Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61  (อ่าน 1336765 ครั้ง)

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.66 -- 11/10/59
«ตอบ #1980 เมื่อ12-10-2016 00:15:24 »







Chapter 30





กนธีตื่นตั้งแต่ตีสี่เพราะวันนี้จะต้องส่งน้องอ้นไปทัศนศึกษา รถบัสจอดรออยู่หน้าโรงเรียน อาจารย์นัดเด็กๆเอาไว้ตอนเจ็ดโมงตรง บ้านของเขาอยู่นอกตัวเมืองเลยต้องเสียเวลาเดินทางพอสมควร
   
“เอาล่ะ มีอะไรขาดอีก” เขาตรวจดูความเรียบร้อยของเด็กชาย
   
อินทัชถูกปลุกให้ตื่นตาม เขานั่งหาวหวอด เท้าคางมองพี่กุนต์วุ่นวายอยู่นานแล้ว ทั้งตรวจสัมภาระและสำรวจข้าวของหลายรอบ ไม่แน่ใจว่าอาการย้ำคิดย้ำทำ เช็กนั่นทวนนี่ซ้ำไปมาจะเกิดในผู้สูงอายุทุกคนหรืออย่างไร
   
“ผ้าเช็ดหน้ามีแล้ว กระติกน้ำมีแล้ว” กนธีพูดทวน “กระเป๋าเงินยังอยู่ดี แล้วก็เบอร์โทรของพี่..ติดตัวไว้นะครับ มีอะไรให้รีบโทรบอก พี่จะไปหาทันที”
   
อ้นยิ้มเขิน พี่กุนต์ดูแลดีเหมือนพ่อเลย
   
“เสียดายที่อ้นไม่มีมือถือ” เขาครุ่นคิด “กลับมาค่อยไปซื้อมือถือกัน!”
   
“เยอะไปพี่” อินทัชเข้ามานั่งยองๆด้านข้าง “มันแค่ไปทัศนศึกษา ไม่ได้ไปออกค่ายแถวชายแดน ถ้าหลงแล้วไม่มีปากขอให้คนช่วยโทรตามครูตามพี่มัน ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เบอร์ของผมมันก็จำได้”
   
กนธีผลักบ่ากว้างของเจ้าโอ๊ตอย่างไม่พอใจ “ห้ามว่าน้อง”

อินทัชหัวเราะ เขากำลังจะกลายเป็นหมาหัวเน่าอีกคนแล้วสินะ
   
“ข้าวกล่องตอนเช้าเอาไว้กินบนรถมีแล้ว ของว่างติดตัวไว้เผื่อหิวอยู่นี่ น้ำเปล่าพร้อม” เขาตบกล่องทัฟเปอร์แวร์น้อยๆในเป้ใบเล็ก “เออ..พี่ให้เงินอ้นหรือยัง เอากระเป๋าตังค์ออกมาดูอีกทีสิครับ”
   
เด็กหนุ่มรั้งชายเสื้ออีกคนเอาไว้ เขาถอนหายใจ “เพิ่งจะเช็กไปนะพี่”
   
อ้นหัวเราะ ยกเช็กลิสต์รายการของจำเป็นสำหรับการไปทัศนศึกษาให้พี่กุนต์ดู มีตั้งแต่ดินสอ ปากกา ยางลบ สมุดจด หมวกบังแดด ครีมกันแดด ร่มพับคันเล็ก เสื้อกันหนาวไว้ตอนอยู่ในรถ ของกิน เงินสด ไปจนถึงเบอร์โทรศัพท์เวลาฉุกเฉิน ทุกอย่างทวนซ้ำไม่ต่ำกว่าสามรอบ

“พี่กุนต์ไม่ต้องเป็นห่วงอ้นหรอกครับ” เด็กชายเอามือประคองแก้มคนตรงหน้าไว้ “อ้นดูแลตัวเองได้จริงๆ”
   
“โอเค” กนธีทำนิ้วเป็นวงกลม ช่วยไม่ได้นี่นา เขาเพิ่งจะรู้สึกเหมือนได้มีลูกชายเป็นคนแรก พ่อที่ไหนก็ต้องตื่นเต้นทั้งนั้นเวลาลูกไปไกลหูไกลตา
   
“แค่เมืองโบราณ” อินทัชหาวอีกรอบ “ไว้มันไปแอฟริกาใต้ค่อยว่ากัน”
   
“เงียบไปเลย” เขาหันมองนาฬิกา “พี่โอ๊ตไปพาน้องอุ้มมาได้แล้ว ตีห้าครึ่งแล้ว เดี๋ยวไปไม่ทันตอนเจ็ดโมง” เมื่อวานตกลงกันว่าทุกคนจะไปส่งน้องอ้น งานนี้เลยต้องไปหิ้วปีกน้องอุ้มขึ้นมาจากที่นอนอีกคน
   
อินทัชเกาหัวแกรก เขาลุกยืนอย่างเกียจคร้านแล้วไปงัดไอ้อุ้มออกจากเตียง จับตัวเล็กป้อมขึ้นพาดบ่า พาไปที่รถของพี่กุนต์ก่อนให้มันนอนต่อ
   
กนธีที่ประจำตำแหน่งคนขับหันมาถามเด็ก “ผ้าเช็ดหน้ามีหรือยังครับ”
   
“ได้กินกิงโกะบ้างหรือเปล่าพี่” ร่างสูงส่ายหัว 
   
“เออ..ลืมกิน”
   
อินทัชหัวเราะ “สงสัยต้องป้อนให้ถึงปาก”
   
“พี่ไม่ได้ขี้ลืมนะ แค่ตื่นเต้น เลยไม่มีสมาธิต่างหาก” กนธีทำหน้าจริงจัง
   
“คร้าบๆ” เขากลั้นขำ
 
หนูกุนต์ของยายเวลาเขินก็จะเปิดที่ปัดน้ำฝนบ้าง อ่านหนังสือกลับหัวบ้าง พอไม่มีสมาธิก็ย้ำคิดย้ำทำ เขาคิดว่าเริ่มจะชินเสียแล้ว
   
..ชินกับความน่ารักที่เป็นธรรมชาติแบบไม่ได้ปั้นแต่ง..
   
“แล้วสรุปว่าน้องอ้นมีผ้าเช็ดหน้าหรือยัง” เมื่อครู่ยังไม่ได้คำตอบเลย
   
อินทัชเอาหัวโขกกระจกหน้าต่างข้างตัวอย่างนึกปลง
   
“อ้นมีแล้วครับ” เจ้าหนูยิ้มแก้มป่อง ลงมือกินข้าวเช้าที่พี่กุนต์ให้คุณแม่ครัวทำใส่กล่องมาให้ “อ้นเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อตลอดเลย ไม่ลืมแน่ๆครับ”
   
“โอเค” กนธีพยักหน้ารับ สตาร์ทเครื่องและถอยออกจากโรงจอดรถ
   
โชคดีที่รถไม่ติดเพราะออกแต่เช้าตรู่ น้องอ้นกินข้าวเสร็จ พี่กุนต์ก็ให้งีบเอาแรง เพราะถูกปลุกให้ตื่นในเวลาไล่เลี่ยกัน จะได้เดินเที่ยวอย่างสนุก ไม่ง่วงระหว่างวัน ส่วนน้องอุ้ม ตั้งแต่พี่โอ๊ตพาขึ้นรถก็ยังไม่ตื่นเลย
   
“รู้แล้วว่าลืมอะไร” กนธีเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาบ่นตอนที่รถติดไฟแดงพลางหันมามองอินทัชที่นั่งหาว..ช่างเป็นพี่ชายที่สบายใจดีจริงๆ
   
“อะไรครับ” เด็กหนุ่มหรี่ตามอง ถ้าพูดซ้ำเดิมขึ้นมาล่ะก็..น่าดู
   
“ผ้า..” เขาชะงัก เสียงขาดหายเพราะคนด้านข้างชะโงกเข้ามา
   
อินทัชกัดปากพี่กุนต์เข้าหนึ่งหน..เป็นการทำโทษคนขี้ลืม
   
กนธีหน้าร้อนจัด เพราะมัวตะลึง เด็กมันเลยขยับมาใกล้แล้วเปิดปากจูบใหม่ คราวนี้ไม่ใช้การงับแล้วปล่อย แต่เป็นการขบแผ่วเบาแล้วคลึงเคล้าไปมา
   
“จะพูดว่าลืมผ้าเช็ดหน้าอีกไหมครับ”
   
เขารู้สึกว่าตอนนี้ปลายหูก็ร้อนตามไปด้วย อันที่จริงเขาไม่ได้พูดว่าลืมผ้าเช็ดหน้าสักหน่อย จะบอกว่าลืมเอาผ้าเย็นให้น้องต่างหาก เอาไว้ใช้เช็ดตัวเวลาเหงื่อออกจะได้สดชื่น แต่คิดไปคิดมา อยู่ข้างนอกตอนแดดเปรี้ยง จากผ้าเย็นมันก็ต้องกลายเป็นผ้าร้อนอยู่ดี ดังนั้นไม่บอกให้เจ้าโอ๊ตมันขำเขาหรอก
   
กนธีหันกลับไปมองถนน สายตาพร่าพราย “ไอ้เด็กเปรต..”
   
“ด่าได้ครับ แต่อย่าหูแดง” อินทัชแหย่

“ถ้าขี้ลืมแล้วจะทำไมล่ะ ก็คนมันแก่นี่” เขาบ่นในลำคอด้วยแก้มที่ร้อนวูบวาบ “ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดหน้า”

“อะไรล่ะนั่น” ร่างสูงเขม่น นี่พี่แกตั้งใจกวนอารมณ์จริงๆใช่ไหม

“ผ้าเช็ด..”

อินทัชประกบปากจูบรอบที่สาม เขาตรึงต้นคอของอีกคนเอาไว้ “อยากโดนจนปากเจ่อก็พูดอีกสิ” กระซิบติดริมฝีปากนุ่ม

กนธีกลั้นยิ้ม แกล้งเก๊กหน้าจนเมื่อย “ผ้าเช็ดหน้..” เขาปล่อยให้เด็กมันจูบอีกครั้ง นัยน์ตาสีอ่อนหลุบลงมองใบหน้าอ่อนวัยด้วยความสุข

“เอาอีกไหม..” อินทัชถามเสียงพร่า ประคองต้นคอพี่กุนต์ไว้สองมือ

“ผ้าเช็ดหน้า..” กนธียิ้ม และเจ้าโอ๊ตก็ยิ้ม

เช้านั้น..พวกเขาจูบกันทุกๆไฟแดง กระทั่งถึงโรงเรียน

.

.

.




“นั่งรถดีๆ ห้ามลุกขึ้นมาเดิน ห้ามยื่นแขนออกนอกหน้าต่าง ห้ามเถลไถล เดินหลงออกจากกลุ่ม คอยตามติดคุณครูไว้ แล้วก็ถ้ารู้สึกไม่ดี ไม่สบาย ตัวร้อน ให้รีบบอกคุณครูแล้วโทรหาพี่ทันที เข้าใจไหมครับ” กนธีกำชับน้องอ้น
   
“เข้าใจครับ” อ้นพยักหน้ารับ
   
อินทัชยืนกอดอกมอง เขายิ้มมุมปากเมื่อเห็นพี่กุนต์ดูกังวลกว่าคนเป็นพี่ชายแท้ๆอย่างเขาเสียอีก มันทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายห่วงใยครอบครัวเขาจริงๆ
   
ไอ้อ้นโตแล้ว เขามองว่ามันเป็นเด็กที่เอาตัวรอดได้คนหนึ่งแต่ในสายตาของผู้ใหญ่อายุสี่สิบอย่างพี่กุนต์ ความห่างของช่วงวัยทำให้มองน้องเขาเหมือนเด็กน้อยไม่ประสา คล้ายว่าเจ้าอ้นยังอยู่อนุบาลอะไรอย่างนั้น
   
น้องอุ้มที่ถูกปลุกให้ตื่นยืนขยี้ตายิกๆ เกาะขากางเกงพี่โอ๊ตอยู่ด้านข้าง เด็กชายหาวรอบหนึ่งแล้วชูนิ้วโป้งสั้นป้อมให้กำลังใจพี่อ้น
   
“ห้องหนึ่ง ขึ้นรถเลยค่ะ” เสียงคุณครูประจำชั้นประกาศ
   
กนธีจูงมือน้องอ้นไปส่ง เขาออกปากฝากเด็กไว้กับคุณครู
   
“โอเค” เขาลูบเส้นผมดำขลับด้วยความรักใคร่ ตามด้วยการหอมแก้มน้องไปฟอด “เดินทางปลอดภัย เที่ยวให้สนุกนะครับ แล้วตอนเย็นพี่จะมารอรับ”
   
