ตอนที่6
“รู้ไหมว่าคนที่นี่เกลียดและกลัวมนุษย์แค่ไหนกัน!!”คำพูดที่ได้ยินทำให้ผมหน้าชา ความเป็นจริงที่ผมหลงลืมไปถูกตบลงบนหน้าผม ว่าภายนอกจะเป็นยังไงแต่ภายในผมก็ยังคงเป็นมนุษย์ ตัวตนที่น่ารังเกียจสำหรับที่นี่
ผมหัวเราะในลำคออย่างช่วยไม่ได้ นั่นสินะ มนุษย์จะไปอยู่ร่วมกับเงือกได้ยังไง คงเพราะผมอยู่ในสภาพนี้มาพักใหญ่เลยลืมสิ่งที่ตัวเองเป็น
“เจ้า..”
“ท่านฟรานส์... ท่านไลอาร์เชิญท่านไปพบนางโดยด่วนเลยครับ” เสียงทหารคนสนิทแทรกเข้ามาในจังหวะที่เจ้าตัวกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง นั่นทำให้คนตรงหน้าชะงัก เหลือบมองผมก่อนที่หันหลังว่ายออกจากห้องไป แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะพ้นประตูห้อง
“จะบอกอะไรให้ฟังนะฟรานส์ ไอ้ที่บอกว่าฉันปฏิบัติตัวเหมือนมนุษย์น่ะ เรื่องนั้นไม่จำเป็นเลยสักนิด........”
“เพราะตั้งแต่แรก.... ฉันก็เป็นมนุษย์อยู่แล้ว”
ฟรานส์หันขวับกลับมามองผมด้วยแววตาไม่เชื่อ แต่ผมเพียงยักไหล่ก่อนจะหัวเราะ เจ้าตัวคงคิดว่าผมล้อเล่นจึงกระฟัดกระเฟียดสะบัดตัวออกจากห้องไป ทิ้งผมที่ยังคงหัวเราะสมเพชตัวเองนานพักใหญ่กว่าจะหยุด นัยน์ตากวาดมองไปรอบตัว สถานที่ๆผมอยู่มาเกือบ2อาทิตย์
มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นโอเชี่ยน และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่แกจะลืมตาตื่นได้แล้ว
ผมกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าที่ฝ่ามือ แต่น่าแปลกที่กลับไม่รู้สึกอะไร บางทีอาจจะเพราะมีส่วนอื่นที่เจ็บกว่าก็ได้
กระทั่งผมสังเกตแหวนที่อยู่บนนิ้ว แหวนที่ผมตั้งใจทำขึ้นมาเพราะนึกถึงใครบางคน
ในเมื่อจะไปก็ไม่ควรเหลืออะไรที่ทำให้นึกถึงที่นี่ไว้
ผมบรรจงถอดแหวนวงนั้นวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะว่ายออกจากห้อง ในตอนแรกทหารทำท่าจะเข้ามาขวาง แต่เพราะวันนี้ฟิลันบอกว่าผมได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนได้และยังไม่มีคำสั่งใหม่ ทหารเงือกจึงปล่อยให้ผมว่ายออกไปแต่โดยดี
หลังออกจากตัวปราสาท ผมยังคงสับสนว่าควรจะไปทางไหน จนมาตัดสินใจได้ยามนึกถึงสิ่งที่ฟิลันเล่าให้ฟัง
“ข้าจำได้ว่าออกจากประตูเมืองด้านใต้ ผ่านทุ่งปะการังแดง”
