นิราศตามหารัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: นิราศตามหารัก  (อ่าน 487170 ครั้ง)

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
ดูท่าจะสนุก

ฉะกันไปฉะกันมา  :m4:
:m22:

ฮึ้บส์ แอบโผล่หัว ออกมาโชว์ตัวว่า เค้าอ่านอยู่นะตัวเอ๊งง คิคิ

เมามันดีจ้ะ รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ

ขอขอบคุณทุกกำลังใจจากผู้อ่านที่มีให้ค่ะ  :m3: :m3:

แหะ...แหะ..... เรื่องของเรื่องจะมาดันกระทู้ตัวเองด้วย
แล้วก็ดอลลี่จากไปอย่างรวดเร็ว
  :m7: :m7:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
โห พี่แนท ผู้ชายในดวงใจ อะไรจะเพอร์เฟ็คขนาดน้านนนนนน  :m1: :m1:

ออฟไลน์ ben~ya

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
และขอเสนอว่า
ไม่ชอบอะไร มักได้อย่างนั้น   :laugh:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


ทำไมเค้าเพิ่งเห็นเรื่องนี้

อาร์มน่ารักดีอ่ะ

พี่เนทปากร้ายอ่ะ

คงทะเลาะกันอีกนาน

555+

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ

เราตามอ่านเรื่อยๆ นะคะ

อัพเร็วๆ ล่ะ

อิอิ

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
ไม่อยากจะคิดถึงตอนที่ต้องไปเที่ยวด้วยกัน

ท่าทางจะไปเถียงกันมากกว่าไปเที่ยวนะเนี่ย

 :m23:


BeePed

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 7 พี่ชายที่แสนดีแต่เปลี่ยนไป

ทานอาหารเย็นเสร็จ พี่โอมกับผมกลับขึ้นไปบนอพาร์ทเมนท์ แต่ก็ไม่เห็นไอ้พี่แนทในห้องแล้ว ผมจัดการกับตัวเองทันที (อย่าคิดลึก ผมหมายถึงอาบน้ำสระผม) เพราะกลิ่นมันเหม็นเปรี้ยวได้ที่หลังจากร่างกายผ่านการหมักดองมากว่าสี่สิบแปดชั่วโมง คิดดูสิครับผมอาบน้ำครั้งสุดท้ายตอนเช้าตรู่วันอาทิตย์ของเมืองไทย แล้วตอนนี้มันหนึ่งทุ่มวันจันทร์ของนิวยอร์ค ซึ่งก็คือแปดโมงเช้าวันอังคารที่เมืองไทย
 
จริงๆก่อนอาบน้ำเนี้ย ผมทั้งง่วงทั้งเหนื่อยอยากจะหลับแทบแย่ แต่พออาบเสร็จตามันสว่างคงเป็นเพราะร่างกายยังปรับตัวไม่ได้ ก็ตอนนี้มันเป็นตอนเช้าของไทยนี่ครับ ผมเลยออกมาจัดการรื้อของในกระเป๋าต่อ พี่แนทรีบบอกว่าไม่ต้องรีบให้ทำพรุ่งนี้ก็ได้

“อ่ะ...กินซะ คืนนี้จะได้หลับสบาย พรุ่งนี้จะได้สดชื่น คนไทยมาที่นี่คืนแรกๆ มีเจ็ทแล็กกันทุกคนแหละ” พี่ผมพูดพร้อมยื่นยาเม็ดเล็กๆให้หนึ่งเม็ด

“อะไรอ่ะพี่โอม”

“ยานอนหลับไง ไอ้แนทมันเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ก่อนเรามาแล้ว” ผมอึ้งงงงไปเลย ไม่นึกว่าไอ้พี่แนทนั่นจะรอบคอบเหมือนกันแฮะ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยมาคุยกันเรื่องโปรแกรมเที่ยว ไม่ต้องห่วงนะ พี่กับแนทนั่งวางแผนกันตั้งหลายวัน คืนนี้อาร์มนอนห้องพี่นี่แหละ เดี๋ยวพี่ไปนอนกับไอ้แนท อาร์มจะได้นอนสบายๆ”
 
[เมฆดูสวยงาม เมื่อยามมองฟ้า ฟ้าดูกว้างใหญ่เหมือนเก่า
เมื่อยังเล็กแหงนดูมือไขว่คว้าเอา สูงจังอยากตัวโตสูง
จ้องมองแสนนาน พี่ชายคงเห็นยิ้มเดินมาใกล้แล้วอุ้ม
ขี่คอจนเกือบสูงทัน จ้องมองบนฟ้านั่น
เอื้อมมือถึงจันทร์ จะเอาเป็นของเรา
ครั้งโดนเขารังแก ร้องงอแงร้องไห้
พี่คนนี้ยังคอยคุ้มครองคุ้มภัย น้องเอยอย่ากลัวใครเขา
สองพี่น้องเดินไป น้องตามพี่ชาย จับมือจูงน้องไป
มองฟ้าอันกว้างใหญ่ ฟ้าคงไกลไป ขี่คอพี่สูงเอง]

เพลงพี่ชายที่แสนดีของอุ้ยรวิวรรณลอยเข้ามาในหัวเลยครับ  :impress: :impress: ผมชอบเพลงนี้มากๆทั้งความหมายและเสียงร้อง เพราะพี่โอมเป็นอย่างในเพลงจริงๆ ผมยังจำได้ดี ตอนเด็กๆเวลาไปเที่ยวสวนสาธารณะใกล้บ้าน ผมขี่คอพี่โอมเป็นประจำ เวลาโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง พี่โอมก็ไปจัดการให้เรียบร้อยจนเพื่อนผมขยาดไม่มีใครกล้ามาแหยมอีก ช่วงที่พี่มาอเมริกาใหม่ๆ เวลาผมเหงาๆคิดถึงพี่ ผมจะเปิดเพลงนี้ฟังทุกครั้ง ใครมีพี่ชายคงเข้าใจความรู้สึกผมดี

ถึงตอนนี้แม้ผมโตจนจบมหาลัยแล้ว พี่ก็ยังคงเป็นพี่คนเดิม....พี่ชายที่แสนดีและห่วงใยผมเสมอ ผมโชคดีจริงๆที่เกิดเป็นน้องพี่ พี่โอมครับ....การที่ผมมาที่นี่มันทำให้พี่โอมลำบากเกินไปรึเปล่าครับ แต่.....จะดีกว่านี้...ถ้าจะไม่ลากไอ้พี่แนทมาเกี่ยวข้องด้วย

************************************************

หลังกินยา พอหัวถึงหมอนผมก็หลับทันทีและหลับสนิทยาวทั้งคืน ไอ้ยานอนหลับนี่มันดีจริงๆ ตื่นมาอีกทีตอนแปดโมงเช้า จัดการตัวเองเรียบร้อย เดินออกมาตรงห้องนั่งเล่นแต่ไม่เห็นใคร เห็นแต่หมาบูลด็อกหน้าตาโง่ๆแถมอ้วนเหมือนหมูอยู่หนึ่งตัว มันนอนตะแคงตัวกับพื้น พอเห็นผมมันเอี้ยวหัวขึ้นมาดูนิดนึงแล้วลงไปนอนต่อ หมาอะไรขี้เกียจชะมัด  o12 o12 ไม่มีการเห่าเวลาเห็นคนแปลกหน้า แล้วนี่จะเลี้ยงไว้ทำซากอะไรวะนี่

