ขอขอบคุณทุกคนที่อดทนรอ และเข้ามาให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง มาอ่านต่อเลยดีกว่าค่ะ *******************************
ตอนที่ 37 เหนือเมฆพวกเราเดินดูกันไปเรื่อยๆ ที่จริงห้องนี้เค้าแสดงศิลปะของทั้งกรีกและโรมัน นอกจากรูปปั้นแล้ว
ยังมีรูปแกะสลักจากหินอ่อนมากมายหลายชิ้น จากห้องนี้เดินไปห้องนั้นแล้วไปห้องโน้น
เครียดโว๊ยยย....ทำไมมันเยอะอย่างนี้ แบบนี้เดินดูทั้งวันก็ไม่หมด ยิ่งมีไอ้ตัวป่วนสองตัวเดินข้างๆด้วย ยิ่งทำให้อารมณ์สุนทรีย์ในการเสพงานศิลป์หดหายไปกว่าครึ่ง
มิวเซียมนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1870 ถือว่าเป็น art gallery ขนาดใหญ่อันดับต้นๆของโลก มีผลงานศิลปะจัดแสดงกว่าสองล้านชิ้น!! o13แบ่งเป็นหมวดต่างๆกว่าสิบเก้าหมวด ที่เด่นๆก็มี Ancient Egypt, African, Asian, European, Oceanic, Byzantine และ Islamic art ส่วนที่เป็น Modern art ก็มี รวมถึงศิลปะภาพวาดและเครื่องแบบอาวุธของนักรบ ยังมีส่วนที่รวบรวมเครื่องดนตรีจากทั่วทุกมุมโลกกว่าห้าพันชิ้น
ของแต่ละชิ้นในมิวเซียมมีทั้งที่ได้รับบริจาคมาจากคอลเลคชั่นส่วนตัวของบรรดกเศรษฐีทั้งหลาย
และที่มิวเซียมหาซื้อมาเพิ่มเติมเอง ผมเคยอ่านเจอในพวกต่วยตูนเกี่ยวกับคนที่ไปแอบขุดเอาของจากสุสานในปิรามิด
สุสานของจีน หรือแม้แต่เศียรพระที่ถูกตัดจากโบราณสถานของไทยหรือจากนครวัต คงมีหลายชิ้นที่กลายมาเป็นของตั้งโชว์อยู่ในมิวเซียมนี้และมิวเซียมอื่นๆทั่วโลก
ตอนที่ผมดูมิวเซียมที่ดีซีก็เห็นของไทยหลายชิ้นจัดแสดงที่นั่น
เฮ้อ...คิดแล้วก็อเน็จอนาถใจ
แค่คนไม่กี่คนที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่เงินเพียงเล็กๆน้อยๆ มันอาจทำให้ลูกหลานเราในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ถ้าอยากจะดูศิลปะไทย อาจต้องบินไปดูที่พิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศ
เดินเพลินจนได้ยินเสียงท้องร้องประท้วง ถึงรู้ตัวว่าบ่ายโมงกว่าแล้ว พี่แนทแกคงได้ยินเสียงโครกครากจากท้องผม เลยโทรตามพี่แดนพี่นกเพื่อไปหาอะไรทานกัน พวกผมออกมายืนรอที่ทางเข้าด้านหน้ามิวเซียม lส่วนแมนดี้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
“อาร์ม.....หิวมากมั้ย วันนี้เดินตั้งเยอะ จะกินน้ำก่อนหรือเปล่าเดี๋ยวตี๋ซื้อให้ หรือถ้าเมื่อยมากเดี๋ยวตี๋นวดให้” มันมาละ ‘ตี๋‘ ‘อาร์ม‘ เหมือนจงใจแกล้งพี่แนท แอบเหลือบมองหน้าคนตัวโตข้างๆ นั่น..ดูนั่น....หน้าตาเครียดๆยังไงไม่รู้ ผมชักสงสัยแล้ว ที่มันเคยพูดว่าจะตัดใจจากผมหลังจบทริป มันทำได้หรือยังเนี่ย
