Chapter 38
กนธีเข้ามาบ้านใหญ่ตอนบ่าย เขาชวนปาลินไปทำบุญพรุ่งนี้ พอดีน้องไม่ว่างช่วงเช้าแต่จะตามไปสมทบที่บ้านเด็กกำพร้าตอนเย็นแทน เขาอยากให้อินทัชกับเด็กๆไปด้วยกันเลยมาหา กะว่าจะนอนค้างที่นี่ พรุ่งนี้จะได้ออกพร้อมกัน
เสียงรถแล่นเข้ามาในเขตบ้านทำให้เด็กๆหันขวับไปมอง ตอนนั้นอ้นกับอุ้มนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าทีวี อ้นกำลังเอาฟ็อกกี้ฉีดชาฮกเกี้ยนและจับหนอนตัวเล็กออกจากใบ ส่วนน้องอุ้มกำลังนั่งเพ้นท์กระถางดินเผาที่พี่โอ๊ตซื้อมาให้เมื่อวาน
เด็กชายเห็นกระถางพลาสติกที่เพาะโฮย่าแล้วไม่ค่อยชอบ พอปรึกษากับพี่ว่าอยากจะทำให้ดีกว่านี้ พี่โอ๊ตก็ออกจากบ้านไปซื้อกระถางขนาดฝ่ามือมาให้พร้อมกับสีอะคริลิคและพู่กัน น้องอุ้มเลยตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อมาวาดรูป
ตอนนี้ลงสีกระถางเป็นสีฟ้าสดได้ทั่วแล้ว ดูแหว่งๆวิ่นๆไปบ้างเพราะมือน้องไม่นิ่ง แต่อุ้มก็ทำอย่างตั้งใจเต็มที่ ใช้สีขาวทำปุยขยุกขยุยแทนเมฆ จากนั้นตั้งใจว่าจะทำดาวห้าแฉกกับพระจันทร์ดวงโต๊โตด้วยสีเหลือง
ที่ไม่วาดพระอาทิตย์ อุ้มให้เหตุผลว่าเดี๋ยวโฮย่าหวานใจจะร้อนไป
พอเสียงรถวิ่งเข้ามาหน้าบ้าน อ้นที่จำได้แม่นก็ทำตาโต “พี่กุนต์มา!”
เท่านั้นเอง..วงแตกฮือ เด็กๆวิ่งไปคนละทิศละทางเพื่อเอาของไปซ่อน
“อ้นระวังทำร่วงนะ ถือดีๆ” อินทัชสมรู้ร่วมคิดกับน้องเพราะพวกมันอยากเซอร์ไพรส์ “อุ้มเอาสีไปเก็บด้วย เดี๋ยวพี่ไปรับพี่กุนต์ก่อน”
กนธีเดินเข้ามาอย่างงุนงงเมื่อเห็นหลังของน้องอ้นกับน้องอุ้มไวๆ เขาซื้อซาลาเปาหมูแดงมาให้น้องอุ้ม และขนมจีบปูกับกุ้งให้น้องอ้นด้วย
“หายไปไหนกันหมดทุกคน” เขาเดินผ่านโถงกลางมาทางห้องรับแขก สายตาเหลือบเห็นถาดสีที่วางทิ้งไว้เลยเดินเข้าไปดู
ตอนนั้นเองที่อ้อมแขนแข็งแรงของใครบางคนเข้ามาตวัดรัด เรี่ยวแรงไม่น้อยนักอุ้มเขาจนตัวลอย กนธีร้องเหวอ ถูกยกตัวขึ้นพาดบ่า
“ไอ้โอ๊ต~” เขาหน้ามืดตาลายกะทันหัน “ปล่อยๆ เดี๋ยวหัวใจวาย”
อินทัชหัวเราะ ยอมปล่อยตัวลงแต่ยังจับไหล่ไว้แน่น ไม่ยอมให้พี่กุนต์เห็นว่าไอ้อุ้มทิ้งร่องรอยอะไรไว้บ้าง เดี๋ยวความจะแตกก่อน “มาไม่บอกเลยนะพี่”
“อือ..พรุ่งนี้วันเกิดพี่ จะมาชวนพวกเราไปทำบุญ”