ผมเลยเดินไปห้องพี่แนทเห็นประตูเปิดแง้มๆอยู่ ได้ยินเสียงคนคุยกันเบาๆ

“Stop….Stop…..Stop!!…Enough. It hurts.” ผมไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะ ผมแอบมองไปในห้องเห็นพี่โอมนอนคว่ำบนเตียง ไม่ใส่เสื้อ บ็อกเซ่อร์ถูกร่นไปที่ต้นขาเห็นก้นเลยอ่ะ ส่วนไอ้พี่แนทก็ไม่ใส่เสื้อมีแต่บ็อกเซ่อร์กำลังก้มๆเงยๆอยู่ใกล้ๆแถวก้นพี่โอม แถมเอามือไปจับด้วยอ่ะ

“Sorry that I make you hurt. Take this medication after meal”  อ้ายยยยย.....ผมรีบหลบออกมานั่งในห้องนั่งเล่นทันที ไม่สามารถทนดูภาพบาดตาบาดใจได้

โอ๊วววว...มายบุ๊ดด้า....  :sad4: :sad4: นี่ผมยังมีเจ็ทแล็กและคงยังไม่ตื่นใช่มั้ยใครก็ได้ช่วยบอกผมที ผมยังนอนอยู่ ตอนนี้ยังอยู่ในฝันสินะ พยายามหยิกแขนตัวเองก็แล้ว เอานิ้วจิ้มกระบอกตาก็แล้ว มันรู้สึกเจ็บจริงๆอ่ะ งั้นนี่ก็เป็นเรื่องจริงอ่ะสิ

นี่พี่โอมกับไอ้โรคจิตนั่นมีซัมติงรองกันเหรอ ไม่นึกไม่ฝันว่าการมาอเมริกาครั้งนี้ ผมต้องมารับรู้ความลับของพี่โอม มิน่าถึงไม่มีวี่แววว่าจะมีแฟนซักที เมื่อคืนก็เสียสละให้เรานอนคนเดียว ที่จริงคงอยากจะไปจู๋จี๋ดู๋ดี๋กับไอ้พี่แนท แล้วทำไมพี่โอมถึงเจ็บก้นขนาดนั้น อีแบบนี้มันก้อ...มันก้อ... หมายความว่า.....ไอ้ลุงโรคจิตนั่นมันเสียบพี่โอมหล่ะสิ :oo1: :oo1: มิน่ามันถึงพูดว่า ‘Sorry that I make you hurt’
 
โอ้ยยยยย....ไม่อยากนึกภาพเลย พี่ชายโพ้มมมม.....หมดกัน คิดจะเข้าวงการสีม่วงอนุรักษ์พันธุ์ไม้ทั้งที ทำไมไม่เป็นคนรุกวะ ไปเป็นรับได้ไงอย่างงี้เสียศักดิ์ศรีหมด
 
สรุปแล้วนี่ต้องเป็นเพราะไอ้ลุงโรคจิตนั่นแหละ ที่ทำให้พี่โอมเปลี่ยนไปก็มันโรคจิตซะขนาดนั้น มันมาทำให้ภาพพี่ชายที่แสนดีมาดแมนของผมแตกสลายเป็นชิ้นๆ  :m15: :m15: ผมจะต้องหาทางทำอะไรซักอย่างให้พี่โอมกลับมาเป็นปกติชอบผู้หญิงให้ได้ เอ....แต่ถ้าเค้าสองคนรักกันจริงหล่ะ ผมจะทำยังไงดี ผมควรส่งเสริมให้สองคนนั้นสมหวังหรือควรจะขัดขวางดี  o9 o9

นั่งฟุ้งซ่านอยู่ซักพัก ผมก็เริ่มคิดได้...นี่ผมเป็นอะไรไป ถึงยังไงพี่โอมก็ยังป็นพี่โอม เป็นพี่ชายที่แสนดีของผม ไม่ว่าพี่จะเป็นยังไงผมก็ต้องทำใจให้ยอมรับให้ได้ ถ้ามันเป็นทางที่พี่เค้าเลือกแล้วและเค้าคิดว่ามีความสุขกับมัน
 
แต่ให้ตายเถอะ....พี่โอมผมไม่รู้ไปหลงเสน่ห์ไอ้โรคจิตมันตรงไหน ปากสุนัขก็เท่านั้น โรคจิตก็เท่านั้น แล้วก็....อะไรอีกวะคิดข้อเสียอย่างอื่นไม่ออกอ่ะ  โอเค...ถึงตอนนี้หาข้อเสียอย่างอื่นยังไม่เจอแต่สองข้อนี้ก็น่าจะพอ แต่เดี๋ยวมันต้องเผลอหลุดข้อเสียอื่นออกมาให้ผมเห็นอีกแน่
 
พี่โอมกับไอ้โรคจิตเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกัน ออร่าสีม่วงและความหล่อกระจายฟุ้งไปทั่ว ขนาดพี่เค้าสองคนอยู่ในชุดอยู่บ้านสบายๆ เสื้อกล้ามกางเกงยาวแค่เข่า พี่โอมพยักหน้าทักทายผมแล้วเดินไปที่ครัวเอาขนมปังออกมาปิ้ง พร้อมต้มกาแฟคั่วบด
 
ส่วนไอ้โรคจิตนั่นก็เดินไปเปิดทีวีแล้วทรุดนั่งตรงโซฟาข้างๆผม หน้าตาเบิกบานสบายอารมณ์สุดๆ ไอ้หมาหน้าโง่นั่นก็รีบลุกขึ้นเดินสั่นหางระริกระรี้เข้ามาเลียแข้งเลียขาเจ้านายมัน

โอ้ยยย...มันจี๊ดมันปี๊ดขึ้นหัว  :angry2: นี่มันไม่รู้สึกสำนึกอะไรเลยใช่มั้ย ที่มาเสียบพี่ผมจนบาดเจ็บเนี่ย ผมเหลือบตามองไอ้โรคจิตแต่เสือกตาดีไปเห็นรอยฟันที่หัวไหล่มัน แถมมีรอยเล็บ รอยข่วนช่วงหลังที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามออกมา นี่ไอ้โรคจิตมันตั้งใจโชว์รอยมายั่วผมรึเปล่า หรือกลัวคนไม่รู้ว่าเมื่อคืนมันไปมีกิจกรรมเข้าจังหวะอันร้อนแรงมา

“แนท ไอ้อาร์ม มากินหนมปัง ปิ้งเสร็จแล้ว จะเอาแยมหรือเนยก็เลือกเอา” ผมรู้สึกไปเองรึเปล่าว่าเสียงพี่โอมที่เรียกชื่อไอ้โรคจิตมันดูอ่อนหวานผิดปกติ หงุดหงิดโว้ยย

ผมจำใจเดินไปนั่งกินอาหารเช้า มันตื้อกินไม่ค่อยลงหรอกครับ เลยเอาขนมปังยื่นให้เจ้าหมานั่นกิน ยังไม่ทันถึงปากมัน

“ทำอะไรหน่ะ ให้มันกินไม่ได้นะ!!” เสียงไอ้โรคจิตเข้มมาเลยครับ อะไรวะ....แค่ขนมปังก็ยังหวงไม่ให้หมากิน นอกจากปากสุนัขแล้วยังงกอีก พี่โอมรีบบอก

