เรื่อง :: บอกแล้วใช่ไหม ก่อนจีบให้ดูดีๆ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
บทที่ 22 : เอ้า หล่อไปก็ผิดอีก
ผมไม่ได้เช็กโทรศัพท์อีกเพราะไม่มีข้อความหรือแจ้งเตือนใดๆมาอีกเลย คุณแก้วดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ผมรู้สึกได้จากบรรยากาศรอบกายเธอ มีบางอย่างที่ผมเองก็บอกไม่ถูก ทว่ามีมารกระซิบข้างหูผมตลอดเวลาว่าเธอเป็นอย่างนี้ย่อมดีกว่าตอนเป็นนางยักษ์ ในแง่ของ‘หญิงสาว’ที่มีอยู่ในตัว ฉะนั้นอย่าสงสัยเยอะ!
“วันนี้คุณแก้วยิ้มบ่อยจังเลยครับ” ไม่ทันไรปากก็ถามอย่างห้ามไม่อยู่ ไอ้ต๊อบ! ผมว่าแล้วก็เหล่มองเธอ ก่อนจะเลิกคิ้วทั้งสองข้างค้างไว้อย่างล้อเลียน
“เป็นเพราะแก้วอารมณ์ดี” คุณแก้วเอียงคอซบกับไหล่ผม เธอพูดเสียงหวาน “มากๆ”
“จริงอะ” ผมถามเธอต่อ “เป็นเพราะผมหรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ…เป็นเพราะ…ผม” คุณแก้วสะบัดหัวเล็กน้อย ส่งผลให้กลิ่นหอมๆยิ่งฟุ้งออกมาอย่างกับสั่งได้
“อ๋อ เป็นเพราะผมนี่เอง”
“รู้เหรอว่าแก้วหมายถึงผมไหน”
“มันก็มีไม่กี่ผมหรอก ถ้าให้เดานะคะ” ผมทำหน้าครุ่นคิด มียกมือกุมคางประกอบเพื่อให้ดูจริงจังยิ่งขึ้น
เราเดินสั่งอาหารกินเล่นๆ คุณแก้วตักวุ้นกะทิเข้าปาก เธอทำเสียงขึ้นจมูกอย่างหมั่นไส้ “ไหนพูดคะใหม่สิ”
“คะ? ว่าไงคะ?”
“แก้วจะเชื่อดีมั้ยน้า ที่บอกว่าไม่เจ้าชู้เนี่ย”
“ง่อ ทำไมไม่ไว้ใจเค้าล่ะคะ”
แก้มคุณแก้วดูเหมือนจะมีปัญหา อย่างเช่นมันเริ่มมีสีชมพูฝาดระเรื่อขึ้นมา เธอหลุดหัวเราะจนได้จากที่พยายามกลั้นไว้อยู่นาน “เลี่ยน คุณต๊อบ”
“แล้วชอบมั้ยครับ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูด แม้ภายนอกจะยังดูนิ่งอยู่ แต่ในหัวผมตอนนี้มีลูกระเบิดผ่านการตูมตามไปแล้วสามครั้ง “ทำเป็นว่าผม แต่จริงๆก็ชอบใช่มั้ยล่ะ”
โอ๊ย ต๊อบเอ๊ย
กล้าเล่นนะมึง!