ผมเลยเลือกที่จะว่ายไปตามทางที่ฟิลันบอกไว้ จนกระทั่งถึงพื้นที่โล่งกว้าง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆทั้งสิ้นนอกจากผืนทรายและหิน
แล้วจะไปทางไหนต่อดีล่ะ
ในขณะที่ผมกำลังหมุนหาทาง กลับมีเงือกหน้าตาไม่คุ้นจำนวนมากมาล้อมผมไว้ด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
“ท่านพี่ เงือกตัวนั้นล่ะที่ว่ามันจะทำร้ายพวกข้า” เสียงเจ้าเงือกเด็กที่รังแกฟิลันดังขึ้น ดูเหมือนว่าบรรดาเงือกที่โดนผมขู่ไปจะกลับไปฟ้องครอบครัวของตัวเอง เลยยกโขยงมากันแบบนี้
“แหม พอโดนขู่นิดหน่อยก็แล่นไปฟ้องพี่ ตอนรังแกคนอื่นละไม่คิด”ผมหัวเราะเย้ยหยันในลำคอ “นายเป็นพี่ชายของไอ้เด็กนี่สินะ ทีน้องตัวเองไปหลอกฟิลันให้หลงจนเกือบตายทำไมไม่ลงโทษมัน“
แน่นอนว่าสิ่งที่ผมพูดไปทำให้เงือกแต่ละตัวหันไปค้อนพี่น้องลูกหลานตัวเอง เพราะยังไงฟิลันก็เป็นเจ้าชาย ผมเห็นแต่ละคนโดนคาดโทษต่างๆนานา ก่อนที่ทั้งหมดจะหันกลับมาหาผม
“เรื่องนั้นเราจะลงโทษเอง แต่มันคนละเรื่องกับการที่เงือกนอกรีตอย่างเจ้ามาอยู่ที่นี่”
หืมตั้งชื่อได้ดีแฮะ พวกเงือกก็มีหัวสร้างสรรค์เหมือนกันนะนี่
ผมหัวเราะในลำคอกับชื่อที่อีกฝ่ายเรียก “งั้นพวกนายก็สบายใจได้ เพราะฉันตั้งใจจะออกจากเมืองนี้อยู่แล้ว” ผมพูดพลางจะว่ายแหวกออกไป แต่ทว่าเงือกที่ล้อมผมอยู่กลับไม่เปิดทาง“มีอะไรอีกล่ะ?”
“ท่านพี่ห้ามปล่อยเจ้านั่นไป!! มันจะนำความโชคร้ายเข้ามาในเมืองของเราแน่ถ้าปล่อยให้มันยังมีชีวิต!!” เด็กที่ชื่อคาไลท์ยังคงไม่ยอมง่ายๆ ดูเหมือนว่าผมจะสร้างความเจ็บแค้นให้เจ้านั่นพอดูถึงได้กล่าวหากันส่งเดชแบบนี้
“หึ เป็นเสียแบบนี้ฟิลันถึงได้ไม่เคยสนใจแก เพราะไอ้นิสัยเสียน่าทุเรศแบบนี้ไง”
“จับมันเอาไว้เร็วซี่!!!” ไอ้เด็กนั่นหน้าแดงไปหมด ส่วนผมไม่โง่รอให้พวกนี้มาจับหรอก ผมตัดสินใจกระโจนว่ายหนีออกไปให้ไกลอย่างรวดเร็ว โดยมีเงือกฝูงใหญ่ไล่ตามมา
ผมว่ายออกไปไกลเมืองขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เงือกตัวอื่นก็ติดตามผมอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งหนึ่งในนั้นปาหอกสามง่ามเฉียดบริเวณสีข้าง ส่งผลให้เลือดสีแดงไหลออกมาปะปนกับกระแสน้ำ นั่นทำให้ความเร็วของผมตกลง จนพวกนั้นจับผมได้