อ้นหน้าแดงก่ำ ยกมือสวัสดีพี่ๆทุกคนก่อนจะขึ้นรถไป
   
กนธีเห็นเด็กๆทยอยขึ้นรถแล้วก็ถอยออกมา รถบัสสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ เขาเลยต้องพาน้องอุ้มกลับ จะได้ไม่ยืนดมควัน น้องอุ้มยิ้มอวดฟันหลอเมื่อเห็นพี่อ้นโบกมือบ๊ายบายให้จากหน้าต่าง เจ้าหนูอยากเที่ยวกับเพื่อนๆแบบนี้บ้าง
   
“วันนี้พี่ต้องเข้าไปดูร้าน แล้วพวกเราเอาไงครับ” 

ร้านเปิดตอนสิบเอ็ดโมง ยังมีเวลาเหลือเฟือ ถ้าโอ๊ตกับอุ้มอยากกลับไปอยู่เป็นเพื่อนคุณยาย เขาจะได้ขับไปส่งที่บ้าน
   
“หนูอยากไปดูร้านของพี่กุนต์” อุ้มปีนมานั่งตักพี่โอ๊ต
   
“ได้สิครับ” กนธียิ้ม “เดี๋ยวพี่จะแวะเข้าคอนโดก่อน สายๆเดี๋ยวค่อยเข้าร้าน ยังไงถ้าน้องอุ้มง่วงก็นอนต่อนะ”
   
น้องอุ้มพยักหน้าหงึก ยังไม่ทันไรก็หลับซบบ่าพี่โอ๊ตไปอีกรอบ
   
“เหมือนหมีโคอาล่า” กนธีขำ เอื้อมมือมาลูบหัวเด็ก “ถึงห้องกินข้าวเช้ากันก่อนแล้วหลับเอาแรงต่อสักงีบ พอเที่ยงก็แวะเข้าร้าน รอน้องอ้นกลับมาตอนสี่โมงแล้วเราไปหาอะไรกินกันในห้างดีไหม พี่อยากซื้อมือถือให้อ้นสักเครื่อง แล้วก็เราน่ะ..อยากได้อะไรก็ไปหาด้วยกันเลย จำได้ว่ายังไม่มีโน้ตบุ๊คนี่”
   
อินทัชมองพี่กุนต์ยิ้มๆ “ไม่เป็นไรครับพี่ มันยังไม่จำเป็น” ถ้ามีงานต้องพิมพ์ เขายังใช้คอมพิวเตอร์จากห้องสมุดของคณะหรือไปที่หอสมุดใหญ่ได้
   
“ไปดูก่อนแล้วค่อยปฏิเสธน่า”
   
จากโรงเรียนของน้องอ้นมาที่คอนโดใช้เวลาไม่นานนัก เรียกว่าน้องอุ้มยังหลับได้ไม่ถึงตื่นหนึ่งเลย อินทัชเลยรับหน้าที่อุ้มน้องขึ้นไปบนห้อง
   
“เอาล่ะ วันนี้พี่ขอลงมือเอง” กนธีพับแขนเสื้อขึ้น ท่าทางจริงจัง “มื้อเช้าแสนอร่อยจากใจคุณลุง..ผู้ที่ผัดผักบุ้งก็เกือบทำครัวไหม้”
   
“ขอร้องอย่าพังห้องเลยพี่ ผมขี้เกียจเก็บกวาด”
   
“บ๊ะ! ดูถูกกันนี่หว่า”

“แล้วผมดูผิดหรือเปล่าล่ะ” เขาให้ไอ้อุ้มนอนบนโซฟา ห่มผ้า เปิดแอร์เย็นฉ่ำเท่านี้ มันก็หลับไปแบบสบายใจแล้ว “จะทำอะไรครับ”

“ข้าวต้มหมูสับ” กนธีลงไปรื้อวัตถุดิบในตู้เย็นออกมา ดูเหมือนว่าของที่เน่าเสียได้จะถูกแม่บ้านเคลียร์ออกไปหมด เหลือแต่ของที่ยังเก็บไว้ในช่องฟรีซ

ช่วงที่ไม่ได้กลับคอนโด เขาจ้างแม่บ้านคนเก่าให้มาดูแลความสะอาดกับช่วยรดน้ำพรวนดินต้นไม้และพืชผักที่ปลูกไว้ ในห้องจึงเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนมีคนอยู่ทุกวัน แต่เขาคงต้องวางแผนใหม่ เพราะหลังจากนี้ต้องคอยคุมร้านแทนคุณไผท จะให้เดินทางไปกลับจากนอกเมืองมาถึงในเมืองทุกวัน เขาคงแย่แน่ ไหนจะต้องคอยมาเจอลูกค้าของตนเองอีก

“ไปนั่งพักเถอะครับ ผมทำให้เอง” อินทัชเข้ามาช่วย เขาตักข้าวสารในถุง มองพี่กุนต์ก้มๆเงยๆเลือกแครอทในช่องแช่ผักและมองประตูช่องฟรีซที่ถูกเปิดค้าง ใจคิดแวบหนึ่งว่าลุงแกต้องเอาหัวโหม่งแน่ เลยละมือไปปิด

“อ๊ะ! หัวนี้ยังใช้ได้” กนธีลุกพรวด เฉี่ยวประตูช่องแช่แข็งไปเส้นยาแดง

เด็กหนุ่มใจหายวูบ โชคดีที่เขาปิดทัน นึกแล้วก็น่าจับเขย่าคอนัก คนอะไรทะเล่อทะล่าได้ขนาดนี้ ขี้ลืม ต้วมเตี้ยม แต่บางทีก็ปุบปับจนตามไม่ทัน

..ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมต้องมีคนดูแลตลอดเวลา..

“แอบด่าอะไรพี่อยู่หรือเปล่า” กนธีขมวดคิ้ว ชูแครอทค้าง ไอ้โอ๊ตไม่ได้ดีใจไปกับเขาที่อุตส่าห์ค้นเจอผัก มันกำลังมองด้วยสายตาระอาปนขบขัน

“เปล่าครับ” อินทัชอมยิ้ม “ดีใจด้วยที่เจอคุณแครอท แล้วก็เสียใจด้วยที่ต้องประหารชีวิตมันส่งเข้าหม้อข้าวต้มเช้านี้”

กนธีหัวเราะ เขาหันไปปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นลูกเต๋า “เออ..ช่วยละลายเนื้อหมูทีสิ แข็งจนปาหัวโอ๊ตแตกเลย”

“โหดร้ายมาก จะฆาตกรรมผมด้วยเนื้อหมูในฟรีซ”   อินทัชจับศีรษะตนโดยอัตโนมัติ “ไม่พอใจอะไรก็พูดตรงๆสิครับ ตายด้วยหมูสับไม่เห็นจะสวยเลย”

คนฟังขำคึ่กๆ “ไม่มีไม่พอใจหรอกครับคุณ มีแต่มันเขี้ยวเด็ก” พูดไปมือก็หั่นแครอทไป นึกขึ้นได้ว่ามีเห็ดหอมแห้ง เอามาลวกน้ำร้อนสักหน่อยก็ใช้ได้

“มันเขี้ยวอะไรผม” เขาเอาถุงหมูสับแช่น้ำจากนั้นก็จัดการต้มข้าว

“มันเขี้ยวเด็กหนุ่มๆ พลังงานเหลือเฟือเกิน” กนธีพึมพำ “เดี๋ยวจูบ เดี๋ยวสะกิด จะแรงเยอะไปถึงไหน” เขาจะหยิบชามแต่ติดแขนเจ้าโอ๊ตที่กั้นขวางทางไว้

คนอายุมากกว่าเงยมอง ไอ้เด็กเปรตเลยถือโอกาสก้มลงงับปากจนได้

“มีปัญหากับจูบของผมหรือ” อินทัชแสร้งถาม ตรึงต้นคอพี่กุนต์แน่น

กนธีตาลาย ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ ความดันเขาคงขึ้นแน่นอน “มีสิ..” เขาเก้อเขินจนหูแดงก่ำ “จูบพี่ให้มันน้อยๆหน่อย..” จูบทุกวัน..เหมือนได้กินน้ำเชื่อมติดต่อกันตลอดเวลา “กลัวเป็นเบาหวาน”

“เกี่ยวกันไหม” เขาอมยิ้ม แตะแก้มอีกฝ่ายแล้วงับเรียวปากนุ่มแผ่วเบา ใช้ปลายนิ้วไล้ผิวเนื้อลื่นมืออย่างลุ่มหลง “เดี๋ยวนี้มีอินซูลินแล้วพี่..”

กนธีกลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้ม เขาหลับตาลง ปล่อยให้เด็กเข้ามาคลอเคลีย

ข้าวเช้ามื้อนั้นเลยได้กินกันตอนสาย

.

.

.



กนธีมาถึงร้านตอนสิบโมงกว่า ร้านยังไม่เปิดให้บริการ พนักงานแต่ละคนเห็นเขาก็ยกมือไหว้กันสลอน เขาเลยยิ้มรับแล้วชวนคุย
   
เขาเพิ่งเคยทำร้านอาหารเป็นครั้งแรก คิดว่ายังมีอะไรติดขัดและไม่รู้อีกมาก ดังนั้นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดก็คือคำบอกเล่าจากปากของพนักงานเอง มีอะไรที่คนเป็นเจ้าของควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลง อะไรควรแก้ อะไรดีแล้วควรสานต่อ พนักงานทำงานแล้วมีความสุขไหม ฝืนใจไหม ถ้าทุกคนพอใจ การบริการก็ย่อมดีตามไปด้วย เขาต้องให้ความใส่ใจและดูแลทุกคนพอๆกับการเทคแคร์ลูกค้า
   
“วันนี้ใครมีเวลาว่าง ช่วยเขียนคำแนะนำและข้อคิดเห็นใส่ลงกระดาษให้ผมหน่อยนะครับ ไม่ต้องลงชื่อก็ได้ คอมเม้นท์ในส่วนของร้าน การบริหาร แล้วก็ความรู้สึกที่ได้ทำงานที่นี่ ใครอึดอัดอยากระบายอะไรก็เต็มที่เลย”
   
กนธีเป็นคนยอมรับทุกความคิด เขาเปิดกว้างเสมอ
   
“เงินเดือนน้อยไป งานหนักไป เบื่อกับการทำหน้าที่ อยากย้ายตำแหน่ง เจ้านายไม่ยุติธรรม ถูกลูกค้าด่า เขียนมาได้เลย ไม่มีผลต่อโบนัส” เขายิ้มให้
   
ทุกคนหัวเราะ รู้ดีว่าคุณกุนต์เป็นเจ้านายที่ดีและเป็นกันเองแค่ไหน
   
“เขียนเสร็จแล้วพับใส่กล่องไว้ ผมจะมาตามอ่านทีหลัง อย่าลืมว่าไม่ต้องเกรงใจ ซัดให้เต็มที่เลย” กนธีหันมองนาฬิกา “เดี๋ยวจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ไปเตรียมตัวกันเถอะครับ วันนี้ก็ขอฝากไว้ด้วยนะ ร้านของเราคงไปต่อไม่ได้ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งไป เหนื่อยหน่อยนะครับ แล้วก็ขอบคุณมากจริงๆ”
   
พนักงานที่ยืนฟังปรบมือให้อย่างชื่นชม แต่ละคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน ที่จริงเจ้านายไม่ต้องมาพูดให้กำลังใจแบบนี้ก็ได้ จะมองว่ารับเงินเดือนแล้วต้องทำให้เต็มความสามารถก็ย่อมได้ แต่การเข้าถึงลูกน้องแบบที่คุณกุนต์ทำ มันเป็นผลดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เรียกว่าเป็นการใช้ใจผูกใจ
   
“เอาล่ะ เราก็ไปแอบงีบหลับบ้างดีกว่าเนอะน้องอุ้ม” กนธีหันมาจูงมือเด็กที่นั่งฟังเขาพูดตาแป๋วเมื่อสักครู่
   
อุ้มเงยหน้ามองผู้ใหญ่ตรงหน้า “พี่กุนต์เท่จัง”
   
“หืม?” เขาเลิกคิ้ว มองแก้มกลมป่องแล้วต้องก้มลงฟัดให้หายอยาก
   
“ทุกคนมองพี่กุนต์หมดเลย หนูเห็นนะ ไม่มีใครไม่ฟังเลย”
   
