข้ามา เขาก็เห็นม่อนแจ่มยังหลับอยู่ ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวออกไปเรียน
ทว่า นี่มันนานกี่วันแล้วที่ไม่ได้เห็น
พชรรู้มาตลอดว่าคิดถึงม่อนแจ่ม แต่ไม่เคยบอกได้เลยว่ามากแค่ไหน

ม่อนแจ่มก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน..
ไม่เช่นนั้น เจ้าตัวคงไม่มานอนอยู่ตรงนี้

ว่าแต่.. นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว?
ม่อนแจ่มมาอยู่ที่นี่ บอกมารดาเจ้าตัวหรือยัง คุณระมิงค์จะเป็นห่วงหรือเปล่า
พชรก้มมองข้อมือเล็ก มีนาฬิกาที่คุณพจน์เคยมอบให้และเขาเป็นคนใส่กลับคืนคล้องอยู่บนนั้น ทว่า พชรมองหน้าปัดไม่เห็นจึงบอกเวลาไม่ได้ แต่ก็น่าจะราวๆทุ่มหนึ่ง เพราะจากหลายวันที่ผ่านมา เขารู้สึกตัวตื่นในเวลาประมาณนี้

พชรไม่ได้ทำอะไร นอกจากนอนมองใบหน้าหลับใหลของคนนอนข้างๆที่ดูเหมือนจะไม่มีทางมองได้เต็มอิ่ม
ฝ่ามือแกร่งทาบไว้กับเอวคอด ..คิดถึงความทรงจำที่มีร่วมกัน ความผูกพันที่เกิดขึ้น ไม่ว่าทางร่างกายหรืออารมณ์
จนกระทั่ง.. ได้ยินเสียงครางในลำคอเบาๆ และเปลือกตาภายใต้เลนส์แว่นก็ค่อยๆลืมขึ้น

ม่อนแจ่มสะดุ้งน้อยๆเมื่อตื่นมาสบกับดวงตาสีเข้มที่เหมือนจะโดดออกมาจากความสลัวที่รายรอบตัวเป็นสิ่งแรก
“พชร” เสียงเล็กเรียกชื่อ ..บอกได้ยากว่าตั้งใจเรียกหรือมันเป็นเพียงคำประจำตัวที่เปล่งออกมาอย่างเคยชิน
“อืม..” พชรครางรับ ต่างฝ่ายต่างยังไม่มีใครขยับตัว
“ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้” เสียงเข้มถามเบาๆและม่อนแจ่มก็ตอบไปซื่อๆ
“ก็.. คือ.. นี่เตียงกู”

เออว่ะ.. พชรชะงักไป
จริงๆด้วย นี่คือเตียงม่อนแจ่ม เจ้าตัวนอนบนเตียงของตัวเอง เขาสิ.. นอนอยู่ตรงนี้แทนที่ตั้งกี่วันมาแล้ว

“กูขอโทษ” พชรขยับตัวลุก พยักหน้าอย่างขออภัย
มันก็น่าเสียมารยาทมากจริงๆที่พชรมานอนเตียงม่อนแจ่มโดยไม่ได้ขออนุญาตเลย
“เฮ้ย ไม่เป็นไร!” ร่างเล็กตกใจกับปฏิกิริยา ขยับลุกตาม แล้วก็เกือบจะลงไปนอนวัดพื้น หากแขนแข็งแรงไม่ได้รวบร่างเอาไว้ให้เข้ามาแนบชิดกันได้ทัน
ม่อนแจ่มใจเต้น ลมหายใจกระชั้นขึ้น อธิบายตะกุกตะกัก
“กูไม่ได้หมายความว่าไม่ให้มึงนอน ..นอนได้” เสียงเล็กเสริม “นอนทุกวันเลยก็ได้”

พชรเกือบจะยิ้ม แต่ก็ต้องใช้ฟันขบริมฝีปากไว้
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็.. เมื่อตอนเย็น”
“แล้วนี่ แม่ยังไม่มารับอีกหรือ”
“บอกคุณแม่แล้วว่าวันนี้กลับช้า ..จะมาหอก่อน”

พชรนิ่งไปนิดหนึ่ง ..คุณระมิงค์คงเข้าใจในสิ่งที่ม่อนแจ่มหมายถึง
มาหอก่อน หมายถึง.. มาหาพชรก่อน
และในเมื่อมาตั้งแต่เย็น ม่อนแจ่มก็คงนอนอยู่ท่านี้อย่างน้อยๆก็ร่วมสองสามชั่วโมง
“ปวดแขนหรือเปล่า?”
“ก็.. นิดนึง”
พชรคลายมือที่โอบเอว ละมาสัมผัสเรียวแขนเล็กข้างซ้ายที่ม่อนแจ่มหนุนแทนหมอน นวดให้คลายเมื่อยเบาๆ
“มาทำไมไม่ปลุก”
“ก็.. ไม่อยากปลุก”
ม่อนแจ่มส่ายหน้า ..พชรเห็นตัวเองหลับหรือเปล่าเถอะ ดูต้องการการพักผ่อนเสียขนาดนั้น จะปลุกลงได้ยังไง

“แล้วนี่.. หิวหรือยัง” ค่ำจัดป่านนี้แล้ว..
“ก็..” ม่อนแจ่มเผลอเอามือลูบท้อง ศีรษะพยัก “หิว”
“กินอะไร กูไปซื้อมาให้” พชรอาสา แต่ม่อนแจ่มส่ายหน้าดิก
“ไม่เอา ..ไปกินด้วยกันได้ไหม”

อ่า..
นั่นสินะ ..ไปกินด้วยกันคงดีกว่า
“งั้นก็.. ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ”

ม่อนแจ่มค่อยๆขยับลงจากเตียง ก่อนที่พชรจะตามลงมา ค้อมศีรษะไว้ด้วย
มือใหญ่กดเปิดสวิชต์ไฟให้ห้องสว่าง ..คนสองคนเห็นกันชัดเจนขึ้น ..หยุดมองกันชั่วขณะ
มันราวกับว่าพวกเขาพบกันอยู่ทุกวัน ..มองกันแบบนี้ ในห้องนี้ทุกวัน
แต่อีกทีหนึ่ง.. ก็เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้พบกันมานานแล้ว และผ่านความรู้สึกที่เหมือนว่าจะไม่ได้พบกันในห้องนี้อีกเลย ..เฉียดที่จะไม่ได้ยืนมองกันแบบนี้อีกแล้ว

“พชร..”
ม่อนแจ่มเรียกอีกครั้ง ทั้งที่ยังไม่มีอะไรจะพูด
ความรู้สึกมันมากเกินไปจนเขาไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แต่พชรเข้าใจและแววตาที่มองมาก็บอกชัดว่าไม่ได้รู้สึกต่างกันเลย
ร่างกำยำขยับเข้ามาใกล้ โอบไหล่เล็กแนบลำตัว กอดกระชับแน่นจนอีกฝ่ายแทบจะจมหายไปในแผ่นอก ฝ่ามือใหญ่อีกข้างทาบเรือนผมประทับน้ำหนักลง
ม่อนแจ่มซบหน้ากับกลิ่นกายที่คุ้นเคย มือข้างหนึ่งทาบอกพชร อีกข้างยกขึ้นกอดเอวหนาตอบรับสัมผัส

คิดถึง..
คิดถึงมากเหลือเกิน..
อ้อมกอดพชรอบอุ่นเหมือนที่เคยรู้สึก จริงจังอย่างที่ยังจำได้
อ้อมกอดนี้บอกว่าพชรคิดถึง.. บอกว่าไม่เป็นไร.. ปลอบโยน.. ปลอบใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทั้งสองคนได้ผ่านกันมา

“คุณน้าลดาดีขึ้นหรือยัง พชร”
ม่อนแจ่มถามอู้อี้ ..ภาพสุดท้ายของมารดาเจ้าของหัวใจที่เขาเห็นคือท่านมีผ้าพันข้อเท้าและม่อนแจ่มก็อยากจะถามถึงมาหลายคราแล้ว
“ดีขึ้นมาก” เสียมเข้มตอบ “มึงไม่ต้องกังวล”

..ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น..

พชรละออกมานิดหนึ่งพอให้มองหน้าอีกฝ่ายได้
แววตาม่อนแจ่มยังคงมีความรู้สึกผิดเร้นอยู่ ทว่า ก็ไม่ได้ชัดแจ้งเหมือนที่เห็นเมื่อวาน
วันนี้.. มันมีความผ่อนคลาย มีความมั่นใจ มีประกายเกือบจะเป็นแบบเดิมที่เคยมองเห็นเสมอ
พชรโน้มหน้าลงไป อยากจะมองให้ชัดขึ้น ..หรืออาจจะอยากสัมผัสริมฝีปากอิ่มที่อยู่ใต้จมูกรั้น และคราวนี้ ม่อนแจ่มก็ไม่ได้หลบเลี่ยง.. ไม่ได้คัดค้านอะไรเลย.. กลับแหงนหน้าขึ้น เต็มใจกับอะไรก็ตามที่พชรจะทำ

         “โอ๊ะ!”
ประตูเปิดออก ..แล้วก็เป็นไอดิลที่อุทานตกใจ พลางละล่ำละลั่กเมื่อตระหนักว่าอะไรเป็นอะไร
“เหี้ย ท..โทษ กูขอโทษ!”

คืออย่างนี้.. ไอดิลรออยู่ที่ห้องหมอกนานแล้ว เขาอยากเข้ามาหยิบขลุ่ยไปเป่าพร้อมหมอกเล่นกีต้าร์ แต่ตราบเท่าที่ไฟยังไม่เปิด เขาก็กลัวว่าจะขัดจังหวะส่วนตัวของรูมเมททั้งสอง ซึ่งเมื่อไฟเปิดแล้วเช่นที่เป็นอยู่ขณะนี้ เขาเลยนึกว่าตัวเองน่าจะเข้ามาได้..

“กูขอเวลาแป๊ปเดียว”
ไอดิลวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามา ปีนขึ้นบันไดเตียงสองชั้น เอื้อมหยิบขลุ่ยใต้หมอนรวดเร็ว และออกจากห้องปิดประตูอย่างเร็วกว่า มิวายจะเปิดมาบอกอีกครั้ง
“คิดซะว่ากูเป็นแมงหวี่ บินเข้ามาและบินออกไปแล้ว” รูมเมทสิ่งแวดล้อมว่าหอบๆ สีหน้าสำนึกราวกับเพิ่งทำความผิดมหันต์ลงไป
“มึงสองคนต่อเลยนะ กูขอร้อง ..ต่อจากเมื่อกี๊เลย”

ม่อนแจ่มกับพชรผละออกจากกัน มองไอดิล ก่อนจะหันมามองกันเองและหลุดหัวเราะอย่างเก้อเขิน
ไอดิลจะบ้าหรือ ..มันจะต่อได้ยังไงกัน!

ความขำไอดิลที่ดูบ้าๆบอๆ ทำให้ม่อนแจ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย หลังจากที่ตอนแรกรู้สึกว่าเป็นขี้ผึ้งเมื่ออยู่ในอ้อมกอดพชร
“ไปกินข้าวกันเถอะ” เสียงเล็กเอ่ยชวน ซึ่งคนฟังก็พยักหน้า
แล้วก็เหมือนเคย พชรเป็นคนเปิดประตูค้างไว้ ปล่อยให้ม่อนแจ่มออกจากห้องก่อน แล้วถึงค่อยเดินออกบ้างและปิดประตูตามหลัง

ร่างเล็กหยุดหน้าห้องสามสามหก หันมองพชรเป็นทำนองขอให้รอ แล้วมือขาวจึงยกขึ้นเคาะ
“ไอ้ดิ้ล ไอ้ดิ้ล”

ไม่กี่อึดใจ.. เพื่อนรักก็โผล่ออกมา ม่อนแจ่มพยักหน้าทักทายหมอกที่นั่งกอดกีต้าร์อยู่ ณ กรอบประตูระเบียง
“กูจะไปกินข้าว มึงกินหรือยัง เอาอะไรไหม?”
ไอดิลส่ายหน้า มองม่อนแจ่มแบบไม่สบายใจ กระซิบใส่เบาๆ “ตกลงพวกมึงไม่ต่อเหรอ ..กูขอโทษว่ะ กูสัญญาว่าต่อไปจะเคาะประตู”
“ไม่เป็นไร มึงนี่” ม่อนแจ่มขำ ส่ายหน้าบางๆ บีบไหล่ไอดิลให้เจ้าตัวสบายใจ
ไม่เป็นไรหรอก.. ม่อนแจ่มพูดจริงๆ เขากับพชรยังมีเวลา ตราบที่ความรู้สึกยังมีให้กันแบบนี้

           สองร่างเดินเคียงกันมาตามทางเดิน ลงบันได ไร้คำพูด
ม่อนแจ่มอมยิ้มอย่างไม่ตั้งใจ พชรไม่ได้ยิ้ม อย่างไรก็ตาม สีหน้าเรียบเฉยนั้นเป็นเรียบเฉยแบบผ่อนคลาย ไม่ใช่เรียบเฉยแบบแบกโลกดังหลายเดือนที่ผ่านมา

“พชร อยากกินอะไร” ม่อนแจ่มเอี้ยวหน้าหันมอง
“อะไรก็ได้”
..คำตอบยอดฮิต และสำหรับคนแบบพชรแล้ว ยิ่งไม่น่าแปลกใจที่จะตอบแบบนี้
“แล้ว.. จะกินที่ไหน” ม่อนแจ่มถามอีก
“ที่ไหนก็ได้”

เอ่อม..

“โรงอาหารไหม หรืออยากไปแถวหลังมอ?” ม่อนแจ่มพยายามตีกรอบให้แคบลงมา
“แล้วแต่เลย”
..
ม่อนแจ่มกลอกตาไปมา เลือกตัดสินใจเอง
“งั้นไปหลังมอละกันนะ”
ไม่ใช่อะไรหรอก กินที่โรงอาหารมันแป๊ปเดียวไง ม่อนแจ่มอยากกินนานๆ แหะๆ..
พชรพยักหน้ารับ เดินลิ่วๆนำไปที่ลานจอดรถ ล้วงกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกง ทำท่าจะไปเอารถออกมารอ ทว่า ม่อนแจ่มวิ่งมารั้งแขนไว้
“พชร เดินไปได้ไหม”
หน้าคมหันมาเลิกคิ้ว “เดินหรือ?”
“ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากนั่งมอร์’ไซค์นะ” ม่อนแจ่มรีบปฏิเสธ กลัวพชรเข้าใจผิด
“คือ.. ถ้านั่งมอร์’ไซค์ เดี๋ยว.. เดี๋ยวมันถึงเร็วอะ กูอยาก แบบว่า..”
ม่อนแจ่มพูดตรงไปไหม? หรือมันไม่ตรงวะ?
“พชรเข้าใจใช่ไหม”
..
คนถูกถามพยักหน้ารับว่าเข้าใจ ..เข้าใจดี
ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันน้อยๆ สะกดกลั้นรอยยิ้ม เสมองระยะทางกว่าจะถึงประตูใหญ่หลังมอ
“เดินไหวแน่นะ”

ให้ตายเถอะ ..ม่อนแจ่มโดนสบประมาทอีกแล้ว
“ให้กูเดินไปตีลังกาไปยังได้เลย ลองดูไหม?”
“อย่าลำบากเลย” พชรออกปากปฏิเสธคนช่างพูดเกินจริง

ร่างกำยำเดินทอดขาช้ากว่าปกวิสัย เพื่อไม่ให้อีกคนต้องเร่งฝีเท้าตามมากนัก แม้กระนั้น พชรก็สังเกตเห็น ม่อนแจ่มพยายามเดินเร็วเต็มฝีเท้าเพื่อเคียงข้างเขาให้ได้
“กูมีเพื่อนอยู่หอสี่ด้วยนะ” เสียงเล็กคุยขณะเดินผ่านหอสี่ชาย
“ชื่อไอ้พี อยู่ชมรมเดียวกัน มันวาดรูปเก่ง เรียนเอกเดียวกับไอ้ดิ้ล”

พชรพยักหน้า..
แล้วม่อนแจ่มก็พูดอีกเมื่อข้ามถนนมาถึงหน้าคณะตนเอง ป้ายใหญ่วิศวฯ ม.ช. เด่นอยู่ตรงหน้า
“ที่ภาคกูมีเพื่อนสนิทอยู่สองคน ชื่อไอ้เมษหนึ่งกับไอ้เมถสอง ชื่อออกเสียงเหมือนกัน แต่สะกดคนละตัวน่ะ เลยต้องเอาเลขเข้าช่วย จะได้รู้ว่าเรียกคนไหน ..ก็สองคนที่มึงเห็นวันนั้นน่ะแหละ”

อ้อ..
พชรพยักหน้า ..สองคนที่ผลักม่อนแจ่ม
นึกถึงข้อนี้ พชรพ่นลมหายใจหงุดหงิดนิดๆ ซึ่งม่อนแจ่มก็จับสังเกตความรู้สึกได้
“มึงอย่าโกรธเลย พวกมันนิสัยดีนะ แค่ขี้แกล้งไปหน่อย เพื่อนๆเรียกว่าแฝดนรก แต่ไม่ใช่แฝดจริงๆหรอก มันเป็นเพื่อนสนิท บ้านอยู่ติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แล้วชื่อเล่นก็ดันเหมือนกันอีก เราเลยเรียกแฝด แล้วจากระดับความกวนตีน โดยเฉพาะไอ้เมษหนึ่ง พวกมันเลยได้บรรดาศักดิ์คำว่านรกเพิ่มไปอีกคำน่ะ”

อ่าฮะ..
พชรพยักหน้า ไม่ได้ให้ความเห็น ไม่ได้ถามเพิ่มเติม แต่ส่งสัญญาณให้รู้ว่ากำลังฟัง
ม่อนแจ่มหันมองสีหน้าเรียบๆของคนเดินข้างๆ “มึงไม่คุยอะไรบ้างเหรอ..”

ยังไงล่ะ..
ก็..
“ไม่รู้จะคุยอะไร”

ม่อนแจ่มทำหน้ายุ่งยากใจ
“กูพูดมากแบบนี้ มึงรำคาญหรือเปล่า”

ไม่..
พชรส่ายหน้า พร้อมกับหันมามองเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจในคำพูดของเขา
“พูดมาเถอะ ..กูถนัดฟัง”

อะ..
ริมฝีปากอิ่มเผยอยิ้ม ..ทำไมคนไม่ค่อยพูด พูดแล้ว มันเขินจัง
ม่อนแจ่มรู้ว่าพชรไม่ได้ตั้งใจให้เขาเขิน พชรแค่บอกตรงๆอย่างที่เจ้าตัวเป็น

“ปกติ พชรชอบอ่านหนังสือใช่ไหม”
“ก็.. อ่านเวลาว่าง”
ม่อนแจ่มนึกถึงโต๊ะเขียนหนังสือใกล้เตียงเดี่ยวในห้องสามสามแปดที่มีหนังสือวางซ้อนกันอยู่หลายเล่ม
พชรก็คือพชร ไม่ทำงาน ก็ไปเรียน ไม่ไปเรียนก็อ่านหนังสือ ไม่เคยเห็นจะปล่อยเวลาว่างให้หมดไปเปล่าๆ
“หนังสือบนโต๊ะ ..ขอยืมอ่านบ้างได้ไหม”

พชรถึงกับต้องนึกตามสิ่งที่คนพูดหมายถึง
หนังสือบนโต๊ะ อ่า.. ใช่สินะ มีทั้งที่ประกอบการเรียนและที่หามาไว้อ่านเองด้วยชอบเนื้อหา
ม่อนแจ่มจะยืมอ่านหรือ? ก็.. ไม่มีปัญหานี่
“อยากอ่านเล่มไหนก็เอาไป”

ร่างเล็กรู้สึกว่าหัวใจมันพองฟูขึ้น
คือ.. มันก็เป็นคำอนุญาตธรรมดา มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้หนักหนาอะไรกับการที่เขาขอยืมหนังสืออ่าน แล้วพชรก็อนุญาต แต่ไม่รู้สิ มัน..

“อยากอ่านเล่มไหนก็เอาไป”

ยังไงก็พิเศษ
หรือเพราะเป็นคำพูดของคนพิเศษ ..มันเลยพิเศษ

           เป็นการเดินช้าๆที่รู้สึกว่าเร็วมาก..
แป๊ปเดียว ขาสองคู่ก็ก้าวมาถึงประตูใหญ่ที่มีรถเข้าออกเกือบตลอดเวลานี้แล้ว
ก่อนที่จะข้ามถนนไปยังฝั่งที่มีอาหารขายเรียงรายริมรั้ว กลับเป็นพชรที่จู่ๆพูดออกมา
“อย่าเดินมาคนเดียวนะ”

ยังไง..
ม่อนแจ่มหันมองคนพูดอย่างแปลกใจ พชรจึงย้ำ
“อย่าเดินมาแบบนี้คนเดียว”
“กูเป็นผู้ชายนะพชร” ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่คิดว่านั่นเป็นข้อจำกัดต่อคำขอของเขา
“รับปากกู”

ห๊ะ..
ม่อนแจ่มลังเลนิดหนึ่ง ขณะพชรหันมามองอย่างรอคำยืนยัน
คนตรงหน้าอาจไม่เคยตั้งใจบังคับเรื่องใดๆก็จริง แต่พูดก็พูดเถอะ.. ม่อนแจ่มว่าพชรถนัดมากเลยล่ะในเรื่องการ ‘สั่ง’
ใบหน้าเรียวยู่ยี่เล็กน้อย รู้สึกว่าการยอมจำนนรับปากว่าจะไม่เดินมาหลังมอคนเดียวราวกับตัวเขาเป็นสาวน้อยนั้นมัน..

พชรมักจะไม่พูดอะไรเสริม ม่อนแจ่มจึงต้องพยายามทำความเข้าใจคำพูดอีกฝ่ายเอาเอง
ร่างเล็กหันหลังกลับไปมองถนนมืดๆที่เดินผ่านมา จริงอยู่ที่มีไฟรายทาง ทว่า ก็ไม่ได้สว่างไสวเท่ากันทุกจุด ซ้ำหากดึกกว่านี้ก็คงเปลี่ยว ซึ่งอันที่จริงเพื่อนนักศึกษาหญิงก็ได้รับการเตือนไม่ให้เดินไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่แล้วในตอนกลางคืน แต่.. ม่อนแจ่มเป็นผู้ชายนะ แม้จะตัวเท่าเปี๊ยกแต่ก็เป็นผู้ชาย

มือเรียวขยับแว่นนิดหนึ่ง หันกลับมามองพชรซึ่งสีหน้ายังคงเหมือนเดิม เรียบเฉย แต่รอคอย และในดวงตาคู่นั้น ม่อนแจ่มเห็นความเป็นห่วงเป็นใย..
ตอนที่สองเพื่อนเครื่องกลผลักเขา แววตาพชรไม่เหมือนเดิมเลย มันแข็งกร้าวและพร้อมที่จะพุ่งเข้าใส่ เหมือนว่าจะทนไม่ได้ ถ้าคิดว่าเขา ..ม่อนแจ่ม ต้องเจ็บตัว

แล้วตอนนี้.. พชรพูด เพราะพชรห่วง แล้วความห่วงใยก็คงไม่ได้จำกัดเพศ

“อื้อ” หน้าเรียวพยักหนักๆในที่สุด
“กูรับปาก”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 30-11-2016 23:23:15
         “พชรกินอะไร?”
ม่อนแจ่มถามเสียงแจ๋วทันทีที่มาหยุดหน้าประตูมอ ซึ่งนับจากร้านสุกี้ร้านแรกฝั่งประตูวิศวกรรมศาสตร์ ก็จะมีแผงขายอาหารไปตลอดแนวรั้วจนถึงประตูคณะวิจิตรศิลป์
“อะไรก็ได้” พชรตอบเหมือนเดิม
“ข้าวหรือเส้น?” ม่อนแจ่มใช้กลยุทธ์ ตีกรอบให้แคบลงมา และคราวนี้ พชรตอบมั่นใจ
“ข้าว”
“งั้นมันก็ไม่ใช่อะไรก็ได้แล้วสิ” ม่อนแจ่มย้อน และพชรก็เกือบหลุดหัวเราะ หน้าคมพยักอย่างยอมรับ
“ก็จริง”
พชรถนัดกินข้าว ไม่ค่อยกินอาหารเส้น ประเภทก๋วยเตี๋ยว ผัดไทหรืออะไรเทือกนั้น เพราะชินว่าวันหนึ่งกินข้าวสามมื้อ แล้วก็จบ ขนมจุกจิกอะไรก็ไม่ทานนัก นอกจากว่ามารดาจะทำไว้ให้

“งั้นกินร้านนี้เลยไหม หิวมากเลย”
ม่อนแจ่มเอามือลูบท้องประกอบ ซึ่งพชรก็พยักหน้าอีกครั้งอย่างตามใจ อดไม่ได้ที่จะลอบส่ายหน้าน้อยๆ
หิวจัดแล้วยังจะอยากเดินมาไกลให้ได้กินช้าไปอีก..

           สองร่างขยับเก้าอี้พลาสติก นั่งลงตรงข้ามกัน
“พชร เอาอะไร” ม่อนแจ่มโบกเมนู
ดวงตาคมมองไล่เรียง แล้วก็สั่งง่ายๆ “ผัดเครื่องแกง”
ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ มองเมนูอย่างตัดสินใจบ้าง ก่อนทำท่าจะลุกขึ้นไปสั่ง ทว่า มือขาวถูกรั้งไว้
“กูไปสั่งเอง กินอะไร”

อะ..
ม่อนแจ่มชะงัก หันหน้ากลับมามองพชรก่อนก้มลงมองข้อมือตัวเองที่ถูกยึดไว้
“เอ่อ.. ไข่เจียวหมูสับ”
ร่างเล็กนั่งลงที่เดิม มองร่างกำยำเดินไปสั่งอาหารก่อนถือน้ำกลับมาสองแก้ว วางให้เขาแก้วหนึ่ง
ทำไมม่อนแจ่มรู้สึกเขินวะ แต่สีหน้าพชรปกติมาก..

        ข้าวไข่เจียวหมูสับถูกยกมาวางตรงหน้าก่อน คงด้วยทำง่ายกว่า
“กินเลย ไม่ต้องรอ” พชรว่า เมื่อเห็นม่อนแจ่มไม่หยิบช้อนตักกิน ศีรษะเล็กส่ายน้อยๆเป็นทำนองว่าจะรอ
พชรมองอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ..หิวก็หิว แต่ไม่ยอมกิน แล้วดูที่กิน ข้าวไข่เจียวหมูสับ ที่โรงอาหารใต้หอก็มีไม่ใช่หรือถ้าจะกินแบบนี้ ถ่อเดินมาถึงหลังมอทำไมกัน
แค่คิดไปอย่างนั้น ทั้งที่พชรก็รู้ดีนั่นแหละ ..ว่ามันเป็นเพราะอะไร

เมื่อข้าวผัดเครื่องแกงถูกยกมาวางบ้าง ม่อนแจ่มจึงเริ่มต้นจัดการข้าวไข่เจียวของตัวเอง
ใช่จะอร่อยเหมือนกับข้าวที่บ้านซึ่งป้าเพ็ญทำ แต่เอาแค่ว่าถ้าไม่เผ็ดเกินไป ม่อนแจ่มกินได้ทั้งนั้น มีให้กินก็ขอบคุณแล้ว
ที่จริง.. เขาก็อยากสั่งผัดเครื่องแกงเหมือนกันนะ จะได้ดูดีกว่าไข่เจียวหน่อย ทว่า หากสั่งมาแล้ว กินไม่ได้ จะอายพชรเสียเปล่าๆ

ม่อนแจ่มกินพลาง มองคนนั่งตรงข้ามพลาง ..นี่เป็นครั้งแรกที่กินข้าวด้วยกันสองคน
พชรกินข้าวเงียบๆ สีหน้าเฉยๆ กินแบบไม่หยุด ไม่พูด ไม่ดูอะไร ระยะห่างระหว่างแต่ละคำก็เท่าๆกัน
ไม่เหมือนเวลาเขามากินกับกลุ่มเพื่อน โดยเฉพาะไอดิล เพราะรายนั้นกินไป พูดไป ชมนกชมไม้ไปด้วย
ม่อนแจ่มก้มหน้าก้มตากินบ้าง ..พชรถนัดฟังก็จริง แต่ในบางเวลา ม่อนแจ่มไม่ควรจะพูด โดยเฉพาะเวลากินข้าว ซึ่งพชรจะกินอย่างเดียว ..ม่อนแจ่มพยายามเรียนรู้..

         “กินอะไรอีกไหม?”
ม่อนแจ่มถามเมื่อเดินออกมาจากร้านตามสั่ง สอดส่ายสายตามองร้านนู้นทีร้านนี้ทีซึ่งคุ้นเคยดีหมดแล้ว เพราะไอดิล-ท่านผู้นำ พามาประจำ
พชรส่ายหน้าแทนคำตอบตามปกติที่กินข้าวแล้วคือจบ
หน้าขาวยู่ลงน้อยๆอย่างยุ่งยากใจ พชรเลิกคิ้วมอง ก่อนเอ่ยเรียบๆ
“ถ้าอยากกินอะไรอีก ก็ไปกิน”
..
ม่อนแจ่มยังไม่ตอบ..
ราวกับตัดสินใจอยู่ว่าจะพูดดี ไม่พูดดี พชรจึงถามซ้ำ ทั้งที่ปกติไม่ค่อยถามหรือพูดอะไรซ้ำสองทั้งสิ้น
“ตกลงอยากกินอะไร ม่อน”
“น้ำปั่น” เสียงเล็กอ้อมแอ้มตอบ ยิ้มเหยๆ “ร้านถัดจากประตูศึกษาฯอะ”

พชรลอบยิ้ม หันหลังเดินนำไปก่อน เพราะทางเดินแคบ นักศึกษาเดินสวนมามากมาย ไม่อาจจะเดินคู่สองคนได้
อย่างไรก็ตาม หน้าคมเอี้ยวเหลียวมองหลังแทบทุกสองสามอึดใจ ม่อนแจ่มจึงขยับไปจนเกือบจะชิด มือบางแตะไว้ที่เอวคนข้างหน้า
พชรชะงักนิดหนึ่ง ไม่ได้เดินพลางหันกลับมามองพลางอีก เมื่อสัมผัสด้านหลังเป็นสัญญาณบอกแล้วว่าม่อนแจ่มอยู่ตรงนั้น

          ร่างสูงหันมาเลิกคิ้วเมื่อเดินเลยประตูเล็กหน้าคณะศึกษาศาสตร์ พยักพเยิดไปที่ร้านขายน้ำผลไม้ปั่นเยื้องๆกัน ทำนองว่า ถูกร้านหรือไม่ ซึ่งม่อนแจ่มก็พยักหน้ารัวๆ
“น้ำอะไรปั่น?” เสียงเข้มถาม แต่ม่อนแจ่มตอบอีกอย่าง “ต้องถามว่าเขากำลังจะปั่นอะไร”

ห๊ะ..
พชรงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ถามแม่ค้าสาวไปตามนั้น
“กำลังจะปั่นอะไรครับ?”
“กีวี!” แม่ค้าบอกห้วนๆ และพชรก็หันไปส่งสายตาถาม ม่อนแจ่มพยักหน้าหงึกหงัก ซึ่งเป็นอันเข้าใจกัน
“เพิ่มอีกแก้วหนึ่งนะครับ”
“พชร โยเกิร์ตด้วย” ม่อนแจ่มเสริม
“โยเกิร์ตด้วยครับ” พชรว่าตาม
นั่นแหละ.. ม่อนแจ่มจึงได้กีวีโยเกิร์ตมาเดินดูดสบายใจไป

          “พชร กินไหม?” ม่อนแจ่มยื่นแก้วกีวีปั่นไปเบื้องหน้า
หน้าคมส่ายนิดหนึ่งแทนคำตอบ ม่อนแจ่มจึงนำเสนออีก “กูหยิบหลอดมาเผื่อแล้วด้วยนะ”
คนถูกชวนส่ายหน้าซ้ำ แต่แอบขำ ..ทำอะไรกันไปตั้งแค่ไหนแล้ว ถ้าจะกิน เขากินหลอดเดียวกับเจ้าตัวก็ได้
แต่นี่เพราะไม่ชอบกิน ก็เลยไม่กิน เท่านั้นเอง

        “จะเดินกลับทางเดิมหรือไปรอรถม่วงดีอ่ะ”
ม่อนแจ่มหันมาขอความเห็น ซึ่งพชรก็ไม่อยากตอบว่า ‘แล้วแต่’ หรือ ‘ยังไงก็ได้’ อีก กลับเป็นฝ่ายยอมตัดสินใจให้บ้าง
“นั่งรถม่วงก็ได้ เดินมาไกลแล้ว”
ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง ..เขายังไม่เคยนั่งรถม่วงกับพชรมาก่อนเลย
ส่วนพชรน่ะหรือ ..ยังไม่เคยนั่งรถม่วงกับใครทั้งนั้น ไม่เคยเลย เพราะใช้แต่มอเตอร์ไซค์ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามหาวิทยาลัยมา จะเคยนั่งบ้าง ก็เป็นรถโดยสารสี่ล้อแดงตอนออกไปทำกิจกรรมร่วมกับสาขาวิชาเท่านั้น

         ประมาณสามทุ่มเป็นช่วงเวลาฮิต รถม่วงเต็ม เต็มและเต็ม แต่ม่อนแจ่มไม่ขี้เกียจรอ เพราะหนึ่ง มีพชร และสอง มีน้ำปั่น
พชรเองก็ดูไม่เดือดร้อนอะไรนัก เขามองนักศึกษากลุ่มแล้วกลุ่มเล่าขึ้นรถไป สลับกับมองคนข้างๆดูดกีวีปั่น ถ้าจังหวะตรงกัน ดวงตาก็ประสานกันไป
วินาทีนี้ก็เหมือนกัน.. กีวีปั่นโยเกิร์ตเหลือครึ่งแก้ว ..ปากม่อนแจ่มแตะหลอดสีส้ม แต่ดวงตาสบกันกับของเขาและไม่หลบสายตาเลยด้วย ซึ่งพชรก็รู้สึกอยากรวบร่างคนดูดน้ำปั่นมาไว้ในอ้อมแขนเสียเดี๋ยวนี้ ทว่า ไม่สามารถทำได้เพราะไม่ใช่สถานที่ที่ควร จึงได้แต่เสมองไปทางอื่น นัยน์ตาคมเป็นประกาย และริมฝีปากก็ยกขึ้นน้อยๆ ..น้อยมาก
กระนั้น ม่อนแจ่มก็รู้ว่าพชรกำลังยิ้ม ..และม่อนแจ่มเองก็ยิ้มเช่นเดียวกัน
   
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “เดทแรกเป็นยังไงบ้างครับ เพื่อนม่อน?”
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ก็พบรูมเมทเตียงบนนั่งทำหน้าแป้นแล้นล้อเลียนอยู่ภายใน ไอหมอกเองก็อยู่ด้วย
ม่อนแจ่มกัดปากเขินๆ ชี้นิ้วคาดโทษเพื่อนซี๊ไม่จริงจังนัก
ก่อนออกไป ไอดิลยังขอโทษขอโพยเขาอยู่เลยนะ นี่กลับเข้ามา แซวอีกแล้ว เพื่อนเกรียนไม่เคยจะรู้สึกผิดอะไรนานหรอก

“จริงๆ.. เขาต้องค่อยมาจีบกันทีหลังแบบนี้ใช่ไหมวะ” ไอดิลรำพึง หันไปกระซิบบ่นกับคนรัก
“กูกับมึงข้ามไปขั้นตอนนึงนะหมอก”
ไอหมอกโบกศีรษะเล็กเบาๆอย่างที่ทำประจำ ก่อนหันไปพยักหน้าให้พชรเป็นเชิงทั้งทักทายทั้งขอโทษแทนเจ้าของหัวใจ
พชรไม่ได้ขัดเขินและไม่ได้ถือสา หน้าคมพยักตอบไอหมอก ก่อนที่ดวงตาจะกลับไปจับอยู่ที่ม่อนแจ่มอีกครั้ง

          เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก แม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่ม่อนแจ่มก็ก้มมองนาฬิกา
สี่ทุ่มแล้ว.. ป่านนี้ คุณแม่จะเป็นห่วงเขาหรือยังหนอ?
“บอกแม่ว่าจะกลับกี่โมง” พชรไต่ถาม รู้สิ่งที่คนมองนาฬิกากำลังครุ่นคิด
“เอ่อ.. ไม่ได้บอกว่ากี่โมง แต่บอกว่าจะกลับเอง” ม่อนแจ่มเอามือเกาหัว “..กูต้องกลับแล้วนะ”
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นมองพชร ..เขายังไม่อยากไป แต่ก็ดึกกว่านี้ไม่ได้
อยู่หอก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่เขาอยู่คอนโดกับมารดามาตลอดอาทิตย์ ซ้ำไม่ได้บอกว่าจะค้างหอ อย่างไรก็ต้องกลับไปก่อน ม่อนแจ่มไม่อาจปล่อยให้ท่าน อยู่คนเดียวในห้องแบบนั้น
มือเรียวคว้ากระเป๋าขึ้นมาจากหน้าเตียงและหนีบแฟ้มไว้ในท่วงท่าประจำอย่างหักใจ

“แล้วนั่นจะกลับยังไง?” เป็นไอดิลที่ถาม และทำให้ม่อนแจ่มนึกขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน
เออว่ะ..

“รถแดงไง” เขาหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วตอบมั่นใจ
ใช่.. รถโดยสารสี่ล้อแดง ใครๆก็ไปกัน ม่อนแจ่มเห็นทุกวัน
ทว่า ไอดิลพ่นหัวเราะออกมากับคำตอบ “ต่อรองราคาให้ดีนะครับม่อน”
“ต่อรองราคายังไง” ม่อนแจ่มถามงงๆ “เขาไม่มีเรทเหรอวะ แล้วคอนโดกูอยู่สันผีเสื้อ ต้องจ่ายเท่าไหร่ล่ะ”

ฮ่ะๆ!
ไอดิลหัวเราะหนักมาก ..ม่อนน้อยในโลกกว้าง มันจะรอดถึงคอนโดไหมเนี่ย
แต่จะห่วงไปทำไม ในเมื่อ..

“เดี๋ยวไปส่งเอง”
พชรเอ่ยสั้นๆอย่างที่ทั้งไอหมอกและไอดิลคาดได้ มือแกร่งหยิบหมวกกันน็อคจากบนตู้มาส่งให้คนเตี้ยกว่า
“มึงใส่เองเถอะนะ” ม่อนแจ่มพูดเหมือนคราวที่พชรมาจอดมอเตอร์ไซค์เทียบริมฟุตบาท ..ครั้งแรกที่ซ้อนท้ายร่างสูงคนนี้
และแน่นอนว่าในเมื่อครั้งนั้นไม่เป็นผล ครั้งนี้เองก็เช่นเดียวกัน
ม่อนแจ่มหน้างอ ..พชรจะรู้ไหมว่ามันรู้สึกยังไงที่เอาหมวกกันน็อคพชรมาใส่ แล้วปล่อยให้คนขี่ไม่มีเครื่องป้องกัน
ครานั้น ไปส่งแค่หน้ามอยังพอว่า แต่คราวนี้ ต้องออกไปตั้งไกล

สีหน้าเฉยเลิกคิ้วน้อยๆกับดวงหน้าขาวยู่ยี่ที่ก้มลง  ..ม่อนแจ่มไม่ดื้อกับเขา ไม่เคยเลย ขออะไร บอกอะไร ก็เชื่อ ก็ทำตามแทบทั้งหมด ..ซึ่งเขาก็ไม่น่าจะตอบแทนความโอนอ่อนผ่อนตามของเจ้าตัวแบบนี้
จริงสิ..

“หมอก” พชรเรียกและคิดว่าเจอทางออก
ไอหมอกลุกขึ้นยืนอย่างเตรียมตัวอยู่แล้ว “รอแป๊ปนะ”
คนรักของรูมเมทบอกสั้นๆ แล้วเปิดประตูออกจากห้องไป
ไม่กี่อึดใจให้หลัง ก็กลับมาพร้อมหมวกกันน็อค ยื่นให้พชร “พชรก็ใส่ ม่อนก็ใส่ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน”
“ขอบใจมาก หมอก” หน้าคมพยักให้ ขอบคุณอย่างจริงใจ ไอหมอก วิทยาฯ เคมี ผู้นี้เป็นเพื่อนที่มีน้ำใจต่อเขาหลายครั้งหลายคราวมาแล้ว

          “มันไม่เป็นไรจริงๆนะ” ม่อนแจ่มบอกอีกครั้ง ขณะเดินเคียงมาด้วยกันกับพชร
“กูเห็นเขาขึ้นรถแดงกันเยอะแยะ ไม่ได้น่ากลัว กูไปเองได้ จริงๆ”
มันดึกแล้ว.. กว่าจะไปถึง.. กว่าจะกลับเข้ามอมา.. ม่อนแจ่มไม่อยากให้พชรเหนื่อยเลย
“แค่ช่วยบอกหน่อยว่าต้องจ่ายประมาณเท่าไหร่ กูจะได้ทำถูก”

พชรไม่ได้หันมองคนข้างๆ..
“ในรัศมีใกล้ๆ สักสี่ห้ากิโลฯ โบกแล้วบอกเลยว่าจะไปไหน ไม่ต้องถามอะไรมาก ลงมาจ่ายเขายี่สิบก็พอ
ถ้าใกล้กว่านั้น เช่นโบกจากในมอไปในมอ หรือหน้ามอ-หลังมอ บางคันคิดสิบบาท ถามเขาก่อนก็ได้ 
แต่สันผีเสื้อไกลออกไป มันแล้วแต่ตกลง เขาอาจจะเรียกสามสิบ สี่สิบหรือห้าสิบ มึงไปคนเดียว เขาก็จะยิ่งเรียกแพง มันแล้วแต่คนขับ ถ้ารู้สึกว่าราคาไม่สมเหตุสมผล โบกคันใหม่”
..
“ถ้าไปไหนหลายๆคนก็เหมาได้ ตกลงราคาได้ เวลามีกิจกรรมที่ไกลๆ ส่วนใหญ่นักศึกษาก็เหมารถแดงพากันไป เดี๋ยวมึงก็ได้นั่งเองนั่นแหละ”
..
“กลางวัน ถ้าอยากออกไปไหนเอง จะนั่งรถแดงไป ก็ไป ชวนไอดิลไปด้วยก็ดี”
..
“แต่นี่มันดึกแล้ว ..และกูก็อยู่ตรงนี้”

ทั้งหมดนั้นถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ โทนเดียวเสมอกันเป๊ะทุกคำ ..บทต้องอธิบาย พชรก็พูดยาวได้
ม่อนแจ่มอ้าปากค้างน้อยๆ และรู้สึกว่าใบหน้าขึ้นสีจัดในประโยคสุดท้าย

         แล้วก็เป็นอีกครั้งที่คนตัวเตี้ยต้องปีนขึ้นมอเตอร์ไซค์สูง
ม่อนแจ่มเอาหมวกกันน็อคสวมหัวและสอดสายรัดเข้าที่ได้เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม มันหลวมไปสำหรับเขา ร่างใหญ่จึงขยับมาใกล้ ช่วยปรับสายให้พอดี
“เอาแฟ้มใส่กระเป๋าซะ เดี๋ยวหล่น” พชรเตือน ม่อนแจ่มจึงเก็บแฟ้ม Entaneer ใส่กระเป๋าตามบัญชา

ลมพัดปะทะร่าง..
เป็นครั้งที่สองที่นั่งมอเตอร์ไซค์คันนี้ แล้วก็เป็นครั้งที่ม่อนแจ่มรู้ว่าจะเอามือไว้ตรงไหน
ฝ่ามือเล็กสองข้างวางทาบบนไหล่กว้าง ซ่อนรอยยิ้มไว้ในหมวกกันน็อค ตระหนักชัดในความรู้สึก

..พชรอยู่ตรงนี้..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         สายลมยามค่ำพัดผ่านสองหนุ่ม..
พชรไม่แน่ใจนักว่าขี่ๆมอเตอร์ไซค์มาอยู่ดีๆ แล้วจู่ๆจะจอดทำไม
อาจเป็นได้ว่า.. เขาไม่อยากให้ถึงคอนโดม่อนแจ่มเร็วนัก
สองร่างจึงยืนพิง D-Tracker ซึ่งจอดชิดขอบทาง หันหน้ามองไปในทิศทางเดียวกัน ..สายน้ำปิงที่ไหลเอื่อยๆในความสว่างจากไฟถนน

ยืนเงียบๆ.. ฟังเสียงรถราที่แล่นผ่านไป ..ฟังแต่ก็อาจไม่ได้ยิน
ในบางครั้ง ความเงียบก็สรรค์สร้างเสียงที่ไพเราะที่สุด ..เสียงไพเราะที่คนสองคนไม่นึกอยากทำลาย

พชรยืนกอดอก.. ส่วนม่อนแจ่มเท้าสองแขนกับเบาะรถ..
ยืนเงียบๆ ..เงียบกันไปนาน จมอยู่กับความคิด ความรู้สึกต่างๆ จนในที่สุด.. กลับเป็นคนพูดน้อยที่เอ่ยค่อยๆ
“กลับไปอยู่บ้านเถอะ”

หือ..
ม่อนแจ่มสะดุ้งขึ้น เอี้ยวหันมองหน้า พชรจึงย้ำ
“ชวนแม่กลับไปอยู่บ้านเถอะ”

บ้านใคร.. ใครก็รัก..
พชรรู้ว่าม่อนแจ่มรู้สึกกับบ้านประดิษฐาพงศ์ไม่ต่างจากที่เขารู้สึกกับสวนเพชรหละปูน
ไม่ใช่เพราะมันหรูหรา โอ่อ่าหรือสวยงาม แต่เพราะมันเป็น ‘บ้าน’ ในความหมายที่ม่อนแจ่มรู้จัก

“เมื่อไรที่รู้สึกสบายใจดีแล้ว ก็..” เสียงเข้มค่อยๆเอ่ยอย่างจริงจัง
“บอกแม่ซะนะ ..ว่ามึงจะกลับบ้าน”

ม่อนแจ่มนิ่งไปหลายอึดใจ มองดวงตาคู่นั้น ..คู่ที่แทบตลอดเวลาดูเฉยชา
ทว่า เมื่อมองทะลุผ่านความเฉยชาที่ฉาบไว้เพียงผิวเผินเข้าไปได้แล้ว ..พบความปรารถนาดีอยู่เต็มเปี่ยม
พชรจะสั่งให้ม่อนแจ่มกลับบ้านตอนนี้เลยก็ได้ พชรจะได้สบายใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ทำอย่างนั้น กลับบอกว่าให้กลับเมื่อเขา ..ม่อนแจ่มเอง สบายใจ

“แล้ว..” เสียงเล็กถามเบาๆ “ถ้ากูกลับไปอยู่หอล่ะได้ไหม..”
“แล้วใครไปห้าม..”
“ก็ไม่ได้มีใครห้าม” ม่อนแจ่มย้อน ถามเน้นๆ “แค่อยากรู้.. ว่าพชรอยากให้กลับไปอยู่หรือเปล่า”

ทำเสียงไร้เดียงสาเหมือนว่าไม่รู้ แต่แววตาภายใต้กรอบแว่นเปล่งประกายล้อเลียน
พชรส่ายหน้าน้อยๆอย่างรู้ทัน ได้แต่เฉยเสีย ไม่ยอมตอบ

“ว่าไง พชร?” เสียงเล็กกระตุ้นอีก “อยากให้กูกลับหรือเปล่า?”

เฮ่อ..
“อืม” พชรครางรับในที่สุดเมื่อไม่มีทางเลี่ยง
“ไอ้ อืม น่ะ หมายความว่ายังไง?”  ม่อนแจ่มยังไม่ยอม น้ำเสียงกลับมามีความมั่นใจเต็มที่ รอยยิ้มกว้างระบายบนริมฝีปาก

“พชร..” ม่อนแจ่มกระตุ้น ให้สัญญาณว่ายังรอฟัง
คนถูกกดดันพ่นลมหายใจ หันมาเลิ้กคิ้วใส่ “รู้อยู่แล้ว จะถามทำไม”
“เอ้า! ก็มันอยากได้ยินนี่นา” ม่อนแจ่มยักไหล่ ทำหน้ากวนโอ๊ย
“เมื่อกี๊ยังพูดเรื่องรถแดงตั้งยาว แค่ตอบว่าอยากหรือไม่อยากแค่นี้ พูดมาเหอะน่า ง่ายๆ แป๊ปเดียว”

เหมือนจะให้กำลังใจ.. หรือเปล่า..
พชรข่มความรู้สึก ตอบห้วนๆอย่างขี้เกียจยื้อ
“อยาก”

ม่อนแจ่มหัวเราะคิกคัก หน้าเรียวพยักหงึกหงัก ถอนหายใจอย่างสบายอารมณ์
พชรหันมองสีหน้าแช่มชื่นของคนข้างๆ ..เหมือนดินที่แห้งผากมาหลายวันได้เจอฝนชุ่มชื้นเสียที
เขาบอกไม่ถูกว่าดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้บนใบหน้าของคนๆนี้อีกครั้ง ..และหวังว่าจะได้เห็นทุกๆวันนับแต่นี้

         “พชร..” 
ม่อนแจ่มมองสายน้ำที่ไหลไป คิดใคร่ครวญบางอย่างก่อนจะตัดสินใจเรียก
“กู.. ขอถามอะไรสักอย่างได้ไหม?”

พชรเกือบคิดว่าม่อนแจ่มคงพยายามแกล้งอะไรเขาอีก แต่เมื่อมองดวงตา ก็เห็นความลังเลไม่แน่ใจ ทำให้รู้ว่าอะไรสักอย่างที่ว่านี้ น่าจะไม่เกี่ยวกับเขา
“ถามมาสิ” พชรอนุญาต ม่อนแจ่มจึงค่อยๆเอ่ย
“มึงรู้จักคุณพ่อกูใช่ไหม”
..
“หมายถึง.. คุณพ่อ..”

พชรพยักหน้าเข้าใจในความหมาย ไม่จำเป็นต้องรออีกฝ่ายขยายความมากให้ลำบากใจ
“รู้จัก” เสียงเข้มยอมรับ ประหวัดถึงชายร่างเล็ก ใส่แว่นกรอบดำ ผู้ขยันขันแข็งและมีรอยยิ้มเป็นนิจ
“แล้ว..” ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย “คุณพ่อกูเป็นยังไงบ้าง ท่าน.. อยู่สุขสบายดีหรือเปล่า พชร”
คนถูกถามนิ่งไปอึดใจหนึ่ง มองคนข้างๆให้เต็มๆตาอีกครั้ง ทบทวนความหมายของถ้อยคำนั้น
“สุขสบายดี” พชรตอบ อดจะรู้สึกเต็มตื้นในใจแทนลุงแสงไม่ได้ ..นี่คือคำถามแรกจากลูกชายที่ไม่เคยพบเจอกัน..

ม่อนแจ่มขมวดคิ้วอย่างใคร่ครวญและพชรมองพิจ ..ไม่รู้ทำไมจึงคิดว่าพอคาดความรู้สึกได้
“อยากเจอหรือ”
ม่อนแจ่มตอบไม่ถูก..
“กูไม่รู้สถานการณ์ของคุณพ่อกับคุณแม่เลย ไม่รู้คุณพ่อจะอยากพบกูมากน้อยแค่ไหน ในเมื่อมันก็ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว” ฟันเล็กหยุดกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจ
“แต่ว่า.. ถ้าหากได้เจอ ได้ยกมือไหว้คุณพ่อสักครั้ง ..ก็คงดีนะ”

มือแกร่งยกขึ้นบีบไหล่เล็กเบาๆอย่างให้กำลังใจ “กูจะบอกเขาให้”
“อื้อ..” ม่อนแจ่มพยักหน้า “ขอบคุณ พชร”

ริมฝีปากหนาห้ามรอยยิ้มไม่ได้ ชอบเสียจริงๆเวลาม่อนแจ่มเรียกชื่อเขา ทั้งที่เจ้าตัวก็เรียกแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว เขายังชอบที่จะได้ยินเรื่อยๆ ได้ยินซ้ำๆ ไม่รู้ว่าทำไม..
หรืออาจเป็นเพราะ..ไม่มีใครจะเรียกชื่อเขาได้น่ารักน่าใคร่เท่าม่อนแจ่มอีกแล้ว

“ยิ้มทำไม?” ม่อนแจ่มถามอย่างแปลกใจ
เขาเห็นพชรอมยิ้มน้อยๆหลายทีแล้วตลอดค่ำนี้ แต่นี่ไม่เหมือนกัน เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้กลั้น เป็นยิ้มจริงๆจังๆ ทั้งๆที่ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรให้ยิ้มเลย
พชรส่ายหน้า เสมองไปทางอื่นเสีย ไม่อยากตอบคำถาม
“นี่ยังทำท่าทางแบบนี้อยู่อีกเหรอ” เสียงเล็กกระเง้ากระงอดเล็กน้อย
“ท่าทางแบบไหน” พชรไม่เข้าใจ
“ก็ไอ้ส่ายหน้ารำคาญๆ แล้วหันมองไปทางอื่นนี่ไง”
ไม่ได้รำคาญสักหน่อย ว่าไปเรื่อย.. พชรเผลอยิ้มอีก
“หันมายิ้มทางนี้” ม่อนแจ่มดึงแขนเสื้อ

ให้ตายเถอะ..
พชรพยายามหุบยิ้มซึ่งกว้างกว่าเดิม

“หันมาเร็วพชร กูชอบดูมึงยิ้ม”
ดึงแขนเสื้อไม่พอ ร่างเล็กยังขยับมายืนมองตรงหน้า จ้องเขาจะๆเสียอย่างนั้น
และขยับมาใกล้ไม่พอ.. ใบหน้าขาวเนียนยังเงยขึ้น ยื่นเข้ามาใกล้อย่างน่าตกใจ จนพชรต้องทาบฝ่ามือใหญ่บนศีรษะเล็กดันออกห่างเบาๆ
“ฮ่ะๆ!” เป็นม่อนแจ่มที่หัวเราะออกมา และนั่นทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้ว “หัวเราะอะไร”
“หัวเราะคนเขิน”
ว่าแล้วม่อนแจ่มก็หัวเราะอีก
“ฮ่ะ ฮ่ะ!”
..
“หัวเราะคนเขินมาก”
..
“กูไม่ได้ถาม”
“แต่กูอยากตอบ”
พชรพ่นลมหายใจ ส่ายหน้าน้อยๆอีกครั้งในความกวนของอีกฝ่าย

“พชร..”
ม่อนแจ่มยิ้มนิดๆ มองมาด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์อย่างที่พชรรู้ว่าคำพูดต่อไปของเจ้าตัวคงทำให้เขาเดือดร้อนอีกแน่ๆ
“ถามจริง ตอนที่กูไปภาคปรัชญาวันนั้น มึงจำกูได้หรือเปล่า”

นั่นไง
พชรเงียบ..
ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ..

“พด ชา ร้า..” ม่อนแจ่มลากเสียง “จำได้ใช่ไหม?”

เฮ่อ..
พ่นลมหายใจ แล้วคนถูกถามจึงครางรับในลำคอแทนคำตอบอย่างที่ทำประจำ “อืม..”
“อ๊ากกก โย่ว!” ม่อนแจ่มร้องดีใจ ไม่วายถามต่อ “แล้ว.. แล้วมึงรู้สึกยังไงบ้างอ่ะ? ตื่นเต้นเปล่า? แปลกใจไหม?”
พชรขมวดคิ้ว ไม่ยอมตอบ ขืนตอบไป ก็คงมีคำถามตามมาเรื่อยๆไม่รู้จบ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พชรจะไม่ตอบ..
“แล้ว.. ทำไมทุกคืน มึงต้องลุกขึ้นมาถอดแว่นให้กูด้วยล่ะ? มึงลุกมาตอนกี่โมง? ดึกหรือเปล่า?”
..
“พชร แล้วตอนที่เจอเพื่อนที่ไม่สนิทที่สุดของกูในห้องน่ะ มึงอุ้มกูทำไม สัญชาตญาณเหรอ หรือว่าเสียงเรียกร้องของหัวใจ แบบว่า..”
..
“เอ้อๆ พชร! แล้ว.. ไอ้ ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ กับ ‘ยั้งตัวเองไม่ทัน’ นี่มันความหมายเดียวกันไหม เพราะถ้าไม่ใช่..”
“ม่อน..” 
เสียงเข้มดังขัดคำถามของอีกฝ่าย ผู้ซึ่งถามรัวๆ ไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะตอบทันหรือเปล่า หรือยิ่งไปกว่านั้น อยากจะตอบหรือไม่
“พอแล้ว” พชรทำเสียงดุ
“ได้ ..กูไม่พูดแล้วก็ได้” ม่อนแจ่มขยับแว่น จ้องคนดุตาไม่กะพริบ
“ว่าแต่.. เมื่อไหร่มึงจะพูดล่ะ”
“พูดอะไร” ถามมากมายเสียขนาดนี้ พชรจะรู้หรือว่าควรตอบอะไรก่อน
“ก็..” ม่อนแจ่มกัดปาก เริ่มรู้สึกสับสนในตัวเอง ที่เป็นทั้งคนเขินและทำให้อีกฝ่ายเขินมาตลอดค่ำ
“..พูดอะไรที่จะพูดเมื่อวานน่ะ”

อะไรที่จะพูดเมื่อวาน..

“พูดแบบที่มึงบอกคุณแม่”

พูดสิ่งที่บอกกับคุณระมิงค์..

พชรกลืนน้ำลาย หลีกเลี่ยงคำตอบ ตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่หันมองคนถาม
“ก็บอกว่ารับความรู้สึกกูไม่ได้ไม่ใช่หรือ”
“รับได้” ม่อนแจ่มสวนทันควัน ขยับมาอยู่ฝั่งเดียวกับที่พชรหันหน้าหนี “ตอนนี้กูรับได้ อยากรับมากเลยด้วย”

แทบสะอึก..
พชรต้องห้ามตัวเองไม่ให้แปล ‘อยากรับ’ ที่ว่านั้นในความหมายอื่น เขารู้สึกว่าใบหน้าร้อนขึ้น
การพูดเมื่อจังหวะมาถึงมันก็เรื่องนึง พูดให้คนที่รู้สึกผิด ดวงตาหงอยเศร้า ยืนก้มหน้าสงบเสงี่ยมฟังมันก็เรื่องนึง
แต่ไอ้การต้องพูดแบบโดนเสียงเล็กกระเซ้าถาม ลอยหน้าลอยตาวิบวับรอฟังนี่ ..มันเป็นอีกเรื่อง

“พชร..” ม่อนแจ่มลากเสียง ริมฝีปากอิ่มยิ้มร่า ประกายระยิบระยับในดวงตาที่รอฟังคำสำคัญนั้นทำให้พชรอ่อนใจ เสียงเข้มสั่งเบาๆอย่างยอมจำนน
“มานี่มา”

ไม่ต้องรอให้สั่งซ้ำ ม่อนแจ่มขยับเข้าใกล้อีกจนเกือบแนบชิด ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาลูบศีรษะปรกเรือนผมนุ่มเบาๆ ดวงตาคมสบสายตาคนตัวเตี้ยกว่า
“อย่าให้พูดมากนัก มันเขิน”
พชรกลั้นรอยยิ้มบางๆ แล้วมืออีกข้างจึงโอบไหล่ม่อนแจ่มเข้าหาลำตัว กดศีรษะเล็กแนบอก ..หวังให้ได้ยินเสียงที่อยู่ภายใน
“รู้แค่นี้ก็พอ”

แล้วก็แค่นั้น..
พชรไม่พูดอะไรอีก.. ไม่ได้พูดอะไรเลย..
แต่ก็น่าแปลกดี.. ที่คนในอ้อมแขนได้ยินทุกถ้อยคำ..

“เหมือนกันนะ”
ม่อนแจ่มพึมพำกับอก ..ไม่มีคำกริยาบอกอาการชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าคนสองคนเข้าใจตรงกัน เมื่อพชรเองก็ตอบรับเต็มเสียงเพียงสั้นๆ
“ครับ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 30-11-2016 23:38:59
งืออออ ตอนนี้น่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 30-11-2016 23:45:00
กรี้ดดสสกวำววำวำวกบดวดดกททกากสดยดาอทดาดาากววดวดวดวดบพบพบวพวพ

ม่อนแจ่มลูกกกกกกกกกกก งือ น่ารักกกกมากกกกกกก โอ่ยม่อนหนูลูกกกกก รัก ดีใจสุดๆค่ะ น่ารักมากๆๆๆตอนนี้ จะพูดจะพิมพ์อะไรไม่ถูกล้าววว
 :-[ :-[ กรี้ดๆ

ให้เกรียนคนเขียน อิอิ :man1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 30-11-2016 23:48:55
อบอุ่นมากกกกก เขิลลลลลล  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-11-2016 23:50:27
โอ๊ย เขิน ยังกะไปแอบดูเขาจีบกัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 30-11-2016 23:53:34
 :hao7:
โอยยยยย เขินมากเขินที่สุด ฟีลกู้ดอมยิ้มตลอดตอน
น้องม่อนกลับมาอยู่หอเลยลูกกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 01-12-2016 00:02:41
อ๊ายยย ฟินเว่อร์
นอนหลับฝันดีคืนนี้ ยอมนอนดึกรออ่านก่อน
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 01-12-2016 00:26:25
ฮือ น่ารักอ้าาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-12-2016 00:27:10
หลังจากดราม่ามาหลายตอน    :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
บอกได้เลยว่าตอนนี้
ละมุนมากกกกกก
ดีต่อใจสุดๆ
เขินจนแก้มแทบแตก
  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 01-12-2016 01:07:03
อ๊างงงงง!!ฟินนนนนไปสามโลกกก โฮกกก!!มันดี๊ มันมีความซึ้งอบอุ่นละมุนสวีทหวานน่าร๊ากกกกกกกก เชรดด!!พชรเจอม่อนเวอร์นี้ไป ไงละ ไปไม่เป็นเลย อึ้งแล้วอึ้งอีก 5555 กล้าๆหน่อยพชร เดี๋ยวเจอม่อนแกล้งให้เขินหนักกว่านี้นะ คนปากหนัก 555 แต่อย่าให้ถึงเวลาพชรเอาคืนนะม่อน อยากรับมากชะมะ เดี๋ยวๆๆ พี่พชรจะให้น้องม่อนได้รับเร็วๆนี้ละ ncมาค่ะ 5555555555555 //ดีใจที่ม่อนถามหาพ่อ อยากให้ม่อนได้เจอพ่อแสงเร็วๆ ม่อนไม่รู้ไร ไปเจอเหอะ! //ใช่ๆ กลับไปอยู่บ้านนะ พชรเองก็ไปหาพ่อบ่อยๆเหมือนกันนะ ไปกับม่อนอ่ะ จะได้คุ้นเคย เรียกพ่อสักที เริ่มสงสาร เอาน่าๆ อิอิ!!!! //รอตอนต่อไปเลยค่ะ ตอนนี้โคตรดีกับใจ ยิ้มแก้มปริ ^^  :katai2-1: o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: gintama66 ที่ 01-12-2016 01:19:01
งู้ยยยยยยยย. เขิน

ฟ้าหลังฝนมาแล้วววววว

จบๆซะทีอะไรที่วุ่นวายใจ. ชอบตอนนี้มากก ม่อนทำพชรเขินได้นี่สุดยอดมาก!!
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: toeyy ที่ 01-12-2016 01:34:17
เขินนนนนนนนน :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 01-12-2016 03:41:54
โอเค บอกรักกัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 01-12-2016 03:55:57
ข้าเขินเหลือเกินนน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 01-12-2016 06:39:29
ม่อนกับพชรตรงริมดม่น้ำ การสนทนาของงคนสองคน ทำเราเขิน ชอบการกระทำของพชร มาก ใช้ใจบอกรัก  "เหมือนกัน"  "ครับ" หวานมาก อบอุ่นมาก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 01-12-2016 06:46:26
 :heaven อ่านแล้วมีความสุข
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-12-2016 07:05:59
โอ๊ยยยยยยย ตอนนี้มันดีต่อใจเสียจริงค่ะ มันทั้งอบอุ่นและมีความห่วงใยให้กัน โอ๊ยยยยยย อยากบอกว่าอิจฉาทั้งคู่จริงค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 01-12-2016 07:59:55
โอยยยยย มันช่างหวาน ช่างละมุน  :-[ :-[ :o8: :o8: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-12-2016 09:53:18
แหม อ่านบทนี้ยิ้มไม่หุบเลยละ
บอกพ่อแม่ของอีกฝ่ายบอกได้นะ แต่ให้บอกกันเองต่อหน้าเขินจนพูดไม่ออกใช่ไหมล่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 01-12-2016 09:58:08
โอย...  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 01-12-2016 10:57:41
ครับคำเดียว
ละลายไปเลยค่ะ

ตอนนี้ละมุนแบบดีต่อใจ
ม่อนน่ารักมากกกกกกกก
พชรต้องพ่ายแพ้

 :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 01-12-2016 11:35:20
 :m3:  :m3: ทำไมรู้สึกดีได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-12-2016 12:20:10
คนอ่านแก้มแตกแล้วค่ะ
มันต้องอย่างนี้ซิ ถึงจะคุ้มกันหน่อย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-12-2016 12:45:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 01-12-2016 14:31:27
พชร.. พูดน้อยจังเนอะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 01-12-2016 14:35:37
ต่ายยยยยแล๊ววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 01-12-2016 16:17:54
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มันเขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 01-12-2016 18:28:44
โอ๊ยยยยย ความหวานขึ้นตา ขอหวานๆ แบบนี้อีกหลายๆ ตอนนะคะ  :กอด1: :man1: :impress2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 01-12-2016 18:37:31
ตายๆๆๆๆๆๆ

โมเม้นนี้ช้านตายยยยยยยยย

โอ้ยยยยยยยยย มุ้งมิ้งนุ่มนิ่มบุมบิ้มมากกกกก

ชอบบบบบบบบ ><
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 01-12-2016 19:34:30
เพิ่งเคยเข้ามาอ่าน สนุกมากๆ เลยค่ะ ฮือออ เสียใจที่เจอช้า อยากเม้น อยากติดตามไปเป็นตอนๆ แต่อ่านทีเดียวแล้วสนุกม๊ากกกกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-12-2016 19:49:25
ปริ่ม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-12-2016 20:23:59
อิ่มเอมน้ำตาซึมกันเลย  น่ารักมากกกกก ม่อนกลับมาร่าเริงละ ดีใจจัง
พชรเขาก็ตีขรึมตามประสา ที่ตริงเอ็นดู ห่วงใย แถมอยากฟัดใจจะขาด
ม่อนน่ารักมากตอนพูดถึงพ่อ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 01-12-2016 21:23:14
งือออออ น่ารักทั้งคู่เลยยยยย ชอบตอนพชรเขิน ยิ่งเขินม่อนมันยิ่งแกล้งงงงง  ชอบความพอดีในคู่นี้ คนนึงพูดเยอะ คนนึงพูดน้อย แต่เค้าก็เข้าใจกันดี  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 01-12-2016 23:01:44
 :hao3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 02-12-2016 11:13:22
 :-[
ดีใจที่ทั้งสองคนกลับมาคุยกันเหมือนเดิม
เฮ้ออออ อึมครึมกันมาตลอด เจอแบบนี้ค่อยหายใจกันโล่งๆหน่อย

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 02-12-2016 15:37:27
น่ารักมว้ากกกกก รอมานานเลยกว่าจะถึงจุดนี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 02-12-2016 21:50:07
บทจะหวานก็หวานจนแม่น้ำปิงเป็นสีชมพู
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 03-12-2016 11:31:34
ตอนนี้ช่างดีต่อใจเหลือเกินนน  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: Netimefii ที่ 03-12-2016 14:09:43
สนุกมากกก o13 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 03-12-2016 20:36:31
ดีจายยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 03-12-2016 23:19:11
ม่อนแจ่มที่ร่าเริงกลับมาแล้วววว
น่ารักดีนะทั้งคู่  พชรก็ยังเงียบขรึมๆเหมือนเดิมแต่ความห่วงใยมาเต็มเปี่ยม 5555+

ปล. ขอบคุณคนเขียนนะครับ แต่ละตอนยาวจุใจเหมือนเดิม ^^
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-12-2016 23:29:44
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 04-12-2016 20:03:29
ไม่ได้อ่านมาสองตอน พลาดอ่านตั้งแต่ฉากเค้าบอกรักกันผ่านพ่อแม่ งืออออ
ตอนนั้นยังมีความหน่วงๆ พอมาเจอตอนล่าสุดนี่ ยอมมมม ฮือออออ น่ารักกกกก
รู้สึกว่าตอนล่าสุดนี่ม่อนแจ่มน่ารักมาก พูดไม่ถูก แต่แบบมีความน่าหมันเขี้ยว
เข้าใจเลยว่าพชรคงอยากฟัดอ่ะ 5555555
พชรก็ยังคงความขรึมๆ แต่พูดยาวได้ถ้าเรื่องของม่อนอ่ะเนอะ พูดแต่ละทีก็ดีงามไปอีก
"และกูก็อยู่ตรงนี้” ของพชรคือแบบโอยยย กรี๊สอยู่ในใจ
ละเค้าเขินกันไปมา แอบยิ้มกันไปมา นี่ก็ทำเอาเป็นไปกับเค้าด้วย อมยิ้มบ้าบออยู่คนเดียว 5555555
รู้สึกสดชื่นมากๆหลังจากหน่วงมานานค่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 07-12-2016 06:56:17
มารอ :call:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 07-12-2016 20:13:00
เธออยู่ไหน ๆ ๆ ๆ
 :m22:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 10-12-2016 14:33:17
รออ่านอยู่นะ คิดถึงพชรกับม่อนมากเลยย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 10-12-2016 17:38:55
มารอครับ
อาทิตย์นี้หายไปเลย คิดถึงม่อนกับพชร
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 10-12-2016 20:53:52
มารอด้วยคนค่าาาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: meiing ที่ 11-12-2016 12:10:29
มารอค่าา :call:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 13-12-2016 19:55:43
รอ ร๊อ รอ
 :m5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 14-12-2016 23:09:26
CHAPTER 32: Hello

          “ขอบคุณ พชร”
ม่อนแจ่มเอ่ย เสียงก้องเล็กน้อยในหมวกกันน็อค ก่อนกระโดดตุ๊บลงจากรถและพยายามถอดสายรัดออก
คนถูกขอบคุณไม่ได้ตอบรับ แต่มือบิดกุญแจดับเครื่อง เท้าเตะขาตั้งจอดรถ ช่วยปลดสายรัดหมวกกันน็อคให้คนบนพื้น ก่อนปลดของตัวเองออกบ้าง และนั่นทำให้ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว
“เฮ้ย เดี๋ยว ม..มึงจะขึ้นไปด้วยเหรอ?”
“ใช่” พชรตอบเรียบๆ
“แต่นี่มันห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้วนะ” ม่อนแจ่มค้าน “เดี๋ยวหอปิด”
“ก็เพราะมันห้าทุ่มกว่าแล้วนั่นแหละ..”
พชรตอบแค่นั้น ส่งสัญญาณให้ร่างเล็กนำทางไป
ทว่า ม่อนแจ่มไม่ขยับ พชรจึงต้องพ่นลมหายใจ อธิบายความจำเป็นอย่างเสียมิได้
“กูพาลูกเขามาป่านนี้ ก็ต้องไปส่งให้ถึงสิ”
ม่อนแจ่มพ่นลมหายใจบ้างและย้ำอีกครั้ง “พชร กู-เป็น-ผู้ชาย นะ”

มันไม่เกี่ยวกับม่อนแจ่มเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง..
ในความรู้สึกพชร ..มันเกี่ยวกับสถานะความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองที่ ณ บัดนี้ ผู้ใหญ่รับรู้แล้ว

“นำไป”
เสียงเข้มกลับไปใช้วิธีการ ‘สั่ง’ ตามถนัด ใบหน้าคมเริ่มเข้มขึ้นอย่างดุดุ ม่อนแจ่มจึงต้องเดินนำเข้าประตูใหญ่ และแตะคีย์การ์ดเปิดประตูสู่ลิฟต์ แม้จะไม่เต็มใจเท่าไรนัก

          ..ก็อก ก็อก..

ภายหลังเสียงเคาะ ไม่กี่อึดใจต่อมา ประตูห้องก็เปิดออก ม่อนแจ่มรอให้มารดามาเปิดแม้ตัวเองจะมีคีย์การ์ดอีกหนึ่งใบก็ตาม
“ม่อน” ระมิงค์ชะงักนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยคำหลัง “..พชร”
คนถูกเรียกชื่อทั้งสองยกมือไหว้ทำความเคารพและระมิงค์เองก็ยกมือตอบกลับ

“ผมมาส่งม่อนครับ” พชรเอ่ยถ้อยคำเดียวกับเย็นวันนั้นที่ระมิงค์ยังคงจำได้
เธอยิ้มนิดหนึ่ง พยักหน้ารับรู้ หลีกทางให้ทั้งสองคนเดินเข้ามา
“ผมขอโทษครับ” เสียงเข้มปฏิเสธอย่างสุภาพ “พอดีต้องรีบกลับให้ทันหอปิด”
ระมิงค์หันหลังมองนาฬิกา เกือบห้าทุ่มครึ่งแล้วนี่นะ..
“ขอบใจมากที่มาส่งม่อน” เธอหันกลับมามองเด็กหนุ่ม
พชรพยักหน้าตอบกลับ หันมองตาม่อนแจ่มเป็นเชิงอำลา ยกมือไหว้ระมิงค์อีกครั้ง แล้วหันหลังย่างเท้ากลับไปทางลิฟต์
“..พชร” เสียงเนิบเรียกไว้ เจ้าของชื่อจึงหันมาเลิกคิ้วนิดหนึ่ง “ครับ?”
“แม่เราดีขึ้นหรือยัง ..ข้อเท้ายังเจ็บหรือเปล่า”
..
ดวงตาคนพูดสบกับคนฟัง และพชรก็รู้ว่าระมิงค์ถามด้วยความห่วงใย น่าบังเอิญที่มันเป็นคำถามเดียวกับของม่อนแจ่มเมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง
“ดีขึ้นแล้วครับ ..ขอบคุณ”
ร่างสูงพยักหน้าเป็นเชิงอำลาอีกครั้ง ก่อนจะหันหลัง มิวายได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งดุ๊กดิ๊กตามมา

หืม?
ม่อนแจ่ม..

ร่างเล็กวิ่งนำตรงไปที่ลิฟต์ แล้วแขนสั้นก็เอื้อมกดเปิดรอไว้ ยิ้มหวานให้เมื่อพชรเดินมาถึงซึ่งก็ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเทียบกับที่ม่อนแจ่มวิ่งมา
“ขี่รถดีๆนะ” ม่อนแจ่มสั่งความ 
พชรเกือบจะยิ้ม แต่ก็เพียงพยักหน้า มือใหญ่ยกขึ้นแตะบนศีรษะเล็กสองครั้งแสดงอาการรับคำ

          “แม่นึกว่าม่อนจะค้างที่หอเสียอีก”
ระมิงค์เอ่ย เมื่อก้าวนำลูกชายเข้ามาภายในห้อง
“อืม.. อะ..” ม่อนแจ่มอึกอักขึ้นมา ใบหน้าแดงน้อยๆ
“ม่อนขอโทษที่กลับช้าครับ”
“เปล่า แม่ไม่ได้ว่า” ระมิงค์ส่ายหน้า ส่งรอยยิ้ม “จริงสิ ม่อนไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนนี่ใช่ไหม”
ก็.. นั่นก็ใช่ แต่ม่อนแจ่มไม่ได้คิดจะค้างตั้งแต่แรกอยู่แล้ว..

“หรือว่าเป็นห่วงแม่?” ระมิงค์เลิกคิ้ว
ม่อนแจ่มก้มหน้า ตอบคำถามยากขึ้นมา
“คุณแม่ทานข้าวแล้วหรือครับ”
เขาถามเรื่องอื่น รู้สึกผิดที่ไม่ได้โทรมาถามไถ่มารดาเลย
“แม่ทานที่ร้านข้างล่างแล้วจ้ะ”
ร่างระหงเดินเข้ามาแตะไหล่ ดึงลูกชายที่ยังแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อยให้นั่งลงบนโซฟาด้วยกัน
“แม่โตป่านนี้แล้วนะ แล้วก็ไม่ได้แก่หง่อมดูแลตัวเองไม่ได้เสียหน่อย” มือเรียวลูบศีรษะเล็ก ส่งผ่านความรู้สึก
“อย่าให้แม่รู้สึกผิดกับม่อนมากไปกว่านี้เลย”
..
ม่อนแจ่มเงยหน้ามอง ผู้เป็นมารดาเองก็มองตอบ เอ่ยอย่างจริงจัง
“ถ้าอยากกลับไปอยู่หอ ก็ไปเถอะนะ”
“แล้ว.. คุณแม่อยากกลับบ้านหรือเปล่าครับ” ม่อนแจ่มถามอย่างลังเล พลางรีบเสริม
“แต่ถ้าไม่ ก็ไม่เป็นไร ถ้าคุณแม่อยู่ที่นี่ ม่อนจะอยู่กับคุณแม่ด้วย ม่อนเต็มใจครับ”
“แม่อยู่ที่ไหนก็ได้” ระมิงค์พูดจริงๆ “..ขอให้ม่อนได้อยู่ที่ที่ม่อนมีความสุขก็แล้วกัน”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          หอพักชาย อาคาร ๓
ป้ายอักษรม่วงตั้งอยู่เยื้องๆด้านซ้ายมือนี้แล้ว ร่างกำยำบนเบาะหลังจึงสั่งความกับคนขับรถคนสนิท
“สมเข้าบริษัทก่อนเลย รีบเอาเอกสารให้รวิดานะ เสร็จเมื่อไหร่ฉันค่อยโทรไป”
“ครับ คุณท่าน” สมรับคำ ลงมาเปิดประตูรถให้เจ้านาย

นาน.. นานมากๆสักครั้งหนึ่ง นายพจน์จึงจะไม่เข้าบริษัทตอนเช้า
วันนี้เขาทำงานที่บ้าน แล้วเสร็จจึงให้สมมาส่งที่นี่ก่อน
ไม่แน่ใจนักว่าจะได้พบคนที่อยากพบหรือไม่ แต่ใจนายพจน์ก็อยากจะมาเยี่ยมให้ได้สักครั้ง
ค่อยเข้าบริษัททีหลังก็ได้ แม้จะต้องติดตามงานจนเย็นย่ำติดค่ำก็ไม่เป็นปัญหา นายพจน์ชินเสียแล้ว

ร่างหนาในชุดสูทค่อยๆก้าวเข้ามาในอาณาบริเวณหอพัก
เกือบสามสิบปีผ่านมาแล้ว สมัยที่เขาเป็นนักศึกษาปริญญาตรี  นายพจน์ก็เรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้เช่นเดียวกัน ในคณะอุตสาหกรรมเกษตร
ชั้นปีที่หนึ่ง จำได้ว่ามีคนรถขับรับ-ส่งระหว่างบ้านและมหาวิทยาลัย กระทั่งชั้นปีถัดๆไป เขาก็ขับรถไป-กลับด้วยตนเอง พักอาศัยอยู่ที่บ้านประดิษฐาพงศ์มาตลอด จนไปศึกษาต่อต่างประเทศนั่นแหละ ถึงได้อยู่หอพักเหมือนคนอื่นๆ
เขาไม่เคยพำนักในหอพักมหาวิทยาลัยนี้ ไม่มีประสบการณ์เลยว่ามันเป็นเช่นไร จึงให้แปลกใจนัก เมื่อม่อนแจ่มเอ่ยก่อนเข้ามหาวิทยาลัยว่าตนเองจะไปเป็น 'เด็กหอ'
ไม่ใช่หอพักด้านนอกที่พรั่งพร้อมความสะดวกเสียด้วย แต่เป็นหอพักภายในมหาวิทยาลัยเอง

           นายพจน์เงยขึ้นมองอาคารเก่าๆนั้น..
ที่นี่คงเป็นที่ซึ่งเด็กหนุ่มจากต่างสถานที่ ต่างครอบครัวได้มาพบปะ รู้จัก อยู่ร่วมกันในช่วงเวลาหนึ่ง และนั่นก็ทำให้เกิดโอกาสที่จะได้ดูแลช่วยเหลือกัน ..นำไปสู่ความผูกพันและมิตรภาพ เช่นที่ลูกชายได้พบ..
..ลูกชายทั้งคู่..

เพ็ญมาศบอกว่าม่อนแจ่มอยู่ห้องสามสามแปด
แล้วในบรรดาห้องทั้งหมดในหอนี้ ..ม่อนแจ่มอยู่ห้องเดียวกับพชร ..ทั้งสองเป็นรูมเมทกัน
ลูกของเขาอยู่ห้องเดียวกัน..

            “คุณพ่อ นี่พชรครับ ..พชร มนุษยฯ ปรัชญา”

นายพจน์จำถ้อยคำแนะนำนี้ได้..
มีคนกล่าวว่าความบังเอิญกับพรหมลิขิตนั้นมีเพียงเส้นบางๆกั้นอยู่.. ซึ่งนายพจน์ก็เห็นด้วยว่ามันน่าจะบางมากจริงๆ

นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเลยเที่ยงวันไปไม่กี่นาที..
ร่างกำยำเดินผ่านประตูใหญ่เข้าไป เขาเคยมาที่หอสามชาย แต่ก็อยู่ข้างหน้า ไม่เคยเดินเข้ามาข้างในเช่นนี้
สายตาคมมองซ้ายขวาสำรวจ ..มีโรงอาหาร ห้องอ่านหนังสือ บันไดนำสู่ชั้นบน
หน้าบันไดมีเก้าอี้ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา เป็นของพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งนั่งประจำโต๊ะที่มีรางไม้เสียบบัตรอยู่เบื้องหน้า

             “มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”
ป้ายามเลิกคิ้วนิดหนึ่ง วันๆพบเจอแต่นักศึกษา มีผู้ปกครองมาบ้างก็จริง แต่เธอไม่เคยเห็นผู้ปกครองคนไหนใส่ชุดสูทมาอย่างนี้
“ผม.. มารอลูกน่ะครับ” นายพจน์ชี้แจง
“โทรหาไม่ติดหรือคะ? แล้วลูกคุณอยู่ห้องไหนคะ”
“สามสามแปดครับ..”
..
..
“ยังไม่มีใครอยู่ในห้องตอนนี้ค่ะ” ป้ายามส่งสายตาไล่สำรวจและเสริม “ถ้าเขาไม่ลืมเสียบบัตรนะคะ”
นายพจน์พยักหน้าเข้าใจ เอ่ยขอบคุณ ก่อนหันมองซ้ายขวาอีกครั้ง และตัดสินใจไปนั่งลงที่ม้านั่งยาวหน้าโรงอาหาร
ดวงตาคมมองไปยังประตูหอ.. เขาไม่รู้ว่าคนที่รอคอยจะเดินผ่านเข้ามาเมื่อไหร่ แต่ก็ดีที่เขามาในตอนนี้ เขาสามารถรอและมีหวังจะเจอ แต่ถ้ามาตอนเย็น อาจจะไม่ทันเจอก็ได้

         เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ..
นายพจน์มองบันไดสลับไป แม้จะเป็นวันธรรมดาและเป็นช่วงเวลาเรียน ก็มีนักศึกษาเข้าออกกันประปรายตลอดบ่าย
เขามองเข้าไปในโรงอาหารบ้าง ซึ่งเงียบลงหน่อยเมื่อคล้อยบ่าย ..นี่คงเป็นที่ที่ลูกๆมาทานข้าว
ริมฝีปากหนาเผลอยิ้ม ..ช่วงวัยนี้ เขารู้สึกว่าเป็นช่วงวัยที่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เยาว์วัย.. แต่ความเป็นผู้ใหญ่ก็อยู่ใกล้นิดเดียว..
เขานึกดีใจที่ม่อนแจ่มไม่เอาอย่างเขา คือให้รถที่บ้านมาส่งเรียนและรับกลับ แต่เลือกที่จะอยู่หอพัก ดูแลตัวเอง พบเจอเพื่อนใหม่ เรียนรู้ชีวิตในแบบที่ไม่คุ้นเคย
ม่อนแจ่มผ่านมา ..และคงจะผ่านไปได้อย่างงดงาม
นายพจน์คิด ..คิดไปเรื่อยๆ คิดแล้วหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความบอกม่อนแจ่มเสียหน่อยว่าเขาอยู่ที่นี่
เมื่อวานเขายังไม่ได้พบม่อนแจ่มเลย เพราะระมิงค์บอกว่าเจ้าตัวขอไปหอพักก่อนและจะกลับคอนโดเอง
นายพจน์ไม่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้หน้าบึ้ง ..เขาคิดถึงเหตุผลที่ม่อนแจ่มมาหอ
และถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด ซึ่งออกจะมั่นใจว่าไม่ ..มันก็คือเหตุผลเดียวกันกับที่นายพจน์มาในวันนี้นั่นแหละ

          มันไม่ใช่ในสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นอะไรเลย..
ก็แค่นายพจน์นั่งมองประตูหอ เหมือนที่มองมาแล้วสี่ชั่วโมงเต็ม
แล้ว.. เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมสันถอดแบบออกมาจากเขา ในมือข้างหนึ่งถือกุญแจรถ ก็เดินผ่านประตูเข้ามาในเวลาเลยสี่โมงมาราวสักห้านาที

พชรชะงักอยู่หน้าประตู.. มองเห็นหนุ่มใหญ่ในชุดสูทซึ่งนั่งอยู่ในทันที
ก่อนที่จะค่อยๆก้าวต่อ.. จนขาแข็งแรงมาหยุดยืน
ใบหน้าคมประหลาดใจ และ.. ไม่รู้สิ เขาไม่คิดว่าจะเจอนายพจน์ที่นี่.. ตรงนี้..
มันไม่เหมือนกับครั้งแรกที่พชรเห็นนายพจน์ที่หอสามชาย ครั้งนั้น บุรุษวัยห้าสิบยืนอยู่นอกอาคาร ข้างรถเบนซ์สีดำเป็นมันวาวและมีคนขับรถยืนอยู่เคียงกาย
แต่วันนี้.. ตอนนี้.. ชายผู้นี้อยู่ภายใน อยู่เพียงผู้เดียว กำลังนั่ง ..เหมือนนั่งมานานแล้ว ..เหมือนรอใครสักคน
ใจพชรประหวัดไปถึงช่วงเวลาสั้นๆและบทสนทนาไม่ยาวนักที่ PP Group วันนั้น ..ไม่รู้ทำไมจึงรู้สึกว่ามันมีความหมายขึ้นมา

มือแกร่งยกขึ้นประนม ก้มศีรษะลงน้อยๆ
แม้ไม่ได้เอ่ยคำว่า ‘สวัสดีครับ’ แต่อวัจนภาษาก็หมายความว่าอย่างนั้น

นายพจน์ลุกขึ้นยืน.. รู้สึกว่าน้ำหนักตัวของเขามากกว่าทุกวัน
การที่เด็กหนุ่มตรงหน้ายกมือไหว้เป็นครั้งที่สอง ..อากัปกิริยาที่แม้เด็กธรรมดาที่ไหนก็ทำกัน ทว่า มันมีความหมายมากมายเหลือเกิน
มีความหมายเพราะนี่คือพชร นี่คือลูกชายที่มีสิทธิ์โกรธขึ้งและไม่มีความจำเป็นอะไรต้องแสดงความเคารพคนอย่างเขา

พชรเป็นคนดี.. มีน้ำใจ.. สุภาพ.. มีมารยาท.. เรียบร้อย..
ม่อนแจ่มพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เอ่ยถึงคนตรงหน้า สรรพคุณเยอะแยะจนแทบจำได้ไม่หมด
ดูเหมือนม่อนแจ่มคิดว่าพชรเป็นทุกอย่างที่บุรุษที่ดีพึงจะเป็น

          “ม่อนรักพชร ..ม่อนรักลูกชายคุณพ่อ”

นายพจน์อดไม่ได้ที่จะยิ้ม..
การที่พชรเป็นคนดีก็คงเป็นเหตุผลที่ม่อนแจ่มรัก หรืออาจจะเพราะม่อนแจ่มรัก ..พชรจึงดีทุกอย่างในสายตาม่อนแจ่มก็เป็นได้
นายพจน์ไม่แน่ใจว่าข้อไหนเกิดก่อนหลัง หรืออาจค่อยๆเกิดไปพร้อมๆกัน
ดวงตาหนุ่มใหญ่พิจมองลูกชาย ยกมือไหว้ตอบพร้อมกับเอ่ยทักทาย
“สวัสดี พชร”
..
ลมหายใจเจ้าของชื่อสะดุดนิดหนึ่ง
‘สวัสดี พชร’
เป็นวลีที่อีกผู้หนึ่งซึ่งนามสกุลประดิษฐาพงศ์เช่นเดียวกับคนตรงหน้า เอ่ยอยู่ได้ซ้ำๆตลอดระยะเวลาพักอาศัยในหอสามชายแห่งนี้

“เลิกเรียนแล้วหรือ..”
“..ครับ”
“อืม" นายพจน์ครางรับในลำคอ รู้สึกว่าพชรตอบแบบฉลาดๆ ในขณะที่เขาถามแบบโง่ๆ

“มีธุระอะไรหรือครับ”
..
นายพจน์ชะงักไปนิดหนึ่ง
ธุระอะไรหรือ?
ก็.. คงแค่.. ธุระของคนแก่นิดๆหน่อยๆเท่านั้น

“พชรสบายดีนะ”
นายพจน์คิดว่ามันก็คงเป็นคำถามโง่ๆอีกนั่นแหละ แต่มันก็เป็นคำถามที่เขาอยากรู้จริงๆ ไม่ใช่ว่าจะถามส่งๆไปอย่างนั้น
..
“ครับ”
นั่นคือคำตอบสั้นๆที่คาดได้

“คุณพจน์.. ขอถามข่าวแม่หน่อยได้ไหม”
นายพจน์ไม่ลืมที่จะใช้สรรพนามที่ถูกต้องสำหรับแทนตนเอง “แม่อาการดีขึ้นหรือยังครับ..”
“ดีขึ้นแล้วครับ” พชรตอบเรียบๆพร้อมกับพยักหน้า
“ยังไงก็.. ต้องไม่ประมาทนะ ให้แม่พักก่อน อย่าเพิ่งลงน้ำหนักเท้าเยอะ แม่มีคนดูแลหรือเปล่าครับ ..ที่บ้าน”
“มีครับ”
..
นายพจน์หลุดยิ้มอ่อนๆกับคำตอบสั้นๆเหล่านั้น ก่อนจะเอ่ยต่อตามที่ตั้งใจ..
“พรุ่งนี้วันศุกร์ คุณพจน์จะไปรับม่อนกลับบ้านนะ คุยกับคุณระมิงค์แล้ววันนี้”
พชรเบิ่งตาขึ้นนิดหนึ่ง “ม่อนตกลงหรือครับ?”
เมื่อนายพจน์พยักหน้าแทนคำตอบ ริมฝีปากหนาจึงยกขึ้นอย่างยินดี
ใช่.. เขาบอกม่อนแจ่มเมื่อคืนว่าให้กลับบ้านเมื่อเจ้าตัวสบายใจ แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าตราบที่ม่อนแจ่มยังอยู่คอนโดราวกับไม่มีบ้านช่องนั้น ..เขาไม่สบายใจเลย

“แต่วันแรกๆ ม่อนน่าจะอยู่เป็นเพื่อนแม่เขาที่บ้านก่อนน่ะนะ เท่าที่ฟัง” นายพจน์เสริม “ถ้าม่อนพร้อมกลับมาอยู่หอวันไหน คุณพจน์จะมาส่งเอง”
..
“คุณพจน์บอกพชรนะ พชรจะได้สบายใจ”

พชรมองตาคนพูด..
ใจปิติ แต่ก็รับคำเพียงเบาๆ “ขอบคุณครับ”

นายพจน์เงียบไป ..ดูเหมือนหมดคำจะพูดแล้ว
เป็นเรื่องออกจะตลกที่เขามารอสี่ชั่วโมงเพื่อพูดไม่ถึงสิบนาที แต่ทั้งหมดนี้มีคุณค่า ..ไม่ใช่คุ้มค่า แต่มีคุณค่า..
เขารอนานกว่านี้ก็ได้ พูดน้อยกว่านี้ก็ได้ ..แค่พชรพูดด้วย แค่พชรยกมือไหว้ มันก็มีคุณค่ามากมายเหลือเกินแล้ว

“คุณพจน์กลับก่อนนะครับ พชรดูแลตัวเองด้วย” เสียงเข้มเอ่ย ริมฝีปากหนายิ้มออกมา
ร่างกำยำค่อยๆเดินช้าๆออกไปตามทางเดิน แม้ที่จริง.. จะมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาอยากพูดกับเด็กหนุ่ม

“ไว้.. ถ้ายังไง คุณพจน์ขออนุญาตไปเยี่ยมพชรกับแม่ที่บ้านบ้างจะได้หรือเปล่า”

ทว่า นายพจน์ก็เก็บคำขอนั้นเอาไว้ในใจ ..เขาไม่อยากรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว ทำให้อึดอัดหรือลำบากใจเร็วเกินไปนัก
สู้ให้พชรได้พบเห็นเขา จนคุ้นเคยพอที่จะเข้าใกล้ได้มากกว่านี้น่าจะดีกับความรู้สึกลูกชายมากกว่า
จู่ๆ ดวงตาคมก็ปริ่มหยาดน้ำ เขารีบกระพริบไล่มันไปเสีย พจน์ ประดิษฐาพงศ์ไม่ต้องการร้องไห้
เขาดีใจที่ได้เจอลูกชาย เป็นบุญที่เด็กหนุ่มอุตส่าห์ยกมือไหว้ ยอมพูดคุย และเขายังได้มีโอกาสทำให้เด็กหนุ่มรับรู้ว่า.. เขาอยู่ตรงนี้ ส่วนพชรจะต้องการมันแค่ไหน เรื่องนั้นไม่สมควรคาดหวัง พชรมีความสุขกับชีวิตตนเองอยู่แล้วและอาจไม่ต้องการสิ่งที่ไม่เคยมี ข้อนั้น เขาเข้าใจดี

          นายพจน์ก้มมองตัวเอง อะไรดลใจให้เขาไม่ถอดสูทนะ ความเคยชินละกระมัง
หน้าคมส่ายไปมาน้อยๆทั้งดวงตายังโศก มือทำท่าจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาสม แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
ราวกับการที่คนรถกลับมารับ ..การที่เขาย่างเท้าขึ้นไปนั่งในรถเบนซ์คันเดิมจะพาเขากลับไปเป็นนายพจน์คนเดิมซึ่งทำลายความรู้สึกล้ำค่าที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ..นายพจน์จะกลับเองแล้วกัน

นั่นอย่างไร..
รถสี่ล้อแดง นายพจน์เคยนั่งสมัยเป็นนักศึกษา

มือแกร่งค่อยๆยกขึ้นโบกรถ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เพราะไม่เคยทำมานานแล้ว ทว่า วันนี้เขาอยากเข้าบริษัทในแบบที่เปลี่ยนไป
ร่างใหญ่ค้อมตัวลง บอกผ่านหน้าต่างที่ลงกระจกเมื่อคนขับชะลอรถจอดเทียบ
“ไป PP Group ครับ”
..
เมื่อโชเฟอร์ทำหน้างง เสียงเข้มจึงเสริม “อยู่ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปางน่ะครับ เลยไทวัสดุไป”
คนขับรถส่ายหน้า พึมพำว่าไกล ไม่ไป พยักพเยิดไปด้านหลังที่มีนักศึกษารอให้ไปส่งจำนวนหนึ่ง
ชะรอยคนขับอยากจะวนส่งเพียงรอบๆมหาวิทยาลัยแถวนี้กระมัง ..นายพจน์ทำความเข้าใจ

          ดวงตาคมมองภาพที่เห็นจากหน้าประตูหอพัก..
เขาเดินตามกลับมาเพราะลืมยกมือไหว้ลาผู้อาวุโสกว่า และต้องเลิกคิ้วงงๆเมื่อบุรุษผู้มาเยี่ยมเยือนกำลังยืนโบกรถโดยสารและดูเหมือนจะถูกปฏิเสธ ขายาวก้าวตามทางทอดไปสู่ฟุตบาท เอ่ยถามเมื่อหยุดด้านหลัง
“คนรถของคุณพจน์ไม่มาด้วยหรือครับ”
คนถูกถามสะดุ้งน้อยๆ หันกลับมา “พชร”
..
“เอ้อ.. ให้เขาเข้าบริษัทไปแล้ว ก็เลยไม่อยากจะให้มารับอีก ..ว่าจะไปเองน่ะ”

พชรขมวดคิ้ว พิจมองชุดสูทของคนตรงหน้าที่ดูขัดกับวิธีการจะกลับเข้าบริษัทอย่างไม่ตั้งใจ
“ช่วงรถติด รถแดงคงไม่อยากจะออกไปสายนู้น” นายพจน์พึมพำ หันกลับไปมองถนน เล็งรถแดงคันอื่น

เด็กหนุ่มมองผู้ใหญ่ตรงหน้า อดนึกถึงม่อนแจ่มขึ้นมาไม่ได้ เมื่อคืน ขานั้นก็จะกลับรถแดงเหมือนกัน
..
เกือบจะเป็นเรื่องตลก
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพชรจึงถามออกไป
เพราะบุรุษผู้นี้เป็นบิดาม่อนแจ่ม ..เพราะบุรุษผู้นี้เป็นบิดาเขา ..หรืออาจทั้งสองประการ

“คุณพจน์นั่งมอเตอร์ไซค์เป็นไหมครับ?”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          มือเรียวกำโทรศัพท์แน่น..
อดจะรู้สึกตื่นเต้นแทนปลายสายไม่ได้ ใจเขาเต้นแรงมาก ไม่เกินจริงเลยถ้าจะบอกว่าเพิ่งจะได้ยินได้ฟังเรื่องมหัศจรรย์

“ป่านนี้คงใกล้กลับถึงหอแล้วล่ะ..”