“อาร์ม.. ไอ้เจ้าแพนงมันเป็นเบาหวานหน่ะ มันกินขนมปังไม่ได้หรอก” โอ้...พระพุทธเจ้าช่วย หมาเป็นเบาหวาน ข้าน้อยเพิ่งเคยได้ยิน o2 o2  แถมชื่อแพนง โอ้ย...อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก มันน่าจะชื่อตือโป้ยก่ายหรือหมูตอนมากกว่านะผมว่า

**********************************************

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะคะ ที่ช่วยต่อลมหายใจและทำให้มีกำลังใจในการเขียนต่อไปค่ะ  :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2008 12:55:23 โดย BeePed »

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ก๊ากกก ขอเดาว่า เจ้าอาร์มเข้าใจผิดคิดไปใหญ่โต

ป.ล. อะไร ๆ ก็ลงที่ไอ้โรคจิต ระวังจะหลงรักคนโรคจิตเข้าแล้วกัน  :m14:

ออฟไลน์ zingiber

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
สารภาพว่าตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆกะคู่พี่โอมกะพี่แนท แต่คิดไปคิดมา เอ....พี่แนทน่าจะคู่กะอาร์มซิ ช่ายมะๆ
แล้วงี้ไอ้เหตุการณ์ที่อาร์มเห็นมันคืออารายหว่า  :m28:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


นึกว่าลุงแนทคู่น้องอาร์ม  ที่แท้ก็พี่โอมซะงั้น

งั้นน้องอาร์มคู่ใครหว่า

civava14

  • บุคคลทั่วไป
มาอีกเรื่องแระ  เรื่องนี้น่าสนแฮะ

 :a2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป

sleepless

  • บุคคลทั่วไป


ช็อตที่ไปเจอมันชวนคิดอะ

ไอ้พี่แนททททททท เมิงทำไรนิ อยากรู้ๆๆๆ :serius2:

kana

  • บุคคลทั่วไป
เป็นริดสีดวงชัวร์ ฮ่าๆๆๆๆๆ :o8:
พยายามไม่คิดมาก เดี๋ยวร้องไห้ ฮือๆๆๆๆๆๆๆ :serius2:

ออฟไลน์ SweetSerenade

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เข้ามาแสดงตัวว่า

เพิ่งอ่านทัน

จะติดตามต่อไปเพราะเริ่มหลงรักน้องอาร์ม

 :oni1:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 8 Whatever will be, will be (อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด)

ทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว รวบรวมจานวางลงในอ่าง แต่ดีครับไม่ต้องล้างเองหรือเอาเข้าเครื่องล้าง เพราะที่นี่มีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้อาทิตย์ละสองวัน หรูจริงๆอพาร์เมนท์นี้
 
ผมเหลือบมองไอ้โรคจิตเห็นกำลังแกะอาหารกระป๋องสำหรับสุนัขให้เจ้าแพนง ผมนึกค่อนขอดทั้งเจ้าของทั้งหมา.....แหมไฮโซเหลือเกิ้นนน....ต้องกินอาหารกระป๋อง กินอาหารเม็ดไม่ได้หรือไงวะ o12 อาหารเม็ดถูกกว่าแถมไม่สกปรกเลอะเทอะด้วย อาหารกระป๋องนี่แพงจะตาย ผมว่า....เผลอๆมันจะแพงกว่าอาหารเช้าที่พวกเรากินกันซะอีก (ผมหาเรื่องคนไม่ได้ก็มาลงที่หมาแทน เหมือนตีวัวกระทบคราดเลยแฮะ) แล้วพี่โอมก็ไขข้อสงสัยให้ว่าอาหารเม็ดมันมีแป้งคาร์โบไฮเดรตสูงเกินไป ไม่เหมาะสำหรับหมาที่เป็นเบาหวาน
 
โอแม่เจ้า....คุณภาพชีวิตของหมาที่นี่ทำไมมันดีกว่าประชากรในโลกที่สามอีกฟะ นึกถึงเด็กเอธิโอเปียตัวผอมหนังหุ้มกระดูกพุงโรก้นปอดแมลงวันตอมจมูกที่วันๆแทบไม่มีอะไรจะกินแล้ว ก็ได้แต่ปลงว่าโลกนี้มันไม่เท่าเทียมกันจริงๆ :amen: เรายังโชคดีกว่าเด็กๆพวกนั้นมากมาย

พอเจ้าแพนงกินเสร็จ ไอ้พี่แนทก็จัดการฉีดอินซูลินซึ่งเป็นยารักษาเบาหวานเข้าใต้ผิวหนังไอ้แพนง ด้วยท่าทางนุ่มนวลสมกับที่เป็นหมอ (แม้จะเป็นหมอคนไม่ใช่หมอหมาก็ตามเถอะ) ดูมันก็ไม่ร้องไม่หือไม่อือยืนนิ่งๆให้ฉีดแต่โดยดี ตายละหว่า...แล้วทำไมผมต้องไปเผลอชื่นชมไอ้โรคจิตนั่นด้วย อย่าลืมซิว่ามันทำพี่โอมของผมไว้ยังไงบ้าง

*****************************************************

พวกเราพากันมานั่งที่ห้องนั่งเล่น พี่โอมคงสังเกตว่าถ้าปล่อยให้ผมหรือไอ้โรคจิตพูดคงไม่มีใครพูดก่อนแน่ ก็ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงอพาร์เมนท์จนถึงตอนนี้ ผมกับหมอนั่นพูดกันไม่ถึงสองประโยค พี่โอมเริ่มเข้าเรื่องทันที

“อาร์ม อย่างที่พี่บอกแกแล้วนะว่าพี่มี defense proposal วันศุกร์นี้ เพราะฉะนั้นพี่คงพาแกเที่ยวไม่ได้ แต่พี่กับไอ้แนทก็วางแผนเที่ยวให้แกเรียบร้อยแล้ว นี่พี่นั่งคิดอยู่หลายวันเลยนะกว่าจะลงตัว”  :teach:

ก็ลองนำเสนอแผนพี่มาก่อนซิครับ ผมจะลองรับไว้พิจารณาดู (ไม่ได้เจียมตัวเองเล้ยยย)

“แนทมันลาพักร้อนสองอาทิตย์.....อาทิตย์นี้กับอาทิตย์หน้า วันอาทิตย์นี้มันต้องไปงานแต่งงานลูกป้าที่ซานดิเอโก....” พี่โอมพูดพร้อมหันหน้าไปทางพี่แนทแล้วหันมามองผม
 
ผมส่งสายตาตอบไปว่า อืม...พี่...ว่าต่อเลยครับไม่ต้องหยุดก็ได้ ส่วนในใจผมก็ลุ้นว่าจะยังไงต่อ

“เพราะฉะนั้น ไอ้แนทจะเป็นคนพาแกเที่ยว เดิมทีพี่แพลนว่าอาร์มมาถึงค่ำๆวันอาทิตย์ ดังนั้นวันจันทร์กับอังคารให้เที่ยวอยู่ในนิวยอร์คใกล้ๆ ไม่อยากให้เดินทางไกลๆ เพราะคงมีเจ็ทแล็ก”
 
ผมพยักหน้า...อืม...เหตุผลเข้าท่า ใช้ได้ๆ แต่จะดีกว่าถ้าผมเดินเที่ยวเอง ไม่ต้องให้ไอ้โรคจิตไปด้วย