เด็กหนุ่มทำหน้าเหรอหรา “วันเกิด! จริงอ่ะ ทำไมผมไม่รู้”
กนธีหัวเราะ ก็เขาไม่ได้ป่าวประกาศนี่ “ก็บอกตอนนี้ไง”
“แล้วแบบนี้ใครจะเตรียมของขวัญทัน” เขาฉุกคิดตั้งแต่คุณไผทพูดแล้ว เลยหาโอกาสเปิดกระเป๋าเงินพี่กุนต์เพื่อดูบัตรประชาชนแล้วก็รู้วันเกิดจนได้
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่รับของขวัญ” กนธีบอก
น้องอุ้มที่คลานเข่าเข้ามากวาดอุปกรณ์เพ้นท์กระถางถึงกับอ้าปากค้าง อินทัชเหลือบมองน้องที่ช็อกจนแข็งทื่อ เขาทำมือไล่ให้มันเก็บของออกไป
“ทำไมไม่รับของขวัญล่ะครับ” ร่างสูงยังจับตัวพี่กุนต์ไม่ปล่อย
“เกรงใจน่ะ เลยไม่ค่อยบอกใคร แต่ถ้าคนสนิทกันก็พอจะรู้บ้าง”
“แล้วคุณไผทรู้ได้ยังไง” เขาหรี่ตามอง “คนสนิทเหมือนกัน?”
กนธีหัวเราะ “เสิร์ชในเน็ตก็เจอแล้ว ของแค่นี้”
อินทัชอยากตบหัวตัวเองจริงๆ เขาหาโอกาสดูบัตรประชาชนตั้งนาน เพิ่งนึกได้ว่าพี่กุนต์คือสิงหนาทคนหนึ่ง แค่บทสัมภาษณ์ทั่วไปทำไมจะไม่มี
“แต่บางทีคนรู้เขาก็อยากให้นะครับ” เขาออกตัวแทนไอ้อุ้มที่ยังช็อกไม่หาย “บางคนก็ลุยแดด อั้นฉี่ งดกินข้าวเที่ยงไปหาซื้อของให้ พี่จะไม่รับเลยหรือ”
กนธีเลิกคิ้ว เห็นสายตาอินทัชมองด้านหลังก็หันไป แต่ฝ่ามือใหญ่จับหน้าให้หันมาก่อน ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังได้ยินเสียงกุกกักจากหลังโซฟา ตามด้วยเสียงจามดังฟึด และอินทัชก็ทำหน้าอ่อนเพลียแบบโจ่งแจ้ง
..ไม่เนียนกันทั้งพี่ทั้งน้อง..
ชายหนุ่มกลั้นยิ้ม แกล้งพูดดังๆ “รับสิ..ทำไมจะไม่รับ อยากบอกว่าดีใจมากเลย ดีใจจริงๆที่มีคนสนใจวันเกิดพี่ แล้วก็อยากหาของขวัญมาให้พี่ ดีใจ~”
น้องอุ้มยิ้มหน้าบาน วิ่งตุบตับออกไปสมทบกับพี่อ้นที่เกาะประตูรออยู่
อินทัชถอนหายใจ หมดแรงจริงๆ เขาโกหกไม่ได้เรื่องเลย พี่กุนต์เห็นเขาทรุดลงนั่งที่โซฟาก็หัวเราะ ขยับมานั่งใกล้และแตะปลายคางให้หันมาหา
ไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากอุ่นๆนั่นก็แตะลงบนปากเขาแผ่วเบา
“ขอบคุณนะ..เด็กน้อยที่ลุยแดด อั้นฉี่และงดข้าวเที่ยง” กนธียิ้ม
“ปิดมาทั้งวัน ความแตกภายในห้าวินาที” ก้มหน้าซบฝ่ามือ โอดครวญ
“ไม่เป็นไรนี่ เดี๋ยวพี่ทำไม่รู้ดีไหม” เขานึกสนุก “ห๊า! ของขวัญ!! โว้ว!”