ม่อนแจ่มพยักหน้ารัวๆ ..ดีใจ ดีใจมาก
ถึงแม้เขาจะเลิกเรียนช้า จนมาไม่ทันเห็นคุณพ่อเจอกับพชร พูดคุยกับพชร..
แต่พชรไปส่งคุณพ่อ พชรไปส่งคุณพ่อ!
มันคงจะเป็นภาพประหลาดยิ่งนัก ม่อนแจ่มนึกจิตนาการได้เลย คุณพ่อคงจะใส่ชุดสูทอย่างปกติ แต่ที่ผิดปกติคือท่านซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์โมตาร์ด ซึ่งคนขี่คือพชร
โธ่ ทำไมม่อนแจ่มไม่ได้เห็นนะ!

“ดูแลตัวเองด้วยม่อน พรุ่งนี้พ่อไปรับกลับบ้าน”
“ขอบคุณครับ คุณพ่อ” ม่อนแจ่มรับคำกับปลายสาย สไลด์วางโทรศัพท์ แล้วจ้องมองประตูอย่างรอคอย
พชรไปส่งคุณพ่อ.. โอ๊ย พชรไปส่งคุณพ่อ! ม่อนแจ่มรอจะเจอพชรไม่ไหวแล้ว
ไม่รู้สิ.. มันมีความหมาย มีความหมายมากจริงๆ
เพราะม่อนแจ่มเคยเรียนรู้มาก่อนว่าการกระทำ ‘แบบนั้น’ มันจะทำให้รู้สึกอย่างไร เขาจึงคาดได้ว่าสำหรับคุณพ่อแล้วมันจะยิ่งมีคุณค่ามหาศาลเพียงใด

..ก็อก ก็อก..

สิ้นเสียงเคาะ.. ประตูก็เปิดออก ผู้มาใหม่ชะงักนิดหนึ่งเมื่อมองเห็นร่างเล็กที่คุ้นเคยอยู่ภายในห้อง
ทว่า คนอยู่ก่อนไม่ชะงัก ม่อนแจ่มลุกขึ้นยืน พุ่งเข้าใส่ร่างสูงในชุดนักศึกษา สองแขนเรียวโอบกอดเอวหนาเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนเอาไว้แน่น

พชรยืนนิ่งสนิท.. ทั้งงุนงง.. ทั้งใจเต้นแรง..
ใช่.. ที่กอดกันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ทุกครั้ง พชรเป็นคนรวบร่างอีกฝ่ายเข้าหาลำตัว
แต่นี่.. เป็นม่อนแจ่ม
แล้วยัง.. พุ่งเข้ามาใส่ไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัวแบบนี้ มันก็ต้องมีใจสั่นกันบ้าง

“เป็นอะไร..”
ปกติไม่ชอบถาม แต่เห็นทีครานี้คงต้องถาม โดนกอดแบบงงๆ ทั้งที่ประตูห้องก็ยังเปิดค้างอยู่เลย

ม่อนแจ่มไม่มีคำจะตอบ แขนยังโอบกระชับ แก้มเนียนซบกับอก
นาน.. กว่าจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรประเจิดประเจ้ออยู่..

อะ..
ม่อนแจ่มผละลำตัวออก มองเห็นเพื่อนร่วมหอสองสามคนเดินผ่านไปพลางหันกลับมามอง ใบหน้าขาวจึงร้อนขึ้นมาทันที
“ข..ขอโทษ” เสียงเล็กตะกุกตะกัก กลืนน้ำลาย มือยกขึ้นเกาหัวอย่างไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหน
พชรเองก็เขินเหมือนกัน แต่พอเห็นคนเขินกว่าจึงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ร่างกำยำก้าวผ่านกรอบประตูเข้ามาในห้อง ดึงประตูปิด กดล็อคเสีย

“ตกลงเป็นอะไร?” พชรย้ำคำถาม ตาคมมองพิจใบหน้าขาวที่ขึ้นสีระเรื่อ
“ก็..” ฟันเล็กกัดริมฝีปาก “ไม่รู้ คือ.. มันพูดไม่ถูก เมื่อกี้โทรหาคุณพ่อ แล้ว..”

อ้อ.. เรื่องนั้น
พชรเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเช่นเดียวกัน ไม่แน่ใจนักว่าเข้าใจความรู้สึกม่อนแจ่มแค่ไหน
ทว่า ในแววตาภายใต้กรอบแว่นแดงคู่นั้นมันบ่งบอกความรู้สึกที่ยิ่งกว่าดีใจ ..ความรู้สึกที่เต็มล้นออกมาจนพชรรู้สึกร่วมกับมันได้ด้วย
เขาไปส่งนายพจน์.. เหตุการณ์นี้เห็นจะมีก็แต่เขากับนายพจน์ที่เกี่ยวข้อง แต่ม่อนแจ่มทำท่าราวกับเพิ่งจะเกิดสิ่งดีสิ่งพิเศษขึ้นกับตัวเองโดยตรง น่ารักจริง..

“ม่อน..” เสียงเข้มค่อยๆเอ่ยเรียก
“อื้อ.. พชร” ม่อนแจ่มตอบรับ
“พรุ่งนี้ ไม่ต้องเข้ามาหอนะ”

ห๊ะ..
ม่อนแจ่มขมวดคิ้วมอง ปากอ้าน้อยๆอย่างตื่นตระหนกและไม่คาดคิด เสียงเข้มจึงอธิบายเหตุผลให้คลายใจ
“กูจะกลับลำพูน”

อ้อ..
ม่อนแจ่มตกใจหมด
พรุ่งนี้วันศุกร์นี่นะ พชรคงมีงานสวนที่ต้องกลับไปจัดการอย่างที่เป็นมาเสมอ ..ม่อนแจ่มพยักหน้าเข้าใจ
“มึงกลับบ้าน แล้ว.. เอ่อ.. จะเจอคุณพ่อกูด้วยหรือเปล่า”
“เจอ” พชรตอบสั้นๆ ..ยังไม่อยากเสริมว่า ..ก็เจออยู่ทุกครั้งนั่นแหละ เพราะอยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน

ม่อนแจ่มอ้าปากค้างไว้อีกที ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรต่อดี
..
“แล้วกูจะบอกท่านให้นะ ..ว่าลูกอยากมาเยี่ยม”

ม่อนแจ่มยิ้ม..
พชรเองก็ยิ้มตอบ..

“พรุ่งนี้ เลิกเรียนแล้วก็กลับคอนโดไปเก็บของเถอะ” เสียงเข้มเอ่ยต่อ
“คุณพจน์บอกว่า.. จะกลับบ้านแล้วใช่ไหม”

รอยยิ้มบนใบหน้าขาวจางลงไป ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ ทว่า ลำคอค้างก้มไว้เช่นนั้น ไม่ยอมเงย ตาใสหลุบมองพื้นเบื้องล่าง
พชรปลดเป้ลงจากบ่า สองมือแกร่งจับไหล่คนตรงหน้าไว้ เอ่ยย้ำคำที่เคยพูดมาก่อน
“นั่นคือบ้านที่มึงเกิดและเติบโตมา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนั้นได้”

ม่อนแจ่มพยักหน้า..

“มึงไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ..ไม่เลย”

ม่อนแจ่มยังคงพยักหน้า..

“แต่ถ้ามันยังจะเกิดความรู้สึกไม่ดีอะไรขึ้นมา..”
มือขวาของพชรละจากไหล่บางขึ้นมาเชยปลายคางมนของคนก้มให้เงยขึ้นสบสายตา ..แล้วตนเองก็โน้มใบหน้าคมลงไปหา
“ขอให้จำความรู้สึกนี้เอาไว้..”

..รู้สึกอย่างไรไม่รู้ แต่ม่อนแจ่มมั่นใจว่าไม่มีทางลืมแน่นอน..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

(ต่อรีฯด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-12-2016 23:37:20
โอ้ยน้ำตาไหลเลย ซึ้งในทุกสถานะของทุกคน

ปล.ไม่เห็นมีต่อรีล่างเลยค่ะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 14-12-2016 23:55:14
           “อย่าเพิ่งยืนนานนักนะครับ”
..
เพชรลดาหันมายิ้มกับต้นเสียง มือกร้านบิดปิดเตาแก๊ส กับข้าวที่ทำเสร็จพอดีส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบ้าน
ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของบุตรชายที่เข้ามาจอดใต้ถุนตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่แปลกใจที่เสียงเข้มจะตามมาไม่กี่นาทีให้หลัง
“ยืนไม่นานหรอก ป้าอิ่มเตรียมของให้ แม่แค่ลงหม้อลงกระทะเอง” คนเป็นแม่ส่ายหน้า
“ให้ทำอะไรบ้างเถอะ แม่นั่งปักผ้าได้เป็นตระกร้าแล้วนะ”
พชรยิ้มนิดหนึ่ง ไม่ตอบอะไร เพชรลดาจึงถามต่อ
“แม่แกงแคปลาแห้ง พชรหิวหรือยัง จะกินเลยไหม”
“ยังครับ” ใบหน้าคมส่ายปฏิเสธ “แม่ไปนั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวผมเช็ดเตา ทำความสะอาดต่อเอง”
ร่างผอมบางของเพชรลดาหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ไม้นอกห้องครัว พชรเดินตามมา ย่อเข่าลง ก้มสำรวจข้อเท้าผู้เป็นมารดา
“หายแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว” เพชรลดาย้ำ พชรจึงพยักหน้า “ดีแล้วครับ”

         “คุณพจน์.. ขอถามข่าวแม่หน่อยได้ไหม”
..
         “แม่อาการดีขึ้นหรือยังครับ..”
..
         “ยังไงก็.. ต้องไม่ประมาทนะ ให้แม่พักก่อน อย่าเพิ่งลงน้ำหนักเท้าเยอะ แม่มีคนดูแลหรือเปล่าครับ ..ที่บ้าน”


“เป็นอะไรไป?” เพชรลดาเลิกคิ้ว เมื่อลูกชายนิ่งงันเหมือนคิดอะไรอยู่
พชรสะดุ้งขึ้นนิดหนึ่ง ไม่ทันฟัง “ครับ?”
คนเป็นแม่ขมวดคิ้วมอง “แม่ถามว่าเป็นอะไร เห็นนิ่งไปเลย”

อืม..
พชรหยุดคิด ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกดีหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจว่าควร
“เมื่อวานคุณพจน์มาหาผมน่ะครับ”
..
..
เป็นเพชรลดาที่นิ่งบ้าง
..คุณพจน์..
เธอกลืนน้ำลายกับสรรพนาม ทว่า ก็นั่นแหละนะ ต่อให้ด้วยสายเลือดจะเป็นอะไรกันก็ตาม แต่พชรไม่คุ้นเคยกับ ‘คำนั้น’ จะให้เรียกเลยคงเป็นไปไม่ได้หรอก
“มาหาที่หอหรือ?” เพชรลดาถามต่อ
“ครับ” หน้าคมพยักรับ
“มีอะไรหรือเปล่า?”
เพชรลดาไม่อยากถามว่า ‘มีธุระอะไรหรือเปล่า’ เพราะเธอเข้าใจ กรณีแบบนี้ ถ้าเป็นเธอเองไปหาลูก ก็คงจะไม่มี ‘ธุระ’ อะไรมากหรอก
“เขามาเยี่ยมครับ” เสียงเข้มตอบอย่างที่มารดาเข้าใจได้
“ถามถึงแม่ว่าดีขึ้นหรือยัง อย่าเพิ่งลงน้ำหนักเท้า ให้ดูแลตัวเอง ..อะไรทำนองนั้น”
พชรไม่รู้จะพูดต่อยังไง เขาเพียง..
“ผมแค่บอกน่ะครับ”
เพชรลดาพยักหน้าเข้าใจ เอื้อมมือบีบไหล่เด็กหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
“พ่อมาหา พชรอึดอัดหรือเปล่า”
..
คนถูกถามนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แล้วหน้าคมจึงส่ายปฏิเสธ
ถ้าตามที่รู้สึกจริงๆ พชรไม่ได้อึดอัด ..หรืออาจเป็นเพราะนายพจน์ตั้งใจไม่ทำให้เขาอึดอัด พชรคิดว่าอย่างนั้น

เพชรลดายิ้ม ..เพียงแค่นั้นก็ดีมากแล้ว
ลูกชายเป็นคนจิตใจดี น้อยมากที่จะโกรธใครหรือหงุดหงิดอะไรขึ้นมาสักครั้ง
มากที่สุดก็คือโกรธระมิงค์กับนายพจน์ในตอนที่เพิ่งรู้ความจริง ทว่า ณ ตอนนี้ เพชรลดาแน่ใจว่าจิตใจที่ดีของพชรเองประกอบกับความรู้สึกที่พชรมีต่อม่อนแจ่มไม่ทำให้เด็กหนุ่มโกรธคนสองนั้นแล้ว

เอาล่ะ ว่าแต่..
“ตกลง คุยกับม่อนเข้าใจกันแล้วใช่ไหม?”
..
..
ม่อน..
พชรนึกถึงเจ้าของชื่อที่วันนี้ยังไม่ได้เจอกัน

          “แต่ถ้ามันยังเกิดความรู้สึกไม่ดีอะไรขึ้นมา ..ขอให้จำความรู้สึกนี้เอาไว้”

เขาจำคำพูดตัวเองได้.. จำการกระทำของตัวเองได้..
ม่อนแจ่มไม่ได้พูดอะไรตอบพชรเลยเมื่อวานนี้ ..หรืออีกที อาจจะเพราะพูดไม่ได้
ริมฝีปากนิ่มนั้นสนองรับสัมผัสจากริมฝีปากของเขาไม่ต่างจากทุกที มือเล็กที่แนบลำตัวอยู่ก่อนหน้าก็ยกขึ้นมาเกาะเอวเขาเอาไว้อย่างที่มักจะทำ

เรียกว่าคุยกันแล้วได้ไหม? พชรก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน  รู้แต่ว่า.. เขากับม่อนแจ่มเข้าใจกันดี

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “ไม่ลืมอะไรแล้วนะม่อน คุณระมิงค์?”
เสียงเข้มถามซ้ำ ก่อนที่จะพยักหน้าให้นายสมปิดล็อคประตูห้อง
คนถูกถามทั้งคู่ส่ายหน้า พวกเขาอยู่เพียงไม่นานและไม่ได้มีข้าวของอะไรมากมายเลย
ม่อนแจ่มเดินตามหลังบิดา มารดา รวมทั้งลุงสม ตามทางเดินนำไปสู่ลิฟต์และลงลิฟต์ออกผ่านประตูใหญ่
ร่างเล็กถือสมบัติของตัวเองสามชิ้น คือกระเป๋าสะพาย กระเป๋าหิ้วและฉากตั้งวาดรูป

Mercedes Benz คันดำที่ลุงสมเป็นโชเฟอร์ประจำจอดรออยู่ด้านหน้าคอนโด
ม่อนแจ่มมองรถราคาแพง ถูกดูแลรักษาอย่างดีจนขึ้นเงาเป็นมันวาวคันนั้น ..รู้สึกอยากจะกระเตงสมบัติขึ้นรถแดงกลับบ้านเสียแทนจริงๆ

           “แต่ถ้ามันยังเกิดความรู้สึกไม่ดีอะไรขึ้นมา ..ขอให้จำความรู้สึกนี้เอาไว้”

“ม่อน เป็นอะไรไป?”
คนถูกเรียกสะดุ้งขึ้นนิดหนึ่ง เงยมองใบหน้าคมของคนถาม
“เปล่า.. เปล่าครับคุณพ่อ”
“ไม่สบายหรือเปล่า ม่อนหน้าแดงนะ”
“ป..เปล่าครับ” ม่อนแจ่มรีบตอบ วางของในกระโปรงหลังและก้าวขึ้นรถไปนั่งเบาะด้านหน้าข้างคนขับ

รถราแล่นกันขวักไขว่ ลุงสมต้องมองกระจกซ้ายขวาสลับกับมองหลังให้ดีในช่วงเวลารถติดแบบนี้ เพราะมอเตอร์ไซค์ที่ลัดเลาะฉวัดเฉวียนในถนนเมืองเชียงใหม่นั้นเปี่ยมด้วยทักษะอันน่าทึ่ง

           ไม่นาน.. แต่ก็เหมือนนาน
ก่อนที่จะเห็นบ้านประดิษฐาพงศ์อยู่ซ้ายมือและลุงสมเลี้ยวรถเข้าผ่านประใหญ่ไป
ไม่นาน.. แต่ก็เหมือนนาน ที่ม่อนแจ่มไม่ได้กลับมาบ้าน
ป้าเพ็ญยืนประสานมืออยู่ที่ริมบันได หน้าเงยมองอย่างรอคอย

รถจอดสนิทและม่อนแจ่มก็ดึงประตูเปิด ก้าวขาลงไป
ป้าเพ็ญส่งรอยยิ้มกว้างมาให้อย่างที่คาดได้และเขาเองก็ยิ้มตอบกลับ
อย่างไรก็ตาม.. ร่างเล็กเพียงหยุดยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับขาเดิน สายตากวาดมองบ้านหลังใหญ่ที่ตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
‘บ้าน’ ซึ่งพชรนิยามว่าคือสถานที่ที่ม่อนแจ่มได้เติบโตมา ..ที่ซึ่งมีคนที่มีความหมายต่อม่อนแจ่มอาศัยอยู่
ม่อนแจ่มมาถูกที่แล้วใช่ไหม..

“ไป”
..
เสียงเข้มเอ่ยสั้นๆเพียงแค่นั้น สัมผัสจากฝ่ามือหนาแตะลงเบาๆที่ไหล่ ม่อนแจ่มหันไปเงยขึ้นมอง
คุณพ่อกับพชรมีลักษณะที่ซ้อนทับกันจริงๆ ทั้งน้ำเสียง.. หน้าตา.. ท่าที..
“ขอบคุณครับ..” ม่อนแจ่มเอ่ยเบาๆ

           โถงใหญ่ปูพื้นหินอ่อน.. โคมไฟระย้า.. ตู้โชว์เก็บรักษาของสะสมโบราณของคุณตา
ทุกอย่างที่มีราคาและตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามเหล่านี้ไม่มีอะไรมีความหมายมากเท่าความรู้สึกผูกพันตลอดระยะเวลาสิบเก้าปีของม่อนแจ่ม ..ไม่มีอะไรมีความหมายเท่าคุณพ่อ คุณแม่และป้าเพ็ญ รวมไปถึงทั้งลุงสมและพี่แช่มด้วย

“คิดถึงคุณม่อนนะคะ” เพ็ญมาศเข้ามากระซิบใกล้ๆ
“ม่อนก็คิดถึงป้าเพ็ญครับ”
“ป้าทำบัวลอยนะคะ”
ฮ่ะๆ!
“เดี๋ยวม่อนจัดถ้วยใหญ่ๆเลยครับ”

           “แช่มไปเตรียมอาหารต่อในครัวเถอะ เดี๋ยวฉันเอากระเป๋าไปเอง”
นายพจน์สั่งความ ลากกระเป๋าเดินทางล่วงหน้าขึ้นบันได ผลักประตูเปิดค้างให้สองสตรีเข้าไปก่อน เพ็ญมาศก้มศีรษะอย่างเคารพเมื่อเดินผ่าน
“ขอบคุณมากค่ะ” ระมิงค์พยักหน้า หมายความตามนั้นอย่างจริงใจ ดวงตาเป็นประกายมองนายพจน์
แน่นอน.. ไม่ใช่สายตาแห่งความรักลึกซึ้งฉันชู้สาว ทว่า มันก็เป็นสายตาของคนที่รู้จัก รู้ใจ อยู่ร่วมกันและมีมิตรจิตมิตรใจต่อกัน มีเรื่องที่เป็นบุญคุณและเป็นหนี้ต่อกันมา
ม่อนแจ่มมองคนทั้งสองอย่างเข้าใจ ตระหนักดีว่า.. มันไม่ใช่สายตาแบบที่เขาและพชรมองกันและกัน..

           “เดี๋ยวป้าช่วยจัดของเองค่ะ ของคุณผู้หญิง คุณม่อนเป็นผู้ชายไม่ต้องมาดูเลย”
เพ็ญมาศเอ่ยเป็นทำนองเย้าเล่น ขณะมือเปิดล็อคกระเป๋าลาก
ม่อนแจ่มยิ้มเก้อๆ ยืนเก้ๆกังๆอยู่ในห้อง สองคนแม่ลูกสบตากัน
ที่สุด.. ร่างเล็กจึงเดินเข้าไปจับมือมารดาไว้ บีบกระชับ รับรู้ความรู้สึกของกันและกัน ปลอบโยนกันและกันในความรู้สึกผิดทั้งหลายที่ได้ผ่านมา

ม่อนแจ่มปล่อยมารดาไว้กับป้าเพ็ญ เดินออกมาจากห้องช้าๆ หน้าเรียวมองซ้าย ขวา ไม่แน่ใจว่าบิดาอยู่ในห้องของท่านหรือที่ใดในบ้าน ขาเรียวย่างลงบันได มองสถานที่ที่คุ้นเคยด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม

นายพจน์ยืนอยู่ในตัวบ้าน แต่สายตามองออกไปภายนอก ตรงบริเวณสวนที่มีต้นสักและต้นลำไยปลูกคู่กัน
ม่อนแจ่มก็มองภาพเดียวกันที่ชินตานั้นด้วย.. ถ้าต้นสักแทนตัวคุณพ่อ ต้นลำไยก็คงแทนคุณน้าลดานั่นแหละนะ

“ไปนั่งเล่นตรงที่คุณพ่อนั่งเป็นประจำกันไหมครับ..”
ร่างเล็กเดินไปหยุดยืนข้างๆและร่างกำยำก็สะดุ้งขึ้นเมื่อจู่ๆ มีเสียงเอ่ยดังอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
นายพจน์ก้ม พิจใบหน้าเรียวของบุตรชาย ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ก็ดูเหมือนทั้งสองคนจะเดินผ่านประตูออกไปพร้อมๆกัน..

            ม้านั่งยาวตั้งอยู่ระหว่างต้นไม้สองต้น และมือขาวก็เก็บใบสักใหญ่ซึ่งหล่นลงมาบนนั้นขึ้นมาถือไว้
“ใบใหญ่จังเลยครับ”
นายพจน์พยักหน้า “เป็นสักพันธุ์ดี เก็บเมล็ดจากป่าธรรมชาติมาเพาะ”
ม่อนแจ่มหันมองหน้าคนพูด ..พอเดาได้เลาๆว่าต้นพันธุ์นี้จะมาจากไหน ..หรือจากใคร
“ทำแบบนี้ ..คุณพ่อแน่ใจแล้วหรือครับ”
“ทำแบบไหน?” นายพจน์ไม่เข้าใจ
“ก็.. รับม่อนกับคุณแม่กลับมาอยู่บ้าน เรา.. อยู่กันเป็นครอบครัวแบบนี้เหมือนเดิม”
“แล้วม่อนคิดว่าควรจะทำอะไรหรือ”
ใบหน้าเรียวส่ายไปมา “ม่อนไม่ทราบเหมือนกันครับ ม่อนแค่คิดว่า ถ้าเอาแบบตรงไปตรงมา..”
“บางครั้งชีวิตไม่ได้ตรงไปตรงมา..”
“แล้วคุณพ่อจะมีความสุขใช่ไหมครับ?”
นายพจน์ยิ้ม “พ่อแน่ใจว่าจะไม่ทุกข์เหมือนที่เคยเป็น”
ม่อนแจ่มคลี่ยิ้มบ้าง ตัดสินใจเอ่ยบอก “คุณพ่อครับ.. ม่อนจะไปลำพูน”
มือเล็กค่อยๆวางทาบบนมือใหญ่อย่างอาทร “ถ้าม่อนไปลำพูน ไปบ้านพชร ..คุณพ่ออยากฝากอะไรไปไหมครับ”
..
..
นายพจน์นิ่ง
นึกถึงป้ายไม้สักระบุชื่อ 'สวนเพชรหละปูน' และถนนคอนกรีตที่ทอดเข้าไปภายหมู่ไม้
“ความระลึกถึง” เสียงเข้มเอ่ยในที่สุด
“ความระลึกถึงหรือครับ..” ม่อนแจ่มทวนซ้ำ และนายพจน์ก็พยักหน้ารับยืนยัน

ความระลึกถึง
ม่อนแจ่มคิดตาม..
ไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่คำพรรณนาด้วยถ้อยคำสละสลวยที่เยิ่นเย้อยืดยาว แต่คือ.. ความระลึกถึง
ความระลึกถึงเป็นความรู้สึกที่ล้ำค่าและน่าหวงแหน และนั่นคือสิ่งที่คุณพ่อจะฝากไปลำพูน ฝากไปกับม่อนแจ่ม

“ม่อนจะส่งความระลึกถึงจากคุณพ่อให้คุณน้าลดาครับ” ม่อนแจ่มรับปาก
นายพจน์ยิ้ม.. อยากเอ่ยว่าขอบคุณ แต่ดวงตาคมของเขาคงสื่อความหมายเช่นนั้นอยู่แล้ว จึงอยากจะถามเรื่องที่สำคัญกว่าแทน
“ตกลง คุยกับพชรเข้าใจกันดีแล้วใช่ไหม?”
..
..

           “..ขอให้จำความรู้สึกนี้เอาไว้”

ม่อนแจ่มกัดปากนิดหนึ่ง.. หน้าขาวพยักรับ..
เอาจริงๆนะ.. เรื่อง ‘คุย’ นั้น พวกเขาไม่ค่อยถนัดกันหรอก แต่เรื่อง ‘เข้าใจ’ น่ะ บอกได้เลยว่า ..ม่อนแจ่มกับพชรเข้าใจกันดี..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “พชร เอาแกงแคไปให้ลุงแสงกับลุงเอิบก่อนนะลูก”
พชรพยักหน้า รับถ้วยสองขนาดมาถือไว้ข้างละใบ เป็นปกติอยู่แล้วที่จะแบ่งกับข้าวไปให้คนสนิททั้งสองบ้าน
ของลุงแสงถ้วยขนาดย่อมเพราะทานแค่คนเดียว แต่ของลุงเอิบถ้วยขนาดใหญ่กว่าเพราะอาจจะอยู่สองหรือสามคน ขึ้นอยู่กับว่าสุดสัปดาห์นี้พี่มิ่งเมืองกลับบ้านหรือเปล่า

แสงอาทิตย์สุดท้ายทอประกายสีทองจางๆทั่วบริเวณ ทิวเขาฝั่งตะวันออกที่ตั้งตระหง่านเห็นเป็นสีเขียวครึ้ม
ร่างกำยำเดินลงบันไดบ้านซึ่งทอดสู่ลานหญ้าขจี อากาศไม่หนาวนักแม้เป็นยามเย็นย่ำเพราะเริ่มเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว
เดินเพียงไม่นานนักก็ถึงบริเวณบ้านชั้นเดียวหลังเล็กของลุงแสง ระยะห่างจากตัวบ้านไม้ยกพื้นสูงของพชรเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น

           “อ้าว คุณพชร กลับมาแล้วหรือครับ?”
คำทักทายด้วยน้ำเสียงอันเป็นมิตรดังมาจากด้านข้าง หน้าคมเอี้ยวหันไปมอง
“ลุงแสง สวัสดีครับ” พชรพยักหน้า เลิกคิ้วนิดหนึ่ง ทำนองสงสัยว่าหนุ่มใหญ่มาจากทิศทางใด
“อ้อ ผมแวะไปดูน่ะครับ ว่าพอมีที่ปลูกแตงกวาหรือเปล่า” แสงรวียิ้มแย้ม พยักพเยิดไปด้านหลัง
“แตงกวาต้องการน้ำน้อยเหมาะกับหน้าแล้ง ผมว่าเป็นรายได้เสริมได้ดีเลย คุณพชรว่าไงครับ”
หน้าคมพยักอีกครั้ง อดจะนึกยิ้มไม่ได้ ลุงแสงขยันขันแข็งไม่สมขนาดรูปร่างที่ตัวเล็กและผอมบางเพียงเท่านี้เลย
“แม่แกงแคครับ ผมเอามาให้”
“โอ้ ขอบคุณครับ ส่งมาเลย นั่นของลุงเอิบใช่ไหม เดี๋ยวผมเอาไปให้เอง”
มือเล็กทว่าหยาบกร้านรับถ้วยกับข้าวทั้งสองมาถือไว้ เดินคล่องแคล่ว นำไปวางไว้บนโต๊ะไม้หน้าบ้าน หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้
“คุณพชรนั่งก่อนครับ”

ดอกแก้วที่ลุงแสงปลูกไว้หน้าบ้านโชยกลิ่นหอมอ่อนๆมาให้รู้สึกสบาย
ร่างสูงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้กันตามคำเชิญ เอ่ยถามไถ่ “งานเรียบร้อยดีหรือครับ มีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า”
“เรียบร้อยดีครับ” แสงรวีพยักหน้า “นิดหนึ่ง คืออาทิตย์หน้ามีประชุมเกษตรกรเตรียมรับมือภัยแล้ง คุณพชรจะไปเองหรือให้ผมไปครับ”
อืม.. พชรพยักหน้า จะมีประชุมรับมือภัยแล้งกับส่วนราชการอยู่แล้วทุกปี
"ผมไปเองครับ จะพาแม่ไปด้วย ที่สวนคงต้องฝากลุงแสง"
แสงรวีพยักหน้ารับ พลางมองบรรยากาศรอบๆตัว พชรเองก็มองด้วย
“ไม่รู้ปีนี้จะขนาดไหนนะครับ ..ของเรายังดีที่มีบ่อน้ำรอบสวน ดูอย่างปีก่อนของตาหรุ่งสิ ได้ผลผลิตแค่ครึ่งเดียวเองกระมัง”

ปีที่แล้วแล้งจัด พชรเองก็จำได้..
เกษตรกรรักน้ำ รัก ‘ความสมดุล’ ของน้ำ แต่กลัวที่สุดคือน้ำแล้งและน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรต้องแปลงความกลัวนั้นเป็นความพยายามแก้ไขปัญหา หากแม้แก้ไขไม่ได้ก็ต้องรับมือให้ไหว เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนที่มาจากปัญหานั้นให้เบาบางลงได้มากที่สุด

ในพื้นที่ทุกห้าไร่ของสวนเพชรหละปูน มีบ่อบาดาลลึกสี่เมตร กว้างยี่สิบเมตร
บ่อน้ำเป็นสิ่งสำคัญมาก จะหวังพึ่งพาน้ำจากระบบอย่างเดียวเห็นจะไม่ได้ การมีบ่อ ทำให้แม้ให้น้ำพืชสวนแล้ว ความชุ่มชื้นที่เหลือก็สามารถกลับคืนสู่บ่อได้
ระหว่างแนวพืชสวน พชรกับลุงแสงยังปลูกพืชผักสวนครัวและผักกินใบกินดอกแซมด้วย ไหนๆต้องให้น้ำพืชสวนแล้ว ดินชุ่มชื้นแล้ว พืชผักเหล่านี้ก็ได้น้ำไปพร้อมกัน เป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ ซ้ำยังมีผลิตผลเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งผลิตผลเหล่านั้น พชรก็อนุญาตให้คนงานเก็บไปประกอบอาหารทานกันได้ตามสมควร

ใบหน้าคมละจากความคิดมาพิจมองคนนั่งข้างๆ
แสงรวียังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดี ขยับแว่นที่เลื่อนไถลเพราะชื้นเหงื่อให้ตั้งตรงบนสันจมูก กิริยานี้ทำให้พชรคิดถึงม่อนแจ่ม..
“คุณพชรมองผมแบบนั้นอีกแล้ว” แสงรวีตั้งข้อสังเกต “มีอะไรในใจหรือครับ”

เอาล่ะ..
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับตรงๆ ก่อนค่อยๆเอ่ยเรื่องที่อยากจะกึ่งถามกึ่งขออนุญาตผู้มีอาวุโสกว่า
“ไม่รู้ว่าลุงแสงรู้หรือยัง พอดีวันก่อน..”
“ถ้าเป็นเรื่องที่ PP Group คุณลดาบอกผมแล้วครับ” แสงรวีรับคำ
ความจริงเปิดเผยแล้ว ตามที่คุณลดาบอก ทว่า แสงรวีก็ให้สบายใจเพราะได้ยินว่านายพจน์ ประดิษฐาพงศ์ยังคงรักและเมตตาม่อนแจ่มอยู่เช่นเดิม
“คุณพชรเองก็.. ให้โอกาสคุณพจน์บ้างนะครับ”
แสงรวีให้ความเห็นอย่างเกรงใจน้อยๆ เท่าที่ฟังจากคุณลดาวันก่อน เจ้านายหนุ่มไม่ใคร่จะยอมรับบิดาตัวเองนัก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่อย่างไรก็ตาม..
“คุณพจน์คงอยากมีโอกาสพบเจอ พูดคุยกับคุณพชรบ้าง ยังไงก็พ่อ-ลูกกันนะครับ”
..
พชรมองตาคนพูด “แล้วตัวลุงแสง ..อยากพบลูกด้วยหรือเปล่าล่ะครับ”
แสงรวีนิ่งไปหลายอึดใจ แต่แล้วก็แค่นหัวเราะน้อยๆ
“จากลูกเจ้าของบริษัท กลายมาเป็นลูกคนงานสวนผลไม้แบบนี้..ลูกจะอยากพบผมอย่างนั้นหรือครับ คุณพชร”
“อย่าดูถูกลูกของลุงเอง” พชรรู้สึกไม่พอใจ
“คำถามแรกที่เขาถามผมเกี่ยวกับพ่อของเขา ไม่ใช่รูปร่างหน้าตาอย่างไร เป็นใครหรือทำงานอะไร”
..
“เขาถาม.. ว่าพ่อเขาเป็นยังไงบ้าง สุขสบายดีหรือเปล่า”

พ่อเป็นยังไงบ้าง..
สุขสบายดีหรือเปล่า..

นี่คือคำถามจากม่อนแจ่มอย่างนั้นหรือ? แสงรวีมองสบตาคนพูดอย่างอึ้งๆ

“ม่อนแจ่มเป็นคนเข้มแข็ง เจอเรื่องขนาดนี้ เขายังหยัดยืนอยู่ได้” พชรเอ่ยขรึมๆ
“แต่ที่เหนือกว่าความเข้มแข็งคือจิตใจที่ดีของเขา รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด แต่เขาไม่ฟูมฟาย ไม่โวยวายอะไรเลย สิ่งที่เขารู้สึกคือสงสาร ..สงสารแม่ผม สงสารผม ที่ตัวเองไปอยู่แทนที่ เขาสงสารคนอื่นจนลืมที่จะสงสารตัวเอง และเพราะความดีอันนี้.. ถึงทำให้สภาพจิตใจเขายังสมบูรณ์พร้อม ทั้งที่เป็นคนอื่นคงช็อคได้ง่ายๆ”

แสงรวีขมวดคิ้ว จ้องมองเจ้านายหนุ่มให้เต็มตา ขณะเสียงเข้มยังเอ่ย
“ม่อนแจ่มเป็นคนน่ารัก”
ความคิดคนพูดประหวัดไปถึงสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและน้ำเสียงช่างเจรจานั้น
“น่ารักมาก..”

“ผมเห็นคุณพชรมาตั้งแต่เด็ก..” แสงรวีคลายคิ้วที่ขมวด ยิ้มมุมปากน้อยๆ
“ไม่ค่อยได้ยินคุณพชรพูดอะไรยาวๆนัก ..ยิ่งพูดบรรยายถึงคนอื่นนานๆแบบนี้ ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะครับ”
พชรชะงักไป ใบหน้าคมสันก้มลงน้อยๆ ยิ้มตอบรอยยิ้มของผู้มีอาวุโสกว่าที่ส่งมา ..เป็นเชิงยอมรับ

ใช่.. ม่อนแจ่มเป็นคนน่ารัก
แล้วพชรเองก็.. รักมากเหลือเกิน..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 15-12-2016 00:10:07
          เดินทางจากบ้านประดิษฐาพงศ์สู่หอสามชายก็หลายครั้งมาแล้ว..
ทว่า นี่เป็นครั้งที่น่าจดจำที่สุดสำหรับม่อนแจ่ม
น่าจดจำเพราะคนขับรถไม่ใช่ลุงสมอย่างที่เคยเป็น แต่คือคุณพ่อ ..คุณพจน์ ประดิษฐาพงศ์
ม่อนแจ่มนั่งข้างคนขับและมีมารดาอยู่เบาะหลัง

ที่จริงไม่จำเป็นเลย.. แต่คุณพ่อก็ยังยืนยันว่าจะเป็นคนมาส่ง
คุณพ่อขอโทษที่วันแรกเข้าหอไม่ได้มาส่งม่อนแจ่มด้วยตัวเอง ซึ่งม่อนแจ่มก็รู้สึกว่า.. ไม่จำเป็นต้องขอโทษสักนิดเลยเหมือนกัน

รถชะลอจอดริมฟุตบาทหน้าหอ มือแข็งแรงของนายพจน์เป็นคนหยิบกระเป๋าหิ้วส่งให้ลูกชาย มือเรียวของระมิงค์แตะเบาๆลงที่บ่าเล็ก
ม่อนแจ่มยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสอง ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีทางขอบคุณได้พอ
การที่คุณพ่อคุณแม่มาส่งเขาที่หอในวันนี้มันหมายถึงอะไรหลายๆอย่าง.. มันมีความหมายมากกว่าแค่การมาส่ง
ระมิงค์ยิ้ม นายพจน์เองก็ยิ้มเช่นกัน สายตาคมมองบริเวณที่ตนเองยืนโบกรถแดงอยู่เมื่อวันก่อน
วันที่เขานั่งมอเตอร์ไซค์ ..แม้ไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิต แต่ก็เป็นครั้งแรกในรอบสามสิบปี
มือใหญ่วางทาบบนศีรษะเด็กหนุ่มตรงหน้า ขณะที่ใจนึกถึงเด็กหนุ่มอีกคนไปพร้อมกัน
“..ดูแลกันให้ดีๆล่ะ”
ระมิงค์หลุดหัวเราะน้อยๆ ขณะที่ม่อนแจ่มหน้าแดง

            ขาเรียวก้าวไปตามทางเดินที่คุ้นเคย
เพื่อนร่วมหอดูจะเข้ามาสลับออกไปจำนวนมากเป็นพิเศษด้วยเป็นวันอาทิตย์เย็น

..ห้อง ๓๓๘..
ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์
กวีกานต์ ทัศนศุภกฤษณ์
พชร เพชรหละปูน

หอพักมีเอกสารติดประกาศไม่มากนัก นั่นอาจจะเป็นเหตุที่รายชื่อนักศึกษาไม่ได้ถูกดึงออกจากบอร์ด และม่อนแจ่มก็หยุดยืนมองอยู่ ณ ตอนนี้
ปากอิ่มอมยิ้ม.. ให้ความเห็นอย่างไม่ลำเอียงว่าชื่อลำดับที่สามไพเราะที่สุด
ม่อนแจ่มไม่รู้ว่าเจ้าของชื่อนั้นอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ..อยู่ลำพูน ..หรืออยู่ข้างบน

บันไดนำม่อนแจ่มขึ้นมาสู่ชั้นสาม ห้องเลขคู่ เลขคี่ตั้งอยู่ตรงข้ามกันสองฝั่ง
เหมือนกับเพิ่งเมื่อวานนี้เองที่เขาก็สะพายกระเป๋าเป้ใบนี้ ถือกระเป๋าหิ้วใบนี้และเดินมาตามทางนี้เป็นครั้งแรก
วันที่พบเด็กหนุ่มร่างสูง ณ หน้าห้องสามสามแปด ..น้ำเสียงเรียบเฉย ..แววตาที่มองมาเหมือนจะไม่ชอบใจ

          “กวีกานต์ หรือ พะ-ชร?”

แล้ววันนี้.. ตอนนี้..
เด็กหนุ่มร่างสูงคนที่ว่าก็ยืนอยู่หน้าประตูบานเดิมนั้น ..ที่ซึ่งเหนือกรอบบนระบุเลขห้อง 338
กระเป๋าสะพายอยู่บนไหล่ซ้าย มือข้างหนึ่งยังถือกุญแจรถอย่างเพิ่งมาถึง ส่วนมืออีกข้างจับอยู่ที่ลูกบิด กำลังจะเปิดประตู
ท่าทีนี้เองที่ทำให้ม่อนแจ่มมั่นใจในวันแรกเจอว่าคนคนนี้คือ ‘รูมเมท’

และแม้ครานั้น เขาจะเรียกชื่อผิดว่า ‘พะ-ชร’ แต่ตอนนี้ ม่อนแจ่มไม่มีทางจะเรียกผิด
เสียงเล็กเอ่ยทักทาย ..ออกเสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายชัดเจน ถูกต้อง เต็มเสียง อย่างที่เรียกมาตลอด ..อย่างที่เรียกบ่อยยิ่งกว่าชื่อใดที่เคยเรียกในชีวิต

“สวัสดี พชร”

..

..

เจ้าของชื่อชะงักมือ.. เอี้ยวขวา หันหน้ามองไปทางต้นเสียง
เจ้าของถ้อยคำยืนอยู่ห่างไปนิดหนึ่ง มือข้างนึงจับสายเป้ใบเดียวกับที่เขาเห็นวันแรกและมืออีกข้างก็หิ้วกระเป๋าใบเก่าใบเดียวกับที่เขาเห็นวันแรกเช่นเดียวกัน
เด็กหนุ่มคนนี้ใส่แว่นกรอบแดง ผู้ที่พชรรู้ว่าเรียนวิศวฯเครื่องกล และนอนเตียงล่างในห้องที่เขากำลังเปิดประตูอยู่นี้

          “เราเป็นรูมเมทกันกัน กูชื่อม่อน ม่อนแจ่ม..”

คำแนะนำตัวนี้ พชรไม่เคยลืม ..แม้ว่าจะทำเป็นจำไม่ได้ กระทั่งทำเป็นไม่ได้ยินด้วยซ้ำ
ชื่ออีกฝ่ายนั้น เขาปฏิเสธอย่างไร้เงื่อนไขที่จะเรียก
เครื่องกล.. แว่นแดง.. เตียงล่าง.. คำที่เป็นบริบทแวดล้อม กลายเป็นสรรพนามที่เอามาใช้แทนตามแต่จะนึกคำใดออกก่อน

วันนั้น.. เขาไม่ยอมเรียก 'ชื่อ' เพราะนั่นเท่ากับเป็นการ 'ทำความรู้จัก' ซึ่งเป็นสิ่งที่พชรหลีกเลี่ยงเต็มกำลังไม่ให้เกิดขึ้น
ทว่า วันนี้.. พชรเรียนรู้แล้วว่า คนคนนี้คือคนพิเศษ ..คือคนที่เขายินดีอย่างยิ่งที่ได้พบเจอในชีวิต

แม้ริมฝีปากหนาจะไม่ได้ยกยิ้ม และแม้สีหน้าจะเรียบเฉยเกือบเหมือนไม่ใส่ใจ ทว่า ดวงตาคมสีดำสนิทมีประกายแห่งความปิติฉายอยู่ชัดเจน
เสียงเข้มค่อยๆเอ่ยบ้าง ส่งคำทักทายไปในทำนองเดียวกัน ..นามนี้ไพเราะมากนักในความรู้สึก

“สวัสดีครับ ..ม่อนแจ่ม”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขออภัยที่รอบนี้มาช้า และขอบคุณสำหรับการติดตามน่อ   :L2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 15-12-2016 00:12:19
สุขและเศร้าใจพร้อมๆกัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 15-12-2016 00:17:52
ความรู้สึกเรามันเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูกเลย โคตรชำระจิตใจของเราเลยค่ะ
อื้ม พออ่านเรื่องนี้ถึงนึกคำที่ว่าด้วยคู่รักที่ให้ความรู้สึกเกื้อกูลจิตใจของกันและกันในทิศทางที่จะพากันไปสู่สิ่งที่ดีว่าเป็นความสัมพันธ์healthy ม่อนและพชรมีลักษณะเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันดีซะจนแผ่มาให้คนอ่านอย่างเรารู้สึกไปด้วย เป็นนิยายประโลมจิตใจชั้นหนึ่งเลยแหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะรู้สึกไปกับตัวหนังสือได้มากขนาดไหนขณะที่เราอ่านแต่เรารู้สึกมีความสุขมากๆทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องนี้นะ  :กอด1:

/ชอบบรรยากาศการพูดคุยระหว่างคุณพจน์และพชรมากๆเลยค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-12-2016 00:26:18
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-12-2016 00:34:09
มีความสุข
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 15-12-2016 00:37:24
ฮื่อ ชอบทุกอย่างเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 15-12-2016 00:44:21
ชอบฉากที่ม่อนกลับเข้าหอปัจจุบัน แฟลชแบคสลับกับเข้าหอครั้งแรกในอดีต
ที่เดิม คนเดิม  เวลาเปลี่ยน ความรู้สึกที่เปลี่ยน
มันอุ่น มันละมุน และมันฟินนน มาก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-12-2016 01:04:35
งืมๆๆๆๆ น่ารักสมกับที่เฝ้ารีเฟรชหลายๆรอบ 5555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-12-2016 03:30:17
อ่านแล้วยิ้ม(ในใจ)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 15-12-2016 05:40:14
เรื่องนี้คือโอเอซิสชัดๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 15-12-2016 06:17:15
ได้บรรยากาศ  ละมุนละไม มากค่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-12-2016 06:58:09
ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูก
คุณพจน์ พชร ดูดีขึ้น
ม่อนแจ่ม คนน่ารักยิ่งดีใจกว่าใคร
ม่อนอยู่ใกล้ใคร ก็ทำให้คนนั้นมีความสุข
เพราะความมีจิตใจดีงามของม่อน
ปัจจุบัน ย้อนสู่อดีต
แต่เรื่องที่เกิดในอดีต เปลี่ยนแปลงแล้ว
คำทักทายก็เลยดีอย่างนี้
“สวัสดี พชร”
“สวัสดีครับ ..ม่อนแจ่ม”
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 15-12-2016 07:10:20
มันดีงามทุกอย่างเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 15-12-2016 07:52:57
ทุกอย่างดูคลี่คลาย เหลือเพียงรอ ... ให้จิตใจแต่ละคนเข้มแข็งและยอมรับกันและกันมากขึ้น  :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: charles chang ที่ 15-12-2016 08:14:06
A celebrated love story.
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 15-12-2016 08:31:27
 :impress2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 15-12-2016 09:43:57
ชอบการตั้งชื่อตอน ทุกตอนที่อ่านมาเลยค่ะ สัมพันธ์กับจุดเน้นในตอนนั้นๆ อ่านเนื้อหาแล้วกลับมาดูชื่อตอนแล้วยิ่งฟิน
ตอนนี้เราร้องไห้ตอนที่พชรเล่าถึงม่อมแจ่มให้ลุงแสงฟังด้วยค่ะ ซึ้ง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-12-2016 10:30:16
เป็นอะไรที่ดีต่อใจค่ะตอนนี้ เหมือนกับได้ปลดปล่อยไม่ซีเรียสเหมือนทุกอย่างกำลังดีขึ้นไปเรื่อยๆ รอลุ้นว่าถ้าม่อนได้เจอพ่อแท้ๆ ขึ้นมาจะพูดอะไรออกมาเป็นคำแรกจริงๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 15-12-2016 11:50:04
เฮ้ออ ยินดีต้อนรับกลับมาสู่หอสามชายเหมือนกันค่า 5555
บรรยากาศของตัวละครทุกตัวดูดีขึ้นแล้ว
จากนี้ก็อยากดูสองคนเค้าหวานๆ กันเยอะๆ อิอิ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-12-2016 12:40:01
พชรกับม่อนแจ่ม   เป็นเด็กจิตใจดีมากๆ



มีทั้งความอ่อนโยนและความเข้มแข็ง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 15-12-2016 14:32:43
มันอิ่มเอมในใจมากๆ  ทุกอย่างมันกำลังจะเป็นไปในทางที่ทุกคนหวังและต้องการในไม่ช้าแน่ๆ
อ่านมาถึงตอนนี้แล้วมีความรู้สึกว่าทุกคนไม่มีความเห็นแก่ตัวกันสักคน พยายามประคองให้ความสัมพันธ์มันสมบูรณ์และเดินหน้าต่อแบบให้มีความสุขทุกๆคน เอาใจช่วยทุกคนเช่นกัน

ขอบคุณคนเขียนมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 15-12-2016 16:57:04
อ่านแล้วมันละมุนละไม ไม่ว่าเนื้อหาจะสุขหรือเศร้า
มีความสุขจริง ๆ ที่ได้อ่าน
ชอบมากกกกกก :m3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 15-12-2016 17:18:58
ชอบๆ ตอนนี้ยาวมาก
ดีที่ทุกอย่างไปด้วยดี
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 15-12-2016 18:24:07
อ่านแล้วรู้สึกดีมากเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 15-12-2016 18:56:51
เราชอบวิธีการเขียนที่ทำให้เราหลง อิน อย่างกับไปนั่งลุ้นท่ามกลางคนสองคน นับถือคนเขียนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 15-12-2016 20:56:57
ไม่ต้องคุยกันให้มากความ แต่ก็สามารถเข้าใจกันได้ ชอบความรู้สึกเวลาได้อ่านตอนคู่นี้อยู่ด้วยกัน มันไม่ได้สวีตมาก แต่มันมีรังสีความอบอุ่นอยู่รอบๆ  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 15-12-2016 22:15:55
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 15-12-2016 23:41:34
คิดว่าอาทิตย์จะไม่มาอีกซะแล้ว แวะเข้าเล้ามาเช็คแล้วเจอพอดี
คิดถึงมากกกกกกกกกกกกกกก
อ่านแล้วอุ่นๆหัวใจ สองคนนี้รักกันดีจัง เอาใจช่วยเด้อ
น้องน่ารักแอสออลเวย์ รักกก
ตอนหน้ามาไวๆน้า อยากรู้ตอนกลับมาอยู่ด้วยกัน คิดถึงดิล  o18
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 16-12-2016 00:18:29
ดีต่อใจเหลือเกิน ดีงาม มีคสามสุขค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ก่อนนี้ร้องไห้ไปประมาณสามปี๊บ 555
ม่อนน่ารัก น่ารักมาก พชรก็ดีงาม เท่จังเลยอ่ะ ประโยคสุดท้ายแบบน่ารักมาก สวัสดีครับ ม่อนแจ่ม
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ชอบความธรรมชาติมีดีมีแย่ของทุกตัวละครในเรื่องนี้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 16-12-2016 09:53:38
ชอบการตั้งชื่อตอนที่อธิบายเนื้อความในบทนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 16-12-2016 12:16:57
น่ารักกกกกกก ฮือออ ดีต่อใจจจ
ม่อนกลับมาแล้วว ไอดิ้ลคงดีใจมาก555555
อะไรๆเริ่มดีขึ้นมากแล้ว ชอบที่คุณพจน์กับพชรก็มีความน่ารักต่อกัน555555
คุณพจน์น่ารักขึ้นมากเลย รู้สึกเอ็นดูคนแก่ยังไงไม่รุ้5555555
หลังจากนี้ก็ประเด็นลุงแสง ม่อนสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 16-12-2016 12:20:18
รักเรื่องมากกกก ดีต่อใจจริงๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 16-12-2016 18:40:58
อยากให้ม่ิอนเจอพ่อจัง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 18-12-2016 01:37:34
รู้สึกว่าทั้งสองดูน่ารัก หลายๆมุม ขอชมเลยว่าตอนสุดท้ายนี่สุดยอดมาก
ชอบตอนคุณพจน์มาคุยกับพชรด้วยอ่ะ
เหมือนอะไรๆ จะพัฒนาในทางที่ดีขึ้นนะ
รอม่อนเจอพ่อที่แท้จริง



ปล. เห็นชื่อตอนก็แอบสงสัยว่าจะ Hello กับใคร อย่างไร
พออ่านจบตอนเท่านั้นแหละ อมยิ้มเลยครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 22-12-2016 06:53:18
 :call:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 22-12-2016 16:57:10
ยู้ฮู ม่อนแจ่มอยู่ไหน โปรดทราบ มีคนคิดถึงมากกกกกกกก
 :z12:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: meiing ที่ 25-12-2016 20:10:45
คิดถึงม่อนแจ่มกับพชรจังเลย :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: gang ที่ 25-12-2016 23:56:07
มารอ จอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 27-12-2016 08:43:14
เข้าใจความรู้สึกของพชรและม่อนแจ่มยามที่เขาคิดถึงกันไม่เจอกัน
เหมือนเราตอนนี้เป๊ะ เราก็คิดถึ๊ง คิดถึง พชรกับม่อนแจ่ม :mew6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Roongnapha ที่ 28-12-2016 22:52:49
ไม่มีเนื้อเรื่องให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-12-2016 23:09:21
 :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 28-12-2016 23:37:48
CHAPTER 33: Just the Way You Are

         “สวัสดีครับ.. ม่อนแจ่ม”
..
การอยู่หอใน นอกจากจะทำให้ม่อนแจ่มชอบคำว่า ‘ขอบคุณ’ และ ‘ไม่เป็นไร’ แล้ว
วันนี้ เขาจะได้เก็บ ‘คำโปรด’ ไว้ในลิสต์อีกหนึ่งคำ แน่นอน.. นั่นก็คือคำว่า ‘สวัสดี’
สวัสดีคำแรกที่ออกจากปากพชร ..และไม่ว่าจะเพราะเพิ่งได้ยินหลังผ่านมาแล้วกว่าค่อนภาคการศึกษาที่สอง หรือเพราะความรู้สึกลึกซึ้งระหว่างคนพูดและคนฟัง มันก็มีความหมายที่อนุมานคุณค่าไม่ได้อยู่ดี

ม่อนแจ่มเผยอยิ้ม ..และแม้คนหน้าประตูจะไม่ได้ยิ้มตอบ แต่เขาก็อ่านแววตาคู่นั้นออก ..พชรยิ่งกว่าดีใจ..
ขาเรียวก้าวไปตามทางเดิน จนถึงประตูห้องสามสามแปด หยุดยืนตรงหน้าคนตัวสูงกว่า ..เงยมอง
พชรก้มลง สบตากัน ก่อนมือแกร่งซึ่งแตะลูกบิดค้างอยู่หลายนาทีจะหมุนเปิดประตูค้างไว้
ม่อนแจ่มก้มหน้ายิ้ม ..พชรก็ยังเป็นพชรเหมือนเดิม..
ร่างเล็กเดินผ่านเข้าไป ก่อนที่ร่างกำยำจะก้าวตามมาและดึงประตูปิดตามหลัง

..
..

เป็นความรู้สึกที่แตกต่างมากกว่าครั้งไหนๆ
ม่อนแจ่มวางกระเป๋าหิ้วลงบนพื้น ปลดเป้จากบ่าไว้บนเก้าอี้ บนโต๊ะมีเอกสารประกอบการเรียนของนักศึกษาภาควิชาปรัชญาและศาสนาอยู่บนนั้น
ม่อนแจ่มขบริมฝีปากไว้ ขณะนึกถึงเหตุผลที่ตำราเหล่านี้วางอยู่บนโต๊ะของเขา มือเรียวเปิดกระเป๋าหยิบเอกสารประกอบการเรียนของนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลออกมาวางเคียง

“เอ้อ..”
พชรดูเหมือนจะรู้ตัว เพราะเสียงเข้มส่งออกมาจากลำคออย่างเก้อเขินเล็กน้อย ก่อนจะขยับเข้ามาเก็บเอกสารของตัวเองกลับมาไว้บนโต๊ะติดกับเตียงเดี่ยวดังที่มันควรจะเป็น
“ขอโทษที”
..
“ไม่เป็นไร”
ม่อนแจ่มไม่ถือสา ..ไม่เคยเลย
ริมฝีปากบางยังคงขบไว้  ไม่ใช่ว่าเขินอายอะไรหรอก เพียงแต่กลัวจะหลุดยิ้มจนปากฉีกไปถึงหูดังที่สำนวนโบราณเขาว่ากัน

พชรนั่งลงบนเตียงเดี่ยว ดวงตาสีดำสนิทมองรูมเมทที่เป็นมากกว่ารูมเมทจัดเรียงตำราเรียนของตัวเอง
ก่อนที่ร่างเล็กนั้นจะทรุดนั่งขัดสมาธิบนพื้น เปิดกระเป๋าหิ้วที่มีตราน่ารักดีว่า ‘ควายเงิน’
ร่างกำยำตั้งท่าจะลุกขึ้นจากเตียงไปนั่งข้างๆ ทว่า ยังไม่ทันจะได้ทำเช่นนั้น ประตูก็เปิดผางออก
..
..
ผู้มาใหม่มองสองคนที่อยู่ภายในห้องสลับกันไป-มา ..ชะงักนิ่งหลายอึดใจ ก่อนจะมองสลับมา-ไปอีกครั้ง สายตาหยุดที่กระเป๋าใบเก่าบนพื้นห้อง จำได้.. รู้ความหมาย.. แล้วจึงแผดเสียงดังลั่น
“ไอ้ม่อน มึง.. ก..กลับมาอยู่หอ..”
..
“ไอ้ม่อนกลับมาแล้ว ไอ้ม่อน ไอ้ม่อน น น !”

เวอร์..
โอเวอร์แอคติ้งสุดๆ ม่อนแจ่มบอกได้เลย
ไหนจะเสียงแหกปาก ไหนจะทั้งมือทั้งตัวที่โถมเข้ามาใส่
ช่วยบอกทีเถอะ ว่าม่อนแจ่มไม่เคยทำอะไรแบบนี้

“ข้างห้องเขาแตกตื่นกันหมดแล้ว ไอ้ดิ้ล!”
ม่อนแจ่มว่าพลางกลั้นหัวเราะ ขณะเพื่อนรักเข้ามากอด รัด ฟัดและเกือบจะเหวี่ยง แต่ไอดิลไม่สนใจ
“ช่างข้างห้องก่อนเหอะ เพราะกูคิดถึงมึงโคตรๆ ม่อนเพื่อนเยิ๊ฟ”

ไม่ไหวแล้ว.. ม่อนแจ่มพ่นหัวเราะออกมา
“ฮ่ะๆ นี่มึงกับกูไม่ได้เจอกันที่คณะอยู่แทบทุกวันหรอกเหรอวะ?”
“มันเหมือนกันเสียที่ไหน!” ไอดิลผละตัวออก ทำหน้าตาจริงจัง
“ที่คณะก็ส่วนคณะสิ นี่มันหอ แล้วไม่มีมึงอยู่นะ กูเหมือนอยู่ร่วมห้องกับ-”
ไอดิลหยุดพูดกะทันหัน เอี้ยวหันหลัง เหลือบมองพชรอย่างเกรงๆ ก่อนหันกลับมาลดเสียงลงกระซิบใส่หูม่อนแจ่ม
“..พชรให้อารมณ์เหมือนเจ้าสำนักฝ่ายหยิน มึงเข้าใจไหม แบบว่า.. นิ่งๆ เงียบๆ ตัวสูงใหญ่ ไม่ค่อยนอน ชอบนั่งอยู่มืดๆ ท่าทางมีวรยุทธ์ด้วย คือกูแบบ.. บางทีกูก็กลัวว่ะ”
“มึงนี่!” ม่อนแจ่มเตรียมขู่ฟ่อ “พชร-” 
“กูรู้ มึงจะพูดอะไร” ไอดิลรีบเบรก
“แต่จะบอกให้นะ พชรใจดีก็แต่กับมึงเท่านั้นแหละ ไม่เชื่อไปถามไอ้เมษหนึ่งไอ้เมถสองเลย พวกมันยังหัวโกร๋นอยู่จนวันนี้”

อะ..
ม่อนแจ่มเผยอยิ้มอีก กึ่งพอใจกึ่งขัดเขิน ส่ายหน้านิดๆ ส่วนไอดิลหันไปยิ้มเหยๆใส่พชรทีหนึ่ง กอดม่อนแจ่มซ้ำอีกหลายที
“เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกันนะ ทั้งคู่อ่ะ”
ม่อนแจ่มมองพชรเป็นเชิงถาม
พชรมองตอบ ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ม่อนแจ่มจึงแปลได้ว่านั่นคือการตอบรับ

ลักษณะที่รูมเมททั้งสองมองกันและเข้าใจกันอยู่แค่สองคนนั้นทำให้ไอดิลรู้สึกว่าเขากำลังอยู่ผิดที่ผิดทาง
“เหมือนกูโผล่เข้ามาไม่ถูกจังหวะทุกทีเลยว่ะ” หนุ่มสิ่งแวดล้อมยิ้มมีเลศนัย
“กูออกไปก่อนละ พวกมึงจะได้สวีทกันสองต่อสองตามสบาย”
..
..
“อ้อ!” ไอดิลที่ลุกขึ้นไปแล้วไม่วายหันกลับมาย้ำ
“แต่ว่า.. ถ้าจะทำอะไรๆกันต่อจนมืด ช่วยบอกกูก่อนนะ จะได้ซื้อข้าวมาฝากเสียเลย เผื่อพวกมึงหมดแรงพอดี”

“ไอ้ดิ้ล!”
ม่อนแจ่มเตรียมว้าก แต่ไม่ทัน เพราะแผ่นหลังปราดเปรียวของเพื่อนซี้หายออกจากห้องไปเสียแล้ว ได้ยินแต่เสียงหัวเราะดังลอดเข้ามาเท่านั้นเอง
ดวงตาในกรอบแว่นแดงย้ายจากประตูไปมองคนที่นั่งตรงข้ามกันอีกครั้ง ..บนเตียงเดี่ยว ใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อยจากคำว่า ‘อะไรๆ’ ของไอดิล
อะไรๆที่ว่าคืออะไร ม่อนแจ่มเองก็รู้ ..แล้ว Position ที่นั่งกันอยู่นี่ ..พชรอยู่ข้างบน ม่อนแจ่มอยู่ข้างล่าง
โอ๊ย.. นี่ม่อนแจ่มกำลังคิดมากไปใช่ไหมวะ? ..แล้วพชรก็ไม่พูดอะไรเลยไง

คนบนเตียงเดี่ยวลอบยิ้มเล็กน้อยเมื่อพิศมองใบหน้าขาวซับสีเลือด แต่ดวงตาใสแจ๋วยังคงมองมาแบบไม่เบือนหลบ
ร่างกำยำขยับลุกขึ้น เข้ามาคุกเข่าลงข้างหนึ่งตรงหน้า ซัดสายตามองกระเป๋า เอ่ยถามอย่างเอื้อเฟื้อ
“มีอะไรให้ช่วยเก็บไหม?”
“หงึ..” ม่อนแจ่มส่ายหน้า “มีแค่เสื้อผ้านิดเดียวเอง”
แขนเรียวรื้อหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา เปิดตู้ตรงกลาง แล้วพับชุดลำลองกับชุดนอนไว้ ส่วนชุดนักศึกษาก็ใส่ไม้แขวน จนเหลือแต่กระเป๋าเปล่า
“ทีนี้ล่ะ ต้องให้มึงช่วยจริงๆ” เสียงเล็กเอ่ย หันมายิ้มให้คนตัวสูงเหยๆ
พชรพยักหน้าเข้าใจ รับกระเป๋ามา แล้วยืดแขน วางไว้ให้บนตู้
“ขอบคุณ” ม่อนแจ่มว่า
“ไม่เป็นไร” พชรตอบรับ
..
สองคำนี้อีกแล้ว ..ดูเหมือนเขาทั้งสองมีเรื่องจะ ‘ขอบคุณ’ และ ‘ไม่เป็นไร’ กันได้ไม่รู้จบจริงๆ

ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่ได้ต่างไปจากเดิม..
ห้องเล็ก ..โต๊ะ ..ตู้ ..เตียง ..ผนังสีมอติดภาพวาด ความรู้สึกคนทั้งสองกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ม่อนแจ่มและพชรได้แต่ยืนมองกัน ความทรงจำทุกอย่างตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้กระจ่างชัดอยู่ภายใน ..แล้วก็เป็นคนพูดมากที่เอ่ยเรียกค่อยๆ

“พชร..”
..
“กูมีเรื่องจะขอโทษ”

หืม?
พชรเลิกคิ้ว งุนงง ..มันมีเรื่องต้องขอโทษอีกหรือ
“ขอโทษอะไร”

ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ก้มหน้าก้มตา ใจหวิวๆขึ้นมาทันที
เขาอยากจะขอโทษเรื่องนี้มานานแล้ว ..ไม่ได้ลืมพูด แต่มันไม่มีโอกาสพูด นอกจากที่เขาและพชรจะไม่ค่อยพูดกันแล้ว บทจะพูด ก็มีเรื่องอื่นเข้ามาให้ต้องพูดแทน

“คือ.. วันแรกที่เราเจอกันน่ะ” ม่อนแจ่มพูดพลางกัดปากไปพลาง
“กู.. กูขอโทษที่เรียกชื่อมึงผิดว่าพะ-ชร”
ดวงตาในกรอบแว่นเงยมอง อธิบายเสริมอย่างจริงจัง
“กูโง่ภาษาไทยมากอะ ชื่อมึงออกจะเท่ ความหมายก็สมตัว พชรแปลว่าเพชร ..กูดันเรียกพะชรซะงั้น”

เรื่องแค่นั้นน่ะหรือ?
พชรแทบหลุดหัวเราะ ..เขาไม่เคยโกรธเรื่องนั้นเลย
ที่จริง.. เขาไม่เคยโกรธคนตรงหน้าด้วยเรื่องอะไรทั้งนั้น

“แล้วก็.. เรื่องนู้นด้วย” ม่อนแจ่มเอ่ยต่อ พยักพเยิดไปทางผนัง
“ที่วาดนู่นวาดนี่อ่ะ”

พชรมองตามสายตาไปยังภาพการ์ตูนที่จำได้หมดทุกรายละเอียดบนฝาผนัง ด้วยมองพิจจนติดตามานานทั้งสัปดาห์
เรื่องนี้.. พชรก็ไม่โกรธ ขำเสียมากกว่า คนอะไร เหลือเกินจริงๆ

“เอ้อ.. แล้วก็” ดูเหมือนม่อนแจ่มยังขอโทษไม่หมด
“ขอโทษที่กูเคยคิดจะปาขวดซันซิลใส่มึงด้วย ..ตอนเดินสวนกัน แล้วกูทักมึง แต่มึงไม่ทักตอบอะ”

ฮ่ะๆ..
พชรหัวเราะในใจ ..แค่ซันซิลขวดเดียว นับว่าม่อนแจ่มยังเป็นคนมีเมตตามากนัก ทีแรก พชรนึกว่าเจ้าตัวอยากจะโยนใส่เขาทั้งตะกร้าสีฟ้าช่องหัวใจนั่นเสียอีก

“มีอีก..” ม่อนแจ่มอ้อมแอ้มบอก “..ขอโทษที่กูชอบไปท้าต่อยมึงน่ะ”

อ่าฮะ..
พชรพยักหน้า ..แอบนึกสงสัยว่าวันนี้ม่อนแจ่มตั้งใจจะขอโทษเขาสักกี่เรื่องกันแน่
ดูเหมือนม่อนแจ่มเองก็พอเข้าใจความเคลือบแคลงนั้นอยู่เช่นกัน..
“กูมีเรื่องอยากพูดเยอะแยะเลย ..ถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา” ม่อนแจ่มออกตัว “แต่กลัวมึงจะเบื่อฟังเสียก่อน”
..
..
“บอกแล้วไง.. กูถนัดฟัง”
พชรย้ำ ขยับเข้าไปใกล้คนตัวเตี้ยให้มากขึ้น “เพราะฉะนั้น.. อยากพูดอะไร ก็พูดมาเถอะ”
ม่อนแจ่มยิ้มกว้างเมื่อได้ฟัง ปากอ้าจะเอ่ยต่อ ทว่า คนพูดชิงบอกด้วยนึกขึ้นได้
“มึงพูดได้ แต่เอ้อ.. อย่าถามอะไรให้กูต้องตอบมากนักนะ”
พชรรีบเสริม เกรงม่อนแจ่มจะรัวชุดใหญ่ใส่มาเหมือนคืนนั้นริมแม่น้ำปิงอีก
“รู้ใช่ไหมว่าทำไม”

ม่อนแจ่มพยักหน้าพลางหัวเราะพลาง
“มึงเขิน”

พชรกดปากกลั้นยิ้ม
ครับ ..ก็ตามนั้นแหละ

เสียงหัวเราะชอบใจยังคงดังมา ..มันฟังดูร่าเริง น่ารัก จนพชรต้องขยับเข้าไปใกล้อีก
เสียงนี้.. ท่าทีแบบนี้.. ของคนคนนี้.. ที่ทำให้น้ำหนักของทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยแบกไว้หลุดออกจากบ่า
จากที่พชรเคยคิดว่า.. มีแต่การไม่รู้จักกัน หรือถอยห่างกันไปจนการพบเจอกลายเป็นความทรงจำเล็กๆที่รอวันลางเลือนเท่านั้น จึงจะยุติปมปัญหาที่มีระหว่างกันได้ จากที่เคยคิด.. ว่าเขาสองคนไม่มีวันที่จะ..

มือแกร่งค่อยๆยกขึ้นเชยปลายคางมนของคนตรงหน้า ไล้แก้มเนียนเบาๆจนขึ้นไปแตะกรอบแว่น
ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้ยังคงเปล่งประกายสดใส แม้ว่าลมหายใจที่รับรู้ได้เหมือนจะสะดุดไปหลายจังหวะจากกิริยาของเขา
ทั้งเนื้อ.. ทั้งตัว.. ทั้งหัวใจของคนคนนี้ สำหรับพชรแล้ว.. มันล้ำค่า น่าหวงแหนเสียจนต้องระมัดระวังทุกรอยสัมผัส

“แว่นแดง..”
เสียงเข้มเรียก ..ไม่ได้อยากจะล้อเลียน หรือกวนประสาท แค่เพียงรู้สึกว่าคำเรียกนี้มันเต็มไปด้วยความทรงจำ ..มันน่ารักและเหมาะสมกับม่อนแจ่มจนอยากจะเรียก

“อือ.. พชร”
ม่อนแจ่มครางรับ ไม่ได้รังเกียจคำนี้ ..ไม่เลย เขาชอบมันแล้วด้วยซ้ำ
พชรเรียกแบบไม่เหมือนใครดี ไม่มีใครเรียกเขาแบบนี้ ..มันจึงเป็นคำเรียกที่มาจาก.. ‘คนพิเศษ’

          “ให้แว่นแดงเลือกก่อนแล้วกัน เหลือเตียงไหน กูนอนนั่น”

ม่อนแจ่มจำได้ ..นี่เป็นสรรพนามแรกที่พชรใช้เรียกเขา นอกไปเสียจากนั้น มันยังมาพร้อมกับความเอื้อเฟื้อแรกด้วย
ให้แว่นแดงเลือกก่อน..

“กูมีเรื่องจะขอโทษเหมือนกัน..”

หืม?
ม่อนแจ่มรู้สึกเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น กึ่งอยู่ในปัจจุบันกึ่งอยู่ในความทรงจำ
ถ้อยคำนั้นเรียกสติเขา รอยยิ้มจางไป คิ้วเรียวขมวดน้อยๆด้วยงุนงง
“ขอโทษอะไร?”

พชรยังคงมองสบตานิ่ง ..สิ่งที่เขาจะขอโทษเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ม่อนแจ่มขอโทษมากนัก
เป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำ เป็นสิ่งที่น่าละอาย และเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกผู้ชายรู้สึกผิด
“ตอนที่.. เรายืน คล้ายๆกับจะ.. ทะเลาะกันตรงนี้” ..หน้าประตูนี้
..
“ที่มึงบอกว่ากูใจร้าย ..มึงอุตส่าห์ไปหาที่ภาควิชา แต่กูก็จำไม่ได้” พชรเอ่ย
ไม่ถนัดนักกับการเท้าความ ทว่า ไม่รู้ทำไม ครานี้ เขาค่อยๆพูดออกมา ..ราวกับอยากจะให้คนตรงหน้ารู้สึกถึงมันไปพร้อมๆกัน
“กูบอกให้มึงหยุดพูด..”

จำได้สิ.. ม่อนแจ่มไม่ลืมอะไรเลยสักอย่าง
เขาเอาขนมมาฝาก พชรปฏิเสธ ทำท่าจะเดินหนีออกจากห้องเหมือนเคย ..และม่อนแจ่มไม่ยอม

        “หยุดได้แล้ว เครื่องกล”
         “ไม่หยุด กูไม่ได้ชื่อเครื่องกล!”
         ..
         “พูดมาเดี๋ยวนี้ มึงมีปัญหาอะไรกับกู มึงจะตัว-ตัวกับกูไหม”
         “หยุดพูด รำคาญ”
         “ไม่หยุด”
         ..
         “ไม่หยุด จนกว่ามึงจะเรียกกูว่าม่อน!”


“แต่มึงไม่หยุด มึงยืนยันให้กูเรียกชื่อ แล้วกูก็..”
พชรไม่พูดต่อ ..และแก้มม่อนแจ่มก็เป็นสีจัดขึ้น ฟันเล็กกัดริมฝีปากตัวเองอย่างเผลอไผล

          “อย่าเรียกกูว่าเครื่องกล อย่าเรียกกูว่าเตียงล่าง และอย่าเรียกกูว่าแว่นแดง!”
          “หยุดพูด”
          “ไม่หยุด เรียกกูว่าม่อนก่อน เพราะกูชื่อม่.. อื้อ..”


“กูขอโทษ ..ที่จูบ”
..
หัวใจคนฟังเต้นแรงขึ้น ..ที่จริง พชรไม่จำเป็นต้องขอโทษเลย แต่ในดวงตาสีเข้มคู่นั้นบ่งบอกว่านี่เป็น.. ‘คำขอโทษที่จริงจัง’
และม่อนแจ่มก็พยายามทำความเข้าใจ
ปกติวิสัย พชรเป็นผู้ชายที่สุภาพ ..แม้ว่าพวกเขาจะจูบกันอีกหลายครั้งหลังจากนั้น แม้ว่าไม่กี่วินาทีให้หลังที่ริมฝีปากหนาประกบแนบลงมา ม่อนแจ่มจะโอนอ่อนผ่อนตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสัมผัสแรกนั้นมาจากการรุกรานและม่อนแจ่มก็ไม่ได้รู้ตัวล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้น
แน่นอน.. นั่นทำให้พชรรู้สึกผิดและนำมาสู่คำขอโทษในเวลานี้

“แล้วตกลง..” ม่อนแจ่มประสานสายตา ถามคำถามที่เคยถามไปแล้ว ..แม้จะพอรู้คำตอบ แต่เขาก็ยังอยากได้ยินกับหูอยู่ดี
ไม่ได้ตั้งใจ กับ ยั้งตัวเองไม่ทัน นี่มันความหมายเดียวกันไหม พชร..”

          “กูรู้มึงไม่ได้ตั้งใจ”
          “กูยั้งตัวเองไม่ทัน”


พชรกลืนน้ำลายนิดหนึ่ง เอ่ยตอบชัดเจนในที่สุด
“ไม่ใช่..”

มันไม่ใช่ความหมายเดียวกัน ..ไม่ใกล้เคียงเลย
ไม่ได้ตั้งใจ หมายถึงมันเป็นอุบัติเหตุ ..หมายถึงว่าพชรไม่เคยคิดเรื่องจูบม่อนแจ่มมาก่อน ซึ่งนั่น ..ไม่ใช่..
สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขายั้งตัวเองไม่ทัน ..เพราะความคิดจะจูบนั้นได้เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว เพียงแค่เขาห้ามตัวเองไว้ได้เท่านั้นแหละ
เรื่องที่จูบม่อนแจ่มครั้งนั้นไป พชรขอโทษ ยอมรับผิดและมันไม่ควรเกิดขึ้นจากการรุกรานเอาแต่ใจของเขาแบบนั้น
แต่เรื่องความคิดอยากจะจูบที่เกิดขึ้นก่อนการกระทำ เขาขอเถอะ มันไม่ใช่ความผิดเขาเลยสักนิด เขาโทษม่อนแจ่มคนเดียวเลย
พชรเข้าใจแล้วว่ามันหมายความอย่างไรที่คนเขาพูดกันว่า ‘ก็อยากน่ารักเองทำไม’
หน้าตาแบบนี้ ท่าทีแบบนี้ ตัวเท่านี้ แล้วมาวุ่นวายกับหัวใจเขาแบบนี้ ..จะทนไหวได้ยังไงกัน

“กูไม่เคยโกรธเลย” ม่อนแจ่มค่อยๆตอบกลับ
“กูบอกตัวเองว่า.. มันเกิดขึ้นเพราะแรงโน้มถ่วงของโลก อธิบายได้ง่ายๆด้วยกฎทางฟิสิกส์ ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเจือปน..’”

“ไม่ใช่..” พชรย้ำอีกครั้ง ร่างกายสองขนาดขยับใกล้กันจนแนบชิด
“มันเกิดขึ้นเพราะกูอยากทำและห้ามตัวเองไม่ได้ต่างหาก”

ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ดวงหน้าขาวเงยขึ้นแทบจะพร้อมๆกับที่ใบหน้าคมของพชรโน้มลงมา
..
“กำลังจะห้ามไม่ได้อีกแล้วด้วยใช่ไหม..” ม่อนแจ่มถามแผ่วๆ และพชรก็ตอบกลับเสียงหนัก
“ใช่..”

บทสนทนาจบลงตรงนั้น
ริมฝีปากหนาประกบแนบริมฝีปากอิ่มของคนตัวเตี้ยกว่า มือใหญ่ข้างหนึ่งทาบไว้กับแผ่นหลังบาง อีกข้างแตะแก้มเนียนก่อนจะไล้ไปโอบหลังคอให้รสสัมผัสของกันและกันสนิทลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

“อือ..”
ม่อนแจ่มครางเบาๆ สัมผัสที่หนักแน่นจริงจังนี้ทำให้น้ำหนักตัวเขาเบาโหวงจนเกือบจะยืนไม่อยู่ ได้แต่พิงร่างใหญ่กว่า ทิ้งน้ำหนักตัวให้พชรเป็นคนรับไว้แทบทั้งหมด

“ม่อน..” เสียงเข้มพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่าย ขบเม้มริมฝีปากนุ่มเบาๆ ค่อยๆแทรกเรียวลิ้นเข้าหา ก่อนที่จะได้รับการตอบสนองกลับมาพร้อมกับเสียงครางต่ำในลำคอ
มือเล็กสองข้างเกาะเอวเขาไว้แน่น.. เสียงหัวใจเต้นรัวซึ่งพชรได้ยินชัดเจนและมันทำให้ทนไม่ไหว
มือแกร่งละออกมาจากหลังคอ ค้อมตัวลง สอดแขนข้างหนึ่งใต้เข่า ข้างหนึ่งโอบกระชับไหล่ อุ้มร่างเล็กขึ้นแนบอก

“อ๊ะ..” ม่อนแจ่มหลุดครางตกใจเมื่อลำตัวลอยขึ้นจากพื้น ดวงตาประสานกับของคนตรงหน้า แก้มขาวขึ้นสีจัด
รู้ว่ามันจะหมายความว่าอย่างไรต่อจากนี้..

แผ่นหลังสัมผัสเตียงล่างของตัวเอง ก่อนแผ่นอกจะถูกทาบทับด้วยน้ำหนักของอีกคนที่คุ้นเคย
พชรมองตาลึกซึ้ง.. ไม่ได้ถอดแว่นอีกฝ่ายออก อยากให้ม่อนแจ่มเห็นแววตาของเขาเหมือนกัน
ริมฝีปากสัมผัสกันอีกครั้ง เรียกเสียงหายใจรุนแรงจากทั้งสองคน
มือใหญ่ไล้สัมผัสเข้าไปภายในเสื้อ ..แผ่นหลังที่ก่อนหน้ามีเสื้อผ้ากั้น ตอนนี้เปล่า.. ผิวกายเนียนละเอียดในสัมผัสของเขา
ม่อนแจ่มหลับตาลง ตัวสั่น.. อารมณ์อ่อนไหว.. ปล่อยให้อะไรๆเป็นไปตามที่มันจะเป็น

อะไรๆ..
ม่อนแจ่มสะดุ้งขึ้นน้อยๆ ดวงตาที่หลับพริ้มลืมขึ้น ..ก่อนอะไรๆที่ว่าจะไปไกลกว่านี้ เขานึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง..
“พชร..” ม่อนแจ่มเรียก ผ่ามือสองข้างยกขึ้นทาบแผ่นอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างยั้งสัมผัส
“หืม..” พชรชะงัก เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆอย่างไม่เข้าใจ ม่อนแจ่มจึงต้องอธิบายพร้อมขอความเห็น
“ไอ้ดิ้ลรอกินข้าวอยู่อะ ..นี่เราต้องออกไปบอกมันก่อนไหม?”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “หร่อย.. ฮ้า! อร่อย ย แผล๊บๆ”
..
“กินดีๆ เลอะเทอะหมดแล้วน่ะ”
ไอหมอกบ่นไม่จริงจังนัก ส่งทิชชู่ให้ไอดิลที่ตั้งหน้าตั้งตากระซวกสุกี้อย่างเมามัน
“ก็กูชอบ เอ้านี่! ไอ้ม่อน พชร ทำไมแลดูกินน้อย กินเยอะๆ เดี๋ยวกูขอน้ำจิ้มเพิ่มให้ บอกเลย เขาไม่อั้น พวกมึงไม่ต้องกินประหยัดขนาดนั้น”

อืม..
คนถูกชักชวนครางรับพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย มองตากันเองนิดหนึ่งแล้วพร้อมใจเสมองทางอื่น ตักสุกี้กินไปตามยถากรรม
ก็คือ.. ม่อนแจ่มกับพชรไม่หิวอาหารไง แต่ก็ต้องมานั่งกินด้วยนี่แหละ ไอดิลเล่นพูดดักไว้เสียขนาดนั้น จะให้ออกมาบอกว่าซื้อข้าวมาเผื่อด้วย แล้วกลับเข้าห้องไปทำอะไรๆกันต่อก็ใช่เรื่อง ..ม่อนแจ่มได้โดนแซวจนไม่มีห้องอยู่กันพอดี

“พวกมึงเป็นอะไร?”
หนุ่มสิ่งแวดล้อมจัดการสุกี้แห้งหมดจาน ซดน้ำอึกๆจนหมดแก้ว แล้วจึงส่งสายตามีเลศนัยใส่เพื่อนร่วมห้องทั้งสอง
สองผู้ถูกถามส่ายหน้าพร้อมกันอีก กิริยานั้นเรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากไอดิลจนโดนไอหมอกโบกเบาๆ
“ล่วงหน้าไปเลย พชร” หนุ่มวิทยาฯเคมีพยักพเยิดไปเบื้องหน้า รั้งคอเสื้อไอดิลให้อยู่กับเขาและทิ้งระยะห่าง
พชรกับม่อนแจ่มมองหน้ากันอีกครั้งๆ ..กึ่งขำ กึ่งปลง

           สายลมยามค่ำพัดผ่านมา ..แล้วพวกเขาก็เพียงเดินทอดอารมณ์กลับหอสามชาย
ไม่มีคำพูดมากนัก ..แค่เดินเงียบๆ สลับเอี้ยวมองกันไปมา คิดถึงสิ่งดีๆที่เกิดขึ้น คิดถึงความรู้สึกอบอุ่นที่อวลอยู่ในหัวใจ
กระทั่ง เห็นหอสามชายทะมึนในความมืดรายรอบและแสงไฟถนนที่สาดสว่าง พวกเขาจึงขึ้นห้อง ทำกิจวัตรของตัวเอง
อาบน้ำ แต่งตัว เตรียมเสื้อผ้าใส่ไปเรียนพรุ่งนี้
ม่อนแจ่มมองๆเสื้อผ้าของพชรอยู่เหมือนกัน เพราะไอดิลคู่ซี้สร้างมาตรฐานไว้เยอะเหลือเกินในเรื่องการดูแลไอหมอก
แต่ว่าคืออย่างนี้ไง.. เสื้อผ้าตัวเขาเอง ม่อนแจ่มยังรีดไม่ค่อยเรียบเลย ไม่น่าต้องให้ชุดนักศึกษาพชรมาประสบชะตากรรมเดียวกัน
ชะลอไว้ก่อนดีกว่า.. ไว้ม่อนแจ่มจะขอฝึกวิทยายุทธ์กับไอดิลแบบลับๆจนมั่นใจ แล้วค่อยเอาเสื้อผ้าพชรมารีด

          ดวงตาในกรอบแว่นย้ายไปมองบนโต๊ะเขียนหนังสือ เอกสารประกอบการเรียก Engineering Mechanics อยู่บนสุด ราวกับจะช่วยตอกย้ำว่าเขายังเขียน Free-body Diagram ไม่แล้วเสร็จ ม่อนแจ่มหันมองพชร ก็พบว่ามือแกร่งกำลังพลิกเอกสารวิชาตรรกศาสตร์ไปมา

“มีงานต้องทำหรือเปล่า พชร?”
“อืม..” คนถูกถามครางรับ พึมพำเบาๆ “..logic”
พชรยังไม่ได้สรุปตรรกศาสตร์ในฐานะศาสตร์พื้นฐานของวิชาอื่นๆให้แล้วเสร็จเลย 
หน้าคมละจากเอกสารหันมองม่อนแจ่ม ..ดวงหน้าขาวและแววตาเปล่งประกายนั้นดึงดูดใจอย่างน่าประหลาด ..น่าคว้าร่างตรงหน้ามากอดรัดไว้แน่นๆแทนที่จะทำอย่างอื่น
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มสารภาพออกมา
“กูก็ต้องเขียน free-body diagram  ของวิชากลศาสตร์เหมือนกัน”
..
แล้วทั้งสองคนก็หลุดหัวเราะ เสมองไปคนละทางอย่างยับยั้งชั่งใจ ต่างนั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง ทำสมาธิให้จดจ่ออยู่กับภาระหลักของนักศึกษา
ก็โอเค..
จบ
แยกย้าย
ทำงาน!

          ราวสองชั่วโมงให้หลังแล้ว.. กว่าที่ม่อนแจ่มจะลุกขึ้น หลังจากพิจารณาวัตถุ-แรงที่มากระทำและวาดแผนภาพแล้วเสร็จ พชรดูเหมือนยังพลิกตำรา Logic ไปมา สลับกับเลื่อนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดค้างไว้ในหน้าคณิตตรรกศาสตร์
ม่อนแจ่มนั่งเท้าคางมองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมือแกร่งวางปากกาเมื่อราวสิบห้านาทีผ่านไป
ห้าทุ่มแล้ว.. ม่อนแจ่มหาวหวอดๆ พชรหันมามอง เอ่ยบอกเบาๆ
“ไปนอนเถอะ เดี๋ยวกูปิดไฟให้”
หน้าเรียวพยัก หันมองเตียงบนที่ไอดิลนอนหลับ ลมหายใจสม่ำเสมอ จมสู่ภวังค์ไปแล้ว
“ไอ้ดิ้ลเก่งอ่ะ ไฟเปิดไฟปิด มันก็นอนหลับของมันได้”
พชรปิดหนังสือ เก็บงานใส่แฟ้ม เดินมาใกล้ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่มองไปทางเดียวกันด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“แล้วนี่.. จะไปห้องน้ำอะไรอีกหรือเปล่า?”
ห้องน้ำหรือ.. ไม่ต้องแล้ว ไม่ไปแล้ว ไม่ปวดอะไร ม่อนแจ่มส่ายหน้า พชรจึงพยักหน้าบ้าง ก่อนเดินไปกดสวิชต์ไฟปิด

ห้องสามสามแปดตกอยู่ในความมืด สายตาคนทั้งสองที่ตื่นอยู่ต้องใช้เวลานิดหนึ่งกว่าจะปรับโฟกัสได้
ร่างกำยำเดินเข้ามาใกล้ร่างเล็ก ใบหน้าคมโน้มลง พรมจูบหน้าผากแผ่วเบา
อยากโอบกอดไว้ อยากหลับไปพร้อมกัน อยากให้ม่อนแจ่มอยู่อ้อมแขนเขาตลอดคืน แต่ว่า.. พชรก็ไม่อยากเอาแต่ใจตัวเองเกินไป ถึงจะเคยทำอย่างนั้นแล้ว แต่ว่ากันตามความเป็นจริง หอพักนักศึกษาก็ไม่ใช่สถานที่ที่สมควรเลย

“พชร..”
ม่อนแจ่มพึมพำเรียก ..พอเข้าใจความคิดที่คนตรงหน้าไม่ได้สื่อสารออกมา
ฝ่ามือเล็กสองข้างบีบกระชับฝ่ามือขวาพชรหนักๆสองครั้ง “ฝันดีนะ”
..
“อืม” เสียงเข้มครางรับ อมยิ้มในความสลัว
“..เหมือนกันครับ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 28-12-2016 23:38:20
            แสงแดดอ่อนบางส่องลอดหน้าต่างเข้ามา..
ตามปกติ ม่อนแจ่มยังไม่น่าจะตื่น ทว่า วันนี้ ร่างเล็กรู้สึกตัวเร็วกว่าปกติ
ดวงตาสีน้ำตาลลืมขึ้น ..เขานอนตะแคงขวา ทำให้หันหน้าไปทางเตียงเดี่ยว นั่นจึงเป็นสิ่งแรกที่มองเห็นในยามเช้า

หืม..
มันมักว่างเปล่าทุกเช้าที่เขามองไป แต่นี่ไม่ใช่.. แม้ภาพตรงหน้าจะค่อนข้างพร่าเลือน แต่ม่อนแจ่มคิดว่าเห็นพชร ..กำลังมองมาทางเขา
มือเรียวควานไปบนโต๊ะ คว้าได้แว่นแดงอย่างที่ควรจะเป็น

“พชร!” ม่อนแจ่มเรียก เด้งตัวขึ้นมาทั้งยังงัวเงีย ..พชรนั่งอยู่ตรงนั้น มองเขาอยู่จริงๆ
“วันนี้ยังไม่ไปเรียนเหรอ?”
ร่างเล็กลุกขึ้นจากเตียง โซเซเล็กน้อยด้วยเพิ่งตื่น

“ระวัง” พชรเตือน แต่ม่อนแจ่มโต๋เต๋มาถึงตัวเขาแล้ว
สองมือแข็งแรงจับบ่าเล็กไว้ ประคองให้นั่งลงข้างกันบนเตียงเดี่ยว

“กี่โมงแล้วเหรอ..” ม่อนแจ่มถามงงๆ ไม่เคยเจอพชรยามเช้ามาก่อนเลย
พชรขมวดคิ้วนิดหนึ่ง เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะ กดเปิดหน้าจอให้สว่างขึ้น
“หกโมงยี่สิบห้า”

ห๊ะ?
ม่อนแจ่มสอดข้อนิ้วชี้เข้าไปใต้แว่น ขยี้ตาเบาๆ มองพชรให้ชัดๆอีกครั้ง
“หกโมงครึ่งนี่มึงอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ”

ยังไงล่ะ.. ก็..
ปกติ ไม่เคยเกินตีห้า พชรก็ตื่นแล้ว.. นี่เขาวิ่งออกกำลังกายรอบหอมาห้ารอบแล้วด้วยนะ

“เรียนกี่โมงเหรอเนี่ย” ม่อนแจ่มมองสำรวจร่างกำยำในชุดนักศึกษาผูกเนคไทม่วง
“แปดโมง”

โอ้..
ม่อนแจ่มผิวปากหวือ
“แล้วปกติ กว่าจะถึงเวลาเรียน ทำอะไรเหรอ” ..ถ้าพชรจะตื่นเช้าขนาดนี้

อืม.. พชรหยุดนึก
“ก็ออกกำลังกาย เดินดูต้นไม้ อ่านหนังสือ อะไรทำนองนั้น..”