“พอวันพุธไอ้แนทจะเช่ารถขับไปวอชิงตันดีซี ขับประมาณสี่ชั่วโมงก็ถึง พี่เห็นว่ามาอเมริกาทั้งที มันต้องไปดูเมืองหลวงของประเทศ ไปให้เห็นต้นตอประวัติศาสตร์ความเป็นมา ว่าเป็นมายังไง” พี่โอมพูดยกเหตุผลประกอบ พร้อมเอาแผนที่มากางแล้วชี้ให้ดู ไม่เห็นถามความเห็นผมเลยอ่ะ

“อยู่ที่นั่นถึงเช้าวันเสาร์ก็ขึ้นเครื่องไปซานดิเอโกซึ่งอยู่ในแคลิฟอเนีย พอวันอาทิตย์ไอ้แนทก็ไปร่วมงานแต่งงานญาติพอดี” พี่โอมหันมามองผมกับพี่แนท

แล้วทำไมผมต้องไปกับไอ้โรคจิตนั่น แถมต้องไปงานแต่งญาติมันด้วย ไม่ใช่ญาติผมซักหน่อย :m16::m16: ผมหันไปส่งสายตาพิฆาตไปให้ไอ้โรคจิต ไอ้นั่นมันก็ส่งสายตาคมปราบมารฟาดกลับมา เราสองคนส่งสายตาเปรี๊ยะๆตอบโต้กันไปมา

“จากนั้นไอ้แนทก็จะเช่ารถแล้วขับเลาะชายฝั่งขึ้นไป แวะตามเมืองต่างๆที่อยู่ตามแนวชายฝั่งตะวันตกของแคลิฟอเนีย จากซานดิเอโก ขึ้นไปลองบีช แวะเข้าลอสแองเจลิส ออกมาซานตาบาบาร่า มอนทาเร่ ไปจบที่ซานฟรานซิสโก ถ้ามีเวลาก็อาจแวะโยซามิติเนชั่นแนลพาร์ค” พี่โอมชึ้นิ้วในแผนที่ไล่ไปตามเมืองที่พูด
 
“ว่าไงอาร์ม โอเคป่ะ พี่เคยไปทริปนี้มาแล้ว ขอบอกก่อนว่า...ถ้าไม่ไปจะเสียใจไปจนตาย” โห...พี่โอมเว่อร์ละ
 
อืม....เอาไงดีวะ ทริปมันก็ฟังดูดีอ่ะนะ แถมอาจจะได้ไปเจอไอ้ตี๋กับแมนดี้ที่ซานฟรานด้วย แต่..ไม่ได้ๆ...คณะลูกขุนไม่ให้ผ่านเพราะเกรงว่าจำเลย (กระผม) จะถูกโจทก์ (ไอ้โรคจิต) ข่มขู่ทำร้ายร่างกายและจิตใจได้ถ้าไปกันเพียงลำพังสองต่อสองโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ (พี่โอม) ให้การคุ้มครองจำเลย ไม่ได้การ....ศาลต้องขอปิดการพิจารณาคดีชั่วคราวแล้วค่อยมาพิจารณากันใหม่ ว่าแต่....จะปฎิเสธยังไงดีให้มันฟังดูดีไม่น่าเกลียดและยังรักษาน้ำใจพี่โอมไว้ด้วย

“แล้วพี่โอมไม่ไปด้วยเหรอครับ พี่พรีเซนต์เสร็จวันศุกร์ วันเสาร์พี่ก็บินตามไปที่ซานดิเอโกได้หนิ :m13: :m13:” ถามไปทั้งๆที่รู้ว่า ถ้าพี่เค้าตามไปได้เค้าคงต้องบอกแต่แรกแล้ว แต่ขอถามซะหน่อยเพื่อความมั่นใจ

“พี่ไปไม่ได้หรอก พอพรีเซนต์เสร็จ อาจารย์บอกให้พี่เข้าแลปอาทิตย์หน้าเลย เพราะเดือนหน้าอาจารย์จะลาพักร้อนทั้งเดือน แล้วอีกอย่างทริปนี้พี่ก็เคยไปแล้วด้วย”
 
เอาวะ....ในเมื่อคำถามเมื่อกี้ไม่ได้ผล มันต้องใช้ลูกแถเสแสร้งเป็นคนดีศรีสังคม ว่าแล้ว...ก็ส่งประโยคเก๋ๆไปว่า
 
“แต่อาร์มเกรงใจอ่ะ ดูจากแผนที่นี่ มันไกลเหมือนกันนะครับ เดี๋ยวพี่แนทจะเหนื่อยอ่ะ” ผมแกล้งทำเสียงอ่อยๆ พร้อมทำหน้าตาให้ดูเหมือนเกรงใจสุดๆใส่พี่โอม แต่ในใจคิดว่า...ยังไงกูก็ไม่ไปกับมึง :m14: :m14: ผมแอบถลึงตาใส่พี่แนทอีกดอก 
 
“ไม่ต้องเกรงใจ ทริปนี้พี่กับแนทช่วยกันวางแผนตั้งแต่แรก ไอ้แนทมันไม่มีปัญหาอะไรหรอก ใช่มั้ย..แนท” พี่โอมหันไปขอความเห็นไอ้พี่แนท พี่แนทรีบปรับสีหน้าหันกลับมายิ้มให้พี่โอม
 
ใช่ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว อาร์มไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกนะ ส่วนเรื่องขับรถไม่ต้องห่วง พี่มีเพื่อนอีกคนไปด้วยเพราะฉะนั้นมีคนช่วยขับ” โถโถโถโถ.....พ่อคุณพ่อมหาจำเริญ ช่างเป็นคนดีมีจิตเมตตาต่อน้องนุ่งอะไรเยี่ยงนี้ แต่ความเป็นจริงก็คือไอ้โรคจิตนั่นมันหันมายิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์ใส่ผม นี่มันหน้าไหว้หลังหลอกจริงๆ  o12 o12

ตายล่ะหว่า.....หยั่งงี้... มันจะเอาเพื่อนมันมารุมผมหรือเปล่านี่ แถมมันยังยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ด้วย ยังงี้ผมก็เหลือหัวเดียวกระเทียมลีบอ่ะสิ ไม่ได้การ....ศึกนี้ใหญ่หลวงยิ่งนัก ข้าน้อยต้องขอถอยทัพกลับไปตั้งลำใหม่

“พี่โอม อาร์มปวดอึ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวกลับมาคุยต่อ” ว่าแล้วผมก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลยครับ

*****************************************************

เอาไงดีวะ....จะปฏิเสธก็ไม่ได้ซะด้วย ก็ไอ้คนพาเที่ยวมันดันขันอาสาซะดิบดีขนาดนั้น คิดออกล่ะ...โทรหาไอ้ตี๋กับแมนดี้ดีกว่า :m4: :m4: ชวนให้มันมาเจอกันที่ซานดิเอโก ยังไงซานฟรานกับซานดิเอโกมันก็อยู่รัฐเดียวกัน พวกมันน่าจะบินมาหาผมได้ งั้นเดี๋ยวออกไปต้องรีบโทรไปดักพวกมันที่เมืองไทยดีกว่า ว่าแล้วก็เดินออกจากห้องน้ำ เปิดประตูออกมาผมแทบล้มหัวคมำ ก็ไอ้โรคจิตมันยืนดักผมอยู่หน้าห้องน้ำเลยอ่ะ

