ตอนที่ 4 ครึ่งแรก
กว่าหนึ่งอาทิตย์ที่ผมเข้ามาทำงาน นอกจากจดหมายหนึ่งฉบับที่ได้รับแล้ว ทุกอย่างเงียบสงบ
จนกระทั่งวันนี้ กล่องพัสดุที่พี่พรถือมายื่นให้ผม ทำให้เรามีเรื่องต้องปรึกษากัน
“น้องปุ่นจะเอาเข้าไปให้คุณวีร์ไหม”
ผมส่ายหน้าทันที ผมยังไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร แต่จะแกะดูก่อนเเอาไปให้คงไม่ได้ ถ้าจะให้ก็ต้องไปในสภาพสมบูรณ์
เกิดมันไม่คอขาดบาดตาย คุณรองประธานฯ อาจจะแค่โยนทิ้งไม่ใส่ใจเหมือนกับจดหมายที่ผ่านๆมา
หรือเก็บเอาไว้เองไม่ให้ผม พี่ปั้นมันคงทำงานยากขึ้น
ผมมั่นใจว่ากล่องนี้ถูกส่งมาจากคนๆ เดียวกัน หนึ่งเพราะชื่อผู้ส่งผู้รับถูกปริ๊นท์มาแปะแทนการเขียน
สองที่อยู่ผู้ส่งมีแค่ จากวีร์ และเบอร์โทรที่ดูปั๊บก็รู้ว่าเป็นเบอร์เจ้านายผมเอง ใครมันจะส่งของให้ตัวเองกันล่ะครับ
ผมหยิบคัตเตอร์ขึ้นมากรีด พยายามระวังไม่ให้มือโดนกล่อง เดี๋ยวผมต้องจดลงไปว่าขอถุงมือจากพี่ปั้นมาด้วย
ข้างในกล่องเต็มไปเด้วยรูปถ่ายของคุณวีร์ที่ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ผมกับพี่พรลองพยายามต่อ
จนได้มาสองสามรูป คุณวีร์ในชุดไม่ซ้ำกัน ในสถานที่ๆแตกต่างกันออกไป
พี่พรหยิบชิ้นหนึ่งส่งมาให้ผม เป็นรูปของคุณวีร์ที่ถ่ายติดผมมาด้วย ชุดที่ใส่เป็นวันที่ไปงานกาล่าดินเนอร์
ผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงค้นลงไปในกองรูป เลือกหยิบชิ้นที่สนใจขึ้นมาดู
มีแต่รูปของคุณวิกาเท่านั้น ที่ถูกฉีกกลางหน้า หรือจะเป็นอย่างที่ผมคิดไว้ เรื่องชู้สาว
ถ้าอย่างนั้นคนส่งอาจจะเป็นผู้หญิง แต่ทำไมถึงส่งหาคุณรองประธาน ไม่ส่งไปให้คุณวิกา
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะผมดังขัดจังหวะขึ้นมา
“ปุ่นเตรียมรถได้เลย”
“ครับผม”
ผมโทรตามลุงชัย เสร็จแล้วก็โทรหาพี่ปั้นเล่าเรื่องกล่องรูปให้ฟัง
ผมเปิดประตูข้างคนขับขึ้นนั่ง งานนี้ไม่พลาดครับ เริ่มเป็นงาน
“ปุ่น”
“ครับ” ผมกำลังคาดเข็มขัด ลุงชัยเตรียมออกรถ
“มานั่งนี่”
<(“”"O”"”)>
“ผมไม่อยากตะโกนสั่งงาน”
ผมก็ต้องตุ๊บตั๊บย้ายจากนั่งหน้าไปนั่งหลัง
โมโห แน่จริงรอให้ลุงชัยออกรถก่อนสิแล้วค่อยบอก อิแค่พูดก่อนขึ้นรถมันยากมากหรือไงฟระ
“ไม่พอใจเหรอเรา”
@(一-一)
ผมเหล่ตามอง ทำหน้ายู่ ปากยื่น
เป็นเลขาจะไมพอใจเจ้านายได้ยังไงครับ ผมเลยไม่ยอมตอบคำถาม แต่ใครจะเดาจากท่าทางผมอันนี้ห้ามกันไม่ได้
“หึๆ”
(ˋ︿ˊ) ขอให้ขำจนสำลักตายไปเลย
“เอาน่า เสร็จงานแล้วจะพาไปทานของอร่อย ดีไหม”
แหง่ม ผมชำเลืองมอง อย่ามาเล่นตลกนะเฟ้ย
พาไปจริงใช่เปล่า
“จริง ไม่หลอก” เสียงทุ้มทำเอาผมสะดุ้งเฮือก เมื่อกี้ผมไม่ได้เผลอพูดมันออกมาใช่ไหมครับ
ผมนั่งอยู่ในรถ 5นาที 10 นาที 20 นาที คนข้างๆ ก็ยังนั่งสไลด์มือถือไปเรื่อยๆ
“อยากเข้าห้องน้ำหรือปุ่น” คนที่ผมนั่งรออย่างอดทน เงยหน้าขึ้นมาถาม
“ไม่อยากครับ”
“งั้นก็นั่งดีๆ จะกระสับกระส่ายกทำไม”
“หรือว่าหิว?”