“นั่นก็เยอะไปพี่” อินทัชหัวเราะ
เด็กหนุ่มเห็นว่าไม่มีใครเข้ามา ไอ้แสบสองตัวคงไปนั่งกับยายที่สวนแล้วทำของขวัญต่อ เขาเลยถือโอกาสล้มลงนอนบนตักพี่กุนต์ กลิ่นหอมจากตัวอีกฝ่ายที่ห่างไปวันเดียว เมื่อกลับมาอยู่ใกล้กันอีกครั้งก็ทำให้อบอุ่นในใจ
กนธีนิ่งไปนิด พอเห็นอาการออดอ้อนของเด็กโข่งก็ลูบหัวมัน
“ตกลงไปทำบุญด้วยกันนะ ตอนเช้าไปถวายเพลก่อน ถวายสังฆทาน ตอนบ่ายเอาอาหารหมาไปบริจาค แล้วตอนเย็นก็ไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้ากัน”
อินทัชขยับตัวนอนหงาย ขาเหยียดยาวพาดไปถึงที่วางแขน “ผมนึกว่าวันเกิดของคนรวยอย่างคุณกนธี สิงหนาทจะเป็นปาร์ตี้ครึกครื้นเสียอีก แบบที่เห็นในทีวีน่ะ มีเพลง มีเพื่อนๆ ของกิน เหล้า บุหรี่ เฮฮากันข้ามคืนทำนองนี้”
“นี่มันพี่ไง ไม่ใช่พระเอกในละคร” กนธียิ้ม “แล้วทำไมเราต้องเปลืองเงินไปกับการฉลองไร้สาระด้วยล่ะ เพื่อนพี่ทุกคนมีเงินกินเองอยู่แล้ว แต่คนอื่นที่อยู่ในมูลนิธิไม่ได้มีโอกาสบ่อยๆ ถ้าจะจัดงานให้คนมารุมล้อมคืนเดียวจบ ผลาญเงินไปเป็นแสน พี่ว่าพี่ออกไปให้ความรักกับคนที่ต้องการจะดีกว่าไหม”
คนฟังอุ่นวาบในอก ไม่รู้คิดอย่างไรถึงได้พลิกตัวเข้ากอดรัดอีกฝ่าย เขาซุกลงกับหน้าท้องราบ สูดกลิ่นหอมอุ่นอวลที่ทำให้ใจสงบนิ่งอย่างประหลาด
“ผมเองก็ขาดพ่อขาดแม่..เข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่มี แต่โชคดีที่ผมมียาย มีน้องๆ มันเลยมีพลังชีวิตให้สู้ต่อเพื่อพวกเขา..ขอบคุณแทนเด็กๆด้วยครับ”
กนธีมองอย่างเอ็นดู เจ้าโอ๊ตร้องไห้อยู่หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ได้ถามอะไรหรอก ได้แต่นั่งพิงโซฟา ปล่อยให้เด็กมันนอนหนุนตักจนผล็อยหลับไป
เวลาผ่านไปสองชั่วโมง กนธีเองก็เผลองีบหลับไปด้วย เขาวางข้อศอกกับที่วางแขน เอามือเท้าหัวในสภาพนั้นอยู่นาน กระทั่งได้ยินเสียงเล็กๆกำลังพูดคุยกระซิบกระซาบและรู้สึกโหวงๆที่ตักเลยปรือตามอง
“เอาไปเก็บสิอุ้ม ถือไปถือมาทำไม” อ้นบอกน้องที่เที่ยวเอากระถางเพ้นท์ลายไปอวดคนนั้นคนนี้ตั้งแต่แม่ครัวไปจนถึงคนสวนของพี่กุนต์
“เดี๋ยวๆ หนูยังไม่ได้เอาไปให้แกงส้มดูเลย”
“แกงส้มดูไปก็พูดไม่ได้หรอก เอาไปเก็บเลย ถ้าทำแตกขึ้นมานะ..”