อินทัชที่เดินตามหลังโยกหัวไอ้แสบเบาๆ “ก็พี่กุนต์เขาใส่ใจทุกคนไง”
   
“โตขึ้นหนูอยากเท่แบบพี่กุนต์” เจ้าอุ้มได้ที ยิ่งป้อใหญ่
   
กนธีหัวเราะชอบใจ “ทุกคนมีความเท่เป็นของตัวเองครับ น้องอุ้มที่ปกป้องแกงส้มกับสี่ถั่วเอาไว้ก็เท่เหมือนกัน ถ้าพวกนั้นไม่ได้น้องอุ้ม ป่านนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ หนูทำดีมากเลยครับ ติดนิดหน่อยที่เราไปละเมิดกฎของบ้านเช่ากับลืมปรึกษาพี่โอ๊ต แต่พี่ก็เห็นความตั้งใจดีของหนูนะ”
   
น้องอุ้มอายแก้มแดง เด็กชายโผเข้ากอดรัดขาพี่กุนต์ เอาหน้าซบแทบไม่ยอมเงยเพราะกลัวพี่ๆจะเห็นว่าอุ้มเขินแค่ไหน
   
“ขี้อ้อน” กนธียิ้มเอ็นดู เขาพาน้องขึ้นไปบนห้องทำงานชั้นสอง ตรงนั้นมีที่นั่งพักผ่อนสบายๆ เปิดทีวีให้น้องดูฆ่าเวลาก็ยังได้
   
“คุณไผทกลับปากช่องไปแล้วหรือครับ” อินทัชถาม วันนี้วันจันทร์ เขาไม่ต้องเข้างาน ที่ตกลงกันไว้คือร้องเพลงเฉพาะศุกร์ เสาร์ อาทิตย์
   
“อืม..เมื่อคืนเขาบอกว่ากลับวันนี้นี่แหละ ตอนเช้ามืด” เขาก้มลงหยิบน้ำผลไม้ในตู้เย็นให้น้องอุ้มและส่งนมกล่องไทยเดนมาร์กให้อินทัช
   
เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว “ทำไมตู้เย็นในห้องทำงานพวกพี่มีนมกล่อง?”
   
“คุณไผทชอบกินไทยเดนมาร์กเหมือนกัน”
   
อินทัชส่งคืนแทบไม่ทัน ไปกินเสบียงของไอ้คนขี้ตืดแบบนั้น เดี๋ยวมันคิดค่าเสียหายกล่องละสองร้อยจะทำอย่างไรล่ะ “ถามจริง..เขาแก่ขนาดนั้น ยังคิดว่าตัวเองจะสูงได้อีกสักกี่น้ำครับ มันไม่ช่วยแล้วแหละ”
   
กนธีสำลักน้ำเปล่าที่กำลังดื่ม “โกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติก่อนหรือ”
   
“ผมเป็นคนตรงๆและจริงใจครับ ไม่ชอบขี้หน้าใครก็แสดงออกมาเลย ไม่มีการทำสองหน้า” เขาเหยียดปาก “หมอนั่นตั้งแง่กับผมก่อนเอง ช่วยไม่ได้”
   
“ยังไงเขาก็เป็นเจ้านายนะ” กนธีส่ายหัวอย่างระอาปนขบขัน
   
อินทัชไม่โต้ตอบ เขาหยิบกีต้าร์ติดมือมาตั้งแต่ข้างล่างแล้ว คิดว่าถ้าไม่รบกวนพี่กุนต์เกินไปก็จะลองซ้อมมือดูหน่อย “ขออนุญาตนะครับ”
   
“เอาเลย ตามสบาย” กนธีนั่งที่โต๊ะทำงาน เขาเปิดหน้าต่างห้องเอาไว้ จะได้ดูร้านจากบนนี้ได้ จากนั้นก็เปิดสมุดบัญชีดูรายรับรายจ่าย
   
น้องอุ้มดูดน้ำผลไม้เสร็จก็มานั่งมองพี่โอ๊ตดีดกีตาร์ “ยากไหมอ่า”
   
“นี่น่ะหรือ” อินทัชยิ้มให้น้องคนเล็ก “ถ้าอุ้มหัดบ่อยๆก็ไม่ยาก”
   
“พี่โอ๊ตไม่เจ็บนิ้วหรือฮะ” 
   
“ตอนแรกเจ็บ แต่ตอนนี้ชินแล้ว ถ้าอยากเรียน เอาไว้โตกว่านี้ก่อน ตัวกะเปี๊ยกแบบนี้จะจับยังไม่ไหวเลยเรา” เขาโยกหัวน้อง “ไปดูทีวีไป”
   
“ไม่เอา หนูอยากคุยกับพี่กุนต์”

คนถูกพาดพิงเงยหน้าขึ้น แว่นสายตาตกลงมากองที่ดั้งจมูก เขายิ้มให้ “ว่าไงครับ อยากคุยอะไรกับพี่หรือ”

“อยากดูพี่กุนต์เขียนหนังสือ” น้องอุ้มปีนลงจากโซฟาแล้วเดินไปหา

กนธีหัวเราะ เขาแค่ตรวจบัญชีเลยไม่ได้ทำอะไรมาก ตอนแรกว่าเสร็จแล้วจะโทรไปติดต่อช่างแต่ละรายเพื่อคุยเรื่องการรีโนเวทร้าน แต่เอาไว้ก่อนก็ได้

“มาๆ นั่งตักพี่นี่ เดี๋ยวจะเล่านิทานให้ฟัง”

“อุ้มไปกวนพี่กุนต์หรือเปล่า” อินทัชปรามน้อง

“หนูเปล่ากวน” น้องอุ้มแลบลิ้นใส่

“พี่โอ๊ตเขาอิจฉาที่น้องอุ้มรักพี่กุนต์มากกว่าไง” กนธียักคิ้วให้อีกฝ่าย

“อิจฉามาก” ร่างสูงหัวเราะหึๆ จัดการเสิร์ชหาโน้ตเพลงในอินเทอร์เน็ต

กนธียกตัวน้องอุ้มขึ้นมานั่งตัก เขาพกหนังสือฝึกอ่านภาษาอังกฤษของอ็อกซ์ฟอร์ดเลเวลสองติดตัวมาด้วย เป็นเรื่อง Dracula บทประพันธ์ของ Bram Stoker ตั้งใจว่าจะเอามาอ่านและสอนน้อง ถึงจะยังรู้เรื่องไม่มาก แต่ก็อยากให้เคยชินกับภาษาที่สองตั้งแต่ยังเด็ก จะได้ไม่เกร็งเวลาใช้

“น้องอุ้มกลัวผีไหม”

“หนูไม่กลัว” เด็กชายส่ายหัวดิก

“อื้อหือ เก่งจัง งั้นวันนี้พี่กุนต์จะเล่าเรื่องผีให้ฟังนะ เป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่ยากเท่าไร” เขาเช็ดหัวเหม่งชื้นเหงื่อของน้องด้วยความรักใคร่

“พี่กุนต์ฮะ” อุ้มจับแขนอีกคนไว้ก่อน ทำท่ากระซิบ “หนูไม่กลัวผี แต่ว่าคืนนี้ขอเอาเป็ดเหลืองไปนอนกับพี่กุนต์ได้ไหม~”

“โอเคครับผม..” กนธีกลั้นขำจนตัวสั่น “เริ่มล่ะนะ พร้อมหรือยัง”

น้องอุ้มจ้องไปที่หนังสือตาแทบไม่กะพริบแทนคำตอบ

“In the spring of 1875. Jonathan Harker travels to Transylvania, on a business visit to the home of Count Dracula.” เขาอ่านให้น้องฟัง

ใครอีกคนในห้องเงี่ยหูฟัง เขาชอบสำเนียงอีกฝ่าย
   
“ในฤดูใบไม้ผลิของปี 1875 โจนาธาน ฮาร์เกอร์ เดินทางไปยังทรานซิลเวเนีย เพื่อติดต่อเรื่องธุรกิจที่บ้านของท่านเคานท์แดร็กคิวล่า”
   
“ทรานซิลเวเนียคือที่ไหนฮะ” น้องอุ้มไม่เห็นจะรู้จัก
   
“เป็นดินแดนในประเทศโรมาเนียครับ พวกฝรั่งเขาอยู่กัน” เขาอธิบายก่อนจะอ่านต่อจนจบหนึ่งพารากราฟและแปลเป็นท่อนๆ
   
อินทัชยิ้มจาง มองผู้ใหญ่กับเด็กเข้าขากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย ส่วนเขาก็ยังวุ่นวายกับการหาโน้ตเพลงและเช็กกีต้าร์ต่อ

“And every day he has more and more terrible things to write. Why does he see Count Dracula only at night?” กนธีก้มมองเด็กน้อยบนตักที่ทำคิ้วผูกโบว์ “Why can’t he see the Count in the mirror? And who are the three beautiful women, with their red mouths and long sharp teeth, that come to his room at night?”
   
น้องอุ้มเอานิ้วจิ้มภาพท่านเคานท์บนกระดาษ เจ้าหนูตัวจ้อยเงยหน้ามองผู้ใหญ่ข้างหลัง “คนนี้เป็นผีหรือฮะ”
   
“เก่งจังคนดี” กนธีอมยิ้ม “มาๆ..ตาแก่จะแปลทีละส่วนให้ฟังนะครับ”
   
อินทัชลอบมองเพลิน พี่กุนต์สอนไอ้อุ้มอย่างใจเย็น อ่านทวนใหม่ในแต่ละประโยคแล้วแปลเป็นภาษาไทย แต่ไม่ได้บอกคำศัพท์แบบชัดเจน ดูเหมือนว่าพยายามให้เจ้าอุ้มจับใจความสำคัญแล้วสร้างภาพในหัวขึ้นมาเอง
   
“ไนท์..ไนท์” น้องอุ้มคิดจนหัวคิ้วยุ่ง
   
“ตอนนี้เป็นเดย์ สว่างโล่งโจ้ง” กนธียิ้ม “จากนั้นก็จะเป็นไนท์..มืดๆ”
   
ไนท์ของพี่กุนต์ก็คือเวลากลางคืนนั่นเอง
   
“เมาท์..” ร่างเล็กครางเหมือนลูกแมว “ทีธ”
   
กนธีก้มหน้าลงให้เสมอไหล่น้อง เขาทำปากยื่นปากยู่ให้ดู “This is my mouth.” จากนั้นก็ยิงฟันขาววับ “This is my teeth.”
   
น้องอุ้มเอานิ้วแตะเรียวปากทั้งบนและล่างของพี่กุนต์
   
เขาหัวเราะ จับมือนุ่มนิ่ม “This is my lips.”

อินทัชละมือจากการปรับสายกีต้าร์ จู่ๆเขาก็ฮัมเพลงและร้องท่อนหนึ่งขึ้นมา “And in my dreams I’ve kissed your lips a thousand times.”
   
กนธีสะดุดลมหายใจตัวเอง เขาเงยหน้ามองคนที่ทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วตรวจสภาพเครื่องดนตรีต่อไป ไอ้หมอนี่มัน..กวนอารมณ์จริงๆ!
   
“พี่กุนต์จ๋า” อุ้มหัวเราะชอบใจ ชี้ไปที่ปลายหู “แดงแจ๊ดเลยอ่า”
   
“อากาศมันร้อนครับ” อ้างไปอย่างนั้นทั้งที่แอร์เย็นเฉียบ
   
อินทัชเลยพูดลอยๆ “โกหกเด็กจะดีเร้อ”
   
“ไอ้โอ๊ต~”

เขาหัวเราะในลำคอ ไม่สนใจว่าจะถูกเขม่นมองแค่ไหน ลงท้ายพอพี่กุนต์โวยวายอะไรไม่ได้ก็ต้องสงบปากคำแล้วคุยกับไอ้อุ้มต่อไป


.

.

.



