ตอนที่ 39.1 ก่อนเริ่มแผนสอง ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เนื่องจากได้ยินเสียงเห่าและเสียงอะไรดังแกรกๆที่ประตูห้องนอน
คงเป็นเจ้าพะแนง แต่นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย หันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง ตายล่ะ...จะเที่ยงอยู่แล้ว รีบหันไปมองคนตัวโตข้างๆที่หลับตาพริ้มพร้อมแขนที่โอบผมไว้ทั้งตัว พยายามลำดับเรื่องราวในหัวว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น
จำได้แล้ว....ผมดื่มน้ำส้มนั่นแล้วก็มึน หลังจากนั้นพี่แนทก็....ก็....
โอ๊ยยยยย.....ทำไมทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปแบบนี้ฟะ ผมต้องเป็นฝ่ายมัดแล้วจัดการเผด็จศึกพิชิตประตูหลังพี่แนทสิ แล้วไหงกลายเป็นผมโดนย้อนศรซะเอง
แล้วพี่แนทแกนี่เหมือนคนอื่นซะที่ไหน เป็นประเภทเล่นไม่เลิก สะกดเป็นแต่
‘ครั้งเดียวไม่เคยพอ’ ส่วนประโยคฮิต ‘น้องพลับขอสอง’ ก็ไม่รู้จักอีก สงสัยรู้จักแต่
‘ลองเมื่อไหร่มันไม่เลิก’ หรือไม่ก็
‘มันจนหยุดไม่ได้’ ไอ้เรารึง่วงก็ง่วงจะตาย ตาจะปิดไม่ปิดแหล่ แต่ก็โดนก่อกวนปลุกอารมณ์อยู่นั่นแล้ว กว่าจะได้นอนจริงๆก็เกือบค่อนรุ่ง
แต่ทำไมพี่แนทไม่ง่วงนอน แล้วเป็นผมที่มึนแทนล่ะ ตอนตูถือแก้วน้ำส้มเดินเข้าห้อง จำได้แม่นนี่หว่าว่าแก้วไหนมียาแก้วไหนไม่มียา เป็นไปไม่ได้ที่ตูจะดื่มแก้วพี่แนทเข้าไปแน่ๆ
คิดไปคิดมา...ใช่แล้ว...ต้องเป็นตอนที่ผมเดินไปหยิบกระปุกเกลือในห้องครัวแน่ๆเลย โธ่เว้ยยย....พี่แนทรู้ทันได้ยังไงฟะว่าผมคิดไม่ซื่อ.....
คิดจะล่อ(ลวง)พี่ ทำไมพี่ถึงฉลาดขนาดนี้ เป็นขงเบ้งกลับชาติมาเกิดรึไง
แต่ไม่เป็นไร ผมมีแผนสองที่พี่โอมวางแผนไว้ให้แล้ว แกบอกว่าเผื่อได้ใช้ในกรณีที่แผนแรกไม่สำเร็จ
เช่น ความแตกแล้วพี่แนทโวยวายโกรธผม หรือถึงแม้สำเร็จแต่พี่แนทงอนเพราะเสียเอกราชประตูหลังอันหวงแหนไป
เสียงเห่าหน้าประตูเริ่มเปลื่ยนเป็นครางหงิงๆและเสียงแกรกๆเบาๆ สงสัยเจ้าแพนงกำลังจิตตกน้ำตาร่วงอยู่หน้าประตู เพราะเจ้านายไม่ยอมออกไปเล่นกับมันหรือไม่ก็เพราะหิวข้าวมาก แต่พี่โอมก็น่าจะให้ข้าวมันแล้วนี่
เพราะถ้าไม่ให้ข้าวก็จะไม่ได้ฉีดยาเบาหวาน
ผมเคยเห็นเจ้าแพนงมันชักมาแล้วครับ วันนั้นพอมันกินข้าวเสร็จ พี่แนทก็ฉีดยาให้เหมือนปกติ หลังจากนั้นไม่นานมันอาเจียนอาหารที่กินเข้าไปออกมาหมด คงเพราะไม่ค่อยสบายอะไรซักอย่าง
แต่ว่ายาเบาหวานที่ฉีดเข้าไปมันออกฤทธิ์ไปแล้ว ซักพักมันก็ชักต่อหน้าต่อตาผมเลย
ผมตะโกนเรียกพี่แนทซะดังลั่นยิ่งกว่าเจ๊กตื่นไฟ ก็มันทำอะไรไม่ถูกนี่ครับ พี่แนทรีบเอาน้ำหวานค่อยๆแตะลิ้นมันซ้ำๆ
แล้วมันก็หยุดชัก เล่นเอาผมหัวใจแทบวาย พี่แนทบอกว่าเป็นเพราะน้ำตาลในเลือดมันต่ำไป สาธุ..