ม่อนแจ่มพ่นลมหายใจ เรียวปากอิ่มยกยิ้ม
“แท่ม แทม แท้ม..”
เสียงเล็กอินโทรอะไรสักอย่างที่ทำให้พชรขมวดคิ้วงงๆ จนเมื่อม่อนแจ่มเอ่ยต่อนั่นแหละ เขาถึงเข้าใจ
..
“รางวัลนักศึกษาดีเด่นของมหาวิทยาลัยเชิงดอยประจำปีการศึกษานี่ได้แก่.. นายพชร เพชรหละปูน คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาปรัชญาและศาสนา!”
ว่าแล้วร่างเล็กก็ยืนขึ้น โค้งคำนับ แถมด้วยการปรบมือเพื่อเป็นเกียรติ
พชรมองอย่างเหลือเชื่อ ก่อนจะหลุดหัวเราะ อดไม่ไหวที่จะลุกขึ้นมา ยกมือแกร่งยีศีรษะเล็กปรกเรือนผมนุ่มอย่างมันเขี้ยวในความขี้เล่น
..
..
กิริยานั้นทำให้ทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำชะงักไปพร้อมกัน
ปากม่อนแจ่มอ้าค้างไว้ สัมผัสจากฝ่ามือที่ประทับลงน้ำหนักบนศีรษะเขานี่มัน..

พชรหยุดหัวเราะ มองตาคนเตี้ยกว่า
ศีรษะเป็นของสูง แล้วเขาถือสิทธิ์อะไรทำแบบนี้ เขาไม่ควร..
“กูขอโทษ” เสียงเข้มเอ่ย มือใหญ่ตั้งท่าจะละออก ทว่า มือบางยกขึ้นทาบเอาไว้อย่างไม่ยอม คงปล่อยให้มือพชรทาบศีรษะเขาไว้แบบนั้น ..เสียงเล็กเอ่ยเบาๆ มองตาให้รู้ว่าหมายความตามที่พูด
“กับมึง ..กูไม่ถือ”

พชรกลืนน้ำลายลงคออย่างค่อนข้างยากลำบาก ดวงตาสีเข้มเสมองไปทางอื่น
“อย่าทำแบบนี้ให้บ่อยนัก”
“ทำแบบไหน” ม่อนแจ่มงุนงง

ก็..
แบบนี้.. แบบที่ม่อนแจ่มกำลังเป็นอยู่นี่แหละ พชรก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าแบบไหน

ม่อนแจ่มกัดปาก ค่อยๆละฝ่ามือออกจากมือใหญ่ที่ทาบไว้ก่อนหน้า มือของพชรจึงละออกจากศีรษะเขาด้วย
“ถ้ามีอะไรที่มึงไม่ชอบเกี่ยวกับกู ก็บอกนะ กูจะปรับเปลี่ยนตัวเอง บอกมาได้หมดเลย ..จริงๆ”

พชรหันกลับมามอง พิศดวงตาสีน้ำตาลที่บ่งความจริงใจจากคนพูด
ในเมื่อม่อนแจ่มพูดจริงๆ ..เขาก็จะพูดจริงๆเหมือนกัน

“ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “โอ๊ย วีคนี้สีชมพู..”
ไอดิลกลอกตาไปมา ทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างไม่จริงจังนักเมื่อเปิดประตูห้องสามสามแปดมาเจอรูมเมททั้งสองนั่งประจำการที่เตียงของตัวเอง แต่สิ่งที่ต่างฝ่ายต่างทำก็คือ ..นั่งมองหน้ากัน..
พชรนั่งบนเตียงเดี่ยว มองหน้าม่อนแจ่มที่นั่งอยู่เตียงล่าง
ม่อนแจ่มก็นั่งบนเตียงล่าง เพียงเพื่อจะมองพชรที่นั่งบนเตียงเดี่ยว

“ต่างคนต่างพูดไม่ออก ได้แต่มองตาเท่าน้าน น น"
ไอดิลยักไหล่ ส่ายเอว ร้องเพลงพลางวางกระเป๋าถอดเนคไทไปพลาง รวมทั้งถอดเข็มขัดและปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกงมิวายยังบ่นพึมพำ
“ดีเนอะ ..มองตาก็รู้ใจ”

ม่อนแจ่มยิ้มขำ มองแผ่นหลังไอดิลที่คล้อยผ่านประตูออกไป
รู้อยู่หรอกว่าไอดิลไม่ค่อยอยู่ในห้องเพราะอยากให้เขาและพชรมีเวลาร่วมกัน
ม่อนแจ่มรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่มีเพื่อนแบบนี้ ถึงแม้ไอดิลจะช่างเเซวแค่ไหน แต่สำหรับม่อนแจ่มแล้ว มันตลกดี ไม่ได้น่ารำคาญสักนิด

อาทิตย์นี้คงเป็นสีชมพูจริงอย่างที่ไอดิลว่า..
พชรออกจากหอช้า แต่กลับหอเร็วเหมือนอาทิตย์ที่แล้ว แตกต่างกันตรงที่ อาทิตย์นี้ ม่อนแจ่มก็อยู่ที่นี่ด้วย
เวลาที่พชรอยู่หอก็เลยเป็นเวลาที่พชรอยู่กับม่อนแจ่มเหมือนกัน..
อยู่ในห้องเดียวกัน พูดกันบ้าง ไม่พูดกันบ้าง
นั่งมองหน้ากันแบบนี้บ้าง ต่างคนต่างอ่านหนังสือ ต่างทำงานบ้าง
กินข้าวด้วยกันใต้หอบ้าง หน้ามอบ้าง หลังมอบ้าง ..เป็นอยู่แบบนั้น
เป็นชีวิตธรรมดา.. เป็นวิถีปกติ.. ที่ม่อนแจ่มอยากจะเรียกว่าสิ่งมหัศจรรย์

ร่างเล็กค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงล่าง ..ตระหนักว่ามีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังคงคั่งค้างอยู่ในใจ และน่าจะถึงเวลาควรต้องพูดไป
ม่อนแจ่มเดินมาหยุดหน้าเตียงเดี่ยว ขออนุญาตเบาๆ
“พชร ..นั่งด้วย”

หน้าคมพยักรับ ..ที่ไม่ไปนั่งด้วยตั้งแต่แรกไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่ใกล้ แต่เกรงจะใกล้เกินจนอดถึงเนื้อถึงตัวม่อนแจ่มไม่ได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ดวงตาใสที่พชรจับอารมณ์ได้ดูเหมือนมีบางอย่างที่นอกเหนือจากเขาอยู่ในนั้น
“มีอะไร?”
“กู เอ่อ.. ถามอะไรหน่อยสิ” ม่อนแจ่มค่อยๆเอ่ย
“กลับบ้านไปคราวก่อน ตกลง.. มึงเจอคุณพ่อกูหรือเปล่า”

จริงสิ..
พชรลืมพูดถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท

“เจอ” เสียงเข้มตอบตรงๆ
“แล้วตกลง..”
รู้ว่าม่อนแจ่มจะถามอะไร พชรจึงพยักหน้าเสียก่อน
"ก็.. ถ้ามึงพร้อม เดี๋ยวกูพาไป”

ห๊ะ!?
ม่อนแจ่มประมวลผล จับข้อมือใหญ่ข้างขวาของพชรไว้ด้วยฝ่ามือของเขาทั้งสองข้าง
“ตกลง คุณพ่ออนุญาตให้กูไปหาได้หรือ?”
พชรพยักหน้ารับอีกครั้ง และม่อนแจ่มก็กลืนน้ำลาย ..ใจหนึ่งก็ดีใจ แต่อีกใจก็ประหม่า มันอดที่จะ..

“กังวลหรือ?” เสียงเข้มถามเมื่อเห็นสีหน้า
อ่า.. ม่อนแจ่มกัดปากอย่างยุ่งยากใจ
ยังไงล่ะ.. เขากำลังจะไปเยือนสถานที่ที่ไม่เคยไป ..กำลังจะมีโอกาสพบหน้าบิดาที่ไม่เคยเจอกัน
ม่อนแจ่มก้ม ..สำรวจตัวเอง ก่อนเงยขึ้น มองผ่านประตูระเบียงออกไปเห็นแสงสีส้มสุดท้ายทอดจับที่อยู่ที่ปลายใบสัก
อะไรหลายๆอย่างอยู่ในความทรงจำ.. ในความรู้สึก.. อะไรที่แม้คนพูดมาก พูดตรงยังเก้อเขินเกินกว่าจะพูด

          “บอกแล้วไง ..กูถนัดฟัง”
          ..
          “เพราะฉะนั้น.. อยากพูดอะไร ก็พูดมาเถอะ”

 
ไม่ต้องให้พชรพูดซ้ำ ม่อนแจ่มก็จำถ้อยคำนี้ได้ไม่ลืม
“หลายๆคนบอกว่า.. กูน่ารักเกินไป แบบว่า.. ไม่ใช่ในความหมายที่ดีนะ”
ม่อนแจ่มค่อยๆเอ่ยอย่างลังเล “เหมือนกับ.. กูมุ้งมิ้งเกินไป”

พชรไม่ตอบอะไร ..เพียงแต่รับฟัง

“ตอนเด็กๆ กูโดนล้อว่าเป็นตุ๊ดบ่อยๆด้วย แต่ว่า.. กูไม่เคยอยากเป็นผู้หญิง หรือชอบผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยนะ
กูแค่.. เป็นของกูแบบนี้”

พชรยังคงไม่ตอบอะไร..

”แล้วพอจะไปเจอคุณพ่อที่ไม่เคยรู้จักกัน กูก็กังวลหน่อยๆ ..ว่าจะต้องทำตัวยังไงให้ดูดี”
มันเป็นอาการกึ่งระบายความรู้สึก ..กึ่งขอคำแนะนำ และในที่สุด พชรก็มีความเห็น
“กูไม่คิดว่ามึงจำเป็นต้องพยายามเป็นใครที่ไม่ใช่ตัวเอง”

ม่อนแจ่มหันมามองตา ถอนหายใจนิดหนึ่ง
ที่พชรพูดมันก็ถูก แต่ว่า..
“กูนิสัยไม่ค่อยแมนเท่าไหร่ คือ.. กูก็ไม่รู้จะนิยามตัวเองว่ายังไงเหมือนกัน”

พชรเลิกคิ้ว
แล้วมันจำเป็นตรงไหนที่อีกฝ่ายจะต้องมาหาคำบรรยายตัวเอง มากังวลว่าตัวเองจะเป็นยังไง ในเมื่อ..
“กูรักมึงอย่างที่มึงเป็น”

ม่อนแจ่มชะงัก อ้าปากค้าง ..ลมหายใจหยุดไปหลายจังหวะ
“พ..พชร”

อะไร?
พชรงุนงงที่อีกฝ่ายจ้องเขาตาค้าง แถมยังชี้ไม้ชี้มือ เอ่ยละล่ำละลัก
“ม..มึง เพิ่งจะพูด..”
“พูดอะไร” พชรไม่ทันสังเกต
“พูดว่ามึงรักกู” ..อย่างที่กูเป็น

เป็นพชรบ้างที่อ้าปากค้าง..
ปกติเขาไม่ใช่คนที่พูดก่อนคิด ..ไม่เคยไม่รู้ หรือไม่ตระหนักในวาจาของตัวเอง
ทว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ เขาพูดก่อนจะทันคิด ..การพูดที่ออกมาจากจิตใต้สำนึกโดยไม่ทันยั้งปาก..

“พชร”
..
“พชร!”
“อะไร” พชรตีหน้าขรึม เสมองไปทางอื่นอย่างที่ทำประจำ
“มึงพูด มึงพูดอะ!” ม่อนแจ่มขยับเข้าใกล้จนเกือบชิดอย่างตื่นเต้นสุดขีด 
“อืม..” พชรพยายามตัดบท ผลักศีรษะเล็กออกทีเล่นทีจริง ไม่อยากให้เสียงแจ๋วนั้นย้ำคำพูดเขา
“มึงพูดว่า..”
“อืม” พชรส่งเสียงในคอขัดดังๆ ม่อนแจ่มจะเอ่ยซ้ำๆไปทำไมนะ ในเมื่อมันก็ตามนั้น..
“..ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ”
..
..
“อื้ออ!”
ม่อนแจ่มครางดีใจในลำคอ มือเรียวเล็กสองข้างจับมือใหญ่บีบไว้แน่นอีกครั้งอย่างอยากจดจำคำนี้ไว้ให้นานแสนนาน
ใบหน้าคมขึ้นสีจัด ..คือมันควรจะซึ้ง แต่เขาขัดเขินจนต้องหันมองไปทางอื่น ทั้งที่คนที่ควรจะเขินยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง ซ้ำมิวายยังจะตอบกลับ
“เหมือนกันนะ”

รู้แล้ว..
พชรพยักหน้ารับหนักแน่นว่าเข้าใจ แต่ม่อนแจ่มก็ยังกลัวพชรจะเข้าใจไม่ชัดเจน
“หมายถึงว่า.. ม่อนรักพชรเหมือนกัน”

ม่อน..  รัก..  พชร..  เหมือนกัน..

คนฟังชะงัก ..รู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นไปเสียให้ได้
เพิ่งตระหนักว่าตนเองก็ยังไม่เคยได้ยินคำว่า ‘รัก’ จากปากของอีกฝ่ายมาก่อนเลย
ถ้อยคำนั้นทวนซ้ำอยู่ในหัวจนพชรต้องตั้งสติ ขบริมฝีปากที่ร่ำๆจะเผยอยิ้มเข้าหากัน
คือ.. ม่อนแจ่มไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ เพราะเขารู้แล้ว เข้าใจแล้ว ..เข้าใจตั้งนานแล้ว

ม่อนแจ่มเองก็ต้องกลั้นยิ้ม เอียงคอมองตามใบหน้าคมที่หันหนี
เขาชอบมองพชรอยู่แล้วและจะตั้งใจมองเป็นพิเศษเวลาที่พชรพยายามหลบหน้า
แล้วก็อดไม่ได้ด้วยที่จะ.. ‘แกล้ง’
“เขินตามสบายนะ ไม่ต้องอาย”

ให้ตายเถอะ..
พชรหันกลับมา ทำตาดุใส่ทั้งที่ยังคงหน้าแดง ทำเอาม่อนแจ่มหลุดหัวเราะคิกคักออกมาจนได้
สองแขนแข็งแรงจึงรวบเอวบางเข้าหาทั้งตัว จนร่างเล็กนั่งแหมะอยู่บนตัก

“อันนี้คือวิธีแก้เขินใช่ไหม?”
ม่อนแจ่มยังไม่สะท้าน สองมือเกาะบ่าแกร่งเอาไว้
“คงใช่..” พชรตอบทีเล่นทีจริง ประสานสายตากับอีกฝ่าย “เป็นคนกล้าพูดจังนะ..”
“อื้มม” ม่อนแจ่มครางรับยิ้มๆ
พชรยิ้มบ้าง แต่เป็นยิ้มแบบดุๆ ดวงตาคมเปล่งประกายขึ้นในแบบที่เห็นไม่บ่อยนัก ..ไม่ใช่สิ ไม่เคยเห็นเลย
“แล้ว.. กล้าทำด้วยไหม?”

ก็..
“จะให้ทำอะไรล่ะ”

พชรไม่ตอบ ..แต่ม่อนแจ่มก็พอที่จะอนุมานสถานการณ์ได้
เขาอยู่บนตักพชร สองแขนเกาะไหล่ไว้ ตำแหน่งนี้ทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายสูงกว่าและต้องก้มหน้าลงมอง
ลมหายใจพชรถี่ขึ้น ..ม่อนแจ่มเองก็เหมือนกัน

ฟันเล็กกัดริมฝีปากตัวเองไว้ กลืนน้ำลายลงคอ ..จะกล้าแค่ไหน ม่อนแจ่มก็ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มมาก่อนเลย
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นแดงวูบไหว แขนเล็กที่เกาะไหล่ค่อยๆเลื่อนโอบลำคอคนตรงหน้าอย่างสั่นน้อยๆ ลำตัวขยับเข้าใกล้ ใบหน้าโน้มลง จนจมูกรั้นเคลียชิดจมูกโด่ง
เสียงหัวใจเต้นรัว.. แล้วริมฝีปากของม่อนแจ่มเองก็ประทับลงบนริมฝีปากหนาที่เคยสัมผัส..

แล้วก็ทำได้แค่นั้น ..ได้แค่ประทับค้างอยู่อย่างนั้นเอง

พชรหัวเราะในลำคอ ..มือแกร่งข้างหนึ่งแตะเอวคอด อีกข้างยกขึ้นทาบแผ่นหลังเล็ก ก่อนโอบกระชับร่างกายให้แนบชิดกันมากขึ้นเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ..ถ้อยคำที่เพิ่งได้ฟังยังคงก้องสะท้อนอยู่ภายในใจ

          “..ม่อนรักพชรเหมือนกัน”

กระนั้น ม่อนแจ่มก็ยังคงพึมพำผ่านริมฝีปากที่มีระยะห่างกันกับของเขาเพียงเล็กน้อยอย่างไม่จำเป็นเลย

“..รักอย่างที่พชรเป็นแหละนะ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

แลดูมุ้งมิ้งทั้งตอน สาระไม่มีเลย ณ บทนี้ ฮ่ะๆ
ใครรอม่อนเจอกับพ่อแสง ขอตอนหน้านะครับ ขอโทษด้วยที่รอบนี้มาช้าอีกแล้ว
ขอบคุณทุกการติดตาม-ถามถึง มีความหมายมากๆครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-12-2016 23:54:16
เห็นด้วยค่ะ เป็นบทบอกรักที่ฟรุ้งฟริ้งมาก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-12-2016 23:59:22
“กูรักมึงอย่างที่มึงเป็น”
"....ม่อนรักพชรเหมือนกัน”
“......รักอย่างที่พชรเป็นแหละนะ”
พชร ม่อน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
โอ๊ย.....ฟินนนนน  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-12-2016 00:04:08
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 29-12-2016 00:17:42
เขิลแรงงง  :o8:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-12-2016 00:29:20
เดี๋ยวนะ!!!! มีใครลืมไอดิลไปหรือยัง ยังอยู่ในห้องเป็นพยานการบอกรักของทั้งคู่หรือออกไปข้างนอกแล้ว ไม่ทันสังเกตุเพราะมัวแต่เขินอยู่  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 29-12-2016 00:58:55
ขอกรี๊ดล้านรอบ :hao7:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 29-12-2016 04:42:17
สิ่งนี้ดีต่อใจมากจริงๆ ><

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 29-12-2016 05:46:51
โอ้ยยย หวานน้ำตาลขึ้นห้องหมดแล้ววว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 29-12-2016 07:04:54
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

มันเขิลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-12-2016 07:10:30
โอ๊ยยยยยยย มันเป็นอะไรที่เขินมากกกกกกอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 29-12-2016 08:13:05
น่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 29-12-2016 08:21:03
ชอบความละมุนของพชร ห้องคงเป็นสีชมพู
งื้อ~ :o8:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 29-12-2016 08:42:16
น่าร๊ากกกกกกก  พชรเขินน่ารักสุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 29-12-2016 11:52:00
อ่านแล้วมีความสุขกับทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 29-12-2016 12:02:52
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 29-12-2016 12:18:33
ขอบคุณคนเขียนนนะคะ
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกซาบซึ้งในความรักของพชรกับม่อน 
เป็นคู่ที่ลงตัวดีค่ะ คนนึงช่างพูด  อีกคนชอบฟัง 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 29-12-2016 12:21:11
อ่านแล้วมีความสุขที่สุดดดดดดดดด
บางครั้งชีวิตเราก็ไม่ต้องมีสาระ มันต้องมุ้งมิ้งบางเพื่อสีสันและความน่ารัก
 love you ม่อนแจ่ม - พชร
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 29-12-2016 13:01:29
โอยยย ตั้ลล้ากกกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 29-12-2016 14:03:10
บอกรักกันละ หวานนนม๊ากกก :impress2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 29-12-2016 14:30:42
น่าร้ากกกกก
ฟุ้งฟริ้งที่สุด อยากเห็นคุณพชรหึงหนูม่อนว่าจะยังนิ่งๆอยู่มั้ย
หรือรังสีอาฆาตแผ่เต็ม 55555

ขอบคุณคนเขียนและสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่า อิอิ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 29-12-2016 14:52:03
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-12-2016 15:20:31
เป็นอาการเดียวกับไอดิ้ล คือสองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไร เราเหมือนเป็นตัวแถม เขินแรงส์
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 29-12-2016 16:13:50
เขินบิดตัวจิกหมอนขาดไปแล้วค่า55555555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-12-2016 18:45:59
ได้อ่านเขาสวีทกันแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว
ไม่ต้องอ่านไประแวงไปว่าจะซดมาม่าหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 29-12-2016 21:48:11
รักคู่นี้ที่สุด!! พชรม่อนแจ่ม!!!
อ่านแล้วโครตเขินเลย!!!
ใจเต้นรัวมากอะ หวีดแรงมาก /////___//////
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 29-12-2016 21:57:04
หวานจนมดกัดคันยิบๆไปหมดแล้วค่า 55555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 30-12-2016 06:17:01
Don't go changing, to try and please me.You never let me down before.
Don't imagine you're too familiar.And I don't see you anymore.
I wouldn't leave you in times of trouble.We never could have come this far.
I took the good times, I'll take the bad times.I'll take you" just the way you are".
.............I said I love you and that's forever.And this I promise from the heart.
I could not love you any better.I love you "just the way you are".  JUST THE WAY YOU ARE ( BILLY JOEL )
ขออภัยเพลงโปรดบ่งบอกอายุไปหน่อย 5555+
รักเพลงนี้ รักเรื่องนี้ รักตอนนี้(และทุกๆตอน) รักตัวละครทุกตัว และรักคนแต่งเรื่องนี้ที่สุด
ขอบคุณมากๆค่ะกับความรู้สึกดีๆที่ได้รับจากทุกตัวอักษรของคุณ :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 30-12-2016 08:46:45
โอ๊ยยยยยยยยย เขินนนนนนนนน
ตอนนี้จะน่ารักไปไหน ชอบๆๆๆๆๆ อ่านไปยิ้มไปแก้มจะแตกละ  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 30-12-2016 20:32:33
จิกหมอไปอ่านไปค่ะ  :mew3: :mew3:
คู่นี้น่ารักจริงๆ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 30-12-2016 21:03:30
โอ๊ยยยย เขินนนน งืออออ ทำไมน่ารักมุ้งมิ้งขนาดนี้ ชอบที่พชรเป็นแบบนี้อะ นิ่งๆแต่รุกแรงมากเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 30-12-2016 21:24:20
หู้ยยยยยยยย :katai4:
หวานกันจริงจัง
หวานจนเหมือนไม่เคยเกิดดราม่ามาก่อน
อะไรนะ.. ตอนนั้นใครเรียกไอ้แว่นแดง เครื่องกล เตียงล่าง
ใครมัวแต่จะถอยห่าง
ใครคนนั้นคือคนใคร
ลำไย (แซว)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Special_ice ที่ 30-12-2016 21:37:12
 :o8:โอ้ยยยย น่ารักกกกกกก งื้อออ เขิน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 31-12-2016 00:22:40
น่ารักมาก มิ๊งมาก ฟินลื้มมมม น้องม่อนแบบโคตรของโคตรน่ารักอีกที พชรนี่แบบคงมันเขี้ยวตลอดอ่ะ
แล้วพชรทำไมหล่องี้อ่ะ แค่คำบรรยายก็แบบผู้ชายคนนี้หล่อจริงๆ กรี๊ดดดดดๆๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 01-01-2017 12:24:26
33ตอนรวดรักน้องม่อนมากพี่พชรเช่นกัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 01-01-2017 19:35:40
มีความออร่าสีม่วงๆอยู่รอบตัวม่อนแจ่มกับพชร
 :pig4: :pig4:
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 03-01-2017 00:24:42
เป็นบทที่มุ้งมิ้งที่สุดแล้วมั้งนี่ อ่านไปก็เขิลแทน 555+

ปล.สังเกตชื่อตอนแต่ละตอน เป็นชื่อเพลงใช่ไหม
ชอบๆ รู้สึกเจ๋งดี ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 04-01-2017 03:39:13
อ่านทันแล้วววในที่สุดดด
น่ารักมากกกพชรกับม่อนแจ่ม
หวานเหลือเกินนน
รอค่าา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-01-2017 09:05:19
โอย.....


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 04-01-2017 16:20:08
ชอบคู่นี้ ดีต่อใจ อิอิ

สวัสดีปีใหม่นะฮะ ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง สุขกาย และสุขใจ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 06-01-2017 08:39:13
โอ๊ยยยยยยยยยยย อิป้าฟินลูกเอ้ยยย  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 06-01-2017 18:34:49
เขินนนน เขาบอกรักกัน แบบสั้นๆแต่ลึกซึ้ง งื้ออออออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 06-01-2017 19:21:42
ระทวยไปกับคำบอกรักของทั้งคู่อ่ะ น่าร๊ากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 28/12/59 -CH.33 Just the Way You Are- P.31
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 06-01-2017 20:10:12
ตอนใหม่ยังไม่มาเลยอ่านรอบ 2 จบไปอีกรอบหนึ่งแล้ว
แต่เค้าก็ยังรออยู่ดี  :mew6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-01-2017 21:37:27
รอ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 06-01-2017 21:47:31
CHAPTER 34: Ein Schönes Wochenende (Part I)

           “อ้าวม่อน มาแล้วเหรอ รีบอะไรขนาดนั้น?”
..
คนถูกทักพยักหน้าหงึกหงักขณะหอบแฮ่กๆ พลางยกข้อมือขวาขึ้นส่องนาฬิกาซึ่งบอกเวลา 14.30 พอดีเป๊ะ
“ม่อนเพิ่งเลิกเรียนครับ” ม่อนแจ่มอธิบาย “พี่คุดมีเรียนต่อไหม ไปทันปะครับ?”
“โอ๊ย ไม่เป็นไร” สาวปีสองนาม ‘มังคุด’ ยิ้มรับ
“พี่ไม่ได้มีเรียนต่อ เดี๋ยวอยู่รอสี่โมงช่วยเก็บเลย”

โอ้..
ม่อนแจ่มยิ้มกว้างให้รุ่นพี่ชมรม
สาว Mass Comm. นี่ใจดีเนอะ

นิทรรศการสัญจร ชมรมอาร์ทติสท์
‘Inspiring Portrait’
ร่วมค้นหาแรงบันดาลใจของเพื่อนๆ จากแรงบันดาลใจของภาพเหล่านี้

วันนี้คือวันศุกร์ที่ชมรมอาร์ทติสท์จัดนิทรรศการ Inspiring Portrait เป็นวันสุดท้ายและช่วงเวลาสุดท้ายด้วย ซึ่งก็เป็นเวรเฝ้าของม่อนแจ่มเองตามที่พีระศิลป์เพื่อนร่วมคณะผู้มีเมตตาจิตจัดการให้เขา

“โบรชัวร์อยู่นี่นะม่อน” มังคุดชี้ให้รุ่นน้องเห็น  พลางบ่นงึมงำ
“ไม่รู้ทำไมเราไม่แปะ แรงบันดาลใจ ใต้ภาพไปเลยเนอะ คนเข้ามาดูจะได้อ่านได้เลย ไม่ต้องพูด ไม่ต้องแจกโบรชัวร์ให้ยุ่งยาก จัดคราวหน้า พี่จะเสนอให้ทำแบบนี้ดีกว่า”
“อย่าเลยครับ” ม่อนแจ่มไม่เห็นด้วย
“ที่ไอ้พีมันเสนอให้ทำเป็นโบรชัวร์ เพราะว่าเราอยากให้ผู้ชมดูภาพ ไม่ได้อยากให้ดูคำบรรยายนี่นา”
..
“แรงบันดาลใจเป็นของคนวาด ส่วนจินตนาการเป็นของผู้ชม เราไม่ควรขัดขวางความคิดจินตนาการเหล่านั้นด้วยการแปะคำอธิบายเอาไว้ ผู้ชมควรมีอิสระที่จะค้นหาเอาเองจากภาพที่เขากำลังเสพนะครับ ..จินตนาการใคร ..จินตนาการมัน”
..
“ถ้าสุดท้ายแล้ว.. ผู้ชมอยากพิสูจน์ว่าจินตนาการของเขาตรงกับคนวาดหรือไม่ หรืออยากรู้แรงบันดาลใจจริงๆของคนวาด เขาถึงจะขอโบรชัวร์ไปอ่านหรือไม่ก็ถามจากเราครับ”
ม่อนแจ่มอธิบาย ขณะไล่สายตาศึกษา Inspiration ของแต่ละภาพอีกครั้ง
อ่าน.. แรงบันดาลใจของคนอื่น
กระทั่ง ..อ่านทวนแรงบันดาลใจของตัวเอง

          “ม่อน มาตรงนี้ ทำงานๆ!”
เสียงมังคุดร้องเรียกรุ่นน้อง ม่อนแจ่มจึงเงยหน้าขึ้น วางโบรชัวร์ไว้ ..มีใครมาดูหรือ เขาไม่ทันได้ยินแฮะ
“เขาขอ Inspiration ของภาพนั้น” มังคุดชี้มือ
“คร้าบ” ม่อนแจ่มรับคำ เดินตรงไปหา “ภาพไหนพี่คุด?”
“ภาพนี้ม่อน”
..
ร่างเล็กมาหยุดยืนหน้าภาพวาดของตนเอง และ.. พบกับผู้เยี่ยมชม
“คนนี้แหละที่เขาขอ ร..แรงบันดาลใจ” มังคุดเอ่ยต่ออย่างตะกุกตะกักเมื่อมองภาพของรุ่นน้องชมรมและพิจดู ‘ผู้เยี่ยมชม’ ให้ชัดๆอีกครั้ง
ม่อนแจ่มเองก็มองด้วย
..
“ขอ Inspiration ของภาพนี้ได้ไหมครับ” ผู้เยี่ยมชมเอ่ย
ซึ่ง เอ่อ.. ไม่น่าจำเป็นแล้วมั้งคะ มังคุดแอบคิด ..หน้าเหมือนเสียขนาดนี้

ม่อนแจ่มไม่ตอบรับ.. ไม่ปฏิเสธ.. ได้แต่อ้าปากค้างไว้ จ้องคนตรงหน้าตาไม่กะพริบ
แม้แต่ชื่อที่คุ้นชินก็ยังไม่หลุดออกจากปาก..
ม่อนแจ่มไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงไหม คือ.. ก็ใช่ ที่พบกันทุกวัน แต่มันไม่เคยเป็นที่ตรงนี้
พวกเขาไม่เคยพบกันที่อาคารกิจกรรมนักศึกษามาก่อนเลย

มังคุดมองผู้มาเยือนร่างสูงกับเจ้าบ้านร่างเล็กที่ยืนจ้องตาอย่างมีนัยยะสำคัญสลับกันไปมา แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์กับบรรยากาศตรงหน้า จินตนาการสาววายทำงานไวกว่าความรู้ทันที
“ม่อน” มังคุดแตะไหล่รุ่นน้อง “บอกแรงบันดาลใจเขาไปซี๊!”

อะ..
ม่อนแจ่มขยับเข้าใกล้ผู้มาเยือนมากขึ้นหน่อย ขณะมังคุดถอยหลังไปเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆอย่างโคตรห่วง

“ม..มาได้ไง” เจ้าถิ่นถามตะกุกตะกัก
“พอดีเห็นแผ่นกระดาษ..” ร่างใหญ่ในชุดนักศึกษาอธิบาย
“ที่เขียนว่าม่อนฯ วันศุกร์ สิบสี่สามศูนย์ เลยถามไอดิลดู ไอดิลบอก ..เวรม่อนเฝ้านิทรรศการ”
..
“ว่างพอดี ..ก็เลยมา”

อะ..
ม่อนแจ่มทำหน้าไม่ถูก ..และเหลือบมองภาพวาดของตนเองอย่างทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่า
คือมันก็ไม่น่าจะเขิน แต่ม่อนแจ่มกลับเขิน รู้สึกเหมือนตัวเองแอบทำอะไรแล้วโดนพชรจับได้
ทว่า..

“เห็นมาก่อนหน้านี้แล้ว” เสียงเข้มบอกให้สบายใจ
“ห๊ะ เห็นตอนไหน?” ม่อนแจ่มฉงน
“อาทิตย์ที่แล้ว” พชรบอกเรียบๆ “วันเดียวกับที่..”
..
“ที่ม่อนกลับไปหอ แล้วเราเจอกันพอดีตอนเปิดประตูน่ะ”

อ่าม..
เหรอ..

ม่อนแจ่มพยักหน้าช้าๆ ..ยังจำวันนั้นได้ดี
พชรมาด้วยสีหน้าเฉยๆไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มแอบเห็นริมฝีปากหนายกนิดหนึ่งคล้ายจะเผยอยิ้ม

“ตกลงแรงบันดาลใจคืออะไร?” พชรถามซ้ำ
..
..
ม่อนแจ่มเอี้ยวมองภาพตัวเองอีกครั้ง ก่อนกลับมามองคนตรงหน้า ประสานสายตา
“พชร..”
เขาเรียก ก่อนเอ่ยถามจริงจังจากความ 'รู้จัก' อีกฝ่ายค่อนข้างดี
“แน่ใจหรือไง.. ว่าถ้าบอกไปแล้วจะไม่เขิน?”

เออว่ะ..
สีหน้าเรียบเฉยนั้นเป็นสีจัดขึ้นราวกับเพิ่งตระหนักว่าคำตอบจากคนที่เขาถามสามารถนำไปสู่อะไรได้บ้าง
“เอ้อ ..งั้นไม่ต้องบอกก็ได้”
พชรรู้ชะตากรรม ..เอาเป็นว่า เขามาให้กำลังใจม่อนแจ่มเฉยๆละกัน

“เอ๋า ซะงั้นน่ะ!” ม่อนแจ่มหัวเราะขำ “แต่กูอยากบอกแล้วนี่ ฟังหน่อยน่า”
พชรส่ายหน้า แต่ม่อนแจ่มยืนยัน ทำหน้าตาขอความเห็นใจ
“นะ..”

แล้วพชรก็แพ้สีหน้าแบบนี้จริงๆ ให้ตายเถอะ..
จากที่มาจากคณะมนุษยศาสตร์แบบมั่นใจ ..ตอนนี้พชรรู้สึกเหมือนอยากจะม้วนเสื่อกลับลำพูน
ม่อนแจ่มเป็นต่อเขาเสมอ..

“ม่อนบอกแบบอย่าให้เขินได้ไหม?” พชรพยายามประณีประนอม
ม่อนแจ่มกัดปาก หรี่ตา ท่าทางเหมือนยากที่จะทำ พชรจึงขออีกครั้ง
“..นะครับ”

อื้อ..
เหมือนคำว่า ‘นะครับ’ นั้นผลักศีรษะเล็กให้พยักรัวๆ ..ม่อนแจ่มแพ้น้ำเสียงแบบนี้
“ได้ พชร ได้!”

อะแฮ่มๆ..
กระแอม ..ม่อนแจ่มกระแอมก่อน ยืดตัวให้สูงขึ้นหน่อย แล้วค่อยๆเอ่ยด้วยน้ำเสียงแบบ 'แมนๆคุยกัน'
“เอาล่ะ เราจะเริ่มจากการแนะนำภาพให้นายฟังก่อนเลยนะ” มือเรียวกวาดแนบกรอบกระจก ลอบยักคิ้วจึ๊กๆ
“อย่างที่นายเห็น ..คนในภาพนี้มีลักษณะพิเศษหลายๆอย่าง”
..
“เห็นดวงตานี้ไหม?”
เด็กวิศวฯถาม แล้วเด็กมนุษยฯจึงพยักหน้า
“นายจะเห็นความว่างเปล่า เฉยชา ..บอกได้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนเมินจักรวาล ไม่สนใจว่าโลกจะหมุนรอบดวงอาทิตย์หรือดาวหมีใหญ่..”

ฮึก..
ผู้เยี่ยมชมกลั้นขำ พยักหน้ารับ

“แล้วเห็นริมฝีปากนี้ไหม?”
เด็กวิศวฯถามอีก เด็กมนุษยฯก็พยักหน้าว่าเห็น
“ริมฝีปากที่เม้มปิดสนิทนี้.. บอกให้รู้ว่าเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่จริงๆแล้วดุร้าย พร้อมจะเขมือบหัวรูมเมทที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้า..”

ผู้เยี่ยมชมเม้มปากแน่น ไม่อยากหลุดหัวเราะออกมาในความกวนของอีกฝ่าย

“แล้วพิจารณาโครงหน้าคมสันนี้ให้ดีๆ.. นายจะรู้ว่าเขาเป็นคนเคร่งขรึม จริงจังกับชีวิตแค่ไหน
สีหน้าของเขาเรียบเฉยแบบนี้เสมอแหละ ซึ่งทำให้บางครั้ง เราก็อยากเข้าไปตั๊นหน้านิ่งๆของแม่ง..”
..
“ติดที่หล่อเกิน ..เลยทำไม่ลง”

เกือบแล้ว..
พชรเกือบไม่เขินแล้ว

“ไม่เขินใช่มะ?” ม่อนแจ่มถามยิ้มๆ พชรจึงตอบตรงๆ “ไม่มีประโยคสุดท้ายจะดีมาก”

ฮ่ะๆ..
ทั้งสองคนหลุดหัวเราะพร้อมกัน แล้วม่อนแจ่มจึงยื่นโบรชัวร์ให้พชรอ่านแรงบันดาลใจเอาเอง ..ขืนเขาเป็นคนพูดไป พชรจะเขินมากกว่านี้ ยิ่งพี่มังคุดคอยส่องอย่างค่อนข้างเป็นห่วงเป็นใยอยู่ด้วย ม่อนแจ่มไม่อยากให้ใครเห็นโมเม้นท์แบบนี้ของพชร
“ขอได้รับความขอบคุณจากชมรมอาร์ทติสท์นะครับ” เสียงเล็กเสริมท้าย ก่อนละไปแนะนำภาพแก่ผู้มาใหม่อีกคน

พชรรับโบรชัวร์มา..
หน้าคมก้มพลิกดู ไล่อ่านผ่านๆ จนถึงภาพลำดับที่สิบสอง


ชื่อภาพ: ‘The Philosopher ‘
ศิลปิน: ‘Mon Cham of Mechanical Engineering’
แรงบันดาลใจ:
ผมอธิบายแรงบันดาลใจของภาพนี้ไม่ได้เลย
บอกได้แค่.. นี่เป็นภาพ Portrait ภาพแรกในชีวิตการวาดของผม
เป็นภาพคนเหมือนที่วาดโดยไม่มีคนที่ว่าเป็นต้นแบบอยู่ตรงหน้า
ทีแรก ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงวาดออกมาได้ ..รู้ตัวอีกที ผมก็วาดเสร็จแล้ว
ตลกดี.. ผมจำใบหน้าคนคนนี้ได้ทุกรายละเอียด
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนที่จดจำง่ายมาก ..ก็คงเป็นคนที่มีความหมายต่อผมมาก
ซึ่งเมื่อลองถามตัวเองดูแล้ว ..ผมแน่ใจว่าเป็นประการหลัง
                                                                        ‘Mon Cham of Mechanical Engineering’



พชรชะงักอยู่ที่ตัวอักษรเหล่านั้นหลายอึดใจ อ่านทวนซ้ำๆ
ยิ่งอ่านก็ยิ่งเหมือนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยถ้อยคำนี้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่ตัวอักษรที่พิมพ์ด้วยหมึกดำ
พชรเข้าใจแล้ว.. ที่ว่ามันไม่ใช่แค่ ‘คำ’ ทว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์

        "คำจะมีความหมายที่ประเมินค่าไม่ได้
        เมื่อมันทำหน้าที่สะท้อนความรู้สึกแท้จริงที่อยู่ในใจเราออกมา
        เมื่อมันได้สอดรับกับการกระทำทั้งหมดทั้งมวลที่เราทำลงไป.."


พชรมีความหมายต่อม่อนแจ่มมาก ..แล้วพชรก็รู้ว่าทำไม
เพราะ.. ม่อนแจ่มรักพชร ..รักมาตั้งแต่ตอนนั้น ..อาจจะก่อนหน้านั้นก็ได้
ทำไมถึงรัก? พชรไม่รู้สิ ..ไม่แน่ใจด้วยว่าแม้ตัวม่อนแจ่มเองจะตอบได้
คงจะจริงที่ว่า.. ‘People fall in love in mysterious way.’

ดวงหน้าคมเงยขึ้น
ร่างเล็กเนคไทม่วงยืนห่างไปไม่ไกล เบื้องหน้าภาพที่คล้ายจะเป็นภาพเหมือนของโอลิเวอร์ คาห์น อดีตโกลด์สตาร์ของทีมฟุตบอลเยอรมัน
เรียวปากอิ่มพูดกับอีกคน แต่ดวงตาเป็นประกายใสแจ๋วนั้นสบกับของเขา ราวกับเจ้าตัวรอจังหวะที่เขาจะเงยหน้าอยู่แล้ว

พชรมอง..
ม่อนแจ่มเป็นคนซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง และไม่กลัวที่จะเปิดเผยด้วย ..เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น
พชรปล่อยให้ริมฝีปากตัวเองเผยอยิ้ม ..และม่อนแจ่มก็ยิ้มกว้างๆตอบกลับมาอย่างที่คาดได้

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            “ก็ยังแอบคิดอยู่เลย ว่าม่อนวาดเก่งมาก วาดคนหน้าเฉยๆ ให้อย่างกับมีชีวิตจริงๆแน่ะ แหะๆ”

ชะอุ่ย..
มังคุดจำต้องหลบสายตาเมื่อบุคคลผู้ถูกกล่าวขวัญถึงหันหน้ามาทำท่าจะกินหัวเธอ ขัดกับภาพหนูน้อยยิ้มเริงร่าที่เจ้าตัวกำลังอธิบายได้อย่างน่าอัศจรรย์
“เป็นเพื่อนม่อนเหรอคะ? เรียนอะไร ..เหมือนเคยเห็นหน้าเลยอะ”

ชะอุ่ย..
มังคุดหลบสายตาอีกรอบ เมื่อรุ่นน้องชมรมแยกเขี้ยวใส่เธออย่างหวงๆ
“ไม่คุยด้วยแล้วดีกว่าเนอะ..” สาวน้อยพึมพำ ละจากพชรมาเก็บข้าวเก็บของไปพลางๆ

        ใกล้เวลาสี่โมง..
สมาชิกชมรมอาร์ทติสที่ว่างเริ่มทยอยมานั่งพูดคุยและช่วยกันเก็บภาพวาดแต่ละภาพอย่างทะนุถนอมและระมัดระวัง

“ไอ้ม่อน!”
เพื่อนร่างสูงเข้ามาตบไหล่ คนถูกเรียกเลิกคิ้ว นึกว่าเพื่อนสิ่งแวดล้อมจะไม่โผล่หัวมาเสียแล้ว
“ไอดิลมันฝากกูมาบอกว่าพชรที่รักของมึงอาจจะมาหานะวันนี้ แล้วเป็นไง? มาหรือยัง ถ้ายัง ก็โทรไปหาซิว่ามา อ.มช. ถูกหรือเปล่า”

ไอ้พี..
ม่อนแจ่มอ้าปากค้างไว้ ไม่รู้ควรโบกพีระศิลป์เลยดี หรือรอโบกไอดิลดี
ทว่า พีระศิลป์เดินผิวปากอารมณ์ดีไปช่วยเก็บภาพแล้ว หนุ่มสิ่งแวดล้อมสังเกตเห็นเด็กหนุ่มร่างกำยำอีกคนนั่งอยู่ที่ม้านั่งใกล้ๆกัน เขายิ้มให้ เข้าใจว่าคงมาชมนิทรรศการ เพราะไม่คุ้นหน้าว่าเป็นสมาชิกชมรม
พีระศิลป์เก็บภาพทีละภาพ ทีละภาพ จนกระทั่ง..

หือ?

คิ้วเขาขมวด เมื่อถึงภาพที่ระบุชื่อศิลปิน ‘Mon Cham of Mechanical Engineering’
ก็ใช่.. ที่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนแล้วตั้งแต่ตอนเข้ากรอบและติดภาพ
ทว่า.. มันเป็นการเห็นที่ไม่มีต้นแบบให้เปรียบเทียบ
พีระศิลป์เอี้ยวหน้าหันไปทางซ้าย เพื่อพิจดูเด็กหนุ่มใบหน้าคมที่นั่งอ่านหนังสือปรัชญาสลับกับเงยมองไปยังเพื่อนร่วมคณะของเขาอีกครั้งหนึ่ง ขายาวถอยหลังกลับ

“ไอ้ม่อน..” พีระศิลป์ค่อยๆเอ่ย
“ช่วยบอกกูที คนในภาพที่มึงวาดน่ะ.. ใช่พชรที่รักหรือเปล่า?”
“มึงช่วยตัดคำว่าที่รักออกได้ไหม ขอบใจ”
ม่อนแจ่มถลึงตาใส่เพื่อนร่วมคณะ เขายังไม่เคยใช้คำว่า ‘ที่รัก’ เลย หน็อย.. พีระศิลป์ดันมาใช้ตัดหน้าเสียได้

“ก็แล้วใช่ไหมวะ..” พีระศิลป์ถามย้ำ
“เออ” ม่อนแจ่มตอบรับในลำคอ
“งั้น.. แสดงว่าพชรที่รักมาหามึงแล้วสินะ” พีระศิลป์ให้ความเห็นเชิงขอคำยืนยัน
“เออ!” ม่อนแจ่มส่งเสียงลอดไรฟัน “มึงฉลาดมาก”

วู้ว..
พีระศิลป์ผิวปาก “นี่สินะ พชร มนุษยฯปรัชญาที่เขาร่ำลือกัน สมคำไอ้เมษหนึ่งไอ้เมถสองจริงๆ”
หนุ่มสิ่งแวดล้อมหันมองเจ้าของชื่อ ‘พชร’ อีกครั้ง พยักหน้าอย่างเป็นมิตร แล้วค่อยๆทยอยขนภาพขึ้นไปไว้บนห้องชมรม

         “ช่วยไหม..”
พชรลุกขึ้นยืน มือแกร่งทั้งสองยื่นไปข้างหน้า เมื่อร่างเล็กตั้งท่าจะหอบภาพในกรอบกระจกขึ้นข้างบนบ้าง
“อื้อ” ม่อนแจ่มแบ่งภาพครึ่งหนึ่งให้พชรถือ ยิ้มยิงฟันใส่ “ขอบคุณ พชร”

          ที่สุด.. ร่างสูงปรัชญาก็ช่วยขนรูปขึ้นมาเก็บไว้ในห้องชมรมอาร์ทติสจนหมด
ไม่มีใครซักถาม ไม่มีใครคัดค้าน โดยเฉพาะมังคุดและพีระศิลป์นั้นดูท่าจะเต็มอกเต็มใจให้ช่วยอย่างยิ่ง

“เอ้อ.. พชร”
พีระศิลป์เรียกเจ้าของชื่อราวกับสนิทสนมกลมเกลียวกันมานาน พลางพยักพเยิดไปที่ภาพวาดบุรุษนักปรัชญาในกรอบไม้
“ภาพจะเอากลับเลยไหม?”
“ไอ้พี..” ม่อนแจ่มลากเสียงยาว เลิกคิ้ว “นั่นมันภาพกูไม่ใช่หรือ?”
“ยังถกเถียงกันอยู่ ระหว่างคนวาดกับคนถูกวาด” พีระศิลป์ยักไหล่และยื่นภาพให้พชร
“รับไปเถอะพชร แล้วพาคนวาดกลับๆหอไปสวีทกันต่อซะ อาทิตย์ก่อนมันร้องไห้น้ำตาจะท่วมคณะ กูเกือบสั่งอพยพภาคเครื่องกลแล้ว”
“ไอ้พี!” ม่อนแจ่มเหลืออด แทบจะคว้าฉากตั้งในห้องชมรมมาโบกเกรียนมัน
มึงช่วยอย่าส่งเสริมภาพลักษณ์กากเกรียนของคณะจะได้ไหมนี่ ให้ตายเถอะวะ!

พชรมองสองหนุ่มวิศวฯกวนประสาทกันยิ้มๆ
มือแกร่งยกขึ้นเป็นเชิงปฏิเสธพีระศิลป์ ก่อนที่มือเรียวของม่อนแจ่มจะดึงภาพวาดคืนมา แล้วย่ำโครมๆออกจากห้องชมรม
พชรขำนิดหนึ่ง รู้.. ว่าม่อนแจ่มไม่ได้หวงว่าจะไม่ให้ภาพกับเขา แต่ม่อนแจ่มไม่อยากให้คนอื่นเป็นคนยื่นให้เสียมากกว่า

“ม่อน อย่ารีบ เดี๋ยวสะดุด” เสียงเข้มส่งเตือนไล่หลัง ม่อนแจ่มชะงักเท้า ก้าวไปดึงแขนพชรมา
“เดี๋ยวไอ้พีตามมากวนตีนอีก”

อ่าฮะ.. พชรพยักหน้าเข้าใจ

“ไอ้พีเรียนสิ่งแวดล้อม อยู่หอสี่น่ะที่กูบอกวันนั้นไง มันสนิทกะไอ้ดิ้ล เราตั้งนิคเนมมันว่าคุณชายเกรียนแตก ..คือมึงดูภาพลักษณ์มัน ร่างสูง ชายในฝัน อะไรทำนองนั้นเลยใช่ไหม เดือนคณะเลยนะนั่น แต่ดู ..ดูเลเวลความเกรียนมัน”

ฮ่ะๆ..
พชรลอบขำ ไม่ได้ขำพีระศิลป์ แต่ขำท่าทางที่ม่อนแจ่มบ่นเพื่อนมากกว่า
หลังหงุงหงิงไปอีกหลายคำ ม่อนแจ่มถึงตระหนักว่าพชรเอาแต่ดูหน้าเขาและไม่น่าจะอินไปกับเรื่องอะไรก็ตามที่เขาเล่า
ม่อนแจ่มจึงหยุดพุด มองฟุตบาทที่ทอดทางนำไปสู่หอสามชาย
ไหนบอกสีประจำมหาวิทยาลัยคือสีม่วงไง ..ทำไมม่อนแจ่มเห็นเป็นสีชมพูวะ อื้อ!

         “พชร..”
หลังจากสงบสติอารมณ์เชิงดอยนี้สีชมพูได้ เสียงเล็กจึงเอ่ยเรียกด้วยต้องการถามคำถามที่อยากรู้ แล้วก็ได้รับการตอบกลับมาจากลำคอ
“หืม..”
“แล้ว.. ตกลงกูวาดเหมือนปะ?”

หืม?
พชรต้องประมวลคำถาม ก่อนจะตระหนักได้ถึงความหมาย
เขาเอี้ยวหน้ามองภาพที่อยู่ในสองแขนม่อนแจ่มอีกครั้ง
วาดเหมือนไหม หรือ?

“เอ่อ..”
เอาจริงๆนะ ..พชรตอบไม่ได้
เขารู้ว่าหน้าตาแบบในภาพก็คือหน้าตาเขานั่นแหละ แต่เหมือนมากน้อยแค่ไหนนั้น ..พชรต้องสารภาพว่าไม่เคยพิจารณาใบหน้าตัวเองนานพอที่จะบอกได้
“อ่าม..”

สีหน้าคนรอฟังหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด พชรผู้ไม่เคยโกหกจึงต้องเอาตัวรอด
“เพื่อนกูบอกว่าเหมือน”
“เพื่อนเหรอ..” ม่อนแจ่มทวน
“ใช่ วันนั้นเดินมาด้วยกันแล้วมันบอกว่าเหมือน” พชรยืนยัน ซ้ำยังเสริมเพื่อคืนความมั่นใจให้ม่อนแจ่ม
“..เพื่อนตั้งสองคนเลยนะ”

อะ..
ม่อนแจ่มออกจะงงๆ แต่ก็ไม่อยากตอแย
คือ.. นี่หมายถึงพชรรู้จักใบหน้าตัวเองดีไม่พอที่จะบอกได้ว่าเขาวาดเหมือนเจ้าตัวหรือเปล่า อย่างนั้นหรือ?
โอเค.. เก็บเข้าลิสต์ เรื่องน่ารู้ของพชร ไว้อีกเรื่องหนึ่งเลยถ้าแบบนั้น

         สองร่างเดินเคียงกันไปจนหยุดหน้าห้องสามสามแปดที่คุ้นเคย
พชรเป็นคนเปิดประตู ค้างไว้ให้ม่อนแจ่มเดินเข้าไปก่อนเหมือนทุกครั้ง และสิ่งแรกที่ร่างสูงทำเมื่อเข้าไปในห้องคือเปิดตู้เสื้อผ้า ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน หรือไม่ได้ทำนานพอจะสังเกตว่าตัวเองได้ทำมัน

พชรยืนหน้ากระจก ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าตัวเองที่สะท้อนออกมาจากในนั้น
ต้องทำ ..เพื่อจะตอบคำถามให้ได้ตรงกับความเป็นจริง

“เหมือน”
ปิดประตูตู้เสื้อผ้า แล้วเสียงเข้มจึงเอ่ยบอก ทำเอาม่อนแจ่มงุนงง
พชรมองภาพวาดที่ยังอยู่ในมือเรียวแทนคำอธิบาย แล้วย้ำอีกที
“ม่อนวาดเหมือนมาก”

นั่นแหละ.. ม่อนแจ่มจึงคลี่ยิ้มอย่างสุขใจ
ต่อให้เพื่อนพชรสิบคนบอกว่าเหมือน มันก็ไม่รู้สึกดีเท่าพชรคนเดียวเป็นคนบอกหรอก

“แล้ว.. พชรเอาไหม?”

พชรมองภาพวาด ..แล้วสบตาคนพูด
ไม่รู้ม่อนแจ่มหมายถึงแค่ภาพ หรือหมายถึงทั้งภาพและคนวาดอย่างที่พชรคิด แต่เขาก็ตอบไป
“ถ้าให้ก็เอา”

ม่อนแจ่มกัดริมฝีปากไว้ก่อนที่จะยิ้มกว้างไปกว่านี้
สองมือยื่นภาพวาดในกรอบไม้ไปเบื้องหน้าอย่างกระตือรือร้นและยิ่งกว่าเต็มอกเต็มใจ
“งั้นให้พชรเลยนะ!”

ท่าทางแบบนั้นมัน..
มือแกร่งไม่รับภาพวาด ทว่าสอดแขนโอบเอวคอด รั้งเข้าหาลำตัว ม่อนแจ่มสะดุ้งนิดหนึ่งอย่างไม่เข้าใจ
“อ..อะไร”
ใบหน้าคมซบลงกับเรือนผม น้ำเสียงเข้มพึมพำให้ได้ยิน
“น่ารัก..”

ห๊ะ..
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ใจเต้นรัว ขณะเสียงที่หลงใหลยังกระซิบผ่านริมฝีปากซึ่งเกลี่ยอยู่กับไรผม
“ไม่ไหวแล้ว..”

ริมฝีปากหนาไล้จากเรือนผมลงมาสัมผัสกึ่งกลางหน้าผาก เรื่อยลงมาตามสันจมูก
และแน่นอน.. เมื่อพชรก้มหน้าก็เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติที่ม่อนแจ่มจะเงยขึ้น ริมฝีปากอิ่มเผยอน้อยๆ รอรับสัมผัสที่คุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม พชรชะงัก มีความกังวลผุดขึ้นในใจ เอ่ยถามค่อยๆ
“ขอโทษนะ ..นี่ม่อนคิดว่าจะไปลำพูนเมื่อไหร่”

อ่าม..
ม่อนแจ่มกระพริบตาปริบๆ ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมพชรถามขึ้นมาตอนนี้ ทว่า ก็ตอบตรงไปตรงมาตามวิสัย
“ต้องถามก่อน ..ว่าพชรพร้อมเมื่อไหร่ ช่วงนี้เหนื่อยมากหรือเปล่า”

ใบหน้าคมส่ายนิดหนึ่ง นึกกลัวคำตอบอยู่บ้าง แต่ก็บอกตามความเป็นจริงตามวิสัยเช่นกัน
“กูได้ตลอด ..ไม่เหนื่อยอะไร”
ก็คือถ้าไม่ถึงกับต้องหลับตาขี่ พชรไม่เคยมีปัญหาบนมอเตอร์ไซค์โมตาร์ดของเขากับเส้นทางเชียงใหม่-ลำพูน

“อ๋อ ถ้างั้นไปได้เลย" ม่อนแจ่มยิ้ม บอกเสียงแจ๋ว "..พรุ่งนี้เช้าไปเลยก็ได้”

นั่นอย่างไร..
มือใหญ่ที่ข้างหนึ่งโอบเอว อีกข้างแตะหลังคอลงน้ำหนักมากขึ้น กลืนน้ำลายอย่างยั้งใจ ค่อยๆละจมูกที่เคลียกันอยู่ก่อนหน้าออกมาเสีย ..ริมฝีปากเบือนหลบ แขนแข็งแรงปล่อยร่างเล็กออกจากการโอบรัด

“คืนนี้นอนเร็วๆแล้วกัน” น้ำเสียงเข้มที่แทบต้องบังคับให้ราบเรียบดุจปกติเปล่งออกมา
“ต้องออกหอแต่เช้า ..สาย แดดจะร้อนมากไป”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         คืนวันศุกร์.. น่าจะเป็นคืนสุขสันต์ที่สุดสำหรับชีวิตมหา’ลัย
ทว่า คืนวันศุกร์ที่วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันเสาร์สำหรับม่อนแจ่มครั้งนี้ ..ให้ความหมายที่แตกต่างออกไป   
มือเรียวรื้อเอาสมุด หนังสือ เอกสาร ตลอดจนเศษกระดาษอื่นๆออกมาจากกระเป๋าเป้ใบเก่าและใบเดียวที่ใช้ทุกวัน
เปลี่ยนสิ่งที่อยู่ภายในเป็นชุดนอนหนึ่งชุดและชุดลำลองหนึ่งชุด ของใช้ส่วนตัวไม่กี่อย่าง ไม่รวมแปรงสีฟันยาสีฟันที่ม่อนแจ่มจะจับยัดเข้าไปหลังจากที่มันได้ปฏิบัติหน้าที่พรุ่งนี้เช้าเสร็จแล้ว

           ประตูห้องสามสามแปดเปิดออก ร่างกำยำที่เดินเช็ดศีรษะเปียกน้ำเข้ามาชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นคนตรงหน้าจัดกระเป๋า
ม่อนแจ่มเงยขึ้นมอง ..พชรก็ประสานสายตาตอบไป ค่อยๆก้าวเข้าทรุดนั่งข้าง
“พร้อมใช่ไหม?”
“อื้อ!” ม่อนแจ่มพยักหน้ารับหนักๆ ..แม้จิตใจจะกอรปด้วยความประหม่า แต่เสียงเล็กก็ยืนยัน “พร้อม”

พร้อมจริงๆ ..ม่อนแจ่มพร้อมแล้ว
การไปลำพูนสำหรับเขามันมีความหมายมากกว่าแค่เพียงการเดินทางไปอีกจังหวัดหนึ่ง
นอกจากการไปเพื่อพบบิดาที่แท้จริง มันยังหมายรวมถึงการไปพบคุณน้าเพชรลดา คุณแม่ของพชรเป็นครั้งแรกหลังจากความจริงเปิดเผย ..เป็นโอกาสที่ม่อนแจ่มจะได้ยกมือไหว้ขอขมากับสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับท่านและม่อนแจ่มเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เป็นไปเช่นนั้น
แล้วลำพูน.. เป็นบ้านเกิดพชร
เป็นที่ที่จะทำให้ม่อนแจ่มเรียนรู้บริบทแวดล้อมของพชรให้มากกว่าที่รู้อยู่
ม่อนแจ่มอยากจะไป

พชรไม่คัดค้านเรื่องนี้ ไม่เคย ..ยิ่งมองแววตาภายใต้กรอบแว่นแดงที่เปล่งประกายความตั้งใจจริงยิ่งไม่คัดค้าน
อย่างไรก็ตาม มันมีบางอย่างที่เขาคิดว่าต้องทำความเข้าใจกันให้ชัดเจนก่อนออกเดินทาง
“ม่อน.. กูอยากจะขอโทษ”

หือ?
“ขอโทษอะไร พชร” ม่อนแจ่มเอียงคอถาม
คนถูกถามถอนหายใจนิดหนึ่ง มือใหญ่ยกขึ้นบีบไหล่เล็ก
“มันจะไม่ใช่แบบว่า.. กูพาไปแล้วก็.. โอเค นี่พ่อม่อนนะ อะไรทำนองนั้น”
พชรพยายามอธิบาย “คือ.. กูคงบอกอะไรไม่ได้เลยเกี่ยวกับท่าน”

ม่อนแจ่มมองตาพชรและเขาเห็นความลำบากใจ
“หมายถึง.. มึงบอกไม่ได้ว่าคุณพ่อกูชื่ออะไร หรือประมาณว่าคนนี้นะคือคุณพ่อกู ..แบบนั้นใช่ไหม”

พชรพยักหน้า..
นั่นเป็นสิทธิ์ของลุงแสงที่จะแสดงตัวตนกับลูกชายเอง พชรไม่อยากชิงตัดหน้าทำแทน

“แปลว่าการที่กูไปลำพูน ไปกับมึง ยังไงกูก็จะได้เจอคุณพ่อแน่ๆ ..ใช่ไหม”
พชรพยักหน้าอีกครั้ง ม่อนแจ่มจึงพยายามคิดตาม
คุณพ่อคงอยู่ละแวกบ้านเดียวกับพชร หรือยิ่งไปกว่านั้น คงเป็นคนที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก ขนาดที่ว่าถ้าม่อนแจ่มไปบ้านพชร ม่อนแจ่มต้องได้เจอคุณพ่อ
มือบางของม่อนแจ่มยกขึ้นทาบมือใหญ่ที่บีบไหล่เขาเบาๆไว้ ยกยิ้มให้คนหน้าคมที่เริ่มทำท่าเครียด
“ไม่เป็นไร” ม่อนแจ่มพูดจริงๆ
“มึงอย่าทำหน้าเครียดสิ กูนึกถึงตอนก่อนหน้านี้ยังไงก็ไม่รู้”
ตอนที่พชรเครียดมาก แล้วก็เหนื่อยมาก จะทำหน้าอึดอัดและเป็นกังวลแบบนี้แหละ
“กูไม่อยากไปเป็นภาระมึงนะ ไม่ว่าทางกายหรือทางใจ”
..
“เชื่อสิ ..กูจะไม่เป็นไรหรอก”

พชรพยักหน้ารับคำยืนยัน รู้สึกดีที่อีกฝ่ายพยายามเข้มแข็งที่สุดมาเสมอ
“ต้องซ้อนมอเตอร์ไซค์ประมาณชั่วโมงครึ่ง  ..ม่อนไหวนะ”
แม้จะโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาคมก็เหลือบลง มองท่อนล่างที่เคยสัมผัสและครอบครองของคนตรงหน้าอย่างห่วงใย
ปกติแล้ว D-Tracker 250 เบาะบางและแข็ง แม้พชรจะเสริมเบาะแล้วเรียบร้อยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะสบายพอสำหรับม่อนแจ่มหรือเปล่าอยู่ดี
เพราะอย่างนั้น เขาถึงต้องไม่..

ม่อนแจ่มอดจะเผยอยิ้มไม่ได้เมื่อมองตามสายตาที่พชรมองมา
มันก็น่าเขินอายอยู่หรอกที่ตระหนักได้ว่าทำไมเมื่อตอนเย็นพชรถึงทำตัวแปลกๆและน้ำเสียงก็ฝืนๆแบบประหลาดๆ
ทว่า มันน่าอบอุ่นใจมากกว่า เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังความจริงที่พชรต้องแบกไว้ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยข่มเหงเอาแต่ใจตัวเองเลย ยกเว้นเพียงครั้งเดียว ซึ่งก็ได้ขอโทษไปแล้ว

พชรคิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ และคิดถึงตัวเองทีหลัง ..หรืออาจจะไม่เคยคิดถึงเลย
ข้อนี้.. เป็นคุณสมบัติที่ม่อนแจ่มจะเอาอย่าง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 06-01-2017 21:48:03
         “โชคดีนะ ม่อน”  
เสียงเข้มส่งมาตามสาย และม่อนแจ่มก็พยักหน้ารับแม้ว่าปลายสายจะมองไม่เห็นกิริยาเขาก็ตาม
“คุณพ่ออย่าเพิ่งบอกคุณแม่นะครับ ม่อนไม่อยากให้คุณแม่กังวลล่วงหน้า”
“พ่อเข้าใจ”
“ขอบคุณครับ คุณพ่อ” ม่อนแจ่มยิ้มดีใจ
เขาขออนุญาตคุณพ่ออีกครั้งว่าจะไปลำพูนและท่านก็ไม่คัดค้าน ซ้ำอวยพรให้ม่อนแจ่มพบคุณพ่อแท้จริงและมีความเข้าใจอันดีต่อกันด้วย

“ขอพูดกับพชรหน่อยได้ไหม ม่อน”
..
ม่อนแจ่มมองคนข้างกาย เอาโทรศัพท์ออกห่างหู ลดเสียงบอกเบาๆ
“คุณพ่อขอคุยด้วยจะได้ไหม ..พชร”

พชรมองโทรศัพท์นิ่ง ม่อนแจ่มมองตา อยากแทบขาดใจให้พชรรับไปคุย แต่ก็ไม่อาจบีบบังคับใจได้และไม่ควรทำด้วย
ม่อนแจ่มจึงเพียงยื่นโทรศัพท์ค้างไว้ ไม่ได้ยัดเยียด
ที่สุดแล้ว.. มือใหญ่ก็ยื่นมารับไป ม่อนแจ่มยิ้มแก้มแทบปริ

“ครับ ..คุณพจน์”

โอเค.. ถึงแม้ยิ้มม่อนแจ่มจะหุบลงและใจจะแป้วไปภายหลังคำเรียกห่างเหินนั้นก็ตาม

“ขี่รถดีๆนะพชร”

ม่อนแจ่มได้ยินเสียงลอดออกมาจากปลายสาย และคนข้างกายก็ตอบสิ่งที่คาดได้

“ครับ”
..
ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้ม่อนแจ่ม พชรก็เอ่ยเสริมอีกคำหนึ่ง
“ขอบคุณครับคุณพจน์”

รอยยิ้มกลับมาแต้มริมฝีปากอิ่ม
เสียงของพชรมีเสน่ห์ คำขอบคุณยิ่งมีเสน่ห์ ..จะดีแค่ไหน ถ้าคนที่ใบหน้าคล้ายคลึง มีหลายอย่างคล้ายกัน ซ้ำยังเป็นสายเลือดเดียวกันได้พบปะพูดคุยกันมากกว่านี้ ..ม่อนแจ่มแอบตั้งมั่นว่าต้องทำอะไรให้ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้น

“ซ้อนท้าย D-Tracker สักชั่วโมงครึ่งได้แน่ๆใช่ไหม?”
พชรถามย้ำอีกครั้ง แล้วม่อนแจ่มก็ตอบชัดเจนขณะยกเป้ขึ้นพาดบ่า
“ถ้ามึงเป็นคนขี่ ทั้งวันกูก็ซ้อนได้”
..
..
ให้ตายเถอะ.. พูดเข้าไป อะไรแบบนี้
พชรคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ รีบเดินนำออกจากห้อง
ม่อนแจ่มยิ้มร่า หัวเราะคิกคักตามหลัง
ร่างเล็กเงยมองเตียงบน ก่อนจะปีนบันไดขึ้นไปส่งเสียงบอกเพื่อนรักเบาๆ
“ไอ้ดิ้ล กูไปลำพูนแล้วนะ”
“อือ..” ไอดิลครางรับ เช้าเกินไปที่จะตื่น แต่ก็ไม่เช้าเกินไปที่จะสั่งความอย่างงัวเงียทั้งดวงตาปิดสนิท
“อย่าลืมหนมฝากกูด้วย..”

ม่อนแจ่มหลุดหัวเราะ ไต่บันไดลงมา ก้าวขาผ่านประตูที่ถูกเปิดค้างไว้ให้ มองตาเจ้าของมอเตอร์ไซค์ที่กำลังจะนั่งซ้อนท้ายเป็นระยะทางไกลราวห้าสิบห้ากิโลเมตร

ไม่รู้หรอก.. เดาไม่ถูกเลยว่าจะเป็นอย่างไร
แต่ม่อนแจ่มไปกับพชร เพราะฉะนั้น ทุกข์สุขแค่ไหน เขาก็มั่นใจได้ว่ามันจะเป็นสุดสัปดาห์ที่น่าจดจำ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

 :3123:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 06-01-2017 22:00:16
ขอแค่มาให้อ่านก็ดีต่อใจล่ะค่าาาาาาาาา +1 ไว้ก่อนค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 06-01-2017 22:07:41
หวานเกินไปแล้ววว นี่เขินตามพชรเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 06-01-2017 22:12:04
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว. ตื่นเต้นนนน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-01-2017 22:33:47
ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-01-2017 22:38:29
ม่อน น่ารักอย่างที่พชร บอกจริงๆ
น่ากอด น่าหอม น่าแย่งม่อนจากพชร ซะเลย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 06-01-2017 22:53:50
งื้อ มันดี
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 06-01-2017 23:05:39
พชรเป็นผู้ใหญ่มาก คิดอะไรรอบคอบและแสดงออกกับม่อนมากขึ้น
น่ารักจริง ๆ ได้นอนหลับอย่างมีความสุขมากมายคืนนี้   :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: winterday ที่ 06-01-2017 23:06:55
คุณ Indy Poet คะ เรื่องทางบ้านก็ขอเป็นกำลังใจค่ะ หากมีธุระปะปัง ทางนี้ยินดีรอ และขอบคุณมากค่ะที่เป็นห่วงผู้อ่าน

ประทับใจหลาย ๆ อย่างในเรื่องนี้มาก ไม่ว่าจะตัวละคร การดำเนินเรื่อง มันช่างนุ่มนวล น่ารักไปหมดเลย  :pig4:

สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดดลบันดาลให้เป็นปีที่ดี สงบสุขค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 06-01-2017 23:13:44
น่ารักจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 06-01-2017 23:33:21
ว่าจะพิมพ์ต่อท้ายแต่ลืมกดส่งไปแล้วจึงนึกออก
เรื่องน้ำท่วมทางใต้ ดีใจด้วยที่บ้านคนเขียนไม่ได้ผลกระทบ แต่ก็เป็นกำลังใจคนที่ประสพ
เดี๋ยวมันจะดีขึ้นแล้วผ่านไป  ถ้าช่วงนี้กังวลเรื่องที่บ้านก็เอาให้เรียบร้อยก่อน
รอได้เข้าใจกัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 06-01-2017 23:37:57
รู้สึกได้ถึงความหวานและความเอาใจใส่ของพชรมากๆอะ

ตอนหน้าดูจะตื่นเต้นจริงๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 07-01-2017 00:40:03
ม่อนจะได้เจอพ่อแล้ว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-01-2017 01:40:53
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 07-01-2017 02:26:02
ความจริงเปิดเผยน้ำตาลก้เริ่มมาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-01-2017 04:25:32
ฟินล่วงหน้าเกือบจะถึงลำพูนแล้ว
พชรน่ารักใส่ใจม่อนแจ่มทุกรายละเอียด
ม่อนแจ่มก็ใส่ใจะชรทุกรายละเอียดเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 07-01-2017 06:10:54
น่ารักทั้งคู่เลยชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 07-01-2017 08:10:03
เขาหวานกันแบบ...ดีต่อใจคนอ่านจัง  แบบว่าพูดกันน้อยๆ Body & Eyes language เป็นหลัก มัน... ละมุนเนอะ  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 07-01-2017 08:39:16
ได้อ่านก็ดีใจแล้วคะ :pig4:

ตอนหน้าเอาใจช่วยน้อง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 07-01-2017 08:56:45
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-01-2017 11:33:06
น่ารักกันจริงคู่นี้ รอลุ้นว่าจะได้เจอพ่อหรือเปล่าแล้วพ่อของม่อนจะยอมออกมาคุยกับม่อนมั้ย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 07-01-2017 12:14:54
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 07-01-2017 12:19:18
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-01-2017 12:31:03
ถึงพชรจะนิ่งแต่ก็หวานไม่น้อยเลยน้า

สวัสดีปีใหม่คนเขียน ขอเอาใจช่วยเรื่องน้ำท่วมด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 07-01-2017 13:16:56
ตอนนี้น่ารัก ตอนหน้าออกเดินทางแล้ว
รออ่านนะครับ


ปล. ชื่อตอนมันแปลว่าไรหรอครับ
ปล. 2 เอาใจช่วยเรื่องน้ำท่วมนะครับคนแต่ง นี่น้องผมก็ไปฝึกงานอยู่พัทลุง มันก็ส่งภาพมารายงานสถานการณ์อยู่เหมือนกัน ท่วมเยอะเหมือนกัน ขอให้น้ำลดไวๆนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 07-01-2017 14:56:54
ฮ่า ฮ่า ฮ่า อดนะจ๊ะพชร โอ๊ยยยยยย มาอีกแล้วตอนหวานๆในอกแบบนี้ ไม่รู้ยังไงอิป้าเขิน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 07-01-2017 17:42:15
น่ารักทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 07-01-2017 18:28:58
แค่มาต่อก็ดีใจแล้วคะ คิดถึงม่อนกับพชร :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 07-01-2017 18:53:15
พชรน่ารักจริงๆ
เป็นห่วงหนูม่อนทุกอย่างเลย

ขอบคุณคนเขียนที่อุตส่าห์มาต่อให้นะคะ

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-01-2017 21:07:09
อยากยีแก้มม่อนแรงๆ น่ารักหนักมาก ชอบแรงบันดาลใจของม่อน ซึ้งอ่ะ พชรแบบรักไม่ไหวละ
มันเขี้ยวด้วยไรด้วย พระเอกชั้นก็ช่างดีง่ม ห่วงม่อนกลัวนั่งมอไซไม่ไหว เราก็ว่าหยุดทไไม
โอ้ย อยากกรี๊ดค่ะ มีความฟินเฟร่อ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-01-2017 08:43:22
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 15-01-2017 00:13:55
CHAPTER 34: Ein Schönes Wochenende (Part II)

          มองออกไปผ่านหน้าประตูใหญ่หอสามชาย ม่อนแจ่มเห็นต้นสักเขียวครึ้มร่มรื่นตาเหมือนทุกวัน
เขาเดินตามหลังพชรมาหยุด ณ ลานจอดรถ พลางมองคนคุ้นเคยและมอเตอร์ไซค์ดำเขียวที่ชินตายิ้มๆ
พชรทำเป็นไม่สังเกตสายตาที่มองมา ด้วยไม่ต้องการจะเขินรอบสองตั้งแต่เช้า เสียงเข้มสั่งเรียบๆ
“ใส่ซะ”
..
ที่ส่งมาให้คือหมวกกันน็อคสีแดงใหม่เอี่ยม
ม่อนแจ่มเบิกตามอง จำได้ว่าหมวกกันน็อคของพชรเป็นสีเขียวเข้ม เพราะเขาเองเคยสวมเมื่อรอบก่อน
แต่นี่.. หมวกกันน็อคสีแดง..

“ให้กูเหรอ..” ม่อนแจ่มถามอึ้งๆ แล้วก็มีเพียงเสียงตอบรับในลำคอเบาๆ
“อืม..”

โอ้!
ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง รับหมวกมาสวมอย่างเป็นปลื้มสุดๆ
“ขอบคุณ พชร โอ่ย.. มันต้องสีแดงแรงฤทธิ์พิชิตสีแสดแบบนี้ดิ โอ๊ย โคตรชอบ!”
..
“กูใส่พอดีเด๊ะ” ม่อนแจ่มลั้ลลา “ไม่ต้องปรับสายรัดอะไรเลยด้วย เป๊ะมาก!”
“อืม..” พชรพยักหน้าเชิงรับรู้และกล่าวเสริมเรียบๆ “พอดี ซื้อไซซ์เด็กมา”

ซื้อ.. ไซซ์.. เด็ก.. มา..

“พชร!” ม่อนแจ่มร้องลั่น พชรล้อเขานี่หว่า!
พชรหันมองไปทางอื่น แต่ม่อนแจ่มก็เห็นเต็มสองตาว่าคนหน้านิ่งนั้นลอบหัวเราะ พัฒนานะพชร เดี๋ยวนี้พัฒนา!
แม้จะทำหน้ายู่ยี่ ทว่า ม่อนแจ่มก็อดจะกัดปากน้อยๆซ่อนรอยยิ้มไม่ได้
พชรล้อเล่นกับเขา คือ..  มันดีอะ..

           แสงแดดอ่อนจางเช้าตรู่วันเสาร์เป็นอะไรที่สดใส มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยามอรุณแสนจะมีชีวิตชีวา
แม้อยู่ภายใต้หมวกกันน็อคและมีเสียงลมปะทะ ทว่า หูม่อนแจ่มก็ยังได้ยินเสียงนกขับขานค่อนข้างชัดเจน
ตามองเห็นกระรอก กระแต ตัวเล็กตัวน้อยวิ่งไล่ไต่กันไปมาบนกิ่งไม้ใหญ่ กระโดดจากต้นนั้นไปต้นนี้ ว่องไวจนมองไม่ทัน อีกแป๊ปผลุบตรงนี้ อีกเดี๋ยวโผล่ตรงนั้น
ตัวเดียวกันไหม? หรือผองเพื่อนของมัน? ยากจะพิสูจน์
ริมฝีปากอิ่มยกยิ้ม.. มองเข้าไปในกระจกมองหลังเบื้องหน้า ก็เห็นคนขี่มีสีหน้าผ่อนคลายกับบรรยากาศเหมือนๆกันกับเขา

มันดีนะ.. ความเป็นธรรมชาติแบบนี้
ยิ่งสำหรับพชรที่รักต้นไม้ คงจะยิ่งรู้สึกดี
ม่อนแจ่มหวังว่ามหาวิทยาลัยซึ่งจะเป็นที่พักพิงตลอดสี่ปีจะเป็นเช่นนี้เสมอไป
นี่ไม่ใช่แค่ที่สำหรับนักศึกษา แต่เป็นที่ที่เราอยู่ร่วมกัน
เรา.. คน.. สัตว์.. ต้นไม้.. สายน้ำ..

            Kawasaki D Tracker 250 พาม่อนแจ่มผ่านคณะมนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ ผ่านอ่างแก้ว ผ่านศาลาธรรม
เขามองซ้าย ขวา สลับกับมองคนขี่ผ่านกระจกมองหลังตลอด ..เมื่อมาทางนี้ หมายความว่าพชรจะพาออกไปทางประตูหน้ามอ แม้ว่าหอสามชายจะใกล้ประตูหลังมอมากกว่าก็ตาม ซึ่งม่อนแจ่มก็คิดว่าเป็นการเริ่มออกเดินทางที่ดีเหมือนกัน

ร่างเล็กนั่งสบายๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าในบรรยากาศที่คุ้นเคย กระทั่งเห็นประตูใหญ่อยู่เบื้องหน้า แล้วพชรก็ขี่ผ่านออกไป วินาทีที่ผ่านประตูมหาวิทยาลัยสู่ถนนห้วยแก้ว ม่อนแจ่มกลับรู้สึกแปลกๆราวกับว่าอะไรที่เป็นจริงเป็นจังกว่าได้เริ่มต้นขึ้น เขาเพ่งมองถนน ขยับตัวนิดหนึ่งอย่างระแวดระวัง..

พชรเหลือบกระจกมองหลัง ชะลอรถให้ช้าลงจากที่ขี่ช้าอยู่แล้ว มือซ้ายละมาแตะขาคนข้างหลังให้ผ่อนคลายลงเบาๆ
ม่อนแจ่มค่อยๆคลี่ยิ้ม ..รู้สึกว่าตัวเองกำลังงี่เง่า มือบางเลื่อนไปทาบไว้บนมือพชร
“ไม่ต้องห่วง” ม่อนแจ่มพึมพำกับแผ่นหลัง ยิ้มร่าให้เห็นผ่านกระจก ..ไม่มีอะไรต้องห่วงเลย

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          ไม่ใช่ว่าไม่เคยผ่านทางนี้มาก่อน แต่การมาแบบนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ย่อมไม่เหมือนกับนั่งอยู่ในเมอร์เซเดส เบนซ์
พชรขี่มอเตอร์ไซค์บนไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ทางเดียวกับที่ม่อนแจ่มไปบริษัทเสมอๆ แล้วก็เป็นทางเดียวกับที่ไปคอนโดเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วย เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกเขาเลยทั้งสองสถานที่มาแล้ว
แน่นอน เมื่อขึ้นถนนใหญ่ พชรจำเป็นต้องใช้ความเร็วมากขึ้น แต่ม่อนแจ่มก็ไม่ได้เกร็งมากนัก เพราะพชรขี่รถชำนาญและระมัดระวัง อีกประการหนึ่ง ม่อนแจ่มตระหนักว่าเบาะนั่งมันนุ่มขึ้นอย่างรู้สึกได้ชัดเลย ซ้ำไม่ลาดลงมากจนร่างเล็กของเขาไถลไปติดหลังพชรอย่างคราวก่อนๆ

Kawasaki D-Tracker ปะปนอยู่กับยวดยานพาหนะอื่นๆบนไฮเวย์เชียงใหม่ลำปาง กระทั่ง เข้าเขตจังหวัดลำพูนหลังผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม พชรบอกว่าใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งนี่นะ และเนื่องจากบ้านพชรเป็นสวน ม่อนแจ่มจึงคิดว่าคงไม่ได้อยู่ในอำเภอเมือง
เขานั่งเงียบๆ มือข้างหนึ่งวางบนหน้าขาตนเอง อีกข้างทาบแผ่นหลังพชรเอาไว้ ตามองป้ายต่างๆ บนทางหลวงอย่างนึกสงสัยว่ากำลังมุ่งหน้าไปอำเภอใด จนพชรออกจากไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง เข้าทางหลวงหมายเลข 114 และ 116 ตามลำดับ ม่อนแจ่มจึงเห็นป้ายระบุ ‘เขตอำเภอแม่ทา’

พชรเลี้ยวซ้ายเข้าถนนอีกเส้นหนึ่ง ผ่านสถานีตำรวจภูธรทากาศ ผ่านสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดลำพูน ผ่านอะไรๆ..
แล้วก่อนที่ม่อนแจ่มจะทันรู้ตัว เขาเห็นถนนซอยแยกเข้าไป ป้ายไม้ระบุเขต ‘สวนเพชรหละปูน’
หนุ่มลำพูนตีไฟเลี้ยวขวา ..และหนุ่มเชียงใหม่ก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น

ถนนนี้ไม่ใช่ทางสาธารณะ.. ม่อนแจ่มรู้ได้ทันที
นับตั้งแต่เลี้ยวขวาเข้ามา ..คือเขตสวน
ต้นสักปลูกอยู่สองข้างทาง กิ่งใหญ่ทั้งซ้ายขวาแผ่เข้าหาจนใบประสานกันทำให้ถนนร่มรื่น
และพ้นแนวสัก.. ดวงตาเป็นประกายมองเห็นบ้านไม้ยกพื้นสูงตั้งอยู่เยื้องไปด้านขวามือ ไกลออกไปเล็กน้อย มีบ้านไม้ชั้นเดียวอีกสองหลังอยู่ถัดกัน ตลอดจนแนวไม้เรียงรายไปสุดลูกหูลูกตาทุกทิศทาง
เรียวปากอิ่มอดจะอ้าค้างไม่ได้ ..นี่ไม่ใช่สวนเล็กๆเลย

            รถมอเตอร์ไซค์ดำเขียวชะลอจอดใต้ถุน เจ้าของบ้านเตะขาตั้งรับน้ำหนักรถ แล้วผู้มาเยือนก็ค่อยๆกระโดดตุ๊บลงมา ยืนนิ่งจังงังไปพักหนึ่ง ..หันมองรอบๆ
ม่อนแจ่มห้ามไม่ได้ ..หัวใจเต้นเร็วมากจริงๆ มันประหม่า.. ตื่นเต้น.. และรอคอย

พชรปลดสายรัดหมวกกันน็อคของตัวเองออก ครอบไว้กับกระจกข้างหนึ่ง
ม่อนแจ่มมอง.. มือเรียวปลดหมวกของตัวเองบ้าง ก่อนจะครอบไว้กับกระจกอีกข้าง
ดูเหมือนจะไร้คำพูดไปพร้อมๆกัน..

ในไม่กี่อึดใจ.. ม่อนแจ่มก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงมาตามขั้นบันไดเบื้องหน้า
ไม่มีทางจะผิดคน สาวใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ ใบหน้าเรียวรูปไข่ช่างงดงามแม้จะคล้ำแดดจนมีฝ้าเล็กน้อยขึ้นสองข้างแก้ม
เธอผูกผมป็นหางม้าหลวมๆไว้ข้างหลัง ใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีน้ำเงินและกางเกงพอดีตัวดูทะมัดทะแมง
..คุณน้าเพชรลดา..

ดวงตากลมโตที่มองมาทางม่อนแจ่มเหมือนแรกเจอ ..มันเป็นแววตาแห่งความปราณี
ที่สำคัญ.. ริมฝีปากสีธรรมชาตินั้นแต้มแต่งด้วยรอยยิ้มยินดีกับการมาของเขา

“สวัสดีจ๊ะม่อน” ผู้อาวุโสกว่าชิงทักทายเสียก่อน เพราะเด็กหนุ่มดูท่าทางจะประหม่ามาก
เพชรลดายังคงยิ้มอย่างอยากให้ม่อนแจ่มรู้ว่าเธอกำลังรออยู่ “ยินดีต้อนรับนะ”
“ส..สวัสดีครับ คุณน้าลดา” ม่อนแจ่มยกสองมือขึ้นประนม ก้มศีรษะลงทำความเคารพ ดวงตาสบกับมารดาเจ้าของหัวใจ
และ.. สายตาที่มองกลับมามีเพียงความปรารถนาดี ราวกับว่าเขาเป็นแค่ม่อนแจ่ม ..แค่ม่อนแจ่มที่มากับพชร
เหมือนมันไม่เกี่ยวว่าตัวเขามาจากไหน เป็นบุตรใคร มีความหลังความเป็นมายังไงกับสตรีเบื้องหน้า
ราวกับนี่เพิ่งเป็นครั้งแรกหลังจากพบกันที่หอสามชาย.. ราวกับที่บริษัทวันนั้นมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย..

เพชรลดาก้าวเข้าไปหาอย่างกระฉับกระเฉงตามปกติที่เป็นคนคล่องแคล่วว่องไว  แม้จะต้องจำกัดการเคลื่อนไหวอย่างมากก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่วัน
ม่อนแจ่มก้าวยาวๆเข้าไปหยุดใกล้ๆ ยกมือไหว้อีกครั้งอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำซ้ำๆ คนถูกไหว้จึงหัวเราะใส่เสียเลย
“คิดถึงเด็กคนที่ยิ้มแต้ลงมาจากบันไดหอสามชายแล้วทักทายน้าซะลั่นว่า คุณแม่พชรหรือครับ! จัง”
ม่อนแจ่มอ้าปากค้างนิดหนึ่ง แต่แล้วก็กัดปาก ค่อยๆคลี่ยิ้มตอบอย่างยากจะห้าม
“ม่อนก็คิดถึงคุณน้าลดาครับ ..คิดถึงลำไยด้วย”

ฮ่ะๆ..
เพชรลดาหัวเราะเต็มเสียง สองมือกร้านยกขึ้นแตะไหล่บาง
“ตอนนี้ลำไยเพิ่งจะแทงช่อดอก ไม่มีให้กิน เพราะงั้น.. เดือนสิงหาม่อนต้องมาให้ได้นะ จะพาไปกินใต้ต้นเลย”
..
..
ม่อนแจ่มไม่รู้จะบรรยายสิ่งที่รู้สึกยังไง เขาได้แต่ยิ้มค้าง ขณะเสียงเนิบเอ่ยให้ฟัง
“ดีใจจริงๆที่เจอม่อน ..ที่สำคัญกว่านั้น ดีใจที่เห็นม่อนยิ้ม”
ครั้งสุดท้ายที่พบกัน แม้ไม่เห็นน้ำตา แต่เพชรลดาก็ไม่ลืมใบหน้าเผือดซีด ริมฝีปากสั่นระริกที่พยายามเข้มแข็งและสะกดกลั้นความรู้สึกของหนุ่มน้อยผู้นี้ ซึ่งแตกต่างจากรอยยิ้มเมื่อแรกเจอโดยสิ้นเชิง วันนี้ เธอจึงชุ่มชื่นใจนักที่เห็นรอยยิ้มสดใสแบบนี้อีก

“ขายังเจ็บไหมครับ?” ม่อนแจ่มก้มหน้าสำรวจ
“ไม่แล้วจ้ะ” เพชรลดาส่ายหน้า “สบายดีทุกอย่าง”
“ดีจังครับ” ม่อนแจ่มพยักหน้ายินดี ใจชื้นขึ้นจนแทบจะรู้สึกร่าเริงตามวิสัยปกติ อย่างไรก็ตาม แม้โดยไม่ได้ตั้งใจ ม่อนแจ่มก็กวาดสายตาไปรอบๆ ..ราวกับมองหาใครอื่นในรัศมีใกล้เคียงนี้
ดวงตาพชรแอบสบกับมารดาอย่างอ่านม่อนแจ่มออก..

“ขึ้นไปกินอะไรกันก่อนเถอะไป เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ”

อันที่จริง.. ม่อนแจ่มไม่เหนื่อย แต่ก็ถอดรองเท้าผ้าใบออก เดินตามหลังสตรีเจ้าของบ้านขึ้นบันไดไป พลางหันหลังมองพชรเป็นระยะๆ
ชานบ้านเบื้องหน้ากว้างขวาง มีโต๊ะเก้าอี้ไม้วางเข้าชุดกันทางขวาซึ่งอยู่ริมหน้าต่างซึ่งแขวนม่านครึ่งปักลายดอกไม้พลิ้วไปมาตามแรงลม

          “เข้ามาสิจ้ะ”
แม้เสียงเรียกเบาๆนั้นก็ทำให้ม่อนแจ่มสะดุ้งนิดหนึ่ง เขาพยักหน้าเขินๆ ก่อนก้าวเท้าผ่านธรณีประตูเข้าไปภายใน
ลมพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาทั้งสองฝั่งให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ
เฟอร์นิเจอร์ในบ้านเป็นไม้ทั้งหมด ทั้งตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ..มีน้อยชิ้นและดูเก่า ทว่า งดงามสะอาดตา
ช่างเป็นบ้านที่กะทัดรัด อบอุ่นและไม่อึดอัดเลย ที่สำคัญ ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ..ไม่น่าสงสัยแล้วล่ะ ว่าทำไมพชรจึงเป็นผู้ชายที่เรียบร้อยขนาดนี้

บนผนัง ติดหิ้งเล็กๆไว้ มีดอกมะลิสีขาววางหน้าภาพผู้อาวุโสสองท่านที่ม่อนแจ่มเดาว่าเป็นคุณตาและคุณยายของพชร มือเรียวรีบยกขึ้นไหว้
“เพิ่งเสียไม่กี่ปีหรอกจ้ะ โรคประจำตัวน่ะ” เสียงเนิบบอกให้ฟัง ไม่ได้มีท่าทีเสียใจให้เห็น แต่ม่อนแจ่มก็อดจะเอ่ยไม่ได้
“ม่อนเสียใจด้วยครับ”
เพชรลดาพยักหน้ารับ ยิ้มให้ “ท่านมีชีวิตที่มีความสุขจ้ะ”
ม่อนแจ่มยิ้มตอบ หันมองผนังอีกครั้ง เหนือขึ้นไปเป็นพระบรมฉายาลักษณ์สีขาวดำซึ่งน่าจะเก่ามากๆแล้ว
“ติดอยู่ตรงนั้นตั้งแต่น้าเป็นเด็กๆแล้วล่ะ” เพชรลดามองตามสายตาและเสริมให้ฟัง “ครั้งเสด็จอำเภอแม่ทา ปีสองพันห้าร้อยยี่สิบสอง”
ปีสองพันห้าร้อยยี่สิบสอง ..ช่างเนิ่นนานมาแล้ว
ท่านคงเป็นที่เคารพที่นี่ ..เหมือนๆกับทุกพื้นที่ในประเทศไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับครอบครัวเพชรหละปูนที่เป็นเชื้อสายเกษตรกร
ม่อนแจ่มยกมือขึ้นอีกครั้ง ก้มศีรษะลง..