[ต่อด้านล่าง]




ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.66 -- 11/10/59
«ตอบ #1981 เมื่อ12-10-2016 00:16:17 »




เวลาผ่านไปนานพอควร เสียงพูดคุยของผู้ใหญ่กับเด็กก็เงียบลง อินทัชเงยมองก่อนจะส่ายหัวระอา ทั้งพี่กุนต์ทั้งไอ้อุ้มสลบเหมือดคาโต๊ะทำงาน ไอ้อุ้มนอนฟุบไปกับหนังสือ ส่วนพี่กุนต์หลับคอพับคออ่อนอยู่ตรงเก้าอี้มีพนัก
   
เขายิ้มมุมปาก วางกีต้าร์ลงแล้วลุกไปหา เห็นพี่กุนต์นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวก็เกิดอยากแกล้ง แต่กลัวว่าจะตกใจเกินเลยได้แต่เอื้อมมือบีบจมูกไว้
   
กนธีสะดุ้งตื่น เพิ่งรู้ตัวว่าผล็อยหลับคาเก้าอี้
   
“ผมจะเอาไอ้อุ้มไปนอน” อินทัชกระซิบ ค่อยๆช้อนตัวน้องชายแล้วแบกไปวางบนโซฟา มันขดตัวเข้าหากัน หลับตาพริ้มเหมือนลูกแมว
   
“พี่หลับไปนานไหม” เขาหาวหวอด บิดขี้เกียจทีหนึ่ง
   
“ไม่แน่ใจครับ เห็นอีกทีก็หลับทั้งพี่ทั้งน้องไปแล้ว” เขาทรุดลงนั่งที่พื้นข้างโต๊ะกลาง หยิบกีต้าร์ขึ้นมาตั้งท่าจะซ้อมต่อ แต่พอเห็นอีกคนมองมายิ้มๆก็นึกขึ้นได้ “พี่ง่วงหรือเปล่า เบาะตั้งกว้าง มานอนกับไอ้อุ้มสิครับ”
   
กนธีพยักหน้ารับ วันนี้ตื่นไว ตอนเช้าตั้งใจจะงีบก็ไม่มีเวลา เพราะมัวแต่ไปวุ่นวายอยู่ในครัวกับไอ้เด็กเปรตนี่แหละ
   
ชายหนุ่มเดินไปหาคนทั้งสอง ค่อยๆแทรกตัวลงข้างน้องอุ้ม เพราะว่ากลัวจะเผลอพลิกตัวทับเด็กเลยเป็นฝ่ายข้ามเข้าไปอยู่ด้านในแทน
   
กนธีนอนตะแคงข้าง หลังชิดพนักพิง แขนข้างหนึ่งให้น้องอุ้มนอนหนุน อีกข้างกอดเด็กชายไว้ใกล้กัน เผื่อว่าดิ้นขึ้นมาจะได้ไม่ร่วงลงไปที่พื้น
   
“แล้วเราไม่ง่วงหรือ” เขาถามคนที่นั่งฮัมเพลง
   
“ไม่ครับ สบายมาก” อินทัชไล่ปลายนิ้วไปตามสาย ร้องคลอแผ่วเบา “ถ้าหนวกหูก็บอกนะครับ จะได้ไม่กวน”
   
“ไม่หรอก พี่ชอบฟัง”
   
เด็กหนุ่มยิ้มรับ ดีดเป็นทำนอง “You're my everything. The sun that shines above you makes the blue bird sing.” 

กนธีนอนยิ้ม รู้สึกอบอุ่นในใจเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำ

“The stars that twinkle way up in the sky.” เขาหลับตาลง รอยยิ้มนั้นดูอ่อนโยนเมื่อปล่อยความรู้สึกไปตามเสียงเพลง “Tell me I'm........in love”

แสงสว่างจากม่านหน้าต่างเล็ดลอดเข้ามาด้านใน ทาบทับด้านหลังของร่างสูงข้างกาย คนตรงหน้าลืมตาขึ้น ยิ้มให้ใครอีกหนึ่งที่มองกัน

“When I kiss your lips, I feel the rolling thunder to my finger tips. And all the while my head in a spin. Deep with in.......I'm in love.”

กนธีรู้สึกอุ่นซ่านในอก สบสายตากับเด็กหนุ่ม เสียงนั้นอ่อนโยน แทรกซึมเข้าไปในใจ ทำให้เขาแทบหลอมละลาย โดยเฉพาะกับดวงตาที่จ้องมอง

“You're my everything and nothing really matters but the love you bring. You're my everything. To see you in the morning with those big brown eyes.”

“You're my everything. Forever and the day I need you close to me.” เขามองหน้าพี่กุนต์ ยิ้มให้คนที่ค่อยๆเคลิ้มไปกับเสียงเพลง “You're my everything. You never have to worry never fear….for I am near.” 

กนธีหลับตา ถึงอย่างนั้นริมฝีปากก็ยังคลี่ยิ้ม เสียงท่วงทำนองหวานยังคงดังแว่ว เสียงร้องนุ่มนวลคลอไปกับความอบอุ่นของช่วงวัน

เมื่อดวงตาคู่นั้นปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ อินทัชก็วางกีต้าร์ลง เขาจับเจ้าอุ้มนอนให้ดี จะได้ไม่ทับแขนพี่กุนต์จนปวดเมื่อย
   
เขานั่งมองคนทั้งคู่ที่หลับไปด้วยกัน เป็นภาพความอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ตั้งแต่ที่ต้องดิ้นรนตามลำพัง ต้องแบกรับอะไรหลายอย่าง เขาก็นับคืนที่หลับอย่างสนิทใจได้น้อยมาก....กระทั่งได้มาเจอพี่กุนต์
   
พวกเขากินอิ่ม นอนหลับ มีความสุข รู้สึกปลอดภัย และไว้วางใจ
   
..จะหาใครที่ดีกับเขาและครอบครัวของเขาได้เท่านี้อีก..
   
ปอยผมสีดำปรกระหน้าผาก ฝ่ามือใหญ่เกลี่ยออกให้แผ่วเบา และโดยไม่ทันห้ามใจ เขาก็โน้มตัวลงใกล้แล้วแตะจูบลงบนเรียวปากอุ่น
   
อินทัชสัมผัสได้ถึงเสียงในอกที่มันเต้นแรงขึ้น
   

.

.

.



รถบัสปรับอากาศค่อยๆเคลื่อนที่เข้ามาจอดหน้าโรงเรียน เด็กๆทยอยลงมาทีละคนสองคน ต่างฝ่ายต่างไปหาผู้ปกครองที่ยืนรอรับก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
   
น้องอ้นโผล่หน้าออกมาจากประตูรถ กนธีที่ดักรออยู่รีบโบกมือเรียก
   
“ทางนี้ครับ” เขายิ้มมาแต่ไกล เข้าไปช่วยน้องหิ้วของ
   
เด็กชายยกมือสวัสดีพี่ๆ น้องอุ้มเองก็เข้ามาปะเหลาะขอของฝากเพราะเห็นพี่อ้นหิ้วถุงอะไรบางอย่างมาด้วย “เดี๋ยวรอขึ้นรถก่อน”
   
กนธีอมยิ้ม ปลดล็อครถให้เด็กๆขึ้นไปนั่ง “เป็นไงบ้าง วันนี้สนุกไหม”
   
“อ้นชอบมากเลย มีสถานที่จำลองเยอะแยะไปหมด สวยมากๆครับ” อ้นยังตื่นเต้นไม่หาย “เสียดายจัง อยากให้พี่ๆกับน้องอุ้มไปด้วย”
   
“เอาไว้พี่จะพาไปนะ” กนธีให้สัญญา เขาขับรถออกจากที่จอด “หมดแรงหรือยัง พี่จะพาไปกินข้าวในห้างแล้วก็จะแวะซื้อของนิดหน่อยน่ะครับ”
   
“อ้นไหวครับ สบายมาก ตอนนี้หิวนิดหน่อยแล้วด้วย”
   
อินทัชส่ายหัว “ไอ้ตะกละ เห็นนะว่าที่ปากยังมีคราบขนมติดอยู่”
   
เด็กๆหัวเราะชอบใจ น้องอุ้มกระตุกแขนเสื้อพี่ยิกๆ ยังสนใจของฝากอยู่
   
“เดี๋ยวให้พี่กุนต์กับพี่โอ๊ตดูก่อน น้องอุ้มเป็นเด็กต้องรอทีหลัง”
   
“โธ่..พี่ไม่ถือหรอก ให้น้องอุ้มก่อนก็ได้ รอจนตาละห้อยแล้วนั่น”
   
อ้นยิ้มกว้าง หยิบรถตู้สังกะสีกับจักรยานคันจิ๋วทำจากลวดดัดให้น้อง พอเจ้าตัวเล็กได้ของก็หันไปสนใจรถจำลองพวกนั้นทันที
   
อาศัยจังหวะรถติด เด็กชายรื้อของในถุงพลาสติกออกมาโชว์
   
“อ้นซื้อขวดพริกไทยมาฝากพี่กุนต์กับพี่โอ๊ตด้วยครับ” อ้นยื่นให้พี่ๆที่นั่งข้างกัน มันเป็นขวดเซรามิกสีขาวกับฟ้า ปั้นเป็นรูปคนกอดกัน
   
อินทัชเลิกคิ้วเมื่อน้องส่งให้พี่กุนต์คู่หนึ่ง “ไหนของพี่ล่ะ”
   
“พี่โอ๊ตตัวสีขาว พี่กุนต์ตัวสีฟ้า” อ้นเขินแก้มแดง รู้แบบนี้ซื้อมาสองคู่ดีกว่า แต่เพราะว่าไม่กล้าใช้เงินเยอะเลยหยิบมาแค่คู่เดียว
   
กนธียิ้มขัน แบ่งตัวสีขาวให้อินทัช ส่วนเขาก็เก็บตัวที่เหลือ “ขอบคุณมากนะครับน้องอ้น พี่ชอบมากเลยแหละ เดี๋ยวเอาไปไว้ในตู้โชว์”
   
“พี่จะเอาไปไว้ที่โต๊ะหนังสือ เอามาใช้แล้วกลัวแตก”
   
น้องอุ้มที่ละสายตาจากรถจิ๋วมามองอยู่สักพัก ขอแทรกขึ้นมากลางวง
   
“ทำแบบนั้นมันก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันสิฮะ” เจ้าหนูทำคิ้วผูกโบว์ “หนูเคยเห็นอ่ะ มันต้องเอามากอดกันไว้ กอดแล้วน่ารักกว่าน้า~”
   
กนธีเหล่มองคนข้างกายแล้วได้แต่ขบขัน ส่งกลับให้อินทัชจับประกบไว้เหมือนเดิม กลายเป็นคนสองคนกอดกันแน่นหนึบหนับ
   
“หนูบอกแล้วว่ากอดกันน่ารักกว่า”
   
อินทัชหัวเราะ ขยี้หัวน้องทั้งสองคนอย่างอารมณ์ดี “ทำไมถึงเลือกอันนี้มาฝากพี่กับพี่กุนต์ล่ะ” เขาพลิกมันไปมา ดูแล้วก็ตลก เป็นคนหัวล้านตัวกลม
   
“เพราะว่าอ้นชอบเวลาพี่ๆอยู่ด้วยกัน” อ้นฉีกยิ้ม “เหมือนอ้นมีพี่ชายสองคนเลย อ้นอยากให้พี่กุนต์กับพี่โอ๊ตอยู่ด้วยกันแบบนี้นานๆ”
   
กนธีอมยิ้ม “เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพี่โอ๊ตแล้วละครับ”
   
“ขึ้นอยู่กับพี่ต่างหากว่าจะจ้างผมไว้นานแค่ไหน” อินทัชแหย่กลับ
   
“ไม่ๆ อ้นว่าพี่โอ๊ตต้องตั้งใจทำงาน พี่กุนต์จะได้ไม่ทิ้ง”
   
“ใช่แล้ว~ พี่โอ๊ตต้องขยันนะ!” น้องอุ้มสนับสนุน
   
กนธีสำลักออกมาครั้งหนึ่ง คำว่าตั้งใจทำงานของเด็กๆอาจไม่มีอะไร แต่กับเขาและเจ้าโอ๊ต มันมีความหมายมากกว่าหนึ่งแน่นอน
   
“พี่น่ะตั้งใจอยู่แล้ว” อินทัชมองคนด้านข้างท่าทางเจ้าเล่ห์ “ปกติก็ตั้งใจเกือบทุกคืน แต่พี่กุนต์ไม่ค่อยชอบให้พี่ขยันเท่าไร”
   
“เจ้าโอ๊ต!” ถ้าดึงพวงมาลัยออกมาล็อคคอมันได้ เขาคงทำไปแล้ว
   
“ไฟเขียวแล้วพี่” เด็กหนุ่มหัวเราะ อาศัยพี่กุนต์เผลอกระซิบพอให้ได้ยินกันสองคน “คืนนี้ถ้าอยากให้ทำงานก็บอกนะครับ..พร้อมเสมอ”
   
“เงียบไปเลย!”
 