ผมโดนล็อคแขนทั้งสองข้างลากกลับมากลางวง ในขณะที่เงือกแต่ละตัวมองหน้ากัน ดูเหมือนพวกนี้จะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะจัดการผมด้วยวิธีไหน
‘จับโยนลงไปตรงหุบเหวราชันย์ไหม’ เงือกตัวหนึ่งในนั้นเสนอขึ้นและได้รับการตอบรับจากเงือกตัวอื่นๆ ผมถูกลากไปจนพบกับพื้นที่ชะง่อนผาขนาดใหญ่ ที่มีแรงกดกระแทกของน้ำรุนแรง
“กระแสน้ำนี่จะฆ่าแก เงือกทั่วไปไม่มีทางรอดแน่นอน” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นก่อนจะลากตัวผมขึ้นไปตรงชะง่อนผาโดยที่มีเงือกตัวอื่นๆมองจากด้านล่าง
ในขณะที่ผมถูกผลักขึ้นปลายหน้าผา เสียงใครบางคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินอีกกลับดังขึ้น
“พี่โอ!! พวกเจ้าทำอะไรหยุดนะ!!!!” เสียงฟิลันตวาดพร้อมรีบว่ายน้ำพุ่งตรงมาหาผมทำให้ผมชะงักหันขวับไปหา แต่เจ้าคาไลท์เห็นแบบนั้นก็รีบว่ายขึ้นมาข้างๆก่อนจะผลักผมลงไปในวงกระแสน้ำ
ภาพทั้งหมดตรงหน้าเชื่องช้าลง ภาพฟิลันพยายามพุ่งเข้ามาหา แต่ติดที่มีเงือกตัวอื่นคว้าตัวเด็กคนนั้นไว้เสียก่อน ‘อย่าเข้าไปใกล้นะ ไม่งั้นจะโดนกระแสน้ำสูบไปด้วย!!’ แม้ฟิลันจะพยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
“พี่โอ!!!!” เสียงกรีดร้องของฟิลันดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ภาพเงือกตรงหน้าทั้งหมดจะหายไป…
หลังจากนั้นผมก็ได้รู้ว่านรกเป็นยังไง แม้จะอยู่ในสภาพเงือก ทว่าผมกลับหายใจแทบไม่ออก แรงดันน้ำที่อยู่รอบตัวทำให้ผมปวดหัวแทบจะระเบิด แรงเหวี่ยงของน้ำที่พาลให้เวียนหัวคอยย้ำซ้ำเติม แขนเหมือนถูกฉุดกระชาก ไม่แม้แต่จะขยับปลายนิ้ว เลือดที่หางไหลออกมาไม่หยุด ผมไม่มีทางจะหลุดออกจากกระแสน้ำนี่ได้เลย ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองถูกพัดพาไปเรื่อยๆ พร้อมกับอาการปวดหัวแบบเดิมที่วนเวียนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมภาวนาให้ตัวเองขาดใจตายเสียรู้แล้วรู้รอด กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจนแทบไม่มีเสียง นานแค่ไหนไม่ทราบได้ แต่ในที่สุดภาพวุ่นวายที่วิ่งรอบตัวผมก็หยุดลง มีแต่ความมืดมิด
บางทีที่นี่อาจจะเป็นนรกก็ได้...
.
.
.