“เข้าไปอึ ทำไมไม่เห็นได้ยินเสียงชักโครก” แล้วมายุ่งอะไรด้วยฟะ เป็นนักสืบรึไง ก็เพราะเห็นหน้าพี่นี่แหละผมเลยอึไม่ออก (แต่ความจริงไม่ได้ปวดอึหรอกครับ)

“นี่ไอ้เด็กแสบ กลัวพี่จนหัวหดเลยเหรอ ถึงต้องเข้าไปหลบในห้องน้ำ” มาละอีกหนึ่งดอก แถมทำหน้ายียวนกวนอวัยวะเบื้องต่ำเป็นอย่างมาก

“หึ...หึ ถ้ากลัวมากไม่อยากไปกับพี่ก็ยอมรับมาตรงๆ เดี๋ยวพี่ไปคุยกับไอ้โอมให้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องขอโทษพี่ก่อน” โอ้ย...ฝันไปเถอะ

“ใครบอกว่าผมกลัว แล้วผมก็ยังไม่ได้บอกด้วยว่าจะไม่ไป พี่เองก็เถอะ...ระวังผมไว้ให้ดีแล้วกัน” อย่างงี้มันต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน ประกาศสงครามไปเลย  :m31: :m31: ตูก็มีแบ็คอัพเหมือนกันเฟ้ยไม่กลัวหรอก อย่างน้อยไอ้ตี๋น่าจะมาหาผมได้ถ้าผมตื้อมันซักหน่อย

“ได้เลย ขอต้อนรับสู่ทริปที่คุณจะไม่มีวันลืมตลอดชีวิต” โอ้ย....นี่มันเป็นการขู่กันชัดๆ แถมเป็นการยืนยันด้วยว่ามันนะโรคจิตจริงๆ

ก่อนจะได้ฟาดฟันกันต่อ พี่โอมก็เดินมาชะโงกดู ผมก็เลยต้องเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น และในที่สุดผมก็ตอบโอเคกับแผนการเที่ยวของพี่โอม เลยได้รู้ว่าพี่ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ผมเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ก่อนผมมาถึงอเมริกา โรงแรมก็จองไปเกือบหมดแล้ว แต่เรื่องโรงแรมไม่ค่อยน่าห่วงเพราะโทรยกเลิกก่อนเข้าพัก 48 ชั่วโมงได้

ผมรีบโทรหาไอ้ตี๋ทันที แต่มันไม่รับสายอ่ะแม่งทำอะไรอยู่วะ ผมเลยต้องฝากข้อความเอา ต่อจากนั้นก็โทรหาแมนดี้แต่ไม่มีสัญญาณ แล้วผมจะทำไงดีเนี้ย
 
ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ พี่โอมก็เดินมาบอกให้รีบไปแต่งตัวเพื่อออกไปเที่ยวนิวยอร์คกับไอ้โรคจิตนั่น พี่วางแผนให้ผมนั่งเรือข้ามไปดูเทพีเสรีภาพแล้วไปเดินแถวถนนห้าซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งกับร้านอาหาร เอาวะ.....วันนี้อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

****************************************************
รักคนอ่านทุกคนค่า :กอด1: :กอด1:  เดี๋ยวจะโพสท์แผนที่การเดินทางของเจ้าอาร์มให้ดู เพื่อจะได้ไม่งงนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2008 14:02:48 โดย BeePed »

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
มาโพสท์แผนที่การเดินทางของน้องอาร์มค่า  เรื่องตอนที่แปดนี้อาจจะไม่เมามันเท่าไหร่เพราะมันต้องพูดถึงแผนเที่ยวเยอะ แต่ตอนต่อๆไปน่าจะโอเคขึ้นค่ะ  :oni1: :oni1:

[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2008 13:54:25 โดย BeePed »

kana

  • บุคคลทั่วไป
ได้เล่นสงครามประสาทแน่ๆ นายเอกฉัน
พระเอกใครอ่ะ ??? ไว้จะคอยติดตามชิดขอบจอนะค้า :oni2:

ออฟไลน์ ben~ya

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
หนูอาร์มจ๊ะ
เอาตัวเข้าแลกเลยจ๊ะ ตาแนทจะได้เลิกยุ่งกับโอมไง :oni3:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
สุ้ต่อไปนะน้องอาร์ม

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก

งานนี้ลืมไม่ลงแน่

หุหุ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
ตะหงิด ๆ ไรก็ไม่รู้ ....แบบว่า คาใจอ่ะ o2

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจให้ครับ

๐๐๐Robin๐๐

  • บุคคลทั่วไป

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาแสดงตัวว่า

เพิ่งอ่านทัน

จะติดตามต่อไปเพราะเริ่มหลงรักน้องอาร์ม

 :oni1:
เป็นกำลังใจให้ครับ
ได้เล่นสงครามประสาทแน่ๆ นายเอกฉัน
พระเอกใครอ่ะ ??? ไว้จะคอยติดตามชิดขอบจอนะค้า :oni2:

สุ้ต่อไปนะน้องอาร์ม

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก

งานนี้ลืมไม่ลงแน่

หุหุ

มาเป็นกำลังใจให้ครับ
ลุ้นต่อเน้อๆ

ขอขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจและคอมเมนท์ :pig4: :pig4: ขอให้ติดตามและตามลุ้นกันไปเรื่อยๆนะค่ะ  :oni2: :oni2:

หนูอาร์มจ๊ะ
เอาตัวเข้าแลกเลยจ๊ะ ตาแนทจะได้เลิกยุ่งกับโอมไง :oni3:

อืม.....เป็นข้อเสนอที่ดีนะคะ คิดไว้เหมือนกันเลย :oni1: :oni1: 

ตะหงิด ๆ ไรก็ไม่รู้ ....แบบว่า คาใจอ่ะ o2

คุณ marchmenlo ตะหงิดเรื่องอะไรคะ แล้วคาใจอะไรเอ่ย บอกหน่อยได้ไหมคะ

ขอชี้แจงนิดนึงว่าเรื่องนี้ตั้งใจเขียนแบบให้ตัวเอกเพียงคนเดียวเป็นคนเล่าเรื่อง ดังน้ันมุมมองทุกอย่างในเรื่องจึงมาจากหนูอาร์ม มันเหมือนเห็นการกระทำของทุกตัวละครมาจากมุมมองของอาร์มแค่ด้านเดียวเท่านั้น แถมนายเอกของเรานี่คิดอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเค้าและนิสัยก็ยังเด็กอยู่มากเพราะเป็นลูกคนเล็ก ต้องลองติดตามต่อนะคะ
:กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
สนุกมากเลยค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

อ่านแล้วอยากไปเมกาขึ้นมาทันทีเลย

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
....ให้ตายเหอะ ชังน้ำหน้า พ่อแนทนี่บอกไม่ถูก

-*-


ตอน 9 ตอน 9 ตอน9

 :oni3:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
เพิ่งอ่านไปได้ ๓ ตอน หนุกดีค๊าบ ขำกลิ้งเป็นระยะระยะ  :laugh:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ว้าวววววววว พี่แนทจะทำยังไงให้เป็นทริปที่ลืมไม่ลงน้า อร๊ายยยยยยย :o8:

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
อุแม่เจ้า กรกฎาคมมันมี 31 วันหรือนี่ ข้าน้อยนึกว่ามี 30 วัน เมื่อวานเลยไม่ได้มาอัพ  :m13: :m13:
เสียงคนอ่านตะโกน 'อย่ามาแถเอาสีข้างเข้าถู ดูซิเลือดออกซิบๆแล้ว'
ข้าน้อยสมควรตาย ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ แต่ก็มีเหตุผลข้อนึงคือบอสกลับมาจากลาพักร้อนเมื่อวาน เลยต้องทำตัวขยันอยู่จนดึกจนดื่น จึงไม่มีเวลาแต่งนิยาย ว่าแล้วก็มาอ่านกันต่อเลยดีกว่าค่ะ


*****************************************

ตอนที่ 9 แค้นนี้สิบปีก็ไม่สาย

ผมเข้าไปแต่งตัวในห้องพี่โอม เลยมีโอกาสได้สำรวจห้องอย่างจริงๆจังๆ เพราะตั้งแต่เมื่อคืนหัวถึงหมอนก็สลบทันที (คิดดูขนาดเจ้าแพนงเนี่ยเมื่อคืนผมยังไม่เห็นมันเลย) ห้องรกใช้ได้แฮะ หยั่งงี้พาสาว (หรือหนุ่มหว่า) เข้าห้องนอนไม่ได้แน่ มองสำรวจไปเรื่อยจนไปเห็นรูปถ่ายสามใบใส่กรอบวางที่ชั้นหนังสือติดกับโต๊ะทำงาน
 
รูปแรกนี่เก่าเหมือนกันเกือบสิบปีเห็นจะได้ เป็นรูปถ่ายทั้งครอบครัวมีป๊าม๊า พี่เอ ผมและพี่โอม รูปที่สองเป็นรูปถ่ายพี่โอมยีนโอบไหล่ผมอยู่  รูปที่สามเป็นรูปพี่โอมถ่ายกับเพื่อนๆสี่ห้าคนและหนึ่งในนั้นเป็นไอ้โรคจิต มันยืนเอาแขนมาพาดไหล่พี่โอมด้วย โหย...ทำผมจี๊ดเลยอ่ะ o12 อาการหวงพี่ชายกำเริบขึ้นมาทันที แต่มามัวคิดอะไรมากไม่ได้ ผมรีบคว้าหนังสือท่องเที่ยวนิวยอร์คหมวกและกล้องใส่เป้

พอเดินออกมาจากห้องก็เห็นคนที่ไม่อยากเห็น ไอ้หมอนั่นใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์สบายๆ แต่ให้ตายเถอะทำไมมันดูหล่อขนาดนี้วะเนี้ย คนหุ่นสูงสมส่วนนี่ใส่อะไรมันก็ดูดีไปหมด ไม่เหมือนผมใส่อะไรก็ดูเหมือนเด็กมัธยมไม่มีมาดเลยจริงๆ

“อาร์ม เดี๋ยวเราไปรถไฟใต้ดินกันนะ พี่จะพาไปดูตรงที่เคยเป็นตึกเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ แล้วเราค่อยไปอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพกัน พอตกบ่ายก็ไปเดินถนนห้า ต่อด้วย Art museum ว่าแต่....น้องอาร์มมีที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษรึเปล่า” ไอ้โรคจิตถามผม
 
หยึยยย......’เรา’....’น้องอาร์ม’....ฟังแล้วขนลุก แน่นอนที่มันเสแสร้งแกล้งพูดดีขนาดนี้ คงเป็นเพราะตอนนี้ยืนต่อหน้าพี่โอมนะสิ ฮึ..ทีลับหลังหล่ะเรียกเราไอ้เด็กแสบ แถมขู่เอาขู่เอา อย่างงี้ไม่แน่จริงนี่หว่า  :m16: :m16:

“ที่จริง...ผมเกรงใจพี่แนทจังเลยครับเพราะพี่แนทคงไปมาหลายรอบแล้ว ผมไปเองก็ได้นะครับ” ผมเลยส่งประโยคเสแสร้งแอ็บแบ๊วกลับไป

“อาร์ม....รถไฟใต้ดินที่นี่ไม่เหมือนที่กรุงเทพนะ..บอกไว้ก่อน เดี๋ยวได้หลงกันพอดี ให้ไอ้แนทพาไปนะดีแล้ว” พี่โอมรีบบอก ไอ้นั่นก็ทำตัวเป็นขุนพลอยพยักแถมมีการพยักหน้าสนับสนุนพี่โอมประกอบการแสดง

“รึว่า....น้องอาร์มไม่อยากไปกับพี่” ดู๋....ดูดู...ไอ้โรคจิตนั่นมันแกล้งดักคอผมต่อหน้าพี่โอม แถมทำหน้าตาใสซื่อใส่ผมกับพี่โอม :impress: ผมเหมือนน้ำท่วมปากไปต่อไม่ถูกแล้วครับ

ในที่สุด ผมก็จำใจเดินตามไอ้โรคจิตไปขึ้นรถไฟใต้ดินที่เรียกว่า PATH ที่สถานีตรงหน้าอพาร์ทเมนท์ PATH นี่เป็นรถไฟที่เชื่อมการเดินทางระหว่างนิวเจอร์ซีกับแมนฮัตตันครับ จุดหมายปลายทางของพวกเราอยู่ที่สถานีเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ในแมนฮัตตัน สถานีนี้เพิ่งบูรณะใหม่หลังตึกเวิล์ดเทรดถล่มเมื่อ 9/11 เลยดูยังใหม่อยู่มาก
 
มาถึงสถานีนี้เนี่ย...คนมหาศาลเลยครับ พอก้าวขาออกจากรถไฟปุ๊บ ไอ้พี่แนทก็เอามือมาจับมือผมปั๊บ พาจูงเดินขึ้นบันไดเลื่อนของสถานี ผมพยายามบิดมือแกะออกแต่มือมันยังกับคีมอ่ะแกะยังไงก็ไม่ออก แถมมันยังส่งสายตาตวัดปล๊าบมาเหมือนบอกว่า....ถ้าขืนมึงเรื่องมากงานนี้มีการเจ็บตัวแน่ ผมได้แต่ทำหน้าหงิกงอบูดบึ้ง อารมณ์ไม่จอยแล้วครับ

“ไม่ต้องมาทำหน้าหงิกหน้างอจนปากเชิดแบบนี้เลยนะเรา เดี๋ยวถ้าหลงแล้วจะทำยังไง”

นี่เห็นตูเป็นไรฟะ ตูไม่ใช่เด็กอนุบาลนะเฟ้ย ทำไมต้องมาจูงด้วย

“อยากจูงก็เชิญ แต่ผมจะคิดซะว่า ‘ชีวิตฉันมีแต่หมานำไป จะเดินหนใดมีหมานำ’ ละกัน”

“ฮึ....ปากดีให้มันได้ตลอดเหอะ พี่ยังไม่อยากเห็นเด็กร้องไห้ขี้มูกโป่ง ยิ่งถ้าเป็นบางคนแถวนี้เนี่ย....ถ้าหลงไป คงมีคนจับไปทำปู้ยี่ปู้ยำแน่ ขึ้เกียจหาน้องใช้คืนไอ้โอม”