..เจ้าแพนง....เอ็งอย่ามาเป็นอะไรตอนที่พี่แนทไม่อยู่บ้านนะ
ไม่งั้นเอ็งได้ไปเที่ยวสวรรค์หรือนรกหมาก่อนกำหนดแน่ๆ อย่าคิดว่าจะมาฝากชีวิตที่ข้าทีเดียวเชียว
คิดถึงตรงนี้....รีบปลุกพี่แนทดีกว่า ให้แกไปดูหมาสุดที่รัก ก่อนที่มันจะเป็นอะไรไปซะก่อน
“พี่แนท...ตื่นเร็ว ไปดูเจ้าแพนงที มันร้องไห้อยู่หน้าประตูตั้งนานแล้ว” ผมเขย่าแขนพี่แนทเบาๆ
พี่แนทลืมตาหน้าตางัวเงียแต่ยังหล่อเร้าใจเหมือนเดิม ผมพูดซ้ำอีกที กลัวเมื่อกี้พี่แกได้ยินไม่ชัด
“อาร์ม เจ้าแพนงนี่อ่ะนะร้องไห้ อาร์มคิดไปเองรึเปล่า” พี่แกพูดแล้วหอมแก้มผมเบาๆ
“ก็มันครางหงิงๆแล้วเอาขาตะกุยประตูแกรกๆอยู่ตั้งนานอ่ะ ไม่รู้มันเหงาหรือว่ามันหิวข้าว”
“ไอ้โอมมันน่าจะให้อะไรมันกินและฉีดยาเรียบร้อยแล้ว ว่าแต่....คนที่หิวน่ะมันเป็นพี่ต่างหาก หิวจนกินอาร์มได้ทั้งตัวเลยล่ะ....” พูดเสร็จก็ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้
“เมื่อคืน....ใครก็ไม่รู้เตรียมวิปครีมให้พี่กิน สงสัยกลัวพี่หิวกลางดึก ว่าแต่ว่า.....มันก็อร่อยดีนะ
ยิ่งกินจากตัวอาร์มเนี่ย....ยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก....” ไม่ต้องรอพี่แกพูดจบ ผมบิดเอวพี่แนทอย่างแรงไปหนึ่งที
อ๋อ....คราวนี้รู้แล้ว ไอ้ที่รู้สึกเย็นๆที่ตัวหน้าอกและส่วนนั้น เป็นไอ้เจ้าครีมนี่เอง
“โอ๊ยยย.... อาร์ม....ทีหลัง...ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ หรืออยากทำอะไรที่มันตื่นเต้นโลดโผน ไม่ซ้ำซากจำเจ
ก็น่าจะบอกพี่ก่อนนะ พี่จะได้ช่วยเตรียมอุปกรณ์ หรือไม่ก็ออกความเห็นว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดี ที่สำคัญ....อาร์มก็จะได้ไม่ต้องเอาไปซ่อนตรงหัวเตียงด้วยไงครับ.....” ตายซะเถอะ
คราวนี้เปลี่ยนจากบิดเอวไปกัดแขนพี่แนทอย่างแรง พี่แกร้องเจ็บ แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะซะดังลั่นห้อง
ย๊ากกกก.....เจ็บใจ....ตูเจ็บใจเหลือเกิน ได้แต่หน้างอมองหน้าคนตัวโตตรงหน้าแบบไม่สบอารมณ์
แผนสองที่วางเอาไว้คงต้องงัดออกมาใช้จริงๆแล้วสินะ นี่พี่เป็นคนบังคับให้ผมต้องใช้แผนนี้เองนะ
(มันเกี่ยวกับพี่แนทตรงไหนเจ้าอาร์ม แกนั่นแหละที่คอยแต่จะหาเรื่อง)
******************************
ผมรีบไล่พี่แนทออกไปดูเจ้าแพนง ส่วนตัวผมเองเดินกระย่องกระแย่งเพราะสะโพกครากเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนคืนแรกนั่น.....ที่ผมลุกจากเตียงไม่ได้เลยกลายเป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขานอนแบบอยู่กับเตียง
อาบเสร็จเดินออกไปนอกห้อง เห็นโน๊ตพี่โอมแปะที่ตู้เย็นว่าไปเข้าแล็ปตั้งแต่เช้าคงกลับเย็นๆ
ขยันจริงๆเลยพี่ผมขนาดวันอาทิตย์นะเนี่ย ส่วนพี่แนทใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวนั่งเล่นกับเจ้าแพนงอยู่ที่โซฟาอย่างสบายอารมณ์ ผมรีบเตือนแกให้ไปอาบน้ำ พี่แนทเลยบอกว่าไปทานข้าวกลางวันกันข้างนอกดีกว่า จะได้พาเจ้าแพนงไปเดินเล่นด้วย
ดีเหมือนกันครับ....มื้อนี้จะได้ไม่ต้องเตรียมอาหารหรือล้างจาน เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ผมบอกพี่แนทเองว่า
ไม่ต้องจ้างเมดมาทำความสะอาดหรอก มันเปลืองตังค์ ตอนแรกพี่แนทไม่ยอมเพราะไม่อยากให้ผมลำบาก
ผมก็ไม่ยอมแกเหมือนกันค้านหัวชนฝา กะอีแค่ทำความสะอาด ล้างจาน ขัดห้องน้ำ ผมทำได้สบายมาก
ตอนเด็กๆที่ไปอยู่กับอาม่าช่วงปิดเทอม อาม่าฝึกให้ผมทำหมดทุกอย่าง ไม่เห็นว่าจะเป็นงานหนักตรงไหน แล้วที่สำคัญผมจะได้ไม่รู้สึกแย่มากด้วยที่มาอาศัยอยู่กับพี่แนทฟรีๆ
****************************************
ฮือ...ฮือ....เศร้า :m15:อันนี้เป็นตอนที่แต่งค้างเอาไว้................