“กูไม่หิวน้ำ กูไม่เมื่อย มึงไม่ต้องมาแกล้งพูดแบบนี้เลย วอนตีนซะแล้ว” :m16:ผมยกขาจะถีบไอ้ตี๋ มันหัวเราะชอบใจเอี้ยวตัวหันหน้าหันหลังหลบตีนไปมา ท่าจะบ้า....ไอ้นี่.....จะโดนผมถีบ กลับหัวเราะชอบใจ
“พอแล้วอาร์ม ช่างมันเถอะ เล่นกับหมา หมามันก็เลียปากแบบนี้แหละ” เสียงนิ่งเรียบเยือกเย็นของพี่แนททำเอาผมชะงักเท้า ไอ้ตี๋ก็ชะงัก หันตัวกลับทันที
แต่......ผลั่ก....เสียงไอ้ตี๋หันไปชนใครบางคนจนแก้วน้ำหวานหกรดเสื้อเป็นดวงใหญ่
“Ouch!!” เสียงใครคนนั้นร้อง ไอ้ตี๋หน้าเสียรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพย :m5:แบบลืมตัวว่านี่มันอเมริกาไม่ใช่เมืองไทย
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” พูดเสร็จรีบควักผ้าเช็ดหน้าทำท่าจะเช็ดเสื้อให้
ผมรีบสะกิดบอกมันว่าต้องพูดภาษาอังกฤษ ผมมองคนที่ถูกชน หน้าตาเหมือนคนเอเชี่ยน ดูยังวัยรุ่นอยู่มากซัก 13-14 เห็นจะได้ ผิวขาว ตาโต ผมยาวระต้นคอ ใส่หมวก น่ารักดีแฮะ....แต่ทำไมแต่งตัวเหมือนทอมบอยเลย
“คนไทยเหรอเนี่ย นี่ลุง.....แก่แล้วยังเล่นกันเป็นเด็กๆไปได้ ดูซิเสื้อเลอะแบบนี้แล้วจะทำยังไง” เด็กนั่นพ่นภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆมาเป็นชุด แต่ที่มันตะหงิดๆก็คือ....มันเรียกใครว่าลุงฟะ
ไอ้ตี๋หรือผม หรือมันหมายถึงทั้งสองคน
“เฮ้ย...ก็ขอโทษแล้ว จะเอายังไงอีก” ไอ้ตี๋ทำท่าจะเข้าไปขยุ้มคอเสื้อเจ้าเด็กนั่น ผมรีบเข้าไปดึงแขนมันไว้ แล้วกระซิบบอกมันว่า ยังไงเค้าก็เป็นผู้หญิงนะเฟ้ย แถมกลัวว่าถ้ามีเรื่องจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันที่เมืองนอกเนี่ย ท่าจะแย่
“ก็ได้วะ เห็นว่าเป็นผู้หญิงหรอกนะ ไม่งั้นได้เจอดีแน่ๆ” ไอ้ตี๋หันไปพูดแบบอาฆาตใส่ เอาเข้าไป....ยังปากดีไม่เลิกอีก
“นี่ลุง.....ว่าใครเป็นผู้หญิง แก่แล้วแก่เลยจริงๆ แต่ช่างเถอะ......วันนี้ถือว่าเป็นวันซวยของผมแล้วกัน ที่มาเจอลุงแก่ๆแถมตาฝ้าฟาง ดูผู้ชายแมนๆเป็นผู้หญิงไปได้” เจ้านั่นยิ้มมุมปากยักคิ้วเยาะเย้ยใส่
ไอ้ตี๋กำหมัดแน่นทำท่าจะเข้าไปอัดเด็กปากเสียนั่น พี่แนทเห็นท่าไม่ดีรีบดึงไอ้ตี๋ไว้ เพราะผมคนเดียวดึงมันไม่อยู่แน่ๆ
“ไอ้เปี๊ยก....เรียกใครว่าลุง เตี้ยแล้วยังไม่เจียมอีก” พอไอ้ตี๋มันเห็นว่าทำร้ายร่างกายอะไรไม่ได้เพราะพี่แนทล็อคแขนไว้อยู่ มันเลยเชือดเฉือนด้วยวาจาแทน
พอได้ยินคำว่าเตี้ย เจ้าเด็กนั่นตาลุกวาวขึ้นมาทันที สงสัยจะไปสะกิดต่อมปมด้อยเข้าอย่างแรง ก็เจ้านั่นน่าจะสูงซักร้อยหกสิบ แต่ก็นะ....ยังเด็กอยู่ อาจจะสูงขึ้นอีกก็ได้