พวกเขาแวะเข้าห้างสรรพสินค้า กนธีพาเด็กๆไปกินมื้อเย็นที่เอ็มเคสุกี้เพราะไม่ได้พามานานแล้ว อ้นกับอุ้มยังคงเป็นปีศาจลูกชิ้นเหมือนเคย ส่วนเขาก็เป็นราชากินผัก เท่สุดชีวิตในสายตาเด็ก ในขณะที่พี่โอ๊ตคือปอบกินเครื่องใน
   
“ลำเอียงนี่หว่า!” อินทัชโวยวาย แย่งลูกชิ้นไอ้สองแสบกิน “ทำไมพี่เป็นปอบอยู่คนเดียวแต่พี่กุนต์ได้เป็นคิงล่ะ”
   
“ก็พี่กุนต์ชอบกินผัก” อ้นหัวเราะ เหตุผลประหลาดดีแต่ก็พอถูไถ
   
“พี่โอ๊ตเขี่ยผักเขียวทำไม” น้องอุ้มจับผิด “เดี๋ยวพี่กุนต์ไม่ให้ดาวนะ”
   
“ไม่ชอบกินปวยเล้ง..” เขาคีบผักลวกไปใส่ถ้วยคนตรงข้าม
   
“พี่โอ๊ตเลือกกินแบบนี้ถึงได้ไม่หล่อไงล่ะ” กนธีหัวเราะ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับน้องๆ “แบ่งหมี่หยกมาบ้างเซ่ กินคนเดียวสองก้อนเลยหรือ”
   
“อุ้มอย่ากินแต่หนังเป็ด อ้วนจะตายอยู่แล้ว” อินทัชบอกระหว่างคีบหมี่หยกให้พี่กุนต์กระจุกหนึ่ง เล่นเอาเจ้าตัวมองเขม่น “อ้น! ไม่ต้องเขี่ยเห็ดหูหนูมาใส่ถ้วยพี่เลย” หันไปเล่นน้องคนกลางไม่ทันไร คนขี้แกล้งบางคนก็เอาตะเกียบคีบกุ้งจากจานเขาไปกินหน้าตาเฉย เหลือไว้แค่หาง “รวมหัวกันแกล้งนี่”
   
ทุกคนหัวเราะชอบใจ มื้อนั้นกินไปคุยไป หัวเราะหยอกล้อเฮฮา ต่างฝ่ายต่างดูแลกัน ยิ้มให้กันจนสัมผัสได้ถึงความสุขที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบตัว
   
“มื้อนี้ผมขอจ่าย” อินทัชบอกตอนเรียกเก็บเงิน

ค่าอาหารรวมแล้วประมาณพันห้าร้อย ให้พี่กุนต์ตัวคนเดียวมาจ่ายให้พวกเขาอีกสามคนที่กินเป็นพายุ มันดูจะเอาเปรียบซ้ำซากไปเสียหน่อย
   
“ไม่” กนธีปฏิเสธแบบสั้นที่สุด
   
“ขอร้องอย่าดื้อครับ” เขาควักกระเป๋าเงินออกมาหยิบแบงค์พันสองใบ เงินที่พี่กุนต์ให้ เขายังไม่ได้เอาออกมาใช้ ที่มีติดตัวคือเงินสมัยทำงานที่เก่า
   
อ้นเห็นแบบนั้นก็อยากร่วมด้วย เด็กชายมีน้อย เลยขอแชร์ในส่วนที่พอจะทำได้ “อ้นมีหนึ่งร้อย อ้นขอจ่ายกับพี่โอ๊ตด้วยคน”
   
น้องอุ้มควักกระเป๋าลายเคโระออกมา ตอนนี้มีอยู่ยี่สิบบาทเพราะพกมาแบบเท่ๆ ที่เหลือจากที่พี่ชายให้อยู่ในธนาคารกับในกระปุกหมู
   
“หนูจ่ายด้วยๆ หนูจ่ายยี่สิบ หมดตัวเลย อิๆ”
   
กนธีอ้าปากจะท้วง แต่อินทัชมองอย่างขอร้อง เขาเลยพอจะเข้าใจว่าศักดิ์ศรีลูกผู้ชายมันค้ำคออยู่ จะให้เป็นฝ่ายรับอย่างเดียวก็กระไร อีกอย่าง น้องๆมีความตั้งใจอยากจะช่วยแชร์ เขาเลยไม่ขัดน้ำใจ
   
“งั้นมื้อนี้ พี่ร่วมอีกห้าร้อย ให้พี่โอ๊ตเป็นเจ้ามือใหญ่ ช่วยกันกินช่วยกันจ่าย แบบนี้ดีไหมครับ” เขายิ้มให้เด็กๆ บิดจมูกเล็กไปอย่างมันเขี้ยว
   
อ้นกับอุ้มดีใจ อย่างน้อยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกสเต็ปหนึ่งแล้ว
   
ออกจากร้านอาหาร กนธีพาน้องๆไปแผนกไอที เขาต้องบอกกึ่งบังคับอยู่นานกว่าน้องอ้นจะยอมเลือกมือถือมาสักเครื่อง พอเลือกได้ก็หยิบเครื่องอันจิ๋วราคาไม่ถึงพัน เขาเห็นแล้วต้องจัดการมัดมือชก เลือกให้เองเสร็จสรรพ
   
“ใครๆก็ใช้ทัชสกรีนกันทั้งนั้น แล้วเอาที่กล้องมันความละเอียดสูงหน่อย เวลาอ้นไปทัศนศึกษาจะได้ถ่ายรูปสวยๆมาทำรายงานได้” เขาบอก “แอพอย่างอื่น อ้นโหลดแล้วถามพี่โอ๊ตเอานะ พี่แก่แล้ว ตามวัยรุ่นไม่ค่อยจะทัน”   
   
“ขอบคุณมากๆครับพี่กุนต์” เด็กชายยกมือไหว้ ท่าทางเกรงใจไม่น้อย
   
อินทัชไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะเขากำลังจะเป็นรายต่อไป
   
“พี่โอ๊ตล่ะ เลือกโน้ตบุ๊คได้หรือยัง” สมัยนี้คอมพิวเตอร์ถูกดี ไม่เท่าไรก็ซื้อได้แล้ว อินทัชมีติดตัวไว้จะได้เอาไปใช้ที่มหาวิทยาลัยได้สะดวก
   
เด็กหนุ่มมองราคาเป็นอันดับแรก เขาไม่ได้ต้องการสเปคสูงซับซ้อนอะไร ส่วนใหญ่ใช้แค่พิมพ์งานกับเข้าอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
   
“แอปเปิ้ลไหม” กนธีเล็งอยู่เครื่องหนึ่ง “เห็นว่าไม่ค่อยมีปัญหาไวรัส”
   
“ไม่เอาพี่ แบบนี้แพงไป มันเกินความจำเป็นครับ” เขาไม่ได้มาตักตวงผลประโยชน์จากพี่กุนต์เสียหน่อย แค่นี้ก็เกรงใจมากพอแล้ว
   
“งั้นก็เลือกมา ชักช้าพี่จะเลือกให้เอง” เขาขู่ “เออ..เครื่องปริ้นท์ที่บ้านพี่มันตัวเก่า โอ๊ตไปดูแบบทรีอินวันสักเครื่อง ที่มันมีปริ้นท์ ก็อปปี้ สแกนน่ะ”
   
น้องอุ้มยืนมองพี่ๆเพราะยังไม่ถึงวัยจะใช้ของพวกนั้น แต่พี่กุนต์ซื้อให้พี่โอ๊ตกับพี่อ้นแล้ว พี่กุนต์ก็ไม่ลืมให้น้องอุ้มด้วย
   
“เด็กน้อยอยากได้อะไรครับ” กนธีนั่งยองๆลงคุยกับน้อง
   
อุ้มส่ายหัว แผนกนี้มีอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด
   
“เอาการ์ตูนไหม หนังสือหรือดีวีดี พี่ให้อุ้มเลือกเองเลย”
   
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้พี่กุนต์ ที่บ้านก็มีเต็มไปหมดแล้ว” อินทัชปราม ถ้าพี่กุนต์มีกฎต้องให้แบบเท่าเทียม แบบนี้คงจ่ายเงินอาน
   
“เอาน่า..นานๆมาที” เขายีหัวน้อง
   
“นานๆถี่น่ะสิครับ”

กนธีหัวเราะ บอกให้อุ้มไปหยิบการ์ตูนมาสักสองสามเรื่อง คืนไหนว่างจะได้นั่งดูด้วยกัน เจ้าตัวเล็กเลยเดินกระมิดกระเมี้ยนเพราะพี่ชายจ้องอยู่

ชายหนุ่มส่งเครดิตการ์ดให้พนักงานก่อนหันมาถามย้ำ

“แน่ใจนะว่าไม่อยากได้กีต้าร์ พี่จะซื้อให้”

อินทัชส่ายหัว “ผมเก็บเงินซื้อเองได้จริงๆพี่ ไม่รบกวนมากกว่านี้ครับ”

กนธียิ้มจาง ประโยคพวกนี้เขาได้ยินจากศรัณย์จนชิน..คนมักน้อยที่น่าสงสาร ไม่รู้ตัวเลยว่ายิ่งปฏิเสธ เขายิ่งเอ็นดูและยิ่งอยากให้มากขึ้นไปอีก

เด็กแต่ละคนที่ผ่านมา ขนาดเขาไม่เอ่ยปากว่าจะให้ ยังเข้ามาขอด้วยตัวเอง หากครั้งไหนเผลอตามใจ ยิ่งไม่มีคำว่าเกรงใจ เรียกว่าตักตวงได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น เห็นประโยชน์ของตนมาที่หนึ่งและทิ้งเขาไว้เป็นที่สองเสมอ

มีอินทัชนี่แหละที่เหมือนกับศรัณย์เหลือเกิน
   
“มองผมตาหวานเชียว” ร่างสูงหัวเราะหึๆ “มีความนัยหรือเปล่า”
   
กนธีรีบกลบเกลื่อนสีหน้าของตน เขาแค่ซาบซึ้ง! ไม่ได้มองตาหวาน!
   
“เดี๋ยวพี่เอาของลงไปเก็บที่รถ แล้วเราแวะซูเปอร์อีกที่ก็เสร็จ ง่วงกันหรือยังครับ” เขาก้มลงถามน้องน้อยทั้งสอง
   
อ้นกับอุ้มยังพลังงานเหลือเฟือ แต่คืนนี้คงหลับเป็นตาย
   
พวกเขาลงไปช็อปปิ้งของใช้จำเป็นหลายอย่าง เครื่องครัวในบ้านใหญ่ก็หมดเป็นบางส่วน เขาเลยเลือกตามรายการที่แม่ครัวลิสต์มาให้ หยิบนั่นนิดนี่หน่อยก็เต็มรถเข็นแล้ว
   
“มีของคุณยายด้วยนะ” กนธีเตือน “ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ สำลี คอตตอนบัท ทิชชู่ แล้วก็ผ้ายางกันลื่น พี่ว่าจะเอาไปปูหน้าห้องน้ำให้ท่าน”
   
“ขอบคุณนะครับ ผมยังคิดไม่ถึงเลย” อินทัชบอกกับคนด้านข้าง พี่กุนต์เป็นคนละเอียด บ่อยครั้งที่นึกถึงยายก่อนเขาจะนึกได้เสียอีก
   
“ยายของโอ๊ตก็เหมือนยายของพี่นั่นแหละ อย่าคิดมากเลย” เขาช่วยอีกฝ่ายดันรถเข็น มีอ้นกับอุ้มเดินตามติดเหมือนลูกแมว
   
ผ่านแผนกของใช้ไปตรงขนม กนธีหยิบของขบเคี้ยวมาใส่รถ เขาชอบเวลาที่ได้ดูหนังกับเด็กๆแล้วนั่งกินมื้อดึกด้วยกัน แบบนั้นมันมีความสุขมาก
   
“สบู่ที่ห้องเราหมดแล้วล่ะมั้ง” เขาพึมพำกับอินทัช
   
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วกับคำว่า ‘ห้องเรา’ คิดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกเขินขึ้นมา
   
“ยาสระผมด้วยครับ” เขาหยิบกลิ่นที่ใช้ประจำมา ตอนนี้หัวของเขากับหัวของพี่กุนต์เป็นกลิ่นเดียวกัน ไม่บอกก็รู้ว่าอาศัยอยู่ด้วยกัน
   
“ครีมทาผิวหมดหรือยังน้องอุ้ม” กนธีลูบหัวเหม่งน้อง
   
อุ้มเป็นเด็กผิวแห้ง ยิ่งมาอยู่ในห้องแอร์ ตามแขนตามขาจะยิ่งแตกลาย บางครั้งน้องคันจนเกายิกๆ กนธีเลยหาซื้อครีมมาให้ทาบ่อยๆ
   