“มาแต่เช้า ยังไม่กินข้าวกันเลยใช่ไหม แม่ทำข้าวต้มไว้นะ พชร”
เพชรลดาพยักพเยิดไปทางครัวที่เปิดโล่งทางด้านหลัง
พชรพยักหน้ารับคำมารดา ก้าวเข้าไปล้างไม้ล้างมือและตักข้าวต้ม

“แม่เรียบร้อยแล้วนะ สองคนกินกันเลย” เพชรลดาเสริม

ม่อนแจ่มไม่อยู่เฉย รีบเข้าครัวไปช่วย หน้าเรียวก้มส่องหม้อสแตนเลสอย่างอยากรู้อยากเห็น
“กินได้นะ?” พชรพยักพเยิดไปทางหม้อข้าวต้มปลา กึ่งถามกึ่งชักชวน และม่อนแจ่มก็ฉีกยิ้มตอบ
“ตักมาเหอะ รับรองเขมือบจนหมด!”
เพชรลดาได้ยินถึงกับหัวเราะขำกับความขี้เล่นนั้น แอบเห็นว่าพชรก็เป็นเช่นเดียวกัน แม้จะไม่ยอมแสดงออกนักก็ตาม

            ใช้เวลากินเพียงไม่นาน และม่อนแจ่มก็เขมือบข้าวต้มจนหมดดังปากว่า รู้สึกทั้งอุ่นและอิ่มท้อง
พชรทำท่าจะเก็บถ้วยให้ แต่เขาต้องยกมือห้าม “กูเก็บเอง”
ว่าแล้วม่อนแจ่มก็เก็บถ้วยของตัวเอง แล้วเอาของพชรมาซ้อนกันด้วย
“พิเศษ แถมบริการล้าง มึงอยู่เฉยๆเลย”

พชรยิ้มมองตามหลัง กระทั่งหันมาเห็นมารดามองอยู่จึงเม้มริมฝีปากไว้
“วันนี้ คนงานเข้าสวนแล้วสิครับ?”
เพชรลดาพยักหน้า “ลิ้นจี่ติดผล ป่านนี้คงเริ่มห่อแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวผมเข้าไปดูครับ”

พชรจะเข้าสวนหรือ? เพชรลดางุนงงเล็กน้อย เพราะตามที่แสงรวีบอกเธอนั้น..
แต่ก็ช่างเถอะ เธอไปคนเดียวก็ไม่เห็นเป็นปัญหานี่นา

“แล้ว..” เพชรลดามองแผ่นหลังบางที่ซิงค์ล้างจาน
พชรมองไปที่เดียวกัน ถอนหายใจนิดหนึ่ง ..ม่อนแจ่มอยากมา เขาก็พามา แต่พามาแล้วนี่.. จะอย่างไรต่อก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
“ถ้าม่อนอยากไป ..ผมก็จะพาไปด้วย” พชรพูดไปก็นึกถึงคนที่ม่อนแจ่มคงจะได้เจอในสวนไปด้วย
คิดไม่ทันถึงไหน.. เสียงเครื่องยนต์รถกระบะคันเก่าก็ดังมาตามทางจากในสวนทางจนหยุดหน้าบ้าน
พชรขมวดคิ้วเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง
เขากลืนน้ำลายลงคอนิดหนึ่ง ..รู้ว่าคนขับเป็นใคร

แทบจะนาทีเดียวกับที่คนขับลงมาจากรถ ม่อนแจ่มก็เดินออกมาจากครัว
“มีอะไรให้ม่อนช่วยทำ บอกด้วยนะครับ”
เรียวปากอิ่มยกยิ้ม ..ม่อนแจ่มทำความเข้าใจอยู่แล้วว่ามาถึงพชรคงจะต้องทำงานด้วยเป็นลูกชาวสวน
เขาไม่ได้ตั้งใจมาให้เลี้ยงดูปูเสื่ออะไร ซ้ำยังอยากรู้ว่าตัวเองพอจะช่วยแบ่งเบางานอะไรได้บ้างไหม

“เดี๋ยวพชรเข้าสวน ถ้าม่อนจะไปด้วยก็ไป”
เพชรลดาบอก และม่อนแจ่มก็ยิ้มแฉ่งตอบกลับอย่างที่คาดได้ “ม่อนไปด้วยสิครับ รออะไร!”

          “คุณพชรครับ!”
เสียงเรียกดังมาจากชานบ้านภายหลังเสียงฝีเท้าย่ำผ่านขั้นบันได
คนถูกเรียกหันมองม่อนแจ่มนิดหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะเอี้ยวตัวเดินออกไปและเห็นคนงานคนสนิทยืนรออยู่ตรงนั้นอย่างที่พชรรู้ว่าต้องเป็น..

“เห็นรถจอด เลยรู้ว่าคุณพชรมาแล้ว” แสงรวีเอ่ย ดูรีบร้อน
“ผมกำลังจะเข้าไปพอดีครับ” หน้าคมพยักรับ “คนงานห่อลิ้นจี่แล้วใช่ไหม”
“ครับ แต่..” แสงรวีรับคำทั้งแปลกใจ “คุณพชรจะเข้าสวนเลยหรือ?”
“ทำไมครับ” พชรแปลกใจเช่นกัน
“พอดีนี่จะเก้าโมงแล้ว ผมเลยมาดูว่าคุณพชรออกไปหรือยัง”
“ไปไหนครับ?”
“วันนี้มีประชุมรับมือภัยแล้ง คุณพชรบอกจะไปกับคุณลดาไงครับ ลืมหรือ?”
พชรอ้าปากค้าง ..จริงด้วย ลุงแสงบอกเขาแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน ทว่า พชรมัวแต่คิดถึงเรื่องอื่นจนลืมไปเสียสนิท

         ภายในบ้าน เพชรลดาได้ยินบทสนทนานั้น และตรงหน้าเธอ ..เด็กหนุ่มจากเชียงใหม่มองผ่านประตูออกไป
“มีคนมาอ่ะครับ คุณน้าลดา”
เพชรลดาพยักหน้า ..เธอรู้ว่าใคร
เธอเองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้ แต่อย่างไร.. ม่อนแจ่มก็อยู่ตรงนี้และแสงรวีก็อยู่ตรงนั้น
ไม่มีทางที่จะห้ามคนทั้งสองไม่ให้พบกับ ..และไม่เห็นเหตุผลที่จะทำอย่างนั้นด้วย
เพชรลดาเดินนำไปสู่ประตู ..ปล่อยให้ม่อนแจ่มเดินตามหลัง

           แสงแดดยามสายส่องสว่าง ไอร้อนคลายลงด้วยสายลมที่โบกพัดมา
แล้ว.. โดยไม่ทันได้เตรียมตัว หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเก้าใส่แว่นกรอบดำก็เผชิญหน้ากับหนุ่มน้อยแว่นแดงวัยสิบเก้า..

แสงรวีชะงัก.. ริมฝีปากเผยอค้าง.. ดวงตารีเล็กเต็มไปด้วยความรู้สึกขณะเพ่งมองร่างเบื้องหน้าอย่างไม่แน่ใจ
ก็ใช่.. ที่คุณพชรบอกแล้วว่าจะมา แต่ก็ไม่ได้บอกว่ามาเมื่อไหร่ แล้วแสงรวีก็ไม่คิดว่าจะเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ให้หลังเช่นนี้

เด็กหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากในบ้านใส่แว่นตากรอบสีแดง
สวมเสื้อลายหมีตัวเหลืองเสื้อแดงกำลังกินน้ำผึ้ง ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์สีดำ
ผิวขาวจนเกือบจะซีด ตัวเล็กนิดเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับคุณพชร ทว่า ใบหน้าเรียวนั้นสดใสและมีรอยยิ้ม
แสงรวีไม่คิดว่าจะมีวันได้พบคนคนนี้ในระยะใกล้ขนาดนี้.. ไม่เคยคิดมาก่อนเลย..

ม่อนแจ่มมองสบตาผู้มาใหม่ เขาแน่ใจว่าไม่เคยพบกันที่ใดมาก่อน กระนั้น..
บุรุษร่างเล็กสวมเสื้อคลุมแขนยาวสีมอและหมวกปีกกว้างที่ยืนตรงหน้าดูคุ้นตา
ถ้าเดินสวนกันที่อื่น ม่อนแจ่มคงไม่มีผิดสังเกตอะไรเลย
แต่ในสถานที่นี้.. ในความคล้ายคลึงนี้..
และที่สำคัญ.. ในแววตาภายใต้กรอบแว่นสีดำที่กำลังมองเขาอยู่นี้..

จะ.. ใช่คนนี้หรือเปล่า..

มือม่อนแจ่มสั่นเล็กน้อยขณะยกขึ้นมาประนมและศีรษะเล็กก็ก้มลงแทนคำสวัสดี
ริมฝีปากอิ่มเผยอ อยากจะเอ่ยอะไรๆ ..แต่ก็ดูเหมือนไม่แน่ใจสิ่งที่จะพูด
ม่อนแจ่มไม่แน่ใจ ..ไม่ใช่เพราะอะไรเลยนอกไปเสียจากว่ามันง่ายดายเกินไปจนไม่น่าเชื่อ
เขาจินตนาการวินาทีนี้มาตลอดทางจากเชียงใหม่ ที่จริง.. ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าจะมาลำพูนด้วยซ้ำ
แต่เขาไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้.. ไม่คิดว่ามันจะแค่นี้..
แค่ม่อนแจ่มยืนอยู่ตรงนี้ ..และ ..ก็อยู่ตรงนั้น

         “ลุงแสงครับ ..นี่ม่อน” พชรแนะนำอย่างแทบไม่จำเป็นเลย “..มากับผม”
..
“ม่อน ..นี่ลุงแสง”
พชรหยุดแค่นั้น ไม่รู้จะแนะนำว่าลุงแสงเป็นใคร
สำหรับเขา ลุงแสงเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ สำหรับมารดา ลุงแสงเป็นพี่ชายที่ซื่อสัตย์ สำหรับสวนเพชรหละปูน ลุงแสงเป็นหัวหน้างานที่ขยันขันแข็ง
แต่พชรไม่อาจบอกได้ ..ว่าลุงแสงเป็นใครสำหรับม่อนแจ่ม

แสงรวีกลืนน้ำลาย ขณะมือยกขึ้นรับไหว้ ตาไม่ได้มองเจ้านายหนุ่ม มองเพียงเจ้าของศีรษะเล็กที่กำลังเงยขึ้นมา ทว่า พอสบสายตาอีกครั้งก็ได้แต่ละไปเสีย ไม่ใคร่กล้าจะประสานนานนัก

“ถ้าอย่างนั้น ผมไปแทนให้ดีไหมครับ หรือว่ายังไง?” แสงรวีหันไปเอ่ยกับเจ้านาย
พชรหยุดคิด อดไม่ได้ที่จะมองม่อนแจ่ม
เขาพูดไว้กับลุงแสงว่าจะไปประชุมกับมารดา แต่เขาเองพาม่อนแจ่มมาและไม่ได้มีแผนจะทิ้งไว้คนเดียว

“เอ้อ..”
ม่อนแจ่มมองคนทั้งสองสลับไปมา ปะติดปะต่อบทสนทนานี้กับบทสนทนาก่อนหน้าเข้าด้วยกัน
เสียงเล็กเอ่ยค่อยๆอย่างเกรงใจและกลัวเสียมารยาท
“ถ..ถ้าพชรมีอะไรที่จะต้องทำ ก็ไปทำเถอะนะ กูอยู่ได้..”
ม่อนแจ่มไม่ต้องการเป็นภาระหรือตัวถ่วง ไม่อยากขัดขวางภารกิจปกติใดๆของพชรเลย
“แค่.. บอกหน่อยว่ากูพอจะช่วยทำอะไรได้บ้างไหม”

แหงละ.. ม่อนแจ่มอยากอยู่กับพชร
ในฐานะที่เพิ่งมาถึง เขาไม่ได้คาดว่าคนที่เชื่อมั่นและไว้วางใจจะต้องออกไปไหนโดยที่เขาไม่ได้ไปด้วยแบบนี้
แต่ม่อนแจ่มจะแสดงความปอดแหกออกมาได้อย่างไรกันเล่า แค่นี้.. พชรก็ห่วงเขามากอยู่แล้ว

พชรเองไม่อยากทิ้งม่อนแจ่มไว้ ไม่เลย..
แต่ดวงตาภายใต้กรอบแว่นที่ประสานกลับมามีความเด็ดเดี่ยวอย่างที่เขามักจะเห็นเสมอเวลาม่อนแจ่มรู้สึกกลัวและพยายามต่อสู้
มันเป็นความกล้าหาญในอีกรูปแบบที่พชรเรียนรู้จากคนตรงหน้าตลอดหลายเดือนที่พำนักอยู่ในหอสามชาย
อีกประการหนึ่ง ถ้านี่จะเป็นโอกาส..

“ถ้าอย่างนั้น..” พชรตัดสินใจ หันมองแสงรวี
หนุ่มใหญ่นิ่งไป แต่ก็เพียงเพื่อแปลความหมายจากสายตาเจ้านายหนุ่ม ก่อนให้คำมั่นอย่างเข้าใจความรู้สึกที่ส่งผ่านมา
“ผมจะดูแลให้ครับ”

ดวงตาสองคู่หยุดจ้องกันอยู่หลายอึดใจ ..ม่อนแจ่มมองคนทั้งสองสลับไปมา
หนึ่ง.. คือคนคุ้นเคย อีกหนึ่ง.. คือคนที่เพิ่งพบเจอ
ม่อนแจ่มอ่านแววตาพชรออก ..มันแสดงความห่วงใยและไม่ต้องการทอดทิ้ง
แล้วแววตาของผู้ใหญ่ท่านนี้ล่ะ?

“ผมจะดูแลให้ครับ”

ท่านบอกว่าจะดูแลม่อนแจ่ม ..และพชรก็พยักหน้ารับ
เท่าที่ม่อนแจ่มบอกได้ ..คือคุณลุงแสงคนนี้เป็นที่ไว้วางใจของพชรจริงๆ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

(ต่อรีฯถัดไป)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 15-01-2017 00:27:16
            “มีเสื้อคลุมอยู่ในตู้ และ..”
เสียงเข้มเอ่ยบอก ..คนฟังพยักหน้ารับ
“แดดร้อนนะ ..มีหมวกแขวนอยู่ตรงนั้น”
เสียงเดิมเอ่ยอีก คนฟังก็พยักหน้าอีก
“ทางขรุขระหน่อย..”
“พชร” ม่อนแจ่มเรียกชื่อเสียงหนัก มือบางยกขึ้นแตะท่อนแขนสีแทนไว้ ย้ำให้มั่นใจ “ไม่ต้องห่วง”

           แม้จะเป็นคนเอ่ยว่า ‘ไม่ต้องห่วง’ ทว่า เมื่อแผ่นหลังกำยำคล้อยลงบันไดไปพร้อมมารดา หัวใจคนอยู่ข้างหลังก็เต้นแรงขึ้นอย่างประหม่าในความไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศและสถานที่
แสงรวียืนเงียบๆอยู่ข้างกัน อย่างน้อยก็ก่อนที่ม่อนแจ่มจะหันมาและคลี่ยิ้มส่งให้
“ค..คุณลุงแสงรอแป๊ปนึงนะครับ” ม่อนแจ่มว่า แล้วก้าวเท้าไปยังตู้ไม้ที่พชรชี้ให้เห็นก่อนหน้านี้
มือเรียวดึงมือจับเปิดออก ..มันเป็นที่สำหรับเก็บเสื้อคลุมนั่นเอง
เสื้อคลุมแขวนอยู่สองฝั่ง จากขนาดทำให้ม่อนแจ่มรู้ได้ว่าฝั่งหนึ่งเป็นของพชร อีกฝั่งเป็นของคุณน้าลดา
ม่อนแจ่มค่อยๆหยิบเสื้อแขนยาวลายสก็อตตัวบางออกมาหนึ่งตัว ..แล้วสวมทับเสื้อยืดลายหมีพูห์แขนสั้นของเขา

นี่เป็นเสื้อของพชร..

หน้าขาวเงยขึ้น เห็นหมวกปีกกว้างแขวนไว้กันผนังเหนือตู้ เขาจึงเขย่งเท้าขึ้นนิดหนึ่ง  หยิบหมวกมาสวมลงบนศีรษะ ผูกด้ายสีขาวให้พอดีที่ใต้คาง

นี่ก็หมวกของพชร..

ม่อนแจ่มไม่เคยใส่เสื้อคลุมแบบนี้ ..และไม่เคยใส่หมวกแบบนี้
ในความรู้สึกของเขา มันแทบจะเหมือน ‘เครื่องแบบ’
จากที่ม่อนแจ่มคิดว่าเครื่องแบบแรกหลังจากชุดนักศึกษา จะเป็นเสื้อช็อปสีน้ำเงินในฐานะนักศึกษาวิศวกรรมเครื่องกล ทว่า นี่ไม่ใช่.. ที่เขาใส่อยู่นี้เป็นชุดของพชร ซึ่งเจ้าตัวสวมใส่ในฐานะเกษตรกร
ม่อนแจ่มก้มมองเท้าตัวเอง ดีใจที่เขาเลือกสวมผ้าใบมา ไม่ใช่รองเท้าแตะ.. เพราะมิเช่นนั้นล่ะเดือนร้อนหนัก จะยืมพชรก็ไซซ์ห่างกันไกล ท่าว่าใกล้เคียงสุดคงต้องเป็นรองเท้าลุงแสงกระมัง ..ม่อนแจ่มแอบเหลือบมอง

           “ที่จริง คุณม่อนพักอยู่ที่บ้านก็ได้นะครับ” แสงรวีเอ่ยอย่างจริงใจ
“ไม่ได้หรอกครับ” ม่อนแจ่มพยายามยิ้ม แม้จะยังคงประหม่า “จะอยู่เฉยๆได้ยังไง ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง เดี๋ยวพชรจะว่าเอาได้ว่าพามาหนักรถเปล่าๆ”
แสงรวีหลุดหัวเราะนิดหนึ่ง “คุณพชรไม่ว่าใครหรอกครับ จะมีก็พูดบ้างก็เรื่องงาน แต่ผิดถูกก็พูดไปตามจริง ไม่เคยจะว่าหรือตำหนิใคร คุณม่อนไม่ต้องกังวล”
“ผมล้อเล่นน่ะครับ” ม่อนแจ่มหัวเราะแหะๆ แล้วก็กัดปากเมื่อนึกถึงคนที่ถูกกล่าวขวัญถึง
“ผมรู้ว่าพชรใจดีที่สุดในโลก..”

แสงรวีสะดุดกับประโยคหลังสุดที่เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบานั้นจนต้องเพ่งมองคนพูด ทว่า ดวงหน้าขาวมองไปตามถนนที่รถของเจ้านายเพิ่งจะแล่นผ่านไปอย่างคำนึงถึง..

“ม่อนแจ่มเป็นคนน่ารัก”
..
“น่ารักมาก..”


คนเป็นผู้ใหญ่หวนระลึกถึงคำพูดเมื่ออาทิตย์ก่อนของเจ้านายหนุ่ม แล้วตัดกลับมาที่คำพูดนี้ที่เพิ่งจะได้ยิน

“ผมรู้ว่าพชรใจดีที่สุดในโลก..”

ริมฝีปากแสงรวียกขึ้นน้อยๆเป็นรอยยิ้ม
ความรู้สึกเช่นนี้เป็นอะไรที่งดงาม ..การที่คนคนหนึ่งมองคนอีกคนในแง่ดี ..การที่คนสองคนชื่นชมกันและกันอย่างจริงใจ

             ม่อนแจ่มประจำการบนเบาะหน้าคู่คนขับในกระบะคันเก่าที่ลำตัวเขาโยกคลอนไปตลอดเส้นทางขรุขระดังที่พชรคงคาดการณ์ได้ตั้งแต่ยืนกันอยู่ ณ ชานบ้าน
ดวงตาในกรอบแว่นแดงหันมองทั้งซ้ายขวา ไม้ผลหลายต้นปลูกเรียงกันไปและเนื่องจากยังไม่เห็นผลใดๆเลย เอาตรงๆว่าเด็กเมืองบอกไม่ถูกว่าต้นอะไรเป็นต้นอะไร เขาจึงเริ่มทำการชวนคุย..

“ผมเป็นรูมเมทพชรที่มหา’ลัยครับคุณลุงแสง..”
แสงรวีพยักหน้า ขับรถพลางเหลือบมองคนข้างๆ “ผมทราบครับ”
“เอ้อ.. ตอนที่คุยกัน พชรบอกว่าที่สวนปลูกผลไม้หลายอย่างครับ”
ที่จริง ไอหมอกเป็นคนคุย แต่ก็ช่างเถอะ ม่อนแจ่มถือว่าตัวเองอยู่ในวงสนทนาเหมือนกัน
“ผมจำได้ว่ามีลำไย ลิ้นจี่ แอปเปิ้ล สาลี่ แล้วก็ลูกพลับ”
“ใช่ครับ” แสงรวีพยักหน้าอีกครั้ง “พลับนี่ลงหลังสุด สักหกเจ็ดเดือนก่อน”
“แล้วตอนนี้ คุณลุงแสงกำลังไปที่สวนอะไรหรือครับ”
“ลิ้นจี่ครับ” แสงรวีตอบ “ที่จริง.. ทุกๆวัน ผมก็จะพยายามวนไปดูทุกสวน ตอนนี้พลับยังไม่ต้องทำอะไรมาก ลำไยเพิ่งแทงช่อดอก แอปเปิ้ลกับสาลี่ก็ให้น้ำไปแล้ว ช่วงนี้ที่ยุ่งคือลิ้นจี่”
“กำลังทำอะไรหรือครับ” ม่อนแจ่มถามอย่างสนใจ
“ห่อครับ” คนขับตอบรับ เล่าเรื่อยๆ ดีใจที่มีเรื่องคุยให้คลายประหม่า “พอออกผล ใกล้ๆเปลี่ยนสีต้องรีบห่อละ”
“ป้องกันพวกหนอนพวกแมลงสินะครับ” ม่อนแจ่มว่าตามความรู้พื้นๆที่มี
“ใช่ครับ นอกจากนั้น สีของผลจะสวยด้วย ตำหนิที่ผิวจะน้อยครับ ไม่โดนลม”

อ้อ.. นั่นสินะ..
ม่อนแจ่มอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโง่
PP Group ทำผลไม้แปรรูป แต่เท่าที่ผ่านมา ตัวเขาเองมองแต่ว่าผลสดจะทำยังไงให้เป็นผลแห้งหรือผลเชื่อม โดยลืมนึกไปเสียสนิท ว่าก่อนจะมาเป็น ‘ผลสด’ ซึ่งก็คือ ‘วัตถุดิบ’ ที่มาเข้าสู่กระบวนการแปรให้เป็นผลิตภัณฑ์ในเครือของบริษัทนั้นมันมาจากที่ใด
มันมาจากที่นี่ ..มาจากน้ำพักน้ำแรงของเกษตรกรอย่างพชร ..อย่างคุณน้าเพชรลดา ..อย่างคุณลุงแสง

รถกระบะห้อปุเลงๆไปตามทาง กระทั่งชะลอจอดบริเวณที่คนงานชายหญิงกำลังปฏิบัติหน้าที่
ลิ้นจี่ยืนต้นเรียงรายสองข้างทั้งซ้ายขวา ซึ่งหลายต้นที่ม่อนแจ่มนั่งรถผ่านมาก็ถูกห่อช่อขาวโพลนไปหมด
ร่างเล็กเปิดประตู กระโดดลงจากรถ ตามลงมาด้วยแสงรวีที่ดับเครื่องเรียบร้อย

ม่อนแจ่มชะโงกมองไปรอบๆ เห็นรถกระบะเล็กอีกคันที่บรรทุกกระดาษขาวหลายปึก
“ใช้กระดาษนั้นห่อหรือครับ คุณลุงแสง?”
“ครับ” แสงรวีตอบรับ พลางอธิบาย
“เมื่อก่อนก็ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ แต่มันฉีกขาดง่าย ยุ่ยลงมาเป็นขยะ หมึกปนเปื้อนในดิน เราก็เลยเปลี่ยนมาใช้กระดาษห่อผลแบบนี้ น้ำซึมผ่านได้ แต่แห้งเร็ว”

ม่อนแจ่มยิ้มเจื่อนๆ เมื่อคนงานหลายคนเงยหน้าจากงานขึ้นมองผู้มาใหม่อย่างเขา มือเรียวยกขึ้นไหว้ทุกคน ทุกทิศ ทุกทาง
“ม่อนช่วยทำได้ไหมครับ?”
แสงรวียิ้มอ่อนโยน “เอาสิครับ”

ม่อนแจ่มนั่งลงใต้ร่มลิ้นจี่เหมือนคนงานคนอื่นๆ มือบางหยิบกระดาษขึ้นมา ขนาดมันประมาณสี่สิบคูณหกสิบเซนติเมตร พลางเมียงมองว่าคนอื่นๆทำอย่างไร แสงรวีจึงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงใกล้ๆ
“คุณม่อนพับริมด้านหนึ่งเข้ามา ใช้แป้งเปียกทา แล้วติดกันเป็นถุงทะลุบนล่างแบบนี้ครับ แล้วเดี๋ยวคนงานเขาจะเอาไปห่อลิ้นจี่เอง มัดด้วยตอกแบบนั้น”
ม่อนแจ่มมอง ‘ตอก’ ที่วางอยู่หลายมัด มันคือไม้ไผ่เหลาบางมากเป็นเส้นแบน ความยาวคงสักยี่สิบถึงสามสิบเซนติเมตรได้
ครั้นแล้ว ม่อนแจ่มก็มองตามที่คุณลุงแสงชี้ไป ลิ้นจี่ต้นใกล้ที่สุดกำลังถูกห่อช่อ
คนงานกำลังห่อช่อลิ้นจี่ต้นที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก บ้างก็ยืนห่อง่ายๆบนพื้นดิน บ้างก็ต้องปีนบันไดขึ้นไปห่อช่อที่อยู่สูง

ทีแรก.. ม่อนแจ่มช่วยพับกระดาษ
จากนั้น.. เขาขยับไปส่องวิธีการห่อของคนงาน กระทั่งหันมองตาคุณลุงแสงอย่างวอนขอ มือขาวสั่นดิ๊กๆอยากจะห่อกับเขาบ้าง
แสงรวีหัวเราะนิดหนึ่ง พยักหน้าอนุญาต และให้คำแนะนำอยู่ใกล้ๆ
“สอดเข้าไปอย่างนั้นล่ะครับ ระวังนิดหนึ่งเนาะ.. ครับ แล้วรวบไว้ เอาตอกมัดให้แน่นเน้อ ไม่ใช่ว่าไปห่อช่ออื่นแล้วช่อนี้หลุดลงมา”

ฮ่ะๆ!

“ก็กลัวอยู่ครับ” ม่อนแจ่มหลุดหัวเราะ แต่ก็จริงจังด้วย
สำหรับเขา มันคือการทดลองทำสิ่งใหม่ๆก็จริง แต่สำหรับคนอื่นๆทุกคน รวมถึงคุณลุงแสง นี่คืองาน คืออาชีพที่เลี้ยงปากท้อง
สำหรับพชรและคุณน้าเพชรลดาที่แม้ตัวไม่ได้อยู่ตรงนี้ ก็คงไม่ได้รู้สึกต่างไป ในเมื่อนี่คือ ‘ผลิตผล’ ของสวนพวกเขา

แสงรวีมองช่อลิ้นจี่ที่ม่อนแจ่มห่อ เมื่อพยักหน้าให้ เป็นสัญญาณว่า 'ผ่าน' ร่างเล็กจากเชียงใหม่จึงลั้ลลานัก รีบไปคว้ากระดาษ นำใส่ถุงปุ๋ยเหมือนคนงานคนอื่นๆ แล้วหิ้วมาเป็นสมบัติของตนเองเสียเลย ก่อนผูกช่อต่อไปที่อยู่บนกิ่งต่ำๆเท่าที่เขาสามารถทำได้

          ม่อนแจ่มยิ้มกับช่อลิ้นจี่ผลเล็กสีเขียว..
นี่เอง ..คือก่อนที่จะมาเป็นลิ้นจี่เปลือกสีแดงอมชมพูอวบอิ่ม ..ก่อนจะเป็นเนื้อลิ้นจี่สีขาวขุ่นในน้ำเชื่อม ..ก่อนจะอยู่ในกระป๋องในนามผลิตภัณฑ์ของบริษัท มันล้ำค่ามาก และเขาจะปฏิบัติกับลิ้นจี่ด้วยความเคารพนบนอบเลยทีเดียว!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          จะว่าการห่อลิ้นจี่เป็นไปอย่างรวดเร็วก็ได้ จะว่าช้าก็ได้ 
ที่ว่าเร็วเพราะคนงานห่อแต่ละต้นเสร็จในเวลารวดเร็วเหลือเชื่อสำหรับม่อนแจ่ม ที่ว่าช้าก็เพราะมีลิ้นจี่อีกนับร้อยต้นที่ยังรอการห่อให้แล้วเสร็จ
“ในสวน ปลูกลิ้นจี่มากที่สุดแล้วหรือเปล่าครับ คุณลุงแสง”
ม่อนแจ่มอดจะเอ่ยปากถามไม่ได้ มือเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมออกมาจากไรผมเกาะพราวบนหน้าผากติดขอบหมวกสาน
ตายังแลเห็นต้นลิ้นจี่อีกนับไม่ถ้วนเบื้องหน้า
แสงรวีหัวเราะ อยู่ถัดไปหลายกิ่ง แต่ก็โผล่หน้าผ่านใบเขียวมาให้ม่อนแจ่มเห็น
“ลำไยมากกว่าครับ รองลงมาเป็นลิ้นจี่ สาลี่ แอปเปิ้ล แล้วก็พลับที่เพิ่งปลูกตามลำดับครับ”
“โอ้..” ม่อนแจ่มอ้าปากค้างไว้
คุณน้าเพชรลดากับพชรต้องเก่งขนาดไหนกันละนี่ ไหนจะคุณลุงแสงอีก

แสงรวีเหมือนจะรู้ความคิดนั้นจึงชิงเอ่ยอย่างถ่อมตัว
“เดิมทีก็มีแต่ลำไยห้าสิบไร่เท่านั้นครับ ต่อมา คุณลดาก็ขยายสวนมาเรื่อยๆ ชาวบ้านในละแวกนี้มาช่วยเป็นคนงานกันทั้งนั้นครับ”
“คุณลุงแสงทำงานมานานแล้วสิครับ”
“ก็..” แสงรวีกลืนน้ำลาย หยุดชะงักอย่างไม่ตั้งใจ
นับตั้งแต่ลาออกหรืออีกนัยหนึ่งก็คือ.. ถูกไล่ออกจากงานบัญชีที่บริษัทในเมืองเชียงใหม่ แล้วกลับลำพูนบ้านเกิด ทำงานบัญชีก๊อกๆแก๊กๆให้ร้านค้าในเมือง กระทั่ง เจอคุณลดาที่ครอบครัวนับถือเป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ แล้วชักชวนมาช่วยทำสวนลำไย จนถึงบัดนี้ก็..
“สิบเก้าปีแล้วครับ”

มือบางชะงักบ้าง.. ดวงตาในกรอบแว่นแดงสบกับของคนพูดในแว่นดำ อดจะเอ่ยไม่ได้
“เท่าอายุผมเลยครับ..”

ม่อนแจ่มแตะกิ่งลิ้นจี่ค้าง ตาหรุบมองพื้น ใจสั่นขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“สิบเก้าปีที่ผ่านมา กว่าจะถึงตอนนี้ คุณน้าลดากับคุณลุงแสงคงเหน็ดเหนื่อยมากมาย”
แล้วแรกเริ่มที่คุณลุงแสงบอกว่ามีลำไยเพียงห้าสิบไร่นั้น ..คุณน้าลดากำลังท้องพชร
จู่ๆ น้ำใสก็เอ่อขึ้นมาคลอหน่วยตา ความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นครั้งเพิ่งรู้ความจริงผุดขึ้นมาซ้ำเติมหัวใจอีกครา

“ไม่ใช่ความผิดคุณม่อน” แสงรวีละจากลิ้นจี่ช่อที่กำลังรั้งมาห่อ ขยับเข้าใกล้ร่างเล็ก เอ่ยน้ำเสียงเฉียดขาด
คำพูดของเจ้านายหนุ่มเมื่ออาทิตย์ก่อนกระทบห้วงคำนึง จนลืมที่จะระวังคำพูด

“รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด แต่เขาไม่ฟูมฟาย ไม่โวยวายอะไรเลย
สิ่งที่เขารู้สึกคือสงสาร ..สงสารแม่ผม สงสารผม ที่ตัวเองไปอยู่แทนที่ เขาสงสารคนอื่นจนลืมที่จะสงสารตัวเอง”


ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้น กลืนอะไรขมๆลงคอ ถามออกมาสั่นๆ
“อะไรไม่ใช่ความผิดผมครับ..”
“อะไรที่เกิดก่อนคุณจะลืมตาดูโลกมันก็ไม่ใช่ความผิดคุณทั้งนั้น..”

ม่อนแจ่มลืมวิธีการมัดตอกไปแล้ว เขาได้แต่นิ่งค้างจ้องมองคุณลุงแสง
แววตาที่ส่งผ่านแว่นกรอบดำออกมานั้นเต็มไปด้วยความอาทร ..มากมายเสียจนม่อนแจ่มรู้สึกได้ชัดเจน
คุณลุงแสงไม่ได้อธิบายความหมายของถ้อยคำนั้นเพิ่มเติม แล้วม่อนแจ่มก็ไม่มีอะไรจะถาม
ไม่ถามว่าคุณลุงแสงรู้เรื่องราวต่างๆได้ยังไง คุณลุงแสงเป็นใคร ทำไมต้องห่วงใยความรู้สึกของเขา
มันราวกับ.. ม่อนแจ่มรู้เหตุผลอยู่แล้ว และการที่คุณลุงแสงพูดสิ่งนี้ออกมา ก็เป็นการยืนยันว่าเหตุผลของม่อนแจ่มนั้นถูกต้อง

          ในแสงแดดจัดยามใกล้ตะวันตรงศีรษะ
ม่อนแจ่มยังคงตั้งหน้า ตั้งตาและตั้งใจห่อช่อลิ้นจี่ กระทั่งประมาณครึ่งชั่วโมงให้หลัง จึงได้ยินเสียงคุณลุงแสงอีกครั้ง
“คุณม่อน พักกินข้าวก่อนเถอะ”
คนถูกเรียกโต๋เต๋ออกมาจากกิ่งลิ้นจี่ที่โน้มลง น้ำเสียงแหบโหยเพราะกระหายน้ำ “ม่อนไม่ได้เอาข้าวมาครับ”
แสงระวีชะงักไปนิดหนึ่งกับคำแทนตัวนั้น..
ไม่ใช่ ‘ผม’ แต่เป็น ‘ม่อน’

ม่อนแจ่มขมวดคิ้วกับการหยุดมองเขาค้างของผู้ใหญ่ตรงหน้าเช่นกัน อึดใจเดียวจึงตระหนักได้..
ปกติ ม่อนแจ่มติดแทนตัวเองว่า ‘ม่อน’ กับคนที่สนิทกัน ซึ่งการห่อลิ้นจี่ตลอดกว่าสามชั่วโมงที่ผ่านมา
ความช่วยเหลือ การแนะนำ คำพูดคุยทั้งหมดนั้นทำให้เขาแทนตัวเองด้วยชื่อกับคุณลุงแสงเสียแล้ว

“เอ้อ..” แสงรวีเรียกสติกลับมา เอ่ยชวนต่อด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ ทานกับผมก็ได้ มาดูก่อนแล้วกันว่าคุณม่อนพอทานได้หรือเปล่า”
ม่อนแจ่มหน้ายู่ “อย่าว่างู้น งั้น งี้เลยนะครับ คุณลุงแสงเรียกว่าม่อนเฉยๆได้ไหมครับ แบบ..ไม่ต้องมีคุณ”
แสงรวีขมวดคิ้ว “ผมเรียก คุณพชร คุณม่อนมากับคุณพชร สถานะเดียวกัน ..ผมเรียกคุณม่อนก็ถูกแล้วครับ”
“งืม..” ม่อนแจ่มกัดปากจึ๊กจั๊ก มือกอดอกใช้ความคิด
“ถ้างั้น.. ผมจะเรียกคุณพชรด้วย”
..
“ตอนนี้ ผมไม่ได้มากับคุณพชร แต่อยู่กับคุณลุงแสง ทำงานเหมือนคุณลุงแสง แถมเรียกเจ้านายว่าคุณพชรเหมือนคุณลุงแสงอีก เพราะงั้น.. เรียกผมว่าม่อนเฉยๆนะครับ”
..
แสงรวียิ้ม ขณะเดินนำกลับไปเอาปิ่นโตที่รถ
“คุณม่อนก็กำลังเรียกผมว่าคุณลุงแสงนะครับ”

อะ..
เออว่ะ..
งั้น..

“ลุงแสงห่อข้าวมากินในสวนแบบนี้ทุกวันหรือครับ”
..
คนเดินนำกลืนน้ำลายนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบคนเดินตามหลัง “ก็ทุกวันนั่นล่ะ ..ม่อน”

นั่นแหละ.. ม่อนแจ่มจึงฉีกยิ้มให้แผ่นหลังชุ่มเหงื่อในเสื้อคลุม..

             ในปิ่นโตของคุณลุงแสงนั้นเป็นกับข้าวง่ายๆ มีผัดผัก น้ำพริกหนุ่มและแคบหมู
“กินได้ไหม ม่อน?”
“ได้หมดครับ” ม่อนแจ่มพยักหน้าหงึกหงัก “แต่ว่า.. ถ้าม่อนแย่งกิน ลุงแสงจะอิ่มหรือเนี่ย”
แย่งกิน.. พูดอะไรอย่างนั้น แสงรวีหัวเราะ พลางป้องปากตะโกนไปวงข้างๆ
“อ้ายเอิบ มีกับข้าวแบ่งก่อ?”
“ปะเลอะปะเต๋อ” คนซึ่งถูกเรียกว่า ‘เอิบ’ กวักมือเรียก
“มากิ๋นโตยกั๋นนี่ มาๆ ทั้งสองแว่นฮั่นล่ะ!”

'สองแว่น'
แสงรวีกับม่อนแจ่มมองหน้า มองแว่นอีกฝ่าย แล้วหลุดหัวเราะลั่น
พวกเขากลายเป็น ‘สองแว่น’ แห่งสวนเพชรหละปูนไปแล้ว!

          “เอ้านี่!”
ลุงเอิบตักน้ำพริกอ่องแบ่งมาให้ม่อนแจ่ม อีกเดี๋ยวป้าอิ่มก็ตักหมูผัดพริกขิงมาให้ แล้วใครสักคนที่เขายังไม่รู้จักชื่อก็แบ่งไส้อั่วมาอีก ม่อนแจ่มรีบไหว้ขอบคุณยกใหญ่
กับข้าวก็เผ็ดนั่นแหละ แต่น้ำใจของเพื่อนร่วมวง ความหิว ความเหนื่อยและความจริงที่ว่าข้าวต้มปลาหมดไปตั้งแต่ห่อลิ้นจี่ต้นที่ยี่สิบ ม่อนแจ่มจึงกินได้ทุกอย่าง
หลายๆคนรีบกินเพื่อรีบทำงานต่อ ม่อนแจ่มตระหนักว่าลุงแสง ลุงเอิบ และป้าอิ่มนั้นน่าจะรับประทานช้ากว่าปกติเพียงเพื่อรอเขาที่กินข้าวพลางกินน้ำพลางเพื่อกลบรสเผ็ด
อย่างไรก็ตาม เวลาเป็นงานเป็นการ ม่อนแจ่มจะกินเอ้อระเหยอยู่คนเดียวไม่ได้ เขาจึงเขมือบอาหารที่เหลือลงท้องจนเกลี้ยง

“ปกติก็ไม่ต้องรีบนักหรอกครับ” แสงรวีรินน้ำ ส่งให้เด็กหนุ่มอีกแก้ว
“กินให้มีความสุข รู้รสชาติอาหาร แต่พอดีวันนี้เป็นวันที่ยุ่ง ..ทุกคนก็เลยรีบกัน”
ม่อนแจ่มพยักหน้าเข้าใจ ซดน้ำอึกๆจนหมดแก้ว ช่วยเก็บเศษอาหาร เช็ดปิ่นโต
เอาละ เรียบร้อย ม่อนแจ่มพร้อมทำงานต่อ!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 15-01-2017 00:34:23
            มือแกร่งหมุนพวงมาลัยเลี้ยวไปตามทางที่คุ้นเคย
การประชุมแล้วเสร็จไม่ทันเที่ยง เกษตรจังหวัดยังเลี้ยงอาหารกลางวัน แล้วพูดคุยต่อในตอนบ่าย กว่าพชรจะกลับสวนก็คล้อยบ่ายสอง
ใจเด็กหนุ่มรู้สึกกังวล ทว่าก็พยายามบอกตัวเอง
ลุงแสง.. นอกจากเหตุผลที่ท่านเป็นคนที่เขาไว้วางใจที่สุด นอกไปเสียจากตัวเองและมารดา ลุงแสงคือบิดาแท้ๆของม่อนแจ่ม คนที่เขาห่วงใยไม่มีทางเป็นอะไรเมื่ออยู่กับลุงแสง

แต่.. สองคนไม่เคยพบกันมาก่อนเลย
พวกเขาจะพูดคุยกันไหม.. เข้ากันได้หรือเปล่า..
ม่อนแจ่มเข้าไปในสวน ไม่รู้จักใคร ไม่มีเขาไปด้วย ..พชรเม้มริมฝีปาก
“เดี๋ยวผมส่งแม่ที่บ้านแล้วเข้าไปในสวนเลยนะครับ” เสียงเข้มเอ่ยกับมารดา แต่เพชรลดาส่ายหน้า
“ไม่เอาน่า ขาแม่ปกติดีแล้ว แม่จะเข้าไปด้วย”

            พชรชะลอรถจอดใกล้กลุ่มคนงาน ถามหาลุงแสงผู้ไม่มีใครไม่รู้จัก
แล้วนั่นอย่างไร.. ใส่แว่นยืนอยู่ข้างบันไดไม้ไผ่ใต้ลิ้นจี่ต้นใหญ่นั้น
ขายาวก้าวไปตามร่องระยะห่างระหว่างแนวไม้ ลุงแสงอยู่นั่น แล้วม่อนแจ่ม?
พชรมองหาข้างกายลุงแสง ถัดไปอีกต้นและสองต้นก็ยังไม่เห็นร่างเล็กที่คุ้นเคย
ม่อนแจ่มอยู่ไหน? พชรร้อนใจ
จากเดิน ขายาววิ่งเร็วๆ พลางเรียก “ลุงแสง ลุงแสงครับ!”
คนถูกเรียกหันมองตามต้นเสียง  พลางโบกไม้โบกมือให้
“คุณพชร!”
“ม่อนล่ะครับ?” เสียงเข้มถามอย่างร้อนรนเมื่อมาถึงตัว
แสงรวีมีสีหน้าที่บอกไม่ถูก ..และแล้วก็ค่อยๆเงยขึ้นไปเบื้องบน
“เอ่อ.. อยู่นู่นแน่ะครับ”
พชรมองตามสายตาในกรอบแว่นดำขึ้นไปตามขั้นบันไดไม้ไผ่ กระทั่งเห็นรองเท้าผ้าใบ adidas สีขาวแถบดำ ร่างเล็กในกางเกงยีนส์ สวมเสื้อคลุมลายสก็อตที่พชรจำได้ว่าเป็นของตัวเอง บนศีรษะมีหมวกปีกกว้างใบที่เขาใช้ประจำ บนไหล่สะพายตะกร้าสานบรรจุกระดาษห่อผลและตอก..
..
..
“เฮ้!”
ที่มองลงมาคือดวงตาเป็นประกายภายใต้กรอบแว่นแดงที่พชรไม่มีทางจำผิด เสียงร่าเริงร้องลั่นลงมาอย่างดีใจ
“พชรกลับมาแล้วเหรอ กินข้าวยัง!?”

พชรอ้าปากค้าง.. ก่อนจะว้ากลั่น
“ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น!”

ร่างกำยำขยับเข้าไปชิดบันได สองมือจับราวเอาไว้มั่น สายตาละไปสำรวจว่าไม้ง่ามที่ค้ำยันบันไดแข็งแรงมั่นคงดี ก่อนสั่งความเสียงดังชัดเจนกับคนข้างบน
“ลงมาเดี๋ยวนี้ ม่อน”

ม่อนแจ่มหน้าหงอ ทั้งกลัว ทั้งเกรง ขาเรียวค่อยๆไต่บันไดลงมา มีมือแกร่งของพชรประคองท่อนเอวไว้เมื่ออยู่ในระยะเอื้อมถึง
..
“แหะๆ..”
มือขาวที่เริ่มแดงเพราะทำงานซ้ำๆมาหลายชั่วโมงยกขึ้นเกาหัว เงยหน้าเจื่อนๆมองอย่างขอความเห็นใจ แต่คราวนี้ พชรไม่อ่อนให้ เสียงเข้มคุกกรุ่น
“เคยขึ้นไปหรือแบบนี้?”
..
ม่อนแจ่มส่ายหน้า หรุบตาลงพื้น ไม่กล้าประสาน พชรจึงถามต่อ
“พลัดตกลงมาจะทำยังไง?”
..
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ไม่มีคำอธิบาย ..เขาเห็นคนงานขึ้นไปห่อจึงขอลุงแสงขึ้นไปบ้าง
ตามปกติ เขาไม่ได้ชอบทำอะไรในที่สูงหรอก ต..แต่วันนี้บรรยากาศ อากาศ โอกาสมันเป็นใจไปหมด ม่อนแจ่มก็..

“คุณพชรอย่าดุม่อนเลยครับ” แสงรวีรีบออกรับ “ม่อนขอแล้ว ผมอนุญาตเอง ถ้าจะตำหนิก็ตำหนิผมดีกว่า”

ได้ยังไงกัน..
ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้น
“ไม่! คุณพชรอย่าว่าลุงแสงนะครับ คุณพชรเป็นห่วง ผมควรจะรู้ แต่ผมก็ยังขอขึ้นไป ไม่ใช่ความผิดลุงแสง”
“ถ้าผมไม่อนุญาต ม่อนก็ไม่ขึ้นไปหรอกครับ” แสงรวีขัด “ผมผิดเอง คุณพชรอย่าว่าม่อนนะครับ”
“ไม่เอา ว่าม่อนเถอะครับ คุณพชรอย่าว่าลุงแสงเลย”

..
ห๊ะ..
พชรอ้าปากค้าง
นี่มันเรื่องอะไร? สองแว่น สองวัย ยืนก้มหน้ารับผิด สองมือประสานกันเรียบร้อยเบื้องหน้าเขา
แล้วว่าแต่.. เขากลายเป็น ‘คุณพชร’ ของม่อนแจ่มได้ยังไง? หน้าคมหันมองมารดาอย่างทำอะไรไม่ถูก
“เอ่อ.. เอาเถอะ” เพชรลดาเข้ากู้สถานการณ์
“ม่อนคงอยากช่วย พี่แสงก็คงดูแล้วว่าอยู่ในระยะปลอดภัยถึงปล่อยให้ขึ้นไป ก็.. พอเท่านี้แล้วกัน นะ..”

“ผมขอโทษครับคุณพชร” แสงรวีว่าอีกครั้ง
“ขอโทษด้วยเหมือนกันครับ คุณพชร” ม่อนแจ่มว่าตาม

            พชรยังคงมีสีหน้าไม่ใคร่ผ่อนคลายนัก ดวงตาคมมองดุๆ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ยกเว้นเสียจาก..
“คุณพชร” แขนเล็กแตะเบาๆ “ขอโทษอีกทีได้ไหมอะ”
คิ้วหนาเลิกขึ้น พชรหรี่ตารอฟัง
..
“ผมระวังอยู่นะ ลุงแสงก็บอกแล้วว่าอย่าขึ้นไปสูง ผมไม่ได้คิดจะขึ้นไปมากกว่านั้น แล้วผมก็.. ห..ห่อได้ตั้งห้าช่อเลยนะ บนนั้นน่ะ”

หน้าคมส่ายไปมาน้อยๆ เอ่ยตัดบท ไม่อยากเห็นม่อนแจ่มทำหน้าจ๋อยหนักกว่านี้
“เอาเถอะ ระวังตัวอยู่ก็ดีแล้ว”
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มเมื่อได้ฟัง แต่คิ้วพชรยังขมวดอยู่
“ว่าแต่.. ทำไมเรียกกูแบบนั้น”

แบบนั้น..
“อ๋อ!” ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง “คุณพชรอ่ะเหรอ?”
..
“เท่ดีนะ ชอบๆ คุณพชร!”
น่ะ.. ไม่ตอบ แถมยังเรียกซ้ำพลางหัวเราะชอบใจอีก
ตาคมเริ่มคุกกรุ่นอีกรอบ ม่อนแจ่มจึงต้องเตือนตัวเองว่าเขายังรอลงอาญา ไม่ใช่ว่าพ้นข้อหา
“คืองี้..” เสียงเล็กรีบอธิบาย “ผมขอลุงแสงไม่ให้เรียกผมว่าคุณม่อนน่ะครับ แต่ลุงแสงบอกว่าไม่ได้ เพราะลุงแสงเรียกคุณพชรว่าคุณพชรไง ผมเลยบอกว่า.. งั้นผมเรียกคุณพชรด้วย ทีนี้ ลุงแสงก็เรียกผมว่าม่อนเฉยๆได้ไงครับ”

หือ..
ตรรกะอะไรกัน แล้วลุงแสงก็เห็นดีเห็นงามด้วยนี่นะ.. พชรอยากจะบ้า
เขาน่ะเคยบอกหลายทีแล้วว่าไม่ต้องเรียกคุณ เรียกแค่ชื่อพชรเฉยๆก็พอ แต่ลุงแสงก็ยืนยันจะเรียกเช่นนั้นจนเขาไม่อยากพูดซ้ำไปเอง เลยกลายเป็นใครๆก็เรียก ‘คุณพชร’ ติดปากกันทั้งสวนอย่างทุกวันนี้ ..แล้วนี่ก็เป็นไปกับเขาอีกคน

พชรถอนหายใจเหยียดยาว ขมวดคิ้วมองร่างเล็กที่อยู่ในเสื้อคลุมและหมวกปีกกว้างของเขาอย่างแทบจะทนไม่ไหว อยากคว้ามากอด โอบรัดแนบลำตัวแน่นๆให้หายทะเล้น
..
“แหะๆ.. ใจร่มๆนะครับ คุณพชร”
ม่อนแจ่มพออ่านแววตานั้นออกเหมือนกัน จึงรีบเอากระดาษห่อผลซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินในวันนี้มาโบกพัดพั่บๆให้ร่างสูงเย็นๆใจ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           พชรไม่ได้ใส่หมวกและสวมเสื้อคลุมอย่างทุกคราที่เข้าสวน ทว่า ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับประสิทธิภาพการจัดการงาน เจ้าของสวนไม่ใช่แค่สั่ง แต่ลงมือทำด้วยอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว
ม่อนแจ่มเสียสมาธิจากการห่อช่อลิ้นจี่ เพราะต้องหยุดมองเจ้านายหนุ่มแห่งสวนเพชรหละปูนเป็นพักๆ

“ลุงแสงครับ” ม่อนแจ่มจ้องพิกัดบุรุษร่างเล็ก แล้วจึงขยับเข้าไปใกล้
“ม่อนฝากลุงแสงเอาหมวกให้คุณพชรได้ไหมอะครับ” มือเรียวตั้งท่าแกะสายเชือกที่ผูกรัด แสงรวีจึงถามกลับ ซ่อนรอยยิ้ม
“ทำไมไม่เอาไปให้เองล่ะ”
“แหม..” ม่อนแจ่มหน้ายู่ “ความผิดยังติดกบาลอยู่เลยครับเนี่ย”
แสงรวีหัวเราะลั่นก่อนจะถามกลับ “แล้วผมนี่ไม่ผิดเลยนะ”
“โห ลุงแสงเป็นผู้ใหญ่กว่า แถมคุณพชรก็เคารพลุงแสงมาก รับรอง ปลอดภัย! แต่ม่อน ม่อนเนี่ย โดนโบกแน่นอน”
ฮ่ะๆ..
แสงรวีขำ ยกมือห้ามยิ้มๆ “ม่อนใส่เถอะ เชื่อสิ คุณพชรไม่เอาหรอก”
“แต่ม่อนเอามา ..คุณพชรเลยไม่มีใส่”
แสงรวีเอื้อมมือบีบไหล่ “ถ้าม่อนรู้ว่าคุณพชรห่วง ก็อย่าทำให้เขาห่วงมากขึ้นนะ”
อะ..
“ตกลงครับ”  ม่อนแจ่มค่อยๆพยักหน้ารับ “งั้นม่อนไปทำงานต่อแล้วนะ”

            เวลาผ่านไปรวดเร็วยิ่งกว่าที่ม่อนแจ่มเคยรู้สึก..
ดวงตะวันคล้อยลงเหลี่ยมเขา แสงแดดที่แผดร้อนเมื่อตอนสาย เที่ยงและบ่ายจางลงแล้ว สายลมยามเย็นโบกพัดมาให้ชื่นใจ กลิ่นใบลิ้นจี่หอมอ่อนๆ พุ่มต้นขาวโพลนไปหมดเพราะถูกห่อไปแล้วกว่าครึ่ง

“เอาล่ะ วันนี้พอก่อน!” แสงรวีป้องปากเมื่อแล้วเสร็จไปอีกโซน
คนงานชายหญิงทยอยเก็บข้าวของใส่ท้ายกระบะ เตรียมไว้ทำต่อในวันพรุ่งนี้
ม่อนแจ่มมัดตอกช่อสุดท้ายที่กำลังทำให้แล้วเสร็จ จึงเดินออกมาพร้อมคนอื่นๆ ก่อนจะรู้ตัวเขาก็เคียงมากับป้าอิ่มผู้แบ่งหมูผัดพริกขิงให้ตอนมื้อเที่ยง

“เห็นตัวน้อยเดียว ขยันดีเน้อ”
“ขอบคุณครับ” ม่อนแจ่มฉีกยิ้ม เดินพลางชวนคุยพลาง “ป้าอิ่มทำงานที่นี่มานานแล้วเหมือนกันสิครับ”
“โอ๊ย เมินแล้ว!” ป้าอิ่มพยักหน้ารับว่าทำมานาน
“คนงานเยอะมากเลยนะครับ” ม่อนแจ่มมองรอบๆตัว ที่มีทั้งหนุ่มฉกรรจ์ สูงวัยกว่าลุงแสงหรือแม้แต่เด็กหนุ่มเท่าๆม่อนแจ่ม
“หลายคนตกงาน ก็ได้งานทำที่นี่ เด็กที่ไม่เรียนหนังสือ ไปเกกมะเหรกเกเร ก็แสงนั่นแหละพามาทำงานหมด คุณลดายังส่งให้เรียนหนังสือตั้งหลายคนแล้วนะ คุณพชรก็เหมือนกัน เห็นใครเดินเตะฝุ่นไม่ได้หรอก ให้แสงไปชวนมาทำงาน”
..
“แสงกับคุณพชรสอนพวกเด็กหนุ่มๆตลอดนั่นล่ะ ว่าทำงานให้รู้คุณค่าของงาน จะได้รู้คุณค่าของตัวเอง พอรู้คุณค่าของตัวเองแล้ว จะได้ไม่ทำลายมันโดยการไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่มอมเมา..”

           ป้าอิ่มเดินตามลุงเอิบที่เห็นหลังไวๆไปแล้ว แต่ฝีเท้าม่อนแจ่มค่อยๆช้าลงจนหยุดสนิท คิดถึงชีวิตที่จริงจังภายนอกบ้าน ภายนอกรั้วมหาวิทยาลัย รู้สึกเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ว่าตัวเองช่างเป็นคนโชคดี
หลังจากกลางวันอันยาวนาน.. เช้าตรู่ที่เชียงใหม่และเย็นย่ำ ณ ลำพูนวันนี้มีความหมายมากมายเหลือเกิน
แม้ว่ามันจะเหนื่อยและไม่คุ้นเคย แม้จะเดินจากลิ้นจี่ต้นนั้นไปต้นนี้จนแทบไม่รู้ตำแหน่งของตัวเอง กระนั้น.. ม่อนแจ่มก็เชื่อแน่ๆ ว่ามีอย่างน้อยสองคนที่รู้เสมอว่าเขาอยู่ตรงไหน นั่นคือ.. ลุงแสงกับพชร

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

โอ่ย.. แล้วมันก็ยังไม่จบ Part III ขอมาต่ออีกทีครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม และก็สวัสดีปีใหม่ด้วยครับ ลืมเลย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 15-01-2017 01:19:47
ขอบคุณมากค่ะ ได้อ่านก่อนนอนเลย
กำลังคิดถึงพชรกับม่อนแจ่มพอดี
ตอนนี้ยาวมาก อ่านจุใจไปเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 15-01-2017 02:22:46
ดีใจจังมาต่อแล้ว รอทุกวันเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-01-2017 02:26:13
โอ้ย ม่อนน่ารักมาก ใครอยู่ไกล้ก็มีความสุข
พชร คนอ่านขอยืมม่อนแจ่มไว้ไกล้ตัวบ้างซิ
แล้วก็ยืมพชรจากม่อนแจ่มบ้างก็ดี 5555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-01-2017 02:46:04
ประทับใจมากๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 15-01-2017 05:56:08
โอ้ย แค่ห่อลิ้นจี่ก็ยังอ่านแล้วประทับใจ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-01-2017 07:22:54
ม่อนเจอพ่อแล้วแต่จะรู้หรือเปล่าว่านั่นคือพ่อ อยากให้รู้เร็วๆ จัง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 15-01-2017 08:19:20
คู่แว่น แว่นใหญ่กะแว่นเล็ก น่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-01-2017 09:56:11
ขอท้วงกับคำผิดหน่อยค่ะ
คลอบ (ครอบ)ไว้กับกระจก
จะอย่างไรต่อก็แน่ใจ (แน่ใจนี่ถูกแล้วใช่ไหมคะ (ถ้าใช่เราว่าท่อนนี้แปลก ๆ นะ) ไม่ใช่ "ไม่แน่ใจ" ใช่ไหม หรือยังไง)เหมือนกัน
ขอบคุณค่ะ ตอนนี้มีหลายอารมณ์ทั้งยิ้ม ทั้งน้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 15-01-2017 10:40:48
งืออออออ อบอุ่นเนอะ บรรยากาศดีจัง ความเป็น "ม่อน"  ทำให้เรื่องหนักกลายเป็นเบาได้เสมอ  //  ชอบตอนพชรตะโกนเรียกม่อนลงมาจากต้นไม้ หลุดบุคลิกคนขรึมไปเลยพชร 555555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 15-01-2017 11:00:47
คุณพชร !

 :laugh:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 15-01-2017 11:24:54
ม่อนแจ่มเป็นคนน่ารักมากกกกกกกก  คนอยู่ใกล้ยิ้มมมม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 15-01-2017 12:12:48
ชอบตอนพชรเข้มใส่ม่อนแจ่มแฮะ น่ารักดี
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-01-2017 12:58:39
อบอุ่นหัวใจ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 15-01-2017 14:55:20
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-01-2017 15:06:26
อ่านแล้วมีความสุข   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พชร ม่อน  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 15-01-2017 20:58:01
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 15-01-2017 22:57:58
ม่อนแจ่มน่ารักเหลือเกิน น่ารักน่าเอ็นดู อ่านทีไรก็ได้ปลื้มกับคสามน่ารักของนายเอกเรา
กับพ่อก็คุยเจื้อยแจ้วน่ารักเลยนะม่อน ลุงแสงน่ารักมากด้วย สองแว่น ตอนเขาปกป้องกันและกันคือดีงาม ปลื้ม
พชรห่วงม่อนมาก ห่วงจนดุ ฮาอีตรงเรียกคุณด้วย แฟนมาเรียกคุณ พชรเครียดค่ะ น่ารักดี
รอพ่อลูกเขากอดกัน อิ่มใจระดับหนึ่งแล้วค่ะตอนนี้

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 15-01-2017 23:13:18
ม่อนน่ารักเสมอ สองแว่น พ่อลูก ขอให้ลุงแสงมีความสุข สงสารลุงแสง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 15-01-2017 23:25:00
อ่านตอนนี้แล้วอบอุ่นใจมากๆเลย สองพ่อลูกเค้าได้เจอกันแล้ว ดูท่าจะเข้ากันได้มากซะด้วย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 15-01-2017 23:47:17
ชอบตอนนี้มากกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 16-01-2017 14:29:25
ชอบเรื่องนี้จังเลยยย 
้เป็นอะไรที่ดีต่อใจจริงๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-01-2017 21:29:31
ม่อนแจ่มน่ารักน่าเอ็นดูมาก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 17-01-2017 08:51:22
 :hao5:  พ่อกับลูกเจอกันแล้ว
มันรู้สึกดีจริงนะกับตอนนี้ไม่รู้สึกถึงความริษยา อาฆาต มันดูมีแต่ความรักความเอาใจใส่ความพอเพียง ไม่มีความเห็นแก่ตัวเข้ามาเกี่ยวข้องเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 17-01-2017 20:51:43
มาเต้นรอ เปลี่ยนหัวเรื่องแล้ว  :katai2-1:
 :110011: :z7:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 17-01-2017 20:53:35
อ้าวไม่ใช่ ดูผิด
อายจัง  :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 17-01-2017 22:23:29
ชอบน้องม่อนน้องมีเหตุผลน้องน่ารัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 17-01-2017 23:18:48
ที่ถูกคือมาลงตอนใหม่แล้วเมื่อวันอาทิตย์แต่ก็ดูผิดแล้วผิดอีก จนกว่าจะได้อ่านก็วันนี้
เลยได้รู้ความน่ารักของสองแว่นช้าไป
ม่อนน่ารักมากมาย ใครอยู่ใกล้ก็หลงรัก
แล้วก็ได้เห็นมุมพชรห่วงม่อนออกนอกหน้า อย่างน่ารักเลย
ได้อ่านแล้วมีความสุขจัง
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-01-2017 01:28:54
ว้ายยยย ก้าวหน้า พอชัดเจนแล้วมีหวงหนักมากนะพชร
ม่อนแจ่มน่ารัก ทะเล้นมาก ขี้อ้อนด้วย ยอมใจเลยเนาะพชร

เรื่องคลี่คลายแล้ว ผู้ใหญ่เข้าใจกันแล้ว เริ่มเข้าที่เข้าทาง
แต่ทางของพชร ม่อนแจ่ม สะดวกมาก บอกเลย 5555

ม่อนแจ่มเจอพ่อแล้ว ตอนนี้อาจจะยังไม่เรียกได้สนิทปาก แต่เริ่มสนิทใจแล้ว
ถ้าก่อนกลับ หันมาลา แล้วเรียกพ่อ คือมีน้ำตาแน่

ฮาไอดิล คือจะโลกสดใสไปไหน กวนจริงๆ 5555 แต่หมอกเอาอยู่เนาะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 22-01-2017 17:15:15
มารอพชรกะม่อน :call:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 22-01-2017 20:47:42
อ่านตอนนี้แล้วเพลินมากๆ ครับ
อยากมีสวนผลไม้เองบ้างเลย ฮ่าๆๆ

รอ part III นะครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 23-01-2017 22:24:49
CHAPTER 34: Ein Schönes Wochenende (Part III)
   
           ตะวันคล้อยลงลับเหลี่ยมเขาไปแล้วเมื่อม่อนแจ่มเดินมาใกล้ถึงตัวคนคุ้นเคย..
เจ้าของสวนหนุ่มสั่งความบางอย่างกับคนงานคนหนึ่งที่เขาจำหน้าได้แต่ยังไม่รู้จักชื่อ ก่อนจะก้าวยาวๆมาหา สัมผัสมือกร้านแตะลงบนบ่า เสียงเข้มส่งมาถามอย่างห่วงใย
“เหนื่อยหรือเปล่า..”

ม่อนแจ่มส่ายหน้า
ที่จริง.. เขาเริ่มจะปวดขาเพราะเดินไกลประกอบกับยืนทำงานมาทั้งวัน แต่ม่อนแจ่มไม่อยากบอกเลยว่า ‘เหนื่อย’
เพราะทุกคนก็ทำงานแบบนี้กันทั้งนั้น ไม่มีใครมีเวลามาสังเกตว่าตัวเองเหนื่อยหรือเปล่าด้วยซ้ำไป เพราะงั้น.. ม่อนแจ่มจึงฉีกยิ้ม ตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เหนื่อยครับ คุณพชร”

หน้าคมส่ายน้อยๆกับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียก มือแกร่งยกขึ้นกระตุกเงื่อนปลดด้ายรัดคางและดึงหมวกออกจากศีรษะเล็กเพราะไม่มีแดดแล้ว ใส่ไว้จะอึดอัดเสียมากกว่า

“เลิกเรียกแบบนั้นได้แล้ว” พชรสั่ง
“น่า คุณพชร..” ม่อนแจ่มต่อรอง “ให้แว่นแดงเรียกเถอะครับ มันเท่ดี เครื่องกลชอบ!”

เฮ้ย อะไร!
พชรขมวดคิ้ว หน้าตาเริ่มจะตื่นกับสรรพนามเดิมที่ตัวเองเคยใช้ กระทั่งม่อนแจ่มหัวเราะคิกคักและทำหน้าล้อเลียนนั่นแหละ จึงตระหนักได้ว่านี่มันคงเป็น ‘การแก้แค้น’ เล็กๆน้อยๆจากรูมเมทที่ในอดีตนั้น เขาไม่ยอมเรียกชื่อ
พชรอดไม่ได้ที่จะทาบฝ่ามือใหญ่ ประทับน้ำหนักลงบนศีรษะเล็กอย่างมันเขี้ยว ..จำได้ว่าเคยทำแบบนี้แล้วครั้งหนึ่งในห้องสามสามแปด..

          “กับมึง ..กูไม่ถือ”

และนั่นก็คือปฏิกิริยาตอบกลับ..

ม่อนแจ่มยังคงยิ้มร่า แต่พชรกลืนน้ำลาย ใบหน้าคมโน้มลง อยากสัมผัสริมฝีปากอิ่มที่วันนี้ซีดเซียวลงเพราะขาดน้ำแทบขาดใจ แต่ก็ต้องชะงัก ยับยั้งไว้ ด้วยรู้ตัวว่าไม่ใช่สถานที่ที่ควร..
พชรละใบหน้าออกในตอนท้าย หันหลังและเดินนำไปโดยไม่ยอมหันมองอีก หูเพียงฟังว่ามีเสียงฝีเท้าเดินตามเขามา

          “คุณลดากลับก่อนแล้วครับ”
แสงรวีเอ่ยกับเจ้านายหนุ่มและยิ้มกว้างให้ม่อนแจ่มที่ก้าวตามมาข้างหลัง
พชรพยักหน้ารับ ไม่ได้แปลกใจ เพราะมารดามักจะออกจากสวนก่อนเพื่อไปเตรียมอาหารเย็นเป็นประจำอยู่แล้ว
“งั้นผมกลับกับลุงแสงเลยครับ”

ม่อนแจ่มได้ยินดังนั้นก็รีบสาวเท้าขยับนำหน้า สวมบทผู้ใต้บังคับบัญชา เปิดประตูรถกระบะคันเก่าให้เจ้านายและผายมือเชื้อเชิญขึ้นนั่ง
ที่จริง.. เจ้านายควรจะนั่งเบาะหลัง แต่ม่อนแจ่มคิดว่าเบาะหน้ามันนั่งสบายกว่า เดี๋ยวลูกน้องนั่งหลังเองแล้วกัน

“ไปนั่งข้างหน้าเถอะไป”
พชรสั่งตามเคย ทว่า ลูกน้องส่ายหน้าดิกไม่ทำตาม กลับเปิด cab หลัง ขึ้นไปนั่งก่อนเจ้านายเสียเรียบร้อย

อืม..
เอายังไงก็เอา.. เพราะพชรไม่อยากอุ้มม่อนแจ่มออกมา แล้ววางร่างเล็กนั้นไว้เบาะหน้าดังที่ใจอยากทำต่อหน้าลุงแสง
เขาจึงขึ้นนั่งคู่คนขับด้วยเสียงถอนหายใจที่บอกได้ว่าไม่สบอารมณ์นัก ..ก็รู้อยู่เต็มอกว่ากระบะตอนครึ่งนี้ ข้างหลังไม่ได้มีเบาะให้นั่งได้อย่างสบายเลย

ตาคมสบกับดวงตาใสในกรอบแว่นแดงผ่านกระจกมองหลังเพียงชั่วลมหายใจ ก่อนจะละไปมองลิ้นจี่ที่ยืนต้นเรียงรายทางฝั่งซ้ายมือ แม้ใจยังคงตรึงอยู่กับคนข้างหลัง
ม่อนแจ่ม..  ดูเพียงรูปร่างหน้าตาและอุปนิสัยผิวเผินคงไม่รู้ ว่าเด็กหนุ่มชาวเมืองคนนี้มีน้ำอดน้ำทนขนาดไหน..

           แสงรวีขึ้นประจำการหลังพวงมาลัย ลอบหัวเราะในลำคอกับสถานการณ์ตรงหน้า
กระจกหลังส่องให้เห็นม่อนแจ่มที่มองเขาอยู่ผ่านกระจกเช่นกัน คิ้วเรียวยักส่งมาจึ๊กๆ พยักพเยิดยิ้มๆไปทาง ‘เจ้านาย’ ของทั้งคู่บนเบาะข้างเคียง
หัวหน้าคนงานแห่งสวนเพชรหละปูนต้องยอมรับว่า.. ไม่เคยมีใครทำให้คุณพชรที่เขาเห็นมาตั้งแต่ครั้งเป็นเด็กน้อยตะโกนเต็มเสียงได้อย่างวันนี้ คราที่บอกให้ม่อนแจ่มลงมาจากต้นลิ้นจี่
ความห่วงใย.. ความหวั่นไหว.. และความหวาดกลัวฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่ที่แสงรวีมักจะเห็นเพียงสองอย่าง คือหนึ่ง.. ความเด็ดเดี่ยวกับงาน และสอง.. ความว่างเปล่า ด้วยปราศจากอารมณ์ลึกซึ้งใดๆ
แต่ผู้มาใหม่คนนี้.. กลับทำให้ดวงตาคู่นั้นเปลี่ยนไป

หนุ่มใหญ่มองถนนขรุขระสูงๆต่ำๆเบื้องหน้าซึ่งนำออกจากบริเวณสวนลิ้นจี่ 
ก็ใช่.. ที่แสงรวีคิดว่ารู้อยู่แล้วในความรู้สึกที่เด็กหนุ่มทั้งสองมีต่อกัน อย่างไรก็ตาม.. ในวันนี้ เขาได้เห็นชัดเจนกับตา

'ความรัก'.. แสงรวีอดจะคิดถึงความรู้สึกนี้ไม่ได้ และมันก็พาเขาไปสู่สตรีผู้ยังคงดำรงอยู่ในความรู้สึกนั้นของตนเองจนได้
ดวงตาในกรอบแว่นดำมองสบกับดวงตาในกรอบแว่นแดงเบื้องหลังอีกครั้ง ..และเห็นความคล้ายคลึงบางประการโดดออกมาผ่านเลนส์

          “ขอบคุณครับ ลุงแสง”
พชรเอ่ยเมื่อกระบะชะลอจอดหน้าบ้านยกพื้นสูง ดึงมือจับเปิดประตูฝั่งตนเอง ก่อนเปิด cab หลังให้ม่อนแจ่มลงมา ทว่า คนข้างหลังยังไม่ลง กลับชะโงกหน้าผ่านช่องว่างระหว่างเบาะไปถามคนขับ
“เอ้อ.. แล้วบ้านลุงแสงอยู่ไหน อีกเดี๋ยวก็มืดแล้ว ต้องขับรถไกลหรือเปล่าอ่ะครับ?”

แสงรวียิ้มนิดหนึ่ง นึกขอบคุณในความห่วงใยที่แสดงออกมา
“ใกล้นิดเดียว ไม่ทันมืดหรอก”

อ่าม.. ม่อนแจ่มพยักหน้าช้าๆอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่แสงรวียังคงยิ้ม
“ว่าแต่ม่อนเถอะ วันนี้เหนื่อยหรือเปล่า?”
“ไม่ครับ” คนถูกถามส่ายหน้าแทนคำตอบ มิวายสงสัย “แล้วลุงแสงกินข้าวที่ไหนอ่ะครับเนี่ย”
“ก็กินที่บ้านนั่นล่ะ” แสงรวีหัวเราะ “ถึงบ้านแล้วก็ทำ แป๊ปเดียว ได้กิน”

ลุงแสงจะถึกไปไหน.. ม่อนแจ่มอดไม่ได้ที่จะคิด
ทำงานในสวนมาทั้งวัน เย็นย่ำต้องขับรถกลับบ้าน แล้วยังไปทำกับข้าวกินเองอีกหรือ
ปากอิ่มอ้าจะชวนกินข้าวด้วยกัน ทว่าก็ไม่กล้า เกรงใจเจ้าของบ้านซึ่งยืนนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ

พชรเพียงยกมือไหว้ลา ม่อนแจ่มทำตามอย่างลังเล
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มสดใสของลุงแสงที่ส่งมาให้เขาเป็นเสมือนคำย้ำว่า ‘ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง’ ซึ่งอีกเดี๋ยวเดียว.. ม่อนแจ่มก็รู้ว่าทำไม
ก็รถกระบะของลุงแสงนั้นชะลอจอดที่หน้าบ้านไม้หลังเล็กห่างจากจุดที่ม่อนแจ่มยืนไปเพียงสักราวๆร้อยเมตรเท่านั้นเอง ซ้ำบุรุษร่างเล็กยังลงมาโบกไม้โบกมือให้เห็นชัดเจนแม้มองจากตรงนี้

“พชร บ้านลุงแสงอยู่ตรงนั้นเองเหรอ!” ม่อนแจ่มหัวเราะออกมาอย่างดีใจ
“อืม..” พชรครางรับ
แม้จะไม่ใช่บ้านเดิม แต่ตอนนี้ ทุกๆวันลุงแสงอยู่ที่นั่น ที่ซึ่งมารดาให้ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์มานานนับสิบปี จะบอกว่าเป็นบ้านลุงแสงก็ไม่ผิดความจริงแต่อย่างใด

         “ม่อน”
สตรีเจ้าของบ้านทักทายทันทีที่เห็นเจ้าของชื่อโผล่พ้นประตูหน้าเข้ามา “ไง เหนื่อยหรือเปล่า?”
..
“ไม่ครับ” ม่อนแจ่มส่ายหน้าหงึกหงักทั้งรอยยิ้ม ..สังเกตว่าคุณน้าลดาถามคำถามเดียวกันนี้เป็นคนที่สาม
เขาคิดว่าคนถามทั้งสามคนรู้ว่าเขาเหนื่อย แต่มันเป็นการถามที่ไม่ได้คาดหวังคำตอบจริงจัง แทบจะไม่ใช่ ‘คำถาม’ เสียทีเดียวด้วยซ้ำ ..ม่อนแจ่มเรียนรู้ว่ามันเป็นการแสดงความห่วงใย ..จากคนที่รักและหวังดีกับเขา

“ม่อนไปอาบน้ำเสียก่อนเถอะ จะได้มากินข้าว” เพชรลดาเอ่ยกับคนตัวเตี้ย ก่อนจะหันมามองคนตัวสูง
“พชร เดี๋ยวพาม่อนไปห้องน้ำ แล้วออกมา เอาแกงไปให้ลุงแสงเสียก่อนนะ”

เอาแกงไปให้ลุงแสงหรือ?
ดวงตาในกรอบแว่นมองเข้าไปในครัว ที่ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของกลิ่นหอมฟุ้งกระจายทั่วบ้าน
“เอาแกงไปให้ลุงแสงหรือครับ คุณน้าลดา?” ม่อนแจ่มถามซ้ำ
“จ้ะ.. น้าแกงเผื่อทุกวันอยู่แล้ว นอกจากลุงแสง ก็เอาไปให้บ้านลุงเอิบด้วย อยู่ถัดกันไม่ไกล”
“อะ.. งั้น ..งั้นม่อนเอาไปให้เองได้ไหมครับ?” ม่อนแจ่มถามพลางเงยมองพชรเป็นเชิงขออนุญาต

เพชรลดามองม่อนแจ่ม..
ไม่แปลกใจนักหรอกกับการขันอาสา เมื่อตัดสินจากสายสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างสองแว่นสองวัยที่เห็นได้ตลอดบ่ายวันนี้

ปกติที่พชรเป็นคนถือไป เด็กหนุ่มไม่เคยใช้ถาด อย่างไรก็ตาม นี่เป็นม่อนแจ่ม เพชรลดาจึงหยิบถาดไม้ ยกถ้วยแกงทั้งสองวางลงไปก่อนส่งให้
“แล้วม่อนจะรีบกลับมาครับ” ม่อนแจ่มยิ้ม ออกปากไว้ด้วยไม่อยากให้ผู้ใหญ่ต้องคอยทานข้าวนาน

“เดี๋ยวมานะ พชร”
ม่อนแจ่มสบตา หันหลังเดินออกผ่านประตูบ้าน ..ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพชรขยับเดินตามโดยอัตโนมัติ
“ของลุงเอิบ เอาไว้กับลุงแสงนั่นแหละนะ เดี๋ยวลุงแสงเอาไปเอง” เสียงเข้มบอกไล่หลัง
ม่อนแจ่มหันกลับไปพยักหน้าให้ ทว่า เมื่อดวงตาคมกล้าคู่นั้นยังคงมองมาอย่างห่วงใย เขาจึงคลี่ยิ้ม
“อย่าห่วงเลยน่า ตรงนี้เอง มึงก็เห็นกูอยู่”
พชรเม้มริมฝีปากไว้ ไม่อยากหลุดเผยอยิ้มเพราะเก้อเขินที่ม่อนแจ่มเข้าใจอาการของเขา หน้าคมพยัก ดวงตามองตามหลัง
ร่างสูงยืนกอดอกอยู่ ณ ชานบ้าน ขณะคนคุ้นเคยค่อยๆเดินลงบันไดไป

             แสงสีทองหม่นสาดสะท้อนทั่วบริเวณ ..แสงสุดท้ายของวันนี้แล้ว วันที่ยาวนานสำหรับม่อนแจ่ม แล้วก็เป็นวันที่มีค่ามากๆด้วย
บ้านไม้หลังเล็กนั้นอยู่ไม่ไกล กลิ่นแกงอ่อมหอมยวนใจอยู่ใต้จมูก ม่อนแจ่มนึกถึงน้ำใจของคุณน้าลดาที่มีต่อคนรอบตัว
เขาดีใจนักที่ลุงแสงอยู่ที่นี่.. ในสวนเพชรหละปูน.. ใกล้คุณน้าลดา ใกล้พชร และอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานทั้งหลายที่ตัวท่านเป็นที่รักดังที่ม่อนแจ่มเห็นมาตลอดทั้งวันนี้

ขาเรียวมาหยุดหน้าบ้านในที่สุด ..รถกระบะที่โดยสารไป-กลับสวนลิ้นจี่จอดนิ่งอยู่ข้างบ้านราวกับหยุดพักผ่อนหลังจากปฏิบัติหน้าที่อยู่ตรงนี้เป็นประจำทุกๆวัน ม่อนแจ่มสังเกตจากหญ้าที่ลู่ติดพื้นดินตามรอยล้อรถ
กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ที่หันมองแล้วเห็นว่าเป็นดอกแก้วส่งออกมารวยระริน ม่อนแจ่มสูดเข้าไปเต็มปอด พอผสมกับกลิ่นแกงอ่อมของคุณน้าลดามันก็แปลกๆดี

บ้านลุงแสงแม้หลังเล็ก แต่น่าอยู่ บนระแนงมีกล้วยไม้แขวนหลายกระถาง ไม้ใบที่ม่อนแจ่มไม่รู้จักชื่อห้อยลงมาเป็นพวงระย้าสวยงาม หน้าบ้านลาดคอนกรีตขัดมันเป็นชานยื่นออกมาราวเมตรครึ่ง มีโต๊ะเก้าอี้ไม้วางอยู่ใกล้ประตูมุ้งลวดที่มีแสงไฟลอดออกมาจากภายใน
ม่อนแจ่มเงยมองป้ายไม้ที่ผนึกสะดุดตาบนผนังเหนือกรอบประตู ..บ่งบอกชื่อเสียงเรียงนามเจ้าของบ้าน

‘นายแสงรวี ศรีแม่ทา
๒ ม.๕ ต.ทาขุมเงิน อ.แม่ทา จ.ลำพูน’

แสงรวี ศรีแม่ทา ..ม่อนแจ่มทวนชื่อนั้นในใจ
แสงรวี..
แสง..

             ‘ไม่มีแสงแห่งใด ..สวยดังใจเธอ’

น่าแปลก.. หรืออาจจะไม่แปลกที่ม่อนแจ่มได้ยินเสียงมารดาร้องเพลงท่อนนั้นทวนอยู่ในความทรงจำ
ร่างเล็กยืนนิ่งเงียบในความคำนึงอยู่หลายนาที ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าหากยืนแบบนี้ต่อ แกงอ่อมคงเย็นชืดเสียหมด เขาจึงตะโกนเรียกไม่ดังมากนักผ่านประตู
“ลุงแสงครับ”
..
..
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ม่อนแจ่มจึงเรียกดังขึ้นอีก “ลุงแสงครับ!”
อย่างไรก็ตาม เสียงที่ตอบกลับไม่ใช่เสียงคน แต่เป็นเสียงสิ่งของกระทบกัน

เกร้ง!

เฮ้ย!
ม่อนแจ่มอุทานตกใจ เขาขยับเข้าใกล้ประตู ชะโงกมองผ่านประตูมุ้งลวดหาต้นเสียง
เสียงอะไร? ลุงแสงเป็นอะไรหรือเปล่า..

“ลุงแสง ขออนุญาตเข้าไปนะครับ ม่อนเอง!”
มือเรียววางถ้วยแกงไว้บนโต๊ะไม้หน้าบ้าน แล้วจึงผลักประตูเข้าไปอย่างตื่นๆ

         ภายในบ้านเล็กโปร่งสบาย แม้ข้าวของไม่เป็นระเบียบมากเหมือนบนบ้านพชร แต่ก็ไม่ถือว่ารกอะไรนัก
ม่อนแจ่มมองเร็วๆ หาพิกัดของลุงแสง แล้วเมื่อเขาโผล่หน้าผ่านส่วนนั่งเล่นเข้าไปเจอครัว ..นั่นแหละ จึงเห็นลุงแสงก้มหยิบอะไรคล้ายๆจะเป็นกะละมังอลูมิเนียม ปากอ้าร้องคลอเสียงรัวกลองของเพลงร็อคจากวิทยุแบบใส่แผ่นได้ ..นี่เองทำให้ลุงแสงไม่ได้ยินเสียงเขาเรียก

"Welcome to a new kind of tension
All across the alienation
Where everything isn't meant to be okay

Television dreams of tomorrow
We're not the ones who're meant to follow
For that's enough to argue..."*


ห๊ะ?
เพลงนี้มัน..
ลุงแสงฟัง Green Day วงร็อคอเมริกันเก๋ากึ๊กนี่นะ ..ม่อนแจ่มยอมเลย
นึกว่าจะฟังแบบ.. ดอกบัวตองนั้นบานอยู่บนยอดดอย ดอกเอื้องสามปอยบ่เกยเบ่งบานบนลานพื้นดิน ไม้ใหญ่ ไพรสูง นกยูงมาอยู่กิน เสียงซึงสะล้อจ๊อยซอเสียงพิณ** ..อะไรทำนองนั้นเสียอีก

          “ม่อน?”
แสงรวีที่อยู่ในท่าก้ม มือหนึ่งคว่ำกะละมังพิงผนัง อีกข้างกำช่อผักหวานหลุดอุทานออกมา

“อะ..เอ่อ ม่อนขอโทษที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาครับ” ม่อนแจ่มรีบออกตัว รู้ว่าเสียมารยาท
แสงรวีพยายามตั้งใจฟังสิ่งที่ผู้มาเยือนสื่อสาร แต่ดูเหมือนเขาจะเปิดเพลงดังไปนะนี่ บุรุษร่างเล็กจึงขยับกาย มือกร้านเอื้อมหรี่เสียงวิทยุให้เบาลง

‘Well maybe I'm the faggot America.
I'm not a part of a redneck agenda.
Now everybody do the propaganda.
And sing along to the age of paranoia.’


“เพลงมันส์มากครับ”
ม่อนแจ่มมองวิทยุยิ้มๆ อดจะทักไม่ได้ ชอบใจในความแตกต่างสุดขั้วระหว่างบ้านสวนลำพูนกับเพลงร็อคเสียดสีอเมริกัน
“แบบว่าเข้ากับบรรยากาศมาก ก ก”

“ฮ่ะๆ” เจ้าของบ้านหลุดหัวเราะ
“ชอบฟังเพลงน่ะ ฟังทุกแนว วันนี้ถึงคิวกรีนเดย์พอดี เมื่อวานยังฟังคุณจรัล มโนเพ็ชรอยู่เลย”
ม่อนแจ่มขำก๊าก แต่แล้วก็นึกขึ้นได้
“เอ้อ.. คุณน้าลดาให้เอาแกงมาให้ลุงแสง คือม่อนวางไว้ข้างนอก เพราะได้ยินเสียง..”
ว่าพลาง ดวงตาเขาก็กวาดมองพลางว่าลุงแสงประสบอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า
“อ๋อ” แสงรวีก้มมองกะละมัง หัวเราะหึหึอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่
“ไม่เป็นไร เดินชนทุกวัน ก็จำไม่ได้สักทีว่ามันอยู่ตรงนี้”

เอ่อม.. ชนทุกวัน..
ม่อนแจ่มตะหงิดๆกับอุปนิสัยชนนู่นชนนี่เช่นนี้เหลือเกิน

“เดี๋ยวม่อนรีบไปเอาแกงมาให้นะครับ” ว่าแล้วร่างเล็กก็หันหลังก้าวยาวๆแทบจะวิ่งไปเอามา
..
“ของลุงเอิบด้วยสิ” แสงรวีพยักหน้า มองแกงอ่อมกระดูกหมูอ่อนสองถ้วยในถาดไม้ “ม่อนไว้นี่เลย เดี๋ยวลุงเอาไปให้เอง”
“ครับ” ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ พชรบอกเขาแบบเดียวกันนี้แล้ว
“แล้วนั่น.. ลุงแสงจะทำอะไรหรือครับ?”
“จะยำผักหวานน่ะ รีบไปเก็บมาก่อน เดี๋ยวหมดแสง”

อ่อ.. ม่อนแจ่มพิจมองผักหวานใบสีเขียวเข้มที่เหมือนจะเก็บมาสดๆ
“ลุงแสงปลูกผักด้วยหรือครับ?”
“อื้ม” แสงรวีตอบรับ เดินนำมาที่ประตูหลังซึ่งเปิดออกสู่สวนครัวเล็กๆของตัวเอง

“โห ผักเยอะจัง!” ม่อนแจ่มอุทาน มองผ่านแสงสลัวออกไป
แสงรวีหัวเราะอีกครั้ง “นี่น้อยเดียวเอง ธรรมดาชาวบ้านก็ปลูกผักไว้กินทั้งนั้นแหละ คุณพชรก็ปลูก อยู่หลังบ้าน ม่อนอาจจะยังไม่เห็น”
ม่อนแจ่มยังไม่เห็นจริงๆนั่นแหละ เพราะวันนี้ลงจากบ้านก็เข้าสวนตั้งแต่เช้าจนเพิ่งกลับมาตอนเย็นนี่เอง

“ฝากขอบคุณคุณลดาด้วยนะม่อน” แสงรวียิ้ม ดึงประตูมุ้งลวดหลังบ้านปิดกันยุง
“ครับ” ม่อนแจ่มรับคำ กวาดตามองครัวเล็กๆ ตลอดจนรอบๆภายในบ้าน
ลุงแสงอยู่คนเดียว.. ทำอาหารกินเอง.. ดูแลตัวเอง.. มีวิทยุคู่ใจ.. และบนม้านั่งไม้สักยาว ม่อนแจ่มเห็นกีต้าร์โปร่งสีน้ำตาลระบุยี่ห้อ Paramont วางอยู่ มันสะอาดและไม่มีฝุ่นจับเลยราวกับว่าถูกหยิบมาเล่นเป็นประจำ

“ลุงแสงเล่นกีต้าร์ด้วยหรือครับเนี่ย?”
แสงรวีคลี่ยิ้ม เอ่ยทีเล่นทีจริง “ลุงติสท์แตกน่ะ”

ฮ่ะๆ!
ม่อนแจ่มหัวเราะชอบใจ มองกลับไปที่ครัวอีกครั้ง
“แล้ว.. นี่ม่อนช่วยอะไรลุงแสงได้บ้างครับ ช่วยเด็ดผักหวานดีไหม”
ม่อนแจ่มคิดว่ามันไม่เกินกำลัง จะช่วยยำก็ดูท่าจะไม่รอด เขาเพิ่งเคยทำแกงจืดหม้อเดียวเท่านั้นเอง แถมด้วยความช่วยเหลือจากป้าเพ็ญและร่วมงานกับคุณพ่อพจน์ด้วย

“ไม่เป็นไรหรอก ม่อนรีบกลับดีกว่า” แสงรวีมองผ่านหน้าต่างเห็นความมืดที่โรยตัวด้านนอก “จะมืดสนิทแล้ว แถมคุณลดาคงรอกินข้าวอยู่นะ”
..
..
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ..รู้สึกอยากอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนลุงแสงอย่างช่วยไม่ได้ ..เห็นใจที่ลุงแสงจะต้องกินข้าวเพียงลำพัง
แสงรวีมองดวงตาที่หรุบลงต่ำอย่างนึกเอ็นดู
“ลุงแน่ใจว่าม่อนคงมาที่นี่อีกหลายครั้ง ..เวลามีออกเยอะไป”

ม่อนแจ่มเงยขึ้นมอง..
ลุงแสงพูดอะไรทำนองอีกแล้ว อะไรที่ไม่ได้เกริ่นนำ ไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน แต่ลุงแสงรู้ ..และท่านคงรู้ว่าม่อนแจ่มเองก็.. รู้

“งั้น.. ม่อนหุงข้าวให้นะครับ ม่อนหุงเป็น ..แป๊ปเดียว”
ขาสั้นพยายามก้าวยาวที่สุดไปหยิบหม้อที่คว่ำอยู่บนชั้น มองหาข้าวสาร ..อยู่ในถังพลาสติกใสตรงนั้นเอง
เขาตักออกมากระป๋องหนึ่ง คงพอสำหรับลุงแสง ..เขาหุงเป็นนะ วันนั้นป้าเพ็ญสอนแล้ว
ม่อนแจ่มล้างมือ เปิดน้ำใส่หม้อ ขยำๆ แล้วตั้งท่าจะเทน้ำซาวข้าวทิ้ง
“ท.. เทใส่กะละมังไว้ก่อน ม่อน” แสงรวีเอ่ยบอกไม่ค่อยเต็มเสียง ทั้งยังตะกุกตะกักเล็กน้อย “ลุงเอาไว้รดน้ำผัก น่ะ..”
“อ..อ๋อ ..ครับ” ม่อนแจ่มรับคำ ทำตามนั้น “ม่อนขอโทษครับ ม่อนไม่รู้”
“ไม่เป็นไร” แสงรวีรีบส่ายหน้าให้เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ “น้ำสะอาดในขวดตรงนั้น ม่อนก็.. ใช้หุงได้เลย”
“ครับ..” ม่อนแจ่มรับคำอีกครั้ง เทน้ำลงในหม้อ กะว่าประมาณครึ่งข้อนิ้วตามที่ป้าเพ็ญเคยบอก
“ลุงแสงชอบข้าวสวยแบบเรียงเม็ด ..หรือข้าวค่อนข้างนุ่มครับ”
“แบบหลัง..”

โอเค.. งั้นม่อนแจ่มใส่น้ำเพิ่มอีกหน่อย
ไม่รู้ทำไมมือขาวจึงสั่น.. เขาแค่.. แค่อยาก.. หุงข้าวให้ลุงแสงรับประทาน ก็เท่านั้น..