กนธีกลั้นขำ เขาหรี่ตามองต้นโฮย่าใบหัวใจในกระถางที่น้องถืออยู่ อดรู้สึกปลื้มในอกจนพาลอ่อนไหวไปด้วยไม่ได้ ทั้งที่อยากจะเข้าไปรวบตัวเด็กๆมากอด หอมแก้มสองสามฟอดแล้วบอกขอบคุณ แต่เขาก็ต้องกลั้นไว้จนถึงพรุ่งนี้
น้องอุ้มหัวเราะคิกคัก ชูให้จิ้งจกบนเพดานดูกระถางทำเอง พอดีพี่กุนต์ที่นั่งหลับอยู่ในห้องรับแขกขยับตัว เด็กชายเลยชะงัก ซ่อนกระถางไว้ด้านหลัง
“รีบๆเอาไปเก็บ” พี่อ้นกำชับ “เดินดีๆนะ ระวังสะดุด”
เด็กชายย่องผ่านโซฟาที่พี่กุนต์นอนอยู่ แต่เพราะมัวพะวงกลัวอีกฝ่ายจะตื่นมาเจอ เท้าน้อยๆเลยสะดุดเข้ากับพื้นพรมแล้วล้มป้าบเข้าให้เต็มแรง
กนธีลุกพรวด ทำเอาน้องที่นอนคว่ำหน้าตกใจยิ่งกว่า เขารีบเข้ามาช้อนตัวกลมป้อมขึ้นอุ้ม ลูบหัวลูบหน้าที่ชื้นเหงื่อให้ “เป็นไงบ้างน้องอุ้ม..เจ็บไหม”
“อุ้มเจ็บหรือเปล่า” พี่อ้นวิ่งเข้ามาดูด้วย
อุ้มส่ายหัวดิก แต่ตอนล้มรู้สึกแปล๊บๆในปาก พี่กุนต์เลยขอดู เหมือนว่าฟันน้ำนมที่โยกอยู่จะหลุดออกมาจนได้เพราะน้องตกใจจนเผลอกัดฟันกร๊อบ
“ลูกชาย” กนธีน้ำตาซึม หยิบฟันน้ำนมของน้องวางบนฝ่ามือ เลือดออกไม่มากเพราะตอนแรกก็จะหลุดอยู่รอมร่อ “ขวัญเอ๊ยขวัญมา ไม่เจ็บใช่ไหมครับ”
“หวาย..ฟันหลอ” อ้นปรบมือยินดี “ฟันแท้ขึ้น เป็นหนุ่มแล้ว”
คนอายุมากกว่าหัวเราะเอ็นดู ลูบผมยุ่งเหยิงให้ “เดี๋ยวเอาฟันซี่นี้ไปโยนขึ้นหลังคากันนะ ฟันแท้จะได้ขึ้นพรวดๆเลย” เขาหอมแก้มยุ้ยเป็นกระติก
อินทัชเพิ่งเข้ามาหลังจากพายายไปกินข้าวมื้อบ่าย พอเห็นไอ้อุ้มนอนอยู่ในอ้อมแขนพี่กุนต์ก็สงสัย ท่าทางว่าเด็กแถวนี้จะจับกบเข้าให้แล้ว
น้องอุ้มไม่ร้องเลย เด็กชายยันตัวขึ้นนั่ง แต่พอหายตื่นเต้นเรื่องฟันหักและเหลือบไปเห็นกระถางเพ้นท์สีฝีมือตัวเองหล่นอยู่บนพื้นก็อ้าปากค้าง
กระถางน้อยที่ตั้งใจทำตั้งแต่เช้า..แตกเป็นเสี้ยวใหญ่ โฮย่าหวานใจใบสวยที่เลือกมาเองหล่นกลิ้งไม่เป็นท่า เศษดินเศษกากมะพร้าวกระจายเกลื่อน
เห็นแค่นั้น อุ้มก็ขวัญเสียยิ่งกว่าฟันหัก ตัวแสบร้องไห้โฮ
อินทัชหันไปเห็นยิ่งตกใจ กนธีเองก็เพิ่งสังเกตว่าน้องทำกระถางต้นไม้หล่นแตกตอนที่ล้ม เขารีบพลิกฝ่ามือน้อยๆขึ้นดูก่อนเพราะกลัวว่าเศษดินเผาจะบาด แต่เห็นว่าปลอดภัยดี ที่ร้องไห้ดังลั่นคงเพราะเสียใจสุดขีด
“กระ..ถาง ฮึก! ของ..หนู..ทำให้พี่..ฮึก..กุนต์” อุ้มเป่าปี่ดังสนั่น
“โอ๋ลูก..ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรนะ” ชายหนุ่มโยกตัวเล็กป้อมที่ร้องไห้กระซิกจนตัวโยน “หนูปลอดภัยก็ดีแล้วครับ กระถางนั้นพี่เห็นแล้ว สวยมากเลย พี่กุนต์ดีใจมาก ขอบคุณนะครับ..ขอบคุณจริงๆ” เขายกข้อมือน้องขึ้นจูบแล้วเอามาแนบแก้ม “ขอบคุณสำหรับความตั้งใจนะครับ พี่รับรู้แล้วนะเด็กชาย..”