“หนูยังมีเต้าหู้ฮะ” เด็กชายเงยหน้าตอบแล้วยิ้มให้
   
“แก๊งเต้าหู้” อินทัชขำ สรุปว่าสามคนนี้เป็นพวกเต้าหู้เดินได้กันหมด
   
“อ้นล่ะครับ มีอะไรเอาเพิ่มไหม” กนธีหยิบแป้งเด็กแคร์ไปด้วยอีกอัน
   
“อ้นใช้กับน้องอยู่แล้วครับ ไม่มีอย่างอื่นแล้ว”
   
“โอเค..ถ้าอยากได้อะไรก็บอกพี่นะ” เขาดันรถเข็น เจ้าโอ๊ตเข้ามาช่วย พอผ่านโซนของใช้ผู้ชาย เด็กมันก็สะกิดเขา “ว่าไง”
   
“ถุงยาง..” อินทัชกระซิบ “ใกล้หมดแล้วนะพี่”
   
กนธีหน้าร้อนวาบ กระซิบกลับ “พูดเรื่องถุงยางต่อหน้าน้องได้ยังไงวะ”
   
“มันได้ยินกันที่ไหนล่ะ” เขาหัวเราะ น้องๆกำลังสนใจเจลแต่งผม มีเจ้าอ้นเป็นคนนำ ท่าทางมันอยากหล่อเต็มทีแล้ว “พี่จะเลือกหรือให้ผมเลือก”
   
“เอาอะไรก็เอามาเถอะน่า” จมูกเขากลายเป็นสีแดงอีกจนได้
   
“เอากล่องใหญ่เลย น่าจะถูกกว่า..มั้ง” อินทัชว่าจะลองเทียบราคาแล้วหารเฉลี่ยว่าตกชิ้นละเท่าไร แต่พี่กุนต์รีบหยิบมาใส่รถแล้วซุกไว้ล่างสุดก่อน 
   
“ไปกันได้แล้ว” เขาตั้งท่าจะเดิน
   
“เดี๋ยวพี่..ที่เอาไปมันแบบขรุขระนะ พี่ชอบแบบนั้นหรือ”
   
กนธีแทบทึ้งหัวตัวเอง เขารีบหยิบมายัดคืนเชลฟ์ “เอาแบบเรียบ!”
   
“บางปกติหรือบางเว่อร์ๆ..มีแบบชะลอการหลั่งด้วยแฮะ” 
   
“เอาแบบปกติก็พอ” เขาพูดเสียงเบา
   
“กลิ่นล่ะ”
   
“ไอ้โอ๊ต~” กนธีหน้าแดงจัด ผู้ชายสองคนมายืนถกกันเรื่องถุงยาง มันใช่เรื่องเสียที่ไหน ยิ่งมีเด็กเล็กอยู่ตรงนี้ด้วยแล้ว “เอากลิ่นบอระเพ็ดมา!”
   
“โบราณอ่ะ..” อินทัชบู้หน้า มันมีที่ไหนล่ะกลิ่นนั้น “วานิลาแล้วกัน”
   
..หลังจากนี้ ใครบางคนคงกินเค้กแบบไม่สนิทใจนัก..


.

.

.



[ต่อด้านล่าง]



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2016 09:32:59 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.66 -- 11/10/59
«ตอบ #1982 เมื่อ12-10-2016 00:16:39 »







กว่าจะเสร็จจากเลือกซื้อของ กนธีก็รู้สึกเหนื่อยจนหมดแรง เรื่องซื้อของใช้ทั่วไปไม่ได้หนักหนาเท่าของส่วนตัวของผู้ชายหรอก สมัยมีเด็กคนอื่น เขาซื้อเองเลยไม่เดือดร้อน แต่พอมาถึงเจ้าโอ๊ต มันทำเอาเขาก้าวขาไม่ออกไปหลายที
   
พวกเขากลับถึงบ้านตอนสองทุ่มกว่า คุณยายเข้านอนแล้ว กนธีเลยให้เด็กๆไปอาบน้ำก่อน ยังไม่ดึกมากเท่าไร จะได้มาดูหนังด้วยกันที่ห้องของเขา
   
คืนนี้อ้นกับอุ้มนึกคึกเลยขอดูหนังผี กนธีเลยเปิดเรื่อง Insidious ให้ดู เล่นเอาเด็กๆต้องลากผ้าห่มมาคลุมโปง เหลือแต่ลูกตาโผล่มาอย่างเดียว
   
ฉากปีศาจโผล่มาด้านหลัง อ้นถึงกับสะดุ้งตกใจ ร้องเสียงหลง เอาตัวเบียดลงเบาะจนแทบจมหาย ส่วนน้องอุ้มหันหลังให้ทีวีไปนานแล้ว
   
“ไม่เจียม” อินทัชนั่งขำน้อง พี่กุนต์บอกแล้วว่ามันน่ากลัวก็ยังรั้น
   
“อย่าบอกว่าตอนโอ๊ตเด็กๆไม่เคยกลัวผี” กนธีเข้าข้างอ้นกับอุ้ม เขานั่งอยู่ริมโซฟา ตรงกลางเป็นเจ้าตัวน้อยทั้งสอง ประกบด้วยพี่โอ๊ตอีกด้าน
   
“ไม่กลัวครับ ผมคนเก่ง”
   
“พี่โอ๊ตมั่ว” อ้นโผล่มาเถียง “พี่โอ๊ตเคยกลั้นฉี่จนฉี่แตกเพราะไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำคนเดียว อ้นจำได้นะ”
   
น้องอุ้มส่ายหัวดิก เด็กชายเกิดไม่ทัน
   
“อ้าว..ดิสเครดิตกันนี่หว่า” อินทัชหัวเราะ ผลักหัวไอ้อ้น
   
กนธีกลั้นขำ เสียงในจอตุ้งแช่ขึ้นมา เขาเลยเผลอสะดุ้งไปที เล่นเอาเด็กๆหัวเราะก๊าก ขนาดคนอายุสี่สิบยังกลัว ประสาอะไรกับน้องน้อย
   
“พี่กุนต์ๆ ถ้าอ้นหลุดไปโลกมืดแบบนั้น พี่กุนต์จะตามหาอ้นไหม”
   
อินทัชมองน้อง ส่ายหัวระอากับคำถามบ้าบอของมัน โตจะตายแล้วยังแยกแยะหนังกับเรื่องจริงไม่ออกอีก “อินไปแล้วไอ้บ๊อง”
   
กนธีพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “พี่จะตามหา!”
   
คนฟังกุมขมับ ทั้งพี่ทั้งน้องเพี้ยนพอกัน แต่เขาก็รู้สึกดีเหลือเกิน
   
“หนูขออยู่บ้านนะ หนูกลัว” น้องอุ้มไม่เอาด้วยหรอก
   
“แล้วถ้าผมหลุดไปบ้างล่ะ” อินทัชนึกอยากแหย่ขึ้นมา
   
“ไปเองได้ก็กลับเองได้สิฟะ” กนธียกมือกากบาท ไม่ตามเด็ดขาด
   
อ้นกับอุ้มหัวเราะฮาครืน พี่โอ๊ตกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว
   
หนังผีของคืนนั้นจบประมาณสี่ทุ่มกว่า น้องอุ้มผล็อยหลับคาโซฟา กนธีเลยอุ้มน้องขึ้นนอนบนเตียง ส่วนน้องอ้น เขาก็ชวนให้นอนด้วยกัน
   
“เบียดๆกันนี่แหละ อบอุ่นดี” เขาห่มผ้านวมให้เด็กๆแบบคลุมถึงขาเพราะรู้ดีว่าแต่ก่อน เด็กทุกคนจะกลัวผีมาดึงเท้าที่สุด
   
“พี่โอ๊ตนอนที่ไหนครับ” อ้นเงยหน้ามอง “นอนคนเดียวได้หรือ”
   
พี่ชายคนโตหัวเราะในลำคอ ไอ้พวกนี้ไม่รู้ว่าเขามานอนกับพี่กุนต์ทุกคืน คงจะคิดว่าเขาใช้ห้องใดห้องหนึ่งอยู่ตลอด
   
“ก็นอนด้วยน่ะสิ” อินทัชดูสภาพเตียงคืนนี้ เขาคงถูกเบียดตกแน่ “อ้นกับอุ้มกลัวผี พี่เองก็กลัวเป็นเหมือนกันนะ”
   
กนธีเหล่มอง ก่อนหน้านี้ เด็กที่ไหนมันบอกว่าไม่กลัวผีนะ
   
“เย้..ดีจัง นอนด้วยกันสี่คน อุ่นใจดี” อ้นตบฟูกปุๆ “พี่โอ๊ตนอนขวานะ”
   
อินทัชเลิกคิ้ว เขาตั้งใจจะนอนติดกับพี่กุนต์ต่างหาก
   
“อ้นอยากนอนกลาง อ้นยังกลัวอยู่เลย” เด็กชายทำหน้าแหย
   
“เอ้า..หมอน” กนธีขบขัน ส่งหมอนให้อีกฝ่าย เขานอนทางซ้ายสุด ส่วนอินทัชนอนขวาสุด คั่นกลางด้วยน้องสองคน ดีที่เตียงใหญ่พอสำหรับคนสี่คน
   
อินทัชส่ายหัว ตอนนี้พวกเขาเหมือนครอบครัวที่มีลูกอ่อนงอแงอย่างไรชอบกล “เถิบไปหน่อยดิ๊ กางขามาทำไม” หมั่นไส้ไอ้อ้น น่าเตะตูดชะมัด
   
“ปิดไฟแล้วนะครับ” กนธีอมยิ้ม บอกน้องคนกลางที่ยังตาแป๋ว “ถ้ายังกลัวก็สวดมนต์ก่อนนอนนะ ขอพรให้หลับฝันดี”
   
“ผีฝรั่งที่ไหนจะฟังออก” ร่างสูงหัวเราะหึ
   
“เงียบน่า น้องกลัวอยู่เห็นไหม” เขาเอาหมอนข้างฟาดมันไปที
   
อ้นเอาหัวโหม่งพี่ที่หัวเราะแล้วนอนหันหลังให้

กนธีขึ้นเตียง เขานอนตะแคงหันมาทางน้องอุ้มที่หลับไม่รู้เรื่อง น้องอ้นยังพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมาสักพัก จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆ

ด้านนอกฟ้าแลบอยู่หนหนึ่ง จากนั้นฝนก็เทลงมา เด็กๆหลับสบาย เขาเองก็กำลังเคลิ้มได้ที่ ถ้าไม่ติดว่ามีมือของใครบางคนดึงผ้าห่มออก

“ผมเอง” อินทัชกระซิบข้างหู

กนธีผงกหัวมอง อาศัยแสงจากนอกหน้าต่างคอยช่วย “กลัวผีหรือไง”

“ผมแค่ลืมจูบราตรีสวัสดิ์น่ะ” เด็กหนุ่มยิ้มขัน

คนฟังหลุดยิ้ม หลับตาลงเมื่อคนตรงหน้าเท้าแขนลงข้างหมอนแล้วโน้มตัวลงมา อินทัชแตะจูบข้างซอกคอ ปลายจมูกโด่งสูดดมผิวเนื้ออุ่น ก่อนไล่จูบเชื่องช้าขึ้นไปยังปลายคาง จบลงที่ริมฝีปากอ่อนนุ่ม

เรียวลิ้นอุ่นชื้นสอดเข้ามาในโพรงปาก เขาแย้มรับ จูบตอบกลับไปด้วยหัวใจที่พองโตและเต้นรัวแรง แขนของเด็กหนุ่มสอดเข้ามากอดรัดช่วงเอว

กนธีครางเสียงแผ่ว เขาพลิกนอนหงาย สองมือลูบแผ่นหลังคนด้านบนอย่างเผลอตัว เจ้าโอ๊ตละปากออกมา กดจูบลามลงยังด้านล่างกระทั่งถึงช่วงอก

กระดุมเม็ดบนถูกปลดพร้อมกับฝ่ามืออีกข้างที่สอดเข้าจากชายเสื้อ

“เดี๋ยวน้องเห็น..” กนธีพึมพำ ยึดมือซุกซนเอาไว้

“ไปที่โซฟากันไหม” อินทัชชวนเสียงพร่า

“ตะกละเอ๊ย” เขาหยิกแก้มมันจนยืด “พรุ่งนี้เช้าสิ”

“พวกมันตื่นสายจะตาย” เขาต่อรอง “พี่ไม่ยอมให้ผมขยันอีกแล้ว”

กนธีหน้าร้อนผ่าว เขาค่อยๆลุกจากเตียง ระหว่างนั้นก็เหลือบมองอ้นกับอุ้มไปด้วย ฝ่าเท้าเปลือยวางบนพรม นิ่งไปนิดเมื่อน้องอุ้มขยับ แต่จากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบเหมือนเดิม มีเพียงเสียงฝนที่โปรยปรายตลอดเวลา

“ไปห้องข้างๆเถอะ” เขาออกปากชวน

อินทัชเดินตามติด พอเข้าไปอีกห้องได้ เขาก็รีบถอดเสื้อผ้าของตนเอง พี่กุนต์ยืนหันหลัง ปลดกระดุมเสื้อแบบเชื่องช้าไม่ทันใจ

“ต้องทำเวลาแล้ว” เด็กหนุ่มหยอก ยกตัวเบากว่าขึ้นนอนบนเตียง

กนธีหน้าร้อนเหมือนอังด้วยไฟ เขายกสะโพกขึ้นให้เด็กรูดกางเกงนอนออกจากตัว ไม่รู้มันหยิบถุงยางมาตอนไหน รู้แค่ว่าเป็นกลิ่นวานิลาที่เพิ่งซื้อมา

“เบอร์ห้าบ้าเห่อ” เขาติง ถูกกัดปากจนหลุดคราง

อินทัชยิ้ม คร่อมแขนทับร่างข้างใต้ “ถ้าใช้ไม่ดี จะได้ไม่เอาอีกไงครับ”

กนธีหัวเราะ หอมแก้มคนที่เข้ามาซบ ก่อนเต็มใจให้เด็กมันซุกไซ้เข้ามาหาไออุ่น แขนทั้งสองของเขากอดรัด โอบร่างนั้นไว้ด้วยความสุขยิ่งกว่าครั้งไหน

.