ผมแอบหันไปยิ้ม กำมือกับตัวเอง มึงทำได้ มึงทำไปแล้ว ฮือๆๆๆ ฟัก จงภูมิใจในตัวเพื่อนด้วย
ที่ห้าง มีจัดบูทอาหารญี่ปุ่น แต่ผมงงที่มันมีขายวุ้นกะทิ กับนมแพะเนี่ยแหละ ทว่านอกจากนั้นส่วนใหญ่แล้วก็เกี่ยวกับญี่ปุ่นตามค็อนเซ็ป เราเดินไปตรงลานที่จัดแสดงมาสค็อต ไว้ถ่ายรูป มันเป็นก็อตซิลล่าตัวใหญ่มาก ผมแอบทึ่งในการลงทุนครั้งนี้
“ก็ ชอบ” คุณแก้วตอบผม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่หน้ากลับแดงกว่าเดิม “ชอบให้พูดกับแก้วคนเดียว”
ผมลอบกลืนน้ำลาย กุมมือปิดปากแล้วกระแอมแก้เขินเล็กน้อย “ได้เลยครับ”
“จริงอะ”
“จริงสิ”
“ดีมาก” เธอชมอย่างเอ็นดงเอ็นดู จากนั้นก็ตักวุ้นคำเล็กแล้วยื่นมาให้ผม “อ้า อั้มๆ”
ผมเหลือบมองซ้ายมองขวา รสชาติของวุ้นดูหวานมากเกินพอดีอย่างไรชอบกล ปกติผมว่าวุ้นมันไม่น่าจะหวานขนาดนี้นะ หวานจนแก้มบวม หุบไม่อยู่
ช่วงนี้เรามักจะออกมาเที่ยวด้วยกัน หาอะไรกิน ต่างจากเมื่อก่อนที่ผมมักทำงานที่บ้านเสร็จแล้วก็ไปกินเหล้ากับไอ้ฟัก ไม่ก็นอนอยู่บ้าน มีความรู้สึกบางอย่างที่ผมรับรู้ได้ว่ามันดีและไม่เคยได้รับมันมาก่อน
เราเดินไปออกด้านนอก จะมีลานน้ำพุ ส่วนใหญ่ตรงนั้นคนไม่มาก เรานั่งลงในขณะที่คุณแก้วก็ยังป้อนผมเรื่อยๆ ไอ้ถ้วยวุ้นอันเล็กๆที่ยังไม่หมดสักที
“แก้วอิ่มแล้ว ช่วยกินหน่อยนะ”
“กินแค่นี้เดี๋ยวก็ผอมหรอกครับ”
“นี่ว่าแก้วอ้วนหรอ”
“เปล่าเลยครับ”
“นี่ เดี๋ยวนี้ว่าแก้วอ้วนแล้วใช่มั้ย”
“โอ๋ๆ กินครับ อั้มๆ ป้อนสิ ไม่ป้อนไม่กินนะ”
“ติดไว้หนึ่งคดี” เธอคาดโทษผม ผมชอบตอนที่คุณแก้วมีสีหน้าแบบนั้น แววตาหมายมาด รอยยิ้มกดลึกขึ้น ริมฝีปากเม้มนิดๆ เซ็กซี่โคตรๆ
ไม่ว่าจะกระต่ายน้อยหรือแม่เสือ คุณแก้วก็ยังดูมีเสน่ห์มากมายอยู่ดี ตอนแสนดีก็หวานไปหมด ตอนจะแผลงฤทธิ์ก็ยังน่ารัก
ผมหลุดหัวเราะด้วยความหื่นกาม ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกมีมลทิน คุณแก้วเห็นดังนั้นก็มีสีหน้างงๆ ทว่าด้วยความโง่ระดับไหนของผมไม่รู้ พอหัวเราะไปๆมาๆไม่วายวุ้นๆนิ่มๆยังเสือกติดคอ ผมรีบหลบไปอีกทาง ยกมือปิดปากก่อนจะไอหลายที “ค่อก แค่กๆ”
“ตายแล้ว คุณต๊อบ น้ำมั้ย เดี๋ยวแก้วไปซื้อน้ำนะ” คุณแก้วลูบหลังผมเบาๆ เธอรีบลุกขึ้นอย่างร้อนรน มองซ้ายขวาเพื่อจะหาน้ำดื่ม
“ไม่ ไม่เป็นไรครับ” ผมคว้าข้อมือคุณแก้วไว้แล้วให้เธอนั่งลงอย่างเดิม ผมเอนตัวนิดๆซบข้างไหล่เธอ ก่อนจะค่อยๆหายใจเป็นปกติ “รอดแล้วครับ รอดแล้ว”
คุณแก้วเผยอปาก ก่อนจะตีผม “คุณต๊อบนี่ ชอบทำให้ตกใจ กินเป็นเด็กเชียว วุ้นก็ยังติดคอเนี่ย”
“โธ่ ตอนเด็กๆคุณแก้วไม่เคยกินของนิ่มๆแล้วติดคอบ้างเลยเหรอครับ ทำไมต้องดุด้วยอะ” ผมเอนหัวพิงไหล่คุณแก้วแล้วรีบพูดง้อๆ