“ฮืออ..กระถาง..ของหนู” อุ้มซุกหน้ากับอ้อมอกอุ่น “จะฉลอง..ฮือ”
อ้นเศร้าตาม ได้แต่ลุกขึ้นไปรวบรวมเศษกระถางมาถือ พี่โอ๊ตพูดปรามเพราะกลัวจะโดนบาดมือ “น้องอุ้มอย่าร้อง ซื้อใหม่ก็ได้”
“หนู..นั่งทำ..ฮือ..ฮืออ” อุ้มสะอื้นฮัก ยกสองมือให้พี่กุนต์ดูว่ายังไม่ทันได้ล้างเลย สีอะคริลิคเปื้อนเต็มไปหมด ที่แก้มก็ยังมีรอยสีฟ้าเป็นทาง
กนธีน้ำตาเอ่อ จูบปลายนิ้วเล็ก มือน้อยคู่นี้พยายามทำของขวัญให้เขาจากใจ เขารวบเด็กชายเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด จูบปลอบขวัญบนหน้าผาก
“เอ้า..ตอนนี้ยังทันนะ” พี่อ้นเอาต้นไม้ให้น้องอุ้ม
เจ้าหนูน้ำตาร่วงเผาะตอนที่ยื่นโฮย่าใบหัวใจให้ผู้ใหญ่ตรงหน้า ตอนแรกอุ้มทำเสียดิบดี ตอนนี้เหลือแต่ใบกับรากและเศษดินที่ยังติดอยู่บ้าง
“หนู..ฟืดด” อุ้มสูดน้ำมูกจนจมูกแดง “ให้..ฮึก..ให้..พี่กุนต์ฮะ..”
“ขอบคุณครับ..ขอบคุณ” เขาเสียงสั่น
“ขอให้พี่กุนต์..ฮึก..แข็งแรง..ฮืออ..” น้องปาดน้ำตาทิ้ง “อายุร้อยๆปี” หนูน้อยหมายความอย่างนั้นจริงๆ “อยู่กับพวกหนู..ตลอด..ไป..หนูรักพี่กุนต์”
“ลูกชายเอ๊ย..” เขายกหลังมือขึ้นปิดหน้า สุดท้ายน้ำตาก็ไหลพรั่งพรู
กลายเป็นว่าผู้ใหญ่กับเด็กแข่งกันร้องไห้ อินทัชเห็นแล้วแต่ได้แต่ยิ้มระอา สองคนนี้ทำเอาเขาน้ำตาคลอไปด้วยเลยพยักหน้าชวนเจ้าอ้นออกไปจากห้อง ปล่อยให้พี่กุนต์อยู่กับไอ้อุ้มตามลำพัง
กนธีทั้งกอดและปลอบน้องอุ้มจนเด็กน้ำตาแห้งและผล็อยหลับคาอก แต่เขาเองยังร้องไห้ไม่หยุด มันเป็นความรู้สึกปลื้มปิติ อิ่มเอม และซาบซึ้ง มันคือความรู้สึกที่อุ่นอวลจากความสุขล้น เกิดจากคนในครอบครัวที่ไม่ได้มีอะไรจะมามอบให้..นอกจากหัวใจและความปรารถนาดี และเขาก็รับรู้ด้วยตนเองแล้ว
อินทัชเข้ามาหลังจากในห้องรับแขกเงียบเสียงลง พี่กุนต์ค่อยๆประคองไอ้อุ้มไปนอนที่โซฟาและบรรจงเช็ดมือที่เปื้อนคราบสีให้ด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น
เขาเข้ามาเก็บกวาดเศษกระถางเพราะกลัวใครจะเหยียบเข้า