           แสงรวีเบือนหน้าไปทางอื่นขณะที่ม่อนแจ่มกดไฟหุงข้าว
ถามตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ของวันว่ามันฝันหรือจริง..
ม่อนแจ่ม.. ที่ลำพูนนี้..
ยิ่งกว่านั้น ที่ในบ้าน ในครัวของเขา ..แล้วตอนนี้ เด็กหนุ่มกำลังหุงข้าวให้เขากิน

“ม่อนกลับก่อนนะครับ วันหลัง.. ม่อนคงได้มากินข้าวกับลุงแสงบ้าง”
ม่อนแจ่มพยายามยิ้ม ..ไม่ใช่ไม่อยากยิ้ม แต่มันรู้สึกเหมือนจะร้องไห้จนยิ้มไม่ออก แสงรวีเองก็เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเดินผ่านโต๊ะกินข้าวไป ม่อนแจ่มมองเห็นบางอย่างที่คุ้นตา
“นี่มัน..”
..
ที่กำลังมองอยู่คือกระดานไม้ติดผนัง ..และที่ปักหมุดไว้บนนั้นคือแผ่นกระดาษใบเล็ก ..ลายเส้นดินสอที่คุ้นเคยวาดเป็นรูปการ์ตูนผู้หญิงผูกผมหางม้า หิ้วตะกร้าผลไม้

‘ขอบคุณครับ เป็นลำไยที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยทาน’

ใต้ภาพถูกเขียนไว้ว่าอย่างนั้น.. และม่อนแจ่มก็จำมันได้ดี..
“ม่อนวาดให้คุณน้าลดา..” ม่อนแจ่มงุนงง ..ทำไมถึงมาอยู่ที่ลุงแสงล่ะ?
“นั่น..” แสงรวีอึกอัก มองดวงตาใสที่เบิกกว้างขึ้นอย่างไม่เข้าใจจึงรีบอธิบาย
“ม่อนอย่าเข้าใจผิดนะ ไม่ใช่คุณลดาไม่อยากเก็บไว้ ไม่ใช่มันไม่สวยหรืออะไร”

เปล่า..
ม่อนแจ่มไม่ทันได้คิดอะไรแบบนั้นเลย เขาแค่เพียงนึกไม่ออกว่าทำไมมันมาอยู่ตรงนี้ได้
“ทำไมถึงมาอยู่ที่ลุงแสงล่ะครับ..”

เอาล่ะ..
มันก็เป็นเพียงคำถามธรรมดาๆ ทว่า เป็นคำถามที่คำตอบจะนำไปสู่คำตอบในเรื่องอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“คุณลดาให้ลุงน่ะ”แสงรวีกลืนน้ำลาย “เพราะ..”
..
“เพราะ..” ม่อนแจ่มย้ำคำ อยากจะฟังเหตุผล
แสงรวีหยุดชะงักอย่างใคร่ครวญ ..เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์กับความรู้สึก ไม่เคยนึกอยากโกหกอะไร

           “นี่คือ..?”
           ..
           “นี่รูปคุณลดาใช่ไหมครับ ..ถือตะกร้าผลไม้ด้วย คงเป็นลำไย”
           “รูมเมทพชรวาดให้ฉัน ตอบแทนที่เอาลำไยไปฝาก”
           “โอ้! ฮ่ะๆ น่ารักจริงๆครับ”
           “ฉันให้พี่แสง”
           ..
           “ให้ผมทำไมครับ?”
           “ฉันไม่ได้ให้รูปฉัน ..แต่ฉันให้ลายเซ็นของคนวาดนะ พี่เก็บเอาไว้เถอะ”
           ..
           “รูมเมทพชรคนนี้เรียนวิศวกรรมเครื่องกล เขาชื่อ.. ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์”


“เพราะ.. คุณลดาอยากให้ลุงเก็บลายเซ็นคนวาดเอาไว้” แสงรวีเอ่ยตอบในที่สุด

..ลายเซ็นคนวาด
ม่อนแจ่มมองแผ่นกระดาษอีกครั้ง ..มุมขวาล่างกำกับตัวอักษรภาษาอังกฤษอย่างที่คุ้นตา ..อย่างที่คุ้นมือ
‘Mon Cham of Mechanical Engineering’

“ทำไมครับ..”
ม่อนแจ่มถามโง่ๆ ทั้งที่รู้.. เขารู้อยู่แล้ว..
และบ้าจริง.. เขารู้ตัวด้วยว่ากำลังจะร้องไห้..
เขาวาดรูปนี้ตั้งแต่หลายเดือนก่อน.. แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมานี้..

“เพราะมันมีความหมายกับลุง ..มาก”
แสงรวีกัดริมฝีปาก อยากจะพูดให้เต็มปากเต็มคำ แต่มันไม่ไหว เขาพูดได้แค่นั้น..

“วันนี้ ไปพักผ่อนเสียก่อนเถอะนะ” บุรุษแว่นกรอบดำเอ่ยอย่างอาทร ขยับเข้าไปยืนตรงหน้าหนุ่มน้อย มือยกขึ้นบีบไหล่
“..ม่อนเหนื่อยเกินไปแล้ว”

ม่อนแจ่มไม่อยากจะดื้อ หน้าเรียวพยักรับง่ายๆ ขณะหัวใจเอ่อล้นด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะอธิบายจนกลายเป็นหยาดน้ำใสที่เอ่อคลอดวงตา ..แสงรวีเองก็เหมือนกัน
“กลับไปกินข้าวก่อน ม่อน ..ไปกินข้าวซะ”
“ครับ.. ครับลุงแสง ..ม่อนไปเดี๋ยวนี้”

          ม่อนแจ่มยกมือไหว้ลา ร่างเล็กหันหลัง พร้อมๆกับที่น้ำหยดนั้นและอีกหลายๆหยดไหลพร่างพรูออกมา
เขาไม่อยากให้ลุงแสงเห็น ..และไม่แน่ใจว่าอยากเห็นของลุงแสง
จากก้าวยาวๆออกจากบ้าน ม่อนแจ่มวิ่ง วิ่ง ..และวิ่งทั้งสะอื้นฮัก
ท่ามกลางเงาตะคุ่มทั่วบริเวณ แสงไฟที่ส่องสว่างจากบ้านไม้ยกพื้นทำให้มองแจ่มมองเห็นร่างสูงที่ไม่มีทางจำผิดยืนคอยอยู่ ณ ชานบ้าน ..ที่เดียวและท่าเดียวกันกับตอนที่เขาหันหลังเดินจากมาเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อน  ..พชร..

           ดวงหน้าเปื้อนหยาดน้ำเห็นชัดเจนเข้ามาเรื่อยๆในรัศมีแสงไฟนีออน ..เสียงหอบปนสะอื้นดังมาให้ได้ยินขณะร่างเล็กวิ่งขึ้นบันได
พชรขมวดคิ้วมอง มือที่กอดอกอยู่ก่อนหน้าละออก เพ่งมองม่อนแจ่ม เสียงเข้มเอ่ยถามทันที
“ม่อน ..เป็นอะไรไป?”

ทว่า คำตอบคือร่างกาย..
ร่างเล็กโผเข้าหาเขาทั้งตัว พชรชะงักไปเพียงเสี้ยววินาทีอย่างไม่เข้าใจ ทว่า มันไม่ต้องอาศัยความเข้าใจอะไรในการที่อ้อมแขนใหญ่จะโอบเอวให้ร่างกายอีกฝ่ายแนบชิดกับของตัวเอง
ฝ่ามือแกร่งลูบแผ่นหลังปราดเปรียวเบาๆ ..ไม่ถามอะไรอีก แค่ให้เวลา แล้วม่อนแจ่มก็จะพูดออกมาเอง

“ก..กูเคยวาดรูปการ์ตูนให้คุณน้าลดา ตอนท่านเอาลำไยไปให้ที่หอ..”
..
“รูปนั้นอยู่กับลุงแสง ..กูเห็นเมื่อกี๊”
..
“ลุงแสงบอกว่าคุณน้าลดาให้ เพราะว่าลายเซ็น ..ลายเซ็นคนวาดมีความหมายกับลุงแสง”

พชรรับฟังเสียงสั่นพร่าที่ดังมาจากในอกอย่างเข้าใจ อ้อมแขนแข็งแรงโอบกระชับยิ่งขึ้น

“กูหุงข้าวให้ลุงแสง ล..ลุงแสงบอกให้กูกลับมากินข้าว..”
..
“กูอยู่นี่ ..แล้วลุงแสง ..มีแค่ลายเซ็นที่กูเคยให้คุณน้าลดา”

คำพูดไม่ได้ปะติดปะต่อนัก แต่พชรไม่สับสน ..เขาเข้าใจ รับรู้ และรับฟัง
พักใหญ่.. ที่เพียงโอบกอดม่อนแจ่มเอาไว้อย่างนั้น ปลอบโยนให้คลายความหวั่นไหว
ก่อนค่อยๆผละออกมาเมื่อร่างเล็กหยุดสะอื้น นิ้วโป้งใหญ่ทั้งสองข้างสอดเข้าไปในกรอบแว่นแดง ปาดหยาดน้ำตาที่ยังคั่งค้างอยู่ออก

“แล้ว.. ม่อนจะเอากระดาษกับดินสอไหม?” พชรเอ่ยถามเสียงหนัก
ม่อนแจ่มสูดน้ำมูก ขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วนิ่งไป ..ทบทวนสิ่งที่พชรหมายถึง

“เดี๋ยวกูหยิบให้นะ ..กระดาษกับดินสอน่ะ”

กระดาษ
กับ..
ดินสอ


พชร..
ม่อนแจ่มปล่อยโฮอีกรอบและสอดแขนกอดเอวหนานั้นไว้แน่น

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

(ต่อรีฯถัดไป)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 23-01-2017 22:57:19
            ม่อนแจ่มนั่งทานข้าวทั้งตัวมอมแมมและหยาดน้ำเปรอะใบหน้า แต่เพชรลดาไม่ได้ถามอะไร เพียงมองอย่างเข้าใจ ..แม้ทานเสร็จแล้วจะบอกให้รีบไปอาบน้ำ แต่เด็กหนุ่มจากเชียงใหม่ก็ยังยืนยันจะเป็นคนเก็บทุกอย่างล้าง
จนแล้วเสร็จนั่นแหละ จึงยอมไปจัดการตัวเอง
 
พชรให้ม่อนแจ่มอาบน้ำก่อน..
กระทั่ง คนตัวเล็กใส่ชุดนอนลายหมีพูห์ (คงจะหนึ่งในสิบชุดที่มี) ออกมาจากห้องน้ำ พชรจึงผลัดไปอาบบ้าง
ม่อนแจ่มเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่พชรให้ไว้ก่อนหน้ายีผมเปียกลู่ของตนเองให้หมาดขึ้นพลางมองสำรวจ
ห้องพชรค่อนข้างโล่งและเหมือนที่ม่อนแจ่มคาดได้ คือ.. สะอาด เรียบร้อย เป็นระเบียบ
มีประตูเปิดออกสู่ระเบียงหลังคล้ายที่หอสามชาย แต่กว้างขวางกว่า ม่อนแจ่มเดินไปแหวกม่านมองออกไป เห็นทิวไม้เรียงรายจนสุดจะมองเห็นที่สิ้นสุดเพราะข้อจำกัดจากความมืดภายนอก ..เป็นต้นอะไร ม่อนแจ่มก็สารภาพจริงๆว่าไม่รู้ ..เอาไว้เขาจะถามพชรก็แล้วกัน

เสียงน้ำจากห้องน้ำไหลซู่..
ม่อนแจ่มมองประตูห้องน้ำแล้วละมองประตูห้องนอน ..ไม่รู้คุณน้าลดาเข้าห้องหรือยัง จะมีอะไรให้เขาช่วยทำอีกไหม
ประตูหน้าบ้านยังคงเปิดหรือไม่ ..เผื่อบางที ม่อนแจ่มอาจจะได้มองไปที่บ้านลุงแสง ดูว่าไฟปิดหรือยัง

“พชร” ม่อนแจ่มเคาะประตูห้องน้ำ
“หืม?” พชรส่งเสียงตอบภายหลังเสียงน้ำไหลหยุดไป
“กูออกไปที่ชานหน้าบ้านได้ไหมอะ”
“ครับ” พชรอนุญาต “ไปเถอะ”
ม่อนแจ่มอดไม่ได้ที่จะยิ้มค้างกับประตูห้องน้ำอยู่อีกหลายนาที ..พชรเป็นคนสุภาพ แล้วคนสุภาพมันก็ดีต่อใจ จริงๆนะ..

            ขาเรียวค่อยๆก้าวออกมาภายนอกห้อง ..ไฟในครัวดับมืดลงแล้ว แต่ตรงส่วนที่นั่งเล่นยังสว่างอยู่ แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเห็นประตูหน้าบ้านเปิดอยู่ ม่านครึ่งริมหน้าต่างปลิวไสวน้อยๆจากแรงลม ..และ ณ ชานบ้าน ใต้แสงไฟและหิ่งห้อยที่บินอยู่ไกลๆ คุณน้าลดากำลังนั่งปักผ้า..
ม่อนแจ่มหยุดยืนมอง หวนระลึกถึงคำพูดของป้าเพ็ญครานั้น

         “คุณเพชรลดา ..เป็นคนน่ารักใช่ไหมครับ”
         “เธอเป็นสวยค่ะ และใช่.. น่ารัก วันนั้นที่เธอมา ป้าปักผ้าค้างอยู่ เธอยังช่วยทำต่อจนเสร็จ ฝีมือดีเชียวค่ะ ทั้งๆที่ก็บอกว่าบ้านที่ลำพูนน่ะทำสวนผลไม้”


เช่นกันที่นั่นทำให้ม่อนแจ่มสังเกตลายผ้าม่าน ผ้าที่ใช้คลุมทีวี ตลอดจนผ้าปูโต๊ะ..
ส่วนใหญ่เป็นรูปดอกไม้ แต่ไม่น้อยที่เป็นเพียงอักษรสี่ตัวเรียงกัน

P.. P.. P.. P..

ม่อนแจ่มแตะมือลงบนผ้าม่านที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด..
อักษร P สี่ตัวเช่นนี้ ม่อนแจ่มเคยเห็นมาก่อนแล้ว
พวงกุญแจโลหะที่ล็อคลิ้นชักโต๊ะทำงานของประธาน PP Group นั่นอย่างไร

พจน์ ประดิษฐาพงศ์.. เพชรลดา เพชรหละปูน..
ไม่ต้องบอก ..ม่อนแจ่มก็ตระหนักในความหมาย

เขานึกถึงคุณพ่อ.. ป่านนี้ท่านจะทำอะไรอยู่ รู้หรือไม่ว่ามีสตรีผู้หนึ่งคิดถึงท่านตลอดมา
คงรู้สินะ.. เพราะบางที เมื่อตอนเย็น ท่านอาจจะเพิ่งนั่งใต้ต้นสัก ต้นลำไย และคิดถึงสตรีผู้เดียวกันนั้นก็เป็นได้

          “อ้าว ม่อน?”
เพชรลดาละจากผ้า มองเข้ามาในบ้านพอดีด้วยคิดว่าถึงเวลาต้องเข้าข้างใน
ม่อนแจ่มยิ้มเจื่อนๆ ขยับเข้าใกล้ประตู เดินช้าๆผ่านออกมา “คุณน้าลดาปักผ้าหรือครับ”
“งานอดิเรกน่ะ” เพชรลดาบอกยิ้มๆ
“เก่งจังครับ งานสวนก็เก่ง งานแบบนี้ยังเก่งอีก แถมทำกับข้าวอร่อยด้วย”
เพชรลดาหัวเราะ “ชมขนาดนั้น เดี๋ยวน้าก็ลอยหรอก”
“พูดจริงๆครับ เปล่าชม” ม่อนแจ่มเอ่ยอย่างจริงใจ
“นั่นถือว่าเป็นข้อดีก็แล้วกัน” เพชรลดารับมา “แต่ทุกคนก็มีข้อดี มีความสามารถไปคนละแบบทั้งนั้นล่ะนะ”
ม่อนแจ่มยิ้ม ขณะสมองก็ประมวลผล ควานหาข้อดีหรือความสามารถอะไรสักอย่างของตนเอง
“ทำตัวตามสบายเถอะ” เพชรลดาบอกให้ผ่อนคลาย “มาดูดาวก็ได้ คืนนี้คืนแรม ฟ้าเปิดด้วย เห็นดาวชัดเชียวล่ะ”

ม่อนแจ่มเดินออกมา กวาดสายตามองไปด้านนอกจนหยุดที่บ้านไม้หลังเล็กของลุงแสงที่มองเห็นไกลๆและยังมีแสงไฟลอดออกมา ..เขาหวังว่าลุงแสงจะหลับฝันดี..

ไฟที่ชานบ้านไม่ได้สว่างนัก อย่างไรก็ตาม นั่นทำให้เห็นจุดเล็กๆที่สว่างอยู่บนฟ้าชัดเจนยิ่งขึ้น
แม้จะเป็นสวน แต่รอบบ้านโล่ง อากาศเย็น ซ้ำมีลมโบกพัดจึงไม่ค่อยมียุง ทำให้สามารถยืนชมบรรยากาศได้อย่างสบายๆ

ม่อนแจ่มยืนอยู่อย่างนั้น มองเวิ้งฟ้าที่ดารดาษด้วยดวงดาว ปล่อยใจไปกับความสงบยามราตรีของบ้านสวนอันอบอุ่น กระทั่งรู้สึกถึงเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง
..
“ดาวสวยมาก เต็มฟ้าเลย พชรมาดู” ม่อนแจ่มส่งยิ้ม กวักมือชี้ชวน ลืมไปว่านั่นคือเจ้าของบ้านซึ่งคงจะเห็นอยู่เป็นปกติ

พชรยกยิ้มน้อยๆ พยายามลืมไปเหมือนกันว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านและเห็นอยู่เป็นประจำ ..สำหรับเขา ดวงตาเป็นประกายเบื้องล่างนี้ต่างหากที่สุกใสสวยงามกว่าแสงดาวบนฟ้าตั้งมากมาย

“นึกถึงเพลงดาวเลย” ม่อนแจ่มพึมพำ
“ดาวหรือ?” พชรก้าวมายืนเคียง มองดวงตาคนพูดบ่อยกว่าดาวบนฟ้า
“ใช่ ดาว” ม่อนแจ่มยืนยัน ปากอิ่มอ้าออก ร้องให้ฟังเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ..บทเพลงที่คุ้นเคย เพลงที่มารดาใช้กล่อมนอน
ในคืนนี้มีดาว เป็นล้านดวง แต่ใจฉันมีเธอ แค่เพียงดวงเดียว ..พชรเคยฟังไหม?”

เคยฟังไหมหรือ..
พชรอ้าปากค้าง ..ถามว่าเคยฟังกี่ครั้งดีกว่า
ตาคมละมองม้านั่งยาวบนเนินหญ้าด้านล่างที่เห็นจากตรงนี้ นึกสงสัยว่าอีกไม่นานคงมีคนมานั่งตรงนั้นพร้อมเครื่องดนตรีคู่ใจ
คืนที่ฟ้าเปิด ดวงดาวเปล่งประกายเช่นนี้ พชรมักจะได้ยินเสียงเพลง และคืนนี้ก็คงจะไม่ต่าง

แล้วนั่นอย่างไร.. ที่เดินดุ่มๆ ฝ่าหิ่งห้อยมาพร้อมกีต้าร์ ประจำการบนเนินหญ้า ตรงที่เห็นดาวชัดที่สุด เห็นท้องฟ้าทุกทิศทาง
ท่ามกลางความเงียบที่ไม่สงัดด้วยมีเสียงจักจั่นเรไรหรีดริ่งร้อง เสียงดนตรีที่คลอเคล้ามาด้วยในคืนแรมไม่ใช่เรื่องแปลก

“ลุงแสงนี่!” ม่อนแจ่มร้อง เมื่อมองเห็นบุรุษร่างเล็กสวมแว่นอยู่เบื้องล่าง ไม่ไกลออกไปนัก
ลุงแสงเอากีต้าร์มาด้วย ท่าว่าท่านคง ‘ติสท์แตก’ อย่างที่บอกไว้จริงๆนะนี่
ม่อนแจ่มยิ้มมอง ..รอฟังเพลงที่ผู้ใหญ่ท่านนั้นจะบรรเลง

ในไม่กี่อึดใจ เสียงกีต้าร์โปร่งก็ดังมาตามสายลม ได้ยินถนัดชัดเจน
ไม่มีคำร้อง มีเพียงเสียงกีต้าร์โซโลในท่วงทำนองน่ารื่นรมย์
อย่างไรก็ตาม พชรสบตากับมารดา ..ไม่นาทีใดก็นาทีหนึ่ง ทั้งสองรู้.. มีเพลงที่แสงรวีเล่นเป็นประจำ
แล้วความรู้ใหม่ของพชรกับเพชรลดาก็คือ.. มันคงเป็นเพลงที่ม่อนแจ่มรู้จักดี

..
“ในคืนนี้มีดาว.. เป็นล้านดวง
แต่ใจฉันมีเธอ ..แค่เพียงดวงเดียว
สอดประสานสบตา.. เคียงข้างกัน
อยากจะขอจูบดาว ..ใต้เงาดวงจันทร์”


รอยยิ้มม่อนแจ่มจางลงไป แต่ริมฝีปากเผยอค้าง
เขา.. ไม่คิดว่า..

“อยู่ไหน.. บอกเธอที่มา ซบลงไออุ่นหัวใจ
และเธอ.. บอกเธอที่ไป ฝันคงสดใส
รัก.. อยู่ไม่ไกลจากเธอ
ร้อง.. บอกหัวใจ ..มีเธอ”


เหมือนถูกสะกดด้วยเสียงนั้น..
ม่อนแจ่มขยับเข้าใกล้ราวไม้มากขึ้นอีก เพ่งมองผ่านความมืดให้เห็นคนข้างล่างชัดเจนยิ่งขึ้น
หรือเพลงนี้.. สำหรับมารดา.. มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับดาวบนฟ้าเลย.. หรือมันมีความหมายต่อท่านในประการอื่น

“หากคืนนี้มีเราเพียงสองคน ..อยากจะขออยู่จนแสงดาวจางไป
เก็บความรู้สึกดีที่ยิ่งใหญ่ ไม่มี ..แสงแห่งใด สวยดังใจเธอ”


ม่อนแจ่มได้แต่มองเบื้องล่าง แม้บทเพลงจะกล่าวถึงเบื้องบน
เสียงคนร้องช่างไพเราะ แต่ในความรู้สึกม่อนแจ่ม มันไม่ได้มีแค่เสียงผู้ชาย ทว่า คลอมาด้วยเสียงผู้หญิงที่จำได้ในมโนสำนึก

นี่มันหนักแน่น.. ชัดเจนยิ่งกว่าอะไร..
เข้าใจได้แจ่มแจ้งราวกับบุรุษเบื้องล่างตะโกนขึ้นมาบอกว่าเป็นบิดา..
หัวใจที่เต้นระรัวในอกหวั่นไหวอีกครั้ง ก่อนม่อนแจ่มจะรู้สึกถึงสัมผัสมือใหญ่ของพชรที่วางลงบนไหล่ ..และต่อมา ก็เป็นมือเล็กกว่าของคุณน้าลดาที่พาดผ่านบั้นเอว

พชรกับคุณน้าลดาอยู่ตรงนี้ เคียงข้างม่อนแจ่มอย่างไม่จำเป็นเลย
ช่างถูกรัก..
ช่างสัมผัสหัวใจ..
ช่างเหมือนกับว่า.. ม่อนแจ่มเป็นคนในครอบครัว..

“เปรียบเธอนั้นดังหมู่ดาว ..สวยเกินกว่า
รักที่มี ที่ตัวฉันให้เธอไว้ ..ชั่วนิรันดร์”***


“ม่อนขออนุญาตลงไปได้ไหมครับ..”
ม่อนแจ่มเสียงพร่า และก็มีเพียงสัมผัสจากมือที่บีบกระชับทั้งสองเป็นการตอบรับ

           “หากคืนนี้มีเรา เพียงสองคน อยากจะขออยู่จน แสงดาวจางไป”
..
เพลงวนมาซ้ำท่อนนี้อีกครั้ง มือกร้านชำนาญบนเส้นลวด เสียงนั้นมั่นคงในคำร้อง

“เก็บความรู้สึกดี ที่ยิ่งใหญ่ ไม่มี ‘แสง’ แห่งใด สวยดังใจเธอ”

แสงรวีชะงัก..
ประโยคหลังไม่ได้ออกจากปากเขา ดวงตาในกรอบแว่นหันมองผู้มาใหม่ ..ม่อนแจ่ม..

“ม่อนจะมาบอกว่าลุงแสงร้องเพลงเพราะมากครับ”
แสงรวีค่อยๆคลี่ยิ้ม “ก็ร้องให้เข้ากับบรรยากาศน่ะ..”
“แค่นั้นหรือครับ..” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้
“..ก็ไม่เชิง” คนเป็นผู้ใหญ่ยอมรับ
“เป็นเพลงพิเศษใช่ไหมครับ..”
..
..
“ใช่”
จนถึงขนาดนี้แล้ว แสงรวีไม่รู้จะปฏิเสธไปทำไม
“เคยเล่นครั้งแรกที่ที่หนึ่ง จากวันนั้น.. ลุงก็ชอบเล่นเพลงนี้มาตลอด”
“ครั้งแรกนั่น ..เล่นที่ไหนหรือครับ”
ม่อนแจ่มไม่รู้และไม่คาดเดา แค่สานต่อบทสนทนาให้มันยืดยาวไปเรื่อยๆ ..ให้สมกับที่ไม่เคยพบกัน

แสงรวีกลืนน้ำลาย หันมามองคนข้างๆ เอ่ยเบาๆ
“ม่อนแจ่ม..”

ม่อนแจ่มงุนงง ..ไม่รู้ว่าลุงแสงเรียกชื่อจริงเขาทำไม
ทว่าก็เพียงอึดใจเดียว.. ก่อนที่จะตระหนักว่านั่นคือคำตอบของคำถาม ..ม่อนแจ่มเป็นชื่อสถานที่..

ลุงแสงเล่นเพลงดาวครั้งแรกที่ม่อนแจ่ม
ม่อนแจ่มเป็นสถานที่เที่ยวเดียวที่มารดาเคยพาเขาไป
เพลงดาวเป็นเพลงที่ท่านใช้กล่อมเขานอน
และม่อนแจ่ม ..เป็นชื่อจริงของม่อนแจ่ม


เขาไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าลุงแสงเลย แต่มันไม่ไหว..
นี่เองคือ.. ‘สายสัมพันธ์’ ที่ไอดิลเคยพูดถึง ..สายสัมพันธ์ของคนที่รักกัน
และแม้ม่อนแจ่มไม่ได้ถูกเลี้ยงมาโดยคนสองคนที่รักกัน ..แต่เขาแน่ใจว่าตัวเองเกิดมาจากความรักแน่นอน
 
“ม่อนอย่าร้องไห้..” แสงรวีเอ่ยหนักแน่นแม้น้ำตาคลอ “ไม่มีอะไรต้องเสียใจเลย”

ใช่.. ที่แสงรวีเคยเสียใจ แต่เขามีชีวิตอยู่มาได้เพราะความรัก
ใช่.. ที่แสงรวีอยู่ลำพัง ไร้คนรักเคียงกาย ทว่า ชื่อลูกชาย ..ชื่อลูกชายเป็นสิ่งเดียวที่เป็นหลักฐานว่าเขายังคง ‘ถูกรัก’
และสิ่งนั้นมันมีพลังมากพอให้เขามีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งมาตลอดสิบเก้าปี

แสงรวีไม่โทษใคร เขาเองยอมรับในเหตุผลของการแยกทาง
การปล่อยให้คนรักเดินจากไป ..และการที่ตัวเขาเดินจากมา
ทุกคนต่างมีการตัดสินใจในชีวิตและต้องดำรงอยู่เพื่อรับผิดชอบต่อการตัดสินใจนั้น
 
แสงรวีเคยเสียใจ แต่ตอนนี้ไม่ ..โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกชายอยู่ตรงนี้ เขาไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกเลย
“สิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มีวันอยากเห็นคือลูกตัวเองต้องเป็นทุกข์ ..แล้วลุงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”

คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มีวันอยากเห็นลูกตัวเองเป็นทุกข์
คนเป็นพ่อ..


“พ่..”
คำนั้นแผ่วเบาจนขาดหายกลับเข้าไปในลำคอ ..ไม่ใช่ไม่มั่นใจ แต่น้ำตามันเอ่อไหลออกมาแทนจนม่อนแจ่มไม่อาจเอ่ยได้เต็มเสียง

มือขาวถอดแว่นแดงออก ใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะสวมกลับเข้าไปใหม่ สูดน้ำมูก สูดลมหายใจ ..เพ่งมองบุรุษตรงหน้า เอ่ยขออนุญาตให้เต็มประโยค
“ม่อนไม่เรียกลุงแสงแล้วได้ไหมครับ..”

แสงรวีนิ่ง..
คำเรียกไม่ได้มีความหมายมากเท่าน้ำใจของลูกชาย
เขาไม่เคยรอคอย.. ไม่เคยคาดหวังจะได้ฟังคำใด..
เขาเป็นคนยินยอมจากมา เขาไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้เป็นคนอุ้มชูฟูมฟักลูกตัวเอง เพราะฉะนั้น แสงรวีจึงไม่เคยนึกฝันว่าจะมีวันที่ม่อนแจ่มมาหา ..หรือแม้แต่รับรู้ว่าเขาเป็นพ่อตัว

แสงรวีรู้สึกเป็นเกียรติ..
มัน.. เป็น.. เกียรติ.. ถ้าผู้ชายคนหนึ่งจะถูกเด็กหนุ่มอีกคนเรียกขานด้วยคำเฉพาะบางคำ
เขาทำได้เพียงพยักหน้า ..ก่อนจะได้ยินคำนั้นเปล่งออกมา ..ชัดเจน ..เต็มเสียงเล็กของม่อนแจ่ม

“พ่อ..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

 :L2:
ขอจบบทนี้ที่ Part IV ในครั้งหน้านะครับ
ขอบคุณคนอ่าน ขอบคุณสำหรับการชี้แจงคำผิดด้วยเน้อ พอดีเขียนหลายวัน ไม่ได้ต่อกัน อ่านซ้ำไม่ดีอาจมีคำขาดคำเกินไปบ้าง เจอตรงไหนแหม่งๆก็บอกกล่าวกันได้ครับ

*American Ediot-Green Day
**ล่องแม่ปิง-สุนทรี เวชานนท์
***ดาว-Paradox
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 23-01-2017 23:15:21
ซาบซึ้ง อิ่มเอม ถ้อยคำสวยงามแล้วก็ทำให้เรามีน้ำตา
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-01-2017 23:18:59
เป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกดีมากเลย
ม่อนแจ่มน่ารัก พออยู่กับลุงแสงเลยกลายเป็นสองแว่นผู้น่ารักเลย ฮา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 23-01-2017 23:28:12
ร้องไห้ตามม่อนแจ่มเรียบร้อย
ร้องด้วยความสุข ดีใจแทนม่อนและลุงแสง
ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-01-2017 23:34:39
น้ำตาฉันไหลด้วยความซาบซึ้ง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 23-01-2017 23:35:02
ความผูกพันของลุงแสง กับม่อนแจ่ม ที่แสดงต่อกัน ทำเราน้ำตาแตก ทั้งสงสารทั้งซึ้งใจ

ขอให้ทั้งสองคนมีความสุข ขอให้ลุงแสงมีความสุข

ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-01-2017 23:55:57
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 24-01-2017 00:43:46
ร้องไห้ตามเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 24-01-2017 01:14:26
อ่านไปน้ำตาไหลพราก สูดน้ำมูกฟืดฟาด 
 
มันอุ่น มันลึกซึ้ง  มันละมุน 
 
T____________T
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 24-01-2017 02:04:24
 :sad4: โฮรรรรรรรรรรรรร ไม่ไหวแล้วววว ฮรืออออ~~~~~~~~~~  :m15: :monkeysad: :sad11: ดีแล้วดี แบบนี้ละแบบนี้ ซึ้งกับใจ ให้แสดงความรักต่อกันไป รอวันทุกคนพบจากการจากในอดีต  :mew6: //วันนี้ที่รอคอย **เจอรูป เรียกพ่อ**ฉากที่รอทำน้ำตาไหลอาบแก้ม โฮรรรร อินเว่อร์วัง เขียนดีและมาต่อยาวดีมากๆ สะอื้นฮักๆ รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-01-2017 04:09:25
ซาบซึ้งมาก :mew6: :mew6: :mew6:
รู้ว่าม่อนแจ่ม เป็นชื่อสถานที่
ก็แปลความหมายว่า เป็นม่อน/ภูเขาที่ดี ภูเขาที่สวย
ที่แท้เป็นที่มีประวัติความรักของพ่อแม่ม่อนแจ่มด้วย
“หากคืนนี้มีเราเพียงสองคน ..อยากจะขออยู่จนแสงดาวจางไป
เก็บความรู้สึกดีที่ยิ่งใหญ่ ไม่มี ..แสงแห่งใด สวยดังใจเธอ”

เพราะมาก โรแมนติคสุดๆ
“ม่อนไม่เรียกลุงแสงแล้วได้ไหมครับ..”
“พ่อ..”

       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-01-2017 04:47:38
น้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 24-01-2017 06:19:30
น้ำตาร่วงอีกแล้ว ซึ้งค่ะ ดีต่อใจเหลือเกิน ละมุนละไมในคนามรู้สึกมาก พ่อลูกได้กอดกันแล้ว
ดีใจกับม่อนแจ่มและลุงแสงเนอะ ม่อนแจ่มเกิดจากความรัก ลุงแสงเท่มากๆ ตอนนี้
เป็นคุณพ่อที่คูลมากเลย พชรก็น่ารัก รักม่อนสุดหัวใจเขาแหละ ชอบนิบายเรื่องนี้จังค่ะ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 24-01-2017 06:51:21
ซึ้ง :mew4:
ตอนนี้ยาวจัง5555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-01-2017 07:10:18
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วน้ำตาไหลได้ตลอดไม่ว่าจะอารมณ์ใด จะเศร้าก็ร้อง จะหน่วงก็ร้อง มาตอนนี้ซาบซึ้งกินใจก็ร้อง อ้าาาาา ช่างเป็นนิยายที่ครบรสจริงๆ ค่ะ นิยายเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 24-01-2017 07:23:14
ใครน้ำตาไหล? #ยกมือ ม่อนโชคดี เกิดมาด้วยความรัก โตมากับความรักของคนรอบข้าง หล่อหลอมให้ม่อนมีจิตใจที่ดี ได้เจอในสิ่งที่ดี (ถึงไม่ดี ม่อนก็คิดว่าสักวันมันก็ต้องดี) ซึ้งงงงงง :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 24-01-2017 07:27:05
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: มันอบอุ่นจริงๆ อ่านเรื่องนี้ทีไรมันมีแต่ความซึ้งใจ ประทับใจ



หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-01-2017 10:58:53
ม่อนแจ่มช่างน่ารัก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 24-01-2017 12:10:16
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย ซึ้งกับความผูกพันธ์ในสายเลือดของพ่อลูก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: treenature ที่ 24-01-2017 12:11:05
รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกันที่ได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ ประทับใจกับงานเขียนของคุณ INDY-POET มากค่ะ การได้อ่านงานดีๆ เหมือนได้กินอาหารดีๆ ชอบ ม่อนแจ่มมากเป็นพิเศษ เข้มแข็งจัง  อ่านแล้วมีกำลังใจ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-01-2017 12:16:21
บทนี้ทำเอาน้ำตาไหลเลยอะ
งืออออ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 24-01-2017 13:40:06
ไม่รู้จะเม้นท์อะไรเลย  :mew4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 24-01-2017 15:39:45
ทราบซึ้งและอิ่มเอมมากกกกค่ะ  :monkeysad: :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: uniko ที่ 24-01-2017 20:26:57
อบอุ่น ซาบซึ้ง  :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-01-2017 21:47:00
ร้องตามจนได้ ซึ้งมากมาย
ม่อนแจ่มคนดี อยากกอด
คนเขียนถ่ายทอดอารมณ์ลึกซึ้งได้ดีมาก ๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 24-01-2017 21:53:16
ฮึกกกกก น้ำตาซึมเลย ประทับใจตอนนี้มากๆ สุดท้ายม่อนก็ได้เรียกพ่อแล้วสินะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 24-01-2017 22:11:17
ซึ้งอ่ะถึงกับน้ำตาซึมตอนจบตอน
 :hao5: :hao5:
 :katai5:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 24-01-2017 22:14:25
 :กอด1: ร้องไห้กับม่อนเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 24-01-2017 22:54:32
 :mew6:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 25-01-2017 01:38:06
ซึ้งมาก
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-01-2017 08:02:21
 :hao5:   เรียกพ่อครั้งแรกในชีวิต
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 25-01-2017 08:48:35
น้ำตาร่วงเลย :m15:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 25-01-2017 13:36:17
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: chen ที่ 25-01-2017 18:16:08
ดีต่อใจ อ่านแล้วน้ำตารื้น มันเห็นความสดใส ความคิดบวก
ความรักในหลายรูปแบบ สายสัมพันธ์ครอบครัว
คนเราถ้าไม่แค้นเคืองกันให้อภัย ชีวิตมันง่ายและมีความสุขขึ้นเยอะเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 25-01-2017 20:43:12
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 25-01-2017 22:56:58
ทำให้ยิ้มทั้งที่ร้องไห้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 26-01-2017 11:23:20
โอ๊ยยยย น้ำตารื้นด้วยความตื้นตัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 27-01-2017 22:18:19
 :monkeysad:  น้ำตาไหลพราก. พ่อลูกเจอกัน
"ชอบตอนพชรดุม่อนแจ่มอะ น่ารัก"
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: -I....IIว่u- ที่ 28-01-2017 06:11:54
ไม่เคยคาดคิดเลยว่าตัวเองจะะน้ำตาไหล...
แต่รู้สึกตัวอีกทีมันก็มีน้ำใส ๆ หยดลงที่ขอบตาซะแล้ว
ฮือออ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: wijii ที่ 29-01-2017 10:43:34
น้องม่อนเป็นคนที่่เข้้มแข็งมาก  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 29-01-2017 18:00:47
อ่าน 2 ตอนสุดท้ายซ้ำอีกในวันนี้ก็ยังรู้สึกซาบซึ้งกินใจ อิ่มเอมเหมือนเดิม
แถมอ่านเรื่องนี้แล้วทำให้ใจเย็นขึ้นด้วย
ดีต่อจิตใจหลายอย่างจริง ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 05-02-2017 21:54:16
CHAPTER 34: Ein Schönes Wochenende (Part IV)

           “บางคนกิ๋นขนมปัง  บางคนยังกิ๋นข้าวสาลี
ข้าวโพด ข้าวโอ๊ตอย่างดี  ข้าวเจ้าก็มีมากมาย
เฮานั้นเป๋นคนไทย  บ่ใจ๊คนลาวฝ่ายซ้าย
ข้าวนึ่งกิ๋นแล้วสบาย  ลูกป้อจายข้าวนึ่ง”*


..
เรื่องอู้คำเมือง ม่อนแจ่มอาจไม่สู้ แต่เรื่องร้องเพลงคำเมืองนั้น.. บอกเลยว่าสู้ขาดใจ
ก็ป้าเพ็ญนั่นเองไม่ใช่ใคร เปิดโฟล์คซองคำเมืองลั่นครัวมาตั้งแต่เขาจำความได้ ม่อนแจ่มร้องเป็นหมดทั้งชุดนี่ล่ะ ซึ่งก็นับว่าเป็นคุโณปการ เพราะนั่นทำให้ในค่ำคืนวันนี้ เขาสามารถแหกปากประสานเสียงกับบิดาได้อย่างสบายๆ

          “ลูกข้าวนึ่งน่าเจื๊อ  คนเหนือผิวขาวๆ
บ่หาเรื่องเป๋าข่าว  บ่าวสาวละอ่อนเฒ่าแก่
เกียดก่อู้หนักหนัก  ฮักก่ฮักแต๊แต๊
บ่นสุ้น บ่สน บ่แส่  แต่แน่แน่ กิ๋น ข้าว เหนียว นึ่ง!”


ฮ่ะๆ..
เสียงหัวเราะน้อยๆคล้อยมาหลังจบเพลง
แสงรวีแทบจะเรียกได้ว่าเอานิ้วฟาดสายกีต้าร์อย่างเมามัน ม่อนแจ่มเองก็ยิ้มแฉ่ง
สองพ่อลูกถอนหายใจอย่างสบายอารมณ์ เงยหน้ามองดาวนับล้านดวงเบื้องบน
หลังจากหลากหลายบทเพลง.. หลังจากน้ำเสียงและท่วงทำนองเหล่านั้น.. ความอึดอัด คับข้องใจดูจะถูกชำระหมดสิ้นไปอย่างน่ามหัศจรรย์

“ตัวเล็ก ใส่แว่น เล่นกีต้าร์เก่ง ร้องเพลงเพราะ”

หืม?
แสงรวีหันหน้ามามองเด็กหนุ่ม
“อะไรน่ะ?”
“ก็นิยามของพ่อไงครับ” ม่อนแจ่มบอกง่ายๆ เรียกเสียงหัวเราะจากคนถูกกล่าวขวัญ
“แล้วนิยามของม่อนล่ะ?”
ม่อนแจ่มหน้ายู่อย่างใช้ความคิด “เตี้ยๆ ขาวๆ มุ้งมิ้ง ขี้ขลาด”

เฮ้ย! อะไร?
แสงรวีออกจะตกใจ “พูดอะไรอย่างนั้นม่อน”
ม่อนแจ่มหัวเราะแหะๆ ยิ้มเจื่อนๆ ให้ผู้เป็นบิดาเข้าใจว่าเขาไม่ได้ซีเรียสแม้จะรู้อยู่ว่าตนเองดูเป็นยังไง
“ก็นั่นล่ะครับม่อน”
แสงรวีส่ายหน้าไม่ยอมรับ “ไม่ใช่แน่นอน โดยเฉพาะคำสุดท้าย”
“ม่อนขี่ขลาดจริงๆนะพ่อ” ม่อนแจ่มออกตัว “ถ้าพ่อรู้ว่าม่อนกลัวอะไรบ้าง พ่อต้องตัดพ่อตัดลูกกับม่อนแน่นอนอ่ะ”
ม่อนแจ่มว่าพลางนึกไปถึงเพื่อนที่ไม่สนิทที่สุดทั้งแบบมีหนวดและไม่มีหนวดของตัวเอง
แสงรวีวางกีต้าร์ไว้ข้างตัว หันมามองบุตรชายอย่างจริงจัง “ถ้าม่อนเป็นคนขี้ขลาด ม่อนจะมาถึงที่นี่ได้หรือลูก”
..
“ถ้าม่อนเป็นคนขี้ขลาด ม่อนจะเข้มแข็งจนผ่านทุกอย่างมานั่งยิ้มอยู่ตรงนี้ได้หรือไง หืม?”

ม่อนแจ่มยิ้มเหยๆ
“พ่อพูดซะม่อนดูดีเลย”
แสงรวีหัวเราะหึหึ “ที่จริง.. พ่อไม่ใช่คนพูดหรอก พ่อไม่ได้รู้จักหรือเห็นม่อนมานานพอที่จะบอกได้”
“อ้าว..” ม่อนแจ่มขมวดคิ้ว “แล้วใครพูดล่ะครับ”
แสงรวียกยิ้ม เอี้ยวศีรษะหันไปทางฝั่งบ้านยกพื้นเบื้องหลัง ซึ่งเห็นบุรุษหนุ่มร่างสูงยืนกอดอกอยู่ที่นอกชาน
..
ม่อนแจ่มกัดริมฝีปากกลั้นยิ้ม ถ้าเขามีหางก็คงกระดิกดิ๊กๆขึ้นมา “คุณพชรว่างั้นหรือครับพ่อ?”
แสงรวีหัวเราะลั่นอย่างรู้ทัน แต่ก็ยืนยันคำตอบให้ “อืม ..ว่างั้นล่ะ”

ม่อนแจ่มยิ้มกว้างอย่างสุขใจ นอกจากพชรใจดีกับเขา แล้วก็ยังพูดถึงเขาแต่ในทางที่ดีมาตลอด..
อย่างไรก็ตาม ที่พชรพูดว่าเขาเข้มแข็งนั้นมันก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียวหรอก ..หากไม่ใช่เพราะคนอื่นๆรายรอบตัวที่มีความรัก  มีเมตตาและมีน้ำใจ ม่อนแจ่มไม่มีทางมานั่งยิ้มอยู่ตรงนี้ได้ ..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำใจจากพชรเองนั่นแหละ

เป็นเพราะ.. ความรู้สึกที่พชรมอบไว้ให้เขา ตลอดเวลาที่ทั้งสองคนมีร่วมกัน
ความรู้สึกนั้น.. ปกป้องม่อนแจ่มเอาไว้จากบาดแผลและความผิดหวังทั้งปวง
ความรู้สึกนั้น.. ทำให้เขายังหยัดยืนอยู่ได้ โดยที่หัวใจไม่ถูกทำลาย


            “วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน พ่อว่าม่อนต้องไปนอนแล้วล่ะ”
แสงรวีตบหลังตบไหล่ ฉุดม่อนแจ่มจากห้วงความคิด
แว่นเล็กพยักหน้ารับแว่นใหญ่ “ครับพ่อ!”

‘พ่อ’
..
แสงรวีตระหนักว่าคำช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์นัก
เพียงคำแสนสั้น แต่กอปรด้วยความหมายที่ส่งผ่านมา
หมายถึง.. การให้เกียรติ
หมายถึง.. การยอมรับนับถือที่เขาไม่คาดคิดว่าจะมีวันได้รับ
มือกร้านแตะลงบนศีรษะเล็ก ประทับน้ำหนักมือให้เจ้าของคำพูดรู้สึกถึงความปิติในใจเขา

            สองแว่นสองวัยเดินมาหยุด ณ ริมบันไดในที่สุด..
แสงรวีโบกมือน้อยๆให้สองคนคุ้นเคย ซึ่งหนึ่งในนั้นเดินลงมารอที่ชานพักแล้ว

“ขอโทษที่เสียงดังหน่อยครับ คุณพชร”

พชรพยักหน้ารับไม่ถือสา สีหน้าไม่แสดงความรู้สึก ทว่า นัยน์ตาคมเปล่งประกายความยินดีที่สองพ่อลูกอ่านออกเหมือนๆกัน
แสงรวีโบกมือลา ขณะเด็กหนุ่มทั้งสองยกมือไหว้และมองตามแผ่นหลังเล็กไป รอจนเห็นถึงบ้านและเปิดประตูเข้าไปเรียบร้อยจึงค่อยๆเดินขึ้นบันได

คุณน้าลดายังคงยืนรออยู่ที่นอกชาน และในดวงตากลมโตคู่นั้น ม่อนแจ่มมองเห็นสิ่งเดียวกับที่เห็นจากพชร
ความยินดีในความสุข ความรัก ความเข้าใจของผู้อื่น.. เขารู้สึกตื้นตันในหัวใจมากเหลือเกินและไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนความรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไร

“ม่อนขอโทษนะครับที่มาช้า แล้วก็ที่เสียงดังด้วย” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ แต่เพชรลดาส่ายหน้า
“น้าก็ชอบฟังเพลงจ้ะ ยิ่งเล่นสดร้องสดยิ่งชอบ ไม่ฟังจากม่อน จากลุงแสง จะให้ฟังจากไหนล่ะ?”
เพชรลดาถามทีเล่นทีจริง ก้มลงกระซิบใส่หูม่อนแจ่ม “จากพชรหรือไง..”

ฮ่ะๆ!
ม่อนแจ่มหลุดหัวเราะ จินตนาการภาพพชรร้องเพลงไม่ออก
เพชรลดาเองก็หัวเราะด้วย ขณะคนถูกกล่าวขวัญถึงเพียงตีหน้าขรึมเดินนำเข้าบ้าน รอท่าปิดประตูให้

“ที่ระเบียงห้องพชรก็มองเห็นดาวนะ ถ้าม่อนอยากดูต่อ ก็เปิดประตูออกไปได้เลยจ้ะ”
เพชรลดาเอ่ยบอก ขณะลูกชายดึงประตูและหน้าต่างปิดล็อค
“ขอบคุณครับ” ม่อนแจ่มยิ้มรับ
“ว่าแต่.. ม่อนอยากนอนคนเดียวหรือเปล่า มีอีกห้องนะ” เพชรลดาถามเพื่อความมั่นใจ
“อย่าลำบากเลยครับ!” ม่อนแจ่มรีบปฏิเสธ “ม่อนนอนกับพชรได้”
..
ก่อนจะรู้สึกว่ามันฟังดูแปลกๆ..
“เอ้อ.. ม่อน ม่อนหมายถึงว่า.. ม่อนนอนห้องเดียวกับพชรได้ครับ แบบ.. คือ.. เป็นรูมเมทกันที่หออยู่แล้วน่ะครับ”

เพชรลดาลอบหัวเราะกับหน้าตาเหรอหราและพวงแก้มที่เป็นสีจัดนั้น ละมองลูกชายตัวเองก็เห็นว่าแม้ทำทีเป็นมองไปทางอื่นแต่ก็แอบยิ้มอยู่เหมือนกัน
“งั้นก็.. ฝันดีกันล่ะ ทั้งคู่”
“ค..ครับ คุณน้าลดาด้วยครับ”

ม่อนแจ่มถอนหายใจโล่งๆ หลังจากหายใจหายคอไม่ค่อยสะดวกเพราะคำพูดที่ฟังดูแหม่งๆของตัวเอง
แล้วคนข้างๆนี่ก็ไม่มีหรอกที่จะช่วยแก้คำให้อะ.. ม่อนแจ่มขมวดคิ้ว มองสีหน้าเรียบเฉยนั้น แต่เขารู้จักพชรดีพอจะรู้ว่า ก่อนสีหน้าเรียบเฉยตามปกตินี้ พชรต้องแอบยิ้มขำเขาแหงๆ มือขาวจึงตีท่อนแขนสีแทนเบาๆอย่างไม่จริงจังนักเป็นการเอาคืน

“เอ้า..” พชรหลุดอุทานกับสัมผัสที่ไม่คาดคิดก่อนจะหัวเราะในลำคอ ยิ้มมองตามหลังคนที่เดินนำไปทางประตูห้องนอน แล้วหันไปสำรวจอีกทีว่าประตูหน้าต่างบ้านปิดล็อคเรียบร้อยทุกบานแล้ว

“ม่อน จะปิดไฟนะ” เสียงเข้มส่งเตือน เป็นผลให้ม่อนแจ่มหยุดกึก พยักหน้าให้สัญญาณว่าพร้อม
..
ไฟดับมืดลงในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา ใจม่อนแจ่มเต้นแรงเล็กน้อย เพราะมันมืดไปหมดเมื่อยังปรับสายตาไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่กลัว เสียงฝีเท้าที่ได้ยินด้านหลังเป็นสัญญาณว่าอีกไม่กี่อึดใจ มือของเขาจะถูกกุมไว้และจูงพาเดินไปเอง

           ประตูห้องนอนพชรถูกเปิดออกและไฟส่องสว่างก็ตามมาแทบจะในทันที..
ม่อนแจ่มเดินเข้ามาภายในก่อน กวาดสายตามองไปรอบๆ ..ซึ่งแน่นอน ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่เห็นหลังอาบน้ำเมื่อช่วงหัวค่ำ
อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่สะดุดตา ม่อนแจ่มคิดว่าเพิ่งจะเห็นสิ่งที่เขาไม่เห็นในทีแรก
มันคือ.. สมุดบันทึก ทว่า ไม่ใช่สมุดบันทึกหรอกที่เตะตา
กระดาษต่างหาก ..กระดาษที่แล่บออกมาแล้วเห็นลายเส้นดินสอที่ค่อนข้างคุ้นเคย
ร่างเล็กขยับเดินเข้าไปจนหยุดริมโต๊ะไม้สักเล็กที่ตั้งอยู่หัวเตียง
“ขอดูได้ไหม..” ม่อนแจ่มหรี่ตา ออกอาการตื่นเต้นนิดหนึ่ง
เขาคิดว่ามันคือ..

พชรอ้าปากค้างนิดๆ
เขาหยิบขึ้นมาดูจริงนั่นแหละ แต่ก็คิดว่าเก็บแล้วนะ
ตาคมมองมือขาวซึ่งแตะสมุดรอสัญญาณการอนุญาต ก่อนตัดสินใจพยักหน้าให้ ..ก็ได้แต่หวังว่าม่อนแจ่มจะไม่ล้อเขามากนักนะ

เมื่ออีกฝ่ายยินยอม ม่อนแจ่มจึงพลิกสมุดเปิดหน้าที่เห็นขอบกระดาษคั่นอยู่
แล้วก็ใช่จริงๆ.. ภาพการ์ตูนใบเก่าที่เขามอบให้พชรในวันสอบวันสุดท้ายของภาคการศึกษาแรกนั่นเอง

‘ลำพูน 35
Ride Carefully’

            “มึงจะได้ไม่ลืมกู..”

ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง ..เหตุการณ์หลากหลายที่เกิดขึ้นทำให้เกือบจะลืมสิ่งนี้ไปแล้ว
“มึงเก็บไว้อะ! มึง..” ม่อนแจ่มเงยมองพชร “..ยังเก็บไว้”

จะให้ตอบอย่างไรล่ะ..
พชรไม่มีอะไรจะตอบ จะปฏิเสธก็เห็นกันอยู่คาตา แล้วก็ไม่รู้จะปฏิเสธไปทำไมด้วย
“ก็.. อืม”
เลยต้องยอมรับกันไป..

ม่อนแจ่มหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมาสำรวจอย่างดีใจ ..และเมื่อหยิบกระดาษแผ่นแรกขึ้นมา ก็เป็นผลให้มีกระดาษแผ่นเล็กกว่าค่อยๆหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่างด้วย
ม่อนแจ่มขมวดคิ้วมองตาม ..ซึ่งพอเห็นว่าเป็นอะไรก็แทบจะกระโดดลงไปตะครุบ

“ขโมย!”
“อะไร?” พชรงง
“ก็นี่ไง” ม่อนแจ่มหมดแล้วซึ่งความสนใจภาพที่ตัวเองเคยวาด มือขาวกลับหยิบกระดาษแผ่นเล็กที่มีตัวเลขขึ้นมาชูหรา

‘011153  011269’

“กูเก็บได้”
ก็มันจริง.. พชรเก็บจากบนพื้น

อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มถลึงตาใส่ดุดุ
“เก็บได้แล้วไม่คืนทั้งที่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ไม่เรียกขโมยอีกหรือ?”
“ลายมือกูนะที่อยู่ในนั้น” พชรเตือนความจำ
“แต่มึงให้กูแล้วไง” ม่อนแจ่มเตือนความจำเหมือนกัน “มึงให้กูแล้ว ยื่นให้กับมือ ก็เป็นของกู ไม่ถูกหรือ?”

โอเค..
ตกลง..
ยอมรับ..

“ขอโทษที่ไม่ได้คืนให้” พชรก้มศีรษะน้อยๆโดยดุษฎี
“กูแทบจะพลิกห้องหาเชียวนะ” ม่อนแจ่มสำรวจกระดาษอย่างยินดี มิวายเอานิ้วรีดรอยยับให้เรียบขึ้นทั้งที่มันก็เรียบอยู่แล้วเพราะถูกสอดไว้ในสมุด
กิริยานั้นทำให้พชรอดจะถามไม่ได้.. “มันมีความหมายนักหรือ?”
“อื้อ!” ลำคอเล็กพยักรัวๆ “กูเดินไปคณะมนุษยฯแล้วได้กลับมาเลยนะ”
“เป็นสิ่งแรกที่กูก็ให้?” แบบนั้นหรือไง..
“จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ ..ก็ไม่ใช่อ่ะ”

หืม ยังไง?
“กูไม่เข้าใจ”
“ก็.. จริงๆมึงเคยให้อย่างอื่นมาก่อนแล้วด้วย”

มีด้วยหรือ?
“ให้อะไร” พชรสงสัย
“น้ำ” ม่อนแจ่มเฉลย
“น้ำ..” พชรทวนคำ
“ใช่ น้ำ” ม่อนแจ่มยืนยัน พลางอธิบายเสริม
“วันแรกๆที่หอเลยอะ ตอนกูอาบน้ำอยู่แล้วน้ำไม่ไหล จำได้ไหม กูไม่มีน้ำล้างหน้าแล้วก็แสบตาจะแย่ มึงให้น้ำมาขวดนึง ..แต่ฝากไอ้ดิ้ลมา”

พชรนิ่งไป..
มันไม่น่าเป็นไปได้ แต่เขารู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนขึ้น

“ขอบคุณนะ” ม่อนแจ่มกัดปาก ไม่ใช่ว่าจะซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ แค่ไม่อยากให้มันกว้างมากนักจนทำพชรเขิน
พชรแสร้งถอนใจน้อยๆ มองไปทางอื่น “ตอนนั้นก็ขอบใจไปแล้วนี่”
..
“สำหรับทุกอย่าง”

ถึงกับต้องหันสายตากลับมา..
พชรมองคนพูด จึงรู้ชัดว่าดวงตาภายใต้กรอบแว่นแดงหมายความเช่นนั้นหมดใจจริงๆ

..ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง..

“แล้ว.. นี่พชรจะให้คืนหรือเปล่า?” ม่อนแจ่มชูกระดาษใบน้อยเขียนรหัสวิชาปรัชญาขึ้นมา
“ถ้าจะเอา ..ก็ให้” พชรพยายามไม่ยิ้ม ในขณะที่ม่อนแจ่มปล่อยให้ตัวเองยิ้มกว้าง
“แต่อันนี้ให้พชรนะ” มือขาวสอดแผ่นกระดาษรูปเด็กหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ไว้ที่เดิม “ไม่เอาคืน”
..
“ไม่ให้คืนเหมือนกัน” พชรตอบรับ

ม่อนแจ่มอ้าปากค้างไว้ ความรู้สึกคล้ายๆตอนได้ยินคำ ‘รัก’
เขาขยับจะให้คนพูดน้อยย้ำคำ แต่ไม่ทัน.. เพราะร่างสูงใหญ่นั้นเดินละจากเขาไปหาประตูระเบียงเสียแล้ว

โด่ว..
ม่อนแจ่มยิ้มกับแผ่นหลังกว้าง เขาชอบจะตายให้พชรพูดอะไรแบบนี้
แต่พชรก็พูดเร็วเงียบเร็วเสียจริง เห็นทีเขาต้องเตรียมหูไว้ให้พร้อมทุกเมื่อเพื่อไม่ให้พลาดคำพูดพชรแม้แต่คำเดียว

“จะนอนที่ไหน”

อะ..
ยังไง?
จู่ๆ พชรก็ถามขึ้นมา ไม่งงก็ต้องงง ทั้งที่ม่อนแจ่มก็ว่าตัวเองผึ่งหูไว้อย่างดีแล้วนะ หรือว่า..
“ก..ก็นอนนี่ไง มึงจะให้กูไปนอนไหนอะ” ม่อนแจ่มชักขวัญเสีย กลัวพชรเขินจนไล่เขาไปนอนนอกชาน
“ก็เห็นชอบดูดาว เลยว่าจะกางเต้นท์ให้นอน”
“กางเต้นท์?” ม่อนแจ่มทวนคำ “เราจะไปนอนนอกบ้านกันเหรอ”
“เปล่า” พชรปฏิเสธ “แค่นอกห้อง”

ห๊ะ..
ม่อนแจ่มยังคงไม่ไม่เข้าใจ ทว่า พชรก็เปิดประตู เดินนำออกสู่ระเบียงแทนคำอธิบาย
ร่างเล็กเดินตามหลังมา ..ไม่พักต้องเงยหน้าก็เห็นดวงดาวพราวพราเพราะเวิ้งฟ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่มีตึกรามบ้านช่องบดบังทัศนวิสัยโดยรอบเลย
 
สวย.. งดงามเกินคำบรรยาย..
ม่อนแจ่มมองจ้องราวกับตกอยู่ในภวังค์ ตอนเขาแหวกม่านออกดูคราอาบน้ำเสร็จช่วงหัวค่ำเหมือนยังไม่เห็นดาวมากมายขนาดนี้เลย

พชรเปิดลิ้นชักไม้และหยิบเอาเต้นท์ที่พับอยู่ออกมา ม่อนแจ่มเข้ามายืนใกล้ๆ พิจมองอย่างสนเท่ห์
“นอนเต้นท์ประจำหรือ พชร?”
“ก็.. วันที่อากาศดี”
“อินดี้โคตรๆ!” เสียงเล็กหลุดอุทาน มือสองข้างเข้ามาช่วยคลี่ผ้าเต้นท์อย่างกระตือรือร้น
“โอ่ยย.. นี่มัน.. เต้นท์เขียวของแว่นแดง มาเลยๆ ช่วยกาง!”

..ซึ่งก็เป็นการกางเต้นท์ที่ช้าที่สุดในชีวิตพชร
ม่อนแจ่มต่อเสาเต้นท์ไป ก็มิวายจะพึมพำไป “โท่ษๆ กูเคยกางหนเดียว นี่ผิด เอาใหม่ๆ โอย ง่าวว่ะม่อน”
พชรไม่ตำหนิอะไรเลยในความผิดพลาดเหล่านั้น เขาแค่ทำให้ดู แล้วม่อนแจ่มก็ทำตาม
มือสองข้างของคนสองคนช่วยกันดันเสาขึ้นเสียบกับตัวเสียบทีละมุมพร้อมๆกันคนละฝั่ง กระทั่งเต้นท์ขึงขึ้นเป็นโดม

พชรไม่เคยพบความลำบากอะไรในการกางเต้นท์คนเดียว แต่แน่นอน การกางสองคนมันดีกว่า..
ถึงจะช้ากว่า แต่มันก็ดีกว่า แล้วพชรก็เชื่อว่ามันจะเร็วขึ้นกว่านี้ในครั้งถัดๆไป
มือใหญ่จัดการกับตะขอเกี่ยวเพื่อยึดเต้นท์ให้แข็งแรงขึ้น ก่อนนำเสาฟรายชีทคลุมเต้นท์มาต่อและผูกยึดเข้ากับหลังคาเต้นท์ เป็นอันเสร็จพิธี

“โฮ..” ม่อนแจ่มแทบจะร้องไห้
เต้นท์ใหญ่มาก.. น่านอนมาก.. ร่างเล็กเตรียมพร้อมพุ่งตัวเข้าไป
“เอ้าๆ ที่นอนยังไม่มีเลยนะ” พชรพูดกลั้วหัวเราะ
“ที่นอนอยู่ไหน ท่านพชรวานบอก ไอ้ม่อนจะเอามาปูโดยพลัน!”

พชรขำจนต้องเอาหลังมือปิดปากและซัดศีรษะไปทางลิ้นชักใหญ่ที่เก็บเครื่องนอน
ม่อนแจ่มก้าวยาวๆไปดึงเปิดออกและหอบที่นอนปิคนิกออกมาทันที
พชรรูดซิบเปิดเต้นให้และม่อนแจ่มก็ทำหน้าที่ปูที่นอน พร้อมวางหมอนเล็กที่มีอยู่หนึ่งใบ โผล่หน้าออกมาก็เจอหมอนใบใหญ่ไซส์ปกติที่พชรไปเอาจากบนเตียงในห้องยื่นส่งมาให้

“มึงนอนหมอนใหญ่นะ เดี๋ยวกูนอนหมอนเล็กเอง” ม่อนแจ่มยิ้มแฉ่ง
พชรเองก็ยิ้ม.. แม้ไม่ตอบอะไร..

          ไฟในห้องนอนดับมืดลงแล้ว
อาณาบริเวณโดยรอบก็มืดสนิท ..มีเพียงไฟกริ่งแสงหรี่ที่เหนือประตูระเบียงและแสงดาวจากบนฟ้าเท่านั้น
“มันโรแมนติกอะพชร ฮืออ.. โรแมนติกมากเบย”

คือ.. มันจะไม่โรแมนติกก็ตอนม่อนแจ่มพูดออกมานี่แหละ
พชรไม่มีอารมณ์ซึ้งอะไรเลย มีแต่อารมณ์ขำล้วนๆ อดไม่ได้ที่จะเอามือไปยีหัวเล็กปรกเรือนผมนุ่มให้หายมันเขี้ยว

“เอ้า ผ้าห่ม..” พชรวางผ้านวมไว้ให้ “ดึกกว่านี้จะหนาวหน่อย”
“ขอบคุณคร้าบ” ม่อนแจ่มฉีกยิ้มในแสงสลัว
“จะนอนฝั่งไหน?” เสียงเข้มเอ่ยถาม แต่แล้วก็นึกได้ “ต้องนอนฝั่งนอกนะถึงจะเห็นดาว ..กลัวหรือเปล่า?”
ม่อนแจ่มส่ายหน้า ..พชรนอนอยู่ข้างๆ จะกลัวอะไร
“แล้วพชรจะดูดาวไหม?”
คนถูกถามส่ายหน้า ถ้าตอบว่าดูจนจะจำได้ทุกดวงอยู่แล้วคงเวอร์ไปและก็ไม่จริงเสียทีเดียวหรอก
พชรชอบนอนเต้นท์ก็จริง แต่ชอบความรู้สึกและบรรยากาศมากกว่าที่จะนอนเพื่อดูดาวจริงๆ
“มาดูด้วยกันสิ” ม่อนแจ่มชี้ชวน นั่งชันเข่าริมประตูเต้นท์ชั้นในที่เป็นผ้าตาข่ายบางโปร่งมองเห็นภายนอกชัดเจน
“โน่น.. กูเห็นดาวลูกไก่ด้วยนะ ..คล้ายๆจะเป็นไก่ซีพี”

พชรตบหน้าผากตัวเองเบาๆ แทบไม่ได้ดูดาวเลย มัวแต่ก้มมองเข่าเพราะกลั้นหัวเราะ
เขาไม่ได้ตั้งใจจะโรแมนติก แค่อยากให้ม่อนแจ่มได้ดูดาวเท่านั้น ซึ่งก็นับว่าดีแล้วล่ะ เพราะตั้งแต่เริ่มกางเต้นท์กระทั่งนั่งดูดาวในเต้นท์ยังไม่ใกล้ความโรแมนติกอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าความขำล่ะใช่แน่

ม่อนแจ่มนั่งเอาสองแขนกอดเข่าไว้ ประสานฝ่ามือที่ข้อเท้า เงยมองดาวสุกใสเบื้องบนสลับกับหันมองพชรอย่างสบายอารมณ์ กระทั่งเสียงเข้มดังมาเบาๆ
“นอนดูไหม ง่วงจะได้หลับไปเลย ..วันนี้น่าจะเหนื่อยมากแล้วนะ”

ม่อนแจ่มไม่คัดค้าน เขาปล่อยให้ร่างเล็กของตัวเองถูกพชรดันนอนลงบนฟูกบาง
ดวงตาสองคู่สบกันเพียงชั่วขณะ แต่ก็นานพอที่จะสื่อความหมาย..
ใบหน้าคมโน้มลง แต่แล้วก็เบือนหลบไป เช่นเดียวกับที่ทำเมื่อตอนเย็นในสวน ..และก็เช่นเดียวกับที่ทำเมื่อวานในห้องสามสามแปดด้วย ..จนม่อนแจ่มต้องรั้งไหล่กว้างไว้ อยากให้พชรได้ทำตามใจตัวเองบ้าง
“พชร..”

ใบหน้าคมหันกลับมา สบกับดวงตาในกรอบแว่นอีกครั้ง
เขารู้ว่าม่อนแจ่มไม่เคยคัดค้าน โอนอ่อนยอมตามเสมอ ..และเขาก็อยากสัมผัสความรู้ลึกซึ้งเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับคนคนนี้อีกครั้งเหลือเกิน
แต่ว่า.. มันไม่ควรจะเป็นเวลานี้ เวลาหลังจากวันอันยาวนานที่ม่อนแจ่มผ่านการเดินทาง ผ่านการทำงาน ผ่านความหลากหลายทางอารมณ์ ..ถ้าเพิ่มเรื่องนี้เข้าไปอีก พชรเกรงว่ามันจะเกินกำลังร่างเล็กที่เขาหวงแหน
มือแกร่งเกลี่ยไรผมริมหน้าผากออก ก่อนถอดแว่นแดงออกจากดวงตาใสคู่นั้นเสีย พลางย้ำคำ
“นอนเถอะ”

ม่อนแจ่มยอมให้พชรผละไป มองร่างหนาค่อยๆนอนหงาย มือขวาทาบบนหน้าท้อง แขนซ้ายที่อยู่ฝั่งม่อนแจ่มแนบลำตัว
แล้วร่างเล็กจึงขยับนอนตะแคงซ้าย หน้าผากซบลงกับลาดไหล่กว้าง ..ความรู้สึก ‘รัก’ เต็มล้นอยู่ในใจจนไม่อาจอธิบายได้

“นอนแบบนี้จะเห็นดาวหรือ..” พชรพึมพำถาม
“เห็นสิ” ม่อนแจ่มพึมพำตอบ
“จะเห็นได้ยังไง..” พชรฉงน
“เห็น” ม่อนแจ่มยืนยัน “..จริงๆนะ”

ดวงตาหลับลงแล้ว แต่ม่อนแจ่มก็ยังแน่ใจว่าเห็นทุกอย่างที่ใจอยากจะเห็น ปากอิ่มเผยอขับขานเนื้อเพลงท่อนที่เคยถูกร้องมาก่อนอย่างซึ้งในความหมาย

“ไม่มีแสงแห่งใด ..สวยดังใจเธอ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

*ลูกข้าวนึ่ง - จรัล มโนเพ็ชร
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 05-02-2017 22:15:18
             เหมือนยังไม่สว่าง แสงดาวเพิ่งจะจางจากฟ้า เมื่อตอนที่ม่อนแจ่มรู้สึกตัวจากการขยับกายของคนข้างๆ
“นอนไปก่อนนะ” เสียงเข้มพึมพำบอกริมหูของเขาที่ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย
“พชร..”  ม่อนแจ่มขยับจะลุกขึ้น แต่แขนแข็งแรงกว่ากดยั้งไหล่เล็กไว้เบาๆ
“นอนต่อเถอะ”
“แล้วมึงล่ะ..”

พชรตื่นแล้ว ตื่นเวลานี้ประจำและไม่เคยนอนต่อ ซึ่งวันนี้.. ว่ากันตามจริง เขาก็นอนกอดม่อนแจ่มนิ่งๆมาพักใหญ่แล้วนับตั้งแต่ลืมตา
“นอนไปก่อน” เขาย้ำอีกครั้ง
“ไม่เอาๆ..” ร่างเล็กยันตัวขึ้นมา พยายามสลัดความงัวเงียทิ้ง “ถ้ามึงลุกขึ้นแล้ว กูก็ลุกด้วย”
“ไม่ต้องรีบหรอก ที่กูตื่นเพราะมีอะไรต้องทำ”
“ก็มึงจะทำอะไร กูทำด้วย”
“ม่อน ..บอกว่าไม่ต้องไง” พชรเริ่มเสียงดุ
ม่อนแจ่มเกรงน้ำเสียงนั้น แต่ก็ยังอยากขอร้อง
“ให้กูตื่นด้วยเถอะ อย่าให้กูนอนอยู่ตอนที่มึงไปทำงานเลย ..นะ พชร”

พชรขมวดคิ้วมุ่น สมองประมวลนับชั่วโมงการนอนของร่างเล็กในใจ ประมาณห้าทุ่มถึงราวตีห้า แว่นแดงเอ๊ย
หน้าคมส่ายไปมาน้อยๆ แต่ม่อนแจ่มยิ้มสู้ พชรจึงถอนหายใจ
“งั้นก็ไปล้างหน้าล้างตาซะ” พชรวางแผนเก็บเต้นท์คนเดียวเงียบๆ
“อื้อ เดี๋ยวรีบไป มาๆ ..เก็บเต้นท์กัน”
..
ให้ตายเถอะ!

           แล้วม่อนแจ่มก็เรียนรู้ว่าพชรตื่นมาทำอะไรแต่เช้า..
ร่างสูงเดินดุ่มๆ พาลงบันได อ้อมไปทางหลังบ้าน ที่ซึ่งเมื่อวานม่อนแจ่มยังไม่มีโอกาสมา
และที่นี่เอง.. เขาพบขุมทรัพย์
มันคือสวนผัก คล้ายๆที่เห็นหลังบ้านพ่อ ทว่า ใหญ่กว่า มีผักกินดอก กินใบ กินผล กินหัว นานาชนิด
“แม่ทำกับข้าวทุกเช้า อยากกินอะไรก็เอาขึ้นไปไว้ที่ครัว”

โอ้..
ม่อนแจ่มตาโต หันมองซ้ายขวา

“ม่อนอยากกินอะไรก็เก็บไป”

อยากกินอะไรหรือ?
ม่อนแจ่มต้องสารภาพว่าไม่อยากกินเลย เพราะมันสวย สวยเกินไป..
ไม่ว่าจะมะเขือเทศเชอร์รี่ลูกเล็กๆนั่น หรือถั่วฝักยาวที่ห้อยลงมาจากค้างนั่น
ผักหวานเหมือนที่พ่อจะทำยำเมื่อวาน ..หรือผักกาด ผักกวางตุ้ง ผักบุ้งที่ม่อนแจ่มคุ้นตา

“ที่เห็นแต่ใบนั่นมีแครอท มันเทศ แล้วก็หัวไชเท้า” พชรชี้ให้เห็น “ถ้าอยากกิน กูจะถอนให้”
ม่อนแจ่มมีความรู้ที่ไหนล่ะเรื่องอาหาร แต่ป้าเพ็ญต้มหัวไชเท้าใส่กระดูกหมูอร่อยมาก อันนี้ม่อนแจ่มรู้
“หัวไชเท้าก็ได้พชร เอาไปต้ม อร่อยนะ กูจะถอนด้วย มึงทำให้ดูก่อนสักหัวหนึ่งได้ไหม”

ก็ไม่มีอะไรมาก.. พชรแค่รวบใบเขียวๆยาวๆเหนือพื้นดินไว้ในมือแล้วถอนขึ้นมาเป็นตัวอย่างหนึ่งหัว
เหมือนง่าย.. แต่อย่างไรม่อนแจ่มก็ต้องใช้มือทั้งสองข้าง ในขณะที่พชรใช้มือขวาข้างถนัดเพียงข้างเดียว

“มะเขือยาวน่าสนใจไหมพชร?”
ม่อนแจ่มถามหลังจากถอนหัวไชเท้าขาวอวบมาได้สี่ห้าหัว
“อืม..” ได้ยินเสียงพชรตอบรับ เขาจึงขยับไปที่ค้างมะเขือยาว
“แล้วจะรู้ได้ไงว่าลูกไหนเก็บได้แล้วอ่ะ พชร” ม่อนแจ่มส่งคำถาม
“ก็.. ประมาณลูกนี้” พชรเด็ดมาลูกหนึ่ง ส่งให้ดู
ม่อนแจ่มพิจมองมะเขือยาวสีเขียวสดที่ยาวน่าจะราวห้าสิบเซ็นฯ
โอเช!

            คุณน้าลดาอยู่ที่ครัวแล้วเมื่อม่อนแจ่มหอบผักใส่ตะกร้าขึ้นไปถึง
ท่านกำลังหั่นเนื้อและเตรียมเครื่องปรุงทั่วๆไปที่คงใช้ได้กับทุกประเภทอาหารไว้

“ไหนดูซิ ม่อนจะกินอะไร”
เพชรลดายิ้ม ชะโงกมองตะกร้า ม่อนแจ่มจึงตอบเสียงใส ขณะหยิบสองสหายเขียวขาวขึ้นมาเตรียมล้าง
“ต้มหัวไชเท้า แล้วก็มะเขือยาวชุบไข่ทอดกับน้ำพริกกะปิได้ไหมครับ?”
“จัดไป!”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           วันใหม่มาเยือนอย่างเป็นทางการเมื่อแสงตะวันสาดส่องสว่างทั่วบริเวณ
ชีวิตดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับงานในสวนที่ต้องจัดการให้แล้วเสร็จ
ม่อนแจ่มสวมบทผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นเดิม มือเรียวสอดกระดาษห่อผลเข้าไปในช่อลิ้นจี่ แล้วมัดตอกไว้เป็นสเต็ปเช่นที่เรียนรู้จากเมื่อวาน ทว่า ระมัดระวังไม่เฉียดกรายเข้าใกล้บันไดไม้ไผ่ให้เจ้าของสวนต้องขุ่นข้องหมองใจ เขาห่อเพียงช่อที่พอเขย่งถึงเท่านั้น

“นี่เราต้องห่อไว้นานเท่าไรอ่ะครับพ่อ?” ม่อนแจ่มถามขณะยืนยืดตัว มือชูสุดแขนหาลิ้นจี่ช่อที่เกือบจะไกลเกินเอื้อม
“ก็.. สักเดือนหนึ่งน่ะม่อน” แสงรวีขยับแว่น เอ่ยตอบลูกชาย
“หลังจากนั้นก็คือตัดไปขายเลยหรือครับ”
“ช่าย..”

แบบนี้ก็แปลว่า.. เดือนหน้าตัดลิ้นจี่..

         “คุณพชรครับ”
ม่อนแจ่มหาพิกัดและเข้าไปกระซิบริมไหล่เพราะความสูงเขาไม่ถึงหูเจ้าของชื่อ
“เดือนหน้าตัดลิ้นจี่นี่ ไอ้ม่อนขอมาด้วยนะครับ รับรองว่า.. ไอ้ม่อนจะไม่ดื้อ ไม่ซน”

เรื่องนั้นมีปัญหาที่ไหน พชรไม่คัดค้านอยู่แล้ว ร่างสูงรู้สึกยินดีเสียด้วยซ้ำ แต่ก็เพียงสั่งเสียงดุ
“เลิกเรียกคุณอะไรนั่นสักทีเถอะ”
“โอ๊ย ไม่ได้ครับ!” ม่อนแจ่มรีบปฏิเสธ สองมือกระตุกสาบเสื้อเชิ้ตที่ใส่คลุมอยู่ “นี่สถานะเจ้านายกับลูกน้องนะครับ เรียกคุณพชรน่ะถูกแล้ว”

พชรถอนหายใจ ก้มลงมา ..จงใจมองไล่จากศีรษะเล็กซึ่งสวมหมวกปีกกว้างไปจรดปลายรองเท้า Adidas สีขาวที่เริ่มจะมอมแมม
อดทนไม่ไหว ไม่ควรพูดก็จะพูดแล้ว..
“อยากทำให้เป็นสถานะอื่นซะตรงนี้นัก”
..
..
พชรพูดเบาๆเท่านั้น ทว่า ม่อนแจ่มรู้สึกราวกับถูกตะโกนใส่
ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมก็เข้าใจความหมาย.. ปากอิ่มเผยอค้าง ใบหน้าร้อนขึ้น
พชรไม่ค่อยพูดก็จริง แต่ม่อนแจ่มไม่ควรลืมเลยว่า.. ลองพชรพูดออกมาแล้ว เขาถึงกับจะตอบโต้ไม่ทันเอาทีเดียว ร่างเล็กจึงล่าถอยกลับไปห่อลิ้นจี่ต่อ แม้จะจำทางกลับต้นเดิมแทบไม่ได้

“ร้อนหรือม่อน หน้าแดงเชียะ?”
..
พ่อสาบานมาก่อนว่าไม่ได้แซวม่อน ..ม่อนแจ่มอยากจะถามอย่างนั้น เมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายล้อเลียนของบิดา

           ยิ่งล่วงเวลาสาย แสงตะวันยิ่งแผดร้อน ทว่า ร่มลิ้นจี่ก็ช่วยได้มาก มันไม่หนักหนาเกินไปเมื่อมีต้นไม้ทุกทิศทุกทางเช่นนี้
ม่อนแจ่มมีสมาธิกับช่อลิ้นจี่เป็นส่วนใหญ่ แต่ทุกครั้งที่ละสายตาก็จะมองหาพิกัดของบิดา พชรหรือไม่ก็คุณน้าลดา เห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง เวลาผ่านไปกี่นาที กี่ชั่วโมง ม่อนแจ่มก็ไม่ได้นับ กระทั่งได้ยินเสียงนั่นแหละ..

“พักแล้วก่มากิ๋นน้ำลำไยกั๋นตรงนี้กันเน้อ คุณลดาเอามาหื้อ!”

หืม?
น้ำลำไย! ม่อนแจ่มหูผึ่ง ก้มมองนาฬิกาที่เข็มยาวและเข็มสั้นใกล้จะชี้เลขสิบสองตรงพร้อมๆกัน
เขาห่อช่อนี้ต่อจนแล้วเสร็จ จึงเดินลากเท้าไปทางที่มีรถกระบะเปิดท้าย น้ำสีน้ำตาลหม่นถูกตักแจกจ่าย ม่อนแจ่มสังเกตว่าคนงานแต่ละคนเอาแก้วกันมาเอง แต่.. ฮือ.. เขาไม่มีแก้ว..

“ม่อน อยู่นี่เอง”
เสียงอ่อนโยนดังมาข้างๆ ม่อนแจ่มไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่โฟกัสน้ำลำไยในแก้วคนอื่น 
“นี่จ้ะ ของม่อน”
..
บอกเลยว่าเป็นแก้วพลาสติกทรงสูงไซซ์บิ๊กบึ้ม with ลูกลำไยออนท็อป!
คุณน้าลดา.. ม่อนแจ่มรีบยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ รับน้ำมาซดอึกๆ ก่อนจะนึกได้รีบถาม
“แล้วคุณน้าลดาทานหรือยังครับ พ่อกับพชรล่ะ แค่กๆ”
“เอ้า กินดีๆ” เพชรลดาหัวเราะ
“น้าก็เชื่อมลำไยเก็บไว้ทำน้ำตลอดนั่นแหละ สองคนนั้นกินกันจนเบื่อแล้ว อย่าไปห่วงเลย”

ใครกินจนเบื่อ ม่อนแจ่มไม่รู้หรอก รู้แต่ม่อนแจ่มไม่มีทางเบื่อแน่
น้ำลำไยท่ามกลางไอแดด.. นี่มันสวรรค์แท้ๆ!
เขาซดแล้วซดอีก พลางถือแก้วเดินไปรวมตัวกับคนงานอื่นๆที่บ้างปูเสื่อ บ้างตั้งท่าแกะข้าวห่อ

“เมื่อวานเห็นว่าถือถ้วยแกงมาฝากไว้ที่แสงเองหรือ ขอบใจนะ”
..
หืม?
ม่อนแจ่มหันมองต้นเสียงก็รู้ว่ามาจากคุณลุงเอิบที่แบ่งน้ำพริกอ่องให้เขากินเมื่อวานนั่นเอง
“อ้อ เอ่อ.. ครับ” ม่อนแจ่มยิ้ม ที่จริงก็ไม่ได้ได้ทำอะไรนอกจากถือมาจากครัวเท่านั้นเอง
“คุณน้าดาทำครับ ม่อนก็แค่เอาไปให้”
“ทำเผื่อเสมอล่ะ” ลุงเอิบยิ้มตอบ “ทั้งกับลุง ทั้งกับแสง”
ม่อนแจ่มมองตามทางที่ผู้อาวุโสพยักพเยิดไป แลเห็นบิดายืนคุยอะไรที่เขาอยู่ไกลเกินจะได้ยินกับคุณน้าลดา มือไม้ชี้ไปมา คุณน้าลดาพยักหน้า อีกเดี๋ยวก็เป็นฝ่ายพูดแล้วบิดาก็พยักรับบ้าง

“ทีแรก ..ก็คิดว่าจะเป็นคู่รักนะ แต่เปล่า เป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนตายกันแท้ๆ”
..
มันเป็นเพียงคำพูดเปรยๆของคนสูงวัยที่ไม่มีเจตนาสื่อนัยยะอะไรมากมาย ทว่า ม่อนแจ่มก็คิดตามคำพูดลุงเอิบ
สายตาที่คุณน้าลดากับคุณพ่อมองกันอยู่ในตอนนี้ ..ไม่ใช่แบบที่เขากับพชรมองกันและกัน
นี่เป็นความสัมพันธ์อีกแบบ ..เป็นของคนที่เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ที่ทำงานด้วยกัน ช่วยเหลือกันมาเนิ่นนาน และม่อนแจ่มก็เคยเห็นสายตาเช่นนี้มาก่อนแล้ว

           ไม่มีเวลาสำหรับรับประทานอาหารเที่ยงมากมายนัก คนงานทุกคนรีบร้อนไม่ต่างจากเมื่อวาน
ม่อนแจ่มเองก็ด้วย เขาพยายามทำสถิติเขมือบเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันนี้เขามีปิ่นโตเป็นของตัวเอง ซึ่งคุณน้าลดาเป็นสปอนเซอร์ให้ ม่อนแจ่มไม่ลืมที่จะแจกจ่ายมะเขือยาวชุบไข่ทอดไปทั่วๆวง

ตะวันยามบ่ายทำงานอย่างซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ แผ่นหลังม่อนแจ่มมีเหงื่อซึม แต่ถ้าเขาเดาไม่ผิด ซึ่งไม่หรอก ในวันนี้ การห่อผลลิ้นจี่จะแล้วเสร็จ เขาได้ยินคนงานพูดกันว่านี่เป็นโซนสุดท้าย
โย่วๆ.. ลิ้นจี่ที่รัก เดือนหน้ามาเจอกับพี่ม่อนใหม่นะจ้ะ
มือบางที่เป็นสีแดงจัดเพราะการใช้งานซ้ำๆสัมผัสผลเล็กๆสีเขียวเหลือบแดงอย่างทะนุถนอม ..จากต้นเป็นใบ จากใบเป็นดอก จากดอกเป็นผล ให้คนได้กิน

ม่อนแจ่มเรียนวิศวกรรมจึงถูกหล่อหลอมเสมอว่าวิศวกรคือ ‘ผู้สร้าง’
อย่างไรก็ตาม วันนี้เขาเรียนรู้ว่าไม่ใช่แค่วิศวกรเท่านั้นที่เป็นผู้สร้าง หลายคน หลายอาชีพก็เป็นผู้สร้าง ขึ้นอยู่กับว่าสร้างอะไร ..เช่นเดียวกับเกษตรกรที่เป็นผู้สร้าง ‘อาหาร’
ดวงตาในกรอบแว่นกวาดมองไปรอบๆ กระทั่งหยุดอยู่กับร่างสูงที่คุ้นเคย..

“ม่อน!”

หืม?
เสียงพ่อนี่..

“ครับพ่อ!” ม่อนแจ่มหันไปมอง ตอบรับฉะฉาน ..พ่อมีอะไรให้ช่วย สั่งม่อนมาโลด
“พอแล้วล่ะนะ” แสงรวียกมือห้าม
“ที่เหลือคนงานเขาทำกันเอง ม่อนกลับไปอาบน้ำเตรียมตัวกลับมอได้แล้ว ไปหาคุณพชรเถอะไป”

อะ..
ม่อนแจ่มอ้าปากจะค้าน แต่ผู้เป็นบิดาเดินมาปลดตะกร้าใส่กระดาษห่อผลกับตอกออกจากบ่าเล็กของเขา
“พ่อเอาไปทำต่อเอง”
“พ่อครับ”
“คุณลดาจะเป็นห่วงนะถ้าออกเย็นเกิน แล้วไปถึงค่ำ ..พ่อก็ด้วย” แสงรวีบอกเร็วๆ
“ไปหาคุณพชรนะม่อน พ่อจะไปต่อตรงนู้น รีบห่อให้เสร็จวันนี้”
“อะ.. ครับ ครับพ่อ” ม่อนแจ่มรับคำไม่ใคร่จะเต็มเสียงเท่าใดนัก มองตามแผ่นหลังปราดเปรียวที่เคลื่อนไหวรวดเร็วไม่สมขนาดตัวไปยังลิ้นจี่ต้นอื่น

บ่ายสามแล้ว.. ม่อนแจ่มก้มลงมองนาฬิกา ก่อนเงยมองไปทางที่เห็นพชรยืนอยู่ก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม พชรไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ร่างสูงก้าวยาวๆมาทางม่อนแจ่มนี่เอง
เห็นดังนั้น ขาสั้นจึงเดินเข้าไปหาด้วย ย่นระยะทางกว่าจะได้พบกันให้สั้นลง

“เหนื่อยหรือเปล่า?”
..คำถามฮิตที่ยังคงไม่หลุดจากชาร์จของพชร
ม่อนแจ่มยิ้ม ส่ายหน้าเช่นเดิม ดวงตาเปล่งประกายมองผู้ชายตรงหน้าอย่างชื่นชมโดยไม่ปิดบัง
“อะไร?” พชรไม่เข้าใจสายตา
“เก่ง..” ม่อนแจ่มถอนหายใจ แต่ปากยิ้ม “เก่งอ่ะ เก่ง.. แบบเก่งมากจนไม่รู้จะบรรยายยังไง”
“ใครเก่ง?”
“มึงไง..”
“ยังไง”
“ก็..” ม่อนแจ่มอธิบายไม่ถูก ได้แต่มองไปรอบๆ เห็นงานที่กำลังจะแล้วเสร็จ
มันเป็นไปได้ยังไงที่เด็กหนุ่มวัยนี้ วัยเดียวกันกับเขา แทนที่จะแค่เรียน พอเวลาว่างก็เที่ยวเล่นหาความสำราญเบิกบานใจ กลับทำงาน ทำมานาน แล้วงานมากมายขนาดนี้ ดูแลสวนที่ใหญ่ขนาดนี้ จน..

“กูไม่ได้เก่งกาจอะไร” พชรตระหนักในความคิดคนตรงหน้าจนได้
“มึงก็เห็นอยู่” หน้าคมพยักพเยิดไปทางคนงานกลุ่มใหญ่ที่ยังคงเร่งมือห่อผลลิ้นจี่ “..มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของพวกเขาทั้งนั้น”

ม่อนแจ่มมองตามสายตาพชร ..แล้วก็หันมามองพชรอีกที
พชรพูดอะไรคล้ายๆที่เคยได้ยินจากคุณพ่อพจน์ ..เวลาไปตรวจโรงงาน ท่านมักจะพูดเสมอไม่ให้ม่อนแจ่มลำพองว่าตัวเป็นหัวหน้า เป็นลูกเจ้าของบริษัท แต่ให้ระลึกว่ากิจการดำเนินไปได้ก็เพราะคนที่กำลังทำงานอยู่ตรงนั้น
ไม่มีพวกเขา เราอยู่ไม่ได้ ..ต้องเคารพ ต้องให้เกียรติ ตระหนักในสถานะตนเองและวางตัวให้เหมาะสม

พชรเองก็เหมือนกัน..
แม้เจ้าตัวจะไม่ได้พูดคุยเล่นหัวกับคนงานด้วยไม่ใช่นิสัย ทว่า ในแววตา ม่อนแจ่มเห็นความเคารพ ..และในการกระทำ ม่อนแจ่มเห็นการให้คุณค่า

          “พชร ม่อน!”
เพชรลดาสาวเท้ามาหาคนทั้งสอง ส่งกุญแจรถให้ลูกชาย “กลับบ้านกันก่อนเถอะ จะได้อาบน้ำอาบท่าเสีย อย่าออกเย็นนัก เดี๋ยวจะค่ำ แม่เป็นห่วง”
พชรพยักเข้าใจ ม่อนแจ่มเองก็เข้าใจเช่นกัน เพราะบิดาบอกไว้ก่อนแล้ว

วันนี้วันอาทิตย์ พรุ่งนี้ก็วันจันทน์ ต้องไปเรียนตามปกติ
ม่อนแจ่มมาเช้าเมื่อวานและจะกลับเย็นวันนี้ แต่กลับรู้สึกยาวนานกว่าสองวันมากมายนัก คงเพราะความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นในบรรยากาศอบอุ่นเช่นนี้นั่นเอง

กลับก็กลับ.. แต่ม่อนแจ่มจะหอบความรู้สึกนี้กลับไปด้วยให้มากเท่าที่จะมากได้
เอากลับไปฝากคุณแม่และคุณพ่อพจน์..
ความรู้สึกที่ได้จากที่นี่ ..ที่ที่มีพชร คุณน้าลดาและคุณพ่อแสงรวีของเขา

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

(ต่อรีฯถัดไป)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 05-02-2017 23:09:22
           เป็นม่อนแจ่มที่พชรให้อาบน้ำก่อนอีกแล้ว
เขาเอาชุดลำลองออกจากกระเป๋าไปผลัดเปลี่ยนในห้องน้ำ รีบดูแลตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย ผลัดให้พชรได้อาบบ้าง

แสงแดดจัดยังสาดสะท้อนยอดไม้แม้เวลาใกล้บ่ายสี่โมง ม่านระเบียงและหน้าต่างถูกดึงเปิดหมดให้ห้องไม่เหม็นอับ
ม่อนแจ่มเก็บเสื้อผ้าชุดเดิมแยกใส่ถุงเอากลับไปซักที่หอ ไม่ลืมเอากระดาษแผ่นน้อยเขียนรหัสวิชาซึ่งกรรโชกคืนมาจากพชรเมื่อคืนสอดเก็บไว้เรียบร้อยในกระเป๋าสตางค์
มือเรียวรูดซิบกระเป๋า พลางถอนหายใจน้อยๆ บังเกิดความรู้สึกหลากหลายขึ้นมา เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดถึงบิดาที่ยังอยู่ในสวน คิดถึงรอยยิ้มของท่าน คิดถึงถ้อยคำปลอบโยนใจที่ได้รับแม้ตอนยังไม่ได้เรียกว่าพ่อ ..คิดถึงย่ำค่ำเมื่อวานในบ้านหลังเล็กของท่านขึ้นมา

“พ่อ..” ม่อนแจ่มพึมพำ ว่าแล้วก็คุ้ยกระเป๋า เพื่อจะหาสิ่งที่เขาไม่ได้นำติดมาด้วย
อย่างไรก็ตาม..  บนโต๊ะเขียนหนังสือของพชร ม่อนแจ่มเห็นกระดาษ A4 วางอยู่และดินสอไม้เหลาแหลมเปี๊ยบเคียงกัน

         “แล้วม่อนจะเอากระดาษกับดินสอไหม..”

ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย นึกถึงคำถามที่เขาไม่ได้ตอบเพราะเอาแต่ร้องไห้
เรียวปากอิ่มเผยอยิ้ม ขาก้าวเข้าไปเลื่อนเก้าอี้ไม้ออกและหย่อนตัวนั่งลง
ดินสอไม้ด้ามยาวจับถนัดมือ ลองลงเส้นแล้วก็คมดังที่เห็นจากสายตาว่ามันน่าจะเป็น
ม่อนแจ่มหลับตา ให้ใจเห็นภาพที่จดจำได้ ..ท่ามกลางต้นลิ้นจี่เรียงราย บุรุษร่างเล็กใส่แว่นตายืนยิ้มร่า

   อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่พชรไม่ได้รีบร้อน เขาเพียงยืนพิงกรอบประตูระเบียง มองม่อนแจ่มมีสมาธิกับการจรดปลายดินสอ
คนบางคนก็มองเพลินจนเขาไม่สนว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร กระทั่งมือเรียวนั้นวางดินสอ แล้วค่อยๆม้วนกระดาษเก็บป้องกันการยับนั่นแหละ พชรจึงนึกได้ว่าต้องหาอะไรมาให้ใช้รัด

ร่างสูงก้าวออกไปที่ระเบียง เปิดตู้และดึงลิ้นชักเก็บของงานซ่อมจิปาถะออกมา พบเชือกป่านเส้นเล็กในนั้น มือใหญ่ใช้คัตเตอร์ตัดออกมาให้ยาวพอประมาณ ก่อนเอาเข้าไปส่งให้ม่อนแจ่ม

“ขอบคุณ พชร”
ม่อนแจ่มยิ้ม รับเส้นเชือกมาผูกปมแรกและผูกซ้ำเป็นรูปโบว์ พลางคิดว่าพชรเหมือนโดเรม่อนในบางที แม้ลักษณะจะไม่ใกล้เคียงเลยก็ตาม
 
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         “แม่ครับ” เสียงเข้มส่งเรียก เดินเคียงมาด้วยร่างเล็ก
“คุณน้าลดาครับ”
ม่อนแจ่มมองหา ..ท่านนั่งรถกลับมาด้วยกันนี่นา อยู่ที่ครัวหรือเปล่า

“จ้ะ”
แล้วก็เป็นจากครัวจริงๆที่เพชรลดาเดินออกมา
ร่างเพรียวก้าวกระฉับกระเฉง ยื่นกระปุกพลาสติกส่งให้ม่อนแจ่ม
“หน้านี้ไม่มีผลไม้เลย กว่าลิ้นจี่จะเก็บได้ก็เดือนหน้า นี่ไปเก็บมะเขือเทศมา กลัวไม่มีของฝากม่อน”
..
มะเขือเทศนั้นเป็นผักที่หน้าตาสะสวย แต่ม่อนแจ่มไม่ชอบกิน ยังเคยโดนป้าเพ็ญดุคราเขี่ยออกจากผัดเปรี้ยวหวาน
ทว่า ตอนนี้ เขาตัดสินใจว่าจะกินและรู้ว่าต้องเริ่มชอบมะเขือเทศแน่นอน
“ม่อนกินครับ ม่อนชอบ ..ขอบคุณครับ”
“แบ่งกันกินกับเพื่อนเราอีกคนนะ ที่ชื่อไอดิลน่ะ น้าจำไม่ผิดใช่ไหม”
“ไม่ผิดครับ” ม่อนแจ่มส่ายหน้า แล้วก็นึกได้

          “อย่าลืมหนมฝากกูด้วย”

ม่อนแจ่มยิ้ม ..เพื่อนดิ้ลครับ เห็นทีเราต้องทิ้งเลย์ คอนเน่และกูลิโกะไว้ก่อน แล้วปาร์ตี้มะเขือเทศกันแทนนะครับ

มือเรียวรับกระปุกบรรจุมะเขือเทศเชอร์รี่สีแดงอมส้มมา ซึ่งภายในยังมีกระปุกเล็กใส่พริกเกลืออยู่อีกชั้นหนึ่งด้วย
เขากล่าวขอบคุณ ..และรู้สึกว่าจะไม่มีทางจะขอบคุณได้พอ

“กลับกันเสียเถอะ แดดไม่ค่อยจัดแล้ว”
เพชรลดาตบหลังตบไหล่เด็กหนุ่มทั้งสอง เดินนำออกผ่านประตูบ้านและลงบันไดมาส่งถึงรถมอเตอร์ไซค์ดำเขียวที่จอดรอปฏิบัติหน้าที่อยู่

          “แม่ครับ” พชรเรียกสั้นๆและยกมือไหว้เป็นสัญญาณอำลา
แต่ม่อนแจ่มไม่ได้ทำ เขายังลาไม่ได้ ..มันมีบางสิ่งที่ไม่ได้บอก ..และติดค้าง

“พชร” ม่อนแจ่มกระซิบริมไหล่ “ขอพูดกับคุณน้าลดาแป๊ปได้ไหม..”
พชรเลิกคิ้วน้อยๆ แต่ก็เพียงพยักหน้า ช่วยปลดเป้ลงจากบ่าเล็ก รับกระปุกมะเขือเทศจากมือข้างหนึ่งและม้วนกระดาษจากมืออีกข้างมาถือไว้เอง ..ซึ่งม่อนแจ่มก็ไม่เคยหยุดที่จะแปลกใจกับความเอื้อเฟื้อในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแบบนี้
เขาก้มหน้าซ่อนยิ้ม ก่อนสูดลมหายใจ ขยับเข้าไปยืนตรงหน้าผู้อาวุโสกว่า เรียบเรียงถ้อยคำในหัว
“คุณน้าลดาครับ..”

เพชรลดาเลิกคิ้ว พิจมองเด็กหนุ่มและเห็นความลังเล มือกร้านจึงแตะไหล่บางอย่างปลุกปลอบใจ
“มีอะไร ม่อนก็พูดมาได้เลย”
“คือ.. มีคนฝากบางอย่างจากเชียงใหม่มาให้คุณน้าลดาด้วยครับ”

คน..
จากเชียงใหม่..


“อะไรหรือ..” เพชรลดาถามค่อยๆพลางนึกถึง ‘คน’ และ ‘บางอย่าง’ ที่ว่า
ม่อนแจ่มรวบรวมความกล้า เอื้อมมือไปหา จับมือทั้งสองของคุณน้าลดาไว้ในมือตนเอง

         “ถ้าม่อนไปลำพูน ไปบ้านพชร ..คุณพ่ออยากฝากอะไรไปไหมครับ”
         “ความระลึกถึง..”


“ความระลึกถึงครับ”
เสียงเล็กเอ่ยบอกหนักๆ  ..พยายามส่งผ่านความรู้สึกของคุณพ่อพจน์ออกไปให้ครบถ้วน
ความระลึกถึง.. ความรู้สึกที่มาจากความรักและความทรงจำอันดี

เพชรลดานิ่งไป
บุคคลในความทรงจำก็ยังคงอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน สายสัมพันธ์ระหว่างกันไม่เคยจางจากใจ ทำให้ไม่ได้ยากเกินไปที่จะรับเอาความระลึกถึงที่ว่านั้นมาไว้กับตัว
ทว่า ก็เพียงความรู้สึกเท่านั้นหรอกที่ได้รับอนุญาตให้มีอยู่ ทั้งพจน์และเพชรลดาเข้าใจข้อนั้นดี

“ขอบใจจ้ะ ..ม่อน” ที่สุด เธอก็พยักหน้าช้าๆ
ม่อนแจ่มยิ้ม ดีใจที่ตนเองทำสิ่งนี้เพื่อคุณพ่อพจน์ได้สำเร็จ มือเล็กละออก ประนมขึ้น ก้มศีรษะให้มารดาพชร ขณะที่ใจนึกถึงมารดาตนเอง
“ม่อนขอโทษคุณน้าลดาสำหรับทุกอย่างเลยนะครับ ..ม่อนขอโทษและขอบคุณมากจริงๆ”

เพชรลดากลืนน้ำลาย.. มือกร้านยกขึ้นลูบศีรษะเล็กที่เปียกหมาดนั้นเบาๆ
“ม่อนจะขอบคุณอีกกี่ครั้ง น้าก็ไม่ว่า ยินดีด้วยซ้ำถ้าเราจะมีโอกาสเจอกัน มีอะไรให้ได้ขอบคุณกันอีก”
..
“แต่น้าอยากขอ.. ให้นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ม่อนจะขอโทษ”

ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้นและเพชรลดาก็ดึงตัวร่างเล็กคนรักของบุตรชายมาโอบกอดเอาไว้ ซึ่งเรียวแขนขาวก็กอดตอบอย่างรู้สึกสนิทสนมและผูกพัน
“ตกลงครับ ม่อนจะไม่ขอโทษอีกแล้ว แต่จะขอบคุณ ..อีกหลายๆครั้งเลย”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ควรจะขึ้นรถแล้ว แต่ดวงตาของม่อนแจ่มก็ยังเพ่งมองปากทางสวนลิ้นจี่ รอรถกระบะคันเก่าที่จะแล่นมา
ซึ่งจนแล้วจนรอด ..ก็ยังไม่มา
พชรและเพชรลดามองหน้ากันอย่างเข้าใจความรู้สึก ..แต่ก็เข้าใจการทำงานด้วย
แสงรวีเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงที่สวนนี้ เป็นคนขยันขันแข็งเหลือเกิน เขาจะไม่เข้าสวนทีหลังหรือออกจากสวนก่อนคนงาน
อย่างไรก็ตาม เวลาเดินไปเรื่อยๆ แสงอาทิตย์ค่อยๆอ่อนลงและเพชรลดาก็เป็นกังวลว่าจะถึงเชียงใหม่ค่ำ พชรจึงตัดสินใจพาดขาขึ้นเบาะ ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากใต้ถุนบ้าน
ม่อนแจ่มกัดริมฝีปาก มือชื้นเหงื่อกำม้วนกระดาษไว้แน่นขึ้น

“ขึ้นมา” พชรสั่ง
“ก..กูขอเอาไปฝากไว้กับคุณน้าลดา-”
“ไม่ต้องฝาก” พชรส่ายหน้า สั่งซ้ำ “ขึ้นมา”

มือแกร่งบิดแฮนด์ เร่งเครื่องให้รถคู่ใจวิ่งไป แต่ไม่ได้ไปตามทางต้นสักเพื่อออกสู่ถนนใหญ่ ทว่า ผ่านต้นไม้เรียงรายเข้าไปยังสวนลิ้นจี่
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะรู้สึกอย่างไร เขาเพียงเกาะเอวพชรไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและกำม้วนกระดาษไว้ในมืออีกข้าง

กระทั่งเห็นรถกระบะคันเก่า พาหนะของแสงรวี พชรจึงชะลอจอดมอเตอร์ไซค์
..
“ไปหาพ่อซะม่อน ..บอกพ่อนะ ว่าจะกลับมอแล้ว”
“อื้อ..” ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ ก้มเก็บซ่อนน้ำตา เกือบจะยกมือไหว้ขอบคุณพชรขณะกระโดดลงจากรถ

“พ่อ!” ม่อนแจ่มตะโกนลั่นสวนลิ้นจี่ “พ่อครับ!”

ลิ้นจี่ถูกห่อเสร็จหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม แสงรวียังคุมคนงานให้เก็บกระดาษห่อผลและมัดตอกขึ้นรถเพื่อนำไปเก็บไว้ใช้ต่อ
คำเรียกนั้นแหวกผ่านเสียงพูดคุยเข้ามาภายหลังเสียงท่อรอมอเตอร์ไซค์ที่เขาจำได้ว่าเป็นของเจ้านายหนุ่ม บุรุษร่างเล็กก้าวออกมาตามเสียงเรียก

“ม่อน..” แสงรวีหลุดอุทาน คิดอยู่เหมือนกันว่าม่อนแจ่มจะรอลาเขาหรือเปล่า ทว่า งานก็ติดพันจนปลีกไปไม่ได้
ร่างขาวๆเล็กๆวิ่งมาตามทางระหว่างต้นลิ้นจี่เมื่อมองเห็นเขา

“ม่อนมาบอกพ่อว่าจะกลับมอแล้วครับ”
..
..
แสงรวีกัดริมฝีปาก ไม่มีคำจะเอ่ย ขณะมือขาวยื่นบางอย่างมาให้ตรงหน้า
“ของพ่อครับ”

ของแสงรวีหรือ? ม้วนกระดาษนี่
หนุ่มใหญ่ขมวดคิ้ว แต่ดวงตาที่มองมายังเขาสลับกับม้วนกระดาษในมือก็บอกให้แกะเชือกที่รัดนั้นออกเสีย
มือหยาบจึงทำเช่นนั้นและคลี่กระดาษออก

สิ่งที่มองเห็นคือเส้นดินสอ ..ลากเป็นรูปต้นไม้หลายต้นเรียงกัน บนต้นมีอะไรแปลกๆ คล้ายจะเป็นกระดาษผูกอยู่ทั่ว
แสงรวีเงยหน้าขึ้น ดวงตามองผ่านเลนส์แว่นเห็นสิ่งเดียวกันในความเป็นจริงตรงหน้า ..ต้นลิ้นจี่ที่ถูกห่อผล
เขาก้มลงอีกครั้ง ..กึ่งกลางภาพนั้น มีบุรุษสวมแว่นคนหนึ่งยืนอยู่ บนใบหน้ามีรอยยิ้มกว้าง
ไม่มีคำอธิบายใดในภาพ แต่มันก็ยิ่งกว่าง่ายดายที่จะคาดเดาว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร..

ลายเส้นแบบนี้ ลักษณะการวาดทำนองเดียวกันนี้ เขาเคยเห็นจากกระดาษที่คุณลดามอบให้
มุมล่างขวากำกับลายเซ็น ลายมือเดียวกันกับในกระดาษของคุณลดาเช่นกัน.. ทว่า เขียนไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
ของคุณลดานั้นเป็น ‘Mon Cham of Mechanical Engineering’  แสงรวีจำได้ ทว่า ที่เขาถืออยู่ในมือนี้ ไม่ใช่..
แสงรวีพิจมอง.. แปลความหมาย..

‘Mon Cham, Son of Sunshine’

Sunshine.. แสงแดด..
แสงแดด.. แสงจากพระอาทิตย์..
รวี.. แปลว่าพระอาทิตย์
แสงรวี คือ แสงอาทิตย์
แสงรวี คือ แสงแดด
แสงรวี คือ.. Sunshine

Son of Sunshine คือ.. ลูกชายของแสงรวี

แสงรวีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะแปลกลับไปกลับมาทำไม ..ที่รู้คือ มือหยาบของเขาม้วนกระดาษกลับคืนด้วยความเร็วเหลือเชื่อและคว้าเอาตัว ‘ลูกชาย’ มาโอบกอดไว้หนักๆ สายตามองเห็นเจ้านายหนุ่มยืนอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์โมตาร์ด พาหนะคู่ใจ ..พาหนะที่นำม่อนแจ่มที่นี่
ริมฝีปากหนานั้นยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเพียงบางๆ ทว่า มันมหาศาลนัก

ขอบคุณครับ คุณพชร

แสงรวีขยับริมฝีปากโดยไม่มีเสียง รู้ว่าคนคนเดียวกันนี้จะพาลูกเขามาที่นี่อีกครั้งและคงจะหลายๆครั้ง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ม่อนแจ่มกลับเป็น ‘ม่อนน้อยหมวกแดง’ อีกครั้ง เมื่อพชรพากลับมาที่บ้านเพื่อเอาหมวก อำลามารดาอีกทีและพาเขาซ้อนท้ายไปตามทางซึ่งสองข้างเป็นต้นสักและออกสู่ถนนใหญ่มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่

พชรขี่ผ่านเส้นทางเดิมที่ม่อนแจ่มจำได้ อย่างไรก็ตาม เขาต้องแปลกใจเมื่อมอเตอร์ไซค์ค่อยๆชะลอจอด เมื่อป้ายข้างทางบอกสัญลักษณ์ ..เมืองเชียงใหม่เลี้ยวขวา ..เมืองลำพูนเลี้ยวซ้าย

“ม่อน เหนื่อยหรือเปล่า”
ม่อนแจ่มงงๆ แต่ก็ปากก็ตอบฉะฉาน “ไม่เหนื่อย”
“เสียเวลาสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม”
ห๊ะ..
ม่อนแจ่มยังคงงง แต่เขาก็จะไม่ตอบเป็นอื่น “กี่ชั่วโมงก็ได้”

พชรหลุดหัวเราะนิดหนึ่ง ส่ายหน้าน้อยๆกับความน่ารักของคนข้างหลัง รู้สึกถึงความไว้เนื้อเชื่อใจที่ไม่คลอนแคลน
เขาดึงหน้ากากหมวกกันน็อคลง เลี้ยวซ้ายเข้าเมืองลำพูน..

‘วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร’

ใจกลางเมืองลำพูนคือที่ที่พชรนำมา..
ม่อนแจ่มปลดหมวกกันน็อค กระโดดลงจากรถ ขณะพชรปลดหมวกออกเช่นกันแล้วอธิบาย
“วัดคู่บ้านคู่เมือง กูยังไม่ได้พามาไหว้”

ม่อนแจ่มยิ้ม ดวงตาในกรอบแว่นกวาดมองรอบๆ เดินตามหลังพชรไป
พระบรมธาตุหริภุญชัยทำให้นึกถึงพระบรมธาตุดอยสุเทพ ด้วยลักษณะและสีทองอร่ามของเจดีย์ที่ใกล้เคียงกัน รวมถึงฉัตรที่เคียงอยู่ด้วย

“พระธาตุประจำปีระกา” เสียงเข้มเอ่ยบอก ทำให้นึกได้
“เฮ้ย กูเกิดปีระกา!” ม่อนแจ่มอุทาน พชรพยักหน้า ..ก็ปีเดียวกัน
ม่อนแจ่มมองศิลปกรรมที่วิจิตรงดงามตรงหน้า มิวายจะสงสัย
ไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่นะ ม่อนแจ่มแค่สงสัย มือขาวยกขึ้น ประมาณเด็กวิศวฯเครื่องกลมีคำถาม
“กูไม่รู้ว่าทำไมถึงมีพระธาตุประจำปีเกิดอะพชร”
“เป็นความเชื่อของคนล้านนา” เด็กปรัชญาและศาสนาอธิบาย
“ประมาณว่า.. สัตว์ประจำปีนักษัตร ซึ่งของเราก็คือไก่ จะนำดวงวิญญาณมาพำนักที่เจดีย์ก่อน แล้วถึงจะไปปฏิสนธิในครรภ์ ก็เลยเป็นสิริมงคลน่ะ ถ้าจะได้มากราบไหว้พระธาตุประจำปีเกิด”

ม่อนแจ่มไม่สนว่าพชรจะเชื่อตามความเชื่อนั้นหรือไม่ ..หรือพชรคิดว่ามีอะไรอยู่ภายใต้ความเชื่อนั้น
เขาสนว่าพชรอุตส่าห์พามา.. บอกให้ฟัง.. ตอบคำถาม..
 
“พชรมาบ่อยไหม?” ม่อนแจ่มชวนคุยยิ้มๆ
ไม่บ่อยหรอก ..พชรส่ายหน้า
“แล้วพชรเคยขอพรอะไรบ้างไหม?”

เคยขอพรไหมหรือ?
พชรนิ่งไป ..คำขอเดียวที่เคยมีในชีวิตปรากฎชัดในความทรงจำ

        พรใดๆที่เป็นของผม ผมขอมอบมันให้ ..เขา
        ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น ขอให้ดวงใจของเขาได้รับการปลอบประโลมด้วยพรอันดีทั้งหลายนี้
        ขอให้ขาของเขายังยืนได้อย่างมั่นคง ขอให้รอยยิ้มสดใสอยู่คู่กับใบหน้า
        ขอให้ประกายระยิบระยับยังอยู่ในดวงตา  ขอ.. อย่าให้มันทำลายความร่าเริงของเขาเลย


“เคย”
พชรไม่โกหก

ม่อนแจ่มหันมามองอย่างสนเท่ห์ คนสายขรึมแบบพชรนี่หรือเคยขอพร
บางที.. มันอาจเป็นอะไรที่สำคัญมากจริงๆ
ม่อนแจ่มห้ามตัวเองไม่ให้ถามว่าพชรขออะไร กระนั้น.. เขาก็ยังอยากรู้ว่าพชรได้รับพรนั้นหรือไม่ ซึ่งนั่นสำคัญกว่า
“แล้ว.. อะไรๆเป็นไปอย่างที่พชรหวังหรือเปล่า”

พชรหันมามองคนพูด เห็นดวงตาภายใต้กรอบแว่นแดงที่เปล่งประกาย รอยยิ้มซึ่งคุ้นตาประดับอยู่บนริมฝีปากอิ่ม ..ใบหน้าคมพยักรับ

ม่อนแจ่มยิ้มกว้างกว่าเดิม ..เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
มือเรียวประนมมือไหว้พระบรมธาตุหริภุญไชย ..ความอิ่มเอมเต็มล้นอยู่ในใจ
ม่อนแจ่มไม่มีสิ่งใดจะขอเลย ถ้าจะมี.. ก็มีเพียงสิ่งที่จะขอบคุณ

ขอบคุณ ..สำหรับพรใดก็ตามของพชรที่เป็นจริง
ขอบคุณ ..ที่คนลำพูนได้อยู่ดีมีสุข ซึ่งในจำนวนนั้นก็คือ พชร คุณน้าลดาและคุณแสงรวี ศรีแม่ทา บิดาของม่อนแจ่มเอง

          ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปางนำม่อนแจ่มผ่านเข้าเขตจังหวัดเชียงใหม่ในที่สุด
แสงสีส้มสุดท้ายทอดเป็นลำยาวพาดผ่านถนน จังหวัดลำพูนถูกทิ้งห่างอยู่เบื้องหลัง หน้าขาวเอี้ยวหันกลับไปมองอย่างอยากจดจำ
นี่เป็นสุดสัปดาห์ที่งดงามมาก ..มากจริงๆ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

จะให้เสร็จตั้งแต่วันอาทิตย์ที่แล้ว ยามเย็นๆ แดดร่มลมตก ตามบรรยากาศเรื่อง ..ก็มิได้นำพา  :mew5:
ขอบคุณคนอ่านเช่นเดิมครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 05-02-2017 23:20:29
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 05-02-2017 23:22:44
 :L2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-02-2017 23:26:42
ม่อนแจ่มน่ารักกก พชรก็น่ารักก รักทุกคนในเรื่องเลยย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-02-2017 23:41:15
อบอุ่น ประทับใจ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 05-02-2017 23:42:31
อบอุ่นเหลือเกิน อ่านแล้วอิ่มเอมมากๆ

ถึงจะแอบให้พชรหลอกแต๊ะอั๋งม่อนบ้างก็ไม่มีเล้ยยยย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 05-02-2017 23:48:12
ซาบซึ้ง ตราตรึงใจ   :mew2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 05-02-2017 23:52:42
ร้องไห้อีกแล้ว ซึ้งตอนเขาล่ำลากันพ่อลูก ลูกชายของพ่อ ทำไมหนูน่ารักแบบนี้นะม่อน อยอุ่นใจมากค่ะเรื่องนี้
น้าลดารักและเอ็นดูม่อนมาก น่ารักที่สุดอ่ะ แล้วตอนที่ พชร ขอพรให้ม่อนก็น่ารักมาก ม่อนเองก็เช่นกัน
ซึ้งใจในความปรารถนาดีที่เขามีให้กัน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 06-02-2017 01:07:40
ซึ้งมาก หวานมาก มันอุ่นซ่านไปทั่วหัวใจ ไ่รู้บอกยังไง โอย.....
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-02-2017 01:26:09
คำขอบคุณกี่คำถึงจะพอนะ รักเรื่องนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-02-2017 05:53:36
 :กอด1: :L2:we
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: INK@PANTIP ที่ 06-02-2017 07:05:20
 :L1:เป็นคนเขียนที่ดีมากๆๆงานหนึ่งหวายซาบชึ้งจนน้ำตาตกเป็นตอนๆเลยคะ. ว่าแต่งานเขียนอื่นๆมีไหมคะอยากอ่าน
 :sad4: :impress2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 06-02-2017 07:17:32
อบอุ่นและประทับใจจริงๆ น้ำตาไหลอีกแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: uniko ที่ 06-02-2017 09:44:33
ไม่รู้จะบรรยายยังไง มันอบอุ่นหัวใจมากมาย :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 06-02-2017 10:55:12
โอ้ยยยย ขอมอบประโยคของเพลงนี้ให้คู่นี้  :กอด1:  :กอด1:
ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นอยู่ ตลอดกาล
ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นเป็น รัก นิรันดร์
ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นอยู่ ตลอดกาล
ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นเป็น รัก นิรันดร์
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 06-02-2017 11:04:43
มันอบอุ่นมันดีไปหมด :heaven
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-02-2017 11:22:03
 o13   ละมุนสุดๆท่ามกลางสวนลิ้นจี่และหมู่ดาว
ชอบตอนที่ม่อนกับพ่อร้องเพลงกันค่ะ บรรยากาศแบบนี้มันช่างมีค่าเหลือเกิน  :mew1: 
ขอบคุณค่ะ มาต่ออย่างยาวสะใจ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-02-2017 11:38:13
อ่านตอนนี้แล้วน้ำไหลตลอด 5555555
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
ม่อนน่ารักมากๆ บรรยากาศอบอุ่นเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-02-2017 12:54:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 06-02-2017 13:37:23
ม่อนแจ่มน่ารักมากกกกกกกกกกกก
ได้เห็นบรรยากาศของคนที่จิตใจดีมาอยู่รวมกันมันช่างร่มเย็นเป็นสูข
เราแค่ได้อ่านก็พลอยเป็นสุขไปด้วย  :music:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-02-2017 13:57:44
 :3123: :3123: :3123:  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-02-2017 14:16:58
พระธาตุหริภุนไชย งามมาก
พชร ขอพรให้ม่อนด้วย
เพราะม่อน เป็นคนสำคัญของพชร
ม่อนเจอพ่อแสงรวีแล้ว Mon Cham, Son of Sunshine  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พชร ม่อน  น่ารัก มุ้งมิ้ง มากเลย  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-02-2017 18:38:39
รอครั้งต่อไปของพชรกับม่อนแจ่ม
ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหนเมื่อไร อิอิ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 06-02-2017 19:40:04
ม่อนแจ่มหมวกแดงน่ารักมากก :L2: อ่านไปยิ้มไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: wijii ที่ 06-02-2017 19:47:21
น้ำตาไหลอีกแล้ว  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 06-02-2017 20:13:38
รู้สึกอ่านแล้วอบอุ่นหัวใจไปหมดเลย ตอนม่อนเอารูปไปให้พ่อนี่น้ำตาซึมๆเลย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 06-02-2017 21:18:48
อบอุ่นละมุนมากๆๆๆเลยค่ะ
ดีต่อใจเหลือเกินค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-02-2017 20:32:30
อ่านรัวๆค่ะ ซึ้งมาก อินมาก

ม่อนแจ่มก็ยังคงรั่ว ทำเสียบรรยากาศ จะโรแมนติกก็ไม่ทันได้ทำ แต่พชรไม่แคร์เหมือนเดิม

ทุกคนเข้าใจกัน มีความสุขแล้ว ได้เจอกัน ได้บอกกัน มันดีที่สุดค่ะ

พชรตั้งแต่เปิดตัว เปิดใจ ความห่วงใยไม่เคยปิดมิด ดูแลแม้เรื่องจุกจิก น่ารักดีค่ะ รักนะแต่ไม่แสดงออก 55555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 07-02-2017 21:55:10
อบอุ่นอบอวลไปทั้งใจเลยค่ะ
ม่อนน้อยน่ารักจริงๆ
ขอบคุณนะคะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 07-02-2017 22:06:57
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 13-02-2017 01:05:16
CHAPTER 35: And the Story goes..

          จากลำพูนกลับมาสู่เชียงใหม่ในย่ำค่ำวันอาทิตย์ซึ่งวันรุ่งขึ้นเป็นวันจันทร์..
ภารกิจหลักอันน่าหวั่นวิตกรออยู่ แล้วทันทีที่ถึงหอสามชาย สองนักศึกษาก็รู้สึกเหมือนถูกอะไรหนักๆพุ่งเข้าใส่
หลังจาก 'สุดสัปดาห์อันงดงาม' ของม่อนแจ่มคล้อยผ่านไป สัปดาห์นี้แทบจะเรียกได้ว่า ‘สัปดาห์นรก’ !
บรรยากาศของหอสามชายที่เคยครึกครื้นในบางครั้งและเอื่อยเฉื่อยในบางทีเปลี่ยนเป็นชวนขนหัวลุกในพริบตา เหมือนมีซอมบี้เดินสวนกันไปมาทั่วหอ ..ซึ่งสามรูมเมทแห่งห้องสามสามแปดก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ไอดิลกำลังจะถูกชีสฟิสิกส์ทับ ม่อนแจ่มเคลียร์งานหัวฟู แว่นแดงไถลแล้วไถลอีกลงมาจากสันจมูก
ส่วนพชรก็กำลังจนตรอก..

         “ม่อน..”
สิ้นเสียงเคาะและประตูเปิดออก เสียงเข้มที่ค่อนข้างอ่อนระโหยอย่างน่าแปลกใจก็ทักมา
ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้นจากแผนภาพของวิชากลศาสตร์ แม้สายตาจะล้า แต่เมื่อเห็นเจ้าของหัวใจ รอยยิ้มก็ฉายออกมาเสมอ

“ม่อน ไอดิลอยู่ไหนหรือ?”

หือ..
ม่อนแจ่มขมวดคิ้ว “ไอ้ดิ้ลเหรอ?”

“อืม” พชรพยักหน้ารับ รีบอธิบาย “คือ.. กูมีอะไรอยากจะคุยกับพ่อของไอดิล คนที่เรียนปรัชญาน่ะ”

อ้อ!
ม่อนแจ่มพยักหน้าเข้าใจ
“อยู่ห้องหมอก ..เดี๋ยวๆ!” ร่างเล็กเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ทันที ยั้งพชรที่ทำท่าจะละจากประตูห้องพวกเขาไปห้องข้างๆ
“กูไปเรียกมันมาให้เอง พชรเข้ามานั่งก่อน มึงแลดูสับสนมากเลยอ่ะ”

พชรหัวเราะแห้งแล้ง ยิ้มอย่างขอบคุณให้ม่อนแจ่มก่อนเดินสวนเข้ามาแล้ววางกระเป๋ากับพื้น ทรุดนั่งลงบนเตียงเดี่ยวของตัวเอง มือนวดขมับน้อยๆ พยายามคิดสิ่งที่คิดไม่ตก..

        “พชร?”
ไอดิลทัก เดินเลิกคิ้วเข้าห้องตัวเองภายในไม่กี่อึดใจ “ไอ้ม่อนบอกว่ามึงจะคุยกับพ่อกูเหรอ?”
“อืม ..เรื่องเรียนน่ะ”

ไอดิลถึงบางอ้อ ล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมากดหา ‘พ่อน่ารัก’ รุ่นพี่ปรัชญาของพชร เจรจาว่าความเพียงแป๊ปเดียวก็ส่งโทรศัพท์ให้รูมเมทเตียงเดี่ยว

พชรสูดลมหายใจ เรียบเรียงคำพูด
“สวัสดีครับพ่อน่ารัก ผม.. พชร ที่เจอพ่อวันนั้น”
“จำได้”
เสียงที่พชรคุ้นๆส่งมาตามสาย “ว่าไงหรือพชร?”
“คือ.. ที่พ่อถามถึงอาจารย์ระบัดใบน่ะครับ” พชรรำลึกความทรงจำ
“พ่อถามว่าผมตามหาปรัชญาหรือยัง..”
“อ่าฮะ”
“ผม อืม.. ผมบอกว่า..กำลังดำเนินการ”
“แล้วจนถึงตอนนี้ มันก็ยังดำเนินการอยู่ที่เดิมใช่ไหม..” ปลายสายต่อให้
“ใช่ครับ” พชรยอมรับ พยายามบอกความลำบากใจ “ผม.. ต้องสารภาพว่าไม่รู้จะเอาอะไรไปส่ง”
กรกฎหลุดหัวเราะ แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจความรู้สึกนั้น
“พชรเรียนเข้าใจไหม มีความกังวลเรื่องงานวิชาอื่นอยู่ด้วยหรือเปล่า?”
“เรียนเข้าใจครับ งานอื่นไม่มีปัญหา ..เหลือแค่งานนี้ของอาจารย์ระบัดใบครับ” พชรตอบคำถาม
“มันเหมือน.. ผมพยายามคิดสิ่งที่พิเศษ อะไรที่ไม่ซ้ำ แต่..”

เมื่อรุ่นน้องที่อายุห่างกันโขเงียบไปอย่างต่อคำพูดตัวเองไม่ถูก รุ่นพี่จึงเอ่ยขึ้น
“โจทย์มันกว้างมาก เลยหยิบอะไรติดไม้ติดมือมายาก คือ.. พี่ว่า อืม.. หรือพ่อว่า.. เออ ไม่รู้จะแทนตัวเองว่าอะไรดีว่ะ”
คนมีศักดิ์เป็นทั้งพ่อเพื่อนและรุ่นพี่สาขาวิชาของเด็กหนุ่มบ่นกับตัวเองแบบห่ามๆตามนิสัย
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าถ้าให้แนะนำนะ พชรอย่าไปเครียดมาก อาจารย์ไม่ได้ต้องการปรัชญายิ่งใหญ่ไร้เทียมทานอะไรหรอกนะ”
“หรือครับ..” เสียงเข้มออกจะเคลือบแคลง เพราะแน่นอนว่า.. ตัวเขาเป็นคนจริงจัง
“ที่จริง ปรัชญาของใครก็ของคนนั้น ไม่มีใครหาแทนใครเจอหรอก แต่ที่บอกได้คือ..”

พชรขมวดคิ้ว หูตั้งใจฟัง ส่วนดวงตายังมองเห็นม่อนแจ่มที่มองตอบมาจากอีกฟากของห้องอย่างห่วงใยและเอาใจช่วย
 
“ถ้าพชรคิดซับซ้อนแล้วมันคิดไม่ออก ถ้าคิดสิ่งยิ่งใหญ่แล้วมันไปไม่ถึง พชรก็ลองคิดให้ง่ายลงมา ..ลองหาเอาใกล้ๆตัวนั่นแหละ”
“ใกล้ตัวหรือครับ”
“ช่าย..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           มันจะดีหรือวะ?
พชรคิดกลับไปกลับมา
แต่แล้ว.. ก็ตัดสินใจว่ามันคงจะดี
หรือถึงไม่ดี ..ก็ต้องเชื่อว่ามันจะดี เพราะนี่วันศุกร์ และที่ยิ่งกว่านั้น มันคือวันศุกร์ตอนเย็น โอกาสสุดท้ายที่พชรจะเอางานชิ้นสุดท้ายของชีวิตนักศึกษาปีหนึ่งไปส่ง

ร่างสูงขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับหออย่างรวดเร็ว ถึงหอได้ก็ก้าวยาวที่สุดขึ้นบันได หยุดหน้าประตูห้อง เคาะเป็นสัญญาณสั้นๆและเปิดออก

ขอบคุณคุณพระศรีรัตนตรัย..
ม่อนแจ่มซึ่งเลิกเรียนก่อนตั้งแต่บ่ายสองโมงครึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ..

         “ม่อน”
พชรเรียก ..กึ่งๆจะทักทาย กึ่งๆจะ.. เริ่มต้นอะไรสักอย่าง
ขายาวก้าวเข้ามาในห้องอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
ม่อนแจ่มหันมาหา ยิ้มกว้างตอบรับคำเรียกดังที่เป็นมาเสมอทุกๆวัน “พชร”

อย่างไรก็ตาม.. ม่อนแจ่มรู้สึกได้ว่าพชรมองเขาแปลกๆ คิ้วเรียวขมวดนิดหนึ่ง
“พชรเป็นอะไรหรือเปล่า ..หรือว่า หรือยังคิดงานปรัชญาไม่ออก!?”
พูดเช่นนั้นแล้วม่อนแจ่มก็ตกใจขึ้นมา นี่มันวันสุดท้ายของการเรียนในภาคการศึกษานี้แล้ว พชรต้องส่งงานวันนี้ เว้นเสียแต่อาจารย์อนุญาตให้ส่งช่วงสอบได้
“อาจารย์ให้เดดไลน์ถึงเมื่อไหร่พชร มีอะไรที่กูช่วยได้บ้างไหม มึงบอกมาเลย!”

พชรกลืนน้ำลายลงคอ “อันที่จริง.. กูคิดว่าหาปรัชญาเจอแล้ว”
“อ้าว เหรอ!” ม่อนแจ่มอุทานกึ่งดีใจ “งั้นก็ดีสิ แล้วส่งหรือยัง”
“ยัง..”

อ้าว..
ม่อนแจ่มอ้าปากค้างงงๆ ตั้งท่าจะถาม แต่กลับเป็นฝ่ายถูกถามเสียก่อน

“ยุ่งไหม..”

ห๊ะ?
“กูเหรอ..” ม่อนแจ่มเอานิ้วชี้จิ้มอกตัวเอง พชรพยักหน้ารับ
“ไม่ยุ่งแล้ว” หน้าขาวส่ายไปมา งานเขาเสร็จเรียบร้อยและส่งครบถ้วนทุกวิชา นี่ก็อ่านหนังสืออยู่ สถานการณ์ของเขาไม่ได้ลำบากอะไรนัก
“พชรมีอะไรให้ช่วย บอกมาเลย”
“ช่วย.. ไปด้วยกันหน่อย”
“ไปไหน”
“ไปส่ง”

ห๊ะ..
งงไหม? งงสิ.. กระนั้น ม่อนแจ่มก็พยักหน้า คือพชรให้ไปไหน เขาไปทั้งนั้น เอาจริงๆ

ริมฝีปากหนายกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
มือขวาข้างถนัดจับข้อมือม่อนแจ่มไว้เบาๆ ส่วนมือซ้ายหยิบเอาภาพพอร์ตเทรต ‘The Philosopher’ ในกรอบไม้ที่วางพิงผนังอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือขึ้นมาถือไว้
“ขอยืมไปด้วยนะ”

เอ่อ..
“ไม่ต้องขอหรอก ก็นั่นให้พชรแล้ว” ม่อนแจ่มโบกไม้โบกมือ
“ว่าแต่.. พชรจะเอาไปไหนล่ะ?”
“เอาไปส่ง”

เฮ้ย!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

‘ภาควิชาปรัชญาและศาสนา’

ม่อนแจ่มเงยมองป้ายระบุสถานที่อย่างงงๆ..
ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมา ..เคยมาแล้ว เคยมาตั้งสองครั้งแล้ว แต่คราวที่สามนี่สิ ที่ม่อนแจ่มไม่รู้ว่าตัวเองมาทำไม
ร่างสูงของพชรก้าวนำผ่านธรณีประตูนำเข้าไป เอาเถอะ ..ที่ม่อนแจ่มต้องทำคือเดินตาม

        “เอาล่ะ ปรัชญาของเธอคืออะไร?”

ม่อนแจ่มสะดุ้งโหยง พชรเพิ่งจะมาถึง อาจารย์ถามอะไรรวดเร็วได้ขนาดนี้ เขารู้สึกขนลุกตรงต้นคอ
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ที่คิด เพราะเสียงนั้นไม่ได้ถามพชร แต่ดังลอดออกมาจากห้องพักอาจารย์ ป้ายระบุนาม ‘ระบัดใบ’ ซึ่งประตูปิดไม่สนิทและมีนักศึกษาคนอื่นอยู่ภายในก่อนแล้ว

          “ความว่างเปล่า..”

ห๊ะ?

         “ความว่างเปล่าครับอาจารย์!”

นั่นหรือคือคำตอบ ม่อนแจ่มอดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

         “ความว่างเปล่าหรือ?”
         “ใช่ครับอาจารย์ ..ความว่างเปล่า”
         “ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ?”
         “เพราะผมพยายามตามหาปรัชญาทีไร ผมเจอแต่ความว่างเปล่า ..ผมรู้สึกเหมือนตามจีบดาวคณะที่ไม่มีวันเอื้อมถึง เธอไม่มีวันชายตาแลผม!”


ม่อนแจ่มกัดริมฝีปากตัวเองไว้ พยายามรักษามารยาทด้วยการผ่อนลมหายใจเพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะเล็ดรอดออกมา ขณะพชรยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเบาๆด้วยนึกสงสัยแกมเห็นใจชะตากรรมเพื่อนร่วมชั้นปี

        “โอเค.. เอาอย่างนี้ได้ไหม สมศักดิ์ศรี” เสียงประนีประนอมของอาจารย์วัยใกล้เกษียณดังมา
        “เธอลองไปตามจีบดาวคณะ เอ๊ย.. ลองไปตามหาปรัชญาดูอีกที พยายามเอาอะไรสักอย่างออกมาจากความว่างเปล่าให้ได้”
        “ผมไม่แน่ใจว่าจะทนรับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าได้หรือเปล่าครับอาจารย์”

ช่องประตูทำให้เห็นสีหน้าอาจารย์ที่อ่านไม่ออก ตามด้วยเสียงถอนหายใจยาว และมือที่เกร็งประสานกันบนโต๊ะอย่างที่ม่อนแจ่มบอกได้ว่าท่านพยายามไม่หยิบอะไรสักอย่างมาโบกนายสมศักดิ์ศรี

        “อาจารย์ทั้งเอาใจช่วยเธอ ทั้งให้เวลาเธอจนถึงวันสอบวิชาอาจารย์ เพราะฉะนั้น เธอต้องพยายามอีกครั้ง ..เข้มแข็งเข้าไว้นะ สมศักดิ์ศรี”
..
        “ก็ได้ครับ” นักศึกษาหนุ่มยืดอกรับในที่สุด
        “ผมจะทำ ..เพื่อเห็นแก่อาจารย์และภาควิชาปรัชญาฯของเรา”

สมศักดิ์ศรีหมุนตัวออกมาจากห้องพักอาจารย์ ประตูถูกเลื่อนเปิดให้กว้างขึ้น
คนส่งงานก่อนแต่ยังไม่แล้วเสร็จทักทายแกมให้กำลังใจผู้มาใหม่ ..Headของชั้นปีนามพชร
“เข้มแข็งเข้าไว้นะ เฮด!”
“อืม.. ขอบใจ” พชรรับไว้
ม่อนแจ่มไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนดีจึงได้แต่ยิ้มให้ อย่างไรก็ต้องขอบคุณที่คำเรียกของสมศักดิ์ศรีที่ทำให้เขาได้ความรู้ใหม่ ..พชรเป็นหัวหน้าของชั้นปีหนึ่งภาควิชาปรัชญาฯ

          “เข้ามาสิ พชร”
เสียงเรียกจากด้านในทำให้สะดุ้งขึ้นอีกครั้ง ม่อนแจ่มออกจะแน่ใจว่าตัวเองควรยืนรอหน้าห้อง แต่นั่นมันก็ก่อนที่พชรจะแตะเอวเขาเบาๆและพยักหน้าว่าให้ตามเข้าไป
ม่อนแจ่มเดินเข้ามาอย่างลังเล ไม่รู้ว่าปรัชญาของพชรคืออะไร แต่หวังสุดใจว่าชะตากรรมจะไม่เหมือนสมศักดิ์ศรี

“เอาล่ะ พชร ..ปรัชญาของเธอคือ?”
อาจารย์ถามอย่างไม่อารัมภบท แม้จะมองอีกหนึ่งนักศึกษาที่ไม่คุ้นตาอย่างสงสัย

คนถูกถามกลืนน้ำลายลงคอ ..ม่อนแจ่มแอบได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าและผ่อนออกเบาๆ
มือแกร่งของพชรเผยภาพวาดที่โอบแนบอกออกมาให้อาจารย์ได้เห็น

“ปรัชญาของผมคือ เพราะรัก..จึงวาด ครับ”

เพราะรักจึงวาด.. อย่างนั้นหรือ?
ม่อนแจ่มหันมองพชรสลับกับภาพ The Philosopher และสลับกับใบหน้าอาจารย์อีกที

“พออธิบายให้เข้าใจได้ไหม?” อาจารย์เลิกคิ้ว
พชรพยักหน้า แล้วก็หันมาทางคนข้างๆ
“คนนี้.. เป็นคนวาดภาพนี้” มือแกร่งข้างถนัดยกขึ้นแตะไหล่บาง เอ่ยบอกอาจารย์ “เขาเป็นแฟนผมครับ”

ไม่ต้องถามหาม่อนแจ่ม หยุดหายใจไปแล้วเรียบร้อย
คือ.. เขารู้ว่าพชรรู้สึกยังไง เข้าใจกันดีจนแม้พชรไม่พูดออกมา ม่อนแจ่มก็ไม่มีอะไรสงสัย
และเพราะว่าอย่างนั้นแหละ ..เขาถึงไม่เคยถามหาสถานะ ‘แฟน’ จากพชรเลย
คำว่าแฟนไม่ใช่คำใหม่ ใครๆเขาก็มีกัน ซ้ำพชรกับม่อนแจ่มยังไปไกลกว่านั้นมาก อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มต้องยอมรับว่า การที่พชรบอกว่าเขาเป็นแฟนนี่มัน ..ดี๊ดี

“แล้วชื่ออะไรล่ะ เราน่ะ?” อาจารย์หันมาถาม
“เอ่อ.. ผมม่อนครับ ม่อนแจ่มวิศวฯเครื่องกล เอ๊ย.. ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์”
“เป็นแฟนพชร เฮดของเรา?”
“อะ.. ครับ” ม่อนแจ่มพยักหน้าที่เริ่มเป็นสีจัดหนักๆ “ใช่ครับ”

“โอเค..” อาจารย์ระบัดใบพยายามประมวลผล แต่ก่อนหน้านั้นต้องขอข้อมูลเพิ่มเติม
“แล้วมันเป็นปรัชญายังไง พชร?”

“ปกติม่อนชอบวาดรูป แต่เป็นรูปการ์ตูน เขาไม่เคยวาดพอร์ตเทรตมาก่อน” พชรเอ่ย
“แล้วพอร์ตเทรตรูปนี้ ผมไม่เคยนั่งเป็นแบบให้เขาเลย ..เขาวาดจากความทรงจำตัวเอง”
..
“แน่ละ.. เราจำหน้าใครต่อใครได้ง่ายๆถ้าเคยเจอ จริงไหมครับ แต่ว่า.. การจะจดจำรายละเอียดถึงขนาดวาดออกมาได้โดยที่ไม่มีแบบ มันยากมาก”
..
“ผมเห็นภาพนี้โชว์อยู่ที่นิทรรศการชมรมอาร์ตทิสต์ และก็รู้ว่า.. มันไม่ได้ใช้ฝีมือเพียงอย่างเดียว แต่ใช้ความรักด้วยครับ”

พชรสรุป "เขาวาด เพราะเขารักผม ..แล้วนั่นก็คือปรัชญาที่ผมหาเจอ"

อาจารย์ระบัดใบอ้าปากค้างนิดหนึ่ง ..ลังเลว่าจะคล้อยตามโดยดุษฎีหรือคัดค้านให้หัวชนฝา
อย่างไรก็ตาม ลูกศิษย์ไม่รอให้ตัดสินใจ
“นอกจากนั้น..”
พชรกวาดมือไปบนกรอบกระจก ปลายนิ้วชี้จรดบนสิ่งที่บุรุษในภาพถืออยู่ ..หนังสือซึ่งหน้าปกระบุ ‘Philosophy’
“อาจารย์ครับ อาจารย์ให้ผมไปหา..”
..
“..ปรัชญา”
เพราะนายพชรมันพูดเว้นระยะ อาจารย์ระบัดใบจึงต้องต่อให้

“ใช่ครับ” พชรพยักหน้า
“มันไม่ใช่ผมโมเมเอาภาพที่แค่มีคำว่า Philosophy เฉยๆมาส่งอาจารย์นะครับ แต่นี่มันคือหนังสือชื่อ Philosophy เป็นหนังสือปรัชญา ..จึงทำให้เชื่อได้ว่า ในนั้นย่อมมีปรัชญาหรืออย่างน้อยก็หลักการของปรัชญาอยู่ครับ”

อะไรนะ..
นายพชรพูดอะไรนะ? อาจารย์ระบัดใบนิ่งไป เกิดความสงสัยว่าเฮดเมเจอร์ที่ใครๆชื่นชมนี่เพิ่งเกรียนหรือเกรียนมานานแล้วแต่เธอดูไม่ออก

“ปรัชญาของเธอล้ำลึกมาก พชร” อาจารย์ระบัดใบกล่าวในที่สุด “อาจารย์ต้องคิดตามหลายตลบมาก”
ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ..พชรเป็นศิษย์คนที่สองต่อจากศิษย์คนหนึ่งซึ่งเธอจำได้แม่นที่แทบจะเรียกได้ว่าเอา ‘แฟน’ มาส่ง

“พชร อาจารย์ขอถามอะไรหน่อย”
“ครับ อาจารย์”
“เธอรู้จักใครที่ชื่อกรกฎไหม?”
พชรกลืนน้ำลาย “..รู้จักครับ”
อาจารย์ระบัดใบหรี่ตา ทำหน้าราวกับรอฟังสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต
“เป็นอะไรกับเธอ..”
“พ่อของเพื่อนครับ”
“เดชะบุญที่ไม่ใช่พ่อเธอ!” อาจารย์ระบัดใบถอนหายใจอย่างโล่งๆ มือยกกุมอก
“อย่าพาเพื่อนคนนั้นมาใกล้อาจารย์นะ อาจารย์กลัว”

พชรกับม่อนแจ่มมองหน้ากัน กลั้นความรู้สึกอยากปล่อยก้ากเมื่อนึกถึงรูมเมทสิ่งแวดล้อมเอาไว้

“เฮ้อ เอาล่ะ..” อาจารย์ระบัดใบถอนหายใจ กึ่งจะยิ้มกึ่งจะฟุบลงกับโต๊ะเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“เธอผ่าน ไปได้แล้วพชร พาแฟนไปด้วย ..รีบไปตอนที่อาจารย์ยังงงๆอยู่”

ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ ทั้งพชรและแฟนพชรก็ยกมือไหว้ลาแล้วหันหลังออกจากห้องพักอาจารย์ระบัดใบโดยพลัน
ขาสองคู่ก้าวๆเร็วแทบจะวิ่งจากภาควิชาปรัชญาและศาสนาจนมายืนหอบแฮ่กๆแข่งกันที่อ่างแก้ว

คนทั้งสองมองหน้ากัน แล้วก็ขอเถอะ.. ไม่ไหวแล้ว..
ทั้งม่อนแจ่มและพชรหัวเราะสุดเสียง ปล่อยความรู้สึกขำที่กลั้นมาตั้งแต่เจอปรัชญาของสมศักดิ์ศรี ความรู้สึกสนเท่ห์ที่อาจารย์จำพ่อของไอดิลซึ่งเป็นศิษย์ได้แม้ผ่านมานานกว่ายี่สิบปี ความรู้สึกสงสัยว่าไอดิลจะว่าอย่างไรหนอถ้ารู้ว่าอาจารย์สั่งความอะไรกับพชร ไหนจะความรู้สึกลุ้นระทึกกว่าอาจารย์จะบอกว่าปรัชญาของพชรผ่านอีก

ฮ่ะๆ.. มันเป็นอะไรที่บ้ามากและห้ามลอกเลียนแบบ
ต่อให้เพิ่งปีหนึ่งและยังต้องเรียนอีกตั้งสามปี แต่ม่อนแจ่มก็มั่นใจว่านี่เป็นการส่งงานที่(อาจารย์)งงที่สุดแล้ว

สายลมพัดมาพาน้ำในอ่างแก้วไหวเป็นระลอกคลื่นน้อยๆ
เสียงหัวเราะเงียบลง แต่รอยยิ้มบางๆยังไม่จางจากใบหน้า ..เฮ้อ ทีนี้ก็เหลือแต่เรื่องสอบแล้วล่ะ!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 13-02-2017 01:07:45
          มันเป็นบรรยากาศของการเตรียมตัวสอบ..
เสาร์อาทิตย์ก่อนวันสอบวันแรกเป็นช่วงเวลาน่าพิศวง อย่างที่ใครๆเขานิยามกันว่า ‘Fantastic Nights and Where to Find Knowledge’ (คืนมหัศจรรย์และความรู้ที่กูกำลังหาอยู่)

ม่อนแจ่มและไอดิลสุมหัว หลังจากที่สุมกับเพื่อนๆคนอื่นมาแล้วหลายรอบหลายวิชาที่คณะวิศวกรรมศาสตร์
พวกเขาทบทวนวิชาที่เรียนด้วยกันอีกทีอย่างไม่เคร่งเครียดนัก เพราะถึงแม้จะมีอะไรเข้ามามากมาย แต่ตลอดเทอมที่ผ่านมา ม่อนแจ่มจัดการให้แน่ใจว่าตัวเองเรียนรู้เรื่องตั้งแต่คาบแรกยันคาบสุดท้ายและพยายามทบทวนตำรับตำราอยู่เสมอ ด้วยคำสัญญาที่ให้ไว้กับไอดิลตั้งแต่เทอมก่อนที่ว่า.. ถ้าไฟดับช่วงสอบขึ้นมาอีก เราจะไม่ทำให้เดือดร้อนเสาไฟฟ้าหน้าหอเด็ดขาด

แล้วมันก็ดับจริงๆ..

“ไอ้เหี้ย กูยังอ่านไม่จบ!”

เสียงโหยหวนจากห้อง 340..
ไอดิลกับม่อนแจ่มหลุดหัวเราะออกมา ไม่ใช่จะสมน้ำหน้าหรือเยาะเย้ยอะไร แต่มันเป็นสถานการณ์ที่เขาสองคนก็เคยเจอ เป็นเหตุการณ์ปกติของชาวหอใน และแน่ใจได้ว่าอีกเดี๋ยวไฟก็มา

ไอดิลควานหาไฟฉายและม่อนแจ่มก็ลุกขึ้นยืน เดินไปที่ประตู
“เดี๋ยวกูมานะ ไอ้ดิ้ล”
“เฮ้ย จะไปไหน!” ไอดิลอุทาน “ไฟดับ มึงไม่กลัวหรือ?”

มันก็ไม่ใช่ไม่กลัว แต่ก็ไม่ใช่กลัว..
“พชรยังไม่กลับเลย กูอยากจะออกไปดูหน่อยน่ะ”
“เอาไฟฉายไปด้วยไอ้ม่อน”
“มึงเอาไว้ใช้เหอะ กูไม่เป็นไร”
ไอดิลลุกขึ้นยืนบ้าง “กูอยู่ในห้อง เดี๋ยวเชื่อเถอะว่าหมอกก็ต้องเดินมาเช็คกูแหง มึงน่ะ จะออกไปข้างนอก มึงเอาไว้”
ม่อนแจ่มยิ้ม แม้เพื่อนรักจะมองไม่เห็น เขารับไฟฉายมา เปิดประตูออกสู่ความมืดภายนอก

มีนักศึกษาเดินสวนไปมาประปราย เขาส่องไฟไปตามทางเดิน ..เป็นห่วงพชรที่ยังอยู่ข้างนอก
ขาเรียวเดินมาจนถึงบันได แต่ก่อนจะได้ก้าวลงไปก็มีคนวิ่งสวนขึ้นบันไดมา
“ม่อน!”
“พชร” ม่อนแจ่มตอบกลับโดยอัตโนมัติ เสียงที่แม้จะไม่เห็นหน้าก็ไม่มีทางจำผิด
เขาส่องไฟไปทางต้นเสียง ร่างคุ้นเคยเข้ามาประชิดตัวในจังหวะเดียวกัน พร้อมกับหอบน้อยๆ
“นี่จะไปไหน?”
“..ก็กูเห็นมึงยังไม่กลับ”
พชรรับไฟฉายมาส่องทางเสียเอง “กูมาแล้ว กลับห้องเถอะไป กินอะไรหรือยัง”
ม่อนแจ่มยิ้ม ..รู้สึกว่าพชรพูดมากกว่าเดิมติ๊ดนึง
“กินแล้ว พชรทำไมกลับมืดนักล่ะ”
“ติวกับเพื่อนอยู่น่ะ แล้วก็.. คุยกับสมศักดิ์ศรีเรื่องหาปรัชญา”
“ท่าทางสมศักดิ์ศรีจะหาเจอไหม”
“น่าจะ..”
ม่อนแจ่มขำนิดหนึ่ง อดนึกถึงการส่งงานไม่ได้ ทั้งขำทั้งเสียวว่าอาจารย์จะให้ F
“เอ้อ ซื้อของกินมาเผื่อด้วยนะ หิวหรือเปล่า”
“ซ่กเลย” พชรตอบรับ
“เสียดาย กะว่าถ้ามึงอิ่มมาแล้วจะชวนไปแจกของสักหน่อย งี้ก็อดสิ”
พชรหลุดหัวเราะ “รู้แล้วหรือคืออะไร”
“รู้แล้ว” ม่อนแจ่มหัวเราะบ้าง “ไอ้เมษหนึ่งเมถสองมันบอก”
แล้วหวนคิดตอนเขาพยายามรวบรวมถุงคุกกี้ ฮ่ะๆ.. พชรคงขำน่าดู

“ม่อน..”
เสียงเรียกฉุดม่อนแจ่มจากความทรงจำเมื่อเทอมก่อน “หืม?”
“ห้ามไปนะ”

ห๊ะ..
ม่อนแจ่มงงอยู่แป๊ปหนึ่ง แต่อึดใจเดียวก็เข้าใจ
เขาเกือบจะอุทานบอกว่าล้อเล่น แต่แล้วก็เผยอยิ้มอย่างยากจะห้าม ร่างเล็กขยับเข้าไปชิดคนเดินเคียง
“หวงหรือไง..”
พชรไม่พูดอะไร ได้แต่ส่องไฟไปตามทางเดิน
“พด ชา ร้า..”
“อืม..”
“ว่าไง?” ม่อนแจ่มรุกเร้า
“ก็ตอบไปแล้วไง”
“ตอบตอนไหน” ม่อนแจ่มพ่นลมหายใจ “ไอ้ อืม น่ะนะ”
“..อืม”

ม่อนแจ่มส่ายหน้าปลงๆในความมืด ..พชรพูดมากขึ้นนิดเดียวจริงๆนั่นแหละ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          มือบางวางปากกา ยกมือให้เจ้าหน้าที่มาเก็บกระดาษคำตอบ
ชะตากรรมเขาในห้องสอบไม่เลวร้าย คำอวยพร ‘ขอให้ออกตรงกับที่รู้’ ยังคงศักดิ์สิทธิ์เสมอ
ม่อนแจ่มยิ้ม.. นึกสงสัยว่าชะตากรรมพชรจะเป็นอย่างไร แต่ก็ออกจะมั่นใจว่าพชรไม่น่าห่วงยิ่งกว่าเขาอีก เจ้าตัวตื่นเร็วมากถึงมากที่สุด ใช้เวลาเช้าตรู่อ่านหนังสือแทบทุกวัน แถมขยันและมีไหวพริบ ถ้าจะห่วง ..ห่วงสมศักดิ์ศรีดีกว่า ป่านนี้ได้อะไรมาจากความว่างเปล่าหรือยังก็ไม่รู้

เมษาและเมถุน--แฝดนรก ยืนสบถสาบานกับสิ่งที่เจอในห้องสอบ ยืนยันว่าไม่คุ้นตาและไม่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตเลย
ม่อนแจ่มหัวเราะ ตบหลังตบไหล่ปลอบใจ บอกให้พวกมันไปสวดมนต์เสีย แล้วจัดการให้ปีหน้า มีอะไรผ่านเข้ามาในชีวิตให้เยอะที่สุด โดยเฉพาะอะไรที่จะออกสอบเนี่ย

เดินลงจากบันไดมา ม่อนแจ่มก็เจอพีระศิลป์ เพื่อนร่วมชมรม จึงโบกมือทักทาย เร่เข้าไปถามหาไอดิล

“กูบอกแล้วไง ..มันจะเอาท็อป” เดือนวิศวฯบุ้ยใบ้ไปทางห้องสอบทำนองว่าไอดิลยังทำไม่เสร็จ
“แล้วพชรที่รักสบายดีหรือ?”
ม่อนแจ่มไม่ตอบ เพียงหัวเราะในลำคอ ผละเดินจากมา

หอสามชายตระหง่านอยู่ข้างหอสี่ ม่อนแจ่มกวาดสายตามองรอบตัว หอนาฬิกาบอกเวลาห้าโมงครึ่ง
แจ็คพ็อตสอบช่วงเวลาบ่ายสามถึงหกโมงเย็นเป็นอะไรที่ไม่ค่อยต้องการนัก เพราะว่ามันเป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนล้า แต่ก็ดีแหละหากว่าอ่านไม่ทัน

ม่อนแจ่มสาวเท้ากลับหอ ..เพื่อนร่วมหอที่สอบเสร็จแล้วบ้างครื้นเครงเฮฮา บ้างเริ่มทยอยเก็บข้าวของ
ปีสองต้องหาฐานที่มั่นใหม่ ซึ่งม่อนแจ่มก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเขาจะอยู่ที่ไหน

         ห้องสามสามแปดอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือเปิดเข้ามาแล้วไม่มีใคร
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเห็นกระเป๋าพชร แสดงว่าเจ้าตัวกลับมาแล้ว อาจจะอยู่ห้องน้ำก็เป็นได้
ม่อนแจ่มกระหายมาก บอกแล้วว่าสอบภาคบ่ายติดเย็นแบบนี้มันล้า เขาหยิบขวดน้ำที่อยู่บนโต๊ะพับมากรอกปากดื่ม
พลันสายตามองเห็นกระปุกที่เคยทำหน้าที่ใส่มะเขือเทศเชอร์รี่ที่รับมาจากคุณน้าลดา..
แม้ตอนกลับมาจะได้คุยกับคุณพ่อพจน์แล้ว แต่ม่อนแจ่มก็ยังไม่ได้บอกเลยว่าเขาฝากความระลึกถึงของท่านไปถึงมารดาพชรแล้ว เห็นทีม่อนแจ่มต้องขอเวลากลับบ้าน..

         “ป้าเพ็ญครับ ..ม่อนจะกลับบ้านแหละ”
“ดีใจจังเลย สอบเสร็จแล้วหรือคะ!”
“ครับ”

ม่อนแจ่มนั่งพิงกรอบประตูระเบียง ชันเข่าสบายๆ เปิดลำโพงคุยโทรศัพท์กับป้าเพ็ญ สอบถามความเป็นไปในบ้านประดิษฐาพงศ์

“บอกล่วงหน้านี่คือหวังว่าจะได้กินบัวลอยใช่ไหมคะ”
“ฮ่าๆ” ม่อนแจ่มหัวเราะที่โดนรู้ทัน “คุณพ่อ คุณแม่กลับบ้านหรือยังครับ”
“แล้วค่ะ นี่ป้าเตรียมอาหารเสร็จพอดี ..ดีจัง พรุ่งนี้จะมีคุณม่อนมาร่วมโต๊ะ”
ม่อนแจ่มยิ้ม “ม่อนก็ดีใจครับ..”
“แล้วไม่ใช่ต้องรีบเก็บของหรือคะ”
“ไม่รีบหรอกครับ ยังอยู่ได้จนเดือนหน้าเลย ก่อนปีหนึ่งรุ่นใหม่จะจองหอน่ะครับ”
“อ๋อ” เพ็ญมาศส่งเสียงเข้าใจ แล้วเอ่ยกึ่งปรารภ “แป๊ปๆ คุณม่อนก็จบปีหนึ่งแล้วเนอะ”
“ครับ” ม่อนแจ่มเห็นด้วย “รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วจัง”
“แล้วผ่านมาจนถึงตอนนี้ กับคนนั้นเป็นยังไงบ้างหรือคะ คุยกันเข้าใจแล้วใช่ไหม”

เสียงเคาะเป็นสัญญาณสั้นๆ ม่อนแจ่มจึงเสียสมาธิกับประโยคหลัง หันมองประตู
ร่างสูงที่คุ้นเคยนั่นเอง..
ม่อนแจ่มยิ้มกว้างแทนคำทักทาย พชรพยักหน้าให้ ไม่พูดอะไรเพราะเห็นอยู่ว่าอีกฝ่ายกำลังคุยโทรศัพท์

“ครับ ป้าเพ็ญ ยังไงนะครับ”
“ป้าถามว่าคุยกันดีแล้วหรือคะ”
“กับใครนะครับ”
“ก็คนนั้นไงคะ ..รูมเมทปรัชญาที่ไม่ชอบขี้หน้าคุณม่อน”

ร..รูมเมทปรัชญาที่.. อะ เจ้ย!

ม่อนแจ่มแทบทำโทรศัพท์ร่วงลงพื้นขณะพยายามกดปิดสัญลักษณ์ลำโพงให้เสียงเงียบลง ซึ่งก็ไม่ทัน..

“เอ้อ.. ป..ป้าเพ็ญครับ ม่อน.. ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ หวัดดีครับ รักป้าเพ็ญฝุดๆครับ!”
ม่อนแจ่มรัวรวดเดียวจบแล้วรีบกดวาง ดวงตาในกรอบแว่นแดงค่อยๆเงยมองคนที่ยืนพิงกรอบประตูห้องอยู่
คิ้วหนาเลิกขึ้น เสียงเข้มทวนคำที่ได้ยิน..
“รูมเมทปรัชญาที่ไม่ชอบขี้หน้าคุณม่อน?”

ฮือ.. พชรอย่าใช้น้ำเสียงแบบน้าน..

“คือ.. คือพชรฟังกูก่อน” ม่อนแจ่มแทบจะยกมือไหว้ อธิบายลิ้นพันกัน
“กูไม่ได้ตั้งใจจะเอามึงไปนินทาที่บ้านนะ กูพูดแค่กับป้าเพ็ญคนเดียว กูสาบาน คือตอนแรก ตอนแรกกูไม่เข้าใจ กูเลยเครียด แล้วกู.. กูก็เล่าเรื่องมึงให้ป้าเพ็ญฟังมาตลอดเลยอะ แล้วแบบว่าตอนหลังเรื่องมันก็ดีขึ้น แต่ แต่.. ป้าเพ็ญเรียกแบบนั้นตั้งแต่แรกไง เราเลยไม่ได้เปลี่ยนคำที่ใช้อ่ะ ฮือ..”

เฮ้ย..
พชรออกจะตกใจ รีบเดินเข้าไปหา มือประคองร่างเล็กที่ยันตัวลุกยืน
“ม่อน ใจเย็นๆ กูยังไม่ทันว่าอะไรเลยนะ”

อ้าว.. อ้าวเหรอ ไม่ว่าเหรอ..
ม่อนแจ่มเพ่งมองคนพูดให้แน่ใจ
พชรเป็นคนจริงจังกับคำพูด ..ไม่พูดโกหก ไม่พูดอะไรที่ไม่ดี เขาจึงมั่นใจว่าพชรต้องไม่ชอบ ‘การพูดถึงลับหลัง’ แบบนี้แน่นอน
“กูขอโทษนะพชร”

พชรกลืนน้ำลาย.. ไม่รู้ควรจะยิ้มหรือควรจะร้องไห้ดี มือแกร่งยกขึ้นวางบนบ่าเล็ก
“กูไม่ได้โกรธ”
“จริงหรือ”

แว่นแดงเอ๊ย..

“จริง”

ม่อนแจ่มถอนหายใจโล่งอก ค่อยๆคลี่ยิ้ม ..พชรใจดีเหมือนเดิม

“กูขอโทษ”

หือ?
ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว ..คำพูดนั้นออกจากปากพชร
ยังไม่ทันจะถามว่าทำไม แต่ก็แปลกนักที่คนพูดน้อยอธิบายเสริมด้วยตัวเอง

“..ตอนเห็นรายชื่อกูก็ตกใจ” น้ำเสียงเข้มที่แปร่งไปจากเดิมค่อยๆเอ่ย ความทรงจำเมื่อต้นเทอมแรกไม่ได้ลางเลือนไปไหน
“กูไม่รู้ว่าควรทำยังไง ..แค่คิดว่ามันง่ายกว่าถ้าจะไม่ต้องทำความรู้จัก”

ม่อนแจ่มอ้าปากค้างไว้ ..จริงอยู่ ตอนนี้พวกเขาเข้าใจกันดี แต่ว่าก็ว่าเถอะ เขากับพชรไม่เคยคุยกันไกลไปจนถึงช่วงเวลาแรกสุดที่พบกันนั้นเลย

“กูไม่คิดว่ามึงจะเครียดขนาดนั้น คิดว่ามึงไม่น่าแคร์อะไรมากมาย” พชรมองตาอีกฝ่าย
“กูไม่คิดว่า..”

พชรหยุดไปไม่พูดต่อ ม่อนแจ่มจึงต่อให้เอง
“..ว่ากูจะตื๊อ?”

ใบหน้าคมพยักรับ
และแล้ว.. สิ่งมหัศจรรย์แห่งยุคก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ..พชรถาม
แม้ช่วงหลังๆ พชรจะพูดมากขึ้นและถามบ่อยๆว่าม่อนแจ่ม
‘เหนื่อยไหม’
‘หิวไหม’
‘ง่วงหรือยัง’
ทว่า นี่เป็นคำถามที่แตกต่างออกไป

“ม่อน.. ถามจริงๆ ตั้งแต่แรกนั่นน่ะ ..ตื๊อทำไม”

ตื๊อทำไมหรือ
ม่อนแจ่มอึกอัก ..ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แต่เขาตอบไม่ถูก เขาเองก็ไม่เคยถามตัวเองมาก่อนเลยว่าจะ ‘ตื๊อพชรทำไม’
คำแนะนำของไอดิลเมื่อเทอมก่อนกระทบห้วงคำนึงอีกครั้ง

         ‘ในเมื่อพชรไม่เปิดรับมึงเข้าสู่โลกของมัน ทำไมมึงถึงไม่แค่.. ตัดมันออกไปจากโลกของมึง’

“ปกติแล้ว..” พชรไม่ละสายตาจากม่อนแจ่ม อะไรบางอย่างในใจทำให้เอ่ยต่อ
“ใครไม่อยากรู้จักเรา อย่างดี ก็คงพยายามเป็นมิตรแค่ครั้ง สองครั้ง มากสุดไม่เกินสาม แล้วก็จบ แต่นี่ไม่ใช่.. สี่ก็แล้ว ห้าก็แล้ว ดูมึงไม่ยอมแพ้เลยนะ”

“ก็..” ม่อนแจ่มอ้าปากค้างไว้ อาการอึกอักไม่หายเสียที
นี่อะไรของพชร? จู่ๆมาคาดคั้นเขา ปกติมีแต่เขาทำแบบนี้กับอีกฝ่าย ม่อนแจ่มรู้สึกเหมือนกรรมตามสนอง

“คือกู..”
“ว่าไง..” พชรรอฟัง
“คือ.. ตอนแรกมันก็แค่ความสงสัยธรรมดาอะ ว่าทำไมมึงถึงเมินเฉยใส่กู ไม่เรียกชื่อ ไม่ทักทาย ไม่เหมือนรูมเมทปกติเขาทำกัน”
“แล้วตอนหลัง?”

อะ..
อะไรวะ..
ม่อนแจ่มหน้าแดง พยายามสรรคำ
“ใช่ กูพยายามเข้าหาแล้วก็ถูกปฏิเสธ แต่มึงลองคิดดูให้ดีนะ จริงๆก็เป็นเพราะมึงไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้กูไม่หยุด”
“เพราะกูเนี่ยนะ” พชรงง ..มันย้อนกลับมาที่เขาได้ยังไงกันละนี่
“ใช่ เพราะมึง” ม่อนแจ่มย้ำชัดถ้อยชัดคำ “เพราะมึงไม่เคยปฏิเสธกูจริงๆจังๆเลย มึงไม่อยากทำความรู้จักกู แต่ตอนน้ำไม่ไหล มึงฝากไอ้ดิ้ลเอาน้ำมาให้กูล้างหน้า ทำไมมึงถึงไม่แค่ปล่อยกูไว้แบบไม่มีน้ำ กูมาอาบน้ำก็ต้องเอาผ้าเช็ดตัวมาด้วย ยังไงกูก็เอาเช็ดหน้าไปก่อนได้ ไม่ถึงตายแน่นอน มึงก็รู้”
..
“โอเค ใช่ มึงบอกว่าไม่ชอบกู แต่ตอนไฟดับ ที่กูไปท้าต่อยแล้วสะดุด มึงก็เป็นคนคว้าเอวกูไว้ จำได้ไหม ทำไมล่ะ ทำไมมึงถึงไม่แค่ปล่อยให้กูล้ม”

พชรอ้าปากค้างบ้าง ตระหนักว่าเขาไม่ควรประมาทม่อนแจ่มเลยในเรื่องการโต้เถียง
“กูแค่..”
“มึงอาจจะบอกว่ามึงเป็นคนแบบนั้น ซึ่งชาวบ้านเขาเรียกกันว่าเป็นคนมีน้ำใจ ..และก็เพราะว่ามึงเป็นมึงแบบนั้น กูก็เลยเป็นแบบนี้”
..
“กูไม่รู้ว่ามันตอนไหนกันแน่ที่..” เสียงเล็กสั่นรัว พูดไม่เป็นประโยค “คือรู้ตัวอีกที..”

ทว่า ไม่ต้องพูดเป็นประโยค พชรก็เข้าใจ
เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน ..รู้ตัวอีกที หัวใจก็ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไปแล้ว

ทำไมพชรถึงต้องรอถอดแว่นให้คนที่นอนมองหน้าเขาจนหลับ
ทำไมพชรถึงไม่แค่ทำเป็นไม่เห็น ตอนม่อนแจ่มโผล่ไปที่สาขาวิชา
ทำไมก็ไม่รู้ ..รู้แค่เพราะม่อนแจ่มเป็นแบบนั้น ..พชรก็เลยเป็นแบบนี้
ที่จริงมันก็กลับไปกลับมา.. ยากจะบอกว่าใครเริ่มก่อน.. ใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผลกลายเป็นอย่างที่มันเป็น..

การโต้เถียงจู่ๆก็หยุดลง เหมือนตอนที่จู่ๆมันก็เริ่มขึ้น
มือแกร่งโอบไหล่บางเข้าหาลำตัว ..ทำให้ใบหน้าขาวซบกับแผ่นอกที่ได้ยินเสียงเต้นเป็นจังหวะอยู่ภายใน
ม่อนแจ่มยกมือขึ้นเกาะเอวอย่างที่ทำทุกครั้งเมื่อพชรกอด
 
เสียงเข้มย้ำให้ได้ยินริมหู เหมือนกับเสียงเล็กที่ออกจากปากของเขาเอง
ไม่รู้ว่าใครพูดก่อน ..แต่มันก็คงไม่ได้แตกต่างกันมากมายนัก

“รักนะ..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

        เสียงขลุ่ยที่ระเบียงห้องสามสามแปดคลอล้อสายลมไปกับเสียงกีต้าร์จากระเบียงห้องสามสามหกซึ่งอยู่ติดกัน
สถานการณ์แทบจะเหมือนต้นเทอมแรกเป๊ะๆ ไอดิลกับไอหมอกอยู่ที่นั่น เล่นดนตรีด้วยกัน
ส่วนพชรกับม่อนแจ่มอยู่ในห้อง ..ต่างไปที่ไม่ได้อยู่คนละฝั่งเตียงตัวเอง แต่นั่งพิงตู้เสื้อผ้าอยู่ข้างกัน คุยกัน..

         “พชรจะกลับบ้านเลยหรือว่าหาหอก่อนอะ?”
“หาหอก่อน”
“กูอยู่ด้วยนะ” ม่อนแจ่มของ่ายๆ จนคนฟังหลุดอุทาน เผลอตอบสวนออกมาตามความรู้สึก
“แล้วคิดว่าจะปล่อยไปอยู่ที่อื่นหรือไง?”
“แหม.. มันก็ต้องขอไว้ก่อนสิ เกิดมึงทำไม่รู้ไม่ชี้ ตัดรำคาญ ทิ้งกูไปอยู่คนเดียวขึ้นมา ซวยไปอีก คิดถึงตาย..”

พชรขบริมฝีปากไม่ให้ยิ้มหรือหัวเราะ ดวงตาคมเสมองไปมองประตูห้อง ..ความไม่อาย พูดได้หน้าตาเฉยนี้กลับมาแล้ว ฮ่ะๆ
อย่างไรก็ตาม เขาหันกลับมามองเมื่อม่อนแจ่มเงียบไป ไม่พูดอะไรต่ออีก
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” พชรเลิกคิ้ว
ม่อนแจ่มส่ายหน้า “จะบอกว่า พรุ่งนี้กูกลับบ้านนะ แต่เดี๋ยวก็มา วันสองวัน”
พชรพยักหน้าเข้าใจ แต่สีหน้าม่อนแจ่มก็ยังไม่ค่อยจะปกตินัก
“แล้วทำไมทำหน้ายุ่งอย่างนั้น?”
“กำลังคิดว่าจะบอกคุณแม่ว่าเจอพ่อแสงแล้วดีไหม..”

พชรถอนหายใจเบาๆ
เท่าที่คุยกัน คุณระมิงค์เพียงบอกม่อนแจ่มว่าพ่อแท้ๆของเจ้าตัวเป็นคนรัก แต่ต้องเลิกกันไปเพื่อแต่งงานกับคุณพจน์ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ
แต่ก็นั่นแหละ เธอไม่เคยพูดถึงรายละเอียดของคนรักที่ว่า

“ถ้ามึงไหว ไม่อึดอัดใจอะไร ..ก็บอกไปเถอะ”
พชรตัดสินใจเอ่ย คงไม่ผิดที่จะแนะนำกันแม้เป็นเรื่องส่วนตัว ในเมื่อเขาสองคนไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นคนรักกัน

“แม่เขาแคร์มึงมากนะ คงไม่มีทางไม่คิดถึงเรื่องนี้หรอก”

ที่คุณระมิงค์ไม่พูดถึงลุงแสง พชรคิดว่าเป็นเพราะเธอไม่รู้จะพูดอย่างไร
ในเมื่อเธอเองก็ไม่รู้เลยว่าปัจจุบันลุงแสงอยู่ที่ไหน หรือเป็นอย่างไร เช่นที่เคยพยายามถามจากพชรคราก่อนนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกไป

“แม่อาจจะเป็นทุกข์เรื่องนี้อยู่ก็ได้ ..ในเมื่อมึงได้พบพ่อและเข้ากันได้ดีแบบนี้แล้ว กูว่าบอกเถอะ มันคงช่วยความรู้สึกท่านได้มากเลย”

ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย.. มองเข้าไปในดวงตาที่คุ้นเคย
นัยน์ตาคมกล้าคู่นั้น ..ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเห็นความเห็นแก่ตัว
ใช่.. ที่ม่อนแจ่มเคยเห็นความโกรธ ..แต่เขาไม่เคยเห็นความพยาบาท
แล้วยิ่งในขณะนี้ มันเป็นแววตาอ่อนโยนของคนที่มีจิตใจดี เป็นแววตาของคนที่.. ให้อภัย..

ม่อนแจ่มก้มหน้ายิ้ม ..ใจคำนึงถึงทุกๆอย่างที่ผ่านมา เวลาที่ตัวเขาค่อยๆเรียนรู้และเติบโต จากสิ่งใหม่ จากความเสียใจ จากอะไรที่ไม่คาดคิด 
เขาสำนึกว่าตัวเองผ่านมาถึงวันนี้ได้เพราะมีเพื่อนที่ดี มีผู้ใหญ่ที่เมตตาและมีคนรักที่มีน้ำใจ

แม้พชรที่เคยรู้สึกว่าตัวเองโตแล้ว ก็พบว่าสามารถโตขึ้นได้อีก เรียนรู้เพิ่มได้อีก  ..และรู้สึกมากขึ้นได้อีก
วันคืนหมุนผ่าน ชีวิตดำเนินไป ตราบที่หน้ากระดาษยังไม่หมด ตัวอักษรก็คงถูกร้อยเรียงเข้าหากัน
ต่อเข้าเป็นเรื่องราว ..และต่อไปเป็นเรื่องราว

ซึ่งม่อนแจ่มและพชรก็หวัง.. ว่ามันจะเป็นเรื่องราวที่งดงามเสมอ..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ครับ
บทนี้เป็น Chapter สุดท้ายแล้ว รอบหน้า ผมจะเอา Epilogue มาฝากนะ
อีกนิดเดียว ก็จะเขียนจบอีกเรื่องแล้ว ดีใจมาก ตอนแรกคิดว่าแป๊ปๆคงเขียนเสร็จ ว่าก็ว่าเถอะ จำได้ว่าเริ่มเขียนตอนแรกเมื่อกุมภาฯปีที่แล้ว ฮ่ะๆ เล่นเอาเป็นปีเหมือนกันนะเนี่ย  :a5:
ขอขอบคุณคนอ่านมากๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-02-2017 02:15:09
ทุกอย่างมันใกล้จะถึงบทสรุปแล้วใช่ไหม ตั้งแต่พวกเขาเริ่ใเข้าเรียนจนตอนนี้จะขึ้นปีสองแล้ว ดูเหมือนเร็วเนอะ แต่พอย้อนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ มันทำให้เราได้เห็นว่า เออ เราผ่านเรื่องราวต่างๆมามากเหมือนกันเนอะ ดูเหมือนจะยากแต่มันก็มาผ่านมาได้เนอะ   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 13-02-2017 02:42:23
 :pig4: :pig4: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: 08916167
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 13-02-2017 06:37:31
ใกล้จะจบแล้วหรอ อ่านเรื่องนี้มีแต่ความอบอุ่น ประทับใจในตัวม่อนแจ่มและพชร
อยากอ่านไปเรื่อยๆ 5555  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 13-02-2017 07:45:00
จะจบแล้ว เป็นหนึ่งปีที่ต้องผ่านอะไรกันเยอะมากสำหรับคู่นี้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 13-02-2017 07:55:28
ยังคงเป็นนิยายที่อ่นแล้วประทับใจเช่มค่ะ ชอบมากกกกกกกกกกกด :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-02-2017 08:29:36
ถึงจะเพิ่งมาอ่านช่วงหลังๆ แต่ว่ารู้สึกไม่อยากให้จบเลยค่ะ  :mew1: 
รอตอนต่อไปค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 13-02-2017 08:48:16
พ่อ่่ารักมาเปนแขกรับเชิญด้วย ถึงจะแค่เสียงก็ยังอมยิ้ม อ่าานแล้วขำตอนส่งงานของเด็กปรัชญา  :mew3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-02-2017 09:11:05
เรื่องราวของม่อนแจ่มกับพชรงดงาม (สำหรับเรา) ค่ะ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 13-02-2017 09:21:45
โอ๊ยยยย นี่หัวเราะก๊ากเลยตอนอยู่ในรถพอเห็นปรัชญาสมศักดิ์ศรีเข้าไป  :pigha2:  :pigha2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 13-02-2017 10:02:47
อยากบอกคนเขียนว่า
ติดตามนิยายของคุณทุกเรื่อง
ขอบคุณจริงๆ
มีความสุขมากเมื่ออ่านนิยายของคุณ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 13-02-2017 10:14:32
ม่อนน่ารักตอนขอไปอยู่ด้วย โถ ใครจะให้ไปอยู่ที่อื่นล่ะ แล้วดูเหตุผล ไม่เจอกัน คิดถึงตาย น่าเอ็นดูมาก
ปรัชญาของพชร 55555 ขำได้ไหมอ่า รีบออกไปก่อนที่จารย์จะหายงงเลยนะ น่ารักอ่ะ น่ารักมาก
มีคนเคยทำไว้แล้วด้วย กร้ากกกก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 13-02-2017 10:35:57
ชอบพชร ชอบม่อน  :กอด1:

อยากให้รุ่นพ่อแม่มีความสุขเหมือนรุ่นลูกบ้าง ไม่อยากให้ส่งแค่ความระลึกถึงกัน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 13-02-2017 11:05:23
ไม่น่าเชื่อว่าอ่านมาจะเกือบปีแล้ว
เป็นนิยายที่รู้สึกอบอุ่นจริงๆค่ะ

ขอบคุณที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีขนาดนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 13-02-2017 11:43:17
ชอบอาจารย์ระบัดใบ ทั้งขำทั้งสงสารตอนพูดถึงนายกรกฎ
ขอสมัครเป็น FC ได้มั้ยคะอาจารย์ 5555555555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 13-02-2017 12:07:33
รักก :mew1:
จะไม่มีม่อนแห่งวิศวะเครื่องกลให้ตามแล้ว
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-02-2017 12:21:29
ยังคงละมุนในความรู้สึกทุกตอนที่อ่านเหมือนเดิม // ตรรกะปรัชญา เป็นศาสตร์มืดที่เราไม่สามารถเข้าใจมันได้จริงสักที *แฟนเก่าชื่อปรัชญา มิน่าไปกันไม่รอด .. เกี่ยวไหม? *  :laugh:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 13-02-2017 12:26:37
พชร น่ารักมาก ชอบมากปรัญญาของพชร โชคดีได้รู้จักรุ่นพี่อย่างคุณกรกฎ ต้องกลับไปอ่านเกรียนอีกรอบแล้ว จำตอนพ่อน่ารักเสนองานกับอาจารย์ไม่ได้  ม่อนกับพ่อแสง เข้าใจกันดีและดูท่าจะอบอุ่น อยากให้ครอบครัวของทั้งสองได้เจอกันพร้อมหน้าได้อยู่ด้วยกันแบบถูกคู่ สงสารพ่อแม่ด้วย ขอบคุนนะคะนิยายสนุกทุกเรื่องเลยค่ะ เรื่องนี้จะจบแล้ว หวังว่าจะได้ติดตามเรื่องต่อๆไปของคนเขียนอีกนะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-02-2017 16:22:37
ไรท์ ตั้งชื่อคนในเรื่องได้เพราะมาก
อ.ระบัดใบ / สมศักดิ์ศรี /พีระศิลป์
ขำ อ.ระบัดใบ จำลูกศิษย์ที่ชื่อ กรกฎ ไม่ลืมเลย
แถมออกอาการกลัวไอดิล ลูกของกรกฎ อีกด้วย
“ห้ามไปนะ”
“หวงหรือไง..”
“พด ชา ร้า..”
“อืม..”
พชร น่ารัก ม่อน ก็น่ารัก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 13-02-2017 17:12:26
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 13-02-2017 17:38:25
เราว่าแม่ม่อนแจ่มก็คิดถึงพ่อแสงนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 13-02-2017 20:44:07
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 13-02-2017 20:46:59
อย่างฮาวิธีการส่งงานของพชร ถามใครไม่ถาม ไปถามเกรียนตัวพ่อ
แล้วบทนี้รู้สึกได้ว่าพชรคงจะซึมซับเชื้อเกรียนจากไอดิลและม่อนเข้าไปบ้างแล้ว
จากการตอบคำถามอาจารย์และตอนคุยกับม่อน เอ๊ะ หรือว่าจริง  ๆ แล้วพชรเป็นคนเกรียนแบบเงียบ ๆ
แต่ยังไงความน่ารักของน้องม่อนก็ชนะเลิศ มีการขอไปอยู่กับเขาด้วย กลัวถูกทิ้ง  :m20:
ยังยีนยันคำเดิมว่าสนับสนุนให้ทำเรื่องนี้เป็นหนังสือด้วย อยากซื้อไว้
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 13-02-2017 21:54:16
จะจบแล้ว ไม่ได้เตรียมใจเลย o22
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-02-2017 22:48:24
ชอบวิธีที่หนุ่ม ๆ ปรัชญาส่งการบ้านจริง ๆ น่าเอ็นดู
ชอบ...เพราะพชรเป็นอย่างนั้น ม่อนแจ่มเลยเป็นอย่างนี้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-02-2017 09:19:21
เขาแค่มองตาก็รู้ใจกันพชร&ม่อนแจ่ม

ขอบคุณคนเขียนที่สร้างพชรกับม่อนแจ่มมาให้รู้จัก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-02-2017 12:03:33
อ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย อ้าวนี่จบแล้วเหรอ แงงงงง
ทำไมยังอยากอ่านอีกกกกก
 

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ รักพชร กับม่อนแจ่มจังเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-02-2017 12:26:23
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 14-02-2017 19:32:18
 :katai5: :katai5: :katai5:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 15-02-2017 21:12:14
ชอบบบบบ เธอที่เป็นแบบนั้น ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ งืออออออ  :hao5:

จะจบแล้วอ่า รู้สึกยังอยากอ่านต่ออยู่เลย รู้สึกเหมือนเป็นส่วนนึงของเรื่องไปแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 15-02-2017 22:17:03
จะจบแล้ววว ใจหายเลย ชอบเรื่องนี้มาก ไม่อยากให้จบเลยยย

ชอบม่อนแจ่มกับพชรมากๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ รอนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 17-02-2017 20:39:44
พชรกับม่อนนี่แบบเข้ากับคำที่ว่า มองตาแล้วรู้ใจ มากกกกๆ
เรื่องพ่อม่อนก็ผ่านพ้นไปในระดับนึง แอบอยากเห็นฝั่งผู้ใหญ่เค้ามีโมเมนต์อยู่กันเป็นคู่บ้าง
แต่มันก็อาจจะยากไป(หรือเปล่า) แค่นึกถึงกัน เป็นความทรงจำที่ดีก็โอเคละเนอะ
ชื่นชมม่อนในเรื่องพ่อเลยอ่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับได้อย่างรวดเร็ว เก่งมากม่อนแจ่มมม
การที่ม่อนสามารถผ่านเรื่องต่างๆไปได้นี่เพราะตัวเอง คนรอบข้าง และที่สำคัญคือพชรเลยจริงๆ
ความห่วงใยของพชรนี่โคตรสัมผัสได้เลย ใส่ใจมากๆด้วย ฮือออ พ่อคนดีงามมม
มีคนคอยเป็นห่วงเป็นใย ใส่ใจขนาดนี้นี่มันดีจริงๆเลยเนอะม่อนนน อิจฉาจังค่ะ 555555555
ส่วนปรัชญาของพชรนี่ทำเอามึนๆไปพร้อมอาจารย์เลย
เห็นเงียบๆก็มีความเกรียนซ่อนอยู่เหมือนกันเนอะ ขำที่อาจารย์ยังคงฝังใจกับพ่อน่ารัก 5555555

ใจหายมากที่จะจบแล้ว ยังคงอยากติดตามเรื่องราวของพชรกับม่อนแจ่มอยู่เรื่อยๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 18-02-2017 11:55:13
น้ำตาที่ไหลเพราะอะไร เพราะจะจบแล้ว เพราะตื้นตันอิ่มเอมใจ เพราะน่ารักแสนดีทำให้มีความสุข
คงต้องบอกว่าทุกๆเพราะที่เอ่ยมารวมถึงที่ไม่ได้เอ่ยและเอ่ยไม่ออกคือคำตอบ
เพราะรักจึงอ่านและเพราะอ่านจึงรัก เป็นปรัชญาที่ป้าได้จากเรื่องนี้ ขอบคุณนะคะ
รออ่านepilogue :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 18-02-2017 14:00:23
ไม่ได้อ่านนานมาก คิดถึงพชรกับม่อนแจ่มมากๆเลย

จบแล้วหรอเนี่ย  รวมเล่มด้วยไหมค้าบบ อยากได้
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 18-02-2017 22:47:19
พชรรักม่อนเหลือเกิน รักจนยอมเจ็บเอง
มันบริสุทธิ์มาก

ความรักของคุณพจน์ เพชรลดา และพ่อแม่ของม่อนเช่นกัน

เพิ่งรู้ว่าดิ้งรักพ่อมากๆๆๆ

เขียนได้ซาบซึ้งมากค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-02-2017 23:38:58
ตอนสุดท้ายแล้ว  :mew2:

ตลกพชร อะไรจะหน้าตาตื่นขนาดนั้น ถึงขั้นต้องโทรปรึกษารุ่นพี่ .. พ่อน่ารักคงวีรกรรมเยอะ อาจารย์ถึงจำแม่น
ม่อนแจ่มน่ารัก มีความมึน หน้าซื่อ แถมมีความตรง 5555

กลัวคิดถึงตาย ถึงกับต้องเอ่ยปากขอ ถ้าจะขนาดนั้น ก็ซื้อบ้านอยู่ด้วยกันเหอะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 19-02-2017 15:46:40
คือ มันสวยงามมากค่ะ สวยงามมากจริงๆ
คนเขียนเก่งมาก ^^ ติดตามตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 23-02-2017 19:42:02
:o11:   รอน้องม่อน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 25-02-2017 19:35:28
ขอบคุณสำหรับเรื่อราวดีๆ
ติดตามคุณคนเขียนตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาลัยจนตอนนี้ใกล้จะจบจากม.แล้ว
ชอบตั้งแต่เรื่องแรกที่ใช้โลเคชั่นเป็นมช. อ่านแล้วเห็นภาพหมดเลยค่ะ555
ตอนนี้เองก็ยังเรียนอยู่ในมช. แต่เพราะคณะที่เรียนทำให้ไม่ค่อยมีกิจกรรมนอกคณะเท่าไหร่ มีแต่ปั่นงานโต้รุ่งอยู่แต่ในคณะ
ทำให้ไม่รู้ว่า เอ้ออ มีกิจกรรมแบบนี้อยู่ในม.เราด้วย55555

เพราะเว้นว่างไม่ได้ติดตามคุณคนเขียนไปหลายปี ตอนนี้ว่างๆเลยลองกลับมาอ่านผลงานของคุณอีกครั้ง
ตอนแรกไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นถึงชอบเรื่องเกรียนนัก
อ่านเรื่องนี้ตอนแรกๆก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นถึงยกให้เรื่องเกรย์เป็นผลงานขึ้นหิ้ง
ตอนแรกคิดเพราะตอนนั้นคงเด็ก อ่านอะไรก็คงชอบ

แต่พออ่านเรื่องนี้ไปเรื่อยๆถึงเข้าใจแล้วว่า
ทำไมเราถึงตกหลุมรักผลงานเขียนคุณซ้ำๆเช่นนี้

ในตอนแรกๆวิธีเขียน การสะบัดสำนวนไม่ค่อยชัดเท่าตอนหลังๆ มีแค่เจ้าม่อนโวยวายไปมาเท่านั้น
คิดว่าเนื้อเรื่องคงไม่มีอะไร
แต่ที่จริงแล้วคุณคิดเนื้อเรื่องมาแน่นมาก ทุกประโยคมีความหมายกับเนื้อเรื่อง
ผูกปม แก้ปม วางจังหวะได้ดีจนหยุดอ่านไม่ได้ เราอ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
ชอบสำนวนในช่วงท้ายๆมาก สวยจนไม่รู้จะพูดยังไงเลย
บางคำก็ได้แต่อุทานว่า เห้ย คิดได้ยังไง
มันตื้นตันใจมากจริงๆ

พอเล่นประเด็นครอบครัวแล้วยิ่งอ่อนไหวค่ะ
น้ำตาคลอเลย
หน่วงแต่ไม่เศร้า
สุขแต่ไม่ยิ้ม
บางช่วงของเรื่องมันเป็นอย่างนี้จริงๆนะ

ขอบคุณที่ทำให้พชรกับม่อนได้เดินทางจนมาอยู่ด้วยกัน
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆค่ะ

 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 26-02-2017 19:20:53
คิดถึ๊งคิดถึงน้องม่อน เขาไปตะโกนเรียกหน้าบ้านทุกวันรำคาญไหม
 :z12:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 03-03-2017 22:05:37
เวลาปีๆนึงผ่านไปเร็วจริงๆนะ  จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้วเข้ามากรี๊ดปักหมุดไว้แล้วเราก็หายไปเลย  กลับมาทีคือตอนสุดท้าย  อยากขอโทษคนเขียนจริงๆแต่ช่วงเวลาปีที่ผ่านมาเราไม่พร้อมที่จะอ่านอะไรหนักๆ(อันที่จริงคือคิดไปเอง) :mew2: พอได้มาอ่านจริงๆแล้วกลับชอบมาก  ถึงแม้จะเสียน้ำตาไปแต่มันเป็นน้ำตาแห่งความอิ่มเอมและตื้นตัน  น้ำตาแห่งความสุข ดีใจที่ได้อ่านผลงานของคุณอีกครั้ง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 06-03-2017 10:18:56
ประกาศตามหาเกรียนลูกๆๆทั้งหลายจ้า (แต่แอบกลัวว่าจะมาอีกทีก็จบเลย  :hao5:)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-03-2017 11:18:45
 :katai3: :katai3: :katai3: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-03-2017 11:21:50
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 11-03-2017 01:20:11
รักเรื่องนี้  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 15-03-2017 21:46:05
::EPILOGUE::

          “เดี๋ยวกูก็มาน่า ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้น..”
..
มือขาวรับกระเป๋าสะพายที่ถูกหยิบจากบนโต๊ะส่งมาให้ ปากก็พูดไปพร้อมส่งสายตาเป็นประกายไปด้วย

“หน้าแบบไหน?” คนถูกพูดด้วยเลิกคิ้ว
“ก็.. หน้าแบบคิดถึง แบบที่กำลังทำอยู่นี่ไง”
“พูดไปเรื่อย”
แน่ละ.. เป็นพชรที่ส่ายหน้าน้อยๆ อดขำไม่ได้ เพราะออกจะมั่นใจว่าตัวเขาไม่ได้ทำหน้าแบบไหนทั้งนั้นแหละ

ม่อนแจ่มกระชับเป้ไว้บนบ่า ถอนหายใจเบาๆ เหลียวมองรอบๆห้อง
“พชร บอกไอ้ดิ้ลให้ด้วยนะ ว่าอย่าเพิ่งไป”
“อืม..” พชรรับคำ
ไอดิลออกไปกับไอหมอก ในเวลาเย็นแบบนี้ เดาว่าอีกคนน่าจะไปเล่นฟุตบอล ส่วนอีกคนนั้นคงแทะเครปญี่ปุ่นรออยู่ข้างสนาม

          พชรเดินเคียงกับม่อนแจ่มออกจากห้องพร้อมกันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่แน่ใจ
ทว่า ก็พอนับถ้วนอยู่หรอก เพราะเพิ่งจะเดินไปเดินมาด้วยกันเอาจริงๆเมื่อสองสามสัปดาห์สุดท้ายนี่เอง

“ใครมารับ ม่อน?” พชรเอ่ยถามขณะย่างเท้าอย่างไม่รีบร้อน
“ลุงสมไง” ม่อนแจ่มว่า ยกข้อมือมองนาฬิกาซึ่งเวลาคล้อยสี่โมงเย็น “กูฝากป้าเพ็ญให้บอกลุงสมอ่ะ”
พชรพยักหน้า แล้วก็เงียบกันไป ม่อนแจ่มคิดทบทวนถ้อยคำที่จะพูดกับคุณพ่อคุณแม่ สิ่งที่จะบอก.. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับพ่อแสงรวี
เมื่อเสียงแจ๋วที่มักจะไม่ค่อยหยุดพูดเงียบลง พร้อมทั้งสีหน้าครุ่นคิด มือใหญ่จึงยกขึ้นบีบไหล่เล็กให้กำลังใจเบาๆ
ม่อนแจ่มหันหน้ามามอง ยิ้มให้.. พูดว่าขอบคุณโดยไม่มีเสียง

          Mercedes Benz สีดำเป็นมันวาวจอดอยู่หน้าหอสามชายแล้วเมื่อตอนที่เด็กหนุ่มทั้งสองเดินลงมาถึง
อย่างไรก็ตาม โชเฟอร์ไม่ใช่ลุงสมดังที่ม่อนแจ่มคาด กลับเป็นบุรุษร่างใหญ่ ใบหน้าคล้ายคลึงกับคนที่เดินเคียงมาส่งเขา
นอกจากนี้ ยังมีสตรีรูปร่างระหงในชุดสูทกระโปรงมาด้วยกัน ..ซึ่งการมาของผู้ใหญ่ทั้งสองท่านนี้ พชรคุ้นเคยน้อยกว่าม่อนแจ่ม
นับจากที่โรงแรมเมื่อวันที่รู้สึกคล้ายกับว่าเนิ่นนานมาแล้ว ..นี่เป็นครั้งแรกที่พชรพบกับคุณพจน์และคุณระมิงค์พร้อมๆกัน

ม่อนแจ่มออกจะตกใจอยู่สักหน่อย เขาไม่ได้คิดว่าคุณพ่อคุณแม่จะมารับด้วยตัวเอง ท่านทั้งสองยังคงอยู่ในชุดทำงาน ท่าทางกำลังพูดคุยถกประเด็นอะไรสักอย่างที่คงเป็นเรื่องงานนั่นเอง เพราะเท่าที่ม่อนแจ่มคุ้นเคย คุณพ่อคุณแม่จะเลิกงานห้าโมงไปแล้ว ไม่ใช่สี่โมงกว่าเช่นนี้

เด็กหนุ่มสองคนค่อยๆก้าวเข้าไป.. พร้อมๆกับที่ผู้ใหญ่จับสังเกตการมาถึง

“ส..สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่”
“ม่อน ..พชร” ระมิงค์ทัก ดีใจที่เห็นพชรมาด้วย ดวงตาสองคู่ประสานกัน
“สวัสดีครับ คุณระมิงค์” พชรยกมือไหว้ระมิงค์ แล้วก็เช่นกันที่จะ..
“สวัสดีครับ ..คุณพจน์”

รอยยิ้มประดับบนริมฝีปากหนาของผู้อาวุโสกว่า..
นายพจน์ยกมือรับไหว้ กล่าวตอบกลับ “สวัสดีครับ พชร”

ระมิงค์กลืนอะไรขมๆลงในลำคอ ..ห้ามไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับคำเรียกขานที่ค่อนข้างห่างเหินเกินสายสัมพันธ์แท้จริงของคนทั้งสอง

“ที่จริงม่อนจะอยู่เก็บของหรือจัดการอะไรๆก่อนก็ได้นะ” 
เธอเบนสายตา ขยับเข้าหาลูกชาย ปัดไรฝุ่นออกจากเรือนผมโดยไม่จำเป็นเลย “ไม่เห็นต้องรีบกลับนี่จ้ะ”

ม่อนแจ่มเพียงยิ้ม ..เขามีเหตุผลที่จะกลับ เพียงแต่มารดายังไม่ทราบเท่านั้นเอง
“ป้าเพ็ญล่อลวงม่อนด้วยบัวลอยอ่ะครับ ม่อนปฏิเสธก็คงน่าเกลียด..”
 นั่นแหละ.. คนที่เหลือจึงพอจะหัวเราะออกมาได้

“ป่านนี้คงทำเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ” ระมิงค์ว่าพลางนึกถึงบัวลอยของเพ็ญมาศ แขนข้างหนึ่งโอบบ่าม่อนแจ่ม
สองแม่ลูกเดินทิ้งห่างออกไป ซึ่งพชรรู้ว่ามาจากการจงใจ
นายพจน์เองก็ก้าวช้าไม่สมความยาวของขา อย่างไรก็ตาม พชรก็ไม่ได้เร่งฝีเท้าเหมือนกัน

“พชรสบายดีนะ ..แม่ด้วย”
“สบายดีครับ”  พชรพยักหน้า นึกถึงมารดา นึกถึงสีหน้าและแววตาของท่านตอนที่ม่อนแจ่มนำ ‘ความระลึกถึง’ ส่งมอบให้ที่ใต้ถุนบ้านก่อนเขาทั้งสองจะกลับมาเชียงใหม่
“แล้ว.. คุณพจน์สบายดีหรือครับ”

นายพจน์ชะงัก ..ตกตะลึงกับคำถามจนลืมที่จะให้คำตอบ
ดวงตาสีเข้มหันมาจ้องมองเด็กหนุ่ม ทวนสิ่งที่ได้ยินในหัว

..คุณพจน์สบายดีหรือครับ..