“ดุสิ ดุเพราะเป็นห่วงไง ตอนเด็กๆแก้วไม่เป็นแบบนี้หรอก”
“แล้วเป็นแบบไหนครับ”
ผมถามยิ้มๆอย่างไม่คิดอะไร ทว่าวินาทีถัดมาผมเห็นคุณแก้วกลับเป็นฝ่ายที่ชะงักไปครู่หนึ่ง ต่อมาผมถึงคิดต่อได้ว่า ถ้าตอนเด็กๆคุณแก้วก็คงเป็นเด็กผู้ชายมาก่อน และผมไม่แน่ใจว่าเธออยากจะเล่าถึงมันไหม
เมื่อมาถึงตรงนี้ กลับกลายเป็นช่วงเงียบไปกะทันหัน ผมอยากตบปากตัวเอง ถึงอย่างนั้นเราจะคุยกันบ่อยแต่คุณแก้วก็ไม่ค่อยจะพูดถึงเรื่องของเธอให้ผมฟังสักเท่าไรนัก แม้เราจะคบกันแล้วก็ตาม
“ตอนเด็กๆแก้ว…ใครจะซื่อบื้อเหมือนคุณต๊อบกันล่ะ” เธอยิ้มนิดๆก่อนจะหัวเราะ นิ้วบิดแก้มผมไปหนึ่งที ผมปล่อยให้เธอเอ็นดูแก้มขวาอย่างเต็มใจ ไม่นานจากปลายนิ้วกลายเป็นฝ่ามือแนบลงไปทั้งหมดแทน
“ถึงผมจะไม่ฉลาด แต่ผมก็รู้ว่ารักคืออะไร”
ผมแสร้งพูดจริงจัง ผมแค่ทำเหมือนว่าผมกำลังจริงจัง เพื่อให้ผมดูไม่จริงจัง แต่จริงๆผมก็จริงจังนั่นแหละ ผมแค่กำลังแกล้งว่าผมกำลังแกล้งจริงจัง เพื่อปกปิดความจริงจังในใจอีกทีหนึ่ง
เชี้ย นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่วะ
คุณแก้วหลุดยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่เขินอาย เปี่ยมสุข และ มันมาจากใจเธอจริงๆ ด้วยแววตาทั้งหมด เธอส่งเสียงราวกับว่าหวานเลี่ยนในลำคอ “นี่เอาโควทในหนังมาจีบแก้วอยู่เหรอ?”
“เรื่องนี้สนุกนะครับ”
“ตอนเด็กๆแก้ว…เป็นเด็กที่หน้าเหมือนอิคคิวซัง”
“หื้อ”
“จริงนะ แต่ว่า มันตลกดี แก้วแบบ ผมแก้วสั้นมากแล้วแก้วก็ไม่ชอบเลย แก้วแทบจะอยากไปขโมยวิกที่ร้านมาใส่”
เธอเล่าออกมาในที่สุด ผมหัวเราะลั่นแต่ไม่ได้หมายความว่าในทางไม่ดี ผมแค่เห็นเธอเล่าอย่างมีความสุขและอมยิ้มเมื่อนึกถึง คุณแก้วกุมมือผมไว้ ในทีแรกเธอแอบดูกังวลใจทว่าทันทีที่เห็นผมตั้งใจฟัง เธอก็ค่อยๆสอดนิ้วเข้ามาระหว่างฝ่ามือของเราโดยไม่รู้ตัว
“แล้วคุณแก้วทำไงครับ”
“แก้วก็ไม่ยอมไปตัดผมอีกเลย เพราะแก้วจำได้ว่าแบตตาเลี่ยนมันบาด แก้วเกลียดมาก แก้วเลยยื่นคำขาดกับทุกอย่างว่าแก้วจะไม่กลับไปเจอมันอีก”
“โอ๊ย คุณแก้ว” ผมหัวเราะ คุณแก้วหน้ามุ่ยหนักแต่ผมรู้ว่าเธอกำลังทั้งเขินและขำ
“หยุดเลยค่ะคุณต๊อบ”
คุณแก้วมองค้อน เธอกอดอกอย่างไม่พอใจ กระนั้นเธอก็ไม่ได้ไม่พอใจจริงๆหรอกผมรู้
มันเป็นอีกมุมที่ผมค่อยๆได้เห็น ในวันแรกที่พบเธอ คุณแก้วราวกับดอกไม้ที่ผมไม่อาจเอื้อมไป แต่ทว่าพอได้มารู้จัก กลับกลายเป็นผมยิ่งไม่อาจถอนตัว
ถึงเธอจะไม่ใช่ผู้หญิง ถึงเธอจะเป็นอย่างไรมาก็ตาม
ผมแค่รู้สึกว่าใจมันเบาและสบายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้อยู่กับเธอ