“อันนั้นอย่าเพิ่งทิ้งนะ” กนธีหันมาห้าม “ช่วยเรียกเด็กมาให้พี่ที บอกว่าฝากซื้อกาวร้อนกับปืนยิงให้หน่อย” เขาก้มลงจูบหน้าผากเหม่ง ดูเถอะ อุตส่าห์แอบไประบายสีกระถางโฮย่าอยู่นอกบ้าน ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยแต่ก็ทำไม่หยุด
อินทัชเลิกคิ้ว “พี่อย่าบอกนะว่า..” เขามองเศษกระถางที่รวบรวมไว้
“อือ..จะลองซ่อมดูน่ะ ที่แตกยิบๆก็ลองอุดด้วยกาวดู”
“ซื้อใหม่ก็ได้มั้งพี่”
กนธีส่ายหัว “ความตั้งใจมันซื้อใหม่ไม่ได้นะโอ๊ต ไปบอกตามนั้นเถอะ”
เด็กหนุ่มครางในลำคอ ออกไปพูดตามคำสั่ง เด็กในบ้านก็รีบซื้อมาให้ จากนั้นพี่กุนต์ก็นั่งประกอบกระถางอย่างตั้งอกตั้งใจ ค่อยๆต่อทีละชิ้น อุดรูโหว่ด้วยกาวร้อน เป่าให้มันแห้งอย่างอดทนกระทั่งถึงตอนเย็น
ยายที่รู้เรื่องถึงกับหลุดยิ้มด้วยความเอ็นดู แกไม่ให้เข้าไปกวนคุณกุนต์รวมทั้งให้เจ้าโอ๊ตพาอ้นกับอุ้มไปเล่นที่อื่นระหว่างที่เจ้าตัวกำลังพยายาม
กนธีไม่เพียงแต่ซ่อมให้เป็นรูปร่างแบบเดิม พอทิ้งไว้ให้แห้งและไปพักกินข้าวมื้อดึก เขาก็หอบอุปกรณ์ขึ้นไปบนห้องและลองเพ้นท์สีตามรอยแตกด้วยกาวกากเพชรสีเงิน..สมมติว่าเป็นทางช้างเผือกที่พาดท้องฟ้ากลางคืนแล้วกัน
“มานอนเถอะพี่ พรุ่งนี้ต้องไปถวายเพลไม่ใช่หรือครับ” อินทัชห่มผ้าให้ไอ้แสบสองตัว วันนี้พวกมันงอแงอยากมานอนกับพี่กุนต์
กนธีไม่ได้เป็นคนมีฝีมือในการทำงานประดิษฐ์ เขาเป็นพวกมือหยาบ ทำอะไรไม่ประณีต กว่าจะติดกาวกว่าจะประกอบขึ้นมาก็ทำพังไปหลายหน กว่าจะรอให้แห้ง กว่าจะลงสีด้วยไอเดียที่ไม่ได้ครีเอทอะไรนักหนาก็ปาเข้าไปสี่ทุ่ม
“อีกนิดเดียว” เขาทากระถางด้วยน้ำยาแววๆอีกชั้น
อินทัชเดินมาใกล้ ลอบสังเกตสีหน้าตั้งอกตั้งใจและดวงตาแน่วแน่ที่เพ่งผ่านแสงจากโคมไฟสีนวล พี่กุนต์มองลอดแว่น เคร่งเครียดยิ่งกว่าตอนคิดบัญชี
ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล่นวาบเข้ามาในใจ
..โชคดีแค่ไหน..ที่ได้ครอบครอง..