พชรมองตอบกลับไป ไม่ได้หลบสายตา
มันคล้ายจะเป็นคำถามตามมารยาท แต่ก็ไม่ใช่หรอก เพราะสำหรับความพชรนั้น.. ถ้าไม่ได้อยากรู้ เขาจะไม่ถาม
เพียงไม่ครั้ง ไม่กี่ชั่วเวลาที่ได้พบกันในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ย่อมไม่ถึงกับสามารถสร้างความผูกพัน ..แต่ก็นั่นแหละ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันค่อยๆลบล้างความว่างเปล่า
หูพชรแว่วได้ยินคำว่า ‘พ่อ’ ที่ม่อนแจ่มเรียกลุงแสง คำที่เขายังไม่อาจเรียกคนตรงหน้า

“ผม..”

นายพจน์รอฟัง แต่เหมือนอีกฝ่ายยังไม่มีคำจะเอ่ย
บุรุษวัยห้าสิบเพียงยิ้มอ่อนบาง ถือวิสาสะค่อยๆเอื้อมมือแตะไหล่แกร่ง ใบหน้าคมส่ายนิดหนึ่ง
พชรเป็นเด็กดี ..ดีเกินไป
ไม่ควรต้องรู้สึกเสียใจ หรือแม้แต่ลังเลสับสนกับเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดตัวเอง
นายพจน์ไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น เชื่อเถอะว่าเขาพอใจกับคำเรียก ‘คุณพจน์’ แล้ว
แค่เพียงลูกชายอยากสื่อสารกับเขาเพียงพอที่จะยอมเรียก เท่านั้นมันก็เป็นคำเรียกที่น่ายินดี ไม่ว่าจะเป็นคำใดก็ตาม

         ระยะจากบริเวณหน้าประตูใหญ่ของหอดูไกลมากกว่าเคย กว่าจะถึงรถเบนซ์ซึ่งจอดอยู่
ระมิงค์กับม่อนแจ่มยืนรออยู่ก่อนแล้ว ดวงตาในกรอบแว่นแดงมองคนมาทีหลังทั้งสองสลับไปมา อ้อยอิ่งสายตาอยู่ที่พชร ..มองอย่างห่วงใยความรู้สึก
ซึ่งพชรก็ยิ้มตอบบางๆ ..เป็นสัญญาณว่าเข้าใจ

“พชร..”
นายพจน์ลังเลกับสิ่งที่จะเอ่ย พยายามให้น้ำเสียงฟังดูสบายๆและเป็นกันเองที่สุด ไม่ปรารถนาจะให้ผู้ฟังต้องอึดอัดใจ
“..ไปเที่ยวไหมครับ?”

หืม?
พชรเลิกคิ้ว เกือบจะต้องแปลความหมายของถ้อยคำนั้นซ้ำ แต่ชั่วอึดใจก็ตระหนักได้

ม่อนแจ่มเองกลืนน้ำลายลงคอ กึ่งกล้ากึ่งกลัวปฏิกิริยาตอบกลับ ขาที่เริ่มสั่นก้าวมาเคียงร่างใหญ่ผู้ที่ให้ความเคารพในฐานะบิดาเพื่อแสดงการสนับสนุนถ้อยคำชักชวนนั้น ..ก่อนจะขยับเข้าใกล้คนรักอีกครั้ง กระซิบริมไหล่
“ท..ที่บ้านไม่มีอะไรมากหรอก เป็นบ้านธรรมดา อ่าม.. ป้าเพ็ญทำอาหารอร่อยนะ
ต้นไม้ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ว่ามีต้นสักกับต้นลำไยด้วย คุณพ่อปลูกเองล่ะ..”

ระมิงค์ไม่พูดอะไร  ทว่า พยายามมองดวงตาคมกล้าของเด็กหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าทั้งที่ใจหวั่นไหว ..ปรารถนาให้รู้ ว่าความรู้สึกของเธอไม่ได้ต่างไปจากนายพจน์และม่อนแจ่มเลย

พชรนิ่งไป ..ก่อนที่ใบหน้าคมสันจะส่ายน้อยๆอย่างที่ทุกคนพอจะคาดได้
ม่อนแจ่มกัดริมฝีปาก สอดมือเล็กบีบมือใหญ่เป็นเชิงขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ

“เอาไว้คราวหน้านะครับ..”  พชรก้มศีรษะลงอย่างสุภาพ

เดี๋ยวสิ..
เดี๋ยวก่อน
จริงอยู่.. ที่มันเป็นคำปฏิเสธ
ทว่า คำปฏิเสธแบบนี้ จากคนที่รักษาคำพูด..

ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้น อ้าปากนิดๆ ดวงตาในกรอบแว่นเบิ่งโตกว่าปกติ มองพชรค้างจนคนถูกมองต้องตบไหล่เบาๆ ดันไปข้างหน้า
“กลับบ้านได้แล้วไป”
“พ..พชร!” ม่อนแจ่มยืนนิ่ง เรียกชื่อศักดิ์สิทธิ์ลิ้นแทบจะพันกัน
“กลับ-บ้าน”
พชรย้ำคำ ..และด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างบนใบหน้านั้นและน้ำเสียงเรียกนั้นทำให้เขาเผยอยิ้มออกมาจนได้
 
         นายพจน์นั่งประจำที่คนขับ ระมิงค์นั่งเบาะหลัง
ส่วนข้างคนขับเป็นที่ของม่อนแจ่มซึ่งขึ้นรถหลังสุดและพชรเองเป็นคนเปิดประตูให้ ลืมตัวว่านี่ไม่ใช่ประตูห้องสามสามแปด

ม่อนแจ่มลงกระจก ดวงตาในกรอบแว่นแดงมองออกมา ..ความรู้สึกหลากหลายเข้าปะทะอีกครา
อย่างไร มันคงจะไม่จางหายไปง่ายๆ
เขา.. พร้อมหน้าบิดามารดาร่วมนามสกุลบนรถเบนซ์
พชร.. ยืนอยู่ตรงนั้น บนบาทวิถี

ร่างสูงมองตา ส่ายหน้าน้อยๆ ..รู้จักอีกฝ่ายดีจนไม่ยากที่จะเข้าใจความรู้สึก
ศีรษะพชรค้อมลง มือข้างหนึ่งแตะขอบหน้าต่างรถ ข้างหนึ่งแตะลงบนศีรษะเล็ก ประทับน้ำหนัก
“เดี๋ยวเจอกัน..”

ม่อนแจ่มค่อยๆยกมือขึ้นสัมผัสมือหยาบกร้านที่ทาบเรือนผมเขาเอาไว้ 
พชรไม่ได้พูดอะไรต่อ  เพียงแต่มองกลับมา นัยน์ตาคมกล้าคู่นี้อีกแล้ว..
แววตาของพชรเป็นหลักฐานของสิ่งที่ม่อนแจ่มมักจะได้ยินใครต่อใครเอ่ย ‘การให้อภัยคือการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด’
มันยิ่งใหญ่จริงๆ..
การให้อภัย ความใจกว้าง ความมีเมตตา ..สิ่งต่างๆเหล่านั้นส่งผ่านจากคนหนึ่งถึงคนอื่นๆที่เหลือ
มันเยียวยา มันปลอบประโลม ..มันล้ำค่าราวกับชีวิตของคนในรถทั้งสามคนขึ้นอยู่กับมัน

..มันเป็นพรวิเศษ..

“ขอบคุณมากนะ พชร”
..
พชรเพียงยิ้ม ตอบกลับไปตรงตามความรู้สึกในใจ  “ไม่เป็นไร”

           Mercedes Benz ออกห่างบาทวิถี ล้อหมุนช้าๆตามความเร็วจนปะปนกับรถคันอื่นๆบนถนน
และเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น รถก็ทิ้งห่างจนเกือบจะลับสายตาไป
แต่มันไม่เป็นไร.. เพราะพชรรู้ว่าเดี๋ยวเขาก็จะได้พบม่อนแจ่มใหม่อีกครั้ง คงแค่สองสามวันเท่านั้นเอง
และแม้จะเป็นเช่นนั้น ..ดวงหน้าขาวใส่แว่นกรอบแดงก็ยังแนบกระจกมองกลับมาหาเขาอยู่ดี

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           มันไม่ใช่ความรู้สึกยากลำบากเหมือนครั้งแรกที่กลับมาหลังจากความจริงปรากฏ
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งที่ม่อนแจ่มกลับบ้านประดิษฐาพงศ์หลังจากไปเยือนสวนเพชรหละปูน

         “บัวลอยพร้อมเสิร์ฟนะคะ”
เหมือนทุกครั้ง.. ป้าเพ็ญผู้อวบอิ่มและใจดีโอบกอดม่อนแจ่ม กระซิบถ้อยคำที่แสดงความรัก
ความรัก.. ม่อนแจ่มทบทวนคำนามนี้ในหัว
การได้รับความรักเป็นสิ่งพิเศษ และ การให้ความรักก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์
โชคดีแค่ไหนแล้วล่ะ ที่ชีวิตคนคนหนึ่งมีทั้งสองอย่าง

ขาเรียวย่างช้าๆเข้าไปภายในบริเวณสวน เดินมาตรงนี้ก่อนที่จะเข้าตัวบ้านด้วยซ้ำ
การปลูกต้นไม้เป็นหลักฐานของความรัก..
ม่อนแจ่มมองต้นสักใหญ่ที่แผ่ใบไปจนแทบสัมผัสกับต้นลำไย นึกถึงผืนผ้าฝีปักงดงามลายอักษร ‘P’ สี่ตัว ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย
การปักผ้าก็เป็นหลักฐานของความรักได้เหมือนกัน..

          “ม่อน..”
มือแกร่งแตะลงเบาๆที่ริมไหล่ ม่อนแจ่มหันหลังกลับไปมอง
หยาดน้ำตารื้นขึ้นในดวงตา แต่ริมฝีปากก็เผยอยิ้มบางๆ ..ซึ่งคุณพ่อพจน์ก็ยิ้มตอบกลับมา
“ไม่เป็นไรนะ”

ม่อนแจ่มเกือบจะหัวเราะทั้งที่ร่ำๆจะร้องไห้
‘ไม่เป็นไร’ เป็นคำติดปากของพชร แล้วตอนนี้ บิดาแท้จริงของเจ้าตัวเป็นคนเอ่ยด้วยเนื้อเสียงเข้มขรึมคล้ายคลึงกัน

“ไม่เป็นไรครับ” หน้าเรียวพยักรับ มองตาผู้ที่ยอมรับนับถือเป็นบิดา
“คุณพ่อครับ..”
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย หยุดกัดริมฝีปากชั่วขณะ
ความทรงจำ ณ สวนเพชรหละปูนภายในห้วงเวลาเพียงสองวันหนึ่งคืนแจ่มชัดอยู่ในใจ..
ท้องฟ้า ผืนหญ้า ต้นไม้ ผู้คนดีๆ ความมีน้ำจิตน้ำใจ การงานที่ต้องทำ
เขาบอกแล้ว ..ว่าจะเก็บเอาสิ่งต่างๆเหล่านั้นกลับมาฝากคุณพ่อพจน์
 
“บ้าน.. บ้านไม้ ยกพื้นสูง สะอาด เป็นระเบียบ เรียบร้อย ..มีสวนผักไว้รับประทานหลังบ้าน มีสวนผลไม้สมบูรณ์สุดลูกหูลูกตาสมเป็นเกษตรกรตัวอย่าง ..เป็นผู้หญิงผมยาวชอบผูกหางม้าที่ปักผ้าสวยเหลือเกิน ..ทำกับข้าวก็อร่อย
แล้วที่สำคัญ.. มีลูกชายที่ขยัน รู้งาน เก่ง เก่งมากๆ”
..
“ม่อนส่งความระลึกถึงจากคุณพ่อให้แล้วนะครับ ..ให้คุณน้าลดา”

นายพจน์รับฟังถ้อยคำเหล่านั้น ไม่กล้าพระพริบตาราวกับกลัวมโนภาพจะจางหายไป
“ขอบใจมากลูก”

แขนใหญ่โอบไหล่เล็กเข้ามาใกล้ รู้สึกถึงความสนิทสนมกับลูกชายต่างสายเลือดที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าหลายปีที่ผ่านมา
“แล้วพ่อของม่อนล่ะ น่ารักเหมือนม่อนหรือเปล่า หืม?”

ฮ่ะๆ..
น่ารักหรือเปล่าหรือ? ม่อนแจ่มหลุดหัวเราะเมื่อนึกถึงพ่อแสงรวี
“ก็.. พชรเหมือนคุณพ่อพจน์ยังไง ม่อนก็เหมือนคุณพ่อแสงอย่างนั้นแหละครับ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

        หลังมื้ออาหาร ตบท้ายด้วยบัวลอยและตามด้วยบทสนทนาเกี่ยวกับชีวิตมหา’ลัยอันยืดยาวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ สามคนพ่อแม่ลูกก็แยกย้ายทำกิจธุระส่วนตัว

ม่อนแจ่มหามุมสงบ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหมายเลขโทรด่วน หมายฟังเสียงขรึมที่จะส่งมาตามสาย
..
“อืม..”
“รับสายห่างเหินเนาะคนเรา” เสียงเล็กแสร้งทำน้อยใจใส่
“อ่า.. ก็..”  พชรอ้ำอึ้ง แล้วนี่ม่อนแจ่มจะให้พูดยังไง?
“ม่อน”

ม่อนแจ่มหลุดหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายเพียงเรียกชื่อ
แต่ก็นั่นแหละนะ ..การเรียกชื่อที่ใช้เวลาเทอมกว่ากว่าจะถูกเรียกนี่มันก็แสดงความใกล้ชิดแล้วไม่ใช่หรือไง

“จะบอกว่ากู ..เรียบร้อยดีนะ พชร”
“แล้ว.. คุยอะไรกับพ่อแม่หรือยัง?”
“ก็.. คุยกับคุณพ่อแล้ว แต่ยังไม่ได้คุยกับคุณแม่เลย” ม่อนแจ่มกัดริมฝีปากอย่างลังเล
“พชร ..กูจะพูดยังไงดี”
“ถามกูน่ะนะ” พชรเกือบหัวเราะ “กูดูเหมือนพูดเก่งหรือ?”
“หงะ..” ม่อนแจ่มเบะปาก พชรพูดน้อย ไม่ใช่พูดไม่เก่งสักหน่อย บทจะพูดขึ้นมาล่ะก็นะ ..เห็นมาหลายทีแล้ว
“ม่อน” เสียงเข้มจริงจังขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันก็ปลอบโยนให้คลายใจ
“อย่าไปเครียดเลย แค่.. ค่อยๆพูด พูดตามที่เป็นจริง”
..
“มึงถามถึงพ่อกับกู จำได้ไหม? กูก็บอกว่าอยู่ลำพูน มึงไปบ้านกู ได้เจอพ่อ คุยกัน เข้าใจกัน”

อื้อ.. ก็ใช่..
ฟังดูไม่ยากเท่าไหร่ ตลกดีที่คราวนี้คนพูดมากต้องให้คนพูดน้อยคอยชี้แนะ

“แค่พูดถึงพ่อเท่านั้นเองม่อน พูดอย่างที่มึงเห็นลุงแสงเป็นนั่นแหละ”

อื้อ.. ก็จริง..
ม่อนแจ่มฉีกยิ้มแม้ว่าพชรจะมองไม่เห็น
“ขอบคุณงับ”

จะมางับอะไรล่ะ?
พชรหลุดหัวเราะอีกครั้ง นึกอยากให้เจ้าของเสียงอยู่ใกล้ๆ อยากกอดร่างเล็กไว้แนบลำตัว อยากงับ..
โอเค พชรอาจกำลังคิดมากไป
เขาสะบัดหัวนิดหนึ่ง ขับไล่จินตนาการที่เริ่มลามกของตัวเอง ยังคงหัวเราะอยู่..

ม่อนแจ่มเผลอกดโทรศัพท์จนแนบสนิทกับหู ไม่อยากพลาดแม้แต่เสียงที่เบาที่สุด
เสียงหัวเราะของพชรเป็นขั้นกว่าของรอยยิ้ม
มันดีเหลือเกิน ..จนบางครั้งม่อนแจ่มรู้สึกว่าดีเกินจริง
แต่ก็นั่นแหละ.. ความดีมันจะจริงไม่ได้เชียวหรือ
ทำไมถึงจะไม่ล่ะ?

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          ดวงดาวทอประกายบนผืนฟ้าสีดำสนิท จุดระยิบระยับแพรวพราวดูห่างไกลไปเบื้องบน
มารดายืนมองอยู่ตรงนั้นดังที่ม่อนแจ่มเห็นท่านทำบ่อยๆ ทว่า เพิ่งตระหนักเมื่อไม่นานมานี้ว่ามีความหมายอย่างไร
หูม่อนแจ่มรู้สึกเหมือนแว่วเสียงร้องเพลงของพ่อ..

ขาเรียวก้าวเข้าไปใกล้ หยุดยืนเคียงร่างระหง

“อ้าว? แม่นึกว่าม่อนหลับแล้วเสียอีก” ระมิงค์สะดุ้งขึ้นนิดหนึ่ง หันกลับมายิ้ม
“แล้วคุณแม่ยังไม่ง่วงหรือครับ”
“นิดหน่อยจ้ะ เดี๋ยวก็จะขึ้นนอนแล้วล่ะ” มือของระมิงค์เอื้อมมาลูบศีรษะบุตรชาย พอใจที่เห็นประกายสดใสในดวงตา
อย่างไรก็ตาม เธอยังรู้สึกแปลบปลาบในใจขึ้นมาเสมอเมื่อตระหนักดีว่าติดค้างบางอย่างกับเด็กหนุ่ม

“ดาวสวยจังนะครับ” ม่อนแจ่มเสมองบนฟ้า
ความเป็นจริงก็คือ.. แสงดาวหม่นๆดูห่างไกลที่เวิ้งฟ้าบ้านประดิษฐาพงศ์นี้สวยสว่างสู้ที่สวนเพชรหละปูนไม่ได้หรอก ทว่า ตราบเท่าที่มันเป็นดาว ม่อนแจ่มก็รู้สึกว่ามันสวยอยู่ดี

“หากคืนนี้มีเรา เพียงสองคน อยากจะขออยู่จน ..แสงดาวจางไป”
ม่อนแจ่มเปล่งเสียงร้อง สังเกตปฏิกิริยาของมารดา ..มือทั้งสองของท่านกำแน่น ริมฝีปากขบเข้าหากัน

“เก็บความรู้สึกดีที่ยิ่งใหญ่ ..ไม่มี แสง แห่งใด สวยดังใจเธอ”

“ม่อน..”
ระมิงค์เรียกเสียงสั่นพร่าฝ่าท่วงทำนอง รู้สึกกดดันขณะหาคำพูดในเรื่องที่ไม่รู้จะพูดอย่างไรเพราะไม่รู้รายละเอียดปัจจุบันเลย

“คุณแม่ครับ..” ม่อนแจ่มเอ่ยแทรก ตั้งใจจะทำลายความกดดันทั้งหมดนั้นเสียเอง
เขาเอื้อมบีบมือมารดา ช่วยคลายฝ่ามือที่กำแน่นออก

พชรบอกว่าไม่ต้องเครียด แค่พูด ..พูดไปตามที่เป็นจริงๆ
แล้วความจริงมันก็แค่..
“ม่อนพบคุณพ่อแล้วนะครับ”

ระมิงค์ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ..
พบคุณพ่อหรือ? หมายความว่ายังไงพบคุณพ่อ
ก็.. คุณพจน์ไปรับม่อนแจ่มมาเองอย่างไร เธอเองก็ไปด้วย

“ม่อนหมายความว่า.. ม่อนพบคุณพ่อน่ะครับ” ม่อนแจ่มขยายความ
“คุณพ่อแสงรวี”

‘แสงรวี’
ชื่อนี้จารึกอยู่ในใจ ..แต่เป็นชื่อที่ระมิงค์ไม่เคยพูดออกไปให้ม่อนแจ่มได้ยิน
แต่วันนี้ ตอนนี้ กลับเป็นม่อนแจ่มที่เอ่ยออกมา

“ม่อน” ระมิงค์อ้าปากค้าง ดวงตาหวั่นไหวมองลูกชาย
“ม่อนหมายความว่าอะไร ได้ยังไง!

ม่อนแจ่มสูดลมหายใจ ค่อยๆอธิบาย
“เมื่อเดือนก่อน ม่อนไปลำพูนมา ..คุณพ่อทำงานที่สวนของพชรครับ”

พชร ..ระมิงค์รู้อยู่แล้วว่าแสงรวีรู้จักกับเด็กหนุ่มด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ทำงานด้วยกันนี่เองหรือ
แล้ว.. ม่อนแจ่มไปพบ

“พชรเรียกคุณพ่อว่าลุงแสง” ม่อนแจ่มอดยิ้มไม่ได้ขณะนึกถึงบรรยากาศ
“คุณพ่อเป็นคนดูแลสวน เป็นคนคุมคนงาน เป็นคนที่คุณน้าลดาและพชรไว้วางใจมากที่สุดเลยครับ”
ม่อนแจ่มบรรยายสรรพคุณ ทว่า ระมิงค์ยังคงนึกภาพไม่ออก
คนเป็นลูกชายนึกเสียดายนักที่ไม่ได้ขอเซลฟี่กับคุณพ่อเพื่อเอามายืนยันกับคุณแม่ให้ท่านเห็นชัดๆ
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก..

“แสงรวี ศรีแม่ทา..” 
ม่อนแจ่มระบุชื่อชัดเจน ค่อยๆเอ่ยแต่ละคุณลักษณะออกมาช้าๆ ภาพบิดาชัดเจนอยู่ในมโนสำนึก
“ตัวเล็ก ใส่แว่น เล่นกีต้าร์เก่ง ..ร้องเพลงเพราะ”
ดวงตารื้นหยาดน้ำเงยมองสบกับมารดา “ถูกคนใช่ไหมครับ”

ระมิงค์ไม่มีคำใดจะเอ่ย
หยาดน้ำตาที่กลั้นไว้ไหลพร่างพรูลงมาตั้งแต่ ‘ตัวเล็ก’ ‘ใส่แว่น’ แล้ว
มือเรียวละมาปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้ จะเสียใจก็ไม่ใช่ จะดีใจก็ยังไม่กล้า กลัวบทสนทนานี้จะเป็นเพียงความฝัน

ม่อนแจ่มสอดแขนโอบกอดมารดาเอาไว้
เขาบอกแล้วว่าจะกลับออกจากสวนเพชรหละปูนโดยหอบความรู้สึกจากที่นั่นมาด้วยให้มากที่สุด ..และเขาพยายามใส่ทั้งหมดนั้นเข้าไปในกอดครั้งนี้
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ คุณแม่”

‘ไม่เป็นไร’
คำเล็กๆ ..แต่ความหมายยิ่งใหญ่
คำเดียวกับที่ออกจากปากพชรวันนั้นและคำเดียวกับที่ออกจากปากแสงรวีก่อนที่จะจากกันไป
วันนี้ เธอได้ยินจากม่อนแจ่ม

คำพูดของลูก เสียงของลูก สัมผัสของลูกตอกย้ำว่านี่คือความจริง
ตัวเล็ก.. ใส่แว่น.. เล่นกีต้าร์เก่ง.. ร้องเพลงเพราะ..
ฟังเหมือนคำโฆษณาอะไรสักอย่าง
ฮ่ะๆ..
บ้าจริง
บ้า..

ก็แค่คำบอกเล่าถึงแสงรวี
ก็แค่.. คำบอกเล่าที่มาจากลูกชายของแสงรวี

ระมิงค์ร้องไห้.. แต่มันก็เป็นการร้องไห้ที่ใจยินดี
ร้องเพราะทำผิด ร้องเพราะน้ำใจจากคนดีๆ
ร้องเพราะต่อจากนี้ ระมิงค์จะไม่เป็นไร ..ม่อนแจ่มบอกว่าระมิงค์ไม่เป็นไรแล้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “มีอะไรให้ม่อนช่วยไหมครับ?”
..
เพราะเห็นคิ้วหนาที่ขมวดมุ่น ดวงตาคมที่หรี่ใช้ความคิด และเอกสารที่ถืออยู่ในมือแม้เวลาล่วงดึกสงัด ม่อนแจ่มจึงถามออกไป
“อ้าว ม่อน ยังไม่นอนอีกหรือ?” นายพจน์ฉงน “เข้ามาสิลูก”

ม่อนแจ่มก้าวผ่านประตูไปในห้องทำงานของบิดา “ม่อนกวนคุณพ่อหรือเปล่าครับ”
“เปล่าๆ” นายพจน์ส่ายหน้า “แค่ตรวจสอบอะไรนิดหน่อยน่ะ ไตรมาสที่ผ่านมาออกผลิตภัณฑ์ใหม่หลายอย่าง”

ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ค่อยๆเอ่ยออกไปให้หนักแน่น
“ปิดเทอมแล้ว เดี๋ยว.. ม่อนเข้าไปช่วยนะครับ ..ที่บริษัท”

นายพจน์ชะงักนิดหนึ่ง วางเอกสารลงบนโต๊ะ ก่อนขยับเข้าใกล้ลูกชายมากขึ้น
“ม่อน..” เสียงเข้มหยุดไป พยายามหาคำพูด
“พ่อขอบใจมากสำหรับตลอดเวลาที่ตั้งใจช่วยงานพ่อ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน แต่.. พ่ออยากให้ม่อนเข้าใจว่าพ่อจะไม่บังคับให้ม่อนทำนะ”

นายพจน์เข้าใจความรู้สึกม่อนแจ่ม ..ความรู้สึกที่ว่าควรเป็นพชร
แล้วนายพจน์ก็เข้าใจอีกว่าพชรจะไม่เข้ามาหา ซึ่งก็มีเหตุผลหากว่าม่อนแจ่มจะหันหลัง

“อะไรที่ม่อนลำบาก ม่อนกระอักกระอ่วนใจ ม่อนไม่ต้องฝืนเพราะเห็นแก่พ่อ..”

ฝืนหรือ..
ม่อนแจ่มทบทวนในใจ นึกถึงเด็กหนุ่มรูปร่างสูงที่เดินไปเดินมาท่ามกลางต้นไม้ซึ่งให้ผลิตผล ..เป็นผู้นำ เป็นผู้รู้ เป็นผู้ดูแล
พชรถูกหล่อหลอมมาในสวน ไม่ต่างจากที่ม่อนแจ่มถูกหล่อหลอมมาในบริษัท

“ม่อนศรัทธาการบริหารงานของคุณพ่อเสมอ และม่อน.. ยินดีถ้าจะได้เป็นส่วนหนึ่ง”
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใด..
ไม่เกี่ยวว่าหากตามสายเลือด เขากับคนตรงหน้าแท้จริงเป็นเพียงคนอื่นคนไกล
เขาแค่อยากช่วย เต็มใจจะช่วย เต็มใจจะมอบแรงกายแรงใจเพื่อพัฒนา PP Group ให้ดำรงอยู่ยั่งยืน

“แต่ว่าม่อนอยากขอร้องคุณพ่อแค่เพียงอย่างเดียวได้ไหมครับ”
ม่อนแจ่มหรุบตาลงต่ำ แต่แล้วก็เงยขึ้น มองประสานผู้อาวุโสกว่า “คุณพ่ออย่าให้ม่อนแต่งงานกับใครได้ไหมครับ..”

คนฟังอึ้ง ..เกือบจะหลุดหัวเราะออกมาเสียให้ได้
“ม่อน..” นายพจน์ส่ายหน้า “นึกว่าพ่อไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการบังคับแต่งงานเลยหรือ”

“ม่อนขอโทษครับ” ม่อนแจ่มรีบเอ่ย “แต่ว่า.. คุณพ่อรักกับคุณน้าลดามาก คุณแม่เองก็รักกับคุณพ่อแสงมาก เพราะอย่างนั้น มันคงมีเหตุผลดีๆ ถึงทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องยอมแต่งงานกัน มันคงไม่ใช่แค่การหัวอ่อนหรือไม่กล้าขัดคำสั่งอะไรแค่นั้น หรอก มันคงมีเดิมพันเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า..”

ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย เอ่ยออกไปตรงๆ 
“คุณพ่อครับ.. ม่อนไม่อยากคิดอะไรล่วงหน้าไปไกลมากนัก แต่ว่า.. ถ้าม่อนขอพูดไว้ก่อนเลยได้ไหมครับ
ม่อนเป็นผู้ชาย แล้วพชรก็เป็นผู้ชาย และเราก็ไม่..”

ไม่.. อะไรบ้าง ม่อนแจ่มก็ยังคิดออกไม่หมด
การที่ผู้ชายคนหนึ่ง ลูกชายคนหนึ่ง มีคนรักเป็นผู้ชายอีกคน อาจต้องแลกอะไรมาบ้างทั้งสำหรับตัวเองและพ่อแม่
ไม่แต่งงาน..
ไม่มีบุตร..
ไม่ควงแขนออกหน้าออกตาในสังคม..


นายพจน์โอบไหล่เล็กเข้าหาลำตัว เป็นครั้งที่สองของวันที่โอบกอดบุตรชาย
มีลูกมาแล้วสิบเก้าปี ..เขาเพิ่งเรียนรู้เมื่อไม่นานมานี้
ขอแค่เป็นพ่อแม่ได้ชื่อว่ามีลูกเป็นคนดี ..ขอแค่ลูกของพ่อใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
ที่เหลือมัน..

“ไม่เป็นไร”

นายพจน์ไม่ตำหนิบิดามารดาของตนเอง ยิ่งไม่ตำหนิบิดามารดาของระมิงค์
ใช่.. พวกท่านมีเหตุผล แล้วเหตุผลนั้นก็สำคัญจริง
แต่.. นายพจน์ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ทำแบบเดียวกัน
ต่อให้เขาจะต้องสูญเสียอะไรไปก็ตาม เขาจะไม่มีวันยอมให้ลูกชายสูญเสียคนที่ตัวเองรัก

..ไม่ว่าลูกชายคนใด..

ถ้าความรักของลูกนั้นยั่งยืนไปจนล่วงพ้นวัยหนุ่ม มีหัวใจที่มั่นคงต่อกันจนวันสุดท้ายจริงตามที่ตั้งใจไว้วันนี้
คนเป็นพ่อก็มีแต่จะยินดีกับความเข้มแข็งและสัตย์ซื่อของลูกเท่านั้นเอง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 15-03-2017 22:10:39
            ห้องสามสามแปดที่คับแคบดูกว้างขวางเกินไปเมื่อม่อนแจ่มไม่อยู่
พชรเกือบนึกกลัว เพราะจำความรู้สึกตอนม่อนแจ่มออกไปอยู่คอนโดได้ดี
มันเงียบ มันเหงา มันอ้างว้างว่างเปล่า อย่างที่ไม่เคยนึกว่าคนอย่างเขาจะมีวันรู้สึกอะไรเช่นนั้น

แต่นี่ไม่ใช่หรอก.. ม่อนก็แค่กลับบ้านเท่านั้นเอง
พชรมองโทรศัพท์ค้างอยู่อีกนาน แม้ปลายสายจะตัดไปแล้ว กระทั่งได้ยินเสียงคุ้นๆแว่วมาจากระเบียงห้องติดกัน ..ห้องของไอหมอก

“โง้ยย.. ไม่อยากเก็บของ ไม่อยากย้าย”
   
เสียงไอดิล รูมเมทวิศวฯสิ่งแวดล้อมนั่นเอง
พชรเงยมอง จำที่ม่อนแจ่มสั่งความไว้ได้ “บอกไอ้ดิ้ลให้ด้วยนะ ว่าอย่าเพิ่งไป”   

ร่างสูงขยับลุกจากเตียงล่างที่นั่งพิงอยู่ ก้าวช้าๆ มุ่งหน้าไปที่ระเบียง คงต้องไต่ถามไอดิลเสียหน่อยว่าจะย้ายออกวันไหน
เกิดออกไปก่อนม่อนแจ่มกลับมา เจ้าตัวคงเสียใจแย่

          “หอก็หาได้แล้ว เก็บของเถอะ จะได้กลับบ้าน ไม่คิดถึงพ่อๆหรือไง” ไอหมอกเอ่ยเย้าๆ ดังข้ามกำแพงระเบียง
“คิดถึง!” ไอดิลสวนทันควัน “แต่กูคิดถึงเพื่อนม่อนด้วย ไม่อยากแยกจากมันเลย”
ฮ่ะๆ! ไอหมอกหลุดหัวเราะ
“เรียนคณะเดียวกันไม่ใช่หรือได้ข่าว”
“เจอที่คณะกับเจอในหอมันเหมือนกันที่ไหน” ไอดิลเถียง ทำเสียงจริงจัง
“หมอก มึงลองนึกภาพกูกับไอ้ม่อนน้อยปาร์ตี้ขนมกันที่คณะท่ามกลางไอ้พี ไอ้แฝดนรกและแขกรับเชิญมากมายซิ”

พชรยังต้องยิ้ม..
ขนาดแค่จินตนาการยังน่ารัก
แต่.. เขาก็ต้องยอมรับว่าไม่อยากให้ไอดิลชวนม่อนแจ่มทำอะไรอย่างนั้นเลย

“แล้วนี่ไม่กลับห้องไปหาม่อนล่ะ หืม?”
“ไม่เอา ปล่อยให้มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกับพชรเหอะ กว่าจะถึงวันนี้ ไอ้ม่อนแทบกระอักแน่ะ”

อ่าม..
พชรไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ได้แต่ยืนกลืนน้ำลายอย่างไม่ค่อยสงบนัก เมื่อไอดิลเริ่มต้นทำสิ่งที่เรียกว่า ‘เมาท์มอย’ เพื่อนซี๊ชัดเจนเต็มสองหูเขา

“ไอ้ม่อนน่ะชอบพชรตั้งแต่แรก กูจะบอกให้ ไม่งั้นไม่วิ่งไล่ตามขนาดนั้นหรอก”
“อ่าฮะ” ไอหมอกครางรับ พึมพำ “ทีเรื่องคนอื่นดันฉลาดขึ้นมา..”
“นี่กูยังไม่ฉลาดเท่าไหร่นะ” ไอดิล (ซึ่งยังไม่รู้ตัวว่าโดนประชด) เอ่ยต่อ
“ตอนรู้ว่ามันไปหาพชรที่คณะนั่นแหละ กูถึงเริ่มสงสัยขึ้นมา พอถามว่าชอบพชรหรือเปล่า
ไอ้ม่อนนี่สะดุดยอดหญ้าล้มลงไปนอนกับพื้นหน้าคณะวิศวฯเลยนะ แถมลุกขึ้นมาโวยวายว่าพชรไม่พูดกับมันมั่งล่ะ
มันแทบจะคลานเข่าเข้าหาขอให้พูดด้วยมั่งล่ะ แต่ถามว่าปฏิเสธไม่ชอบเขาไหม ไม่มี๊ ไม่มีแม้แต่ครึ่งคำ
แม่ง กูน่าจะแน่ใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว นี่มานึกได้ทีหลัง ตอนที่นับวัน มันยิ่งทำอะไรเพี้ยนๆไปเรื่อย นอนจ้องหน้าพชรงี้
ตะโกนน้อยใจที่จำตัวเองไม่ได้งี้ แทบจะพลิกห้องหาเศษกระดาษที่พชรเขียนรหัสวิชาให้งี้ โอ๊ย กูขำ..”

พชรยืนนิ่ง ..แทบจะเห็นภาพม่อนแจ่มแสดงกิริยาเหล่านั้น แม้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด
ไม่รู้จะขำดีหรือสงสารม่อนแจ่มดี แว่นแดงเอ๊ย..

“แล้วตอนเปิดเทอม มึงจำได้ไหม ทั้งที่กลัวผีขนาดนั้น มันยังอุตส่าห์มานอนคลุมโปงอยู่หอก่อนตั้งหลายวัน หวังว่าจะเจอพชรเร็วๆ แถมหกคะเมนตีลังกาทำความสะอาดห้องทั้งที่ตัวเองเป็นภูมิแพ้อีก..”

พชรจำรอยยิ้มแรกของเทอมใหม่ที่หน้าประตูวันนั้นได้
ม่อนแจ่มดีใจที่ได้พบเขา แต่พชรสิ เมินเฉยกับเจ้าตัวหนักยิ่งกว่าเก่าเสียอีก

ตอนนี้เป็นพชรบ้างที่ต้องรอ เป็นพชรบ้างที่ต้องทำความสะอาดห้อง เป็นพชรที่จะช่วยเก็บของให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมจะย้ายหอ

แดดเชียงใหม่ไม่สนุกนัก แต่พชรก็ไม่เดือดร้อนที่จะขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจวนไปทั่วทั้งหน้ามอและหลังมอ หาหอพักที่เหมาะสม
ไว้ค่อยให้ม่อนแจ่มเลือกอีกทีแล้วกันว่าจะอยู่ที่ไหน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         “พชร!”
เสียงเรียกชัดถ้อยชัดคำลั่นห้องเช่นนี้จะเป็นของใครเสียอีกล่ะ
คนยิ้มยากเผยอยิ้มทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเองภายหลังเสียงเคาะประตู

ม่อนแจ่มทำท่าจะโผเข้าหาพชรทั้งยังไม่ปลดเป้ลงจากบ่า ทว่า มีอีกคนโผล่มาจากระเบียงเสียก่อน
“อะ.. ไอ้ดิ้ล” แขนเรียวที่ตั้งท่ากางออกชะงักกึก
ไอดิลหรี่ตา ยิ้มล้อเลียน “เลือกเลย จะกอดใครก่อน”

อะ..
ม่อนแจ่มอึกอัก กึ่งเขินกึ่งขำ จำต้องหุบแขนเดินตรงไปหาไอดิล ลอบหันมายิ้มอ่อนให้พชร
“ดีจริงที่มึงยังไม่ไป”
“ไปได้ไง พชรบอกเดี๋ยวมึงมา ให้รอมึงก่อน”
“อื้อ!” ม่อนแจ่มพยักลำคอพอใจ “แล้วนี่ตกลงมึงอยู่หอไหน ไอ้ดิ้ล”
“อยู่หลังมอ ฝั่งประตูวิจิตรฯน่ะ”
“อ่าฮะ อยู่ห้องเดียวกับหมอกสิ”
ไอดิลพ่นลมหายใจ “เปล่า”
“อ้าว” ม่อนแจ่มประหลาดใจ “ทำไมอยู่คนละห้องวะ”
“คนละหอด้วยซ้ำ” ไอดิลระเบิดออกมา “มันไม่ยอมแม้กระทั่งอยู่หอเดียวกับกู ไม่รู้กลัวกูย่องไปปล้ำหรือไง!”

เอ่อ..
ม่อนแจ่มหันมองหน้าพชร เค้นหาคำพูดมาสงบอารมณ์เพื่อนรักที่ทำท่าจะคุขึ้นมาเพราะคำถามของเขา
“หมอกอาจจะกลัวอดใจไม่ไหวย่องไปปล้ำมึงเองก็ได้น่า”
ไอดิลหลุดหัวเราะออกมาจนได้ “มึงคิดบวกมากม่อน”
“ก็แล้วจะคิดลบไปทำไมเล่า มึงสอนกูเองนะ”
“ห๊ะ? กูไปสอนมึงตอนไหน” ไอดิลงุนงง ทุกวันนี้เขายังสอนอะไรตัวเองไม่ค่อยจะได้เลย
“เออน่า สอนก็แล้วกัน” ม่อนแจ่มยิ้มๆ แต่แล้วสีหน้าก็หงอยลง
“กูคงคิดถึงมึงแย่..”
“ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง!” ไอดิลโบกไม้โบกมือ พร้อมให้คำมั่น “เดี๋ยวกูกับไอ้พีจะไปเยี่ยมเยือนมึงถึงภาคเครื่องกลเลย”
“เอ่อ.. มึงมาคนเดียวได้ไหม” ม่อนแจ่มต่อรอง “เอาไอ้พีไปเก็บตรงช่องวางไข่ ..หรือไม่ก็ช่องผัก”
“ฮ่า! เข้าช่องฟรีสเลยไหม” ไอดิลต่อมุข
“ไม่เป็นไร ให้มันพอลืมตาอ้าปากได้บ้าง”
แล้วไอดิลกับม่อนแจ่มก็หัวเราะ

พชรเพียงยิ้ม..
ไม่ได้เกี่ยวกับเขาโดยตรง แต่เขาก็ยังดีใจที่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น
บทสนทนาของรูมเมททั้งสอง คนที่มีน้ำใจต่อเขา คนที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอดเกือบหนึ่งปี

ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าหนึ่งปีจะผ่านไปรวดเร็วอย่างนี้ ..และไม่น่าเชื่อยิ่งกว่า ว่าเวลาหนึ่งปีสามารถเกิดอะไรได้บ้าง เราสามารถเติบโตขึ้นได้ขนาดไหน หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงในชีวิต

          บรรยากาศยามค่ำของช่วงวันที่สิ้นสุดภาคการศึกษาแล้วเงียบเหงาลงไปถนัดใจ
นักศึกษาส่วนใหญ่เก็บของออกไปแล้ว บางคนยังไม่ทันสอบเสร็จย้ายกันเรียบร้อยแล้วก็มี
สมาชิกห้องสามสามแปดเป็นหนึ่งในไม่กี่ห้องที่เก็บของกันแบบเอื่อยเฉื่อย ไม่เร่งร้อน อ้อ.. รวมเด็กวิทยาฯ เคมีห้องสามสามหกอีกคนด้วย

“ก็ว่าตอนมานี่กระเป๋าสองใบเองนะ แล้วไหงตอนจะไปสมบัติมันงอกขึ้นมาเยอะแยะจังวะ” ไอดิลบ่น
“ของกูไม่งอกเยอะมากหรอก..” ม่อนแจ่มหันมองซ้ายขวา ไอดิลจึงต้องชี้ให้คู่ซี๊แหกตาดู
“จะพูดอะไรเกรงใจหมอนข้างหัวหมีพูห์ ฉากตั้งวาดรูป แล้วก็กรุเครื่องเขียนของมึงด้วยครับม่อน”

เออว่ะ..
ม่อนแจ่มหัวเราะก๊าก พชรยังหลุดออกมาด้วย ..ประการหลังนี่จริงที่สุด
ม่อนแจ่มมีสมุดร่างภาพ สมุดบันทึก กระดาษหลากหลายขนาด และปากกา ดินสอ ยางลบอีกนับไม่ถ้วน พอจะเอาไปเปิดร้านขายได้เลย

“กูต้องยับยั้งชั่งใจให้ได้เมื่อไปร้านเครื่องเขียน” ม่อนแจ่มพึมพำบอกตัวเองเป็นครั้งที่.. น่าจะสิบห้า
ม่อนแจ่มไม่อะไรหรอกเรื่องเสื้อผ้า หน้า ผม แม้แต่ของใช้อื่นๆอย่างกระเป๋า รองเท้า เขาใช้มันไปจนแทบยับเยินคามือ ทว่า.. ถ้าจะนิสัยเสียเรื่องซื้อของก็มีของอยู่เพียงประเภทเดียว นั่นคือ.. เครื่องเขียน

ม่อนแจ่มมักจะสติแตก หลงลืมผิดชอบชั่วดีเมื่ออยู่ในร้านเครื่องเขียน อย่างกับตัวเองมีสิบมือ วาดเขียนได้ทีละห้าภาพอย่างนั้นแหละ
ไอดิลที่ไปด้วยกันก็ไม่อาจช่วยเรียกสติอะไรเขาได้มากนัก เพราะเจ้าตัวยืนกินขนมรอหน้าร้าน

“ต่อจากนี้ มึงก็พาพชรไปด้วย ไอ้ม่อน ขานั้นน่ะยั้งมึงได้แน่นอน”
ไอดิลหัวเราะหึหึ แล้วเดินออกจากห้องสลับไปช่วยหมอกเก็บของอย่างที่เข้าห้องตัวเอง-ออกห้องหมอกอยู่แล้วมาตลอดวัน

ม่อนแจ่มกัดริมฝีปาก เก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนลงกล่อง ใบหน้าเริ่มจะร้อนๆ

“วันหลัง กูไปด้วยก็แล้วกัน”

น้ำเสียงเรียบๆที่เปล่งออกมานั้นยิ่งทำให้ม่อนแจ่มมุดหัวลงกล่องไม่ยอมเงย
ไม่ไหวๆ.. ถ้าไม่ใช่คนเริ่มก่อนนี่เขินตลอด

“เอ้า เงยขึ้นมา เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก” พชรเตือนกลั้วหัวเราะ
“เดี๋ยวจะเงย กูเงยเองแหละน่า” ม่อนแจ่มบอกอู้อี้ เล่นเอาพชรแปลกใจ
“นี่ตกลง เขินเป็นกับชาวบ้านเขาจริงๆใช่ไหม” พชรควรดีใจ..
“พชร!” หน้าที่แดงเป็นลูกตำลึงสุกเงยขึ้นมาว้าก “หมายความว่ายังไง!?”

เจ้าของใบหน้าคมพึงใจที่อีกฝ่ายเขินเสียบ้าง มิใช่ให้เขาเขินอยู่ฝ่ายเดียวดังที่ผ่านมา
ร่างกำยำขยับลุกขึ้นก้าวไปหา “มา ช่วยเก็บ จะได้ไม่ต้องมุดลงไปอีก”
“ไม่เป็นไร กูเก็บเองได้” คนที่ซุ่มซ่ามอยู่แล้วบวกกับอยู่ในสภาวะเขินปัดมือไปมาจึงพาให้เอกสารที่เตรียมเก็บลงกล่องหล่นกระจัดกระจายไปหมด
พชรยั้งเสียงหัวเราะไว้ในลำคอ มือแกร่งตั้งท่าจะช่วยเก็บ ทว่า เมื่อม่อนแจ่มเห็นว่าเป็นเอกสารอะไรกลับฉวยไว้เสียเอง

“เป็นอะไร?”
เพราะสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันบวกกับปฏิกิริยารวดเร็วแบบแปลกๆ พชรจึงถามออกไป
“อะ..เปล่า กู..” ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย เสียงสั่นพร่า อีกฝ่ายจึงยิ่งขยับเข้าใกล้
“แน่ใจหรือ?”
ปากถาม ดวงตาคมก็กวาดมองไปบนหัวเอกสาร ..มันเป็นแฟ้มลักษณะเดียวกันที่ระบุนามบริษัท PP Group
เอกสารเกี่ยวกับงานของม่อนแจ่ม..

“ว..วันก่อนที่กลับบ้าน กูเข้าบริษัทด้วย ก็เลยมีเอกสารที่ต้องเอามา เอ่อ.. ศึกษา” ดวงตาในกรอบแว่นหรุบมองพื้น
“แล้วทำไมต้องเสียงสั่น ทำไมต้องก้มหน้า ..มันมีอะไรต้องกังวล?”
“คือ.. ขอโทษนะ กูแค่..” ม่อนแจ่มหาคำพูดไม่ได้ กว่าที่จะหลุดออกมาเบาๆในที่สุด
“กูเกรงใจมึง”

เกรงใจ
เกรงใจเนี่ยนะ..
อยากจะถามไปว่าต้องมาเกรงใจเขาทำไม แต่พชรก็ไม่ได้โง่หรือด้านชาพอที่จะไม่เข้าใจ
ม่อนแจ่มเอาใจใส่กับการทำงานที่ PP Group เสมอ  แม้ไม่ค่อยสุงสิงกัน แต่พชรก็เรียนรู้ได้จากสิ่งที่เห็นมาตลอดปี

“กูรู้ว่าควรเป็นมึง..” ม่อนแจ่มพึมพำ
“แน่ใจหรือ..”
พชรถอนหายใจยาว มือแกร่งค่อยๆทาบข้างแก้มแกมบังคับให้หน้าขาวเงยขึ้นประสานสายตา
ใช่.. ถ้าว่ากันตามสายเลือด เขาคือทายาทของคุณพจน์ ประดิษฐาพงศ์ แต่ถ้าว่ากันตามบริบทแวดล้อม คนที่จะทำหน้าที่นั้นได้อย่างสมศักดิ์ศรีคือม่อนแจ่ม
“ม่อน..” พชรมองตา “กูสนแค่ว่ามึงอยากทำไหม จะมีความสุขหรือเปล่าที่นั่งในห้องประชุม วางแผน ตรวจงาน คุมเครื่องจักร อืม.. คงอะไรทำนองนั้นล่ะนะ”
“กูทำมาตั้งแต่เด็กอะ..” ม่อนแจ่มตอบงุบงิบ นั่นทำให้พชรหัวเราะ
“กูก็ทำสวนมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน” คนหน้าขรึมยิ้มออกมา
“เรามาจากคนละที่ ถูกหล่อหลอมมาด้วยงานคนละอย่าง ที่สุดแล้ว มันไม่สำคัญว่าเราทำงานอะไรจริงไหม ทำงานยังไงต่างหากที่สำคัญ”

“กูชอบงานที่บริษัท” ม่อนแจ่มยอมรับ
“กูอยากพัฒนามัน ถึงแม้งานกูมันจะ แบบว่า.. ไม่ได้เหนื่อย สมบุกสมบันเหมือนกับงานที่มึงทำ แต่ว่ากูก็ตั้งใจนะ”
“หยาดเหงื่อไม่ใช่เครื่องหมายเดียวที่การันตีความเหนื่อยจากการทำงานนะม่อน” พชรสอน
“บางงานถึงไม่ต้องออกแดด ไม่ต้องเสียเหงื่อ แต่มีสิ่งที่ต้องคิด ต้องวางแผน มีความรับผิดชอบอื่นต้องแบกรับ ก็เหนื่อยได้เหมือนกัน อย่าถล่มตัวเองให้มันมากนัก”
..
“แล้วที่สำคัญที่สุด ..ม่อน” มือสองข้างของพชรจับมือม่อนแจ่มทั้งคู่มาบีบเอาไว้
“รักษามือให้สะอาด”

ตาใสในกรอบแว่นก้มมองมือขาวเนียนของตัวเองที่ถูกกอบกุมด้วยมือหยาบกร้านจากการกรำงานหนัก
มือคู่นี้เคยผ่านอะไรมาบ้าง ..ดิน โคลน ต้นไม้ อุปกรณ์การเกษตร
และเจ้าของมือคู่นี้บอกม่อนแจ่มว่า ..จงรักษามือให้สะอาด..

ม่อนแจ่มเข้าใจความหมายของพชร
คุณพ่อพจน์พูดเสมอ.. ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต้องมาจากนักธุรกิจที่ดี และนักธุรกิจที่ดีจะไม่มุ่งแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่จะดูแลกิจการบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

PP Group ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย การยอมรับนับถือจากคนทั่วไปของคุณพ่อพจน์ไม่ได้ได้มาโดยบังเอิญ
และเช่นเดียวกัน PP Group ขณะที่ม่อนแจ่มเป็นส่วนหนึ่งจะไม่มีทางมีข่าวฉ้อโกงเกษตรกรให้อายพชร คุณน้าเพชรลดาและคุณพ่อแสงรวีเป็นอันขาด

ม่อนแจ่มบีบมือพชรตอบกลับ เป็นสัญญาณการให้คำมั่น
“มึงเชื่อใจกูได้เลย”

พชรยิ้ม
จริงอยู่.. ที่ชีวิตวัยเรียนกับวัยทำงานนั้นไม่ได้เหมือนกัน
เวลาผ่านไป เจริญวัยไป บางคนหลงลืมอุดมการณ์ หลายคนถูกกลืนกินจนละทิ้งปณิธานเดิม
แต่ไม่ใช่ม่อนแจ่ม ไม่มีวันใช่..
พชรเชื่อมั่นความสัตย์นี้ เชื่อใจคนคนนี้โดยไม่มีข้อเคลือบแคลง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “ใจหายเหมือนกันนะที่ห้องโล่งแบบนี้”
ม่อนแจ่มถอนหายใจน้อยๆ ยืนพิงราวระเบียงมองกลับเข้ามาในห้อง ซึ่งข้าวของถูกกองแยกไว้สามมุม
“ตกลงเราไปกับพ่อๆไอ้ดิ้ลเลยเนอะ..”
“เริ่มตัดลิ้นจี่แล้ว กูอยากรีบย้าย จะได้กลับไปช่วยที่สวน” พชรผงกศีรษะ “พ่อไอดิลใจดี กูเคยเจอแล้ว”
“อื้อ” ม่อนแจ่มพยักหน้า “กูไปสวนด้วยนะ แต่ก็อาจจะไม่กี่วัน แล้วต้องเข้ามาบริษัทต่อ”
“อืม..” พชรครางรับ ค่อยๆเอ่ยออกมาเรียบๆ
“ถ้าหากเมื่อไหร่ที่มีเวลาไปเที่ยว ก็เชิญนะ”

ยังไงนะ?
ม่อนแจ่มละสายตาจากภายในห้องมาเงยมองคนข้างตัว

“คุณพจน์กับคุณระมิงค์น่ะ ถ้าเขาอยากจะไปพักผ่อน” พชรขยายความ
“กูหมายถึงว่า.. กูยินดีต้อนรับ”

ม่อนแจ่มอ้าปากค้าง

“แต่..” พชรชิงพูดขึ้นก่อน
“ม่อน มึงต้องเข้าใจนะ พ่อแม่น่ะ.. คือมันอาจจะไม่ใช่การพบกันในแบบที่..”
พชรหยุด พยายามสรรหาคำพูด

อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเองแน่ใจว่าเขาคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
“กูเข้าใจ..”

เวลาร่วมสองทศวรรษไม่ใช่แค่สายลมพัดผ่าน ฉะนั้น มันคงไม่ใช่การโผเข้าหากันด้วยความคิดถึงหรืออะไรคล้ายๆอย่างนั้น
และถึงแม้จะคิดถึง.. คนเป็นผู้ใหญ่ก็มีความทระนงตามวัยวุฒิของพวกท่าน

ทว่า มันก็ไม่เป็นไรมิใช่หรือ หากคนที่ปรารถนาดีต่อกันเสมอมาจะได้พบกัน ได้เห็นกันและกันว่าสุขสบายดี
ได้ส่งสักรอยยิ้มหนึ่ง ได้แทนความหมายว่าไม่เป็นไร ได้ทำให้ลมหายใจที่เคยว่างเปล่ากลับมีความหมาย

ม่อนแจ่มไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์จะเป็นไปอย่างไร แต่น้ำใจของพชรที่ยินดีต้อนรับนี้สิที่มีคุณค่าแท้จริง

“เหมือนกันนะ” เสียงเล็กเอ่ยหนักๆ “เหมือนกัน”
“หืม?” พชรเลิกคิ้ว “อะไร เหมือนกัน?”
“กูไม่ได้อยากให้มึงต้องอึดอัดใจนะ แค่.. อยากให้รู้ว่ามึงกับคุณน้าลดาเป็นคนที่บ้านประดิษฐาพงศ์รอคอยแค่ไหนที่จะได้ต้อนรับ”

พชรนิ่งไป..
นึกถึงคุณพจน์ นึกถึงคุณระมิงค์ นึกถึงแม้แต่ป้าเพ็ญที่ได้ยินเพียงเสียงแต่ไม่เคยพบ ผู้เรียกขานเขาว่า ‘รูมเมทปรัชญาที่ไม่ชอบขี้หน้าคุณม่อน’

ที่สุดจึงเอ่ย..
“ขอบคุณมาก”

ม่อนแจ่มยิ้ม ..ยิ้มแบบกัดริมฝีปาก
มันเป็นความปิติลึกสุดในใจที่เขาไม่อยากแม้แต่จะเผยอยิ้มกว้าง
ข้อนิ้วชี้ถูกยกขึ้นมาสอดใต้กรอบแว่นเพื่อปาดหางตาซึ่งหยาดน้ำร่ำๆจะไหลออกมา

“กูดีใจนะ กูแบบว่า.. รักหมดเลย รักคุณพ่อสองคน รักคุณแม่ รักคุณน้าลดา รักมึง”
ม่อนแจ่มพยายามห้ามความรู้สึก ข้อนิ้วข้างเดียวเริ่มไม่พอ จำต้องยกขึ้นมาปาดหางตาทั้งสองข้าง
สุดท้ายก็ไม่ไหว พลิกฝ่ามือมาปิดหน้าหวังบดบังหยาดน้ำไม่ให้พชรเห็น

“กูบ้าไหม ฮึก บ้าเนอะ ..แต่กูรู้สึกว่าเราเป็นครอบครัว”

รู้สึกหรือ?
ไม่ใช่เลย..

“มันเป็นอย่างนั้น”

            พชรหัวเราะตอนที่ม่อนแจ่มยอมแพ้หลุดเสียงร้องไห้ออกมา มือใหญ่สองข้างดึงมือเล็กออก
ไม่ต้องปกปิดใบหน้า ไม่จำเป็น.. เพราะพชรอยากจะเห็น อยากจะมอง
เขาบรรจงถอดแว่นแดงออกมาถือไว้ในมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างไล้แก้มทีละฝั่ง ปาดน้ำตาออก จ้องดวงตารื้นฉ่ำอยู่อย่างนั้น

“มึงอย่ามองดิ” ม่อนแจ่มพยายามเอี้ยวหน้าไปทางอื่น แต่ทำยากนัก เพราะมือพชรทาบแก้มไว้
ใช่พชรจะเกร็งมือรั้งใบหน้าเขา เปล่าเลย.. สัมผัสจากมือคู่นี้อ่อนโยนเสมอ และอาจเป็นเพราะความอ่อนโยนนั้นเองที่ทำให้ม่อนแจ่มไม่อาจหันหนีได้

“ทีมึงยังมองกูนานจนจำไปวาดได้เหมือนเป๊ะเลยนี่..” พชรเย้า
“พัฒนามาก” ม่อนแจ่มทัก ลืมร้องไห้ไปเลย “เดี๋ยวนี้มึงถึงขนาดแซวกูได้แล้วอะ”

ก็.. นะ..
ไม่รู้จะตอบอย่างไร พชรจึงเพียงครางรับ
“อืม..”

อืม อีกละ” คิ้วเรียวขมวดนิดๆ “แต่กูชอบมากนะที่จริง ..ทำยังไงถึงจะอืมได้แบบนี้”

ฮะแฮ่มๆ..
ม่อนแจ่มกระแอมคอให้โล่ง พยายามเลียนแบบเสียงของพชร “อืม อื้ม อืม..”

..

“ไม่เหมือนว่ะ ลองใหม่นะ.. อืม”

..

“อืม.. อะ!”

เพราะใบหน้าคมนั้นก้มลงจนเกือบใกล้ชิด เสียงอืมของม่อนแจ่มจึงกลายเป็นเสียงอุทาน
พชรไม่ได้จู่โจม แค่โน้มมาหา แล้วค้างไว้ ..รอการอนุญาต

ใบหน้าเข้มพร่าเลือนเนื่องจากตอนนี้คนสายตาสั้นไม่มีแว่น แต่ม่อนแจ่มก็รู้ว่าแววตาคมคู่นั้นสื่ออะไร
แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะปฏิเสธ..
 
ใบหน้าคนตัวเตี้ยแหงนขึ้นอีก พอดีกับใบหน้าคนตัวสูงที่โน้มลงมา
ริมฝีปากที่จำได้ประกบเข้าหา ..รู้สึกคล้ายกับว่าเนิ่นนานเกินเวลาจริงที่สัมผัสนี้ห่างหายไป
แล้วเมื่อพบกันอีกครั้งนั่นแหละ ถึงตระหนักว่าต้องการมันมากแค่ไหน

ม่อนแจ่มปล่อยให้ร่างกายตอบโต้อีกฝ่ายไปตามที่ใจต้องการ
มือข้างหนึ่งยกขึ้นเกาะเอวหนา อีกข้างทาบแผ่นอกกว้างเอาไว้ ลูบไล้เบาๆอย่างเผลอไผล เสียงเล็กครางอ่อนไหวในลำคอ
“อือ..”

เหมือนว่าจะอีกนาน.. ที่คนสองคนใช้ลมหายใจเดียวกัน ก่อนที่พชรจะผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง กระซิบให้ม่อนแจ่มได้ยินชัดเจน
“แต่กูชอบเสียง อือ ของมึงมากกว่า..”

อะ..
ม่อนแจ่มนิ่งสนิท กัดริมฝีปาก ถอยใบหน้าออกมา ชกหน้าท้องแกร่งนั้นเบาๆเป็นการแก้เขิน
พชรหัวเราะ บรรจงใส่แว่นแดงกลับคืนให้ ..อ่อนเบาพอๆกับตอนที่ถอดออก

แล้วก็แค่นั้น..
ก่อนที่สองเสียงจะเริ่มต้นบทสนทนาเรื่องใหม่ ซึ่งไปสิ้นสุดตรงไหนก็ไม่รู้ รู้เพียงได้ยินเสียงไอดิลกับไอหมอกพูดคุยกันดังลอดมาจากห้องข้างๆเบาๆ

พรุ่งนี้.. ประตูห้องสามสามแปดก็จะปิดลง คงเหลือห้องโล่งเกือบว่างเปล่าเหมือนก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาอยู่
นึกย้อนกลับแล้ว.. พชรดีใจที่ตัวเขาเคยเดินออกไป แล้วก็เดินกลับมา ..ที่ม่อนแจ่มเองเดินกลับมา หลังจากที่เดินออกไป
และไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เขากับม่อนแจ่มปรารถนาที่สุดเสมอที่จะไม่ให้อีกคนหนึ่งต้องเสียใจ

ทั้งหมดนี้ พชรว่ามันคือการยอมจำนน
ไม่ใช่แค่ต่ออีกฝ่าย แต่ต่อใจตัวเอง ..ใจที่ยึดถือตัวตน
การยอมจำนนซึ่งทำให้ได้อะไรกลับมาโดยไม่ต้องไขว่คว้า

..การยอมจำนนที่ไม่ชนะ แต่จะไม่มีวันแพ้..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เฮ..
เราเดินทางมาถึงบทส่งท้ายกันแล้ว ปรบมือครับปรบมือ ปรบดังๆ (กลบเกลื่อนที่มาช้า  o18)

ดีใจมากๆเลยที่ได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาและที่สำคัญ เขียนจบ ฮ่ะๆ
หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขกับการอ่าน
ขอบคุณที่ติดตามพชรกับม่อนแจ่ม ขอบคุณที่ให้กำลังใจคนเขียน
และขอฝาก SWEET SURRENDER ไว้ให้คิดถึงด้วยครับ

อ้อ แล้วก็.. ขอให้พรุ่งนี้รวยน่อ  :a1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 15-03-2017 22:18:23
มาแล้ว เย้ !!  :hao7:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 15-03-2017 22:20:11
ใจหายยย จะไม่ได้อ่านแว่นแดงต่อไปแล้วว ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 15-03-2017 22:31:54
ซึ้งค่ะ ซึ้งทุกตอน ม่อนเอ๊ย ว่าจะไม่ร้องไห้ก็ร้องตามไปอีกแล้ว ใช่แล้ว มันคือครอบครัวเนอะ
ครอบครัวใหญ่เลยแหละ เต็มไปด้วยความรักความปารถนาดีให้กัน
ผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ คิดถึงตอนม่อนวิ่งตื๊อตามพชร งื้อ น่ารักเนอะ
เดี๋ยวนี้พชรรู้จักแซวแล้ว เป็นกับม่อนคนเดียวลิมิเต็ดอีดิชั่น

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 15-03-2017 22:56:54
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ


เอ้ออ มีแผนพิมพ์เรื่องนี้ไหมคะ เราตั้งตารอนะ  :L1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-03-2017 23:00:59
อ่านไป ยิ้มไป มีความสุขมาก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ม่อน น่ารัก พชร อบอุ่น  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ครอบครัวม่อน พชร เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว
หมอก ใจแข็ง อดทนมาก
ต่างจากตอนบ้านข้างเคียงสมัยมัธยมเลย
ตอนนั้นทำท่าจะปีนต้นมะยมเข้าหาไอดิ้ล
ตอนนี้แม้จะอยู่หอใหม่ หอเดียวกัน ยังไม่ยอม  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-03-2017 23:03:34
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ที่ทำให้เสียน้ำตาไปกับความซาบซึ้งใจมากมาย

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-03-2017 23:09:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: wijii ที่ 15-03-2017 23:17:27
ตอนนี้ดีกับใจมาก ยิ้มกันได้แบบมีความสุขสักทีนะทุกคน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 15-03-2017 23:25:34
ขอบคุณคนเขียนที่ทำให้ได้อ่านเรื่องราวที่ดี ได้หลายมุมมอง ได้เปิดความคิด  ขอบคุณมากคะ :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 15-03-2017 23:46:06
ซึ้งพูดไม่ออ  :hao5: :hao5: :hao5:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-03-2017 23:52:35
มันสอนอะไรต่างๆได้ดีจริงๆนะเรื่องนี้  :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 15-03-2017 23:54:22
 :-[
 :กอด1:
ขอให้พรุ่งนี้รวยเช่นกันค่ะ 555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 16-03-2017 04:04:16
อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-03-2017 05:11:31
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ มาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-03-2017 06:54:32
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 16-03-2017 07:31:22
:monkeysad: เป็นอีกตอนที่เสียน้ำตา...
ทั้งใจหาย ทั้งปลื้มปริ่ม ที่ได้อ่านนิยายดีๆ
ชอบการใช้ภาษา  การบรรยายความรู้สึกของทุกๆตัวละคร
ทำให้คนอ่านได้เห็นถึง บุคลิก นิสัยใจคอ ตามที่คนเขียนได้สร้างสรรค์ไว้
และที่สำคัญที่สุด...ขอบคุณคนเขียนมากๆค่ะ  และจะรอติดตามผลงานเรื่องใหม่นะคะ :)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-03-2017 08:47:37
 :mew1:    :hao5:  จบด้วยน้ำตาแต่มันอบอุ่นในหัวใจเหลือเกินค่ะ 
ขอบคุณมากมาย รอตอนพิเศษนะคะถ้าจะกรุณา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 16-03-2017 10:28:56
ฮือออออออออออออ :katai4:
จบแล้วจริงๆหรออออออแ
คงคิดถึงม่อนแจ่มกับพชรน่าดูเลย
แต่เป็นการจบที่งดงามมากกกกกกก รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เข้ามาอ่านเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-03-2017 11:18:18
จบแล้วววววว  :3123: :3123: :3123: :3123:
เป็นนิยายที่ดีมากกกกก   :mew1: :mew1: :mew1:
ประทับใจที่สุดเลย   ขอบคุณนะคะ
รอรวมเล่มน้า
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 16-03-2017 12:50:37
ขอบคุณฮะ กับนิยายดีๆ ซึ้งๆ กินใจแบบนี้
อ่านบทนี้แล้วน้ำตาหยดกันเลยทีเดียว แต่ไม่เศร้านะฮะ เก่งมว้ากกกกกก
รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะฮะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 16-03-2017 14:29:26
ไม่อยากให้จบเลย คิดถึงทุกคน  :กอด1:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ จะติดตามอ่านเรื่องใหม่ต่อไปนะคะ ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่  :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-03-2017 16:02:40
จบแล้ววว
รักม่อนน้อยกับพชรจริงๆ
เรืาองนี้น่ารักมากค่ะ เป็นดราม่าที่จบด้วยความเข้าใจกันจริงๆ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 16-03-2017 19:38:11
อ่านแล้วน้ำตาซึม แต่อบอุ่นหัวใจมากๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ชอบมากค่ะ
รอติดตามเรื่องใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 16-03-2017 20:35:29
ดีใจมากที่ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ มันอบอุ่นไปทั้งเรื่องเลย ถึงจะมีหมอกหนาบ้าง แต่ความรู้สึกของทั้งสองคนก็ไม่เปลี่ยน รักตัวละครทุกคนในเรื่องมากจริงๆ  :katai2-1:

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-03-2017 22:47:33
คู่นี้เวลาทะเลาะกัน จะเป็นไงนะ
จะมีที่ทะเลาะกันบ้างมั้ย(หลังจากการเป็นแฟน)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 17-03-2017 11:08:34
มันมีแต่ความอุ่นในใจกับความรักคู่นี้จริงๆ ชอบที่จะได้เห็นนิยายที่ไม่มีความริษยาแบบนี้จริงๆ ถึงแม้หลายๆคนอาจจะบอกว่าคนปกติก็ต้องมีทั้ง โลภ โกรธ ริษยา ในตัวเองทั้งนั้น....แต่เมื่อมาเป็นเรื่องราวนิยามให้ความเป็นพชรกับม่อนแจ่มทำไมรู้สึกว่ามันช่างดีต่อใจ ขอบคุณคนเขียนค่ะที่มีนิยายดีๆแบบนี้มาให้ได้อ่าน รอติดตามเรื่องราวต่อไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 17-03-2017 12:48:50
จบด้วยความอิ่มเอมใจ ขอบคุณเกรียนคนเขียนมากมายนะค้าาาาาาาาาาาาาาาา :กอด1: รักและรอผลงานชิ้นต่อไปนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 17-03-2017 13:08:14
เรื่องนี้ดีต่อจิตใตจริง ๆ ชอบมาก
ทำเป็นหนังสือด้วยนะ พี่รอซื้ออยู่
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 17-03-2017 15:01:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 17-03-2017 19:25:25
เป็นเรื่องที่ทำให้เราร้องไห้ได้หลายๆตอน ขอบคุณที่ทำให้เรานึกถึงครอบครัว
ขอบคุณนิยายดีๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-03-2017 08:27:53
ม่อนมีความอ่อย มีความซื่อหนักมากก แต่ตอนทันก็รู้ทันไปหมด 5555
พชรแพ้ทางมาก ยอมตั้งแต่เห็นหน้าละมั้ง

น่ารักมากเลยค่ะ ความรัก ความเข้าใจ ชนะหลายสิ่ง
ครอบครัวไม่ทิ้งกัน ความผูกพันก็ยังมั่นคง ม่อนทำได้แล้วนะ

แล้วโชคดีมากที่ม่อนแจ่มได้เจอแม่พชร กับพ่อแสง
ช่วยชะล้างความบอบช้ำม่อนได้เยอะเลย ด้วยความดีของพ่อแสง แม่พชร

พชรคนมึน คนซึน แต่ตอนรุก ตอนหวาน ก็ทำซะม่อนแจ่มเหวอ 5555

เค้ารู้ใจกัน มองตาก็เข้าใจ ยอมใจจริงๆค่ะ

ตลกไอดิล ยังไม่รู้ตัวอีก แล้วหมอกจะทิ้งไว้คนเดียวจริงหรอ ระวังนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 18-03-2017 23:26:23
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
ติดตามทุกเรื่อง ที่คุณแต่ง และชอบทุกเรื่องค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 24-03-2017 09:26:13
 o13 o13 o13
อบอุ่น ...อ่อนโยนน
รัก...รักนิยายเรื่องนี้จังเลย
ไม่รู้จะพูดยังไง เวลาอ่านแล้วมันรู้สึกตื้นตันไปหมด
คนเขียนเขียนดีเกินไปแน่ๆ หรือเป็นเพราะเราอินเกินไปกันแน่นะ
ขอบคุณนะ

ปล. จะรวมเล่มใช่ไหมคะ อยากได้มากอด
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 25-03-2017 03:15:06
ซึ้งเลยค่ะ แอบใจหายเล็กๆ
เหมือนว่าเราแค่หายไปอ่านหนังสือสอบ
กลับมาคือ เห้ยยยจบแล้วอะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องนะคะ
ชอบตัวละครทุกตัวเลย ทุกคนมีความเป็นสีเทาหมดเลย
ลอบที่มันเรียบไม่มีใครดีไปหมดหรือเลวไปหมด
ทุกการกระทำแม่แต่การกระทำที่เลวร้ายที่สุดก้ยังมีเหตผลเสมอ
นั่นเป็นข้อคิดที่ได้ว่าเราตัดสินใครจากการกระทำเดียวไม่ได้
พชร ชอบความเป็นคนดีมีน้ำใจใส่ใจคนอื่นแบบเงียบๆ
แต่ก่ยังคงมีความโกรธที่ไม่ได้อยากให้ใครเดือดร้อน ยังมีตวามตึงๆอยู่ในตอนแรกๆ
ม่อนแจ่ม เป็นคนที่จะเรียกได้ว่าเทาน้อยที่สุดในเรื่องแล้วมั้งคะ5555
คนอะไรจะสว่างสดใสขนาดนี้คะ!! น่ารักด้วย เป็นดวงอาทิตย์ของใครหลายๆคนจริงๆ
ส่วนคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย เรียกได้ว่าเป็นสีเทาเข้ม เป็นดราม่าของเรื่องที่ทำให้ทุกอย่างสมดุลกันดีอะค่ะ
มีทั้งคนที่ถูกบังคับ คนที่พยายามไม่มากพอ คนที่ถอดใจ การยอมแพ้
สุดท้ายแล้วก้ไปไหนไม่รอด ยังคงรักคนๆเดิมรักแบบเดิม แต่ควบคุมได้มากกว่าเดอม
ชอบความเรียล ความซับซ้อนที่ถ่ายทอดออกมาได้สบายใจมากค่ะ
ความจริงปมขนาดนี่แล้วตอนอ่านถ้าไม่ได้บรรยากาศเรื่องที่ดีขนาดนี้ต้องอึดอัดมากแน่ๆค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆปบบนี้นะคะ รอติดตามเรื่องอื่นค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 25-03-2017 10:44:05
อิ่มใจจนตอนสุดท้าย เป็นคู่ที่ศีลเสมอกันจริงๆ ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 25-03-2017 23:46:05
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ. ขอบคุณที่ทำให้ระลึกถึง บรรยากาศเก่าๆ ภายในรั้วมหาลัยสีม่วง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: p9hmiew ที่ 27-03-2017 14:17:57
เป็นนิยายที่ละมุนอุ่นหัวใจดีๆเรื่องนึงเลย
ชอบตัวละครม่อนมาก อยากให้มีม่อน100ล้านคนบนโลก แต่พชรคงไม่อนุญาติ ><
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: mop888com ที่ 30-03-2017 08:16:04
ชอบมากชอบมากๆเลยนิยายของคุณผมชอบมากผมติดตามมาตั้งแต่ INDY in love แล้วก็ติดตามมาตลอดผมชอบการเรียบเรียงเนื้อเรื่องของคุณมากไม่แปลกเลยที่ผมจะขอขอบคุณ ขอบคุณจริงๆจากใจที่ทำให้ผมได้รับการเติมเต็มทางใจแบบนี้ อ่านจบแล้วอิ่มอกอิ่มใจมากขอบคุณจริงๆ ผมจะติดตามผลงานคุณไปตลอดเลย และผมยินดีที่จะเก็บบันทึกคุณเป็นนักเขียนในดวงใจอีกคนที่ผมนับถือ และผลงานของคุณทุกผลงานเป็นดังอัยมณีที่หายากมากๆในวงการนิยายนี้ หน้าเสียดายว่าทำไมถึงไม่ถูกซื้อไปวางขายในตลาดทั้งๆที่ผลงานดีๆแบบนี้กว่าหลายเรื่องเลยด้วยซ้ำ ขอให้โชคดีนะครับ ผมอยากเข้ามหาลัยมช. เพราะคุณเลย และคณะเดียวกับเกรย์ หรือพ่อน่ารักนั้นเอง ไม่ใช่เพราะอยากตามรอย(ที่จริงก็ตามรอยนั้นละ o18)แต่เพราะมันน่าสนใจมากและผมก็เป็นตั้งคำถามโลกแตกที่ไม่สามารถตอบได้และผมเห็นหว่าคณะนี้น่าจะช่วยผมได้ ขอบุณอีกครังจากใจ :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 06-04-2017 12:26:13
สนุกมากเลยค่ะ เป็นนิยายที่มากกว่านิยายทั่วๆไป ให้ข้อคิดอะไรเยอะมาก
อ่านไปยิ้มไป พอถึงช่วงซึ้งๆดราม่าน้ำตาก็พรากๆ จริงๆก็ได้มีโอกาสอ่านเรื่องก่อนหน้ามาบ้างแล้ว รู้สึกผิดมากที่ไม่ได้ตามอ่านเรื่องนี้ตอนที่ออนแอร์(ใช้คำนี้เลย55555) ขอบคุณที่สร้างผลงานดีๆแบบนี้ออกมาให้เราได้อ่าน ยังไงก็จะติดตามผลงานต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: heyguy ที่ 17-04-2017 01:28:38
จบแล้ววววววววว งานดีตามเคย
ความอินดี้และความเกรียนไม่เคยจางหายไป ยังคิดถึงคนเกรียนแฟนคุณทัศได้ดี
ชื่นชมในทุกตัวอักษรที่ได้กลั่นกรองออกมาเป็นตัวหนังสือ
ความรักที่ไม่เคยจากหายไปในตัวละคร ความอบอุ่นในคาแรคเตอร์
ขอบคุณสำหรับนิยายที่ดีมากขนาดนี้
เป็นกำลังใจให้และจะติดตามผลงานต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Imagine_chic ที่ 23-04-2017 18:50:02
ชอบการใช้ภาษา การบรรยายตัวละคร
การให้แง่คิดต่างๆในเรื่อง
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอุ่นหัวใจมาก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Special_ice ที่ 24-05-2017 12:42:07
รักนิยายเรื่องนี้มาก จริงๆแล้วก็รักทุกเรื่องของเกรียนคนเขียน
ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆนะคะ
จะติดตามทุกผลงานของคุณไปเรื่อยๆค่ะ
รักกกกกกกกกก♥
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 25-05-2017 23:03:16
ไม่มีตอนพิเศษ หรือเรื่องใหม่อีกหรือคะ คิดถึง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Zefia08 ที่ 31-05-2017 14:58:27
ตามมาจากกระทู้นิยายแนะนำค่ะ แล้วก็อ่านรวดเดียวยาวๆเลย

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้นะคะ ชอบเรื่องนี้มากๆ ชอบตัวละครทุกตัว ชอบเนื้อเรื่องและวิธีแก้ปัญหา ชอบแนวคิดของแต่ละคนมากๆ ตอนที่เพิ่งเปิดอ่านก็หวังแค่อยากได้ความฟินเฉยๆ แต่เรื่องนี้สอนข้อคิดในชีวิตหลายๆอย่างเลยค่ะ

อีกอย่างคือชอบการบรรยายช่วงฉากซึ้งๆมากเลยค่ะ คือแบบ ฉากซึ้งมาทีไรนี่อินน้ำตาจะไหลทุกตอนจริงๆ จนขุ่นแม่ถามว่าลูกเป็นไร ดูมือถืออยู่ดีๆก็สูดน้ำมูกฟึดๆ 5555 เรารู้สึกว่าเรื่องนี้ถ่ายทอดความรู้สึกผิด เสียใจ รู้สึกตื้นตัน และความรู้สึกขอบคุณของแต่ละคนได้ดีมากเลยค่ะ ยิ่งอ่านบทหนูม่อนแจ่มก็ยิ่งเอ็นดู๊้เอ็นดูน้อง คนอะไรน่ารักคิดดีได้ขนาดนี้ ชอบความพยายามพัฒนาตัวเองของม่อนด้วย คุณพชรจะหลงน้องหัวปักหัวปำก็ไม่แปลกใจเลยค่ะ ฮาา พูดถึงคุณพชรก็ขอกรี๊ดหน่อย ชอบความเอาใจใส่ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ โอ๊ย คือน่ารักก เป็นห่วงม่อนคิดถึงใจม่อนก่อนตลอดเลยจริงๆ ส่วนคุณพ่อๆแม่ๆของทั้งม่อนและพชรก็มีมิติ มีสิ่งที่ทำพลาด ความรู้สึกผิด แล้วก็พยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ไม่มัวแต่จมอยู่กับอดีต

ตอนแรกก็แอบรู้สึกไม่คุ้นกับภาษาของคนแต่ง แบบว่าไม่ชินกับที่อยู่ดีๆก็มีท่อนภาษาอังกฤษแทรกมาน่ะค่ะ แต่พอชินก็อ่านเพลินเลย

ก่อนหน้านี้ไม่เคยเม้นตอบนิยายเรื่องอะไรในเล้ามาก่อนเลยค่ะ (แย่มาก ขอโทษนะคะคนแต่งท่านอื่นๆ ;__;) แต่พออ่านเรื่องนี้จบทำให้เรารู้สึกอยากขอบคุณคนแต่งมากจริงๆ รู้สึกดีมากๆ ดีใจที่ได้อ่านนิยายฟีลกู้ดมีข้อคิดดีๆแบบนี้ ถ้าเรื่องนี้ได้ตีพิมพ์ก็อยากอุดหนุนมากๆเลยย จะติดตามผลงานนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: HomHuaYai ที่ 03-06-2017 20:20:14
อยากให้มีเรื่องราวของไอดิลกับไอหมอกในรั้วมหาลัยบ้างค่ะ ติดตามิ่านมาตั้งแต่ Indy มันเหมือนซิทคอมยาวนานอย่างเป็นต่อหรือบางรักซอยเก้า ที่ดำเนินไปเรื่อยๆเสมือนเรื่องเล่าของคนในครอบครัว ของเพื่อนสนิทไปเสียแล้ว เขียนต่อนะคะ อยากรู้เรื่องราวต่อไป ขอบคุณทุกความรู้สึกที่เขียนขึ้นมา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Premo1492 ที่ 04-06-2017 15:55:44
เกรียนเสมอต้นเสมอปลาย :mew1: :mew1: :mew6: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 25-07-2017 10:25:49
เป็นเรื่องที่น่าจะได้อ่านและเม้นให้กำลังใจคนแต่งในทุกๆตอนจริงๆ
เสียดายมี่ได้มาอ่านช้าไปสักหน่อย
มีคนแนะนำมาว่าเรื่องนี้ดี ควรค่าแก่การอ่าน
ภาษางามการดำเนินเรื่องที่สละสลวย

อ่านแล้วอินมาก
ร้องไห้ตอนตีสองตีสาม
น้ำหูน้ำตาไหลพราก หายใจไม่ทันมาก
ตั้งแต่ตอนกลางเรื่อง ที่ค่อยๆเปิดปมสองบ้าน
มันบีบคั้น แต่ชวนติดตาม
ไม่รู้เลยว่าอ่านมาจนเช้าอีกวันแล้ว
มีความสุขมากที่ได้อ่าน
เหมือนได้รู้จักคนดีๆเพิ่มขึ้น
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 30-07-2017 11:56:59
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน หลงรักเลยกับนิยายเรื่องนี้ ยิ่งช่วงดราม่าบอกเลยว่าอินจัด อ่านไปร้องไห้ไป
จนแฟนถามว่าเป็นรัย (เลยบอกออกไปสงสัยแพ้อากาศ ผลสุดท้ายเลยได้กินยาแพ้อากาศไป2เม็ด555)
ขอบคุณ คนเขียนที่แต่งนิยายมาให้พวกเราได้อ่านกัน เป็นกำลังใจให้แต่งเรื่องต่อไปมาอีกเรื่อยๆนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 30-07-2017 20:49:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 01-08-2017 16:16:22
เป็นนิยายที่ไม่สามารถบรรยายอะไรได้เลยมันดียยยยย์แบบดียยยยย์มากจริงๆเราร้องไห้เป็นสิบๆตอนขอบคุณสำหรับนิยายดีมากเลยจ้า รั้เลยว่าแต่ละตอนน้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะออกมาแต่ละตอนเพราะเนื้อหาทุกตัวมันทำให้คนอ่านเห็นความตั้งใจของคนเขียนมากจริงๆเราซึมซับทุกตัวอัการเราหลงรักทุกตัวอักษรชอบมากจริงๆนะโอ้ยยยยมันดีจะรอเรื่องต่อๆไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: inkteuk ที่ 03-08-2017 00:44:48
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
พชรม่อนแจ่มจะอยู่ในใจเรา
ขอบคุณที่เขียนเกี่ยวกับปรัชญา
ขอบคุณที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆสู่ผู้อ่าน
จะรอเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: inkteuk ที่ 03-08-2017 00:50:50
คาแรคเตอร์พีระศิลป์น่าสนใจดี สนใจจับมาเป็นพระเอกเรื่องถัดไปไหมคะ
โอ้ย55555555555555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-08-2017 22:49:20
ชอบๆๆๆๆๆ เขียนดีมากๆๆๆๆ
อ่านไปยิ้มไป ร้องไห้ไปเสียน้ำตาไปเป็นปี๊บ
ซึ้ง อบอุ่น เฮฮา มันลงตัวดีงามไปหมด ชอบสุดๆๆๆ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: lnwgreankak ที่ 06-08-2017 05:45:28
หลงคารมนักเขียน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 07-08-2017 02:40:24
 :-[ :-[ น้ำตาไหลเลยจ้สสส 55 อ่านจนข้าวไม่กิน นอนไม่นอน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 09-08-2017 16:43:46
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
เราโชคดีที่ได้อ่าน
ประทับใจนะคะ^^
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: noonit ที่ 13-08-2017 18:27:27
พระเอกดีเด่นคงต้องยกให้พชร เป็นหนึ่งในนิยายที่เรียกได้ว่าดีที่สุดสำหรับเราเลยค่ะ ตอนอินก็อินสุดใจละมุนละไมมาก ตอนดราม่านี่ก็น้ำตาร่วงเลย ที เดียว ขอบคุณนักเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: ModSii ที่ 14-08-2017 11:59:50
อยากอ่านต่อเรื่อยๆเลยค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 14-08-2017 18:31:52
อ่านจบแล้วเก็บนิยายเรื่องนี้เข้าลิสต์นิยายสุดแสนประทับใจสำหรับเราเลย เขียนดีมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายที่ดีมากๆเรื่องนี้ ยังไงเราก็รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 15-08-2017 12:46:40
สนุกมาก ประทับใจมากกับความเสียสละที่แต่ละตัวละครทำเพื่อคนที่รัก กับการให้อภัยแก่กัน เป็นคนดีกันทุกคนเลย น้ำตาซึมเลยตอนม่อนเจอพ่อ ซึ้งอ่ะ อมยิ้มกับความน่ารักของม่อนกับพชรด้วย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้
บวกๆจ้า^^
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 19-08-2017 09:29:13
โอ๊ย สนุกสนานมาก อ่านเพลินเลย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-08-2017 20:59:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Amaryllifolius ที่ 23-08-2017 11:51:32
เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ ค่ะ ประทับใจมาก
นี่อ่านรวดเดียวจบ ใช้เวลานานมาก อ่านซ้ำไปซ้ำมาด้วยความติดตรึงใจ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปในทุกๆ ตอน
ติดตามเรื่องของผู้เขียนมาโดยตลอด ชอบเรื่องของสองเกรียนมากๆ แล้วตอนนี้ก็ชอบม่อนกับพชรมากๆๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณมากนะคะที่แต่งเรื่องดีๆ ออกมาให้อ่าน
 :L2:
ปล. อยากให้มีตอนพิเศษจังเลยค่ะ เข้าใจว่าจบสมบูรณ์ดีในตัวแล้วนะ แต่แบบ...คิดถึงทุกๆ คนในเรื่องน่ะ :)
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 23-08-2017 20:35:44
เป็นนิยายวายที่ดีมากๆ จรรโลงใจ ให้ข้อคิด ทั้งๆที่เราชอบอ่าน NC มากๆ แต่ไม่เบื่อเรื่องนี้เลย อ่านรวดเดียวจบ คนแต่งเก่งมากกกกกก ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆแบบนี้น้าาา  :hao5: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 24-08-2017 21:46:15
นี่เราไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมเพิ่งมาเจอเรื่องนี้//ภาษาสวย บรรยายดี ชอบมากเลยค่ะ เสียน้ำตา แต่ก็อิ่มใจ//ขอบคุณนะค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Naiikratai ที่ 28-08-2017 15:11:53
ชอบเรื้องนี้มากกกกก อ่านแรกๆก็แบบทำไมมันมุ้งมิ้งจะสนุกรึป่าว อ่านไปๆดูน่าติดตามดี เข้าเรื่องไวกระชับไม่ยืดเยื้อแล้วใช้ภาษาได้สวยชอบมาก แล้วเรื่องนี้คือดำเนินไปในเรื่องของครอบครัว ซึ่งไม่มีมือที่สามหรือตัวร้ายคอยแรกแซงเลยซึ่งหาอ่านไม่ค่อยจะได้เรื่องที่ไม่มีมือที่สามหรือตัวร้ายคอยแย่งแฟน ชอบมากครับ จะมีตอนพิเศษไหมน้อออ อิอิ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 29-08-2017 23:45:38
ชอบความตื๊อของนายเอก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 24-09-2017 21:11:26
(อย่าเรียกว่า 'ตอน' เลยครับ เพราะมัน short จริงๆนะ เราเตือนท่านแล้ว..  :hao5:)

พิเศษ SWEET SHORT

          เสียงพับโต๊ะ เก็บเอกสารและอุปกรณ์ดังขึ้นเมื่อหมดชั่วโมงเรียน..
นักศึกษาปรัชญาปีสองซึ่งเป็นอดีตปีหนึ่งคาดผ้าเหลือง ตอนนี้ เหมือนจะพร้อมใจใส่เชิ๊ตเหลืองแทน
เชิ๊ตเหลืองซึ่งปักคำว่า Philosophy บริเวณอก เคียงด้วยอักษรฟี อักขระขึ้นต้นของคำว่า Φιλοσοφία ซึ่งแปลว่า ปรัชญา ในภาษากรีก

หลังจากเจอกับอาจารย์ระบัดใบมาตลอดปีหนึ่ง พชรก็ยังคงเจออาจารย์ต่อไปในวิชาตรรกศาสตร์ และก็เช่นเคย.. ที่เฮดเมเจอร์คนนี้จะเดินลงบันไดไปบริเวณหน้าโต๊ะอาจารย์เพื่อดูว่าจะช่วยเก็บอะไรได้บ้าง

“ไม่ต้องปิดนะพชร เดี๋ยว ‘จารย์ยังสอนเด็กวิชาเลือกต่อห้องนี้” อาจารย์ระบัดใบเอ่ยขณะสลับสไลด์เป็นวิชาปรัชญาเบื้องต้น
“ครับ อาจารย์” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับคำ ตั้งท่าจะกลับหลังหัน แต่ก็ถูกยื้อเอาไว้ด้วยคำถาม..
“น้องม่อนสบายดีนะ?”