ปวด
ปวดหัว
ที่นี่ที่ไหนกัน
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก อาการปวดหัวของผมยังมีอยู่มาก ผมค่อยๆเหลือบมองไปรอบตัว
บรรยากาศมืดอึมครึม ซากอะไรบางอย่างถูกทิ้งทับถมจำนวนมากและถูกปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำสีเขียวแก่ เมื่อรวมกับน้ำทะเลสีเขียวขุ่น ทำให้ภาพตรงหน้าเหมือนมีอะไรบังตาอยู่ตลอด ผมค่อยๆขยับตัวก่อนจะเจ็บแปลบไปทั้งตัว ตรงแผลของผมก็ยังคงมีเลือดไหลไม่หยุด
ผมยังไม่ตาย
ทว่าในสถานการณ์นี้ตายหรือไม่ก็คงไม่แตกต่างกัน
ผมอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้และบรรยากาศก็แย่มาก ผมค่อยๆแหวกว่ายโซซัดโซเซไปตามพื้นหาพวกสาหร่ายทะเลหรืออะไรที่พอใช้ได้มาห้ามเลือดแบบที่ฟิลันทำ
แต่โชคไม่ดีที่บริเวณนี้กลับไม่มีสาหร่ายทะเลเลยสักนิด ไม่สิ จะต้องบอกว่านอกจากตะไคร่น้ำแล้วมันไม่มีพืชน้ำชนิดอื่นเลยมากกว่า จะมีก็แต่เศษซากขยะและกะโหลกคล้ายของมนุษย์
อาจจะเป็นศพคนหรือเงือกที่หลงเข้ามาแถบนี้ก็ได้
ผมในตอนนี้กำลังเจ็บแผลตรงสีข้างมาก มันทำให้อ่อนแรงและว่ายน้ำได้ช้าลงยิ่งกว่าเดิม จนตอนนี้ผมแทบจะลากตัวไปตามพื้นทะเลแทนที่จะว่ายแล้ว
จนสุดท้ายเหลือบไปเห็นพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายถ้ำ ผมจึงพยายามจะตะเกียกตะกายไปหา กระทั่งไปถึงด้านหน้าที่มีโครงกระดูกวางกองเรียงเยอะแยะและที่นั่นแรงของผมที่มีก็หมดลง ผมนอนกองกับพื้น พร้อมกับความรู้สึกสิ้นหวัง
อีกไม่นานผมก็คงจะมีสภาพเหมือนศพพวกนั้น
มาได้แค่นี้สินะ…
ไม่รู้ฟิลันที่ว่ายตามหลังมาจะเป็นอะไรหรือเปล่า...
แล้วยังใครอีกคนที่ไม่รู้ว่าจะดีใจแค่ไหนที่กำจัดผมออกมาได้
ในขณะที่ตาของผมเริ่มปรือลง นึกยอมแพ้ กลับมีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากถ้ำ พันเข้าที่ปลายหางของผม และลากตัวผมเข้าไปในถ้ำอันมืดมิด โดยที่ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะอ้าปากหรือขยับตัวขัดขืน
.
จนเมื่อโดนลากเข้าไปถึงภายใน ผมจึงได้เห็นนัยน์ตาสีแดงสดสว่างคู่หนึ่งท่ามกลางความมืด มันกำลังจ้องตรงมาที่ผม ทว่าแทนที่จะตกใจกรีดร้อง ผมกลับเลือกที่จะหลับตาลง ยอมรับความตายตรงหน้าแต่โดยดี เพียงภาวนาว่าขออย่าทรมาณนานเกินไปก็พอ
.
.
.
แต่ผ่านไปซักพักแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากไอ้ความรู้สึกแปลกๆตรงเอวผม นี่มันคืออะไร มันเหมือนมีตัวอะไรดูดหนุบหนับอยู่ทำเอาผมจั๊กกะจี้
“นี่ จะนอนอีกนานไหม” เสียงทุ้มไม่คุ้นหูทำเอาผมที่ยังหลับตาเลิกคิ้วด้วยความงง ไอ้ตัวตรงหน้านี่มีการมาชวนคุยก่อนที่จะฆ่าอีกหรือ เป็นกุสโลบายของสัตว์น้ำแถบหรือเปล่า
มีอะไรบางอย่างนิ่มๆลื่นๆมาดึงหนังตาผม เหมือนพยายามที่จะให้ผมลืมตาขึ้น หรือว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้านิยมกินลูกตาเป็นอาหารละนี่ คิดแบบนั้นผมก็ยิ่งหลับตาแน่น
“วุ้ย ไม่ตื่นซักที แบบนี้ลักหลับซะดีไหม” ได้ยินแบบนั้นตาที่ปิดแน่นของผมก็ลืมโพลงขึ้นมาทันที ผมยอมตายแต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมโดนอะซาดะเฮ่นะเว่ย ยิ่งเสียงอีกฝ่ายนี่ตัวผู้ชัดๆ
และทันทีที่ผมลืมตา ผมก็ต้องอ้าปากค้างจะกรีดร้องรอมร่อ ถ้าไม่มีบางสิ่งยัดเข้าปากผมก่อน มันคือ...