“นี่ลุง....นอกจากตาไม่ดีแล้วหูยังตึงอีก ก็เรียกลุงนั่นแหละ แล้วเมื่อกี้เรียกใครว่าเตี้ย อย่างลุงน่ะ.....สูงตายล่ะ ก็แน่ล่ะสิ...หน้าเห่ยปากเสียอย่างนี้ คงจะมีแต่เรื่องความสูงที่เป็นสิ่งๆเดียวที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต อย่างนี้เค้าเรียกว่า.....โตแต่ตัวแต่สมองไม่ได้โตตาม” โห....ด่ามาเป็นชุด ไม่ปล่อยช่องว่างให้ตอบโต้กลับเลยแฮะ
ขนาดพูดไทยไม่ชัดนะเนี่ย ถ้าพูดชัด.....ไม่อยากนึก
“อ้าวซี.....มาทำอะไรที่นี่” เสียงไอ้แมนดี้แทรกเข้ามา เจ้าเด็กนั่นหันมองตามเสียงเรียก พอเห็นเป็นแมนดี้ก็รีบยกมือไหว้
“พี่แมน สวัสดีครับ พี่มานิวยอร์คตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เห็นโทรหาแม่ผมเลยอ่ะ แม่บ่นถึงทุกวันว่าพี่น่ะ....มาเที่ยวซานฟรานตั้งนาน แต่ไม่ยอมมาเยี่ยมแม่ผมที่นี่ซักที” ไอ้แมนดี้ทำหน้าเจื่อนๆ
“เอ่อ....พี่เพิ่งมาถึงวันนี้แหละ นี่ก็ว่าจะโทรหาคุณป้าเหมือนกัน คืนนี้จะไปพักที่บ้านด้วยไง” แหม....ตอแหลมากไอ้แมนดี้ แล้วเมื่อคืนนี้หมาตัวไหนมันนอนอพาร์ทเมนท์พี่แนทฟะ
“ซี....มารู้จักเพื่อนพี่ก่อน นี่ พี่แนท พี่ตี๋ พี่อาร์ม” แมนดี้แนะนำรอบวง เจ้าเด็กนั่นก็ยกมือไหว้ปั้นหน้ายิ้มแย้มเหมือนว่าเมื่อกี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“นี่ซี ลูกชายป้าแมนดี้เองค่ะ อยู่ไฮสคูล กำลังขึ้นเกรดสิบเอ็ด อ้าว...แล้วทำไมเสื้อเลอะแบบนี้ล่ะซี” เจ้าเด็กนี่จบเกรดสิบอายุก็ต้องประมาณสิบหก แถมยังเป็นลูกพี่ลูกน้องแมนดี้ด้วย ไม่น่าเชื่อเลย หน้าตาช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ถ้าไอ้แมนดี้หน้าตารูปร่างได้ครึ่งของเจ้าเด็กเนี่ย ชีวิตมันคงจะรุ่ง...หาแฟนได้เป็นโขลง เฮ้ย...ไม่ใช่ หาแฟนได้เป็นโขยง
“พอดี มีลุงแก่เฟอะฟะมาเดินชน แต่ลูกผู้ชายอย่างผมไม่ถือหรอกฮะ สบายมาก” แมนดี้ฟังแล้วไม่ติดใจอะไร แต่ไอ้ตี๋นี่สิ....ตาลุก เม้มปากกัดกรามแน่น
“ซี....พี่กำลังจะไปกินข้าว ซีไปกับพวกพี่นะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” เอาแล้ว...แมนดี้ นี่มันไม่คิดจะถามความเห็นคนอื่นๆก่อนเหรอ ผมกลัวน้องมันจะไม่ได้กินข้าว แต่จะได้กินหมัดแทนน่ะสิ
ซักพักพี่แดนกับพี่นกก็เดินออกมาสบทบ พวกผมตัดสินใจนั่งรถไฟใต้ดินไปไชน่าทาวน์กัน ระหว่างทานข้าว เจ้าซีคุยกับทุกคนอย่างสนิทสนมยกเว้นไอ้ตี๋
ผมนั่งติดกับพี่แนท ผมตักซุปให้พี่แนท พี่แกก็ตักกับข้าวให้ผม ผลัดกันตักใส่จานกันไปมาอยู่นั่นแล้ว เฮ้อ...มีความสุขจริงโว้ยยย ส่วนพี่แดนนั่นไม่ต้องห่วง แกบริการพี่นกทุกอย่าง สุภาพบุรุษจริงๆเลย
“พี่อาร์มกับพี่แนทเป็นแฟนกันเหรอครับ เห็นใส่แหวนเหมือนกันเลย” สงสัยรังสีความรักมันจะเปล่งประกายมากไปหน่อย เจ้าเด็กซีนั่นถึงสังเกตเห็น แต่...แหม ผมว่า....แม้แต่เด็กสามขวบก็ยังดูออกเลยครับว่าผมกับพี่แนทเป็นแฟนกัน