“ผมชงคาโมมายล์มาให้” เขาเทน้ำร้อนใส่ถ้วย “พักดื่มก่อนครับ”
กนธีพยักหน้า “แป๊บนะ มือไม่ว่าง”
อินทัชหัวเราะในลำคอ ยกแก้วขึ้นเป่าจนผิวหน้าหายร้อนก่อนแตะปลายคางให้เจ้าตัวหันมา พี่กุนต์ดูงุนงง กระทั่งเขาเอาชาจรดไว้ที่ริมฝีปาก
“ผมป้อนครับ..เป่าให้แล้ว”
กนธียิ้มรับ เพราะฟังคำว่าเป่าให้แล้ว เขาเลยซดเข้าไปเต็มเปา ผลที่ได้ก็คือลิ้นพองนั่นเอง “ร้อนๆ..เจ้าโอ๊ตแกล้งคนแก่~”
“โธ่..ให้ดื่มช้าๆ ใครให้กระดกรวด” เด็กหนุ่มรีบวางถ้วยลง “มานี่ครับ”
กนธีกำลังโบกมืออยู่แถวปาก แลบลิ้นออกมาคลายร้อน แต่แล้วเก้าอี้ที่นั่งอยู่ก็ถูกจับหมุน เด็กมันโน้มหน้าลงต่ำ “ทำอะไ..อือ..” เขาหลับตาแน่น
ปากอุ่นประกบจูบ เรียวปากของหมอจำเป็นอย่างอินทัชครอบครองปลายลิ้นอีกฝ่าย ค่อยๆไล้เลียอย่างปลอบโยนด้วยความนุ่มละมุน
กนธีหมดแรง วางมือจากการเคลือบกระถางและขยุ้มบ่ากว้าง แหงนเงยขึ้นรับจูบ ยินยอมให้คนตรงหน้าดูดกลืนเรียวลิ้นเข้าในโพรงปาก
“หายหรือยังครับ” เด็กหนุ่มกระซิบถาม
เขาส่ายหัว ตอนนี้มันร้อนที่หน้าแทน
“แลบลิ้นออกมาให้หมอดูหน่อยครับ” อินทัชยิ้ม มองคนที่ทำตามอย่างเชื่อฟัง “พองจริงด้วย” เขามองปลายลิ้นเล็กที่เป็นสีชมพูสด “ต้องทายานะ”
ร่างสูงประคองใบหน้าได้รูป มือข้างหนึ่งสอดรับต้นคอ กดให้แนบหน้าเข้าหากันระหว่างที่จูบลึกล้ำ เขา ‘ทายา’ จนทั่ว ไม่ยอมเว้นสักที่
กนธีร้องในลำคอเมื่อถูกงับเรียวปากล่างอย่างมันเขี้ยว ทั้งตัวตกอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงร่วมสิบนาที “อืม..พอก่อน เดี๋ยวทำไม่เสร็จ”
อินทัชยิ้มจาง ยอมปล่อยตัวและยืนมองกระทั่งพี่กุนต์ลงเคลือบสำเร็จ
“เอาล่ะ..พักไว้ให้แห้ง อย่าไปจับนะ เดี๋ยวเป็นรอยนิ้ว” เขาปรบมือให้ตัวเองเบาๆ เอาโฮย่าหวานใจลง ใส่ดินและโรยกรวดสีด้านบนก็เป็นอันเสร็จ
อินทัชกดจูบข้างแก้มอีกฝ่าย “ขอบคุณนะครับที่ทำเพื่อไอ้ตัวเล็กมัน”
“นิดหน่อยน่า” เขายิ้ม หาวแล้วหาวอีก “ไปนอนกันเถอะ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ มองคนที่เดินโงนเงนขึ้นเตียงและสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม ไอ้อ้นกับไอ้อุ้มนอนเรียงกัน กอดกันตัวกลม ตามด้วยพี่กุนต์ที่เข้าไปซุกกับเด็กๆอีกหนึ่ง เหลือที่ว่างให้เขานิดเดียวทางฝั่งซ้ายสุด
“เอ้า..มานอน” กนธีตบฟูก รวบตัวน้องๆมากอด วางแขนพาดเผื่อไปทางสองหน่อด้วย “ฝันดีครับเด็กๆ” เขาพึมพำ วางหัวบนหมอน “ฝันดีนะโอ๊ต”
อินทัชยิ้มรับ ปิดไฟและตามมานอนซ้อนหลัง รวบตัวพี่กุนต์ไว้แนบอก ความอบอุ่นแผ่ซ่านทั่วเนื้อใจ เขากอดกนธีแน่น..เหมือนกับจะฝังร่างนั้นลงในตัว
“ฝันดีและสุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าครับ..คนดีของผม”
.....................................................................................
[ต่อด้านล่าง]