หนวด!!ปลายหนวดของปลาหมึก!!
ไอ้สิ่งที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่ตรงหน้าผมคือสิ่งมีชีวิตประหลาด ท่อนล่างเป็นปลาหมึกแปดหนวดสีดำม่วง ท่อนบนมีรูปร่างเหมือนคนปกติ เป็นชายหนุ่มร่างกำยำอุดมไปด้วยซิกแพ็ค ดวงตาสีฟ้าเทา ผมสีขาวยาวเคลียไหล่ผิวขาวซีด นั่นทำให้ผมที่ถูกปลายหนวด(ยัด)ปิดปากอยู่พูดไม่ออกเลย
ผมจึงพยายามขยับปากเพื่อบอกให้อีกฝ่ายเอาหนวดออกไปเสียที แต่ไม่สำเร็จผมเลยกัดหนวดของหมอนั่นซะ
“อ๊ะ...” เสียงปลาหมึกยักษ์ตรงหน้ามันฟังดูแปลกๆ มันดูเหมือนออกพร่ายังไงชอบกล
“อ อย่าทำแบบนั้น ข้าจะทนไม่ไหวแล้วนะ อร๊าง~”
ครางหาพ่องหรือวะ!!!
จากที่ผมกำลังหมดแรง ยอมพ่ายแพ้แต่โดยดี มาเจอปลาหมึกโรคจิตแบบนี้ แรงที่เหือดหายกลับล้นปรี่ประมาณคนเจอไฟไหม้ อารมณ์ถึงตายก็ไม่ยอมโว้ย!!!
คิดแบบนั้นไอ้ผมก็ดิ้นพล่านพยายามหาทางหนีจากมือปลาหมึกของอีกฝ่าย ดูท่าอีกฝ่ายจะชอบใจมากด้วยพี่แกเล่นทำหน้าเคลิ้ม
จนสุดท้ายพี่แกยอมดึงหนวดออกจากปากผมแต่ตอนที่ดึงออก กลับมีน้ำสีใสยาวยืดออกมาซะ
ใครก็ได้ช่วยผมที ผมขนลุกขนพองไปหมดแล้ว
“แฮ่กๆ ให้ตายเถอะ ใครจะนึกว่าแค่ชิวหาจะพาเพลินแบบนี้ เทคนิคเจ้าร้ายกาจจริงๆ”
“ใช่ที่ไหนเล่าโว้ย!!”
“เอาเถอะๆ เห็นแบบนี้ข้ารักนวลสงวนตัวนะ อย่ามาทำให้ข้าไขว้เขวจากสุดที่รัก ถึงแม้ข้าจะแอบติดใจฝีไม้ลายมือเจ้าก็เถอะ” แมร่งไอ้ปลาหมึกบ้านี่มันไม่ฟังที่ผมพูดเลยสักนิด เจ้าตัวยอมคลายหนวดที่พันอยู่รอบตัวก่อนจะวางผมลงบนโซฟาสีดำของอีกฝ่าย นั่นทำให้ผมมีเวลาสังเกตรอบตัวว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในถ้ำแล้ว แต่เป็นที่พักอาศัยรูปทรงประหลาดเหมือนเอาขยะมากองสุมๆ...“ว่าแต่เจ้าเป็นใคร แล้วโผล่มาที่รังรักของข้าได้ยังไง”
ผมที่กำลังตกตื่นใจอยู่ก็ได้แต่ชะงัก ความรู้สึกเจ็บปวดก่อนหน้านี้ย้อนกลับมา “ฉ ฉันหลงมา ที่นี่”
“หือ หลงมาที่นี่อะนะ เจ้าอย่ามาเล่นมุขหน่อยเลย ที่นี่ไม่ใช่ตลาดกลางเมืองที่นึกจะเข้าก็เข้ามาได้ง่ายๆนะ มีเงือกกี่ร้อยกี่พันตัวแล้วต้องสังเวยชีวิตเพราะกระแสน้ำนี้”