ไอ้ตี๋พอได้ยินเรื่องแหวน มันรีบหันมาดูมือผมกับมือพี่แนทแล้วเบือนหน้ากลับไป เอ่อ....ตี๋มึงตัดใจจากกูซักทีเถอะ
“ใช่แล้วซี พี่กับอาร์มใส่แหวนเพื่อแสดงว่าคนนี้มีเจ้าของหัวใจแล้ว และจะได้กันคนที่คิดมาเกาะแกะแฟนพี่ด้วย” พี่แนทยิ้มตอบซี แต่ผมรู้ว่าแกพูดกระทบไอ้ตี๋ เหลือบมองหน้าไอ้ตี๋เห็นหน้ามันหมองลง เฮ้อ...สงสารมันจัง
**********************************
พอทานข้าวกันเสร็จ พวกเราก็เดินเล่นในไชน่าทาวน์ ตอนเย็นแมนดี้กลับมาเอาของที่ห้องผมเพื่อไปนอนบ้านป้า ส่วนพรุ่งนี้พี่แดนวางแพลนว่าจะพาไปดูเทพีเสรีภาพกับวอลสตรีท ผมกับพี่แนทเลยบอกปฏิเสธไปเพราะไปเที่ยวมาแล้ว
เย...วันนี้แหละทางปลอดโปร่งโล่งสะดวก แมนดี้ไม่อยู่แล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ ผมลงมือทำตามแผนดีกว่า
ทานข้าวเย็นเสร็จผมรีบเก็บจานชามไปเข้าเครื่องล้าง แอบส่งสัญญาณทางสายตากับพี่โอมว่า.....คืนนี้แหละ ผมจะปฏิบัติตามแผน พี่โอมยิ้มให้กำลังใจ พี่แนทมองผมกับพี่โอมด้วยหน้าตาสงสัย ผมทำไม่รู้ไม่ชี้เดินเข้าห้องนอน
พอเข้าห้องมา ผมรีบหยิบของที่เตรียมไว้จากเป้ไปแอบตรงหัวเตียง ส่วนของสำคัญที่สุดผมใส่มันไว้ในกระเป๋ากางเกง ผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ พี่แนทเข้าไปอาบต่อจากผม
ผมรีบตรงเข้าห้องครัว หยิบกระป๋องวิปปิ้งครีมจากตู้เย็นเอาไปซ่อนที่หัวเตียง แล้วเดินมาคั้นน้ำส้มอย่างตั้งใจ
ได้น้ำส้มให้พี่แนทหนึ่งแก้ว ของผมหนึ่งแก้ว หยิบของสำคัญออกมาแกะใส่แก้วพี่แนท
พี่โอมบอกว่าให้ใส่แค่ครึ่งเม็ดเพื่อให้พี่แนทแค่มึนๆ ถ้าใส่ทั้งเม็ดเดี๋ยวพี่แนทหลับไปมันจะไม่สนุก พี่โอมย้ำว่ายานี่ออกฤทธิ์เร็วมาก บางคนหัวไม่ถึงหมอนก็หลับสลบไปเลย
ผมแอบแง้มประตูห้องนอนไว้ รอจนแน่ใจว่าพี่แนทออกจากห้องน้ำแล้ว ก็เดินถือแก้วน้ำส้มเข้าห้อง ส่งยิ้มหวานให้พี่แนทที่นั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่
“พี่แนท อาร์มคั้นน้ำส้มให้ ใหม่ๆสดๆเลยนะ ดื่มแล้วหวานเย็นสดชื่น ดีต่อสุขภาพด้วยครับ” ผมพยายามพูดโฆษณาสินค้าเต็มที่
“โห....แฟนใครนี่ น่ารักจังเลยครับ” พี่แนทรับแก้วจากมือผม ยิ้มหวานตอบกลับมาแล้วโน้มหน้ามาหอมแก้มผมดังฟอด
พี่แกยกแก้วทำท่าจะดื่ม แต่แล้วก็วางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง หันไปอ่านหนังสือต่อ
“เดี๋ยวพี่ค่อยดื่มนะ ขออ่านหนังสือก่อนแล้วกัน” โถ่เว้ย....ทำไมไม่ได้ดั่งใจเลยฟะ
“พี่แนท ดื่มเลยสิครับ เดี๋ยวน้ำแข็งละลายก็หมดอร่อยหรอก นี่อาร์มอุตส่าห์คั้นให้” ผมทำเสียงกระเง้ากระงอด