เอ่อ..

“สบายดีครับ”
พชรลอบกลืนน้ำลาย ฉากส่งงานชิ้นสุดท้ายของวิชาปรัชญาเมื่อสิ้นสุดการศึกษาชั้นปีที่หนึ่งกลับมาเล่นซ้ำในหัวอีกครั้ง


“เอ่อ.. ผมม่อนครับ ม่อนแจ่มวิศวฯเครื่องกล เอ๊ย.. ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์”
“เป็นแฟนพชร เฮดของเรา?”
“ใช่ครับ..”



“ยังเป็นแฟนกันอยู่ใช่ไหม?”
อาจารย์ระบัดใบถามเพื่อความแน่ใจ ก็เด็กมหา’ลัยมันเปลี่ยนแฟนกันไวว่องยิ่งกว่าอะไร
“ยังเป็นครับ”
พชรตอบรับเสียงหนักอย่างลืมตัว จนเมื่ออาจารย์เลิกคิ้วยิ้มๆนั่นแหละจึงตระหนักได้
เด็กหนุ่มข่มรอยยิ้มเขินเอาไว้ ก่อนจะยกมือไหว้ลาและเดินขึ้นบันไดที่นำออกจากห้อง slope แทบจะพร้อมๆกับที่นักศึกษาคลาสต่อไปเข้ามา..

             “พชร”

หืม..?
พชรพยักหน้ากับเสียงเรียก เพื่อนที่อยู่บนบันไดขั้นสูงกว่าเดินกลับลงมาหา ยื่นกระดาษใบหนึ่งให้เขา
มือกร้านรับมาแม้จะงุนงงเล็กน้อย นัยน์ตาสีนิลก้มมองรายละเอียดในนั้น..

มันเป็นกระดาษ
ซึ่งมีลายเส้นวาดเป็นรูปการ์ตูน.. เด็กหนุ่มร่างใหญ่ในเสื้อเชิ๊ต
ซ้ำเชิ๊ตนั้นยังมีคำว่า Philosophy และอักขระ Φ เขียนอยู่บนเสื้อ

พชรอ้าปากค้าง เงยหน้ามองหาเจ้าของผลงาน
มิพักต้องอ่านลายเซ็นก็รู้ว่าฝีมือใคร..

ก็เด็กแว่นแดงตัวเท่าเปี๊ยกในช็อปวิศวฯที่ยักคิ้วจึ๊กๆ ส่งมาให้จากบนเก้าอี้ชั้นบนสุดนั่นอย่างไร ..คนที่พชรพบเจอในห้องพักอยู่ทุกวัน นอกจากนั้น ก็เพิ่งจะเมื่อเช้านี่เองที่เขาขี่ Kawasaki D-Tracker คันเก่าไปส่งเจ้าตัวที่หน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์

พชรพับกระดาษใบนั้นสอดไว้ในกระเป๋าเชิ๊ต ตั้งใจเม้มริมฝีปากที่ร่ำๆจะเผยอยิ้มไว้แน่น ถอนหายใจนิดหนึ่งอย่างน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเด็กปีสองคนนี้ชอบทำอะไรเหนือความคาดหมาย ..อะไรที่ชาวบ้านไม่ค่อยทำกันมาตั้งแต่เริ่มเข้าปีหนึ่งแล้ว

ขายาวก้าวขึ้นบันไดดังที่หมายจะออกจากห้องตั้งแต่แรก กระทั่งหยุดตรงหน้าโต๊ะที่มีเศษกระดาษใบเล็กวางอยู่ มีตัวเลขถูกเขียนไว้ด้วย.. รอยหมึกสีจางลงไปตามกาลเวลาที่ผ่านไปค่อนหนึ่งปี ทว่า ก็ยังอ่านได้ชัดเจน

‘ 011153  011269 ’

ซึ่งก็นะ.. เป็นลายมือพชรเอง

เด็กหนุ่มแว่นแดงเสื้อน้ำเงินยิ้ม เตรียมเอกสาร Introduction to Philosophy ขึ้นมา วาดรูปตัวเองไว้บนปกหน้าแล้วเรียบร้อย

ใครว่าเด็กมนุษยฯแพ้?
เด็กวิศวฯที่มานั่งเรียนปรัชญาอยู่นี่ต่างหากเล่าที่ไม่ชนะ..


แต่ใครแพ้ ใครชนะ มันจะสำคัญตรงไหน ในเมื่อ..
เด็กมนุษยฯคนนั้นวางมือบนไหล่ม่อนแจ่มอยู่นี้และบอกว่า..

“ตั้งใจเรียนนะครับ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

คิดถึงการเขียน คิดถึงคนอ่านและหวังว่าคนอ่านจะคิดถึงพชรกับม่อนแจ่มเช่นกัน
เฮ..  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: uniko ที่ 24-09-2017 21:29:59
คิดถึงพัชรกับม่อนแจ่มจัง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 24-09-2017 21:38:28
คิดถึงคู่นี้  :o8:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-09-2017 21:59:31
ดีใจ ไรท์มาลง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

พชร ม่อนแจ่ม  :L1: :L1: :L1:
       :L1: :L1: :L1:     
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 24-09-2017 22:30:37
คิดถึงคู่นี้ คิดถึงกลิ่นอายนิยายของคนเขียน แต่ก็พอให้ได้หายคิดถึงเพราะได้มาเรียนที่นี่แล้ว แฮ่
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-09-2017 23:15:46
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: inkteuk ที่ 25-09-2017 00:45:03
พชรอบอุ่น มาสั้นๆพอบรรเทาความคิดถึงได้นิดหน่อยค่ะ


รอเรื่องใหม่อยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-09-2017 04:00:04
ชื่นหัวใจ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 25-09-2017 06:32:01
คิดถึงคนเขียน คิดถคงม่อนแจ่ม คิดถึงพชร คิดถึงทุกงานของ indy poet ค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 25-09-2017 07:45:02
คิดถึงงงง. คิดถึงมากกกก :z3: :z3:
มาสั้นไปค่าาาา :katai4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 25-09-2017 09:13:21
คิดถีง เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-09-2017 09:59:39
ดีใจ สองคนยังคบกันและมีความสุขดี
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 25-09-2017 17:45:06
 :กอด1:  :L2:  :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 25-09-2017 20:13:58
555 สั้นจริง TT_TT อยากจิคราย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-09-2017 22:20:43
ถึงจะสั้นแต่ก็ทำให้หายคิดถึงได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 26-09-2017 09:01:26
 :mew1:
ชอบเรื่องนี้มากๆเลย มันดีมากเลยบทฮา สาระ เศร้า รัก มีครบทุกรสเลยค่ะ ม่อนแจ่มน่ารักมากๆ พชรนายโคตรเก็บความรู้สึกเก่งอะ ยอมใจเลย ชอบผู้ชายพูดน้อยแต่ใจดีจัง  :hao3:
อยากบอกว่าคนแต่งเขียนดีมากค่ะ จะมีตอนพิเศษเพิ่มไม่นะ  :mew2: รอๆค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 26-09-2017 17:08:02
คืดถึงพชรกับม่อนนนน ชอบเรื่องนี้มากๆเลยย
อยากให้แต่งตอนพิเศษต่ออีกจังค่ะ คิดถึงงงง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: Napa ที่ 28-09-2017 12:20:04
ม่อนแจ่มน่ารัก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 28-09-2017 14:31:44
ชอบจัง  :ling1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 29-09-2017 08:52:47
คนอ่านก็คิดถึงเน้อออ เขียนเป็นช๊อตสั้นๆ แต่บ่อยๆ ก็ไม่ว่ากันนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 24/9/60 พิเศษ SWEET SHORT P.41
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 29-09-2017 18:18:27
คิดถึงม่อนแจ่ม คิดถึงไอดิ้ล ด้วย :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 29-09-2017 21:52:34
(Short อีกแล้วน่อ..)

พิเศษ SWEET SHORT [2]

           ลมโบกพัดปะทะลำตัว.. รู้สึกถึงสัมผัสจากฝ่ามือสองข้าง
ข้างหนึ่งตรงแผ่นหลังฝั่งขวา ..อีกข้างบริเวณเอวซ้าย
เป็นอีกวันที่พชรขี่มอเตอร์ไซค์จากหอ ผ่านเข้าสู่ประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัย และชะลอจอดเมื่อถึงคณะวิศวกรรมศาสตร์

ม่อนแจ่มกระโดดลงจากเบาะหลัง ปลดหมวกกันน็อคออกได้ด้วยตนเองอย่างคล่องแคล่ว
พชรยื่นมือรับมา เกี่ยวไว้กับแฮนด์ข้างหนึ่ง

“พชร” ร่างเล็กเตือนความจำ “วันนี้ลุงสมมารับกูนะ มีงานเลี้ยงที่บริษัท”
คนฟังพยักหน้ารับ เขาจำได้

“ถ้าดึก กูจะค้างที่บ้าน มึงไม่ต้องคอยนะ”
“อืม”

“แต่จะพยายามไม่ดึก แล้วกลับมานอนกับมึงนะ”

เอ่อ..
แต่ก็นะ..


“อื้ม..”

“พรุ่งนี้ อาจารย์ระบัดใบบอกว่ามึงต้องใส่ชุดนักศึกษานะ เพราะเป็นตัวแทนปีสองกล่าวเปิดงาน Open House”
“อืม..ม”

“ชุดนักศึกษาแขวนอยู่ในตู้นะ รีดแล้ว ถ้าไม่เรียบโทษไอ้ดิ้ลเพราะมันเป็นคนสอนกู”
“อืมม..” พชรกลั้นหัวเราะ มิวายเสียงเข้มจะพึมพำ
“ดูแลดีจริง..”

เอ้า ไม่ได้สิ!
“กูอยู่กับมึงนะ รับรองจะดูแลอย่างดี” ม่อนแจ่มโฆษณา “มึงอยากได้เดือน บอก! อยากได้ดาว บอก!”
“จะคว้ามาให้?” พชรเลิกคิ้ว
“หงึ.. จะวาดให้” ม่อนแจ่มแก้ เล่นเอาพชรหลุดหัวเราะออกมาจนได้ มือกร้านยกขึ้นมาหมายจะยีหัวเล็กนั่นให้หายหมั่นเขี้ยว ทว่าก็ชะงัก ห้ามตัวไว้

ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง ถือโอกาสฉวยมือข้างถนัดนั้นมาวางแหมะไว้บนหัวตัวเองเสียเลย
“ทำได้นะ”
..
..
“อืม..”
เป็นการ ‘อืม’ ครั้งที่พชรเขินมาก ไม่อยากพูดเลย

ม่อนแจ่มยิ้ม
พชรเองก็ยิ้ม..

“โอ๊ย.. เกะกะลูกกะตากูจริงเว้ย!”
อีกหนึ่งหนุ่มวิศวฯย่ำโครมๆมาบ่นดังๆให้ได้ยิน
“ได้ข่าวว่าก็อยู่ห้องเดียวกัน อี๋อ๋อกันในห้องไม่พอหรือไง ถึงต้องมาต่อที่คณะอีก”

ไอดิลมองอดีตรูมเมททั้งคู่ตาขวาง..

“เป็นอะไรไอ้ดิ้ล?” ม่อนแจ่มยิ้มชั่วร้าย
“แฟนไม่รักเรอะ” 
.. “หรือว่า.. รักแต่ไม่ค่อยอี๋อ๋อ?”
“ไอ้ม่อน!”
“ได้ข่าวว่าอยู่คนละห้อง”
.. “ห๊ะ.. อะไรนะ คนละหอด้วยเหรอ!?”

“ไอ้ม่อนนนนน!”

“ฮ่ะๆ ไปก่อนนะ พชร บ๊าย!”
ม่อนแจ่มโบกมือหย็อยๆลาคนรัก ขณะรีบวิ่งแน่วหลบติงไอดิลเข้าตึกคณะ

          พชรส่ายหน้าขำๆ มองสองร่างในช็อปน้ำเงินวิ่งไล่ตามกันไป
ขึ้นปีสองแล้ว แต่ไอดิลกับม่อนแจ่มก็ยังผลัดกันไล่เตะอยู่เหมือนเดิม
พชรจะไม่พนันล่ะ ว่าอีกเดี๋ยวคงกลับมาสามัคคีปาร์ตี้ขนมอีกนั่นแหละ

* * * * * * * * * * * * *

เห็นมีบอกว่าคิดถึงไอดิล เราเลยพาไอดิลมาป๊ะกั๋นเน้อ
ขอบคุณครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 29-09-2017 22:39:26
ดีใจที่มีตอนพิเศษน่ารักๆมาให้อ่านนะคะ ขอบคุณและคิดถึงมากๆๆเลยนะคะ ><
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 30-09-2017 07:18:39
 :impress2:
มาน้อยๆแต่มาบ่อยๆน๊า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-09-2017 11:20:12
พชรกับม่อนน่ารักจัง พชรแอบมีเขินด้วย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-09-2017 12:33:27
55555 น่ารัก ความรักไม่จางเลยนะ

อย่าแบบเงียบ ๆ เบา ๆ แต่ชัดเจน

ไอดิลกับหมอก จะตามมาเรื่องใหม่ไหมน้า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-09-2017 13:10:21
น่ารักจริงๆ  :mew1:
พชร ม่อนแจ่ม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ม่อน ดูแลพชรดีมากๆ
ปากม่อนก็เจื้อยแจ้ว สั่งความ บอกความ ไปเรื่อย
พชร ก็ อืมม.... อืมม..... ตลอด แต่ปาก กับใจยิ้มอย่างยินดี

ไอดิล หมั่นไส้คู่รัก ซะจนต้องประชดประชัน
ม่อนก็ โต้กลับ อย่าบอกนะว่าแฟนไม่อี๋อ๋อ

ว่าไปไม่เจอมุมที่ หมอก  ไอดิล หวานๆ อี๋อ๋อ ใส่กันเล้ย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหมอก ไอดิล จริงๆ
หรือในเรื่อง SWEET SURRENDER
อยากอ่านๆ
หมอกเชื่อฟังพ่อหล่อของไอดิลมากเกินไปป่ะ
ตอนพ่อหล่อ พ่อน่ารักเรียน
ก็โซมาเดคอมกัน ตั้งแต่พ่อน่ารักเข้าปีหนึ่งหมาดๆเองนะ  :ling1: :ling1: :ling1:
ทีลูกคัวเองทำหวงซ้าาาาาาา   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 30-09-2017 13:11:09
 โอ๊ยย ชอบบบบบ ชอบ มากกกก รักนิยายเรื่องนี้
มาน้อยๆก็ได้ค่ะ แต่ขอให้มาบ่อยๆน๊าาา   :katai2-1: 
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-09-2017 14:17:21
นิดๆก็เอานะคะ แก้คิดถึง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-09-2017 14:47:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 30-09-2017 17:31:54
คนเแต่งช่างน่ารัก มาคู่กันม่อนแจ่มแว่นแดง. และไอดิ้ล. ขอบคุณมากค่า รอติดตามผลงานเสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-09-2017 22:35:42
คิดถคงม่อนแจ่ม
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-10-2017 21:10:35
น่าร้ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: ItIsMe ที่ 01-10-2017 22:05:15
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเสียน้ำตาไปยิ้มไปจริงๆ
น่ารักมากกกกก ฟีลกู๊ดมากก อ่านแล้วมีความสุข
รักเรื่องนี้มากก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 02-10-2017 01:37:34
อ่านแรกๆ ตลกนะ พอไปๆมาๆ จนมาเม้นนี้ คือตาบวม แต่โดยรวม ชอบมาก :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 02-10-2017 05:58:26
มาทำให้หายคิดถึงแล้วก็เพิ่มความคิดถึงไปพร้อมๆกัน^^ :กอด1:
ก็นะ วิธีแก้ก็ไม่ยาก แค่ไปอ่านทุกเรื่องอีกรอบก็พอ ถ้าไม่พอก็2รอบ3รอบจัดไป

ขอทิ้งเรื่องที่ควรจะไปเม้นท์ที่เพจไว้ที่นี่นะคะ(ไม่สะดวกที่เพจจริงๆ ขอโทษทีน้า)
ลูกสาวเขาได้ไปเล่นหนังสั้นให้รุ่นพี่ คุณพระเอกเขาเป็นเมะแล้วก็มีโมเม้นท์พาคุณแฟนมากินข้าวกับที่กอง
ลูกสาวป้าเขาก็เกรงใจไม่กล้าถ่ายรูปมาให้ป้าฟินด้วย ป้าอ่านในเพจว่าให้ทิ้งๆเรื่องที่อยากอ่านไว้เผื่อได้เป็นไอเดีย
ฟินกะตาไม่ได้อ่านะ เลยมาขอให้แต่งให้ฟินทีนะคะ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรน้า นิยายน้องป้าอ่านทุกเรื่องอยู่แล้วจ้า
นี่อิจฉาลูกมากๆเลย 555 :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 02-10-2017 14:34:06

กรี๊ดดค่า เอาแบบนี้ก็ได้ สั้นๆแต่มาถี่ๆ เป็นไดอารี่แต่ละวันยิ่งดี ฮุ ฮุ
รอบหน้าต้องมีหมอกมาให้ครบคู่ด้วยใช่ไม๊คะ รอๆๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 06-10-2017 01:03:37
น่ารักมากค่ะ ขอตอนพิเศษอีกนะค่า
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-10-2017 18:10:17
รักม่อนแจ่มจริงๆ เด็กอะไรน่ารักที่สุดดด

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 07-10-2017 13:47:28
ขอบคุณมากสำหรับเรื่องดีๆ ตั้งแต่ทัศน์เกรย์แล้ว ยิ่งเราอ่านผลงานของคุณเราก็ยิ่งชื่นชอบ ตอนนี้ต้องเริ่มสมัครมหาลัยแล้วเรื่องของคุณก็เป็นแรงบันดาลใจให้เรามั่นใจที่จะเข้าปรัชญามากขึ้น อันที่จริงอาจไม่เกี่ยวกันสักเท่าไร แต่ก็ถือเป็น 1 ใน 2 คณะที่ใจอยากเข้ามากเลย 555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-10-2017 15:34:23
มาทีละนิด แต่น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: รักแรก_ ที่ 08-10-2017 20:09:05
ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้นะคะ

รักม่อน กอดดดด :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 09-10-2017 14:52:25
ขอยาวๆอีกนิดไม่ได้หรอคะ มันสั้นไป แต่ก็ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้หายคิดถึง  :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 09-10-2017 21:15:29
สนุกค่ะ หลงรักม่อนแจ่มกับพชร  แล้วก็ไอดิ้ลด้วย
 :pig4:   :pig4:    :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 11-10-2017 14:43:23
โหยยยย เรื่องนี้ดีต่อใจมากกกกกกก บอกจะหวานมาแบบเนิบๆก้เขินนน บทจะเศร้า จะซึ้งนี่น้ำตาก้ไหลเขื่อนแตกกก แต่เป้นนิยายที่ให้อะไรหลายอย่างมากจริงๆ พัฒนาการของแต่ละคน ทุกอย่างดีมากจริงๆ ของคุณคนแต่งมากๆ เลยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 11-10-2017 21:30:08
 :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: MonKeez ที่ 14-10-2017 11:31:27
หวัดดี เพิ่งเจอหวะ
นานๆเข้ามาหาอ่านอย่างจริงจัง
ดีใจที่ได้อ่านผลงานนายอีก

สนุกดีหวะ ปกติจะอ่านรวดเดียวจบ แต่นี่ไม่กล้า
ค่อยๆอ่านกันไป เจอเฉลยปมที ก็ยิ้มที
สุขๆ ปน หน่วงๆไป

หวังว่าคงสบายดี
: )
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-10-2017 12:17:40
โอย พวกเจ้าตัวเล็กแห่งวิศวะนี่น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: MonKeez ที่ 15-10-2017 05:49:52
ทำใจให้อ่านให้จบรวดเดียวไม่ได้จริงๆ ไม่อยากให้จบ ฮืออ
อบอุ่นหัวใจละเกิน
คิดถึงทัศน์และเกรย์มาก : )
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: MonKeez ที่ 15-10-2017 13:19:08
จบแล้ว
ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา

: )

หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 15-10-2017 20:37:45
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 15-10-2017 22:58:31
หวานละมุน ยิ้มทั้งน้ำตา
น่ารักทั้งพชร ทั้งม่อนแจ่ม เรารักความพชร ความม่อนแจ่ม
มันคือความหวานความอบอุ่น
เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วเรารักตัวละคร

เรื่องราวของผู้ใหญ่เราว่าบทสรุปคือความเป็นจริงที่ทำได้ ที่ควรทำ ให้มันเป็นไปแต่เรารับรู้ความรู้สึกกัน รับรู้การมีกันและกัน เราไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ เพราะบทบาทหน้าที่ หน้าตา สังคม

ส่วนเรื่องของเด็กๆ เราว่าคนเขียนบรรยายได้นึกภาพตามได้ เรื่องดำเนินได้ตามความเป็นจริง ไม่หวือหวา ดูเรียล ตามสถานการณ์ เหตุการณ์ สถานที่
และพัฒนาการทางความรู้สึกของพชรและม่อนแจ่ม มีเพื่อนๆที่น่ารักอย่างไอดิล อย่างหมอก
เราสามารถเขินได้โดยเนื้อเรื่องดำเนินไปง่ายๆ ในวันธรรมดาของเหตุการณ์ เรายิ้มได้จากความร่าเริง ความช่างพูดของม่อนแจ่ม เราเขินความนิ่ง ความพูดน้อยแต่เอาใจใส่ของพชร

คนเขียนพัฒนาขึ้นเยอะเลย บรรยายอ่านลื่นไหล ภาษาดีขึ้น เรื่องเดิมเรื่อยๆ แต่ไม่ช้า ไม่เอื่อย

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 18-10-2017 06:39:06
คิดถึงคู่นี้ ฮืออ พชร ม่อนนน น่ารักมากๆ
จะอ่านเมื่อไหร่ก็เขินยิ้มแก้มแตกตลอดดด
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: gto4444 ที่ 20-10-2017 20:54:03
 o13จะรอตอนพิเศษต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-10-2017 22:45:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 29/9/60 พิเศษ SWEET SHORT [2] P.41
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 23-10-2017 14:32:20
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 01-11-2017 00:02:49
(เหมาะกับการอ่านตามลำพัง..)

SWEET DREAM

          “พชร”
..
“พชร..”
..
“พด-ชะ-ระ!”

หลังจากเรียกเป็นครั้งที่.. เอาเป็นว่าจริงๆแล้วอาจมากกว่าสาม
ในที่สุดก็ได้คำตอบรับ

“อะไรนักหนา?”

“มึงนั่นแหละ
อยู่ห้องเดียวกัน เจอกันทุกวัน แต่ไม่พูด ไม่คุย ไม่ทักกูสักคำ มึงเป็นอะไรนักหนา!”

ภายในหอสามชาย ห้องสามสามแปด นักศึกษาปีหนึ่งต่างคณะสองคนยืนจ้องหน้ากัน
คนหนึ่งถาม..
และอีกคน ..ไม่ยอมตอบ

ร่างสูงกำยำเจ้าของนาม ‘พชร’ เพียงแต่พ่นลมหายใจ ขยับลำตัว มือหมายจะจับลูกบิดประตู เปิดออกสู่ภายนอก

“พชร อย่าเพิ่งไปนะ” เป็นมือเรียวเล็กที่ยื้อไว้ คนตัวเตี้ยกว่าเงยหน้ามองจ้อง เอ่ยอย่างหมดความอดทน
“พูดกันให้รู้เรื่องก่อน!”

..ซึ่งสัมผัสบนท่อนแขนนั้นก็ทำให้พชรสิ้นสุดความอดทนขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

“เป็นบ้าหรือไง เครื่องกล!” เขาหันมาว่าเสียงหนัก
“เราอยู่ร่วมห้องกันแค่ปีเดียว อยู่คนละคณะกันด้วยซ้ำ พ้นปีหนึ่งก็ต่างคนต่างไป มหา’ลัยออกกว้างใหญ่ อาจจะไม่เจอกันอีกเลยก็ได้ แล้วมึงจะแคร์อะไรนักหนา!”

คนไม่ค่อยพูด ไม่ได้หมายความว่าพูดยาวไม่ได้
ที่จริง.. เมื่อพูดออกมาแล้ว หยุดยากเสียด้วย

“ถ้ามึงไม่พอใจ มึงก็มีทางเลือก กลับไปอยู่บ้านก็ได้ มีคนรถขับมาส่งไม่ใช่หรือ จะมาทนอยู่หอที่เดี๋ยวไฟดับ เดี๋ยวน้ำไม่ไหล เดี๋ยวก็มีตัวอะไรที่มึงไม่ชอบทำไม”

ม่อนแจ่มขบเม้มริมฝีปาก ฟันฟืองความคิดหมุนวุ่นตามคำพูดนั้น

“เออ กูมีทางเลือก” หนุ่มวิศวฯเครื่องกลปฏิเสธไม่ได้ว่าเห็นด้วย
“ถ้าไม่พอใจมากๆ กูก็แค่กลับบ้าน ใช่เลย มึงพูดถูก กูอยู่วิศวฯ มึงอยู่มนุษยฯ พ้นปีหนึ่งก็ต่างคนต่างไป กูไม่เห็นต้องแคร์
กูจะทนอยู่หอนี้ อยู่ห้องนี้ทำไมล่ะ
กูจะอยู่ทุกวันเพราะอยากเห็นหน้ามึงทุกวันไปทำไมจริงไหม ทั้งๆที่มึงก็ไม่ได้สนใจอะไรกูอยู่แล้ว!
 ..
กูจะอยากคุยกับมึง แค่เพราะอยากได้ยินเสียงมึงเรียกชื่อกูทำไมกัน..”

ม่อนแจ่มพูดมันออกมา ..เอ่ยสิ่งที่รู้สึกตามนิสัยตรงไปตรงมาของตนจนได้
ทว่า ก็เพียงเพื่อจะได้สบสายตาเฉยชาแบบเดิมและน้ำเสียงห้วนสั้นที่เอ่ยตัดรอนเขาว่า

“หยุดพูดสักที กูรำคาญ!”


..
..


           “พชร!”
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เหงื่อกาฬผุดพรายเต็มใบหน้า ปากอ้าตะโกนชื่อเดียวกับในภวังค์
..และให้หลังเพียงไม่กี่วินาที เสียงที่จดจำได้ก็เรียกขาน

“ม่อน”
พชรสลัดความงัวเงียทิ้งเมื่อได้ยินคนนอนเตียงข้างเคียงตะโกนเรียกเขาสุดเสียงแหวกผ่านความเงียบของยามดึก
ร่างกำยำเลิกผ้าห่มออก ขยับกายว่องไวมาประชิด
“เป็นอะไรครับ?”

หะ..
เป็น.. อะไร..


ม่อนแจ่มคืนสติ ตาใสกระพริบปริบๆ เมื่อชินกับความสลัวจึงมองเห็นโครงหน้าคมสันของคนคุ้นเคยรางๆ

คนคุ้นเคย
จริงสิ.. พชรเป็นคนคุ้นเคยของเขาแล้วนี่นา
ไม่ใช่รูมเมทที่แปลกแยกต่อกันเหมือนเมื่อตอนเริ่มต้นปีหนึ่งสักหน่อย

บ้าจริง
แหะๆ

ม่อนแจ่มก็แค่..

“ฝันร้าย”
มือขาวยกขึ้นเกาหัว ยิ้มแหยๆ หัวใจที่เต้นจังหวะร็อคด้วยอาการตื่นตกใจค่อยๆผ่อนช้าลง เขาสูดหายใจเฮือกใหญ่
พชรบีบไหล่สั่นเทาของเขาหนักๆอย่างปลอบโยน ก่อนละไปเอื้อมกดเปิดสวิชต์ไฟให้ส่องสว่าง
แว่นสายตากรอบแดงถูกส่งมาให้หลังจากนั้น

“ขอบคุณ พชร”
เมื่อมีตัวช่วย ม่อนแจ่มก็เห็นดวงตาดำขลับที่มองมาด้วยความห่วงใยนั้นได้ชัดเจน

“กูทำมึงตื่นเลย ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร” พชรตอบกลับมาอย่างที่คาดได้ มือแกร่งหยิบขวดน้ำ เปิดฝา ส่งให้
“ดื่มเสียก่อน”

‘ดื่มน้ำเสียก่อน’ คือคติพจน์หนึ่งของพชรที่ม่อนแจ่มเรียนรู้
เหนื่อย หิว ตกใจ เศร้าใจ อะไรก็ดื่มน้ำเสียก่อน แล้วจะดีขึ้น
ม่อนแจ่มนึกยิ้ม รับขวดน้ำมาซดสองสามอึกใหญ่ ก่อนยื่นกลับให้
“มึงก็กินด้วยสิ”

พชรพยักหน้า ดื่มน้ำอึกหนึ่ง ก่อนจะวางขวดไว้บนโต๊ะ แล้วจึงทรุดนั่งลงบนเตียงเคียงม่อนแจ่ม
“แล้ว.. ฝันอะไรหรือ?”
เพราะอยากรู้ว่าอะไรทำให้ม่อนแจ่มตะโกนเรียกเขาดังลั่นขนาดนั้น เพราะพชรห่วงใย..

อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มลำบากใจที่จะตอบ

“เอ่อ.. อ่าม..” เสียงเล็กอึกอัก
“คือ..”

พชรเลิกคิ้ว รอฟัง
แต่เมื่อยังไม่มีคำใดหลุดจากริมฝีปากคนช่างเจรจา เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีที่เรียนรู้มาจากม่อนแจ่ม นั่นคือการตีกรอบคำถามให้แคบลง
“เพื่อนที่ไม่สนิทหรือ?”

ม่อนแจ่มส่ายหน้า..

“เพื่อนที่ไม่สนิทที่สุด?” เสียงเข้มถามให้แคบลงอีก
ม่อนแจ่มเองก็ส่ายหน้าอีก ..นิ้วชี้ค่อยๆยกขึ้นจิ้มอกพชร
“หะ..” เสียงเข้มหลุดอุทาน “ฝันถึงกู?”

มันเป็นฝันร้ายเลยหรือนั่น!

“แล้ว.. กูทำอะไรไม่ดีหรือ” พชรหวั่นใจ
“เอ่อ.. เปล่า” ม่อนแจ่มปฏิเสธ
“แล้วเป็นฝันร้ายยังไง?”

คือ.. ถ้าม่อนแจ่มฝันถึงแมลงสาบหรือภูติผีสาง พชรคงไม่ถามรายละเอียดหรอก
แต่เพราะม่อนแจ่มบอกว่าฝันร้าย แล้วดันฝันถึงตัวเขา พชรจึงอยากรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปในความฝัน ชีวิตจริงจะได้หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติ

“ก็.. ไม่ได้มีอะไรหรอก” ม่อนแจ่มหลบสายตา ส่ายหน้าดิก
“กูมันขี้โวยวายอยู่แล้ว แหะๆ.. มึงก็รู้นี่นา”

“ไม่อยากบอกกูหรือ” พชรถามตรงๆ

จากที่ก้มหน้าหลบซ่อนดวงตา ม่อนแจ่มเงยขึ้น
จากที่ปกติเขาเป็นคนรุกไล่ถาม พชรก็ทำเป็นบ้างแล้วนะเนี่ย ท่าทางชำนาญเสียด้วยสิ..

“คือ.. กูฝันถึงตอน เอ่อ.. ตอนแรกๆ” ม่อนแจ่มจำต้องตอบ

พชรขมวดคิ้ว ..ยังไม่เข้าใจ

“ที่หอสามน่ะ” ม่อนแจ่มเสริม “ตอนเปิดเทอมแรกๆ ที่มึงไม่ แบบว่า.. ”

อ้อ..

“ตอนที่กูไม่ค่อยคุยด้วยน่ะหรือ”
“มึงใช้คำว่า ‘ไม่ค่อย’ เรอะ?”
ม่อนแจ่มทำตาขวางใส่ ..ซึ่งน่ารักจนพชรหลุดหัวเราะออกมา
“ขำอะไร” คิ้วเรียวขมวดมุ่น น้ำเสียงม่อนแจ่มสะบัดขึ้นเล็กน้อย

จะตอบว่า ‘เปล่า’ ก็คงโกหก
จะบอกว่าขำม่อนแจ่มนั่นแหละ ก็ไม่อยากพูด พชรจึงถามอีก
“เราทะเลาะกันหรือ?”
ม่อนแจ่มหน้าหงิก “กูทะเลาะของกูคนเดียว”
เสียงเล็กเอ่ยความจริง เขาก็ทะเลาะของเขาคนเดียวตลอดนั่นแหละ แล้วไอ้บทพูดยาวๆของพชรในฝันนั่น ก็เป็นจินตนาการเขาปรุงแต่งใส่ความคนพูดน้อยเอง

จริงสินะ.. ทำให้นึกได้ขึ้นมา
จะไม่พูด ไม่คุย ไม่มองแค่ไหน ม่อนแจ่มจะหาเรื่องแค่ไหน พชรไม่เคยไล่เขากลับบ้าน ไม่เคยลิดรอนสิทธิการอยู่หอของเขาแบบนั้น

“ขอโทษนะ” พชรถอนหายใจยาว “ตอนนั้นกูคงทำให้เป็นทุกข์มาก”
ถึงยังฝังใจฝันถึงอยู่แบบนี้..

“ไม่..” ม่อนแจ่มส่ายหน้า มือบางวางทาบบนมือพชร ประสานสายตา  “ไม่เป็นไรแล้ว”

ไม่เป็นไรจริงๆ..
ใช่ ตอนนั้นม่อนแจ่มเป็นทุกข์ แต่พชรเองก็เป็นทุกข์
และมองย้อนกลับไปแล้ว เขาไม่เคยเกลียดช่วงเวลาเหล่านั้นเลย
ก็เพราะว่ามีตอนนั้น จึงมีตอนนี้ และเพราะพชรคนนั้น ก็คือพชรคนนี้

ม่อนแจ่มมองเข้าไปในดวงตาคมสีดำสนิท ดวงตาที่เสมือนเฉยชา ทว่า เพียงฉาบปิดความห่วงใยไว้ตลอดมา

ดวงตาของพชร..

มืออีกข้างค่อยๆยกขึ้น กระทั่งกดทาบแผ่นอกแกร่งฝั่งซ้ายไว้ รู้สึกถึงเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ภายใน

หัวใจของพชร..

ช่างเข้มแข็งและงดงามเสมอ
แรกเจอก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว..

ม่อนแจ่มหรุบสายตาลงมอง
อยากเอนใบหน้าซบลงไป อยากได้ยินเสียง ‘ตึก ตึก’ จากภายในให้ชัดเจนขึ้นอีก

แล้วเขาก็ทำ..

สัมผัสจากแผ่นอกแข็งแรงอบอุ่นเหมือนที่จำได้
กลิ่นกายจางๆของพชรอวลอยู่ที่ปลายจมูก
ม่อนแจ่มรู้สึกคิดถึง..

ปิดเทอมที่ผ่านมา พชรอยู่แม่ทา ทำงานของลูกชาวสวน
ม่อนแจ่มอยู่เมืองเชียงใหม่ ทำงานของทายาทนักธุรกิจ
แน่นอน.. เมื่อห่างไกลย่อมคิดถึง
แต่ขณะนี้ แม้จะอยู่ร่วมห้องกันมาแล้วเกือบเดือน ม่อนแจ่มก็ยังคงรู้สึก ‘คิดถึง’ อยู่ลึกๆ
เป็นความคิดถึงที่แค่การพบเจอ.. ได้เห็นหน้าค่าตา..  ไม่อาจเติมเต็มความโหยหา
อาจเพราะความรู้สึกเช่นนี้เองกระมัง ที่ผลักให้จิตใต้สำนึกของเขาฝันถึงช่วงเวลาแรกพบกัน ณ หอสามชาย
เพราะในตอนนั้น ม่อนแจ่มก็โหยหาพชรเช่นนี้
แน่ละ.. ไม่ได้ลึกซึ้งเท่าตอนเป็นคนรักกันแล้วเช่นขณะนี้หรอก แต่ก็มากที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะรู้สึกต่อคนอีกคนที่เพิ่งพบกันเพียงไม่นานได้

ดวงตาในกรอบแว่นแดงหลับลง อยากซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้
ม่อนแจ่มคิดถึงพชร..
ไม่ได้คิดถึงเพราะห่างไกล แต่คิดถึง ..เพราะใกล้กัน
มันเป็นความคิดถึงอีกแบบ
ซึ่ง.. ความคิดถึงบางแบบก็ควรถูกซ่อนเอาไว้ให้ลึกมากๆ

           พชรนิ่ง.. กับท่าทีของคนรัก
หลายวันที่ตื่นมาพบกัน เห็นกันและกันก่อนหลับตา สารภาพว่า.. ยังไม่เคยเข้าใกล้กันขนาดนี้
มือกร้านของเขาสั่นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ขณะค่อยๆยกขึ้นลูบไล้เรือนผมที่เอนซบแผ่นอก
การอยู่ห้องเดียวกันเพียงลำพังมันทำให้ใจรู้สึกหวามไหวยิ่งกว่าตอนอยู่หอสามชายมากนัก
มากขนาดที่พชรรู้สึกขอบคุณสติสัมปชัญญะตัวเองเหลือเกินที่ตัดสินใจเลือกห้องเตียงคู่ในตอนแรก
เพราะหากนอนเตียงเดียวกัน หายใจใกล้กันในระยะอันตรายละก็.. เขาคงไม่มีทางยับยั้งชั่งใจได้แน่

ม่อนแจ่มตัวเล็ก.. พวกเขาอายุน้อย.. แทบทุกวันต้องไปเรียนหรือไม่ก็ทำกิจกรรม..
เหตุผลต่างๆเดินเรียงแถวเข้ามาเป็นกำแพงขวางกั้น
ทำให้ ‘อีกครั้ง’ ยังไม่เคยเกิดขึ้น
แม้จะต้องการมากสักเท่าไร..

พชรนึกอิจฉาไอหมอก
หนุ่มวิทยาฯเคมีมองการณ์ไกลมาก ไอหมอกไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับไอดิล และนั่น.. ก็คงทำให้ไอหมอกไม่ต้องทนทรมานเวลาเห็นคนรักนอนหลับตาพริ้ม ผ้าห่มเลื่อนหลุดจากตัว เสื้อนอนเลิกขึ้นจนเห็นเอวคอดและหน้าท้องขาวนวล หรือไม่ก็แผ่นหลังเนียนบาง แล้วแต่จะนอนหันหน้าหรือหันหลังให้เขา
ไม่ต้องฟังเสียงไพเราะฮัมเพลงเบาๆปะปนไปกับเสียงน้ำไหลจากฝักบัว
ไม่ต้องได้กลิ่นกายผสมกลิ่นสบู่อ่อนๆเวลาที่ร่างเล็กๆขาวๆเดินออกมาจากห้องน้ำ

พชรกลืนน้ำลาย ขบเม้มริมฝีปากอย่างหวังว่านั่นจะช่วยสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกของเขาเอาไว้ด้วย
ราวเนิ่นนานผ่านมาแล้ว นับตั้งแต่ตอนเย็นวันนั้น บนเตียงของม่อนแจ่ม.
และถึงแม้มันจะเนิ่นนานผ่านมาจริง ก็น่าอัศจรรย์ที่พชรจำได้ทุกรอยสัมผัส ทุกความรู้สึกอิ่มเอมที่เกิดขึ้น

เคยอิ่มแล้ว
แต่ก็หิวอีก
..และอีก


มือกร้านที่ลูบเรือนผมเลื่อนลงมาไล้หลังคอ รู้สึกถึงผิวกายคนรักที่ชื้นขึ้นจากหยาดเหงื่อ
ลมหายใจม่อนแจ่มที่เป่ารดแผ่นอก ตลอดจนสัมผัสจากฝ่ามือที่ทาบทับหัวใจเขาก็ดูจะผ่าวร้อนขึ้นด้วย
พชรแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง

ม่อนแจ่มเป็นเหมือนเขาไหม.. ต้องทรมานในความสุขใจจากการใกล้ชิดแบบเขาหรือเปล่า
รู้สึกอะไรไหมตอนที่เขาถอดเสื้อออก เผยให้เห็นมัดกล้ามบริเวณหน้าท้อง
ได้กลิ่นกายของเขาไหมจากเสื้อผ้าที่เจ้าตัวบรรจงรีดให้
แล้ว.. ได้ยินเสียงหอบหายใจของเขาหรือไม่ ตอนที่พชรอยู่ในห้องน้ำและจดจ่อคิดถึงแต่ม่อนแจ่มเอง

“พชร..”
เสียงกระซิบสั่นพร่าดังแหวกเสียงเต้นของหัวใจ
และ.. ราวกับนั่นคือคำตอบของคำถาม เพียงการขานชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนั้นได้คลายความสงสัยทั้งมวล

ไม่รู้อย่างไหนเกิดขึ้นก่อน ระหว่างพชรก้มลงไปกับม่อนแจ่มเงยขึ้นมา
ทว่าริมฝีปากคนทั้งสองก็พบกันกลางทาง..

ปลายจมูกสัมผัสกัน ลมหายใจปะทะกัน
และ.. ไม่มีใครถอยห่าง
มีแต่ค่อยๆเข้าหากันอย่างช้าๆ ..ใกล้จนแนบชิด

มิวายจะชิดอีก..

พชรแทะเล็มเรียวปากอิ่ม
กระหาย.. แต่ก็ไม่ยอมดื่มกินให้เต็มความรู้สึก
เดินทางไปช้าๆ.. สัมผัสทุกลมหายใจที่ค่อยๆถี่ขึ้นของคนรัก

ลิ้นหนาแลบออกมาตวัดแทบจะพร้อมๆกับที่ม่อนแจ่มเผยอกลีบปากออก
เรียวลิ้นพบกัน ตวัดโต้ตอบกันและกันอยู่ภายในโพรงปาก
เสียงครางอืออ่อนหวานในลำคอ..

มือกร้านข้างหนึ่งยังคงไล้หลังคอ อีกข้างเลื่อนจากเอวขึ้นมาถอดแว่นแดงที่เพิ่งส่งให้ใส่ออกเสีย
ม่อนแจ่มลืมตาขึ้น ดวงหน้าคนรักพร่าเลือนไป แต่เขาก็รู้ว่าหัวใจภายในเรียกร้องสิ่งใด
เรียกร้อง ต้องการ จนหยุดนึกถึงสิ่งอื่นไปชั่วขณะ..

ใบหน้าม่อนแจ่มเป็นสิ่งเดียวที่พชรมอง
และร่างกายม่อนแจ่มก็เป็นที่เดียวที่พชรอยากสัมผัส..

มือแกร่งทั้งสองข้างแตะไหล่บาง ค่อยๆพาเอนลงบนเตียง
กระทั่งแผ่นหลังม่อนแจ่มสัมผัสฟูกปูผ้าลายมือพูห์ผืนเดิม
พชรทาบทับลงไปหา ระวังไม่ทิ้งน้ำหนัก ขณะริมฝีปากก็ตามคลอเคลียไม่ห่าง ก่อนละออกมาพรมจูบข้างแก้ม
ไล้ต่ำลงมาบริเวณลำคอ..

“อ๊ะ..”
ลำคอเป็นส่วนอ่อนไหว.. เมื่อถูกสัมผัสเช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่เสียงครางจะหลุดรอดออกมา
กลิ่นที่ซอกคอม่อนแจ่มหอมกรุ่น พชรแตะจมูกสูดดมกลิ่นกาย ตระหนักว่ามันชัดเป็นพิเศษในบริเวณนี้

อืม..
เขาไม่อยากจะละไปเลย

“พชร.. อื้อ..”
ม่อนแจ่มคราง สองแขนโอบรั้งไหล่หนา พึงพอใจในสัมผัสวาบหวามที่กำลังได้รับ
พชรครางตอบเสียงหนัก มือไล้ผ่านเข้าไปในเสื้อนอน คลึงหน้าท้องแบนราบเบาๆ
ม่อนแจ่มนุ่มนิ่มไปทั้งตัว เนียนบางจนอดไม่ได้ที่จะสัมผัสซ้ำแล้วซ้ำอีก
ทว่าก็น่าปกป้อง น่าทะนุถนอมจนพชรไม่ยอมทิ้งน้ำหนัก ไม่กล้าฝากร่องรอย 
เพราะม่อนแจ่มตัวเล็ก เพราะม่อนแจ่มบอบบาง เพราะม่อนแจ่มยังต้องไปเรียน..

ไปเรียน..

พชรชะงัก หอบหายใจ
“พรุ่งนี้เช้า มึงมีเรียน”

ราวกับจู่ๆ สำนึกผิดชอบชั่วดีก็กระโจนเข้ากระชากตัวเขาออกจากภวังค์ฝัน
นัยน์ตาสีนิลลืมขึ้น พยายามละจากสัมผัสเย้ายวนทั้งๆที่แทบผละออกไม่ได้ จมูกโด่งยังคงเคลียซอกคอ มือหนายังทาบทับหน้าท้อง

“มึงมีเรียน”
พชรพูดซ้ำเสียงหนักขึ้นราวกับเตือนสติตัวเอง และคำพูดซ้ำนั้นก็บาดหัวใจม่อนแจ่มเหลือเกิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสิ้นสุดคำพูด สัมผัสอบอุ่นจากริมฝีปากและมือของพชรก็ค่อยๆละจากไป

ม่อนแจ่มรู้.. ม่อนแจ่มเข้าใจ..
เวลาร่วมเดือนที่อยู่ร่วมห้องกันเพียงลำพัง พชรรักษาระยะทำไม เขาเข้าใจดี
แต่ว่า.. นัยน์ตาใสก็ยังเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำ
รู้สึกราวกับกำลังล่องลอยในอากาศและถูกทุ่มลงพื้นเต็มแรง
มันราวกับ.. อกของเขาถูกหักออกจากกัน
และมัน.. รู้สึกกระดากอายเหลือเกิน

ม่อนแจ่มพยายามกระพริบตาไล่หยาดน้ำ พยายามจะหลบหน้าพชรที่ศีรษะผงกขึ้นมาแล้วอย่างไม่รู้ว่าจะหลบไปทางใด

“พชร” ..อย่ามอง
แม้แต่คำหลัง ม่อนแจ่มยังมีแรงใจไม่พอจะเอ่ยออกมา
หยาดน้ำที่เอ่อคลอนัยน์ตา ที่สุดก็ไหลท้นออกมา หลั่งเปื้อนแก้ม

ลมหายใจพชรชะงักยิ่งกว่าคราแรก
เสียงกลั้นสะอื้นของคนรักดังฝ่าความเงียบมาเบาๆอย่างพยายามสกัดกลั้นไว้สุดความสามารถ

ม่อนแจ่มร้องไห้..

มือกร้านของพชรยกขึ้น ค่อยๆใช้ปลายนิ้วโป้งไล้ปาดหยาดน้ำตาออก
เพราะน้ำตา ทำให้รู้ว่าม่อนแจ่มต้องการเขามากแค่ไหน
เพราะน้ำตา ทำให้รู้ว่าม่อนแจ่มอดทนด้วยความเข้าใจ
และเพราะน้ำตา.. กำแพงเหตุผลของหนุ่มปรัชญาจึงพังครืน

พชรพ่นลมหายใจออก ..ซึ่งเหมือนกับว่า เหตุผลต่างๆถูกปล่อยออกไปพร้อมกัน
มือข้างที่ปาดน้ำตาก่อนหน้าเลื่อนไปทาบหลังคอ อีกข้างเชยคางเรียวขึ้น เบียดริมฝีปากลงไปหา
ได้รสเค็มปร่าของน้ำตาที่ยังคงไหลลงมาและเขาก็ยินดีที่จะกลืนกินมันลงไป
เรียวลิ้นพชรแทะโลมริมฝีปากอิ่มให้เผยอออกอีกครั้ง

ม่อนแจ่มตั้งตัวไม่ทัน แต่พชรก็ไม่เร่งร้อนเกินที่เขาจะติดตามไปได้
ลมหายใจปะทะกันอีก และม่อนแจ่มก็ตอบสนอง เบียดริมฝีปากเข้าหาอีก ..ก่อนเผยอออก
อกที่เหมือนจะหักก่อนหน้าประสานเข้าด้วยกันรวดเร็วจนน่าตกใจ

พชรโอบรัดร่างเล็กแนบชิดตนเอง สอดมือเข้าไปในร่มผ้าอีกครา
ข้างหนึ่งไล้สัมผัสแผ่นหลังเนียน ข้างหนึ่งทักทายหน้าท้อง แสดงความขอโทษที่เคยผละจากไป
ม่อนแจ่มครางเครือในลำคอ พอใจ.. ไว้ใจ..
มือบางรั้งไหล่หนาไว้ เบียดลำตัวตนเองเข้าหาทั้งที่ใกล้ชิดจนอากาศจะผ่านไม่ได้อยู่แล้ว
เขาอยากสัมผัสพชรให้มากที่สุด สัมผัสเหมือนไม่เคยสัมผัส สัมผัสเหมือนกลัวจะไม่ได้สัมผัส
กลัวพชรเปลี่ยนใจ..

สัมผัสที่หน้าท้องพาอารมณ์ม่อนแจ่มทะยานสูงขึ้นไปจนหายใจหอบ
มือพชรละสัมผัสจากลำคอมาปลดกระดุมเสื้อนอนเขาออก.. ค่อยๆปลด
และทุกครั้งที่ปลายนิ้วสัมผัสผิวเนื้อ ม่อนแจ่มก็สั่นสะท้านไปหมด
สาบเสื้อแยกออกจากกัน เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนใต้แสงไฟส่องสว่าง

ม่อนแจ่มหลับตา ลมหายใจถี่ราวกับกำลังวิ่งรอบคณะก็ไม่ปาน
พชรแตะจูบลงเบาๆกลางหน้าอก

“อ๊ะ..” ม่อนแจ่มครางเสียงสั่น
สัมผัสนั้นทั้งบางเบาเกินไปและหนักแน่นเกินไปในคราวเดียวกันจนเขาเองก็แยกแยะไม่ถูกแล้วว่าเป็นแบบไหนกันแน่

“อืม..”
พชรทนไม่ไหว เสียงครางที่หลุดออกมาเหมือนจะกระตุ้นร่างกายให้กล้าทำตามหัวใจ

ที่สุด เหตุผลก็ถูกทิ้งไว้ข้างเตียง..

ยอดอกกะจิริดสีชมพูจางๆท้าสายตา ริมฝีปากหนาจึงย้ายไปสัมผัส
ขบ.. เม้มเบาๆ

“ฮื้อ..!”
ม่อนแจ่มหวีดร้อง ..อ่อนไหวยิ่งกว่าที่เคยอ่อนไหว
ลมหายใจเขาขาดห้วงเป็นระยะ มือที่แตะบ่าเลื่อนมาทาบศีรษะปรกผมสั้นอย่างอัตโนมัติ
ครั้นรู้ตัวก็พยายามจะผละออก ไม่อยากสัมผัสศีรษะพชร
ทว่า มือเขาถูกคว้าไว้..

“จับเลย”
พชรเอ่ยหนักแน่น แม้ว่าน้ำเสียงเข้มจะแปร่งไปเล็กน้อยด้วยอารมณ์
ฝ่ามือนิ่มที่ทาบศีรษะ กดน้ำหนักเมื่อเขาทำให้รู้สึกทนไม่ไหว รวมเข้ากับน้ำเสียงครางอย่างพึงใจในสัมผัสที่เขามอบให้
มัน..
มันรู้สึกดี ..และมันไม่เป็นไรเลย
กับม่อนแจ่ม พชรก็ไม่ถือเหมือนกัน

เมื่อดวงหน้าขาวพยักหน้ารับ ยอมไม่ละมือจากไปไหน พชรจึงปล่อย
มือกร้านกลับไปทักทายยอดอกอีกข้าง สลับกับปรนเปรอด้วยริมฝีปาก

“ซี๊ด.. อา.. พชร..”
เสียงหวานครางร่ำ สูดริมฝีปากระบายอารมณ์
มือข้างหนึ่งยึดไหล่กว้างเอาไว้ อีกข้างทาบศีรษะ แผ่นอกหยัดขึ้นอย่างไวต่อสัมผัส
อย่างต้องการให้สัมผัสอีก..

ร่างกายส่งปฏิกิริยาโต้ตอบตามหัวใจ
ม่อนแจ่มซื่อตรงต่อความรู้สึกตนเองเสมอ เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น
และ.. มันน่ารักน่าใคร่เหลือเกินในความรู้สึกพชร

รัก.. คิดถึง.. ต้องการ..

พชรกดจูบทั่วแผ่นอก บอกสิ่งเหล่านั้นผ่านร่างกายให้ม่อนแจ่มรับรู้
ก่อนตัดใจ ละออกมาถอดเสื้อยืดตัวเองออกพ้นตัว
แขนแข็งแรงสอดแนบฟูกนอน โอบร่างเล็กเข้ามาชิด แผ่นอกเปลือยเปล่าสัมผัสกัน
ร่างกายท่อนล่างมีเพียงผ้าบางๆกั้น ..ซึ่งไม่พอจะปกปิดความแข็งขืนที่อยู่ภายใน
มันสัมผัสกัน.. เสียดสีกัน.. เรียกลมหายใจถี่เร็ว

พชรละมือจากแผ่นหลังมาแตะลงที่เอวคอด ดึงกางเกงนอนออกพ้นเรียวขา
ม่อนแจ่มหลับตาลงอย่างเขินอาย ..แต่เพียงชั่วอึดใจก็ลืมขึ้นใหม่ เพราะอยากเห็นพชร
กายบางหยัดขึ้น มองคนที่ตัวเองรัก แม้สายตาสั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในยามนี้
มือเรียวข้างถนัดของเขายกขึ้นทาบแผ่นอกพชรเหมือนที่ทำก่อนหน้า ต่างที่ตอนนั้นมีเสื้อผ้า ตอนนี้ไม่มี..

ตึก ตึก..

เสียงหัวใจดวงเดิม ดวงที่ม่อนแจ่มอยากให้หัวใจเขาเต้นไปด้วยจังหวะเดียวกัน
ดวงตาคู่งามหลับลง สูดลมหายใจ  ..ไล้มือต่ำลง สัมผัสมัดกล้ามบริเวณหน้าท้องดังที่ชอบแอบมอง
เขาชื่นชมรูปร่างพชรเสมอ ..มันแข็งแรง กร้าวแกร่ง สมเป็นสุภาพบุรุษ
มือบางหยุดชะงักอยู่บริเวณนั้นหลายอึดใจ ..แล้วก็ไปต่อจนหยุดที่เอวหนา มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาแตะด้วย
ม่อนแจ่มไม่มองหน้าพชรเลย รู้ว่าใบหน้าตัวเองก็ซับสีเลือดเต็มที แต่เขาจะไม่ยอมถอยกลับ ..เขาดึงกางเกงขาสั้นของพชรลง
 
กิริยานั้นทำให้ร่างกำยำชะงัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. เมื่อม่อนแจ่มไม่ได้หยุดแค่นั้น
มือเล็กลากผ่านส่วนแข็งขืนของเขาลงไป
กอบกุม.. รูดรั้ง..

ครั้งแรก ตรงนี้ของเขาไม่ได้ถูกสัมผัส ..แบบนี้
และมัน..

“อ..อืม”
พชรครางในลำคอ ลมหายใจขาดห้วงที่เคยเป็นของม่อนแจ่ม บัดนี้เป็นของเขา

“ม่อน ซี๊ด.. ม่อน..”
เป็นพชรที่ขานชื่อคนรัก อยากให้หยุด พอๆกับอยากให้ทำต่อ
อยากจะยกมือขึ้นมารั้ง พอๆกับที่อยากให้มือเล็กนั้นพาเขาไปจนสุดปลายทาง
มักเป็นม่อนแจ่มที่ทำให้คนแน่วแน่อย่างเขาต้องสับสน..

“ม่อน..!”
ที่สุด พชรก็จับมือม่อนแจ่มไว้ แล้วดึงกางเกงออกพ้นขาเสีย
ร่างกำยำเอนกายร่างเล็กลงบนเตียงใหม่ มือหนาไล้สัมผัสส่วนตึงเครียดกลางลำตัวให้
ม่อนแจ่มผวาเฮือก.. สองมือโอบรั้งไหล่พชร ครางอื้ออึงบอกความรู้สึกโดยไม่ปิดบัง

พชรขบริมฝีปาก หายใจรุนแรงไม่แพ้กัน
ใบหน้าแดงจัดที่ชื้นเหงื่อ เรียวคิ้วที่ขมวดมุ่น ริมฝีปากที่อ้าออกสลับขบเม้ม เสียงร้องครางที่หวานหูทำให้ทนไม่ไหวแล้ว
มือกร้านรูดรั้ง.. ปลุกเร้าใจกลางร่างให้คนรัก..

“ซี๊ด..ด”
ม่อนแจ่มสูดปาก กลั้นหายใจ ไม่อยากให้พชรหยุดมือเลย
แต่ว่า..

“พชร..”
เสียงหอบหายใจเรียกชื่อ มือสั่นๆรั้งมือขวาข้างถนัดที่กำลังปรนเปรอส่วนอ่อนไหวให้หยุดการกระทำ
มองแจ่มมองตาพชร ถึงเขาจะมองไม่ชัดก็ไม่เป็นไร
แต่พชรมองเห็นเขาชัดดีมิใช่หรือ รู้มิใช่หรือว่าเขารักพชร
และเพราะว่ารัก ม่อนแจ่มจึงอยาก ..ถูกรัก..

พชรขมวดคิ้วน้อยๆ งุนงง..
จนเมื่อริมฝีปากอิ่มนั้นเผยอออก ยกมือเขาขึ้นมา สอดนิ้วของเขาเข้าไปในโพรงปากตัวเอง
ขบเม้ม บดคลึงไว้ ..จึงเข้าใจ

พชรนิ่งค้างอยู่ชั่วขณะ
ม่อนแจ่มมักทำอะไรที่เขาคาดไม่ถึงเสมอ และคราวนี้.. มันน่ารักเกินไปแล้ว เกินไปมาก
มากจนเขายอมพ่ายแพ้อีกครั้ง ..และอีกครั้ง

พชรดึงนิ้วตัวเองออกจากโพรงปากม่อนแจ่ม แทรกเรียวลิ้นของเขาเข้าไปแทน
บดเบียด.. ชิดใกล้.. ก่อนผละจากไป เพื่อก้มลงต่ำ

เรียวลิ้น.. ส่วนที่อ่อนที่สุดที่ร่างกายบังคับได้
พชรใช้มันก่อน ..เหมือนครั้งแรก
สัมผัสเปียกชื้นโลมเลียช่องทางนุ่มหยุ่นเหมือนที่เคยทำ
และเช่นกัน..

“อ๊า.. พชร อื้อ! ”
..ที่เสียงหวานจะหวีดร้องเหมือนครั้งนั้น

พชรกดลิ้นแทรกเข้าไป เตรียมเรือนกายที่เขาหวงแหนให้พร้อมรับสัมผัสหนักแน่นที่จะมอบให้
ไล้เลียจนพอใจ ปลายนิ้วเปียกชื้นจึงค่อยๆสอดใส่เข้าไปแทน

“ฮึก..อือ..”
ม่อนแจ่มผ่อนหายใจยาว ใบหน้าแหงนเงยขึ้น ดวงตาปิดสนิท ริมฝีปากขบเม้มเข้าด้วยแรงอารมณ์
จนเมื่อกลีบปากถูกพชรกดจูบ มอบความอ่อนโยน ส่งผ่านความอบอุ่นใจ ร่างกายจึงผ่อนคลายลง
มิวายเกร็งเขม็งอีกครั้งเมื่อนิ้วสากขยับ ..เคลื่อนไหวช้าๆภายใน
กระทั่งค่อยๆ เร็วขึ้น ..เร็วขึ้นอีกนิด

“ซี๊ด..ด  พชร  พชร..”
ม่อนแจ่มคราง เรียกชื่อเดิมซ้ำๆ ระบายความรู้สึกกึ่งหนักกึ่งเบาหวิวที่กำลังเผชิญ
“พชร!”

ไม่ไหวแล้ว.. ไม่ไหว
ม่อนแจ่มพยักหน้าให้
ไม่พูดอะไร ..แต่คนรักกันก็เข้าใจความหมายนั้นได้ดี

พชรถอดถอนปลายนิ้วออกมา
และม่อนแจ่มก็กลั้นหายใจ
อดทน.. รอคอย..
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: INDY-POET ที่ 01-11-2017 00:13:06
          ไม่มีใครอยากทำให้คนที่รักต้องเจ็บ พชรก็เช่นกัน
“ไหวไหม ม่อน..” เสียงเข้มกระซิบถามริมหู
ม่อนแจ่มพยายามลืมตา แต่กายบางเกร็งจากความเจ็บปวดจนเอ่ยตอบไม่ไหว
พชรแทบน้ำตาตก เขาไม่อยากเห็นม่อนแจ่มทรมานแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนเองเป็นคนทำ

“กูหยุดดีไหม”
เจ็บเหมือนกันที่ต้องถามแบบนี้ แต่มันยากเกินไป ยากยิ่งกว่าครั้งแรก
พวกเขาผูกพันกันมากกว่าตอนนั้น รักกันมากกว่าตอนนั้น เขาทนทำให้เจ็บปวดขนาดนี้ไม่ได้

“อย่า..”
ม่อนแจ่มร้องห้ามเสียงพร่า ส่ายหน้าดิก น้ำตาเอ่อรินอีกครั้ง
“ขอร้อง ..อย่าหยุด”
เขาทนไม่ได้ ทนไม่ไหว ถ้าพชรผละจากไปอีก

ใช่.. ที่ม่อนแจ่มกำลังเจ็บ แต่เป็นความเจ็บที่ทนรับไว้ได้
อยากให้รู้ว่าเขาพร้อม เขายอม..
ยอมจำนนต่อพชรเสมอ

“เข้ามา พชร”

ได้โปรด..

น้ำเสียงที่ฝืนความสั่นไหวเอ่ยออกมาทั้งหนักแน่นและเว้าวอน
พชรหลับตา กัดริมฝีปาก ลำคอแกร่งพยักรับ
บอกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าหากคนคนนี้ขอ เขาสามารถทำให้ได้
แล้วพชรก็ทำ..

เขาฝ่าความเจ็บปวดของม่อนแจ่มซึ่งมันก็เป็นที่เดียวกับที่ความเจ็บปวดของเขาดำรงอยู่ด้วย
กระทั่ง.. เข้าไปถึงภายใน
กระทั่ง.. ร่างกายคนรักยอมรับเขาเข้าไป

“อ..อื้อ”
ม่อนแจ่มผ่อนลมหายใจ มือที่เกาะไหล่พชรไว้เผลอจิกกดลงไปเต็มแรงจนคงจะทิ้งร่องรอย
ตระหนักได้ดังนั้นก็ตื่นตกใจ ดวงตาลืมขึ้น พยายามมองสำรวจ ทว่าภาพพร่าเลือนจากข้อจำกัดของสายตา
“พชร.. พชร เจ็บหรือเปล่า!”

ร่างกำยำชะงักงัน
อารมณ์ก็พุ่งทะยาน แต่ก็ขำจนแทบหลุดหัวเราะ
ควรเป็นเขามิใช่หรือที่ต้องถามม่อนแจ่มน่ะ?
แต่ก็นะ.. พชรตอบไป
“ไม่เจ็บครับ”

นัยน์ตาสีดำสนิทมองประสาน โน้มใบหน้าลงไปหา กดจูบริมฝีปากเป็นการยืนยันคำพูดอีกทาง ก่อนละออกมา ปลายจมูกไล้ข้างแก้ม กระซิบถามริมหู
“ม่อนเจ็บมากไหม..”

ม่อนแจ่มพยักหน้า ยอมรับความจริง
“เจ็บ ตอนแรก แต่ว่าตอนนี้..”
ตอนที่รู้สึกคุ้นเคย ตอนที่ความรู้สึกสุขสมที่จำได้ย้ำเตือนร่างกายว่ามันกำลังรออยู่
ม่อนแจ่มรู้สึกเบา รู้สึกหวิว รู้สึก..

“เสียว..”
เสียงสั่นบอกอายๆ

“อืม..”
เป็นการ ‘อืม’ ที่พชรกึ่งคำราม เขาต้องหลับตาลงก่อน คนอะไรน่ารักเป็นบ้า!
เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนตรงหน้า นอกจากรักให้สมที่รัก..

สองแขนแข็งแรงสอดแนบฟูกนอน โอบร่างเล็กเปล่าเปลือยขึ้นมาแนบลำตัวในท่านั่ง
หลักๆ เพราะเขาอยากรับน้ำหนักม่อนแจ่มไว้เอง ซึ่งผลพวงก็คือ.. ท่วงท่ามันยิ่งทำให้ส่วนที่เชื่อมประสานกันเบื้องล่างสนิทแนบยิ่งขึ้น

“อะ.. อ๊ะ..”
ม่อนแจ่มคราง ฝ่ามือเลื่อนมาทาบศีรษะตามภาวะที่ลำตัวถูกดึงรั้งขึ้นไป
ใบหน้าชื้นเหงื่อซบลงกับไหล่ เสียงครางและหอบหายใจคลอริมหูพชร

จังหวะแทรกสอดหนักหน่วงสลับกับอ่อนเบาอยู่ในที..
ช้า.. แล้วเร็ว
เร็วแล้วก็.. ช้าลงอีก

“พชร”
มือเล็กกอดศีรษะปรกผมสั้นไว้
เหมือนจะไม่ไหว ..ม่อนแจ่มนึกอะไรไม่ออก

“พชร..”
นึกอะไรไม่ออก ก็เรียกชื่อพชร นิสัยนี้คงติดตัวม่อนแจ่มไปจนตายเลยกระมัง
แล้วนี่เขากำลังจะตายหรือเปล่า..  “พชร”

“ครับ ..ครับ” เจ้าของชื่อตอบกลับ
ถูกเรียก แต่พอพชรขานรับ คนเรียกก็ตอบได้แค่..
 “อือ..”

พชรยิ้ม
ยิ้มในความสุขใจ ยิ้มเพราะทุกครั้งที่ขึ้นไป ม่อนแจ่มก็จะลงมาหา
แล้วพวกเขาก็พบกัน.. ครั้งแล้ว ครั้งเล่า

“ฮึก พ.. พชร..”
ไม่ไหว ..ไม่ไหวแล้วจริงๆ
ม่อนแจ่มรู้สึกเหมือนร่างกายจะปริออก ทั้งๆที่ไม่หลงเหลือความเจ็บปวดใดๆ
ถ้าพชรไม่โอบกอดไว้ ม่อนแจ่มเชื่อว่าตัวเขาต้องแตกสลายไปแล้วแน่ๆ

“ม่อน..”
พชรคำราม เร่งจังหวะตนเอง มือข้างหนึ่งละจากแผ่นหลังเนียน มายังใจกลางร่าง อยากพาไปถึงให้พร้อมกัน
ทว่า ม่อนแจ่มส่ายหน้าแข็งขัน

ไม่เอา..
อย่าไป..

 
“พชร กอดกูไว้”

กอด.. กู.. ไว้.. แค่นั้น..

พชรหอบหนัก ยอมละมือที่รูดรั้งเพียงไม่กี่ครั้ง แล้วกลับไปกอดรัดคนรักแนบแน่น
แทรกตัวเข้าไปหา ..และม่อนแจ่มก็ยอมรับไว้

“อะ.. พชร ซี๊ด..ด อ๊ะ!”
ม่อนแจ่มทั้งเรียกทั้งคราง ดวงตาปิดสนิทแน่นทั้งที่อยากลืมขึ้นมอง
แต่ด้วยความรู้สึกนี้ การลืมตามันช่างยากเหลือเกิน

“พชร อื้อ.. กู จ..จะ..”
ดวงหน้าขาวเชิดขึ้น ผ่อนลมหายใจออกสลับสูดเข้า แขนเรียวผวากอดพชรไว้แน่น

“ซี๊ด.. อืม”
พชรครางรับเป็นสัญญาณว่าเข้าใจ อารมณ์เขาเองก็พุ่งทะยานจนยากจะหยุดแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ความห่วง.. ความหวง.. ที่ยังคงอยู่เหนือความเห็นแก่ตัวก็ทำให้ยั้งร่างกาย เสียงแหบแปร่งกระซิบถามความสมัครใจ
“ม่อน ..อยากให้เอาออกข้างนอกไหม”

ไม่..
แม้ยังไม่เอ่ยเป็นคำพูด แต่ศีรษะเล็กที่ส่ายไปมาก็บ่งบอกเช่นนั้น
และ ‘ความม่อนแจ่ม’ ก็คือ.. เจ้าตัวเป็นคนชัดเจน

“อย่าเอาออก พชร ป..ปล่อย.. ปล่อยข้างใน ปล่อยเลย..”

พชรพ่นลมหายใจ ดวงตาหลับลง ไม่ยั้ง ไม่กลั้นอะไรทั้งนั้นแล้ว
ถึงอยากทำก็ทำไม่ได้หรอกกับความน่ารักอัตรานี้
แขนข้างหนึ่งของเขาพาดผ่านแผ่นหลัง โอบม่อนแจ่มไว้ อีกข้างกดแนบสะโพก แทรกกายเข้าหาย้ำๆ.. ซ้ำๆ..
เสียงครางข้างหูและแรงบีบรัดใจกลางร่างพาความรู้สึกมากมายของเขาไปสุดทาง
กระทั่ง.. มันถูกปลดปล่อยสู่ภายในดังที่ม่อนแจ่มอนุญาต
เสียงหวานหวีดร้องเรียกชื่อ ‘พชร’ อีกครั้ง พร้อมสัมผัสเปียกชื้นปะทะมัดกล้ามบริเวณหน้าท้องในเวลาเดียวกัน

หยดน้ำตาหยาดไหลผ่านแก้มเนียนลงมาปะทะบ่าแกร่งด้วยแรงบีบคั้นของอารมณ์
แต่คราวนี้ พชรเพียงยิ้ม ตระกองกอดไว้ ..รู้ว่าม่อนแจ่มจะไม่เป็นไร


∞  ∞  ∞  ∞  ∞  ∞


            “พรุ่งนี้จะไปเรียนไหวหรือเปล่า”
น้ำเสียงเข้มเอ่ยถาม ขณะนอนเคียงบนเตียงเล็ก
“ดูถูกกันชะมัด” ม่อนแจ่มตำหนิ โอ้อวดสรรพคุณทันที “กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกลนะ!”

ฮ่ะๆ..
พชรอดจะหัวเราะไม่ได้
“ครับ แว่นแดง”

ม่อนแจ่มยิ้ม หน้าซุกลงกับอก รู้สึกอุ่นหัวใจ พชรขี้เป็นห่วงมาแต่ไหนแต่ไร
และเพราะความห่วงใยนี่แหละนะ จึงทำให้พชรยับยั้งชั่งใจมาร่วมเดือน
ซึ่งจะว่าไป..

“กูเข้าใจความรู้สึกไอ้ดิ้ลขึ้นมาเลยนะเนี่ย” ม่อนแจ่มเปรย
“กูก็เข้าใจความรู้สึกหมอก” พชรถอนหายใจ
“แล้วยิ่งรู้ว่าหมอกไม่ทำไอดิล กูยิ่งละอายใจที่ทำมึง..”

พชร..

ม่อนแจ่มสอดแขนกอดแน่นๆอย่างปลอบใจ
“มึงสงสารกูหรอก ถ้ากูไม่ร้องไห้ออกมา มึงก็คงหยุดแล้ว
..
แล้วกูก็อยู่นี่ไง ไม่ได้บุบสลายตรงไหนเลย”

พชรยังคงไม่พูดอะไร ม่อนแจ่มจึงเอ่ยต่อ
“ถ้ายังไม่สบายใจ คิดว่าหลับอยู่ก็ได้
คิดว่าเป็นฝัน..”

ฝันดีสุดๆ

พชรไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธเรื่องฝัน
กลับพูดไปอีกอย่าง.. อย่างที่ใจรู้สึก
 
“รักม่อนนะ รู้ใช่ไหม”
น้ำเสียงเข้มจริงจัง หมายความอย่างนั้นจริงๆ จริงจนลืมที่จะเขินอายตามวิสัยคนไม่ค่อยพูด
และนั่นก็ทำให้ม่อนแจ่มยิ้มหน้าบานขณะตอบรับ
“รู้”
..รู้เสียยิ่งกว่ารู้

“มึงก็รู้ใช่ไหมว่ากู-”
“รู้” พชรชิงเอ่ยขัดขึ้นก่อน ท่าสติจะเรียกความเขินอายกลับคืนมาแล้ว
“อะไรอะ ให้พูดหน่อยสิ!” ม่อนแจ่มไม่พอใจ
“รู้แล้ว ไม่ต้องพูดก็ได้” พชรบอกเลี่ยงๆ
“จะพูด!” ม่อนแจ่มดื้อ เอ่ยรัวๆ..
“รักพชร
ม่อนรักพชร
รักพชรที่สุด
..ชอบที่พชร ‘รัก’ ด้วย”

ให้ตายเถอะ..

“อยากโดนอีกรอบหรือ” พชรถามนิ่งๆ
“อื้อ อื้อ!” ม่อนแจ่มพยักหน้าซ้ำๆ ตอบชัดเจน “อยาก เดี๋ยวเปลี่ยนท่ากันบ้างนะ”

โอย..

“ปากเก่งจริงๆ” พชรกดนิ้วโป้งลงบนกลีบปากช่างเจรจาเบาๆ “ตัวน่ะ พรุ่งนี้จะไปเรียนไหวไหม”
“คิดว่าไหวนะ แต่ถ้าไม่ไหว ก็วานพชรอุ้มไปส่งที่ภาคฯหน่อยแล้วกัน”

ว่าไปนั่น..

“ถ้ากูอุ้มไปส่งขนาดนั้น ไม่กลัวเพื่อนสงสัยหรือไง”
“เอ้า สงสัยก็บอกไปสิ ..ว่าเราทำอะไรๆกันมา”

ความไม่อาย พูดได้หน้าตาเฉยนี้..
พชรหัวเราะปลงๆ แต่แล้วก็กอดม่อนแจ่มแน่นขึ้นอีก น้ำเสียงเย้าหยอกเมื่อประโยคก่อน กลับมาจริงจัง
“ม่อน ลุกให้ไหวนะ กูไม่อยากอุ้มไป”

อุ้มม่อนแจ่มนั้นสบายอยู่แล้ว ให้อุ้มไปห้องน้ำก็ได้ อุ้มกลับมาที่เตียงก็ได้ แต่พชรจะไม่อุ้มม่อนแจ่มไปส่งที่ภาควิชาให้เพื่อนสงสัย
ให้ม่อนแจ่มบอกว่าพวกเขาทำอะไรกัน..
ไม่อยากให้ใครเห็นภาพม่อนแจ่มในห้วงเวลาที่อ่อนไหวที่สุด แม้จะเห็นแค่ในความคิดของมันคนนั้นก็ตาม

ม่อนแจ่มนิ่งคิดในอ้อมแขน
คำพูดพชรเหมือนจะใจร้าย แต่สัมผัสที่ลูบไล้เขาอยู่นี้ช่างอ่อนโยน
ม่อนแจ่มคิดว่าเข้าใจพชรดี

“นอนได้แล้วนะ”
พชรค่อยๆก้มลงจูบหน้าผาก ฝากราตรีสวัสดิ์ และตั้งท่าจะผละออก
“อะ.. ไม่นอนกันแบบนี้หรือ” ม่อนแจ่มหน้าเหรอรารั้งแขนไว้
“ไม่เอา” พชรตอบห้วนสั้น ส่ายหน้าประกอบ ขบเม้มริมฝีปากอย่างยั้งใจ
..และอากัปกิริยานั้นก็ทำให้ม่อนแจ่มพออนุมานได้
“กลัวทนไม่ไหวเหรอ..อ”
“ม่อน..”

ฮ่ะๆ
โอเค โอเค
ม่อนแจ่มหยัดตัวขึ้นจูบปลายคางพชรแทนคำราตรีสวัสดิ์  มิวายจะขอบ่นกวนประสาทนิดๆหน่อยๆ
“เสียดาย.. อุตส่าห์เตรียมไว้ตั้งหลายท่า”

พชรยกมือขึ้นยีศีรษะชื้นเหงื่อนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว  แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเล็กที่เขาล้างเนื้อล้างตัวสวมชุดนอนให้ใหม่เรียบร้อยแล้ว
“นอนซะ แล้วฝันต่อเอานะ จะท่าไหน โลดโผนแค่ไหน จินตนาการตามสบายเลย”

“พชร!”
แรง!

พชรลอบหัวเราะ ได้แกล้งพูดอะไรใส่ม่อนแจ่มแบบนี้บ้างมันก็.. สบายใจดีเหมือนกัน ปกติ รู้สึกตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำตลอดๆ
ร่างกำยำค่อยๆล้มตัวลงนอนบนเตียงตนเอง อยากตะแคงหันหาม่อนแจ่มอยู่หรอกนะ แต่ไม่ดีกว่า.. ขานั้นรอจะล้อเลียนเขาอยู่เรื่อย

พชรนอนหงาย แขนข้างหนึ่งแนบลำตัว อีกข้างวางทาบบริเวณหน้าท้อง ท่วงท่าประจำ

“ฝันดีนะ”
จนแล้วจนรอด พชรก็แอบหันไปมอง อยากเห็นหน้าคนรักอีกทีก่อนหลับตา และหวังใจว่าม่อนแจ่มคงตอบกลับแค่ ‘ฝันดีเหมือนกัน’ มิใช่ต่อความยาวสาวความยืด ยั่วเย้าให้เขาลุกไปหาอีก

ซึ่งก็นะ.. นั่นเป็นความหวังลมๆแล้งๆ

“กูฝันดีไปแล้ว
..
ดีสุดๆเลยแหละ ให้กูเล่าให้ฟังนะ”
“ไม่ต้อง” พชรปฏิเสธ หันหน้ากลับ เบือนหนีจากรอยยิ้มน่ารักน่าใคร่ที่ส่งมาในความสลัว
“ฟังหน่อยน่า” ม่อนแจ่มตื๊อ “ตอนฝันร้ายยังให้เล่าเลย”
“ฝันดีก็ดีแล้ว ไม่ต้องเล่า” พชรไม่รู้ว่าควรเอามือมาอุดหูตัวเองดี หรือเอาปากตัวเองไปปิดปากม่อนแจ่มแล้วต่อรอบสองเสียเลยดี

“กูฝันว่าเราสองคน..”
“ม่อน”

ฮ่ะๆ
หยุดก็ได้..
ม่อนแจ่มยิ้ม ยอมเลิกต่อปากต่อคำ ส่วนหนึ่งมาจากคำเรียก ‘ม่อน’ สั้นๆที่ส่งสัญญาณอันตราย อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะดวงตาของเขาเองก็ค่อยๆปิดลงจากความเหนื่อยอ่อน

แม้พชรจะบอกว่า ‘ฝันดี’ แต่สติที่กำลังเลือนไปบอกตัวเองว่าม่อนแจ่มไม่นึกอยากฝัน ..ก็ความจริงของเขาออกจะดีปานนั้น
แต่ว่า.. ถ้าต้องฝันจริงๆ ม่อนแจ่มก็ขอฝันถึงสัมผัสของพชรอย่างที่เพิ่งผ่านมาจะได้ไหม?

นั่นแหละ ฝันดี..


∞  ∞  ∞  ∞  ∞  ∞

จู่ๆก็โผล่มาเนอะ
จริงๆอยากจะเขียนตอนนี้ตั้งแต่เรื่องจบใหม่ๆ แต่ก็.. มิได้นำพา คนอ่านจึงเพิ่งได้อ่านตอนนี้แหละครับ
ฝันดีน่อ o18

ด้วยรักและคิดถึง
เกรียนน้อยๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Numai ที่ 01-11-2017 01:09:22
ดีใจมากเลย. ได้อ่านตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 01-11-2017 01:27:24
ว้ายยย ตายแล้วว แวะมาอ่านแล้วไปฝันดีเหมือนม่อนดีกว่าาาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-11-2017 04:24:09
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-11-2017 06:08:19
อ๊าาาา............ดีต่อใจ  :mew1: :mew1: :mew1:
ไรท์ แวะมาทำให้คนอ่านฝันดี  :z1: :pighaun: :haun4:

ฝันดี อย่างที่พชร ม่อนแจ่ม ฝันดี
พชร ม่อนแจ่ม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

เป็นฝันดีที่น้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับทัศน์ เกรย์  :z3: :z3: :z3:
แต่ไรท์ ยังใจดี ที่ให้ ฝันดี บ้าง

สงสารหมอก ไอดิล ยังไม่ได้ฝันดี กับเขาเลย   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ไรท์ ช่วยใจดีกับ หมอก ไอดิล ด้วยนะ  :hao5:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-11-2017 07:05:37
อื้อหือ
ขอบคุณค่าาาา
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 01-11-2017 07:18:33
 :-[ :o8: :-[ :-[ :-[ :-[
คิดถึงงงงงงงงโคตรๆ
มาแบบนี้นี่เกินคาดเลย 555555
ม่อนทำเป็นซ่านะม่อน
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 01-11-2017 08:52:47
 :-[ อ่านแล้วเขิน 555 ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ คิดถึงพชรกับม่อนแจ่มม๊ากมาก...
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 01-11-2017 11:32:18

ม่อนเอ้ยยย ลูกหนอ  o13 ชนะทู๊กทีซิหน่า 

สารภาพนี่ไม่คาดว่าจะได้ฉากอัศจรรย์นี้เลยนะ ปริ่มมมม  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-11-2017 11:58:54
โอ๊ยยยยยยย ละมุนละไม ต่างคนต่างเอาใจใส่กัน อิจจจจจจจมากค่ะ อิจฉาทั้งคู่ที่รักกันและเอาใจใส่กันแบบนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 01-11-2017 12:28:49
ตายอย่างสงบแล้ววววววว  :jul1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-11-2017 16:10:45
 :man1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: inkteuk ที่ 01-11-2017 17:12:04
หูย ตอนพิเศษ คิดว่าจะไม่มีฉากนี้แล้ว 5555555
เขินพชร พชรนี่มันพชรจริงๆ
นั่นสิ แล้วเมื่อไหร่หมอกถึงจะทนไม่ไหวบ้างล่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 01-11-2017 18:54:32
น่ารักกกกก
คิดถึงม่อนแจ่ม กับพชรมากกก
ตอนนี้ก็หวานมากก อยากเห็นพชร หึงม่อนอีกเยอะๆจัง 5555

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 01-11-2017 20:48:58
หวานมากก อิจฉาอ่ะ ขนตาไหม้แล้ว  :ling1: :katai1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 01-11-2017 20:53:51
ฝันดีแล้วคืนนี้ :jul1: ขอบคุณค่ะ สาววายนิพพานแล้ว :heaven
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 01-11-2017 21:00:03
คิดถึงเรื่องนี้มากกกกกกก
อ่านแล้วสุดเขิน คือดีมาก ละมุนมาก
หัวใจรับไม่ไหว ฮือออ ชอบมากกก
รักคู่นี้ที่สุดเลยย พชรกับม่อน ////A////
ขอบคุณที่มาอัพนะคะ ดีใจมากเลยยยย
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 01-11-2017 21:44:38
 :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 02-11-2017 07:45:22
ม่อนแจ่มน่ารักตลอด ส่วนไอดิ้ลคงต้องรอความฝันต่อไป :mew4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: yanaanay ที่ 02-11-2017 08:25:00
 :-[  o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-11-2017 08:42:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 02-11-2017 09:07:03
ในที่สุดก็มาถึงตอนนี้ซะที 55555  :กอด1: :L2:

สงสารก็แต่ไอหมอกกะไอดิล เมื่อไหร่จะสมใจนึกแบบนี้มั่ง  :z1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: yanaanay ที่ 02-11-2017 11:26:52
อยากโหวตให้เป็นนิยายสุดประทับใจ แต่เรายังโหวตไม่ได้  :sad4:

ชอบมากๆค่ะ อบอุ่น ซาบซึ้ง

sweet surrender จริงๆค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-11-2017 13:32:42
อิจฉาม่อนอิอิ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 11-12-2017 16:55:15
55555 น้องม่อน หนูนี่เป็นคนที่น่ารักน่าฟัดรัวๆที้สุดเลยค่ะลูก พชรนี่แพ้ทางม่อนที่สุดอ่ะบอกเลย

เรื่องราวของพ่อแม่นั้นทำให้เด็กๆต่องเจ็บปวดก็จริง แต่ในความเจ็บปวดนั้นก็เห็นถึความรักอันบริสุทธิ์ที่เค้ามีให้แก่กันอน่างแท้จริง

ชอบน้องดิ้ลกับน้องหมกเช่นกันนะคะจุ๊ฟๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-12-2017 20:22:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 12-10-2018 19:18:46
กลับมาอ่านกี่ทีก็ชอบบบบบ
ชอบเรื่องนี้มากๆ
 :mc4: :L1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 26-12-2018 20:35:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Plakhem ที่ 31-12-2018 00:03:27
 :o8: คือถ้ามีภาค 2 น่าจะดีนะ  :-[
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-01-2019 14:05:21
ภาคพิเศษ ตายอย่างสงบศพสีชมพูเลยค่ะ มีภาคต่อไปก็ดีนะคะ เพราะพวกม่อนเพิ่งจะปี 1 ขึ้นปี 2
ถ้ามีคนมาจีบม่อนพชรจะทำอย่างไงน้าาาาาา น่าคิดจริง
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 03-01-2019 06:54:54
หวังว่าหม่อนแจ่มจะไม่เอา

เรื่องนี้ไปคุยเหนือให้ไอดิลอิจฉานะ

สงสารไอหมอก

แค่โดนไอดิล อ่อยทุกวันก็จะตะบะแตกแล้ว

ขืนไอดิลรู้เรื่องพชรกินหม่อนแจ่ม

มีหวังไอหมอกต้องรักษาสัญญาที่ให้ใว้กับพ่อๆไม่ได้แน่ๆ5555
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 06-01-2019 19:12:17
 :jul1: ตายอย่างสงบไปกับ พชรและม่อนแจ่ม มันแจ่มว้าวมากเลย ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: vivalasvegus ที่ 24-01-2019 00:07:01
คิดถึงผลงานของ Indy-poet จังเลยค่ะ
หายไปเป็นปี ส่งข่าวบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: SkyRain ที่ 09-06-2019 20:37:18
อยากขอบคุณนิยายทุกเรื่องของคุณ indy-poetที่ทำให้เราได้หลงรัก และผูกพันกับทุกตัวละคร ใันแปลกดีที่เรารู้สึกว่านิยายของคุณมันไม่ใช่แค่นิยายเล่มนึง แต่มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น อาจเพราะความใส่ใจและละเมียดละมัยที่ค่อยๆเขียนมันออกมา หรืออาจเป็นเพราะความคิดถึงมช.ของคุณ มันจึงทำให้เราผูกพันไปด้วย เรารู้สึกรักมช. รักอ่างแก้ว ผ่านความคิดถึงของคุณ แม้เราจะไม่เคยไปเลยก้ตาม
ขอบคุณ​ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ปรัชญา​ดีๆนะ เราจะคอยติดตามเรื่อยๆ ทุกเรื่องเลยนะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 10-06-2019 13:52:20
เป็นนิยายที่แบบอ่านกี่ครั้งก็ร้องหนักมากกกกกกกก  :mew4: ม่อนกับพชรแกร่งและเก่งมากกกกกก TT
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 02-07-2019 09:45:39
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 28-11-2019 10:46:06
คิดถึงลูกๆ ป่านนี้จะจบกันยังน๊อ อยากให้จับม่อนกับไอดิล มาเม้าหลังไมค์กันจริงๆ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: nspretty ที่ 22-02-2020 13:33:52
ชอบมาก ดีใจที่ได้อ่านโดยบังเอิญ ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 24-02-2020 20:20:34
 o13
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 06-03-2020 02:26:30
 :heaven
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-03-2020 13:58:17
อบอุ่น อ่อนหวาน ซาบซึ้งใจ  :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 28-10-2020 15:20:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: reginasorn ที่ 06-05-2021 21:07:05
ดีมากกกกกกกกก เพราะความรักของทั้งสองคนที่มีให้กัน จึงทำให้ทั้งสองคนผ่านปัญหาต่างๆมาได้ เจ้าเด็กทั้งสองนายเก่งมากๆ พอเข้าช่วงดราม่านี่ร้องไห้ตลอดเลย พอผ่านช่วงนั้นมาก็ยังร้องไห้อยุ่เพราะมันซึ้งจริงๆ ซึ้งในความเป็นเด็กดีของม่อนมาก ขอบคุณไรท์สำหรับนิยายดีๆนะคะ  :mew1::mew1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 08-07-2022 12:54:48
เพราะคิดถึง จึงกลับมาอ่านอีกรอบ