ได้ยินแบบนั้นผมก็ได้แต่นิ่งเงียบ เพราะผมเองไม่ได้อยากเข้ามาที่นี่เลยสักนิด และก็ผมตอบไม่ได้เช่นกันว่าตัวเองรอดชีวิตมาได้ยังไง
อีกฝ่ายคงเห็นสีหน้าผมจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรเพิ่ม นอกเสียจาก...“เจ้ามีแผลนี่“ พูดแบบนั้นก่อนจะเอาหนวดตรงเข้ารัดเอวผมอีกรอบ แต่ต่างจากเดิมตรงที่ปลายหนวดของเจ้าตัวกดแผลไว้ อีกฝ่ายค่อยๆเคลื่อนกายลากผมลึกเข้าไปด้านในซึ่งเป็นส่วนที่พักของเจ้าตัว
แผลของผมถูกรักษาเรียบร้อยด้วยฝีมือของอีกฝ่าย ก่อนเจ้าตัวจะหยิบอะไรบางอย่างที่อุ่นร้อนยื่นส่งให้ผม
“ดื่มซะ มันจะช่วยให้เจ้าหายไวขึ้น”
“ขอบคุณ...” ผมก้มหน้าลงดื่มของเหลวในแก้วจนหมด นั่นทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น
แต่เอ๊ะ? ผมอยู่ในน้ำ... แล้วในน้ำผมจะดื่มอะไรที่มีลักษณะเป็นแก้วแบบนี้ได้ยังไง
เท่านั้นล่ะผมก็หันขวับไปยังอีกฝ่ายที่นั่งเอาหนวดเท้าคางมองหน้าผมอยู่ “ดูดีๆแล้วเจ้าก็น่ารักเหมือนกันนะ ถึงจะดูกะโปโล ท่าทางอ่อนแอ ติงต๊อง บ๊อง เซ่อซ่า บ้าบอ ปัญญาอ่อน ต่างจากที่รักของข้าที่ดูฉลาดหลักแหลม สูงส่ง สง่างาม และร้อนแรงก็ตามทีเถอะ”
เอ่อ พูดขนาดนี้เอามีดมาแทงกันเลยเถอะวะครับ
ไม่ใช่สิ สิ่งที่ผมสงสัยมันไม่ใช่เรื่องนั้น
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง” มนุษย์ปลาหมึกทำหน้าสงสัย ผมเลยชี้ลงไปที่แก้ว “ทำให้เครื่องดื่มมันอยู่ในแก้วแบบนี้ไม่ลอยปะปนไปกับน้ำ มันเหมือนกับ....” ที่คนทั่วไปกินกันบนบก โดยที่ไม่ต้องสนใจน้ำที่ลอยอยู่รอบตัว
แต่ปลาหมึกนั่นเพียงยกนิ้วชี้ขึ้นปิดริมฝีปาก “ความลับ นั่นเป็นเวทมนตร์ของข้า”
เวทมนตร์!! ได้ยินแบบนั้นผมก็ผุดลุกจากที่นั่งในทันที ถ้าเป็นแบบนี้ ปลาหมึกตรงหน้าอาจจะรักษาผมให้กลับมามีขาแบบเดิมก็ได้ใช่ไหม
ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากขอร้องฝ่ายตรงข้าม เสียงตวาดดังลั่นก็ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้ง ทว่าปลาหมึกตรงหน้าผมกลับมีท่าทีตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง นัยน์ตาพราว และพุ่งตรงออกไปยังหน้าถ้ำอย่างรวดเร็วในขณะที่เสียงเดิมยังคงตะโกนซ้ำ
“ไซรัส!!!!”