พี่แนทเงยหน้ามองผม แล้วหยิบแก้วขึ้นมาใหม่ ผมลุ้นไปด้วยตัวโก่งยิ่งกว่าตอนลุ้นบอลโลกอีก แต่ทำไมพี่แนทชะงักล่ะ
“อาร์ม พี่ชอบน้ำส้มเหยาะเกลือนิดๆ อาร์มหยิบให้พี่หน่อยสิครับ” อ๊ะ....ได้ ผมมันบริการทุกระดับประทับใจอยู่แล้ว ผมรีบวางแก้วผมบนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วรีบเดินไปหยิบเกลือในห้องครัวทันที
พี่แนทรับเกลือไปเหยาะใส่แก้วตัวเองแล้วยกขึ้นดื่ม ผมเลยยกแก้วตัวเองดื่มตามบ้าง พี่แนทดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
“อร่อยจริงๆครับ อาร์มก็ดื่มให้หมดเลยนะ” ผมรีบดื่มจนหมด แล้วรับแก้วเปล่าจากพี่แนทไปวางที่ซิงค์ในห้องครัว
เดินกลับมาที่ห้อง ทำไมมันมึนหัวจังฟะ พอถึงเตียงผมนั่งลงมองหน้าพี่แนท เฮ้ยยย....ทำไมพี่แนทมีสี่ตา สองปากแบบนี้เนี่ย ผมไม่มีแรงจะนั่งทรงตัวแล้ว เกือบล้มหงายหลังบนเตียง ดีแต่พี่แนทรีบเข้ามารับไม่งั้นศีรษะผมฟาดหัวเตียงแน่ๆ
พี่แนทประคองผมนอนราบบนเตียง พยายามมองคนตรงหน้า เห็นแต่ภาพเบลอๆกับได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ
ซักพักตัวผมก็เปลื่อยเปล่า มือขยับไม่ได้เหมือนถูกอะไรมัดไว้ รู้สึกถึงหน้าพี่แนทที่มาคลอเคลียแถวแก้ม แล้วจูบปากผมเนิ่นนาน ผมได้แต่ครางอือๆ มันปนเปไปหมดระหว่างความมึนงงเบลอๆกับความหวาบหวามของอารมณ์
ผมรู้สึกถึงอะไรเย็นๆบนหน้าอกกับหน้าท้อง พยายามก้มมองแต่ไม่มีแม้แต่แรงจะยกหัวขึ้น
รู้แต่ว่าลิ้นร้อนของคนตรงหน้าไล้เล็มเลียไปทั่วอกทั่วตัว มือหนาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง ลากลงไปที่สะโพกผมแถมบีบเค้นคลึงอย่างสนุกมือ มืออีกข้างหันมาสนใจส่วนอ่อนไหวของผมด้านหน้าพร้อมอะไรเย็นๆที่ป้ายลงมา ผมสะดุ้งเฮือกทันที รู้สึกถึงโพรงปากร้อนที่ตามลงมาครอบครองของผม
ผมแอ่นสะโพกขึ้นเพื่อให้รับสัมผัสได้มากขึ้น อยากจะเอามือไปลูบไล้ศีรษะและทึ้งผมคนตรงหน้าที่มัวแต่สนใจของสนุกตรงหน้า แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะมือถูกมัดอยู่ เลยได้แต่ครวญครางเรียกชื่อพี่แนทไม่หยุดปาก พี่แนทยิ่งทำเหมือนแกล้งเพราะแกทำๆหยุดๆ
“ว่าไง....คนเจ้าเล่ห์ อยากให้พี่ทำอะไรให้เหรอครับ” พี่แนทเลื่อนหน้าขึ้นมากระซิบพร้อมงับติ่งหูผมเบาๆ ส่วนมือแกยังรูดรั้งส่วนอ่อนไหวผมช้าๆ นี่พี่แนท...ขนาดนี้แล้วยังจะแกล้งกันอีก
“พี่......พี่แนท....อย่าแกล้งอาร์มสิ” ผมพูดแบบเบลอๆงงๆ คือว่า...อยากนอนก็อยากนอน แต่มันนอนไม่ได้เพราะความรู้สึกเสียวซ่านมันมีมากกว่า
*************************************
มีรูป Museum of Art ในนิวยอร์คมาฝากค่ะ [attachment deleted by admin]