โว้ย คิดไปได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องที่ตัวเองพูดไว้ดันลืม
“ไหนว่าจะสั่งงานครับ”
“ลืมไปแล้ว” สั้นๆ ง่ายๆ แค่นั้น
ผมเก็บสมุดที่เตรียมไว้ลงกระเป๋า แอบหยิบช็อคโกแลตก้อนเล็กๆใส่ปาก
ของหวานบำบัดใช้กับผมได้เสมอครับ ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น
ผมอมช็อคโกแลตเอาไว้ เลิกสนใจคนกวนประสาทที่เรียกผมมานั่งแต่ก็ไม่ยอมพูด
มือใหญ่แบออกมาตรงหน้าผม
“ขอบ้างสิ”
“อะไรครับ”
“ที่อมอยู่ในปาก ขอบ้าง”
ช็อคโกแลตหลุดลงคอผมเพราะความตกใจ ผมสำลัก ไอออกมาน้ำหูน้ำตาไหล
บ้าเอ๊ย เพิ่งแช่งให้คณรองประธานฯขำจนสำลักตาย เข้าตัวเฉย
“ใจเย็น” มือใหญ่ลูบหลังให้ผมไปมา
“ขออันใหม่ไม่ได้จะเอาที่อยู่ในปาก กลัวถูกแย่งจนลงทุนกลืนลงไปเลยเหรอเรา”
ปากร้ายแต่หน้ายิ้มอ่อนโยนคืออะไร เหมือนจะเอ็นดูแต่ก็จิกกัดผมไปด้วย
ผมไม่เข้าใจเลย สาวๆ ชอบปากแบบนี้เข้าไปได้ยังไง หรือว่าจูบเก่ง
ผมเผลอจ้องปากคุณรองประธานฯ ในหัวรีเพลย์ภาพคนปากร้ายจูจุ๊บกับคุณวิกาในงานกาล่าดินเนอร์
แล้วไหงในหัวผมมันตัดมาเป็นภาพหน้าคุณรองประธานกำลังขยับเข้ามาใกล้
“เฮ้ยยย” ผมร้องเสียงหลง
“ตกใจหมดปุ่น จะเสียงดังทำไม”
“เข้า..เข้ามาใกล้ผมทำไม” ผมถอยกรูดจนหลังติดประตู
“เห็นทำตาค้าง ปากเผยอ เลยจะดูให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นอะไร”
“ใคร..ใครปากเผยอ พูดดีๆ นะครับ” ผมปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ใครที่จ้องปากผม แล้วเผยอปากออก ก็คนนั้นแหล่ะ”
อ๊ากกกกก ไม่ใช่เฟ้ย ไม่ใช่ ไม่ได้ทำ (>﹏<)
หรือ..ผมทำ
“ผมสำลักหายใจไม่ออก เลยอ้าปากหายใจแค่นั้นเอง” ใช้ได้เลยพี่ปุ่น คำตอบนี้มันเยี่ยมมาก
คนตัวใหญ่พยักหน้า ทำท่าว่าเข้าใจแล้ว แต่ไอ้เสียงหัวเราะที่ตามมาเบาๆ แต่ไม่หยุดง่ายๆ นี่สิ
เล่นเอาผมตาคว่ำ อยากประทุษร้ายคุณรองประธานเสียงเอง
...........................................TBC.................................................
วันนี้เขียนได้สั้นๆ นะคะ ขอโทษน้า เดี๋ยวมาต่อครึ่งหลังให้พรุ่งนี้ เรื่องนี้ไม่มีสต็อคพิมพ์เสร็จก็อัพเลย