สักพักเราก็กลับบ้าน โดยที่หยอกล้อคุยกันไปตลอดทาง พอลงจากรถ คุณแก้วก็เดินไปตรงสวนหน้าบ้าน จะมีบ่อปลาและน้ำพุทีมีรูปหงส์อยู่สองตัว จากการตกแต่งบ้านของเธอและแสงไฟในตอนนี้ มันจึงยิ่งดูสวยอย่างมาก
ผมยืนอยู่ข้างหลังคุณแก้ว ปลายจมูกโฉบอยู่กับผมนุ่มๆของเธอ มีม้านั่งอันเล็กๆอยู่ ผมเห็นคุณแก้วเหมือนจะเหม่อ จึงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นั่งลงข้างเธอ แล้วมองไปที่บ่อน้ำเล็กๆด้านหน้า
เสียงน้ำไหล กับลมพัดเบาๆ และแสงในยามค่ำคืน น่าแปลกที่ไม่มียุง แถมอากาศยังเย็นนิดๆ ผมไม่ได้พูดอะไรเลย เพียงแค่นั่งเฉยๆข้างๆเธออย่างนั้น
คุณแก้วค่อยๆเอนมาและซบผมไว้ เธอยกมือผมขึ้นมาด้านหน้าก่อนจะประสานมือเข้ามาช้าๆ
ผมซบลงบ้าง ทำให้เหมือนว่ากำลังทับหัวเธออยู่อีกทีหนึ่ง ก่อนจะโยกไปโยกมา
“เป็นอะไรครับหื้ม”
คนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่และเข้มแข็งกว่าใครแต่จริงๆแล้วก็มีมุมเด็กๆอยู่เหมือนกัน
แม้ผมจะมีความสุขแต่ในนั้นแอบมีความกังวลเล็กๆที่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆเธอถึงดูเซื่องซึมขึ้นมา
“แก้ว” คุณแก้วพูดช้าๆ เธอดูลังเล แต่ก็พูดออกมา “มีความสุข”
ผมเลิกคิ้ว อมยิ้มให้เธอ
“แต่แก้ว” คุณแก้วพูดต่อ เธอกุมมือผมแน่นขึ้น “แก้วก็กลัว”
“กลัวอะไรครับ”
“กลัวมันหายไป”
ผมขมวดคิ้ว “แล้วเราจะทำยังไงไม่ให้มันหายไปดี”
“ขังมันไว้ดีมั้ย”
“ใจร้ายอะ” ผมพูดเสียงอ้อแอ้ อาจไปกระตุ้นบางอย่าง คุณแก้วถึงได้ขบเขี้ยวอย่างแปลกๆ
“แก้วไม่กล้าทำอย่างนั้นหรอก”
หัวใจผมเต้นดังเป็นจังหวะ อย่างกับกลองที่ตีหนักๆ
เราซบกันอยู่ ทามกลางแสงอ่อนๆ สักพักโทรศัพท์ผมสั่น มันดังครืดและก็จบก่อนจะดังอีกครั้ง แล้วคุณแก้วก็พูดขึ้น “ตรงนี้แก้วแต่งตอนที่เก็บเงินได้ก้อนแรก” เธอชี้ไปรอบๆ ตรงบ่อน้ำกับสวน
“คุณแก้วออกแบบเองเหรอครับ”
“ใช่แล้วค่ะ”
“สวยเหมือนคนทำเลย”
เธอยิ้มขณะที่หันมา สายตาเธอมองผมและหยุดลงไม่ได้มองที่ใดอีก
ลมพัด ผมของเธอปลิวช้าๆ ใบหน้าเราใกล้กัน ผมก็เลยเผลอใจจูบเธอไป
มันไม่แน่ใจว่าความใจกล้านี้มาจากไหน หรือเป็นเพราะบรรยากาศพาไป ความอ่อยอิ่งที่อยู่รอบกายเรา ครั้งพอเพียงแตะริมฝีปาก ระหว่างที่กำลังแยกจาก คุณแก้วก็เป็นฝ่ายประกบใบหน้าลงมาอีกครั้ง
โทรศัพท์ผมสั่นเช่นเดียวกัน ทว่าผมไม่ทันได้สนใจ ผมไม่แน่ใจว่าผมตั้งสั่นไว้ตอนไหน แต่ในเวลานี้กลับไม่ได้ทันนึกถึง คุณแก้วคล้องแขน ตัวเธออ่อนลงจนนอนลงไป มือหนึ่งกดใบหน้าผมตามลงมา เราแทบไม่ห่างกัน