.

.



เสียงหอบหายใจดังก้องห้อง ร่างหนักๆถอดถอนตัวออกมาอย่างเบาแรง ฝ่ามือกร้านรูดเครื่องป้องกันออกแล้วห่อด้วยกระดาษ ทิ้งลงถังขยะด้านนอก
   
อินทัชกลับเข้ามารวบตัวคนที่นอนอ่อนเปลี้ยเข้ามากอดแน่น เขาจูบลงต้นคอชื้นเหงื่อ ทั้งที่เปิดแอร์ แต่พวกเขาก็ยังชุ่มทั้งร่างเพราะออกแรงหนักหน่วง

“วันนี้พอแค่นี้นะ เดี๋ยวตื่นไม่ไหว” กนธีปรามเด็กที่ดูจะคึกได้อีก

“ไม่รังแกไปมากกว่านี้หรอกครับ” เขาขบขัน จูบปลายคางอีกฝ่าย ไม่รู้นึกอย่างไรถึงได้ชวนคนนอนด้านข้างคุย “ปกติแล้วพี่ทำมากสุดกี่ครั้งต่ออาทิตย์”

กนธีครุ่นคิด ชูนิ้วขึ้นมา “ประมาณสองครั้ง”

อินทัชขมวดคิ้ว ลุกขึ้นมองหน้า “เด็กพวกนั้นมันยอมอดทน นอนร่วมเตียงกับพี่เฉยๆได้หรือ..พี่กุนต์ออกจะน่ารักขนาดนี้” เขายังทนไม่ไหว ใกล้ทีไรเป็นต้องการขึ้นมาทุกที ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน

เจ้าตัวหน้าร้อนจัด “อย่ามาป้อซะให้ยาก”

“พูดจริงครับ” อินทัชบอก ยิ้มให้คนข้างกายแล้วล้มตัวลงนอนใหม่ เขาวางแขนทับตัวเปลือยเปล่าไว้หลวมๆ คิดอะไรอยู่สักพักถึงได้ถามขึ้น “เวลาผมต้องการพี่บ่อยๆ พี่รู้สึกแย่ไหม”

“หือ..ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ” กนธีลูบปอยผมเปียกชื้นของเจ้าโอ๊ต ไม่แน่ใจว่าเผลอแสดงท่าทีต่อต้านหรือเปล่า แต่เท่าที่จำได้ เขาก็คล้อยตามทุกครั้ง

“คือ..ความต้องการของเราสองคนมันไม่เท่ากัน ผมรู้ตัวว่าผมมีอารมณ์บ่อย ทีนี้..บางทีถ้าผมอยากทำแต่พี่ไม่อยาก มันก็คงเหมือนฝืนใจ” อินทัชเกาหัวแกรก “ไม่อยากให้พี่รู้สึกว่าผมตักตวงจากพี่เสียคุ้ม ได้ทั้งเงินได้ทั้งตัวน่ะครับ”

กนธีหลุดขำ ไอ้เด็กเปรต..มันจะน่ารักไปถึงไหนนี่

“คิดมากน่า เราวินๆกันทั้งคู่” เขาปลอบใจด้วยการดึงตัวให้เด็กนอนหนุนแขน เจ้าโอ๊ตก็ช่างว่าง่าย มันจะหัวอ่อนเป็นพิเศษหลังจากร่วมรัก

ร่างสูงนอนซบแผ่นอกอุ่น ฟังเสียงหัวใจอีกคนที่เต้นดัง

“ผมน่ะวิน แต่พี่วินไหมไม่รู้ พี่บอกให้ปล่อยตามธรรมชาติ นี่ก็ธรรมชาติของผม แต่มันไม่ค่อยบาลานซ์กับธรรมชาติของพี่นี่” เขาพึมพำ “ที่จริงผมรู้ว่าถ้าอ้อนขอ พี่ก็ตามใจใช่ไหม แต่ผมแค่อยากให้พี่รู้สึกต้องการผมเหมือนกัน ไม่ใช่ผมเป็นฝ่ายอยากทำ เป็นฝ่ายเริ่มอยู่คนเดียว”

“โธ่..เด็กงี่เง่า” กนธีรู้สึกเอ็นดูจนอยากกอดให้หายมันเขี้ยว “พี่รู้สึกดีนะที่เราต้องการพี่ อย่างน้อยพี่ก็ไม่ใช่ตาลุงทู่ซี้ ตามตื๊อขอให้เด็กมานอนด้วย ถ้าคู่ของเราสนใจตัวเราขนาดนี้ มีใครที่ไหนไม่ดีใจบ้างล่ะ แปลว่าเสน่ห์เรายังพอจะกินได้บ้าง” เขาหัวเราะ “อีกอย่าง พี่ไม่ใช่ผู้หญิงนะ ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยอะไรนักหรอก ที่ให้เพลาก็แค่จะบอกว่าช่วยสงสารสังขารพี่บ้างเถอะ”

อินทัชยิ้มขัน “พี่กุนต์ยังฟิตอยู่เลย”

“เออ..ฟิตมาก เอวจะเดาะ หลังเกือบหัก”

เขาหัวเราะ ยืดตัวขึ้นจูบริมฝีปากนุ่ม ดูเหมือนว่าที่พูดไปจะกระตุ้นให้พี่กุนต์รุกเร้าเขาตอบกลับมาบ้าง แบบนี้ถึงจะรู้สึกได้ถึงความเท่าเทียม

เด็กหนุ่มละออกมา ปล่อยให้อีกฝ่ายหายใจ

“ผมไม่เคยคิดว่าจะได้มานอนคุยเรื่องเซ็กซ์แบบเปิดเผยขนาดนี้”

กนธียิ้มบาง ลูบเสี้ยวหน้าได้รูป “มันเป็นเรื่องปกติทั่วไปของการใช้ชีวิต บางคู่ความต้องการไม่ตรงกันก็มีปัญหา ต้องไปหาเอาข้างนอก คุยกันตรงๆน่ะดีแล้ว พี่ชอบนะ แล้วโอ๊ตล่ะ ต้องการมากน้อยแค่ไหน พี่จะได้ปรับตัวเข้าหาเรา”

เขาคิดอยู่สักพักถึงบอก “สองวันครั้ง..หรือทุกวันก็ได้พี่”

กนธีบิดจมูกไอ้ตัวร้าย ดูมันเถอะ..ทำแบบนั้นเขาเหี่ยวเป็นลูกพรุนพอดี

“เบาหน่อยไอ้เสือ ถึงจะขยันน้อยกว่านี้ พี่ก็ไม่หักเงินหรอก” เขาแหย่

อินทัชยันตัวขึ้นมอง เขาแตะปลายนิ้วบนแก้มขาว พูดด้วยเสียงจริงจัง

“พี่ครับ..ที่ผมมีเซ็กซ์กับพี่ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินเลยนะ”

“อ่า..พี่ล้อเล่น” เขารีบบอกปัด

เด็กหนุ่มไม่เล่นด้วย “ผมยอมรับว่าตอนแรก ผมไม่เคยมองพี่ในแง่นี้จริงๆ มันออกจะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำด้วยซ้ำ แต่มาตอนนี้..ผมอยากมีอะไรกับพี่ เพราะพี่เป็นพี่..เป็นคุณกนธีคนนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน ไม่ใช่เพราะหน้าที่ และไม่ใช่เพราะว่าพี่เป็นคนใกล้มือ หรือสะดวกในการคว้ามานอนด้วย”

..ขี้โกง..ไอ้เด็กคนนี้มันขี้โกงจริงๆ..

กนธีรู้สึกว่าสายตาพร่าเลือน ทั้งแก้มก็ร้อนฉ่าเหมือนกลืนถ่านไฟ

“ถ้าผมเป็นคนแบบนั้น ผมคงนอนกับคนอื่นไปทั่วมานานแล้ว” เขาจูบข้างกกหู สอดปลายนิ้วเข้ากุมมือนุ่มไว้ก่อนกระซิบย้ำ “พี่ไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของผมนะ เพราะว่าเป็นพี่กุนต์ต่างหาก ผมถึงอยากมีอะไรด้วย”

“ไอ้เด็กเปรต..” กนธีคราง “ขี้โกงชัดๆ”
   
พูดแบบนี้..แล้วจะไม่ให้เขาหลงไปมากกว่าเดิมได้หรือ
   
..ต้องห้ามใจอย่างไรถึงจะอยู่ล่ะ..
   
เขายกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ไม่ได้กลุ้มใจหรือกังวลหรอก ก็แค่บังแก้มที่เป็นสีแดงจัดของตนเท่านั้น “รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งเลย” สมัยอายุยี่สิบ เขาป๊อปน่าดู แต่ตอนนี้ เขาขอแค่คนๆเดียว แต่มีใจให้กันไปนานๆจะดีกว่า

“ทำไมครับ ตอนวัยรุ่นมีคนมาพูดแบบนี้ด้วยหรือ” อินทัชเลิกคิ้ว

“ฮ่ะๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการอีกครั้งน่ะ มันช่วยไม่ได้นี่นะ..คู่ของเราดันไปมีคนอื่นลับหลังซ้อนกันสามคนสี่คน ความมั่นใจก็หดหายเป็นธรรมดา”

พวกนั้นมันงี่เง่า..อินทัชได้แต่คิดในใจ

เขารวบตัวกนธีมากอดไว้ คราวนี้ไม่ยอมนอนหนุนแขนเจ้าตัวแล้ว เขาอยากให้พี่กุนต์นอนซบอกเขาแทน

..แบบนี้จะได้รู้สึกเหมือนว่าปกป้องอีกคนได้..

..เขาไม่อยากเป็นเพียงแค่เด็กที่รอรับอยู่ฝ่ายเดียว..

“ผมไม่ได้เป็นคนดีเท่าไรหรอกนะ ไม่ใช่ผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์ แต่พี่เชื่อใจผมได้แน่นอน ว่าผมจะไม่มีวันโกหกหรือหักหลังพี่เด็ดขาด”

“อืม..พี่เชื่อ”

กนธียิ้มบาง รู้สึกถึงความอุ่นวาบในอก เขานอนซบอีกฝ่ายก่อนจะค่อยเคลิ้มไป ตั้งใจว่างีบหลับสักพักแล้วจะกลับห้องไปหาน้องๆ

..ตอนนี้ ขออยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นนี่สักครู่แล้วกัน..

ร่างสูงกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น หลับตาลงด้วยความรู้สึกอ่อนไหว

หัวใจคน..มันไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าก้อนหินอยู่แล้ว

เสียงฝนยังตกเรื่อย ต้นไม้ด้านนอกไหวโอนเอนไปตามแรงลม คนสองคนนอนกอดก่าย แนบชิดกันและกันแทบไม่เว้นที่ว่าง

โทรศัพท์มือถือของอินทัชที่วางไว้อีกห้องหนึ่งสว่างวาบ ข้อความจากใครบางคนแสดงตรงหน้าจอ
   
‘วันศุกร์นี้เราขอเข้าไปเจอพี่กุนต์กับโอ๊ตที่ร้านอาหารได้ไหม’
   
‘ถ้าได้ทำงานด้วยกันอีกครั้งก็ดีสิ..’
   
