ตอนที่ 39“ปุ่น คุณธรรมให้ขึ้นไปพบ” พี่พรหันมาบอกผมหน้าตาตื่น หลังจากวางสายจากใครบางคนแล้ว
“ผม..ผมเหรอครับ” ผมชี้มือเข้าหาตัวเองหน้าเหรอหรา
“ใช่ รีบๆ ไปจ้ะ อย่าให้ท่านรอ”
ผมพะว้าพะวัง คุณวีร์ก็ไม่อยู่ ออกไปจัดการเรื่องคุณลลิตากับพี่สนิมยังไม่กลับเข้ามา จะโทรไปหาดีไหม
“ปุ่นไปเถอะคงไม่มีอะไรหรอก ท่านคงอยากซักถามเรื่องเมื่อคืน”
นั่นสินะ ผมก็ลืมคิดไป คุณวีร์โทรไปเล่าแล้วแต่ก็แค่คร่าวๆ คงอยากถามจากใครสักคนที่อยู่ในเหตุการณ์
ซึ่งตอนนี้ทั้งบริษัทเหลือแค่ผมคนเดียว (คุณวีร์ไม่ให้ผมไปด้วยบอกว่าไม่อยากให้ผมต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้)
“งั้นผมไปเลยนะครับ”
“โชคดีนะจ้ะ”
ผมหวังว่าจะเป็นการสอบถามธรรมดา ไม่ต้องใช้โชคอย่างที่พี่พรอวยพรนะครับ ไม่อย่างนั้นผมว่าโชคแค่ไหนก็คงไม่พอ
“สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้คุณธรรม ผมเคยเจอพ่อคุณวีร์บ่อยๆ แต่ไม่เคยคุยกันสองคนแบบนี้
คุณธรรมแค่พยักหน้าให้ผมนิดนึง มองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า จากสายตาแล้วผมว่ามันชักไม่เข้าที
“ชื่อปุ่นใช่ไหม”
“ครับ”
“เป็นแฟนวีร์เหรอ” สองประโยคกับคำถามที่พุ่งเป้าแบบไม่อ้อมค้อม ผมคิดไม่ออกว่าควรตอบรับหรือปฏิเสธ
ในหัวมันไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ ช็อคจนยืนอ้าปากค้าง
“ถ้าไม่ตอบฉันจะตอบให้ นายเป็นแฟนลูกชายฉัน ลูกชายที่เป็นถึงรองประธานกรรมการบริษัทซีแอนด์สกายดิวิลอปเมนท์ จำกัด
คนที่จะขึ้นเป็นเสาหลัก เป็นหน้าเป็นตาให้กับบริษัทแทนฉันในอนาคต”
ดอกไม้หายวับไปกับตา ทางเดินพี่ปุ่นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสียแล้ว ท่าทางจะเต็มไปด้วยกรวดหินดินทราย
และความแห้งแล้ง
“คิดว่าเหมาะสมไหม”
“ไม่เหมาะครับ” ผมตอบไปตามความจริง คำถามไม่ได้ถามว่ารักไม่รักนี่ครับ แต่ถามว่าเหมาะไม่เหมาะ
“ฉันก็คิดแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นความถูกต้อง ความเหมาะสม ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย”
“.......”
ผมไม่อยากจะตอบแม้แต่คำว่าครับ ถ้าตอบรับก็เหมือนผมยอมล่าถอย แต่จะให้พูดแทรกผู้ใหญ่ผมก็ทำไม่เป็น
เลยอาศัยความเงียบเข้าช่วย
“แต่ในเมื่อนายเป็นเจ้าของชีวิตวีร์ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ เตรียมตัวฝึกหนักไว้ อีกนานกว่านายจะขึ้นมายืนเคียงข้างวีร์ได้
ขอให้พยายามให้มาก เข้าใจไหม”
เดี๋ยวนะ ขอพี่ปุ่นประมวลผลแป๊บ มันหมายความว่ายังไง
“ทำไมไม่ตอบ”
“ค..ครับ” ตอบรับไว้ก่อนเพราะผลประโยชน์น่าจะเข้าตัว ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม
“วีร์มันพูดถูก ถ้านายไม่ช่วยชีวิตวีร์ไว้ป่านนี้ฉันคงเหลือลูกชายแค่คนเดียว ชีวิตวีร์เท่ากับเป็นของนาย
ดังนั้นฉันจะไม่ก้าวก่ายเรื่องนี้ แต่เรื่องทำให้นายเหมาะสมฉันจำเป็นต้องยุ่ง หวังว่าจะไม่ทำให้ลูกชายฉันผิดหวังนะ”
“แน่นอนครับ” ผมสบตากับคุณธรรม แววตามุ่งมั่นเพื่อให้ท่านรู้ว่าไม่ว่ายากแค่ไหนผมก็จะพยายาม
“ดี ไปได้แล้ว”
“ครับผม ขอบพระคุณมากนะครับที่ให้โอกาสผม” ผมยกมือไหว้คุณพ่อคุณวีร์ด้วยความนอบน้อม
เป็นผู้ใหญ่ที่เหมือนจะดุ แต่ก็ใจดีกว่าที่คิด
“ขอบใจนะที่รับกระสุนแทนวีร์” ผมเอียงคอมองคุณธรรม กลับมางงอีกครั้ง งงซ้ำแล้วซ้ำอีก
ผมส่งยิ้มให้คุณธรรมแทนการตอบ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ผมยิ้มแบบที่ผมชอบยิ้มให้พ่อเวลาทำความผิด
เขาเรียกยิ้มพิชิตใจพ่อยกแม่ยก ซึ่งผมว่าได้ผลนะครับ เพราะคุณธรรมเผลอยิ้มตอบผมด้วย ก่อนที่ผมจะขอตัวออกมา
รับกระสุนแทนคุณวีร์ ผมไปทำตอนไหน ผมยังคิดเรื่องนี้อยู่ ถึงจะกลับมาที่โต๊ะทำงานแล้ว
พี่ปุ่นงง พี่ปุ่นพยายามลำดับเหตุการณ์ ก็ใช่ที่พูดให้คุณลลิตายิงมาที่ผม แต่คุณลลิตาก็ไม่ได้คิดจะยิงคุณวีร์อยู่แล้ว
ผมว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา คงไม่คิดจะทำร้ายคุณวีร์เลยด้วยซ้ำ
ไอ้คุณรองประธานเจ้าเล่ห์ ไปพูดอะไรกับพ่อตัวเองเนี่ย แล้วไม่บอกผมล่วงหน้าด้วยนะ เล่นเอาใจหายใจคว่ำ
นึกว่าจะโดนไล่ตะเพิดเสียแล้ว
ว่าแต่มัวแต่คิดเรื่องตัวเอง พี่ปั้นหายไปเลยตั้งแต่คุยกันครั้งล่าสุดเมื่อคืน รู้ข่าวแค่ว่าไปโรงพยาบาล ทำแผลเรียบร้อยดี
ไม่มีอะไรต้องห่วง โทรหาเสียหน่อยดีกว่าจะได้เล่าเรื่องคุณพ่อคุณวีร์เปิดไฟเขียวให้ฟังด้วย พี่ปั้นจะได้เลิกเขม่นคุณวีร์เสียที
...................................................................................................
-สิทธวีร์-
“คุณพร ปุ่นไปไหน” ผมถามเลขาเมื่อเดินเข้ามาแล้วไม่เจอตัวอ้วนนั่งอยู่ที่โต๊ะ
“อยู่ในห้องคุณวีร์ค่ะ”
“โอเค”
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง วันนี้ผมออกไปจัดการเรื่องลลิตาทั้งวัน กว่าจะกลับมาก็บ่ายคล้อย
“ปุ่น” ผมเรียกตัวอ้วนที่นอนซบอยู่กับโซฟา
“ไม่สบายหรือเปล่า” ผมวางมือลงบนหน้าผาก ตัวก็ไม่ได้ร้อน แต่หน้าปุ่นดูไม่ค่อยดีเลย
“เป็นอะไรครับตัวอ้วนไหนบอกพี่สิ” ผมพยุงตัวอ้วนขึ้นนั่ง จับพิงตัวผมไว้
“เปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร วันนี้คุณวีร์เจอพี่ปั้นไหมครับ”
“ไม่เจอ พี่ไปกับสนิมสองคน มันมีหลักฐานเป็นคลิปทิ่ลินถ่ายอยู่แล้ว ตำรวจเลยไม่ได้เร่งสอบ
คงเรียกปั้นเข้าไปพรุ่งนี้ หรืออาจไม่ต้องเรียก เดี๋ยวเขาจะโทรแจ้งอีกที พี่บอกไปว่าได้รับบาดเจ็บ”
“ครับ”
“ตัวอ้วนแน่ใจหรือว่าไม่ได้เป็นอะไร ทำไมดูหมดแรงแบบนี้ล่ะ”
“คุณวีร์” ปุ่นเข้ามาซบหน้ากับแขนผม ทำตาเหมือนจะร้องไห้ ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เห็นปุ่นอย่างนี้
แต่ปุ่นเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ไม่เคยอ่อนแอให้ผมเห็นเลย
“เรา...”
“เราเลิกกันเถอะครับ”“อะไรนะ!!”
“ปุ่น รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา”
“รู้ครับ” ปุ่นพยักหน้าช้าๆ เอื้อมมือมาดึงมือผม ให้กลับลงมานั่งตามเดิม หลังจากผมลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินปุ่นพูดคำนั้น
“อย่ามาพูดเล่นแบบนี้ พี่ไม่ชอบ” ผมจับไหล่สองข้างของปุ่นไว้แน่น
“ผมคิดว่าคุณวีร์คงเดาเรื่องพี่ปั้นกับน้องริวได้ใช่ไหมครับ”
“ใช่” ผมพยักหน้า ถึงจะไม่รู้อะไรมาก แต่มองแค่นั้นผมก็พอเดาออก
“วันนี้ผมคุยกับพี่ปั้น พี่ปั้นบอกว่าจะเลิกยุ่งกับน้องริว เพราะผมมีกันแค่สองคนพี่น้อง ถ้าเรา..เราเป็นแบบนี้ทั้งคู่พ่อคงรับไม่ได้
อย่างน้อยควรมีสักคนที่ทำให้พ่อภูมิใจ ผมไม่อยากให้พี่ปั้นเสียสละ ผมสงสารน้องริว”
“ปุ่น มันไม่จำเป็นเลย”
“จำเป็นสิครับ คุณวีร์มีพี่ชายที่มีครอบครัวมีลูกแล้ว แต่ผมมีกันสองคนพี่น้อง ถ้าใครสักคนต้องเสียสละ
ก็ควรจะเป็นผม พี่ปั้นทำอะไรเพื่อผมมาตั้งมากแล้ว ผมควรทำเพื่อพี่ปั้นบ้าง”
ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้แม้แต่น้อย ตอนเช้าเข้าไปพบพ่อคุยกันรู้เรื่องผมก็สบายใจ คิดว่าต่อไปจะค่อยๆ เปิดตัวปุ่น
คงไม่ทำให้เป็นข่าวใหญ่โต คิดว่าควงกันออกงานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวคนภายนอกก็รับรู้เอง
ถ้าใครมาถามตรงๆ ผมก็จะไม่ปิด เพราะคนที่ผมควรกังวลรับรู้และยอมเข้าใจแล้ว
“ปุ่น พี่จะคุยกับปั้นกับพ่อปุ่นให้เอง อย่าเพิ่งตีตนไปก่อน”
“อย่าครับ ถ้าคุยพี่ปั้นคงเสียสละเสียเอง ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น ส่วนพ่อ พ่ออาจจะยอมรับแต่คงเสียใจมาก
ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น คนเดียวก็เกินพอแล้ว”
“แล้วพี่ล่ะปุ่น..ปุ่นไม่รักพี่เลยเหรอ.”
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหมดแรง มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมไม่บ่อยนัก แต่ครั้งนี้มันรุนแรงจนผมรู้สึกได้ว่า
มือตัวเองเริ่มสั่น
“ผม.ผมรักคุณวีร์ครับ แต่ก็รักพ่อ ถ้าต้องเลือกยังไงผมก็คงต้องเลือกพ่อ”
“ไม่..ไม่มีทาง ปุ่นคิดว่าพี่จะยอมเหรอ คิดว่าพี่จะอยู่เฉยๆ ให้ปุ่นไปงั้นเหรอ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เอาปุ่นไปจากพี่ไม่ได้”
ผมกระชากปุ่นเข้ามากอด ระดมจูบไปทั่วใบหน้ากลม ไม่ว่าปุ่นจะผลักแค่ไหนผมไม่มีทางปล่อย
“คุณวีร์ ท..ที่ทำงานนะครับ อย่าทำแบบนี้”
“คิดว่าพี่จะสนเหรอ” ผมล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อทำงานของปุ่น ลูบไล้ไปทั่วอกนุ่ม ไม่อยากฟังอะไรทังนั้น
“คุยกันก่อนครับคุณวีร์ ฟังผมก่อน”
“ไม่ ปุ่นนั่นแหล่ะต้องฟังพี่ มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปุ่นจะทำแบบนี้ทำไม เราไปคุยกับพ่อของปุ่นกันก่อน
พี่เชื่อว่าพ่อปุ่นต้องมีเหตุผลเพียงพอ”
“คุณวีร์ไม่อยากเลิกกับผมเหรอครับ”
“ถามอะไรงี่เง่าแบบนี้ ไม่เลิก และปุ่นไม่มีทางทำสำเร็จจำเอาไว้”
“คุณวีร์เสียใจเหรอครับ”
ผมดึงมือปุ่นมาวางทับบนหน้าอก ตรงที่ใกล้หัวใจที่สุด
“เสียใจสิ เสียใจ น้อยใจ ตกใจ รู้ไหมปุ่นทำให้พี่ทุกข์แค่ไหนที่พูดแบบนั้น อย่าทำกับพี่แบบนั้นอีก”
ปุ่นก้มหน้ามองพื้น ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาผม
“ผมก็ไม่ชอบตกใจ เสียใจเหมือนกัน”
“หือ?”
“สมน้ำหน้า โดนเองซะมั้ง”
(#‵′)凸
หลังจากส่งนิ้วกลางให้ผมแล้ว ไอ้ลูกหมูก็เดินตุ๊บตั๊บสะบัดตูดออกจากห้องไป ผมเอ๋อกินจนลืมรั้งตัวเอาไว้
เดี๋ยวนะ คืออะไร หรือว่า..พ่อผมคงเรียกปุ่นเข้าไปคุยแล้ว
“ปุ่นนนนนน” ผมร้องเรียกตัวอ้วนเสียงหลง
โอ๊ยทำไมมันร้ายกาจแบบนี้ เอาความคิดนี้มาจากไหน ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทั้งประหลาดใจ ทั้งขำ
น่ารักชะมัดแฟนใคร ท่างอนมันเหลือกิน เห็นแล้วอยากจับฟัดให้จมเขี้ยว
หึๆ คิดว่าแกล้งพี่ได้เหรอ
ปุ่นยังรู้จักแฟนตัวเองน้อยไปเสียแล้ว คืนนี้มันต้องสนุกมากแน่ๆ
อืม..ผมจะทำอะไรกับตัวอ้วนดีนะ มีอะไรที่อยากลองทำตั้งเยอะ
ผมฮัมเพลงเบาๆในคอ แค่คิดก็ครึ้มใจแล้ว
........................................................................................
For Fc ปั้น ♥ ริว -กำปั้น-
“หึๆ”
“เป็นอะไรลิน หัวเราะไม่หยุด”
“เปล่าๆ “ คนตอบปฏิเสธกลับเอาแต่หัวเราะ
ผมแวะเข้ามาร้านของลินในช่วงบ่าย เข้ามาดูความเรียบร้อยหลังพังโต๊ะเขากระจุยกระจายตอนพุ่งเข้าชนลลิตา
เมื่อคืนผมไปโรงพยาบาลเลยไม่ได้อยู่ดูความเรียบร้อย ถึงแม้จะรู้ว่าป่านนี้คงจัดการกันแล้ว แต่ด้วยมารยาทก็ต้องแวะเข้า
มาดูแลสักนิด
“มาจากไหน”
“ถามทำไม” ผมหรี่ตามอง ไม่ค่อยไว้ใจสายตาลินเลย มันระยิบระยับเหมือนเจ้าตัวกำความลับอะไรอยู่
“อะไรปั้นถามแค่นี้ก็ไม่ได้ ก็ถามตามมารยาท ไปไหนมา กินข้าวหรือยัง อะไรแบบนั้น”
“ให้มันจริงเถอะลิน”
ผมเลือกที่จะไม่ตอบ ไม่อยากโกหกและก็ไม่อยากบอกว่ามาจากคอนโดของริว
ไอ้ตัวดีมันไปเรียนแล้ว ส่วนผมนั่งแท็กซี่มา มันพยายามยัดเยียดรถให้ผมใช้ จะนั่งแท็กซี่ไปเรียนเอง
แต่ใครจะยอม มันเคยขึ้นคนเดียวสักกี่ครั้งไม่ขับรถ ก็ต้องมีคนรถมารับ
“ร้านเรียบร้อยดีใช่ไหม” ผมเปลี่ยนเรื่องคุย ถามถึงธุระที่มา
“อืม เคลียร์ตั้งแต่เมื่อคืน มันไม่ได้เสียหายอะไรมาก แป๊บเดียวก็เสร็จ”
“อืม”
“ไปไหนหรือเปล่าอยู่ก่อนสิ ว่าจะเรียกคนอื่นๆ มาฉลองเสียหน่อย จบเรื่องซะที”
“เอาสิ”
“ปั้นโทรตามริวด้วยนะ ให้เข้ามาเย็นๆ “
“ได้” ผมขี้เกียจปฏิเสธ อีกหน่อยก็คงรู้กัน หรือไม่แน่ลินอาจจะรู้แล้วก็ได้ ดูจากสายตาแปลกๆ ที่มองมา
“วันนี้ทำไมอารมณ์ดีกันทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง แจกโบนัสปลอบขวัญนอกเหนือจากที่เลี้ยงข้าวไปเมื่อคืนเหรอ”
ผมอดถามไม่ได้ เมื่อเห็นพนักงานพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“เปล่า พอดีมีอะไรน่ารักๆ ให้ดูน่ะ”
“อะไร เอามาให้ดูบ้าง”
“โน่นอยู่ในห้องน้ำโน่น” ลินพยักพเยิดหน้าไปทางห้องน้ำด้านหลัง
“ห้องน้ำผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้ชายสิ” ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนเดินตรงไปทางด้านหลัง
ผมกวาดตามองไปรอบๆ ก็ไม่มีอะไรผิดแผกไปจากเดิม อยู่ในห้องน้ำเลยก็คงไม่ใช่
“เฮ้ย!!” ผมเผลอร้องออกมา ก็เจ้าแม่ลินเล่นเดินเข้ามาในห้องน้ำผู้ชายเฉย
“เห็นหรือยัง”
“ยัง แล้วจะเข้ามาทำไมเดี๋ยวลูกค้าตกใจตาย” ผมบ่นคนที่ไม่ค่อยสนใจโลกเท่าไหร่
“หน้ากระจกไง ดูสิ”
ผมหันไปมองกระจก ก็ไม่มีอะไรมีแต่หน้าผมที่ปกติดีทุกอย่าง
“ไม่เห็นมีอะไร” ตอนแรกก็ตกใจนิดหน่อยครับ นึกว่าไอ้ตัวดีมันเอาอะไรป้ายหน้าผมหรือเปล่า
แต่ลืมไปว่าผมออกหลังมัน จะมีได้ยังไง ก่อนออกมาก็มองกระจกดีแล้ว)
“มี น่ารักด้วย” ลินยังยืนยันคำเดิม
“ปั้น”
“อะไร” ผมว่าผมโดนลินหลอกให้มาเข้าห้องน้ำแล้วล่ะ
“หันหลังสิ” ลินยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูก่อนเปิดประตูออกไป
ผมรีบหันหลังก่อนเอี้ยวคอหันมามองในกระจก
ไอ้ตัวแสบ ไอ้แรด ไอ้...
กระดาษแผ่นไม่เล็กไม่ใหญ่ ถูกติดด้วยกาวสองหน้าอย่างดีแปะอยู่บนหลังเสื้อผม
“
ของริว”
ไอ้เด็กบ้า เดี๋ยวมันจะโดนดี ผมส่ายหัวกลุ้มใจกับมันจริงๆ
ผมรีบถอดเสื้อ ดึงกระดาษออก มันคงเอามาติดไว้ตอนวางเสื้อให้ผมบนเตียง ไอ้ผมก็ไม่ทันสังเกตหยิบได้ก็สวมเลย
มันอยู่ข้างหลังใครจะไปเห็น
“ของริวงั้นเหรอ” ผมพับกระดาษใส่กระเป๋าเสื้อ ไม่คิดจะโยนทิ้ง โมโหมันแต่หน้าผมกลับยิ้มกริ่ม
มันก็..น่ารักจริงๆ นั่นแหล่ะ
...........................................TBC................................................
Darin ♥ FANPAGE