ผมวางมือยันไว้ข้างๆ คุณแก้วคล้องคอผมทั้งสองมือ นิ้วสอดอยู่ใต้เส้นผม ขย้ำช้าๆ เธอค่อยๆเปิดให้ผมเป็นฝ่ายรุกทีละนิด จากความเขินอายจึงเปลี่ยนเป็นการรุกไล่
เสียงเสื้อผ้ากับเสียงหายใจปนกัน ผมได้กลิ่นกายของเธอชัดเจน และรู้สึกมึนงงไปหมด แต่กลับถอนตัวไม่ได้
ผมวกวนอยู่กับลำคอของคุณแก้ว ฝ่ามือเธอลูบทั่วแผ่นหลัง ก่อนจะต่ำลงและสอดเข้าไปใต้กางเกง ผมสะดุ้งน้อยๆ เมื่อเธอลูบสะโพกก่อนจะวกขึ้นมาทีแผ่นหลังอีกครั้ง แต่แล้วเธอก็จูบข้างแก้มผมแล้วเรียกชื่อเบาๆ “คุณต๊อบ”
คุณแก้วเบี่ยงกาย เธอนอนหันข้าง ลำตัวให้ผมเพียงครึ่งหนึ่ง ท่อนขาเรียวยาวภายใต้เนื้อผ้าลื่นๆของเธอบดเบียดกัน ดูทรมานอย่างบอกไม่ถูก
“คะครับ” ผมกระพริบตาปริบๆ ราวกับคนที่ยังเมาและไม่ได้สติอยู่ แถมเสียงยังหน่อมแน้มจนน่าขายหน้าฉิบหาย ไม่เข้าใจว่าเสียงผมมันหายไปไหนหมด ผิวคุณแก้วดูจะตื่นขึ้นมา มันลุกชันเล็กๆ เมื่อตอนที่หนวดผมเผลอไปสัมผัสกับผิวกายของเธอ
“ทะลึ่ง”
คุณแก้วอมยิ้ม ผมมองไปตามสายตาของเธอ ที่ตรงต่ำลงมาเรื่อยๆและบ่งชี้ว่าเป็นเป้ากางเกงผม
ผมสะดุ้ง
รีบลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือกุมเป้าไว้อย่างรวดเร็ว
คุณแก้วหัวเราะเสียงต่ำ เธอค่อยๆเอนกาย ผมเห็นดังนั้นจึงรีบช่วยพยุงเธอ แต่ก็พะวักพะวกกับการปกปิดอารมณ์ของต๊อบแต๊บ
ทำไมเป็นงี้ทุกที
ต๊อบบบบบบบบ
“ถ้าใครมาแย่งคุณต๊อบแก้วคงโกรธมากแน่ๆ”
ผมเกาหัว ลูบต้นคออย่างไม่รู้จะวางตัวยังไง และเชื่อได้เลยว่าตอนนี้หน้ากำลังดำแดงสุดๆ เพราะคุณแก้วถึงกำลังจะมองผมอยู่ แต่เธอกลับทำให้ผมรู้สึกราวกับโป๊อยู่อย่างนั้น ขาเธอดันอยู่ตรงกลาง และทำให้ผมไม่กล้าขยับมาก
“เอ่อ ดะ เดี๋ยวมัน กะ ก็หายครับ เดี๋ยวมันก็เป็นเด็กดี”
ผมพยายามกุมเป้าอย่างสุดความสามารถ แต่ค่อนข้างทำยาก เพราะมันใหญ่โตมากจริงๆ และจะดียิ่งขึ้นถ้าคุณแก้วไม่ถูๆ “รู้มั้ย ถ้าคุณต๊อบดื้อ แก้วจะจัดการยังไง”
ผมลอบกลืนน้ำลาย เมื่อคุณแก้วยังคงขย้ำมือเบา ถึงแม้มันจะเป็นแค่การขย้ำก็เถอะ
“แก้วเข้าใจ” คุณแก้วเป็นฝ่ายจูบผม เธอโน้มตัวและเริ่มกดให้ผมต้องค่อยๆเอนกายลงอย่างไม่รู้ตัว ตอนไหนไม่รู้ที่ผมนอนอยู่ หรืออาจจะตั้งแต่ตอนที่เธอกำลังลงโทษผม ว่าแต่เรื่องอะไร นี่ผมทำไรผิด แค่มันปึ๋งปั๋งก็เป็นโทษแล้วเหรอวะ ฮือๆๆๆ
คุณแก้วประคองใบหน้าผมไว้ เธอค่อยๆจูบทีละนิด ทิ้งร่องรอยของลิปสติกสีชมพู ส่งผลให้ผมไม่อาจมองสิ่งใดได้นอกจากแววตาของเธอ
“แก้วแค่”
ปอยผมของเธอตกลง คลอเคลียอยู่บนใบหน้า ก่อนจะค่อยๆยิ้มยิ้มทีละน้อยในที่สุดก็เหมือนจะหัวเราะ
“แก้วแค่มีความสุขจัง”
“รู้มั้ย แก้วไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย”
TBC
[5/09/2559]