ย้ากกก....มีขู่เหรอ...เชื่อตายหล่ะ ผมไม่ได้เป็นเด็กอมมือนะถึงจะมาหลอกกันง่ายๆ ว่าแต่ว่า....มือที่จับอยู่นี่มันก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นดีเหมือนกันแฮะ แต่ทำไม....ผมถึงรู้สึกร้อนๆที่หน้าด้วยอ่ะ  :o8: :o8:
 
ยังไม่ทันจะตอบโต้กลับไปพวกเราก็เดินถึงทางออกจากสถานี มองไปด้านขวาเห็นพื้นที่เป็นแอ่งขนาดใหญ่ลึกลงไปจากพื้นดินซึ่งคงเคยเป็นบริเวณตึกที่ถล่มมาก่อน มีการก่อสร้างอยู่ล้อมรอบด้วยรั้วตาข่าย เดินต่อไปหนึ่งบล็อคถนน ก็เห็นอนุสาวรีย์เวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์โกลบ ซึ่งเค้าเอาเศษซากจากตึกที่ถล่มมาต่อเชื่อมเข้ากันเป็นรูปโลกเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เหตุการณ์ 9/11 เห็นแล้วผมก็ได้แต่สะท้อนใจว่า ทำไมคนเราถึงได้แก้แค้นกันโดยเอาชีวิตคนเป็นเดิมพันเหมือนเป็นของเล่นขนาดนี้ ที่จริงศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี :amen: แต่มันผิดที่คนต่างหากที่ตีความนำมาใช้หาประโยชน์เข้าตัว

ระหว่างนี้ผมก็ถ่ายรูปเก็บไปตลอดทาง คนเยอะมากจริงๆ แต่ดีที่อากาศกำลังสบายๆไม่ร้อนเกินไป เดินลงใต้ไปเรื่อยๆจนถึงท่าเรือเพื่อขึ้นเรือข้ามไปอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ เห็นคนต่อแถวรอขึ้นเรือแล้วแทบเป็นลม ทำไมคนเป็นแสนอย่างงี้ฟะ นี่ขนาดวันธรรมดานะเนี่ยแถมเสียเงินนะครับไม่ใช่ขึ้นฟรี แต่เอาไงเอากันวะ....มาถึงแล้วก็ต้องขึ้น มันเป็นไฟล์ทบังคับที่ทุกคนที่มานิวยอร์คต้องไป เหมือนคนไปเชียงใหม่แล้วต้องขึ้นดอยสุเทพ คนไปเชียงรายตัองขึ้นดอยตุง คนไปศรีษะเกษต้องขึ้นเขาพระวิหาร ไม่งั้นมันเหมือนไปไม่ถึง

ระหว่างยืนต่อแถวรอ ผมไม่รู้จะทำอะไรก็ถ่ายรูปมันไปเรื่อยเพราะไม่อยากคุยกับใครบางคน กำลังถ่ายเพลินๆ เอ๊ะ...ทำไมภาพมันมืดอย่างงี้หว่า เงยขึ้นมองก็เห็นมือใครบางคนปิดเลนส์กล้องอยู่ หันไปมองจะด่าซักหน่อยก็ต้องชะงัก เพราะไอ้โรคจิตมันยืนอยู่ด้านหลังผมแล้วเอามืออ้อมมาปิดกล้อง อ๊ากกกก....มันทำอะไรของมันเนี่ย :o :o

“นี่จะถ่ายให้ได้โล่ห์เลยรึไง เห็นถ่ายไปเป็นร้อยแล้วมั้งเนี่ย”
 
แล้วจะทำไม...ยุ่งอะไรด้วยฟะ กล้องก็กล้องตู ไม่ใช่กล้องมึงซักหน่อย ผมเอี้ยวตัวหันไปมอง ไอ้โรคจิตมันคงเห็นผมทำคิ้วขมวดใส่เลยพูดต่อ

“แล้วไม่คิดจะถ่ายคนพามามั่งเหรอ เห็นถ่ายแต่สถานที่”

มันจะมาไม้ไหนกับตูวะ แถมพูดจาไม่สร้างสรรค์อีก แล้วนี่...ช่วยขยับออกไปหน่อยได้มั้ย ที่ออกจะกว้าง ทำไมต้องมายืนเหมือนโอบอยู่ด้านหลังอย่างงี้ด้วย :m16: :m16:

“แล้วมันหนักส่วนไหนของพี่ไม่ทราบ กล้องก็กล้องผม ผมจะถ่ายอะไรหรือถ่ายใครมันก็เรื่องของผม” ผมตอกกลับ

“นี่....พูดจาให้มันน่ารักสมตัวหน่อย นี่แหละน้า..คนเรา อุตส่าห์พามาเที่ยว ทำคุณบูชาโทษจริงๆเลย”
 
อะไรนะ...ผมฟังไม่ผิดใช่มั้ย ไอ้โรคจิตมันบอกว่าผมน่ารัก อ๊ากกก....ไม่ยอม  :serius2: :serius2: นี่มันสายตาสั้นรึเปล่าหรือจอประสาทรับภาพเสื่อม อย่างผมนะเค้าเรียกว่าหล่อเฟ้ยไม่ใช่น่ารัก ขนาดไอ้แมนดี้ยังบอกว่าหน้าผมนะเอพลัส

“พี่...เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ผมไม่ได้ขอให้พี่พาเที่ยวนะครับ พี่อาสาเองนะ”
 
ฮึ....ต่อหน้าพี่โอมทำเป็นพูดดี บอกว่าไม่เป็นไรไม่ต้องเกรงใจ นี่มันเสแสร้งตีสองหน้านี่หว่า

“โถ่....ถ้าไม่เห็นเป็นน้องไอ้โอมนะ อย่าหวังเลยว่าจะพาไปไหน”

ก็ใช่สิ... พี่หน่ะ...ต้องเกรงใจพี่โอมอยู่แล้ว ออกจะสนิทแนบแน่นท้องชนตูดขนาดนั้น อีกอย่างถ้าไม่เอาใจตูทำดีกับตูละก้อ...อย่าหวังเลยว่าจะได้เป็นพี่เขย รู้จักรึเปล่า love me love my dog (แต่ผมไม่ใช่ dog นะครับ แค่เปรียบเทียบเฉยๆ) นี่ถือว่าอยู่ในช่วงทดลองงานให้โอกาสสามเดือน ถ้าไม่ผ่านช่วงนี้อย่าหวังเลยว่าจะได้เทิร์นโปรมาเกี่ยวดองเป็นญาติกัน  o12 o12

แล้วก็เสร็จสิ้นการทัวร์สาวน้อยเทพีเสรีภาพ พวกผมเดินขึ้นจากท่าเรือมุ่งตรงไปวอลสตรีท ไปถ่ายรูปกับรูปปั้นวัวกระทิง (Charging Bull) ตัวใหญ่ตั้งอยู่เกาะกลางถนนซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของวอลสตรีท มีกรุ๊ปทัวร์จีนมะรุมมะตุ้มถ่ายกันเต็มไปหมด แถมบางคนแทนที่จะถ่ายด้านหน้ารูปปั้น ดันไปถ่ายก้นวัวแถมจับไข่พะโล้สองใบด้วย สังเกตว่าคนคงจับตรงนั้นบ่อยจริงๆเพราะไข่ของวัวมันแวววาวเลยครับ :m12: :m12: (โปรดพิจารณารูปประกอบเพื่อความกระจ่าง)