‘ยังไงก็ไลน์กลับมานะ..เราจะรอ’





......................................................................................





ลาาาาา หยุดดดด ตลอดงานสัปดาห์หนังสือน้าา ไปใช้แรงงานจ้า อิๆ  :hao7:

ขอฝากเอาไว้เท่านี้ก่อนน หมดงานแล้วจิมาต่อใหม่

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นค้าบ ขอบคุณสำหรับรายชื่อโหวตด้วยน้าา  :hao5: /เป็นครั้งแรกที่มีชื่อเสนอเข้าหัวข้อนิยายประทับใจ 55555+ ไม่เคยถูกเสนอมาก่อน (เคยอยู่แต่หมวดเศร้า 555) เขิลล ขอบคุณมากค้าบบบ  :-[



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-10-2016 00:49:14 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.66 -- 11/10/59
«ตอบ #1983 เมื่อ12-10-2016 00:23:29 »

โอ้ยยย ใจร้ายอะ ขัดอารมณ์เค้ามากเลย

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1984 เมื่อ12-10-2016 00:28:11 »

ดราม่าชามย่อมๆ มาแล้ว

ออฟไลน์ dear77

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1985 เมื่อ12-10-2016 00:31:28 »

 ต้น กลาง มาแบบอิ่มอกอิ่มใจ พอมาประโยคจบ  :katai1:

 เราอยากเตะปาลินขึ้นมาทันทีเลย TT

 งวดนี้เอามาม่ารดอะไรดี  :serius2:

ออฟไลน์ Resonance

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1986 เมื่อ12-10-2016 00:34:07 »

ดราม่าาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1987 เมื่อ12-10-2016 00:37:25 »

ปาลินรู้ตัวสักทีเถอะว่าเพื่อนชอบ

จะได้รู้ตัวว่าควรวางตัวยังไง

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1988 เมื่อ12-10-2016 00:42:33 »

อ่านไปหน่วงไปตลอดเลยเรื่องนี้ ไม่เคยอ่านแล้วรู้สึกโล่งใจหายใจหายคอสะดวกเลยซักตอนค่ะ
ห่วงนั่นพะวงนี่ตลอด มันไม่หวานซึมเลยอ่ะ ฮือออ
นี่มัวแต่กลัวดราม่า ไม่รู้ทำไม คงเพราะรู้ๆอยู่มั้งคะว่ามันไม่ใช่ "รัก" แท้จริง
มันไม่เหมือนนิยายเรื่องอื่นๆที่รักก็คือรัก
แต่อันนี้มันเกิดจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันสิ
ซ้ำร้ายโอ๊ตยังออกตัวตลอดว่าไม่ได้ชอบไม่ได้คิดกับพี่กุนต์เกินเลยเลยแม้แต่น้อย มันเลยแบบ เฮ้ออออออออ ทำใจให้อินกับความหวานละมุนไม่ลงอ่ะค่ะ TTTT

ปาลินก็มาเนี่ย โอ๊ยยยย น้ำตา
รอดูต่อไปค่ะ ; - ;

ออฟไลน์ Zalzah_iP

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1989 เมื่อ12-10-2016 01:00:32 »

นั่นไง ว่าแล้ววววววววววววว อ่านๆ ไปยังว่ามันหวานเกินไปจนชักระแวง ไม่ทันขาดคำ กลิ่นมาม่าฟุ้งมาเชียว
แล้วมันยังไงไม่รู้ รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเล่นกับความเชื่อใจและความซื่อสัตย์แน่ๆ ย้ำหนักย้ำหนาเนี่ย  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
« ตอบ #1989 เมื่อ: 12-10-2016 01:00:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮

  • There can be miracles When you believe
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Twitter
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1990 เมื่อ12-10-2016 01:02:09 »

ได้เวลาเอาน้ำใส่หม้อแล้วสินะหุหุ FEEL GOOD IS COMING  :katai4:

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1991 เมื่อ12-10-2016 01:04:39 »

โอ๊ตตตต อยากมีอะไรกับพี่เขาเพราะอะไรลูกกกก

อร๊ายยยยยย พี่กุนต์โดนโกงไปเยอะเลยอะ อยากเห็นพี่กุนต์โกงกลับเยอะๆ

จะได้เท่าเทียมถถถถ

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1992 เมื่อ12-10-2016 01:05:28 »

อะโห่เริ่มได้กลิ่นมาม่าลอยมาแล้วคับ
ยังหวานๆกันอยู่เลย อย่าพึ่งให้สะเทือนใจเลยนะ  :serius2:

ออฟไลน์ tay028643904

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1993 เมื่อ12-10-2016 01:10:39 »

โอ้ยยยยยยยย
อ่านวนสามร้อยรอบ รอให้มาอัป
แต่คุ้มค่าที่ีรอ ฟินสามโลกแปดโลกกกกกกก
คืนนี้นอนหลับสนิทละ :hao7:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1994 เมื่อ12-10-2016 01:12:07 »

อยากให้โอ๊ตรู้ใจตัวเองเร็วๆจัง สงสารพิหนูกุนต์

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1995 เมื่อ12-10-2016 01:18:38 »

เกือบจะหวานสุดแล้วเชียว  ถ้าไม่มีข้อความจากปาลิน :ling1:

ออฟไลน์ papanoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1996 เมื่อ12-10-2016 01:22:14 »

ในที่สุดก็มาจนได้ คุ้มกับการรอจนดึกดื่น  :pig4:
เริ่มเข้าโหมดดราม่าแล้วสิ เตรียมใจไว้สงสารพี่กุนต์  :กอด1:

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1997 เมื่อ12-10-2016 01:51:32 »

สนมาาาาาา
โอยยยย
คือเพื่อนก็เพื่อนนะ อย่ามาสร้างความร้าวฉาน
แค่ไลน์เรายังเจ็บ การไลน์ทิ้งไว้เนี่ย เหมือนวางระเบิด
พี่กุนต์กะโอ๊ตยังไม่อ่าน แต่ตรูอ่านแล้ว
และต้องรอไปอีกครึ่งเดือน ถถถถ
เม เดอะ ฟอร์ซ บี วิท มี
พี่กุนต์สู้วววว

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1998 เมื่อ12-10-2016 02:06:46 »

กำลังจะลงตัว? แล้วเชียว ปาลินเข้ามานี่ สภานการณ์จะพลิกกลับไปจุดเดิมไหมนิ เฮ้อ....กว่าจะมีความสุข  ต้องหมดทิชชู่ไปกี่ห่อเนี่ย 

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #1999 เมื่อ12-10-2016 02:10:54 »

ชอบบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์เราสี่คนพ่อแม่ลูกมาก
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง TvT
ตอนไปซื้อของเข้าบ้านนั่นก็ยังกะคู่แต่งงานใหม่
ขำมากตอนเลือกถุงยาง เขินแทนพี่กุนต์จนหน้าร้อนไปหมดเลยค่ะ!

ไอ้ตัวแสบมันร้ายจริงๆ /ฟาดๆๆๆๆๆ

แต่ข้อความของปาลินในตอนท้ายนี่ทำเอาใจหายแวบบบบบบ
เหมือนจะได้กลิ่นมาม่าหมูเบาน้ำขลุกขลิกเบาๆ มาแต่ไกล
คือรู้ว่าถ้าโอ๊ตพาปาลินไปทำงานด้วยพี่กุนต์ต้องเข้าใจแหละ
แต่กลัวลุงจะเห็นภาพเด็กสองคนอยู่ด้วยกันแล้วปวดใจเนี่ยสิ
แงงงงง /ฟ้องคุณไผ่ แต่ไม่ฟ้องคุณผัดไทยหรอกหมั่นไส้ 55555

รอตอนต่อไปนะคะ >_<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
« ตอบ #1999 เมื่อ: 12-10-2016 02:10:54 »





ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #2000 เมื่อ12-10-2016 02:12:11 »

 :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #2001 เมื่อ12-10-2016 02:38:38 »

มาแล้ววววววคนที่อยากให้มา มาสักที 55555 อะทีนี้ล่ะ โอ๊ตเฮ้ยยยย คนที่แอบรัก ไม่เจอหน้ากันนาน เจอที จะเป็นยังไงน๊า!! คึ!! //ตอนนี้ทั้งดูแลหยอกเย้าป้อหยอดคำหวานจุ๊บนั่นจูบนี้ตอดตลอดทุกที่ทุกเวลาแล้วยังพาไปสวรรค์อีก หูยยยยยยพี่กุนต์เคลิ้มไม่เบรคเลยไปไกลแล้วววใจ หลงไปอี๊ก 55555 //มีแอบใจเต้นแรงนะ อะๆ ทำเพราะอยากทำด้วยใจจริงๆ อยากลวนลามอยากสัมผัสตลอดเวลา หลงเข้าไปแล้วอะดิ ถ้ายังงั้นถึงเขามาก็ไม่น่าจะเขว้มาก/นาน เพราะใจมากว่าครึ่งแล้ว //ปาลิน(น่า)จะมองออกว่าอะไรยังไง ดูสิโอ๊ตจะบอกว่าไง หึหึ!!!!จะรอดูว่าจะบอกรักปาลินไหมตอนไหนหรือจะแอบไปยังงี้เพราะอีกคน แต่ถึงจะแอบหรือไรเขาก็ดูออกอยู่ดี แค่มองแววตาก็รู้แล้ว คุณพี่ผไทมาค่ะ กลับม๊า มาแหย่โอ๊ตหน่อย 5555555 รอดูท่าทีโอ๊ตก่อนแล้วค่อยเชียร์พี่ เขาเป็นพระเอกอะค่ะ 55555555555 //ครอบครัวหรรษา อ้นอุ้มน่าร๊ากกกกกกกกกกมากๆ ดูแลดีเสมอต้นเสมอปลาย จนชักอยากจะเจอป๋าแอนด์เปย์แบบพี่กุนต์แล้วนะนี้ มีไหมจะไปหา 555555555 //เริ่มสนุกละคะ ปาลินมา มาแบบซื่อๆมึนๆ แต่มีผลต่อความรู้สึกอีกหลายคน 5555 อยากรู้ว่าโอ๊ตจะทำไงจริงๆหว่ะ หน้าสั่นใจสั่นเลยไหมอึดอัดป่าว???? ไม่รู้ต้องรอตอนต่อไปเลยค่ะ 5555 รอออออคะรออออ ขอบคุณค่ะที่มาต่อ


ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #2002 เมื่อ12-10-2016 02:44:03 »

อยากเห็นพี่กุนต์หึง ให้โอ๊ตตามง้อ

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #2003 เมื่อ12-10-2016 02:51:30 »

ปาลินมา ปาลินมา  :katai2-1: :katai2-1: มาม่า มาม่า มาม่า :hao6: :hao3:

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #2004 เมื่อ12-10-2016 03:02:59 »

รีบๆกลับมาน้าาาา

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #2005 เมื่อ12-10-2016 03:06:14 »

กำลังหวานได้ใจ ปาลินโผล่มาทำไมเนี่ย  :ling1:

ออฟไลน์ pannuna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 449
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #2006 เมื่อ12-10-2016 03:28:22 »

ปาลินนี่ก็ซื่อมากกกกกกก โอ้ยสงสารพี่กุนต์จัง

ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #2007 เมื่อ12-10-2016 03:32:41 »

โอ้ยยยยยยย ปาลิน ขัดบรรยากาศสุดด ดราม่ากำลังจะมาแล้วใช่มั้ยคะะะ ทนรอไม่ไหวแล้ววววววว

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #2008 เมื่อ12-10-2016 03:37:45 »

ความหน่วงกำลังมาสินะ

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: Sins : Greed -- [Ch.30] pg.67 -- 11/10/59
«ตอบ #2009 เมื่อ12-10-2016 03:59:59 »

โห้ย กำลังโรแมนติก ขัดใจข้อความมาก
โอ้ตมันน่ารักเนอะ พูดตรงและจริงใจดี เปิดใจคุยกันทุกเรื่องเลย
ถ้าผิดหูนิดเดียวคือเคลียร์เลย น่ารักดี เด็กมัรพิศวาสพี่กุนต์มาก เสน่ห์แรงจริงๆ พี่
มีความนัวสูง

ขอบคุณค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด