ตอนที่ 6ผมเพิ่งหายใจได้ทั่วท้องเมื่อการประชุมเสร็จสิ้นไปด้วยดี การมาทำงานครั้งนี้ทำเอาผมเครียดนอนไม่หลับมาหลายคืน
เพราะผมไม่ใช่เลขาที่แท้จริง งานเลขาทั้งหมดพี่พรเป็นคนทำทั้งสิ้น ผมมีหน้าที่แค่ส่งต่อไปให้
ผมใช้ทั้งการบันทึกเสียงและอัดวิดีโอเพื่อความไม่ประมาท โชคดีที่ไม่มีการเรียกใช้งานอย่างอื่นระหว่างการประชุม
ผมยังอยู่ภูเก็ตอีกสองวันคือเสาร์และอาทิตย์ คุณวีร์อยู่พักผ่อนต่อกับเพื่อนๆและคู่ควงที่จะเดินทางตามมาในวันพรุ่งนี้
แต่วันนี้ผมยังไม่เสร็จงานครับ เรามีงานเลี้ยงรับรองตอนเย็น ผมกลับมาที่ห้องเพื่อพักผ่อนมีเวลาประมาณสองชั่วโมง
ผมกำลังชั่งใจว่าควรออกไปยืนฝ้าอยู่ข้างนอกดีไหม เพราะผมเป็นบอดี้การ์ดจะมานั่งพักผ่อนอยู่ไม่ได้
เกิดคุณวีร์ออกไปไหน ผมไม่รู้จะถือว่าละเลยหน้าที่
ระหว่างที่ลังเลใจ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมา
“ปุ่นพักอยู่หรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
“ผมจะออกไปเดินตรวจโรงแรม”
“เดี๋ยวนี้เลยหรือเปล่าครับ ผมจะได้ออกไป”
“อืม ออกมาเลย”
ผมถอนหายใจโล่งอก โชคดีไป ไม่ต้องออกไปยืนเฝ้าหน้าห้อง ไม่งั้นคงเบื่อพิลึก
ผมออกไปยืนรอไม่ถึงสิบนาที คุณวีร์ก็เดินออกมา โอ้โห อย่างกับคนละคน
“ทำไมยังใส่สูท”
“ผมไม่รู้นี่ครับว่าต้องเปลี่ยน เห็นบอกจะเดินตรวจโรงแรม”
“งั้นก็ไปเปลี่ยนซะ”
“ไม่เป็นไรครับไปชุดนี้ก็ได้ ผมเกรงใจต้องมายืนรอ”
“คิดจะใส่สูทเต็มยศไปเดินดูสระว่ายน้ำ ไปเดินริมหาดเหรอ อย่าทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัด”
“อ่า ขอโทษครับ งั้นรอแป๊บเดียวครับไม่ถึงสามนาที”
ผมรีบเดินกลับไปที่ห้อง เสียบการ์ด ผลักเข้าไปแล้วดันประตูปิด
แต่มันไม่ปิดครับ ผมหันไปดูเห็นคนตัวสูงเอามือจับไว้
“คุณวีร์ เข้ามาทำไมครับ” ผมเผลอเดินถอยเข้ามาในห้อง คืออยากจะยืนให้ห่างกันสักนิด
มันเลยทำให้คนที่ตามมาด้วย ก้าวเข้ามาในห้องได้สบายไม่มีใครยืนขว้าง
ร่างสูงลงนั่งบนเตียงผม แถมมองมาด้วยสายตาดุๆ
“จะยืนอีกนานไหม รีบเปลี่ยนสิ เดี๋ยวต้องกลับมาเปลี่ยนชุดไปงานเลี้ยงอีก”
“แล้ว..แล้วคุณวีร์เข้ามาทำไมล่ะครับ”
“จะให้ผมยืนรออยู่หน้าห้องหรือไง"
“คุณวีร์ก็กลับเข้าห้องไปก่อนสิครับ เดี๋ยวเสร็จแล้วผมไปเคาะเรียก”
“ทำไมต้องยุ่งยาก เปลี่ยนชุดสิ”
ผมกวาดตาขึ้นมองบน ถือว่าเป็นเจ้านายสั่งใหญ่
ผมเดินไปหยิบกางเกงสี่ส่วนกับเสื้อยืดแขนยาวออกจากกระเป๋า เตรียมเดินเข้าห้องน้ำ
“จะไปไหน”
“ไปเปลี่ยนชุดไงครับ”
“ผมเคยบอกแล้วว่าไม่ชอบคนเรื่องมาก จะให้มันเสียเวลาทำไมเปลี่ยนตรงนี้ก็ได้”
เอาสมองส่วนไหนคิด เปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนี้ไม่เป็นไร คราวก่อนก็เช็ดปากให้ผมแล้วเอาไปชิมต่อหน้าตาเฉย
ตรรกะไอ้คุณรองประธานต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ
“เร็วๆ”
ผมวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำเลยครับ บ้าสิ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว
ผมไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยสปีดความเร็วสูงขนาดนี้มาก่อน เสร็จแล้วถึงกับหอบ
“ปุ่น”
“เสร็จแล้วครับ” ผมรีบตะโกนบอก โกยเสื้อผ้าที่ใส่แล้วโยนไว้ในอ่างอาบน้ำ เดี๋ยวค่อยกลับมาจัดการ
ยิ่งนานวันเจ้านายผมยิ่งรับมือยากขึ้นทุกที
ผมเดินตามคุณรองประธานฯ ไปเรื่อยๆ คอยจดหรือกดบันทึกเสียงเพื่อนำไปสรุปเป็นรายงาน
อดชื่นชมไม่ได้ เวลาทำงานดูดีมากครับ สายตามุ่งมั่น สั่งงานเฉียบขาด (อยากรู้ว่าสมองไอคิวเท่าไหร่
ทำไมถึงฉลาดนัก) วางมาดนิ่งสมเป็นผู้บริหาร แม้แต่พนักงานอาวุโสยังให้ความเคารพ
“ไปเดินเป็นลูกค้ากัน” เสียงทุ้มหันมาบอกผม หลังจากผู้จัดการรีสอร์ทขอตัวกลับไปทำงานแล้ว
เดินเป็นลูกค้า ผมกำลังนึกภาพในหัว
เข้าใจแล้ว เห็นอย่างนี้คนอย่างพี่ปุ่นก็ฉลาดนะ
ผมเร่งฝีเท้า เดินเร็วขึ้นจนทันคนที่เดินอยู่ข้างหน้า
“ไปตรงไหนก่อนครับพี่วีร์” @^__^@
คนถูกทักหันขวับ แรงอย่างกับโดนใครกระชากหัว
“พูดว่าอะไรนะ”
แหม หูไม่ดีก็ไม่บอก สงสัยจะตึงนิดๆ ผมกระแอมเรียกเสียงเบาๆ ก่อนพูดให้ดังขึ้น
“ไปตรงไหนก่อนครับพี่วีร์”
คนตัวสูงไม่ยอมตอบ จ้องหน้า เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่แล้วก็หุบปาก
ถอนหายใจยาว ก่อนส่ายหัว
“ไปที่ชายหาด”
ˋ(′~‵)ˊ♡. ผมพยายามเก็บอาการ เล็งไว้ตั้งแต่มาถึง ชีวิตลัลล้าดีจริง
ต่อไปต้องต่องรองกับพี่ปั้นว่าจะรับงานข้างนอก ไม่เอางานเบ๊ในออฟฟิศอีกแล้ว
“โห ทะเลสวยจัง” ผมลืมตัววิ่งนำหน้าไปก่อน
“ระวัง เดี๋ยวล้ม” เสียงร้องห้ามเบรกผมได้ชะงักมาก ไมได้กลัวล้มแต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามาทำงาน
ผมเดินกลับไปยืนข้างเจ้านาย
คุณรองประธานเดินไปตามความยาวของหาด
“ความสะอาดยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ การจัดระเบียบเก้าอี้ใช้ได้”
“ต้องดูเองเลยหรือครับ”
“เรามาแล้วมีเวลาต้องแวะดู อย่าเชื่อแค่ในรายงาน อีกอย่างทำแบบนี้พนักงานจะไม่กล้าละเลยงาน
เขารู้ว่าเราตรวจจริง คุมเข้มเพื่อให้ได้ตามมาตรฐาน”
อย่างนี้นี่เอง คุณรองประธานขยันผิดคาด
“โอ๊ะ”
“โว้ โว้ โว้” (° ο°)~
“เป็นอะไร ไม่เคยเห็นหรือ" คนมายืนข้างๆ ทำเอาสะดุ้ง เช็ดน้ำลายเกือบไม่ทัน
ฝรั่งท๊อปเลสครับ เห็นกันจะจะ ทะเลใกล้ๆกรุงเทพฯที่ผมไป มันไม่ค่อยมีแบบนี้นี่
“อย่าหน้าแดงให้ลูกค้าจับได้ว่ามอง”
ผมรีบยกมือขึ้นจับแก้มตัวเอง ผมผิวขาวมากพอหน้าแดงทีมันขึ้นแก้มที่กลมเหมือนซาลาเปาชัดเลยครับ
“อย่าบอกนะว่ายังไม่เคย”
“เคยสิครับ หลายครั้งด้วย” ผมเถียงเดี๋ยวจะหาว่าผมอ่อนหัด
“หึๆ ท่าทางแบบนี้เคยจริงเหรอ” หยามกันเกินไปแล้วไอ้คุณรองประธานฯ
“ผมไปเที่ยวออกบ่อย ทำไมจะไม่เคย”
“เที่ยว?”
ทำไมต้องขึ้นเสียงสูง ทำหน้าแปลกใจขนาดนั้นด้วยฟระ
“ใช่สิครับ หัวหิน พัทยาก็มีแบบนี้ มองจนเบื่อ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”
อุตส่าห์เริ่มนับถือบ้างแล้ว มาทำให้เกลียดอีกล่ะ ตลกอะไรของมันนักหนาฟระ
“คงไม่เคยจริงๆ สินะ” พูดเอง เออเอง ทำหน้าเจ้าเล่ห์ ยิ้มตาพราว แล้วเดินผิวปากนำห่างออกไป
คืออะไร บอกว่าเคยก็เคยสิเฟ้ย
อิ่มครับอิ่ม อิ่มจนจุกขึ้นมาถึงคอ โต๊ะที่ผมนั่งไม่ค่อยมีใครทาน นั่งคุยกันอย่างเดียว
“คุณปุ่นลองไวน์ยี่ห้อนี้ดู รสนุ่มมาก” คนที่นั่งข้างผม ส่งแก้วไวน์ที่พนักงานเพิ่งรินให้มาให้ผม
ผมกล่าวขอบคุณ รับมาถือไว้ ชั่งใจอยู่ว่าจะเอายังไงดี ผมดื่มแอลกอฮอล์ไม่ค่อยเก่งครับ
ลองแล้วรู้สึกว่ามันขมเลยไม่ค่อยชอบ พี่ปั้นก็ไม่ชอบให้ผมดื่มด้วย
“ทานไม่ได้ก็วางไว้” เสียงกระซิบจากคนที่นั่งอีกข้าง เหมือนเป็นแรงยุ วันนี้ปรามาสผมหลายทีแล้วนะ
ผมยกไวน์ขึ้นดื่ม อื้อหือขมได้ใจเล่นเอาหน้าเบ้ เกือบจะวางไม่แตะมันอีก ถ้าไม่ได้ยินเสียงหัวเราะแบบคนรู้ทัน
ดังมากระทบหู คนอย่างปุ่นดูถูกไม่ได้เฟ้ย
ผมยกดื่มไปเรื่อยๆ จนหมดแก้ว ทั้งมึน ทั้งขม ไม่อร่อยเลย
คนที่ส่งไวน์ให้ผมดันนึกว่าผมชอบ เรียกบริกรเข้ามารินเพิ่มให้
กว่าจะจบงาน ผมซัดไปสี่แก้ว ตาเยิ้มเลยครับ มองหน้าใครก็เห็นเป็นภาพซ้อนไปหมด
“ปุ่นลุกขึ้น” เสียงกระซิบที่ข้างหู ผมได้ยินแต่สมองไม่แล่น
“ลุกขึ้น” คราวนี้ไม่ได้มาแต่เสียงครับ มือใหญ่ดึงแขนผมขึ้นยืน
ได้ยินเสียงคนคุยกัน แต่เสียงอย่างกับคลื่นความถี่ต่ำ ผมแปลไม่ออกสักคำ
“ไปกันได้แล้ว” มือที่จับแขนผมลากผมเซตามไปข้างหน้า
“ช้า ช้า" ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ ทำไมกลายเป็นเดินเร็วขึ้น
“บอกว่าให้ช้าช้างาย ไอ้คุณวีร์” ต้องอย่างนี้ถึงจะฟัง ไม่ใช่แค่ช้าหยุดเดินเลยด้วย
ต้องให้พี่ปุ่นโมโหก่อนถึงจะเชื่อ
“ดื่มไม่ได้ก็ยังจะดื่ม พูดไม่ฟัง จะดื้อไปถึงไหน” บ่นไรฟระ หนวกหู
ผมยกมือขึ้นปิดปากคนพูด หัวเราะออกมาคิกคัก นั่นเสียงผมเหรอ ทำไมผมเอาแต่หัวเราะ หยุดไม่ได้ด้วย
“ต้องอย่างนี้ถึงจาหยุด บ่นรายเยอะแยะ ปวดหัวว”
“โอ๊ะ โอ๊ะ บาววว บาววว” ผมถูกกระชากเอวเข้าไปชิด
“เดินดีๆ” มือที่โอบเอวผม ลากถูลู่ถูกังเข้าไปใน... อืมมม น่าจะลิฟท์นะ
ผมเอนหัวไปซบ ค่อยดีหน่อย ปวดหัวชะมัด
“ปุ่น อย่านั่ง ยืนดีๆ “ อื้อ อะไรมาจับตามตัวผม
“คีย์การ์ดอยู่ไหน”
“อยู่หนายนะ......อยู่นี่” ผมดึงออกมาจากกระเป๋ากางเกง แกว่งไปมา
มือใหญ่คว้าไปจากมือผม เปิดประตู จับบ่าผมสองข้างดันให้เข้าไปในห้อง
ผมถูกผลักให้ลงไปนอนบนเตียง ได้ยินเสียงถอนหายใจ ก่อนตามมาด้วยเสียงปิดประตู
ทำไมมันลืมตาไม่ขึ้น ง่วงชะมัด ขอผมนอนก่อนแล้วกัน
ผมงัวเงียตื่นขึ้นมา มองไปรอบๆ ทำไมผมอยู่ในห้อง
ไม่ได้ ไม่ได้ ผมต้องทำหน้าที่บอดี้การ์ดให้คุณรองประธาน
แล้วคุณรองประธานอยู่ไหน?
ผมเดินโซเซ โงนเงน เกาะตามฝาผนังด้วยจิตใจมุ่งมั่นและสำนึกต่อหน้าที่
ทำไมประตูมันเปิดยากนักฟระ อ๊ะ ได้แล้ว
ผมเดินต่อจนมาหยุดยืนหน้าประตูของห้องที่อยู่ติดกัน ทุบลงไปโครมโครม
“ปายหนาย เป็นรายเปล่า ทำมายไม่มาเปิดให้พี่ปุ่น” ผมพูดไปด้วยทุบไปด้วยคราวนี้ทุบสองมือเลย
ประตูถูกกระชากเปิด คนเดินออกมาท่าทางหัวเสีย
ใครทำอะไรเจ้านายพี่ปุ่น เดี๋ยวมีตื้บ
ผมยกมือผลักอกคนที่ยืนขวางให้เดินเข้าห้อง ก่อนปิดประตูตามหลังอย่างมีมารยาท
ทำไมคุณรองปะธานถึงเป็นเด็กไม่ดี ไม่รู้จักแต่งตัว พันผ้าขนหนูไว้ผืนเดียว
“ปุ่น เมาก็กลับไปนอน”
“ม่ายมาว พี่ปุ่นม่ายมาว”
“มาๆ” ผมเข้าไปจับมือคนตัวสูง ดึงให้เดินตาม
พอเดินชนเตียงผมก็ผลักคนที่ผมจูงมาให้ลงไปนอน ก่อนกระโจนขึ้นไปนอนทับเอาไว้
“ม่ายมีครายทำราย ม่ายต้องกลัว พี่ปุ่นอยู่ท้างงคน” อึก อึก ทำไมสะอึกฟระ
“นอนๆ พี่ปุ่นจาดูแลเอง” ผมเอาแขนกอดรัดลำตัว ขาก็หนีบเอาไว้
“พี่ปุ่น ทำงานนนเต็มที่ ม่ายต้องห่วง”
ผมเอาหน้ากลิ้งไปมาบนอะไรสักอย่าง เย็นๆ แข็งๆ แต่ก็นิ่มนิดๆ
หน้าอกเปล่าฟระ ไม่ใช่หรอก หน้าอกก็ต้องมีนมตู้มๆ สิ
เสียงความถี่ต่ำมาอีกแล้ว พูดอะไรน่ารำคาญ
ผมออกแรงกระชับแขนขาให้แน่นเข้า ได้ผลเสียงนั้นเงียบไปเล้ว
“เจ้านายสบายจายด้าย มีพี่ปุ่น เป็น....อึก...อึก..” จะสะอึกไปถึงไหน
“มีพี่ปุ่นเป็น..อึก...อึก..”
“เป็น....”
คร้อก z Z
อืม... นอนตรงนี้สบายจัง
.............................................TBC.........................................................
มาลุ้นกันค่ะ ว่าพรุ่งนี้พี่ปุ่นตื่นมาจะช็อคตายเลยไหม ^^
♥ My Friend The Series ♥ เป็นเรื่องสั้นจบในตอน เมื่อวานอัพตอนใหม่ ฝากด้วยค่า