คราวนี้ก็ลงสถานีรถไฟเพื่อไปตึกเอ็มไพร์เสตรท ไอ้พี่แนทมันเอาอีกแล้วครับจับมือผมจูงอีกแล้ว อยากจะกระโดดงับคอจริงๆเลย แต่พอลงไปในสถานีนี่ผมแทบเป็นลม มันช่างต่างจากสถานี PATH ในนิวเจอร์ซีจริงๆ คนแน่นไปหมด แถมสกปรกมากครับ อากาศก็ทั้งอับทั้งร้อน ทำให้หายใจไม่ค่อยออก ถ้าคนเป็นโรคทางเดินหายใจนี่มีสิทธิแย่ได้เลย เส้นทางเดินรถไฟก็มีหลายสายเยอะแยะไปหมดจนเวียนหัว o2 o2 อย่างที่พี่โอมบอกจริงๆ ถ้าผมมาเองคนเดียวต้องหลงแน่ๆ
 
เห็นแล้วก็อดนึกเปรียบเทียบกับรถไฟฟ้าใต้ดินบ้านเราไม่ได้ ของเรานี่ถือว่าสะอาดสุดยอดโดยเฉพาะเทียบกับที่นี่ แถมมีแอร์เย็นสบาย มีกระจกกั้นระหว่างชานชลากับรางรถไฟ แต่ผมก็ไม่ทราบว่าเพราะของเราเพิ่งเปิดใช้มาไม่กี่ปีรึเปล่าแถมคนก็ใช้น้อยกว่ามันจึงยังสะอาดอยู่ ถ้าผ่านไปซักสามสี่สิบปีเหมือนของที่นี่ ของเราอาจจะสกปรกกว่าก็ได้

ขึ้นมาจากสถานีก็ไปดูตึกเอ็มไพร์เสตทที่เราๆท่านๆเคยเห็นในหนังบ่อยๆ ดูเสร็จก็กินข้าวกลางวันตอนบ่ายสอง ไอ้พี่แนทกางแผนที่แล้วชึ้ว่าน่าจะเดินไปจนถึง Central Park ไปจบที่ Metropolitan Museum of Art เอาวะ...เดินก็เดิน ดูจากแผนที่เหมือนไม่ไกลเท่าไหร่ (ประมาณห้าสิบบล็อคถนนนี่นะไม่ไกล) แถมประหยัดตังค์ไปหลาย
 
เดินตอนแรกๆมันก็ดีอ่ะครับ ได้เดินย่อยอาหารดูถนนหนทางร้านค้าบนถนนห้าไปเรื่อยๆ มองคนรอบตัวก็เพลินดีเหมือนกัน ผมสังเกตคนที่นี่เน้นเดินเป็นหลัก คนเดินบนทางเท้ายั้วเยี้ยเต็มไปหมดแถมเดินแบบรีบเร่งด้วย ผู้ชายก็แต่งตัวชุดทำงานใส่สูท ผู้หญิงก็ใส่เดรสสวยงาม หุ่นดีๆกันทั้งนั้น เหมือนฉากในหนังฮอลลีวูดยังไงยังงั้น
 
เดินมาเรื่อยๆผ่านร้านขายเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่งที่เน้นเสื้อผ้าวัยรุ่นชายและหญิง (Aber…) เค้ามีวิธีเรียกลูกค้าที่น่าสนใจมากโดยเฉพาะลูกค้าชาย (เกย์) และหญิง โดยเค้าจัดชายหนุ่มหล่อใส่แต่กางเกงยีนส์ไม่ใส่เสื้อเพื่อโชว์กล้ามอกเป็นมัดๆและซิกแพ็คยืนหน้าร้าน ประกบสองข้างด้วยหญิงสาวสวยใส่กระโปรงสั้นมากกับเสื้อสายเดี่ยวรัดอกอวบอิ่ม :m10: :m10: ยืนยิ้มตบมือประกอบเพลงเร้าใจที่เปิดดังสนั่นจากในร้าน พอมองเข้าไป โหยยย....คนยังกับมดเหมือนแจกฟรี นี่ถ้าเมืองไทยเอาไปใช้บ้างคงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กำลังคิดอยู่เพลินๆไอ้พี่แนทก็สะกิด

"ว่าไง....ไอ้เด็กแสบ จะเข้าไปซื้ออะไรรึเปล่า เห็นมองจนน้ำลายจะหยดอยู่แล้ว”

พี่ครับ.....ถ้าพี่ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าพี่เป็นใบ้หรอกครับ ผมขออยู่สงบๆพักสมองมองภาพสวยๆงามๆไม่ได้เลยรึไง ผมสะบัดหน้าไม่ตอบ :a14: :a14: แล้วรีบเดินต่อ แต่หูดีดันได้ยินเสียงไอ้โรคจิตนั่นหัวเราะ หึ...หึ

ในที่สุดก็ถึงด้านหนึ่งของ Central Park ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดในแมนฮัตตัน ใหญ่จริงๆครับมีทะเลสาบขนาดในสวนด้วยดูร่มรื่นมาก ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าท่ามกลางเมืองใหญ่ติดอันดับโลกอย่างนี้จะมีสวนร่มรื่นขนาดใหญ่อยู่ใจกลางเมือง ตามทางเท้าด้านนอกมีแผงขายของที่ระลึกกับภาพวาดตั้งอยู่เป็นระยะๆ มีบางคนก็แต่งตัวเป็นเทพีเสรีภาพมายืนแสดงเปิดหมวกหารายได้ ถึงตอนนี้อากาศเริ่มร้อนมากแต่ยังไม่มีวี่แววจะถึงมิวเซียมซะที หน้าผมชักบ่งบอกอารมณ์ไม่ดีแล้วครับก็มันทั้งร้อนทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อย  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

“นี่พี่อีกไกลรึเปล่า ทำไมไม่ถึงซะทีอ่ะ”

“ใกล้แล้ว อะไร....เดินแค่นี้ทำเป็นไม่ไหวแล้วเหรอ” โอเค....ไม่บ่นก็ได้วะ
 
เดินกันมาอีกยี่สิบบล็อคถนนก็เห็นหลังคาตึกมิวเซียมอยู่รำไร ย่างเท้าเข้าตึกปั๊บได้ยินเสียงประกาศปุ๊บ

“Museum will be closed in 15 minutes”

ผมหันไปมองหน้าไอ้พี่แนทตาขวางเลย อยากจะกระโดดถีบสกายคิ๊กแถมด้วยฟิกเกอร์โฟร์เฮดล็อค  :เตะ1: :เตะ1: ไอ้พี่เวรรรร...หลอกให้เราเดินมาตั้งไกลตั้งห้าสิบบล็อค เพื่อมาดูประตูกับเสาหน้ามิวเซียมรึไงวะ จำไว้....แค้นนี้สิบปีก็ไม่สาย

*********************************************

ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้คะ ขอให้ติดตามต่อไปเรื่อยๆนะคะ  :L1: :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2008 13:51:53 โดย BeePed »

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
มาโพสต์รูป Charging bull ค่ะ รู้นะว่าทุกคนอยากดูอะไร จะรอดูว่ามีคนคลิ๊กดูกี่คน  :laugh: :laugh:

[attachment deleted by admin]

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด